Saratha Sep 2013

Page 1

¨´ËÁÒ¢‹ Ò Ç

ÊÒÃѵ¶Ð

photo from: http://pure-and-honest.tumblr.com/

¡Ñ ¹ ÂÒ¹ 2556

www.thaiyogainstitute.com


ÊÒÃѵ¶Ð ÊÒÃºÑ Þ

·Õ ่ » ÃÖ ¡ ÉÒ

2 2

¡ÃÃÁ¡ÒÃ

¤Ø  ¡Ñ ¹ ¡‹ Í ¹ »¯Ô · Ô ¹ ¡Ô ¨ ¡ÃÃÁ àÃ× ่ Í §àÅ‹ Ò ¨Ò¡ÍÔ ¹ à´Õ  ชี ว ิ ต ที ่ อ าศรมนิ ศ าร โ กปจาร

3

¾ÃÐäµÃ» ® ¡á¡‹ ¹ ¸ÃÃÁ พระไตรป ฎ ก เล ม ที ่ ๑ ๔ (พระสุ ต ตั น ตป ฎ ก เล ม ที ่ ๖ ) มั ช ฌิ ม นิ ก าย อุ ป ริ ป  ณ ณาสก ๘ . อานาปานสติ ส ู ต ร

18 20

µÓÃÒâÂ¤Ð´Ñ ้ § à´Ô Á ผลของความตั ้ ง มั ่ น ในการปฏิ บ ั ต ิ อ หิ ง สา

กฤษณ ฟ ก น อ ย ชนาพร เหลื อ งระฆั ง ชุ ต ิ ม า อรุ ณ มาศ วรพจน คงผาสุ ข วรรณวิ ภ า มาลั ย นวล วิ ล ิ น ทร วิ ภ าสพั น ธ สมดุ ล ย หมั ่ น เพี ย รการ

ÊÓ¹Ñ ¡ §Ò¹

º·¡Å͹ งาม

กวี คงภั ก ดี พ งษ แก ว วิ ฑ ู ร ย เ ธี ย ร ธี ร เดช อุ ท ั ย วิ ท ยารั ต น นพ.ยงยุ ท ธ วงศ ภ ิ ร มย ศ านติ ์ นพ.สมศั ก ดิ ์ ชุ ณ หรั ศ มิ ์

21

พรทิ พ ย อึ ง คเดชา วั ล ลภา ณะนวล สุ จ ิ ต ฏา วิ เ ชี ย ร

¡Í§ºÃÃ³Ò¸Ô ¡ ÒÃ

จิ ร วรรณ ตั ้ ง จิ ต เมธี ณั ต ฐิ ย า ป ย มหั น ต ณั ฏ ฐ ว รดี ศิ ร ิ ก ุ ล ภั ท รศรี ธนวั ช ร เกตน ว ิ ม ุ ต ธี ร ิ น ทร อุ ช ชิ น พรจั น ทร จั น ทนไพรวั น วิ ส าขา ไผ ง าม วี ร ะพงษ ไกรวิ ท ย ศั น สนี ย  นิ ร ามิ ษ สุ จ ิ ต ฏา วิ เ ชี ย ร

ÈÔ Å »¡ÃÃÁ photo from; http://media-cache-ak0.pinimg.com/originals/ 17/6b/49/176b490ff5c761f4783f6a773dd1b7e2.jpg

กาญจนา กาญจนากร


ÊÒÃѵ¶Ð ¤Ø  ¡Ñ ¹ ¡‹ Í ¹ วันเวลาผานไปไวเหมือนโกหก มีคนเคยบอกวาเมื่ออายุยิ่งมากขึ้นความรูสึกของเวลายิ่งสั้นลง ฉะนั้น เจาจงทำในสิ่งที่เจาอยากกระทำเถิดตราบใดที่สิ่งนั้นกอใหเกิดประโยชนมิไดเปนการเบียดเบียนทั้งตนเองและ ผูอื่น สวัสดีเดือนกันยายน เดือนที่มีสัญลักษณตัวแทนแหงความเปนหญิง แตในทางปฏิบัติแลวจิตทุกดวง ไมวาหญิงหรือชายลวนเทาเทียมกันหากปฏิบัติไดถูกตรงดีแลวยอมนำสู“โมกษะ”หรือการหลุดพนไดเหมือนกัน ดังนั้นแลวขอใหทุกทานจงโชคดี

»¯Ô · Ô ¹ ¡Ô ¨ ¡ÃÃÁ

â¤ÐÍÒÊ¹Ð¢Ñ ้ ¹ ¾× ้ ¹ °Ò¹à¾× ่ Í ¤ÇÒÁÊØ ¢ ÊÓËÃÑ º ¼Ù Œ à ÃÔ ่ Á µŒ ¹ ÇÑ ¹ ÍÒ·Ô µ  · Õ ่ 22 ¡Ñ ¹ ÂÒ¹àÇÅÒ 9.00 – 15.00 ¹

ที่ชั้น 6 หอง 262 คณะมนุษยศาสตร มศว ประสานมิตร คาลงทะเบียน 650 บาท สนใจโทร.สอบถามรายละเอียดไดที่ สถาบันโยคะวิชาการ â¤Ðã¹Êǹ¸ÃÃÁ ³ Ëͨ´ËÁÒÂà赯 ¾ Ø · ¸·ÒÊ ¿ÃÕ ·Ø ¡ àÂ็ ¹ ÇÑ ¹ ¾Ø ¸ áÅÐ ¾ÄËÑ Ê àÇÅÒ 17.00 – 18.30 ¹. áÅÐ ÇÑ ¹ àÊÒà · Õ ่ 28¡Ñ ¹ ÂÒ¹ àÇÅÒº‹ Ò Â 2– 4 âÁ§àÂ็ ¹

รวมสมทบคากิจกรรมไดดวยการบริจาค ลงทะเบียนรวมกิจกรรมไดที่ www.bia.or.th â¤ÐÊÃŒ Ò §ÊØ ¢ ³ ËŒ Í §ÍÒÈÃÁÊØ ¢ ÀÒÇÐ ÊÊÊ ·Ø ¡ ÇÑ ¹ ¾ÄËÑ Ê àÇÅÒ 17.00 – 18.30 ¹. áÅÐ ÇÑ ¹ àÊÒà àÇÅÒ 10.30 – 12.00 ¹.

สำรองที่เขารวมกิจกรรมไดที่ activity.thc@thaihealth.or.th หรือ โทร.02 343 1500 ตอ 2 และ 081 731 8270 »ÃÐªØ Á »ÃШÓà´× Í ¹ ¡Ñ ¹ ÂÒ¹ ÇÑ ¹ ¨Ñ ¹ ·Ã · Õ ่ 2 ¡Ñ ¹ ÂÒ¹ 2556 àÇÅÒ 10.00 – 14.00 ¹.

สมาชิกครูโยคะจากสถาบันฯ สนใจเขารวมประชุมแลกเปลี่ยน เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมของสถาบันโยคะวิชาการใหเปนไปตาม พันธกิจสอบถามขอมูลเพิ่มเติมและแจงชื่อไดที่สถาบัน โยควิชาการ photo from; http://klarapersson.tumblr.com/post/11219538989

2


ÊÒÃÑ µ ¶Ð

àÃ× ่ Í §àÅ‹ Ò ¨Ò¡ÍÔ ¹ à´Õ Â

ªÕ Ç Ô µ ·Õ ่ Í ÒÈÃÁ¹Ô È Òà ⠡»¨Òà (Nisargophar Ashram) ตอจากฉบับที่แลว วันนี้สิบหกมกรา วันที่สี่ของการอยูที่นี่ วันนี้ตื่นมาแลวก็แตงตัวรีบไปดื่มน้ำแครอทตอนเชาแลว ไปรอคิวทำดีท็อกซ แตคุณสวัสติยังไมมา พอดีคนนวดมาสงซิกวามานวดตัวกอนแลวคอยไป ดีท็อกซ เราก็เลยโอเค วาไงวาตามกัน ไปนอนใหนวดซะใหเรียบรอย เสร็จแลวไปโรงอาหารดื่มน้ำผักแลวไปตอคิวทำดีท็อกซ ตอดวยไปพอกโคลน แลวไปอบไอน้ำเปนอันเสร็จพิธีเชานี้ แตอยูๆ รูสึกวารอบเดือนมา...หมอบอกวาถามีรอบเดือนตอง หยุดทรีทเมนตทุกอยาง พอไปเช็คดู เออ มาจริงๆ ดวย คงตองหยุดทรีทเมนตไปกอน ไมเปนไรๆ สวนผื่นมากมายที่แขนก็เริ่มดีขึ้น ผื่นที่ทองแขนขวาเริ่มหาย แตผื่นที่ทองแขนซายเริ่มมาก และเริ่มรอนจากขางใน บวม พองขึ้นเปนลำดับ แมจะเศราใจแตก็ตองสูตอไป หมอบอกวาการกินน้ำผักผลไมจะชวยไดมาก เราจะหายแนนอน

3

จากนั้นก็เดินผานตรงหองสมุด หนาหองมีหองครูโยคะอยูดวย เห็นเขียนปายวาไดเกียรติบัตรโยคะดวยเลยแวะหาครู สอนโยคะวาอยากจะถามเรื่องโยคะสำหรับผูปวยโรค หอบหืดพอดีครูติดคุยธุระอยูเลยบอกใหมาตอนบาย สามโมง หลังคลาสโยคะรอบบายเลิก เปนอันตกลง เราก็เดินกลับหองเพื่อไปอาบน้ำ วันนี้เจอคนซักผาเลยใหไปตักน้ำ Neemมาให แตพอเอาน้ำมา ดูเหมือนจะเปนนำรอนธรรมดาแฮะ ไมไดเปนน้ำตมใบ Neemแตก็ชางมัน ยังไงก็รับได อาบน้ำดีกวา เสร็จสรรพแลวก็ออกไปดื่มน้ำผลไม กลับมาเอาโคลนปดตานอนพักหนึ่งชั่วโมงแลวไปฝก โยคะกับครูคนเดิม ตอนฝกก็แอบคิดวา สอนสไตลไกวัลเลยแฮะ สงสัยจะจบมาจากไกวัลแหงแซะ พอฝกเสร็จเลยเขาคุยกับครู พอเดินเขาไปในหอง สิ่งแรกที่สะดุดตาเลยคือรูปโบกอลจีที่วางไปใตกระจก ใสบนโตะทำงาน เลยคิดวาครูคนนี้ตองไปเรียนที่ไกวัลธรรมมาแนนอน


ÊÒÃѵ¶Ð คำถามแรกที่เราถามครูคือ “ครูคะ นี่รูปโบกอลจีใชไหม” ครูดูจะอึ้งๆ ไปนิดนึงแลวถามวา “เธอรูจักเหรอ” เลยตอบไปวา “รูจักคะ เพราะวาไปเรียนคอรสโยคะมาเมื่อปที่แลว เพิ่งไปเจอโบกอลจีในงานประชุมโยคะสำหรับเยาวชนที่ ไกวัลมา ครูไปดวยหรือเปลาคะ” ครูยิ้มออกมาแลวบอกวา “ครูไปงานประชุมมาเหมือนกัน รูปที่ถายนี่ถายเมื่อปที่แลว โบกอลจีมาเล็คเชอรที่นี่” แลวพูดตออีกวา “ผมเคารพโบกอลจีมาก เปนครูที่นาเคารพนับถือ” ตอนพูดถึงโบกอลจีนี่ตาเปนประกายเลย คุยไปคุยมาเลยไดความวาครูเคยเรียนคอรสดิพโพลมา เมื่อป 1999 เมื่อสิบสองปกอน นานเหมือนกันแฮะ เดี๋ยวจะตองสงอีเมลไปบอกโบกอลจีวา โลกกลมมาก มาเจอลูกศิษยครูดวย รูสึกดีใจอยางบอกไมถูกที่เจอคนที่เรียนสถาบันเดียวกัน หลังจากนั้นก็คุยกันสัพเพเหระเรื่องการฝกโยคะ ทาอาสนะ ปราณายามะตางๆ กอนร่ำลาเพราะมีคนมารอพบครูตออีก คุยเสร็จก็ไดเวลาดื่มน้ำผักยามบาย พอเสร็จแลวก็เขาไปหองสมุดหาหนังสืออานไดมาสอง เลม เจาหนาที่บอกวา “เห็นเขียนประวัติวาเปนโรคภูมิแพ เดี๋ยวจะแนะนำหนังสือใหนะ” วาแลวก็หยิบหนังสือมาใหสองเลม พอเราเดินกลับเขาหอง ไปเติมน้ำดื่มใสขวด นั่งเลนชิลๆ ในหอง เก็บของพับผาไดพักใหญ ก็ไดเวลาออกไปเอากระโปรงที่แกไว วันนี้เอามาสกใสไปดวย แตเอาผาพันคอทับไวอีกที เพราะที่นี่ฝุนเยอะมาก แสบจมูก เวลาหายใจรูสึกวาจมูกแหงมาก เวลาทำปราณายามะอยางกปาลภาติหรือภัสตริกะรูสึก ถึงลมที่ผานเขาจมูกชัดมาก ตอนนี้เขาใจละวาทำไมเขาถึงตองใชน้ำมันหยอดจมูก กันเวลาจะทำสูตรเนติ ใหหยอดน้ำมันกอนนอน ตอนเชาทำสูตรเนติจะไดเสียบสายยางผานเขาจมูกได สบายๆ ไมเจ็บ แตเราก็เคยเอาน้ำมันหยอดจมูกนะ เรื่องลื่นไมตองหวงเพราะเปนน้ำมัน

แตเรื่องกลิ่นนี่ไมไหว กลิ่นแรงสุดจะทน คางติดจมูกลึกลงไปถึงคอ สุดทายตองเลือกเอาระหวางเหม็นกับแสบจะเลือกอะไร สุดทายก็เลือกอยางหลัง แตอันที่จริงกก็ไมไดแสบเทาไหรหรอก เพราะเราตองทำชลเนติกอนสูตรเนติอยูแลว เพียงแตวาจมูกไมไดชุมชื้นเหมือนตอนที่อยูกรุงเทพเทา นั้นเอง เลาไปซะโนนเลย สรุปวาแวะมาเอากระโปรงที่ตัดไว เลยซื้อเข็มกลัดติดไมติดมือไปนิดๆ หนอยๆ แถมไดลองสาหรีสีแดงดวย สวยมาก เจาของรานบอกวา “นี่ผืนละหาพันนะจะ” เลยถามเขาไปวาเขาใสสาหรีสวยๆ แบบนี้กันตอนไหน เขาเลยตอบวา “ใสเวลามีงานพวกวันเกิด งานฉลองอะไรแบบนี้นะ”เลยขอใหเจาของรานใสใหดู เธอตัวสูงหุนเพรียวพอใสออกมาแลวสวยเปะเปนทรง นาิกาทรายเลย เหมือนเจาหญิงยังไงยังงั้น แฮ แนนอน เตยไมพลาดอยูแลว เลยขอลองใสดู เจาของรานก็ยินดี สาหรียาวเจ็ดถึงสิบเมตรแลวแตลักษณะผา ปกติถาใสสาหรีตองใสปะติโคดขางใน แตวันนี้เราใสกางเกงสี่สวนมาก็ใชเหน็บผาได หยวนๆ ไป พอใสเสร็จแลวรูสึกสวยขึ้นมาทันทีเพราะผาสวยมาก ปกเลื่อมสีทอง มีผากำมะหยี่สีเขียวตรงชายผาตัดกับผืนผาสีแดง สวยมาก เสียดายที่วันนี้หนาเยินมาก แตก็อยาไดแคร ใหเจาของรานถายรูปมาให ไดรูปมาแบบเบลอๆ แตก็โอเค เพราะหนาเยินขนาดนี้ ไมคอยอยากใหเห็นชัดอยูแลว กลับมาก็โยนของบนเตียง ใสรองเทาผาใบเตรียมเดินตามใบสั่งของหมอ หมอบอกใหเดินวันละสี่กิโลเมตร ถาเดินรอบสนามเล็กหนึ่งรอบเทากับสี่รอยเมตร เดินรอบสนามใหญหนึ่งรอบเทากับหนึ่งกิโลเมตร ตั้งแตมานี่เดินแตรอบสนามเล็ก ไมรูวาสนามใหญมันอยูตรงไหน แตเดี๋ยวคงเจอ พอเดินไปไดพักนึงก็มีคนชวนคุย แลวเดินไปดวยกัน เลยไดเห็นวาทางเดินไปสนามใหญอยูตรงไหน มินา เห็นคนเดินกันแลวหายไป ไมรูหายไปตรงไหน 4 ตอนนี้รูแลว


ÊÒÃѵ¶Ð มีหลายเรื่องที่นาสนใจหลังจากไดคุยกับผูหญิงคนนี้ เธอบอกวาเธอมาจากปูเน พอถามรายละเอียดวามาที่นี่นานหรือยัง ทำงานอะไรอยู ก็ไดคำตอบมาพรั่งพรูแบบนี้วา “มาอยูที่นี่ไดสิบหาวันแลว น้ำหนักลงไปเจ็ดกิโล แตเจ็ดกิโลนี่ไมไดไดมางายๆ นะ เพราะเขาคอรสทั้ง Fruit Fasting, Juice Fasting, Water Fasting ตื่นตั้งแตตีสี่มาเดินรอบสนาม แลวไปฝกโยคะรอบเชาสองรอบ มาเดินรอบสนามอีก เดินมันทั้งวันเบ็ดเสร็จแลวเดินรอบสนามใหญวันละสิบ หกรอบถึงเห็นผลแบบนี้ ตอนนี้ก็ไมไดทำอะไร รอหาคู ที่จริงแลวเรียนจบเภสัช ทำงานไดสองป แตพอแมบอกวาออกเถอะ จะใหแตงงาน จะหาคูให” มาถึงตรงนี้เราเลยถามวาเธอคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องแฟน การมีคูครอง และการจัดหาคูครองให สิ่งที่ไดฟงนาสนใจมากทีเดียว เธอเลยรายยาวน็อนสต็อปตลอดการเดินรอบสนามใหญ สองรอบมาดังนี้ “ฉันไมเคยมองวาผูชายคนไหนหลอแลวรูสึกชอบเลย ผูหญิงจะมีความรักกับชายคนที่แตงงานดวยเทานั้น โดยพอแมจะเปนคนจัดหาคูครองให ซึ่งก็มาจากทางญาติๆ แนะนำกันมา โดยจะพิจารณาจากคุณสมบัติตางๆ อายุ การศึกษา ชนชั้นวรรณะ ญาติพี่นองเถือกเถาเหลากอเปนใคร นิสัยใจคอเปนอยางไร จากนั้นจึงนัดวันมาเจอ ถาผูชายเห็นเราแลวชอบใจก็เปนอันวาตองแตงงานกับ คนนี้ไมวาเราจะชอบหรือไมชอบก็ตาม ยิ่งถาผูชายเห็นเราแลวชอบใจ พอแมฝายเราเห็นชอบดวย ถึงแมเราจะไมชอบก็ชวยไมได ยังไงก็จะถูกบังคับใหแตงงานกับคนนี้ แลวเวลาจะแตงงาน ผูหญิงก็ตองไปสูขอตามที่ผูชายเรียกรอง พอแตงไปแลว ถาฝายชายจะเรียกรองเอานั่นเอานี่ ซื้อจักรยานใหญาติของฝายชาย ฝายหญิงก็ตองเปนคนหามา เปนธรรมเนียมของที่อินเดีย” นอกจากนี้เธอยังพูดเรื่องการมีแฟนอีกวา “เราไมมีทางมีแฟนไดหรอกนะ สังคมที่นี่ไมมีอะไรแบบนั้น

5

เราไมสามารถจะแตงงานกับชาวตางชาติ ตางศาสนาได การแตงงานตองเกิดขึ้นจากการเห็นชอบของพอแมเทา นั้น มีญาติหางๆ ของฉันแตงงานกับคนที่อยูคนละวรรณะกัน ไมมีใครยอมรับ ญาติๆ ไมยอมรับ ผูหญิงคนนั้นตองถูกโดดเดี่ยวจากสังคมทั้งจากฝงตัวเอง และสามี หัวใจตองทนทุกขทรมานไปจนวันตาย ฉันไมอยากเปนแบบนั้น ฉันขอมีชีวิตที่พอแมเลือกใหดีกวา ปลอดภัยดี ไมทำใหคนอื่นเปนทุกขดวย ถาเลือกแบบญาติคนนั้นก็จะทำใหญาติพี่นองของฉันทุก ขและอับอายไปดวย ฉันไมเอา” ที่จริงเราพอจะเคยไดยินไดอานผานสื่อมาแลวบาง แตพอมาไดยินกับหูก็อึ้งไปเหมือนกัน แตเธอยังไมจบแคนี้ เธอชวนนั่งแลวเลาใหฟงตอวา “ฉันเชื่อพอแมฉันสุดหัวใจ ทานทั้งสองอายุมากกวา มีประสบการณมากกวา อาบน้ำรอนมากอน ดูคนเปน ตางกับฉันซึ่งยังไมรูจักโลกดีพอ เพราะฉะนั้นตามธรรมเนียมของเราใหพอแมเลือกคูให นั้นเปนเรื่องที่ถูกตองที่สุดแลว ฉันรูสึกปลอดภัยและมั่นคงที่สุด ฉันเชื่อเสมอวา ไมวาตอนไหน ตั้งแตเด็กจนโต จนเรามีลูก ในยามทุกขในยามสุข พอแมก็จะเคียงขางเราเสมอ” เธอพูดดวยน้ำเสียงเปยมสุข แววตาเปนประกายภายใตขนตายาวงอนเมื่อพูดถึง ครอบครัว หลังจากคุยกันพักใหญก็ไดเวลาตองไปโยคะนิทรา ซึ่งตอนแรกคิดวาไมรูจะไปทำไมเพราะเขาพูดภาษาที่เรา ฟงไมออก แตเพื่อนคนนี้บอกวา “เอาเถอะ เธอก็ทำตามแบบของเธอ ใชความรูสึกเอาสิ ฟงไมออกก็ไมเปนไร”สรุปวาก็ไปเขาคลาสโยคะนิทราจน ได ฟงไมออกตามเคยแตพอไดยินวาครูพูดเรื่องจักรา ใหใสจักราขึ้นมาจากมูลธารา เรื่อยมาจนถึงสหัสธารา ซึ่งระหวางนอนฟงอยูก็ไดรับประสบการณที่นาสนใจที เดียว รูสึกตุบๆ ตรงมูลธาราไลขึ้นมาที่สะดือ ที่หลัง กลางอก ลำคอ หนาผาก กระหมอมศีรษะ เลยคิดวาถามีโอกาสจะมาลองเขาคลาสอีกสักรอบ แลวจะหาโอกาสพูดคุยกับครูเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสบ การณที่ไดรับดวย


ÊÒÃѵ¶Ð หลังจากนั้นก็กลับเขาหอง มีน้ำรอนวางอยูหนาหอง ดีใจจัง วันนี้ไดอาบน้ำอุน พอดีระหวางเดินคุยก็เจอเจาหนาที่เตรียมเข็นน้ำรอน ใหคนที่เปนโรคหอบหืดที่ตองเอาน้ำรอนมาแชเทากอน นอน จะชวยใหอาการดีขึ้น นอนหลับสบาย เราเลยสนใจ แตที่จริงจะเอามาอาบน้ำ ก็คนไทยนี่เนอะ ติดอาบน้ำเชาเย็น ไมสามารถนอนหลับทั้งที่เดินรอบสนาม ฝาฝุนฟุงมาไดจริงๆ นะจุดนี้ พอไดอาบน้ำอุนก็นอนสบาย ตื่นมารับวันใหมวันที่สิบเจ็ดมกรา วันที่หาของการรักษา รูสึกเริ่มคุนเคยมากขึ้น ตื่นมาตอนตีหา นั่งสมาธิ ฝกปราณายามะ ไปรวมคลาสโยคะ ที่เหยียดๆ ยืดๆ ไมไดกดนวดชองทอง แลวก็ไปดื่มน้ำผักกอนไปพอกโคลน วันนี้ลางโคลนออกไดอยางมืออาชีพ แทบไมตองใชผาเช็ดออกเลย ใชพลังน้ำ ขอแคใจเย็นๆ เทานั้นพอ ออ วันนี้แวะไปชั่งน้ำหนักได 53.8 กิโลกรัม ลดไปโลกวาๆ ละ วันนี้เลยชิลๆ ดื่มน้ำผักผลไม เที่ยงก็เอา Mud Pack โปะหนาผากแลวนอน ตื่นมากินน้ำผัก ฝกปราณายามะ อานหนังสือ ดื่มน้ำสมเชง เดินรอบสนาม แตยังอุตสาหมีเรื่องตื่นเตนกอนนอนวา คนที่ควรจะตองยายมาอยูหองขางๆ เราเดินมาบอกวา “นี่เธอ มีคนยายมาอยูหองฉันแลวละ ยังไงดีละเนี่ย มีคนมาบอกเธอหรือเปลาวาจะมีรูมเมทมาอยูดวย” พอเราบอกวาไมมี ไมรูเรื่อง เธอเลยพูดตอวา “นี่พูดตรงๆ เลยนะ ฉันไมอยากมีรูมเมท เพราะฉันสูบบุหรี่ในหองนะ เลยไมไดยายไปอยูกับเธอ เธอเขาใจไหม” อาว ไหมละๆ แลวจะยังไงเนี่ย แตเราก็ทำหนานิ่งๆ ไป เลยบอกวา “อาวเหรอ ก็ลองดูแลวกัน” เลยแยกยายกันไปแบบงงๆ สวนเราก็เขาหอง อาบน้ำ พิมพเรื่องราวในชีวิตที่นี่ กอนเตรียมตัวเขานอน พรุงนี้ตองตื่นแตเชาพรอมตารางแนนเอี๊ยด จะวาไปครูฮิโรชิก็พูดถูกวาหนึ่งอาทิตยนอยไป เพราะนี่อยูมาตั้งหาวันเพิ่งจะปรับตัวได ไมเหมือนที่ไกวัลที่ใครๆ ก็พูดภาษาอังกฤษได มีตารางอะไรบอก ถามอะไรใครก็รู ที่นี่มีแตคนทองถิ่น พูดภาษาทองถิ่น ก็ตองใชเวลาเรียนรูนิดนึง

ครูเลยวายิ่งอยูนานยิ่งดี ตอนครูมาอยูที่นี่อยูตั้งสามเดือน แหะๆ แตเราคงไมแอดวานซขนาดนั้น เอาสองอาทิตยก็พอ เผื่อเอาไปทำที่เมืองไทยดวย เพราะสนใจเรื่องธรรมชาติบำบัดอยูเหมือนกัน คืนนี้ก็นั่งสมาธิกอนนอน แตก็รูสึกถึงความรอนและบวมที่แขนซายอีกแลว แถมตอนกลางคืนที่นี่อากาศแหงมาก ตื่นมาจิบน้ำเปนพักๆ ตามเสียงระฆัง ที่นี่เขาเคาะระฆังกันตลอดเลย ที่ไดยินก็มีตั้งแตสี่ทุม เที่ยงคืน ตีสาม ตีสี่ ตีหา แตยังจับจำนวนครั้งที่ตีระฆังไมได ที่รูเวลาเพราะกดโทรศัพทดูเลยรูวากี่โมงแลว วันที่สิบแปดมกรา วันที่หกของการรักษา เชานี้ตื่นมาแลวนั่งสมาธิ รูสึกวานั่งไดสบาย ปลอดโปรง เสร็จแลวก็ไปฝกโยคะรอบหกโมงเชา ตอนอานรายละเอียดของคลาสเห็นวาเปนคลาสสำหรับ คนที่เปนโรคหัวใจ คนที่ไมคอยแข็งแรงนัก เลยเดาเอาวาเพื่อนรวมคลาสสวนใหญนาจะเปนผูสูงวัย แลวคนสอนนาจะเปนคนที่จบดิพโพลมาจากไกวัลยธรรม แนๆ เลย แลวก็เปนจริงอยางที่วา พอเขาไปในหองฝกก็เจอแตผูสูงวัยนั่งบนอาสนะอยูเรียง ราย คนมาฝกกันเต็มหองเหมือนกัน ประมาณสามสิบสี่สิบคนได แตถาหองใหญนาจะไดกวาเจ็ดสิบคน ฝกโยคะที่นี่แปลกตรงที่วาเขาจะปดไฟมืดๆ เปดแตแสงไฟที่เปนเหมือนแสงแบล็คไลทเวลาโดนผาสี ขาว ผาดูจะเรืองแสงแบบนั้น ก็แปลกดี เราพอจะเห็นครูอยูลางๆ บางทีก็เปดไฟรางที่เปนไฟนีออนไวสักสองดวง แตการฝกมืดๆ แบบนี้ก็ไมไดทำใหงวงนะ สำหรับอาสนะสำหรับรองที่นี่เคาใชผา ไมไดใชเสื่อโยคะที่เปนยางแบบบานเรา เปนผาเหมือนผาขาวมาแตหนากวานิดหนอย กวางมากพอที่จะกางแขนกางขาในทาศวาสนะ (ทาศพ) ไดโดยแขนขายังอยูบนผา ถึงพื้นจะเย็น ถามีผารองอยูจะไดไมตองสะดุงเปนระยะๆ นี่กะวาจะไปวัดซักหนอยวากวางยาวเทาไหร เผื่อจะเอาทำมาใชที่เมืองไทยบาง

6


ÊÒÃѵ¶Ð การฝกก็เปนไปอยางเนิบชา ทำทีละขาง เชน ทาตั๊กแตน แตที่นี่เขาจะใหทำขาขวา แลวตามดวยขาคู และขาซาย ก็เปนอีกแบบ งงเหมือนกัน เพราะฟงไมออก ครูสอนเปนภาษามาราตี ฟงออกแคชื่อทาที่เปนสันสกฤต แลวก็เหลือบดูคนขางๆ เอา ฝกประมาณหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จ ออ ในคลาสมีใหเปลงเสียงโอมดวย แตเปลงเสียงโอมไมเหมือนกับที่ครูโบกอลที่ไกวัลสอนโด ยใหเปลงเสียงโอ... ยาวสามมาตราหรือประมาณสามวินาทีแลวปดปากเพื่อ ออกเสียงอืม...ตอจนหมดลมหายใจออก คนที่นี่เปลงเสียงโอมดังมาก เหมือนจะตะโกนออกมา แตละครั้งก็ไมเหมือนกัน บางครั้งก็เสียงสูง บางครั้งก็เสียงต่ำ แตเราก็เปลงเสียงโอมตามที่เรียนที่ไกวัลนะ เพราะไมรูคำสั่งที่เขาใหทำเปนภาษามาราตี เลยเปลงเสียงโอมต่ำๆ เงียบๆ อยูคนเดียว เนื่องจากตองงดการทำทรีทเมนตอยางทำดีท็อกซและ อบไอน้ำ เลยทำไดแตพอกโคลนซึ่งจะเริ่มตอน ประมาณแปดโมง แขก นั่นหมายความวาอาจจะแปด โมง แปดโมงสิบหา แปดครึ่ง หรือแปดโมงสี่สิบก็ได เราเลยมีเวลาวางพักใหญเลยออกไปเดินรอบสนามใหญ สองรอบ ที่นี่ตอนเชาอากาศดี๊ดี ลมพัดเย็นสบาย อุณหภูมินาจะมาณสิบเจ็ดสิบแปดองศา หายใจออกมาเปนควันบางเวลาเดินในสวน แตพอเดินกลับบริเวณโรงอาหารอากาศก็ไมไดเย็นเทา ตรงบริเวณสวน วันนี้หมอบอกวาไมตองพอกหนาละ ใหพอกแคที่แขนกับขาที่ผื่นขึ้น เลยขึ้นไปรอ แตเราคงดูตลกดีเพราะใสแตเสื้อกลาม กับกางเกงใน แตใสหมวกเพื่อบังแดดและปดหูกันหนาว ตอนโดนแดดนะไมคอยหนาว แตตอนลมพัดมาทีทำเอายะเยือกไปเหมือนกัน ถามองไปรอบๆ จะเห็นสาวอินเดียนอน เปดพุงเรียงรายอยูถวนทั่ว หลังจากสังเกตมาหลาย วันพบวา สาวอินเดียที่อวนนั้นชวงบนก็ใหญ ตามที่เราเคยเห็นกัน แตชวงลางจะใหญมาก มากเกินกวาที่เราเคยเห็นในเมืองไทยที่คนรูปรางอวน จะใหญทั้งชวงบนและลาง คนอินเดียจะใหญเฉพาะ ชวงสะโพกเทานั้น

7

นั่นทำใหเวลาเดินเขาจะลำบากมาก ตองขโยกเขยกไปมา ชวงนี้มีชาวตางชาติมาดวย แตพูดภาษาอังกฤษไมได เลยสื่อสารกันไมได มากันกลุมใหญเลย ทุกอยางก็จะถูกจัดการเปนแพ็คเก็จ เวลาทานอาหาร ก็ไมตองมาจายยิบยอยแบบของเรา สวนการฝกโยคะก็มีครูมาสอนเปนภาษาอังกฤษแยกไป อีกหอง และมีเลคเชอรพิเศษแยกตางหากเฉพาะกลุม สวนเตยก็ไดแตมองตาปริบๆ เพราะฟงภาษามาราตีก็ไมออก ก็เลยไปเขาหองสมุดบาง ฝกปราณายามะ เขารานเน็ตบางแลวแตโอกาส หลังจากพอกโคลนเสร็จก็ไดเวลาไป รายงานผลกับหมอ เลยบอกหมอวา ไมไหวจะเคลียรแลวหมอ ขาเยินมาก ยิ่งพอกโคลนยิ่งเยิน เลยใหหมอดูหลังขา ซึ่งผื่นขึ้นเปนปนใหญมาก กินพื้นที่เกือบทั้งหมด แทบจะไมเห็นเนื้อปกติเลย หมอตัดสินใจไปเอายามาใหกินสองเม็ด และใบสั่งยาใหไปซื้อยามาทา เราเลยถามวาเอายาทาที่เอามาจากเมืองไทยไดไหม หมอเลยบอกวาเอามาดูกอนแลวเดี๋ยววากัน สรุปแลวหมอบอกใหใชยาอันที่เอามาได เลยตัดใจกินยาไปอีกรอบ ผลปรากฎวาหลับเปนตาย ตอนบายไมสามารถลืมตาไปฝกโยคะได ไดแตนอนสะลึมสะลืออยูที่หอง พอบายสามไดเวลา น้ำผักก็พารางพรอมหนาบวมๆ ตาโปน ปากลอก คอเปนปน ออกไปอีกครั้ง เคยรูสึกไหม เวลาที่เราไมพรอมจะเจอผูคน เชน สมองเบลอ หนามึนงง เรามักจะเจอคนรูจักเสมอ ที่นี่ก็เชนกัน ตอนนี้เบลอและเบลอไดอีก อุตสาหไมเขา ไปนั่งกับคนรูจักและทำเปนหันหนาออกนอกหองแลวเธอ ก็ยังยายมานั่งดวยความหวังดีพรอมทักวา “โอ หนาเธอ แยกวาวันแรกที่มาอีกนะ” ในใจคิดวา ขอบพระคุณ มากคะ ตรูรูแลวววว อยาพูดไดมายยยย มันเศรานะ ก็ไดแตบอกไปวา เออ ฉันโอเค ไมเปนไร เดี๋ยวก็ดีขึ้นละเธอ ใหกำลังใจตัวเองไปพลางๆ ตอนเย็นก็เลยเดิน เดิน เดินออกกำลังใหมันรูแลวรูรอด ไมรูจะทำยังไงกับแขนขา ชวงเวลาเดินรอบสนามใหญ รอบละหนึ่งกิโลเมตรนี่เปนชวงเวลาที่มหัศจรรยนะ เรารูเลยวาเราเดินแบบมีสติไหม เดินตามความสามารถของเรา หรือเดินแขงกับคนขาง หนา เดินเพราะตองเดิน หรือเดินเพราะอะไร ระหวาง เดินมีภาพในอดีต ความคิดในอดีตโผลมาเปนระยะๆ


http://jadebeall.smugmug.com/keyword/yoga%20asana%20photography#!i=1133936733&k=fxfbzGM

ÊÒÃѵ¶Ð

พอกลับมาดูลมหายใจ ก็ยังมีความคิดเขามาแทรกอยูเนืองๆ ก็ดึงกลับมาอยูกับลมหายใจอยูกับการเดินตอ ออ แลวบางทีก็ไดคำตอบอะไรบางอยางระหวางการเดินนี่ ดวย คำตอบของคำถามที่เคยนึกอยูแลวยังไมไดคำตอบสักที ก็มาไดเอาตอนนี้ หรือคำแนะนำบางอยางที่เขาทากวาที่มีอยูตอนนี้ก็โผล มาระหวางการเดินซะงั้น เออ ดีเนอะ เดินจ้ำเอาๆ ไดประมาณหนึ่งชั่วโมงก็คอยๆ เดินกลับหอง รอคนเอาน้ำรอนสำหรับแชเทามาให คนอื่นอาจจะเอาแชเทา แตเราเอาผสมน้ำเย็นใหยังพออุนๆ เอามาอาบ ทำไงได ติดอาบน้ำเชาเย็นอะเนอะ ก็ตองทำแบบนี้แหละ วันนี้หมอใหกินยาอีกเม็ด กอนนอนอานหนังสือที่ยืมมา นาสนใจทีเดียว เปนเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติบำบัดและโยคะวาเกี่ยวของ กันอยางไร คนเขียนมีมุมมองที่นาสนใจ และมีความลึกซึ้งในเรื่องโยคะในอัษฎางคทั้งแปด และแยกยอยเปนเรื่องของโรคแตละโรคที่พบบอย หนังสือดีมาก ชอบๆ อานไปเกือบจบตื่นมารับวันใหมวันที่สิบเกามกรา วันที่เจ็ดของการอยูที่นี่ รูสึกเลยวาหนาเนียนขึ้น กลับมาเปนเนื้อเนียนๆ ตามธรรมชาติ

แมจะยังมีปนแดงๆ ที่หวางคิ้วอยู ผื่นที่แขนดีขึ้น ดีขึ้นก็จริงแหละ แตมันเปนผลจากยา ซึ่งก็ไมไดอยากใหเปนแบบนั้นแตทำไงได วันนี้รอบเดือนหมดแลว มานอยแตมามากในวันแรก เลยไปทำดีท็อกซได ที่ไปทำเพราะอยากถาย เนื่องจากตั้งแตกินแตน้ำผักผลไมก็ไมไดถายเลย กลัวจะผิดปกติ แตก็ไมไดมีอะไรออกมาเทาไหร คงเพราะไมไดกินอะไรที่เปนกากใยเลย ดื่มแตน้ำผักน้ำผลไมมาสามวันแลว พอเสร็จแลวก็ไปกินน้ำผัก แลวเดินออกกำลังรอบสนามใหญ เดินชาๆ รูสึกวาเชานี้พลังตกเล็กนอย เดินตอนเชาจะดูเชื่องชาและเหนื่อยงายกวาตอนเย็น ก็ฟงเสียงรางกายตัวเอง เดินแคสองรอบก็พอ รูสึกวาหัวใจเตนแรงแลว ตองการพักแลว จากนั้นก็กลับเขาหอง ไปตักน้ำตมใบนีมมาอาบที่หองอาบน้ำรวม เพราะคนสงน้ำจะมาตอนสิบโมงกวา แตเวลาเราเหลือเฟอคิดวาไปอาบเลยดีกวา เสร็จแลวแวะหาหมอ หมอบอกวาหนาดีขึ้นมาก แตแขนยังไมโอเคยังงดการพอกโคลนและอบไอน้ำตอไป แตนวดน้ำมันได คุยเสร็จสิบเอ็ดโมงกวา ไดเวลาดื่มน้ำขาวสาลีอีก เห็นไหม ตารางที่นี่แนนมาก จริงๆ กระดิกตัวเปนหมดเวลานะเออ

8


ÊÒÃѵ¶Ð หลังจากลางแกวเรียบรอยก็แวะไปหองสมุด คืนหนังสือเลมเกายืมเลมใหมเรื่อง Skin Care มาเผื่อมีประโยชนกับเรื่องปญหาผิวของเรา พยายามถามบรรณารักษวามีหนังสือเกี่ยวกับโยคะ อายุรเวท และธรรมชาติบำบัดไหม เขาก็ยิ้มหวานพรอม บอกวา “ไมมีจะ แตถาอยากอานเรื่องธรรมชาติบำบัดใหไปดูตู 21 นะ ถาโยคะใหไปดูอีกตูนึง ขางนอก” หองสมุดที่นี่มีระบบที่นาสนใจ คือ เขาจะใหเราบอกวาเราอยากอานแนวไหนแลวเลือกหนัง สือให หนังสือสวนใหญมีอายุการใชงานนานแลว สังเกตจากกระดาษสีเหลืองออนยันเหลืองเขม แตพออานชื่อหนังสือจากสันปกแลวพบวานาสนใจ ไมสะเปะสะปะ นาจะถูกคัดเลือกมาอยางดี แตที่สำคัญตูหนังสือเปนตูกระจก ตูหนังสือทุกตูถูกล็อคไว เราหยิบเองไมได!! ตรึ่งโปะ ไมเคยเห็นหองสมุดที่ตูหนังสือล็อคทุกตูเลย สวนชั้นหนังสือที่เปนเรื่องของธรรมชาติบำบัดอยูตูบน ซึ่งมีสี่ชั้น ขนาดปนเกาอี้ดูแลวก็ยังเอามือเอื้อมถึงแคชั้นสองหรือ สามเอง เออ ที่จริง อาจจะเปนที่ความสูงไมอำนวยดวย แตนั่นก็ทำใหใชเวลากับการเขยงไป เอียงคอไปเพื่อดูชื่อหนังสืออยูนานสองนาน ความพยายามอยูที่ไหนความสำเร็จอยูที่นั่น ในที่สุดเราก็เจอหนังสือที่รอคอย Ayuveda Yoga & Nature Cure อายุรเวท โยคะ และธรรมชาติบำบัด เปะเลย ดีใจมาก อยากอานสุดๆ เลยรีบเดินไปบอกคุณบรรณารักษวาเจอแลวหนังสือที่ ถามถึง ขอเปลี่ยนจากเลม Skin care เปนเลมนี้แทนไดไหม คุณบรรณารักษยิ้มแฉงแลวบอกวา “ไมใหยืมนะ เพราะตอนสี่โมงฉันจะมีเล็คเชอร (ตอนนั้นประมาณบายสามสี่สิบหา) ไวคอยมาใหมวันมะรืนนะ วันพรุงนี้หยุด...” ....หงายเงิบเลยตรู...“อุเบกขานะแวนดา อยูที่อินเดียไมเหมือนเมืองไทยนะ ไมมีอะไรเปนดั่งที่เราหวัง” คำของครูฮิโรชิลอยมาทันที

9

แตยังขอแอบถามอีกหนอย “ไมไดจริงๆ เหรอคะคุณบรรณารักษ แบบวาอยากอานจริงๆ นะ” คุณบรรณารักษจบบทสนทนางายๆ วา “หนังสือมีกำหนดยืมอยางต่ำหนึ่งวัน มากสุดคือเจ็ดวัน” แลวกมหนากมตาเตรียมงานตอ ...ซึ่งนั่นนาจะหมายความวา ถึงเธอจะเจอหนังสือที่เธอตองการแลวแตเธอเพิ่งยืมไป กอนหนานี้หนึ่งเลม เราไมรับคืนวันนี้ ใหมาใหมวันจันทร เวลาเปดทำการ แถมฉันตองเตรียมสอนเพราะฉะนั้น รอไปกอนนะจะที่รัก... เรื่องก็จบดวยประการฉะนี้แล เราเลยเดินกลับหอง ไปฝกอาสนะ ปราณายามะเบาๆ กอนออกไปดื่มน้ำโมซัมบิก ซึ่งคิดวานาจะเปนประมาณสมเชงบานเรา และเนื่องจากหมอใหดื่มเพียง 100 ม.ล. สำหรับมื้อเย็น ดังนั้นจึงคอยๆ จิบประหนึ่งล้ำคาดั่งทองคำ รสชาติน้ำโมซัมบิกหวานนุมกลมกลอม ไมหวานแหลมเหมือนของบานเรา จากนั้นตอนเย็นก็ออกเดินรอบสนามใหญหารอบ คนที่นี่เดินกันจริงจังมาก เพราะเปาหมายของทุกคนที่มาที่นี่คือตองการมีสุขภาพ ดีกลับไป ดังนั้น ถามานอนกลิ้งไปมาก็จะเปนการทำลายโอกาสนั้นเสีย เพราะฉะนั้น ทุกคนจึงออกมาเดินกันอยางพรอมเพรียง ซึ่งทำใหบรรยากาศของการเดินที่นี่ดูคึกคักและทำใหมี กำลังใจในการเดินมากทีเดียว สุดทายก็กลับเขาหอง เอาน้ำรอนมาผสมน้ำเย็นใหเปนนำอุนเพื่ออาบน้ำ วันนี้ใชผงนีมที่ไปซื้อมาเอามาใชแทนสบูดวย เนื่องจากรูมาวานีมดีกับผิว ดังนั้น นอกจากน้ำมันนีม น้ำตมนีมแลว ก็จะใชผงนีมอาบน้ำดวย ซึ่งฉลากยาเขียนเปนภาษามาราตี ไปถามเขาวาเอาไวทำอะไร เขาบอกวา เอาไปกินกับผสม น้ำใชแทนสบู ดังนั้น ดิฉันทำทุกอยางเพื่อใหผิวกลับ มาเปนดั่งเดิม ไมแหงผากเหมือนทะเลทราย ซาฮาราอีกตอไป ออ กอนอาบน้ำก็ลงน้ำมันนีมกอน เมื่อปที่แลวเคยถามดร.จารกาดิชที่เปนหมอที่ดูแลตอนที่ คอรสปญจกามาที่ไกวัลยธรรม เมื่อปที่แลว หมอบอกวาใหนวดน้ำมันกอนอาบน้ำ พอโดนน้ำรอน เวลาอาบแลวผิวเราจะไดไมแหง เปนการเพิ่มความ หลอลื่นใหขอตอตางๆ ดวย


ÊÒÃѵ¶Ð พอไดคุยกับครูฮิโรชิ ก็เลยรูวาครูฮิโรชิก็ทำเหมือนกัน แตทำตอนที่อยูอินเดียนะ เพราะที่นี่อากาศแหงมาก ที่เมืองไทย ไมไหว จะรูสึกเหนอะหนะเกินไป เดินไปเดินมาใหน้ำมันซึมเขาผิวแลวก็ไปอาบน้ำ ทาครีมเสร็จสรรพสบายแฮ พรอมนอน กอนนอนก็นั่งสมาธิสักพักแลวก็นอน คืนนี้รูสึกวาเราอยูกับผิวที่เปนผื่นไดละ รูสึกวายังไงก็ตามเขาเปนสวนหนึ่งของเรา สวนที่กำลังฟนฟูตัวเอง อยาทอ เวลารูสึกฟู พองๆ บวมๆ ก็สงความรักใหตรงที่เปน ใหเขาหายไวๆ วันนี้เลยไมคอยมีปญหากับการนอน เรียกไดวาดีขึ้นทีละนิดทีละหนอย วันที่ยี่สิบ วันที่แปดของการอยูที่นิศารโกปจาร วันนี้นั่งสมาธิที่หองกอนไปฝกโยคะรอบหกโมงสิบหา เสร็จแลวก็ไปนวดตัว ไมตองทำดีท็อกซ เพราะเขาใหทำวันเวนวัน วันนี้เปนวันตองชำระเงินคานวด ซึ่งถูกมาก นวดครั้งละหาสิบรูป ที่นวดไปก็สองรอยรูป แตปรากฎวามีแบงคพัน คนนวดไมมีทอน เลยยกยอดไปพรุงนี้แทน ระหวางนวดตัวก็คิดไปวา เอ รูสึกวาทองมันแข็งๆ เอ หรือวาเราทองผูกนะ แตก็ไมไดคิดมากอะไร เพราะวันๆ ดื่มแตน้ำ จะเอาที่ไหนมาถาย วาแลวก็ไปดื่มน้ำผัก ซึ่งตอนนี้เริ่มจะเอียนแลวเพราะรสชาติขื่นมากๆ ไมไหวจะเคลียร เพราะนี่กินแตน้ำผักผลไมมาหลายวันแลว แตถึงยังไงก็สูตอไป เพราะวันกอนครูฮิโรชิก็อีเมลมาบอกา ในเคสของเราครูเชื่อวาธรรมชาติบำบัดจะชวยได ซึ่งตองอาศัยเวลา ใจเย็นๆ โดยเฉพาะ Juice Fasting จะชวยใหรางกายฟนคืนสภาพไดดี เมื่อไดอานดังนั้นแลวก็ตอง “สูตอไป ทาเคชิ” เนื่องจากวันนี้เสร็จภารกิจเร็วเลยขี้เกียจรอคนไปตักน้ำ มาใหอาบ เลยกะวาจะไปอาบน้ำรวม แตแวะไปเอาน้ำขาวสาลีกอน แตวันนี้ขาวสาลีหมด โตไมทัน ที่นี่เขาปลูกเอง แตมีน้ำมะขามปอม ก็เลยตัดสินใจลอง เพราะเห็น คนซื้อเยอะเลย สงสัยจะอรอย วาแลวก็ถือเอาไปดื่มที่หอง กะวาจะละเลียดชิม ปรากฎวาพอเอาเขาจริง

พอน้ำเขาปากปุปแทบรองไห รสชาติประหลาดมาก ขื่นขมฝาดเปรี้ยวมาหมดเลย ไมรูรสไหนเปนรสไหน แตน้ำตาแทบเล็ดเลย กวาจะดื่มหมดแกว แทบตาย ขนาดดื่มน้ำเปลาตามยังเหลือรสปะแลมๆ คางอยูในปากเลยอ เลยแกเซ็งดวยการไปอาบน้ำ เดินถือถังน้ำสองถังพรอมอุปกรณไปอาบน้ำที่ใกลๆ กับวอรดของผูหญิง น้ำตมนีมยังรอนสะใจเหมือนเคย แตเนื่องจากเพลินกับการอาบน้ำมาก ดังนั้น ตองเตรียมมาสองถังรอผสมน้ำเย็นอีกที ถัดจากที่รองน้ำไปเล็กนอยก็จะเปนหองนวดและหอง อาบน้ำ ซึ่งขอบอกวาหองน้ำที่นี่ก็เริ่ดไดอีก คือปดประตูไมได ไมใชวาล็อคไมไดนะ ปดประตูไมไดเลยละ มันจะเกยๆ อยู เหมือนประตูไมเขากับวงกบ ซึ่งเตยงงกับสิ่งนี้มากวา ประตูมันบวม หรือวัดมาผิดขนาด หรือกลัวคนไขเปนลม จะตองเขามาดูไดตลอดเวลา ดังนั้น เราก็ตองเอาผาไปพาดไว เปนสัญลักษณวามีคนอยูนะจะเธอจา อยาพรวดพราดเปดประตูมาละ สรุปวาไดอาบน้ำอยางเพลิดเพลินอยูพักใหญ ตักผงนีมมาผสมน้ำ ใชชอนคนกองแกงๆ สักพักใหเปน paste แลวก็สระผมอยางมีความสุข จนกระทั่งมีเสียงคนเคาะประตู เพื่อเตือนใหอาบเร็วๆ หนอย...แปรว...กำลังเพลินเลย ก็เลยรีบลางผม เช็ดตัว ลงน้ำมัน กอนเดินถือของออกมาแบบสบายตัว เสร็จแลวก็กลับเขาหอง เอาผาที่ตองซักใหคนซัก ใหคนมาทำความสะอาดหอง แลวเอาน้ำนีมที่ไดมาเก็บไวผสมน้ำรอนตอนเย็น แลวก็เดินไปดื่มน้ำโมซัมบิก หวานละมุนลิ้นกอนกลับมานอนเอา Mud Pack โปะหนาผาก สบายแฮ ตอนบายโมงก็ออกไปดื่มน้ำนีรา คลายๆ น้ำตาลสดผสมมะพราว แลวก็กลับมาอานหนังสือ ฝกปราณแบบที่ครูฮิโรชิสอนตอนวันไหวครูชุดใหญเกือบ หนึ่งชั่วโมง แลวไปรานเน็ต กลับมาดื่มน้ำโมซัมบิกอีกปดทาย จบวันดวยการออกเดินรอบสนามใหญอีกหารอบ สนามเล็กหนึ่งรอบกอนกลับเขาหอง หมดไปอีกหนึ่งวัน

10


ÊÒÃѵ¶Ð

แตชากอน เนื่องจากมีงานเทศกาลอะไรก็ไมรู ตอนอาบน้ำไดยินเสียงปงๆ นึกวาคนมาเคาะประตู ที่ไหนไดเปนเสียงพลุ ซึ่งดังมาก และไดยินเสียงรองเพลงอยางยาวนานตลอดทั้งคืน ซึ่งไปเลิกเอาตอนตีหา แซบไหมละ งานเลี้ยงเขาจัดกันยาวนานจริงๆ นะ แลวคุณภาพลำโพงเขาดีจริงๆ ดังสนั่นทั่วเมืองเลย วันที่ยี่สิบเอ็ด วันที่เกาของการรักษาตัว วันนี้ตื่นตีหา ไปฝกโยคะรอบตีหาสิบหา ซึ่งพอเดินไปก็เห็นมีคนทยอยนั่งอยูบางแลว นั่งสักพักก็มีครูมาสอน สังเกตไดวาครูใหขยับ หมุนขอตอที่มือ หัวเขา และเทาไดหลากหลายนาสนใจดี พอเรียนเสร็จเลยเขาไปพูดคุยวาจะขอถามเรื่องชุดของ การวอรมกอนฝกอาสนะ เผื่อวาจะเอาไปสอนนักเรียนที่เมืองไทยบาง จากนั้นก็กลับไปฝกปราณายามะตอที่หอง แลวก็ไปทำดีท็อกซ สบายทองเลย ไมแนนทองเหมือนวันกอนแลว แลวก็ไปนั่งรอนวด วันนี้รอนานหนอย เพราะคิวเต็ม เลยแวะไปหาหมอ รายงานผลวาผื่นหายไปเยอะแลว แมยังคงหลงเหลือรองรอยอยู

11

ที่หนาดีขึ้นมาก ที่แขนกับขายังไมคอยโอเค แขนสากเหมือนมีหนามเล็กๆ สวนขาแหงเหมือนกระดาษทรายเบอรละเอียด ซึ่งก็ตองประมือดวยน้ำมันนีมตอไป พอกลับมาหองนวดก็ไดคิวพอดี จากนั้นจึงตอดวยการอบไอน้ำเปนอันเสร็จพิธีเชานี้ แลวก็กลับเขาหอง รอน้ำนีม สงผาซัก อาบน้ำ สระผม ดื่มน้ำผัก ออ ลืมไป เมื่อเชาบอกหมอวาเบื่อน้ำผักสีเขียวฟองฟอดแลว ขอเปลี่ยนเปนน้ำผักอื่นไดไหม หมอเลยบอกวาเปนแครอท หรือมะขามปอมก็ได ซึ่งมะขามปอมวิตามินซีเยอะ ดีกับผิว เชานี้ เลยยอมซัดมะขามปอมอีกรอบ พอบอกกับตัวเองวา “ดีกับผิวๆๆๆๆ” วันนี้เลยดื่มไดไมทรมานเทาไหรแฮะ พอกลับมาก็เอา Mud pack แปะที่หนาผาก ดวงตาแลวนอนดูลมหายใจสักครึ่งชั่วโมง พอบายโมงออกไปดื่มน้ำนีรา แลวไปซื้อแกว เนื่องจากทำแกวตก หูแกวแตก แถมแกวยังบาดนิ้วอีกตังหาก แตปรากฎวาไมไดแกว ไดไปรานตัดเสื้อแทน เลยแวะคุยกับเจาของราน คุยไปคุยมา เออ ตัดเสื้อสักตัวแลวกัน พอคุยแบบ


ÊÒÃѵ¶Ð วัดตัวเสร็จ เออ แลวผาละ ไปซื้อที่ไหน พอเจาของรานบอกชื่อราน เราก็ไปไมถูกอยูดี สุดทายเจาของก็ขี่มอเตอรไซคพาเราไปซื้อแถมขากลับ ยังไปสงใกลๆ อาศรมเสร็จสรรพ ออ คาผาหนึ่งรอยรูป คาตัดแปดสิบรูป นี่กะวาถาตัดมาแลวปลื้มจะตัดเพิ่มอีกนะนี่ ขากลับพอเดินมา เจอหมออินเทิรนเดินมา เลยถามวา “ไปไหนเหรอคะ” เขาบอกวา จะไปแผนก Acupuncture ซึ่งเราอยากรูเรื่องนี้อยูพอดี เลยไดโอกาสขอตามไปดวย พอไปถึงเขาก็แนะนำใหดูโซนตางๆ วามีการรักษาแบบไหนบาง มีการใชแมเหล็ก ซึ่งเราเคยอานในหนังสือ แตก็ไมคอยเขาใจวาแลวมันจะเกิดผลยังไง คนทำจะรูสึกยังไง แลวก็มีการใชแว็กซ การปนจักรยาน การฝงเข็ม ฯลฯ พอดีมีคนไขมา หมออินเทิรนเลยเรียกใหเราไปดูเขาฝงเข็มดวย เห็นมีการใชนิ้ววัด จากกลางหลังวัดออกไปกี่นิ้วๆ ใหคนไขวางมือแนบลำตัว แลววัดจาดปลายนิ้วกลาง เอาสำลีทาแอลกอฮอลล กอนเอาเข็มแทงก็บอกคนไขวา “หายใจลึกๆ นะคะ” แลวก็แทงเข็มโลด โอย เห็นแลวจี๊ดใจ ดูเสียวมาก จริงๆ เคยฝงเข็มนะ แตตอนนั้นนอนคว่ำ ไมตองมาเห็นหมอนั่งจิ้มๆ แบบนี้ เห็นแลวเสียวแทน หลังจากเดินออกมาจากหองฝงเข็ม หมอบอกวาลองเอาแมเหล็กมาวางดูสิ ขึ้นมานั่งบนเกาอี้ เทาขางหนึ่งวางบนแมเหล็กขั้ว north pole อีกขางหนึ่งวางบน ขั้ว south pole สวนมือทั้งสองขางใหถือแมเหล็กคนละขั้วกับเทาขาง เดียวกัน รอประมาณยี่สิบนาที จริงๆ ถาทำการรักษาตองดื่มน้ำแมเหล็กดวย แตอันนี้มาทดลองเพราะอยากรู เลยไมไดดื่มน้ำ หมอบอกวาลองไดไมอันตราย ปรากฎวาผานไปไมถึงสามสิบวินาที รูสึกมึนหัวขึ้นมาทันที แทบอยากจะขอเลิก เลยบอกหมอวา “มึนอะหมอ” หมอเลยบอกวา “หลับตาสิ” แปรวเลยตรู เลยหลับตา ขณะที่ทำอยูรูสึกจี๊ดๆ ที่ขอมือ ที่มือทั้งสองขาง ที่เทา แลวก็รูสึกเหมือนมีกระแสไฟฟาในรางกาย แตพอทำไปทำมาชักกลัวแฮะ แตจะเลิกก็ไมกลาเลิก มันยังไงไมรูอะ

ไมใชไมดีนะ แตมันแปลกๆ พอครบยี่สิบนาทีเลยรีบลงมา เอาแมเหล็กไปเก็บ แลวก็หายใจลึกๆ รีบเดินออกมาจากแผนก Acupuncture กลับมาที่หองยังพอมีเวลาเลยฝกอาสนะ แตฝกไปฝกมาตอนจบดันเกิดอาการงวงงุน โงหัวแทบไมขึ้น ฟุบอยูพักใหญจนตัดสินใจไปดื่มน้ำโมซัมบิกจะไดมีแรงไป เดินรอบสนามตอ แตกลายเปนวา วันนี้เดินไดงอยมาก เดินชาๆ เหมือนคนไมมีแรง เดินอยางออยอิ่ง รอบละเกือบสิบหานาที เดินสี่หารอบปาเขาไปเปนชั่วโมง เจอคนเดินน็อครอบเยอะมาก แตจุดนี้ฟงเสียงรางกายตัวเอง ไดแคนี้ก็แคนี้ ไมฝนธรรมชาติ จริงๆ วาจะเดินแคสี่รอบ ปรากฎวา พอจะเดินกลับหองก็เห็นเจาหนาที่มาฉีดยากันยุง ยาเปนควันขาวฟุงกระจายลอยออยอิ่งอยู ไมอยากดมควัน เลยตัดสินใจเดินตออีกรอบ เสร็จแลวเดินผานหองสมุดที่เขาใชสวดมนตกัน ปกติก็ไมเคยเขาหรอก แตเห็นวันนี้มีหีบเพลงดวย นาสนใจดี เลยขอเขาไปฟงเสียหนอย ใหคลื่นสมองไดบาลานซกันด็วยเสียงสวดและเสียงหีบ เพลงแลวกัน พอเขาไปฟงก็เพลิดเพลินดี มีคนเลนหีบเพลงซึ่งเปนคนรองหลักหนึ่งคน และอีกคนเปนผูหญิงนั่งอยูที่พื้น สวนคนอื่นๆ ก็มารวมฟงและสวดบางสำหรับคนที่สวดได บางบทก็มีตบไมตบมือเปนจงหวะกันไปแลวแตบท จากนั้นก็ขอตัวกลับเขาหอง รีบอาบน้ำโดยดวน เพราะวันนี้ตั้งใจวาจะไปฟงโยคะนิทรา เพราะหมอที่ทำโยคะนิทราบอกวาฟงไมออกก็ไมเปนไร ใหมารับความรูสึกไป ในหองมีพลังจากคนที่มาเขารวม ใหมาเถอะ เลยรีบไปแตพอไปถึงคนก็เห็นคนนอนกันเต็มพื้นที่แลว โชคดีที่ตาไว เล็งเห็นที่วางอยูหนาๆ เลยเดินยองไปนอนฟงกับเขาดวย ไมทันถึงหนึ่งนาที่ที่ หลับตาลมตัวลงนอนก็รูสึกเจ็บขอ มือทั้งสองขางมาก เหมือนมีคนมาบีบหรือเอาอะไรหนักๆ มากดทับ และนวดแบบหนักๆเจ็บอยูพักนึงแลวก็รูสึกวามีอะไรหมุน อยูที่เหนือชีพจน ตรงขอมือ หนักมาก จนแอบขยับมือเพราะอยากรูวาถาขยับมือจะหายไหม

12


ÊÒÃѵ¶Ð ปรากฎวาก็ไมหาย ยังหนักอยู พยายามฟงหมอหลายรอบวาจะมีคำพูดภาษาสันสกฤต ที่เราฟงออกบางหรือเปลา เชน ชื่อจักราตางๆ ปรากฎวาก็ไมมี สรุปวาไมรูวาพูดเรื่องอะไร รูแตหนักขอมือไปหมด เขาใหดูฐานไหนก็ดูแทบไมรูเรื่องเลย รูสึกมั่งไมรูสึกมั่ง แตพอมาที่ฐานคอก็รูสึกชัดเลย ก็ไลจักราไปจนถึงจักราสหัสรารา แลวสักพักก็เลิก กอนเลิกยังหนักมืออยูเลย หมอใหขยับตัวลุกขึ้นตื่นก็หายเจ็บมือซะงั้น เลยเดินไปบอกหมอ หมอบอกวาดีแลว เปนการดีท็อกซออกไปนะ ไมตองกังวล วาแลวก็กลับเขาหอง อาบน้ำ นั่งสมาธิ นอนครอก วันที่ยี่สิบสองมกรา วันที่สิบของการอยูที่นี่ ตื่นมาก็ฝกอาสนะ ตอดวยปราณายามะประมาณสองชั่วโมง ฝกเองที่หอง เอาผาหมมาปูบนพื้นไวสองชั้นกันหนาว แลววางแมทแบบพกพาทับลงไป เพราะพื้นหองเปนหิน ตอนเชาจะเย็นมาก พอฝกเสร็จเจ็ดโมงกวาไดเวลาออกไปเดินออกกำลังสัก รอบสองรอบกอนไปดื่มน้ำแครอท จากนั้นขึ้นไปรอพอกโคลนที่ทองตอนแปดโมง จริงๆ ก็ไมอยากรีบมากเพราะอากาศยังหนาวอยู ถาตองพอกโคลน เปดพุงทั้งๆ ที่หนาวๆ นี่ก็เอาเรื่องอยูเหมือนกัน แตเนื่องจากมีอีกหลายกิจกรรมรออยู เพราะฉะนั้น เวลาหาที่นอนพึ่งพุงก็จะหาที่ๆ โดนแดด ใหพุงโดนแดด สวนหนาก็ใชหมวกกับผาคลุมเอา เดี๋ยวหนาจะไหม ผานไปซักครี่งชั่วโมงรอพอโคลนแหงไดที่กำลังลุกขึ้นมา ก็พอดีเจอคนนวดเดินอยูขางหนาพอดี เลยเรียกไวจะไดไปนวดตัวตอ คนนวดบนพึมพำเปนภาษามาราตีวา “หมดเวลาแลว นี่มันเกาโมงกวาแลวนะ งี้งั้นงูน” แตเธอก็ยอมไปนวดนะ แลวก็เรงเราใหรีบๆ ไปเช็ดโคลนออกวิธีการเอาโคลนออกจากพุงก็คือ เอาหนังสือพิมพที่ เหน็บอยูนี่ละมาเช็ด ฉีกออกมา แลวก็ปาดเอาโคลนออกไป ถามวาเจ็บไหม ตอบไดวา เจ็บบางไมเจ็บบาง ถาถูแรงเกินก็จะบาดเนื้อเราเอาได เพราะฉะนั้นตองเล็งมุมใหดี จะไดไมบาดเจ็บ พอเริ่มเจ็บแสดงวาใหกระดาษไมไดแลวก็ตองยายไป ลางน้ำ

13

เอาผาชุบน้ำเช็ดจนสะอาดเปนอันเรียบรอยก็สามารถ เคลื่อนยายไปฐานตอไปได ระหวางลางพุงก็มีคุณปาคนนึงบอกวา ทีหลังใหไปนวดกอนแลวคอยมาพอกโคลนแลวคอยตอ ดวยอบไอน้ำ เพราะถานวดแลวไปอบไอน้ำเลยน้ำมันที่นวดมาจะหาย หมดนะจะ เราก็คิดวาเออ จริงนะ มัวแตทำตามกำหนดการ ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย เขาบอกแบบไหนมาก็ทำแบบนั้น เพราะแคนี้ยังแทบสื่อสารกันไมรูเรื่องอยูแลว เลยไมไดเปลี่ยน คิดวาวันตอๆ ไปจะลองปรับดู ไปตอที่นวดตัว วันนี้รูสึกวาคนนวดนวดจนรูสึกเหมือนไขมันจะกระเด็น ออกไปตามมือเลย คิดวาถาไดนวดแบบนี้อยูเรื่อยๆ สงสัยผอมแน แตน้ำมันที่นี่เปนน้ำมันสมุนไพรแทๆ เพราะฉะนั้นไมตองถามถึงเรื่องกลิ่น ไมไดจรุงใจเหมือนที่เราเคยใชกันที่สปาที่เมืองไทยแนๆ กลิ่นนี่หึ่งติดผาไปสามวันเจ็ดวัน ซักก็ซักไมออก จำไดวาคราวที่แลวก็เหมือนกัน กลิ่นติดเสื้อผาไปเยอะมาก จริงๆ ตอนอยูอินเดียไมคอยรูสึกเพราะอากาศหนาวและแหง แตพอกลับเมืองไทยเจออากาศอุนๆ ชื้นๆ นี่กลิ่นแรงมากเลย ตอจากนั้นก็ไปรอคิวอบไอน้ำ ตอนแรกก็คิดอยูวาไปหรือไมไปดี เพราะไมอยากใหผื่นขึ้นเพิ่ม แตก็ตัดสินใจวา ผิวดูแข็งแรงขึ้นมากแลว เพราะฉะนั้นไปลองดูดีกวา ผลปรากฎวาผื่นไมเพิ่มขึ้น แตผิวแหงมาก เซ็งเลย ไอที่อุตสาหนวดมาไดจากไปเสียแลว เฮอ สุดทายแกเซ็งดวยการไปอาบน้ำใหเพลิดเพลินเจริญใจ ตอดวยดื่มน้ำโมซัมบิก ไปอานหนังสือเจอ เขาบอกวา เราควร Eat Juice, Drink Food คือแมจะเปนน้ำหรือเครื่องดื่มก็คอยๆ จิบ ทีละนิดๆ ละเลียดๆ กินไป ไมใชดื่มรวดเดียวหมด สวนอาหารก็ควรเคี้ยวใหละเอียดจนแทบจะเปนน้ำเลย ตอนทานขาวก็ไมควรเมามอย ควรทานอยางเงียบๆ ไมควรคุยเรื่องที่กระตุนอารมณ เชน เรื่องทางการเมือง เรื่องของคนอื่น เรื่องงานที่คางคา ควรมีสติกับอาหารตรงหนาของเราเทานั้น วันนี้เจออาดี้ หรืออาทิตยา เจอกันที่โรงอาหารตอนดื่มน้ำแครอทรอบสิบเอ็ดโมง


ÊÒÃѵ¶Ð

อาดี้เปนชายหนุมอินเดียวัยเบญจเพศ มีอาชีพเปนคนทำหนังโฆษณามา เห็นบอกวาวันนี้ที่หองสมุดมีคนมาขายผาไหมคุณภาพดี ถาสนใจใหแวะไป เลยคิดวายังไงก็ไมพลาดอยูแลว ที่จริงเขาคงเขียนประกาศใหรูละ แตวาเขียนเปนภาษามาราตี เราก็เลยอานไมออก ไดเพื่อนๆ นี่แหละชวยบอกวาอะไรเปนอะไร ไมงั้นคงอยูไปอยางมึนงง เห็นวายังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงเลยกลับเขาหองไปพัก สายตาดวยการโปะ Mud Pack กอนเดินออกไปดื่มน้ำมะพราวตอนบายโมง ออ วันนี้ตอนสงผาซักพบวาสบูซักผาที่ใหคนซักผานั้นหมด เกลี้ยงแลว เลยตองออกไปซื้อ พอเดินออกไปที่รานออรแกนิค ตรงหัวมุมหนาอาศรมก็พบวาเรามีแตแบงคใหญทาง รานไมรับ ใหเราไปหาแลกกับรานขายผลไมแทน พอไปรานผลไมก็ไมมีใครมีแบงคใหญ ไปถามอยูสี่ราน จนคนซื้อถามงาจะแลกตังคเหรอ แลวก็หาของตัวเองให ปรากฎวาไมมีเหมือนกัน เขาถามวา “จะไปซื้ออะไร” เราเลยบอกวา “ไปซื้อสบูซักผาสิบรูปคะ คนขายไมมีทอนเลยใหมาแลกแบงคยอย” เขาเลยยื่นแบงคสิบรูปมาใหบอกวา

“งั้นเอานี่ไปเถอะ เราเปนเพื่อนกัน ไมตองเอามาคืนนะ” เราก็เลยพยายามถามวา “อยูหองอะไรคะ จะเอาไปคืนให” เขาเลยย้ำวา “ไมตองๆ เพื่อนกันๆ โอเคนะ” เรื่องเลยจบดวยดวยประการฉะนี้เล ออ จากนั้น เจออาดี้กับโรเบิรต ซึ่งเปนชาวอังกฤษที่นั่งดื่มน้ำมะพราวอยู เลยถามอาดี้วาบายนี้วางไหม จะชวนไปรานออรแกนิค อยากซื้อของหลายอยาง แตอานไมออก ชวยแปลใหหนอย อาดี้เลยบอกวาไดเลย ไวเจอกันบายสามที่โรงอาหารหลังเวลาน้ำผักผลไม พอไดเวลาบายสองปุปก็ไปหองสมุดรอซื้อของ เพราะรูอยูแลววาเวลาคนอินเดียนั้นออกจะเลทซัก เล็กนอย เลยนั่งอานหนังสือรอไปชิลๆ ซึ่งเอาเขาจริงก็รอประมาณครึ่งชั่วโมง พอของมาก็เลยไปดู สอยมาไดสองสามอยาง เปนเสื้อผาไหมสีขาว กับผาพันคอและกระเปาอีกนิดหนอย แตยังไมจุใจเลย อยากเห็นของมากกวานี้แฮะ แอบคิดวาอยากไปที่สถาบันของเขา

14


ÊÒÃѵ¶Ð เห็นวาอยูไมไกลจากที่นี่ ออกไปสักสองสามกิโลเอง แตก็ไดแตคิด เพราะไมรูจะไปยังไง คิดวาถามีคนพาไปก็ดี หลังจากเลือกของอยูพักนึงอาดี้กับโรเบิรตก็มาเลือกขอ งพรอมกับผิดหวังเล็กนอยที่ไมคอยมีขาวของสำหรับผูช ายเลยคิดวาจะไปที่สถาบัน BAIF เลยชวนเราไปดวย! เย!! โชคดีจัง อยากไปก็ไดไปแฮะ ชอปเสร็จก็เอาของเก็บเขาหองเพื่อมาดื่มน้ำแครอทตอ นบายสามแลวไปรานออรแกนิคกับอาดี้ ที่รานนี้มีของดี มียาดีๆ เยอะมาก มีขนมนากินหลายอยาง แตเราก็กินไมไดอยูดี ไดแตมอง โชคดีวันนี้มีอาดี้มาดวย เลยรูวาอะไรคืออะไร เพราะทุกอยางเปนผงๆ หมด คลายกันจนไมสามารถเดาไดวาตางกันยังไง แลวอะไรเปนอะไร วันนี้เลยไดสิ่งของไปหลายอยาง มีผงชาสมุนไพร ผงทำอาหารของแขกที่ลองซื้อไปเผื่อจะเอาไปใหแกงเขีย วหวานใหไดขึ้นแขกๆ ขึ้นมาบาง มาซาลาไจเอาไวใสชา แลวก็น้ำกุหลาบเอาไวชงเครื่องดื่ม แหม พูดแลวก็อยากกินขึ้นมาเลยแฮะ นี่ดื่มแตน้ำผลไมมาหลายวัน เริ่มรูสึกอยากอาหารขึ้นมาบางแลว พอเก็บของเขาหองเรียบรอยก็ไปดิ่มน้ำโมซัมบิกรอบหา โมงครึ่งแลวออกเดิน เสร็จเดินทุมกวาก็แวะไปฟงสวดมนต กอนกลับเขาหอง อาบน้ำ เขานอน หมดไปอีกวัน วันที่ยี่สิบสามมกรา วันที่สิบเอ็ดของการอยูที่นี่ ตื่นมาตีหา เพื่อไปโยคะรอบตีหาสิบหา พอฝกโยคะไปไดพักเดียว ไมเกินสิบหานาที อยูๆ ก็คันคะเยอ ผื่นขึ้นมาซะงั้น ใจเสียเลย แตก็พยายามทำใจสบายๆ ฝกเสร็จก็กลับมาฝกปราณตอหวังวาจะดีขึ้นแตก็ไมดีขึ้น เซ็งมาก แตก็ทำอะไรไมได พอเจ็ดโมงก็ไปตอคิวรอทำดีท็อกซ ไปถึงเปนคนแรกเลย เสร็จแลวก็ไปพอกโคลนที่ทอง เสร็จแลวปรากฎวาผื่นที่แขนซึ่งไมไดถูกโคนลกลับแดงขึ้ นอีก ฮือๆ แยแลวๆ ไมนะๆ

15

ถึงจะใจเสียแคไหนก็ยังทำตามกำหนดการเดิมคือไปนว ดตอ ตามดวยแชสะโพก ใจจริงก็ไมคอยอยากแช เพราะไมชอบอยูหนาวๆ พอนั่งในอางน้ำซักพักน้ำก็หายรอน รูสึกหนาวทุกทีเลย อยากใหเจาหนาที่เขามาตามออกไปเร็วๆ นั่งดูลมหายใจอยูพักใหญเจาหนาที่ก็มาตามออกไป กลับหองได เย ตอนแตงตัวหลังจากแชสะโพกพบวา อาการผื่นคันคะเยอไมปราณีเราเลย ทยอยขึ้นมาอยางเริงรา ดังนั้น เราเลยตองไปหาหมออีกครั้ง หมอคงเห็นหนาจอยๆ พอเห็นแขนเราหมอเลยเขาใจ หมอบอกใหกินยาซักเม็ด แตเราบอกวา “ไมอยากกินยาแลวคะ รูวากินยาแลวจะดีขึ้น แตอยากเลิกยาแลว เลยมารักษาแบบธรรมชาติบำบัด” หมอบอกวา “กินซักเม็ดแลวกัน” ใจเราคิดวาเปนไงเปนกัน ไมกินยาดีกวา ครูฮิโรชิก็บอกวาปกติหมอจะไมแนะนำใหกินยา รางกายจะคอยๆ ปรับไป เลยพยายามอดทนกับผื่นไปขึ้นๆ ยุบๆ แบบนี้ สุดทายตัดสินใจกลับหอง นอนพัก โปะMud Pack กอนตื่นมาดื่มน้ำนีราตอนบายโมง เจออาดี้กับโรเบิรตที่รานขายน้ำนีรา อาดี้บอกวากำลังจะไปสถาบันที่ขายผาไหม เลยชวนไปดวยกัน แตจะมีผูหญิงอีกสามคนไปดวย นาจะพอไหวเพราะขับรถไป พอไดยินวาขับรถไปก็คิดวานาจะโอเค โดยลืมนึกไปวา รถที่อินเดียสวนใหญเปนคันเล็กๆ จะไดประหยัดน้ำมัน เพราะน้ำมันที่นี่แพงมาก พอกลับมาเอาเงินที่หองแลวออกไปเจออาดี้ก็เห็นผูหญิง สามคน เปนคุณแมที่มีรูปรางอวบมากหนึ่งคน ลูกสาวอวบมากๆ อีกหนึ่งคน และอวบนอยๆ อีกหนึ่งคน สรุปทั้งหมดมีหกคนนั่งเบียดกันไปในรถเล็กๆ ของอาดี้ ซึ่งคันเล็กกวารถมิราบานเราอีก โชคดีวา สถาบันใกลอาศรม เลยพอไหวอยู พอไปถึงปรากฎวาเปนเวลาพักของที่นี่ คนอินเดียพักกลางวันนานมากนะ กลับมาทำงานอีกทีบายสองแนะ เราก็เลยมีเวลาเยี่ยมชมสถาบัน ดูการเลี้ยงหนอนไหมแบบตางๆ เห็นตัวหนอน และคุณภาพไหมตางๆ


ÊÒÃѵ¶Ð

ที่จริงทุกอยางดูนาสนใจมาก แตพอวันนี้เบลอๆ เพราะไมไดนั่งรถออกมาขางนอกนาน เลยมีอาการมึนๆ อยูเหมือนกัน พอดูของไดถูกใจไมเกินสิบนาทีก็มีแขกกลุมใหญมาก กรูกันเขามาในราน เลยทำใหไมสามารถลองเสื้อและดูขาวของได อาดี้เลยเสนอวาจะขับรถไปรอบๆ เพื่อดูสถาบัน ...ที่จริงก็ไมคอยอยากไปลุยฝุนเลย เพราะเดี๋ยวผื่นคันคะเยอจะกำเริบ แตทำไงได ลงเรือลำเดียวกันแลวก็เลยตองไปตะลอนทัวรกับเขา อาดี้กับทุกคนดูสนุกสนานกับหนอนในดิน การหมักปุยใหหนอน และขั้นตอนการสาวไหมมาก แตเราพอจะเคยเห็นที่เมืองไทยมาบางแลวก็เลยออกจะ เฉยๆ และออกจะกังวลเล็กนอยกับสภาพฝุนฟุง แดดเปรี้ยง อากาศแหง เพราะปกติเปนคนแพอะไรพวกนี้ พวกฝุน หญาฟาง และตอนนี้เริ่มรูสึกขาดน้ำ แตก็ยังมองไมเห็น วาจะไปหาไดที่ไหน นอกจากกลับตัวสถาบัน หลังจากชมธรรมชาติมาพักใหญ ทุกคนก็ยังดูสนุกสนาน ที่จริงเราก็ยังสนุกนะแต เริ่มจะมีอาการขาดน้ำแลว อาดี้ขับรถตะลุยฟารมตะไคร ไรมะขามและสมุนไพรอื่นๆ อีกกอนที่รถจะติดหลม! เราเลยตองออกจากรถมาชวยเข็นกันอยางขลุกขลักกอน งมหาทางกลับจนได

พอถึงสถาบันอยางแรกที่ทำคือหาน้ำดื่ม จริงๆ ชวงนี้ทำ fruit fasting ก็ไมควรออกไปผจญภัยมาก ควรเก็บเนื้อเก็บตัวเล็กนอย แตก็ไมเปนไร ซาออกไปแลวก็ตองรับผล พอไดดื่มน้ำก็คอยรูสึกสดชื่นขึ้นหนอย ผาไหมที่นี่ไดการรับรองมาตรฐานวาเปนผาไหมชั้นดี ไดคุณภาพ พอจับดูแลวก็คิดวาคลายๆ ของบานเรานะ เหมือนที่เราเห็นเวลาไปงานโอท็อป แตก็ซื้อมาเปนที่ระลึกเหมือนกัน เพราะวิธีการเลือกใชสีของเขาดูสนุกดี สมตัดเขียว อะไรแบบนี้ แลวก็กำลังอยากไดเสื้อเรียบๆ มาใสกับกระโปรงแบบแขกที่ซื้อมา แหม โชคดีจัง ไดอยางที่คิดไวเลย ทั้งสีขาวที่ใสไดเรื่อยๆ กับสีเขียวมะนาวซึ่งดูเกดี นสุดทายผูหญิงช็อปเสร็จหมดแลวเราก็ยังตองรออาดี้ที่ เลือกซื้อเสื้อเชิ้ตและแจ็กเก็ตแบบไมมีแขนอยูนานสอง นาน ระหวางรอก็รูสึกดีนะที่เห็นคนหนุมสาว ใสเสื้อผาที่เปน ผาไหมไดแบบที่เขารูสึกภูมิใจ ไมไดขัดเขินอะไร ไมเหมือนบานเรา คงจะไมคอยมีผูชายวัยยี่สิบหามายืนเลือกซื้อแจ็กเก็ตผา ไหมอยางจริงจังขนาดนี้สรุปเราใชเวลากันไปสามชั่วโมง สำหรับบการเยี่ยมชมสถาบัน BAIF และซื้อขาวของ

16


ÊÒÃѵ¶Ð แตเรายังมีภารกิจตอหลังนี้นี้คือแวะไปรานเสื้อเพื่อถาม ความคืบหนาของการตัดเสื้อที่ไปวัดตัวมาเมื่อวันกอน คุณพระชวย! คนตัดเสื้อบอกวาไดวันที่ 31 นะจะ โอ ไมนะ เรากลับวันที่ 27 จะเอาเสื้อวันนั้นไดไง ตอนวัดตัวก็บอกแลววาจะกลับวันอาทิตย เห็นบอกวาตัดไมกี่วันก็เสร็จ คนตัดเสื้อก็สายหัวไปมาบอกวา “ปกติใชเวลาสิบหาวันนะ” ยิ้มมุมปากหนึ่งที แลวบอกวา “เอางี้ มาใหมวันศุกรแลวกัน”

photo from: http://www.centerforwholeness.com/art.html

เราก็ไดแตขอบคุณแลวจากมาดวยความจอยนิดๆ นึกวาจะตัดเสร็จเร็วแบบเกเชา ไมกี่วันก็ตัดชุดออกมาเสร็จสรรพเรียบรอยทุกสิ่งอัน ขนาดกลางวันทำงานเปนภารโรงที่ไกวัล กลางคืนยังเย็บผากองโตใหเราทัน สุดทายเดินกลับมาที่โรงอาหาร ดื่มน้ำโมซัมบิกแลวเดินๆๆๆ เดินอยางมีความสุข รูสึกมีแรงขึ้นมาทันที วันนี้เดินแลวรูสึกมีเรี่ยวมีแรง ไมออนปวนเปยกเหมือนวันแรกๆ เดินไดเร็วจนแทบจะเหมือนพวกที่แขงเดินทน ซึ่งเกือบจะเปนการวิ่งอยูแลว วันนี้ขณะเดิน เหมือนมองเห็นตัวเองเดิน แลวทำใหนึกถึงคำถามนึงที่เคยถามตัวเองตอนที่เห็นคน เดินบนสายพานเปนชั่วโมง หรือเห็นคนแขงวิ่งมาราธอน หรือคนที่เดินหรือวิ่งตามสวนสาธารณะ ตอนนั้นเคยถามตัวเองวา “เขาเอาความมุงมั่นแบบนั้นมาจากไหนกันนะ” แตวันนี้ไดเขาใจแลววาทุกอยางมันเปนขั้นตอน เปนกระบวนการ ตองผานการเดิน การฝกใหขาเริ่มมีแรง มีกำลัง หัวใจแข็งแรงขึ้น เดินไดทนขึ้น และที่สำคัญคือพลังใจ วันนี้รูสึกเปนแบบนั้น เปนความเร็วในระดับที่รางกายตัวเองทำได รูวาจะเดินแบบนี้ กาวเดินแบบนี้ หายใจแบบนี้

17

แลวที่สำคัญ มีเรื่องที่นาดีใจมากๆ อยางนึงคือเวลาเดินเราสามารถวางเทาขวาไดตรงๆ แลว ดีใจมาก เพราะรูสึกมานานแลววาเวลาเดินโดยเฉพาะถาใสรอง เทาแตะ เวลากาวเทาขวา ปลายเทาขวาจะเบไปทางขวานิดนึง ประมาณสิบหาองศา ซึ่งพอรูตัวทีก็แกทีนึง แตตอนนี้เวลากาวยางแตละครั้ง ไมตองบังคับใหเทาขวาวางลงตรงๆ แลวมันก็สามารถวางลงตรงๆ เองได ไมรูวาเปนเพราะการเดินออกกำลังที่นี่หรืออะไร ที่ทำใหมัสเซิลโทนปรับความสมดุลของกลามเนื้อจน สามารถเดินไดอยางปกติ ดีใจจังเลย ที่จริงอยากจะเขียนตอแตหมดแรง ขอไวตอคราวหนานะคะครู เตยคะ


¾ÃÐäµÃ» ® ¡á¡‹ ¹ ¸ÃÃÁ

ÊÒÃѵ¶Ð

photo from; http://www.thisiscolossal.com/2013/03/meditatingmachinery-mechanical-buddhas-and-xanadu-by-wang-zi-won/

¾ÃÐäµÃ» ® ¡ àÅ‹ Á ·Õ ่ ñô(¾ÃÐÊØ µ µÑ ¹ µ» ® ¡ àÅ‹ Á ·Õ ่ ö) ÁÑ ª ¬Ô Á ¹Ô ¡ Ò ÍØ » ÃÔ » ˜ ³ ³ÒÊ¡ ø. ÍÒ¹Ò»Ò¹ÊµÔ Ê Ù µ à (µ‹ Í ¨Ò¡µÍ¹·Õ ่ á ÅŒ Ç )

[๒๘๙]ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุที่เจริญอานาปานสติแลวอยางไร ทำใหมากแลวอยางไร จึงบำเพ็ญสติปฏฐาน ๔ ใหบริบูรณได ดูกรภิกษุทั้งหลายสมัยใด เมื่อภิกษุหายใจออกยาว ก็รูชัดวา หายใจออกยาว หรือเมื่อหายใจเขายาว ก็รูชัดวา หายใจเขายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รูชัดวา หายใจออกสั้นหรือเมื่อหายใจเขาสั้น ก็รูชัดวา หายใจเขาสั้น สำเหนียกอยู วาเราจักเปนผูกำหนดรูกองลมทั้งปวง หายใจออก วาเราจักเปนผูกำหนดรูกองลมทั้งปวง หายใจเขา สำเหนียกอยู วาเราจักระงับกายสังขาร หายใจออก วาเราจักระงับกายสังขารหายใจเขา หมอบอกวาการกินน้ำผักผลไมจะชวยไดมาก เราจะหายแนนอน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในสมัยนั้นภิกษุชื่อวาพิจารณาเห็นกายในกายมีความ เพียร รูสึกตัว มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียไดอยู ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากลาวลมหายใจออก ลมหายใจเขานี้ วาเปนกายชนิดหนึ่งในพวกกาย เพราะฉะนั้นแล ในสมัยนั้น ภิกษุจึงชื่อวาพิจารณาเห็นกายในกายมีความเพียร รูสึกตัว มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียไดอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุ สำเหนียกอยู วาเราจักเปนผูกำหนดรูปติ หายใจออก วาเราจักเปนผูกำหนดรูปติ หายใจเขา สำเหนียกอยู วาเราจักเปนผูกำหนดรูสุข หายใจออก วาเราจักเปนผูกำหนดรูสุข หายใจเขา สำเหนียกอยู วาเราจักเปนผูกำหนดรูจิตสังขาร หายใจออก วาเราจักเปนผูกำหนดรูจิตสังขาร หายใจเขา สำเหนียกอยู วาเราจักระงับจิตสังขาร หายใจออกวาเราจักระงับจิตสังขาร หายใจเขา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในสมัยนั้น ภิกษุชื่อวาพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา มีความเพียร รูสึกตัว มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียไดอยู

18


ÊÒÃѵ¶Ð

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากลาวการใสใจลมหายใจออกลมหายใจเขาเปนอยาง ดีนี้ วาเปนเวทนาชนิดหนึ่ง ในพวกเวทนา เพราะฉะนั้นแลในสมัยนั้น ภิกษุจึงชื่อวา พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา มีความเพียร รูสึกตัวมีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียไดอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุ สำเหนียกอยู วาเราจักเปนผูกำหนดรูจิต หายใจออก วาเราจักเปนผูกำหนดรูจิต หายใจเขา สำเหนียกอยู วาเราจักทำจิตใหราเริง หายใจออก วาเราจักทำจิตใหราเริง หายใจเขา สำเหนียกอยูวาเราจักตั้งจิตมั่น หายใจออก วาเราจักตั้งจิตมั่น หายใจเขา สำเหนียกอยูวาเราจักเปลื้องจิต หายใจออก วาเราจักเปลื้องจิต หายใจเขา ดูกรภิกษุทั้งหลายในสมัยนั้น ภิกษุชื่อวาพิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร รูสึกตัว มีสติกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียไดอยู ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไมกลาวอานาปานสติแกภิกษุผูเผลอสติ ไมรูสึกตัวอยู เพราะฉะนั้นแล ในสมัยนั้นภิกษุจึงชื่อวา พิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร รูสึกตัว มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียไดอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุ สำเหนียกอยู วาเราจักเปนผูตามพิจารณาความไมเที่ยง หายใจออก วาเราจักเปนผูตามพิจารณาความไมเที่ยง หายใจเขา สำเหนียกอยู วาเราจักเปนผูตามพิจารณาความคลายกำหนัด หายใจออก วาเราจักเปนผูตามพิจารณาความคลายกำหนัด หายใจเขา สำเหนียกอยู วาเราจักเปนผูตามพิจารณาความดับกิเลส หายใจออก วาเราจักเปนผูตามพิจารณาความดับกิเลสหายใจเขา สำเหนียกอยู วาเราจักเปนผูตามพิจารณาความสละคืนกิเลส หายใจออก

19

วาเราจักเปนผูตามพิจารณาความสละคืนกิเลส หายใจเขา ดูกรภิกษุทั้งหลายในสมัยนั้น ภิกษุชื่อวา พิจารณาเห็นธรรมในธรรม มีความเพียร รูสึกตัว มีสติกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียไดอยู เธอเห็นการละอภิชฌาและโทมนัสดวยปญญาแลว ยอมเปนผูวางเฉยไดดี เพราะฉะนั้นแล พิจารณาเห็นธรรมในธรรม มีความเพียร รูสึกตัว มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียไดอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่เจริญอานาปานสติแลวอยางนี้ ทำใหมากแลวอยางนี้แล ชื่อวาบำเพ็ญสติปฏฐาน ๔ ใหบริบูรณได ฯ (ยังมีตอ)

จากเวบไซท http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=1 4&A=3924&Z=4181


ÊÒÃѵ¶Ð

º·¡Å͹

“§ÒÁ” ¹ÇŹŒÍ§ à¾×่͹͌Ò ഋ¹¡Ç‹Ò ´Ñ่§¹Õ้ ¾Ö§ÂÅ

ÁÒÂÒ

photo from; http://eye.fashionary.org/

¡ÑÅÂÒ§ÒÁà´‹¹ËÅŒÒ §ÒÁ¡Ç‹Òã¤Ã·Ñ้§¼Í§ §ÒÁ¨ÃÔ§ÂÔ่§§ÒÁÁͧ §ÒÁã¨ãª‹¡ÒÂä«ÃŒ

20


ÊÒÃѵ¶Ð

µÓÃÒâÂ¤Ð´Ñ ้ § à´Ô Á

photo from: http://24.media.tumblr.com/tumblr_m5w43pv9x51qjj175o1_500.jpg

¼Å¢Í§¤ÇÒÁµÑ ้ § ÁÑ ่ ¹ 㹡Òû¯Ô º Ñ µ Ô Í ËÔ § ÊÒ วีระพงษ ไกรวิทย และจิรวรรณ ตั้งจิตเมธี ใจความสำคัญของโยคสูตรประโยคที่ ๒:๓๓ -๓๔ ในตอนที่แลวสรุปไดวา การฝกยมะทั้งหลายหากมีอุปสรรคที่เปนวิตรรกะซึ่ง เปนความคิดและการกระทำที่ไมดี เปนการเบียดเบียนทำรายผูอื่น ไมวาเราจะกระทำเองโดยตรง หรือวานใหผูอื่นกระทำ หรือเห็นดีดวยเมื่อผูอื่นกระทำ ลวนมีสาเหตุมาจากกิเลสคือ ความโลภ ความโกรธ และความหลง ที่มีอยูในจิตไมวาจะมากหรือนอยก็ตาม ซึ่งนำไปสูความทุกขได ทางแกคือใหผูปฏิบัติโยคะพยายามสรางนิสัยในทาง ตรงกันขามกับวิตรรกะเหลานั้นเชน หากเรามีความโกรธคนหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อันเปนเหตุใหเกิดแรงกระตุนที่จะทำรายหรือทำลายคน หรือสิ่งของนั้น ก็ใหเราตั้งใจเตือนตนเองวา ความคิดและการกระทำแบบนี้เปนสิ่งซึ่งคอยเหนี่ยวรั้ง ตัวเราไมใหกาวหนาไปบนเสนทางแหงโยคะ และใหพัฒนาความรักความเมตตาตอคนหรือสิ่งเหลา นั้นขึ้นแทน

21

ถาเราพยายามทำเชนนี้ดวยความจริงใจและตั้งใจอยาง ตอเนื่อง จะทำใหเกิดการเปลี่ยนแปลงนิสัยไมดีเหลานั้นไดในระ ยะยาว ถัดมาประโยคที่ ๒:๓๕ กลาววา “อหิงสา-ประติษฐายาง ตัต-สันนิเธา ไวระ-ตยาคะห” แปลวา ผลของการตั้งมั่นในอหิงสา(การไมเบียดเบียนทำราย ไมใชความรุนแรง) คือ การหยุดความเกลียดชังหรือความเปนศัตรู (แมจากผูอื่น) ในบริเวณรอบๆ ตัวของผูปฏิบัติโยคะ โยคสูตรประโยคที่ ๒:๓๕ ถึง ๒:๔๕ ชี้ใหเห็นถึงผลตางๆ ของการประพฤติปฏิบัติยมะและนิยมะทั้งหลายอยาง สมบูรณ ซึ่งสามารถพิจารณาไดวาสิ่งเหลานี้เปนเหมือนเกณฑ ของการปฏิบัติตามกฎแหงความประพฤติอันดีทั้งหลาย นั้นไดอยางดีเลิศ อยางไรก็ตามเกณฑที่กลาวถึงในประโยคเหลานี้นั้นเปน สิ่งที่ไมนาจะเปนไปไดหรืออยางนอยที่สุดก็ไมนาจะ บรรลุถึงได(ในทางปฏิบัติ)


ÊÒÃѵ¶Ð และยิ่งในกรณีของการปฏิบัติยมะขอตางๆ ใหถึงเกณฑแหงความสมบูรณก็ยิ่งเปนเรื่องยากมากขึ้น จริงๆ จนอาจดูเหมือนวาเกือบจะเปนสิทธิหรือพลังปาฏิหาริย ทั้งหลาย(ที่เขาถึงไดยาก) ยกเวนผลของการประพฤติพรหมจรรยะซึ่งบรรลุถึงได ไมยาก เกณฑแหงความสมบูรณของอหิงสาที่กลาวถึงใน ประโยคนี้บอกวา ไมเพียงแตโยคีเทานั้น แมแตผูคนที่อยูรอบๆ ตัวเขาก็จะคลายจากความรูสึกเกลียดชังหรือเปนศัตรู ดวย ยังไมเปนที่ชัดเจนวานี่เปนผลชั่วคราวหรือไม นั่นคือ การปราศจากความเปนศัตรูเกิดขึ้นเพียงขณะหนึ่งที่อยู ตอหนาโยคี หรือความเกลียดชังและความเปนศัตรูเหลานั้นถูกขจัด ออกไปอยางถาวร แนนอนวาตัวของโยคีเองตองปฏิบัติมาจนบรรลุถึง สภาวะหนึ่งที่ความรูสึกแหงความเกลียดชัง ความเปนศัตรูทั้งหลายที่นำไปสูความปรารถนาที่จะ ทำรายผูอื่นไดหมดสิ้นไปอยางสมบูรณในตัวเขา หลังจากความสมบูรณของอหิงสาไดเกิดขึ้นในตัวเขา แลวทั้ง ๓ ระดับที่เคยกลาวไว (1) แตประโยคนี้ไดกำหนดเงื่อนไขไววา มีการคลี่คลายความเกลียดชังหรือความเปนศัตรูใน บริเวณรอบๆ ตัวโยคี ซึ่งหมายความชัดวา ผูคนทั้งหมดที่อยูรอบๆ ตัวโยคี หมายถึงคนอื่นๆ ที่ไมใชตัวโยคีเอง จะคลายออกจากความรูสึกเปนศัตรูและเกลียดชังอยาง สิ้นเชิง และนี่อาจจะรวมถึงสัตวทั้งหลายที่อยูรอบๆ ดวย จริงๆ แลวเชื่อวาแมแตสัตวที่กินเหยื่อเปน อาหาร(สัตวกินสัตว) ก็จะมีแนวโนมที่จะลดการฆา เหยื่อตามธรรมชาติของพวกมัน เมื่อสัตวเหลานั้น อยูใกลโยคีหรือนักบุญที่ปฏิบัติอหิงสาอยางสมบูรณ แลว มีภาพตางๆ ที่แสดงถึงเสือและกวางรวมถึงวัวและสัตวอื่นๆ ที่เปนเหยื่อตามธรรมชาติหรือเปนอาหารของพวกมัน ถูกพบเห็นวาอยูรวมกันและบางทีก็เลนดวยกันดวยทาที แหงความเปนมิตรอยางมาก

ภาพลักษณะนี้ของมหาวีระผูเปนตีรถังกรของศาสนา เชนคนที่ ๒๔ หรือคนสุดทายก็มีใหเห็นอยางแพรหลาย รวมถึงภาพทำนองเดียวกันนี้ของนักบวชคนอื่นๆ ดวย ไมเพียงแตนักบวชของอินเดียเทานั้น แมแตนักบวชของศาสนาและประเทศอื่นๆ ก็มีใหพบเห็นอยูทั่วไป และแมแตในยุคปจจุบันก็สามารถพบสิ่งที่คลายกันนี้กับ นักบวชบางทานดวยเชนกัน ตัวอยางที่เปนที่รูจักกันดีที่สุดของผูที่เผยแพรหรือผูที่ อุทิศอยางแรงกลาใหกับหลักอหิงสาเมื่อไมนานมานี้ก็ คือ ทานมหาตมะคานธี และเปนขอพิสูจนอยางดีวา ผลของการฝกปฏิบัติอหิงสาที่กลาวไวในประโยคนี้ สามารถที่จะบรรลุหรือเกิดขึ้นไดในทางปฏิบัติหรือใน ชีวิตจริง มีตัวอยางจำนวนมากที่คนซึ่งเกลียดชัง อยางถึงที่สุดตอทานคานธีเอง หรือตอคนอื่นๆ ที่อยูใกลทาน ไดสูญสลายหรืออยางนอยก็ลดความ รูสึกเกลียดชัง ที่มีเหลานั้น และยังไดกลายเปน มิตรอยางมากเมื่อพวกเขาอยูตอ หนาทานคานธี และโดยเฉพาะเมื่อทานคานธีไดพูดคุยกับพวกเขาเพื่อที่ จะเปลี่ยนพวกเขาใหมีมุมมองตามที่ทานคานธีตองการ ตัวอยางที่โดดเดนที่สุดของผลแหงบุคลิกภาพดังกลาว ของคานธีที่มีตอบุคคลที่เกลียดชังเขาก็คือ ตัวอยางของนายจินนาห (2) (1) การปฏิบัติยมะทำได ๓ ระดับคือ ระดับทางกาย ทางวาจา และทางใจ (โปรดดูเพิ่มเติมที่ สารัตถะ เดือนมีนาคม ๒๕๕๖ หนา ๓๓) (2) ในป ค.ศ.1916 มหาตมะ คานธีผูนำพรรคคองเกรสแหงชาติของอินเดียซึ่งประชากรสวนใหญ นับถือศาสนาฮินดูกับมูฮัมหมัด อาลีจินนาหผูนำของสันนิบาตมุสลิมซึ่งเปนชนสวนนอยไดทำขอตกลง รวมมือกันราว 10 ขอเพื่อตอสูกับระบอบอาณานิคมอังกฤษเรียกวา ขอตกลงคานธี-จินนาหปรากฏวา 15 ปหลังทำขอตกลงฉบับนี้สถานการณทางการเมืองเปลี่ยนพรรคคอง เกรสฯมีฐานะเขมแข็งขึ้นขณะที่สันนิบาตมุสลิมมีฐานะตกต่ำลงดังนั้น เมื่อคูตกลงมีดุลกำลังทางการเมืองเปลี่ยนไปมหาตมะ คานธีประธานพรรคคองเกรสฯตอนนั้นมีทาทีไมยอมทำตามขอตกลงที่ เคยรวมมือกันไวทั้งที่จินนาหวอนขอคานธีใหยึดมั่นรักษาขอตกลง หลายครั้งระหวางป ค.ศ.1935-1939 แตก็ไรผลเกิดเปน ความขัดแยงระหวางผูนำทั้งสองฝาย สุดทายชาวมุสลิมจึงแยก ประเทศเปน ปากีสถานจนเกิดรบราฆาฟนกันครั้งใหญ ผูคนลมตายจำนวนมาก(เกษียร เตชะพีระมติชนรายวัน วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 ปที่ 28 ฉบับที่ 9862) ที่มา http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2005q1/ article2005february25p1.htm

22


ÊÒÃѵ¶Ð เขาไดเคยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับทานคานธีดวย กิริยาที่ดูถูกเหยียดหยามอยางที่สุด เชน เรียกทานวา “คนเจาเลห” และ “คนเลว” ในความจริงนั้นฉายาที่ดูถูกเหยียดหยามที่นายจินนาห ใชกับทานคานธีเมื่อเขาปฏิเสธที่จะพบกับทานคานธี เหตุผลที่นายจินนาหปฏิเสธที่จะพบคานธีคือ เมื่อเขาอยูตอหนาคานธี เขาเคยพบวาตัวเองไดสูญเสียความโกรธความเกลียดชัง ที่จะตอสูและคัดคานทาน ดังนั้นในแงหนึ่งนี่จึงเปนการยกยองสรรเสริญในคุณ ความดีของคานธีโดยไมตั้งใจ และแสดงถึงผลของการเปนผูปฏิบัติอหิงสาและสัตยะ อยางแรงกลาตอความรูสึกเกลียดชังของคนที่เปนศัตรู กับเขา เราจึงพบวาขอความในประโยคนี้เปนจริงใน แงที่วา ความเกลียดชังความเปนศัตรูจะหมดไป หรืออยางนอยก็ลดนอยลง เมื่ออยูตอหนาผูปฏิบัติ อหิงสาอยางจริงใจ แตอยางที่กลาวแลววา การบรรลุถึงอหิงสา ในระดับสมบูรณตามประโยคนี้นั้นเปนเรื่องที่ยากและ แทบจะเปนไปไมได ซึ่งสามารถเห็นไดจากตัวอยาง ของทานคานธีขางตน ในยุครวมสมัยนี้บางทีทานอาจ จะเปนเพียงคนเดียวที่ไดพยายามอยางถึงที่สุดที่จะเกาะ ติดตอเนื่องกับการปฏิบัติอหิงสาและกระทำดวยความ จริงใจอยางถึงที่สุด ถึงกระนั้นก็ตามยังมีหลายคน ที่มีความรูสึกเปนศัตรูตอทานคานธีเอง และรูสึก เกลียดชังหลายๆ คนที่อยูใกลชิดกับทานซึ่งความรูสึก นี้ก็ไมไดหมดไป อยางสมบูรณ จากทั้งหมดนี้เราสามารถเพียงแคสรุปวา มันขึ้นอยูกับตัวเราเองเทานั้นที่จะพยายามปฏิบัติยมะ ทั้งหลายดวยความจริงใจไปจนเขาถึงระดับสูงสุดซึ่ง อาจจะเปนไปไดสำหรับเรา แมวาความสมบูรณที่สุดที่กลาวไวชัดในประโยคนี้อาจ เปนเพียงอุดมคติและไมมีทางที่จะเขาถึงไดเลยก็ตาม บางคำอธิบายเกี่ยวกับคำถามที่วา ทำไมความเปนศัตรูแมแตในสัตวดุรายที่กินสัตวอื่นเปน อาหารจึงสามารถหายไปเมื่ออยูตอหนาโยคีที่กาวหนา อยางสูงในการฝกอหิงสาแลวและมันหายไปไดอยางไร อาจดูไดจากบทความที่เคยตีพิมพโดยอรรถกถาจารย โยคสูตรนี้ เรื่อง “The Position of Yoga as a Science Today” ใน Yoga Mimamsa, VIII, No.1, pp.15 to 19, 1965.

เอกสารอางอิง : ๑) Karambelkar, P. V. (1986).PATANJALA YOGA SUTRAS Sanskrta Sutras with Transliteration, Translation & Commentary.Lonavla :Kaivalyadhama, p. 263-266. ๒) เกษียร เตชะพีระมติชนรายวัน วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 ปที่ 28 ฉบับที่ 9862 [ออนไลน] http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2005q1/arti cle2005february25p1.htm

23


ÊÒÃѵ¶Ð à´×͹ ÊÔ§ËÒ¤Á 2556 ÁÕ¼ÙŒºÃԨҤʹѺʹع¡Ò÷ӧҹ¢Í§Ê¶ÒºÑ¹Ï ´Ñ§¹Õ้ ¤ÃÙà»ÒÇ ¸ÕÃÔ¹·Ã ÍتªÔ¹ à§Ô¹ºÃÔ¨Ò¤¡Ô¨¡ÃÃÁ¨Ò¡·ÕÁ¤ÃÙâ¤Ðà´็¡ ÊÊÊ. 3 Ê.¤.56 à§Ô¹ÊÁ·º¡Ô¨¡ÃÃÁâ¤Ðã¹Êǹ¸ÃÃÁ 7 - 8 Ê.¤.56 à§Ô¹ºÃÔ¨Ò¤¡Ô¨¡ÃÃÁ¨Ò¡·ÕÁ¤ÃÙâ¤Ðà´็¡ â¤йÁÑÊൠ24 Ê.¤.56 à§Ô¹Êº·º¡Ô¨¡ÃÃÁ¨ÔµÊÔ¡¢Ò à´×͹ ÊÔ§ËÒ¤Á ¨Ò¡µÙŒºÃÔ¨Ò¤ ã¹Êӹѡ§Ò¹

900 480 372 1400 300 1823

ÃÇÁ

5275

¼ÙŒÊ¹ã¨Ã‹ÇÁʹѺʹع¡Ô¨¡ÃÃÁµ‹Ò§ æ ¢Í§Ê¶ÒºÑ¹â¤ÐÇÔªÒ¡Òà ʶҺѹâ¤ÐÇÔªÒ¡ÒôÓà¹Ô¹¡ÒÃâ´Âä´ŒÃѺ¡ÒÃʹѺʹعºÒ§Ê‹Ç¹ ¨Ò¡ÁÙŹԸÔËÁͪÒǺŒÒ¹ ÁÕÃÒÂä´Œ¨Ò¡¤‹Òŧ·ÐàºÕ¹¡Ô¨¡ÃÃÁ ÁÕÃÒÂä´Œ¨Ò¡¡ÒèÓ˹‹Ò¼ÅÔµÀѳ± µ‹Ò§æ ¹Í¡¨Ò¡¹Ñ้¹ ʶҺѹ Ï ÂѧÂÔ¹´ÕÃѺ¡ÒÃʹѺʹع¨Ò¡¼ÙŒÊ¹ã¨Ã‹ÇÁà¼Âá¾Ã‹ à¾×่͹Óà§Ô¹ÁÒ㪌´Óà¹Ô¹¡ÒÃãËŒºÃÃÅØÇѵ¶Ø»ÃÐʧ¤ µÒÁ·Õ่µÑ้§äÇŒ ʹѺʹع´ŒÒ¹¡ÒÃà§Ô¹ ʹѺʹع¼‹Ò¹ºÑÞªÕ : ¸¹Ò¤ÒÃä·Â¾Ò³ÔªÂ ºÑÞªÕÍÍÁ·ÃѾ ª×่ͺÑÞªÕ ÁÙŹԸÔËÁͪÒǺŒÒ¹ (ʶҺѹâ¤ÐÇÔªÒ¡ÒÃ) àÅ¢·Õ่ºÑÞªÕ 173-241 6858 ÊÒ¢Ò The Mall 3 ÃÒÁ¤Óá˧ ʹѺʹع´ŒÒ¹·Ñ¡ÉРʶҺѹâ¤ÐÇÔªÒ¡ÒÃÂÔ¹´ÕÃѺ¡ÒÃʹѺʹع 1.·Ñ¡ÉШҡ¼ÙŒÁÕ¤ÇÒÁʹ㨠ËÃ×Ͷ¹Ñ´ã¹àÃ×่ͧ¢Í§¡ÒÃÍ͡Ẻ à¾×่ͪ‹ÇÂ㹡ÒèѴ·ÓÍÒà µàÇÔà ¤·Ñ้§ã¹Ê‹Ç¹¢Í§¨´ËÁÒ¢‹ÒÇÊÒÃѵ¶Ð Í͹äŹ ¡Ò÷Óâ»ÊàµÍà à¾×่Í㪌໚¹Ê×่Í»ÃЪÒÊÑÁ¾Ñ¹¸ ËÅÑ¡Êٵà áÅÐ ¡Ô¨¡ÃÃÁÍ×่¹ 2.¼ÙŒÁÕ¤ÇÒÁ¶¹Ñ´ã¹¡ÒõԴµ‹ÍÊ×่Í·Õ่ÊÒÁÒö໚¹ª‹Í§·Ò§ã¹¡ÒÃà¼Âá¾Ã‹ áÅÐ »ÃЪÒÊÑÁ¾Ñ¹¸ ËÅÑ¡Êٵà áÅÐ ¡Ô¨¡ÃÃÁÊ¶ÒºÑ¹Ï 3.¼ÙŒÊ¹ã¨Ã‹ÇÁ¾Ñ²¹Ò web page ¢Í§Ê¶ÒºÑ¹â¤ÐÇÔªÒ¡Òà 4.¼ÙŒÊ¹ã¨ÍÂҡËÇÁ໚¹Ê‹Ç¹Ë¹Ö่§ã¹¡ÒþѲ¹ÒáÅТѺà¤Å×่͹ãˌʶҺѹâ¤ÐÇÔªÒ¡Òà ÊÒÁÒö´Óà¹Ô¹¡Ô¨¡ÃÃÁä´ŒµÒÁ໇ÒËÁÒ ʹ㨵Դµ‹Íä´Œ·Õ่ʶҺѹâ¤ÐÇÔªÒ¡Òà ËÃ×Í ÊÒ´‹Ç¹¶Ö§ ¤ÃÙ¡ÇÕ

24


Ê¶ÒºÑ ¹ â¤ÐÇÔ ª Ò¡Òà ÁÙ Å ¹Ô ¸ Ô Ë ÁͪÒǺŒ Ò ¹ 201 «ÍÂÃÒÁ¤Óá˧ 36/1 ºÒ§¡Ð» ¡·Á.10240 â·ÃÈÑ ¾ · 02 732 2016-7, 081 401 7744 â·ÃÊÒà 02 732 2811 ÍÕ à ÁÅ yoga.thaiyga@gmail.com àÇ็ º ä«· www.thaiyogainstitute.com


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.