บทน�ำ
ผมฝันอีกครั้งแล้วว่าผมขี่ม้า ไม่ใช่เรื่องแปลก ผมขี่ม้าแข่งมาหลายพันครั้งแล้ว รั้วเครื่องกีดขวางกางกั้นรอท่าให้ชักม้ากระโดดข้าม ม้าแข่งนับพัน จ๊อกกี้นับไม่ถ้วนในเสื้อสีแพรสดใสหลากสีสันปานสายรุ้ง ลู่วิ่งปูหญ้านุ่ม เขียวขจียาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา ใบหน้าผู้คนเรียงรายบนอัฒจันทร์เป็น แต่เพียงปื้นสีเนื้อเกลื่อนกลืนกันเป็นแนวยาวในขณะที่ผมนั่งหมอบบนหลัง ม้า ไสม้าให้ควบตะบึงสุดฝีเท้า ปากของผูช้ มอ้ากว้าง แม้ผมจะไม่ได้ยนิ ศัพท์สำ� เนียงใด ๆ ผมทราบ ดีว่าผู้ชมบนอัฒจันทร์ร้องตะโกนกันสุดเสียง ตะโกนเรียกชื่อผม เร่งเร้าให้ผมเข้าเส้นชัย ชัยชนะคือทุกสิง่ ทุกอย่าง ชัยชนะเป็นหน้าทีท่ ผี่ มท�ำได้เป็นเลิศ ผม มาที่นี่เพื่อชัยชนะ สิ่งที่ผมต้องการ…ผมเกิดมาเพื่อเสพชัยชนะ ในความฝัน ผมไสม้าเข้าวิน เสียงตะโกนเปลี่ยนเป็นเสียงเชียร์ กึกก้อง ความอิม่ เอมในส�ำเนียงนัน้ ยอผมให้ลอยขึน้ สูงเหมือนนัง่ อยูบ่ นยอด คลืน่ แต่ทว่า ชัยชนะคือทุกสิง่ ทุกอย่าง เหนือกว่าเสียงเชียร์และค�ำยกยอ ผมสะดุ้งตื่นในความมืด เหมือนเช่นทุกคราวที่ฝันหวาน สะดุ้งตื่น 2
ตีสี่ มืดสนิท เงียบงัน ไร้เสียงเชียร์ มีเพียงแค่ความเงียบสงัด ผมยังซับซาบการโยกเคลื่อนไปพร้อมกับม้า รับรู้การรีดพลังในทุก อณูของมัดกล้ามเนื้อของสองร่าง หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ผมยังรู้สึก ถึงเหล็กโกลนใต้รองเท้าบู๊ตบางเฉียบ กล้ามเนื้อน่องหนีบตัวม้า โหย่งตัว ขึน้ รักษาสมดุล หน้าผากของผมแทบจะสัมผัสคอม้าสีนำ�้ ตาล แผงขนคอม้า โบกสะบัดเข้าปาก มือสองข้างกุมบังเหียนมั่นในมือ และแล้วก็เป็นการสะดุง้ ตืน่ ครัง้ ทีส่ อง การตืน่ สูค่ วามเป็นจริง วินาที นัน้ ทีผ่ มขยับเคลือ่ น เปลือกตาเบิกกว้าง ผมระลึกได้ทนั ทีวา่ ผมไม่มโี อกาส ลงขี่ม้าแข่งได้อีกแล้ว…ในชาตินี้ ความเจ็บปวดบาดลึกเข้าไปในอกเหมือน แผลใหม่ ฝันแสนหวานนั้นเป็นความฝันของคนเต็มคน ผมฝันหวานเช่นนั้นบ่อยครั้ง เรื่องโง่เง่าที่สุดที่ไม่บังควรเสียเวลาให้เปลืองเปล่าไร้ประโยชน์ การมีชีวิตอยู่ต้องขจัดความฝันเสียให้สิ้น ตื่นลืมตา ลุกขึ้นมาสวม เสื้อผ้า พยายามท�ำงานในวันใหม่ที่จะมาถึงให้ดีที่สุด
3
บทที่ 1
ผมดึงแบตเตอรี่ออกจากท่อนแขน เสียบแบตเตอรี่เข้าไปในเครื่อง ประจุไฟ ผมเพิง่ จะรูส้ กึ ตัวในอีกสิบวินาทีให้หลัง เมือ่ ปลายนิว้ ของผมไม่อาจ กระดิกได้ ก็น่าแปลก ผมคิดในใจ การเสียบแบตเตอรี่เข้าเครื่องประจุไฟ กลายเป็นงานประจ�ำที่ไม่ต้องเสียเวลาครุ่นคิดตรึกตรอง กลายเป็นงาน อัตโนมัติไม่ต่างไปจากการล้างหน้าแปรงฟัน ผมเพิ่งระลึกได้ในวินาทีนี้เอง ว่าผมคงจับมือท�ำความตกลงกับจิตใต้ส�ำนึกเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่า จะ ยอมรับกับตนเองว่าแขนข้างซ้ายมิใช่กล้ามเนื้อและกระดูกอีกต่อไปแล้ว… หากแต่เป็นโลหะและพลาสติก ผมปลดเน็กไทออก เหวี่ยงอย่างไม่ไยดีลงบนเสื้อนอกที่วางพาด บนโซฟาหนัง สลัดรองเท้าสองข้าง ทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาว ระบายลม หายใจด้วยความโล่งอก กลับถึงบ้านเสียที สดับเสียงแห่งความสงัดของ แฟลต เช่นเคย ผมรับรู้ถึงความสุขสงบที่โอบรับในทุกคราวที่กลับถึงบ้าน ปิดกั้นโลกวุ่นวายสับสนไว้ภายนอก ผมรูส้ กึ ว่าแฟลตเป็นมากกว่าบ้าน เป็นแหล่งพักพิงหลีกภัย แฟลตอยู่ สุขสบาย แต่กข็ าดไร้การตกแต่งด้วยความผูกพันรักใคร่ ทีละชิน้ สองชิน้ จะ 4
ว่าไปแล้ว การแต่งบ้านขาดไร้อารมณ์ใดๆ ส�ำเร็จในบ่ายเดียวร้านเดียว ผม เดินเข้าไปในร้านเครือ่ งเรือน “เอาไอ้นนั่ ไอ้นี่ แล้วก็น…ี่ ส่งให้เร็วทีส่ ดุ เลย บ่ายวันนีเ้ ลยได้ไหม?” เครือ่ งเรือนทีม่ อี ยูก่ เ็ ข้ากันได้ แต่ถา้ สูญหาย ก็คงไม่ ถึงกับหลั่งน�้ำตาด้วยความเสียดาย หากจะเรียกว่าเป็นกลไกป้องกันตนเอง อย่างน้อยที่สุด ผมก็ส�ำนึกรู้ ผมเดินลากเท้าบนพรม เปิดโคมไฟสีทองสุกปลัง่ บนโต๊ะท�ำงาน ตบ เปิดโทรทัศน์ด้วยการฝึกจนคุ้นชิน ผมรินสก็อตช์ลงแก้ว ตัดสินใจว่าจะไม่ ซักผ้าในตะกร้า มีสเต็กชิน้ โตอยูใ่ นตูเ้ ย็น มีเงินฝากในธนาคาร ใครต้องการ เป้าหมายในชีวิตด้วยเล่า? ในระยะหลังนี้ ผมมักจะท�ำอะไรด้วยมือข้างเดียว แรกเริม่ ก็ไม่ถนัด นัก แต่ก็เร็วกว่าสองมือ มือเทียมอัจฉริยะของผม ท�ำงานด้วยโซลีนอยด์ สั่งงานผ่านสัญญาณไฟฟ้าจากปลายท่อนแขน ช่วยให้ปลายนิ้วก�ำเข้าหรือ คลายออกได้เหมือนมือจริง…ต่างเพียงนิด ตรงทีจ่ งั หวะผิดเพีย้ น มือเทียม ดูคล้ายมือจริง คล้ายจริงจนในบางคราวไม่สะดุดตาผูค้ นรอบข้าง ปลายนิว้ มีเล็บเทียม มีเส้นเอ็นหลังมือปูดโปน มีหลอดเลือดด�ำปรากฏรางๆ ผม แทบจะไม่ได้ใช้มือเทียมในยามที่ผมอยู่ตามล�ำพัง แต่ก็สวมติดปลายแขน ไว้เกือบตลอดเวลา ผมต้อนรับเย็นย�ำ่ วันนัน้ เหมือนเช่นวันอืน่ ๆ นอนเหยียดยาวบนโซฟา ยกขาสูงพาดเท้าแขน แก้วสก็อตช์ก้นหนาวางบนอก ปล่อยใจให้ล่องลอย เปีย่ มสุขไปกับเรือ่ งราวทีก่ ระโดดโลดเต้นในจอแก้ว ผมอดจะร�ำคาญใจนิดๆ ไม่ได้ เมื่อมีเสียงออดดังขัดจังหวะมากลางเรื่อง ผมลุกขึ้นยืน ลังเลยิ่งกว่าอยากรู้อยากเห็น วางแก้วสก็อตช์ในมือ มือล้วงคลานเข้าไปในกระเป๋าเสือ้ นอกทีผ่ มเก็บแบตเตอรีส่ ำ� รองอีกก้อน ยัด เข้าไปในช่องปลายแขน ดึงแขนเสือ้ ลงมาคลุมข้อมือพลาสติก กลัดกระดุม ผมเดินมายังประตูหน้า หยีตามองผ่านรูเลนส์กลางประตู ไม่มภี าระหนักอกบนพรมหน้าประตู เว้นเสียแต่วา่ ภาระหนักอกนัน้ 5
จะอยู่ในรูปของสตรีวัยกลางคน โพกศีรษะด้วยผ้าแพรสีน�้ำเงิน ผมเปิด ประตู ทักทายเบาๆ “สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยได้บ้าง?” “ซิด…” เธอกระซิบตอบรับ “…ฉันเข้าไปได้ไหม?” ผมเบิ่งตาจ้องมองเธอ ไม่แน่ใจว่าเคยรู้จักเธอมาก่อนในชีวิต แต่ก็ มีคนแปลกหน้าจ�ำนวนไม่น้อยที่เรียกชื่อของผม ผมถือว่าเป็นค�ำชมนะ ผมหยาบกระเซิงใต้ผ้าโพกศีรษะแว่นกันแดดวาววับบังซ่อนดวงตา ริมฝีปากแดงสดจนไม่อาจละสายตาไปมองที่อื่นได้ ท่าทางของเธออับอาย ร่างดูจะสั่นเทิ้มใต้เสื้อฝนหลวมโคร่ง เธอคล้ายจะคิดว่าผมคงจะจ�ำเธอได้ จนกระทั่งเธอเหลือบแลมองข้ามไหล่ด้วยความกระวนกระวาย เงามืดของ ใบหน้าด้านข้างจากไฟส่องหลัง ท�ำให้ผมจ�ำได้ “โรสแมรี? คุณเองหรือ?” ผมอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “ฟังนะ ฉันต้องคุยกับคุณ” เธอผลักผมให้พ้นทาง เดินน�ำเข้ามา ในห้อง “เอ้อ…เชิญข้างในก่อนครับ” ในขณะที่ผมผลักประตูปิด เธอหยุดยืนหน้ากระจกเงาข้างทางเดิน ปลดผ้าโพกศีรษะออก “พระเจ้าเป็นพยานเหอะ ดูไม่ได้ขนาดนี้เชียวหรือ?” ผมมองเห็นปลายนิ้วของเธอสั่นระริก สั่นจนไม่อาจคลายปมผ้าได้ ท้ายทีส่ ดุ เธอยกมือเหนือศีรษะ ดึงยอดกระโจมออกทัง้ ยวง ผ้าโพกศีรษะ ผมหยิกหยาบเป็นกระเซิงหลุดออกมาพร้อมกัน พุ่มผมสีทองมันขลับทิ้ง สยายเคลียไหล่ให้ภาพโรสแมรี คาสเปอร์ที่คุ้นตา เธอเรียกชื่อซิดมานาน สิบห้าปีเต็ม ๆ “พระเจ้าช่วย” เธออุทานออกมา สอดแว่นตาเก็บเข้ากระเป๋าถือ ดึงกระดาษเช็ดหน้าออกมาเช็ดสีแดงเถือกเปื้อนเปรอะบนริมฝีปาก “ฉัน ต้องมา…ฉันต้องมา” สายตาของผมจับจ้องอยู่ที่ปลายนิ้วสั่นระริก เงี่ยหูสดับเสียงสั่น ผม 6
เคยคุ้นกับกิริยาเช่นนี้จากคนที่มาพบผม นับตั้งแต่ผมเปลี่ยนอาชีพเข้ามา สะสางปัญหาและภัยพิบัติ “เชิญข้างใน ดื่มอะไรก่อน” ผมทราบดีว่านั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการ นั่นเป็นสิ่งที่เธอคาดหวัง ผมทราบดีว่าเย็นย�่ำวันนี้ไม่อาจหาความสุขสงบ ได้อีกแล้ว “ยิน…โทนิก…อะไรก็ได้” เธอยังคงสวมเสื้อฝนตัวโคร่ง เธอเดินตามผมเข้ามาในห้องนั่งเล่น ทรุดฮวบลงบนโซฟาอย่างน่าตกใจเมื่อขาของเธอไม่อาจแบกรับน�้ำหนักตัว ได้อีกต่อไป ผมจ้องดูประกายตาเลื่อนลอย ปิดเสียงหัวเราะจากโทรทัศน์ หันไปรินยาดับเครียดให้เธอเกือบครึ่งแก้ว “ดืม่ นีเ่ สียก่อน” ผมยืน่ แก้วก้นหนาให้เธอ “มีปญ ั หาอะไรหรือครับ?” “ปัญหา!…” เสียงของเธอสวนกลับมาแทบจะเป็นการตวาด “…ยิ่ง กว่าปัญหาเสียอีก” ผมหยิบแก้วสก็อตช์ของผม เดินมาทรุดตัวลงนั่งในอาร์มแชร์เบื้อง หน้าของเธอ “ผมเห็นคุณที่สนามแข่งม้าวันนี้ ตอนนั้นมีปัญหาแล้วหรือ?” เธอกระดกแก้วกลืนลงล�ำคออึกโต “ไม่มไี ด้ยงั ไง? ถ้าไม่มปี ญ ั หา ฉัน จะต้องปลอมตัวน่าเกลียดแฝงมาในความมืดอย่างนี้หรือ? ถ้าไม่มีปัญหา ฉันก็เดินเข้าไปคุยกับคุณตั้งแต่อยู่ในสนามม้าแล้ว” “แล้ว…ท�ำไมล่ะครับ?” “ก็เพราะคนสุดท้ายที่ผู้คนจะเห็นฉันคุยด้วย ในสนามม้าหรือนอก สนามม้า ก็คือ ซิด เฮลลีย์” ผมเคยขีม่ า้ ให้สามีของเธอหลายหน…ในยุคทีผ่ มยังเป็นจ็อกกี้ ผมยัง ตัวเบาพอจะแข่งม้าทางเรียบ ในยุคก่อนทีจ่ ะมาขีม่ า้ ข้ามเครือ่ งกีดขวาง ใน ยุคแห่งความส�ำเร็จและความรุ่งเรือง ในยุคแห่งการล้มคว�่ำ ม้าล้มทับจน มือแหลกละเอียด ซิด เฮลลีย์ อดีตจ็อกกี้ จะเป็นคนที่เธอเดินเข้ามาคุย 7
ได้ด้วยทุกเมื่อ แต่ทว่า ซิด เฮลลีย์ ผู้เปลี่ยนอาชีพมาเป็นนักสืบเอกชน เธอจ�ำเป็นต้องแฝงตัวมาในความมืด หวาดหวั่นพรั่นพรึง อายุคงราวสี่สิบห้าผมอดประหลาดใจไม่ได้ ผมรู้จักเธอมากว่าสิบ ปี แต่ก็ไม่เคยจ้องมองเธอนานนัก หรือไม่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้พอจะมองเห็นกัน อย่างพินจิ พิเคราะห์ ใบหน้าของเธอหมดจด โครงเค้าหน้าเปีย่ มเสน่ห์ ริม ฝีปากบางเฉียบทรงอ�ำนาจ ถุงใต้ตาเห็นชัด ตีนกาหางคิ้วปรากฏ ริ้วเนื้อ ย้อยใต้คางดูแปลกตา เธอละสายตาจากแก้วเหล้า เงยหน้าตรวจสอบประหนึง่ ว่าเธอไม่เคย เห็นหน้าผมมาก่อน ผมเดาว่าเธอก็คงจะต้องประเมินผมซ�ำ้ อีกครัง้ ผมไม่ใช่ เด็กหนุม่ ทีน่ งั่ ก้มหน้ารับค�ำสัง่ จากเธอในการขีม่ า้ แต่เป็นหนุม่ ฉกรรจ์เต็มตัวที่ เธอต้องเดินทางมาพบเพือ่ ให้ชว่ ยแก้ปญ ั หา เมือ่ ถึงตอนนีแ้ ล้ว ผมก็คนุ้ กับ ภาพพจน์ใหม่ทคี่ นอืน่ มองเห็น ภาพทีเ่ ข้ามาแทนทีอ่ ดีตอบอุน่ สรวลเสเฮฮา บ่อยครั้งที่ผมเสียดาย แต่อดีตก็ไม่มีวันหวนกลับไปได้อีกแล้ว “ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน…” เสียงของเธอลังเล “…ฉันหมาย ถึงว่า ฉันได้ยินมานานหลายปีแล้ว…” เธอกระแอม “…เขาพูดกันว่าคุณ ฝีมอื เยีย่ ม จับงานไหนไม่เคยพลาด ฉันไม่รนู้ ะ…ฉันมาทีน่ แี่ ล้ว…ไม่รสู้ …ิ คุณ เป็นแค่จ็อกกี้” “เคยเป็น” ผมตอบเสียงดังฟังชัด เธอเหลือบมองมือซ้ายของผม แต่ไม่ได้ปริปากแสดงความเห็น เธอ ทราบเรื่องนี้ วงการแข่งม้าไม่เคยหยุดเสียงซุบซิบ มือซ้ายแหลกละเอียด เป็นข่าวฮือฮาในปีที่ผ่านมา “ท�ำไมคุณไม่เล่าปัญหาของคุณให้ผมฟัง” ผมบอกเธอด้วยเสียงราบ เรียบ “…ถ้าท�ำไม่ได้ ผมจะบอก” ค�ำบอกเล่าทีว่ า่ ผมอาจจะท�ำไม่ได้ ท�ำให้เธอเบิกตาโพลง ร่างในเสือ้ ฝนสั่นเทิ้มอีกครั้ง “ไม่มีใครอีกแล้ว…ฉันหันหน้าไปหาใครไม่ได้อีกแล้ว ฉันไม่มีทาง 8
เลือก ฉันต้องเชื่อ…ฉันต้องเชื่อว่าคุณต้องท�ำได้…พวกเขาพูดกัน…” “ผมไม่ใช่ยอดมนุษย์” ผมประท้วง “ผมเพียงแค่สบื เสาะหาข้อเท็จ จริง” “เอาละ…พระเจ้าช่วย…” แก้วกระทบฟันของเธอดังสดใสในยามที่ เธอกระดกจนหมดแก้ว “…พระเจ้าช่วยด้วยเถิด” “ถอดเสื้อฝนก่อนเถอะครับ” ผมปลอบโยน “ผมจะรินยินให้อีก แก้ว นั่งพิงโซฟาให้สบาย เริ่มเล่าตั้งแต่ต้นนะครับ” ประหนึ่งต้องมนต์สะกด เธอลุกขึ้นยืน ปลดเข็มขัด ถอดเสื้อฝน และทรุดลงนั่งอีกครั้ง “ไม่มีจุดเริ่มต้น” เธอยืน่ มือมารับแก้ว กอดแก้วไว้กบั อก เสือ้ ทีเ่ พิง่ เผยตัวเป็นเสือ้ ไหม สีครีม คลุมทับด้วยสเวตเตอร์สีอิฐ สร้อยทองเส้นโต และกระโปรงสีด�ำ เข้ารูป ภาพฉายของชนชั้นที่ไม่เคยกระวนกระวายทางการเงินในชีวิต ประจ�ำวัน “จอร์จไปงานเลี้ยง” เธอบอกเล่า “เราค้างคืนในลอนดอน…จอร์จ คิดว่าฉันไปดูหนัง” จอร์จ สามีของเธอ ถือเป็นหนึ่งในสามของยอดผู้ฝึกม้า อาจจะ เป็นหนึ่งในสิบในอันดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการแข่งในฮ่องกงหรือเคนตักกี จอร์จได้รับการเรียกขานว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ที่นิวมาร์เก็ต ซึ่งเป็นนิวาสถาน เขาเป็นราชา หากม้าของเขาคว้าถ้วยดาร์บี้, ถ้วยอาร์ก เดอ ทรีออมป์ หรือถ้วยวอชิงตัน อินเตอร์เนชั่นแนล ก็คงไม่มีผู้ใดประหลาดใจ ม้าฝีเท้า เยีย่ ม ระดับสุดยอดของโลก เดินทางผ่านคอกม้าของเขาปีแล้วปีเล่า ข่าว เล่าลือกันว่าการน�ำม้ามาฝึกในคอกของเขา ถือเป็นเกียรติยศที่เจ้าของม้า คุยโอ่อวดได้ จอร์จ คาสเปอร์เป็นเพียงหนึ่งเดียวที่กล้าปฏิเสธม้าตัวใด หรือชายใด ข่าวลือยังซุบซิบกันต่อว่าจอร์จไม่เคยปฏิเสธสตรี หากนัน่ เป็น ปัญหาของโรสแมรี ผมก็คงไม่มีทางช่วยเธอได้ 9
“ต้องไม่ให้เขารู”้ เธอบอกเสียงสัน่ “…สัญญาก่อนว่าคุณจะไม่บอก ให้เขาทราบเรื่องที่ฉันมาที่นี่” “ผมสัญญา…อย่างมีเงื่อนไข” “นั่นยังไม่พอ” “ไม่พอก็คงต้องพอ” “คุณจะทราบเองว่าท�ำไม…” เธอยกแก้วดื่ม “…เขาอาจจะไม่ ชอบเรื่องนี้ แต่ก็เป็นกังวลขนาดหนัก” “ใคร…จอร์จ?” “จะมีใคร? อย่าท�ำเป็นโง่หน่อยเลย คุณคิดหรือว่าฉันจะเสีย่ งมาทีน่ ี่ เพื่อคนอื่น” เสียงแหลมเล็กกราดเกรี้ยวท�ำให้เธอเองประหลาดใจ เธอสูด ลมหายใจเข้าเต็มปอด กล่าวต่อด้วยเสียงทุม้ ต�ำ ่ “คุณคิดยังไงกับกลีนเนอร์” “เอ้อ…น่าผิดหวัง” “ถึงขั้นภัยพิบัติเลวร้ายเลยละ” เธอสวนกลับ “…คุณเองก็รู้” “บางวันดี บางวันแย่” “ไม่มีทาง กลีนเนอร์เป็นม้าอายุสองปีฝีเท้าเยี่ยมที่สุดที่จอร์จเคยฝึก กลีนเนอร์คว้าถ้วยม้าสองปีหลายใบตลอดฤดูหนาวที่ผ่านมาทุกคนพูดเป็น เสียงเดียวกันว่ากลีนเนอร์เป็นเต็งหนึง่ ในถ้วยดาร์บหี้ รือถ้วยกินนีส์ ต้องเข้า วินอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีทางพลาด” “ครับ ผมจ�ำได้” “แล้วไง เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ กลีนเนอร์ลงชิงถ้วยกินนีส์ เหลวไม่เป็น ท่า หลังจากนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะฝันว่าจะส่งชื่อเข้ารายการถ้วยดาร์บี้” “ก็ไม่แปลก เคยเกิดขึ้นแล้ว” เธอเขม้นจ้อง รีดริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง “แล้วซิงกาลูละ่ ? ไม่แปลก อีกหรือ?ซิงกาลูกับกลีนเนอร์เป็นม้าสองปีที่ดีที่สุดในประเทศนี้ สุดยอดม้า สองตัว…ม้าทั้งสองม้าอยู่ในคอกของเรา ทั้งสองม้าไม่ได้รางวัลแม้แต่แดง เดียวในการแข่งม้าสามปี มันก็แค่ยนื อยูใ่ นคอกของมัน กล้ามเนือ้ สมบูรณ์ 10
ไปทั้งร่าง กินไม่ยั้ง…ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ลงแข่งไม่ได้” “ม้าพิศวง” ผมเห็นพ้อง แต่ก็ไม่เชื่อเต็มใจนัก ม้าที่ไม่เข้าวินตาม ความคาดหวังของเจ้าของและผู้ฝึก ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาเหมือนฝนตก วันอาทิตย์ “แล้วบาเธสดาอีกเล่า? ปีที่ผ่านมานี่เอง” เธอจ้องผมจนตาแทบ ถลน “สุดยอดม้าตัวเมียอายุสองปี เธอเป็นตัวเต็งเลื่องลือกันนานหลาย เดือนว่าจะคว้าถ้วยวันเธาซันแอนด์โอ๊กส์ แล้วไง เธอเข้าที่สิบ…ที่สิบ คุณ จะว่ายังไง?” “จอร์จน่าจะหาหมอมาตรวจม้าแล้ว” ผมตอบเบาๆ “อ๋อ แน่นอน หมอสัตว์ เดรัจฉานหมอ สัตวแพทย์แทบจะเหยียบ กันตาย สุมหัวกันอยูน่ านหลายสัปดาห์ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจ อุจจาระ ตรวจทุกอย่าง ทุกอย่างปกติหมด ม้าชั้นยอดสามตัวกลายเป็น ม้าไร้ค่าไม่มีราคา แล้วก็ไม่มีค�ำอธิบาย…ไม่มีอะไรเลย” ผมถอนหายใจยาว ฟังดูแล้วเหมือนนิทานเพ้อเจ้อของนักฝึกม้า แต่ ก็ไม่นา่ จะเพ้อเจ้อจนถึงขัน้ สวมผมปลอมแว่นด�ำแฝงตัวมาหาผมในความมืด และแล้วก็มาถึงระเบิดลูกใหญ่ เธอโพล่งออกมาด้วยเสียงอันดัง “… แล้วไตร-ไนโตรล่ะ?” ผมระบายลมหายใจออกมาจนแทบจะเป็นเสียงค�ำราม ไตร-ไนโตร เป็นทีก่ ล่าวขวัญในหนังสือม้าแข่งทุกฉบับ เป็นทีย่ อมรับกันแล้วว่าน่าจะเป็น ม้าฝีเท้าเยีย่ มทีส่ ดุ ในทศวรรษนี้ ประวัตขิ องม้าสองปีตวั นีท้ ำ� ให้มา้ ตัวอืน่ ตก อยู่ในเงามืดไปสิ้น ไตร-ไนโตรผูกขาดชัยชนะตลอดฤดูร้อนจนแทบจะไม่มี ใครสงสัยอีกต่อไปแล้ว ผมเองก็เคยชมไตร-ไนโตรเข้าวินทีส่ นามมิดเดิลปาร์ก ที่นิวมาร์เก็ตในเดือนกันยายน ท�ำสถิติสนามเสียใหม่ ก้าวเท้าควบตะบึง งดงามดุจเหินบิน “ถ้วยกินนีสอ์ กี ปักษ์เดียว” โรสแมรีแจ้งให้ทราบ “…อีกสิบห้าวัน พอดี เรื่องเลวร้ายจะเกิดขึ้นอีกหรือ?…สมมติว่าเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น อย่าง 11
ที่เคยเกิดขึ้นกับม้าฝีเท้าเยี่ยมสามม้า…” เสียงของเธอขาดหายไปในล�ำคอ ร่างของเธอสัน่ สะท้าน ผมอ้าปาก แต่เสียงแหลมเล็กของเธอดังขัดจังหวะ “คืนนี้เป็นเพียงโอกาสเดียว…คืน เดียวที่ฉันจะมาที่นี่ได้ จอร์จคงเสียสติไปแน่ๆ เขาเชื่อว่าจะไม่มีอะไรเกิด ขึ้นกับไตร-ไนโตร ไม่มีใครเฉียดเข้าไปใกล้ม้าตัวนี้ได้ ระบบรักษาความ ปลอดภัยวางไว้แทบทุกตารางนิว้ แต่เขาก็กลัว ฉันรูว้ า่ เขากลัวแทบขาดใจ เครียดจนจะไม่เป็นผูเ้ ป็นคน ฉันเคยเสนอให้เขาเชิญคุณไปเฝ้าคุมไตร-ไนโตร จอร์จโมโหจนหน้าเขียว ฉันไม่รู้สาเหตุ ฉันไม่เคยเห็นเขาโกรธจัดขนาดนี้ มาก่อน” “โรสแมรี” ผมอ้าปากสั่นศีรษะ “ฟังนะ…” เธอขัดขึ้นมา ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้เปิดปาก “ฉัน ต้องการให้คณ ุ ดูแลว่าจะไม่มอี ะไรเกิดขึน้ กับไตร-ไนโตรก่อนจะถึงวันชิงถ้วย กินนีส์ ขอเพียงเท่านี้” “เท่านี้?…” “ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปนั่งเสียใจหลังเกิดเรื่องวายป่วงแล้ว ฉัน ขอร้องคุณเพียงเท่านี้ ฉันทนต่อไปไม่ได้แล้ว ฉันต้องมา ต้องมาคุยกับ คุณให้ได้เรื่อง เขาเล่ากันว่าคุณรับปากเมื่อไหร่ จัดการได้ทุกอย่าง คุณ ต้องการเงินเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายให้” “ไม่ใช่เรื่องเงินหรอกครับ” ผมรีบขัดขึ้นมา “ปัญหามีเพียง…ไม่มี ทางเป็นไปได้ที่จะปกป้องไตร-ไนโตร โดยจอร์จไม่ทราบเรื่อง และไม่ได้ ให้ความยินยอม เรื่องที่เป็นไปไม่ได้” “คุณท�ำได้ ฉันมัน่ ใจว่าคุณท�ำได้ เรือ่ งเป็นไปไม่ได้ เรือ่ งทีช่ าวบ้าน บอกว่าไม่มีทางท�ำได้ คุณเคยท�ำส�ำเร็จมาแล้ว ฉันจ�ำเป็นต้องมา ฉันทน ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว…จอร์จเองก็ทนไม่ได้…ไม่มีทางรับได้ถ้าพลาดหวังติดกัน สามปีซ้อน ไตร-ไนโตรจะต้องชนะ คุณจะต้องดูแลไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับ ไตร-ไนโตร คุณไม่ช่วยไม่ได้นะ” 12
ร่างของเธอสัน่ เทิม้ แทบจะเสียสติในบัดดล ผมชิงพูดขึน้ มาเพือ่ ปลอบ เธอให้สงบ มากกว่าจะนึกถึงเนื้องานที่เธอต้องการให้ผมท�ำ “โรสแมรี …เอาเถอะ ผมจะจัดการ” “ไตร-ไนโตรจะต้องชนะ” ผมปลอบโยน “ไม่เห็นว่าท�ำไมไตร-ไนโตรจะไม่ชนะ” อาจเป็นความกังขา หรือความเนือยในน�้ำเสียงทีท่ ำ� ให้เธอรูส้ กึ ตัวว่า เรือ่ งราวทีเ่ ธอเล่าให้ฟงั เป็นแต่เพียงฝันเพ้อของหญิงทีใ่ กล้เสียสติ เธอตาลุก วาว “พระเจ้าช่วย ฉันเสียเวลามาที่นี่ท�ำไมกัน?” เธอกัดริมฝีปาก ผุด ลุกขึ้นยืน “แกเองก็ไม่ต่างไปจากผู้ชายคนอื่น ๆ แกมีภาวะหมดระดูติด อยู่ในสมอง” “ไม่จริงครับ ผมบอกแล้วว่าผมจะพยายามดูแลให้” “ช่าย” เสียงนัน้ หยามหยัน ความโกรธท�ำให้เธอยืนมัน่ บนขาสอง ข้างได้ ความแค้นอัดแน่เต็มอกพร้อมจะระเบิดออกมา เธอขว้างแก้วเหล้า ให้ผมแทนการยื่นให้ ผมเอื้อมมือคว้าไม่ทัน แก้วเหล้าลอยข้ามไหล่ ข้าม โต๊ะเตี้ย หล่นกระทบพื้นแตกกระจาย เธอก้มลงมองเศษแก้วแวววาวบนพื้น เก็บความขมขื่นแค้นเคืองที่ เหลือ เก็บคืนเข้ากล่องปิดผนึก “ขอโทษ” เธอพึมพ�ำออกมาเบาๆ “ไม่เป็นไรครับ” “โทษความเครียด” “ครับ” “ฉันต้องไปดูหนังแล้วละ เผื่อจอร์จจะถาม…” เธอยกเสื้อฝนมา สวม เดินเซตรงไปยังประตูหน้า ร่างของเธอยังสั่นเทิ้มด้วยความเครียด ในอก “ฉันไม่น่ามาที่นี่ แต่ฉันคิดว่า…” “โรสแมรี…” ผมบอกกับเธอด้วยเสียงหนักแน่น “…ผมบอกว่าผม 13
จะพยายาม ผมก็ต้องท�ำ” “ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องนี้หนักหนาสาหัสแค่ไหน” ผมเดินตามเธอออกไปในทางเดินสู่หน้าห้อง รับรู้ความอัดอั้นตันใจ ของเธอประหนึง่ ว่าเรือ่ งเลวร้ายนัน้ สามารถก่อให้เกิดคลืน่ ปัน่ ป่วนในอากาศ ได้ เธอยกวิกผมกระเซิงขึน้ โปะศีรษะ ปลายนิว้ กระแทกทิม่ เส้นผมสีนำ�้ ตาล เข้าไปซ่อนใต้วิก เพื่อระบายความเกลียดตัวเอง เกลียดการปลอมตัว เกลียดตัวผม เกลียดการแวะมาเยือนในค�่ำคืนนี้ เกลียดการโกหกจอร์จ เกลียดการซ่อนเร้น เธอระบายลิปสติกหนาบนริมฝีปากอย่างไม่ปรานี ปราศรัย ประหนึ่งเป็นการท�ำร้ายตนเอง ผูกเงื่อนผ้าคลุมผมด้วยปลายนิ้ว ที่สั่นระริก ควานมือเข้าไปในกระเป๋าถือเพื่อค้นหาแว่นตาด�ำ “ฉันเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวในห้องน�้ำสาธารณะที่สถานีรถไฟใต้ดิน” เธอหันมาบอกผม “…น่าขยะแขยงทีส่ ดุ แต่กไ็ ม่อาจเสีย่ งให้ใครเห็นฉันมา หาคุณคืนนี้ ฉันรู้ว่าจะต้องมีอะไรสักอย่าง จอร์จเองก็ดูท่าเหมือนกลัว อะไร…” เธอหยุดยืนรอที่ประตูหน้า รอให้ผมเปิดประตูให้ สตรีงามสง่าผู้ จงใจแปลงตัวให้นา่ เกลียดทีส่ ดุ ผมเพิง่ ตระหนักได้วา่ ไม่มผี หู้ ญิงคนใดลดค่า ตนเองถึงขนาดนี้ หากไม่มีความจ�ำเป็นคอขาดบาดตาย เกิดความจ�ำเป็น จนความรักสวยรักงามไม่หลงเหลืออยูแ่ ม้แต่นอ้ ยนิด ผมเองก็ไม่ได้ทำ� อะไร ให้เธอสบายใจขึน้ เลย ถึงรูไ้ ปก็คงไม่มอี ะไรแตกต่างไปจากเดิม ผมรูจ้ กั เธอ มานานแสนนาน รู้จักเธอตั้งแต่ตอนที่ผมอายุได้สิบหกปี เป็นเพียงจ๊อกกี้ ตัวเล็กๆ ที่ต้องค้อมศีรษะปฏิบัติตามค�ำบัญชาทุกประการของเธอ ผมคิด ว่าในค�่ำคืนนี้ หากผมให้ความอบอุ่น ความเห็นใจ ดึงเธอมากอด หรือ แม้แต่จูบข้างแก้ม ก็คงช่วยให้เธอผ่อนคลายได้มากกว่านี้ แต่นิสัยดั้งเดิม การแบ่งชั้นแยกฐานะ ชัดเจนเกินกว่าจะลบให้หายกลายเป็นคนเสมอกัน ได้ในพริบตา “ฉันไม่น่าจะมาทีนี่เลย” เธอพึมพ�ำออกมา “…ตอนนี้ ฉันเข้าใจ 14
แล้ว” “คุณยังต้องการ…ให้ผมจัดการเรื่องนี้อยู่หรือเปล่าครับ?” ใบหน้าของเธอบิดเบีย้ วจนน่าเกลียด “พระเจ้าเป็นพยาน…ได้โปรด แต่ฉันโง่ไปเอง คุณจะท�ำอะไรได้ คุณเป็นเพียงแค่จ๊อกกี้…แค่จ๊อกกี้” ผมเปิดประตูหน้า “ผมเองก็ยงั ฝัน ยังอยากจะเป็นเพียงแค่ทคี่ ณ ุ ว่า” ผมพึมพ�ำตอบรับ เธอหันมาหาผม มองมาที่ผม แต่คงมองไม่เห็น ห้วงความคิดของ เธอข้ามไปถึงการเดินทางเทีย่ วกลับ ดูภาพยนตร์ และการรายงานให้จอร์จ ได้ทราบ “ฉันไม่ได้เสียสตินะ” เธอหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่ได้เหลียวหลังกลับ ผมมองตามเธอเดิน หักมุมบันไดลงชั้นล่าง ผมถอนหายใจยาวที่ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้ ผม เดินกลับเข้าห้องนั่งเล่น แม้แต่บรรยากาศนห้องก็ยังเครียดเขม็งจากความ รู้สึกเข้มข้นของเธอ ผมก้มลงเก็บเศษแก้วชิ้นใหญ่ แก้วแตกละเอียดเกินกว่าจะมาเสีย เวลาเก็บทีละชิ้น ผมเดินเข้าห้องครัว ถือที่ตักผงและไม้กวาดกลับเข้ามา ในห้องนั่งเล่น มือทีถ่ อื ทีต่ กั ผงทีถ่ นัดทีส่ ดุ น่าจะเป็นมือซ้าย มือทีข่ าดหายทีฝ่ กึ จน ช�ำนาญแล้ว ถ้าผมกระดกมือไปข้างหลัง นิ้วเทียมจะกางอ้าออกจากกัน ถ้าต้องการหยิบ ก็แค่กดข้อมือลงล่าง ปลายนิว้ จะบีบเข้าหากัน สัญญาณ ประสาทกับสัญญาณไฟฟ้าจะต่างกันอยูร่ าวสองวินาที จุดทีย่ ากทีส่ ดุ ในการ เรียนรู้ จะอยู่ที่เวลาหน่วงช้านี่เอง แน่นอน ปลายนิ้วไม่รู้สึกว่าการบีบจับแน่นพอแล้ว เจ้าหน้าที่ที่ ติดมือเทียมให้ผม บอกกับผมว่า จะส�ำเร็จการศึกษาก็ต่อเมื่อหยิบไข่ขึ้น มาได้ ผมฝึกแล้วฝึกอีก เสียไข่ไปหลายโหลในระยะแรก หลังจากนัน้ บีบ หลอดไฟแตกไปหลายหลอด แถมด้วยการบีบซองบุหรี่จนแบนเป็นแผ่น 15
เพราะเหตุนี้เองที่ผมไม่ได้ชื่นชมผลงานสุดวิเศษทางวิทยาศาสตร์ มักจะไม่ ใคร่ใช้มือซ้าย…หากไม่จ�ำเป็น ผมเทเศษแก้วลงถังขยะ เปิดทีวีอีกครั้ง แต่รายการตลกจบไปแล้ว โรสแมรีมาพบผมกลางเรื่องต�ำรวจไล่จับผู้ร้าย ผมถอนหายใจยาว ปิดทีวี อุ่นสเต๊กจากตู้เย็น หลังจากนั้น ก็โทรศัพท์หาบ็อบี อันวิน นักเขียน คอลัมน์กีฬาของวารสารเดลี แพลเน็ต “ต้องการข้อมูล ก็จ่ายมาซะดีๆ” เขาตอบเมื่อทราบว่าใครโทรมา หา “ต้องจ่ายเท่าไหร่?” ผมถามด้วยเสียงหัวเราะ “มูลค่าเท่าเทียมความส�ำคัญของข้อมูล” “ได้เลย” ผมตอบรับ “ต้องการหาอะไรล่ะ?” “อืม คุณเคยสัมภาษณ์จอร์จ คาสเปอร์ บทความยาวทีเดียว ลง วันเสาร์ ยาวหลายหน้าเลยนะ” “อ๋อ ชิ้นนั้นเอง ชิ้นนั้นเป็นบทความเด่นประจ�ำฉบับเชียวนะ วิเคราะห์เจาะลึกถึงแก่นความส�ำเร็จเลยทีเดียว เดลี แพลเน็ตถือเป็นจุด เด่นเลยนะ แต่ละเดือนจะคัดเลือกบุคคลแห่งเดือน คนดัง…เจ้าพ่อกิจการ ข้ามชาติ ดาราหนัง ประเภทนี้ละ พอเอามาส่องด้วยแว่นขยายสังคมเข้า หน่อย เจาะออกมามีแต่ลม กลวงเปล่าเลยว่ะ” “ตอนนี้นอนราบอยู่หรือเปล่า?” ผมถาม เสียงปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ ตามด้วยเสียงหัวเราะคิกคักของ สาวรุ่น “ไปเลย เอาสังหรณ์ไวฉิบของแกไปทิง้ ให้ไกลๆ ไปทิง้ โน่น ไซบีเรีย โน่น แกรู้ได้ยังไง?” “อิจฉาว่ะ” ผมกลบเกลื่อน ผมเพียงแค่อยากถามว่าเขาอยู่ตาม ล�ำพังหรือไม่ โดยไม่ให้เขารูส้ กึ ว่าเป็นเรือ่ งส�ำคัญถึงขัน้ คอขาดบาดตาย ผม 16
รีบถามต่อ “…พรุ่งนี้ คุณจะไปที่สนามแข่งเคมป์ตันหรือเปล่า?” “คงไปนะ” “ดีเลย ถือหนังสือเล่มนัน้ ไปด้วย ผมจะซือ้ เหล้าเลีย้ งสักขวด…เลือก ตราได้ตามใจ” “ยอด…ยอดไปเลย ถือเป็นอันตกลง” ปลายสายวางหูตดั การติดต่อ ผมย้อนกลับมารือ้ รายงานการแข่งม้า ในช่วงหลายปีทผี่ า่ นมา แกะรอยประวัตกิ ารลงแข่งของบาเธสดา กลีนเนอร์ ซิงกาลู และไตร-ไนโตร ไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่มีข้อมูลสะดุดตา
17
บทที่ 2
ปฏิบัติบ่อยครั้ง ก็กลายเป็นนิสัย ผมจะต้องจัดวันพฤหัสบดีไว้เป็น วันรับประทานอาหารกลางวันกับพ่อตา…หรือจะกล่าวให้ชดั เจน ก็ตอ้ งเรียก ว่า อดีตพ่อตา ท่านนายพลเรือ(เกษียณอายุ) ชาร์ลส โรแลนด์ บิดาของ ความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม ผมมอบทุกสิง่ ทุกอย่างทีม่ ใี ห้เจนนี บุตรีของท่านนายพลเรือ…สงวน ไว้เพียงอย่างเดียวคือ งานอาชีพ ข้อสงวนเพียงเรือ่ งเดียวกลับเป็นสิง่ ทีเ่ ธอ ปรารถนาอยากได้มากในท้ายที่สุด เธอขอร้องให้ผมเลิกขี่ม้าแข่ง การแต่งงานกินเวลาห้าปี สองปีในความหวานชืน่ สองปีในความระ หองระแหง และปีท้ายสุดในความขมขื่น สิ่งที่หลงเหลืออยู่เป็นเพียงแผล ตกสะเก็ด ทัณฑ์ทรมาน…คันทรมานสุดชีวิต ห้าปีนั้นกับความสัมพันธ์อัน ดีกับพ่อตาซึ่งยากจะได้มา ผมถือว่าเป็นสมบัติล�้ำค่าเพียงสิ่งเดียวที่กู้กลับ ได้จากซากปรักหักพัง เราพบกันในเวลาเที่ยงวันในบาร์เหล้าชั้นบนของโรงแรมคาเวนดิช ยินสีชมพูส�ำหรับท่านนายพล และสก็อตช์น�้ำส�ำหรับผม แก้วเครื่องดื่ม ทั้งสองวางบนที่วาง พร้อมแล้วข้างโถถั่วลิสง “เจนนีจะมาที่เอียนสฟอร์ดวันหยุดนี้” 18
เอี ย นสฟอร์ ด เป็ น ที่ พ� ำ นั ก ของท่ า นนายพลในออกซฟอร์ ด เชี ย ร์ ลอนดอนเป็นที่ติดต่อธุรกิจในวันพฤหัสบดี ท่านนายพลเดินทางไปกลับ ระหว่างสองจุดด้วยรถโรลสรอยซ์ “ฉันจะดีใจมากถ้าคุณแวะไปได้” ท่านนายพลกล่าวต่อ ผมจ้องมองใบหน้าคมสันที่กาลเวลาไม่อาจท�ำลายให้ร่วงโรยได้มาก นัก สดับเสียงทุม้ ต�ำ่ เยือกเย็น ชายผูน้ รี้ ปู ลักษณ์หมดจด สมองปราดเปรือ่ ง มารยาทกล่อมเกลาไร้ตำ� หนิ พร้อมจะฉีกคุณให้ขาดสะพายแล่งประหนึง่ ฉีก ท�ำลายด้วยเลเซอร์…หากจ�ำเป็นต้องท�ำ ถ้าผมต้องการเพื่อนร่วมรบ ผม พร้อมจะฝากชีวิตไว้ในมือของท่านจนถึงประตูนรก แต่ถ้าเป็นความเมตตา ในใจ ผมไม่เคยหวังแม้แต่ปลายก้อย ผมพยายามไม่ให้ความขมขื่นคืบคลานเข้ามาในน�้ำเสียง “ผมไม่ อยากไปล่อเป้าให้เจนนีซ้อมมือ” “เธอตกลงแล้วให้ฉันเชิญคุณ” “ผมไม่เชื่อ” ท่านนายพลก้มลงเขม้นจ้องแก้วเครื่องดื่มบนโต๊ะ ผมรู้ดี จาก ประสบการณ์หลายปีที่คบกัน เมื่อใดก็ตามที่ท่านต้องการให้ผมท�ำในสิ่งที่ ท่านทราบว่าผมไม่ชอบใจ ท่านจะไม่สบตาผม แน่นอน จะต้องมีการนิ่ง งันเช่นนี้ ช่วงเวลาครุ่นคิด มองหาแง่มุมที่จะจ่อไม้ขีดเข้าไปที่ปลายสาย ชนวนเพือ่ จุดระเบิด ความเงียบด�ำเนินไปหลายอึดใจ ผมไม่เคยวางใจความ สงบเงียบ ท้ายที่สุด ท่านก็พูดออกมา “ฉันเกรงว่าเจนนีตกอยู่ในปัญหา ยุ่งยาก” ผมจ้องหน้าท่าน แต่ท่านนายพลก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมา “ท่าน…” เสียงของผมแทบจะเป็นเสียงวิงวอนโหยหวน “ท่านไม่ อาจ…ไม่น่าดึงผมเข้าไปเกี่ยวด้วย ท่านก็ทราบดีอยู่แล้วว่าเธอพูดจากับผม แบบไหน” “ดูเหมือนว่าคุณเองก็ตอบโต้ได้เจ็บแสบพอกัน ถ้าฉันฟังไม่ผิดนะ” 19
ท่านนายพลเงยหน้ามองผมแวบเดียว ปากหยักเหมือนมีรอยยิม้ คง เป็นเรื่องพิลึกเอาการถ้าเป็นวิธีกล่าวพาดพิงถึงลูกสาวแสนสวยของตน “ฉันรูจ้ กั ดีคณ ุ ดี, ซิด …คุณเดินเข้าไปในถ�ำ้ เสือด้วยมือเปล่ามาหลาย ครั้งหลายคราแล้ว” “เสือตัวเมีย…โคตรดุ” ผมตอบด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ท่านนายพลกระโจนตะปบเหยือ่ “…ถ้าอย่างนัน้ หมายความว่าคุณ ตกลงจะไป” “ไม่…ไม่ครับ พูดตามตรงครับท่าน บางเรื่องบางราวก็เกินกว่ารับ ได้” ท่านนายพลถอนหายใจยาว ทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ มองหน้าผมผ่าน ปากขอบแก้ว ผมกลั้นยิ้ม ไม่ใส่ใจประกายตาว่างเปล่าที่จ้องหน้าผม ผม ทราบดีว่าท่านนายพลก�ำลังวางแผนขั้นต่อไป “โดเวอร์ โซล…ดีไหม? ฉันจะสั่งบริกรเลยนะ หาอะไรรองท้อง ก่อน” ท่านหันมาบอก ท่านนายพลสั่งปลาตัวแบนสองที่ เลาะก้างออก สั่งตามความ เคยชิน ผมพอจะกินอาหารในที่สาธารณะได้แล้ว ในอดีตเคยมีห้วงเวลา แห่งความอับอายยาวนาน เมื่อมือของผมเสียรูปจนใช้งานไม่ได้ เป็นแต่ ปลายรยางค์ไร้ประโยชน์ตดิ ทีป่ ลายแขน ผมซุกมือไว้ในกระเป๋าจนชิน และ แล้วมือข้างนั้นก็ถูกโจรทุบทิ้งแหลกละเอียด จนต้องตัดทิ้งกลายเป็นมือ เทียม ผมเดาเอาว่าชีวิตก็เป็นเช่นนั้น ได้มาแล้วสูญเสีย ได้มาแล้วสูญเสีย อีกครัง้ ถ้าพอจะกูอ้ ะไรคืนกลับมาได้…แม้จะเป็นเศษเสีย้ วของความนับถือ ตนเองก็ตามที ก็พอจะพาชีวิตให้เคลื่อนต่อไปข้างหน้าได้อีกครั้ง บริกรแจ้งว่าจะได้โต๊ะในอีกสิบนาทีข้างหน้า เดินจากไปด้วยปลาย คางเชิดสูง กอดเมนูแนบกับอกเสื้อสูทและเน็กไทไหม ชาร์ลสพลิกข้อมือ ดูเวลา สายตากวาดมองไปรอบห้องกว้างใหญ่ เงียบสงบ ซึง่ มีคนอีกหลาย คู่นั่งจิบเครื่องดื่มในอาร์มแชร์สีเนื้อ พูดคุยเพื่อสะสางปัญหาในโลกของตน 20
“บ่ายนี้ คุณจะไปที่เคมป์ตันไหม?” ท่านนายพลสอบถาม ผมผงกศีรษะรับ “ม้าเที่ยวแรกแข่งบ่ายสองสามสิบ” “ตอนนี้คุณรับงานอะไรไว้หรือเปล่า?” ค�ำถามนั้นชวนคุยปูทางไป สู่เรื่องอื่น ไม่ได้สนใจค�ำตอบแท้จริง “ยังไงผมก็ไม่ไปทีเ่ อียนสฟอร์ด” ผมตอบรับ “…ถ้าเจนนีอยูท่ นี่ นั่ ” ท่านนายพลนิ่งไปครู่เดียว “ฉันอยากให้คุณไปที่นั่น, ซิด” ผมจ้องหน้าท่าน สายตาของท่านนายพลมองตามบริกรที่ถือเครื่อง ดืม่ เดินไปมุมห้องอีกฟาก ดูเหมือนท่านนายพลจะใช้เวลาคิดประโยคใหม่ นานเกินไปแล้ว ท่านกระแอม พูดออกมาเหมือนเล่าเรื่องให้ตนเองฟัง “เจนนีทุ่ม เงินก้อนโต…และชื่อของตนเองให้องค์กรธุรกิจแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะ เป็นธุรกิจหลอกลวงประชาชน” “เธอท�ำอะไรนะ?” ท่านนายพลหันขวับมาหาผมด้วยอัตราเร็วอันน่าทึง่ ผมขัดท่านก่อน ที่ท่านจะได้อ้าปาก “ไม่…” ผมยืนยันหนักแน่น “…ไม่เด็ดขาด ถ้าท�ำเช่นนั้น ก็อยู่ใน เขตรับผิดชอบของท่านที่จะสะสางเอง” “ชื่อนามสกุลที่ใช้เป็นชื่อของคุณ…เจนนี เฮลลีย์” ผมรูส้ กึ ว่ากับดักบีบรัดเข้ามาทุกทีแล้ว ท่านนายพลถอนหายใจยาว ประหนึ่งว่าจะปลดปล่อยความอึดอัดกังวลให้พ้นอกได้แล้ว ท่านนายพล ช�ำนาญคล่องแคล่วเหลือเกิน ผมคิดในใจ ในการเกีย่ วเบ็ดลากคอผมเข้าไป ในวังวน “เธอไปคบเพือ่ นชาย…” ท่านนายพลเล่าต่อด้วยเสียงราบเรียบ “… ฉันเองก็ไม่ได้ชอบขี้หน้าเจ้าหมอนี่ ซึ่งก็เป็นแบบเดียวกับคุณ ฉันเองก็ไม่ ได้ชอบขี้หน้าคุณในตอนแรก เมื่อเวลาผ่านมา ฉันก็พบว่าการด่วนตัดสิน ใจลงความเห็นไม่ใคร่จะถูกต้องนัก ฉันเลิกเชื่อถือความประทับใจครั้งแรก 21
ของฉันไปแล้ว” ผมหยิบถั่วลิสงเข้าปาก ท่านนายพลไม่ชอบผมเนื่องเพราะผมเป็น จ๊อกกี้ อาชีพต�่ำต้อยที่ไม่เหมาะควรกับลูกสาวสายเลือดพันธุ์แท้ของท่าน ผมเองก็เกลียดขี้หน้าท่านนายพลด้วยความเข้มข้นดุจกัน พวกปลายคาง เชิด เย่อหยิ่ง มองไม่เห็นหัวคนอื่น เรื่องนี้ก็แปลกพิลึก เพราะขณะนี้ ท่านนายพลน่าจะเป็นมนุษย์คนเดียวที่ผมเคารพที่สุดในโลก ท่านนายพลกล่าวต่อ “ชายคนนี้หว่านล้อมให้เจนนีท�ำธุรกิจสั่งซื้อ สินค้าทางไปรษณีย์ ธุรกิจที่ท�ำก�ำไรได้มหาศาล ธุรกิจน่านับถือ…อย่าง น้อยหน้าฉากก็เข้าท่า การอุทิศตัวน่าชมเชยเพื่อหารายได้เข้าองค์กรการ กุศล คุณก็พอจะเห็นภาพ ใช่ไหม เช่น การขายการ์ดคริสต์มาส คราว นี้เป็นเรื่องการขายขี้ผงึ้ ขัดเครื่องเรือนโบราณ ส่งหนังสือไปเชื้อเชิญให้ผู้คน ซือ้ ขีผ้ งึ้ ขัดเครือ่ งเรือนโบราณในราคาแพง คนซือ้ ยอมจ่ายเงิน เพราะรูด้ วี า่ เงินก�ำไรเกือบทั้งหมด จะน�ำเข้าการกุศล” ท่านนายพลเงยหน้ามองผม ผมนิ่งรอคอย ไม่เหลือความหวังมาก นักที่หลุดรอดไปจากบ่วงรัดคอ “ค� ำ สั่ ง ซื้ อ ไหลเข้ า มาเป็ น สาย…แน่ น อนที่ สุ ด เงิ น ก็ ไ หลเข้ า มา มหาศาล เจนนีกับเพื่อนหญิงวุ่นอยู่กับการบรรจุหีบห่อ และส่งขี้ผึ้งขัด เครื่องเรือนโบราณไปให้ลูกค้า” “…ซึ่งเจนนีต้องจ่ายเงินก้อนโต ซื้อมาตุนไว้ล่วงหน้า” ผมเสริมต่อ ชาร์ลสถอนหายใจยาว “คุณไม่ต้องการข้อมูลมากเลยนะ, ซิด” “แล้วเจนนีก็ต้องจ่ายค่าท�ำแผ่นพับ ค่าบรรจุหีบห่อ แล้วก็ค่าส่ง พัสดุ” ผมเติมข้อมูลให้ ท่านนายพลผงกศีรษะรับ “เช็กทีส่ ง่ มาพร้อมกับใบสัง่ ซือ้ เจนนีฝาก เข้าในบัญชีชื่อองค์กรการกุศล เงินในบัญชีถูกถอนไปหมด ไอ้หนุ่มคนนั้น หายหัว…และองค์กรการกุศลชื่อดังกล่าว ไม่เคยมีอยู่ในโลก” ผมเบิ่งตาค้าง จ้องใบหน้าท่านนายพล 22
“สถานะของเจนนีล่ะ?” ผมกลั้นใจถาม “สาหัส ฉันกลัวว่าจะสาหัส มีข่าวจะฟ้องร้องด�ำเนินคดี ชื่อของ เธออยู่บนเอกสารทุกฉบับ ไม่มีชื่อไอ้หนุ่มคนนั้นเลย” ท่านนายพลจ้องมองความเงียบสงัดของผม คงมองเห็นสีหน้าพิกล ของผม ท่านผงกศีรษะเชือ่ งช้าด้วยความเห็นใจ “เจนนีทำ� อะไรโง่ๆ อย่าง ไม่น่าเชื่อ” “ท่านไม่มีโอกาสห้ามหรือเตือนเธอบ้างเลยหรือ?” ท่านนายพลส่ายหน้าช้า ๆ “ฉันไม่รู้เรื่องนี้จนกระทั่งเธอมาเอียน สฟอร์ดเมื่อวานนี้ หน้าตาเป็นทุกข์เป็นร้อน เธอจัดการเรื่องนี้เองทั้งหมด ตั้งแต่เธอย้ายไปอยู่แฟลตในออกซฟอร์ด” เรารับประทานอาหารหลางวันเงียบ ๆ ผมมานึกได้ในภายหลังว่า ไม่ได้รสชาติปลาโซลแม้แต่น้อยนิด “ไอ้หนุ่มคนนั้นชื่อว่า นิโคลาส แอช” ท่านนายพลกล่าวในตอน ที่ยกกาแฟขึ้นจิบ “คงไม่ใช่ชื่อจริง แต่ก็เป็นชื่อที่บอกเจนนีไว้” ท่านนาย พลนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะพูดต่อ “…ทนายความของฉันบอกว่าถ้าหาตัวเจ้า หมอนี่ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี” ผมขับรถไปเคมป์ตันด้วยสายตาของการท�ำงานของมัดกล้ามเนื้ง นักบินอัตโนมัติ ในหัวครุ่นคิดเรื่องของเจนนี การหย่าร้างแทบจะไม่มีผลอะไรเลย ไม่เปลี่ยนอะไร เป็นแต่เพียง เส้นสมมติขีดแบ่งตามกฎหมายเท่านั้นเอง การยื่นคดีต่อศาล (เราทั้งสอง ไม่ได้ไปร่วมฟังการพิจารณาคดี)เป็นแต่เพียงการประทับตราตามกฎเกณฑ์ ของกฎหมาย ไม่มีทายาทให้แย่งชิง ไม่มีการเรียกร้องเงินเลี้ยงดู ไม่มี การปลอบประโลมให้คืนดีกัน ศาลอนุญาตตามค�ำร้อง ส่งคดีใหม่เข้ามา พิจารณาได้เลย การหย่าร้างไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดปิดประโยคเด็ดขาด เป็นแต่เพียงการเว้นวรรคในชีวิตเท่านั้น สถานะทางกฎหมายไม่ได้เฉียด 23
ใกล้การเฉลิมฉลอง การประกาศเสรีภาพ กระบวนการการฟื้นฟูจิตใจบอบช�้ำด�ำเนินไปอย่างเชื่องช้ายาวนาน ใบหย่าเป็นแค่เพียงแอสไพริน กาลครัง้ หนึง่ เราเคยโผเข้าหากัน กอดรัดกันด้วยความรักใคร่รอ้ นแรง มาบัดนี้ หากได้เจอกัน จะมีก็แต่การกางกรงเล็บแสยะเขี้ยว ผมใช้เวลา แปดปีเต็มๆ หลงรัก สูญเสีย และโหยหาเจนนี แม้ผมจะหวังว่าอารมณ์ ผูกพันต่อกันน่าจะดับมอดเหือดหาย ก็คงได้แต่หวังเท่านั้น วันเวลาแห่ง ความเฉยชายังมาไม่ถึง ยังคงต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปี ถ้าผมช่วยเหลือดึงเธอให้รอดพ้นปลักแห่งปัญหา เธอก็คงพร้อมที่จะ ขย�้ำผมจมเขี้ยว แต่ถ้าผมไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ คมมีดนั้นก็คงหันมา เชือดตัวผมเอง ท�ำไมนะ ท�ำไม ผมคิดในใจ ท�ำไมอีหนูตัวแสบถึงได้ท�ำ อะไรโง่ ๆ พรรค์นั้น สนามม้าเคมป์ตนั วันธรรมดา เดือนเมษายน มีคนไม่หนาตานัก ผม คิดเหมือนกับทุกคราวทีเ่ ดินทางมาสนามม้าว่า ท�ำไมสนามม้าในอังกฤษต้อง มาชุมนุมกันอยู่ในละแวกลอนดอน คนเมืองมาสนามม้าเพื่อเล่นการพนัน ไม่ใช่เดินทางมาดูมา้ แข่งและอากาศบริสทุ ธิ์ เบอร์มงิ แฮมและแมนเชสเตอร์ ในอดีต เสียสนามม้าไปเพราะผู้คนพร้อมใจกันหันหลังให้ ลิเวอร์พูลรอด อยู่ได้เพราะจัดการแข่งขันแกรนด์ เนชั่นแนล หากจะดูสนามม้าที่มีผู้คน ยัดเยียด เบียดเสียดกันจนไม่มีตั๋วจะขาย ก็ต้องออกไปดูสนามในชนบท ไม้ใหญ่พุ่มดกหนา ก�ำเนิดจากรากเก่าและแก่เสมอ นอกห้องชัง่ น�ำ้ หนัก ก็ยงั มีใบหน้าของคนคุน้ ตา พูดคุยกันด้วยเนือ้ หา เดิมทีไ่ ม่เคยเปลีย่ นเลยในช่วงหลายศตวรรษทีผ่ า่ นมา ใครจะขีต่ วั ไหน ใคร จะเข้าวิน น่าจะมีการแก้กฎการแข่งขัน ใครคนนั้นกล่าวถึงม้าที่พลาด รางวัลว่าอย่างไร ดูเหมือนว่าวงการม้าแข่งไม่เหลืออนาคตอีกแล้ว คุณเคย ได้ยินไหมว่าเจ้าของคอกนั้นทิ้งภรรยาไปแล้ว เรื่องลามกหยาบคาย การ 24
คุยโตโอ้อวด ตลอดไปจนถึงการโกหกหน้าด้านๆ คนกลุ่มนั้นเดินขวักไขว่ ปะปนกัน มีทั้งเกียรติยศและความหยาบช้า หลักการปะปนอยู่กันความ ยอกย้อนซ่อนเล่ห์ ผู้คนที่พร้อมจะติดสินบนกับคนที่พร้อมจะแบมือรับ พวกเฝ้าฝัน พวกฝันแสนหวานที่น่าสงสารกับพวกที่ประสบความส�ำเร็จ เสียงดังป่าเถื่อนท้ารบ พวกพลาดหวังที่ลนลานหาข้อแก้ตัวมากลบเกลื่อน พวกที่ประสบความส�ำเร็จซ่อนความวิตกกังวลไว้ในดวงตา ภาพเช่นนี้เกิด ขึ้นมานานแสนนาน ด�ำรงอยู่ในปัจจุบัน และจะด�ำเนินต่อไปตราบเท่าที่ ยังมีการแข่งม้า ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะมายืนอยู่หน้าห้องชั่งน�ำ้ หนัก แม้จะไม่เคยมีใครมา ขับไล่ไสส่ง ผมอยู่ในโลกสีเทาของอดีตจ๊อกกี้…ห้ามขาดการย่างเท้าเข้าไป ในห้องชั่งน�้ำหนัก แต่ก็ปะปนอยู่ในกิจกรรมอื่นๆ ได้เต็มที่ สิทธิของการ เป็นคน “วงใน” สิน้ สุดไปตัง้ แต่วนั ทีม่ า้ ครึง่ ตัน ทิง้ กีบเท้าลงบนมือข้างซ้าย ของผม ผมยังดีใจทีย่ งั เป็นส่วนหนึง่ ของพีน่ อ้ งวงการแข่งม้า แม้ความเสียใจ ทีไ่ ม่มโี อกาสขึน้ นัง่ บนหลังม้าแข่งอีกต่อไปแล้ว จะเป็นความเจ็บลึกทีเ่ ฝ้ากัด กินใจ อดีตแชมป์คนหนึง่ บอกผมว่า เขาต้องใช้เวลานานถึงยีส่ บิ ปี ก่อนจะ ขจัดความอยากขับขี่ให้หมดไปได้ ผมไม่อยากกล่าวค�ำขอบคุณด้วยซ�้ำไป จอร์จ คาสเปอร์อยูท่ นี่ นั่ พูดคุยกับจ๊อกกี้ เขาส่งม้าลงแข่งสามเทีย่ ว โรสแมรียืนอยู่ข้างกาย ร่างของเธอกระตุก รีบหันหลังให้ผมทันทีเมื่อผม เดินเข้ามาใกล้ในระยะสิบก้าว ผมมองเห็นอาการสัน่ เทิม้ ของเธอ แสงแดด ยามบ่ายส่องให้เห็นโรสแมรีทที่ กุ คนรูจ้ กั โอ่อา่ หรูหรา เสือ้ ขนมิงก์สำ� หรับ อากาศเย็นยะเยือก รองเท้าบู๊ตมันปลาบ และหมวกก�ำมะหยี่ ถ้าเธอคิด ว่า ผมจะเดินเข้าไปคุยกับเธอ เธอก็คิดผิดแล้ว มีมือมาแตะที่ข้อศอก เสียงทุ้มนุ่มนวลดังข้างหู “ขอคุยสักเดี๋ยว, ซิด” ผมยิ้มก่อนจะหันหน้ามาหา ลอร์ดไฟรอาร์ลีย์ เอิร์ล เจ้าของที่ดิน คนดีที่ยังเหลืออยู่ไม่กี่คน ผมเคยขี่ม้าของท่านหลายวาระ ท่านลอร์ดงาม 25
สง่า อายุราวหกสิบ มารยาทไม่ที่ติ จริงใจ หัวแข็งยืนยันความเพี้ยนของ ตนเต็มที่ และฉลาดกว่าที่ทุกคนคิด การพูดติดอ่างในบางครั้ง ซึ่งมิใช่ ความบกพร่องในการพูด หากแต่เป็นความนอบน้อมถ่อมตัว ลดตัวลงให้ เสมอภาคกับคนเดินดินคนอื่น ๆ ในโลก ช่วงหลายที่ผ่านมา ผมเคยพักแรมค้างคืนในคฤหาสน์ของท่านใน ชรอปเชียร์ ส่วนใหญ่จะเป็นการค้างคืนในการเดินทางไปแข่งม้าทางตอน เหนือ เคยเดินทางร่วมกับท่านยาวไกลจนไม่อาจนับกิโลเมตรได้ในรถยนต์ คันเก่า ความเก่าแก่ของรถยนต์ มิใช่การสร้างฉากให้ผู้คนประจักษ์ถึง ความสมถะมักน้อย หากแต่เป็นการประหยัด ไม่ยอมเสียเงินไปกับสิ่ง เปลืองเปล่าไร้สาระ สาระในความหมายท่านลอร์ด อยู่ที่การบ�ำรุงรักษา คฤหาสน์ไฟรอาร์ลีย์ และการสะสมม้าแข่งในคอกให้มากที่สุดที่จะเป็นได้ “ยินดีที่ได้พบท่าน” “ฉันบอกกี่ครั้งแล้ว บอกให้เรียกฉันว่าฟิลิป” “ครับท่าน…ขออภัย” “ฟังนะ ฉันอยากจะให้คุณช่วยอะไรสักอย่าง ฉันได้ยินมาว่าคุณมี ฝีมอื ในการสืบสวน ทีจ่ ริง ฉันก็ไม่ประหลาดใจนัก ฉันรับฟังความเห็นทุก เรื่องของคุณอยู่แล้ว คุณเองก็รู้” “เต็มใจครับถ้าผมช่วยอะไรได้บ้าง” “ฉันรู้สึกว่าฉันโดนหลอก คุณก็ทราบดีว่าเอาม้ามาล่อเมื่อไหร่ ฉัน กระโจนงับเหยื่อทันที ฉันอยากเห็นม้าของฉันลงวิ่งแข่ง ยิ่งมีมาก ก็ยิ่ง มีความสุข เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ฉันลงทะเบียนเป็นเจ้าของร่วม…คุณก็รู้ ใช่ไหม? ม้าองค์กรการเฉลี่ยค่าใช้จ่ายระหว่างเจ้าของอีกแปดคน สิบคน เพียงแต่ว่าม้าลงแข่งในชื่อของฉัน ใช้สีคอกของฉัน” “ครับท่าน ผมสังเกตเห็นเหมือนกัน” “เอ้อ…ฉันไม่รจู้ กั เจ้าของรายอืน่ ไม่รจู้ กั กันเป็นการส่วนตัว มีองค์กร กลางรับหน้าทีจ่ ดั การ หาคนซือ้ มาพบกับสักสิบคน รวมทุนกันซือ้ ม้าสักตัว” 26
ผมผงกศีรษะรับ เคยมีหลายกรณีที่องค์กรกลางซื้อม้ามาในราคาถูก บวกราคาเพิ่มสี่เท่า ห้าเท่า น�ำม้าราคาแพงไปขายให้เจ้าของร่วม ก�ำไร งาม แต่ก็ยังไม่มีข้อกฎหมายใดเอาผิดได้ “ม้าที่ซื้อมา ฝีเท้าไม่สมกับตัว” ท่านลอร์ดโพล่งออกมาดื้อๆ “… ฉันคิดว่าพวกองค์กรกลางจะต้องมีใครสักคนแอบไปท�ำให้ม้าฝีเท้าตก คุณ พอจะสืบเรื่องนี้ให้หน่อยได้ไหม? เงียบๆ นะ อย่าให้กระโตกกระตาก” “ผมจะพยายามครับ” “ดีเลย…” ใบหน้าของท่านลอร์ดแช่มชื่นขึ้นมาทันที “…ฉันเชื่อ อยู่แล้วว่าคุณจะรับท�ำงานเรื่องนี้ให้ ฉันเตรียมชื่อมาให้แล้ว ชื่อเจ้าของ ร่วม ชื่อองค์กรกลาง” ท่านดึงแผ่นกระดาษพับออกจากกระเป๋าเสื้อ คลี่ กระดาษกางอ้า “นีไ่ ง…ม้าสีม่ า้ ทุกตัวลงทะเบียนกับจ๊อกกีค้ ลับ ทุกอย่าง ถูกต้องตามข้อก�ำหนด มีการท�ำบัญชีโดยละเอียด ดูแค่ในกระดาษก็ไม่มี อะไรผิด ให้ตายเหอะ, ซิด ฉันไม่มีความสุขเลย” “ผมจะดูให้ครับ” ผมรับปาก เขาขอบคุณผมไม่ขาดปาก กล่าว ขอบคุณด้วยน�้ำใสใจจริง อีกไม่กี่นาทีถัดมา ท่านลอร์ดไปยืนคุยกับจอร์จ และโรสแมรี ไกลออกไป บ็อบบี อันวินถือสมุดพกและดินสอกระชับในมือ เขม้น จ้องคนฝึกม้าฝีมอื ระดับกลางด้วยสีหน้าถมึงทึง เสียงเครียดกร้าว เสียงดัง จนคนรอบข้างหันไปมอง ท่วงท�ำนองคาดคั้นเจาะลึกเหมือนผู้สื่อข่าวทีวี “คุณกล้ายืนยันได้เต็มปากไหมว่าคุณพอใจกับการวิ่งของม้าของคุณ?” ผู้ ฝึกม้าเหลียวซ้ายมองขวาคล้ายจะหาทางวิ่งหนีไปจากที่นั่น ยืนขยับกระ สับกระส่าย ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ผู้ฝึกม้าอยากจะคุยกับอันวินเพื่อการ โฆษณา ข้อเขียนของอันวินเสียดเย้ยก้าวร้าวพอ ๆ กับการคุกคามซึง่ หน้า ในยามพูดคุยกัน บ็อบบี อันวิน เขียนบทความเร้าใจมีสีสัน ผู้คนทั่วไป ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แต่ทว่า ผูค้ นในวงการแข่งม้า ลงความเห็นเป็น เอกฉันท์รงั เกียจข้อเขียนประเภทนี้ ระหว่างอันวินกับผม ดูเหมือนจะมีการ 27
หย่าศึกอย่างไม่เป็นทางการนานหลายปี ซึง่ ในทางปฏิบตั แิ ล้ว หมายความ ว่า จะมีคำ� ว่า “ไอ้โง่” และ “ตาบอด” เหลือเพียงอย่างละสองในแต่ละ ย่อหน้า ในบทความวิจารณ์การขี่ม้าเที่ยวที่ผมไม่ได้เข้าวิน หลังจากที่ผม ไม่ได้ขี่ม้าอีกต่อไปแล้ว ผมก็ไม่นับเป็นเป้าให้เขาโจมตี ความสัมพันธ์ของ เราเปลี่ยนเป็นการพูดคุยกันบ่อยครั้งขึ้น การพูดคุยในลักษณะหากมีแผล แห้ง ก็จะไม่เว้นที่จะแกะสะเก็ดแผล ทางหางตา ผมเห็นอันวินปล่อยคนฝึกม้าให้พ้นจากการคุกคาม เขา เดินตรงมาหาผม ชายร่างสูง จมูกงุ้ม อายุราวสี่สิบ หน้าตาบู้บี้ประหนึ่ง ผ่านการรบโชกโชนในท้องถนน…นักรบข้างถนนจากเมืองแบรดฟอร์ด แวว ตาขุ่นขวางของเขาประกาศศักดาไม่ให้ให้คนรอบข้างลืมเลือนข้อเท็จจริง เรื่องนี้ เราสองคนมีส่วนคล้ายกัน ผมเองก็เติบโตมาจากข้างถนนกลาง ดงสลัม แต่ทว่า อารมณ์เครียดกร้าวไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมในสังคม มากนัก อันวินจะดับเครือ่ งชนชะตากรรมทุกอย่างในขณะทีผ่ มตอบรับด้วย ความนิ่งเฉย ดังนั้น เขาก็มักจะเป็นผู้เล่าเรื่อง ผมเป็นผู้ฟัง “วารสารอยู่ในห้องนักข่าว แกต้องการเอามาท�ำอะไร?” “ก็แค่สนใจ” “ไม่เอาน่า…แกก�ำลังท�ำงานอะไรอยู่?” อันวินเหลือกตามถาม “แล้วคุณจะเล่าเรือ่ งบทสัมภาษณ์พเิ ศษชิน้ ใหม่ให้ผมฟังล่วงหน้าหรือ เปล่าล่ะ?” “เออดี ค�ำแย้งรับฟังได้ ถ้าอย่างนัน้ ฉันจะได้แชมเปญหนึง่ ขวดใน สโมสร หลังการแข่งม้าเที่ยวแรก ตกลงนะ” “แถมด้วยแซนด์วชิ แซลมอนรมควัน ถ้ามีขอ้ มูลเบือ้ งลึกทีไ่ ม่ผา่ นการ พิจารณาจนลงตีพิมพ์” อัลวินยิ้มฉีกจนถึงข้างหู ท�ำไมจะไม่ได้เล่า? เมื่อถึงเวลานัดหมาย อันวินปฏิบัติตามสัญญาอย่างว่าง่าย “ว่ามาเลย รับรองคุ้มค่า” อันวินเคี้ยวแซนด์วิช มืออีกข้างวางทับ 28
ปกป้องขวดหุม้ กระดาษฟอยล์สที อง วางในถังน�ำ้ แข็งข้างโต๊ะ “…ต้องการ รู้อะไร?” “คุณไปทีน่ วิ มาร์เก็ต ไปเยีย่ มคอกม้าของจอร์จ คาสเปอร์ สัมภาษณ์ มาเขียนบทความ” ผมชี้ไปยังวารสารสีสวย วางพับตามยาวบนโต๊ะ “ใช่” “เล่าเรื่องที่ไม่ได้ตีพิมพ์ให้ฟังหน่อยสิ” กรามขบเคี้ยวชะงักค้าง “ด้านไหน?” “ความเห็นส่วนตัวของคุณ มุมมองที่มีต่อจอร์จ คาสเปอร์” อันวินเคี้ยวต่อไป เสียงหลุดลอดออกมาผ่านเกล็ดขนมปัง “ส่วน ใหญ่ก็เขียนไว้หมดแล้ว” เขาเหลือบไปทางวารสารบนโต๊ะ “…เขารู้ว่าม้า จะพร้อมเมื่อไหร่ รู้ว่าควรส่งม้าลงแข่งเที่ยวไหน เหมาะกับสภาพสนาม แบบไหน รู้มากกว่าคนฝึกม้าคนอื่นๆ ที่ฉันเคยคุยด้วย จอร์จมีความรู้สึก ต่อผู้คนรอบข้างเท่ากับก้อนหิน เขารู้จักชื่อและสายพันธุ์ของม้าทุกตัวใน คอก…ทั้งร้อยยี่สิบกว่าตัว จ�ำได้แม้แต่ก้นม้าที่เดินห่างออกไปในสายฝน เหลือเชื่อจริง ๆ แต่ถ้าเป็นคนเลี้ยงม้า ซึ่งก็มีอยู่ราวสี่สิบคน จอร์จเรียก พวกนั้นด้วยชื่อเดียวว่า ทอมมี เพราะแยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นใคร” “คนเลี้ยงม้ามาแล้วก็ไป” ผมให้ความเห็น “ม้าก็เหมือนกันละนะ ตัวนี้มา ตัวนี้ไป เพียงแต่ว่าจอร์จไม่แยแส คนด้วยกัน” “ผู้หญิงก็ไม่แยแส?” ผมแหย่ “คนละเรื่อง จอร์จใช้ผู้หญิงเปลือง แต่ก็พนันได้เลยว่าตอนที่กระดึ๊ บกระดึ๊บกันอยู่ มันจะต้องคิดถึงเรื่องการส่งม้าลงแข่งในวันถัดมา” “แล้วโรสแมรี…เธอคิดกับเรื่องพวกนี้ยังไง?” ผมรินแชมเปญเติมแก้วของเขา จิบแก้วของผมเอง อันวินกลืน แซนด์วิชค�ำท้ายสุดลงคอ เลียเศษขนมปังบนปลายนิ้ว “โรสแมรี…ใกล้เสียสติอยู่รอมร่อแล้ว” 29
“วันวานเธอก็ยังดีอยู่…วันนี้หน้าตาก็ยิ้มระรื่น” “ก็ไม่แปลก ถ้าอยูใ่ นสายตาสาธารณชน เธอก็เล่นบทคุณหญิงสูงส่ง ได้ แต่ถ้าเดินเข้าเดินออกบ้านหลังนั้นสามวันเต็มๆ ก็ต้องได้ยินกับหูเอง ถึงจะซึ้ง” “เช่น?” “โรสแมรีกรีดร้องโวยวาย กล่าวหาว่าจอร์จไม่มีหน่วยรักษาความ ปลอดภัยมากพอ จอร์จสั่งให้เธอหุบปาก โรสแมรีเกิดความคิดฟั่นเฟือน ไปว่าม้าบางตัวในคอกมีคนแอบมาเล่นตลก ในอดีต ฉันก็คิดว่าเธอคิดไม่ ผิด คอกม้าขนาดใหญ่ขนาดนั้น มีแต่ม้าชั้นน�ำ ท�ำไมจะไม่มีคนชั่วสัก คนแอบมาวางยา จะได้แทงม้าตัวอื่นได้สนิทใจหน่อย แต่ว่า…” อันวิน กระดกแก้ว เอียงขวดปล่อยให้ฟองเดือดปุดหลั่งรินเติมใหม่ลงไปในแก้ว “…มีวันหนึ่ง เธอดึงเสื้อฉันในห้องโถง…ห้องโถงกว้างใหญ่ขนาดโรงนาเลย ละ ดึงเสือ้ โค้ตเลยนะ เธอบอกว่าฉันน่าจะแฉเรือ่ งกลีนเนอร์กบั ซิงกาลู ม้า สองม้าน่าจะโดนวางยา แกจ�ำได้ไหม? ม้าสองขวบที่ไม่พัฒนาฝีเท้าขึ้นได้ เลย จอร์จโผล่ออกมาจากห้องท�ำงาน บอกฉันว่าเธอใกล้จะเสียสติเต็มที แล้ว เธอทนรับความเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตไม่ได้ นั่นเลย สองคนเถียง กันหน้าด�ำหน้าแดงต่อหน้าของฉัน “ อันวินสูดลมหายใจไปพร้อมกับการ กระเดือกแชมเปญค�ำโต “…เรือ่ งน่าตลกนะ ฉันคิดว่าเขาสองคนรักกันมาก รักเท่ากับรักคนอื่น ๆ รอบข้าง” ผมเลียลิ้นไล่ไปบนราวฟัน รับฟังเรื่องที่เขาเล่าประหนึ่งว่าเป็นเรื่อง ธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสนใจ ตาลอยเหมือนกับว่าก�ำลังครุ่นคิดถึงเรื่องอื่น ปากก็ถามไปว่า “จอร์จพูดว่าอย่างไร เรื่องกลีนเนอร์กับซิงกาลู?” “จอร์จเชือ่ ว่าฉันคงไม่ใส่ใจฟังเรือ่ งเล่าของโรสแมรี เขาบอกว่าเธอชัก จะเพีย้ น เธอเป็นห่วงเป็นเป็นใยว่าจะมีใครมาลอบวางยาไตร-ไนโตร ก็คง เป็นอาการของวัยทองกระมัง ผูห้ ญิงวัยขนาดนีม้ กั จะมีอาการแปลกๆ เขา บอกอย่างนัน้ เขายืนยันกับฉันว่าการรักษาความปลอดภัยรอบตัวไตร-ไนโตร 30
เพิ่มขึน้ เป็นสองเท่า เท่าทีเ่ ขาคิดว่าจ�ำเป็น เพิ่มขึน้ เพราะเธอเฝ้าเซ้าซี้กวน ประสาท เมื่อฤดูกาลแข่งขันปีใหม่เริ่มขึ้น ก็จะมียามและสุนัขเดินลาด ตระเวนทั้งคืนเพิ่มขึ้นอีก จอร์จยืนยันว่าโรสแมรีผิดเอง ไม่มีใครไปวางยา กลีนเนอร์กับซิงกาลู แต่โรสแมรีดูเหมือนจะฝังใจกับเรื่องนี้ เขาพร้อมจะ เล่นละครด้วยเพื่อไม่ให้เธอเสียสติไปจริงๆ จังๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าม้าทั้ง สองม้าจะมีอาการลิ้นหัวใจรั่ว ซึ่งก็ท�ำให้ฝีเท้าตกเมื่อโตขึ้น และมีน�้ำหนัก ตัวเพิ่มขึ้น นี่คือเรื่องราวทั้งหมด จบแค่นั้น…ไม่มีแง่มุมพอจะเขียนเป็น บทความได้” อันวินกระดกแก้ว รินเติมใหม่จนปริ่มอีกครั้ง “…ซิด มี เรื่องอะไรที่แกอยากรู้จริงๆ เกี่ยวกับจอร์จ คาสเปอร์?” “เอ้อ…เขากลัวอะไรหรือเปล่า?” “จอร์จน่ะหรือ?” อันวินย้อนถามด้วยความประหลาดใจ “…เรื่อง ประเภทไหน?” “เรื่องอะไรก็ได้” “ในช่วงที่ฉันอยู่ที่นั่น ฉันกล้ารับประกันได้เลยว่า จอร์จกลัวพอๆ กับก้อนอิฐทั้งตัน” “แล้วไม่กังวลบ้างหรือ?” “ไม่มีแม้สักนิด” “เครียด?” อันวินยักไหล่ “…ก็เครียดใส่เมียตัวเองเท่านั้น” “ตอนที่ไปที่นั่น นานแค่ไหนแล้ว?” อันวินตาลอย เงยหน้ามองเพดาน “โอ…หลังคริสต์มาสนะ ใช่แล้ว สัปดาห์ทสี่ องของเดือนมกราคม เราต้องท�ำบทความล่วงหน้าหลายเดือน” “ในตอนนั้น คุณไม่คิดหรือว่า…” ผมพูดช้า ๆ ท�ำเสียงให้ดูเหมือน ผิดหวัง “…จอร์จอยากจะได้หน่วยรักษาความปลอดภัยรอบตัวไตร-ไนโตร เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม?” “นีห่ รือทีแ่ กต้องการ?…” อันวินแยกเขีย้ ว ยิม้ เจ้าเล่ห์ “…ไม่มที างว่ะ 31
ซิด เพือ่ นรัก อยากไปหางานท�ำทีน่ นั่ ก็ตอ้ งไปทีค่ อกอืน่ ทีเ่ ล็กกว่า จอร์จ จัดการเสริมปราการแกร่งรอบคอกม้า ก�ำแพงอิฐสูงลิบ กัน้ โดยรอบ ประตู ด้านหน้าสูงสิบฟุต ประตูสองชัน้ แถมมีลวดหนามขึงเหนือประตูอกี แน่ะ” ผมผงกศีรษะรับ “เออ ใช่ ผมเคยเห็น” “งัน้ ก็คงหมดแล้วกระมัง” อันวินยักไหล่ประหนึง่ ว่าปิดคดีได้หมดจด แล้ว มีจอโทรทัศน์วงจรปิดในบาร์เหล้าทุกห้องในเคมป์ตัน จัดเตรียมไว้ ให้นักดื่มคอทองแดงที่ไม่อาจพรากจากขวดได้ติดตามความคืบหน้าของ การแข่งขัน ผมกับอันวินหันไปหาจอ รับชมการแข่งขันเที่ยวที่สอง ม้าที่ วิ่งน�ำเข้าวิน ทิ้งกลุ่มม้าไว้ข้างหลังถึงหกช่วงตัว ม้าของจอร์จ คาสเปอร์ ในขณะที่อันวินเพ่งจ้องน�้ำอมฤตอีกสองนิ้วในขวด จอร์จเดินเข้ามาในบาร์ เหล้า เยื้องไปข้างหลังเป็นชายในเสื้อโค้ตสีอูฐ หน้าตายิ้มย่องผ่องใส ยิ้ม เปื้อนหน้าพร้อมจะเลี้ยงเหล้าทุกผู้ทุกคนในบาร์เหล้า “จัดการเลยอันวิน” ผมเสนอแนะ “แกไม่ต้องการหรือ?” “ยกให้เลย” บ็อบบี อันวินไม่แย้งสักค�ำ รินทีเ่ หลือลงแก้ว กระดกลงคอรวดเดียว ตามด้วยเสียงเรอสุดเดช “ไปละ…หาเรือ่ งเขียนม้าหนุม่ เทีย่ วทีส่ าม อย่าได้ ไปฟ้องบรรณาธิการว่าฉันนั่งดูม้าแข่งเที่ยวที่สองในบาร์เหล้าละ เดี๋ยวโดน ซองขาว” ไม่จริงเลย อันวินดูการแข่งขันม้าในบาร์เหล้า แทบจะเรียกได้ ว่าเป็นประจ�ำเลยทีเดียว “แล้วเจอกัน ซิด ขอบคุณส�ำหรับเครื่องดื่ม” บ็อบบี อันวินเดินด้วยฝีเท้ามั่นคงตรงไปยังทางออก ไม่มีวี่แววว่า เพิ่งเติมแชมเปญเจ็ดในแปดของขวดลงท้องในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เป็น แค่อุ่นเครื่อง แค่การปูพื้นเรียกน�ำ้ ย่อย ความจุในการดื่มของอันวินเรียก ได้ว่าไม่จ�ำกัด ผมสอดวารสารสีสวยของอันวินลงกระเป๋า เดินตามออกประตู 32
บาร์เหล้า ครุ่นคิดถึงเรื่องที่อันวินเล่าให้ฟัง เมื่อเดินผ่านจอร์จ คาสเปอร์ ผมค้อมศีรษะให้ “ท�ำได้ดี” การทักทายสุดสุภาพในสถานการณ์เช่นนั้น เขาค้อมศีรษะรับ “…ซิด” การสันถวะทางสังคมถูกต้องครบถ้วน ผม เดินตรงไปยังประตู “ซิด…” เขาเรียกไล่หลัง เพิ่มความดังของเสียงขึ้น ผมหันกลับเขากวักมือเรียก ผมเดินกลับมา “อยากให้รู้จักเทรเวอร์ ดีนสเกต” ผมยื่นมือไปสัมผัสมือที่ยื่นมาทักทาย ข้อมือเสื้อเชิร์ตขาวสะอ้าน กระดุมข้อมมือทองค�ำ ผิวหลังมือซีดขาว ฝ่ามือชื้นเล็กน้อย เล็บตัดเล็ม กลมมน แหวนทองหัวแก้วควอร์ซสีเทาบนนิ้วก้อย “ม้าของคุณเข้าวิน? ยินดีด้วยครับ” “คุณรูจ้ กั ไหมว่าฉันเป็นใคร?” เสียงเย็นยะเยียบ ดัดให้ทมุ้ ต�ำ ่ เน้น จังหวะเชื่องช้าแสดงอ�ำนาจ “เทรเวอร์ ดีนสเกต” “นอกเหนือจากชื่อ…” เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นหน้าเขาใกล้ชิด เหมือนเช่นผู้ทรงอ�ำนาจทั้ง หลาย หนังตาจะตกห้อยเล็กน้อย ซึ่งแสดงถึงอ�ำนาจและพลังในตัว ดีน สเกตก็มีลักษณะเช่นว่านั้น นอกจากนั้นยังมีตาสีเทาประกายเย็นยะเยียบ ปากรีดเป็นเส้นตรงจากกล้ามเนื้อควบคุมที่บริหารบ่อยครั้งจากการตัดสิน ใจลงความเห็น “ว่าไปเลย ซิด” จอร์จออกเสียงสนับสนุน “ถ้ารู้ บอกไปเลย ฉัน บอกเทรเวอร์แล้วว่าคุณรู้ทุกอย่าง” ผมเหลือบไปมองเขา บนสีหน้าไม่มอี ะไรอืน่ ให้อา่ น นอกจากรอยยิม้ ยัว่ ส�ำหรับคนจ�ำนวนไม่นอ้ ย อาชีพนักสืบของผมเป็นแต่เพียงเกมทายสนุก ในสถานการณ์นี้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีพิษภัยใดถ้าจะกระโจนลอดบ่วงที่ไฟที่ เจ้าตัวให้ความยินยอมแล้ว 33
“โต๊ด” ผมหันไปหาเทรเวอร์ ดีนสเกตแล้วพูดต่อว่า “…บิลลี โบนส์?” “เห็นไหม?” เสียงของจอร์จรื่นเริงเต็มที่ “…บอกแล้วว่าเขารู้ ทุกอย่าง” เทรเวอร์ ดีนสเกตถือเป็นเพียงการเดาได้ถกู ต้อง ผมไม่รอดูปฏิกริ ยิ า ล�ำดับถัดไป ซึง่ ก็คงไม่เป็นมิตรนัก มีเสียงเล่าลือกันว่า เทรเวอร์ ดีนสเกต ถือก�ำเนิดในชื่อดั้งเดิมว่า ชัมมัก…เทรเวอร์ ชัมมักจากแมนเชสเตอร์ เกิด ในสลัม สมองปราดเปรื่อง เปลี่ยนส�ำเนียงพูดจา เลือกคบหาเพื่อนที่จะ หนุนเขาสู่วงสังคมที่สูงขึ้น บ็อบบี อันวินก็คงบอกว่า เราทุกคนก็เป็นเช่น กัน ท�ำไมจะไม่เล่า? การไต่บันไดสังคมของเทรเวอร์ ดีนสเกต เรียกได้ว่าประสบความ ส�ำเร็จเมือ่ ทุม่ เงินซือ้ บริษทั รับพนันเก่าแก่จวนเจียนล้มละลายทีเ่ รียกขานกัน ว่า “บิลลี โบนส์” ของพี่น้องตระกูลรูบินสไตน์และลุงซอลลี อีกไม่กี่ถัด มา บิลลี โบนส์กลายเป็นบริษทั ขนาดใหญ่ เปิดหน้าหนังสือพิมพ์มโี ฆษณา เต็มหน้า ในสนามม้ามีปา้ ยขนาดใหญ่ หรือจะเป็นไฟนีออนกะพริบบนยอด ตึก…กระดูกเบอร์ใหญ่สุด ต้องบิลลี โบนส์ ถ้ารายรับของเทรเวอร์ ดีน สเกตฟู่ฟ่าเท่ากับการโฆษณา ก็นับว่าเป็นธุรกิจที่ท�ำเงินได้มหาศาล สนทนาสันถวะทางสังคมนานพอที่จะออกมาดูม้าแข่งเที่ยวที่สาม “ไตร-ไนโตรเป็นไงบ้างครับ?” ผมหันไปถามจอร์จตอนที่เดินออก ประตูหน้า “เยี่ยม หัวใจเต็มร้อย” “ไม่มีปัญหาเลยหรือ?” “ไม่เลย” เราแยกกันนอกประตู ผมใช้เวลาตลอดบ่ายเปลืองเปล่าไร้ประโยชน์ ดูม้าแข่ง พูดคุยกับผู้คน หยิบเรื่องไร้ความส�ำคัญมาครุ่นคิด ผมไม่ได้เห็น โรสแมรี และคาดค�ำนวณว่าเธอคงเลี่ยงหลบไม่อยากพบหน้าผม หลังการ 34
แข่งขันเที่ยวที่ห้า ผมตัดสินใจกลับบ้าน ยามหน้าประตูเรียกผมไว้ ท่าทางของเขาดูโล่งอกประหนึ่งว่ารอผม อยู่นานเกินไปแล้ว “มีโน้ตถึงคุณ คุณเฮลลีย์” “โอ…ขอบคุณ” ซองสีนำ�้ ตาล ไม่มตี ราระบุ ผมสอดซองเข้ากระเป๋า เดินไปเปิดประตู รถ นั่งบนเบาะคนขับ ดึงซองออกมา อ่านข้อความ ซิด, ฉันยุ่งตลอดบ่ายแต่ก็ต้องการพบคุณ กรุณาสละเวลาไปพบที่ห้อง น�้ำชา หลังการแข่งเที่ยวสุดท้ายได้ไหม? ลูคัส เวนไรต์ ผมสบถออกมาเบา ๆ เดินข้ามลานจอดรถเข้าสนามม้าอีกครั้ง เดิน ผ่านภัตตาคารซึ่งเปลี่ยนจากอาหารกลางวันมาเป็นแซนด์วิชและเค้ก การ แข่งม้าเที่ยวท้ายสุดเพิ่งเสร็จสิ้น ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาดื่มน�้ำชาและหาของ ว่างรองท้อง ไม่มีวี่แววของผู้การเวนไรต์ ผู้อ�ำนวยการฝ่ายรักษาความ ปลอดภัยของจ๊อกกี้คลับ ผมเดินเตร่อยูแ่ ถวนัน้ อีกไม่นาน เขาเดินเข้ามาในห้องน�ำ้ ชา เร่งร้อน กระวนกระวาย ขอโทษขอโพยไม่ขาดปาก คิ้วขมวดมุ่น “ต้องการน�ำ้ ชาไหม?” ผูก้ ารเวนไรต์ถาม กระหืดกระหอบจนแทบ จะหายใจไม่ทัน “คงไม่ต้องครับ” “เอาเหอะ เอาสักหน่อย เราคุยกันทีน่ ไี่ ด้โดยไม่มกี ารขัดจังหวะ คน ก็ไม่พลุกพล่านเหมือนในบาร์เหล้า” “ฟังนะ, ซิด คุณจะว่ายังไงถ้ามาท�ำงานให้เราสักชิน้ ?” ผูก้ ารเวนไรต์ 35
ไม่ยอมเสียเวลาอ้อมค้อม “เราที่ว่าหมายถึงฝ่ายรักษาความปลอดภัยหรือเปล่าครับ?” “ใช่” “เป็นทางการ?” ผมอดประหลาดใจมิได้ ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ของสนามม้าทราบดีวา่ ผมท�ำงานใด ผมคิดว่าพวกเขาคงไม่เห็นดีเห็นงามไป ด้วยเป็นแน่ ในบางคดี ผมเคยเจาะเข้าไปในเขตของพวกเขา และแทบจะ เรียกได้วา่ ไปเหยียบหัวแม่เท้าเป็นครัง้ คราว แต่ฝา่ ยรักษาความปลอดภัยก็ ไม่เคยขัดขวาง ผู้การเวนไรต์เคาะนิ้วบนผ้าปูโต๊ะ “ไม่เป็นทางการ เป็นงานสืบสวนส่วนตัวของฉันเอง” ลูคสั เวนไรต์ดำ� รงต�ำแหน่งสูงสุดในฝ่ายรักษาความปลอดภัย หน่วย สืบสวนหรืองานต�ำรวจของจ๊อกกีค้ ลับ แม้จะเป็นการร้องขอไม่เป็นทางการ ก็ถือเป็นงานอันทรงเกียรติ…จนกว่าจะมีข้อพิสูจน์หักล้างเป็นอื่น “งานอะไรหรือครับ?” การนิยามเนื้อหางานท�ำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ เขาอืออาอยู่ในล�ำคอ นานพอดู เคาะปลายนิว้ บนโต๊ะอีกหลายรอบ ท้ายทีส่ ดุ ก็พอจะประมวล ออกมาได้ “ฟังนะ, ซิด งานนี้ลับสุดยอด” “ครับ” “ฉันไม่มีอ�ำนาจสั่งการสูงกว่านี้ที่จะมาติดต่อให้คุณไปท�ำงานให้” “ไม่เป็นไรครับ เล่าต่อเถิด” “ในเมื่อไม่มีอ�ำนาจเป็นทางการหนุนหลัง ก็คงสัญญาไม่ได้ว่าจะมี การจ่ายเงินค่าจ้าง” ผมถอนหายใจ “เท่าทีฉ่ นั จะเสนอให้ได้…เอ้อ..ก็มแี ค่ความช่วยเหลือถ้าคุณจ�ำเป็นต้อง ใช้ แน่นอน ถ้าค�ำร้องขอนั้นอยู่ในอ�ำนาจของฉัน” 36
“ความช่วยเหลือเช่นว่า มีค่ากว่าเงินครับท่าน” เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดีเลย เออ…เริ่มเรื่องอย่างไรดี? เรื่องนี้พูดยาก ละเอียดอ่อน” ผู้การอึกอักลังเล ท้ายที่สุดก็ถอนหายใจ เหมือนเสียงค�ำราม “…ฉันอยาก…ฉันอยากจะให้คณ ุ สืบ…สืบหาข้อมูลของ เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง” เงียบไปชัว่ อึดใจ ผมถามทันที “ท่านหมายถึงเจ้าหน้าทีข่ องฝ่ายรักษา ความปลอดภัยอย่างนั้นหรือ?” “ฉันกลัวว่าจะเป็นเช่นนั้น” “เจาะหาข้อมูลเรื่องใดครับท่าน?” ใบหน้าของผู้การเวนไรต์ไร้สุข “การให้สินบน พวกนอกลู่นอกทาง เรื่องเลว ๆ ประเภทนั้น” “เอ้อ ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า? ท่านเชื่อว่าลูกน้องของท่านไปรับเงิน สกปรก ท่านต้องการให้ผมหาตัวคนนั้น” “ชัดที่สุด” ผมนิ่งคิด “ท�ำไมท่านไม่สืบสวนเสียเองละครับ? สั่งให้ลูกน้องอีก คนท�ำงานนี้ให้ก็ได้” “ปัญหาอยูต่ รงนีเ้ อง…” หัวคิว้ ของผูก้ ารเวนไรต์ขมวดมุน่ “…ฉันให้ คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าฉันสงสัย ถ้าเรื่องแดงขึ้นมา เกิดปัญหาตามมานับไม่ถ้วน ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง จ๊อกกี้คลับก็คงอยากจัดการเรื่องนี้เงียบๆ ถ้าเกิดเป็น ข่าวฉาวโฉ่พาดพิงมาถึงฝ่ายรักษาความปลอดภัย ก็คงท�ำให้วงการม้าแข่ง ปั่นป่วนได้” ผมคิดว่าท่านอาจจะประเมินสูงเกินไป แต่ก็ไม่แน่นัก ท่านอาจจะ ถูกก็เป็นได้ ใบหน้าของท่านผู้การเศร้าสร้อย “…คนที่มีปัญหาคือ เอ็ดดี คีธ” อีกครั้งที่เกิดความเงียบสงัด ในฝ่ายรักษาความปลอดภัย มีผู้การ เวนไรต์เป็นยอดสุด แขนสองข้างเป็นรองหัวหน้าฝ่าย ทั้งสองเป็นนาย 37
ต�ำรวจระดับสูง เกษียณอายุแล้ว หนึ่งในจ�ำนวนนี้คือ ร้อยโทเอ็ดดี คีธ ผมวาดภาพของเอ็ดดี คีธได้ไม่ยาก พูดคุยกับหมวดคีธบ่อยครัง้ ชาย ร่างยักษ์ มือขนาดใหญ่ทมี่ กั จะวางบนไหล่ของคูส่ นทนา เสียงดังฟังชัดเจือ ด้วยส�ำเนียงซัฟโฟล์ก หนวดสีฟางข้าวเฟิ้มบนริมฝีปาก ผมบางจนเห็น หนังศีรษะสีชมพูระเรื่อ เปลือกตาหรุบต�่ำ ประกายตาสดใส มีรอยยิ้ม เต้นระริกประดับอยู่เป็นนิจ…รอยยิ้มที่ไม่ได้หมายถึงอารมณ์ขันรื่นรมย์ ผมเหลือบเห็นบ่อยครั้ง ประกายตาสดใสเต้นระริกในดวงตาเหี้ยม เกรียม เย็นยะเยียบไม่ต่างไปจากหล่มน�้ำแข็ง เหมือนแสงอาทิตย์เจิดจ้า บนก้อนน�้ำแข็งใสบริสุทธิ์..งดงามแต่เปี่ยมด้วยกับดักมรณะ หากจะมีคน สวมกุญแจมือผู้ต้องหาด้วยรอยยิ้ม บุคคลผู้นั้นคือ เอ็ดดี คีธ แต่…ทุจริตหรือ? เป็นไปไม่ได้ “มีข้อบ่งชี้ยังไง?” ผมสอบถามต่อ ผู้การเวนไรต์กัดริมฝีปากล่างอยู่ชั่วขณะ “การตรวจสอบสี่ครั้งในปีที่ ผ่านให้ผลลัพธ์ในทางตรงข้าม” ผมกะพริบตาถี่ “นั่นไม่ใช่ข้อสรุปมัดตัวได้เลยนี่ครับ?” “ถูกต้อง ถ้ามีหลักฐานชัด ฉันก็คงไม่ได้มานั่งคุยกับคุณในวันนี้” “ก็จริงนะครับ การตรวจสอบประเภทไหนกันหรือครับ?” “เรื่องม้าองค์กรกลางทั้งหมด สืบหาข้อมูลของคณะบุคคลที่ต้องการ รวมตัวกันเพือ่ ซือ้ ม้ามาเป็นเจ้าของร่วม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มบี คุ คลผูไ้ ม่ พึงประสงค์แอบเล็ดลอดเข้ามาในจ๊อกกีค้ ลับทางประตูหลัง ค�ำร้องทัง้ สีเ่ รือ่ ง เอ็ดดี คีธเป็นผู้ตรวจสอบ และอนุมัติให้ผ่าน…จุดนี้ละที่เป็นปัญหา หนึ่ง ในเจ้าของร่วม เป็นบุคคลทีว่ งการแข่งม้าไม่ยอมให้เดินผ่านประตูสนามม้า” “ท่านทราบได้อย่างไร?” ผูก้ ารเวนไรต์ใบหน้าบิดเบีย้ ว “ฉันไปสอบสวนผูต้ อ้ งสงสัยรายหนึง่ ใน คดียาเสพติด หมอนั่นแค้นเคืองกลุ่มผู้หนุนหลัง โกรธแค้นและกล่าวหา ว่ากลุ่มที่หนุนหลังไม่ยอมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ หมอนั่นเปิดโปงทุกเรื่อง 38
ที่รู้ แฉโดยละเอียด พาดพิงไปถึงกลุ่มคนนอกกฎหมายที่เป็นเจ้าของร่วม ฉันตรวจสอบรายชือ่ ชือ่ ทีร่ ว่ มอยูใ่ นองค์กรกลางทัง้ สีแ่ ห่ง เป็นผลงานการ ตรวจสอบของเอ็ดดี คีธทั้งหมด” “เป็นไปได้ไหมว่าองค์กรกลางทั้งสี่แห่ง ชูลอร์ดไฟรอาร์ลีย์เป็น เจ้าของ” ใบหน้าของผู้การเวนไรต์หมองหม่นกว่าเดิม “ไม่ผิด บ่ายวันนี้เอง ลอร์ดไฟรอาร์ลีย์ก็มาขอให้ฉันสืบเรื่องนี้ อาจเป็นเพียงการเปรยให้ทราบ ตามมารยาท แต่ก็มาโดนข้อสงสัยของฉันพอดี ฉันก็เลยต้องมาขอความ ช่วยเหลือจากคุณ…ขอให้จัดการเรื่องนี้เงียบที่สุด” “ท่านลอร์ดเองก็มาพบผม” ผมให้คำ� รับรอง “ท่านพอจะหารายงาน ของเอ็ดดีให้ผมได้ไหม? เป็นส�ำเนาก็ได้ครับ รวมทั้งชื่อของผู้ต้องสงสัย” ผู้การเวนไรต์ผงกศีรษะรับ “จะถึงมือคุณในไม่ช้า” เขาก้มลงมอง เวลาบนข้อมือ ผุดลุกขึ้นยืน ท่าทางเปลี่ยนเป็นกระฉับกระเฉง เปี่ยม ด้วยประสิทธิภาพอีกครั้ง “ฉันคงไม่จ�ำเป็นต้องบอกคุณนะ…ขอให้สืบ เป็นการลับ” ผมลุกขึ้นยืน เดินตามไปยังประตูหน้า ผู้การสาวเท้าก้าวไว เวนไรต์ แยกไปอีกทาง ยกมือสะบัดโบกอ�ำลา แผ่นหลังเหยียดตรงของท่านหาย ลับเข้าไปในห้องชั่งน�้ำหนัก ผมมุ่งหน้ากลับลานจอดรถ ครุ่นคิดในใจด้วย รอยยิ้ม หากผมหางานในอัตรานีต้ อ่ วัน…ผมก็คงต้องเรียกกองหนุนมาช่วยงาน ทั้งกองทัพ
39