สุขสาระฉบับ 124

Page 1

ปีที่ 11 ฉบับที่ 124 ประจ�ำเดือน เมษายน 2557

มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)


ลาคอมรฺ

10 อาการ ที่มากับ การเลิกบุหรี่ ใน 3 เดือนแรก

อาหารกับสุขภาพ

ผักตระกูลกะหล�่ำรักษามะเร็ง

สาระน่ารู้ โฟเลต

ครอบครัว

การเลี้ยงดูลูก

ย้อนรอย ล้างมือ

พบหมอจินตนา

โรคที่เกิดจากพยาธิตัวแบน ชนิดตัวตืด

แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะ มุสลิมไทย ท่องโรค

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

สิ่งแวดล้อม น�้ำซักผ้ารดต้นไม้

ต่างแดน นโยบายกลืนกลายทางวัฒนธรรม...

ริมคลอง ปอบิดรักษาเบาหวานได้จริงหรือ?

รายงาน

เกษตรกรมือถือ

Design by : ro-heem

4 5 6 8 9 10 11 16 17 18 19 21


WWW.Muslim4health.or.th

รณรงค์ลดละเลิกสิ่งมึนเมา (หน้า 12) ปีที่ 11 ฉบับที่ 124 เมษายน 2557

“อ�ำนาจ” หมายถึง การบังคับให้ผู ้ อืน่ ต้องยอมท�ำตามไม่วา่ จะด้วยความสมัคร ใจหรือไม่ หรือความสามารถบันดาลให้เป็ น ไปตามความประสงค์ของผูใ้ ช้อำ� นาจ อ�ำนาจจึงดลบันดาลให้ได้ทุกสิ่ง ทัง้ สิง่ ทีม่ ชี วี ติ และไม่มชี วี ติ อ�ำนาจจึงชักน�ำ ให้ผูค้ นไปประสบเหตุรา้ ยแรงถึงชีวติ ได้นบั หมืน่ นับแสนคน อ�ำนาจท�ำให้ผูค้ นยอมแลก ชีวติ เพียงเพือ่ ธ�ำรงไว้ซง่ึ อ�ำนาจ การใช้อำ� นาจดูเหมือนจะเป็ นสิง่ ที่ เกิดขึ้นเฉพาะกับมนุ ษย์ท่เี ป็ นสิ่งมีชีวติ ที่มี ลักษณะต้องการสังคม และอยูร่ วมเป็ นกลุม่ คนเราแสวงหาอ�ำ นาจได้ห ลาย ทาง เช่น จากทรัพย์สมบัติ จากพวกพ้อง

ท�ำไมคนเราจึง จากต�ำแหน่งหน้าที่ จากคุณธรรม บางคน มีทรัพย์เป็ นอ�ำนาจคือ เมือ่ มีทรัพย์สมบัติ มากก็มอี ำ� นาจมากตามมา บางคนมีพรรค พวกเป็ นอ�ำนาจ บางคนมีตำ� แหน่งหน้าทีเ่ ป็ น อ�ำนาจ ยิง่ สูงส่งยิง่ กลายเป็ นคนมีอำ� นาจ ที่ สามารถชี้นกเป็ นไม้ หรือชี้ไม้เป็ นนกได้ ผู ้มีอำ� นาจจึงเป็ นยอดมนุษย์ เหนือ

ผูค้ น ...ใครๆ จึ ง อยากมี อ�ำนาจ ...อ�ำนาจจึงครองโลก แต่ . ..อ�ำ นาจก็ มี ข้ ึ น มี ลง เพราะเมื่อ ทรัพ ย์ห มด อ�ำนาจก็หมด เมือ่ หลุดจาก ต�ำแหน่งสูงส่ง อ�ำนาจทีท่ ่วม หัว ก็ ห ล่น วู บ ลงมาอยู่ แ ค่ ตาตุ่ม ...อ�ำ นาจจึ ง เป็ นดาบ สองคมที่ เ ข่ น ฆ่ า ผู ค้ นได้ แล ว้ กลับ มาเชื อ ดเฉื อ น ตนเองได้เช่นกัน อ�ำนาจจึงอยู่กบั ตัวผูใ้ ช้ ไม่ใช่เพราะตัวมันเอง ใคร น�ำไปใช้อย่างคุณธรรม ก่อ ประโยชน์ให้สงั คมและตนเอง แม้จะหมด อ�ำนาจ หรือทรัพย์สนิ น้อยลง คุณธรรมก็ ยังคุม้ ครอง เมือ่ ใดทีน่ ำ� ไปใช้อย่างไร้คุณธรรม คุ ณ ธรรมก็ ไ ม่ คุ ม้ ครอง อ�ำ นาจก็ ย อ้ น มาสร้างความวิบตั ิฉิบหายให้ตนเองและ สังคมได้

สุขสาระ ขออภัยในความผิดพลาด “สุขสาระ” ฉบับเดือนมกราคม –มีนาคม 2557 ได้แสดงจ�ำนวนปี ทไี ่ ด้ดำ� เนินการจัดพิมพ์วารสารผิดพลาด เพือ่ ความเข้าใจทีถ่ กู ต้อง และขอแก้ไขข้อผิดพลาด กองบรรณาธิการ จึงขอเรียนชี้แจงว่า “สุขสาระ” ได้ดำ� เนินงานเข้าสู่ปีที ่ 11 ตัง้ แต่ ฉบับเดือนมกราคม 2557 เป็ นต้นไป วารสารสุขสาระ เป็นจดหมายข่าวรายเดือนของมูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.) องค์กรไม่แสวงหาผลก�ำไร (Non-Profit Organization) จัดท�ำขึ้นเพื่อเผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิ ที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กร พันธมิตร และการบริจาคจากพี่น้องมุสลิม และเพื่อให้ผู้อ่านได้รับประโยชน์ สูงสุด วารสารสุขสาระ ยังได้แทรกบทความและข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ให้ตระหนักถึงปัญหาทางด้านสุขภาวะ เพื่อจักได้เตรียมตัวป้องกัน มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.) มุ่งเน้นในการส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างจิตส�ำนึกในเรื่องของสุขภาวะและการพัฒนา มีเป้าหมายที่จะ ร่วมพัฒนาสังคมมุสลิมไทยให้มีสุขภาวะที่ดี ทั้งทางกายและใจ ให้มีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ชุมชนมุสลิมสามารถเป็นตัวอย่างหรือต้นแบบแก่สังคม ไทย สนับสนุนและส่งเสริมให้มุสลิมไทยมีความรู้รอบด้าน มีศักยภาพ สามารถด�ำรงชีวิตอยู่ในโลกที่ก�ำลังเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีความสุข ร่วมสร้าง ความเข้าใจอันดีระหว่างสังคมมุสลิมและสังคมไทยทั่วไป ทั้งนี้การท�ำงานทั้งหมดของมูลนิธิฯ ใช้หลักการของศาสนาอิสลามเป็นทางน�ำ ส�ำนักงานวารสารสุขสาระ – มูลนิธสิ ร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.) เลขที่ 1 หมู่ 13 แขวง/เขตมีนบุรี กทม.10510 โทรศัพท์ 02-517-1309 พิมพ์ที่ : บริษทั ออฟเซ็ท จ�ำกัด เลขที่ 58/434 ซ.รามอินทรา 68 แขวง/เขต คันนายาว กรุงเทพฯ 10230 โทร. 02 918 0096 โทรสาร 02 918 0095 อีเมล์ offset321@gmail.com จดหมายข่าววารสารสุขสาระ

3


ลา คอมรฺ

ประวิทย์

10 อาการ ที่มากับ การเลิกบุหรี่ ใน 3 เดือนแรก

เคล็ดลับดีๆ จากเว็บไซต์เลิกบุหรี่ของ เภสัชเอก

ในการเลิกบุหรี่ ในตอนแรก ผูท้ ่ี เคยสู บบุหรี่ มักจะมีอาการทรมานในช่วง แรกของการเลิกบุหรี่ ท่านสามารถท�ำความ เข้าใจมัน และเตรียมรับมือได้อย่างเหมาะ สม โดยอาการช่วงแรกของ การเลิกบุหรี่ม ี ดังนี้ 1. ไอ ในช่วงแรกของการเลิกบุหรี่ จะมีเสมหะมาก และไอมากขึ้น เพราะ ปอด ก�ำลังขับสารพิษ ออกมาทางเสมหะ ไม่ตอ้ ง ตกใจ อาการไอ จะหายไปภายใน 20 วัน 2. เวียนหัว ช่วง 3 วันแรก ร่างกาย ไม่ได้ควันบุหรี่ เลือดจะได้รบั ออกซิเจน เพิ่ม ขึ้น ร่ า งกายยัง ไม่ เ คยชิน กับ ปริ ม าณ ออกซิเจน ทีม่ มี ากกว่าเดิม ไม่นาน อาการ เวียนหัวจะหายไปเอง 3. การรับ รสชาติ เปลีย่ นไป การ รับรส และ กลิน่ จะดีข้นึ อาหารอร่อยขึ้น

จมูกไวขึ้น ท�ำให้กนิ ข้าวอร่อย และ เลิกชอบ อาหารบางชนิด เพราะ กลิน่ รสทีเ่ ปลีย่ นไป 4. การจ�ำแนกกลิน่ ดีข้นึ เมือ่ เลิก บุหรี่ จมูกจะโล่ง หายใจได้ดขี ้นึ รับกลิน่ ได้ ไวขึ้น 5. เสมหะมากขึ้น ร่างกาย จะขับ สิง่ แปลกปลอมออกมามาก ใน 3 วันแรก โดยเสมหะจะมากขึ้น แต่มกั ไม่เหนียวข้น ทางแก้ ให้ดม่ื น�ำ้ มากๆ แล ้วจะดีข้นึ 6. ซึมเศร้า บุหรี่มีฤทธิ์กระตุน้ ประสาทให้ต่ืนตัว ผู ป้ ่ วย หลายคนมักมี ภาวะซึมเศร้าตามมา ทางแก้ให้ ไปออกก�ำลัง กาย และอาจใช้ยาต้านซึมเศร้าแก้ไขอาการ ได้ 7. นอนไม่หลับ อาการมักพบ ใน 7 วันแรกของการเลิกบุหรี่ ผูป้ ่ วยจะนอนไม่ หลับ ทางแก้คอื ให้ไปออกก�ำลังกาย และ

อาจใช้ ยาต้านซึมเศร้า แก้ไขอาการนอนไม่ หลับได้ 8. ท้องผูก คนไข้บางคนต้องสูบ บุหรี่ ก่อนจึงจะถ่ายได้สะดวก ทางแก้คือ ใช้ยาระบายแมกนีเซีย และ รับประทานผัก ผลไม้ให้มากขึ้น 9. กินจุข้นึ เมือ่ เลิกบุหรี่ แล ้วมัก กินเก่งขึ้น หิวมากขึ้น อาจส่งผลท�ำให้ความ อ้วนตามมาได้ วิธแี ก้คอื ให้ไปออกก�ำลังกาย และกินผัก อาหารพลังต�ำ่ มากๆ แล ้วจะไม่ อ้วน 10. ปวดหัว เมื่ อ ปวดหัว ให้ นอนพัก แล ว้ รับ ประทานยาแก้ป วดหัว พาราเซตามอลสัก 2 เม็ด ฝึ กการหายใจเข้า ออกลึกๆ ก็ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ดี ทีม่ า -เลิกบุหรี.่ net

ลดละเลิก เพิกเฉย เอ่ยชวนชี้ สูบบุหรี่ มีโทษ โปรดรูเ้ ห็น ตายผ่อนส่ง คงใช่ อย่าใจเย็น ครบประเด็น เป็ นภัย อยู่ใกล้ตวั โรคถุงลม โป่ งพอง จ้องเขม็ง โรคมะเร็ง เล็งมา หาถ้วนทัว่ โรคพิษภัย ในบุหรี่ มีน่ากลัว หยุด สูบมัว่ พัวพัน อันตราย โดย ฮัจยี สมศักดิ์ บุญมาเลิศ

ประธานชมรมนักกลอนบึงกุ่มวรรณศิลป์

4

มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)


กัลยาณา

ผัก

ตระกูล

กะหล�่ำ

รักษามะเร็ง กระทรวงสาธารณสุ ข เปิ ดเผย ว่าคนไทยเสียชีวติ จากโรคมะเร็งมากที่สุด เป็ นอันดับหนึ่ง (ปี ละประมาณ 60,000 คน) จากการศึกษาพบว่า อาหารอาจมีส่วน สัมพันธ์ กับการเกิดโรคมะเร็งได้ประมาณ 30-50% แต่ในขณะเดียวกันอาหารประเภท พืชผัก ผลไม้ ธัญพืช และ เครื่องเทศ ต่างๆ ก็มี คุณสมบัตใิ นการป้ องกันมะเร็ง ได้ ดังนัน้ การรับประทานอาหารอย่างถูก ต้อ งตามหลัก โภชนาการ จึงเป็ นหนทางหนึ่ง ซึ่ ง ส า ม า ร ถ ป้ อ ง กั น โรค มะเร็งได้โดย พฤติ ก รรม ก า ร กิ น เป็ นหนึ่ ง ใน ปัจ จัย ส�ำ คัญ ที่ ส ามารถลด ความเสี่ ย งต่ อ การเกิดโรคได้เป็ น อย่ า งมาก อาหาร บางประเภท เช่น พืช ตระกูลผักกาดขาวและ ตระกูลกะหล�ำมี ่ สารทีต่ า้ น อนุ มูลอิสระได้สูงและป้ องกันการ

เกิดมะเร็งได้ดี เราเรียกอาหารประเภทนี้วา ่ อาหารต้านมะเร็ง พืช ตระกู ล ผัก กาดขาวรวมทัง้ ตระกูลกะหล�ำ่ ส่วนใหญ่เป็ นพืชใบเดีย่ วหรือ ใบประกอบ ตัวอย่างของผักตระกูลกะหล�ำ่ ได้แก่ กะหล�ำ่ ปลี บร็อกโคลี่ คะน้า หัวไชเท้า หู

ปลาช่อน ผักกาดเขียวปลี และหัวผักกาด ยักษ์ ผักเหล่านี้มสี ารประกอบจ�ำนวนมาก ที่จะช่วยยับยัง้ การเพิ่มจ�ำนวนของสารก่อ มะเร็งเนื่องจากผักตระกูลเหล่านี้เป็ นทีท่ ราบ กันดีวา่ มีคณ ุ ประโยชน์ในการต่อต้านมะเร็ง สารต่ อ ต้า นมะเร็ ง ที่ พ บในผัก ตระกูลกะหล�ำ่ ได้แก่ 1) สาร Polyphenol เป็ น สารที่พ บมีส รรพคุ ณ ช่ ว ย กระตุ น้ การเผาผลาญในขัน้ ที่ 2 มีฤ ทธิ์ต่ อ ต้า นมะเร็ ง อย่ า ง ได้ผล และป้ องกันอันตราย จากปฏิกิริยาออกซิเดชันของ Conglomerates กับโปรตีน 2) สาร Flavonoid มีสาร Quercetin และ Kaempgerol ซึ่ง มีฤ ทธิ์ ต่อต้านมะเร็งอย่างได้ ผลในปริ ม าณสู ง 3) สาร Oltipraz เป็ นตัว กระตุน้ เอนไซม์ท่ีมฤี ทธิ์ เป็ นกลางและป้ องกันการ เพิม่ ทวีคูณของเซลล์มะเร็ง ในมะเร็งปอด มะเร็งล�ำไส้เล็ก มะเร็ ง กระเพาะปัส สาวะและ มะเร็งตับ 4) สาร Peroxidase ท�ำหน้าที่ต่อต้านการกลายพันธุ ์ จดหมายข่าววารสารสุขสาระ

5


อาหารกับสุขภาพ และต่ อต้านมะเร็ง ช่ วยยับยัง้ การก่ อตัว ของ Benzyl Isothiocyanateและ Phenethylisothiocynateในมะเร็งเต้านม รวม ทัง้ ยับยัง้ G2/M ในช่วงระยะแบ่งเซลล์ของ มะเร็งตับน�ำไปสูก่ ารท�ำลายตัวเองของเซลล์ มะเร็ง (เซลล์มะเร็งตาย) และการท�ำงานต่อ ต้านมะเร็งอย่างได้ผล และ 5) สาร Chlorophyll มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมลู อิสระ มีสภาพ เป็ นกลางและช่วยต่อต้านมะเร็ง พืชตระกู ลกะหล�ำ่ โดยทัว่ ไปเช่ น คะน้า เป็ นผักที่อุดมไปด้วยคลอโรฟิ ลล์ และเซลลูโลส สารอนินทรีย ์ และวิตามิน มีคลอโรฟิ ลล์มากกว่าผักขมถึง 1.4 เท่า มีแคลเซียมมากกว่านมถึง 3 เท่า และมี วิตามินซีมากกว่าส้มถึง 3 เท่า ในบรรดา ผักตระกู ลกะหล�ำ่ คะน้าเป็ นผักที่ช่วยต่ อ ต้านการกลายพันธุข์ องเซลล์มะเร็งได้ดที ส่ี ดุ โดยสารทีอ่ ยู่ในคะน้าจะเป็ นตัวท�ำลายเซลล์ มะเร็งและหยุดการก่อตัวของดีเอ็นเอและ การเติบโตของเซลล์มะเร็ง อีกหนึ่งชนิดผัก

6

มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)

ทีอ่ ยู่ในตระกูลกะหล�ำ่ คือ บร็อกโคลี่ ในตัว ผักจะมีสาร Sulfuraphane ในบร็อกโคลี่ จะกระตุน้ ให้เอนไซม์ขนั้ ทีส่ องก�ำจัดสารก่อ มะเร็งในตับ ท�ำให้ตบั สามารถยับยัง้ และ ก�ำจัดสารก่อมะเร็งทีเ่ ข้าสู่ร่างกายได้ นอกจากผักทัง้ สองชนิดทีก่ ล่าวมา ข้างต้นยังมีอกี หลายชนิดด้วยกันทีส่ ามารถ ช่วยต่อต้านสารก่อมะเร็งได้ ทัง้ นี้นอกจาก ได้คุณประโยชน์แลว้ ผักในตระกูลกะหล�ำ่ บางชนิดก็ยงั มีโทษอยู่บา้ งทัง้ นี้ท่านผูอ้ ่าน ควรที่จ ะศึ ก ษาข้อ มูล รายละเอีย ดต่ า งๆ ให้ถ่ี ถ ว้ นหรื อ พยายามปรึ ก ษาแพทย์ผู ้ เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย รอพบกับ รายละเอียดพร้อมสรรพคุณต่างๆ ของผัก ตระกูลกะหล�ำ่ ในฉบับหน้า อินชาอัลลอฮฺ แหล่งทีม่ า www.vegetweb.com www.vcharkarn.com www.manager.co.th

สาระน่ารู้

“โฟเลต” เป็ นชื่ อของสารที่ ละลายน�้ำ ได้ก ลุ่ ม หนึ่ ง ในกลุ่ ม วิ ต ามิน บี ซึ่ ง พบได้ต ามธรรมชาติใ นอาหาร ส่ว น กรดโฟลิก เป็ นสารกลุ่มโฟเลตที่มนุ ษย์ สังเคราะห์ข้นึ ซึ่งจะพบได้ในยาเม็ดวิตามิน และในอาหารเสริมโฟเลต “โฟเลต” เป็ นสารอาหารทีม่ คี วาม ส�ำคัญกับคนทุกกลุ่มอายุ เป็ นสารอาหาร ที่ช่วยหยุดภาวะความพิการของทารกได้ ท�ำให้เซลล์ตวั อ่อนเจริญเติบโตเป็ นปกติ ลด ภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ หรือกระดูกสัน หลังไม่ปิดได้ ช่วยพัฒนาเซลล์สมองของ ทารก และยังช่วยลดภาวะอัลไซเมอร์ของผู ้ สูงอายุได้ นอกจากนี้ โฟเลตยังช่วยหลังสาร ่ เซโรโทนิน ทีช่ ่วยควบคุมการนอน ความหิว ความอยาก และ อาการซึมเศร้า หลักฐานการวิจยั บางอย่างระบุว่า ผูท้ ม่ี รี ะดับโฟเลตในร่างกายต�ำ่ มีอตั ราความ เสีย่ งในการป่ วยเป็ นโรคมะเร็งสูง เนื่องจาก โฟเลตมีส่วนส�ำคัญในการสร้าง ซ่อมแซม และการท�ำงานของ DNA การขาดโฟเลต อาจเป็ นการท�ำลาย DNA และน�ำไปสู่การ เป็ นมะเร็งได้ในทีส่ ุด ซึง่ โฟเลตจะอยู่ในพวกผักใบเขียว แต่ถูกท�ำลายได้งา่ ยด้วยความร้อน ดังนัน้ การรับประทานให้ได้โฟเลตตามปริมาณที่ ร่างกายต้องการคือวันละ 300 ไมโครกรัม ต่อวันจึงเป็ นเรื่องยากซึง่ บางประเทศจะพบ อุบตั ิการณ์การขาดโฟเลต เช่น มาเลเซีย พบประมาณร้อยละ 10


โฟเลต โฟเลตธรรมชาติก็ยงั พบได้ในผักใบเขียวอืน่ ๆ ผักปวยเลง้ หน่อไม้ฝรัง่ กะหล�ำ่ ดอก กะหล�ำ่ ปลี บร็อก โคลี่ ผักกาด คะน้า ถัวต่ ่ างๆ เช่น ถัวเขี ่ ยว ถัวลั ่ นเตา ถัวลิ ่ สง หรือในผลไม้หรือน�ำ้ ผล ไม้เช่น ส้ม มะเขือเทศ แคนตาลูป มะละกอ กล ้วย ในธัญพืชหรืออาหารทีท่ ำ� จากธัญพืช เช่น ข้าว จมูกข้าวสาลี อาหารเช้าทีท่ ำ� จาก ธัญพืชบะหมี่ ขนมปัง ในไข่และตับ (อย่างไร ก็ตามผูป้ ่ วยด้วยโรคธาลัสซีเมียควรหลีก เลี่ยงการรับประทานตับ เนื่องจากมีธาตุ เหล็กมาก) งานวิจยั พบว่า โฟเลตนอกจาก จะอยู่ในผักใบเขียว ยังอยู่ในผลไม้ไทย ด้วย คือ ทุเรียนชะนีไข่ ทุเรียนหมอนทอง กล ้วยไข่ ขนุน มะละกอ ลิ้นจี่ ซึง่ ผลไม้เหล่า นี้สามารถรับประทานสดๆ ได้ โดยไม่ตอ้ ง ผ่านความร้อน ท�ำให้ได้รบั ปริมาณโฟเลต อย่างเต็มที่ อย่างทุเรียนซึง่ เป็ นแหล่งทีม่ โี ฟ เลตมากทีส่ ุด สามารถรับประทานเพียง 2 เม็ด ก็จะเท่ากับ ร้อยละ 50 ของปริมาณที่ แนะน�ำต่อวันแล ้ว ส่วนกล ้วยไข่ รับประทาน เพียง 2 ลูกต่อวัน ลิ้นจี่ 8 ผล ขนุน 8 ชิ้น เป็ นต้น อย่ า งไรก็ต าม การรับประทาน อาหารควรมีความหลากหลาย เช่น ทุเรียน แม้จ ะมีโ ฟเลตสู ง แต่ ถือ เป็ น ผลไม้ท่ีมี น�ำ้ ตาลและให้พลังงานสู งเช่นกัน ผูม้ โี รค ประจ�ำตัวบางชนิด อาจรับประทานได้ไม่ มากนัก การจัดมื้ออาหารให้มคี วามสมดุล

และหลากหลาย จึงเป็ น สิ่งส�ำคัญ ต้องเน้นให้ม้ อื อาหารมีความ หลากหลายชนิด แต่ตอ้ งพอดี ไม่ทานอย่าง ใดอย่างหนึ่งมากจนเกินความต้องการของ ร่างกาย ก็จะท�ำให้เกิดความสมดุล อาหาร ก็จะกลายเป็ นยา ไม่ใช่ยาพิษ ส�ำหรับผูท้ ร่ี บั ประทานกรดโฟลิก ทีอ่ ยู่ในรูปวิตามินเสริม ไม่ควรรับประทาน เกินวันละ 1,000 ไมโครกรัม เนื่องจากจะ ส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะขาดแคลนวิตามิ นบี 12 ซึง่ ถือเป็ นปัญหาส�ำคัญ เพราะถึง แม้วา่ กรดโฟลิก จะช่วยแก้ปญั หาเรื่องโรค โลหิตจาง ได้โดยไม่ตอ้ งมีวติ ามินบี 12 มา ช่วยแต่กรดโฟลิกไม่สามารถรักษาอาการ ด้านระบบประสาทได้หากขาดวิตามินบี 12 และอาการนี้จะเป็ นอย่างถาวร หากไม่ได้ รับการแก้ไข เรื่องการขาดวิตามินบีชนิดดัง กล่าวอย่างทันท่วงที ส�ำหรับผูส้ ูงอายุ การรับประทาน

หนองจอก

โฟลิก เสริมเป็ นสิง่ ทีต่ อ้ งพึงระวัง เป็ นอย่างมากเนื่องจาก มีความเสีย่ งสูงต่อ การขาดวิตามินบี 12 หากได้รบั กรดโฟลิก ในปริมาณทีม่ ากเกินไป ดังนัน้ หากมีความ จ�ำเป็ นต้องรับประทานกรดโฟลิกเสริม ผูส้ ูง อายุทม่ี อี ายุ 50 ปี ข้นึ ไป จึงควรขอค�ำปรึกษา แพทย์ ในกรณีทต่ี อ้ งรับประทานวิตามิน เสริมทีม่ สี ่วนผสมของกรดโฟลิก ควรอ่าน ฉลากก�ำกับยาให้ชดั เจนว่ามีวติ ามินบี 12 รวมอยู่ดว้ ยหรือไม่ หากไม่มคี วรขอวิตามิน ชนิดนี้ มารับประทานร่วมด้วย แต่ทงั้ นี้ควร อยู่ในความดูแลของแพทย์ ทีม่ า -ASTVผูจ้ ดั การรายวัน -www.thalassemia.or.th -http://www.thaipaipan.com

จดหมายข่าววารสารสุขสาระ

7


ครอบครัว

กรณีคดีฆ่าสามศพ เป็ นสิง่ ทีส่ ร้าง ความสะเทือนใจให้แ ก่ ทุก คน หลายคน วิพากษ์วจิ ารณ์กนั ไปต่างๆ นานา แต่ขอ้ เท็จ จริงเป็ นเช่นไร ยังไม่เป็ นทีเ่ ปิ ดเผย อย่างไร ก็ตามถ้าเรามองเรื่องนี้เป็ นตัวอย่าง ที่จะ ท�ำให้เราในฐานะพ่อแม่ผูป้ กครอง จะได้ ย้อนมาดูวา ่ เราเลี้ยงลูกของเราได้ดพี อแล ้ว หรือยัง เพือ่ ทีจ่ ะหาทางป้ องกันไม่ให้เกิดเหตุ เลวร้ายเช่นนัน้ ขึ้นมาอีก ก็จะเป็ นประโยชน์ มากกว่า นักจิตวิทยากล่าวว่า การเลี้ยงดู เด็กจ�ำเป็ นต้องใช้ความรักและกฎระเบียบ อย่างมีความสมดุลกัน คือ ไม่ใช่รกั ลูกแต่ ใช้วธิ กี ารดุดา่ เพียงอย่างเดียว หรือ ใช้แต่กฎ ระเบียบอย่างเดียวเพราะเด็กจะไม่สามารถ รับรูไ้ ด้ถงึ ความรักความปรารถนาดี เด็กอาจ จะอยู่ในกฎท�ำตามพ่อแม่สงั ่ แต่เป็ นคนดื้อ เงียบ มักนอนตื่นสาย มีเหตุให้ครูรายงาน เป็ นระยะ แต่แค่ไม่ออกนอกกฎทีร่ า้ ยแรง และส่วนใหญ่เมือ่ ถูกต�ำหนิเด็กจะรูส้ กึ โทษ ตัวเองว่าท�ำให้พอ่ แม่ ผิดหวัง เสียใจ โดย เฉพาะการดุด่าว่ากล่าว เป็ นการท�ำให้เด็ก

8

มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)

ยูซุฟ

เจ็บช�ำ้ เมือ่ รวมกันนานๆเข้า เด็กจะรูส้ กึ ว่า ตัวเองไม่มอี ะไรดี ไม่มคี ุณค่า ท�ำให้ตดั สิน ใจอะไรผิดๆ ได้ เช่ น เดี ย วกัน หากเลี้ย งลู ก ด้ว ย ความรัก เพี ย งอย่ า งเดี ย วโดยไม่ มี ก ฎ ระเบียบ ใช้การตามใจอยากได้อะไรก็ตอ้ ง ได้ เด็กจะไม่รูจ้ กั การยับยัง้ ชัง่ ใจ หักห้าม ความต้องการของตัวเองได้ และท�ำสิง่ ผิดๆ เช่นกัน ในเรื่องนี้บงั เอิญได้ยนิ คุณย่าทีน่ งั ่ ดูขา่ วทีวี หันมาเล่าให้ผูเ้ ขียนฟังว่า สมัยก่อน ถ้ากลับเข้าบ้านมืดค�ำ่ ต้องถูกต�ำหนิ หรือ ลงโทษ เวลาเดินผ่านผูใ้ หญ่กต็ อ้ งก้มศีรษะ ให้ดูสำ� รวม คุณย่าบอกว่าเด็กสมัยก่อนอยู่ ภายใต้กฎระเบียบมาก จะมีมาเถียงฉอดๆ เหมือนเด็กสมัยนี้ “ไม่ม”ี ก็เพราะทุกคนรูด้ ี ว่ากฎระเบียบเหล่านัน้ เกิดขึ้นด้วยความรัก มิใช่ดว้ ยความชัง สุดท้ายกฎของบ้านก็ซมึ ซับ หลาย คนรูจ้ กั ห่วงใยผูอ้ น่ื คอยช่วยเหลือผูท้ ด่ี อ้ ย กว่า คอยแบ่งปัน ก็เพราะกฎระเบียบ และ การเลี้ยงดู ท่ีถูกบ่มด้วยความรัก เมื่อให้

ความรัก ย่อมได้ความรักกลับมา เหมือนค�ำ พูดทัวไปที ่ เ่ รามักได้ยนิ กันว่า “ลูกไม้หล่นไม่ ไกลต้น” ผูเ้ ชีย่ วชาญกล่าวว่า การเลี้ยงดูลูก โดยเฉพาะวัยรุ่น เมือ่ เขายังเป็ นเด็กเล็ก เขา คุยกับพ่อแม่ได้ทกุ เรื่อง แต่พอเข้าสู่วยั รุ่น เขากลับห่างเหิน วัยรุ่นมองความยุตธิ รรม ต่างจากตอนเป็ นเด็กเล็ก ความยุตธิ รรมของ เขามันซับซ้อนมากขึ้น และแน่นอนเหตุผล ของเขามักจะขัดแย้งกับเรา พ่อแม่เสียอีกที่ ต้อง ผ่อนคลาย หาเวลาพูดคุย ไม่พดู เรื่อย เปื่ อย ใจเย็น และรูจ้ กั “แนะน�ำ” เมือ่ ลูกเจอ ปัญหา อย่ารีบแก้ปญั หาให้เขา เปิ ดโอกาสให้ เขาได้“ฝึ ก” การใช้ความคิดและเสนอออก มาว่าเขาจะแก้ปญั หาอย่างไรลองให้เขาได้ คิดพิจารณา ให้โอกาสเขาทดลองท�ำในสิง่ ทีค่ ดิ หรือ ให้เขามองแนวทางแก้ปญั หาให้ รอบคอบ แลว้ ค่อยด�ำเนินการ หรือน�ำมา ปรึกษาหารือกันใหม่ แค่น้ ี ลูกวัยรุ่น ก็จะ ไม่ห่างเหินไปจากเรา? ขอฝากค�ำสอนของท่านศาสนทูต ส�ำหรับพ่อแม่ผูป้ กครอง ไว้เป็ นแนวทางใน การเลี้ยงดูลูก “ เ ด็ ก ทุ ก ค น เ กิ ด ขึ้ น ม า โ ด ย ธรรมชาติบริสุทธิ์ แต่พอ่ แม่ของเขาต่างหาก ทีจ่ ะทําให้เขาเป็ นยะฮูดยี ฺ หรือทําให้เขาเป็ น นัศรอนียฺ หรือทําให้เขาเป็ นผูบ้ ูชาไฟ (มะญู ซีย)์ ….” บันทึกโดย บุคอรียแ์ ละมุสลิม


ย้อนรอย

นพ.กษิดิษ ศรีสง่า

ล้างมือ “สุขสาระ” ขอน�ำบทความเรื่อง “ล้างมือ” ที่คุณหมอได้เริ่มเขียนให้แก่สุข สาระในฉบับที่ 2 เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2547 มาฝากคุณผูอ้ ่านอีกครัง้ ตามทีค่ ุณผู ้ อ่านได้เรียกร้องมา

การลา้ งมือเป็ นบัญญัตทิ ส่ี ำ� คัญของ อิสลาม ศาสนาอิสลามจะให้ทกุ คนลา้ งมือให้ สะอาดก่ อนรับประทานอาหาร และเข้าเฝ้ า พระเจ้า (ละหมาด) เสมอ และถือว่าผูท้ ย่ี งั ไม่มี น�ำ้ ละหมาดยังเป็ นผูท้ ไ่ี ม่สะอาด (มีฮะดัษ) อยู่ จะเข้าเฝ้ าพระผูเ้ ป็ นเจ้าไม่ได้จนกว่าจะอาบน�ำ้ ละหมาดเสียก่อน ดังโองการจากอัลกุรอานทีว่ า่ “โอ้บรรดาผูศ้ รัทธาทัง้ หลายเอ๋ย เมือ่ พวกเจ้าจะละหมาด จงล ้างใบหน้าของพวกเจ้า และมือทัง้ สองข้างของพวกเจ้า จนกระทัง่ ถึง ข้อศอก ....”อัลกุรอาน 5:6 นัน่ คือการสนับสนุนให้มกี ารล ้างมือ จนถึงข้อศอกอย่างน้อยวันละห้าครัง้ และยัง มีคำ� กล่าวของท่านศาสดามูฮมั มัด (ศ็อลฯ) ที่ ได้กล่าวไว้วา ่ “แท้จริงประชาชาติของฉันจะถูก เรียกมาในวันกิยามะห์ในสภาพทีใ่ บหน้ามีรศั มี มือเท้ามีรศั มีจากการอาบน�ำ้ ละหมาดดังนัน้ ถ้า หากพวกท่านสามารถท�ำให้รศั มีนนั้ ยาวขึ้นได้ ก็จงท�ำเถิด” บุคอรีย ์ บทที่ 4 ส่วนที่ 3 (นัน่ ก็ คือการสนับสนุ นการลา้ งมือให้เลยข้อศอกไป มากเท่าทีจ่ ะท�ำได้) นอกจากนี้ ย งั มีห ะดีษ อีก บทหนึ่ ง กล่าวตอบถึงวิธกี ารอาบน�ำ้ ละหมาดมีใจความ ว่า “จงอาบน�ำ้ ละหมาดให้สมบูรณ์ และจงสาง ระหว่างนิ้วนัน้ ” อัน นาซาอีย ์ บทที่ 2 ส่วนที่ 36 นัน่ ก็คอื นอกจากจะลา้ งมือแล ้วยังให้สาง ระหว่างนิ้วด้วย โดยเอานิ้วมาถูกนั ไปมา และ ทัง้ หมดนัน้ คือสิ่งที่อิสลามเราสอนกันมาเป็ น เวลาถึง 1,400 กว่าปี มาแล ้วนัน่ เอง

แต่ทา่ นเชือ่ หรือไม่วา่ การแพทย์แผน ปัจจุบนั เพิง่ จะมารูจ้ กั การล ้างมือว่ามีประโยชน์ ในการป้ องกันโรค เมือ่ ประมาณ 100 ปี กว่ามา นี่เอง ในปี 1840 มีสูตนิ รีแพทย์ท่านหนึ่ง เป็ นชาวฮังการี ชื่อ นพ.อิกนาส ฟิ ลลิปป์ เซม เมลเวียส ท�ำงานอยู่ท่ี รพ.เวียนนา ได้พบว่า คนไข้ท่มี าคลอดลูกมีอตั ราการตายหลังจาก การคลอดสูงมาก คือถึง 20 % โดยมีช่อื เรียก โรคนัน้ ว่า Childbed fever โรคไข้หลังค ลอด แต่ในขณะเดียวกันอีกวอร์ดหนึ่งทีม่ แี ต่ พยาบาลผดุงครรภ์ดูแลกลับมีอตั ราการตาย ต�ำ่ กว่าถึง 3-4 เท่า เขาพยายามหาสาเหตุต่างๆ แต่ไม่พบ เพราะเวลานัน้ ยังไม่มใี ครรูจ้ กั ตัวเชื้อ โรคเลย วันหนึ่งขณะที่เขากับเพือ่ นร่วมงาน ก�ำลังท�ำงานอยู่ในห้องผ่าศพ (หลังจากคนไข้ ตายจะมีการผ่าศพหาสาเหตุ) จังหวะทีเ่ ขากับ เพือ่ นคุยกันเกี่ยวกับเรื่องอัตราการตายทีส่ ูงนี้ เพือ่ นของเขาคุยเพลินไปหน่อย เลยพลาดถูก มีดตัวเองที่กำ� ลังใช้ผ่าศพอยู่ บาดที่บริเวณ ปลายนิ้ว หลังจากนัน้ อีกไม่ก่วี นั เพือ่ นของเขา คนนัน้ ก็เริม่ มีไข้ และอาการเหมือนกับคนทีเ่ ป็ น โรค Childbed fever ทุกอย่าง ในทีส่ ุดก็เสีย ชีวติ ลง นพ.อิกนาส ฟิ ลลิปป์ เซมเมลเวียส เสียใจในการตายของเพือ่ นมาก เขาจึงหันมา สนใจเรื่องนี้มากขึ้น พยายามหาสาเหตุให้ได้ ว่ามันเกิดจากอะไร และจากการสังเกตอย่าง ละเอียดนี่เอง ท�ำให้เขาพบว่า เพือ่ นของเขาและ นักศึกษาแพทย์ทเ่ี ป็ นลูกศิษย์เขาหลายคน เมือ่ ออกจากห้องผ่าตัดแล ้วได้เข้าไปดูคนไข้โดยไม่ ได้ล ้างมือ เขาจึงตัง้ กฎขึ้นมาว่า ไม่วา่ ใครก็ตาม เมือ่ ออกจากวอร์ดหนึ่งไปยังอีกวอร์ดหนึ่ง จะ ต้องลา้ งมือก่อน และก่อนจะตรวจคนไข้ตอ้ ง ล ้างมือด้วยคลอรีนก่อนเสมอ และเขาพยายาม ดูแลกฎอย่างเข้มงวด ผลที่ได้สร้างความประหลาดใจให้ แก่ เขาอย่ างใหญ่ หลวง อุบตั ิการณ์การเสีย ชีวิตหลังคลอดในวอร์ดของเขาลดลงอย่ าง น่ามหัศจรรย์ จาก 18.3% เหลือเพียง 1.3% เท่านัน้ ผลทีไ่ ด้รบั ท�ำให้เขามัน่ ใจ แต่ไม่กลา้

บอกใครว่าการล ้างมือเป็ นกุญแจส�ำคัญในเรือ่ ง นี้ เขาจึงเดินทางกลับบ้านเกิดของเขาทีฮ่ งั การี และได้สร้างกฎนี้ข้นึ มาที่ รพ.เซนต์ โรชูส พอ เขามันใจ ่ จึงได้ตพี มิ พ์สง่ิ ทีเ่ ขาค้นพบในปี 1860 แต่ปรากฏว่าคนสมัยนัน้ ไม่มใี ครเชื่อ ในทีส่ ุด ด้วยความเสียใจ เขาจึงได้กลายเป็ นบ้าไป และ รักษาตัวอยู่ใน รพ.บ้า และในปี 1865 เขาได้ เฉือนมือของเขาเองและติดเชื้อจนตาย แบบ เดียวกับทีเ่ พือ่ นของเขาได้ตายลงและเป็ นโรค เดียวกับทีเ่ ขาได้ช่วยบรรดาแม่ๆ ของลูกหลาย พันคนในสมัยนัน้ ให้รอดตายลงนัน่ เอง และในปี เดี ย วกับ ที่ เ ขาเสี ย ชี วิ ต นัน่ เอง หลุยส์ ปาสเตอร์ ก็ได้คน้ พบแบคทีเรีย และให้ความเห็นว่าแบคทีเรียคือตัวการของ การเน่าเหม็นต่างๆ ลอร์ดโจเซฟ ลิสเตอร์ ได้พยายามน�ำ สิง่ ทัง้ สองมารวมกัน และให้ความเห็นว่า การ อักเสบหรือติดเชื้อของแผลต่างๆ คงเกิดจาก แบคทีเรียเช่นกัน และการฆ่าแบคทีเรียน่าจะ ท�ำให้การติดเชื้อลดลง ดังนัน้ ลอร์ดโจเซฟ ลิสเตอร์ จึงได้ น�ำเสนอวิธีการผ่าตัดใหม่ข้นึ โดยการใช้กรด คาร์บอลิคในการฆ่าเชื้อต่างๆ น�ำมาล ้างมือ ล ้าง แผล มาใส่ในแผล ท�ำให้แผลของคนไข้ของเขา มีอตั ราการติดเชื้อต�ำ่ มาก และคนไข้มีอตั ราการ ตายต�ำ่ ลงอย่างเห็นได้ชดั ในปี 1869-1870 วงการแพทย์เริ่ม ยอมรับแนวทางของ ลอร์ดโจเซฟ ลิสเตอร์ และ เริ่มท�ำตาม กลายเป็ นศัลยแพทย์แนวใหม่เกิด ขึ้น ซึ่งประกอบด้วยการฆ่าเชื้อในห้องผ่าตัด และเครื่องมือต่างๆ จนหมด รวมทัง้ การลา้ ง มือฟอกมือก่อนผ่าตัดทุกครัง้

ท้ายทีส่ ุด ลอร์ดโจเซฟ ลิสเตอร์ ได้กล่าวยกย่อง นพ.อิกนาส ฟิ ลลิปป์ เซม เมลเวียส ไว้วา ่ “without Semmelweis, my achievements would be nothing” ..ถ้าปราศจากเซมเมลเวียส การค้นพบของ ข้าพเจ้าก็จะไม่มคี วามหมายอันใดเลย..

จดหมายข่าววารสารสุขสาระ

9


พบหมอจินตนา

พญ.จินตนา โยธาสมุทร

โรคที่เกิดจาก

พยาธิตัวแบน ด.ช.อามีนอายุ 12 ปี ก�ำลัง เรียนอยู่ในชัน้ ประถมศึกษาของโรงเรียน แห่งหนึ่ง เขามีอาการปวดท้อง แน่นท้อง บ่อย บางครัง้ มีอาการคลืน่ ไส้ อาเจียน ท้อง เดินและเป็ นลมพิษอยู่เป็ นประจ�ำ แม่จงึ พา ไปตรวจทีโ่ รงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังจากได้ รับการซักประวัตติ รวจร่างกาย ตรวจเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ และได้รบั การตัดชิ้นเนื้อ (biopsy) จากบริเวณก้อนยาวรี มีลกั ษณะ คล ้ายกระสุนปื น ไม่เจ็บ เคลือ่ นทีไ่ ด้ขนาด ประมาณ 1 เซนติเมตรทีแ่ ขน ไปตรวจแล ้ว แพทย์อธิบายว่า “จากการตรวจเลือดพบว่า อามีน มีเลือดจาง มีเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิ ล (Eosinophil) สูงผิดปกติ ตรวจพบไข่และ ปลอ้ งของพยาธิตวั ตืดในอุจจาระ พบตัว อ่ อนของพยาธิตวั ตืดบริเวณก้อนยาวรีท่ี ผิวหนัง จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็ นโรคทีเ่ กิด จากพยาธิตวั แบน (tape worm) ชนิดตืด วัว หรือตืดปลาแต่ไม่ใช่ตดื หมู เนื่องจาก อา มีน เป็ นมุสลิม ไม่รบั ประทานเนื้อหมูอยูแ่ ล ้ว

10

มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)

ชนิดตั ว ตื ด

ปกติแล ้วตืดตัวอ่อนจะอยู่ในเนื้อสัตว์ต่างๆ แต่ตดื ตัวแก่ชอบอาศัยอยู่ในล�ำไส้ของสัตว์ ต่างๆ เช่น สุนขั แมว หมาป่ า แต่คนติดโรค นี้ได้จากการรับประทานไข่ของพยาธิทต่ี ดิ มา กับอาหารที่ไม่สะอาด หรือรับประทานตัว อ่อนของพยาธิทฝ่ี งั ตัวอยู่ในเนื้อสัตว์เข้าไป และมีบางรายอาจติดโรคจากการน�ำเอาเนื้อ ปลาหรือเนื้อกบ ไปประกบหรือพอกที่ตา หรือผิวหนังที่เป็ นแผล ท�ำให้ตวั อ่อนของ พยาธิทย่ี งั เจริญไม่เต็มทีใ่ นเนื้อปลาหรือเนื้อ กบ ไชเคลือ่ นทีไ่ ปใต้ผวิ หนังไปตามอวัยวะ ต่างๆ เช่น ปอดและสมอง แต่ถา้ เป็ นตืดหมูตวั แก่ของพยาธิ มักชอบอยู่ในล�ำไส้และตัวอ่อนชอบอยู่ตาม อวัยวะต่างๆ เช่น สมอง ท�ำให้เกิดเป็ นถุง อันเดียวหรือหลายถุงในสมอง ท�ำให้มนี ำ�้ ไขสันหลังเพิม่ ขึ้นในสมอง สมองบวมเกิด จากการชัก แบบลมบ้า หมู หรือ มีอ าการ คลา้ ยคนที่เป็ นโรคเนื้องอกในสมอง บาง คนมีอาการทางจิต พบบางรายมีถงุ หลาย ร้อยถุงอยู่ในสมอง บางรายมีถงุ ใหญ่หรือ

อยู่ในที่สำ� คัญ ซึ่งแพทย์จะต้องช่วยเหลือ โดยการผ่าตัดออกไป ยังไม่มยี าทีใ่ ช้ได้ผล ในการรักษาถุงตัวตืดในสมอง คงต้องใช้ การผ่าตัดในกรณี ท่จี ำ� เป็ นเท่านัน้ ส�ำหรับ อามีน นัน้ เป็ นโรคทีเ่ กิดจากพยาธิตวั แบน ชนิดตืดวัวหรือตืดปลาแต่ไม่ใช่ตดื หมู ... ...หมอจะให้ย าถ่ า ยพยาธิ ท่ีไ ด้ ผลดีท่ีสุ ด ในการขับ ถ่ า ยพยาธิ ต วั แก่ ใ ห้ ออกไปจากล�ำไส้ โดยก่อนจะรับประทาน ยานี้ จะต้องรับประทานยาป้ องกันไม่ให้มี อาการคลืน่ ไส้ อาเจียนก่อน และหลังจาก รับประทานยาแลว้ ต้องรีบให้ถ่ายอุจจาระ ทันที โดยอาจจะต้องให้ยาระบายควบไป ด้วย เพื่อป้ องกันไม่ให้ไข่ของพยาธิซ่งึ อยู่ ในปล ้องแตกออกจนตัวอ่อนกระจายเข้าไป ในหลอดเลือด และอาจเข้าไปในสมองได้” ด.ช.อามีนได้รบั ยามารับประทาน เองทีบ่ า้ น และปฏิบตั ติ ามค�ำสัง่ ของแพทย์ ทุกประการ ท�ำให้เขามีอาการดีข้นึ ตามล�ำดับ และตรวจไม่ พ บไข่ แ ละปล อ้ งของพยาธิ ตัวตืดในอุจจาระอีกเลย


ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ศูนย์กจิ กรรม สสม. ภาคใต้ตอนกลาง เปิ ดตัวชุมชนบ้านพลีใต้ จังหวัดสงขลา ทีเ่ ข้าร่วมโครงการชุมชนรักษ์สุขภาวะ อนึ่งในการจัด กิจกรรมปลูกผักเพือ่ บริโภค และการอนุรกั ษ์สง่ิ แวดลอ้ ม ได้รบั ความร่วมมือจากองค์กรภาคประชาชนเพือ่ สันติและเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัด สงขลา ส่งวิทยากร นายเจะอุเส็น โต๊ะสา และเทศบาลต�ำบลบ้านพลี ส่งวิทยากร นายชะรี บูยโู ส๊ะ ร่วมบรรยายให้ความรูแ้ ก่ชาวชุมชนทัง้ สองแห่ง เมือ่ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2557 ทีผ่ ่านมา

เมือ่ วันที่ 7 – 8 มีนาคม ทีผ่ ่านมา ศูนย์กจิ กรรม สสม.ภาคใต้ตอนกลาง น�ำโดย นายสุรนิ ทร์ เหมนุกูล ผอ.และคณะท�ำงาน ลงพื้นที่ เยีย่ มเยียนชุมชนและติดตามผลการด�ำเนินงานในพื้นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดกระบี่ ในโครงการมัสยิดครบวงจร

จดหมายข่าววารสารสุขสาระ

11


ศูนย์กจิ กรรม สสม. ภาคกลาง เดินหน้าโครงการให้คำ� ปรึกษาแก่ผูต้ อ้ งการเลิกบุหรี่ในมัสยิดปลอดบุหรี่ โดย ได้จดั กิจกรรมขึ้นเมือ่ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557 ทีม่ สั ยิดกอมรุสมาน 5 ม. 2 ถ.เทพารักษ์ ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ และเมือ่ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2557 ได้ จัดกิจกรรมขึ้นที่ มัสยิดมะซ่อตุด๊ ดีนียะห์ ม.6 ถ.ลาดหวายเคหะ ต.บางเพรียง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ การจัดกิจกรรมทัง้ สองครัง้ ได้รบั ความ ร่วมมือจากเจ้าหน้าทีส่ าธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ เข้าร่วมให้คำ� ปรึกษาแก่ผูต้ อ้ งการเลิกบุหรี่ ทัง้ นี้ นายสมนึก เจ๊ะมะ อิหม่ามมัสยิดกอมรุ สมาน และ นายศักดิ์ชยั หะยียะห์ยา อิหม่ามมัสยิดมะซ่อตุด๊ ดีนียะห์ ร่วมอ�ำนวยการและเป็ นก�ำลังใจแก่ผูต้ อ้ งการเลิกบุหรี่ในมัสยิดปลอดบุหรี่ อีกด้วย

3 ศาสนาร่วมเดินรณรงค์ลดละเลิกสิง่ มึนเมา บุหรี่และยาเสพติดในชุมชน เมือ่ วันเสาร์ท่ี 1 มีนาคม 2557 ศูนย์กจิ กรรม สสม. ภาคกลาง ร่วมกับเครือข่ายยุตธิ รรมชุมชนและกองทุนแม่ของแผ่นดิน รวมทัง้ ตัวแทนจากศาสนาพุทธ คริสต์ และอิสลาม จัดเดินรณรงค์และยืน่ หนังสือขอความร่วมมือต่อผูจ้ ดั การทัวไปห้ ่ างสรรพสินค้าเดอะมอลล์กรุป๊ สาขา รามค�ำแหง เพือ่ ขอให้มกี ารแยกขายสินค้าประเภทเครื่องดืม่ แอลกอฮอล์กบั ขนมขบเคี้ยวของเยาวชนออกจากกัน ในภาพนายวีระ มินสาคร ผอ.ศูนย์กจิ กรรมฯขณะยืน่ หนังสือแก่นายกวิชนพงษ์ จักวาโชติ ผูจ้ ดั การฝ่ ายธุรการ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์กรุป๊ สาขารามค�ำแหง เพือ่ ขอให้ มีการแยกขายสินค้าประเภทเครื่องดืม่ แอลกอฮอล์กบั ขนมขบเคี้ยวของเยาวชนออกจากกันต่อไป โดยการเดินรณรงค์ในครัง้ นี้ได้รบั ความร่วม มือและการอ�ำนวยความสะดวกเป็ นอย่างดีจากผูบ้ ริหารห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์กรุป๊

12

มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)


ศูนย์กจิ กรรม สสม. ภาคใต้ตอนบน ขับ เคลือ่ นโครงการ “ชุมชนรักษ์สขุ ภาวะ” ผ่านชุมชน รักษ์สุขภาวะบ้านเกาะมุกด์ ต�ำบลประสงค์ อ�ำเภอ ท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีกจิ กรรมต่อเนื่อง ดังต่อไปนี้ กิจกรรมครอบครัวรักษ์สุขภาวะ มอบป้ าย ครอบครัวรักษ์สุขภาวะ ให้กบั สมาชิกกลุม่ จ�ำนวน 20 ครอบครัว ทีเ่ ข้าร่วมกิจกรรมและเป็ นแบบอย่างทีด่ ใี น การปรับภูมทิ ศั น์ครัวเรือนและเข้าร่วมกิจกรรมชุมชน สนับสนุนกิจกรรมออกก�ำลังกาย เช่น การก�ำลังกาย ด้วยไม้พลองส�ำหรับผูส้ ูงอายุ ลานกีฬาเปตอง พร้อม การจัดท�ำบันทึกการออกก�ำลังกายของประชาชนใน ชุมชนเพื่อใช้เป็ นฐานข้อมูลสุขภาพสนับสนุ นการดู งานของคณะกรรมการชุมชนเพือ่ บูรณาการน�ำมาใช้ ประโยชน์ในชุมชน เช่น จัดท�ำทีน่ วดฝ่ าเท้าจากกะลา มะพร้าวในบริเวณขอบรัว้ มัสยิดเพือ่ ให้ประชาชนได้ ใช้ในการนวดฝ่ าเท้า และเมือ่ วันที ่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 ทีผ่ ่าน มาชุมชนรักษ์สุขภาวะบ้านเกาะมุกด์ ได้รบั หนังสือ รับรองเรือ่ งขอจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชน โดยใช้ชอ่ื ว่า วิสาหกิจแปรรูปสมุนไพรบ้านเกาะมุกด์ ณ ส�ำนักงาน เกษตรอ�ำเภอท่าชนะ ในการนี้กลุม่ อาชีพของชุมชนได้ รับอนุ ญาตให้วางสินค้าจ�ำหน่ายในส�ำนักงานเกษตร อีกด้วย ก่อนหน้านัน้ ศูนย์กิจกรรม สสม.ภาคใต้ ตอนบน ได้เข้าร่วมการประชุมการจัดท�ำแผนพัฒนา และได้เสนอกิจกรรมชุมชนเข้าวาระการประชุมการ จัดท�ำแผนพัฒนาสามปี (2558-2560) ขององค์การ บริหารส่วนต�ำบล โดยมีข ้อเสนอในการพัฒนาไว้ดังนี้ 1. การสนับสนุนกลุม่ วิสาหกิจชุมชนในด้าน ต่างๆ 2. การปรับปรุงภูมทิ ศั น์และส่งเสริมการ ท่องเทีย่ วเชิงนิเวศในชุมชน สนับสนุนร้านค้าชุมชน ด้านการพัฒนาและการผลิตและจ�ำหน่ายสินค้าจาก ชุมชน 3. การจัดการด้านสิง่ แวดล ้อม 4. การสนับสนุนชุมชนการจัดท�ำสุนตั หมูใ่ น กลุม่ เด็กมุสลิม

จดหมายข่าววารสารสุขสาระ

13


เมือ่ วันที่ 18-19 มกราคม 2557 ศูนย์กจิ กรรม สสม. ภาคอีสาน ได้ตดิ ตามผลโครงการกองทุนซะกาตชุมชน ของชุมชนมัสยิดมุบาร็อก โดยคณะกรรมการกองทุนจัดประชุมอบรมเข้าสูก่ ระบวนการจัดสรรเงิน กองทุนซะกาตให้กบั ผูท้ ม่ี สี ทิ ธิทจ่ี ะได้รบั เงินซะกาต โดยได้จดั กิจกรรม ในเชิงปฏิบตั กิ าร ซึง่ กิจกรรมมีการพักแรม กิจกรรมนันทนาการ อบรม บรรยายถึงคุณค่าและความส�ำคัญของเงินซะกาต และการฝึ กอบรม อาชีพให้กบั ผูม้ สี ทิ ธิ์เข้ารับเงินซะกาต ทัง้ นี้ได้รบั ความร่วมมือจากผู ้ ประกอบการไก่ทอดอันดามัน เป็ นผู ้ให้ความรูแ้ ละถ่ายทอดประสบการณ์ ในการอบรมอาชีพ

เมือ่ วันที่ 7 มีนาคม 2557 คณะท�ำงานศูนย์กจิ กรรม สสม. ภาคอีสาน ได้เดินทางไปยังจังหวัดบุรรี มั ย์ พบปะผูน้ ำ� ชุมชน มัสยิดดารุสสลาม อ.กระสัง จ.บุรรี มั ย์ และมัสยิดอันวารุสสลา ม อ.เมือง จ.บุรรี มั ย์ เพือ่ หารือแนวทางในการจัดโครงการมัสยิด ปลอดบุหรี่ โดยจะประกาศเจตนารมณ์ร่วมกับคณะกรรมการ อิสลามประจ�ำจังหวัดบุรีรมั ย์ ให้มสั ยิดในจังหวัดบุรีรมั ย์เป็ น มัสยิดปลอดบุหรี่

เมือ่ เร็วๆ นี้ ศูนย์กจิ กรรม สสม.ภาคใต้ตอนล่าง ร่วมกับเครือข่ายปอเนาะสร้างสุข ได้จดั กิจกรรมพัฒนาความพร้อมในการประกอบอาชีพ โดยมีระยะเวลา 50 ชัว่ โมงในการฝึ กอบรมพัฒนาความพร้อมในการประกอบอาชีพ เพือ่ ส่งเสริมและเพิม่ ศักยภาพของนักเรียนปอเนาะและเตรียม ความพร้อมในการด�ำเนินชีวติ ในอนาคตข้างหน้า ซึง่ มีการอบรมอาชีพทีแ่ ตกต่างกันตามบริบทในแต่ละพื้นทีข่ องเครือข่ายปอเนาะทีร่ ่วมโครงการ ในภาพเป็ นกิจกรรมที่ สถาบันศึกษาปอเนาะตะฮ์ฟีซุลกุรอานดารุสลาม จ.ยะลา และโรงเรียนพัฒนศาสน์วทิ ยา จ.นราธิวาส

14

มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)


เมือ่ เร็วๆ นี้ น.ท.สมคิด ลัทธิศกั ดิ์ ผอ.ศูนย์ กิจกรรม สสม. ภาคเหนือ มอบประกาศความร่วมมือ ในการเข้าร่วมโครงการมัสยิดปลอดบุหรี่ ทีม่ สั ยิด กุบาฮฺ อ.พาน จ.เชียงราย โดยมีนาย เอกสิทธิ ฤทธิธา อีหม่าม และคณะกรรมการมัสยิดร่วมรับมอบ

ห้องข่าวมูลนิธิฯ

เมือ่ วันที่ 11 มีนาคม 2557 มูลนิธิสร้างสุข มุสลิมไทย (สสม.) พร้อมคณะท�ำงานแผนงานสร้าง เสริมสุขภาวะมุสลิมไทย ร่วมประชุม เพือ่ ร่วมกันขับ เคลือ่ นการควบคุมยาสูบให้ทนั ต่อสถานการณ์ทเ่ี ปลีย่ น ไป จึงมีการจัดตัง้ สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพือ่ สังคม ไทยปลอดบุหรี่ (สคสบ.) ณ ห้องประชุมสยามมกุฎราช กุมาร อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี แพทยสมาคมแห่ง ประเทศไทยฯ

ติดต่อแผนงานฯ ส�ำนักงานส่วนกลาง, โรงเรียนผูน้ �ำสุขภาวะมุสลิมไทย, สือ่ สร้างสุขมุสลิมไทย อาคารคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โทรศัพท์ 02-2186193 โทรสาร 02-2186194 ศูนย์กจิ กรรมภาคเหนื อ อาคารโรงเรียนจิตรภักดี 80 ถ.หน้าวัดเกตุ ซ.1 ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โทรศัพท์ 053-247367 ศูนย์กจิ กรรมภาคอีสาน 707/25 หมู่ 12 หมูบ่ า้ นโนนม่วง ซ.อิงมอ 2 ถนนโนนม่วง-มอขอ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000 โทรศัพท์ 08-68513528 ศูนย์กจิ กรรมภาคกลาง อาคารมูลนิธเิ พือ่ ศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย 87/2 ถ.รามค�ำแหง แขวง/เขตสวนหลวง กทม.10240

แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะมุสลิมไทย เพื่อการพัฒนา โทรศัพท์ 02-719-8721 โทรสาร 02-7198717 ศูนย์กจิ กรรมภาคใต้ตอนบน 91 หมู่ ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี 84290 โทรศัพท์ 08-72730648 ศูนย์กจิ กรรมภาคใต้ตอนกลาง อาคารมัสยิดกลางประจ�ำจังหวัดสงขลา ถ.ลพบุรรี าเมศวร์ ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110 โทรศัพท์ 074-305375 ศูนย์กจิ กรรมภาคใต้ตอนล่าง อาคารวิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี 94000 โทรศัพท์ 073-350266 จดหมายข่าววารสารสุขสาระ

15


ท่องโรค

กระเพาะปั ส สาวะ

ราไว

อักเสบ

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือ Cystitis เกิดจากแบคทีเรียชนิดเดียวกับ ที่อ ยู่ ใ นล�ำ ไส้ข องคนเรา โดยเชื้อ ชนิ ด นี้ จะเข้าไปทางท่อปัสสาวะเป็ นโรคที่พบได้ บ่อยๆ ในผูห้ ญิงเพราะผูห้ ญิงมีท่อปัสสาวะ ทีส่ นั้ และอยู่ใกลท้ วารหนัก ซึง่ เป็ นแหล่งที่ มีเชื้อโรคมากจึงท�ำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าไป ถึงกระเพาะปัสสาวะได้งา่ ยกว่า แต่ผูช้ ายก็ มีโอกาสเป็ นได้เหมือนกันถ้าดูแลตัวเองไม่ดี แม้จะไม่ได้เป็ นโรคที่รา้ ยแรงก็สร้างความ ร�ำคาญและน่าเบือ่ ให้กบั คนทีเ่ ป็ นอย่างมาก มักมีอาการปัสสาวะบ่อยแต่นอ้ ย ไม่สดุ หรือ กลัน้ ไม่อยู่ แสบ ขัด เจ็บตอนท้ายๆ เมือ่ ปัสสาวะ บางรายอาจมีเลือดหรือขุน่ มีกลิน่ บางคนอาจมีไข้ เบือ่ อาหาร และอาเจียน ใน เด็กเล็กอาจเป็ นไข้ เบือ่ อาหาร และอาเจียน ร่วมด้วย ผู ห้ ญิง แทบทุก คนมีโ อกาสเป็ น โรคนี้ ไม่วา่ จะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม แต่จะ พบมากเป็ นพิเศษในกลุม่ หญิงมีครรภ์ (โดย เฉพาะอย่างยิง่ ในช่วง 2-3 เดือนแรกของการ ตัง้ ครรภ์) รวมทัง้ ผูห้ ญิงทีช่ อบกลัน้ ปัสสาวะ นานๆ และผูห้ ญิงทีแ่ ต่งงานใหม่ เพราะการ มีเพศสัมพันธ์จะท�ำให้เชื้อเข้าไปในกระเพาะ ปัสสาวะได้ นอกจากนี้ ผูป้ ่ วยทีเ่ ป็ นโรคเบา หวาน นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และต่อมลูก หมากโต ก็อาจมีอาการกระเพาะปัสสาวะ อักเสบแทรกซ้อนด้วย ผู ท้ ่ี มีอ าการกระเพาะปัส สาวะ อักเสบต้องเข้ารับการรักษา และผู ป้ ่ วยก็

16

มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)

ต้องรูจ้ กั ดูแลตัวเอง ด้วยการดื่มน�ำ้ มากๆ เพื่อเร่ งการขับ เชื้อ ที่ส ำ� คัญ คือ อย่ า อัน้ ปัสสาวะ ส่วนการรับประทานอาหารนัน้ ควร หลีกเลีย่ งอาหารทีจ่ ะท�ำให้กระเพาะปัสสาวะ ระคายเคือง เช่น กาแฟ หรือแอลกอฮอล์ ซึง่ มีฤทธิ์กระตุน้ การปัสสาวะในไต และกระตุน้ ให้กระเพาะปัสสาวะเกิดการหดตัว ถ้าผูป้ ่ วยอาการไม่ดขี ้ นึ เช่น ยัง ปัสสาวะแสบขัดอยู่ มีไข้ข้นึ สูง ปวดบัน้ เอว หนาวสัน่ หรือเป็ นซ�ำ้ มากกว่า 2-3 ครัง้ ควรส่งโรงพยาบาล เพือ่ ตรวจหาสาเหตุโดย แพทย์จะให้การรักษาตามสาเหตุทต่ี รวจพบ นอกจากนี้ ผู ท้ ่ีมีโรคประจ�ำตัวอย่ างเช่ น เบาหวาน ต่ อ มลู ก หมากโต นิ่ ว ในทาง เดินปัสสาวะ หากมีอาการปัสสาวะล�ำบาก ปัสสาวะบ่อย ก็ควรพบแพทย์ดว้ ยเช่นกัน กระเพาะปัสสาวะอักเสบสามารถป้ องกัน ได้ดงั นี้ 1. ไม่กลัน้ ปัสสาวะ เพราะการกลัน้ ปัสสาวะบ่อยๆ หรือนานๆ จะท�ำให้เกิดการ ติดเชื้อทีก่ ระเพาะปัสสาวะได้โดยไม่รูต้ วั 2. หากคุณเริ่มรูส้ กึ ว่าเกิดอาการ ปัสสาวะขัดๆ หรือปวดแสบ ให้ดม่ื น�ำ้ มาก ๆ เพื่อช่วยขับเชื้อโรคให้ออกมาทางเหงือ่ หรือปัสสาวะให้มากขึ้น 3. ทุ ก ครั้ง ที่ เ ข้า ห้อ งน�้ำ เวลา ท�ำความสะอาดให้เช็ดจากด้านหน้าไปด้าน หลัง เพือ่ เป็ นการป้ องกันไม่ให้เชื้อโรคทีอ่ ยู่ บริเวณทวารหนักเข้าสู่ร่างกายของเรา 4. พยายามดู แลจุดซ่อนเร้นให้

สะอาดและแห้ง อยู่ เ สมอ หลัง ท�ำ ความ สะอาดแล ้วให้เช็ดให้เรียบร้อย 5. ออกก�ำลังกายเป็ นประจ�ำและ พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ 6. เลือ กใส่ เ สื้อ ผ้า ที่โ ปร่ งสบาย อย่าใส่กางเกงทีร่ ดั บริเวณหน้าท้องของคุณ จนเกินไป เพราะจะท�ำให้คุณล�ำบากในการ สวมใส่และล�ำบากต่อการใช้หอ้ งน�ำ้ 7. ดืม่ น�ำ้ มากๆ เพราะจะช่วยท�ำให้ ระบบขับถ่ายดี 8. เวลาอาบน�ำ้ ควรใช้ฝกั บัว หรือ ตักอาบ จะดีกว่าการอาบน�ำ้ ในอ่างน�ำ้ ซึง่ จะ ท�ำให้เชื้อโรคในอ่าง เข้าสูร่ ่างกายได้งา่ ยกว่า 9. ห้ามใช้ยาสวนล ้างช่องคลอด 10. ไม่ควรใช้ผา้ อนามัยแบบสอด กระเพาะปัสสาวะอักเสบจัดเป็ น โรคยอดฮิตของสาวท�ำงาน แม้จะไม่มภี าวะ แทรกซ้อนร้ายแรง แต่เป็ นอีกโรคหนึ่งทีอ่ ยู่ ใกล ้ตัว และสามารถเกิดขึ้นกับทุกคนได้งา่ ย แต่บางคนอาจเป็ นๆ หายๆ หรือเป็ นเรื้อรัง ถ้าไม่ได้รบั การรักษา เชื้อโรคอาจลุกลาม ท�ำให้กลายเป็ นโรคกรวยไตอักเสบ หรือไต วายได้ หากผูป้ ่ วยเป็ นผูช้ ายและมีอาการ รุนแรง เชื้อก็อาจลามเข้าไปท�ำให้ต่อมลูก หมากอักเสบได้ ทีม่ า http://health.kapook.com/view9298.html http://travel.truelife.com/detail/104686 http://peravech.com/l1.html


สิ่งแวดล้อม

ปิยะจิตร

น�้ำซักผ้ารดต้นไม้ ผงซั ก ฟอกเป็ นเกลื อ ของ กรดซัลโฟนิก ซึ่งมีคุณสมบัตชิ ำ� ระล้าง สิ่งสกปรกทัง้ หลายได้เช่นเดียวกับสบู ่ เป็ นสารซักล้างทีผ่ ลิตขึ้นมาใช้แทนสบู ่ มีสารลดแรงตึงผิวเป็ นส่วนประกอบ หลัก มีทงั้ ชนิ ดสังเคราะห์ และชนิ ด สกัดจากธรรมชาติ

ในผงซักฟอกบางชนิดมีฟอสเฟต ซึ่งเป็ นสารอาหารของสาหร่าย และพืชชัน้ ต�ำ่ อืน่ ๆ เมือ่ ฟอสเฟตจากสารซักฟอก ถูก ชะลา้ งลงไปตามท่ อลงไปสะสมในแม่น�ำ้ ล�ำคลอง จะช่วยท�ำให้สาหร่าย และพืชชัน้ ต�ำ่ เติบโต อย่างรวดเร็ว และอาศัยออกซิเจนที่ มีอยู่ในน�ำ้ ไปจนสิง่ มีชวี ติ อื่นๆ ไม่สามารถ ด�ำรงอยู่ได้ และในทีส่ ุดแหล่งน�ำ้ นัน้ จะตื้น เขินลงอย่างรวดเร็วกลายเป็ นปลักตม ท�ำให้ แหล่งน�ำ้ เน่าเหม็น เอนไซม์ในผงซักฟอกบางชนิดซึง่ ท�ำงานไม่ต่างอะไรกับเอนไซม์ย่อยอาหาร ในกระเพาะของคน แม้ว่าเอนไซม์ทอ่ี ยูใ่ นผง ซักฟอกจะไม่เป็ นผลกระทบต่อสิง่ แวดล ้อม แต่เป็ นอันตรายต่อผิวหนังของมนุษย์ สารประกอบที่อยู่ในผงซักฟอก เหล่านี้สามารถท�ำอันตรายต่อสัตว์นำ�้ และ ยังท�ำให้แหล่งน�ำ้ เสือ่ มโทรม จนสัตว์นำ�้ ไม่ สามารถด�ำรงชีวิตอยู่ ได้ โดยเฉพาะสาร ลดแรงตึงผิว เช่น LAS และ BAS จะมี อันตรายต่อสัตว์นำ�้ ในปริมาณความเข้มข้นต�ำ่ สารลดแรงตึงผิวทัง้ ชนิด LAS และ BAS จะไปล ้อมจับพื้นผิวสารอินทรียต์ ่างๆ ทีม่ ใี น แหล่งน�ำ้ เมือ่ ความเข้มข้นมากขึ้น จะท�ำให้ กระบวนการย่อยสลายเกิดการชะงัก ได้มี ผูศ้ ึกษาพบว่า LAS มีพษิ ต่อปลามากกว่า

BAS ตัง้ แต่ 1.5 เท่า - 4 เท่าขึ้นกับสภาพ แวดล ้อม เมือ่ ความเค็มของน�ำ้ เพิม่ ขึ้น ความ เป็ นพิษของ BAS จะเพิ่มขึ้นด้วย ส่วน LAS นัน้ ความเป็ นพิษจะขึ้นอยู่กบั ปริมาณ ออกซิเจนละลาย ความกระด้างของน�ำ้ และ อุณหภูมิ น�้ำ ซัก ล า้ งที่ เ กิ ด จากกิ จ กรรม ภายในบ้าน รวมทัง้ ร้านรับซักรีดเสื้อผ้า เป็ น แหล่งก�ำเนิดผงซักฟอกมากทีส่ ุด ซึง่ ควรจะ ได้มกี ารบ�ำบัดน�ำ้ ทิ้งประเภทนี้เสียก่อนทีจ่ ะ ระบายลงสู่แม่นำ�้ ล�ำคลอง ซึง่ เป็ นสาเหตุให้ น�ำ้ เน่าเสีย ผงซัก ฟอกอาจมีผ ลต่ อ สุ ข ภาพ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกับสาร ระคายเคืองต่อผิวหนัง เช่น สารเคมีพวก กรดด่าง สารละลายอินทรียเ์ คมี เมือ่ สัมผัส บ่อยๆ เป็ นเวลานาน ไขมันทีเ่ คลือบผิวหนัง และสารยึดน�ำ้ ในชัน้ ของผิวหนัง ซึง่ ท�ำหน้าที่ รักษาความชื้นจะถูกท�ำลายไปทีละน้อยๆ จนขาดความต้านทาน เกิดการอักเสบ ผิว แห้ง และแตก เสียคุณสมบัตใิ นการป้ องกัน

การซึมของสารเคมีเข้าสู่ผวิ เกิดการระคาย เคืองเมือ่ ถูกสารเคมีอกี แม้เพียงสบู่ ความ ร้อน ความเย็น หรือติดเชื้อก็จะเกิดได้งา่ ย บริเวณใดทีอ่ กั เสบ ก็มกั จะคันท�ำให้เกาหรือ ถูไถบ่อยๆ หนังบริเวณนัน้ จะแปรสภาพหนา ขึ้น การปล่อ ยน�ำ้ ซัก ผ้า ลงสู่ คู ค ลอง อาจส่งผลเสียต่อสภาพแวดล ้อมได้ ดังราย ละเอียดที่กล่าวมาแลว้ อย่างไรก็ตามสาร ฟอสเฟตในผงซักฟอกเป็ นสารชนิดหนึ่งที่ เป็ นธาตุอาหารของพืช ดังนัน้ จึงควรน�ำน�ำ้ ทีไ่ ด้จากการซักผ้าไปรดต้นไม้ เพือ่ ทีต่ น้ ไม้ จะได้รบั สารฟอสเฟตในผงซักฟอกเป็ นธาตุ อาหารต่อไป ทีม่ า: นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ -ศูนย์ขอ้ มูลสุขภาพกรุงเทพ http://www.pattayatoday.com/index.php/ house-tips/57-tips3 http://www.sandbet66s.com

จดหมายข่าววารสารสุขสาระ

17


ต่างแดน

วัฒนธรรม

นโยบายกลืนกลายทาง ปมปัญหาความขัดแย้งทางชาติพันธุ์

ในยุ ค หลัง การล่ า อาณานิ ค ม ประเทศต่างๆ ได้รบั เอาแนวนโยบายทีว่ าง อยู่ บนฐานความคิดว่าด้วยการสร้างชาติ ขึ้นมาและน�ำไปสู่การสถาปนาอ�ำนาจแก่ผู ้ ปกครองของรัฐนัน้ ๆ ในขณะเดียวกัน รัฐ ก็เลือกใช้นโยบายสร้างชาติในการสร้างอัต ลักษณ์ท่มี ฐี านะสู งส่งเหนืออัตลักษณ์ใดๆ ขึ้นมาและเรียกมันว่าเป็ น “อัตลักษณ์แห่ง ชาติ” ในขณะเดียวกันก็ได้ลดทอนคุณค่ า ของอัตลักษณ์และวัฒนธรรมย่อยในรัฐ จึง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากระบวนการสร้างชาติมา พร้อมกับการท�ำความเข้าใจสิง่ ทีเ่ รียกว่า “อัต ลักษณ์แห่งชาติ” ซึง่ มีฐานะสูงส่งเสมือนเป็ น “ความมัน่ คง” อันสูงสุดทีร่ ฐั จ�ำเป็ นจะต้อง ไม่ยอมให้ “ภัย” หรือสิง่ ใดๆ ทีเ่ ห็นว่าก�ำลัง คุกคามความมันคงนี ่ ้ ทัง้ จากภายนอกและ ภายในเข้ามาท้าทายหรือลดทอนคุณค่าของ อัตลักษณ์และวัฒนธรรมทีม่ คี วามส�ำคัญยิง่ ในการธ�ำรงอธิปไตยของตนนี้ได้ นโยบายกลืนกลายทางวัฒนธรรม ถือเป็ นเครื่องมือหนึ่งที่หลายๆ ประเทศ เลือกใช้ บ้างประสบความส�ำเร็จ แต่บา้ ง ก็ได้รบั แรงต่อต้าน จากการด�ำเนินนโยบาย ทางการเมืองและวัฒนธรรมดังกล่าว มี ตัวอย่างจากหลายๆ ประเทศที่เกิดความ

18

มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)

ขัดแย้งระหว่างชาติพนั ธุ ใ์ นการสร้างชาติ เช่น ประเทศพม่า เมือ่ กล่าวถึงนโยบายการ สร้างความเป็ นพม่า คือการสร้างค่านิยมและ บรรทัดฐานร่วมกัน โดยกระท�ำผ่านการกลืน กลายทางวัฒนธรรมชนกลุม่ ชาติพนั ธุต์ ่างๆ อาทิ กะเหรี่ยง ฉาน ยะไข่ ฯลฯ ซึง่ กลุม่ ชาย ขอบเหล่านี้ ได้ลุกขึ้นมาต่ อต้านนโยบาย ทางการเมืองและวัฒนธรรม ในการพยายาม ลบเลือนวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของพวก เขา จนก่ อให้เกิดกลุ่มติดอาวุธตามแนว ชายแดนไทย-พม่า เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร ์ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็ นอีก หนึ่งตัวอย่างที่ดี ของความลม้ เหลวของ รัฐบาลจีนในการด�ำเนินนโยบายกลืนกลาย วัฒนธรรม หลังจากที่ได้เคยใช้นโยบาย ปราบปรามชาวอุยกูรม์ าแล ้ว ประชาชนชาว อุยกูรส์ ่วนใหญ่ในเขตปกครองนี้มเี ชื้อสาย เติรก์ นับถือศาสนาอิสลาม รัฐบาลจีนได้ใช้ นโยบายที่พยายามผสมผสานกลืนกลาย ชาวอุยกูรท์ วไปให้ ั ่ กลายเป็ นคนจีน ด้วยการ ห้ามไม่ให้ใช้และสอนภาษาอุยกูร ์ ห้ามเล่า เรียนศาสนาอิสลาม โดยการสัง่ ปิ ดมัสยิด กว่า 50 แห่งทัวซิ ่ นเจียง การเผาท�ำลายต�ำรา ประวัตศิ าสตร์ในเมือง คาซการ์ (คาสือ) ที่

เคยเป็ นเมืองหลวงของเตอร์กิสถานตะวัน ออกเป็ นจ�ำนวนมาก การเลือกปฏิบตั ิกบั ชาวอุยกูรใ์ นการเข้ารับราชการ การจ้างงาน และการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยโดยจะ ให้โอกาสชาวฮัน่ ก่อนเสมอ ตลอดจนอพยพ ชาวฮัน่ จากพื้นทีอ่ น่ื ๆ เข้ามาตัง้ ถิน่ ฐานและ ประกอบอาชีพในซินเจียงเพื่อเพิ่มจ�ำนวน ชาวฮัน่ ท�ำให้จำ� นวนประชากรฮัน่ จากที่มี อยู่เดิมร้อยละ 6 ในปี 2492 พุง่ สูงขึ้นเป็ น ร้อยละ 41.5 ในปี 2519 ซึง่ นโยบายการ อพยพชาวฮัน่ สูซ่ นิ เจียงนัน้ นับเป็ นการเบียด ขับชาวอุยกูรใ์ ห้ไปอยู่ชายขอบของสังคมจีน มากยิง่ ขึ้น เสมือนปฏิเสธอัตลักษณ์ของชาว อุยกูรใ์ นทุกด้าน ทัง้ ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ซึง่ ได้สร้างบาดแผล ทางจิตใจแก่ชาวอุยกูรจ์ ำ� นวนมาก ผลจาก การกดขี่จากความสัมพันธ์ทางดิ่งระหว่าง ภาครัฐกับประชาชนอุยกูรน์ ้ นี ่าจะมีผลท�ำให้ ความสัมพันธ์ทางราบระหว่างชาวฮัน่ และ ชาวอุยกูรใ์ นซินเจียงเลวร้ายลงตามไปด้วย สุดท้ายขอยกตัวอย่าง ความส�ำเร็จ ของรัสเซียในการกลืนกลายทางวัฒนธรรม จนกลายเป็ นชนวนส�ำคัญส�ำหรับความขัด แย้งในประเทศยู เครนที่ปรากฏขึ้นตัง้ แต่ เดือ นมกราคม 2557 - ปัจ จุ บ นั เพื่อ


ฮาบีบะฮ์ ขยายความเข้าใจต่อเหตุการณ์ความรุนแรง ในยู เ ครนให้ม ากขึ้น อาจต้อ งเริ่ม เข้า ใจ ประวัติศาสตร์สงั คม ตัง้ แต่ยุคอาณาจักร โซเวียตในความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับ ยูเครนผ่านกระบวนการทีเ่ รียกว่า “การกลืน กลายให้เป็ นรัสเซีย” การกลืนกลายให้เป็ น โซเวียต หรือรัสเซียนัน้ เป็ นกระบวนการที่ ปรับเปลีย่ นโครงสร้างระบบเศรษฐกิจ สังคม และการเมือ งในแต่ ล ะพื้น ที่เ พื่อ ดู ด กลืน ส�ำนึกเดิมและสร้างส�ำนึกความเป็ นโซเวียต หรือรัสเซียเข้าไปแทนที่ ส�ำหรับปฏิบตั กิ าร ทีใ่ ช้ในการกลืนกลายให้ประเทศต่างอยูภ่ าย ใต้สำ� นึกความเป็ นโซเวียตหรือรัสเซียนัน้ เช่น การกลืนกลายผ่านระบบภาษา โดยการ ก�ำหนดให้ใช้ภาษารัสเซียในการเรียนการ สอน ตัง้ แต่ระดับโรงเรียน รวมถึงการให้ สิทธิพเิ ศษกับผูร้ ูภ้ าษารัสเซียในการท�ำงาน ในระบบราชการ จนถึงการก�ำหนดให้ภาษา รัสเซียเป็ นภาษาราชการ การกลืนกลายผ่าน ประวัตศิ าสตร์นิพนธ์ การกลืนกลายในรูป แบบนี้กระท�ำผ่านการเขียนประวัติศาสตร์ ขึ้นใหม่ ทีแ่ สดงให้เห็นการก่อรูปของสังคม ขึ้นมาใหม่ ซึง่ เป็ นการเขียนประวัตศิ าสตร์ ทีม่ โี ซเวียตเป็ นแกนกลางในการช่วยก่อรูป สังคมขึ้นมาใหม่อีกครัง้ และสุ ดท้ายคือ การกลืนกลายผ่านประชากร แนวทางนี้ ใช้การเคลือ่ นย้ายประชากรเชื้อสายรัสเซีย ให้เข้าไปอยู่ในแต่ ละพื้นที่ หรือในแต่ ละ ประเทศ ซึง่ เป็ นการน�ำประชากรชาวรัสเซีย

เข้าไปปกครองพื้นทีต่ ่างๆ โดยผลผลิตของ กระบวนการดังกล่าวได้ปรากฏตัวอย่างอยู่ ในประเทศยู เครนที่แบ่งคนในยู เครนออก เป็ นฝัง่ ตะวันตกและฝัง่ ตะวันออก นอกจาก นี้ยงั ปรากฏการกลืนกลายในรู ปแบบอื่นๆ เช่น การสร้างหลักสู ตรการเรียนการสอน ในระดับอุดมศึกษาในเยอรมันตะวันออก และโปแลนด์ การสร้างระบบกฎหมายลาย ลักษณ์อกั ษรกับการสร้างความเป็ นโซเวียต ในโปแลนด์ ผลจากการใช้นโยบายกลืนกลาย ทางวัฒนธรรม อาจจะประสบผลส�ำเร็จ กับ บางกลุ่ ม ชาติ พ นั ธุ ์ หากวัฒ นธรรม ของชาติ พ นั ธุ ์น ั้น ไม่ มีค วามแตกต่ า งกับ วัฒนธรรมหลักของชาติ ในขณะเดียวกัน ก็ ไ ม่ ส ามารถใช้ไ ด้ก ับ อี ก หลายๆ กลุ่ ม ชาติพนั ธุ ท์ ่มี อี ตั ลักษณ์และวัฒนธรรมที่มี ความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะ วัฒนธรรมในมิติของศาสนา ดัง่ ความลม้ เหลวในการด�ำเนินนโยบายการกลืนกลาย ทางวัฒนธรรมของรัฐบาลจีนกับชาวอุยกูร ์ ในซินเจียง ทีม่ า http://prachatai.com/journal/2014/03/52057 http://www.oknation.net/blog/print. php?id=646943 http://www.academia.edu/4399506/_

สมุย

ปอบิด รักษา เบาหวาน ได้จริงหรือ?

“ปอบิด” เป็ นสมุนไพรอีกตัวหนึ่ง ทีถ่ กู กล่าวอ้างว่ามีสรรพคุณมากมาย ตัง้ แต่ ช่วยลดระดับน�ำ้ ตาลในเลือด ช่วยรักษาโรค เบาหวาน ความดันโลหิตไขมันในเส้นเลือด ไมเกรนฯลฯ ปอบิด รับ ประทานง่า ย มี รสชาติดี แค่นำ� ไปต้มแล ้วดืม่ จึงท�ำให้ผูค้ น จ�ำนวนมากเริ่มหันมาสนใจกันมากขึ้นจน ท�ำให้กลายเป็ นทีต่ อ้ งการอย่างมากในขณะนี้ ท�ำให้มรี าคาพุง่ สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบนั อยู่ทก่ี โิ ลกรัมละ 200-600 บาท เลยทีเดียว ปอบิด หรือ ปอกะบิด ภาษาอังกฤษ East Indian screw tree มีช่อื วิทยาศาสตร์วา ่ Helicteresisora L. จัดอยู่ในวงศ์ฝ้ายหรือ วงศ์ชบา (Malvaceae) มีช่อื ท้องถิน่ อื่นๆ อีก เช่น ปอทับ (เชียงใหม่), มะบิด (ภาค เหนือ), ข้าวจี่ (ลาว), ปอบิด เป็ นต้น พบ ได้ทวั ่ ไปทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาค

จดหมายข่าววารสารสุขสาระ

19


ริมคลอง ตะวันออกเฉี ยงเหนือตามป่ าเบญจพรรณ แล ้ง ป่ าเต็งรัง หรือทีร่ กร้างว่างเปล่า ปอกะบิด เป็ นไม้พมุ่ ขนาดเล็ก สูง ประมาณ 1-2 เมตร ลักษณะของล�ำต้นดู กลมเรียวอ่อนดูคลา้ ยเถา เปลือกนอกมีสี เทา และมี ดอกปอกะบิด รวมไปถึง ฝักปอ กะบิด หรือส่วนของผลปอกะบิดจะเป็ นฝัก กลมบิดเป็ นเกลียวคล ้ายเชือกขวัน้ มีความ ยาวประมาณ 2-3 นิ้ว ผลอ่อนมีสเี ขียวเมือ่ แก่จะเป็ นสีดำ� แห้งด้าน เมือ่ ลูบผิวใบรูส้ กึ สากคาย ออกดอกปี ละครัง้ ช่วงเวลาอาจ แตกต่างกันไปตามท้องถิ่นและภูมอิ ากาศ ตามบันทึกขององค์การสวนพฤกษศาสตร์ ออกดอกและติดผลประมาณเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม ปอบิดเป็ นทีร่ ูจ้ กั ของชาว อินเดีย เพราะถูกใช้เป็ นยารักษา โรคมาตัง้ แต่สมัยโบราณ ผลมีฤทธิ์ ฝาดสมาน ใช้สำ� หรับรักษาอาการ แน่นท้องและท้องเสีย แก้รอ้ นใน ขับลมในเด็ก รักษาแผล รากและ เปลือ กต้น ใช้เ ป็ น ยาแก้ไ อ ขับ เสมหะ และใช้บรรเทาอาการปวด ท้อง รักษาโรคกระเพาะ ท้องเสีย โรคบิด โรคหิด เบาหวาน หมอยาพื้นบ้านท่านว่า ปอบิดช่วย ขับมูก เมือกจากบิดในล�ำไส้ได้ หมอพื้นบ้าน จึงไม่ให้รบั ประทานนานๆ เพราะจะท�ำให้ เสาะท้อง ปริมาณการใช้ทวั ่ ไปทีแ่ นะน�ำ ปอ บิดใช้ส่วนทีเ่ ปลือกต้น ราก ต้มน�ำ้ ดืม่ เพือ่ บ�ำรุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร แก้ทอ้ งอืด ขับ ลมในท้อง แก้ปวดเมือ่ ยทัว่ ไป ส่วนผล ใช้ แก้อาการทางล�ำไส้อกั เสบ แก้บดิ ปวดเบ่ง หรือใช้ตำ� พอกแก้ปวดจากแมลงกัดต่ อย เคล็ดยอก ขัด บวม และอัตราการใช้ตาม สัดส่วน เปลือกต้น รากใช้ 1 ก�ำมือต่อน�ำ้ 1 ลิตร และผลใช้ 3-5 ผล ต่อน�ำ้ 250 ซีซี ต้ม เดือด 20 นาที หรือเหลือน�ำ้ ครึ่งหนึ่ง ทาน

20

มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)

หลังอาหาร 3 มื้อ/วัน หรือเฉพาะมีอาการ รายงานการวิจยั ในสัตว์ทดลอง พบว่าช่ วยลดระดับน�ำ้ ตาลในเลือดได้ใน คนทีเ่ ป็ นเบาหวาน ลดไขมันในเลือด อีกทัง้ ยังมีสารต้านอนุมลู อิสระสูงมาก และยังมี รายงานว่ามีฤทธิ์ปกป้ องตับจากสารพิษและ ฟื้ นฟูตบั จากสารพิษ ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ได้หลายชนิด รวมถึงเชื้อแบคทีเรียในกลุม่ ทีก่ ่อให้เกิดโรคบิดได้ สอดคล ้องกับข้อมูล พื้นบ้านทีว่ ่าปอบิดช่วยขับมูก ขับเมือกบิด ในล�ำไส้ งานวิจยั ด้านเภสัชศาสตร์ โดย รศ.รุ่ ง ระวี เต็ ม ศิ ริ ฤ กษ์กุ ล ภาควิ ช า

เภสัช พฤกษศาสตร์ คณะเภสัช ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า แม้ปอบิดจะมีผล ลดน�ำ้ ตาลในเลือดได้ใกลเ้ คียงกับยาแผน ปัจจุบนั แต่ยงั ไม่สามารถทดแทนยารักษา เบาหวานได้จริง และผูท้ ่จี ะใช้ตรวจภาวะ การท�ำงานของตับไตอย่างสม�ำ่ เสมอทุก 3 เดือน และห้ามใช้ในผูท้ ม่ี ปี ระวัติ หรือแม้แต่ ครอบครัวมีประวัตเิ ป็ นโรคตับ หรือโรคไต ผู ป้ ่ วยเบาหวานมักจะมีตบั อ่ อน ไต หัวใจ ไม่แข็งแรง และเสี่ยงเกิดโรค แทรกซ้อนได้ หากดูแลสุขภาพไม่ดี ซึง่ หลัก การใช้สมุนไพรเป็ นยานัน้ ไม่ควรกินเกิน 7 วัน เพราะปริมาณสารเคมีจากสมุนไพร ควบคุมได้ยาก หากจะใช้สมุนไพรในการ

รักษาโรคไม่ควรกินต่อเนื่อง หรือเลือกกิน อาหารเป็ นยาแทน เพราะปริมาณความเข้ม ข้นของสมุนไพรที่ได้จะมีความเข้มข้นต่าง กัน เช่น กินผักแกล ้ม หรือน�ำ้ คัน้ เช่น ใบ กะเพรา ใบบัวบก ก็มฤี ทธิ์ลดน�ำ้ ตาลได้เช่น กัน แต่ตอ้ งใช้หลักการเดียวกันคือ สลับสับ เปลีย่ นไปเรื่อยๆ ไม่ให้เกิดความเสีย่ งจาก ผลข้างเคียงทีอ่ าจเกิดขึ้นได้” อย่างไรก็ตามการใช้ปอบิดติดต่อ กันเป็ นระยะเวลานานยัง ไม่มีขอ้ มูล ด้า น ความปลอดภัย และผลการลดน�ำ้ ตาลใน เลือดและลดไขมันก็เป็ นผลในสัตว์ทดลอง การใช้ในคนจึงอาจให้ผลแตกต่ างไปบ้าง และข้อควรระวังที่สำ� คัญของปอ บิดคืออาการน�ำ้ ตาลในเลือดต�ำ่ กรณี ใ ช้ร่ ว มกับ ยาแผนปัจ จุบ นั และอาจต้อ งระวัง ในผู ท้ ่ี ใ ช้ย า รักษาโรคหัวใจ digoxin เพราะมี รายงานว่าปอบิดมีผลเพิม่ แรงบีบ หัวใจจึงอาจไปเสริมฤทธิ์ยานี้ได้ อนึ่ ง พบว่ า สมุ น ไพร จ�ำนวนไม่นอ้ ยที่มรี ายงานความ เป็ น พิษ ต่ อ ตับ และไต หากรู ป แบบหรือขนาดทีใ่ ช้ไม่ถกู ต้อง ใน กรณีทย่ี งั มีขอ้ มูลไม่ครบเช่นนี้ ส�ำหรับผูท้ ่ี ต้องการเลือกใช้ดว้ ยตนเอง หรือได้ทดลอง ใช้แลว้ ให้ตรวจภาวะการท�ำงานของตับไต อย่างสม�ำ่ เสมอทุก 3 เดือน และห้ามใช้ในผู ้ ทีม่ ปี ระวัติ หรือแม้แต่ครอบครัวทีม่ ปี ระวัติ เป็ นโรคตับ หรือโรคไต ทีม่ า http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/ knowledgeinfo.php?id=143 http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_herbal/ news_detail.php?cat=L&id=140 http://www.abhaiherb.com/knowledge/ thaiherb/3785


รายงาน

คนริมน�้ำ

เกษตรกร มือถือ

ตามที่ไ ด้เ คยเขีย นถึง การท�ำ นา ในอดีตมาแลว้ ครัง้ หนึ่ง คราวนี้จะขอพูด ถึง เกษตรกรในปัจ จุ บ นั บ้า ง แต่ ก่ อ นที่ จะพู ด ถึ ง เกษตรกรในปั จ จุ บ ัน ขอเท้า ความถึง เกษตรกรในอดีต สัก นิ ด หน่ อ ย ก่ อน เกษตรกรในอดีตจะกระท�ำกันเป็ น ครอบครัว โดยใช้แ รงงานจากสมาชิ ก ภายในครอบครัวรายได้ท่ีได้จากการขาย พืชผลจะน�ำมารวมกัน จึงท�ำให้ตน้ ทุนการ ท�ำเกษตรกรรมไม่สูงมาก เพราะทุกคนเป็ น เกษตรกร ใครอยากได้อะไรก็ขอเบิกจากพ่อ แม่ หรือหัวหน้าครอบครัว แต่ การท�ำการเกษตรในปัจจุบนั แตกต่างจากในอดีตมาก เพราะแรงงานที่ เป็ นสมาชิกในครอบครัวได้แยกย้ายกันไป ท�ำงานตามโรงงานต่างๆ บ้างก็ไปศึกษาต่อ ในระดับทีส่ ูงกว่า ป.4 โดยหวังว่าจะน�ำวิชา ความรูไ้ ปประกอบอาชีพทีส่ บายกว่าการท�ำ เกษตรกรรม จึงท�ำให้พ่อแม่ท่ยี งั ต้องการ ท�ำอาชีพเดิม หรือผูท้ ไ่ี ม่ได้ศึกษาต่อจึงต้อง พึ่งการท�ำอาชีพเกษตรกรรมซึ่งเป็ นอาชีพ ดัง้ เดิมของไทย แต่พวกเขาขาดแรงงานเช่น ในอดีต ฉะนัน้ จึงต้องว่าจ้างในเกือบทุกขัน้ ตอน เช่น การท�ำนา เมือ่ ต้องการไถนาก็

โทรศัพท์ติดต่อรถรับจ้างไถให้มาไถ เมื่อ ไถเสร็จต้องการหว่านก็โทรศัพท์ตดิ ต่อผูร้ บั จ้างหว่าน บางรายต้องจ้างคนมาถอนวัชพืช ทีข่ ้นึ แซมต้นข้าวด้วย ส�ำหรับผืนนาทีอ่ ยูห่ า่ ง ไกลคลองส่งน�ำ้ บางรายก็ตอ้ งจ้างสูบน�ำ้ บาง รายก็ลงทุนซื้อเครือ่ งสูบน�ำ้ เองแต่กต็ อ้ งเสีย ค่าน�ำ้ มันในการสูบน�ำ้ เมือ่ ต้องการปุ๋ยหรือ ยาฆ่าแมลงก็โทรศัพท์ติดต่อร้านค้าให้นำ� มาส่ง หรือไม่ก็ขบั รถไปซื้อมาเอง เมือ่ ได้ สิ่งที่ตอ้ งการมาแลว้ ก็โทรศัพท์ติดต่อผูร้ บั จ้างหว่านปุ๋ยและรับจ้างฉีดยาฆ่าแมลงให้มา ด�ำเนินการ เมือ่ ถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็โทรศัพท์ ติดต่อผูท้ ่มี รี ถรับจ้างเกี่ยวมาเกี่ยวข้าวให้ เกี่ยวเสร็จก็ตอ้ งจ้างขนไปโรงสี หรือบาง รายก็ ล งทุ น ซื้อ รถเพื่อ ขนข้า ว ไปเองซึ่งก็ตอ้ งมีค่าใช้ จ่ า ยอีก ทัง้ นี้ ไ ม่ ต่ า ง กั บ ก า ร ท� ำ ส ว น ยางซึ่ง อยู่ ใ น สภาพเดียวกันคือ ต้อ งจ้า งเกื อ บทุ ก ขั้น ตอน จึงท�ำให้ตน้ ทุนการผลิต สูงมาก เมือ่ พิจารณาการท�ำเกษตรกรรม ในปัจจุบนั นี้ ผูท้ ำ� ไม่ใช่เกษตรกรทีแ่ ท้จริง แต่ผูท้ ำ� กระท�ำตัวมิต่างอะไรกับผูร้ บั เหมา ก่ อ สร้า งเมื่อ ต้อ งการอะไรก็ ใ ช้โ ทรศัพ ท์ ติดต่อ แต่ทต่ี ่างกันก็คอื ผูร้ บั เหมาก่อสร้าง สามารถค�ำนวณต้นทุนและเสนอราคาค่ า ก่อสร้างในราคาทีต่ นมีกำ� ไรได้ แต่เกษตรกร รู แ้ ต่ ต น้ ทุ น ในการผลิต แต่ ไ ม่ ส ามารถ

ก�ำ หนดราคาขายผลผลิต ในราคาที่ต นมี ก�ำไรได้ ฉะนัน้ ทุกปี ไม่วา่ รัฐบาลใดจึงต้อง ให้การสนับสนุ นเกษตรกรในรูปแบบต่างๆ มิต่างอะไรกับการน�ำเงินไปให้เกษตรกรเพือ่ ชดเชยการขาดทุนจากการขายพืชผล แทนที่ จะหาวิธีทำ� ให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิต ลง โดยเฉพาะอย่างยิง่ ราคาน�ำ้ มัน หรือหัน มาท�ำเกษตรอินทรีย ์ หรือเกษตรปลอดสาร พิษ เพือ่ เพิม่ มูลค่าให้กบั สินค้าเกษตรกรรม ซึง่ ก�ำลังเป็ นทีต่ อ้ งการของตลาดโลก เพราะ ปัจจุบนั ค่ าแรงงานในประเทศไทยสู งกว่า ประเทศคู่แข่ง ฉะนัน้ จ�ำเป็ นต้องผลิตสินค้า ที่มีคุ ณ ภาพออกสู่ ต ลาดให้ไ ด้เ พื่อ ให้ไ ด้ ราคาทีส่ ูงขึ้น และหลีกเลีย่ งการแข่งขันใน ตลาดล่างเช่นในปัจจุบนั หรือสนับสนุนให้ เกษตรกรรวมกลุ่มกันให้ได้เพื่อ มี อ�ำนาจต่ อรองราคา กั บ ทั้ ง

พ่ อ ค้า ที่ จ�ำหน่ ายสิ่งของ ที่จำ� เป็ นในการท�ำการ เกษตร และพ่ อ ค้า คนกลาง หรื อ สนับ สนุ น ให้มีโ รงงานแปรรู ป ผลิตผลของตนเองและจัดจ�ำหน่ายเอง โดย ไม่ตอ้ งพึง่ พ่อค้าคนกลาง การน� ำ ภาษี ข องประชาชนไป อุดหนุ นไม่ว่าธุ รกิจใด ไม่เป็ นการสมควร อย่างยิง่ เพราะภาษีทเ่ี ก็บจากประชาชนต้อง น�ำไปพัฒนาประเทศซึง่ ยังมีอกี หลายอย่างที่ ต้องท�ำ แทนการกูเ้ งินเช่นทีเ่ ป็ นอยู่ จดหมายข่าววารสารสุขสาระ

21


22

มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)


มูลนิ ธสิ ร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.) ขอเชิญร่วมบริจาค

สร้างอาคารส�ำนักงานถาวรของมูลนิธิ

ได้ทบ่ี ญั ชี “ร่วมสร้างบ้าน สสม.” บัญชีเลขที่ 402-741990-9 ธนาคารไทยพาณิ ชย์ สาขาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ด้วยความปรารถนาดีจาก

แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะมุสลิมไทย

อานสุขสาระที่บาน

งายๆ

ับสนุน น ส น า  ท ง ย ี พ เ คาจัดสง บาท ปละ

200

สมาชิกที่ชำระคาจัดสงแลว หากยังไม ไดรับหนังสือ กรุณาแจงที่อยู ใหมพรอมรายละเอียด มาที่ โทรศัพท. 02-218-6193 j ¡ ­ o

¨

พื้นที่

โฆษณา

ติดต่อ 02 2186193-4 สนับสนุ น “สุขสาระ” โดยการลงโฆษณา


ด้วยความปรารถนาดีจาก

แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะมุสลิมไทย


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.