photo from: http://appleday.tumblr.com/post/178480444/mensconsciarecti-kudryavka1957
¨´ËÁÒ¢‹ Ò Ç
¸Ñ ¹ ÇÒ¤Á 2556
ÊÒÃѵ¶Ð
www.thaiyogainstitute.com
ÊÒÃѵ¶Ð ¤Ø  ¡Ñ ¹ ¡‹ Í ¹ »¯Ô · Ô ¹ ¡Ô ¨ ¡ÃÃÁ
ÊÒÃºÑ Þ
2 2
¡Ô ¨ ¡ÃÃÁà¤Ã× Í ¢‹ Ò Â เลี ้ ย งลู ก อย า งไรให ใ จไม เ ครี ย ด
4
á¹Ð¹ÓÈÙ ¹  â ¤Рอั น จาลี โ ยคะ
5
¨Ò¡à¾× ่ Í ¹¤ÃÙ ชี ว ิ ต นั ก เรี ย นโยคะที ่ ไ กวั ล ยธรรม
§Ò¹ÇÔ ª Ò¡ÒÃÈÖ ¡ ÉÒÇÔ ¨ Ñ Â ปทุ ม อาสนะ
º·¡Å͹ การเติ บ โต
¡ÒÃ¾Ñ ² ¹Ò¨Ô µ โยคะ 8 สาขา
ẋ § »˜ ¹ ¡ÒÃÊ͹
เมื ่ อ หมอเลื อ กเรี ย นโยคะ
6 8 10 11 13
ÇÔ ¶ Õ â ¤Ð
ความเหมื อ นในความต า ง
µÓÃÒâÂ¤Ð´Ñ ้ § à´Ô Á
ผลของความตั ้ ง มั ่ น ในการปฏิ บ ั ต ิ อปริ ค รหะ
17
·Õ ่ » ÃÖ ¡ ÉÒ
กวี คงภั ก ดี พ งษ แก ว วิ ฑ ู ร ย เ ธี ย ร ธี ร เดช อุ ท ั ย วิ ท ยารั ต น นพ.ยงยุ ท ธ วงศ ภ ิ ร มย ศ านติ ์ นพ.สมศั ก ดิ ์ ชุ ณ หรั ศ มิ ์
¡ÃÃÁ¡ÒÃ
กฤษณ ฟ ก น อ ย ชนาพร เหลื อ งระฆั ง ชุ ต ิ ม า อรุ ณ มาศ วรพจน คงผาสุ ข วรรณวิ ภ า มาลั ย นวล วิ ล ิ น ทร วิ ภ าสพั น ธ สมดุ ล ย หมั ่ น เพี ย รการ
ÊÓ¹Ñ ¡ §Ò¹
พรทิ พ ย อึ ง คเดชา วั ล ลภา ณะนวล สุ จ ิ ต ฏา วิ เ ชี ย ร
¡Í§ºÃÃ³Ò¸Ô ¡ ÒÃ
จิ ร วรรณ ตั ้ ง จิ ต เมธี ณั ต ฐิ ย า ป ย มหั น ต ณั ฏ ฐ ว รดี ศิ ร ิ ก ุ ล ภั ท รศรี ธนวั ช ร เกตน ว ิ ม ุ ต ธี ร ิ น ทร อุ ช ชิ น พรจั น ทร จั น ทนไพรวั น วิ ส าขา ไผ ง าม วี ร ะพงษ ไกรวิ ท ย 15ศั น สนี ย นิ ร ามิ ษ สุ จ ิ ต ฏา วิ เ ชี ย ร
ÈÔ Å »¡ÃÃÁ
กาญจนา กาญจนากร
ÊÒÃѵ¶Ð ¤Ø  ¡Ñ ¹ ¡‹ Í ¹ สวัสดีธันวาคม...เดือนสุดทายของป และก็คงเหมือนเชนเคยที่เมื่อถึงชวงนี้เราก็มักจะมีคำถาม ตอชีวิตที่ผานมาตลอดทั้งปถึงสิ่งที่ไดทำไปแลวและสิ่งที่ยังไมไดทำ นั่นถือเปนสิ่งที่ดีทีเดียวนะเพราะถือเปน การทบทวนกับตัวเองอีกวิธีหนึ่ง แตอยาลืมเสียละวาที่สุดแลวทั้งสิ่งที่ทำไปแลวและสิ่งที่ยังไมไดกระทำ นั่นยังไมสำคัญเทากับสิ่งที่กำลังทำอยู “เรากำลังทำสิ่งใดอยู” คำถามนี้คงไมตองรอใหถึงสิ้นปหรือ ปใหมหรอก เพราะเราสามารถถามตัวเองไดทุกวัน และที่สำคัญ...พึงระลึกไวเสมอวา “ทุกๆ วินาทีที่ลวงผานไปนั้น คือของขวัญแหงปจจุบันที่ลวงผานไปแลว”
»¯Ô · Ô ¹ ¡Ô ¨ ¡ÃÃÁ â¤ÐÍÒÊ¹Ð¢Ñ ้ ¹ ¾× ้ ¹ °Ò¹à¾× ่ Í ¤ÇÒÁÊØ ¢ ÊÓËÃÑ º ¼Ù Œ à ÃÔ ่ Á µŒ ¹ ÇÑ ¹ ÍÒ·Ô µ  · Õ ่ 22 ¸Ñ ¹ ÇÒ¤Á àÇÅÒ 9.00 – 15.00 ¹
ที่ชั้น 6 หอง 262 คณะมนุษยศาสตร มศว ประสานมิตร คาลงทะเบียน 650 บาท สนใจโทร.สอบถามรายละเอียดไดที่ สถาบันโยคะวิชาการ â¤Ðã¹Êǹ¸ÃÃÁ ³ Ëͨ´ËÁÒÂà赯 ¾ Ø · ¸·ÒÊ ¿ÃÕ ·Ø ¡ àÂ็ ¹ ÇÑ ¹ ¾Ø ¸ áÅÐ ¾ÄËÑ Ê àÇÅÒ 17.00 – 18.30 ¹. áÅÐ ÇÑ ¹ àÊÒà · Õ ่ 28 ¸Ñ ¹ ÇÒ¤Á àÇÅÒº‹ Ò Â 2 – 4 âÁ§àÂ็ ¹
ลงทะเบียนรวมกิจกรรมไดหนางาน ไมมีคาใชจาย รวมสมทบคากิจกรรมไดดวยการบริจาค â¤ÐÊÃŒ Ò §ÊØ ¢ ³ ËŒ Í §ÍÒÈÃÁÊØ ¢ ÀÒÇÐ ÊÊÊ ·Ø ¡ ÇÑ ¹ ¾ÄËÑ Ê àÇÅÒ 17.00 – 18.30 ¹. áÅÐ ÇÑ ¹ àÊÒà àÇÅÒ 10.30 – 12.00 ¹.
สำรองที่เขารวมกิจกรรมไดที่ activity.thc@thaihealth.or.th หรือ โทร.02 343 1500 ตอ 2 และ 081 731 8270 photo from; http://i.imgur.com/lZPLXxm.jpg
2
ÊÒÃÑ µ ¶Ð
BODY
MIND
ʶҺѹâ¤ÐÇÔªÒ¡Òà ÁÙŹԸÔËÁͪÒǺŒÒ¹ ËÇÁ¡Ñº ÀÒ¤ÇÔªÒ»ÃѪÞÒáÅÐÈÒÊ¹Ò ¤³ÐÁ¹ØÉÂÈÒʵà ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑÂÈÃÕ¹¤ÃÔ¹·ÃÇÔâò¨Ñ´ÍºÃÁ ¤ÃÙâ¤Ðà¾×่Í¡ÒþѲ¹Ò¨Ôµ »‚ 2557 ໇ÒËÁÒÂ
ศึกษาองคความรูโยคะตามตำราดั้งเดิม ซึ่งเปนไปเพื่อ การพัฒนาจิต ปฏิบัติเทคนิคโยคะเพื่อเขาถึงประสบการณ ตามที่ระบุไวในตำราดั้งเดิม นำไปประกอบการดำเนินชีวิต บนวิถีโยคะ และเผยแพรใหผูอื่นไดรูไดเขาใจโยคะ ตามตำราดั้งเดิม à¹×้ÍËÒÀÒ¤»®ÔºÑµÔ
อาสนะ ตามหลักการที่ระบุไวในตำราดั้งเดิม ปราณายามะ + มุทรา พันธะ กิริยา สมาธิ วิถีและทัศนคติตอชีวิต ÀÒ¤·ÄɯÕ
สรีระวิทยา กายวิภาค ประวัติและพัฒนาการของโยคะ ตำราโยคะดั้งเดิม – ปรัชญาอินเดีย ÇÔ·ÂÒ¡Ã คณะครู จ ากสถาบั น โยคะวิ ช าการ ¼ÙŒàÃÕ¹ จำนวนรุ น ละไม เ กิ น 24 คน หลักสูตรระยะสั้น(106ชั่วโมง) รุนที่21 ระหวางวันที่ 26 เมษายน–26 มิถุนายน 2557 อบรมเปนคายโยคะ 4 ครั้ง ที่ศูนยอบรมในปริมณฑล เชน ปทุมธานี นครปฐม คายที่ 1 โยคะเพื่ออิริยาบถในชีวิตประจำวัน 26-29 เม.ย. คายที่ 2 โยคะเพื่อความสมดุลของอารมณ 19–21 พ.ค. คายที่ 3 โยคะเพื่อการพัฒนาจิต 6-8 มิ.ย. คายที่ 4 สอบ, ฝกสอน, นำเสนองานวิจัย 24-26 มิ.ย. คาลงทะเบียน 23,000 บาท
3
SOUL
ยิ่งเรียนรูเรื่องราวของโยคะมากขึ้น ก็ยิ่งตื่นตะลึง กับองคความรูที่มันเกี่ยวพันกันและตอยอดแตกแขน ง ออกไปเรื่อยๆ อยางที่ไมเคยนึกคิดมากอน เลยวามันจะเปดโลกของเราออกไปไดกวางไกลขนาด นี้ ทุกสิ่งทุกอยางที่ไดเรียนรูจากตำรา จากครู จากการ สังเกตตัวเอง ฯลฯ มันจุดประกายไฟแหงความอยาก เรียนรูใหเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ และอยางที่ไมเคยเปน มากอนตลอดชวงชีวิตที่ผานมา ราวกับวาเราเพิ่งจะ เริ่มตนชีวิตนักศึกษาอีกครั้ง เคยนึกเสียดายอยูบอย ครั้งในชวงเวลาที่มาเรียนโยคะ วาถาหากเราคนพบ สิ่งนี้ไดเร็วกวานี้ บางทีมันอาจจะพลิกเปลี่ยนชีวิต ของเราไปกอนหนานี้นานมากแลว แตมาคิดอีกที... ความรูสึกที่วาสิ่งใดใช หรือไมใชสำหรับเรา มันก็อาจ จะขึ้นอยูกับชวงเวลาและเหตุปจจัยตางๆที่มาพบเจอ กัน ในเวลานั้น อาจเปนไดวาแมจะไดมาเรียนโยคะ ตั้งแตสิบปกอน แตเราอาจจะไมรูสึกกับมันเทากับ ที่เปนอยูตอนนี้ก็ได เพ็ญศิริ จันทรประทีปฉาย
หลักสูตรระยะยาว (230ชั่วโมง) รุนที่14 ระหวางวันที่16 กรกฏาคม–8 พฤศจิกายน 2557 อบรมประจำที่ มศว ประสานมิตร เขาคาย 2 ครั้ง คายที่ 1 วิถีโยคะ เรียนทุกเย็นวันจันทร พุธ พฤหัส เวลา 17.30-20.00 น. เรียนทุกวันเสาร เวลา 8.00-15.30 น. คายที่ 2 กิริยาโยคะ เดือนสุดทาย ฝกสอน, นำเสนองานวิจัย และสอบ คาลงทะเบียน 45,000 บาท
ÊÒÃÑ µ ¶Ð
¡Ô ¨ ¡ÃÃÁà¤Ã× Í ¢‹ Ò Â
photo from; http://flickrcc.bluemountains.net/flickrCC/index.php?terms=joy&page=2&edit=yes&com=no
"àÅÕ ้  §ÅÙ ¡ Í‹ Ò §äÃ....ãËŒ ã ¨äÁ‹ à ¤ÃÕ Â ´" ÇÑ ¹ ÈØ ¡ à · Õ ่ 29 ¾.Â. ¶Ö § ÇÑ ¹ ÍÒ·Ô µ  · Õ ่ 1 ¸.¤. photo from; http://whatchathinkaboutthat.tumblr.com/post/53359663361/sweet-angel-1
ครูเล็ก เอกชัยและ ครูเก รสสุคนธ สองครูโยคะรุนใหมไดทุมเทกายใจในชวงหลายปที่ผานมา เพื่อสรางสรรคงานดานการพัฒนาเด็กและครอบครัว ในวันศุกรที่ 29 พ.ย. ถึงวันอาทิตยที่ 1 ธ.ค. นี้ ทั้งสองไดรวมจัดคอรส "เลี้ยงลูกอยางไร....ใหใจไมเครียด" สำหรับทุกทาน ๆ ที่รักและหวงใยในตัวลูก พบกับสองวิทยากร อ. ธีรยุทธ เวชเจริญยิ่ง และ พระอาจารยประสงค ปริปุณโณ ณ สวนธรรมศรีปทุม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี รับสมัครคุณพอคุณแมผูปกครองทุกชวงอายุ สำหรับทานที่นำบุตรหลานมาดวยทางผูจัดไดเตรียมทีมงานอาสา นำกิจกรรมสงเสริม EQ สำหรับเด็กอายุ 5-12 ป ไวดวย(รับจำนวนจำกัด) รวมเปนเจาภาพตนเองทานละ 700 บาทตอคน (สำหรับคาที่พักและคาอาหาร) สอบถามรายละเอียดและสมัครไดที่ ครูเล็ก 08-1819-1816, คุณธัญญา 08-1616-4135 parentcamp@hotmail.com, www.budharas.com
4
ÊÒÃѵ¶Ð
á¹Ð¹ÓÈÙ ¹  â ¤Рphoto from; http://www.fotopedia.com/items/bjlhsj2drko3q-dxbHtUOlM8I
ÍÑ ¹ ¨ÒÅÕ â¤Рวีระชัย เล็กตระกูล เปนสถานที่สอนโยคะในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งผูกอตั้งไดฝกโยคะและไดรับรูถึงประโยชนมากมาย ของโยคะ จึงมีความปรารถนาที่จะสงเสริมใหคน ในจังหวัดอุบลราชธานีและพื้นที่ใกลเคียงไดฝกโยคะ ในแบบที่ควรจะเปนและไดมาตรฐาน ในราคาที่ เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจของตางจังหวัด เอื้อใหบุคคลทุกอาชีพทุกสถานะ มีโอกาสไดเรียนรู และสัมผัสกับโยคะ เริ่มกอตั้ง เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2551 มีผูรวมกอตั้งสองคนคือครูเชียง วีระชัย เล็กตระกูล และ ครูตาย อัญชลี ปญญาโจง อันจาลี หรือ อัญชลี มีความหมายถึง การประนมมือพนมมือ สอดคลองกับชื่อของผูรวม กอตั้ง ครูตาย อัญชลี สถานที่ตั้งอยูยานธุรกิจ ใจกลางเมืองอุบลราชธานี สังเกตไดงายอาคารสีสม ติดกับธนาคาร กสิกรไทยสาขาพรมเทพ ใกลตลาดใหญ การเดินทางสัญจรงาย ที่จอดรถสะดวกสบาย เรามีโยคะใหเลือกฝกมากกวา 20 ชั้นเรียนตอสัปดาห หลากหลายไสตล เชนอาสนะและปราณายามะพื้นฐาน. อัษฎางโยคะ (ashtanga), ศิวะนันทะ, วินยาสะ, หยาง-หยิน, gentle ฯลฯ เพื่อใหสมาชิกไดพัฒนา ทั้งความแข็งแรง ความยืดหยุน ลมหายใจ และสมาธิ มีหองเรียนที่กวางขวางได มาตรฐาน ถึง 3 หอง
5
และมีสิ่งอำนวยความสะดวก หองน้ำ หองอาบน้ำ ล็อคเกอร มีเสื่อโยคะใหยืม และมีอุปกรณโยคะที่ จำเปน จำหนายสำหรับสมาชิกในราคากันเอง ครูผูสอน อัญชลี ปญญาโจง(ตาย) - จบหลักสูตรวิชาชีพครูโยคะสากล - จากสถาบัน Fit (Fitness innovation Thailand) International Yoga Teacher Training 200 hours Certification Course หลักสูตรที่ไดรับการรับรองจาก International Yoga Federation (I.Y.F.) และYoga Alliance (Y.A.) - หลักสูตร Yoga advance and anatomy 80 hours. จาก Sivalee Yoga House วีระชัย เล็กตระกูล(เชียง) - จบหลักสูตรอบรมครูโยคะ สถาบันโยคะวิชาการ - หลักสูตรวิชาชีพครูโยคะสากล จาก Sivalee Yoga House International Yoga Teacher Training 200 hours Certification Course (หลักสูตรครูสอนโยคะระดับนานาชาติ 200 ชั่วโมง หลักสูตรที่ไดรับการรับรองจาก Yoga Alliance (Y.A.) - หลักสูตรครูศิวะนันทะจากครูหนู ชมชื่น สิทธิเวช ติดตอสอบถามรายละเอียด ที่อันจาลีโยคะ 0897179551, 085-3114047
¨Ò¡à¾× ่ Í ¹¤ÃÙ
ÊÒÃѵ¶Ð
photo from; http://media-cache-ec0.pinimg.com/originals/21/19/b0/2119b02b8ad15aee1a3977ef067bf680.jpg
ªÕ Ç Ô µ ¹Ñ ¡ àÃÕ Â ¹â¤Р·Õ ่ ä ¡ÇÑ Å Â¸ÃÃÁ âŹҿÅÒ ÍÔ ¹ à´Õ  เกิดมายังไมเคยเห็นราเติบโตเร็วขนาดนี้ มากอนเลย ทุกครั้งที่กลับมาที่หองตองคอยดมกลิ่น เสื้อผาวาไมมีรามาวอแว บางครั้งไมมีรอยดำๆใหเห็น มาแตกลิ่น แตแคกลิ่นก็เลนเอาแทบแย หลายคนตองทิ้งเสื้อผา ทิ้งกระเปา เพราะไมสามารถแกไขได หมดทางเยียวยาแลวจริงๆ สวนนาิกาหนังสุดที่รักซึ่งไดเปนที่พำนัก อยางดีของเชื้อรานั้น ไดลองหอผาแลวพันดวย พลาสติกก็แลวลองเช็ดออกก็แลวเปาดวยไดรเปาผม ก็แลว ผานไปสองวันราก็มาเยือนอีก จึงไดจัดการขั้นสุดทายสรุปสุดทายเอาน้ำยาลางมือ เดทตอลผสมน้ำขัดนาิกาสายนาิกาเหมือนกับที่ ซักผา โดยไมสนใจแลววานาิกาจะเสียไหม จากนั้นเอาไดรเปา ตากแดดซึ่งมีมาวันละไมกี่นาที ในที่สุดสามเดือนผานไป แดดมา สายนาิกาก็แหงสนิท...แตจุดนี้ ขอบอกวา ยังไมกลาใสนาิกาเรือนนี้อีกเลย เนื่องจากสมฤติ หรือความทรงจำที่เห็นความเชื้อราราเริงยังคงติดแนน อยู คงตองใชอัภยาสและวิราคธรรมในการผานพน การรบกวนของจิตนี้ไปใหได
6
ÊÒÃѵ¶Ð มัวแตเลาเรื่องอื่น หลายคนคงอยากถาม เรื่องเรียนมีคนบอกวาเคยเรียนคอรสหกอาทิตย มาเรียน มาเรียนคราวนี้ก็งายนะสิ ขอบอกวาไมเลย ไมเลยคะ เรียนคราวนี้ลงลึกและจริงจังในทุกแงมุมของ โยคะเทาที่มนุษยจะมีมุมมองกับสิ่งตางๆ ในโลกนี้ได และเนนตามตำราดั้งเดิมผสานมุมมองทางวิทยาศาสตร สวนครูที่สอนทำงานที่ไกวัลยธรรมมายาวนาน มีประสบการณสอนมายาวนาน บางทานสอนมากวา 30 ป 25 ป เรียกไดวารูลึก รูจริง ที่สำคัญครูทุกทานนารักมากๆ รูสึกไดถึงความเมตตา ครูใหความรูอยางเต็มที่แมเหลานักเรียนจะงอแงเปน ระยะๆ หลายคนปวย หลายคนคิดถึงบาน บางคนคิดถึงลูกคิดถึงสามี (มีนักเรียนที่แตงงานแลวมาเรียนหลายคนเหมือนกัน) ฟงดูเหมือนจะเปนไปไดดวยดี แตชากอน เนื่องจากความโหดรายของสภาพอากาศ เชื้อราจอมอึด ฝนจอมตื๊อ นอนในที่หนาวๆ ชื้นๆ อีกอยางที่ไมยิ่งหยอนไปกวากันอยางที่ทุกคนรูกันดี นั่นคือ ภาษาอังกฤษสำเนียงแขกที่ทำเอาตอม การแปลไมทำงานไปเหมือนกัน ฟงเขาหูซายทะลุ ออกหูขวา ฟงประโยคแรกกำลังแปลในหัวประโยคสอง สาม สี่ตามมาแบบไมใหหายใจหายคอเลนเอาเกือบแย สวนภาษาฮินดีก็มีมาใหไดยินเปนระยะๆ ตอนที่เรียนคอรสหกอาทิตยมีชาวตางชาติเยอะ นาจะเกินครึ่งหอง ดังนั้น แทบไมไดยินภาษาฮินดีจากครูในคลาสเรียนเลย มาในคลาสนี้ นอกจากภาษาอังกฤษสำเนียงแขกจา ยังตามมาดวยภาษาฮินดี เรื่องตลกฮินดี เรื่องดรามาฮินดี เพลงฮินดี บทสวดฮินดี... แตเรื่องเศราของชาวไทยที่ไมรูจะไปเก็ทมุกกับเขาตอน ไหน ถึงแมจะแบงเปนสองคลาสคือ คลาสที่สอนดวยภาษาฮินดีและคลาสที่สอนดวย ภาษาอังกฤษแลวก็ตาม เนื่องจากคลาสภาษาอังกฤษ มีนักเรียนตางชาติเพียงแคสี่คน หญิงสาม ชายหนึ่ง สวนผูชายก็หายไปชวงเดือนแรกของการเรียนเนื่องจาก ปวดทองอยางหนักอยูหลายวันจนมาพบวาสาเหตุที่แท จริงคือไสติ่งอักเสบ เลยตองไปผาตัดที่ปูเนและพัก รักษาตัวกันยาว ทำใหเหลือนักเรียนตางชาติในหอง สามคน คือคนไทย คนเกาหลี (เปนรูมเมท ชื่อโซฟ) และคนไตหวัน ชื่อไอลีน
7
การเรียนสองเดือนแรกเปนไปดวยความ มึนงง จากสิ่งแวดลอม ทั้งที่พยายามอยางเต็มที่ แตหลายๆ อยางก็ไมอำนวยสภาพรางกายออนแอ ติดหวัด ปวดหัว ไขขึ้น ทองผูก จนหมอสั่งให bed rest สามวัน เรียกไดวานอนเปนผัก ฟงเสียงฝนตกเชาจรดค่ำ เชา กลางวัน เย็น โซฟจะฝาฝนเอาอาหารมาให น้ำหนักลดวูบ สวนโซฟก็น้ำกัดเทา แพยุงผื่นขึ้นคันคะเยอ และไอลีนก็ไมคอยถนัดภาษาอังกฤษเลยทำการบาน หนัก ฟงคลิปที่อัดเสียงไวตลอดเวลา เรียกไดวาแตละคนก็เผชิญกับอุปสรรคในรูปแบบที่แตก ตางกัน ถาจะเรียกวาอุปสรรคอาจจะดูเหนื่อย เรียกวาเปนความทาทายในการใชชีวิตที่นี่ก็แลวกัน (ติดตามตอฉบับหนานะคะ) เตย
ÊÒÃѵ¶Ð
§Ò¹ÈÖ ¡ ÉÒÇÔ ¨ Ñ Â
photo from; http://www.zoo-m.com/flickr-storm/
»·Ø Á ÍÒʹР·‹ Ò ¹Ñ ่ § ´Í¡ºÑ Ç กวี คงภักดีพงษ เมื่อ 10 ปที่แลวไปแนะนำโยคะใหกับ บุคลากรของบริษัทธุรกิจแหงหนึ่ง ในระหวางที่สอน ไดถามผูเรียนทราบไหมวาอาสนะที่ไดรับการยกยอง วาเปนสุดยอดคือทาอะไร ผูเรียนหลายคนนึกไปถึง ทาที่โลดโผนบางนึกไปถึงทาพิสดาร ครั้นพอไดเฉลยตามตำราดั้งเดิมวาไดแก ทาปทมาสนะหรือทาดอกบัว สีหนาแววตาผูเรียน ตางผิดหวังไปตามๆ กัน ซึ่งทำเอาคนสอนเองก็จิตตก ไปดวย บอกกับตนเองวามุขนี้ไมไดผล คนยังมองโยคะ เปน เรื่องความพิสดารไกลตัวมากกวาเปนเรื่องจิตใจ ใกลตัว ป 2554 สถาบันโยคะวิชาการไดไปสอน โยคะเพื่อสมาธิที่สวนโมกขกรุงเทพ ครูที่ไปเลาใหฟง วาเมื่อ พอสอนเสร็จ นักเรียนเดินเขามาขอบคุณ และพูดวา “ดีใจที่มีการสอนโยคะแบบนี้ เพราะพี่ไปเรียนโยคะตามศูนยแลวรูสึกเหนื่อยมาก
8
ÊÒÃѵ¶Ð ทำตามไมไดเลย ทอแท” “แตการฝกที่นี่รูสึกสบายตัว ผอนคลาย และที่สำคัญ สงบ” ซึ่งทำใหสถาบันฯ พบความจริงวายังมี คนอีกสวน หนึ่งที่ไมไดมองโยคะเปนเรื่องของ การสรางสมอะไรๆ ภายนอก แตเขาใจตามตำราโบราณวาโยคะเปนเรื่องของการ ปลอยวางภายใน คนกลุมนี้จะชอบการฝกอาสนะ ของสถาบันฯ ในชวงทาย ที่ใหผูเรียนไดนั่งสงบ ในทาปทุมประมาณ 3 – 5 นาที บางคนมาเลาใหฟงวาเขาดีใจมากเลยที่วันนี้เขา สามารถนั่งสมาธิได ไมเมื่อยตัว ที่สำคัญเขารูสึกแปลกใจวาทำไมจิตตัวเองสงบจัง และดีใจที่การมาฝกโยคะที่สวนโมกขคอยๆ นำพาเขาเหลานี้ใหฝกทาดอกบัว-ทาที่มีความสำคัญสูง สุดนี้ไดดีขึ้นๆ ทาดอกบัวเปนทาที่ไดรับการยกยองสูงสุด จากตำราหฐประทีปกา (เขียนขึ้นราวป พ.ศ. 1990) กลาวถึงทานี้ไวดังนี้ วิธีฝกปทมาสนะ “นำเทามาวางไวที่ตนขาเทาทั้งสองขางหงายขึ้น และฝามือวางหงายอยูระหวางตนขาทั้งสองขาง” HP 1.45 หรือ “มือวางซอนกันบนขา ทำใหฝามือเปนแอง” HP 1.48 ตำรายังไดอธิบายเทคนิคยอยเพิ่มเติมไว “กดคางเขาหาอก เพงที่ปลายจมูก กดลิ้นไวที่เพดานปากสวนหนา” HP 1.46, 1.48 จะเห็นไดวานอกจากการจัดวางทาทางแลว ยังมีการทำเทคนิคยอยประกอบคือเพงสายตา ล็อคคอและล็อคบริเวณลิ้น ซึ่งเปนการเอื้อใหผูฝกมีความจดจอมากขึ้น นอกจากนั้น ยังเสริมไดแก “หายใจเขาผานทางรูจมูกแลวกลั้นไว” HP 1.49 “หายใจออกนำปราณะที่เขาไปออกมา” HP 1.48 และ “ใหปราณะเคลื่อนขึ้นอยางชาๆ” HP 1.46 อันเปนการแนะนำใหผูฝกลองรับรูความเปนไปภายใน ลองรับรูถึงภาวะอันละเอียดออน ไมวาจะเปนการไหลเคลื่อนของลมหายใจ กระแสประสาท หรือพลังชีวิตที่ดำเนินไปตลอดเวลา ที่เราอยูในทานี้ สวนผลที่ไดรับ ตำราระบุคือ
9
“ปทมาสนะทำลายโรคภัยทั้งหลาย” HP 1.47 “ทำสมาธิอยูในทานี้ ก็จะไดรูถึงสิ่งอันเปนสุดยอดไมมีอื่นใดเทียบเทียมได” HP 1.48 โยคีผูนั่งอยูในทาปทมาสนะ จะเปนอิสระ ไดอยางแนนอนที่สุด ไมตองสงสัยในขอนี้เลย HP 1.49 ทั้งยังบอกอีกดวยวา “ใชวาผูใดก็ทำได มีเพียงไมกี่คนในโลกนี้เทานั้นที่บรรลุถึง” HP 1.47 การฝกโยคะโดยอิงตำราดั้งเดิม จะทำใหเราเห็นสาระ สำคัญ รายละเอียด ความลุมลึกของหฐโยคะ เห็นเปาหมาย เห็นลำดับขั้นตอนการฝกไดดียิ่งขึ้น สำหรับผูสนใจเบื้องตน สามารถฝกทาทางเบื้องตน ตามตำรา สวนเทคนิคประกอบตางๆ จะมีการสอน ในชั้นเรียนสำหรับผูสนใจโยคะจริงจังที่ฝกโยคะมาได สักระยะหนึ่งแลว
º·¡Å͹
ÊÒÃѵ¶Ð
µŒ ¹ ä ÁŒ ä Á‹ Ê Ò Á Ò Ã ¶ à µÔ º â µ ä ´Œ ã ¹ ÇÑ ¹ à ´Õ Â Ç ¼ Å ¨ Ò ¡ ¡ Ò Ã ½ƒ ¡ â  ¤ Ð ¡็ à ª‹ ¹ ¡Ñ ¹ ¤ÇÒÁÊÁ่ Ó àÊÁÍ¤× Í ¡Ø Þ á¨ÊÓ¤Ñ Þ »ÃСͺ¡Ñ º ¤ÇÒÁÊØ ¢ ã¹·Ø ¡ æ ¡ÒÃà¤Å× ่ Í ¹äËÇ ÅÐÇÒ§¨Ò¡à»‡ Ò ËÁÒ ½ƒ ¡ â´Â·Õ ่ ¿ ˜ § àÊÕ Â §Ã‹ Ò §¡ÒÂµÑ Ç àͧ äÁ‹ ½ „ ¹ ¨¹ºÒ´à¨็ º àËÁ× Í ¹àª‹ ¹ ·Ø ¡ æ ÇÑ ¹ ·Õ ่ à ÃÒཇ Ò Ã´¹้ Ó Å§ä»º¹¼× ¹ ´Ô ¹ ·Õ ่ º ‹ Á à¾ÒÐàÁÅ็ ´ ¾Ñ ¹ ¸Ø ¢ÍãËŒ à ÃÒÁÕ ¤ ÇÒÁÊØ ¢ ã¹ËŒ Ç §¢³Ð·Õ ่ ¼ × ¹ ´Ô ¹ ä´Œ Ã Ñ º ¤ÇÒÁªØ ‹ Á ©่ Ó áµ‹ à ¾Õ Â §¾Í´Õ äÁ‹ Á Ò¡ä» äÁ‹ ¹ Œ Í Âä» à¾Õ  §à·‹ Ò ¹Õ ้ ¡ Òç͡§ÒÁ¢Í§àÁÅ็ ´ ¾Ñ ¹ ¸Ø á Ë‹ § â¤С็ ¤ §äÁ‹ Ë ¹Õ ä »ä˹àÊÕ Â ·Õ ่ Ê Ó¤Ñ Þ Ë ¹Œ Ò ·Õ ่ ¢ Í § à Ã Ò ¡็ à ¾Õ Â § à ´ ¹้ Ó Ê‹ Ç ¹¡ÒÃàµÔ º âµ¹Ñ ้ ¹ àÅ‹ Ò »Å‹ Í ÂãËŒ à »š ¹ ˹Œ Ò ·Õ ่ ¢ ͧµŒ ¹ äÁŒ à ¶Ô ´
Í¹Ñ µ µÒ
10
ÊÒÃѵ¶Ð
¾Ñ ² ¹Ò¨Ô µ
photo from; http://www.flickriver.com/groups/treepeople/pool/interesting/
â¤Р8 ÊÒ¢Ò
กวี คงภักดีพงษ
คำถาม มีคนกลาววาโยคะมี 8 สาขา บางคนก็บอกวาโยคะเหมือนมรรคองค 8 ที่บอกวา 8 นั้น หมายความวาอยางไร 8 ทา หรือ 8 อะไรครับ ตอบ เนื่องจากทาโยคะอาสนะเปนสิ่งที่โดดเดน สะดุดตามากที่สุด คนจำนวนหนึ่งถึงกับคิดวาทาโยคะ ก็คือทั้งหมด ของโยคะ จริงๆ แลว โยคะเปนเรื่องของวิถีชีวิตครับ คือนักปราชญอินเดียโบราณในกระแสหลักเมื่อ 2,300 ปที่แลว เขามีความคิดวาการดำเนินชีวิตที่ดีนั้นจะตองมีวิถีชีวิต ตามแบบโยคะ (ซึ่งก็มีคนกลุมอื่นๆ ที่ไมไดคิดแบบนั้น เชนพระพุทธเจา ฯลฯ) ครั้นเมื่อเวลาผานไป แนวคิดกระแสหลักนี้ก็เปลี่ยน มีแนวคิดใหมเกิดขึ้น คนก็หันไปสนใจวิถีใหม เวลาผานไปอีกระยะหนึ่ง เกิดความคิดใหมอีก คนก็เปลี่ยนอีก เปนเชนนี้ไปเรื่อยๆ ตามประสาของคนอินเดียที่ชางคิด ทุกวันนี้ คนอินเดียเขามีวิถีแบบฮินดู
11
ÊÒÃѵ¶Ð กลับมาที่คำถามของเรา หากไดอานตำราโยคะดั้งเดิมที่ชื่อวาโยคะสูตร เขียนโดยปตัญชลี ก็จะพบประโยคที่กลาวไวอยางชัดเจนวา วิถีโยคะนั้นมีอยู 8 ประการ เขาเรียกวา อัษฏางคโยคะ ดวยการดำเนินชีวิตไปตามอัษฎางคโยคะ คนผูนั้นก็จะบรรลุเปาหมายสูงสุดคือการเขาถึง สัจธรรมของชีวิต อัษฏางโยคะนี้ประกอบดวย 1) การมีศีล 2) การมีวินัย 3) การมีรางกายที่สมดุล ดวยการฝกทาอาสนะ 4) การมีอารมณที่มั่นคง ดวยการฝกลมหายใจ 5) การปดประสาทสัมผัสทั้งหา 6) การเพงจอง 7) การเขาฌาน และ สุดทาย 8) การยกระดับจิตสำนึกจากระดับโลกขึ้นไปสูระดับเหนือ โลก สิ่งสำคัญที่ตองพิจารณาก็คืออัษฏางคโยคะนี้เปน องคประกอบที่เชื่อมโยงไมสามารถแยกขาดออกจากกัน ครูโยคะทานหนึ่งเปรียบกับรถยนต ลองคิดดู ลำพังเพียงลอหรือเพียงเครื่องยนตโดดๆ
เราไมอาจกลาวไดวามันคือรถฉันใด จะแยกทาโยคะออกมาโดดๆ เราไมอาจกลาวไดวามันคือรถฉันใด จะแยกทาโยคะออกมาโดดๆ แลวเรียกวามันคือโยคะยอมทำไมไดฉันนั้น ครูโยคะอีกทานเปรียบอัษฏางคโยคะกับตนไมซึ่งให ความหมายที่ลึกซึ้งเชื่อมโยง ทานเปรียบศีลและวินัยเปนรากฐาน อาสนะคือลำตนที่เห็นชัดเปนรูปธรรม ลมหายใจเหมือนใบใหพลังชีวิต การสำรวมในอินทรีย การเพงจอง ฌาน เปรียบไดกับ กิ่ง กาน ยอดออน โดยจิดที่ยกระดับขึ้นไดเปรียบเสมือนผลของไมนั้น มีบางคนสงสัยระหวางอัษฏางคโยคะ กับมรรคมีองค 8 ของพุทธศาสนา จริงๆ แลว 2 ศาสตรนี้มีทั้งสวนที่คลายกับสวนที่ตางกัน อาจจะลองเปรียบเทียบไดบาง เพื่อทำใหเราเห็นภาพของอัษฏางคโยคะที่ชัดขึ้น ฝากพิจารณาครับ
มรรคมีองค 8 ของพุทธศาสนา
ระดับศีล
อัษฏางคโยคะ
พูดชอบ / ดำเนินชีวิตชอบ / อาชีพชอบ
ศีล / วินัย
ระดับสมาธิ
เพียรชอบ / สติชอบ / สมาธิชอบ
ทาโยคะใหรางกายสงบ ลมหายใจใหอารมณสงบ การสำรวมอินทรีย / การเพงจอง / ฌาน
ระดับปญญา
ความเห็นชอบ / คิดชอบ
จิตที่ยกระดับจากโลกขึ้นเหนือโลก
12
ÊÒÃѵ¶Ð
ẋ § »˜ ¹ ¡ÒÃÊ͹
photo from; http://media-cache-ec0.pinimg.com/originals/42/c8/e8/42c8e8616e65a7854d6567ea28bf46d7.jpg photo from; http://www.flickriver.com/groups/83078986@N00/pool/interesting/
àÁ× ่ Í ËÁÍàÅ× Í ¡àÃÕ Â ¹â¤Рจินตนา พงษถิ่นทองงาม (ครูจิน)
13
กอนที่หมอจะตัดสินใจทำอะไรซักอยาง คงตองคิดไตรตรองอยางดีเพราะหมอเปนวิชาชีพที่มี ความรูเยอะ รูระบบรางกายรูที่มาที่ไปของปญหา เรื่องสุขภาพก็เชนกัน หมอมองภาพใหญวาออกกำลังกายตองไดอะไรบาง เพิ่มอัตราการเตนของหัวใจ เพิ่มความยืดหยุนของกลามเนื้อและขอตอ ฯลฯ ดวยขอจำกัดตางๆ ของรางกายที่มาจากการทำงาน งานที่ทำตองนั่งสองกลองจุลทรรศนเกือบทั้งวัน ตรวจดูชิ้นเนื้อเพื่อวิเคราะหโรคซึ่งสวนใหญก็วิเคราะห เรื่องโรคมะเร็ง ทำใหเริ่มมีอาการปวดคอ ปวดหลัง แตออกกำลังกายอยางอื่นไมไหวแลว สุดทายตัดสินใจเรียนโยคะกัน กอนเรียนโยคะก็เชนกัน หมอก็ศึกษากันมาอยางดีวาเรียนโยคะแลวจะดีตอ สุขภาพรางกายอยางไร คุณหมอทานที่เปนหัวหนาทีมนำเพื่อนหมอเรียนโยคะ ก็เคยไปฝกโยคะที่สถานฟตเนสมาแลวแตทำตามไมทัน ครูและเพื่อนก็เลยคิดวาเราหาครูมาฝกกันเองภายใน ดีกวา ยังไงก็ตองทำตามไดแนๆ
ÊÒÃѵ¶Ð คนสอนไปสอนดวยความตื่นเตน ในครั้งแรกกลัววาหมอจะซักถามอะไรยากๆ มั้ยเกี่ยวกับระบบรางกาย แลวเราจะพูดอะไรผิดๆ ไปไหมเนี่ยทั้งเรื่องกระดูก กลามเนื้อ อวัยวะ ตอมไรทอ การหายใจ อื่นๆ อีกสารพัด ทั้งที่เตรียมตัวอยางดี อานหนังสือมากมายกายกอง ปกติไปสอนที่ไหนจะมั่นใจตลอด เปนตัวของตัวเองตลอด ไมเคยกลัวการสอนการพูดในที่สาธารณะใดๆ ทั้งสิ้น มีหนนี้แหละกลัววาเราจะรูไมจริงรูไมลึก จนอยากไดวิญญาณของครูมาสิง พยายามนึกภาพแนวการพูดแนวการสอนตอนที่เราไป เรียนหลักสูตรครูสั้น และหลักสูตรปราณายมะกับครู แตเมื่อไปสอนจริงๆ ปรากฏวาราบรื่น คุณหมอตั้งใจเรียนตั้งใจฝกมาก เปดใจกวางเรียนรูทุกอยางที่เกี่ยวกับศาสตรโยคะ หมอก็เหมือนนักเรียนทั่วๆ ไปที่มาเริ่มเรียนโยคะ เราสามารถถายทอดประสบการณการฝกโยคะของเรา ผานการสอนไดอยางสบายใจ แนวการสอนของสถาบันไปไดดีกับความตองการของ คุณหมอทุกคน เมื่อฝกไปไดหนึ่งเดือนประมาณ 10 ครั้ง คนสอนไดมีการชวนคุณหมอตั้งวงเล็กๆ พูดคุยเสวนากัน ถึงไดรูวาคุณหมอประทับใจกับโยคะมากโดยเฉพาะเรื่อง สุขภาพกาย คุณหมอทานนึงหายจากการปวดคอเนื่องจากกระดูก คอเสื่อม กอนมาฝกโยคะหันหนาซายขวาเพื่อขามถนนไมคอยได แตตอนนี้หันไดแลว อีกทานนึงปวดหลังมากอน ปกติมักไปนวดแกปวดเมื่อย แตหลังจากฝกโยคะแลวหายอาการปวดหลังดีขึ้นเอง โดยไมตองไปนวดและนั่งไดนานขึ้น คุณหมออีกทานบอกวาฝกโยคะแลวรูสึกตัวขึ้นเยอะ บางครั้งนั่งทำงานแลวรูสึกตัววานั่งเกร็งนานเกินไป ทำงานเพลินเกินไปแลวนะ คุณหมอก็จะลุกมายืดเหยียดดวยทาโยคะงายๆ ที่จำไดเชนทาภูเขาหรือไมก็ทาตนตาล คุณหมอบอกวาเหมือนมีเสียงครูจินมาหลอกหลอนให นั่งตัวตรง หนาตรง หลังตรงตลอดเวลาที่รูสึกตัววาอยูในทาที่รางกายไม สมดุลนานเกินไป
คุณหมอทุกทานบอกวาชวงเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่ฝก โยคะเหมือนไดพักผอนไปดวยกอนที่จะไปทำงานตอ ชวงบาย พวกเราฝกตอนกลางวันกัน คุณหมอบางทานชอบทาศพมากถึงกับเอาไปสอนลูก นอนสมาธิ คุณหมอเลาใหฟงวาสามีแอบมองคอนๆ จากเดิมแมลูกนั่งสมาธิกันแตเดี๋ยวนี้นอนสมาธิกันเลย เหรอ คุณหมอทุกทานมีความเห็นตรงกันวาโยคะ ไปไดดีกับ หลักการทางการแพทย ไมขัดแยงใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องมัสเซิลโทนจากอาสนะทุกทา ตลอดจนเกิดการไหลเวียนของเลือดดีขึ้นทั่วรางกาย ทาโยคะมุทรารับรูไดถึงการกดนวดอวัยวะภายในและ ตอมไรทอตางๆ มีประโยชนตอระบบการทำงานของรางกาย การฝกยืนทรงตัวขาเดียวในทาตนไมและพญาครุฑก็ พัฒนาระบบประสาทตางๆ คนสอนไดนำซีดีหนังสือและโปสเตอรการฝกโยคะของ สถาบันฯ ไปมอบให เพื่อใหคุณหมอไดนำไปฝกตอที่บาน และก็ชวนครูเตยไปเปนครูพิเศษเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ การฝก แมเราจะมาจากสถาบันเดียวกัน หลักการเดียว กันแต เทคนิคการสอนก็มีแตกตางกันไปบาง ครูเตยนำบทสวดมนตจากสถาบันไกวัลยธรรมไปเติม เต็มใหผูเรียนรับรูความสงบผานการสั่นสะเทือนของ เสียง เปนการเขาสูความสงบอีกมิตินึงที่ผูเรียน ไมเคยเรียนรูมากอน และเปนการเปดโลกทัศนของคุณหมอในเรื่อง ศาสตรโยคะวาสามารถเรียนไดถึงหลักสูตรอนุปริญญา ที่มีเนื้อหาครอบคลุมไปถึงวิทยาศาสตรและจิตศาสตร คุณหมอซักถามครูเตยกันใหญวาเรียนอะไรกันตั้ง 9 เดือน ถามีโอกาสคนสอนก็อยากชวนเพื่อนๆ ครูทานอื่นไปเปนแขกรับเชิญพิเศษ เพื่อเปดมิติใหมๆ สูความสงบและผอนคลายใหกับคุณหมอ ความรูสึกของคนสอนที่มีตอผูเรียนคือความรักและผูก พัน อยากนำสิ่งดีๆ จากโยคะไปมอบใหผูเรียนทุกครั้งที่ไปสอนใหสมกับควา มตั้งใจเรียนของคุณหมอและเจาหนาที่ทุกคน
14
ÊÒÃѵ¶Ð
ÇÔ ¶ Õ â ¤Ð
photo from; http://media-cache-ec0.pinimg.com/originals/42/c8/e8/42c8e8616e65a7854d6567ea28bf46d7.jpg
¤ÇÒÁàËÁ× Í ¹ã¹¤ÇÒÁµ‹ Ò § ชนาพร เหลืองระฆัง วันที่ 24 พฤศจิกายน วันที่ประชาชนนัดกันไปรวมตัวที่ราชดำเนิน ดวยเหตุผลทางการเมือง วันเดียวกับที่ฉันมีงานโยคะพื้นฐาน 1 วัน ที่ มศว. ระหวางทานอาหารกลางวันที่รานริมคลองแสนแสบ เห็นเรือดวนแลนผานไปหลายลำ แตละลำบรรจุผูโดยสารแนนไปจนถึงทายเรือ กลุมผูโดยสารดูจากเสื้อผา นกหวีดที่สวมคอ ธงชาติที่ผูกอยูที่ศีรษะ ฯลฯ ก็รูวาเปาหมายอยูที่ราชดำเนินแนนอน ทำใหใจของฉันพองโต อยากจะรวมเปนสวนหนึ่งของพลังมวลชนหลังจากเสร็จ งาน และ ทานอาหารเย็นแลว นองรุน 13 ชวนไปที่ราชดำเนิน แตนองขับรถไป และ นึกกันไมออกวาจะจอดรถไวไหนดีแตก็ไมลงตัว จึงตกลงกันวาแยกยายดีกวา เพราะดูจะไมสะดวกดวยประการทั้งปวง แตก็แยกกันไปดวยความคาใจที่ยังมีความอยากจะไปที่ ราชดำเนิน ฉันโบกแท็กซี่กลับบาน เปนคันที่ 3 จึงมีรถที่ยอมขามไปฝงธน พอเขาไปนั่งในรถ
15
ÊÒÃѵ¶Ð เราสองคน ไมใชคนที่ยืนอยูคนละฟาก แตเปนคนสองคน ที่ทำมาหากินเหมือน ๆ กัน ตางก็ทำหนาที่ของตน อยางดี
ก็มีเสียงวิทยุมากระทบโสตประสาท เปนเสียงวิทยุเสื้อแดง “เอาแลวไง” ฉันคิด “เซ็งจริง ๆ คนอยากไปชุมนุม ดันมาเจอแท็กซี่เสื้อแดง” ฉันนั่งอยูในรถอยางระแวดระวัง และ รูสึกอึดอัด เพราะจากประสบการณที่ผานมา คนขับแท็กซี่ที่เราเรียกวาแท็กซี่เสื้อแดงมักจะหัวรุนแรง และ หยาบคาย จึงนั่งอยูเงียบ ๆ และไมไดใสใจกับเนื้อหาที่ออกมาจากวิทยุนั้น ซักพักคุณลุงคนขับแท็กซี่ก็ปดเสียงวิทยุ และ เริ่มรูสึกถึงบรรยากาศที่ผอนคลายลง เพราะคุณลุงขับรถอยางสุภาพ และ ไมไดพูดอะไร ตอนลงถนนสาทร มุงหนาไปทางราชพฤกษ ก็เห็นวารถเยอะ คุณลุงเลยถามวาจะไปทางวงเวียนใหญมั๊ย ฉันตอบตกลง แตพอไปถึงทางที่จะแยกไปวงเวียนใหญ ก็พบวารถติดเปนแถวยาวอาจจะเนื่องจากเหตุชุมนุม จึงเปลี่ยนเปนตรงไปทางราชพฤกษเหมือนเดิม พอจะถึงบานเนื่องจากแถวบานกำลังมีทำถนน คุณลุงก็ชวนคุย “เออ ตรงนี้เมื่อไหรเคาจะทำเสร็จเนอะ” “นั่นสิคะ ติดมาตั้งนานแลวไมรูวาทำอะไรดวย” แลวคุณลุงก็ขับเลยที่กลับรถ “คุณลุงคาเลยแลวคา” “โอะๆๆ ขอโทษนะ มัวแตนึกถึงวามาจากวงเวียนใหญ จำผิดไป” ณ ตอนนั้น ฉันเกิดความรูสึกอยางหนึ่งขึ้นมา ฉันกลับรูสึกละอายตอคุณลุง
ที่มีอคติเกิดขึ้นในตอนแรกที่ขึ้นรถ เราสองคนไมใชคนที่ยืนอยูคนละฟาก แตเปนคนสองคน ที่ทำมาหากินเหมือน ๆ กัน ตางก็ทำหนาที่ของตนอยางดี เพียงแตทัศนคติ ความนิยมชมชอบทางการเมืองไมเหมือนกันเทานั้นเอง แตไมใชเหตุผลที่จะมาแบงเขา หรือ เรา, ถูก หรือ ผิด, ชอบ หรือ เกลียด ไดเลย ฉันเริ่มพิจารณาเนื้อหาที่มีคนโพสตลง facebook โลกยุคปจจุบันที่การ “แชร” ขอมูลเกิดขึ้นไดแคเสี้ยววินาที มีการปนกระแส สรางขาว ที่บางสวนก็ไมมีมูลความจริง คนอานแลวถูกใจ สะใจ แตเนื้อหานั้นแตงแตมขึ้นเพื่อใหความรูสึกเกลียดชัง และ ขัดแยงนั้นรุนแรงมากขึ้นเอนเอียงหางจากคำวาเหตุผล และ ขอเท็จจริงไปมากขึ้น (ซึ่งจริง ๆ แลวเราอาจจะไมรูดวยซ้ำวาขอเท็จจริงคืออะไร) หากเพียงแคเราจะเปดตามองโดยไมแบงแยกวาเปนพว กไหน สีอะไร เพราะแทที่จริงแลว เราทั้งหลายตางก็ไมไดแบงแยกจากกันเลย การไปชุมนุมหากไปเพื่อเปนการแสดงเจตนาของตนนั้น เปนสิ่งที่นาชื่นชม แตหากไปดวยใจที่เกลียดชัง ไมไดไปดวยสันติอยางแทจริงก็คงจะนำไปสูสันติใด ๆ ไมไดแมแตในใจของเราเอง
16
ÊÒÃѵ¶Ð
µÓÃÒâÂ¤Ð´Ñ ้ § à´Ô Á
photo from; http://laurenconrad.com/blog/post/friday-favorites-98 photo from; http://buddhist-meditation-techniques.com/meditation/walking-meditation/
ÊÔ ่ § ¼Å¢Í§¤ÇÒÁµÑ ้ § ÁÑ ่ ¹ 㹡Òû¯Ô º Ñ µ Ô Í »ÃÔ ¤ ÃËÐ วีระพงษ ไกรวิทย และจิรวรรณ ตั้งจิตเมธี ความตอนที่แลวพูดถึงโยคสูตร ๒ ประโยค คือ ๒:๓๗ มีใจความวา ผลของการตั้งมั่นในการ ปฏิบัติอสเตยะ(ไมลักขโมย) คือ การไดรับการไววางใจ แตงตั้งใหเปนผูดูแลรักษาทรัพยสินอันมีคาเพราะเปน บุคคลที่มีความซื่อสัตยสุจริต และ ๒:๓๘ มีสาระสำคัญวา ผลของการตั้งมั่นในการปฏิบัติ พรหมจรรยะ หรือการดำเนินชีวิตที่มีระเบียบวินัย เพื่อการพัฒนาทางจิตวิญญาณ รวมทั้งการควบคุม เรื่องทางเพศอยางเหมาะสม คือ การไดรับพละกำลัง เพราะสิ่งเหลานี้จะชวย ปองกันการสูญเสียพลังงานใน เรื่องที่ไมตองการหรือไมจำเปนได ตอไปเปนประโยคที่ ๒:๓๙ “อ-ปริครหะ-สไถรเย-ชันมะ-กถันตา สังโพธะห” แปลวา ผลของความตั้งมั่นในอปริครหะ (การไมครอบครองเปนเจาของ) คือ ความรูอัน สมบูรณของความหมายของชีวิต(ในหลายๆ ชาติ) ประโยคนี้ไมสามารถที่จะอธิบายดวยเหตุผลไดโดยงาย แมจะสมมุติวาผูปฏิบัติโยคะไดบรรลุ ถึงอปริครหะ ขั้นสูงสุดแลวก็ตาม กลาวคือเขาไมมีความรูสึกเปน เจาของแมแตสิ่งที่ไมมีความ สำคัญและไรความหมาย ที่สุดในโลกนี้และเขาไมเก็บสะสมสิ่งใดเลยที่อาจจะใช ประโยชนในอนาคต
17
ทำไมการทำเชนนี้จึงนำไปสูความรูความเขาใจอันส มบูรณของชีวิตนี้หรือแมแตชีวิตในชาติปางกอนไดนั้น ยังเปนเรื่องที่ไมมีความกระจางชัดนัก คำวา “ชันมะ” ไดรับการแปลความโดยอรรถกถาจารยสวนใหญวาอย ในรูปพหูพจนซึ่งหมายถึง ชีวิตในหลายๆ ชาติ ดังนั้น “ชันมะ-กถันตา-สังโพธะ” จึงหมายถึง ความรูอันสมบูรณของความหมายของชีวิตในหลาย ชาติ(ทั้งชาตินี้และชาติกอนๆ) อรรถกถาจารยรุนเกาสวนใหญ อธิบายเรื่องนี้ดวยทาทีดังตอไปนี้ความพยายามที่จะ ปฏิบัติยมะขออปริครหะอยางสมบูรณคอยๆ นำไปสูการลดนอยถอยลงของความเปนเจาของ หรือความรูสึกวา “เปนของฉัน” ตอมาก็จะนำไปสูการ ลดนอยลงของอีโกหรือ “ความเปนตัวฉัน” (อสมิตา) จนในที่สุดความเปนตัวฉันก็จะหมดไป สังสการะ(1) ที่นอนเนื่องอยูในชั้นที่ลึกลงไปๆ ของกรรมาศยะ(2) (ในสวนของจิตตะ) กลาวคือ สังสการะที่ไดสะสมไว ทั้งในชาตินี้และที่เคยสะสมไวในหลายภพหลายชาติใน อดีต จะไดรับอิสรภาพและจะผุดโผลขึ้นมา ในระดับ จิตสำนึกในปจจุบันทำใหสามารถรื้อฟนหรือจำไดถึง ชีวิตในอดีตชาติ ซึ่งจะชวยใหผูปฏิบัติเขาใจความหมาย ที่อยูเบื้องหลังชีวิตในอดีตชาติเหลานี้
ÊÒÃѵ¶Ð แตการอธิบายเชนนี้ก็ไมไดเปนที่นาพอใจเทาไรนัก เพราะ (๑) การปลดปลอยสังสการะในอดีตชาตินี้ ไมไดเปนผลมาจากการปฏิบัติอปริครหะอยางสมบูรณ เพียงอยางเดียว แตจำเปนตองขจัด “ความเปนของฉัน” (ความรูสึกเปนเจาของ) และความรูสึก “เปนตัวฉัน” อีโกหรืออสมิตาใหหมด ไปดวย ดังนั้นจึงไมสามารถอางไดวา การปลดปลอย สังสการะและการไดรับความรูของอดีตชาติ(เมื่อ สังสการะไดรับการปลดปลอยแลว)เปนผลมาจากความ ตั้งมั่นในอปริครหะเพียงลำพัง การลบลางความ มีตัวตน หรืออีโกไมอาจสำเร็จไดดวยการมีความตั้ง มั่นในอปริครหะ แตเปนผลมาจากมรรคของการปฏิบัติ สมาธิโดยเฉพาะ ธยานะ และสมาธิ (มรรคขั้นที่ ๗ และ ๘ ของปตัญชลีโยคสูตร-ผูแปล) แตประโยคนี้กลับกลาววา “ชันมะ-กถันตา-สังโพธะ” เปนผลมาจากความตั้งมั่นในอปริครหะเทานั้น (๒) แมวากลไกของกระบวนการดังกลาวที่อรรถ กถาจารยใหไวจะไดรับการยอมรับคือ การรำลึกไดของ สังสการะหรือความทรงจำในอดีตและปจจุบันชาติจะให ความรูเกี่ยวกับเรื่องราวของชีวิตในชาติตางๆ เหลานั้น แตทำไมมันจึงเปดเผยความหมายที่อยูเบื้องหลังชีวิตใน ชาติเหลานั้นได และเปดเผยอยางไรนั้นยังเปนเรื่อง ที่ไมอาจเขาใจได ตามที่กลาวมานั้นการปฏิบัติ ไมถือครอง เปนเจาของอยางเขมงวดและจริงใจจะคอยๆ ทำใหผู ปฏิบัติตระหนักวา เมื่อเขาปฏิบัติจนสามารถที่จะ ไมครอบครองเปนเจาของสิ่งตางๆ ซึ่งครั้งหนึ่งเขา เคยคิด วาสิ่งเหลานั้นเปนสิ่งจำเปนตอการดำรง ชีวิตอยางหลีกเลี่ยงไมได ในที่สุดเขาจะพบวาแทจริง แลวสิ่งเหลานั้นก็ไมไดจำเปนมากนัก การปฏิบัติ อปริครหะของยมะอยางสมบูรณจะนำไปสูการตระหนัก ถึงการหาประโยชนมิไดของการครอบครองสิ่งตางๆ ทางโลก และผูปฏิบัติจะเริ่มเขาใจวา การครอบครองเปนเจาของสินคาหรือสิ่งของตางๆ ทางโลกซึ่งมนุษยทุกคนมีความปรารถนาที่จะสะสมไว นั้น ไมใชจุดมุงหมายที่แทจริงของการดำรงอยูของ มนุษย แตจุดหมายแทจริงคือการเปนอิสระจากการ ยึดมั่นถือมั่นตอสิ่งเหลานั้นทั้งปวงที่นำเราไปสูการผูก มัดหรือพันธนาการ
ดังนั้นการตั้งมั่นในอปริครหะจนสมบูรณจะนำไปสูสภา วะขั้นสูงมากของไวราคยะ(3) ซึ่งเปนหนึ่งในสองสิ่งจำเปนที่สุดของการบรรลุถึง เปาหมาย “จิตตะ-วฤตติ-นิโรธะ” หรือการหยุดการปรุงแตงของจิต (ดูประโยค ๑:๑๒) และดวยเปาหมายในการหยุดการปรุงแตงของจิตนี้ก็จะ นำไปสูจุดมุงหมายของชีวิตในมุมมองของโยคะ นั่นคือ อปวรรคะ (การหลุดพน) และไกวัลยะ (ความสัมบูรณ) ไดเคยชี้ใหเห็นแลวในประโยค ๑:๑๒, ๑๕, ๑๖ วา การปฏิบัติไวราคยะแมจะเปนเรื่องทางจิต ก็จะไม สมบูรณถาไมไดมีการปฏิบัติอปริครหะ ควบคูกันไปดวย เพราะแมวาโยคีจะพัฒนา ไวราคยะ จนถึงระดับสูงมากแลวก็ตาม เชน ถึงขั้นวศีการะ(4) (๑:๑๕) แตยังคงมีความเปนไปไดมากวา โยคีผูนั้นอาจยึดติดทางโลกจากการลอลวงโดยวิษยะ (วัตถุสิ่งของตางๆ) ที่ใหความสุขความพอใจผานทาง ประสาทสัมผัสทั้ง ๖ (อินทริยะ – ประสาทสัมผัส ๕ และใจ) หากเขาละเลยที่จะปฏิบัติตาม อปริครหะ ของยมะ สไถรยะ และ ประติษฐา ทั้งสองคำนี้มี ความหมายเกือบเหมือนกันวา สภาวะที่ตั้งมั่นหรือ มั่นคง ในประโยค ๒:๓๕ ถึง ๓๘ กลาวถึงผลของ ความตั้งมั่นในยมะสี่ขอแรกซึ่งปตัญชลีไดใชคำวา “ประติษฐา”
(1) สังสการะ คือ กรรมตางๆ ที่ไดเคยปรุงแตงหรือกระทำไวในอดีตที่ผานมา แตยังคงประทับรองรอยกรรมเหลานั้นไวในจิต สำหรับผูที่ปฏิบัติวิปสสนาตามคำสอนของวิปสสนาจารยโกเอ็นกา สังสการะจะมีความหมายตรงกับคำวา “สังขาร” การสรางสังขารหรือสังสการะนี้เองที่ทำใหมนุษยยังคงมีความทุกข และตองเวียนวายตายเกิดอยางไมรูจบสิ้น (ผูแปล) (2) กรรมาศยะ คือ พื้นที่สวนหนึ่งของจิต เปนที่สำหรับเก็บสะสมสังสการะที่คนเราไดเคยสรางไว (ผูแปล) (3) ไวราคยะ คือ การถอนจากความยึดติดในวัตถุหรือสิ่งตางๆ สวนอีกสิ่งหนึ่งที่จำเปนตอการบรรลุเปาหมายโยคะคือ อภยาสะ หรือการมีความเพียรปฏิบัติอยางสม่ำเสมอตอเนื่อง (ผูแปล) (4) วศีการะ คือ การถอนจากความยึดติดในวัตถุหรือสิ่งตางๆ ในขั้นที่ ๔ ซึ่งเปนขั้นสูงสุดของไวราคยะ เปนขั้นที่สามารถเอาชนะกิเลสไดอยางสมบูรณ (๑:๑๕)
18
ÊÒÃѵ¶Ð ซึ่งเกือบจะเปนสิ่งเดียวกันกับที่ทานใชคำวา “สไถรยะ” ในประโยคนี้(๓๙) แมวาความหมายของคำทั้งสองที่เกือบจะเหมือนกันนั้น จะไมไดมีสาระที่สำคัญมากนัก แตกระนั้นก็ยังมีคำถามหนึ่งที่ตรงกับประเด็นนี้ก็คือ ทำไมปตัญชลีซึ่งเปนผูที่ระมัดระวังอยางมากเกี่ยวกับก ารใชคำที่เหมาะสม จึงใชคำแสดงสภาวะของยมะในประโยคนี้ดวยคำที่แตก ตางออกไปจากประโยคกอนๆ ตามปกติแลวแมวาคำสองคำจะมีความหมาย เหมือนกัน แตก็มีบางสวนที่แตกตางกันบาง คำวา ประติษฐา มีความหมายที่เกี่ยวของกับความเคารพ นับถือรวมอยูกับความตั้งมั่นดวย ขณะที่ สไถรยะ ไมไดมีความหมายเพิ่มเขามาอยางนั้น มันหมายถึง ความตั้งมั่นหรือความมั่นคงเฉยๆ คนที่เปนผูปฏิบัติ ตามยมะขอใดขอหนึ่งไมวาจะเปนขออหิงสา หรือสัตยะ หรืออสเตยะ หรือพรหมจรรยะจะไดรับการเคารพ นับถือวาเปนนักบุญหรือนักบวชในสังคม เพราะการปฏิบัติตามยมะเหลานี้เปนเรื่อง ที่สังเกตไดงายในสังคม เนื่องจากมันสงผลตอ พฤติกรรมการแสดง ออกของบุคคลผูปฏิบัติในสังคม และบุคคลเชนนี้ก็หาไดยากมาก ดังนั้นความตั้งมั่นใน ยมะ ทั้งสี่ขอแรกนี้ ยอมเปนเรื่องของประติษฐาดวย ในอีกดานหนึ่งคนที่พยายามจะพัฒนาอปริครหะในตัวเ อง โดยอาจจะตัดความจำเปนและสละสิ่งตางๆ ที่เขาครอบครองอยูออกไปอาจจะไมไดเปนที่สังเกตเลย แตถามีคนในสังคมสังเกตเห็นก็อาจจะถูกตราหนาอยาง ผิดๆ วาเปนคนลมเหลว(ในทางโลก) เปนคนยากจน และอาจถูกมองดวยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ดังนั้นเขาจึงไมไดรับ ประติษฐา (ความเคารพนับถือ) จากความตั้งมั่นในอปริครหะ คำวา สไถรยะ จึงคอนขางเหมาะสมในกรณีนี้
เอกสารอางอิง : Karambelkar, P. V. (1986). PATANJALA YOGA SUTRAS Sanskrta Sutras with Transliteration, Translation & Commentary. Lonavla : Kaivalyadhama, p. 271-275.
19
ÊÒÃѵ¶Ð
สถาบันโยคะวิชาการดำเนินการโดยมีรายไดจาก คาลงทะเบียนกิจกรรม จากการจำหนายผลิตภัณฑตางๆ สถาบัน ฯ ยินดีรับการสนับสนุนจากผูสนใจรวมเผยแพร เพื่อนำเงินมาใชดำเนินการใหบรรลุวัตถุประสงคตามที่ตั้งไว เชิญบริจาคเขาบัญชีออมทรัพย ธนาคารไทยพาณิชย สาขาเดอะมอลล 3 รามคำแหง ชื่อบัญชี มูลนิธิหมอชาวบาน สถาบันโยคะวิชาการ เลขบัญชี 173-241-6858 à´×͹ ¾ÄȨԡÒ¹ 2556 ÁÕ¼ÙŒºÃԨҤʹѺʹع¡Ò÷ӧҹ¢Í§Ê¶ÒºÑ¹Ï ´Ñ§¹Õ้ เงินสมทบกิจกรรมโยคะในสวนธรรม วันที่ 26 ต.ค. ตูบริจาคสำนักงาน เดือน พ.ย. เงินสมทบกิจกรรมจิตสิกขา เดือน ต.ค. ÃÇÁ
1,680 1,130 300 3,110 ºÒ·
สถาบันโยคะวิชาการ มูลนิธิหมอชาวบาน 201 ซอยรามคำแหง 36/1 บางกะป กทม.10240 โทรศัพท 02 732 2016-7, 081 401 7744 โทรสาร 02 732 2811 อีเมล yoga.thaiyga@gmail.com เว็บไซท www.thaiyogainstitute.com