ในโอกาสเดินทางมาเปิดตัว ‘IP/NN’ ผลงานเลื่องชื่อของตนใน ภาคภาษาไทยทีเ่ พิง่ วางแผงไปหมาดๆ คาซึชเิ งะ อาเบะ นักเขียน ร่ ว มสมั ย แถวหน้ า ของญี่ ปุ่ น ขึ้ น เวที พู ด คุ ย กั บ อุ ทิ ศ เหมะมู ล นักเขียนซีไรต์ชาวไทย ในเรื่องต่างๆ สารพัน ตั้งแต่สถานการณ์ ทั่ ว ไปของวงการหนั ง สื อ ของทั้ ง สองประเทศ ประสบการณ์ งานเขียน แรงบันดาลใจ เกร็ดเล็กๆ เคล็ดลับๆ และไม่ลบั รวมทัง้ ผลั ด กั น อ่ า นตั ว อย่ า งงานเขียนของอีกฝ่ายให้นักอ่านชาวไทย ได้ฟังกันสดๆ
กำหนดการ 13.00 น. - 13.30 น. สื่อมวลชน นักอ่าน ลงทะเบียน 13.30 น. - 14.20 น. เปิดเวที • พิธีกรกล่าวต้อนรับเข้าสู่การสัมมนา แนะนำแขกรับเชิญ • คุณอุทศิ อ่านบทแปลตัดตอนจากเรือ่ ง IP • คุณอาเบะอ่านบทแปลตัดตอนจากเรื่อง กรุงเทพฯ กรงเทพฯ (1) 14.20 น. - 16.00 น. เริ่มการเสวนา • เปรียบเทียบสถานการณ์ทั่วไปของวงการ หนังสือไทยและญี่ปุ่น • หนังสือเล่มแรกทีเ่ ขียน / หนังสือเล่มโปรด / จุดหักเหให้เริ่มเขียนหนังสือ • หัวข้อสนใจเป็นพิเศษ / ประเด็นหรือ ตัวละครที่มักปรากฏในเรื่อง • เกีย่ วกับ IP / NN แรงบันดาลใจ ความยาก-ง่ายในการเขียน อุปสรรค-วิธแี ก้ไข • ผลงานเล่มต่อไป / ประสบการณ์การพบปะ นักอ่าน • Q & A จากผู้ร่วมงาน 16.00 น. - 17.00 น. สิ้นสุดการเสวนา - ถ่ายรูปที่ระลึก - แจกลายเซ็น / สัมภาษณ์
กรุงเทพฯ กรงเทพฯ (1)
................................................................. เผยแพร่ครั้งแรกเป็นภาษาญี่ปุ่นในวารสาร Southeast Asian Literature เล่ม 11 ตุลาคม 2556 ตีพิมพ์เป็นภาษาไทยใน ปากไก่ วารสารของสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ปลายฤดูฝน ต้นฤดูหนาว ตุลาคม 2556 และในรวมเรื่องสั้น สามานย์ สามัญ สำนักพิมพ์จุติ มีนาคม 2557
“มึงจะไปไหน!” เสียงแหวของหญิงวัยกลางคนแหวกหลัง เด็กวัยรุ่นซึ่งกำลังลับมุมบ้านหลังหนึ่งในตรอกชุมชนแออัด เด็กหนุม่ ถอนฉุนขุน่ ใจ ไหล่เครียด ชะงักเท้า “จะไปกะไอ้แอ” ไอ้แอนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ปรับแต่งอยู่หน้าตรอก เสียง เครื่องยนต์ดังกรอกไปถึงหูหญิงวัยกลางคน ขณะอีกเพียงสิบ ก้าวเท้าเด็กหนุ่มจะถึงเบาะนั่งซ้อนท้าย “นั่นแหละ มึงกับไอ้เหี้ยแอจะถ่อไปตายห่าไหนกันอีก” หญิงวัยกลางคนกรากเสียง เรียกชาวบ้านข้างเคียงให้ละเหี่ยหู “โว้ย จะรูไ้ ปทำไม รูแ้ ล้วแม่จะสบายใจขึน้ มัย้ ล่ะ” เด็กหนุม่ ว่า “วันๆ มึงไม่ชว่ ยทำอะไรให้กสู บายใจขึน้ เลย” หญิงกลางคน ว่าต่อ “กูยนื หลังขดหลังแข็งทัง้ คืน ทอดไข่เจียวส้นตีนนีส่ ง่ มึงเรียน มึงเคยคิดจะช่วยกูมั่งมั้ยหือ” “เอ้า แล้วใครห้ามล่ะ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำซี” เด็กหนุ่ม ต่อปากต่อคำ “ผมก็ไม่อยากเรียนหนังสือเหมือนกัน มาส่งเสีย ให้เรียนทำไม เอ้อ!” “ไอ้เนรคุณ ไอ้...” ที่เหลือเป็นถ้อยดิบหยาบสำรากใส่ ครั้นเบาตัวไปหน่อยหนึ่งเมื่อเอาเลนตมหมักเหม็นออกจากใจ จึง ถามคำเดิม “บอกกูมา มึงจะไปไหน” นางไม่ได้อยากรู้คำตอบจริงๆ หรอก อยากให้ลูกชายยืน ชะงักอยู่กลางทางนั้นนานอีกหน่อย ให้เห็นหน้าอีกหน่อย ให้ได้ 6
ด่าทออีกนิดหน่อย “จะไปภูเขาทอง” ลูกชายบอกแค่นั้น ท้องฟ้ายามย่ำค่ำ ค่อยๆ ดึก “โถ พ่อจำเริญ พ่อคนมีวัฒนธรรม จะหนีเที่ยวทั้งที มึงหา ข้ออ้างได้ดีเท่านี้ละหรือ” นางแดกดัน เสียงเร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์ดังเร้ามาอีกระลอก เด็กหนุ่ม หยุดต่อปากต่อคำมารดา ทั้งๆ ในใจตอบว่าตนจะไปภูเขาทอง จริง จริงอย่างที่ไอ้แอมันเอ่ยปากชักชวนไว้ ทั้งสองนัดแนะกันจะ ขึ้นไปดูทิวทัศน์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ยามค่ำคืน วิวกรุงเทพฯ สวยฉิบหาย ไอ้แอมันเคยบอก ดูดเนื้อไปด้วยมองวิวกรุงเทพฯ ไปด้วย ไอ้แอมันว่า เด็กหนุ่มจึงอยากลองดูดเนื้อที่ภูเขาทอง ครั้นเสียงมอเตอร์ไซค์ดังบาดตรอกชุมชนแออัดเหมือนเอา แท่งเหล็กขูดสังกะสีลากผ่านออกไปไกลโพ้น หญิงกลางคนเดิน กลับมายังพื้นที่ห้องแถวหน้าบ้านตน จัดทุกอย่างเตรียมไว้พร้อม บนรถเข็นสามล้อ ที่แผ่นสังกะสีหุ้มรถสามล้อเป็นต่างป้าย เขียน ตัวอักษรด้วยสีนำ้ มันลายมือลูกชาย ‘ข้าวไข่เจียว กล่องละ 15 บาท’ อีกสักครู่นางจะเข็นรถออกจากที่อยู่อาศัยในชุมชนแออัดไปยัง แหล่ ง บั น เทิ ง ที่ ฝู ง คนอั ด แอมากยิ่ ง กว่ า การงานเลี้ ย งชี วิ ต ทุกคืนวัน อาหารอย่างง่ายของนักเที่ยวกลางคืนผู้หิวโซเอาท้อง มาฝากก่อนกลับบ้าน 7
“ถุย! มึงคิดว่ากูอยากทำนักหรือ?” นางพูดกับแผงไข่ไก่ใน อ้อมแขน ก่อนจัดวางมันลงบนรถเข็นสามล้อ “ราคาของมึงก็ ขึ้นเอาๆ นะไอ้ไข่หอกหัก” เด็กวัยรุ่นสองคน คนขับอายุ 17 ปี นับว่าเป็นรุ่นพี่เด็ก ซ้อนท้าย ซึ่งอายุห่างกันราวสามปี ทั้งสองขับลัดเลาะไปตาม เส้นทางลัดคล่องแคล่วจนทะลุมาโผล่แถววิสุทธิกษัตริย์ แม้จะ เป็นวันอาทิตย์ แต่ยวดยานบนท้องถนนก็หนาแน่น ไอ้แอไม่ได้ ขับรถไปทางภูเขาทอง แต่ทะลุช่องไปทางท้องสนามหลวง ความ เปรี้ยวปากอยากลองดูดเนื้อเจือจางไปกับสายลมและกลิ่นไอเสีย ที่ตีใบหน้าเด็กวัยรุ่นซ้อนท้าย เขาสงสัยในจุดหมายแต่ไม่ได้ถาม ไอ้แอขับรถจนมาถึงท้องสนามหลวง ขับรถไปจอดในตรอก ข้างวัด เด็กวัยรุ่นลงจากมอเตอร์ไซค์ เหลียวหลังมองเวทีที่ท้อง สนามหลวง แสงไฟสปอตไลต์ ผูค้ นอีกจำนวนมาก ไม่นบั ยวดยาน อัดแอบนท้องถนนรอบบริเวณ อาสาสมัครต่างๆ เป่านกหวีด โบกมือลำเลียงรถให้ค่อยเคลื่อน “ไหนมึงบอกจะไปภูเขาทอง” เด็กหนุ่มถาม “ภูเขาทองพ่องมึงดิ” ไอ้แอว่า เด็กหนุ่มไม่รู้สึกเจ็บที่ถูกด่า พ่อ เขาไม่มีพ่อ “วันนี้เขาไม่ให้เข้า” “แล้วมาทำส้นตีนอะไรที่นี่” เด็กหนุ่มสงสัย 8
“ส้นตีนอะไร ให้เกียรติหน่อย” ไอ้แอปรามเด็กซ้อนท้ายให้ ระวังคำพูดคำจา “แวะมาหาลุงจำลองหน่อย มาช่วยแกขับไล่ ทักษิณ” เด็กหนุ่มทำหน้าเหยเก ไอ้แอสัญญาอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง “หนุกนะมึง” ไอ้แอปลุกปลอบ “มึงต้องฟังน้าสนธิขึ้นพูด เบื่อๆ ก็มีดนตรีให้ฟัง ข้าวก็มีให้กิน เอาน่า แป๊บเดียว เดี๋ยวดึก หน่อยค่อยไปที่อื่น” เด็กหนุ่มเดินตามหลังไอ้แอเข้าไปในบริเวณกลุ่มผู้ชุมนุม ทุกคนสวมเสื้อสีเดียวกัน มีป้ายเขียนถ้อยความทั้งเล็กใหญ่เต็ม ไปหมด ป้ายใหญ่ที่สุดเขียนว่า ‘เอาประเทศไทยของเราคืนมา’ มีคำว่ารายการเมืองไทยรายสัปดาห์รวมอยู่ด้วย ปะปนอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุมได้สักระยะ เด็กหนุ่มรู้สึกเป็นส่วน หนึ่ง เขาสนุกสนานเพลิดเพลินกับผู้ปราศรัย ความกราดเกรี้ยว ของเขาหลั่งระบายเป็นหนึ่งเดียวกับความเกรี้ยวกราดดุดันของ ผู้ ร่ ว มชุ ม นุ ม ในยามที่ เขาเข้ า ร่ ว มตะโกนถ้ อ ยคำอั ด อั้ น ตั น ใจ เขารู้สึกว่าความคับแค้นในใจทุเลาลงไป เหมือนได้สำรากกลับ มารดาด้ ว ยคำหยาบ หยาบเท่ า ที่ ห ยาบได้ ใ ส่ น ายกรั ฐ มนตรี เขากระแทกคำหยาบใส่มารดา สาสมเท่าๆ กับที่มารดาลงมือ ลงไม้กบั เขา ชอบตบเขา ฟาดเขา ทัง้ ทุบตีและจิกหยิก ด้วยมือตีน และด้วยสิ่งของใกล้มือตีน เกือบๆ แล้วที่เขาจะขาดผึง เกือบๆ 9
แล้วที่เขาจะตอบโต้กลับพอๆ กัน ดีที่ยังไม่ได้ทำ คืนนี้เขาได้ ตะโกนขับไล่ ความคับแค้นใจทุเลาลง ไอ้ แ อมองเขา ตบไหล่ รุ่ น น้ อ งร่ ว มทางแรงๆ สองสามที หายเสี้ยนเลยสิมึง ไอ้แอว่าพลางล้วงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋า กางเกง เลือกไปที่กล้องวิดีโอ บันทึกภาพเด็กหนุ่มตะโกนขับไล่ เอาเป็นเอาตาย นับแต่วันนั้น ระบุลงไปเลยว่า วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2549 เด็กหนุ่มกับไอ้แอหาเรื่องออกจากที่พักในชุมชนแออัดได้ เกือบทุกคืน ติดตามเมืองไทยรายสัปดาห์ของน้าสนธิที่สัญจรไป ตามมุ ม เมื อ งต่ า งๆ ไม่ นั บ การเดิ น ขบวนไปตามสถานสำคั ญ ทุกแหล่งมุมเมือง มารดาถามเด็กหนุม่ ว่าจะไปไหน “ไปภูเขาทอง” คือคำตอบทุกครั้ง ทั้งที่ไม่เคยได้ไปจริง แต่ไม่สำคัญเลย เพราะ ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร วันถัดมาเขาก็ถูกแม่ด่าทอทุบตีอยู่ ไม่ ว าย แต่ ก ารได้ แวะไปเป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ของการชุ ม นุ ม ทำให้ เด็กหนุ่มมีที่ระบาย ที่คล้ายจะขาดผึงก็พอตึงๆ เท่านั้น และก็เช่นทุกครั้ง หลังไปร่วมชุมนุม ไอ้แอกับเด็กหนุ่มจะ ไปร่วมกับกลุ่มแก๊งมอเตอร์ไซค์ในช่วงดึกบนถนนเทียมร่วมมิตร พระรามเก้า บางคืนไปหลังสามทุ่ม บางคืนไปหลังเที่ยงคืน ตาม แต่ปัจจัยว่าเป็นวันธรรมดาหรือวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงแรกๆ เด็กหนุ่มอาศัยนั่งซ้อนท้ายไอ้แอ แต่หลังจากนั้น 10
อุทิศ เหมะมูล อุทศิ เหมะมูล เกิดเมือ่ ปี พ.ศ. 2518 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัย ศิลปากร มีความสนใจในศิลปะหลากหลายแขนงสาขา ทัง้ ทัศนศิลป์ วรรณกรรม ภาพยนตร์ และดนตรี เคยเป็นดีเจ ทำภาพยนตร์สั้น ผู้กำกับศิลป์หนังไทย สุดท้ายลงเอยด้วยการเขียนหนังสือ ผลงานสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างคือนวนิยายลำดับ ที่สาม ลับแล, แก่งคอย ได้รับรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 6 และรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปี พ.ศ. 2552 ผลงานดังกล่าวได้รับการแปลเป็นภาษา อังกฤษในชือ่ The Brotherhood of Kaeng Khoi และเรือ่ งสัน้ บางเรื่องได้รับการแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ และเกาหลี อุ ทิ ศ ได้ รั บ เชิ ญ เข้ า ร่ ว มงานระดั บ นานาชาติ ห ลายครั้ ง ปี 2553 ได้รับทุนจากมูลนิธิทาเคชิ ไคโกะ ผ่านทางเจแปน ฟาวน์เดชั่น เชิญไปบรรยายที่ประเทศญี่ปุ่น ปี 2555 เป็นหนึ่ง ในสิ บ จากนั ก เขี ย นต่างประเทศเชิญเข้าร่วมงาน 2012 โซล อินเตอร์เนชัน่ นัล ไรเตอร์ส เฟสติวลั ประเทศเกาหลี และปี 2557 ได้รบั เชิญเข้าร่วมงาน Tokyo International Literary Festival ครัง้ ที่ 2 โตเกียว ประเทศญีป่ นุ่ ปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ 17
21 พฤษภาคม (เสาร์) ในหน้ า หนั ง สื อ พิ ม พ์ วั น นี้ มี ข่ า วคนฆ่ า ตั ว ตายอี ก แล้ ว ดู เหมือนประเทศนี้ยังคง ‘ฮิตฆ่าตัวตาย’ กันต่อไป แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีข่าวคนที่ไม่ได้อยากตายแต่ถูกฆ่าทุกวันเหมือนกัน ในจำนวน นั้นคดีฆ่าคนตายแบบพวกชอบวิตถารมีมากจนสะดุดตา เมื่อ เดือนก่อนในแขวงที่ผมอยู่ ผู้ชายที่ว่ากันว่าเป็นพวกชอบเล่นศพ ถูกจับ สำหรับชายคนนั้นขอให้เป็นศพเถอะ จะชายหรือหญิง ก็ใช้สนองตัณหาได้เหมือนๆ กัน พนักงานร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ เล่าว่า ตอนที่ตำรวจเข้าไปในที่พัก เขากำลังอมหัวองคชาตกับ อัณฑะที่ตัดมาจากศพผู้ชายไว้ในปากพองใหญ่ อมกลิ้งไปมาใน ปากเหมื อ นอมลู ก อม ใส่ ก้ อ นกลมๆ เข้ า ไปในปากตั้ ง สามลู ก หมอนี่มันโลภมากน่าดูเลย ว่าไหมล่ะ? แต่ถ้าดูจากตอนที่ดึงออก มาตรงหน้าแล้ว ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็อมทันที ท่าทางไอ้นี่คงจะ อร่ อ ยที เ ดี ย ว ว่ า แล้ ว เขาก็ ชี้ ไ ปที่ เ ป้ า ตั ว เอง พนั ก งานพิ เ ศษ ขี้นินทาคนนี้ที่จริงแล้วเป็นคนบ้าขาสาวๆ อย่างโจ๋งครึ่ม เขาไม่ ปิดบังเรื่องนี้ ทุกครั้งที่ผมไปซื้อของ เขาก็เล่าเรื่องเจ้าของขาคู่ งามเลิศที่เข้าร้านในวันนั้นให้ฟัง เขาสงสัยว่าผมก็มีนิสัยชอบเรื่อง ทำนองเดี ย วกั น ผมเลยบอกไปว่ า ช่ ว งนี้ ก ำลั ง บ้ า ถ้ ำ มองเป็ น พิเศษ อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์บอกว่าจำนวนคดีอาชญากรรม และคนว่างงานยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และมีพยากรณ์ออกมา 20
แล้วว่าปีนี้หน้าร้อนจะอากาศเย็น เห็นว่าพวกเกษตรกรพากันไม่ อยากทำงานกันหมดแล้ว พวกนักการเมืองก็ทำแต่เรื่องงี่เง่าเวลา โต้ตอบกับต่างชาติ ทั่วโลกต่อต้านกันหมด สงสัยเกิดสงครามแน่ อสูรร้ายอาละวาดไปทั่วจอ มีแต่เรื่องวุ่นวายทั้งนั้น 26 พฤษภาคม (พฤหัสบดี) วันนี้ทำเรื่องงี่เง่าไปแล้ว หนุ่มชื่อฮิราซาวะที่เป็นคนทำงาน พิเศษบอกว่าจะไปแก้แค้นไอ้พวกที่รุมซ้อมตัวเองเมื่ออาทิตย์ ก่อน จะไม่ช่วยก็กระไรอยู่ ผมเลยไปด้วย เมื่อวันศุกร์ที่แล้วเขา เดินในตรอกข้างห้างเซบุตึก A ที่ลัดจากถนนอิโนะคาชิระไปย่าน เซ็นเตอร์ ตอนกลับบ้าน จู่ๆ ก็ถูกเด็ก ม.ปลายหลายคนที่ออกมา จากร้านเกมล้อมไว้ ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บไม่เหลือดีตรงนั้นเอง จริงสิ ตอนเห็นทีท่ ที่ ำงานเมือ่ วันจันทร์ หน้าของเขามีรอยช้ำไปทัว่ ฮิราซาวะเป็นเด็กมหา’ลัยที่เพิ่งมาจากบ้านนอกปีนี้เอง เจ้าตัว เล่าว่า สมัย ม.ปลายเขาเป็น ‘แยงกี้’ ที่มีชื่อทีเดียว วางก้ามใหญ่ โตอยู่ในถิ่นนั้น แต่ผมว่าที่จริงคงจะไม่ได้ใหญ่โตถึงขนาดเอามา โม้ได้ น่าจะเป็นแค่ตัวเล็กๆ เขาเพิ่งมาโตเกียวได้เพียงไม่กี่เดือน ถึงแม้จะหลายคน แต่พวกมันก็เป็นเด็ก ม.ปลาย พวกมันทำ เหมื อ นเขาเป็ น ไส้ เ ดื อ นกิ้ ง กื อ แถมยั ง ตบกระเป๋ า สตางค์ ที่ มี เงินสดราวห้าหมืน่ เยนกับพวกการ์ดต่างๆ รวมถึงเสือ้ แจ๊กเก็ตยีนส์ 21
ลีวายส์ 507XX ที่เพิ่งซื้อด้วยเงินผ่อนไปด้วย ถูกหยามเกียรติ เจ็บปวดสาหัสจนโมโหสุดขีด แล้ววันนี้ตอนออกไปซื้อข้าวเย็น หลังจากเริ่มฉายหนังรอบสุดท้ายยังดันบังเอิญเห็นคนหนึ่งใน กลุ่มเด็ก ม.ปลายกลุ่มนั้นสวมแจ๊กเก็ตยีนส์ของตัวเองเดินเข้าไป ในร้านเกม เข้าไปดูลาดเลาในร้านไม่เห็นมีเพื่อนในกลุ่มคนอื่น เลยคิดว่านี่เป็นโอกาสแก้แค้น เขาเล่าให้ผมฟังอย่างนั้น “คิดไงครับ? คุณโอะนุมะ ไม่น่าโมโหรึครับ? ถูกไอ้เด็กเมื่อ วานซืนอายุอ่อนกว่าอัดจนน่วม แล้วยังถูกฉกกระเป๋าสตางค์กับ แจ๊กเก็ตยีนส์ไปอีก ฟ้าดินลงโทษหรือไงนะ จริงเล้ย ทุเรศตัวเองทีส่ ดุ จนถึงเมื่อวานยังไม่กล้าเจอหน้าเพื่อนที่มหา’ลัยเลยครับ ผมว่า โดนทักทายมาก็ตอ้ งทักกลับใช่ไหมครับ? แน่อยูแ่ ล้วใช่ไหมครับ?” ผมตอบไปว่า “อืม จะเอายังไงก็เอาเลย แต่ถ้าทำเรื่องอย่างนั้นสักครั้ง แล้วก็จะไม่จบสิ้น อย่างน้อยก็ตลอดเวลาที่อยู่ในเมืองหลวง อาจ จะต้องทำเรื่อยไปจนตาย ไม่แน่หรอกว่าจะจบแค่นี้ แล้วทำไป ทำมาจะมี อ ะไรโผล่ อ อกมาอี ก ก็ ไ ม่ มี ใ ครรู้ ไอ้ พ วกนั้ น สวม เครื่องแบบแน่รึ? แถวบ้านเกิด นายอาจจะมีคนรู้จักที่เกี่ยวข้อง กั บ แก๊ ง สั ก คนสองคน แต่ที่นี่นายมันก็แค่นักศึกษา พูดอย่าง แบบทั่วๆ ไปเลยนะ อนาคตถ้าไม่อยากลงไปนอนอยู่ก้นอ่าว โตเกียวละก็ ทำตัวเรียบร้อยไว้ดีกว่า” 22
ผมคิดจะตักเตือนความหุนหันพลันแล่นให้สมเป็นคนอายุ มากกว่ า เสี ย หน่ อ ยก่ อ น เลยบรรยายสิ่ ง ที่ เขาจะต้ อ งแบกรั บ ให้เว่อร์นิดหนึ่ง แต่จะว่าไปมันก็แน่อยู่แล้วว่า สำหรับฮิราซาวะ ผู้ เ ลื อ ดร้ อ นและถู ก ยั่ ว ยุ ง่ า ย ทฤษฎี ร อบคอบระมั ด ระวั ง ของ คนอายุมากกว่าใช้ไม่ได้ผลเลย “กับไอ้เด็ก ม.ปลายเรื่องอะไรจะไปยอมมันเงียบๆ ล่ะครับ คุณโอะนุมะ ไอ้หลักปลอดภัยไว้ก่อนอย่างนั้นผมไม่ชอบ เรื่องที่ ควรทำถ้าไม่ทำก็เจ็บใจแย่ ถูกหยามก็ต้องโมโห...คุณโอะนุมะไม่ เป็นอย่างนั้นหรือครับ? ไอ้พวกนั้นจะมีอะไรหนุนหลังอยู่ก็ไม่ เกี่ยวหรอก ทางนี้เองก็เคยกรำศึกกันมาแล้ว มัวแต่ระแวดระวัง ตั้งรับก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง” ไอ้นี่ ตั้งแต่เมื่อกี้พูดแต่เรื่ององอาจคึกคักน่าดูทั้งนั้น ตั้งใจ พูดเรื่องแบบนี้ให้เราฟัง มันนึกจะทำอะไรของมัน? ผมคิด มันคง อยากให้เราไปช่วยล้างแค้นด้วยล่ะสิ ตอนนี้ก็ไม่แน่ว่าฝ่ายโน้นจะ อยู่คนเดียว นั่นสิ เพราะอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อกี้เลยมาคุยอย่างกับจะ ให้เราร่วมโกรธไปด้วย แผนตื้นๆ คนมีประสบการณ์โชกโชน อย่างเรา แผนง่ายๆ อย่างนีใ้ ช้ไม่ได้หรอก ฮิราซาวะเอ๋ย...แต่อกี ใจ ผมก็คิดอีกอย่างเหมือนกัน ถึงจะอย่างนั้น การลงสนามรบจริง หลังจากห่างเหินมานานก็ไม่เลวเสียทีเดียว ถือเป็นการฝึกซ้อม ด้วย อีกอย่าง สถานภาพอย่างนี้ก็ดูไม่ผิดธรรมชาติสักเท่าไร 23
ประมาณยื่นมือไปช่วยคงไม่เป็นไร ถ้าอีกฝ่ายมีแค่คนเดียวก็ชม การสู้ศึกของฮิราซาวะก็แล้วกัน วันนี้ฟังเพลงฮูลิโอก่อนออกจาก บ้านเสียแล้ว แรงกระตุ้นต้องเจอแรงกระตุ้น ต้องสงบความ ตื่นตัวลงให้ได้... หลังเลิกงาน พวกเรามุง่ ไปร้านเกมนัน่ วันนีไ้ ม่มหี นังรอบดึก เวลายังผ่านไปไม่นานนักนับจากฮิ ร าซาวะ เห็นตัวคนที่อยาก แก้แค้น มันน่าจะยังอยู่ที่นั่น ผมส่งถ่านไฟฉายใช้แล้วขนาด D ที่หยิบมาจากห้องฉายหนังให้ ฮิ ร าซาวะ สองก้อน อะไรครับ? เขาถาม ไม่รู้หรอกรึ? ผมถาม เขาพยักหน้า เลยสอนไปว่ากำไว้ ทั้งสองมือ เวลาต่อยหมัดจะหนักทรงอานุภาพขึ้น อ้อ หมายถึง เรื่องนั้น ฮิราซาวะพูด ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกออก ระหว่างเดินไปตามถนนเลียบสวนสาธารณะ ผมนึกถึงสมัย ม.ต้น การทะเลาะวิวาทกันระหว่างนักเรียนนักเลงที่ผลัดกัน ยกพวกไปบุกโรงเรียนอีกฝ่าย พวกผมทำตามแบบฉบับนั้นซ้ำ แล้วซ้ำอีกไม่มีเบื่อ ไม่รู้ทำไม จะไม่ทำก็อดไม่ได้ และในตอนนี้ ในสารพัดแห่งสารพัดที่ก็ยังทำกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าในรูปแบบต่างๆ การที่ ซ อฟต์ แวร์ เ กมคอมพิ ว เตอร์ ป ระเภทต่ อ สู้ ร บกั น ขายดิ บ ขายดี ต้ อ งเป็ น เพราะใครๆ ต่ า งก็ ต้ อ งการความรุ น แรงอยู่ ใต้สำนึกแน่ๆ การมองแบบนี้มีอยู่เกลื่อนกลาดดาษดื่น แต่ผู้คน ที่หลงเสน่ห์ความรุนแรงต้องมีอยู่ไม่น้อยแน่ๆ ตัวผมเองถึงจะ 24
ผ่านยุค ม.ต้นนั้นมาสิบกว่าปีแล้ว แต่ตอนนี้ก็มีทีท่าว่าจะทำ ซ้ำรอยรูปแบบงี่เง่าไร้สาระอย่างนั้นอยู่ นั ก เรี ย น ม.ปลายมี จ ำนวนเพิ่ ม ขึ้ น จริ ง ๆ ด้ ว ย แต่ ก็ แ ค่ สามคน ไม่มีปัญหา สวมเครื่องแบบสองคน สวมเสื้อยีนส์ที่ชิงไป จาก ฮิ ร าซาวะ หนึ่ ง คน ผมเรี ย กพวกมั น แล้ ว ชวนไปข้ า งนอก พอเห็นตัวฮิ ร าซาวะ พวกมันก็ดูเหมือนจะรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร ทันที ไม่ทันไรทั้งสองฝ่ายก็ทำท่าพร้อมตะลุมบอนกันตรงนั้น ผมบอกว่ า ถ้ า เป็ น จุ ด สนใจที่ นี่ ค งไม่ ดี แ น่ เลยชวนว่ า ไปสวน สาธารณะมิยาชิตะกันเถอะ ตอนที่ทั้งห้าคนกำลังจะออกเดินไป ทางถนนอิโนะคาชิระ มีเสียงเรียกจากข้างหลังให้หยุด หันไปก็ เห็นนักเรียน ม.ปลายคนหนึ่งถือแฮมเบอร์เกอร์กับเชคออกจาก ร้านอาร์บีส์เข้ามาร่วมกับฝ่ายศัตรู สุดท้ายก็กลายเป็นสองต่อสี่ ถึงอย่างนั้นก็แน่นอนว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่ไม่ทันไรก็เกิดปัญหา พอเดินถึงจุดที่เลยทางลอดใต้ทาง รถไฟสายยามาโนเตะ เสียงโทรศัพท์ของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น เด็ก ม.ปลายคนหนึง่ เริม่ คุยกับคนทีโ่ ทร.เข้ามา ผมชักกังวล ผ่อนฝีเท้า ลงแล้วเงี่ยหูฟังบทสนทนานั้น ฝ่ายที่โทรศัพท์มาหาดูเหมือนจะ เป็ น หนึ่ ง ในกลุ่ ม เพื่ อ น เจ้ า ของโทรศั พ ท์ ร ายงานสถานการณ์ ที่อยู่ จำนวนคน และอื่นๆ พอวางสายก็บอกเพื่อนๆ ว่า มันว่า เดี๋ยวมา ดูเหมือนจะมีพรรคพวกอีกหลายคนอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ 25
ท่าจะกลายเป็นเรื่องยุ่งเสียแล้ว...ผมกระซิบสั้นๆ บอกเรื่องนี้กับ ฮิราซาวะ สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ต้องรีบจัดการให้เสร็จสิ้น อาจเป็นเพราะตัวเขาเองเคยมีประสบการณ์ขมขื่นมาแล้ว เลย ทำหน้าจริงจังพยักหน้าเงียบๆ ระหว่างขึน้ บันไดไปสวนสาธารณะ ผมสั่งการฮิราซาวะง่ายๆ “เฮ้ย เอาถ่านไฟฉายที่ให้เมื่อกี้มาก้อนนึง” เขายื่นให้แต่โดยดี “ฟังนะ ไม่ว่ายังไง แกก็มุ่งไปที่คนเดียวพอ อีกสามคนไม่ ต้องสนใจ อืม เอาไอ้เจ้าคนทีใ่ ส่เสือ้ ยีนส์นนั่ แหละ คนอืน่ ไม่ตอ้ งยุง่ ” “คุณโอะนุมะ สามคนไหวหรือครับ?” “ข้าน่ะ สี่คนยังสบาย นาทีเดียวก็จัดการเรียบ” ฮิราซาวะไม่ยอมเชื่อ เวลาอย่างนี้อย่าพูดเหมือนในหนัง สิครับ เขาทำหน้ารำคาญๆ อาจจะทำเท่เกินไปหน่อยจริงๆ ผม สำนึกผิด แต่ไม่ได้ตั้งใจจะโกหก ที่จริงก็จัดการเรียบได้ภายใน หนึ่งนาที เพราะจนทุกวันนี้ผมก็ยังคงฟิตซ้อมไม่ได้ขาด ถึงจะ เป็นการสู้จริงที่ห่างเหินมานาน แต่ไอ้พวกระดับนี้ไม่คณามืออยู่ แล้ว จะว่าไป ถ้าสู้กับศัตรูระดับต่ำแค่นี้แล้วสูสีแม้เพียงนิดเดียว คงต้องกลับไปสมัยเข้าสำนัก เริ่มนับหนึ่งใหม่ ไม่มีทางอยู่รอด ภายใต้สภาวะโหดร้ายทรมานได้แน่ๆ “เฮ้ย มาเร็วๆ” 26
พวกเด็ก ม.ปลาย ยืนเรียงขวางห่างไปประมาณสองเมตร หันหน้ามาหาเรา พวกมันยืนจังก้า ไม่คิดจะถอดเสื้อคลุม สาม ในสี่คนผมยาว แถมอยู่ในสภาพเพิ่งสระผมมาใหม่ๆ ขยับแค่นิด เดียว ผมก็จะบังมองอะไรไม่เห็น ทุกคนสวม AJ XI1 ไอ้พวกนี้ มันเป็นทีมบาสเกตบอลรึไงวะ? ถ้าอย่างนัน้ ก็ยงั ขาดอีกคน ดูจาก ที่ยงั สวมกางเกงเอวต่ำเกือบหลุด ก็รวู้ า่ เจ้าพวกนีถ้ า้ ไม่ใช่กำลังหา เรือ่ งก็ไม่ได้คดิ อะไรเลย ถึงอย่างไรก็นบั ว่าสะดวกดีสำหรับพวกเรา “กล้าสู้กับข้าก็เข้ามา ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!” ฮิราซาวะตะโกนด่า พอเห็นว่าพวกเด็ก ม.ปลายหันไปมอง ทางเขา ผมก็อัดถ่านไฟฉายที่กำไว้ในมือขวาเข้าหน้าคนซ้ายสุด เต็มแรง แล้วเข้าประชิดด้านหน้าอีกคนที่อยู่ติดกัน ใช้ส้นมือ กระแทกเข้าคาง แล้วเตะเข้าสีข้างไอ้คนที่กินแฮมเบอร์เกอร์หมด แล้วแต่ยังดูดเชคไม่เสร็จ มันกำลังดูดเชคอยู่ สีข้างขวาก็เลยเปิด พอดี เชคที่เหลือกระจายใส่หน้าและหน้าอกของมัน ดีนะที่วันนี้ เปลี่ ย นใจไม่ ใ ส่ ไ อริ ช เซตเตอร์ 2 ใส่ ค อร์ เ ทซไนลอน 3 มาแทน เท้าเลยเบา จู่โจมง่าย หยุดการเคลื่อนไหวของแต่ละคนด้วยการ จู่โจมครั้งเดียวได้ชะงัด เท่ากับว่าจนถึงตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปได้ 1
รองเท า
Air
Jordan
XI
2
รองเท าหนังแท ยี่ห อ
Red
Wing
รุ น
Irish
Setter
3
รองเท าผ าใบยี่ห อ
Nike
รุ น
Cortez
Nylon
27
ดีตามแผน ไอ้คนที่เจอถ่านไฟฉายกระแทกหน้าลุกไม่ขึ้นด้วย ความตกใจและเจ็บปวดสาหัส อยู่ในสภาพแทบไม่สามารถสู้ศึก ได้ ที่เหลือ ถ้าส่งหมัดพิฆาตใส่อีกสองคน หน้าที่รับผิดชอบของ ผมก็เสร็จสิ้น เหลือแค่ช่วยหนุนฮิราซาวะเท่านั้น แต่พอเหลือบ ไปมองฮิ ร าซาวะ ก็เห็นเขายืนแข็งทื่อจ้องมองมา ไม่มีทีท่าจะ ขยับเขยื้อน ผมตะโกนด่าฮิระ! เสียงดัง แล้วเปลี่ยนแผน อัดศอก ใส่ขมับคนสุดท้ายที่บุกเข้ามาทำท่าจะต่อย ส่งลงไปกองที่พื้น ฮิราซาวะที่ถูกเรียกเพิ่งรู้สึกตัวเริ่มเคลื่อนไหว ต่อยเจ้าคนที่ถูก เตะสีข้างกลิ้งล้มที่ดูแล้วเจ็บตัวน้อยที่สุดด้วยหมัดขวาที่กำถ่าน ไฟฉายไว้ ระหว่างทางกลับไปสถานีรถไฟ ฮิราซาวะพูดว่า เสื้อยีนส์ เปื้ อ นซะแล้ ว พลางหั ว เราะให้ ผ ม แล้ ว จะตอบแทนนะครั บ เขาว่า ผมเตือนอีกครั้งตอนที่เขากำลังเดินลงทางใต้ดินว่า ระวัง ตัวไว้ด้วยนะ แล้วข้ามทางม้าลายตัดแยกใหญ่หน้าสถานีชิบุยะ4 ระหว่างรอรถไฟสายยามาโนเตะบนชานชาลา ผมชักเสียใจใน 4
Pedestrian
Scramble
ระบบการข ามถนนที่มีจังหวะให พาหนะใน ทางแยกทั้งหมดหยุดนิ่ง
คนเดินถนนสามารถข ามแยกได ทุกทิศทาง รวมทั้งข ามตัดแยกเป นรูปกากบาทด วย
ในประเทศญี่ปุ นมีทางแยกที่ใช ระบบนี้ที่โด งดังไปทั่วโลก
อยู ในบริเวณผู คนสัญจรหนาแน นใกล สถานี รถไฟชิบุยะ
กรุงโตเกียว
28
สิ่งที่ทำลงไป เราขาดความระมัดระวังไปหน่อย ถึงจะรู้สึกแน่ชัด อยู่แล้ว แต่ก็ถูกเจ้าฮิราซาวะนั่นหว่านล้อมจนทนไม่ไหว เอากับ มันด้วย! หลังจากนั้นผมขึ้นรถไฟแน่นเอี้ยด ในใจนึกถึงคำพูด ของตัวเองที่บอกฮิราซาวะในที่ทำงาน “ถ้าทำเรื่องอย่างนั้นสักครั้งแล้วก็จะไม่จบสิ้น อย่างน้อยก็ ตลอดเวลาที่ อ ยู่ ใ นเมื อ งหลวง อาจจะต้ อ งทำเรื่ อ ยไปจนตาย ไม่แน่หรอกว่าจะจบแค่นี้ แล้วทำไปทำมาจะมีอะไรโผล่ออกมา อีกก็ไม่มีใครรูู้”
29
เกี่ยวกับผู้เขียน
Kazushige Abe 阿部和重 คาซึชิเงะ อาเบะ เกิดเมื่อปี ค.ศ.1968 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนภาพยนตร์ เริม่ เขียนนวนิยายหลังจากเรียนการเขียนบทและการวิจารณ์ภาพยนตร์ ผลงานเขียนของเขาได้รับรางวัลทางวรรณกรรมมากมาย เป็นหนึ่งใน นักเขียนร่วมสมัยของญี่ปุ่นที่มีอิทธิพลต่องานสร้างสรรค์ด้านต่างๆ “Individual Projection” เป็นนวนิยายที่สร้างคำจำกัดใหม่ ของงานเขี ย นแนว “วรรณกรรมชิ บุ ย ะ” นำชื่ อ เสี ย งมาสู่ ผู้ เขี ย น จนได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่น
เกี่ยวกับผู้แปล
มุทิตา พานิช หลังเรียนจบวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ได้งานเป็นโปรแกรมเมอร์ สร้างโปรแกรมแปลภาษาที่ญี่ปุ่น ทำไปทำมารู้สึกว่าการแปลภาษา ไม่ใช่เรื่องของเครื่องคอมพ์ เลยออกมาเป็นล่ามและนักแปลเสียเอง มี ผลงานแปล non-fiction ‘เปลี่ยนรางชีวิต’ ‘ประสบการณ์ยิ่งใหญ่ใน หมู่บ้านเล็กๆ’ ‘โลกนี้ไม่เหงาเมื่อเราเข้าใจกัน’ และ ‘โลกนี้ไม่เศร้า เมื่อเราเข้าใจตัวเอง’ ชะตากรรมพัดพามาร่วมงานกับกำมะหยี่ในปี 1Q84 และยังคงพันพัวนัวเนียร่วมแปลรวมเรื่องสั้นฮารุกิ มุราคามิ 4 เล่ ม ถู ก โยกย้ า ยไปทำหน้ า ที่ บ รรณาธิ ก ารบ้ า งตามแต่ เวลาและ ความจำเป็น ช่วงนี้บังอาจเสนอผลงานนักเขียนใหม่ๆ ให้เจ้าสำนัก กุมขมับอยู่เนืองๆ
ผลงานเล่มอื1นๆ ของ Kazushige Abe ที่เราตั้งใจนำมาเสนอ เป็นลำดับต่อๆ ไป Grand Finale [Akutagawa Prize]
ซาวามิ ผู้บรรยายของนวนิยายขนาดสั้นเรื่องนี้ไม่มีงานทำ เขา เคยเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในบริษัทสร้างภาพยนตร์เพื่อการศึกษาแห่งหนึ่ง แต่ไปมีส่วนพัวพันกับการลักลอบขายภาพอนาจารของชิฮารุ ลูกสาว วั ย ประถมของตนกั บ เพื่ อ นๆ ของเธอที่ ป รากฏตั ว ในภาพยนตร์ ที่ บริษัทของเขาผลิต ภรรยาของเขาขอหย่าขาดและได้รับสิทธิ์ในการ กีดกันไม่ให้เขาได้พบกับลูกสาวอีก ส่วนตัวเขาตกงาน ปลายเดื อ นตุ ล าคม 2002 เขาอาศั ย อยู่ ที่ บ้ า นเกิ ด ของตนที่ จิมมะจิิ จังหวัดยามางาตะ เดินทางไปโตเกียว พยายามมองของขวัญ วันเกิดให้ลูกสาว แต่ทำไม่สำเร็จ เมื่อกลับจิมมะจิิ ได้รับเชิญจาก เพื่อนเก่าสมัยประถมให้กำกับละครเวทีที่แสดงโดยเด็กหญิงสองคน การณ์กลับกลายเป็นว่าเด็กหญิงทัง้ สองกำลังว้าวุน่ ใจว่าพวกเธอจะต้อง พรากจากกันในฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้า เลยวางแผนจะฆ่าตัวตายด้วยกัน
Pistils [Tanizaki Jun’ichiro Prize]
เรื่องราวของตระกูลอายะเมะที่อาศัยในเมืองจิมมะจิิ (หรือเมือง แห่งเทพ) มาร่วม 1,200 ปี คนในตระกูลนี้สืบทอดความลับต่อๆ กัน มาเรื่องหนึ่ง เรื่องเห็ดวิเศษที่อยู่ใกล้ๆ เขาโอซานางิ ที่สามารถนำมาใช้ ควบคุมจิตใจและล้างความทรงจำของผู้คนได้ เรื่องเริ่มต้นในเดือนกันยายน 2006 อิชิคาวะ ผู้จัดการวัยกลาง คนของร้านหนังสือในท้องถิ่นติดต่อกับตระกูลนี้ครั้งแรก เมื่อเขาขอให้ อาโอบะ อายะเมะ นักเขียนนวนิยายสำหรับวัยรุ่นให้มาช่วยโปรโมต หนังสือของเธอทีร่ า้ น แม้จะอยูเ่ มืองเดียวกัน เขาไม่รเู้ รือ่ งอะไรเกีย่ วกับ ตระกูลอายาเมะเลย แต่ตอนนี้จู่ๆ ก็เกิดสนใจขึ้นมา อาโอบะเผยว่า หัวหน้าตระกูลอายาเมะได้รับสืบทอดพลังวิเศษที่สามารถล้างความ ทรงจำจนหมด และขอโทษแทนมิซุกิพี่สาวของเธอ ที่ได้ล้างความ ทรงจำของมายุ ลูกสาวของอิชิคาวะที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่โรงเรียน หลังจากนั้นอาโอบะก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดของตระกูลอายาเมะ โดยมีขอ้ แม้วา่ เธอมีสทิ ธิจ์ ะล้างทุกอย่างทีเ่ ขาได้ยนิ ออกจากความทรงจำ ของเขา