เลอไวอะธัน [Leviathan]

Page 1


Leviathan เลอไวอะธัน Paul Auster นาลันทา คุปต์

เขียน แปล

บรรณาธิการ

ธนรรถวร จตุรงควาณิช

บรรณาธิการบริหาร บรรณาธิการจัดการ

อธิชา มัญชุนากร กาบูล็อง มณฑา มัญชุนากร ศรรวริศา เมฆไพบูลย์

ออกแบบปก รูปเล่ม พิสูจน์อักษร

ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์ วัชรา พิพัฒนาไพบูรณ์ นินนารา

Copyright © Paul Auster, 1992 All rights reserved including the right of reproduction in whole or in part in any form. This edition published by arrangement with Viking, a member of Penguin Group (USA) Inc. through Tuttle-Mori Agency Co., Ltd. ISBN 978-616-7591-42-1 ราคา 250 บาท


จัดพิมพ์โดย : ส�านักพิมพ์ก�ามะหยี่ 74/1 รังสิต-นครนายก 31 ธัญบุรี ปทุมธานี 12130 โทรศัพท์ : 084 146 1432 โทรสาร : 02 996 1514 Email : gammemagie@gammemagie.com Homepage : http://www.gammemagie.com Facebook : http://www.facebook.com/GammeMagieEditions พิมพ์ที่ : ห้างหุ้นส่วนจ�ากัด ภาพพิมพ์ 45/12-14, 33 หมู่ที่ 4 ต�าบลบางขนุน อ�าเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทรศัพท์ : 02 433 0026-7, 02 433 8586 โทรสาร : 02 433 8587 Homepage : http://www.parbpim.com จัดจ�าหน่ายทั่วประเทศโดย: บริษัทอมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ จ�ากัด 108 หมู่ที่ 2 ถนนบางกรวย-จงถนอม ต�าบลมหาสวัสดิ์ อ�าเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทรศัพท์ : 02 423 9999 โทรสาร : 02 449 9222, 02 449 9500-6 Homepage : http://www.naiin.com


แด่ดอน  เดอลิลโล

รัฐที่แท้จริงทุกรัฐล้วนชั่วร้าย ราล์ฟ  วอลโด  เอเมอร์สัน


1 เมื่อหกวันก่อน ชายคนหนึ่งตายจากระเบิดของตัวเองข้างถนนทาง ตอนเหนื อ ของรัฐวิสคอนซิน ไม่มีพยานรู้เห็น แต่ดูเหมือนเขานั่งอยู่บน พืน้ หญ้าข้างรถทีจ่ อดอยูต่ อนระเบิดทีก่ า� ลังประกอบเกิดระเบิดขึน้ โดยไม่ตงั้ ใจ ตามที่ระบุในรายงานการชันสูตรซึ่งเพิ่งตีพิมพ์ ชายคนนั้นเสียชีวิตในทันที ร่างแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย บางชิ้นส่วนของร่างกายถูกพบห่างจากจุด ระเบิดถึงห้าสิบฟุต จนถึงวันนี้ (4 กรกฎาคม 1990) ดูจะยังไม่มีใครรู้ว่าผู้ตาย เป็นใคร เอฟบีไอซึ่งท�างานร่วมกับต�ารวจท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่จากส�านักงาน ควบคุมแอลกอฮอล์ ยาสูบ และอาวุธปืน เริ่มต้นการสืบสวนโดยตรวจสอบ รถยี่ห้อดอดจ์สีน�้าเงินอายุเจ็ดปี ป้ายทะเบียนรัฐอิลลินอยส์ และไม่นานก็ รู้ว่าเป็นรถที่ถูกขโมยมา ฉกกันตอนกลางวันแสกๆ จากลานจอดรถในเมือง โจเลียตเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน และเมื่อตรวจสอบข้าวของในกระเป๋าเงินของ ผูต้ ายซึง่ รอดจากการระเบิดโดยแทบไม่มรี อยขีดข่วนอย่างปาฏิหาริย์ พวกเขา ก็นกึ ว่าบังเอิญพบขุมทรัพย์เข้าแล้วเพราะมีทงั้ ใบขับขี่ หมายเลขประกันสังคม และบัตรเครดิต แต่ทันทีที่ป้อนเอกสารพวกนั้นเข้าคอมพิวเตอร์ ก็ปรากฏว่า ทุกชิ้นเป็นของปลอมหรือขโมยมาทั้งสิ้น ขั้นต่อไปควรจะเป็นรอยนิ้วมือ แต่ ในคดีนี้ ไม่มีลายนิ้วมือ เพราะมือของชายคนนั้นถูกระเบิดท�าลายสิ้น ส่วน รถก็ ไร้ประโยชน์พอกัน ดอดจ์ทั้งคันกลายสภาพเป็นก้อนโลหะไหม้และ Paul Auster

5


พลาสติกหลอมละลาย ไม่วา่ จะพยายามเพียงใดก็ ไม่พบรอยนิว้ มือในรถแม้แต่ รอยเดียว บางทีโชคอาจจะเข้าข้างบ้างจากการตรวจสอบฟัน ถ้าหากมีฟัน มากพอให้ตรวจสอบ แต่นนั่ ก็จา� ต้องใช้เวลาไม่นอ้ ยและอาจยาวนานเป็นหลาย เดือน ในที่สุดแล้วพวกเขาต้องหาลู่ทางสักอย่างได้แน่ แต่จนกว่าจะยืนยัน ตัวตนของเหยื่อที่ยับเยินรายนี้ ได้ คดีก็แทบไม่มีโอกาสเดินหน้า ส�าหรับผมแล้ว ยิ่งพวกนั้นใช้เวลานานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เรื่องที่ผมจะ ต้องเล่านี้ค่อนข้างซับซ้อน และหากผมไม่อาจเล่าจบก่อนที่พวกนั้นควานหา ค�าตอบได้ ถ้อยค�าที่ผมก�าลังจะเขียนต่อไปนี้จะไร้ความหมายไปโดยสิ้นเชิง ทันทีที่ความลับหลุดออกไป ค�าโป้ปดทุกอย่างจะถูกบอกเล่า การบิดเบือน อย่างอัปลักษณ์จะถูกเผยแพร่ไปตามหนังสือพิมพ์และนิตยสาร และในเวลา เพียงไม่กี่วัน ชื่อเสียงของชายคนหนึ่งก็จะถูกท�าลายย่อยยับ ไม่ ใช่ว่าผม อยากจะแก้ต่างในสิ่งที่เขาท�า แต่ในเมื่อเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะแก้ตัวเอง ได้อกี แล้ว สิง่ ทีผ่ มพอจะท�าได้คอื อธิบายตัวตนของเขา และบอกเล่าเรือ่ งราว แท้จริงว่าเขาบังเอิญไปอยู่บนถนนทางตอนเหนือของวิสคอนซินเส้นนั้นได้ อย่างไร เพราะฉะนั้นผมจึงต้องท�างานให้เร็ว เพื่อพร้อมรับมือเมื่อเวลานั้น มาถึง หากบังเอิญว่าปริศนานีย้ งั คงไม่คลีค่ ลาย ผมก็จะเก็บสิง่ ทีเ่ ขียนไว้และ ไม่มีใครจ�าเป็นต้องรู้เรื่องนี้ นั่นคือรูปการณ์ที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้ สภาวะ นิ่งสนิท ไม่มีฝ่ายใดพูดอะไรออกมา แต่ผมต้องไม่หวังพึ่งว่ามันจะเกิดขึ้น การจะลงมือท�าในสิ่งที่จ�าเป็นได้นั้น ผมต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าพวกนั้น ตามรอยเขาใกล้เข้าไปทุกทีแล้ว และไม่ช้าก็เร็วต้องรู้แน่ว่าเขาเป็นใคร ไม่ใช่ เมื่อผมมีเวลามากพอจะเขียนให้จบเท่านั้น แต่เป็นทุกชั่วขณะใดก็ ได้นับจากนี้ วันรุ่งขึ้นหลังเหตุระเบิด ส�านักข่าวตีพิมพ์บทความสั้นๆ พูดถึงคดีนี้ มันเป็นจ�าพวกข่าวสั้นก�ากวมยาวสองย่อหน้าที่ถูกซ่อนในช่วงกลางฉบับ แต่ ผมบังเอิญอ่านเจอในนิวยอร์กไทม์สระหว่างกินมื้อกลางวันบ่ายวันนั้น เป็น ธรรมดาที่ผมจะเริ่มนึกถึงเบนจามิน แซคส์ ในบทความนั้นไม่มีอะไรชี้ชัด ไปทีเ่ ขา แต่ในขณะเดียวกันทุกอย่างก็ดเู หมาะเจาะลงตัว เราไม่ได้คยุ กันเกือบ ปีแล้ว แต่ตอนที่คุยกันครั้งสุดท้าย เขาพูดไว้มากพอที่จะท�าให้ผมเชื่อว่าเขา

6

Leviathan


ก�าลังเดือดร้อนอย่างหนัก ก�าลังพุ่งถล�าเข้าสู่หายนะด�ามืดที่ยากจะระบุ ถ้า นั่นยังฟังดูเลื่อนลอย ผมก็อยากจะเสริมว่าเขาพูดถึงระเบิดด้วย และพูดถึง มันไม่หยุดตลอดการเยือน ตลอดสิบเอ็ดเดือนหลังจากนั้น ผมมีชีวิตอยู่ด้วย ความกลัวในใจ กลัวว่าเขาจะฆ่าตัวตาย กลัวว่าวันหนึง่ ผมจะเปิดหนังสือพิมพ์ ขึ้ นมาเจอว่ าเพื่อนผมระเบิดตัวเองตายไปแล้ว ตอนนั้นมันเป็นเพียงแค่ สัญชาตญาณล้วนๆ เป็นเพียงการคล�าเปะปะในความมืด แต่เมื่อความคิดที่ ว่าโผล่เข้ามาในหัวแล้ว ผมก็ ไม่สามารถสลัดมันออกไปได้ สองวันหลังจากที่ บังเอิญได้อ่านข่าวนั้น เจ้าหน้าที่เอฟบีไอคู่หนึ่งก็มาเคาะประตูบ้านผม เมื่อ ทั้งสองประกาศตัวว่าเป็นใคร ผมก็รู้ ในทันทีว่าตัวเองคิดถูกแล้ว แซคส์คือ ชายที่ระเบิดตัวเองตายคนนั้น ไม่มีข้อสงสัยใดๆ อีก แซคส์ตายแล้ว และ หนทางเดียวทีผ่ มจะช่วยเขาได้ ในตอนนีก้ ค็ อื เก็บเรือ่ งความตายของเขาไว้กบั ตัว อาจเป็นโชคดีทผี่ มได้อา่ นข่าวนัน้ แม้จะจ�าได้วา่ ตอนอ่านจะนึกอยากให้ ตัวเองไม่เคยได้เห็นมันเลยด้วยซ�้า เพราะอย่างน้อยที่สุดมันก็ท�าให้ผมมีเวลา ค่อยๆ ซึมซับความตระหนกได้สองวัน เมื่อคนจากเอฟบีไอโผล่มาสอบถาม ที่นี่ ผมจึงอยู่ในสภาพที่พร้อมอยู่แล้ว ซึ่งช่วยให้ผมควบคุมตัวเองได้ การที่ ต้องใช้เวลาถึงสี่สิบแปดชั่วโมงกว่าที่พวกเขาจะสามารถตามรอยมาถึงผมก็ มีส่วนช่วยอย่างมาก ในบรรดาข้าวของที่เก็บมาได้จากกระเป๋าสตางค์ของ แซคส์ ดูเหมือนจะมีเศษกระดาษที่เขียนชื่อย่อกับหมายเลขโทรศัพท์ของผม ไว้ด้วย นั่นคือสิ่งท�าให้พวกเขาสาวมาถึงตัวผม แต่บังเอิญหมายเลขนั้นเป็น ของโทรศัพท์ทบี่ า้ นในนิวยอร์ก และตลอดสิบวันทีผ่ า่ นมาผมอยู่ในเวอร์มอนต์ พักอยูก่ บั ครอบครัวในบ้านเช่าทีเ่ ราตัง้ ใจจะอยูไ่ ปตลอดฤดูรอ้ นทีเ่ หลือ ยากจะ รู้ได้วา่ พวกเขาต้องพูดคุยกับคนกีค่ นกว่าจะรูว้ า่ ผมอยูท่ นี่ ี่ ถ้าผมเสริมว่าบ้านนี้ เป็นของอดีตภรรยาของแซคส์ ก็เพียงเพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าสุดท้ายแล้ว เรื่องนี้จะซับซ้อนยุ่งเหยิงขนาดไหน ผมเล่นบทคนโง่ให้พวกนั้นดูอย่างสุดฝีมือ ให้ข้อมูลน้อยที่สุดเท่าที่ จะท�าได้ เปล่าครับ ผมพูด ผมไม่ได้เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ ไม่รู้อะไรเลย เกีย่ วกับเหตุระเบิด รถทีถ่ กู ขโมย หรือถนนสายเปลีย่ วในวิสคอนซิน ผมบอก Paul Auster

7


พวกเขาว่าผมเป็นนักเขียน เลี้ยงชีพด้วยการเขียนนิยาย หากพวกเขาอยาก ตรวจสอบดูวา่ ผมเป็นใครก็เชิญตามสะดวก แต่นนั่ ไม่ชว่ ยให้คดีคบื หน้าหรอก มีแต่จะเสียเวลาเปล่าๆ ก็อาจใช่ พวกนั้นว่า แต่เรื่องเศษกระดาษในกระเป๋า เงินผู้ตายนี่ล่ะ นี่พวกเขาไม่ได้พยายามกล่าวหาอะไรผมหรอกนะ แต่การที่ ผู้ตายพกหมายเลขโทรศัพท์ของผมติดกระเป๋าก็น่าจะพิสูจน์แล้วว่าพวกเรา มีความเกีย่ วพันกัน เรือ่ งนัน้ ผมต้องยอมรับไม่ใช่หรือ อ้อ แน่นอนอยูแ่ ล้ว ผม พูดออกไป แต่แค่ดูเหมือนไม่ได้แปลว่าต้องเป็นจริงนี่ หมอนั่นมีทางได้เบอร์ ผมเป็นพันวิธี ผมมีเพื่อนอยู่ทั่วโลก อาจมีคนไหนเอาเบอร์ ให้คนแปลกหน้า ก็ ได้ แล้วคนแปลกหน้านัน่ ก็อาจส่งต่อให้คนแปลกหน้าอีกคนหนึง่ ซึง่ ส่งให้คน แปลกหน้าอีกคนต่อไป ก็อาจใช่ พวกนัน้ ว่า แต่ทา� ไมคนเราต้องพกหมายเลข โทรศัพท์ของคนที่ ไม่รจู้ กั ไปไหนต่อไหนด้วยล่ะ เพราะผมเป็นนักเขียนไง ผมว่า อ้อ งั้นรึ พวกนั้นพูด แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ เพราะหนังสือของผมได้รับ การตีพมิ พ์ ไง ผมพูด ผมไม่รจู้ กั ว่าผูอ้ า่ นของผมเป็นใคร ผมเข้าไปในชีวติ ของ คนแปลกหน้าโดยไม่รู้ตัวด้วยซ�้า และตราบเท่าที่พวกเขาถือหนังสือของผม อยู่ในมือ ถ้อยค�าของผมก็จะเป็นความจริงเดียวทีม่ อี ยูส่ า� หรับพวกเขา ก็เรือ่ ง ปกตินี่ พวกนัน้ พูด หนังสือก็เป็นอย่างนีแ้ หละ ก็ใช่ ผมตอบ มันเป็นอย่างนัน้ แต่บางคราวก็ปรากฏว่าคนพวกนีเ้ ป็นบ้า เขาอ่านหนังสือของเราและบางอย่าง ในนัน้ กระทบกับอะไรลึกๆ ในจิตวิญญาณของเขา แล้วทันทีทนั ใดนัน้ พวกเขา ก็นึกไปว่าเราเป็นของพวกเขา เป็นเพื่อนคนเดียวที่พวกเขามีในโลกนี้ เพื่อให้ เห็นชัดเจนขึ้น ผมยกตัวอย่างให้เขาฟังสองสามเรื่อง ทุกเรื่องเป็นเรื่องจริง ทุกเรือ่ งมาจากประสบการณ์ตรงของผม จดหมายเสียสติ เสียงกริง่ โทรศัพท์ ตอนตีสาม ค�าขู่ที่ ไม่ลงชื่อ ผมเล่าต่อว่า เมื่อปีที่แล้วนี่เอง ผมพบว่ามีคน แอบอ้างว่าเป็นผม คอยตอบจดหมายแทนผม เดินเข้าไปในร้านหนังสือและ เซ็นชื่อลงในหนังสือผม ล่องลอยเหมือนเงาชั่วร้ายอยู่ตามชายขอบชีวิต หนังสือเป็นวัตถุที่ลึกลับ ผมบอกไปอย่างนั้น และเมื่อมันถูกปลดปล่อยออก ไปในโลก อะไรๆ ก็เกิดขึน้ ได้ ความร้ายกาจทุกอย่างสามารถก่อเกิด และไม่มี อะไรที่เราจะเข้าไปจัดการได้แม้แต่อย่างเดียว มันหลุดพ้นจากการควบคุม

8

Leviathan


ของเราไปแล้วโดยสิ้นเชิง ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเห็นว่าค�าปฏิเสธของผมหนักแน่นพอไหม ผมออก จะคิดว่าไม่ แต่ต่อให้พวกนั้นไม่เชื่อที่ผมพูดแม้แต่ค�าเดียว ก็ยังเป็นไปได้ว่า ยุทธวิธีนี้สามารถซื้อเวลาให้ผมได้บ้าง เมื่อนึกถึงว่าไม่เคยพูดกับเจ้าหน้าที่ เอฟบีไอมาก่อน ผมก็รู้สึกว่าผมควบคุมตัวเองได้ดีพอควรระหว่างการพูดคุย ผมใจเย็น สุภาพ สามารถสือ่ ทัง้ ความอยากช่วยเหลือและความงุนงงออกไป ได้ ในสัดส่วนพอเหมาะ แค่นั้นก็ถือเป็นชัยชนะส�าหรับผมแล้ว อันที่จริงต้อง ถือว่าผมไม่คอ่ ยมีพรสวรรค์ในทางหลอกลวงนัก และแม้จะพยายามอยูห่ ลายปี ผมก็แทบไม่เคยหลอกอะไรใครได้เลย ถ้าการแสดงของผมเมื่อวานซืนดู น่าเชื่อถือ ส่วนหนึ่งก็มาจากเจ้าหน้าที่เอฟบีไอนั่นเองด้วย ไม่ใช่เพราะสิ่งที่ เขาพูดหรอก แต่เป็นเพราะลักษณะท่าทาง การที่พวกเขาแต่งตัวได้เข้ากับ บทบาทอย่างสมบูรณ์แบบ ตรงกับทุกรายละเอียดที่ผมจินตนาการมาตลอด ว่าคนจากเอฟบีไอควรจะเป็น ทั้งสูทฤดูร้อนเนื้อบาง รองเท้าหุ้มข้อหนาหนัก เสื้อเชิ้ตแบบไม่ต้องรีด แว่นกันแดดนักบิน เรียกได้ว่าเป็นแว่นกันแดดที่ขาด ไม่ได้เลยทีเดียว เหล่านี้ล้วนช่วยเสริมบรรยากาศความจอมปลอมให้กับฉาก ราวกับว่าชายเหล่านี้เป็นเพียงนักแสดง เป็นตัวประกอบที่ถูกจ้างมาเดินผ่าน ฉากในหนังทุนต�า่ ทั้งหมดนี่ท�าให้ผมอุ่นใจอย่างประหลาด และเมื่อมองย้อน กลับไป ผมก็เข้าใจแล้วว่าความรู้สึกไม่สมจริงนี้เป็นประโยชน์กับผมอย่างไร มันเปิดโอกาสให้ผมคิดว่าตัวเองก็เป็นนักแสดงเช่นกัน และเพราะได้กลายเป็น คนอื่นนี่เองจึงมีสิทธิ์ที่จะหลอกลวงและสามารถโกหกได้ โดยไม่ต้องรู้สึกผิด ต่อมโนธรรมแม้แต่น้อย แต่พวกนั้นไม่โง่ คนหนึ่งอายุสี่สิบต้นๆ ส่วนอีกคนอ่อนกว่ามาก อาจ แค่ยี่สิบห้าหรือยี่สิบหก ทั้งคู่ต่างมีแววตาบางอย่างที่ท�าให้ผมระวังตัวตลอด เวลาที่พวกเขาอยู่ที่นั่น ยากจะชี้ชัดได้ว่าอะไรในแววตานั้นที่ข่มขู่คุกคาม แต่ ผมคิดว่าน่าจะเป็นความว่างเปล่า การไม่ยอมเข้ามายุ่งเกี่ยว เหมือนกับเฝ้า มองทุกสิง่ และไม่ได้มองดูสงิ่ ใดเลยในเวลาเดียวกัน สายตานัน่ แสดงออกน้อย เหลือเกิน ผมไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่าทั้งสองคนนั้นก�าลังคิดอะไรอยู่ นัยน์ตา Paul Auster

9


ของพวกเขาดูเหมือนจะอดทนเกินไป ช�า่ ชองในการสือ่ ความเย็นชาเกินไป แต่ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังระแวดระวัง เรียกว่าระแวดระวังอย่างไม่ยอมลดละ เหมือนได้รับการฝึกฝนมาเพื่อสร้างความอึดอัดโดยเฉพาะ มันท�าให้เรารู้สึก ถึงข้อบกพร่องและความผิดบาปของตนเอง ท�าให้เราอยูไ่ ม่เป็นสุข เจ้าหน้าที่ สองคนนีช้ อื่ เวอร์ธกี บั แฮริส แต่ผมจ�าไม่ได้แล้วว่าคนไหนเป็นคนไหน โดยทาง กายภาพแล้วทั้งคู่เหมือนกันจนชวนหวั่นใจ แทบจะเป็นฉบับแก่และฉบับหนุ่ม ของคนเดียวกัน สูง แต่ไม่สูงจนเกินไป หุ่นดี แต่ไม่ดีจนเกินไป ผมสีทราย ตาสีฟา้ มือหนา เล็บมือสะอาดไร้ทตี่ ิ จริงอยูท่ วี่ ธิ กี ารพูดจาของทัง้ คูแ่ ตกต่าง กัน แต่ผมไม่อยากตีความจากความประทับใจแรกมากเกินไปนัก เท่าที่ผมรู้ พวกเขาผลัดกัน เปลี่ยนบทบาทไปมาได้ทุกเมื่อที่นึกอยาก ตอนมาเยือนผม เมื่อสองวันก่อน คนหนุ่มเล่นบทดุ ค�าถามเขาตรงทื่อ และดูเหมือนเขาจะ ทุม่ เทกับงานจนเกินกว่าเหตุ ดูจากการทีแ่ ทบจะไม่เคยยิม้ เลย และท�าตัวเป็น ทางการกับผมจนร�า่ ๆ จะเป็นการแดกดันและน่าร�าคาญ คนแก่ผอ่ นคลายและ เป็นมิตรกว่า พร้อมจะปล่อยให้การสนทนาไหลลื่นไปตามธรรมชาติมากกว่า เพราะเหตุนั้นเขาจึงอันตรายกว่า แต่ผมต้องยอมรับว่าการคุยกับเขาไม่ได้ ไร้ความบันเทิงเสียทีเดียว พอผมเริ่มเล่าถึงปฏิกิริยาเพี้ยนๆ ของผู้อ่านที่มี ต่อหนังสือผม ผมก็มองออกว่าเขาสนใจ และปล่อยให้ผมลากยาวนอกเรื่อง ไปได้นานกว่าที่คาดไว้ ผมเข้าใจว่าเขาก�าลังหยั่งเชิงผมอยู่ กระตุ้นให้ผมพูด เรื่อยเปื่อยเพื่อที่จะได้เข้าใจตัวตนและรู้ว่าความคิดผมท�างานอย่างไร พอ ผมเล่าถึงเรื่องคนแอบอ้าง เขาเสนอขึ้นมาด้วยซ�้าว่าจะเดินเรื่องสืบสวนให้ แน่นอนว่านั่นอาจเป็นกลลวง แต่ผมเองก็ ไม่ค่อยแน่ใจนัก คงไม่ต้องเสริม กระมังว่าผมปฏิเสธเขาไป แต่ถา้ สถานการณ์ตา่ งไปจากนี้ ผมอาจจะลังเลว่า จะรับความช่วยเหลือจากเขาดีไหม มันเป็นเรือ่ งทีก่ วนใจผมมานานแล้ว และ ผมก็ยินดีเป็นที่สุดที่จะรู้ต้นสายปลายเหตุเสียที “ผมไม่ค่อยได้อ่านนิยายนัก” เจ้าหน้าที่บอก “ไม่เคยมีเวลาพอเลย” “ครับ คนส่วนใหญ่ก็ ไม่มี” ผมพูด “แต่ นิ ย ายคุ ณ คงต้ อ งดี เ ลยละ ไม่อ ย่างนั้ น คุ ณ คงไม่ถู ก รบกวน

10

Leviathan


มากขนาดนี้” “ผมอาจจะถู ก ตามรั ง ควานเพราะมั น แย่ก็ ไ ด้ สมั ย นี้ ใ ครๆ ก็ เป็น นักวิจารณ์วรรณกรรมได้ ถ้าไม่ชอบหนังสือก็ ไปข่มขู่นักเขียนซะ เป็นวิธีที่มี ตรรกะอยู่นะ ให้ไอ้สารเลวนั่นชดใช้สิ่งที่มันท�ากับเรา” “ผมชักจะอยากลองอ่านดูซะแล้ว” เขาพูด “จะได้เห็นว่ามันเรือ่ งอะไร กันนักกันหนา คุณไม่ว่าอะไรใช่ไหม” “ผมไม่ว่าอยู่แล้ว มันถึงได้ไปอยู่ในร้านหนังสือไง ไว้ ให้คนอ่าน” มันเป็นการจบการเยี่ยมเยือนที่ประหลาดดี ผมนั่งจดชื่อหนังสือของ ตัวเองให้เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ แม้แต่ในตอนนี้ ผมก็ยังอยากรู้เหลือเกินว่าเขา ก�าลังตามหาอะไร เขาอาจจะคิดว่าจะได้พบเงื่อนง�าบางอย่างในนั้น หรือ นั่นอาจจะเป็นเพียงวิธีบอกอ้อมๆ ว่าเขาจะกลับมา ว่าเขายังไม่เสร็จธุระกับ ผม ถึงอย่างไรผมก็ยังเป็นเพียงเบาะแสเดียวที่พวกเขามีอยู่ และถ้าหาก พวกเขายังเชื่อว่าผมโกหก ทั้งสองก็จะยังไม่รามือจากผมแน่ นอกเหนือไป จากนี้ ผมยังนึกไม่ออกแม้แต่น้อยว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ พวกเขาไม่น่าจะ มองว่าผมเป็นผูก้ อ่ การร้าย แต่ผมพูดอย่างนัน้ ได้กเ็ พราะรูด้ วี า่ ตัวเองไม่ได้เป็น ในขณะทีพ่ วกเขาไม่รขู้ อ้ นี้ ดังนัน้ พวกเขาจึงอาจยังสืบสวนโดยยึดข้อสันนิษฐานนี้ เป็นแนวทาง ค้นหาอย่างเร่งร้อนว่ามีอะไรทีจ่ ะโยงผมเข้ากับเหตุระเบิดทีเ่ กิด ขึ้นในวิสคอนซินเมื่อสัปดาห์ก่อนได้บ้าง และต่อให้ ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผมก็ ต้องยอมรับความจริงว่าพวกนั้นคงจะท�าคดีติดตามผมไปอีกพักใหญ่ ทั้งคู่ จะสอบถาม ขุดลึกลงไปในชื่อของผม ค้นว่าเพื่อนผมเป็นใครบ้าง แล้ววันใด วันหนึ่งชื่อของแซคส์ก็จะโผล่ขึ้นมา พูดอีกอย่างก็คือ ตลอดเวลาที่ผมเขียน เรือ่ งนีอ้ ยู่ในเวอร์มอนต์ พวกนัน้ ก็จะวุน่ กับการเขียนเรือ่ งอยูเ่ ช่นกัน มันจะเป็น เรือ่ งของผม และทันทีทเี่ ขียนเสร็จ พวกเขาก็จะรูเ้ รือ่ งผมมากพอๆ กับทีผ่ มรู้ ภรรยากับลูกสาวของผมกลับมาบ้านหลังจากคนจากเอฟบีไอกลับไป ราวสองชั่วโมง เช้าวันนั้นทั้งสองคนออกไปแต่เช้าเพื่อไปพบเพื่อน ซึ่งผม ก็ดีใจที่ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ด้วยตอนแฮริสกับเวอร์ธีมาเยือน ภรรยากับผมแทบไม่ เคยปิดบังอะไรกัน แต่ในกรณีนผี้ มคิดว่าไม่ควรบอกเธอว่าเกิดอะไรขึน้ ไอริส Paul Auster

11


ชอบแซคส์มากมาตลอด แต่ผมมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอส�าหรับเธอ ถ้าหาก เธอพบว่าผมก�าลังจะต้องมีเรื่องเดือดร้อนกับเอฟบีไอเพราะเขา เธอจะ ท�าทุกอย่างที่สามารถท�าได้เพื่อหยุดผม ผมจะมาเสี่ยงตอนนี้ ไม่ได้ ต่อให้ เกลี้ยกล่อมเธอส�าเร็จว่าสิ่งที่ผมก�าลังท�าอยู่นั้นถูกต้อง แต่ก็คงต้องใช้เวลา นานกว่าเธอจะยอมแพ้ ซึ่งผมไม่ได้มีเวลาเหลือเฟือขนาดนั้น ผมต้องใช้เวลา ทุกนาทีไปกับงานที่ตั้งเป้าหมายไว้ ให้ตัวเอง นอกจากนั้น ต่อให้ผมยอม เธอ ก็มีแต่จะกังวลจนเครียด ซึ่งผมไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้นมา สุดท้ายแล้วเธอ ก็ต้องได้รู้ความจริงอยู่ดี เมื่อถึงเวลา ทุกอย่างจะถูกลากออกมาเปิดเผย ไม่ใช่ว่าผมอยากจะหลอกลวง เพียงแค่อยากจะปกป้องเธอไว้ ให้นานที่สุด เท่านั้น ในสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมคิดว่ามันยังพอเป็นไปได้ ถึงอย่างไรผม ก็มาที่นี่เพื่อเขียนหนังสือ และถ้าไอริสคิดว่าผมก�าลังท�าเรื่องเดิมๆ อยู่ใน กระท่อมน้อยทุกวัน มันจะมีอนั ตรายอะไรได้เล่า เธอคงจะคิดเอาว่าผมก�าลัง ปั่นนิยายเล่มใหม่ และเมื่อเธอเห็นว่าผมอุทิศเวลาให้มันมากขนาดไหน และ มีความคืบหน้ามากเพียงใดจากการทุ่มเทยาวนาน เธอก็จะมีความสุข ไอริส เป็นส่วนหนึ่งของสมการเช่นกัน หากปราศจากซึ่งความสุขของเธอแล้ว ผม ก็ ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความกล้าพอจะเริ่มต้น นี่เป็นฤดูร้อนที่สองแล้วที่เรามาที่นี่ สมัยก่อนโน้น ตอนที่แซคส์กับ ภรรยาเคยมาที่นี่ทุกกรกฎาและสิงหา พวกเขาจะเชิญผมมาเยี่ยมบ้าง แต่ก็ เป็นเพียงช่วงสัน้ ๆ ทุกครัง้ ผมแทบไม่เคยพักเกินสามหรือสีค่ นื หลังจากไอริส กับผมแต่งงานกันเมือ่ เก้าปีกอ่ น เราเดินทางมาด้วยกันสองสามครัง้ ครัง้ หนึง่ เราถึงขนาดช่วยแฟนนีกับเบนทาสีตัวบ้านด้านนอกด้วยซ�้า พ่อแม่ของแฟนนี ซือ้ ที่นี่ ไว้ ในช่วงเศรษฐกิจตกต�า่ ในเวลาที่ฟาร์มแบบนีร้ าคาถูกเหมือนได้เปล่า บ้านนีม้ าพร้อมทีด่ นิ กว่าร้อยเอเคอร์และบึงน�า้ ส่วนตัว แม้ตวั บ้านจะทรุดโทรม แต่ข้างในก็กว้างขวางและโปร่งโล่ง เพียงปรับปรุงเล็กน้อยก็อยู่อาศัยได้ สามีภรรยากู้ดแมนเป็นครูสอนอยู่ที่นิวยอร์ก และไม่มีปัญญาท�าอะไรกับที่น่ี ได้มากนักหลังจากซือ้ มา ตลอดหลายปีทผี่ า่ นมา บ้านนีจ้ งึ ยังคงรักษาหน้าตา ดิบๆ เปล่าเปลือยไว้ได้ มีเตียงโครงเหล็ก เตาเหล็กหล่อในครัว เพดานและ

12

Leviathan


ผนังมีรอยร้าว พื้นทาสีเทา แต่กระนั้นก็ยังมีบางอย่างที่ดูมั่นคงอยู่ในความ ทรุดโทรมนี้ และยากที่ใครจะไม่รู้สึกว่าที่นี่เป็นเหมือนบ้าน ส�าหรับผมแล้ว แรงดึงดูดส�าคัญของบ้านนีค้ อื ความห่างไกล มันอยูบ่ นยอดเขาเล็กๆ ห่างจาก หมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดสี่ ไมล์และเชื่อมต่อกันด้วยถนนลูกรังแคบๆ ฤดูหนาวบน ภูเขานี้คงโหดร้ายทารุณ แต่ในช่วงฤดูร้อนทุกอย่างเขียวขจี มีนกร้องเพลง อยู่ทั่วและทุ่งหญ้าก็มีดอกไม้ป่าขึ้นเต็ม มีทั้งออเรนจ์ฮอว์ควีด เรดโคลเวอร์ เมดเดนพิงค์ บัตเตอร์คัพ ห่างจากตัวบ้านราวร้อยฟุต มีอาคารเรียบๆ ที่ แซคส์ ใช้เป็นห้องท�างานทุกครั้งที่มาอยู่ที่น่ี มันใหญ่ประมาณกระท่อม มี ห้องเล็กๆ สามห้อง ครัวขนาดย่อมและห้องน�า้ ตัง้ แต่ถกู พวกมือบอนท�าลาย เมื่อสิบสองหรือสิบสามฤดูหนาวก่อน มันก็ตกอยู่ในสภาพเกินซ่อมได้ ท่อน�้า แตก กระแสไฟฟ้าถูกตัด พรมน�้ามันหลุดล่อนจากพื้น ผมพูดถึงสิ่งเหล่านี้ เพราะตอนนี้ผมอยู่ที่นี่ นั่งอยู่ที่โต๊ะสีเขียวกลางห้องใหญ่ที่สุด ถือปากกาอยู่ ในมือ ตลอดเวลาที่ผมรู้จักเขา แซคส์เขียนหนังสืออยู่โต๊ะตัวเดียวกันนี้ทุก ฤดูร้อน และนี่คือห้องที่ผมเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย เป็นที่ที่เขาเปิดใจกับผม และเผยให้ผมได้รู้ความลับเลวร้ายของเขา ถ้าผมเพ่งสมาธิไปที่ความทรงจ�า คืนนั้นมากพอ ก็แทบจะหลอกตัวเองให้เชื่อว่าเขายังอยู่ที่นี่ ได้ เหมือนกับ ถ้อยค�าของเขายังล่องลอยอยู่ในอากาศรอบตัวผม เหมือนผมยังสามารถ เอือ้ มมือออกไปสัมผัสเขาได้ การสนทนาคืนนัน้ ยืดยาวชวนเหน็ดเหนือ่ ย และ เมือ่ เรายุตมิ นั ลงได้ ในทีส่ ดุ (ราวๆ ตีสหี่ รือตีหา้ ) เขาก็บงั คับให้ผมสัญญาว่าจะ ไม่แพร่งพรายความลับของเขาให้เล็ดลอดออกไปนอกผนังห้องนี้ นัน่ คือค�าพูด ของเขาค�าต่อค�า สิง่ ทีเ่ ขาพูดจะต้องไม่หลุดออกไปจากห้องนี้ ในตอนนีผ้ มยัง สามารถรักษาสัญญาได้อยู่ และจนกว่าจะถึงจุดที่ต้องเปิดเผยสิ่งที่เขียนขึ้น ที่นี่ ผมก็ยังปลอบใจตัวเองได้ว่าผมไม่ได้ผิดค�าพูด ครั้งแรกที่เราพบกันนั้นหิมะตก นับจากวันนั้นเวลาก็ผ่านไปกว่าสิบห้า ปีแล้ว แต่ผมยังคงนึกทบทวนได้ทุกครั้งเมื่อนึกอยาก มีหลายต่อหลายสิ่ง ที่ผมหลงลืมไปหมดสิ้น แต่ยังจ�าการพบกับแซคส์ครั้งนั้นได้ชัดเจนพอๆ กับ Paul Auster

13


เหตุการณ์ส�าคัญอื่นๆ ในชีวิต ตอนนัน้ เป็นบ่ายวันเสาร์ราวเดือนกุมภาหรือมีนา เราทัง้ สองได้รบั เชิญ ให้ไปอ่านงานของพวกเราร่วมกันทีบ่ าร์แห่งหนึง่ ในเวสต์วลิ เลจ ผมไม่เคยได้ยนิ ชือ่ แซคส์มาก่อน และคนทีโ่ ทร.มารีบร้อนจนไม่อาจตอบค�าถามผมทางโทรศัพท์ ได้ “เขาเป็นนักเขียนนิยายค่ะ” เธอบอก “หนังสือเล่มแรกของเขาตีพมิ พ์เมือ่ สองสามปีกอ่ น” เธอโทร.มาในคืนวันพุธก่อนวันงานเพียงสามวัน และน�า้ เสียง เธอจวนเจียนถึงขั้นตื่นตระหนก ไมเคิล พาล์มเมอร์ กวีที่ต้องมาปรากฏตัว ตามตารางในวันเสาร์เพิง่ จะยกเลิกการเดินทางมานิวยอร์ก และเธอก็อยากรู้ ว่าผมจะเต็มใจมาแทนเขาไหม นีอ่ อกจะเป็นการบีบคอกันเสียมากกว่า แต่ผม ก็ตอบรับไปอยูด่ ี ช่วงนัน้ ผมยังไม่ได้มงี านตีพมิ พ์มากนัก มีแค่เรือ่ งสัน้ หกหรือ เจ็ดเรื่องในนิตยสารเล็กๆ กับบทความและบทวิจารณ์หนังสืออีกจ�านวนหนึ่ง แล้วก็ ใช่ว่าผู้คนจะร�่าร้องอยากฟังผมอ่านออกเสียงเสียที่ ไหน ผมจึงรับ ข้อเสนอของผูห้ ญิงอิดโรยคนนัน้ สองวันต่อมาผมก็เป็นฝ่ายตืน่ ตระหนกบ้าง ต้องไล่ควานหาอย่างบ้าคลัง่ ในโลกแห่งเรือ่ งสัน้ ใบกระจ้อยร่อยของตัวเอง หา สิ่งที่จะไม่ท�าให้ขายหน้า หาเศษเสี้ยวงานเขียนสักชิ้นที่ดีพอจะเปิดเผยต่อ คนแปลกหน้าเต็มห้อง บ่ายวันศุกร์ผมแวะร้านหนังสือสองสามร้านเพื่อถาม หานิยายของแซคส์ ดูเป็นการสมควรอยู่ที่ผมจะรู้จักงานของเขาไว้ก่อนจะ พบตัวจริง แต่หนังสือเล่มนัน้ ออกมาได้สองปีแล้วจึงไม่มรี า้ นไหนวางขายเลย แต่การณ์ปรากฏว่าพายุลูกใหญ่พัดเข้ามาจากมิดเวสต์ ในคืนวันศุกร์ พอเช้าวันเสาร์หิมะหนาฟุตครึ่งก็ปกคลุมทั่วเมือง ตามเหตุผลแล้ว ผมควร จะติดต่อผูห้ ญิงที่โทร.มาหา แต่ผมโง่เง่าทีล่ มื ขอเบอร์เธอไว้ และเมือ่ บ่ายโมง แล้วยังไม่ได้ข่าวจากเธอ ผมก็คิดว่าควรจะพาตัวเองเข้าเมืองไปให้เร็วที่สุด ผมหุ้มร่างด้วยโอเวอร์ โค้ตและรองเท้ากันน�้า ยัดต้นฉบับเรื่องสั้นล่าสุดไว้ ในกระเป๋าเสื้อโค้ต แล้วออกเดินย�่าสู่ริเวอร์ ไซด์ ไดรฟ์ มุ่งหน้าไปทางสถานี รถใต้ดินที่ถนนสาย 116 ตัดกับบรอดเวย์ ตอนนั้นฟ้าเริ่มโปร่งขึ้นแล้ว แต่ ตามถนนและทางเท้ายังมีหิมะทับถม แทบไม่มียวดยานสัญจร รถยนต์และ รถบรรทุกถูกจอดทิ้งจมหิมะข้างถนน นานๆ ทีจึงจะมีรถสักคันค่อยๆ ขยับมา

14

Leviathan


ตามถนน ลื่นไถลไร้ทิศทางทุกครั้งที่คนขับพยายามจอดตามสัญญาณไฟแดง ปกติผมชอบใจความโกลาหลแบบนี้มาก แต่ว่าวันนั้นอากาศเลวร้ายเสียจนไม่ อาจโผล่จมูกออกมาจากผ้าพันคอ อุณหภูมลิ ดลงเรือ่ ยๆ ตัง้ แต่พระอาทิตย์ขนึ้ พอถึงตอนนี้อากาศก็หนาวเหน็บ ลมเกรี้ยวกราดพัดมาจากแม่นา�้ ฮัดสัน โหม กระโชกผลักร่างผมไปตามถนนทีเดียว ตอนไปถึงสถานีรถไฟใต้ดิน ผมก็ ชาไปครึ่งตัวแล้ว แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น รถไฟก็ยังคงวิ่งอยู่ ซึ่งก็ท�าผม ประหลาดใจเหมือนกัน ในขณะที่เดินลงบันไดไปซื้อตั๋วนั้น ผมก็เหมาทึกทัก เอาว่านี่หมายถึงงานอ่านยังคงไม่ล้มเลิก ผมไปถึงที่หมายแนชส์ทาเวิร์นตอนบ่ายสองสิบนาที ร้านเปิดอยู่ แต่ เมื่อสายตาชินกับความมืดข้างในก็เห็นว่าไม่มีใครอยู่เลย บาร์เทนเดอร์ผูก ผ้ากันเปื้อนขาวยืนอยู่หลังบาร์ เช็ดแก้วช็อตด้วยผ้าสีแดงทีละใบ เขาเป็น ชายร่างใหญ่อายุราวๆ สี่สิบ เมื่อผมเดินเข้าไปหา เขาก็พิจารณาดูผมอย่าง ระวัง เหมือนเสียใจที่มีคนมาขัดจังหวะความสันโดษนั้น “งานอ่านจะเริ่มในอีกยี่สิบนาทีหรือเปล่าครับ” ผมถาม ทันทีที่ค�าพูด หลุดจากปาก ผมก็รู้สึกโง่มากที่พูดออกไป “ยกเลิกแล้ว” บาร์เทนเดอร์พูด “ข้างนอกแฉะขนาดนั้น จัดไปก็ ไม่มี ประโยชน์นักหรอก บทกวีเป็นสิ่งสวยงาม แต่ไม่ได้มีค่าถึงขนาดใครจะยอม หนาวตูดตายเพื่อมาฟังแน่ๆ” ผมนัง่ ลงบนเก้าอีท้ รงสูงและสัง่ เบอร์เบิน้ แก้วหนึง่ ยังคงหนาวสัน่ จาก การเดินลุยหิมะ และอยากอุน่ ท้องไส้กอ่ นจะหาญออกไปข้างนอกอีกรอบ ผม ดื่มหมดเกลี้ยงในสองอึกและสั่งอีกแก้ว เพราะแก้วแรกรสดีเหลือเกิน พอ ดื่มเบอร์เบิ้นแก้วสองไปได้ครึ่งหนึ่ง ลูกค้าอีกคนก็เดินเข้ามาในบาร์ เขาเป็น ชายหนุ่มตัวสูง ผอมมาก ใบหน้าแคบยาว เคราสีน�้าตาลเต็มหน้า ผมมอง ดูเขากระทืบเท้ากับพื้นสองสามครั้ง ฟาดมือที่สวมถุงมืออยู่เข้าหากัน และ หายใจดังลั่นเพราะความหนาว แน่นอนว่าเขาดูประหลาดมากเมื่อยืนขมวด คิ้วอยู่ตรงนั้น สวมเสื้อโค้ตโทรมๆ กับหมวกเบสบอลทีมนิวยอร์กนิคส์บนหัว แถมด้วยผ้าพันคอสีกรมท่าพันขึ้นไปรอบหมวกเพื่อปกป้องหู เขาดูเหมือน Paul Auster

15


คนปวดฟั น อย่างหนัก ผมคิด หรือไม่ก็ทหารรัสเซียอดอยากติดค้างอยู่ ชานเมืองสตาลินกราด สองภาพนี้หลั่งไหลเข้ามาในหัวติดๆ กัน ภาพแรก ชวนขัน ภาพสองน่าเศร้า แต่แม้จะแต่งตัวตลกขนาดนั้น ในตาเขาก็มีความ ดุดันบางอย่างอยู่ อารมณ์รุนแรงที่ดับทุกความปรารถนาอยากหัวเราะเยาะ เขาอาจจะดูคล้ายอิคาบ็อด เครน1 แต่กเ็ หมือนจอห์น บราวน์2 ด้วย และเมือ่ คุ ณ มองทะลุ เ ครื่ อ งแต่ ง ตั ว และรู ป ร่ า งเก้ ง ก้ า งแบบตั ว ฟอร์ เ วิ ร ์ ด ในเกม บาสเกตบอลไปได้ คุณก็จะเริ่มมองเห็นคนอีกแบบโดยสิ้นเชิง ชายที่ ไม่เคย พลาดอะไร ชายที่มีฟันเฟืองนับพันหมุนอยู่ในหัว เขายืนอยู่ที่ประตูสองสามอึดใจ กวาดตามองห้องว่างเปล่า เดิน เข้ามาหาบาร์เทนเดอร์และถามค�าถามเดียวกับที่ผมถามเมื่อสิบนาทีก่อน บาร์เทนเดอร์ก็ตอบแทบจะเหมือนกับที่ตอบผม แต่ในคราวนี้เขาชี้นิ้วโป้ง มาทางผมด้วย ชี้มาตรงสุดบาร์ที่ผมนั่งอยู่ “คนนั้นก็มางานอ่านเหมือนกัน” เขาพูด “พวกคุณอาจจะเป็นแค่สองคนในนิวยอร์กที่บ้าพอจะออกจากบ้าน ในวันนี้ก็ ได้” “ก็ ไม่เชิงนะ” ชายผู้มีผ้าพันคอพันรอบหัวพูด “คุณลืมนับตัวเองไป” “ผมไม่ได้ลมื ” บาร์เทนเดอร์พดู “เพียงแต่อย่างผมนี่ ไม่นบั ผมจ�าเป็น ต้องมาอยู่ที่นี่ ไง แต่พวกคุณน่ะไม่จ�าเป็น ถ้าไม่โผล่มา ผมก็ตกงาน” “แต่ผมก็มาท�างานเหมือนกัน” ชายอีกคนพูด “พวกนั้นบอกว่าผมจะ ได้เงินห้าสิบดอลลาร์ แล้วตอนนี้งานอ่านก็ยกเลิก แถมผมยังสูญค่ารถไฟ ใต้ดินอีก” “เอ้า งัน้ ก็ ไม่เหมือนกันแล้ว” บาร์เทนเดอร์วา่ “ถ้าคุณต้องมาอ่าน งัน้ คุณก็น่าจะไม่นับเหมือนกัน” 1

ตัวละครเอกในเรือ่ งสัน้  The Legend of Sleepy Hollow ของวอชิงตัน เออร์วงิ  เขาร่างผอม สูงเก้งก้าง นิสัยขี้ตื่นกลัวและตะกละ ในเรื่องบรรยายไว้ว่าเขาเป็นคนที่ดูน่าขัน 2  John Brown (1800 - 1859) นักต่อสู้เพื่อการเลิกทาสชาวอเมริกัน เขาเชื่อว่าการต่อสู้ด้วย  อาวุธเท่านั้นจึงจะยุติการมีทาสได้  เขารวบรวมคนเข้าสังหารผู้สนับสนุนการมีทาส และบุกยึด คลังแสงของรัฐบาล สุดท้ายถูกประหารด้วยข้อหากบฏต่อรัฐเวอร์จิเนีย

16

Leviathan


“งั้นก็เหลือแค่คนเดียวในเมืองแล้วที่ออกมาทั้งที่ ไม่จา� เป็น” “ถ้าหมายถึงผม” ผมพูด เข้าร่วมการสนทนาด้วยในทีส่ ดุ “รายชือ่ ของ คุณก็เหลือแค่ศูนย์แล้วละ” ชายผู้พันผ้าพันคอรอบหัวหันมาทางผมและยิ้มให้ “อ้อ งั้นคุณก็คือ ปีเตอร์ อารอน สินะ” “ก็เข้าใจว่างั้น” ผมพูด “ถ้าผมคือปีเตอร์ อารอน คุณก็ต้องเป็น เบนจามิน แซคส์” “หนึง่ เดียวคนนี”้ แซคส์ตอบพร้อมหัวเราะสัน้ ๆ แก้เก้อ เขาเดินตรงมา ทีผ่ มนัง่ และยืน่ มือขวาให้ “ดีใจมากทีค่ ณ ุ มา” เขาพูด “ผมเพิง่ ได้อา่ นงานคุณ หลายชิ้น และตั้งตารอมาพบคุณ” มิตรภาพของเราเริม่ ต้นขึน้ แบบนี้ ในบาร์รา้ งคนเมือ่ สิบห้าปีกอ่ น ต่าง ฝ่ายต่างเลี้ยงเหล้ากันจนหมดตัวทั้งคู่ คงกินเวลาสักสามหรือสี่ชั่วโมงได้ เพราะผมจ�าได้แม่นว่าเมือ่ เราโซเซออกมาสูค่ วามหนาวเย็นอีกครัง้ ฟ้าก็มดื แล้ว ในเมื่อตอนนี้แซคส์ตายแล้ว ผมก็แทบจะทนไม่ไหวเมื่อคิดย้อนไปถึงสิ่งที่เขา เป็นในตอนนั้น เมื่อนึกถึงความใจกว้าง อารมณ์ขัน และความชาญฉลาด ทัง้ หมดทีเ่ ขาเผยออกมาในครัง้ แรกทีเ่ ราพบกัน แม้จะมีขอ้ เท็จจริงอยูต่ รงหน้า มั น ก็ ยั ง ยากส� า หรั บ ผมที่ จ ะคิ ด ว่ า คนที่ นั่ ง อยู ่ กั บ ผมที่ บ าร์ วั น นั้ น จะเป็น คนเดียวกับที่ลงท้ายด้วยการท�าลายตัวเองเมื่ออาทิตย์ก่อน ส�าหรับเขาแล้ว การเดินทางนั้นคงต้องยาวนานมาก ทั้งเลวร้ายและแสนทรมาน ผมแทบ ไม่สามารถคิดเรื่องนี้ ได้ โดยไม่อยากร้องไห้ ในเวลาสิบห้าปี แซคส์เดินทาง จากปลายด้านหนึง่ ของตัวเองไปจนสุดปลายอีกด้าน และเมือ่ ไปถึงจุดสุดท้าย ผมว่าเขาคงไม่รแู้ ล้วด้วยซ�า้ ว่าตัวเองเป็นใคร มันคือการเดินทางข้ามระยะทาง อันยาวไกลจนเขาไม่น่าจะจ�าได้ว่าตัวเองเริ่มต้นจากที่ ไหน “ปกติผมไม่ค่อยตกข่าวนะ” เขาพูด คลี่ผ้าพันคอจากใต้คาง ถอด ออกพร้อมหมวกเบสบอลและโอเวอร์โค้ตตัวยาวสีน�้าตาล เขาเหวี่ยงทั้งกอง ลงบนเก้าอี้สูงข้างตัวแล้วนั่งลง “เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ผมยังไม่เคยได้ยินชื่อ คุณ แต่แล้วจู่ๆ คุณก็เหมือนผุดขึ้นมาทุกที่ เริ่มต้นด้วยผมบังเอิญเจอที่คุณ Paul Auster

17


เขียนถึงไดอะรี่ของฮูโก บัล3 เป็นบทความเล็กๆ ที่ยอดเยี่ยมมากนะ ผมว่า ทั้งคมคายและมีเหตุผล ตอบสนองต่อประเด็นส�าคัญได้อย่างน่าชม ผม ไม่ได้เห็นด้วยกับคุณทุกเรื่องนะ แต่คุณเสนอมุมมองของตัวเองได้ดี และ ผมก็เคารพความจริงจังในจุดยืนของคุณ หมอนี่เชื่อมั่นในศิลปะมากเกินไป ผมบอกตัวเองอย่างนั้น แต่อย่างน้อยเขาก็รู้จุดยืนของตัวเองและมีสมอง พอจะยอมรับว่ามุมมองอื่นๆ ก็มีทางเป็นไปได้อยู่ แล้วอีกสามสี่วันต่อมาก็มี นิตยสารฉบับหนึ่งส่งมาทางไปรษณีย์ สิ่งแรกที่ผมเปิดไปเจอก็คือเรื่องสั้น ทีม่ ชี อื่ คุณอยู่ เดอะซีเคร็ตอัลฟาเบ็ต เรือ่ งของนักศึกษาทีพ่ บข้อความเขียนอยู่ ตามก�าแพงตึกอยูเ่ รือ่ ยๆ น่ะ ผมชอบเรือ่ งนีม้ าก มากจนต้องอ่านถึงสามรอบ นายปีเตอร์ อารอน คนนี้เป็นใครกันนะ ผมนึกสงสัยขึ้นมา แล้วเขาไปแอบ อยู่ที่ ไหนมา พอคุณแคธีอะไรนั่นโทร.มาบอกว่าพาล์มเมอร์ขอถอนตัว ผมก็ แนะน�าให้เธอติดต่อคุณ” “งัน้ คุณก็ตอ้ งเป็นคนรับผิดชอบทีล่ ากผมมาทีน่ นี่ ะ่ สิ” ผมพูด ตะลึงกับ ค�าชื่นชมใหญ่โตของเขาจนคิดอะไรไม่ออก นอกจากค�าตอบจืดๆ นั่น “ผมยอมรับว่างานนี้ผิดจากที่ตั้งใจไว้” “อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายขนาดนั้นก็ ได้” ผมพูด “อย่างน้อยผมก็ ไม่ ต้องยืนในความมืด ฟังเสียงเข่าตัวเองสั่นกระทบกัน อย่างน้อยนี่ก็ดีกว่า ที่คิดไว้” “พระแม่ธรรมชาติมาช่วยไว้พอดี” “ถูกต้อง เทพีแห่งโชคมาช่วยไว้ทัน” “ผมดีใจนะที่คุณไม่ต้องเจอความทรมานแบบนั้น ผมคงไม่อยากแบก ความรู้สึกผิดนั่นไปตลอดหรอก” “แต่ก็ขอบคุณนะที่ท�าให้ผมได้รับเชิญ มันมีความหมายกับผมมาก ที่ จริงผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณคุณอยู่นะนี่” 3

Hugo Ball (1886 - 1927) นักเขียนและกวีชาวเยอรมัน เป็นผู้เขียนค�าประกาศขบวนการ  ดาดา (Dada Manifesto)

18

Leviathan


“ผมไม่ได้ท�าไปเพราะอยากได้ความส�านึกบุญคุณหรอกนะ แค่อยากรู้ อยากเห็น ยังไงสักวันผมก็ตอ้ งติดต่อคุณด้วยตัวเองอยูด่ ี แต่พอดีโอกาสผ่าน เข้ามา ผมก็คิดว่านี่น่าจะเป็นวิธีเข้าหาที่หรูกว่า” “ผมก็เลยมาอยู่ที่นี่ นั่งอยู่ที่ขั้วโลกเหนือกับนายพลเพียรี 4 เองเลย อย่างน้อยผมก็ยังเลี้ยงเหล้าคุณได้” “ผมยอมรับเลี้ยง แต่มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง คุณต้องตอบค�าถามผมก่อน” “ยินดีเลย ตราบเท่าที่คุณบอกมาว่าค�าถามคืออะไร ผมว่าจ�าไม่ได้นะ ว่าคุณถามอะไรผมด้วยเหรอ” “ถามสิ ผมถามว่าคุณไปแอบอยูท่ ี่ ไหนมา ผมอาจเข้าใจผิดนะ แต่เดา ว่าคุณไม่ได้ ใช้ชีวิตอยู่ในนิวยอร์กนานนัก” “ผมเคยอยู่ที่นี่ แล้วก็ ไปที่อื่น เพิ่งกลับมาห้าหรือหกเดือนนี่เอง” “แล้วคุณไปอยู่ไหนมา” “ฝรั่งเศส ผมอยู่ที่นั่นเกือบห้าปี” “เข้าใจละ ว่าแต่ท�าไมคุณถึงนึกอยากไปอยู่ที่ฝรั่งเศส” “ก็ ไม่มเี หตุผลพิเศษอะไรหรอก ผมแค่อยากอยูท่ ี่ ไหนสักแห่งที่ ไม่ใช่ทนี่ ”ี่ “คุณไม่ได้ไปเรียนต่อหรือ ไม่ได้ท�างานกับยูเนสโกหรือบริษัทกฎหมาย ระหว่างประเทศหรูๆ ที่ ไหนหรอกหรือ” “เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นเลย ออกไปทางหาเช้ากินค�า่ มากกว่า” “ออกไปผจญภัยนอกประเทศใช่ไหมล่ะ นักเขียนหนุม่ อเมริกนั เดินทาง ไปปารีสเพือ่ ค้นพบวัฒนธรรมและสาวสวย สัมผัสความหรรษาที่ ได้นงั่ ในคาเฟ่ และสูบบุหรี่แรงๆ” “นัน่ ก็ ไม่ใช่เหตุทผี่ มไปฝรัง่ เศสหรอก ผมแค่ตอ้ งการพืน้ ทีห่ ายใจหายคอ บ้างเท่านัน้ ผมเลือกฝรัง่ เศสเพราะพูดฝรัง่ เศสได้ ถ้าพูดเซอร์โบ-โครแอทได้ 4

Robert Peary (1856 - 1920) เป็นนักส�ารวจชาวอเมริกันที่อ้างว่าได้เดินทางไปถึงขั้วโลก  เหนือเป็นคนแรกในปี 1909  ค�ากล่าวอ้างนี้ได้รับความเชื่อถืออยู่เกือบตลอดศตวรรษที่ 20 แต่นักประวัติศาสตร์ในปัจจุบันเชื่อว่าเขาไปไม่ถึงขั้วโลกเหนือ Paul Auster

19


ผมก็คงจะไปยูโกสลาเวีย” “คุณก็เลยไป โดยไม่มีเหตุผลอะไรพิเศษอย่างที่คุณว่า แล้วมีเหตุผล อะไรพิเศษไหมที่กลับมา” “ผมตื่นขึ้นมาเช้าวันหนึ่งเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว และบอกตัวเองว่าได้เวลา กลับบ้านแล้ว ง่ายๆ อย่างนัน้ เลย จูๆ่ ผมก็รสู้ กึ ว่าอยูท่ นี่ นั่ มานานพอแล้ว คง เป็นเพราะไม่ได้ดูเบสบอลหลายปีมั้ง ถ้าไม่ได้รับดับเบิลเพลย์และโฮมรัน ตามสมควร จิตวิญญาณคุณก็อาจจะเริ่มแห้งเหี่ยวได้” “แล้ววางแผนจะกลับไปอีกไหม” “คิดว่าไม่นะ ผมรูส้ กึ ว่าอะไรก็ตามทีผ่ มพยายามพิสจู น์โดยการไปทีน่ นั่ มันไม่สา� คัญอีกต่อไปแล้ว” “บางทีคุณอาจพิสูจน์ส�าเร็จไปแล้ว” “ก็เป็นไปได้ หรือบางทีคา� ถามนัน้ อาจต้องใช้วธิ ถี ามแบบอืน่ บางทีผม อาจใช้คา� ผิดมาตลอด” “เอาละ” แซคส์พูดขึ้น ตบมือปังลงที่บาร์ “ผมพร้อมจะดื่มแล้ว ผม เริ่มจะพอใจละ พอเป็นอย่างนี้ทีไรต้องคอแห้งทุกทีไป” “จะดื่มอะไรดีล่ะ” “อย่างเดียวกับทีค่ ณ ุ ดืม่ อยู”่ เขาพูด ไม่คดิ จะถามด้วยซ�า้ ว่ามันคืออะไร “แล้วไหนๆ บาร์เทนเดอร์ก็ต้องมาตรงนี้อยู่แล้ว บอกให้เขารินให้คุณอีกแก้ว ด้วย ต้องดืม่ ฉลองกันหน่อย ถือว่าเป็นงานเลีย้ งต้อนรับการกลับบ้านของคุณ เราต้องต้อนรับคุณกลับอเมริกาอย่างมีสไตล์” ผมไม่คิดว่ามีใครเคยเข้าถึงใจผมได้อย่างสมบูรณ์เหมือนกับแซคส์ ใน บ่ายวันนั้น เขาบุกอย่างรวดเร็วตั้งแต่วินาทีแรก ตะลุยผ่านคุกมืดและที่ซ่อน ที่ลี้ลับที่สุดของผมเข้าไป เปิดประตูที่ปิดล็อกบานแล้วบานเล่า ตามที่ผม ได้รู้ ในภายหลัง นี่เป็นเรื่องปกติส�าหรับเขา และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ของวิธีท่ีเขาใช้ชีวิตก้าวเดินไปในโลกใบนี้ ไม่มีการวกวนอ้อมค้อม ไม่ต้องมี พิธกี าร แค่พบั แขนเสือ้ ขึน้ แล้วก็คยุ กันเลย เป็นเรือ่ งธรรมดามากทีเ่ ขาจะเปิด ฉากสนทนากับคนที่ ไม่เคยพบกันมาก่อน ลงลึกไปถามอะไรที่คนอื่นไม่มีวัน

20

Leviathan


กล้าถาม ซ�้ายังรอดตัวไปได้เสียเป็นส่วนใหญ่ คุณรู้สึกได้ว่าเขาไม่เคยเรียนรู้ กฎมาก่อน และรู้สึกได้ว่าด้วยความที่เขาปราศจากความขัดเขิน เขาจึงหวัง ให้คนอืน่ ๆ เปิดใจให้เท่ากับเขา แต่ถงึ กระนัน้ การซักไซ้สบื ของเขาก็ยงั มีระยะ ห่างบางอย่างเจือปนอยู่ด้วยเสมอ เหมือนกับว่าเขาไม่ได้พยายามสื่อสารกับ คุณเพื่อสร้างความเชื่อมโยงผูกพันในฐานะเพื่อนมนุษย์มากเท่ากับพยายาม ตอบค�าถามสนองสติปัญญาของตัวเอง นี่ท�าให้ค�าพูดของเขามีบรรยากาศ ของความเป็นนามธรรมบางอย่างอยู่ มันก่อให้เกิดความไว้วางใจ ท�าให้คุณ เต็มใจบอกสิง่ ทีบ่ างครัง้ ยังไม่กล้าบอกตัวเองด้วยซ�า้ ให้เขาฟัง เขาไม่เคยตัดสิน คนที่พบเจอ ไม่เคยปฏิบัติต่อใครเยี่ยงคนที่ด้อยกว่า ไม่เคยเห็นคนต่างกัน เพราะชนชั้นทางสังคม บาร์เทนเดอร์น่าสนใจในสายตาเขาพอๆ กับนักเขียน และหากวันนั้นผมไม่ได้ โผล่ไป เขาก็อาจจะใช้เวลาสองชั่วโมงคุยกับชายที่ ผมไม่ได้ ใส่ใจมากพอที่จะพูดด้วยเกินสิบค�า แซคส์เหมาเอาโดยอัตโนมัติว่ามี ปัญญายิ่งใหญ่อยู่ในตัวของคนที่เขาก�าลังพูดคุยด้วย ดังนั้นจึงมอบศักดิ์ศรี และความส�าคัญให้คนเหล่านั้นเสมอกับเขาเอง ผมคิดว่านั่นเป็นคุณสมบัติที่ ผมชืน่ ชมทีส่ ดุ ในตัวเขา ความสามารถแท้จริงในการดึงสิง่ ทีด่ ที สี่ ดุ ในตัวคนอืน่ ออกมา เขามักจะดูเหมือนคนพิลกึ เป็นมนุษย์เก้งก้างทีเ่ อาแต่ใจลอย เผลอไป กับความคิดลีล้ บั และความหมกมุน่ ทีย่ ากเข้าใจอยูต่ ลอดเวลา แต่ถงึ อย่างนัน้ เขาก็ยงั ท�าให้คณ ุ ประหลาดใจได้ครัง้ แล้วครัง้ เล่าด้วยสิง่ เล็กๆ น้อยๆ มากมาย ทีบ่ ง่ บอกความใส่ใจ เขาสามารถผสมผสานความขัดแย้งมากมหาศาลให้กลาย เป็นตัวตนทีส่ อดคล้องเรียบเนียนได้เหมือนกับคนอืน่ ๆ ในโลก เพียงแต่อาจจะ มากกว่าเล็กน้อย ไม่ว่าจะอยู่ที่ ไหน เขาก็ดูจะกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมได้ อย่างสบายเสมอ แต่ขณะเดียวกัน ผมก็แทบไม่เคยพบใครที่ช่างเงอะงะ ช่างซุ่มซ่าม ช่างไร้ความสามารถรับมือกับสิ่งง่ายๆ ได้ขนาดนี้เลย ตลอด การสนทนาของเราในบ่ายวันนั้น เขาปัดเสื้อโค้ตตัวเองตกจากเก้าอี้อยู่ ตลอดเวลา น่าจะเกิดขึ้นสักหกหรือเจ็ดครั้งได้ และครั้งหนึ่งตอนก้มลงเก็บ หัวเขาก็ถงึ ขัน้ กระแทกบาร์เข้า แต่ผมกลับได้รู้ ในภายหลังว่าแซคส์เป็นนักกีฬา ชัน้ ยอด เขาเคยเป็นตัวท�าคะแนนอันดับต้นๆ ในทีมบาสเกตบอลไฮสกูล และ Paul Auster

21


ในเกมตัวต่อตัวทุกเกมที่เราเล่นกันตลอดหลายปี ผมคิดว่าน่าจะเคยเอาชนะ เขาได้ไม่เกินหนึ่งหรือสองครั้ง เขาช่างจ้อ และมักจะพูดจาไม่ค่อยเป็นเรื่อง เป็นราว แต่การเขียนของเขากลับโดดเด่นด้วยความคมชัดและประหยัด ถ้อยค�า มีพรสวรรค์คิดประโยคที่เหมาะเจาะได้อย่างแท้จริง ว่าไปแล้วผม มักรูส้ กึ ว่าการทีเ่ ขานัง่ อยูก่ บั ทีแ่ ละลงมือเขียนได้นบั ว่าเป็นเรือ่ งน่าฉงนด้วยซ�า้ ผมว่าเขาเปิดเผย รู้สึกว่าผู้คนล้วนน่าทึ่ง และช่างมีความสุขกับการคลุกคลี กับฝูงชนเกินกว่าจะมาท�าอาชีพที่โดดเดี่ยวอย่างนี้ ได้ แต่ความสันโดษแทบ ไม่มผี ลกับเขาเลย และเขาท�างานด้วยวินยั หนักแน่นและความมุง่ มัน่ เต็มเปีย่ ม เสมอ บางครั้ ง ก็ เ ก็ บ ตั ว อยู ่ ห ลายๆ อาทิ ต ย์ ติ ด ต่ อ กั น เพื่ อ ท� า งานชิ้ น หนึ่ ง ให้ส�าเร็จ เมื่อดูจากตัวตนที่เขาเป็น และวิธีการอันแปลกประหลาดที่เขา ขับเคลื่อนหลากหลายด้านของตัวตนไปไหนต่อไหน แซคส์ดูเหมือนคนที่ ไม่ น่าจะแต่งงานได้ เขาดูหลักลอยเกินไปส�าหรับชีวติ ครอบครัว เสรีกบั ความรัก จนไม่น่าจะรักษาความสัมพันธ์ ใกล้ชิดกับใครเพียงคนเดียวได้ แต่แซคส์ก็ แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย น้อยยิ่งกว่าใครๆ ที่ผมเคยรู้จัก เขารักษาชีวิต แต่งงานนัน้ ให้ยนื ยงได้เกือบยีส่ บิ ปี และแฟนนีก็ ไม่ใช่ภรรยาชนิดทีด่ จู ะเหมาะ กับเขานัก ถ้าจ�าเป็น ผมพอจะนึกภาพเขาคู่กับผู้หญิงนุ่มนิ่ม มีความเป็นแม่ สูงได้ ภรรยาจ�าพวกที่ยืนอยู่ในเงาของสามีอย่างพึงใจ อุทิศตัวเพื่อปกป้อง หนุ่มน้อยของตนจากความเป็นไปอันหยาบกร้านของโลกแห่งชีวิตประจ�าวัน แต่ แ ฟนนี ไ ม่ เหมือนอย่างนั้นเลย คู ่ ชี วิ ต ของแซคส์ ทั ด เที ย มกั บ เขาในทุ ก กระเบียดนิ้ว เป็นผู้หญิงซับซ้อนและเฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง ด�าเนินชีวิตอิสระ ของตนเอง และหากเขาสามารถเหนี่ยวรั้งเธอไว้ ได้ตลอดหลายปีนั้น ก็คง เพราะเขาพยายามอย่างหนักหนาสาหัส คงเพราะเขาสามารถเข้าใจเธอได้ อย่างดีเยีย่ มและช่วยให้เธอรักษาสมดุลในตัวเองได้ แน่นอนว่าความอ่อนโยน ของเขาช่วยประคับประคองชีวติ คู่ไว้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ผมไม่อยากจะ เน้นย�า้ บุคลิกภาพด้านนัน้ ของเขาจนมากเกินไป แม้จะสุภาพนุม่ นวล แต่แซคส์ ก็สามารถยึดมัน่ ความคิดได้อย่างหัวชนฝา และมีหลายครัง้ ทีเ่ ขาลืมตัวเพราะ ความโกรธ ระเบิดโทสะออกมาอย่างน่ากลัว สิง่ เหล่านี้ ไม่ได้พงุ่ เป้าไปยังผูค้ น

22

Leviathan


ทีเ่ ขาอาทร แต่มงุ่ ไปยังโลกใบนีม้ ากกว่า เขาขยาดกลัวความโฉดเขลาของโลก และภายใต้ท่าทางสบายๆ และอารมณ์ดีนั่น บางทีคุณจะสัมผัสได้ถึงความ ไร้ซึ่งขันติและความเดียดฉันท์ที่สะสมไว้ลึกๆ แทบทุกอย่างที่เขาเขียนมี น�้าเสียงหงุดหงิดชวนทะเลาะเจืออยู่ และยิ่งนานปีเขาก็ยิ่งสั่งสมชื่อเสียงใน ฐานะตัวก่อปัญหา ซึ่งผมก็คิดว่าเขาสมควรได้รับ แต่ในท้ายที่สุด เรื่องนั้นก็ เป็นเพียงหนึ่งส่วนเล็กๆ ของตัวตนของเขาเท่านั้น ปัญหาอยู่ที่ความพยายาม จัดประเภทให้เขาอย่างเบ็ดเสร็จ แซคส์เป็นคนที่คาดเดาไม่ได้เกินกว่าจะจับ เข้าหมวดหมู่ใดๆ ห้าวหาญและเจ้าเล่ห์เกินไป อุดมไปด้วยแนวคิดใหม่ๆ เกิน กว่าจะยืนอยู่ที่เดิมได้นานนัก บางครั้งผมก็รู้สึกว่าการอยู่กับเขาช่างชวน ให้หมดแรง แต่ไม่มีทางพูดได้เลยว่าน่าเบื่อ แซคส์ท�าให้ผมตื่นตัวอยู่ตลอด สิบห้าปี คอยท้าทายและกระตุ้นผมอยู่ตลอดเวลา และขณะที่นั่งอยู่ที่นี่ใน ตอนนี้ พยายามท�าความเข้าใจความเป็นเขา ผมก็แทบจินตนาการถึงชีวิตที่ ปราศจากคนคนนี้ ไม่ออก “คุณท�าให้ผมเสียเปรียบนะ” ผมพูดพลางจิบเบอร์เบิ้นจากแก้วที่เพิ่ง เติมใหม่ “คุณได้อ่านแทบทุกค�าที่ผมเขียน แต่ผมไม่เคยเห็นของคุณแม้แต่ บรรทัดเดียว การอยู่ในฝรั่งเศสก็มีข้อดีอยู่ แต่การตามข่าวหนังสือออกใหม่ ในอเมริกาให้ทันนี่ ไม่ใช่หนึ่งในนั้นเลย” “คุณไม่ได้พลาดอะไรไปมากมายหรอก” แซคส์พูด “ผมพูดจริงๆ นะ” “ถึงอย่างนัน้ ผมก็รสู้ กึ ว่าออกจะน่าอายอยูด่ ี นอกจากชือ่ เรือ่ งแล้ว ผม ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหนังสือคุณสักอย่าง” “เดี๋ยวผมเอาให้เล่มหนึ่ง คุณจะได้ไม่มีข้ออ้างที่ ไม่ได้อ่านอีก” “เมื่อวานผมไปตามหาซื้อตั้งหลายร้าน...” “ไม่เป็นไร ประหยัดเงินคุณไว้เถอะ ผมมีอยู่สักร้อยเล่มได้ และยินดี จะก�าจัดไปให้พ้นๆ” “ถ้าไม่เมาเกินไป ผมจะเริ่มอ่านคืนนี้เลย” “ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ยังไงมันก็แค่นิยายเล่มหนึ่ง คุณไม่ควรยึดถือ เป็นจริงเป็นจังเกินไป” Paul Auster

23


“ผมถือนิยายเป็นเรือ่ งจริงจังเสมอ โดยเฉพาะเมือ่ ผูแ้ ต่งมอบให้ผมกับมือ” “ผู้แต่งคนนี้ยังเด็กมากตอนเขียนหนังสือเล่มนี้ อาจจะเด็กเกินไป ด้วยซ�้า บางครั้งเขาก็เสียใจที่มันเคยพิมพ์ออกมา” “แต่คุณตั้งใจจะอ่านตอนหนึ่งในนั้นบ่ายนี้นี่นา งั้นคุณก็ ไม่น่าจะคิดว่า มันเลวร้ายขนาดนั้นนะ” “ผมไม่ได้บอกว่ามันเลวร้าย แค่เด็กเกินไปเท่านั้น เป็นวรรณกรรม เกินไป อวดฉลาดมากเกินไป ผมไม่มที างฝันอยากเขียนอะไรพรรค์นนั้ ในตอนนี้ แน่ ถ้าผมยังจะสนใจมันอยูบ่ า้ ง ก็คงเป็นเพราะสถานทีท่ ผี่ มเขียนมันเท่านัน้ ละ ตัวหนังสือเองไม่ได้มีความหมายอะไรนักหรอก แต่คิดว่าผมยังคงผูกพันกับ สถานที่ที่มันถือก�าเนิดขึ้นมาอยู่มาก” “แล้วมันคือที่ ไหนล่ะ” “คุก ผมเริ่มเขียนหนังสือเล่มนั้นในคุก” “คุ ณ หมายถึ ง คุ ก จริ ง ๆ น่ะหรื อ คุ ก ที่ มี ห ้ อ งขั ง และลู ก กรง แล้ ว ก็ หมายเลขพ่นสีไว้ที่ด้านหน้าเสื้อน่ะนะ” “ใช่ คุกจริงๆ ทัณฑสถานรัฐบาลกลางในแดนเบอรี คอนเนตทิคัต ผมเป็นแขกในโรงแรมนั้นอยู่สิบเจ็ดเดือน” “พระเจ้า คุณหลงเข้าไปอยู่ในนั้นได้ยังไงน่ะ” “อันนั้นง่ายมาก ผมปฏิเสธไม่ยอมเป็นทหารตอนเขามีหมายเรียก” “คุณเป็นพวกผู้คัดค้านโดยอ้างมโนธรรม5 เหรอ” “ผมก็อยากเป็นอยู่หรอก แต่ทางการปฏิเสธค�าขอของผม คิดว่าคุณ คงรู้ดีอยู่แล้ว ถ้าคุณนับถือศาสนาที่เทศนาสอนสันตินิยมและต่อต้านทุก สงครามก็คงมีโอกาสอยู่บ้างที่เขาจะพิจารณาค�าขอของคุณ แต่ผมไม่ได้เป็น พวกเควกเกอร์หรือเซเว่นเดย์แอดเวนทิสต์ แล้วอันที่จริงผมก็ ไม่ได้ต่อต้าน ทุกสงคราม แต่เฉพาะสงครามนี้เท่านั้น โชคร้ายที่มันดันเป็นสงครามที่เขา 5

Conscientious Objector ในบริบทของการทหารหมายถึงบุคคลที่อ้างสิทธิ์ไม่เกณฑ์ทหาร  ด้วยเหตุผลทางมโนธรรม ศาสนา หรือเสรีภาพทางความคิด

24

Leviathan


ขอให้ผมไปรบ” “แต่ท�าไมถึงต้องเข้าคุกล่ะ ยังมีทางเลือกอื่นอีกไม่ใช่รึ ไปแคนาดา สวีเดน หรือแม้แต่ฝรั่งเศส มีคนหนีไปที่นั่นกันเป็นพันๆ” “เพราะผมมันโคตรดือ้ ด้านไงล่ะ ผมไม่ตอ้ งการหนี ผมรูส้ กึ ว่ามีพนั ธะ รับผิดชอบต้องลุกขึน้ บอกพวกนัน้ ว่าผมคิดอย่างไร ซึง่ ผมจะท�าอย่างนัน้ ไม่ได้ ถ้าไม่ยอมเอาตัวเองเป็นเป้า” “งั้นพวกนั้นก็รับฟังถ้อยแถลงอันสูงส่งของคุณ เสร็จแล้วก็ยังคงจับ คุณขังคุกอยู่ดี” “แน่นอนสิ แต่มันก็คุ้ม” “ก็คงงั้น แต่สิบเจ็ดเดือนนั่นคงเลวร้ายมากสินะ” “มันไม่ได้แย่ขนาดทีค่ ณ ุ คิดหรอก อยู่ในนัน้ ไม่ตอ้ งกังวลเรือ่ งอะไรเลย มีอาหารให้วันละสามมื้อ ไม่ต้องซักผ้าเอง ทั้งชีวิตมีการวางแผนให้ล่วงหน้า แล้ว ลองไปอยู่ดูแล้วจะรู้ว่าชีวิตแบบนั้นมันช่างอิสระจนน่าประหลาดใจ เลยละ” “ดีที่คุณยังพูดเป็นเรื่องตลกได้” “นี่ ไม่ได้ตลกนะ หรืออาจจะนิดหน่อยมั้ง แต่ผมไม่ได้ทรมานในแบบที่ คุณอาจจะคิดเลยนะ แดนเบอรีไม่ใช่คุกนรกแบบแอตติกาหรือซานเควนติน ผู้ต้องขังส่วนใหญ่เป็นอาชญากรคดีเศรษฐกิจ จ�าพวกยักยอก โกงภาษี จ่าย เช็คเด้ง อะไรประเภทนั้น ผมโชคดีที่ถูกส่งไปที่นั่น แต่ข้อได้เปรียบหลักคือ ผมเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว คดีของผมลากยาวเป็นเดือนๆ และในเมื่อผม รู้ดีมาตลอดว่าจะแพ้ ก็เลยมีเวลาปรับตัวให้ยอมรับเรื่องที่ต้องติดคุกได้ ผม ไม่ ใช่พวกขี้แพ้ที่เดินห่อเหี่ยวไปมา นับวันด้วยการกากบาทช่องในปฏิทิน ทุกครั้งที่เข้านอน พอเข้าไปในนั้น ผมก็บอกตัวเองว่า นี่แหละ นี่คือที่ที่นาย จะอยู่ตอนนี้ เพื่อนยาก ขอบเขตโลกของผมหดแคบลง แต่ผมก็ยังมีชีวิตอยู่ และตราบเท่าที่ยังคงหายใจ ตด และคิดอย่างที่ตัวเองคิดต่อไปได้ จะอยู่ ที่ ไหนมันก็ ไม่แตกต่างกันหรอก” “ประหลาดดี” Paul Auster

25


“ไม่หรอก ไม่ประหลาดเลย มันก็เหมือนเรื่องตลกเก่าๆ ของเฮนนี ยังแมน6 นั่นละ สามีกลับบ้าน เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น แล้วเห็นซิการ์จุดทิ้ง อยู่ในที่เขี่ยบุหรี่ เขาถามภรรยาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอแกล้งท�าเป็นไม่รู้เรื่อง เมื่อยังไม่หายสงสัย สามีก็เริ่มตรวจดูทั่วบ้าน พอไปถึงห้องนอน เขาก็เปิด ตู้เสื้อผ้า และพบคนแปลกหน้าอยู่ในนั้น ‘คุณมาท�าอะไรในตู้ผม’ สามีถาม ‘ผมไม่รู้’ ชายคนนั้นตะกุกตะกักตอบ ตัวสั่นเหงื่อแตกพลั่ก ‘คนเราก็ต้องอยู่ ที่ ไหนสักที่ ไม่ใช่เรอะ!’ ” “โอเค ผมเข้าใจประเด็นนัน้ แล้ว แต่ถงึ อย่างนัน้ มันก็คงต้องมีตวั ร้ายๆ อยู่ในตู้นั้นกับคุณบ้างละ คงไม่ได้รื่นเริงตลอดหรอก” “มันก็มเี วลาทีล่ า� บากอยูบ่ า้ ง ผมยอมรับ แต่ผมเรียนรูท้ จี่ ะจัดการตัวเอง ได้ดีอยู่ เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่หน้าตาพิลึกๆ ของผมมีประโยชน์ ไม่มีใครรู้ว่า จะเอายังไงกับผมดี แล้วพอผ่านไปพักหนึ่ง ผมก็ท�าให้ผู้ต้องขังส่วนใหญ่เชื่อ ว่าผมบ้าได้ คุณต้องทึง่ แน่ที่ ได้รวู้ า่ คนเขาจะหลีกเลีย่ งคุณกันแค่ไหน เมือ่ เขา คิดว่าคุณบ้า เมือ่ คุณมีแววตาแบบนัน้ แล้ว ก็เหมือนมีภมู คิ มุ้ กันความยุง่ ยาก” “และทั้งหมดนั่นเป็นเพราะคุณอยากยืนหยัดเพื่อหลักการของตัวเอง งั้นหรือ” “มันไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก อย่างน้อยผมก็รู้ดีว่าผมไปอยู่ที่นั่นท�าไม ไม่จา� เป็นต้องทรมานตัวเองด้วยความรู้สึกเสียใจในภายหลัง” “ผมโชคดีเมื่อเทียบกับคุณ ผมไม่ผ่านการทดสอบร่างกายเพราะเป็น หอบหืด เลยไม่จา� เป็นต้องคิดถึงเรื่องนี้อีก” “คุณก็เลยไปฝรั่งเศส ส่วนผมไปเข้าคุก เราต่างก็ ไปที่ ไหนสักที่ และ เราต่างก็กลับมา และเท่าที่รู้ ตอนนี้เราทั้งคู่ต่างก็ตกที่นั่งเดียวกัน” “นั่นก็เป็นวิธีมองอย่างหนึ่ง” “นั่นเป็นวิธีมองอย่างเดียวที่มี วิธีการของเราต่างกัน แต่ผลออกมา 6

Henny Youngman (1906 - 1998) นักแสดงตลกชาวอเมริกนั เชือ้ สายอังกฤษ เขามีชอื่ เสียง  ในทางเล่าเรื่องตลกสั้นๆ ในยุคที่นักแสดงตลกส่วนใหญ่นิยมการแสดงยืดยาว

26

Leviathan


เหมือนกันไม่มีผิด” เราสัง่ เครือ่ งดืม่ อีกรอบ ซึง่ ก็นา� ไปสูอ่ กี รอบ แล้วก็อกี รอบ แล้วก็ยงั มี อีกรอบหลังจากนั้น ในระหว่างนั้นบาร์เทนเดอร์ก็เลี้ยงเราด้วยบัญชีของร้าน อีกสองสามแก้ว เป็นความใจดีที่เราตอบสนองคืนทันทีด้วยการยุให้เขารินให้ ตัวเองแก้วหนึ่งด้วย จากนั้นบาร์ก็เริ่มมีลูกค้าเข้ามาจนเต็ม เราก็เลยย้ายไป นั่งที่โต๊ะมุมห้องอีกฟากหนึ่ง ผมจ�าที่เราคุยกันไม่ได้ทั้งหมด แต่จ�าตอนต้น ของการสนทนาได้ชดั เจนกว่าตอนท้ายมาก พอถึงครึง่ ชัว่ โมงหรือสีส่ บิ ห้านาที สุดท้าย ในกระแสเลือดของผมก็มีเบอร์เบิ้นอยู่มากจนผมเห็นภาพซ้อนแล้ว ผมไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน และไม่รู้เลยว่าจะท�าให้ โลกกลับมาชัดเจนได้ อย่างไร ทุกครั้งที่มองแซคส์ ผมจะเห็นเขาสองคน การกะพริบตาไม่ได้ช่วย อะไร การสัน่ หัวยิง่ ท�าให้วงิ เวียน แซคส์กลายเป็นชายทีม่ สี องหัวและสองปาก และเมือ่ ผมยืนขึน้ จะออกจากร้าน ก็จา� ได้วา่ เขาใช้สแี่ ขนคว้าตัวผมไว้ตอนจะล้ม อาจเป็นเรื่องดีก็ ได้ที่บ่ายวันนั้นมีเขาหลายๆ คน ถึงตอนนั้นผมก็เกือบจะ ไม่ไหวติงแล้ว และไม่คิดว่าคนคนเดียวจะแบกผมไหว ผมพูดได้เฉพาะเรื่องที่ตัวเองรู้เท่านั้น เรื่องที่ผมได้เห็นด้วยตาตัวเอง และได้ยินกับหูตัวเอง ถ้าไม่นับแฟนนี ผมอาจสนิทสนมกับแซคส์ยิ่งกว่าใคร แต่นั่นก็ ไม่ได้ท�าให้ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญรายละเอียดชีวิตเขา ตอนที่พบกับผม เขาอายุเกือบสามสิบแล้ว และเราต่างก็ ไม่ได้พูดถึงอดีตของตัวเองมากนัก ชีวิตวัยเด็กส่วนใหญ่ของเขาเป็นเรื่องลึกลับส�าหรับผม และนอกจากพูดถึง พ่อแม่กับพี่สาวน้องสาวแบบผ่านๆ บ้างตลอดช่วงหลายปีที่รู้จักกัน ผมก็แทบ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวเขาเลย ถ้าสภาพการณ์ต่างไปจากนี้ ตอนนี้ผม คงลองหาทางคุยกับคนพวกนั้นแล้ว คงพยายามเติมเต็มช่องว่างที่มีให้มาก ทีส่ ดุ แต่ผมไม่อยู่ในฐานะทีจ่ ะเริม่ ตามหาครูประถมหรือเพือ่ นสนิทสมัยมัธยม ของแซคส์ หรือขอสัมภาษณ์ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมชั้นในมหาวิทยาลัย หรือ คนทีต่ ดิ คุกช่วงเดียวกับเขาได้ ผมมีเวลาไม่พอ และถูกบีบให้รบี ท�างาน ไม่อาจ พึง่ พาอะไรได้นอกจากความทรงจ�าของตัวเอง ผมไม่ได้พดู นะว่าความทรงจ�า Paul Auster

27


ประวัติผู้เขียน พอล ออสเตอร์ นักเขียนชาวอเมริกนั เกิดปี ค.ศ. 1947 หลังจากจบการศึกษา จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เขาใช้ชีวิตเป็นนักแปลวรรณกรรมฝรั่งเศส-อังกฤษที่กรุง ปารีส ประเทศฝรั่งเศสอยู่สี่ปี ก่อนจะกลับสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1974 และออก ผลงานเขียนหลากหลายประเภท ทัง้ บทกวี บทความ และนวนิยาย ซึง่ ได้รบั รางวัลทาง วรรณกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ Prince of Asturias Prize for Literature, Independent Spirit Award และ Premio Napoli โดยเลอไวอะธันเล่มนี้ ได้รับรางวัล Prix Médicis Étranger ของประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบัน พอล ออสเตอร์ อาศัยอยู่ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา “ผู้ประพันธ์ขอแสดงความขอบคุณเป็นพิเศษต่อโซฟี คัลล์ ที่อนุญาตให้ผสมผสานข้อเท็จจริงเข้ากับเรื่องแต่ง” “Leviathan” มาจากชือ่ ของปีศาจทะเลในพระคัมภีร์ไบเบิลที่ Thomas Hobbes น�ามาใช้เปรียบเทียบกับรัฐ ในหนังสือชื่อเดียวกัน ประวัติผู้แปล เรียนจบปริญญาตรีในช่วงวิกฤติตม้ ย�ากุง้ หลังจากตกงานและท�างานเป็นผูช้ ว่ ย นักวิจัยอยู่พักหนึ่ง ก็ตัดสินใจลองเรียนต่อปริญญาโททางวรรณคดีอังกฤษที่เปิดสอน เป็นปีแรก แม้สุดท้ายจะเรียนไม่จบ แต่ก็ ได้ก�าไรชีวิตมาหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ มีอาจารย์แนะน�าให้รู้จัก (หนังสือของ) พอล ออสเตอร์ นี่เอง ปัจจุบันท�างานแปลเป็นงานหลัก มีผลงานแปลหนังสือหลากหลายแนว ทั้ง วรรณกรรมเยาวชนใสๆ นิยายวัยรุน่ ไซไฟล้างโลก ฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน ไปจนถึง วรรณกรรมคลาสสิกและนวนิยายรางวัลบุ๊กเกอร์ นอกจากชอบอ่านหนังสือแล้ว ยังชอบบรรยากาศมืดๆ เงียบๆ เย็นๆ ในโรงภาพยนตร์ตอนหนังฉาย ชอบแมว และชอบ อาหารญี่ปุ่น

Paul Auster

255


หากพบหนังสือที่มีข้อผิดพลาดหรือไม่ได้มาตรฐาน อาทิ หน้ากระดาษขาดหายหรือสลับกัน โปรดแจ้งมาที่ gammemagie@gammemagie.com เพื่อขอเปลี่ยนเล่มใหม่ สั่งซื้อหนังสือของส�านักพิมพ์ก�ามะหยี่ ได้ โดยตรงที่ www.gammemagie.com


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.