Missing Kissinger คิดถึงคิสซิงเจอร์
Etgar Keret เขียน ธนรรถวร จตุรงควาณิช แปล บรรณาธิการ บรรณาธิการบริหาร บรรณาธิการจัดการ
หนูนาน อธิชา มัญชุนากร กาบูล็อง มณฑา มัญชุนากร ศรรวริศา เมฆไพบูลย์ ชุลีพร วุ่นบ�ารุง
ออกแบบปก ออกแบบรูปเล่ม พิสูจน์อักษร
Dear Reader ณฐพัฒญ์ อาชวรังสรรค์ ปานอรุณ ชัยลักษณ์
Ga-aguai Le-Kissinger by Etgar Keret Copyright © 1994 Etgar Keret All rights reserved. Originally published in Israel by Zmora-Bitan, Tel Aviv Thai Translation rights arranged with Etgar Keret through The Institute for the Translation of Hebrew Literature. พิมพ์ครั้งที่ 1 : มิถุนายน 2560 ISBN 978-616-7591-64-3 ราคา 200 บาท
จัดพิมพ์ โดย : ส�านักพิมพ์ก�ามะหยี่ 74/1 รังสิต-นครนายก 31 ต�าบลประชาธิปัตย์ อ�าเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 12130 โทรศัพท์ : 084 146 1432 โทรสาร : 02 996 1514 Homepage : www.gammemagie.com Facebook Page : GammeMagieEditions Email : gammemagie@gammemagie.com พิมพ์ที่ : ห้างหุ้นส่วนจ�ากัด ภาพพิมพ์ 45/12-14, 33 หมู่ 4 ต�าบลบางขนุน อ�าเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทรศัพท์ : 02 879 9154-6 โทรสาร : 02 879 9153 Homepage : www.parbpim.com จัดจ�าหน่ายทั่วประเทศโดย : บริษัทเคล็ดไทย จ�ากัด 117-119 ถนนเฟื่องนคร ตรงข้ามวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท์ : 02 225 9536-9 โทรสาร : 02 222 5188 Homepage : www.kledthai.com
จากส� านักพิ มพ์
เรื่องสั้นแสนสั้นสั่น สะท้านสะเทือนเลื่อนลั่นร้าว รอยยิ้มยังคงค้าง
ส�านักพิมพ์ก�ามะหยี่ มิถุนายน 2560
ค�าเตือน : การอ่านหนังสืออาจพาคุณไปอิสราเอลได้
แด่อูซีและพี่ชายของผม
คิดถึงคิสซิงเจอร์
Missing Kissinger
เธอบอกว่าผมไม่ได้รักเธอจริงๆ บอกว่าผมพูดว่าผมรัก ผมคิด ว่าผมรัก แต่ผมไม่ได้รักเธอเลย ผมเคยได้ยินเกี่ยวกับผู้คนที่พูดว่า พวกเขาไม่รกั ใครบางคน แต่การตัดสินใจแทนคนอืน่ ว่าเขารักใครหรือ เปล่าเนี่ยนะ? นี่เป็นเรื่องใหม่ส�าหรับผมเลย ความจริงก็คือ ผมเห็น เค้าลางมาแต่ไกลแล้ว ชายใดร่วมเตียงกับสกัง๊ ก์ ชายนัน้ ไม่ควรบ่นว่า ลูกของเขาตัวเหม็น เธอกวนประสาทผมมาได้หกเดือนแล้ว แหย่นิ้ว เข้าไปในจิม๋ ของตัวเองหลังจากเราเอากันเพือ่ เช็กว่าผมถึงจริงๆ ส่วนตัว ผมเอง แทนทีจ่ ะพูดอะไรออกมา ผมได้แต่บอกเธอว่า “ไม่เป็นไรหรอกทีร่ กั คนเราก็รู้สึกไม่มั่นใจเล็กๆ แบบนี้กันทุกคนแหละ” แล้วตอนนี้เธอก็อยากให้เราเลิกกัน เพราะเธอตัดสินใจแล้ว ว่าผมไม่รักเธอ ผมจะพูดอะไรกับเธอได้ ถ้าผมตะคอกใส่เธอ บอก 20
ให้เลิกท�าตัวเป็นอีง่ังและกุเรื่องบ้าๆ ขึ้นมาสักที มันก็จะยิ่งสนับสนุน ประเด็นของเธอ “ท�าอะไรสักอย่างให้เห็นว่าเธอรักฉันสิ” เธอพูด เธออยากให้ ผมท�าอะไรหรือ อะไรล่ะ เธอก็แค่บอกมา แต่เธอไม่บอก เพราะถ้า ผมรักเธอจริงๆ ผมจะคิดได้เอง อย่างไรก็ดี เธอจะบอกอย่างหนึ่งให้ เธอพร้อมจะบอก โดยจะเป็นการบอกใบ้ว่าสิ่งนั้นใช่อะไรหรือบอกว่า สิ่งนั้นไม่ ใช่อะไร ผมต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นผมจึงขอให้ เธอบอกผมว่าสิ่งนั้นไม่ใช่อะไร แบบนี้อย่างน้อยเราก็จะได้รู้อะไรบ้าง สิ่ ง ที่ แ น่ น อนสิ่ ง เดี ย วเกี่ ย วกั บ ค� า ใบ้ ข องเธอก็ คื อ ผมจะไม่ เข้ า ใจมั น “มั น ไม่ ใ ช่ ” เธอพู ด “มั น ไม่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ การท� า ให้ ตั ว เธอเองพิกลพิการ แบบว่าควักลูกตาออกมาหรือเฉือนหูตัวเองทิ้ง เพราะแบบนัน้ มันเท่ากับเธอก�าลังท�าร้ายคนทีฉ่ นั รัก ซึง่ เป็นการท�าร้าย ฉันแบบอ้อมๆ ไปด้วย และการท�าร้ายคนใกล้ชดิ ก็ไม่ใช่ขอ้ พิสจู น์ความ รักอย่างแน่นอน” ความจริงก็คือ ผมไม่มีทางจะท�าร้ายตัวเองอยู่แล้ว ต่อให้เธอ ไม่พดู แบบนัน้ การควักลูกตาออกมามันเกีย่ วอะไรกับความรักวะ แล้ว มันอะไรกันนักกันหนากับการบอกกันตรงๆ ว่าสิ่งที่ต้องการคืออะไร เธอไม่ยอมท�าท่าเดียว บอกแต่เพียงว่าการกระท�าสิ่งนั้นมันไม่ดีกับ พ่อหรือพี่สาวน้องสาวของผม ไม่ดีกับพี่ชายน้องชายของผมด้วย ผม พร้อมจะถอดใจและบอกกับตัวเองว่าป่วยการเปล่า ไม่มอี ะไรจะช่วยผม หรือช่วยเธอได้ ชายใดกลั่นแกล้งขี้ยาติดโคเคนที่ ไว้ ใจไม่ได้ ชายนั้น ไม่ควรโวยวายเมื่อกระดูกหัก แต่หลังจากนั้น เมื่อเรามีเซ็กส์และ คิดถึงคิสซิงเจอร์
21
เธอจ้องลึกในตาผม — เธอไม่เคยหลับตาเวลาที่เรามีอะไรกัน ผมจะ ได้สอดลิ้นของคนอื่นเข้าปากเธอไม่ได้ — ทันใดนั้นเอง ความคิดก็ วาบขึ้นมา เหมือนกับนิมิตปรากฏ “ใช่แม่ของผมหรือเปล่า” ผมถาม แต่เธอไม่ยอมตอบ “ถ้าเธอรักฉันจริงๆ เธอต้องรู้ได้ดว้ ยตัวเอง” และหลังจากชิมนิว้ ที่เธอชักออกจากจิ๋มของตัวเอง เธอก็ โพล่งออกมา “แล้วอย่าอุตริไป เอาหูหรือนิว้ หรืออะไรท�านองนัน้ มาให้ฉนั นะ สิง่ ทีฉ่ นั ต้องการคือหัวใจ ได้ยินไหม หัวใจของแม่เธอ” ผมก�ามีดตลอดทางไปเมืองเปตัก ติกวา ขึน้ รถเมล์สองทอด มีด ยาวห้าฟุตใหญ่จนกินทีเ่ บาะนัง่ สองที่ ผมต้องจ่ายค่าตัว๋ รถเมล์เพิม่ เป็น พิเศษ มีอะไรทีผ่ มท�าให้เธอไม่ได้ มีอะไรทีผ่ มท�าให้คณ ุ ไม่ได้ แม่เทพธิดา โยนี ผมเดินบนถนนสเตมป์เฟอร์ตลอดทัง้ สายโดยมีมดี เหน็บอยูท่ หี่ ลัง อย่างกับนักรบพลีชพี อาหรับ แม่รวู้ า่ ผมจะมาก็เลยท�าอาหารเตรียมไว้ กระหน�า่ เครือ่ งเทศเผ็ดร้อนจากนรกแบบทีม่ แี ต่แม่ผมเท่านัน้ ทีท่ า� ได้ ผม กินโดยไม่พดู อะไร ชายใดกินผลตะบองเพชร1 ทีย่ งั ไม่ได้ปอกหนามออก ชายนั้นไม่ควรบ่นเรื่องริดสีดวงทวาร “แล้วมิรีเป็นยังไงบ้าง” แม่ถาม “เธอสบายดีไหม สาวน้อย น่าเอ็นดูคนนั้นยังแหย่นิ้วอูมๆ เข้าไปในตัวเองอยู่หรือเปล่า”
Prickly pear ผลไม้ที่มาจากต้นตะบองเพชรสายพันธุ์ที่กินได้ ในอิสราเอล ผลไม้ดัง กล่าวเรียกว่า ซาบรา ถือเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ส�าคัญ เป็นชื่อเล่นเรียกคน อิสราเอลที่เกิดในประเทศ ไม่ได้อพยพมาจากที่อื่น 1
22
“เธอสบายดีฮะ” ผมบอกแม่ “สบายดีจริงๆ เธอขอหัวใจของแม่ แบบว่าเธออยากรู้ว่าผมรักเธอจริงๆ หรือเปล่า” “เอาหัวใจของบารุคไปให้เธอก็ ได้” แม่หัวเราะ “เธอแยก ไม่ออกหรอก” “พูดแบบนี้ ได้ ไงแม่!” ผมพูดอย่างมีนา�้ โห “พวกเราถือเรือ่ งการ โกหกหลอกลวงนะ มิรีกับผมเราเน้นเรื่องความซื่อสัตย์” “เออๆ” แม่ถอนหายใจ “งั้นเอาของแม่ไปให้เธอก็ ได้ ไม่อยาก ให้ทะเลาะกันเพราะแม่เป็นเหตุ ว่าแล้วก็นึกขึ้นได้ แล้วไหนหลักฐาน ส�าหรับแม่ที่รักลูกสุดหัวใจ ไหนล่ะข้อพิสูจน์ว่าลูกก็รักแม่อยู่บ้างนิด หน่อยเหมือนกัน” ผมเขวี้ยงหัวใจของมิรีลงบนโต๊ะอย่างฉุนเฉียว ท�าไมสองคนนี้ ไม่เชื่อผมสักที ท�าไมเอาแต่ทดสอบผมอยู่ได้ทั้งคู่ แล้วตอนนี้ผมก็ต้อง นั่งรถเมล์สองทอดกลับ พร้อมไอ้มีดเล่มนี้ ไปตลอดทาง แล้วก็หัวใจ ของแม่ดว้ ย และผมพนันได้เลยว่าเธอคงไม่อยูบ่ า้ นด้วยซ�า้ คงจะกลับ ไปหาแฟนเก่า แต่ผมไม่โทษใครหรอกนอกจากตัวเอง มีคนอยู่สองจ�าพวก พวกที่ชอบนอนติดก�าแพง กับพวกที่ชอบ นอนข้างๆ คนที่ผลักพวกเขาตกจากเตียง
คิดถึงคิสซิงเจอร์
23
รองเท้า
Shoes
ในวันระลึกถึงผูเ้ สียชีวติ ในเหตุการณ์ โฮโลคอสต์ ครูซาราห์ของ พวกเราพาเราขึ้นรถบัสสาย 57 ไปพิพิธภัณฑ์ที่ระลึกถึงเหตุการณ์ ในโวห์ลิน1 และผมก็รู้สึกว่าตัวเองส�าคัญมากขึ้นมา ครอบครัวของ เด็กคนอื่นๆ ในชั้นอพยพมาจากอิรัก ยกเว้นผมกับลูกพี่ลูกน้องและ เด็กอีกคนหนึ่งที่ชื่อดรุคมัน และผมเป็นเพียงคนเดียวที่มีตาตาย ในโฮโลคอสต์ พิพิธภัณฑ์ที่ระลึกถึงเหตุการณ์ ในโวห์ลินเป็นตึกที่ดู Volhynia หรือ Volyn คือแคว้นส�าคัญทางประวัติศาสตร์ท่ีเคยครอบคลุมพื้นที่ ใน โปแลนด์ ยูเครน และเบลารุส ปัจจุบันถือเป็นส่วนหนึ่งของประเทศยูเครน ในบริบท ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว เมืองริฟเน (Rivne หรือ Rovno) ซึ่งเป็นเมืองหลักของ แคว้นโวห์ลิน เป็นจุดที่กองก�าลังนาซีกวาดต้อนชาวยิวสองหมื่นสามพันคนเข้าไปในป่า และท�าการสังหารทั้งหมดในเวลาสามวัน 1
รองเท้า
117
หรูอลัง ตัวตึกทั้งหลังปูหินอ่อนสีด�าหน้าตาราคาแพง ในพิพิธภัณฑ์มี รูปขาวด�าน่าเศร้ามากมายและมีรายชื่อของผู้คน ประเทศและเหยื่อ ผู้เสียชีวิต พวกเราจับคู่กันและเดินไปตามก�าแพงจากรูปหนึ่งไปสู่อีก รูปหนึ่ง ครูห้ามไม่ให้พวกเราแตะต้องรูป แต่ผมก็ทา� อยู่ดี ผมแตะรูป รูปหนึ่ง รูปถ่ายโบราณอัดบนกระดาษลังของชายผอมโซคนหนึ่งที่ ก�าลังร้องไห้และถือแซนด์วิชอยู่ น�้าตาที่ ไหลลงมาตามแก้มของเขา ดูเหมือนแถบสีบนถนนยางมะตอย และโอริท ซาเล็ม เด็กผู้หญิงที่ จับคู่กับผม บอกว่าจะฟ้องครู ผมบอกว่า ในความคิดผม เธอจะฟ้อง ใครก็เรื่องของเธอ จะไปฟ้องครูใหญ่ก็ฟ้องไป ผมไม่สน นั่นมันคุณตา ของผม และผมจะแตะอะไรก็ ได้ที่อยากแตะ หลังจากดูรปู แล้วพวกเขาก็พาเราเข้าไปในห้องโถงใหญ่และฉาย หนังเกีย่ วกับเด็กเล็กๆ ทีถ่ กู ต้อนขึน้ รถบรรทุกให้พวกเราดู ในตอนจบ พวกเขาทัง้ หมดโดนรมแก๊สขาดใจตาย หลังจากนัน้ คนแก่ผอมแห้งคน หนึ่งขึ้นมาบนเวทีและบอกพวกเราว่าพวกนาซีระย�าแค่ไหนและพวก มันเป็นฆาตกร เขาเล่าว่าเขาแก้แค้นพวกนั้นอย่างไรและถึงกับเคย บีบคอทหารคนหนึ่งตายด้วยมือเปล่ามาแล้ว เจอร์บซี งึ่ นัง่ ข้างผมบอกว่าตาแก่นนั่ โกหกและดูจากสารรูปแล้ว เขาไม่มีปัญญาซ้อมทหารคนไหนบนโลกนี้ ได้หรอก แต่ผมมองเข้าไป ในตาของคนแก่คนนั้นและผมเชื่อเขา แววตาของเขาอัดแน่นไปด้วย ความโกรธจนการโดนพวกเหลือขอชั้นเซียนทั้งหมดในโลกรุมโจมตี ดูเป็นเรื่องกระจอกไปเลยเมื่อเทียบกันแล้ว ในตอนท้ า ยหลั ง จากที่ เ ขาเล่ า เกี่ ย วกั บ สิ่ ง ที่ เ ขาท� า ในช่ ว ง 118
โฮโลคอสต์จบ ชายแก่บอกว่าสิง่ ทีพ่ วกเราได้ฟงั ทัง้ หมดนีเ้ ป็นเรือ่ งส�าคัญ ไม่แต่กับอดีต แต่กับปัจจุบันด้วยเช่นกัน เพราะว่าพวกคนเยอรมัน ยังคงมีชีวิตอยู่ พวกนั้นยังคงมีประเทศของตัวเอง ชายแก่พูดว่าเขา ไม่มีทางให้อภัยพวกนั้นและหวังว่าพวกเราก็เช่นกัน และว่าพวกเรา ไม่ควรไปเยือนประเทศนั้นแม้แต่ครั้งเดียว ให้ตายก็ ไม่ควร เพราะ ว่าเมื่อครั้งที่เขากับพ่อแม่ไปถึงเยอรมนีเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว ทุกอย่างดู สดใสไปหมด แต่แล้วมันก็กลายเป็นนรกในตอนจบ บางครั้งคนเรา ก็ความจ�าสั้น เขาพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องเลวร้าย ผู้คนพอใจ ที่จะลืมมากกว่า แต่พวกเธออย่าได้แม้แต่ลืม ทุกครั้งที่พวกเธอเห็น คนเยอรมัน ขอให้นึกถึงสิ่งที่ฉันเล่าให้ฟัง และทุกครั้งที่พวกเธอเห็น ข้าวของที่ท�าในประเทศเยอรมนี แม้แต่ทีวี เพราะว่าบริษัทส่วนมากที่ ผลิตทีวหี รือของอืน่ ๆ ตัง้ อยู่ในเยอรมนี จงจ�าไว้เสมอว่าหลอดภาพและ ส่วนประกอบอืน่ ๆ ทีอ่ ยูภ่ ายในหีบห่อสวยงามนัน้ ล้วนท�าจากกระดูก ผิว และเนื้อหนังของยิวที่ตายไป ระหว่างออกจากพิพธิ ภัณฑ์ เจอร์บพี ดู อีกหนว่า ถ้าตาแก่นนั่ เคย บีบคอแม้แต่แตงกวาสักลูก เขาจะยอมกินเสื้อยืดตัวเองเลยเอ้า และ ผมก็คิดว่า โชคดีจังที่ตู้เย็นที่บ้านท�าในอิสราเอล เพราะแค่นี้ปัญหาก็ เยอะพอแล้ว สองอาทิตย์ต่อมา พ่อแม่ผมกลับมาจากต่างประเทศและซื้อ รองเท้ากีฬากลับมาฝากหนึ่งคู่ พี่ชายของผมบอกแม่ล่วงหน้าว่านั่น คือสิง่ ทีผ่ มอยากได้และแม่กซ็ อื้ รุน่ ทีด่ ที สี่ ดุ มาให้ แม่ยมิ้ ตอนทีย่ นื่ ให้ผม แม่มั่นใจว่าผมไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ ในถุงคืออะไร แต่ผมรู้ ในทันทีที่เห็น รองเท้า
119
โลโก้อาดิดาส ผมหยิบกล่องรองเท้าออกมาจากถุงและพูดขอบคุณ กล่องเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเหมือนโลงศพ ในกล่องก็มีรองเท้าสีขาว พร้อมแถบสีน�้าเงินสามแถบพาดอยู่ ด้านข้างมีคา� ว่าอาดิดาสรอมอยู่ ผมไม่จา� เป็นต้องเปิดกล่องก็รู้ “ลองใส่ดสู ”ิ แม่พดู ดึงกระดาษทีย่ ดั อยู่ ในรองเท้าออกมา “ดูว่าพอดีไหม” แม่เอาแต่ยิ้มไม่เลิก ไม่ได้รู้เลยว่า ก�าลังเกิดอะไรขึ้น “มันมาจากเยอรมนี แม่รู้เปล่า” ผมพูด บีบมือแม่แน่น “แน่ล่ะ รู้สิ” แม่ยิ้ม “อาดิดาสเป็นยี่ห้อที่ดีที่สุดในโลก” “คุณตาก็มาจากเยอรมนีเหมือนกัน” ผมพยายามบอกใบ้ “คุณตามาจากโปแลนด์” แม่แก้ แลดูเศร้าไปชั่วขณะแต่ก็ผ่าน พ้นไปอย่างรวดเร็ว แล้วแม่กส็ วมรองเท้าข้างหนึง่ ให้ ผมเริม่ ร้อยเชือก รองเท้า ผมไม่พูดอะไร ถึงตอนนั้นผมรู้แล้วว่ามันเปล่าประโยชน์ แม่ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แม่ไม่เคยไปพิพิธภัณฑ์ที่ระลึกถึงเหตุการณ์ ในโวห์ลิน ไม่มี ใครเคยอธิบายให้แม่ฟัง และส�าหรับแม่แล้ว รองเท้าก็ เป็นแค่รองเท้าและเยอรมนีจริงๆ แล้วคือโปแลนด์ ดังนัน้ ผมจึงปล่อย ให้แม่สวมรองเท้าให้ผมและไม่พดู อะไร ป่วยการทีจ่ ะบอกแม่ รังแต่จะ ท�าให้แม่เศร้ากว่าเดิม หลังจากขอบคุณอีกรอบและหอมแก้มแม่ ผมพูดว่าผมจะออกไป เล่นข้างนอก “ระวังหน่อยนะ” พ่อแซวมาจากเก้าอี้ โซฟาในห้องนัง่ เล่น “อย่าท�าส้นสึกในบ่ายวันเดียวล่ะ” ผมมองดูรองเท้าซีดๆ บนเท้าของผม อีกครัง้ และนึกถึงทุกสิง่ ทีช่ ายแก่ผเู้ คยบีบคอทหารบอกว่าเราควรจดจ�า ผมแตะแถบสามแถบของอาดิดาสอีกครั้งและนึกถึงคุณตาของผมใน 120
รูปถ่ายโบราณอัดบนกระดาษลัง “ใส่สบายไหม” แม่ถาม “แหงล่ะ มั น ต้อ งสบายอยู่แ ล้ ว ” พี่ ช ายตอบแทนผม “รองเท้าพวกนี้ มันไม่ ใช่ยี่ห้อห่วยๆ ท�าในประเทศ มันเป็นรองเท้าเดียวกับที่ครัฟฟ์2 เคยใส่เชียวนะ” ผมค่อยๆ ย่องช้าๆ ไปที่ประตู พยายามทิ้งน�้าหนัก ลงบนรองเท้ า ให้ น ้ อ ยที่ สุ ด เท่ า ที่ จ ะท� า ได้ ผมเดิ น แบบนั้ น ต่ อ ไป จนถึงสวนสาธารณะฮาโคฟิม นอกสวน เด็กจากโรงเรียนประถม โบโรคอฟก�าลังแบ่งกลุ่มเป็นสามกลุ่ม: ฮอลแลนด์ อาร์เจนตินา และ บราซิล ทีมฮอลแลนด์ขาดผู้เล่นหนึ่งคน ดังนั้นพวกเขาจึงยอมให้ผม ร่วมทีม ถึงแม้วา่ ปกติแล้วพวกเขาไม่เคยรับคนที่ ไม่ได้เรียนที่โบโรคอฟ เมือ่ เริม่ เกม ผมยังระลึกได้วา่ ต้องระวังไม่เตะด้วยปลายรองเท้า เพื่อจะได้ ไม่เป็นการท�าร้ายคุณตา และพอเกมเดินหน้าไปเรื่อยๆ ผม ก็ลืม แบบเดียวกับที่ชายแก่จากพิพิธภัณฑ์ที่ระลึกถึงเหตุการณ์ ใน โวห์ลินพูดว่าผู้คนมักหลงลืม และผมถึงกับท�าประตูตีเสมอจากการ วอลเลย์ หลังจบเกมผมก็นึกขึ้นได้และก้มมองดูรองเท้า จู่ๆ มันก็ รู้สึกสวมสบายขึ้นมาเสียอย่างนั้น รู้สึกยืดหยุ่นเด้งดึ๋งกว่าเดิมด้วย มากกว่าตอนทีม่ นั ยังนอนนิง่ อยู่ในกล่อง “วอลเลย์ลกู นัน้ เจ๋งเนอะตา” ผมทบทวนเหตุการณ์ ให้ตาฟังระหว่างทางกลับบ้านของเรา “โกลไม่รู้ ด้วยซ�้าว่าโดนอะไรอัดเข้าให้” ตาไม่พูดอะไร แต่จากจังหวะเริงร่าใน ย่างก้าวของผม ผมบอกได้ว่าตามีความสุขเช่นกัน Johan Cruyff (1947-2016) นักฟุตบอลและผูจ้ ดั การทีมชาวดัตช์ ถือเป็นหนึง่ ในผูเ้ ล่น ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล
2
รองเท้า
121
เพื่ อนรักของผม
My Best Friend
เพื่อนรักของผมเยี่ยวใส่ประตูอพาร์ตเมนต์ผมเมื่อคืน ผมเช่า ห้องบนชั้นสี่ ในตึกที่ ไม่มีลิฟต์ บางทีหมาก็ท�าแบบนี้เหมือนกันเพื่อ แสดงอาณาเขตเพื่อกันตัวผู้ตัวอื่นๆ ออกไป แต่มันไม่ ใช่หมา มันคือ เพื่อนรักของผม และนอกจากนั้น นี่ ไม่ ใช่อาณาเขตของมัน แต่เป็น ประตูอพาร์ตเมนต์ของผม ไม่กี่นาทีก่อนหน้า เพื่อนรักของผมก�าลังรอรถเมล์อยู่ เขาไม่รู้ ว่าจะท�ายังไงดี กระเพาะปัสสาวะของเขาเริม่ มีชยั เหนือเขาอย่างช้าๆ เขาพยายามขัดขืนเตือนตัวเองว่ารถเมล์อาจมาถึงป้ายได้ทกุ ขณะ เสีย แต่ว่าเขาเตือนตัวเองแบบนี้ ไปเมื่อยี่สิบนาทีก่อนแล้ว และทันใดนั้น เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า ผมเพื่อนรักของเขา อาศัยอยู่ถัดไปไม่กี่ช่วงตึก ณ หมายเลข 14 ซาเมนฮอฟ บนชั้นสี่ของตึกที่ ไม่มีลิฟต์ เขาเดินจาก 122
ป้ายรถเมล์มงุ่ หน้ามายังอพาร์ตเมนต์ของผม ไม่เชิงว่าเดิน ออกกึง่ วิง่ มากกว่าและไม่ชา้ ก็กลายเป็นการวิง่ จ�า้ อ้าว และในทุกย่างก้าวเขาก็พบ ว่ามันอัน้ ยากขึน้ เรือ่ ยๆ ถึงขัน้ คิดว่าจะแอบย่องเข้าไปในสวนหลังบ้าน ของใครสักคนและเยีย่ วใส่กา� แพงหรือต้นไม้หรือไม่กถ็ งั แก๊สให้สนิ้ เรือ่ ง เขาอยูห่ า่ งจากบ้านผมไปไม่ถงึ ห้าสิบเมตรตอนทีค่ วามคิดนีผ้ ดุ ขึน้ ในหัว แต่ความคิดนี้รู้สึกจะเถื่อนถ่อยและงอกง่อยเกิน มีสิ่งชั่วๆ มากมาย ที่คุณสามารถพูดเกี่ยวกับเพื่อนรักของผมได้ แต่ที่แน่ๆ คือ เขาไม่ ใช่ พวกกระจอก เช่นนี้เอง เขาก็ฮึดต่ออีกห้าสิบเมตรและเริ่มขึ้นบันได สี่ชั้นมายังบ้านของผม กระเพาะปัสสาวะของเขาใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น ในทุกฝีก้าวเหมือนลูกโป่งที่พร้อมแตก ในที่ สุ ด เมื่ อ เขาถ่ อ ขึ้ น บั น ไดได้ ส� า เร็ จ เขาก็ เ คาะประตู อพาร์ตเมนต์ผมและกดออดตาม แล้วก็เคาะประตูอีกรอบ เคาะ หนักหน่วง ผมไม่อยู่บ้าน เวลาอื่นมีตั้งมากมายแต่จ�าเพาะต้องเป็น ตอนนี้ ตอนทีเ่ ขาต้องการผมมากทีส่ ดุ ผมซึง่ เป็นเพือ่ นรักของเขากลับ เลือกที่จะไปผับสักแห่งแทน ไปเตร่อยู่แถวบาร์และหลีสาวทุกคนที่ ผ่านเข้ามา เพือ่ นรักของผมยืนอยูต่ รงนัน้ ตรงประตูบา้ นผม เข้าตาจน อย่างทีส่ ดุ เขาไว้เนือ้ เชือ่ ใจผมอย่างไม่ลมื หูลมื ตา และตอนนีก้ ส็ ายไป เสียแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะลงบันไดสี่ชั้นได้ โดยสวัสดิภาพ สิ่งเดียวที่ เหลือให้เขาท�าหลังจากนัน้ คือการทิง้ กระดาษโน้ตเยินๆ พร้อมข้อความ ถึงผม โทษทีว่ะ ทันทีทเี่ ธอเห็นแอ่งน�า้ สาวทีต่ ดั สินใจกลับบ้านมาพร้อมกับผมใน คืนนัน้ ก็เปลีย่ นความคิด “ประการแรกเลย” เธอพูด “มันน่าขยะแขยง เพื่อนรักของผม
123
ฉันไม่ยอมเดินผ่านมันแน่ๆ ประการทีส่ อง ถึงแม้วา่ คุณจะถูพนื้ แต่ปา่ นนี้ กลิ่นมันก็คงจะอวลเต็มบ้านแล้ว และประการที่สาม” เธอเสริมพร้อม ริมฝีปากที่เบ้น้อยๆ “ถ้าเพื่อนสนิทของคุณฉี่ใส่ประตูบ้านคุณ มันต้อง บอกอะไรบางอย่าง” และหลังความเงียบชั่วขณะสั้นๆ เธอก็เสริมว่า: “เกี่ยวกับคุณ” และหลังความเงียบอีกหนึ่งยก: “ที่ ไม่ ใช่เรื่องดีแน่ๆ” แล้ ว เธอก็ จ ากไป เธอคนนี้ แ หละที่ บ อกผมเกี่ ย วกั บ การประกาศ อาณาเขตของหมา และตอนที่เธอพูดเรื่องนี้ เธอหยุดพูดชั่วสั้นๆ หลังค�าว่า “หมา” และมองผมอย่างมีนัย ซึ่งผมควรจะเข้าใจจับ ความหมายได้วา่ เพือ่ นรักของผมมีความเหมือนหมาอยูไ่ ม่นอ้ ย หลังจาก ยิงสายตานั้นเธอก็จากไป ผมหยิบผ้าถูพื้นจากระเบียงห้องครัวกับน�า้ หนึ่งถัง และในขณะที่ถูพื้นก็ฮัมเพลง ‘เราจะมีชัย1’ ไปด้วย ผมรู้สึก ภูมิใจเป็นบ้าที่ ได้รู้ว่าตัวเองสามารถยับยั้งใจไม่ตบหน้าหล่อนได้
‘We Shall Overcome’ เพลงประท้วงต่อต้าน แต่งในปี 1900 และกลายเป็นเพลง ประจ�าการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิที่เท่าเทียมของชาวแอฟริกัน-อเมริกัน
1
124
คนเราสามารถควบคุมชะตาชีวิตของตนได้มากขนาดไหนหรือครับ ชีวิตก็ ไม่ต่างจากการร่วงจากขอบหน้าผา คุณมีอิสระเต็มที่ในการเลือกว่าจะหล่นลงมาอย่างไร เอ็ตการ์ เคเร็ต
เกีย ่ วกับผู้เขียน เอ็ตการ์ เคเร็ต เป็นหนึ่งในนักเขียนรุ่นใหม่ที่เป็นที่รู้จักดีที่สุด ในอิสราเอล งานของเขาได้รับการแปลแล้วกว่า 43 ภาษา (รวมถึง ภาษาไทย โดยเริ่มจากเล่มนี้) เคเร็ตเป็นทั้งนักเขียนเรื่องสั้น นิยาย ขนาดสั้น กราฟฟิกโนเวล และผู้ก�า กับภาพยนตร์ ต่างจากงาน ของนักเขียนชื่อดังของอิสราเอลส่วนใหญ่ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศ ของความขั ด แย้ ง ทางการเมื อ ง งานส่ ว นมากของเคเร็ ต ว่ า ด้ ว ย เรื่องปวดหัวในชีวิตประจ�าวันและธรรมชาติของความสัมพันธ์ โดย มีประเด็นเรื่องการเมืองเป็นตัวประกอบคอยกวนใจอยู่เป็นระยะๆ งานเขียนของเคเร็ตเต็มไปด้วยองค์ประกอบเหนือจริงที่แทรกเข้ามา อย่างไม่ทันให้ตั้งตัวอยู่เรื่อยๆ เต็มไปด้วยอารมณ์ขันพิลึกพิลั่นแม้แต่ ในความเศร้าสร้อย งานเขียนของเคเร็ตได้รบั รางวัลทางวรรณกรรมจากนานาชาติ มากมาย Jellyfish ภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกที่เขาก�ากับได้รับ รางวั ล Camera d’Or จากงานเทศกาลภาพยนตร์ เ มื อ งคานส์ ในปี 2007 พ่ อ แม่ ข องเคเร็ ต เป็ น ผู ้ ร อดชี วิ ต จากการฆ่ า ล้ า งเผ่ า พั น ธุ ์ ชาวยิวและอพยพจากโปแลนด์มาอิสราเอล ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ ใน เทลอาวีฟกับภรรยาและลูกชาย
เกีย ่ วกับผู้แปล ธนรรถวร จตุรงควาณิช เริ่มเสพติดงานเขียนของเอ็ตการ์ เคเร็ต หลังจากไปเที่ยวอิสราเอลหนแรกในปี 2008 เคยท�างานเป็น นักเขียนหนังสือท่องเที่ยว ผู้ช่วยผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และเริ่มต้น งานแปลวรรณกรรมสมัยเรียนปริญญาโทสาขาวรรณคดีอังกฤษที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นหนึง่ ในนักแปลรวมเรือ่ งสัน้ ของมูราคามิ เส้นแสงที่สูญหำย เรำร้องไห้เงียบงัน และรวมเรื่องสั้นแนวแฟนตาซี ของเคลลี ลิงค์ เข้ำตำร้ำย (ส�านักพิมพ์ก�ามะหยี่) เคยเป็นอาจารย์ ภาควิชาวรรณคดีอังกฤษที่ธรรมศาสตร์อยู่สี่ปีก่อนจะย้ายไปอยู่ อิสราเอล
หนังสือจากผู้เขียนคนเดียวกัน ที่เราตั้งใจน�าเสนอเป็นล�าดับต่อไป THE NIMROD FLIPOUT
30 เรื่องสั้นๆ สดใหม่ ประหลาด ข�า จับหัวใจ เรื่องที่คล้ายจะเป็นมุกตลก แต่ไม่ใช่
ใครๆ ก็ชอบอ่านงานเขียนของเอ็ตการ์ เคเร็ต
“ผมสนุกกับการอ่านเรื่องสั้นที่ โลดโผน แหวกแนวอย่างด�ามืดเหล่านี้ ถึงขั้นสนุกมากก็หลายครั้ง – เรื่องพวกนี้อาจจะถูกจินตนาการขึ้นมา โดยนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องมากกว่านักเขียนก็เป็นได้” ท็อดด์ แมคยวน, เดอะ การ์เดียน
“ผมคิดว่าเคเร็ตเป็นนักเขียนที่ปราดเปรื่อง ต่างกับคนอื่นๆ ที่ผมรู้จักอย่างสิ้นเชิง” ซัลแมน รัชดี
“เอ็ตการ์ เคเร็ต คืออัจฉริยะ...เสียงที่ทรงพลังและก่อกวนจิตใจ” นิวยอร์กไทมส์
“งานรวมเรื่องที่ชวนเคลิ้มฝันและตลกอย่างร้ายกาจ... เคเร็ตจะทิ้งคุณไว้กับค�าถามมากกว่าค�าตอบ แต่มันกลับท�าให้คุณรู้สึกดีกว่า” นิวสเตทส์ แมน
หากพบหนังสือที่มีข้อผิดพลาดหรือไม่ได้มาตรฐาน อาทิ หน้ากระดาษหายหรือสลับกัน โปรดแจ้งมาที่ 1q84thai@gmail.com เพื่อเปลี่ยนเล่มใหม่