Travelgraphy 2

Page 1

เกาะพยาม

F R E E M A G A Z I N E O N L I N E / ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 ประจำ�เดือน มิถุนายน 2 5 6 0

ส ว ร ร ค์ แ ห่ ง อั น ด า มั น

1



TRAVELGRAPHY TALK

TRAVELGRAPHY STAFF

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ผ่านพ้นไปแล้ว ส�ำหรับฤดูร้อน เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ เช่น เดียวกับนิตยสาร Travelgraphy ที่ผ่านเล่มแรก และเข้าเล่มที่ 2 อย่างเป็นทางการ ถึงแม้จะเข้าฤดู ฝน แต่ใช่ว่าจะหมดฤดูกาลท่องเที่ยว ทีมงานของ เรายังเสาะแสวงหาสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน ที่พร้อมเสิร์ฟให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้รับชมกัน ไม่ ว่าจะเป็นบนแฟนเพจ Travelgraphy หรือในนิตยสารออนไลน์ของเรา ตรงนี้ครับ ว่ากันด้วยเรื่องฤดูฝน แน่นอนเป็นฤดูที่ต้อง “เปียก” กันทั่วประเทศ การดูแลรักษาตัวเองเป็นเรื่องที่ดี เช่นเดียวกับธรรมชาติ ป่าเขาล�ำเนา ไพร ช่วงฤดูฝนนี่แหละครับ ที่จะเป็นช่วงฟื้นฟูสภาพผืนป่าให้กลับมา สมบูรณ์พร้อมรับนักท่องเที่ยวในช่วง High Season แต่ก่อนจะไปถึงช่วง นั้น ทีมงานของเราก็จะน�ำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อเป็นอีกหนึ่ง ทางเลือก ส�ำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวช่วง Low Season ซึ่งช่วงนี้ เองครับ ที่พักโรงแรม และค่าใช้จ่ายต่างๆ จะถูกกว่าครึ่งต่อครึ่ง ซึ่งจะ เซฟงบประมาณให้ท่านได้เยอะ สุดท้าย ในนามตัวแทนของทีมงาน Travelgraphy ขอขอบคุณทุก การตอบรับ ทั้งในเฟสบุ๊คแฟนเพจ และในนิตยสารออนไลน์ ทั้งข้อเสนอ แนะและค�ำติชม พวกเราจะน�ำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวและเทคนิคการ ถ่ายภาพในสถานที่นั้นๆให้กับทุกท่านได้รับชม รวมถึงกิจกรรมที่ก�ำลังจะ เกิดขึ้นในเดือนหน้า รอติดตามข่าวสารต่างๆ ได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจ Travelgraphy นะครับ

ประเพณีบุญหลวง(2)

กาลครั้งหนึ่งที่เกาะพยาม

วรุตม์ หนันเรือง บรรณาธิการบริหาร

หน่วยพิทักษ์ป่าเขาแหลม

บรรณาธิการบริหาร วรุตม์ หนันเรือง

หัวหน้ากองบรรณาธิการ นวพล เกษมโสภา

กองบรรณาธิการ

วรท กุมภ์ประดิษฐ์ อนงค์นาฏ จึงมงคลสวัสดิ์ ปัทมา สุรินทร์ค�ำ ยุทธชัย วัฒนะบุตร เอกชัย สุนทรเดช รัฐพล หงสไกร Ammalin PALAMY

ติดต่อโฆษณา 08-6369-5657 , 08-9455-0903 ติดต่อ Travelgraphy

เลขที่ 8/88 ซ.ลาดพร้าว107 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240 E-Mail : travelgraphythailand@gmail.com Tel. 0-2013-3754 , 08-6369-5657

CONTENT

คลิ๊กเลือกหัวข้อที่ต้องการ

ดอยสันจุ๊

2วัน1คืน เที่ยวให้ทั่วเกาะช้าง

3



5


Photo of The Month ช้างป่า เดินบนถนนหลัก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่


7


เรื่องและภาพ นวพล เกษมโสภา Facebook/ joeyoung2500


ประเพณีบุญหลวง และการละเล่นผีตาโขน(2)

9


ความเขินอาย ก็ใช่ว่าทุกคนจะยินดีให้เราถ่ายภาพ หลายคนไม่ชอบให้ ถ่ายภาพ หรืออาจจะเขินกล้อง โดยเฉพาะเด็กๆที่อยู่ใน งาน เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้เราควรหลีกเลี่ยงไม่ขอ ถ่ายภาพต่อเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด เพราะหากเราดึงดันที่จะ ถ่ายภาพอาจจะสร้างความไม่พอใจ ให้กับผู้ปกครองได้ที่ ทำ�ให้ลูกๆของเขาร้องไห้ เราควรทำ�แค่ยิ้มทักทายแล้วรีบ แยกตัวออกมา เพื่อไปหาเป้าหมายใหม่ในการถ่ายภาพ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด

แม้จะเป็นงานประเพณีที่ผู้คนเข้าร่วมยินดีให้เราถ่ายภาพได้ ถ้าทำ�ได้เราก็ควรขออนุญาตในทุกๆครั้งก่อนถ่ายภาพ นะครับ เป็นวิธีการลดอุปสรรคในการถ่ายภาพได้อย่างดีเยี่ยม และทำ�ให้เราใช้เวลาถ่ายภาพได้หลายๆมุม โดย เฉพาะเมื่อมีบุคคลอยู่ในภาพ เขาจะยิ้มให้กับกล้องของเรา ก็จะให้ได้ภาพที่ดียิ่งขึ้นนั่นเอง ความเลอะเทอะ เปรอะเปื้อน อย่างที่รู้กันว่างานในปีนี้มีฝนตกตลอดเวลา ความเลอะเทอะ เปรอะเปื้อนเป็นสิ่งที่เราหนีไม่ได้ เมื่อเจอกับสภาพ อากาศเช่นนี้ สภาพแวดล้อมหรือพื้นที่จัดงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านในวัดโพนชัยที่เป็นสนามหญ้า เพราะการที่ คนจำ�นวนมากเดินย้ำ�ไปมาจากสนามหญ้าที่สวยงาม จะกลายเป็นดินโคลนเละๆทันที เราต้องเตรียมทำ�ใจและควร ใส่เสื้อผ้ารวมไปถึงรองเท้าที่สามารถรับเละได้ นอกจากสภาพพื้นที่แล้ว เหล่าผีตาโขนทั้งหลายจะแกล้งเรา ด้วย การนำ�เลนหรือโคลนมาป้ายตัวเรา บอกได้คำ�เดียวว่าถ้าเราจะหนีก็หนีไม่พ้น ยอมๆให้เขาป้ายไปเถอะครับ ซึ่งใน ส่วนนี้สำ�หรับตัวผมเองแล้วไม่มีปัญหา เพราะเตรียมรับสภาพที่จะต้องเจอแบบนี้ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าหาก ใครไม่อยากเลอะเทอะ ขอแนะนำ�ให้ใส่เสื้อกันฝนไว้ตลอดเวลาครับ


< < < สภาพของสนามหญ้าด้านบนของวัด โพนชัย และสภาพของผีตาโขนที่คุณเห็นนี้ บอกได้เลยครับว่าผมเละน้อยกว่าสภาพนี้ ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์เห็นจะได้ เมื่อเราเข้าไปถ่ายรูปของพวกเขา เราก็ต้องยอมรับละเตรียมใจไว้ด้วยว่า ถ้าหากพวกเขาเอาเลนมาป้ายคุณ คุณก็ ต้องยอมให้เขาเช่นกันนะครับ แนะนำ�ว่าอย่าได้หลงอย่าให้หมีครับ เพราะถ้าหากเรายิ่งหลบยิ่งหนี เขาจะยิ่งสนุก และจะยิ่งแกล้งเรามากยิ่งขึ้น แทนที่ว่าจะเละนิดหน่อย กลายเป็นเละทั้งตัวครับ

อุปสรรคอีกอย่างหนึ่งที่เราจะได้เจอในงานการละเล่นในครั้ง นี้คือ อย่างเช่นจาก2ภาพนี้ ผีตาโขนและคนที่อยู่ในกระบวน แห่เขาจะกระแทกไม้บนดินเลนเละๆอยู่ตลอดเวลา ถ้าผีตาโขน ตนไหนอยู่บนดินเลน เมื่อเห็นเราตั้งท่าถ่ายภาพนานๆ เขาก็จะ พยายามสไลด์มาหา ต้องซึ่งบอกได้เลยครับคุณต้องถ่ายภาพให้ เร็ว และเอากล้องหลบออกมาให้เร็ว ไม่เช่นนั้นแล้วหน้าเลนส์ ของคุณจะเต็มไปด้วยโคลน เทคนิคที่ผมใช้ในครั้งนี้ คือ เอา มือปิดหน้าเลนส์เอาไว้ เมื่อจังหวะที่เราจะถ่าย ให้เราเปิดหน้า เลนส์ เพราะผมก็ไม่ได้ลุกขึ้นๆลงๆบ่อยๆเดี๋ยวจะหน้ามืด เท่า นี้ก็ป้องกันดินกระเด็นเข้ามาโดนหน้าเลนส์แล้วครับ จะถ่าย เมื่อไหร่ก็ค่อยเปิด ลองฝึกบ่อยๆก็จะคล่องและทำ�ได้เร็วไป เองครับ เทคนิคง่ายๆแค่นี้เอง แต่ง่ายๆแบบนี้ก็สำ�คัญเมื่อเจอ สถานการณ์เช่นนี้ 11


พื้นที่กว้างต้องเก็บภาพให้ครบทุกอย่าง ในส่วนนี้จะบอกว่าเป็นอุปสรรคก็ไม่เชิงนะครับ เป็นแนวคิดส่วนตัวเสียมากกว่า เพราะว่าทีมงานไปกัน 3 คน เรา ก็แบ่งหน้าที่ในการถ่ายของแต่ละคนไว้กันเป็นที่เรียบร้อย แต่พื้นที่ของงานมันใหญ่มาก แม้ว่าในส่วนนั้นไม่ได้เป็น หน้าที่ที่เราเองรับผิดชอบเราก็ควรถ่ายภาพมา โดยเฉพาะภาพพิธีการ และภาพผู้หลักผู้ใหญ่ ภาพประธานในพิธี ดัง นั้นสำ�หรับตัวผมเองคิดว่าถ้าหากเราอยู่ตรงนั้น เราก็ไม่ควรมองข้ามเหตุการณ์ในจุดนั้นเช่นกัน ยิ่งมีภาพหลายมุม ยิ่งดี ไปเป็นทีมก็ควรจะต้องช่วยกัน งานครบถ้วนมันก็เป็นชื่อเสียงของทีม แต่ถ้าหากเราไปถ่ายรูปท่องเที่ยวแบบ ส่วนตัว ก็คงไม่ได้มีปัญหาในส่วนนี้นะครับ


สภาพแสงที่มีความเปรียบต่างสูง งานได้ดำ�เนินต่อมาจนถึงช่วงเย็น ฝนหยุดตก ได้ท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าที่สวยงามกลับมา แต่แสงแดดได้หมดไปแล้ว และอุปสรรคที่เราได้เจอคือความเปรียบต่างระหว่างตัวแบบและท้องฟ้าที่สูงมาก จึงทำ�ไห้เมื่อเราถ่ายภาพที่ตัว แบบได้ค่าแสนดีกว่านี้ท้องฟ้าจะสว่างขาวโพลนไปหมด เราจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้ flash ในการถ่ายภาพใน เวลานี้ เพื่อให้ได้สภาพแสงที่พอดีทั้งท้องฟ้าและตัวแบบ ในช่วงเวลานี้ผมใช้ flash แบบ TTL และใช้ควบคู่กับการ ตั้งค่าชดเชยแสง flash เพื่อความรวดเร็วและคล่องตัวในการทำ�งานที่สูง เทคนิคที่ใช้ในการควบคุม flash และกล้องครั้งนี้ ผมวัดแสงที่ท้องฟ้าเป็นหลัก เพื่อหาค่าที่พอดีของท้องฟ้าให้ได้ ก่อน การวัดแสงที่ท้องฟ้าเราควรจะชดเชยแสงในช่วงเย็นๆไปในทางบวก 1 stop เป็นอย่างน้อย เพื่อให้ได้ท้องฟ้า ที่สว่างและสดใสขึ้นกว่าการถ่ายให้พอดีหรือชดเชยไปทางลบ ส่วนเทคนิคในการชดเชยแสงแบบ TTL ผมจะใช้การ ประมาณจากปริมาณพื้นที่ของท้องฟ้าที่อยู่ในภาพ ถ้ามีพื้นที่ของท้องฟ้าในภาพมากมากกว่า50% ผมก็จะชดเชย แสงให้ติด over ไปตั้งแต่ 2 stop ถึง 3 sport หากปริมาณพื้นที่ของท้องฟ้าในภาพมีน้อยกว่า 50% ลงมาผมก็จะ ชดเชยแสงลดหลั่นลงมาเป็น 1.7 ถึงค่าพอดีของแสง flash แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องพิจารณาจากการสะท้อนแสงของตัวแบบด้วยเช่นกัน หากตัวแบบมีความสว่าง หรือมีค่าการ สะท้อนแสงที่สูง เราก็ควรจะต้องชดเชยแสง flash ให้มากขึ้นกว่าอีกสักเล็กน้อย และหากตัวแบบมีสีที่เข้ม หรือมี ค่าการสะท้อนกลับของแสงที่ต่ำ� เราก็ควรจะต้องชดเชยแสงให้ลดลงมา แม้ในบางครั้ง flash แบบ TTL อาจจะมี ความคลาดเคลื่อนไม่เที่ยงตรง แต่ก็ถือเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการถ่ายภาพที่เราไม่สามารถใช้เวลาในการ ตั้งค่านานๆได้ บวกกับเทคโนโลยีของ flash รุ่นใหม่ๆ ที่ทำ�ให้ความคาดเคลื่อนของแสงนั้นลดลงตามไปด้วย แม้จะ ไม่เที่ยงตรงไปเสียทุกภาพ แต่ก็ไม่ได้ผิดพลาดมากเกินกว่าจะรับได้

13


ทั้งหมดนี้เป็นอุปสรรคหลักๆ ที่ได้พบเจอในการถ่ายภาพงานประเพณีบุญหลวง และการละเล่นผีตาโขนในครั้งนี้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ กับหลายคนที่ ยังไม่เคยไปถ่าย และคิดว่าปีต่อไปจะไปถ่ายงานผีตาโขน ที่อำ�เภอด่านซ้าย จังหวัด เลย จะสามารถเตรียมตัวให้พร้อมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น และสามารถแก้ไข อุปสรรคต่างๆได้ เมื่อคุณเดินทางไปถ่ายภาพ พื้นที่ ในฉบับนี้ได้หมดแล้ว พบกับ สาระความรู้และเทคนิคดีๆได้ใหม่ ในฉบับตอนต่อไปครับ ...


15


“ถ่ายน�้ำตกในวันฝนพร�ำ ฟ้าหลังฝนย่อมใสแจ๋วเสมอ” เมื่อน่าฝนมาเยือนคงไม่มีใครคิดไปออกไปกดชัตเตอร์ที่น�้ำตกแน่ๆ เ และน�้ำสีส้มแดงอีกต่างหาก นอนเล่นอยู่บ้านดีกว่า แต่...... วันนี้ทีมงานเ “น�้ำตกตาดโตน” เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ส�ำคัญของจังหวัดชัย แต่จะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับฤดูนั้นๆ ด้วยความที่ด้านบนของน�้ำตกแห่งน และตกลงสู่ชั้นล่าง จึงเกิดเป็นชั้นม่านน�้ำที่สวยงามมากๆ โดยเฉพาะในช ไม่ได้ไปยากอย่างที่คิด ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิเพียงแค่ 21 กิโลเมต มากที่วันนี้เรามาฝนตกตลอดทางแต่พอถึงที่เท่านั้นเมฆฝนค่อยๆหายไป เนื่องจากการถ่ายน�้ำตกเราต้องการเก็บภาพเพื่อให้น�้ำออกมาเป็นม เพื่อเก็บภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวให้ออกมาเป็นเส้นไม่เป็นจุด ดังนั้นอุปสร ส�ำคัญในการถ่ายน�้ำตกคือ ขาตั้งกล้องที่ขาดไม่ได้เลย และ Filter ที่จะช เมื่อมีอุปกรณ์เสริม 2 สิ่งนี้แล้ว กล้องก็พร้อมที่เหลือหามุมที่ใจชอบ แล้วก เยอะเลย จากภาพด้านล่างจะใช้ Filter ND 10 สต๊อป ในการช่วยลดแส


Photography Technique

เพราะเนื่องจากเสี่ยงต่อสภาพอากาศแล้ว อาจจะเจอน�้ำป่าไหลหลาก เราไม่หวั่นแม้วันฝนพร�ำ ไปลุยกันเลยที่น�้ำตกตาดโตน ยภูมิ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติตาดโตน ซึ่งที่แห่งนี้จะมีน�้ำไหลตลอดปี นี้เป็นลานหินกว้าง ประกอบกับมีน�้ำไหลผ่านขนาบข้างมาตามลานหิน ช่วงฤดูฝนม่านน�้ำจะแผ่เต็มพื้นที่ลานหินเลยทีเดียว ซึ่งที่ตั้งของน�้ำตก ตร หรือประมาณ 30 นาที การเดินทางค่อนข้างสะดวก และเป็นโชคดี แดดส่องให้ยิ้มกันเลย ม่านน�้ำไหล ซึ่งนั้นก็หมายความว่าเราควรเปิด Shutter Speed ต�่ำๆ รรคที่ส�ำคัญอย่างหนึ่งที่เราจะเจอกันคือ แสงแดดที่จ้า ซึ่งอุปกรณ์ที่ ช่วยลดแสงและเนรมิตภาพงามๆที่เกินกว่าที่เราจะมองเห็นได้ กดชัตเตอร์ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยท�ำให้การถ่ายน�้ำตกในหน้าฝนสนุกขึ้น สงเพื่อที่จะได้น�้ำเป็นเส้น หรือที่เค้าเรียกกันว่า “ถ่ายน�้ำนุ่ม” นั้นเอง

17


เรื่อง/ภาพ : อนงค์นาฏ จึงมงคลสวัสดิ์ Facebook / Anongnard Yhok Ka


Travel All Around

“กาลครั้งหนึ่งที่เกาะพยาม” ยอนกลับไปเมื่อหลายปกอนฉันรูจักเกาะพยามจากรีสอรทแหงหนึ่งที่ชื่อวา The Blue Sky เกาะพยามภาพแรกที่ฉันเห็นตอนนั้นนี้มันมัลดีฟสเมืองไทย ชัดๆตอนนั้นปกหมุดไวเลยวาตองไปสัมผัสใหไดสักครั้งหนึ่ง และแลววันที่ฉัน รอคอย ก็มาถึงเราจองทุกอยางเรียบรอยพรอมออกเดินทาง รูตัวอีกทีฉันก็อยูที่ เกาะพยามแลวที่นี้มีอะไรใหนาคนหากันนะไปชมกันเลย

19


พื้นที่เกาะพยาม ตั้งอยูในจังหวัดระนอง การเดินทางสามารถไปไดหลายทาง ถาโดยสารโดยเครื่องบิน และ รถทัวรจะไปลงที่ตัวเมืองระนองเลย หรือหากจะขับรถไประยะทางจากกรุงเทพฯ-ระนอง เกือบๆ 600 กิโลเมตร ใชเวลาประมาณ8ชั่วโมงกวาๆ ซึ่งถนนจากชุมพรเขาระนองจะคอนขางคดเคี้ยวอาจจะตองระมัดระวังกันเปนพิเศษ เมื่อมาถึงทาเรือจะมีทั้งเรือธรรมดาและสปดโบท แนนอนวาฉันเลือกสปดโบทซึ่งใชเวลาเพียงแค 40 นาทีก็ถึงแลว เกาะพยาม หลังจากเก็บของเสร็จก็ไดเวลาตะลอนทัวรทั่วเกาะ ทริปนี้เราอยูที่นี้ 3 วัน 2 คืน เราเลือกที่จะเชา มอเตอรไซตเปนพาหนะคูใจเพื่อพาเราไปยังอาวตางๆ ราคาคาเชาจะอยูที่ วันละ150 บาท “อาวแมมาย” เปนอาวแรกที่ฉันเจอ เนื่องจากอาวแมมายคืออาวที่อยูบริเวณทาเรือเลย เปนแหลงรวม ของ สิ่งอํานวยความสะดวกหลายๆอยาง ทั้งทาเรือ รานอาหาร รานกาแฟ ที่เชามอเตอรไซต ที่เติมน้ํามัน ใครขาดเหลือ อะไรตรงดิ่งมาไดเลยที่อาวนี้ ถัดจากทาเรือไปไมไกลเราจะมองเห็นโบสถสวยงามที่อยูกลางน�้ำ ซึ่งนั้นก็คือ วัดเกาะ พยาม ซึ่งเปนเพียงวัดหนึ่งเดียวบนเกาะ เราก็ไมรอชาที่จะเขาไปกราบไหวขอพร ถึงแมจะอยูใกลสิ่งอํานวยความ สะดวกแตธรรมชาติที่นี้ถือไดสมบูรณมากเลยทีเดียว น�้ำใส มีทั้งปลาเข็ม หอย และ ปลาหลากชนิดอีกมากมาย นอกจากนี้อาวแมมายยังเปนที่ตั้งของ The Blue Sky Resort ที่พักของเราในคืนนี้ หลังจากเก็บสัมภาระเรียบ รอยเปาหมายของเราตอไปคือ “ อาวเขาควาย ” ซึ่งเราไปโดยรถไถของรีสอรท ระหวางทางเราไดเห็นวิถีชุมชนที่ ยังเก็บธรรมชาติไวคอนขางสมบูรณ คอนขางเงียบสงบ


21



“อาวเขาควาย” เปนอาวที่เงียบสงบอีกแหงหนึง ที่พักบนหาด ยังมีไม่เท่าอีก 2 หาด น�้ำใส หาดทรายสวย จุดเดนของอาวนี้คือจะมีโขด หินธรรมชาติ ขึ้นเปนจํานวนมาก บางก็ใหฉายาวา “เขาทะลุ” เนื่องจาก เกิดการ กัดเซาะของหินตามธรรมชาติจึงเกิดเปนรู และถามาถูกเวลาก็ จะเห็นพระอาทิตยตกบริเวณชองนี้ แตนาเสียดายที่วันนี้เรา ตองกลับ กอนเพราะมากับรถของรีสอรท จึงอดเห็นความ สวยงามยาม พระอาทิตยตกแตอยางนอยเราก็ไดภาพ เขาสิงหกับราชสีหมาฝากทุกคน (แอบจินตนาการไปเอง)

อ่าวถัดมาที่เราไปคือ “ อาวกวางปีบ ” ซึ่งเปนหาดที่อยูถัดมาทางตอนเหนือของอาวเขาควาย บางคนก็เรียก อาวนี้วา อาวเขาควายเหนือ ซึ่งเปนอีกหาดหนึ่งที่งดงามมากก็วาได เทาที่ฉันสัมผัสมาจุดเดนหลัก ของทุกอาวคือ คอนขางเงียบสงบมากๆ คนนอย เหมาะแกการพักผอนอยางแทจริง และดวย ความที่พื้นที่ สวนใหญบนหาดนี้ จะเต็มไปดวยหินที่เรียงรายกันอย่างสวยงาม จึงเปน จุดเดนที่ทําใหหาดนี้เปนที่นิยมของของสาวๆนักโพสทามากมาย หรือคนที่อยากเลนน�้ำก็จะมาที่หาดนี้เพราะน�้ำใส หาดทรายถือวาขาวกวาทุกๆอาว

23


“เกร็ดเล็กๆ กอนลากัน” หลายๆคนจะมีคําถามวา “เอะตอนถายฟาสีฟาเลย แตถายเทาไรก็ไดแตฟาขาว” หรือพอปรับใหฟาสีฟาฉากหนามืด เนื่องจากชวงเวลาที่ฉันตะลอนทัวรนั้นเปนชวงบายๆ เลยแดดคอนขางแรง บางทีเราก็เลี่ยงไมไดที่จะเที่ยวชวงเวลานั้น เจอคือบางครั้งเราอยากไดรูปที่ฉากหนารายละเอียดครบหมด แตพอถายออกมาฟาดันหลุดไฮไลท หรือหมายถึงพื้นที่บ รายละเอียด ซึ่งในทางทฤษฎีตอใหเอาภาพมาปรับภายหลังก็ยากที่จะแกไข ดังรูปดานขวามือเปนตัวอยางที่อยากนํามา ดังนั้นหากทุกคนรูวาตองไปถายภาพในสภาวะแดดจา เรามีคําแนะนํา ตาเรายังมีแวนกันแดดชวยลดแสง ไฉนกลองจะมีบ ลดแสงไปมันจะทําใหความสุข ในการถายรูปของคุณเพิ่มมา 80% หรือหากใครไมมีเวลาถายเสร็จแอบเช็คหลังกลองเสมอ หลุดไฮไลท นํามาปรับแสงสีตามใจฉันนิดหนอย แลวคุณจะอมยิ้มทุกครั้งที่เปดดูรุปทุกใบ


โอ้ยามเย็น.... ในที่สุดก็จะหมดไปอีกวันแลว เย็นนี้กับอาวสุดทายของเราในทริปนี้ “อาวใหญ” หาดนี้ขึ้นชื่อไดวาเปนหาดที่สวยที่สุดของการชมพระอาทิตยตก เนื่องจากหาดนี้ตั้งอยูทาง ทิศตะวันตกของเกาะพยาม ทําใหเป็นจุดถายรูปที่สวยงดงามมากอีกแหงบนเกาะ นักทองเที่ยวสวนใหญบนอาวนี้ จะเปนชาวตางชาติเปนสวนมาก หาดทรายหากเทียบกับอาวอื่นจะไมขาวเทา แตจุดเดนที่ทําใหชางภาพชอบมา เก็บภาพคือ หาดทรายที่เปนริ้วคลื่นอยางสวยงาม ยิ่งชวงที่น�้ำลงใหมๆจะเปนริ้วขาวสวยมาก แตพอสักพักจะเต็ม ไปดวยเม็ดทรายท่ีเกิดจากปูขุดรู มองไกลๆ เลยจะดูดําๆไปหมด ดวยความท่ีทุกอาวบนเกาะนี้จะมีลักษณะ เปนโคงเขาหากัน หรือเปนหาดรูป พระจันทรเสี้ยว จึงทําใหน�้ำทะเลที่นี้คลื่นไมคอยแรงเหมาะแกการเลนน�้ำ เปนอยางมากเลยทีเดียว

ดไปเลยซะงั้น วันนี้เรามีคําตอบ ซึ่งอุปสรรคในการถายรูปที่จะ บริเวณนั้นสวางเกินไปจึงไมเห็น าใหทุกคนดูคือภาพที่แกไมได บางไมไดอยาลืมพกฟวเตอร อๆ พยายามอยาใหภาพ

บริเวณที่หลุดไฮไลท์

25


Nikon D7100+10-20mm. f3.5 , S/50sec. , F/3.5, Iso100


ก่อนจากกันขอปิดท้ายดวยภาพยามค�่ำคืนจาก The Blue Sky Resort ใชวาทุกคนมาที่นี้จะเจอน�้ำขึ้นตลอด กอนเรามาทําการบานมาคอนขางเยอะเพราะกลัวไมเจอน�้ำขึ้น บรรยากาศก็จะเปนทรายแหงบริเวณรอบ ที่พัก ซึ่งจริงๆทางรีสอรทเคามีทฤษฎีคิดงายอยูวาถาอยากมาเจอน�้ำขึ้นเยอะๆ ใหมาชวงขึ้น 15 ค�่ำ จะเปนวันที่น�้ำ ขึ้นสูงสุด และสามารถนับไปหนา 2 วัน และหลัง 4 วัน รับรองเจอน�้ำขึ้นเหมือนในรูปแนๆ แตกลับกันสําหรับ คนที่อยากมาถายดาว หากมาชวงนี้ก็จะไมเจอเพราะพระจันทรจะใสสวางมาก ฉันก็เลย ไดมาแตน�้ำหมุนๆแทน ขอใหมีความสุขกับการทองเที่ยวและถายภาพบนเกาะพยาม.........Travelgraphy

27



ข้อมูล : บริษัท พี.เค. เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นท์ จ�ำกัด

29


Show Time

“หน่วยพิทักษ์ป่าเขาแหลม” ถ้าพูดถึงแหล่งธรรมชาติใกล้เมือง คงไม่มีใคร ไม่รู้จัก “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร เพียงแค่190 กิโลเมตร การเดินทาง สะดวกสบาย สามารถขับรถขึ้นได้ทั้งสองทาง คือ เส้นทางที่ 1 มุ่งหน้า รังสิต นครนายก ผ่าน ปราจีนบุรี ผ่านด่านตรวจฯ เนินหอม และเส้นทางที่ 2 คือ มุ่งหน้า สระบุรี เลี้ยว ขวา ถึง อ.ปากช่อง แล้วเลี้ยวขวามุ่งหน้าผ่านด่านตรวจ ขึ้นสู่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่


เรื่อง/ภาพ : ปางอุ๋งอ้อมกอดแห่งขุนเขา

Facebook / ปางอุ๋ง อ้อมกอดแห่ง ขุนเขา

31


อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติ แห่งแรกของประเทศไทย ด้วย มีความอุดมสมบูรณ์ ของธรรมชาติและสัตว์ป่านานาชนิด มีตั้งแต่ สัตว์ ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ อย่าง ช้างป่า ด้วย ความอุดมสมบูรณ์ ที่กล่าวมานั้น ทำ�ให้ ได้รับการ แต่งตั้ง โดย ยูเนสโก (UNESCO) ร่วมกับ อุทยานแห่ง ชาติทับลาน ,ปางสีดา, ตาพระยา และเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่าดงใหญ่ ในชื่อร่วม ว่า มรดกโลก “ดงพญา เย็น-เขาใหญ่” มีเนื้อที่ กว่า 6,155 ตารางกิโลเมตร บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เอง มีสถานที่ ท่องเที่ยวที่ สวยงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็น จุดชมวิวผาเดียว ดาย ที่บรรยากาศ ตอนเช้า จะเต็มไปด้วย ความชุ่ม ชื่นจากหมอก ใครได้ไปชม ก็นับว่า คลายความกังวน ใจ ปล่อยไปกับ บรรยากาศ บริเวณนั้น อีกทั้ง ยังมี น้ำ�ตก อีกมากมาย น้ำ�ตกที่ได้รับความ นิยม ที่สุดคงจะหนีไม่พ้น น้ำ�ตกเหวนรก และน้ำ�ตก เหวสุวัติ


น�้ำตกเหวนรก เป็นน�้ำตกที่มีความสวยงาม ขนาด ใหญ่มีทั้งหมด 3 ชั้น รวมความสูงไม่ต�่ำกว่า 150 เมตร เป็นสายน�้ำที่ ไหลตรงเข้าสู่ เขื่อนขุนด่านปราการชล ที่ เป็น สาธารณูปโภค หล่อเลี้ยง คนเมือง อย่างเรา น�้ำตกเหวสุวัติ เป็นน�้ำตกที่มีความ สูงประมาณ 25 เมตร เกิดจากการไหลรวมกันของธารน�้ำสายเล็กๆ รวมเป็น แม่น�้ำ ล�ำตะคลอง ไหลลงสู่พื้นทีราบเบื้องล่าง สองข้างทางที่ขับรถผ่านถึงที่ท�ำการอุทยานฯ จะ มีทุ่ง หญ้ากว้างที่เป็นแหล่งอาหารของสัตว์กินพืช หนึ่งในนั้น ก็คือทุ่งหญ้าหนองผักชี และหนองผักชีจะมีหอเฝ้าดูสัตว์ เดินเท้าทางที่จอดรถประมาณ 900 เมตร

แต่อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาข้างตนนั้น เป็นเพียงภูมิทัศน์ ที่ รถยนต์ สามารถ ขับไปถึง และเดินต่อเพียงไปเพียง ชั่วเคี้ยวหมากแหลก (จะโบราณไปไหน) ก็ถึงที่หมาย แต่ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งภายในอุทยาน ที่ ต้อง ใช้ความ มุ่งมั่น ความอดทน เช่น สถานที่แห่งนี้ ที่จะ เดินเท้าเข้าพื้นที่ กว่า 5 กิโลเมตร เพื่อชมความงดงาม ใจกลางผืนป่าเขาใหญ่ ความเงียบสงบ ที่มี เพียงเสียง ธรรมชาติ ปราศจากเสียงผู้คน เสียงรถยนต์ ดังสถานที่ ท่องเที่ยวทั่วไป สถานที่นั้นคือ “หน่วยพิทักษ์ป่าเขา แหลม”

33


“หน่วยพิทักษ์ป่าเขาแหลม” เป็น หน่วยย่อย ใจกลาง ป่า ตั้งขึ้นเพื่อ ให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ได้ สร้างเป็นที่ตั้ง คอย ปกป้อง รักษา ดูแล ป่าไม้ และ สัตว์ป่า จากผู้ไม่หวังดี ที่ จ้องมา ท�ำลายธรรมชาติ ซึ่งถือว่าเป็น สมบัติของเราทุกๆคน การเข้าพื้นที่หน่วยนี้ ต้อง ท�ำหนังสือขออนุญาต เข้าพื้นที่ อย่างถูกต้องจาก “กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์ พืช” เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว จะต้องมีเจ้าหน้าที่ น�ำทาง เพื่อ ค่อยระแหวดระวัง การออกนอกเส้นทาง หรืออันตราย ที่ อาจจะเกิดขึ้น ระหว่าง เข้าและอยู่ในพื้นที่ ในการเดินทาง นั้น ครั้งนี้ เราวางแผนเข้าพื้นที่ 2 วัน 1 คืน (เสาร์-อาทิตย์) และจากการท�ำการบ้านศึกษาข้อมูลสถานที่มาเบื้องต้น เส้น ทางกว่า 5 กิโลเมตร ในป่าเขาอีกทั้ง สัมภาระเครื่องอ�ำนวย ความสะดวกต่างๆ อาหาร ที่ต้อง แบกขึ้นหลัง ท�ำให้ผมต้อง แอบฟิตร่างกาย มาเพื่อการนี้ เมื่อเดินทางมาถึงจุดเริ่มต้น ข้าวปลาอาหาร เครื่องนุ่งห่ม กันหนาว ถูกแพค ลงเป้ น�้ำหนักร่วมกว่า 15 กิโลกรัม พร้อม การเดินทางระยะไกล ที่ลืมไม่ได้ คือ กล้องถ่ายภาพ เพื่อเก็บความทรงจ�ำดีดีไว้ น�้ำหนักที่มากบน หลัง ผมแนะน�ำว่าควรใช้เป้ที่มี การกระจายน�้ำหนักที่ดี น�้ำหนัก 80 % ของเป้จะลงที่สะโบก และ อีก 20 % จะ ลงที่ ไหล่ ของเรา โดยทั่วไปนั้น เราควรแบกน�้ำหนักเพียง 20-30% ของน�้ำหนัก ร่างกาย เท่านั้น เมื่อเป้สัมภาระ พร้อมเราก็ ออกเดินทาง การเดินทางเนินแรกนั้น มีความชันที่ประมาณ 40% ระยะทางประมาณ 200 เมตร เนินแรกนี้เอง ก็ เป็นเนินวัดใจ จากที่ฟิตซ้อมร่างกายมา อย่างไรก็ตาม ก็ท�ำให้พวกเรา หายใจ หอบ อัตราเต้น ของหัวใจ แรงและเร็ว เหงื่อ ก็ ไหลมา ราวกับ วิ่ง มาแล้ว 2 รอบ สนามฟุตบอลได้เหมือนกัน พอผ่านเนินแรก ประมาณ 10 นาที พวกเราก็ หยุดพัก สักครู่ ประมาณ 5 นาที พอให้ หายใจเป็นปกติ เสียงของรถยนต์ก็เรา เบาบางลงตามระยะทางเราเดินห่างออกมาเรื่อยๆ และ จากประสบการณ์เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่น�ำทาง ก็บอกกับ เราว่า ไม่ควรพัก ให้ เหงื่อแห้ง เพราะ ถ้าเหงื่อแห้งร่างกายต้องปรับสภาพใหม่ จะท�ำให้ เหนื่อยกว่า เดิม และมัน ก็ ช่วยได้มากจริงๆ พอร่างกายปรับสภาพได้ พวกเราก็ เดินต่อ หลังจากผ่านเนินแรก ทางที่เหลือ ก็ จะเป็น เนิน ยาว แต่มีความชัดไม่มาก สลับ กับ ทางลงเขา ตลอดระยะทาง จากเสียงของรถยนต์ ก็เปลี่ยนเป็นเสียงของ ธรรมชาติเข้ามาแทนที่ สองข้างทางก็พบเห็น นก นานาชนิด ระหว่างที่เพลิดเพลินกับความเงียบสงบของธรรมชาติ พวกเราก็ ตกใจ หยุดชะงักเมื่อได้ยิน เสียง กิ่งไม้ดังขึ้น และมีเสียงเหมือนกับรถไฟ โบราณ แบบเครื่องจักรไอน�้ำ ดัง ขึ้น เจ้าหน้าที่ ชี้บอกให้เราดู และบอกว่านั้นคือเสียงนกเงือกบิน เพราะนกตกใจพวกเรา เจ้าหน้าที่ยังเล่าต่อว่า ในจ�ำนวนที่เราสามรถพบเห็นได้ในอุทยานฯนี้ นั้น ก็ มีนกเงือก 4 ชนิด นกกก นกแก๊ก นกเงือกกรามช้าง และ นกเงือกสีน�้ำตาล


35


ว่ากันว่า นกเงือกถือได้ว่าเป็นสัตว์ที่ถือสัตย์เรื่องความ มั่นคงในความรัก รักเดียวใจเดียว ถ้าตัวใดตายอีกตัวก็ จะตรอมใจตายตามด้วย ท�ำให้เราดีใจเป็นอย่างมากที่ ได้พบเจอ นกเงือกในธรรมชาติจริงๆ ลืมความเหนื่อย ที่เดินมากันก็ว่าได้ แต่ ทว่า เรามากันได้เพียงแค่ครึ่ง ทางเอง พวกเราสูดหายใจลึกๆ และ เดินทางต่อ จากความเงียบ สงบของป่า แม้มีอะไร เคลื่อนไหว เพียงนิดก็ท�ำให้ เกิดเสียงดังขึ้นและคราวนี้ เป็น คิว ของ ครอบครัวลิง ฝูงหนึ่ง อยู่บนยอดต้นไม้สูง เราเงียบหยุดดูความน่ารักของ พวกมันจากระยะไกล เพราะเดินเข้าไปใกล้ๆ พวกมันมีที่ท่าว่าจะ หนี และเขาก็ หนีไป จริงๆ นับได้ประมาณ 4-5 ตัว หลังจากที่พบเจอลิงแล้ว เจ้าหน้าที่ ก็ พอว่า นั้นไม่ใช่ ลิง นั้น คือ ชะนี และยังบอกต่อว่า ลิงกับชะนี ต่างกัน ที่ ชะนีจะไม่มีหาง ส่วนลิงจะมีหาง ชะนีจะอยู่กันเป็นครอบครัว 4-5 ตัวบนต้นไม้เท่านั้นไม่ลงมาพื้นดิน มือและ แขนของชะนีจะยาวกว่าลิง ส่วนลิงจะอยู่ฝูงใหญ่กว่า 40 ตัว เราก็อุทานว่า ..อ๋อ.... ที่ มัน ร้อง หา...ผัวๆๆๆๆ...ใช่ ไหมครับพี่ เจ้าหน้าที่บอกกับเราว่า จริงๆ มันไม่ได้ร้องว่า ...ผัวววว...มันร้องว่า ...อุว๊ะๆๆๆๆๆ... แต่ถูกนิยายละคร เอาไปล่อเลียน ว่า ...ผัวๆๆๆๆ... เปรียบเทียบ ผู้หญิง ที่ วิ่งตามผู้ชาย ว่า เป็นชะนี แต่ จริงๆ แล้ว ชะนี เป็นสัตว์ ที่รักครอบครัว ไม่แยก ครอบครัวไปไหน จนกว่าจะตายจากกัน แต่ก็มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่ แอบไปมี คู่ใหม่


เรายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ในป่าที่รกทึบ เมื่อพบแสงสว่างๆ ที่ ปลายทาง เราก็ แอบดีใจว่า ต้องถึงแน่ๆ และ ก็ เป็นจริงดังหวัง กว่า 2 ชั่วโมงที่เราเดินทาง เราก็มาถึงที่ก้อนหินกลุ่มนี้ และ ที่ หลังก้อนหินนั้นก็เป็นพื้นที่กว้าง ที่ ทอดยาว ไปสุดตามีเพียงแนวภูเขาโอบรับอยู่ไกลไกล สายลมโชย พัดพาความร้อนออกจากร่างกาย ช่วยลด อุณหภูมิ ที่ ร้อนระอุ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง หายเป็นปลิดทิ้งจาก วิวเบื้องหน้าที่เราพบเจอ มันคือทุ่ง หญ้ากว้างที่ใหญ่กว่า ทุ่งหญ้าหนองผักชี กว่า 5 เท่า พวกเราต่างยืนถ่ายภาพกัน ทั้งเซลฟี่ ทั้ง วานให้เพื่อนถ่ายให้ อย่างสนุกสนาน และแอบวางแผนว่า ถ้าตอนเช้าพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่คงจะสวยงามมากแน่ๆ หลังจากถ่ายภาพกันอย่างหน�ำใจแล้ว เราก็เดินทางผ่านก้อนหินก้อนนั้น เดินตัดผ่านทุ่งหญ้า มายังที่ตั้งหน่วย มาถึงหน่วยเราก็ วางเป้ สัมภาระ ที่หน่วยเป็นบ้าน หลังเล็กๆ ยกพื้นลอย ชั้นบนเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่ พวกเรา เลือกลงมาตั้งแคมป์กันที่หน้าบ้าน เพื่อไม่เป็นการรบกวน พื้นที่ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ ก็มีผูกเปล นอน บ้าง ก็ กาง เต้นท์ นอนกัน อาหารที่เตรียมมาก็ เอาออกมาร่วมกัน เพื่อจะได้ หุงหาอาหาร เตรียมส�ำหรับมื้อเย็น ผมรับหน้าที่ ก่อไฟ เพื่อหุงข้าว ในระหว่าง ที่เตรียมหุงข้าวกันอยู่นั้น เราก็ ได้ ยินเสียง ช้างป่าร้องอยู่ไม่ไกลจากที่ตั้งหน่วย เจ้า หน้าที่บอกว่า เดินไปดูไหมจะพาไป พวกเราก็ ไป พร้อมเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ บอกว่า ถ้าเจอช้างต้องรักษาระยะ ห่างไม่ควรเข้าใกล้ จนท�ำให้ช้างโมโห เราเดินตามเจ้าหน้าที่อย่างเงียบๆ เจ้าหน้าที่ก็ชี้ให้ดู แต่เบื้องหน้านั้นมันไม่ใช้ช้าง แต่กลับเป็นฝูงกระทิงที่ก�ำลังเล็ม กินหญ้าอย่างเงียบเงียบ เจ้าหน้าที่บอกต่อ ช้างที่ร้อง มันคงเข้าป่าไปแล้ว เหลือแต่ กระทิง พวกเราตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เห็น กระทิงตัวเป็นๆ ในธรรมชาติ ปราศจาก รั้วกัน มีเพียง ยอดหญ้าและอากาศ เท่านั้น ครั้งใกล้อาทิตย์จะลับขอบฟ้าเราก็ เดินกลับ ที่หน่วย เพราะในป่านั้น จะมืดเร็วมาก เราหุงหาอาหาร และทานเข้าเย็น กันอย่างอร่อย และเราคุยกันว่า ก่อนว่าสร่าง จะเดินกลับที่ ที่ก้อนหินก้อนนั้นที่ เราเดินผ่านมา เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จ เราก็ นอนพักผ่อน คลายความเหมื่อยล้า ช่วง กลางวัน เก็บแรงไว้ รอชมพระอาทิตย์ขึ้นในวันรุ่งขึ้น

37



เช้ามืดเวลา 05.30 เราก็ แต่ง ตัวเตรียมเดินย้อนกลับไปที่ ก้อนหิน ก้อนนั้น เมื่อถึงที่หมาย อาทิตย์ก็ยัง ไม่โผล่ขึ้นมา มีเพียงแสงริบๆ ที่ค่อยๆ สลับเปลี่ยนสี จากม่วง เป็นสีส้ม สว่างขึ้นมา อากาศที่หนาวเย็น ลมที่ พัดมา สิ่งที่เราสัมผัสได้ พร้อม บรรยากาศ เหล่านั้น คือ เสียงของ สรรพสัตว์ เริ่มร้องดังก้องป่า เสียง ชะนีที่เราเจอเมื่อวาน ดังมาแต่ไกล เสี ย งนกเงื อ กก็ ร ้ อ งรั บ ไม่ ข าดสาย แสงตะวัน ก็ ค่อยๆ โผล่ขึ้นจากขอบ ฟ้า ทุกสิ่งทุกเสียงพร้อมกันเริ่มขึ้น บรรยากาศในตอนนั้น ผมยืนนิ่ง อย่างมีความสุข เมื่อทุ่งหญ้าได้รับ

ความร้อน จากแสงอาทิตย์ ความเย็น ที่สะสมไว้ตลอดคืนก็ ระเหยกลาย เป็นเมฆหมอกลอยขึ้น กระทบกับ แสง สีทองในยามเช้า ภาพทุ่งหญ้าที่ เห็นในเมื่อวัน ก็ ถูกปกคลุมด้วยไอ หมอกหนา ผมยืนอยู่สักพัก ก็มีเสียง เครื่องจักรไอน�้ำที่เราได้ยินเมื่อวาน ดังมา ผมรู้ได้ว่าต้องเป็น นกเงือก แน่ๆ และก็ เป็นเช่นนั้นจริงๆ นก เงือกต่าง ออกโบยบิน บ้าง บินมาตัว เดียว บ้างบินคู่ บ้างบินมาเป็นฝูง ไม่ นานนัก สายหมอกก็เริ่มจางไป ทุก อย่างกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

พวกเราเดินกลับมาที่หน่วย หุงหาอาหารอีกมื้อ ที่หน่วยก่อนจะ เก็บสัมภาระ เพื่อ เดินทางกลับ และ สายวันนั้น เราก็ เดินกลับ หันหลังให้ ทุ่งหญ้ากว้าง หน่วยเขาแหลม พร้อม กับ สัญญาว่า ถ้ามีเวลา จะกลับมา เยือนที่แห่งนี้อีกสักครั้ง เรายังคง คิดถึงบรรยากาศที่เสียงสงบ เสียง เครื่องยนต์ไม่มีมาเข้าโสตประสาท มีเพียงเสียงร้องของสรรพสัตว์ มี เพียงเสียงลมพัดยอดหญ้าให้ไหวเอน อีกหนึ่งสถานที่ ที่ยังคงตรึงใจหัวใจ ตลอดไป .....

39



41



43


ที่มา : https://thai.tourismthailand.org


วัดถ�้ำเสือ จ.กาญจนบุรี

45


เรื่อง/ภาพ : วรท กุมภ์ประดิษฐ์ Facebook / Oversnutz


Wide Life of Nature

47


ดอยสันจุ๊ ดอยสันจุ๊ ชื่อนี้ หลายคนคงตั้งค�ำถามว่า “อยู่ที่ไหนของประเทศไทย” แต่ถ้าใน กลุ่ม นักดูนก หรือ กลุ่มถ่ายนก ต้องบอก ว่าเป็น สถานที่ที่นักดูนกหรือนักถ่าย ภาพนกทุกท่า นอยากจะมาสักครั้งใน ชีวิต ดอยสันจุ๊เป็น ยอดดอยติดชายแดน ทางทิศเหนือของ ประเทศไทย ตามหา.....นกนานาชนิด ดอยสันจุ๊ เป็นสถานที่อีกสถานที่ หนึ่งนอกเหนือจากดอยอินทนนท์ ที่มี นกอพยพมามากมายหลายชนิด ดอยสัน นกติ๊ดใหญ่ (Great Tit) จุ๊ ตั้งอยู่ในเขต อ.ฝาง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในความดูแลของอทุยานแห่งชาติผ้าห่มปก จากตัวเมือง อ.ฝาง จะใช้เวลาเดินทางไปถึงที่นั่นประมาณ 60 นาที


<<< นกกระทาป่าไผ่ (Mountain Bamboo Partridge) นกประจำ�ถิ่น พบทางภาคเหนือ ตอนบน พบไม่บ่อยหรือพบบ่อย ในบางพื้นที่ Speed Shutter 1/1250s F5.6 ISO 1250 <<< ไก่ฟ้าหางลายขวาง (Mrs. Hume’s Pheasant) ในป่ า ธรรมชาติ มี อ ยู่ น้ อ ยมาก ถู ก จั ด อยู ใ นประเภทใกล้ จ ะสู ญ พันธุ์ พบไม่บ่อยตอนเหนือของ ประเทศไทย Speed Shutter 1/500s F5.6 ISO 640

นกจับแมลงแถบคอสีส้ม (Rufous-gorgeted Flycatcher)

49



ไก่ฟ้าหางลายขวาง Mrs. Hume’s Pheasant 51



การเดินทาง..... การเดินทางไปยังดอยสันจุ๊ ใช้เส้นทาง กรุงเทพ-เชียงใหม่ และใช้เส้นทาง 107 อ.แม่ริม จนไปถึง อ.ฝาง จากนั้นก็ขึ้นดอยสันจุ๊ผ่านไร่ส้มต่างๆ ระยะ ทางจาก กรุงเทพจนถึงดอยสันจุ๊ ประมาณ 900 กิโลเมตร ใช้เวลาในการ เดินทางประมาณ 12ชั่วโมง ล้อหมุนจากกรุงเทพ เวลา 17.00 น. จุดหมายปลายทางของเราคือ ดอย สันจุ๊ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทางรวมเกือบ 1,000 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางร่วม 10 ชั่วโมง สัตว์ที่ถือเป็นไฮไลท์ที่ส�ำคัญของดอยสันจุ๊ คือ ไก่ฟ้าหางลายขวาง เป็นไก่ฟ้าขนาดใหญ่ พบในประเทศ จีน,ปากีสถาน,พม่า,อินเดีย และ ประเทศไทยของเรานี่เอง ไก่ฟ้าหางลายขวางจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกคุกคาม หายากและใกล้สูญพันธุ์ ในประเทศไทย ใช้เส้นทาง กรุงเทพ-เชียงใหม่ และใช้เส้นทาง 107 อ.แม่ริม จนไปถึง อ.ฝาง ที่เวลา 04.30 น. พวกเราแวะที่ปั๊มแห่งหนึ่ง เพื่อซื้อข้าวของ อารหาร น�้ำดื่ม และท�ำธุระส่วนตัวก่อนขึ้นดอยสันจุ๊ ใน ช่วงก่อนฟ้าสว่าง ท�ำไมต้องเช้าขนาดนั้น เสียงของผู้ชายร่างท้วมคนนึงตั้ง ค�ำถาม ??? ก็เนื่องจากเวลาที่ไก่ฟ้าสุดสวยตัวนี้ จะออกจากป่ามาหากิน ในช่วงเช้าตรู่ จนไปถึงช่วงสายๆ จึงจ�ำเป็นต้องเข้าที่หมายก่อนไก่หายากตัวนี้จะออก มาหากิน พวกเรารีบซื้อของและขึ้นไปยังจุดหมายปลายทาง และก็ถึงใน เวลาไม่นาน พวกเราจัดเตรียมกล้องออกมาแบบหนาวสั่น อุณหภูมิเวลา 05.30น. ประมาณ 18องศา ตามเครื่องวัดอุณหภูมิในมือถือที่มีสัญญาณ เพียงน้อยนิด สายหมอกยังท�ำให้ถนนเส้นนี้มึดมิด พวกเราเริ่มตั้งบังไพรเพื่อให้ กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด มีเพียงหน้าเลนส์ที่แทรกออกจาก หน้าต่างของบังไพร เพื่อให้สมหวังเราจึงต้องท�ำตัวให้เงียบที่สุด หลาย ท่านกว่าจะสมหวังกับไก่สุดหายากชนิดนี้ ใช้เวลาเดินทางกลับมาถ่าย หลายหน บางคนเดินทางมาถ่ายทุกปี อาจด้วยความสวย ความหายาก แต่ส�ำหรับ ผมมันมีบางอย่างมากกว่าการได้ถ่ายนกชนิดนี้ ก็คือ “มิตรภาพระหว่าง การเดินทาง มันท�ำให้ผมลืมนกที่ผมอยากจะเจอด้วยซ�้ำไป” 53


นกคอทับทิม (Siberian Rubythroat)

นกอีเสือหลังเทา (Grey-backed Shrike)


นกจับแมลงหน้าดำ�คอขาว เพศเมีย (Slaty-blue Flycatcher)

นกจับแมลงสีคราม (Ultramarine Flycatcher) Speed Shutter 1/3200s F5.6 ISO 2000

Trick & Talk การถ่ายภาพนกแบบ Stop Action หรือ การ หยุดความเคลือนใหวของนกที่ขณะบินอยู่ Speed Shutter เป็นสิ่งส�ำคัญ เพราะยิ่ง Speed Shutter เราสูงมากเท่าไร ก็จะท�ำให้สามาถหยุดความเคลื่อน ใหวของนกได้ จะไม่ท�ำให้ภาพที่ได้นั้นออกมาเบลอ เป็นหลักการเดียวที่ใช้กับการภ่ายภาพกีฬา หรือ การถ่ายภาพแข่งรถที่ต้องการความไวชัทเตอร์สูงๆ ส่วนค่ารูรับแสง และ ISO ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแสงใน ขณะนั้นว่าสามาถใช้ได้ที่ค่าเท่าไร....Travelgraphy

55



Photography Technique Golden Triangles หรือที่เรียกกันว่า กฎของสามเหลี่ยม คือการก�ำหนดได้ด้วยการลาก เส้นทแยงมุมไป และ ลากเส้นอีก 2 เส้นจากด้านตรงกันข้ามที่เหลือให้มาตั้งฉากกับเส้น ทแยงมุมก็จะได้สามเหลี่ยม 4 ช่อง นั้นก็คือต�ำแหน่งพื้นที่ที่เราจะวาง object หลัก ที่ต้องการลง หรือวางแนวเส้นของวัตถุไปนั่นเอง ผมใช้อยู่บ่อยครั้งเมื่อไปถ่ายงาน ด้านสถาปัตยกรรม ( โครงสร้างภายนอก ) ทิวทัศน์ของเทือกเขา และน�้ำตก วิธีการก็เช่นเดียวกับที่ผมใช้กฎสามส่วน คือมโนภาพถึงเส้นเข้าไปใน ช่องมองภาพแล้วก็หมุนเอียงกล้องให้สิ่งที่เราก�ำลังจะถ่ายภาพนั้นวางลง บนแนวเส้นของหลัก Golden Triangles ที่เราจินตนาการไว้ และ นอกจากจะได้แนวการวางมุมภาพแล้ว ในงานสถาปัตยกรรม เราจะได้ภาพในเชิงลึกหรือที่เรียกว่าภาพ “Perspective” ท�ำให้ภาพถ่ายของเรามีมิติความลึกเกิดขึ้น

57


Life Traveler


เรื่องและภาพ วรุตม์ หนันเรือง Facebook/ Warut Nanruang

เกาะช้าง 2 วัน 1 คืน เที่ยว

ให้ ท ั ่ ว

เกาะช้าง เป็นเกาะที่ใหญ่อันดับ2 ของประเทศไทย รองจากเกาะภูเก็ต ซึ่งยังคงธรรมชาติไว้ อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ป่า น�้ำตก หาดทรายขาว น�้ำทะเลใส และวิถีชีวิตของชาวบ้านบน เกาะช้างแห่งนี้ นั่นเองเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยว มาเยือนเกาะนี้ หลายคนอาจจะมาพักผ่อน ระยะยาว เหมือนนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลายคนมาระยะสั้น แล้วแต่วิถีของนักท่องเที่ยวนั้นๆ วัน นี้เราจะพาทุกท่านไปเที่ยวเกาะช้าง แบบ 2 วัน 1 คืน จะเที่ยวยังไงให้ทั่วเกาะ ติดตามได้จาก เนื้อหาด้านในเลยครับ

59


1

4

2

3

5

6

* คลิ๊กที่รูปภาพ เพื่อดูอัลบัมรูป *


ชมอัลบัมเต็ม เกาะช้าง คลิ๊ก

1. ท่าเรือเฟอรี่ เกาะช้าง 2. หาดทรายขาว 3. หาดคลองพร้าว 4. น้ำ�ตกคลองพลู 5. จุดชมวิวไก่แบ้ 6. บ้านบางเบ้า 7. จุดชมวิวก่อนถึงหาดทรายยาว 8. อนุสรณ์สถานเกาะช้าง * คลิ๊กที่รูป เพื่อชมภาพอัลบัมเต็ม*

8

7

ภาพประกอบ : Google Map 61


การเดินทางของเราครั้งนี้แตกต่างกับหลาย ครั้ง อาจจะเรียกได้ว่า ปุ๊ปปั๊ปทัวร์ วางแผนวัน อังคาร เริ่มหาเกาะที่น่าเที่ยว คนไม่เยอะ น�้ำ ทะเลสวย และมีอะไรที่มากกว่าทะเล เพราะครั้ง นี้วางแผนไว้ว่าอยากพาเพื่อนๆไปเที่ยว แล้วเรา ต้องถ่ายภาพไปด้วยในตัว หวยเลยมาลงที่ “เกาะ ช้าง” หลังจากนั้นก็เริ่มชวนเพื่อนๆ (ยิ่งไปกัน เยอะยิ่งมีตัวหารเยอะ) สรุปทริปนี้ได้เพื่อนร่วม ทริปอีก4คน รวมตัวผมด้วยเป็น5คน ก�ำลังพอดี กับรถเก๋งคันหนึ่ง แต่...ปัญหาคือที่พัก จะมีที่ไหน ที่รองรับผู้เข้าพักได้ถึง 5 คน ในห้องหรือ รีสอร์ท1หลัง ต้องใช้ตัวช่วยที่ดีที่สุดคือ เว็บไซต์ จองโรงแรมที่นิยมอันดับต้นๆ ได้รีสอร์ท1หลัง พักได้5คน พร้อมอาหารเช้า และมีสระว่ายน�้ำ ใน ราคาเกือบสองพันบาท ... อ่านไม่ผิดหรอกครับ รีสอร์ทนี้มีอยู่จริง เพราะช่วงที่ผมไปคือช่วง Low Season ราคาเลยลดลงเกือบ 50% เอาหละ วางแผนเที่ยวกันดีกว่า เพราะผมจะไปในช่วงวัน หยุด เสาร์-อาทิตย์ (ถ้าวางแผนไม่ดี น่าจะเที่ยว ไม่ครบแน่ๆ)

เราเริ่มเดินทางออกจากจากกรุงเทพฯ ย่านทุ่งบางกะปิประมาณ 1.30น. แล้วต้องไปรับเพื่อนอีกคนที่บ้านเพ จ.ระยอง ซึ่งการเดินทางช่วงดึกๆแบบนี้ รถจะโล่ง แต่...ถนนบางช่วงอยู่ระหว่างก่อสร้าง ต้องใช้ความระมัดระวังเป็น พิเศษ โดยเราวางแผนการเดินทางว่า จะไปให้ถึงท่าเรือช่วงเวลาประมาณ 7.00น. แต่ด้วยความที่ว่าถนนโล่ง ท�ำให้เรามา ถึงเขตจังหวัดตราดเร็วกว่าปกติ 1 ชั่วโมง ต้องแวะเข้าตัวจังหวัดตราดเพื่อหาอาหารเช้ารองท้อง ซึ่งแน่นอนครับ ผมแวะ ถ่ายรูปวิถีชาวบ้านที่มาจับจ่ายซื้อของ และอาหารที่ขายกันในตลาดสด เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ชื่นชอบเป็นอย่างมาก เพราะมัน คือวิถีชีวิตของผู้คนทั่วไป ที่เราไม่สามารถไปเมคอัพหรือเซทฉากนั้นได้ การถ่ายภาพแนวนี้เรียกว่าแนว Life พอได้อาหาร รองท้องเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกจากตัวเมืองจังหวัดตราด เพื่อมาขึ้นเรือที่ท่าเรือเกาะช้างเฟอรี่ อ่าวธรรมชาติ ซึ่งเป็น ท่าเรือที่เดินทางไปยังเกาะช้างได้เร็วที่สุด ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น โดยเสียค่าธรรมเนียม คนละ 80 บาท และค่า รถยนต์4ล้ออีก 120 รอให้เต็มแล้วเรือก็ออก (โชคดีมาก เรามาเป็น 4 คันสุดท้ายก่อนเรือออก) หลังจากนั้นก็นั่งเล่น ยืน เล่น ถ่ายรูปบนเรือไปเรื่อยเปื่อย แล้วอย่าลืมหยิบแผนที่เกาะช้าง ที่แจกฟรีบนเรือมาด้วยนะครับ เพราะในแผนที่ มีบอก ทุกอย่าง ทั้งที่พัก ร้านอาหาร และจุดท่องเที่ยวต่างๆ นอกจากนี้บนเรือเฟอรี่ ยังมีอาหารและเครื่องดื่มจ�ำหน่ายด้วยนะ ครับ


63


เพียงอึดใจเดียว 30นาทีผ่านไป เราก็ข้ามาาถึง ท่าเรือเฟอรี่เกาะช้าง โดยเรือจะเทียบที่ท่าอ่าวสัปปะ รด เราไม่รอช้า ขับอออกขวา เพื่อไปยังร้านกาแฟ ที่ อยู่ในปั๊มน�้ำมันแรกจากท่าเรือ เพื่อเติมความสดชื่น เนื่องจากขับรถมาเป็นระยะเวลา 5ชั่วโมงเต็ม หลัง จากได้คาเฟอีนไปสูบฉีดร่างกาย จุดมุ่งหมายแรกที่ จะไปคือน�้ำตกคลองพลู แต่ตรงทางเข้าเราแวะถ่าย รูปกับช้าง ที่เป็นสถานที่พานักท่องเที่ยวขึ้นหลังช้าง พาเดินไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่อง เที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ หลังจากนั้นเราก็มุ่ง หน้าเข้าไปชมความสวยงามของน�้ำตกคลองพลู ที่ขึ้น ชื่อว่าสวยที่สุดบนเกาะช้าง โดยนักท่องเที่ยวต้องจ่าย ค่าธรรมเนียมค่าเข้าอุทยานก่อนนะครับ แล้วสามารถ น�ำรถขึ้นไปจอดด้านหน้าที่ท�ำการอุทยานแห่งชาติ เกาะช้างได้เลยครับ หลังจากท�ำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็ หอบขาตั้งกล้องยึดใส่กับกล้อง Nikon D500 กับ เลนส์ Nano ตัวแรกของ DX AF-S 16-80mm f/2.84E ซึ่งมีน�้ำหนักรวมแค่ 1.2กิโลกรัม ช่วยลดน�้ำหนัก ได้เยอะเลยทีเดียว เพราะเราต้องเดินเท้าลัดเลาะ ล�ำธารไปอีก 500เมตร ตลอดระยะทางมีต้นไม้ทั้งน้อยใหญ่ สลับพืชเล็กๆที่เกาะตามท่อนไม้ ชวนให้ระยะทางที่เดินไปยัง น�้ำตก ผมเพลิดเพลินกับการแวะถ่ายรูปเป็นอย่างมาก สัมผัสได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ที่ธรรมชาติสร้างมาให้กับเกาะช้าง เป็นสถานที่ที่อุดมไปด้วยธรรมชาติที่ตราตรึงใจตั้งแต่แรกพบ เดินไปเรื่อยๆ จะมีล�ำธารด้านข้างๆ ไหลลงมาจากแนว สันเขา ผมแวะดื่มน�้ำที่ล�ำธารนั้น ต้องบอกว่าน�้ำดื่มได้จริง สะอาดและอร่อยมาก เพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างมาก เดินมา สักพักก็ถึงจุดหมายแห่งแรกของเรา “น�้ำตกคลองพลู” เป็นน�้ำตกขนาดใหญ่ ที่มีน�้ำตลอดปี ตกจากหน้าผาสูงลงมาเป็น


เส้นสู่แอ่งน�้ำเบื้องล่าง มีอยู่ 3 ชั้น ชั้นแรกสุดสูง ประมาณ 40 เมตร ชั้นต่อไปอยู่ติดกัน สูงกว่าชั้น แรกมาก สภาพป่ารอบๆ สมบูรณ์ดีมาก มีธารน�้ำ แยกจากคลองพลูหลายสาย มีแอ่งน�้ำให้เล่น ประมาณ 2–3 จุด มีน�้ำไหลตลอดปี จึงเป็นที่นิยม เล่นน�้ำของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ที่จะอดใจไม่ไหว ต้องทิ้งตัวลงแหวกว่ายน�้ำใสดุจ มรกตท่ามกลางปลาที่แวกว่ายเล่นน�้ำใจกลางน�้ำตก แห่งนี้ เราใช้เวลาพักผ่อน ถ่ายรูปกันสักพัก ก็เดิน กลับออกมายังที่ท�ำการอุทยานฯ แวะหาความรู้กับ ข้อมูลต่างๆ ที่ทางอุทยานท�ำไว้ให้กับนักท่องเที่ยวได้ ศึกษาเพิ่มเติม

65


น�้ำตกคลองพลู : Nikon D500 , AF-S 16-80mm f/2.8-4E


67


หาดทรายขาว : Nikon D500 , AF-S 16-80mm f/2.8-4E

มองนาฬิกา ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปาเข้าไปจะเที่ยง เราเลย ตัดสินใจไปยัง “หาดทรายขาว” ที่เป็นจุดไฮไลท์ส�ำคัญของ เกาะช้างแห่งนี้ เพราะนักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นน�้ำ พักผ่อนที่ หาดทรายขาวแห่งนี้ ผมไม่รอช้า ปูเสื่อผ้าใบ ยกเครื่องดื่ม เย็นๆ เปลี่ยนใส่เลนส์ 70-200 เพื่อรอเก็บภาพแคนดิทนัก ท่องเที่ยวที่ชายหาดแห่งนี้ พอถ่ายไปได้สักพัก หนังตาเริ่ม หย่อน สืบเนื่องจากเมื่อวาน(วันศุกร์) ท�ำงานเต็มวัน กว่าจะ กลับมาถึงห้องแล้วได้นอนพักเพียงแค่ 2 ชั่วโมง แล้วต้องมา ขับรถยาวจนถึงตอนนี้ ขอพักเอาแรงสัก 1 ชั่วโมงคงจะดีไม่ น้อย ปล่อยให้เพื่อนร่วมก๊วนเล่นน�้ำทะเลไปเรื่อยๆ เวลาผ่าน ไปไวเหมือนโกหก ช่วงเวลาแห่งการนอนพักผ่อนมันเร็วมาก ผมก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะมีฝนตกปรอยๆ ท�ำให้ต้องลุกขึ้นมา เก็บอุปกรณ์กล้องเข้ากระเป๋าอย่างเร็ว ทันใดนั้นแดดก็ออก เอิ่ม...นี่แหละครับ สภาพบนเกาะที่แท้จริง เราเลยตกลงเก็บ ข้าวของออกจากหาดทรายขาวแห่งนี้ เพื่อไปเที่ยวยังท้าย เกาะ วันนี้ต้องไปให้ทั่วเกาะโซนฝั่งตะวันตก


เราขับรถมาเรื่อยๆ ทางค่อนข้างชัน แนะน�ำให้คนที่ ขับรถไม่ค่อยช�ำนาญทาง ให้ใช้เกียร์ D2 หรือใช้เกียร์ ต�่ำ เพราะมีบางช่วงเป็นโค้งมีความชันมากกว่า 50องศา ต้องใช้ทักษะในการขับรถที่ค่อนข้างสูง และ แนะน�ำให้ทางกับรถที่ขึ้นทางชันก่อนนะครับ เพราะ รถที่ก�ำลังขึ้น จะเบรคไม่ได้ ต้องเลี้ยงคันเร่งและเกียร์ ไปเรื่อยๆ พอผ่านช่วงนี้ไปแล้ว เราก็จะพบกับบ้าน บางเบ้า ซึ่งเป็นจุดขึ้นเรือเพื่ออกไปด�ำน�้ำยังเกาะต่างๆ และที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมสินค้าต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ ช็อปปิ้งไปเป็นของที่ระลึกก็ดีไปอีกแบบ โดยบ้านบาง เบ้า จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆท้ายเกาะ มีท่าเรือที่ยื่นออก ไปยังท้องทะเล มีเรือต่างๆทั้งน้อยใหญ่ จอดรอคอย นักท่องเที่ยวที่ซื้อทัวร์ไปด�ำน�้ำดูปะการังที่เกาะต่างๆ มีหลากหลายราคา ส่วนมากจะใกล้เคียงกัน ทริปนี้เรา ไม่ได้ไปด�ำน�้ำดูปะการังนะครับ เพราะสภาพอากาศ ค่อนข้างครึ้มฟ้าครึ้มฝน บ้างก็แดดออก เลยท�ำได้แค่ เพียงเดินมาถ่ายรูป เก็บภาพบรรยากาศสถานที่แห่งนี้

แล้วทิ้งประโยคบอกเล่าว่า “ครั้งหน้าพี่จะมาด�ำน�้ำให้ได้” แล้วก็ออกเดินทางไปยังหาดบางเบ้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก หมู่บ้าน เป็นหาดเล็กๆ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่ การมาพักผ่อนหย่อนกาย นอนตีพุง แล้วพุ่งลงทะเลเป็น อย่างมาก แต่...มองดูเวลา ก็จะล่วงเลยมาค่อยบ่ายแก่ๆ ถึงเวลาต้องกลับมาเช็คอินที่รีสอร์ทที่อยู่ติดคลองพร้าว กันแล้วครับ

69


จุดชมวิวไก่แบ้ : Nikon D500 , AF-S 16-80mm f/2.8-4E

ก้าวแรกที่เราเข้ามาถึงรีสอร์ท ได้รับเสียงต้อนรับจาก เจ้าของชาวต่างชาติ เป็นส�ำเนียงฝรั่งพูดไทย “ซาหวาด ดีคราบ” ผมนี่โล่งใจ เพราะกรุ๊ปที่ไปด้วยกัน ผมคือที่พึ่ง ของชาวคณะเรื่องภาษาอังกฤษ (ซึ่งตัวเองก็ไม่ได้เก่ง อะไรเลย อาศัยหลักภาษามือเข้าช่วย) เจ้าของรีสอร์ท บอกว่าห้องที่เราพัก เป็นห้องใหญ่สุด อยู่ติดสระว่ายน�้ำ และใกล้ตัวส่งสัญญาณ Wi-Fi มากที่สุด พอเข้าไปถึง ห้องพัก เราแทบไม่น่าเชื่อ ห้องดีมาก มีห้องนอนใหญ่ และเตียง2ชั่น พร้อมเตียงโซฟาเบดอีก 1ตัว พอดีกับ 5 คน ในราคาหนึ่งพันปลายๆ (เฉลี่ยตกคนละ 351บาท) ที่ รวมอาหารเช้าแล้วด้วยนะครับ นับว่าประทับใจมากๆ กับรีสอร์ทแห่งนี้ ไม่รอช้าครับอีกหนึ่งเหตุผลที่ผมเลือก ที่พักแห่งนี้คือ สระว่ายน�้ำ ผมนี่อยากเอาตัวลงไปแช่สระ

ว่ายน�้ำมากๆ เลยวางกล้อง แล้วทิ้งตัวลงสระ(เด็ก) อ่าน ไม่ผิดหรอกครับ ผลลงเล่นสระเด็ก เพราะจะได้เอาก้น ลงที่ก้นสระ แล้วเอาศีรษะเอนลงกับขอบ หลับตาแล้ว ปล่อยให้ร่างกายได้สัมผัสกับน�้ำในสระระบบเกลือ เล่น สระเด็กได้สักพักอยากลงไปว่ายน�้ำที่สระผู้ใหญ่ ต้อง บอกก่อนนะครับ ว่าสระว่ายน�้ำที่นี่ จะไล่ระดับไปเรื่อย ตั้งแต่ระดับหน้าอก ไปจนถึง2เมตร ก่อนจะมองขึ้นบน ท้องฟ้า ก่อนจะรีบขึ้นจากสระว่ายน�้ำ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า คว้ากล้องถ่ายภาพแล้วรีบบึ่งรถไปยังจุดชมวิวไก่แบ้ เพราะตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเปิด มีแสงจากดวงอาทิตย์สี ทองงามอร่ามตา ตั้งกล้อง2 ตัว กับเลนส์อีก 2 ช่วง แล้ว คว้ากล้องเล็ก Nikon1 J5 ขึ้นมาบันทึกภาพ TimeLapse (คนเดียว แต่ใช้ถึง3 กล้อง) เพื่อไม่ให้พลาดช่วง


จังหวะส�ำคัญ แต่พระคุณเจ้า ที่จุดชมวิวนี้ ถ้าใครจะมา ถ่ายพระอาทิตย์ตกดิน ควรพกสเปรย์ฉีดกันยุงมาด้วย นะครับ ยุงที่นี่หิวโหยเลือดมนุษย์เป็นอย่างมาก หลัง จากที่ได้ภาพอย่างสาสมใจก็กลับไปพักผ่อน นอนเอา แรงให้เต็มที่ เพื่อจะได้มีพลังเที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้

71


เช้าวันถัดมา เราตื่นมาพร้อมกับความสดชื่น เพราะเมื่อคืนพวกเรานอนกันอย่างเต็มที่ 10 ชั่วโมงเต็ม แล้วแวะ มาเติมพลังกับอาหารเช้ากับเมนูข้าวผัด แล้วขนมปัง/กาแฟ เติมได้ไม่จำ�กัด (ในใจคิดก่อนมาว่าเป็นแค่อาหารเช้า แบบอเมริกันจานเดียวแค่นั้น) แล้วหลังจากนั้นก็เช็คเอาท์ พร้อมสอบถาม เจ้าของรีสอร์ทที่แนะนำ�สถานที่ท่องเที่ยวว่าจะไปที่ไหนได้บ้างก่อนกลับ เราตัดสินใจไปเที่ยวอีกหนึ่งชายหาด ของฝั่งตะวันตก ซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก จากที่เราพักนั่นก็คือ “หาดคลองพร้าว” จะมีทางลงหาดเล็กๆ เป็นทางเดินคอนกรีต ยกสูงจากระดับขึ้นมา ตามทางเรื่อยๆ ไม่เกิน 100เมตร ก็ทะลุมาถึงหาดคลองพร้าว เหมือนหลุดออกมาจากอีกโลกเลยครับ วันนี้สภาพอากาศดี ท้องฟ้าโปร่ง สลับก้อนเมฆบางๆ ผมไม่รอช้าครับ หยิบ โดรน ขึ้นมาเพื่อถ่ายภาพมุมสูงของชายหาดนี้ ที่มีความยาวหลายกิโลเมตร สลับกับถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอ (ไปด้วยกันหลายคน แต่ถ่ายรูป เป็นคนเดียว ก็คงต้องทำ�แหละครับ) ซึ่งหาดคลองพร้าว เป็นอีกหนึ่งหาดที่ผมว่าสวยกว่า หาดทรายขาว (ในความรู้สึกของตัวเอง) เพราะที่นี่มีนักท่องเที่ยวไม่มาก แถมมีชายหาดที่ยาว ไกลสุดลูกหูลูกตา เบื้องหน้าคืออ่าวไทย เบื้องหลังคือต้นสน ลมพัดเย็นสบายมากๆ ผมใช้เวลาบันทึกภาพที่หาด คลองพร้าวเกือบๆชั่วโมง ก่อนจะบึ่งไปยังอีกฟากของเกาะ นั่นก็คือฝั่งตะวันออก

หาดคลองพร้าว : Nikon D500 , AF-S 16-80mm f/2.8-4E


หาดคลองพร้าว : ถ่ายภาพมุมสูงด้วยโดรน

73


จุ ด หมายปลายทางของเราอยู่ ที่ สุ ด ทางของเกาะช้ า ง อนุสรณ์สถานเกาะช้าง แต่ก่อนจะไปถึงก็ต้องขับผ่าน หมู่บ้านต่างๆ สวนยาง ภูเขา ลำ�ธาร จุดยุทธศาสตร์ จน กระทั่งมาถึงอีกหนึ่งแห่ง ที่ผมต้องเบรครถอย่างกระทันหัน แล้วคว้ากล้อง Nikon D500 ลงไปบันทึกภาพ หาดริมถนน ที่มีแต่โขดหิน ดูคลื่นกระทบหิน แล้วหามุมเหมาะๆบันทึก ภาพ เอาก้อนหินเป็นฉากหน้า หามุมที่ท้องฟ้าสีครามผสาน กับน้ำ�ทะเลสีฟ้าอมเขียว นี่แหละครับ ภาพ Final Image ที่ผมวางไว้ตั้งแต่ตอนวางแผนท่องเที่ยว แน่นอนว่าเพื่อน ร่วมแก๊งค์ที่ไปด้วยกัน ก็ลงมาถ่ายภาพกับสถานที่แห่ง นี้ ผมเลยเลือกมุมภาพ จังหวะที่เพื่อปีนขึ้นไปยืนบนโขด หิน แล้วแอบถ่าย เพื่อให้ภาพนั้นมีเรื่องราวมากขึ้นกว่าเรา ถ่ายปกติ พอได้ภาพตามที่ตั้งใจแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไป ยังจุดหมายของเรา ขับมาเรื่อยๆ ตามป้ายบอกทาง จนถึง สุดทางคอนกรีต เดินลัดเลาะลงชายหาดเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ตั้ง ของ “อนุสรณ์สถานเกาะช้าง” สถานที่ประวัติศาสตร์ของ

การสู้รบทางเรือตามยุทธวิธีสมัยใหม่ของไทยและฝรั่งเศษ มีประวัติศาสตร์ที่น่าศึกษาหาความรู้เป็นอย่างมาก และ บริเวณชายหาดจะมีโขดหินรูปร่างแปลกตา ทั้งก่อนเล็ก และก้อนใหญ่ รวมถึงปะการังที่ถูกพัดเกยตื้นมา ทำ�ได้ เพียงแค่ดู แล้วก็ปล่อยให้เขาอยู่กับธรรมชาติต่อไป ก่อนที่ เราจะกลับมาขึ้นเรือ ระหว่างทางไปยังอนุสรณ์สถานเกาะ ช้าง ผมได้สังเกตุเห็นน้ำ�ตกที่ไม่ทราบชื่อ อยู่ข้างถนน ขาก ลับเราจึงแวะเข้าไปชมความสวยงามของน้ำ�ตกแห่งนี้ ด้วย การเดินย้อนศรขึ้นไปตามน้ำ�ตก ด้วยระยะเพียงแค่ 50 เมตรจากถนนที่ถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ ทำ�ให้ไม่ค่อยมี นักท่องเที่ยวแวะเข้ามาชมน้ำ�ตกแห่งนี้มากนัก ด้วยความ ที่สงสัย ว่าข้างบนน้ำ�ตกจะมีอะไรนั้น ผมเลยหยิบ โดรน ขึ้นมาถ่ายภาพมุมสูงของน้ำ�ตกแห่งนี้ ไม่ผิดหวังจริงๆครับ ภาพมุมสูงทำ�ให้ผมเห็นมุมที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้อย่าง สวยงามและลงตัว


75



และแล้วเวลาแห่งความสุขก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เรา ต้องกลับมาขึ้นเรือเพื่อกลับไปยังแผ่นดินใหญ่ โดยขาก ลับเราอาศัยเรือข้ามฟากของท่าเรือเซ็นเตอร์พ้อยต์ เรือ ที่ออกจากฝั่งเกาะช้าง จะออกทุกครึ่งของชั่วโมง ตอน นั้นเราได้เรือช่วง 17.30น. พอถึงกำ�หนด เรือก็ออกตรง เวลาเป๊ะ และเป็นไปตามคาดครับ ผมใช้เวลาบนเรือให้ เป็นประโยชน์ ถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดิน ท่ามกลาง ทะเลอ่าวไทย ที่มีฉากหน้าเป็นเกาะช้างและดวงอาทิตย์ ย้อมสีให้กล้องนิดหน่อยเพื่อให้สีออกมาอมส้ม ให้เห็น ริ้วของก้อนเมฆและดวงอาทิตย์ที่โดดเด่น ถ่ายรูปจน เพลิน เรือก็มาถึงฝั่งที่ท่าเรือ ใช้เวลาเพียง 45 นาที พอดีกับอาทิตย์ลับขอบฟ้า สิ้นสุดทริปท่องเที่ยวเกาะ ช้างอย่างลงตัว ถ้ามีโอกาส คงได้กลับไปเยือนเกาะที่ ใหญ่อันดับ2 ของประเทศอีกครั้ง เพราะเกาะช้างที่ นี่มีทุกอย่าง ทั้งธรรมชาติที่ลงตัว ความสวยงามของ ชายหาด สายธารน้ำ�ตกที่ไหลเย็นตลอดทั้งปี ผู้คนไม่

เยอะเกินไป เหมาะกับการทอดกายจากเมืองหลวงอัน แสนวุ่นวายได้อย่างดี แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้า สวัสดี ครับ ... ขอขอบคุณ Nikon Sales Thailand ที่สนับสนุน อุปกรณ์ถ่ายภาพในทริปนี้ Nikon D500 , AF-S 16-80mm f/2.8-4E , Nikon1 J5 77



79


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.