สองพี่น้องนักฆ่า นามว่า ซิสเตอร์ส The sisters brothers
Patrick de Witt เขียน นพดล เวชสวัสดิ์ แปล
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ภาคหนึ่ง แพตทริก เดอวิตต์ ผู้เขียน The Sisters Brothers - เดอวิตต์เกิดที่แวนคูเวอร์ เป็นชาวแคนาดา พ่อของเขา เป็นช่างไม้ และในวัยเด็กเดอวิตต์ต้องเดินทางไปทั่วชายฝั่งตะวันตก ของอเมริกาเหนือ รวมถึงแคลิฟอร์เนีย ท�ำให้เรื่องราวของคาวบอย ตะวันตกฝังใจเขา - พ่อแม่ของเดอวิตต์ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย ทว่าทัง้ คูก่ ห็ ลงใหล ดนตรีและเป็นนักอ่านตัวยง หลังจากเลิกงาน พ่อของเขาจะนั่ง อ่านหนังสือบนโซฟา เดอวิตต์ให้นิยามผู้เป็นพ่อว่า 'ผู้หลงใหลใน วรรณกรรมจนชั่วชีวิต' ทว่าที่โรงเรียน เดอวิตต์กลับประสบปัญหา เกี่ยวกับการอ่าน เขาพูดถึงครูที่โรงเรียนว่า 'เป็นคนที่ไม่น่าหลงใหล และเต็มไปด้วยความขมขื่น ซึ่งไม่พยายามเข้าใจข้อเท็จจริงเลยว่า ผมอ่านหนังสือพวกนั้นหมดแล้ว ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ ในห้องยังไม่ เคยอ่านแม้สกั เล่ม' ความกดดันในโรงเรียนท�ำให้เดอวิตต์ตอ่ ต้านระบบ เขาลาออกกลางคันก่อนส�ำเร็จการศึกษา และเริม่ หันไปพึง่ แอลกอฮอล์ และยาเสพติด - รอยสักจางๆ ที่ปรากฎอยู่บนแขนของเขาคือรูปประภาคาร...
ของทีร่ ะลึกทีเ่ ดวิดสักในช่วงเวลาทีเ่ ขาคิดว่าสิง่ ทีอ่ ยากท�ำมากทีส่ ดุ คือ การเป็นคนเฝ้าประภาคาร - ระหว่างที่เดอวิตต์ท�ำงานครัว เขาย้อนกลับไปมองชีวิตวัยรุ่น ที่พังไม่เป็นท่า และตัดสินใจกลับมาอ่านหนังสืออย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง เขาใช้เวลาเพียงไม่กชี่ วั่ โมงทีว่ า่ งจากการพักผ่อนและท�ำงาน วิเคราะห์ นวนิยายแต่ละเรือ่ ง ศึกษาโครงสร้างทางภาษา เฟ้นหากลวิธกี ารเขียน ในช่วงยี่สิบตอนปลายที่เขาท�ำงานในบาร์ เดอวิตต์ล้มลุกคลุกคลาน ปลุกปล�ำ้ อยูก่ บั นิยายเรือ่ งแรก หลังจากล้มเหลวถึงสีค่ รัง้ ในทีส่ ดุ เขา ก็ใช้เวลาปีครึง่ เขียนนวนิยายเรือ่ งแรกในชีวติ ได้ส�ำเร็จ จากแหล่งข้อมูล ที่เขาเขียนลงใน post-it หลังบาร์ และยัดไว้ในกระเป๋าเสื้อ และรีบ กลับมาเขียนที่ห้องในตอนเช้าหลังจากเลิกงาน - คืนหนึ่ง เดอวิตต์ขอร้องให้ลูกค้าคนหนึ่งที่เขารู้จักช่วยอ่าน ต้นฉบับดราฟท์สุดท้าย แท้จริงแล้วลูกค้าคนนั้นคือนักเขียนบท เขา ส่งต่อต้นฉบับของเดอวิตต์ให้เพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นนักดนตรี ซึ่งอดีต เพือ่ นร่วมวงของนักดนตรีผนู้ ไี้ ด้ผนั ตัวไปเป็นตัวแทนวรรณกรรม ดูแล การซื้อขายลิขสิทธิ์วรรณกรรม ในตอนที่เอเจนต์โทรหาเขา ภรรยา ของเดวิตต์เพิ่งคลอดลูกชาย และพวกเขาก็ตัดสินใจย้ายไปวอชิงตัน ทันที...นั่นคือจุดเริ่มต้นอาชีพนักเขียนของเดอวิตต์ - Ablutions...นวนิ ย ายเรื่ อ งแรกของเดอวิตต์เพิ่งตีพิมพ์ใน แคนาดาหลังจาก The Sister Brothers (นวนิยายเรื่องที่สอง) ได้รับ กระแสตอบรับในแง่บวก แต่ถงึ อย่างนัน้ Ablutions ก็ได้รบั การจัดอันดับ ให้เป็นหนึง่ ในหนังสือ Editor’s Choice ของ นิวยอร์ก ไทมส์ เดอวิตต์ ได้แรงบันดาลใจในการเขียนนวนิยายเรื่องนี้มาจากช่วงเวลาหลายปีที่ เขาท�ำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในฮอลลีวดู้ ว่าด้วยเรือ่ งราวในมุมมืดของ บาร์เทนเดอร์หนุ่มในผู้จมจ่อมอยู่กับยาเสพติดและแอลกอฮอล์ - The Sisters Brothers...นวนิยายเรื่องที่สอง เป็นแนวที่ ผสมผสานบรรยากาศแบบตะวันตกเข้ามา เรือ่ งราวของคาวบอยนักฆ่า
สองพี่น้องผู้อ่อนไหว อีไล และ ชาร์ลี ซิสเตอร์ ซึ่งฉากหลังเกิดขึ้นใน ช่วงตื่นทอง ทศวรรษ 1800 ทั้งคู่เดินทางบนหลังม้า จากโคโลราโด ไปยังแคลิฟอร์เนีย โดยมีภารกิจเพื่อสังหารนักส�ำรวจแร่ธาตุคนหนึ่ง - นวนิ ย ายเรื่ อ งนี้ ไ ด้ รั บ รางวั ล มากมาย อาทิ . ..Governor General’s Award for Fiction, Rogers Trust Fiction Prize, Stephen Leacock Medal, Prix des libraries du Quebec, Scotiabank Giller Prize, Walter Scott Prize และเข้ารอบ สุดท้าย The Man Booker Prize ปี 2011 และยังติดหนึ่งใน Best Books of 2011: Top 100 Editors' Picks ของเวบไซต์ Amazon.com อีกด้วย - เจค จิลเลนฮาล, จอห์น ซี.เรลลี และโจอาควิน ฟินิกส์ คือ นักแสดงที่จะมารับบทเด่นในภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยายของเขา และมีก�ำหนดเข้าฉายในปี 2018 - ปัจจุบันเดอวิตต์ยังคงเขียนนวนิยายและบทภาพยนตร์ และ อาศัยอยู่ที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอนกับภรรยาและบุตรชาย ภาคสอง รีววิ สัน้ ๆ เกีย่ วกับนวนิยายเรือ่ ง The Sisters Brothers (ตัง้ ชือ่ ไว้วา่ #สองพีน่ อ้ งนักฆ่า นามว่า ซิสเตอร์ส) ซึง่ เป็นผลงานล�ำดับทีส่ อง ของ แพตทริก เดอวิตต์ นักเขียนและนักเขียนบทชาวแคนาดา นวนิยายเล่าเรือ่ งของสองพีน่ อ้ งนักฆ่า ตระกูลซิสเตอร์ส ทีอ่ ยาก ท�ำงานชิ้นสุดท้ายให้จบๆ และออกจากวงการนี้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เสียที ทว่างานชิ้นสุดท้ายของพวกเขาไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด และ
มันกลายเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาอย่างคาดไม่ถึง The Sisters Brothers เป็นนิยายคาวบอยย้อนยุค ถ้าจะ วาดภาพให้เห็นกันชัดๆ ก็คือเรื่องราวจะอยู่ในยุคเดียวกับภาพยนตร์ ‘True Grit’ ที่ก�ำกับโดยสองพี่น้องโคเอนนั่นเอง ความสนุ ก ของนวนิ ย ายเรื่ อ งนี้ คื อ ความสัมพั นธ์ ของตัวละคร นักฆ่าสองพี่น้องอย่าง ชาร์ลี และ อีไล ซิสเตอร์ส และการตัดสินใจ ที่มักจะอยู่ผิดที่ผิดทาง จนมักจะน�ำชีวิตพวกเขาไปสู่ปัญหาในที่สุด ล่าสุดก็ไปเข้าตานักแสดงและเจ้าของบริษทั ผลิตภาพยนตร์อย่าง John C. Reilly ซึ่งนอกจาก จอห์น ซี. เรลลี ที่กระโดดลงมารับบท อีไล ซิสเตอร์ส แล้ว นักแสดงที่เพิ่งเซ็นสัญญาเพื่อเข้าร่วมโปรเจคต์นี้ ก็คือ โจอาควิน ฟินิกส์ ในบท ชาร์ลี ซิสเตอร์ส และ เจค จิลเลนฮาล ในบท แฮร์มันน์ เคอร์มิต วอร์ม เป้าหมายรายสุดท้ายของสองพี่น้อง ซิสเตอร์นั่นเอง
ค�ำน�ำผู้แปล หากมีค�ำว่าเคาบอยหรือนักเลงปืนหลุดเข้าหู ภาพที่ผุดมาในใจ จะเป็นการย่างสามขุม ศอกกาง ปลายนิ้ว กระดิก พร้อมจะชักปืนออกจากซอง ไวจนมองตามไม่ทนั ส่งกระสุน ออกไป ใครเร็วใครอยู่ แล้วนิยายเรื่องนี้? เอ่อ, น่าจะเป็นนักเลงปืนที่ก้าวออกมาจากหน้ากระดาษ ออกมาเดินดินเหมือนมนุษย์ธรรมดาสามัญ สองพี่น้องนักฆ่า หายใจได้ แปรงฟันได้ เมาค้างหน้าเขียวหน้าเหลือง ชักดาบแม่นางในโรงแรม ขี่ม้าชนต้นไม้ กลัวผี และเรื่องชวนให้อึ้งทึ่งเหวออีกหลายร้อยหน้า รอท่าให้พลิกเข้าไปอ่าน
ค�ำอุทิศ มอบให้แม่
โอเรกอนซิตี, 1851
ภาค 1 ปัญหาเรื่องม้าม้า
1 ผมนั่งนอกคฤหาสน์ของคอมมอดอร์ รอท่าพี่ชาย, ชาร์ลี ออกมา พร้อมข่าวเรื่องงานใหม่ของเรา หิมะตั้งเค้าคุกคาม ผมหนาวผมเบื่อ ผมนั่งมองม้าตัวใหม่ของชาร์ลี, นิมเบิล ม้าใหม่ของผมชื่อว่า ทับ เราไม่ใคร่เชื่อเรื่องการตั้งชื่อม้า แต่ได้ม้าเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างงาน ที่แล้ว แถมชื่อกลัดติดมาด้วย ม้าไม่มีชื่อของเราตายห่ะไปแล้ว ก็ใช่ ว่าเราไม่จ�ำเป็นต้องมีม้าใหม่นะ แต่ผมรู้สึกว่าเราน่าจะได้เงินค่าจ้าง ไปซื้อม้าตามที่เราเลือก ม้าที่ไม่มีประวัติไม่มีนิสัยดั้งเดิมไม่มีชื่อให้ท�ำ หูกระดิกยามส่งเสียงเรียก ผมรักม้าตัวก่อน ในระยะหลัง หลับไปเห็น ภาพหลอนตอนม้าใกล้ตาย เท้าทัง้ สีเ่ ตะถีบ ไฟลุกท่วม ตาถลนหลุด จากเบ้า เขาท�ำระยะทางหกสิบไมล์ต่อวัน วิ่งฉิวเหมือนสายลม ผม ไม่เคยลงไม้ลงมือต่อเขา เว้นแต่ในยามทีต่ บคอปลอบโยนหรือใช้แปรง ปัดท�ำความสะอาด ผมพยายามไม่นึกถึงเขา ตกอยู่กลางวงไฟใน โรงนา แต่ภาพหลอนผุดเข้ามาโดยไม่มคี �ำเชิญ จะให้ผมตัง้ ท่าระวังตัว ได้ไง? ทับสมบูรณ์แข็งแรง แต่กค็ งจะเหมาะกับมนุษย์คนอืน่ เจ้าของ ที่ไม่ใคร่ทะเยอทะยานนัก เขาร่างอวบหลังแอ่น เดินทางได้ไม่เกิน ห้าสิบไมล์ในแต่ละวัน ผมจ�ำเป็นต้องใช้แส้หวดเขาในบางคราว เรื่อง ทีค่ นบางคนไม่รงั เกียจทีจ่ ะท�ำ หรือถึงขัน้ อิม่ เอมใจ ผมไม่ชอบหวดม้า หลังจากนั้น ทับจะคิดว่าผมเหี้ยมโหด คงเศร้าใจสะทกสะท้อน ชีวิต ม้าแสนเศร้า ชีวิตม้าแสนเศร้า ผมรู้สึกว่ามีสายตามองจ้อง ผมเบือนหน้าไปจากนิมเบิล ชาร์ลี นพดล เวชสวัสดิ์ 11
เขม้นจ้องผมจากหน้าต่างชัน้ สอง ยกนิว้ ห้านิว้ ผมไม่ตอบสนอง เขา ปั้นหน้าบิดเบี้ยว อยากท�ำให้ผมหัวเราะ เมื่อผมไม่หัวเราะ ชาร์ลี หน้าสลด ถอยหลังกลับเข้าไปข้าใน เขามองเห็นผมนัง่ มองม้าเขา ผม รู้ เช้าวันก่อน ผมเสนอแนะให้ขายทับ ออกเงินคนละครึง่ ซือ้ ม้าใหม่ เขาเห็นด้วย ยุติธรรมดี แต่แล้ว ตอนเที่ยงวัน เปลี่ยนใจ บอกว่า รอจนกว่างานใหม่จบก่อน ฟังยังไงก็โง่เง่า เพราะปัญหาของทับจะ ท�ำให้เราเสียงาน ไม่ดกี ว่าหรือทีจ่ ะเปลีย่ นม้าก่อนเริม่ งานใหม่? ชาร์ลี ไขมันเยิม้ เปือ้ นหนวด บอกว่า “หลังงานดีทสี่ ดุ , อีไล” เขาไม่มปี ญ ั หา กับนิมเบิล ดีเท่าหรือดีกว่าม้าตัวก่อน, ม้าไร้ชอื่ แต่กน็ ะ เขาได้เลือก ก่อน ตอนที่ผมนอนป่วยรักษาแผลที่ขา, ของช�ำร่วยจากงาน ผมไม่ ชอบทับแต่พี่ชายพึงใจไปกับนิมเบิล นั่นละ ปัญหาม้าม้า
2 ชาร์ลีป่ายขาขึ้นหลังนิมเบิล เราควบม้าจากไป มุ่งหน้าหาพิก-คิง เวลาผ่านไปแค่สองเดือน ตั้งแต่เรามาเยือนโอเรกอนซิตี ครั้งท้ายสุด ผมนับร้านรวงใหม่ได้ห้าบนถนนสายหลัก แต่ละร้านดูจะไปได้ดี “เผ่าพันธุ์อัจฉริยะ” ผมเปรยออกมา ชาร์ลีไม่ตอบ เรานั่งที่โต๊ะด้าน หลังของคิง ได้เหล้าทัง้ ขวดกับแก้วสองใบ ชาร์ลรี นิ เหล้าลงแก้วให้ผม ปกติแล้ว เราจะรินเหล้าลงแก้วของเราเอง ดังนั้น ผมเตรียมพร้อม รอรับฟังข่าวร้าย “ข้าเป็นหัวหน้างานนี้, อีไล” “ใครบอก?” “คอมมอดอร์บอก” ผมดื่มบรั่นดีในแก้วของผม “หมายความว่าไง?” “หมายความว่าข้าเป็นคนออกค�ำสั่ง” “หมายความว่าไงเรื่องเงิน?” 12 สองพี่น้องนักฆ่า นามว่า ซิสเตอร์ส
“หัวหน้าได้เยอะกว่า” “เงินของฉัน ฉันพูดเรื่องนั้น เหมือนคราวก่อน?” “เอ็งได้น้อยกว่าคราวก่อน” “ฉันมองไม่เห็นเหตุผล” “คอมมอดอร์บอกว่า งานทีแ่ ล้วจะไม่มปี ญ ั หา ถ้าข้าเป็นหัวหน้า” “ฟังยังไงก็ไม่มีเหตุผล” “มีแน่ะ” เขารินเหล้าให้ผมอีกแก้ว ผมยกดื่ม เปรยออกมาเท่าเทียมกับ ส่งเสียงให้เข้าหูชาร์ลี “เขาอยากจ่ายให้หัวหน้า เออ, ดี แต่ไม่ควร เบียดเบียนคนข้างล่าง ขาของฉันโดนเฉือนเนือ้ ออก ม้าโดนไฟคลอก ท�ำงานให้เขานี่นะ” “ม้าของข้าโดนไฟคลอกเหมือนกัน เขาหาม้าใหม่ให้เรานะ” “ธุรกิจง่าว เลิกรินเหล้าให้ฉันได้แล้ว เหมือนฉันง่อยเปลี้ย” ผมฉกขวดเหล้า ถามเขาเรื่องงาน เราจะไปเด็ดหัวคนร่อนทองใน แคลิฟอร์เนีย ชื่อว่า เฮอร์มันน์ เคอร์มิต วอร์ม ชาร์ลีหยิบจดหมาย ออกจากกระเป๋าเสื้อนอก ผลงานของคนดูลาดเลาของคอมมอดอร์ หนุ่มหรูชื่อว่า เฮนรี มอร์ริส มักจะเดินทางล่วงหน้าเราไปเก็บข้อมูล “สะกดรอยวอร์มหลายวันหลายคืน พอจะบอกนิสัยและความเคยชิน ของเขาได้ หมอนี่โดดเดี่ยว แต่ใช้เวลานานหลายชั่วโมงในซาลูน ในซานฟรานซิสโก ผ่านเวลาโดยการอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์และ คณิตศาสตร์หรือวาดรูปที่ขอบกระดาษ เขาหอบกองหนังสือ ใช้ สายหนังรัดทั้งกองเหมือนเด็กประถม ภาพที่ผู้คนยกมาล้อเลียน ชายร่างเล็ก บวกเพิ่มความตลก พึงระวัง เขาไม่ชอบใจนักถ้ามีคน ล้อเรื่องร่างเล็ก ฉันเคยเห็นเขาทะเลาะวิวาทหลายหน มักจะเป็น ฝ่ายแพ้ แต่ไม่คิดว่าผู้ชนะอยากจะประหมัดกับเขาอีก สู้ยิบตา ไม่ ขวยเขินถ้าจะใช้ปากกัด นั่นเป็นตัวอย่างนะ ชายหัวโล้นล้านเลี่ยน เคราแดง เก้งก้างขาแขนยาว พุงป่องเหมือนแม่นางท้องโย้ ไม่ใคร่ นพดล เวชสวัสดิ์ 13
ท�ำความสะอาดเนือ้ ตัวนัก ล้มตัวลงนอนได้ทกุ ที่ ในโรงนา หน้าประตู หรือถ้าจ�ำเป็น นอนข้างถนน ในยามทีม่ เี รือ่ งให้พดู คุย จะพูดห้วนสัน้ กระโชกโฮกฮาก เขาพกปืนลูกโม่เบบี้ดรากูน เสียบไว้ในผ้าคาดเอว ไม่ดื่มบ่อยนัก แต่ยกขวดเมื่อไหร่ เมาไม่เป็นผู้เป็นคน จ่ายเงินค่า วิสกี้ ด้วยผงทองในถุงหนัง เชือกห้อยคอ ซ่อนถุงใต้เสือ้ ผ้าหลายชัน้ ตอนที่ฉันอยู่ที่นั่น เขาไม่เคยออกจากเมือง ฉันไม่รู้ว่าเขาวางแผนจะ กลับไปยังทีจ่ บั จองหรือไม่ จุดนัน้ ห่างจากซาคราแมนโตทางตะวันออก สักสิบไมล์ (แผนที่แนบมาด้วย) วันวาน ในซาลูน เขาขอไม้ขีดไฟ พูดจาสุภาพถามไถ่เรียกชื่อฉันเสียด้วย ฉันไม่รู้ว่าเขารู้ได้ไง ไม่เคย เห็นเขาแสดงท่ารูต้ วั ว่าฉันสะกดรอยตาม ฉันถามว่าเขารูจ้ กั ฉันได้ไง? เขาตาขวางถ่มถุย ฉันเผ่นออกจากที่นั่น ฉันไม่เห็นหัวไอ้หมอนี่ แม้ บางคนจะยกย่องว่ามันฉลาดถึงขั้นปราดเปรื่อง ฉันต้องยอมรับว่ามัน ไม่ธรรมดา นั่นเฉียดใกล้ค�ำชมที่สุดแล้ว” ถัดจากแผนทีข่ องทีจ่ บั จองของวอร์ม มอร์รสิ วาดรูปเขาไว้ ฝีมอื ไม่เอาอ่าว ต่อให้มายืนอยูข่ า้ งตัว ผมก็คงไม่รู้ ผมยกข้อนีใ้ ห้ชาร์ลเี ห็น เขาตอบว่า “มอร์รสิ จะรอพวกเราอยูท่ โี่ รงแรมในซานฟรานซิสโก เขา จะชีต้ วั วอร์มให้เรา ข้าได้ยนิ มาว่าซานฟราน เหมาะแก่การเด็ดหัวคน ทีน่ นั่ หากไม่วนุ่ อยูก่ บั การเผาเมืองทิง้ ก็วนุ่ อยูก่ บั การสร้างเมืองใหม่” “แล้วท�ำไมมอร์ริสไม่ฆ่าเสียเอง?” “เอ็งถามเรือ่ งพรรค์นตี้ ดิ ปากเชียว ข้าตอบจนเบือ่ แล้ว...ไม่ใช่งาน ของมัน งานของเรา” “ไร้สาระสิ้นดี คอมมอดอร์ลดค่าจ้างฉัน แต่ควักไปจ่ายค่าที่พัก ค่าจ้างให้ไอ้ชยุ่ นัน่ ไปสะกดรอยเหยือ่ เพียงเพือ่ จะไปแจ้งล่วงหน้าว่า มันตกเป็นเป้า มีคนจับตามอง” “เอ็งเรียกมอร์รสิ ว่าไอ้ชยุ่ ไม่ได้ นีเ่ ป็นคราวแรกทีเ่ ขาท�ำงานพลาด เขายอมรับผิดหน้าชืน่ ตาบาน ข้าคิดว่า การสังเกตเห็นบอกเรือ่ งของ วอร์มได้มากกว่ามอร์ริส” 14 สองพี่น้องนักฆ่า นามว่า ซิสเตอร์ส
“แต่วอร์มนอนข้างถนนในยามค�ำ่ คืน มีใครห้ามมอร์ริสไม่ให้จ่อ ยิงมันสิ้นเรื่องสิ้นราว?” “เอ็งไม่คิดหรือว่ามอร์ริสไม่ใช่มือสังหาร?” “แล้วส่งมันไปท�ำห่ะอะไร? ท�ำไมไม่ส่งเราล่วงหน้าไปที่นั่นสัก เดือน?” “เดือนทีแ่ ล้ว เรารับงานอีกชิน้ อยู่ เอ็งลืมไปแล้วหรือ คอมมอดอร์ มีผลประโยชน์และปัญหานับไม่ถ้วน ไม่อาจแก้ไขปัดเป่าทุกเรื่องได้ พร้อมกันในคราวเดียว ธุรกิจเร่งรีบเป็นธุรกิจเลว หลุดจากปากเจ้านาย เลยนะ เอ็งได้แต่ชื่นชมความส�ำเร็จของเขา ถ้าเอ็งได้รู้ความจริง” ผมขย้อนเมือ่ ได้ยนิ เขายกย่องชืน่ ชมคอมมอดอร์ ผมกล่าว “เรา ต้องใช้เวลาเดินทางหลายสัปดาห์กว่าจะไปถึงแคลิฟอร์เนีย ท�ำไมต้อง ถ่อไปที่นั่นโดยไม่จ�ำเป็น?” “เราจ�ำเป็นต้องเดินทาง นั่นงานในหน้าที่ของเรา” “แล้วถ้าวอร์มไม่อยู่ที่นั่น?” “มันอยู่อยู่แล้ว” “ถ้าไม่อยู่?” “ห่ะ, ยังไงมันก็อยู่” หมดเรื่องถกเถียง ผมชี้ให้ชาร์ลีเห็นเรื่อง ‘ค่าจ้างของหัวหน้า’ โดยปกติแล้ว เราแบ่งค่าจ้างครึ่งครึ่ง พี่ชายไม่ค่อยโปรดนัก เขางก ขี้เหนียว นิสัยดั้งเดิมสืบทอดจากพ่อ “ก็แค่งานนี้” เขาบอก “หัวหน้าได้ค่าจ้างหัวหน้า” “เอ็งไม่เคยชอบคอมมอดอร์ คอมมอดอร์ไม่เคยชอบเอ็ง” “ฉันชอบเขาน้อยและน้อยลง” “เอ็งบอกเขาต่อหน้าเลยซี ถ้าอัดอั้นตันใจเกินกว่าจะแบกไว้ได้” “แกจะได้รู้, ชาร์ลี ถ้าฉันอัดอั้นตันใจเกินกว่าจะแบกไว้ได้ แก จะได้รู้ คอมมอดอร์ก็จะได้เห็นเช่นกัน” นพดล เวชสวัสดิ์ 15
การจิกกัดคงจะด�ำเนินสืบไป ถ้าผมไม่ลกุ ออกจากโต๊ะ เดินกลับ ห้องพักโรงแรม อีกฟากหนึง่ ของถนน ผมไม่ชอบถกเถียง ยิง่ ไม่อยาก เถียงกับชาร์ลี คนลิ้นคมโหดร้ายเหลือเกิน กลางดึก ผมได้ยินเสียง เขาทะเลาะกับผู้ชายกลุ่มใหญ่กลางถนน ผมเงี่ยหูรับฟังให้แน่ใจว่า เขาไม่ตกอยู่ในอันตราย ไม่มีอะไร มีคนถามชื่อเขา เขาบอกชื่อไป ผู้ชายกลุ่มนั้นผละจากไป แต่ผมพร้อมจะกระโจนไปช่วยเหลือพี่ชาย แท้จริงแล้ว สวมรองเท้าบู๊ตไปข้างหนึ่งแล้ว ผมได้ยินเสียงชาร์ลีเดิน ขึน้ บันได ผมโดดขึน้ เตียง แสร้งท�ำว่าหลับไปแล้ว เขายืน่ หน้าเข้ามา ในห้อง เรียกชื่อผม แต่ผมไม่ตอบ เขาปิดประตู เดินเข้าห้องตัวเอง ผมนอนในความมืด คิดถึงความยุง่ ยากในครอบครัว เรือ่ งบ้าเรือ่ งเพีย้ น ที่น�ำไปสู่การนองเลือด
3 เช้าแล้ว ฝนตก โปรยปรายไม่ขาดสาย เม็ดโตเย็นเยียบ เปลีย่ นถนน ให้เป็นโคลนหนืด ชาร์ลที อ้ งไส้ปน่ั ป่วนจากบรัน่ ดีทดี่ มื่ เข้าไป ผมแวะ ไปหาหมอยา ขอยาแก้วิงเวียน ได้ผงยาสีเปลือกไข่นกรอบินไร้กลิ่น ผมผสมเข้ากับกาแฟของเขา ไม่รวู้ า่ มีตวั ยาอะไรบ้าง แต่กน็ า่ จะได้ผล ปลุกชาร์ลลี กุ จากเตียงขึน้ หลังนิมเบิลได้ ช่วยให้เขาตืน่ ตัว ลืมอาการ วิงเวียนไปได้ เราหยุดพักหลังจากออกจากเมืองได้ยี่สิบไมล์ หยุดใน ป่าร้างด�ำเกรียม ไฟป่าผลาญในฤดูร้อนที่ผ่านมาจากฟ้าผ่า เรากิน อาหารกลางวันเสร็จสิ้น ตั้งท่าจะออกเดินทาง ในตอนที่ผมเห็นชาย คนหนึ่งเดินจูงม้า ห่างออกไปทางใต้สักร้อยหลา หากเขานั่งบนหลัง ม้า ผมไม่คิดว่าเราจะออกความเห็นว่าแปลกพิลึก แต่นี่เขาเดินจูงม้า “ท�ำไมเอ็งไม่ไปดูว่าเขาเป็นไง?” ชาร์ลีส่งเสียง “ค�ำสั่งโดยตรงจากหัวหน้า” ผมกล่าว เขาไม่ตอบสนอง ผมคิด 16 สองพี่น้องนักฆ่า นามว่า ซิสเตอร์ส
เรื่องโจ๊กชักจืดเจื่อนแล้ว ผมตัดสินใจไม่เล่นมุขนี้อีกแล้ว ผมขึ้นหลัง ทับ เดินม้าออกไปพบชายจูงม้า ผมเห็นน�้ำตานองหน้า ผมลงจาก หลังม้า ผมร่างสูงใหญ่หน้ากร้าน พอจะมองเห็นอาการตื่นตระหนก บนใบหน้าของเขา ผมปลอบให้คลายความกลัว “ฉันไม่มปี ระสงค์รา้ ย ต่อคุณ พี่ชายกับฉันเพิ่งกินอาหารกลางวัน ท�ำไว้เยอะ คิดว่าจะมา ถาม เผื่อคุณจะหิว” ชายคนนั้ น ยกฝ่ า มื อ ปาดน�้ ำ ตา สู ด หายใจลึ ก ร่ า งสั่ น เทิ้ ม พยายามส่งเสียงตอบผม อย่างน้อยก็อา้ ปาก แต่ไม่มเี สียงไม่มคี ำ� หลุด ออกมา โศกเศร้าทุกข์ใจถึงขั้นไม่อาจสื่อสารได้ ผมกล่าว “ฉันพอจะเห็นว่าคุณทุกข์ใจและอาจจะอยากเดินทางต่อ คนเดียว ขออภัยที่มากวนใจ ฉันหวังว่าคุณคงจะมุ่งหน้าไปหาสิ่งที่ดี กว่านี”้ ผมกลับขึน้ หลังทับ เดินม้ามาได้ครึง่ ทาง มองเห็นชาร์ลดี งึ ปืน ออกจากซอง เล็งมาทางผมแล้ว ผมหันหลัง มองเห็นชายร�ำ่ ไห้ควบม้า ไล่หลังมาติดๆ ดูท่าว่าเขาไม่อยากท�ำร้ายผม ผมโบกมือให้ชาร์ลีลด ปืน ขณะนี้ผมกับชายน�้ำตานองหน้าเคียงม้า เขาส่งเสียง “ฉันขอรับ ข้อเสนอของคุณ” เมือ่ เราไปถึงแคมป์ ชาร์ลคี ว้าบังเหียนของชายผูน้ นั้ บอกว่า “แกไม่ควรควบม้าไล่คนอื่นแบบนั้น ข้าคิดว่าแกไล่น้องชาย เกือบเป่าหัวแกอยูร่ อมร่อแล้ว” ชายร�ำ่ ไห้โบกมือปัด เหมือนว่าค�ำกล่าว นั้นนอกเรื่อง ท่าทางที่ท�ำให้ชาร์ลีประหลาดใจ เขาหันมาหาผม “ไอ้ หมอนี่ใคร?” “เขามีเรื่องกวนใจอะไรสักอย่าง ฉันเสนออาหารให้สักจาน” “ไม่มีอะไรเหลือ นอกจากขนมปังกรอบ” “งั้นฉันท�ำเพิ่ม” “เอ็งต้องไม่ท�ำ” ชาร์ลีมองชายร�่ำไห้หัวจดเท้า “คนเศร้าเนอะ” ชายผู้นั้นกระแอมกระไอ “มารยาทไม่งามเลย พูดถึงคนอื่น เหมือนว่าเค้าไม่อยู่ที่นี่ด้วย” ชาร์ลไี ม่แน่ใจว่าจะหัวเราะหรือว่าต่อยปากหมอนัน่ เขาหันมาหา นพดล เวชสวัสดิ์ 17
ผม “มันบ้าเปล่า?” “ฉันคงต้องขอให้คุณระวังค�ำพูด” ผมหันไปหาชายแปลกหน้า “พี่ชายของฉันไม่ใคร่สบายตัววันนี้” “ข้าสบายดี” “ความเอื้อเฟื้อของเขาหดหาย” “ท่าทางเขาป่วยไข้” ชายเจ้าน�้ำตากล่าว “ข้าบอกแล้วสบายดี ห่ะซี” “เขาป่วยนิดหน่อย” ผมกล่าว พอจะเห็นแล้วว่าความอดทน ข่มกลัน้ ของชาร์ลจี วนเจียนจะทะลักข้ามเส้นแล้ว ผมหยิบขนมปังกรอบ กอบใส่มือชายแปลกหน้า เขาเพ่งจ้องเป็นนาน แล้วร้องไห้โฮออกมา อีกครั้ง ไอโขลก สูดจมูก ร่างสั่นเทิ้ม ผมหันไปหาชาร์ลี “สภาพ แบบนี้แหละ ตอนที่ฉันพบเขา” “มันเป็นอะไร?” “ไม่ได้บอก” ผมหันไปหาเขา “แล้วคุณเป็นอะไร?” “พวกเขาหายไปหมด!” เสียงกลั้วการร�่ำไห้ “หายไปหมด!” “ใครหายไป?” ชาร์ลีถาม “แอบย่องหนีไปโดยไม่บอก ฉันเองก็อยากไป อยากหนีไปกับ พวกนั้น!” เขาทิ้งขนมปังกรอบลงพื้น เดินจูงม้าจากไป เขาเดินไป ได้สักสิบก้าว แหงนหน้าร้องไห้โฮออกมา เขาท�ำซ�้ำสามหน ผมกับ พี่ชายหันกลับมาเก็บแคมป์ “สงสัยว่ามันโดนอะไร?” ชาร์ลีกล่าว “น่าจะเป็นเรื่องเศร้าใจ ท�ำให้มันเสียสติไปแล้ว” ถึงเวลาที่เราขึ้นม้า ชายร�่ำไห้หายลับตาไปแล้ว ที่มาที่ไปของ ความทุกข์ความกังวลของเขา คงจะเป็นปริศนาไปชั่วกาลนาน
18 สองพี่น้องนักฆ่า นามว่า ซิสเตอร์ส
4 เราเดินทางในความเงียบ คิดความคิดส่วนตัว ชาร์ลกี บั ผมได้ขอ้ ตกลง ที่ไม่เคยประกาศชัด จะไม่เดินทางเร็วหลังมื้ออาหาร มีความทุกข์ ยากล�ำบากหลายเรื่องในงานอาชีพประเภทที่เราท�ำอยู่ ยามใดได้การ ปลอบประโลมใจได้บา้ ง เราจะฉกฉวยไว้ ผมพบว่าความสุขเล็กๆ พอ จะชดเชยให้เราท�ำงานต่อไปได้ “เฮอร์มันน์ วอร์ม ท�ำอะไร?” ผมถาม “น่าจะฉกฉวยข้าวของบางอย่างของคอมมอดอร์” “ขโมยอะไร?” “คงได้เห็นในไม่ช้า ยังไงก็ต้องฆ่ามัน” ชาร์ลีน�ำหน้า ผมชักม้า ไล่ตาม อยากคุยเรื่องนี้มานานแล้ว โน่น, ก่อนงานสุดท้ายของเรา “แกไม่คิดว่าเป็นเรื่องประหลาดเหรอ, ชาร์ลี จะมีใครโง่พอจะ ลักขโมยจากคอมมอดอร์? เขาโหดขนาดนั้น?” “คอมมอดอร์มีเงิน จะมีอะไรที่ดึงดูดหัวขโมยได้ดีกว่านั้น?” “พวกมันขโมยเงินได้ไง? คอมมอดอร์ระวังตัวขนาดนั้น แล้ว ท�ำไมมีคนเปลี่ยนหน้าไปขโมยเงินเขา?” “เขาท�ำธุรกิจทุกมุมประเทศ คนเราอยู่สองที่ในเวลาเดียวไม่ได้ อย่าว่าแต่ร้อยที่เลย ในแง่เหตุผล เขาง่ายที่จะตกเป็นเหยื่อ?” “เป็นเหยื่อ?” ผมอุทานออกมา “เอ็งจะเรียกยังไง ถ้าผู้ชายคนหนึ่งจ�ำต้องปกปักรักษาทรัพย์สิน ของตน โดยอาศัยคนแบบพวกเรา?” “เหยือ่ !” ผมอุทานซ�ำ ้ สุดแสนจะอัศจรรย์ใจจริงแท้ เพือ่ เป็นเกียรติ แด่คอมมอดอร์ผนู้ า่ สงสาร ผมเอือ้ นเพลงออกมา “น�ำ้ ตาของเขา ซ่อน อยู่หลังม่านคลุมหน้าบุปผา ข่าวเดินทางมาจากเมือง” “โอ, ช่างเหอะ” นพดล เวชสวัสดิ์ 19
“สาวเจ้าพรหมจารี พบเห็นในดงไม้ชนบท ในอ้อมกอดวงแขน ขนทอง” “เอ็งโกรธเพราะข้าเป็นหัวหน้า” “หัวใจของเขาหลงคิดว่ารอยยิม้ ของเธอเป็นน�ำ้ ใจ บัดนี้ เขาต้อง จ่ายช�ำระ” “ข้าไม่อยากพูดเรื่องนี้กับเอ็งแล้ว” “แม่นางของเขานอนแผ่ในบาปเปียก มาดหรูวไิ ล รักชัว่ กาลนาน สาบสูญไป” ชาร์ลอี ดไม่ได้ นอกจากจะยิม้ ออกมา “เพลงอะไรกันนักกันหนา?” “เคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่ง” “เพลงเศร้า” “เพลงดีที่สุดมักจะเป็นเพลงเศร้า” “แม่พูดติดปาก” ผมนิ่งไปชั่วอึดใจ “เพลงเศร้า ไม่ท�ำให้ฉันเศร้า” “เอ็งก็เหมือนแม่ ในหลายแง่” “แกไม่เหมือนแม่ แล้วก็ ไม่เหมือนพ่อด้วย” “ข้าไม่เหมือนใคร” ชาร์ลีเปรยออกมาสบายใจ แต่เป็นความเห็นเข่นฆ่าการสนทนา ได้อย่างชะงัด เขาดึงม้าน�ำหน้า ผมมองแผ่นหลังของเขา เขารูว้ า่ ผม จ้องมองแผ่นหลังของเขา เขากระตุกส้นเท้ากระทุ้งท้องนิมเบิล ม้า ทะยานไปข้างหน้า ผมไล่ตามหลัง เราเดินทางตามวิสัยปกติของเรา รักษาความเร็วคงที่ แต่ผมรู้สึกว่า ผมไล่ตามหลังชาร์ลีเสมอ
5 วันแสนสั้นปลายฤดูหนาว เราหยุดที่ซอกเขาแห้งตั้งแคมป์ในคืนนี้ 20 สองพี่น้องนักฆ่า นามว่า ซิสเตอร์ส
ท่านคงเคยเห็นฉากนี้ในนิยายผจญภัย : สองเคาบอยกร้านแดดลม นั่งหน้ากองไฟ เล่าเรื่องลามกสู่กันฟัง ร้องเพลงบาดใจว่าด้วย ความตายกับชั้นในลูกไม้ แต่ผมอยากบอกอะไรสักอย่างนะ หลังการ ขี่ม้ามาตลอดทั้งวัน ผมไม่ต้องการอื่นใด นอกจากล้มตัวลงนอน หลับสนิท ผมท�ำเช่นนั้น ไม่สนใจอาหารรองท้อง ตอนรุ่งสาง ดึง รองเท้าบู๊ตมาสวม ปวดแปลบนิ้วหัวแม่เท้าข้างซ้าย ผมถอดรองเท้า ยกเท มือตบส้นรองเท้า คาดว่าจะมีเม็ดหนามแหลมหล่นออกมา ภาพที่เห็นแมงมุมขนปุยใหญ่เบิ้ม นอนหงาย ขาทั้งแปดกวักอากาศ เย็นเยือก หัวใจของผมเต้นระรัว เวียนหน้า ผมกลัวแมงมุมมาก เท่าเทียมกับงูกบั ไอ้ตวั เลือ้ ยทุกประเภท ชาร์ลที ราบเรือ่ งนี้ เดินตรงมา ช่วยเหลือ เขี่ยแมงมุมเข้ากองไฟด้วยปลายมีด ผมจับตามองแมงมุม หงิกงอตายดับ ควันกรุ่นเหมือนก้อนกระดาษ สุดแสนจะดีใจที่เห็น มันเจ็บปวดทรมาน บัดนี้ ความเย็นเยียบซ่านขึ้นมาตามกระดูกหน้าแข้งเหมือน น�ำ้ ค้างแข็ง “ไอ้ตวั นีพ้ ษิ ร้าย, พีช่ าย” ผมจับไข้ดว่ นทันใจ ต้องเอนตัว ลงนอน ชาร์ลีเป็นกังวลกับใบหน้าซีดขาวของผม เมื่อสอบทานแน่ใจ แล้วว่าผมพูดไม่ได้ เขาเขีย่ กองไฟให้ลกุ โชน ควบม้าเข้าเมืองใกล้ทสี่ ดุ ไปหาหมอ ชาร์ลพี าหมอร่วมทางกลับมาด้วย อาจจะบังคับขืนใจหรือ ขืนใจเล็กๆ ผมเลอะเลือนในหมอกไข้ แต่ยังได้ยินเสียงหมอสบถด่า ในทุกคราวทีช่ าร์ลเี ดินห่างออกไป หมอให้ยา หรืออาจเป็นเซรุม่ แก้พษิ ก็เป็นได้ ยาที่ท�ำให้ผมยินดีและเลอะเลือนเหมือนเมาแปร้ ความคิด เดียวที่ผมอยากท�ำ ผมให้อภัยทุกผู้ทุกคนทุกสิ่งอย่าง และอยาก ดูดบุหรี่ไม่ขาดปาก ไม่นานนัก ผมหลับเป็นตาย ตลอดทั้งวัน ตลอดทั้งคืน ฟื้นอีกครั้งรุ่งสางวันใหม่ ผมลืมตา มองเห็นชาร์ลีนั่ง ข้างกองไฟ เขามองผม อมยิ้ม “เอ็งจ�ำได้ไหมว่าเอ็งฝันถึงเรื่องอะไรบ้าง?” “คล้ายจะโดนมัด” ผมบอก นพดล เวชสวัสดิ์ 21
“เอ็งพล่ามไม่ขาดปาก ‘ฉันอยู่ในเต็นท์!’... ‘ฉันอยู่ในเต็นท์!’ ” “จ�ำไม่ได้” “ ‘ฉันอยู่ในเต็นท์!’ ” “ช่วยพยุงฉันลุกขึ้นที” เขาประคองผมลุกขึ้น ผมเดินเป็นวงในแคมป์ด้วยขาชาเหมือน ท่อนไม้ ยังวิงเวียนคลื่นไส้ แต่กินอาหารมื้อใหญ่ เบคอนกับกาแฟ กับขนมปังกรอบ และสะกดอาหารให้นิ่งอยู่ในท้องได้ ผมลงความ เห็นว่าสบายดีพอจะเดินทางต่อ เราเดินม้าผ่อนคลายไปสักสี่หรือ ห้าชัว่ โมง ก่อนจะตัง้ แคมป์อกี ครัง้ ชาร์ลถี ามไม่ขาดปาก เป็นไงบ้าง? ผมพยายามให้ค�ำตอบ ความจริงก็คือ ผมไม่รู้ว่าผมรู้สึกยังไง อาจ เป็นพิษแมงมุมหรือว่าเป็นยาแก้พิษของหมอที่โดนจี้ตัวมารักษา ผม เลอะเลือน ล่องลอยเหมือนว่าหลุดออกจากร่างไปแล้ว ผมผ่านค�ำ่ คืน ไข้สูงและอาการชักกระตุก ในตอนเช้า ผนหันไปหาการทักทาย รุง่ อรุณของชาร์ลี เขากรีดร้องออกมาสุดเสียง ผมถามว่ามีอะไรหรือ? เขาเอาจานดีบุกมาให้ผมส่องหน้าแทนกระจกเงา “อะไรหรือ?” “หัวเอ็ง” เขาเอนหลังทิ้งน�้ำหนักตัวลงบนส้นเท้า ผิวปากหวือ ออกมา ใบหน้าซีกซ้ายของผมพองบวมเบ่งบาน จากตีนผมลงไปตลอด ทางจนถึงล�ำคอ ไหลลงไปหาหัวไหล่ ตาของผมเหลือเพียงขีดยาวเรียว ชาร์ลีได้อารมณ์ขันคืนกลับ บอกว่าผมเหมือนหมาไปครึ่งหน้า เขา ขว้างกิ่งไม้ เผื่อว่าผมจะวิ่งไปคาบกลับมา ผมกดปลายนิ้วตามหา แหล่งก�ำเนิด ปวดเจ็บที่ฟันและเหงือก ปวดจี๊ดทั่วร่าง ซ่านจากหัว ลงถึงปลายเท้า แล้วย้อนกลับขึ้นมา “น่าจะมีเลือดเป็นแกลลอนกระฉอกอยู่ในนั้น” ชาร์ลีกล่าว “แกเจอหมอทีไ่ หน? เราน่าจะแวะไปเยีย่ มเขาอีกรอบ ให้เขาเจาะ เลือดให้” 22 สองพี่น้องนักฆ่า นามว่า ซิสเตอร์ส
ชาร์ลีสั่นหัว “จะเป็นการดีกว่าถ้าไม่เจอกัน มีเรื่องไม่สมหวัง บาดใจเรื่องค่ารักษา เขาคงดีใจถ้าได้เจอหน้าข้าอีก เรื่องจริง แต่ข้า ไม่คิดว่าเขาจะยินดีที่จะช่วยเรามากไปกว่านี้ เขาบอกว่ามีหมออีกคน ไม่กี่ไมล์ทางใต้ ความหวังใหม่ของเรา ถ้าเอ็งคิดว่าพอจะถ่อไปถึง ที่นั่นไหว” “ฉันไม่คิดว่าฉันมีทางเลือก” “เหมือนเรื่องอื่นๆ ในชีวิต, ไอ้น้องชาย ข้าคิดว่าเอ็งไม่มีทาง เลือก” การเดินทางเชื่องช้า แม้หนทางจะไม่ขรุขระนัก เดินม้าลง ลาดเนิน ดินแน่นผ่านป่าโปร่ง ผมรู้สึกสุขใจแปลกพิกล ล่องลอย เหมือนอยู่ในความฝัน...จนกระทั่ง ทับตกหลุม ฟันในปากกระทบกัน กึก ผมกรีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด แต่ในเวลาเดียวกัน หัวร่อออกมาในเหตุการณ์พลิ กึ ผมยัดยาเส้นคัน่ กลางฟันบนกับฟันล่าง เหมือนวางเบาะกันกระแทก แล้วไง? น�้ำลายสีน�้ำตาลท่วมเต็มหัว ถ่มน�้ำลายไม่ได้ คราวนี้ทรมานของจริง ผมท�ำได้แค่โน้มตัวไปข้าง หน้า ปล่อยให้น�้ำยาเส้นไหลยืดออกจากปาก ลงไปบนล�ำคอของทับ เราเคลือ่ นผ่านปุยหิมะโปรยลงมา เกล็ดหิมะให้ความเย็นฉ�ำ่ บนใบหน้า ร่างของผมเอียงกะเท่เร่ ชาร์ลีชักม้าวนรอบตัวผม เบิ่งตามอง ตาโต เท่าไข่ห่าน “มองเห็นชัดจากข้างหลัง หนังหัวแกพองบวม เส้นผม ของแกชี้ออกทุกทิศ” เราชักม้าเลี่ยงหลบเมืองของหมอที่ไม่ได้รับการ ช�ำระเงิน ไปจนถึงชุมชนห่างออกไปอีกหลายไมล์ เมืองไม่มชี อื่ เมือง ยาวแค่เสีย้ วไมล์ ชาวเมืองราวร้อยคนหรือน้อยกว่านัน้ แต่โชคเข้าข้าง เรา เราเจอหมอฟันทีน่ นั่ หมอชือ่ วัตต์ส นัง่ สูบกล้องยาเส้นหน้าร้าน ในทันทีที่เจอหน้า เขายิ้มกว้าง อุทานออกมา “ช่างเป็นอาชีพสุด วิเศษ ฉันได้เห็นกับตา คนไข้ที่หน้าโย้ได้ขนาดนี้” เขารุนหลังผม เข้าไปในห้องท�ำงาน เก้าอี้หุ้มหนังใหม่เอี่ยมส่งเสียงเอียดออดเมื่อนั่ง ลง หมอลากถาดทีม่ เี ครือ่ งมือวาววับ สอบถามประวัตกิ ารท�ำฟัน ซึง่ นพดล เวชสวัสดิ์ 23
ผมไม่อาจให้คำ� ตอบได้ ผมได้ความรูส้ กึ ว่า เขาไม่อยากรูค้ ำ� ตอบ แค่ สุขใจที่ได้ถาม ผมแบ่งปันทฤษฎีที่ว่า น่าจะเกิดจากพิษแมงมุมหรือไม่ก็ยาแก้ พิษแมงมุม หมอวัตต์ส ตัดบท ไม่มหี ลักฐานทางการแพทย์รบั รองใน เรื่องนั้น เขาบอกผม “ร่างกายมนุษย์เป็นเครื่องจักรมหัศจรรย์ จะมี ใครเล่าทีผ่ า่ ช�ำแหละความมหัศจรรย์ได้? อาจเป็นแมงมุม นัน่ จริง อาจ เป็นยาแก้พษิ แมงมุม เป็นไปได้ หรืออาจไม่ใช่ทงั้ สองอย่าง จริงๆ นะ จะต่างกันที่ตรงไหนว่าอะไรท�ำให้คุณป่วยไข้? หมอพูดถูกไหม?” ผมยอมรับ หมออาจเป็นฝ่ายถูก ชาร์ลียื่นหน้าเข้ามา “ข้าบอก อีไลไว้แล้ว, หมอ ข้าพนันได้เลยว่ามีเลือดเป็นแกลลอนกระฉอก กระเพื่อมในหัวของมัน” หมอวัตต์ส ดึงเข็มเงินออกจากปลอก เอนหลังมอง เหมือนว่า หัวของผมเป็นอสุรกาย “แล้วเราจะได้เห็นกัน” เขากล่าว
6 นิยายชีวติ ของเรจินลั ด์ วัตต์ส เป็นความล้มเหลวไร้โชคในทุกแง่มมุ ของ ความล้มเหลวและภัยพิบตั ิ แม้เขาจะบอกเล่าโดยไม่มคี วามขืน่ ขมหรือ ความเสียใจ ตรงกันข้าม เขาพบเจออารมณ์ขนั ทุกก้าวสะดุดนับไม่ถว้ น “ฉันล้มเหลวในงานสุจริต คิดจะเป็นโจรก็ยงั ล้มเหลว ล้มเหลวในความ รัก ล้มเหลวในสัมพันธ์ฉนั เพือ่ น บอกมาเลย, ฉันล้มเหลวมาหมดแล้ว เอาเลย, บอกมาสักชื่อ เรื่องไหนก็ได้” “เกษตร” ผมส่งเสียง “ฉันเคยเป็นเจ้าของไร่ชูเกอร์บีต ห่างจากที่นี่ไปร้อยไมล์ทาง ตะวันออกเฉียงเหนือ ขายไม่ได้แม้แต่แดงเดียว ไม่ได้สกั หัว ล้มเหลว ล่อนจ้อน เอาอีก อะไรก็ได้” 24 สองพี่น้องนักฆ่า นามว่า ซิสเตอร์ส
“ชิปปิ้ง” “ฉั น ซื้ อ หุ ้ น เรื อ กลไฟใบจั ก รไม้ แล่ น ล่ อ งขนสิ น ค้ า ในแม่ น�้ ำ มิสซิสซิปปี บวกค่าขนส่งเข้าไปในราคาสินค้าจนน่าเกลียด ธุรกิจ ก�ำไรสูง จนกระทั่งฉันเข้าไปร่วม เที่ยวที่สองที่มีเงินของฉันร่วมทุน เรือจมลงก้นแม่น�้ำ ไม่มีประกัน ความคิดสุดบรรเจิดของฉันเอง ประหยัดค่าใช้จ่าย ฉันยุ่มย่ามถึงขั้นเปลี่ยนชื่อเรือจาก เพอริวิงเคิล ชื่อจืดชืดสามัญ เปลี่ยนเป็น ควีน บี ความล้มเหลวเนื้อๆ หากฉัน เข้าใจไม่ผิด เพื่อนนักลงทุนแห่กันมาจะจับฉันแขวนคอ ฉันกลัด จดหมายฆ่าตัวตายไว้ทปี่ ระตูหน้าบ้าน หลบหนีเร่งด่วนออกจากเมือง ทิง้ แม่นางแสนดีดว้ ยนะ ฉันยังคิดถึงเธอ นานหลังจากนัน้ อีกหลายปี” หมอนิ่งเงียบไป ส่ายหน้าช้าๆ “บอกชื่อมาเลย ไม่หรือ? เออ, เอา เหอะ ฉันเบื่อความล้มเหลวเต็มทีแล้ว” “เราสองเหมือนกัน” ชาร์ลีให้ความเห็น นั่งอยู่ที่มุมห้อง อ่าน หนังสือพิมพ์ ผมกล่าว “ดูเหมือนว่าหมอจะไปได้ดีที่นี่” “ยาก” หมอฟันตอบ “คุณเป็นลูกค้าคนที่สามในสามสัปดาห์ที่ ผ่านมา ดูเหมือนสุขอนามัยในช่องปาก ไม่ใคร่ได้รับความส�ำคัญใน มุมนี้ของโลก เออ, ฉันคาดว่าฉันจะล้มเหลวในงานทันตกรรม ให้ เวลาอีกสองเดือน ธนาคารปิดธุรกิจฉันแน่ๆ” เขาแหย่ยื่นเข็มยาวมา ใกล้ใบหน้าของผม ของเหลวปลายเข็มหยดติง๋ “เจ็บนิดนะ, ไอ้หนุม่ ” “โอ๊ย!” ผมตอบรับ “หมอเรียนท�ำฟันจากที่ไหน?” ชาร์ลีถาม “สถาบันมีชอื่ เสียงทีเดียวเชียว” หมอตอบ แต่อาการยิม้ ทีม่ มุ ปาก ท�ำให้ผมไม่สบายใจนัก “เท่าที่ได้ยินมา หมอฟันต้องเรียนหลายปี?” ผมส่งเสียงบ้าง “หลายปี?” วัตต์ส หัวเราะร่วน “งั้นนานแค่ไหน?” นพดล เวชสวัสดิ์ 25
“ส�ำหรับฉัน? ก็แค่ทอ่ งจ�ำผังเส้นประสาทให้ได้ แค่นนั้ เอง ไอ้โง่นนั่ ก็สง่ ชุดเครือ่ งมือมาให้ ให้เครดิตนานหลายเดือน” ผมหันไปมองชาร์ลี เขายักไหล่ ก้มหน้าอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ผมยกมือแตะแก้มบวมเป่ง สะดุ้งตกใจที่ไม่มีความรู้สึกบนใบหน้าอีกแล้ว หมอวัตต์ส หัวเราะร่วน “สุดวิเศษเลย ว่าไหม? ฉันพอจะถอน ฟันทุกซี่ในปากออกมา คุณไม่รู้สึกเจ็บปวดด้วยซ�้ำ” ชาร์ลีเขม้นมองข้ามขอบกระดาษ “เอ็งไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?” ผมสั่นหัว เขาหันไปหาวัตต์ส “หายานั่นได้จากที่ไหน?” “ไม่มีขาย เว้นแต่จะอยู่ในวงการ” “อาจมีประโยชน์ในสายงานทีเ่ ราท�ำ หมอจะว่าไงถ้าจะปันขายให้ เรา?” “ไม่ได้ส่งมาให้ฉันเป็นถังดอกนะ” “เราให้ราคาดี” “ฉันเกรงว่า ค�ำตอบก็ยังคง ไม่” ชาร์ลีเบิ่งมองผม ก้มหน้าหายไปในหนังสือพิมพ์อีกครั้ง วัตต์ส เจาะใบหน้าของผมสามจุด ของเหลวสีสวยทะลักออกมา น่าจะยังมีเหลือในหัวอีกเยอะ แต่หมอบอกว่า อีกไม่นานก็หายไปเอง ส่วนเลวร้ายทีส่ ดุ ผ่านไปแล้ว เขาถอนฟันเจ้าปัญหาออกมาสองซี่ ผม หัวเราะไปกับการออกแรงสุดตัวของหมอทีไ่ ม่มคี วามเจ็บปวดให้ผมรูส้ กึ ชาร์ลีกระวนกระวาย ขอตัวออกไปรอที่ซาลูนอีกฟากหนึ่งของถนน “ขี้ขลาด” หมอวัตต์ส เปล่งเสียงไม่เบานัก ใช้เข็มเย็บปิดแผล ยัด ก้อนส�ำลีเข้าเต็มปาก หลังจากนั้น หมอพาผมไปที่อ่างล้างมือ หยิบ แปรงด้ามไม้ หัวแปรงรูปสี่เหลี่ยมมีขนแปรงสีขาวเทา “แปรงสีฟัน” เขาบอก “จะช่วยให้ปากของคุณสะอาด ลมหายใจหอม ดูนี่, จะ ท�ำให้ดู” หมอสาธิตการใช้อุปกรณ์นั้นอย่างถูกวิธี จากนั้น พ่นลม หายใจกลิน่ มินต์ใส่หน้าผม เขายืน่ แปรงใหม่ให้ผม เหมือนกับทีเ่ ขาใช้ ไม่มีผิด มอบกล่องผงสีฟันที่จะให้ฟองฟ่อดกลิ่นมินต์ บอกให้ผมเก็บ 26 สองพี่น้องนักฆ่า นามว่า ซิสเตอร์ส
ไว้ใช้ ผมประท้วง แต่หมอยอมรับว่าเป็นของแถมจากบริษัทผู้ผลิต ผมจ่ายเงินให้หมอสองดอลลาร์ส�ำหรับค่าถอนฟัน หมอหยิบขวดวิสกี้ ออกมา เฉลิมฉลองสิ่งที่เราเรียกว่า ธุรกิจสมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ผมชอบหมอคนนี้ เขาเป็นคนดีมีน�้ำใจ ผมเศร้าใจยิ่งที่ชาร์ลีเดินเข้า มาในร้านหมอ ปืนหลุดออกจากซอง เล็งมาทีห่ มอแล้ว “ข้าพยายาม เสนอราคาซื้อขายให้แล้ว” ใบหน้าของเขาแดงก�่ำจากบรั่นดี “ฉันสงสัยอยูเ่ หมือนกันว่า ฉันจะล้มเหลวเรือ่ งใดในอันดับถัดไป” หมอวัตต์ส กล่าวเสียงเศร้า “ข้าไม่รู้ ข้าไม่สน อีไล, เก็บยาชากับเข็มมาด้วย วัตต์ส, ไป หาเชือกมาให้ข้า เร็วด้วย ถ้าแกเล่นตลก แกได้รูโบ๋กลางหน้าผาก” “บางคราว ฉันรู้สึกว่ามีรูกลวงอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว” หมอหันมา หาผม “การวิ่งไล่ตามหาเงินทองและความสุขสบาย ท�ำให้ฉันเหนื่อย ดูแลฟันให้ดี, ไอ้หนุ่ม รักษาช่องปากให้ดี เสียงที่เปล่งออกมาจะ หอมหวน ว่าไหม?” ชาร์ลบี อ้ งหูหมอวัตต์ส ปิดการกล่าวสุนทรพจน์ของหมอให้ยตุ ลิ ง เพียงแค่นั้น
7 เราขี่ม้าผ่านยามบ่ายเข้าไปในย�่ำเย็น เมื่อผมวิงเวียนจนถึงจุดที่คิดว่า อาจหล่นลงจากอานม้า ผมขอให้ชาร์ลีหยุดพักส�ำหรับคืนนี้ เขา เห็นพ้อง แต่กต็ อ้ งหาทีพ่ กั แทนการตัง้ แคมป์ เพราะเมฆทะมึนคุกคาม เขาได้ ก ลิ่ น ควั น ไฟลอยมาในอากาศ แกะรอยไปจนถึ ง กระท่ อ ม ห้องเดียว ควันขาวคล้ายปุยฝ้ายลอยอ้อยอิ่ง หมุนบิดเกลียวจาก ปล่องไฟ แสงเรือ่ จางส่องออกมาทางหน้าต่าง หญิงชราคลุมไหล่ดว้ ย ผ้าลายต่อ เปิดประตูตอ้ นรับ ผมยาวสีเทาสัน่ ระริกเรีย่ ปลายคาง ปาก นพดล เวชสวัสดิ์ 27