ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์

Page 1


คำ�นำ� เยเลนา รเชฟสกายา สาวอักษรชาวมอสโก เหมือนคนหนุ่มสาวมอสโก ในยุคนั้น มิได้หื่นสงคราม แต่อยากออกแนวหน้าเพื่อปกป้องชาติให้พ้น จากผู้รุกราน (สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เยอรมันรุกรานโซเวียต คนโซเวียต เรียกว่า สงครามรักชาติยิ่งใหญ่) เธอท�ำงานในโรงงานยุทธภัณฑ์ ใช้ เวลาว่าง เรียนวิชาพยาบาล เผื่อจะได้ไปรักษาพยาบาลทหารที่ได้รับ บาดเจ็บในแนวหน้า แต่แล้ว เธอทราบข่าวว่ากองทัพขาดแคลนล่าม เธอสมัครเข้าเรียน หลักสูตรล่าม ใช้เวลาเรียนเพียงเดือนครึ่ง เธอสังกัดช็อกอาร์มีที่ 3 เดินทางออกไปยังแนวหน้า บรรยายสิ่งที่พบเห็นในสายตาของสาวอักษร ประทับใจไปกับความ ทรหดของแม่บ้านที่ตกอยู่กลางห่ากระสุนในแนวหน้า กองทัพแดงภายใต้การน�ำของจอมพลชูคอฟ เข้าถึงใจกลางเบอร์ลินก่อน กองก�ำลังสัมพันธมิตรชาติอื่นๆ สงครามสงบแล้ว ภารกิจทีเ่ หลืออยูจ่ ะเป็นการสืบค้นหาศพของผูน้ �ำ พรรคนาซี ไม่ว่าจะเป็นฮิตเลอร์ เกบเบิลส์ และคนอื่นๆ เธอเป็นประจักษพยานในการพบศพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง ลายเซ็นของ เธออยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ รายงานการชันสูตรศพอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ สตาลินหว่านม่านลวงให้ลกึ ลับ เก็บเรือ่ งนีไ้ ม่ให้โลกรู้ จนกระทัง่ เธอ


เปิดเผยข้อมูลทั้งหมด หลังจากสตาลินเสียชีวิตไปแล้ว ความส�ำคัญของหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้จ�ำกัดเพียง ‘ความจริงเบื้องหลังการ พบศพฮิตเลอร์และเกบเบิลส์’ เธอเป็นนักแปล เป็นผู้แปลเอกสารที่ยึดมาได้ เธออยู่ในเบอร์ลินวัน ที่สงครามสงบ เธอเป็ น ‘ตา’ แทนคนทั้ ง โลก เผยให้ เ ห็ น ความเป็ น ไปใน กองบัญชาการฮิตเลอร์หว้ งท้ายสงคราม ผ่านอนุทนิ ของเกบเบิลส์ อนุทนิ ของบอร์มันน์ การจดบันทึกข้าวของทุกชิ้นของมักดา เกบเบิลส์ เรือ่ งทีไ่ ม่เคยมีใครทราบมาก่อน รายละเอียดฟากฝ่ายเยอรมันในห้วง ใกล้แพ้สงครามที่ไม่มีใครรู้จริงพอจะเขียนถึง แทบจะเป็นการบรรยายนาทีตอ่ นาที ในชัว่ โมงสุดท้ายของมหาอาณา จักรไรช์ที่สาม เธอพาผูอ้ า่ นไปนัง่ ในฟือห์เรอร์บงั เกอร์ ไปนัง่ ฟังเสียงกรีดร้องเสียสติ ของฮิตเลอร์ ไปสัมผัสคณะกรรมการฆ่าตัวตาย ไปดมกลิ่นอัลมอนด์บาด จมูกของโปแทสเซียมไซยาไนด์ หนังสือเล่มนี้อยู่ในมือท่านแล้ว


ค�ำนิยม

เมื่อครั้งที่เยเลนา รเชฟสกายา เข้ากองทัพในฤดูใบไม้ร่วงปี 1941 เธอ ไม่มวี นั ทราบว่าบทบาทของเธอจะจารึกไว้ในประวัตศิ าสตร์โลกในศตวรรษ ที่ 20 สาวน้อยอักษรศาสตร์ ศึกษาในมหาวิทยาลัยมอสโก ท�ำงานแรกสุด รับใช้ชาติในโรงงานยุทธภัณฑ์ จากนั้น เข้ารับการฝึกเป็นพยาบาล ก่อน ทีค่ วามรูภ้ าษาเยอรมัน จะส่งเธอเข้าโรงเรียนล่าม หลายเดือนต่อมา เธอ เดินทางสู่แนวหน้า ติดอาวุธด้วยพจนานุกรมเล่มเล็กกับสมุดบันทึก โลกที่เธอไปเยือน แทบจะเป็นโลกอื่น : โลกหายนะ การรบรา เข่นฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยม ผู้ลี้ภัยสงครามอดอยาก และซากปรักหักพังไร้ ทีส่ นิ้ สุด การรบราฆ่าฟันทีเ่ ธอไม่ผา่ นแม้การฝึกให้ใช้ปนื การเดินทางของ เธอ มุ่งหน้าไปทางตะวันตก ผ่านเมืองรเชฟ ที่รู้จักกันในนาม ‘เครื่อง บดเนื้อ’ ทางตะวันตกของมอสโก ซึ่งได้รับการปลดปล่อยให้พ้นจากการ รุกรานของกองทัพเยอรมันในเดือนมีนาคม 1943 เธอเทิดเกียรติเมืองนี้ น�ำมาใช้เป็นนามปากกา ‘รเชฟสกายา’ จากนั้น เธอเคลื่อนผ่านวอร์ซอ เข้าไปยังโพซนัน...เดินทางมาถึงที่นี่ต้นปี 1945 ภารกิจหลักของเธอในสงคราม จะเป็นการสอบปากค�ำเชลยศึก เยอรมัน ‘คนป้อแป้ปากโป้ง’ ทหารรักษาการณ์ที่หน่วยลาดตระเวน กองทัพแดงจี้ตัวมาจากกองรักษาด่าน สอบปากค�ำหาข่าว เธอกล่าวว่า ส่วนใหญ่แล้ว เป็นแค่ทหารเด็กขลาดกลัว บันทึกของเธอเต็มไปด้วย ข้อมูลร่วมสมัย...จากจดหมายทีย่ ดึ มาได้จากกองรักษาด่านไปจนถึงเอกสาร ทางการ และบทคัดย่อจากอนุทินส่วนตัว เธอเขียนได้งดงาม สะเทือน


อารมณ์ ประดับด้วยภาพเล็กภาพน้อยของผู้คนที่ตกอยู่กลางห่ากระสุน หรือความโกลาหลที่ตามมาหลังการสู้รบ ผ่านน�้ำใจงดงามของเธอ ฉาย ให้เห็นความเห็นอกเห็นใจต่อชาวบ้านธรรมดาสามัญทีต่ กอยูก่ ลางพายุรา้ ย ของสงคราม แม้นไม่มีเหตุการณ์สะเทือนโลก ความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ และฝีมือการเขียนสุกปลั่งของรเชฟสกายา พอจะท�ำให้บันทึกความทรง จ�ำของเธอโดดเด่นด้วยตัวเองได้อยู่แล้ว แต่เธอก็อยู่ในเหตุการณ์ส�ำคัญ ในเดือนเมษายน 1945 เธอย้ายไปสังกัดช็อก อาร์มี* ที่ 3...เคลื่อนพล ไปโจมตีเบอร์ลิน หลังการสู้รบในย่านชานเมืองทางเหนือของเมืองหลวง เยอรมัน ในวันที่ 28 เมษายน บางหน่วยของช็อก อาร์มที ี่ 3 ข้ามสะพาน โมลต์เคอ ในใจกลางเบอร์ลิน บุกเข้าตีไรซ์ทาก-รัฐสภาเยอรมัน ตาม ประกาศิตจากมอสโก ต้องท�ำลายสัญลักษณ์อ�ำนาจนาซีเยอรมัน แต่ อ�ำนาจนาซีแท้จริงอยู่ที่ท�ำเนียบอัครมหาเสนาบดี ห่างออกไปไม่ถึง 200 เมตร กองก�ำลังโซเวียตทีม่ รี เชฟสกายาร่วมทางมาด้วย มาถึงทีน่ นั่ ในวันที่ 2 พฤษภาคม ในกองเถ้าในสนามของท�ำเนียบ เธอจะเป็นหนึ่งในจ�ำนวน คนไม่กี่สิบคนที่ได้เห็นซากศพของโยเซฟ เกบเบิลส์ และอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ประสบการณ์นิยามชีวิตของเธอ เธอท�ำหน้าที่ล่ามในคณะชันสูตรศพ เพื่อระบุอัตลักษณ์ของซากศพ เผาไหม้ด�ำเกรียมทีพ่ บในสวนของท�ำเนียบอัครมหาเสนาบดี อย่างน้อยทีส่ ดุ ในห้วงเวลาแสนสั้นสองสามวัน เธออยู่ในใจกลางของเหตุการณ์ส�ำคัญ ในระหว่างที่โลกรอท่าและเสาะหาค�ำตอบต่อชะตากรรมของฮิตเลอร์ เธอวุ่นอยู่กับการรวบรวมและแปลเอกสารที่ได้จากบังเกอร์ของฮิตเลอร์ * กองทัพภาคสนามของกองทัพแดงสงครามโลกครั้งที่ 2 จัดโครงสร้างเฉพาะเจาะจง เพื่อ รับมือและท�ำลายกองก�ำลังส�ำคัญของข้าศึก จะมียานเกราะและปืนใหญ่สนับสนุนมากกว่า กองทัพทั่วไป ในยามจ�ำเป็น จะมีรถถัง สายพานล�ำเลียง และทหารม้า ‘ช็อก อาร์มี’ บาง กองทัพ มีหน่วยรถไฟหุ้มเกราะและรถสกี


สัมภาษณ์ผู้คนที่อยู่ที่นั่นในห้วงท้ายสุดของชีวิตของฮิตเลอร์ เธอถึงขั้นได้ รับมอบหมายให้ดูแลฟันของฮิตเลอร์...เก็บจากกองเถ้า เก็บไว้ในกล่อง อัญมณี เชือ่ กันว่าการมอบให้เธอเก็บรักษา น่าจะปลอดภัยกว่าทหารชาย ซึ่งอาจเมามายและหลงลืมวางไม่เป็นที่ ฟันชุดนั้นจะเป็นหลักฐานแน่ชัด ยืนยันว่าซากด�ำเกรียมเป็นศพของ ฮิตเลอร์ คนที่มีปัญหาทางทันตกรรมมาตลอดชีวิต ฮิตเลอร์เหลือฟันแท้ ไม่กี่ซี่ และมีประวัติทันตกรรมที่ไม่เหมือนใคร ทั้งฟันปลอม สะพานฟัน และครอบฟัน ดังนัน้ ล�ำดับความส�ำคัญสูงสุด จะเป็นการตามหาตัว ฮูโก บลัชเคอ-หมอฟันประจ�ำตัวของฮิตเลอร์ หรือชุดท�ำงานรักษาฟัน เพือ่ น�ำ มายืนยันฟันปลอมที่พบในกองเถ้า บลัชเคอหลบหนีไปยังบาวาเรีย แต่ ชุดท�ำงานของรเชฟสกายา พบตัว เคเทอ ฮอยเซอร์มนั น์-ผูช้ ว่ ยของหมอฟัน ในเบอร์ลิน คนที่ยืนยันว่าเคยท�ำงานรักษาฟันของฮิตเลอร์หลายครั้ง หลายครา เธอวาดสะพานฟันและครอบฟันจากความทรงจ�ำ ตรงกับ ฟันในกล่องอัญมณีของรเชฟสกายา หลังจากนั้น เมื่อได้เห็นฟันในกล่อง ฮอยเซอร์มันน์ยืนยันหนักแน่น “นั่นคือฟันของฮิตเลอร์!” ในขณะที่รเชฟสกายารอค�ำยืนยันเพิ่มเติมจากการชันสูตรศพ...มี รายงานข่าวจากสื่อโซเวียตในมอสโกว่า ฮิตเลอร์อาจหลบหนีไปยังสเปน หรืออเมริกาใต้ เธอกล่าวว่า “ในทันใด กองก�ำลังโซเวียตทุกนาย ได้รบั การ กระตุน้ ให้ ‘ไล่ลา่ หาฮิตเลอร์’ การหลอกลวงครัง้ ใหญ่ กลบข้อเท็จจริงทีว่ า่ พบศพฮิตเลอร์แล้ว” เธอไม่ทราบเรื่องเบื้องหลังการปล่อยข่าวลวงใน ตอนนัน้ แต่เธอตกเป็นเหยือ่ การโกหกครัง้ ใหญ่ของสตาลิน ใช้ปศิ าจฮิตเลอร์ ล่อลวงอดีตพันธมิตร (ที่เคยจับมือกันสู้รบกับฮิตเลอร์) ให้หลงทิศ ด้วย ค�ำบัญชานั้น เธอเขียนไว้ “ฮิตเลอร์มิใช่ตัวแทนสงครามอีกต่อไป แต่ กลายเป็นตัวแทนแห่งสันติภาพที่จะตามมา” การสืบเสาะรวบรวมข้อมูล ของเธอ ถือเป็นโมฆะ พยานทั้งหลายที่ช่วยยืนยันในเรื่องนี้ รวมทั้ง ฮอยเซอร์มนั น์ ตกเป็นนักโทษของต�ำรวจลับโซเวียต ทุกคนถูกสอบปากค�ำ ไร้ทสี่ นิ้ สุด ถูกข่มขูแ่ ละคุกคามให้กลับค�ำให้การว่าฮิตเลอร์ยงั มีชวี ติ อยูแ่ ละ


หลบหนีไปแล้ว เป็นส่วนหนึง่ ของภารกิจมหึมาของการปล่อยข่าวลวงและ เล่นเล่ห์ จนได้ชื่อของตัวเองว่า ‘ปฏิบัติการ โกหก’ (Operation Myth) รเชฟสกายาเดินทางกลับสหภาพโซเวียตหลังสงคราม ปรับทุกข์ ความผิดหวังกับทหารผ่านศึกหลายนาย วาดหวังว่าชัยชนะน่าจะเป็น เครื่องน�ำทางให้ก�ำปั้นเหล็กของลัทธิสตาลินคลายออก ละห้อยหวนหา ความตืน่ เต้นและความมุง่ หมายของชีวติ ทีม่ าพร้อมกับการท�ำงานในกองทัพ อย่างไรก็ตาม ในกรณีของเธอ ความว้าวุ่นใจเพิ่มหลายเท่าจากการถูก บังคับให้ปิดปากให้สนิทในเรื่องส�ำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ...ล่ามตัวเล็กๆ น่าจะไม่ฉลาดนักทีจ่ ะเปิดปากโต้แย้งกับสหายสตาลิน โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในเรื่องส�ำคัญที่สุด ว่าด้วยการตายของฮิตเลอร์ เธอปิดปากแน่นจนถึง ทศวรรษ 1960 กว่าสิบปีหลังจากสตาลินตายไปแล้ว สองทศวรรษหลัง การตายของฮิตเลอร์ หนังสือของเธอ Berlin, May 1945 พิมพ์ออกมา ในภาษารัสเซีย บันทึกความทรงจ�ำของเธอ เพิ่มเติมเนื้อหาใหม่ พิมพ์ซ�้ำในหลาย ขวบปีที่ตามมา แต่ไม่เคยมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษ จนกระทั่งวันนี้ นีค่ อื Berlin, May 1945 เวอร์ชนั่ ล่าสุด และมีการเพิม่ เติมการสนทนา กับจอมพลกีออร์กี ชูคอฟ ในปี 1965 ควรตั้งข้อสังเกตไว้ : ในขณะที่ วัตถุพยานของรเชฟสกายาในการระบุอัตลักษณ์ของฮิตเลอร์ ถือได้ว่า แน่นหนา ไม่อาจดัดเปลี่ยนเป็นอื่นได้ แต่บางแง่มุม เช่น การอภิปราย การฆ่าตัวตายของฮิตเลอร์ ถูกแต้มสีเลอะเลือนโดยสื่อโซเวียตในทศวรรษ 1960 ท�ำให้ดูคล้ายว่าเป็นเรื่องเฉพาะกาล ตามมาตรฐานของปราชญ์ ยุคใหม่ หากจะให้ความเป็นธรรมต่อรเชฟสกายา เธอไม่อาจทราบเรื่องนี้ ได้ในช่วงเวลานั้น แต่สาระส�ำคัญและเรื่องที่เธอยืนยันได้เต็มที่...ฮิตเลอร์ ตายไปแล้ว ในประเด็นนี้ หากท่านผูอ้ า่ นประสงค์จะได้รายละเอียด ควร อ้างอิงไปถึงผลงานเล่มอื่น ดังเช่น ชีวประวัติของฮิตเลอร์ ผลงานเขียน ของเอียน เคอร์ชอว์ และ โฟลเคอร์ อุลล์ริช เยเลนา รเชฟสกายา เขียนได้อย่างมีชนั้ เชิง และจุดความสะเทือนใจ


ได้ไม่ใช่น้อย แม้จะพานพบประสบการณ์สยดสยองในสนามรบ แต่เธอก็ เป็นผู้น�ำทางเปี่ยมด้วยความเห็นใจผ่านขุมนรก เธอตาคมมองเห็นแง่มุม พิเศษ และมีความไวความรู้สึก ถ่ายทอดด้วยท�ำนองฉลาดเฉลียว เตือน ผู้อ่านให้หันไปมองพันธะมนุษย์ สายใยผูกพันกันกับทุกคนที่เธอพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นผู้กองกองทัพแดง เชลยศึกเยอรมันตื่นกลัว หญิงโสเภณีถูก ทอดทิ้งให้สิ้นหวัง เธอเป็นคนช่างคิดและหยิบยกแง่มุมให้ผู้อ่านได้ฉุกคิด แง่มุมเชิงปรัชญาของความเปราะบางและความอ่อนด้อยของมนุษยชาติ มองเห็นความดีงามทีอ่ าจจะเกิดอาจจะหวังได้ วิสยั ทัศน์ทมี่ เี สน่หด์ งึ ดูดใจ เท่าเทียมกับการเผยความจริงให้ปรากฏ งานเขียนงดงาม ภาพเล็กภาพน้อยเรียงประดับและความมีน�้ำใจ มนุษย์ บันทึกความทรงจ�ำของล่ามสาว เยเลนา รเชฟสกายา พอจะ ขึ้นหน้าหนึ่งได้แล้ว แม้จะไม่ได้กล่าวถึงเรื่องการระบุตัวตนของซากศพ ด�ำเกรียมของฮิตเลอร์ อย่างไรก็ตาม เนื้อหาที่เพิ่มเติมเข้ามา ท�ำให้ หนังสือเล่มนีเ้ ป็นหนึง่ ในบันทึกความทรงจ�ำส�ำคัญทีส่ ดุ ทีไ่ ด้จากสงครามโลก ครั้งที่ 2 -รอเจอร์ มัวร์เฮาส์



บทน�ำ

เอกสารส่งเสียง

หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวที่ฉันประสบพบเจอเป็นการส่วนตัว ในฐานะ ล่ามของกองทัพแดง เดินทางร่วมกับหน่วยรบแนวหน้าของกองทัพ จาก มอสโกในปี 1941 ไปจนถึงเบอร์ลินในเดือนพฤษภาคม 1945 ฉันพบว่า ตนเอง อยูใ่ นใจกลางของแหตุการณ์ประวัตศิ าสตร์ ซึง่ เป็นฉากสุดท้ายของ สงครามโลกครั้งที่ 2 ในฐานะล่ามประจ�ำกองบังคับการทัพบก ฉันเป็น หนึ่งในกลุ่มการข่าว ภารกิจหลักจะเป็นการไล่ล่าหาฮิตเลอร์ ฉันอยู่ที่นั่น ในตอนที่เราพบซากศพด�ำเกรียม เราเสาะหาความจริงว่าเขา, ฮิตเลอร์ เสียชีวิตอย่างไร และจะระบุตัวตนของเขาได้หรือไม่ ภารกิจของฉัน จะ เป็นการเสาะส�ำรวจผ่านเอกสารที่เราพบในกลุ่มอาคารใต้ดินของท�ำเนียบ อัครมหาเสนาบดีและฟือห์เรอร์บงั เกอร์ ทีฮ่ ติ เลอร์ใช้ชวี ติ บัน้ ปลายไม่กวี่ นั ที่นั่น ในท�ำเนียบอัครมหาเสนาบดี ฉันพบเอกสารรายงานของมาร์ทิน บอร์มนั น์ (เลขาธิการพรรคนาซี และเพือ่ นของฮิตเลอร์) โทรเลขผ่านวิทยุ ของทหารสารบรรณในโอเบอร์ซัลซ์แบร์ก-ดร. เฮลมุต ฟอน ฮุมเมิล (นักบัญชีและผูช้ ว่ ยของบอร์มนั น์) ส�ำเนาโทรเลขมากหลายทีเ่ ขาส่งออกไป นพดล เวชสวัสดิ์ 15


เรื่องนี้ยืนยันว่ามีการวางแผนในครึ่งหลังของเดือนเมษายน 1945 จะย้าย กองบัญชาการของฮิตเลอร์ไปยังแบร์ชเทสกาเดิน แต่ฮิตเลอร์ไม่ยอมย้าย เขาตัดสินใจที่จะปักหลักอยู่ในฟือห์เรอร์บังเกอร์ หลังจากการรุกรบที่เขา ออกค�ำสั่ง...ล้มเหลว แต่ก็เป็นเพราะสัมพันธมิตรยกกองทัพเข้ามาในมิ วนิคแล้ว...ไม่ห่างจากแบร์ชเทสกาเดินเท่าใดนัก และยังมีแฟ้มรายงาน ตรงต่อบอร์มันน์ จาก ไครส์ไลเทอร์-ผู้น�ำนาซีมณฑลในเบอร์ลิน รายงาน สถานการณ์วิกฤต ฉันเสาะค้นรายงานของฮิตเลอร์ที่พบในบังเกอร์ใต้ดิน รวมทั้งแฟ้ม รวมการป่าวประกาศทางวิทยุ เรื่องหนึ่งนั้น กล่าวถึงมุสโสลินี หลังจาก ถูกพลพรรคใต้ดนิ ยิงตาย ศพของเขา ผูกขาห้อยหัว แขวนประจานในลาน จัตรุ สั ในมิลาน เคียงข้างเมียลับ, คลารา เปตาสชี ฮิตเลอร์ขดี เส้นใต้ทอ่ นนี้ ด้วยดินสอสีนำ�้ เงิน ฉันเดาเอาว่า (เดาได้ถกู ต้อง) ค�ำสัง่ สุดท้ายของเขา จะ ต้องท�ำลายร่างของเขา ในแฟ้มนี้เช่นกัน ฉันพบร่างจดหมาย (เขียนเมื่อ สิบปีกอ่ น) ทีฮ่ ติ เลอร์เขียนถึงน้องสาว ถึงประธานาธิบดีฮนิ เด็นบวก และ ถึงฟรันซ์ ฟอน พาเพิน ในห้องท�ำงานของเกบเบิลส์ เราพบเอกสารสองกระเป๋าเดินทาง รวมทั้งเรื่องส�ำคัญที่สุดส�ำหรับนักประวัติศาสตร์ในอนาคต : อนุทินเขียน ด้วยลายมือเกบเบิลส์ราวสิบเล่ม เริ่มบันทึกตั้งแต่ก่อนนาซีเถลิงอ�ำนาจ จนถึงการยุติบทบาทของพรรคนาซีในวันที่ 8 กรกฎาคม 1941 มีแฟ้ม การติดต่อทางจดหมายเป็นทางการของรัฐมนตรีกระทรวงโฆษณาการ (โฆษณาชวนเชือ่ ) แฟ้มของมักดา, ภรรยาของเกบเบิลส์ เก็บรายละเอียด ของทรัพย์สินของครอบครัว มีรูปถ่ายมักดากับลูกๆ รูปถ่ายครอบครัวที่ มีเกบเบิลส์ และรูปถ่ายของมักดา ที่ฉันเก็บไว้เป็นที่ระลึก เราเสาะหาฮิตเลอร์กนั อย่างเร่งร้อน...เป็นหรือตาย ฉันมีเวลาเพียงแค่ บันทึกเนือ้ หา (โดยย่อ) ของเอกสารทีผ่ า่ นมือ เพิม่ เติมความเห็นลงไปก่อน จะส่งเอกสารเหล่านัน้ ไปยังกองบัญชาการแนวหน้า บันทึกย่อทีฉ่ นั เขียนไว้ มีประโยชน์อย่างยิ่งในตอนที่ฉันเข้าไปค้นข้อมูลในหอจดหมายเหตุ (ลับ) 16 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


ของโซเวียต เพียงแค่มองบางค�ำ เตือนให้ฉันนึกถึงต้นฉบับตัวจริงและ เนื้อหาในเอกสารพวกนั้น ในค�่ำคืนวันที่ 5 พฤษภาคม ซากศพของด�ำเกรียมของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์กบั อีฟา บราวน์ เคลือ่ นย้ายจากสวนของท�ำเนียบอัครมหาเสนาบดี มีการชันสูตรศพ และในวันที่ 8 พฤษภาคม ฉันได้รับมอบหมายให้ถือ กล่องอัญมณีสีเบอร์กันดี ในนั้นมีกรามล่างกับฟันปลอมของฮิตเลอร์ ซึ่ง เป็นหลักฐานส�ำคัญยืนยันตัวตนของฮิตเลอร์ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ฉันกลาย เป็นคนที่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อประวัติศาสตร์เยอรมัน ฉันมีส่วนร่วมแล้วในการเสาะหาผู้คนที่จะยืนยันตัวตนของฮิตเลอร์ : หมอฟันประจ�ำตัวของฮิตเลอร์ ลายเซ็นของฉัน ในฐานะล่าม ปรากฏใน รายงานการสอบปากค�ำและการระบุยืนยันตัวตนฮิตเลอร์ ตลอดสามเดือนก่อนจะปลดประจ�ำการ กองอ�ำนวยการของเราอยู่ ในเมืองเล็กที่เรียกว่า ชเตินดัล ฉันมีเวลามากพอที่จะอ่านโดยละเอียด เอกสารที่ได้จากท�ำเนียบอัครมหาเสนาบดี จากกระทรวง และส�ำนัก ผู้น�ำพรรคนาซีมณฑล แม้ว่าความสนใจต่อเอกสารเหล่านี้จะเหือดหายไป สงครามยุติแล้ว เรา, ทหารในแนวหน้า กลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว ไม่มีผู้ใด นอกจากฉัน ที่ยังสนใจเรื่องราวในเอกสาร ฉันไม่ใช่นกั ประวัตศิ าสตร์อาชีพ ไม่ใช่นกั วิจยั ข้อมูล ฉันเป็นนักเขียน ฉันไม่อาจวาดภาพตัวเอง เสาะค้นข้อมูลเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ หรือ ศึกษาเรื่องราวสังคมวิทยาที่ไม่ข้องเกี่ยวกับชีวิตของฉัน ดังนั้น บันทึก ความทรงจ�ำ (ส่วนตัว) เล่มนี้ มีเอกสารเป็นหลักฐานสนับสนุนยืนยัน ข้อเท็จจริงและเรื่องราวที่เกิดขึ้น เป็นความจริง และเรื่องราวทั้งหมด เกาะเกีย่ วกันได้ จากมุมมองสงครามของฝ่ายโซเวียต การเสาะหาและพบ ศพฮิตเลอร์ การระบุชี้ตัวยืนยัน และสภาวการณ์ที่น�ำไปสู่การฆ่าตัวตาย ของฮิตเลอร์มกี ารตรวจสอบแล้ว ในทุกเรือ่ งทีก่ ล่าวมา ฉันมีสว่ นร่วมอย่าง แท้จริง อยู่ที่นั่น ท�ำหน้าที่ล่ามและนักแปล สาระส�ำคัญของหนังสือเล่มนี้ อยู่ที่ความถูกต้อง ข้อมูลแม่นย�ำ นพดล เวชสวัสดิ์ 17


เรื่องใหญ่เรื่องหวือหวาที่สุด เป็นเรื่องจริง ข้อเท็จจริงที่ว่า มีการพบศพ ฮิตเลอร์และยืนยันอัตลักษณ์ได้แล้วโดยกองทัพแดง ถูกปิดเงียบ ฉันเขียน ถึงเรื่องนี้ลงในนิตยสารวรรณกรรมรายเดือน ซนาเมีย ฉบับที่ 2, 1955 แต่เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการพบศพฮิตเลอร์ การสืบสวนและสอบสวน จนถึงขั้นระบุยืนยันตัวตน...ถูกเซ็นเซอร์ ฉันเปิดเผยความลับของชาติได้ ในปี 1961 ในหนังสือชื่อ Spring in an Army Greatcoat นาน แสนนาน หลังจากสตาลินเสียชีวิตไปแล้ว เพือ่ ให้ทา่ นผูอ้ า่ นได้เห็นภาพเหตุการณ์ทงั้ งหมด และจัดเรียงเอกสาร ที่เป็นประจักษพยาน ฉันเฝ้ารบเร้าขอเข้าสืบค้นหอจดหมายเหตุโซเวียต ค�ำตอบจะอยู่ในรูปแบบเดิม “ไม่, เราไม่มีข้อยกว้น” ฉันถึงกับโทรศัพท์ ไปหาคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ แต่บทสนทนาจืดชืด ไม่ ได้ให้ก�ำลังใจแต่อย่างใด ด้วยค�ำแนะน�ำจาก ว. อีลิน ฉันเขียนจดหมาย อีกฉบับไปยังมิฮาอิล ซุสลอฟ สมาชิกคณะกรรมการกลางสภาเปรซิเดียม ฉันเพิ่งพบส�ำเนาจดหมายฉบับนั้นในกองเอกสาร จดหมายลงวันที่ 6 สิงหาคม 1964 เห็นได้ชัดว่าจดหมายฉบับนี้จัดการจนได้ผล บานประตู หอจดหมายเหตุลับ เปิดอ้ารับฉันในปลายเดือนกันยายน 1964 ร้อยเอกในเครื่องแบบ เหล่ายานเกราะ ได้รับมอบหมายให้ดูแลที่นี่ เขาสังกัด ‘กลุ่มประสบการณ์ศึกษาจากสงครามรักชาติ’ แนะน�ำตัวว่า วลาดิมรี ์ อิวาโนวิช เขาถือว่าเป็นหน้าทีเ่ คร่งครัดของเขาทีจ่ ะมอบเอกสาร ทุกฉบับที่ฉันต้องการ หลายปีหลังจากนัน้ วลาดิมรี ์ อิวาโนวิชโทรศัพท์มาหา กล่าวชืน่ ชม หนังสือเล่มใหม่ของฉัน (เมืองรเชฟในห้วงสงคราม) “นี่เป็นสารคดีบทกวี ร้อยแก้วชัดๆ!” เขาอุทานออกมา ฉันสอบถามชือ่ หอจดหมายเหตุลบั ทีฉ่ นั เข้าไปค้นเอกสาร ซึง่ ปิดเป็นความลับ เขาให้ค�ำตอบว่า ‘หอจดหมายเหตุลบั สภารัฐมนตรี’ ยืนยันการคาดเดาของจอมพลชูคอฟ ผู้กองวลาดิมีร์ อิวาโนวิช แจ้งให้ทราบเช่นกันว่า มีค�ำสั่งอนุมัติจากคณะกรรมการกลาง ให้ฉันเข้าไปค้นเอกสารในหอจดหมายเหตุลับได้ 18 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


วันแห่งชัยชนะครบรอบยี่สิบปี ท�ำให้ผู้คนหันไปนึกถึงสงคราม ซึ่ง ก็รวมวลาดิมีร์ อิวาโนวิชด้วย ฉันพอจะเห็นได้ว่าเขาไม่คุ้นกับหน้าที่ สุนัขเฝ้าบ้านที่ได้รับมอบหมายมา ฉันนั่งท�ำงานคนเดียวในห้องท�ำงาน เรียบๆ มีเพียงรูปของครุชโชฟอยูบ่ นผนัง ฉันเป็น ‘ข้อยกเว้น’ ขนานแท้! วลาดิมีร์ อิวาโนวิชไม่ได้ปฏิบัติงานเคร่งครัดตามค�ำสั่งให้มอบเอกสาร เฉพาะฉบับที่ฉันร้องขอ เขาไม่มีทางหาเจอในกองเอกสารมหึมา...เขา ปล่อยให้เสาะหาเอกสารที่ต้องการเสียเอง ทุกวันหลังสิ้นสุดการท�ำงาน ฉันเพียงแค่ยื่นสมุดบันทึกให้เขาตรวจ เนื้อหาที่ฉันคัดลอกและความคิดที่ ผุดขึ้นมาในห้วงการท�ำงาน ฉันไม่มีเทคโนโลยีที่จะน�ำมาช่วยงาน ทุกเช้า สมุดบันทึกได้คืนกลับมา น่าจะผ่านการตรวจสอบอย่างดีแล้ว เมื่อเขียน เต็มเล่ม ได้รับอนุญาตให้ถือกลับบ้าน...ฉันเติมเนื้อหาเต็มสมุดบันทึก 5 เล่ม ฉันพบเจอเอกสารจากเดือนพฤษภาคม 1945 หลายฉบับมีลายเซ็น ของฉัน เอกสารที่ถูกทิ้งให้ฝุ่นเกาะมานาน 20 ปี ประสบการณ์สุดแสน จะสะเทือนอารมณ์ ในเมื่อมีเอกสารลับสุดยอดหนุนหลัง หนังสือพิมพ์ครั้งแรกของ ฉัน Berlin, May 1945 พิมพ์ในภาษารัสเซียในปี 1965 ตามด้วย บทคัดย่อลงตีพมิ พ์ในนิตยสารวรรณกรรม ซนาเมีย ฉบับที่ 5, พฤษภาคม 1965 เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น The End of Hitler, Without Myth or Mystification (จุดจบของฮิตเลอร์, ไม่มคี �ำโกหกหรือการลวงลับ) ผลงาน ชิ้นนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาอิตาเลียน เยอรมัน ฮังกาเรียน ฟินนิช ญี่ปุ่น และอีกหลายภาษา หลังจากนั้น Berlin, May 1945 พิมพ์ซ�้ำ 12 ครั้งในรัสเซีย ยอดจ�ำหน่าย 1,500,000 เล่ม ทุกคราวที่พิมพ์ใหม่ จะปรับปรุงและ เพิ่มเติมเนื้อหา หนังสือที่ท่านถืออยู่ในมือ เป็นฉบับล่าสุด บรรจุข้อมูล ทั้งหมดไว้แล้ว ในยามที่เรามองย้อนอดีตกลับไปหลายปี ประสบการณ์ที่พบเจอไม่ นพดล เวชสวัสดิ์ 19


ได้เลือนหายไปจากความทรงจ�ำ ตรงกันข้าม ในบางแง่มุม ข้อเท็จจริง บางเรือ่ ง เห็นได้ชดั ยิง่ ขึน้ ความทรงจ�ำส่งเสียงอุทธรณ์ พาเราย้อนกลับไป หาอดีตช่วงนัน้ ส�ำหรับฉัน เหตุการณ์ประวัตศิ าสตร์ในช่วงปลายสงคราม จะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หากไม่มหี น้ากระดาษบันทึกวันแรกในกองทัพ การ ฝึกเพื่อจะเป็นล่ามทหาร การท�ำงานในหน่วยรบเกือบสี่ปี และเรื่องราวที่ ฉันพบเห็นในห้วงเวลานัน้ ฉันเชือ่ ว่าท่านผูอ้ า่ น จะสนใจ ‘กระเป๋า’ ทีฉ่ นั ถือติดตัวเข้าเบอร์ลิน ล่ามทหารถือเป็นต�ำแหน่งสุดพิเศษในห้วงการรบดุเดือดในสงคราม ล่าม, เขาหรือเธอ จะพบเจอและสัมผัสความกราดเกรี้ยวจากทั้งสองฝ่าย เอกสารทุกประเภทผ่านมือของฉัน ตัง้ แต่เรือ่ งสุดส�ำคัญ จนถึงคูม่ อื แนะน�ำ ทหารเยอรมันให้รักษาความอบอุ่นของร่างกาย ค�ำสั่งหน่วยเหนือและ ใบปลิวโฆษณาชวนเชือ่ เรือ่ ยไปถึงจดหมายส่วนตัวเขียนถึงคนทางบ้าน ใน ขณะทีฉ่ นั แปลเอกสารพวกนัน้ ฉันจะเขียนบันทึกย่นย่อ เพือ่ เตือนความจ�ำ สมุดบันทึกที่ฉันถือติดมือกลับบ้านจากแนวหน้า เปิดอ่านและเขียน จนรุง่ ริง่ ไปแล้ว หลายหน้าขาดหาย ไร้ระบบในการสอดแทรกบันทึก หรือ ลายมือแทบอ่านไม่ออก เพราะเขียนที่ท้ายกระบะกระเด้งกระดอนของ รถบรรทุก นีค่ อื ข้อมูลดิบส�ำหรับเรือ่ งเล่าเรือ่ งสงคราม แม้แต่ตอนนี้ ฉัน ยังย้อนกลับไปหาสมุดบันทึกเหล่านัน้ วาดภาพการเดินทางออกจากมอสโก มุ่งหน้าไปยังเบอร์ลิน เมื่อหนังสือได้รับการตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม ข้อมูลหลั่งไหลเพิ่มเติม เหมือนก้อนหิมะไหลลงเนินเขา ขยายขนาดใหญ่โตทุกขณะ หนึ่งในเรื่อง ส�ำคัญที่สุด ฉันได้รับการติดต่อจากจอมพลกีออร์กี ชูคอฟ ฉันได้รับ จดหมายจากคณะเสาะหาฮิตเลอร์ กลุ่มคนที่ค้นพบและระบุอัตลักษณ์ หนึง่ นัน้ มิใช่ใครอื่น นอกจาก นพ. ฟาอุสต์ ชคาราฟสกี นักพยาธิวทิ ยา หัวหน้าคณะชันสูตรศพ พวกเขามอบรายละเอียดในสาขาเฉพาะทางของ ตน จดหมายของท่านเหล่านี้ รวมกับจดหมายของคนอื่นๆ กลายเป็น หอจดหมายเหตุส่วนตัวของฉัน หนังสือฉบับพิมพ์ใหม่ล่าสุด ได้รับ 20 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


ประโยชน์เต็มที่จากข้อมูลที่เพิ่มเติมเข้ามา ในท้ายที่สุด ตัวเอกสารเอง ในการพิมพ์ครั้งแรกในปี 1965 ฉัน เขียนไว้ว่า “เอกสารในบันทึกนี้ (ค�ำให้การ รายงาน อนุทิน จดหมาย โต้ตอบ และอื่นๆ) น�ำมาตีพิมพ์เป็นครั้งแรก โดยผู้เขียนคนนี้” เพื่อให้ สอดคล้องกับหลักการนัน้ ฉันเพียงแค่เปรยให้ทราบว่ามีพนิ ยั กรรมส่วนตัว และค�ำประกาศทางการเมืองของฮิตเลอร์ เอกสารที่น�ำมารวมไว้ในเล่มนี้ จะเป็นเอกสารที่ฉันจ�ำแนกแยะแยะตอนต้นเดือนพฤษภาคม 1945 ใน ท�ำเนียบอัครมหาเสนาบดี และในเวลาต่อมา ในกองบัญชาการทัพบก รวมทัง้ เอกสารทีข่ ดุ คุย้ มาได้ในห้วงยีส่ บิ วันในหอจดหมายเหตุลบั ในเดือน กันยายน 1964 การค้นพบเลอค่า น�ำมารวมไว้ในหนังสือเล่มนี้แล้ว ฉันเปิดเผยเป็น ครัง้ แรก...บทคัดย่อของค�ำให้การของฮันส์ รัตเทินฮูเบอร์ หัวหน้าองครักษ์ ของฮิตเลอร์ บางส่วนของการสอบปากค�ำเป็นครั้งแรกในกองบัญชาการ โซเวียตต่อ ออตโท กึนเชอ, นายทหารคนสนิทของฮิตเลอร์ และไฮนซ์ ลิงเงอ, พลขับประจ�ำตัวฮิตเลอร์ ฉันเปิดเผยเป็นครั้งแรก รายงานการสอบปากค�ำนายแพทย์ผู้ที่วาง ยาพิษลูกๆ ของเกบเบิลส์ เอกสารการพบศพของฮิตเลอร์กบั อีฟา บราวน์ พบศพเกบเบิลส์กับภรรยา และรายงานเป็นทางการ ผลการชันสูตรศพ หอจดหมายเหตุลับของสภารัฐมนตรีมีหลักฐานส�ำคัญ เช่น อนุทิน ของมาร์ทิน บอร์มันน์ แปลเป็นภาษารัสเซีย (ต้นฉบับพบกลางถนนใน เบอร์ลนิ ต้นเดือนพฤษภาคม 1945) และการบรรยายความโดยละเอียด ของฮันส์ รัตเทินฮูเบอร์ หัวหน้าองครักษ์ของฮิตเลอร์ หนึง่ ในการเปิดเผยส�ำคัญทีส่ ดุ ของฉัน จะเป็นบทคัดย่อจากอนุทนิ ของ เกบเบิลส์ ซึง่ น�ำไปสูก่ ารวิจยั ข้อมูลของนักประวัตศิ าสตร์เยอรมัน ซึง่ ภาย หลังตีพมิ พ์หนังสือออกมาหลายเล่ม โดยถอดความจากไมโครฟิลม์ ของหอ จดหมายเหตุลับ ในปัจจุบนั นี้ ข้อมูลทีฉ่ นั ขุดมาจากหอจดหมายเหตุลบั หลังการต่อสู้ นพดล เวชสวัสดิ์ 21


ไม่ลดละ ฝ่าด่านความลับของทางการและการเซ็นเซอร์ ข้อมูลเผยตัว สูส่ ายตาชาวโลกแล้ว มีการแปลหลายภาษา ดังนัน้ ไม่เหลือความจ�ำเป็น ใดๆ ที่จะยึดหลักการที่ว่า จะตีพิมพ์แต่เฉพาะเอกสารที่ไม่เคยเผยแพร่ มาก่อน ดูเหมือนว่าสอดคล้องกับหลักสามัญส�ำนึก ทีจ่ ะหยิบยกเอกสารที่ ทราบกันดีแล้วหรือเอกสารของผูอ้ นื่ น�ำมาประกอบให้เห็นภาพได้ชดั ยิง่ ขึน้ เอกสารแท้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยามที่เรามองจากระยะไกล มี รังสีสุกปลั่ง นี่คือเอกสารแท้ที่ควรให้คุณค่าเต็มจ�ำนวนที่มีอยู่ในเอกสาร ฉบับนัน้ ยอมรับอย่างไม่มเี งือ่ นไข เราจ�ำเป็นต้องสะกดใจไม่ให้หลงเพ้อว่า เอกสารทุกฉบับถือเป็นข้อเท็จจริง...ข้อเท็จจริงอาจไม่เป็นความจริง และ แม้แต่ข้อเท็จจริงที่หลุดออกมานอกบริบท ก็ไม่อาจถือว่าเป็นความจริง ‘ทั้งมวล’ บริบทมีความส�ำคัญยิง่ ข้อมูลอาจขัดแย้งกับบริบท อาจโต้แย้ง หรือ ท�ำให้ข้อมูลนั้นไม่เหลือค่า ในยามที่เอกสารขัดแย้งกัน ฉันจ�ำเป็นต้องเล่นบทกรรมการ ตัดสิน ชี้ขาดด้วยเรื่องราวที่ฉันรู้ เรื่องราวฉากหลังของข้อมูลเหล่านั้น

22 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


บทที่ 1

ดินแดนมืดแปดด้าน : มอสโก, 1941

ยามทีเ่ รานัง่ ลงเขียนถึงประสบการณ์ในอดีต บ่อยครัง้ ทีเ่ ราบังคับความทรงจ�ำ ให้เรียงร่ายออกมาในเชิงตรรกะ แต่เรือ่ งเช่นนัน้ ฝืนธรรมชาติ ความทรงจ�ำ กระโดดโลดเต้นเพียงเสีย้ ววินาที ผูกโยงเข้ากับเรือ่ งอืน่ สะท้อนกลับ อวล กลิ่น กลัดติดด้วยความเจ็บปวด จากอนุทินแนวหน้า :

ย�ำ่ เย็นฤดูใบไม้รว่ ง ลมหนาวเยือก ท้องฟ้าด�ำมืด แต้มด้วยเกล็ดสีเทา น่าหวาดหวั่นของรุ่งสางที่ใกล้มาถึง ถนนที่พระเจ้าผินหลังให้ น่าจะเรียกว่าล�ำรางโคลน ทหารเดินแถว เรียงเดีย่ ว มุง่ ตรงไปยังแนวหน้า ไม่มใี ครพูดจา ไม่มเี สียงจิกกัดท้ารบ ไม่มี เสียงออกค�ำสั่ง ไม่มีเสียงพูดจา เสี้ยววินาทีนั้น จรวดเยอรมันส่งแสงวาบ เจิดจ้าเหนือแนวหน้า ส่องให้เห็นใบหน้าไร้ความโดดเด่นของบุรุษที่ไม่ อ่อนเยาว์แล้ว พวกเขาน่าจะเป็นกองร้อย ‘ก�ำลังทดแทน’ รวบรวมมาจาก กรม ‘กองหนุน’ ทหารได้รับบาดเจ็บที่ท�ำแผลแล้วจากโรงพยาบาล หรือ กองพันพยาบาล นพดล เวชสวัสดิ์ 23


ฉันเดินข้างถนน มุ่งหน้ากลับไปยังกองอ�ำนวยการ เสียงฟ้าลั่นทึมทึบดังแว่วห่างไกล เหมือนเสียงสะท้อนของปืนใหญ่ที่ ระดมยิงอย่างหนักในวันก่อน เสียงเอียดออดของรองเท้าบู๊ตย�่ำโคลนหนืด “เฮ้!, ซิสเตอร์” ทหารชราเดินออกจากแถว “มียาดูดไหม?” “เสียใจด้วยค่ะ”

เขาเดินสืบไป ไม่มีโชค ทหารเก่า แก่ชรา ฉันไม่มีวันลืม ปกป้องด้วยความมืดของท้องฟ้าสีตะกัว่ สว่างวาบเป็นครัง้ คราวจาก พลุส่องสว่างของข้าศึก ทหารเดินโซซัดโซเซในค�่ำคืนเปียกแฉะไม่เป็นมิตร มุ่งหน้าไปท�ำศึกที่รอท่าหลังอรุณรุ่ง ฉันไม่อาจหาค�ำอธิบายให้ตัวเองได้ว่าท�ำไม เวลาผ่านมาหลายสิบปี แล้ว และอีกครัง้ ในวันนี้ ค�ำถามนัน้ เกาะกวนใจจนยากจะหาความสงบได้ ท�ำไมความจ�ำเรื่องนั้นกัดกินหัวใจ และท�ำให้น�้ำตาของฉันไหลพราก อาบแก้ม “เฮ้!, ซิสเตอร์ มียาดูดไหม?” * ทหารพา ‘สายข่าว’ เข้ามา จีต้ วั มาจากสนามเพลาะกองรักษาด่าน ร่าง ของเขาสั่นสะท้านเจียนตายด้วยความหนาวเย็น ผ้าขนสัตว์คลุมศีรษะ ของสตรีห่อหุ้มวงหน้า หมวกแก๊ปบนหัว สวมรองเท้าบู๊ตหนังบางที่ ไม่เฉียดใกล้การต้านน�้ ำแข็งกัด กล้อมแกล้มหุ้มรองเท้าด้วยฟางถัก พลลาดตระเวนคุมตัวมา มาดหรูหราจิ้มร่างเชลยด้วยปากกระบอกปืน ไรเฟิล กระตุ้นให้เขาตื่นตัวมีชีวิตชีวา ด้วยรองเท้าหุ้มฟางถัก ทหาร เยอรมันแทบจะลากตัวเดินขึ้นเนินลื่นถนนเละเป็นหล่มโคลนไม่ได้ ผู้ชมมี ทหารโซเวียตสองสามนายกับชาวบ้านหยิบมือหนึง่ เดินแห่ตามหลัง อยาก รู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร คนกลุ่มนั้นหยุดที่ที่บังคับการ พลลาดตระเวน ทิ้งทหารให้เฝ้าเชลย ตัวเองเดินเข้าไปในกระท่อมเพื่อรายงาน ทุกคนยืนห้อมล้อมเชลย ไม่มใี ครพูด ความตึงเครียดมุง่ ร้าย ตัง้ แต่ฤดู 24 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


ใบไม้รว่ งจนถึงเดือนธันวาคม หมูบ่ า้ นนีต้ กอยูใ่ นการยึดครองของเยอรมัน ไม่เคยปรากฏมาก่อนที่จะได้เห็นทหารเยอรมันป้อแป้แบบนี้ ทุกคน ถลึงตาจ้อง “สงครามสิ้นสุดแล้วส�ำหรับแก, ฟริตซ์*” ทหารกร้านศึกคนหนึ่ง บอก “แกรอดชีวิต, ไอ้เห้-” ทหารเยอรมันพยายามเบิ่งตามอง ออกแรงต้านน�้ำแข็งเกาะบน ขนตา ตาไร้ประกาย ไม่มกี ารเคลือ่ นไหว เหมือนภูตน�ำ ้ เขามิใช่ฟริตซ์ผมู้ ี ความสุขและทุกคนไม่รู้ว่าควรจะวางตัวอย่างไร แต่ทหารหนุ่มที่ไม่เคย พบทหารเยอรมันมาก่อน ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เชลยเยอรมันมี แท่งน�้ำแข็งห้อยออกจากรูจมูก ห้อยจากปากเหนือผ้าคลุมสตรีพันรอบ ใบหน้า ดูคล้ายเครา ไม่มีใครหื่นโกรธคนที่ดูคล้ายตัวตลก อีกอย่างหนึ่ง นับเป็นเรื่องน่าอิ่มใจยิ่งที่ได้เห็นข้าศึกปวกเปียกหมดรูป “แค่หุ่นไล่กา แกก็เป็นไม่ได้” ทหารกร้านศึกคนหนึ่งบอก ตบไหล่ ปลอบโยนเชลย ทหารหนุ่มร่วมเล่นด้วยยื่นมือไปดึงแท่งน�้ำแข็งออกจาก จมูก แต่แท่งน�้ำแข็งไม่หลุดออกมา เขาวางมือสวมถุงมือไหมพรมบนบ่า เชลย เชลยเยอรมันรู้ตัวว่าภาพของเขาน่าสังเวชแค่ไหน ร่างคลุมไปด้วย แท่งน�ำ้ แข็ง และภาพนีเ้ องทีอ่ าจช่วยชีวติ เขาไว้ เขาจะไม่ถกู ฆ่าแล้ว เชลย ดึงมือออกมาจากแขนเสื้อโค้ตตัวโคร่ง มือสองข้างสวมถุงเท้าหนา เขา ได้รางวัลด้วยเสียงหัวเราะกึกก้อง พลลาดตระเวนย้อนกลับมา พาตัวเชลยเยอรมันเข้าไปในกระท่อม เชลยเร่งถอดถุงเท้าหุ้มมือออก ยัดเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ต สลัดฟางถัก หุ ้ ม รองเท้ า ทิ้ ง ไป เดิ น เข้ า ไปในกระท่ อ ม ตบเท้ า ชิ ด ยื น ระวั ง ตรง สะท้านเฮือกด้วยความร้อน ในกระท่อมอุ่นจัด เขาสังเกตเห็นนายทหาร ผูบ้ งั คับบัญชาทีน่ นั่ กวาดสายตามองเขาตัง้ แต่หวั จรดเท้า เป็นไปได้หรือไม่ * ชื่อหยามหมิ่นเรียกทหารเยอรมัน นพดล เวชสวัสดิ์ 25


ว่านายทหารกลั้นยิ้ม? ชื่อ? หน่วยรบ? ยศ? เชลยเยอรมันเยือกแข็งดึง ผ้าคลุมพันใบหน้าออกให้พ้นริมฝีปากแช่แข็งไปแล้ว ส่งเสียงตอบ ไม่รู้ ตัวว่าพูดอะไรออกไปบ้าง อ้าปากกลืนกินความร้อนอย่างหิวกระหาย ใน ทันใด ตาเหลือกลานด้วยความกลัว มือยกมาตะกุยใบหน้าตัวเอง เขารูต้ วั วางมือแนบตะเข็บกางเกง ยืนระวังตรงอีกครัง้ แท่งน�ำ้ แข็ง ไหลหลุดจากใบหน้า เลือ่ นผ่านผ้าคลุมและเสือ้ โค้ต ตกเกรียวกราวบนพืน้ กระท่อม ทหารโซเวียตกร้านศึกจดจ�ำเรื่องที่เกิดขึ้นหนึ่งปีก่อนหน้านี้ :

ผมได้รบั ค�ำสัง่ ให้ลากรถถังปลอมไปใกล้เบียลึยและโฮล์ม แซ็ปเปอร์สร้าง รถถังปลอมจากไม้อดั และท่อนไม้ ผมลากสายโยงหกคันตามหลังรถถังของผม ลากจูงไปราว 30-40 กิโลเมตรบนถนนสายหลัก เครือ่ งบินสังเกตการณ์ของ เยอรมันโฉบลงมากราดยิง พร้อมกับถ่ายภาพทางอากาศ วันถัดมา ถนนมีใบปลิวโปรยปรายลงมา “ไอ้รัส, พวกแกลากจูง รถถังไม้อัด รถถังของกูแดเรียนไปออกันจ่อหน้ามอสโกแล้ว”

ถนนโคลน เครือ่ งยนต์สง่ เสียงค�ำรามประท้วง ล้อติดหล่ม รถถัง รถบรรทุก เคลื่อน ปืนใหญ่ม้าลาก ตรงไปยังแนวหน้า ทหารราบเดินแถวเรียงเดีย่ ว หม้อสนามสีด�ำกวัดแกว่งบนเป้หลังของ ทหารบางคน วงหน้าทหาร ทั้งแก่และหนุ่ม ล้อมด้วยผืนขนสัตว์ปิดหู เชือกรัดใต้คางแน่นหนา ม้าตัวสั่นระริกจากการออกแรงลาก กระท่อม โผล่มาให้เห็นในทันใด ในยามที่ลมหอบหิมะขาดหายไป หญิงชาวนา ผ้าคลุมศีรษะดึงต�ำ่ แทบจะปิดดวงตา มองพวกเราเคลือ่ นผ่าน สายตาจ้อง เขม็ง ครุ่นคิด ฉันสดับความรู้สึกร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทุกคน กับทุกอย่าง ในช่วงนั้น ความรู้สึกแปลกพิลึก ยากที่จะบรรยายด้วยถ้อยค�ำ ถนนข้างหน้าแยกเป็นสองแพร่ง หญิงจากเยลเนีย ห่อหุม้ ด้วยเสือ้ โค้ต บุขนแกะตัวโคร่ง ปืนไรเฟิลสะพายเฉียง มือข้างหนึ่งโบกธง อีกข้างถือ 26 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


ตะเกียงลาน เธอหยุดขบวนรถ ตรวจเอกสารและสิง่ ของทีบ่ รรทุกมา เธอ จัดการส่งทหารบาดเจ็บทีต่ อ้ งไปรักษาตัวในโรงพยาบาล คนขับบางคนยัว่ หยอก บางคนก่นด่า พวกเขาเดินทางมุ่งหน้าสืบไป หิมะตกหนา ไอหมอกขาวขุ่นแผ่คลุมท้องทุ่งและเส้นทาง เสียงปืน ดังไม่ไกลนัก แนวหน้าทอดยืดยาวเกินไป แนวป้องกันถูกเจาะเข้ามา ใคร ก็คงคาดได้ว่าจะเห็นทหารเยอรมันโผล่หน้ามา ทหารหญิงยืนประจ�ำการ ที่จุดตรวจ ความยากล�ำบาก ความห้าวหาญ ความหวัง ความชื่นมื่น และความเจ็บปวดรวดร้าวของสงคราม ไหลเคลื่อนผ่านเลยเธอไป

“ทหาร! มอสโกรอท่าอยู่ข้างหน้าท่านแล้ว!” จากอนุทนิ ของร้อยโทคูรต์ กรูมนั น์ กรมทหารราบที่ 185 กองพันที่ 87 :

กรมของเรารับรุ่งสางของวันที่ 22 มิถุนายน ที่แนวหน้า เวลา 0305 ระเบิดมือลูกแรก ขว้างข้ามเส้นแบ่งกั้น หลั ง การศึ ก ครั้ ง แรก ตลอดทางไปจนถึ ง เบี ย ลึ ย สโตค ฉั น ได้ รั บ อิสริยาภรณ์ ‘กางเขนเหล็ก’ ชั้นสอง หลังจากนั้น เราอิดโรยอ่อนเปลี้ยใน แนวหลัง เราหวนนึกถึงห้วงเวลาแสนสุขในดินแดนทีเ่ คยเป็นโปแลนด์ ยังจ�ำ อาหารโปแลนด์ภาคสนามเลิศรส ช่วงนัน้ เองทีฉ่ นั ได้ขา่ วร้าย ฮานส์, น้องชาย เสียชีวิตเยี่ยงวีรบุรุษ

ฉันคุย้ ค้นหอจดหมายเหตุสว่ นตัว รวบรวมเรือ่ งราวสงคราม ฉันพบอนุทนิ เล่มนี้ ฉันนึกไม่ออกในช่วงนัน้ ว่าท�ำไมฉันถึงได้เก็บอนุทนิ ของทหารเยอรมัน ไว้ ในเมือ่ ฉันมีเอกสารกองท่วมหัว พยายามเก็บแต่เฉพาะสิง่ ทีส่ �ำคัญทีส่ ดุ หลังจากฉันพลิกอ่านอนุทิน ฉันพบเนื้อหาที่กล่าวถึงรเชฟ เข้าใจแล้วว่า เพราะเหตุใด ฉันถึงได้เก็บอนุทินเล่มนี้ไว้ อนุทินของกรูมันน์ เริ่มต้นเมื่อกองทัพเยอรมัน ยกมาถึงประตูเมือง มอสโก ชะตากรรมร่อแร่ของเมืองหลวง ผูกโยงกับความเจ็บปวดขมขื่น นพดล เวชสวัสดิ์ 27


การเสียสละใหญ่หลวงของผู้ป้องกันเมืองหลวงที่หัวสะพานรเชฟ...เมืองนี้ จะมีบทบาทส�ำคัญต่อชะตาชีวิตของฉัน ห้าเดือนเมื่อการสู้รบนองเลือดสิ้นสุดลง จอมพลชูคอฟมองว่าเดือน พฤศจิกายน 1941 เป็นช่วงเวลาวิกฤตที่สุด คุกคามมอสโกมากที่สุด ชะตากรรมของเมืองหลวงชี้ขาดกันด้วยผลการศึก อนุทินของกรูมันน์ เรียงล�ำดับเหตุการณ์จากบุกประชิดมอสโก สถานการณ์พลิกผัน เดือน ธันวาคม กองทัพแดงทีถ่ กู บดขยีจ้ นแทบไม่เหลือ พลิกกลับเป็นฝ่ายรุกรบ นับเป็นครั้งแรกในสงคราม ทหารเยอรมันพานพบความพ่ายแพ้หมดรูป กรูมนั น์บรรยายความงุนงงสับสน อาวุธทีถ่ กู ละทิง้ ไว้เบือ้ งหลัง และความ โกลาหลที่ไม่เคยพบมาก่อน ยกเว้นตอนที่กองทัพฝรั่งเศสถอยร่นไม่เป็น ขบวน การบรรยายทุกฉากด้วยความสัตย์จริง มอบโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ช่วยให้เราเห็นภาพสถานการณ์ผา่ นสายตาข้าศึก ในยามทีพ่ วกเขา, ทหาร เยอรมัน อยู่ใกล้ชัยชนะเพียงแค่ยื่นมือออกไปคว้าไว้ แต่ความหวังนั้น มอดมลาย จบลงด้วยการถอยทัพอย่างรีบด่วน 17 พฤศจิกายน 1941 ฉันอยากย้อนเวลากลับไปหาช่วงทีม่ แี ต่ความทรงจ�ำดีๆ ช่วงการฝึกหนักจนกร้าวแกร่ง ความงามของท้องทุง่ ในแวรฺซายส์ สุขใจเมือ่ ได้ นึกถึงห้วงย�ำ่ เย็นในสโมสรนายทหาร อาร์มแชร์หนานุม่ กระดกแก้วแอบแซ็งธ์ พรายฟอง หรือคอนญัคเลื่องชื่อ : มาร์แตล เฮนเนสซี หรือมงมูสโซ การ ติดยศนายทหาร ท�ำให้ฝันวัยหนุ่มเป็นความจริงแล้ว เหตุการณ์สุดพิเศษ การไปเยือนปารีส ปลุกชีวิตใหม่ของฉัน มหานครแห่งแสง สวยงามชวนให้ เมามาย เป็นเอกสิทธิ์ของฉันที่ได้เห็น จากนั้น เสียงรถไฟกึงกังโยกไหว ฉันพบตัวเองในรถไฟขบวนนั้น นายทหารใหม่หมาดของกองร้อยจักรยาน เราเข้าสู่สนามรบ หลังการเดินทางทางรถไฟยาวนาน เรามาถึง สโมเลนสกา ฉันไม่มีวันลืมความขมขื่นของการสู้ศึก ที่มีความสูญเสียอย่าง หนักทั้งสองฝ่าย วันที่ 18 ตุลาคม ผูบ้ งั คับบัญชามอบอิสริยาภรณ์กางเขนเหล็ก ชัน้ หนึง่ 28 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


ให้ฉัน หลังจากนั้น ฉันต้องทานทนฤดูกาลแห่งโคลนหนืดที่ไม่มีทางเคลื่อน ผ่านได้ ในช่วงเวลานี้ ฉันเรียนรู้การขี่ม้า ฉันจดจ�ำสนามกีฬาฮลอชเชฟกา จมอยู่ในทะเลโคลนได้ เราข้ามท้องทุ่งโบโรดิโน...ทุ่งที่นโปเลียนท�ำการรบ ที่นั่นยังเหลืออนุสาวรีย์เสาแหลม ที่ฝังศพทหาร เราลุยข้ามแม่น�้ำมอสโก เดินทัพไปยังวิเชนกี เรายันการรุกของข้าศึกไว้ได้ การพบกันครัง้ แรกของเรา กับกองพลไซบีเรีย จุดเริ่มต้นของการรุกคืบไปหามอสโก////

ต้นเดือนตุลาคม ฉัน, เยเลนา ยังอยู่ในมอสโก ขบวนอาสาสมัคร : นักศึกษา คนงานโรงงาน นักวิชาการ เดินแถวตามเลนินกราด ไฮเวย์ (บัดนีเ้ ปลีย่ นชือ่ เป็นเลนินกราด โพรสเพ็คต์)...มุง่ ไปยังแนวหน้า เพือ่ ป้องกัน มอสโก นักศึกษาวิทยาลัยดนตรีมอสโก, นักดนตรีของเรา เดินผ่านหน้า ทุกคนเดินแถวไปป้องกันมอสโก อีกฟากหนึง่ ของทางหลวง รถรางสาย 12 (ปัจจุบนั ยังใช้เส้นทางเดิม) น�ำทหารได้รบั บาดเจ็บจากแนวหน้า กลับมา ยังสถานีรถรางบนทางหลวงโวโลโคลามสก์...เราอยู่ใกล้แนวหน้าขนาดนั้น ถึงตอนนี้ รถไฟทางไกลไปได้ไกลแค่สามสถานี รถไฟขบวนอื่น ไปถึง แค่ที่จอดกลางทุ่ง ที่สถานีเบียลารุสเซีย ใกล้บ้านของฉัน มีกับดักรถถัง ‘เรือใบยักษ์’ และก�ำแพงกั้นบนถนนการ์เด็นริง หน้าต่างร้านค้าก่ออิฐปิด เหลือช่องยิงปืนไว้ มอสโกเตรียมพร้อมส�ำหรับการรบกลางถนน เมือ่ สงครามมาเยือน เราจะป้องกันบ้านเรือนของเรา หน้าทีข่ องฉัน จะเป็นการเฝ้าระวังบนยอดตึกสูง และดับระเบิดเพลิง ฉันมีกองทรายอยู่ ใกล้ตวั แต่ไม่มใี ครบอกใครสอนว่าจะใช้ทรายท�ำอะไร ฉันอยูท่ นี่ นั่ โดดเดีย่ ว เฝ้าระวังมหานคร ส่วนหนึ่งของการช่วยชาติยามสงคราม เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นจากการทิ้งระเบิดไม่ห่างนัก และทันใด ปืน ต่อสู้อากาศยานบนหลังคาตึกข้างเคียงเปิดฉากการยิง เผยต�ำแหน่งที่ตั้ง ของเรา มหานครพรางไฟ ทุกอย่างกลืนหายไปในความมืด กระสุนส่อง แสงสว่างวาบขึน้ ฟ้า แปลกพิลกึ ยากจะหยัง่ ได้ น่าหวาดหวัน่ และสุดสวย จนลมหายใจแทบขาดห้วง นพดล เวชสวัสดิ์ 29


ในช่วงต้นของการระดมพลขนานใหญ่ ส�ำนักเกณฑ์ทหารท�ำงาน มือเป็นระวิง ไม่มีทางแทรกเข้าไปได้ ป่วยการที่ผู้หญิงที่ไม่แกร่งพอ จะเป็นทหาร ไม่มีคุณสมบัติเป็นประโยชน์ใดๆ จะเบียดแทรกเข้าไปใน ส�ำนักเกณฑ์ทหารได้ ฉันกับวิคา มอลต์ ถูกส่งไปยังโรงงานนาฬิกามอสโกหมายเลข 2 จากแผนการระดมผล เปลี่ยนการผลิตนาฬิกาเป็นการผลิตซองกระสุน แน่อยู่แล้ว ฉันกับวิคา ไม่มีความคิดที่จะมานั่งจับเจ่าช่วยชาติตลอดห้วง สงครามในโรงงาน ในช่วงกลางวัน เราช่วยชาติด้วยการผลิตยุทธภัณฑ์ และหลังเลิกงาน เข้าเรียนหลักสูตรพยาบาลเร่งรัด เราไม่มีที่พักเป็นหลักแหล่ง ย้ายที่พักไปเรื่อยๆ ในอาคารร้างบน ถนนมาลายา บรอนนายา เพื่อนเร่ร่อนคนหนึ่งของฉันเป็นภาพบาดตา โครงกระดูกใหญ่ ซีโ่ ครงบานคล้ายจะลัน่ กรอบแกรบ แต่ยนื มัน่ บนสองขา มีป้ายหมายเลข 4417 แขวนรอบเอว เขาอพยพย้ายที่ไปพร้อมกับเรา ไปยังห้องอาหารของร้านช�ำ ย้ายต่อไปยังโรงพละของโรงเรียน แม้แต่ กระทัง่ หลืบเวทีของโรงละครยิวบนถนนมาลายา บรอนนายา “ชูว่ ,์ มีการ ซ้อมละครอยู่!” โรงละครเตรียมพร้อมส�ำหรับการแสดงฤดูกาลที่จะมาถึง เราได้รบั ประกาศนียบัตรการศึกษาหลักสูตรพยาบาลเร่งรัด แต่แล้ว ก็ ไ ด้ ท ราบว่ า ไม่ มี ใ ครพร้ อ มจะส่ ง เราออกไปยั ง แนวหน้ า มี ก ารตั้ ง โรงพยาบาลทางตะวันออกของประเทศ ความคิดของพวกเรามีเพียง อย่างเดียว...เดินทางไปยังแนวหน้า ฉันทราบข่าวมาว่ามีโครงการเร่งด่วน เกณฑ์นักศึกษาเข้าไปเรียนหลักสูตรล่ามทหาร...ล่ามขาดแคลนอย่างหนัก นีไ่ ม่ใช่สงครามโลกครัง้ ที่ 1 ทีน่ ายทหารพูดภาษาข้าศึกหลายภาษาได้อย่าง แตกฉาน สภาวการณ์ตอนนี้แตกต่างไปจากนั้น ในยุคโน้น ไม่มีโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศเป็นการพิเศษ แต่ โรงเรียนส่วนใหญ่ สอนภาษาเยอรมันพื้นฐาน จะสอนอย่างไร เราคิด อย่างไร ประมวลไว้ในบทกวีที่โรงเรียนของเรา : 30 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


เยอรมัน เราไม่เรียน เรียนเยอรมัน ฉันผินหลังให้ ในสหภาพโซเวียตนี่นา? เสียเวลาเปลืองเปล่าไปกับ ไนน์ อุนด์ ยา?* เถอะ, มุง่ สูแ่ นวหน้า กองทัพขาดแคลนล่าม หากไม่มลี า่ ม การรบ ก็ไม่ได้ผลเต็มที่ ความคิดเหล่านี้จมลงในหัว กองบัญชาการออกค�ำสั่ง ทันใด ก่อตั้งโรงเรียนนักแปลทหารในคณะภาษาตะวันตกของกองทัพ การสอบเอนทรานซ์น่าหัวร่อ เหมาะควรแก่ระดับการศึกษาของเรา อย่างยิง่ พวกเราบางคน รวมทัง้ ฉัน เรียนภาษาเยอรมันมาตัง้ แต่จ�ำความ ได้ ฉันเห็นชือ่ ของฉันอยูใ่ นกลุม่ ทีส่ อบผ่าน อย่างไรก็ตาม ในช่วงนัน้ ฉัน ขึ้นบัญชีรอ เป็นแค่ส�ำรอง เพราะมีแต่เด็กหนุ่มเท่านั้นที่ได้รับเลือก มี ข่าวลือแพร่มาว่าล่ามต้องผ่านการฝึกโดดร่ม หลายวันผ่านไป การสู้รบเคลื่อนมาใกล้คาลีนิน...โอรโยลแตกแล้ว ในท้ายทีส่ ดุ วันที่ 9 ตุลาคม ฉันไปสอบถามว่าฉันจะได้บรรจุเข้ากองทัพ เมือ่ ใด? ผูพ้ นั ให้ค�ำตอบ “คุณต้องเข้าพิธสี าบานตนก่อน...คุณตัดสินใจเอง ศึกษาสถานการณ์ให้ดี ถ้าคุณยังไม่เปลี่ยนใจ...” เขาบอกชื่อและสถานที่ ให้ฉันไปรายงานตัวในวันถัดไป การเก็บข้าวของไม่กินเวลานาน ฉันซักเสื้อผ้าแล้วเสร็จในวันก่อน แต่ผ้าปูเตียงและปลอกหมอน ไม่ยอมแห้งในอพาร์ตเมนต์หนาวเย็น ดังนั้น ฉันตากทิ้งไว้ในห้องครัว ฉันเก็บผ้าห่มเก่าลงกระเป๋าเดินทาง ผ้าผืนนี้รับใช้ฉันมานาน ใช้เป็นผ้ารองรีด มีรอยไหม้เป็นหย่อม ผ้าห่มที่ จะร่วมทางฉันไปตลอดสงคราม ฉันไม่อาจใช้ผ้าลายต่อ เก็บอะไรลงกระเป๋าบ้าง ฉันจ�ำไม่ได้ เพราะฉันลืมแม้แต่ผ้าเช็ดตัว เหมือนอาสาสมัครคนอื่นๆ ฉันแน่ใจว่าทางการจะส่งเราไปยังแนวหน้า * ทั้งไม่และใช่หรือ นพดล เวชสวัสดิ์ 31


ท�ำหน้าที่ป้องกันมอสโก และกองทัพจะจัดหาข้าวของทุกอย่างที่เราจะ เป็นต้องใช้ให้เราเอง แต่ในโลกความเป็นจริงแตกต่างออกไป เรือกลไฟจอดเทียบท่ารอเราอยู่ เรานัง่ เรือไปในคลองมอสโก-โวลกา การสู้รบคืบเคลื่อนมาใกล้มอสโกแล้ว ในวันที่ 10 ตุลาคม การเดินทาง ยาวไกลและเชือ่ งช้า ทุกข์ทรมาน กระวนกระวายใจ แต่กอ็ ยากรูอ้ ยากเห็น จะเกิดอะไรต่อพวกเราหรือเปล่า? เราหิว มีสังหรณ์ลางร้ายในใจ เรา ไม่รู้ว่าเรือจะพาเราไปที่ใด เพราะการเดินทางเป็นความลับทางทหาร ในท้ายทีส่ ดุ เรือกลไฟเทียบท่าในเมืองเล็กสตาฟโรโพล ริมฝัง่ แม่นำ�้ โวลกา ในเวลาต่อมา ที่แนวหน้าเมืองรเชฟ ฉันแปลเอกสารที่ยึดมาได้ เดือน ตุลาคม 1941 :

ถึงทหารแห่งเยอรมนี : ค�ำประกาศ ทหารทัง้ หลาย! มอสโกตัง้ อยูต่ อ่ หน้าท่านแล้ว ในการศึกสองปีทผี่ า่ นมา เมืองหลวงนานาประเทศ ค้อมยอมจ�ำนนต่อพวกท่าน ท่านเดินแถวตบเท้า ผ่านท้องถนนของมหานครงดงามทีส่ ดุ เหลือเพียงมอสโก บีบบังคับมันให้คอ้ ม ค�ำนับ อวดแสนยานุภาพของอาวุธของท่าน เดินแถวผ่านลานจัตุรัสของมัน มอสโกคือจุดสิ้นสุดของสงคราม! กองบัญชาการทหารสูงสุดเวร์มัคต์

จากอนุทินของ คูร์ต กรูมันน์ :

18 พฤศจิกายน 1941 วันนี้มาถึงแล้ว เรามีส่วนร่วมในการปิดล้อม มอสโก กองพันที่ 3 เจาะแนวป้องกันของข้าศึกที่ชายป่า เรามุ่งหน้าไปยัง เปโตรโว จากค�ำให้การของเชลย จะมีปราการกลางทุ่ง กองพันข้างเราหลง ทางถนนกลางป่าหิมะคลุม แผนที่ไม่แม่นย�ำ แทบใช้งานไม่ได้ 20 พฤศจิกายน มีการยิงถล่มด้วยห่าจรวดเพิ่มขึ้น ทหารตั้งชื่อเล่นให้ว่า ออร์แกนของสตาลิน เรายังไม่โดน เขาเล่ากันว่าจรวดระเบิดตูมตามรอบข้าง 32 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


ท�ำลายขวัญก�ำลังใจยิ่งไปกว่าแรงระเบิด 21 พฤศจิกายน กระสุนปืนใหญ่ตกกลางหมู่บา้ น ทุกคนทิ้งตัวนอน ราบบนพืน้ ข้างนอกมีเสียงกรีดร้องเสียงครวญครางของผูไ้ ด้รบั บาดเจ็บ ปืน ต้านรถถังของเราไม่ระคายผิวรถถังหนักของโซเวียต เราขอกองหนุน หน่วย ปืนต่อสู้อากาศยาน 22 พฤศจิกายน ข้าศึกเข้าตีกรมที่ 173 เราตอบโต้อย่างหนัก ข้าศึก แพ้พ่าย ทหารโซเวียตตายเกลื่อนทุ่ง 60 คน ตกเป็นเชลยอีกหนึ่งร้อย การรุกคืบของเราเป็นภาพที่จุดความฮึกเหิมให้ทุกคนที่ได้เห็น ทหาร ทัง้ กรมทะลักออกจากป่า บุกเข้าตีหมูบ่ า้ น ในทันใด รถถัง T-34 แล่นออก จากด้านหลังหมูบ่ า้ น พ่นกระสุนทัง้ ใหญ่และเล็ก ปืนต่อต้านรถถังทุกกระบอก และปืนต่อสูอ้ ากาศยานเบนไปหา เห็นได้ชดั ว่าอสุรกายตนนัน้ ปืนขัดข้อง ยิง ได้เพียงแค่หา่ กระสุนปืนกลหนัก กระสุนปืนใหญ่ยงิ เข้าท่อไอเสีย เครือ่ งยนต์ ลุกไหม้ แต่รถถังแล่นเร็ว ตีนตะขาบหลุด ในท้ายที่สุด รถถังหมุนติ้วรอบ ตัว กระสุนอีกนัดปลิดตีนตะขาบอีกข้างให้หลุด รถถัง T-34 แน่นิ่งอยู่กับที่

ที่แนวหน้า ในฐานะล่าม ฉันได้รับค�ำสั่งให้เพื่อสอบปากค�ำนายทหารที่ ถูกจับเป็นเชลยศึกว่า ทหารเยอรมันมองเห็นจุดใดที่เป็นจุดแกร่งของ กองทัพแดงของเรา เชลยมักจะบอกว่า เป็นรถถัง T-34 จิตแกร่งใบหน้า เรียบเฉยของทหารโซเวียต และจอมพลชูคอฟ...ฉันบอกเรื่องนี้ให้ท่าน ทราบ ในตอนที่เราพบหน้ากัน 25-29 พฤศจิกายน 1941 เราล้มเหลว ไม่อาจเจาะแนวต้านของข้าศึกได้ หน่วยรบ SS และรถถังของเรา ยึดหมู่บ้านอิสตราไว้ได้ และรุกคืบต่อไป ทางตะวันออก ถึงตอนนี้ พวกมันสกัดกั้นไม่ให้เราได้รับเกียรติในฐานะ หน่วยรบแรกที่บุกไปถึงมอสโก เราฝังศพเพื่อนทหารหาญในกรมของเราที่ ซุรมีโน ความหวังของเราฝากไว้ที่รถถังของกูแดเรียน ซึ่งเจาะแนวข้าศึก มุ่งหน้าไปยังมอสโกจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ นพดล เวชสวัสดิ์ 33


5 ธันวาคม 1941 ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะมีทหารมาผลัดเปลี่ยนเมื่อใด เราเริ่มค�ำนวณแล้วว่า เมื่อใดที่ทหารคนสุดท้ายของกองพลของเราจะหมด ขีดความสามารถในการรบ และไม่เหลือก�ำลังพลที่จะถืออาวุธ มีทหารเหลือ น้อยจนไม่มพี ลปืนกลหนักและเครือ่ งยิงลูกระเบิดหนัก ถ้าเราสูญเสียมากกว่านี้ เราจะไม่มีใครใช้อาวุธพวกนั้นอีกแล้ว อาวุธพวกนั้น รวมทั้งการขนส่งอาวุธ ถูกทิง้ ไว้เบือ้ งหลังในตอนทีเ่ ราเดินเข้าหมูบ่ า้ นรุซา เพราะไม่เหลือทหารมากพอ 7 ธันวาคม 1941 เราตระหนักแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปักหลักในแนว ต้านรับ ฉันกับผู้บังคับบัญชา ออกไปส�ำรวจหาต�ำแหน่งใหม่ เราใช้โรงเลี้ยง เด็กก�ำพร้าเป็นทีพ่ ยาบาล ทหารแปดสิบนายเข้ามารักษาตัว สีส่ บิ คนบาดเจ็บ ด้วยอาการน�้ำแข็งกัด ระดับสองและสาม จะเกิดอะไรต่อจากนี้? มีประโยชน์ใดในการศึกครั้งนี้? 11 ธันวาคม 1941 กองระวังหลัง ถอนตัวตามค�ำสั่งเบื้องบน เผา หมู่บ้านทิ้ง แสงเพลิงเจิดจ้าจุดค�่ำคืนมืดมิดให้สว่างโร่ เวลา 1500 เรารับฟังสุนทรพจน์ของฟือห์เรอร์ ปราศรัยในไรชตาก เรายินดียิ่งที่เยอรมนีประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกา กองทัพเรือของเรา จะตอบโต้การท้าทายหยาบคายจองหองของโรสเวลต์อย่างสาสม 16 ธันวาคม 1941 ฉันเดินทางผ่านหมูบ่ า้ นรุซา ละทิง้ แทบจะทิง้ ร้าง ว่างเปล่า กระท่อมไม้ไหม้ทโี่ น่นบ้างทีน่ บี่ า้ ง คบเพลิงจุดเผาทัง้ เมือง สว่างจ้า เหมือนกลางวัน ในยามกลางคืน ค�ำสัง่ ตกมาถึง : เตรียมให้พร้อมส�ำหรับการ ต้านรับ ในท้ายทีส่ ดุ ค�ำสัง่ ของฟือห์เรอร์ผปู้ ราดเปรือ่ ง สัง่ ตรงมายังพวกเรา แล้ว เราจะต้องไม่ถอยมากไปกว่านี้ เราต้องยึดรุซาไว้ให้จงได้ สูร้ บจนถึงคน สุดท้าย รุซาจะเป็นหัวสะพานของเรา

จอมพลวัลเทอร์ ฟอน เบราคิตช์ ผู้บัญชาการทหารบก มองเห็นความ ล้มเหลวของ บลิตซ์ครีก-การรุกสายฟ้าแลบ มองว่าการถอยทัพจากมอสโก เป็นภัยพิบัติ และส่งสัญญาณบอกว่าเราพ่ายแพ้การศึกนี้แล้ว เขากับ เหล่านายพล กดดันให้ถอนก�ำลังทหารทัง้ หมด กลับเข้ามาในดินแดนไรช์ 34 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


ฮิตเลอร์ปลดเบราคิตช์ ท่านผู้น�ำเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพอยู่แล้ว ท่าน ประกาศแต่งตั้งตนเองเป็นผู้บัญชาการทหารบก สงครามยังด�ำเนินต่อไป กองก�ำลังแนวหน้าเยอรมันร้องขอเสื้อผ้า หนาอุน่ จากฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายหลังเชือ่ ว่าการรุกรบสายฟ้าแลบจะเผด็จศึก ได้ในฤดูร้อน ไม่มีความจ�ำเป็นต้องใช้เสื้อผ้าหนาอุ่น จากแผน ‘บาร์บารอสซา’ การโจมตีโซเวียต ก�ำหนดไว้ในวันที่ 15 พฤษภาคม 1941 หากเริ่มต้นวันเดือนปีนั้น ทหารเยอรมันก็คงความ ได้เปรียบอย่างส�ำคัญก่อนฤดูหนาวมาถึง แต่แผนนีส้ ะดุดไปจากปฏิบตั กิ าร ในกรี ซ จากข้ อ มู ล ในอนุ ทิ น ของเกบเบิ ล ส์ ที่ ไ ด้ จ ากหอจดหมายเหตุ สภาคณะรัฐมนตรี ฉันพบรายการที่เขา, เกบเบิลส์ พูดคุยปรึกษากับ ฮิ ต เลอร์ ก่ อ นจะเปิ ด ฉากสงครามกั บ สหภาพโซเวี ย ต เขาวาดแผน บลิตซ์ครีก พิชิตโซเวียตได้ในแทบจะทันที ฮิตเลอร์ยอมรับ “ปฏิบัติการ ในกรีซท�ำให้ทรัพยากรของเราร่อยหรอ จ�ำต้องทดเวลาไปอีกชัว่ ระยะหนึง่ โชคยังเข้าข้าง ลมฟ้าอากาศเลวร้าย การเก็บเกี่ยวยังไม่เกิดขึ้นในยูเครน (16 มิถุนายน 1941)” ในฤดูใบไม้ผลิปี 1941 ฮิตเลอร์ประกาศสงครามกับกรีซ หลังจาก กรีซไม่ยอมรับการยืน่ ค�ำขาดจากอิตาลี, พันธมิตรของเยอรมนี การศึกไม่ เป็นธรรม ระหว่างเกาะเล็กกับกองทัพนาซีเกรียงไกร ซึง่ ถึงช่วงนีแ้ ทบจะ ผนวกแทบทุกประเทศในภาคพื้นยุโรปไว้ใต้ฝ่าเท้าแล้ว การหยัดยืนต้านสู้ ห้าวหาญของประเทศเล็กจ้อย ท�ำนายผลได้สถานเดียว แต่ก็พอจะฉุด ขาหลังกองทัพเยอรมัน จนท�ำให้การศึกในคาบสมุทรบอลข่านสะดุดไป ในทศวรรษ 1980 ฉันมีโอกาสไปเยือนกรีซใน ‘วันโอกี’ วันฉลองชัย แห่งชาติกรีซ วันที่ 28 ตุลาคม ชาวกรีกเปล่งเสียง ‘Okhi’ หรือ ‘No’ ต่อการยื่นค�ำขาดของอิตาลี ชาวกรีกลุกขึ้นสู้ คนหนุ่มสาวออกมา เดินขบวนเฉลิมฉลองวันหยุด ภาพชวนให้น�้ำตาคลอ เสื้อเบลาส์สีขาว อกเสื้อแต่ละคนติดธงชาติกรีก ฉันหลั่งน�้ำตาให้กับเรื่องนี้ เมื่อได้คิดว่าวันโอกีของกรีซส่งผลกระทบ นพดล เวชสวัสดิ์ 35


อย่างส�ำคัญต่อคนรัสเซีย...วันสุดพิเศษที่ส่งผลต่อโฉมหน้าสงคราม 21 ธันวาคม 1941 ระยะแรก ในทุกหมู่บ้านที่เรายึดครอง เราอยากได้ อะไรมาปรนเปรอตัวเรา เราคว้าชิงมา บัดนี้ เราถอยกลับมายังต�ำบลเดิม และดูเหมือนว่าเราไม่เหลืออะไรให้หยิบฉวย ไม่รวู้ า่ จะหันหน้าไปพึง่ พาใครได้ 28 ธันวาคม 1941 ทุกคนทุกข์ทรมานไปกับแมลงรบกวน โชคร้าย การปันส่วนขนมปังลดลงฮวบฮาบ ไม่มใี ครมีโอกาสได้เปลีย่ นเสือ้ ผ้านานหลายเดือน ทุกคนสกปรกมอมแมม กางเกงชั้นในอยู่ในเป้หลังตั้งแต่ฤดูร้อน ถ้าอยากท�ำความสะอาด ต้องใช้ มากกว่าน�้ำและสบู่ และต้องมีความเชื่อมั่นเปี่ยมล้นว่าเสื้อผ้าซักแล้ว จะมี เวลาพอที่จะตากให้แห้ง ในภาวการณ์ที่เป็นอยู่ ทหารบาดเจ็บป่วยไข้ทุกคน ต้องอยู่ในภาวะเตรียมพร้อม 29 ธันวาคม 1941 การขาดแคลนเสื้อผ้าฤดูหนาว! จะง่ายกว่าถ้ามี การเตรียมไว้ให้พร้อมตัง้ แต่ฤดูใบไม้รว่ ง เป็นทีท่ ราบกันดีแล้วว่าจะไม่มเี สือ้ ผ้า เครื่องแบบส�ำหรับการรุกรบ ในเมื่อไม่ได้ส่งเสื้อผ้าฤดูหนาวมาล่วงหน้าให้ ทันการณ์ กองบัญชาการสูงสุดกองทัพแดง อย่าได้หลอกตัวเองว่าจะได้รบั ชัยชนะ งดงามสุกปลัง่ ความส�ำเร็จของพวกแกในห้วงเวลานี้ เกิดจากความผิดพลาด ของฝ่ายเราทั้งสิ้น ไม่ต้องสงสัย พวกบอลเชวิกจะได้รับซับซาบพลังอ�ำนาจ กราดเกรี้ยวของพวกเราในฤดูร้อนที่จะมาถึง ในแอฟริกาเหนือ ดูเหมือนว่าพวกอังกฤษจะรวมพลกันได้อกี ครัง้ เป็น ฝ่ายรุกแล้ว ในลิเบีย เราไม่มีก�ำลังพลเพียงพอ เพราะเราถอนก�ำลังมารบ ทางตะวันออก เราฝากความหวังทั้งมวลไว้กับรอมเมล 30 ธันวาคม 1941 คนท้องถิน่ ทีห่ ลบหนีจากหมูบ่ า้ น เดินทางกลับมา แล้ว เสาะหาอาหาร พวกเราจะต้องไม่มคี วามปรานี เราไม่อาจแบ่งปันอาหาร น้อยนิดที่เรามีอยู่ ปล่อยให้ความอดอยากปิดงานที่ลูกตะกั่วท�ำไม่ส�ำเร็จ!

36 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


วลีนี้แทบจะถอดตามตัวอักษรของค�ำสั่งของฮิตเลอร์ เผยนโยบาย การใช้ความอดอยากเป็นอีกหนทางหนึง่ ในการล้างเผ่าพันธุช์ นเผ่าสลาฟ ที่ ฮิตเลอร์บรรยายไว้ว่าเป็นสงครามเชื้อชาติ นี่เป็นครั้งแรกที่กล่าวถึงใน อนุทินของกรูมันน์...เขามองเห็นคนท้องถิ่น เขาปล่อยให้ชาวบ้านอดตาย 31 ธันวาคม 1941 ในห้องอุ่น ต้นคริสต์มาสประดับด้วยเทียนไขสว่างไสว เป็นครั้งสุดท้าย ฟ้าโปร่ง ดาวระยิบระยับพราวเต็มฟ้า อากาศหนาวเยือก 11 มกราคม 1942 รเชฟกับคาลุกา กลายเป็นสนามรบดุเดือดใน ขณะนี้...เราขุดสนามเพลาะ ส�ำหรับกรมทหารราบที่ 185 ไม่มีการถอยทัพ หากรักษาที่มั่นไม่ได้ ก็ต้องตาย 20 มกราคม 1942 ลบ 40 องศา กับดักรถถัง ขดลวดหนาม เตรียมไว้เพื่ออะไร? น่าเสียดายยิ่งที่ต้องทิ้งที่นี่ไว้ให้คนสกปรกรุ่งริ่ง ทหาร กรมอื่นๆ เกือบทั้งหมดในกองพลของเรา ถอยทัพไปแล้ว อีกครั้ง ทหาร หลายนายป่วยน�้ำแข็งกัด ในหลายหมู่บ้าน บ่อน�้ำระเบิดทิ้งไปสิ้นแล้ว ท้องฟ้าย�ำ่ เย็นแดงฉานในหลายแห่ง หมูบ่ า้ นถูกจ่อคบเพลิงเผา ไฟไหม้ รุนแรง เปลวไฟแลบเลียกลืนกระท่อมซอมซ่ออย่างตะกละตะกราม สงคราม ไร้เมตตาปรานี นั่นหมายถึง ถ้าไม่ใช่พวกมัน ก็เป็นเรา...

อนุทินปิดท้ายด้วยวาบความคิดนั้น ในเมืองและหมูบ่ า้ นรอบกรุงมอสโก ทีท่ หารเยอรมันถอยร่นหลบหนี ฉันเห็นโปสเตอร์ละลานตา ‘แดร์ รุสเชิน มุสส์ ชแตร์เบิน, ดามิต เวียร์ เลเบิน’ (คนรัสเซียต้องตาย เพื่อให้เรามีชีวิตอยู่)

‘อาวุธของเธอในสงครามนี้คือ ภาษาเยอรมัน’ ในเดือนมกราคม ในห้วงที่ผู้หมวดเยอรมันเขียนบันทึกลงในอนุทิน เรา, นักศึกษารุน่ แรก จบการศึกษาหลักสูตรล่ามกองทัพ เดินทางออกจากเมือง นพดล เวชสวัสดิ์ 37


สตาฟโรโพลริมฝั่งแม่น�้ ำโวลกา ดาวทองเหลืองนายทหารติดปกเสื้อ เมืองเล็กเงียบสงบ ขนาดใหญ่กว่าหมู่บ้านเล็กน้อย ใช้ชื่อเดียวกันกับ เมื อ งใหญ่ ส ตาฟโรโพลในคอเคซั ส เหนื อ หลั ก สู ต รการแปลจั ด ขึ้ น ใน ละแวกกองบังคับการสนับสนุน ซึ่งย้ายจากมอสโกมายังคุยบีเชฟ จาก สตาฟโรโพลไปยังคุยบีเชฟ ล่องน�ำ้ โวลกาลงมา 100 กิโลเมตร ไม่มรี ถไฟ ไม่มถี นน และในยามทีโ่ วลกากลายเป็นแผ่นน�ำ้ แข็ง เราถูกตัดขาดจากโลก ภายนอก จนกว่าเส้นทางเลื่อนน�้ำแข็งจะขีดเส้นทางในแม่น�้ำได้ ในเมืองทีไ่ ม่อาจจัดเข้าจ�ำพวกใด มีเนินเขาปริศนาเป็นฉากหลังแม่น�้ำ โวลกา แสงไฟวับแวมสาดผ่านช่องหน้าต่างน�ำ้ แข็งเกาะ เสียงหวีดหวิวของ เลือ่ นเคลือ่ นผ่านไปบนหิมะหยุน่ นุม่ ในห้วงเงียบสงัดชัว่ นิรนั ดร์ ไม่มเี สียง สะเทือนเลื่อนลั่นของสายฟ้าสงคราม อย่างไรก็ตาม แม้แต่ที่นี่ สงคราม ยังส่งสัญญาณบ่งบอกการด�ำรงอยู่ : ผูล้ ภี้ ยั หนีตายจากต�ำบลทีม่ กี ารรบพุง่ ฉากสะเทือนอารมณ์ในตลาดนัดที่ความยากจนพบเจอการขูดรีดค้าก�ำไร ในโรงอาหาร บริกรสาวหน้าใหม่ล้วนแต่เป็นหญิงมีครรภ์ผู้หนีภัยสงคราม สภาเมืองออกค�ำสั่งว่าหญิงมีครรภ์ สมควรจะได้รับ ‘ความช่วยเหลือ เชิงมนุษยธรรม’ โดยเปิดโอกาสให้ท�ำงานในหน่วยงานจัดหาอาหารที่ ด�ำเนินการโดยรัฐบาล ในเมื่อเราถูกตัดขาดจากมอสโก ชีวิตที่นี่ด�ำเนินไปอย่างไร? เราตก อยู่ในห้วงกระวนกระวายว้าวุ่นใจ วันหนึ่งในฤดูหนาว ทหารทั้งกองพล เคลื่อนผ่าน หรือกล่าวให้ชัด ทหารที่เหลืออยู่ในกองพลนั้น เดินแถวไป ตามถนนกลางเมือง ผ่านหน้าต่างของส�ำนักงานที่ดินที่เรานั่งเรียนหนังสือ กันอยู่ พวกเขามาไกล มาจากสงคราม ทหารกองทัพแดง เดินกะเผลก ลากเท้าในรองเท้าบูต๊ และผ้าหุม้ สวมทับรองเท้า เยือกแข็ง และเหนือ่ ยล้า บทเรียนวันนั้น จะเป็นบัญญัติของเวร์มัคต์ เราจะต้องจ�ำให้ขึ้นใจ ‘จิตวิญญาณแห่งการรุกรบกราดเกรี้ยวของทหารราบเยอรมัน...’ สายตา บันทึกภาพแถวทหารที่โซซัดโซเซเคลื่อนผ่าน เราไร้เสียงพูดจา มายืนออ กันทีช่ อ่ งหน้าต่าง ตาเบิกโพลง ไม่อาจละสายตาไปมองทางอืน่ ได้ กองพล 38 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


กระเซ็นซ่านแตกพ่าย ส่งกลับเข้าใจกลางดินแดนโซเวียต เพือ่ รวมพลใหม่ อีกครั้ง ในขบวนทหาร มีสีขาวแทรกกระจาย แขนที่อยู่ในบ่วงคล้องคอ น�้ำแข็งกัดในเส้นทาง ผ้าพันแผลหุ้มทับใบหูใต้หมวกหนีบ ทหารบางคน นอนมาบนเลื่อน แถวทหารไม่มวี แี่ ววว่าจะขาดหาย ยังทยอยกันมาเป็นสาย เหนือ่ ยล้า และเยือกแข็ง แถวทหารคล้ายไร้ที่สิ้นสุด ความมืดมาเยือน ดูเหมือนว่า ทหารจะเคลือ่ นผ่านมาอีกตลอดทัง้ คืน ส�ำนึกแห่งความพ่ายแพ้เย็นวาบไป ทั่วสันหลังของเรา และช่วงเวลานั้นเองที่เราให้สัตย์สาบาน หัวหน้าภาควิชาที่ด�ำเนินการสอนหลักสูตรของเรา เป็นนายทหาร หน้ า ตาหล่ อ เหลา พลโท นิ โ คไล บิ ย าซี อดี ต ทู ต ทหารในอิ ต าลี เดินทางมาถึงโดยเลื่อนน�้ำแข็งเตี้ยและกว้าง หยิบยืมมาจากโรงพยาบาล เดินย่องในรองเท้าบู๊ตขนสัตว์ที่ยังต้องรอการปราบพยศให้ชินเท้า เขา เข้ามาในห้องของส�ำนักงานที่ดิน นักศึกษาหมวดแรกตั้งแถวรอรับ เพื่อ จะให้สตั ย์สาบาน เขายืน่ มือไปอังความร้อนจากเตากลางห้อง กล่าวสัน้ ๆ เพียงว่า “อนาคตของมาตุภูมิวางเป็นเค้าเดิมพัน” เราสืบเท้ามาข้างหน้าทีละคน อ่านจากแผ่นบัตรที่ได้รับแจก ‘หาก ข้าพเจ้าตระบัดสัตย์ต่อค�ำสาบานนี้ ข้าจะต้องทัณฑ์ร้ายแรงของกฎหมาย โซเวียต ตกเป็นเป้าแห่งความเกลียดชังและการหยามหมิน่ ของกรรมาชน’ เราลงลายเซ็นก�ำกับ การศึกษาของเราด�ำเนินสืบไป เนือ้ หาวันนีจ้ ะเป็น ‘ผังองค์กรของกองทัพ เยอรมัน’ ครูสอนยศร้อยเอก ผมดกหนาสีน�้ำตาล แสกผมคมกริบ หน้าตาคมสันช่วงวัยสามสิบ เราไม่ได้ทุ่มความสนใจให้มากพอ ใจลอยแยกไปสองที่ วิญญาณ ของเราติดปีกโบยบินไปแล้ว ซากร่างยังนัง่ อยูใ่ นส�ำนักงานทีด่ นิ เหม่อมอง ออกไปยังถนนสายกลางเมือง ถนนหิมะขาวโพลน ทอดยาวไปหาแม่น�้ำ โวลกา เลยไกลไปกว่านั้น...แนวหน้า นพดล เวชสวัสดิ์ 39


มีปนื ใหญ่กกี่ ระบอกในกรมทหารปืนใหญ่เยอรมัน? มีกระสุนปืนใหญ่ มากแค่ไหน? ปืนใหญ่เยอรมันขนาดกี่คาลิเบอร์? เครื่องบินเยอรมันมี กี่ประเภท? (เฮนเชิล 126, ยุงค์เคอร์ 88, เมสเซอร์ชมิตต์ 109) เรื่อง ยากเกินกว่าจะจ�ำได้ เมือ่ ไปถึงแนวหน้า เราแยกแยะเรือ่ งพวกนีไ้ ด้อยูแ่ ล้ว แต่ที่นี่และเดี๋ยวนี้ เราไม่ได้ตั้งใจท่องและจดจ�ำจริงจัง บทเรียนทีส่ อนโดย เอาเออร์บาค, ครูพลเรือน ตืน่ เต้นน่าสนใจกว่า เราเล่นบท ‘เธอเป็นเชลย ฉันเป็นล่าม ฉันเป็นเชลย เธอเป็นล่าม ได้ เวลาคุยกันจริงจังเสียที’ สหายพลเรือน, เอาเออร์บาค ไม่เหมือนครูคนอื่นๆ ไม่ได้ติดยศ ร้อยเอกที่แสกผมได้คมกริบ เอาเออร์บาคชายร่างเล็ก สวมสูทบอสตัน สี น�้ ำ เงิ น ที่ ไ ม่ ไ ด้ พ บเห็ น บ่ อ ยนั ก นอกมอสโก ดู ผิ ด แผกแตกกลุ ่ ม จาก เครื่องแบบทหารและเสื้อโค้ตตัวโคร่งสีเทา เขาเกิดในสวิตเซอร์แลนด์ แต่ใช้ชีวิตเกือบทั้งหมดในรัสเซีย เค้าหน้าท่าทางทุ่มเทให้กับงานที่ท�ำ อาจเป็นได้วา่ งานคือแผ่นดินแม่ของเขา และเขาเป็นผูห้ ว่านไถปลูกพืชผล หลักสูตรของพวกเราเพิ่งก่อตั้ง ท�ำนองการสอนยังไม่มีรูปแบบแน่ชัด ดังนั้น เขาเป็นมหาคุรุ เลือกเส้นทางตามใจตนเอง เขาหว่านโปรย พืชพรรณทรงค่ายิ่งให้พวกเรา เพือ่ ให้คนุ้ กับภาษาการทหารของข้าศึก เราทดสอบการแปลเอกสาร ที่เพิ่งได้มา ลงวันที่ในเดือนธันวาคมนี้ ส่งมาจากกองบังคับการสนับสนุน ข้อควรระวังเรื่องความเยือกแข็ง 1. การปกป้องฉุกเฉินจากความเยือกแข็ง รองหมวกเหล็กด้วยผ้าขนสัตว์ ผ้าเช็ดหน้า หมวกหนีบ หรือ กระดาษ หนังสือพิมพ์ขย�ำให้ยบั พร้อมกับสวมหมวกไหมพรมคลุมหน้า อาจดัดแปลง หมวกคลุมหน้าหรือผ้าพันแขนจากผ้าพันหุม้ แข้ง ผ้าพันแขนอาจใช้ถงุ เท้าเก่า ได้เช่นกัน จะเป็นการดีถ้าจะสวมเสื้อเชิ้ตซ้อนสองตัว (แม้จะเนื้อบาง) แทนการ 40 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


สวมเชิ้ตหนาตัวเดียว (ช่องว่างระหว่างเชิ้ตบางสองตัว จะเป็นฉนวนเก็บกัก ความร้อน) ต้องดูแลท่อนล่างเป็นพิเศษ ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์รองซ้อนระหว่าง เสื้อตัวในกับตัวนอก หรือใช้เสื้อผ้าเก่าพันห่อหุ้ม ส�ำหรับขาและเข่า : กระดาษหนังสือพิมพ์สอดระหว่างลองจอห์นกับ กางเกง ช่องเปิดของกางเกงในต้องเย็บปิด สวมกางเกงวอร์มก่อนกางเกง ขายาว...

เนือ้ หาทีท่ �ำให้พวกเราหัวเราะออกมา ข้าศึกหมดรูป เราอารมณ์ดที นั ควัน เมือ่ นึกถึงว่าไอ้เลวพวกนัน้ เหน็บหนาว ต้องใช้กระดาษหนังสือพิมพ์พนั หุม้ ท่อนขา แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกสะใจที่ข้าศึกทุกข์ทรมานไปกับ ความหนาวเยือก เหมือนพวกเรา คล้ายจะไม่เหมาะควรนัก ความรู้สึก ชวนฉงนดีแท้ ในระหว่างที่เราคุยกันเรื่องปืนใหญ่ เฮนเชิล 126 ยุงค์เคอร์ 88 กฎข้อบังคับของทหาร ทุกอย่างดูคล้ายจะจัดเรียงกันหมดจด แปลกแยก จับต้องไม่ได้ และคุกคาม แต่บันทึกเตือนความทรงจ�ำให้ภาพแจ่มชัด ในเรื่องราวที่พวกเขาพบเจอ พวกเขาทุกข์ทรมานกลางความหนาวเยือก พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตขยับได้เคลื่อนไหวได้ แม่นำ�้ โวลกาจับตัวเป็นน�ำ้ แข็ง ตัดขาดพวกเราจากโลกภายนอก แต่ คืนหนึ่ง ข่าวแพร่ไปทั่วท้องถนนหิมะปกคลุมขาวโพลน...เยอรมันถูกไล่ตี ถอยร่นไม่เป็นขบวนจากมอสโกแล้ว! เราทนนั่งอยู่ในห้องเรียนไม่ได้ เรา กลับไปยังที่พัก สวมกอดหนุ่มๆ ร้องร�ำท�ำเพลง จากนั้น ฉันได้รับ จดหมายจากพี่ชาย พลลาดตระเวนทหารม้า กรมอาสาสมัครมอสโก : ‘เราอยู่ที่ไหน? เยอรมันวิ่งหนีแตกพ่าย!’ จะมีอะไรดีไปกว่านั้น? 14 ธันวาคม 1941 ข้าศึกเจาะผ่านแนวตั้งรับของเรา ตีโอบมาจากข้างหลัง เราท�ำลายพวกมันไม่ได้ เสี่ยงต่อการถูกตัดขาด การถอยทัพมีความส�ำคัญ นพดล เวชสวัสดิ์ 41


เร่งด่วน กรมอื่นถอยทัพเช่นกัน ท�ำให้เกิดคอขวด หมู่บ้านถัดไป, ลิโฮโว กลายเป็นความโกลาหล หลายหน่วยถอยร่น เมื่อกองพลล่าทัพ 15 ธันวาคม 1941 บนถนนทีฉ่ นั เดินทาง กล่องกระสุน กระสุนปืนใหญ่ ทิ้งอยู่ทุกหนทุกแห่ง สูงเป็นภูเขาเลากา แน่นิ่ง ไปข้างหน้าไม่ได้ ถอยกลับ ไปข้างหลังไม่ได้ 16 ธันวาคม 1941 ฉันคิดว่าครั้งนั้นครั้งเดียวที่ฉันเห็นภาพแบบนั้น จะเป็นการรุกรบทางตะวันตก เมือ่ ครัง้ ทีท่ หารฝรัง่ เศสหนีกระเจิงไม่เป็นขบวน

ฉันยังจ�ำได้ ฤดูรอ้ นทีผ่ า่ นมา เราอยูใ่ นสงครามแล้ว เราได้รบั ค�ำบอกกล่าว ว่า ‘คนโซเวียตจะป้องกันมาตุภมู ิ เกียรติศกั ดิ์ และเสรีภาพ’ และมอสโก ในขณะนั้น รถยนต์ที่มีธงต่างชาติแล่นไปมาบนท้องถนน ช่วยเหลือ ครอบครัวพนักงานสถานทูตให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ ฉันยืนอยู่ในฝูงชน เงียบเชียบข้างล�ำโพงใหญ่ที่นิกิตาเกต ผู้ประกาศเตือนประชาชนให้ทราบ ว่าสถานการณ์เลวร้าย อีกฟากหนึง่ ของถนน โรงภาพยนตร์ฉายเรือ่ ง เมือ่ คนตายฟื้นคืนชีพ ฉันจ�ำได้เช่นกัน วันแรกของสงคราม ทางการแจก ‘ม่านพรางไฟ’ ให้ทุกคน ท�ำจากกระดาษเหนียวที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน เราจะน�ำ แผ่นม่านไปตอกติดกรอบไม้ ปิดช่องหน้าต่าง บดบังแสงไฟไม่ให้ลอด ออกมา ม่านพรางไฟจะติดไว้ตลอดช่วงสงคราม บัดนี้ ทุกอย่างทีว่ าดภาพ คิดขึ้นมาได้ ทุกอย่างที่เราท�ำ มีหน่วยวัดเวลาคือ ‘ตลอดช่วงสงคราม’ นี่หากฉันรีดกางเกงสักตัว ก็คงพอจะบอกได้ว่า “เอานี่ไปสวมใส่ สวม ไว้ตลอดช่วงสงคราม” แนวคิดเวลาแบบใหม่ มิใช่ปจั จุบนั ไม่ใช่อนาคต แต่เป็นปัจจุบนั กาล ที่แผ่ขยายไปในอนาคต ไม่ได้ไปในอนาคตไกลนัก...เพียงแค่อนาคตจุดที่ สงครามสิ้ น สุ ด เสี ย งอุ ท ธรณ์ แ ค่ แ กนๆ ใช่ แ ล้ ว , พวกเราหงุ ด หงิ ด ชะงักงัน และอมยิ้มไปกับวิถีใหม่ “โอ, แค่เรื่องนั้น สงครามคลุมหัวเรา อยู่นาน” แต่ทุกคนยังสบายดี ยังมีชีวิต และไม่ได้รับผลกระทบ 42 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


บัดนี้ เชอร์ชิลกล่าวว่า “เราจะทิ้งระเบิดเบอร์ลิน ทั้งวันทั้งคืน” บัดนี้ ระเบิดลูกแรกตกลงในมอสโก และบัดนี้ บัตรปันส่วนใบแรกแจกจ่ายให้ผู้คน มหานครมีข้อบกพร่อง แต่ก็ยังเผยให้เห็นมิติที่ไม่เคยมีใครคาดคิด และพืน้ ผิวทีไ่ ม่มใี ครมองเห็นมาก่อน เรายังมีหลังคาคลุมหัว สูงเหนือพืน้ ดิน ที่ท�ำงานของเรา เฝ้าระวังระเบิดเพลิง ผู้คนมีห้องใต้ดินเป็นหลุมหลบภัย มีหญิงและชายสุดแกร่งสวมหน้ากากกันแก๊สพิษพาดไหล่ คอยชี้แนะ บอกทางประชาชนตืน่ ตระหนก จากจุดทีร่ ะเบิดตก พอจะได้ยนิ เสียงกรีด ร้องของเด็กๆ เสียงสตรีร�่ำไห้กระซิกๆ เจ้าหนูอายุหกขวบ ยืนเกาะไหล่ มารดาผู้นั่งบนพื้นห้อง โยกตัวลูกน้อยมีผ้าห่มห่อหุ้มร่าง กล่อมให้หลับ เด็กน้อยเจ่อปาก ปลอบโยนมารดาเป็นระยะ “พวกมันจัดการพวกเรา ไม่ได้” ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะท�ำลายมอสโก ไม่ง่ายที่สงครามจะบดขยี้เธอให้ แหลกลาญ มหานครมีหลายชั้นซ้อนทับกันอยู่ แยกไม่ออกจากอดีต ที่เพิ่งผ่านมา ดังนั้น ทั้งมหานครไม่ได้จมอยู่ในไฟสงคราม ถึงกระนั้น แง่ มุ ม สุ ด สามั ญ ผุ ด โผล่ ภ าพแปลกตาให้ เ ห็ น กลิ่ น ดอกต้ น ยาสู บ ใน สวนหย่อมอาคารของเรา ผีพุ่งไต้สว่างวาบจากท้องฟ้ามืดสนิท ช่วงนี้ เดือนสิงหาคม มีดาวตกให้เห็น ฉันเขียนไว้ในอนุทิน เดือนสิงหาคม 1941 ‘จดจ�ำเรื่องนี้ไว้ กลิ่นดอกต้นยาสูบ พลังอ�ำนาจโซเวียต ผีพุ่งไต้’ ตู้จดหมายทางเข้าประตู มีโปสการ์ดแจ้งให้ทราบว่า มหาวิทยาลัยจะ เปิดเรียนวันที่ 1 กันยายน ตามปกติ เส้นทางและการเดินรถราง ยังคง เหมือนเหมือนเมื่อครั้งที่ฉันเรียนชั้นประถม มีภัตตาคารเล็กบนถนน ทเวียรสกอย บูเลอวาร์ด ทีฉ่ นั เคยไปหลบฝน ได้ยนิ เสียงร้องเพลงทุม้ ลึก ของยิปซี สงครามไม่ได้หยุดหอนาฬิกาประจ�ำเมืองที่ลานจัตุรัสพุชกิน จุดนัดพบของพวกเรา เพียงแต่วา่ เราไม่ได้กลับไปเรียนในมหาวิทยาลัยในวันที่ 1 กันยายน เราจะกล่าวค�ำอ�ำลามอสโก และจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว เนื่องเพราะ นพดล เวชสวัสดิ์ 43


ในยามทีเ่ ราเดินทางกลับบ้านหลังสงคราม มหานครแห่งนีเ้ ปลีย่ นไปไม่เหลือ เค้าเดิม หลักสูตรและสิง่ ทีค่ ล้ายการสอบ จะด�ำเนินต่อไปอีกหนึง่ สัปดาห์ ในช่วงทีเ่ ดิน ไปโรงอาหาร เราร้องเพลงประจ�ำหลักสูตร (อย่างไม่เป็นทางการ) เป็นครั้ง สุดท้าย

เขาเดินผ่านประตู เป็นล่ามทหาร แม้จะพยายามแล้วพยายามอีก ไม่ ได้แม้กระผีกการฝึก ยังเป็นเพียงแค่เด็กสาว เหมือนเงาทอดยาว... แท้จริงแล้ว เราได้การฝึกส่วนหนึ่ง แต่เพิ่งตระหนัก (เอาเออร์บาค แตกตืน่ ) ตระหนกว่าเราไม่ได้เรียนรูค้ �ำสบถเยอรมัน ถ้านายทหารจ�ำต้อง สบถก่นด่าเชลย และล่ามไม่มีขุมค�ำศัพท์จะถอดความออกมาได้เล่า? ความอกสั่นขวัญหาย กองบัญชาการสั่งให้เอาเออร์บาครวบรวมค�ำด่า ภาษาเยอรมัน...ด่วนอย่างยิง่ เขาจะโผล่หน้าเข้ามาในห้องโฆษณาชวนเชือ่ ในตอนเย็น ห้องที่เรามานั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบ ใต้แสงตะเกียงสว่าง เป็นพิเศษ ‘ค้างถั่ว’ เป็นค�ำด่าค�ำหนัก (เขารู้ภาษาเยอรมันมากกว่า ภาษารัสเซีย) ในทันใด เขาตาตกหน้าหมองทุกข์เศร้า จ้องมองสาวน้อย จากสถาบันปรัชญาวรรณกรรมและประวัตศิ าสตร์มอสโก คนทีเ่ ขาหลงรัก และเปิดใจบอกเธอตามตรง “เมื่อคุณไปปรากฏตัวที่แนวหน้า จะท�ำให้ ต่อมศีลธรรมของกองพลบาวาเรียทั้งกองพล แตกกระจาย” ในบทเรียนท้ายสุด เขาสอนเราอย่างเร่งรีบ “พวกคุณจะไปโดดร่มลง หลังแนวข้าศึก เท้าแตะพื้น ในทันใด นาซี! โผล่พรวดพราดออกมาจาก พุม่ ไม้ ลองวาดภาพดูซ.ี ..” ฉันวาดภาพนัน้ ไม่ได้ แต่กผ็ งกศีรษะสนองรับ 44 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


“คุณอาจตะโกนว่า ‘หยุด!’ แต่นั่นยังไม่เพียงพอ หากจะท�ำให้ ขวัญก�ำลังใจของข้าศึกเสื่อมทราม คุณจะต้องตะโกนก่นด่ามันหยาบคาย ร้อนแรงทีส่ ดุ ” เขาเขย่งยืนบนปลายเท้าให้รา่ งสูงใหญ่ขนึ้ แผดเสียงคุกคาม สุดชีวิตออกมา “ในนาทีข้างหน้า ฉันจะทุบหัวแกแรงที่สุด จนหัวแกไป ชนก�ำแพง สมองกระจาย ต้องใช้ช้อนตักมารวมเป็นกอง!” “กีโนสซี* เอาเออร์บาค ไม่มีการด่าหมดจด สั้นๆ เนื้อๆ กว่านี้ เลยหรือ?” พจนานุกรมค�ำสบถเยอรมัน ส่งตามหลังพวกเราไปยังแนวหน้า แต่ คูม่ อื ค�ำด่าไปไม่ถงึ กองอ�ำนวยการ แม้วา่ หนังสืออ้างอิงของเขา ไม่มคี วาม จ�ำเป็นต้องใช้งาน ฉันยังเศร้าที่ไม่ได้เป็นเจ้าของผลงานเลอค่าโดดเด่น เฉพาะตัวเล่มนี้ หลังจากทราบเรือ่ งนี้ ผูอ้ า่ นท่านหนึง่ ...ในทศวรรษ 1990 กรุณาบริจาคหนังสือของเธอให้ฉัน ของขวัญล�้ำค่าเกินไปกว่าผลงาน สุดพิเศษ พิจารณาจากถ้อยค�ำที่เขียนมอบให้ที่ใบรองปก ความสัมพันธ์ ล�้ำเกินกว่าครูกับลูกศิษย์ ฉันพลิกอ่าน สังเกตเห็นในทันทีวา่ ‘beanpole-ค้างถัว่ ’ จะสลับใช้ แทนค�ำว่า ‘hatrack-ที่แขวนหมวก’ ความหมายต่างกันเล็กน้อย ค�ำสุด โปรดของเอาเออร์บาค ไม่ได้จ�ำกัดอยู่ที่ปมร่างเล็กของเขา ค�ำสบถก่นด่า หลากหลายยิ่ง อาทิ ‘swindler-คนหลอกลวง’, ‘cunning thiefหัวขโมยเจ้าเล่ห์’, ‘cannibal-คนเถื่อน’, ‘milksop-หน้าตัวเมีย’, ‘coffee grinder-เครื่ อ งบดกาแฟ’ (chatterbox-คนพู ด จ้ อ ), ‘illegitimate person-ลู ก นอกสมรส’, ‘cutthroat-เชื อ ดคอ’, ‘clapped-out nag-ไอ้เฒ่าขีบ้ น่ ’, ‘obscurantist-คนขีฉ้ อ้ ’, ‘Hitler dog -หมาของฮิตเลอร์’, ‘bumhole-ไอ้รูทวาร’ ถ้าพบเจอทหารเหล่า SS ต้องด่าด้วยค�ำว่า ‘lacquered turd-มันเปลวขัดเงา’ เอาเออร์บาค เรียบเรียงผลงานได้นา่ อัศจรรย์ใจ ลอดหูลอดตาพนักงานเซนเซอร์ หลายค�ำ * สหาย นพดล เวชสวัสดิ์ 45


ในยุคนั้น ไม่อาจตีพิมพ์ได้ ภายใต้ค�ำอุทิศ เขาประกาศเกียรติคุณตนเอง ไว้ ‘ผู้ประพันธ์พจนานุกรมค�ำสบถเล่มเดียวในโลก, ธีโอ เอาเออร์บาค’ ฉันเพิ่งส�ำนึกรู้ ในขณะที่ฉันเขียนหนังสือเล่มนี้ ห้วงเวลาของเขา, เอาเออร์บาค ทีส่ ตาฟโรโพล ช่วงรวบรวมถ้อยบริภาษด่าทอ น่าจะเป็นช่วง รุง่ โรจน์สกุ ปลัง่ ทีส่ ดุ ในชีวติ ของเขา วาบความคิดทีท่ �ำให้ฉนั ละห้อยโหยหา

ปีใหม่ 1942 ผู้บังคับบัญชาร่วมกันจัดงานเลี้ยงที่โรงหมักนมม้า ฉลองปีใหม่รวบผสม กับการเลี้ยงส่งพวกเราสู่แนวหน้า พลโท บิยาซี บอกพวกเรา “อาวุธ ของพวกคุณในสงครามนี้คือ ภาษาเยอรมัน คุณจะได้รับการสอนให้ใช้ อาวุธปืน เมื่อเดินทางไปถึงแนวหน้าแล้ว” เพียงเท่านั้น เราลาจาก ได้การศึกษาเร่งรัดหลักสูตรภาษาเยอรมัน สองเดือนครึ่ง เพราะกองทัพขาดแคลนล่ามในแนวหน้า “กี โ นสเซ็ น ” วั น นี้ เ สี ย งของครู เ อาเออร์ บ าคค่ อ นข้ า งเครี ย ด เป็นงานเป็นการ “นี่จะเป็นบทเรียนท้ายสุดของพวกคุณ” เขาเงียบไป พวกเรารอคอยด้วยความอดทน พยายามไม่ยุกยิก ไม่หายใจแรงเกินไป เขาเขย่งยืนบนปลายเท้า เอื้อนเสียงเครียดขรึม ไคน์ เวเซิน คันน์ ซู นิชตส์ แซร์ฟัลเลิน! ดัส เอวิเกอ เรกต์ ซิช ฟอร์ต อิน อัลเลิน อัม ไซน์ แอร์ฮัลเทอ ดิช เบกลึคต์ สิ่งมีชีวิตไม่ ได้สูญสิ้นไปเสียทั้งหมด! แต่แปรความเป็นนิรันดร์ ในหลากรูปแบบ การมีชีวิตอยู่ก็ควรอยู่อย่างเป็นสุข 46 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


ในช่วงนัน้ เรางุนนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไร แต่แปรความเป็นนิรนั ดร์ ในหลากรูปแบบ เกอเธ่รจนาไว้หมดจด เอาเออร์บาคเงียบไปอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวต่อด้วยเสียงราบเรียบ “ฉันอยากให้พวกคุณ, กีโนสเซ็น จดจ�ำร�ำลึกว่าผูป้ ระพันธ์กวีนพิ นธ์บทนีค้ อื คนเยอรมัน หากเราได้ชยั ชนะ ก�ำจัดท�ำลายระบอบฟาสซิสต์ในเยอรมนีสิ้นไปแล้ว เราจะมีทั้งศักดิ์และ สิทธิทจี่ ะบอกตนเองว่าจะไม่มที าง...แม้แต่ในห้วงเวลาหลายปีของสงคราม และความโหดเหี้ยม...ไม่มีวันที่เราจะหยุดรักภาษาแสนสวยภาษานี้” เราถามใจตัวเอง ความสัมพันธ์ของเรากับภาษาเยอรมัน ไม่ได้ล�้ำ เกินประสบการณ์ในห้องเรียน แต่นนั่ เป็นอีกเรือ่ ง เราซาบซึง้ ใจสะเทือนใจ ไปกับมาดเครียดขรึมของครูเอาเออร์บาคเมือ่ สัง่ ลาพวกเรา เราได้รบั หมวก ทีม่ แี ถบปิดหู สาวๆ เปลีย่ นรองเท้าบูต๊ ผ้าใบเป็นรองเท้าบูต๊ หนัง จริงด้วย! ได้เวลาที่เราจะออกเดินทางกันแล้ว ลาก่อน! สตาฟโรโพล! เราเป็น หน่วยรบล่ามทหารรุ่นแรก เราพักอาศัยอยู่ที่นั่นไม่ถึงสี่เดือน แต่ประกาศนียบัตรจดแจ้งว่า เราผ่านการศึกษาหลักสูตรสีเ่ ดือน (แทนทีจ่ ะเป็นสองเดือนครึง่ ) ความรูส้ กึ คล้ายเวลาผ่านไปยุคหนึง่ เลย เราใช้ชวี ติ ในห้วงหมุนเหวีย่ งเร่งร้อน พร้อม จะลาจาก

การเดินทาง ‘เอ้! เฮ้! มารดาโวลกา!’ เส้นทางโบราณของเลื่อนหิมะ หนึ่งร้อย เวิร์ส* ทอดยาวอยู่ข้างหน้า จากโวลกาไปยังคุยบีเชฟ ชายชราเงียบขรึมสวมเสื้อโค้ตบุขนแกะ เครา โดนลมเป่าไปฟากหนึ่ง ดูแลรับผิดชอบความปลอดภัยของพวกเรา เขา ร่วมทางมากับเด็กหนุ่มที่ท�ำหน้าที่ดูแลม้าท�ำไร่คอมมูน * 1 เวิร์ส = 1.07 กิโลเมตร นพดล เวชสวัสดิ์ 47


เราเข้าไปนัง่ ประจ�ำทีบ่ นเลือ่ นหิมะ ซุกเท้าจมอยูใ่ นกองฟางปูพนื้ เลือ่ น เคลื่อนออกจากที่ เด็กหนุ่ม, อายุราวสิบห้าเศษ วิ่งเคียงข้างเลื่อน มือ ไม่ปล่อยบังเหียน เลื่อนของเราแล่นตามผู้เบิกทาง เลี้ยวโค้งโยกโยน เอียดออด ได้ความเร็วเพิม่ ขึน้ ทุกขณะในยามทีแ่ ล่นผ่านลานตลาดว่างเปล่า กลางหมู่บ้าน ส่งเศษฟางและก้อนมูลม้าเยือกแข็งปลิวกระจายเหนือผืน หิมะ เลื่อนแล่นลงเนินไปยังแม่น�้ำโวลกา ไปตามทางกว้างมีร่องรอยการ ใช้งานเป็นทาง แล่นไล่ตามเลื่อนหลังอื่นๆ คนขับกระโจนขึ้นเลื่อน แส้ สะบัดหวดม้า แผดเสียงตวาด “เฮ้! มารดาโวลกา!” นั่นเองที่เราเริ่มการเดินทางสู่แนวหน้า เส้นทางแห่งความทรงจ�ำ กว่าสามสิบปีลว่ งมาแล้ว ฉันเคยบรรยายเส้นทางเลียบแม่นำ�้ โวลกา บัดนี้ ฉันกระวนกระวาย เกรงไปว่าจะกล่าวซ�้ำแล้วซ�้ำเล่า แต่ในเมื่อคนเรา รอคอย ปีแล้วปีเล่า เขียนเล่าเรือ่ งราวในชีวติ เราก็เลีย่ งไม่ได้ทจี่ ะยกเรือ่ ง นัน้ มาเล่าซ�้ำ (มีความส�ำคัญจริงหรือ?) เล่าเรือ่ งเดิมซ�้ำและย�ำ้ อีกครัง้ ...ถ้า เราต้องการมุมมองใหม่ท�ำความเข้าใจชีวิตและตัวเอง ฉันหวังว่าในกรณี ของฉัน การร�ำพึงควรมีเหตุผลอันควรอยู่บ้าง เราเดิ น มุ ่ ง หน้ า สื บ ไป ม้ า ลากเลื่ อ น เลื่ อ นส่า ยโยกโยน หิ มะ โปรยปรายเหมือนห่มคลุมด้วยผ้าห่มสีเทา แม่นำ�้ โวลกาเยือกแข็งขาวโพลน เคลือ่ นหายไปเบือ้ งหลัง ตลิง่ หิมะคลุมมีกงิ่ ก้านพงพุม่ แทงทะลุหมิ ะออกมา เลยไกลไปจากตลิ่งลาดลงมาหาแม่น�้ำ จะเป็นท้องทุ่งขาวโพลน ผืนดิน แผ่ไกลไปจรดขอบฟ้า ตลิ่งเคลื่อนหายคล้ายโดนทุ่งขาวโพลนกวักมือ ลวงล่อให้ล่าถอยไปข้างหลัง ในทันใด กระท่อมโผล่ขึ้นมากลางทุ่งหิมะ ใครอยูอ่ าศัยทีน่ ไี่ ด้? เราแล่นเร็วมุง่ ไปข้างหน้า ปลิดขาดจากการท่องและจ�ำ บทเรียนเยอรมัน หลุดเข้าไปในโลกลึกลับที่ไม่มีใครเคยเยือนมาก่อน มองย้อนกลับไปในอดีต ฉันกล้าพูดได้วา่ เราไม่เคยปลอดโปร่งโล่งใจ อย่างนี้มาก่อน และจะไม่มีอีกแล้วที่จะไร้กังวลเยี่ยงนั้น ย�่ำสนธยา ม้า ลากตัวข้ามเนินเข้าไปในหมู่บ้าน เราลงจากเลื่อน ล้มลุกคลุกคลาน จมลงในหิมะหนา 48 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


หมาเห่าเสียงบาดหู เหนือหลังคากระท่อม ควันบิดม้วนเป็นแท่ง ตั้งตรง บัดนี้ ไม่มีหิมะใต้ฝ่าเท้า หากแต่เป็นกระดานไม้ปูพื้น กลิ่นอับ อวลไออุ่นของกระท่อม ทารกร้องจ้า เสียงรองเท้าบู๊ต เสียงสวบสาบ ในลานบ้านอีกฟากหนึ่งผนังไม้ซุง ตาสีเทาเหลือกมองเงียบเชียบจาก ผ้าคลุมศีรษะ เฝ้าจับตามองเราเรียงตัวคน สังเกตสังกาคณะผู้มาเยือน มือสว่างเรื่อเรืองจากถ่านแดงที่ลุกโพลงด้วยเหล็กเขี่ยไฟ น�ำ้ แข็งเกาะเคราละลายไปแล้ว ข้าวต้มเดือดในหม้อเหล็ก การพูดคุย ยามค�่ำคืนกับเจ้านายของบ้าน ข้างซาโมวาร์*ทองเหลืองบูบี้ ค�่ำคืนการ นอนหลับพักผ่อนใต้เสื้อโค้ตตัวโคร่ง บนพื้นกระท่อมที่ปูด้วยฟาง “ลุกขึ้น! ตื่นได้แล้ว เมอร์ซิเออร์เลอก็งพ์ต์ มีงานยิ่งใหญ่รอท่าให้ ท�ำ!” นั่นเป็นเสียงปลุกในหอพักนักศึกษา และนั่นจะเป็นเสียงคนรับใช้ ปลุกแซงต์ซิมง อีกครั้ง เราออกเดินทางบนถนนอีกครั้ง หิมะบางเบาพัด ข้ามถนน เงาร่างเลอะเลือนข้างหน้า เราไล่ตามจนทัน หญิงผ้าคลุมศีรษะ เดินเรียงเดี่ยวข้างถนน รอยทางย�่ำเป็นเส้นทางเดิน พวกเธอมุ่งหน้าไปที่ คุยบีเชฟ ไปกล่าวค�ำอ�ำลาเป็นครัง้ สุดท้ายต่อสามี, ผูช้ ายทีถ่ กู เกณฑ์ไปรบ เราเดินทางต่อไปด้วยเลื่อนหิมะ แล่นไปถึงสตรีอีกกลุ่ม ผู้หญิงเดิน เรียงเดี่ยวไปตลอดความยาวของแม่น�้ำโวลกา : หญิงบางคนจะไม่เก็บปาก เก็บค�ำ ถ้าเจอสามีขี้เมา จะมีค�ำด่าค�ำไหนที่จะไม่ใช้? แต่พวกเธอก็ยัง ก้าวเดินซวนเซ ร่างงองุม้ เยือกแข็ง รองเท้าขนสัตว์จมลึกในหิมะ พวกเธอ ไม่ได้รับค�ำสั่งใด ไม่มีก�ำหนดเวลาที่ต้องไปถึง ไม่มีห่อพัสดุกระดาษไข มี เพียงไออุน่ ในอก บ้างเป็นค�ำอ�ำลาครัง้ สุดท้าย บ้างน�ำความรักจากทางบ้าน มาฝาก เรา, ข้ารัฐการ มีเสือ้ ผ้าหนานุม่ ต้านลมหนาว มีเสบียงมีมา้ พวกเรา ที่เป็นข้ารับใช้บ้านเมือง ก�ำลังพลที่จะท�ำเรื่องยิ่งใหญ่ให้ส�ำเร็จ เดินทาง ต่อไปอย่างเงียบงัน มีเพียงคนเดียวร้องเพลงไม่เต็มเสียงนัก * หม้อต้มน�ำ้ ชงชาของรัสเซีย ใช้ความร้อนจากถ่านหรือถ่านหิน ประดิษฐ์ขนึ้ ก่อนศตวรรษที่ 18 นพดล เวชสวัสดิ์ 49


เฮ้, ปืนกล, รอสตอฟชานกา แกเป็นความภาคภูมิและความหรรษาของเรา... พายุหมิ ะฮือโหม เราวิง่ ตามหลังเลือ่ นเพือ่ ให้รา่ งอุน่ ในทันใด ผุดโผล่ กลางพายุหมิ ะ หมานัง่ นิง่ ขนปากมีนำ�้ แข็งเกาะพราว ชายคนหนึง่ มองเห็น พวกเรา เขาหยุดมือจากการตักหิมะ เหวีย่ งสาดไปทางหนึง่ ชายแปลกหน้า เสื้อโค้ตตัวยาวสีด�ำ โผล่มาจากที่ใดไม่รู้ได้ ใบหน้าไม่แก่ชรา เค้าหน้า คนมีการศึกษา เขาเขม้นจ้องพวกเราด้วยความฉงน เงียบเชียบ แววตามี ปัญญา...ในทันใด มีเสียงคนตะโกน “ไปต่อ!” เสียงนัน้ สัง่ พวกเรา “ไม่มี อะไรให้ดทู นี่ !ี่ ” ปากกระบอกไรเฟิลโผล่พน้ เสือ้ โค้ตบุขนแกะ ทีไ่ หนสักแห่ง ในละแวกนี้ จะเป็นหอคอยรักษาการณ์ เราอึดอัดใจ คาดเดาได้ไม่ยากว่า เราผ่านมาใกล้ค่ายกักกันแรงงานทาส เรารู้สึกย�่ำแย่ เราเหลียวมองรอบตัว หิมะป่วนปั่นบดบังทัศนวิสัย ไม่มีวี่แววของ ชายชุดด�ำ หมาตัวนั้น และปากกระบอกไรเฟิล เราหวนคืนสู่ความร่าเริง มึนเมาหลงเพ้อของทหารใหม่ เฮ้, ปืนกล, ปืนกลของเรา ข้าศึกของเราถูกท�ำลายสิ้น...

ทุกคนพร้อม? มีใครลาออกไหม? จากคุยบีเชฟถึงมอสโก กองบัญชาการอยู่บนถนนโกกอลบูเลอวาร์ด พวกเราราวสามสิบคนไปรวมพลกันทีน่ นั่ พันตรีผมบลอนด์หน้าตาน่ามอง เดินตรงมาพวกเรา แฟ้มเอกสารมีพหู่ อ้ ยแนบติดต้นขา เขาแจ้งให้พวกเรา ทราบว่า โดยค�ำสั่งของสหายสตาลิน มีการจัดตั้งกองก�ำลังขนส่งทาง อากาศ ก่อกวนโจมตีข้าศึกหลังแนวหน้าที่ถูกยึดครองชั่วคราว “เรา ต้องการล่าม เราลงความเห็นแล้วว่าต้องส่งพวกคุณไปให้กองทัพพลร่ม 50 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


มีค�ำถามอะไรไหม?” ไม่มใี ครมีค�ำถาม แต่ผพู้ นั หลังจากนิง่ ไปครูห่ นึง่ เพิม่ เติม “เอาเถอะ, พวกคุณจะย้ายไปร่วมกับพลร่ม เฉพาะคนสมัครใจเท่านั้น ทุกคนพร้อม? มีใครลาออกไหม? พูดเสียตอนนี้” เรือ่ งทัง้ หมด ประมวลไว้ในวินาทีนี้ สองคนปฏิเสธ สาวคนหนึง่ แจ้ง ให้ทราบว่ากลัวความสูง หนุม่ อีกคนขออยูบ่ นพืน้ ดิน พวกเราอับอายแทน คนทั้งสอง เรื่องจบเพียงเท่านั้น แล้วพวกเราที่เหลือ? แฟ้มที่มีพู่ห้อยส่งขึ้นชั้นบน มอบประวัติของ แต่ละคนให้หน่วยพลร่ม พวกเราไม่มีใครมีปัญหา แท้จริงแล้ว ทุกอย่าง สุดวิเศษ มีคนเห็นคุณค่าในตัวพวกเรา แผนกใหม่ของหน่วยพลร่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างต่อหน้าต่อตาพวกเรา พันโทลากเก้าอีท้ ไี่ หนสักแห่ง ถังผงเคลือ่ นออกจากที่ ใครบางคนท�ำอะไร บางอย่างที่ไหนสักแห่ง วันถัดมา พวกเราอยู่ในช่องทางเดิน รอคอย แน่อยู่แล้ว ไม่มี สองคนที่ชิงลาออกไปก่อน พวกเราพยายามหยัดยืน อกผายไหล่ผึ่ง เครียดในอก เราถูกเรียกตัวเข้าไปทีละคน ในท้ายที่สุด คล้ายเสียงแว่ว ห่างไกล ฉันได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง ฉันเข้าไปในห้อง รายงานตัว เหมือนที่ได้รับการสอนสั่งมาแล้วจากสตาฟโรโพล พันโทสองนาย นั่ง ปลายโต๊ะตรงข้ามกัน ทั้งสองหันหน้ามาหาประตู หันหน้ามาหาฉัน “สหายเทคนิค-พลาธิการ ชั้นสอง เล่นกีฬาไหม?” “เคยเล่นวอลเลย์บอล” (ทีมหญิง ม. สอง ได้แชมป์เขตคราสนายา เพรสเนีย ในเวลาต่อมา ฉันเลิกเล่นวอลเลย์บอล ลืมไปแล้วว่าท�ำไม) “ดี, ดี เล่นสกีได้ดีแค่ไหน?” “ไม่เก่งมาก แต่จะพยายามสุดความสามารถ” “ดี, แต่ว่าดีแค่ไหน สกีได้กี่กิโลเมตร?” ฉันเค้นสมองหาค�ำตอบ ห้า? กล่าวกันว่าไม่น่าจะพอ สามสิบ? บอกไปไม่มีใครเชื่อแน่ๆ นพดล เวชสวัสดิ์ 51


“เธอดูแลตัวเองได้” พันโทอีกคนกล่าว ยิ้มให้ฉัน “เธอจะท�ำ ทุกอย่างที่ต้องท�ำให้ส�ำเร็จ!” ฉันโล่งอกเหลือล้น ประหนึง่ ว่าฉันโดดออกจากเครือ่ ง ห้อยต่องแต่ง ใต้รม่ ชูชพี ฉันพอจะมองเห็นแล้ว เราก็เพียงแค่เคลือ่ นตามขัน้ ตอน เรือ่ ง ทัง้ หมดไม่ยงุ่ ยากน่ากลัวเหมือนทีค่ ดิ ไว้ ต่อค�ำถามของผูพ้ นั ทัง้ สอง ค�ำตอบ ของฉันไม่ชี้ชัด “แล้วเดินเป็นไง? เดินได้อึดแค่ไหน?” ผู้พันอีกคนถาม “ปีทผี่ า่ นมา ฉันเดินเขาในสวาเนเทีย...ไม่หลุดจากกลุม่ ” ทัง้ สองผงก ศีรษะ ดี ดี ท่าทางคล้ายสมคบคิดกัน และแล้ว ผู้พันสบตากัน หรี่ตา คล้ายจะเป็นการเตือนฉันว่าค�ำถามถัดไป ตรงไปตรงมาสาหัส ฉันต้อง เตรียมตัวให้พร้อม “เธอพร้อมแค่ไหนที่จะกระโดดออกจากเครื่องบิน?” ฉันเตรียมพร้อมมาแล้วส�ำหรับค�ำถามนี้ “ท�ำได้ค่ะ น่าจะเป็นการขนส่ง อีกวิธี” ทั้งสองระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ให้ก�ำลังใจ ลุกขึ้นยืน สัมผัสมือ ฉัน ‘ทุกคนพร้อม? มีใครลาออกไหม?’ หรือว่า ‘ท�ำดีหรือไม่ท�ำดี?’ ...ไม่มีที่ว่างเหลือให้ความลังเล สิ่งที่เรากลัว มิใช่สิ่งที่จะเกิดหลังการ สัมภาษณ์ หลังจากที่เดินออกจากห้องท�ำงานนี้ สิ่งที่เรากลัว จะอยู่ที่นี่ ในเสี้ยววินาที ท�ำให้เสียเรื่องไปหมด เหมือนสองคนนั้นที่ไม่พร้อมจะรับ งานนี้ เสื่อมศักดิ์ท�ำให้คนอื่นๆ เสียเกียรติ เราทุกคนร่วมกันท�ำงานนี้ เรื่องเดียวที่เป็นความจริงในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ฉันร่วมทางไปกับ คณะทัวร์ เดินเขาสวาเนเทีย ฉันเดินร่วมทางไปกับคนอื่นๆ ผลงานไม่ เลวร้ายไปกว่าเพื่อนร่วมทาง (เรามีลาบรรทุกเป้หลัง เดินผ่านช่องเขา) เรื่องอื่นๆ ที่เหลือ เหลวไหลไร้สาระ การเล่นสกี? งั้นๆ วอลเลย์บอล? ฉันเลิกเล่นตอนอายุสิบสี่ แล้วท�ำไมไม่ตอบไปตามตรง? ไม่ซี, ไม่ได้เกี่ยว กับความแกร่งของร่างกาย เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องสภาพจิต มีใครจะไม่ คล้อยตามความห้าวของพวกเขา ‘เธอจะท�ำทุกอย่างที่ต้องท�ำให้ส�ำเร็จ!’ 52 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


แล้วในเรื่องความกลัวของการโดดออกจากเครื่องบิน หากอยากได้ความ รู้สึกนั้น ก็คงไม่ต่างไปจากการโดดลงจากหอคอยในสวนสาธารณะกอร์กี เอาเถิด, ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหน ขึ้นเครื่อง บินไปกลางฟ้าแล้ว จะเกิด ตระหนกหวาดกลัวในนาทีสุดท้าย ไม่ว่าชอบหรือชัง โดนถีบออกจาก เครื่องอยู่แล้ว ตกออกมาในอากาศบางเบา ฉันรูแ้ ล้วว่าค�ำถามพวกนัน้ เป็นเพียงแค่พธิ กี าร ทุกคนพร้อมจะให้การ สนับสนุนอยู่แล้ว มีเพียงพันตรีที่มาพบเราในวันวาน คนที่ตั้งค�ำถามถึง ความมุง่ มัน่ เด็ดเดีย่ วของเรา ‘ทุกคนพร้อม? มีใครลาออกไหม?’ ในวันนี้ เบื้องบนก็เพียงหาล่ามทหารเพิ่มเติมให้หน่วยพลร่ม ฉันตอบเต็มเสียง ตอบปัญหาเชาวน์ ‘ท�ำได้ค่ะ น่าจะเป็นการขนส่งอีกวิธี’ ได้บ�ำเหน็จ รางวัลด้วยเสียงหัวเราะ แล้วท�ำไมฉันถึงยินยอมคล้อยตามพันโททั้งสอง นาย คนที่จะเปลี่ยนฉันให้เป็นทหารอีกคน เป็นอีกชื่อเติมรายการให้เต็ม ก�ำลังพลของกองพลน้อยพลร่ม? ท�ำไม? ในเมื่อฉันยังมีทางเลือกเป็นอื่น ท�ำไมฉันไม่ออกแรงต้านแรงดูดฉันให้หล่นเข้าไปในสงคราม? เพื่อนสนิทของฉัน, ยูริ ดิคอฟ บอกฉัน “จะมีเศษเสี้ยวความ ปรารถนาเสมอ ความพยายามที่จะสะสางตัวตน นิยามตัวตนให้กระจ่าง แต่คณ ุ ไม่มวี นั จะจ�ำลองแรงผลักดันทีท่ �ำให้คณ ุ กระโจนลงไปในหล่มนัน้ จะ มีปริศนามากกว่าที่คุณจะหาค�ำตอบได้” ดูเหมือนว่าเราไม่มีวันเจาะหาความจริงในตัวของเราได้ แม้ว่าจะใช้ เวลาชั่วชีวิต

ทหารใหม่ประจ�ำการ รถไฟมุ่งหน้าไปหาตูลา แล่นผ่านค�่ำคืนมืดสนิท ไม่เปิดไฟหน้า ไม่มี ไฟสัญญาณ รถไฟแล่นตะบึง เสี่ยงดวง แล่นกึงกังบนรางที่เพิ่งปะซ่อม สถานีลึกลับ จมอยู่ในความมืด บางคราว หยุดกะทันหันกลางทุ่งหิมะ ท้องทุ่งขาวโพลนเดือนมกราคม นพดล เวชสวัสดิ์ 53


ฉันได้ที่นอนชั้นบน เดิมเป็นที่เก็บสัมภาระ ไม้กระดานแข็ง หรือ หัวโขกเพดานในยามที่เปลี่ยนท่านอน ไม่ได้กวนใจฉัน เช่นเดียวกับ ควันขาวขุ่นและกลิ่นยาเส้นราคาถูก การเคลื่อนไหวสวบสาบในแสงสลัว ข้างล่าง เสียงร�่ำไห้กระซิกๆ เสียงกรน เสียงหัวเราะ เสียงสบถ และ เสียงโฉ่งฉางของกาน�้ำกระทบกัน คนที่นอนบนราวไม้เก็บสัมภาระเหนือศีรษะ ไม่ใช่ตัวฉันแท้จริง ใน วงจ�ำกัดของเปลือกมัดกล้ามเนื้อและข้อต่อที่เคยคุ้น วิญญาณไร้รูป บิน ลอยล่องมุ่งหน้าไปหาจุดหมายแล้ว...หน่วยพลร่ม ฟังดูอาจคล้ายการ เสแสร้ง แต่จะใช้วิธีใดอธิบายภาวะแห่งการไร้น�้ำหนัก ความเลอะเลือน ของเรือนกายที่ก�ำหนดไว้แล้ว ให้โดดร่มลงสู่พื้นโลกเบื้องล่าง โดยไม่มี ความรู้ใดๆ ในการบังคับร่ม ลงพื้นหลังแนวข้าศึก สถานที่ที่จะต้องมี การสู้รบดุเดือดเลือดโชก ไม่เคยจับปืน ไม่มีความรู้ว่าจะยิงปืนได้อย่างไร รถไฟพาพวกเรามาไกลที่สุดที่ตูลา พวกเราห้าคน ชายสามกับฉัน และหญิงอีกคนชื่อลยุดมิลา พักค้างคืนในกระท่อมข้างสถานี ในห้องพัก ของพนักงานรถไฟ ในห้องนี้มีเตียงเหล็ก อ่างล้างหน้าโลหะเสียงโฉ่งฉ่าง ก่อนรุ่งสาง เมื่อพนักงานรถไฟและทหารพลร่มเข้าแถวล้างหน้าล้างตัว ถอดเสื้อเปลือยอก ผ้าเช็ดตัวพาดไหล่ ในแสงสลัว แผงอกและกล้ามเนื้อท่อนแขนคล้ายจะสลักเสลามา อย่างดี แกร่งและแข็งแรง ฉันชาไปทั่วร่าง เมื่อนึกถึงความอ่อนแอ ปวกเปียกของพวกเราที่ไม่อาจสนองความคาดหวังจากกองทัพ แต่ความ รู้สึกนั้นกินเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ เราเคลื่อนที่ต่อไป ทุกอย่างดูคล้ายพอจะ ทานทนรับได้ ไม่เกินขอบเขตเรี่ยวแรงที่มีอยู่ในตัวเรา พวกเรา, ทหารล่าม จะไปรายงานตัวต่อกองพลน้อยพลร่มที่ 8 ภายใต้การบังคับบัญชาของพลตรี เลียวาชอฟ กองพลน้อยก่อตั้งขึ้นมา อย่างเร่งด่วน ตามค�ำสัง่ ของสตาลิน ทีเ่ มืองคาลุกาทีเ่ พิง่ ยึดคืนมาได้ และ จากค�ำสั่งของสตาลิน ยุทธภัณฑ์ของกองพลน้อยพลร่ม จะขนส่งทางราง ได้ล�ำดับความส�ำคัญสูงสุด อย่างไรก็ตาม รางรถไฟซ่อมแซมแค่บางจุด 54 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


ที่สถานี ที่หยุดรถไฟ และรางแยกที่ได้รับความเสียหายแทบใช้การไม่ได้ ผูก้ �ำกับการเสียงแหบห้าวท�ำให้ทหารและพลเรือนทีเ่ ฝ้ารอรถไฟหันมามอง เป็นตาเดียว เมื่อเขาส่งพวกเราขึ้นรถขบวนแรกที่มาถึง เรามาปฏิบัติงาน ตามค�ำสั่งของเครมลิน ทหารแนวหน้าต้องการพวกเราไปช่วยงานยิ่งใหญ่ รถไฟเคลือ่ นออกจากสถานีทา่ มกลางเสียงด่าทอจากทหาร เสียงคร�ำ่ ครวญ ของแม่บ้านที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แบกหีบห่อเป้หลังและสัมภาระทั้งมวล เลยมาจากเพลฮาโนโว เรามาหยุดที่รยูริโคโว จากที่นี่ เราจะ เดินเท้าไปตามราง ขาว ขาวโพลน ท้องทุ่งเยือกแข็งขาวโพลนทุกทิศ บดบังสายตาในบางคราวโดยพายุหมิ ะ แต่เมือ่ ฟ้าโปร่ง ท้องทุง่ ขาวโพลน ยังอยู่ที่นั่น ไม่แปรเปลี่ยน หิมะคลุมกระท่อมด�ำเกรียม กระท่อมทั้ง หมู่บ้าน เหลือเพียงซากไหม้เกรียม เผยให้เห็นปล่องไฟเหมือนอนุสาวรีย์ แท่งแหลมคลุมด้วยหิมะ อะไรรอท่าอยูข่ า้ งหน้า? การขาดไร้ความกลัวชวนฉงนยิง่ ธรรมชาติ ของสรรพสิ่งที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน บีบหัวใจและชวนให้ท้องขย้อน เรา ออกเดินทางมาแล้ว ไม่มีวันย้อนกลับไป แต่ภาพที่เห็นรอบข้าง หิมะ ขาวโพลนปกคลุมทุกอย่าง ซากด�ำเกรียมเหมือนป่าไม้ถอนรากโค่น ถลัน เข้ามาบีบหัวใจ ลากเราเข้าไปในโลกใหม่ที่ไม่เคยเห็น เราค้อมยอมรับ เรื่องราวห่างไกล เหมือนว่าเราจมน�้ำ ร่างสลายละลายเข้าไปในผืนน�้ำ กว้างใหญ่ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เรารู้สึกเศร้า แต่ก็สะเทือนในอก หนาวเย็นเหลือเกิน ในขณะที่ฉันเขียนบันทึกเรื่องนี้ ฉันสอบทาน กับอนุทินของผู้หมวดเยอรมันของเรา : 14 ธันวาคม 1942 ลบ 21 องศา 20 ธันวาคม 1942 อุณหภูมลิ ดต�ำ่ 40 ใต้ศนู ย์ ไม่อาจบรรยายได้วา่ ใบหน้าเหมือนแผ่นไม้กระดานจากความหนาวเยือกขนาดนัน้ น�ำ้ ค้างแข็งเจาะ ผ่านเสื้อโค้ตเข้ามา

นพดล เวชสวัสดิ์ 55


แต่พวกเราก็ไม่ได้สุขสบายกว่านั้นนัก คงต้องยอมรับ ฉันมีรองเท้าบู๊ต บุขนสัตว์ ในสตาฟโรโพล หลังจากได้รบั เสือ้ โค้ตตัวโคร่ง ฉันขายเสือ้ โค้ต พลเรือน น�ำเงินก้อนนั้นมาซื้อรองเท้าบู๊ตขนสัตว์มือสองจากตลาด ใต้ เสือ้ โค้ตใหญ่ ฉันมีเสือ้ สักหลาดแขนกุดซ้อนข้างใน ใบหน้าของฉันโดนหนัก เหมือนทหารเยอรมัน และมีความเสี่ยงภัยโดนน�้ำแข็งกัดที่มือสองข้าง จริงหรือที่เวลาเพิ่งผ่านมาสองสามวัน นับตั้งแต่การนั่งเลื่อนหิมะจาก สตาฟโรโพลมาตามแม่น�้ำโวลกาเยือกแข็ง ‘เอ้! เฮ้! มารดาโวลกา!’ ฉัน ท�ำใจให้เชื่อไม่ได้ เราเดินผ่านสะพานที่ระเบิดท�ำลายทิ้ง เดินมาถึงทางหลวงมอสโกตูลา-คาลุกา แทบไม่มรี ถราสัญจร รถบรรทุกเปิดหวูดทักทายยามแล่นผ่าน สองฟากข้างทางหลวงมีรถถังทิง้ ร้าง อาวุธยุทโธปกรณ์ของข้าศึก ทิง้ เกลือ่ น ให้หมิ ะคลุม หลายวันก่อนหน้านี้ มีการสูร้ บดุเดือดบนทางหลวง กองทัพ แพนเซอร์ที่ 2 ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ของกูแดเรียน บิดาแห่งการยุทธ์รถถัง นักอุดมคตินยิ ม บลิตซ์ครีก ผูป้ ราบมาทัง้ สิบทิศ เคลือ่ นกองทัพยานเกราะ มุ่งหน้าไปหามอสโก ก่อนจะถูกหยุดให้แน่นิ่งคาที่...และพ่ายแพ้ กองบั ญ ชาการส่ ง หนั ง สื อ ของกู แ ดเรี ย นที่ ยึ ด มาได้ ใ ห้ พ วกเราที่ สตาฟโรโพล เพื่อการศึกษาเรียนรู้ศัพท์บัญญัติทหารของข้าศึก และ รายละเอียดเชิงเทคนิคของรถถังข้าศึก ชื่อหนังสือ อัคทุง-พันเซอร์! ค�ำประกาศโอ่อา่ สูงสุด กล่าวถึงดินแดนทีถ่ กู ยึดครอง จะบิดกายคร�ำ่ ครวญ ภายใต้สายพานของรถถังของพวกเขา ผูห้ มวดคูรต์ กรูมนั น์เขียนไว้ในอนุทนิ ปลายเดือนพฤศจิกายน ‘ความ หวังของเราฝากไว้ที่รถถังของกูแดเรียน ซึ่งเจาะแนวข้าศึก มุ่งหน้าไปยัง มอสโกจากทิศตะวันตกเฉียงใต้’ แต่พลโทกูแดเรียน ผู้กรีธาทัพรถถัง บดขยี้เกือบทุกประเทศในภาคพื้นยุโรป พบกับความพ่ายแพ้ครั้งแรกที่นี่ ใกล้มอสโก เมืองหลวงที่เขาอยากเคลื่อนกองทัพรถถังบดขยี้เจาะทะลวง ที่นี่เช่นกัน เป็นครั้งแรกเช่นกัน เขาออกค�ำสั่งถอยทัพที่ไม่เคยปรากฏ มาก่อน! ค�ำสั่งถอยทัพที่ท�ำให้ฮิตเลอร์เดือดดาลสั่งปลดเขา ปล่อยให้เขา 56 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


ละห้อยโหยเสื่อมศักดิ์ไปนานหลายเดือน เขาพักฟื้นอยู่ถึงปี 1943 เมื่อ ได้รบั ค�ำสัง่ แต่งตัง้ ให้เป็นผูต้ รวจการใหญ่ของกองก�ำลังยานเกราะ รวมพล สร้างขึน้ มาใหม่ หลังการพ่ายแพ้ทสี่ ตาลินกราด และในปี 1944 กูแดเรียน เข้ารับต�ำแหน่งเสนาธิการทัพบกเยอรมัน แต่ก็โดนปลดอีกครั้งในฤดู ใบไม้ผลิปี 1944 เมื่อพ่ายแพ้การศึกที่โอเดอร์ โดยฝีมือของช็อกอาร์มี ที่ 3 ของรัสเซีย ฮิตเลอร์ไล่กูแดเรียนออกจากทุกต�ำแหน่ง โดนสั่งให้ ‘ลาป่วย’ ค�ำสั่งที่เป็นโชคในคราวเคราะห์ ท�ำให้โทษของเขา, กูแดเรียน เบาบางลงหลังจากสัมพันธมิตรสอบสวนเหล่านายพลเยอรมันในข้อหา อาชญากรสงคราม แต่นั่นเป็นเรื่องในภายหลัง ในห้วงเวลานั้น บนทางหลวง เราเดิน ไปบนไหล่ทาง เราอยากปัดหิมะลงจากรถถังที่นอนตะแคงอยู่ หากไม่ อยากให้มอื ติดบนผิวโลหะ ก็ตอ้ งใช้มอื ทีส่ วมถุงมือไหมพรมลูบปัดหิมะจาก เกราะหนา ในเมืองสตาฟโรโพลไกลโพ้น เราหวั่นวิตกเป็นห่วงมอสโก ทราบข่าวแล้วว่ารถถังของกูแดเรียน มุ่งหน้ามาหาเมืองหลวง ความหนาวเยือกขับเราให้เดินต่อ เราลงจากทางหลวง เดินเข้าไป ในเส้นทางเลื่อน เลื่อนแล่นช้าตรงมาหาเรา เลื่อนขนส่งทหารที่ได้รับ บาดเจ็บ คลุมร่างด้วยฟางเพื่อให้ความอบอุ่น ทหารเก้งก้างวิ่งตามเลื่อน เขาสวมเสือ้ โค้ตสัน้ ชายเสือ้ ปัดป่ายท่อนขาเขาในตอนทีเ่ ขาวิง่ ผ่าน กดมือ ทีม่ ผี า้ พันแผลไว้แนบอก ใต้หมวกเหล็กสีเทา ตาสีฟา้ เยาว์วยั และเหนือ่ ยล้า จ้องมองเรา เพียงชั่วไม่กี่อึดใจ เขาวิ่งผ่านหน้า เรามองเห็นเพียงแค่ ท่อนขาของเขาที่มีผ้าสีด�ำพันหุ้ม ขาแข็งทื่อเหมือนก้านเข็มทิศ เราเดินกันไปเงียบๆ ไม่มีใครส่งเสียงพูดคุย ร่างเหน็บหนาวชา ไปหมดแล้ว เรื่องราวที่ฉันเขียนลงในอนุทินในห้วงหลายชั่วโมงของการ เดินทาง แทบจะเป็นการค�ำเพ้อ แทบไม่ตา่ งไปจากบันทึกของคูรต์ กรูมนั น์ ฉันคัดย่อเรื่องราวของเขาลงในอนุทินของตัวเอง มกราคม 1942 จากรยูริโคโวไปถึงอเลกซิโน ราว 12 กิโลเมตร ถนนถูก นพดล เวชสวัสดิ์ 57


ท�ำลาย ต้องเดินตัดผ่านทุ่งโล่ง เดินย�่ำไปในรอยเท้าของสงคราม ปล่องไฟ ตายซากแทงพ้นหิมะ ไม่มีใดอื่น ไม่มีที่ให้พักอาศัย ลมหายใจเป่าเข้าไปใน ผ้าพันหุม้ ใบหน้า แผดเผาใบหน้าด้วยน�ำ้ แข็ง พระเจ้าเถอะ, รัสเซียกว้างใหญ่ เสียจริง มือปวดเจ็บจากความหนาวเยือกจนต้องหลัง่ น�ำ้ ตาออกมา จุดเริม่ ต้น ที่อเลกซิโน ที่ไหนสักแห่ง รุกรบไปข้างหน้า ไกลกว่านี้อีก...

ตกเย็น เรามาถึงที่หมาย ไม่มีควันให้เห็น ไม่ว่าจะมองทางทิศไหน มี เพียงปล่องไฟ ไม่มีบ้านเรือนไม่มีกระท่อม เป็นไปได้อย่างไร? น่าจะมี สถานีที่นี่ ที่ไหนสักแห่ง อาคารสถานี เอาเถอะ, ไม่มีสถานี แต่ก็น่า จะมีผบู้ งั คับการ เราเดินชนปะทะกันในความมืด กระจายไปคนละทิศ มี กระท่อมหลังเล็ก ฉันคล�ำหาประตู ผลักเปิดเข้าไป เปิดจากถนนข้างนอก เข้าไปในห้อง หญิงคนหนึ่งโน้มตัวปกป้องทารกน้อยบนโต๊ะ “ใครไม่มีฟืน อย่าได้ปล่อยเข้ามา!” เธอตะโกนเสียงดัง “ผู้หญิง” ใครบางคนให้ค�ำตอบ เธอหันมา ส่งเทียงทักทาย “เฮลโหล” ฉันแทบขยับริมฝีปากไม่ได้ มือแข็งเป็นแท่งไม้ ดึงผ้าพันหุ้มใบหน้า ออกไม่ได้ “ใครไม่มฟี นื อย่าได้ปล่อยเข้ามา! ฉันมีเด็กไม่สบายในนี”้ เธอกล่าว ซ�้ำ หน้าต่างกั้นปิดด้วยวัสดุห่อข้าวของเยอรมัน ถุงผ้าใบเนื้อหยาบ มี เครื่องหมายสวัสติกะตรงกลาง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นสวัสติกะ ในเวลาต่อมา หลังจากหาตัวผู้บังคับการพบแล้ว เรากล่าวบอก “เรามองหากองบังคับการ เราจะต้องรายงานตัวต่อพลตรี เลียวาชอฟ” “เอาเถอะ, นั่งลง เขาเพิ่งผ่านที่นี่เมื่อวานนี้” ผู้บังคับการจัดให้เราเข้าพักในตู้สินค้าที่มีเตาให้ความร้อน เราทราบ ในเวลาต่อมาว่าเป็นส่วนหนึ่งของกองบังคับการ และเป็นที่บังคับการ กองพัน กองพลไซบีเรียเพิ่งมาถึงแนวหน้า ผู้หมวดคูร์ต กรูมันน์เขียน 58 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


ไว้ในอนุทินว่า ‘ท�ำความรู้จักกับกองพลไซบีเรียเป็นครั้งแรกในเดือน พฤศจิกายน’ ส�ำหรับพวกเรานับเป็นเรือ่ งใหม่ : เสือ้ ขนสัตว์สขี าวคลุมเอว ปืนกลเบาและสกีสั้น เรานั่งข้างเตาเหล็กกลางตู้สินค้า จิบดื่มข้าวต้ม-บั๊ก วีตต้มกับมันหมู ฟังเรื่องเล่าไซบีเรียและแม่นางไซบีเรีย ส�ำหรับผู้หมวด รัสเซียและผู้หมวดกรูมันน์ สงครามหมายถึงการแยกพรากจากหวานใจ กรูมันน์เขียนเรื่องนี้ในอนุทินเช่นกัน ผู้บังคับกองพัน อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเรา ออกค�ำสั่งทาง โทรศัพท์ เสียงของเขาส่งผ่านสายไปตลอดความยาวของรถไฟ เสมียนเลีย ไส้ดนิ สอ บันทึกลงในสมุด ประวัตศิ าสตร์กองพัน จดแจ้งความพร้อมรบ ฉันเองก็เช่นกัน หลังจากที่เตาเหล็กละลายน�้ำแข็งในร่างไปสิ้นแล้ว ฉัน หยิบอนุทินออกมาบันทึก เรื่องกองบังคับการติดล้อ ข้าวต้มกับมันหมู ทหารสวมรองเท้าบู๊ตหุ้มข้อ ใช้ผ้าพันแข้ง วิ่งตามหลังเลื่อนหิมะ กดมือ ข้างที่มีผ้าพันแผลแนบอก เขียนถึงสวัสติกะสีด�ำขนาดใหญ่ ทุกอย่างอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมในตู้สินค้า แต่ในเวลาเดียวกัน บรรยากาศผ่อนคลายและเป็นมิตร ประหนึ่งว่าตู้โดยสารจอดรอหัวลาก จะเคลือ่ นออกจากสถานีตรงเวลาตามตารางการเดินรถในช่วงสันติ แทนที่ จะเป็นขบวนรถไฟที่จะแล่นออกสู่แนวหน้า แต่ทว่า พรุ่งนี้เช้า ผู้หมวด ในตู้สินค้านี้ อาจจะออกไปสู้รบกับทหารเยอรมัน ที่ชุมทางรถไฟ เรากล่าวค�ำอ�ำลา ลงจากตู้สินค้า ความมืด มืดมิด จนไม่อาจหยั่งได้ เราเดินไปตามรางรถไฟชั่วระยะหนึ่ง และการเดินทาง ช่วงสุดท้ายก่อนถึงคาลุกา ได้โดยสารรถไฟที่มีทหารกองทัพแดงอัดแน่น กลางดึกคืนนั้น บานประตูเลื่อนเปิดเสียงกึงกัง ลมเย็นพัดผ่านช่องเปิด เข้ามา จนกระทัง่ แผ่นหลังด�ำทะมึนของทหาร บดบังแสงสลัวยามรุง่ สาง “อย่าเยี่ยวต้านลม!” ใครบางคนตะโกนหยอกเย้า อีกครั้งที่ฉัน ทุกข์ใจไปกับสภาพร่างกายสตรีที่ไม่อาจปรับตัวเชิงกายภาพเข้ากับการ เคี่ยวกร�ำของชีวิตทหาร แต่ก็กินเวลาแสนสั้น จิตวิญญาณของฉันเร่งเร้า ฉันเร่งความเร็วไร้ตัวตนมุ่งหน้าสืบไป นพดล เวชสวัสดิ์ 59


คาลุกาเป็นเมืองศูนย์กลาง ตัง้ อยูร่ มิ แม่นำ�้ โอคา ตกอยูใ่ ต้การยึดครอง ของเยอรมันนานสองเดือนครึ่ง ยับเยินเสียหาย ชะตากรรมของเมืองใน แนวหน้า การสู้รบตีชิงเมืองคืนกลับมา รบกันโชกเลือด ในวันที่ 13 มกราคม กองก�ำลังของเรา บุกมาถึงชานเมือง แต่ถูกตัดขาด ตกอยู่ใน วงล้อม รบกันในท้องถนน วันที่ 30 มกราคม เราชิงเมืองคาลุกาคืน กลับมาได้ บันทึกที่ฉันเขียนลงในอนุทิน มีดังนี้ : คาลุกา มกราคม 1942 ข้างรางรถไฟ มีป้าย : ลูกศรชี้ ก�ำกับด้วยภาษา ฝรัง่ เศส อ่านได้วา ่ ‘สุขา’ เขียนด้วยถ่านไม้โดยมือของทหารเยอรมัน ในสุขา พังทลาย ล�ำรางยาวมีมูลรัสเซียและเยอรมันกองเป็นภูเขาน�้ำแข็ง รถไฟบน ราง เขียนด้วยชอล์ก นัค เพลชาโนโว (ไปยังเมืองเพลชาโนโว) หากไม่ใช่ อักขระรัสเซีย ไม่นับว่ามีความส�ำคัญ ที่สถานีกลาง มีพาหนะข้าศึกกองพะเนิน อาคารสถานีพังพินาศ รู ก ระสุ น ปื น ใหญ่ ใ นผนั ง เพดานถล่ ม สายไฟหลุ ด ออกมา หนาวเย็ น เหลือเกิน! ไม่มีที่ให้ไออุ่น ที่ชั้นล่าง ไม่มีพื้นห้อง เหลือเพียงแผ่นกระดาน ปูพื้น บานประตูติดวงกบด้วยตะปูดอกเดียว : ห้องบรรยายการเมือง เรา ผลักเปิดประตู นี่อะไรกัน? ห้องพยาบาล? แล้วท�ำไมทุกคนสวมเสื้อผ้า สี ข าว? พวกเขาเตรี ย มตั ว พร้ อ มออกเดิ น ทาง คนพวกนี้ เ ป็ น พลร่ ม ใน ชุดพรางสีขาวล้วน ในห้องนีม้ พี นื้ แต่ไม่มที วี่ างเท้า ไออุน่ ! เตาเหล็กอ้วนกลม ปล่องควัน ท�ำจากท่อโลหะและกระป๋อง ควันไหลออกทางหน้าต่างทีไ่ ม่เหลือกระจกอีกแล้ว พวกเขาชีใ้ ห้ฉนั กับลยุดมิลาไปซุกใต้โต๊ะ แต่ไม่ให้พวกผูช้ ายเข้ามา ไม่มที วี่ า่ ง แล้ว กลุ่มล่ามหนุ่มออกไปตามหากองบัญชาการกองพลน้อย โต๊ะมหึมา ไม่มีลิ้นชัก พวกเขาลากออกไปเผาให้ความร้อนหมดแล้ว เรานอนใต้โต๊ะ คนอื่นๆ นอนบนกล่องกระสุน หรือบนพื้นห้อง ทุกคน หลับสนิท บางคนยืนหลับพิงผนัง หรือไม่ก็ไหลเลื่อนลงไปนอนทับคนที่ 60 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


หลับไปก่อน ในยามตื่นลืมตา ทหารผลักไสกัน ดึงไหล่ให้หลุดออกจาก กองผู้คน ผลักดันคนข้างเคียง ดึงขาออกจากกองเนื้อมนุษย์ หงุดหงิด ละเมอสบถ ก่อนจะหลับไปอีกครั้ง ปูนฉาบผนังได้ไอร้อน ลอกออกมา หล่นโปรยปรายมาบนชุดพรางสีขาว พวกเขาเหนื่อยล้าหลังการเดินเท้า เจ็ดวันเต็มๆ ไม่มีโอกาสได้พัก แต่มีค�ำสั่งก�ำกับไว้แล้ว พวกเขาจะขึ้นบิน ไปโดดร่มคืนนี้ หลังจากเขย่าฝุ่นเปื้อนออกจากชุดพราง และดื่มแอลกอฮอล์ที่ปันส่วน มาให้ในการเดินทางเที่ยวนี้

เรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง ฉันจดบันทึกหลังจากนั้นไม่นาน

ฉันขดตัวนอนใต้โต๊ะ ตัวอุน่ ขึน้ มาบ้างแล้ว ฉันเหลียวมองพลร่มหมดรูป มีด ในซองติดเข็มขัด ขวดว็อดกาที่ได้ปันส่วนมาอยู่ข้างกาย ปากขยับส่งเสียง สบถด่าทอทั้งที่ตาหลับ ฉันท�ำประโยชน์ใดต่อคนพวกนี้ได้บ้าง? พวกเขา ไม่รจู้ กั ฉัน ฉันจะเดินทางต่อไป ไม่มใี ครสังเกตเห็นฉัน พวกเขาจะเขีย่ ฉันทิง้ ผู้หมวดหนุ่มเบียดตัวผ่ านกองผู้คนตรงมาหาเรา ก้าวข้ามแขนขา และหัวของลูกน้อง อาจเป็นได้ว่าเขาเคยมีประสบการณ์มาก่อน หรือไม่ก็ เล่นบทอวดสายตา ทหารทั่วไปไม่มีประสบการณ์เรื่องเช่นนี้อยู่แล้ว เขา กล่าวถึง ‘แอสซิมธุ ’ (มุมทิศ) หลังจากทีเ่ ราลงพืน้ เราจ�ำเป็นต้องหาต�ำบลที่ ปัจจุบนั และเดินทางไปยังจุดรวมพล เราจะท�ำเช่นนัน้ ได้อย่างไร? เราจะพับ และฝังร่มชูชพี ได้อย่างไร จะได้ไม่เปิดเผยต�ำแหน่งของเราต่อทหารเยอรมัน? เขาบอกต่อ ในการเดินทางกลับ เราจะสกี 300 กิโลเมตร มายังแนวหน้า เสาะหาจุดโหว่ของแนวข้าศึก จะได้ตัดข้ามมายังฝ่ายของเรา ง่าย ตรงไปตรงมา ท�ำได้ แท้จริงแล้ว พิลึกพิลั่นสิ้นดี อะไรคือ ต�ำบลที่ปัจจุบัน? อะไรคือ 300 กิโลเมตร? ไร้สมองสิ้นดี พวกเราจะ แยกจากกั น แต่ละคนเดินทางไปกับกองพัน แต่ ล ะกองพั น ปฏิ บั ติ ง าน แยกขาดจากกัน เราจะไม่มีโอกาสได้ช่วยเหลือสนับสนุนกันและกัน ซึ่งเป็น นพดล เวชสวัสดิ์ 61


จุดส�ำคัญ อันจะน�ำมาซึ่งความส�ำเร็จ สมองของฉันบันทึกทุกอย่างไว้อย่างแจ่มชัด ฉันไม่มีความกลัวท่วม ทับใจ แท้จริงแล้ว ฉันไม่มีอารมณ์ใดเลย ลยุดมิลายังหลับอยู่ ฉันตื่นแล้ว ใจสงบไม่เหลือการดิ้นรน ฉันเขียนจดหมายถึงบ้านมอสโก เขียนถึงเพื่อน สั่งลา

บานประตูแง้มเปิด กลุ่มล่ามหนุ่มย้อนกลับมา ส่งเสียงเรียกให้ฉันกับ ลยุดมิลาออกมา พวกเขาพบกองบัญชาการกองพลน้อยพลร่มที่ 8 แล้ว ในกระท่อมไม้ทยี่ งั ไม่ถกู ท�ำลาย แต่ผบู้ ญ ั ชาการ นายพลเลียวาชอฟไม่อยู่ ทีน่ นั่ พวกเขารอคอยท่านนายพลอยู่ ทหารเติมฟืนใส่เตาให้หอ้ งอุน่ หนุม่ คนหนึง่ บอกว่ากระหายน�้ำ ทหารชีไ้ ปยังเหยือกเรียงรายและกาน�้ำชา เขา รินลงแก้วให้ตัวเอง และได้รู้ว่าในแก้วนั้นเป็นว็อดกา ผู ้ บั ญ ชาการกองพลน้ อ ยกลั บ เข้ า มา ทุ ก คนลุ ก ขึ้ น ยื น ระวั ง ตรง รายงานตัวพร้อมกับมอบค�ำสั่ง “ฝึกโดดร่มมากี่ครั้ง?” ท่านนายพลถาม เดินตรงมาที่โต๊ะ รับฟัง รายงานว่าเราไม่เคยผ่านการฝึกโดดร่ม เขากากบาทขีดฆ่าค�ำสั่ง ท่าทาง เกรี้ยวกราด เพิ่มเติมความเห็นลงไป ‘อย่าได้ส่งทหารที่ไม่ผ่านการฝึกมา อีก นี่คือแนวหน้า ฉันไม่มีเวลาฝึกทหาร’ “เราจะขึ้นบินคืนนี้” ท่านนายพลบอก หัวหน้าชุดของเราประท้วง ทหารพวกนั้นไม่เคยโดดร่มมาก่อน พลร่มชุดพรางสีขาวบอกเราแล้ว นายพลเลียวาชอฟให้ค�ำตอบ “พวกเขาเป็นทหารเลว แต่ทางการ ใช้งบประมาณฝึกพวกคุณ” เขาชี้มายังยศนายทหารบนปกเสื้อ นั่นเองที่ สร้างความแตกต่าง เรามีสองดาวทองบนปกเสื้อ เราย้อนกลับมายังกองบัญชาการ ดูเหมือนว่ามีความเปลี่ยนแปลง ในกองก�ำลังพลร่ม : จะต้องส่งล่ามหนึ่งคนไปพร้อมกับหน่วยรบ และข้อ โต้แย้งของนายพลเลียวาชอฟเกิดผล ล่ามชายจะเข้าฝึกโดดร่มที่ค่าย 62 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


กองพลน้อยใกล้มอสโก ฉันกับลยุดมิลา ถูกส่งไปยังทหารรราบ ฉันเข้าสังกัดกรมข่าวทหารเป็นการชั่วคราว มีรายงานในเวลาต่อมา พลตรี เลียวาชอฟ เสียชีวติ ในสนามรบ เขา ช่วยชีวิตเราให้รอด แต่เขาเสียชีวิต น�ำทหารพลร่มที่ไม่ผ่านการศึก ออก ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ฉันย้อนนึกไปในอดีต นอนหลับใต้โต๊ะในคาลุกา ฉันเพิง่ ตระหนักว่า มีความโง่เง่าในสงคราม การท�ำงานในกองบัญชาการใหญ่ มีลา่ มมากเกิน ไป ไม่จ�ำเป็นต้องเพิ่มฉันอีกคน ล่ามแทบไม่มีเอกสารที่ยึดมาได้ให้แปล เพียงความคิดว่าฉันจะนั่งหง่าวที่นี่ วันแล้ววันเล่า ไม่มีงานให้ท�ำ จนสิ้น สุดสงคราม จุดไฟให้ฉนั เป็นขบถ ฉันไปติดต่อฝ่ายก�ำลังพล ขอย้ายไปยัง แนวหน้า พวกเขาไม่รบั ฟัง สภาวการณ์ชวั่ คราวของฉัน คล้ายจะปักหลัก ที่นี่เป็นการถาวรไปแล้ว มิใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น หากแต่เป็นค�ำสั่ง ของสหายสตาลิน กองก�ำลังทุกเหล่าสังกัดกองบัญชาการใหญ่ ถือเป็น กองก�ำลังหลัก รวมทั้งกรมข่าวทหารของฉันด้วย ก�ำลังพลจดแจ้งไว้ชัด ชื่อของฉันอยู่ท้ายสุด ท�ำหน้าที่ล่าม ชื่อล่างสุด ถัดลงไปจากนั้น จะ เป็นลายเซ็นสตาลิน อย่างไรก็ตาม ในตอนนัน้ เอง พันตรีเดินทางมายังกองบัญชาการใหญ่ ได้ค�ำสั่งก�ำชับจากนายพลเลลูเชนโก...อย่าได้กลับหน่วย โดยไม่มีล่าม ร่วมทางกลับมาด้วย ไม่มีใครปฏิเสธนายพล โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายพล เลลูเชนโก คนทีส่ ร้างชือ่ ลือเลือ่ งในการรุกรบเดือนธันวาคม กรมข่าวทหาร ผลักไสฉันไปสังกัดหน่วยรบของเขา โดยไม่ได้ตระหนักว่านายพลเลลูเชนโก เกลียดผู้หญิง

นพดล เวชสวัสดิ์ 63


บทที่ 2

เส้นทางสงคราม : รัสเซีย, 1942-3

เยอรมันคนแรกของฉัน ขอบคุณพระเจ้าทีม่ พี ายุหมิ ะ บดบังพวกเราจากสายตาเครือ่ งบิน แต่ทอ้ งทุง่ ทีเ่ ราจะตัดข้าม คล้ายกว้างไกลไร้ทสี่ นิ้ สุด จุดสีเทาทีเ่ ป็นกระท่อมห่างไกล กลืนหายไปในความมืด แม้เราจะมุ่งหน้าไปหาที่นั่น ถึงตอนนี้ น่าจะอยู่ ไม่ไกล แหล่งพักพิงยังไม่ถูกเผาทิ้ง เครื่องส่งสัญญาณน�ำทางไกลโพ้นใน ทุ่งหิมะ เรามาถึงถนนหมู่บ้านในวอสครีเซนสโกเย ในทันใด ได้การต้อนรับ จากเสียงอึกทึก เสียงร้องตะโกน “เราต้องการล่าม!” ฉันเดาเอาว่าน่าจะมีเสียงสั่งการเรื่องอื่น แต่ค�ำสั่งนั้นเป็นเสียงเดียว ที่ฉันได้ยิน เยอรมันสิบเจ็ดคน! เชลยสิบเจ็ดคน! สิบเจ็ดฟริตซ์ใต้บังคับบัญชา ของร้อยโทอาวุโสทีย่ อมจ�ำนน ข่าวแพร่สะพัดไปทัว่ ท้องถนนหิมะปกคลุม ใครบางคนโบกแสงไปมา ซ้ายไปขวา แหวกฝ่าหิมะสาดเฉียงด้วย เสือ้ คลุมปลิวกระเจิง มุง่ ตรงมาหาพวกเรา เสียงวางอ�ำนาจเฉียบขาด สัง่ 64 ล่ามสาวผู้พบศพฮิตเลอร์


เราตรงหน้า “เราต้องการล่าม!” ผู้คุ้มกันพวกเราสืบเท้าไปหา “สหายคอมมิสซาร์*กรม!” เขา ท�ำความเคารพ รายงานความพร้อมท�ำงานของฉัน ประหนึง่ เขาเป็นผูจ้ บั ตัวฉันได้จากแนวหน้า น�ำมาส่งได้ทันเวลาพอเหมาะ “ทางนี!้ ” คอมมิสซาร์กรมออกค�ำสัง่ ก�ำกับด้วยไฟฉายส่องมาทางฉัน หิมะขาดสาย ลมพัดกระโชกปัดเป่าเนินหิมะให้ราบลง เรามาถึงบ้าน หลังนอก ยามขยับตัวเปิดทาง แสงจากไฟฉายของคอมมิสซาร์เลื่อนไป ตามพืน้ หิมะ ในทันใด ส่องผ่านเข้าไปบ้าน จับภาพแปลกตา ทหารข้าศึก เยือกแข็ง เบียดเกาะกลุม่ กันบนกองฟางเน่า เสือ้ โค๊ตคลุมเท้า หมวกหนีบ หมวกเหล็ก และรองเท้าบู๊ตหนังบาง “ถามว่าใครเป็นหัวหน้า” เรื่องนั้นฉันท�ำได้ เคยเรียนมาแล้ว ฉัน ถามด้วยความระมัดระวัง “ใครอาวุโสทีส่ ดุ ทีน่ ?ี่ ” ตืน่ เต้น ท้องไส้ปน่ั ป่วน รอท่าสิ่งที่ไม่คาดคิด “ผมครับ” ชายคนหนึ่งกล่าว ก้าวเท้ามาที่ช่องประตู ทหาร เสื้อโค้ตยาว เศษฟางเต็มตัว “ระบุตัวตน! ยศ! ชื่อ!” “สิบตรี...” เขาบังคับบัญชาทหารหมูน่ ี้ เพราะร้อยโทผูบ้ งั คับบัญชาถูกลากตัวไป ที่อื่นแล้ว “ส่งตัวไปสอบปากค�ำ ส่งไปที่เสธ.” ทหารยามให้ค�ำตอบ “ทางนี!้ ” คอมมิสซาร์กรม เดินฉับไวไปยังทีท่ เี่ ขาจะไป ฉันกับทหาร เยอรมันค้อมตัว เดินตาม แขนห้อยข้างตัว เท้าของเราย�่ำหิมะเอียดออด เราสองคนหนาวเยือก แต่เขาหนาวยิ่งกว่า รถใช้เป็นที่บังคับการ ด้านข้างตีแปะด้วยไม้อัด ต้นสปรูซล้ม น�ำ มาพิงรถเป็นการพรางตัว ในนั้นมีคุณสมบัติอาคารเต็มรูปแบบ เตาเหล็ก แผ่ไอร้อน ในนั้นอุ่นสบายเหลือเกิน * เจ้าหน้าทีพ่ รรคคอมมิวนิสต์ ดูแลองค์กรและการสอนสัง่ ทางการเมือง ประจ�ำการในหน่วยรบ นพดล เวชสวัสดิ์ 65


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.