คำพูดในหัวเรา ดลบันดาลให้เราเป็นได้ทุกอย่าง
ทั้งคนรวยและคนจน เป็นที่รักและที่ชัง น่ารักหรือน่าเกลียด ร่าเริงหรืออมทุกข์ เปี่ยมพลังหรืออ่อนล้า
ข ย ะ เ ข้ า ข ย ะ อ อ ก
Ralph Charell
28
1-57.indd 28-29
บทที่ 3
29
6/28/09 7:01:50 PM
คอมพิวเตอร์ของเรา
หลังจากอดทนปล่อยให้ความสงสัยเกาะกุมใจมานานแสนนาน Shad Helmstetter ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมมนุษย์ เจ้าของหนังสือจิตวิทยาคลาสสิค “What to Say When You Talk to Yourself” ก็ตัดสินใจลุกขึ้นมาเริ่มศึกษาวิจัยปรัชญา ทฤษฎี รวมทั้งวิเคราะห์ หนังสือประเภทพัฒนาตนเองจำนวนมากมายมหาศาล เพื่อที่จะค้นพบความจริงข้อหนึ่งว่า “...ความสำเร็จหรือความล้มเหลวในเรื่องใดก็ตาม ใหญ่หรือเล็กก็ตาม ขึ้นอยู่กับการ โปรแกรมความคิด อันหมายถึงสิง่ ทีเ่ รารับมาจากคนอืน่ แล้วประมวลเป็นสิง่ ทีเ่ ราพูดกับตัวเอง...” แปลง่ายๆ ว่า อะไรก็ตามที่คุณตั้งใจมั่นที่จะเปลี่ยนแปลง ก่อนที่จะลงมือเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมใดๆ คุณต้องหวนไปเปลี่ยนแปลงที่ต้นทาง คือสมองของคุณก่อน! และนั่นคือเหตุผลที่ว่า แม้เราจะอ่านหนังสือ “ฮาวทู” มากมายก่ายกองเท่าไหร่ ชีวิตเรา ก็ยังไม่คืบหน้าไปไหน เพราะเราได้แต่รับ “ไอเดีย” กับ “ความตั้งใจ” มาวางเตรียมไว้
บนตัก บนโต๊ะ ในใจ แต่เราลืมใส่มันลงไปในสมองเพื่อให้มันบันทึกเอาไว้ ชีวิตเราจึงเปลี่ยนแปลงไม่สำเร็จเสียที
ถ้าเราเปรียบสมองของเราเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เราจะเห็นภาพการทำงานของมัน ได้ชัดเจนขึ้น คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญสามอย่าง คือ “จอภาพ” “คีย์บอร์ด” และ “ฮาร์ดดิสก์” “คีย์บอร์ด” คือประสาทสัมผัสทั้งห้า คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ทุกสิ่งที่เราได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้แตะต้อง ทัง้ หมดจะถูกแปรเป็นข้อมูลส่งเข้าไปและบันทึกไว้ที่ “ฮาร์ดดิสก์” หรือจิตใต้สำนึกของเรา พูดง่ายๆ ว่า ทุกสิ่งที่เรารับเข้ามาจากประสบการณ์ชีวิต นับตั้งแต่การถือกำเนิดขึ้นของ เราจนถึงปัจจุบัน ถูกฝังเอาไว้ในจิตใต้สำนึกของเราทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น คำอบรมสั่งสอนของพ่อแม่ คำชมของพ่อแม่ คำติเตียนของพ่อแม่ คำสั่งห้ามของพ่อแม่ คำอบรมสั่งสอนของครู คำชมของครู คำติเตียนของครู คำสั่งห้ามของครู คำชื่นชมจากเพื่อนฝูง คำชื่นชมจากญาติมิตร คำชื่นชมจากคนรัก คำล้อเลียนจากเพื่อนฝูง คำดูถูกจากญาติมิตร คำถากถางจากคนรัก คำสรรเสริญจากลูกน้องของเรา คำเยินยอจากเพื่อนร่วมงานของเรา คำติเตียนจากลูกค้าของเรา คำหมิ่นประมาทจากนายของเรา สิ่งที่เราอ่าน สิ่งที่เราฟัง สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราถูกสอน สิ่งที่เราเชื่อ สิ่งที่เราไม่ชอบ สิ่งที่เราประทับใจ จากนั้นมันจึงจะถูกประมวลผลออกมาให้เห็นบน “จอภาพ” อันหมายถึงตัวของเราที่ ปรากฏออกมาภายนอก บุคลิกลักษณะ นิสัยใจคอของเรา คำพูดทุกคำที่เราได้ยิน รวมทั้งคำพูดที่เราพูดกับตัวเราทุกคำ จะด้วยรู้ตัวหรือไม่รู้
ตัวก็ตาม คือข้อมูลที่จิตใต้สำนึกบันทึกไว้ และสมองจะใช้ข้อมูลทั้งหมดนี้ในการตัดสินใจ
ก่อนที่จะลงมือกระทำสิ่งใด ในทุกช่วงเวลาที่เราดำเนินชีวิตในแต่ละวัน
30
31
เปลี่ ย นพฤติ ก รรมต้ อ งเริ่มที่สมอง
1-57.indd 30-31
6/28/09 7:01:50 PM
วิ ช ญ์ ผู้ จ ำชื่ อ คนไม่ได้
วิชญ์ชอบบอกใครๆ ว่าเขาเป็นคน “จำชื่อคนไม่ได้” เขาสังเกตพบนิสัยนี้ของตัวเองมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เริ่มตั้งแต่จำชื่อรุ่นพี่รุ่นน้อง
ไม่ค่อยได้ จนจบมาทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ นิสัยนี้ก็ยังไม่ยอมหายเสียที หลังจากยี่สิบห้าปีที่วิชญ์เชื่อว่าเขาเป็นคน “จำชื่อคนไม่ได้” วิชญ์ก็เริ่มเบื่อตัวเองสุดใจ วันหนึ่งเขาตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ ต่อไปนี้เขาจะพยายามจำชื่อคนให้ได้ เริ่มที่งานเลี้ยงอำลาเจ้านายสุดสัปดาห์นี้เลย เมื่อเขาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนเจ้านายที่มีตำแหน่งใหญ่ในทางการเมือง วิชญ์ ก็รีบท่องชื่อชายกลางคนท่าทางภูมิฐานคนนี้เอาไว้ “คุณพงศ์ประภพ จำไว้ๆ ฉันจะจำชื่อเขาไว้” สิบนาทีต่อมา วิชญ์เดินสวนกับแขกสำคัญคนนี้ คุณพงศ์ประภพพยักหน้าและยิ้มให้ วิชญ์รู้สึกตกใจ ที่เขาลืมชื่อเพื่อนสนิทของเจ้านายเสียแล้ว! คุณคงรู้ว่าวิชญ์จะ “ด่าตัวเอง” อย่างไร “แย่ชะมัด ฉันนี่มันไม่เอาไหน จำชื่อคนแค่นี้ก็ยังไม่ได้” ย้ำอีกสักครั้งดีไหมวิชญ์ “วิชญ์เอ๊ย คนอย่างนาย คงจำชื่อคนไม่ได้ไปตลอดชีวิต” เอาให้พอสิวิชญ์ ตอกย้ำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ ในเมื่อฮาร์ดดิสก์ของนาย บันทึก เรื่องนี้มาไว้ตั้งยี่สิบห้าปี จะบันทึกทับมันไปอีกสักสามสี่ทีจะเป็นไรไป!
เนิ่นนานเท่าอายุของวิชญ์ โปรแกรมหลักที่ว่า “ฉันเป็นคนจำชื่อคนไม่ได้” นั้นหนักแน่น
กว่ามาก จิตใต้สำนึกที่สัตย์ซื่อ ถือคำสั่งหลักของวิชญ์เป็นใหญ่ จึงทำทุกวิถีทางที่จะทำให้เป็น
ไปตามที่วิชญ์สั่งมันไว้หลายครั้ง เพราะเขาสั่งมันบ่อยครั้งพอและสั่งมันหนักแน่นพอ จิตใต้สำนึกไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ววิชญ์ต้องการในสิ่งที่ตรงกันข้าม มันไม่รู้ว่า “ขี้ลืม” กับ “ช่างจำ” ต่างกันอย่างไร เมื่อวิชญ์บอกตัวเองซ้ำๆ หนักแน่นและเป็นประจำว่าเขาเป็นคนขี้ ลืม มันจึงยอมรับในข้อมูลที่ได้ไปว่าวิชญ์เป็นคนขี้ลืม ดังนั้น หากคุณพูดกับตัวเองซ้ำๆ ตอกย้ำ (อย่างประชดประชัน) ว่า “ชาตินี้ฉันไม่มีทาง มีเงินเก็บ” จิตใต้สำนึกจะไม่ล่วงรู้ว่าปากคุณตรงกับใจหรือไม่ มันจะบันทึกข้อมูลที่คุณพูด กับมันเอาไว้อย่างสัตย์ซื่อ คิดภาพคนรับใช้ผู้จงรักภักดี โค้งศีรษะลงต่ำ รับคำสั่งอย่างสุภาพ “ได้ครับนาย ผมจะทำทุกอย่างที่ผมทำได้ เพื่อให้มั่นใจว่า นายจะไม่มีเงินเก็บจริงๆ” คนรับใช้ผู้แสนดี จะส่งข้อมูลไปที่สมองหรือหัวหน้าคนรับใช้ในทันที เพื่อที่สมองจะ บัญชาการควบคุมทางร่างกายและจิตใจ ให้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้จุดหมาย “ฉันไม่มีทางมีเงินเก็บ” สัมฤทธิ์ผลจริงๆ!!!
ขยะเข้าขยะออก
มันไม่ใช่ความผิดของจิตใต้สำนึกเลย ที่พยายามทำงานอย่างซื่อสัตย์ เพื่อมิให้ขัดต่อ ข้อมูลที่ถูกวิชญ์ส่งมาบันทึกไว้ซ้ำๆ ตอกย้ำมานานถึง 25 ปี! จริงอยู่ที่วิชญ์ตั้งใจในวันนี้ที่จะ “ฉันจะจำชื่อคนให้ได้” แต่โปรแกรมที่ถูกฝังข้อมูลเอาไว้
ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมมนุษย์หลายคนยืนยันตรงกันว่า “สิ่งที่เราใส่เข้าไปในสมอง (ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง) จะต้องกลับออกมาแน่นอน (ไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง)” จึงไม่ต้องสงสัยว่าถ้าคุณป้อนแต่ข้อมูลขยะ ผลออกมาก็ต้องเป็นขยะ ดังศัพท์ในวงการคอมพิวเตอร์ที่เรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า GIGO (Garbage In, Garbage Out) หรือ “ขยะเข้า ขยะออก” หรือที่พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้คำแปลไว้โดนใจว่า “เข้าผิด ออกผิด” จริงเสียนี่กระไร แค่เข้ายังผิด แล้วจะออกมาถูกอย่างไรได้ ป้อนข้อมูลเน่าๆ ลงไปใน เครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วหวังให้เครื่องเนรมิตผลลัพธ์อัศจรรย์อันถูกต้องออกมางั้นหรือ คงจะยาก!
32
33
จิ ต ใต้ ส ำนึ ก ที่ สั ต ย์ ซื่ อ
1-57.indd 32-33
6/28/09 7:01:50 PM
ป้อนขยะ (ข้อมูลผิด) เข้าไปเท่าไหร่ ผลลัพธ์ (ชีวิตพลาด) ก็ออกมาเท่านั้น GI (ข้ อ มู ล ผิ ด ) G O ( ชี วิ ต พ ล า ด )
ครอบครัวเราไม่มีใครค้าขาย
ไม่กล้าทำธุรกิจของตัวเอง ไม่กล้าออกความเห็นเพราะเรียนมาน้อย ไม่กล้าสมัครงานประชาสัมพันธ์เพราะถนัดเขียน ทุกวันนี้ไม่กล้าหัดเล่นกีฬาอะไรสักอย่าง
คนเรียนสูงมักฉลาด ประชาสัมพันธ์ต้องคุยเก่ง คนเล่นกีฬาต้องมีพรสวรรค์ ถึงตอนนี้ชัดเจนหรือยัง ว่าตัวคุณเองในวันนี้ เป็นผลลัพธ์ของสิ่งที่คุณป้อนให้กับตัวเอง มาตลอดชีวิตจริงๆ ไม่ ว่ า คุ ณ จะคิ ด ว่ า ตั ว คุ ณ เป็ น คนอย่ า งไร “คนซุ่ ม ซ่ า ม” “คนพู ด ไม่ เ ก่ ง ” “คนขี้ ลื ม ”
“คนไม่มีเงินเก็บ” “คนขี้งก” “คนไม่เก่งเลข” “คนไม่มีหัวทางช่าง” “คนห่วยแตก” หรือ “คนล้มเหลว” ยินดีด้วย นี่ละ “ฝีมือ” คุณเองล้วนๆ!
เพราะหกปีผ่านไป สุทธาสินีก็ยังพูดเรื่องความล้มเหลวของตัวเองไม่จบสิ้น อะไรจะเศร้าเท่าผู้หญิงหน้าตาดี ความรู้ดี นิสัยใจคอดี ไม่อาจเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้สักที เพราะเธอโปรแกรมชีวิตตัวเองว่า “ฉันมันล้มเหลวทุกเรื่อง” ถ้าเธอไม่เฉลียวใจและยังคงตั้งหน้าโปรแกรมตัวเองผิดๆ ต่อไป วันหนึ่งเธอคงได้พบกับ ความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต นั่นคือ เพื่อนๆ จะผละจากเธอไปจริงๆ
ชีวิต GIGO
สุทธาสินี เป็นคนสวย การศึกษาดี นิสัยดี เธอแต่งงานกับทัศนัยมาสิบปี โชคร้ายที่มัน ต้องจบลงด้วยการหย่าร้างเมื่อหลายปีก่อน สุทธาสินีรู้สึกว่าเธอสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง เธอเสียสามีให้กับผู้หญิงใหม่ เสียลูกสาว
คนเดียวของเธอให้กับสามี ร้านอาหารที่เปิดกับเพื่อนก็กิจการไม่ดี ต้องปิดตัวลงไปในช่วง เดียวกัน ไม่แปลกที่ตอนนั้นสุทธาสินีจะแปะป้ายว่าตัวเอง “เป็นคนล้มเหลวทุกเรื่องในชีวิต” แต่แปลกที่จนถึงวันนี้ สุทธาสินียังรู้สึกว่าตัวเอง “เป็นคนล้มเหลว” ไม่เลิกรา แรกๆ เพื่ อ นของเธอรั บ ฟั ง ความทุ ก ข์ ด้ ว ยความเห็ น ใจ แต่ ห ลั ง ๆ พวกเขาก็ เ ริ่ ม
เบื่อหน่าย
Anais Nin กล่าววาจาเป็นจริงเหลือใจ “We don’t see things as they are, we see them as we are” เราไม่ได้เห็นสิ่งต่างๆ อย่างทีม่ ันเป็น แต่เราเห็นมันอย่างทีเ่ ราเป็น แปลง่ายๆ ว่า โลกทั้งใบจะเป็นอย่างไร อยู่ที่มุมมองของเราเอง น่าสนใจ! โลกทั้งใบของเราเปลี่ยนได้ หากเพียงเราเปลี่ยน “สิ่งที่เราเป็น” เพราะเมื่อตัวเราเปลี่ยนไป “สิ่งที่เราเห็น” ในชีวิตก็จะเปลี่ยนตาม! ชีวติ เป็นศิลปะของการเลือก ถ้าคุณเลือกทีจ่ ะทากำแพงของคุณด้วยสีขาว โลกรอบตัวคุณ ก็จะเป็นสีขาวไปด้วย คุณต้องกำหนดสีของคุณเอง ไม่จำเป็นจะต้องเชื่อทุกสิ่งที่คนอื่นพูดกรอกหูคุณ สิ่งที่เขาบอกว่าคุณเป็น คุณไม่จำเป็นต้องรับไว้ ถ้าคุณไม่รู้สึกว่าเห็นด้วย อย่าซึมซับทุกอย่างไว้แม้แต่สิ่งที่ใจคุณไม่ชอบ อย่า “โปรแกรมซ้ำ” ข้อมูลผิดลงไป เพียงเพราะคุณเผลอคล้อยตามว่ามันจริง ทุกสิ่งที่คุณได้ยินเกี่ยวกับตัวคุณไม่จำเป็นต้องจริงเสมอไป เพียงลุกขึ้นมากรองคำพูดในชีวิต เราจะไม่ต้องส่งข้อมูลผิดๆ เข้าไปในสมอง ชีวิตคุณก็ จะไม่ GIGO ไปจนชั่วฟ้าดินสลาย เมื่อไม่่รับขยะเข้า สิ่งที่ออกมาก็จะไม่มีทางเป็นขยะไปได้ นี่อาจเป็นทักษะที่ยากที่สุดที่คุณเคยทำมาชั่วชีวิต แต่ถ้าคุณอยากไปสู่เป้าหมาย เชื่อเถอะว่าคุณทำได้ และคุณต้องทำ!
34
35
ฉั น มั น คนล้ ม เหลว
1-57.indd 34-35
6/28/09 7:01:51 PM