F R E E M A G A Z I N E O N L I N E / ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 ประจำ�เดือน กรกฎาคม 2 5 6 0
ทุ่งดอกกระเจียว S I A M T U L I P แ ห่ ง เ มื อ ง ชั ย ภู มิ
1
TRAVELGRAPHY TALK
TRAVELGRAPHY STAFF
กลับมาพบกันอีกครั้งแล้วนะครับกับ Travelgraphy นิตยสารท่องเที่ยวถ่ายภาพ ออนไลน์ ที่ทุกคนสามารถดาวน์โหลดไปอ่านได้ทุก ที่และทุกเครื่อง นี่ก็ย่างก้าวเข้าสู่ฉบับที่ 3 อย่าง เป็นทางการ จากแรกๆที่ผมและเพื่อนๆพี่น้อง ไม่กี่คน ที่ตั้งใจจะท�ำนิตยสารท่องเที่ยวถ่ายภาพ ออนไลน์สักฉบับ เพื่อน�ำเสนอมุมมองการ ท่องเที่ยวในแบบฉบับของนักเขียนและช่างภาพเหล่านั้น ให้หลากหลาย ต่อผู้อ่านทุกท่าน ล�ำพังผมคนเดียวคงไม่มาไกลถึงทุกวันนี้ ต้องยกความดี ให้กับทีมงานทุกท่านและท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่ให้ความสนใจด้วย ดีตลอดมา มาถึงเนื้อหาของฉบับนี้กันครับ แน่นอนเราจะยังคงมีเนื้อหาสาระ ของเรื่องราวการท่องเที่ยวที่น�ำมาเสิร์ฟถึงหน้าจอของทุกท่าน แต่ฉบับนี้ เราได้เพิ่มคอลัมน์ GRAPHY Review ที่จะน�ำกล้องและอุปกรณ์ต่างๆมา รีวิวในแบบฉบับที่ใช้งานจริง เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกส�ำหรับผู้ที่ก�ำลัง หาข้อมูลผลิตภัณท์นั้นๆ รวมถึงคอลัมน์ Show Time ที่เรายังเปิดโอกาส ให้ผู้ที่สนใจอยากปล่อยของทางด้านเรื่องราวการท่องเที่ยวและมุมมอง การถ่ายภาพในแบบฉบับของตัวเอง ครั้งนี้เราจะพาทุกท่านไปที่เกาะสีชัง ที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ นิดเดียว จะน่าสนใจอย่างไร ต้องติดตามกันในเนื้อหา ฉบับนี้กันนะครับ สุดท้ายนี้ ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มตัว ช่างภาพและนักท่องเที่ยว ทุกท่าน การรักษาสุขภาพคือสิ่งที่วิเศษที่สุดของชีวิตมนุษย์ สุขภาพดีมี ชัยไปกว่าครึ่ง อย่าลืมหาเวลาไปให้ธรรมชาติบ�ำบัด อาจจะหาทริปวัน เดียว หรือทริปวันหยุด ผมเชื่อว่า การได้ท่องเที่ยว คือก�ำไรที่วิเศษที่สุด ของคนชอบเที่ยวแล้วแหละครับ วรุตม์ หนันเรือง บรรณาธิการบริหาร
Art of Photography
Lady in Japan I
เกาะสีชัง
FUJIFILM GFX50s
บรรณาธิการบริหาร วรุตม์ หนันเรือง
หัวหน้ากองบรรณาธิการ นวพล เกษมโสภา
กองบรรณาธิการ
วรท กุมภ์ประดิษฐ์ อนงค์นาฏ จึงมงคลสวัสดิ์ ปัทมา สุรินทร์ค�ำ ยุทธชัย วัฒนะบุตร เอกชัย สุนทรเดช รัฐพล หงสไกร Ammalin PALAMY
กราฟิก-ออกแบบรูปเล่ม วรุตม์ หนันเรือง
ติดต่อโฆษณา 08-6369-5657 , 08-9455-0903 ติดต่อ Travelgraphy
เลขที่ 8/88 ซ.ลาดพร้าว107 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240 E-Mail : travelgraphythailand@gmail.com Tel. 0-2013-3754 , 08-6369-5657
CONTENT
คลิ๊กเลือกหัวข้อที่ต้องการ
นกเงือก เขาใหญ่
ตาดโตน-ดอกกระเจียว
3
5
Photo of The Month จุดชมวิวช่องเย็น อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ กำ�แพงเพชร เป็นภาพที่ดูอบอุ่น โดยมีแนวเขาเทือกเขาตะวันตกเป็น ฉากหน้าที่ยาวไกลสุดลูกหูลูกตา โดยช่องเย็น อยู่บนความ สูง 1,340เมตร อุณภูมิเฉลี่ยนทั้งปี 20 องศาเซลเซียส
7
เรื่องและภาพ นวพล เกษมโสภา Facebook/ joeyoung2500
THE ART OF PHOTOGRAPHY
องค์ประกอบภาพคือสิ่งส�ำคัญที่ไม่ควรมองข้าม กลับมาพบกันอีกครั้งกับคอลัมน์ AutoFoucs ในฉบับนี้จะขอนำ�กลับสู่พื้นฐานในเรื่องของ “Art of Photography” และด้วยเทคโนโลยีของกล้องถ่ายภาพในปัจจุบันพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและช่วย ให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น จนทำ�ให้หลายคนมองความความสำ�คัญของภาพที่สวยงาม นั้นมาจาก หลักศิลปะ มุมมองและองค์ประกอบของภาพถ่าย จึงขอเน้นย้ำ�ให้ทุกคนลองกลับมาทบทวน ในเรื่องของ ศิลปะกันอีกครั้ง
AUTO FOCUS
9
ความหมายของศิลปะตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ.2530 หมายถึงผล แห่งความคิดสร้างสรรค์ ของมนุษย์ที่แสดงออก มาในรูปลักษณ์ต่าง ๆ ให้ปรากฏ ซึ่งสุนทรียภาพ ความประทับใจ หรือความสะเทือนอารมณ์ ความอัจฉริยภาพ พุทธิปัญญา ประสบการณ์ รสนิยม และทักษะของแต่ละคน เพื่อความ พอใจ ความรื่นรมย์ ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีหรือ ความเชื่อทางศาสนา แต่ยุบย่อให้พอเข้าใจแล้วหมายถึง “สิ่งที่มนุษย์ สร้างขึ้นด้วยความคิดสร้างสรรค์ เพื่อตอบ สนองอารมณ์และประโยชน์ใช้สอย” ศิลปะของการถ่ายภาพ การบันทึกภาพโดยทั่วไป ต้องเริ่มจากการมอง หากเรามองเห็นบางสิ่งบางอย่าง สะดุดตาสะดุดใจขึ้นมาและอยากบันทึกภาพเก็บไว้ จึง เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการถ่ายภาพ นักถ่ายภาพที่ ดีหรือแม้แต่ผู้ที่กำ�ลังคิดจะก้าวมาเป็นช่างภาพอาชีพนั้น จะต้องมีมุมมองที่แตกต่างไปจากคนทั่วๆไป เพราะนัก ถ่ายภาพที่ดีควรจะมีการมองวัตถุที่จะถ่ายภาพนั้นใน หลายๆมุม ซึ่งในแต่ละมุมมองของภาพนั้นๆก็จะมีจุด เด่นของภาพที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับองค์ ประกอบหลายๆ อย่างเช่น แสง, องค์ประกอบโดยรวม ของภาพในเวลานั้น รวมถึงกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพที่ เรามีอยู่ในขณะนั้น การจินตนาการของคนแต่ละคนใน เวลาที่มองภาพๆ เดียวกันไม่มีข้อกำ�หนดตายตัวว่าต้อง ทำ�การมองอย่างไร เพราะสายตาและความคิดคนเรา นั้นมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และถ้าเราอยากจะ เป็นนักถ่ายภาพที่ดีนั้น ก่อนที่เราจะทำ�การกดชัดเตอร์ ลงไป ควรมองภาพเหล่านั้นในหลายๆมุมมองก่อน อย่า เพียงแต่มองเห็นจุดเด่นของภาพก็ทำ�การถ่ายภาพนั้น เลย ซึ่งนั่นถือว่าเป็นการถ่ายภาพที่ยังใช้ไม่ได้เพราะ
การถ่ายภาพที่ดีจำ�เป็นต้องใช้เวลาในการมองภาพอย่าง เพียงพอ ฉะนั้นเราควรที่จะหามุมต่างๆ เพื่อที่ว่าเรา อาจจะเห็นมุมที่มีความลงตัวของภาพมากกว่าภาพแรก ที่เรามองเห็นก็ได้ การที่เราเดินหามุมมองของภาพไป รอบๆ อาจจะทำ�ให้เรามองเห็นมุมมองที่ดีกว่าที่เรามอง เห็นครั้งแรก บางครั้งนักถ่ายภาพมือใหม่หลายคนอาจม องข้ามหรือไม่ก็ไม่ให้ความสำ�คัญกับสิ่งเหล่านี้มากนัก และนักถ่ายภาพมืออาชีพไม่ได้มองภาพเพียงครั้งเดียว แล้วกดชัดเตอร์ทันที แต่ท่านเหล่านั้นมองด้วยจิตใจและ พยายามที่จะมองแล้วดึงเอาสิ่งที่ซ่อนเร้นในวัตถุที่ถูก ถ่ายออกมาให้ได้
+นักถ่ายภาพจะมองและพิจารณาสิ่งที่เราจะถ่ายในหลายๆมุมก่อนที่จะถ่ายภาพนั้นๆ
+ มองหายฉากหน้าให้กับภาพช่วยสร้างมิติให้กับภาพถ่ายของเรา “ฉากหน้า” ก็เป็นหนึ่งในหลักของศิลปะและมักจะให้ผลดีออกมาเสมอ
หลักองค์ประกอบ
ในส่วนขององค์ประกอบภาพที่จะพูดถึงนี้ เป็นหลักองค์ประกอบภาพที่ง่ายๆและผมนำ�มาใช้บ่อยๆ ทั้งในการถ่าย ภาพทั่วๆไปและการถ่ายภาพในงานอาชีพ มันช่วยให้เรามีแนวทางในการมองหาจุดเด่นของภาพและขยับกล้องหา มุมที่ดีที่สุดของสิ่งที่เรากำ�ลังจะถ่ายภาพนั้นๆได้อย่างง่ายดาย แต่ผลของภาพที่ได้มามันจะลงตัวช่วยให้ได้ภาพที่ สวยงามและน่าสนใจไปพร้อมๆกัน.
กฎสามส่วน (Rule of Thirds)
กฎสามส่วน เป็นหลักการที่ผมใช้บ่อยที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ เพราะมันช่วยในการจัดวางองค์ประกอบภาพให้ ดูดีได้อย่างง่ายจนถึงง่ายมาก ผมเรียกมันว่า “ทฤษฏีครอบจักรวาล” เจ้ากฎสามส่วนนี้เป็นการกำ�หนดจุดสนใจใน ภาพของเรา โดยให้นำ�สิ่งที่เราอยากให้เป็นจุดเด่นในภาพนั้นไปวางไว้ที่จุดตัดของเส้นที่ลาก แบ่งรูปออกเป็น 3ส่วน ทั้งแนวตั้งและแนวนอน สามารถวางจุดสนใจได้ทั้ง 4 จุดตัด ใช้ได้ทั้งภาพแนวตั้งและภาพแนวนอน ในกรณีถ่าย ภาพบุคคลให้เราวางใบหน้าหรือดวงตาของนางแบบให้อยู่ในตำ�แหน่งของจุดสนใจ ก็จะทำ�ให้ภาพภาพนั้นดูเด่น และน่าสนใจชวนมองยิ่งขึ้น กฎสามส่วน นี้ยังสามารถใช้ในการแบ่งสัดส่วนในภาพได้ด้วยการแบ่งพื้นที่เป็น 1:3 หรือ 2:3 ดังรูป เน้นความ สนใจให้อยู่ในพื้นที่ 2 ส่วน และให้อีก1ส่วนเป็นส่วนรองในภาพ เช่น ถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ , สถาปัตยกรรม หรือ ภาพบุคคลกับวิวทิวทัศน์ หากพูดว่า กฎสามส่วน นี้เป็น “ทฤษฏีครอบจักรวาล” ก็คงจะไม่มากเกินไปนะครับเพราะมันใช้ได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ
11
^ ใช้กำ�หนดตำ�แหน่งของจุดเด่นในภาพอย่างง่ายๆแต่มีประสิทธิภาพ
^ ในงานถ่ายภาพกฎสามส่วน ก็ถูกนำ�มาใช้อย่างสม่ำ�เสมอและทุกๆงาน
13
^ ใช้แบ่งสัดส่วนของระดับความสูงของไหล่เขาในภาพและภาพก็ออกมาลงตัว
^ใช้แบ่งพื้นที่กับภาพทิวทัศน์ของสถาปัตยกรรมและกำ�หนดจุดสนใจไปพร้อมๆกัน
< เวลาที่ผมถ่ายภาพโดยใช้ หลัก Rule of Thirds ผมจะ มโนภาพของเส้ น และจุ ด ตั ด ขึ้นมาลางๆและวางซ้อนเข้าไป ในชองมองภาพ และขยับ กล้องหรือซูมเลนส์เข้าออก
Golden Triangles
หรือที่เรียกกันว่า กฎของสามเหลี่ยม คือการก�ำหนดได้ด้วยการ ลางเส้นทแยงมุมไป และ ลากเส้นอีก2เส้นจากด้านตรงกันข้ามที่ เหลือให้มาตั้งฉากกับเส้นทแยงมุมก็จะได้สามเหลี่ยม4ช่อง นั้นก็ คือต�ำแหน่งพื้นที่ที่เราจะวาง object หลักที่ต้องการลง หรือวาง แนวเส้นของวัตถุไปนั่นเอง ผมใช้อยู่บ่อยครั้งเมื่อไปถ่ายงานด้าน สถาปัตยกรรม(โครงสร้างภายนอก) ทิวทัศน์ของเทือกเขาและน�้ำตก วิธีการก็เช่นเดียวกับที่ผมใช้กฏสามส่วน คือ มโนภาพถึงเส้นเข้าไปในชองมองภาพแล้วก็หมุนเอียงกล้องให้สิ่งที่เราก�ำลังจะถ่ายภาพนั้นวางลงบนแนวเส้นของ หลัก Golden Triangles ที่เราจินตนาการไว้ และนอกจากจะได้แนวการวางมุมภาพแล้ว ในงานสถาปัตยกรรมเรา จะได้ภาพในเชิงลึกหรือที่เรียกว่าภาพ”เพอร์สเปกทีฟ Perspective”ท�ำให้ภาพถ่ายของเรามีมิติความลึกเกิดขึ้น
ู
^ แนวเส้นของหลักการจัดองค์ประกอบภาพนั้นเป็นเพียงแนวทางให้เรานำ�มาปรับใช้
ไม่จำ�เป็นต้องให้ทุกอย่างในภาพนั้นตรงตามแนวเส้นเสมอไป
นำ�หลัก Golden Trianglesมาใช้คู้กับการถ่ายภาพ บุคลกับสถาปัตยกรรมได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่าภาพ ทั้งสองภาพนี้เป็นภาพที่มีมิติความลึกเข้าไปในภาพสูง มาก 15
ทั้ง2ภาพนี้ทุกอย่างในภาพนั้นถูกจับว่างในแต่ละช่องตั้งแต่ตอนถ่ายภาพ ด้วยกฎของสามเหลี่ยมที่แบ่งออกเป็น3ช่อง
17
Golden Spiral
^ ใช้หลักการง่ายๆโดยวางมุมกล้องตามแนวเส้นโค้งของกลีบดอกไม้ ตัวกลีบของ ดอกไม้จะนำ�พามุมภาพไปเอง
กฎนี้หลายๆคนเรียกว่า“กฎก้นหอย” โดยแบ่งภาพออกเป็นช่องๆทีละ 1:1.618 ของด้านยาว แล้วลากจุดตัดเป็นเส้นโค้ง ผมจะใช้หลักส้นโค้งวนรูปก้นหอยนี้ ช่วย ในการวางตำ�แหน่งของ วัตถุที่เป็นรูป ร่างเป็นแนวโค้ง และวาง object ไว้ที่ ใจกลางภาพก้นหอย โดยมากผมจะใช้กับ พวกดอกไม้ต่างๆ และส่วนมากของภาพ ที่มีจัดวางมุมภาพด้วย golden spiral ก็ทำ�ให้ภาพมี ความลงตัวน่าดึงดูดใจได้ มากเลยที่เดียว
^ ใช้หลักเดียวกันกับภาพที่ผ่านมา แต่ในภาพนี้มีเรื่องราวที่ได้จากกิจกรรมของผึ่งที่กำ�ลังตอมเกสรของดอกบัว
+ กับตัวสินค้าที่เป็นทรงกลม เราก็ สามารถใช้หลักของ Golden Spiral เข้าช่วยเน้นจุดสนใจของโลโก้สินค้า อย่างที่บอกไปก่อนหน้าครับว่ามุม ภาพนั้นไม่จำ�เป็นต้องเป๊ะ เราใช้เป็น ตัวนำ�ทางสำ�หรับการวางมุมภาพใน การทำ�งานของเราให้ง่ายขึ้น.
+ในทุกๆที่เรามักจะพบเจอวัตถุที่มีเส้นโค้ง แต่แต่แนวเส้นโค้งที่เราจะใช้ว่างองค์ประกอบภาพที่เราจะถ่ายภาพนั้น เราสามารถใช้องค์ ประกอบโดยรอบเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของภาพ เพื่อจัดองค์ประกอบด้วยหลัก Golden Spiral ได้
+ หรือแม้แต่งานถ่ายภาพอาหารเราก็สามารถใช้หลักการจัดองค์ประกอบ Golden Spiral ได้เช่นกัน เพราะจากอาหารและรูปทรงของ อาหารที่อยู่ในจานส่วนใหญ่เป็นแนวเส้นโค้ง
ทั้ง3หลักการจัดองค์ประกอบที่ได้กล่าวมาทั้งหมดเป็นหลักการจัด องค์ประกอบภาพที่ผมใช้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการทำ�งานหรือการ ท่องเที่ยวถ่ายภาพ ซึ่งตามหลักสากลเรียกว่าทฤษฏีแบบ Golden mean หรือ Golden ratio คือ “เป็นสัดส่วนซึ่งจะส่งผลทาง ด้านจิตวิทยาการมองเห็น ต่อระบบประสาทการรับรู้ ต่อระบบประสาท สัมผัส ต่อความรู้สึก และ ที่สำ�คัญเป็นการมองเห็นที่ใกล้เคียงธรรมชาติ การมองของมนุษย์ที่สุด” นั่นเองครับ จริงๆแล้ว Golden Ratio ใช้กันมากในการออกแบบและก่อสร้างสถาปัตยกรรม เป็นสัดส่วนที่ตาม ทฤษฎีหรือศาสตร์แห่งการวัดความสวยตามหลักของ “ดาวินชี” ที่ใช้ความรู้ด้านเลขาคณิตในการคำ�นวนสัดส่วนของสิ่งต่างๆให้ลงตัวจึง ทำ�ให้ดู “สวยงาม” ด้วยอนุกรม “ตัวเลขฟิโบนัคชี่ 1.618” เป็นค่าคงที่ ของธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติที่น่าทึ่งหลายประการ เชื่อเลยว่าหลายๆคน ต้อง “งง” แน่นอน อย่าไปปวดหัวกับตัวเลขเลยครับ เราเพียงแค่ใช้หลัก การจัดโองประกอบทั้ง3ตัวนี้ให้คล้องๆก็พอแล้ว
19
เวลาที่คุณจะถ่ายภาพนั้นๆ คุณได้คิดถึงหลักการจัดองค์ ประกอบเหล่านี้ในทุกๆครั้ง หรือไม่ จึงอยากให้ตะหนัก ว่า “Composition” เป็น เรื่ อ งที่ ใ นปั จ จุ บั น นี้ ถู ก มอง ข้ า มและละเลยเป็ น อย่ า ง มาก จึงขอเน้นย้ำ�ว่าในการ ถ่ า ยภาพนั้ น ควรจะใช้ พื้ น ฐานเหล่ า นี้ เ ป็ น แนวทาง ใ น ก า ร ว า ง มุ ม แ ล ะ อ ง ค์ ประกอบภาพทั้งสิ้น แค่ความรู้พื้นฐานที่แน่น และเอาพื้นฐานทุกอย่างมาประยุกต์ใช้ในทุกลักษณะของการถ่าย ภาพก็ทำ�ให้คุณได้ภาพที่สวยงามน่ามอง ยังมีเรื่องพื้นฐานที่สำ�คัญในเรื่องของศิลปะการถ่ายภาพอยู่อีกนะครับ แล้วกลับมาพบกันในฉบับหน้า...สวัสดีครับ
21
“ข้าว” ถือเป็นอาหารหลักของคนไทยส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงไม่แปลก เวลาเราไป เที่ยวที่ต่างจังหวัด จะเห็นทุ่งข้าวเต็มไปหมดทั้งซ้ายทั้งขวา การหามุมแปลกๆ ช่วย ให้ภาพถ่ายนั้นน่าสนใจมากกว่ามุมมองปกติ เช่นในรูปนี้ ถ่ายภาพด้วยมือถือ ใช้มุม ต่ำ� ให้ย้อนแสง โดยใช้ใบข้าวบังดวงอาทิตย์ไว้ แล้วกดแช่หน้าจอที่บริเวณใบข้าว ดึงแสงขึ้นสักเล็กน้อยเพื่อเปิดเงามืด แล้วก็กดถ่ายภาพได้เลยครับ ภาพนี้ถ่ายโดยโทรศัพท์มือถือ Huawei P9
Photography Technique
23
เรื่อง/ภาพ : อนงค์นาฏ จึงมงคลสวัสดิ์ Facebook / Anongnard Yhok Ka
Lady in Japan 7 วัน 7 เมือง Part I “ฉันอยากไปญี่ปุน เพราะอยากไปเห็นหิมะ” นี้เปนจุดเริ่มตนที่ทําใหเกิดทริปนี้ ... เดินตลาดอุเอโนะ เลนสกีหิมะ ดูภูเขาไฟฟูจิ ชมปราสาทมัตสึโมโต แชออนเซนที่เกโระ กินเนื้อฮิดะที่ทาคายามา ปดทายไปดูกําแพงหิมะกัน จะโหด มัน ฮาแคไหน Let Go
Travel All Around
25
ฉบับนี้ทีมงานของเราขอพาบินไปแถบประเทศเพื่อนบานกันหนอย ไมใกลไมไกลจากประเทศไทยเรา เพียง 5 ชม.เอง ถาเทียบกับการเดินทางในประเทศแลวเสมือนเราขับรถไปพิษณุโลกเลย แตเมื่อเทียบเงินใน กระเปาแลวก็ถือวาเกือบฉีกวาได ครั้งนี้เราสองสาวใชเวลาเดินทางกันทั้งหมด 9 วัน เราเลือกจองแบบ เปลี่ยน เครื่อง และตองไปดรอปลงที่เวียดนามกอนแตเพื่อการเดินทางที่ประหยัดก็ตองยอม โชคดีที่ตอนนั้น เราแพลนไป เที่ยวชวงเดือนเมษายน ซึ่งเปนชวงที่กําแพงหิมะเปดพอดี (อุป!!! ใครอยากชมกําแพงหิมะตอง รอฉบับตอไปนะจะ) ชวงเดือนเมษายนอากาศกําลังสบายไมรอนไมหนาวเกินไป เอะจริงหรอ ในนิตยสารเลมนี้อยากจะรีวิวเสนอในแงมุมมองการถายภาพ ขอมูลอาจจะไมไดแนนละเอียดเทาไร ทางผูเขียน ตองขออภัยทานผูอานดวยค่ะ Day 01 Ueno ตลาดแหงรองเทาและสวรรคแหงการกิน เริ่มตนการเดินทางของฉันในวันแรกเราลงเครื่องบินที่ฮาเนดะ ถึงก็เกือบบายสามแลว เลยรีบมาทําการขอตั๋ว ตัวจริงโดยตลอดการเดินทางเราใช Japan Rail Pass ซึ่งเปน Pass ที่สามารถเดินทางไดทั่วญี่ปุนเลย แตจะมีบาง สายที่จะยกเวนซึ่งหากใครสนใจลองศึกษาไดที่ www.japan-rail-pass.com พอไดตั๋วแลว จุดมุงหมายแรกสําหรับ วันนี้คือยาน Ueno เปนที่พักคืนแรกของเรา ไมตองถามวาเราทําอะไรกันบางในวันนี้ กระเปาถึงหอง หัวถึงหมอน ก็กรนยาวเลยจา ชากอน....ไมไดสิเราก็ตองออกไปชมเมืองหาขาวเย็นทานกันสักหนอย ตลาด Ueno มีของขาย หลากหลายชนิด คนที่ชอบซื้อรองเทาไมควรพลาดเลยที่นี้ราน ABC MART จริงๆมีอีกหลายราน สวนคนที่ชอบ การถายภาพ ทางมาลายที่คุณไมควรพลาด ถือไดวาเปนมุมมหาชนเลยทีเดียว ใครมาหากเที่ยวในเมืองก็แวะ ไปถายรูปเดินขามทางมาลายที่ 5แยก ชินจุกุแบบชิคๆกันหนอย
Nikon D7100 1/1000 Sec / F4 / Iso100 10mm. (10-20 F3.5)
Nikon D7100 1/320 Sec / F4 / Iso 100 10mm. (10-20 F3.5)
27
Nikon D750 1/2000 Sec / F4 / Iso 80 24mm. (14-24 F2.8)
Nikon D750 1/2500 Sec / F4 / Iso 80 14mm. (14-24 F2.8)
Nikon D750 1/3200 Sec / F4 / Iso 80 15mm. (14-24 F2.8)
Nikon D750 1/2500 Sec / F4 / Iso 80 14mm. (14-24 F2.8)
Nikon D750 1/2500 Sec / F5.6 / Iso 80 22mm. (14-24 F2.8) แตงแสงและบรรยากาศเพิ่มเติม
Day 02 - Gala Yuzawa จากเลนสกีเปนสเลดกระดานลื่นแทน เชาวันนี้ถือเปนวันที่รอคอยเปนอยางมากเพราะเราจะไดไปเจอหิมะแลว Gala Yuzawa ถือเปนสกี รีสอรทที่อยูใกลโตเกียวมากที่สุดโดยใชเวลาการเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณ นอกจากจะตื่นเตน ที่กําลังจะเจอหิมะแลว นี้เปนครั้งแรกที่เราจะไดนั่งรถไฟ Shinkansen ดวยหละ บัตรคาเขาของที่นี้รวม อุปกรณใหเชาประมาณ 3700 เยน แตเมื่อมาถึงความฝนเราตองดับลง อุตสาหหาขอมูลวิธีการเลนสกีมาตลอด ทั้งคืน พอมาถึงวันนี้ลมคอนขางแรงเปดถึงแคบายโมง แถมเลนสกีก็ไมทันอีกโธ นี้เกาโมงมีเวลาแคสี่ชั่วโมงเอง แตไหนๆก็มาถึงแลวมีอะไรเราไปหมด เลยซื้อทริปเดินรองเทาตะกรอชมวิวรอบๆดวย สวยงามอยาบอกใคร เลย เมื่อซื้อบัตรเรียบรอยก็จะมีเจากระเชากอนโดลาที่จะพาเราไปสูลานสกีจะใชเวลาประมาณ 5 นาทีเทานั้น ภาพแรกที่เห็นหิมะกรี๊ดสิ วิ่งไปเลยพรอมกลองแลวกดรัวๆ ที่นี่ถือเปนสวรรคอีกของตากลองเลย ทีเดียว คือถายมุมไหนก็สวยบรรกาศของทิวเขาอยางกับมาสวิสฯ เสื้อผาเราก็จัดเต็มนะคิดวาอากาศเลขตัวเดียว แนๆ ขดเปด ลองจอน ผาพันคอมาหมด พอถึงแดดจัดถอดออกแทบไมทัน(ฮาๆ) เนื่องจากเราไปชวงปลายหนาว แลวอุณหภูมิประมาณ 13-16 องศา ไมหนาวมาก อุปสรรค ในการถายรูปอยางหนึ่งคือหิมะที่ขาวโพลน และแสงแดดที่แรงจัด เกิดการตกกระทบ ทําใหแสง คอนขาง Over กวาปกติ นอกจากมือที่เย็นจะแข็งแลว แสงคอนขางจะมีผลตอการตั้งคากลอง เชนกัน ฉัน ถายหลุดมาหลายภาพเนื่องจากใสแวนกันแดดและลืมถอดแวนเช็ค T_T คนเราก็พลาดไดคะ (ฮาๆ) เราเลน กระดานลื่นบนนั้นอยู ประมาณ 1 ชั่วโมง และไปเดินตะกรอทัวรอีกถายรูปเพลินมาก ก็หมดเวลาซะแลว อิ่มหน่ําและเทาแข็งกันเลยทีเดียว ถึงแมไมไดเลนสกีแตก็ถือวาคุมมาก เห็นหิมะและทิวทัศน ก็ชื่นใจ ไปอีกหลายวัน
Nikon D750 1/2000 Sec / F4 / Iso 80 24mm. (14-24 F2.8)
29
Day 03 : Kawaguchiko ถายฟูจิไมยากแคพกดวงมาดวย วันนี้เราสองคนรีบตื่นมาตั้งแต 6 โมงเชาเพื่อออกเดินทางแตดวยความที่ลังเลกันอยู 2 คนวาจะไปดวยรถบัสหรือรถ กวาจะคิดไดก็แปดโมงเสียแลวเราเดินกันไปเรื่อยๆจนถึงสถานีรถบัส อยูไมหางจากสถานีชินจุกุมากคาตั๋วรถ 1700 เยน ใ เราที่ปนี้ซากุระบานชา จังหวะที่เราไปตรงกันหนาเทศกาลพอดี และที่ลุนไปกวานั้นคือการที่เราจะไดเจอคุณฟุจิซังนี่แหล เห็น ภายในพื้นที่รอบๆภูเขาไฟฟูจิประกอบไปดวย 5 Lake ใหญๆ ไดแก Lake Kawaguchi , Lake Motosu , Lake S ไลเก็บภาพฟูจิจากทุกทะเสลาบ แตดวยเวลาที่เรามีและสัมภาระที่ใหญโตทําใหเราเก็บภาพมาได แคทะเลสาบเดียวคือ L ทะเลสาบนี้ 1 ในมุมมหาชนก็อยูที่นี้ สามารถลงเก็บภาพไดตั้งแตปาย 15-20 การเดินทางมีรถบัสอยู 3 สาย สายที่วนรอบ lake kawaguchi สวนมากคนใชรถ Restro Bus รอบนี้ตัดสินใจซื้อต นะ สรุปเย็นวันนั้นเราวางแพลนมา 5 ที่ หารูไหมวาที่นึงก็หมดเวลาไปครึ่งวันแลว สรุปเก็บมาได 2 ที่ค่ะ
“สัมภาระ คือขาต เพ
ถไฟดี คิดกันอยูนานก็ตัดสินใจไดวาไปรถบัสนาจะดีสุด ตอเดียว ใชเวลา 1.30 ชม. ถึง Kawaguchiko เปนอีกหนึ่ง ความโชคดีของ ละยากมากตองพกดวงมาดวยนะ ไมงั้นเธอจะขี้อายไมโผลมาใหเรา Sai,Lake Shoji และ Lake Yamanaka จริงๆเปาหมายของเราคือ Lake Kawaguchi ซึ่งนักทองเท่ียวและชางภาพสวนใหญก็จะมาที่
ตั๋วที่วิ่งได 3 สายเลย 1500เยน คุมไหมมมตอบเลย วาคุมถามีเวลา
Nikon D750 1/3200 Sec / F2.8 / Iso 50 50mm. (50mm.F1.4)
ะอีกหนึ่งสิ่งที่ฉันจงใจเอามาเลย ถึงกับยอมถือเสื้อโคชไวดานนอก ตั้งกลองนี้ละ เพื่อภาพดานลางนี้เลยยอมทนหนาวเหน็บ 5 องศา พื่อถายสิ่งนี้ แตนาเสียดาย ดวงวาดีแลวที่เจอฟูจิซัง แตยังดีไมสุด ที่ไมไดเจอทางชางเผือก เนื่องจากฟาปด......” Nikon D750 1/2500 Sec / F4.5 / Iso 50 50mm. (50mm.F1.4)
Nikon D750 1/4000 Sec / F2.5 / Iso 50 50mm. (50mm.F1.4)
Nikon D750 70 Sec / F10 / Iso 100 24mm. (14-24 F2.8)
Nikon D750 1/4 Sec / F11 / Iso 100 24mm. (14-24mm.F2.8)
31
Nikon D750 1/800 Sec / F4 / Iso 50 20mm. (14-24mm.F2.8)
Nikon D750 1/1000 Sec / F1.4 / Iso 50 50mm. (50mm.F1.4)
Nikon D750 1/1600 Sec / F1.4 / Iso 50 50mm. (50mm.F
F1.4)
Day 03 : ยังไมจบขอปดทาย Lady in Japan Part I ที่เจดียแดง (Chureito Pagoda) “เคาวากันวาหากมาไมถึงเจดียแดง ก็เหมือนมาไมถึงฟูจิ” การเดินทางไมไดยาก อยาง ที่คิด จากโตเกียวไมวาจะพักใกลกับสถานีใด ก็ตามใหหาทางไปที่สถานี Otsuki และเปลี่ยน ขึ้นรถไฟสายเอกชน Fujikyu และลงสถานี Shimoyoshida พอถึงสถานีทางคอนขางแปลก ควรจะสังเกตุปายตลอดทางไมงั้นหลงแนคะ เจดียชูเรโตะ(Chureito Pagoda) เปนเจดียหาชั้นบนเนินเขาที่ สามารถมองเห็นเมือง ฟูจิโยชิดะได 360 องศา และภูเขาไฟฟูจิในระยะไกล ไดอยางชัดเจนและเดนสงา เจดียนี้ตั้งอยูบนศาลเจาอาราคุระเซนเกน ซึ่งถูกสรางขึ้นเพื่อระลึกถึงสันติภาพป 1963 จาก ตัวอาคารหลักของศาลเจา ตองขึ้นบันไดไปเกือบ 400 ขั้น เพื่อจะให้ถึงยอดเจดียแดงบน นี้ โดยเฉพาะในชวงฤดูใบไมผลิที่ดอกซากุระบานประมาณกลาง เดือนเมษายน และฤดู ใบไมรวงประมาณครึ่งเดือนแรกของเดือนพฤศจิกายน จะเปนจุดชมธรรมชาติที่นิยมเปน อยางยิ่ง หากใครอยากมาเก็บภาพมุม มหาชนแนะนําใหไปชวงเชาเพราะแดดจะสองไปที่ฟูจิ และเจดียพอดี ถายแลวไมยอนแสง พอดีรอบนี้ฉันไปบายสามแลวในรูปก็ตองใชโปรแกรม ชวยขุด Shadow ขึ้นมากันหนอย ไหวขอพรเสร็จเราก็เดินทางกลับไปนอนแถว ทะเลสาบ ฟุจิ เน่ืองจากรถบัสเที่ยวสุดทายหมดหาโมงเย็น เราถายรูปกัน จนเพลินตกลงบัสเลยที่นี้ พบกันใหมฉบับหนาจะมีสรุป Map การเดินทาง พรอมเมืองที่เหลือใน Lady in Japan Part II ขอบคุณผูอานทุกทาน
Muni
33
35
Show Time
เรื่อง/ภาพ : phunlop kingpetch
Facebook / phunlop kingpetch
“ที่เที่ยวเกาะสีชัง : ที่ทำ�ให้คุณนั้นอยากไป” หลังจากที่ไม่ได้เดินทางไปสัมผัสกว่า 20 ปี จึงหาโอกาสและจังหวะไปพักผ่อนซึ่ง จังหวะที่ไปมีเวลาน้อยนิดจึงหาสถานที่ที่ใกล้และสามารถเดินทาง ไป-กลับ ในวัน เดียวได้หรือท่านที่อยากจะพักผ่อนก็เหมาะมากครับส�ำหรับสถานที่แห่งนี้ และสถาน ที่แห่งนี้ยังเหมาะส�ำหรับคู่หนุ่มสาวที่จะหาโอกาสไปสวีทกัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนไม่ ค่อยพลุกพล่าน เงียบสงบ ที่ส�ำคัญไม่อันตรายและคนบนเกาะดูเป็นกันเองมากครับ แนะน�ำให้ผู้อ่านทุกท่านที่ยังไม่เคยได้มาสัมผัสบรรยากาศบนเกาะสีชังลองตัดสินใจ และมาสัมผัสดูครับ รับรองแล้วท่านจะติดใจ
37
เข้าเรื่องของการเดินทางและสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามกันเลยนะครับ ผมขออนุญาตผู้อ่านใช้ชื่อเรื่องนี้ตาม ผมละกันนะครับ (อิอิ)
ย้อนรอยรำ�ลึกสู่เกาะสีชัง เริ่มต้นของการเดินทาง ท่านที่จะนำ�รถยนต์ส่วนตัวไปไม่อยากแนะนำ�ครับเพราะเนื่องจากไม่สามารถนำ�รถ ข้ามไปฝั่งเกาะได้จึงต้องฝากไว้อีกฝั่งต้องเป็นกังวลกลัวจะเที่ยวไม่สนุกครับผมเลยใช้บริการรถตู้โดยสารซึ่งการเดิน ทางโดยรถตู้ประจำ�ทางจากกรุงเทพมหานครเริ่มต้นที่ขนส่งเอกมัย ค่ารถตู้ 100 บาท เรื่องเส้นทางคงไม่ต้องพูดถึง นะครับหลับตลอดทางเลยครับ (ฮาๆ) รถตู้จะนำ�ท่านมาจอดที่โรบินสันศรีราชาหลังจากนั้นนั่งรถสามล้อมาท่าเรือ เพื่อข้ามสู่เกาะสีชังค่าสามล้อราคา 60 บาท การเดินทางจากท่าเรือ จรินทร์ เพื่อข้ามสู่เกาะสีชัง ค่าโดยสารท่านละ 50 บาท มุ่ง หน้าสู่เกาะสีชังใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 50 นาที ในช่วงเวลาของการเดินทางใน เรื อ ท่ า นจะได้ สั ม ผั ส กั บ กลิ่ น ไอ ธรรมชาติบรรยากาศรอบข้างจะ เต็มไปด้วยเรือขนส่งขนาดใหญ่ ถ่ายรูปเพลิดเพลินกันไป
ภาพบรรยากาศโดยรวมก่อนขึ้นสู่เกาะสีชัง
เมื่อถึงฝั่งเกาะจะพบกับรถมอเตอร์ไซด์และรถโดยสารจำ�นวนมากจะเข้ามาสอบถามท่านในการเดินทางก็ อย่าตกใจนะครับ โดยรถที่จะใช้บนเกาะก็มีมอเตอร์ไซด์เช่า เรื่องราคาลองตกลงกันดูนะครับหรือจะให้รถสกายแลป พาเที่ยว 4 สถานที่ 250 บาทและรถจะนำ�ท่านไปตามจุดต่างๆที่จะเที่ยวเมื่อเราพอใจกับสถานที่แห่งนั้นแล้วให้โทร เรียกรถเพื่อมารับไปจุดต่อๆไปสะดวกสบายไม่ต้องกังวลว่าจะไปไม่ถูกครับ และขอยกเครดิตให้คุณพี่ม๊าบเลยครับ บริการดีจริงใจ โทร.094-158-0891 ที่แนะนำ�ไม่ได้เปอร์เซ็นต์นะครับ..อิอิ มาเข้าเรื่องสถานที่การเดินทางบนเกาะกันเลยนะครับ หลังจากที่ติดต่อรถได้แล้วเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ แห่งการเดินทางไฮไลท์ จุดท่องเที่ยวบนเกาะสีชังที่คุ้นตาคงหนีไม่พ้น สะพานไม้สีขาว ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ ที่อยู่คู่ กับเกาะสีชัง โดยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างสะพานทอดลงไปในทะเล โดยพระราชทานนามว่า… “สะพานอัษฎางค์”
และสะพานแห่งนี้มักมีเรื่องราวที่ให้น่าจดจ�ำระหว่างคู่รัก ซึ่งจะเป็นอีกสถานที่ ที่มีคู่ บ่าว-สาว ถ่าย Wedding กัน บ่อย ท่านที่ได้มาสถานที่แห่งนี้คงปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องเชลฟี่กับความสวยงามและบรรยากาศร่มรื่นเป็นธรรมชาติ สถานที่ต่อไปขอน�ำท่านสู่ทะเลแหวก แห่งเกาะสีชัง หรือมีชื่อเรียกว่า “ท่ายายทิม ล่องยายท้าว” เรียกได้ว่า หลายๆท่านที่มาเที่ยวเกาะสีชังอาจจะยังไม่คุ้นกับสถานที่แห่งนี้นับว่าจุดไฮไลท์เด็ด มีลักษณะคล้ายทะเลแหวก ใน ช่วงเวลาที่น�้ำทะเลลด
39
ซึ่งระหว่างการเดินทางก็จะพบกับอุโมงค์ต้นไม้ คงไม่พลาดแน่นอนที่จะเก็บรายละเอียดแห่งความสวยงามและความร่มรื่น
หลังจากที่เซลฟี่ ชมความสวยงามและพักผ่อนเรียบร้อยแล้วจึงเดินทางต่อสู่ “หาดถ�้ำพัง” ก็ได้พบกับทุ่งหญ้าที่ สวยงามดูเป็นริ้วแนวยาวในพื้นที่ที่ไม่สามารถก�ำหนดได้ระหว่างทางกับบรรยากาศชิลๆเลยเก็บภาพบรรยากาศ ความสวยงามมาฝากกันครับ
41
ในเมื่อมีโอกาสได้มาแล้วคงไม่พลาดกับการขึ้นไปสูดอากาศและชมวิวทิวทัศน์ ของ เกาะสีชังพร้อมสักการรอยพระพุทธบาทจำ�ลอง เพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนเดินทาง กลับโดยสวัสดิภาพ สำ�หรับท่านที่พักค้างคืนยังพอมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลาย แห่งที่กระผมยังไม่ได้แนะนำ� โดยเฉพาะ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ , พระเจดีย์ อุโบสถวัด อัษฎางค์นิมิตร , แหลมจักรพงษ์ และอื่นๆ ขอให้ทุกเท่านมีความสุขกับการเดินทาง และพักผ่อน ในช่วงวันหยุด ขอบคุณครับ
43
GRAPHY Review
เรื่องและภาพ นวพล เกษมโสภา Facebook/ joeyoung2500
ออกภาคสนามกับ Fujifilm GFX 50S Medium Format Mirrorless Camera เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าฟูจิฟิล์มสามารถสร้างกล้องในตระกูลใหม่ๆที่มีประสิทธิภาพสูงออกมาไม่ขาดสาย เพราะฟูจิฟิล์มนั้นมีเทคโนโลยีดิจิทัลบวกกับเทคโนโลยีด้านภาพที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องมายาวนานกว่า 80 ปี จึง สามารถนำ�เทคโนโลยีหน่วยประมวลผล X-Processor Pro เทคโนโลยีโฟกัส เทคโนโลยีการประมวลสีสันที่พัฒนา อย่างยาวนานมาใช้ใน GFX50s และรุกตลาดกล้อง hi-end อย่างเป็นทางการ ทำ�ความรู้จักตัวกล้องและจุดเด่นของ GFX50s
GFX 50s เป็นกล้องระดับโปรที่มีเซนเซอร์ขนาดใหญ่แบบ Medium Format 51.4 ล้านพิกเซล ขนาด 43.8mm x 32.9 mm เมื่อเทียบกับเซนเซอร์แบบ full frame จะมีใหญ่กว่า1.7เท่า และใหญ่กว่า APS-C 4 เท่า เพื่อให้คุณภาพภาพออกมาดีที่สุด สัญญาณรบกวนน้อย เหมาะส�ำหรับใช้ในงานมืออาชีพที่ต้องการภาพถ่าย คุณภาพและมีความละเอียดสูง เลนส์ทั้งหมดถูกออกแบบใหม่ในรหัส GF ส�ำหรับกล้องซีรีส์นี้โดยเฉพาะโฟกัส 117 จุด รูปร่างหน้าตานั้นไม่ต่างจากกล้อง DSLR แต่มีความโดดเด่นตรงที่มีน�้ำหนักเบามากๆ น�้ำหนักโดยรวมนั้น เบากว่ากล้อง DSLR รุ่นใหญ่หลายตัว จ�ำท�ำให้สามารถน�ำกล้อง GFX ไปใช้ในชีวิตประจ�ำวันได้เลย
45
GFX 50s ถูกออกแบบให้เป็น Mirrorless ที่ไร้กระจกสะท้อน ภาพ เพราะมันลดปัญหา Mirror Shock หรือภาพสั่นไหว จากแรงตี กลับของกระจกสะท้อนภาพ และให้บอดี้มีขนาดใกล้เคียงกับกล้อง DSLR Full Frame การออกแบบนี้ท�ำให้ GFX 50s มีน�้ำหนักน้อยกว่า กล้อง Medium Format ในท้องตลาดได้ GFX 50s มีน�้ำหนักแค่ 825 กรัม เมื่อรวมเลนส์ 63 mm ก็หนักแค่ 1,230 กรัม ซึ่งก็เบากว่า กล้อง Medium Format ทั่วไปเป็นอย่างมาก ในการควบคุมกล้อง ปุ่ม ปรับต่างๆถูกวางไว้ในจุดที่ใช้งานง่าย ใช้เวลาไม่นานก็สามารถปรับตัว มาใช้ GFX ได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวมากเป็นวัน หน้าจอ LCD ขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 2.36 ล้านพิกเซล สามารถแบบพับขึ้นลง 90 องศา และพลิกด้านข้างได้ เป็นจอแบบ ทัชสกรีน เลื่อนดูหรือขยายภาพได้ลื่นไหล สามารถปรับการเลือกโฟกัส โดยการสัมผัสได้3แบบ 1.Touch focus แตะเลือกจุดโฟกัสแล้วล็อค ค้างไว้ 2.Touch Area แตะเลือกจุด หรือ ลากจุดโฟกัสได้อิสระ 3.Off ปิดโฟกัสแบบสัมผัส และสามารถเปิดการแสดงข้อมูลได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระดับน�้ำ และ Histogram ให้ดูได้ ง่ายๆ มี View-finder แบบ EVF แสดงข้องมูลต่างๆเหมือนหน้าจอ LCD หลังกล้อง ติดตั้งอยู่ที่ Hot-shoe และมา สารถถอดออกได้ ชัตเตอร์ 1/4000 sec. และสามารถตั้งได้ทั้ง 1/16000 sec. เมื่อเปิดใช้ชัตเตอร์แบบ Electronic และมีชัตเตอร์ต�่ำสุดที่ 60 นาที คนชอบลากกล้องยาวๆแบบไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสิรมต้องชอบแน่นอน ใครว่า GFX 50s ใช้งานได้แค่ในสตูดิโอ ผมเถียงใจขาดเลย เพราะตัวกล้องและตัวเลนส์เป็น Wagnesium Alloy ที่มาพร้องกับ Weather high level of resistance to dust ซีลกันน�้ำกันฝุ่นรอบตัว อีกทั้งยังสามารถท�ำงานได้ใน อุณหภูมิต�่ำสุดถึง -10 องศาเซลเซียส ดังนั้น GFX 50s มันถูกออกแบบให้ไปได้ทุกที่ทุกสภาพดินฟ้าอากาศ หรือ เรียกง่ายๆว่ามันเป็นกล้องสายลุยนั้นเอง เลนส์ G-mount ของ GFS50s มีทั้งหมดเลนส์ 6 ตัว FUJINON GF ได้แก่ - FUJINON GF63mmF2.8 R WR เป็นเลนส์ prime (ระยะเทียบเท่า 50mm เมื่อเทียบกับเซนเซอร์ 35mm) - FUJINON GF32-64mmF4 R LM WR เป็นเลนส์ซูมแบบมุมกว้าง (ระยะเทียบเท่า 25-51mm เมื่อเทียบกับ เซนเซอร์ 35mm) - FUJINON GF120mmF4 Macro R LM OIS WR เลนส์มาโคร 1:0.5 ระยะไกลปานกลาง (ระยะเทียบเท่า 95mm เมื่อเทียบกับเซนเซอร์ 35mm) - FUJINON GF110mmF2 R LM WR เลนส์ระยะไกลรูรับแสงกว้าง (ระยะเทียบเท่า 87mm เมื่อเทียบกับเซนเซอร์ 35mm) - FUJINON GF23mmF4 R LM WR เลนส์มุมกว้างมาก (ระยะเทียบเท่า to 18mm เมื่อเทียบกับเซนเซอร์ 35mm) - FUJINON GF45mmF2.8 R WR เป็นเลนส์มุมกว้าง (ระยะเทียบเท่า 35mm เมื่อเทียบกับเซนเซอร์ 35mm)
GFX50s ความละเอียด 51.4 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ CMOS ขนาด 43.8mm x 32.9 mm รองรับ Dynamic Range 14 stop เลนส์ G-mount View-finder ติดตั้งที่ Hot-shoe ถอดออกได้ จอสัมผัสขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 2.36 ล้านพิกเซล มีจอที่สองขนาด 1.28 นิ้ว เอาไว้รายงานสถานะของกล้อง โฟกัส 117 จุด ซัตเตอร์แบบ Focal-Plane ความเร็วสูงสุด 1/4000 s ถ่ายวิดีโอ Full HD บอดี้ Magnesium Alloy น้ำ�หนัก 825 กรัม
ทดสอบการใช้งานจริง
สำ�หรับการทดสอบการใช้งานกล้องของทางนิตยสาร Travelgraphy นั้นจะเป็นการทดสอบด้วยการนำ�ออก ไปใช้ในสถานการณ์จริง และจะอธิบายวิธีการตั้งค่าพื้นฐานต่างๆของตัวกล้องในการถ่ายภาพในแบบที่เข้าใจง่ายๆ เพื่อให้ได้ภาพที่เหมาะสมในสถานการณ์นั้นๆ และจะถ่ายเป็น Jpeg ทั้งหมดเพื่อดูผลของภาพที่ได้แบบดิบๆ โดย ไม่มีการตกแต่งรีทัชภาพใดใด มาดูคุณภาพความคมชัดกันสักหน่อย ภาพที่ได้ให้ความคมชัดที่สูงมาก สามารถเรียกความคมชัดจาก GFX 50s และ FUJINON GF ว่ามัน “คมตาแตก” และหากทั้งภาพอยู่ในระนาบโฟกัสเดียวกันก็จะได้ความคมนั้น จนถึงขอบภาพ แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของทั้งตัวกล้องและตัวเลนส์ได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงการโฟกัสภาพที่ เร็วเมื่อเทียบกับ Medium Format และมีความแม่นยำ�สูง สมกับเป็นกล้องระดับ HI-End อย่างแท้จริง
47
ภาพนี้ตั้งใจถ่ายภาพนี้ให้มืด เพื่อลองดึงภาพที่มืดมากๆจากไฟล์ JPEG ดึง Exposure ให้สว่างขึ้นมา 3 STOP ได้ โดยไฟล์ภาพไม่เสียหายมาก รวมไปถึงการดึงส่วนที่หลุด highlight กลับมาได้ ซึ่งหากเป็นไฟล์ RAW จะสามารถดึง หรือลดแสงกลับมาได้มากกว่านี้อีก โดยที่คุณภาพของไฟล์ไม่เสียหายมาก มากจากประสิทธิภาพของ Image sensor และ X-Processor Pro ที่เก็บข้อมูลภาพไว้ได้เยอะมากๆ สายขุดทั้งหลายต้องชอบกันแน่ๆ
INDOOR การใช้งานแบบ indoor กันก่อนเลย ว่าการใช้งานกล้อง GFX 50s ให้เต็มประสิทธิภาพในงาน indoor นั้นควร จะต้องเรียนรู้และการตั้งค่ากล้องและฟังก์ชั่นต่างๆแบบใดบ้าง ในรอบนี้ผมได้รับเลนส์มา3ตัวในการทดสอบก็จะมี FUJINON GF63mmF2.8 R WR, FUJINON GF32-64mmF4 R LM WR และ FUJINON GF120mmF4 Macro R LM OIS WR ทดสอบการถ่ายภาพย้อนแสง และตั้งใจปรับให้แสงโอเวอร์มากๆประมาณ 4 stop จากค่าแสงที่พอดี เพื่อดูการ เก็บรายละเอียดของภาพทั้งฉากหลังและตัวแบบ ซึ่งผลที่ได้ก็ได้ผลที่เป็นที่น่าพอใจมาก เพราะสามารถเก็บราย ละเอียดของตัวแบบได้มากเกือบครบ แต่เนื่องด้วยการตั้งกล้องให้ได้ภาพ over มากๆ ก็ทำ�ให้ขอบบางส่วนของตัว แบบหลุด highlight แต่ถ้าหากเทียบกับกล้องปกติก็ถือได้ว่า GFX 50s และเลนส์ FUJINON GF32-64mm F4R LM WR มีความสามารถในการเก็บรายละเอียดที่สูงกว่ามาก เลือกใช้ Film Simulation PRO Neg.Std ผมว่ามันเหมาะกับ การถ่ายภาพบุคคลในลักษณะนี้ เพราะมันให้ภาพที่เบาสบาย Skin Tone ดูนุ่มนวลดูเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องปรับค่าใดใด เพิ่ม ด้วยความรู้ด้านฟิล์ม ทำ�ให้สีสันจาก GFX50s ดีพอที่จะนำ� ภาพ Jpeg จากกล้องไปใช้งานได้เลย โดยไม่ต้องแก้ไขสีสัน หรือ แก้โทนผิว ^ FUJINON GF32-64mmF4 R LM WR, Film Simulation PRO Neg.Std, DR100, Highlight 0, Shadow 0, Color 0, Sharp 0, NR 0, WB-AUTO SS-1/80s f/4 ISO-800
ภาพนี้เพิ่มสปีดชัตเตอร์จาก 1/80 เป็น 1/125 จะเห็นได้ว่าค่าแสงที่ต่างไม่ถึง 1 stop แต่สามารถ ดึงรายละเอียดกลับมาได้อย่างมาก แสดงให้เห็น ถึง Dynamic Range ที่ดีของกล้องได้อย่างชัดเจน
^ GFX 50s, FUJINON GF32-64mmF4 R LM WR, Film Simulation PRO Neg.Std, DR100 Highlight 0, Shadow 0, Color 0, Sharp 0, NR 0, WB-AUTO SS-1/125s f/4 ISO-800
ทีนี้มาลองการถ่ายภาพด้วยแสงแฟลชสตูดิโอ และใช้เลนส์ GF120mmF4 Macro R LM OIS WR กันบ้าง ภาพนี้ตั้งใจจัด แสงเพื่อบังคับโทนภาพให้ดูออกแนว dark เพื่อให้เห็นการไล่ dynamic ของเราได้อย่างชัดเจน ใช้ Film Simulation STD ไม่ได้ปรับแก้ไขหรือเพิ่มเติมค่าใดๆ เปลี่ยนแค่ WB เป็น DAYLIGTH ภาพที่ออกมาดีสีผิวไม่ผิดเพี้ยน Skin Tone พอเหมาะ ให้สังเกตแสงที่ฉากหลังเราจะเห็นว่าการไล่เฉดของเงาที่ผนังนั้น ออกมาดูนุ่มนวล < GFX 50s, FUJINON GF120mmF4 Macro R LM OIS WR, Film Simulation STD, DR100, Highlight 0, Shadow 0, Color 0, Sharp 0, NR 0, WB-DAYLIGTH SS-1/125s f/16 ISO-100
สำ�หรั บ คนที่ ชื่ น ชอบถ่ า ยภาพบุ ค คลแบบขาวดำ�GFX50s สามารถให้ Skin Tone แบบเนียนๆให้ลองใช้ Film Simulation ACROS และเลือก Red filter ปรับ Shadow -2 เพื่อลดความ เข้มในเงา แต่ภาพไม่ดูฟุ้ง เหมาะกับผิวผู้หญิงไทย และเห็นราย ละเอียดครบถ้วน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทิศทางของแสงด้วยเช่นกัน < GFX 50s, FUJINON GF120mmF4 Macro R LM OIS WR Film Simulation ACROS +Redfilter, DR100, Highlight 0, Shadow -2, Color 0 Sharp 0, NR 0, WB-DAYLIGTH SS-1/125s
49
ลองเล่นกับค่า Highlight, Shadow และ เพิ่ม Grain แน่นอนว่ากล้อง GFX 50s มีค่า Dynamic Range ที่กว้างมากแต่สำ�หรับคนที่ ถ่ายภาพบางประเถท นั้นอาจต้องการภาพที่มี คอนทราสจัด เราก็สามารถควบคุมกล้องให้ได้ ภาพอย่างที่ต้องการได้เช่นกัน ด้วยการเพิ่มค่า Highlight จะทำ�ให้ส่วนที่เป็น Highlight สว่าง ขึ้น จากนั้นเพิ่มค่า Shadow จะทำ�ให้ส่วนเงา เข้มขึ้นและทำ�ให้ภาพมีคอนทราสที่จัดขึ้นมา ทันที และ GFX 50s สามารถเพิ่ม Grain เข้าไป ได้อีกเพื่อให้มีอารมณ์ภาพที่เหมือนการใช้ฟิล์ม แบบขาวดำ� มีให้เลือกตั้งค่า2แบบคือ STRONG ที่ให้เนื้อเกรนดูหยาบ และ WEAK ให้เนื้อเกรน ที่ละเอียดขึ้น GFX 50s, FUJINON GF63mmF2.8 R WR, Film Simulation ACROS +Red filter, DR100, Highlight +1, Shadow +3, Color 0, Sharp +2, NR 0, Grain setting-Weak, WB-DAYLIGTH SS-1/160s f/4.5 ISO-125 >
OUTDOOR มาดูการใช้งานแบบ outdoor กันบ้าง GFX 50s มันถูกสร้างมาให้อย่างแน่นหนา ทนทาน ลุยได้ทุกสภาพพื้นที่ และทุกภูมิอากาศ ดังนั้นการใช้งานแบบ outdoor จึงไม่ใช่ปัญหา และที่ส�ำคัญด้วยน�้ำหนักที่เบา ท�ำให้มันไม่เป็น ภาระมาก จึงสามารถพากล้องไปได้ทุกที่ ถึงจะเป็น Medium Format แต่มีขนาดไม่ใหญ่เทะทะ และน�้ำหนักเบา ท�ำให้สามารถถือถ่ายได้ไม่ต่างกับกล้อง DSLR การตั้งค่าการถ่ายปกติไม่ ต่างกันมาก หากคนที่ใช้กล้องฟูจิจะชินกับเมนูอยู่แล้ว แต่ส�ำหรับคนที่ไม่ เคยใช้ฟูจิมาก่อน สิ่งที่ต้องท�ำความเข้าใจในการตั้งค่าคือ DR, Highlight, Shadow, Color, Sharp และ NR เข้าใจการตั้งค่าที่ว่ามานี้การถ่ายภาพ ก็จะง่ายทันที
การถ่ายภาพ Landscape กล้องที่สามารถในเรื่องของ Dynamic Range จะได้เปรียบเป็นอย่างมาก และ GFX 50s นี่มีความสามารถของความกว้าง Dynamic Range ถึง 14 stop จึงท�ำให้เก็บได้ครบทุกรายละเอียด ทั้งส่วน สว่างและส่วนมืด ผมลองลดค่า Highlight กับ Shadow ลงพร้อมกับเพิ่มค่า DR มันก็ยิ่งช่วยให้ภาพที่ได้มีราย ละเอียดให้เห็นอย่างชัดเจน จนดูเหมือนถ่ายในสภาพแสงที่สม�่ำเสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้วแสงท้องฟ้ากับพื้น ต่างกันถึง3stop แต่ถ้าใช้ ND filter ครึ่งซีกเข้าช่วย จะลากสปีดได้นานขึ้น แต่ตอนนั้นไม่มีให้ใช้ ไฟล์ภาพที่ได้มันก็ โอเคมาก โดยที่ไม่มีอุปกรณ์เสริมเข้าช่วย ตั้งค่า Film Simulation Velvia/Vivid แล้วเพิ่ม Color ขึ้นอีกสักนิดให้สี อิ่มยิ่งขึ้น เท่านี้ก็ได้ภาพที่ใช้งานเลย
< < < GFX 50s, FUJINON GF32-64mmF4 R LM WR Film Simulation Velvia/Vivid DR400 Highlight -2 Shadow -2 Color +1 Sharp +1 NR 1 WB-DAYLIGTH SS-4s f/32 ISO-100
Dynamic Range กว้างเก็บรายละเอียดได้ทั้งใน ส่วนสว่างและส่วนมืด กล้องและเลนส์กันน�้ำกัน ฝุ่นถ่ายภาพในที่ที่เต็มไปด้วยฝุ่นและละอองน�้ำ แบบนี้ก็ไม่ต้องห่วง แค่อย่าให้กล้องตกลงไปในน�้ำ ก็พอ < GFX 50s, FUJINON GF32-64mmF4 R LM WR Film Simulation Velvia/Vivid DR400, Highlight -2, Shadow -2, Color +1, Sharp +1, NR 1, WB-DAYLIGTH SS-2s f/32 ISO-100
51
ความสามารถในการถ่ายภาพแบบ Long exposure โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม เพราะตัวกล้องเองสามารถตั้งค่า Long exposure ได้ยาวต่อเนื่องถึง 60 นาที เห็นตอนแรกนี่ตกใจเลย เพราะเมื่อก่อนต้องใช้สายลั่นกับ Shutter B แต่กับ GFX 50s ไม่ต้องใช้ ท�ำแค่ตั้ง Self-timer 2วิ จะได้ไม่ต้องกดกล้อง และการที่เป็น Mirrorless จึงไม่มีปัญหา Mirror Shock ไม่ต้องมาเสียเวลาตั้ง Mirror Lock เพื่อผลความคมชัดของภาพ และอย่าลืมตรวจสอบนะครับว่า เมื่อถ่ายภาพลักษณะนี้ Long exposure NR เปิดอยู่หรือเปล่า เพราะส�ำหรับการถ่ายภาพด้วยไฟล์ Jpeg มันช่วย ได้เยอะมากที่เดียว ภาพนี้เวลา 2นาที
^ GFX 50s, FUJINON GF32-64mmF4 R LM WR, Film Simulation Velvia/Vivid, DR100, Highlight -2, Shadow 0, Color +1, Sharp +1, NR 1, WB- DAYLIGTH SS-120s f/32 ISO-100
ลองสักเกตที่ตัวเสาโบสถ์และขอบกำ�แพงมุมขาวล่าง จะเห็น ว่า Distortion จากเลนส์ช่วง 32mm นั้นดูแทบไม่ออกเลยว่า มี มีเพียงแค่ Perspective จากมุมเงิยเท่านั้นที่ชัดเจน มันจึง เหมาะมากที่จะถ่ายภาพแนวสถาปัตยกรรม หรือถ่ายภาพที่ ไม่ต้องการให้เกิด Distortion และแฉกของดวงไฟจาก F/32 ที่เป็นเส้นยาวชัดเจนอลังการ เป็นสิ่งที่ประทับใจมากสำ�หรับ การทดสอบในครั้งนี้
GFX 50s, FUJINON GF32-64mmF4 R LM WR, Film Simulation Velvia/Vivid, DR100, ^ Highlight -2, Shadow -2, Color +1, Sharp +1, NR 1, WB-AUTO SS-120s f/32 ISO-100
สายหมอกบางๆชื้นๆยามเช้ากับการทดสอบ ISO และ WB-AUTO จากภาพนี้ผมบอกได้ เลยว่า เป็นกล้องที่ไว้ใจ ISO และWB-AUTO ได้เลยครับ เราก็แค่ตั้งสปีดที่เราถือด้วยมือ เปล่าได้ ตั้งรูรับแสงเพื่อควบคุมระยะความ ชัด แล้วหันมาใส่ใจการวางมุมภาพ ที่เหลือก็ ปล่อยให้กล้องเลือกค่า ISO และ WB ที่ เหมาะสมให้เรา มีบวกการชดเชยแสงนิดๆ หน่อยๆ มันก็ช่วยให้การถ่ายภาพสนุกมาก ยิ่งขึ้น เพราะไม่ต้องกังวลกับทุกสิ่ง และเรา สามารถจ�ำกัดค่า ISO ให้ไม่เกินจากที่เรา ต้องการได้ ผมตั้งไว้ที่ไม่เกิน ISO-3200 แล้ว ก็ถ่ายภาพไปแบบสบายๆ
^ GFX 50s, FUJINON GF32-64mmF4 R LM WR, Film Simulation Velvia/Vivid, DR200 Highlight 0, Shadow -2, Color +1, Sharp +1, NR 1, WB-AUTO SS-1/125s f/8 ISO-AUTO
ทั้ง4ภาพนี้ใช้ WB & ISO-AUTO
53
มาถึงการถ่ายภาพแบบมาโครกันบ้าง สำ�หรับ GFX 50s นั้นมีเลนส์ในตระกูล GF อยู่1ตัว ที่เป็นเลนส์แบบมาโครคือ GF120mm F4 Macro R LM OIS WR เลนส์มาโครที่ 1:0.5 ระยะไกลปานกลาง ซึ่งอาจจะดูไม่ว่ามันยัง มีอัตตราการขยายไม่มากพอ เมื่อเทียบกับ ขนาดเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ แต่ผมก็เชื่อว่าฟูจิจะ ต้องมีเลนส์หรืออุปกรณ์สำ�หรับการถ่ายภาพ มาโครเต็ ม ระบบมาให้ ใช้ ใ นอนาคตอย่ า ง แน่นอน แต่ด้วยเป็นกล้องที่มีความคมชัดที่ สูงมากๆ บวกกับขนาดของเซ็นเซอร์จึงทำ�ให้ สามารถ Crop ภาพช่วยได้โดยภาพที่ภาพยัง คงมีรายละเอียดอย่างเต็มที่
^ ระยะโฟกัสไกล้สุดที่ 1:0.5 - GFX 50s, FUJINON GF120mmF4 Macro R LM OIS WR Film Simulation Velvia/Vivid, DR100, Highlight -1, Shadow 0, Color +1, Sharp +1, NR +1 WB-DAYLIGTH SS-1/125s f/20 ISO-100
< ใช้วิธี Crop ภาพได้ และภาพยังคงรายละเอียดต่างๆได้ครบ GFX 50s, FUJINON GF120mmF4 Macro R LM OIS WR Film Simulation Velvia/Vivid DR100, Highlight -1, Shadow 0, Color +1 Sharp +1, NR +1, WB-DAYLIGTH SS-1/125s f/20 ISO-100
< GFX 50s, FUJINON GF120mmF4 Macro R LM OIS WR Film Simulation Velvia/Vivid DR100, Highlight -1, Shadow 0, Color +1 Sharp +1, NR +1, WB-DAYLIGTH SS-1/125s f/20 ISO-100
เมื่อต้องการใช้ Manual Focus แนะนำ�ให้ทำ�การเปิด ระบบ Focus peak highlight เป็นตัวช่วยอย่างหนึ่ง ในการปรับโฟกัสด้วยมือ เมื่อใช้ Manual Focus เรา จะมองเห็นที่ภาพจะปรากฏขอบไฮไลท์เป็นสีตามที่ เราเลือกไว้ในเมนู ภาพในจอตรงที่มีขอบไฮไลท์เป็น สี นั้นคือจุดที่คมชัดอย่างแน่นอน ซึ่งมันช่วยให้เราไม่ ต้องเพ่งมากจนตาลายนั่นเอง และเป็นอีกจุดเด่นของ กล้องจากฟูจิฟิล์ม ^ สามารถเลือกขอบสีของ Focus peak highlight ได้จากเมนู MF Assist
GFX 50s, FUJINON GF120mmF4 Macro R LM OIS WR, Film Simulation Velvia/Vivid, DR200, Highlight +1, Shadow -1, Color +1, Sharp +1, NR +1, WB-DAYLIGTH SS-1/200s f/7.1 ISO-400
*** สำ�หรับ Movie recording ใน GFX ความละเอียดแบบ HD (1280x720) และ Full HD (1920x1080) มีให้ เลือกที่ 29.97p / 25p / 24p / 23.98p ในส่วนนี้จะขอทำ�เป็นภาพเคลื่อนไหว ลงทางยูทูปแชลแนลของ Travelgraphy ในโอกาสต่อไปนะครับ 55
บทสรุป FujiFilm เป็นผู้ผลิตกล้องที่มีจุดแข็งมากอย่างหนึ่งคือ รับฟังทุกความต้องการของช่างภาพ และนักถ่ายภาพ สามารถปรับปรุง Firmware ของตัวผลิตภัณฑ์ ให้ลูกค้าได้รับความพอใจสูงสุดได้อย่างรวดเร็ว GFX 50s เองก็เป็น กล้องที่มีคุณภาพสูงมาก ตัวกล้องแข็งแรง มีความสะดวกและยืดหยุ่นในการใช้งาน คุณภาพงานการผลิตในระดับ Hi-End ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่ามันมีราคาค่อนข้างสูงมาก แต่เมื่อเทียบกับ Medium Format ด้วยกันแล้ว GFX 50s นั้นราคาไม่แพงเลย มันเหมาะสำ�หรับใช้ในงานมืออาชีพที่ต้องการภาพละเอียดมาก เหมาะกับงานสาย Commercial ไม่ว่าจะเป็นงานสตูดิโอ ภาพโฆษณา ภาพสถาปัตยกรรม Landscape และงานสารคดี อีกทั้งยังเป็น กล้องคุณภาพระดับสูงที่มีน้ำ�หนักเบา สามารถใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำ�วันได้สบายๆ
^ GFX 50s, FUJINON GF120mmF4 Macro R LM OIS WR, Film Simulation Velvia/Vivid, DR400, Highlight -1, Shadow -2, Color +1, Sharp +1, NR +1, WB-DAYLIGTH SS-1/200s f/6.4 ISO-200
GFX 50s, FUJINON GF120mmF4 Macro R LM OIS WR, Film Simulation Velvia/Vivid, DR200, Highlight 0, Shadow 0, Color +1, Sharp +1, NR +1, WB-DAYLIGTH SS-1/200s f/6.4 ISO-200
GFX 50s, FUJINON GF120mmF4 Macro R LM OIS WR, Film Simulation Velvia/Vivid, DR200, Highlight -1, Shadow +2, Color +1, Sharp +1, NR +1, WB-DAYLIGTH SS-1/200s f/6.4 ISO-200
57
Photography Technique
แสงสีทองของพระอาทิตย์ ที่ส่องผ่านทิวไม้จะช่วยเน้นสายหมอกและไอ น�้ำของบ่อน�้ำพุร้อน อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ให้ดูเป็นล�ำแสงออกมาขณะที่ส่อง ผ่านสายหมอกและไอน�้ำ จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับภาพมากยิ่งขึ้น วิธีนี้ จะให้ผลของภาพที่ยอดเยี่ยมเสมอ เราจะต้องอยู่ในที่ที่เหมาะสมในเวลาที่พอ เหมาะในช่วงเช้าที่อากาศยังไม่ร้อน ภาพนี้ถ่ายในช่วงเวลา7โมงเช้า เพราะ ความร้อนของดวงอาทิตย์จะละลายสายหมอกให้หายไปนั้นเอง แนะน�ำให้ใช้ ระบบวัดแสงแบบเฉลี่ยทั้งภาพ วัดแสงให้ติดอันเดอร์สัก1-1.3สต๊อป ที่ส�ำคัญ ควรใช้ขาตั้งกล้อง เพราะความเร็วชัตเตอร์อาจจะต�่ำเกินกว่าที่จะใช้มือเปล่ายก กล้องขึ้นถ่ายภาพในลักษณะนี้
59
61
เรื่อง/ภาพ : วรท กุมภ์ประดิษฐ์ Facebook / Oversnutz
นกกก Great Hornbill
Wide Life of Nature
“หนึ่งวัน กับการตามหานกเงือกที่เขาใหญ่” บทสนทนาระหว่างผมกับเพื่อนในเย็นวันหนึ่ง หาสถานที่ พัก ผ่อนหย่อนใจ ทำ�ตัวสโลว์ไลฟ์ไปกับกลิ่นหญ้าและสายลม ถกเถียงกันอยู่นานก็ลงเอยที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อนผมหา ที่นั่งพักผ่อน อ่านหนังสือนอนฟังเพลงพร้อมกับชื่นชมธรรมชาติ ส่วนตัวผมนั้นนะเหรอ การได้เข้าป่าแบบนี้ตามหานกหรือสัตว์ป่า ถ่ายแน่นอน แต่ว่าจะเจออะไรบ้าง หรือไปถ่ายอะไรเป็นพิเศษ รอติดตามครับ
63
เช้าตรู่วันเสาร์เพื่อนผมแวะมารับผมที่บ้านและก็เริ่มเดินทางกัน เนื่องจากผมอาศัยอยู่ที่จังหวัดลพบุรี ท�ำให้ การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั่น ไม่ถึงสองชั่วโมงก็ถึงหน้าด่านปากช่อง โดยใช้เส้นทาง ลพบุรี-มวกเหล็กปากช่อง รวมระยเส้นทางประมาณ 130 กม. เป้าหมายในวันนี้ของผมนั้นคือ นกเงือกในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในทั่วโลกนั้นนกเงือกมีทั้งหมด 52 ชนิด แต่ในสวนของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พบเพียง 4 ชนิด ได้แก่ นกกก (นกกาฮัง) , นกแก๊ก , นกเงือกกรามช้าง และ นกเงือกสีน�้ำตาลคอขาว บทบาทหลักของนกเงือกในระบบนิเวศป่าช่วยกระจายพันธุ์ไม้ป่า ท�ำหน้าที่เป็นกลไกล หลักของการกระจายเมล็ดพันธุ์ต้นไม้ใหญ่ที่เป็นอาหารของนก และช่วยควบคุมประชากรของสัตว์เล็ก เช่น แมลง และหนูอันอาจเป็นผู้ท�ำลายเมล็ดซึ่งเป็นกิจกรรมส�ำคัญในการรักษาโครงสร้างและความสมบูรณ์ของป่า การอนุรักษ์นกเงือกก่อให้เกิดผลดีอย่างยิ่งต่อการพิทักษ์รักษาคุณภาพระบบนิเวศป่าไม้ เพราะนกเงือก มีอิทธิพลต่อสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศป่าเดียวกัน จากบทบาทส�ำคัญในการช่วยกระจายเมล็ด พันธุ์ไม้ นกเงือกจะช่วยฟื้นฟูสภาพธรรมชาติในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้กลับคืนมา นอกจากนี้ยังมีบทบาทเป็นสัตว์ ผู้ล่าซึ่งเป็นการควบคุมประชากรของสัตว์ที่เป็นเหยื่อให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งจะก่อให้เกิดความสมดุลแก่ ระบบนิเวศวิทยาป่า
นกกก Great Hornbill
หลั ง จากเสี ย ค่ า ผ่ า นด่ า นทางเข้ า อุ ท ยานแห่ ง ชาติ เ ขาใหญ่ ( ด่ า นปากช่ อ ง) และขับรถเข้ามาได้ไม่นาน เราก็เจอเป้า หมายในครั้งนี้ก็คือเจ้า นกกก หรือนกกาฮัง ก�ำลังโดดไปมาหากินผลไม้อย่างเอร็ดอร่อย นกกก หรือ นกกาฮังเป็นนกเงือกที่ใหญ่ ที่สุดในนกเงือกที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย การที่เจอนกเงือกตั้งแต่ผ่านด่านมาได้ไม่ นาน ท�ำให้ทริปนี้มีรอยยิ้มทั้งผมและเพื่อน หลังจากผมได้ถ่ายเจ้านกกกตัวนี้นั้น ก็มีสิ่ง ชะนี มีชีวิตเคลือนใหวอยู่ใกล้ๆ ผมเหลือบตามและหันไปมองอย่างใจจดใจจ่อว่าคือตัวอะไร รูปล่างเหมือนลิงแต่ตัวใหญ่ กว่ามากขนสีขาว หน้าด�ำ นั้นคือ ชะนี ที่ก�ำลังโหนตัวไปมาหาผลไม้กินในต้นไม้ ผมยืนอยู่จุดนี้ประมาณ 15นาที ก็ตัดสินใจไปต่อ เพราะเป้าหมายหลักของผมคือ นกเงือก บนจุดชมวิว กม.30
65
ที่ กม.30 นั้น เราสามารถมองเห็น ทิวเขาสลับซับซ้อนกว้างไกลสุดสายตา เป็ น จุ ด ชมวิ ว ที่ นั ก ท่ อ งเที่ ย วแวะลงมา ถ่ายรูป เซลฟี่กันเป็นจำ�นวนมาก และ เป็นจุดสำ�คัญที่เราสามารถชมนกเงือก ได้ที่จุดนี้ ไม่รีรอที่จะรอลุ้น พวกเรา ตัดสินใจจอดรถ ผมจัดเตรียมอุปกรณ์ ถ่ายภาพและเฝ้ารอที่จุดชมวิวแห่งนี้ เผื่อ ว่ า เราจะได้ พ บเจอนกเงื อ กบิ น ผ่ า นมา ส่ ว นเพื่ อ นผมก็ น่ั ง ชิ ล ๆอยู่ ที่ ร้ า นกาแฟ ผีเสื้อ บริเวณที่จอดรถนั่นแหละ ของโปรด เขาเลยนั่งชมวิว ดื่มกาแฟเล่นโซเชียล เวลาผ่านไป สองชั่วโมงตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีนกเงือก บินผ่านมาให้เห็น ผมกับเพื่อนเลยตัดสินใจไปหาอาหารทานที่ศูนย์ทำ�การ กองทัพต้องเดินด้วยท้องยังคง เป็นข้อ ที่ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด บริเวณศูนย์อารหารนั้นเรายังพบสัตว์ป่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นกวาง นกชนิดต่างๆ ผีเสื้อ เก้ง กวาง หรือถ้าโชคดีหน่อย ก็นาคและหมาไน ซึ่งนานๆจะโผล่มาให้เห็นซักครั้ง ซึ่งผมก็ยังไม่เคยเจอ หลังจากพักทานข้าวทานน�้ำก่อนที่จะลงไปถ่ายนกเงือกที่จุดชมวิว กม.30 ในช่วงเย็น จากการรับประทาน แห้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เนื่องจากยังพอเวลาเหลือ ผมเลยตัดสินใจหานกชนิดอื่นถ่ายแถวๆร้านอาหารที่ศูนย์ ท�ำการ และก็ไม่ผิดหวังได้นกกระเต็นน้อยหลังสีน�้ำเงินมาอยู่ในเมมโมรี่การ์ด ในทริปนี้ได้ส�ำเร็จ
กวาง
นกกระเต็นน้อยหลังสีน้ำ�เงิน Blue-eared Kingfisher
นกแก๊ก Oriental Pied Hornbil 67
หลังจากถ่ายเจ้านกกระเต็นได้ไม่นาน ก็มีคนมาแนะนำ�ว่าแถวๆศาลเจ้าพ่อเขาเขียวมีต้นไทรที่ผลกำ�ลังสุกได้ที่ ผมไม่รีรอที่จะรีบไปยังจุดหมายที่มีคนแนะนำ�มา เมื่อมาถึงที่หมาย มีนกเงือกเข้ามารอที่จะให้ผมถ่าย นั่นคือ นกแก๊ก ซึ่งนกแก๊กเป็นนกเงือกที่เล็กที่สุดที่พบได้ที่ประเทศไทย เป็นนกประจำ�ถิ่น และมีรายงานว่าพบที่ สวนพุทธมลฑล จ.นครปฐม อีกด้วย ซึ่งน่าจะเป็นนกที่หลุดออกมาจากที่กักขัง
นกเงือกกรามช้าง Plain-pouched Hornbill
นกเงือกสีน้ำ�ตาลคอขาว Brown Hornbill
หลังจากถ่ายเจ้านกแก๊กกินผลไม้ ได้ไม่นาน ก็เหลือบไปเห็น นกเงือกอีกชนิดนึงก็คือ นกเงือก กรามช้าง ซึ่งพบค่อนข้างยาก เหมือนกัน นกเงือกกรามช้างจะมี ถุงที่บริเวณคอ ซึ่งจะแตกต่างนก กก หรือนกแก๊ก ส่วนนกเงือกอีก ชนิดนึงที่พบและหายากมากก็คือ นกเงือกสีน�้ำตาลคอขาว ซึ่งพบ เพียงครั้งเดียว และถ่ายภาพมา ได้แค่ภาพเดียว ตั้งแต่ขึ้นมาเขา ใหญ่ตลอด 3ปีที่ผ่านมา
นกกก Great Hornbill
บริเวณ จุดชมวิว กม.30 เวลาที่สามารถเห็นนกเงือกบินผ่านได้ง่ายที่สุดคือ ช่วงเช้าเวลา 7.00น.-10.00น. และ ช่วง เย็น 16.00น. – 18.00น. เพราะบริเวณนี้เป็นจุดที่นกเงือกจะบินผ่านไปผ่านมา เราสามารถพบเห็นนกเงือกได้ทุก ชนิดที่อาศัยอยู่ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และครั้งนี้ก็ไม่ทำ�ให้ผมผิดหวัง ผมสามารถเก็บภาพนกเงือกขณะบินได้ และอาจจะโชคดีแบบผม เพราะสามารถถ่ายได้ระยะใกล้ๆกันเลยทีเดียว........ Trick & Talk บทบาทหลักของนกเงือกในระบบนิเวศป่าช่วย กระจายพันธุ์ไม้ป่า ทำ�หน้าที่เป็นกลไกลหลักของ การกระจายเมล็ดพันธุ์ต้นไม้ใหญ่ที่เป็นอาหารของ นก และช่วยควบคุมประชากรของสัตว์เล็ก เช่น แมลง และหนูอันอาจเป็นผู้ทำ�ลายเมล็ดซึ่งเป็น กิจกรรมสำ�คัญในการรักษาโครงสร้างและความ สมบูรณ์ของป่า การอนุรักษ์นกเงือกก่อให้เกิดผล นกกก Great Hornbill ดีอย่างยิ่งต่อการพิทักษ์รักษาคุณภาพระบบนิเวศ ป่าไม้ เพราะนกเงือกมีอิทธิพลต่อสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศป่าเดียวกัน จากบทบาทสำ�คัญในการ ช่วยกระจายเมล็ดพันธุ์ไม้ นกเงือกจะช่วยฟื้นฟูสภาพธรรมชาติในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้กลับคืนมา นอกจากนี้ยังมี บทบาทเป็นสัตว์ผู้ล่าซึ่งเป็นการควบคุมประชากรของสัตว์ที่เป็นเหยื่อให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งจะก่อให้เกิด ความสมดุลแก่ระบบนิเวศวิทยาป่า (http://www.rakkhaoyai.com) 69
Life Traveler
เรื่องและภาพ วรุตม์ หนันเรือง Facebook/ Warut Nanruang
ตาดโตน - ดอกกระเจียว สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของชัยภูมิ
ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดชัยภูมิ สิ่งแรกที่หลายๆคนคิดถึงก็คือ น�้ำตกตาดโตน และทุ่งดอกกระเจียว ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตส�ำหรับนัก ท่องเที่ยวหลายๆท่าน ส่วนทีมงาน Travelgraphy ก็ไม่พลาด ที่จะพาทุกท่าน ไปชมความสวยงามของสองสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ตามกันมาเลยครับ
71
แห่งแรกที่เราจะพาทุกท่านไปคือ “น�้ำตกตาดโตน” ตั้งอยู่ ที่อุทยานแห่งชาติตาดโตน ห่างจากตัวจังหวัดเพียงแค่ 21 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเพียงอึดใจเดียว ก็ถึงทางเข้าอุทยาน แห่งชาติตาดโตน แน่นอนครับว่าน�้ำตกตาดโตนตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติ ดังนั้นจะมีค่าบ�ำรุงสถานที่ หรือเรียกว่า ค่าบัตรเข้าอุทยาน จากที่จ�ำหน่ายบัตรด้านหน้า ขับรถเข้ามา อีกไม่กี่กิโลเมตร ก็จะถึงที่ท�ำการอุทยานฯ แนะน�ำให้นักท่อง เที่ยวเข้ามาติดต่อสอบถาม เพราะที่ท�ำการอุทยานตรงนี้ แหละครับ ที่จะท�ำให้เราได้รู้ถึงประวัติของสถานที่แห่งนั้น รวมถึงข้อมูลปัจจุบัน เพราะเราตั้งใจมาเที่ยวถ่ายภาพ ดังนั้นข้อมูลหลักที่เราจะถามกับเจ้าหน้าที่ก็คือ ปริมาณน�้ำ มุมถ่ายภาพ รวมถึงข้อมูลน�้ำป่า อย่าลืมว่าช่วงที่เราไป เป็นช่วงเดินกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน และเป็นช่วงที่ น�้ำตกมีปริมาณน�้ำที่เยอะ (แต่น�้ำตกตาดโตน มีน�้ำตลอดทั้งปีนะครับ จะมาช่วงไหน ชอบแบบไหน ก็เลือกช่วงการ เดินทางมาได้เลยครับ) ในเมื่อได้ข้อมูลมาครบถ้วน ก็ถึงเวลากล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ ณ ที่ท�ำการอุทยาน ที่ให้ข้อมูล เรามาอย่างครบถ้วน เราไม่รอช้าครับ รีบน�ำอุปกรณ์ถ่ายภาพ ขาตั้งกล้อง และน�้ำดื่ม ติดตัวออกไปยังตัวน�้ำตกตาด โตนกันครับ
จากที่ท�ำการอุทยาน ระยะทางเดินเพียงแค่500เมตร ใช้เวลาประมาณ20 นาทีเท่านั้น ทางเดินเป็นทางลาดยาง เดินสบายมาก ท่ามกลางเสียงน�้ำกระทบโขดหินทางด้านขวา ที่ท�ำให้เพลิดเพลินตลอดระยะทาง เพียงอึดใจเดียวก็ มาถึงมุมยอดฮิต หรือเรียกว่ามุมมหาชน ที่นักท่องเที่ยว/ช่างภาพหลายท่าน มาตั้งกล้อง มาเซลฟี่ มาถ่ายรูปกันตรง นี้ ที่จะมีสะพานเล็กๆ ไว้อ�ำนวยความสะดวกด้วย แต่ถ้าเป็นช่างภาพอย่างเราๆ มุมนี้มันง่ายไป หามุมอื่นที่แปลกๆ ตา หรือหาลูกเล่นในการถ่ายภาพอื่นๆมาให้ท่านผู้ชมท่านผู้อ่านทุกท่านได้เสพกัน
73
น�้ำตกตาดโตน เป็นน�้ำตกที่สูงประมาณ 6 เมตร ไหลลงมาจากแท่งหินตัด โดยมีแอ่งน�้ำด้านบน ที่มีความกว้าง ประมาณ 50 เมตร ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ลงเล่นน�้ำ โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยไม่ให้เข้ามาเล่นใกล้บริเวณ น�้ำตก มีเชือกกั้น และมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตไว้บริเวณข้างน�้ำตก เมื่ อ ผมถ่ า ยภาพด้ า นล่ า งจน หน�ำใจแล้ว ผมเดินขึ้นมายังด้านบน ที่เป็นจุดเล่นน�้ำ ผมนี่ตกใจเลยครับ นักท่องเที่ยวมาเล่นน�้ำและพักผ่อน เต็ ม ลานหิ น และแอ่ ง น�้ ำ เลยครั บ เพราะช่ ว งที่ ไ ปเป็ น ช่ ว งเข้ า พรรษา ตรงกับหยุดยาวพอดี แต่เปลี่ยน แนวทางการถ่ายภาพเลยครับ น�ำ เสนอมุมมองของนักท่องเที่ยว แอบ ถ ่ า ย แ ค น ดิ ต นั ก ท ่ อ ง เ ที่ ย ว ใ น บรรยากาศการลงเล่ น น�้ ำ อย่ า งมี ความสุข ก็ได้อีกหนึ่งอารมณ์ของการถ่ายภาพไปอีกแบบ (ในใจอยากวางกล้องลงเล่นน�้ำกับนักท่องเที่ยวท่านอื่น เป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้เอาชุดไปเปลี่ยนด้วย อด!!!)
เราใช้เวลาถ่ายภาพที่น�้ำตกตาดโตนรวมๆ เกือบ 3 ชั่วโมง ไม่น่าเชื่อว่าเราจะถ่ายภาพกันเพลินขนาดนี้ มองดู นาฬิกานี่ก็บ่ายสองกว่าแล้ว เราต้องเก็บขาตั้งกล้อง เพราะเราจะไปอีกที่ ซึ่งเป็นไฮไลท์ส�ำคัญส�ำหรับทริปนี้ นั่นก็ คือ ทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ที่เราต้องขับรถจากน�้ำตกตาดโตนประมาณ 140 กิโลเมตร ถ้าออก ช้ากว่านี้มีหวังไปถึงค�่ำแน่ๆ
ภาพตัดมาที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม พร้อมๆกับเวลาที่ผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมง เรามาถึงที่ท�ำการอุทยาน แห่งชาติป่าหินงามก็เกือบจะหกโมงเย็น ไม่รอช้า รีบบึ่งเข้าไปยังที่ท�ำการอุทยาน ติดต่อเช่าเต๊นท์อีก 2 หลังให้กับ ทีมงานที่เดินทางไปด้วยกัน (ซึ่งผมมีเต๊นท์ติดรถไปประจ�ำอยู่แล้ว หายห่วง) โชคดีเป็นของเรา เราได้ 2 เต๊นท์สุดท้าย พอดี อย่าเสียเวลามาก รีบขับรถเข้าไปยังจุดกางเต๊นท์ แล้วรีบจัดการก่อนที่ฟ้าจะมืด วันนั้นเราก็จัดการท�ำกับข้าว กิน หนีไม่พ้น หมูกะทะ ที่เป็นอาหารยอดนิยมส�ำหรับการแคมป์ปิ้งเป็นอย่างดี ท่ามกลางอากาศสบายๆ ประมาณ 23-26 องศาเซลเซียส คืนนั้นเรายังคุยกันท่ามกลางหมูกะทะว่า ถ้าคืนนี้ฝนตกก็คงจะดี เพราะพรุ่งนี้จะได้เห็นทะเล หมอกท่ามกลางทุ่งดอกกระเจียว แล้วก็สมพรปากครับ ฝนตกจริงๆ แต่ไม่ตกธรรมดา ตกแบบพายุเข้า กว่าจะหยุด ก็เกือบเช้า ท�ำให้คืนนั้นเป็นการนอนที่ฟินมากๆ เช้าวันถัดมา มาเต็มๆ กับสายหมอก ที่มาเยือนเราตั้งแต่เช้า และ หมอกลงหนาตั้งแต่จุดกางเต๊นท์ เราเลยภาวนาว่า ถ้าเราขึ้นไปข้างบน ขอให้มีหมอกแบบนี้ตลอดทริป แต่...อีกหนึ่งใจเราก็ท�ำใจไว้แล้ว เพราะเราตื่นค่อนข้างสาย กว่าจะจัดการธุรส่วนตัวของแต่ละคน กว่า จะเก็บเต๊นท์ ก็เกือบ 10.00น. จัดการซื้อบัตรรถราง ในราคา 30 บาท เพื่อไปส่งเราทั้งไปและกลับ เพราะครั้งที่แล้วผมมา แต่เดินขึ้น บอกค�ำ เดียว ขาลากครับ เพราะมันเป็นทางเดินขึ้นเขา ระยะทางไม่กี่กิโลเมตร แต่เรามีกล้อง เรามีขาตั้งกล้อง เพราะฉะนั้น เซฟตัวเองดีที่สุด จ่าย 30บาท สบายแรงกายสุดแล้ว เพราะรถของอุทยาน จะขึ้นมาส่งยังผา สุดแผ่นดิน ซึ่งเป็นจุดสูงสุดที่นักท่องเที่ยวจะขึ้นมาเที่ยวได้ 75
จุดชมวิวผาสุดแผ่นดินยังเป็นรอยต่อของ 3 ภาค นั่นก็คือ ภาคอีสาน(ชัยภูมิ) ภาคเหนือ(เพชรบูรณ์) และภาคกลาง (ลพบุรี) โดยตั้งอยู่บนที่สูงเหนือระดับน�้ำทะเล 846 เมตร มีลักษณะเป็นลานโล่ง มีแท่งหินโผล่ออกไปนิดหน่อย เป็น จุดถ่ายภาพทิวเขาน้อยใหญ่ที่สวยงามอีกที่หนึ่ง แต่...วันที่ เราไปหมอกลงหนาจัด เนื่องมาจากเมื่อคืนที่มีฝนตกลงมา ตลอดคืน ท�ำให้เรามองไม่เห็นบรรยากาศที่อยู่เบื้องหน้า อะไรเลย นอกจากหมอกที่ลอยมาปะทะกับร่างกาย ผมเลยเปลี่ยนแผนการถ่ายภาพใหม่ เป็นการถ่ายภาพแบบ Time-Lapse แทน ให้เห็นหมอกที่ลอยมาปะทะกับ ฉากหน้าที่เป็นนักท่องเที่ยว จะเป็นอย่างไร กดตามลิงค์เลยครับ Click Now
จากผาสุดแผ่นดิน จะมีทางเดินเล็กๆเข้าป่า ลัดเลาะแนว ขอบหน้าผา เดินไปยังทุ่งดอกกระเจียว ที่ตอนแรกรถของอุทยาน ไม่ได้จอด ณ จุดนี้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เลยเลือกวิธีการเดินลงไป ยังทุ่งดอกกระเจียวแทน แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ดูแล้วขัดหูขัดตา ที่อยู่ ข้างทางเดินไปยังทุ่งดอกกระเจียว นั่นก็คือ “ขยะ” ที่เกิดมาจาก ความมักง่ายของนักท่องเที่ยวบางคน ย�้ำนะครับว่าบางคน ที่มี ปัญญาเอาขึ้นมากิน แต่ไม่มีปัญญาเอาลงไปทิ้งยังด้านล่าง หรือ ตามจุดที่ทางอุทยานบริการ ตรงนี้เราต้องช่วยๆกันนะครับ เพราะ ถ้ามีการทิ้งเรื่อยๆ มันจะไม่น่ามอง
ผ่านแนวป่าเดินเพียงอึดใจเดียว เราก็มาโผล่ยังทุ่งดอกกระเจียว ดดยมีลักษณะเป็นลานกว้าง สูงชันตาม ระดับแนวเขา วิวเบื้องล่างเห็นพื้นที่ราบและพื้นที่เกษตรกรรมเป็นฉากไปไกลโพ้น โดยทางอุทยานท�ำทางเดินไว้ให้ นักท่องเที่ยวต้องเดินตามทางที่ก�ำหนด โดยมีกฎเหล็กอยู่ไม่กี่ข้อ ที่พึงกระท�ำตาม นั่นก็คือ “ไม่เด็ดดอกกระเจียว” และ “ไม่ลงยังทุ่งดอกกระเจียว” ตามระยะทาง ผมก็ยังเห็นคนยังฝ่าฝืนกฎระเบียบ บางคนก็ลงไปยังทุ่งดอก กระเจียว ทั้งๆที่ป้ายห้ามก็อยู่ข้างหน้า บางคนก็จะเด็ดดอกกระเจียว เป็นภาพที่ไม่น่ารักซะเลย
77
ข้ามจุดนั้นไป เราเดินตามทางเรื่อยๆ มองหาดอกกระเจียวที่สวยๆ และดอกกระเจียวที่สวยๆ มักจะอยู่ลึก เข้าไปข้างใน เลนส์ที่เหมาะสม เลนส์เทเลโฟโต้ครับ ผมเปลี่ยนมาใช้เลนส์ 70-200 แทน เพื่อถ่ายภาพดอกกระเจียว ที่อยู่เบื้องหน้า ถึงแม้มันจะห่างไปเพียง 2-4 เมตร ก็ตามแต่มันก็ช่วยให้เราได้ภาพอย่างที่ต้องการ แต่ก็จะมีบางช่วง ที่เป็นช่วงที่ทุ่งดอกกระเจียวบานกันเต็มทุ่ง ก็เปลี่ยนมาใช้เลนส์ช่วง Normal Zoom มาใช้เพื่อเก็บภาพให้ดูเยอะ ดูให้เต็มทุ่ง
เราถ่ายรูปกันจนเพลิน จนมองดูนาฬิกา ก็ปาเข้าไปช่วงบ่ายสองกว่า ซึ่งแต่ละคนที่ไปด้วยกัน ก็ได้ภาพกันอย่างเต็ม ที่ หลากหลายมุม หลากหลายมุมมอง แน่นอนว่าผมถ่ายเพื่อมาเขียนลงในหนังสือ Travelgraphy ฉบับนี้ ผมเองก็ พยายามน�ำภาพมาเสนอในหลายมุมมอง เพื่อให้หลายท่านที่พลาดโอกาสไปชมทุ่งดอกกระเจียวถึงอุทยานแห่งชาติ ป่าหินงาม ได้ดูภาพกันอย่างใกล้ชิด และทุ่งดอกกระเจียวไม่ได้มีแค่ป่าหินงามนะครับ ยังมีที่อุทยานแห่งชาติ ไทรทอง อีกหนึ่งที่ ชอบแบบไหนก็เลือกเดินทางไปได้ตามใจชอบเลยครับ 79
สุดท้ายก่อนจะจากกันในฉบับนี้ ผมเองก็เขียนจนเพลิน ขอลาทุกท่านไปก่อน ฉบับหน้าจะพาไปเที่ยวที่ไหน ติดตาม กันได้ที่ Travelgraphy นิตยสารท่องเที่ยวถ่ายภาพออนไลน์ กันนะครับ สวัสดีครับ ...
81
83