FREE MAGAZINE ONLINE / ปีที่ 1 ฉบับที่ 7 / เดือนมกราคม 2561
สวัสดีปีใหม่ 2561
บรรณาธิการบริหาร
> วรุตม์ หนันเรือง หัวหน้ากองบรรณาธิการ
> นวพล เกษมโสภา
กองบรรณาธิกา
วรท กุมภ์ประดิษฐ์ <-> อนงค์นา ปัทมา สุรินทร์คำ� <-> ยุทธชัย ว เอกชัย สุนทรเดช <-> รัฐพล ห Ammalin PALAMY
าร
าฎ จึงมงคลสวัสด์ิ วัฒนะบุตร หงสไกร Y
T R AV E L G R A P H Y T A L K สวัสดีปีใหม่ 2561 อย่างเป็นทางการครับ นิตยสาร Travelgraphy ก็ก้าวเข้าฉบับที่ 8 ซึ่งแน่นอนเป็นเลขมงคลส�ำหรับตัวผมเองและเป็นเลข ที่ตั้งของนิตยสารฉบับนี้ ก่อนจะก่อตั้งนิตยสาร Travelgraphy ผมเองได้ คิดไว้ว่าจะท�ำออกมาเพื่อโชว์รูปและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ พอแนวคิดนี้ ออกไปถึงพี่ๆน้องๆที่รู้จัก ก็ได้มีการร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดนิตยสารฉบับนี้ ต้องขอขอบคุณกองบรรณาธิการและช่างภาพทุกท่าน ที่ร่วมกันขีดเขียน และแชร์ภาพถ่ายในสไตล์การท่องเที่ยวถ่ายภาพของแต่ละคนให้ผู้อ่าน ได้ติดตามเรื่องราวและประสบการณ์การท่องเที่ยวนั้นๆ และขอขอบคุณ ท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่ยังคงให้การสนับสนุนด้วยการแชร์และ ดาวน์โหลดนิตยสารของเราในทุกๆเดือน ผมเองไม่มีอะไรจะให้ นอกจาก เนื้อหาและสาระต่างๆ ที่จะน�ำมาเสิร์ฟให้ถึงมือผู้อ่านในทุกๆเดือน และ อาจจะมีกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ ที่ทางทีมงานจะพาทุกท่านออกทริปท่อง เที่ยวถ่ายภาพไปด้วยกัน รวมถึงการเปิดรับผู้สนับสนุนทั้งในตัวนิตยสาร และกิจกรรมในอนาคตอย่างต่อเนื่อง สุดท้าย ขออวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน ประสบความส�ำเร็จในทุกๆ ด้านตลอดปี 2561 และตลอดไป สวัสดีปีใหม่ครับ วรุตม์ หนันเรือง บรรณาธิการบริหาร
กราฟิก - ออกแบบรูปเล่ม
ติดต่อ Travelgraphy
> วรุตม์ หนันเรือง
เลขที่ 8/88 ซ.ลาดพร้าว107 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
ขอขอบคุณข่าวสาร
E-Mail : travelgraphythailand@gmail.com
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช
Facebook : Travelgraphy Tel. 0-2013-3754 / 08-6369-5657
CONT
คลิ๊กที่รูป เพื่อไปยัง
T R AV E L N E W S ข่าวสารการท่องเที่ยวถ่ายภาพ ครั้ง นี้เราพาไปดูเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2561 ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ สวนลุมพินี ที่มี หลากหลายโซนให้เลือกชม ให้เลือกชิม และทดลองประลองงานฝีมือของตัวเอง
T R AV E L G U I D E เทศกาลแสงสีและเสียง ที่จัดขึ้นเป็น ประจ�ำในทุกๆปี ครั้งนี้ทีมงานของเรา ได้ ไปเก็บภาพบรรยากาศของงานแสดงแสง ไฟทั้ง 3 แห่ง จะเป็นที่ไหนนั้น คลิ๊กที่ รูปภาพได้เลยครับ
TRAVEL ALL AROUND กลั บ มาอี ก ครั้ ง กั บ คอลั ม นิ ส ต์ ส าว หนึ่งเดียว ที่จะพาทุกท่านไปล่องเรือดู ความเป็นธรรมชาติของเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่มาพร้อมกับภาพสวยๆ ของแหล่งท่อง เที่ยวที่ได้รับความนิยมแห่งนี้
TENT
งคอลัมน์ที่ต้องการ
WIDE LIFE สายธรรมชาติต้องไม่พลาด หลังจาก ห่างหายไปนาน กลับมาครั้งนี้ เราจะพา ไปล่องเรือชม “ยักษ์ใหญ่ใกล้กรุง” วาฬ บรูด้าแห่งอ่าวตัว ก. ที่โผล่ขึ้นมาให้เราได้ ลั่นชัตเตอร์กันแบบใกล้ชิดอย่างมาก
SHOW TIME ปางอุ๋งสุพรรณ หรือชื่ออย่างเป็น ทางการคือ “อ่างเก็บน�้ำหุบเขาวง” ที่ ธรรมชาติสร้างขึ้นมาอย่างลงตัว เพียง แค่สุพรรณบุรีเท่านั้นเอง ไม่ไกลมากจาก กรุงเทพ อยากรู้ว่าสวยแค่ไหน คลิ๊กที่รูป ได้เลยครับ L I F E T R AV E L E R ตอนจบของทริปน่าน ดินแดน สวรรค์ที่หลายคนใฝ่หา ครั้งนี้จะพาไป เที่ยวที่อ�ำเภอปัว และตัวจังหวัดน่าน ใน แบบฉบับทีมงาน Travelgraphy ใคร วางแผนจะไปที่น่าน คลิ๊กที่รูปเพื่อเข้าไป ดูรายละเอียดได้เลยครับ
TRAVEL NEWS เรื่อง/ภาพ : กองบรรณาธิการ
เริ่มอย่าง เมืองไทย 256 2018” จัดโด ณ สวนลุมพิน ที่ 17-21 มก 22.00น. โด แบ่งออกเป็น
งเป็นทางการกับ “เทศกาล เที่ยว 61 Thailand Tourism Festival ดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นี กรุงเทพฯ โดยงานเริ่มตั้งแต่วัน กราคม 2561 ตั้งแต่เวลา 12.00ดยมีกิจกรรมมากมายภายในงาน 5 โซนใหญ่ๆ ดังนี้
“เหนือฝัน ล้านแรงบันดาลใจ” เป็นลานกิจกรรมของดีภาค
ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ส่วนเวทีการแสดงยังมีการแสดงศิลป งานคงจะเป็น ซุ้มร�ำวง นักท่องเที่ยวสามารถนั่งกินข้าว ทานขนมเล
คเหนือ ที่มีทั้งอาหารการกิน ชา กาแฟ และเครื่องดื่มต่างๆ ที่แน่นอนที่จะขาดไม่ได้คือชุดล้านนา ปะล้านนาและท้องถิ่นของภาคเหนืออย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ส่วนที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้เข้าร่วม ล่น ฟังดนตรีเพราะๆ คลอไปได้อย่างเรื่อยๆ
“อีสานแซ่บนัว” ลานกิจกรรมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เลือกซื้อเลือกหา จะซื้อไปใส่เองหรือเป็นของฝากก็ดียิ่งนัก ช็อปปิ้งกัน กับครอบครัว ที่บริเวณลานอาหารโซนอีสานได้แบบจกข้าวเหนียวกัน
ที่ขนการแสดงศิลปะมีทั้งหมอล�ำและอื่นๆ รวมทั้งผ้าไหมหลากหลายชนิดให้นักท่องเที่ยวได้ นเนื่อย อย่าลืมแวะหาไก่ย่าง ส้มต�ำ หม�่ำ แหนม ลาบ ก้อย น�้ำตก ซกเล็ก มาทานกันกับเพื่อน นอย่างหน�ำใจครับ
“สุขกลางใจ ใกล้แค่เอื้อม” ของดีภาคกลาง ที่เป็นอู่ข้าว
ด้านลิเก โขน และอื่นๆอีกมากมาย ถ้าดูการแสดงจนหน�ำใจ ที่นี่มีชิง งานวัดมายังใจกลางกรุงเทพ ไม่เพียงเท่านั้น ที่นี่ยังมีบ้านขุนช้าง ให
วอู่น�้ำของไทย ที่นอกจากจะเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่ราบลุ่มแอ่งน�้ำแล้ว ยังมีการแสดงศิลปะ งช้าสวรรค์ ปาโป่ง ยิงปืน รวมทั้งโชว์งู ให้ดูให้ทดลองกันแบบใกล้ชิดของจริง เรียกได้ว่าจ�ำลอง ห้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปสานปลาตะเพียน ได้ดูบ้านเรือนไทยว่าสมัยก่อนเป็นอย่างไร
“สีสันตะวันออก” ของดีทะเลฝั่งอ่าวไทย ที่เป็นลานกิจกรร
แปรรูปมาแบบของฝาก หรือของกินเองก็เพลินแบบลืมไปว่าเงินในก ก็มองไปเห็นอย่างอื่น อันนั้นก็น่ากิน อันนี้ก็น่ากิน ตบท้ายด้วยข้าวห
รมของภาคตะวันออก สิ่งที่จะเป็นไฮไลท์ของที่นี่คงหนีไม่พ้น อาหารทะเล ทั้งแบบย่างสดและ กระเป๋าใกล้หมด แต่ก็ไม่สามารถท�ำให้การช็อปปิ้งของเราหยุดได้ เพราะช็อปปิ้งไปได้สักพัก หลามที่ขึ้นชื่อลือชา ใครชอบของกินด้านอาหารทะเลต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง
“ปักษ์ใต้ ปักหมุด หยุดเวลา” ด้ามขวานของสยามประเ
ขายอาหารใต้กันชนิดว่า ของแท้ของอาหารใต้ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง รวมถึงการจัดส่วนฉากต่างๆ ที่จ�ำลองมาให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป
เทศ ที่มีดีด้านศิลปะหนังตะลุง โนห์รา แต่สิ่งที่ไม่ควรพลาดคืออาหารที่พ่อค้าแม่ค้ามาออกบู๊ท รสชาดที่มีเอกลักษณ์ของภูมิภาคแห่งนี้ เป็นสิ่งที่เรียกนักท่องเที่ยวเข้ามาลิ้มลองได้ไม่ขาดสาย ป็นที่ระลึกอีกด้วย
นอกจาก 5 โซนกิจกรรมหลักๆที่เป็นโซนของภูมิภาคต่างๆแล้ว ยังมีอีกหลาก หลายโซนให้นักท่องเที่ยวได้เลือกเข้าไปเยี่ยมชม ไม่ว่าจะเป็น - เที่ยวตามรอยพระบาท ตามศาสตร์พระราชา - ททท. แนะนำ�โปรแกรมท่องเที่ยวและสินค้าท่องเที่ยวภายในประเทศ ปี2561 - อาหารดัง 50 เขต กทม. พบอาหารเด่น 5 ภูมิภาค - เวทีกลาง ที่มีการแสดงของศิลปินมากมายในทุกๆวัน - สถานีข่าว ททท. TAT STUDIO - สนุกกลางแจ้ง Outdoor Fest - ห้องแลปการท่องเที่ยว TAT LAB - ถังขยะให้โชค - ประชารัฐร่วมใจ - ประชารัฐรักสามัคคี - อุทยานธรณี เป็นอย่างไรบ้างครับ กับงาน “เทศกาล เที่ยวเมืองไทย 2561 Thailand Tourism Festival 2018” ที่จัดได้ อย่างลงตัวและยิ่งใหญ่ เดินกันจนเพลิน ดูการ แสดงจนหนำ�ใจ ช็อปกันจนชิลล์ เรียกได้ว่า มาที่เดียว ได้เที่ยวทั้งประเทศ ... Travelgraphy
Photography Technique
สิ่งที่เราจะเห็นในช่องมองภาพนั้นมักจะประกอบด้วย 3สิ่งดังนี้ 1.สิ่งที่เรา ต้องการถ่าย 2.ฉากหน้า(โฟร์กราวด์) 3.ฉากหลัง(แบล็คกราวด์) ไม่ว่าจะเป็นการถ่าย ภาพ คน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้ง3สิ่งนี้จะท�ำให้ภาพถ่ายของเรา นั้นมีมิติ และมีเรื่องราวมากขึ้น ในบางครั้งเราสามารถใช้โฟร์กราวด์บดบังสิ่งที่ไม่น่า สนใจในภาพได้อีกด้วย เช่นในภาพนี้ หินทางขวาเพื่อบังคนที่ก�ำลังเล่นน�้ำในฉากหลัง ของภาพ ช่วยให้ภาพนี้ไม่มีคนมาอยู่รบกวนในภาพ ซึ่งเราจะไล่คนเล่นน�้ำก็ไม่ได้ จึงใช้วิธีหลบเลี่ยงแบบนี้แทน FUJIFILM GFX 50s FUJINON LENS GF32-64mm F/4 R LM WR SS-2sec f/32 ISO-100
TRAVEL GUIDE เรื่อง/ภาพ : Aof Foszill
เทศกาลแสงสี สิ้นปี 2560
ตลอดช่วงเดือนธันวาคม 2560 นับว่าเป็นเดือนแห่งเทศกาลแสงแส และแน่นอนว่าครั้งนี้ ทีมงาน Travelgraphy ไม่พลาดที่จะออกไปเก็บบร
สงสีและเสียง รวมทั้งการประดับไฟตามสถานที่ต่างๆ ที่มักจะเห็นได้ง่าย รรยากาศการแสดงแสงไฟตาม 3 สถานที่ยอดฮิตมาฝากกันครับ
ลานเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
ถ้าพูดถึงสถานที่จัดแสดงไฟต้นคริสมาสต์ ที่เป็นที่นิยมเป็นอับดับหนึ่ง คงหนีไม่พ้น ลานเซ็นทรัลเวิลด์ ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการณ์ มีมุมให้เลือกถ่ายภาพหลากหลาย มุม และไฮไลท์ที่นี่คงจะหนีไม่พ้น ต้นคริสมาสต์ยักษ์ ที่ประดับไฟอย่างสมค�ำร�่ำลือ จุดเด่น : คงจะหนีไม่พ้นการเดินทางที่มาง่าย ใจกลางเมือง และต้นคริสมาสต์ยักษ์ จุดด้อย : คนเป็นล้าน ถ่ายยังไงก็ติดคนอื่นเข้ามาด้วยทุกภาพ แถมคนยังแน่นเบียด เหมือนปลากระป๋อง แต่ถ้าชอบดูสาวๆ ก็ไม่ควรพลาด
รัชดา ซอย8 กรุงเทพฯ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่จัดแสดงไฟ บนลานกว้าง 30กว่าไร่ ที่มีพื้นที่แสดงผลงานออกเป็นหลากหลาย ส่วน รวมถึงเป็นอีกที่ที่ได้รับความนิยม เพราะเพียงแค่เดินขึ้นจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีศูนย์วัฒนธรรม ก็สามารถเดินเข้างานได้เลย รวมถึงกิจกรรมประกวดถ่ายภาพชิงของรางวัลมากมาย นับว่าเป็นสถานที่ ถ่ายภาพแสงไฟที่ยกให้เป็นอันดับ 1 ของปีนี้เลยก็ว่าได้ จุดเด่น : สถานที่กว้างขวาง เดินไปไหนก็ชิล ไม่ต้องเบียดกันเป็นปลากระป๋อง มีห้องแสดงนิทรรศกาล ร.9 และ ร.10 รวมถึงร้านอาหารต่างๆ ที่ให้บริการมากถึง 2 จุดใหญ่ๆ ในราคาท้องตลาดทั่วไป จุดด้อย : ถ้าใครมาช้า สถานที่จอดรถอาจจะไม่เพียงพอ
สวนเรืองแสง ประตูเมืองขอนแก่น เทศกาลแสดงแสง สี และเสียง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน คงจะหนีไม่พ้น สวนเรืองแสง ทั้งนี้สิ่งที่ทีมงานได้เห็นคือจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวขอนแก่นและใกล้เคียง หอบลูกจูงหลานป ได้ที่เห็นภาพบรรยากาศแบบนั้น เลยได้เก็บภาพความประทับใจนี้มาฝากทุกท่านครับ จุดเด่น : มีการแสดงแสง สี และเสียง อย่างยิ่งใหญ่ รวมถึงสถานที่จัดงานได้อย่างลงตัว จุดด้อย : สถานที่จอดรถ ต้องอาศัยห้างสรรพสินค้าในการจอด
ง ประตูเมืองจังหวัดขอนแก่น ที่ปีนี้จัดเต็มสูบ มีการแสดงแบ่งออกเป็นหลายรอบในหนึ่งวัน ประสานมือแฟนควงแขนคนรู้ใจ ออกมาเก็บภาพความสวยงามในครั้งนี้ พวกเราก็อดยิ้มไม่
เป็นอย่างไรบ้างครับกับลานแสดงแสงไฟที่ถูกจัดขึ้นในสามแห่ง ที่ทีมงาน Travelgraphy ได้มีโอกาสเข้าไปลั่นชัตเตอร์เก็บภาพมาฝาก ทุกท่าน ทางทีมงานต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่อ�ำนวยความสะดวก มา ณ ที่นี้ด้วยครับ ครั้งหน้าทีมงานเราจะพาไปที่ไหน ติดตามได้ที่เพจ Travelgraphy ได้เลยครับ
ขอขอบคุณข้อมูล กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
TRAVEL ALL AROUND
เรื่อง/ภาพ : องนงค์นาฎ จึงมงคลสวัสดิ์ FB : Anongnard Yhok Ka
“
ข
.เขื่อนเชียวหลาน”
หลายคนบอกเราวา “ ไปนอนเลนเขื่อนรัชชประภากันเถอะ ลองเรือเที่ยวเขื่อนเชียวหลาน ดีกวา หรือไปเอาเทาลาน�้ำที่เขาสกดีกวา” บางทีเราก็งงนี้มันมาชวน 3 คนนี้ที่เดียวกันรึ เปลานะ เราไมรอชา ไดทําการบานหลายวัน จนวันนี้เรามีคําตอบมาฝากแลวนะ โดยการ ไปเที่ยวเองซะเลย ฮาๆ เขาเรื่องการเลยดีกวาแทจริงแลวกอนที่จะมาชื่อเขื่อนรัชชประภา เดิมทีชื่อมีชื่อเรียกวาเขื่อนเชียวหลาน ภายหลังการสรางเขื่อนเสร็จในป 2530 จึงไดรับพระ มหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานนามใหใหมวา “เขื่อนรัชชประภา” ซึ่งมีความหมายวา “แสงสวางแหงราชอาณาจักร” สวนชื่อเขาสกมา จากไหนนะหรอ คือปจจุบันพื้นที่เขื่อนตั้งอยูในพื้นที่ อุทยานแหงชาติดวยประการละฉะนี้ เขื่อนรัชชประภา เขาสก เขื่อนเชียวหลาน ที่เดียวกันนะเออ
แคตนทางก็ไมตองบอกวาปลายทางจะสวยขนาดไหน .....
ในปจจุบันอุทยานแหงชาติเขาสกแบงจุดทองเที่ยวออกเปน 2 สวนหลักๆ คือ สวนของ เขื่อนเชียวหลานที่เรากําลังจะไปกัน และสวนที่เปนที่ทําการอุทยานแหงชาติเขาสกซึ่งเปน จุดที่ไปชม น�้ำตก เดินปา และ ชมบัวผุด ในสวนหลังนี้เราไมไดไป โดยทั้งสองที่อยูหางกัน ประมาณ 60 ก.ม. ซึ่งทั้งหมดตั้งอยูในเขตจังหวัดสุราษฎรธานี เมืองรอยเกาะ เงาะอรอย หอยใหญ ไขแดง แหลงธรรมะ. ... นั้นเอง การเดินทางนั้นไมยากเลยในทริปนี้เราไดหลอกลอพาครอบครัวเรามา เดินทางโดย เครื่องบิน จากกรุงเทพ-สุราษฎรใชเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเศษๆเทานั้น จากนั้นเราเหมารถ ตูไปทาเรือเขื่อน รัชชประภาเลย Let Goooo ไดเวลาลงเรือแลวพอแมเราตื่นเตนมากๆ ภาพแรกที่ทุกคนไดเห็น คืออางเก็บน้ําที่กวางขวางเหมือนทะเล เต็มไปดวยภูเขาลูกเล็กลูก นอยขึ้นเต็มไปหมด น�้ำสีเขียว มรกต เราไมแปลกใจเลยวาทําไมที่นี้ถึงถูกขนานนามวา “กุยหลินเมืองไทย”
และแล้วก็ถึงที่พัก มีแอรด
กของเราสําหรับ 3 วัน 2 คืน เพราะทริปเรามีผูใหญไปเยอะ เคารีเควสขอสบายๆหนอย ดวย (ผูใหญขี้รอน) เราจึงเลือกที่นี้ “แพพันวารี” จึงคอนขางตอบโจทยเรา หลังจากเปด ประตูหองเขามาวิวแรกที่เราเห็น วิวนี้เลยคะ รองวาวสิจะไมรอชา ถายรูปกอนจากนั้น เปลี่ยนเสื้อผา กระโดดน้ํากันเลย ในวันแรกกิจกรรมเราไมมีอะไรมาก เดินทาง มาประมาณ 45 นาที พักผอนตามอัธยาศัย จากนั้นประมาณเย็นๆ ทางรีสอรทจะพาเราไปรองเรือชมเขาสามาเกลอกันจา
จากที่พักจะใชเวลาในการนั่งเรือชมเกาะแกรง นอยใหญ ประมาณ 40 นาที ธรรมชาติ รอบเขื่อนถือวาคอนขางอุดมสมบูรณมาก มีภูเขานอยใหญขึ้นเรียงรายมากๆ การถายรูป บนเรือถือวาไมยาก แตก็ไมงาย เนื่องจากเวลาเรือแลนเราควรใชสปดชัตเตอรที่สูงหนอย เพื่อใหจับภาพไดเร็ว หรือเวลาเรือหยุดมันก็จะโครงเครง อาจจะตองมือนิ่งๆ ใชขาตั้งอาจ จะไมไดเทาไร ในที่สุดก็มาถึงจุดไฮทของที่นี้ “เขาสามเกลอ” เนื่องจากจุดนี้เปนจุดที่เกิด ภูเขาลูกกอนมาเรียงรายใกลๆกัน และถูกขนาบไปดวยภูเขาลูกใหญเปรียบเสมือน Foreground ทําใหบริเวณนี้ เกิดไป Focal Point (จุดหมายตา) ที่ไมวาจะใครมาตองไม พลาดจุดนี้ ไมงั้นเขาวาจะมาไมถึงนะจะ ลมก็ดี สี่โมงนี้หมอกลงแลวนะ สําหรับใครชอบ ถายรูป และชอบเปนผูถูกถายรับรองมาที่นี้ ไมผิดหวังเลยจา หลังจากที่ไดชมอาหารตาอยากจุใจแลว ก็ถึงเวลาที่เราจะกลับไปที่พักเพื่อไปหา อาหารกายและอาหารใจกันตอ ( กระโดดน้ําและกินขาวเย็นตอไง)
“บรรยากาศยามเชา ที่ไมตองบรรยาย แตรับรูไดดวยใจ” คือดีสุดๆ ในสวน
นนี้ทางรีสอรทจะพาไปชมทะเลหมอก ซึ่งจะรวมอยูในโปรแกรม 3 วัน 2 คืน
ที่ใก ที่เต แบบ ธรร
วันที่สอง กอนกลับบาน เราไปเที่ยวถ�้ำประการัง ซึ่งสถานที่ตองนั่งเรือไปครึ่งชั่วโมง และตอดวยเรือไม้ไผ ใหความรูสึก กลชิดกับน�้ำเขาไปอีก นั่งไปแปบเดียวประมาณสิบนาที จากนั้นเดินเทาตอผานเขาเล็กนอย เหนื่อยนิดนึง เราก็จะไดชมถ�้ำ ต็มไปดวยหินงอก หินยอย บางจุดคลายชางบาง คลายประการังบาง คลายผามานบาง ไมนาเชื่อเลยวาในเขื่อนจะมีอะไร บนี้ มาที่นี้ไดครบหมดเลย ถึงตอนนี้ผูอานทานใดกําลัง ตัดสินอยู บอกเลยวาอยาลังเล จัดไปอยาใหเสีย วันที่สามตองกลับซะแลว ขอแวะถายภาพบนสันเขื่อน และสะพานรักเขาเทพพิทักษ ที่ตั้งอยูกอนเขาปาก ทางเขื่อนถูก รมชาติรังสรรคภูเขาที่มีลักษณะคลาย “หัวใจ” จึงเปนที่มาของชื่อและเปฺ็นมุมมหาชนเลยก็วาได้
ขอขอบคุณข้อมูล กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
WIDE LIFE เรื่อง/ภาพ : วรท กุมภ์ประดิษฐ์ FB : Warot Kumpradist
“ยักษ์ใหญ่ ใกล้กรุง”
จากกรุงเทพมหานคร ถึง บางตะบูน จ.เพชรบุรี เราจะสามารถพ ไม่ต้องออกทะเลไปไกลๆ ที่บริเวณ “อ่าวตัว ก.” หรืออ่าวไทยตอนบน
Photography Technique
วาฬบรูด้าแห่งอ่าวตัว ก.
พบเห็นยักษ์ใหญ่แห่งท้องทะเลอ่าวไทยอย่าง “วาฬ” ได้ง่ายๆ โดย นซึ่งมีลักษณะเหมือนตัวอักษร ก.ไก่
การชมวาฬบรูด้า ต้องอาศัยเรือดูวาฬโดยเฉพาะ เพราะไต๋ เรื อ จะนำ � พาเราไปจุ ด ที่ พ บวาฬได้ ง่ า ยและ พบเป็นประจำ� ซึ่งการที่เราจะขึ้นเรือไปดูวาฬได้นั้น ก็ ต้องจองล่วงหน้า และมาให้ทันเวลาเรือออกคคือเวลา 07.30น. โดยครั้งนี้เราใช้บริการเรือของ ลุงเล็ก ซึ่งมี ประสบการณ์ในการพานักท่องเที่ยวไปดูวาฬมานาน มาก ว่ากันว่า ถ้าจะออกไปชมวาฬกลางอ่าวไทย ก็ต้อง เรือของลุงเล็กนี่แหละ ลุงเล็กได้บอกกับพวกเราว่า ต้อง นั่งเรืออกไปประมาณ 3ช.ม ถ้าโชคดีเราก็จะได้เห็น วาฬ บรูด้าตัวเป็นๆ ในประเทศไทยของเรานั้นเอง ระหว่างทางที่เรานั่งเรือตามหาวาฬบรูด้านั้น มีวิวให้เราชมวิถีชีวิตชาวประมงให้เราได้สัมผัส และได้ บันทึกความทรงจำ�ของเราในการเดินทางครั้งนี้
(กระเตงบ้านพักที่ปลูกกลางทะเลท่ามกลางฟาร์มหอยของชาวประมง)
วาฬถือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเล ลักษณะรูปร่างเหมือนปลา คนจึงมักเรียกติดปากว่า “ปลาวาฬ” ในประเทศไทยสำ�รวจพบวาฬทั้งหมด 25 ชนิด พบทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน และสำ�หรับ “วาฬบรูด้า” ถือเป็นวาฬชนิดที่ไม่มีฟัน แต่จะมีซี่กรอง (Baleen Plates) สำ�หรับกรองอาหาร อีกทั้งยังเป็นวาฬกลุ่มที่อาศัย อยู่ตามชายฝั่ง และถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของไทยอีกด้วย
การสังเกตุว่าจุดไหนที่มีโอกาสที่จะพบวาฬบรูด้า ลุงเล็กให้คำ�แนะนำ�ว่า ดูจากการรวมกลุ่มของนกนางนวล เพราะนก นวลจะหากินในจุดที่วาฬบรูด้ากำ�ลังกินปลากะตะ นกนางนวลจะคอยเก็บตกปลาที่หลุดรอดจากปากวาฬบรูด้านั่นเอง
ในส่วนของ“วาฬบรูด้า”(Bryde’s whale)เป็นวาฬชนิดที่ไม่มีฟัน แต่ จะมีซี่กรอง (Baleen Plates) ส�ำหรับกรองอาหาร วาฬบรูด้าเป็น สัตว์ที่ไม่นิยมหากินเป็นฝูง แต่มักจะ ออกหากินตัวเดียว ยกเว้นวาฬคู่แม่ ลูกที่ยังไม่แยกจากกัน การ “ขึ้นกิน” คือลักษณะการ กินเหยื่อของวาฬบรูด้าที่เมื่อไล่ต้อน ฝูงปลามาแล้วก็จะโผล่หัวดันตัวขึ้น ตรงตั้งฉากกับผิวน�้ำ จากนั้นก็จะ อ้าปากกว้างโดยการทิ้งปากล่างลง มาช้ อ นฝู ง ปลาเหล่ า นั้ น เข้ า ปากที่ อ้าค้างอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะหุบขา กรรไกรล่างและค่อยๆ จมตัวลงสู่ใต้ ผิวน�้ำ
ในช่วงนี้เป็นช่วงที่สามารถออกเรือไปพบเจอวาฬบรูด้าได้ง่ายที่สุด และสามารถชมได้ ถึงช่วงเดือนมกราคม แต่ความถี่ของการพบเจออาจจะไม่มากเท่ากับช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค. และการชมวาฬบรูด้าที่นักท่องเที่ยวควรปฏิบัติก็คือ เรือที่น�ำชมต้องไม่เข้าใกล้วาฬมากจน เกินไป ไม่แล่นเรือไล่ต้อนวาฬ และไม่ให้อาหารวาฬ รวมทั้งไม่ส่งเสียงดังรบกวนเพราะทั้ง เสียงเรือและเสียงคนบนเรือจะเป็นการรบกวนวาฬบรูด้าด้วยเช่นกัน
หลังจากเราได้สมหวังกับเจ้ายักษ์ใหญ่ใกล้กรุง วาฬบรูด้า แห่งอ่าวตัว ก. ก็ถึง เวลาที่เราต้องเข้าฝั่ง เนื่องจากพายุเริ่มจะคลืบคลานเข้ามา และคลื่นทะเลเริ่มสูง ขึ้น จึงต้องโลกเมือลา เจ้าวาฬบรูด้าตัวนี้ กว่าผมจะสมหวังและได้บันทึกภาพและ ความทรงจำ�เจ้าวาฬบรูด้า ก็รอมานานถึงสองปี ลยทีเดียว เรียกได้ว่า “โชคจะเข้า ข้าง ถ้าเราพยายามอย่างเต็มที่” นั่นเอง…. ข้อมูล : http://www.manager.co.th/
TRAVEL GUIDE
ช่องเขาขาด หรือ ช่องอิศริยาภรณ์ เกาะสีชัง อ�ำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
ช่องเขาขาด เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากของเกาะสีชัง ตั้งอยู่ด้านหลัง ของเกาะ ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5 ซึ่งสามารถมองเห็นได้ ทั้งเกาะ หน้าผา ทะเล และทรงใช้เป็นหอดูดาว ช่องเขาขาดมีลักษณะเป็นช่องเขาที่ขาดออกจาก กัน หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา ซึ่งในบริเวณพื่นที่ของช่องเขาขาดได้มีการสร้างสะพาน วชิราวุธไว้ส�ำหรับเดินชมทิวทัศน์ที่ทอดยาวไปตามหน้าผาลงไปถึงริมทะเลด้านล่าง บริเวณนี้ยัง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดของเกาะสีชัง และในฤดูหนาวพระอาทิตย์ตกน�้ำที่นี่จะมีขนาด ดวงใหญ่โตเป็นพิเศษ มีทางลงไปยังหาดหินกลม ที่เต็มไปด้วยหินกลมๆขนาดต่างๆมากมาย ช่วง เวลาประมาณ5โมงเย็นเป็นต้นไป เป็นเวลาที่เหมาะในการเดินเล่นดื่มด�่ำบรรยากาศที่เย็นสบาย นักท่องเที่ยวหลายคนนิยมมาตกปลาที่นี่กันมาก เพราะมีโขดหินมากมายเป็นแหล่งที่อยู่ อาศัย ของฝูงปลาหลากหลายชนิด. หากเน้นท่องเที่ยวถ่ายภาพแบบอิสระ แนะน�ำให้เช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวเลย 250 บาท/วัน(300 บาท/ค้างคืน) มีแผนที่เส้นทางรอบเกาะให้ด้วย เช่าได้ที่ท่าเรือบนเกาะเลย หรืออีกหนึ่งทางเลือก คือ สกายแล็ป หรือรถ2แถวเหมาพาเที่ยว ข้อดีของสกายแล็ปและรถ2แถวคือ มีหลังคากันแดดไม่ ร้อน และมีราคาที่เป็นมาตรฐาน ระยะทางตามสถานที่เที่ยวรอบเกาะ ก็ไม่ห่างกันมาก จึงสามารถ เที่ยวได้อย่างสบายๆ
SHOW TIME เรื่อง/ภาพ : กองบรรณาธิการ
หุบเขาวง ปางอุ๋งแห่งเมืองสุพรรณฯ
สุพรรณบุรี เป็นจังหวัดที่ไม่ห่างจากกรุงเทพมากนัก ใช้เวลาเดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็ถงึ วันนี้ทีมงาน Travelgraphy ได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสกับอ่างเก็บน�้ำกลางหุบเขา ที่ไม่คิดว่าจะ มีในจังหวัดสุพรรณบุรี นั่นก็คือ “หุบเขาวง”
“หุบเขาวง” หรือที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดีในนาม “ปางอุ๋งสุพรรณ” เป็นลักษณะอ่าง เก็บน�้ำขนาดกลาง ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยหุบเขา ภาพในจินตนาการเมื่อเปิดอินเทอร์เน็ต ดู เป็นอ่างเก็บน�้ำ ที่มีเบื้องหลังเป็นภูเขา ดูไปก็คล้ายๆกับปางอุ๋งอยู่ไม่น้อย ไม่รอช้าครับ ลงมือเปิดดูเส้นทาง เพราะคิดว่าคงไม่ไกลมากนัก เพราะจังหวัดสุพรรณบุรีก็มาค่อนข้าง บ่อย ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง แต่พอเปิดแผนที่ดู “โอ้วแม่เจ้า 3.30ชั่วโมง กับระยะทาง 220 กิโลเมตร” งานนี้ต้องวางแผนการเดินทางใหม่ เพราะต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าที่คิด แถม ยังต้องวางแผนจุดจอดซื้ออาหารเข้าไปท�ำกินข้างในด้วย โดยก�ำหนดการของเราคือ ออก จากกรุงเทพ(บางกะปิ) ประมาณ 10.00น. งั้นก่อนเดินทางขอนอนพักผ่อนเร็วๆ เพราะวันที่ เราเดินทางเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ รถน่าจะเยอะพอสมควร
เช้าวันเดินทาง “เราตื่นสาย” พระเจ้าช่วยกล้วยทอด คงเป็นเพราะเหนื่อยจากงานที่ท�ำตลอด ทั้งวัน แถมช่วงกลางคืนเป็นอาการของคนนอนไม่หลับ เพราะในสมองมันสั่งการว่า “พรุ่งนี้จะได้ เที่ยว” เกือบจะหลับก็ล่อไปซะตี 3 กว่าๆ ท�ำให้ก�ำหนดการออกจากกรุงเทพเราช้ากว่าก�ำหนด และ กว่าจะจัดเตรียมเต๊นท์ ที่นอน เตาแก๊สปิคนิค อาหาร ยากันยุง ไฟฉาย ไฟส่องสว่าง และที่ขาดไม่ได้ กล้องถ่ายภาพ Nikon D3400 ก่อนที่เราออกเดินทางและใช้เวลาเดินทางถึงตัวจังหวัดสุพรรณบุรี ก็เกือบบ่ายโมงด้วยทางหลวง 340 เลี้ยวเข้าเส้นเลี่ยงเมืองเพื่อหนีรถติด ก่อนจะขับตามทางหลวง 333 ไปตามเส้นทางอ�ำเภอด่านช้าง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 3086 จะเป็นทางขับสวนเลน ขับ มาเรื่อยๆจนถึงบ้านน�้ำพุร้อน จะเจอป้ายทางเข้าอ่างเก็บน�้ำหุบเขาวง มีเจ้าหน้าที่เก็บบัตรผ่าน (อย่าเพิ่งทิ้งนะครับ เพราะจะมีตรวจบัตรอีกทีด้านใน) ตรงนี้เองจะเป็นซอยเล็กๆ คอนกรีตผสม ทางลาดยาง(ประมาณ 2-3 กิโลเมตรแรก) และหลังจากนั้นประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นทางลูกรัง หินสลับดิน จุดนี้เป็นหินแหลม ใช้ความเร็วได้ต�่ำ รถเก๋งไปได้สบาย แต่ไปช้าๆ หามุมหยอดลงหลุม นิดๆ คิอว่ามีเวลาชมวิวมากขึ้น ผสานกับสองข้างทางเป็นวิวป่าอ้อยสลับพันธ์ไม้นานาชนิดที่รู้จัก บ้างไม่รู้จักบ้าง แต่ก็เพลินดีเหมือนกัน ขับมาเรื่อยๆก็ถึงสักที “อ่างเก็บน�้ำหุบเขาวง” หรือ “ปางอุ๋ง สุพรรณ” นั่นเองงงงงงงง เราใช้ระยะเวลาเดินทางตลอดทริปประมาณ 4 ชั่วโมง ไม่รอช้า จัดแจง กางเต๊นท์ริมน�้ำที่อยู่ท่ามกลางต้นไม้ขนาดกลางที่คอยคลุมไอหมอกในตอนค�่ำคืนได้เป็นอย่างดี
ก่อนที่จะหามุมสวยๆ ถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินท่ามกลางฉากหน้าที่เป็นอ่างเก็บน�้ำ โดยมีพระรอง เป็นภูเขาที่รอดวงอาทิตย์อัสดงลงด้านหลัง นับว่าเป็นภาพที่สวยงาม คุ้มค่ากับการเดินทางมาชมเป็น อย่างมาก
^ บรรยากาศที่มองออกไปยังอ่างเก็บน�้ำในบริเวณจุดกางเต๊นท์
V บริเวณจุดกางเต๊นท์
V ที่ท�ำการ รวมถึงร้านค้าแห่งเดียวในที่นี้
^ บริเวณจุดชมวิวอ่างเก็บน�้ำหุบเขาวง
อ่างเก็บน�้ำหุบเขาวง ตั้งอยู่ที่ป่าชุมชนบ้านพุน�้ำร้อน-หินลาด อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ไฮไลท์ของที่นี่คืออ่างเก็บน�้ำที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา ภาย ใต้การดูแลขอคนในชุมชน ที่บริหารจัดการตั้งแต่ทางเข้าจนถึงความเรียบร้อยภายในอ่างเก็บ น�้ำ การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจึงเป็นลักษณะการมาสัมผัสกับธรรมชาติอย่าง แท้จริง เพราะท่ามกลางป่าลึก นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสอากาศที่บริสุทธิ์ของผืนป่าจังหวัด สุพรรณบุรี นอนดูดาวท่ามกลางเสียงจิ้งหรีดเบาๆ กางเต๊นท์และพายเรือชมธรรมชาติ โดย นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามากางเต๊นท์ ถ้าน�ำเต๊นท์มาเอง เสียค่าบริการหลังละ 100บาท หรือเช่า เต๊นท์ของที่นี่ก็มี ในราคา 150บาท แต่ถ้าอยากนอนในแพก็มีแพขนาดเล็ก 400บาท หรือจะ เช่าแพใหญ่ 2,000บาทถ้วน ส่วนเรื่องอาหารการกิน สามารถน�ำเข้ามาท�ำได้ตามสบายเลย ครับ แต่ถ้าขี้เกียจท�ำ ก็มีบริการอาหารท่านละ 200บาท/2มื้อ (เย็นและเช้า) ทั้งนี้อาจจะมี การเปลี่ยนแปลง ส่วนเรื่องไฟฟ้า ระบบส่องสว่าง นักท่องเที่ยวต้องเตรียมมาเอง มีบริการ ห้องน�้ำและห้องอาบน�้ำที่ปลอดภัย แยกชาย-หญิงเป็นสัดส่วน ส่วนสัญญาณโทรศัพท์ ใช้ได้ บางค่ายเท่านั้นนะครับ มนุษย์โซเชียล ปิดเครื่องแล้วสูดอากาศบริสุทธิ์แทนจะดีกว่านะครับ
อ่างเก็บน�้ำหุบเขาวง เปิดรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาค้างแร เข้าชมบริเวณทางเข้าของหมู่บ้านก่อน รถยนต์ 20บาท รถจักรย ทางธรรมชาติที่ต้องได้รับการฟื้นฟู โดยจะปิดให้บริการในช่วง 1
รมได้คืนละประมาณ 150คันรถ โดยนักท่องเที่ยวจะต้องจ่ายค่า ยานยนต์ 10บาท ทั้งนี้อ่างเก็บน�้ำหุบเขาวง เป็นสถานที่ท่องเที่ยว 1 เมษายน จนถึง 11 สิงหาคม ของทุกปี ...
LIFE TRAVELER เรื่อง/ภาพ : วรุตม์ หนันเรือง FB : Warut Nanruang
“น่าน” เมืองนี้ที่มีเสน่ห์ (ตอนจบ)
ต่อจากฉบับที่แล้ว นับว่าเป็นครั้งแรกที่เดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดน่าน อย่างเป็นทางการ และผ่านไปแล้วสองคืนที่เราได้เข้ามาท่องเที่ยวและนอนค้าง คืนที่ อุทยานขุนสถาน แหล่งท่องเที่ยวที่อยู่บนแนวเขาสูง และคืนที่สองเรามาพัก ที่บ่อเกลือ แถมยังเป็นวันครบรอบวันแต่งงานของสองเรา หลังจากที่เราดื่มด�่ำ ธรรมชาติที่อ�ำเภอบ่อเกลืออย่างน�ำใจ ได้เวลาออกเดินทางต่อกันเลยครับ
Day 3 เสน่ห์เมืองปัว
แน่นอนครับว่าการเดินทางท่องเที่ยวที่จังหวัดน่าน หลายคนต้องนึกถึงอ�ำเภอปัว ที่เป็น อ�ำเภอเล็กๆ ดูจากการรีวิวของแต่ละที่แล้ว บอกได้เลยว่ายั่วใจยิ่งนัก เราไม่รอช้า รีบออก เดินทางจากอ�ำเภอบ่อเกลือมาที่อ�ำเภอปัว ซึ่งระยะทางไม่ห่างกันมาก ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง เท่านั้น แต่ก่อนจะถึงอ�ำเภอปัว บอกได้เลยครับว่าสองข้างทาง เราจะเพลิดเพลินกับวิวสวยๆ ของแนวเขา และเขาบอกว่าเส้นทางนี้เป็นถนนลอยฟ้า เพราะว่าเป็นเส้นทางที่อยู่บนภูเขา สูง และจุดสูงสุดของถนนเส้นนี้อยู่ที่เขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จุดพักรถข้างทาง ที่อยู่บน ความสูง 1715 เมตรเหนือระดับน�้ำทะเล ที่เป็นทั้งจุดชมวิว และจุดพักรถไปในตัว ภายใต้ การดูแลอย่างใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่อุทยานดอยภูคา ที่มีห้องน�้ำ ห้องอาบน�้ำ และจุดกางเต๊ นท์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย แต่วันนี้เป้าหมายของเราอยู่ที่อ�ำเภอปัว ต้องรีบเดินทาง ต่อ เพราะเราเดินทางทริปนี้ ไม่มีการจองที่พักล่วงหน้า อาศัยการวอล์คอินเข้าไปสอบถาม บวกกับดูที่พักว่างๆจากเว็บไซต์และแอพต่างๆ แล้วเปรียบเทียบราคา พร้อมทั้งไปดูสถาน ที่จริง ว่าจะตรงปกตามที่โฆษณาไว้หรือเปล่า สุดท้ายเราก็มาถึงอ�ำเภอปัว ไม่รอช้าครับ รีบ หาที่พักต่างๆ ขับไปถามที่อื่นๆที่มีรีวิว แต่หลายๆที่ก็เต็ม จนกระทั่งมาจบที่ “ม่อนปัว” เป็น ห้องพักที่อยู่เชิงเขา ถูกสร้างเป็นทั้งบ้านเดี่ยวและห้องหลายๆห้อง โชคดีเรามาถึงเร็ว เรา เลือกห้องเดี่ยว ที่อยู่บนเชิงเขา หันหน้าไปทางทิศตะวันตก แน่นอนวิวแบบนี้ เขาขาตั้งไปตั้ง รอบนดาดฟ้าของห้องพักได้เลย แล้วก็จัดการนอนพักสักงีบ ก่อนช่วงบ่ายจะออกไปช็อปชิม ชิลสถานที่ต่างๆในอ�ำเภอปัว แน่นอนไฮไลท์ของที่นี่คงจะเป็น วัดภูเก็ต เป็นวัดที่ตั้งอยู่บน เนินเขา มองเห็นแนวสันเขาของอุทยานดอยภูคา และมองเห็นร้านกาแฟไทลื้อ ที่อยู่ติดกับ วัดภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมากินกาแฟ และเดินดูผลิตภัณท์ของชาวบ้าน ที่ น�ำมาโชว์และจ�ำหน่ายหลากหลายอย่าง
เสร็จจากวัดภูเก็ต เราก็ดิ่งตรงไปที่ร้าน กาแฟบ้านไทลื้อ ซึ่งเป็นคนละร้านกับที่แรก โดยที่บริเวณกาแฟบ้านไทลื้อจะมีซุ้มให้นั่งกินกาแฟ และจะมีทางเดินไม้ไว้ให้นักท่องเที่ยว ได้เดินถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย แถมร้านข้างๆยังมีผลิตภัณท์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในสไตล์ ล้านนาให้เลือกสรร หลากหลายแบบ เป็นพันกว่าตัว ในราคาที่ถูกแสนถูก เริ่มต้นที่ 99บาท เท่านั้นเอง เราช็อปกันจนเพลิน ใช้เวลาเกือบชั่วโมง เพราะตัวนั้นก็สวย ตัวนี้ก็สวย ตัดสินใจ ล�ำบาก หยิบมาอย่างละตัวซะเลย ก่อนจะจ่ายเงินแล้วรีบบึ่งมาที่พักเพื่อถ่ายแสงเย็น เพราะ นี่ก็ปาเข้าไปจะ 6โมงเย็นแล้ว วันนี้ฟ้าไม่ค่อยเป็นใจ มีเมฆบางๆตลอดเกือบทั้งวัน เราเลยได้ ภาพมาแค่บางส่วนเท่านั้นเอง ก่อนจะนอนพักผ่อนเอาแรง เก็บไว้ตะลุยในวันพรุ่งนี้
Day4 น�้ำตกศิลาเพชร-ตัวจังหวัดน่าน-ถนนคนเดิน
ตื่นเช้ารับสายหมอกที่ปกคลุมทั่วเมืองปัว เหตุที่เห็นแบบนั้นเพราะ ที่พักเราอยู่เชิงดอย เปิดประตูห้องพักออกมาก็เห็นตัวเมืองปัวได้อย่าง กว้างขวาง แถวเช้านี้มีสายหมอกหนาตาลงมาปะทะร่างกาย กว่าจะจางหายก็ปาเข้าช่วงสายของวัน ไม่รอช้ารีบหา อาหารเช้ากินเพื่อรองท้อง เพราะภาระกิจวันนี้ เราจะตะลุยน�้ำตกศิลาเพชร น�้ำตกของปัว ที่เลื่องชื่อลือชาว่าสวยนักหนา เปิดดูรูปในอินเทอร์เน็ต แล้วเก็บของออกไป ลั่นชัตเตอร์กันเลยครับ
ก่อนจะไปน�้ำตกศิลาเพชร เราจ�ำได้ว่าเมื่อวาน ตอนที่ขับรถเข้าไปยังตัวอ�ำเภอปัว เราเห็นวัดเล็ก เข้าไปไหว้พระที่วัดแห่งนี้ก่อนเดินทางกันครับ และวัดนี้คือ วัดร้องแง ที่เป็นศิลปะของไทลื้อ ปางมารวิชัย และมีภาพเขียนจิตรกรรมเรื่องพุทธประวัติชาดก โดยฝีมือของช่างท้องถิ่นนั้นๆ แล กราบองค์พระภายในวิหาร โดยมีแม่ย่าที่เป็นผู้เฒ่าผู้แก่ในบริเวณใหลกเคียงวัดมาให้ความรู้ในด แห่งนี้ เราใช้เวลาถ่ายภาพและดูจิตรกรรมกันนานพอสมควร เพราะเป็นภาพที่ไม่ค่อยได้เห็น ท ของสิ่งเหล่านั้น และประวัติที่น่าค้นหา
กๆ ดูขลังดี วันนี้เราเลยหาโอกาส ภายในวิหารมีพระประธาน ละโชคดีของเราที่ได้เข้าไป ด้านต่างๆของวัดร้องแง ทั้งด้านความเก่า
น�้ำตกศิลาเพชร ตั้งอยู่ใกล้ๆโรงเรียนชาวนา อยู่ถนนเส้นเดียวกัน ระหว่างทางจะ เป็นถนนสวนเลน ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ ทุ่งนา ล�ำธาร ที่สลับสับเปลี่ยน กันตลอดทาง จนขับรถเพลินๆ ก็มาถึงที่จอดรถ ไม่รอช้า หยิบขาตั้งกล้องและ สายลั่นชัตเตอร์ออกมา บวกกับสองเท้าที่เดินเข้าสู่ตัวน�้ำตก วันที่เรามา โชคดี มากที่น�้ำตกมีน�้ำก�ำลังพอดี ไม่เยอะและไม่น้อยเกินไป เหมาะแก่การถ่ายภาพ เป็นอย่างมาก เราใช้เวลาถ่ายภาพน�้ำตกเกือบๆชั่วโมง ท้องก็ร้อง จ�ำเป็นต้อง บอกลาน�้ำตกแห่งนี้ เก็บมาเพียงภาพถ่ายสวยๆมาฝากท่านผู้อ่านให้เสพกัน
จากน�้ำตกศิลาเพชร เราเลือกใช้ถนนสายรอง เส้น 1081 ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าเส้น 1169 เพื่อมุ่งหน้าสู่ตัวจังหวัดน่านก่อนช่วงบ่าย เพราะอย่างที่บอกครั้งนี้เรามาแบบไม่มีการจอง ที่พัก เพราะหลังจากเปิดดูในแอพจองที่พักชื่อดัง บอกว่าหลายที่ที่อยู่ใจกลางเมืองเต็มกัน เกือบทั้งหมด แต่เราก็ยังมีความหวังอยู่บ้าง เมื่อไปเจอโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ในซอยแต่ไม่ลึก ชื่อว่า โรงแรมสุวารินทร์ ห้องพักแค่ 400 บาทเท่านั้น ช้าอยู่ใย รีบจองอย่างไวเลยครับ พอ เข้าไปดูในห้องบอกได้ค�ำเดียวครับ คุ้มเกินคุ้ม น่าเสียดาย ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ท่านผู้อ่านได้ชม กัน ยังไงก็ลองหาดูในกูเกิ้ลดูนะครับ หลังจากตกลงกับ ผบ.สูงสุดว่าวันนี้เราจะไปเที่ยวไหน กันบ้างในตัวจังหวัดน่าน ก็ได้ข้อสรุปคือ มาน่านทั้งที ต้องแวะดูความสวยงามตามวัดต่างๆ แล้วปิดท้ายด้วยถนนคนเดิน ที่มีของกิน ของใช้ และของฝากให้เลือกซื้อเรียกได้ว่า ละลาย ทรัพย์ในกระเป๋าเป็นอย่างมาก เพราะอันนี้ก็สวย อันนั้นก็สวย เลือกไม่ได้ ซื้อมันทั้งหมดนั่น แหละ เดินหาซื้อของฝากจนเหนื่อย ก็หาอะไรมากินที่กาดข่วงเมืองน่าน เป็นลานมีการแสดง กิจกรรมต่างๆของนักเรียนนักศึกษา เรียกได้ว่ากินไป เพลินไป ก่อนจะขอตัวไปเข้านอน พัก ผ่อนเอาแรงเพื่อเที่ยวในวันสุดท้ายของทริป
Day5 สิ้นสุดทริปน่าน ความประทับใจที่ลืมไม่ลง
วันสุดท้ายของทริปน่าน ตื่นเช้ามาก็ออกแวะมาเที่ยวตามวัดต่างๆ และที่ไม่ลืมคือ การ ได้มาไหว้ศาลหลักเมืองน่าน ที่มีเอกลักษณ์ที่สวยงาม ด้วยสีขาวทั้งหลังและทั้งโซน เอาฤกษ์ เอาชัยในวันสุดท้ายของทริป แล้วตามด้วยสิ่งที่จะขาดไม่ได้คือ วัดภูมินทร์ ที่แขกไปใครมา ต้องแวะเข้ามาไหว้พระ รวมทั้งมาชมภาพกระซิบรักบรรลือโลก หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ปู่ม่าน ย่าม่าน” เป็นภาพงานจิตรกรรมฝาผนังช่วงปี พ.ศ.2410-2417 โดยหนานบัวผัน ศิลปินชาว ไทลื้อ เป็นผู้วาดขึ้นมา โดยเป็น โดยค�ำว่า “ปู่/ย่า” เป็นค�ำเรียกของคนที่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ของ ชาวพม่า และค�ำว่า “ม่าน” คือค�ำว่าพม่า นั่นเองครับ และรูปป่าม่านย่าม่าน ถือเป็นภาพ วาดที่สวยงามและสมบูรณ์มากๆภาพหนึ่ง และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ต้องมาถ่ายรูปคู่ กับภาพนี้ทุกครั้งที่มาเยือน
ออกจากวัดภูมินทร์ เราก็เข้ามาเก็บของ ที่โรงแรม อาบน�้ำให้สดชื่นก่อนจะออก เดินทางไปยังวัดพระธาตุเขาน้อย ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป พระอาทิตย์ขึ้น บริเวณหลังองค์พระ ที่หันหน้าไปยังตัวเมืองน่าน และเป็นอีกสถานที่ที่มองเห็นตัวเมืองน่านได้อย่าง ชัดเจน มีรุ่นพี่ที่อยู่น่านเขาเล่าให้ผมฟังก่อนจะเดินทางมายังน่านว่า วัดพระธาตุเขาน้อย ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออยู่อีกฝั่งของวัดพระธาตุแช่แห้ง ทันใดนั้นเราก็นึกได้ว่า ลืมแวะไปสักการะพระธาตุแช่แห้ง คงไม่รอช้ากว่านี้ครับ รีบหยิบกุญแจรถ ขับตรงดิ่งไปยังพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง ซึ่งถือเป็นสถานที่สุดท้ายของทริปน่านแห่งนี้ และนับว่าเป็นการไหว้พระ ขอพรให้เดินทางกลับมายังกรุงเทพมหานครอย่างปลอดภัย
เป็นอย่างไรบ้างครับ กับทริปน่าน 5 วันเต็มๆ กับการเดินทางท่อ ชิลๆสักครั้งของชีวิต และหลังจากจบทริปนี้ ผมก็ได้แต่บอกกับตัวเอง ครั้ง เพื่อไปยังอีกหลายสถานที่ในจังหวัดน่าน ที่รอนักท่องเที่ยวเข้าไป
องเที่ยวแบบจริงจังอย่างเต็มๆของจังหวัดที่ขึ้นชื่อว่า มีผู้คนอยากมา งว่า “นี่ขนาด 5 วัน เรายังเที่ยวได้ไม่ทั่วน่าน” ถ้ามีเวลาอีก ขอมาอีก ปสัมผัสถึงความเป็นธรรมชาติของชุมชนแห่งนั้น สวัสดีครับ ...
พบกันฉบับหน้า