FREE MAGAZINE ONLINE / ปีที่1 ฉบับที่5 / เดือนกันยายน 2560
1
T R AV E L G R A P H Y T A L K Travelgraphy Magazine Online ย่างก้าวเข้าสู่ฉบับที่ 5 อย่างเป็นทางการ เนื้อหาภายใน ยังคงน�ำเสนออย่างต่อเนื่อง ไม่ว่า จะเป็นเทคนิคการถ่ายภาพ และสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงข่าวสารการท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อเป็ น ไกด์ หรือแนวทางให้ผู้ที่ก�ำลังมองหาที่ท่องเที่ยวในช่วง ปลายฝนต้นหนาว ซึ่งนับว่าเข้าช่วงฤดู กาลท่ อง เที่ยวอย่างเป็นทางการ ว่ากันด้วยเรื่องการท่องเที่ยว คงหนีไม่พ้น การเดินทางในลักษณะต่างๆ บางคนใช้การเดิน ทางโดยเครื่องบิน แล้วเช่ารถไปเที่ยวในสถานที่ที่ ต้องการ นับว่าเป็นการย่นระยะเวลาได้เป็นอย่าง ดี บางคนใช้การเดินทางสาธารณะ เน้นทริปเซฟ งบประมาณ หรือบางคนเดินทางด้วยรถยนต์ไป กันหลายๆคน ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอให้ทุกท่านเดินทาง ด้วยความระมัดระวัง ท่องเที่ยวให้สนุก และเก็บ ภาพมาฝากทีมงานด้วยนะครับ วรุตม์ หนันเรือง บรรณาธิการบริหาร
C O N T E N T
TRAVELGRAPHY STAFF บรรณาธิการบริหาร วรุตม์ หนันเรือง หัวหน้ากองบรรณาธิการ นวพล เกษมโสภา กองบรรณาธิการ วรท กุมภ์ประดิษฐ์ อนงค์นาฎ จึงมงคลสวัสดิ์ ปัทมา สุรินทร์คำ� ยุทธชัย วัฒนะบุตร เอกชัย สุนทรเดช รัฐพล หงสไกร Ammalin PALAMY กราฟิก-ออกแบบรูปเล่ม วรุตม์ หนันเรือง ติดต่อโฆษณา 08-6369-5657 / 08-9455-0903 ติดต่อ Travelgraphy เลขที่ 8/88 ซ.ลาดพร้าว107 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240 E-Mail : travelgraphythailand@gmail.com Tel. 0-2013-3754 / 08-6369-5657
คลิ๊กเลือกหัวข้อที่ต้องการ
ZONE SYSTEM
Lady in Japan 7วัน7เมือง II
ทริปเหนือเมื่อฤดูฝน(ตอนจบ)
3
5
AUTO FOCUS
เรื่องและภาพ นวพล เกษมโสภา www.56photo.net
ZONE SYSTEM ในฉบับนี้เราจะมาว่ากันด้วยเรื่องของหัวข้อ The Zone System และจะขอเจาะลึกในราย ละเอียดของการวัดแสงกับระบบโซนที่เน้นถึงการ วัดแสงแบบเฉพาะจุดเท่านั้น เพื่อการวัดค่าแสง ได้ละเอียด
7
ปัจจุบันนี้กล้องถ่ายภาพมีความไฮเทคและทันสมัยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ระบบ โฟกัส หรือการวัดแสง แค่เฉพาะการวัดแสงก็มีการคิดค้นระบบการวัดแสงใหม่ๆขึ้นมาเพื่อให้ สามารถถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น ด้วยเทคโนโลยีนี้เองท�ำให้กล้องถ่ายภาพมีความสะดวกง่ายดายต่อ การใช้งาน ด้วยเหตุที่ความสะดวกสบายนี้เอง ที่ท�ำให้คนเราใช้งานและพึ่งพาระบบมากเกินไปจน กลายเป็นเหมือนการใช้ “กล้องปัญญาอ่อน”เลยทีเดียว ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีของกล้องในปัจจุบัน จะสลับซับซ้อนมากขนาดไหน มันก็ยังไม่สามารถท�ำงานแทนมนุษย์ได้ทั้งหมด ช่างภาพที่คิดถ่าย ภาพอย่างจริงจัง ก็ยังมีความจ�ำเป็นที่จะต้องมีความเข้าใจหลักเกณฑ์ พื้นฐานในด้านต่างๆของ การถ่ายภาพอยู่ดี
^ หากไม่สามารถเลือกจุดที่จะวัดแสงและชดเชยให้ถูกต้องได้ เราก็ไม่ถ่ายภาพที่ดีออกมาได้
ในเรื่องของการวัดแสง แม้เทคโนโลยีในจะไฮเทคมากขนาดไหน ก็ไม่อาจเป็นหลักประกัน ได้แน่นอนว่าภาพถ่ายจะได้รับค่าแสงอย่างถูกต้อง แต่หากเป็นการใช้งานระบบวัดแสงบวก กับความเข้าใจของช่างภาพจึงจะสามารถท�ำให้มั่นใจได้ว่าภาพที่ออกมาจะเป็นไปตามที่คิดไว้ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ไม่ได้บอกว่าเทคโนโลยีไม่มีประโยชน์ แต่เทคโนโลยีนั้นเป็นเหมือนดาบสอง คม เราจึงต้องใช้งานอย่างสร้างสรรค์และรับรู้ถึงข้อจ�ำกัดของมันเท่านั้นเอง
^ หากเข้าใจเรื่องระบบ Zone System มันจะช่วยให้การถ่ายการวัด แสงในการถ่ายภาพนั้นง่ายดายขึ้นเป็นอย่างมาก
ก่อนที่เราจะสามารถเข้าใจเรื่อง Zone System นี้ได้อย่างถ่องแท้ เรา จะต้ อ งมี ค วามเข้ า ใจเรื่ อ งค่ า แสงดี พ อ สมควร ต้องรู้ว่าความเร็วชัตเตอร์ , รูรับแสง และISO มีผลต่อค่าแสงอย่างไร เช่นค่าแสงที่ใช้ถ่ายภาพภาพหนึ่งอยู่ที่ 1/60sec.-f/8-ISO200 กับ 1/125sec.f/11-ISO800 ในสภาพแสงที่เท่ากัน ผลของแสงที่เกิดขึ้นในภาพนั้นแตกต่าง กันอย่างไร และ1/30sec.-f/5.6-ISO100 กับ 1/250sec.-f/5.6-ISO200 ในสภาพ แสงที่เท่ากัน ผลของแสงที่เกิดขึ้นในภาพ นั้นต่างกันกี่สต็อป อีกหนึ่งสิ่งคือเราต้อง รู้และเข้าใจถึงค่าการสะท้อนแสง การขด เชยแสงของวัตถุ ที่เราวัดแสงนั้นด้วย ถ้าตอบได้นั้นหมายถึงคุณมีความเข้าใจ เรื่องค่าแสงเป็นอย่างดี
9
ปฐมบทของระบบโซน
เครื่องวัดแสงทั้งหลายนั้นจะอ่านค่าแสงออกมาเป็นค่าสีเทากลาง18%เสมอ ซึ่งจะมีโทนสีเช่น เดียวกับ “กระดาษ Gray Card” Zone System จะแบ่งโทนสีเทาออกเป็น “11 Zone” ตั้งแต่ 0 ถึง10 โดย Zone 5(V) คือค่าสีเทากลาง18%ที่ใช้เป็นมาตรฐานในเครื่องวัดแสงค่าการสะท้อนแสงเท่ากับ 18% หมายความว่า ถ้ามีแสงมาตกกระทบเท่ากับ 100ส่วน มันจะสะท้อนแสงกลับออกมา 18ส่วน ถ้าเราลดค่า แสงลงจากค่าที่เครื่องวัดแสงบอกเราจะได้ภาพที่มืดลงหรือมีสีเทาที่เข้มขึ้น และถ้าเราเพิ่มค่าแสงขึ้นจาก ค่าที่เครื่องวัดแสงบอก เราก็จะได้ภาพที่มีโทนสีที่สว่างขึ้นหรือมีสีเทาที่สว่างขึ้น. ข้อก�ำหนดของ Zone ต่างๆ ในระบบ ของ Zone System Zone 0 สีด�ำสุดจนไม่มีรายละเอียด Zone I สีด�ำ ที่เกือบจะเป็นสีด�ำที่สุด Zone II สีเทาเข้มมากๆ จนแทบจะเป็นสีด�ำและแทบจะไม่สามารถเห็นรายละเอียดได้ Zone III สีเทาเข้ม เห็นรายละเอียดในที่มืดชัดเจน Zone IV สีเทาเข้มมากกว่า เทากลางเห็นรายละเอียดได้อย่างเต็มที่ Zone V สีเทากลาง 18% เทียบกับ Grey Card ของ Kodak สามารถเห็นรายละเอียด ได้อย่างชัดเจน Zone VI สีเทาเข้มน้อยกว่า เทากลางที่สามารถเห็นรายละเอียดได้อย่างชัดเจน Zone VII สีเทาอ่อนโดยที่ยังเห็นรายละเอียดของภาพในส่วนสว่างได้อย่างชัดเจน Zone VIII สีเทาบางๆสุดท้ายที่ยังสามารถแสงรายละเอียดของส่วนสว่างได้ Zone IX แทบจะเป็นสีขาวโดยยังมีโทนอยู่เล็กน้อย แต่ ไม่สามารถแสดงรายละเอียดได้ Zone X สีขาวสุดจนไม่มีรายละเอียด เมื่อลดค่าแสงจากที่อ่านได้ในเครื่องวัดแสงลง 1 สต็อปเราจะได้สีเทาที่อยู่ในZone 4 และถ้าเพิ่มค่าแสง ขึ้น 1 สต็อปเราก็จะได้สีเทาที่อยู่ในZone 6 นั่นคือ Zone 4 จะมีค่าสีเทาที่เข้มกว่า Zone 5 หรือมีค่าการ สะท้อนแสงน้อยกว่าZone 5 อยู่ 1 สต็อป และZone 8 จะมีค่าสีเทาที่สว่างกว่าZone 5 หรือมีค่าการ สะท้อนแสงมากกว่าZone 5 อยู่ 3 สต็อป. สรุปได้ว่า Zone 0 ถึง 10 นั้นก็คือค่าสีเทาที่ไล่จากเข้มไปอ่อน สีเทาที่เข้มที่สุดก็คือสีด�ำ และสีเทาที่อ่อน ที่สุดก็คือสีขาว และZoneแต่ละZoneอยู่ติดกันนั้นก็สว่างหรือเข้มต่างกันอยู่ 1 สต็อป ส�ำหรับภาพขาวด�ำ Zone 0 ก็คือสีด�ำสนิท และZone 10 ก็คือสีขาวที่ไม่มีรายละเอียด ช่วงโซนที่ยังให้รายละเอียดกับภาพอยู่ คือไม่ด�ำและขาว จนขาดรายละเอียดก็คือ Zone 2 ถึง 8 ซึ่งเรียกว่า Textural Range
การมองโทนสีขาว เทา และด�ำ ถ้าเราสามารถรู้ได้ว่าวัตถุสีอะไรควรจะอยู่ใน Zone เท่าไรมีค่า การสะท้อนแสงแตกต่างจาก Zone 5 อยู่กี่สต็อป เราก็สามารถใช้ประโยชน์จากทฤษฎีนี้ได้ แต่ การที่เราจะอ้างอิงโซนอื่นๆกับ Zone 5 นั้นก็เพราะว่าเครื่องวัดแสงจะอ่านค่าแสงเป็นค่าเทา กลาง Zone 5 เสมอ การอ้างอิงดังกล่าวจะท�ำให้น�ำทฤษฎีนี้ไปใช้งานจริงได้ง่ายขึ้น ผมขอแนะน�ำ เป็นหลักกว้างๆว่า สีอะไรบ้างที่มีค่าการสะท้อนแสงประมาณได้กับค่าสีเทากลาง 18 เปอร์เซ็นต์ (โซน 5) การที่เรารู้ว่าวัตถุใดสีใดบ้างความเข้ม ประมาณไหนที่อยู่ใน Zone 5 ก็จะท�ำให้เรารู้ได้ ไม่ยากว่าวัตถุใดสีใดบ้างที่อยู่ในZoneอื่นๆ ก็โดย การเปรียบเทียบค่าการสะท้อนแสงของวัตถุนั้น กับวัตถุที่อยู่ในZone 5 ขอให้ท�ำความเข้าใจใน จุดนี้ด้วยว่านี่คือข้อแนะน�ำคร่าวๆ เพราะโทนสี นั้นแตกต่างกันไปตามธรรมชาติของวัตถุนั้นๆ เรา ต้องออกฝึกฝนเพื่อสร้างประสบการณ์และการ จดบันทึกข้อมูลการวัดแสงขณะถ่ายภาพ วัตถุ สีใดควรจะอยู่ในโซนเท่าไร ควรจะอันเดอร์หรือ ^ ตัวอย่างการสังเกตช่วงโทนสีต่างๆในแต่ละโซน โอเวอร์เท่าไร การวัดแสงให้ได้ภาพที่ใกล้ เคี ย งกั บ ที่ ต าเห็ น ในหลายๆครั้ ง อาจจะไม่ได้ภาพที่สวยงาม การ ถ่ า ยภาพอั น เดอร์ ห รื อ โอเวอร์ ก็ อาจจะท�ำให้ภาพดูดีและสวยงาม กว่าก็เป็นการรู้ว่าภาพไหนควรวัด แสงให้พอดี และภาพไหนควรให้ อันเดอร์หรือโอเวอร์ ต้องอาศัย ประสบการณ์และการสังเกตเป็น หลัก ไม่มี”ทางลัด”ในการถ่าย ภาพจะต้องทดลองด้วยตัวเอง
^ วัดแสงอันเดอร์-1สต๊อป เพื่อเพิ่มอารมณ์ให้กับภาพ เก็บแสงในภาพได้ Zone ตั้งแต่ 0 ถึง 10 และเก็บ Textural Range ใน Zone 2 ถึง 8 ได้ทั่วทั้งภาพ
11
การถ่ายภาพที่มีความเปรียบต่างสูง จะต้องเช็คความเปรียบต่างของแสงก่อนเพื่อดูว่าจะสามารถเก็บรายละเอียดของภาพในสภาพแสง นั้นได้มากแค่ไหน การเช็คความเปรียบต่างก็ท�ำได้โดยการวัดแสงไปที่ส่วนที่มืดที่สุดและส่วนที่สว่างที่สุด ว่ามีความแตกต่างมากขนาดไหน ดูว่าค่าแสงที่ได้ในสองส่วนนี้ต่างกันอยู่กี่สต็อปยังอยู่ในช่วง Textural Range หรือเปล่า ถ้าเกินก็หมายความว่าต้องยอมเสียรายละเอียดส่วนใดส่วนหนึ่งของภาพไป การที่จะ ยอมให้ส่วนมืด Shadow หรือส่วนสว่าง Highlight ของภาพขาดรายละเอียดนั้นก็แล้วแต่ความต้องการ ของเราเอง ว่าภาพที่เราถ่ายนั้นเราต้องการให้ภาพออกมาเป็นอย่างไร ไม่จ�ำเป็นต้องมีรายละเอียดครบ ถ้วนเสมอไป ทุกสิ่งขึ้นอยู่ที่จินตนาการ เช็คความเปรียบต่างของแสง หรือ เช็คค่าแสงบริเวณอื่นๆนอกจากจุดสนใจของภาพ จะท�ำให้เรารู้ ว่า ส่วนต่างๆของภาพอยู่ในโซนเท่าไร ประโยชน์คือ มันจะท�ำให้เรารู้ด้วยว่าภาพที่ออกมาจะให้โทนสีเป็น อย่างไร และยังพอเห็นรายละเอียดมากน้อยแค่ไหนในภาพ กระบวนการมองเห็นภาพก่อนที่กดชัตเตอร์นั้น เรียกว่า Pre-visualization. ในช่วงแรกๆของการเรียนรู้การถ่ายภาพด้วยระบบ Zone System เราอาจจะต้องเช็คความเปรียบต่าง ของค่าแสง ทุกภาพที่เราถ่าย แต่เมื่อเรามีประสบการณ์ในการวัดแสงมากขึ้น การมองด้วยตาก็รู้แล้วว่า ภาพไหนจ�ำเป็นต้องเช็คความเปรียบต่างของภาพ หรือภาพไหนบ้างที่แค่วัดแสงไปที่วัตถุหลักในภาพก็ได้ ภาพที่ดีแล้ว
^ ความสามารถในการประมาณค่าแสงในภาพได้ก่อนการถ่ายภาพ นั้นมาจากประสบการณ์และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องทั้งสิ้น
13
ระบบZone System ช่วยให้เรารู้ล่วงหน้าได้ว่าภาพถ่ายที่ ออกมาจะเป็นอย่างไร แรกๆที่ฝึกใช้วิธีนี้อาจจะรู้สึกยุ่งยาก ซับซ้อน เสียเวลานานมาก แต่ผมขอรับรองว่าเมื่อฝึกจน ช�ำนาญแล้ว จะท�ำให้เราเข้าใจเรื่องการวัดแสงอย่างลึกซึ้ง เลยครับ
15
สิ่งที่เราต้องล�ำรึกอยู่เสมอขณะวัดแสง คือ มีส่วนหนึ่งส่วนใดของภาพขาดรายละเอียดหรือไม่ และถ้ามี เราจะถ่ายภาพนี้หรือไม่, ภาพที่จะถ่ายนี้มีความเปรียบต่างสูงมากหรือไม่, ต้องการถ่ายภาพ ให้ออกมามีโทนเหมือนที่ตาเห็นหรือไม่ หรือให้อันเดอร์หรือโอเวอร์จะสวยกว่า, ตัวแบบหรือซับเจ็ค ควรอยู่ใน Zone เท่าไร, ส่วนใดในภาพที่สะท้อนแสงประมาณ 18% หรืออยู่ใน Zone 5
< ภาพนี้ผมวัดแสงที่ใบของ ต้นตาลที่อยู่ด้านหลังกำ�แพง ไว้ล่วงหน้า เพราะสีของใบ ต้ น ตาลในภาพวั น นั้ น ใกล้ เคียง Zone 5ที่สุด และ ทำ�การชดเชยแสงให้–1สต๊อป โดยต้ อ งการให้ โ ทนภาพ เข้ ม ขึ้ น กว่ า ที่ ต าเห็ น ตามที่ จินตนาการไว้
การวัดแสงแบบ Zone System จะง่ายถ้าใช้ระบบวัด แสงแบบเฉพาะจุดและทำ�ให้ เรามองเห็ น ภาพก่ อ นที่ ก ด ชัตเตอร์ ที่เรียกว่า Pre-visualization ถ้าใช้ระบบวัดแสง แบบอื่นเราจะต้องเรียนรู้การ เฉลี่ยน้ำ�หนักของการวัดแสง ไปตามส่วนต่างๆของภาพให้ดี
< scale วัดแสง ของกล้องถ่าย ภาพโดยส่วนใหญ่นั้นจะแสดงค่า แสงได้ที่ +/- 2 สต๊อป ซึ่งก็เทียบ เท่ากับ Zone 3 - Zone 7 ใน Zone System แต่ในกล้องรู้ ใหญ่นั้นแสดง scale วัดแสงได้ถึง +/- 3 สต๊อป ซึ่งเท่ากับ Zone 2 Zone 8 ก็คือช่วงของ Textural Range พอดี
^ การดูโซนทั้ง 11 โดยเปรียบเทียบกับ histogram
17
^ ข้อกำ�หนดของ Zone system นั้นเน้นความสำ�คัญตั้งแต่ Zone 3 - Zone 7 เพราะกำ�หนดให้ รายละเอียดสุดท้ายส่วนมืดอยู่ที่ Zone 3 และ รายละเอียดสุดท้ายส่วนสว่างอยู่ที่ Zone 7 ในส่วนที่ดำ�หรือขาวมากกว่า Zone 3 - Zone 7 ก็จะปล่อยให้ขาวหรือดำ�ไปเลย
ระบบของ Zone Systemนี้สามารถนำ�ไปใช้ได้ทั้งการถ่ายภาพ Digital และ การถ่ายภาพ ด้วยฟิล์ม แต่ในส่วนของฟิล์มนั้นยังมีการลงลึกเรื่อง Zone Systemในกระบวนการล้างอัดภาพ เพิ่มอีกด้วยนะครับ อย่างที่ผมมักจะพูดอยู่บ่อยๆว่า การถ่ายภาพ ขาวดำ� นั้นเป็นศิลปะ จึงอยาก ให้ทุกคนเปิดกว้างและยอมรับผลงานของผู้อื่นด้วยอย่ามาแบ่งชนชั้น ว่าขาวดำ�ต้องฟิล์มเจ๋งกว่า หรือ ถ่ายภาพขาวดำ�ด้วย Digital นั้นธรรมดา ห้องมืดต้องแบบเปียกสิ ห้องมืด Digital ใครๆก็ ทำ�ได้ เราเปลี่ยนมุมมองแล้วมาแลกเปลี่ยนความคิดกันจะเป็นการดีกว่านะครับ เด็กรุ่นใหม่ดีๆที่ มีความตั้งใจจริงยังมีอีกเยอะ เป็นผู้ใหญ่ที่โตๆกันแล้วก็อย่าใจแคบไปเลยนะครับ ทุกวันนี้โลกเรา เดินเร็วขึ้นจนบางคนอาจตามไม่ทันไปก็มีไม่น้อย สำ�หรับคนที่ตามทันปรับตัวกันเร็วก็มาช่วยกัน พัฒนาเด็กยุคใหม่ให้รู้ในสิ่งที่ถูกที่ควร โลกการถ่ายภาพของบ้านเราคงน่าอยู่ขึ้นเป็นกองครับ...อิอิ “ศิลปิน และ ศิลปะ ไม่ควรยึดติดกับอุปกรณ์และวิธีการ หากแต่ความสำ�คัญนั้นอยู่ที่ ผลงาน และจิตนาการเป็นหลัก”
^ Zone System มันเริ่มจากการคิดและจินตนาการ ถึงโทนเข้มอ่อนของแสงเงาในหัวของเราก่อน แล้วจึงตั้งค่าต่างๆในกล้องเพื่อให้ ได้ภาพออกมาอย่างที่ต้องการ
19
^ วัดแสงอย่างน้อย 3 จุดที่ zone 3 , zone 5 , zone 8 เพื่อหาค่าเฉลี่ยในการถ่ายภาพ
^ Zone System การใช้ระบบเพื่อควบคุมการภาพโดยอ้างอิงจากระดับเข้มอ่อนของสีเทา แต่ก็ไม่ได้จำ�เป็นว่าภาพทุกภาพจะต้อง มีครบทุกโซนเสมอไป
21
23
Show Time DISCLOSURE Photography Exhibition เป็นอีกหนึ่งรายการ แสดงภาพถ่ายทางด้านท่องเที่ยวและวิถีชีวิต ที่ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกๆของ เวียงจันทน์ สปป.ลาว น� ำ โดยสองศิ ล ปิ น นั ก ถ่ า ยภาพชั้ น แถวหน้ า ของ สปป.ลาว นั่นก็คือ Phoonsab Thevongsa และ Ammalin Palamy ที่ถูก จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-29 กันยายน 2560 ที่ i:cat Gallery อยู ่ ต รงข้ า ม วัดสีเมือง นครหลวงเวียงจันทน์ โดยได้รับการตอบรับจากผู้เข้าชมงานครั้งนี้ เป็นอย่างมาก จนล่าสุดขยายระยะเวลาแสดงภาพออกไปถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2560 ทั้งนี้การถ่ายภาพแนวท่องเที่ยวและวิถีชีวิตใน สปป.ลาว ยังไม่ค่อยเป็น ที่นิยมมากเท่าไหร่ เพราะเป็นแนวทางการถ่ายภาพลักษณะเฉพาะ และใจรัก จึงจะถ่ายภาพแนวนี้ได้ดี โดยสองศิ ล ปิ น ที่ แ สดงภาพครั้ ง นี้ ไ ด้ ก ล่ า วว่ า “แน่นอน การถ่ายภาพแนวนี้ยังใหม่ส�ำหรับที่นี่ ช่างภาพส่วนมากยังไม่รู้ว่า ภาพถ่ายแนวนี้สามารถหาเงินได้ โดยการจัดงานครั้งนี้ น่าจะเป็นใบเบิกทาง ให้ช่างภาพที่ลาวได้หันมาสนใจการถ่ายภาพแนวนี้ และสร้างช่างภาพสาย แลนด์ไปประดับวงการถ่ายภาพของลาวมากขึ้น” โดยสุดท้ายก่อนจะจากกัน “พงษ์และบี้” สองศิลปินแสดงภาพยังเชิญชวนให้พี่น้องฝั่งไทย เข้ามาเที่ยวที่ ลาวกันเยอะๆ นอกจากภาษาที่ใกล้เคียงกัน ที่ลาวยังมีธรรมชาติอันสมบูรณ์ ไว้รอนักท่องเที่ยวจากฝั่งไทยตลอดทั้งปี ส�ำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเที่ยวที่ลาว สามารถยื่นพาสปอร์ต ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ทันที สามารถอยู่ลาวได้ 30วัน และหากใครไม่มี พาสปอร์ต สามารถขอบัตรผ่านแดนชั่วคราวที่บริษัทเอกชนบริเวณด่านฝั่ง ไทย สามารถอยู่ในพื้นที่นั้นๆได้ 3วัน 2คืน ......... Travelgraphy
25
27
Photo of The Month
“สวนป่าไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม” หากพูดถึงสวนป่าไผ่หลายๆคนคงนึกถึง “Bamboo Grove” สวน ป่าไผ่ในเมืองอาราชิยาม่า ,เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น แต่หลายๆคนคงยังไม่รู้ว่า เมืองไทยของเราก็มี และไม่ต้องไปไกลถึงเกียวโตเลย สวนป่าไผ่แห่งนี้อยู่ใน จังหวัดนครนายก มีชื่อเต็มว่า “สวนป่าไผ่ วัดจุฬาภรณ์วนาราม” เป็นสถาน ที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดนครนายก ทางเข้าจะค่อนข้างเล็กเป็นถนน สองเลนสวนกัน เมื่อมาถึงจุดหมาย สิ่งแรกที่จะเห็นคืออุโมงค์ป่าไผ่ตระการ ตา ทอดเป็นทางยาวประมาณ 800เมตร บริเวณด้านในจะเป็นเขตของวัด ให้นักท่องเที่ยวและคนในชุมชนได้มากราบสักการะบูชา หากใครที่ชอบ ถ่ายรูปแนะน�ำให้มาช่วงเช้าและช่วงเย็น แสงของดวงอาทิตย์จะสาดแสง ลอดผ่านอุโมงค์ไผ่ได้บรรยากาศและสวยงามมากเลยทีเดียว ซึ่งหากมาใน ช่วงเที่ยงถึงบ่ายนักท่องเที่ยวจะค่อนข้างเยอะต้องแย่งกันหามุมสักหน่อย นอกจากบริเวณรอบๆนี้ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆเช่น บึงบัวแดง และ เขื่อนขุนด่านปราการชลให้ไปท่องเที่ยวอีกด้วย
29
Lady in Japan 7 วัน 7 เมือง Part II “ฉันอยากไปญี่ปุน เพราะอยากไปเห็นหิมะ”
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ ในฉบับนี้เราไปตะลุยญี่ปุ่นกันต่อเลยอีกที่เหลือ 4วัน 4เมือง จะพบเจอกับอะไร เจอหิมะกันอีกไหมน่ะ บทสรุปของเส้นทางที่เราไปมาทั้งหมดเป็นอย่างไร ไปติดตามกันเลยค่ะ ภาพด้านล่างนี้เป็นวิวระหว่างทางที่เรานั่งรถไฟมาอีกเมืองหนึ่ง หลายคนคงสงสัยว่า ท�ำไมไปช่วงเมษายนยังเจอซากุระอยู่ แน่นอนซากุระบานก็เหมือนฝนตก ระยะเวลาออกดอก ในแต่ละเมืองจะไม่เท่ากัน หากเราไปที่โตเกียวฤดูซากุระจะผ่านช่วงที่ออกดอกเต็มที่ เค้าเรียก ว่า Full Bloom มาแล้วเท่าที่เราเห็นโรยลงพื้นเกือบหมดแล้ว แต่ในแถบจังหวัดใกล้เคียงเช่น ในแถบที่เราไปก�ำลังบานเลยทีเดียว ถือเป็นโชคดีของเรามากๆ ไปที่ไหนโลกนี้ก็สีชมพู ดื่มด�่ำ จนพูดว่า “ซากุระอีกแล้วเหรอ !!!” แต่ถึงพูดแบบนี้เราก็กดชัตเตอร์มาไม่ยั้งเหมือนกันนะ
Travel All Around
เรื่อง/ภาพ : อนงค์นาฏ จึงมงคลสวัสดิ์ Facebook / Anongnard Yhok Ka
31
“Day 04 : เที่ยวปราสาทอีกา”
ปราสาทแห่งนี้แน่นอนว่าทุกคนคงจะรู้จักเพราะชื่อเสียงดังมากๆ ปราสาทแห่งนี้มีชื่อว่า “ปราสาทมะสึโมะโตะ” ตั้งอยู่ในเมืองมะสึโมะโตะ จังหวัดนะงะโนะ ซึ่งถือว่าที่นี่เป็นปราสาทที่ เก่าแก่มากจนถูกจดขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติที่เก่าแก่ของญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง การเดินทางมาที่นี่ห่างจาก โตเกียวประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น แต่จากทริปเรา เรานั่งชินกันเซนมาจากคาวากูจิโกะเลยใช้เวลา เพียง 2ชั่วโมง การเดินทางไม่ล�ำบาก เพราะไม่ว่าคุณจะมาจากที่ใดให้ JR Rail มาลงที่ Mutsumoto Station และต่อรถบัสอีกเพียง 5 นาทีเท่านั้น แต่ลงให้ถูกป้ายนะจ๊ะ หน้าตามัน ค่อนข้างเหมือนกัน
หลังจากที่ลงรถบัส ภาพแรกที่เห็นก็ว๊าวมากๆ ก่อนจะเข้าถึงปราสาทชั้นใน ด้านนอกจะถูกโอบ ล้อมด้วยน�้ำชั้นนอกสุดถัดมาจะเป็นก�ำแพงปราสาทชั้นนอก พื้นที่โดยรอบแน่นอนเต็มไปด้วย ซากุระสีชมพู ตัดกับสีน�้ำที่มีห่านสีขาวว่ายไปมาอากาศเย็นก�ำลังพอดี ช่างฟินสุดๆ หลังจากดื่มด�่ำ บรรยากาศภายนอกเสร็จแล้ว เราไปซื้อตั๋วกันก่อนค่ะ ราคาประมาณ 600 เยน แต่คุ้มค่ามาก จริงๆ หลังจากเดินจากก�ำแพงชั้นนอกมาก็เจอกับงิงนี้เลยค่ะท่านผู้ชม สมค�ำล�่ำลือมากจริงๆ แล้วเท่าที่คนเขาเล่ากันมาปราสาทนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า “ปราสาทอี ก า” เนื่องจากผนังปราสาทที่มี สีด�ำ และปีกด้านต่างๆของปราสาทแผ่กางออกเหมือนปีกนก ดู น ่ า เกรงขามมากเลยที เ ดี ย ว จนอิฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง ใช่เหรอ !!!
33
ภาพหน้าปราสาทและบริเวณด้านในดูมีมนต์ขลัง ฟิลลิ่งช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ด้านนอกสดใสด้าน ในช่างเค่งขรึมเหลือเกิน นอกจากปราสาทแห่งนี้ เมืองมะสึโมโตะจะค่อนข้างเงียบสงบ คนไม่เยอะ มาก หากใครพอมีเวลาลองมาเที่ยวเมืองนี้กันดูนะ ค่ะ แล้วคุณจะหลงรักไม่แพ้โตเกียวเลย
35
“Day 05” หลังจากที่เราเพลิดเพลิน
จ๊ะ เค้ามีเป็นช่วงเวลาออกเป๊ะๆ ตกแล้วรอเ คะทีนี้ จ�้ำเลยจ้า เพราะมีเวลาเหลือแค่ 20 เราลงทุนจองโรงแรมแบบเรียวกังเลยนะ อย คืนนั้นเราก็ได้ใส่ยูกาตะสมใจ และตอนกลาง เกริ่นมานาน....... “เกโระออนเซ็น (G ดีมากๆ ไม่เจอคนไทยเลย แต่ถึงแม้จะเป็นเม มีห้องอาบน�้ำสาธารณะเปิดหลายแห่ง แต่มีท ทัศนียภาพ สวยงามมากคล้ายช็องกเยช็อน กับเมือง พยายามจะถามแต่เขาพูดอังกฤษก ดูเหมือนว่าเวลาจะเดินเร็วจริงๆ
นกับปราสาทอยู่นาน ด้วยความล�ำไยของสาว 2คน ถ่ายรูปกันจนตกรถบัส!!! รถบัสที่นั่นไม่เหมือนบ้านเรานะ เวลาไปอีกครึ่งชั่วโมงขึ้นไปจ้า (ตามสายรถนอกเมือง ถ้าในเมืองมาถี่อยู่ค่ะ) หาแท็กซี่ก็ไม่มีเลยสักคัน ท�ำไงละ นาทีต้องเดินไปให้ถึงสถานีเพื่อต่อรถไฟไปเมืองออนเซ็น (คริคริ) แต่ต้องไปถึงก่อนหกโมงเย็น เพราะว่าคืนนี้ ยากแบบใส่ยูกาตะ “อะริงาโตะโกไซมัส” กร๊ากๆ ปรากฎว่าหลับ !!! นั่งเลยค่ะ แต่ก็ยังดีที่มีรอบรถกลับมาทัน งคืนถึงลงไปแช่ออนเซ็นท่ามกลางอากาศที่หนาวมาก ฟินสุดๆไปเลย Gero Onsen)” เป็นออนเซ็นที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นในสมัยเอโดะของญี่ปุ่นเลยค่ะ บรรยากาศของเมืองเงียบสงบ มืองที่เก่าแก่ แต่น�้ำพุร้อนยังคงมีคุณภาพสูงที่มีชื่อเสียงเช่นเดิม แช่แล้วตัวนิ่มมากเลย ขอบอก... ภายในเมือง ที่แช่ขนาดใหญ่รูปด้านล่างขวา ใครสนใจ จุดนี้ ฟรี!! เมืองนี้มีแม่น�้ำไหลผ่านกลางเมือง ทางเทศบาลเลยปรับ ที่เกาหลีใต้เลยค่ะ เดินไปเรื่อยๆก็จะเจอกบเกโร๊ะอยู่ข้างทางบ้าง แต่เราก็ไม่แน่ใจค่ะว่ากบเกโร๊ะเกี่ยวอะไร กันไม่ได้เลย เดินต่อปลายทางจะเจอวิวสะพานแดง น่าจะถือเป็นไฮไลท์ของเมืองนี้เลยค่ะ หมดไปอีกวัน
37
“Day 06 : Takayama เมืองแห่งเนื้อฮิดะ”
เผลอแปปเดียววันที่หก วันนี้โปรแกรมเราค่อนข้างชิล ใช้เวลากับ การเดินทางเยอะมากกว่า “ทาคายาม่า” เป็นอีกทางผ่านหนึ่งของเราก่อน ไปถึงเป้าหมายเราในวันที่7 เมืองนี้เรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งทัวร์ลงก็ว่าได้ ช่างผิดกับเกโร๊ะมากๆ เจอทั้งคนไทย คนจีน และนานาชาติ จุดแรกที่เป็นไฮไลท์คือสะพานแดงอีกแล้วค่ะ แต่คนเยอะมากๆ หามุมถ่าย ยากเลยติดคน จุดที่สองหน้าตารูปแบบอาคารยั งคงแบบญี่ ปุ ่ นโบราณ แต่มีการรีโนเวทเป็นแบบสมัยใหม่เกือบทั้งหมด จนเราอยากลองเดิน ตระเวนหาทุกซอยที่ไม่มีคนเพื่อถ่ายรูป แต่ล้มเหลวค่ะ เนื่องจากของกินที่ นี่มีเยอะมาก ที่ขึ้นชื่อเลยก็คือ เนื้อฮิดะ เขาว่ากันว่าอร่อยมากๆ แต่ราคา ค่อนข้างสูงเลยเปลี่ยนใจไปซื้อไดฟูกุ ซาลาเปาและอื่นๆมาทานดู อร่อย จริงค่ะ (แต่แอบแพงนะ) หลังจากเดินหาของกินเสร็จเราก็ยังพอมีเวลาเดิน หาซอยที่มีคนน้อยๆ ด้วยความที่ประตูรั้วบ้านที่สวยและเท่ห์มากๆ เรากับ พี่สาวก็ผลัดกันถ่ายสตรีทแฟชั่นกันอย่างสนุกสนาน อยากเอารูปมาให้ดูจัง แต่อย่าดีกว่า เดี๋ยวจะนอนกันไม่หลับกัน (ฮาๆๆ) แนะน�ำนะค่ะ คนชอบถ่ายรูป(ตัวเอง) คนรักการกิน ชอบลองของใหม่ มาเมืองนี้เลยค่ะ มีที่เที่ยวเยอะ แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง ^_^
39
“Day 07 : The last day in Japan Alps”
แปปเดียววันสุดท้ายก็มาถึง แอบเศร้าเล็กน้อยเพราะต้องกลับไปท�ำงานต่อ จริงๆแล้วเป้าหมา สุดท้ายก็ได้มา น�้ำตาจะไหล ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนล้าจากการเดินทางหกวันที่ผ่านมา แต่เราก็อดตื่น เท่านั้น (แล้วแต่อากาศของแต่ละปีค่ะ) หลังจากนั้นน�้ำแข็งจะละลาย บางครั้งถึงเปิดก็ใช่ว่าจะขึ้นได้ท ท�ำให้ปีนี้ก�ำแพงสูงมากกว่าทุกปี ที่จะอยู่ประมาณ 19 เมตร ถือเป็นโชคดี2เด้งของเรามากๆ แต่สถา
ายของเราในทริปนี้คือที่นี่แหละค่ะท่านผู้ชม เพราะว่าเราอยากมาก�ำแพงหิมะมาก ดูรีวิวมาเกือบ 2ปี นเต้นไม่ได้ที่จะเจอเธอ เธอผู้นี้เปิดเข้าชมปีละ 2 เดือนกว่าๆ คือเดือนเมษายนถึงประมาณพฤษภาคม ทุกวัน เพราะแล้วแต่สภาพอากาศของวันนั้นๆ ก่อนหน้าเราวันหนึ่งเขาปิดไม่ให้ขึ้นเพราะเกิดพายุหิมะ านที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจ�ำนวนมาก โดยเฉพาะทัวร์จีนค่ะ มากันแน่นขนัด 41
แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เพื่อการหลีกหนีทัวร์จีน ว ข้อแรกเลย ควรมาถึงด้านล่างคือจุดที่จะข มาสายๆ ข้อสอง เส้นทางขึ้นรูทท่องเที่ยวส ส่วนใหญ่ทัวร์จีนมาทางมะสึโมโตะค่ะ รถท ตื่นตาตื่นใจของก�ำแพงหิมะแล้ว ยังมีเส้นท คุณเลยอดเดิน ได้แต่ถ่ายรูปบริเวณรอบๆ ม รองเท้ามาให้ดีเลยค่ะส�ำคัญมาก ไปต่ออีกท วิวด้านล่างเลยจ้า ถ้ามีเลนส์เทเลโฟโต้น่ะ เ
วันนี้เรามีค�ำแนะน�ำ !!! ขึ้นกอนโดล่าเป็นรอบแรกๆ และเมื่อขึ้นมาถึงแนะน�ำให้มาเดินชมก�ำแพงหิมะก่อนเลย เช้าๆทัวร์จีนยังไม่มาค่ะ สามารถขึ้นได้2ทางจากเมืองโทยาม่า และมะสึโมโตะ เราแนะน� ำ ให้ ขึ้ น ทางโทยาม่ า เพราะทั ว ร์ จี น น้ อ ยมาก ทัวร์ชอบไปจอดที่นั่น สรุปคือตื่นเช้ามืดเข้าไว้รับรองได้ว่าจะเจอน้อยกว่าตื่นสายแน่ๆ บริ เ วณนี้ น อกจากความ ทางเดินท่องชมวิวที่เห็นเทือกเขาแอลป์ แต่วันนี้เราโชคไม่ดี หะมิตะ ลมแรง อากาศมืดครึ้ม เจอแต่มหาหมอกค่ะ มีลานหิมะกว้างใหญ่ไพศาล แต่อากาศ -1 องศาเซลเซียส ขาแข็งก่อนเลยค่ะ ลมแรงขนลุกมาก ใครมาที่นี่เตรียม ที่เลยค่ะ ในช่วงขาลงจะเป็นจุดชมวิวที่ทุกคนต้องแวะค่ะ จะอยู่จุดก่อนจะนั่งกอนโดล่าลงไป Kurobe Dam เราจะซูมรัวๆเลยค่ะ สวยมาก ถ่ายคนก็สวยถ่ายวิวก็สวยไปอีก ถ้าฟ้าเปิดจะโชคดีมากๆค่ะ
43
หลังจากลงมาแล้วก็ถึงเป้าหมายสุดท้ายจริงๆแล้วค่ะ Kurobe Dam หรือเขื่อนคุโรเบะ เป็นเขื่อนที่สูง มีล่องเรือในเขื่อนด้วย พอดีช่วงที่เรามาน�้ำยังเป็นน�้ำแข็งเลย แต่เริ่มจะละลายแล้ว เลยไม่ค่อยสวยเท่าไ ครึ่งวัน ลงมาบ่ายโมงต้องเดินทางกลับโตเกียวแล้วสินะ แอบเศร้าเลย T_T แต่ก่อนจากกัน เรามีสรุป Ta
งที่สุดของประเทศญี่ปุ่น สูงประมาณ 186 เมตร จุดนี้ในช่วงฤดูร้อนเราก็ยังสามารถขึ้นมาท่องเที่ยวได้ค่ะ ไหร่ จุดนี้เราจะสวนทางกับทัวร์จีนที่ขึ้นมาจากอีกฝั่งค่อนข้างมากค่ะ เราใช้เวลาเที่ยวอยู่บนนี้ประมาณ ateyama Kurobe Alpine Route มาให้ด้วยค่ะ
45
บทสรุปของ Lady in Japan 7 วัน 7 เมือง Part II “ฉันอยากไปญี่ปุน เพราะอยากไปเห็นหิมะ”
บอกได้ค�ำเดียวเลยค่ะว่าเยินสุดๆ เราสรุป Map การเดินทางของเรามาให้ดูด้วยค่ะ พยายามจัดรูทเส้นทางเป็นวงกลม ใครอยากเที่ยวแบบ โหด มันส์ ฮา สนใจอยากไปเดินตามรอย ก็ยินดีเลยนะค่ะ แต่ใครอยากเที่ยวชิค คูล สบายๆ เดินสวยๆ อย่าตามรอยเราเลยค่ะ ฮาๆๆๆ ทริปนี้ Budget ส่วนใหญ่จะหมดไปกับการเดินทาง เรากินอาหารเซเว่นทุกวันเลย ของเขา ดีกว่าเซเว่นบ้านเราเยอะนะ มีให้เลือกเยอะ อร่อยด้วย เพราะฉะนั้นส�ำหรับคนงบน้อยไม่ต้องกลัว ค่ะ เรารอดตายแน่ๆ ... แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้านะค่ะ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตาม
MUNI
47
มอหินขาวถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวส�ำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยภูมิ หรือที่เขาเรียกกันว่า “สโตนเฮนจ์ เมืองไทย” ไม่ต้องไปถึงอังกฤษ จุดเด่นของพื้นที่แห่งนี้คือ กลุ่มหินทรายสีขาววางเรียงรายกัน ซึ่งภายในอุทยาน ก็จะมีกลุ่มหินอยู่หลายแห่ง แต่กลุ่มที่เด่นสุดคือกลุ่มเสาหิน 5 ต้น ซึ่งถือว่าเรียงตัวกันอย่างสวยงาม และไม่ต้อง เดินไกล ลงรถปุ๊บถึงเลย เข้าเรื่องการล่าช้างกันเถอะ เราดูเดือนวันพระจันทร์ขึ้น ลง อย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องพึ่งพาแอพพลิเคชั่น อย่าง Star Chart หรือ Sky Safari แอพฯจะส�ำคัญตรงที่เรารู้ว่าพี่ช้างแกจะขึ้นทางทิศไหน เวลาอะไร ในคืนนี้ เราได้แอพฯพยากรณ์พบว่า สี่ทุ่มครึ่งมาแน่นอน วันนี้แดดจ้ามาก ฟ้าเคลียร์สุดๆ เราทุกคนเตรียมตัวแต่...พอใกล้ เวลาเท่านั้น อยู่ๆทางด้านหลังของเราเมฆมาครึ้มเลยทีเดียวเชียว หน้าซีดกันทุกคน แต่คิดว่ายังมีหวังเลยรีบลงไป จุดถ่ายดาว กดรัวๆๆๆๆ แต่ไม่ทันจ้า พี่เมฆแกมาบดบังก็เลยติดมาแค่หางมากๆ แต่เราก็ยังไม่หมดความพยายาม นั่งรอยันตีสอง ก็ยังไม่มา หลับฝันดีแล้วคืนนี้ (ยิ้มอ่อนๆ) นั่นหละอย่างที่เขาว่า อุปกรณ์จัดเต็มก็สู้การพกดวงมา ด้วยไม่ได้จริงๆ ใครอยากมาช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม หวังว่าจะมาโรแมนติกกับแฟน ชมทะเลหมอกในยามเช้า พบค�่ำ ดูทางช้างเผือกกัน ไม่เจอนะจ๊ะ อาจจะเจอแค่คุณหมอก เพราะ2เดือนนี้ พี่ช้างแกลาพักหนาว ขึ้นตอนกลางวันไม่ น่าจะมองเห็นกันจ้า ภาพด้านล่าง ซ้อนกันสองใบ ขุดกันสุดฤทธิ์ ใบแรกเก็บฉากหน้าเสาหิน โชคดีเจอแก๊งค์ถ่ายดาว เขาส่องไฟเพื่อ ถ่ายกัน เราก็ไม่รอช้ากดไปรัวๆ ใบสองเก็บดาว แล้วซ้อนกันใน Photoshop ใบแรก 30 sec F/3.2 Iso1600 15mm. ใบสอง 75sec F/2.8 Iso1000 19mm.
Photography Technique
49
Photo News
51
World Camera บริษัทจำ�หน่ายกล้องรายใหญ่อันดับต้นๆของประเทศไทย ได้จัดงาน THE GRAND OPENING WORLD CAMERA CENTER 3 PINKLAO ในวันที่ 27 กันยายน 60 นับว่าร้านจำ�หน่ายกล้องที่ครบวงจรอีกแห่งหนึ่ง มีทั้งหมด 6 ชั้น ชั้น 1 Fuji Pro Corner ชั้น 2 โซนอุปกรณ์ถ่ายภาพ ชั้น 3 Sony Lens Core Shop ,Olympus Pro Corner ชั้น 4 World Of Nikon ชั้น 5 Canon Image Square (CIS) ชั้น 6 Learning Center นับว่าเป็นอีกศูนย์รวมกล้องหลากหลายยี่ห้อ ที่แบ่งสัดส่วนได้อย่างชัดเจน พร้อมให้บริการ สำ�หรับผู้ที่สนใจต้องการกล้องถ่ายภาพสักตัว เชิญสัมผัสและทดลองได้ที่ WORLD CAMERA CENTER 3 ก่อนถึงเซ็นทรัลปิ่นเกล้าได้เลยครับ
53
55
Photography Technique
การบันทึกภาพโดยทั่วไปต้องเริ่มจากการมอง หากเรามองเห็นบางสิ่งบาง อย่างสะดุดตาสะดุดใจขึ้นมาและอยากบันทึกภาพเก็บไว้ขึ้นมา นั้นก็เรียกได้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นในการถ่ายภาพ นักถ่ายภาพที่ดีนั้นต้องมีมุมมองที่แตกต่างไปจาก คนทั่วๆไป เพราะนักถ่ายภาพที่ดีควรจะมีการมองวัตถุที่จะถ่ายภาพนั้นในหลายๆ มุม ซึ่งในแต่ละมุมมองของภาพนั้นๆ ก็จะมีจุดเด่นของภาพที่แตกต่างกันออกไปไม่ มากก็น้อย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆอย่างเช่น แสง, องค์ประกอบของ ภาพในเวลานั้น, กล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพที่เรามีอยู่ในขณะนั้น การจิ น ตนาการของคนแต่ ล ะคนในเวลาที่ ม องภาพๆเดี ย วกั น ไม่ มี ข ้ อ ก�ำหนดตายตัว ว่าจะต้องมองอย่างไร เพราะความเฉียบขาดของสายตาคนเรานั้น มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และถ้าเราอยากจะเป็นนักถ่ายภาพที่ดีนั้น ก่อนที่ เราจะท�ำการกดชัดเตอร์ลงไป ควรมองภาพเหล่านั้นในหลาย ๆ มุมมองก่อน อย่าเพียงแต่มองเห็นจุดเด่นของภาพก็ท�ำการถ่ายภาพนั้นได้เลย ซึ่งนั่นถือว่า เป็นการถ่ายภาพที่ยังใช้ไม่ได้ เพราะการถ่ายภาพจ�ำเป็นต้องใช้เวลาในการมอง ภาพอย่างเพียงพอ ฉะนั้นเราควรที่จะหามุมต่างๆ เพื่อที่ว่าเราอาจจะเห็นมุมที่มี ความลงตัวของภาพมากกว่าภาพแรกที่เรามองเห็นก็ได้
57
59
Life Traveler
เรื่องและภาพ : วรุตม์ หนันเรือง Facebook : Warut Nanruang
ทริปเหนือเมื่อฤดูฝน(ตอนจบ) บทสรุปทริปเหนือ แวะชมไร่ชาฉุยฟง ฟ้าปิด ฝนตก ก่อนจะออกเดินทางไปชม ยอดเขาสูงอันสามของประเทศ ที่เขาบอกที่พักหลักร้อยวิวหลักล้าน แล้ ว ปิ ด ท้ า ย ทริปนี้ด้วยการขึ้นไปจุดที่สูงที่สุดของประเทศไทย ทั้งฝน หนาว ในวันเดียวกัน จะ เป็นอย่างไร ติดตามได้จากเนื้อหาข้างในเลยครับ
61
ต่อจากฉบับที่แล้ว เราออกเดินทางออกจากภูชี้ฟ้า ครั้งนี้เราใช้เส้นทางหลัก ที่ไม่ลาดชันมากนัก แนะน�ำให้มาทางนี้กันนะครับ ทางขับง่ายกว่า แต่ ถ ้ า ชอบการผจญภั ย ในเส้ น ทางลั ด เลาะภู เ ขา ก็ไปตามทางที่เราเดินทางมาก็ไม่ว่ากันครับ เป้าหมายของเราวันนี้ขอไปนอนที่ดอยแม่สลอง แล้วแวะ ถ่ายรูปที่ไร่ชาฉุยฟง ไร่ชาชื่อดังของจังหวัดเชียงราย แต่น่าเสียดาย วันนี้ฟ้าปิด ฝนตก แพลนที่วางไว้ ต้องเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ ท�ำได้เพียงเดินลงไปถ่ายรูปในมุมสวยๆตามที่ตาเห็น ท่ามกลางนัก ท่องเที่ยวที่แห่เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนจะแวะเข้าพักที่แม่สลอง เมาท์เท็น โฮม ที่มีลักษณะเด่นคือเป็นบ้าน 1 หลัง ที่บรรยากาศเงียบ สงบ แต่เข้าไปค่อนข้างลึก ในราคาไม่กี่ร้อยบาท
63
65
เช้าวันถัดมา อากาศเป็นเหมือนเดิน ครึ่มฟ้าครึ่มฝน เราออกเดินทางไปยังเป้าหมายของเรา ทะเ ชมวิวดอยหลวงเชียงดาวได้สวยอีกที่หนึ่ง แต่ก่อนจะถึงดอยหลวงเชียงดาว เราก็แวะชมน�้ำพุร้อนฝาง ท ฟ้าห่มปก ที่เป็นแหล่งน�้ำพุร้อนตามธรรมชาติ แถมยังมีที่แช่น�้ำร้อนแบบรวมและแบบส่วนตัว ถ้ามีเวล น�้ำพุร้อนกันแล้ว แต่มองดูนาฬิกา เราคงท�ำได้แค่เพียงเดินชมความสวยงามและเก็บภาพบรรยากาศต่า ต้องเดินทางอีกเกือบๆ 2 ชั่วโมงไปยังเป้าหมายของวันนี้ และก่อนจะขึ้นไปข้างบน ก็ แ วะหาซื้ อ ของกิ สักหน่อย แล้วในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงสักทีครับ ทะเลดาว โฮมสเตย์ เราได้ที่พักในราคาคนละ 300บา เพราะเตรียมไปเอง) เป็นห้องพักใหญ่ ที่นอนกันได้ราวๆ 6-7คน มีเทคนิคนิดเดียวครับ เหมือนเลือกซื้อข เทียบราคาไปเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปแต่ละที่ไปเรื่อยๆ รอช่วงจะค�่ำ จะมีห้องพักที่ไม่มีคนจอง ช่วงนั้นแหละ เจรจาต่อรองราคา อิอิ คืนนี้เรานอนนี่ ท่ามกลางวิวเบื้องหน้าคือภูเขาที่สูงอันดับ 3 ของประเทศไทย
เลดาว โฮมสเตย์ หนึ่งในที่พัก ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ามากกว่านี้เราคงได้แวะแช่ างๆมาฝากทุกท่าน เพราะเรา นในตลาดอ� ำ เภอเชี ย งดาว าท (เราไม่เอาหารเย็นและเช้า ของในชายแดน ให้เดินเปรียบ ะครับคือช่วงนาทีทองแห่งการ 67
คืนนี้ตั้งเป้าว่า จะตั้งกล้องออกล่าช้าง (ทางช้างเผือก) แต่แห้วรับประทานครับ ฟ้าปิด ฝน ตกรินตลอดทั้งคืน แต่โชคดีนิดๆ ช่วงดึก ฟ้าเปิด แปปเดียว อาศัยนาทีทอง แต่ก็ได้มาแค่หางช้าง เท่านั้น ถ่ายได้เท่าที่ถ่ายได้ ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ครับ สุดท้ายฟ้าปิดอีก เก็บกล้อง เข้านอนพักผ่อน เอาแรง รอตื่นมาดูทะเลหมอกตอนเช้าดีกว่า 69
เช้าวันถัดมา ตั้งใจตื่นแต่เช้าเพื่อดูทะเลหมอก แต่...หมอกมานิดเดียว ไม่เหมือนที่คนอื่นเขา รีวิวเลย เหตุที่เป็นแบบนี้เพราะตอนเช้ามีฝนตกปลอยๆ น้องหมอกเลยมาแค่นี้ แต่ก็ได้บรรยากาศ ฟินอีกแบบ เหมาะแก่การนั่งโง่ๆ มองดูวิวเบื้องหน้ามากๆ ใครจะมาเที่ยวโฮมสเตย์ที่นี่ แนะน�ำ ติดต่อจองล่วงหน้า ถ้าจะมาในวันหยุด เพราะบางสถานที่เต็มเร็วมาก บางที่ก็ไม่เต็ม แต่วิวไม่ค่อย มี อยากได้วิวสวยๆ แนะน�ำจองล่วงหน้า ปลอดภัยกว่าครับ อ๋ อ ลื ม บอกไป ที่ พั ก โฮมสเตย์ ที่ นี่ ส่วนมากคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายหัว โดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 500บาท ขึ้นไป/คน มีให้เลือกทั้งบ้าน และเต๊นท์ แล้วแต่ความถนัดเลยครับ
เราออกเดินทางกันต่อ คืนสุดท้ายของทริปครั้งนี้ เราจะไปเยือนจุดที่สูงที่สุดของ ประเทศไทย นั่นคือดอยอินทนนท์ จากดอยหลวงเชียงดาวไปดอยอินทนนท์ ระยะทางราวๆ 200กิโลเมตร แต่ไหนๆก็ผ่านเชียงใหม่ เลยแวะเข้าไปไหว้พระที่วัดพระสิงห์สักหน่อย เพื่อความ เป็นสิริมงคลต่อชีวิต และขอพรให้เดินทางปลอดภัย นับว่าเป็นสิ่งที่เตือนให้เราไม่ประมาทเวลา ใช้รถใช้ถนน เพราะถ้าขับรถไกลๆ จะเกิดอาการเหนื่อยล้า การได้ลงไปไหว้พระ เดินถ่ายรูปใน มุมต่างๆ ถือว่าเป็นการรีแล็กซ์ร่างกายได้ดีอีกอย่างหนึ่ง หลังจากไหว้พระเสร็จ เราก็ออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่ดอยอินทนนท์กันต่อเลยครับ มองดูท้องฟ้าวันนี้ช่างมืดครึ้มเสียเหลือเกิน ฝนตกตลอด ทาง ถึงขั้นบางช่วงต้องเปิดที่ปัดน�้ำฝนแรงสุด แต่พอขับมาถึงด่านอุทยาน ฝนก็ซาลงแล้วครับ จอดรถลงไปจ่ายค่าธรรมเนียม สัมผัสได้ถึงความเย็นที่มาจากฝนและผืนป่าแห่งนี้ หลังจากจ่ายค่า ธรรมเนียมเข้าอุทยานไม่รอช้าครับรีบขึ้นไปหาที่พักกันก่อน เ พ ร า ะ ต อ น นี้ ก็ บ ่ า ย ส า ม แ ล ้ ว เราเลือกไปดูที่กางเต๊นท์ดอยชัวร์ญ่า แต่พอไปถึงดูสภาพที่กางเต๊นท์แล้วต้องเปลี่ยนใจ เพราะฝน ตกมาเรื่อยๆ น่าจะกางเต๊นท์ไม่ไหว เลยลองไปติดต่อที่อุทยานถึงบ้านพัก 71
พอไปถึงที่ท�ำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เจ้าหน้าที่บอกว่าเต็ม เราก�ำล รีสอร์ทข้างหลังอุทยานดูสิ ท�ำขึ้นใหม่ น่าจะว่าง เราก็แปลกใจ ไม่เห็นมีทางเข้า แต่เ ล�ำห้วยไปก็ถึงแล้ว ไม่ให้เสียเวลา รีบขับรถเข้าไปดู เจอรีสอร์ทที่ก�ำลังสร้าง ส่วนมาก แน่ๆ พอเข้าไปถาม น้องคนที่ดูแลรีสอร์ทบอกราคามา ตกใจเลยครับ “500บาท” รอช ความสะดวกครบทุกอย่าง ไม่มีแอร์ เพราะอุณภูมิที่นี่เย็นสบายตลอดปี แถมบริเวณห เข้าไปในหมู่บ้าน ซื้อหมูมาหมัก บอกได้ค�ำเดียว สุดๆครับ
ลังจะเดินกลับไปที่รถ เสียงแว่วๆของเจ้าหน้าที่บอกว่า ลองไปติดต่อ เจ้าหน้าที่บอกว่า ทางเข้าเล็กๆนั่นแหละ ตรงตู้ไปรษณีย์ ขับรถข้าม กจะเสร็จแล้ว และมีบางหลังก�ำลังสร้าง คิดในใจราคาไม่ต�่ำกว่าพัน ช้าท�ำไม รีบจองอย่างไวเลยครับ เป็นห้องหลังเล็กๆ มีอุปกรณ์อ�ำนวย หน้าที่พัก ยังมีโต๊ะไว้ให้นั่งเล่น อากาศแบบนี้ ต้องหมูกะทะสิครับ รีบ
73
หลังจากกินหมูกะทะเสร็จ มองไปยังบริเวณ รอบๆรีสอร์ท เห็นไฟสีส้มๆกระจัดกระจาย บ้างก็เรียง แถว เลยเปิดอินเทอร์เน็ตหาข้อมูล ปรากฎว่าเป็นแปลง พืชของโครงการหลวง เรารีบคว้าขาตั้งกล้อง พร้อม กล้องคู่ใจ บึ่งรถออกไปถ่ายภาพในมุมต่างๆ ยอมรับครับ ว่าได้เห็นกับตา สวยมากๆเลยทีเดียว คืนนี้ได้ภาพสมใจ อยาก นอนหลับฝันดีแล้วครับ วางแผนพรุ่งนี้ค่อยขึ้นไป ยังยอดดอยอินทนนท์กัน
75
ตื่นเช้ามาพร้อมกับฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้หนักหนามากมาย ตกมาพอให้เสื้อเปียกแบ สัญลักษณ์ของดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่กองทัพอากาศ แต่วันนี้ไม่ใช่วันของเรา ฝนตกและหมอกม แต่ก็อยู่ได้ไม่นานครับ ที่นี่ลมแรงมากๆ พัดพาละอองฝนและความหนาวเหน็บมาพร้อมๆกัน เราเลยอยู่ที่น นท์เลยครับ จากตรงนี้ไปอีกไม่ไกล วันที่เรามา มีทัวร์มาลงไม่เยอะ คนน้อยด้วย แต่บอกเลยครับพอลงจาก องศาเซลเซียส ด้วยความที่ว่าไม่คิดว่าจะเจออากาศแบบนี้ เลยไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวมาเยอะ แต่ก็มีติดร
บบบางๆ จุดแรกที่เราจะไปก็คือ พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิศิริ สองเจดีย์ที่เป็น มาบดบังทัศนียภาพทั้งหมด ระยะเกิน 20 เมตรมองไม่เห็นอะไรเลย ไหนๆก็มาแล้ว ถ่ายรูปตามมีตามเกิด นี่ไม่นาน เพราะดูจากสภาพอากาศแล้ว วันนี้ฟ้าคงไม่เปิดแน่นอน เราเลยตัดสินใจขึ้นไปยังยอดดอยอินทน กรถเท่านั้นแหละ ความหนาวของอากาศก็เข้ามาปะทะร่างกายเราทันที เดินไปดูป้ายบอกอุณหภูมิ วันนี้ 12 รถมาแค่คนละตัวเท่านั้น ได้เวลาออกเดินเท้าขึ้นไปยังจุดที่สูงที่สุดของสยามประเทศแล้วครับ
77
ยอดดอยอินทนนท์ เป็นจุดที่สูงที่สุดของประเทศไทย มีความสูงเหนือระดับน�้ำทะเล 2,565.3341เมตร ท่ามกลาง สภาพผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ และยังมรกู่พระอัฐิพระเจ้าอิน ทวิชานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่ องค์ที่ 7 อีกด้วย ความสวยงาม ของยอดดอยอินทนนท์คงเป็นผืนป่า ที่มีความเขียวขจี รู้สึก สดชื่นเมื่อได้สัมผัสผืนป่าแบบนี้ แต่อยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากฝน เริ่มตกลงมาเม็ดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และหมอกก็เข้ามาปะทะเรื่อย สร้างความฟินท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บเป็นอย่างดี เมื่อได้ ภาพที่ต้องการและมองนาฬิกา ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว เราเลย ตัดสินใจลงจากดอยอินทนนท์ เพื่อไปยังนาขั้นบันไดที่บ้านแม่ กาหลวงเป็นสถานที่สุดท้าย
79
พอมาถึงพบเจอกับทุ่งข้าวเขียวขจีเต็มท้องนาที่เป็นขั้นบันไดลดหลั่งลงมา เรื่อยๆ บรรยากาศแบบนี้มันเหมาะแก่การนั่งกินกาแฟ ฟังเสียงฝนตกเบาๆ มากๆ ยอมรับว่าที่ตรงนี้ผมถ่ายรูปจนเพลินมากๆ มองไปทางไหนก็น่าถ่าย รูปไปเสียหมดทุกทาง แต่สุดท้ายก็ต้องบอกลาจากดอยอินทนนท์แห่งนี้ เพราะถึงเวลาต้องเดินทางกลับกรุงเทพกันเสียแล้ว
ห ลั ง จ า ก ล ง จ า ก ด อ ย อิ น ท น น ท ์ ก็ แ ว ะ ไ ห ว ้ พ ร ะ ที่ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เพื่อความศิริมงคลและขอพรให้การ เดินทางกลับอย่างปลอดภัย เพราะขากลับเราขับเส้นทาง 106 เพื่อตัด ออกยังทางหลักที่อ�ำเภอเถิน จังหวัดล�ำปาง ก่อนจะกลับถึงกรุงเทพ โดยปลอดภัย นับว่าเป็นทริปทัวร์ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงรายและ เชียงใหม่ในฉบับหน้าฝน ที่มีทั้งแดด ฝน หมอก และหนาว ในทริป เดียว ข้อดีของการเที่ยวหน้าฝนคือ คนจะน้อย เราสามารถไปยังสถาน ที่ท่องเที่ยวต่างๆได้ง่าย แต่ข้อควรระวังคือสภาพถนนที่เปียก สภาพ รถและคนขับต้องพร้อม และควรตรวจเช็คสภาพรถทุกคน เพื่อความ ปลอดภัยของผู้ร่วมทริปทุกท่าน ฉบับหน้าเราจะพาทุกท่านไปเที่ยว ที่ไหน ติดตามได้ในครั้งถัดไป สวัสดีครับ ...
81
83