บุรุษผู้ไร้สตรี [Men without Women]

Page 1


บุรุษผู้ไร้สตรี

MEN WITHOUT WOMEN Ernest Hemingway ณัฐชยา หิรัญญสมบัติ ณฐพร เมฆสวัสดิ์ ชัยวัฒน์ เพชรกุล ลัลลดา พุทธรักษ์ พัชร์พิชา ธนาเกษมพิพัฒน์ สิริกาญจน์ บุญเอนกพัฒน์ ภฤศ ปฐมทัศน์ บรรณาธิการ บรรณาธิการบริหาร บรรณาธิการจัดการ ออกแบบปก ภาพถ่ายปก ภาพวาดประกอบปก รูปเล่ม พิสูจน์อักษร

เขียน

แปล

หนูนาน ชุลีพร วุ่นบ�ารุง อธิชา มัญชุนากร กาบูล็อง มณฑา มัญชุนากร ศรรวริศา เมฆไพบูลย์ ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์ ฟิลิปป์ กาบูล็อง แสงดารา ยางงาม สิริมา สุวรรณไตรภพ อักษราภัค

พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2559 ISBN 978-616-7591-50-6 ราคา 190 บาท


จัดพิมพ์ โดย : ส�านักพิมพ์กา� มะหยี่ 74/1 รังสิต-นครนายก 31 ต�าบลประชาธิปัตย์ อ�าเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 12130 โทรศัพท์ : 084 146 1432 Homepage : www.gammemagie.com Facebook Page : GammeMagieEditions Email : gammemagie@gammemagie.com พิมพ์ที่ : ห้างหุ้นส่วนจ�ากัด ภาพพิมพ์ 45/12-14, 33 หมู่ 4 ต�าบลบางขนุน อ�าเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทรศัพท์ : 02 879 9154-6 โทรสาร : 02 879 9153 Homepage : www.parbpim.com จัดจ�าหน่ายทั่วประเทศโดย : บริษัทเคล็ดไทย จ�ากัด 117-119 ถนนเฟื่องนคร ตรงข้ามวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท์ : 02 225 9536-9 โทรสาร : 02 222 5188 Homepage : www.kledthai.com


ค�าน�าส�านักพิมพ์ ถ้าดูทรง ดูผลงานที่เลือกมาจัดพิมพ์ ก�ามะหยี่กับเฮมิงเวย์ ไม่น่ามาเจอกันได้ เพราะที่ผ่านมาก�ามะหยี่ท�าหนังสือ ร่วมสมัย ไม่ปรากฏว่าสนใจท�างานโมเดิร์นคลาสสิก แม้นั่นจะไม่ใช่กฎเหล็กปักหลักแน่น แต่กระทั่งกฎเหล็กปักหลักแน่นในโลกนี้ทุกกฎล้วนมีข้อ ยกเว้น แหม่...ส�าบัดส�านวนแพรวพราว หนังสือในมือท่านเล่มนีเ้ ป็นหนังสือทีเ่ กิดจากความคิดเล่นๆ ที่ลงมือท�าอย่างจริงจัง ความคิดเล่นๆ ชั่ววาบแวบเข้ามา ตอนที่เราก�าลังจะท�า ‘Men without Women’ รวมเรื่อง สั้นชื่อเดียวกับเล่มนี้ของฮารูกิ มูราคามิ “อืม... ชื่อเล่มเหมือนกับรวมเรื่องสั้นของเฮมิงเวย์เลย ถ้ามี ให้อ่านคู่กันเทียบกันก็น่าจะดีนะ” “ใช่ จะได้เห็นว่าในประเด็นหลักทีค่ ล้ายๆ กัน ประเด็นเรือ่ ง สภาวะของผู้ชายยามไม่มีผู้หญิง ยามอยู่ในช่วงเดียวดาย ตกต�่า นักเขียนชั้นเลิศสองคนที่มีสไตล์แตกต่างกันอย่าง สิ้นเชิงมีเรื่องอะไรมาเล่าให้ฟังบ้าง”


“น่าสนใจ... งั้นก็ท�าเลยละกัน” เรื่องเล่นๆ จบแค่นั้น การลงมือท�าอย่างจริงจังเริ่มต้นขึ้น ติดประกาศเปิดการทดสอบเพื่อคัดเลือกนักแปล มีผู้สนใจ สมัครมากมายเหยียบสองร้อยห้าสิบคน สุดท้ายคัดเลือก จนเหลือเจ็ดคน แบ่งงานในเล่มไปท�ากันคนละเรือ่ งสองเรือ่ ง ตามความสัน้ ยาว หลังเสร็จสิน้ งานในส่วนของบรรณาธิการ ส่งจัดหน้า ตรวจพิสูจน์อักษร เขียนค�าน�านี้ เข้าโรงพิมพ์ พร้ อ มกั บ ปกที่ เ ราตั้ ง ใจออกแบบให้ ฉี ก ออกไปจากปก หนังสือของเฮมิงเวย์ ลดทอนความเข้มขรึมจริงจังลง แต่ไม่ทิ้งแนวทางของเรื่องราวในเล่ม หน้าที่ของเราได้จบลงแล้ว ขอส่งต่อไม้ ให้ผู้อ่าน ด้วยไมตรี ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่ มีนำคม 2559



สารบัญ 9 59 69 77 93 109 151 157 167 175 185 193 201 205

ไม่มีวันแพ้ ในอีกประเทศหนึ่ง เนินเขาที่ดูคล้ายช้างเผือก สองนักฆ่า เรื่องเล่าจากบ้านหลังเก่า? ห้าหมื่น การสอบสวนอันเรียบง่าย อินเดียนแดงทั้งสิบ นกคีรีบูนแด่ใครคนหนึ่ง ความสุขสงบ ณ ชนบทเทือกเขาแอลป์ การแข่งขันแห่งชีวิต วันนี้วันศุกร์ เรื่องซ�้าซาก แล้วผมก็เอนกายลง



ไม่มีวันแพ้

The Undefeated ณัฐชยา หิรัญญสมบัติ แปล

มานูเอล การ์เซียขึน้ บันไดไปยังห้องท�างานของดอน มิเกล เรตาน่า เขาวางกระเป๋าเดินทางและเคาะประตู ไม่มีค�า ตอบรับ ขณะยืนอยู่ตรงโถงทางเดิน มานูเอลรู้สึกได้ว่ามี คนอยู่ในห้อง เขารู้สึกผ่านประตู “เรตาน่า” เขาเรียก รอฟัง ไม่มีค�าตอบรับ เขาอยู่ในนั้น มานูเอลคิด “เรตาน่า” เขาเรียกและทุบประตู “นั่นใคร” คนในห้องท�างานพูด “ผมเอง มาโนโล” มานูเอลตอบ “แกต้องการอะไร” เสียงนั้นถาม “ผมต้องการท�างาน” มานูเอลตอบ บางอย่างด้านในประตูส่งเสียงคลิกหลายครั้งแล้ว ประตูก็เปิดผาง มานูเอลหิ้วกระเป๋าเดินทางเข้าไปข้างใน ชายร่างเล็กนั่งอยู่ที่ โต๊ะท�างานด้านหลังห้อง เหนือ ศีรษะมีหัววัวกระทิงที่ถูกสตัฟฟ์ไว้ โดยช่างสตัฟฟ์สัตว์ชาว มาดริด บนผนังแขวนบรรดารูปภาพใส่กรอบและโปสเตอร์ การสู้วัวกระทิง ชายร่างเล็กนั่งมองมานูเอล บุรุษผู้ ไร้สตรี 9


“ฉันนึกว่าพวกมันฆ่าแกไปแล้วเสียอีก” เขาพูด มานูเอลเคาะโต๊ะด้วยข้อนิ้ว ชายร่างเล็กนั่งมอง ข้ามโต๊ะมาที่เขา “ปีนี้แกเข้าสังเวียนไปแล้วกี่ครั้ง” เรตาน่าถาม “หนึ่งครั้ง” เขาตอบ “แค่ครั้งนั้นสินะ” ชายร่างเล็กถาม “ใช่” “ฉันอ่านเรื่องนั้นในหนังสือพิมพ์แล้ว” เรตาน่าพูด เขาเอนพิงพนักเก้าอี้และมองมานูเอล มานูเอลเงยหน้ามองกระทิงสตัฟฟ์ เมื่อก่อนเขา เห็นมันบ่อยๆ เขารู้สึกสนใจมันในฐานะที่มันเป็นเรื่องใน ครอบครัว มันฆ่าพีช่ ายของเขา คนทีด่ จู ะมีอนาคตไกล เมือ่ ประมาณเก้าปีทแี่ ล้ว มานูเอลจ�าวันนัน้ ได้ มีปา้ ยทองเหลือง บนแผ่นไม้ โอ๊กมีหวั กระทิงถูกสตัฟฟ์ตดิ อยู่ มานูเอลอ่านไม่ ออก แต่เขานึกภาพว่าเป็นข้อความระลึกถึงพีช่ ายของเขา ก็พี่เป็นเด็กดีเสมอมานี่นะ ป้ายเขียนว่า “กระทิง ‘มาริโปซา’ ของดยุคแห่ง เบรากัวซึ่งรับหอก 9 เล่มจากกาบาโยส1 7 คน และ ปลิดชีพ โนบิเยโร่2 อันโตนิโอ การ์เซีย เมื่อวันที่ 27 เมษายน 1909” เรตาน่าเห็นเขามองหัวกระทิงสตัฟฟ์ “กระทิงชุดที่ท่านดยุคส่งมาส�าหรับวันอาทิตย์จะ 1 2

นักสู้วัวกระทิงบนหลังม้า ถือหอกเป็นอาวุธ นักสู้วัวกระทิงฝึกหัดที่ยังไม่ได้เป็นมาทาดอร์

10 ไม่มีวันแพ้


ต้องก่อเรื่องแย่ๆ แน่ๆ” เขาบอก “พวกมันทุกตัวขาไม่ดี ในคาเฟ่คนพูดยังไงกันบ้างเกี่ยวกับพวกมัน” “ผมไม่รู้” มานูเอลตอบ “ผมเพิ่งเข้ามา” “จริงสิ” เรตาน่าพูด “แกยังถือกระเป๋าเดินทางอยูเ่ ลย” เขามองมานูเอล เอนหลังพิงพนัก “นั่งลงสิ” เขาพูด “ถอดหมวกออก” มานูเอลนั่งลง ถอดหมวกออก หน้าของเขาเปลี่ยน ไป เขาดูซดี เซียวและโกเลต้า3 ทีก่ ลัดติดไว้บนศีรษะเพือ่ จะ ได้มองไม่เห็นตอนใส่หมวกท�าให้เขาดูแปลกๆ “แกดูไม่ค่อยดีเลย” เรตาน่าพูด “ผมเพิง่ ออกจากโรงพยาบาล” มานูเอลตอบ “ได้ยินว่าแกจะถูกตัดขา” เรตาน่าพูด “เปล่า” มานูเอลพูด “ขาผมไม่เป็นไร” เรตาน่าโน้มตัวข้ามโต๊ะและเลื่อนกล่องไม้ ใส่บุหรี่ ไปทางมานูเอล “บุหรี่หน่อยสิ” เขาชวน “ขอบคุณ” มานูเอลจุดบุหรี่ “สูบไหม” เขาถาม ส่งไม้ขีดไฟให้เรตาน่า “ไม่ละ” เรตาน่าโบกมือ “ฉันไม่เคยสูบ” เรตาน่ามองเขาสูบบุหรี่ “ท�าไมแกไม่หางานอะไรสักอย่างท�า” เขาถาม 3

ผมเปียขมวดเป็นวงกลัดติดไว้บนศีรษะ สัญลักษณ์ของการเป็น มาทาดอร์ บุรุษผู้ ไร้สตรี 11


ในอีกประเทศหนึ่ง

In Another Country ณฐพร เมฆสวัสดิ์ แปล

ในฤดูใบไม้ร่วงมักจะมีสงครามอยู่เสมอ แต่เราไม่เข้าร่วม รบอีกแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงในมิลานเย็นยะเยือกและความมืด ก็คืบคลานมารวดเร็ว แล้วดวงโคมไฟฟ้าก็สว่างไสวขึ้น และการมองเข้าไปในตู้ โชว์ของร้านค้าจากริมถนนก็น่า อภิรมย์นัก มีสัตว์ป่าที่ถูกล่ามาหลายตัวแขวนอยู่นอกร้าน ละอองหิมะจับอยูต่ ามขนของสุนขั จิง้ จอกและลมก็พดั หาง ของพวกมัน เจ้ากวางถูกแขวนตัวแข็ง หนักอึ้ง และ กลวงเปล่า เหล่านกตัวเล็กๆ ปลิวไปตามลมและโดนลมพัด จนขนกระเจิง เป็นฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเย็นและมีลมพัด ลงมาจากภูเขา พวกเราทั้งหมดอยู่ที่ โรงพยาบาลทุกๆ บ่าย และ มีเส้นทางหลายทางให้เดินผ่านตัวเมืองยามย�่าค�่ามาที่ โรงพยาบาล สองทางในนั้นเป็นทางเดินเลียบคลองแต่ มันเป็นทางอ้อม กระนั้นเราก็มักจะข้ามสะพานข้ามคลอง เพือ่ เข้ามาที่โรงพยาบาลอยูด่ ี มีสะพานให้เลือกสามสะพาน บนสะพานหนึ่งในนั้นมีหญิงสาวขายเกาลัดคั่ว เวลายืน อยู่หน้าเตาถ่านของร้านเธอมันอุ่นดี และหลังจากนั้น ลูกเกาลัดก็อุ่นอยู่ ในกระเป๋า โรงพยาบาลนั้นทั้งเก่าแก่ และสวยงามมาก เมื่อเข้าทางประตูหน้า เดินตัดผ่าน บุรุษผู้ ไร้สตรี 59


สนามแล้วออกทางประตูที่อยู่อีกฟากหนึ่ง โดยปกติแล้ว งานศพมักจะเริ่มขึ้นที่สนามนี้ ถัดจากโรงพยาบาลเก่านี้ ไปมีศาลาก่ออิฐหลังใหม่ และเราจะพบกันที่นั่นทุกบ่าย เราทั้งหมดสุภาพเรียบร้อยและสนอกสนใจกับเรื่องราว ต่างๆ ที่เกิดขึ้น พวกเรานั่งอยู่ ในเครื่องจักรบ�าบัดที่จะ สร้างความเปลี่ยนแปลงมากมาย คุณหมอเข้ามาที่เครื่องที่ผมนั่งอยู่ และกล่าวว่า “คุณชอบท�าอะไรที่สุดก่อนสงคราม? คุณเล่นกีฬาอะไร หรือเปล่า?” “เล่นครับ ฟุตบอล” “ดี” เขากล่าว “คุณจะเล่นฟุตบอลได้ดีกว่าเคย” เข่าของผมงอไม่ได้ และท่อนขาก็ทิ้งตัวตั้งแต่เข่า ลงไปจนถึงข้อเท้าโดยไม่มีเนื้อส่วนน่อง เครื่องจักรนี้จะ ท�าหน้าที่งอเข่าและท�าให้มันเคลื่อนไหวแบบเดียวกับการ ขี่รถสามล้อ แต่มันก็ยังงอไม่ได้ และพอถึงตอนที่ต้องงอ กลับเป็นตัวเครือ่ งทีแ่ กว่งโงนเงนเสียเอง คุณหมอกล่าวว่า “เดีย๋ วเรือ่ งทัง้ หมดก็จะผ่านไป คุณเป็นคนหนุม่ ที่โชคดีมาก คุณจะเล่นฟุตบอลได้เหมือนกับแชมเปี้ยนอีกครั้ง” ในเครื่องถัดไปเป็นพันตรีผู้มีมือเล็กราวกับมือเด็ก ทารก เขาขยิบตาให้ผมขณะคุณหมอตรวจมือของเขาที่ อยู่ระหว่างสายหนังสองเส้นซึ่งเด้งขึ้นลงและง้างนิ้วมือ ที่แข็งทื่อเข้าออก แล้วพูดว่า “แล้วผมจะได้เล่นฟุตบอล ด้วยไหมครับ คุณหมอผู้การ?” เขาเคยเป็นนักฟันดาบ ที่เก่งมาก และก่อนสงคราม เป็นนักฟันดาบที่ยอดเยี่ยม 60 ในอีกประเทศหนึ่ง



เนินเขาที่ดูคล้ายช้างเผือก

Hills Like White Elephants ชัยวัฒน์ เพชรกุล แปล

เนินเขาอีกฟากของหุบเขาแห่งเอโบรเป็นแนวยาวและ สีขาว ที่ฟากนี้ ไม่มีร่มเงาและต้นไม้ สถานีตั้งอยู่ระหว่าง ทางรถไฟสองเส้นกลางแสงตะวัน ติดกันข้างสถานีมีเงา อันอบอุ่นของอาคารและม่านท�าด้วยลูกปัดไม้ ไผ่ร้อยเป็น สายห้อยขวางประตูที่เปิดไปสู่บาร์เพื่อกันแมลงวัน ชาย อเมริกนั กับหญิงสาวนัง่ ที่โต๊ะในร่มเงานอกตัวอาคาร อากาศ ร้อนระอุและรถด่วนจากบาร์เซโลนาจะมาถึงในอีกสี่สิบ นาที หยุดที่ชุมทางนี้สองนาทีแล้วมุ่งหน้าสู่มาดริด “ดื่มอะไรกันดี?” หญิงสาวถาม เธอถอดหมวกวาง บนโต๊ะ “ร้อนน่าดู” ผู้ชายพูด “ดื่มเบียร์กัน” “โดสเซร์เบซัส” ผู้ชายพูดเข้าไปในม่าน “แก้วใหญ่?” บริกรหญิงถามมาจากประตูทางเข้า “ใช่ สองแก้วใหญ่” บริกรหญิงยกเบียร์สองแก้วกับแผ่นสักหลาดสอง แผ่นมา เธอวางแผ่นสักหลาดกับแก้วเบียร์ลงบนโต๊ะและ มองชายหญิง หญิงสาวก�าลังมองออกไปยังแนวเนินเขา พวกมันเป็นสีขาวใต้แสงแดดและภูมปิ ระเทศเป็นสีนา�้ ตาล บุรุษผู้ ไร้สตรี 69


และแห้งแล้ง “พวกมันดูคล้ายโขลงช้างเผือก” เธอพูด “ฉันไม่เคยเห็นสักตัว” ผู้ชายยกเบียร์ขึ้นดื่ม “ไม่ เธอไม่จ�าเป็นต้องเคย” “น่าจะต้องนะ” ผู้ชายพูด “แค่เพราะเธอบอกฉันไม่ จ�าเป็นต้องเคย มันไม่ได้ยืนยันอะไร” หญิงสาวมองที่ม่านลูกปัด “พวกเขาเขียนบางอย่าง ไว้บนนั้น” เธอพูด “มันว่ายังไงนะ?” “อะนิสเดลตอโร เป็นเครื่องดื่มน่ะ” “เราลองชิมได้ ไหม?” ผู้ชายร้องเรียก “นี่” ผ่านม่าน บริกรหญิงออกมาจากบาร์ “สี่เรอัล” “ขออะนิสเดลตอโรสองแก้ว” “ผสมน�้า?” “เอาแบบผสมน�า้ มั้ย?” “ไม่รู้สิ” หญิงสาวพูด “ผสมน�้าแล้วอร่อยเหรอ?” “มันก็ดี” “ตกลงว่าผสมน�้านะ?” ถามโดยบริกรหญิง “ครับ ผสมน�้า” “รสอย่างกับชะเอมเทศ” หญิงสาวพูดและวางแก้วลง “ทุกสิ่งมันก็เป็นอย่างนี้แหละ” “ถูก” พูดโดยหญิงสาว “ทุกสิ่งรสเหมือนชะเอมเทศ โดยเฉพาะสิ่งที่เธอเฝ้ารอมาเนิ่นนาน เหมือนแอบซินท์” 70 เนินเขาที่ดูคล้ายช้างเผือก


สองนักฆ่า

The Killers ลัลลดา พุทธรักษ์ แปล

ประตูหอ้ งอาหารกลางวันของร้านเฮนรีเปิดออก ชายสอง คนเดินเข้ามา พวกเขานั่งลงที่เคาน์เตอร์ “รับอะไรครับ” จอร์จถามพวกเขา “ไม่รสู้ ”ิ หนึง่ ในชายสองคนนัน้ พูด “อยากกินอะไร อัล” “ไม่รู้สิ” อัลว่า “ไม่รู้ว่าอยากกินอะไรดี” ข้างนอกเริม่ มืดแล้ว ไฟข้างทางส่องสว่างเข้ามาทาง หน้าต่าง ชายสองคนทีเ่ คาน์เตอร์อา่ นรายการอาหาร จาก ปลายเคาน์เตอร์อีกด้านหนึ่ง นิค อดัมส์ มองพวกเขา นิค ก�าลังคุยกับจอร์จได้สักพัก ตอนที่พวกเขาเข้ามา “ฉันจะกินสันในหมูยา่ งกับซอสแอปเปิลและมันบด” ชายคนแรกว่า “ยังท�าไม่เสร็จ” “แล้วจะใส่ลงมาในเมนูท�าห่าอะไรวะ” “นั่นส�าหรับมื้อค�า่ ” จอร์จอธิบาย “สั่งได้ตอนหกโมง เย็น” จอร์จมองไปที่นาฬิกาบนผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ “ตอนนี้ห้าโมง” “นาฬิกาบอกว่าห้าโมงยี่สิบ” ชายคนที่สองว่า “เร็วไปยี่สิบนาที” บุรุษผู้ ไร้สตรี 77


“โอ้ ไอ้นาฬิกาห่าเหวเอ๊ย” ชายคนแรกว่า “แล้วมี อะไรให้กินบ้าง” “ผมท�าแซนด์วิชให้คุณได้ทุกชนิด” จอร์จว่า “คุณ จะเอาแฮมกับไข่ เบคอนกับไข่ ตับกับเบคอน หรือจะเอา สเต็กก็ ได้” “เอาคร็อกเก้ ไก่กบั ถัว่ ลันเตา และซอสครีม กับมันบด มาให้ฉัน” “นั่นส�าหรับอาหารมื้อค�า่ ” “ทุกอย่างที่พวกเราอยากกินเป็นอาหารมื้อค�่าไปซะ หมดสินะ หา? แกท�ากันแบบนี้ ใช่ไหม” “ผมสามารถท�าแซนด์วชิ แฮมกับไข่ เบคอนกับไข่ ตับ...” “เอาแฮมกับไข่” ชายที่ถกู เรียกว่าอัลกล่าว เขาสวม หมวกดาร์บแี้ ละเสือ้ คลุมตัวใหญ่สดี า� ติดกระดุมพาดหน้าอก ใบหน้าของเขาเล็กและขาว และมีริมฝีปากบางเหยียดตึง ห่มผ้าพันคอผ้าไหมและถุงมือ “เอาเบคอนกับไข่มาให้ฉนั ” ชายอีกคนหนึง่ ว่า เขามี รูปร่างขนาดไล่เลี่ยกับอัล ใบหน้าของพวกเขาแตกต่างกัน แต่พวกเขาแต่งตัวราวกับฝาแฝด ทั้งสองสวมเสื้อคลุมตัว ใหญ่ที่คับเกินไปส�าหรับพวกเขา พวกเขานัง่ เอนตัวไปข้าง หน้า เท้าข้อศอกบนเคาน์เตอร์ “มีอะไรให้ดื่มบ้างไหม” อัลถาม “ซิลเวอร์เบียร์ เหล้า จินเจอร์เอล” จอร์จว่า “ฉันหมายถึงแกมีอะไรให้ ดื่ม บ้าง” “ก็พวกนั้นที่บอกไป” 78 สองนักฆ่า


“เมืองนี้ร้อนจัง” อีกคนว่า “ชื่อเมืองอะไรนะ” “ซัมมิต” “เคยได้ยินบ้างไหม” อัลถามเพื่อนของเขา “ไม่” เพื่อนเขาว่า “พวกแกมาท�าอะไรที่นี่กันทุกคืนวะ” อัลถาม “พวกเขามากินอาหารมื้อค�่าน่ะสิ” เพื่อนของเขาว่า “พวกเขาทุกคนมาที่นี่เพื่อกินอาหารค�่ามื้อใหญ่” “ถูกต้อง” จอร์จว่า “งั้นแกคิดว่าถูกต้องงั้นสิ” อัลถามจอร์จ “แน่นอน” “แกมันช่างแสนรู้ซะจริง ใช่ไหม” “แน่นอน” จอร์จว่า “เออ แต่แกไม่ใช่” ชายตัวเล็กอีกคนว่า “ใช่ไหมอัล” “มันน่ะโง่จะตาย” อัลว่า เขาหันไปหานิค “แกชื่อ อะไร” “อดัมส์” “แสนรู้อีกคนล่ะสิ” อัลว่า “เขาเป็นไอ้แสนรู้อีกคนรึ เปล่า แม็กซ์” “เมืองนี้มีแต่ไอ้แสนรู้” แม็กซ์ว่า จอร์จวางถาดอาหารสองใบลงบนเคาน์เตอร์ ใบหนึง่ มีแฮมกับไข่ อีกใบมีเบคอนกับไข่ วางจานเครื่องเคียงสอง จานกับมันฝรั่งทอด แล้วปิดประตูเล็กที่เปิดเข้าครัว “อันไหนของคุณ” เขาถามอัล “แกจ�าไม่ได้หรือไง” บุรุษผู้ ไร้สตรี 79


เรื่องเล่าจากบ้านหลังเก่า?

Che Ti Dice La Patria? ณฐพร เมฆสวัสดิ์ แปล

ตอนเช้าตรู่ถนนเลียบหุบเขาแน่นเรียบและยังไม่มีฝุ่น เบือ้ งล่างเป็นเนินเขาทีม่ ตี น้ โอ๊กและเกาลัด ต�า่ ลงไปอีกเป็น ทะเล อีกฟากหนึ่งเป็นภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เราลงมาจากช่องเขาผ่านภูมปิ ระเทศทีป่ กคลุมด้วย ต้นไม้ มีถุงใส่ถ่านไม้วางกองอยู่ข้างถนน เมื่อมองผ่าน ดงไม้ ไปเราเห็นกระท่อมของคนเผาถ่าน วันนั้นเป็นวัน อาทิตย์ และถนนที่แม้จะลุ่มๆ ดอนๆ แต่ก็ลาดสู่ด้านล่าง ตามทางดิ่งของทางเลียบเขาเสมอ ตัดผ่านดงไม้และ หมู่บ้าน นอกหมูบ่ า้ นเป็นทุง่ ทีม่ ไี ม้เลือ้ ย ทุง่ กว้างสีน�้าตาลกับ ไม้เลื้อยหยาบและหนา บ้านเรือนทาสีขาว และบนถนน พวกผูช้ ายในชุดทีด่ ที สี่ ดุ ก�าลังเล่นโบล์วสฺ1 ข้างก�าแพงบ้าน บางหลังมีต้นแพร์ กิ่งก้านของพวกมันแผ่ราวกับเชิงเทียน อยูห่ น้าก�าแพงสีขาว ต้นแพร์ถกู พ่นและก�าแพงบ้านมีคราบ สีเหลือบเขียวอมฟ้าจากละอองน�า้ ทีพ่ น่ รอบหมูบ่ า้ นมีที่โล่ง 1

Bowls* (โบล์วสฺ) เกมกีฬาชนิดหนึ่งเล่นโดยการขว้างลูกกลมไป ทีส่ นามหญ้าเป็นลูกตัง้ หลัก แล้วให้ผเู้ ล่นแต่ละคนค่อยๆ ขว้างลูกกลม ที่ ใหญ่กว่าและมีการถ่วงน�้าหนักไปด้านใดด้านหนึ่งให้กลิ้งไปหยุด ใกล้ลูกกลมแรกให้มากที่สุด บุรุษผู้ ไร้สตรี 93


เล็กๆ เป็นที่ปลูกไม้เลื้อย และถัดไปเป็นป่า ในหมู่บ้านซึ่งอยู่เหนือสเปเซียไปยี่สิบกิโลเมตร ที่ จัตรุ สั คลาคล�า่ ไปด้วยผูค้ น ชายหนุม่ ถือกระเป๋าเดินทางคน หนึ่งเดินมาที่รถแล้วขอให้พวกเราพาเขาไปสเปเซีย “มันมีแค่สองทีน่ งั่ และเต็มแล้วด้วย” ผมบอก รถของ เราเป็นฟอร์ดสองประตูเก่าๆ “ผมนั่งข้างนอกก็ ได้” “คุณนั่งไม่สบายหรอก” “ไม่เป็นไร ผมต้องไปที่สเปเซีย” “เราพาเขาไปดีไหม?” ผมถามกาย “ดูท่าว่ายังไงๆ เขาก็จะไปให้ ได้” กายกล่าว ชาย หนุ่มยื่นห่อของเข้ามาทางหน้าต่าง “ฝากดูแลนีด่ ว้ ย” เขากล่าว ชายสองคนมัดกระเป๋า ของเขาซ้อนบนกระเป๋าของพวกเราทีท่ า้ ยรถ เขาจับมือกับ ทุกคน และอธิบายว่าไม่มอี ะไรที่ ไม่สะดวกสบายส�าหรับคน ที่เป็นฟาสซิสต์และเคยชินกับการเดินทางอย่างเขา แล้ว ปีนขึ้นไปบนบันไดข้างรถทางฝั่งซ้าย เอื้อมแขนขวาเข้าไป ทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ไปเกาะข้างในไว้ “ออกรถได้เลย” เขากล่าว ฝูงชนโบกมือให้ เขาโบก กลับด้วยมือข้างที่ว่างอยู่ “เขาพูดว่าอะไรนะ?” กายถามผม “ว่าเราออกรถได้เลย” “เขาไม่เลวทีเดียวว่าไหม?” กายพูด ถนนเลาะริ ม แม่ น�้ า อี ก ฝั ่ ง ของแม่ น�้ า เป็ น ภู เ ขา 94 เรื่องเล่าจากบ้านหลังเก่า?


แสงแดดละลายเกล็ดน�า้ แข็งทีเ่ กาะตามหญ้า เป็นวันทีส่ ดใส และหนาวเย็น ลมโชยเข้ามาทางกระจกหน้ารถที่เปิดอยู่ “คุณว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างข้างนอกนัน่ ?” กายมอง ออกไปทีถ่ นนข้างหน้า ทัศนียภาพด้านข้างของรถฝัง่ เขาถูก แขกของเราบดบัง ชายหนุ่มยื่นตัวออกจากด้านข้างของ รถราวกับรูปปั้นหัวเรือ เขาดึงคอปกเสื้อโค้ตขึ้น ดึงหมวก ต�่าลง จมูกของเขาดูหนาวเหน็บอยู่ในกระแสลม “เขาอาจจะไม่ไหวแล้วก็ ได้” กายว่า “ยางล้อรถ ฝั่งนั้นก็ยิ่งไม่ค่อยดีด้วย” “โอ้ ถ้ายางรถเราแตกขึน้ มาเขาคงทิง้ เรา” ผมกล่าว “เขาไม่ยอมให้ชุดเดินทางของเขาสกปรกหรอก” “อืม ผมไม่ถือสาเขาหรอกนะ” กายกล่าว “ยกเว้น ตอนที่เขาเอี้ยวตัวตรงทางเลี้ยว” พ้นป่าแล้ว ถนนออกห่างจากแม่นา�้ และไต่ระดับขึ้น หม้อน�้าก�าลังเดือด ชายหนุ่มมองไอน�้ากับน�้าเปื้อนสนิม อย่างร�าคาญแกมหวาดระแวง เครื่องยนต์กระหึ่มโดยมี เท้าทั้งสองข้างของกายเหยียบบนคันเร่งด้วยความเร็วต�่า ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ถอยหลัง เดินหน้า แล้วไต่ขึ้นอีก ในที่สุดก็ ขึน้ จนสุด เสียงกระหึม่ หยุดลง ในความเงียบครัง้ ใหม่มเี สียง ฟองน�า้ เดือดปุดๆ อยู่ในหม้อน�า้ เราอยูบ่ นยอดเนินช่วงสุด ท้ายเหนือสเปเซียกับทะเล ถนนลดระดับลงเป็นทางเลี้ยว ทีส่ นั้ และแทบไม่มคี วามโค้ง แขกของเราเหวีย่ งตัวตรงทาง เลี้ยวจนเกือบจะดึงเอารถหนักๆ พลิกคว�า่ “คุณห้ามไม่ ให้เขาท�าไม่ได้หรอก” ผมบอกกับกาย บุรุษผู้ ไร้สตรี 95


ห้าหมื่น

Fifty Grand พัชร์พิชา ธนาเกษมพิพัฒน์ แปล

“นายเป็นยังไงบ้าง แจ็ค?” ผมถามเขา “นายเคยเจอไอ้วัลคอตต์อะไรนี่หรือยัง?” เขาว่า “เคยเจอแค่ในโรงยิม” “อืม” แจ็คกล่าว “ฉันคงต้องอาศัยโชคช่วยมาก หน่อยว่ะ กับไอ้เด็กนั่น” “มันท�าอะไรนายไม่ได้หรอก แจ็ค” โซลเจอร์กล่าว “หวังว่าอย่างนั้นเหมือนกันว่ะ” “ถึงมันจะมีกระสุนปรายทั้งก�ามือ ก็ยิงนายไม่ โดน หรอก” “ถ้ายิงก็ดสี ”ิ แจ็คกล่าว “ฉันไม่กลัวหรอกกระสุนน่ะ” “มันดูต่อยง่ายนะ” ผมเสนอ “คงงัน้ ” แจ็คเห็นด้วย “มันไม่อดึ หรอก มันไม่อดึ เท่า ฉันกับนายหรอก เจอร์รี แต่ตอนนี้มันมีแต้มต่อทุกอย่าง” “เดี๋ยวนายก็ปล่อยหมัดซ้ายใส่มันจนตายคาที่เอง แหละ” “คงงั้น” แจ็คกล่าว “คงได้ ถ้ามี โอกาส” “จัดการมันเหมือนที่นายจัดการริชชี ลูอิสสิ” “ริชชี ลูอิส” แจ็คกล่าว “ไอ้ยิวนั่น!” พวกเราสามคน แจ็ค เบรนแนน โซลเจอร์ บาร์ทเลตต์ บุรุษผู้ ไร้สตรี 109


และผม อยู่ด้วยกันที่บาร์ของแฮนด์ลีย์ โต๊ะข้างๆ เรา มีผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ พวกหล่อนดื่มกันมาได้สักพักแล้ว “ที่ว่าไอ้ยิว นายหมายความว่าไงเหรอ?” ผู้หญิงคน แรกพูดขึ้น “นายหมายความว่าไงเหรอ ที่ว่าไอ้ยิวนั่นน่ะ หือ? ไอ้ยักษ์ ไอริชขี้ขอ” “ว่างั้นก็ ได้” แจ็คกล่าว “ตามนั้น” “ไอ้ยิวงั้นเหรอ” ผู้หญิงคนนี้พูดต่อ “พวกยักษ์ ไอริช พวกนี้นี่ พูดจาดูถูกยิวอยู่นั่นแหละ นายหมายความว่ายัง ไงน่ะ ที่ว่าไอ้ยิว?” “เฮ้ยพวกเรา ไปกันเถอะ” “ไอ้ยวิ งัน้ เหรอ” ผูห้ ญิงคนนัน้ พูดต่อ “ไม่เห็นนายจะ ซื้อเหล้าสักแก้วเลย เมียนายเย็บกระเป๋ากางเกงให้ทุกวัน สินะ คนไอริชพวกนี้นี่ เป็นอะไรกับยิวนักหนา? ริชชี ลูอิส อาจอัดนายน่วมก็ ได้นะ” “ว่างัน้ ก็ ได้” แจ็คกล่าว “ส่วนหล่อนก็ชอบแจกของ ฟรีเหมือนกันใช่ไหมล่ะ” เราออกมาจากร้าน นั่นแหละแจ็ค เขาพูดอะไรก็ ได้ ที่เขาอยากพูด และเมื่อใดก็ ได้ที่เขาต้องการพูด แจ็ ค เริ่ ม ฝึ ก ซ้ อ มร่ า งกายที่ ไ ร่ สุ ข ภาพของแดนนี โฮแกน ในเมืองเจอร์ซีย์ ที่นั่นก็น่าอยู่ดี แต่แจ็คไม่ชอบมัน สักเท่าไร เขาไม่ชอบอยู่ไกลจากเมียและลูกๆ เขาก็เลย อารมณ์บูดและระทมทุกข์เกือบจะตลอดเวลา เขาชอบผม เราเข้ากันได้ดี และเขาก็ชอบโฮแกน แต่พอเวลาผ่านไป สักพัก เขาเริ่มจะร�าคาญโซลเจอร์ บาร์ทเลตต์ คนขี้แกล้ง 110 ห้าหมื่น


นี่เห็นจะเป็นสิ่งที่ ไม่พึงประสงค์ส�าหรับคนอื่นในค่าย ถ้า การเล่นสนุกของเขาเริม่ จะไม่สนุก โซลเจอร์ชอบแหย่แจ็ค แหย่เขาอยู่ตลอดเวลา มันไม่ตลกเท่าไรและมุกที่เล่นก็ ใช่ ว่าจะดี แล้วมันก็เริ่มท�าให้แจ็คร�าคาญ การเย้าแหย่ของ เขาจะเป็นในลักษณะที่ว่า พอแจ็คยกน�้าหนักและต่อย กระสอบทรายเสร็จ เขาก็จะหยิบถุงมือขึ้นมาสวม แล้ว ก็จะถามโซลเจอร์ว่า “แกอยากซ้อมไหม?” แล้วโซลเจอร์ก็จะถามกลับว่า “เอาสิ แกอยากซ้อม แบบไหนดีล่ะ อยากให้ฉันท�ากับแกแบบโหดๆ เหมือนวัลคอตต์ ไหม? อยากให้ฉันอัดแกล้มสักครั้งสองครั้งไหม?” แล้วแจ็คก็จะตอบว่า “ตามนัน้ ” แต่เขาก็ไม่ได้ชอบใจ เลยสักนิด อยู่มาเช้าวันหนึ่ง เราทั้งหมดออกมาฝึกกันข้างนอก เราออกไปได้ค่อนข้างไกล และตอนนั้นก็ก�าลังกลับไร่ เรา วิ่งสามนาที สลับกับเดินหนึ่งนาที แล้วก็วิ่งอีกสามนาที สลับกันไปเรื่อยๆ แจ็คไม่ ใช่คนถนัดวิ่งระยะสั้นเลย จริง อยู่ว่าเขาอาจขยับตัวได้อย่างรวดเร็วได้ ในสังเวียนในยาม จ�าเป็น แต่เขาวิ่งบนถนนได้ ไม่เร็วเลย และตอนที่เราเดิน กันอยู่ โซลเจอร์กจ็ ะแหย่แจ็คอยูต่ ลอดเวลา จนเราขึน้ เนิน เขามาถึงบ้านไร่ “เอาละ” แจ็คกล่าว “แกกลับเข้าเมืองไปจะดีกว่า ว่ะ โซลเจอร์” “หมายความว่าไง?” “แกกลับเข้าเมืองไปแล้วก็อยู่ที่นั่นเลยจะดีกว่า” บุรุษผู้ ไร้สตรี 111


การสอบสวนอันเรียบง่าย

A Simple Enquiry

สิริกาญจน์ บุญเอนกพัฒน์ แปล

ข้างนอก หิมะกองสูงกว่าหน้าต่าง แสงอาทิตย์ส่องผ่าน หน้าต่างมายังแผนที่บนผนังกระดานไม้สนของกระท่อม ดวงอาทิตย์อยู่สูงและแสงอาทิตย์ก็ส่องเหนือยอดหิมะ เข้ามา คูน�้าถูกขุดเป็นแนวขนานไปกับด้านที่เปิดโล่งของ กระท่อม และในวันที่อากาศแจ่มใส แสงแดดที่ส่องผนังก็ สะท้อนความร้อนไปกระทบหิมะและขยายความกว้างของคู ขณะนั้นเป็นช่วงปลายเดือนมีนาคม ผู้พันนั่งอยู่ที่ โต๊ะตัวที่ วางชิดผนัง ทหารเลขาของเขานั่งโต๊ะอีกตัว รอบดวงตาของผูพ้ นั มีวงกลมสีขาวสองวง เป็นรอย แว่นกันหิมะที่ ใส่เพื่อปกป้องใบหน้าจากแสงแดดเวลาอยู่ กลางหิมะ ใบหน้าส่วนทีเ่ หลือไหม้จนกลายเป็นสีแทน และ ผิวสีแทนนั้นก็ ไหม้ซ�้าอีก จมูกของผู้พันบวมพองและมี ขอบหนังหลุดลอกในจุดทีเ่ คยเป็นแผลพอง ระหว่างท�างาน เอกสาร เขาจุม่ นิว้ มือข้างซ้ายลงในจานรองแก้วทีม่ นี า�้ มัน อยู่ แล้วเกลีย่ น�า้ มันลงบนใบหน้า โดยใช้ปลายนิว้ แตะอย่าง เบามือ และไม่ลืมที่จะปาดนิ้วกับขอบจานรองแก้วเพื่อให้ เหลือน�า้ มันเพียงบางๆ เคลือบบนนิว้ หลังจากลูบหน้าผาก กับแก้มจนทั่วแล้ว เขาก็ ใช้สองนิ้วลูบไล้จมูกไปมา เสร็จ แล้วจึงลุกขึ้น หยิบจานรองแก้วเดินเข้าไปในห้องเล็กๆ ใน บุรุษผู้ ไร้สตรี 151


กระท่อมซึ่งเขาใช้เป็นห้องนอน “ฉันจะงีบสักหน่อย” เขา บอกทหารเลขา ในกองทัพ ทหารเลขาไม่ ใช่นายทหาร ชั้นสัญญาบัตร “ฝากที่เหลือด้วยนะ” “ครับ ซินญอร์ แมกโจเร่” ทหารเลขาตอบ เขาเอน หลังพิงเก้าอี้แล้วอ้าปากหาว หยิบหนังสือที่หุ้มปกด้วย กระดาษออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ตแล้วเปิด ก่อนจะวาง หนังสือลงบนโต๊ะแล้วจุดกล้องยาสูบ เขาเอนตัวเข้าหาโต๊ะ เพื่ออ่าน พลางสูดควันจากกล้องยาสูบ จากนั้นปิดหนังสือ แล้วเก็บใส่กระเป๋าตามเดิม เขามีงานเอกสารมากมายที่ ต้องสะสาง คงอ่านอย่างเพลิดเพลินไม่ได้ถ้างานพวกนี้ยัง ไม่เสร็จ ข้างนอก ดวงอาทิตย์หายลับเข้าไปหลังภูเขา ท�าให้ ไม่มีแสงบนผนังกระท่อมอีกแล้ว ทหารนายหนึ่งเดินเข้า มาพร้อมกับโยนกิ่งสนที่สับเป็นท่อนยาวไม่เท่ากันจ�านวน หนึ่งใส่เตาผิง “เบาหน่อยพินิน” ทหารเลขากล่าวกับเขา “ท่านผู้พันหลับอยู่” พินินซึ่งเป็นทหารรับใช้ของผู้พัน เป็นเด็กหนุ่มหน้า ด�าคล�้าและเป็นคนคอยเติมฟืนใส่เตา เขาค่อยๆ ใส่กิ่งสน เข้าไปในเตาอย่างระมัดระวัง ปิดประตู แล้วกลับเข้าไป ด้านหลังกระท่อมตามเดิม ทหารเลขาจัดการเอกสารต่อ “โทนานี” ผู้พันเรียก “ครับ ซินญอร์ แมกโจเร่” “ให้พินินมาหาฉันหน่อย” “พินิน!” ทหารเลขาร้องเรียก พินินเข้ามาในห้อง “ท่านผู้พันต้องการพบ” ทหารเลขาบอก 152 การสอบสวนอันเรียบง่าย



อินเดียนแดงทั้งสิบ

Ten Indians

ภฤศ ปฐมทัศน์ แปล

หลังงานวันชาติสหรัฐอเมริกาในปีหนึ่ง นิคนั่งรถม้าขนาด ใหญ่ออกจากเมืองกลับบ้านตอนค�า่ พร้อมกับโจ การ์เนอร์ และครอบครั ว ผ่ า นอิ น เดี ย นแดงเก้ า คนที่ ก� า ลั ง เมา เหล้าอยู่ตามถนน นิคจ�าได้ว่ามีเก้าคน เพราะขณะที่ โจ การ์เนอร์ก�าลังขับรถม้าอยู่ ในยามย�่าค�่า เขาหยุดม้า ลงไปทีถ่ นน และลากร่างของอินเดียนแดงคนหนึง่ ออกจาก ร่องทางเกวียน อินเดียนแดงคนนั้นนอนหลับหน้าคว�่าอยู่ ในทราย โจลากเขาไปที่พุ่มไม้แล้วกลับขึ้นเกวียน “คราวนี้ก็เป็นเก้าคนแล้ว1” โจเอ่ยขึ้น “แค่ระหว่าง ตรงนี้กับแถบชานเมือง” “พวกอินเดียนแดงเอ๊ย” มิสซิสการ์เนอร์ว่า นิคนั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านหลังกับลูกชายการ์เนอร์สอง คน เขามองออกจากจุ ด นั้ น เพื่ อ ดู ช าวอิ น เดี ย นแดงที่ โจลากไปไว้ข้างถนน “ใช่ บิลลี่ เทเบิลชอว์ หรือเปล่า” คาร์ลถาม “ไม่ใช่” “กางเกงเขาดูอลังการเหมือนของบิลลี่เลย” 1 อ้างอิงถึงเพลง “อินเดียนแดงน้อยทั้งสิบ” (Ten Little Indians)

เพลงส�าหรับเด็ก มักจะใช้สอนการนับเลข

บุรุษผู้ ไร้สตรี 157


“พวกอินเดียนแดงก็สวมกางเกงแบบเดียวกันหมด นั่นแหละ” “ผมมองไม่เห็นเขาเลย” แฟรงก์พดู “พ่อลงไปทีถ่ นน แล้วกลับขึ้นรถก่อนที่ผมจะได้เห็นอะไร ผมคิดว่าเขาก�าลัง ฆ่างูอยู่ด้วยซ�า้ ” “คงมีอินเดียนแดงหลายคนที่จะฆ่างูในคืนนี้นะพ่อ ว่า” โจ การ์เนอร์พูด “พวกอินเดียนแดงเอ๊ย” มิสซิสการ์เนอร์เอ่ยขึ้นอีก พวกเขาขับต่อไปเรือ่ ยๆ เลีย้ วออกจากถนนสายหลัก และขึ้นไปบนเนินเขา ม้าลากเกวียนยากล�าบากและพวก หนุ่มๆ ต้องลงเดิน ถนนเต็มไปด้วยทราย นิคหันหลังกลับ ไปมองจากยอดเนินเขาใกล้ๆ อาคารโรงเรียน เขาเห็นแสง สว่างจากเมืองเปตอสกี และเลยออกไปจากลิตเติลทราเวอร์สเบย์เป็นแสงไฟจากท่าเรือฮาร์เบอร์สปริง พวกเขา ปีนกลับขึ้นเกวียนอีกครั้ง “พวกเขาน่าจะโรยกรวดตรงทางนั่นเสียหน่อย” โจ การ์เนอร์พูด เกวียนเคลื่อนไปเรื่อยๆ บนถนนผ่านป่า โจกับมิสซิสการ์เนอร์นงั่ อยูด่ ว้ ยกันตรงทีน่ งั่ ด้านหน้า นิคนัง่ อยู่ตรงกลางระหว่างชายหนุ่มสองคน ถนนเข้าสู่ทางโล่ง “ตรงนี้แหละที่พ่อเคยขับรถทับตัวสกังก์” “เลยจากนี้ ไปอีกต่างหาก” “จะเป็นตรงไหนมันก็ ไม่ต่างกันหรอก” โจพูดโดยไม่ ได้หันหน้า “ขับรถทับสกังก์ที่ ไหนก็ดีทั้งนั้นละ” “ฉันเห็นสกังก์สองตัวเมื่อคืนนี้” นิคพูด 158 อินเดียนแดงทั้งสิบ



นกคีรีบูนแด่ ใครคนหนึ่ง A Canary for One ชัยวัฒน์ เพชรกุล แปล

รถไฟแล่นเร็วรี่ผ่านบ้านหินสีแดงหลังยาวพร้อมสวนและ ต้นปาล์มหนาครึ้มสี่ต้นที่มี โต๊ะตั้งอยู่ ใต้ร่มเงาของพวกมัน อีกด้านหนึ่งคือทะเล จากนั้นมีทางตัดทะลุหินสีแดงและ ดินเหนียว แล้วทะเลก็ปรากฏเพียงในบางครั้งบางคราว กระทบโขดหินห่างลงไปเบื้องล่าง “ดิฉันซื้อเขาในปาแลร์ โม” สตรีอเมริกันพูด “เรามี เวลาแค่ชั่วโมงเดียวบนฝั่งและมันเป็นเช้าวันอาทิตย์ ชาย คนนั้นต้องการให้จ่ายเป็นดอลลาร์และดิฉันให้แกไปหนึ่ง ดอลลาร์กับห้าสิบเซนต์ เขาร้องได้ ไพเราะมากจริงๆ” ห้องที่มีเตียง อากาศร้อนมากในรถไฟและร้อนระอุในห้อง ลีต์ ซำลง ไม่มลี มโชยเข้ามาทางหน้าต่างทีเ่ ปิดอยู่ สตรีอเมริกนั ดึงมูล่ ี่ บังตาลง ทีนี้ก็ ไม่มีทะเลอีกแม้ ในบางครั้งบางคราว หันไป อีกด้านเป็นกระจก ถัดไปเป็นทางเดิน ถัดไปอีกเป็นหน้าต่าง ซึ่งเปิดอยู่ ภายนอกหน้าต่างคือต้นไม้ฝุ่นเกาะกับถนนลาด น�า้ มันสายหนึง่ และทีร่ าบแห่งไร่องุน่ โดยทัง้ หมดมีเนินหิน สีเทาเป็นฉากหลัง มีควันจากปล่องสูงจ�านวนมากลอยเข้าสู่มารฺเซยฺส์ รถไฟชะลอความเร็วลงและแล่นไปตามรางรางหนึ่งผ่าน รางอื่นๆ มากมายเข้าสู่สถานี รถไฟจอดพักยี่สิบห้านาที บุรุษผู้ ไร้สตรี 167


ในสถานีที่มารฺเซยฺส์ สตรีอเมริกันซื้อเดลีเมล มาฉบับหนึ่ง และน�า้ ดืม่ เอเวียงขวดเล็กหนึง่ ขวด นางเดินระยะทางสัน้ ๆ ไปตามชานชาลาของสถานีแต่ยังคงอยู่ ใกล้ๆ กับบันได รถ เนื่องจากที่คานส์ซึ่งรถหยุดสิบสองนาทีรถไฟได้ออก ไปโดยไม่มีสัญญาณเตือนและนางขึ้นรถไฟมาได้แบบเส้น ยาแดงผ่าแปด สตรีอเมริกันเป็นคนค่อนข้างหูตึง และ นางกลัวว่าบางทีอาจมีการให้สัญญาณรถออกแล้ว แต่ นางไม่ได้ยินมันเอง รถไฟออกจากสถานี ในมารฺเซยฺส์ และไม่ได้มลี านจัด ขบวนรถไฟกับควันจากโรงงานเท่านั้นแต่เมื่อมองกลับไป ยังมีตัวเมืองมารฺเซยฺส์ ท่าเรือกับโขดหินด้านหลังและแสง สุดท้ายของตะวันบนผืนน�้า ขณะก�าลังมืดรถไฟแล่นผ่าน บ้านไร่ซึ่งก�าลังถูกเผาในท้องทุ่ง รถยนต์หลายคันจอดอยู่ ตามทาง สิ่งปูที่นอนและอื่นๆ จากข้างในบ้านกระจายทั่ว ทุง่ ผูค้ นมากมายก�าลังมองดูบา้ นถูกเผา หลังจากทีม่ ดื แล้ว รถไฟอยู่ในอาวีญง ผู้ โดยสารขึน้ และลง ทีแ่ ผงหนังสือพิมพ์ เหล่าคนฝรั่งเศสซึ่งเดินทางกลับปารีสซื้อหนังสือพิมพ์ ฝรั่งเศสฉบับวันนั้น บนชานชาลาของสถานีคือพวกพล ทหารนิโกร พวกเขาสวมเครื่องแบบสีน�้าตาล รูปร่างสูง และใบหน้ามันสะท้อนชิดใต้แสงไฟฟ้า หน้าของพวกเขา ด�ามากและพวกเขาสูงเกินไปที่จะจ้องมอง รถไฟออกจาก สถานีอาวีญงโดยมีพลทหารนิโกรยืนอยูต่ รงนัน้ สิบเอกผิว ขาวร่างเตี้ยคนหนึ่งอยู่กับพวกเขา ภายในห้อง ลีต์ ซำลง พนักงานรถนอนได้ดึงเตียง 168 นกคีรีบูนแด่ ใครคนหนึ่ง


สามเตียงจากข้างในผนังลงมาตระเตรียมเป็นที่นอน ตก กลางคืนสตรีอเมริกันนอนโดยไม่ได้หลับเนื่องจากรถไฟ เร็ว เป็นรถ รำปีด และแล่นเร็วมาก นางรู้สึกกลัวความเร็ว ยามค�า่ คืน เตียงของสตรีอเมริกนั เป็นเตียงทีอ่ ยูต่ ดิ หน้าต่าง นกคี รี บู น จากปาแลร์ โ มในกรงที่ มี ผ ้ า คลุ ม กั น ออกจาก สายลมเย็นในทางเดินเข้าสู่ห้องน�้าของตู้ขบวน มีแสงสี ฟ้าดวงหนึง่ นอกตูร้ ถไฟ และตลอดคืนรถไฟแล่นเร็วมหันต์ และสตรีอเมริกันนอนตาแข็งรอหายนะ ตอนเช้ารถไฟเข้าใกล้ปารีส หลังจากที่สตรีอเมริกัน ออกมาจากห้องน�้า ดูดีมีสุขภาพ อยู่ในวัยกลางคน และดู เป็นอเมริกันชนแม้ ไม่ได้หลับเลย นางเอาผ้าที่คลุมกรงนก ออกแล้วแขวนกรงรับแสงแดด นางกลับไปยังรถเสบียง เพื่อกินมื้อเช้า เมื่อนางกลับมาสู่ห้อง ลีต์ ซำลง อีกครั้ง เตียงนอนถูกเก็บเข้าผนังและจัดกลับเป็นที่นั่งเรียบร้อย แล้ว นกคีรีบูนก�าลังสะบัดขนของมันในแสงแดดซึ่งส่อง ผ่านบานหน้าต่างที่เปิดอยู่ และรถไฟเข้าใกล้ปารีสยิ่งขึ้น “เขารักแสงแดด” สตรีอเมริกันพูด “อีกประเดี๋ยว เขาจะร้องเพลง” นกคีรีบูนสะบัดขนของมันและจิกไซ้ “ดิฉันรักนกมา แต่ไหนแต่ไร” สตรีอเมริกนั พูด “ดิฉนั จะเอาเขาไปฝากสาว น้อยของดิฉันที่บ้าน นั่น—เขาก�าลังร้องเพลงแล้ว” เจ้าคีรีบูนส่งเสียงจิ๊บแจ้ว ขนที่คอของมันชูชัน จาก นัน้ มันก็ละปากลงกลับไปไซ้ขนอีกครัง้ รถไฟข้ามแม่นา�้ และ ผ่านทะลุป่าที่ ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี รถไฟแล่นผ่าน บุรุษผู้ ไร้สตรี 169


ความสุขสงบ ณ ชนบทเทือกเขาแอลป์

An Alpine Idyll

สิริกาญจน์ บุญเอนกพัฒน์ แปล

แม้จะเป็นเวลาเช้าตรู่ แต่การลงมาในหุบเขาก็ยังร้อน มาก แสงแดดละลายหิมะออกจากกระดานสกีที่เราแบก อยู่และท�าให้ ไม้กระดานแห้ง ช่วงนี้ ในหุบเขาเป็นฤดูใบไม้ ผลิแต่แดดร้อนจัด เราแบกเป้กับกระดานสกีมาตามถนน เข้าสู่คัลทัวร์ ตอนเราเดินผ่านสุสานที่อยู่ ในบริเวณโบสถ์ สวัสดี พิธีฝังศพเพิ่งเสร็จสิ้น ผมพูดทักทาย “กรุสส์ ก็อตต์” กับ บาทหลวงที่เดินออกมาจากสุสานผ่านพวกเรา บาทหลวง คนนั้นค้อมศีรษะให้ “ตลกดี บาทหลวงไม่เคยพูดกับนายเลย” จอห์นพูด “นายคิดว่าพวกเขาอยากพูด ‘กรุสส์ ก็อตต์’ รึไง” “พวกเขาไม่เคยตอบเลย” จอห์นบอก เราหยุดยืนบนถนน มองคนดูแลโบสถ์ โกยดินขุดใหม่ ชาวนาเคราด�าสวมรองเท้าบู๊ตหนังยาวคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง หลุมศพ คนดูแลโบสถ์หยุดโกยแล้วเหยียดหลัง ชาวนาที่ สวมรองเท้าบู๊ตยาวฉวยพลั่วจากคนดูแลโบสถ์มาถมดิน หลุมศพต่อ -- เขาเกลีย่ ดินให้เรียบเสมอกันเหมือนเกลีย่ ปุย๋ คอกในสวน การถมดินหลุมศพในเช้าอันเจิดจ้าของเดือน พฤษภาคมเช่นนี้ดูไม่เหมือนจริงเลย ผมนึกไม่ออกว่าใคร จะตายได้ลงคอ บุรุษผู้ ไร้สตรี 175


“ลองนึกภาพว่าตัวเองถูกฝังในวันแบบนี้สิ” ผมพูด กับจอห์น “ฉันต้องไม่ชอบแน่” “อืม” ผมบอก “เราไม่ต้องท�าอย่างนั้น” เราเดินไปตามถนน ผ่านบ้านหลายหลังในเมืองไป ยังโรงแรม เราเล่นสกี ในซิลเฟร็ตตากันมาเดือนนึงแล้ว จึงน่าจะลงไปในหุบเขากันบ้าง เล่นสกีที่ซิลเฟร็ตตาก็ดี ใช้ ได้ แต่มนั เป็นสกีฤดูใบไม้ผลิ หิมะจะดีเฉพาะตอนเช้าตรู่ กั บ ตอนเย็ น เท่ า นั้ น ช่ ว งที่ เ หลื อ หิ ม ะจะละลายเพราะ แสงแดด เราสองคนเบื่อดวงอาทิตย์กันมาก ไม่มีทาง หลบมันพ้น ที่ร่มที่พอจะมีคือเงาที่ทอดจากก้อนหินหรือไม่ ก็จากกระท่อมที่สร้างไว้ข้างธารน�้าแข็งโดยมีหินก้อนหนึ่ง คุ้มอยู่ แต่ ในที่ร่มนั้นเหงื่อที่เปียกเสื้อผ้าชั้นในจะเย็นเป็น น�้าแข็ง ไม่มี ใครนั่งนอกกระท่อมโดยไม่สวมแว่นกันแดด ได้ การอาบแดดให้ผิวคล�้าก็เป็นเรื่องเพลิดเพลินอยู่หรอก แต่แดดท�าให้อ่อนเพลียมาก คุณไม่อาจผ่อนคลายได้เลย เมือ่ อยูก่ ลางแดด ผมดีใจทีจ่ ะได้ลงมาห่างๆ หิมะบ้าง ตอนนี้ ถือว่าเข้าฤดูใบไม้ผลิมานานเกินทีจ่ ะอยูบ่ นซิลเฟร็ตตา ผม เริ่มเบื่อเล่นสกีนิดๆ แล้วด้วย เราอยู่บนนั้นกันนานเกินไป ผมรับรู้รสชาติของหิมะที่ละลายไหลลงมาจากหลังคา สังกะสีของกระท่อมซึง่ เราใช้ดมื่ แทนน�า้ รสชาตินเี้ ป็นส่วน หนึง่ ของความรูส้ กึ ทีผ่ มมีตอ่ การเล่นสกี ผมดีใจทีม่ อี ย่างอืน่ ให้ท�าบ้างนอกจากเล่นสกี ดี ใจที่ ได้ลงมาข้างล่าง ห่าง จากฤดูใบไม้ผลิที่ผิดธรรมชาติบนภูเขาสูง มาสู่เช้าเดือน 176 ความสุขสงบ ณ ชนบทเทือกเขาแอลป์


การแข่งขันแห่งชีวิต

Pursuit Race

ณัฐชยา หิรัญญสมบัติ แปล

วิลเลียม แคมป์เบลล์เแข่งจักรยานแบบเพอร์ซูทกับคณะ แสดงระบ�าเปลื้องผ้ามาตั้งแต่เมืองพิตส์เบิร์ก ในการ แข่งขันจักรยานแบบเพอร์ซูท นักแข่งจักรยานออกตัว ตามกันมาโดยเว้นระยะห่างเท่ากันๆ พวกเขาขี่เร็วมาก เพราะการแข่งขันมักจะจ�ากัดในระยะสั้น และถ้าพวกเขา ขี่ช้าลง นักแข่งคนอื่นที่รักษาระดับการปั่นได้ดีก็จะตีตื้น ย่นระยะห่างเท่าๆ กันระหว่างพวกเขาที่จุดเริ่มต้นเข้ามา ทันทีที่นักแข่งคนหนึ่งถูกไล่ทันและถูกแซง เขาต้องออก จากการแข่งขัน ต้องลงจากจักรยานและออกจากลู่ไป ถ้า ไม่มีนักแข่งคนไหนถูกไล่ทัน ผู้ชนะการแข่งขันคือผู้ที่ปั่น ได้ ไกลที่สุด ในการแข่งขันจักรยานแบบเพอร์ซูทส่วนมาก ถ้ามีนกั แข่งเพียงสองคน หนึง่ ในสองจะถูกไล่ทนั ภายในหก ไมล์ คณะแสดงระบ�าเปลื้องผ้าไล่ทันวิลเลียม แคมป์เบลล์ ที่เมืองแคนซัสซิตี้ วิลเลียม แคมป์เบลล์หวังว่าเขาจะน�าหน้าคณะแสดง ระบ�าเปลื้องผ้าอยู่เล็กน้อยจนกว่าพวกเขาจะไปถึงชายฝั่ง แปซิฟกิ ตราบทีเ่ ขายังท�างานเป็นผูเ้ ตรียมการจัดการแสดง ให้กับคณะแสดงระบ�าเปลื้องผ้าอยู่ เขาก็จะได้เงิน ตอนที่ คณะแสดงระบ�าเปลื้องผ้าไล่เขาทัน เขานอนอยู่บนเตียง บุรุษผู้ ไร้สตรี 185


เขานอนอยู่บนเตียงเมื่อผู้จัดการของคณะแสดงระบ�า เปลื้องผ้าเข้ามาในห้องของเขา และหลังจากที่ผู้จัดการ ออกไปจากห้อง เขาตัดสินใจว่าเขาจะนอนอยู่บนเตียง เหมือนเดิม อากาศหนาวมากในเมืองแคนซัสซิตี้และเขา ไม่รีบร้อนจะออกไปข้างนอก เขาไม่ชอบเมืองแคนซัสซิตี้ เขาเอื้อมมือไปหยิบขวดใต้เตียงมาดื่ม มันท�าให้เขารู้สึก สบายท้องขึ้น ก่อนหน้านี้ คุณเทอร์เนอร์ ผู้จัดการคณะ ระบ�าเปลื้องผ้าปฏิเสธไม่ดื่ม การพูดคุยกันระหว่างวิลเลียม แคมป์เบลล์กับคุณ เทอร์เนอร์ออกจะแปลกอยู่เล็กน้อย คุณเทอร์เนอร์เคาะ ประตู แคมป์เบลล์พูดว่า “เข้ามา!” เมื่อคุณเทอร์เนอร์ เข้ามาในห้อง เขาเห็นเสื้อผ้าอยู่บนเก้าอี้ กระเป๋าเดินทาง เปิดอยู่ ขวดอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง และมี ใครบางคนนอน เอาผ้าปูที่นอนคลุมโปงทั้งตัวอยู่บนเตียง “คุณแคมป์เบลล์” คุณเทอร์เนอร์เรียก “คุณไล่ผมออกไม่ได้” วิลเลียม แคมป์เบลล์พูดมา จากใต้ โปงผ้าปู อยู่ใต้ผ้าปูมันอุ่น เป็นสีขาว และปิดมิดชิด “คุณไล่ผมออกเพราะผมลงจากรถจักรยานของผมไม่ได้” “คุณเมา” คุณเทอร์เนอร์พูด “ใช่สิ” วิลเลียม แคมป์เบลล์พูด เขาพูดผ่านผ้าปู โดยตรงและสัมผัสเนื้อผ้าด้วยริมฝีปาก “คุณมันโง่” คุณเทอร์เนอร์ว่า เขาปิดไฟ ไฟดวงนี้ เปิดมาทั้งคืน ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงเช้า “โง่เง่าขี้เมา คุณมาถึงเมืองนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” 186 การแข่งขันแห่งชีวิต


วันนี้วันศุกร์

Today Is Friday ลัลลดา พุทธรักษ์ แปล

ทหารโรมันสามนายอยูท่ รี่ า้ นดืม่ แห่งหนึง่ ณ เวลาห้าทุม่ มี ถังเหล้าเรียงรายอยูร่ อบก�าแพง ด้านหลังเคาน์เตอร์ ไม้คอื พ่อค้าไวน์ชาวฮีบรู ทหารโรมันทั้งสามนายนั้นก�าลังกรึ่มๆ ทหำรคนที่หนึ่ง -- แกลองไวน์แดงหรือยัง ทหำรคนที่สอง -- ไม่ ไม่ได้ลอง ทหำรคนที่หนึ่ง -- แกควรจะลอง ทหำรคนที่สอง -- ก็ ได้ จอร์จ ขอไวน์แดงให้ทุกคน พ่อค้ำไวน์ชำวฮีบรู -- นี่ครับ ท่านสุภาพบุรุษ แล้ว ท่านจะชอบ [เขาวางเหยือกดินเผาทีเ่ ขาเทจากถังเหล้าถัง หนึ่ง] นั่นเป็นไวน์ชั้นเยี่ยม ทหำรคนที่หนึ่ง -- ดื่มด้วยสิ [เขาหันไปหาทหารคน ที่สามผู้ก�าลังนอนพิงถังเหล้าถังหนึ่ง] เป็นอะไรของแกวะ ทหำรคนที่สำม -- ฉันปวดท้อง ทหำรคนที่สอง -- แกดื่มแต่นา�้ เปล่ามาตลอด ทหำรคนที่หนึ่ง -- ลองไวน์แดงนี่สักหน่อยสิ ทหำรคนที่สำม -- ฉันดื่มไอ้ของบ้าๆ พวกนี้ ไม่ได้ มันท�าให้ฉันปวดท้อง ทหำรคนที่หนึ่ง -- แกอยู่ข้างนอกนี่นานเกินไป ทหำรคนที่สำม -- ห่าเอ๊ย คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง บุรุษผู้ ไร้สตรี 193


ทหำรคนที่หนึ่ง -- นี่ จอร์จ แกหาอะไรแก้ปวดท้อง ให้สุภาพบุรุษท่านนี้หน่อยสิ พ่อค้ำไวน์ชำวฮีบรู -- ผมมีอยู่นี่เลยครับ [ทหารโรมันคนที่สามจิบจากแก้วที่พ่อค้าไวน์ผสม ให้เขา] ทหำรคนทีส่ ำม -- เฮ้ แกใส่อะไรลงไปวะนี่ ฉีอ่ ฐู เรอะ พ่อค้ำไวน์ -- ดื่มให้หมดเลยผู้หมวด มันจะช่วยให้ ท่านหายดี ทหำรคนที่สำม -- เออ ฉันคงรู้สึกแย่ไปกว่านี้ ไม่ ได้แล้วละ ทหำรคนทีห่ นึง่ -- ลองดูเถอะ จอร์จช่วยให้ฉนั หายดี เมื่อวันก่อน พ่อค้ำไวน์ -- ท่านดูไม่ค่อยดี ผู้หมวด และผมรู้ว่า อะไรช่วยแก้อาการปวดท้อง [ทหารโรมันคนที่สามดื่มจนหมดแก้ว] ทหำรคนที่สำม -- เยซู ไครส์ [เขาท�าหน้าเหยเก] ทหำรคนที่สอง – สัญญาณลวง! ทหำรคนที่หนึ่ง -- โอ้ ฉันไม่รู้สิ วันนี้เขาดูค่อนข้าง สบายดีที่นั่น ทหำรคนที่สอง -- ท�าไมเขาไม่ลงมาจากไม้กางเขน ทหำรคนทีห่ นึง่ -- เขาไม่อยากลงจากไม้กางเขน นัน่ ไม่ใช่วิธีการของเขา ทหำรคนทีส่ อง -- หาคนที่ ไม่อยากลงจากไม้กางเขน มาให้ฉันดูทีสิ 194 วันนี้วันศุกร์



เรื่องซ�้าซาก

Banal Story

สิริกาญจน์ บุญเอนกพัฒน์ แปล

แล้วเขาก็กินส้ม ค่อยๆ คายเมล็ดช้าๆ ข้างนอก หิมะเริ่ม เปลี่ยนเป็นฝน ข้างใน เตาผิงไฟฟ้าดูเหมือนจะไม่ให้ความ ร้อนแล้ว เขาลุกขึน้ จากโต๊ะท�างาน นัง่ ลงเหนือเตาผิง รูส้ กึ ดีชะมัด! ในที่สุด นี่ละชีวิต เขาเอื้อมไปหยิบส้มอีกลูก ไกลออกไป ณ กรุงปารีส มัสการ์ชนะน็อกเจ้ากาเหว่าแดนนี ฟรัช ได้ ในยกทีส่ อง ไกล ออกไปโข ณ ดินแดนเมโสโปเตเมีย หิมะตกกองสูงยีส่ บิ เอ็ด ฟุต ข้ามไปอีกซีกโลกทีอ่ อสเตรเลีย พวกนักคริกเก็ตอังกฤษ ก�าลังฝึกฝนฝีมือให้เฉียบขาดขึ้น มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ผู้อุปถัมภ์ศิลปะและวรรณกรรมเปิดตัวนิตยสาร เดอะฟอรัม เขาอ่าน มันเป็นทั้งผู้น�าทาง นักปรัชญา และ เป็นสหายของนักคิดชนส่วนน้อย เรื่องสั้นรางวัล — คนที่ เขียนเรื่องพวกนั้นจะเขียนหนังสือขายดี ในอนาคตไหมนะ คุณจะเพลิดเพลินไปกับเรื่องเล่าอเมริกันที่อบอุ่น และเรียบง่ายเหล่านี้ มีเศษเสี้ยวของชีวิตจริงในทุ่งเลี้ยง สัตว์ ในห้องเช่าแออัด หรือในบ้านแสนสบาย ทั้งหมดต่าง แฝงไปด้วยอารมณ์ขันดีๆ ไว้ต้องอ่านเสียหน่อย เขาคิด เขาอ่านต่อ ลูกหลานของเรา—เป็นอะไรก็ช่าง เป็น บุรุษผู้ ไร้สตรี 201


ใครก็ช่าง หนทางใหม่ๆ จะต้องถูกค้นพบเพื่อเปิดพื้นที่ให้ เราภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ จะท�าได้ด้วยสงครามหรือด้วย สันติวิธีกันหนอ หรือเราทุกคนจะต้องย้ายไปแคนาดา ความเชือ่ ถือศรัทธาทีล่ กึ ทีส่ ดุ ของเรา—วิทยาศาสตร์ จะมาเปลี่ยนแปลงมันโดยสิ้นเชิงหรือไม่ อารยธรรมของ เรา—ด้อยกว่าระบบระเบียบของสรรพสิ่งดั้งเดิมหรือ เปล่า— และขณะเดียวกัน ในป่าทึบอันชื้นแฉะไกลโพ้นของ ยูกาตัง แว่วเสียงสับขวานของพวกคนตัดไม้ เราต้องการ ชายร่างใหญ่—หรือต้องการชายผู้มีวัฒนธรรมกันแน่ เอาอย่างจอยซ์ เอาอย่างประธานาธิบดีคูลิดจ์สิ ดาว ดวงใดเล่าที่เหล่านักศึกษามหาวิทยาลัยของเราจะต้อง มุ่งมั่นไปให้ถึง มีแจ็ค บริตตัน มีด็อกเตอร์ เฮนรี ฟาน ไดค์ เอาสองคนมารวมกันได้ ไหม อย่างยัง สไตรบลิง ไง แล้วที่ลูกสาวของเราต้องหยั่งความลึกของตัวเอง นัน่ ละ อย่างทีแ่ นนซี ฮอว์ธอร์นถูกบังคับให้หยัง่ ความลึกของ ตัวเธอเองในทะเลชีวิต เธอเผชิญปัญหาที่เด็กสาววัยสิบ แปดทุกคนต้องเจอด้วยความกล้าหาญและมีวจิ ารณญาณ ช่างเป็นหนังสือเล่มน้อยชั้นเลิศ คุณคือเด็กสาววัยสิบแปดหรือเปล่าล่ะ เอาอย่าง โจนออฟอาร์กสิ เอาอย่างเบอร์นาร์ด ชอว์สิ เอาอย่าง เบ็ตซี รอสส์สิ ลองนึกถึงเรือ่ งพวกนี้ ในปี 1925 ดูสิ - ประวัตศิ าสตร์ 202 เรื่องซ�้ำซำก


แล้วผมก็เอนกายลง Now I Lay Me

ภฤศ ปฐมทัศน์ แปล

คืนนั้นพวกเรานอนบนพื้นห้อง ผมนอนฟังเสียงหนอนไหม กินอาหาร หนอนไหมกัดฟ่อนใบหม่อน และตลอดคืน คุณจะได้ยินเสียงพวกมันกินกับเสียงใบไม้ร่วงหล่น ตัว ผมเองไม่อยากจะหลับ เพราะผมรู้มานานแล้วว่าถ้าผม หลับตาลงในความมืดแล้วปล่อยตัวปล่อยใจ วิญญาณของ ผมจะออกจากร่าง ผมเป็นแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ที่เคย ระเบิดอารมณ์ ในช่วงกลางคืนแล้วรู้สึกว่าวิญญาณออก จากร่าง ออกไปแล้วก็กลับมา ผมพยายามจะไม่นึกถึงมัน แต่วิญญาณผมก็เริ่มออกจากร่างในตอนกลางคืนในช่วงที่ ผมก�าลังจะเคลิ้มหลับ และผมต้องใช้ความพยายามอย่าง มากในการยับยัง้ ไว้ ดังนัน้ ขณะทีต่ อนนีผ้ มค่อนข้างแน่ใจ ว่าวิญญาณจะไม่ออกจากร่างผมแบบไปแล้วไปเลย แต่ใน ช่วงฤดูร้อนครั้งนั้นผมก็ ได้ท�าการทดลองบางอย่างโดย ไม่ได้ตั้งใจ ผมมีหลากหลายวิธีที่จะท�าให้ตัวเองมีอะไรท�าขณะ นอนลืมตา ผมเคยนึกถึงล�าธารที่มีปลาเทราต์ที่ผมเคย ไปตกปลาตอนสมั ย เด็ ก ตกปลาอย่ า งถ้ ว นถี่ ไ ปตลอด ล� า น�้ า อยู ่ ใ นใจ ตกปลาอย่ า งถ้ ว นถี่ อ ย่ า งยิ่ ง ใต้ ข อนไม้ ทุกแห่ง ทุกโค้งน�้าริมตลิ่ง ในหลุมลึก ตามแอ่งตื้นน�้าใสๆ บุรุษผู้ ไร้สตรี 205


บางครัง้ จับปลาเทราต์ได้และบางครัง้ พลาดจับไม่ได้ ผมจะ หยุดตกปลาตอนเที่ยงเพื่อกินอาหารกลางวัน บางครั้งนั่ง กินบนขอนไม้เหนือธารน�า้ บางครัง้ บนตลิง่ สูงใต้ตน้ ไม้ และ ผมนัง่ ละเลียดอาหารกลางวันอย่างช้าๆ พลางมองกระแส ธารที่ ไหลอยูเ่ บือ้ งล่างไปด้วยเสมอ เหยือ่ ตกปลามักจะหมด เพราะผมมักจะเอาหนอนมาแค่สิบตัวใส่ ในกล่องยาสูบ ตอนเริ่ ม ตกปลา เมื่ อ ผมใช้ พ วกมั น หมดแล้ ว ก็ ต ้ อ งหา หนอนเพิ่ม บางครั้งเป็นเรื่องล�าบากมากที่จะขุดหาหนอน ตรงตลิ่งของธารน�้าตรงที่มีต้นซีดาร์คอยบังแดดอยู่และ ไม่มีหญ้าขึ้น มีแต่ดินที่มีความชื้นน้อยมากและบ่อยครั้ง ผมหาหนอนไม่ได้เลย แต่ ในที่สุดผมก็มักจะหาอะไรบาง อย่างมาเป็นเหยื่อได้เสมอ เว้นแต่ครั้งหนึ่งในหนองน�้า ผมหาเหยื่อไม่ได้เลยจนต้องตัดชิ้นส่วนของปลาเทราต์ที่ ผมจับได้ก่อนหน้านี้แล้วใช้มันเป็นเหยื่อ บางครัง้ ผมเจอแมลงตามพงหญ้าในแถบบึง ในหญ้า หรือใต้ต้นเฟิร์น แล้วเอามันมาใช้ มีทั้งแมลงเต่าทองและ แมลงที่มีขาคล้ายก้านหญ้า แล้วก็มีพวกตัวอ่อนแมลงใน ขอนไม้เก่าๆ เน่าๆ เป็นตัวหนอนสีขาวมีหัวสีนา�้ ตาลเรียว เล็กแบบที่เกี่ยวตะขอเบ็ดไม่อยู่แล้วหลุดร่วงหายไปใน สายน�้าอันเยียบเย็น ใต้ขอนไม้ยังมีพวกเห็บป่า บางครั้ง เจอไส้เดือนที่ขุดรูหนีทันทีที่ยกขอนไม้ขึ้น ครั้งหนึ่งผมใช้ ซาลาแมนเดอร์จากใต้ขอนไม้มาเป็นเหยือ่ ซาลาแมนเดอร์ ตัวนั้นตัวเล็กจิ๋ว สงบเสงี่ยม ว่องไว และมีสีสวย มันมีขา เล็กๆ ที่พยายามเกาะตะขอเบ็ดเอาไว้ หลังจากครั้งนั้นผม 206 แล้วผมก็เอนกายลง



เกี่ยวกับผู้เขียน เออร์เนสต์ มิลเลอร์ เฮมิงเวย์ (Ernest Miller Hemingway) นักเขียนและนักข่าวชาวอเมริกนั เกิดเมือ่ วันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1899 ในครอบครัวชนชั้นกลางย่านโอ๊กปาร์ก ใกล้ เมื อ งชิ ค าโก รั ฐ อิ ล ลิ น อยส์ พ่ อ แม่ เ ป็ น ปั ญ ญาชนผู ้ มี ความรูห้ ลากสาขา ส่งผลให้เขาเติบโตเป็นผูม้ คี วามสามารถ หลายด้าน โดยเฉพาะมีนิสัยชอบอ่านหนังสือ เขาเข้าเป็นทหารในสงครามโลกครัง้ ที่ 1 ประจ�ารถพยาบาล ทหาร ได้รับบาดเจ็บเมื่อ ค.ศ. 1918 จึงได้รับเหรียญกล้า หาญ เดินทางกลับอเมริกาเมื่อรักษาตัวจนหายดีแล้วและ แต่งงาน จากนัน้ จึงได้ยา้ ยมาปารีส ท�างานหลักเป็นนักข่าว ต่างประเทศของหนังสือพิมพ์ ในอเมริกา ได้ชื่อว่าเป็นคน ท�างานหนัก มีวนิ ยั สูง พยายามค้นคว้าหารูปแบบงานเขียน ของตัวเอง งานชิ้นแรกของเฮมิงเวย์ที่ ได้รับการตีพิมพ์ คือ รวมเรื่อง สัน้ ชือ่ In Our Time แต่งานทีท่ า� ให้เขาประสบความส�าเร็จ อย่างแท้จริง คือ The Sun Also Rises


เฮมิงเวย์หลงใหลเรือ่ งราวการท�าสงคราม การล่าสัตว์ การ ตกปลาและการสูว้ วั กระทิง ซึง่ ล้วนมีอทิ ธิพลต่องานหลายๆ เรือ่ งของเขา เช่น A Farewell to Arms, For Whom the Bell Tolls และ The Old Man and the Sea ค.ศ. 1953 ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์จากนวนิยายเรื่อง The Old Man and the Sea ค.ศ. 1954 ได้รับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1961 สไตล์การเขียนของเฮมิงเวย์เน้นการผูกรูปประโยคแบบ พื้นฐาน “ประธาน-กิริยา-กรรม” ไม่ค่อยมีการเติมถ้อย บรรยายมากมายฟุ่มเฟือย บางครั้งมีการละไว้ ให้ผู้อ่าน ท� า ความเข้ า ใจและสั ม ผั ส รั บ รู ้ เ อง เขาถื อ หลั ก ในการ เขียนแบบ “เล่าสู่กันฟัง” ตามที่ เห็น-คิด-รู้สึก ถือว่า เป็นการเขียนที่ยากและซับซ้อน เพราะจะต้องเลือกสรร ค�าทีส่ ง่ ผ่านความรูส้ กึ ของผูเ้ ขียนไปสูผ่ อู้ า่ นได้อย่างแจ่มชัด และใกล้เคียงกับสิ่งที่ผู้เขียนต้องการอย่างแท้จริง งานเขียนของเฮมิงเวย์เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และ ทักษะระดับสูง ท�าให้ ได้รับการยอมรับในวงการศึกษาการ เขียนแนวสร้างสรรค์และวรรณกรรมสมัยใหม่


ผลงานส่วนหนึ่งของ Ernest Hemingway ในฉบับภาษาไทย ชายชราและทะเล The Old Man and the Sea วาด ระวี แปล ส�านักพิมพ์ ไต้ฝุ่น ความเป็นมนุษย์คือทั้งค�าถามและค�าตอบที่อัดแน่นอยู่ ใน ทุกบรรทัดและระหว่างบรรทัดของหนังสือเล่มนี้ เฮมิงเวย์ ท�าทุกอย่างให้สั้นและกระชับ แต่แน่นไปด้วยความหมาย ที่สามารถระเบิดออกเป็นจักรวาลหากผู้อ่านทะลวงผ่าน เข้าไปได้ ในวันเวลาซึง่ สิง่ ทีเ่ รียกว่าศักดิศ์ รีความเป็นมนุษย์ ยังเป็นการเมืองน้อยกว่านี้ และมีความหมายทีแ่ น่นอนกว่า ทุกวันนี้ เฮมิงเวย์ ได้เสนอภาพที่ส่องสะท้อนประกายอัน แหลมคม เป็นผลึกที่วับวาวของโลกวรรณกรรม ท�าให้สิ่ง ที่อธิบายได้ยากแสดงรูปร่างหน้าตาของมันออกมาอย่าง หมดจด


รักระหว่างรบ A Farewell to Arms อาษา ขอจิตต์เมตต์ แปล ส�านักพิมพ์บ�ารุงสาส์น นวนิยายกึ่งอัตชีวประวัติของ เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ กล่าว ถึงเรื่องราวจากทัศนะของร้อยเอกแห่งกองทัพอเมริกัน เฟรเดอริค เฮนรีผู้ท�าหน้าที่เป็นพนักงานขับรถพยาบาล ในกองทัพอิตาลีระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ชื่อของ หนังสือ “A Farewell to Arms” มาจากโคลงที่เขียนโดย จอร์จ พีล กวีและนักเขียนบทละครชาวอังกฤษของคริสต์ ศตวรรษที่ 16 กล่าวกันว่านวนิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นที่บ้าน ของครอบครัวทางภรรยาในอาร์คันซอ และที่บ้านของ เพื่อนในแคนซัสขณะที่ภรรยาของเพื่อนก�าลังรอคลอดลูก เป็นงานวรรณกรรมชิน้ ส�าคัญ ในบรรดานวนิยายทีถ่ อื ว่าดี เด่นของคริสต์ศตวรรษที่ 20


ศึกสเปญ For Whom the Bell Tolls อาษา ขอจิตต์เมตต์ แปล ส�านักพิมพ์แสงดาว นิยายอิงประวัตศิ าสตร์เรือ่ งเยีย่ มทีม่ ยี อดจ�าหน่ายสูงทีส่ ดุ ในชีวติ ของเออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ นักเขียนรางวัลโนเบลและ รางวัลพูลิตเซอร์ อันเป็นเรื่องราวของสงครามกลางเมือง ในสเปนที่หน่วยยุทธ์ฝ่ายต่อต้านฟาสซิสต์ ได้เข้าร่วมใน แผนการรบ และเป็นตัวหมากแห่งชัยชนะที่ส�าคัญ แต่ ในสงครามไม่เคยให้สิ่งวิเศษแม้แต่กับผู้ชนะ การต่อสู้ ในจิตใจมนุษย์จึงก่อเกิด และหลายคนจึงได้ตระหนักถึง ค�าว่า ชะตากรรม


หัวใจโลกีย์ The Sun Also Rises เลิศ ก�าแหงฤทธิรงค์ แปล ส�านักพิมพ์นาคร นักวรรณกรรมหลายคนเห็นว่างานของเฮมิงเวย์ โดดเด่น ขึน้ มาในระดับโลกได้ เพราะความไม่ธรรมดาในการใช้ชวี ติ ของเขาด้วย หัวใจโลกีย์ ท�าให้เราได้เห็นชีวิตอเมริกันชน ซึ่งได้รับผลพวงจากความร�่ารวยหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เดินทางออกไปใช้ชีวิตเสรี ในต่างประเทศ ภาษาที่ใช้สั้น กระชับ เดินเรื่องเร็ว ปฏิวัติการเล่าเรื่องที่นิยมในสมัยนั้น มีสว่ นของความเป็นชีวติ จริงของเฮมิงเวย์ เช่น การเป็นนัก มวย รสนิยมในการมีสมั พันธ์สวาทกับหญิงทีม่ อี ายุมากกว่า และความชอบการต่อสู้วัวกระทิง


นิค อาดัมส์ The Nick Adams Stories สิทธิชัย แสงกระจ่าง แปล ส�านักพิมพ์คมบาง รวมเรือ่ งสัน้ ทีผ่ เู้ ขียนได้เขียนขึน้ มาแทบจะตลอดชีวติ โดย มีฉากและเรื่องราวหลายบทหลายตอนที่สอดคล้องกับ ประวัติของผู้เขียน จนอาจเรียกได้ว่าเป็นรวมเรื่องสั้นเชิง อัตชีวประวัติ ที่มีความสมจริง ชวนติดตาม โดยสะท้อน ภาพชีวิตสังคมอเมริกันในยุคนั้นได้อย่างเจนจัดชัดเจน ตัวละครต่างมีเลือดเนื้อ และมีความร่วมสมัยที่เป็นสากล เผยให้ เ ห็ น วิ ถี ชี วิ ต อเมริ กั น ชนในยุ ค แสวงหาตลอดจน ความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ ในห้วงยามและสถานการณ์ ต่างๆ ซึง่ มีความน่าสนใจทัง้ ในแง่ภมู ศิ าสตร์ ประวัตศิ าสตร์ สังคมวิทยา และศิลปวัฒนธรรม


สวนสวรรค์แห่งความรัก The Garden of Eden เชน จรัสเวียง แปล ส�านักพิมพ์ปาปิรัส นวนิยายเรือ่ งสุดท้ายของประพันธกรผูย้ งิ่ ยง ซึง่ กว่าทีง่ าน เรือ่ งนีจ้ ะได้รบั การจัดพิมพ์กเ็ มือ่ ผูเ้ ขียนได้วายชนม์ ไปแล้ว เป็นเวลา 25 ปี จัดว่าเป็นงานเขียนที่ชวนให้ตระหนก สนเท่ห์ หากทว่า กระจ่างชัดไปด้วยความงดงามของท่วงท�านองแห่งวรรณศิลป์ ...นี่คือ เรื่องราวของสวนอีเดน ที่มีหนึ่งอดัม และ อีฟสองคน...

รวมเรื่องสั้นคัดสรร - ชายเฒ่าที่สะพาน - พ่อและลูกชาย - พ่อของข้าพเจ้า

อาษา ขอจิตต์เมตต์ แปล ส�านักพิมพ์แสงดาว


หากพบหนังสือที่มีข้อผิดพลาดหรือไม่ได้มาตรฐาน อาทิ หน้ากระดาษหายหรือสลับกัน โปรดแจ้งมาที่ gammemagie@gammemagie.com เพื่อเปลี่ยนเล่มใหม่


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.