เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน Firefly, Barn Burning and other stories Haruki Murakami เขียน ปาลิดา พิมพะกร, วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา ธนรรถวร จตุรงควาณิช, มัทนา จาตุรแสงไพโรจน์ โตมร ศุขปรีชา แปล ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง บรรณาธิการ อธิชา มัญชุนากร กาบูล็อง บรรณาธิการบริหาร ศรรวริศา เมฆไพบูลย์ บรรณาธิการจัดการ ภาพประกอบปก : ปิยพัชร์ จีโน ออกแบบปก : wrongdesign รูปเล่ม : สิริมา สุวรรณไตรภพ พิสูจน์อักษร : นินนารา HOTARU, NAYA O YAKU, SONOTA NO TANPEN by Haruki Murakami Copyright c 1984 Haruki Murakami All rights reserved. Originally published in Japan by SHINCHOSHA Publishing Co., Ltd., Tokyo Thai translation rights arranged with Haruki Murakami through THE SAKAI AGENCY and SILKROAD AGENCY. พิมพ์ครั้งที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 ISBN 978-616-7591-36-0 ราคาจจาหน่าย 250 บาท
จัดพิมพ์โดย : สจานักพิมพ์กจามะหยี่ 74/1 รังสิต-นครนายก 31 ธัญบุรี ปทุมธานี 12130 โทรศัพท์ : 084 146 1432 โทรสาร : 02 996 1514 Email : gammemagie@gammemagie.com Homepage : www.gammemagie.com Facebook : http://www.facebook.com/GammeMagieEditions พิมพ์ที่ : ห้างหุ้นส่วนจจากัด ภาพพิมพ์ 296 ซอยอรุณอมรินทร์ 30 ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 โทรศัพท์ : 02 433 0026-7, 02 433 8586 โทรสาร : 02 433 8587 Homepage : http://www.parbpim.com จัดจจาหน่ายทั่วประเทศโดย บริษัทเคล็ดไทย จจากัด 117-119 ถนนเฟื่องนคร ตรงข้ามวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท์ : 02 225 9536-9 โทรสาร : 02 222 5188 Homepage : http://www.kledthai.com
คำ�นำ�สำ�นักพิมพ์ เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน ค�าสาปร้านเบเกอรี ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน รวมเรื่องสั้นของฮารูกิ มูราคามิ ในชุด “แฟนมูราคามิรวมหัว” สามเล่มนี้ ส�าหรับเราแล้วถือเป็นหนึ่งในหมุดหมายที่ส�าคัญ ของส�านักพิมพ์ เป็นผลงานชิน้ แรกๆ ทีเ่ ราจัดพิมพ์ครัง้ แรกในสมัย ยังเตาะแตะคลานมะงุมมะงาหราในบรรณพิภพสยาม เป็น ผลงานที่ท�าให้เราได้เรียนรู้ข้อเท็จจริงอย่างน้อย 2 ข้อ ข้อหนึ่งคือ หลังจากตัดสินใจจัดพิมพ์ ก็ได้รับข้อมูลแว่วมาว่า งานเรื่องสั้นเป็นงานที่ขายยาก อ่านยาก ไม่ค่อยเป็นที่นิยม ข้อสองคือ เมื่อหนังสือวางแผงแล้ว ก็ได้ข้อสรุปว่า ถ้าเป็น งานเรื่องสั้นดีๆ จากนักเขียนที่มีฝีมือฉกาจ ก็สามารถลบล้าง อาถรรพ์เรื่องสั้นในข้อหนึ่งได้ บทพิสูจน์คือ รวมเรื่องสั้นทั้งสามเล่มได้รับการจัดพิมพ์ซ�้า ทั้งหมด เป็นแรงผลักดันให้เราน�าเสนอผลงานรวมเรื่องสั้น ชั้นดีในล�าดับต่อๆ มาอีกหลายเล่ม
การพิมพ์ครั้งที่สองได้รับความสนใจอุดหนุนจากแฟนหนังสือ รุ่นใหม่ๆ จนกระทั่งจ�าเป็นต้องมีการจัดพิมพ์ใหม่ครั้งที่สาม ในครั้งนี้ขึ้น การพิมพ์หนังสือซ�า้ นัน้ ไม่ได้งา่ ยดาย สะดวก ประหยัด เหมือน กับที่หลายๆ คนคิด ในการพิมพ์ครั้งที่สองเราได้เปิดกิจกรรม ประกวดการออกแบบปกใหม่โดยใช้ภาพถ่ายเดิมเพื่อสร้าง ความรูส้ กึ สานต่อคุน้ ตา พอมาถึงการพิมพ์ครัง้ ทีส่ ามนี้ หน�าซ�า้ ยังเป็นการพิมพ์พร้อมกันทั้งสามเล่ม การเปลี่ยนแค่หน้าปกดู เหมือนจะเร้าใจไม่พอ กลายเป็นงานประจ�าซ�้าซากไปเสียแล้ว เราจึงตัดสินใจสร้างความกระชุ่มกระชวยให้กบั ชีวติ เล็กๆ ของ การท�าส�านักพิมพ์เล็กๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบทุกอย่าง ประหนึ่งเริ่มต้นนับจากศูนย์ ทั้งขนาดรูปเล่ม รูปโฉม รูปแบบ แนวคิดในการออกแบบหน้าปก เราหวังใจลึกๆ ว่า ความสดใหม่ของฉบับจัดพิมพ์ครัง้ นีจ้ ะสร้าง สีสนั กระตุน้ ความปรารถนาจับจองเป็นเจ้าของ สะสมแบบครบ ทั้งชุด ทั้งแก่ผู้อ่านที่เคยมีหนังสือสามเล่มนี้แล้วและที่ยังไม่มี ขอให้มีความสุขในการอ่านและการสะสมค่ะ ด้วยไมตรี สนพ.ก�ามะหยี่ กุมภาพันธ์ 2558
สารบัญ เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน ปาลิดา พิมพะกร 13 มือเพลิง วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา 69 คนแคระนักเต้น ธนรรถวร จตุรงควาณิช 109 หลิวตาบอดกับเธอผู้หลับใหล มัทนา จาตุรแสงไพโรจน์ 161 สามเรื่องเยอรมันฝันเพ้อ โตมร ศุขปรีชา 229
เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน ปาลิดา พิมพะกร
แม้จะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องในอดีต แต่อย่างมากก็ไม่เกิน 14 - 15 ปีที่แล้ว มันเกิดขึ้นสมัยที่ผมอาศัยอยู่ในหอพัก นักศึกษา ผมเข้ามหาวิทยาลัยตอนอายุ 18 ปี ตอนนั้น ผมไม่รู้แม้แต่เรื่องปกติท่ัวไปเกี่ยวกับโตเกียวเลย ยิ่งไป กว่านั้น ผมก็ไม่เคยใช้ชวี ิตอย่างล�าพังคนเดียว ท�าให้พ่อ แม่ผมกังวลจนต้องท�าหน้าที่จัดการหาหอพักแห่งนั้นให้ ผมอยู่ เรื่องค่าใช้จ่ายก็เป็นปัญหาเช่นกัน ท�าให้การอยู่ หอดูเหมือนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ผมเข้าใจดีอยู่หรอก ว่าการอยู่หอสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ส่วน หนึ่ง แต่ถ้าเลือกได้จริงๆ ผมอยากหาอพาร์ตเมนต์อยู่เอง แบบสบายๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องจุกจิกอะไรมากกว่า แต่ท้ายทีส่ ดุ ผมกลับไม่สามารถขอตามความต้องการของ ปาลิดา พิมพะกร
13
ตัวเองแบบนั้นได้ พ่อแม่ผมต้องจ่ายยุบยับมากมาย ทั้ง ค่าเข้าเรียน ค่าเทอม รวมถึงค่าใช้จ่ายประจ�าวันของผม หอพั ก ของมหาวิ ท ยาลั ย ตั้ ง อยู ่ บ นเนิ น สู ง ย่ า น บุนเคียว เห็นทิวทัศน์งดงาม มีพื้นที่กว้างใหญ่ มีกา� แพง รั้วคอนกรีตสูงโอบรอบ เมื่อผ่านประตูเข้าไปจะพบกับ ต้นเคะยะกิขนาดมหึมาตั้งตระหง่าน ว่ากันว่ามีอายุราว 150 ปี หรือมากกว่านั้นด้วยซ�า้ หากยืนอยู่ที่โคนต้นและ แหงนมองขึ้น ไป กิ่งก้านเขียวครึ้มจะแผ่ปกปิดผืน ฟ้ า อย่างมิดชิด ทางเท้ า คอนกรี ต เลี้ ย วอ้ อ มต้ น ไม้ แ ล้ ว ทอดตั ด ตรงไปยังสวนกลาง ขนาบสวนกลางทัง้ สองด้านคืออาคาร หอพักสร้างจากปูนสองหลัง สูงสามชั้น ตั้งเคียงข้างกัน เป็นตึกใหญ่โตมโหฬาร มีเสียงโฆษกจากรายการวิทยุ ดังผ่านหน้าต่างที่แง้มเปิดอยู่ตลอดเวลา จากเครื่องวิทยุ ทรานซิสเตอร์ของใครบางคน ผ้าม่านของทุกห้องเป็น สีครีมเหมือนกันหมด เพราะสีครีมเป็นสีที่จืดจางน้อย ที่สุดเมื่อโดนแสงแดด ด้านหน้าทางเดิน มีอาคารสองชั้นเป็นที่ตั้งของ 14
เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน
ส�านักงานใหญ่ ชั้นแรกมีโรงอาหารและห้องอาบน�้ารวม ส่วนชั้นสองมีห้องสัมมนา ห้องประชุม และห้องรับแขก ถัดจากอาคารหลังนีเ้ ป็นอาคารหอพักชุดทีส่ าม สูงสามชัน้ เช่นกัน ตั้งอยู่กลางสนามหญ้าขนาดใหญ่ท่มี ีสปริงเกลอร์ พ่ น น�้ า หมุ น วนอยู ่ ร อบสวน ส่ อ งประกายระยิ บ ระยั บ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ ด้านหลังของอาคารส�านักงาน ใหญ่มีสนามที่ใช้ส�าหรับเล่นเบสบอลและฟุตบอล รวม ทั้งคอร์ตเทนนิสอีกหกคอร์ต จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีก ปัญหาเพียงอย่างเดียวของหอพักแห่งนี้ (แต่ก็ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นว่ามันเป็นปัญหาหรอก) คือคนดูแล ซึ่งเป็นสถาบันลึกลับที่มีผู้น�าเป็นพวกขวาจัดชนิดบ้าคลั่ง เพียงได้เห็นใบปลิวที่หอพักพิมพ์ออกมาก็รู้แล้วว่าเป็น อย่างนั้นแน่นอน มันเป็นหอพักที่ด�าเนินการภายใต้คติ ของ ‘การบรรลุจุดมุ่งหมายขั้นพื้นฐานของการศึกษาและ สร้างคนเก่งเพื่อรับใช้ชาติ’ และดูเหมือนว่านักธุรกิจผู้ มั่งคั่งหลายคนที่เห็นพ้องกับปรัชญานั้นจะมีส่วนในการ ลงนามค�้าประกันหอพักด้วย อย่างน้อยนั่นคือประวัติ อย่างเป็นทางการของหอ ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่ ปาลิดา พิมพะกร
15
ใต้เปลือก เช่นเดียวกับอีกหลายต่อหลายเรื่องที่นั่น มี ข่าวลือว่ามันเป็นที่ส�าหรับการซุกหุ้นหรือการโกงอสังหาริมทรัพย์อะไรสักอย่าง เรื่องพวกนั้นไม่ได้มีผลต่อชีวิต ความเป็นอยู่ประจ�าวันในหอแต่อย่างไร ในแง่การใช้งาน ผมคิดว่าคงไม่สา� คัญนักหรอกว่าใครเป็นคนดูแล ไม่ว่าจะ เป็นพวกฝ่ายขวา พวกฝ่ายซ้าย พวกหน้าไหว้หลังหลอก หรือพวกอันธพาล หรืออะไรก็ตาม ไม่ว่าความจริงจะ คืออะไร นับจากฤดูใบไม้ผลิของปี 1967 จนถึงฤดูใบไม้ ร่วงของปี 1968 ผมเรียกหอพักนี้ว่าบ้าน
ทุกวันใหม่ของหอพักแห่งนี้เริ่มต้นด้วยการเชิญธงชาติ ขึ้นสู่ยอดเสา ฐานส�าหรับการเชิญธงชาติต้งั อยู่กลางสวน สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากหน้าต่างบนหอ แน่นอนว่า ต้องมีการเปิดเพลงชาติประกอบด้วย เหมือนกับข่าวกีฬา ก็ต้องมีเพลงมาร์ชเปิดไปด้วยกัน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป ไม่ได้ 16
เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน
ว่�ด้วยคนแปล ปาลิ ด า พิ ม พะกร จบการศึ ก ษาจากคณะ โบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เริ่มต้นท�างาน ต� า แหน่ ง กองบรรณาธิ ก ารที่ นิ ต ยสาร mars จากนั้ น ออกมาร่ ว มก่ อ ตั้ ง ส� า นั ก หนั ง สื อ ไต้ ฝุ ่ น (www.typhoonbooks.com) เพราะสนใจใน วัฒนธรรมญีป่ นุ่ จึงเริม่ เรียนภาษาญีป่ นุ่ เมือ่ ปลาย ปี 2545 เขียนหนังสือเกี่ยวกับญี่ปุ่นออกมาแล้ว หลายเล่ม
66
เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน
“เรือ่ งเล่าของฮารูกิ มูราคามิ เด่นด้วยการบรรยาย โดยใช้ค�าพูดง่ายๆ แต่เก็บรายละเอียดทั้งความ รู้สึกของตัวละครและบรรยากาศรอบตัวได้อย่าง ละเอียดถี่ถ้วน บางประโยคอาจเป็นเพียงค�าพูด แฝงปรัชญาดาษดืน่ ทัว่ ไป แต่เมือ่ ประสานเข้ากับ ห้วงอารมณ์ทเี่ ขาสร้างขึน้ แล้ว สามารถสัน่ สะเทือน จิตใจผูอ้ า่ นได้ การได้แปลงานของฮารูกิ มูราคามิ จากต้นฉบับภาษาญีป่ ่นุ เป็นหลัก ท�าให้ร้สู กึ ว่าได้ ใกล้ชดิ กับงานของนักเขียนทีเ่ ราชืน่ ชอบมากยิง่ ขึน้ ถือเป็นประสบการณ์ท่ดี ีอีกครั้งในชีวิต”
ปาลิดา พิมพะกร
67
มือเพลิง วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา
ผมพบกับเธอครั้งแรกในงานแต่งงานของคนรู้จักเมื่อสาม ปีที่แล้ว และสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว หากนับเฉพาะ เรื่องอายุ เราเรียกได้ว่าต่างกันราวกับเป็นมนุษย์คนละรุ่น เธออายุยี่สิบ ส่วนผมสามสิบเอ็ด แต่น่ันแทบไม่ส่งผล อันใด อาจเพราะในตอนนั้นผมมีเรื่องอื่นให้กังวลมาก กว่า กล่าวตามความสัตย์ ผมไม่มีเวลาแม้แต่นดิ ที่จะคิด เรื่องความแตกต่างของอายุ และเช่นกัน เรื่องอายุก็ไม่ได้ รบกวนเธอตั้งแต่แรก ผมแต่งงานแล้ว แต่นั่นก็ไม่ส�าคัญ เหมื อ นกั น เธอให้ ค วามส� า คั ญ ของเรื่ อ งอายุ การมี ครอบครัว หรือรายได้ อยู่ในล�าดับเดียวกับการให้ความ ส�าคัญเรื่องเบอร์รองเท้า ส�าเนียงพูด หรือรูปร่างของนิ้ว มือของใครสักคน การมานั่งคิดถึงเรื่องพวกนี้ไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงอะไรได้ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ใช่เลย! เธอพูดถูก วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา
69
เธอท�างานเป็นนางแบบโฆษณา ขณะเดียวกันก็ ก�าลังเรียนละครใบ้กับใครสักคนซึ่งว่ากันว่าเป็นคนดัง เอาการอยู่ งานพวกนั้นจะเป็นเรื่องน่าเบื่อ เธอจึงเอาแต่ ปฏิ เ สธงานที่ เ อเย่ น ต์ ห ามาให้ มั น เลยท� า ให้ ส ถานะ ทางการเงินของเธอไม่ม่นั คงนัก แต่ไม่ว่าเธอจะขาดเหลือ อะไร ทั้งหมดก็คลี่คลายไปได้โดยความช่วยเหลืออันดี จากบรรดาเพื่อนชายของเธอ ที่จริงผมก็ไม่รู้แน่หรอก แค่ ปะติดปะต่อเอาจากชิ้นส่วนข้อมูลที่หล่นจากบทสนทนา ของเธอ ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดว่านี่จะเป็นเครื่องแสดงว่า เธอนอนกับ ผู ้ ช ายพวกนั้น เพื่อ เงิน ต่ อ ให้ เ ธอจะอยู ่ ใ น โอกาสที่จะท�าแบบนั้นได้ก็เถอะ และต่อให้เธอท�าจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรือ่ งส�าคัญอยูด่ ี เพราะสิง่ ทีส่ �าคัญจริงๆ มันเป็น เรือ่ งสามัญกว่าเรือ่ งนัน้ มากมาย ไม่วา่ จะอธิบายแบบสัน้ หรื อ ยาว ความซื่ อ ใสไร้ เ ล่ ห ์ ข องเธอต่ า งหากที่ ดึ ง ดู ด บรรดาผู้ชายพวกนั้น ผู้ชายพวกที่แรกเริ่มก็จะมองเห็นแค่ ความซื่อใสของเธอ ก่อนที่จะเอาไปผสมกับความรู้สึก ต่างๆ นานาทีพ่ วกเขาซ่อนไว้ในใจ นีอ่ าจจะไม่ใช่คา� อธิบาย 70
มือเพลิง
อันต้องตรงนัก แต่กระทั่งตัวเธอเองก็ยังต้องยอมรับว่า ไอ้ความซื่อใสนั่นแหละที่ช่วยเธอ แต่แน่นอน ไอ้เรื่องพรรค์นี้มันไม่สามารถจะอยู่ได้ ตลอดไปหรอก (เพราะถ้ามันอยู่ได้ จักรวาลแห่งการ ท�างานของมวลหมู่เราคงต้องพลิกคว�่าคะม�าหงาย) ที่จริง ความเป็นไปได้มันก็มีอยู่ แต่นั่นต้องอยู่ภายใต้สภาวะ เฉพาะ ช่วงเวลาเฉพาะ ดังเช่น “การปอกส้มจีน” “ปอกส้มจีนรึ” คุณอาจสงสัย ตอนที่เราพบกันครั้งแรก เธอบอกผมว่า เธอก�าลัง เรียนละครใบ้ อ้อ รึ, ผมตอบ ไม่สงสัยโดยสิน้ เชิง เด็กสาวสมัยนี้ แทบทุกคนล้วนก�าลังท�าอะไรสักอย่างทัง้ นัน้ แหละ แต่เธอ ก็ไม่ใช่สาวประเภทที่จะตั้งหน้าตั้งตาขัดสีฉวีวรรณตัวเอง เช่นนัน้ เธอจึง “ปอกส้มจีน” ทีเ่ ธอท�าจริงๆ คือ เธอ มีชามใสใส่ส้มทางซ้ายและชามใส่เปลือกส้มทางขวา แล้วก็เริม่ กันเลย - แม้ทจี่ ริงไม่ได้มอี ะไรอยูต่ รงนัน้ เธอเริม่ ด�าเนินการหยิบผลส้มในจินตนาการ ปอกเปลือกมันช้าๆ หยิบส่งเข้าปาก จากนั้นคายกากทิ้งทีละกลีบทีละกลีบ วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา
71
สุดท้าย ก�าจัดเศษเปลือกที่เหลือไปไว้ในชามทางขวา จากนัน้ เธอเริม่ ต้นกระบวนการใหม่อกี รอบและอีกรอบ ไม่ ว่าจะอธิบายอย่างไรมันก็อาจไม่ถกู ต้องนัก แต่ผมสาบาน ได้, แค่เพียงมองดูเธอท�าเช่นนั้นสักสิบหรือยี่สิบนาที ขณะที่ผมกับเธอพูดคุยกันอย่างออกรสตรงเคาน์เตอร์ ระหว่ า งกระบวนการ “ปอกส้ ม จี น ” ทั้ ง หมดของเธอ โดยปราศจากการคิดทบทวน ผมรู้สึกว่าความจริงรอบๆ ตัวผมถูกสูบทิ้งไป สุดท้ายมันก็น่าตระหนกอยู่ไม่น้อย ย้ อ นกลั บ ไปเมื่ อ ครั้ ง ที่ ไ อค์ ม านน์ * ยั ง ท�า การทดลอง อยู ่ ใ นอิ ส ราเอล มี ค� า ร�่ า ลื อ ว่ า เขาถู ก พิ พ ากษาอย่ า ง เหมาะสม นั่นคือการจับเขาขังเอาไว้ในห้องแล้วค่อยๆ สูบอากาศออกช้าๆ ผมไม่รหู้ รอกว่าเขาพบจุดจบแบบไหน แต่นั่นคือสิ่งที่แวบเข้ามาในหัวผม “ท่าทางคุณจะมีพรสวรรค์ไม่น้อย” ผมกล่าว “โอ้ ไม่เลย นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับพรสวรรค์ มันไม่ใช่ เรื่องว่าคุณจะกล่อมตัวเองให้เชื่อได้ยังไงว่ามีส้มอยู่ตรง หน้า แต่คณ ุ ต้องลืมว่ามีส้มอยู่ต่างหาก นั่นละประเด็น” “เซนมากๆ” 72
มือเพลิง
ว่�ด้วยคนแปล วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา หรือชื่อที่เป็นที่รู้จักของ บรรดาบล็อกเกอร์คือ FILMSICK จบการศึกษา เภสัชศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัจจุบัน รับราชการ บล็อกเกอร์ คอลัมนิสต์ นิ ต ยสาร BIOSCOPE / FUSE / VOT เคย ร่ ว มเขี ย นในหนั ง สื อ FILMVIRUS มาแล้ ว หลายฉบับ และมีผลงานความเรียงและนิยาย ออกมาแล้ ว หลายเล่ ม ทั้ ง ที่ ใ ช้ ชื่ อ จริ ง และ นามปากกา เจ้าชายน้อย
106 มือเพลิง
“โดยส่วนตัว ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองชอบงานของ มูราคามิจริงๆ หรือแค่ชอบส�านวนแปลของคุณ นพดล เวชสวัสดิ์ การได้ลองมา ‘ท�าเองดูมั่ง’ กลายเป็ น การกระโดดลงไปศึ ก ษาแบบแยก ส่วนงานของนักเขียนและนักแปลคนโปรด มาก กว่าจะแปลเอาเรื่องอย่างเดียว ผลลัพธ์ที่ได้จึง ไม่ใช่แค่ว่าได้ท�างานแปลเรื่องเท่ๆ แต่เป็นการได้ ศึกษาวิธีการวางค�า วางประโยค ในเรื่องสั้นอัน เป็น ‘สรวงสวรรค์ของค�าบุพบทและสันธาน’ นี้ มันน่าจะส่งผลต่อการเขียนงานต่อไปในอนาคต”
วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา 107
คนแคระนักเต้น ธนรรถวร จตุรงควาณิช
คนแคระโผล่มาในความฝันและขอให้ผมเต้น ผมรู้ว่ามันคือความฝัน แต่ตอนนั้นผมรู้สึกเหนื่อย พอๆ กับในชีวิตจริง ดังนั้นผมจึงปฏิเสธไปอย่างสุภาพ คนแคระไม่รู้สึกเคือง แต่เต้นไปตามล�าพัง เขาวางเครื่องเล่นแผ่นเสียงพกพาลงบนพื้นและ เต้นไปตามเสียงเพลง แผ่นเสียงวางกระจายรอบเครื่อง เล่น ผมหยิบสองสามแผ่นขึ้นมาจากที่ต่างๆ ในกองนั้น แผ่นเสียงพวกนี้คือรวมมิตรดนตรีอย่างแท้จริง เหมือนกับ ว่าคนแคระหลับตาเลือกแผ่น หยิบอะไรก็ตามที่มือไป แตะโดน ไม่มีแผ่นไหนเลยที่อยู่ในซองแผ่นเสียงที่ถูกต้อง คนแคระหยิ บ เอาแผ่ น ที่ เ ล่ น ไปได้ ค รึ่ ง เดี ย วออกจาก จานหมุน โยนมันไปรวมกับแผ่นที่กองอยู่โดยไม่เก็บใส่ ซอง จ�าไม่ได้ว่าแผ่นไหนคู่กับซองไหน หลังจากนั้นก็เอา ธนรรถวร จตุรงควาณิช 109
แผ่นใส่ซองแบบสุ่ม เอาแผ่นโรลลิ่งสโตนส์อยู่ในซอง เกลน มิลเลอร์ แผ่นวงประสานเสียงมิช มิลเลอร์ อยู่ใน ซองบัลเลต์ดาฟีและโคลเอของราเวล แต่ความสับสนเหล่านีด้ จู ะไม่สง่ ผลใดๆ กับคนแคระ ตราบใดทีเ่ ขาสามารถเต้นตามเพลงทีเ่ ล่นอยูไ่ ด้ เขาก็พอใจ แล้ว ตอนนี้เขาก�าลังเต้นตามแผ่นชาร์ลี พาร์กเกอร์ ที่อยู่ ในซองอัลบั้มรวมยอดผลงานกีตาร์คลาสสิก ร่างของเขา หมุนเหมือนพายุทอร์นาโด ดูดกลืนกระแสโน้ตอันเร่าร้อน ที่ ท ะลั ก ออกมาจากแซ็ ก โซโฟนของชาร์ ลี พาร์ ก เกอร์ ผมกินองุ่นและดูเขาเต้น เหงือ่ พรัง่ พรูออกจากตัวเขา ทุกครัง้ ทีเ่ ขาสะบัดหัว เม็ดเหงื่อก็กระเซ็นจากหน้า ทุกครั้งที่เหวี่ยงแขน เหงื่อก็ พุง่ เป็นสายจากปลายนิว้ แต่ไม่มอี ะไรหยุดเขาได้ พอเพลง เล่นจบแผ่น ผมก็จะวางชามองุ่นลง และเล่นแผ่นใหม่ เขาก็จะเริ่มเต้นต่อ “คุณนี่ยอดนักเต้นจริงๆ” ผมตะโกนบอกเขา “ตัว คุณคือเสียงดนตรีเองเลย” “ขอบคุณ” เขาตอบ น�้าเสียงมีแววเอ็นดูอยู่ 110 คนแคระนักเต้น
“นี่เต้นแบบนี้เป็นประจ�าเลยหรือ” “ก็ราวๆ นี้ละ” แล้วคนแคระก็หมุนตัวอย่างงดงามบนปลายเท้า ผมนุ่มเป็นลอนของเขาสยายไปตามลม ผมปรบมือ ผม ไม่เคยเห็นการเต้นที่ยอดเยี่ยมอย่างนี้มาก่อนในชีวิต คน แคระโค้งอย่างนอบน้อมเมื่อเสียงเพลงจบลง เขาเลิกเต้น และซับเหงื่อ เข็มเครื่องเล่นแผ่นเสียงขูดไปตามร่องใกล้ ใจกลางแผ่น ผมยกแขนเครื่องเล่นและปิดเครื่อง เอา แผ่นใส่ซองเปล่าที่คว้าได้เป็นซองแรก “ข้าเดาว่าเจ้าคงไม่มเี วลาฟังเรื่องที่ข้าจะเล่า” คน แคระพูด มองมาทางผม “เรื่องมันยาว” ผมไม่แน่ใจว่าจะตอบว่าอย่างไรดี เลยหยิบองุ่น เข้าปากอีกลูก เวลาไม่ใช่ปัญหาส�าหรับผม แต่ผมไม่ได้ อยากฟั ง เรื่ อ งราวชี วิ ต ยื ด ยาวของคนแคระขนาดนั้ น นอกจากนั้น นี่คือความฝัน มันสลายหายไปได้ทกุ ขณะ แทนที่จะรอฟังค�าตอบ คนแคระดีดนิ้วและเริ่ม เล่า “ข้ามาจากดินแดนทางเหนือ” เขาพูด “ทางเหนือ ไม่มีใครเต้นร�ากัน ไม่มีใครรู้ว่าเต้นยังไง พวกนั้นไม่รู้ ธนรรถวร จตุรงควาณิช 111
ด้วยซ�า้ ว่าการเต้นเป็นสิง่ ทีท่ า� ได้ แต่ขา้ อยากเต้น ข้าอยาก กระทืบเท้าและเหวี่ยงแขน สะบัดหน้าและหมุนไปรอบๆ แบบนี้” คนแคระกระทืบเท้า เหวี่ยงแขน สะบัดหน้าและ หมุนตัว การเคลื่อนไหวเหล่านี้ถ้าแยกกันมันก็ทา� ง่ายอยู่ แต่เมื่อน�ามาประกอบเข้าด้วยกัน สามารถสร้างความ งามอย่างไม่น่าเชื่อของความเคลื่อนไหวซึ่งพวยพุ่งออก มาจากตัวคนแคระในคราวเดียว เหมือนกับว่าลูกแก้ว ที่เต็มไปด้วยแสงสว่างระเบิดกระจายออก “ข้าอยากเต้นแบบนี้ เพราะฉะนั้นข้าจึงลงมาทาง ใต้ ข้าเต้นในโรงเตี๊ยม กลายเป็นที่รู้จักและได้เต้นต่อหน้า พระราชา แน่นอนว่านั่นเป็นตอนก่อนการปฏิวัติ พอ ปฏิวัติ พระราชาก็ตายไปอย่างที่เจ้าก็รู้อยู่ และข้าก็โดน ขับไล่ออกจากเมืองให้มาอยู่ในป่า” คนแคระเดินไปกลางที่โล่งและเริ่มเต้นอีกครั้ง ผม เล่นแผ่นเสียง เพลงเก่าของแฟรงก์ ซิเนตรา คนแคระเต้น ร้องเพลง ไนต์แอนด์เดย์ ตามซิเนตราไปด้วย ผมนึก ภาพเขาเต้นหน้าบังลังก์พระราชา โคมระย้าเงาวิบวับ 112 คนแคระนักเต้น
ว่�ด้วยคนแปล ธนรรถวร จตุ ร งควาณิ ช อดี ต เคยท� า งาน หนัง สือ พิม พ์ แปลตั้ง แต่ เ อกสารราชการยัน นิยายนักสืบ เขียนหนังสือน�าเที่ยว ปัจจุบันสอน วรรณคดีองั กฤษอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ “งานชิน้ แรกของมูราคามิทอี่ า่ นคือ ‘พินบอล, 1973’ ติดใจตอนที่พระเอกถูกประชดไล่ให้ไปใช้ชีวิตใน กล่องรองเท้า และติดใจวิธีการใช้อุปมาอุปไมย ของนักเขียนคนนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ส�าหรับ เรื่อง ‘คนแคระนักเต้น’ คิดว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่
158 คนแคระนักเต้น
มีโ ครงเรื่อ งสามัญที่สุดแล้วในบรรดางานของ มูราคามิ แต่ความเพี้ยนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ มูราคามิอยูใ่ นรายละเอียดของชีวติ ประจ�าวันของ ตัวละคร ความดีงามของการแปลผลงานของมูราคามิ คือผู้แปลไม่จ�าเป็นต้องเปิดพจนานุกรมมือเป็น ระวิง แต่ความยากอยู่ที่จะท�าอย่างไรให้ภาษา สามารถสื่ออารมณ์ของเวลาและสถานที่ในเรื่อง ซึ่งออกแนวย�าใหญ่ และท�าอย่างไรที่จะคงความ พูดน้อยแต่ต่อยหนักของตัวเอกไว้ได้”
ธนรรถวร จตุรงควาณิช 159
หลิวต�บอดกับเธอผู้หลับใหล มัทนา จาตุรแสงไพโรจน์
พอหลับตาลงยืดหลังตรงก็ได้กลิน่ อายของสายลม สายลม ทีม่ คี วามพองกลมราวกับพวงผล ผลทีม่ เี ปลือกแห้งหยาบ มีเนือ้ ในไหลลืน่ มีผวิ เมล็ดเป็นเม็ดขรุขระ เมือ่ เนือ้ แตกตัว ออกกลางอากาศ เมล็ดก็กลายเป็นลูกตะกั่วที่อ่อนนุ่ม ฝังลึกลงในแขนอันเปลือยเปล่าของผม และถึงแม้นหลังจาก นัน้ ความเจ็บปวดเล็กน้อยก็ยงั คงอยู่ ผมไม่ ไ ด้ รู ้ สึ ก กั บ สายลมเช่ น นี้ ม าเนิ่ น นานแล้ ว ระหว่างทีอ่ ยูโ่ ตเกียว ผมลืมสายลมเดือนพฤษภาอันแจ่มชัด แปลกประหลาดโดยสิ้นเชิง ผมลืมเลือนรสสัมผัสความ เจ็บปวดแบบหนึง่ ไปแล้ว แม้กระทัง่ อะไรบางอย่างทีฝ่ งั ลึก ลงไปใต้ผิวและส่งความเย็นชารุกล�า้ เข้าไปถึงกระดูกก็ลืม ไปเสียหมดสิน้ ผมคิดว่าจะอธิบายเกีย่ วกับสายลมทีว่ า่ - สายลม มัทนา จาตุรแสงไพโรจน์ 161
ต้นฤดูรอ้ นอันเอิบอิม่ ทีพ่ ดั ผ่านพืน้ ดินลาดเอียงแห่งนี้ - ให้ ลูกพีล่ กู น้องฟัง แต่ในทีส่ ดุ ก็ลม้ เลิกความคิด เขาเพิง่ อายุ แค่สิบสี่ปีและไม่เคยออกห่างจากพื้นที่แห่งนี้เลยแม้แต่ ครั้งเดียว การอธิบายสิ่งที่สูญเสียไปต่อคนที่ไม่เคยมี ประสบการณ์สูญเสียสิ่งใดให้เข้าใจนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ ผมยื ด ตั ว บิ ด คอไปมา เป็ น เพราะเมื่ อ คื น นั่ ง จิ บ วิ ส กี้ คนเดียวจนถึงดึกดืน่ ตอนนีเ้ ลยรูส้ กึ เหมือนตรงแกนกลาง สมองมีอะไรคล้ายก้อนเล็กๆ คัง่ ค้างอยู่ “นี่ๆ ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ลูกพี่ลูกน้องเอ่ยถามผม ผมสูงกว่าลูกพี่ลูกน้องเกือบยี่สิบเซนติเมตร เขาจึงต้อง แหงนหน้ามองผมเวลาคุยกันอยูเ่ สมอ ผมมองนาฬิกาข้อมือ ตอบว่า “สิบโมงยีส่ บิ นาที” ลูกพีล่ กู น้องคว้าแขนซ้ายของผมแล้วดึงเข้าไปใกล้ หน้าตัวเอง ดูหน้าปัดนาฬิกาด้วยตาตัวเองให้แน่ใจ การ อ่านตัวเลขดิจิทัลกลับหัวนั้นค่อนข้างเสียเวลา พอลูกพี่ลูกน้องปล่อยมือ ผมก็รสู้ กึ กังวลขึน้ มาเล็กน้อย เหลือบตา มองนาฬิกาอีกครัง้ เวลาสิบโมงยีส่ บิ นาทีอย่างทีบ่ อก “นาฬิกาตรงรึเปล่า” ลูกพีล่ กู น้องถาม 162 หลิวตาบอดกับเธอผู้หลับใหล
“ตรง” ผมบอก เขาดึงข้อมือผมไปดูนาฬิกาอีก นิ้วของเขานุ่มลื่น มีเรีย่ วแรงมากกว่าทีเ่ ห็นภายนอกมาก “นีๆ่ อันนีแ้ พงรึเปล่า” เขาถาม “ไม่แพงหรอก ของถูกๆ” ผมว่า ไม่มีค�าตอบกลับมา ผมมองไปทางลูกพี่ลูกน้อง เห็นเขาเผยอริมฝีปากเล็กน้อยและแหงนมองดูหน้าผม อย่ า งเลื่ อ นลอย ฟั น ขาวที่ ป รากฏในช่ อ งว่ า งระหว่ า ง ริมฝีปากดูเหมือนกระดูกทีเ่ สือ่ มถอย “ของถูกน่ะ” ผมหันไปทางหูซา้ ยของเขาแล้วพูดซ�า้ “ของถูก แต่เทีย่ งตรงใช้ได้เลย” “อือ” ลูกพีล่ กู น้องพยักหน้าตอบพลางปิดริมฝีปาก ผมหยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วจุดบุหรี่ด้วยไฟแช็ก หูขวาของลูกพี่ลูกน้องท�างานไม่ค่อยดี ตอนอยู่โรงเรียน ประถมเขาโดนลูกบอลอัดเข้าทีห่ ู นับแต่นนั้ มาหูกไ็ ม่ได้ยนิ อีก คือได้ยินรางๆ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย มี บางช่วงที่ได้ยินค่อนข้างชัดและบางช่วงไม่เป็นอย่างนั้น และนานๆ ทีหูทั้งสองข้างก็ไม่ได้ยินอะไรเลย แม่ของเขา มัทนา จาตุรแสงไพโรจน์ 163
ซึง่ เป็นน้องสาวของพ่อบอกว่า ดูเหมือนจะเป็นอาการคล้าย โรคประสาท คือเมื่อแบ่งประสาทการรับรู้ไปยังหูทั้งสอง ข้างเท่าๆ กันแล้ว บางครัง้ ความเงียบงันของฝัง่ ขวาก็เข้า กดทับเสียงของฝัง่ ซ้าย และความเงียบงันนัน้ ก็ไหลแผ่ซา่ น เข้าปกคลุมประสาทสัมผัสทัง้ ห้าราวกับน�า้ มันเหลว บางครัง้ ผมเคยนึกว่าอาการหูตงึ ของเขาน่าจะเป็น อาการทางประสาทมากกว่าจะเกิดจากบาดแผลภายนอก แต่เรื่องนี้ผมไม่รู้แน่หรอก บรรดาหมอที่เขาตะลอนหา ในช่วงแปดปีทผี่ า่ นมาก็ไม่รู้ “นาฬิกาน่ะ ราคาแพงก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะ เที่ยงตรงหรอก” ลูกพี่ลูกน้องพูด “เรือนที่ผมเคยใช้มา ตลอดก็เป็นของราคาแพงทีเดียว แต่เพีย้ นประจ�า สุดท้าย ก็ทา� หาย” “อือ” ผมพูด “ตัวโลหะยึดสายนาฬิกามันหลวมก็เลยหลุดหล่น ไปตอนไหนไม่รู้ มารูต้ วั อีกทีกไ็ ม่อยูท่ ขี่ อ้ มือแล้ว” เขาออกแรงยกข้อมือซ้ายขึน้ กลางอากาศ “พ่อแม่ซื้อนาฬิกาให้ไม่ถึงปีก็ท�าหาย เลยไม่ซื้อ 164 หลิวตาบอดกับเธอผู้หลับใหล
ว่�ด้วยคนแปล มัทนา จาตุรแสงไพโรจน์ จบการศึกษาวิชาเอก ภาษาญี่ปุ่นจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย หลังจากนั้นไปศึกษาต่อในระดับ บัณฑิตวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยโอซากา ประเทศ ญี่ปุ่น สาขาวรรณกรรมญี่ปุ่นร่วมสมัย ปัจจุบัน เป็นอาจารย์พิเศษสาขาวิชาภาษาญี่ปุ่นที่คณะ อักษรศาสตร์ จุฬาฯ มีผลงานแปลแล้วมากมาย รวมทัง้ ร่วมแปล 1Q84 และเรือ่ งสัน้ หลายเรือ่ งของ ฮารูกิ มูราคามิ เรื่ อ ง หลิ ว ตาบอดกั บ เธอผู ้ ห ลั บ ใหล ได้ รั บ การตี พิ ม พ์ ค รั้ ง แรก ในวารสาร บุ ง งะกุ ค ะอิ (Bungakukai, โลก วรรณกรรม) ฉบับเดือนธันวาคม 1983 ต่อมา ได้ รับการตีพิมพ์ในชุดรวมเรื่องสั้น เส้ น แสงที่ สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน ในเดือนกรกฎาคม 1984 และเดื อ นกั น ยายน 1987 จากนั้ น ประมาณสิบสองปีให้หลัง มูราคามิได้ตัดทอน มัทนา จาตุรแสงไพโรจน์ 223
หลิวตาบอดกับเธอผู้หลับใหล จากความยาว ประมาณสามหมืน่ สองพันตัวอักษรให้เหลือเพียง หนึ่งหมื่นแปดพันตัวอักษร และเปลี่ยนชื่อเป็น หลับใหลในโลกเลือน ตี พิ ม พ์ ใ นวารสาร บุ ง งะกุ ค ะอิ ฉบั บ เดื อ น พฤศจิ ก ายน 1995 และย่ อ กระชั บ ขึ้ น อี ก ใน เล่ ม ปี ศ าจแห่ ง เล็ ก ซิ ง ตั น ซึ่ ง ตี พิ ม พ์ ใ นเดื อ น พฤศจิกายน 1996 สรุปได้ว่า เรื่องนี้มีทั้งหมด สามฉบับ คือ 1. ฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก (บุงงะกุคะอิ ธันวาคม 1983) 2. ฉบับแก้ไข (บุงงะกุคะอิ พฤศจิกายน 1995) และ 3. ฉบับแก้ไข ใหม่ (ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน พฤศจิกายน 1996) ฮารูกิ มูราคามิ ได้ให้เหตุผลในการเขียนแก้ไข เรื่องสั้นนี้ไว้ว่า “หน้าร้อนปี 1995 บังเอิญผมมี โอกาสได้จดั งานอ่านฟังวรรณกรรมทีโ่ กเบ ตอนนัน้ คิดว่ายังไงก็อยากจะอ่านเรือ่ งนีใ้ นงาน” (*แผ่นดิน ไหวครัง้ ใหญ่ทโี่ กเบเกิดขึน้ ในเดือนมกราคม 1995) ‘หลิวตาบอด’ มีใบที่มี “รูปร่างเหมือนเอาหาง กิง้ ก่าจ�านวนมากมายมารวมกัน” และเมือ่ เติบโต 224 หลิวตาบอดกับเธอผู้หลับใหล
ถึงจุดหนึ่ง มันก็ยืดตัวยาวลงไปข้างล่างเรื่อยๆ โดย “อาศัยความมืดมิดเป็นสารอาหารช่วยใน การเจริญเติบโต” ธรรมชาติของหลิวตาบอดที่ว่า นี้กับแมลงวันตัวเล็กที่น�าละอองเกสรด�าดิ่งลงไป ในหู “เข้าไปในร่างกายของหญิงสาว แล้วกิน เนื้อ” มีลักษณะเหมือนกันในแง่ของจินตภาพ ของความมืดมิดและการด�าดิ่ง ในความนึกคิด ของ ‘ผม’ ขณะมองดูคนแก่ในรถกล่าวไว้ว่า “ส�าหรับพวกเขา ฝ่ายที่มีชีวิตตัวตนอยู่จริงคือ พวกเขาเอง ส่วนพวกผมก็เหมือนเงาลวงตา” หรือบทพูดในหนังที่ตรึงอยู่ในความทรงจ�าของ ‘ลูกพี่ลูกน้อง’ ที่ว่า “การที่ท่านมองเห็นอินเดียน แดงได้ คื อ อิ น เดี ย นแดงไม่ มี อ ยู ่ จ ริ ง ” เหล่ า นี้ ถ่ายทอดให้เห็นถึงโลกแห่งความจริงที่สั่นคลอน รถเมล์รุ่นใหม่ที่ประตูด้านหลังกลายเป็นทางขึ้น ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่อยู่ในความทรงจ�าของ ‘ผม’ แต่เดิม รถแล่นขึ้นทางลาดชันไปเรื่อยๆ สิ่งที่อยู่ ภายในรถคันนั้นอาจมองได้ว่าเป็นจุดที่เชื่อมโยง ไปยังโลกอืน่ มัทนา จาตุรแสงไพโรจน์ 225
หลิ ว ตาบอดกั บ เธอผู ้ ห ลั บ ใหล เริ่ ม จากเรื่ อ ง ของลูกพี่ลูกน้องที่มีภาวะการได้ยินบกพร่องและ ด�าเนินไปสู่เรื่องราวของ ‘หลิวตาบอด’ ที่เกี่ยว เนื่องกับการสูญเสีย ‘ใจ’ การก้าวย่างผ่านขั้น บั น ไดเวลานี้ อ าจเป็ น การสะท้ อ นให้ เ ห็ น ถึ ง วิถีชีวิตของตัว ‘ผม’ แม้จะไม่มีทางออกที่เห็น ได้ชัดเจนในทันที แต่เราคงค้นพบพลังที่น�าไปสู่ การมี ‘ชีวิต’ โดยมี ‘ใจ’ เป็นพื้นฐานส�าคัญ ลอดผ่านความทรงจ�าที่มืดมิดนั้น
226 หลิวตาบอดกับเธอผู้หลับใหล
ส�มเรื่องเยอรมันฝันเพ้อ โตมร ศุขปรีชา
1. เรื่องโป๊เปลือยอันแนบแน่นกับพิพิธภัณฑ์ในฤดูหนาว เซ็กซ์ เพศสัมพันธ์ การร่วมประเวณี สังวาส มีคา� อื่นอีก หลายค�า ทว่าค�าที่มักติดอยู่ในใจผม (จากค�าพูด การ กระท�า ปรากฏการณ์) คือพิพิธภัณฑ์ในฤดูหนาว พิพิธภัณฑ์ในฤดูหนาว แน่ละ ผมรู้ว่าเป็นหนทางไกลพอควร ก่อนที่คุณ จะมาถึงยัง “พิพิธภัณฑ์” จาก “เซ็กซ์” ได้ คุณต้อง เปลี่ยนรถใต้ดินนับไม่ถ้วน วิ่งไปมาอยู่ใต้ถุนตึกออฟฟิศ ปล่อยให้ฤดูกาลต่างๆ ผันผ่านไปในนรก แต่นี่เป็นเรื่อง น่าเอือมระอาส�าหรับมือใหม่อย่างยิ่งเท่านั้น ทว่าหาก คุ ณ เคยส� า เร็ จ สมบู ร ณ์ กั บ วงจรแห่ ง จิ ต ส� า นึ ก มาแล้ ว แม้เพียงครัง้ คุณก็พงึ พบหนทางจาก “เซ็กซ์” สูพ่ พิ ธิ ภัณฑ์ ในฤดูหนาวได้ก่อนจะรู้ตวั เสียอีก โตมร ศุขปรีชา 229
ผมไม่ได้โกหก คุณมาได้จริงๆ แต่บางทีผมควร อธิบายเพิ่มอีกเล็กน้อย เมื่ อ เซ็ ก ซ์ ก ลายเป็ น หั ว ข้ อ สนทนาของคนเมื อ ง เมื่อคลื่นสังวาสท้นถั่งในความมืด เช่นเคย ผมก็ไปยืนอยู่ ที่ปากประตูของพิพิธภัณฑ์ในฤดูหนาว ผมแขวนหมวกไว้ กั บ ราวแขวนหมวก แขวนเสื้ อ กั น หนาวไว้ บ นราวเสื้ อ กันหนาว ผมวางถุงมือไว้ที่มุมโต๊ะต้อนรับ ข้างหนึ่งวาง บนโต๊ะอีกข้างหนึ่ง จากนั้นจึงนึกขึ้นได้ว่ายังมีผ้าพันคอ พันอยู่รอบคอ ผมจึงเปลื้องออกแล้ววางพาดไว้กับเสื้อ กันหนาว พิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ ใ นฤดู ห นาวไม่ ใ หญ่ ก ระไรนั ก ของ สะสม การแบ่ ง หมวดหมู ่ ปรัช ญาในการจัด การเป็ น เช่นมาตรฐานพิพิธภัณฑ์สมัครเล่นทั่วไป แรกเลย ไร้ซึ่ง ความคิดแห่งเอกภาพ มีรูปปั้นเทพสุนัขแห่งอียิปต์ขนาด เล็กอยูร่ ปู หนึง่ ไม้วดั มุมทีน่ โปเลียนทีส่ ามเคยใช้อยูห่ นึง่ ชิน้ ระฆังที่พบในถ�้าแถบเดดซีอีกหนึ่งใบ เพียงเท่านั้น ไม่มี ทางเลยจะโยงใยชิน้ ส่วนแสดงเหล่านีเ้ ข้าด้วยกัน พวกมัน ทอดตัวอยู่ในตู้ ดวงตาผนึกสนิทราวเด็กก�าพร้าปางตาย 230 สามเรื่องเยอรมันฝันเพ้อ
ที่ก�าลังเหน็บหนาวและโหยหิว ในพิพิธภัณฑ์นั้นเงียบสนิท ยังอีกพักหนึ่ง กว่ า พิพิธภัณฑ์จะเปิด ผมหยิบกุญแจโลหะรูปผีเสื้อมาจาก โต๊ะท�างานของผม แล้วไขลานนาฬิการุ่นคุณปู่ที่ใกล้ ปากประตู จากนั้นผมปรับเข็มนาฬิกาให้ตรง ผม - ใช่ ถ้าผมคิดไม่ผดิ ผมท�างานที่พิพิธภัณฑ์นี้ เช่นที่เคย แสงยามเช้าอันเงียบงัน และสังหรณ์ แห่งเซ็กซ์ที่ยิ่งเงียบกว่าเติมเต็มพิพิธภัณฑ์เหมือนกลิ่น อัลมอนด์สกัด ผมท�างานประจ�า เปิดม่าน เปิดวาล์ว เครื่องท�าความร้อน แล้วผมก็จัดเรียงแผ่นพับราคาห้าสิบ เฟนนิกตั้งไว้บนโต๊ะต้อนรับ ผมเปิดปรับแสงที่ต้องเปิด (ซึ่งต้องยกตัวอย่าง อย่างเช่น เมื่อผมกดปุ่ม เอ 6 ที่พระราชวังแวร์ซายส์จา� ลอง โถงท้องพระโรงก็จะมีไฟสว่างขึ้น ฯลฯ) ผมยังตรวจเช็กเครื่องท�าน�้าเย็น ผมย้ายเจ้าสุนัข ป่ายุโรปสตัฟฟ์ลึกเข้าไปในที่จัดแสดงอีกหน่อยให้พ้นมือ เด็ก และเติมสบู่เหลวในห้องน�า้ แม้ผมจะไม่ได้คดิ ว่าต้อง ท�างานเหล่านี้เรียงตามล�าดับทีละอย่าง แต่ร่างกายของ ผมก็ลุล่วงงานพวกนี้โดยตัวของมันเอง ผมก็ไม่รู้จะบอก โตมร ศุขปรีชา 231
อย่างไร แต่พดู ได้อกี อย่างหนึง่ เลยว่า สิง่ นี้ - คือความเป็น ผม - ของผมเอง หลังจากนั้น ผมเข้าไปยังครัวเล็กๆ เพื่อแปรงฟัน หยิบนมออกมาจากตู้เย็นแล้วอุ่นในกระทะใบเล็กบนเตา เล็กๆ ที่เคลื่อนย้ายได้ เตาไฟฟ้า ตู้เย็น และแปรงสีฟัน ไม่อาจเป็นสิ่งพิเศษได้ (ซื้อมาจากร้านเครื่องไฟฟ้าของ คุณลุงคุณป้าและร้านของช�าหัวมุมถนน) แต่ด้วยเหตุที่ พวกมันอยู่ในพิพิธภัณฑ์ จึงดูละม้ายเป็นของขลังขึ้นมา กระทั่งนมก็ยังดูเป็นนมโบราณ รีดจากวัวโบราณ หลาย ครั้งก็สับสน ผมหมายถึง เมื่อทุกสิ่งด�าเนินไป จะกล่าว ถูกต้องได้เช่นใด ระหว่างพิพิธภัณฑ์กัดกร่อนข้าวของ ในชีวิตประจ�าวัน หรือข้าวของในชีวิตประจ�าวันกัดกร่อน พิพิธภัณฑ์ เมือ่ นมร้อน ผมหยิบมันออกมานัง่ หน้าโต๊ะต้อนรับ ขณะดืม่ ผมเปิดจดหมายทีว่ างไว้ในช่องออกอ่านจดหมาย แยกออกเป็นสามประเภท แรกสุด เราจะได้จดหมาย อย่างใบเสร็จค่าน�้า จดหมายเวียนของวงการโบราณคดี ใบแจ้งการเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์จากสถานกงสุลกรีก 232 สามเรื่องเยอรมันฝันเพ้อ
ว่�ด้วยคนแปล โตมร ศุขปรีชา เคยเป็นบรรณาธิการบริหารของ นิตยสาร GM และเป็นคอลัมนิสต์ให้นิตยสาร ชั้นน�าอีกหลายฉบับ เขียนหนังสือมาแล้วหลาย เล่ ม เล่ ม แรกมี ชื่ อ ว่ า กาแฟ ชา หมา แมว ชอบการเดินทาง ท�าอาหาร เล่นเปียโน ฯลฯ เคย แปลนวนิ ย ายของมู ร าคามิ มี ชื่ อ ภาษาไทยว่ า การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก เป็น นวนิยายของมูราคามิเล่มหนึ่งที่เป็นที่ชื่นชอบ ของบรรดาคนอ่านชาวไทย “งาน (สาม) ชิ้นนี้ของมูราคามิ เป็นงานที่ประหลาดไม่น้อย เหมือนงานทดลองที่ตีความได้ อิสระ ผมเคยไปเบอร์ลิน และตกหลุมรักเมือง
250 สามเรื่องเยอรมันฝันเพ้อ
นั้นในหลายมิติพิลึก ทั้งประวัติศาสตร์ การเป็น เบอร์ ลิ น ตะวั น ออก-ตะวั น ตกที่ จ ริ ง ๆ แล้ ว มี เรื่องเล่าเพี้ยนๆ จากที่เรารับรู้ ความอ่อนไหวของ ฮิตเลอร์ ความเป็นเสรีนยิ ม ความหลากหลายในแง่ ต่างๆ ของผู้คน ฯลฯ คิดว่ามูราคามิก็คงชอบ ความ ‘พิลึก’ ของเบอร์ลิน และไม่รู้จะสะท้อน บุคลิกพิลึกพวกนั้นออกมาอย่างไรให้ดีไปกว่า การท�าเรื่องสั้นฝันเพ้อแบบไตรตอนที่เหมือนไม่ สัม พัน ธ์ กัน แต่ก็ผูกโยงสะท้อนความพิลึกได้ พิลาสเอาการอยู่”
โตมร ศุขปรีชา 251
รวมเรื่องสัéนแปลในªØด “แ¿นมูร�ค�มิรวมหัว”
คําสาปรานเบเกอรี (The Second Bakery Attack) วชิรา, นาลันทา คุปต์, ไกรวุฒิ จุลพงศธร, จินนี่ สาระโกเศศ, สิงห์ สุวรรณกิจ, อนุสรณ์ ติปยานนท์ แปล รวมเรือ่ งสัน้ แปลรสชาติประหลาดและหลากหลาย ฮารูกิ มูราคามิ น�าผู้อ่านเข้าสู่สถานการณ์พิลึกเพี้ยน พาไปบุกปล้นร้านเบเกอรี เพื่ อ ถอนค� า สาป ติ ด ตามคดี ช ้ า งหายกั บ ชายผู ้ ข ายเอกภาพใน เครือ่ งใช้ในครัว เป็นพยานต่อความรักและความสัมพันธ์คลุมเครือ ระหว่างพี่ชายกับน้องสาว ติดตามชีวิตตอนต่อของตัวเอกในนิยาย เรื่อง พินบอล, 1973 แอบอ่านบันทึกของชายผู้เขียนไดอะรี่ทุกวัน ตลอด 22 ปี และต� า นานอั น เป็ น ปฐมบทแห่ ง นิ ย ายเรื่ อ งยาว บันทึกนกไขลาน ของผู้เขียนคนเดียวกัน
ปศาจแหงเล็กซิงตัน (Lexington Ghosts) ธนพล เศตะพราหมณ์, ยอดมนุษย์หญิง, ดนัย คงสุวรรณ์, คมสัน นัน, กิตติพงศ์ สนธิสมั พันธ์, ปราบดา หยุน่ , นฆ ปักษนาวิน แปล มูราคามิพาเราไปสุดขอบโลกอีกครั้ง ดึงเราไปหลงกลมนตร์ของ ปีศาจที่เต้นระบ�าอยู่กับบทเพลงแจ๊ซและความตาย ไปส�ารวจ ดินแดนมนุษย์น�้าแข็งอันแสนหนาวเย็นแห่งขั้วโลกใต้ พาไปปะทะ คลืน่ ยักษ์รมิ ฝั่งทะเลชายฝั่งของจังหวัดเล็กๆ ห่างไกลผู้คน พานพบ กับปีศาจเขียวทีโ่ ผล่มาให้ตระหนกอกสัน่ ขวัญแขวน พาเราทะลวงสู่ ความเงียบงันของมายาคติแห่งผู้คน น�าเราไปรู้จกั กับความสูญเสีย ในห้องทีโ่ ล่งเปล่ากว้างกลวง และการหาทางออกจากเขาวงกตแห่ง ความกลวงเปล่าหนาวเย็นเหล่านัน้ อาจต้องแลกมาด้วยความตาย และการพลัดพรากอันเป็นนิรนั ดร์
สั่งซื้อผลงานของส�านักพิมพ์กา� มะหยี่ได้ท่ี
www.gammemagie.com
หากพบหนังสือที่มีข้อผิดพลาดหรือไม่ได้มาตรฐาน อาทิ หน้ากระดาษขาดหายหรือสลับกัน โปรดแจ้งและส่งมาเปลี่ยนเล่มใหม่ได้ที่ส�านักพิมพ์โดยตรง