Distantstar

Page 1


ค ำ น ำ ผู้ แ ป ล

ซัลวาดอร์ อัลเยนเด นายแพทย์นักการเมืองผู้นิยมลัทธิ มาร์กซิสต์ เป็นประธานาธิบดีสังคมนิยมคนแรกในอเมริกาใต้ที่ ขึ้นครองต�ำแหน่งจากการเลือกตั้งทั่วไปในปี 1970 ทศวรรษเจ็ดศูนย์ และการปลุกผีคอมมิวนิสต์ เพือ่ ใช้เป็น ข้ออ้างในการฮุบกลืนทรัพยากร วันที่ 11 กันยายน 1973 คณะทหารท�ำการรัฐประหาร ทหารล้อมท�ำเนียบประธานาธิบดี อัลเยนเดกล่าวสุนทรพจน์ ครั้งสุดท้าย ให้สัตย์สาบานว่าจะไม่ลาออกจากต�ำแหน่ง เขา ฆ่าตัวตายในท�ำเนียบในวันนั้น คณะทหารน�ำโดยนายพลออกุสโต ปิโนเชต์ ปฏิเสธไม่ ยอมคืนอ�ำนาจ ประเทศชิลตี กอยูใ่ นระบอบเผด็จการทหารตัง้ แต่ ปี 1973-1990 หน่วยล่าสังหารของทหารปลิดชีวิตผู้สนับสนุนอัลเยนเด หลายพันคน งานกวาดล้างผู้มีความเห็นต่างด�ำเนินไปทั่วอเมริกาใต้ การฆาตกรรม การสังหารโหดโดยแท้ หากเป็นรายงาน ข่าว


แต่นิยายสองเล่มนี้ เขียนจากมุมมองกวี หนึ่งนั้น มารดากวี - เรื่องเล่าของว่าอ็อกซิลิโอ ลาคูตูร์ หญิงชาวอุรุกวัย ร่อนเร่ลี้ภัยมาอาศัยในเม็กซิโกซิตี พบพานการ ล้อมปราบนักศึกษาเม็กซิกัน และอีกหนึ่ง กวีกลางฟ้า - ผม, กวีหนุ่ม บรรยายจาก มุมมองนักศึกษาผู้คลั่งไคล้สโมสรกวี อาจจะอ่านยากสักนิด แต่เสียงเรียกร้องของผู้ทุกข์ทน ผู้ถูกกดขี่สดใสชัดเจน


อุทิศแด่วิกตอเรีย อะวาลอส และลอตาโร โบลาโญ


“ดาวใดหล่นร่วงไร้คนชม?” -วิลเลียม โฟล์กเนอร์


ในบทส่งท้ายของนิยาย วรรณกรรมนาซีในอเมริกา ผมย้อนนับ ไม่ถึงยี่สิบหน้า และอาจไม่กระจ่างนัก เรื่องราวของเรือโท รามิเรซ ฮอฟฟ์มาน กองทัพอากาศชิลี เรื่องราวที่ผมได้ยินจาก เพื่อนชาวชิลี, อาร์ตูโร บ. นักรบในการปฏิวัติสิ้นหวังไร้หนทาง ส�ำเร็จ นักรบผูร้ นหาที่ พยายามหาทางจบชีวติ ตัวเองในแอฟริกา เขาไม่โปรดเวอร์ชันของผม มาดหมายให้เป็นตัวถ่วงน�ำ้ หนักการ ท่องตระเวนเข้าไปในโลกวรรณกรรม หรืออาจประสงค์ให้เป็น เรื่องหักมุม ลดทอนความส�ำคัญ อาร์ตูโรอยากได้เรื่องยาวกว่านี้ แทนทีจ่ ะเป็นภาพสะท้อนหรือแตกย่อยจากเรือ่ งอืน่ เพราะเนือ้ หา โดยตัวมันเองเป็นกระจกสะท้อนและการระเบิดอยู่แล้ว ดังนั้น เราน�ำบทท้ายสุดมาร่วมพิจารณา ขังตัวเองนานหนึ่งเดือนครึ่งใน บ้านของผมทีบ่ ลาเนส เราปล่อยให้ความฝันและฝันสยองของเขา ชี้แนะน�ำทาง ปรุงนิยายเล่มนี้ขึ้นมา ผมท�ำหน้าที่เพียงแค่จัดหา เครือ่ งดืม่ และของขบเคีย้ ว ค้นเอกสารบางเล่ม และยกบางท่อน ที่ใช้ถ้อยซ�้ำมาคุยกับอาร์ตูโร คล้ายจะปลุกผีปิแอร์ เมนารฺด์* ให้ ลุกมากระโดดโลดเต้น

* เรือ่ งสัน้ ปิแอร์ เมนารฺด,์ นักประพันธ์ดอน คิโฮเต ของ ฮอเฮ ลุยส์ บอเฮส นักเขียน กวี นักแปลชาวอาร์เจตินา 9


ห นึ่ ง ผมพบคาร์ลอส ไวเดอร์ครัง้ แรกในปี 1971 หรืออาจเป็น 1972 ในช่วงที่ซัลวาดอร์ อัลเยนเดเป็นประธานาธิบดีชิลี ในช่วงนั้น ไวเดอร์เรียกตัวเองว่าอัลแบร์โต รูอิซ-ตากลี แวะเวียนเป็นครั้งคราวไปเยือนสโมสรกวีของฮวน สไตน์ใน คอนเซ็บเซียน ที่เรียกกันว่าเมืองหลวงทางใต้ ผมไม่อาจบอกได้ ว่าผมรู้จักเขาดี แค่พบหน้ากันครั้งสองครั้งที่สโมสรกวี เขาไม่ใช่ คนช่างพูด ผมซี พูดมากน�้ำไหลไฟดับ พวกเราส่วนใหญ่อ้าปาก ได้ตอ้ งพูด คุยกันใช่แค่เรือ่ งกวีนพิ นธ์ แต่รวมไปถึงการเมือง การ ท่องเที่ยว (เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเราจะเดินทางยาวไกลแค่ไหน ในเวลาต่อมา) ภาพเขียน สถาปัตยกรรม การถ่ายภาพ การปฏิวตั ิ และการหยิบอาวุธลุกขึ้นสู้ซึ่งจะน� ำไปสู่โลกยุคใหม่ ชีวิตใหม่ เราคิดเพ้อกันไปเอง เพราะส�ำหรับพวกเรา เป็นเพียงความฝัน หรือน่าจะเป็นกุญแจทีจ่ ะไขเปิดทวารแห่งโลกฝัน ความฝันสดสวย ที่ ค วรค่ า แก่ ก ารมี ชี วิ ต อยู ่ แม้ ว ่ า เราจะสะดุ ด หยุ ด คิ ด บ้ า งว่ า ฝันหวาน มักจะผันเปลี่ยนเป็นฝันสยองได้ เราไม่ยอมปล่อยให้ เรื่องนั้นกวนใจเรา กลุ่มของเราอายุอยู่ในย่านสิบเจ็ดถึงยี่สิบสาม (ผมเองสิบแปด) และพวกเราส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาคณะวรรณคดี 11


โรแบร์ โต โบลาโญ

ยกเว้นพีน่ อ้ งสองสาวตระกูลการ์เมนเดีย สองนางเรียนสังคมวิทยา และจิตวิทยา ส่วนอัลแบร์โต รูอิซ-ตากลี เขาเปรยเข้าหูเราว่า เขาเป็นคน ‘ศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง’ นิยามวลีนี้น่าสนใจยิ่ง ในชิลีก่อนปี 1973 กล่าวโดยสัตย์จริง มองอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ คนร�่ำเรียนเอง ผมหมายความว่ายังงี้ : หน้าตาเขาไม่ให้ ในชิลี ต้นทศวรรษเจ็ดศูนย์ คนร�ำ่ เรียนเองไม่ได้แต่งตัวแบบรูอิซ-ตากลี คนพวกนั้นยากจนแสนเข็ญ ก็จริง, เขาพูดจาเหมือนคนร�ำ่ เรียน เอง ผมเดาเอาว่าเขาพูดคล้ายพวกเรา พวกเราที่ยังมีชีวิตรอด อยู่นะ (เขาพูดเหมือนว่าเขาลอยฟ่องอยู่ในกลุ่มเมฆ) แต่ผมไม่ เชื่อ ดูจากการแต่งตัว ผมไม่เชื่อว่าเขาไม่เคยย่างเท้าเข้าไปใน มหาวิทยาลัย ผมไม่ได้บอกนะว่าเขาแต่งตัวหรูเริด จ�ำกัดความ ได้ว่าเขาแต่งตัวมีสไตล์ ตามแบบของเขาเอง มีรสนิยมคัดสรร สิ่งดีที่สุด บางวัน เขาโผล่มาในเสื้อนอกเน็กไท อีกวัน แต่งตัว ล�ำลอง เขาไม่รังเกียจกางเกงยีนส์และเสื้อยืด เอาเถอะ, ไม่ว่า เขาสวมเสื้อผ้าใด ดูเหมือนว่าทุกชิ้นมีตราราคาแพง กล่าวได้อีก อย่างหนึ่งว่า รูอิซ-ตากลีแต่งกายหมดจดมีระดับ ในยุคนั้น สมัยนั้น ในชิลี คนร�ำ่ เรียนเองวุ่นอยู่กับการมุ่งหน้าฝ่าอุปสรรค ให้พ้นผ่านความงมงายบ้าคลั่งและความยากจนเข็ญใจเกินกว่าจะ มาสนใจแต่งเนื้อแต่งตัว ผมคิดของผมอย่างนั้นนะ เขาเคยกล่าว ว่าพ่อของเขา ปู่ของเขาเคยมีบ้านไร่ใกล้เปอร์โตมอนตต์ เมื่อ อายุสิบห้าปีเต็ม เขาตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน และทุ่มเท ดูแลบ้านไร่ อ่านหนังสือหาความรู้ด้วยตัวเองจากห้องสมุดของ พ่อ เขาบอกเราอย่างนี้ หรือว่าเราอาจเคยได้ยนิ จากการบอกเล่า 12


กวีกลางฟ้า

อีกทอดจากเวโรนิกา การ์เมนเดีย ที่สโมสรกวีของฮวน สไตน์ เราอนุมานว่าเขาเป็นผู้ควบคุมขับขี่ม้าชั้นดีมีฝีมือ ไม่รู้ว่าท� ำไม ถึงได้คิดอย่างนั้น ผมไม่เคยเห็นเขาบนหลังม้าแม้แต่ครั้งเดียว แท้จริงแล้ว อคติทเี่ รามีตอ่ รูอซิ -ตากลี น่าจะเกิดจากความอิจฉา เออ, ถึงขั้นริษยาเลย รูอิซ-ตากลีร่างสูงเพรียว แต่ก็มีกล้ามเนื้อ และหน้าตาหล่อเหลา บิเบียโน โอ’ไรอันชี้ชัดว่าไม่อาจนับ หนังหน้าแบบนีว้ า่ คมคายหล่อเหลาได้ เพราะใบหน้าไร้ความรูส้ กึ ไม่แสดงอารมณ์ใดในใจให้ปรากฏ แต่ก็แน่อยู่แล้ว บิเบียโน ยกเรื่องนี้มาพูดในภายหลัง จึงถือได้ว่าพ้นสมัย ไม่อาจนับเป็น น�้ำหนักตัดสินได้ ท�ำไมพวกเราถึงได้อิจฉารูอิซ-ตากลี? พหูพจน์ ลวงให้หลงทิศ ผมคนเดียวเลยทีอ่ จิ ฉารูอซิ -ตากลี อาจมีบเิ บียโน ร่วมด้วยอีกคน ท�ำไม? ค�ำตอบอยู่ที่พี่น้องสองสาวการ์เมนเดีย แฝดสาวหน้าเหมือนหน้าหวาน ดาวดวงเด่นประจ�ำสโมสรกวี หา ความเห็นคัดค้านมิได้ แท้จริงแล้ว เรา, ผมกับบิเบียโน เชื่อว่า สไตน์เปิดสโมสรกวีเพือ่ แฝดสองนางนีส้ ถานเดียว ผมต้องยอมรับ ว่ารัศมีของคุณเธอกดข่มพวกเราไปสิ้น...แองเจลิกากับเวโรนิกา การ์เมนเดีย ในบางวัน หน้าเหมือนกัน ท�ำทุกอย่างคล้ายกัน จนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร แต่ในวันอื่น (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใน ยามราตรี ) ต่างกันสุดขั้วเหมือนคนแปลกหน้า แทบถึงขั้น เป็นศัตรูกัน สไตน์หลงใหลบูชาสองนาง เขากับรูอิซ-ตากลีเป็น เพียงสองคนที่แยกแยะได้ว่านางใดชื่อไหน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผมจะ พูดคุยถึงสองนาง เพราะสาวแฝดแวะเวียนเข้ามาในฝันสยองของ ผมเป็นครัง้ คราว อายุรนุ่ ราวคราวเดียวกับผม อาจจะแก่กว่าสักปี 13


โรแบร์ โต โบลาโญ

ร่างสูงเพรียว ผิวคล�้ำ ผมด�ำ ด�ำสนิทยาวสลวย ผมคิดนะว่า ผมยาวสยายน่าจะเป็นกระแสนิยมในยุคนั้น สองพี่น้องการ์เมนเดียผูกมิตรสนิทกับรูอิซ-ตากลีในทันที ที่รู้จักกัน เขาเข้ามาร่วมกลุ่มในสโมสรกวีของสไตน์ในปี 71 หรือ 72 ก่อนหน้านั้น ไม่เคยมีใครเห็นหน้าเขามาก่อน ไม่ว่า จะในมหาวิทยาลัย หรือที่อื่นใด สไตน์ไม่ได้ถามว่าเขามาจาก ไหน สไตน์ขอให้เขาอ่านกวีสามบท และให้คำ� รับรองว่าไม่เลว เลยทีเดียว (บทกวีทเี่ ขาชืน่ ชมยกย่องสุดหัวใจ จะเป็นผลงานของ สองพีน่ อ้ งการ์เมนเดียเท่านัน้ ) รูอซิ -ตากลีเข้ามาร่วมในสโมสรกวี ด้วยวิธีนั้น ในระยะแรก พวกเราไม่สนใจเขานัก แต่เมื่อเห็น สองศรีพี่น้องการ์เมนเดียเปิดใจรับเขาเป็นเพื่อน พวกเราหันไป มองเขา จวบจนถึงช่วงนัน้ เขาสุภาพแต่หา่ งเหิน มีเพียงสองแฝด การ์เมนเดียเท่านั้น (ท่วงท�ำนองคล้ายสไตน์) ที่เราจะได้เห็นเขา อ่อนโยนเป็นมิตรใส่ใจจริงจัง ในยามทีเ่ ขาหันมาหาพวกเรา อย่าง ที่ผมบอกไว้ เขาสุภาพแต่ห่างเหิน ผมหมายความถึงว่า เขายิ้ม ให้เรา ในยามทีพ่ วกเราอ่านบทกวี เขาระมัดระวังในการใช้ถอ้ ยค�ำ ออกความเห็นสุขุมรอบคอบ เขาไม่เคยโต้แย้งปกป้องผลงาน ตัวเองต่อการพลิกหาแง่มมุ โจมตีอย่างเผ็ดร้อนจากพวกเรา ในยาม ที่พวกเราพูด เขารับฟังด้วยท่าทีที่ไม่อาจถือได้ว่าใส่ใจใคร่รู้ นั่น เป็นภาพที่เราเห็นและท�ำนองที่เรารู้สึกในช่วงนั้น ความแตกต่างระหว่างรูอิซ-ตากลีกับพวกเรา เห็นชัด บาดตา เราพูดกันด้วยสแลงศัพท์แสงหยิบยืมจากลัทธิมาร์กซ์ และแมนเดรกพ่อมดนักมายากล (พวกเราส่วนใหญ่ฝักใฝ่หรือ 14


กวีกลางฟ้า

เป็นสมาชิกเมียร์* หรือพรรคสังคมประชาธิปไตยเยี่ยงทร็อตสกี้ แต่มีน้อยคนเป็นพวกสังคมนิยมหนุ่ม หรือพรรคคอมมิวนิสต์ หรือพรรคคาทอลิกเอียงซ้าย) ในขณะทีร่ อู ซิ -ตากลีพดู ภาษาสเปน สังกัดกลุม่ คนสเปนในบางเขตพืน้ ทีข่ องชิลี (เขตพืน้ ทีท่ างความคิด แทนทีจ่ ะเป็นทางภูมศิ าสตร์) ทีซ่ งึ่ กาลเวลาดูเหมือนจะหยุดนิง่ ไป แล้ว พวกเรายังอาศัยอยูก่ บั พ่อแม่ (กลุม่ ทีม่ าจากคอนเซ็บเซียน) หรือไม่กอ็ ยูใ่ นหอพักนักศึกษายากไร้ รูอซิ -ตากลีมบี า้ นของตัวเอง แฟลตใกล้ใจกลางเมือง แฟลตสี่ห้อง ม่านรูดปิดตลอดกาล ผม ไม่เคยไปเยือนแฟลตแห่งนัน้ แต่ในอีกหลายปีถดั มา บิเบียโนเล่า ให้ผมฟัง เจือด้วยอคติความเกลียดชัง ต�ำนานเลวทรามชัว่ ร้ายที่ ไวเดอร์โปรยปรายออกมารอบตัว ผมไม่รอู้ กี แล้วว่าควรเชือ่ ได้มาก แค่ไหน หรือว่าจะตัดทอนเรือ่ งใดทิง้ ไปจากจินตนาการของเพือ่ น นักศึกษา ในยุคนั้น เรายากจนเข็ญใจ แทบไม่เคยมีสองเหรียญ มาขัดสีขยี้กัน (น่าแปลกที่ผมนึกถึงเหรียญสองเหรียญ ผมมอง เห็นเหรียญส่องฉายสุกใสในความมืด) รูอิซ-ตากลีเงินไม่ขาดมือ บิเบียโนเล่าเรื่องแฟลตของรูอิซ-ตากลีไว้ว่าอย่างไร? เขา เล่าว่าที่นั่นว่างเปล่าไร้เครื่องประดับตกแต่ง เขารู้สึกเหมือนว่า มีการจัดฉาก เขาเดินผ่านที่นั่นคนเดียว ตัดสินใจทันด่วน และ เข้าไปเยี่ยม ชวนรูอิซ-ตากลีไปดูหนังด้วยกัน บิเบียโนแทบไม่ รู้จักมักคุ้นรูอิซ-ตากลี แต่ก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลก มีหนังของ เบิรก์ แมนเข้าฉาย ผมจ�ำชือ่ ไม่ได้แล้ว บิเบียโนเคยไปทีแ่ ฟลตนัน้ * เมียร์ - ภาษารัสเซีย คอมมูนหรือสุขสันติ 15


โรแบร์ โต โบลาโญ

สองครัง้ ร่วมทางไปกับแฝดการ์เมนเดียคนใดคนหนึง่ ทัง้ สองคราว นั ด หมายล่ ว งหน้าแล้ว และทั้งสองครั้ง ดูเหมือนว่า มีการ ตระเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว จัดวางเครื่องเรือนรองรับสายตาผู้ มาเยือน แฟลตว่างเปล่าอ้างว้าง พื้นที่ว่างเหลือร่องรอยว่า เครือ่ งเรือนเคยตัง้ ทีน่ นั่ บิเบียโนเขียนมาในจดหมาย (ในอีกหลาย ปีตอ่ มา) เขารูส้ กึ เหมือนมีอา ฟาร์โรว์ใน โรสแมรี’ส เบบี้ ในยาม ที่เดินเข้าไปในที่พักของเพื่อนบ้านพร้อมกับจอห์น คาสซาเว็ตต์ส เป็นครั้งแรก สิ่งที่ขาดหายไปจากแฟลตของรูอิซ-ตากลีเป็น บางอย่างที่ไม่อาจตั้งชื่อก�ำกับได้ (ในอีกหลายปี หลังจากทราบ เรื่องราวทั้งหมดแล้ว ยังถือว่าตั้งชื่อไม่ได้ แต่ด�ำรงอยู่ที่นั่น) คล้ า ยกั บ ว่ า เจ้ า ของบ้ า นตั ด หั่ น เครื่ อ งในของบ้ า นพั ก ทิ้ ง ไป ประหนึ่งว่าเนื้อในของบ้านท�ำจากชิ้นส่วนเมคคาโน ต่อประกอบ กันเป็นรูปทรงสอดรับกับความคาดหวังหรือความชื่นชอบเฉพาะ เจาะจงของแขกแต่ละคนที่มาเยือน ความรู้สึกนี้เข้มข้นยิ่งขึ้น ในยามที่เขาแวะไปเยี่ยมแฟลตคนเดียว ก็แน่อยู่แล้ว คราวนี้ รูอิซ-ตากลีไม่ได้คาดว่าจะเจอเขา รูอิซ-ตากลีใช้เวลานานโขก่อน จะเปิดประตูรับ แววตาคล้ายกับว่าจดจ�ำผู้มาเยือนไม่ได้ แม้ บิเบียโนจะยืนยันกับผมว่า การไปครั้งนั้น เขาทักทายด้วย รอยยิ้ ม และยิ้ ม ตลอดเวลาที่ อ ยู ่ ที่ นั่ น บิ เ บี ย โนยอมรั บ ใน จดหมายว่า ในแฟลตนั้นไม่สว่างนัก ดังนั้น ผมไม่อาจหยั่งได้ ว่าการบรรยายความของบิเบียโนจะแม่นย�ำแค่ไหน เอาเถอะ, รูอิซ-ตากลีเปิดประตูรับ หลังการทักทายกระท่อนกระแท่น (ระยะแรก ดูเหมือนว่ารูอิซ-ตากลีจะไม่เข้าใจว่าเขามาชวนไปดู 16


กวีกลางฟ้า

หนัง) รูอิซ-ตากลีบอกให้รอ ปิดประตู อีกหลายวินาทีถัดมา เปิดประตูอีกครั้ง เชิญเขาเข้าไปข้างใน แฟลตมืดสลัว อากาศ เหนียวหนืดเข้มข้นด้วยกลิ่นสาบสาง ประหนึ่งว่ารูอิซ-ตากลีปรุง อาหารกลิ่นเหม็นในค�ำ่ คืนที่ผ่านมา อาหารทั้งมันทั้งเผ็ด เสี้ยว วินาทีนั้น บิเบียโนรู้สึกคล้ายกับว่าเขาได้ยินเสียงกุกกักในห้อง ข้างเคียง คาดเดาเองว่ามีสตรีอยู่ในแฟลต เขาอ้าปากพร้อมจะ ขอตัวลาจาก แต่รูอิซ-ตากลีถามว่าจะไปดูหนังเรื่องอะไร เขา บอกว่าหนังของเบิร์กแมนที่โรงทีอาโตร ลอตาโร ใบหน้าของ รูอิซ-ตากลีแต้มยิ้มปริศนา บิเบียโนลงความเห็นว่ายิ้มลึกลับ ซ่อนเลศนัย ผมชี้ชัดว่าเป็นยิ้มอิ่มเอมใจ ถึงขั้นหยิ่งผยองก็ว่าได้ รูอิซ-ตากลีขอผ่าน บอกว่ามีนัดกับเวโรนิกา การ์เมนเดีย และ กระนั้น เขาอธิบายต่อ เขาไม่ใคร่ชอบหนังที่เบิร์กแมนก�ำกับ ถึงช่วงนั้น บิเบียโนแน่ใจแล้วว่าต้องมีคนอีกคนอยู่ในแฟลต ซ่อนตัวอยู่หลังบานประตู แอบฟังการสนทนา เขาคิดว่าน่าจะ เป็นเวโรนิกา ไม่เช่นนั้น ท�ำไมรูอิซ-ตากลีผู้วางท่าลับลมคมใน เสมอ ต้องบ่งบอกแจ้งชื่อเธอด้วย พยายามคิดเค้นสักแค่ไหน เขาก็ไม่อาจเดาได้ว่าท�ำไมดาราดวงเด่นของสโมสรกวีมาซ่อนตัว อยู่ที่นี่ด้วย ไม่มีทาง, แองเจลิกาและเวโรนิกา การ์เมนเดีย ไม่ ต กต�่ ำ ถึ ง ขั้ น มาซ่ อ นตั ว แอบฟั ง การสนทนา! แล้ ว ใครกั น ? บิเบียโนหาค�ำตอบไม่ได้ นั่นเอง วินาทีนั้น เขารู้สึกหนาวเยือก ขึ้นมาทันใด บอกตัวเองว่าต้องหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไปให้ ไกลจากรูอซิ -ตากลี ไม่มวี นั ย้อนกลับมายังแฟลตเปลือยล่อนจ้อน โชกเลือด นัน่ เป็นค�ำพูดของบิเบียโน หากจะตัดสินจากค�ำบรรยาย 17


โรแบร์ โต โบลาโญ

ของเขาในจดหมาย แฟลตนัน้ แทบเรียกได้วา่ สะอาดผุดผ่อง ผนัง สะอาด หนังสือวางเรียงรายบนชั้นเหล็ก อาร์มแชร์คลุมด้วย ผืนผ้ามาปูเช กล้องไลก้าของรูอิซ-ตากลีวางบนม้ายาว (เขาเคย ถือกล้องมาถ่ายรูปหมู่ของสโมสรกวี) ประตูห้องครัวเปิดอ้า บิเบียโนมองผ่านไปถึงก้นครัว ทุกอย่างปกติ เว้นแต่ว่าไม่มีจาน สกปรกกองสุมในอ่าง ไม่มีความเฟอะฟะรกรุงรังของนักศึกษา อยู่ในบ้านคนเดียว (รูอิซ-ตากลีไม่ใช่นักศึกษา) กล่าวโดยสรุป ไม่มอี ะไรหลุดไปจากความปกติธรรมดา เว้นแต่เสียง เสียงกุกกัก อาจดังมาจากแฟลตติดกันก็เป็นได้ ในระหว่างทีร่ อู ซิ -ตากลีพดู จา บิเบียโนรูส้ กึ ว่าเจ้าของบ้านไม่อยากให้เขาลาจาก พยายามยืดการ สนทนาให้ทอดยาวสืบไป เพียงเพื่อจะรั้งตัวเขาไว้ที่นั่น แม้ไม่มี สิง่ ใดเป็นฐานความคิดให้เกิดความรูส้ กึ เช่นว่านัน้ แต่กย็ งั ให้ความ หวาดหวัน่ ในอก ไม่นาน เข้มข้นถึงขัน้ ทนทานต่อไปไม่ได้อกี แล้ว ที่แปลก ดูเหมือนว่ารูอิซ-ตากลีจะอิ่มเอมเปรมใจ มองเห็น ใบหน้าของบิเบียโนซีดขาว เหงื่อกาฬท่วมร่าง รูอิซ-ตากลียังคง พูดสืบไป (น่าจะพูดเรื่องเบิร์กแมน) แย้มยิ้มตลอดเวลา ค�ำพูด แทนที่จะท�ำลายความเงียบสงัดในแฟลต ตรงกันข้าม คล้ายจะ เน้นย�้ำให้แหลมคมยิ่งขึ้น แท้จริงแล้วรูอิซ-ตากลีพูดด้วยค�ำใดบ้าง? เรื่องนี้น่าจะ ส�ำคัญ หากฉันจ�ำได้นะ บิเบียโนเขียนมาในจดหมาย ไม่ว่าจะ พยายามสักแค่ไหน ฉันจ�ำอะไรไม่ได้เลย เอาเถอะ, เขาปักหลัก อยู่ที่นนั่ จนถึงขัน้ ทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขาตัดบทห้วนสั้น กล่าว ค�ำอ�ำลาด้วยค�ำว่า แล้วเจอกัน เขาผละจากแฟลต และทีต่ นี บันได 18


กวีกลางฟ้า

เขาพบเวโรนิกา การ์เมนเดีย ถามว่าเกิดอะไร คุณหมายความ ว่ายังไง ท�ำไมจะต้องมีอะไรเกิดต่อตัวผม? บิเบียโนถามกลับ ไม่รู้ซี บอก หน้าของคุณซีดขาวเหมือนแผ่นกระดาษ ฉันไม่มี วันลืมค�ำนั้น บิเบียโนเขียนมาในจดหมาย เวโรนิกาใช้ค�ำว่า ซีดขาวเหมือนแผ่นกระดาษ และใบหน้าของเวโรนิกา การ์เมนเดีย เค้าหน้าของหญิงตกในห้วงรัก ยากท�ำใจให้ยอมรับได้ แต่เป็นเรื่องจริง เวโรนิกาหลงรัก รูอิซ-ตากลี และเป็นไปได้ว่าแองเจลิกาอีกคนก็รักหนุ่มคนนี้ด้วย เราเคยคุยกัน ผมกับบิเบียโน นานมาแล้ว ผมเดาเอาว่าเราสองคน ชอกช�้ำใจเพราะแม่สาวแฝดไม่หลงรักเรา ไม่มีแม้การชายตามา มอง บิเบียโนชอบเวโรนิกา ผมต้องตาแองเจลิกา เราไม่กล้าเผย ความในใจ แม้ผมเดาเอาว่าสีหน้าของเราคงฟ้องให้คนอืน่ มองเห็น ในแง่นี้ เราสองคนก็คงไม่ตา่ งไปจากชายหนุม่ คนอืน่ ๆ ในสโมสรกวี เราทุกคน ลุม่ หลงคลัง่ ไคล้สาวแฝดการ์เมนเดีย แต่สองแฝด หรือ อย่างน้อยก็หนึ่งคน ยอมพ่ายแก่เสน่ห์พิลึกของคนศึกษาร�ำ่ เรียน ด้วยตนเองผู้นิยมเขียนบทกวี เขาอาจเป็นคนนอกห้องเรียน แต่ก็ใฝ่ใจเสาะหาความรู้ ผมกั บ บิ เ บี ย โนทราบในเวลาต่ อ มาเมื่ อ เขาโผล่ ไ ปที่ ส โมสรกวี คู่แข่งในมหาวิทยาลัยคอนเซ็บเซียน ด�ำเนินการโดยดิเอโก โซโต แนวคิดแทบตรงกันข้ามกับสไตน์ในแง่ของจรรยาบรรณและลัทธิ ความงาม แม้ว่าเจ้าส�ำนักทัง้ สองเคยเป็น (และผมเชื่อว่ายังเป็น) คู่สร้างคู่สม ด้วยเหตุผลใดไม่ปรากฏ สโมสรกวีของโซโตจัดขึ้น ในคณะแพทยศาสตร์ ในห้องที่แทบไม่มีการระบายอากาศ ไร้ 19


โรแบร์ โต โบลาโญ

เครือ่ งประดับ ตรงกันข้ามห้องผ่าศพของนักศึกษาแพทย์กายวิภาค แน่ อ ยู ่ แ ล้ ว ห้ อ งผ่ า ศพคลุ ้ ง ด้ ว ยกลิ่ น ฟอร์ ม าลี น บางคราว ช่องทางเดินโชยกลิ่นฟอร์มาลีน และในบางคืน สโมสรกวีของ โซโตจัดทุกคืนวันศุกร์ จากสองทุ่มถึงสี่ทุ่ม แต่ก็มักจะยืดยาว ปิดงานได้หลังเที่ยงคืน กลิ่นน�้ำยาดองศพอวลเข้ามาในสโมสรกวี เราพยายามดับกลิ่นด้วยการจุดบุหรี่สูบมวนต่อมวน ขาประจ�ำ ของสโมสรกวีของสไตน์ไม่มาร่วมเสวนากับกลุ่มกวีของโซโต อีกฝ่ายก็ปฏิบัติเช่นกัน ข้อยกเว้นมีผมกับบิเบียโน เราโดดเรียน เกือบทุกวิชา นอกจากจะชดเชยด้วยการเข้าร่วมสโมสรกวีทงั้ สอง ส�ำนัก เรายังเลยไกลไปถึงขัน้ ร่วมกิจกรรมการอ่านและวัฒนธรรม หรือการเมืองทุกนัดทีจ่ ดั ในมหานคร ดังนัน้ เมือ่ เราเห็นรูอซิ -ตากลี เดินเข้ามาในสโมสรกวีของโซโต จึงถือได้ว่าน่าประหลาดใจ โดยแท้ เขาครองตัวงดงามเหมือนในยามที่อยู่ในสโมสรกวีของส ไตน์ เขารับฟังผูอ้ นื่ ข้อวิพากษ์ของเขาสุขมุ รอบคอบ สัน้ กระชับ และเปี่ยมด้วยมารยาทงาม เขาอ่านผลงานตัวเองด้วยอาการ ห่างเหินไร้ความข้องเกี่ยว และยอมรับการวิจารณ์เผ็ดร้อนโดย ไม่มีการประท้วง ประหนึ่งว่าผลงานนั้นไม่ใช่ของตัวเขาเอง ไม่ เพียงแค่ผมกับบิเบียโนเท่านัน้ ทีส่ งั เกตเห็นเรือ่ งนี้ คืนหนึง่ ดิเอโก โซโตบอกเองว่างานเขียนของเขามีบางอย่างเหินห่างและเย็นเยียบ ซ่อนอยู่ เหมือนว่าไม่ใช่งานของคุณเอง รูอซิ -ตากลีคอ้ มศีรษะรับ ผมเองพยายามหาเสียงประจ�ำตัวอยู่ เขาตอบ ที่สโมสรกวีของคณะแพทยศาสตร์ รูอิซ-ตากลีได้รู้จัก คาร์เมน วิลลากราน ทั้งสองเป็นเพื่อนกันในทันที คาร์เมนเป็น 20


กวีกลางฟ้า

กวีฝมี อื ดี แต่ยงั ไม่ดเี ทียบชัน้ สองศรีพนี่ อ้ งการ์เมนเดีย (กวีระดับ สุดยอดหรือคนทีม่ แี ววกวีจะรีไ่ ปทีส่ โมสรกวีของสไตน์เท่านัน้ ) เขา เป็นเพื่อนกับมาร์ตา โปซาดาซอีกคน รู้จักกันในชื่อมาร์ตาอ้วน เธอเป็นเพียงนักศึกษาแพทย์คนเดียวที่ไปเยือนสโมสรกวี หญิง เจ้าเนื้อขาวผ่องตาโศก ผู้เขียนร้อยกรองและเทิดทูนความฝัน อย่างน้อยที่สุด ก็ยุคสมัยนั้น อยากจะเป็นมาร์ตา ฮาร์เน็กเกอร์ อาหารจานโอชะของแวดวงวิจารณ์วรรณกรรมชิลี รูอิซ-ตากลีไม่ผูกมิตรกับกวีชาย ในยามที่เขาพบหน้า ผมกับบิเบียโน เขาทักทายด้วยอาการสุภาพ แต่ไม่มีอาการใด บ่งบอกว่าคุน้ เคยกัน แม้วา่ เราสองคนใช้เวลาร่วมกับเขาแปดหรือ เก้าชั่วโมงต่อสัปดาห์ในสโมสรกวีทั้งสองแห่ง ดูเหมือนว่าเขาจะ เฉยชาต่อมนุษย์เพศผู้ทั้งหลาย เขามีบ้านอยู่คนเดียว แฟลต ทีพ่ ำ� นักแปลกพิลกึ (ตามความเห็นของบิเบียโน) เขาขาดไร้ความ ภาคภูมิใจไร้สาระที่กวีส่วนใหญ่มีต่อผลงานของตัวเอง ไม่เพียง แค่เขาเป็นมิตรชิดใกล้กบั แม่นางสวยทีส่ ดุ ในยุคสมัยของผม (สอง แฝดการ์เมนเดีย) เขายังพิชิตหัวใจของกวีสองนางในสโมสรกวี ของโซโต สรุปสั้นง่าย เขาเป็นเป้าแห่งความอิจฉาริษยาของ บิเบียโน...กับผม และไม่มีใครรู้จักไอ้หมอนี่อย่างแท้จริง ฮวน สไตน์และดิเอโก โซโต คนฉลาดทีส่ ดุ ในคอนเซ็บเซียน ในสายตาของผมกับบิเบียโน ไม่รอู้ ะไรเลยเกีย่ วรูอซิ -ตากลี แม่นาง การ์เมนเดียก็ไม่รจู้ กั เขา แท้จริงแล้ว สองครัง้ สองคราทีแ่ องเจลิกา กล่าวชืน่ ชมรูอซิ -ตากลีตอ่ หน้าผม เขาช่างเป็นคนจริงจัง มารยาท 21


โรแบร์ โต โบลาโญ

งาม คนที่มีความคิดกระจ่างชัด และเป็นผู้ฟังชั้นยอด ผมกับ บิเบียโนเกลียดเขา แต่เราก็ไม่รจู้ กั เขาอยูด่ ี มาร์ตาอ้วนเป็นเพียง คนเดียวที่มองผ่านหน้ากากเข้าไปเห็นส่วนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน ผมจ�ำได้ คืนนัน้ เราคุยกันถึงรูอซิ -ตากลี เราสามคนไปดูหนัง หนัง จบแล้วออกมานั่งในภัตตาคารใจกลางเมือง บิเบียโนยื่นข้อเสนอ ครั้งที่สิบเอ็ดพิมพ์ผลงานกวีหนุ่มสาวแห่งคอนเซ็บเซียนลงใน หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เขาถือแฟ้มผลงานของกวีในสโมสรกวีของ สไตน์และโซโตมาด้วย ผมกับมาร์ตาอ่านคัดผลงาน เราจะรวมใคร ไว้? ผมถาม รู้แน่แก่ใจว่าผมเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น (หากตัดผมทิ้ง สัมพันธ์ฉนั มิตรของผมกับบิเบียโนคงร้าวฉานเกินเยียวยา เริม่ ต้น ตัง้ แต่เช้าวันร่งุ ขึน้ เป็นต้นไป) บิเบียโนให้คำ� ตอบ แกคนละ แล้วก็ มาร์ตติ า (มาร์ตาอ้วน) แองเจลิกากับเวโรนิกา แน่อยูแ่ ล้ว แล้ว ก็คาร์เมน จากนั้น เขาเอ่ยถึงกวีอีกสองคน หนึ่งจากสโมสรกวี ของสไตน์ อีกคนจากสโมสรกวีโซโต ในท้ายที่สุด เขาเปล่งเสียง ออกชื่อรูอิซ-ตากลี ผมจ�ำได้ว่ามาร์ตานิ่งอึ้งในระหว่างที่นิ้วของ เธอ (คราบหมึกติดชั่วนิรันดร์ เล็บไม่สะอาดนัก ซึ่งนับเป็นเรื่อง แปลกของนักศึกษาแพทย์ แต่ก็คงเห็นได้ชัดจากการคร�่ำครวญ ฟูมฟายต่อหลักสูตรที่เธอจะเรียนไม่จบ) ขูดกระดาษแกรกกราก จนเธอพบผลงานของรูอิซ-ตากลีสามแผ่น อย่ารวมมันเข้าไป ด้วย เธอโพล่งออกมา หมายความถึงรูอิซ-ตากลี? ผมถาม ผม ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เธอเป็นหนึ่งในฝูงแม่นางหลงใหลคลั่งเพ้อ ต่อรูอิซ-ตากลี บิเบียโนนิ่งเงียบไม่แสดงความเห็น กวีนิพนธ์ ทั้งสามชิ้นเป็นผลงานสั้น ไม่ถึงสิบบรรทัด เรื่องแรกบรรยาย 22


กวีกลางฟ้า

ภูมิทัศน์ : ทิวไม้ ถนนดิน บ้านโดดเดี่ยวมองเห็นลิบๆ รั้วไม้ เนินเขา และหมูเ่ มฆ แนวกวีตามความเห็นของบิเบียโน ‘กลิน่ อาย ญีป่ นุ่ ’ ผมคิดว่างานนัน้ ละม้ายคล้ายงานทีฮ่ อร์เฮ เตลเยียร์จะเขียน หลังจากเส้นเลือดในสมองแตก ชิน้ ทีส่ อง (ตัง้ ชือ่ ว่า ‘พระพาย’) บรรยายสายลมร�ำเพยผ่านซอกรูบนผนังกระท่อมหิน (งานชิ้นนี้ ดูเหมือนเตลเยียร์จะสูญเสียความสามารถในการสื่อสาร แต่ยัง หลงใหลงานวรรณกรรม สไตล์การเขียนที่ไม่ถึงกับแปลกตาผม เพราะในยุคนั้น, ปี 1973 สาวกของเตลเยียร์กว่าครึ่งก็ตกอยู่ใน ภาวะนั้น) ผมลืมไปแล้วว่าชิ้นที่สามพูดถึงเรื่องใด...ที่จริงก็ไม่ถึง กับลืมทั้งหมด : จ�ำได้ว่าจู่ๆ ก็มีมีดโผล่ขึ้นมาด้วยเหตุผลที่ล�้ำเกิน การท�ำความเข้าใจของผม) ท�ำไมไม่รวมเขาไว้ดว้ ย? บิเบียโนถาม ร่างโน้มมาข้างหน้า หน้าผากวางพาดเหมือนยึดท่อนแขนเป็นหมอนหนุน โต๊ะเป็น เตียงนอน ผมคิดว่าคุณเป็นเพื่อนของเขาเสียอีก ผมกล่าว เราเป็นเพื่อนกันจริง มาร์ตาตอบ แต่ฉันไม่มีวันรวมผลงานเขา ไว้ด้วย? ท�ำไมล่ะ? บิเบียโนรุกคืบต่อ มาร์ตาอ้วนยักไหล่ จาก นั้น เธอบอกกล่าว ประหนึ่งว่าไม่ใช่ผลงานของเขา ไม่ใช่งานกวี แท้จริงของเขา ถ้าคุณรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร คุณหมายความว่า ยังไง? บิเบียโนถาม มาร์ตาจ้องตาผม (ผมนั่งตรงข้ามเธอ บิเบียโนนั่งข้างเธอ ฟุบหน้าคล้ายหลับไปแล้ว) อัลแบร์โตเป็น กวีชั้นดี แต่เขายังไม่ทะลุทะลวง หมายความว่าเขายังเป็นหนุ่ม พรหมจารี? บิเบียโนส่งเสียงถาม ผมกับมาร์ตาไม่รับฟัง คุณ เคยอ่านผลงานอื่นของเขาไหม? ผมถาม เขาเขียนอะไร? ฝีมือ 23


โรแบร์ โต โบลาโญ

ดีแค่ไหน? มาร์ตาอ้วนอมยิ้ม ประหนึ่งว่าเธอไม่อยากเชื่อตัวเอง ว่าเธอจะบอกเล่าเรื่องใดให้เราทราบ อัลแบร์โต...เธอกล่าว, จะ ปฏิวัติงานกวีในชิลี คุณได้อ่านเนื้อเรื่องแบบนี้จริงหรือ? หรือ เป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่ได้จากการอ่าน? มาร์ตาพ่นลมพรืดออก ทางจมูกแทนค�ำตอบ แต่แล้วเธอโพล่งออกมา วันก่อนฉันแวะ ไปทีแ่ ฟลตของเขา เราไม่ได้รบเร้าให้เธอเล่าต่อ แต่ผมสังเกตเห็น บิเบียโนหมอบราบบนโต๊ะ ยิ้มหวานให้เธอ แน่อยู่แล้ว เขาไม่ คาดว่าฉันจะแวะไป เธอบอกเพิ่มเติม ผมรู้ว่าคุณจะเล่าเรื่องใด ให้เราฟัง บิเบียโนกล่าว เขาเปิดใจรับฉัน มาร์ตาอ้วนรีบบอก ผมไม่คิดว่ารูอิซ-ตากลีจะเปิดใจรับใคร บิเบียโนไม่ลดละ ทุกคน คิดว่ารูอซิ -ตากลีหลงรักเวโรนิกา การ์เมนเดีย มาร์ตาพูด นัน่ ไม่ จริงเลย ท�ำไมหรือ เขาบอกคุณหรือไง? บิเบียโนซักไซ้ มาร์ตา อมยิ้ม ประหนึ่งว่าเธอเก็บซ่อนความลับที่เธอรู้เพียงคนเดียว ใน ห้วงเวลานัน้ ผมจ�ำได้วา่ ผมไม่ชอบแม่อว้ นคนนี้ เธออาจจะฉลาด อาจมีฝีมือ อาจสังกัดหมู่คนที่เหมาะควร แต่ผมไม่ชอบเธอ ไม่ เขาไม่ได้บอกฉันเรื่องนั้น มาร์ตากล่าวต่อ แต่เขาบอกฉัน เรื่อง ที่เขาไม่เคยบอกใครให้ทราบ คุณหมายความว่าเขาไมได้บอก สาวแฝด คู่นั้น บิเบียโนรุกไล่ นั่นจริง เธอยืนยัน เรื่องที่ไม่ได้ บอกหญิงอืน่ เรือ่ งอะไร? มาร์ตาอ้วนนิง่ คิดชัว่ ขณะก่อนให้คำ� ตอบ จะเรื่องอะไร? ก็กวีนิพนธ์แนวใหม่ของเขา คุณหมายความว่า กวีนิพนธ์ที่เขาวางแผนจะเขียน? บิเบียโนกังขา บทกวีที่เขาจะ แสดง มาร์ตาอ้วนตอบ รู้ไหม? ท�ำไมฉันรู้ ก็เพราะจิตของ เขาไง เธอนิง่ รอค�ำถามจากเรา แต่แล้วก็พดู ต่อ เขาเป็นคนจิตแกร่ง 24


กวีกลางฟ้า

แข็งแกร่งเหมือนเหล็กกล้า พวกคุณไม่รจู้ กั เขา ดึกโขแล้ว บิเบียโน จ้องมองหน้ามาร์ตา ลุกขึน้ จากทีน่ งั่ ไปจ่ายเงิน แล้วถ้าคุณศรัทธา เชื่อมั่นในตัวเขา ท�ำไมคุณห้ามไม่ให้บิเบียโนรวมงานของเขาไว้ ด้วย? ผมถาม เราพันผ้าพันคอรอบล�ำคอ (หลังจากนัน้ ผมไม่เคย ใช้ผ้าพันคอยาวแบบนั้นอีกแล้ว) เราสามคนเดินออกไปในถนน เย็นเยือก เพราะว่างานพวกนัน้ ไม่ใช่ ผลงานของเขา มาร์ตาตอบ คุณรู้ได้ไง? ผมหงุดหงิดขนาดหนักแล้ว เธอตอบชัด เพราะฉัน อ่านคนออก น�้ำเสียงของเธอเศร้าสร้อย มองเหม่อไปในถนน ว่างเปล่า คนเราหยิ่งผยองได้แค่ไหน ผมคิดในใจ บิเบียโนเดิน ตามหลังเราออกมา เขาส่งเสียง มาร์ติตา, ผมอาจไม่แน่ใจ หลายต่อหลายเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่ยืนยันได้ รูอิซ-ตากลีไม่มีวัน ปฏิวตั วิ งการกวีชลิ ไี ด้ ผมไม่คดิ ว่าเขาเป็นพวกสังคมนิยมด้วยซ�ำ้ ไป ผมเพิ่มเติมให้ ก็น่าประหลาด มาร์ตาเห็นพ้องกับผม นั่นจริง, เขาไม่ใช่พวกสังคมนิยม น�ำ้ เสียงของเธอเศร้าหนักกว่าเดิม ผม กลั้นใจรอ เกรงไปว่าน�ำ้ ตาเธอจะไหลพราก ผมพยายามเปลี่ยน เรื่อง แต่บิเบียโนระเบิดเสียงหัวเราะ เธอกล่าว มีเพื่อนเช่นนี้ ใครต้องการศัตรูด้วยเล่า บิเบียโนไม่มีเจตนาท� ำร้ายจิตใจเธอ แต่เธอปวดใจ กระทืบเท้าออกเดิน เราสองคนไปส่งเธอถึงบ้าน บนรถประจ�ำทาง เราคุยกันเรื่องภาพยนตร์ และสถานการณ์ ทางการเมือง ก่อนเราจะลาจาก เธอจ้องตาเรานิง่ ให้สญ ั ญากับ ฉันสักข้อ อะไรหรือ? บิเบียโนถาม เรือ่ งทีเ่ ราคุยกัน อย่าได้เล่า ให้เข้าหูอัลแบร์โต บิเบียโนบอก ได้เลย, ผมให้สัญญา เราจะ ไม่บอกว่าคุณไม่อยากรวมเขาไว้ในผลงานรวมบทกวี ยังกะว่าจะ 25


โรแบร์ โต โบลาโญ

มีใครพิมพ์รวมเล่มให้ มาร์ตาอ้วนกล่าว นั่นจริง, อาจไม่มี ใครกล้าเสี่ยง บิเบียโนยอมรับ ขอบคุณมาก, บีบี เธอกล่าว (ไม่มใี ครอืน่ เรียกเขาด้วยชือ่ นัน้ ) เธอโน้มตัวมาจุบ๊ ข้างแก้มเขา เรา จะไม่บอกเรื่องใดเลย สาบานได้ ผมกล่าว ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ มาร์ตากล่าว ผมคิดว่าเธอล้อเล่น และอย่าได้เล่าให้ เข้าหูเวโรนิกาด้วย เธออาจคาบเรื่องนี้ไปบอกอัลแบร์โต...ได้, ได้ เราจะไม่บอกเธอ ให้สัญญากับฉันว่าจะไม่ล่วงรู้เกินเราสามคน มาร์ตาย�ำ้ อีกครัง้ เราให้สญ ั ญา ในท้ายทีส่ ดุ เธอเปิดประตูเข้าไป ในอาคาร เรามองตามเธอไปถึงลิฟต์ เธอหันมาโบกมือให้เรา อีกครั้ง ผู้หญิงคนนี้แปลกพิลึก บิเบียโนกล่าว ผมหัวเราะ เราเดินกลับที่พัก บิเบียโนเดินเข้าหอพัก ผมเดินกลับบ้าน ค�ำ่ คืนนัน้ บิเบียโนกล่าวไว้ วงการกวีชลิ ไี ม่มวี นั เปลีย่ นไปจนกว่า พวกเราจะอ่านเอนริเก ลิห์นให้แตกฉานเสียก่อน กล่าวได้อีก อย่างหนึ่ง นานอีกนาน อีกไม่กี่วันต่อมา ทหารยึดอ�ำนาจ ท�ำรัฐประหาร คืนหนึ่ง ผมโทรศัพท์ถึงสาวแฝดการ์เมนเดีย ไม่มีเหตุผล ใดเฉพาะเจาะจง แค่อยากถามข่าวคราว เวโรนิกาบอกว่าเราจะ ออกจากที่นี่ ก้อนแข็งติดคอผม จะไปกันเมื่อไหร่? พรุ่งนี้ค่ะ แม้จะมีเคอร์ฟิว ผมขอไปที่นั่น แฟลตที่สองสาวพักอยู่ ไม่ไกล จากบ้านพักของผม อีกอย่างหนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมฝ่าฝืน เคอร์ฟิว ผมไปถึงที่นั่นราวสี่ทุ่ม อดประหลาดใจมิได้ที่สองสาว ดืม่ น�ำ้ ชาและอ่านหนังสือ (ผมเดาเอาว่าผมคาดจะได้เห็นสองสาว วางแผนหลบหนีออกจากเมือง วุ่นวายอยู่กับการเก็บข้าวของลง 26


กวีกลางฟ้า

กระเป๋าเดินทางหลายใบ) ทัง้ สองไม่ได้หลบหนีออกนอกประเทศ แค่ย้ายไปอยู่บ้านพ่อแม่ในนาซิเมียนโต เมืองเล็กๆ ห่างจาก คอนเซ็บเซียนไม่กี่กิโลเมตร โล่งอกไปที ผมบอก ผมนึกว่าคุณ สองคนจะหนีไปที่สวีเดนหรือประเทศเสรีสักประเทศ ถ้าจ�ำเป็น แองเจลิกาตอบ เราคุยกันเรื่องเพื่อนที่เราไม่ได้พบหน้ากันมา สองสามวันแล้ว ก็คงเลีย่ งไม่ได้ทจี่ ะคาดการณ์ไปต่างๆ นาๆ เช่นว่า ใครถูกจับตัวไปบ้าง ใครหลบลงใต้ดินซ่อนตัว ใครถูกล่าตัว สาวแฝดทั้งสองไม่กลัว (ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัว เธอเป็นแค่ นักศึกษา จริง, อาจเป็นเพื่อนกับนักกิจกรรมบางคนในคณะ สังคมวิทยา แต่กไ็ ม่มสี ว่ นเกีย่ วข้องกับพวก ‘หัวรุนแรง’) ทัง้ สอง ย้ายไปอยู่ในนาซิเมียนโต เพราะคอนเซ็บเซียนชักจะไม่น่าอยู่ ทั้งสองยอมรับว่าจะเดินทางกลับไปบ้านครอบครัวเสมอในยาม ที่ ‘โลกความเป็นจริง’ เผยความอัปลักษณ์ความโหดร้ายให้เห็น ผมบอกไปว่า ต้องรีบไปให้เร็วทีส่ ดุ เลยนะ เพราะประเทศของเรา ก�ำลังจัดงานระดับแชมป์โลกว่าด้วยความอัปลักษณ์และความ โหดร้ายเหี้ยมเกรียม สองแฝดหัวเราะบอกให้ผมกลับบ้านได้แล้ว ผมยืนยันหนักแน่น ขออยู่ต่ออีกหน่อย ผมจดจ�ำได้ไม่รู้ลืมว่า คืนนั้นเป็นค�่ำคืนที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต คุยกันจนถึงตีหนึ่ง เวโรนิกาบอกว่าเอาเถิด, อยู่ต่อ จะกลับไปก็ไม่ได้แล้ว เราไม่มี อาหารตกลงท้อง เราสามคนไปยืนเบียดเสียดกันในห้องครัวเล็ก ท�ำไข่คน หอมทอด ขนมปังปิ้งใหม่ และชา ความสุขชื่นมื่น ซ่านในอกของผม ผมมีความสุขเหลือเกิน รู้สึกอกพอง รู้สึกว่า อยากท�ำอะไร ต้องท�ำได้สำ� เร็จอย่างแน่นอน แม้วา่ ผมจะตระหนัก 27


โรแบร์ โต โบลาโญ

ว่าทุกสิง่ ทุกอย่างทีผ่ มถือว่ามีคณ ุ ค่า ก�ำลังพังทลายไปชัว่ กาลนาน ล่มสลายสิ้นใจตายไปพร้อมกับเพื่อนของผมหลายคน ถูกไล่ล่า ถูกคุมขังลงทัณฑ์ทรมาน แต่คนื นัน้ ผมรูส้ กึ สุขใจ อยากร้องเพลง เต้นร�ำ และข่าวร้าย (กับความเห็นแสนเศร้าทีม่ าพร้อมกับข่าวร้าย) กลายเป็นเชือ้ เพลิงจุดกองไฟแห่งความปีตขิ องผมให้ลกุ โชน เออ, ผมยอมรับว่าอุปมาค่อนข้างปะแล่ม แต่ก็บ่งบอกได้ถึงความรู้สึก ในอกของผม (และสาวแฝดการ์เมนเดีย) รวมทัง้ คนหนุม่ สาวชาวชิลี ในเดือนกันยายน 1973 กลุ่มอายุที่ยังไม่ถึงยี่สิบเอ็ดปี เวลาตีห้า ผมหลับบนโซฟา แองเจลิกาปลุกผมในอีก สี่ชั่วโมงต่อมา เรากินอาหารเช้ากันในห้องครัว เงียบเชียบไม่มี ใครส่งเสียงพูดคุย ราวเทีย่ งวัน ทัง้ สองยกกระเป๋าเดินทางสองใบ ไปวางในทีเ่ ก็บของท้ายรถซิตรองเนตารุน่ ปี 68 สีเขียวอ่อน ออก เดินทางไปยังนาซิเมียนโต ผมไม่ได้พบหน้าสาวแฝดอีก พ่อแม่ของเธอ จิตรกรทั้งคู่ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทาง รถยนต์ ก่อนสาวแฝดอายุครบสิบห้า ผมเคยเห็นรูปถ่ายหนหนึง่ พ่อของเธอผิวเข้มร่างเพรียว โหนกแก้มสูง แววตาเศร้า ซึ่งก็ นับว่าแปลกพิลึกส�ำหรับคนที่เกิดทางตอนใต้ของแม่น�้ำบีโอบิว แม่ร่างสูงกว่า เจ้าเนื้อ หน้าหวาน ยิ้มระเรื่อ เมื่อพ่อแม่เสียชีวิต สองแฝดรับมรดกบ้านครอบครัวใน นาซิเมียนโต บ้านสามชั้น (ชั้นบนห้องใต้หลังคา พ่อแม่ใช้เป็น สตูดิโอ) สร้างจากหินและไม้ อยู่ชานเมือง มีที่ดินผืนใหญ่ใกล้ มึลเชน ให้รายได้รายปีพอจะเจือจานสองแฝดให้สขุ สบายพอควร ทัง้ สองพูดถึงพ่อแม่บอ่ ยครัง้ (จากค�ำบอกเล่าของสองสาว ฮูเลียน 28


กวีกลางฟ้า

การ์เมนเดียเป็นจิตรกรฝีมือดีที่สุดในคนรุ่นเดียวกัน แม้ว่าผมจะ ไม่เคยได้ยินชื่อหรือเคยเห็นผลงานจากที่ไหน) บทกวีของพ่อแม่ มักจะบรรยายภาพจิตรกรหลงทางอ้างว้างกลางป่ารกร้างทาง ชิลีตอนใต้ จับมือกันดุ่มเดินรุดหน้าเสาะหาความฝันสุดอิ่มเอม ในห้วงรักลุม่ หลงกันและกันสุดชีวติ นัน่ หรือทีฮ่ เู ลียน การ์เมนเดีย บอกรักมาเรีย โอยาร์ซุน? ดูจากรูปแล้วท�ำใจให้เชื่อได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ผู้คนในยุคหกศูนย์ในชิลี รักลุ่มหลงกัน ขนาดหนัก ภาพแปลกพิลึกส� ำหรับผมในตอนนี้ เหมือนว่า ฟิล์มภาพยนตร์วางผิดประเภทบนแผงที่ผู้คนลืมเลือนไปสิ้นแล้ว ในหอภาพยนตร์ขนาดมหึมา ยากจะเชื่อแต่ผมไม่สงสัยเลยแม้ วินาทีเดียว นั บ แต่ นี้ ต ่ อ ไป เรื่ อ งเล่ า ของผมจะเป็ น เพี ย งภาพฝั น ล�ำดับคาดเอาเอง สองแฝดเดินทางไปพักที่นาซิเมียนโต อาศัย ในบ้านหลังใหญ่ชานเมือง ที่นั่น ป้าของเธอ, เอมา โอยาร์ซุน อาศัยร่วมกับพี่เลี้ยงสูงอายุ, อะมาเลีย มาลูเอนดา สองสาวไปถึงนาซิเมียนโต ขังตัวอยู่แต่ในบ้าน อยู่มา วันหนึง่ ตีเสียว่าสองสัปดาห์หรือหนึง่ เดือนต่อมา (ผมไม่คดิ ว่าจะ เนิ่นช้าเป็นเดือน) อัลแบร์โต รูอิซ-ตากลีเดินมาเคาะประตูบ้าน น่าจะเกิดเรื่องในท�ำนองนี้ ช่วงเวลาตอนบ่าย บ่ายสดใส แต่แฝงเจืออารมณ์เศร้าทางตอนใต้ของประเทศ รถยนต์แล่น มาตามถนนดิน แต่สองแฝดไม่ได้ยิน เพราะวุ่นอยู่กับงานใน สวนผลไม้ เล่นเปียโน หรือว่าน�ำฟืนมาเรียงซ้อนทางประตูหลัง ของตัวบ้านร่วมกับป้าและพีเ่ ลีย้ งชรา ใครบางคนเคาะประตูหน้า 29


โรแบร์ โต โบลาโญ

เคาะ เคาะ และพีเ่ ลีย้ งชราเปิดประตูรบั รูอซิ -ตากลียนื อยูท่ นี่ นั่ เขาแจ้งว่าเขาเดินทางมาพบพี่น้องฝาแฝด พี่เลี้ยงไม่ยอมให้เขา เข้าบ้าน บอกว่าจะไปแจ้งให้สองสาวทราบเสียก่อน รูอิซ-ตากลี รอคอยด้วยความอดทน นั่งบนเก้าอี้หวายบนระเบียงกว้างใหญ่ หน้าบ้าน เมื่อสองแฝดพบเขา ทั้งสองส่งเสียงทักทายด้วยความ ดีอกดีใจ หันไปดุพี่เลี้ยงชราว่าท�ำไมไม่เปิดรับเขาให้เข้าไปรอ ในบ้าน ครึ่งชั่วโมงแรก รูอิซ-ตากลีตอบค�ำถามเป็นห่าฝน ไม่ ต้องสงสัยเลย ในสายตาคุณป้า เขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาคมคาย มารยาทงาม สาวแฝดมีความสุข แน่อยู่แล้ว รูอิซ-ตากลีได้รับ เชิญให้อยูร่ ว่ มอาหารมือ้ เย็น สองสาวจัดงานเลีย้ งฟูฟ่ า่ เป็นเกียรติ แด่เขา ผมไม่อยากนึกเลยว่าเธอจะจัดหาอาหารใดมารับรองเขา อาจเป็นขนมปังข้าวโพดหรือ เอ็มปานาดาส* ไม่นะ, น่าจะเป็น อย่างอื่น ก็เป็นธรรมชาติที่สุดที่สองสาวจะชวนเขาค้างคืนที่บ้าน รูอซิ -ตากลีคอ้ มรับอย่างว่าง่าย หลังอาหารเย็น นัง่ ล้อมวงพูดคุย กัน สองแฝดอ่านงานกวีของตน คุณป้านั่งมองตาลอยด้วย ความปีติ รูอซิ -ตากลีคงมาดเข้มเงียบขรึม แน่อยูแ่ ล้ว เขาไม่อา่ น งานของตัวเอง ให้ความเห็นว่าหลังจากรับฟังงานระดับนี้แล้ว งานของเขาไม่นับอะไรได้ คุณป้ารบเร้า ได้โปรด, อัลแบร์โต อ่านงานของคุณให้เราฟัง เขายืนกรานหนักแน่น เขาบอกว่า เขาใกล้จะเขียนงานใหม่เอี่ยมชิ้นหนึ่งส�ำเร็จ ยังเขียนไม่จบ ยัง ไม่ผ่านการตรวจแก้ เขาไม่อยากพูดถึงงานชิ้นนั้น เขายิ้ม ยัก * กะหรี่ปั๊บ 30


กวีกลางฟ้า

ไหล่ บอกว่า ไม่ ไม่ ไม่ สาวแฝดเข้าข้างเขา ไม่เอาน่า, คุณ ป้า อย่าคุกคามเขานักเลย ในความไร้เดียงสาของสองสาว พวก เธอหลงคิดไปว่าเข้าใจลึกซึ้ง แต่ไม่เข้าใจอะไรเลย (กวีนิพนธ์ชิลี ยุคใหม่ใกล้ถือก�ำเนิดแล้ว) เธอทั้งสองหลงคิดว่าเข้าใจ และอ่าน งานกวีของตนสืบไป งานกวีลึกซึ้งกินใจ ในขณะที่รูอิซ-ตากลี นิ่งรับฟัง ยิ้มเรื่อประดับริมฝีปาก (ไม่ต้องสงสัยเลย อาจถึงขั้น พริ้มตาหลับเพื่อสดับเสียงให้ดียิ่งขึ้น) คุณป้าหากไม่ตกตะลึง ก็งวยงง แองเจลิกา, ท�ำไมล่อนจ้อนหยาบคายได้ขนาดนัน้ หรือ เวโรนิกา, ฉันไม่เข้าใจอะไรเลย อัลแบร์โตช่วยอธิบายให้ฉัน ฟังทีว่าอุปมานี้หมายถึงอะไรกันแน่ รูอิซ-ตากลีดูแลใส่ใจอย่าง เต็มที่ ชี้ให้เห็นจุดขยายส�ำคัญและนัยซ่อนแฝง พูดถึงจอยซ์ มอนซัวร์, ซิลเวีย แพล็ธ และอะเลฮานดรา ปิซาร์นิก (สอง แฝดประท้วงเสียงหลง ไม่, เราไม่ชอบปิซาร์นิก ซึ่งความหมาย แท้จริงก็คือ เธอสองคนไม่ได้เขียนเหมือนปิซาร์นิก) คุณป้า ผงกหัวหงึกหงักเมื่อรูอิซ-ตากลีกล่าวถึงไวโอเลตาและนิคานอร์ ปาร์รา (ฉันเคยเจอไวโอเลตาในเต็นท์ของเธอนะ เคยเจอจริงๆ คุณป้าเอมา โอยาร์ซุนกล่าว) จากนั้น เอนริเก ลิห์น และ ‘งานกวีรบั ใช้สงั คม’ และหากช่วงนี้ ถ้าสองแฝดสังเกตให้ดสี กั นิด ก็คงเห็นแววตาหยามเหยียด (พวกแกอยากได้งานกวีรับใช้สังคม เรอะ ฉันจะมอบงานกวีรับใช้สังคมให้แก) และเมื่ออุ่นเครื่อง ได้ที่แล้ว เขาเล่าต่อถึงฮอร์เฮ กาเซอเรส กวีเหนือจริงชาวชิลี ผู้เสียชีวิตในปี 1949 อายุเพียงยี่สิบหกปี และแล้วสองแฝดลุกจาทีน่ งั่ อาจแค่เวโรนิกาคนเดียว เธอ 31


โรแบร์ โต โบลาโญ

เดินเข้าไปในห้องสมุดขนาดใหญ่ของพ่อ กลับมาพร้อมกับผลงาน ของกาเซอเรส Bound for the Great Polar Pyramid ตีพมิ พ์ในขณะทีก่ วีผนู้ อี้ ายุยสี่ บิ ปี ก่อนหน้านี้ สองสาวการ์เมนเดีย ยกเรื่องนี้มาคุยกันบ่อยครั้ง อาจเป็นแค่แองเจลิกาคนเดียว...เคย คุยกันว่าน่าจะน�ำผลงานทั้งหมดของกาเซอเรสมาพิมพ์ใหม่ กวี ระดับต�ำนานส�ำหรับคนรุน่ เรา ก็ไม่นา่ ประหลาดใจนักทีร่ อู ซิ -ตากลี ยกชือ่ ฮอร์เฮ กาเซอเรส มากล่าว (ผลงานของกวีผนู้ ี้ ไม่เกีย่ วข้อง กับงานกวีของสองแฝด อาจละม้ายคล้ายไวโอเลตา ปาร์รา หรือนิคานอร์ แต่คนละทิศกับกาเซอเรส) รูอิซ-ตากลีบรรยาย ต่ อ ไปถึ ง แอนน์ เซ็กสตันกับเอลิซาเบ็ธ บิชอป และเดนิส เลเวอร์ตอฟ (กวีที่สองสาวเทิดทูนบูชา ลงทุนแปลเพื่อน�ำมา อ่านในสโมสรกวี แต้มรอยยิ้มอิ่มใจให้แก่ฮวน สไตน์) สองสาว หันมาหยอกเย้าคุณป้า ผูไ้ ม่เข้าใจเรือ่ งใดเลย คนทัง้ สีน่ งั่ ละเลียด ขนมปังกรอบอบเอง เล่นกีตาร์ ดูเหมือนว่าใครสักคนจะสังเกต เห็นพีเ่ ลีย้ งชรายืนจับตามองในเงามืด ไม่ยอมมาร่วมกลุม่ คุณป้า ส่งเสียง ไม่เอาน่า, อะมาเลีย อย่ายืนโด่เหมือนคนจรจัด พีเ่ ลีย้ งชราได้แรงดึงดูดจากเสียงเพลงและความสนุกสนาน ก้าวมา ข้างหน้าสองก้าว ไม่มากไปกว่านั้น ความมืดยามราตรีมาเยือน งานเลี้ยงเลิกรา ไม่กชี่ วั่ โมงหลังจากนัน้ อัลแบร์โต รูอซิ -ตากลีลกุ จากเตียง นับแต่นี้เป็นต้นไป ผมจะเรียกเขาด้วยชื่อจริง คาร์ลอส ไวเดอร์ ทุกคนในบ้านหลับใหลไปแล้ว เขาอาจจะร่วมรักหลับนอน กับเวโรนิกา การ์เมนเดีย แต่เรือ่ งนัน้ ไม่สำ� คัญ (ผมหมายความว่า 32


กวีกลางฟ้า

ไม่ส�ำคัญอีกต่อไปแล้ว ในช่วงนั้น ถือเป็นจุดส�ำคัญ แต่มิใช่ ส�ำหรับเรา) เอาเถิด, คาร์ลอส ไวเดอร์ลุกจากเตียงเหมือน คนละเมอ เดินย่องเงียบกริบไร้อาการลังเล ค้นทั่วบ้าน เขา มองหาห้องนอนของคุณป้า เงาด�ำทาบทับภาพเขียนของฮูเลียน การ์เมนเดีย และมาเรีย โอยาร์ซนุ แขวนประดับตลอดความยาว ของช่องทางเดิน แทรกอยู่ระหว่างกระเบื้องเครื่องเคลือบจาก ละแวกนาซิเมียนโต (ผมเชื่อว่าย่านนี้สร้างชื่อว่าผลิตกระเบื้อง เครือ่ งเคลือบระดับแนวหน้า) ไวเดอร์แง้มเปิดประตูทลี ะบาน ใน ท้ายที่สุด เขาพบห้องของคุณป้า ชั้นล่าง ติดกับห้องครัว ห้อง ตรงข้ามน่าจะเป็นห้องของพี่เลี้ยงชรา ในขณะที่เขาแฝงตัวเข้าไป ในห้องคุณป้า เขาได้ยินเสียงรถยนต์มุ่งตรงมาหาตัวบ้าน เขา อมยิ้ม เวลาไม่เหลืออีกแล้ว เขาถลาไปข้างเตียง มือข้างขวาถือ มีดใบเรียวโค้ง เอมา โอยาร์ซุนนอนหลับสนิทไม่ไหวติง ไวเดอร์ หยิบหมอนกดอัดใบหน้าเธอ มือขวาเคลื่อนวาบครั้งเดียว เชือด คอเธอขาด รถยนต์มาจอดหน้าบ้าน ไวเดอร์ออกจากห้องคุณป้า ตรงไปเปิดประตูห้องพี่เลี้ยง แต่ห้องนั้นว่างเปล่า เสี้ยววินาทีนั้น ไวเดอร์นิ่งค้าง ไม่รู้ว่าควรท�ำอะไรต่อ อยากระบายอารมณ์ด้วย การง้างเท้าเตะเตียง หรือทุบท�ำลายตู้เสื้อผ้าขาเกที่มุมห้องที่มี เสื้ออ้าของอะมาเลีย มาลูเอนดากองสุมอยู่ แต่ภาวะชะงักงัน กินเวลาเพียงชั่วอึดใจ เขามายืนที่ประตูหน้าแล้ว ลมหายใจ ราบเรียบเป็นปกติ เขาเปิดประตูรบั ชายสีค่ นทีม่ าพร้อมกับรถยนต์ ชายทัง้ สีท่ กั ทายเขาด้วยอาการนบนอบ สอดสายตาหยาบช้ามอง กวาดความมืดสลัวในบ้าน มองพรมปูฟื้น ผ้าม่าน ประหนึ่งว่า 33


โรแบร์ โต โบลาโญ

จะมองหาและคัดสรรจุดที่ควรจะซ่อนตัวได้อย่างดี แต่คนพวกนี้ ไม่ใช่คนที่จะมาซ่อนตัว ชายทัง้ สีค่ นน�ำรัตติกาลด�ำมืดเข้าสูบ่ า้ นตระกูลการ์เมนเดีย สิบห้านาทีตอ่ มา หรืออาจแค่สบิ นาที ในยามทีพ่ วกนัน้ จาก ความ มืดมิดยามราตรีตามติดไปด้วย ค�่ำคืนเข้ามาและผลุนผลันจาก ไปอีกครั้ง รวดเร็ว ทรงประสิทธิภาพ ซากศพหายไปไร้ร่องรอย ไม่ซี, หนึ่งศพ แค่ศพเดียว โผล่มาให้เห็นในหลุมศพรวมในอีก หลายปีต่อมา ศพของแองเจลิกา การ์เมนเดีย เธอผู้เป็นที่รัก เธอทีผ่ มหลงใหลบูชา แองเจลิกาผูห้ าใดเปรียบมิได้ส�ำหรับผม มี เพียงศพของเธอเท่านั้น ประหนึ่งจะพิสูจน์ยืนยันให้ประจักษ์ว่า คาร์ลอส ไวเดอร์เป็นเพียงมนุษย์ผู้ชาย...มิใช่พระเจ้า

34


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.