เจ้าเวหา-Masters of the Air

Page 1


เจ้าเวหา

Masters of the Air

Donald L. Miller เขียน นพดล เวชสวัสดิ์ แปล นาวาอากาศเอก วาริท รามโกมุท บรรณาธิการ


ขอขอบคุณ คุณอธิชา มัญชุนากร กาบูล็อง คุณอัชฌา รัตนวงศ์นรา


ในฤดูใบไม้ผลิปี 1944...เราเป็นเจ้าเวหา ความขมขืน่ ของการดิน้ สูเ้ คีย่ วกร�ำ ลุฟต์วาเฟอ (กองทัพอากาศเยอรมัน) เกินทานทน...เราครองฟ้าได้ เบ็ดเสร็จเด็ดขาดปลายปี 1944 ต้องขอขอบคุณกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 วินสตัน เชอร์ชิล, Closing the Ring

มีส�ำนึกรับรู้ถึงเพื่อนร่วมรบอยู่เคียงกายเสมอ เขารู้สึกถึงความผูกพัน ฉันสหายศึก แนบแน่นยิง่ กว่าอุดมการณ์ทสี่ ง่ พวกเขาเข้าสูส่ นามรบ ความ ผูกพันดุจภราดรอันเป็นปริศนา ก่อก�ำเนิดจากควันและภัยคุกคามถึงชีวิต สตีเฟน เครน, The Red Badge of Courage


ฐานบิน กองกำลังทางอากาศที� � สถานีกองพลบิน � สถานีกองพลบิน � สถานีกองพลบิน � ปฏิบัติการพิเศษ (คาร์เป็ตแบ็กเกอร์)

หน่วยบินทิ�งระเบิด กองกำลังทางอากาศที� � ณ วันที� � มิถุนายน ���� �� : เมนเดิลแชม B-�� �� : เมนเดิลแชม B-�� �� : บาสซิงบอร์น B-�� �� : แพดดิงตัน B-�� �� : ฮาร์ดวิก B-�� �� : แบรี เซนต์ เอ็ดมันส์ B-�� �� : โฮร์แรม B-�� �� : สเน็ตเทอร์ตัน ฮีธ B-�� ��� : โธรป แอบบอตต์ส B-�� ��� : โมลสเวิร์ธ B-�� ��� : เชลเวสตันB-�� ��� : เธอร์เลห์ B-�� ��� : โพลบรูค B-�� ��� : คิมโบลตัน B-�� ��� : ริดจ์เวลล์ B-�� ��� : กราฟตัน อันเดอร์วูด B-�� ��� : เกรต แอชฟิลด์ B-�� ��� : เน็ตทิชชัล B-�� ��� : เฮเธิล B-�� ��� : ฟรามลิงแกม B-��

��� : เว็นดลิง B-�� ��� : นัธแฮมสเตด B-�� ��� : ดีเนโธรป B-�� ��� : ทิเบแนม B-�� ��� : บังกีย์ B-�� ��� : แร็ตเทิลสเดน B-�� ��� : ซีธิง B-�� ��� : ดีโอแฟม กรีน B-�� ��� : โอล์ด บักเกแนม B-�� ��� : กลัตตัน B-�� ��� : ฮอร์แชม เซนต์ เฟธ B-�� ��� : แอ็ตเทอบริดจ์ B-�� ��� : แร็กฮีธ B-�� ��� : ซัดบรี B-�� ��� : เลเวแนม B-�� ��� : เฮลซเวิร์ธ B-�� ��� : อาย B-�� ��� : เม็ตฟิลด์ B-�� ��� : นอร์ธ พิกเคเนม B-�� ��� : เด็บอิตช์ B-��

กองบัญชาการ

บุชชี พาร์ก : บก., ทัพอากาศยุทธศาสตร์สหรัฐฯ ในยุโรป รหัส : ไวด์วิง ไฮห์ วิคัม : บก., กองกำลังทางอากาศที� � รหัส : ไพน์ทรี บุชชี ฮอลล์ : บก., กองบัญชาการรบทางอากาศ

��� BG ��� BG ��� BG ��� BG ��� BG ��� ��� BG ��� BG �� BG ��� BG เบดฟอร์ด

บุชชี ฮอลล์ ไฮห์ วิคัม เทมส ์


เดอะ วอช ��� BG

��� BG

�� BG

��� BG

อั ง ก ฤ ษ เคมบริดจ์

�� BG ��� BG

�� BG

��� BG ��� BG

��� BG ��� BG ��� BG

นอริช

��� BG

�� BG ��� BG �� BG ��� BG ��� BG ��� BG ��� BG ��� BG ��� BG ��� BG �� BG ��� BG

��� BG

��� BG ��� BG

�� BG

อิปสวิช

โลเอสตอฟต์

ทะเล เ ห นื อ

��� BG ��� BG ฟีลิกซโตว์

โคลเชสเตอร์

บุชชี พาร์ก ลอนดอน

เกรต ยาร์มัธ

มาร์เกต


ไอร์แลนด์

บาสซิงบอร์น ไฮห์ วิคัม

(บก., กองกำลัง ทางอากาศที� � ) เทมส์

ไมล์ ���

อังกฤษ

ไมล์ ���

สหราช อาณาจักร เวลส์

ม ห า ส มุ ท ร แ อ ต แ ล น ติ ก

ทะเล เ ห นื อ

นอริช เคมบริดจ์

ลอนดอน

เบลเยียม ลักซ์.

ลารอเชล

ฝรั�งเศส อร์

บอรฺโดซ์ อู่เรือดำนำ้

ชุมทางรถไฟ

อู่ต่อเรือ หรือ ฐานทัพเรือ

ฐานปล่อยจรวด

โรงงานผลิตเครื�องบิน

้ น โรงกลั�นนำมั

อุตสาหกรรมสงคราม

สนามบินเครื�องบินขับไล่

พฤษภาคม ���� สปิตไฟร์ (อังกฤษ) พิสัย ��� ไมล์ มิถุนายน ���� P-�� ธันเดอร์โบลต์ (สหรัฐฯ) พิสัย ��� ไมล์ � สิงหาคม ���� P-�� ธันเดอร์โบลต์ ติดถังสำรอง พิสัย ��� ไมล์ � พฤศจิกายน ���� P-�� ไลต์นิง (สหรัฐฯ) พิสัย ��� ไมล์ � มีนาคม ���� P-�� มัสแตง (สหรัฐฯ) ติดถังสำรองพิสัย ��� ไมล์ �

อัมสเตอร์ดัม

รอตเทอร์ดัม � โดเวอร์ � เอสเซ็น ดั ง เคิ ร ก ์ ปาส์ เดอ กาเลส์ แอนต์ เ วิ ร ป ์ ช่องแคบอังกฤษ ลิลล์ บรัสเซลล์ โคโลญ บอนน์ อับเบอวิลล์ รู อ อ ็ ง เบรฺสตฺ แซงต์ โล ก็อง แซ น ลักเซมเบิร์ก ฟาเลส ปารีส มารฺน โลริอองต์ ซาบรึกเคน เลอ มอส์ แซงต์-นาแซรฺ นอนต์ ลัวรฺ

อ่ า ว บิ ส เ ค ย์

ฮอลแลนด์

อัลลิเ

สวิตซ์.


สวีเดน ทะเล บ อ ล ติ ก

เฟลนส์บูร์ก คีล

เพเนมึนเดอ

เฟเกซัค

กดิเนีย ดันซิก

ปรัสเซีย ตะวันออก (เยอรมนี)

มาเรียนบูร์ก

เ ย อ ร ม นี

เวเซ อร์

เอมส์

ฮัมบูร์ก อันคลัม เอล เบอ ชเตทีน (โพลิตซ์) เบรเมิน ฮาโนเฟอร์ เบอร์ลิน บรุนส์วิค มึนสเทอร์ โอเดอร์ วาร์ตา โอเชอร์สเลเบิน ฮัมม์ เดสเซา ดอร์ตมุนด์ คัสเซิล แมร์เซอบูร์ก/ลอยนา � โกธา ไลป์ซิก บูเคินวัลด์ เดรสเดรน ลีกนิตซ์ แฟรงค์เฟิร์ต � ชไวน์ฟูร์ต � ปราก ไมนซ์ พิลเซิน นูเรมเบิร์ก ชตุตการ์ต เรเกินส์บูร์ก มิวนิก เบราเนา ลินซ์ เครมส์ ซูริค

้ เปาการทิ �งระเบิดของ กองกำลังทางอากาศที� �

มล์ ��� ไ

ไมล์ ���

มล์ ��� ไ

เดนมาร์ก

ฟรีดริชฮาเฟิน

สโลวาเกีย

เวียนนา

ฮังการี

แบร์คเทสกาเดิน

ออสเตรีย

ทริเอสเต

โรมาเนีย ยูโกสลาเวีย

อิตาลี

สหภาพ โซเวียต

โปแลนด์

โพลอีสตี

เซอร์เบีย

ทะเล อ า เ ด รี ย ติ ก

บัลแกเรีย

โรม อันซิโอ เนเปิลส์

ฟอจจา

(บก., กองกำลัง ทางอากาศที� �� )

แอลเบเนีย


บทน�ำ

หน่วยบินที่ 100 โชกเลือด

กองก�ำลังทางอากาศที่ 8 เป็นหนึ่งในกองก�ำลังยิ่งใหญ่ที่สุดใน ประวัตศิ าสตร์การสงคราม มีเครือ่ งมืออุปกรณ์เป็นเลิศ ก�ำลังพล ระดับหัวกะทิ ทหารทุกนายเป็นทหารอาสา มีเพียงหยิบมือเดียว ที่มีการศึกษา ทหารทุกนายเต็มใจสู้รบเพื่อประเทศชาติ และ เพื่อ ‘เสรีภาพ’ อุดมการณ์ที่ตกอยู่ในภัยคุกคาม นั่นเองที่ท�ำให้ สงครามโลกครั้งที่ 2 มีความพิเศษโดดเด่น แอนดี รูนีย์, My War

ลอนดอน, 9 ตุลาคม 1943 สงครามส่วนตัวของพันตรี จอห์น อีแกน เริ่มต้นในมื้ออาหารเช้า ในโรงแรมในลอนดอน อีแกนได้ลาหยุดสองวันจากโธรป แอบบอตต์ส ฐานบินอเมริกัน ห่างออกไปเก้าสิบไมล์ทางเหนือของลอนดอน ชุมชน เล็กๆ ในนอร์โฟล์ก อันเป็นที่มาของชื่อ ชื่อเป็นทางการของฐานบินคือ สถานี #139 ก�ำลังพลทั้งพลบินและพลสนับสนุน 3,500 นาย สร้างบน นพดล เวชสวัสดิ์ 15


ที่ดินของขุนนาง ลูกเรือบินเข้าสู่สนามรบเหนือผืนดินไถพรวนโดยชาวไร่ ในท้องทุ่งของเซอร์ รูเพิร์ต แมนน์ ชาวไร่ผู้อาศัยอยู่ในกระท่อมหินผุพัง ได้ความร้อนจากกองไฟกลางบ้าน โธรป แอบบอตต์ส อยู่ในอีสต์ แองเกลีย ดินแดนประวัติศาสตร์ หลอกหลอน ฟาร์มโบราณ แม่นำ�้ คดเคีย้ ว ทีร่ าบต�ำ่ บึงพรุทอดยาวเหยียด ไปทางเหนือจากยอดแหลมของโบสถ์เคมบริดจ์ไปยังมหาวิหารของเมือง นอริช แผ่ไปทางตะวันออกไปยังเกรต ยาร์มัธ เมืองท่าอุตสาหกรรม ท่าเรือน�้ำลึกในน�้ำด�ำเข้มของทะเลเหนือ คูคลองระบายน�้ำ กังหันลมไม้ และบึงพรุกว้างไกล ชวนให้มองพืน้ ทีส่ ว่ นนีข้ องอังกฤษว่าคล้ายฮอลแลนด์ ซึ่งอยู่ฟากตรงข้ามของผืนน�้ำ ผืนแผ่นดินยื่นออกจากไปในทะเล ในห้วงปีแห่งสงครามท�ำให้ดู คล้ายขวานใหญ่เงื้อง่าพร้อมหวดจามศัตรู ผืนนาถูกระบายน�้ำไปสิ้น เหมาะแก่การสร้างฐานบิน เพื่อส่งเครื่องบินรบเจาะลึกเข้าไปในดินแดน มหาอาณาจักรไรช์ โธรป แอบบอตต์ส ล้าหลังลอนดอนกว่าศตวรรษ ทัง้ ความเร่งร้อนและบุคลิกภาพ ได้ถกู แปลงโฉมใหม่โดยสงคราม เปลีย่ น ให้เป็นแนวรบยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก แนวรบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนใน ประวัติศาสตร์ นี่คือ แนวรบทางอากาศ จากฐานบินที่เพิ่งสร้างมาใหม่ในอีสต์ แองเกลีย เปิดการศึกประเภทใหม่...การทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์จาก ระดับความสูงมาก เหตุการณ์หนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์การสงครามที่ ไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่มอี กี แล้ว เทคโนโลยีทจี่ �ำเป็นส�ำหรับการสงคราม ทิ้งระเบิดเต็มรูปแบบที่ยืดเยื้อไม่เคยปรากฏให้เห็นจนกระทั่งต้นทศวรรษ 1940 และตกยุคล้าสมัยในช่วงท้ายสงคราม จากการปรากฏตัวของ เครือ่ งบินไอพ่น ขีปนาวุธ และระเบิดอะตอม กลางฟ้าสูง อากาศบางเบา และเยือกแข็งเหนือยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ พลบินหลัง่ เลือดและล้มตาย ในสภาพแวดล้อมทีไ่ ม่เคยมีนกั รบใดเคยสัมผัสมาก่อน สงครามทางอากาศ ที่สู้รบกัน มิใช่ที่ระดับ 12,000 ฟุตเช่นในสงครามโลกครั้งที่ 1 หากแต่ 16 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


เป็นระดับความสูง สูงกว่านัน้ สองเท่าถึงสามเท่าตัว สูงใกล้ชนั้ บรรยากาศ สตราโตสเฟียร์ ที่ซึ่งสภาพแวดล้อมอันตรายยิ่งกว่าข้าศึก ในสนามรบ ฟ้าใสสีคราม ความหนาวเยือกฆ่าคน อากาศใช้หายใจไม่ได้ แสงอาทิตย์ เจิดจ้าฉายส่องเครื่องบินทิ้งระเบิด ชี้เป้าให้เครื่องบินขับไล่เยอรมันและ ปืนต่อสู้อากาศยาน บนพื้นที่สังหารกว้างใหญ่ไพศาลที่ไม่เคยคุ้น เพิ่มมิติ ทุกข์ทรมานใหม่ให้การสู้รบ ก่อปัญหาทางอารมณ์และกายภาพมากมาย ที่นักรบทางอากาศจะได้สัมผัสเป็นครั้งแรก ส�ำหรับพลบินส่วนใหญ่ การบินแปลกพิลึกเท่าเทียมกับการรบ ก่อนเข้ามาสังกัดกองทัพ พลบินอเมริกันหลายพันหลายหมื่นคน ไม่เคย ย่างเหยียบขึ้นเครื่องบินมาก่อน ไม่เคยยิงอะไรที่เป็นภัยคุกคามมากไป กว่ากระรอก การสงครามรูปแบบใหม่ ก่อก�ำเนิดการแพทย์ประเภทใหม่การแพทย์ส�ำหรับผู้ท�ำการในอากาศ ศัลยแพทย์และจิตแพทย์รุ่นบุกเบิก ท�ำงานในโรงพยาบาลและคลินกิ ไม่หา่ งไกลจากฐานบินเครือ่ งบินทิง้ ระเบิด นัก สถานที่ที่ส่งทหารไปรักษาน�้ำแข็งกัดใบหน้าและนิ้ว หรือในยามที่ ความสยดสยองหวาดหวั่น สอยพวกเขาลงจากฟ้า การสงครามทิ้งระเบิดนั้นเกิดเป็นช่วง ความนิ่งงันและน่าเบื่อหน่าย ติดตามมาด้วยการปะทะดุเดือดและน่าหวาดหวั่นชั่วครู่ ทหารกลับจาก ฟากฟ้ามายังผ้าปูทนี่ อนสะอาดเอีย่ มอ่อง อาหารควันฉุย และสาวอังกฤษ หน้าแฉล้ม ในสงครามน่าอัศจรรย์ใจนี้ เด็กหนุ่มอายุแค่สิบเก้าหรือยี่สิบ ดิ้นรนรักษาชีวิตให้รอดกลางฟ้าเหนือเบอร์ลินในช่วงสิบเอ็ดโมงเช้า กลับ มาถึงห้องพักในโรงแรมในลอนดอน ออกเดตกับสาวในฝันตอนสามทุ่ม ทหารราบส่วนหนึง่ อิจฉาความสะดวกสบายของทหารอากาศ แต่ตวั ละคร ผู้หนึ่งในนิยายทัพอากาศ ตั้งค�ำถามว่า “จะมีทหารราบกี่คนที่พร้อม จะออกสู่แนวหน้า ถ้ามอบเครื่องบินเติมน�้ำมันเต็มถังให้?” แนวคิดที่ เสนอต่อสาธารณชนอเมริกัน, หนทางยุติสงครามเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เร็ว กว่าการค่อยๆ รุกคืบไปบนพืน้ ดิน การสงครามทางอากาศเป็นการบัน่ ทอน ให้อ่อนล้า บดขยี้ช้าๆ อย่างเหี้ยมโหด นพดล เวชสวัสดิ์ 17


จอห์น อีแกน เป็นผู้บังคับฝูง ป้อมบิน B-17 ฟลายอิ้ง ฟอร์ตเทรส เครื่องจักรสังหารที่ชวนให้ขวัญผวาที่สุดในโลกในยุคนั้น เขาเป็น ‘เด็ก ทิ้งระเบิด’ มีการท�ำลายล้างเป็นอาชีพหลัก และเหมือนเช่นลูกเรือ เครื่องบินทิ้งระเบิดส่วนใหญ่ เขาเดินขึ้นเครื่องไปท�ำงานทุกเมื่อเชื่อวัน โดยไม่มมี โนธรรมสะกิดกวนใจ เนือ่ งเพราะเขาเชือ่ ว่าตนสูร้ บเพือ่ อุดมการณ์ อันชอบธรรม และเข่นฆ่าเพื่อไม่ให้ถูกฆ่า อีแกนบินภารกิจรบตลอดห้าเดือนที่ผ่านมาในสมรภูมิทางอากาศที่ อันตรายที่สุด สนามรบที่ทหารเรียกว่า ‘บิ๊ก ลีค’ นี่เป็นการหยุดพักผ่อน ครั้งแรกจากการรบ แต่ไม่คล้ายการพักเพื่อให้ผ่อนคลาย ค�่ำคืนนั้น ลุฟต์วาเฟอบินมาถล่มมหานครลอนดอน จุดไฟกองโตรายรอบโรงแรมที่ เขาพัก นีเ่ ป็นครัง้ แรกทีเ่ ขาตกอยูใ่ ต้การทิง้ ระเบิด ไม่อาจข่มตาให้หลับได้ จากเสียงไซเรนโหยหวนแหลมสูง และแรงสั่นสะเทือนครืนโครม อีแกนสังกัดกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 กองบัญชาการรบทางอากาศ ก่อตั้งหลังจากการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ที่ฐานบินทหารบกซาวานนาห์ ในจอร์เจีย เพื่อน�ำระเบิดไปถล่มเหย้าของนาซี จากการเริ่มต้นที่ซวนเซ กลายเป็นขุมก�ำลังโจมตียิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ อีแกนเดินทางมา ถึงอังกฤษในฤดูใบไม้ผลิปี 1943 หนึ่งปีหลังจากที่ทหารและเครื่องจักร ของกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 มาปักหลักในฐานบินทีก่ องทัพอากาศอังกฤษ มอบให้ อังกฤษส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มมหานครในเยอรมนีมาตั้งแต่ ปี 1940 หน่วยบินทิ้งระเบิดมีหมายเลขก�ำกับ (1) หน่วยบินของเขาคือ หน่วยบินที่ 100 ประกอบด้วย 4 ฝูงบิน แต่ละฝูงมีเครื่องบินทิ้งระเบิด สีเ่ ครือ่ งยนต์ทเี่ รียกขานกันว่า ‘เฮฟวี’่ จ�ำนวน 8-12 ล�ำ หน่วยบินทิง้ ระเบิด มีฐานบินของตัวเอง ตั้งอยู่ในอีสต์ แองเกลีย หรือมิดแลนด์ส ทางเหนือ ของลอนดอน รอบเมืองเบดฟอร์ด ในช่วงเวลาหนึง่ ในปี 1943 กองก�ำลังทางอากาศที่ 8 ได้ 4 หน่วยบิน ทิ้งระเบิด บรรจุประจ�ำการเครื่องบินทิ้งระเบิดสองเครื่องยนต์ แบบ B-26 มารอดเดอร์ ซึง่ มีภารกิจหลักในการทิง้ ระเบิดระดับความสูงต�ำ่ หรือ 18 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ปานกลาง ซึ่งผลลัพธ์มีทั้งได้และเสีย และในเดือนตุลาคมปีนั้น ได้ปรับ โอนเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดกลางและเบาไปสังกัดกองก�ำลังทางอากาศ ที่ 9 ทีต่ งั้ ขึน้ มาเพือ่ สนับสนุนการข้ามช่องแคบไปยกพลขึน้ บก บุกภาคพืน้ ยุโรปที่อยู่ในการยึดครองของนาซี จากจุดนี้เป็นต้นไปจนสิ้นสุดสงคราม กองก�ำลังทางอากาศที่ 8 จะประกอบด้วย ป้อมบิน B-17 ฟลายอิ้ง ฟอร์ตเทรส และ B-24 ลิเบอเรเตอร์ เครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลของ อเมริกัน ทิ้งระเบิดจากระดับความสูงมาก นอกจากนั้น กองก�ำลังทาง อากาศที่ 8 ยังมีกองบัญชาการเครือ่ งบินขับไล่ไว้ในสังกัด ท�ำหน้าทีค่ มุ้ กัน เครือ่ งบินทิง้ ระเบิดในการเจาะเข้าไปทางเหนือของยุโรปไม่ไกลนัก นักบิน ขับไล่ใช้ P-47 ธันเดอร์โบลต์ เครื่องยนต์เดียว หรือ P-38 ไลต์นิง สอง เครื่องยนต์ บินขึ้นจากฐานบินที่อยู่ใกล้ฐานบินเครื่องบินทิ้งระเบิด ในยามทีห่ น่วยบินที่ 100 บินเข้าสูส่ นามรบ จะมีหน่วยบินทิง้ ระเบิด อืน่ ร่วมทางไปด้วยจากฐานบินใกล้เคียง คือ หน่วยบินที่ 390 และหน่วยบิน ที่ 95 สามหน่วยบินรวมกันเป็นกองบินรบที่ 13 หนึง่ กองบินรบเป็นเพียง ส่วนน้อยนิดของหมูบ่ นิ เครือ่ งบินทิง้ ระเบิดและเครือ่ งบินขับไล่คมุ้ กันหลาย ร้อยล�ำที่ท�ำให้พื้นดินสะเทือนเลื่อนลั่น ชาวบ้านอังกฤษหลั่งไหลออกจาก กระท่อมหินตอนรุ่งสาง มองดูทหารอเมริกันมุ่งหน้าไป ‘ถล่มพวกฮัน’ “ไม่มใี คร...ไม่อศั จรรย์ใจไปกับหมูบ่ นิ บินเกาะกันเป็นแพเต็มท้องฟ้า บินขึน้ จากสนามบินในอีสต์ แองเกลีย...” จอห์น คีแกน นักประวัตศิ าสตร์ เด็กชายทีเ่ ติบโตมาในอังกฤษช่วงสงคราม “...ฝูงบินแล้วฝูงบินเล่า บินไต่ ระดับความสูง บินวนเข้ารวมเป็นหน่วยบิน จากหน่วยบินเกาะกลุ่มใหญ่ เป็นกองบิน มุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ข้ามทะเลไปยังเป้าหมาย เครือ่ งบินสีเงินสะท้อนแสงวาววับ หมูด่ าวกะพริบวับวาบแห่งความสง่างาม กลางฟ้าและพลังอ�ำนาจทางทหาร ทิ้งเกลียวเมฆขาวขุ่นจากปลายปีก กว่า 600 ข้างไว้เบื้องหลังบนท้องฟ้าสีครามของฤดูร้อนอังกฤษ พลบิน ฝีมือดีที่สุดปราดเปรื่องที่สุดของอเมริกากว่าสามพันนาย ท่องไปกลางฟ้า สิบนายต่อหนึง่ ล�ำ แต่ละเครือ่ งมีชอื่ เล่นเฉพาะตัว ส่วนใหญ่ได้จากชือ่ เพลง นพดล เวชสวัสดิ์ 19


เช่น มาย แพรย์ หรือจากวลีเด็ดในภาพยนตร์ เช่น ไอ แอม ทอนเดลาโย ในระหว่างบินมุ่งหน้าสู่ชายฝั่ง “เราเปิดบีบีซี ฟังเพลงหวานจับใจ” ค�ำกล่ า วของเบอร์ น าร์ ด อาร์ . จาคอบส์ นั ก บิ น ผู ้ ช ่ ว ยจากนาปา, แคลิฟอร์เนีย การบินผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจีของชนบทอังกฤษ จาคอบส์ รู้สึกถึงความยอกแสยงใจที่ดินแดนงดงามสุขสงบแห่งนี้ จะเป็นต้นทาง ของการท�ำลายล้างที่ยากจะวาดภาพได้ การล้างผลาญแสนสาหัสที่โลก ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แม้ประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ จะยุติการรับอาสาสมัคร เข้าสังกัดกองทัพ กองก�ำลังทางอากาศที่ 8 ยังคงเป็นหน่วยรบชั้นเลิศ ชุมนุมอาสาสมัครยอดหัวกะทิกอ่ นจะมีค�ำสัง่ ประธานาธิบดี หรือบุคลากร คุณภาพที่ทัพอากาศฉกมาจากทหารเกณฑ์ของกองทัพบก ปล่อยทหาร ระดับรองลงไปให้หน่วยงานอืน่ พลบินทิง้ ระเบิดของกองก�ำลังทางอากาศ ที่ 8 ได้จากคนอเมริกันทุกหัวระแหงของอเมริก า ทุกระดับชั้น มี นักศึกษาฮาร์เวิร์ดเอกประวัติศาสตร์กับคนเหมืองจากเวสต์ เวอร์จิเนีย ทนายความวอลล์สตรีตกับโคบาลจากโอคลาโฮมา ดาราดังจากฮอลลีวูด กับนักฟุตบอลดาวดวงเด่น ดาราฮอลลีวดู จิมมี สจวร์ต เป็นเด็กทิง้ ระเบิด เช่นเดียวกับ ‘ราชาฮอลลีวูด’ คลาร์ก เกเบิล ทั้งสองรบเคียงบ่าเคียงไหล่ กับบุรุษและเด็กหนุ่มผู้เช็ดกระจกหน้าต่างในแมนฮัตตัน หรือตักถ่านหิน ในเหมืองในเพนซิลเวเนีย คนเชื้อสายโปแลนด์กับอิตาเลียน เยอรมัน กับสวีเดน กรีกกับลิธัวเนีย อเมริกันอินเดียนและสแปนิชอเมริกัน แต่ มิใช่แอฟริกันอเมริกัน เพราะนโยบายทัพอากาศ ห้ามขาดไม่ให้คนผิวด�ำ บินในหน่วยรบของกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 ในพื้นที่คับแคบชวนให้ หวาดกลัวของเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดหนัก ในเบ้าหลอมของการรบ คาทอลิกกับยิว คนอังกฤษกับคนไอริช ผูกพันกันแน่นเหนียวยิ่งกว่า พี่น้องสายเลือดเดียวกัน หล่อหลอมด้วยความปรารถนาที่จะรักษาชีวิต ให้อยู่รอด ในสงครามทิ้งระเบิด ความสามารถในการรักษาชีวิตให้รอด และการปัดเป่าความกลัวให้พน้ จากความคิด ขึน้ อยูก่ บั มาดของเครือ่ งบิน 20 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


แต่ละล�ำ เท่าเทียมกับบุคลิกภาพของลูกเรือแต่ละคน “อาจไม่เคยปรากฏ มาก่อนในประวัติศาสตร์ของการรบ...” สตารร์ สมิธ อดีตนายทหารฝ่าย การข่าวของกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 กล่าวไว้ “...ทีจ่ ะมีความผูกพันระหว่าง พลรบ เหนียวแน่นเหมือนลูกเรือของเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดหนัก” กองก�ำลังทางอากาศที่ 8 มาถึงอังกฤษในช่วงตกต�่ำที่สุดในสงคราม การต้านรับฝ่ายอักษะ อันประกอบด้วยเยอรมนี อิตาลี ญีป่ นุ่ และบริวาร อาณานิคมของอังกฤษ ดัตช์ และฝรั่งเศสในตะวันออกไกล ตกอยู่ในมือ ของญีป่ นุ่ แล้ว รวมทัง้ ฟิลปิ ปินส์ของสหรัฐฯ เมือ่ ถึงเดือนพฤษภาคม 1942 ั ชาการ พลตรี คาร์ล ‘ทูอ’ี้ สปาตซ์ เดินทางมาถึงลอนดอน รับหน้าทีผ่ บู้ ญ ทัพอากาศสหรัฐฯ ในสมรภูมิยุโรป ขณะที่ญี่ปุ่นยึดครองอาณานิคม ตะวันออกไกลได้ทงั้ หมด กองทัพอากาศของอังกฤษได้ชยั ชนะใน ‘แบตเทิล ออฟ บริเทน’ ในฤดูร้อนที่ผ่านมา และอังกฤษยืนหยัดต้าน ‘บลิตซ์’ ปฏิบตั กิ ารทิง้ ระเบิดยาวนานเป็นครัง้ แรกของนาซีเยอรมัน หลังการอพยพ ครั้งใหญ่จากดังเคิร์กในปี 1940 และฝรั่งเศสตกอยู่ในมือของฮิตเลอร์ ไม่นานหลังจากนั้น เยอรมนีเป็นเจ้านายใหญ่บนภาคพื้นยุโรปตะวันตก อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในฤดูใบไม้ผลิของปี 1942 สหราชอาณาจักรเป็น ประเทศประชาธิปไตยเพียงประเทศเดียวทีต่ ้านสูน้ าซีเยอรมัน ค�ำถามก็คอื จะตอบโต้ข้าศึกได้อย่างไร? “ในเมื่อเราไม่มีกองทัพบนผืนดินยุโรปที่จะเอาชนะก�ำลังทางทหาร เยอรมันได้...” นายกรัฐมนตรี วินสตัน เชอร์ชิล ประกาศ “...มีเพียง อย่างเดียวทีจ่ ะท�ำลายมันให้ยอ่ ยยับได้ นัน่ ก็คอื การทิง้ ระเบิดท�ำลายล้าง โดยเครือ่ งบินทิง้ ระเบิดขนาดหนักจากประเทศของเรา ถล่มใจกลางดินแดน นาซี” ต้นปี 1940 กองบัญชาการโจมตีทางอากาศของอังกฤษ มุ่งไป หาเป้าหมายย่านอุตสาหกรรมในริเนอลันด์และรูร์ ศูนย์กลางการผลิต ในระยะแรกเป็นการทิ้งระเบิดในเวลากลางวัน แต่หลังจากที่ได้รับความ สูญเสียอย่างหนัก ทัพอากาศอังกฤษจ�ำต้องทิ้งระเบิดในเวลากลางคืน และเป้าหมายก็ต้องเปลี่ยนด้วยเช่นกัน ในเมื่อมองไม่เห็นเป้ าโรงงาน นพดล เวชสวัสดิ์ 21


อุตสาหกรรมบนพื้นดิน ไม่ต้องพูดถึงว่าทิ้งระเบิดเข้าเป้าหรือไม่ ในคืน เดือนมืด ทัพอากาศอังกฤษเริม่ ทิง้ ระเบิดท�ำลายเมือง...การ ‘ล้างเมือง’ ที่ ลูกเรือเรียกขาน วัตถุประสงค์จะเป็นการเผาผลาญ ท�ำลายชีวติ คนเยอรมัน นับพันนับหมืน่ เพือ่ ท�ำลายขวัญก�ำลังใจในการท�ำสงคราม การทิง้ ระเบิดไม่ แม่นย�ำ การสูญเสียเครื่องบินทิ้งระเบิดสูงลิบ แต่การเข่นฆ่าคนเยอรมัน กลับยกระดับขวัญก�ำลังใจคนอังกฤษได้เป็นอย่างดี...ล้างแค้นทีเ่ ครือ่ งบินรบ เยอรมันทิ้งระเบิดโจมตีโคเวนทรีและลอนดอน อังกฤษไม่มีหนทางอื่น อีกแล้วที่จะตอบโต้เยอรมนี จนกว่ากองก�ำลังสัมพันธมิตรจะยาตราทัพ เข้าเยอรมันในช่วงท้ายของสงคราม การทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์เป็นการ สู้รบเดียวที่กระท�ำต่อดินแดนเยอรมนี กองก�ำลังทางอากาศที่ 8 ส่งตรงมายังอังกฤษ เพื่อร่วมขบวนการ ทิ้งระเบิดที่ยกระดับขึ้น อาจเป็นการรบที่ยาวนานที่สุดในสงครามโลก ครั้ ง ที่ 2 การรบเริ่ ม ขึ้ น ในเดื อ นสิ ง หาคม 1942 เพื่ อ สนั บ สนุ น การ ปฏิบัติการของอังกฤษ แต่ต่างแผนต่างวัตถุประสงค์ หัวใจส�ำคัญอยู่ที่ ศู น ย์ เ ล็ ง เป้ า นอร์ เ ด็ น อุ ป กรณ์ ลั บ สุ ด ยอดที่ คิ ด ค้ น และพั ฒ นาโดย นักวิทยาศาสตร์นาวีสหรัฐฯ ในต้นทศวรรษ 1930 นักบิน เช่น อีแกน ได้ ท�ำการทดสอบอุปกรณ์นี้ในฟ้าสูงสีครามของดินแดนตะวันตกของสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดลงสู่เป้าในทะเลทรายได้แม่นย�ำอย่างยิ่ง นายทหารทิ้งระเบิด บางนายอ้างว่าสามารถทิ้งระเบิดลูกเดียวลงถังไม้ได้จากที่ระดับความสูง 20,000 ฟุต ศูนย์เล็งเป้านอร์เด็นช่วยให้การทิ้งระเบิดจากระดับความสูง ทรงประสิทธิภาพและเปี่ยมด้วยมนุษยธรรม ผู้น�ำระดับสูงของทัพอากาศ กองทัพบกสหรัฐฯ เชื่ออย่างนั้น ระเบิดจะลงสู่เป้าหมายในมหานคร แม่นย�ำเหมือนลงมีดผ่าตัด ท�ำลายโรงงานอมภัณฑ์ (munition) โดยก่อ ความเสียหายให้ชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนในระดับต�่ำสุด กองก�ำลังทางอากาศที่ 8 คือบทพิสูจน์ของ ‘การทิ้งระเบิดลงถัง’ ด้วยการใช้เครื่องจักรสังหารเช่น ป้อมบิน B-17 และ B-24 นักทฤษฎี สงครามเชือ่ ว่า ป้อมบินสีเ่ ครือ่ งยนต์นจี้ ะเผด็จศึกยุตสิ งครามได้ โดยไม่ตอ้ ง 22 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ใช้การสังหารหมู่ภาคพื้นดิน และเสียเลือดเนื้อมากนักบนท้องฟ้า ดังเช่น สงครามโลกครั้งที่ 1 แนวคิดนี้ถูกจริตคนอเมริกัน ผู้ไม่ชื่นชอบการท�ำศึก ยืดเยื้อ แต่น้อยคนนักจะทราบว่าการศึกนั้นท�ำลายทฤษฎีให้ปี้ป่นได้เสมอ การทิง้ ระเบิดช่วงกลางวัน สามารถกระท�ำได้โดยเครือ่ งบินทิง้ ระเบิด เท่านัน้ ไม่จ�ำเป็นต้องมีเครือ่ งบินขับไล่คมุ้ กัน นีเ่ ป็นความเชือ่ แน่นเหนียว ของ พลจัตวา ไอรา ซี. อีเคอร์ อดีตนักบินขับไล่ ผู้ที่นายพลสปาตซ์ คัดเลือกมาเป็นผูบ้ ญ ั ชาการ กองบัญชาการโจมตีทางอากาศ ของกองก�ำลัง ทางอากาศที่ 8 อีเคอร์จะสัง่ ให้บนิ เกาะหมู่ ก่อตัง้ พืน้ ทีป่ อ้ งกันตัวเอง หรือ ‘กล่องคอมแบ็ต’ อาศัยอ�ำนาจการยิงของปืนกลหนักของเครื่องบินทิ้ง ระเบิด ที่จะช่วยเหลือกันและกัน จนกระทั่งไปถึงเป้าหมายได้ จอห์นนี อีแกน เชื่อมั่นในการทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ แต่ไม่เชื่อมั่น ปฏิบัติการที่ไม่มีเครื่องบินขับไล่ เขาเข้าสู่สงครามในขณะที่อีเคอร์เริ่มส่ง หมู่เครื่องบินทิ้งระเบิดบินลึกเข้าไปในดินแดนเยอรมนี...โดยไม่มีเครื่องบิน ขับไล่คุ้มกัน เพราะในช่วงเวลานั้น ไม่มีเครื่องบินขับไล่เครื่องยนต์เดียว ที่มีพิสัยการบินไกลพอจะคุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิดทั้งไปและกลับได้ ใน ฤดูรอ้ นปี 1943 จอห์น อีแกน สูญเสียเพือ่ น สังเวยให้แก่ลฟุ ต์วาเฟอ ไป เป็นจ�ำนวนมาก

ในเครื่องบินทิ้งระเบิดหนักของกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 มีลูกเรือทั้งสิ้น 10 คน นักบินกับนักบินผู้ช่วยนั่งเคียงกันในห้องนักบิน ต้นหนและ นายทหารทิ้งระเบิดนั่งต�ำ่ ลงไปในส่วนหัวของเครื่องบินที่เป็นเพล็กซีกลาส โปร่งใส ข้างหลังของนักบินจะเป็นช่างผู้ท�ำหน้าที่พลปืนป้อมปืนบนอีก ต�ำแหน่ง ถัดมาในตัวเครื่อง จะเป็นพลวิทยุ พลปืนข้างล�ำตัวซ้ายกับ ขวา และพลปืนในกระเปาะใสใต้ท้องเครื่องที่หมุนได้รอบตัว ท้ายสุดจะ เป็นพลปืนท้าย นั่งแท่นถีบจักรยานท้ายเครื่อง ทุกต�ำแหน่งบนเครื่องบิน นพดล เวชสวัสดิ์ 23


ล้วนเสีย่ งภัยทัง้ สิน้ ไม่มหี ลุมบุคคลให้หลบกลางฟ้า เด็กทิง้ ระเบิดอเมริกนั และอังกฤษ ได้งานความเสีย่ งภัยสูงสุดในสงคราม เทียบเท่าพลเรือด�ำน�ำ้ (อเมริกันและเยอรมัน) และนักบินขับไล่ลุฟต์วาเฟอผู้เป็นคู่ปรับ เดือน ตุลาคม 1943 พลบินกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 น้อยกว่าหนึ่งในสี่คน คาดว่าไม่น่าจะปฏิบัติภารกิจ (25 เที่ยวบิน) ได้ครบถ้วน สถิติชวนให้ ยอกแสยงใจ สองในสามของพลบิน หากไม่ตายกลางฟ้า ก็ถกู จับเป็นเชลย และ 17 เปอร์เซ็นต์ หากไม่บาดเจ็บสาหัส ก็มอี าการป่วยไข้ทางจิต หรือ เสียชีวิตในอุบัติเหตุร้ายแรงทางอากาศเหนือน่านฟ้าอังกฤษ พลบินที่โอน มาสังกัดหน่วยบินทิง้ ระเบิดของพันตรี อีแกน นับแต่เดินทางมาถึงอังกฤษ ในเดือนพฤษภาคม 1943 เพียง 14 เปอร์เซ็นต์ที่ปฏิบัติภารกิจลุล่วงครบ 25 เทีย่ วบิน เมือ่ ถึงวันสิน้ สุดสงคราม กองก�ำลังทางอากาศที่ 8 จะมีทหาร บาดเจ็บล้มตายมากกว่าความสูญเสียของนาวิกโยธินสหรัฐฯ ทัง้ กองทัพถึง 26,000 คน พลบินอเมริกันที่ขึ้นบินสู้รบกับอาณาจักรไรช์ที่สามก่อนวัน ดี-เดย์ ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงถึง 77 เปอร์เซ็นต์ ในฐานะผู้บังคับฝูงบินที่ 418 หน่วยบินทิ้งระเบิดที่ 100 จอห์นนี อีแกน ขึ้นบินกับลูกน้องในทุกเที่ยวบินรบ ในยามที่เด็กของเขาเข้าสู่ ภัยอันตราย เขาอยากจะเผชิญเภทภัยนั้นร่วมกัน “มีแต่ไอ้บ้าเท่านั้น ที่จะขึ้นบินปฏิบัติการรบ” อีแกนบอกสิบเอก ซอล เลวิตต์ พลวิทยุใน ฝูงบินของเขา ภายหลังซอลบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในฐานบิน ต้องย้ายไป สังกัดนิตยสาร แยงค์ สิ่งพิมพ์ของกองทัพบก เลวิตต์กล่าวต่อ “แต่ผู้ฝูง ก็ยังบ้าระห�่ำ และขึ้นบินปฏิบัติการ ไม่ใช่บินชมทิวทัศน์...” ในยามที่เด็ก-หนุ่ม (ค�ำที่อีแกนเรียกลูกน้อง) ร่วงเป็นลูกไฟสู่พื้นดิน เขาเขี ย นจดหมายถึ ง ภรรยาและมารดาของลูกน้อง “ไม่ใช่จดหมาย ส�ำเร็จรูป” เลวิตต์ยงั จ�ำได้ “ผูฝ้ งู เขียนเองกับมือ ส่งข่าวเล่าเรือ่ งเป็นการ ส่วนตัว ไม่มีส�ำเนาจดหมายพวกนี้ ท่านไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้ จดหมาย เป็นเรื่องระหว่างผู้ฝูงกับครอบครัวผู้เสียชีวิต” พันตรี อีแกน ร่างเล็กผอมบาง น�ำ้ หนักแทบไม่ถงึ 140 ปอนด์ ผมด�ำ 24 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ดกหนา หวีเรียบแปล้ด้วยน�้ำมันใส่ผม ตาด�ำ หนวดเรียวเหนือริมฝีปาก เครื่องหมายการค้าประจ�ำตัว จะเป็นเสื้อหนังนักบินบุขนแกะสีขาว และ สไตล์การพูดยียวนเหมือนนักเลงข้างถนน หยิบยืมจากนักเขียนเดมอน รันยอน อายุยสี่ บิ เจ็ด เด็กๆ ในฝูงถือว่าเป็น ‘เฒ่าโบราณ’ อีแกนประกาศ ว่า “ฉันท้าชน ดืม่ ให้หนูนอ้ ยหลับคาแก้วได้ทกุ คน” เขาล้อเลียนเด็กหน้าใส ในฝูง ในค�่ำคืนที่จะไม่มีการบินในวันถัดไป เขาจะกระโดดขึ้นรถจี๊ปออก ไปเยี่ยมบาร์ ‘ท้องถิ่น’ ไปร่วมดื่มกับคนงานไอริช ร่วมร้องเพลงพื้นเมือง จนกว่าเหล้าจะหมดผับ หรือเจ้าของผับเบือ่ ขีห้ น้า จับโยนออกมาข้างนอก ในยามที่อีแกนออกไปร่วมดื่มกับคนพื้นเมือง เพื่อนสนิทของเขา เข้านอนแล้ว ความอภิรมย์ของพันตรี เกล ดับเบิลยู. คลีเวน มีแต่เรื่อง พื้นฐาน เขาชื่นชอบไอศกรีม แคนตาลูป และภาพยนตร์สงครามของ อังกฤษ รักเดียวซือ่ สัตย์ตอ่ เพือ่ นหญิงทีบ่ า้ น นามว่า มาร์จ เขามีชวี ติ เพือ่ การบิน เขากับอีแกนได้รบั การสถาปนาให้เป็นหนึง่ ใน ‘สภาขุนนางการบิน’ เพือ่ นวัยเด็กเรียกเขาว่า ‘เคลฟ’ แต่อแี กน คูห่ ไู ปไหนไปกันตัง้ แต่โรงเรียน การบินในสหรัฐฯ เปลี่ยนชื่อเล่นให้ใหม่วา่ ‘บั๊ค’ เพราะหน้าตาเหมือน เด็กข้างบ้านชือ่ บัค๊ ในแมนิทวาก, วิสคอนซิน ได้ชอื่ เล่นใหม่ตดิ ตัว “ผม ไม่เคยชอบชื่อนั้น แต่ผมก็ได้ชื่อบั๊คนับแต่นั้นมา” คลีเวนบอกเล่าในอีก หกสิบปีให้หลัง หลังจากเขาจบปริญญาโทบริหารธุรกิจจากฮาร์เวิรด์ และ จบดอกเตอร์สาขาฟิสิกส์ระหว่างดาวเคราะห์ เกล คลีเวน ร่างผอมสูง เติบโตมาในดินแดนน�้ำมันทางเหนือของ เมืองแคสเปอร์, ไวโอมิง ส่งเสียตัวเองเรียนจบมหาวิทยาลัยไวโอมิงจาก เงินค่าจ้างกรรมกรแท่นขุดเจาะน�้ำมัน หมวกนายทหารวางเผล้บนหัว ไม้จิ้มฟันเสียบที่มุมปาก มาดนักเลงอันธพาล “แต่หัวใจใหญ่เท่าเท็กซัส และใจทั้งดวงมอบให้ลูกเรือ” นักบินคนหนึ่งกล่าวไว้ คลีเวนคึกคัก มี ชีวิตชีวา ได้ต�ำแหน่งนักเล่านิทานมือหนึ่งในฐานบิน คลีเวนเป็นผู้บังคับฝูงเมื่ออายุได้ยี่สิบสี่ เป็นวีรบุรุษในอเมริกา หลัง บทความยกย่องความห้าวหาญของเขาในภารกิจทิง้ ระเบิดถล่มเรเกินส์บรู ก์ นพดล เวชสวัสดิ์ 25


ลงใน แซตเทอร์เดย์ อีฟนิง โพสต์ เขียนโดย พันโท เบิร์น เลย์ จูเนียร์ ผู้ที่จับมือกับไซ บาร์เล็ตต์ เขียนนิยาย Twelve O’Clock High! นิยาย และภาพยนตร์สุดคลาสสิกที่ได้จากสมรภูมิยุโรป ภารกิจทิง้ ระเบิดเรเกินส์บรู ก์ -ชไวน์ฟรู ต์ ในวันที่ 17 สิงหาคม 1943 เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดของอเมริกาในช่วงนั้น สูญเสียเครื่องบิน ทิ้งระเบิด 60 ล�ำ ลูกเรือ 600 คน การทิ้งระเบิดสองเป้าซ้อน ถล่ม โรงงานเครื่ อ งบิ น ที่ เรเกิ น ส์ บู ร ์ ก และโรงงานตลับลูกปืนที่ชไวน์ฟูร์ต ศูนย์อุตสาหกรรมทั้งสองแห่งมีระบบป้องกันภัยทางอากาศหนาแน่น ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เบิร์น เลย์ บินไปกับหน่วยบินที่ 100 ในฐานะ ผู้สังเกตการณ์ในป้อมบิน พิคาดิลลี ลิลลี กลางลูกไฟและความโกลาหล เขาเห็นคลีเวนในฝูงบินต�่ำ ที่เรียกกันว่า ‘มุมโลงศพ’ ฝูงบินที่อยู่ต�่ำที่สุด และรัง้ ท้ายในหมูบ่ นิ ทิง้ ระเบิด “คลีเวนใช้ชวี ติ ในชัว่ โมงแจ่มกระจ่างทีส่ ดุ ” เครือ่ งบินของเขารุง่ ริง่ ด้วยกระสุนจากเครือ่ งบินขับไล่เยอรมัน นักบินผูช้ ว่ ย ของคลีเวนตระหนกตกใจ เตรียมพร้อมจะสละเครื่อง “เผชิญหน้ากับ ความเสียหายของโครงสร้าง สูญเสียการควบคุมส่วนหนึ่ง ไฟลุกกลาง อากาศ ลูกเรือได้รับบาดเจ็บสาหัส และเครื่องบินขับไล่อีกฝูงไต่ความสูง ขึน้ มาหา คลีเวนมีเหตุอนั ควรแล้วทีจ่ ะสละเครือ่ ง” เลย์เขียนไว้ แต่คลีเวน ออกค�ำสั่งให้นักบินผู้ช่วยรั้งอยู่ก่อน “เสียงของเขาได้ยินทั่วล�ำเรือ คล้าย มนต์เสกเป่าให้ก�ำลังใจลูกเรือ ทุกคนประจ�ำการที่ปืนกลหนัก B-17 ยัง บินต่อไป” เบิร์น เลย์ เสนอชื่อคลีเวนให้รับเมดัล ออฟ ออนเนอร์ “ผมไม่ได้รับ และไม่สมควรได้รับ” คลีเวนกล่าว เขาได้รับอิสริยาภรณ์ชั้นรองลงมา คือ ดิสทิงกวิชด์ เซอร์วิส ครอสส์ แต่ไม่เดินทางเข้าลอนดอนเพื่อไปรับ “เหรียญกล้าหาญ ห่ะ ผมอยากได้แอสไพรินมากกว่า” เขาให้ความเห็น อีกนานหลังจากนั้น “ผมก็ยังไม่มีเหรียญกล้าหาญใดเลย” เรื่องราวของคลีเวนในการทิ้งระเบิดที่เรเกินส์บูร์ก “เป็นที่ฮือฮาใน ฐานบิน” แฮร์รี เอช. ครอสบี ย้อนนึก เขาเป็นต้นหนของเครือ่ งในฝูงบินที่ 26 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


418 ของอีแกน และในวันนัน้ จอห์น อีแกน ท�ำงานได้ดเี ช่นกัน ต่อค�ำถาม ที่ว่าเขารอดมาได้อย่างไร อีแกนบรรยาย “ผมมีสร้อยประค�ำสวดมนต์ สองเส้น เหรียญน�ำโชคสองเหรียญ ธนบัตรสองดอลลาร์ที่ผมกัดมุมให้ แหว่งทุกเที่ยวบิน ผมยังสวมสเวตเตอร์กลับหลัง และสวมแจ๊กเก็ตหนัง น�ำโชค” คนอืน่ ไม่มโี ชคขนาดนัน้ หน่วยบินที่ 100 สูญเสียพลรบ 90 นาย การบาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจในฤดูร้อนปีนั้น เร็วเกิน กว่าพลรบจะบันทึกได้ทัน ลูกเรือทดแทนคนหนึ่งเดินทางมาถึงโธรป แอบบอตต์ส ทันมื้ออาหารเย็น เข้านอนในที่พัก และเสียชีวิตในน่านฟ้า เยอรมนีในตอนรุง่ เช้า ไม่มใี ครทันรูจ้ กั ชือ่ คนในฐานบินเรียกเพียงว่า ‘คน ที่มากินอาหารเย็นด้วยกัน’ ในเมื่อเพื่อนพ้องล้มตายราวใบไม้ร่วง หน่วยบินที่ 100 ต้องการ วีรบุรุษ ที่สโมสรนายทหาร นักบินรุ่นเด็กห้อมล้อมอีแกนกับคลีเวน “สายตาทุกคูจ่ บั จ้องการบินกลางอากาศด้วยมือ” ครอสบีเขียนไว้ในบันทึก “ทหารเกณฑ์บูชาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง” นักบินหน้าใสอยากบินได้เหมือนผู้ฝูง อยากผูกผ้าพันคอสีขาว และสวมหมวกบูบี้ ‘50 เที่ยวบิน’ เบิร์น เลย์ น�ำเอานักบินเหล่านีไ้ ปเป็นตัวละครในนิยาย I Wanted Wings ภาพยนตร์ ฮอลลีวดู ทีจ่ ดุ แรงบันดาลใจให้คนหนุม่ อยากมาเป็นนักบินทัพอากาศ สังกัด กองทัพบก การพูดจาท่าทางเลียนแบบฮอลลีวูดเช่นกัน ครั้งแรกสุดที่ ครอสบีมองเห็นคลีเวนในสโมสรนายทหาร “ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เขาอยากคุยกับผม แล้วเอื้อนออกมาว่า ‘แท็กซี่ (ขับเคลื่อนเครื่องบินบน พื้น) มาทางนี้เลย, ผู้หมวด” คลีเวนชอบนักบินทดแทน แต่เป็นกังวลต่อท่ าทางอวดกล้าของ เด็กหนุ่ม “เด็กพวกนี้ไม่ได้กลัวมากเท่าพวกเรา ดังนั้น เด็กพวกนี้เป็น ตัวอันตราย พวกเขากลัวสิ่งที่ยังไม่รู้ พวกเรากลัวเรื่องที่ทราบกันดีแล้ว”

นพดล เวชสวัสดิ์ 27


เช้าตรู่วันที่ 8 ตุลาคม 1943 หนึ่งชั่วโมงก่อนที่จอห์นนี อีแกนจะเดินขึ้น รถไฟมุ่งหน้าไปลอนดอน วันหยุดครั้งแรกสุด บั๊ค คลีเวน น�ำเครื่องขึ้น จากพืน้ มุง่ หน้าไปยังเบรเมิน และไม่ได้กลับมา เครือ่ งบินขับไล่ลฟุ ต์วาเฟอ สามล�ำ บินออกมาจากดวงอาทิตย์ ยิงกราดเข้าใส่ปอ้ มบินของคลีเวน ดับ สามเครือ่ งยนต์ ยิงแพนหางและหัวเครือ่ งจนพรุน ตัดเฉือนปีกซ้ายขาดไป ส่วนหนึ่ง ไฟลุกท่วมห้องนักบิน สถานการณ์สิ้นหวัง คลีเวนสั่งให้ลูกเรือ สละเครื่อง เขาเป็นคนสุดท้ายที่กระโดดร่มออกจากเครื่อง ในยามที่เขา โดดร่ม เครื่องบินทิ้งระเบิดอยู่ห่างจากพื้นดินแค่ 2,000 ฟุต เวลา 1515 เวลาที่จอห์น อีแกนน่าจะเช็กอินเข้าพักในโรงแรมใน ลอนดอน คลีเวนบังคับร่ม มองเห็นว่าเขาน่าจะลงพืน้ ใกล้บา้ นไร่ขนาดเล็ก “เร็วกว่าที่ผมอยากลงพื้น” เขาดึงร่มให้เบี่ยงหลบหลังคาบ้าน ร่มหมุน ควบคุมไม่ได้ ร่างของเขาทะลุผา่ นประตูหลังเข้าไปในห้องครัว ร่มลากครูด เครือ่ งเรือน และเตาเหล็กขนาดเล็ก ภรรยาและลูกสาวของชาวนากรีดร้อง เสียสติ ชาวไร่จิ้มส้อมตักหญ้าจ่อหน้าอกของเขา “ด้วยภาษาเยอรมัน กระท่อนกระแท่น, ผมพยายามอธิบายว่าผมไม่ใช่คนร้าย เขาไม่เชื่อ” คืนนั้น พลบินจากฝูงบินของคลีเวนที่รอดชีวิตจากภารกิจเบรเมิน เดินเข้าผับหมูบ่ า้ น ดืม่ จนเมามายไม่ได้สติ “ไม่มใี ครเชือ่ ว่าผูฝ้ งู โดนยิงตก” สิบเอก แจ๊ก เชอริแดน หนึ่งในฝูงบินของคลีเวนเขียนไว้ ถ้าผู้ฝูง ‘อมตะ’ ยังไม่รอด แล้วใครจะรอดได้? แต่เชอริแดนก็บันทึกไว้ด้วยว่า ‘คนที่หาย สาบสูญ ไม่หยุดสงคราม” เช้าวันถัดมา มือ้ อาหารเช้าของโรงแรม ไข่ดาวกับสกอตช์วสิ กีส้ องเป๊ก อีแกนอ่านพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ ลอนดอน ไทมส์ ‘กองก�ำลัง ทางอากาศที่ 8 สูญเสีย 30 ป้อมบินเหนือเบรเมิน’ เขาลุกพรวดพราด ออกจากเก้าอี้ ตรงไปหาโทรศัพท์ ต่อสายไปยังฐานบิน ในช่วงสงคราม การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเข้มงวด การสนทนาใช้รหัส “เกม เป็นไงบ้าง?” เขาถาม ได้รับค�ำตอบ คลีเวนสไตรก์เอาต์ เงียบงันชั่วครู่ เขารวบรวมสติ สอบถามต่อ “ทีมของเรามีเกมก�ำหนดไว้ไหมวันพรุ่งนี้?” 28 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


“ใช่ครับ” เสียงจากปลายสายตอบมา “ฉันอยากลงขว้างลูก” เขากลับมายังโธรป แอบบอตต์ส ในตอนบ่าย ทันเวลาพอจะนัง่ ‘รีด เหงื่อ’ รอคอยการบินยาวไกลไปยังมาเรียนบูร์ก ปฏิบัติการทิ้งระเบิด น�ำหมู่โดยผู้บังคับหน่วยบินที่ 100 พันโท นีล บี. ‘ชิค’ ฮาร์ดิง อดีต ยอดนักฟุตบอลเวสต์พอยน์ต ในทันทีที่ฝูงบินลงแตะพื้น เขาได้รับอนุมัติ จากฮาร์ดงิ ให้เป็นหัวหน้าหมู่ น�ำหมูบ่ นิ ของหน่วยบินที่ 100 ออกปฏิบตั กิ าร ในวันรุ่งขึ้น รุ่งสาง เขาเดินเข้าไปในกระท่อมของลูกเรือ ปลุกนักบิน จอห์น ดี. เบรดี อดีตนักแซ็กโซโฟนของบิ๊กแบนด์ แฮร์รี ครอสบี ซึ่งนอน ฟากตรงข้ามร้อยเอก เบรดี ได้ยนิ การสนทนา “จอห์น, ผมบินกับคุณ เรา จะไปเด็ดหัวไอ้เชีย่ ทีย่ งิ บัค๊ ตก” จากนัน้ ชายทัง้ สองออกไปฟังบรรยายสรุป ก่อนปฏิบัติการ “เป้าหมายวันนี้คือ มึนสเทอร์” นายทหารฝ่ายการข่าว พันตรี ไมเนอร์ ชอว์ แจ้งให้ลูกเรือง่วงตาปรือได้ทราบ ดึงเปิดม่าน เผยให้เห็น แผนที่ของยุโรปเหนือเต็มผนัง เชือกสีแดงโยงจากโธรป แอบบอตต์ส ข้ามฮอลแลนด์ไปยังชุมทางรถไฟเล็กๆ เลยจากชายแดนดัตช์ จะเป็น ปฏิบัติการทิ้งระเบิดระยะใกล้ มีเครื่องบินขับไล่ P-47 ธันเดอร์โบลต์ เครื่องบินขับไล่ดีที่สุดที่สัมพันธมิตรมีอยู่ ท�ำหน้าที่คุ้มกันป้อมบินไปจน สุดพิสัยท�ำการ ใกล้เป้าหมาย อาจดูคล้ายงานประจ�ำ ยกเว้นเรื่องเดียว จุดเล็งจะเป็นเมืองโบราณก�ำแพงล้อมรอบ ย่านสับเปลี่ยน รายล้อมด้วย บ้านพักคนงานรถไฟ ใกล้เป้าหมายจะมหาวิหาร บิชอปประจ�ำที่นั่น ได้ ชื่อว่าเป็นเสียงต่อต้านนาซี “คนงานรถไฟในแคว้นรูร์ทุกคน พักอาศัย ในมึนสเทอร์” ชอว์บรรยายด้วยเสียงราบเรียบ หากนายทหารทิ้งระเบิด วางระเบิดแม่นย�ำกลางเป้า ระบบรางรถไฟเยอรมันทีม่ กี ารจราจรหนาแน่น น่าจะเสียหายอย่างหนักจนใช้การไม่ได้ นี่ เ ป็ น การเปลี่ ย นแปลงกลั บ ทิ ศ ของการทิ้ ง ระเบิ ด อเมริ กั น ใน ภายหลัง กองก�ำลังทางอากาศที่ 8 จะออกมาปฏิเสธอย่างเป็นทางการ นพดล เวชสวัสดิ์ 29


ทว่า การทิ้งระเบิดมึนสเทอร์เป็นปฏิบัติการ ‘ล้างเมือง’ รายงานภารกิจ ที่ปลดชั้นความลับสุดยอดไปแล้วและปูมการบิน บันทึกไว้แจ้งชัดว่า จุดเล็งเป้าอยู่ที่ ‘ใจกลางเมือง’ รายงานของหน่วยบินทิ้งระเบิดที่ 94 บรรยายจุ ด เล็ ง เป้า ว่ า “แหล่ ง ชุ ม นุ ม หนาแน่ น ปลายยอดตะวั น ออก เฉียงเหนือของย่านสับเปลี่ยน” “เมื่อชอว์ประกาศว่า เราจะถล่มย่านที่พักอาศัย ผมรู้สึกตัวว่า ลุกขึ้นยืน ส่งเสียงโห่ร้อง” อีแกนกล่าวไว้ในเวลาต่อมา “คนอื่นๆ ที่ สูญเสียเพือ่ น (ในการทิง้ ระเบิดคราวทีผ่ า่ นมา) ร่วมส่งเสียงโห่รอ้ ง เพราะ นี่เป็นโอกาสที่เราจะได้ฆ่าคนเยอรมัน ชนเผ่าที่ฟักบ่มความเกลียดชังและ การข่มเหงย�ำ่ ยีชนกลุม่ น้อย นีเ่ ป็นภารกิจในฝัน...ล้างแค้นแทนเพือ่ นสนิท” พลบินบางคนที่อยู่ในห้องบรรยายสรุปเช้าวันนั้น จ�ำไม่ได้ว่ามีการ โห่ร้อง คนหนึ่ง ร้อยเอก แฟรงก์ เมอร์ฟี นักดนตรีแจ๊สอายุยี่สิบสอง จากแอตแลนตา, จอร์เจีย ผูเ้ ลิกเรียนมหาวิทยาลัยเอ็มมอรีกลางคัน เพือ่ มาเป็นต้นหนในทัพอากาศ เมอร์ฟีไม่มีความทรงจ�ำว่าอีแกนลุกขึ้นมา โห่ร้อง สบถสาบานจะล้างแค้น เขาบอกเพียงว่า ไม่มีใครในห้องนั้น ประท้วงการถล่มพลเรือน แม้แต่คนที่เหมือนเขา มีญาติอาศัยอยู่ใน เยอรมนี อาจเป็นได้ว่าหลายคนยังจ�ำค�ำเตือนของผู้บังคับบัญชาคนแรก พันโท ดาร์ เอช. ‘แป๊ปปี’ อัลไคร์ ในสหรัฐฯ หลังจากจบการบิน ใหม่หมาด และได้ปีกบิน “อย่าได้หลงเพ้อว่างานของพวกคุณจะหรูหรา ฟูฟ่ า่ และน่าภาคภูมใิ จได้เสียงแซ่ซอ้ งสรรเสริญ คุณมีงานสกปรกให้ท�ำ คุณ ควรเผชิญความจริงเสียเถอะ คุณจะเป็นฆาตกรฆ่าทารก ฆาตกรฆ่าสตรี” ไม่มีใครในหน่วยบินทิ้งระเบิดที่ 100 มองตัวเองว่าอยู่ในกิจการ ฆาตกรรม ทหารส่วนใหญ่วางใจในผู้น�ำ “ผมรู้สึกว่า ผมไปอยู่ที่นั่น เพื่อช่วยให้เราชนะสงคราม หากเป็นไปได้” ร้อยโท โฮเวิร์ด ‘แฮมโบน’ แฮมิลตัน นายทหารทิ้งระเบิดของผู้กองเบรดี “ปัญหาพื้นฐานของการ พยายามทิ้งระเบิดท�ำลายระบบรางก็คือ ถ้ามีกรรมกรมากพอ รางรถไฟ จะซ่อมให้ใช้งานได้อีกครั้งในระยะเวลาอันสั้น เราได้รับค�ำบอกกล่าวว่า 30 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


การทิ้งระเบิดลงบ้านพักกรรมกรรถไฟ จะเป็นการลดจ�ำนวนผู้คนที่จะมา ซ่อมราง” แต่การบรรยายสรุปเช้าวันนั้นในฐานบินทิ้งระเบิดข้างเคียง มีเสียง บ่นอื้ออึงถึงการเลือกเป้าหมาย “วันอาทิตย์ ลูกเรือหลายคน...ไม่ใคร่ สบายใจนักทีจ่ ะทิง้ ระเบิดใกล้โบสถ์” ร้อยโท รอเบิรต์ เซเบิล นักบินสังกัด หน่วยบินทิ้งระเบิดที่ 390 และร้อยเอก เอลลิส สคริปเจอร์ ต้นหนที่จะ บินในเครื่อง เดอะ ซูซูตเทอร์ส หัวหน้าหมู่ของหน่วยบินทิ้งระเบิดที่ 95 เขาบรรยายความรู้สึกในเวลาต่อมา “ผมเกิดในครอบครัวเคร่งศาสนา โปรเตสแตนต์ พ่อแม่นบั ถือพระผูเ้ ป็นเจ้า ผมตกตะลึงทีไ่ ด้ทราบว่าเราจะ ไปทิ้งระเบิดโดยมีพลเรือนเป็นเป้าหมายหลัก นี่เป็นครั้งแรกในสงคราม” หลังการบรรยายสรุป เอลลิส สคริปเจอร์ น�ำเรือ่ งนีไ้ ปร้องเรียนต่อผูบ้ งั คับ หน่วยบิน แจ้งให้ทราบว่าเขาไม่อยากบินในวันนี้ พันโท จอห์น เกอร์ฮาร์ต ระเบิด “ฟังนะ ผู้กอง นี่คือ สงคราม สะกดว่า ส-ง-ค-ร-า-ม เราออก มารบเต็มรูปแบบ คนเยอรมันฆ่าคนบริสทุ ธิท์ วั่ ยุโรปมานานหลายปี เรามา ที่นี่เพื่ออัดบั้นท้ายมารดามัน...และเราจะท�ำเสียอย่างนั้น ฉันเป็นหัวหน้า หมู่บิน และคุณเป็นต้นหน...ถ้าคุณไม่ยอมขึ้นบิน ฉันจะส่งคุณขึ้นศาล ทหาร มีค�ำถามอะไรอีกไหม?” สคริปเจอร์ตอบว่า “โน เซอร์” เดินมุ่งหน้าไปยังเครื่องบินที่จอด เรี ย งราย “ผมตั ด สิ น ใจได้ ใ นเดี๋ ย วนั้ น ว่ า สงครามไม่ ใช่ ก ารดวลของ สุภาพบุรุษ” เขาบอกในเวลาต่อมา “หลังจากนั้น ผมไม่เคยแคลงใจ ยุทธศาสตร์ของผู้บังคับบัญชา พวกเขามีเรื่องยากล�ำบากต้องตัดสินใจ... และตัดสินใจสั่งการออกมา” นักบินอีกคนจากหน่วยบินทิง้ ระเบิดของสคริปเจอร์ ผูห้ มวด ธีโอดอร์ โบซาร์ธ บรรยายได้อย่างชัดเจนว่าทหารในกองบินรบที่ 13 รู้สึกอย่างไร ต่อภารกิจนี้ ภารกิจที่สามของกองบินในสามวัน : เบรเมิน มาเรียนบูร์ก และมึนสเทอร์ “เราเหนื่อยเราล้าเกินกว่าจะสนใจห่ะเรื่องใด” แฮร์รี ครอสบี ไม่ได้ร่วมบินไปยังมึนสเทอร์ เขากับนักบิน ร้อยเอก นพดล เวชสวัสดิ์ 31


เอเวอเร็ตต์ เบลกลีย์ พักฟื้นรักษาตัวจากเครื่องอกไถพื้นดินอังกฤษ หลัง กลับจากการทิ้งระเบิดเบรเมิน เช้าของวันภารกิจมึนสเทอร์ ทั้งสองยึด เครื่องบินที่ได้รับความเสียหาย บินไปยังเมืองรีสอร์ตบอร์นมัธ ไปพัก ตากอากาศชายทะเล หนีจากสงครามชัว่ ขณะ ก่อนจะพาเครือ่ งขึน้ จากพืน้ ครอสบีโทรถึงนักอุตุนิยมของฐานบิน ร้อยเอก คลิฟฟ์ ฟราย นัดแนะรหัส ส�ำหรับครอสบีให้ทราบผลการทิ้งระเบิดมึนสเทอร์ ทางโทรศัพท์ บ่ายสีโ่ มง เขาโทรศัพท์ถงึ ฟราย “เพือ่ นของผมกลับจากการลาหยุด มาครบทุกคนหรือเปล่า?” ไม่มีค�ำตอบ “บางคนต้องย้ายสังกัดเป็นการถาวร?” “ใช่, ทุกคน ยกเว้นคนเดียว” และแล้ว ฟรายอัดอั้นตันใจเกินทน ไม่สนใจรหัสอีกแล้ว “อีแกน หายไป ลูกเรือของคุณหายไป ทัง้ หน่วยบินหายไป คนเดียวทีร่ อดกลับมา เป็นลูกเรือชุดใหม่จาก (ฝูงบิน) 418 พวกเขาเรียกนักบินคนนั้นว่า โรซี”

ร้อยโท รอเบิร์ต ‘โรซี’ โรเซ็นธาล ไม่ได้ร่วมฝึกกับลูกเรือดั้งเดิมของ หน่วยบินที่ 100 เขากับลูกเรือโอนมาสังกัดหน่วยบินที่ 100 ในเดือน สิงหาคม จากกองหนุนกลางในอังกฤษ ทดแทนพลบินที่ขาดหายไปใน การทิ้งระเบิดเรเกินส์บูร์ก “ในตอนที่ผมมาถึง หน่วยบินที่ 100 เละเทะ ไร้ระเบียบ” โรเซ็นธาลย้อนนึก “พวกเขาเป็นกลุ่มอันธพาลเอะอะตึงตัง แต่ละคนมีมาดกร่าง ชิค ฮาร์ดิง เป็นผู้บังคับบัญชาชั้นดี แต่เขาไม่ ก�ำกับวินยั ทัง้ บนพืน้ และในอากาศ” โรเซ็นธาลไม่ได้ขนึ้ บินสามวัน “ไม่มี ใครแวะมาตรวจสอบผม ไม่อนุมัติสถานะพร้อมรบ ในท้ายที่สุด ผู้ฝูง จอห์น อีแกนให้ผมฝึกบินเกาะหมู่ ผมบินเกาะปลายปีกขวาของเขา ผม ฝึกบินเกาะหมู่มาเยอะ ผมงุ่นง่าน ผมอยากเข้าสู่สงคราม ผมพาเครื่อง 32 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


แตะปลายปีกเขา เขาไปทางไหน ผมไปทางนั้น กลับลงถึงพื้น อีแกน บอกผมว่าเขาอยากได้ผมเป็นวิงแมนของเขา” โรเซ็นธาลเข้าเรียนในบรูกลิน คอลเลจ ไม่ไกลจากย่านแฟลตบุชที่ เขาพักอาศัย ยอดนักกีฬา เป็นกัปตันทีมฟุตบอล กัปตันทีมเบสบอล ในเวลาต่อมา จารึกชื่อในท�ำเนียบเกียรติยศของคอลเลจ จบการศึกษา เกียรตินิยมจากส�ำนักกฎหมาย เขาเข้าท�ำงานในส�ำนักงานกฎหมาย ชั้ น น�ำในแมนฮั ต ตั น เพิ่ ง ท�ำงานใหม่ ไ ด้ ไ ม่ นาน เมื่ อ ญี่ ปุ ่ น ทิ้ ง ระเบิ ด เพิร์ล ฮาร์เบอร์ เช้าวันถัดมา เขาสมัครเข้าทัพอากาศ กองทัพบก โรเซ็นธาลอายุยี่สิบหก แผงไหล่กว้าง เค้าหน้าหล่อเหลาคมคาย ผมด�ำหยักศก หนุ่มมหานครผู้หลงรักแจ๊ส ขัดกับท่าเดินงุ่มง่ามเหมือน ชาวนา หัวแม่เท้าเอนเข้าหากัน ไม่มีมาดยะโสหวาดระแวงของหนุ่ม นิวยอร์ก เขาเป็นคนขีอ้ าย หน้าแดงง่าย แต่ความมุง่ มัน่ คล้ายกองไฟคุโชน กลางอก “ผมอ่าน ไมน์ คัมพฟ์ สมัยเรียนวิทยาลัย ได้เห็นภาพยนตร์ขา่ ว การชุมนุมอลังการของนาซีในนูเรมเบิรก์ ฮิตเลอร์นงั่ รถเปิดประทุน ฝูงชน โห่รอ้ งต้อนรับบ้าคลัง่ ใบหน้าของผูค้ นนัน่ เองทีส่ ะกิดใจผม สีหน้าหลงใหล คลั่งเพ้อ ไม่ใช่แค่ฮิตเลอร์ หากแต่เป็นคนทั้งชาติเสียสติไปแล้ว จะต้อง หยุดคนพวกนี้ให้จงได้ “ผมเองเป็นยิว แต่ไม่ใช่เพียงแค่เรือ่ งนัน้ ฮิตเลอร์เบียดเบียนคุกคาม คนดีรักสงบทุกหนทุกแห่ง ผมยกย่องนับถือคนอังกฤษเช่นกัน พวกเขา ยืนหยัดต้านสู้นาซีตามล�ำพังในช่วง ‘แบตเทิล ออฟ บริเทน’ และ ‘เดอะ บลิตซ์’ (สงครามเวหาและการทิ้งระเบิดถล่มลอนดอน) ผมติดตามอ่าน หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ และรับฟังรายการวิทยุของเอดเวิร์ด อาร์. มอร์โรว์ รายงานสดการทิ้งระเบิดถล่มลอนดอน ผมอดทนรอไม่ไหว อยากมาที่นี่ “เมื่อผมมาถึง ผมคิดว่าผมมาอยู่ที่จุดศูนย์กลางโลก สถานที่รวม ประเทศประชาธิปไตย ชุมนุมกันเพื่อปราบลัทธินาซี ผมมาอยู่ในที่ที่ผม ควรจะอยู่” ‘โรซี’ โรเซ็นธาลไม่ได้บอกเล่าแบ่งปันแนวคิดในใจให้ลกู เรือได้ทราบ นพดล เวชสวัสดิ์ 33


คนสามัญที่ไม่ใคร่วางใจพวกคิดลึก ไม่มีใครทราบว่าโรเซ็นธาลคิดอะไร ในใจ อะไรขับไสให้เขาขึน้ บินและสูร้ บด้วยเพลิงพิโรธมุง่ มัน่ หลังสงคราม สิ้นสุด ‘โรซี’ โรเซ็นธาลเป็นหนึ่งในนักบินที่ได้รับเหรียญกล้าหาญมาก ที่สุด นักบินชื่อเสียงโด่งดังสังกัดกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 ข่าวลือซุบซิบ ไปทั่วโธรป แอบบอตต์ส ว่าครอบครัวของเขาถูกขังอยู่ในค่ายกักกันของ เยอรมัน แต่เมื่อมีคนโพล่งถาม เขาตอบตามตรง “เรื่องเหลวไหลทั้งเพ” ครอบครัวของเขา มารดา พีส่ าว พีเ่ ขย และหลานสาว (พ่อเพิง่ เสียชีวติ ) ยังอยู่สุขสบายในบรูกลิน “ผมไม่มีเหตุผลส่วนตัว ทุกอย่างที่ผมท�ำ หรือ หวังอยากท�ำ เป็นเพราะว่าผมเกลียดชังการกดขี่ข่มเหง...มนุษย์ควรดูแล เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่เช่นนั้น เราจะมีอารยธรรมได้หรือ?” ในการบรรยายสรุปภารกิจมึนสเทอร์ โรซีจดจ�ำได้วา่ เป้าหมายจะเป็น ย่านสับเปลี่ยนของมหานคร มิใช่เรือนพักคนงาน “อยู่ใกล้ใจกลางเมือง คนบริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บล้มตายอยู่แล้ว เหมือนที่เกิดขึ้นในสงคราม ทุกคราว” ในเช้ า หม่ น มั ว ในเดื อ นตุ ล าคม เครื่ อ งบิ น ของโรซี เ ป็ น ล�ำที่ ส าม บนรั น เวย์ เข้ า แถวร่ ว มกั บ เครื่ อ งจั ก รสั ง หารหนักสามสิบตันล�ำอื่นๆ เครื่องยนต์แผดเสียงกึกก้อง พร้อมจะบินขึ้นฟ้า ทิ้งช่วงทุกครึ่งนาที เขา กับลูกเรือบินด้วยเครื่องใหม่ รอยัล ฟลัช แทนล�ำเดิม โรซี’ส ริเว็ตเทอร์ส ซึ่งเสียหายอย่างหนักจากภารกิจเบรเมินและมาเรียนบูร์ก ลูกเรือเชื่อ โชคลาง ใจหวาดในยามที่บินด้วยเครื่องที่ไม่คุ้นเคย โรซีเรียกลูกเรือมา ล้อมวงกันใต้ปีกเครื่อง พยายามกล่อมลูกเรือให้สงบ “บานทิ้งระเบิดปิดงับไล่หลัง เรารู้แล้วว่าเราเป็นนักโทษที่ถูกกักใน เครื่องบินล�ำนี้” เดนตัน สก็อตต์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ แยงค์ บรรยาย ความกลัวของลูกเรือก่อนขึ้นบิน “การจองจ�ำสิ้นสุดลงได้สามทาง เรียง ล�ำดับตามนี้ : ภัยพิบัติจากการระเบิด การโดดร่มลงสู่คุกหรือความตาย หรือว่าการบินกลับฐานอย่างปลอดภัย” เวลา 1111 เครื่อง มิล ซิก ซิก ของเบรดีเป็นหัวหน้าหมู่ในวันนี้ มี 34 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


พันตรีอแี กน นัง่ ในเก้าอีน้ กั บินผูช้ ว่ ย ร้อยโท จอห์น โฮร์ นักบินผูช้ ว่ ยของ เบรดี นั่งอยู่ในเก้าอี้เสริม ล้อสะกิดพื้นรันเวย์ ลูกระเบิดเต็มท้อง ยกตัว ลอยขึ้นฟ้า แทบจะไม่พ้นทิวยอดไม้ปลายรันเวย์ นี่เป็นครั้งแรกที่เบรดี เป็นหัวหน้าหมู่ เขารู้สึกเหมือนว่ายังไม่พร้อม อีแกนไม่ใคร่สบายใจเช่น กัน เขาไม่ได้สวมแจ๊กเก็ตหนังน�ำโชคบุขนแกะขาว บั๊ค คลีเวน เพื่อนที่ เขาจะล้างแค้นให้ ไม่ชื่นชอบ เพราะแจ๊กเก็ตไม่สะอาด เครือ่ งบินทิง้ ระเบิด 53 ล�ำจากกองบินรบที่ 13 จัดขบวนเหนือยาร์มธั หน่วยบินที่ 100 ต่อแถวจากหมู่น�ำขบวน, หน่วยบินที่ 95 บินไปทาง ตะวันตกเฉียงใต้ สมทบกับกองบินรบอีกขบวนหนึ่ง ป้อมบิน B-17 จ�ำนวน 275 ล�ำจัดขบวนเป็นหมู่บินทิ้งระเบิด เหนือทะเลเหนือ สี่ล�ำ บ่ า ยหน้ า กลั บ ฐาน อ้ า งว่ า กลไกขั ด ข้ อ ง สี่ ล�ำที่ ข าดหายลดจ�ำนวน ปืนกลหนัก .50 คาลิเบอร์ไป 36 กระบอก การขาดหายที่มีนัยส�ำคัญยิ่ง ในการรบกลางฟ้า แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีใครเป็นกังวล “เราค่อนข้าง สบายใจในการเดินทางเที่ยวนี้” ร้อยโท ดักลาส กอร์ดอน-ฟอร์บส นายทหารทิ้งระเบิดของเครื่อง เคบิน อิน เดอะ สกาย สังกัดหน่วยบิน ทิ้งระเบิดที่ 390 “นับเป็นครั้งแรกที่เรามีเครื่องบินขับไล่คุ้มกันเข้าไปใน ดินแดนเยอรมนี ความเชื่อมั่นของเราท่วมท้น” เยอรมันตั้งสถานีเรดาร์ตั้งแต่นอรเวย์มาถึงทางเหนือของฝรั่งเศส เยอรมันรูว้ า่ เครือ่ งบินอเมริกนั มุง่ หน้ามาหา ตัง้ แต่เครือ่ งเริม่ ตัง้ ขบวนเหนือ อีสต์ แองเกลีย และเมื่อหมู่เครื่องบินทิ้งระเบิดบินมาเหนือชายแดนดัตช์ ข้ามเขตเมืองเวสต์ฟาเลีย หมู่บินทิ้งระเบิดบินเข้าหา ‘แฟลค’* กระสุน ปืนต่อสู้อากาศยาน หรือ ฟลีเกอร์อับแวร์คาโนเนิน (ปืนใหญ่ต่อสู้ อากาศยาน) อีแกนเหลือบมองเบรดี เห็นนักบินท�ำเครือ่ งหมายไม้กางเขน ไม่กี่วินาทีถัดมา พลปืนกลางล�ำตัวเครื่องก็เสียชีวิตจากสะเก็ดระเบิดจาก * แฟลค - กระสุน ปตอ. แตกอากาศ กระสุนแตกกลางฟ้า สาดสะเก็ดระเบิดเจาะล�ำตัว ปีก หรือถังน�้ำมันของเครื่องบินทิ้งระเบิด และลูกเรือในเครื่อง นพดล เวชสวัสดิ์ 35


ปืน ปตอ. เยอรมัน เมื่อหมู่บินของหน่วยบินที่ 100 มาถึง จุดตั้งต้น IP-Initial point (จุดทีเ่ ฮฟวี,่ เครือ่ งบินทิง้ ระเบิดหนักต่อท้ายกันในเส้นทางทิง้ ระเบิด) อีแกน วิทยุแจ้งให้หมูบ่ นิ ทราบว่า ธันเดอร์โบลต์ ‘ต้องมุง่ หน้ากลับโรงนา’ สิน้ สุด พิสัยท�ำการแล้ว เขาหันไปมองทางขวา นักบินขับไล่โคลงปีก อวยพร ให้โชคดี อีแกนเบือนหน้ากลับมา มองตรงไปข้างหน้า ตะโกนออกมา “จี ซั ส ไครสต์ ! สิ บ สองนาฬิ ก า!* พวกมั น ตรงดิ่ ง มาหาเราแล้ ว !” เครื่องบินขับไล่เยอรมันราว 200 ล�ำเข้าโจมตีตรงหน้า พุ่งตรงมาหา เครื่องบินทิ้งระเบิดจนจมูกแทบจะชนกัน ก่อนจะฉีกไปทางอื่น เครื่ อ งบิ น ของเบรดี หั ว หน้ า หมู ่ บิ น โดนก่ อ น แฟรงก์ เมอร์ ฟ ี อยูใ่ นกระเปาะใสส่วนหัวของ ออ-อาร์-โก, เครือ่ งทีบ่ นิ ตามหลัง มิล ซิก ซิก เห็นลูกไฟระเบิดเจิดจ้าใต้เครื่องของเบรดี เขาเบิกตาโพลงมองป้อมบิน ตกดิ่งลงหาพื้นดิน ทิ้งควันด�ำและพวยเชื้อเพลิงตามหลัง อีแกนบรรยาย ฉากทุลักทุเลในภายหลัง “(นายทหารทิ้งระเบิดของเรา) ลนลานขึ้นจาก ส่วนหัวของเครื่อง บอกเราว่าต้องออกจากหมู่บิน เพราะ ‘แฮมโบน’ แฮมิลตันโดนเจาะหลายรู เจ้าหนูอยากกลับบ้าน” อีแกนกล่าวต่อ “ผม ปลอบเขาไปว่าเราออกจากหมู่บินแล้ว” ในระหว่างที่เบรดีพยายามประคองเครื่องให้แล่นในแนวราบ เพื่อ ให้ลูกเรือโดดร่มได้ อีแกนดูแลขั้นตอน ‘การสละเรือ’ ในขณะที่เขา ให้ค�ำแนะน�ำผ่านเครือ่ งติดต่อภายใน เครือ่ งบินระเบิดเป็นลูกไฟ ในวินาที นัน้ เขาส่งจอห์น โฮร์ ลงไปช่วยเด็กหนุม่ อายุสบิ เก้า ‘แฮมโบน’ แฮมิลตัน ให้คลานไปถึงบานหนีภัยส่วนหน้า บนพื้นของเครื่องบิน จากนั้น อีแกน กับเบรดีเปิดการท�ำงานระบบควบคุมการบินอัตโนมัติ ทัง้ สองมุง่ หน้ามายัง บานทิ้งระเบิดที่เปิดอ้า ยืนบนคานเหล็กเล็กแคบที่คั่นกลางระหว่างแผง ระเบิดสองฟากข้าง อีแกนมองลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง ตะโกนออกมา * ยึดทิศตามหน้าปัดนาฬิกา สิบสองนาฬิกาคือข้างหน้า หกนาฬิกาคือท้ายเครื่อง 36 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


“ไปก่อน, เบรดี...ผมเป็นทหารยศสูงที่สุดที่นี่” แต่เบรดีอยากออกจาก เครื่องเป็นคนสุดท้าย นี่คือเครื่องของเขา ลูกเรือของเขา “เราโยนกันไป โยนกันมาอีกชั่วขณะ” อีแกนกล่าวบอก “จนได้เห็นรูเรียงเป็นระเบียบ ห่างฝ่าเท้าเราลงไปหกนิว้ รูเจาะเป็นแนวยาวเต็มบานทิง้ ระเบิด รูกระสุน .30 คาลิเบอร์ ผมก็เลยบอกว่า แล้วเจอกัน, เบรดี ผมเดินลงไปในช่อง นับหนึง่ แล้วกระตุกเชือกร่มในตอนทีห่ ล่นผ่านกระเปาะปืนใต้ทอ้ ง ร่มกาง กินลม ลูกชายแสนดีของครอบครัวรอดปลอดภัย” อีกวินาทีถัดมา อีแกนมองเห็นเครื่องบินขับไล่เยอรมันสามล�ำฉีกตัว จากหมูบ่ นิ ทิง้ ระเบิด พุง่ ตรงมาหาเขา ปืนกลอากาศระยิบระยับ กระสุน ฉีดผ่านร่างพอเลือดซิบ เจาะรูร่มชูชีพจนพรุน เครื่องบินขับไล่หายไป “เพราะหลงคิดไปว่าผมตายแล้วตายดับ พวกนั้นไม่รู้ว่าผมเป็นคนไอริช” เมือ่ ตกกระทบพืน้ อีแกนเห็นทหารศัตรูตรงมาหา เขาสลัดหลุดจากร่มชูชพี และเครื่องแต่งกายหนาหนักต้านความหนาว หายตัวเข้าไปในป่าละเมาะ ‘แฮมโบน’ แฮมิลตันลงพื้นห่างออกไปไม่ถึงไมล์ แต่คนทั้งสองก็ไม่ เห็นกัน แฮมิลตันนอนเดียวดายบนพื้นดิน หลั่งเลือดโซมร่าง แต่เขา เชือ่ ว่าวันนีไ้ ม่ใช่วนั ตายของเขา หลายนาทีกอ่ นหน้านัน้ เขาหลุดรอดจาก กรงเล็บมัจจุราชได้อย่างฉิวเฉียด ในตอนที่ผู้หมวดโฮร์ไปถึงส่วนหัวของเครื่อง ไปช่วยเหลือแฮมิลตัน เขาพบนายทหารทิ้งระเบิดเลือดอาบร่าง ตัวติดคาบานหลบภัย ห้อย ต่องแต่งกลางอากาศ ไม่มีใดอื่นรองรับนอกจากอากาศว่างเปล่าความสูง 20,000 ฟุต สะเก็ดระเบิดเจาะปอด แฮมิลตันไม่เหลือเรีย่ วแรงพอจะเปิด บานหลบภัยด้วยมือ ดังนั้น เขาขึ้นไปยืนบนนั้นแล้วบิดคันเปิด เมื่อบาน เปิดออก ร่างหล่นลงไป สายบ่าร่มชูชพี คล้องคันเปิด ร่างของเขาห้อยคา ช่องหลบภัยหน้า ใบพัดหมุนเร็วจัดห่างจากศีรษะไม่กี่นิ้ว ออกแรงสุดตัวอยูน่ าน โฮร์ชว่ ยปลดแฮมิลตันพ้นบานหลบภัย ทัง้ สอง ตกลงสู่พื้นดิน ร่มชูชีพกางกินลม เมื่อลงถึงพื้น ถูกทหารเยอรมันจับตัว ทหารเรียกรถพยาบาล ส่งแฮมิลตันเข้าโรงพยาบาลในมึนสเทอร์ หลานชาย นพดล เวชสวัสดิ์ 37


ของคนขับ น่าจะอายุไม่ถงึ สิบห้า เล็งปืนไรเฟิลยาวเฟือ้ ย จ่อศีรษะแฮมิลตัน ตลอดการเดินทางสามสิบนาที ในเวลาเดียวกันนั้น ลูกเรือของ รอยัล ฟลัช ของโรซี โรเซ็นธาล อยู่ ในช่วงนาทีสดุ ท้ายของสิง่ ทีผ่ บู้ งั คับฝูงผูห้ นึง่ กล่าวไว้วา่ “การรบดุเดือดทีส่ ดุ กลางฟ้าครัง้ หนึง่ ครัง้ เดียวในสงครามนี้ หรือสงครามไหนๆ” การรบกินเวลา เพียงสีส่ บิ ห้านาที แต่ไม่มคี รัง้ ใดในการรบในสมรภูมยิ โุ รปทีจ่ ะกราดเกรีย้ ว กว่านี้ บ่ายวันนัน้ กองก�ำลังทางอากาศที่ 8 เผชิญหน้ากับสิง่ ทีก่ อร์ดอนฟอร์บส เรียกว่า “การชุมนุมหนาแน่นที่สุดของเครื่องบินขับไล่เยอรมัน ที่เคยกระท�ำต่อหมู่บินทิ้งระเบิดสหรัฐฯ” ลุฟต์วาเฟอได้ยุทธวิธีใหม่และอาวุธใหม่ จะเข้าโจมตีเพียงไม่กี่ หน่วยบิน เพื่อเพิ่มจ�ำนวนเด็ดปีกให้สูงสุด และยิงจรวดอากาศสู่อากาศ เข้าไปในหมูบ่ นิ ทีเ่ กาะฝูงแน่นหนาเพือ่ ท�ำลาย ‘กล่องรบ’ หน่วยบินที่ 100 อยู่ลา่ งสุดของกองบินรบ ต้องรับหัวหอกของการโจมตีครั้งนี้ ไม่กี่วินาที หลังเครือ่ งของเบรดีตก หมูบ่ นิ ของหน่วยบินที่ 100 แตกขบวน แต่ละล�ำ อยูใ่ นวงล้อมของเครือ่ งบินขับไล่เครือ่ งยนต์เดียว และจรวดจากเครือ่ งบิน ขับไล่เยอรมันสองเครื่องยนต์ ซึ่งบินขนานกับหมู่บินทิ้งระเบิด หน่วยบิน ที่ 100 ไม่มีโอกาสตอบโต้ เพราะอยู่นอกพิสัยการยิงของปืนกลหนัก “ลูกไฟสีแดง มีพวยควันขาวตามหลัง กระเพือ่ มตรงมาหาเรา แล้วพุง่ ผ่าน เร็วจัด” ดักลาส กอร์ดอน-ฟอร์บส บรรยายความสยองของการโจมตีดว้ ย จรวด “หลายลูกเฉียดเครื่องของเรา ลูกหนึ่งพุ่งผ่านต�่ำจากกระเปาะใส ส่วนหัวเครื่องที่ผมนั่งอยู่ไม่ถึงสี่ฟุต” เมือ่ แตกออกมานอกหมูบ่ นิ เครือ่ งบินทิง้ ระเบิดของหน่วยบินที่ 100 เป็นเหยือ่ อันโอชะของนักบินข้าศึกทีเ่ ดือดดาลมุง่ มัน่ นักบินบางคนบินอยู่ เหนือบ้านของครอบครัวในเวสต์ฟาเลีย “เครื่องบินขับไล่เยอรมันบินมา โจมตีหน่วยบินที่ 100 ระลอกแล้วระลอกเล่า” แฟรงก์ เมอร์ฟี ย้อนนึก “หลายครัง้ ทีผ่ มต้องเบือนหน้าไปทางอืน่ คาดว่าจะมีการชนปะทะ” นีเ่ ป็น เทีย่ วบินทีย่ สี่ บิ เอ็ดของเมอร์ฟี เท่าทีผ่ า่ นมา เขาไม่เคยเห็นเครือ่ งบินขับไล่ 38 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


มากขนาดนี้ แม้แต่ทเี่ รเกินส์บรู ก์ ก่อนนีล้ ฟุ ต์วาเฟอไม่เคยตีโต้การทิง้ ระเบิด ของหน่วยบินที่ 100 ได้ทัน “ผมคิดว่าการโจมตีครั้งนี้ มุ่งจะตีให้เรา ถอยร่นเป็นครั้งแรก” โรซี โรเซ็นธาล กล่าวในเวลาต่อมา ในเวลาเพียงแค่เจ็ดนาที หน่วยบินที่ 100 ไม่ด�ำรงอยู่ในฐานะ หน่วยรบอีกแล้ว เหลือเพียงเครื่องบินไม่กี่ล�ำ รวมทั้งเครื่องของโรซีและ เครื่องของเมอร์ฟี บุกฝ่าแนวป้องกันเข้าไปจนถึงเป้าหมาย ทิ้งระเบิด 500 ปอนด์ โปรยปรายลงกลางมหานคร ในขณะที่ระฆังมหาวิหาร ลัน่ เหง่งหง่างเรียกผูค้ นไปท�ำวัตรบ่าย “เราบินสูงสีไ่ มล์” นักบินหนุม่ เขียน ไว้ “เราปล่อยระเบิด ไม่ระแคะระคายว่าเกิดเรือ่ งใดในยามทีร่ ะเบิดตกลง พื้นดินเบื้องล่าง” เครื่องบินขับไล่ผละจากเครื่องบินทิ้งระเบิด ในยามที่เฮฟวี่บินเข้า เขตแฟลคหนาแน่นเหนือเป้าหมาย แต่เมือ่ เครือ่ งบินทีเ่ หลือของหน่วยบิน ที่ 100 ร่อนโค้งกลับมาหาจุดรวมพลกับหน่วยบินทิง้ ระเบิดที่ 95 และ 390 ลุฟต์วาเฟอโผล่มาให้เห็นอีกครั้ง มืดฟ้ามัวดิน “ในทันทีที่เราบินเลี้ยว กลับมา มีเสียงระเบิดข้างหลัง ผมโดนแรงกระแทกล้มกลิง้ บนพืน้ ” เมอร์ฟี ยังจ�ำได้ “รู้สึกเหมือนโดนหวดด้วยไม้เบสบอล พร้อมกับสาดน�้ำร้อนทั้ง ถังราดตัว น่ากลัวแทบขาดใจ ผมไม่รู้ว่าโดนสาหัสแค่ไหน แค่คิดวูบขึ้น มาว่าจะตายไหม” เขานอนอยูบ่ นกองปลอกกระสุนร้อนฉ่าจากปืนกลหนัก บราวนิง กองสูงจากพื้นสามนิ้ว ร่างไถลเลื่อนไปมาควบคุมไม่ได้ เมอร์ฟี เงยหน้ามอง เห็นนักบินผูช้ ว่ ย เกล็นน์ แกรห์ม ปลดหน้ากากออกซิเจนออก วาดมือให้เขาตามไป แกรห์มดึงคันโยกบานฉุกเฉินทีห่ วั เครือ่ ง ถีบให้บาน เปิด โดดลงไป เมอร์ฟีชะงัก มองพื้นดินเบื้องล่าง “คล้ายจะห่างออก ไปร้อยไมล์” เขาค่อยๆ หย่อนตัวลงไปในช่องเปิด “ในทันใด ทุกอย่าง รอบข้างเงียบสงัด ไม่มีเสียงการสู้รบ ไม่มีเสียงปืน ไม่มีกลิ่นดินปืน ไม่มี เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่ม ไม่มีเสียงพูดโต้ตอบกันทางอินเตอร์คอม” และแล้ว ในขณะที่เครื่องบินของหน่วยบินทิ้งระเบิดที่ 390 เกาะกลุ่มมา เหนือร่างของเมอร์ฟี ฟ้าระเบิดตูมตาม ปตอ. รายรอบมหานครเปิดฉาก นพดล เวชสวัสดิ์ 39


ระดมยิงเฮฟวี่ สาดสะเก็ดโลหะออกรอบข้าง เครื่องบินขับไล่โฉบเข้ามา สอยให้ร่วง “ผมประจ�ำการอยู่ที่ปืน ไม่จ�ำเป็นต้องส่ายหาเป้า เครื่องบิน ขับไล่เยอรมันบินมาเต็มฟ้า” นายทหารทิง้ ระเบิด กอร์ดอน-ฟอร์บส ย้อน นึก ฟ้าสีครามกว้างใหญ่ไพศาล “แต้มด้วยหย่อมด�ำของแฟลคแตก กระจาย B-17 บ้างลุกไหม้ บ้างแตกระเบิด หมุนควง ร่วงหล่นไร้การ ควบคุม” ร้อยโท วิลเลียม โอเวอร์สตรีต นักบินผูช้ ว่ ยของเครือ่ ง ซิตทูเอชัน่ นอร์มอล เขียนไว้ ชือ่ เครือ่ งแปลว่า สถานการณ์ปกติ แต่ “เหมือนว่าเราบิน ฝ่าเข้าไปในดงขยะกลางฟ้า” พลปืนป้อมบินกล่าวเสริม มีรม่ ชูชพี กระจาย เต็มฟ้า จน กอร์ดอน-ฟอร์บส มองว่าคล้ายการบุกของพลร่ม และร่างมนุษย์ กางแขนกางขา บิดหมุน ตีลงั กา หล่นฝ่าอากาศ เพราะไม่มเี วลาได้สวม ร่มชูชพี “เกิดอะไรต่อเรือนกายในยามทีห่ ล่นลงมา 25,000 ฟุต?” นักบิน ถามตัวเอง ในยามทีจ่ บั ตามองร่างคนรูจ้ กั ตกฝ่าก้อนเมฆ “ตายตอนตกลง พื้น หรือว่ายังมีสติอยู่...กรีดร้องสุดเสียงไปตลอดทาง?” นักยุทธศาสตร์ก่อนสงคราม คาดการณ์ว่าสงครามการทิ้งระเบิด จะเป็นการรบกันระหว่างเครื่องจักรกับเครื่องจักร มนุษย์มีส่วนเกี่ยวข้อง น้อยมาก แต่ทุกภารกิจทิ้งระเบิดของกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 พลบินที่ หล่นลงพื้นได้อย่างปลอดภัย เช่น ‘แฮมโบน’ แฮมิลตัน เผชิญหน้าศัตรู บนดินแดนข้าศึกก่อนทีท่ หารราบอเมริกนั จะเหยียบข้ามพรมแดนเยอรมนี การรบกันทางอากาศ บ่อยครัง้ แทบจะคล้ายการรบระยะประชิดเหมือน ทหารราบบนพื้นดิน ในช่วงหนึ่ง ในการรบดุเดือดเหนือเมืองมึนสเทอร์ เครือ่ งบินขับไล่เยอรมันบินเฉียดส่วนหัวโปร่งใสของเครือ่ ง เคบิน อิน เดอะ สกาย “ในเสี้ยววินาทีนั้น เขาบินมาใกล้มาก ผมจ�ำได้ว่าผมนั่งตัวแข็ง จ้องมองเขา เขามองตาผม” ดักลาส กอร์ดอน-ฟอร์บส ย้อนนึก “สายตา ของเขาฉายแววหวาดกลัวเช่นกัน”

40 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


บ่ายวันนั้น ออตโท ชึตต์ เด็กหนุ่มอายุสิบห้า ดูการแสดงม้านอกเมือง มึนสเทอร์ เขาเป็นเด็กฝึกงานโรงพิมพ์ เกิดในบรูกลิน, นิวยอร์ก อาจ จะไม่ไกลจากบ้านพักของโรซี โรเซ็นธาล พ่อแม่ของเขาเดินทางกลับมา เยอรมนีในปี 1931 ย้ายจากเมืองลือเบคมายังมึนสเทอร์ในปี 1939 พ่อ ของเขาไต่เต้าขึ้นมาอยู่ในระดับผู้น�ำในพรรคนาซี เมื่อสงครามโลกระเบิด ขึ้น ออตโทสมัครเข้าสังกัดยุวชนนาซี ภาคภูมิใจที่ได้เลื่อนขึ้นมาเป็น หัวหน้าหมู่ จากลานแสดงม้ามึนสเทอร์ สามไมล์จากใจกลางมหานคร ออตโท ได้ยินเสียงเครื่องบินทิ้งระเบิดบินตรงมาหา แต่ยากจะมองเห็น เพราะ ป้อมบินกลืนเข้ากับท้องฟ้าสีครามในฤดูใบไม้ร่วง “จากที่ที่เราอยู่ เรา เห็นพวยควัน ควันหนา ทะลักขึ้นจากใจกลางเมือง เมื่อระเบิดตกมา ใกล้ และใกล้เข้ามาทุกขณะ เราเพิ่งตระหนักว่าชีวิตของเราตกอยู่ใน อันตราย ผู้คนกระจายไปทุกทิศ วิ่งหาที่ก�ำบัง เสียงระเบิดและเสียงปืน ต่อสู้อากาศยานดังถี่กระชั้น ผมทิ้งตัว นอนคว�่ำหน้าบนพื้น” ในช่วงที่ระเบิดทิ้งช่วง ออตโท ชึตต์ วิ่งหาที่หลบภัยที่ดีกว่า ใน ก้าววิ่ง เขาเห็นปีก B-17 พร้อมเครื่องยนต์ใบพัดหมุนติ้ว ลอยตรงมาหา ปีกเครื่องบินหล่นต่อหน้า “ลุกไหม้เจิดจ้า ส่งควันด�ำ ควันน�้ำมันลอย ขึ้นฟ้า ผมนอนคว�่ำหน้าอยู่ในฝุ่นดิน คาดว่าความตายน่าจะมาเยือนใน นาทีใดก็ได้” ในมหานครก�ำแพงล้อมรอบ ฮิลเดอการ์ด โคล์สเทอร์ส นักเรียนหญิง อายุสบิ สี่ เบียดตัวชิดผนังในหลุมหลบภัยใต้สถานีรถไฟ “โลกไหวตัวเยือก สั่นสะเทือน ลอยขึ้นสูงแล้วตกลงมา แรงกระแทกเขย่าทั่วร่าง บังเกอร์ คอนกรีตสะท้านไปจนถึงฐานราก ชุมทางรถไฟและย่านสับเปลี่ยน น่า จะเป็นเป้าทิ้งระเบิด “ในทันใด ไฟดับ ผูค้ นในหลุมส่วนใหญ่เป็นสตรีและเด็ก กอดกันแน่น เบียดเข้าหากันเหมือนฝูงแกะในโรงฆ่าสัตว์ สวดมนต์ ร้องไห้ และกรีดร้อง ออกมาสุดเสียงด้วยความหวาดหวั่น บางคนเป็นใบ้ไปเพราะความกลัว” นพดล เวชสวัสดิ์ 41


“เหมือนนรกไฟลุกท่วม” ทหารเยอรมันที่บังเอิญมาเปลี่ยนรถไฟที่ มึนสเทอร์กล่าวไว้ “รอบตัวฉัน ฉันได้ยนิ คนได้รบั บาดเจ็บส่งเสียงกรีดร้อง คนที่โดนซากอาคารถล่มทับ อาคารไฟลุกท่วม แทบทุกอย่างในใจกลาง มหานครถูกท�ำลายราบ สถานีรถไฟเสียหายอย่างหนัก” ทหารเงยหน้ามองเครื่องบินทิ้งระเบิด บินผ่านกลุ่มควันด�ำที่ทิ้งไว้ เบื้องหลัง บ่ายหน้ากลับเกาะอังกฤษ เขาพอบอกได้ บางเครื่องเสียหาย อย่างหนัก “เรามีรูจรวดที่ปีกขวา เครื่องยนต์ดับไปสอง พลปืนกลางล�ำตัว ทั้งสองได้รับบาดเจ็บ พลปืนท้ายโดนเหมือนกัน” โรเซ็นธาลบรรยาย สถานการณ์ของเครื่อง รอยัล ฟลัช “หลังเราผละจากเป้าหมายแล้ว เครื่องบินขับไล่เยอรมันมารุมกินโต๊ะเราอีกครั้ง พลปืนของเรายิงศัตรู ไม่ได้ หากไม่มีที่ยืนมั่นคง แต่ถ้าผมบินตรงไปข้างหน้าในแนวราบ เรา คงถูกยิงตก ดังนั้น ผมบังคับเครื่อง เลี่ยงหลบผาดโผน ทุกท่าที่คิดออก มาได้ เครื่องของเราร่อนไปทุกทิศ ผมเดาเอาว่านักบินเยอรมันคงหัวเสีย ตัดสินใจไปหาเป้าใหม่ที่ยิงง่ายกว่านี้” ลูกเรือร้องระงมผ่านอินเตอร์คอม ระบบออกซิเจนถูกยิงเสียหาย มี ปัญหาในการหายใจ โรเซ็นธาลบอกให้ทกุ คนหยุดส่งเสียงเซ็งแซ่ เครือ่ งตก ดิง่ เร็วจนไม่จ�ำเป็นต้องใช้หน้ากากออกซิเจน นักบินผูช้ ว่ ย วินฟรีย์ ‘แป๊ปปี’ ลูอิส หันไปถามช่าง อยากทราบรายละเอียดของอากาศหายใจ เขาไม่ได้ ค�ำตอบ ช่างลูกตาถลนออกมานอกเบ้า อาการขาดออกซิเจน ช่างไม่ฟื้น คืนสติ จนกระทั่ง เครื่องลงอยู่ที่ระดับความสูง 12,000 ฟุต “ในภาวการณ์นั้น เราไม่คิดถึงความตาย” โรเซ็นธาลกล่าว “เรา ทุม่ สมาธิไปทีก่ ารรักษาเครือ่ งและชีวติ ลูกเรือ เราจะต้องขับทุกอย่างไปให้ พ้นความคิด เรากลัว แต่ก็ยังมีความแตกต่างระหว่างความกลัวกับความ ตระหนก ความตระหนกท�ำให้ร่างกายอัมพาต ความกลัวสูบฉีดพลังงาน เราเหงื่อโซมร่าง แม้อากาศเย็นเยือกถึง -50 องศา หัวใจเต้นระรัว เรา ต้องท�ำอะไรสักอย่าง กล่าวโดยสัตย์จริง ความกลัวหนึง่ เดียวทีผ่ มพบพาน 42 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ในสงคราม เป็นความกลัวว่าจะท�ำให้ลูกเรือผิดหวัง “ผู้คนพูดกันเรื่องความกล้าหาญ ไร้สาระสิ้นดี ผมไม่ได้กล้าหาญใน ภารกิจมึนสเทอร์ ผมมีงานต้องท�ำ น�ำระเบิดไปทิ้งที่นั่น ผมท�ำงานนั้น หลังจากนั้น ความกังวลเดียวของผมอยู่ที่ลูกเรือเก้าคนบนเครื่อง ผมจะ พาพวกเขากลับบ้านได้อย่างไร?” การรบเกิดขึน้ ในทันใด และจบลงเร็วเท่านัน้ “สูงเหนือหัว พวยขาว ทอดยาว บ่งบอกว่าเรารอดจากกรงเล็บมัจจุราชแล้ว” กอร์ดอน-ฟอร์บส ย้อนนึก “ธันเดอร์โบลต์! นาซีเอียงปีก หลุบหางจากไป” พันโท ฮิวเบอร์ต ‘ฮับ’ เซมเก หน่วยบินขับไล่ที่ 56 ‘ฝูงหมาป่าของ เซมเก’ บินขึ้นจากฐานบินซัฟโฟล์ก ในลมฟ้าอากาศเลวร้าย ขึ้นมารับ เครื่องบินทิ้งระเบิดที่บินกลับบ้าน ฝูงบินขับไล่ธันเดอร์โบลต์ รับมือกับ เครือ่ งบินขับไล่เยอรมันทีส่ ว่ นใหญ่น�้ำมันใกล้เกลีย้ งถัง กระสุนร่อยหรอแล้ว คุ้มกัน ‘เพื่อนตัวโต’ บินข้ามทะเลเหนือกลับบ้าน เครื่องของโรเซ็นธาล ร่อแร่ ไม่อาจบินเร็วเกาะฝูงได้ ต้องบินกลับบ้านตามล�ำพัง ในเมือ่ รอยัล ฟลัช บินเรีย่ ผิวน�ำ้ ของทะเลเหนือ น�ำร่อง โรนัลด์ เบลีย์ มีปัญหาในการหาพิกัดของชายฝั่งอังกฤษในหมอกหนาย�่ำเย็น สาหัสกว่า นั้น จะเป็นการหาที่ตั้งของโธรป แอบบอตต์ส ซึ่งหน้าตาคล้ายฐานบิน อเมริกันอื่นๆ ที่อยู่ในละแวกนั้น เมื่อ รอยัล ฟลัช ฝ่าเมฆด�ำห้อยเรี่ยใกล้ พืน้ กางล้อพร้อมลงรันเวย์ ลูกเรือยิงพลุแดง ให้สญ ั ญาณว่า ‘มีผบู้ าดเจ็บ บนเครื่อง’ เกือบทุกคนที่ฐานบิน เร่งรุดมายังรันเวย์ เพื่อดูเครื่องบิน เสียหายอย่างหนักร่อนลงพืน้ สายตากังวลกระวนกระวายใจ กวาดมองฟ้า มองหาป้อมบินล�ำอื่น หวังจะได้เห็นทั้งสิบสามเครื่อง...แต่มีเพียงเครื่อง เดียว หลังจากโรซีพาเครื่องแล่นเข้าไปในฮาร์ดสแตนด์-ลานคอนกรีต ครึ่งวงกลมส�ำหรับจอดเครื่องจักรหนัก เขาปีนลงจากเครื่องผ่านบาน ทิ้งระเบิด หันไปหานายทหารฝ่ายการข่าว สอบถามว่า “ภารกิจทุกครั้ง โหดแบบนีห้ รือไง?” จากนัน้ เขากระโดดขึน้ รถพยาบาล พาพลปืนบาดเจ็บ สองนายไปส่งโรงพยาบาลฐานบิน “ผมไม่รู้สึกโล่งอกสบายใจ” เขาให้ นพดล เวชสวัสดิ์ 43


ความเห็นในอีกหลายปีให้หลัง “ผมรูส้ กึ ผิด ท�ำไมผมยังมีชวี ติ อยู่ ในขณะ ที่คนดีๆ ล้มตาย?” พลปืน โลเร็น ดาร์ลิง ฟื้นคืนสภาพรวดเร็ว แต่เพื่อนสนิท จอห์น เชฟเฟอร์ ต้องถูกส่งกลับสหรัฐฯ เข้ารับการผ่าตัดสะเก็ดระเบิดที่ฝังใกล้ หัวใจ ในเวลาต่อมา โรเซ็นธาลทราบจากพลสนับสนุนภาคพื้นดินว่า มี กระสุนปืนใหญ่ที่ยังไม่ระเบิด กลิ้งอยู่ในถังน�้ำมันที่ปีกของ รอยัล ฟลัช ลูกเรือของเขาคนหนึ่งคาดเดาเอาว่า แรงงานทาสในโรงงานอมภัณฑ์นาซี น่าจะวางยาระเบิดลูกนั้น

มีเหยื่อสองประเภทในสงครามทิ้งระเบิดในสมรภูมิยุโรป : คนที่อยู่ใต้ ระเบิดกับคนที่เอาระเบิดมาทิ้งใส่ มีพลเรือนเสียชีวิตราว 700 คนในการ ทิง้ ระเบิดมึนสเทอร์ ในวันที่ 10 ตุลาคม 1943 ส่วนใหญ่เป็นผูท้ อี่ าศัยอยู่ ในบ้านเรือนในเมืองโบราณใกล้ย่านสับเปลี่ยน มหาวิหารมึนสเทอร์ได้รับ ความเสียหายเล็กน้อย และโรงเรียนสองแห่งทีโ่ ดนระเบิดท�ำลายราบ ไม่มี นักเรียนอยู่ในนั้น เมื่อออตโท ชึตต์ กลับมายังย่านที่พักอาศัย ห่างจาก มหาวิหารไม่กี่ร้อยหลา บ้านของเขาเหลือเพียงผนังหน้าบ้าน ผู้รอดชีวิต ตื่นกลัว รวมทั้งครอบครัวของเขา ปีนขึ้นมาจากห้องหลบภัยใต้ดิน อุ้ม คนตายขึ้นมาด้วย ส�ำหรับคนที่อยู่บนพื้นดิน จะเป็นความสยองไร้ความ ผ่อนคลายตลอดสี่สิบห้านาที ในห้วงเวลานั้น กองบินรบที่ 13 สูญเสีย ป้อมบิน 25 ล�ำจาก 30 ล�ำที่ถูกท�ำลายในวันนั้น นั่นก็คือ เด็กหนุ่ม 300 คนที่จะไม่ได้กลับมานอนในที่พัก(2) ตัวเลขเย็นชืด ไม่อาจแทนค่าความเจ็บปวดร้าวรานใจที่ไม่อาจวาด ภาพได้ ในเครื่องบินที่ถูกยิงตก หรือในเครื่องเสียหายยับเยินจากการรบ เช่น รอยัล ฟลัช บินออกจากเยอรมนี โดยมีลกู เรือกุมมือเพือ่ นเลือดท่วม ร่าง กลัวไปว่าจะบินกลับไม่ทนั เวลาทีห่ มอจะช่วยรักษาได้ ไม่มเี สนารักษ์ 44 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ที่ระดับความสูง 25,000 ฟุต ไม่มีคนติดเครื่องหมายกาชาด วิ่งถลามา ท�ำแผลให้เพื่อนที่ถูกยิง พลบินที่แทบไม่มีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาล ต้องดูแลเพื่อนและตัวเองหากได้รับบาดเจ็บ ร้อยโท พอล แวนซ์ นักบิน เครือ่ ง มิส แครี ขาโดนแฟลคอย่างจัง ท�ำแผลตัวเอง ใช้สายอินเตอร์คอม มัดห้ามเลือดแทนเชือกขันชะเนาะ นั่งให้ค�ำแนะน�ำนักบินผู้ช่วย พา เครื่องเข้าขบวนทิ้งระเบิด และบินกลับอังกฤษ ร้อยโท รอเบิร์ต เซเบิล นักบินหน่วยบินทิ้งระเบิดที่ 390 คนที่ไม่ใคร่สบายใจนักที่จะทิ้งระเบิด ลงมหานครในวันอาทิตย์ พาเครื่อง รัสตี โหลด บินกลับอังกฤษ โดน แฟลคเจาะ 750 รู และน�้ำมันเหลือในถังแค่ 2 นาที ลูกเรือหดหู่สาม นาย โดดร่มลงในเยอรมนีเมือ่ สถานการณ์สนิ้ หวัง แต่เซเบิลพาเครือ่ งกลับ อังกฤษ แม้ยังเหลือเพียงสองเครื่องยนต์ที่ยังท�ำงาน ร่อนลงโดยไม่เห็น พื้นดินที่โธรป แอบบอตต์ส ห่างจากฐานบินของเขาหลายไมล์ ในเครื่อง ลูกเรือสี่คนนอนตายจมกองเลือดในห้องวิทยุ

ย�่ำเย็นวันทิ้งระเบิดมึนสเทอร์ ข้าวของส่วนตัวของหนุ่มทิ้งระเบิดที่ไม่ได้ กลับมา จะเก็บลงถุง ห้องนอนเก็บกวาดไม่เหลือสิ่งใด ในเวลาแค่ชั่วโมง เดียว ไม่มรี อ่ งรอยว่าคนผูน้ นั้ เคยด�ำรงอยูท่ นี่ นั่ ในเมือ่ ไม่อาจข่มตาให้หลับ โรซี โรเซ็นธาล เดินไปยังสโมสรนายทหาร เขาไม่ดื่ม แต่อยากอยู่ใน กลุ่มเพื่อน ที่นั่นแทบจะว่างเปล่า คนที่อยู่ที่นั่น นั่งกันเงียบกริบ ไม่รู้ว่า ควรจะตอบสนองเยี่ยงไร โรซีเองก็เช่นกัน คืนนั้น แฮร์รี ครอสบี มองไปยังที่นอนว่างเปล่าของจอห์น เบรดี และเริ่มนับ นายทหาร 140 นายที่เริ่มท�ำงานที่โธรป แอบบอตต์ส เมื่อ สีเ่ ดือนก่อน เหลือเพียงสามนายทีพ่ ร้อมขึน้ บิน ในสัปดาห์ทผี่ า่ นมาสัปดาห์ เดียว หน่วยบินทิ้งระเบิดที่ 100 สูญเสียทหาร กว่า 200 นาย รวมทั้ง สองผู้บังคับฝูง...คลีเวนกับอีแกน นั่นหมายถึงการสูญเสีย 50 เปอร์เซ็นต์ นพดล เวชสวัสดิ์ 45


อันเป็นที่มาของชื่อเรียกขานว่า ‘หน่วยบินที่ 100 โชกเลือด’ เป็นไปได้ อย่างไร? ครอสบีฉงน เขารอดมาได้อย่างไร? คืนนั้น แฟรงก์ เมอร์ฟี ถามตัวเองด้วยค�ำถามเดียวกัน แขนขวา ถูกเจาะด้วยสะเก็ดระเบิด ขาขวายังปวดหนึบจากการกระแทกเมื่อลงพื้น ด้วยร่มชูชพี แต่เขายังมีชวี ติ อยู่ นัง่ อยูใ่ นห้องเล็กในฐานบินขับไล่เยอรมัน รวมกับทหารอเมริกันราว 30 คนที่ถูกจับมาในวันนั้น ทหารอเมริกันคุย เสียงเบากับนักบินเยอรมันที่ยิงเขาตก “พวกเขาให้ความนับถือเรา และ ผมคิดว่าเราควรเคารพนับถือพวกเขาเช่นกัน” ดูเหมือนว่าคนเยอรมัน สนใจอยากคุยกับนักโทษคนหนึง่ เป็นพิเศษ ร้อยโท จอห์น วิแนนต์ นักบิน หน่วยบินทิ้งระเบิดที่ 390 ลูกชายของเอกอัคราชทูตอเมริกันประจ�ำ อังกฤษ, จอห์น จี. วิแนนต์, ซีเนียร์ หลังจากนักบินลุฟต์วาเฟอจากไปแล้ว นักโทษอเมริกนั ปรึกษากันว่า จะเป็น ‘แขก’ ของเยอรมันนานแค่ไหน ไม่มีใครแคลงใจ สัมพันธมิตร ชนะสงครามแน่อยู่แล้ว แต่พลบินทุกคนในห้องนั้นรู้แน่แก่ใจว่ากองก�ำลัง ทางอากาศที่ 8 พ่ายแพ้ศกึ กลางฟ้า พวกเขาอาจเป็นเชลยศึกอีกนานสิบปี พลบินคนหนึง่ ร้องอุทานออกมา “พระเจ้าช่วย! สิบปี” เมอร์ฟสี นับสนุน “ฉันคงแก่หง่อมตอนกลับบ้าน” เช้าวันถัดมา จอห์น วิแนนต์ ถูกพาตัวไปยังทีค่ มุ ขังของนักโทษพิเศษ เมอร์ฟกี บั คนอืน่ ๆ ถูกพาตัวไปยังมึนสเทอร์ ลงจากรถเดินไปตามท้องถนน ผ่านฝูงชนโกรธแค้นที่ยืนรอสองฟากถนนไปจนถึงสถานีรถไฟที่นักโทษ ทิง้ ระเบิดถล่ม ปลายทางคือ ดูลกั ลูฟต์-ศูนย์สอบปากค�ำของลุฟต์วาเฟอ ชานเมืองแฟรงเฟิรต์ เมือ่ ไปถึงทีน่ นั่ นายทหารถูกแยกไปขังเดีย่ ว ตลอด การสอบปากค�ำ ดังนัน้ แฟรงก์ เมอร์ฟี ไม่มที างทราบว่าจอห์น อีแกนกับ เกล คลีเวน อยู่ในดูลัก ลูฟต์ ในช่วงนั้น อีแกนกับคลีเวน ไม่รู้เช่นกันว่ามี คนอเมริกันคนอื่นๆ อยู่ที่นั่น อีแกนที่หลบซ่อนได้หลายวัน ถูกจับตัวได้ในท้ายที่สุด ถูกขังอยู่ ในห้องเล็กแคบเย็นเยือก ไม่ห่างจากห้องขังของคลีเวนนัก มีเพื่อนร่วม 46 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ห้องขังคือ ‘หมัดสักล้านตัว’ หลังการขังเดีย่ วและสอบปากค�ำไม่หยุดหย่อน คลีเวนถูกส่งตัวไปพร้อมกับคนอื่นๆ ไปที่ชตาลัก ลูฟต์ III-ค่ายเชลยศึก นายทหารจากทัพอากาศอังกฤษและอเมริกนั ทีไ่ ซลีเซีย ดินแดนทีเ่ ยอรมัน ยึดครอง (เดิมเป็นดินแดนโปแลนด์) นักโทษเบียดอัดกันในตู้สินค้าที่ใช้ ขนส่งสัตว์ กลิน่ มูลสัตว์คละคลุง้ ในเมือ่ การขนส่งนักโทษไม่ได้ล�ำดับความ ส�ำคัญสูงนัก ตูส้ นิ ค้าจะน�ำไปต่อพ่วงขบวนนัน้ ขบวนนี้ และลากออกไปรอ ในทางเบี่ยง การเดินทาง 300 ไมล์ กินเวลานาน 3 วัน ชตาลัก ลูฟต์ III สร้างในป่าสนหนาทึบ นอกเมืองเล็กๆ ชือ่ ว่า ซากัน เก้าสิบไมล์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเบอร์ลิน เมื่อคลีเวนไปถึงในเช้า วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม แทบจะเรียกว่าเป็นงานคืนสู่เหย้าของหน่วยบิน ทิ้งระเบิดที่ 100 ซึ่งเมื่อสงครามสิ้นสุด มีทหารจากหน่วยบินทิ้งระเบิด ที่ 100 เกือบหนึง่ พันคนตกเป็นเชลยศึก ลูกน้องดัง้ เดิมในฝูงบินของคลีเวน ครึง่ หนึง่ อยูใ่ นซากัน แฟรงก์ เมอร์ฟี และจอห์น เบรดี อยูท่ นี่ ดี่ ว้ ย โฮเวิรด์ ‘แฮมโบน’ แฮมิลตัน นายทหารทิง้ ระเบิดของเบรดีอยูใ่ นโรงพยาบาล หลัง พักฟื้นยาวนาน เขาถูกส่งตัวไปยังค่ายเชลยศึกนายทหารอีกแห่ง ชตาลัก ลูฟต์ I ที่บาร์ต ชายฝั่งทะเลบอลติก สามวันหลังจากคลีเวนมาถึงที่ซากัน ยามรักษาการณ์ประกาศว่า มีนักโทษ นักบินอเมริกันอีกชุดอยู่ที่ประตูหน้า คลีเวนมองดูนายทหาร เดินเรียงแถวมายังที่คุมขัง เขาเห็นจอห์น อีแกน เขาตะโกนถามไปว่า “นรกซี ท�ำไมแกใช้เวลานานนัก?” “ทิ้งช่วงให้แกโหยหาน่ะซี” อีแกนร้องตอบ ในระยะแรก ถูกแยกให้อยู่คนละกลุ่มอาคาร กั้นกลางด้วยรั้ว ลวดหนามและหอคอยยาม แต่ในอีกสี่เดือนต่อมา พวกเขาได้อยู่ร่วมกัน ในกลุม่ อาคารตะวันตก นายทหารยศสูงสุดคือ พันโท ดาร์ เอช. ‘แป๊ปปี’ อัลไคร์ โดนปลดจากผู้บังคับการหน่วยบินทิ้งระเบิดที่ 100 ก่อนจะ เดิ น ทางมายั ง อั ง กฤษ อั ล ไคร์ ถู ก ยิ ง ตกในระหว่ า งที่ เ ป็ น ผู ้ บั ง คั บ การ หน่วยบินทิ้งระเบิด B-24 ในสมรภูมิเมดิเตอร์เรเนียน นพดล เวชสวัสดิ์ 47


คลีเวนกับอีแกนเป็นเพื่อนร่วมห้อง เหมือนเมื่อครั้งอยู่ในโรงเรียน การบิน แต่คราวนี้ สูร้ บในสงครามอีกประเภท...รบกับความเบือ่ หน่ายและ ความท้อแท้ และในช่วงปลายสงคราม ในฤดูหนาวหฤโหดของปี 1945 จะเป็นการดิน้ รนเพือ่ การรักษาชีวติ รอด ในห้วงเวลาทีม่ หาอาณาจักรนาซี ล่มสลายรอบตัวเชลยศึก

“ดีเหลือเกินที่ได้เจออีแกนและเด็กๆ จากฝูงบินอีกครั้ง” คลีเวนจดจ�ำ วันแรกๆ ทีซ่ ากัน “เราผ่านห้วงทุกข์ทรมานมาด้วยกัน ผมพบบางคนจาก หน่วยบินทิ้งระเบิดอเมริกันแรกสุดที่มายังอังกฤษ แม้เราจะโดนหนัก แต่ พวกเขาสาหัสกว่า ในระหว่างที่เราฝึกบินในสหรัฐฯ พวกเขาปฏิบัติการ พลีชีพกันแล้ว ไม่มีใครรู้อะไรเลย ไม่มีเวลาเตรียมตัว สงครามมาหาเรา เร็วเกินไป เรามีต้นหนที่น�ำร่องไม่ได้ นายทหารทิ้งระเบิดที่หาเป้าไม่เจอ พลปืนทีย่ งิ ไม่ตรง และผูบ้ งั คับบัญชาทีไ่ ม่รวู้ า่ จะใช้วธิ ไี หนทีจ่ ะเอาชนะทัพ ฟ้าเยอรมัน หรือไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนที่จะรักษาชีวิตลูกน้องไว้ได้ “ไม่ได้มคี นพวกนีม้ ากนักทีซ่ ากัน แต่กน็ ะ ไม่เหลือคนพวกนีม้ ากนัก ในอังกฤษในฤดูร้อนก่อนที่พวกเราจะมาถึง” หนึ่งในผู้บุกเบิกของกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 เป็นร้อยโท วอลต์ เคลลี ลูกชายบาร์เทนเดอร์จากนอร์รสิ ทาวน์, เพนซิลเวเนีย เขาเป็นนักบิน ในหน่วยบินทิ้งระเบิดที่ 97 หน่วยบินทิ้งระเบิดหนักของกองก�ำลังทาง อากาศที่ 8 หน่วยแรกที่เดินทางมาถึงอังกฤษ “ในตอนที่เรามาถึงอังกฤษ ทัพอากาศอังกฤษบอกเราว่า พวกแกโดนยิงบั้นท้ายกระจุย ถ้าทิ้งระเบิด ยามกลางวัน” เขาย้อนนึก “แต่เราพร้อมจะออกศึก อยากพิสูจน์ตัวเอง ในสนามรบ เราอดใจรอวันออกรบไม่ไหว รอไม่นานเลย วันนัน้ มาถึง วัน ที่ 17 สิงหาคม 1942 วันฟ้าใสโปร่ง อากาศสดใส” 48 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


(1) พลบินเรียก หน่วยบินทิ้งระเบิด Bombardment Group ว่า Bomb Group (2) แม้บนั ทึกเยอรมันจะตราไว้วา่ สูญเสียเครือ่ งบินขับไล่ 22 ล�ำ แต่ทหารอเมริกนั นักบินขับไล่ ฝูงหมาป่าของเซมเก และพลปืนของกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 อ้างว่า ท�ำลายเครื่องบินขับไล่ เยอรมันได้ 183 ล�ำ กองบินรบที่ 13 อ้างชัยชนะ 105 ล�ำ ผู้บัญชาการระดับสูงในทัพอากาศ ตระหนักว่าในการรบดุเดือด ค�ำกล่าวอ้างของพลปืนมักจะมองโลกในแง่ดีเหลือร้าย ตลอด สงคราม มีมาตรการทีจ่ ะลดสัดส่วนการกล่าวอ้าง แต่กย็ งั คลาดเคลือ่ น ค่อนไปทางสูง พลปืน บางคนอาจขยายความผลส�ำเร็จของตนสูงเกินไป แต่พลปืนส่วนใหญ่ เชื่อว่าการรายงาน ของตนแม่นย�ำตรงตามความจริง เช่นเดียวกัน มีความระแวงว่าลุฟต์วาเฟออาจกดตัวเลขให้ ต�่ำเกินจริง กลบหลักฐานการสูญเสียใหญ่หลวง ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเยอรมันสูญเสีย เครื่องบินขับไล่มากเท่าใดในวันที่ 10 ตุลาคม แต่นักประวัติศาสตร์ที่เชื่อถือได้ วางตัวเลขไว้ ที่ 60-90 ล�ำ

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทัพอากาศสหรัฐฯ สังกัดกองทัพบก แยกตัวเป็นกองทัพอากาศ สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 18 กันยายน 1947 D

กองก�ำลังทางอากาศที่ 8 (eighth air force) ก่อตั้งในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 1944 ปฏิบัติการทิ้งระเบิดในสมรภูมิยุโรป D

นพดล เวชสวัสดิ์ 49


บทที่ 1

มาเฟียนักทิ้งระเบิด

“เครื่องบินทิ้งระเบิดจะผ่านตลอด” นายกรัฐมนตรีอังกฤษสามสมัย, สแตนลีย์ บอลด์วิน

กราฟตัน อันเดอร์วูด, วันที่ 17 สิงหาคม 1942 ป้อมบินล�ำแรกของฝูงสิบสองล�ำ ทะยานขึ้นจากรันเวย์คือ บุชเชอร์ ช็อป นักบินคือ พอล ดับเบิลยู. ทิบเบ็ตส์ จูเนียร์ อายุยี่สิบเจ็ด จาก ไมอามี, ฟลอริดา นักบินมือดีที่สุดของหน่วยบินทิ้งระเบิดที่ 97 พันตรี ทิบเบ็ตส์ จะน�ำหมูบ่ นิ เปิดการรุกรบ ซึง่ จะเป็นการทิง้ ระเบิดในเชิงรุกครัง้ ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ สามปีต่อมา ในวันที่ 6 สิงหาคม 1945 เขาจะบิน ขึน้ จากเกาะเล็กๆ ในแปซิฟกิ ตะวันตก มุง่ หน้าไปยังฮิโรชิมา ประเทศญีป่ นุ่ ทิง้ ระเบิดอะตอมลูกเดียว ซึง่ จะช่วยยุตสิ งครามโลกยาวนานหกปี คร่าชีวติ ผู้คนทั่วโลกกว่า 60 ล้านคน ผู้บัญชาการกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 นายพล คาร์ล ‘ทูอี้’ สปาตซ์ อยูท่ นี่ นั่ ดูหน่วยบินทิง้ ระเบิดที่ 97 บินขึน้ จากพืน้ รวมทัง้ ผูส้ งั เกตการณ์ 50 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


แคลงใจจากกองทัพอากาศอังกฤษ กับผู้สื่อข่าวอังกฤษและอเมริกันเกือบ สี่สิบคน “ช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดที่จะปฏิบัติภารกิจล้มเหลว” ทิบเบ็ตส์ กล่าวในภายหลัง เขาไม่ได้บินเครื่องประจ�ำตัว, เรด เกรมลิน ไม่มีลูกเรือ จากเครื่องประจ�ำตัวร่วมในเที่ยวบินนี้ รวมทั้งสองคนที่ร่วมทางไปกับเขา ในเทีย่ วบินฮิโรชิมาในเครือ่ ง อีโนลา เกย์ (นายทหารทิง้ ระเบิด ทอม แฟร์บี กับต้นหน ร้อยเอก ธีโอดอร์ ‘ดัตช์’ ฟาน เคิร์ก) ลูกเรือในเที่ยวบินนี้ คัดเลือกโดยคนที่นั่งตรงข้ามกับเขาในห้องนักบินของเครื่อง บุชเชอร์ ช็อป พันเอก แฟรงก์ เอ. อาร์มสตรอง จูเนียร์ ผูบ้ งั คับการใจเพชรของหน่วยบิน ทิง้ ระเบิดที่ 97 อาร์มสตรองก�ำกับวินยั เข้มงวด ช่วยยกระดับประสิทธิภาพ การรบของทหารที่ฝึกมาอย่างเร่งรีบ และส่งมายังอังกฤษในเดือนผ่านมา หลังสงคราม เพื่อนของเขา พันโท เบิร์น เลย์ จูเนียร์ ผู้บังคับการและ นักเขียนชื่อดัง ผู้ที่สร้างชื่อเสียงให้บั๊ค คลีเวน จากการรบห้าวหาญใน ภารกิจทิ้งระเบิดเรเกินส์บูร์ก น�ำอาร์มสตรองมาเป็นตัวเอก-นายพล แฟรงก์ ซาเวจ ในหนังสือ Twelve O’ Clock High! น�ำมาสร้างเป็นภาพ ยนตร์ฮอลลีวูด บทนายพลซาเวจแสดงโดยเกรกอรี เป็ค คนสติแตกจาก ความเครียด แต่อาร์มสตรองหนักแน่นมั่นคง ลูกน้องในหน่วยบินที่ 97 ทั้งกลัวทั้งบูชา พร้อมใจกันเรียกเขาว่า ‘Butcher-จอมเชือด’ ผู้บังคับ หน่วยบินทิ้งระเบิดเปลี่ยนค�ำนี้เป็นค�ำยกย่อง และน�ำไปตั้งชื่อเครื่องบิน ทิ้งระเบิด ในการบรรยายสรุปก่อนปฏิบัติการ อาร์มสตรองบอกลูกเรือว่า พวกเขาจะเป็นผู้เริ่มรุกรบโดยทิ้งระเบิดกลางวัน จะเพิ่มก�ำลังพลมากขึ้น ตามกาลเวลา จนถล่มท�ำลายขวัญก�ำลังใจและขีดความสามารถท�ำการ รบของข้าศึกให้พังทลาย ค�ำกล่าวนี้อาจฟังคล้ายค�ำคุยอวดโอ่ ในช่วงนั้น กองก�ำลังทางอากาศที่ 8 มีเครือ่ งบินทิง้ ระเบิดในอังกฤษไม่ถงึ ร้อยล�ำ การ เข้าสูส่ งครามของสหรัฐฯ ล่าช้าไปเจ็ดสัปดาห์ จนกระทัง่ อาร์มสตรอง ซึง่ ได้รบั แรงกดดันจากวอชิงตันให้สง่ ทหารอเมริกนั เข้าสูส่ นามรบ ประกาศว่า ลูกเรือของเขาพร้อมท�ำศึกแล้ว แต่แท้ทจี่ ริงแล้วทหารอเมริกนั ยังไม่พร้อม นพดล เวชสวัสดิ์ 51


และเขาเองก็รู้ แต่ก็จ�ำเป็นต้องส่งขึ้นไปปฏิบัติการ ลุฟต์วาเฟอทิ้งใบปลิว เยาะเย้ย ‘เครื่องบินทิ้งระเบิดอเมริกันไปอยู่ที่ไหนเล่า?’ ที่สนามบิน ขนาดเล็กของกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 ที่กราฟตัน อันเดอร์วูด และ โพลบรูค “เอาละ, บัดนี้ พวกมันจะได้ประจักษ์” อาร์มสตรองบอก พลบินในห้องบรรยายสรุป ก่อนจะส่งออกไปขึ้นเครื่อง “เกาะหมู่บิน ให้เหนียวแน่น ตามหลังฉันมา ฉันให้ค�ำรับประกันได้ว่า เราจะท�ำลาย พวกฮัน และบินกลับมาอย่างปลอดภัย” ไม่มใี ครในห้อง แคลงใจค�ำกล่าว ของเขา บุชเชอร์ ช็อป บินขึน้ จากรันเวย์เวลา 1530 ตามมาข้างหลังทางขวา จะเป็น แยงกี ดูเดิล หัวหน้าหมูบ่ นิ ของหมูท่ สี่ อง ซึง่ ประกอบด้วยป้อมบิน หกล�ำ มีพลจัตวา ไอรา อีเคอร์ ผู้บัญชาการ กองบัญชาการโจมตีทาง อากาศ ของกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 นั่งอยู่ในห้องวิทยุของป้อมบิน เขาเป็นคนเท็กซัสหน้าตาคมสัน ยิ้มเรื่อประดับใบหน้า มีเกียรติประวัติ การเป็นนักบินขับไล่เป็นกอบเป็นก�ำ แต่ไม่เคยเข้าสู่สนามรบ เพื่อนสนิท และขาไพ่โป๊กเกอร์ คาร์ล ‘ทูอ’ี้ สปาตซ์ อยากเป็นผูน้ �ำหมูบ่ นิ ประวัตศิ าสตร์ ครั้งนี้ด้วยตัวเอง แต่ ULTRA (ข่าวกรองระดับสูงที่ได้จากการถอดรหัส ข่าวข้าศึก) และกองบัญชาการสูงสุดสัมพันธมิตร ประเมินภารกิจนีว้ า่ เสีย่ ง เกินไปทีจ่ ะส่งเขาเข้าไปในดินแดนข้าศึก โดยเฉพาะอย่างยิง่ หลังจากเรือ่ ง น่ากลัวที่เกิดในเดือนที่ผ่านมา วันที่ 4 กรกฎาคม ลูกเรือหกนายจากฝูงบินทิง้ ระเบิดที่ 15 ของกอง ก�ำลังทางอากาศที่ 8 (พลรบชุดเล็กเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดเบาที่ส่ง มายังอังกฤษในเดือนพฤษภาคมเพื่อฝึกในเครื่องบินอังกฤษ) ร่วมกับ ลูกเรืออังกฤษจ�ำนวนเท่ากัน ขึน้ บินทิง้ ระเบิดระดับความสูงต�ำ่ ทีส่ นามบิน เยอรมันทีม่ กี ารป้องกันอย่างหนาแน่นในฮอลแลนด์ ค�ำสัง่ ของพลโท เฮนรี ั ชาการทัพอากาศ กองทัพบกสหรัฐฯ ได้การ เอช. ‘แฮ็ป’ อาร์โนลด์ ผูบ้ ญ สนับสนุนเต็มที่จากประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ อาร์โนลด์ เชื่อว่าวันชาติสหรัฐฯ น่าจะเป็นวันดีที่อเมริกาจะทิ้งระเบิดถล่มนาซีเป็น 52 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ครั้งแรก แต่สปาตซ์ไม่มีเครื่องบินทิ้งระเบิดในอังกฤษในสัปดาห์แรกของ เดือนกรกฎาคม ลูกเรือวันประกาศอิสรภาพของอเมริกาบินในเครือ่ ง A20ดักลาส ที่ขายให้อังกฤษ และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บอสตัน จากบอสตัน จ�ำนวนสิบสองล�ำ สองล�ำไม่ได้กลับมา หนึง่ ล�ำลูกเรืออเมริกนั อีกหนึง่ ล�ำ ลูกเรืออังกฤษ ร้อยเอก ชาร์ลส ซี. เคเกิลแมน ทัพอากาศ กองทัพบก สหรัฐฯ ประคองเครื่องถูกยิงรุ่งริ่ง แทบกลับไม่ถึงบ้าน โดยเชิงทฤษฎีแล้ว นี่เป็นการทิ้งระเบิดครั้งแรกของกองก�ำลังทาง อากาศที่ 8 แต่ในสายตาของสปาตซ์ เป็นแต่เพียงการโฆษณาชวนเชื่อ จากแรงกดดันจากสื่ออังกฤษและอเมริกัน ซึ่งเชื่อว่ากิจกรรมของพลเรือน ของสองประเทศ จ�ำเป็นต้องได้รับการอัดฉีดขวัญก�ำลังใจ “ช่างภาพกับ นักข่าว ได้สงิ่ ทีต่ วั เองต้องการแล้ว ทุกคนอิม่ เอมสุขใจ” สปาตซ์เขียนด้วย ความขมขื่นใจในสมุดบันทึก หลังจากกลัดเหรียญ ดิสทิงกวิชด์ เซอร์วิส ครอสส์ เหรียญกล้าหาญสูงสุดระดับสองบนอกของเคเกิลแมน ภารกิ จ ของทิ บ เบ็ ต ส์ แตกต่ า ง และมี ค วามส�ำคั ญ ยิ่ ง เฮฟวี่ สี่เครื่องยนต์ กล่องดวงใจของกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 จะขึ้นบินเป็น ครั้งแรก จะเป็นการทดสอบครั้งแรกสุดของหลักการสงครามทางอากาศ ที่อาร์โนลด์ สปาตซ์ และอีเคอร์ ช่วยกันพัฒนาขึ้นมา นักยุทธศาสตร์ การทัพอากาศ วางแผนนี้และฝึกบินในสหรัฐฯ มานานหลายปี แต่บัดนี้ “ทฤษฎีการทิ้งระเบิดในเวลากลางวันด้วยความง่ายดายนั้น จะได้รับการ ทดสอบและยืนยันผล โดยมีชีวิตของทหารวางเป็นเดิมพัน” อีเคอร์เขียน ถึงอาร์โนลด์ก่อนเริ่มปฏิบัติการ เป้าหมายคือย่านสับเปลี่ยนใกล้รูอ็อง เมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของฝรั่งเศส เมืองที่จับโจน ออฟ อาร์ก มัดหลักเผาทั้งเป็น ‘งานง่าย’ ภารกิจที่รุกล�้ ำเข้าไปในดินแดนศัตรูไม่ไกลนัก โดยมีเครื่องบินขับไล่ สปิตไฟร์ของอังกฤษคุม้ กันทัง้ ขาไปและกลับ แต่สปาตซ์เป็นกังวล เชอร์ชลิ กดดันโรสเวลต์ให้ยุบกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ ให้น�ำ เอาเครือ่ งบินทิง้ ระเบิดอเมริกนั ไปรวมกับกองทัพอากาศอังกฤษ ทิง้ ระเบิด นพดล เวชสวัสดิ์ 53


กลางคืน ถล่มมหานครโรงงานอุตสาหกรรมหนักในแคว้นรูร์ หากการ ทิ้งระเบิดกลางวันไม่ได้ผล และอาร์มสตรองสูญเสียเครื่องบิน นายก อังกฤษก็น่าจะสมหวัง ผู ้ สั ง เกตการณ์ จากกองทั พ อากาศอั ง กฤษ ยืนเคียงข้างสปาตซ์ บนหอบังคับการบินที่กราฟตัน อันเดอร์วูด เค้าหน้าหวั่นหวาด การ ทิ้งระเบิดกลางวันก่อนหน้านี้ เครื่องบินเวลลิงตันและเบลนไฮม์ เสียหาย ยับเยินจากเครื่องบินขับไล่เยอรมัน ป้อมบิน 20 ล�ำที่อเมริกันส่งมาให้ อังกฤษหนึ่งปีก่อนหน้านี้ ใช้งานได้ไม่ดีนักในสนามรบ สปาตซ์คิดว่าไม่ใช่ แบบทดสอบที่เป็นธรรมนัก เพราะป้อมบินที่มอบให้อังกฤษ ไม่มีอุปรณ์ ลับสุดยอด-ศูนย์เล็งเป้านอร์เด็น และไม่มีอ�ำนาจการยิงเท่าเทียม B-17 รุ่นใหม่ ทหารอังกฤษน�ำเครื่องบินขึ้นระดับความสูงเหนือระยะยิงของ ปตอ. ผลทีต่ ามมาคือความไม่แม่นย�ำของการทิง้ ระเบิด และการขัดข้องของ เครือ่ งยนต์กลไกในความหนาวเยือกทีร่ ะดับความสูงมากกว่า 30,000 ฟุต ฝ่ายอังกฤษยังแคลงใจต่อศักยภาพของเครือ่ งบินทิง้ ระเบิดอเมริกนั ในขณะ ที่ป้อมบิน 12 ล�ำหายลับเข้าไปในกลุ่มเมฆเหนือกราฟตัน อันเดอร์วูด นักบินกองทัพอากาศอังกฤษ คนสก็อตร่างใหญ่ หันมาหานายทหาร อเมริกนั ทีย่ นื อยูข่ า้ งๆ “เกลอ, เอ็งน่าจะโชคดีสดั ถ้าบินกลับมาได้สกั ล�ำ” การเดินทางราบรื่นไปจนถึงย่านสับเปลี่ยนขนาดใหญ่ริมแม่น�้ำแซน ฟ้าโปร่ง ไม่มีเครื่องบินขับไล่เยอรมัน ในการเดินทางกลับ ป้อมบินพบ เครือ่ งบินขับไล่เมสเซอร์ชมิตต์ Me 109 สองสามล�ำ เครือ่ งบินขับไล่ทนี่ งั่ เดี่ยว เร็ว และมีอาวุธเต็มอัตราศึก แต่สปิตไฟร์รับมือได้อย่างเหลือเฟือ ไล่ข้าศึกจากไป มี Me 109 ล�ำเดียวที่โฉบมาใกล้ป้อมบิน ได้การต้อนรับ ด้วยห่ากระสุนปืนกลหนักจากเครือ่ ง เบอร์มงิ แฮม บลิตซครีก “ข้าศึกลังเล ทีจ่ ะเข้าตีปอ้ มบินของเราในระยะประชิด” อีเคอร์ให้สมั ภาษณ์นกั ข่าวจาก นิตยสาร ไลฟ์ “ผมพอจะเข้าใจได้ ข้าศึกไม่เคยเห็น B-17 รุ่นใหม่ของ เรามาก่อน ปืนกลหนักแหย่ยื่นออกจากล�ำตัวในทุกทิศ น่าจะเป็นเหตุผล ชั้นดีที่จะท�ำให้ข้าศึกหวั่นไหว” 54 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ทีก่ ราฟตัน อันเดอร์วดู สปาตซ์มองทีข่ อบฟ้า มองหาป้อมบินเดินทาง กลับมา การสูญเสียใดๆ น่าจะท�ำให้ความเชื่อมั่นเสื่อมถอย หากสูญเสีย ผูบ้ ญ ั ชาการระดับสูงหนึง่ หรือทัง้ สอง : อีเคอร์กบั อาร์มสตรอง นัน่ จะเป็น ภัยพิบัติใหญ่หลวง ก่อนหนึ่งทุ่ม จุดด�ำมองเห็นจากระยะไกล สปาตซ์ นับ : มีเพียงสิบเอ็ดล�ำ แต่แล้ว หมายเลขสิบสองปรากฏให้เห็น...กลับ มาได้ครบทั้งหมด เมื่อป้อมบินโฉบผ่านหอบังคับการบินที่นายทหารระดับสูงรอท่าอยู่ ชือ่ เล่นของเครือ่ งทีเ่ พิง่ วาดปรากฏชัดบนส่วนหัวของเครือ่ งบิน เบบี ดอลล์, เพ็กกี ดี, ไฮดี โฮ, จอห์นนี เร็บ ชื่อยอดเยี่ยมเหมาะควรแก่เครื่องบินที่ ยิ่งใหญ่ ภาษาสุดกร่างสอดรับกับความเชื่อมั่นของเด็กหนุ่มที่ยังไม่รู้จัก ความกลัว เมือ่ ป้อมบินร่อนลงพืน้ พลสนับสนุนภาคพืน้ ของหน่วยบินที่ 97 วิง่ กรูขา้ มทุง่ ไปหาจอมถล่มรูออ็ ง “ทุกคนส่งเสียงตะโกน กระโดดโลดเต้น เหมือนเด็ก ตบหลังตบไหล่กนั ” โฆษกทัพอากาศ วิลเลียม อาร์. เลดลอว์ ย้อนนึก แม้แต่นายทหารสก็อตต์รา่ งยักษ์กย็ งั แย้มยิม้ อารมณ์ดี “พระเจ้า เหอะ เห็นมั้ย ว่าแล้ว” ตะโกนมาจากคอนที่เกาะอยู่ในหอบังคับการบิน “ไม่มีไอ้แยงค์คนไหน จะพลาดอาหารมื้อเย็น!” หลังจากที่ แยงกี ดูเดิล แล่นเข้าลานจอดคอนกรีต อีเคอร์ถอดชุดบิน จุดซิการ์ และออกมาพบสือ่ มวลชน “นกนางแอ่นตัวเดียวไม่ท�ำให้ฤดูรอ้ น มาถึง” อีเคอร์ประกาศ แต่ยิ้มเปื้อนหน้าบ่งบอกความหมายแท้จริง เขา อิม่ สุขและพึงพอใจไปกับผลส�ำเร็จ เช่นเดียวกับการได้ขนึ้ บินรบ “สุดยอด! ไม่เคยสะใจอะไรมากกว่านี้ในชีวิต” หลังจากตรวจความเสียหายจาก รูปถ่ายทางอากาศ เขาประกาศว่า “ได้ผลดียิ่ง” ส�ำหรับลูกเรือที่ยังไม่ เคยเข้าสนามรบมาก่อน ส่วนอาร์มสตรอง ชื่นบานยิ่งกว่านั้น “เราถล่ม รูออ็ งยับเยิน” เขาบอกผูส้ อื่ ข่าว และนัน่ จะเป็นมาตรฐานการขยายความ เกินจริงของรายงานการทิ้งระเบิดของกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 ตลอด ห้วงเวลาที่เหลือของสงคราม มีป้อมบินเพียงล�ำเดียวที่ได้รับความเสียหายจากแฟลค มีผู้บาดเจ็บ นพดล เวชสวัสดิ์ 55


สองคน ทัง้ สองได้รบั บาดเจ็บจากนกพิราบตัวเดียว นกบินชนกระเปาะใส หัวเครือ่ ง เครือ่ งบินทิง้ ระเบิดในหมูบ่ นิ เล็กทีเ่ ดินทางไปในบ่ายวันเดียวกัน เพือ่ ล่อเครือ่ งบินขับไล่เยอรมันให้หนั เหความสนใจไปจากหมูบ่ นิ ใหญ่ แรง กระทบท�ำให้กระเปาะแก้วแตก เศษกระจกบาดนายทหารทิ้งระเบิดและ ต้นหน เลือดหยดแรกของลูกเรือเครื่องบินทิ้งระเบิดอเมริกันก่อนสู้รบ ยืดเยื้ออีกเกือบหนึ่งพันวัน ที่ส่งผลให้ลูกเรือของกองก�ำลังทางอากาศ ที่ 8 เสียชีวิตกว่า 26,000 คน สิน้ สุดการบรรยายสรุปหลังปฏิบตั กิ ารของนายทหารการข่าว ลูกเรือ ยังสวมชุดบินเทอะทะ ออกมาพบผู้สื่อข่าว บรรยายเหตุการณ์รบซ�้ำอีก ครัง้ “เหมือนทีมฟุตบอลแสนสุข” คืนนัน้ จะเป็น “บรรยากาศของค�ำ่ คืน วันเสาร์หลังเกมใหญ่ในฐานบิน” วีรบุรุษแห่งวันคือ จ่าอากาศเอก เคนต์ เวสต์ พลปืนกระเปาะใต้ท้องเครื่องของ เบอร์มิงแฮม บลิตซครีก ผู้ได้ รับเครดิตว่าเป็นคนยิงเครื่องบินขับไล่เยอรมันตก ค�ำกล่าวอ้างเปลี่ยนใน ภายหลังว่า ‘ได้รับความเสียหาย’ แต่อีเคอร์ก็ยังน�ำปืนกลหนักคู่ไปติด บนผนังเหมือนเขากวาง ในกองบัญชาการของเขาที่วิคัมบ์ แอบบีย์ ทาง ตะวันตกของลอนดอน “งานหมูๆ” วอลต์ เคลลีย์ ลูกชายเจ้าของโรงเตี๊ยม ผู้บินในเครื่อง ไฮดี โฮ “เราสุดกร่างในตอนบินขึน้ จากพื้น และกร่างกว่านัน้ ตอนร่อนลง มีเสียงโห่ร้องเสียงถามไถ่เซ็งแซ่จากผู้สื่อข่าว หลายเครื่องเร่งเครื่อง บิน โฉบหอบังคับการบิน” จะไม่มคี วามชืน่ มืน่ เช่นนัน้ อีกแล้ว ในอีกหนึง่ เดือนถัดมา เมือ่ เครือ่ ง บินทิ้งระเบิดอเมริกันท�ำการไกลกว่าพิสัยของสปิตไฟร์ เครื่องบินขับไล่ ของข้าศึกจะเด็ดปีกเครื่องบินทิ้งระเบิดของอีเคอร์ให้ร่วงจากฟ้าเป็น ปกติวสิ ยั เด็กหนุม่ หยิง่ ผยองทีเ่ คยยืนแย้มยิม้ บน ‘กราฟตัน อันเดอร์มดั -ใต้ หล่มโคลน’ ชื่อที่พวกเขาเรียกขานฐานบินบึงพรุ เคยดื่มอวยพรให้แก่ ความส�ำเร็จ บัดนี้ นอนตัวแข็งเย็นชืดในหลุม หนึ่งปีเต็มพอดี หลัง ปฏิบัติการรูอ็อง เครื่องบินทิ้งระเบิดอเมริกันและลูกเรือจะหล่นจากฟ้า 56 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


เหนือเรเกินส์บรู ก์ และชไวน์ฟรู ต์ เป็นจ�ำนวน ‘ห้าเท่าตัว’ ของการสูญเสีย จากปฏิบัติการทิ้งระเบิดครั้งแรกสุดจากกราฟตัน อันเดอร์วูด สนามบิน ขนาดเล็ก ตั้งชื่อตามหมู่บ้านใกล้ฐานบินที่มีประชากรเพียง 99 คน แต่จุดหนึ่งที่ถือว่าส�ำคัญยิ่ง : การทิ้งระเบิดรูอ็องเป็นการเปิดแง่มุม ใหม่ของสงคราม ในภารกิจทิ้งระเบิด เด็กหนุ่มในเครื่องบินแบกรับ สงครามทิง้ ระเบิดไปจากมือของนายพลและพลสนับสนุนภาคพืน้ นายพล เลือกเป้าหมายและวางแผนภารกิจ ก่อนการทิ้งระเบิด ลูกเรือได้รับ บรรยายสรุปสภาพอากาศ การป้องกันของข้าศึก และต�ำแหน่งของ เป้าหมาย แต่เมือ่ บินขึน้ จากพืน้ ดิน ลูกเรือหลุดไปอยูใ่ นโลกอืน่ ...โลกของ ตัวเอง “แผนที่วางไว้สมบูรณ์แบบ ไม่อาจประสบความส�ำเร็จได้ในความ ผิดพลาดของลูกเรือ” วิลเลียม เลดลอว์ กล่าวไว้ เริ่มตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 1942 ลูกเรือเครื่องบินทิ้งระเบิดอเมริกัน เรียนรูท้ จี่ ะสูร้ บศึกกลางฟ้าด้วยประสบการณ์และการทดลอง ทุกภารกิจจะ เป็นการเรียนรูเ้ รือ่ งใหม่ ประสบการณ์สดุ พิเศษ แตกต่างไปจากกองก�ำลัง ภาคพื้นดิน เมื่อหลุดเข้าสนามรบแล้ว เด็กทิ้งระเบิดไม่อาจส่งข่าวกรอง กลับมายังกองบัญชาการเพือ่ ปรับเปลีย่ นแผนการรบ การเข่นฆ่าเร็วเกินไป ระยะทางห่างไกลเกินไปจากกองบัญชาการ และไม่มกี องหนุน ทุกภารกิจ จะเป็นการทุ่มทั้งตัว เมื่อหลุดเข้าไปในการสู้รบแล้ว จะต้องสู้สุดชีวิตเพื่อ ถางทางเอาตัวรอดกลับมา กลางฟ้า ลูกเรือโดดเดี่ยว และถูกบังคับให้ ต้องตัดสินใจเอง เสาะหาทางเลือกในยามที่แผนแม่บทล้มเหลว ซึ่งจะ เกิดขึ้นเสมอในความโกลาหลเหนือความคาดหมายของการสู้รบ เหมือน ที่พันเอก เลดลอว์ เขียนไว้ “ในการปฏิบัติการทางอากาศยุทธศาสตร์ ไม่มีทหารคนใด หรือแม้แต่ผู้บัญชาการทางอากาศที่เปี่ยมประสบการณ์ และมีคณะเสนาธิการมือดีที่สุดในโลก จะชี้ชัดระบุเป้าหมายได้ด้วยตัว คนเดียว” ลมฟ้าอากาศ สภาพเครือ่ งยนต์กลไกของเครือ่ งบิน การต้านรับ ของข้าศึก ระดับการฝึก ความมัน่ คงเชิงอารมณ์ของลูกเรือ และตัวแปรอีก อย่างน้อยนับสิบ จะบ่งบอกว่าที่ไหนจะถูกทิ้งระเบิด และใครจะบาดเจ็บ นพดล เวชสวัสดิ์ 57


ล้มตาย ทั้งบนดินและกลางฟ้า ทหารราบและทหารเรือ มีประสบการณ์สงั่ สมมานานหลายศตวรรษ หยิบมาใช้ก�ำหนดยุทธศาสตร์การรบ แม้จะเคยมีการน�ำเครือ่ งบินทิง้ ระเบิด โบราณมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และญี่ปุ่น เยอรมนี และอิตาลีใช้ เครื่องบินด�ำดิ่งทิ้งระเบิด ก่อความหวาดหวั่นต่อมหานครและหมู่บ้านใน จีน สเปน และแอฟริกาเหนือในทศวรรษ 1930 ไม่เคยมีประเทศไหน ท�ำสงครามทิ้งระเบิดเต็มรูปแบบก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นักเขียนนิยาย จอห์น สไตน์เบ็ค เขียนไว้ในปี 1942 “ในมวลหมู่เหล่าทัพ ทัพอากาศ ต้องท�ำงานโดยไม่มีตัวอย่างบัญญัติให้ศึกษา นี่ยังไม่นับขนบประเพณี” พันเอก บัดด์ เจ. พีสลีย์ หนึ่งในต�ำนานผู้บัญชาการกองก�ำลังทาง อากาศที่ 8 แย้งว่า นักประวัตศิ าสตร์รจู้ กั ผูน้ �ำสงครามทางอากาศน้อยคน เพราะแทบไม่มีการออกค�ำสั่งบัญชาการรบหลังจากเครื่องบินขึ้นฟ้าแล้ว และเพราะว่าการตัดสินใจของนายพลไม่เคยให้ผลชี้ขาดการสงคราม ใน การรบทางอากาศ ทักษะและความหาญกล้าของนักรบกลุม่ เล็กๆ จะตัดสิน ผลแพ้ชนะ พาสลีย์เขียนไว้ “พวกเขามีพลังและอ�ำนาจมากล�้ำกว่าอายุ ยศ และประสบการณ์”

“การทิ้งระเบิดรูอ็อง” นายพล ‘แฮ็ป’ อาร์โนลด์ ประกาศในวันถัดมา “ยืนยันความถูกต้องของนโยบายทิ้งระเบิดเจาะจงเป้าหมายยุทธศาสตร์ แทนการทิ้งระเบิดหว่านกระจาย (บลิตซ์) ไปในพื้นที่กว้างของมหานคร” ท่านนายพลด่วนพูดไป การทิ้งระเบิดเจาะจงเป้าหมายในเวลากลางวัน จ�ำเป็นต้องผ่านบทพิสูจน์ของภารกิจที่ยากกว่านี้ ในลมฟ้าอากาศเลวร้าย และบุกฝ่าเข้าไปในการต้านรับเหนียวแน่น ประวัตศิ าสตร์ของสงครามทาง อากาศอเมริกนั -เยอรมัน จะเป็นเรือ่ งราวของการทดลอง : ทดสอบไอเดีย ใหม่ของการศึก ซึง่ เป็นผลจากหลักเกณฑ์ทยี่ งั ไม่มกี ารพิสจู น์ นานแสนนาน 58 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ก่อนที่ทิบเบ็ตส์จะมาถึงสหราชอาณาจักร “ภารกิจทิ้งระเบิดครั้งแรกสุด เป็นแต่เพียงการแสดงเชิงสัญญะ” พาสลีย์แสดงความเห็น “แต่ก็เป็น ภาพแห่งความหวังและความฝันของทัพฟ้าอเมริกันมากว่าสองทศวรรษ”

ผู้ครองฟ้า ในการสงครามยุคใหม่ การทิ้งระเบิดมี 2 ประเภท คือ การทิ้งระเบิด ยุทธศาสตร์ และการทิง้ ระเบิดทางยุทธวิธี การทิง้ ระเบิดยุทธศาสตร์ นิยาม โดยทัพอากาศอเมริกัน “ท�ำลายเศรษฐกิจของศัตรู โดยพยายามท�ำให้ ศักย์สงครามของข้าศึกเป็นอัมพาต ด้วยการโจมตีการผลิตอุตสาหกรรม ท�ำลายขวัญพลเรือน และท�ำลายการสื่อสาร” ส่วนการทิ้งระเบิดทาง ยุทธวิธี จะเป็นการสนับสนุนทางอากาศต่อการเคลื่อนก�ำลังทางอากาศ ทางบก และทางทะเล” กองก�ำลังทางอากาศที่ 8 จะกระท�ำทั้งสอง ประเภท แต่ในระยะแรกของสงคราม ผู้บัญชาการวาดหวังว่าจะเป็นแต่ เพียงการทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ อาร์โนลด์ อีเคอร์ และสปาตซ์ เป็นสาวกของวิลเลียม ‘บิลลี’ มิตเชลล์ ผู้ล่วงลับไปแล้ว มิตเชลล์เป็นบิดาแห่งทัพฟ้าอเมริกัน ในปี 1927 เมื่อครั้งที่พอล ทิบเบ็ตส์ อายุ 12 ขวบ เขาขึ้นบินเป็นครั้งแรกใน เครือ่ งบินปีกสองชัน้ โดยมีนกั แสดงเสีย่ งตายเป็นนักบิน ผูกผ้าพันคอไหม สีขาว หมวกนิรภัยหนังแนบศีรษะ บิลลี มิตเชลล์เขียนและบรรยายการ สงครามทิ้งระเบิดสุดสะพรึง แนวคิดที่จะแปลงโฉมใหม่ของโลก แนวคิด ที่น�ำมาสู่การทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ที่ผู้พัน ทิบเบ็ตส์จะน�ำมาทดสอบเป็น ครั้งแรกในฟากฟ้าของเมืองรูอ็อง เวหานุภาพอเมริกันถือก�ำเนิดในสงครามโลกครั้งที่ 1 และบิลลี มิตเชลล์ เป็นศาสดา เขาเป็นนักบินอเมริกันคนแรกที่มาถึงแนวรบด้าน ตะวันตก และบินข้ามแนวข้าศึก คนแรกของเพือ่ นร่วมชาติทรี่ ซู้ งึ้ ถึงอ�ำนาจ นพดล เวชสวัสดิ์ 59


ท�ำลายล้างของการสงครามทิ้งระเบิด มิตเชลล์เป็นลูกชายของวุฒิสมาชิก จากวิสคอนซิน และเป็นหลานชายของเจ้าพ่อการรถไฟสมัยรุ่งเรือง เขา เป็นภาพในฝันของนักข่าว หน้าตาหล่อเหลา ไม่รู้จักความกลัว หรูหรา ฟู่ฟ่า แชมเปี้ยนโปโล พูดฝรั่งเศสได้คล่องปาก สวมรองเท้าบู๊ตทหารม้า และเครือ่ งแบบตัดเย็บประณีต เขาเลิกเรียนมหาวิทยาลัยกลางคันเมือ่ อายุ สิบแปด เพื่อร่วมรบในสงครามสแปนิช-อเมริกัน (ปี 1898) สิบปีต่อมา เขียนหนังสือเรียกร้องให้กองทัพบกที่เขาร่วมรบด้วยในคิวบา กองทัพที่ ใช้ม้าลากสรรพาวุธ ให้พัฒนากรมการบินยุคใหม่ ในปี 1916 เขามีอายุ สามสิบหก ฝึกเป็นนักบิน ได้รบั แต่งตัง้ เป็นหัวหน้าแผนกสือ่ สารอากาศยาน กองทัพบก แผนกแรกของการบินอเมริกนั สองปีตอ่ มา พลจัตวา มิตเชลล์ จัดระบบ และดูแลการตั้งหน่วยก�ำลังทางอากาศโพ้นทะเล แทนที่แผนก อากาศยาน และขยายใหญ่เป็นกรมการบินทหารบก ในปี 1926 ใน ฝรัง่ เศส มิตเชลล์เป็นผูน้ �ำในสนามรบ ห้าวหาญและช่างคิดค้นพลิกแพลง ได้ความนับถือสุดสูงจากนักบินหนุ่มรุ่นใหม่ เช่น คาร์ล สปาตซ์ คนที่เขา เสนอชื่อให้รับเหรียญกล้าหาญ ดิสทิงกวิชด์ เซอร์วิส ครอสส์ หลังจากที่ สปาตซ์ยงิ เครือ่ งบินข้าศึกตก 3 ล�ำ แต่ชอื่ เสียงเลือ่ งระบือของมิตเชลล์ จะ เป็นแนวคิดเวหานุภาพว่าด้วยการทิ้งระเบิด ประสบการณ์ในสงครามครั้งแรกของเขา จะแปลงโฉมเหตุการณ์ที่ เกิดในชีวิต มิตเชลล์เคยรบในสนามเพลาะร่วมกับทหารราบ เขาบินข้าม แนวรบของข้าศึกร่วมกับนักบินฝรัง่ เศส “เราข้ามแนวรบทีว่ างแนวยันกันอยู่ เครื่องบินบินข้ามในเวลาไม่กี่นาที” มิตเชลล์เขียนไว้ “แนวรบซึ่งกองทัพ สองฟากแน่นงิ่ ยันกันอยู่ ไม่มพี ลังอ�ำนาจพอจะรุกคืบไปข้างหน้า ตลอด ระยะเวลาสามปี” มิตเชลล์มองเห็นว่า “หมดยุคของต�ำราพิชยั สงครามแล้ว การบัน่ ทอนให้ออ่ นล้าหรือการเข่นฆ่าข้าศึกเชือ่ งช้าทีละน้อย เป็นสิง่ เดียว ที่กองก�ำลังบนพื้นดินท�ำได้” เมื่อนายพล จอห์น เจ. ‘แบล็ก แจ๊ก’ เพอร์ชิง เดินมาถึงฝรั่งเศส ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองก�ำลังต่างแดนอเมริกัน มิตเชลล์ 60 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


เข้าพบท่านนายพล เสนอแนวคิดสุดห้าว : ใช้ก�ำลังทางอากาศท�ำลาย สนามบินและยุทโธปกรณ์ของเยอรมันหลังแนวปะทะ นักประวัติศาสตร์ รัสเซลล์ เอฟ. ไวกลีย์ เขียนไว้ “นี่เป็นการใช้เครื่องบินในยุทธศาสตร์ ของ (วิลเลียม เทคัมเซห์) เชอร์แมน ที่จะพาสงครามไปหาเศรษฐกิจและ พลเรือนของข้าศึก” ข้อเสนอของมิตเชลล์ไม่เข้าหูเพอร์ชงิ เพราะเพอร์ชงิ มองว่าทหารราบเป็นราชินีแห่งสนามรบ มองว่าก�ำลังทางอากาศมีหน้าที่ สอดแนม สนับสนุนการรบภาคพื้นดิน และมีคุณค่าเพียงน้อยนิด แต่ใน ช่วงท้ายสุดของสงคราม เมื่อกองก�ำลังทางอากาศอเมริกัน จากไม่มีอะไร เลย เพิ่มจ�ำนวนเป็น 750 ล�ำ สิบเปอร์เซ็นต์ของกองก�ำลังสัมพันธมิตร เพอร์ชิงอนุญาตให้มิตเชลล์น�ำเครื่องบินทิ้งระเบิดและเครื่องบินขับไล่ ไป สนับสนุนการรบของทหารราบที่แซงต์ มิฮิเอล และเมิส-อาร์กอน “การ รุกรบทางอากาศที่มิตเชลล์กระท�ำต่อเมิส-อาร์กอน ในเดือนกันยายน (1918) ถือได้วา่ เยีย่ มยอดทีส่ ดุ เท่าทีเ่ คยพบมาในสนามรบ” แฮ็ป อาร์โนลด์ เขียนไว้ในบันทึกความทรงจ�ำ “ก่อนหน้านัน้ การรบกลางท้องฟ้า จะเป็น การดวลกันระหว่างนักบินสองฝ่าย...นี่เป็นการรุกรบด้วยหมู่บินเป็นครั้ง แรก” อาร์โนลด์ได้แต่หวังว่าเขาจะได้อยูท่ นี่ นั่ มองดูผลงานของเพือ่ น เขา อยากเข้าสู่สนามรบ อาร์โนลด์จบการศึกษาจากเวสต์พอยน์ต เป็นหนึ่ง ในสี่คนแรกในกองทัพบกที่ได้ใบอนุญาตนักบิน เป็นลูกศิษย์สายตรงของ สองพี่น้องตระกูลไรต์, ออร์วิลล์กับวิลเบอร์ ขึ้นบินที่โรงเรียนการบิน เดย์ตัน, โอไฮโอ ในปี 1912 เขาได้รางวัลแม็กเคย์ ส�ำหรับการบิน ทางทหารยอดเยี่ยมประจ�ำปี แต่ในเมื่อเป็นส่วนหนึ่งของกองบัญชาการ เขาทรงคุณค่าในฐานะนักวางแผนทางทหารมากกว่าจะส่งไปยังแนวหน้า เพื่อนๆ เรียกเขาว่า ‘แฮ็ป’ ย่อมาจาก ‘แฮ็ปปี้’ เพราะมีรอยยิ้มอิ่มสุข ประดับใบหน้าเสมอ หน้ากากยิ้มที่กลบซ่อนอารมณ์เดือดดาลและความ บ้าคลั่งอยากผลักดันการบินอเมริกันให้ก้าวหน้า เขาเป็นหนึ่งในสาวก รุ่นแรกและทุ่มเทที่สุดของบิลลี มิตเชลล์ นพดล เวชสวัสดิ์ 61


อาร์โนลด์กับมิตเชลล์ ได้แรงบันดาลใจจากฮิวจ์ เทรนเชิร์ด บิดา การบินและผู้บัญชาการทหารอากาศอังกฤษคนแรก สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นสงครามนักบินขับไล่ แต่เทรนเชิร์ดเชื่อมั่นในการสงครามทิ้งระเบิด มองว่าเป็นอนาคตของกองทัพอากาศ เมื่อเยอรมนีทิ้งระเบิดลอนดอน ครั้งแรกสุดด้วยโพยมยาน (เซปเพลิน) และด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดหนัก สองเครื่องยนต์, โกธา ในปี 1917 คร่าชีวิตผู้คน 1,400 คน เทรนเชิร์ด ตอบโต้ดว้ ยการส่งเครือ่ งบินทิง้ ระเบิดสีเ่ ครือ่ งยนต์, แฮนด์ลยี ์ เพจ ไปถล่ม มหานครในเยอรมัน หลังการพูดคุยกับเทรนเชิร์ดที่แนวหน้า มิตเชลล์ ได้ความคิดว่า อเมริกาควรจะมีสิ่งที่อังกฤษสร้างขึ้นมาหลังจากโดนทิ้ง ระเบิดถล่มลอนดอน นั่นก็คือ ก�ำลังทางอากาศต้องแยกเป็นเอกเทศ มี ทั้งสถานะและอ�ำนาจเท่าเทียมกับกองทัพบกและกองทัพเรือ การเซ็ น สั ญ ญาสงบศึ ก เกิ ด ขึ้ น ในวั น ที่ 11 พฤศจิ ก ายน 1918 สองวันหลังจากฝูงบินทิ้งระเบิดกลางคืนอเมริกันฝูงแรกโผล่มายังแนวหน้า มิตเชลล์วางแผนโจมตียุทธศาสตร์บนดินแดนเยอรมัน ใช้ระเบิดเพลิงและ แก๊สพิษ ท�ำลายพืชผล ป่าไม้และสัตว์เลี้ยง “ฉันแน่ใจว่าถ้าสงคราม ยืดเยื้อ ก�ำลังทางอากาศจะเป็นตัวชี้ขาด” เขาเขียนไว้ในเวลาต่อมา มิตเชลล์ได้ไอเดียจากหลายแหล่ง หนึง่ นัน้ เป็นผลงานของผูบ้ ญ ั ชาการ ทหารอากาศอิตาเลียน, นายพล จูลิโอ ดูห์เอ็ต สามปีหลังจากมิตเชลล์ กลับจากสงคราม ดูห์เอ็ตตีพิมพ์ผลงานยิ่งใหญ่ The Command of the Air หนังสือที่จะส่งชื่อเขาเป็นผู้น�ำแห่งเวหานุภาพ มิตเชลล์ไม่เคย อ่านหนังสือเล่มนี้ (หรืออาจจะอ่านฉบับแปลของกระทรวงสงคราม) เขา เขียนจดหมายติดต่อกับจานนี คาโปรนี นักออกแบบเครื่องบินทิ้งระเบิด และเพื่อนของดูห์เอ็ต ไม่ว่าความเกี่ยวข้องจะเป็นไปในรูปใด มิตเชลล์ เห็ น พ้ อ งกั บ ดู ห ์ เ อ็ ต ในหลายข้ อ ของเวหานุ ภ าพ ประสบการณ์ จ าก สงครามโลกครั้งที่ 1 ชี้ชัด : ทั้งสองฝ่ายอยากยุติการบั่นทอนให้อ่อนล้า ยื ด เยื้ อ และการสั ง หารหมู ่ ร ะยะประชิ ด อยากท�ำให้ ส งครามสั้ น ลง อาศัยการรุกสร้างความได้เปรียบ เดิมทีนั้น เทคโนโลยีอาวุธน�ำมาซึ่ง 62 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ความได้เปรียบของฝ่ายตั้งรับ ไม่ว่าจะเป็นปืนกลหนัก แก๊สพิษ และ ปืนใหญ่มีเกลียวในล�ำกล้อง ท�ำให้การเข้าตีของทหารราบต่อที่นั่งตั้งรับ แทบจะเป็นการฆ่าตัวตาย จากการวิเคราะห์ข้อมูลหลายทิศ น�ำมาซึ่ง ค�ำตอบเดียว คือ พลังอ�ำนาจทางอากาศ..ชัยชนะที่ได้จากปีก นอกจาก เทคโนโลยีจะน�ำมาซึ่งความได้เปรียบแก่ฝ่ายตั้งรับแล้ว ยังสร้างความ ได้เปรียบเมื่อเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรุกด้วยเครื่องบิน...อาวุธทรงอ�ำนาจที่ พัฒนาขึ้นมาเพื่อการรุก จะถล่มการป้องกันที่เคยครองความยิ่งใหญ่ที่สุด ในสนามรบ ในช่วงนั้น นักวางแผนยุทธศาสตร์เยอรมันตอบสนองต่อ สงครามแน่นงิ่ ซึง่ ตนเพิง่ พ่ายแพ้ แอบพัฒนาการสงครามรูปแบบใหม่ โดย ใช้รถถังจูโ่ จมเร็ว และยานเกราะ ส่วนมิตเชลล์กบั ดูหเ์ อ็ตยกระดับแนวคิด ‘บลิตซ์ครีก’ จากท้องฟ้า ดูห์เอ็ตยืนยันว่า สงครามในอนาคตจะสั้น ทุ่มเททั้งมวล และ ‘รุนแรงในระดับสูงสุด’ จะได้ชัยชนะจากท้องฟ้า โดยใช้เครื่องบิน ทิ้งระเบิดระยะไกลแผ่เป็นแพเต็มฟ้า ฝ่ายที่โจมตีก่อน แบบไม่ขาดสาย และครองท้องฟ้าได้ จะเป็นผู้ชนะ ไม่เพียงแค่ท�ำลายเครื่องบินของ ข้าศึกในการรบทางอากาศเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงการท�ำลายฐานบิน เครือข่ายการสื่อสาร และศูนย์กลางการผลิตด้วย ดูห์เอ็ตใช้ถ้อยค�ำว่า “เพียงแค่ยิงนกให้ตกหมดจากฟ้า ไม่เพียงพอที่จะท�ำลายล้างเผ่าพันธุ์ ต้องท�ำลายไข่และรวงรังด้วย” การท�ำลายไข่และรัง ถือเป็นการทิง้ ระเบิด ยุทธศาสตร์ การทิ้งระเบิดประเภทเดียวที่ดูห์เอ็ตชื่นชอบ เมื่อใดที่การครองฟ้าหรือครองอากาศ กระท�ำได้ด้วยการโจมตีของ เครื่องบินทิ้งระเบิด มิใช่เครื่องบินขับไล่ ซึ่งจะถูกท�ำลายโดยสิ้นเชิงจาก เครือ่ งบินทิง้ ระเบิดยุคใหม่ (ในความเห็นของดูหเ์ อ็ต) เป้าหมายหลัก มิใช่ กองทหารบนพื้นดิน หากแต่เป็นมหานครอุตสาหกรรม การท�ำลายล้าง ศูนย์กลางการผลิต จะเป็นการท�ำลายขวัญก�ำลังใจของพลเรือน ท�ำลาย ขีดความสามารถในการท�ำสงครามของข้าศึก และมอบการยอมแพ้รวดเร็ว อย่างมีมนุษยธรรมให้ โดยไม่ต้องใช้ก�ำลังกองทัพบกหรือกองทัพเรือ ใน นพดล เวชสวัสดิ์ 63


การสงครามยุคใหม่ “จะถือว่าประเทศทัง้ ประเทศเป็นก�ำลังรบ” มิตเชลล์ สะท้อนเสียงของดูหเ์ อ็ต ซึง่ เขียนไว้ว่า “การท�ำศึกสงครามมิใช่การปะทะ ของกองทัพอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นการปะทะระหว่างชาติต่อชาติ ระหว่าง ประชาชนของสองประเทศ การแยกแยะความแตกต่างระหว่างผู้มีภัย คุกคามกับไม่มีภัยคุกคาม ไม่อาจยอมรับได้อีกต่อไปแล้ว...เพราะในยาม ทีช่ าติเข้าสูส่ งคราม ประชาชนทุกคนมีสว่ นร่วม : ทหารหยิบปืน สตรียก กระสุนปืนใหญ่ขึ้นรถในโรงงาน ชาวนาปลูกข้าวสาลี นักวิทยาศาสตร์ เข้าประจ�ำการในห้องทดลอง” ดูห์เอ็ต, ฟาสซิสต์ตัวกลั่น กล่าวถึงสงครามท�ำลายล้างสิ้นซาก ได้ ชัดเจนกว่าที่มิตเชลล์จะสรรหาถ้อยค�ำมาบรรยายได้ ในการสงคราม ยุคใหม่ ไม่มคี �ำว่าศีลธรรม จะเป็นการเชือด การสังหารรวดเร็ว ไร้เมตตา ไร้ความรู้สึกในใจ “ขีดจ�ำกัดของวิธีการท�ำสงครามไร้ความเป็นมนุษย์ ชั่วช้าเลวทราม ไม่มีความหมายใดอื่น นอกจากค�ำลวงของผู้น�ำนานา ประเทศ” ดูห์เอ็ตเขียนไว้ “จะต้องถือว่าการสงครามไร้ซึ่งอารมณ์ความ รู้สึกเช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าวิทยาศาสตร์นั้นจะชั่วร้ายเพียงใด” นักประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบันแสดงความเห็น “เราหยั่งถ้อยค�ำของดูห์เอ็ต ได้วา่ ทหารพึงละทิง้ ส�ำนึกแห่งความรับผิดชอบทัง้ มวล ส�ำหรับผลกระทบ ทางการเมืองและสังคม ซึ่งเกิดจากปฏิบัติการทางทหารของพวกเขา” นีเ่ ป็นครัง้ แรกใประวัตศิ าสตร์การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยก�ำลัง พลเรือนถูกแยกออกมาเป็นเป้าทางการทหาร ไม่เพียงแค่ว่าพวกเขาเป็น ผู้ผลิตอันทรงค่า แต่ยังรวมไปถึงว่าเป็นเป้าหมายที่อ่อนแอ ข่มเหงรังแก ได้ง่าย ทั้งดูห์เอ็ตและมิตเชลล์ มั่นใจว่า พลเรือนไม่มีความแกร่งทานทน การสงครามแนวดิง่ ทีม่ แี รงระเบิด ระเบิดเพลิงและแก๊สพิษ เทียบเท่าความ สยดสยองของการสงครามระเบิดอะตอม หลักฐานได้จากการตระหนก และความหวั่นหวาดของประชากรทั้งมวล จากการทิ้งระเบิดในลอนดอน และโคโลญจ์ในสงครามโลกครั้งที่ 1 การโจมตีทางอากาศขนาดเล็กที่ ไม่อาจวาดภาพได้ในสงครามในอนาคต สงครามยุคใหม่จะตัดสินได้ฉับไว 64 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ดูหเ์ อ็ตชีช้ ดั เพราะการจูโ่ จมท�ำลายอันเป็นจุดเปลีย่ น กระท�ำต่อพลเรือน องค์ประกอบส�ำคัญที่ชาติท�ำสงครามไม่อาจดูแลป้องกันได้” หนึ่งในฉากชวนขนหัวลุกของมิตเชลล์ คือการทิ้งระเบิดนิวยอร์กซิตี แก๊สพิษจากลูกระเบิด แผ่กระจายในอากาศ ซึมลงไปในสถานีรถไฟ ใต้ดิน การอพยพผู้คนทั้งมหานคร เมื่อนิวยอร์กและมหานครขนาดใหญ่ ถูกทิ้งระเบิด ผู้อพยพไม่อาจหาปัจจัยสี่เลี้ยงชีวิตได้ รัฐบาลถูกบังคับให้ ยอมแพ้สงคราม ในสายตาของดูหเ์ อ็ตและมิตเชลล์ สงครามทีส่ นิ้ สุดอย่างรวดเร็วและ รุนแรง หมายถึงจ�ำนวนผูบ้ าดเจ็บล้มตายลดลง แทนทีจ่ ะเป็นเรือ่ งชัว่ ร้าย สงครามรูปแบบนี้จะกลายเป็นเรื่องเปี่ยมด้วยมนุษยธรรม จะเป็นการดี หากตัดสินสงครามด้วยการเขย่าขวัญประชากร “ด้วยระเบิดแก๊สพิษ ลูกสองลูก” มิตเชลล์เขียนไว้ “ดีกว่าวิธดี งั้ เดิมทีจ่ ะยิงร่างทหารฉีกขาดด้วย ปืนใหญ่ หรือกระซวกให้ร่างขาดรุ่งริ่งด้วยดาบปลายปืน” มิตเชลล์ถึงขั้น เสนอแนะว่า สงครามในอนาคตจะไม่ได้สู้รบกันด้วยกองก�ำลังขนาดใหญ่ หากแต่เป็นกลุ่มนักรบทางอากาศระดับสุดยอด เทียบได้กับ ‘อัศวินสวม เกราะในยุคกลาง’ วิธนี ชี้ ว่ ยลดจ�ำนวนผูค้ นล้มตายเช่นกัน เขาชีใ้ ห้เห็นว่า การขู่ขวัญด้วยการท�ำลายล้างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะช่วยป้องปรามการใช้ อาวุธนิวเคลียร์ในสงครามเย็นที่ใกล้มาถึง จะยับยั้งไม่ให้เกิดสงครามโลก ครั้งใหม่ได้ “เวหานุภาพมอบหลักนิยมใหม่ของสงคราม...และหลักนิยม แห่งสันติภาพ” ถึงจุดนี้ ดูหเ์ อ็ตกับมิตเชลล์แยกทางกัน ดูหเ์ อ็ตบรรยายแนวคิดด้วย ภาษาลัทธิดาร์วิน การสงครามอยู่ในสายเลือดอยู่ในกระดูกของมนุษย์ เป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการ สันติภาพเป็นเพียงแค่ฝันเพ้อ ดูห์เอ็ต สนับสนุนการ “ถล่มด้วยระเบิดจากฟากฟ้า ทิ้งลงใส่ศูนย์กลางพลเรือน หนาแน่นที่สุด” เป้าประสงค์มิใช่แค่การท�ำลายล้างโรงงานและระบบ สื่อสาร หากแต่เป็นองค์กรเชิงสังคมทั้งมวล กว่าศตวรรษที่ผ่านมา นักทฤษฎีทหารของโลกตะวันตก อยู่ใต้ นพดล เวชสวัสดิ์ 65


มนต์สะกดของนักเขียนปรัสเซีย คาร์ล ฟอน เคลาเซอวิตซ์ ผู้ยืนยันว่า เป้าหมายสูงสุดของการสงคราม จะเป็นการท�ำลายก�ำลังรบของข้าศึก มิตเชลล์กบั ดูหเ์ อ็ตท้าทายกฎเหล็กข้อนี้ ผูส้ งั เกตการณ์ทางทหารร่วมสมัย โอบรับแนวคิดของคนทัง้ สอง “ประวัตศิ าสตร์ของมนุษย์ศวิ ไิ ลซ์แสดงให้เรา เห็นถึงการค้นพบหรือสิง่ ประดิษฐ์ทางทหารสามเรือ่ ง : วินยั ดินปืน และ เครือ่ งบิน...เครือ่ งบินจะใช้เป็นครัง้ แรกในประวัตศิ าสตร์ความขัดแย้ง มอบ หนทางใหม่ให้การสงคราม นั่นก็คือ น�ำการโจมตีไปมอบให้แหล่งก�ำเนิด ของอ�ำนาจ ถล่มท�ำลายประชากร นครหลวง ศูนย์อตุ สาหกรรม พาณิชย์ และการเมือง โดยไม่จ�ำเป็นต้องหักล้างกับกองก�ำลังของข้าศึก ทีท่ �ำหน้าที่ ปกป้องคุ้มครองเป้าหมายเหล่านี้” มิตเชลล์พยากรณ์ไว้ว่า ประเทศที่เตรียมพร้อมที่จะผลิตเครื่องบิน ทิง้ ระเบิดจ�ำนวนมหาศาล โจมตีหนัก โจมตีตอ่ เนือ่ งต่อระบบเศรษฐกิจและ ประชากรของข้าศึกจะยุตสิ งครามครัง้ ใหม่ ก่อนทหารราบหรือกองทัพเรือ จะมีโอกาสเข้าสูก่ ารสูร้ บ อย่างไรก็ตาม เขายังวาดภาพไม่ถงึ การทิง้ ระเบิด แม่นย�ำ การทิ้งระเบิดจากที่ระดับความสูงมาก มักไม่แม่นย�ำอยู่แล้ว การทิ้งระเบิดลงสู่เป้าหมายอุตสาหกรรม เครื่องบินทิ้งระเบิดจ�ำเป็นต้อง ‘ทิ้งไข่ลงกลางเมือง’ ตามค�ำกล่าวของพลอากาศโท เทรนเชิร์ด ไม่เพียง ท�ำลายโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น ยังเข่นฆ่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์ไปด้วย มิตเชลล์น�ำเสนอแนวคิดนี้ด้วยความกราดเกรี้ยวเยี่ยงนักรบครูเสด ในสายการบังคับบัญชาทางทหาร ในฐานะผู้ช่วยผู้บัญชาการกรมการบิน และนอกค่ายทหาร เขาออกหนังสือหลั่งไหลเป็นสาย เขียนบทความ บรรยายต่อสาธารณชน ยืนที่โพเดียม กวัดแกว่งคทาเลี่ยมทอง เน้นย�้ำ ประเด็นส�ำคัญ เจ้าวาทะค�ำคมข�ำขัน วิล รอเจอร์ส ขนานนามให้เขาว่า ‘นโปเลียนแห่งฟากฟ้า’ ในยามที่มิตเชลล์ได้ยินเสียงคัดค้านจากนายพล กองทัพบกและกองทัพเรือ ทีม่ องว่าก�ำลังทางอากาศ เป็นแต่เพียงติง่ มิตทิ ี่ สามของการสงครามบนพืน้ ดิน เขาจะตอบโต้เผ็ดร้อน สร้างความหมางใจ ต่อผู้ทรงอ�ำนาจที่เขาหวังจะหว่านล้อมจูงใจให้คล้อยตาม 66 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


แนวคิดการสงครามของมิตเชลล์ล�้ำหน้าเทคโนโลยีที่มีอยู่ : ไม่มีการ วางแผนจะใช้เครือ่ งบินทิง้ ระเบิด ไม่มกี ารสร้างเครือ่ งบิน หรือการใช้งาน เครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญการทหารผู้หนึ่ง กล่าวไว้ในปี 1925 เครื่องบินทิ้งระเบิดพอจะทิ้งระเบิดลงสู่เมืองได้จาก ระดับความสูง 10,000 ฟุต ถ้าเมืองนั้นมีขนาดใหญ่พอ” แต่มิตเชลล์ เป็นคนน�ำสมัย คนหลงใหลเทคโนโลยี เขาเชื่อมั่นว่าการวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมอเมริกนั จะพัฒนาเครือ่ งบินทิง้ ระเบิดได้ในเร็ววัน ส่งเขาเป็น ศาสดาได้ด่วนทันใจ แนวคิดของมิตเชลล์ชนตออีกด่าน สิ่งที่นักเขียนคนหนึ่งเรียกว่า ‘ด่านอุปสรรคศีลธรรม’ ใกล้สนิ้ สุดสงครามโลกครัง้ ที่ 1 รัฐมนตรีกระทรวง สงคราม นิวตัน ดี. เบเกอร์ ออกค�ำสัง่ ห้ามกรมการบินมิให้โจมตีทางอากาศ “ต่อเป้าหมายการทิ้งระเบิดเปะปะ กระท�ำต่ออุตสาหกรรม พาณิชย์ และประชากร” เบเกอร์เชื่อว่า การท�ำสงครามต่อพลเรือน ล่วงละเมิด อุดมคติเชิงศาสนาและมนุษยธรรม การส�ำรวจประชามติในเวลาต่อมา แสดงให้เห็นว่าสาธารณชนอเมริกันเห็นพ้องกับค�ำสั่งนี้ คนอเมริกัน ส่วนใหญ่เบื่อหน่ายสงคราม และไม่เต็มใจจะสนับสนุนรัฐบาลที่หนุนหลัง การแพร่ขยายก�ำลังรบ ดังนั้น มิตเชลล์แปลงโฉมเสียใหม่ ชูแนวคิดเรื่อง ก�ำลังทางอากาศต้องเป็นหน่วยงานอิสระไม่ขึ้นต่อกองทัพใด จะช่วยลด งบประมาณและการป้องกันประเทศ ก�ำลังทางอากาศขนาดใหญ่ สามารถ ปกป้องชายฝั่งทะเลอเมริกา และพื้นที่ห่างไกล เช่น อะแลสกา ฮาวาย และฟิลิปปินส์...ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดงบประมาณกว่า กองทัพเรือ...ต้นทุนเรือประจัญบานหนึ่งล�ำ พอจะน�ำมาสร้างเครื่องบิน ได้หลายพันล�ำ ในช่ ว งนั้ น ลั ท ธิ ท างทหารที่ มี อ ยู ่ เชื่ อ ว่ า เครื่ อ งบิ น ไม่ อ าจจม เรือประจัญบานได้ มิตเชลล์มองว่าเป็นแนวคิดคร�่ำครึล้าสมัย จึงกดดัน ผูส้ นับสนุนของเขาในรัฐสภา บีบให้กองทัพเรือท�ำการทดสอบ ครัง้ ทีฟ่ ฟู่ า่ ที่สุดในเดือนกรกฎาคม 1921 ฝูงบินขนาดเล็กของเขาทิ้งระเบิดขนาด นพดล เวชสวัสดิ์ 67


2,000 ปอนด์ 6 ลูก ก็สามารถจมเรือรบเยอรมัน ออสต์ฟรีสลันด์ ที่ยึด มาได้ ลงสู่ก้นทะเลนอกแหลมเวอร์จิเนีย กองทัพเรือประท้วงว่าการ ทดสอบไม่เป็นธรรม เรือทอดสมออยู่กับที่ ในเมื่อปืนเรือเงียบสนิท เรือ ก็เป็นเป้านิ่งให้ซ้อมมือเท่านั้น ในเมื่อมีนายพล เพอร์ชิง เป็นหัวหอก ต่อต้านการก่อตั้งทัพอากาศ มิตเชลล์จูงใจกองทัพบกไม่ส�ำเร็จ อย่างไร ก็ตาม เขายังแผลงฤทธิก์ ดดันกองทัพบกในทุกทาง จนกระทัง่ กองทัพบก ไม่ตอ่ อายุผชู้ ว่ ยผูบ้ งั คับการกรมการบิน ในปี 1925 ย้ายมิตเชลล์ไปแช่แข็ง ที่ฐานทัพห่างไกลในซานอันโตนิโอ, เท็กซัส ที่ซึ่งผนังห้องท�ำงานเป็น ห้องสุขาของเสมียน “มิตเชลล์ในเท็กซัส คล้ายกับการลีภ้ ยั ของนโปเลียน บนเกาะอัลบา” นักประวัตศิ าสตร์ผหู้ นึง่ เขียนไว้ “เขาวางแผนเล่นเล่ห์ ดิน้ สู”้ ต่างจากจักรพรรดิตวั เล็กเพียงแค่เขาไม่รจู้ กั หุบปากให้สนิท “ส่งเสียง เซ็งแซ่ แม้อยู่กลางทุ่งหญ้ากงจักรเวิ้งว้าง” มิตเชลล์โยนความผิดเรื่อง อุบัติเหตุทางอากาศสองครั้งต่อกองทัพเรือและกระทรวงสงคราม เพราะ “ไร้ประสิทธิภาพ และไร้ความใส่ใจถึงขั้นความผิดทางอาญา” มิตเชลล์ ก่อกวนให้ผบู้ งั คับบัญชาส่งเขาขึน้ ศาลทหาร เพียงเพือ่ จะได้สง่ เสียงประท้วง ระดับชาติ “เขาไม่ยอมหยุด จนกว่าจะเป็นผู้พลีชีพเพื่ออุดมการณ์” แฮ็ป อาร์โนลด์ ให้ความเห็น หลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นโฆษกกรมการบิน ในการพิจารณาคดีของศาลทหารตลอดเจ็ดสัปดาห์ สปาตซ์กับ อาร์โนลด์น�ำอนาคตงานอาชีพในกองทัพเป็นเดิมพัน ให้ปากค�ำสนับสนุน มิตเชลล์ และ ไอรา อีเคอร์ ใช้ภูมิความรู้ด้านกฎหมาย ท�ำหน้าที่ทนาย แก้ตา่ งให้ ทัง้ สามชืน่ ชมบูชาผูบ้ งั คับการเย่อหยิง่ ผูน้ ี้ แม้จะปากกล้าไปนิด นายทหารคนอื่นๆ ในสายการบังคับบัญชา สนับสนุนแนวคิดเวหานุภาพ ของมิตเชลล์ เช่น ร้อยโท เจมส์ เอช. ดูลิตเติล รู้สึกว่าความกร่างของ มิตเชลล์ เป็นภัยต่อการผลักดันอุดมการณ์ “เหมือนเช่นคนคลั่งศาสนา เขาไม่ยอมทนความเห็นอื่นที่แตกต่างไปจากความคิดของตน” มิ ต เชลล์ ต ้ อ งค�ำพิ พ ากษาแสดงความเห็ น กระด้ า งกระเดื่ อ งในที่ สาธารณะ ถูกสั่งพักงานห้าปี แต่ไอเดียของเขาส�ำคัญยิ่งกว่าอาชีพทหาร 68 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


เขาลาออกจากกองทัพ สานต่อการต่อสูเ้ พือ่ ปลดแอกก�ำลังทางอากาศออก จากกองทัพบก และการรบในเชิงรุกของทัพฟ้า ในแวดวงอ�ำนาจ เขามี สาวก เช่น อาร์โนลด์ ‘ท�ำการรบเชิงไอเดีย’ ขับนายทหารรุ่นเด็กต่อกร กับกลุ่มอ�ำนาจเดิมในกระทรวงสงคราม อาร์ โ นลด์ กั บ คณะนายทหารหั ว แข็ ง ...มาเฟี ย นั ก ทิ้ ง ระเบิ ด ชื่ อ เรียกขานที่อ�ำนาจเดิมขนานนามให้ ผูกพันเกาะกลุ่มกันแน่นเหนียวด้วย ความชืน่ ชมบูชามิตเชลล์ และความรักบริสทุ ธิต์ อ่ การบิน พวกเขาเป็นนัก บุกเบิกทางอากาศ ผูส้ ร้างสถิตทิ างอากาศใหม่ครัง้ แล้วครัง้ เล่า สร้างความ ประทับใจต่อสาธารณชน เท่าเทียมกับข้อเขียนของมิตเชลล์ ชี้น�ำให้เห็น ศักยภาพของเครื่องบิน ในปี 1929 สปาตซ์กับอีเคอร์ และลูกเรือของ เครื่องบินสามเครื่องยนต์ เควสชัน มาร์ค เบิกยุคใหม่ของการเติมน�้ำมัน กลางอากาศ สร้างสถิติบินต่อเนื่องกว่า 150 ชั่วโมง เจ็ดปีให้หลัง ไอรา อีเคอร์ ใช้ผา้ ด�ำปิดคลุมกระจกห้องนักบิน บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ด้วยเครื่องวัดประกอบการบินเพียงอย่างเดียว ประสบการณ์บ่งชี้ว่าเขา เหมาะสมยิ่งต่อหน้าที่บังคับบัญชาการโจมตีทางอากาศในสงครามที่ใกล้ จะมาถึง ในยามที่เครื่องบินทิ้งระเบิดของเขาต้องบินฝ่าเข้าไปในพื้นที่ ลมฟ้าอากาศเลวร้ายที่สุดในโลก แฮ็ป อาร์โนลด์ ไม่ยอมให้นักบินหนุ่มสร้างชื่อฝ่ายเดียว ในปี 1934 อาร์โนลด์อายุสสี่ บิ หก น�ำฝูงบินเครือ่ งบินทิง้ ระเบิด 2 เครือ่ งยนต์ 10 ล�ำ บินรวดเดียวจากวอชิงตันไปอะแลสกา และบินกลับ ผลงานน่าอัศจรรย์ยงิ่ เพราะในยุคนัน้ ไม่มแี ผนทีก่ ารบินเหนือเทือกเขาขัว้ โลก ปีถดั มา เขาเลือ่ น ยศเป็นพลจัตวา ครองต�ำแหน่งผู้บัญชาการกองบินรบ กองบินทิ้งระเบิด ที่ 1 ทีม่ าร์ชฟิลด์, แคลิฟอร์เนีย ในระหว่างนัน้ แฮ็ป อาร์โนลด์ กับอีเคอร์ ผู้ ลงทะเบียนเรียนวิชาวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซาเธิร์นแคลิฟอร์เนีย ร่วมกันเขียนหนังสือสามเล่มว่าด้วยเวหานุภาพ ประทับตราอิทธิพลของ มิตเชลล์ เหมือนเช่นค�ำพยากรณ์ของหนังสือพิมพ์เมื่อครั้งที่มิตเชลล์ขึ้น ศาลทหาร “ลัทธิมิตเชลล์จะคงอยู่ หลังจากมิตเชลล์ลาจากไปแล้ว” นพดล เวชสวัสดิ์ 69


มาเฟียนักทิ้งระเบิด เมื่อบิลลี มิตเชลล์ เสียชีวิตในปี 1936 ผลงานของเขายังมีชีวิตสืบไปใน ค�ำบรรยายสอนของครูการบิน ศูนย์การบินเชิงยุทธวิธีที่แม็กซเวลล์ฟิลด์ เมืองมอนต์โกเมอรี, แอละแบมา นี่เป็นโรงเรียนมืออาชีพแห่งแรกของ นักบิน นักวางแผนการบินของโลก และกลายเป็นเบ้าหลอมของแนวคิด ใหม่ ว่าด้วยการทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ “เราไม่กังวลเรื่องการสู้รบใน สงครามครั้งที่ผ่านมา” พันโท แฮโรลด์ แอล. จอร์จ นักทฤษฎีทิ้งระเบิด ชั้นน�ำของโรงเรียนการบิน บรรยายพันธกิจของศูนย์ฯ ต่อศิษย์การบิน “เราเป็นกังวล...ต่อการเลือกใช้ก�ำลังทางอากาศในสงครามครั้งถัดไป” ในการติดต่อกับกระทรวงสงคราม ผู้บัญชาการทัพอากาศ จะพูดถึง เครื่องบินทิ้งระเบิดในแง่อาวุธเชิงตั้งรับ แต่ที่แม็กซเวลล์ฟิลด์ แนวคิด เชิงรุกยังด�ำรงอยู่ ลัทธิมติ เชลล์ทผี่ ดิ แผกแตกต่างออกไป พันโท จอร์จ และ คณาจารย์ ไม่ยอมรับแนวคิดของมิตเชลล์กับดูห์เอ็ตที่ว่า การทิ้งระเบิด มีผลกระทบต่อขวัญก�ำลังใจมากกว่าการผลิต ในขณะทีม่ ติ เชลล์กบั ดูหเ์ อ็ต เรียกร้องให้ท�ำลายศูนย์เศรษฐกิจของข้าศึก เป้าหมายเดียวที่ระบุแน่ชัด จะเป็นอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบิน อะไรเป็นจุดแข็งของโครงสร้าง พืน้ ฐานอุตสาหกรรมของประเทศ? จะท�ำลายได้อย่างไร? ผูม้ วี สิ ยั ทัศน์ทาง อากาศที่แม็กซเวลล์ฟิลด์เผชิญค�ำถามนี้ซึ่งหน้า ได้ค�ำตอบใหม่สด และ เป็นค�ำตอบแบบอเมริกันขนานแท้ : การทิ้งระเบิดอย่างแม่นย�ำในเวลา กลางวัน ค�ำตอบนี้ให้ก�ำเนิด ‘ปรัชญาการสงครามใหม่’ ก่อนที่กรมการบิน จะทดสอบสิ่งประดิษฐ์ใหม่เป็นการลับ นั่นก็คือ ศูนย์เล็งเป้านอร์เด็น อาวุธลับสุดยอดของอเมริกาก่อนโครงการแมนฮัตตัน พัฒนาขึ้นมาใน ปี 1931 ส�ำหรับเครื่องบินนาวี โดยวิศวกรดัตช์ คาร์ล แอล. นอร์เด็น 70 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ภรรยาของนอร์เด็นหยอกล้อว่า เขาเป็น ‘พ่อค้าความตาย’ แต่นอร์เด็น กล่าวอ้างว่า สิง่ ประดิษฐ์ของเขาช่วยชีวติ ผูค้ นมากหลายจากการทิง้ ระเบิด ที่แม่นย�ำ สองปีหลังจากนาวีทดสอบสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ กองทัพบกสั่งให้ ติดตั้งประจ�ำเครื่องบินยามฝั่ง ในท้ายที่สุด ทุ่มเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์ (65 เปอร์เซ็นต์ของโครงการแมนฮัตตัน) จัดซื้อศูนย์เล็งเป้านอร์เด็น 90,000 ชุด ในยามที่กองบินทิ้งระเบิดที่ 1 ของแฮ็ป อาร์โนลด์ ทดสอบ ในฟ้าโปร่งอากาศแห้งของทะเลทรายโมฮาวี ทุกคนต้องประหลาดใจที่ ระเบิดตกลงบนเป้าหมายอย่างแม่นย�ำ นี่คือ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่คณาจารย์ที่แม็กซเวลล์ฟิลด์ เฝ้ารอคอย อุปกรณ์รักษาเสถียรภาพด้วยไจโรสโกปของคาร์ล นอร์เด็น ค�ำนวณการเบี่ยงเบนและองศาการทิ้งระเบิด จะท�ำให้การทิ้งระเบิดจาก ระดับความสูงมาก ได้ผลทรงประสิทธิภาพและมีมนุษยธรรม เหตุผล สนับสนุนดังเซ็งแซ่ในปี 1935 ที่รู้จักศูนย์เล็งเป้านอร์เด็น แต่ปัญหายัง คงอยู่ กระทรวงสงครามมองศูนย์เล็งเป้านอร์เด็นว่าเป็นอาวุธเชิงป้องกัน ตั้งรับ ติดตั้งบนเครื่องบินทิ้งระเบิดยามฝั่ง ปกป้องกองทัพเรือหากมีการ บุกฐานทัพเรือ มาเฟียนักทิง้ ระเบิดมองอีกทาง มหานครต่างหากทีจ่ ะเป็น เป้ า หมายของการทิ้ ง ระเบิ ด อย่ า งจ�ำเพาะเจาะจง ท�ำลายแต่เฉพาะ จุดเศรษฐกิจส�ำคัญ เช่น โรงไฟฟ้า โรงกลั่นน�้ำมัน นี่เป็นการผละจาก แนวคิดของมิตเชลล์โดยสิ้นเชิง เนื่องเพราะมิตเชลล์เชื่อว่าการทิ้งระเบิด จะท�ำโดยสุ่ม ไม่จู้จี้เลือกเป้า “แนวคิดการเข่นฆ่าบุรษุ สตรี และทารก นับพันนับหมืน่ ยังความ สะอิดสะเอียนต่อขนบประเพณีอเมริกัน” พันตรี เฮย์วูด เอส. แฮนเซลล์ เขียนไว้ เขาเป็นหนึ่งในดาวสุกใสที่แม็กซเวลล์ฟิลด์ ในเวลาต่อมา เป็น นักวางกลยุทธ์ทงิ้ ระเบิดและผูบ้ ญ ั ชาการรบในสงคราม แฮนเซลล์เพิม่ เติม ว่า การเข่นฆ่าพลเรือนเป็นเป้าหมายเลวทางการทหาร ตรงข้ามกับความ เชื่อของดูห์เอ็ตและมิตเชลล์ พลเรือนทนทานไร้อารมณ์ อาจอพยพออก จากเมืองไปที่อื่น หรือลงไปซ่อนตัวในหลุมหลบภัย ในขณะที่โรงงาน นพดล เวชสวัสดิ์ 71


อุตสาหกรรมบอบบาง เคลื่อนที่ไม่ได้ และแทบไม่มีหนทางป้องกัน * นี่ เป็นการสงครามที่สอดรับกับสภาพจิตอเมริกัน “รวมเอาความเชื่อเชิง ศีลธรรม การมองโลกในแง่ดฝี งั รากยาวนานในประวัตศิ าสตร์ การบุกเบิก เชิงเทคโนโลยี สามเรือ่ งนีเ้ ป็นคุณลักษณะของคนอเมริกนั ” จอห์น คีแกน นักประวัติศาสตร์ เขียนไว้ ในเมื่อมีค�ำสั่งห้ามขาดจากกระทรวงสงคราม ไม่ให้ศึกษาภาวะ เศรษฐกิจของประเทศอื่น ป้องกันโดยเชิงงบประมาณ ไม่ให้ว่าจ้าง นักเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มนักทฤษฎีดาวรุ่งที่แม็กซเวลล์ฟิลด์ : โดนัลด์ วิลสัน, เคนเน็ธ วอล์กเกอร์, แฮโรลด์ จอร์จ, มัวร์ แฟร์ไชล์ด และเฮย์วดู แฮนเซลล์ ลงมือกระท�ำ ‘เศรษฐกิจศึกษา’ ของตน วิเคราะห์ ระบบอุตสาหกรรมอเมริกัน ซึ่งน�ำไปสู่การวางแผนการรบทางอากาศ มี ฐานจากระบบเครือข่ายอุตสาหกรรม ยุทธศาสตร์ที่จะมีโอกาสได้น�ำมา ปรับใช้ในภายหลังโดยคณะเสนาธิการช่วงสงครามของแฮ็ป อาร์โนลด์ รัฐอุตสาหกรรมยุคใหม่ คณะศึกษาตัง้ ทฤษฎีไว้ เสีย่ งต่อการถูกโจมตี ทางอากาศ เพราะเศรษฐกิจของประเทศต่อเชื่อมเป็นเครือข่ายบอบบาง ถักทอกันเหมือนใยแมงมุม การทัพทิ้งระเบิดแม่นย�ำต่อเนื่องไม่ขาดสาย ต้องการเพียงแค่ถล่มท�ำลายอุตสาหกรรมการผลิต หรือการขนส่งวัตถุดิบ ที่อุตสาหกรรมอื่นจ�ำเป็นต้องใช้ ท�ำลาย ‘คอขวด’ ของข้าศึก ไม่ว่าจะ เป็นเหล็กกล้า โรงไฟฟ้า ตลับลูกปืน น�้ำมัน และอุตสาหกรรมรถไฟ... เศรษฐกิจสงครามทั้งมวลจะล่มสลาย ท�ำให้การต้านสู้ทางทหารไม่อาจ กระท�ำได้ ญี่ปุ่นและเยอรมนี คาดว่าจะเป็นศัตรูของอเมริกาในสงครามครั้ง ถัดไป ดังนัน้ นับว่ามีความส�ำคัญยิง่ (มาเฟียนักทิง้ ระเบิดยืนยัน) ต้องหา ฐานทีม่ นั่ ในประเทศพันธมิตร เช่น จีนหรืออังกฤษ จากทีน่ นั่ ส่งเครือ่ งบิน * เมือ่ ถึงปี 1943 อุตสาหกรรมเยอรมันปรับเปลีย่ นให้ยดื หยุน่ เคลือ่ นทีไ่ ด้ และมีการป้องกัน อย่างหนาแน่น 72 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ออกไปท�ำการปฏิบตั กิ ารทิง้ ระเบิดทางยุทธศาสตร์ การปฏิบตั กิ ารนีจ้ ะเริม่ ต้นในช่วงเดือนแรกๆ ของสงคราม และเพิ่มก�ำลังพลให้เต็มอัตราศึกใน ห้วงเวลาสองปี ช่วงเวลาที่ต้องพึ่งพาอ�ำนาจการผลิตมโหฬารของอเมริกา ต้นปี 1935 ไม่มีเครื่องบิน ไม่มีสงคราม ที่จะทดสอบวิสัยทัศน์และการ คาดประมาณ กรมการบินได้เครือ่ งบินทิง้ ระเบิดในปีนนั้ ในอีกหกปีตอ่ มา มาเฟียนักทิ้งระเบิดได้สงคราม ในปี 1927 นายพล ดูห์เอ็ต เขียนไว้ว่า “เครื่องบินรบแท้จริง จะ ต้องข่มขวัญข้าศึก เครือ่ งบินเช่นว่านัน้ ยังไม่มกี ารประดิษฐ์มาใช้งาน และ ไม่นา่ จะผลิตมาให้เห็นในระยะเวลาอันใกล้” ในทศวรษ 1930 กรมการบิน พิสจู น์วา่ ค�ำกล่าวนัน้ ผิดพลาด บรรษัท โบอิง้ เมืองซีแอตเติล มลรัฐวอชิงตัน ท�ำสัญญาต่อกองทัพบก เริ่มโครงการที่ไม่มีวิศวกรการบินคนไหนเชื่อว่า จะเป็นไปได้...พัฒนาเครื่องบินปีกชั้นเดียว โลหะทั้งล�ำ ขนาดใหญ่และ บินได้เร็ว เครื่องบินที่จะพิสูจน์ว่ าขนาดมหึมาไม่จ�ำเป็นต้องแลกกับ ประสิทธิภาพเชิงอากาศพลศาสตร์ โบอิ้งตอบรับ โดยเสนอป้อมบิน B-17 (โมเดล 299) เครื่องบินทิ้งระเบิดอเมริกันก่อนหน้านั้นมีเพียงสอง เครือ่ งยนต์ แต่เครือ่ งบินต้นแบบปี 1935 มีเครือ่ งยนต์สบู ดาว (สูบเป็นวง รอบเพลา) 750 แรงม้า 4 เครือ่ ง ซึง่ ท�ำให้บนิ เร็วกว่าเครือ่ งบินขับไล่อเมริกนั ทุกรุ่นที่มีใช้อยู่ รุ่นผลิตจริง B-17G เปิดตัวเข้าสงครามในปี 1943 มี เครื่องยนต์ 1,200 แรงม้า 4 เครื่องยนต์ บรรทุกระเบิด 4,000 ปอนด์ บินพร้อมน�้ำหนักบรรทุกเต็มพิกัดได้ 150-250 ไมล์ต่อชั่วโมงที่ระดับ ความสูง 25,000 ฟุต พิสยั ท�ำการ 650-800 ไมล์ ขึน้ อยูก่ บั น�ำ้ หนักบรรทุก เครือ่ งบินแสนสวย บ่งบอกพลังและการเคลือ่ นที่ มาดคุกคามน่าเกรงขาม บนพื้นดิน และสวยสง่าเมื่อบินท่องกลางฟ้า ต้นปี 1937 ป้อมบินสีเงินฝูงแรกมาถึงหน่วยฝึกนายทหารทิ้งระเบิด ที่แลงลีย์ ฟิลด์, เวอร์จิเนีย ไม่ไกลจากเมืองหลวงนัก หนึ่งปีหลังจากที่ แฮ็ป อาร์โนลด์ คืนสู่วอชิงตันดีซี รับหน้าที่ผู้ช่วยผู้บังคับการกรมการบิน คนยืดหยุ่น เสาะหาการปรองดองมากกว่าจะผลักดันอุดมการณ์ใด ห้วง นพดล เวชสวัสดิ์ 73


เวลาที่กราดเกรี้ยวร่วมกับบิลลี มิตเชลล์ สอนให้เขาพูดจาภาษาทูตกับ กระทรวงสงคราม เขาสานสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา ได้การเกื้อหนุน ให้มารับต�ำแหน่งปัจจุบัน ขึ้นบินครั้งแรกในป้อมบิน B-17 เขาหลงรัก ยักษ์ใหญ่สเี งินในทันที ไม่เหมือนกับ ‘วิทยาการนามธรรมในศูนย์การบิน เชิงยุทธวิธี’ นี่คือ ‘เวหานุภาพที่จับต้องได้’ การเสริมแต่งเพื่อการรบ มี การติดตัง้ ปืนกลหนักบราวนิง .50 คาลิเบอร์ จ�ำนวน 13 กระบอก แปด กระบอกอยู่ในกระเปาะหมุนได้รอบตัว เครื่องจักรสงครามน่าสะพรึงกลัว หลังการติดตัง้ ศูนย์เล็งเป้านอร์เด็น และเพิม่ ระบบการบินอัตโนมัติ ซึง่ ได้ รับการพัฒนาขึ้นมาในทศวรรษ 1930 ป้อมบินให้น�้ำหนักต่อแนวคิดของ มาเฟียนักทิ้งระเบิด ขอเพียงแค่โน้มน้าวกระทรวงสงครามให้น�ำไปใช้ใน เชิงรุก ไม่เพียงแค่ปกป้องน่านฟ้าและน่านน�้ำสหรัฐฯ ให้ได้เท่านั้น การเปิดตัว ป้อมบิน B-17 ยืนยันแนวคิดป้อมบินประจัญบาน ปราการกลางฟ้าที่ไม่อาจเจาะท�ำลายได้ของนายพล ดูห์เอ็ต แต่จะเกิด อะไรขึ้นถ้าข้าศึกพัฒนาระบบป้องกันภัยทางอากาศ ถึงระดับที่ก่อความ เสียหายอย่างหนักให้เครื่องบินทิ้งระเบิดที่ไม่มีเครื่องบินขับไล่คุ้มกัน? ท�ำไมกรมการบินไม่ผลักดันการพัฒนาเครื่องบินขับไล่คุ้มกันระยะไกล? เหตุผลเดียวคือ ความล้มเหลวของจินตนาการ มาเฟียนักทิ้งระเบิดไม่ ทราบล่วงหน้าในเรือ่ งการใช้งานเรดาร์ ซึง่ ในช่วงนัน้ มีแปดประเทศพัฒนา เรดาร์ รวมทัง้ สหรัฐฯ ในฐานะเครือ่ งมือเตือนภัยล่วงหน้าต่อการโจมตีทาง อากาศ เรดาร์จะน�ำมาใช้ทางทหารอย่างแพร่หลายในอีกไม่นาน แนวคิด ต่อเครื่องบินขับไล่คุ้มกันเป็นดังนี้ : ในเมื่อมีท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล จะ ไม่มีทางตรวจพบเครื่องบินทิ้งระเบิดจนกว่าจะบินถึงเป้าหมาย และเมื่อ ถึงเป้าหมาย เครื่องบินทิ้งระเบิดบินสูงเกินระยะท�ำการของ ปตอ. และ หมู่บินทิ้งระเบิดซึ่งบินคุ้มกันซึ่งกันและกัน ไม่มีทางที่เครื่องบินขับไล่ ของข้าศึกจะเจาะเข้ามาได้ “การโจมตีทางอากาศที่วางแผนไว้อย่างดี ปฏิบัติการดี เมื่อบินขึ้นจากพื้นแล้ว จะไม่มีทางหยุดยั้งได้” เคนเน็ธ วอล์กเกอร์ จากศูนย์การบินเชิงยุทธวิธีเขียนไว้ แต่แฮนเซลล์ มองโลก 74 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ในความเป็นจริง อย่างน้อยก็ยอมรับความเป็นไปได้ว่า ระบบป้องกันภัย ทางอากาศของข้าศึก อาจรับมือกับการโจมตีของเครื่องบินทิ้งระเบิดได้ หากเกิดเรือ่ งเช่นนัน้ ระบบป้องกันภัยทางอากาศของข้าศึก จะถูกท�ำลายลง ได้ โดยการรบกลางฟ้า โดยการท�ำลายฐานบินข้าศึก โรงงานผลิตเครือ่ งบิน และแหล่ ง น�้ ำ มั น เชื้ อ เพลิ ง เครื่ อ งบิ น นั่ น ก็ ห มายถึ ง การถล่ ม ท�ำลาย ลุฟต์วาเฟอ ท�ำลายกองทัพอากาศข้าศึก โดยเครือ่ งบินทิง้ ระเบิดเป็นผูร้ บั ภาระ “เสาะหาการบัน่ ทอนให้ออ่ นล้าผ่านการรบทางอากาศ” ในสนามรบ กลางฟ้าเหนือเยอรมนี ป้อมบินจ�ำเป็นต้องประกาศศักดาให้สมกับชื่อ ผู้นิยมการทิ้งระเบิดไม่เห็นพ้องกับการพัฒนาเครื่องบินขับไล่คุ้มกัน ระยะไกล ในเมื่อ B-17 บินเร็วว่าเครื่องบินขับไล่ทุกรุ่นที่ประจ�ำการใน กองทัพในปี 1935 การติดถังน�้ำมันส�ำรอง เพื่อการบินคุ้มกันระยะไกล จะลดความเร็วและความคล่องแคล่วของเครือ่ งบินขับไล่ จนไม่อาจตามทัน เครือ่ งบินทิง้ ระเบิด ต้องป้องกันตัวเองจากเครือ่ งบินขับไล่เบาและเร็วกว่า ของข้าศึก การพัฒนาเครื่องบินขับไล่บินเร็วพิสัยท�ำการไกลเท่าเครื่องบิน ทิง้ ระเบิด มองว่าเป็น ‘ความเป็นไปไม่ได้เชิงวิศวกรรม’ นายพล ลอเรนซ์ เอส. คูเทอร์ ให้สมั ภาษณ์ภายหลังสงคราม “เราปิดความคิดเรือ่ งเครือ่ งบิน ขับไล่คุ้มกันพิสัยไกล ไม่มีอะไรหยุดยั้งเครื่องบินทิ้งระเบิดได้ เครื่องบิน ทิ้งระเบิดเป็นอมตะ” เงินเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ในเมื่อรัฐสภาและกระทรวงสงครามเต็มใจ จะสั่ง B-17 เพียงแค่ 13 ล�ำ การผลักดันเครื่องบินขับไล่ น่าจะเป็นการ ปัดแข้งปัดขา “ข้ออ้างที่จะตัดตอนเครื่องบินทิ้งระเบิด” ตามค�ำกล่าว ของพันตรี โดนัลด์ วิลสัน หากนักทฤษฎีเวหานุภาพ เช่น คูเทอร์และวิลสัน ศึกษาประวัตชิ วี ติ ของมิตเชลล์อย่างถ่องแท้ ก็น่าจะมองเห็นบทบาทของเครื่องบินขับไล่ ในการสงครามทิ้งระเบิด ไม่เพียงแค่คุ้มกัน แต่ยังท�ำหน้าที่เสาะหาและ ท�ำลาย ในสงครามโลกครั้งที่ 1 มิตเชลล์และผู้น�ำทัพอากาศคนอื่นๆ ที่ แนวหน้า ตระหนักแล้วว่า ไม่มีปฏิบัติการทางอากาศใดๆ ไม่ว่าจะเป็น นพดล เวชสวัสดิ์ 75


เชิงยุทธวิธี ยุทธศาสตร์ หรือลาดตระเวน จะกระท�ำได้...หากไม่ได้เป็นผู้ ครองฟ้า “ส�ำหรับมิตเชลล์ ภารกิจแรกสุดทีก่ �ำลังทางอากาศต้องปฏิบตั ”ิ นักประวัติศาสตร์ วิลเลียมสัน เมอร์เรย์ ชี้ให้เห็น “...จะเป็นการท�ำลาย ก�ำลังทางอากาศของข้าศึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องบินขับไล่ ท�ำลาย จนไม่เหลือแม้แต่ล�ำเดียว เมื่อบรรลุเป้าหมายนั้นแล้ว จึงจะหันไปหาเป้า หมายอืน่ ได้ ดังนัน้ เครือ่ งบินขับไล่ขา้ ศึกถือเป็นเป้าหมายส�ำคัญอย่างยิง่ ” ในสายตาของมิตเชลล์ การจัดก�ำลังทางอากาศให้ได้สมดุล จะต้องมีเครือ่ ง บินขับไล่อย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ การครองอากาศโดยเครือ่ งบินขับไล่ จ�ำเป็นต้องท�ำให้ได้กอ่ น จึงจะ ได้มาซึง่ ความส�ำเร็จจากการทิง้ ระเบิดเชิงรุก ในสมรภูมยิ โุ รปทีใ่ กล้จะมาถึง ผู้บัญชาการรบทางอากาศอเมริกัน ใช้เวลาปีเศษ และการสูญเสียแทบ ล่มสลาย เพื่อซับซาบบทเรียนนี้ แต่มาเฟียนักทิ้งระเบิดสร้างผลงานได้ ดียงิ่ ในปลายทศวรรษ 1930 กระตุน้ ให้มกี ารพัฒนาเรือ่ งหนึง่ ทีท่ งั้ มิตเชลล์ และดูหเ์ อ็ตมองข้ามไป...นัน่ คือ การจับมือของทหารกับอุตสาหกรรม ผลิต เครื่องบินรบจ�ำนวนมหาศาล

เครื่องบินแผ่เต็มฟ้า ฤดูรอ้ นปี 1937 ทัพอากาศดิน้ รนสุดฤทธิ์ เสาะหาทุนเพิม่ จ�ำนวน B-17 ใน ช่วงนัน้ มีเพียง 7 ล�ำ จอดบนรันเวย์ของแลงลียฟ์ ลิ ด์ ภายใต้การบัญชาการ ของคาร์ล สปาตซ์ จากนั้นหนึ่งปี ‘มิวนิก’ เปลี่ยนทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิง หลังจากฮิตเลอร์ผนวกออสเตรีย เรียกร้องจังหวัดซูเดเท็นลันด์ที่มี คนเชือ้ ชาติเยอรมันจากเชโกสโลวาเกีย ในการประชุมมิวนิก วันที่ 29-30 กันยายน 1938 อังกฤษและฝรั่งเศสหันหลังให้เชโกสโลวาเกีย ปล่อยให้ เผชิญชะตากรรมตามล�ำพัง “(ฉันน�ำมามอบให้ทา่ น) สันติภาพทีม่ เี กียรติ” นายกรัฐมนตรี เนวิลล์ เชมเบอร์เลน เปล่งวาทะอมตะ เดินทางกลับ 76 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


ลอนดอนหลังจากจูบบั้นท้ายฮิตเลอร์ “ฉันเชื่อว่าจะเป็นสันติภาพยืนยง สถาพรในยุคของพวกเรา” ไม่ถึงสองเดือนหลังจากนั้น ประธานาธิบดี แฟรงคลิน โรสเวลต์ อดีตนายทหารนาวีสหรัฐฯ สั่งการให้เพิ่มการผลิตเครื่องบินทุกประเภท ส�ำหรับการใช้งานในสหรัฐฯ และส่งออกไปให้องั กฤษและฝรัง่ เศสทีต่ กอยู่ ในภัยคุกคาม มีเพียงเครือ่ งบินทิง้ ระเบิดหลายพันหลายหมืน่ ล�ำเท่านัน้ ทีจ่ ะ สร้างความประทับใจให้ฮติ เลอร์ และปกป้องคุม้ ครองชายฝัง่ ทะเลอเมริกา กับดินแดนยุทธศาสตร์ทงั้ หลาย รวมทัง้ คลองปานามาและฟิลปิ ปินส์ จาก การโจมตีทางอากาศและทางทะเลจากญีป่ นุ่ และปกป้องฐานทัพในดินแดน ตะวันตกที่เยอรมนีจะมายึดครองในอนาคต หลังความพ่ายแพ้จากการ ประชุมมิวนิก โรสเวลต์แน่ใจว่า “เราจะใกล้จะเข้าสู่สงครามอีกครั้ง” แฮร์รี ฮ็อปกินส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ และหัวหน้าคณะที่ปรึกษา ของโรสเวลต์กล่าวไว้ “...ก�ำลังทางอากาศจะช่วยให้เราชนะสงคราม” แต่ โรสเวลต์กเ็ หมือนเช่นคนอเมริกนั ส่วนใหญ่ ยืนยันว่าสงครามทางอากาศจะ ต้องก�ำกับด้วยศีลธรรม ในท้ายที่สุด เมื่อเกิดสงครามในยุโรปในปี 1939 เขาร้องขอต่อทั้งสองฝ่าย “อย่าได้ทิ้งระเบิดอย่างเหี้ยมโหดต่อพลเรือนใน มหานครประชากรหนาแน่นที่ไม่มีการป้องกัน” เชอร์ชิลเห็นพ้อง เช่น เดียวกับฮิตเลอร์ซ่อนเล่ห์ แสร้งท�ำเป็นเห็นพ้อง แม้ว่าลุฟต์วาเฟอใกล้จะ ขึ้นบิน น�ำระเบิดไปทิ้งลงกลางวอร์ซอ เมืองหลวงของโปแลนด์

ในเดือนวิกฤตมิวนิก แฮ็ป อาร์โนลด์ เป็นผูบ้ งั คับการกรมการบินทหารบก แต่งตั้งสปาตซ์กับอีเคอร์ขึ้นมาด�ำรงต�ำแหน่งระดับสูงในทันที ทั้งสามได้ ชัยชนะใน ‘สงครามท�ำเนียบขาว’ บอกคณะเสนาธิการว่า จ�ำเป็นต้อง เผด็จศึกของการผลิตให้จงได้ อาร์โนลด์ตะลุยเข้าไปในศึกนี้ด้วยความ มุง่ มัน่ และจินตนาการสุกปลัง่ เขาเป็นผูน้ �ำชัน้ ดี “ในแง่การจุดแรงบันดาล นพดล เวชสวัสดิ์ 77


ใจ” ความเห็นของรอเบิร์ต เอ. โลเว็ตต์ นักการเงินจากวอลล์สตรีต ผู้มาด�ำรงต�ำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสงครามด้านทัพอากาศ “คึกคัก กระตือรือร้นเหมือนเด็กหนุ่ม” ภาษิตประจ�ำใจสลักไว้บนแผ่นไม้บนโต๊ะ ท�ำงาน “เรือ่ งยาก จัดการในวันนี้ เรือ่ งทีเ่ ป็นไปไม่ได้ ใช้เวลานานกว่านีอ้ กี หน่อย” เขาบอกคนรอบข้างว่าเขาเรียนรู้เรื่องนี้จากสองพี่น้องตระกูลไรต์ อาร์โนลด์ นักการทูตหน้าตายิ้มแย้มในยามพูดคุยกับผู้บังคับบัญชา แต่เย็นชาเหี้ยมเกรียมต่อลูกน้อง คนจริงจัง ‘ไร้เมตตาต่อความล้มเหลว’ เหมือนบิดา, นายแพทย์จากเมืองอาร์ดมอร์, เพนซิลเวเนีย อาร์โนลด์ เลื่องชื่อในการหักหน้าด่าทอผู้คนให้ไร้ค่า ในการประชุมคณะเสนาธิการ สตีฟ เฟอร์สนั นายทหารระดับล่าง ใบหน้าแดงก�ำ่ เหงือ่ โซมหน้า ในขณะ ที่อาร์โนลด์ตะคอกใส่หน้า เฟอร์สันยกมือกุมอก ขาดใจตายด้วยอาการ หัวใจวาย ล้มคว�่ำบนพื้นพรมหน้าโต๊ะท�ำงานของนายพล หลังจากทหาร หามศพออกไปแล้ว อาร์โนลด์บอกให้ทุกคนกลับบ้านส�ำหรับวันนั้น แต่ เขานัง่ ท�ำงานต่อตามล�ำพัง “พวกเราเกือบทุกคน” ลอเรนซ์ คูเทอร์ กล่าว “กลับไปนั่งท�ำงานที่โต๊ะ” อาร์โนลด์มอี าหารหัวใจวายห้าครัง้ ครัง้ ท้ายสุดคร่าชีวติ นายทหาร ในกองบัญชาการบางนาย เรียกเจ้านายคิดไวท�ำไวว่า ‘ผูค้ มุ ทาส’ แต่ผคู้ น ใกล้ชดิ เข้าใจความจ�ำเป็นเร่งด่วน คูเทอร์กล่าวไว้วา่ “ทัพอากาศสร้างขึน้ มาเร่งด่วน เพื่อยับยั้งภัยพิบัติในยุโรปและเอเชีย ในฐานะผู้น�ำ ไม่มีใคร ท�ำงานภายใต้แรงกดดันได้เท่าเขา เขาต้องเปิดหน้ารับค�ำสั่งข้อเรียกร้อง ทั้งปวง จากประธานาธิบดี จากแฮร์รี ฮ็อปกินส์ และจากเจ้าหน้าที่ ท�ำเนียบขาว รวมถึงผู้ยิ่งใหญ่จากหน่วยงานอื่นๆ” หากต้องการชัยชนะในสนามรบเช่นนี้ อาร์โนลด์ผูกมิตรสิบทิศ ใน แวดวงธุรกิจ ชุมชนนักวิทยาศาสตร์ ในฮอลลีวูด ในรัฐสภา และใน ท�ำเนียบขาว เพื่อนเก่าของเขา นายพล จอร์จ ซี. มาร์แชล เป็นผู้ดูแล โครงการสร้างกองทัพบกใหม่ให้ยิ่งใหญ่พอจะรับมือภัยคุกคามจากฝ่าย อักษะ และพอจะท�ำให้เขาใจชืน้ เมือ่ มีคาร์ล สปาตซ์ เป็นมือขวาและเป็น 78 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


เสนาธิการ สปาตซ์เกิดและเติบโตในเมืองบอยเยอร์ทาวน์, เพนซิลเวเนีย ไม่ ไ กลจากบ้ า นเกิ ด ของอาร์ โ นลด์ แม้ ทั้ ง สองจะเป็ น เพื่ อ นสนิ ท กั น ชัว่ ชีวติ แต่ลกั ษณะนิสยั ขัว้ ตรงข้ามกัน พลโท เอลวูด อาร์. ‘พีต’ เควซาดา ลูกน้องของคนทัง้ สองในสงครามโลกครัง้ ที่ 2 เปรียบเทียบให้เห็น “สปาตซ์ เป็นคนช่างคิดและนักวางแผน ไม่เคยพัวพันเรื่องยุ่งยาก ตรงข้ามกับ อาร์โนลด์ คนลงมือกระท�ำ พยายามหาแง่มมุ ใหม่เสมอ และคิดโครงการ ใหม่ได้ทกุ วัน สปาตซ์เป็นคนเงียบขรึมสุขมุ คิดลึก ในขณะทีอ่ าร์โนลด์ คน เดือดง่ายโผงผาง ซึ่งนั่นท�ำให้เขาเป็นเจ้านายชั้นดี หากไม่มีเขา เราก็คง ไม่มที พั อากาศ” แต่ถ้าไม่มสี ปาตซ์ถว่ งให้ได้สมดุล อาร์โนลด์กค็ งมาไม่ได้ ไกลขนาดนี้ “สปาตซ์เข้ากับผูค้ นได้งา่ ยกว่าอาร์โนลด์” สปาตซ์นอบน้อม ถ่อมตน “แผ่ความเชื่อมั่นออกมารอบข้าง เพราะเขาเยือกเย็นมั่นคงยิ่ง” สปาตซ์ชื่นชอบโป๊กเกอร์ บริดจ์ ซิการ์คิวบา และวิสกี้เคนตักกี ในงานปาร์ตี้ที่บ้านของอาร์โนลด์ เขาจะลากกีตาร์ออกมา เล่นเพลง สองแง่สามง่ามไม่รู้จบ เล่นเสร็จ จะไปนั่งตามล�ำพัง สูบซิการ์ “ผมไม่ เคยเรียนรู้อะไร ในยามที่เปิดปากพูด” เขาบอกคนรอบข้าง เควซาดา เล่าต่อ “อาร์โนลด์กบั สปาตซ์นยิ มชืน่ ชอบอีกฝ่าย ทันกัน และเล่นเป็นทีม เข้าขากัน แม้ว่าอาร์โนลด์จะขยายความขีดความสามารถของก�ำลัง ทางอากาศเกินจริง สปาตซ์ไม่เคยพูดอะไรเกินจริง” ข้อแตกต่างชัดที่สุด “สปาตซ์ฉลาดแต่ไม่ตัดสินใจ ส่วนอาร์โนลด์ตัดสินใจแต่ไม่ฉลาด” ในปี 1938 ทัพอากาศ “มีแพลน (แผน) แต่ไม่มีเพลน (เครื่องบิน)” ในเดือนพฤษภาคม 1940 ฝรั่งเศสใกล้จะตกอยู่ในมือนาซี โรสเวลต์ เรียกร้องให้ผลิตเครื่องบินปีละ 50,000 ล�ำ กระตุ้นให้อุตสาหกรรมผลิต เครื่องบิน เพิ่มยอดจาก 2,000 ล�ำต่อปี เป็น 4,000 ล�ำต่อเดือน รัฐสภา อนุมัติงบประมาณให้เร็วด่วน ในค�ำกล่าวของอาร์โนลด์ “ในเวลาแค่ สี่สิบห้านาที ผมได้รับเงินทุน 1,500,000,000 ดอลลาร์ และค�ำสั่ง ก�ำชับให้สร้างทัพอากาศขึ้นมา” ในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงวิกฤตมิวนิก ทัพอากาศอเมริกันมีเครื่องบินรบ 1,200 ล�ำ นายทหารและก�ำลังพล นพดล เวชสวัสดิ์ 79


22,700 นาย อยู่ในอันดับที่ยี่สิบของโลก เมื่อถึงเดือนธันวาคม 1941 มี นายทหารและก�ำลังพล 340,000 นาย กับเครื่องบินรบ 3,000 ล�ำ ใหม่ ล่าสุดจะเป็น B-24 ลิเบอเรเตอร์ บินได้เร็วกว่า ไกลกว่า และบรรทุก ระเบิดได้มากกว่า B-17 ซึ่งงดงามและบังคับควบคุมได้คล่องแคล่ว เมื่อ ถึงปี 1944 การผลิตเป็นเลิศ การศึกษาเป็นเลิศ ส่งให้สหรัฐอเมริกามี ทัพอากาศยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เครื่องบินรบ 80,000 ล�ำ นักบินและพล สนับสนุน 2.4 ล้านนาย ถือเป็น 31 เปอร์เซ็นต์ของกองทัพบก กองก�ำลัง ขนาดใหญ่กว่ากองก�ำลังทหารอเมริกันที่นายพล เพอร์ชิง เคยบัญชาการ ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และเมื่อถึงเดือนมีนาคม 1944 โรงงานอเมริกัน ผลิตเครื่องบินรบ 9,000 ล�ำต่อเดือน มากกว่าค�ำร้องขอของโรสเวลต์ใน ปี 1940 ถึงเท่าตัว การคาดประมาณทีถ่ อื ว่า ‘เป็นไปไม่ได้อย่างยิง่ ’ จาก มุมมองของทั้งฝ่ายฮิตเลอร์และคณะที่ปรึกษาของท�ำเนียบขาว ผู้เขียน ชีวประวัติของอาร์โนลด์บันทึกไว้ “ไม่เคยมีมาก่อน และจะไม่มีอีกแล้ว ที่เครื่องจักรทหาร ทั้งขนาดมหึมา และเทคโนโลยีซับซ้อน จะผลิต ออกมาในห้วงระยะเวลาอันสั้น” ผลงานที่ได้จากการร่วมมือใกล้ชิดของ วงการธุรกิจกับรัฐบาล ซึ่งไม่มีทางเกิดขึ้นในรัฐทหารนาซี โลเว็ตต์กล่าว ไว้วา่ “อาร์โนลด์ให้ความเป็นผูน้ �ำ เพลิงโชติชว่ ง และแรงขับทัง้ มวลทีอ่ ยู่ เบื้องหลัง” แต่ก�ำลังการผลิต ไม่เร็วพอที่จะสร้ างกองบินทิ้งระเบิด ขนาดใหญ่ได้ทนั ปี 1942 การเร่งการผลิตระหว่างปี 1938-1942 หลีกเลีย่ ง ไม่ได้ที่จะลดคุณภาพทั้งการผลิตและมาตรฐานการฝึก ส่งผลใหญ่หลวง ต่อผลการท�ำงานของลูกเรือและเครื่องบินในปีแรกของปฏิบัติการรบ วันที่ 20 มิถุนายน 1941 รัฐมนตรีกระทรวงสงคราม เฮนรี แอล. สติมสัน ลงนามก่อตัง้ ทัพอากาศ สังกัดกองทัพบกอย่างเป็นทางการ และ อาร์โนลด์ ด�ำรงต�ำแหน่งเสนาธิการทหารอากาศ และเสนาธิการร่วม อังกฤษ-อเมริกัน ทัพอากาศเป็นอิสระไม่ขึ้นตรงต่อกองก�ำลังภาคพื้นดิน และได้อ�ำนาจเต็มจากประธานาธิบดีในการเขียนพิมพ์เขียวการผลิตส�ำหรับ สงครามที่ใกล้จะมาถึง ในเดือนสิงหาคม 1941 ในช่วงเร่งด่วนเก้าวัน 80 ปาฏิหาริย์แห่งดังเคิร์ก


อดีตครูการบินที่แม็กซเวลล์ ฟิลด์ : แฮโรลด์ จอร์จ, เคนเน็ธ วอล์ก เกอร์, ลอเรนซ์ คูเทอร์ กับเฮย์วูด แฮนเซลล์ ร่างแผนกองพลรบทาง อากาศ-1 “มองในแง่ไหน ก็เหมือนเลกเชอร์ศูนย์การบินเชิงยุทธวิธี” พยากรณ์ได้อย่างแม่นย�ำว่าต้องใช้เครื่องบินและก�ำลังพลเท่าใดในการ ท�ำสงครามทางอากาศต่อเยอรมนี และไปไกลว่านัน้ ถึงขัน้ ตรา ‘พันธกิจ’ ทัพอากาศในสงคราม : “ปฏิบัติการรุกรบทางอากาศ ไม่หยุดหย่อน ไม่ ว่างเว้น ต่อเยอรมนีและอิตาลี เพื่อท�ำลายความมุ่งมั่นและขีดความ สามารถในการท�ำศึก ท�ำให้การบุกภาคพื้นดินไร้ความจ�ำเป็น หรือไม่ สูญเสียมากเกินไป” แน่อยู่แล้ว แฮโรลด์ จอร์จ กับคณะวางแผน ไม่ให้ ความส�ำคัญต่อเครื่องบินขับไล่คุ้มกันพิสัยไกล และยังเลือกผิดประเภท ใช้ป้อมบินขนาดใหญ่เทอะทะอุ้ยอ้ายที่ไม่บรรทุกระเบิด ท�ำหน้าที่คุ้มกัน เมื่ อ มาร์ แชลกั บ สติ ม สั น ให้ ก ารรั บ รองแผนการยุ ท ธ์ ท างอากาศ ทัพอากาศสหรัฐฯ ได้การยอมรับอย่างเป็นทางการในภารกิจทิ้งระเบิด ยุทธศาสตร์ สมความปรารถนาของอาร์โนลด์ เขาได้ ‘แม็กนา คาร์ตา’ แล้ว (รัฐธรรมนูญสูงสุดของอังกฤษ) อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหารอท่าอยู่ข้างหน้า นักวางแผนทัพอากาศ วางกลยุทธ์เผด็จศึกจากข้อมูลการฝึกทิง้ ระเบิดในวันฟ้าใส ทีร่ ะดับความสูง ต�ำ่ และไม่มแี ม้การจ�ำลองการต่อต้าน ในหนังสือ Command Decision นวนิยายหลังสงคราม เรือ่ งราวของกองก�ำลังทางอากาศที่ 8 โดยวิลเลียม วิสเตอร์ ผูท้ เี่ คยสังกัดคณะเสนาธิการ เขียนถึงการฝึกทิง้ ระเบิด ดัง่ ทีว่ าด หวังไว้ในปี 1941 “แทบยุติสงครามที่ไม่ต่างไปจากหมอพูดกันเรื่องการ เสาะหาชีวติ อมตะ” ดีทสี่ ดุ เท่าทีจ่ ะเป็นได้ เป็นได้แค่การรักษาตามอาการ เลวร้ายยิ่งกว่านั้น กลายเป็นหลักเกณฑ์ไร้พิสูจน์ ค�ำสอนสั่งที่ไม่ผ่าน การพิสูจน์ แนวคิดที่เชื่อถือโดยปราศจากข้อสงสัย น�ำมาซึ่งการสูญเสีย พลรบและเครื่องบินในช่วงปีครึ่งแรกของปฏิบัติการเหนืออาณาจักรไรช์ ที่นั่น พลรบทิ้งระเบิดอเมริกันได้ประสบการณ์การสงครามทางอากาศที่ มาเฟียนักทิ้งระเบิดมองไม่เห็นมาก่อน นพดล เวชสวัสดิ์ 81


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.