www.turnleftthai.blogspot.com
เลี้ยวซ้าย
ฉบับที่ 75
กันยายน 54
ราคา 20 บาท
ภายใต้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์
นักสหภาพแรงงาน
นักสังคมนิยม เสื้อแดง ต้องจับมือกัน โดย ใจ อึ๊งภากรณ์ หน้า 2
เหตุผล ที่คนรวย รังเกียจคนจน โดย อุษา แสงจันทร์ หน้า 12
5 ปี รัฐประหาร
ประชาธิปไตยยังไม่เกิด
บทบาทของ นักการเมือง
เสื้อแดง
โดย สมุดบันทึกสีแดง หน้า 8
ทำ�ไมต้อง
ถอนทหาร
ออกจากจังหวัด ชายแดนภาคใต้ โดย ลั่นทมขาว หน้า 16
วิวาทะ ใจ อึ๊งภากรณ์
ภายใต้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ นักสหภาพแรงงาน นักสังคมนิยม และเสื้อแดง ต้องจับมือกัน เสือ้ แดงกำ�ลังเรียนรูค้ วามจริงทีพ่ วกเราหลายคนคาด การมาแต่แรกคือ แกนนำ�พรรคเพื่อไทย มีข้อตกลง “ในใจ” ทีจ่ ะประนีประนอมกับอำ�มาตย์ เพือ่ ให้ถกู ยอมรับโดยอำ�มาตย์ ซึง่ แปลว่าพรรคเพือ่ ไทยกำ�ลังหักหลังเสือ้ แดง ทรยศต่อวีรชน และหันหลังให้กับประชาธิปไตย ด้วยเหตุนี้ขบวนการเสื้อ แดงจะต้องรื้อฟื้นตัวเองในรูปแบบที่อิสระจากแกนนำ�พรรค เพื่อไทย และเคลื่อนไหวต่อไปเพื่อเสรีภาพและความเป็น ธรรม ถ้าเรายอมให้คนอย่างนายเฉลิม อยู่บำ�รุง มาควบคุม ไม่ให้เสื้อแดงเคลื่อนไหว ในขณะที่เขามุ่งหน้าใช้กฏหมาย 112 อย่างเคร่งครัด ประชาธิปไตยไทยจะไม่มีอนาคต อย่า ลืมว่าคนอย่างเฉลิม มีข้อเคลือบแคลงใจในการสร้าง “สอง มาตรฐาน” ในระบบยุตธิ รรม ด้วยข้อสงสัยในการแทรกแซง ระบบยุติธรรมในคดีของลูกชายตนเองที่ฆ่าตำ�รวจตาย นักสังคมนิยมเสนอมานานแล้วว่า ถ้าเราจะพัฒนา ประชาธิปไตยและความเป็นธรรมในสังคมหลังการเลือกตั้ง เสือ้ แดงทีไ่ ม่ตกเป็น “ลูกน้อง” ของพรรคเพือ่ ไทย และพร้อม จะเคลือ่ นไหวอิสระ ควรมองว่าพลังกรรมาชีพในสหภาพแรงงาน เป็นเรือ่ งชีข้ าด เราอธิบายด้วยเหตุผลดังนี้ (1) การทีค่ นงาน ไม่ออกมานัดหยุดงานควบคู่กับการประท้วงที่ราชประสงค์ เมื่อปีที่แล้ว ทำ�ให้ทหารปราบเราง่ายขึ้น ตรงข้ามกับ ประสบการณ์ที่อียิปต์ (2) สหภาพแรงงานเป็นขบวนการเคลื่อนไหวทาง สังคมที่มีการจัดตั้งและมีพลังซ่อนเร้นที่จะกดดันผู้มีอำ�นาจ ถ้ารู้จักสู้ร่วมกันและหนุนช่วยซึ่งกันและกัน (3) การต่อสู้ของ “ไพร่” เสื้อแดง เป็นการต่อสู้เพื่อ ประชาธิปไตยและความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจพร้อมกัน
องค์กรของแรงงานมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกับคนจน และเกษตรกร ต่างโดยสิน้ เชิงกับพรรคการเมืองนายทุน และ พวกเสื้อเหลืองที่เชิดชูอำ�มาตย์ ทัง้ ๆ ทีร่ ฐั บาลพรรคเพือ่ ไทยประกาศว่าจะขึน้ ค่าจ้าง ขั้นต่ำ�เป็น 300 บาทต่อวัน แต่ก็มีข้อกังวลว่าอาจไม่เกิดขึ้น จริง เพราะอาจนับค่าสวัสดิการและค่าทำ�งานนอกเวลา (โอ ที) และในอนาคตแรงงานกับเกษตรกรคนจนคงต้องต่อสูห้ รือ ต่อรองกับรัฐบาลนี้ในหลายๆ เรื่องแน่นอน เพราะรัฐบาล พรรคเพื่อไทยไม่ใช่รัฐบาลของกรรมาชีพหรือเกษตรกรแต่ อย่างใด เราเลือกพรรคนี้ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เพื่อให้ ทหารและประชาธิปตั ย์แพ้เท่านัน้ เราไม่ได้หวังอะไรมากกว่า นัน้ และทุกวันนีถ้ งึ แม้วา่ ประชาธิปตั ย์กบั ทหารแพ้การเลือก ตั้ง แต่รัฐบาลใหม่ทำ�ตัวเหมือนกับว่าประชาธิปัตย์ยังเป็น รัฐบาลอยู่ ไม่มีการแก้ปัญหา 112 ไม่มีการปล่อยนักโทษเสือ้ แดงทั้งหมด ไม่มีการปฏิรูประบบยุติธรรม ไม่มีการปลด ผบ.ทบ.ประยุทธ์ ไม่มีการนำ�นายพลและนักการเมืองมือ เปื้อนเลือดขึ้นศาล และไม่มีการปฏิรูปกองทัพ เราต้องเข้าใจว่าในอดีต แกนนำ�เสื้อแดงที่มีรากฐาน กำ�เนิดมาจากพรรคไทยรักไทย ซึง่ เป็นพรรคนายทุน ไม่เคย เห็นความสำ�คัญของการขยายการจัดตั้งของขบวนการเสื้อ แดงสู่ขบวนการแรงงานเลย ตอนนี้การจัดตั้งดังกล่าวเป็น ภาระเร่งด่วน เพื่อให้นักสหภาพแรงงานและคนเสื้อแดงจับ มือสร้างพลังต่อรองเพื่อประชาธิปไตยและความเป็นธรรม ตรงนี้นักสังคมนิยมควรจะมีบทบาทสำ�คัญถ้าเราเข้าใจ สถานการณ์ ในอดีตนักสังคมนิยมในพรรคคอมมิวนิสต์แห่ง
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 2
ประเทศไทย(พคท.) เคยให้ความสำ�คัญกับการจัดตัง้ แรงงาน แต่หลังจากที่พรรคเริ่มหันไปเน้นการจับอาวุธในป่า การ ทำ�งานสายแรงงานถูกลดความสำ�คัญลง พอถึงยุค “ป่าแตก” และการล่มสลายของ พคท. ปัญญาชนและนักเคลื่อนไหวที่ มีสว่ นในการจัดตัง้ แรงงานลดน้อยลงจนเกือบจะไม่เหลือ และ เอ็นจีโอ ก็เข้ามาแทนที่ ทีเ่ ลวร้ายคือเอ็นจีโอส่วนใหญ่ (ยกเว้น โครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย) ไปเข้ากับเสื้อเหลืองและ อำ�มาตย์ ในปัจจุบันกลุ่ม “พี่เลี้ยง” เอ็นจีโอ ที่เข้าไป “ช่วย” แรงงานมีแนวโน้มจะเสนอให้คนงานทำ�ตามกฎหมายนายทุน ในระบบ “แรงงานสัมพันธ์” และไม่คิดต่อสู้ทางชนชั้นอย่าง มีประสิทธิภาพ ตัวอย่างที่ดีคือองค์กร ACILS/Solidarity Center และมูลนิธิ Friedrich Ebert Stiftung (FES.) ของ เยอรมัน องค์กรเหล่านี้มีผลในการทำ�ลายความเข้มแข็ง ทางการเมืองของสหภาพแรงงาน ในยุคปัจจุบัน องค์กรสภาแรงงานสากลต่างๆ เริ่ม พยายามเข้ามาจัดตัง้ แรงงานในประเทศไทยมากขึน้ อีกด้วย การที่สภาสากลช่วยให้คนงานไทยตั้งสหภาพแรงงานใน สถานทีท่ �ำ งานทีไ่ ม่มสี หภาพแรงงาน เป็นเรือ่ งดี แต่ในทางการ เมืองสภาแรงงานสากลเหล่านีจ้ ะไม่สง่ เสริมการนัดหยุดงาน เพื่อเป้าหมายทางการเมืองเลย และจะไม่มีผลอะไรเลยใน การปกป้องผู้นำ�แรงงาน หรือสหภาพแรงงานในไทยที่ถูก เลิกจ้าง ทั้งนี้เพราะสภาแรงงานสากลทุกแห่งนำ�โดยเจ้า หน้าที่ “แรงงานข้าราชการ” ทีห่ า่ งเหินจากขบวนการแรงงาน จริงในทุกประเทศ เราจะเห็นว่าในประเทศทีม่ สี หภาพแรงงาน เข้มแข็ง อย่างเช่นในยุโรปตะวันตก หรือเกาหลีใต้ สภา แรงงานสากลเกือบจะไม่มีบทบาทอะไรเลย ความอ่อนแอทางการเมืองของขบวนการแรงงาน ไทยในอดีต เปิดช่องให้คนอย่าง สมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำ� พันธมิตรฯ นำ�การเมืองปฏิกิริยาของพันธมิตรฯ เข้ามาใน บางส่วนของขบวนการแรงงาน เช่นในรัฐวิสาหกิจรถไฟ และ ไฟฟ้า และในบางส่วนของย่านอุตสาหกรรมเอกชนในภาค ตะวันออกรอบๆ เมืองระยองเป็นต้น แต่แนวคิดเสื้อเหลือง ของสมศักดิ์ ขัดกับผลประโยชน์พื้นฐานของกรรมาชีพไทย โดยสิน้ เชิง เพราะพาคนไปต่อสูเ้ พือ่ คนทีก่ ดขีแ่ รงงาน แทนที่ จะสูเ้ พือ่ ผลประโยชน์คนจน สมศักดิด์ า่ ทักษิณว่าเป็น “นายทุน สามานย์” แต่ชวนให้คนงานไปรับใช้เผด็จการทหาร ดังนั้น คนเสื้อแดงกับนักสังคมนิยมสามารถพิสูจน์ต่อหน้าแรงงาน รากหญ้าได้วา่ แนวของพวกเสื้อเหลืองจะนำ�ไปสูท่ างตัน แต่
มันต้องพิสูจน์กันในรูปธรรม ไม่ใช่แค่ด้วยวาจา ซึ่งแปลว่า เราต้องสนับสนุนแกนนำ�สหภาพแรงงานรถไฟที่กำ�ลังถูก นายจ้างลงโทษ ด้วยสาเหตุทเี่ ขากล้านัดหยุดงานเพือ่ ปกป้อง ความปลอดภัยในระบบรถไฟ ทัง้ ๆ ทีส่ หภาพนีเ้ คยสนับสนุน พันธมิตรฯ สายแรงงานที่ได้รับแนวคิดเสื้อเหลืองจากคนอย่าง สมศักดิ์ มีจุดร่วมดังนี้คือ เป็นแรงงาน “รุ่นน้อง” ของสม ศักดิ์ ที่มีความสัมพันธ์ผ่านกลุ่มศึกษาที่สมศักดิ์จัดด้วยทุน จากองค์กร เอ็นจีโอ อย่างเช่น ACILS/ Solidarity Center และ FES มักเป็นแกนนำ�แรงงานที่ทำ�งานสหภาพเต็ม เวลา และห่างเหินจากรากหญ้ามากขึ้น และมักจะแสดง “ความกล้า” ในการเคลื่อนไหวหรือนัดหยุดงาน เมื่อมี “ผู้ใหญ่” ในสังคมสนับสนุนถือหางเท่านั้น ซึ่งเป็นนิสัยเก่า ของแกนนำ�สหภาพรัฐวิสาหกิจที่เคลื่อนไหวเพื่อผู้บริหาร เราควรเข้าใจว่าสมาชิกรากหญ้าของสหภาพทีม่ แี กน นำ�เสื้อเหลือง บ่อยครั้งไม่เห็นด้วยกับผู้นำ� เพราะสมาชิก รากหญ้าไม่ใช่เสือ้ เหลือง และอาจสนับสนุนเสือ้ แดง หรือเคย ลงคะแนนให้ไทยรักไทยในอดีตอีกด้วย อย่าลืมว่านโยบาย ของไทยรักไทยในหลายเรื่อง เช่นการรักษาพยาบาลถ้วน หน้า มีผลดีต่อแรงงาน เพราะลดภาระส่วนตัวในการดูแล ญาติพี่น้องในต่างจังหวัด ถ้าเราจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแท้และความเป็น ธรรมทางสังคมในไทย ซึ่งหมายถึงการล้มอำ�มาตย์ ปฏิรูป กองทัพ และสร้างมาตรฐานความยุติธรรม ขบวนการ ประชาธิปไตยและนักสังคมนิยมจะต้องขยันในการดึงแรงงาน เข้ามามีส่วนร่วมในการต่อสู้ทางการเมือง และแรงงานควร จะเข้าใจความสำ�คัญของการร่วมกับเสือ้ แดงในต่อสูท้ างการ เมืองอีกด้วย-TLO-
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 3
สากลนิยม
โดย แอช เพมเบอร์ตัน แปลโดย ยายสา
ที่มา หนังสือรายสัปดาห์ กรีนเลฟ์ท วีคลี่ ประจำ�วันที่ 13 สิงหาคม 2554
http://links.org.au/node/2456
มาร์คซิสต์ หัวใจระบบนิเวศน์ เราทุกคนรู้ว่ามีปัญหาหาใหญ่เกี่ยวกับระบบนิเวศน์ ที่จำ�เป็นต้องแก้ไขฉับพลัน ดังนั้น นักวิจัยชาวมาร์คซิสต์ จึงได้นำ�ปัญหาทั้งหมดขึ้นมาวิเคราะห์บนโต๊ะ ชาวมาร์คซิสต์ได้ให้คำ�นิยามใหม่กับคำ�ว่า การ อภิปรายเกีย่ วกับระบบนิเวศน์กระแสหลัก โดยแทนทีจ่ ะมอง ว่าป้ญหา เกิดระหว่างมนุษย์กบั ธรรมชาติ ก็ได้มกี ารจัดกรอบ ของปัญหาโดยมองว่า มนุษย์และธรรมชาติมคี วามเชือ่ มโยง กันจากภายใน และวิกฤติระบบนิเวศน์เกิดจากความสัมพันธ์ ที่ไม่สมดุลย์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ผู้เขียนคิดว่า นักวิจัยชาวมาร์คซิสต์ ได้อธิบายไว้ เป็นอย่างดีเกีย่ วกับการเชือ่ มโยงระหว่างสังคมมนุษย์กบั สิง่ แวดล้อมในมุมมองทางประวัติศาสตร์ ซึ่งจะทำ�ให้เราเข้าใจ วิกฤติการณ์ปัจจุบันได้ดีขึ้น รวมทั้งภาระของมนุษยชาติ สำ�หรับอนาคตอันใกล้ ระบบทุนนิยม ก่อนอื่นต้องทำ�ความเข้าใจเกี่ยวกับระบอบทุนนิยม ภายใต้กฎในระบบทุนนิยม มีความจำ�เป็นต้องขยายกำ�ไร เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หาไม่ระบบจะพัง การขยายตัวนี้ทำ�ให้มีแบบ อย่างใหม่ๆ เกิดขึน้ ในประวัตศิ าสตร์ ทีเ่ กีย่ วโยงกับการผสม ผสานในการหาผลประโยชน์ของผูค้ น ซึง่ รวมถึงสิง่ สิง่ แวดล้อม และการมีสว่ นแบ่งในกลอุบายด้านเศรษฐกิจและการเก็งกำ�ไร นักทุนนิยมทำ�กับสิง่ แวดล้อมราวกับของให้เปล่า ใน การแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากร แล้วนำ�เอากากหรือ ส่วนเหลือที่ไม่ใช้แล้วจากกระบวนการในการผลิตไปถมทิ้ง แบบไม่ต้องเสียเงิน หากค่าใช้จ่ายเหล่านี้ถูกนำ�เข้าไปคิด เป็นต้นทุนการผลิต พวกนายทุนใหญ่ย่อมต้องล้มละลาย
อย่างแน่นอน ประวัตศิ าสตร์ทนุ นิยมแสดงให้เห็นว่า เมือ่ ใดทีม่ กี าร สร้างเทคโนโลยี่ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตเพิ่มขึ้น สิ่งที่ ตามมาคือการเพิม่ ผลผลิต เมือ่ นักทุนนิยมถือประโยชน์จาก ศักยภาพใหม่ๆ ในการผลิตเพิ่มขึ้น ด้วยต้นทุนเท่าเดิม การ จัดการด้านเทคโนโลยีภายใต้ระบบทุนนิยม จึงไม่ท�ำ ให้ปญ ั หา สิ่งแวดล้อมดีขึ้น มีแต่จะทำ�ให้เลวลง ความเห็นดัง้ เดิมของระบบมาร์คซิสต์กบั ระบบนิเวศน์ คือการที่ระบบมาร์คซิสต์ต่อต้านระบบนิเวศน์ และ ตำ�นาน โพรมีเธียน (ที่ขโมยไฟจากสวรรค์มาให้มนุษย์) อย่างเห็น ได้ชัด โดยเป็นทฤษฎีที่ยึดถือว่ามนุษย์สามารถควบคุมและ จัดรูปแบบธรรมชาติได้ตามใจชอบ มาร์คซิสต์แบบโซเวียต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ สหภาพโซเวียต เป็นที่มาของ ความเห็นนี้ โดยที่สภาพแวดล้อมถูกทำ�ลายเพื่อพัฒนา เศรษฐกิจ มาร์คซิสต์แบบโซเวียต ถูกลดระดับสู่ความหยาบ และไม่เป็นวิทยาศาสตร์ โดยมองว่าธรรมชาติเป็นทรัพยากร ณ์ส�ำ หรับให้แสวงผลประโยชน์ในการเสนอราคาเพือ่ ผลผลิต ที่ดีกว่าในโลกทุนนิยม นักวิทยาศาสตร์และปัญญาชน จำ�นวนมาก ที่มีความเข้าใจลึกซึ้งในระบบนิเวศน์ตามแนว มาร์คซิสต์และได้ตอ่ ต้านแนวโน้มนีถ้ กู จับขังคุก หรือไม่กถ็ กู ฆ่าตาย ปัญญาชนชาวยุโรปที่เป็น ชาวมาร์กซิสต์ตะวันตก หลายคนในยุคศตวรรษที่ 20 แสดงปฏิกิริยาต่อต้านการลด คุณค่าลัทธิมาร์กซิสต์ของพวกโซเวียต แต่ได้ไปไกลในอีก
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 4
ด้านหนึ่งจนสุดโต่ง พวกเขาตีความว่า ลัทธิมาร์คซิสต์ เป็น ทฤษฎีของประวัตศิ าสตร์มนุษยชาติ แต่กลับสบประมาทการ ยืนยันของ มาร์กซ์ ที่ว่า สังคมมนุษย์ ไม่สามารถแยกออก จากโลกแห่งธรรมชาติได้ ดังนั้น ทั้งในส่วนของตะวันออกและตะวันตก แก่น แท้ด้านระบบนิเวศน์ของลัทธิมาร์กซิสต์ จึงได้เลือนหายไป ในช่วงศตวรรษที่ยี่สิบ ในสองทศวรรษที่ผ่านมา มีนักวิชาการหลายคน ได้ กลับไปเขียนเรือ่ งเกีย่ วกับมาร์กซ์และชาวสังคมนิยมยุคต้นๆ พวกเขาได้พบว่า ความสัมพันธ์ของมนุษยชาติกับระบบ นิเวศน์ของดาวดวงนี้เป็นกุญแจสำ�คัญในการวิจัยของชาว มาร์กซิสต์เกี่ยวกับเศรษฐกิจการเมือง การศึกษาด้านระบบนิเวศน์ของมาร์กซ์ มาร์กซ์ ได้ศึกษาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง จริงจัง และในช่วงปลายของชีวิต เขาเน้นการศึกษาในเรื่อง ลักษณะพิเศษทางเคมีของดินและการเกษตร หลังจากที่ได้คบหากับนักวิทยาศาสตร์มีชื่อเสียง หลายคน เขาสังเกตว่าระบบธรรมชาติท�ำ งานอย่างเป็นอิสระ ด้วยตัวของมันเอง แต่ในขณะเดียวกันก็เกีย่ วพันกับกิจกรรม ของมนุษย์และดำ�เนินการในลักษณะทีเ่ อือ้ ให้มกี ารฟืน้ ฟูของ ระบบอย่างต่อเนื่อง หมายถึงว่า มีการสันดาปหรือกระบวนการเผาผลาญ โดยเป็นสิง่ ทดแทนต่อกัน ระหว่างสังคมมนุษย์และสิง่ แวดล้อม ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสังคมและธรรมชาติ จะทำ�ให้เกิด กระบวนการผลิตขึ้นมาแทนที่ ตามเงื่อนไขที่จำ�เป็น เพื่อ ความยั่งยืนของสังคม
มาร์กซ์สงั เกตเห็นว่า มีความผิดปกติเกิดขึน้ ในระบบ สันดาปที่ควบคุมวงจรอาหาร โดยวงจรนี้ทำ�ให้เราสามารถ ผลิตอาหาร รวมทั้งสามารถทำ�ให้โลกของสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้น มาใหม่ ความผิดปกตินเี้ ป็นวิกฤติสภาพแวดล้อมทีใ่ หญ่ทสี่ ดุ ในศตวรรษที่สิบเก้า มาร์กซ์กล่าวว่าวงจรอาหารถูกทำ�ลายโดยวิธกี ารทำ� เกษตรกรรมของพวกทุนนิยม เพือ่ ทำ�ความเข้าใจในเรือ่ งนี้ เราจำ�เป็นต้องตรวจสอบ ที่มาของระบบทุนนิยม ซึ่งเข้ามามีอิทธิพลเต็มที่ในยุโรป ประมาณระหว่างปี 2323 ถึง 2393 ที่มาพร้อมกับการเก็ง กำ�ไรของพวกปฎิวัตกิ ารเมืองแบบเสรีนิยม และพวกปฏิวตั ิ อุตสาหกรรม ก่อนหน้านี้ประชากรชาวยุโรปส่วนใหญ่เป็นชาวไร่ ชาวนา อาศัยทีด่ นิ ทำ�กิน และมีความเป็นอยูแ่ บบพึง่ พาตนเอง อย่างประหยัด จากการที่ชนชั้นนายทุนเข้ามามีอำ�นาจ และ การตกต่ำ�ของสถาบันกษัตริย์และพวกชนชั้นสูง ที่ดินส่วน กลางผืนใหญ่มหาศาลที่ชาวไร่ชาวนาใช้ร่วมกันมาหลาย ศตวรรษ ได้ตกเป็นของส่วนบุคคล ขบวนการนี้ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทำ�ให้ เกิดเทคนิคในการทำ�ไร่นาให้มปี ระสิทธิภาพและได้ก�ำ ไรเพิม่ ขึน้ ชาวไร่ชาวนาถูกบีบให้ละทิง้ ทีด่ นิ ด้วยระบบ ซึง่ อาจทำ�ได้ โดยวิธีการทางเศรษฐกิจหรือการใช้กำ�ลัง ผู้คนเหล่านี้ไม่มีทางเลือก ได้แต่ย้ายที่อยู่เข้าไปใน เมืองแล้วหางานทำ�ในโรงงานของพวกนายทุน ขบวนการนี้ทำ�ให้ผู้คนเป็นจำ�นวนมหาศาลต้องเหิน ห่างจากที่ดิน และเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 5
และรวดเร็ว ไม่นานคุณภาพของดินเสื่อมลง ผลิตผลส่วนใหญ่ ทีม่ าจากผืนดินถูกขนส่งไปยังเมืองต่างๆ ทีอ่ ยูห่ า่ งไกล และ ได้น�ำ เอาสารประกอบไนโตรเจนและปุย๋ ฟอสเฟตของผืนดิน ติดไปด้วย โดยที่สมัยก่อนสารเหล่านี้ถูกนำ�กลับคืนสู่ผืนดิน ภายในเมือง ขยะต่างๆ สะสมเพิ่มพูน และทำ�ลาย สภาพแวดล้อมของเมืองรวมถึงสุขภาพของประชาชนในเมือง ผลได้จากการเกษตรเริม่ ลดต่�ำ ลง รวมถึงกำ�ไรลดลง ด้วย วิธแี ก้ไขของเหล่านายทุนคือการนำ�เข้าปุย๋ จากส่วนอืน่ ๆ ของโลก แหล่งสำ�คัญคือปุ๋ยธรรมชาติจากมูลสัตว์จากหมู่ เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก เมือ่ ทรัพยากรนีห้ มดไป และนิเวศวิทยาของหมูเ่ กาะ เหล่านี้ได้ถูกทำ�ลายไปเรียบร้อยแล้ว เหล่านายทุนก็มองหา ปุ๋ยเคมีเพื่อแก้ปัญหาของดิน การปรับตัวแต่ละครัง้ เชือ่ มโยงกับการขยายการผลิต ในขณะทีเ่ หล่านายทุนหาผลประโยชน์จากสมรรถภาพทีเ่ พิม่ ขึ้นในการผลิต โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ จุดวิกฤติ ในวันนี้ วิกฤติการได้ไปถึงจุดที่ระบบเกษตรกรรม โลกได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในภาพพจน์ของโรงงานนายทุน ยกเว้นในความเป็นจริงทีม่ คี วามจำ�เป็นต้องพึง่ พาสภาพของ แวดล้อมเป็นอย่างมาก โดยรวมแล้ว การเกษตรให้ผลผลิตสูงขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่ปี 2513 แต่เป็นการที่ใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงใน อัตราทีส่ งู ขึน้ มาก ทำ�ให้เกิดความเสียหายต่อสิง่ แวดล้อมเป็น อย่างยิ่ง เมื่อไม่นานมานี้ พวกนายทุนพยายามเพิ่มผลผลิต โดยการใช้เทคโนโลยีอกี แบบหนึง่ ในการแก้ปญ ั หาด้วยกลไก ทางพันธุกรรมเพือ่ เปลีย่ นแปลงพืชผล เราแทบไม่รเู้ ลยว่าการ กระทำ�นี้จะมีผลกระทบอย่างไรกับสภาพแวดล้อมในระยะ ยาว บรรดายักษ์ใหญ่ในธุรกิจเกษตรกรรมได้นำ�เอาน้ำ� มันไบโอมาใช้ นั่นคือการทำ�ให้อาหารกลายเป็นน้ำ�มัน นี่ เป็นเรื่องประหลาดน่าขบขันที่อุตสาหกรรมน้ำ�มันไบโอ จะ ทำ�ให้เกิดวิกฤติการระบบนิเวศน์ขนึ้ มาอีกรูปแบบหนึง่ อย่าง ทีเ่ คยเกิดขึน้ ก่อนทีจ่ ะนำ�เอาเชือ้ เพลิงฟอสซิลมาใช้ แล้วทำ�ให้ เกิดวิกฤติเชื้อเพลิงจากไม้ วิกฤตเชื้อเพลิงจากไม้วิ่งคู่ขนานไปกับวิกฤติดินใน
ศตวรรษที่สิบเก้า ระหว่างการเปลี่ยนผ่านจากยุคศักดินา ซึ่งเป็นยุคก่อนหน้าอุตสาหกรรมไปสู่ยุคอุตสาหกรรมหรือ รูปแบบนายทุน การผลิตนั้นแหล่งเชื้อเพลิงที่สำ�คัญ ยังคง มาจากไม้ในป่า เมื่อมีการเรียกร้องให้ขยายโรงงานและการขนส่ง ก็ จำ�เป็นต้องใช้ไม้ซุงเพิ่มขึ้น โดยความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ วิกฤติการได้พัฒนาขึ้น มีการตัดไม้ทำ�ลายป่ากันจนเกลี้ยง เพื่อป้อนเข้าสู่เตาเผาให้เป็นพลังงาน มีการแก้ปญ ั หาในระยะสัน้ โดยการพัฒนาเทคโนโลยี เพือ่ ทำ�ถ่านหิน ต่อมาก็เป็นน้�ำ มัน นีเ่ ป็นน้�ำ มันมาตรฐานเพือ่ ใช้ทดแทนไม้ซุง ส่วนเชื้อเพลิงฟอสซิล(เชื้อเพลิงที่ได้จาก ซากพืช ซากสัตว์ ตั้งแต่สมัยดึกดำ�บรรพ์) เป็นพลังงานที่ ให้พลังงานซ่อนเร้นมากกว่าไม้ซงุ และเอือ้ ต่อการขยายการ ผลิตอย่างมหาศาล โดยนัยนีเ้ ป็นการเบีย่ งเบนจากวิกฤตหนึง่ เพือ่ ไปหา อีกวิกฤติหนึ่ง ซึ่งเป็นวิกฤติที่ร้ายแรงกว่า ทำ�ให้เกิดวิกฤติ สภาพอากาศที่เรากำ�ลังเผชิญอยู่ทุกวันนี้ รูปแบบของความผิดปกติปกติทางสันดาป(กระบวนการ เผาผลาญ) เปลีย่ นไปหลายครัง้ ตามลำ�ดับของประวัตศิ าสตร์ หลายคนชีอ้ อกไปว่า การปฏิวตั อิ ตุ สาหกรรมเป็นจุด เริม่ ต้นของการทำ�ลายสภาพแวดล้อม ทว่ามันจะเป็นประโยชน์ มากกว่า หากจะมองการปฏิวตั อิ ตุ สาหกรรมโดยเป็นหนทาง แก้ปัญหาของวิกฤติสภาพแวดล้อมเดิม และเป็นเชื้อปะทุ ระเบิด สำ�หรับวิกฤติที่ยิ่งใหญ่กว่ามากในวันนี้ ประวัตศิ าสตร์มนุษยชาติเต็มไปด้วยความผิดพลาด และการโยกย้ายเหล่านี้ การโยกย้ายไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือตำ�แหน่งใหม่ตามภูมศิ าสตร์ สามารถปลดเปลือ้ งขบวนการ สะสมตัวในเบื้องต้น เพียงเพื่อจะทำ�ให้เกิดเงื่อนไขที่จำ�กัด ตนเองในที่สุด แล้วไปจบลงที่จุดติดขัดแบบใหม่ในระบบ นิเวศน์ จากจุดนี้ก็จะมีการเคลื่อนย้ายใหม่อีกครั้ง แล้วอีก วงจรก็จะเกิดขึ้นในมาตราส่วนที่ใหญ่กว่าเดิม ทำ�ให้ความ ขัดแย้งกันระหว่างสิ่งแวดล้อมกับการแพร่พันธุ์ของสังคม ขยายใหญ่ขึ้น ในสาระสำ�คัญ ได้มขี บวนการยืดเวลาวิกฤติทดี่ �ำ เนิน ไปอย่างไม่หยุดยั้ง เราต้องยอมรับกันว่าระบอบทุนนิยม ไม่ได้สร้างความ ผิดพลาดในกระบวนการสันดาป ทว่าภายใต้ระบอบทุนนิยม อัตราส่วนของความผิดพลาดมีอิทธิพลคุกคามไปทั่วโลก
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 6
ภาพ : Galen Johnson/Canadian Dimension.
หากเราต้องการเข้าใจในเรื่องนี้ เราก็ต้องมองธรรมชาติใน ทิศทางที่ต่างไปจากที่เราเคยมอง ความเป็นอิสระ โดยปกติธรรมชาติจะถูกมองว่า เป็นสิ่งที่ถูกกระทำ� และถูกทำ�ลายโดยมนุษย์ ความคิดนี้ผิด มนุษย์ต้องดำ�เนิน การโดยผ่านธรรมชาติ หากไม่มีธรรมชาติสังคมมนุษย์ไม่ อาจดำ�รงอยู่ได้ เราจำ�เป็นต้องพึ่งพาธรรมชาติอย่างสิ้นเชิง ทัง้ สังคมมนุษย์และกระบวนการธรรมชาติ ต่างต้องอาศัยกัน และกัน ดังนั้นหากทั้งสองสิ่งนี้สามารถมีวิวัฒนาการไปร่วม กันได้ ทั้งคู่จะดำ�รงอยู่ร่วมกันอย่างมีพลังและสัมพันธ์กัน อย่างต่อเนือ่ ง และทัง้ คูจ่ ะเปลีย่ นแปลงโดยพลังจากทัง้ ภายใน และภายนอก ข้าพเจ้าได้พดู มาก่อนหน้านีแ้ ล้วว่า มีความผิดพลาด เกิดขึ้นก่อนหน้ายุคทุนนิยม ในยุคเหล่านี้เคยมีวิกฤติสิ่ง แวดล้อมตามท้องถิ่นต่างๆ มากมาย แต่ก็อยู่ห่างไกลออก ไป อาการที่พบเห็นบ่อยครั้งที่สุดของความผิดปกติทาง สันดาปคือความหิวโหย ในกรณีเหล่านี้ ความสัมพันธ์ระหว่าง มนุษย์กบั สิง่ แวดล้อม คือการทีม่ นุษย์ไม่สามารถผลิตพืชผล ได้เพียงพอที่จะเลี้ยงสังคมของตนเอง นั่นคือความผิดพลาดที่เกิดได้ทั้งสองทาง วิกฤตินี้
เกิดขึ้นในทางสัมพันธ์ระหว่างสังคมกับสิ่งแวดล้อม ในรูป ธรรมตามความเป็นจริง โลกของธรรมชาติจะมาในแบบอย่าง ใดก็ได้ ไม่รูปแบบตายตัวของสิ่งแวดล้อมที่มีคุณค่าภายใน ส่วนสังคมมนุษย์จะสามารถดำ�รงอยูไ่ ด้เพียงภายในข้อจำ�กัด บางประการเท่านั้น การพัฒนาของนักทุนนิยมเพือ่ หากำ�ไรอาจไม่รบั ผิด ชอบต่อความจำ�เป็นในธรรมชาติ จากจุดนี้เราสามารถเดา ได้ว่า มนุษยชาติต้องแบกภาระในการซ่อมแซมความเสีย หายที่อาจต้องกินเวลาสองถึงสามศตวรรษ นั่นคือหากว่า สังคมยังสามารถอยู่รอดได้ถึงขนาดนั้น คนรุ่นต่อไปจำ�เป็นต้องแบกภาระที่หนักอึ้ง ในการ ซ่อมแซมความผิดพลาดในทางสันดาปและพัฒนาความ สัมพันธ์ที่ยั่งยืน ระหว่างสังคมมนุษย์และดาวเคราะห์ดวงนี้ ในทีน่ จี้ �ำ เป็นต้องมีสงั คมแบบใหม่ ทีไ่ ม่ได้ถกู ผลักดันโดยแรง จูงใจด้านผลกำ�ไร แต่โดยเป้าหมายของการพัฒนามนุษย์ที่ ยั่งยืนสำ�หรับทุกคน (บทความนี้ ปรากฏครั้งแรกในหนังสือรายสัปดาห์ กรีนเลฟท์ วีคลี่ หนังสือพิมพ์สังคมนิยมแนวหน้าของ ออสเตรเลีย)-TLO-
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 7
จัดตั้ง
สมุดบันทึกสีแดง
บทบาทของนักการเมืองเสื้อแดง สิง่ ทีข่ าดหายไปอย่างยาวนานในประวัตศิ าสตร์ การเมืองไทย คือ บทบาทของนักการเมืองที่เป็น ที่พึ่งของประชาชน ที่ผ่านมาภาพที่เราเห็นจนชิน ตาของนักการเมืองคือ บทบาทของการเป็นมาเฟีย ที่ไม่ให้ความสำ�คัญกับประชาชน แต่เน้นการสร้าง สายสัมพันธ์กบั กองกำ�ลังในเครือ่ งแบบ เช่น ตำ�รวจ และทหาร แต่พอสังคมไทยมีประชาธิปไตย ประชาชน มีทางเลือกมากขึ้นผ่านการเลือกพรรคการเมืองที่ มีนโยบายทีต่ อบสนองความต้องการของประชาชน พอมีวกิ ฤติทางการเมืองเกิดขึน้ ในประเทศไทย ภาพที่พวกเราเห็นมาหลายครั้งหลายครา คือ ไอ้ คนข้างบน หรือ พวก “ไอ้ตาอยู่ ไอ้พวกฉวยโอกาส” เข้ามาปล้นเอาความดีความชอบที่ประชาชนต่อสู้ มา ไปเป็นของตัวเองกลางวันแสกๆ อยู่เสมอๆ และเหล่าฆาตรกรมือเปือ้ นเลือดทัง้ หลายไม่เคยถูก ลงโทษเลย หนำ�ซ้ำ�ยังเป็นใหญ่เป็นโตคับบ้านคับ เมือง ในมุมกลับประชาชนผูร้ กั ความเป็นธรรมกลับ ถูกคุมขัง อย่างไร้ความเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ภาพอุจาดตาเหล่านีอ้ าจจะไม่ผา่ นตาไปอย่างสบาย สบายเหมือนทีเ่ คยเป็นมา ถ้าขบวนการ “เสือ้ แดง” มีความเข้มแข็ง
โฉมหน้าของเหล่าคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล ใหม่ไม่เพียงแต่ขี้เหล่แต่ใบหน้าของแต่ละคนมัน เป็นใบหน้าเดิมๆ ที่ต้องการเล่นการเมืองในกรอบ อุบาทว์เดิมๆ แต่อย่างไรก็ตามการที่แกนนำ�ของ คนเสื้อแดงได้เข้าไปเป็น สส. มันมีกลิ่นอายของ ความหวังและการตัง้ มาตรฐานของการเป็นนักการ เมืองที่มีคุณภาพ เช่น การที่ สส.เสื้อแดง ได้รวม ตัวกันเพือ่ ทีป่ ระกันนักโทษการเมือง จตุพร พรหม พันธ์ ออกมาเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของคนเสื้อแดง และพูดดักคอนักการเมืองหน้าไหว้หลักหลอกของ พรรคเพื่อไทยคนอื่นๆ ว่า อย่ามาดัดจริตกลับหัว กลับหางความจริงเกี่ยวกับบทบาทและการต่อสู้ ของคนเสื้อแดง ที่พยายามตีตัวออกห่างคนเสื้อ แดงโดยอธิบายว่าคนเสื้อแดงทำ�ให้ภาพพจน์เพื่อ ไทยเสีย มันเป็นปรากฏการณ์ทไี่ ม่เคยเกิดขึน้ มาก่อน มันทำ�ให้เราเห็นภาพนักการเมืองสองชนิด ชนิดที่ ไม่มอี ดุ มการณ์ และมีอดุ มการณ์ แน่นอนคนทัว่ ไป ย่อมตั้งคำ�ถามกับบทบาทนักการเมืองส่วนใหญ่ ของพรรคเพื่อไทยที่ให้ความสำ�คัญกับประชาชน ในลำ�ดับสุดท้ายของความสำ�คัญ ซึง่ หมายความว่า
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 8
เราไว้ใจนักการเมืองส่วนใหญ่ไม่ได้เลย พวกเรา ต้องมีการกดดันรัฐบาลให้ระลึกถึงบุญคุณของ ประชาชนอยู่เสมอๆ เพราะถ้าเราเผลอเมื่อไหร่ นักการเมืองเหล่านี้จะวกเข้ามากัดพวกเราทันที เช่น การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ICT ที่ออก มาแถลงนโยบายที่เร่งด่วน โดยเน้นไปที่การเพิ่ม ความเข้มข้นในการใช้กฎหมาย ม.112 และมีหลาย คนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในทิศทางที่ว่า เรา ต่อสู้เสียชีวิตไปตั้งมากมายแต่ได้นักการเมืองน้ำ� เน่ากลับมา? ทำ�ให้รฐั มนตรีเสียงอ่อนลงในลักษณะ ที่ยอมรับฟังว่ามันมีความไม่เป็นธรรมในการใช้ กฎหมายนี้ แน่นอนพวกเราก็ต้องเคลื่อนไหวและ วิพากษ์วิจารณ์ให้หนักมากยิ่งขึ้นรวมถึงเสนอให้ เน้นไปที่การ “ยกเลิก ม.112” ช่วงอาทิตว์ทผี่ า่ นมามีขา่ วหนึง่ ทีน่ า่ สนใจ แต่ ผูเ้ ขียนไม่แน่ใจว่ามันเป็นข่าวใหญ่ในสือ่ กระแสหลัก แค่ไหน คือ “ศาลแพ่งตัดสินให้ 2 นปช.ชนะคดี จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเสื้อแดงที่ดินแดง เมื่อปี 52 โดย 2 เหยื่อปืนถูกยิงบาดเจ็บเป็นโจทก์ ยืน่ ฟ้องรัฐบาล-กองทัพ เรียกค่าชดเชยทีถ่ กู ยิงบาด
เจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ชี้เชื่อว่าโจทก์บาดเจ็บ จากฝีมือเจ้าหน้าที่จริง ให้จ่ายเงินชดเชย 3 ล้าน” นีค่ อื จุดเริม่ ต้นทีพ่ วกเรากดดันให้กองทัพรับผิดชอบ กับอาชญากรรมทีท่ หารไทยทำ�กับประชาชนมาซ้�ำ แล้วซ้ำ�เล่า ถ้ากรณีการปราปรามเสื้อแดงในปี 52 ชนะ เหตุการณ์ในปี 53 กองทัพก็ต้องชดใช้กับ ความการกระทำ�อันอำ�มหิตในเหตุการณ์ราชประสงค์ เลือดเช่นเดียวกัน ซึ่งในกรณีล่าสุดนั้นหลักฐาน และพยานมีอยู่อย่างมากมาย การเอาผิดกับทหาร และนักการเมืองต้องอาศัยสองพลังประสานกัน คือ พลังมวลชนเสือ้ แดงกดดันและนักการเมืองเสือ้ แดง ในรัฐสภาทีจ่ ะต้องเร่งให้รฐั บาลเอาผิดกับอาชญากร ตัวจริงเหล่านั้นเสียที ถ้าเรามีนกั การเมืองทีม่ อี ดุ มการณ์ทกี่ ล้ายืน เคียงข้างกับคนเสือ้ แดงมากพอโดยทีไ่ ม่ยอมจำ�นน ต่ออำ�นาจนอกระบบ อยู่ในรัฐสภาภายใต้ความ เข้มแข็งของขบวนการเสือ้ แดง พวกเราคงสามารถ ใช้การปฏิรปู การเมืองเปิดประตูไปสูศ่ กั ราชใหม่ได้ อย่างแน่นอน-TLO-
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 9
รายชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ เมษา-พฤษภา 53 นายสวาท วงงาม นายธวัฒนะชัย กลัดสุข นายทศชัย เมฆ งามฟ้า นายจรูญ ฉายแม้น นายวสันต์ ภู่ทอง นายสยาม วัฒน นุกุล นายมนต์ชัย แซ่จอง นายอำ�พน ตติยรัตน์ นายยุทธนา ทองเจริญพูลพร นายไพรศล ทิพย์ลม นายเกรียงไกร ทาน้อ นายคะนึง ฉัตรเท นายนภพล เผ่าพนัส นายสมิง แตงเพชร นายสมศักดิ์ แก้วสาน นาย บุญธรรม ทองผุย นายเทิดศักดิ์ ฟุง้ กลิน่ จันทร์ ชายไม่ทราบชือ่ นายมานะ อาจราญ นายอนันต์ สิริกุลวานณิชย์ Mr. Hiroyuki Muramoto พ.อ. ร่มเกล้า ธุวธรรม พลฯ สิงหา อ่อนทรง พลฯอนุพงศ์ หอมมาลี พลฯ ภูริวัฒน์ ประพันธ์ พลฯ อนุพงษ์ เมืองราพัน นางธันยนันท์ แถบทอง พล.ต.ดร.ขัตติยะ สวัสดิผล นายชาติชาย ชาเหลา นายปิยะพงษ์ กิติวงค์ นายประจวบ ศิลาพันธ์ นายสมศักดิ์ ศิลารักษ์ นายอินทร์แปลง เทศวงศ์ นายเสน่ห์ นิลเหลือง นาย ชัยยันต์ วรรณจักร นายบุญทิ้ง ปานศิลา นายมนูญ ท่าลาด นายพัน คำ�กลอง นายกิติพันธ์ ขันทอง นายสรไกร ศรีเมือง ปุน นายชาญณรงค์ พลอยศรีลา นายทิพเนตร เจียมพล นาย สุภชีพ จุลทรรศน์ นายวารินทร์ วงศ์สนิท นายมานะ แสน เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 10
ฆาตกรอยู่ไหน? ประเสริฐศรี นางสาวสันธนา สรรพศรี นายธันวา วงศ์ศิริ นาย อำ�พล ชื่นสี นายสมพันธ์ ศรีเทพ นายอุทัย อรอินทร์ นาย เกรียงไกร เลือ่ นไธสง นายประจวบ ประจวบสุข นายเกียรติคณ ุ ฉัตรวีระสกุล นายวงศกร แปลงศรี นายสมชาย พระสุวรรณ นายสุพรรณ ทุมทอง นายเฉลียว ดีรื่นรัมย์ นายสุพจน์ ยะทิม า นายธนากร ปิยะผลดิเรก นายสมพาน หลวงชม นายมูฮัม หมัด อารี(ออง ละวิน ชาวพม่า นายธนโชติ ชุ่มเย็น นายถวิล คำ�มูล นายปรัชญา แซ่โค้ว นายนรินทร์ ศรีชมภู น.ส.วาสินี เทพปาน นายเยื้อน โพธิ์ทองคำ� นายกิตติพงษ์ สมสุข นาย สมัย ทัดแก้วนายรพ สุขสถิต ชายไม่ทราบชื่อ ชายไม่ทราบ ชื่อ ชายไม่ทราบชื่อ หญิงไม่ทราบชื่อ ชายไม่ทราบชื่อ ชายไม่ ทราบชื่อ นายทรงศักดิ์ ศรีหนองบัว นายเพลิน วงษ์มา MR.Polenchi Fadio พลทหารณรงค์ฤทธิ สาระ สต.อ.กานต์ ณุพัฒน์ เลิศจันเพ็ญ จ.ส.ต.วิทยา พรมสารี จ.ส.อ.พงศ์ชลิต ทิพยานนทกาญจน์ ส.อ. อนุสิทธิ์ จันทร์แสนตอ นายวิชัย มั่น แพ นายอัฐชัย ชุมจันทร์ นายมงคล เข็มทอง นายสุกัน ศรี รักษา นายอัครเดช ขันแก้ว น.ส.กมนเกด อัคฮาด เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 11
Speak Out อุษา แสงจันทร์ 27 สิงหาคม 2011 ที่มา เฟซบุ๊ค
เหตุผลที่คนรวยรังเกียจคนจน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2554 ฉันได้ไป ฟัง สหายวิภา ดาวมณี จากกลุ่มศึกษาเศรษฐศาสตร์ การเมืองมาร์คซิสต์ พูดในหัวข้อ “เปรียบเทียบ ประชา นิยมกับรัฐสวัสดิการ” ทีอ่ นุสรณ์สถาน 14 ตุลา สีแ่ ยก คอกวัว ก่อนไปฉันได้ท�ำ การบ้านไว้อย่างดีและมีหลาย คำ�ถาม ที่สำ�คัญฉันชอบ “ประชานิยม” แบบคุณ ทักษิณ ใครๆ บอกว่านัน่ เป็นประชานิยมแต่คณ ุ ทักษิณ เคยปฏิเสธ แต่เอาเป็นว่าโดนใจประชาชน โดยนัยของ ฉัน สิ่งที่ประชาชนขาดมากๆ คือ ปัจจัยสี่ อาหาร ที่ อยู่ เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ใครจะว่าเป็น “ประชานิยม” หรือไม่ก็ตาม แต่ประชาชนได้เข้าถึง สิ่งเหล่านี้ โดยที่สมัยก่อนไม่เคยได้ ฉันเข้าไปรับ บริการ 30 บาทรักษาทุกโรคจากโรงพยาบาลหัวเฉียว ด้วยความคิดว่านีเ่ ป็นเรือ่ งสงคมสงเคราะห์กลายๆ แต่ หัวเฉียวปฏิบัติต่อฉันดีมากๆ จนประทับใจ ต่อมาจึง ได้เข้าใจว่าส่วนที่ดีคือนโยบายที่ดีของโรงพยาบาล ส่วนนางพยาบาลบางคนยังคงดูแคลนผู้ที่เข้ามารับ บริการ 30 บาท โดยถือเสมือน “ขอทาน” เรื่องที่อยู่อาศัยก็มีโครงการบ้านเอื้ออาทร นอกจากนัน้ ยังมีเงินอัดฉีดลงไปทุกหมูบ่ า้ น ทุกตำ�บล และนโยบายหนึ่งตำ�บลหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ประชาชน สามารถสร้างรายได้ กลับมาเป็นภาษี หมุนเวียนมา
จ่ายให้กบั ค่าสวัสดิการต่างๆ ที่รัฐให้ฟรีกบั ประชาชน ทีฉ่ นั ติดใจมากทีส่ ดุ คือเรือ่ ง “การศึกษา อาศัย ทุนจากหวยบนดิน” วิษณุ โชลิตกุล กล่าวว่า “ประชานิยมทำ�ให้ เกิดการฉ้อฉลงบประมาณ และความล่มสลายทาง เศรษฐกิจ” เออร์เนสโต้ ลักเลา (Earnesto Laclao) นัก คิดกลุม่ หลังมาร์คซิสต์ยนื ยันว่า ไม่มกี ารเมืองแบบใด ที่ไม่ใช้ประชานิยม และพวกนักการเมืองที่นำ�ประชา นิยมไปใช้ ถือเป็นพวกทีส่ ามารถเรียกร้องความสัมพันธ์ เชิงอำ�นาจ นำ�โดยการเชื่อมร้อยส่วนแบ่งทางสังคม คมชัดลึก กล่าวว่า “รัฐสวัสดิการจะต้องทำ� ควบคู่ไปกับการปฏิรูปสังคม เศรษฐกิจและการเมือง ครั้งใหญ่โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูประบบการศึกษา การปฏิรูปที่ดิน ซึ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ลง ลึกจนเห็นเป็นรูปธรรมทั้งในเรื่องของการตั้งธนาคาร ที่ดิน การพักหนี้และการคืนที่ดินให้เกษตรกร” โครงการต่างๆ ในรัฐบาลอภิสิทธิ์สวยหรูมาก อาจบอกว่าเป็น “รัฐสวัสดิการ” ก็ได้ แต่น่าเสียดาย ทีใ่ นเชิงปฏิบตั ิ รัฐบาลอภิสทิ ธิไ์ ม่เคยมีความจริงใจให้ กับประชาชน ประชาชนได้แต่ตัดพ้อว่า สิ่งที่นำ�มาให้ เหมือนของที่เอามาวางไว้ข้างหน้าให้เห็นว่า “ให้” แล้วก็นำ�กลับคืน สิ่งที่ปรากฏให้เห็นมีเพียงการ
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 12
“โกงกิน” แบบนี้ ไม่วา่ จะเป็น “รัฐสวัสดิการ” “ประชา นิยม” หรือ “ประชาวิวฒ ั น์” รัฐบาลอภิสทิ ธิกโ็ กงกิน ได้ เนือ่ งเพราะขาด “กรอบธรรมาภิบาล” และ “กรอบ กำ�หนดที่รัดกุม” หลักเกณฑ์ส�ำ คัญของรัฐสวัสดิการทีข่ าดไม่ได้ คือ การสร้างดัชนีชี้วัดมาตรฐานขั้นต่ำ�ทางสังคมที่ ชัดเจนขึน้ มา เพือ่ ใช้เป็นเครือ่ งมือสำ�หรับบริหารจัดการ ให้เหมาะสม เพื่อป้องกันการใช้มาตรการแบบเลือก ปฏิบัติ หรือเล่นพรรคเล่นพวก ที่จะทำ�ให้เกิดการสูญ เปล่า และทำ�ให้เกิดความอยุตธิ รรมทางสังคมเพิม่ ขึน้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้นำ�คำ�พูดเหล่านี้ขึ้นมา อ้างหลังจากพ่ายแพ้พรรคเพือ่ ไทย แต่คำ�พูดเหล่านัน้ กลายเป็น “ผายลม” เพราะเขาไม่เคยนำ�มาปฏิบัติ สมัยที่ตนมีอำ�นาจเป็นนายกรัฐมนตรี ฉันนึกถึงคุณวัฒนะ วรรณ ที่กล่าวว่า ปัญญา ชนอินทรีย์ (organic intellect) ของพวกฝ่ายขวาจะ ดาหน้าออกมารับรองการกระทำ�ของฝ่ายเขา ในกรณี นี้เห็นได้ชัดว่าบรรดาปัญญาชนอินทรีย์ของฝ่ายขวา ให้ขอ้ คิดโดยปราศจากจริยธรรมของความเป็นมนุษย์ ที่ไม่รู้ถึงความผิดชอบ ชั่วดี เรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า การศึกษาไม่ได้ท�ำ ให้คนเรามีจริยธรรม หรือมีจติ สำ�นึก ในทางที่ดี แต่หลังจากที่ได้ฟัง “สหายวิภา ดาวมณี” พูดแล้ว จึงได้เข้าใจอย่างซาบซึ้งว่า พวกเขากำ�ลัง
ปกป้อง ทั้งระบบและระบอบ ที่ตนเองกำ�ลังอาศัย “หากิน” เรือ่ งนีส้ มั พันธ์กบั คำ�ถามคาใจของฉัน เกีย่ วกับ “แนวคิดเสรีนิยม” ที่ยึดถือโดย พรรคประชาธิปัตย์, สนธิ ลิ้มทองกุล, และ เปรม ติณสูลานนท์ หลังฟังการอภิปราย ฉันได้รบั คำ�ตอบทัง้ หมด ... นั่นคือ แนวคิดเสรีนิยม (Liberalism) เป็นแนวคิด ทางการเมืองและเศรษฐศาสตร์พร้อมกัน แยกออก จากกันไม่ได้ จุดเริม่ ต้นของแนวนีค้ อื การต่อสูท้ างการ เมือง ระหว่างชนชัน้ นายทุนกับชนชัน้ ขุนนางอนุรกั ษ์ นิยมในยุโรป ในสมัยปฏิวัติ อังกฤษ อเมริกา และ ฝรั่งเศส เมื่อคริสต์ศตวรรณที่ 17-18 ในยุคนั้น พวกขุนนางอนุรักษ์นิยมสามารถ ผูกขาดอำ�นาจเศรษฐกิจ ผ่านการถือตำ�แหน่งในรัฐ และสามารถควบคุมอำ�นาจทางการเมืองผ่านเผด็จการ “ดังนั้น แนวคิดของชนชั้นนายทุน ซึ่งเป็นชนชั้นใหม่ ที่เติบโตขึ้นมา และท้าทายขุนนางอนุรักษ์นิยม จะ เสนอว่าต้องมีประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพเท่าเทียม กัน และต้องทำ�ลายการผูกขาดระบบเศรษฐกิจของรัฐ โดยการใช้กลไกตลาดเสรีและการค้าเสรี” นักคิดสำ�คัญๆ หลายคน อย่างเช่น จอห์น ล๊ อก (John Locke) เดทักควิล (de Tocqueville)
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 13
เจมส์ มิล (James Mill) มักเน้นเรือ่ ง “ประชาธิปไตย” เสรีภาพปัจเจกกับสิทธิในทรัพย์สินปัจเจก ทรัพย์สิน เอกชน เพื่อเผชิญหน้ากับรัฐเผด็จการของขุนนาง (หมายเหตุ : ตรงจุดนี้ ทำ�ให้ฉันนึกถึงเหตุการณ์ 24 มิถุนายน 2475) ส่วน อดัม สมิธ (Adam Smith) ให้ความ สำ�คัญกับกลไกตลาดเสรีเพือ่ ต้านการผูกขาด โดยเน้น ว่าระบบเศรษฐกิจทีพ่ งึ ปรารถนา จะมีความเป็นธรรม สำ�หรับคนจนด้วย ไม่ใช่ระบบ “มือใครยาวสาวได้สาว เอา” แต่ลูกศิษย์สมิธในยุคนี้มักจะลืมประเด็นสำ�คัญ นี้ เมื่อผู้ถือแนวเสรีนิยมในยุคนั้นซึ่งเป็นชนชั้น นายทุน กลายมาเป็นชนชัน้ ปกครอง และระบบทุนนิยม ครอบงำ�โลกได้ กระแสความคิดของนายทุนก็เปลีย่ น ไป เป็นการปกป้องอำ�นาจและผลประโยชน์ของตน นั่นคือ เมื่อประชาชนพ้นจากเสือตัวใหญ่มาได้ ก็มา ปะกับจรเข้ตัวอ้วน เสรีนยิ มทีร่ อื้ ฟืน้ ขึน้ มานี้ เป็นแนวคิดทีเ่ น้นสิทธิ ปัจเจกของคนรวยและนายทุน เหนือสิทธิของคน ธรรมดาที่มาจากการเน้นผลประโยชน์ส่วนรวม “เสรีนิยม ใหม่” หรือ Neo-liberalism คือ ลัทธิของคนที่เน้นการค้าเสรี การขายรัฐวิสาหกิจให้ เอกชน (เช่น โรงพยาบาล และ มหาวิทยาลัย) และ การยกเลิกรัฐสวัสดิการ เช่น พรรคอนุรักษ์นิยมใน อังกฤษและส่วนอืน่ ของยุโรปและในสหรัฐ ในทศวรรษ 1980 (ยุค Tatcher กับ Reagan) พวกนี้นอกจากจะ เน้นความ “ศักดิ์สิทธิของกลไกตลาด” และความ “จำ�เป็น” ที่จะลดบทบาทของรัฐแล้ว เขายังพร้อมจะ รับแนวคิด “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” แล้วยังอ้าง ว่าการลดบทบาทรัฐในระบบเศรษฐกิจจะทำ�ให้มี “ประชาธิปไตย” มากขึ้น แต่ในความเป็นจริงมันเป็นการทำ�ลายสิทธิ เสรีภาพของคนทำ�งาน ซึง่ ต้องการให้รฐั ปกป้องความ เสมอภาคในสังคม พวกเสรีนยิ มใหม่ มักจะวิจารณ์รฐั สวัสดิการว่า
เป็นการสร้าง “ระบบอุปถัมภ์” และ “ทำ�ลายวินัย ทางการคลัง” เพราะรัฐเก็บภาษีสูงและกู้เงินมาเพื่อ สร้างสวัสดิการ แทนที่จะลดภาษีให้คนรวย และหลีก ทางให้บริษัทเอกชนเป็นคนกู้เงินในตลาดการเงิน ทุกวันนี้พรรคการเมือง “เสรีนิยม” ในญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อังกฤษ และส่วนอื่นของยุโรป เป็นแค่ พรรคอนุรักษ์นิยมชนิดหนึ่งของนายทุนเท่านั้น กรณี พรรคประชาธิปัตย์ในไทยก็ไม่ต่างออกไป และพรรค นี้เป็นส่วนหนึ่งของ “สากลเสรีนิยม” อีกด้วย ทีน่ า่ สนใจคือพรรคประชาธิปตั ย์ และนักวิชาการ เศรษฐศาสตร์เสรีนยิ มในไทย มักจะโจมตีการทีร่ ฐั บาล ไทยรักไทย ใช้รัฐในการสร้างสวัสดิการว่าเป็นการ “ทำ�ลายวินัยทางการคลัง” และการสร้างวัฒนธรรม พึ่งพาอุปถัมภ์ และนักวิชาการรัฐศาสตร์เสรีนิยมใน ไทย ทีอ่ า้ งนักคิดเสรีนยิ มต่างๆ เพือ่ อธิบายประชาธิปไตย ก็หันไปต้อนรับรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ประเด็นถกเถียงระหว่างพวกเสรีนิยมกับ สังคมนิยมในเรื่องประชาธิปไตยตะวันตก คือ สิทธิ เสรีภาพของปัจเจก และระบบประชาธิปไตยแบบตะวัน ตก จะถูกพัฒนาผ่านการปล่อยวางให้กลไกตลาด ดำ�เนินไปโดยไร้อุปสรรค หรือจะถูกพัฒนาผ่านการ ใช้รัฐในการเพิ่มคุณภาพชีวิตของพลเมือง เมือ่ ศึกษารัฐธรรมนูญปี 2550 จะเห็นว่าอำ�มาตย์ ส่งเสริมทั้งกลไกตลาดเสรีแบบเสรีนิยมโลกาภิวัตน์ กับเศรษฐกิจพอเพียงควบคู่กัน และมีการเน้นว่าทั้ง สองไปด้วยกันได้และไม่ขดั แย้งกัน เพราะต่างก็ปฏิเสธ การใช้รฐั เพือ่ การกระจายรายได้และสร้างรัฐสวัสดิการ พวกเขาหาทางออกโดยการสนับสนุนให้กลุ่มคนจน ช่วยเหลือกันเอง ไม่ใช่งอมืองอเท้ารอการช่วยเหลือ และกลายเป็นคนขี้เกียจ ไทยรักไทย ต่างจากอำ�มาตย์อนุรกั ษ์นยิ มและ พรรคประชาธิปตั ย์ตรงทีม่ กี ารใช้เศรษฐกิจคูข่ นาน คือ ใช้เสรีนิยมกลไกตลาดในระดับชาติกับโลกาภิวัฒน์ และงบประมาณรัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าใน ระดับหมู่บ้านตามแนวเคนส์ (Keynesian)
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 14
ไทยรักไทยต่างจากพวกนั้นอีกใน เรือ่ งการพัฒนาสวัสดิการ และการเชือ่ มโยง เรือ่ งนีก้ บั ชัยชนะในการเลือกตัง้ ตามระบอบ ประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์ จึงเป็นทั้งพรรค เสรีนิยมและพรรคอนุรักษ์นิยมได้ในพรรค เดียวกัน และนักวิชาการเสรีนิยมในไทย เป็นพวกที่สนับสนุนอำ�มาตย์กับเผด็จการ พยายามโจมตีการสร้างรัฐสวัสดิการ ด้วย การสร้างนิทานมากมาย พร้อมทัง้ สร้างความ สับสนระหว่างรัฐสวัสดิการกับสังคมสวัสดิการ ที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พยายามโฆษณา สร้างภาพสมัยที่ยังเป็นนายกรัฐมนตรี อำ�มาตย์ไทย ซึ่งเป็นกลุ่มนายทุน กลุม่ หนึง่ ชืน่ ชมกลไกตลาดเสรีมานาน และ การใช้แนวเศรษฐกิจพอเพียงเป็นวิธีหนุน แนวคิดนี้ เพราะคัดค้านการกระจายรายได้ แช่แข็งความเหลื่อมล้ำ� นี่คือสาเหตุสำ�คัญ ทีฝ่ า่ ยอำ�มาตย์ ก่อรัฐประหาร ๑๙ กันยายน เพราะไม่พอใจนโยบายเศรษฐกิจคู่ขนาน ของปีกซ้ายไทยรักไทยที่ใช้ทฤษฎีเคนส์ มาสนับสนุนการกระจายรายได้โดยรัฐ นำ� งบประมาณรัฐมาช่วยประชาชนส่วนใหญ่ ในเกือบทุกประเทศ ในรอบยีส่ บิ ปีที่ ผ่านมา การใช้นโยบายเสรีนิยมมีผลทำ�ให้ คนรวย รวยมากขึ้น และคนยากจน จน ลงๆ ข้อสรุปที่ฉันได้จากการฟังอภิปราย ของ สหายวิภา ดาวมณี คือ เหล่าอำ�มาตย์ เป็นพวกที่ใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองมาก โดย ไม่ต้องสนใจความเสียหายที่จะตามมา ดัง นัน้ พวกเขาจึงพยายามเอาเปรียบประชาชน ส่วนใหญ่ของประเทศตนเอง คนกลุม่ เล็กๆ แบบนี้มีอยู่ทุกประเทศ ดังนั้นคนที่ถูกเอา เปรียบคือ ประชากรส่วนใหญ่ของโลก
Adam Smith
รัฐบาลอภิสิทธ์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการ เสรีนยิ ม ทำ�ให้ประชาชนเกิดความสับสน ระหว่างรัฐสวัสดิการ กับ ประชานิยม โดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ทำ�ให้เห็นชัดว่า ประชานิยม คือ การช่วยเหลือคนเฉพาะกลุ่ม โดยนำ�มาใช้ เป็นเครือ่ งมือทางการเมืองในการลดแลกแจกแถม โดยไม่ค�ำ นึกถึงแหล่งที่มาของเงิน ประสิทธิภาคในการใช้เงิน และไม่ สนใจว่าจะทำ�ให้เกิดรายได้ตามมาหรือไม่ ส่วนรัฐสวัสดิการคือการสร้างความกินดีอยู่ดีให้แก่ ประชาชนโดยรัฐ ซึ่งต้องมีแหล่งที่มาของเงินชัดเจน มีการ ปฏิรปู ระบอบภาษีอย่างเข้มข้น คนรวยต้องรับภาระภาษีมาก ขึ้น เช่นภาษีที่ดินและภาษีมรดก และนำ�รายได้มาช่วยให้ คนจนสามารถดำ�รงชีวิตอยู่ได้ ในระดับมาตรฐานที่กำ�หนด ไว้ เป็นการพยายามลดความแตกต่างของรายได้ให้แคบลง นี่ย่อมเป็นที่มาของเหตุผลที่คนรวย กลัวระบอบ ประชาธิปไตย กลัวระบอบสังคมนิยม ระแวงรัฐสวัสดิการ และชิงชังคนจน-TLO-
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 15
สังคมใหม่ ลั่นทมขาว
ทำ�ไมต้องถอนทหาร ออกจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคเพือ่ ไทยมีนโยบายทีก่ า้ วหน้ากว่าพรรคอืน่ เรื่องการกระจายอำ�นาจการปกครองในสามจังหวัดภาค ใต้ แต่ปรากฏว่าพรรคประชาธิปตั ย์ชนะพืน้ ทีภ่ าคใต้เกือบ ทั้งหมด เพราะอะไร? ในประการแรก “ภาคใต้” ไม่ได้เหมือนกันหมด สามจังหวัดภาคใต้เป็นพื้นที่ของชาวมาเลย์มุสลิมที่พูด ภาษายะวี คนมาเลย์มุสลิมเหล่านี้ยากจนและโดนกดขี่ โดยรัฐไทย บางส่วนทีอ่ ยากแบ่งแยกประเทศหรือเกลียด ชังรัฐ อาจไม่ไปเลือกตั้งเลย นอกจากนี้คนในพื้นที่อาจ ยังไม่ไว้ใจคำ�สัญญาของพรรคเพือ่ ไทย เพราะมีประวัตกิ าร เข่นฆ่าประชาชนมาตัง้ แต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย คงต้อง มีการพิสูจน์กันเป็นรูปธรรม และคำ�ถามสำ�คัญคือเพื่อ ไทยพร้อมจะเปลีย่ นแนว “รักชาติไทย” ของรัฐบาลต่างๆ ในอดีตแค่ไหน ในประการทีส่ อง ถ้าเราพิจารณาส่วนอืน่ ของภาค ใต้ มันเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างจะรวย มีทรัพยากร มีธุรกิจ ท่องเที่ยว นี่คือสาเหตุที่พื้นที่อย่างภูเก็ต หรือหาดใหญ่ สนับสนุนประชาธิปัตย์และอำ�มาตย์ มันเป็นเรื่องชนชั้น แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าทุกคนในภาคใต้ร่ำ�รวย และ นอกจากนีม้ คี นจนจากภาคอืน่ ทีเ่ ข้ามาตัง้ บ้านทำ�งานอีก ด้วย แต่เวลาเลือกตั้งเขาจะต้องกลับไปบ้านเกิด ในประการที่สาม อดีตพรรคคอมมิวนิสต์แห่ง ประเทศไทยในภาคใต้ มีส่วนชักชวนให้คนก้าวหน้าและ นักต่อสู้ไปสนับสนุนประชาธิปัตย์ในยุคป่าแตก ซึ่งอาจ
ยังมีผลตกข้างถึงทุกวันนี้ แต่ถา้ จะมาพูดถึงแนวการแก้ปญ ั หาในสามจังหวัด ภาคใต้ ก่อนอื่นต้องฟันธงว่า เราไม่สามารถแก้ปัญหา สงครามกลางเมืองในภาคใต้ได้ ถ้าไม่มีการถอนทหาร ออกจากพื้นที่ เพื่อเปิดทางให้แก้วิกฤตด้วยวิธีการเมือง การถอนทหารออกจากพื้นที่มีประโยชน์สอง ด้านคือ จะลดการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนซึง่ เป็นต้น กำ�เนิดของความโกรธแค้นที่หลายฝ่ายมีต่อรัฐไทย และ จะปิดช่องที่ทหารบางกลุ่มใช้ในการสร้างสถานการณ์ ความรุนแรงเพือ่ ชักงบประมาณลงในพืน้ ที่ นอกจากการ ถอนกองกำ�ลังของรัฐไทยออกแล้ว ต้องยุตินโยบายที่รัฐ ไทยแจกอาวุธให้ประชาชนด้วย พร้อมกันนัน้ รัฐไทยต้อง ประกาศว่าจะหันมาใช้การเมืองในการแก้ปัญหา สำ�หรับคนที่ข้องใจและถามคำ�ถามว่า “ถ้าถอน ทหารออกไป ความรุนแรงจะเพิม่ ขึน้ หรือไม่ แล้วจะมีใคร ปกป้องประชาชน?” สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือ การมี ทหาร หรือแม้แต่ตำ�รวจ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ใน รอบห้าสิบปีที่ผ่านมา เคยห้ามความรุนแรงและปกป้อง ประชาชนจริงหรือ? คำ�ตอบคือ “ไม่เคยเลย” และขณะ นี้เราก็เห็นชัดว่า ทหารและตำ�รวจคุมสถานการณ์และ เอาชนะฝ่ายกบฏต่อรัฐอำ�มาตย์ไทยไม่ได้ ดังนั้นการใช้ นโยบายการทหารยิง่ ทำ�ให้สถานการณ์เลวร้ายลง เพราะ ทหารและตำ�รวจเป็นผู้ใช้ความรุนแรง อุ้มฆ่าประชาชน
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 16
และสร้างความกลัวแต่แรก ไม่ว่าจะด้วยการครอบครอง พื้นที่ การสร้างสถานการณ์ การฆ่าวิสามัญเพื่อปราบยา เสพติด หรือการอุ้มฆ่าและปราบวัยรุ่นที่คิดแบ่งแยกดิน แดน ดังนั้นการถอนทหารออกไปเป็นก้าวสำ�คัญในการ สร้างความสงบอย่างชัดเจน ถ้าสังคมเราจะยอมรับความหลากหลายของ พลเมืองอย่างที่นักวิชาการหลายคนเสนอ เราต้องก้าว เลยขอบเขตของการเรียนการสอนประวัตศิ าสตร์จากมุม มองรัฐบาลกรุงเทพฯ หรือมุมมองอำ�มาตย์ ต้องมีหลาย มุมมอง แต่ก็ยังไม่พออีก ควรมีการเรียนหลายๆ ภาษา ในโรงเรียนทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่ภาษาไทย อังกฤษ หรือ บางครั้งภาษาจีน ควรสอนภาษามาลายู อักษรอาหรับ ภาษากะเหรี่ยง ควรแยกศาสนาออกจากระบบโรงเรียน เพื่อให้เป็นประเด็นส่วนตัว ไม่ควรมีการบังคับสวดมนต์ แบบพุทธ ควรเปิดกว้างเรียนรูห้ ลากหลายความเชือ่ เช่น พุทธ อิสลาม คริสต์ ผีสางนางไม้ วัตถุนยิ มประวัตศิ าสตร์ หรือแนวคิดอื่นๆ ของมนุษย์ และควรมีการประกาศให้ วันเทศกาลสำ�คัญของจีน อิสลาม หรือ คริสต์ เป็นวัน หยุดราชการและวันหยุดภาคเอกชนด้วย ต้องมีการให้ สิทธิพลเมืองเต็มตัวกับผูท้ เี่ กิดภายในพรมแดน โดยทีไ่ ม่ ต้องพิสูจน์อะไรมากมาย ควรมีการรือ้ ถอนแนวคิดชาตินยิ มทีอ่ �ำ มาตย์บงั คับ ใช้ เช่นต้องเลิกบังคับการเคารพธงชาติ และเลิกใช้คำ�ว่า “ปวงชนชาวไทย” ในรัฐธรรมนูญ เพราะพลเมืองประเทศ
เราประกอบไปด้วยหลายเชือ้ ชาติ ไม่ใช่แค่ “ไทย” เท่านัน้ แต่ในระยะสัน้ สิง่ ทีพ่ สิ จู น์วา่ เราพร้อมจะเคารพคนในพืน้ ที่ ว่ามีความสามารถในการปกครองตนเอง และในการดูแล สังคมของตนเอง คือการเลิกกลัวว่าถ้าไม่มกี องกำ�ลังของ รัฐไทยตรงนั้น ทุกอย่างจะปั่นป่วน อย่าลืมว่าอำ�มาตย์และเสือ้ เหลืองชอบมองคนเสือ้ แดงว่า “โง่” และไร้วฒ ุ ภิ าวะทีจ่ ะเลือกรัฐบาลของตนเอง ดังนั้นเราควรเลิกมองคนในภาคใต้ในลักษณะเดียวกัน นอกจากนี้เราต้องหันมาเคารพและเข้าใจคนใน พื้นที่จังหวัดชายแดน ที่จับอาวุธสู้กับรัฐอำ�มาตย์ ทั้งๆ ที่เรามองว่าแนวทางนี้จะไม่นำ�ไปสู่ชัยชนะ และเสี่ยงกับ การทำ�ร้ายร่างกายประชาชนบริสุทธิ์ นักมาร์คซิสต์ตอ้ งยืนอยูเ่ คียงข้างผูท้ ถี่ กู กดขีข่ ดู รีด จากชนชั้นปกครองไทยเสมอ เราต้องยืนยันว่า ตราบใด ทีร่ ฐั ไทยใช้ก�ำ ลังทหารและตำ�รวจติดอาวุธเพือ่ ปราบปราม ประชาชน ผู้กบฏต่อรัฐอำ�มาตย์ มี “สิทธิ”ที่จะจับอาวุธ เช่นกัน เพราะการเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ “สันติวิธี” เป็นการเรียกร้องนามธรรมที่มองว่าความรุนแรงของรัฐ ไทย เทียบเท่ากับการใช้ความรุนแรงของฝ่ายถูกกดขี่ ซึง่ ไม่จริง เราต้องชัดเจนว่าต้นกำ�เนิดและปัญหาหลักของ ความรุนแรงในภาคใต้คือรัฐไทย ไม่ใช่ฝ่ายกบฏ ในลักษณะเดียวกัน เรา “เข้าใจ” คนเสื้อแดงที่ เผาตึก และโกรธแค้นจนต้องการจับอาวุธสู้กับอำ�มาตย์ แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อเราใช้ปัญญาแทนหัวใจ เราจะ
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 17
เข้าใจว่าสิ่งที่จะล้มอำ�มาตย์ได้คือพลังมวลชน ไม่ใช่กอง กำ�ลังของคนกลุ่มเล็กๆ อย่าลืมอาชญากรรมรัฐที่ตากใบ ในวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๗ กองกำ�ลังติดอาวุธ ของรัฐไทยได้สลายการชุมนุมอย่างสันติของชาวบ้านที่ ตากใบจังหวัดนราธิวาส ชาวบ้านที่มาประท้วงหน้า ส.น.ตำ�รวจในวันนั้นประกอบไปด้วย ชาย หญิง และเด็ก สาเหตุที่มาประท้วงก็เพื่อให้ตำ�รวจปล่อยตัวชาวบ้านที่ ถูกจับในข้อหานำ�อาวุธไปให้พวกที่กบฏต่อรัฐอำ�มาตย์ อาวุธดังกล่าวเดิมมาจากภาครัฐที่บังคับให้ชาวบ้านถือ ไว้ และเขามอบอาวุธให้คนอื่นเพราะถูกข่มขู่ ชาวบ้าน กลัวว่าผูท้ ถี่ กู ตำ�รวจจับจะหายตัวไปหรือถูกซ้อมตามเคย จึงมาประท้วงเพื่อให้ปล่อยเพื่อนบ้าน ในวันนั้นมีการใช้ รถดับเพลิงฉีดน้ำ�ใส่ผู้ประท้วงและใช้ก๊าซน้ำ�ตาแล้ว มี การยิงกระสุนปืนใส่ชาวบ้านจนตาย 6 คน บาดเจ็บอีก มากมาย หนึง่ ในผูบ้ าดเจ็บจากกระสุนปืนของรัฐไทยเป็น เด็กอายุ 14 ขวบ ในขณะที่ฝ่ายชาวบ้านไม่มีอาวุธแต่ อย่างใด หลังจากที่สลายการชุมนุมดังกล่าว ทหารและ ตำ�รวจบังคับให้ชายทุกคนนอนลงกับพืน้ ถูกถอดเสือ้ ถูก เตะตี แล้วมีการมัดมือไว้ข้างหลัง ต่อมาทหารก็โยนชาย เหล่านั้นขึ้นรถทหารที่ไม่มีหลังคา มีการบังคับให้นอน ทับกันหลายชั้น ใครร้องเรียนประท้วงหรือไม่พอใจ จะ โดนทุบตีและเหยียบและถูกทหารปรามว่า “เดี๋ยวจะรู้
ว่านรกจริงเป็นอย่างไร” ชายเหล่านัน้ ไม่ได้กระทำ�ความ ผิดอะไรทัง้ สิน้ แค่มาประท้วงตามสิทธิเสรีภาพในระบอบ ประชาธิปไตย ดังนั้นเราต้องเข้าใจว่ารัฐไทยมองว่าเขา เป็น “เชลยศึก” ที่จะถูกลงโทษ ไม่ใช่ “ผู้ต้องหา” ที่มี สิทธิ เชลยศึกดังกล่าวถูกนำ�ไปส่งทีค่ า่ ยอิงคยุทธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งใช้เวลาเดินทางกลางแดดหลายชั่วโมง พอรถทหาร คันแรกถึงค่ายอิงคยุทธิป์ รากฏว่ามีคนตายทีน่ อนอยูข่ า้ ง ล่างหลายคน 6 ชั่วโมงหลังจากนั้นรถคันสุดท้ายมาถึง ค่ายทหารและมีคนตายทั้งหมด 78 ศพ ในหกชั่วโมงที่ ทหารทราบว่าการขนส่งมนุษย์แบบนีม้ ปี ญ ั หา ไม่มคี วาม พยายามทีจ่ ะเปลีย่ นแปลงวิธขี นคนแต่อย่างใด ดังนัน้ เรา ต้องสรุปว่าเป็นการ “จงใจฆ่าประชาชน” พล.ท.พิศาล วัฒนวงศ์คีรี แม่ทัพภาคที่ 4 ในยุค นั้น กล่าวต่อหน้ากล้องโทรทัศน์ของสื่อมวลชนขณะที่ เกิดเหตุการณ์วา่ “เราจะทำ�อย่างนีอ้ กี ทุกครัง้ ” นอกจาก แม่ทัพภาคที่ 4 แล้วผู้ที่ต้องรับผิดชอบกับอาชญากรรม ของรัฐครัง้ นีค้ อื ผูบ้ ญ ั ชาการตำ�รวจในพืน้ ที่ และทีส่ ำ�คัญ ทีส่ ดุ คือนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร รัฐมนตรีกลาโหม และผู้บัญชาการทหารและตำ�รวจระดับชาติ นอกจากนี้ รัฐบาลทักษิณต้องรับผิดชอบกับการที่ทนาย สมชาย นี ละไพจิตร ถูกตำ�รวจฆ่าก่อนหน้านั้นอีกด้วย หลังเหตุการณ์ทตี่ ากใบนายกรัฐมนตรีทกั ษิณออก มาชมทหารและตำ�รวจ และรัฐบาลอ้างว่าคนที่เสียชีวิต ไป ตายเพราะ ”อุบัติเหตุ” สี่ปีหลังเหตุการณ์ นายก
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 18
รัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวศ โกหกกับนักข่าวโทรทัศน์ชอ่ ง Al Jazeera ว่าคนตายทีต่ ากใบตายเพราะ “ล้มทับกันเอง” อย่าลืม“กรือแซะ” ในยุครัฐบาลทักษิณมีเหตุการณ์นองเลือดในภาค ใต้อีกเหตุการณ์หนึ่ง คือการนองเลือดที่ “กรือแซะ” ใน เดือนเมษายน ๒๕๔๗ ในกรณีนมี้ ชี ายหนุม่ โพกผ้าศักดิส์ ทิ ธิ์ และเข้าโจมตีปอ้ มตำ�รวจด้วยดาบโบราณ การโจมตีปอ้ ม ตำ�รวจทีม่ อี าวุธทันสมัยครบมือด้วยดาบโบราณ มีลกั ษณะ ของการพลีชพี ในเชิงสัญลักษณ์ เพราะชายหนุม่ เหล่านัน้ คงทราบดีว่าต้องตายแน่ แต่บางคนที่ไม่ตายท่ามกลาง เหตุการณ์และถูกจับคุม ก็โดนวิสามัญฆ่าตกรรมโดยรัฐ มีหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่รัฐไทยจับผู้ต้องหามามัดมือและ ประหารชีวิตอย่างเลือดเย็นที่ สะบ้าย้อย นายทหารที่เป็นผู้บังคับบัญชาที่ กรือแซะ ชื่อ พล.อ.พัลลภ ปิน่ มณี นายทหารคนนีเ้ คยแจ้งกับหนังสือพิมพ์ ว่าในอดีต สมัยรบกับคอมมิวนิสต์ กองทัพบกจะเข้าไป ในหมู่บ้านและยิงทิ้งใครที่สงสัยว่ากบฏต่อรัฐ แต่ตอนนี้ ต้องแนบเนียนกว่านี้ ต้องไปขู่เมียแทน ซึ่งสะท้อน วัฒนธรรมอันเลวทรามในการละเมิดสิทธิมนุษยชนของ ทหารไทย แต่อย่าเข้าใจผิดว่าประชาธิปัตย์รักสงบมากกว่า ไทยรักไทย ภายใต้รัฐบาลอภิสิทธิ์มีการเข่นฆ่าทรมาณ ประชาชน มีการปกป้องฆาตกรที่ฆ่าทนายสมชาย และ ประชาธิปัตย์พูดแต่เรื่องการ “ประสานงานการปกครอง ทีม่ ปี ระสิทธิภาพมากขึน้ ” ไม่ได้พดู ถึงการแก้ไขรากฐาน ของปัญหาทางการเมืองเลย สาเหตุหนึง่ ก็เพราะประชาธิปตั ย์ กับทหารมือเปื้อนเลือดทำ�งานด้วยกัน ปัญหาเรื้อรัง ภายใต้รัฐบาลทุกชุด มีการจับคุม ทรมาน และ ฆ่าวิสามัญประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง แนวทางมวลชนของชาวบ้านและนักศึกษาทีเ่ รียก ร้องความเป็นธรรม คือความหวังหลักในการแก้ปัญหา ความรุนแรงด้วยวิธีสันติทางการเมือง แต่รัฐไทยและ สือ่ มวลชนกระแสหลักมักจะโจมตีวา่ ชาวบ้านและนักศึกษา เป็นพวก “หัวรุนแรง” ซึ่งเท่ากับว่าไม่มีการแยกแยะ ระหว่างผูจ้ บั อาวุธกับผูเ้ คลือ่ นไหวมวลชนเลย และเป็นการ
ผลักคนหนุ่มสาวไปสู่แนวทางจับอาวุธ ยิ่งกว่านั้นมีการ จับคุมและทรมานนักเคลือ่ นไหวทีใ่ ช้แนวมวลชนอีกด้วย ถ้าแนวทางเคลื่อนไหวมวลชนของชาวมาเลย์ มุสลิมจะประสบความสำ�เร็จ เขาจะต้องได้รับการหนุน ช่วยและความสมานฉันท์จากประชาชน โดยเฉพาะคน เสือ้ แดงในส่วนอืน่ ของสังคมไทย เราไม่ควรประณามหรือ หันหลังให้เขาโดดเดี่ยว เราควรเข้าใจว่าคนมาเลย์มุสลิม ถูกกดขี่โดยอำ�มาตย์ที่กดขี่เราชาวเสื้อแดงด้วยกัน ภายใต้รัฐบาลใหม่ นายซูดีรือมัน มาเละ เหยื่อการถูกตำ�รวจทรมาน ในคดี “ปล้นปืน” ที่นราธิวาสเมื่อปี ๒๕๔๗ ซึ่งยื่นฟ้อง ให้มีการสืบสวนตำ�รวจ โดยมีทนายสมชาย นีละไพจิตร ให้ความช่วยเหลือ โดนลงโทษจำ�คุกสองปีในวันที่ ๑๐ สิงหาคมปีนี้ เพราะมีตำ�รวจ ยื่นฟ้องกลับข้อหา “แจ้ง ความอันเป็นเท็จ” เกี่ยวกับตนเองทั้งๆ ที่ยังไม่มีการ สอบสวนเรื่องการทรมานเลย สรุปแล้วเหยื่อที่ถูกตำ�รวจ ทรมานโดนจำ�คุก และทนายของเขาโดนฆ่าตายโดย ตำ�รวจในยุครัฐบาลทักษิณ กรณีแบบนี้ไม่ช่วยสร้าง สันติภาพในภาคใต้เลย และส่งเสริมวัฒนธรรมเจ้าหน้าที่ รัฐที่ลอยนวลเสมอ เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม รัฐบาลยิ่งลักษณ์ปล่อยให้ ทหารใช้สไนเปอร์ยิงนักโทษในคุกที่นราธิวาส เหตุเกิด เพราะตำ�รวจบุกเข้าไปค้นยาเสพติดในคุก แต่ใครๆ ก็ ทราบว่าเจ้าหน้าที่คุมคุกทั่วประเทศเป็นผู้นำ�ยาเสพติก เข้ามาในคุกแต่แรก ทำ�ไมเอาตำ�รวจเข้าไปค้นที่พัก นักโทษ? เหตุการณ์แบบนี้จะช่วยสร้างสันติภาพในภาค ใต้ได้อย่างไร? ในกรณีภาคใต้ทหารอำ�มาตย์ตอ้ งการใช้ทหารนำ� การเมืองต่อไปเหมือนเดิม เราทราบดีจากคำ�พูดของ ผบ.ทบ. ประยุทธ์ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เราคงต้องรอดูวา่ รัฐบาลของยิง่ ลักษณ์จะทำ�อะไร เพื่อเปลี่ยนสถานการณ์หรือไม่ เพราะการที่รัฐบาลใหม่ จะแก้ไขปัญหาภาคใต้ได้ ขึ้นอยู่กับการสร้างความมั่นใจ ในรัฐบาลในหัวใจของชาวมาเลย์มสุ ลิม ถ้ารัฐบาลใหม่มวั แต่เอาใจอำ�มาตย์เพื่อ “ปรองดอง” ปัญหานี้จะไม่ถูก แก้ไขแน่นอน-TLO-
เลี้ยวซ้าย กันยายน 54 หน้า 19
ร่วมกันสร้างองค์กรสังคมนิยม
เพื่อ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และประชาธิปไตย - สังคมนิยมเป็นระบบที่ตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ผ่านการวางแผนร่วมกัน ในรูปแบบประชาธิปไตย - สังคมนิยมต้องสร้างโดยมวลชนกรรมาชีพ จากล่างสู่บน สร้างโดยอภิสิทธิ์ชนไม่ได้ - เรางต้องมีพรรคการเมืองของกรรมาชีพและคนจน เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง - สมาชิกทุกคนต้องจ่ายค่าบำ�รุง 1 % ของรายได้ (50 บาท / เดือนขั้นต่ำ�) - สมาชิกต้องอ่านและช่วยกันขายหนังสือพิมพ์ของพรรคเพื่อขยายสมาชิก และอิทธิพลทางความคิด รายละเอียดเพิ่มเติม : อีเมล : pcpthai@gmail.com ติดต่อกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ : turnleft2008@gmail.com เวปไซต์ www.turnleftthai.blogspot.com เฟซบุ๊ค www.facebook.com/turnleftthai ที่อยู่ไปรษณีย์ : ตู้ ป.ณ. 123 ไปรษณีย์คลองจั่น บางกะปิ กรุงเทพฯ 10240