(ขอให้คิดเสียว่าเป็น)
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ห้องนัน้ สว่าง เราเห็นชัน้ หนังสือเหล็กสีขาวขนาดใหญ่ตงั้ ชิด ผนังห้องสองตัว ชั้นที่สามจากข้างล่าง (และชั้นที่สามจาก ข้างบนด้วย) ตัวขวา มีหนังสือสันสีมว่ งตัง้ เรียงรายอัดแน่นทัง้ ทางตั้งและทางนอน เรารู้โดยไม่ต้องมีใครมาบอกว่า นี่เป็น สถานีท�ำงานของส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่ กีตาร์บรรเลงเพลง Sunshrine ของ James Blackshaw ดังมาจากล�ำโพง AURA ทรงกลมของ harman/kardon เปลี่ยนภาพ บนหน้าจอ ปรากฏตัวหนังสือเขียนว่า
…ราตรีมหัศจรรย์ เป็นหนังสือเล่มส�ำคัญยิ่งเล่มหนึ่ง ด้วย เป็นหนังสือแปลเล่มแรกของส�ำนักพิมพ์ เป็นเสมือนกุญแจ เปิดประตูให้ก้าวเข้าสู่วงการหนังสืออย่างเต็มตัว ขยายจุด เริม่ ต้นเล็กๆ เล่นๆ จนจริงจังใหญ่โตอย่างช้าๆ การขยายตัว ด�ำเนินต่อไปไม่หยุดยัง้ ในการพิมพ์ครัง้ แรก ราตรีมหัศจรรย์ ไม่ได้เข้ามาในวงชีวติ ของพวกเราตามล�ำพัง หากพาพี่ใหญ่ ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย กับ แกะรอย แกะดาว เข้ามาเป็นแรงหนุน ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย เป็น นวนิยายเรื่องยาวที่ขยายจาก เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้ เงียบงัน เรื่องสั้นในรวมเรื่องสั้นที่ใช้ชื่อชุดเดียวกันซึ่งเรา จัดพิมพ์ในล�ำดับต่อมา ติดตามด้วยรวมเรือ่ งสัน้ อีกสองเล่ม ค�ำสาปร้านเบเกอรี กับ ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน และ แกะรอย แกะดาว ก็น�ำ สดับลมขับขาน และ พินบอล, 1973 หนังสือ ในชุดเดียวกันเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวของเรา
ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ทั้งนักอ่านแฟนเก่าดั้งเดิม และนักอ่านรุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งท�ำความรู้จักกับฮารูกิ มูราคามิ นักเขียนใหญ่ที่เราภาคภูมิใจน�ำเสนอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณนพดล เวชสวัสดิ์ ผู้แปล ผู้มีความเมตตาต่อก�ำมะหยี่ ตลอดมา ทัง้ ยังเป็นบุคคลทีช่ กั น�ำหนังสือเล่มนีใ้ ห้สำ� นักพิมพ์ และผู้อ่านได้รู้จัก เปลีย่ นภาพ มุมแคบ นิว้ มือทีเ่ ล็บทาสีเขียวมรกตเคลือ่ น ขยับประพรมลงบนแคร่พมิ พ์ กล้องเลือ่ นผ่านขึน้ ไปบนหน้าจอ อีกครัง้ ในนัน้ เป็นภาพโปรแกรมส่งอีเมล ตัวหนังสือสีดำ� ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนพื้นขาวทีละตัว อ่านได้ใจความว่า
ให้ปรับค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ในการพิมพ์ครั้งที่ 2 มาใช้ใน ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ครั้งที่ 3 เสียงจากล�ำโพงเปลีย่ นไปเป็นเพลง Life In Technicolor ของ Coldplay หมาบู ล ด็ อ กสี น�้ ำ ตาลที่ น อนหมอบใต้ โ ต๊ ะ ส่ ง เสี ย ง ถอนหายใจดังเฮือก
ขอให้มีความสุขในการอ่าน ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่ กุมภาพันธ์ 59
p.m.
1 ดวงตาก�ำหนดรูปทรงโครงร่างของมหานคร จากดวงตาวิหคราตรีบนิ สูง เรามองเห็นฉากมหานคร เบือ้ งล่างจากกลางอากาศ มองกวาดกว้างไกล มหานคร เหมือนอสุรกายมหึมา หรือจะกล่าวให้ชัด เป็นตัวตน กลุ่มเดียวที่ประกอบขึ้นจากอวัยวะหลายหลากเกี่ยวกอด หลอดโลหิตนับไม่ถ้วน ทอดวางยาวเหยียดจนสุดปลาย รยางค์ สูบฉีดเม็ดเลือดแดง ป้อนเลีย้ งไม่หยุดยัง้ ส่งข้อมูล ชุดใหม่จา่ ยแจก แลกเปลีย่ นกับข่าวเก่าพ้นสมัย ส่งสินค้า อุปโภคบริโภคไปให้ รับขยะคืนกลับมา ส่งความขัดแย้งใหม่ ออกไป ได้ความขัดแย้งเก่าคืนกลับตามจังหวะการสูบฉีด ทุกส่วนของร่างกะพริบวิบวับ ฉายวาบลุกโพลง และสั่น สะเทือน เที่ยงคืนใกล้เข้ามาแล้ว จุดสูงสุดของกิจกรรม ผันผ่าน และการเผาผลาญพลังงานพื้นฐาน สานชีวิตให้ รอดสืบไปยังไม่ราลด ส่งเสียงเบสแผ่วต�ำ่ เสียงครวญของ มหานคร เสียงกระหึ่มต่อเนื่องไม่สูงไม่ต�่ำ เสียงหึ่งดัง ต่อเนื่องเหมือนสังหรณ์ บ่งบอกเรื่องใกล้จะมาเยือน สายตาของเราเลือกเบือนหาจ้องจุดแสงเจิดจ้าที่สุด 11 : 56 p.m.
7
เขม้นจ้องไปที่นั่น ดิ่งเงียบเชียบลงไปหาทะเลแสงนีออน สถานทีน่ ี้ เรียกขานกันว่า ย่านบันเทิง จอดิจทิ ลั ขนาดยักษ์ เกาะติดผนังตึกสูง เงียบเชียบสิ้นเสียงเมื่อเที่ยงคืนเยือน มาใกล้ แต่ล�ำโพงเล็กของร้านค้าติดพื้น ส่งเบสสะเทือน เลือ่ นลัน่ กระแทกกระทัน้ ลูกแล้วลูกเล่า ศูนย์เกมขนาดใหญ่ คนหนุ ่ ม คนสาวแออั ด ยั ด เยี ย ด เสี ย งอิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ หวีดหวิว นักศึกษามหาวิทยาลัยทะลักออกมาจากบาร์เหล้า สาววัยรุ่นผมย้อมสีสดบาดตา ขาเล็กเรียวสวยโผล่พ้น มินิสเกิร์ต นักธุรกิจสูทสีเข้มวิ่งข้ามทางม้าลายลายทแยง จับรถไฟเทีย่ วสุดท้ายกลับบ้านในเขตชานเมือง แม้แต่ชว่ ง เวลานี้ คนเรียกแขกของร้านคาราโอเกะยังคงแผดเสียง เรียกลูกค้า รถสเตชันแวกอนสีด�ำมันขลับแล่นเอื่อยผ่าน ย่านนี้ ประหนึง่ จะตรวจตราเขตปกครองของตน มองผ่าน กระจกฉาบปรอทสีดำ� เข้ม รถทะมึนเหมือนสัตว์ประหลาด จากท้องทะเลลึก มีผิวหนังและอวัยวะสุดพิเศษเฉพาะตัว ต�ำรวจหนุ่มสองนายเดินเท้าตรวจ หน้าเครียดขึงขัง แต่ ดู เ หมื อ นว่ า ไม่ มี ใ ครสั งเกตเห็ น ย่ า นบั น เทิ งเล่ น ตาม กฎกติกาของตัวเองในช่วงกลางดึกเช่นนี้ ฤดูกาลเป็น ปลายฤดูใบไม้ร่วง ไม่มีลมกระโชกแต่อากาศเย็นเยือก วันเก่าใกล้จะเคลื่อนผันผ่านเป็นวันใหม่ เราเข้าไปในร้านเดนนีย์ ’ส ไม่มอี ะไรสะดุดตาเป็นพิเศษ แต่แสงสว่างพอเพียง การ ตกแต่งและโต๊ะเก้าอี้ไร้สไตล์ ผังห้องวางตามแปลนของ วิศวกรทุกรายละเอียด เพลงกล่อมหอเปิดแผ่ว พนักงาน 8
ราตรีมหัศจรรย์
ได้รับการอบรมให้ปฏิบัติตามคู่มือพนักงาน ยินดีต้อนรับ สูร่ า้ นเดนนีย์ ’ส อย่างเคร่งครัด ทุกอย่างในภัตตาคารแห่งนี้ ดูไร้ชื่อและสับเปลี่ยนแลกที่กันได้ เก้าอี้เกือบทุกตัวมีผู้ จับจอง สายตามองกวาดทัว่ ร้าน สายตาของเราหยุดทีส่ าวรุน่ นัง่ ข้างหน้าต่างด้านหน้า ท�ำไมต้องเป็นเธอ? ท�ำไมไม่เป็น คนอื่น? ยากจะบอกได้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอดึงดูด ความสนใจของเรา เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะสี่ที่นั่ง อ่านหนังสือ เสื้อกีฬาสีเทามีฮู้ด กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบสีเหลือง ซีดจางจากการซักบ่อยครัง้ บนพนักเก้าอีพ้ าดเสือ้ แจ๊กเก็ต ทีมโรงเรียน นัน่ ก็เช่นกัน ไม่เฉียดไม่ใกล้คำ� ว่าใหม่ เธออาจ เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีแรก เพราะกลิน่ อายโรงเรียน มัธยมปลายยังเคลือบเธออยู่ ผมด�ำ เหยียดตรง ตัดสั้น เครือ่ งส�ำอางน้อยนิด ไม่มเี ครือ่ งประดับ วงหน้าเล็ก จิม้ ลิม้ แว่นตากรอบสีด�ำ นานๆ ครั้ง รอยหยักย่นวิ่งมาชนกัน ที่หัวคิ้ว เธออ่านหนังสือด้วยความสนใจเต็มที่ สายตาแทบ ไม่ละไปจากหน้ากระดาษ หนังสือปกแข็งเล่มหนา กระดาษ ห่อปกไว้จนไม่อาจอ่านชื่อหนังสือได้ มองจากการเขม้น จ้อง เนือ้ หาในหนังสือน่าจะหนักหนาสาหัส ไม่เฉียดไม่ใกล้ การกวาดสายตาอ่านผ่าน ดูเหมือนว่าเธอจะกัดกิน และ ละเลียดเสพรสเชื่องช้าคราวละบรรทัด บนโต๊ะวางแก้วกาแฟและที่เขี่ยบุหรี่ ข้างที่เขี่ยบุหรี่ วางหมวกแก๊ปเบสบอลสีน�้ำเงิน ทีมบอสตันเรดซ็อกส์ ตัว B สีแดงสด ขนาดใหญ่น่าจะใส่หลวมโพรก กระเป๋า 11 : 56 p.m.
9
สะพายหนังสีน�้ำตาลวางบนเก้าอี้ข้างกาย กระเป๋าโป่ง ประหนึ่งว่าข้าวของในนั้นถูกจับโยนเข้าไปในนาทีสุดท้าย เธอเอื้อมมือมาหาถ้วยกาแฟเป็นครั้งคราว ยกขึ้นแตะ ริมฝีปาก ท่าทางไม่ดื่มด�่ำไปกับรสชาติ เธอดื่มเพราะ ถ้วยกาแฟวางอยูต่ อ่ หน้า ดืม่ ตามบทบาทเป็นลูกค้าในร้าน นานครั้งเหมือนละเมอคิด เธอหยิบบุหรี่เสียบที่ริมฝีปาก จุดไฟด้วยไลเตอร์พลาสติก หรี่ตา ปล่อยควันพรูออก มาเป็นสายในอากาศ วางบุหรี่ลงบนที่เขี่ย และแล้ว ประหนึง่ ว่า อาการปวดหัวเคลือ่ นมาใกล้ เธอยกปลายนิว้ คลึงขมับ เพลงที่เล่นแผ่วๆ คือ โก อะเวย์ ลิตเติล เกิร์ล ของ เพอร์ซี เฟธกับวงออร์เคสตรา แน่อยู่แล้ว ไม่มีใครสนใจ รับฟัง คนหลากประเภทเข้ามานั่งกินอาหารและดื่มกาแฟ ในร้านเดนนีย์ ’สกลางดึก แต่เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่นั่ง ตามล�ำพังในร้าน เธอเงยหน้าจากหนังสือเป็นครั้งคราว เหลือบมองเวลา แต่ท่าของเธอไม่เหมือนว่ารอใครอยู่ ไม่ได้กวาดสายตามองไปรอบตัว ไม่ได้จอ้ งแน่วนิง่ ทีป่ ระตู ทางเข้า เธอเพียงนัง่ อ่านหนังสือ จุดบุหรีส่ บู เป็นครัง้ คราว และยกถ้วยกาแฟจิบดื่มเหมือนเครื่องจักรกล วาดหวัง ว่าเวลาจะเคลื่อนผ่านไปเร็วกว่านี้ ไม่จ�ำเป็นต้องบอก อรุณรุ่งวันใหม่ยังไม่มาเยือนในอีกหลายชั่วโมงข้างหน้า เธอหยุดอ่านชั่วขณะ จากหน้าต่างร้านชั้นสอง เธอ พอจะมองลงไปยังถนนจอแจเบื้องล่าง ช่วงเวลานี้ ถนน ยังเปิดไฟสว่าง มีผู้คนเดินไปมา ผู้คนที่มีที่จะไป ผู้คน ที่ไม่มีที่จะไป คนที่มีเป้าหมาย และคนที่ไม่มีเป้าหมาย 10
ราตรีมหัศจรรย์
คนที่พยายามดึงรั้งเวลาให้หน่วงช้า คนที่พยายามเร่ง เวลาให้เดินเร็วขึ้น หลังจากมองถนนอยู่นาน เธอกลั้น ลมหายใจไปชัว่ ขณะ ถอนหายใจยาว ก้มหน้าอ่านหนังสือ ต่อ มือเอื้อมไปหยิบถ้วยกาแฟมาจิบ สูบบุหรี่อัดควันสัก สองหรือสามครั้ง บุหรี่ของเธอไหม้ลามเลีย เหลือเพียง แท่งเถ้าสีเทาคงรูปเดิมในที่เขี่ยบุหรี่ บานประตูไฟฟ้าเลือ่ นเปิด ชายหนุม่ ร่างผอมแขนขายาวเดิน เข้ามา เสื้อโค้ตสั้นหนังสีด�ำ กางเกงสีเขียวมะกอกยับย่น รองเท้าบู๊ตสีน�้ำตาล เส้นผมยาวประบ่า ผมยุ่งพันกัน เป็นก้อนบางหย่อม อาจเป็นได้ว่าไม่มีโอกาสสระผม หลายวัน อาจเป็นได้วา่ เพิง่ มุดลอดพุม่ ไม้ หรืออาจเป็นได้ ว่าเขาสุขกายสบายใจทีห่ วั ยุง่ ร่างผอมบางแลดูสะโอดสะอง มากกว่าจะท�ำให้ดูเหมือนขาดอาหาร กล่องเครื่องดนตรี ขนาดใหญ่หอ้ ยหัวไหล่ เครือ่ งเป่า ในมือถือถุงทะเลสกปรก อีกใบ ดูเหมือนว่าจะโป่งพองด้วยโน้ตดนตรีและข้าวของ กระจุกกระจิก บนแก้มขวามีรอยแผลเป็นบาดตา รอยสัน้ ร่องลึก ประหนึง่ ว่าถูกของมีคมบาดคว้าน ไม่มลี กั ษณะอืน่ สะดุดตา เป็นแต่เพียงชายหนุ่มสุดสามัญ อารมณ์ดี ไม่ ฉลาดนัก เหมือนหมาพันทางข้างถนน สาวเสิร์ฟเดินน�ำเขาไปหาที่นั่งที่ด้านในของภัตตาคาร เขาเดินผ่านสาวรุ่นนั่งอ่านหนังสือ เดินผ่านไปหลายก้าว เท้าหยุดกึกเหมือนความคิดวาบเข้ามาในหัว จากนั้น เท้าเดินก้าวช้าๆ ถอยหลัง เหมือนเทปกรอกลับ หยุดยืน ที่โต๊ะของเธอ เขาเอียงหน้ามอง เพ่งจ้องใบหน้าเธอ 11 : 56 p.m.
11
พยายามทบทวนความคิด เวลาผ่านไปนานโข เขาจ�ำ ได้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาเป็นคนประเภทที่ทุกอย่างต้องใช้ เวลายืดยาว สาวรุน่ รับรูก้ ารยืนจ้องนิง่ ค้าง เธอเงยหน้าจากหนังสือ หยีตามอง ชายร่างสูง เธอต้องแหงนคอตั้งบ่า สายตา ประสานกัน ชายหนุ่มยิ้มให้ ยิ้มที่ให้ความหมายว่าเขา ไม่มีพิษไม่มีภัยใดต่อเธอ “ขออภัยด้วยถ้าผมจ�ำคนผิด คุณใช่นอ้ งสาวของเอริ อาซาอิ หรือเปล่า?” เธอไม่ตอบ มองเขาด้วยสายตาเดียวกับที่มองไม้พุ่ม กิ่งก้านกระเซิงที่มุมสวน “เราเคยพบกันหนหนึ่ง” เขากล่าวต่อ “คุณชื่อ...ยูริ ชื่อเหมือนพี่สาว ต่างกันที่พยางค์หน้า” เธอมองจ้องตา กล่าวแก้ข้อเท็จจริง “มาริ” เขายกนิ้วชี้กระดิกตั้งขึ้น “ใช่เลย! มาริ เอริกับมาริ ต่างกันที่พยางค์หน้า คุณจ�ำไม่ได้สินะว่าเราเคยพบกัน แล้ว” มาริเอียงหน้ามอง อาจหมายถึงใช่หรือไม่ใช่ เธอถอด แว่นตาวางข้างถ้วยกาแฟ สาวเสิร์ฟเดินย้อนกลับมา “คุณมาด้วยกันหรือเปล่า คะ?” “ใช่ครับ มาด้วยกัน” สาวเสิร์ฟวางเมนูลงบนโต๊ะ เขานั่งตรงข้ามมาริ วาง กล่องเครื่องดนตรีบนเก้าอี้อีกตัว อีกอึดใจใหญ่ เขาคิด 12
ราตรีมหัศจรรย์
ได้ว่าควรถาม “จะรังเกียจไหมถ้าผมจะนั่งที่นี่สักครู่ กิน เสร็จผมก็ไปแล้ว ผมต้องไปพบใครบางคน” มารินิ่วหน้ามอง “คุณควรพูด ก่อน จะนั่งไม่ใช่หรือ?” เขาเก็บถ้อยค�ำของเธอมาครุ่นคิด “เรื่องที่ผมต้องไป พบใครบางคนน่ะหรือ?” “ไม่ใช่...” มาริตอบ “อ้อ, คุณหมายถึงความสุภาพ” “อือ” เขาผงกหั ว “คุ ณ พู ด ถู ก ผมควรจะถามก่ อ นว่ า จะรังเกียจหรือเปล่าถ้าผมจะนั่งที่นี่ ขอโทษด้วยครับ แต่ ที่นี่แทบไม่มีที่นั่ง แล้วผมก็ไม่รบกวนคุณนานนัก คุณ รังเกียจหรือเปล่า?” มาริยักไหล่ไหวเยือก ให้ความหมายเหมือนว่า อยาก ท�ำอะไรก็เชิญ เขาเปิดกางเมนู นิ่วหน้าเพ่งจ้อง “คุณไม่กินอะไรหรือครับ?” “ฉันไม่หิว” เขาค�ำรามในคอ กวาดสายตาอ่านเมนู ปิดกลับ วาง บนโต๊ะ “ทีจ่ ริงผมไม่จำ� เป็นต้องอ่านเมนู” เขากล่าว “ผม ท�ำท่าเสแสร้งแกล้งอ่านไปยังงั้นเอง” มารินิ่งไม่พูดจา “มาที่นี่ ผมไม่กินอย่างอื่นนอกจากสลัดไก่ ทุกคราว ไม่เคยพลาด ถ้าคุณถามผมนะ เด็ดที่สุดของเดนนีย์ ’ส จะเป็นสลัดไก่ ผมเคยลองทุกอย่างในเมนูมาแล้ว คุณเคย ลองสลัดไก่ของที่นี่หรือยัง?” มาริสั่นหัว 11 : 56 p.m.
13
“ไม่เลวเลย สลัดไก่กบั ขนมปังปิง้ กรอบ มาทีเ่ ดนนีย์ ’ส เมื่อไหร่ ผมสั่งสองอย่างนี้เท่านั้น” “แล้วท�ำไมคุณเสียเวลาดูเมนู?” ปลายนิว้ ก้อยของเขาเขีย่ รอยตีนกา “ก็ลองคิดดูซี ไม่นา่ เศร้าเกินไปหรือ ถ้าเดินเข้ามาในเดนนีย์ ’ส แล้วสัง่ สลัดไก่ ไปเลยโดยไม่ดเู มนู? แทบจะเป็นการป่าวประกาศบอกโลก ไปเลยว่า ‘ฉันมาทีเ่ ดนนีย์ ’สเสมอ เพราะฉันหลงรักสลัดไก่ ของร้านนี้’ ผมก็เลยต้องวางท่าเปิดดูเมนู แสร้งท�ำเป็น ตรวจตรารายการอาหาร ก่อนจะสั่งสลัดไก่ หลังจาก พิจารณาอาหารจานอื่นอย่างรอบคอบแล้ว” สาวเสิร์ฟน�ำแก้วน�้ำมาให้ เขาสั่งสลัดไก่และขนมปัง ปิ้งกรอบ “ปิ้งให้กรอบที่สุดเลยนะ” เขาเน้นย�้ำจริงจัง “เกือบไหม้เลย” เขาสั่งกาแฟหลังมื้ออาหาร สาวเสิร์ฟ กดค�ำสั่งลงในอุปกรณ์มือถือ ยืนยันด้วยการอ่านเสียงดัง ทานซ�้ำอีกครั้ง “ผมคิดว่าสุภาพสตรีผู้นี้ต้องการกาแฟเพิ่มเติม” เขา กล่าว ชี้มือไปยังถ้วยกาแฟของมาริ “ขอบคุณค่า จะน�ำกาแฟมาให้ในทันที” เขามองตามสาวเสิร์ฟ “คุณไม่ชอบสลัดไก่หรือไง?” “ไม่ใช่เรือ่ งนัน้ ” มาริตอบ “ฉันไม่ยอมกินไก่ ถ้าออกมา กินอาหารนอกบ้าน” “ท�ำไมไม่?” “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไก่ที่น�ำมาท�ำอาหารในเครือข่าย ภัตตาคาร ไก่พวกนีเ้ ลีย้ งด้วยยาแปลกๆ สารพัด ฮอร์โมน 14
ราตรีมหัศจรรย์
เร่งการเจริญเติบโต...ของพวกนัน้ ไก่จะถูกขังในกรงแคบ ห้องมืด ฉีดยาหลายขนาน อาหารก็มีแต่สารเคมี แล้วก็ จับขึ้นสายพานล�ำเลียง เครื่องตัดหัว แล้วถอนขน...” “โย่ว!” เขาร้องขัดด้วยรอยยิ้ม รอยตีนกาหยักร่องลึก “สลัดไก่พร้อมค�ำบรรยายจากจอร์จ ออร์เวลล์!” มาริหรีต่ ามอง ไม่อาจบอกได้วา่ เขาล้อเลียนเธอหรือไม่ “เอาเถอะ” เขากล่าว “สลัดไก่ที่นี่ไม่เลว จริงนะ” ทันใด ราวกับเพิ่งรู้ตัวว่ายังสวมเสื้อโค้ต เขาถอด เสื้อโค้ตหนังออก พับแล้ววางบนเก้าอี้ข้างตัว ยกมือ มาถูกันบนโต๊ะ เขาสวมสเวตเตอร์เขียวคอพับ ลายถัก เส้นใหญ่ เหมือนเส้นผม ขนสัตว์ในสเวตเตอร์มีปมผุด หลุดลุ่ยเป็นระยะ เห็นได้ชัดว่ าเขาไม่ใช่คนประเภทที่ เป็นกังวลกับภาพที่ผู้อื่นมองเห็น “เราพบกั น ที่ ส ระว่ า ยน�้ ำ ของโรงแรม ในชิ น างาวะ สองฤดูร้อนก่อน จ�ำได้ไหม?” “อือ” “เพื่อนของผมไปที่นั่นด้วย พี่สาวของคุณก็อยู่ที่นั่น คุณอยู่ที่นั่น ผมอยู่ที่นั่น เราเพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ผมแน่ใจว่าคุณน่าจะเรียนปีสอง โรงเรียนมัธยมปลาย จริงไหม?” มาริผงกหัวรับ เค้าหน้าไม่สนใจเรื่องนั้น “เพื่อนของผมออกเดตกับพี่สาวของคุณในตอนนั้น เขาพาผมร่วมทางไปด้วย ออกเดตคู่ เขาขุดตั๋วฟรีของ สระว่ายน�้ำมาได้สี่ใบ พี่สาวก็พาคุณร่วมทางมาด้วย คุณ ไม่พูดไม่จา ใช้เวลาส่วนใหญ่ด�ำผุดด�ำว่ายในสระว่ายน�้ำ 11 : 56 p.m.
15
เหมือนโลมา หลังจากนั้น เราเข้าไปนั่งในห้องน�้ำชา กิน ไอศกรีมกัน คุณสั่งพีชเมลบา” มารินิ่วหน้า “ท�ำไมคุณจดจ�ำเรื่องพรรค์นั้นได้ ไม่ ตกหล่น?” “ผมไม่เคยเดตผู้หญิงที่สั่งพีชเมลบามาก่อน แล้ว ตอนนั้น คุณก็หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักดี” มาริมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า “โกหก...คุณจ้อง พี่สาวของฉันตลอดเวลา” “ผมท�ำอย่างนั้นหรือ?” มาริตอบด้วยความเงียบ “เออ, ผมอาจท�ำแบบนั้น ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ผมจ�ำได้ว่าบิกินีของพี่สาวของคุณเล็กจิ๋ว” มาริดงึ บุหรีอ่ อกจากซอง เสียบเข้าทีร่ มิ ฝีปาก จุดด้วย ไลเตอร์ “บอกอะไรให้สักอย่างนะ ผมไม่ได้พยายามปกป้อง เดนนีย์ ’ส นะ แต่ผมแน่ใจว่าการสูบบุหรีท่ งั้ ซอง เลวร้าย กว่า ปัญหาที่ อาจจะเกิด จากการกินสลัดไก่จานเดียว ว่าไหม?” มาริไขหูไม่รับฟังค�ำถาม “เพือ่ นผูห้ ญิงอีกคนรับปากว่าจะออกเดตคูก่ บั พีส่ าว แต่ เธอป่วยในนาทีสดุ ท้าย พีส่ าวก็เลยลากฉันร่วมทางไปด้วย ให้ครบคู่” “ดังนั้น คุณเลยเดินทางไปที่นั่นด้วยอารมณ์บูด” “แต่ฉันจ�ำคุณได้” “จริงหรือ?” มาริยกปลายนิ้วแตะแก้มข้างขวา 16
ราตรีมหัศจรรย์
ชายหนุ่มยกปลายนิ้วแตะแผลเป็นบนแก้ม “อ๋อ, ไอ้นี่ เอง ตอนที่ผมเป็นเด็ก ผมขี่จักรยานเร็วจัด ที่ปลายเนิน หักเลี้ยวไม่ทัน สูงกว่านี้อีกนิ้วเดียว ลูกตาข้างนี้ทะลัก ออกจากเบ้า ติง่ หูของผมไถพืน้ ยับเยิน คุณอยากดูไหม?” มาริขมวดคิ้ว สั่นหัว สาวเสิร์ฟวางจานสลัดไก่และจานขนมปังปิ้งลงบน โต๊ะ รินกาแฟเติมให้มาริ และตรวจสอบกับอุปกรณ์มอื ถือ อีกครั้งว่าเธอน�ำทุกอย่างมาบริการครบถ้วน เขาหยิบ มีดและส้อมขึ้นมา การเคลื่อนไหวเรียบลื่นตักกินสลัดไก่ จากนั้น เขาหยิบขนมปังปิ้งขึ้นมา เขม้นมอง หัวคิ้ววิ่ง ชนกัน “ไม่ว่าผมจะกรีดร้องดังสักแค่ไหน สั่งให้ปิ้งให้กรอบ ที่สุด ผมไม่เคยได้ขนมปังปิ้งเหมือนที่ต้องการแม้แต่ครั้ง เดียว เหลือเชือ่ หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ ท�ำไมนะ แม้จะ มีการทุม่ เทท�ำงานหนักเยีย่ งคนญีป่ นุ่ วัฒนธรรมสุดไฮเท็ก และแผนการตลาดก�ำหนดเครือข่ายสาขาของร้านเดนนีย์ ’ส ยากขนาดนั้นเชียวหรือ ที่จะปิ้งขนมปังให้เกรียมสุดขีด เหลือเชื่อเลย ว่าไหม? เรื่องแค่นี้ท�ำไมพวกเขาท�ำไม่ได้? อารยธรรมมนุษย์เหลือคุณค่าระดับไหนถ้ายังปิ้งขนมปัง ให้กรอบเกรียมไม่ได้?” มาริไม่ยอมเล่นด้วย ไม่สานต่อ “แต่กเ็ ถอะ ตอนนัน้ พีส่ าวของคุณสวยสด หน้าหวาน เชียว” เขาพูดออกมาเหมือนว่าร�ำพึงกับตัวเอง มาริเงยหน้าขึ้นมอง “ท�ำไมคุณพูดทุกอย่างให้เป็น อดีตกาล?” 11 : 56 p.m.
17
“ท�ำไมผม...? หวา, ถ้าพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ก็ต้องใช้อดีตกาล ก็แค่นั้น ไม่มีความประสงค์เป็นอื่น ผมไม่ได้บอกว่าตอนนี้เธอไม่สวย หรือเปลี่ยนไป” “เธอยังสวย” “งั้นก็...วิเศษ แต่บอกความจริงเลยนะ ผมไม่รู้จัก เอริถึงขั้นสนิทสนม เราเคยเรียนห้องเดียวกันตอนมัธยม ปลาย ผมเคยพูดกับเธอไม่เกินสองค�ำ จะชัดกว่าถ้าจะ บอกว่า เธอไม่คิดจะเหลียวมามองผม” “แต่คุณก็ยังสนใจเธออยู่ จริงไหม?” ชายหนุ่มถือมีดและส้อมค้ างกลางอากาศ “สนใจ อืม...น่าจะเป็นความอยากรู้อยากเห็นเชิงวิชาการเสีย มากกว่า” “ความอยากรู้อยากเห็นเชิงวิชาการ?” “ช่าย, เช่นว่า จะรู้สึกอย่างไรถ้าได้ออกเดตกับสาว หน้าสวยแบบเอริ อาซาอิ? ต้องยอมรับนะว่า เธอสวย ระดับขึ้นปกนิตยสารเลยนะ” “คุณเรียกอย่างนั้นว่า ความอยากรู้อยากเห็นเชิง วิชาการ? ” “เออ, ท�ำนองนั้น ใช่เลย” “แต่ตอนนั้น เพื่อนของคุณเป็นคนออกเดตกับเธอ แล้วคุณก็เป็นแค่คนร่วมทางให้เป็นเดตคู่” เขาผงกหัวรับ อาหารเต็มปาก เขาใช้เวลานานเท่าที่ จ�ำเป็นในการเคี้ยวให้ละเอียด “ผมเป็นพวกถ่อมตัว แสงสปอตไลต์ไม่เหมาะกับผมนัก ผมเป็นเพียงแค่ออร์เดิรฟ์ หรือเฟรนช์ฟราย ผ่าง! เป็นลูกคู่ 18
ราตรีมหัศจรรย์
ให้นักร้องน�ำ” “ด้วยเหตุนี้ คุณถึงได้จับคู่กับฉัน” “แต่ตอนนั้น คุณก็หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักเป็นที่สุด” “คุณมีปมอะไรในบุคลิกภาพทีท่ ำ� ให้ชอบใช้อดีตกาล?” ชายหนุม่ ยิม้ รับ “ไม่ซี ผมเพียงแค่ถา่ ยทอดความรูส้ กึ อดีตครั้งนั้น ผ่านมุมมองของปัจจุบันกาล ตอนนั้นคุณ น่ารัก จริงๆ นะ แต่คุณก็แทบไม่ได้พูดกับผมเลย” เขาวางมีดและส้อมลงบนจาน จิบน�ำ้ ซับริมฝีปากด้วย กระดาษเช็ดปาก “นีเ่ ลย, ในตอนทีค่ ณ ุ ว่ายน�ำ้ ผมถามเอริ ว่า ‘ท�ำไมน้องสาวของคุณไม่คยุ กับผม ผมมีอะไรผิดปกติ หรือเปล่า?’ ” “แล้วเธอตอบว่ายังไง?” “คุณไม่ใช่คนประเภททีจ่ ะชวนใครคุย แล้วคุณก็แปลก พิลึกไม่เหมือนคนอื่น แม้คุณจะเป็นคนญี่ปุ่น แต่คุณพูด ภาษาจีนบ่อยกว่าเสียอีก ดังนัน้ ผมไม่ควรเป็นกังวล เธอ ไม่คิดว่ามีความผิดปกติใดๆ ในตัวผม” มาริกดดับบุหรี่ในที่เขี่ย “เป็นจริงใช่ไหม? ที่ว่าไม่มีอะไรผิดปกติในตัวผมน่ะ” มารินิ่งคิดชั่วครู่ “ฉันจ�ำไม่ได้ทั้งหมด แต่ฉันไม่คิดว่า จะมีอะไรผิดปกติในตัวคุณ” “แหม, ดีจัง ผมชักเริ่มเป็นกังวลแล้วซี ที่จริง ผมมี ความผิดปกติในตัว เรื่องสองเรื่อง แต่ความผิดปกติ แบบนั้นควรจะเก็บซ่อนไว้ภายใน ผมไม่โปรดถ้าความ ผิดเพีย้ นนัน้ จะโผล่มาให้ทกุ คนพบเห็น โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในสระว่ายน�้ำในฤดูร้อน” 11 : 56 p.m.
19
มาริจ้องหน้าเขาอีกครั้ง ประหนึ่งว่าจะยืนยันน�้ำหนัก ของแต่ละค�ำในถ้อยบรรยายของเขา “ฉันไม่คิดว่าฉันได้ เห็นความผิดปกติใดๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในของคุณในวันนั้น” “โล่งอกไปที” “แต่ฉันก็จ�ำชื่อคุณไม่ได้” “ชื่อผม?” “ชื่อคุณ” เขาสั่ น หั ว “ผมไม่รังเกียจถ้าคุณจะลืมชื่อผม ชื่ อ สุดสามัญ ดาษดืน่ เท่าทีจ่ ะพบในชือ่ คน แม้แต่ผมเองยังรูส้ กึ อยากจะลืมชื่อตัวเอง ไม่ง่ายนัก การที่จะลืมชื่อตัวเองน่ะ ชื่อคนอื่นๆ แม้แต่ชื่อที่ผมอยากจะจ�ำ ผมมักจะลืมเสมอ” เขาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง ประหนึ่งค้นหา สิ่งที่ไม่ควรหายไป เขาหันกลับมาจ้องหน้ามาริอีกครั้ง “เรือ่ งหนึง่ ทีท่ ำ� ให้ผมสงสัยจนถึงวันนี้ ท�ำไมพีส่ าวของ คุณไม่ยอมลงน�้ำ? วันนั้นก็ร้อนอบอ้าว และสระว่ายน�้ำก็ น่าโดดเสียด้วย” มาริมองหน้าเขา สายตาบ่งบอกว่า หมายความว่า คุณไม่เข้าใจเรื่องนั้นเหมือนกันหรือ? “เธอไม่อยากให้ เครื่องส�ำอางเลอะเทอะ เห็นได้ชัดอยู่แล้ว อีกอย่างหนึ่ง ชุดว่ายน�้ำแบบนั้นว่ายน�้ำไม่ได้นี่” “นั่นจริงหรือ?” เขาอุทานออกมา “เหลือเชื่อเลยที่ พี่กับน้องต่างกันได้ขนาดนี้” “เราใช้ชีวิตคนละทาง” เขานิ่งคิด ทบทวนค�ำพูดของเธอก่อนจะกล่าวออกมา “ผมสงสัยว่าจะเกิดผลอย่างไรถ้าคนเราใช้ชีวิตคนละทาง 20
ราตรีมหัศจรรย์
ยกตัวอย่างคุณกับพีส่ าว เกิดมามีพอ่ แม่คนเดียวกัน เกิด และโตในบ้านหลังเดียวกัน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ ท�ำไมคุณ สองคนถึงมีวิถีชีวิตคนละขั้วแบบนี้? ที่จุดไหนของชีวิตที่ เป็นจุดเปลีย่ นให้แยกย้ายไปคนละทิศ? คนหนึง่ สวมบิกนิ ี ผืนกว้างเท่าธงราว นอนเอกเขนกข้างสระว่ายน�้ำ ท�ำท่า เซ็กซี่ ส่วนอีกคนสวมชุดว่ายน�้ำชั่วโมงพละของโรงเรียน ว่ายแหวกน�้ำเหมือนโลมาน้อย...” มาริจอ้ งหน้าเขา “คุณขอให้ฉนั อธิบายให้คณ ุ ทราบทีน่ ี่ และตอนนี้เลย ใช้ค�ำไม่เกินยี่สิบห้าค�ำในระหว่างที่คุณกิน สลัดไก่?” เขาสั่นหัว “ไม่ครับ ผมเพียงแค่โพล่งพูดสิ่งที่พลัด เข้ามาในหัว น่าจะมาจากความอยากรูอ้ ยากเห็นหรืออะไร สักอย่าง คุณไม่จำ� เป็นต้องตอบ ผมเพียงแค่ถามตัวเอง” เขาก้มหน้าก้มตากินสลัดไก่ตอ่ เปลีย่ นใจ บรรยายต่อ เมื่อเคี้ยวหมดปาก “ผมไม่มีพี่น้อง หญิงหรือชาย ผมเพียงแค่อยากรู้... นอกจากหน้าตาที่มีเค้าคล้ายกันแล้ว จุดไหนที่ความ แตกต่างผุดเข้ามาให้แยกทางเดินกันคนละทิศ?” มาริเงียบงันในระหว่างทีช่ ายถือมีดและส้อม เหม่อมอง จุดหนึ่งเหนือโต๊ะอาหาร เขากล่าวต่อ “ผมเคยอ่านเรือ่ งพีน่ อ้ งสามคนทีโ่ ดนคลืน่ ซัดไปเกยหาดฮาวาย นิทานปรัมปรา เรือ่ งเก่านานมาแล้ว ผมอ่านตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก ผมอาจจ�ำไม่ได้ทั้งหมดนะ แต่ก็ด�ำเนินไปท�ำนองนี้ พี่น้องสามคนออกเรือไปหาปลา พายุพัด ลอยตุ๊บป่องกลางทะเลอยู่นานจนคลื่นซัดมา 11 : 56 p.m.
21
เกยหาดบนเกาะร้าง เกาะสวยสุด ต้นมะพร้าวขึน้ เรียงราย บนชายหาด ต้นไม้มีผลสุกงอมหอมกรุ่นห้อยระย้า แล้ว ก็มีภูเขาสูงเสียดฟ้ากลางเกาะ คืนที่ทั้งสามไปถึงที่นั่น พระเจ้าโผล่เข้ามาในความฝัน ‘ลึกเข้าไปในเกาะ เจ้าจะ พบหินกลมเกลี้ยงสามก้อน เจ้าทั้งสามกลิ้งหินไปให้ไกล ที่สุดเท่าที่ปรารถนา หินหยุดที่ไหน เจ้าจะได้ใช้ชีวิตที่นั่น ยิ่งกลิง้ หินขึน้ สูงมากเท่าไหร่ เจ้าก็จะได้เห็นโลกกว้างไกล เกินกว่าที่เจ้าจะเห็นจากบ้าน เจ้าตัดสินใจเลือกเองว่า อยากจะกลิ้งหินไปไกลแค่ไหน’ ” ชายหนุ ่ ม จิ บ น�้ ำ เปล่ า นิ่ ง ไปชั่ ว ขณะ มาริ ห น้ า ตา เบื่อหน่าย แต่เห็นได้ชัดว่าเธอสนใจอยากฟัง “พอฟังได้ใช่ไหม?” มาริผงกหัวรับ “อยากฟังต่อจนจบหรือเปล่า? ถ้าคุณไม่สนใจ ผม หยุดเล่าได้นะ” “ถ้าไม่ยาวเกินไป” “ไม่ครับ ไม่ยาวเท่าไหร่ เรื่องง่ายฟังไม่ยาก” เขาจิบดื่มน�้ำอีกครั้งก่อนจะเล่าต่อ “พี่ น ้ อ งทั้ ง สามเดิ น เข้ า ไปจนพบหิ น กลมเกลี้ ย ง ก้อนใหญ่ เหมือนที่พระเจ้ามาเข้าฝันบอกไว้ ทั้งสาม เริ่มกลิ้งหินจากที่ เหมือนที่พระเจ้าแนะน�ำไว้ หินใหญ่ หินหนัก ต้องออกแรงสุดตัวกว่าจะกลิ้งให้เคลื่อนจากที่ ไปได้ สาหัสกว่านัน้ ตอนทีก่ ลิง้ ขึน้ เนิน น้องชายคนเล็กสุด ยอมแพ้กอ่ นเพือ่ น ‘ผมพอแค่นี้ ทีน่ ดี่ พี อส�ำหรับผม อยูใ่ กล้ ชายหาด จับปลาได้ มีทุกอย่างที่จ�ำเป็นเลี้ยงชีวิตแล้ว 22
ราตรีมหัศจรรย์
ผมไม่รังเกียจถ้าผมจะไม่ได้เห็นโลกกว้างจากที่นี่’ พี่ชาย ทัง้ สองกลิง้ หินเคลือ่ นทีต่ อ่ ไป แต่เมือ่ ถึงกลางทางภูเขาสูง น้องชายคนรองหยุดทีน่ นั่ ‘ทีน่ ดี่ พี อส�ำหรับผมแล้ว มีผลไม้ เหลือเฟือ มีทกุ อย่างทีจ่ ำ� เป็นเลีย้ งชีวติ แล้ว ผมไม่รงั เกียจ ถ้าผมจะไม่ได้เห็นโลกกว้างจากที่นี่’ พี่ชายคนโตกลิ้งหิน ขึน้ เขา เส้นทางเล็กแคบและสูงชัน แต่เขาไม่ยอมแพ้ เขามี น�ำ้ อดน�ำ้ ทนเป็นเลิศ และอยากจะเห็นโลกให้กว้างไกลทีส่ ดุ ดังนัน้ เขาทุม่ เทเรีย่ วแรงทัง้ หมดกลิง้ หินกลมขึน้ เขาต่อไป เขากลิ้งหินไปนานหลายเดือน แทบจะไม่หยุดกินอาหาร ดื่มน�้ำ จนกระทั่งเขากลิ้งหินขึ้นไปถึงยอดเขาสูง ที่นั่น เขาหยุด และกวาดสายตามองโลกรอบข้าง บัดนี้ เขา มองเห็นโลกมากกว่าผู้อื่น ที่นี่จะเป็นบ้านที่เขาจะใช้ชีวิต ไปจนถึงวันสุดท้าย...ที่นี่ไม่มีหญ้า ไม่มีนกบินผ่าน หาก กระหาย ต้องเลียน�้ำแข็งและน�้ำค้างแข็ง ส�ำหรับอาหาร มีเพียงมอสส์ให้เล็มแทะเลีย้ งชีวติ แต่เขาไม่เสียใจ เพราะ บัดนี้ เขามองเห็นโลกทั้งโลกแล้ว แม้แต่ทุกวันนี้ หิน กลมเกลี้ยงก้อนใหญ่ของเขายังสถิตอยู่บนยอดเขาสูงใน ฮาวาย เรื่องเล่ามีเพียงเท่านี้” ความเงียบ มาริถาม “ไม่มี นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าหรือ?” “สองข้อ น่าจะใช่นะ เรื่องแรก” เขากระดิกนิ้วชูขึ้น “คนเราแตกต่างกัน แม้แต่พี่น้องร่วมสายเลือด และอีก เรือ่ งหนึง่ ” เขาเพิม่ นิว้ อีกนิว้ “...ถ้าคุณอยากรูอ้ ะไรสักอย่าง ถึงขนาด คุณจ�ำเป็นต้องจ่ายช�ำระเต็มราคา” มาริเสนอความเห็น “ส�ำหรับฉัน ชีวิตที่น้องสองคน 11 : 56 p.m.
23
เลือก สมเหตุสมผลที่สุด” “นั่นจริง” เขายอมรับ “ไม่มีใครอยากเดินทางไกล ไปจนถึงฮาวายเพื่อไปเลียน�้ำค้างแข็งและกินมอสส์ นั่น แน่อยู่แล้ว แต่พี่ชายคนโตอยากรู้ อยากมองเห็นโลกให้ กว้างไกลที่สุดเท่าที่จะท�ำได้ เขาไม่อาจสะกดข่มความ อยากรู้อยากเห็นนั้นได้ ไม่ว่าจะจ่ายช�ำระราคาแลกมา มหาศาลสักแค่ไหน” “ความอยากรู้อยากเห็นเชิงวิชาการ” “แม่นแท้” มาริ เ ก็ บ เรื่ อ งนี้ ไ ปคิ ด อยู ่ น าน มื อ ข้ า งหนึ่ ง วางทั บ หนังสือเล่มหนา “แม้ผมจะถามด้วยอาการสุภาพสุดขีดว่า คุณอ่าน หนังสืออะไร คุณก็คงไม่บอกผม?” “อาจไม่” “ดูหนักนะ” มาริไม่ตอบ “ไม่ ใ ช่ ห นั ง สื อ ไซส์ ป กติ ที่ ผู ้ ห ญิ ง จะบรรทุ ก มาใน กระเป๋าถือ” มาริยงั เงียบงัน เขายอมพ่าย หันกลับไปกินอาหารต่อ คราวนี้ เขาทุ่มเทความใส่ใจทั้งหมดให้สลัดไก่ กินจน เกลี้ยงจานโดยไม่มีค�ำพูดขัดจังหวะ เขาใช้เวลานานโข เคี้ยวทุกค�ำให้ละเอียด ดื่มน�้ำมากเป็นพิเศษ เขาขอให้ สาวเสิรฟ์ เติมน�ำ้ ให้หลายครัง้ เขากินขนมปังปิง้ ชิน้ สุดท้าย “บ้านของคุณอยู่โน่น...ฮิโยชิ ถ้าผมจ�ำไม่ผิด” เขากล่าว 24
ราตรีมหัศจรรย์
จานว่างเปล่าเก็บไปแล้ว มาริผงกหัวรับ “คุณไม่มที างจับรถไฟเทีย่ วสุดท้ายได้ ผมคิดว่าคุณจับ แท็กซี่กลับบ้านได้ แต่รถไฟเที่ยวถัดไป กว่าจะวิ่งก็พรุ่งนี้ เช้า” “ฉันเองก็รู้มากขนาดนั้น” มาริตอบ “แค่สอบทานให้แน่ใจ” “ฉั น ไม่ รู ้ ว ่ า คุ ณ อยู ่ ที่ ไ หน แต่ คุ ณ ก็ ค งพลาดรถไฟ เที่ยวสุดท้ายเหมือนกัน?” “ไม่ไกล ผมอยู่โคเอนจิ แต่ผมอยู่คนเดียว แล้วคืนนี้ เราจะซ้อมดนตรีกันจนสว่างคาตา อีกอย่างหนึ่ง ถ้าผม จ�ำเป็นต้องกลับบ้าน เพื่อนมีรถยนต์” เขาแตะกล่องเครื่องดนตรีเหมือนตบหัวหมาตัวโปรด “วงของเราซ้ อ มดนตรี ใ นห้ อ งใต้ ดิ น อาคารใหญ่ ในละแวกนี้ เราส่งเสียงอึกทึกได้เต็มที่ ไม่มีใครโวยวาย แต่ที่นั่นไม่มีเครื่องท�ำความร้อน ช่วงนี้ อากาศก็คง หนาวเยือก แต่พวกเขาไม่คิดเงิน เราได้ที่ซ้อมดนตรีก็ ดีโขแล้ว” มาริเหลือบมองกล่องเครื่องดนตรี “ทรอมโบนหรือ?” “จริงด้วย! คุณรู้ได้ไง?” “เหอะ, ฉันรู้ว่าทรอมโบนหน้าตาเป็นยังไง” “ก็ จ ริ ง แต่ มี ผู ้ ห ญิ ง อี ก หลายล้ า นคนที่ ไ ม่ รู ้ ว ่ า มี เครื่องดนตรีชนิดนี้อยู่ในโลก ว่ าพวกคุณเธอไม่ได้นะ มิก แจ๊กเกอร์กับเอริก แคลปตันเป็นร็อกสตาร์ไม่ได้ถ้า เล่นทรอมโบน แล้วใครเคยเห็นจิมมี เฮนดริกซ์ หรือ 11 : 56 p.m.
25
พี ต ทาวน์ เ ชนด์ ฟ าดทรอมโบนให้ แ ตกบนเวที บ ้ า ง? ไม่มีทางอยู่แล้ว จะหวดฟาดได้ก็มีแต่กีตาร์ไฟฟ้า นี่นะ, ถ้าเอาทรอมโบนไปฟาดให้หักบนเวที ผู้ชมก็คงหัวเราะ กันฟันหัก” “แล้วท�ำไมคุณเลือกทรอมโบน?” เขาเทครีมลงในถ้วยกาแฟที่เพิ่งมาถึง ยกขึ้นจิบ “ตอนโน้น ผมยังเรียนมัธยมต้น ผมซื้อแผ่นเสียง แจ๊ส ชื่อ ‘บลูส์-เอ็ตต์’ จากร้านแผ่นเสียงมือสอง แผ่น ลองเพลย์เก่า จ�ำไม่ได้วา่ ท�ำไมถึงซือ้ มา ผมไม่เคยฟังเพลง แจ๊สมาก่อน แต่เพลงแรกในหน้า A ชื่อเพลง ไฟฟ์ สปอต แอฟเตอร์ ดาร์ก สุดยอดไปเลย เคอร์ติส ฟูลเลอร์เล่น ทรอมโบน ครั้งแรกที่ผมได้ยินเพลงนี้ ผมรู้สึกว่าตัวโน้ต หล่นเกรียวกราวออกจากดวงตา นีเ่ ลย ผมคิดในใจ นีไ่ ง, เครื่องดนตรีของผม ทรอมโบนกับผม จับคู่ผูกข้อมือกัน ด้วยชะตาลิขิต” ชายหนุม่ ฮัมท่อนแรกของ ไฟฟ์ สปอต แอฟเตอร์ ดาร์ก “ฉันรู้จักเพลงนี้” มาริกล่าว “จริงน่ะ?” หนุ่มงุนงง มาริฮัมอีกท่อนต่อให้ “คุณรู้ได้ยังไง?” เขาถาม “มีกฎหมายห้ามไว้ด้วยหรือ?” เขาวางถ้วยกาแฟลง ส่ายหน้าไปมาช้าๆ “ไม่ห้าม ไม่มี แต่เหลือเชื่อจริงๆ ผมไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงคนไหน เคยได้ยินเพลง ไฟฟ์ สปอต แอฟเตอร์ ดาร์ก...ก็เถอะ, เคอร์ติส ฟูลเลอร์ เล่นจนผมขนลุก จุดประกายให้ผม 26
ราตรีมหัศจรรย์
อยากเล่นทรอมโบน ผมยืมเงินจากพ่อ ซื้อเครื่องดนตรี มือสอง สมัครเข้าวงดุริยางค์ของโรงเรียน ตอนที่เรียน มอปลาย ผมเล่นสนุกกับเพื่อนๆ ตอนแรกก็เล่นแบ็กอัป ให้วงร็อก เหมือนทาวเออร์ ออฟ พาวเวอร์ คุณรู้จัก ทาวเออร์ ออฟ พาวเวอร์ หรือเปล่า?” มาริสั่นหัว “ช่างเหอะ นั่นเรื่องอดีตเมื่อครั้งเป็นเด็ก ตอนนี้ ผม เล่นเพลงแจ๊สอย่างเดียว มหา’ลัยของผมอาจไม่มอี ะไรเด่น แต่วงดนตรีเข้าขั้นสุดยอด” สาวเสิรฟ์ เดินมาเติมน�ำ้ เย็นให้ เขายกมือห้าม เหลือบ มองนาฬิกา “ได้เวลาต้องไปแล้ว” มาริไม่พูดอะไร สีหน้า แล้วใครห้ามคุณด้วย “แต่ก็แหงอยู่แล้ว คนอื่นๆ มาไม่เคยตรงเวลา” มาริไม่มีความเห็นต่อเรื่องนั้นเช่นกัน “เฮ้, กล่าวทักทายพี่สาวของคุณแทนผมด้วย” “คุณท�ำเองได้...ไม่ใช่หรือ? คุณรูเ้ บอร์โทรทีบ่ า้ น ฉันจะ ทักทายแทนคุณได้ยงั ไง ฉันไม่รชู้ อื่ ของคุณเสียด้วยซ�ำ้ ไป” เขานิ่งคิดเรื่องนั้น “สมมติว่าผมโทรไปที่บ้านของคุณ แล้วเอริรับสาย จะให้ผมคุยเรื่องอะไรกับเธอ?” “ขอร้องให้เธอช่วยจัดงานวันคืนสูเ่ หย้า คุณคงคิดอะไร ได้สักอย่าง” “ผมไม่ใช่คนช่างคุย ตั้งแต่เล็กจนโตมาแล้ว” “ฉันว่าคุณพูดมากเอาการ” “ถ้าคุยกับคุณ ผมคล้ายจะพูดคุยได้คล่องปาก” “ถ้าคุยกับฉัน คุณ คล้ายจะ พูดคุยได้คล่องปาก” เธอ 11 : 56 p.m.
27
ทวนซ�้ำไม่ตกหล่น “แต่ถ้าเป็นพี่สาวของฉัน คุณพูดไม่ ออก?” “เป็นเช่นนั้น” “เพราะว่ามีความอยากรู้อยากเห็นเชิงวิชาการมาก?” สงสัยอยู่เหมือนกัน สีหน้าของเขาบ่งบอกอย่างนั้น อ้าปากจะพูด แล้วเปลีย่ นใจ ปิดปากลง สูดลมหายใจยาว เข้าปอด หยิบบิลจากโต๊ะ คิดเลขในใจ “ผมจ่ายส่วนของผมนะ คุณช่วยรวมจ่ายให้ด้วย” มาริผงกหัว เขาเหลือบมองเธอ หันไปมองหนังสือเล่มหนา อึกอัก ลังเลก่อนจะกล่าวออกมา “ผมรู้ว่าไม่ใช่ธุระกงการอะไร ของผม แต่มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? เถียงกับแฟนหรือ เถียงกับทางบ้าน? ผมหมายความว่า ต้องระเห็จออกมา นั่งหง่าวคนเดียวทั้งคืน...” มาริหยิบแว่นมาสวม จ้องหน้าเขา ความเงียบลอยฟ่อง ระหว่างกลางคนทั้งสอง เข้มข้นและเย็นเยือก เขายกมือ สองข้างเสมอไหล่ ประหนึ่งจะบอกว่า ขออภัยที่เจือก “ผมจะแวะกลับมาหาที่นี่ หาอะไรรองท้องตอนตีห้า” เขากล่าว “ถึงตอนนัน้ ก็คงหิวอีกรอบ หวังว่าคงได้เจอคุณ อีกครั้ง” “ท�ำไม?” “อืม, สงสัยอยู่เหมือนกัน” “เพราะคุณเป็นห่วงฉันหรือไง?” “นั่นส่วนหนึ่ง” “เพราะว่าคุณอยากกล่าวทักทายกับพี่สาวของฉัน?” 28
ราตรีมหัศจรรย์
“นั่นก็เป็นอีกส่วนเล็กๆ เหมือนกัน” “พีส่ าวของฉันไม่รคู้ วามแตกต่างระหว่างทรอมโบนกับ เครื่องปิ้งขนมปัง แต่แค่มองปราดเดียว เธอแยกแยะได้ ระหว่างกุชชีกับปราดา เรื่องนั้นฉันแน่ใจ” “ทุกคนมีสนามรบส่วนตัว” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาหยิบสมุดจดจากกระเป๋าเสือ้ โค้ต เขียนด้วยปากกา ลูกลื่น ก่อนจะฉีกแผ่นกระดาษยื่นส่งให้เธอ “เบอร์โทรมือถือของผม โทรหาถ้ามีเรื่อง เอ้อ, คุณมี มือถือหรือเปล่า?” มาริสั่นหัว “คิดอยูแ่ ล้วว่าไม่ม”ี เขากล่าว ท่าทางประทับใจเหลือล้น “ผมมีสงั หรณ์ แน่ใจเลยนะ ‘พนันได้เลย เธอไม่ชอบมือถือ’ ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน สวมเสื้อโค้ตหนัง เขาหยิบกล่อง ทรอมโบนมาถือ ใบหน้าเรื่อยิ้มตอนกล่าวออกมา “แล้ว เจอกัน” มาริผงกหัวรับ ใบหน้าไร้ความรู้สึก สายตาไม่มอง แผ่ น กระดาษเบอร์ โ ทรศั พ ท์ เธอเลื่ อ นมาวางข้ า งบิ ล กลั้นหายใจนิ่งชั่วครู่ ยกมือเท้าคาง ก่อนจะก้มลงอ่าน หนังสืออีกครั้ง เบิร์ต บาคารัคขับขาน ดิ เอพริล ฟูลส แว่วแผ่วเบาในภัตตาคาร
11 : 56 p.m.
29