FREE MAGAZINE ONLINE / ปีที่ 1 ฉบับที่ 8 / เดือนเมษายน 2561
บรรณาธิการบริหาร
> วรุตม์ หนันเรือง หัวหน้ากองบรรณาธิการ
> นวพล เกษมโสภา
กองบรรณาธิกา
วรท กุมภ์ประดิษฐ์ <-> อนงค์นา ปัทมา สุรินทร์คำ� <-> ยุทธชัย ว เอกชัย สุนทรเดช <-> รัฐพล ห Ammalin PALAMY
าร
าฎ จึงมงคลสวัสด์ิ วัฒนะบุตร หงสไกร Y
T R AV E L G R A P H Y
TALK
สวัสดีครับ ห่างหายไปสองเดือนเต็มๆ ต้องกราบขออภัย ท่านผู้อ่านทุกท่านจากใจจริงครับ อุปกรณ์เก็บข้อมูลที่เป็น อิเล็กทรอนิกส์ หมั่นสำ�รองข้อมูลไว้ตลอดนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นเหมือนผม ที่อยู่ดีๆ ฮาร์ดดิสเจ้ากรรม ก็เดี้ยงไปต่อหน้า ต่อตา ส่งกู้ข้อมูลก็ไม่กลับมา สิ่งที่เสียดายมากที่สุดคือรูปถ่าย สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หายไปกับตา คิดซะว่าถือโอกาสไป เที่ยวใหม่ก็แล้วกันครับ เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่ามาพร้อมกับ เทศกาลสงกรานต์ การเดินทางกลับบ้านหรือท่องเที่ยวก็ดี ใช้ ความระมัดระวังเป็นพิเศษนะครับ เพราะนอกจากคนขับจะ ใช้สมาธิเป็นอย่างมาก ยังอาจจะเผชิญกับฝูงมวลมหารถจาก ทุกที่ เรียกได้ว่าติดยันลูกบวช แนะนำ�ให้ศึกษาเส้นทางรอง เผื่อไว้จะเป็นการดีที่สุด แถมเรายังได้สัมผัสกับธรรมชาติของ เส้นทางที่เราไม่เคยไป ขับรถชิลๆ เสพอากาศอย่างเต็มที่ และ ที่สำ�คัญ เมาไม่ขับนะครับ เดินทางปลอดภัยทุกท่านครับ วรุตม์ หนันเรือง บรรณาธิการบริหาร
กราฟิก - ออกแบบรูปเล่ม
> วรุตม์ หนันเรือง ขอขอบคุณข่าวสาร
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช กรมทางหลวง , สงกรานต์สยาม
ติดต่อ Travelgraphy
เลขที่ 8/88 ซ.ลาดพร้าว107 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240 E-Mail : travelgraphythailand@gmail.com
Facebook : Travelgraphy Tel. 0-2013-3754 / 08-6369-5657
CONT
คลิ๊กที่รูป เพื่อไปยัง
T R AV E L N E W S ข่าวสารการท่องเที่ยวถ่ายภาพ รวม ถึงเทศกาลต่างๆ ที่จัดขึ้นทั้งในกรุงเทพ รวมถึ ง ความพร้ อ มของกรมทางหลวง ที่ จ ะบริ ก ารประชาชนในช่ ว งเทศกาล สงกรานต์นี้
AUTO FOCUS AUTO FOCUS ฉบับนี้จะพาทุก ท่านไปเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง “สี” รวม ถึงเทคนิคการเลือกใช้สีในภาพถ่ายนั้นๆ อย่างเหมาะสม
AUTO FOCUS ขอนแก่น นับว่าเป็นจังหวัดศูนย์ กลางของภาคอีสาน รวมถึงวัดดังๆก็มี มากมายหลากหลายให้ทำ�บุญ ฉบับนี้ รวบรวม 5 วัดสำ�คัญๆที่ไม่ควรพลาดเมื่อ มาเยือนขอนแก่น
TENT
งคอลัมน์ที่ต้องการ
WIDE LIFE ช่างภาพสายถ่ายนกและธรรมชาติ ต้องไม่พลาดกับคอลัมน์นี้ ที่จะพาทุก ท่ า นล่ อ งเรื อ ถ่ า ยภาพนกที่ บึ ง บอระ เพ็ด ทะเลสาบน�้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของ ประเทศไทย
SHOW TIME หลีกหนีความร้อน ขึ้นบนยอดเขา สูง จุดสิ้นสุดถนน คลองลาน-อุ้มผาง ท่ามกลางความสูงเหนือพันเมตรขึ้นไป ท�ำไมนักท่องเที่ยวจึงเลือกมาสถานที่แห่ง นี้ ตามไปดูความสวยงามของ “ช่องเย็น” ได้ในคอลัมน์ SHOE TIME กันเลยครับ L I F E T R AV E L E R ซัมเมอร์นี้ ทะเลกระบี่ ก็คงเป็นตัว เลือกอันดับต้นๆของนักท่องเที่ยวหลาย ท่าน ทั้งเรื่องหาดสวยน�้ำใส ยังมีแหล่ง ท่องเที่ยวธรรมชาติอีกหลายแห่ง รอให้ ท่านไปสัมผัส
TRAVEL NEWS
สงกรานต์บ้านเรา..หยอกเย้ากันแบบไทยๆ..ทั้งฉ่ำ�เย็น..ทั้งชื่นใจ..ด้วยหยาดน้ำ�..ของความดีงามอย่างไทย 6 ปีแห่งการสร้างความสนุกสนาน กับประเพณีสงกรานต์แบบไทยๆ ที่ใครๆก็อยากเอาอย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สยามสแควร์ จัดงาน “ สงกรานต์เมษา ผ้าขาวม้า สยามสนุก ” สงกรานต์วิถี ไทย ใช้น้ำ�คุ้มค่า ชีวาปลอดภัย พบกับกิจกรรมมากมาย อาทิ ร่วมสรงน้ำ�พระ4ภาค เพื่อความเป็นสิริมงคลใน วันขึ้นปีใหม่ไทย สาดความสนุกไปกับเวทีการแสดงจากศิลปินชื่อดังต่างๆมากมาย นำ�โดย กัน นภัทร ,โดม จารุวัฒน์ ,วงROOM39 , วงPOTATO , เอ๊ะ จิรากร , โจอี้ บอย ,โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ ,อะตอม ชนกันต์ ,ตู่ ภพธร , วงCOCKTAIL และ สามน้าจำ�อวด อร่อยลิ้มชิมรสไปกับซุ้มอาหารเลิศรสนานาชนิด ช้อปสินค้าสุดแนว และเป็นครั้งแรกใจกลางกรุงเทพฯ ที่จะได้ สนุกไปกับสไลเดอร์ยาวกว่า 48 เมตร ร่วมรณรงค์นุ่งผ้าไทย ใส่ผ้าขาวม้ามาเที่ยวงาน เนรมิตลานสยามสแควร์ให้เป็น สงกรานต์สีขาว ไร้โป๊ ไร้แป้ง ไร้ แอลกอฮอลล์ งานจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 13 -14 -15 เมษายน 2561 เริ่มสาดความสนุกสดชื่นกันตั้งแต่เวลา12.00น.–19.00น. ณ สยามสแควร์ งานนี้เที่ยวฟรีตลอดงาน
ที่มา : Facebook สงกรานต์สยาม
TRAVEL NEWS
ที่มา : กรมทางหลวง
นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมของกรม ทางหลวงในการอ�ำนวยความสะดวกและปลอดภัย เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนใน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 ภายใต้นโยบาย One Transport ของกระทรวงคมนาคม ว่า ปีนี้จะเน้นการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นกรมทางหลวงชนบท กรมการขนส่งทาง บก โดยมีเป้าหมาย เข้มข้นยกก�ำลังสาม เพื่อลดอุบัติเหตุแก่ผู้เดินทางโดยในปีนี้ทางกระทรวง คมนาคม ได้มีเป้าหมายที่จะให้อุบัติเหตุเป็นศูนย์ ใน 77 สายทางที่กระทรวงคมนาคม คัดเลือก มา โดยเป็นของกรมทางหลวง 47 สายทางกรมทางหลวงชนบท 30 สายทางโดยคัดเลือก จาก พื้นที่น�ำร่องภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคม กับ Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism (MLIT) แห่ง ประเทศญี่ปุ่น จ�ำนวน 8 สายทาง สาย ทางที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2560 จ�ำนวน 24 สายทาง สายทางที่เกิด อุบัติเหตุสูงสุดในรอบปี2560 จ�ำนวน 5 สายทาง เส้นทางเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวที่ประชาชนนิยม ท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จ�ำนวน 10 สายทาง อธิบดีกรมทางหลวงยังกล่าวต่อไปอีกว่า กรมทางหลวงได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ ส�ำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวง เตรียมความพร้อมเส้นทางให้ สมบูรณ์ 100%ในทุกมิติโดยด�ำเนินการเป็นมาตรการที่เพิ่มขึ้นพิเศษจากมาตรการปกติ ดังนี้ ช่วงก่อน โครงการ 777 ยกก�ำลังสาม ท�ำการตรวจสอบความปลอดภัยเชิงลึกและเร่ง ปรับปรุงแก้ไข เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุตรวจสอบความครบถ้วนของป้ายเตือน และติด ตั้งป้ายเตือน ไฟกระพริบ และ/หรือ ไฟฟ้าชั่วคราว(ถ้าจ�ำเป็น) เพิ่มเติมในบริเวณที่เกิดเหตุ บ่อยครั้งตรวจสอบระยะมองเห็นบริเวณทางแยกทางเชื่อม และปรับปรุงให้มีระยะเพียงพอใน การหยุดรถได้ทันตรวจสอบผิวจราจรและไหล่ทางให้อยู่ในสภาพดี ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขับขี่ ตรวจสอบอุปกรณ์น�ำทางต่างๆให้เพียงพอในการขับขี่เวลากลางคืน ช่วง 7 วันก่อนเทศกาลสงกรานต์ ตรวจสอบความพร้อมของเส้นทางในการอ�ำนวยความ สะดวกและปลอดภัยประชุมซักซ้อมการท�ำงานร่วมกันเป็นทีม One Transport ประกอบด้วย กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมการขนส่งทางบก และต�ำรวจทางหลวง ตั้งเต็นท์ อ�ำนวยการบริเวณพื้นที่ เสริมป้าย Vinyl เตือนและรณรงค์เป็นระยะๆตลอดเส้นทางที่ถนนลื่น เมื่อฝนตก ให้ติดตั้งป้ายเตือนฝนตกถนนลื่นทุกระยะ 200 เมตร จนสิ้นสุดช่วงที่ถนนลื่น รวม ถึงป้ายเตือนง่วงให้จอดพัก
ช่วง 7 วันระหว่างเทศกาลสงกรานต์ วิ่งตรวจเส้นทางและระยะๆ และตั้งจุดเฝ้าระวัง ตลอดเส้นทางประสานตั้งจุดตรวจความเร็วและความเมา พร้อมป้ายเตือน กรณีฝนตกตั้งป้าย เตือนพร้อมไฟกระพริบให้ลดความเร็ว เป็นระยะๆ เส้นทางที่มีความเสี่ยงหลับใน ให้ติดตั้ง ไฟกระพริบเป็นระยะ ประสานเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก หรือต�ำรวจในการตั้งจุดตรวจ โดยเน้นหลังเที่ยงคืน กรณีมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นต้องถึงหน้างานโดยเร็ว และรายงานรายละเอียด พร้อมสาเหตุเชิงลึก ช่วง 7 วันหลังเทศกาลสงกรานต์ เริ่มลดระดับการเฝ้าระวังเพื่อเข้าสู่สภาวะปกติเก็บข้อมูล และสรุปข้อมูลเพื่อประเมินผล ทั้งนี้ส�ำหรับเส้นทางดังกล่าวประกอบด้วยเส้นทางหลวงน�ำร่องตามโครงการ One Transport 47 สายทางประกอบสายทางดังต่อไปนี้ ล�ำดับที่ 1 ทางหลวงหมายเลข 1 ตอนโนนปอแดง - ปากดง ระหว่าง กม. 386 – 394 จังหวัดก�ำแพงเพชร ล�ำดับที่ 2 ทางหลวงหมายเลข 1 ตอนวังม่วง - แม่เชียงรายบน ระหว่าง กม.535 – 540 จังหวัดตาก ล�ำดับที่ 3 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนหนองหมู – ห้วยยาง ระหว่าง กม. 276 +813- 295 จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ล�ำดับที่ 4 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนน�้ำรอด-พ่อตาหินช้าง ระหว่าง กม. 425-440 จังหวัดชุมพร ล�ำดับที่ 5 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนเขาพับผ้า - พัทลุง ระหว่าง กม.1158+ 1163 จังหวัดพัทลุง ล�ำดับที่ 6 ทางหลวงหมายเลข 12 ตอนกลางสะพานมิตรภาพแม่สอด - แม่ละเมา ระหว่าง กม.1- 6 จังหวัดตาก ล�ำดับที่ 7 ทางหลวงหมายเลข 22 ตอนสูงเนิน – ท่าแร่ ระหว่าง กม.161- 167 จังหวัดสกลนคร ล�ำดับที่ 8 ทางหลวงหมายเลข 22 ตอนกุรุคุ - นครพนม ระหว่าง กม.235-240 จังหวัดนครพนม ล�ำดับที่ 9 ทางหลวงหมายเลข 33 ตอนบางปะหัน – โคกแดง ระหว่าง กม. 49- 62 จังหวัดอยุธยา ล�ำดับที่ 10ทางหลวงหมายเลข 41 ตอนถ�้ำพรรณรา – ทุ่งสง ระหว่าง กม. 264-271 จังหวัดนครศรีธรรมราช ล�ำดับที่ 11 ทางหลวงหมายเลข 41 ตอนสี่แยกโพธิ์ทอง – พัทลุง ระหว่าง กม. 377- 382+616 จังหวัด พัทลุง ล�ำดับที่ 12 ทางหลวงหมายเลข 43 ตอนนาหม่อม – จะนะ ระหว่าง กม. 270 - 320 จังหวัดสงขลา ล�ำดับที่ 13 ทางหลวงหมายเลข 101 ตอนร้องกวาง – สวนป่า ระหว่าง กม. 283-290 จังหวัดแพร่ ล�ำดับที่ 14 ทางหลวงหมายเลข 118 ตอนท่าก๊อ - ดงมะดะ ระหว่าง กม. 132 + 139 จังหวัดเชียงราย
ล�ำดับที่ 15 ทางหลวงหมายเลข 205 ตอนโคกสวาย - ขท.นครราชสีมาที่ 1 ระหว่าง กม. 204 + 209 จังหวัดนครราชสีมา ล�ำดับที่ 16 ทางหลวงหมายเลข 212 ตอนย้อมพัฒนา – นาโพธิ์ ระหว่าง กม. 406-411 จังหวัดมุกดาหาร ล�ำดับที่ 17 ทางหลวงหมายเลข 212 ตอนหนองยอ - อุบลราชธานี ระหว่าง กม. 568-574 จังหวัด อุบลราชธานี ล�ำดับที่ 18 ทางหลวงหมายเลข 224 ตอนพะโค – หนองสนวน ระหว่าง กม. 90- 95 จังหวัดนครราชสีมา ล�ำดับที่ 19 ทางหลวงหมายเลข 226 ตอนหัวทะเล – หนองกระทิง ระหว่าง กม. 15 + 20 จังหวัด นครราชสีมา ล�ำดับที่ 20 ทางหลวงหมายเลข 304 ตอนดอนขวาง - โพธิ์กลาง ระหว่าง กม.272-278 จังหวัดนครราชสีมา ล�ำดับที่ 21 ทางหลวงหมายเลข 402 ตอนหมากปรก - เมืองภูเก็ต ระหว่าง กม. 30- 35 จังหวัดภูเก็ต ล�ำดับที่ 22 ทางหลวงหมายเลข 1084 ตอนป่าแดง - หาดชะอม ระหว่าง กม. 5- 14 จังหวัดนครสวรรค์ ล�ำดับที่ 23 ทางหลวงหมายเลข 2044 ตอนร้อยเอ็ด - หนองดง ระหว่าง กม.0+184 - 5 จังหวัดร้อยเอ็ด ล�ำดับที่ 24 ทางหลวงหมายเลข 3395 ตอนวัฒนานคร - โคคลาน ระหว่าง กม. 82- 87 จังหวัดสระแก้ว ล�ำดับที่ 25 ทางหลวงหมายเลข 2 ตอนสระบุรี - ตาลเดี่ยว ระหว่าง กม. 0-5 จังหวัดสระบุรี ล�ำดับที่ 26 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนปากท่อ - สระพัง ระหว่าง กม.123-133 จังหวัดสมุทรสงคราม ล�ำดับที่ 27 ทางหลวงหมายเลข 35 ตอนสะพานขึ้นแม่น�้ำท่าจีน-ยาโคก ระหว่าง กม.4-5 จังหวัดสมุทรสาคร ล�ำดับที่ 28 ทางหลวงหมายเลข 41 ตอนเกาะมุกข์ - ควนรา ระหว่างกม. 118 - 132 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ล�ำดับที่ 29 ทางหลวงหมายเลข 101 ตอนแยกบ้านฝ้าย – ร้องกวาง ระหว่าง กม. 252 – 257 จังหวัด แพร่ ล�ำดับที่ 30 ทางหลวงหมายเลข 1 ตอนพาน - สันทรายหลวง ระหว่าง กม. 916- 922 จังหวัดเชียงราย ล�ำดับที่ 31 ทางหลวงหมายเลข 1 ตอนแม่ค�ำ - กลางสะพานแม่น�้ำสาย ระหว่าง กม. 972 - 976จังหวัด เชียงราย ล�ำดับที่ 32 ทางหลวงหมายเลข 3 ตอนชลบุรี - ศรีราชา ระหว่าง กม. 98 - 103 จังหวัดชลบุรี ล�ำดับที่ 33 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอนคลองหวะ – พังลา ระหว่าง กม. 1258+642-1263 จังหวัดสงขลา ล�ำดับที่ 34 ทางหลวงหมายเลข 12 ตอนเข็กน้อย – แยกอนุสาวรีย์พ่อขุนผาเมือง ระหว่าง กม.340 – 348 จังหวัดเพชรบูรณ์ ล�ำดับที่ 35 ทางหลวงหมายเลข 217 ตอนวารินทร์ช�ำราบ - พิบูลมังสาหาร ระหว่าง กม. 22 - 37จังหวัด อุบลราชธานี ล�ำดับที่ 36 ทางหลวงหมายเลข 323 ตอนแยกปากกิเลน – น�้ำตกไทรโยคใหญ่ ระหว่างกม.110 – 115 จังหวัดกาญจนบุรี
ล�ำดับที่ 37 ทางหลวงหมายเลข 401 ตอนบางกุ้ง – เขาหัวช้าง ระหว่าง กม.175 – 180 จังหวัด สุราษฎร์ธานี ล�ำดับที่ 38 ทางหลวงหมายเลข 1009 ตอนจอมทอง – ดอยอินทนนท์ ระหว่าง กม. 0+5 จังหวัด เชียงใหม่ ล�ำดับที่ 39 ทางหลวงหมายเลข 4030 ตอนถลาง - หาดราไวย์ ระหว่าง กม. 26-28+290 และ29+79032จังหวัดภูเก็ต ส�ำดับที่ 40 ทางหลวงหมายเลข 2 ตอนขอนแก่น – หินลาด ระหว่างกม. 343- 354 จังหวัดขอนแก่น ล�ำดับที่41 ทางหลวงหมายเลข 4 ตอน สระพระ –ห้วยทรายใต้ ระหว่าง กม.187-193 จังหวัดเพชรบุรี ล�ำดับที่ 42 ทางหลวงหมายเลข 11 ตอนบึงหลัก-หนองเขียว ระหว่าง กม.346-351 จังหวัดอุตรดิตถ์ ล�ำดับที่ 43 ทางหลวงหมายเลข 12 ตอนน�้ำดุก – ห้วยซ�้ำมะคาว ระหว่าง กม.372-375 จังหวัดเพชรบูรณ์ ล�ำดับที่ 44 ทางหลวงหมายเลข 32 ตอนไชโย - สิงห์ใต้ ระหว่าง กม.78- 83+900 จังหวัดอ่างทอง ล�ำดับที่ 45 ทางหลวงหมายเลข 340 ตอนสาลี – สุพรรณบุรี ระหว่าง กม. 55-60 จังหวัดสุพรรณบุรี ล�ำดับที่ 46 ทางหลวงหมายเลข 3312 ตอนล�ำลูกกา – คลองใน ระหว่าง กม.19-21 จังหวัดนครนายก ล�ำดับที่ 47 ทางหลวงหมายเลข 4029 ตอนกระทู้ – ป่าตอง ระหว่าง กม 0.-3+236 จังหวัดภูเก็ต
โดยเส้นทางดังกล่าวที่กล่าวมาข้างต้นทั้ง47 เส้นทางมูลเหตุการเกิดเหตุมาจาก ขับรถเร็ว หลับใน เมาสุรา ตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด ฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร โดยกรมทางหลวงได้มี มาตรการในเส้นทางดังกล่าวเข้มข้นเป็นพิเศษมากขึ้นโดยติดป้ายจ�ำกัดความเร็วมากขึ้น ตั้งจุด สกัด เพิ่มป้ายเตือน เช่น Rumble Strip ไฟกระพริบ รวมถึงติดตั้งอุปกรณ์กันชนกันตก เช่น ราวกั้นอันตราย แท่งbarrier คอนกรีต เป็นต้น จัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจโดยใช้ไฟวับวาบ ทั้งใน เวลากลางวันและกลางคืนเพื่อป้องกันการหลับในรวมทั้งเตือนสติผู้ขับขี่ แต่อย่างไรก็ตามกรมทางหลวง ขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางศึกษาเส้นทางก่อนการออกเดิน ทาง ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง พักผ่อนให้เพียงพอ และหากรู้สึกง่วงขณะขับรถให้จอดแวะพัก ในจุดบริการของกรมทางหลวง รวมทั้งต้องไม่ขับขี่ขณะมึนเมา และที่ส�ำคัญขอให้เคารพกฎ จราจร กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งขอความร่วมมือในการปฎิบัติตามนโยบายของกระทรวง คมนาคมได้แก่ ขับรถช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด ทั้งนี้หากมีปัญหาในการเดินทาง โทรสอบถาม ได้ที่สายด่วน กรมทางหลวง1586 โทรฟรี 24 ชม. ขอขอบคุณ ข่าวสารจากกรมทางหลวง
ที่มา : กรมทางหลวง
AUTO FOCUS เรื่อง/ภาพ : นวพล เกษมโสภา FB : joeyoung2500
“ทฤษฏีสี”
ฉบับนี้ขอพูดถึงเรื่อง ซึ่งผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพหลายคนมองข้ามความสำ�คัญ ของเรื่องนี้ จึงทำ�ให้ภาพถ่ายที่หลายๆคนได้มายังไม่ดูดีเท่าที่ควรจะเป็น แม้แสง เงา หรือองค์ประกอบภาพจะดีสักแค่ไหนก็ตาม
“สี” คือลักษณะความเข้มของแสงทีป่ รากฏแก่สายตาให้เห็นเป็นสี โดยผ่านกระบวนการ รับรู้ด้วยตามองจะรับข้อมูลจากตาโดยที่ตาได้ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลพลังงานแสง มาแล้ว ผ่านประสาทสัมผัสการมองเห็นผ่านศูนย์สับเปลี่ยนในสมองไปสู่ศูนย์กลางการมอง เห็นภาพ การสร้างภาพหรือการมองเห็นก็คือ การที่ข้อมูลได้ผ่านการวิเคราะห์แยกแยะให้ เรารับรู้ถึงสรรพสิ่งรอบตัว
+สีต่างๆนั้นมีหลากหลายโทนตามความเข้มและอ่อนของแสงที่สะท้อนเข้ามาในตา ให้เรามองเห็นสีที่แตกต่างกัน
“สี”เป็นสิ่งที่มีความส�ำคัญอย่างหนึ่งในการด�ำรงชีวิต ซึ่งมนุษย์รู้จักน�ำมาใช้ให้เกิด ประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวันมาตั้งแต่สมัยดึกด�ำบรรพ์ มนุษย์ได้ค้นพบสีจากแหล่งต่างๆ จากพืช สัตว์ ดิน และแร่ธาตุนานาชนิด จากการค้นพบสีต่างๆเหล่านั้น มนุษย์ได้น�ำเอาสี ต่างๆ มาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางโดยน�ำมาระบายลงไปบนสิ่งของภาชนะเครื่องใช้ หรือ ระบายลงไปบนรูปปั้น รูปแกะสลัก เพื่อให้รูปร่างเด่นชัดขึ้น มีความเหมือนจริงมากขึ้น รวม ไปถึงการใช้สีวาดลงไปบนผนังถ�้ำ หน้าผา ก้อนหิน เพื่อใช้ถ่ายทอดเรื่องราวและท�ำให้เกิด ความรู้สึกถึงพลังอ�ำนาจที่มีอยู่เหนือสิ่งต่างๆทั้งปวง การใช้สีทาตามร่างกายเพื่อกระตุ้นให้ เกิดความฮึกเหิม เกิดพลังอ�ำนาจ หรือให้ดูสวยงาม ใช้สีเป็นสัญลักษณ์ในการถ่ายทอดความ หมายอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นสีจึงมีความจ�ำเป็นอย่างมากที่นักถ่ายภาพจะต้องศึกษาและ เรียนรู้เรื่องการใช้สีในภาพ
1 3
2
1 : หลังจากที่มนุษย์รู้จักการใช้สีนับแต่นั้น เป็นต้นมา ทุกสิ่งในชีวิตของมนุษย์ก็ล้วนแล้ว เต็มไปด้วยสีสัน 2 : งานจิตกรรมเป็นอีกหนึ่งในงานศิลปะที่โดด
เด่นเรื่องการใช้สีเป็นอย่างมาก อารมณ์และความ รู้สึกในงานจะถูกควบคุมด้วยการใช้สีทั้งสิ้น
3 : “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” สีคือ สิ่งที่มนุษย์ใช้เพื่อเพิ่มความงามให้กับตนเอง ตั้งแต่เสื้อผ้า หน้าผม
ความส�ำคัญของสีในการถ่ายภาพ
การถ่ายภาพถือเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งและในทางศิลปะ “สี” คือ “ทัศนธาตุ” อย่างหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบส�ำคัญของงานศิลปะ และใช้ในการสร้างงานศิลปะโดยจะท�ำให้ ผลงานมีความสวยงาม ช่วยสร้างบรรยากาศ เด่นชัดและน่าสนใจมากขึ้น สีเป็นองค์ประกอบ ส�ำคัญอย่างหนึ่งของงานศิลปะ และเป็นองค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึก อารมณ์ และจิตใจ ได้มากกว่าองค์ประกอบอื่นๆ ในชีวิตของมนุษย์ตลอดมามีความเกี่ยวข้องกับสี ต่างๆอย่างแยกไม่ออก และใช้สีเพื่อประโยชน์ในด้านต่างๆ
+ สะพานเดียวกัน แต่สีสันในภาพต่างกันมันก็ท�ำให้เวลาดูภาพ บรรยากาศ อารมณ์ ความรู้สึก ก็จะเปลี่ยนไปด้วยอย่างสิ้นเชิง
+ ระหว่าง 2 ภาพนี้ คุณลองคิดและตอบตัวเอง ว่าหากจะต้องนั่งอยู่ในห้องนี้เป็นเวลานานๆ โทนสีไหนที่จะท�ำให้คุณรู้สึกดีและสบายใจ
จิตวิทยาของสี
สีนั้นส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ จินตนาการ การสื่อความหมาย และความสุข ส�ำราญใจในชีวิตประจ�ำวันมาช้านานแล้ว ดังนั้น สีจึงมีอิทธิพลต่อมนุษย์เราเป็นอย่างสูง สีมีผลต่อการรับรู้ทางจิตใจของมนุษย์ และน�ำมาใช้ในเชิงสัญลักษณ์เพื่อสื่อความหมายอย่าง มากมาย นักถ่ายภาพเองก็ใช้ประโยชน์จากจิตวิทยาของสี เพื่ออารมณ์ของภาพถ่ายเช่นกัน
+ สีมีอยู่มากมายหลายสี และทุกสีก็จะให้ผลต่อความคิด ความรู้สึกที่ต่างกัน แม้เป็นสีเดียงกันแต่ความเข้มต่างกัน ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่าง
1
2
3 1 : สีแดง ให้ความรู้สึกร้อน รุนแรง กระตุ้น ท้าทาย เคลื่อนไหว ตื่นเต้น เร้าใจ มีพลัง ความอุดม สมบูรณ์ ความมั่งคั่ง ความรัก ความ สำ�คัญและอันตราย 2 : สีเหลือง ให้ความรู้สึกแจ่มใส ความสดใส ความร่าเริง ความเบิก บานสดชื่น ชีวิตใหม่ ความสด ใหม่ ความสุกสว่าง การแผ่กระจาย และ อำ�นาจบารมี 3 : สีส้ม ให้ความรู้สึกอบอุ่น ความ สดใส มีชีวิตชีวา วัยรุ่น ความคึก คะนอง การปลดปล่อย ความเปรี้ยว และการระวัง
4
7
5
8
6 4 : สีเขียว ให้ความรู้สึกร่มรื่น ร่มเย็น การพักผ่อน การผ่อนคลาย ธรรมชาติ ความ สุขุม เยือกเย็น สงบ เงียบ ความปลอดภัย และความสุข 5 : สีน้ำ�เงิน ให้ความรู้สึกสงบ สุขุม สุภาพ หนักแน่น เคร่งขรึม เอาการเอางาน ละเอียด รอบคอบ สง่างาม มีศักดิ์ศรี สูงศักดิ์ เป็นระเบียบและถ่อมต 6 : สีม่วง ให้ความรู้สึก มีเสน่ห์ น่าติดตาม เร้นลับ ซ่อนเร้น มีอำ�นาจ มีพลังแฝง อยู่ ความรัก ความเศร้า ความผิดหวัง ความสงบ และความสูงศักดิ์ 7 : สีฟ้า ให้ความรู้สึก ปลอดโปร่งโล่ง กว้าง เบา โปร่งใส สะอาด ปลอดภัย ความ สว่าง ลมหายใจ ความเป็นอิสระ เสรีภาพ การช่วยเหลือ และแบ่งปัน 8 : สีชมพู ให้ความรู้สึก อ่อนโยน นุ่มนวล อ่อนหวาน ความรัก เอาใจใส่ วัยรุ่น หนุ่มสาว ความน่ารัก และความสดใส
1
2
3
1 : สีขาว ให้ความรู้สึก บริสุทธิ์ สะอาด สดใส เบาบาง อ่อนโยน เปิดเผย การเกิด ความ รัก ความหวัง ความจริง ความเมตตา ความ ศรัทธา และความดีงาม 2 : สีดำ� ให้ความรู้สึก มืด ลึกลับ ความสิ้น หวัง จุดจบ ความตาย ความชั่ว สกปรก ความลับ ทารุณ โหดร้าย ความเศร้า หนัก แน่น เข้มเข็ง อดทน และมีพลัง 3 : สีเทา ให้ความรู้สึก เศร้า อาลัย ท้อแท้ ความลึกลับ ความหดหู่ ความชรา ความ สงบ ความเงียบ สุภาพ สุขุม และถ่อมตน
สีทอง ให้ความรู้สึก ความหรูหรา โอ่อ่า มีราคา สูงค่า สิ่งสำ�คัญ ความเจริญรุ่งเรือง ความสุข ความมั่งคั่ง ความร่ำ�รวย การแผ่กระจาย
หลักการใช้สี
การใช้สีกับการถ่ายภาพนั้น อยู่ที่นักถ่ายภาพผู้นั้นมีจุดมุ่งหมายของการสื่อ ความหมายใด ที่จะสร้างความสนใจ อารมณ์ต่อผู้ดู เพื่อให้เข้าถึงจุดหมายของภาพที่ ต้องการ หลักของการใช้มีดังนี้ 1.การใช้ สี ว รรณะเดี ย วในภาพ ทั้งหมด จะท�ำให้ภาพความเป็น อันหนึ่งอันเดียวกัน (เอกภาพ) กลมกลืน มีแรงจูงใจให้คล้อยตาม ได้ ม ากความหมายของสี ว รรณะ เดียว (tone) คือกลุ่มสีที่แบ่งออก เป็นวงล้อของสีเป็น 2 วรรณะคือ + หลักการใช้วรรณะสีนั้นเป็นสิ่งที่มีเป้าหมายอย่างชัดเจน แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่หลายๆคน ต้องการสื่อความหมายอีกอย่าง แต่กลับใช้วรรณะสีที่ตรงข้ามกับความหมายนั้น
-วรรณะร้อน (warm tone) ซึ่ง ประกอบด้วย สีเหลือง สีส้ม สีแดง สีม่วง สีเหล่านี้ให้อิทธิพล ต่อความรู้สึก ตื่นเต้น เร้าใจ รื่นเริง สดชื่น ฉูดฉาด บาดอารมณ์ กระฉับกระเฉง และสีวรรณะร้อน เหล่านี้ยังให้ความ หมายที่เร่าร้อน ก้าวร้าว มีอิทธิพลต่อการดึงดูดและกระตุ้นอารมณ์ได้มากมายกว่าโทนสี อื่นๆ สีเหล่านี้จะใช้มากกับงานประเภท หัวหนังสือ นิตยาสาร แคตตาล้อก ตลอดจนป้าย โฆษณาต่างๆซึ่งจะกระตุ้นความสนใจต่อผู้พบเห็นได้เร็ว
+ สีในวรรณะร้อนนั้น มีความสามารถในการดึงดูดสายตาให้คนมองมาที่ภาพได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายทางศิลปะและงานเชิงพาณิชย์
-วรรณะเย็น (cool tone) ประกอบด้วย สีเทา สีเหลือง สีม่วง (สีเหลืองกับสีม่วงอยู่ได้ ทั้งสองวรรณะ) สีเขียว สีฟ้า สีน�้ำเงิน สีเหล่านี้ดู เย็นตา ให้อารมณ์ความรู้สึก สงบ สดชื่น สะอาด เย็นสบาย
+ สีในวรรณะเย็น เป็นสีที่เมื่อมองแล้วให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และสบายตาเมื่อมองภาพ ภาพที่มีสีวรรณะเย็นมักจะถูกใช้เพื่อบำ�บัดผู้ป่วย หรือผู้ที่มีสภาวะความเครียดสูง
2.การใช้สีต่างวรรณะ หลักการทั่วไป ใช้อัตราส่วน 80% ต่อ 20% ของวรรณะสี คือ ถ้าใช้สี วรรณะร้อน 80% ควรจะให้มีสีวรรณะเย็น 20% เป็นต้น ซึ่งการใช้แบบนี้สร้างจุดสนใจของ ผู้ดู ไม่ควรใช้อัตราส่วนที่เท่ากันเพราะจะท�ำให้ไม่มีสีใดเด่น จะท�ำให้ภาพที่ได้นั้นไม่น่าสนใจ + ภาพที่มีสีวรรณะร้อน80% และมีสีในวรรณะเย็น 20%
+ ภาพที่มีสีวรรณะเย็น80% และมีสีในวรรณะร้อน 20%
ในการใช้สีตรงกันข้าม สีตรงข้ามจะท�ำให้ความรู้สึกที่ตัดกันรุนแรง สร้างความเด่นและเร้าใจได้มาก แต่หากใช้ไม่ถูกหลัก หรือไม่เหมาะสม หรือใช้จ�ำนวนสีมากสีจนเกินไป ก็จะท�ำให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งมากจนเกินไป ควรใช้สีตรงข้ามในอัตราส่วน 80% ต่อ20% หรือหากมีพื้นที่เท่ากันที่จ�ำเป็นต้องใช้ ควรน�ำสีขาวหรือสีด�ำเข้ามาช่วย เพื่อตัดเส้นให้แยกออกจากกัน หรืออีกวิธีหนึ่งคือ การลดความสดของสีตรงข้ามให้หม่นลงไป
จากหลักการและทฤษฏีสีที่ได้กล่าวมานี้ น่าจะพอช่วยให้ทุกคนได้รู้ถึงความส�ำคัญ ของสีที่ผลต่อภาพกันมากขึ้นนะครับ แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังไม่ได้พูดถึงค่าแสงที่มีผลต่อสี นะครับ เพราะว่ามันอาจจะหนักหัวมากเกินไป ส�ำหรับการเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องสีกับการถ่ายภาพ ให้คุณลองน�ำเสนอภาพด้วยการใช้สีในหัวข้อ ที่กล่าวมาเสียก่อน ค่อยๆท�ำความเข้าในและ จัดการสีในภาพเพื่อสื่ออารมณ์ให้ได้ ไว้ในโอกาสต่อไปจะน�ำทฤษฏีสีของแสงมาฝาก นะครับ ส�ำหรับฉบับนี้สวัสดีครับ.
TRAVEL GUIDE เรื่อง/ภาพ : Aof Foszill
5 วัดในขอนแก่น ท่องเที่ยว ถ่ายภาพ ทำ�บุญ
สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ส�ำหรับฉบับนี้ ผมจะพาทุกท่านไปท�ำบุญ ไหว้พระยังดินแดนบ้านเกิดเมืองนอนของผมเอง นั่นก็คือ จังหวัดขอนแก่น ทริปนี้ก�ำหนดเวลาเที่ยวแบบ สั้นๆ ในฉบับที่ไปง่ายมาง่าย เช้ายันเย็น ว่าจะสามารถไป ที่ไหนได้บ้างในตัวจังหวัดขอนแก่น กับ 5 วัด ที่ต้องมาสักครั้ง เมื่อมาเยือนจังหวัดขอนแก่นครับ
ภาพมุมสูงบริเวณวัดเจติยภูมิ
พระธาตุขามแก่น (วัดเจติยภูมิ)
เริ่มต้นการเดินทางของผม แน่นอนว่าจะต้องสักการะ พระธาตุขามแก่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดขอนแก่น ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองขอนแก่นประมาณ 24 กิโลเมตร ก็จะ ถึงวัดเจติยภูมิ ซึ่งเป็นวัดที่เป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุขามแก่น โดยตลอดช่วงที่เรามาที่วัด ได้มีประชาชนทั้งชาวขอนแก่น และใกล้เคียง เดินทางมาสักการะพระธาตุขามแก่นอย่างต่อ เนื่อง นักท่องเที่ยวสามารถน�ำรถเข้ามาจอดบริเวณภายในวัด ได้เลยครับ ต�ำแหน่งที่ตั้ง (คลิ๊ก) : วัดพระธาตุขามแก่น
วัดทุ่งเศรษฐี นมัสการมหาเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ (มหาเจดีย์รัตนะ) ได้ถูกสร้างโดยความ ริเริ่มของหลวงตาย่ามแดง โดยเริ่มแรกการสร้างวัดท่านได้มอบที่ดินส่วนตัว ท่านเอง ให้เป็นสถานที่สร้างวัด และเป็นสถานที่ในปัจจุบัน ได้มีการตกแต่ง เรื่องราวค�ำสอนทางด้านศาสนา โดยมีสิ่งส�ำคัญภายในวัดดังนี้ มหารัตนเจดีย์ ศรีไตรโลกธาตุ บรรจุพระทันต์แก้วซี่ขวาล่าง พระบรมสารีริกธาตุพระพุทธรูป สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ , มณพปองค์ปฐม , พระพุทธนีลวรรโณศีโลทรัพยุดม หรือ หลวงปู่ด�ำ , สวนนรก , รูปปั่นพญานาค และ แท่นแว่นฟ้าจุฬามณีและท่านาค เจดีย์ศรีนาคิน วัดทุ่งเศรษฐี ตั้งอยู่ที่ ต�ำบลพระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น อยู่ถนน เลี่ยง เมืองขอนแก่น ฝั่งทิศใต้ กม.40 ห่างจากตัวเมือง(ศาลหลักเมือง) เพียงแค่ 7 กิโลเมตรเท่านั้น
ต�ำแหน่งที่ตั้ง (คลิ๊ก) : วัดทุ่งเศษฐี
พระมหาธาตุแก่นนคร (วัดหนองแวง)
วัดหนองแวงเมืองเก่าซึ่งเป็นพระอารามหลวง มีความสูงขององค์ พระธาตุฯ 80 เมตร เรือนยอดจ�ำลองแบบจากพระธาตุพนม มีจ�ำนวน ชั้นทั้งหมด 9ชั้น โดยภายในพระธาตุบริเวณชั้นแรก เป็นหอประชุมมี พระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานอยู่บนบุษบกและพระประธาน 3 องค์ อยู่ตรงกลาง ท่านจะพบกับที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของ พระพุทธเจ้า ส่วนอุรังคธาตุ (ส่วนอก) และพระธาตุของพระสาวกประมาณ 100 องค์ ที่บรรจุอยู่ในโถแก้ว และชั้นที่ 9 จะสามารถมองเห็นตัวเมืองขอนแก่น รวมถึงบึงแก่นนครได้อย่างสวยงาม การเดินทางมายังวัดพระมหาธาตุแก่นนคร ท�ำได้ง่ายมาก เนื่องจาก ตั้งอยู่ที่เขตเมืองเก่า ห่างจากตัวเมืองเพียงแค่ 3 กิโลเมตรเท่านั้น นักท่องเที่ยวสามารถน�ำรถมาจอดภายในวัดได้เลยครับ ต�ำแหน่งที่ตั้ง (คลิ๊ก) : พระมหาธาตุแก่นนคร
วัดไชยศรี (สินไซ) วัดไชยศรีมีการประกาศตั้งวัดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2408 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2460 ชาวบ้านเรียกว่าวัดใต้ เนื่องจากสิมมีอายุมาก จึงมีสภาพ ช�ำรุดและถูกดัดแปลงก่อเสริมหลายครั้งหลายหนให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ทั้งภายนอกและภายใน ที่ บริเวณภายในสิม จะเปิดในช่วงเทศกาลส�ำคัญๆเท่านั้น นับว่าเป็นบุญของทางทีมงาน Travelgraphy ที่ได้มีโอกาสเข้าไปเก็บภาพภายในสิม ในครั้งนี้ และจิตรกรรมฝาผนังที่เลื่องชื่อของวัดไชยศรีคือ “สินไซ” ที่หาดูได้ยากมากในขณะนี้ และนับว่ามีความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก เหมาะแก่การถ่าย ภาพและศึกษาเรื่องราวด้านจิตรกรรมฝาผนังเป็นอย่างมาก การเดินทางมายังวัดไชยศรี ให้ขับตามทางหลวงหมายเลข 12 เลี้ยวขวาตรงสี่แยกบ้านทุ่ม ขับ ตามป้ายบอกทางไปเรื่อย โดยระยะทางรวมจากตัวเมืองประมาณ 21 กิโลเมตร โดยวัดไชยศรีเป็น วัดเล็กๆ ถ้ามาช่วงเพล ก็จะเจอกับผู้เฒ่าผู้แก่ เข้ามาถวายอาหารเพลที่วัดอีกด้วยครับ Tip : การถ่ายภาพที่มีภาพเขียนหรือภาพวาดฝาผนัง ไม่ควรใช้แฟลซในการถ่ายภาพ เพราะ ความร้อนของแฟลซ อาจส่งผลต่อภาพเขียนเหล่านั้นได้ แนะน�ำให้เพิ่ม ISO ขึ้น และภายในสิม เป็น พื้นที่ขนาดเล็ก การใช้เลนส์มุมกว้าง ก็จะสามารถเก็บภาพได้ทั่วถึงมากกว่าครับ ต�ำแหน่งที่ตั้ง (คลิ๊ก) : วัดไชยศรี (สินไซ)
บรรยากาศภายในสิม วัดไชยศรี
ศาลหลักเมืองขอนแก่น
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจ�ำเมืองขอนแก่น ศาลหลักเมือง หรือที่ชาวขอนแก่นเรียกว่า ศาลเทพารักษ์ เป็นที่ เคารพของชาวขอนแก่น รวมถึงนักท่องเที่ยวแขก บ้านแขกเมืองจะไปหรือจะลาต้องมากราบไหว้ขอ พรศาลหลักเมือง เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ตัวเอง และคนรอบตัว โดยศาลหลักเมืองมีศิลปะเฉพาะ ตัว ประดับไฟในช่วงกลางคืน เหมาะแก่การตั้งกล้อง ถ่ายภาพเป็นอย่างมาก และอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นของคู่ กับศาลหลักเมืองขอนแก่นนั่นก็คือ หนังกลางแปลง แก้บน ที่มีให้ชมเกือบตลอดทุกคืน บางคืนมีถึง3จอ เลยทีเดียวเชียว ต�ำแหน่งที่ตั้ง (คลิ๊ก) : ศาลหลักเมืองขอนแก่น
เป็นอย่างไรบ้างครับ กับวัดและสถานที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผมพา ทุกท่านไปกราบไหว้ในครั้งนี้ แน่นอนว่าขอนแก่นยังมีอีกหลาย แห่งที่ยังรอต้อนรับนักท่องเที่ยวไปกราบไหว้ขอพร นี่ก็เป็นเพียง แค่ปริปเล็กๆและสั้นๆ ที่หลายๆคนสามารถเข้าไปกราบไหว้และ ถ่ายภาพได้อย่างง่าย ครั้งหน้าผมจะพาทุกท่านไปที่ไหน ต้อง ติดตามกันต่อไป สวัสดีครับ ...
ขอขอบคุณข้อมูล กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
WIDE LIFE เรื่อง/ภาพ : วรท กุมภ์ประดิษฐ์ FB : Warot Kumpradist
Photography Technique
บึงบอระเพ็ด ทะเลสาบน้ำ�จืดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
บึงบอระเพ็ด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเป็น บึงทะเลสาบน�้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเนื้อที่ 132,737 ไร่ อยู่ในท้องที่สาม อ�ำเภอของจังหวัดนครสวรรค์ ได้แก่ อ�ำเภอเมืองนครสวรรค์ อ�ำเภอท่าตะโก และอ�ำเภอ ชุมแสง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ส�ำคัญของจังหวัดนครสวรรค์ กลางบึงมีต�ำหนักแพที่สร้าง ขึ้นครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด�ำเนินแปรพระราชฐาน
เดิมบึงบอระเพ็ดแห่งนี้มีชื่อว่า “ทะเลเหนือ” หรือ “จอมบึง” เนื่องจากมีสัตว์และพันธุ์ พืชน�้ำเป็นจ�ำนวนมาก รวมทั้งจระเข้ จากการส�ำรวจพบว่ามีสัตว์อาศัยอยู่ประมาณ 148 ชนิด พืช 44 ชนิด มีพันธุ์สัตว์ที่หายากได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร (พบครั้งแรกที่บึงบอระ เพ็ด) แลคาดว่าน่าจะสุญพันธ์ไปแล้ว และในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมจะมีนกเป็ดน�้ำ อพยพมาที่บึงแห่งนี้เป็นจ�ำนวนมาก พื้นที่บางส่วนได้รับการประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร หรือ นกนางแอ่นตาพอง (อังกฤษ: White-eyed River-Martin, ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pseudochelidon sirintarae หรือ Eurochelidon sirintarae) เป็นนกจับ คอนหนึ่งในสองชนิดของสกุลนกนางแอ่นแม่น�้ำในวงศ์นกนางแอ่น พบบริเวณบึงบอระเพ็ดใน ช่วงฤดูหนาวเพียงแห่งเดียวในโลก แต่อาจสูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 เหลือไว้เพียงรูป ปั้นให้นักเที่ยวได้ชม
บึงบอระเพ็ดตั้งอยู่ ณ. ต�ำแหน่งภูมิศาสตร์ที่ละติจูด 15 องศา 40 ลิปดา ถึง 15 องศา 45 ลิปดาเหนือ และ ลองจิจูด 100 องศา 10 ลิปดา ถึง 100 องศา 23 ลิปดาตะวันออก มีพื้นที่ ประมาณ 132, 737 ไร่ หรือ 212.3792 ตารางกิโลเมตร อยู่ในเขตการปกครองของจังหวัด นครสวรรค์ รวม 3 อ�ำเภอ คือ อ�ำเภอเมืองนครสวรรค์ อ�ำเภอชุมแสง และอ�ำเภอท่าตะโก ซึ่งทั้ง 3 อ�ำเภอได้แบ่งเขตที่กลางบึงบอระเพ็ด โดยมีอาณาเขต
บ ริ เ ว ณ รู ป ป ั ้ น น ก เจ้าฟ้าหญิงสิรินธร มีเรือ ส�ำหรับบริการล่องเรือชม นกชมธรรมชาติ โดยมีชาว ประมงเป็นคนขับเรือและ พร้อมเป็นไกด์ไปในตัว ที่ พาล่องเรือไปในพื้นที่ส่วน ต่างๆ ดูนกนานาชนิด ซึ่ง ส่วนใหญ่เป็นนกน�้ำที่มีทั้ง นกประจ�ำถิ่นและนกอพยพ โดยมีการส�ำรวจพบนกไม่ต�่ำกว่า 190 ชนิด ที่บึงบอระเพ็ดโดย นกที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เช่น นกอีโก้ง นกอีแจว นกอัญชันคิ้วขาว นกจาบสีทอง
พื้นที่ของบึงบอระเพ็ดในอดีตนั้นเป็นที่ราบลุ่ม แวดล้อมไปด้วยป่าไม้เบญจพรรณอัน อุดมสมบูรณ์ มีล�ำคลองเล็กๆ ไหลผ่านและประกอบไปด้วยหนองน�้ำหลายแห่ง เมื่อถึงฤดูฝน จะมีน�้ำทางเหนือไหลหลาก ท�ำให้บริเวณบึงบอระเพ็ดมีน�้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง จนกลาย เป็นทะเลสาบน�้ำจืดขนาดใหญ่ อุดมไปด้วยสัตว์น�้ำนานาชนิด บึ ง บอระเพ็ ด นอกจากจะมี พืชพันธุ์ไม้น�้ำอยู่เป็นจ�ำนวน มากแล้ว ยังเป็นแหล่งรวม ปลาน�้ ำ จื ด หลากหลายสาย พันธุ์ โดยมีพันธุ์ปลาที่หา ยาก อย่างเช่น ปลาเสือตอ ปลาเสือพ่นน�้ำ ปลากระโห้ เป็นต้น รวมถึงยังเคยเป็น แหล่งอาศัยของจระเข้น�้ำจืด
นกอีโก้ง / Purple Swamphen
นกตีนเทียน / Black-winged Stilt นกอ้ายงั่ว / Oriental Darter
นกกระสานวล / Grey Heron นกยางไฟธรรมดา / Cinnamon Bittern
นอกจากนี้บึงบอระเพ็ดยังมีนกน�้ำ นกประจ�ำถิ่น และนกอพยพอาศัยหากินอยู่ มากมาย จนได้ชื่อว่าเป็น “เมืองหลวงนกน�้ำของไทย” และเป็นแหล่งชมนกชั้นเลิศ 1 ใน 9 ของโล เรายังสามารถพบนกอพยพได้หลายชนิด เช่น นกฟลามิงโก เป็ดพม่า เป็ดเชลดั๊ก เป็ดปากพลั่ว เหยี่ยวชนิดต่างๆ ที่ครั้งนี้ สามารถบันทึกภาพไว้ได้
เป็ดปากพลั่วมีขนาดยาวประมาณ 50ซม เป็ดชนิดนี้ลักษณะเด่นคงจะหนีไม่พ้นปาก ตัวผู้ตัวเมียเเยกออกง่าย โดยที่ตัวผู้จะมีปากสีด�ำสนิท ที่หัวจะมีเขียว อกขาว ตาเหลือง ส่วนตัวเมียที่ปากอาจจะเห็นสีเหลืองๆส้มๆปนอยู่บ้าง ตา ลวดลายตามปีกจะมีสีน�้ำตาล เป็นหลัก เป็นเป็ดอพยพประจ�ำฤดูหนาว พบได้ทั่วๆไปตามเเหล่งน�้ำ มีให้ดูหนาตาพอสมควร เเต่ในส่วนของเกาะฮอกไกโดจะพบเพียงจ�ำนวนน้อยเท่านั้น
เป็ดปากพลั่ว Northern Shoveler
เป็ดพม่า / RUDDY SHELDUCK ลักษณะทั่วไป เป็นนกขนาดกลาง-ใหญ่ (62-64 ซม.) ลักษณะทั่วไปคล้ายกับห่าน แต่ขายาวและคอค่อน ข้างสั้น สีโดยทั่วๆไปเป็นสีน�้ำตาลแดงแกมส้ม บริเวณหัวเป็นสีน�้ำตาลอ่อน ขณะที่บินจะเห็นขนคลุมปีก เป็นสีขาว ตัดกับสีของขนปีกที่มีสีด�ำทั้งด้านบนและด้านล่าง ขนกลางปีกตอนโคนมีสีเขียวเป็นมัน ปาก และนิ้วสีด�ำ ตัวผู้มีลายเส้นสีด�ำเป็นวงรอบคอ ตัวเมียไม่มีลายเส้นดังกล่าวแต่อย่างใดเป็ดพม่าเป็นนก อพยพมายังประเทศไทยในฤดูหนาว หายากและปริมาณน้อย พบในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางบางแห่ง กฎหมายจัดเป็ดพม่าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
นกฟลามิงโกใหญ่ / Greater Flamingo ในปี พ.ศ.2559 คือรายงานครั้งแรกที่พบ นกฟลามิงโกใหญ่ที่ทะเลสาบบึงบอระเพ็ด เป็นนกอพยพหรือนดหลุดไม่สามารถหาข้อมูลได้ แต่ในปี 2560 และในปีนี้ 2561 ก็ยัง พบนกฟลามิงโกใหญ่ที่บึงบอระเพ็ด และยังไม่แน่ใจว่าเป็นตัวที่เคยพบเมื่อปี พ.ศ.2559 และ 2560 หรือไม่
เหยี่ยวออสเปร / Osprey, Sea hawk ป็นนกล่าเหยื่อที่กินปลาเป็นอาหาร มีขนาดใหญ่ ยาว 60 เซนติเมตร ช่วงปีกกว้าง 2 เมตร ขน ส่วนบนเป็นสีน�้ำตาล ศีรษะและส่วนล่างมีสีค่อนข้างเทา มีสีด�ำบริเวณตาและปีก เหยี่ยวออสเปรมีการกระจายพันธุ์เป็นวงกว้าง ชอบท�ำรังใกล้กับแหล่งน�้ำ แม้ว่าในทวีปอเมริกาใต้ จะเป็นเพียงแค่นกอพยพนอกฤดูผสมพันธุ์ แต่ก็ถือว่าสามารถพบได้ทุกทวีปยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา
เป็ดเชลดัก / Common Shelduck
เป็นที่นกอพยพเข้ามาในฤดูหนาว หรือนอกฤดูผสมพันธุ์ ขนล�ำตัวสีขาว หัวและคอประมาณ ครึ่งหนึ่งสีเขียวเป็นมัน ปากสีแดงสด แถบคาดอกขนาดใหญ่สีน�้ำตาลแดงต่อเนื่องถึงหลัง โคนปีก และปลายขนปีกสีด�ำ แข้งและตีนสีชมพู มีรายงานการพบเฉพาะที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ที่เดียวเท่านั้น พบเห็นยาก (เนื่องจากพฤติกรรม) หรือมีจ�ำนวนน้อยมากในถิ่นอาศัยที่เหมาะสม
การเดินทาง: จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน (ถนนสาย เอเชีย) ผ่านหน้าค่ายจิระประวัติก่อนขึ้นสะพานเดชาติวงศ์ เลี้ยวขวาทางหลวงที่ 225 (นครสวรรค์-ชุมแสง) ผ่านหน้าห้างแมคโครไปประมาณ 8กม. ถึง อบต.แควใหญ่อยู่ด้าน ซ้ายมือ และมีทางแยกขวาเข้าสู่บึงบอระเพ็ด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ / การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ททท. ส�ำนักงานนครสวรรค์ โทร. 056 221 811-2 โทรสาร 056 221 810, E-mail : tatsawan@tat.or.th
SHOW TIME เรื่อง/ภาพ : กองบรรณาธิการ
1,340เมตร เหนือระดับน้ำ�ทะเล
ถ้าพูดถึงการท่องเที่ยวบนที่สูง มีที่กางเต๊นท์ริม ถนน ผู้คนไม่พลุกพล่าน ไม่มีรถวิ่งไปวิ่งมา ความสูงเกิน หนึ่งพันเมตรขึ้นไป และมีตัวคุ่น หลายคนคงนึกถึงที่นี่
ช่องเย็น อุทยานแห่งชาติแม่วงก์
“ช่องเย็น” ตั้งอยู่บนที่สูง 1,340เมตร เหนือระดับน�้ำทะเล มีท�ำเลที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยาน แห่งชาติแม่วงก์ อ�ำเภอปางศิลา จังหวัดก�ำแพงเพชร มีพื้นที่ป่าที่มีความสมบูรณ์ทางด้าน ธรรมชาติ เพราะบริเวณช่องเย็น เป็นจุดสิ้นสุดถนนทางหลวงหมายเลข1117 โดยนักท่อง เที่ยวที่จะขึ้นไปค้างแรมที่บริเวณช่องเย็น จะต้องเตรียมอาหารและระบบส่องสว่างขึ้นไป ด้วย ทั้งนี้สามารถหาซื้อได้จากตัวอ�ำเภอคลองลานไปได้เลยครับ หลังจากนั้นก็ต้องขับรถไป ตามเส้นทาง คลองลาน-อุ้มผาง ในระยะทางประมาณ 47กิโลเมตร ก็จะถึงที่หมายที่ช่องเย็น แต่ก่อนจะถึงจุดหมายปลายทางนั้น นักท่องเที่ยวจะต้องลงชื่อเข้าพื้นที่ ณ ที่ท�ำการอุทยาน บริเวณด้านล่างซะก่อนนะครับ แล้วทางเจ้าหน้าที่จะถามจ�ำนวนสมาชิก ทะเบียนรถ ค้างกี่ คืน เบอร์ติดต่อ และให้บัตรผ่าน ซึ่งต้องยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลตรงประตูเข้าออกตรงทาง เลี้ยวขึ้นไปที่ช่องเย็น ทั้งนี้จากการ สอบถามเจ้าหน้าที่ได้ค�ำตอบคือ “เพื่อเป็นการเช็คจ�ำนวนนักท่อง เที่ยว และควบคุมนักท่องเที่ยว ไม่ให้ล้นที่พักจุดกางเต๊นท์บริเวณ ช่องเย็น” เมื่อได้บัตรผ่านแล้ว ก็ ท�ำการเดิ น ทางไปยั ง จุ ด หมาย ปลายทางของเราเลยครับ เริ่มต้นการเดินทางจากที่ท�ำการอุทยานแม่วงก์ เราจะต้องขับรถตามทางเส้นเดียว ด้วย ระยะทางอีก 28กิโลเมตร ดูเหมือนว่าจะใกล้ๆ เพราะถ้าทางปกติระยะทางแค่นี้ เราจะใช้ เวลาไม่เกิน 20นาที แต่อย่าลืมว่าหนทางข้างหน้า เป็นถนนของอุทยาน แน่นอนว่าทางอาจ จะดีบ้างไม่ดีบ้าง จะสังเกตุได้ว่าหลายช่วงมีการปรับปรุง บางช่วงก็รอการปรับปรุง แต่สิ่งที่ เป็นจุดที่น่าสนใจระหว่างสองข้างทางคือ “ธรรมชาติที่ยังคงบริสุทธิ์” ขับรถไป ก็เพลิดเพลิน ไป ยิ่งเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปด้วยแล้ว หาจุดเหมาะๆ ลงไปถ่ายรูปสองข้างทาง เรียกได้ว่า ระยะทางแค่ 28 กิโลเมตร พวกเราใช้เวลาเดินทางไปถึง 1.30ชั่วโมงเลยทีเดียว ทั้งนี้เพราะ อะไร ไปดูรูปต่อจากนี้ น่าจะให้ค�ำตอบได้ว่า สองข้างทางมันสวยมากแค่ไหน
(ด้านบน) จุดพักรถบริเวณจุดชมวิวกิ่วกระทิง ปราการด่านแรกก่อนขึ้นไปช่องเย็น (ด้านล่าง) ถึงบริเวณช่องเย็น ก็เช็คความสูงกับนาฬิกาคู่ใจสักหน่อย
เราเดินทางมาถึงช่องเย็น ก็เกือบจะมืดซะแล้ว แน่นอนก่อนลงจากรถ อย่าลืมทาครีม กันยุง เน้นนะครับว่าทาหนาๆหน่อยก็ดี เพราะที่นี่ “คุ่น” ดุมาก ซึ่งตัวคุ่นจะเป็นสัตว์ตัวเล็ก ขนาดเท่าแมงหวี่ อาศัยตามพื้นหญ้า กัดแล้วจะเกิดเป็นตุ่มเลือด ถ้าโดนตัวคุ่นกัด ระยะเวลา การรักษาแผลของแต่ละคนก็จะไม่เท่ากัน บางคนมีภูมิต้านทานเยอะ 1 สัปดาห์ก็หาย แต่ บางคนต้องใช้ระยะเวลาเป็นปีก็ยังไม่หาย วิธีป้องกันอันดับแรก ทาครีมกันยุงหรือกันแมลง กัด ใส่เสื้อผ้าและกางเกงมิดชิด ใส่ถุงเท้าหนาๆ หลีกเลี่ยงการเดินบริเวณหญ้า เท่านี้เองครับ วิธีป้องกันคุ่นกัดที่บริเวณช่องเย็น
หลังจากจัดการวิธีป้องกันตัวคุ่นแล้วเสร็จ ก็ท�ำการจัดการกางเต๊นท์ได้เลยครับ และจุด ที่กางเต๊นท์ จะเป็นจุดที่ชมดวงอาทิตย์ตกที่สวยงาม แค่นั่งอยู่หน้าเต๊นท์ ก็เห็นวิวดวงอาทิตย์ อัสดงลับขอบฟ้า ท่ามกลางฉากหน้าที่เป็นทิวเขาน้อยใหญ่สลับกันไป และสิ่งที่สวยงามอีก อย่างของที่ช่องเย็นคือ แนวเขาจะเป็นแนวสองเขา มีร่องเขาที่เป็นแนวไกลสุดสายตา สร้าง เรื่องราวให้กับภาพถ่ายได้อย่างสวยงามไปอีกแบบ ไม่รอช้าครับ หยิบขาตั้งกล้อง สายลั่น ชัตเตอร์ รวมถึงกล้องกับลนส์ในช่วงต่างๆ ช่วงแรกอาจจะเก็บภาพมุมกว้างก่อน เพื่อให้เห็น บรรยากาศของจุดกางเต๊นท์ที่ช่องเย็น จนได้รูปที่พึงพอใจแล้วก็เปลี่ยนระยะเลนส์ เป็นช่วง เทเลโฟโต้ ครั้งนี้ผมติดเลนส์ Nikkkor AF-S 70-200mm f/2.8G ED VR II มาด้วย เพราะ ก่อนออกเดินทาง ได้หาข้อมูลสถานที่แห่งนี้มาเป็นอย่างดี และไม่ผิดหวังจริงๆครับ ข้อดีของ การใช้เวลนส์เทเลโฟโต้ในการถ่ายภาพวิวคือ เราจะใช้วิวทิวทัศน์ที่ใหญ่ขึ้น ดูยิ่งใหญ่ ได้ดวง อาทิตย์ดวงโตขึ้น ดึงฉากหน้าให้ใหญ่ขึ้น ละลายฉากหลังได้ดี ผมเลยชอบมาเวลาถ่ายดวง พระอาทิตย์ตก จะหยิบเลนส์เทเลโฟโต้มาถ่าย ถึงแม้มันจะหนัก แต่มันก็คุ้มครับ หลังจาก ถ่ายภาพดวงอาทิตย์อัสดงแล้ว ก็ถึงเวลาออกล่าช้างต่อ น่าเสียดาย วันนี้เมฆเยอะ เก็บกล้อง แล้วพักผ่อนแทนครับ
ช่วงเช้าเราตื่นขึ้นมาพร้อมกับอากาศสุดแสนจะฟิน หมอกจางๆ พัดผ่านร่างกาย หยิบเสื้อกันหนาวขึ้นมาสวมทับ รักษาอุณหภูมิกันสักหน่อย ก่อนจะจัดแจงสัมภาระให้น้อย ชิ้นที่สุด เพื่อไปยังสูงสุด “ภูสวรรค์” จุดชมวิว 360องศา สูงเหนือระดับน�้ำทะเล 1,429เมตร ที่ห่างจากจุดกางเต๊นท์เพียงแค่ 300เมตร แต่เป็นทางชัน ใช้เวลาเดินเท้า 30นาทีโดย ประมาณ ระหว่างทางก็จะเห็นพืชพรรณต่างๆ มีจุดพักร่างกาย ที่เหนื่อยล้าจากระยะทางได้ แต่บ่นในใจว่าแค่300เมตร แต่ท�ำไมมันไกลซะแบบนี้ ดื่มน�้ำให้หายเหนื่อย จากเสื้อกันหนาว ที่คลุมตัว ก็เริ่มถอดออก ท�ำตัวให้เบาที่สุด ไม่นานครับก็ถึงยอดภูสวรรค์ สวยสมค�ำร�่ำลือ จริงๆครับ เป็นเนินเขาเล็กๆ ที่มีจุดชมวิว 360องศา เรียกได้ว่า ใครที่มาที่ช่องเย็น ถ้าไม่ได้ เดินมายังภูสวรรค์ เท่ากับว่ามาไม่ถึงก็ว่าได้นะครับ
จบลงไปอย่างเรียบร้อยกับทริปแคมป์ปิ้งที่ช่องเย็น คลองลาน-อุ้มผาง ซึ่งเป็นถนนที่มีประวัติศาสตร์มาอ 93 บนความสูง 1,340เหนือระดับน�้ำทะเล ที่นี่ “ช่องเย
น สถานที่ที่เป็นจุดสิ้นสุดของทางหลวงแผ่นดินสาย อย่างยาวนาน และเป็นจุดสิ้นสุดของถนนเส้นนี้ ที่ กม. ย็น อุทยานแห่งชาติแม่วงก์”
Photography นกแต้วแล้Technique วลาย
การถ่ายภาพนก ในสภาพแสงที่โหดหรือที่มึดกลางป่าเขา ปัจจัยที่ท�ำให้ภาพสว่างก็คงจพเป็น แฟรช การเพิ่ม ISO หรือการใช้เลนส์ที่รูรับแสงกว้างๆ เพื่อที่จะให้ภาพที่สว่างขึ้นมา แน่นอนการใช้แฟรช ในการถ่ายภาพสัตว์ป่า ยิ่งเป็นนกด้วยนั้น อาจจะได้ถ่ายภาพเพียงช๊อตเดียว เนื่องจากแสงแฟรชที่ยิง ออกไปอาจท�ำให้นกตกใจแล้วบินหายไปเลย เสียโอกาสในการถ่ายภาพ หรือการเพิ่ม ISO ของกล้องที่ สูง แน่นอนเราสามารถได้ภาพที่ว่างขึ้น แต่อาจจะต้องแรกมากับน๊อยในภาพ ซึ่งถ้าดัน ISO สูงๆหลัก 4-5,000 ก็ท�ำให้ภาพนั้นอาจจะไม่คม แต่ก็เป้นวิธีทีจะท�ำให้เราถ่ายภาพได้สว่างขึ้น หลักการถ่ายภาพนกให้ได้คมไม่มีน๊อยมารบกวน จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย เพียงแต่เราต้องรู้ เทคนิคในการถ่าย รู้นิสัยสัตว์หรือนกที่เราจะถ่าย สิ่งเหล่านี้เราจะรู้ได้ก็ต่อเมือเราสังเกตุพฤติกรรมของ นกนั่นเอง Nikon D750 + Lens Nikon 200-500 f5.6 speed shutter 1/25 s f5.6 ISO 1000 ที่ระยะซูม 480mm ปรับแสงใน Camera RAW จากค่าดังกล่าว ที่สปีดชัทเตอร์ 1/25 s ถ้าเราไม่สังเกตุพฤติกรรมของนกแต้วแล้วลายตัวนี้ ผมจะไม่มี ทางที่จะถ่ายภาพนี้ได้ชัดเลย เพราะนกตัวนี้เวลาหาอาหารกินจะมีจังหวะหยุดนิ่งเพียง 1-2วิ และจะ กระโดดไปเรื่อยๆเพื่อหาอาหาร เพียงแค่เราสังเกตุพฤติกรรมของนก ก็ท�ำให้เราได้ถ่ายภาพที่คมและ ชัด และลดอาการเกิดน๊อยในภาพแล้วครับ ยิ่งถ้าเราใช้รีโมทชัทเตอร์ในการถ่ายภาพแทนการกดปุ่มชท เตอร์ เราก็จะลดการสั่นสะเทือนของตัวกล้องได้อีกด้วย
LIFE TRAVELER เรื่อง/ภาพ : วรุตม์ หนันเรือง FB : Warut Nanruang
กระบี่
ขุมทรัพย์แห่งอันดามัน(1)
“สิ้นเสียงโทรศัพท์ หยุดยาวนี้ไปไหนดี หลังจากดูตารางงานแล้ว ช่วงต้น เดือนมีนาคมนี่แหละ เหมาะอย่างมากกับการไปเที่ยวทะเล ทั้งนี้ยังลังเลอยู่ว่าจะไป ที่ไหน จนถึงบทสรุปก่อนวันเดินทางแค่ 3 วันว่า “กระบี่” นี่แหละ ที่เหมาะสมที่สุด”
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งในคอลัมน์ Traveler จากที่เกริ่น ไปข้างต้น แน่นอนครับว่าเราจะพาทุกท่านไปเที่ยวที่จังหวัด “กระบี่” เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ ผมเคยไปท�ำงานในช่วงสั้นๆ เมื่อ5 ปีที่ผ่านมา ครั้งนั้นมีโอกาสไปเที่ยวที่ชายหาดพร้อมเก็บ ความประทับใจ ก่อนจะจากไปในครานั้น ก็ได้พูดกับตัวเองว่า จะมาอีกครั้งแน่นอน ประจวบ เหมาะกับช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงวันหยุดมาฆบูชา เลยถือโอกาสลางานวัน ศุกร์เพิ่มอีกหนึ่งวัน พาคุณศรีภรรยาและครอบครัวออกไปเที่ยวภาคใต้ เหมือนเมื่อครั้งวัย เยาว์ท่านเคยพาเรามาพร้อมความประทับใจในครั้งนั้นจะหวนกลับมาอีกครั้ง การเดินทางของเราออกเดินทางจากทุ่งบางกะปิ แน่นอนว่าก่อนการเดินทางทุกครั้ง ผมจะศึกษาเส้นทางรวมทั้งข้อมูลต่างๆของการเดินทาง เพราะเราออกเดินทางในช่วงเที่ยง คืน ต้องใช้ความระมัดระวังกับเส้นทางพอสมควร และใช้เวลาการเดินทางจากกรุงเทพมา ถึงกระบี่ ก็เกือบๆ 10 ชั่วโมง แนะน�ำให้จอดพักรถเป็นระยะด้วยนะครับ (ในกรณีขับรถคน เดียวเหมือนผม) เพื่อเป็นการพักร่างกายและพักรถไปในตัวครับ
Day 1 สระมรกต-เกาะลันตา
สถานที่แรกที่เราจะไปก็คือ “สระมรกต” แน่นอน ว่าเป็นที่รู้จักกันดีของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ ที่มีความสวยงามทางด้านธรรมชาติของความใสของ น�้ำ ที่ไหลมาจากบ่อน�้ำผุดที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ ป่าเขาประ-บางคราม ก่อนจะไหลหลั่งลงมายังสระด้านล่าง ซึ่งเป็นสระขนาดกลาง นักท่อง เที่ยวนิยมมาเล่นน�้ำ เนื่องจากความใสของน�้ำที่มองเห็นยังก้นสระที่เป็นสีเขียวอมฟ้า ท�ำให้ หลายคนเลือกที่จะใช้เวลาพักผ่อนคลายร้อนยังบริเวณสระมรกตแห่งนี้ โดยส่วนมากจะเป็น นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจ�ำนวนนักท่องเที่ยวขึ้นกับจ�ำนวนกรุ๊ปทัวร์ของแต่ละวัน แนะน�ำให้ มาช่วงเช้า จะดีที่สุด ซึ่งแสงแดดอ่อนๆ นักท่องเที่ยวยังมาไม่เยอะ มันเหมาะเสียอย่างยิ่งกับ สถานที่แห่งนี้ รวมถึงใครอยากเดินไปดูบ่อน�้ำผุด ก็มีทางเดินคอนกรีตสลับทางดินลัดเลาะ ตามผืนป่า ด้วยระยะเพียง 800 เมตรจากสระมรกต ก็จะถึงที่หมายบ่อน�้ำผุดแห่งนี้ แต่ทั้งนี้ บ่อน�้ำผุด ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวลงบ่อโดยเด็ดขาด
^ ทางเดินเข้าไปยังสระมรกต
V บริเวณที่ทำ�การเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าประ-บางคราม
^ ในที่สุดก็มาถึง สระมรกต
V ทางน�้ำไหล ยังใสขนาดนี้
^ บรรยากาศบริเวณสระมรกต V
^ ทางเดินไปยังบ่อน�้ำผุด
V บ่อน�้ำผุด ที่อยู่ใจกลางป่า
ใช้เวลาถ่ายภาพที่สระมรกตสักพัก ก็ถึงเวลาออกเดินทางต่อ จุดหมายปลายทางของ วันแรกอยู่ที่ เกาะลันตา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสระมรกต ใช้เวลาเดินทางไปถึงท่าเรือข้ามฟาก แค่ 30นาทีเท่านั้น แต่ก่อนจะถึงท่าเรือข้ามฟาก ให้เลี้ยวรถเข้าซื้อบัตรที่อยู่ก่อนถึงทางเข้า ประมาณ 300เมตรด้วยนะครับ เพราะบริเวณท่าเรือไม่มีจุดขายบัตร ความพีคของมันคือ เราขับรถไปต่อคิวที่ท่าเรือเลย โดยคิดว่าคงเหมือนกับซื้อบัตรแบบท่าเรือข้ามไปเกาะช้าง เขาคงขายบัตรบริเวณท่าเรือ ปรากฎว่าไม่มีจ้า เสียเวลาต่อคิวไปโดยเปล่าๆ ต้องวนรถกลับ ไปซื้อบัตรที่บริเวณก่อนถึงท่าเรือ ราคาค่าบัตร รถยนต์ส่วนตัว 100บาท(ราคารวมคนขับ) ส่วนผู้โดยสาร คนละ 10บาทเท่านั้นเองครับ ส่วนเรือข้ามฟากก็จะเป็นเรือขนานยนต์ขนาด กลาง จุรถยนต์ได้ประมาณ 20-30คัน มีชั้นลอยเอาไว้ให้ผู้โดยสารนั่งชมวิว บรรยากาศก็จะ แตกต่างจากเรือเฟอรี่นะครับ แต่ชิลดีไปอีกแบบ ท�ำให้ระยะทางการข้ามมายังเกาะลันตา มันผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก
ท่าเทียบรือขนานยนต์ ที่จะข้ามไปยังเกาะลันตา
นั่งถ่ายรูปแปปเดียวก็ถึงเกาะซะแล้ว ไม่เสียเวลาครับ รีบดิ่งไปยังที่พัก ซึ่งอยู่บนเกาะลันตา ใหญ่ วันนี้เราจองผ่านเว็บไซต์ชื่อดัง Agoda เลือกที่พักที่มีสระว่ายน�้ำ เพราะผมขับรถมา ค่อนข้างไกล อยากลงแช่น�้ำให้หายเหนื่อย ซึ่งรีสอร์ทที่เราจองจะเป็นรีสอร์ท คุ้มลานตา รีสอร์ท ห้องพักราคาแค่1,000บาท แถมมีอาหารเช้าให้ด้วย ต้องบอกว่าในช่วงที่เราไปพัก มีแค่เรา4คน ที่เป็นคนไทย ส่วนมานักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบนเกาะลันตาจะเป็นชาวต่างชาติ ซะเป็นส่วนมาก มันเลยได้บรรยากาศเหมือนกับว่าเราไปพักในต่างประเทศเลยทีเดียวเชียว โปรแกรมเย็นวันนี้ไม่มีอะไรมาก แช่น�้ำในสระ แล้วพักผ่อนให้เต็มที่ ให้หายเหนื่อยล้าจาก การขับรถรวมๆ 15 ชั่วโมงเต็มๆ
คุ้มลานตา รีสอร์ท
Day 2 อุทยานแห่งชาติเกาะลันตา
วันที่2 ตื่นขึ้นมาพร้อมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อคืนนอนแบบสลบปานตาย หัว ถึงหมอนก็โกรนยันเช้า แพ็คเก็จที่จองห้องพักของคุ้มลานตา รีสอร์ท จะรวมอาหารเช้าด้วย ซึ่งเป็นแบบดังรูป นับว่าแน่นมากๆ ส�ำหรับมื้อเช้าที่ต้องการพลังงานแบบนี้ ระหว่างนั่งทาน อาหารเช้าอยู่นั้น ก็วางแผนการเดินทางบนเกาะลันตากันต่อไป เพราะวันนี้วางแผนว่าจะ เที่ยวบนเกาะลันตาให้มากที่สุด ก็เลยตัดสินใจขับรถเที่ยวตามชายหาดต่างๆ แล้วก็ไปจบ ที่อุทยานแห่งชาติเกาะลันตา ซึ่งอยู่บนแหลมสุดฝั่งตะวันตกของเกาะ ความพิเศษคือความ สวยงามของประภาคาร ที่อยู่บนเนินเขาที่ยื่นออกไปในทะเล จะมีทางเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ แต่ต้องเดินด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ด้วยทางเดินที่เป็นดิน ผสมกับหิน และมีความ ชันมากบางช่วง แต่ถ้าขึ้นไปบนจุดสูงสุด ก็จะพบกับความงามของท้องทะเลอันดามัน แล้ว มองย้อนกลับมายังที่ท�ำการอุทยานฯ จะพบกับสองทะเล ฝั่งซ้ายจะเป็นแนวหิน ฝั่งขวาจะ เป็นแนวชายหาด นับว่าเป็นความสวยงามทางธรรมชาติอย่างลงตัวในสถานที่เดียว
ใช้เวลาถ่ายภาพกันนานพอสมควร เนื่อง ด้วยความเหนื่อยจากการเดินขึ้นมายังข้าง บน ผสมกับหามุมถ่ายภาพให้ออกมาดูดีที่สุด รวมๆแล้วก็เกือบๆชั่วโมง ก็เริ่มจะมีเสียง ท้องร้องเรียกหาอาหาร จัดแจงเดินไปยัง ร้านค่าสวัสดิการ ที่ขายอาหารเที่ยงพร้อมน�้ำ ดื่มเย็นๆ ดับความร้อนและความหิวได้มาก โข แถมราคาก็ไม่แพงมาก เทียบกับปริมาณ และความอร่อย นับว่าคุ้มมาก เพราะช่วง บ่ายเราจะเล่นน�้ำทะเล นอนเปลบนชายหาด กัน ซึ่งชายหาดก็อยู่ในเขตอุทยานนี่แหละ ครับ ซึ่งเป็นชายหาดที่มีความยาวหลายร้อย เมตร มีความพืเศษคือเป็นชายหาดที่อยู่ใน
เขตอุทยานแห่งชาติ ดังนั้นหาดทรายจะขาวและน�้ำจะใสเป็นพิเศษ อดใจไม่ไหว วิ่งลงแช่น�้ำ ทะเลให้หายอยากซะที หลังจากวางแผนว่าทริปนี้จะเล่นน�้ำอย่างน�ำใจ ไม่ผิดหวังจริงๆครับ ใครที่มายังเกาะลันตา แนะน�ำให้มาเล่นน�้ำที่เขตอุทยาน นอกจากจะสงบแล้ว ยังมีห้องอาบ น�้ำให้บริการไปในตัว ซึ่งราคาค่าเข้าอุทยานก็ถูกมากครับ ให้ไปเลย5ดาว
หลังจากเล่นน�้ำจนหน�ำใจ เวลาก็ปาเข้าบ่ายแก่ๆ คราจะไปดูยัง กระบี่ ก็ดิ่งตรงไปยังท่าเรือข้ามไปยังแผ่นดินใหญ่ ซึ่งต้องเผื่อเวล โชคดีที่ทางไปตัวเมือง เป็นถนน 4 ช่อง วิ่งค่อนข้างง่าย แต่อาจจะ บ้างเล็กน้อย โดยเวลาเฉลี่ยจากท่าเรือข้ามเกาะลันตาฝั่งแผ่นดินให โปรแกรมไปไหน พักผ่อนเอาแรง เพราะโปรแกรมพรุ่งนี้ คือไฮไลท์ขอ
ขอขอบคุณ Nikon Sales (Thailand) ส�ำหรับกล้อง Nikon D5600 ที่ใช้ถ่ายภาพตลอดทริปนี้คร
งสถานที่อื่นก็อาจจะไม่ทันการ เพราะคืนนี้เราต้องไปนอนที่ตัวเมือง ลาสักหน่อย เพื่อไม่ให้มืดค�่ำเสียก่อน เนื่องจากไม่ค่อยชินทาง แต่ ะมีบางช่วงที่ก�ำลังขยายทางและปรับปรุงเส้นทาง ก็อาจจะมีติดขัด หญ่มายังตัวเมืองกระบี่ก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง คืนนี้เราไม่มี องทริปนี้ก็ว่าได้ ส่วนจะเป็นอะไร ติดตามในฉบับถัดไปครับ ...
รับ
พบกันฉบับหน้า