สุนทรียศึกษา : การสรางสรรคแบบแผนการเรียนรูในทางบวก (วิชาครูที่สํานึกรูถึงคุณคาสิ่งดีงาม) อุทัยวรรณ กาญจนกามล สถาบันเสริมสรางพลังชุมชน
1
ใจความโดยสรุป บทความชิ้นนี้กลาวถึง ประสบการณจากการนําวิชาครูที่รูคุณคาสิ่งดีงามมาใชในหองเรียน โดยเนน การประยุกตใชกระบวนการเรียนรูแบบ“สุนทรียปรัศนี” มาเปนกรอบคิดเพื่อการพัฒนาคน และ ที ม งาน วิ ช าครู ที่ “สํ า นึ ก รู ใ นคุ ณ ค า สิ่ ง ดี ง าม”จะมุ ง เน น การสื่ อ สารระหว า งผู เ รี ย น โดยใช ประสบการณแหงความสําเร็จและปฏิบัติการที่ถือวาดีที่สุดที่เคยไดทํามาของทั้งเหลานักศึกษาและ อาจารยมาเปนตัวแบบและจุดประกายความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองในทางบวก โดยเชื่อวาการ คนหาประสบการณการทํางานที่เคยทําไดดีที่สุด มาแลกเปลี่ยนเรียนรู จะกอใหเกิดพลังความคิด และการกระทําในทางบวก กระบวนการดังกลาวจะทําใหผูเรียนมีความภาคภูมิใจที่ไดแสดงทัศนะ จากความสําเร็จของตนเอง กอใหเกิดความบันดาลใจระหวางผูเรียนใหรวมกันระดมความคิดและ เรียนรูจากสิ่งดีงาม ทําใหเกิดนวัตกรรมจากการรวมกันคิดรวมกันทํา ยังผลใหเกิดการเรียนรูและ ฝกปฏิบัติงานรวมกันอยางสนุกสนานมั่นใจ และสามารถตอยอดความคิดลึกซึ้งในเนื้อหาใหมที่จะ เรียนรูของผูเรียน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพผูสอนไดมากยิ่งขึ้น
อารัมภบท Poor teachers - tell Ordinary teachers - expain Good teachers - demonstrate Great teachers - inspire
พฤติกรรมของ“ครูแย”แคบอกสั่ง “ครูทั่วไป”ใหเด็กฟงนั่งขานไข ทําใหดูคือ“ครูดี”มีทัศนไกล บันดาลใจใหมุงมั่นนั้น“ยอดครู”
ก.)ฉันทาคติ ในประสบการณแหงความสําเร็จ ฐานคิดดั้งเดิมของวิชาครูนั้นเริ่มจากการอนุมาณวา“ผูเรียนไมรู” กระบวนการเรียนรูของ ผูเรียนจึงมักเริ่มจากสิ่งที่มาจากในตํารา และเนื้อหาของตําราก็มักจะมาจากภายนอกประสบการณ และนอกวิถีชีวิตของผูเรียนเปนดานหลัก ดังนั้น โจทยที่นํามาใหคิด ใหทดลอง หรือฝกปฏิบัติจึงมา จากภายนอกผูเรียนเกือบทั้งสิ้น ผลตามของการเรียนรูแบบดั้งเดิมก็คือ ความไมตระหนักถึงคุณคา ของสิ่งที่มีอยูในตนเอง ผูเรียนตระหนักอยูเสมอวาตนเองขาดแคลนความรู การแสวงหาความรูจึง เริ่มตนจากผูอื่น หรือสิ่งอื่นที่ไกลตัวออกไป บริบทของการเรียนจึงไมสอดคลองกับวิถีชีวิต สังคม สิ่งแวดลอมและวัฒนธรรมชุมชน หรือทองถิ่นของตนเอง ดังนั้น ยิ่งเรียนสูงขึ้น ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เทาใดก็ยิ่งหางจากภูมิธรรมของตนเอง หางไกลจากรากวัฒนธรรมชุมชน ไปจนกระทั่งเกิดความไร สํานึกและไรรากทางวัฒนธรรมในที่สุด นอกจากนั้นผลที่เห็นไดชัดจากกระบวนการการเรียนการ สอนดังกลาวก็คือ เกิด การแขงขันกันไขวควาหาความรู นอกตัวตน เกิดการแกงแยงแขงขัน สราง ความเคยชินใหกับตนเองดวยการ“เรียนพิเศษกับครูกวดวิชา” มีบรรยากาศเอื้ออํานวยใหเกิดการ
2
เรียนรูแบบปจเจกสูงขึ้นเปนเงาตามตัว ขาดความเคารพ นับถือและใหเกียรติระหวางผูเรียนดวยกัน และความนับถือตนเองก็พลอยลดลงไปดวย จากความทาทายตอสิ่งที่เกิดขึ้นดังกลาว ทําใหนักการศึกษารวมสมัยหัวกาวหนาบางกลุม หันมาใหความสนใจกับ สิ่งที่มีอิทธิพลทางจิตใจของผูเรียน ใหความสําคัญกับทัศนคติในการเรียนรู มากขึ้นเปนลําดับ โดยถือวา ทัศนคติคือทุกสิ่ง (Attitude is everything) และในปลายศตวรรษที่ 20 ไดมีการเปลี่ยนแปลงทฤษฏีวาดวย“การเรียนรูจากการใชปญหาเปนตัวตั้ง” และการเนนหนัก ในเรื่องการแสวงหาความรูแบบดั้งเดิม มาเปน “การใชสติปญญาที่มีประสบการณอยูแลวในตัว ผูเรียนเปนฐาน” และเรียนรูในมุมมองตอโลกและชีวิตในดานบวกเปนปจจัยสําคัญ การทดลอง กระบวนการเรียนรูแบบใหมนี้ มีชื่อวา สุนทรียปรัศนี (Appreciative Inquiry) สุนทรีย(Appreciation) หมายถึง ความงดงาม ความรูสึกในคุณคาและความดีงามของสิ่ง ใดสิ่งหนึ่ง และ ปรัศนี (Inquiry) นั้นหมายถึง การแสวงหา การคนพบ หรือการตั้งคําถาม สุนทรียปรัศนี ในวิชาแหงความเปนครู คือกระบวนการเรียนการสอนที่เริ่มตนจากการ สรางบรรยากาศใหผูเรียนไดคนหาและแสดงออกถึงสิ่งดีงามที่ผูเรียนเคยมีประสบการณมากอน มี ความตระหนักถึงคุณคาของสิ่งที่ตนมี ยิ่งมีโอกาสไดแสดงออกก็ยิ่งทําใหเกิดความภาคภูมิใจและ ความมั่นใจในตนเองและนับถือตนเอง ซึ่งเปนความบันดาลใจทําใหเกิดความมุงมั่นที่จะทําใหดี ยิ่งขึ้นกวาเดิม ถือไดวาเปนขั้นตอนแรกของการพัฒนาจิตใจของผูเรียนที่สําคัญยิ่ง การเริ่มตนพูดคุย สนทนาถึงชวงเวลาที่ดีที่สุด ที่นักศึกษาเคยปฏิบัติ และนําเอาสิ่งเหลานั้น มาวิเคราะห แลวนําเสนอถึงปจจัย เครื่องชี้วัดและที่มาแหงความสําเร็จ และสิ้นสุดลงดวยการหาทาง ชื่นชมในสิ่งที่พวกเขาไดกระทํารวมกัน ทําใหเขามีความภาคภูมิใจ ทั้งหมดนี้เปนกระบวนการ เรียนรูในบรรยากาศของความเปนประชาธิปไตย ที่แตละคนตางมีสวนรวมอยางเทาเทียมกัน เปน หมูคณะหรือ ทีมงาน โดยมีภาวะผูนําแบบประชาธิปไตยและสัมพันธภาพที่ดีดวย
ข.) การ เนนย้ําคุณคาแหงความสําเร็จในฐานะที่เปนสวนเสริมสรางวิสัยทัศนในทางบวก ในการเรียนรูแบบสุนทรีย จะมีกระบวนคนหาและพบพานกับประสบการณแหงความสําเร็จของ นักศึกษาเพราะเริ่มจากความเชื่อวาประสบการณที่ดีทั้งหลายเปนปจจัย สําคัญที่จะเสริมสรางความมั่นใจและเปนสวนสําคัญที่จะกอใหเกิดการมองหา โอกาสใหมในทางที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ถือวาเปนการทาทายความสามรถในการคิดและจินตนาการของ นักศึกษาไปในเวลาเดียวกัน ประสบการณแหงความสําเร็จจะเปนภูมิหลัง เสริมสงใหนักศึกษาคิดถึงอุดมคติ ในเรื่องการพัฒนาเติบโตงอกงามและพลังที่จะโรมรันมากกวาการรองรับแคปญหาที่ตนเองประสบ 3
อยู และในรูปแบบของ “การปฏิบัติการที่ดีที่สุด” ในชวงเวลาหนึ่ง หรือตนแบบปฏิบัติการใน บรรยากาศของความมีชื่อเสียงเกียติยศจะทําใหเกิดสภาวะความเปนจริงที่เสริมสงใหอนาคตดีตาม ไปดวย ค.) การปลูกฝงความเชื่อวาจินตนาการในเชิงบวกจะนําไปสู “ปฏิบัติการในเชิงบวก”ดวย สุนทรียปรัศนี เนนย้ําในเรื่องการสรางภาพลักษณ ในทางที่ดีจะเสริมสงใหเกิดวัตร ปฏิบัติที่ดี ดังนั้นพิธีกรรมที่นํามาใชในกระบวนการเรียนรูทั้งหลายจึงเริ่มตนจากการใชจินตนาการ ที่เปนอุดมคติเปนพลังขับดันใหเกิดปฏิบัติการที่ดีเลิศ ดังนั้นผูจัดประสบการณเรียนรูทั้งหลาย จําเปนอยางยิ่งที่จะตองตระหนักวา “ความผิดพลาด และปญหาทั้งปวง”จะทําใหเกิดการบั่นทอน กําลังใจและความสําเร็จในอนาคตเชนกัน ดวยเหตุที่วามันกลายเปนแหลงฟกตัวของความวิตกกังวล ความประหวั่นพรั่นพรึง ความเจ็บปวด และความสูญเสียไปโดยใชเหตุ จินตนาการของความเปน อุดมคติตางหาก ที่จะทําใหผูเรียนรู มีความบันดาลใจ ที่จะเรียนดวยความสุข สนุ ก สนาน และมี ความคาดหวังถึงสิ่งที่ทําดวยตัวเองในอนาคตวาจะทําใหไดดีที่สุด ง.) คุณคาแหงการตั้งคําถามกันสองตอสอง ตอกลุม หรือทีมงานเพื่อเสริมสรางพลังทีมงาน เปนโอกาส ในชั้นเรียน ที่จะทําใหนักศึกษาเกิดความอยากรูอยากเห็น และการคนพบความสําเร็จ ในตัวเพื่อนรวมชั้นเรียนซึ่งจะสงผลใหตางฝายตางสนใจ เชื่อใจ ชื่นชมซึ่งกันและกัน และนําไปสู การเคารพนับถือกันและกัน การจัดประสบการเรียนรูที่ใหความสําคัญกับการตั้งชุดคําถาม ที่ นําไปสูการเสริมสรางพลังใจแกผูเรียนและทําใหผูเรียนใครครวญถึงสิ่งที่ตนได เคยทํามาในอดีต ซึ่งการไดแลกเปลี่ยนเรียนรูระหวางกันและกันถึงประสบการณแหงความสําเร็จ หรือการกลาวขาน ถึงวันเวลาที่ดีที่สุด ตลอดจนการกอใหเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองและผูทํางานดวยกันจะนํามาซึ่ง ความบันดาลใจใฝเรียนรูซึ่งเปนพลังอันยิ่งใหญ และกลายเปนเวทีที่ฟกตัวของผูมีพลังขับเคลื่อน สั ง คมไปสู ก ารเปลี่ ย นแปลงที่ ดี และจุ ด ประกายให ผู ค นในสั ง คมในอนาคต ดั ง นั้ น ท า มกลาง บรรยากาศของการสัมภาษณกันและกัน และนําเสนอสิ่งที่ดี การสนทนาในมุมมองที่หลากหลาย จะกลายเปนสีสันใหมในพื้นที่แหงการเรียนรู และไดแทรกสํานึกแหงความดีงามไดอยางวิเศษสุด ถึงแมวาการจัดประสบการณเรียนรูแบบสุนทรียภาพนี้จะลอกเรียนแบบจากสุนทรียปรัศนี แตบรรยากาศและสภาวะแวดลอมของ การเรียนรูในหองเรียนและโรงประลองของวิทยาลัยจะตาง ไปจาก การทํางานตามสภาวะความเปนจริงของสถาบัน องคกรหรือชุมชนซึ่ง วิสัยทัศนรวมและ ปฏิบัติการรวมกันของทีมงาน จะเปนปจจัยสําคัญของการอยูรอดและเติบโตขององคกรหรือชุมชน ซึ่งเปนผลกระทบโดยตรงตอองคกรหรือชุมชนเอง ในขณะที่ชั้นเรียนหรือโรงประลองในวิทยาลัย นั้นเปนแหลงเรียนรู “ชั่วคราว” หรือเปนไดแค “เสมือนจริง” นี่ถือเปนขอจํากัดที่สําคัญ ที่จะตอง
4
ตระหนักวาเวลาในการคิดและทํารวมกันนั้นสั้นและฉาบฉวยในกลุมเล็กๆในแตละชวงใชนอยเชน 20 นาที หรือ3ชั่วโมงและสวนใหญก็จะอยูในชวงเวลาที่เปน “ปจจุบัน” รวมกัน ดังนั้น สุนทรียศึกษา จึงเปนรูปแบบการเรียนรู ที่จะตองออกแบบใหเขมขนในเรื่องกระบวนการคิด และการมีสวนรวมใหมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะการใหความสําคัญกับขอมูลที่มาจากแหลงเรียนรู ใหมากขึ้น
สุนทรียศึกษา ในชีวิตประจําวัน สุนทรียศึกษาชวยใหการเรียนรูโลกในทางบวก มองโลกในแงดี เริ่มจากชั้นเรียน ประจําวันในปการศึกษาใหม มันชวยนําทางใหอาจารยมีจิตสํานึก และตัดสินใจที่จะกาวไปใน ทางบวกรวมกับนักศึกษา ไมวาจะใชบทเรียนหรืออุปกรณใด ๆ มันก็จะชวยใหนักศึกษาสามารถ เขาถึงพลังที่มีอยูในตัวเอง ทั้งทักษะและพรสวรรค แลวนํามันออกมาใชในการเรียนรูไดอยาง มั่นใจ ภาคภูมิใจและนับถือตัวเองและคนรอบขางมากขึ้น ตัวอยางดังตอไปนี้จะชวยทําใหเห็นรูปธรรมของสิ่งที่กลาวมาขางตนชัดเจนยิ่งขึ้น 1. ทีมงาน สุนทรียศึกษาชวยใหนักศึกษาทํางาน เปนทีมไดอยางไรในชั้นเรียน? คําตอบคือ เริ่มตั้งแตการตั้งคําถามที่เสริมสรางพลังใจ จากประสบการณเรียนรูของเขาเอง โดยขอให ทีม งานแตล ะกลุมที่ กอ ตั้งกั น เอง ลองทบทวนถึง สิ่ง ที่ทํา ให เ กิด ความสุ ข คามสํา เร็ จ ความรูสึกถึงความสําเร็จ ความภาคภูมิใจที่เคยมี และโดยไมใชการใหคะแนนในการ สอบมาเปนตัวตั้ง แตละกลุมจะไดรับงาน 2 แบบคือ 1.)เลาประสบการณที่ดีที่สุดที่ทุกคนในกลุมเคยมีไมวาเรื่องใดก็ตาม 2.)เลาเรื่องที่เปนปจจัยเกื้อหนุนทําใหเกิดประสบการณที่ดีที่สุดนั้น จากนั้นก็ใหแตละกลุมนํามาเสนอผลงานของกลุมโดยใช แผนฟลิปชารต และ นําเสนอดวยวาจา กระบวนการเรียนรูเริ่มจากการระดมความคิดในเรื่องปจจัยที่กอ เกิดทีมงานที่ดี และตอจากนั้นใหกลุมจินตนาการถึง สิ่งที่อยากใหกลุมมีเปนอุดมคติ วาทีม ในฝนของกลุมเปนเชนไร เมื่อมีการนําเสนอภายหลังจากที่ไดระดมความคิดแลวในชั้นเรียนที่ประชุมรวม โดยเนนย้ําใหผูที่จะนําเสนอ ใชประเด็นที่เปนองคประกอบของการทํางาน เพื่อใหเปนทีม ในฝน อาจารย มีหนาที่รวบรวมประเด็นสําคัญ ที่นักศึกษาไดนําเสนอ โดยวัตถุดิบตองมา จากความคิดและการระดมสมองของนักศึกษาเปนหลักไมใชความคิดของอาจารย และไมจําเปนตองวิจารณ จากนั้นกลุมยอยจะไดรับงานตอมาอีกก็คือ นําสิ่งที่มีอยูในกลุมอื่นมาเสริมสิ่งที่ กลุมเองมีอยู โดยการแลกเปลี่ยนและสนทนากลุม 5
ในชวงสุดทาย กลุมยอยทุกกลุมไดจะรับงานใหระดมความคิดกันอีกครั้ง ใหระบุ ถึง วิธีการที่จะทําใหทีมงานของตนเอง ไปสูอุดมคติ ในชวงที่มีกิจกรรม อาจารยตองทําใหทีมงานกลุมแนใจวา การระดมความคิด เหลานั้นเปน ประสบการณที่ดีที่สุดของเขา และเปนพลังชีวิตที่เขาไดคิดไดทําจริงๆไมใชสักแตพูดให สวยงาม ประการตอมาคือ จะตองไมเอยถึงประสบการณ ที่ลมเหลวเลย และจะตองไมมี การพูดถึงสิ่งเสื่อมทราม เลวรายใหไดยิน ในระหวางการสนทนา การฟงเรื่องราวของกันและกัน ก็เนนใหฟงกันอยางตั้งใจ ไมขัดจังหวะ ไมขัดคอ เมื่อจะนําเสนอในสิ่งที่แตกตาง ไปจากผูเลาจะตองไมมีคําวา“แต” และแทนที่คําวาแต ดวยคําวา “และ” ตลอดกาล 2. ผูนําชั้นเลิศ สิ่งที่สําคัญประการตอมาคือ การระดมความคิดในเรื่องคุณลักษณะของ ผูนําในอุดมคติและองคประกอบของสวนที่ทําใหเปนผูนําในอุดมคติ เชนเดียวกับประเด็นแรก การระดมความคิดจะใชประสบการณเดิมที่เคยมีมาของผูนําที่ดีที่สุดในสายตาของพวกเขา แต หากมีเวลาก็ใหพวกเขาจินตนาการถึงผูนําในอุดมคติและแลกเปลี่ยนกันในกลุมและในชั้นเรียน เราจะตองเริ่มจากการอภิปรายกันในกลุมเล็กกอนเสมอ แลวรายงานตอกลุมใหญของชั้น เรียน ที่พิเศษยิ่งกวานั้นก็คือ การมอบหมายใหแตละกลุมคัดเลือกผูที่เห็นวาสามารถจะพูดหนาชั้น ไดในเวลา2นาที ในเรื่อง “ผูนําในดวงใจ” ลงทายดวยการอภิปรายถึงแนวทางการลงมือปฏิบัติวา ตอนนี้เราอยูตรงไหน (ทั้งครูและศิษย) และจะไปสูสิ่งที่ปรารถนาโดยทางใดไดบาง ขณะที่นักศึกษากําลังรายงาน อาจารยมีหนาที่คนหาสิ่งดีที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เพื่อใหเกิด บรรยากาศแหงความชื่นชม ดังนั้นคําถามจากปากอาจารยจึงควรจะเปน “ผูนําที่ดีที่สุดในสายตา ของทานนั้นทําอะไรบาง จึงไดชื่อวาดีสุดๆ” ก็จะทําใหเกิดการแผวถางทางนําไปสูความคิดในเชิง บวกมากกวาลบ ไมบอกวา ไมดีนั้นเปนเชนไร 3. องคกรที่มีความเปนเลิศ ในสวนที่สําคัญที่ควรแกการเรียนรูและที่นักศึกษาควรสนใจก็ คือ ธรรมชาติขององคกรที่ถือวาดีเลิศนั้นมีคุณลักษณะเปนเชนไรบาง? มีอะไรเปนตัวอยางที่ชัดเจน และเปนรูปธรรม ? แลวหลังจากนั้นใหนักศึกษา ทบทวนวา ภาษาและกิริยาอาการที่แสดงถึง ความเปนเลิศเทาที่เห็นนั้นเปนเชนไรในองคกรดังกลาว? และในชวงทาย ใหนักศึกษารายงานถึง สิ่งที่ไดสังเกตเห็นในเรื่องดีๆโดยปราศจากการ พูดคุยหรือสนทนาในสิ่งที่ไมดี 4. ทฤษฏีองคการ ในชวงป ๒๕๓๕ เดวิด โคออปเปอรริเดอร เริ่มใชสุนทรียปรัศนี เปนรูปแบบของการทําหลักสูตรพํฒนาองคกร ไดนําเอาทฤษฏีองคการมาผสมผสานกัน ทําวิจัยในรูปแบบการพํฒนา ผูนําการเปลี่ยนแปลงไดบงชี้วาความสําคัญที่ทําใหองคกร 6
ประสพความสําเร็จนั้น คือการสื่อสาร 2 ทางที่เทาเทียมกัน และขอมูลที่ไดก็นํามาใช ปรั บ ทั ศ นคติ ข องผู เ รี ย นได รวมถึ ง บอกได ว า มี ป จ จั ย ใดที่ นํ า ไปสู ค วามเป น เลิ ศ ของ องคการ 5. การสัมภาษณผูนําการเปลี่ยนแปลง สวนใหญในหลักสูตรปริญญาตรี มักไมคอยมีการ สัมภาษณ หรือสนทนากับใครในเรื่องที่ตน กําลังศึกษาอยู วิธีการนี้จะมีประโยชนคือ การสรางคําถามชุดหนึ่งขึ้นมา แลวนํามาฝกหัดสัมภาษณกันและกัน แนนอนที่สุด คําถาม เหลานั้นก็จะมุงเนนใหผูเรียนไดทบทวนผลงานที่ยอดเยี่ยมของตัวเองที่เคยทํามา (อาทิ ระบบการทํางาน หรือบุคลิกภาพของตัวเอง ) หรือไมก็ แสดงละครกันในกลุม ถึง “การ เปน ผูนําที่ดีเขาทํากันยังไง?” และ“มันจูงใจยังไงบาง?” 6. การนําเสนอ ตัวอยางสุดทายของปฏิบัติการสุนทรียศึกษาก็คือ ใหทดลองปฏิบัติการ นําเสนอเปนกลุมอยางสรางสรรคและคิดกันเองเปนกลุม เปนโอกาสอันวิเศษที่จะทําให นักศึกษาทํางานกันเปนทีม และการพูดในที่สาธารณะเปนงานใหนักศึกษาทําตองเตรียม อยางประณีต สิ่งที่อาจารยจะตองทบทวนกอนอื่น ลีลาการนําสูบทเรียนแตละครั้งเปนเชนไร? มีความ ตื่นเตน มีชีวิตชีวา และนาสนใจหรือไม ? ประการสําคัญก็คือมีเทคนิกหรือกระบวนการมีสวนรวม ของผูเรียนจริงหรือไม หากมีการจัดประสบการการเรียนรูที่มีลักษณะหรรษาวิชาการดวย ก็ยิ่งทํา ใหมีเสนห ทําใหผูเรียนประทับใจมากขึ้นเปนทวีคูณ กระบวนการดังกลาว สามารถทําใหการเรียนรู มีชีวิตชีวาสดใสสนุกสนานและผลที่ตามมาก็ คือนักศึกษาจะตระหนักมากยิ่งขึ้นถึงความสําคัญของการสนทนาอยางมีสวนรวม การคิดและวาง แผนการทํางานรวมกันในฐานะ “ผูเรียนรู” และออกแบบจัดประสบการณเรียนรูของตัวเองและ ของกลุม ไดอยางดีเยี่ยม ในเวลาตอมาไดเชนเดียวกัน สิ่งที่ชวยไดมากในการเรียนรูก็คือ 1.คําถามที่เสริมสรางพลังใจงายๆ และถามถึง สิ่งที่เขาคุนเคยหรือมีอยูแลว 2.คําถามที่เปดโอกาสใหนักศึกษาไดเห็นถึงสิ่งที่ใชการไดดีในอดีต เปนทุนสํารอง และศักยภาพของตัวเองที่คนพบได บางคนอาจจะหาตัวตนพบไดในเวลาเดียวกัน 3.กิจกรรมการเรียนการสอนที่เปดโอกาสการเรียนรู ตั้งแตการทดลอง การปฏิบัติการ และการสะทอนความรูสึกภายหลังจากที่ปฏิบัติเสร็จแลว และการสรางเงื่อนไขที่ทําให นักศึกษารูสึกถึงสิ่งที่เขาทําสําเร็จเปนหลัก
7
ดังนั้นสิ่งสําคัญที่อาจารยจะตองเตรียมตัวและเตรียมใจก็คือ การปรับบทบาทความ เปนครูแบบดั้งเดิมในฐานะของผูประสาทวิชา โดยมีครูเปนศูนยกลาง มาเปนผูเอื้ออํานวย ใหเกิดการเรียนรูที่ผูเรียนเปนศูนยกลาง จากที่สงเสริมความคิดแบบปจเจกมาเปนความคิด แบบรวมหมู จากที่เคยคับแคบใชวิธีสั่งการและหาคําตอบที่ถูกตองสอดคลองกับครูมาเปน การแสดงความคิดเห็นแบบประชาธิปไตย มีความคิดหลากหลายที่งดงามได นั่นหมายถึง ประชาธิปไตยในรูปแบบพหุนิยม ที่เคารพในความคิดของผูอื่นและตัวเองดวย ซึ่งทาทาย อยางยิ่งตอการจัดการศึกษาในแนวเพาะบม “ความเปนไท”ใหกับผูเรียนเอง โจทยที่อาจารยจะตองขบคิดเพื่อสรางบรรยากาศแหงการเรียนรูใหมก็คือ 1. ทําอยางไรจึงจะทําใหผูเรียนมีความบันดาลใจในการรวมกันระดมความคิดในทีมงาน ของตนเอง ? ดังนั้นผูสอนจะตองพยายามสราง “ชุดคําถาม” ที่นําไปสูการระดมความคิด คนหาความดีงาม และสิ่งเปนประสบการณความสําเร็จที่วิเศษของผูเรียน เปนหลัก ก.)แมนักศึกษาจะนําปญหามาถาม ทางออกก็คือ การใหหลักคิด โดยใหมองหาสิ่ง ที่ใชการไดสถานการณ แหงปญหานั้นแลวเปลี่ยนคําวา“ปญหา”มาเปน“ความทาทายที่จะ เปลี่ยนแปลงไปสูสิ่งที่ดีกวา”เปนสําคัญ แลวนํามาถอดบทเรียน อาทิ “อะไรทําใหทีมงาน ยังสามารถทํางาน หรืออยูกันไดในขณะที่มีปญหาเกิดขึ้น” ข.)หากนักศึกษามีความกังวล หรือกระวนกระวายเมื่อเจอสถานการณบางอยางที่ กดดัน ใหอาจารยอยูกับเขาและแนะนําใหเขาคนหาประสบการณที่ใกลเคียงกับความหมาย เดิมของประเด็นที่เปนปญหา 2.ทําอยางไรจึงจะฉายใหเห็นปจจัยที่ทีผลทําใหทุกสิ่งใชการได และใหมองหาโอกาสและ ความเปนไปได 3.ทําอยางไรจึงจะเราอารมณนักศึกษาสนใจวิธีการที่จะนําไปสูความ สําเร็จเปนสําคัญ เนื่องจาก ประสบการณแหงความสําเร็จและสวนที่ดีที่สุดของปฏิบัติการทั้งหลาย สามารถ ปลดปลอยสิ่งที่ดีที่มีอยูภายในตัวของผูเรียนออกมาไดอยางเปนธรรมชาติ ทําใหเขาจินตนาการเปน และสามารถจิน ตนาการในสิ่งที่ดีที่สุด ไดซึ่ง จะเปน หนทางที่ทํา ใหเขามีปฏิบัติการที่ดีที่สุด ได เชนเดียวกัน
8
ผลพวงของสุนทรียศึกษา นอกจากสุ น ทรี ย ศึ ก ษาจะเป น เครื่ อ งมื อ ที่ มี ป ระโยชน ใ นการจั ด การกั บ ชั้ น เรี ย นแล ว ประโยชนที่ไดรับมากกวานั้นก็คือ ในขณะที่มีการเรียนรู ระหวางกันในสิ่งดีงาม จะทําใหผูเรียน รูจักตนเองมากขึ้น นับถือตนเอง และมีความมั่นใจมากขึ้นกวาเดิม และที่สําคัญก็คือ ผูเรียนเกิดความ บันดาลใจ เมื่อไดรับคําถามที่เสริมสรางพลังจากครู สุนทรียศึกษาจะทําใหเกิดผลลัพธที่ชื่นชูใจกับนักศึกษาทั้งในทันทีทันใด หรือไมก็มีการสั่ง สมไปทีละเล็กละนอย กลาวคือ 1.)เราไดสังเกตเห็นถึงพลังที่เกิดขึ้นจากการเรียนรูและ การปฏิสัมพันธระหวางนักศึกษาดวยกัน ในทางที่ดี เรามักไดยินคําถามบอยครั้งวาเมื่อไหร จะมีการเรียนรูเชนนี้อีก และมีสถานการณที่ นําไปสูระดับที่สูง หรือลึกซึ้งไปกวานี้อีก 2.)นักศึกษามีความรูสึกดีมั่นใจและปลอดภัยเนื่องจากการพูดจาสนทนาถึงสิ่งดี ๆ กับกลุมทําให ความลังเลและหวาดกลัวลดนอยลง การฉายภาพในทางที่ดีตอตัวใครก็ตามเปนการใหเกียรติในประสบการณของเขาไปในตัว และเมื่อคําถามวามันเกิดขึ้นไดอยางไร สิ่งที่ไดรับสะทอนกลับภายหลังจากกิจกรรมผานไปแลวก็ คือ “มันงายมากที่จะพูดถึงใครบางคนที่อยูในระหวางปฏิบัติการที่ดีที่สุดของฉัน” และ “เมื่อพูดถึงความลมเหลว ฉันไดกลบความจริงบางอยางไวมิกลาพูด แมกระทั่งกับตัว ฉันเอง” 3.) ภาพจากจินตนาการที่เปนความหวังในอนาคตจะ ชวยเสริมสรางพลังในตัวเขาเอง( ทําใหเขา สามารถทําอะไรไดในอนาคตไดดีกวา เมื่อเปรียบเทียบกับภาพในจินตนาการที่วางเปลา) พลังที่ เกิดขึ้นจากความบันดาลใจจะทําใหเกิดความคิด และนวัตกรรมที่สรางสรรคไดดีกวา มีผูตั้งคําถามวาเมื่อเราพูดกันแตความสําเร็จและสิ่งดีงามแลว ในสวนทีไ่ มดีละมีหรือไมและ หากมีเราจะทําอยางไรกับมันดี? คํ า ตอบก็ คื อ ก อ นอื่ น เราต อ งเริ่ ม ต น ที่ ชี วิ ต จริ ง มิ ไ ด โ รยด ว ยกลี บ กุ ห ลาบ เราเชื่ อ ว า ภาพลักษณที่เลวรายก็ดึงความสนใจที่จะใหเรียนรูไดเชนเดียวกัน แตเราสามารถเรียนรูไดดีที่สุด ใน สิ่งที่ใชการไดและใชไดผลมากกวาสวนที่เลวราย ดังนั้นแทนที่จะใชเวลาใหสูญเสียไปกับสิ่งปรักหักหักพังเราควรใชสมาธิในสวนที่เปนการ มองโลกในดานดี เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ความปรักหักพัง และความผิดพลาดนั้นเราทําไดอยางดีที่สุด แคซอมแซม แกไข และดูเยี่ยงไวไมใหเอาอยาง ในขณะที่ปญญาที่ไดจากการปฎิบัติดีนั้นสามารถ นํามาตอยอด เสริมสรางใหดียิ่งขึ้น และเสริมสรางพลังทีมงานไดดวย
9
4.) นักศึกษา เชื่อในตัวเองมากขึ้นและมีความมั่นใจในประสบการณของตนเอง การมีสวนรวมจึงมี บรรยากาศที่ดี ซึ่งตรงนี้ถือวาเปนสิ่งเปราะบางเนื่องจากการเรียนรูในโรงเรียนหรือวิทยาลัย ที่อาศัย ตํารา หนังสือและครูคือคําตอบสุดทาย 5.) นักศึกษา มีทักษะและความมั่นใจในสุนทรียปรัศนีวา เปนทางเลือกที่จะทําใหริเริ่มสรางสรรค แทนการวิเคราะหและแกไขปญหา วิธีการแกไขปญหาแบบดั้งเดิม คือกิจกรรมอันทรงพลังที่เราเคย เชื่อวามันใชการไดดี การตรงเขาไปสูปญหาทําใหเรา เขาไปอยูในวังวนของความคิดเดิม คือการ แกไขสิ่งปรักหักพัง ซึ่งในทายที่สุดเราก็พบวา ที่ทําไดอยางดีที่สุดก็คือการลดปญหา หรือการ เยียวยาเทานั้นเอง ในขณะที่การตกผลึกความคิดที่ดีงามที่ตนเองเคยมีประสบการณมาแลวในอดีด นําไปสูการสรางวิสัยทัศนในทางที่ดี ทําใหหลุดจากกรอบความคิดเดิม ที่เอาปญหาเปนตัวตั้ง ซึ่ง เปลี่ยนผานระบบคิดที่อาศัยปญญาเปนตัวจุดประกาย สามารถกอเกิดนวัตกรรมไดอยางคาดไมถึง ยิ่งไปกวานั้นก็คือ สุนทรียปรัศนีแตะเขาไปในเรื่องของการคนพบพรสวรรคที่ซอนตัวอยู ภายในตัวของผูเรียน ซึ่งจะทําใหผูเรียนนําเอาศักยภาพของตนเองออกมาใชไดอยางนาอัศจรรย การเขาถึงชีวิตในฐานะ เปนสิ่งมหัศจรรย ดูจะมีชีวิตชีวาที่จะกอใหเกิดความเปลี่ยนแปลง ไดมากกวาชีวิตที่รุมลอมดวยปญหาที่จําเปนจะตองไดรับการแกไขเปนแนแท ! 6.) ทัศนคติบวกตอนักศึกษาวาเปนผูรูมีคุณคาและเปนของจริง สุนทรียปรัศนี จะชวยเปดโลกของการเรียนรูในชั้นเรียน พบตัวเองวางอกงาม เจริญเติบโต ในระยะเริ่ ม แรกของการพัฒ นาตนเอง ซึ่ง เปน รากฐาน สําคั ญสํ า หรั บ เรีย นรูท างวัฒ นธรรมที่ สรางสรรคและสรางเสริมสุขภาพตนเองไดอีกตางหาก ไมวา ทางกาย ใจ สังคมหรือจิตวิญญาณ นักศึกษาสวนใหญสามารถรายงานไดอยางกระตือรือรนวาพวกเขามีประสบการณที่ดีใน การทํางานรวมกันเปนทีมมากยิ่งขึ้น มีการคนพบที่นาตื่นเตนรวมกับคนแปลกหนา และเขาใจเพื่อน และมุมมองของเพื่อนมากขึ้น นี่เปนความลึกซึ้งยิ่งขึ้นของการใชพลังชีวิตรวมกันระหวางมนุษยตอ มนุษยในอนาคต และทําใหสัมพันธภาพของผูเรียนในชั้นเรียนแนบแนนขึ้นอีกดวย ในทางกลับกัน การฟงคําบรรยายในชั้นเรียนจากอาจารยเปนวัฒนธรรมแบบปจเจกอยาง เห็นไดชัดกลาวคือ อากัปกิรียาเพงตรงไปที่อาจารยเปนหนึ่งเดียว และแบบตัวใครตัวมัน เพื่อจะซึม ซับในสิ่งที่อาจารยถายทอด ในขณะที่กระบวนการของสุนทรียศึกษา เปนเรื่องของการรับฟง เรื่องราวดีงามของกันและกัน เปนกระบวนการกลุม ที่ทําใหเขาใจสังคม โลก และชีวิตของคนอื่น ไดมากขึ้น ในขณะ เดียวกัน ก็เผยใหเห็นถึงสิ่งดีๆ และสิ่งที่ตนเองคิดวาดีที่สุด ตอคนอื่นไดอยางไม เกอเขิน และเปนโอกาสดีที่ไดแลกเปลี่ยนเรียนรูซึ่งกันและกัน มันเปนสํานึกแหงการเกาะเกี่ยวพึง่ พา อาศัยกันและกัน เคารพนับถือซึ่งกันและกัน ในบรรยากาศแหงความเอื้ออาทร การแบงปน การ สนับสนุนและรวมงานกันอยางเคียงบาเคียงไหลหรืออาจไปไกลจนถึงการรวมหัวจมทายในฐานะ พันธมิตรหรือภาคีคนหนึ่งหรือแมกระทั่งในฐานะของแนวรวมแลวแตวาการจัดประสบการณ เรียนรูจะกอใหเกิดความบันดาลใจขนาดไหน 10
7.) สุนทรียศึกษา ใหบทบาทของความเปนครูในฐานะผูจัดประสบการณเรียนรูเปนดานหลัก
นั่นคือ ครูมีบทบาทเปนผูชี้แนะ ผูจุดประกาย เปนวิทยากรกระบวนการ เปนผูประสาน สัมพันธ ผูเสริมสรางพลังใจ และผูกอกระแสกลุมพลัง ซึ่งถือวาเปนผลตามที่ดีของการเรียนการ สอนในปจจุบัน นักศึกษาได มองโลกในแงดี มี่นใจในตนเองและ มีความสุขขณะที่เรียนรูไปดวย เปนหรรษาวิชาการ และทําใหอะไรงายเขา ซึ่งในทางปฏิบัติ เราพบวาเปนความงายยิ่งขึ้นที่จะ กอใหเกิด พัฒนาการในตัวผูเรียนเอง เนื่องจากเปนการเรียนรูจากประสบการณของตัวเอง สิ่ ง ที่ ไ ด พ บเห็ น และได ยิ น เรื่ อ งราวประสบการณ แ ห ง ความสํ า เร็ จ เกิ ด ขึ้ น กั บ นักศึกษาคนแลวคนเลา จะทําใหครูมีความรูสึกยินดี มํากําลังใจสอนมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งเหลานี้ถือ เปนวัตถุดิบนําเขา เพื่อการเรียนรูใหลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก และเมื่อเราพึมพํากับตัวเองว า “เออจริงซิ” หรือ“ใชแลว”ก็ยิ่งทําใหเราเห็นวาเราเดินทางมาในหนทางที่ถูกตอง ทั้งผูจัดประสบการเรียนรู และนักศึกษาเอง การจัดวางกรอบความคิดในทางบวก ถือวาเปนพลังสําคัญในชั้นเรียนที่จะสรางความบันดาลใจ อยากรูอยากเห็นและอยากคนควาหา ความรูใหม ทําใหมองเห็นหนทางที่เปนไปไดใหมๆมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเปนความหมายและทิศทาง ใหมของการศึกษา เราไดพบ การจัดวางกรอบความคิดในความสํานึกถึงคุณคาของความเปนมนุษย ในตัวผูเรียน ซึ่งเปนพลังชุมชนแหงการเรียนรู และเขาใกลวัตถุประสงคที่แทจริงของการศึกษาเพื่อ ความเปนไท ซึ่งเราเชื่อและหวังวา กิจกรรมทั้งหลายที่มีรากเหงามาจาก สัมมาทิฐิ จะมีมากขึ้นใน มวลมนุษยชาติ ซึ่งถือเปนความทาทายอยางยิ่งของวงการศึกษาที่กําลังหาทางปฏิรูปการศึกษาใน แวดวงของตนเอง เพื่อมุงสูอิสรภาพอยางแทจริง ปจฉิมกถา: ผูเขียนขอฝากขอสังเกตเพื่อกอใหเกิดการวิภากษในวันขางหนาเกี่ยวกับกระบวนการ แหงสุนทรียศึกษา ไวอยางยนยอ 6 ประการเพื่อใหเขาใจและจดจําไดงาย กลาวคือสุนทรียศึกษา เปนเรื่องของ...... 1) การเพิ่มเติมเสริมสรางจากขางใน (Internalization) 2) การกอเกิดความบันดาลใจใหรวมคิด (Inspiration) 3) การรวมเนรมิตนวัตกรรม (Innovation) 4) การรวมเหนี่ยวนําสูปฏิบัติการ (Implementation) 5) การรวมสรางพื้นฐานการพัฒนา (Improvement) 6) การศึกษาที่ทําใหเกิดภูมิคุมกัน (Immunity) ดวยความเชื่อในพุทธปรัชญาที่วา สัตวโลกยอมเปนไปตามกรรม (กัมมุณา วัตติ โลโก) เรา สามารถเปนพุทธะได หากเราคนพบ“อริยะมรรค”ไดดังเชนที่พระพุทธองคทรงคนพบ ความเปนพุทธะ คือความเปนผู รู ผูตื่น ผูเบิกบาน สิ่งสําคัญที่พระพุทธเจาทรงคนพบและ สถาปนาตนเองเปนพุทธะไดนั้นคืออริยะสัจจะ การเริ่มตนจากสิ่งดีงาม ที่รํารึกไดวา “เคยทํา” จะ 11
เป น ป จ จั ย หนุ น เนื่ อ งให เ กิ ด สิ่ ง ดี ง ามอี ก หลายหลากตามมา ไม ว า จะเป น ความคิ ด เห็ น ที่ ดี (สัมมาทิษฐิ)( สัมมากัมมันตะ)วาจาที่ไพเราะ( สัมมาวาจา)( สัมมาสังกัปปะ)( สัมมาวายามะ)สติ ดี( สัมมาสติ)มี( สัมมาสมาธิ ) และดวยหลักแหงการหนุนเนื่องนั้นเอง(อิทัปปจจัยตา) ก็สามารถ จะทําให คน กลุมคน ชุมชน และสังคม “จุติใหม” (Reincarnation)ในโลกใบนี้ กองทุกข กองนี้ และเปลี่ยนแปลง ไปสูโลกที่ดีกวาไดไมยากนัก “ใจ” เปนผูนําสรรพสิ่ง “ใจ”เปนใหญ ทุก สิ่งสําเร็จไดดวย”ใจ” หากคิด พูด ทํา ในสิ่งดี หรือชั่ว ฉันใด ความสุข หรือความทุกขก็จะติดตาม ตัว เหมือนลอเกวียนหมุนเตา ตามรอยเทาโคฉันนั้น และทายที่สุดนี้ ขอผนวกบทเพลง 2 ลีลาที่อาจทําใหบทความชิ้นนี้อานแลวผอนคลายไม หนักไปในทางวิชาการมากเกินไป แมจะมีเนื้อหาบริบทตางกัน แตเปาหมายในบทเพลงนั้นพอง พานกันยิ่งนัก
ความรักที่ยิ่งใหญที่สุดทั้งหลายทั้งปวง (อยูที่นี่ และตรงนี้ กับผูเรียนของเรา) ฉันเชื่อวาเด็กทั้งหลายคืออนาคตของเรา ฟูมฟกเขาใหดีและใหโอกาสเขาไดกาวไปในทิศทางที่เขาปรารถนา แสดงใหเขาเห็นถึงความงดงามที่มีอยูภายในจิตใจของเขา ใหเกียรติเขาและปลูกฝงใหเขารูสึกภาคภูมิใจในตนเอง ถาจะใหงายขึ้นอีกก็คือ มาทําใหเขาไดหัวเราะกันอยางเบิกบาน ดังเชนที่เราไดเคยสัมผัสในเยาววัย ทุกชีวิตตางแสวงหาวีรบุรุษในดวงใจของตนเอง ฉันเองก็ไมรูเหมือนกันวาเขาไปหากันที่ไหน และฉันก็ไมพบวาใครจะเปนแบบอยางใหฉันไดดังปรารถนา มันเปนความรูสึกอางวาง ในโลกที่อยูยากในปจจุบัน ดังนั้นฉันจึงเรียนรูที่จะพึ่งพาตนเอง ฉันปรารถนามานานแลวที่จะไมครอบงําหรืออยูภายใตเงื้อมเงาของใคร หากฉันประสพความสําเร็จหรือแมลมเหลวฉันก็ไมหวั่น เพราะ อยางนอยที่สุด ฉันก็ไดทําในสิ่งที่ฉันเชื่อ และแมนใครจะบังอาจยื้อยุดฉุดกระชากวิญญาณของฉันไป ทําใหฉันสูญเสัยทุกอยาง เขาก็ไมอาจฉุดกระชากเกียรติศักดิ์ของฉันไปดวยได เพราะฉันไดพานพบแลววา ความรักอันยิ่งใหญนั้นบังเกิดแลวแกตัวฉัน 12
เพราะฉันไดพานพบแลววา ความรักอันยิ่งใหญที่สุดนั้นอยูภายในตัวของฉันเอง ความรักอันยิ่งใหญทั้งปวงนั้นงายแกการทําอะไร ๆใหสําเร็จได ความรักอันยิ่งใหญนั้นคือรูจัก“รัก”ตัวเอง ซึ่งไมไดหมายถึง“หลงรัก”ตัวเอง หากแตรูซึ้งถึงคุณคาของตัวเอง และการไดเรียนรูที่จะรักตัวเองตางหาก คือ ความรักอันยิ่งใหญทั้งปวง และหากจะมีเหตุบังเอิญตองไปอยูในที่พิเศษแหงหนใดก็ตามที่ทานเคยฝนไว คือไดพบความรัก มีครอบครัวที่อบอุน และประสพความสําเร็จในงานที่ทํา จงเขาไปอยูในมุมสงบ แลวคนหาพลังแหงความรักอันกลาแกรงของทานเองใหเจอ แปลจากเนื้อเพลงยอดนิยมอันดับหนึ่งของ Whitney Houston ป ๒๕๒๙ –The Greatest Love of All
มหาวิทยาลัยในฝน หากจะเปรียบมหา’ลัยเปนดั่งเชนเตาเผา คณะก็คงเหมือนเบา ที่หลอมพวกเราออกมา ถานกอนแดงที่โหมไฟแรงคือ ภาควิชา ที่หลอมคนใหมีคา อีกพัฒนาใหสมคาคน กอนจะสอบเอ็นทรานสเขามาศึกษา แขงขันกันดังเหมือนบา กวดวิชาไปทุกแหงหน ผานเขามามุงหวังปริญญาคาลน กลับพบแตความหมองหมน ไมเหมือนที่ตนตั้งใจ ยามเรียนหางไกลผูใหความคิด จะหวังเพื่อนที่ใกลชิด ก็มีแตความหมองไหม ประคองตัวเองมิใหตองถูกรีไทร ตางเหยียบบากันไป เหมือนไตบันไดอาถรรพ ขอวอนกราบพอพิมพแมพิมพทั้งหลาย ไดโปรดหลอหลอมเหลาบัณฑิตไทย เหมือนที่คนเขาหมายมั่น ประสาทวิชา ประสานดวงใจ คิดใฝสรางสรรค กระตุนใหคนรักกัน บากบั่นเพื่อคนยากไร อยาใหเปรียบมหา’ลัยเปนเชนสนามรบ ที่คิดถึงเพียงวันชีพจบในชวงอนาคตใกล ใหการศึกษา สมดังปรัชญามหา’ลัย บรรลุเปาหมายยิ่งใหญ เพื่อลูกหลานไทยแทจริง
เนื้อเพลง :
อุทัยวรรณ กาญจนกามล
13
14