แดนฝันปลายขอบฟ้า สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 © สํานักพิมพ์กํามะหยี่ ลิขสิทธิ์ภาษาไทย © นพดล เวชสวัสดิ์ พ.ศ. 2558
แดนฝันปลายขอบฟ้า
Hard-boiled Wonderland and the End of the World
Haruki Murakami นพดล เวชสวัสดิ์
เขียน แปล
บรรณาธิการ บรรณาธิการบริหาร บรรณาธิการจัดการ
จินตนา เวชสวัสดิ์ อธิชา มัญชุนากร กาบูล็อง มณฑา มัญชุนากร ศรรวริศา เมฆไพบูลย์ ภัคพันธุ์ สมัครสมาน ศุภรักษ์ ปฐมกสิวัฒนา ปานอรุณ ชัยลักษณ์
ออกแบบปก รูปเล่ม พิสูจน์อักษร
SEKAI NO OWARI TO HADOBOIRUDO WANDARANDO by Haruki Murakami Copyright © 1985 Haruki Murakami All rights reserved. Originally published in Japan by SHINCHOSHA Publishing Co., Ltd., Tokyo Thai translation rights arranged with Haruki Murakami through THE SAKAI AGENCY and SILKROAD AGENCY. พิมพ์ครั้งที่ 1 (สํานักพิมพ์กํามะหยี่) : ตุลาคม 2558 การจัดพิมพ์ครั้งก่อนหน้า : ตุลาคม 2547 (สํานักพิมพ์แม่ไก่ขยัน) ISBN 978-616-7591-45-2 ราคา 390 บาท
จัดพิมพ์โดย : สํานักพิมพ์กํามะหยี่ 74/1 รังสิต-นครนายก 31 ธัญบุรี ปทุมธานี 12130 โทรศัพท์ : 084 146 1432 โทรสาร : 02 996 1514 Facebook : http://www.facebook.com/GammeMagieEditions Email : gammemagie@gammemagie.com Homepage : http://www.gammemagie.com พิมพ์ที่ : ห้างหุ้นส่วนจํากัด ภาพพิมพ์ 45/12-14, 33 หมู่ที่ 4 ตําบลบางขนุน อําเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทรศัพท์ : 02 879 9154-6 โทรสาร : 02 879 9153 Homepage : http://www.parbpim.com จัดจําหน่ายทั่วประเทศโดย : บริษัทเคล็ดไทย จํากัด 117-119 ถนนเฟื2องนคร ตรงข้ามวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท์ : 02 225 9536-9 โทรสาร : 02 222 5188 Homepage : http://www.kledthai.com
ค�าน�าส�านักพิมพ์ ใกล้แล้วค่ะ ในที่สุด ภารกิจที่ตั้งไว้ตั้งแต่เริ่มเปิดสํานักพิมพ์ก็ใกล้จะประสบผล สําเร็จ ความตั้งใจที่จะนําผลงานของฮารูกิ มูราคามิ ที่เคยได้รับการ จัดพิมพ์โดยสํานักพิมพ์แม่ไก่ขยัน (โดยมีมติชนหนุนหลัง) และโดยสํานักพิมพ์ กายมารุต เมื1อหลายปีกอ่ นทีห่ มดไปจากแผงแล้ว กลับมานําเสนอต่อผูอ้ า่ น ทั้งแฟนพันธ์ุแท้รุ่นเก๋ากับนักอ่านรุ่นใหม่ที่เพิ่มจํานวนขึ้นในทุกๆ ปีให้ครบ หลังจาก ‘แดนฝันปลายขอบฟ้า’ นวนิยายเล่มนี้ กับรวมเรื1องสั้น ‘อาฟเตอร์เดอะเควก’ (after the quake) ทีอ่ อกมาพร้อมๆ กัน ลําดับต่อไป ในปีหน้า (พ.ศ.2559) ก็จะถึงเวลาของ ‘บันทึกนกไขลาน’ (The Wind-Up Bird Chronicle) และ ‘เรือเชื1องช้าสู่เมืองจีน’ (A Slow Boat to China) และเมื1อถึงตอนนั้น ภารกิจนี้เป็นอันสิ้นสุด แต่ยังดีใจ นึกว่าหมดแล้ว นอนตายตาหลับได้แล้ว ยังไม่ได้ เพราะ ฮารูกิ มูราคามิ เป็นหนึง่ ในนักเขียนไม่กคี่ นบนโลกนีท้ มี่ ผี ลงานออกมาทุกปี เป็นไม่เคยขาดตอน นับตั้งแต่การตีพิมพ์ผลงานเล่มแรก ‘สดับลมขับขาน’ (Hear the Wind Sing) ในปี ค.ศ. 1979 จนถึงทุกวันนี้ (ดูรายละเอียด ได้ ใน Timeline ท้ายเล่ม) เราจึงมีอีกหนึ่งภารกิจที่เราทําควบคู่กันมาตลอด คือ ติดตามความเคลื1อนไหว จัดแปลและตีพมิ พ์หนังสือเล่มอื1นๆ ทีย่ งั ไม่มใี น ภาษาไทยมาก่อน พร้อมกันนั้นก็ต้องใส่ใจจัดพิมพ์ซํ้าเล่มที่ขายดีหมดสต็อก
มาตอบสนองเสียงเรียกร้องของนักอ่าน จึงไม่น่าแปลกใจที่เวลาเข้าร้าน หนังสือจะเห็นผลงานของนักเขียนผูน้ ตี้ งั้ เรียงรายอยูบ่ นชัน้ หนังสือไม่ขาดช่วง เฮ้อ... ตามประสาสํานักพิมพ์เล็กๆ นั่นล่ะค่ะ โอกาสเล็กๆ น้อยๆ ที่ ชวนให้ชื1นใจ แม้จะยังมาไม่ถึง แค่เฉียดใกล้จวนจะเสร็จ ก็อดตื1นเต้นไม่ได้ ทั้งที่จะว่าไป สิ่งที่สํานักพิมพ์ของเราทําเมื1อเป็นผลงานของฮารูกิ มูราคามิ เป็นสิ่งที่สํานักพิมพ์ ในต่างประเทศที่จัดพิมพ์ผลงานของเขามากกว่า 45 ประเทศกระทํากันอยู่แล้วเป็นปกติ ในลักษณะต่างกันออกไปตามปัจจัย ของแต่ละที่ การมาถึงตรงนี้ ได้อาจจะไม่ใช่เรื1องพิเศษแต่อย่างใดสําหรับบางคน แต่สาํ หรับเรา เมื1อย้อนกลับไปมองการทํางานในแต่ละเล่ม เห็นวันทีเ่ ริม่ ต้น จากศูนย์ เห็นเส้นทางที่ขรุขระจากความไม่รู้ที่ค่อยๆ เรียบราบหลุมพราง ตืน้ ลงเรื1อยๆ และทีส่ าํ คัญ เห็นความมหัศจรรย์ของผูร้ ว่ มงานทุกคน รวมถึง นักอ่านที่เปิดใจกว้างให้ โอกาส ติดตามผลงานและให้อภัยในข้อผิดพลาด ต่างๆ เหล่านี้ทําให้ชั่วเวลาแห่งการย่างก้าวเพื1อเข้าสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ อย่างในตอนนี้ ไม่ใช่เรื1องธรรมดาเลย ขอขอบคุณ และขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ ด้วยไมตรี สํานักพิมพ์กํามะหยี่ ตุลาคม 2558
ค�าน�าผู้แปล การเดินทางยาวไกลสู่โลกอนาคต พบสัตว์ขนสีทองสุกปลั่ง มีเขาเดี่ยวกลางหน้าผาก คละข้อมูลเข้ารหัสโดยการโยนจากสมองซีกขวาไปยังซีกซ้าย อ่านความฝันเก่าจากกะโหลกขาวโพลน ในห้องปฏิบัติการใต้บาดาล เดินลอดม่านนํ้าตกเข้าไป ในโลกไร้สงคราม ไร้การเบียดเบียน ปิดกั้นการแย่งชิงข้อมูลจากเหล่ามาเฟียข้อมูล มีดคมกริบกรีดม่านตา ผ่าแยกเงาออกจากเรือนร่าง ก่อนหยักสมองสองซีกจะประสานเชื1อมต่อเป็นเนื้อเดียว อ่านเว้นบรรทัดก็พอไหว อ่านบทเว้นบทก็ได้... ไหนๆ ก็เหลือเวลาของชีวิตอีกเพียงยี่สิบสี่ชั่วโมง! ขอบคุณคุณจินตนา เวชสวัสดิ์ ช่วยแปลเพิ่มบางส่วนที่ขาดหายไปในช่วงเดินท่องโลกบาดาล เติมต้นฉบับภาษาอังกฤษให้เต็มครบถ้วนตามต้นฉบับญี่ปุ่น
สารบัญ 1 แดนฝัน (ลิฟต์ ความเงียบ และสาวเจ้าเนื้อ).....................................13 ๒ ปลายขอบฟ้า (สัตว์ขนทอง)............................................................24 3 แดนฝัน (เสื้อกันฝน ภูตดํา การฟอกข้อมูล).......................................30 ๔ ปลายขอบฟ้า (หอสมุด)..................................................................49 5 แดนฝัน (การประมวลผล วิวัฒนาการ และพลังขับทางเพศ)..............56 ๖ ปลายขอบฟ้า (เงา).............................................................................71 7 แดนฝัน (กะโหลก ลอเร็น เบคอลล์ หอสมุด).....................................79 ๘ ปลายขอบฟ้า (นายพันเอก).............................................................96 9 แดนฝัน (สวาปาม ความผิดหวัง เลนินกราด).....................................102 ๑๐ ปลายขอบฟ้า (กําแพง)..............................................................119 11 แดนฝัน (สวมเสือ้ ผ้า แตงโม ความยุง่ เหยิง).....................................124 ๑๒ ปลายขอบฟ้า (แผนทีข่ องโลกปลายขอบฟ้า)...................................130 13 แดนฝัน (แฟรงก์เฟิรต์ บานประตู นักกวาดล้างทําลาย).....................137 ๑๔ ปลายขอบฟ้า (ป่าไม้)....................................................................158 15 แดนฝัน (วิสกี้ ทัณฑ์ทรมาน และตรูเกเนฟ).....................................167 ๑๖ ปลายขอบฟ้า (ฤดูหนาวมาเยือน)................................................182 17 แดนฝัน (โลกปลายขอบฟ้า ชาร์ลี พาร์กเกอร์ ระเบิดเวลา)................190 ๑๘ ปลายขอบฟ้า (อ่านความฝัน)......................................................199 19 แดนฝัน (แฮมเบอร์เกอร์ สกายไลน์ เส้นตาย)..................................203 ๒๐ ปลายขอบฟ้า (ความตายของสัตว์แสนสวย)....................................217
21 แดนฝัน (กําไลเงิน เบน จอห์นสัน ปิศาจ).....................................222 ๒๒ ปลายขอบฟ้า (ควันสีเทา)...........................................................251 23 แดนฝัน (หลุม ทาก หอคอย)......................................................259 ๒๔ ปลายขอบฟ้า (ลานเงา).............................................................271 25 แดนฝัน (มื้ออาหาร โรงงานช้าง กับดัก).......................................279 ๒๖ ปลายขอบฟ้า (โรงไฟฟ้า)...........................................................305 27 แดนฝัน (ไม้กายสิทธิ์สารานุกรม ชีวิตอมตะ ลวดเสียบกระดาษ)......312 ๒๘ ปลายขอบฟ้า (เครื1องดนตรี).......................................................321 29 แดนฝัน (ทะเลสาบ มาซะโอะมิ คนโด ถุงน่องกางเกง).....................327 ๓๐ ปลายขอบฟ้า (หลุม)..................................................................345 31 แดนฝัน (ตรวจตัว๋ โพลิซ ร้านซักผ้า)..............................................351 ๓๒ ปลายขอบฟ้า (การดิน้ รนสูค้ วามตายของเงา)................................365 33 แดนฝัน (อบผ้าวันฟ้าครึ้มฝน รถยนต์เช่า บ็อบ ดิแลน).................373 ๓๔ ปลายขอบฟ้า (กะโหลก).............................................................386 35 แดนฝัน (ที่ตัดเล็บ บัตเทอร์ซอส แจกันเหล็ก)...............................392 ๓๖ ปลายขอบฟ้า (หีบเพลงชัก)........................................................406 37 แดนฝัน (แสงเรื1อ การเสาะค้นหาตัวตน ความสะอาดหมดจด).........411 ๓๘ ปลายขอบฟ้า (การหลบหนี).......................................................420 39 แดนฝัน (ป็อปคอร์น ลอร์ด จิม การสูญพันธุ)์ ..................................429 ๔๐ ปลายขอบฟ้า (ปักษาสีขาว)........................................................440
ขอขอบคุณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สร้อยสุดา ณ ระนอง Mr. Yasuhiko Nakata Ms. Marisa ‘ไข่หวาน’ Kotani คุณชลิตา โกมุทบุตร คุณศิรินทร์ ศิริคูณ คุณพิมพ์ทิพย์ ฟักทองพรรณ
Why does the sun go on shining? Why do the birds go on singing? Don’t they know it’s THE END OF THE WORLD?
1
แ ด น ฝั น
.................
ลิฟต์ ความเงียบ และสาวเจ้าเนื้อ ลิฟต์เลื1อนไหลลงล่างเชื1องช้าจนลมหายใจแทบขาดห้วง ผมวาดภาพไปเอง ว่าน่าจะเคลื1อนลงล่าง ไม่มีทางยืนยันให้มั่นใจ ไหลเอื1อยเชื1องช้าจนไม่อาจ ระบุทศิ ทางได้อกี ต่อไปแล้ว อาจจะเคลื1อนลงล่างหรือไม่ขยับไปไหน เออนะ, สมมติว่าเคลื1อนขึ้นบนเล่า? เป็นเพียงแค่การคาดเดา ผมอาจจะขึ้นบนไป สิบสองชั้นแล้วเลื1อนลงล่างอีกสาม...หรือว่าโคจรเป็นวงรอบโลกไปแล้ว ผมจะทราบได้ยังไงกัน? ทุกรายละเอียดของลิฟต์ตัวนี้แตกต่างไปจากลิฟต์โกโรโกโสในอาคาร อพาร์ตเมนต์ของผมที่แทบไม่ต่างไปจากถังตักนํ้าขึ้นจากบ่อ ใครจะไปเชื1อ ได้เล่าว่าเครื1องจักรกลสองชิ้น มีชื1อเรียกขานเดียวกัน ทําหน้าที่เดียวกัน จะแตกต่างกันได้มากขนาดนี้ แรกสุด จะเป็นพื้นที่ โล่งกว้ าง ลิฟต์ตัวนี้กว้ างขวางพอจะชะลอ สํานักงานเข้ามาวางไว้ได้เลย วางโต๊ะทํางานที่นั่น วางตู้เก็บเอกสารตรงนี้ แถมครัวขนาดเล็กทั้งแผง ก็ยังมีที่ว่างเหลือเฟือ ไหนๆ ก็ตบแต่งสํานักงาน แล้ว จะลากอูฐเข้ามาอีกสามตัวกับต้นปาล์มขนาดกลางสักต้นยังพอไหว ข้อทีส่ อง ความสะอาด สะอาดใสหมดจดปลอดเชือ้ เหมือนโลงใหม่เอีย่ มอ่อง ผนังและเพดานไร้ไฝฝ้าจุดราคี แผ่นสเตนเลสขัดมันวาววาม พืน้ ห้องปูดว้ ย พรมหนานุ่มสีเขียวมอสส์ ข้อที่สาม ความเงียบ เงียบสงัด เงียบงัน ไม่มี นพดล เวชสวัสดิ์
13
แม้สักเสียงเดียว นับจากก้าวแรกที่ผมเดินเข้ามาในลิฟต์ ประตูเลื1อนปิด เงียบกริบจนไม่รู้ว่าหยุดนิ่งหรือเคลื1อนที่...นํ้าลึกไหลเงียบ อีกเรื1อง ประดาปุ่มตุ่มตอทั้งหลายที่พึงมีในลิฟต์หายไปหมดเกลี้ยง แผงหน้าปัดไปอยู่เสียที่ ไหน? แผงที่บรรจุปุ่มและสวิตช์สั่งการหายไปอยู่ ที่ใด? ไม่มีหมายเลขชั้นให้กด ไม่มีปุ่มประตูเปิด ปุ่มประตูปิด ปุ่มหยุด ฉุกเฉิน ไม่เหลืออะไรเลย ความเกลี้ยงเกลาหมดจดทําให้ผมล่อนจ้อน ไร้หนทางป้องกันตนเอง ไม่ใช่เพียงแค่ปมุ่ เท่านัน้ ยังไม่มตี วั เลขระบุชนั้ ไม่มี แผ่นป้ายระบุความจุ ไม่มีคําเตือน ไม่มีแม้ปา้ ยชื1อของบริษัทผู้ผลิต อย่าได้ หวังว่าจะหาทางออกฉุกเฉิน ผมพลัดหลุดเข้ามาในนี้ ล้อมกักอยู่ในกล่อง สเตนเลส ไม่มที าง ลิฟต์ตวั นี้ ไม่น่าจะผ่านการอนุมตั ขิ องแผนกดับเพลิงและ ป้องกันอัคคีภัย หากเป็นลิฟต์ก็นา่ จะมีมาตรฐานกํากับลิฟต์อยู่มิใช่หรือ? สายตากวาดมองผนังสเตนเลสว่างเปล่า ผมอดนึกถึงมายากลสุดยอด ของฮูดินีที่เคยเห็นในภาพยนตร์สมัยเด็กๆ มิได้ ร่างพันโซ่ ผูกเชือกมัด รอบตัว ยัดลงไปในกล่องใหญ่ รัดหุม้ แน่นหนาด้วยโซ่เหล็กขนาดใหญ่อกี ชัน้ โยนทัง้ ยวงลงไปในนํา้ ตกไนแองการา หรือจะเป็นทะเลนํา้ แข็งอาร์กติก เออ, ในเมื1อผมไม่มีโซ่ผูก ไม่มีเชือกพัน ก็ไม่เลวนัก ไม่มีใคร บอกใบ้ วิธีสะเดาะ กุญแจแก้เชือก ฮูดินีเก่งกว่าผมอีกขั้น พูดถึงเรื1องการบอกใบ้ ผมไม่รู้เสียด้วยซํ้าไปว่าผมยืน เคลื1อนที่ หรือ ลอยนิ่งค้างกลางอากาศ ผมลองซ้อมเสียง กระแอมกระไอออกมา เสียงสะท้อนไม่ก้องเหมือน เสียงไอ เสียงไร้กังวานเหมือนขว้างก้อนโคลนปะทะกําแพงคอนกรีต ผม ไม่เชื1อเลยว่าเสียงปุนั้นจะเป็นเสียงที่มีต้นกําเนิดจากตัวผม ผมลองเสียง ซํ้าอีกครั้ง ได้ผลเหมือนเดิม เออนะ, แม้แต่เสียงกระแอมยังผิดคีย์ ผมยื น โดดเดี่ ย วเดี ย วดายอยู ่ ใ นกล่ อ งปิ ด มิ ด ชิ ด เนิ่ น นานเหมื อ น ชั่วนิรันดร์ ประตูลิฟต์ ไม่มีวี่แววว่าจะเลื1อนเผยแยกออกจากกัน นิ่งงันใน ความเงียบ...ภาพหุ่นนิ่ง : ชายในลิฟต์ ผมชักจะมีอาการประสาทกระตุก หวา, ถ้าเผื1อลิฟต์เสียล่ะ? หรือ สมมติว่าผู้ควบคุมลิฟต์...ถ้าจะมีสักคน ลืมไปแล้วว่าผมอยู่ในกล่องนี้... 14
แดนฝัน
ใช่ว่าจะเป็นครั้งแรก ผมเคยหลุดลอดสายตาผู้คนมาก่อนแล้ว ผมเงี่ยหูเสาะหาเสียง เสียงอะไรก็ ได้ แต่ไม่มีเสียงเดินทางเข้าหู ผมกดใบหูแนบกับผนังสเตนเลส แน่อยู่แล้ว ไม่มีเสียงใดให้ ได้ยิน จะมี ก็แต่เพียงรอยประทับหูบนแผ่นโลหะเย็นเฉียบ ดูเหมือนว่าลิฟต์จะสร้างจาก โลหะมหัศจรรย์ดูดซับสรรพเสียง ผมพยายามผิวปาก แดนนี บอย เสียงที่ ลอดออกมาเหมือนเสียงหมาเป็นหืดหอบกระเส่า ไม่มีอะไรอื1นเหลืออีกแล้ว นอกจากการยืนพิงผนัง นับเศษเหรียญใน กระเป๋ากางเกง สําหรับคนทีป่ ระกอบอาชีพแบบผม การเรียนรูก้ ารฆ่าเวลา นับได้ว่ามีความสําคัญยิ่ง ถือเป็นการฝึกปรือแทบไม่ต่างไปจากการบีบ ลูกบอลยางในยามว่างของนักมวยอาชีพ มองในแง่วิชาการ จะเรียกเป็น การฆ่าเวลาก็คงไม่ถนัดนัก จะมีก็แต่การทําซํ้าไม่ลดละที่พอจะบําบัดการ ไหลเทเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ผมเตรียมพร้อมเสมอ เติมกระเป๋ากางเกงด้วยเศษเหรียญ กระเป๋า กางเกงข้างขวา จะเป็นเหรียญร้อยเยนกับเหรียญห้าร้อยเยน กระเป๋า ข้างซ้าย เหรียญห้าสิบเยนกับเหรียญสิบเยน เหรียญเยนเดียวกับเหรียญ ห้าเยนอยู่ในกระเป๋าหลัง ตามกติกา ไม่มีส่วนร่วมในการนับ ผมเพียงแค่ สอดสองมือล้วงกระเป๋าพร้อมเพรียงกัน เริ่มนับร้อยกับห้าร้อยด้วยมือขวา และมือซ้ายบวกรวมสิบกับห้าสิบ นับเป็นเรื1องยากสําหรับผู้ที่ ไม่เคยลองทํามาก่อน การบวกรวมเลข สองมือแปลกพิลึกในคราวแรกที่ลองทํา สมองข้างขวากับสมองข้างซ้าย ทําหน้าที่พร้อมกัน ขนานกันไป ก่อนจะนํามาบวกรวม เหมือนเอาแตงโม สองครึ่ ง กลับมาประกบรวมกัน ไม่ใช่เรื1องง่ายดายนักจนกว่าจะฝึกให้ ชํานาญ ผมไม่แน่ใจนักว่า ผมใช้สมองข้างซ้ายหรือว่าข้างขวาทําหน้าที่เป็น กรรมการแยกการนั บ สองฟาก ผมไม่ อ าจยื น ยั น ได้ ผู ้ เ ชี่ ย วชาญเรื1อ ง ประสาทสรีรวิทยาน่าจะให้คําตอบได้ ผมไม่ใช่นักประสาทสรีรวิทยาอยู่แล้ว เท่าที่ทราบในระหว่างการนับเลขบวกรวมกัน ผมรู้สึกว่าสมองซีกซ้ายกับ สมองซีกขวาทํางานแยกกันเป็นเอกเทศ เมื1อการนับเสร็จสิ้น ผมรู้สึกว่า นพดล เวชสวัสดิ์
15
สมองเหนื1อยล้า แต่กเ็ ป็นความเหนื1อยล้าที่ไม่คล้ายกับการบวกเลขธรรมดา สามัญ กล่าวโดยสรุปเพื1อง่ายต่อการทําความเข้าใจ ผมใช้สมองซีกขวา บวกรวมเลขในกระเป๋าข้างขวา และสมองซีกซ้ายรับมือกับการรวมในกระเป๋า ข้างซ้าย มองในแง่นี้ ผมน่าจะเป็นหนึ่งในประดาคนที่ชอบสรุปเรื1องให้ง่าย แก่การทําความเข้าใจ ไม่วา่ จะเป็นเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ ในชีวติ ประจําวัน หรือ สภาวะการดํารงอยู่ ใช่ว่าผมจะหมกมุ่นสร้างชื1อเป็นคนมองโลกโดยสรุป เพื1อง่ายแก่การทําความเข้าใจ แม้จะมีความโน้มเอียงไปในทิศทางนั้น บ่อยครั้ง ผมพบว่า การมองโลกโดยประมาณ พาเราเข้าไปใกล้ธรรมชาติ แท้จริงของสรรพสิ่ง ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าโลกของเรามิใช่ทรงกลม หากแต่แบน ราบเหมือนโต๊ะกาแฟกว้างใหญ่ไพศาล จะทําให้ชีวิตประจําวันแตกต่างไป จากเดิมได้เชียวหรือ? เอาเถอะ, อาจเป็นสมมติฐานทีพ่ ลิ กึ พิลนั่ ไปสักหน่อย คนเราไม่อาจสมมติเปลี่ยนแปลงข้อกําหนดในชีวิตได้เสรีขนาดนั้น แต่มอง โลกให้แบนราบเป็นโต๊ะขนาดใหญ่ เพื1อให้งา่ ยแก่การทําความเข้าใจ จะเห็น ได้ว่าตัดความรกรุงรังในชีวิตไปได้มากโข...เรื1องไร้ประโยชน์ ในเชิงปฏิบัติ อาทิเช่น แรงโน้มถ่วงของโลก เส้นวันที่ หรือเส้นศูนย์สตู ร ประดาเรื1องรุงรัง ที่เกิดเนื1องเพราะโลกทรงกลม ลองคิดดูทีเถอะ สําหรับคนที่ดําเนินชีวิต สุดแสนจะธรรมดา จะมีสักกี่ครั้งคราในช่วงชีวิตหนึ่งที่เส้นศูนย์สูตรจะได้ เล่นบทสําคัญ? ย้อนกลับมาหาปัญหาในมือ...ในสองมือจะตรงกว่า มือขวากับมือซ้าย ต่างทําหน้าที่ของตนแยกเป็นเอกเทศ ไม่ใช่เรื1องง่ายนักที่จะปล่อยให้มีการ ประมวลผลขนานกันเช่นนี้ แม้แต่ผมเองก็เถอะ กว่าจะจัดการได้อยูห่ มัด กิน เวลานานโข แต่เมื1อทําได้แล้ว รู้วิธีเล่นทาง ก็ไม่มีวันลืมเลือน เหมือนเช่น การขี่จักรยานหรือว่ายนํ้า ซึ่งก็คงไม่เว้นที่จะกล่าวว่า ฝึกเพิ่มเติมสักหน่อย ไม่เสียหลาย การฝึกการทําซํา้ ช่วยให้แม่นเทคนิค และขัดเกลาสไตล์เฉพาะตัว ให้สกุ ปลัง่ ถ้าไม่ตอ้ งการเหตุผลมากไปกว่านี้ ก็ถอื เป็นการทําให้มอื สองข้าง ไม่ว่างได้อย่างชะงัด 16
แดนฝัน
คราวนัน้ ผมมีเหรียญห้าร้อยเยนสามเหรียญ เหรียญร้อยเยนสิบแปด ในกระเป๋ากางเกงข้างขวา อีกกระเป๋าจะมีเหรียญห้าสิบเยนเจ็ดเหรียญ และ เหรียญสิบเยนอีกสิบหก บวกรวมเร็วด่วนทันใจได้สามพันแปดร้อยสิบเยน การคํานวณหมดจด ไม่มีปัญหา ง่ายกว่าการแบมือนับนิ้วเสียอีก ผมพอใจ แล้ว เอนหลังพิงผนังสเตนเลส ทอดสายตามองบานประตูที่ยังไม่มีทีท่าว่า จะเผยอออกจากกัน ทําไมใช้เวลานานขนาดนี้? ผมอุตส่าห์ตัดทฤษฎีเรื1องลิฟต์เสียและ คนเฝ้าลิฟต์หลงลืมไปแล้ว ทางสองสายไม่ควรจะเกิดขึน้ ได้ ใช่วา่ เครื1องจักร จะไม่มีวันบกพร่องหรือคนทํางานไม่มีวันพลั้งเผลอ ผมทราบดีว่าอุบัติเหตุ เช่นนัน้ เกิดขึน้ บ่อยครัง้ ในโลกความเป็นจริง สิง่ ทีผ่ มสรุปได้ตามวิสยั มองโลก ให้งา่ ยแก่การทําความเข้าใจ โลกทีผ่ มยืนอยูใ่ นขณะนี้ ถือเป็นความเป็นจริง ระดับพิเศษสุดยอด ยกตัวอย่างเรื1องลิฟต์หมดจด ไม่มปี มุ่ ไม่มหี น้าปัด จะหา อะไรพิเศษได้มากไปกว่านี้? หากจะมีมนุษย์สักคนออกแบบลิฟต์ให้พิสดาร ระดับนี้ ได้ จะเป็นไปได้หรือว่าจะปล่อยให้เกิดเรื1องโง่ๆ ปล่อยให้ลิฟต์เสีย หรือไร้ผู้ควบคุม หลังจากที่ผู้ โดยสารเดินเข้าไปในลิฟต์? คําตอบเห็นได้ชัดในตัว...ไม่มีทาง ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่มที างเป็นไปได้ หลังจากการตรวจสอบถีย่ บิ จนมาถึงขัน้ นี้ สอบทาน ตรวจวัดแทบจะเรียกได้วา่ ทุกมิลลิเมตรของก้าวย่าง เจ้าหน้าที่รักษาความ ปลอดภัยสองนายสอบถามว่าประสงค์จะมาพบผู้ ใดในอาคาร ตรวจสอบ ชื1อของผมกับรายชื1อผู้มาเยือน ผมต้องแสดงใบขับขี่รถยนต์ ป้อนเข้าไปใน คอมพิวเตอร์เพื1อระบุยนื ยัน ก่อนจะมีคนคุมตัวเดินเข้ามาส่งในลิฟต์ แม้แต่ เดินเข้าไปเยีย่ มโรงกษาปณ์ก็ไม่เคยผ่านการตรวจสอบรัดกุมขนาดนี้ เป็นไป ไม่ได้ ไม่มที างเกิดขึน้ ถ้าจะเลินเล่อ ปล่อยให้เกิดความผิดพลาดเล็กน้อยใน ขั้นตอนสุดท้าย ความเป็นไปได้สถานเดียว พวกนั้น จงใจดันผมให้ตกอยู่ในภาวะพิเศษ จงใจตัดเครื1องหมายบ่งชี้ทั้งมวล จงใจลดทอนอัตราเร็วของลิฟต์ให้เชื1องช้า ผมจะได้ ไม่ทราบว่าลิฟต์เลื1อนขึ้นบนหรือลงล่างหรือเคลื1อนไปทิศทางใด นพดล เวชสวัสดิ์
17
เป็นไปได้ เป็นไปได้มากทีเดียวว่า ตอนนี้พวกนั้นคงจับตามองผมผ่าน กล้องโทรทัศน์วงจรปิด เพื1อสยบความเบื1อหน่าย ผมคิดจะค้นหาเลนส์กล้อง แต่ความคิด วูบถัดมา หาพบจะเกิดประโยชน์ ใดเล่า? มีก็แต่เพียงทําให้พวกนั้นรู้ตัว แตกตื1น จนสั่งให้ลิฟต์หยุดเคลื1อนที่ ทําให้ล่าช้าผิดเวลานัดหมายไปอีก ผมตัดสินใจไม่ทําอะไรเลย ผมเดินทางมาที่นี่ เดินทางมาตามคําเชิญ ให้มาทํางาน ไม่มีเหตุจะต้องกังวล ไม่จําเป็นจะต้องตื1นกลัว ผมยืนพิงผนังสเตนเลส สองมือล้วงกระเป๋า ปลายนิว้ เคลื1อนนับเหรียญ บวกรวมกันซํ้าอีกรอบ สามพันเจ็ดร้อยห้าสิบเยน ง่ายดายเพียงนั้น สําเร็จ ได้ ในเสี้ยวอึดใจ สามพันเจ็ดร้อยห้าสิบเยน? ผิดปกติแล้ว ผมนับพลาดไปที่ไหนสักแห่ง ฝ่ามือของผมเปียกชื้น การนับเหรียญรวมกันในกระเป๋าตลอดสามปี ที่ผ่านมา ไม่เคยสักครั้งที่จะผิดพลาด นี่เป็นลางร้ายเสียแล้ว ผมหลับตาปล่อยให้สมองซีกขวาและสมองซีกซ้ายว่างเปล่าไม่ต่าง ไปจากการเช็ดแว่นตา ผมดึงมือสองข้างออกจากกระเป๋ากางเกง เช็ดฝ่ามือ กับต้นขา เหมือนเฮนรี ฟอนดา ยืนปักหลักตระหง่านก่อนการดวลปืนใน วอร์ล็อก ฝ่ามือและปลายนิ้วแห้งสนิท ผมล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง บวกรวมเหรียญในกระเป๋าเป็นครั้งที่สาม ถ้ายอดรวมตรงกับผลลัพธ์หนึ่ง ในสอง ก็น่าจะพอช่วยให้ใจชื้น มนุษย์ทําผิดพลาดได้ ในสภาวการณ์พิลึก ผมพบว่า ผมกระวนกระวาย อาจเลยไกลไปถึงความเชื1อมั่นในตนเอง เกินปกติกเ็ ป็นได้ นัน่ เป็นความผิดพลาดแรกสุด ไม่ยาก แก้ไขบําบัดได้ดว้ ย การนับสอบทานเพื1อยืนยันผล ก่อนที่ผมจะจัดการภารกิจในมือได้ลุล่วง ประตูลิฟต์เผยแยกออก จากกัน ไม่มกี ารเตือนล่วงหน้า ไม่มเี สียง เพียงแค่เผยเลื1อนแยกออกจากกัน ผมทุม่ สมาธิไปกับการประมวลผลสองซีกสมองจนไม่ได้สงั เกตเห็น กล่าวให้ 18
แดนฝัน
แน่ชดั สายตาของผมมองเห็นบานประตูเลื1อนเปิด แต่ไม่ได้สดับความหมาย สําคัญ แน่นอนอยูแ่ ล้ว ประตูเปิดกว้าง หมายถึงการต่อเชื1อมพืน้ ที่โล่งกว้าง สองหย่อม ซึ่งครั้งหนึ่งเคยแยกคั่นปิดขวางด้วยบานประตู ในขณะเดียวกัน ก็หมายความถึงการเดินทางบรรลุถึงปลายทางแล้ว ผมหันมาสนใจกับสิ่งที่อยู่นอกประตู เลยจากกรอบประตูเป็นช่อง ทางเดิน กลางช่องทางเดินมีสตรีนางหนึง่ ยืนอยู่ สาวรุน่ สูทสีชมพู รองเท้า ส้นสูงชมพู สูทวัสดุมันวาว ใบหน้าผ่องเปล่งปลั่งปานกัน เธอพินิจการ ปรากฏตัวของผม ค้อมศีรษะทักทาย <เชิญทางนี้> ดูเหมือนเธอจะกล่าว เช่นนั้น ผมล้มเลิกกระบวนการนับเหรียญ ดึงมือออกจากกระเป๋ากางเกง เดินออกจากลิฟต์ บานประตูเลื1อนปิดทันควัน ประหนึ่งรอคอยให้ผม หลุดออกจากที่นั่น เมื1อมายืนในช่องทางเดิน ผมเหลียวซ้ายแลขวา แต่ก็ ไม่อาจหา หลักสังเกตใดๆ ที่จะระบุยืนยันว่าอยู่ที่ ไหน ดูเหมือนว่าผมจะมาตกอยู่ใน ช่องทางเดินของอาคาร เด็กนักเรียนประถมคนไหนๆ ก็บอกเรื1องนี้ ได้ ช่องทางเดินว่างเปล่า หมดจด ไร้การตกแต่ง ไม่ต่างไปจากลิฟต์ วัสดุคุณภาพทุกตารางนิ้ว ไม่มีร่องรอยขูดขีดสึกกร่อน พื้นหินอ่อนขัดจน ขึ้นเงาวาววับ ผนังสีขาวครีมเหมือนมัฟฟินที่ผมกระเดือกเป็นอาหารเช้า สองข้างช่องทางเดินเป็นประตูบานไม้ แต่ละบานมีป้ายโลหะระบุตัวเลข ไร้ลําดับ 936 ติดกับ 1213 ถัดไปเป็น 26 ผิดเพี้ยน พิลึกอีกแล้ว ไม่มีใคร นับเลขห้องแบบนี้ สาวน้อยสีชมพูไม่สง่ เสียงออกมา หากจะกล่าวว่า “เชิญทางนี”้ เป็นแต่ เพียงริมฝีปากจีบเป็นรูปคํา แต่ไม่มีเสียงลอดออกมา นับแต่มาทํางานนี้ ผมเข้าเรียนวิชาอ่านริมฝีปากสองเดือน ไม่มีปัญหา เข้าใจเรื1องที่เธอพูด ผมคิดไปเองว่าโสตประสาทของผมคงชํารุดไปแล้ว หลังจากความเงียบสนิท ในลิฟต์ เสียงไอผิดคีย์ และเสียงผิวปากหมาเป็นหืด หูคงใช้การไม่ได้แล้ว กระมัง ผมไอออกมา เสียงก็เป็นปกติ ผมได้ความเชื1อมั่นในรูหูคืนกลับมา หูของผมยังไม่ชํารุด ปัญหาน่าจะอยู่ที่ปากของสาวน้อย นพดล เวชสวัสดิ์
19
ผมเดินตามหลังเธอ เสียงส้นรองเท้าดังกังวานสดใสในช่องทางเดิน ว่างเปล่าเหมือนหลุมขุดโบราณคดี ท่อนขาอวบอ้วนในถุงน่องสะท้อนสดใส จากพื้นมันขลับ สาวน้อยค่อนไปทางเจ้าเนื้อ สาวรุ่นหน้าหวาน เครื1องเคราจิ้มลิ้ม ครบทุกกระบวน...ดูมุมใดก็เจ้าเนื้อ สาวรุ่นหน้าหวานอวบอ้วน ไม่ใคร่ได้ เห็นบ่อยนัก เดินตามหลังเธอ ผมเขม้นจ้องทุกสัดส่วน เมื1อใดที่ตกไปอยู่ใกล้สาวสวยพังแป้น ผมประสาทกระเจิงทุกคราว ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน อาจเป็นเพราะภาพการเขมือบขยํ้าอาหารประทับไว้ ชัดเจนในห้วงความคิด ทุกคราวที่ผมพบหญิงอ้วน ผมจะมองไกลไปเห็น การกวาดครีมซอสบนจานให้เกลีย้ งเกลาด้วยก้อนขนมปัง เล็มวอเตอร์เครสส์ ทุกใบบนจานให้หายเข้าไปในปาก เมื1อใดทีม่ องเห็น ก็ให้ความรูส้ กึ ไม่ตา่ งไป จากกรดกัดกร่อนแผ่นโลหะ ฉากเจริญอาหารพลัดหายหมดสิน้ เข้าไปในปาก ระเบิดกระจายไปทั่วสมอง ผมไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไปแล้ว หญิงอ้วนหน้ าจืด...ไม่ใช่เรื1องเลวร้ าย หญิงอ้วนมีอยู่เกลื1อนกล่น เหมือนเมฆลอยฟ่องกลางท้องฟ้า ลอยกระเพื1อมเท้งเต้ง ไม่มสี ว่ นเกีย่ วข้อง กับผม แต่ถ้าเป็นสาวอ้วนหน้าสวย นั่นเป็นอีกเรื1องหนึ่ง เหมือนเธอส่ง แรงดึงดูดมาหา เชื้อเชิญให้ผมกระโดดขึ้นเตียง นอนกับเธอ นั่นคงเป็น สาเหตุที่ก่อให้เกิดความสับสนงุ่นง่านใจ ยืนยันได้เลยครับว่าผมไม่มีอคติใดๆ ต่อหญิงอ้วน ความสับสนกับ ความรั ง เกี ย จเป็ น คนละเรื1อ งกั น ผมเคยนอนกั บ หญิ ง อ้ ว นมาแล้ ว ประสบการณ์ ในคํ่าคืนนั้นถือได้ว่าน่าประทับใจทีเดียว หากความสับสน ชี้ทิศนําไปถูกทาง ผลลัพธ์อิ่มเอมใจเป็นที่สุด แต่ก็เป็นธรรมดาอยู่แล้ว เรื1อ งราวที่ เ กิ ด ขึ้ น มั ก จะไม่ ใ คร่ เ ป็ น ตามที่ ค าดเสมอไป เซ็ ก ส์ เ ป็ น เรื1อ ง ละเอียดอ่อนแยบยล ไม่เหมือนกับการเดินเข้าไปหาซื้อกระติกนํ้าร้อนใน ห้างสรรพสินค้าในบ่ายวันอาทิตย์ แม้แต่สาวน้อยหน้าสวยร่างอวบอ้วนก็ยงั มีข้อแตกต่างปลีกย่อยที่พึงยกมาพิจารณา ก้อนเนื้อย้วยไปทางหนึ่ง ชี้ทิศ นําทางได้ถูกต้อง ก้อนเนื้อย้วยมาอีกทาง ดุ่มเดินไปรังแต่จะหลงทาง สะทกสะท้อนใจ สับสนวุ่นวายใจ 20
แดนฝัน
มองในแง่นี้ การนอนกับหญิงอ้วนถือเป็นเรื1องท้าทาย ไขมันมนุษย์ ซ่อนความหมายแฝงไว้หลายชั้น ไม่ต่างไปจากทางเลือกหลากหลายในการ จบชีวิตมนุษย์ นั่ น เป็ น เรื1อ งราวที่ วิ่ ง วนในหั ว ในระหว่ า งที่ ผ มเดิ น ในช่ อ งทางเดิ น ว่างเปล่า เดินตามหลังสาวรุ่นหน้าหวานอ้วนพี ผ้ า พั น คอขาวนวลสะบั ด พลิ้ ว ตั ด กั บ สู ท สี ช มพู ติ่ ง หู อ วบอิ่ ม ห้ อ ย ต่างหูทองสี่เหลี่ยมผืนผ้า กะพริบล้อแสงวับวาบทุกก้าวย่าง จะว่าไปแล้ว แม่หนูคนนีค้ ล่องแคล่วปราดเปรียวเมื1อเทียบกับนํา้ หนัก เธออาจจะรัดเครื1อง จนเกิดส่วนเว้าส่วนโค้งน่ามอง จะมีหรือไม่มีก็ไม่เห็นแปลก ไม่ได้ทําให้การ ยักย้ายกระเพื1อมของเธอหมองไปสักนิด ก้อนเนื้ออวบนวลปลุกเร้าอารมณ์ เหลือเกิน เธอเป็นหญิงอ้วนประเภทที่ผมโปรดปราน ผมไม่พยายามจะสรรหาข้อแก้ตวั มีสตรีไม่กปี่ ระเภทเท่านัน้ ทีป่ ลุกเร้า อารมณ์ผมให้ตื1นตัว ผมมองตัวเองว่าเป็นคนเฉยเมย เฉยชา ตายด้าน ดังนัน้ เมื1อใดที่อารมณ์ตื1นตัวคึกขึ้นมา ผมไม่เชื1อใจตัวเองนัก จําเป็นต้องตรวจหา ต้นตอ เสาะหาคําอธิบายให้กระจ่าง ผมเร่งฝีเท้าไปเดินเคียง กล่าวขอโทษขอโพยที่ล่าช้าผิดเวลานัดหมาย ไปแปดหรือเก้านาที “ผมไม่ทราบมาก่อนว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยที่ ประตูหน้าจะกินเวลานานขนาดนัน้ ” ผมกล่าว “...แล้วอีกอย่าง ลิฟต์กเ็ คลื1อน เชื1องช้าเหลือเกิน ผมเดินทางมาถึงอาคารก่อนเวลานัดหมายตั้งสิบนาที แน่ะ” เธอเบือนหน้า ค้อมศีรษะรับทราบ กลิ่นโอเดอโคโลญจ์โชยกรุ่นจาก ซอกคอ กลิ่นรัญจวนใจเหมือนได้ ไปยืนอยู่ในไร่แตงยํ่ารุ่งกลางฤดูร้อน สะเทือนกรอบความคิดซ่านไปทั้งตัว ความโหยหากับการหยอกเย้าของ เสี้ยวหวามประทับใจ ประหนึ่งว่าความทรงจําสองเรื1องที่ ไม่เกี่ยวข้องกัน กอดเกี่ยวพันผูกกันในซอกหลืบลับเร้น ความรู้สึกเช่นนี้ บางคราววาบมา อาบท่วมร่าง ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดในยามที่ได้กลิ่นพิเศษ “ช่องทางเดินยาวเนาะ?” ผมชวนคุยละลายนํ้าแข็ง เธอเหลือบมอง แต่เท้ายังก้าวต่อไป ผมเดาเอาว่าแม่หนูคนนี้น่าจะสักยี่สิบหรือยี่สิบเอ็ด นพดล เวชสวัสดิ์
21
เค้าหน้าหมดจด หน้าผากกว้าง ผิวผ่องนวล จุดนี้นี่เองที่เธอตอบรับ “พรูซต์” กล่าวให้ชดั เธอมิได้เปล่งเสียงออกมา เพียงแค่การจีบปากเป็นรูป เปล่ง คําว่า <พรูซต์> ผมอยากได้ยินซํ้าอีกครั้ง จะได้เข้าใจความหมายชัดแจ้ง เค้าของปากประหนึ่งว่าเธอพูดกับผมผ่านกระจกฝ้าแผ่นหนาขวางกั้น พรูซต์? “มาร์เซล พรูซต์?” ผมถามยํ้า เธอเหลือกตามอง จากนั้น เธอกล่าวซํ้า <พรูซต์> ผมยอมแพ้ ลดฝีเท้ามาเดินตามหลังเธออีกครัง้ พยายามเค้นสมอง เปรียบเทียบลักษณะ ริมฝีปากกับคําทีน่ า่ จะเป็นไปได้ <พรูซต์> ทรูเอสต์?...บรูวสิ ต์...บลู อีส อิต?... เสียงแล้วเสียงเล่าที่ผมเปล่งลมออกมาเทียบเสียง ออกเสียงไล่พยางค์ แต่ไม่มีเสียงใดละม้ายคล้ายกัน ผมลงความเห็นในท้ายที่สุด ว่าเธอน่าจะ เปล่งคําว่า <พรูซต์> ออกมา ไม่อาจหาคําตอบได้ว่ามีความเกี่ยวโยงกันที่ จุดใด ระหว่างช่องทางเดินกับมาร์เซล พรูซต์? เป็นไปได้ ไหมว่าเธอใช้อุปมาเทียบช่องทางเดินยาวเหยียดกับพรูซต์ หากเป็ น เช่ น นี้ ไ ม่ ห ละหลวมไปหน่ อ ยหรื อ ? อาจถึ ง ขั้ น การเลื อ กถ้ อ ย เปรียบเทียบ ถึงระดับโหดร้าย เอาละ, ถ้าเธออุปมาว่าทางเดินยาวไกล เหมือนผลงานของพรูซต์ ก็พอฟังได้ แต่ถา้ กลับกัน ก็คงพิลึก <ช่องทางเดินยาวเท่ากับมาร์เซล พรูซต์>? ช่างเหอะ, ผมไล่ความคิดออกไปจากหัว เดินตามหลังเธอไปตาม ช่องทางเดินยาวเหยียด ยาวไกลเหมือนไร้ทสี่ นิ้ สุด เดินเลีย้ วโค้ง เดินขึน้ ลง บันไดอีกชุด เราน่าจะเดินข้ามอาคารใหญ่มากว่าห้าหรือหกหลังแล้วกระมัง เหมือนหลงอยู่ในภาพพิมพ์ ไม้ของเอสเชอร์ เดินนานจนนับก้าวไม่ถ้วน แต่ ภูมิทัศน์รอบข้างไม่แปรเปลี่ยน พื้นหินอ่อน ผนังสีขาวครีม บานประตูไม้ ติดป้ายโลหะ บ่งบอกตัวเลขไร้ลําดับ ลูกบิดประตูสเตนเลส ไม่มีหน้าต่าง ให้เห็น หนึง่ เดียวทีค่ งทีค่ อื เสียงส้นรองเท้าส้นสูงกระทบพืน้ กําหนดจังหวะ สมํ่าเสมอ แทรกเจือด้วยเสียงพื้นรองเท้าผ้าใบของผม เธอหยุ ด เท้ า ฉั บ พลั น ผมเหม่ อ ลอยปรั บ จั ง หวะเข้ า กั บ เสี ย งพื้ น 22
แดนฝัน
รองเท้าผ้าใบบนหินอ่อนจนเดินชนบัน้ ท้ายของเธอเต็มรัก เบาะรองหนานุม่ เหมือนเมฆฝนครัดเคร่ง โอเดอโคโลญจ์กลิ่นเมล่อนลอยกรุ่นจากซอกคอ เธอหน้าควํ่าจากแรงกระทบ ผมคว้าหัวไหล่เธอได้ทัน ดึงเธอให้ยืนตั้งตัว “ขออภัย ผมเหม่อคิดถึงเรื1องอื1น ไม่ทันได้ระวังตัว” สาวรุ่นเจ้าเนื้อหน้าเรื1อสีชมพู ผมไม่อาจยืนยันได้ แต่เค้าหน้าของเธอ ดูจะไม่มีความขัดข้องหมองใจ <โตซูม’สตา> เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้น ยักไหล่ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า <เซลา> เธอไม่ได้เปล่งเสียงออกมา มองเห็น แต่เพียงจีบปากให้คํานั้น ผมต้องกล่าวซํ้า ยืนยันว่าดูไม่ผิด “โตซูม’สตา...?” ผมออกเสียงกับตนเอง “...เซลา” <เซลา> เธอยืนยันรับรอง หวา, หรือว่าเป็นภาษาตุรกี? ปัญหาก็คอื ผมไม่กระดิกหูภาษาตุรกีสกั คํา ประสาทผมกระเจิง สิ้นหวังที่จะชวนเธอพูดคุยสนทนา การอ่านริมฝีปาก เป็นสาขาวิชาละเอียดอ่อน ไม่ใช่เรื1องที่จะเรียนรู้ ได้จนถึงขั้นแตกฉานใน เวลาเพียงสองเดือน เธอควั ก กุ ญ แจอิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ รู ป ทรงคล้ า ยตราประทั บ ขนาดเล็ ก ออกจากกระเป๋าเสื้อสูท สอดเข้าไปในลูกบิดบานประตูที่ติดหมายเลข 728 เสียงคลิกปลดล็อกสดใส เธอเปิดประตู หันมาเชื้อเชิญผม <ซาอ’มีเต...เซลา> ผมปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย
นพดล เวชสวัสดิ์
23
๒
ป ล า ย ข อ บ ฟ้ า
.................
สัตว์ขนทอง
เมื1อลุถึงฤดูใบไม้ร่วง ขนหนาสีทองนุ่มดกหนาจะขึ้นคลุมทั่วร่าง สีทองใน ความหมายทองบริสุทธิ์ ไม่มีแซมสีอื1นสักเส้น ขนสีทองปรากฏในโลกนี้ว่า เป็นสีทองบริสุทธิ์ ปรากฏในโลกนี้เต็มความหมายของทองคําบริสุทธิ์ สถิต อยู่หว่างกลางสวรรค์และพื้นโลก เด่นสุดสะดุดตาว่าเป็นทองคําบริสุทธิ์ เมื1อ ครั้ ง ผมเดิ น ทางมาถึ ง มหานคร ห้ ว งเวลานั้ น เป็ น ฤดู ใ บไม้ ผ ลิ สัตว์แสนสวยมีขนสัน้ หลากสี ดําและเทาทราย ขาวและนํา้ ตาลขุน่ บ้างแต้มจุด ปื้นสีหม่นจางหรือสดใส สัตว์แสนสวยหลากสีสันเดินเรียงเรื1อยเงียบเชียบ ออกไปยังทุง่ โล่งหญ้าระบัดใบ แทงยอดอวดเรียวใบในสายลมอ่อน ประหนึง่ ว่าจะเจริญสมาธิในความนิ่งงัน ลมหายใจแผ่วระรวยดุจหมอกไอรุ่งสาง ปากเคี้ยวบดใบหญ้าเงียบเชียบ ยามเหนื1อยล้า จะหดขาคู้ตัวลงนอนหมอบ หลับใหลพักผ่อนชั่วยาม ฤดูใบไม้ผลิผนั ผ่านสิน้ ฤดูรอ้ น บัดนี้ สัตว์แสนสวยอาบดื1มแสงเรื1อสดใส ดื1มลมกระโชกวูบแรกของฤดูใบไม้รว่ งพัดธารนํา้ จนกระฉอกเป็นระลอกคลื1น ความเปลีย่ นแปลงปรากฏชัด ขนสีทองผุดแทรก ระยะแรกกระจายเป็นหย่อม คล้ายการถ่ายละอองเรณูบังเอิญของพืชพันธุ์หาญต้านฤดูกาล ท้ายที่สุด รยางค์ โยงใยแผ่ถึงกันทั่วผืนขนสีทองสั้น ฟักบ่มขับผืนขนจนสีทองอาบ คลุมทั่วร่าง การแปลงโฉมกินเวลาเพียงชั่วสัปดาห์ จากเริ่มต้นจนให้ถึงผล 24
ปลายขอบฟ้า
บัน้ ปลาย สัตว์แสนสวยเริม่ กระบวนแปลงขนพร้อมเพรียง และแล้วเสร็จใน เวลาเดียวกัน ในชั่วสัปดาห์เดียว สัตว์แสนสวยทุกตัวกลายเป็นสัตว์ขนทอง เมื1ออาทิตย์ดวงใหม่โผล่พน้ ขอบฟ้า ขับฉายลําแสงสีทอง อาบโลกฤดูใบไม้รว่ ง สีทองสุกปลั่งชะลอเลื1อนเคลื1อนมายืนบนผิวโลก มีเพียงเขาเดี่ยวผุดจากกลางหน้าผาก เขาสีขาวบริสุทธิ์หมดจด จาก โคนอวบอ้วนไปถึงปลายเรียว ภาพไม่ได้ชวนให้นึกถึงเขางอก หากแต่เป็น กระดูกแตกเสียบปักผิวหนังแล้วหักคาที่ หากไม่นับเขาสีขาว ตาสีฟ้าสดใส สัตว์แสนสวยเป็นสีทองสุกปลัง่ ทัง้ ร่าง สัตว์ขนทองสะบัดหัวประหนึง่ จะลอง เสื้อคลุมสีทองตัวใหม่ สะบัดเขาเงยหงายแหงนหน้าสู่ฟ้าครามฤดูใบไม้ร่วง สัตว์ขนทองเดินลุยลงไปในลําธาร ยืดคอเหยียดยื1นไปเล็มกินพวงเบอร์รี แดงสดกลาดเกลื1อนในพุ่มไม้ฤดูใบไม้ร่วง เมื1อ สนธยาโรยตั ว มาเหนื อ มหานคร ผมปี น ไต่ ขึ้ น ไปยั ง หอคอย สังเกตการณ์บนกําแพงตะวันตกเพื1อดูนายทวารเป่าเขาเสียงหวูดตํา่ กูเ่ รียก สัตว์ขนทองหนึง่ หวูดยาว สามหวูดสัน้ นัน่ เป็นสัญญาณทีก่ าํ หนดไว้ ทุกคราว ที่ได้ยนิ เสียงหวูด ผมจะหลับตา ปล่อยให้เสียงความถีต่ าํ่ นุม่ นวลเคลื1อนผ่าน ไปทั่วร่าง เสียงที่หาใดเหมือน เสียงบิดตัวไหลเคลื1อนไปในตรอกซอกซอย สลัวรางเหมือนปลาโปร่งใสวาวแววว่ายลัดเลาะไปบนถนนปูหิน ใต้ซุ้มโค้ง ผ่านบ้านเรือนเรียงติดเป็นแนวแถว และกําแพงหินเรียงยาวตลอดทางเท้า เส้นทางเลียบริมแม่นาํ้ เสียงกูเ่ พรียกไหลรีอ่ อกจากมหานคร สรรพสิง่ กลบจม อยูใ่ นเสียงกูเ่ พรียกนัน้ แหวกตัดเกล็ดเวลาทีม่ องไม่เห็น เจาะเงียบเชียบไปยัง ปลายสุดของมหานคร เมื1อเสียงหวูดเป่าเขาดังขึ้น สัตว์ขนทองเงยหน้ าประหนึ่งตอบรับ ความทรงจําโบราณที่ฝังซ่อนอยู่ในร่าง สัตว์ขนทองนับพันหรือมากกว่า หยัดยืนในท่าเดียวกัน ชูหวั หันมาหาต้นเสียง กรามนิง่ ค้าง หยุดการเคีย้ วใบ ต้ น ไม้ ก วาด หากซอยกี บ เท้ า กระแทกถนนปู หิ น กี บ เท้ า ลอยนิ่ ง ค้ า ง กลางอากาศ อีกส่วนหนึ่ง ฟื้นจากการหลับพักช่วงสั้นในอาทิตย์โรยแสง ทุกตัวเงยหัวแหงนหงายสู่ท้องฟ้าในท่าเดียวกัน ช่วงวินาทีนั้น เสี้ยววินาทีนั้น สัตว์ขนทองนิ่งค้าง เว้นแต่ขนสีทอง นพดล เวชสวัสดิ์
25
โบกคลีส่ ยายในสายลมอ่อนยํา่ เย็น จะมีความคิดใดหรือแล่นพล่านอยูใ่ นหัว? สัตว์ขนสวยเหม่อจ้องมองสิง่ ใดกลางฟ้า? ใบหน้าเอียงหงายในองศาเดียวกัน มองเหม่อไปในอากาศเวิ้งว้าง ใบหูเอียงลู่สดับเสียง ไม่มีแม้กล้ามเนื้อ กระตุกขยับ จนกระทั่งเสียงหวูดกู่เพรียกขาดหาย ในทันใด ประหนึ่ง ความทรงจําเว้าวอนเรียกขาน สัตว์ขนทองลุกขึ้นจากที่ เดินมุ่งหน้าไปใน ทิศเดียว มนต์สะกดสะบั้นไปสิ้น ท้องถนนมีเสียงกีบเท้านับไม่ถ้วน ผม วาดภาพ ท่อระบายควันผุดจากใต้พนื้ ส่งควันกรุน่ ทะลักท่วมตรอกซอกซอย ท่วมล้น ข้ามกําแพงบ้านเรือน ท่วมสูงแม้แต่กระทั่งหอนาฬิกา แต่เมื1อเบิกตาลืม ควันขุ่นขาวหายไปสิ้น มีเพียงเสียงกีบกระทบพื้น มหานครยังคงสภาพเดิม สัตว์ขนทองไหลบ่าผ่านถนนปูหิน ดาหน้าทะลัก เหมือนคลื1นแม่นํ้า ไม่มีตัวใดเดินนําหน้า ไม่มีจ่าฝูง สัตว์ขนทองก้มหน้าตํ่า มองพื้น หัวไหล่สั่นไหวเคลื1อนไปตามเส้นทางไร้เสียงสั่งการ ทว่า ในหมู่ สัตว์ขนทอง สดับรับทราบได้ว่ามีพันธะผูกพันระหว่ างกันเหนียวแน่น ความทรงจําตราตรึงสลักติดถาวรเลือนหายไปสิ้นแล้วจากแววตา ฝูงสัตว์แสนสวยเดินเข้าเมืองมาจากทางทิศเหนือ ข้ามสะพานเก่า มายังตลิ่งฝั่งทิศใต้ จุดนั้นได้พบปะอีกฝูงที่เข้าเมืองมาจากทิศตะวันออก ขบวนเคลื1อนเลียบฝั่งคลองผ่านย่านอุตสาหกรรมมุ่งหน้าไปทางตะวันตก เดินผ่านทางเดินลอดใต้ โรงถลุงโลหะ โผล่ออกมายังเนินตะวันตก บน ลาดเนินนั้น มีฝูงสัตว์แก่และทารกที่ ไม่แข็งแรงพอจะเดินทางผ่านประตู เมืองได้ รอท่าอยูแ่ ล้วเพื1อร่วมขบวน ทีจ่ ดุ นี้ ฝูงสัตว์ขนทองเปลีย่ นทิศ เดิน บ่ายหน้าขึ้นเหนือ ข้ามสะพานตะวันตกจนมาถึงประตูเมือง ไม่เร็วไม่ช้าไปก่อนสัตว์ตัวแรกจะเดินมาถึงประตูเมือง นายทวาร เปิดประตูรอท่า ประตูบานไม้ ใหญ่หนาหนัก พร้อมดาลโลหะพาดขวาง บานประตูน่าจะสูงสักสี่ถึงห้าเมตร ประดับปลายยอดด้วยเหล็กแหลมคม นายทวารดึงบานข้างขวามาหาตัว ไม่มีทีท่าว่าหนักแรง สัตว์ขนทอง เดินเคลื1อนผ่าน ประตูเมืองบานซ้ายไม่เคยเปิด เมื1อขบวนสัตว์เคลื1อนออก จากเมืองสิ้นแล้ว นายทวารดึงประตูปิด พาดดาลโลหะคืนกลับเข้าที่ นีค่ อื ประตูเมืองตะวันตก เท่าทีผ่ มทราบ เป็นเส้นทางเพียงสายเดียว 26
ปลายขอบฟ้า
ที่จะออกจากมหานคร ชุมชนสุขสงบอาศัยในกําแพงมหึมาล้อมกั้น กําแพง สูงเจ็ดหรือแปดเมตร มีเพียงนกเท่านั้นที่บินข้ามได้ เมื1อถึงรุ่งสาง นายทวารเปิดประตูเมือง เป่าหวูดให้สัญญาณ เปิดรับ สัตว์ขนทองเดินกลับเข้าเมือง เมื1อฝูงสัตว์เข้ามาในมหานครครบถ้วนแล้ว เขาจะงับปิดประตู วางดาลโลหะคืนกลับเข้าที่ “ที่จริงไม่จําเป็นต้องมีดาลประตู” นายทวารให้คําอธิบาย “...ไม่มีใคร แข็งแรงมากพอจะเปิดประตูเมืองได้ นอกจากข้าคนเดียว แม้คนในเมืองจะ ร่วมแรงกันก็ตามที แต่กฎก็คือกฎ” นายทวารดึงหมวกขนสัตว์ปดิ คิว้ นิง่ เงียบไม่พดู อะไรต่อ นายทวารเป็น ยักษ์ปกั หลัน่ ผิวหนา มัดกล้ามปูดโปน ร่างสูงใหญ่ทสี่ ดุ เท่าทีผ่ มเคยเห็นมา เสื้อเชิ้ตดูคล้ายจะปริแยกฉีกขาดหากเบ่งกล้าม บ่อยครั้งที่เขาจะหลับตานิ่ง จ่ อ มจมในความเงียบงัน ผมไม่แน่ใจนักว่าเขาพลัดหลุดเข้า ไปในห้วง ความเศร้าหรือว่าปิดกลไกเปลี่ยนสวิตช์ เมื1อใดที่ความเงียบท่วมทับ ผมไม่ อาจพูดคุยอะไรได้จนกว่าเขาจะคืนฟื้นสติ ในยามที่เปิดเปลือกตาเชื1องช้า แววตาว่างเปล่า ปลายนิ้วขยับเคลื1อนบนตัก ประหนึ่งชั่งใจว่ามีเหตุผลใด ที่ผมมายืนต่อหน้าเขา “ทําไมถึงได้เรียกชุมนุมฝูงสัตว์ ในตอนยํ่าเย็น ปล่อยให้ออกไปอยู่ นอกกําแพงเมือง เพียงเพื1อจะเปิดรับกลับเข้ามาอีกครั้งในตอนรุ่งสาง?” ผมถามนายทวารทันทีที่เขาได้สติ นายทวารเบิ่งตาจ้อง ประกายตาไร้อารมณ์ใดๆ “เราทําเช่นนี้ นี่คือวิถีปฏิบัติ ดุจดังพระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก และจมดวงทางตะวันตก” นอกจากจะทําหน้าที่เปิดและปิดประตูเมือง นายทวารดูเหมือนว่าจะใช้ เวลาทั้งหมดไปกับการลับคมเครื1องมือ กระท่อมนายทวารเฝ้าประตูเมืองมี ขวาน ผึ่งถากไม้ และมีดหลากรูปหลายขนาด ดังนั้น ยามว่างทุกนาทีจะ อุทศิ ทุม่ เทให้กบั หินลับมีด ใบมีดขาววาววับ เปล่งแสงเรื1อขาวขุน่ เรืองรอง ส่องจากเนื้อโลหะภายใน นพดล เวชสวัสดิ์
27
ในยามที่ผมจ้องมองมีดแขวนเรียงรายบนผนัง นายทวารแย้มยิ้ม ด้วยความพึงใจเมื1อมองตามสายตาของผม “ระวัง พลั้งมือ นิ้วขาด” นายทวารชี้นิ้วอวบอ้วนไปยังคลังแสง “...ไม่ใช่ของเด็กเล่น ข้าทํามากับมือ ข้าเป็นช่างตีเหล็ก นี่คือผลงานอวด ฝีมอื ด้ามกระชับ สมดุลสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่เรื1องง่ายนะทีจ่ ะทําด้ามจับให้รบั กับใบมีด นี่ ไง, ลองถือ ระวังใบมีดสักหน่อย” ผมหยิบขวานจากโต๊ะทํางาน เหวี่ยงสับอากาศซ้ายกับขวา เป็น เช่นนั้นจริง เพียงแค่สะบัดข้อมือ ขวานตอบสนองเหมือนหมาที่ฝึกมา อย่างดี นายทวารสมควรจะภาคภูมิใจในผลงานเยี่ยมยอดของตน “ข้าทําด้ามด้วยเหมือนกัน ถากจากไม้แอชสิบปี บางคนอาจชอบไม้อื1น แต่สําหรับข้า ต้องเป็นไม้แอชสถานเดียว ไม่อ่อนกว่านี้ ไม่แก่กว่านี้ สิบปี เหมาะสมที่สุด แข็งแกร่ง เปียกชื้น ยืดหยุ่นสูง ป่าตะวันออกเป็นดงไม้ ด้ามเครื1องมือ” “ใช้มีดมากขนาดนี้ ทํา ’ไร?” ผมถาม “งานหลายอย่าง” นายทวารตอบ “...ลุถึงฤดูหนาว ต้องใช้มีดใช้ผึ่ง รอจนถึงฤดูหนาวเถอะ จะทราบได้เอง ที่นี่ฤดูหนาวยาวนาน” มีลานชุมนุมของสัตว์ขนทองนอกกําแพงเมืองในยามราตรี ลานกว้างมี สายธารไหลผ่าน เลยไกลไปจากนั้นเป็นป่าแอปเปิลไกลสุดลูกหูลูกตา ทะเลป่าไม้แผ่ไกลจนคล้ายจะจรดขอบฟ้า “ไม่ มี ใ ครนอกจากคุ ณ มาดู สั ต ว์ ข นทอง” นายทวารตั้ ง ข้ อ สั ง เกต “...อาจเป็นเพราะคุณเพิ่งมาใหม่ก็เป็นได้ อยู่ที่นี่ ไปนานวัน ก็จะชินจน เห็นเป็นเรื1องธรรมดา ทุกอย่างดําเนินไปตามร่องรอยทีค่ วรจะเป็น ไม่เหลือ ความตื1นเต้นเร้าใจอีกแล้ว ทุกคนเป็นเช่นนั้น จะมีข้อยกเว้นก็แต่เฉพาะ สัปดาห์แรกของต้นฤดูใบไม้ผลิ” สัปดาห์แรกของฤดูใบไม้ผลิ นายทวารเล่าให้ฟัง ผู้คนในมหานคร จะปีนขึ้นไปยังหอคอยสังเกตการณ์ เพื1อรับชมการต่อสู้ของสัตว์แสนสวย นี่เป็นช่วงเวลาที่สัญชาตญาณปลุกเร้าให้ตัวผู้ต่อสู้กัน หลังจากผลัดขน 28
ปลายขอบฟ้า
ฤดูหนาวทิ้งไปแล้ว หนึ่งสัปดาห์ก่อนที่ตัวเมียจะตกลูก สัตว์แสนสวยจะ เปลี่ยนเป็นดุร้ายอํามหิต ทําร้ายคู่ต่อสู้บาดเจ็บสาหัส จนยากจะเชื1อว่าเป็น สัตว์อ่อนโยนสุขสงบ สั ต ว์ ข นทองฤดู ใ บไม้ ร ่ ว งคู ้ เ ข่ า นอนซุ ก แบ่ ง ปั น ไออุ ่ น ระหว่ า งกั น ขนสีทองยาวสลวยเรื1อเรืองในแสงยํา่ สนธยา นิง่ ค้างคล้ายรูปปัน้ นิง่ รอคอย ใบหน้าแหงนหงายมองฟ้าจนรังสีแสงลําสุดท้ายลับหายพ้นขอบป่าแอปเปิล เมื1อแสงเหือดสิ้น ราตรีดําหม่นคลี่ม่านมาคลุมทับ สัตว์ขนทองแสนสวย ค้อมหัวลงทอดเขาสีขาวโพลนบนพื้นดิน ปิดตาหลับใหล สิ้นวันหนึ่ง...วันแรกในมหานคร
นพดล เวชสวัสดิ์
29
ผลงานส่วนหนึ่งของฮารูกิ มูราคามิ เรียงล�าดับตามเวลาการออกฉบับภาษาญี่ปุ่น
1979 สดับลมขับขาน (Hear the Wind Sing) ชัว่ ระยะ 19 วัน ช่วงปิดเทอมของ ชายหนุ่มวัย 21 ปี ที่ไม่ได้รับการ เอ่ยนาม ระหว่างขลุกอยู่ในบาร์ คบหากับ ‘มุสิก’ สหายหนุ่ม
1980 พินบอล, 1973 (Pinball, 1973) เหตุเกิดเมื1อชายหนุ่มนักแปลมี จิตผูกพันกับเครื1องเล่นพินบอล รุน่ ‘ยานอวกาศ’ และออกติดตาม หาเครื1องเล่นในดวงใจที่อาจจะ หลงเหลือเป็นเครื1องสุดท้าย
1982 แกะรอย แกะดาว (A Wild Sheep Chase) นักเขียนนิรนามถูกอิทธิพลมืด บีบเค้น ออกเดินทางพร้อมกับ สาวหูมหัศจรรย์ ไปยังดินแดน หนาวเหน็บ เพื1อตามหาแกะ พิสดารตามความประสงค์ของ ผู้ยิ่งใหญ่ลึกลับ 1983 วันเหมาะเจาะสําหรับจิงโจ้ (A Perfect Day for Kangaroos) ไปดูลกู จิงโจ้เพิง่ เกิดใหม่ ไปเจอสาวน้อย ร้ อ ยเปอร์ เ ซ็ น ต์ เช้ า วั น ฟ้ า ใสเดื อ น เมษายน สัมผัสความง่วงที่ ไม่เข้าใคร ออกใคร นัง่ แท็กซีท่ มี่ คี นขับเป็นแวมไพร์ และอื1นๆ
1985 แดนฝันปลายขอบฟ้า (Hard-boiled Wonderland and the End of The World) การเดินทางยาวไกลสู่โลกอนาคต พบ สั ต ว์ ข นสี ท องสุ ก ปลั่ ง มี เ ขาเดี่ ย ว กลางหน้าผาก คละข้อมูลเข้ารหัส โดยการโยนจากสมองซีกขวาไปยัง ซีกซ้าย อ่านความฝันเก่าจากกะโหลก ขาวโพลน 1984 เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน (Firefly, Barn Burning and other stories) พบกับเรื1องสั้นที่เป็นโครงคร่าว ต้นเรื1องของ ด้วยรัก ความตาย และหั ว ใจสลาย นวนิ ย ายชื1อ เลื1อง โรงนามอดไหม้ เริงระบํา กับคนแคระ และอื1นๆ
1985 ไม่มีใครนําหน้า บนม้าหมุน (Dead Heat on a Merry-Go-Round) ชีวิตคนเราดั่งม้าหมุน หมุนไปในที่ที่ ถูกกําหนด ไปไหนก็ ไม่ ได้ ไม่แซง หน้าใคร และไม่ถกู ใครแซงหน้า หาก เรายั ง ควบตะบึ ง ขั บ เคี่ ย วคู ่ แ ข่ ง ใน จินตนาการอย่างดุเดือดสูสี
1987 ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย (Norwegian Wood) เรื1องราวของความรัก ไม่ใช่ความรัก ทัว่ ไป หากเป็นเรื1องราวของชายหนุม่ ที่ เ รี ย นรู ้ แ ละเติ บ โต เรื1อ งราวของ หญิงสาวผู้สับสน เรื1องราวของชีวิต และความตาย 1986 คําสาปร้านเบเกอรี (The Second Bakery Attack) ขอเชิ ญ เข้ า สู ่ ส ถานการณ์ พิ ลึ ก เพี้ยน พาไปบุกปล้นร้านเบเกอรี เพื1อ ถอนคํ า สาป ติ ด ตามคดี ช้างหาย กับชายผู้ขายเอกภาพ ในเครื1องใช้ ในครัว และอื1นๆ
1988 เริงระบําแดนสนธยา (Dance Dance Dance) ตัวเอกในเรื1องนี้เป็นคนเดียวกับ ‘ผม’ ในเรื1อ งสดั บ ลมขั บ ขาน, พินบอล, 1973 และแกะรอย แกะดาว 1990 ทีวีพีเพิล (TV People) พบกับชายผู้มีทีวีพีเพิลมาหาในเย็น วันอาทิตย์ สดับฟังชายชู้เมียชาวบ้าน ผู้มีนิสัยพูดคนเดียวราวกับอ่านบทกวี รับทราบเบือ้ งลึกเบือ้ งลับของมิสเตอร์ คลีนที่ทุกคนชื1นชม และอื1นๆ
1992 การปรากฏตัวของหญิงสาว ในคืนฝนตก (South of the Border, West of the Sun) เรื1องราวของชายสามัญ ผู้ดูคล้าย ประสบความสําเร็จในทุกสิ่ง เป็น เจ้าของบาร์แจ๊ซชั้นดี มีครอบครัว เล็ ก ๆ น่ า รั ก พรั ก พร้ อ มเงิ น ทอง ข้าวของนอกกาย หากในใจยังคง ครวญหารั ก แรกในวั ย เยาว์ จน กระทั่ ง วั น หนึ่ ง หญิ ง สาวจากอดี ต ผู้นั้นย้อนกลับมา
1994 - 1995 บันทึกนกไขลาน (The Wind-Up Bird Chronicle) จากก้นบ่อนํ้าแห้งเงียบสงัด ไปจนถึ ง กระดิ่ ง เลื1อ นหิ ม ะ กรุ๋งกริ๋งในไซเบอร์สเปซ จาก กล่องนํ้าหอมในถังขยะ ย้อน เวลากลั บ ไปถึ ง การแล่ ห นั ง มนุ ษ ย์ ทั้ ง เป็ น ในแมนจู เ รี ย และการสั ง หารหมู ่ เ ฟอะฟะ ในสวนสัตว์ซินเกียง
1997 - 1998 Underground บทสัมภาษณ์ผู้อยู่ในเหตุการณ์ กรุงโตเกียวถูกโจมตีด้วยแก๊สพิษ ในสถานีรถไฟใต้ดนิ ทีม่ ผี เู้ สียชีวติ 12 คน บาดเจ็บหลายพัน เพื1อ ตามหาที่ ม าที่ ไ ปของเหตุ ร ้ า ย สะเทือนขวัญครั้งนี้ 1996 ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน (Lexington Ghosts) ไ ป ห ล ง ก ล ม น ต ร ์ ข อ ง ป ี ศ า จ ที่ เต้นระบําอยู่บนบทเพลงแจ๊ซและ ความตาย ไปสํารวจดินแดนมนุษย์ นํ้ า แข็ ง อั น แสนหนาวเย็ น แห่ ง ขั้ ว โลกใต้ ไปปะทะคลื1น ยั ก ษ์ ริ ม ฝั ่ ง ทะเลชายฝั ่ ง ของจั ง หวั ด เล็ ก ๆ ห่างไกลผูค้ น ไปพบกับปีศาจเขียวที่ โผล่มาให้ตระหนกอกสั่นขวัญแขวน และอื1นๆ
1999 รักเร้นในโลกคู่ขนาน (Sputnik Sweetheart) ฤดูใบไม้ผลิปีที่ยี่สิบสอง สุมิเระ ตกหลุมรักเป็นครั้งแรกในชีวิต รักเข้มข้นดูดดื1ม ความรักทีเ่ รียก ได้ว่ายิ่งใหญ่พอจะสถาปนาเป็น อนุสาวรีย์ ได้ ผูท้ เี่ ธอหลงรักอายุ แก่กว่าเธอ 17 ปี แต่งงานแล้ว น่าจะเพิ่มเติมด้วยว่าเป็นสตรี 1999 อาฟเตอร์เดอะเควก (after the quake) เรื1องราวของตัวละครหกคนใน เรื1องสั้นหกเรื1องที่ตกอยู่ในห้วง รัดแห่งพันธนาการจากเรื1องราว หนหลั ง บางอย่ า ง ซึ่ ง ค่ อ ยๆ ปรากฏโฉมขึ้ น อี ก ครั้ ง โดยมี สาเหตุ จ ากกรณี แ ผ่ น ดิ น ไหว ครั้งใหญ่ที่โกเบ
2002 คาฟกา วิฬาร์ นาคาตะ (Kafka on the Shore) ตัวละครสองหญิง สามชายจะร่าย ความพิลึกพิสดารในชีวิตของตน ให้ปรากฏ แถมด้วยกึง่ หญิงกึง่ ชาย อีกคน และชายสวมหมวกท็อปแฮ็ต รองเท้าบู๊ตหนังสูงถึงเข่า กับชาย ชรา อดี ต นายทหารในสู ท สี ข าว ทั้งชุดที่ทุกผู้ทุกคนทุกมุมโลกรู้จัก กันอย่างดี
2004 ราตรีมหัศจรรย์ (After Dark) ในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงยามราตรี ตัวละครที่มีความแปลกแยกและ แตกต่ า งทยอยเข้ า สู ่ เ วที เ ล็ ก ๆ กลางเมืองใหญ่ บ้างปรารถนาจะ หลบเลีย่ งความจริงบางอย่างของ ชีวิต บ้างปรารถนาจะเติมเต็ม จิ ต วิ ญ ญาณของตนด้ ว ยการ หลอมรวมกับคนอื1น 2005 ลึกลับ.โตเกียว.เรื1องสั้น. (Tokyo Mysterious Story Collection) เรื1อ งราวลึ ก ลั บ หลายระดั บ หลาก ความเข้มข้น ความบังเอิญชวนฉงน การติดตามคนหายสาบสูญ บ้างไปแล้ว ไปลับ บ้างไปแล้วพบตัวกลับมา เกิด อะไรขึ้ น เมื1อ ชื1อ และนามสกุ ล หนี ห าย ไปจากความทรงจํา และอื1นๆ
2007 เกร็ดความคิดบนก้าววิ่ง (What I Talk About When I Talk About Running) สัมผัสกับเนื้อแท้ รู้จักวิถีชีวิต วิถี ความคิด ผ่านบันทึกเรื1องราวการวิ่ง จากถ้ อ ยคํ า ของ ‘ฮารู กิ มู ร าคามิ ’ ตัวจริงเสียงจริง
2009 - 2010 หนึ่งคิวแปดสี่ (1Q84) เรื1องราวของโลกสองใบทีเ่ คลื1อนมาบรรจบ เรื1องราวของชายหญิงคู่หนึ่งที่ตามหากัน และกัน หากทั้งสองจะถูกลิขิตให้พบกันใน โลกใบไหน โลกเดิมในปี 1984 หรือใน 1Q84
2013 ชายไร้สีกับปีแสวงบุญ (Colorless Tsukuru Tazaki and His Years of Pilgrimage) ตั้ ง แต่ เ ดื อ นกรกฎาคมช่ ว งที่ อ ยู ่ ม หาวิ ท ยาลั ย ปี ส อง จนถึงเดือนมกราคมปีถัดไป ทสึคุรุ ทะซากิ มีชีวิต อยู่กับความคิดเรื1องการตายแทบจะเพียงอย่างเดียว วันเวลานัน้ เขาคิดว่าการจบชีวติ ของตนเป็นเรื1องธรรมดา มี เ หตุ มี ผ ลยิ่ ง กว่ า สิ่ ง ใด เหตุ ใ ดเขาจึ ง ไม่ เ หยี ย บย่ า ง ก้าวสุดท้าย แม้ขณะนี้ก็ยังไม่รู้เหตุผล ทั้งๆ ที่ในเวลา นั้น การจะก้าวข้ามเส้นแบ่งความเป็นความตายเป็น เรื1องง่ายดายยิ่งกว่าการกลืนไข่ดิบสักฟองเสียอีก
หากพบหนังสือที่มีขอผิดพลาดหรือไมไดมาตรฐาน อาทิ หนากระดาษขาดหายหรือสลับกัน โปรดแจงมาที่ gammemagie@gammemagie.com เพื่อขอเปลี่ยนเลมใหม