ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน Lexington Ghosts Haruki Murakami เขียน ธนพล เศตะพราหมณ์, ยอดมนุษย์หญิง ดนัย คงสุวรรณ์, คมสัน นันทจิต กิตติพงศ์ สนธิสัมพันธ์, ปราบดา หยุ่น นฆ ปักษนาวิน แปล ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง บรรณาธิการ ภาพประกอบปก : โลเล ออกแบบปก : wrongdesign รูปเล่ม : สิริมา สุวรรณไตรภพ พิสูจน์อักษร : นินนารา LEXINGTON NO YUREI by Haruki Murakami Copyright c 1996 Haruki Murakami All rights reserved. Originally published in Japan by Bungei Shunju Ltd., Japan Thai translation rights arranged with Haruki Murakami through THE SAKAI AGENCY and SILKROAD AGENCY พิมพ์ครั้งที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 ISBN 978-616-7591-38-4 ราคาจจาหน่าย 250 บาท
จัดพิมพ์โดย : สจานักพิมพ์กจามะหยี่ 74/1 รังสิต-นครนายก 31 ธัญบุรี ปทุมธานี 12130 โทรศัพท์ : 084 146 1432 โทรสาร : 02 996 1514 Email : gammemagie@gammemagie.com Homepage : www.gammemagie.com Facebook : http://www.facebook.com/GammeMagieEditions พิมพ์ที่ : ห้างหุ้นส่วนจจากัด ภาพพิมพ์ 296 ซอยอรุณอมรินทร์ 30 ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 โทรศัพท์ : 02 433 0026-7, 02 433 8586 โทรสาร : 02 433 8587 Homepage : http://www.parbpim.com จัดจจาหน่ายทั่วประเทศโดย บริษัทเคล็ดไทย จจากัด 117-119 ถนนเฟื่องนคร ตรงข้ามวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท์ : 02 225 9536-9 โทรสาร : 02 222 5188 Homepage : http://www.kledthai.com
จำกบรรณำธิกำรเล่ม คงต้องบอกอีกครั้ง (แม้นจะบอกไปหลายครั้งแล้วก็ตาม) มาถึงพ.ศ.นี้ นักเขียนนามฮารูกิ มูราคามิ เป็นที่เรือง นามขนาดไหน จนในหลายๆ ครัง้ เรามักจะได้ยนิ ถ้อยค�า ท�านองทีว่ า่ “นักเขียนญีป่ นุ่ ไม่ได้มแี ต่มรู าคามินะ” แม้น จะเป็นประโยคประชดประชัน แต่มนั บ่งบอกได้อย่างดีวา่ มูราคามิเป็นเสมือนนักเขียนทีป่ อ็ ปปูลาร์ของวงการวรรณกรรม แปลขนาดไหน การตีพมิ พ์เรือ่ งสัน้ ชุด “แฟนมูราคามิรวมหัว” ครัง้ ล่าสุดนี้ ท�าให้บ.ก.เล่มคิดถึงเมือ่ ครัง้ สมัยตามหาคนทีช่ นื่ ชอบมูราคามิ และคนที่คิดว่าจะแปลเรื่องสั้นของมูราคามิได้ การจับ เอานักแปล นักเขียนทัง้ 17 คนมารวมตัวกันไม่ใช่เรือ่ งง่าย ยังไม่นบั การติดตามต้นฉบับแปลของทัง้ 17 คนมารวมกัน ส�าหรับหนังสือทัง้ สามเล่ม แต่เมือ่ ครัง้ ได้ตน้ ฉบับมา ความ สนุกในการอ่านต้นฉบับแปลก็ท�าให้ความเหนื่อยยาก เมื่อครั้งติดตามต้นฉบับหายไปสิ้น และคิดอยู่เสมอว่า คัดเลือกคนแปลได้เหมาะสมกับแต่ละเรือ่ งแล้วจริงๆ
การแปลเรือ่ งสัน้ ฉบับแฟนคลับมูราคามิรวมหัวนี้ แปลจาก ต้นฉบับภาษาอังกฤษเป็นหลัก อรรถรสในการอ่านอาจจะ แตกต่างจากต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น แต่ความเป็นมูราคามิ ยังอยู่ ไม่วา่ จะเป็นความเศร้า โดดเดีย่ ว แปลกประหลาด ยังอยูค่ รบครัน การตีพิมพ์ครั้งล่าสุดนี้ ส�านักพิมพ์ก�ามะหยี่ได้เปลี่ยน โฉมหน้าใหม่ของทั้งสามเล่มไปอย่างสิ้นเชิง ราวกับมี หนังสือเล่มใหม่ๆ ของมูราคามิปรากฏขึ้นในบรรณพิภพ อีกครั้ง ต้องขอขอบคุณส�านักพิมพ์ก�ามะหยี่และนักวาด ภาพประกอบทั้งสามที่ใส่ใจให้งานแปลทั้งสามเล่มนี้มี รูปเล่มสวยงามควรค่าแก่การเป็นเจ้าของอีกครัง้ ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง กุมภาพันธ์ 2558
เกี่ยวกับบรรณำธิกำรเล่ม ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง แฟนฮารูกิ มูราคามิ ตัวยง แม่งานและบรรณาธิการของ หนังสือรวมเรือ่ งสัน้ ชุด “แฟนมูราคามิรวมหัว” ท�างานเกี่ยวข้องกับหนังสือมาตลอด นับตั้งแต่เป็น กองบรรณาธิการนิตยสาร บรรณาธิการนิตยสาร กองบรรณาธิการส�านักพิมพ์ บรรณาธิการส�านักพิมพ์ เคยด�ารงต�าแหน่ง ฝ่ า ยวิ ช าการของนิ ต ยสารสารคดี แ ละกองบรรณาธิ ก าร ส�านักพิมพ์สารคดีในยุคก่อตั้งส�านักพิมพ์ เป็นประสบการณ์ ทีใ่ ห้ความเข้มข้นทัง้ การท�างานนิตยสารและท�างานส�านักพิมพ์ ท�างานบรรณาธิการส�านักพิมพ์ครั้งแรกที่ส�านักพิมพ์ Gender Pressดกหดกหดดหกดหกดหกดหกดกหดกหดกดดกหดด ปัจจุบันเป็นบรรณาธิการ ผู้ก่อตั้งส�านักพิมพ์เล็กๆ ชือ่ ระหว่างบรรทัด และเจ้าของร้านหนังสือก็องดิด
หลงรักตัวหนังสือของมูราคามิอย่างถอนตัวไม่ขึ้นมา นับตั้งแต่ได้อ่าน รักเร้นในโลกคู่ขนาน ตั้งแต่นั้นมาก็ตามหา หนั ง สื อ ของมู ร าคามิ ทุ ก เล่ ม ที่ มี ว างขายในประเทศไทยทั้ ง ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ถามตัวเองหลายครั้งถึงสาเหตุ ของการถอนตัวไม่ขึ้นจากตัวหนังสือของเขา ได้ค�าตอบว่า มูราคามิอธิบายถึงสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ที่ตกค้างในใจมา เนิ่นนาน นับตั้งแต่การร�าลึกถึงอดีตที่ไม่สามารถกลับไปได้ มูราคามิสนั่ คลอนสิง่ ทีเ่ ราเคยเชือ่ มัน่ ในปัจจุบนั รวมไปถึงการ ตั้งค�าถามต่ออนาคตที่ไม่สามารถมองเห็นได้ คุณูปการอัน ส�าคัญยิ่งของมูราคามิคือ การบอกว่าเราจะยืนอยู่ได้อย่างไร ท่ามกลางซากปรักหักพังเหล่านี้
สำรบัญ Lexington Ghosts ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน ธนพล เศตะพราหมณ์ 15 The Green Monster การมาถึงของปีศาจเขียว ยอดมนุษย์หญิง 53 The Silence เงียบงัน ดนัย คงสุวรรณ์ 67 The Ice Man มนุษย์น�้าแข็ง คมสัน นันทจิต 109 Tony Takitani โทนี ทะกิทะนิ กิตติพงศ์ สนธิสัมพันธ์ 139 The Seventh Man ชายคนที่เจ็ด ปราบดา หยุ่น 185 Blind Willow, Sleeping Woman หลับใหลในโลกเลือน นฆ ปักษนาวิน 221
ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน ธนพล เศตะพราหมณ์
นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว ถ้าไม่นับ ชื่อต่างๆ ที่ผมต้องดัดแปลงเพื่อความเหมาะสม ทุกสิ่ง ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจริงทั้งสิ้น ผมเคยอยู ่ ที่ เ มื อ งเคมบริ ด จ์ รั ฐ แมสซาชู เ ซตส์ ประมาณสองปี ช่วงเวลานั้นเองผมมีโอกาสได้รู้จักกับ สถาปนิกผูห้ ล่อเหลาคนหนึง่ อายุอานามของเขาเลย 50 ปี มาเล็กน้อย เส้นผมบนหัวสักครึ่งหนึ่งเป็นสีขาวแล้ว แม้น จะไม่ใช่คนตัวสูงนักและคงเป็นเพราะเขาชอบว่ายน�้ามาก แล้วก็ขยันว่ายเสียทุกวี่ทุกวัน เขาจึงสามารถรักษาหุ่น ตัวเองให้ดอี ยู่ได้ นานครั้งๆ ก็ตีเทนนิสเสียทีหนึ่ง ส�าหรับ ชื่อของเขา - เอาเป็นเรียกเขาว่าเคซีย์ก็แล้วกัน เคซีย์ เป็ น โสด อาศั ย อยู ่ ใ นแมนชั่ น เก่ า ๆ แห่ ง หนึ่ ง ในเมื อ ง เล็กซิงตัน ซึ่งอยู่แถบชานเมืองบอสตัน เขาอาศัยอยู่กับ ธนพล เศตะพราหมณ์
15
ช่างตั้งเสียงเปียโนผู้มีใบหน้าอันซีดเผือดและสุดแสนจะ เงีย บงึม ผู ้ ห นึ่ง นามเจเรมี เจเรมีน่าจะอายุสักสามสิบ กว่าๆ ได้กระมัง ตัวสูง ผอมเพรียวราวกับต้นหลิว ผม บนหัวบางเล็กน้อย และนอกเหนือจากความสามารถใน การตั้งเสียงเปียโนแล้ว เขาก็พอจะเล่นเปียโนพอได้อยู่ บ้างเหมือนกัน มีงานเขียนของผมจ�านวนหนึ่งได้รับการแปลเป็น ภาษาอังกฤษและตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับหนึ่ง และเคซีย์ ก็ได้อ่านเรื่องพวกนั้น เขาจึงส่งจดหมายผ่านทางส�านักพิมพ์มาหาผม “ผมสนใจงานของคุณมาก แล้วก็อยากรู้จริงๆ เชียวว่าคุณเป็นคนแบบไหน” เขาเขียนมาอย่างนั้น โดย ปกติแล้วผมจะไม่ออกไปพบพวกที่ส่งจดหมายแฟนคลับ มาหาผมหรอก (จากประสบการณ์สว่ นตัวแล้ว การพบปะ เทือกนั้นไม่มีอะไรน่าสนุกหรือน่าสนใจส�าหรับผมเลย) ทว่าคราวนี้ผมกลับรู้สึกว่าการออกไปเจอกับนายเคซีย์ คนนี้น่าจะโอเคอยู่ จดหมายที่เขาเขียนมาน่าสนใจและ เปี ่ ย มล้ น ด้ ว ยอารมณ์ ขัน นอกจากนั้น แล้ ว การมาอยู ่ 16
ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน
ต่างบ้านต่างเมืองแบบนีม้ นั ก็ทา� ให้ผมมองโลกในแง่ดขี นึ้ ด้วย เราอาศั ย อยู ่ ใ กล้ กั น มาก แต่ ส ถานการณ์ ก็ ยั ง ไม่ เ ปิ ด โอกาสให้เราได้เจอกัน แต่นี่เป็นเพียงเหตุผลภายนอก เหตุผลใหญ่ทสี่ ดุ ประการเดียวทีท่ า� ให้ผมอยากออกไปพบ นายเคซีย์ผู้นี้ก็คือ การที่เขาเป็นผู้ครอบครองคอลเล็กชั่น แผ่นเสียงเพลงแจ๊ซเก่าๆ จ�านวนมหาศาล “ต่อให้คณ ุ เทีย่ วควานค้นทัว่ ทัง้ ประเทศ คุณก็อาจ ไม่มีทางได้เจอคอลเล็กชั่นส่วนตัวที่แสนจะสมบูรณ์แบบ อย่างนี้ ผมรู้ว่าคุณชอบดนตรีแจ๊ซ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ สนใจมันล่ะ” เขาเขียนมาอย่างนั้น ของตาย ผมต้อง สนใจมันอยู่แล้ว หลังจากที่ได้อ่านจดหมายนั่น ผมก็เริ่ม รู้สึกอดใจไม่ไหว อยากจะออกไปเห็นคอลเล็กชั่นของเขา แทบบ้า เวลาที่ผมถูกล่อลวงด้วยคอลเล็กชั่นแผ่นเพลง แจ๊ซเก่าๆ กลไกทางจิตวิทยาแห่งการทนทานของผมก็มัก จะสิ้นสลายหายไปหมด เช่นเดียวกับม้าเวลาที่ถูกล่อลวง ด้วยกลิ่นเย้ายวนจากต้นไม้พเิ ศษบางชนิด
ธนพล เศตะพราหมณ์
17
บ้านของเคซีย์อยู่ที่เมืองเล็กซิงตัน1 ถ้าขับรถไปก็ใช้เวลา ราวๆ ครึง่ ชัว่ โมง ตอนผมโทร.ไปหาเขา เขาก็แฟกซ์แผนที่ กับรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางต่างๆ มาให้ด้วยเลย บ่ายวันหนึ่งในเดือนเมษายน ผมขับรถโฟล์คสวาเกน สีเขียวไปยังบ้านเขาเพียงล�าพัง ผมสามารถมองหาบ้าน ของเขาเจอได้อย่างรวดเร็ว มันเป็นบ้านเดี่ยวสามชั้น เก่าๆ แลดูใหญ่โต อาจจะตั้งอยู่ตรงนั้นมาอย่างน้อยก็ สักร้อยปีได้แล้วกระมัง แม้ว่ามันจะอยู่ในเขตบ้านใกล้ เรือนเคียงของเมืองบอสตันอันโอ่โถงที่ซึ่งแมนชั่นอันโอ่อ่า สง่างามและมีประวัตศิ าสตร์อนั ยาวนานตัง้ เรียงกันเป็นตับ แต่บ้านหลังนี้ก็ยังสามารถเชิดตัวเองออกมาให้ดูโดดเด่น ได้ โดดเด่นและสวยงามมากพอที่จะถ่ายรูปเอาไปท�า โปสต์การ์ดได้เลยทีเดียว สวนบ้านเขาดูราวกับป่าอันกว้างใหญ่ นกบลูเจย์ ก�าลังกระโดดข้ามกิ่งไม้ เชิดจะงอยปากร้องเพลงอยู่ ตลอดเวลา มีรถบีเอ็มดับเบิลยูใหม่เอี่ยมอ่องจอดอยู่ตรง ทางเข้าบ้าน เมื่อผมจอดรถหลังบีเอ็มดับเบิลยูคันนั้น สุนัขแมสทิฟฟ์ตัวใหญ่ที่นอนอยู่บนพรมหน้าประตูบ้านก็ 18
ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน
ว่ำด้วยคนแปล หลังจากทีเ่ รียนจบปริญญาตรีสาขาการประพันธ์ ดนตรีจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัย มหิดล แล้วก็พาตัวเองข้ามน�า้ ข้ามทะเลไปฝึกฝน วิชาและท่องยุทธจักรต่อในเมืองผู้ดีเก่าแห่งหนึ่ง บนแผ่นดินอเมริกา ผลาญเวลาส่วนใหญ่ของ ชีวิตไปกับการอ่านเขียน (โน้ตดนตรี+หนังสือ) และการซ้อมดนตรี รักการขีดเขียนตัวอัก ษร มากพอๆ กับการขีดเขียนตัวโน้ต “มีความโหวงเหวงบางอย่างล่องลอยอยูใ่ นอากาศ เหนือตัวอักษรของมูราคามิเสมอ อารมณ์ร่วม สมัยของมนุษย์ที่เจืออยู่ในงานของเขาคล้าย กระชากคอเสื้ อ เราแล้ ว สั่ ง ให้ เ ราหั น กลั บ ไป สบตากับตัวเองอีกครั้งหนึ่ง สบตาและมองจ้อง ลงไปให้ลึกกว่าครั้งที่ผ่านมา
50
ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน
“มีความบังเอิญอย่างประหลาดที่เหตุการณ์ใน เรื่อง ‘ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน’ เกิดขึ้นในสถานที่ ใกล้ๆ ที่ผมอยู่ปัจจุบันด้วย ผมมองเห็นภาพ แม่ น�้ า ชาร์ ล ส์ เมื อ งเคมบริ ด จ์ บ้ า นเมื อ งใน บอสตัน วงบอสตันซิมโฟนี และความสงัดเงียบ ของชานเมือง แล้วผมก็รู้สึกดีใจที่ก่อนหน้านี้ได้ ปฏิเสธค�าขอของอาจารย์ท่านหนึ่งที่ให้ไปช่วย เลี้ยงแมวและเฝ้าบ้านของเขาที่เคมบริดจ์”
ธนพล เศตะพราหมณ์
51
กำรมำถึงของปีศำจเขียว ยอดมนุษย์หญิง
สามีฉันออกจากบ้านไปท�างานตามปกติ ขณะที่ฉันนึกไม่ ออกว่าจะท�าอะไรดี ฉันนั่งอยู่คนเดียวที่เก้าอี้ริมหน้าต่าง มองผ่านช่องระหว่างผ้าม่านออกไปยังสวนข้างนอก ไม่มี เหตุผลอะไรพิเศษที่จะต้องมานั่งมองสวนหรอก เพียงแต่ ฉันไม่มีอะไรจะท�าแล้ว และคิดว่าถ้านั่งอยู่ตรงนั้นสักพัก อาจจะคิดออกก็ได้ว่าจะท�าอะไรดี ในสวนมีอะไรหลาย อย่างให้มอง แต่สิ่งที่ฉันชอบมองมากที่สุดก็คือต้นโอ๊ก ต้นนั้น มันเป็นต้นไม้พิเศษสุด เพราะฉันเป็นคนปลูก เองตั้งแต่ตอนที่ยังเด็ก แล้วก็คอยเฝ้าดูมนั เติบโต ฉันรู้สกึ ว่ามันเป็นเหมือนเพื่อนเก่า ฉันก็เลยชอบคุยกับมันในใจ ตลอดเวลา วันนั้นก็เหมือนกัน ฉันคงเผลอคุยกับต้นโอ๊กอีก แล้ว แต่จ�าไม่ค่อยได้ว่าคุยเรื่องอะไรบ้าง แล้วก็ไม่แน่ใจ ยอดมนุษย์หญิง
53
นักว่านั่งอยู่ตรงนั้นนานขนาดไหน เวลามักผ่านไปเร็ว เสมอตอนที่นั่งมองสวน ฉันนั่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งฟ้ามืด ลงโดยไม่รู้ตวั คิดว่าคงนั่งอยู่นานพอสมควรแล้วละ และ ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง มันเป็นเสียงมา จากที่ไกลๆ - เป็นเสียงคล้ายๆ อะไรย่องๆ คล้ายๆ อะไรถูกัน ฟังดูตลกพิลึก ตอนแรกฉันนึกว่าเป็นเสียงที่มา จากส่วนลึกภายในตัวเอง นึกว่าได้ยินเสียงอะไรคล้ายๆ กับเป็นเสียงเตือนจากรังไหมในส่วนลึกของร่างกายก�าลัง หมุนวนอยู่ แต่พอฉันกลั้นหายใจและตั้งใจฟัง ใช่จริงๆ มีเสียงจริงๆ ด้วย เสียงนั้นมันค่อยๆ คืบเข้ามาใกล้ฉัน มากขึ้นเรื่อยๆ ทีละนิด ทีละนิด เสียงอะไรกันนะ ฉัน นึกไม่ออก แต่มนั ท�าให้ฉันขนลุกเกรียว บริเวณพื้นดินใกล้ๆ โคนต้นโอ๊กค่อยๆ โป่งขึ้น โป่งขึ้นเหมือนกับมีของเหลวหนาหนักดันขึ้นมา ฉันกลั้น หายใจอีก ครั้ง แล้วพื้นดินตรงนั้นก็แตกออก เศษดิน กระเด็นกระจัดกระจายไปทัว่ เปิดให้เห็นกรงเล็บแหลมคม โผล่ขึ้นมาแทนที่ ฉันจ้องดูด้วยตาเบิ่งค้าง มือก�าแน่น อะไรบางอย่างก�าลังจะเกิดขึ้น ฉันพูดกับตัวเอง ก�าลังจะ 54
การมาถึงของปีศาจเขียว
เกิดขึ้นตอนนี้แล้ว กรงเล็บนั้นทลายกองดินบริเวณนั้น ออกอย่างแรง แล้วไม่นานก็สามารถทลายดินออกไป หมดจนกลายเป็นโพรง จากโพรงนั้นก็มีปีศาจเขียวเล็กๆ ตัวหนึ่งคลานโผล่ข้นึ มา ร่างกายของมันเป็นเกล็ดสีเขียวเปล่งประกาย พอ มันโผล่ขึ้นมาจากโพรง มันก็สะบัดตัวจนเศษดินที่ติดอยู่ ตามตัวหลุดออกหมด มันมีจมูกยาวดูน่าขันและเป็นสี เขียวเข้มขึ้นเรื่อยๆ ไล่ไปจนถึงปลายจมูก ที่ปลายจมูก ของมันเรียวเล็กและงุ้มลงดูคล้ายแส้ แต่ดวงตาของมัน นี่สิเหมือนกับดวงตามนุษย์มาก สายตาของมันที่มองมา ท�าให้ฉันสั่นกลัว เพราะมันแสดงความรู้สกึ ออกมาชัดเจน แบบเดียวกับสายตาของพวกเรานี่แหละ มั น ดู ไ ม่ ลั ง เล แต่ ค ่ อ ยๆ เคลื่ อ นช้ า ๆ อย่ า ง ระมัดระวังเข้ามาจนถึงประตูหน้าบ้านฉัน แล้วมันก็เคาะ ประตูด้วยปลายจมูกเรียวเล็กของมัน เสียงเคาะประตูถ่ๆี เย็นๆ ดังกึกก้องไปทั่วบ้าน ฉันค่อยๆ ย่องไปแอบที่ห้อง ด้านหลัง ด้วยความหวังว่าเจ้าปีศาจจะไม่รู้ว่าฉันอยู่ใน บ้าน ฉันรู้ว่าถึงฉันจะส่งเสียงร้องไปก็คงไม่มีประโยชน์ ยอดมนุษย์หญิง
55
อะไร เพราะในบริเวณนี้มีบ้านฉันอยู่เพียงหลังเดียว ส่วน สามีฉันก็คงยังไม่กลับบ้านจนกระทั่งดึกๆ จะให้ฉันหนี ออกทางประตูหลังบ้านก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะบ้านฉันมี อยู่แค่ประตูเดียว คือประตูท่เี จ้าปีศาจเขียวน่ากลัวตัวนั้น ก�าลังยืนเคาะอยู่ ฉันพยายามหายใจให้เบาที่สุดเท่าที่จะ ท�าได้ จะได้ดูเหมือนไม่มีใครอยู่ในบ้าน แล้วเจ้าเขียวนั่น จะได้เลิกเคาะและกลับไปเสียที แต่มันก็ไม่ยอมเลิก จมูก ของมันเปลี่ยนจากเคาะประตูมาจับที่กลอนประตู แล้ว มันก็งัดกลอนประตูให้เปิดออกอย่างง่ายดาย เมื่อประตู แง้มออก จมูกของมันค่อยๆ ดันโผล่ออกมาจากขอบ ประตูแล้วมันก็หยุด มันหยุดนิ่งอยู่นาน คล้ายกับงูที่ชู หัวขึ้นเพื่อส�ารวจสภาพต่างๆ ภายในบ้าน ถ้าฉันรู้ก่อนว่า มันจะท�าอย่างนี้ ฉันจะไปยืนรอที่ประตูแล้วตัดจมูกมัน ทิ้ ง ซะ! ฉั น พู ด กั บ ตั ว เองในใจ ในครั ว มี มี ด คมๆ ตั้ ง เยอะแยะ ทันทีที่ฉันคิดอย่างนั้น เจ้าปีศาจก็เคลื่อนผ่าน ขอบประตูออกมาแล้วยิม้ อย่างกับว่ามันอ่านใจฉันได้อย่าง นัน้ แหละ แล้วมันก็พดู ขึน้ ไม่ถงึ กับติดอ่าง แต่เป็นการพูด แบบซ�้าๆ เหมือนมันก�าลังพยายามเรียนรู้วิธีพูดอยู่ มัน 56
การมาถึงของปีศาจเขียว
ว่ำด้วยคนแปล ยอดมนุษย์หญิง จบปริญญาตรีจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อมาได้เข้า ท�างานที่ยูเอ็นอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนตัดสินใจไป เรี ย นต่ อ ทางด้ า นปรั ช ญาที่ ป ระเทศอั ง กฤษ มีความสนใจเป็นที่สุดในเรื่องที่เป็นนามธรรม โดยเฉพาะเรื่ อ งราวที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ ภายใน ความคิดและจิตใจของคน ด้วยเหตุนี้ จึงเป็น แฟนคลับตัวยงของมูราคามิ เพราะงานของ มู ร าคามิ มั ก เป็ น การ ‘ทดลองทางความคิ ด ’ มากกว่าทีจ่ ะสะท้อนเรือ่ งราวจริงของโลกภายนอก “การทดลองทางความคิ ด ของมู ร าคามิ แม้ ส่วนใหญ่จะให้ผลลัพธ์ในทางที่ขัดใจคนอ่าน [เช่น ตอนจบมักจะต้องจมอยู่ในอารมณ์เหงา ว่างเปล่า หรือไม่ก็เป็นความรู้สึกเหมือน ‘หา (อะไรบางอย่าง) ไม่เจอ’] แต่ระหว่างการทดลอง กลั บ สนุ ก สนานมาก จึ ง ดู เ หมื อ นเป็ น ความ 64
การมาถึงของปีศาจเขียว
ขั ด แย้ ง ที่ คุ ้ ม ค่ า ลงตั ว ดี ในด้ า นหนึ่ ง คื อ รู ้ ว ่ า สุดท้ายแล้วจะต้องไปเจอกับ (ความไม่มี) อะไร แต่อีกด้านหนึ่งกลับมีแรงจูงใจที่ท�าให้อยากจะ ไป – คล้ายกับธรรมชาติในตัว ‘ความคิด’ นั่นเอง คือเป็นความสนุกสนานที่ว่างเปล่า “เรือ่ ง ‘ปีศาจเขียว’ ก็เป็นอีกเรือ่ งหนึง่ ของมูราคามิ ที่ ดู เ หมื อ นจะพยายามอธิ บ ายธรรมชาติ ข อง ความคิดคน โดยตัวความคิดนี้ ถึงแม้มันจะ สร้างปีศาจขึ้นมาได้ (เหมือนต้นไม้ที่ปลูกเอง) สร้างความน่ากลัว ความน่ารัก รวมถึงสร้าง ความรักขึ้นมาได้ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเพียงแค่ ความคิด และไม่มีจริง - ดังนั้น ไม่ว่าจะปีศาจ ตัวไหน เราก็สร้างมันได้และท�าลายมันได้ด้วย ตัวเอง เป็นความสนุกสนานที่ว่างเปล่าอีกเช่น เดียวกัน” ยอดมนุษย์หญิง
65
เงียบงัน ดนัย คงสุวรรณ์
ผมหันหน้าเข้าหาคุณโอซาวะ แล้วถามเขาว่า เคยมีเรื่อง ทะเลาะถึงกับชกต่อยกับใครบ้างไหม คุณโอซาวะหรี่ตาขณะมองหน้าผม ราวกับโดน อะไรแยงตาเข้า “ท�าไมถึงถามเรื่องแบบนั้นล่ะครับ” เขาพูด แววตาที่เห็นดูยังไงก็ไม่ใช่ตัวเขา มันมีอะไรบาง อย่างที่เปี่ยมด้วยชีวิตส่องแสงวาบออกมาจากในนั้น แต่ นั่นก็เป็นเพียงวูบเดียว เขาจัดการซ่อนแสงที่ว่านั่นเอาไว้ ภายใน แล้วกลับคืนสู่สีหน้าสุขุมตามปกติได้ทนั ที ไม่มีความหมายอะไรลึกซึ้งเป็นพิเศษหรอก ผม ตอบ มันก็ไม่ใช่ค�าถามอะไรพิเศษจริงๆ นั่นแหละ เพราะ ความอยากรู้อยากเห็นเพียงเล็กน้อยโดยแท้ที่ท�าให้ผม ถามค�าถามแบบนั้น มันคงจะดูล�้าเส้นเกินไปหน่อย ผม ดนัย คงสุวรรณ์
67
จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีหลังจากนั้น แต่คุณโอซาวะ เองกลับไม่ยอมเล่นด้วย ดูเหมือนเขายังคงขบคิดเกีย่ วกับ อะไรบางอย่างอยู่อย่างขะมักเขม้น คล้ายก�าลังต้านทาน อะไรอยู่ ขณะเดียวกันก็ดูลังเลในที ผมจึงจ�าต้องมอง เหม่อลอยออกไปยังเครื่องบินเจ็ตสีเงินที่เรียงรายอยู่นอก หน้าต่างอย่างไม่มที างเลือก เหตุทที่ า� ให้ผมถามค�าถามแบบนัน้ ออกไปก็เพราะ คุณโอซาวะบอกเองว่าเขาเข้าโรงยิมซ้อมมวยตลอดตัง้ แต่ เริ่มเรียนมัธยมต้น เราคุยเรื่องสัพเพเหระต่างๆ นานา ฆ่ า เวลาระหว่ า งรอเครื่ อ งบิ น กั น ไปเรื่ อ ยๆ จู ่ ๆ ก็ ม าถึ ง หัวข้อนี้เอง ตอนนี้เขาอายุสามสิบเอ็ดแล้ว แต่บอกว่ายัง เข้าโรงยิมเพื่อฟิตร่างกายอยู่เสมอ อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อ สัปดาห์ สมัยมหาวิทยาลัยเคยได้รับเลือกให้เป็นนักกีฬา ตั ว แทนลงแข่ ง ก็ ห ลายครั้ ง แม้ แ ต่ เ ป็ น นั ก กี ฬ าลงแข่ ง ระดับทั่วประเทศก็เคยมาแล้ว ผมได้ยินอย่างนั้นแล้วก็ ตกใจเล็กน้อย เราร่วมงานด้วยกันหลายครั้งก่อนหน้านี้ก็ จริง แต่ผมไม่เคยสังเกตเห็นว่าคุณโอซาวะมีรูปร่างคล้าย คนที่ฝึกซ้อมมวยมาต่อเนื่องเกือบยี่สิบปีเลยสักนิด เขา 68
เงียบงัน
เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวเรื่องชาวบ้าน ส่วนด้าน การงานก็ดูเป็นคนที่มีความจริงใจและอดทนสูง ไม่เคย จะเห็นเขาดึงดันให้คนอืน่ ต้องท�าตามเรือ่ งอะไรเลยสักครัง้ แม้ว่าจะยุ่งขนาดไหนก็ไม่เคยแสดงน�้าเสียงขุ่นเคืองหรือ ท�าตาถมึงทึงให้เห็น เรือ่ งนินทาว่าร้ายคนอืน่ ก็ไม่เคยได้ยนิ ถึงหูผมเลยสักครั้ง พูดง่ายๆ ว่า เขาเป็นมนุษย์แบบที่ ใครๆ ก็อดไม่ได้ที่จะชอบ หน้าตาก็ดูเป็นคนจริงใจเอา มากๆ และไม่มีทีท่าว่าจะเป็นคนมุ่งร้ายกับใครก่อน ผม วาดภาพไม่ออกจริงๆ ว่าคนแบบนี้จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ การชกมวยได้ยังไง จึงได้เผลอถามค�าถามแบบที่ว่านั่น ออกไป เรานั่งดื่มกาแฟกันอยู่ในร้านอาหารของสนามบิน คุณโอซาวะกับผมก�าลังจะเดินทางไปนีงะตะ ด้วยเวลา ตอนนั้นเป็นต้นเดือนธันวาคม ที่นีงะตะเหมือนจะมีหิมะ ตกหนัก ก�าหนดเดินทางของเครื่องบินจึงล่าช้าออกไป มาก สนามบินเลยเต็มไปด้วยผูค้ น ล�าโพงประกาศเทีย่ วบิน ทีจ่ ะดีเลย์ออกมาไม่หยุด ท�าเอาคนทีต่ อ้ งคอยแสดงสีหน้า เหนื่อยอ่อนไปตามๆ กัน เครื่องท�าความร้อนของร้าน ดนัย คงสุวรรณ์
69
อาหารก็ท�างานดีเกินไป เล่นเอาผมต้องปาดเหงื่อด้วย ผ้าเช็ดหน้าอยู่ตลอด “โดยรวมๆ แล้วคือ ไม่เคยเลยสักครัง้ ” คุณโอซาวะ โพล่งขึน้ มาหลังจากเงียบไปครูใ่ หญ่ “หลังจากเริม่ ชกมวย แล้วผมไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใครเลย ผมถูกสั่งสอน เข้าเส้นเลือดตั้งแต่ตอนเริ่มชกมวยแล้วว่าห้ามไปต่อย คนโดยปราศจากนวมนอกสังเวียน ต่อให้เป็นคนธรรมดา ต่อยกัน หากไปโดนจุดทีเ่ ป็นอันตรายเข้าก็กลายเป็นเรือ่ ง ใหญ่ได้ ยิ่งถ้าเป็นคนที่ชกมวยอยู่ด้วยแล้ว เรื่องคงไม่จบ ง่ายๆ แทบไม่ต่างอะไรกับการใช้อาวุธเลยทีเดียวครับ” ผมพยักหน้า “แต่ให้พูดโดยสัตย์จริงแล้ว ผมเคยมีเรื่องชกต่อย กับคนอื่นอยู่ครั้งหนึ่ง” คุณโอซาวะพูด “ตอนนั้นผมอยู่ ม.2 เพิ่งเริ่มเรียนชกมวยได้ไม่นาน อาจจะฟังดูเหมือน ค�าแก้ตัว แต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้เรียนรู้ทักษะใดๆ ของ การชกมวยเลยสักอย่าง ที่เข้ายิมก็แค่ฝึกความแข็งแกร่ง ของร่างกายทั่วไป อย่างกระโดดเชือก ยืดกล้ามเนื้อ หรือ วิ่งเท่านั้น นอกจากนั้นก็ไม่ใช่ว่าต่อยเพราะอยากจะต่อย 70
เงียบงัน
ว่ำด้วยคนแปล รู้สกึ ว่าชีวติ ตัวเองเหมือนพินบอล ไม่ได้หมายถึง นิยายเล่มนัน้ ของมูราคามิ แต่หมายถึงลูกปาจิงโกะ ที่เด้งไปมาในตู้สี่เหลี่ยม หลังจากจบการศึกษา จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาเคยเด้งไปเป็นล่ามภาษาญีป่ นุ่ กระดอนเป็น หนุม่ แบงก์ กระเถิบไปเป็นเซลส์ขายอสังหาฯ และ กระโดดข้ามสูว่ งการโฆษณา แต่สดุ ท้ายก็พบว่า งานที่ท�าแล้วสงบและสุขใจที่สุดคือการเขียน ขณะที่ยังไม่แน่นอนกับชีวิตข้างหน้า เขามัน่ ใจ อยู่อย่างหนึ่งว่า เจ้าลูกปาจิงโกะอย่างเขาฮิต แจ็กพ็อตมานานแล้ว ตัง้ แต่เริม่ รูจ้ กั และรักถนน สายนักเขียน
106 เงียบงัน
“ใน ‘เงียบงัน’ แม้ว่ามูราคามิจะถ่ายทอดออก มาในเชิงสมจริง (Realism) มากกว่าจะเป็น Magical Realism เช่นที่เราคุ้นชินกับผลงานเขา ในระยะหลัง แต่ความเปลี่ยวเหงาก็ยังคงครอง บทบาทส�าคัญในเรื่องเช่นเคย ยุคสมัยที่เปลี่ยน ไปอาจท�าให้บริบทของสังคมและความขัดแย้ง ที่ตัวละครเอกต้องเผชิญลดความรุนแรงลงใน สายตาคนปัจจุบัน แต่ความสามารถในการ ถ่ายทอดความอ้างว้างออกมาได้จับใจของ มูราคามินั้นไม่เคยเก่าเลย”
ดนัย คงสุวรรณ์ 107
มนุษย์น�้ำแข็ง คมสัน นันทจิต
สามีของฉันเป็นมนุษย์น้�าแข็ง ครั้งแรกที่ฉันพบเขาคือที่สกีรีสอร์ต คงเป็นเรื่อง ยากทีเ่ ราจะคิดจินตนาการหาสถานทีอ่ นื่ ให้เหมาะสมกว่านี้ ทีจ่ ะได้พบเจอมนุษย์นา�้ แข็ง เขานัง่ อยูใ่ นล็อบบีข้ องโรงแรม ท่ามกลางเสียงจอแจจากกลุ่มคนหนุ่มสาว อยู่ในมุมห่าง ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้จากเตาผิง จมดิ่งเงียบงันอยู่กับ หนังสือในมือ ขณะนั้นเป็นเวลาใกล้เที่ยง ทว่าปรายแสง แห่ ง ยามเช้ า ของฤดู ห นาวอัน แจ่ ม ชัด และเย็ น ยะเยื อ ก ราวกั บ ว่ า จะฉายฉานลงมาจั บ จ้ อ งอยู ่ ที่ เ ขาแต่ เ พี ย งผู ้ เดียวโดยเฉพาะ “นั่นไง มนุษย์น�้าแข็ง” เพื่อนฉันกระซิบ ตอนนั้นฉันไม่เคยรู้เลยว่ามนุษย์น�้าแข็งนั้นเป็นอย่างไร และเพื่อนก็บอกอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น เท่าที่เธอรู้ก็คอื เขาคือผู้ชายที่ถูกใครใครเรียกว่ามนุษย์น�้าแข็ง “ที่เขาถูก คมสัน นันทจิต 109
เรียกว่าอย่างนัน้ ก็เป็นเพราะว่าตัวของเขาสร้างขึน้ มาจาก น�้าแข็ง” เพื่อนส�าทับ สีหน้าจริงจัง ใบหน้าเธอจริงจัง เคร่งเครียดราวกับว่าเรื่องที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องของภูตผี ปีศาจมากกว่าจะเป็นเรื่องของมนุษย์น�้าแข็ง หรือไม่ก็ เป็นเรื่องของใครสักคนที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง มนุ ษ ย์ น�้ า แข็ ง ยั ง ดู อ ่ อ นเยาว์ ถึ ง แม้ น ว่ า จะถู ก แต่ ง แต้ ม ด้ ว ยรอยสี ข าว ราวกั บ หิ ม ะที่ ไ ม่ เ คยละลาย ประปรายอยู่บนเส้นผมแข็งกระด้างราวกับเกลียวลวด ของเขา มนุษย์น�้าแข็งมีรูปร่างสูง โหนกแก้มคมกริบ ราวกับถูกแกะสลักด้วยสิ่ว ดังประหนึ่งหน้าผาน�า้ แข็งอัน สูงชัน นิ้วมือของเขามีเกล็ดน�้าแข็งที่มองดูคล้ายกับว่า จะไม่ มี วั น ละลายเกาะติ ด อยู ่ นอกไปจากนั้ น เขาดู เหมือนคนปกติธรรมดาทั่วไป พูดตามจริงแล้วเขาเป็นคน หน้ า ตาไม่ ห ล่ อ ถึ ง แม้ ว ่ า จะมี บ างคนบอกว่ า เขามี บุคลิกน่ามองก็ตาม มีอะไรบางอย่างในตัวของเขาที่จะ ยิงทะลุเข้ามาในตัวของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตา คู่นั้น ความเงียบงันอันโปร่งใสราวกับก้อนน�า้ แข็งในยาม เช้าของฤดูหนาว - ความเดียวดายที่ทอประกายวูบวับ 110 มนุษย์น�้ำแข็ง
ของชีวิตที่อยู่ในร่างกายอันล้วนขอยืมมาเพียงแค่ชั่วคราว ฉันยืนอยู่ท่นี ั่นชั่วขณะ จ้องมองไปที่มนุษย์นา�้ แข็งจากอีก ฟากฝั่งล็อบบี้ เขาจมหายไปกับหนังสือในมือ ไม่ขยับ กายหรือ เหลือบมองขึ้นมาแม้สักเพียงครั้ง ราวกับ จะ พยายามโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อว่าเขานั้นอยู่เพียงคนเดียว อย่างแท้จริง บ่ายวันถัดมาเขายังคงนัง่ อยู่ทเี่ ดิมเหมือนเมือ่ วาน นั่งอ่านหนังสือ ตั้งแต่ตอนที่ฉันกินมื้อเที่ยงในห้องอาหาร จนกระทั่งกลับมาจากเล่นสกีกับเพื่อนในตอนเย็น เขายัง คงนั่งอยู่ตรงนั้นเสมอ ที่เก้าอี้ตัวเดิม ใช้สายตาแบบเดิม จับจ้องไปที่หน้าหนังสือเล่มเดิม วันต่อมาก็ยังคงเป็น เช่นนั้นไม่มีผิดเพี้ยน ตั้งแต่อรุณรุ่งจนย�่าสนธยา เราจะ พบเขานั่ ง อยู ่ ที่ นั่ น เดี ย วดายและเงี ย บงั น อยู ่ ใ นโลก ของการอ่าน ราวกับว่าส่วนอื่นๆ ของโลกใบนี้เป็นเพียง ฉากแห่งความหนาวเหน็บเยือกแข็งที่ภายนอก ยามบ่ายของวันที่สี่ ฉันเอ่ยค�าขอโทษกับทุกคนที่ คงไม่ได้ออกไปเล่นสกีที่เนินเขา ฉันตัดสินใจอยู่ที่โรงแรม เดินไปเดินมาอยู่ในล็อบบี้ ตอนที่ทุกคนออกไปเล่นสกีกัน คมสัน นันทจิต 111
หมดแบบนี้ล็อบบี้ดูคล้ายเมืองร้าง อากาศซึ่งหนาหนืด และร้อน ผสมผสานเข้ากับกลิ่นหดหู่แปลกแปลกบาง อย่าง กลิ่นของหิมะที่ติดมากับรองเท้าบู๊ตซึ่งถูกหลอม ละลายอยู่หน้าเตาผิง ฉันเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง พลิกหน้าหนังสือพิมพ์แบบผ่านผ่าน จนในที่สุดฉันจึง รวบรวมความกล้าทั้งหมดเท่าที่มี เดินเข้าไปหามนุษย์ น�า้ แข็งเพือ่ พูดคุยกับเขา ความจริงแล้วฉันนัน้ ค่อนข้างขีอ้ าย และไม่บ่อยครั้งนักหรอกที่จะกล้าเอ่ยปากกับคนแปลก หน้า ทว่าครั้งนี้ถือเป็นข้อยกเว้น ฉันต้องคุยกับเขาให้ได้ คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่โรงแรม แล้วถ้าฉันปล่อยให้โอกาส นี้หลุดลอยไป - ก็คงยากที่จะมีครั้งต่อไป คุณไม่เล่นสกีหรือ ฉันเอ่ยถาม พยายามรักษา น�้าเสียงให้ดูปกติธรรมดาอย่างที่สุด มนุษย์น�้าแข็งเงย หน้าขึ้นมาช้าช้า ดูราวกับว่าเขาพยายามรับฟังเสียงของ สายลมที่โบกพัดอยู่จากสถานที่อันห่างไกล เขามองตรง มาที่ฉันแล้วส่ายหน้าเงียบเงียบ ผมไม่เล่นสกี เขาตอบ ผมชอบนั่งอ่านหนังสือแล้วก็มองออกไปที่หิมะข้างนอก ถ้อยค�าของเขาลอยค้างอยู่ในอากาศ เหมือนกับที่เราเคย 112 มนุษย์น�้ำแข็ง
ว่ำด้วยคนแปล เป็นทั้งพิธีกรรายการทีวี นักละครเวที คอลัมนิสต์ และคนชอบดนตรีแจ๊ซ เคยแปลเรื่องสั้น ของมูราคามิมาแล้วหนึ่งเล่ม ชื่อว่า อาฟเตอร์ เดอะ เควก “มูราคามิมักจะน�าเราสู่เรื่องเร้นลับเหนือจริงซึ่ง เมื่อเรารับรู้แล้วยากนักที่จะลืมเลือน ตัวละคร หลักในนิยายหลายเล่มของเขามักจะมีบุคลิก คล้ายกัน ชายวัยกลางคนที่ด�าเนินชีวิตไปเรื่อย เรื่ อ ย ไม่ มี ป ั ญ หาในเรื่ อ งรายได้ การงานดู
136 มนุษย์น�้ำแข็ง
ราบรื่น ทว่าชีวิต ‘ภายใน’ ของพวกเขาเหมือน กั บ ว่ า ก� า ลั ง มี ป ั ญ หาอะไรบางอย่ า งเกาะกุ ม กัดกร่อน โดยทีพ่ วกเขาเหล่านัน้ ก็ไม่แน่ใจนักว่า มันคือปัญหาเรื่องอะไร และแน่นอนทุกๆ คน ดูโดดเดีย่ ว เผาลมหายใจด้วยควันบุหรีม่ วนแล้ว มวนเล่า เติมความว่างเปล่าด้วยเบียร์แก้วแล้ว แก้ ว เล่ า ชี วิ ต ด� า เนิ น ไป-ที - ละ-วั น -ที - ละ-วั น เหมือนไร้ความหมาย แต่ทว่า ความหมายส�าหรับ ชีวิต แท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่”
คมสัน นันทจิต 137
โทนี ทะกิทะนิ กิตติพงศ์ สนธิสัมพันธ์
โทนี ทะกิทะนิ คือชื่อและนามสกุลจริงของโทนี ทะกิทะนิ เพราะชื่ อ ผมที่ ห ยั ก ลอน และหน้ า ตาดู ดี เ ป็ น พิเศษ เขาจึงมักจะถูกคิดว่าเป็นเด็กลูกครึ่ง ในช่วงหลัง สงครามมี เ ด็ ก มากมายที่ เ ป็ น ลู ก ครึ่ ง อเมริ กั น แต่ พ ่ อ และแม่ของโทนี ทะกิทะนิ เป็นชาวญี่ปุ่นขนานแท้ร้อย เปอร์เซ็นต์ พ่อของเขา - โชะซะบุโระ ทะกิทะนิ - เป็น นักเป่าทรอมโบนที่ค่อนข้างมีชื่อ แต่สี่ปีก่อนที่สงคราม โลกครั้งที่สองจะยุติลง เขาถูกบีบให้ออกจากโตเกียว เพราะมีปัญหาเรื่องผู้หญิง ถ้าเขาจะต้องออกจากเมืองนี้ ไป เขานึกในใจ เขาก็จะต้องออกไปจริงๆ ดังนั้นเขาจึง ข้ า มไปยั ง ผื น แผ่ น ดิ น จี น โดยปราศจากสั ม ภาระใดๆ นอกจากทรอมโบน ในช่วงเวลานั้น การเดินทางจาก นะกะซะกิ ไ ปยั ง เซี่ ย งไฮ้ ใ ช้ เ วลาเพี ย งหนึ่ ง วั น โดยการ กิตติพงศ์ สนธิสัมพันธ์ 139
เดินทางทางเรือ โชะซะบุโระไม่มที รัพย์สินใดๆ ในโตเกียว หรือทีเ่ มืองใดๆ ในญีป่ นุ่ ทีเ่ ขาจะต้องนึกเสียดาย เขาจากไป โดยปราศจากความเศร้าโศกเสียใจ หากจะมีสิ่งใดที่เขา คาดหวัง เซี่ยงไฮ้อันแสนเย้ายวนน่าจะเหมาะกับบุคลิก ของเขามากกว่าโตเกียว เขายืนอยู่บนโต๊ะภายในเรือที่ ก�าลังมุ่งหน้าเข้าสู่แม่น�้าแยงซี เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น ทัศนียภาพอันงดงามของเซี่ยงไฮ้ก�าลังสว่างเรืองภายใต้ แสงอาทิตย์ยามเช้า เขาตกหลุมรักมัน แสงอาทิตย์ดู เหมือนจะให้ค�ามั่นสัญญากับเขาถึงอนาคตที่สว่างไสว รุ่งเรือง เขามีอายุได้ 21 ปีในขณะนั้น ดั ง นั้ น เขาจึ ง ผ่ า นช่ ว งเวลาอั น ยากล� า บากของ สงครามไปได้อย่างสะดวกสบาย - นับตั้งแต่ญี่ปุ่นบุก โจมตีจีน การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ไปจนถึงการทิ้งระเบิด นิวเคลียร์ทงั้ สองลูก - ด้วยการเป่าทรอมโบนในไนต์คลับ ที่เซี่ยงไฮ้ สงครามเกิดขึ้น ณ ที่ไกลแสนไกล โชะซะบุโระ ทะกิท ะนิ เป็ น ผู ้ ชายประเภทที่ไม่แสดงเจตจ� านงหรือ ขบคิดใคร่ครวญแม้เพียงน้อยนิดในเรื่องประวัติศาสตร์ เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้เป่าทรอมโบน กิน 140 โทนี ทะกิทะนิ
อาหารวันละสามมื้อ และมีผู้หญิงสองสามคนอยู่ข้าง กาย เขาสุภาพและหยิ่งยโสในเวลาเดียวกัน ถึงแม้จะ ตั้งตนเป็นศูนย์กลางของจักรวาล แต่เขาก็ปฏิบัติกับผู้คน รอบข้างด้วยความเอาใจใส่และให้ความอบอุ่น นั่นจึง เป็นเหตุผลว่าท�าไมคนจ�านวนมากถึงชอบเขา หนุ่มแน่น หล่อเหลา และมีฝีไม้ลายมือทางดนตรี ไม่ว่าจะปรากฏ กายที่ไหน เขาเหมือนกับอีกาที่ยืนอยู่กลางผืนหิมะ เขา นอนกับผู้หญิงจ�านวนมากเกินกว่าจะนับ สาวญี่ปุ่น สาว จีน สาวรัสเซีย โสเภณี หญิงที่แต่งงานแล้ว เด็กสาวทั้ง แสนงามและพอดูได้ เขาต้อนรับผู้หญิงทุกคนที่เขาเอื้อม มือไปถึง ในเวลาไม่นาน เสียงทรอมโบนหวานหยดย้อย และอวัยวะเพศแข็งขันมหึมาของเขาก็ท�าให้เขากลาย เป็นกลิ่นอายของเซี่ยงไฮ้ โชะซะบุโระ ทะกิทะนิ ยังมีพรสวรรค์ในการผูก มิตรกับบุคคลที่ ‘เป็นประโยชน์’ - ถึงแม้ตัวเขาจะไม่ ตระหนักก็ตาม - เขารักใคร่สนิทสนมกับเจ้าหน้าทีท่ หาร ระดับสูงชาวญี่ปุ่น เศรษฐีชาวจีน และผู้มีอิทธิพลทุก ประเภทที่ดูดก�าไรมหาศาลจากสงครามผ่านช่องทางที่ไม่ กิตติพงศ์ สนธิสัมพันธ์ 141
เปิดเผย พวกเขาส่วนมากพกปืนไว้ใต้แจ็กเก็ต และไม่ เคยก้าวออกจากตัวอาคารโดยไม่ปราดตามองไปบนถนน เสียก่อน โชะซะบุโระกับคนเหล่านี้ ‘คลิก’ กันด้วยเหตุผล ประหลาดบางประการ และคนเหล่ า นี้ ก็ ดู แ ลเขาเป็ น พิเศษ พวกเขายินดีเปิดประตูต้อนรับโชะซะบุโระเสมอใน ยามที่เขามีปัญหา ส�าหรับโชะซะบุโระ ทะกิทะนิ ชีวิต ของเขาราบรื่นดุจสายลมพัดโชยในช่วงขวบปีน้นั แต่บางครั้งพรสวรรค์ก็เล่นงานคุณได้เหมือนกัน เมื่อสงครามจบลง ความสัมพันธ์ที่น่าสงสัยของเขาท�าให้ กองทัพจีนจับตามอง และเขาก็ถูกคุมขังอยู่เป็นเวลานาน วันแล้ววันเล่า คนอืน่ ๆ ทีถ่ กู คุมขังเช่นเดียวกับโชะซะบุโระ ทะกิทะนิ ถูกน�าตัวไปประหารชีวิตโดยไม่มีการไต่สวน เจ้าหน้าที่จะปรากฏตัว ลากตัวพวกเขาไปที่สนามของ เรือนจ�า และระเบิดสมองของพวกเขาโดยปืนอัตโนมัติ มันจะเกิดขึ้นเสมอตอนบ่ายสองโมง เสียงแข็งกระด้าง แน่นหนักของปืนดังกังวานไปทั่วบริเวณ นีค่ อื วิกฤติแสนสาหัสทีส่ ดุ ทีโ่ ชะซะบุโระ ทะกิทะนิ ได้พบเจอ ชีวิตกับความตายอยู่ห่างกันเพียงความกว้าง 142 โทนี ทะกิทะนิ
ว่ำด้วยคนแปล ศิ ษ ย์ เ ก่ า คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิ ท ยาลั ย ธรรมศาสตร์ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสมาชิกของ ส�านักพิมพ์ openbooks “เริม่ อ่านหนังสือของมูราคามิตงั้ แต่เล่มแรกทีไ่ ด้ รับการแปลเป็นภาษาไทย ก่อนจะติดตามอ่าน ต่อมาอย่างสม�่าเสมอ เพราะหลงใหลในเนื้อหา วิธีการเล่าเรื่อง และภาษาที่มูราคามิใช้ “เรื่องสั้นเรื่อง ‘โทนี ทะกิทะนิ’ เป็นเรื่องสั้น เรื่องแรกที่อ่านแล้วรู้สึกใจหวิวสั่นอย่างแปลก ประหลาด ถึงแม้จะคิดว่าเคยชินกับห้วงอารมณ์ คล้ายกันในนวนิยายเล่มอื่นๆ แล้วก็ตาม”
กิตติพงศ์ สนธิสัมพันธ์ 183
ชำยคนที่เจ็ด ปราบดา หยุ่น
“เกลียวคลืน่ ขนาดมหึมาแทบจะพัดพาผมไปแล้ว” ชายคน ที่เจ็ดกล่าวแผ่วเบาจนเกือบเป็นเสียงกระซิบ “มันเกิดขึ้น ในบ่ายวันหนึ่งของเดือนกันยายน เมื่อผมอายุสิบขวบ” เขาเป็นคนสุดท้ายที่เล่าประสบการณ์ส่วนตัวใน คืนนั้น เข็มนาฬิกาได้เดินผ่านเลขสิบ คนกลุ่มเล็กๆ ที่น่งั ล้อมวงกันอย่างแนบชิดต่างยินเสียงกระแสลมในความ มืดภายนอกโฉบเฉือนม้วนมุ่งไปยังทิศตะวันตก มันเขย่า ต้นไม้ กระทบบานกระจกสะเทือนสั่น และเคลื่อนผ่าน ตัวบ้านไปด้วยเสียงหวีดหวิวอีกหนึ่งครั้งสุดท้าย “มันเป็น คลื่นใหญ่ท่ีสุดที่ผมเคยเห็นในชีวิต” เขาว่า “เป็นคลื่น แปลกประหลาด เป็นคลื่นยักษ์อย่างแท้จริง” เขาหยุดนิ่งชั่วครู่ “มันพลาดผมเพียงนิดเดียว แต่มันก็ได้กลืนกิน ปราบดา หยุ่น 185
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ส�าคัญที่สดุ ในชีวิตผมไปแทน และพัดพา สิ่งเหล่านั้นไปยังโลกอื่น ผมต้องใช้เวลานานหลายปีกว่า จะพบเจอความหมายให้ชวี ติ ได้อกี ครัง้ รวมทัง้ ฟื้นตืน่ จาก ประสบการณ์เลวร้ายทีเ่ กิดขึน้ - เวลาล�า้ ค่านับปีทไี่ ม่อาจ หาอะไรทดแทน” ชายคนที่เจ็ดดูเหมือนจะอยู่ในช่วงวัยห้าสิบตอน กลาง เขาเป็นคนร่างผอม สูง ไว้หนวด และมีรอยแผล เป็นอยู่ข้างดวงตาขวา ไม่ใช่รอยยาว แต่ดูบาดลึกซึ่งอาจ เกิดจากการโดนเฉือนโดยใบมีดเล็กๆ หย่อมผมเส้นแข็ง สีขาวเน้นให้ผมสั้นแหลมของเขาโดดเด่น ใบหน้าแสดง อาการของคนที่ นึ ก หาค� า พู ด ไม่ ไ ด้ ดั่ ง ใจ ทว่ า ในกรณี ของเขา มันเป็นสีหน้าที่ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นนับแต่ อดีตกาลนานมาแล้ว ประหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขา เขา สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเรียบง่ายภายใต้เสื้อโค้ตสักหลาดสีเทา และมักยกมือขึ้นจับคอเสื้ออยู่เสมอ ทุกคนที่มารวมตัว กันที่นั่นไม่มีใครรู้ช่ือสกุลหรืออาชีพการงานของเขาแม้ แต่คนเดียว เขากระแอมไอในล�าคอ ค�าพูดของเขาจางหายไป 186 ชายคนที่เจ็ด
ในความเงียบชั่วขณะ คนอื่นเฝ้ารอให้เขาเล่าต่อ “ในกรณี ข องผมมั น คื อ คลื่ น ทะเล” เขากล่ า ว “แน่นอน ผมไม่มีทางบอกได้ว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวก คุณแต่ละคนคืออะไร เพียงแต่ในกรณีของผมมันเกิด ขึ้นในรูปของคลื่นขนาดมหึมา จู่ๆ วันหนึ่งมันก็ปรากฏ ต่อหน้าผมในร่างของคลื่นยักษ์โดยไม่มีสัญญาณเตือน ล่วงหน้า เป็นเหตุการณ์ท่โี หดร้ายเหลือเกิน”
ผมเติบโตขึ้นในเมืองชายทะเลของจังหวัด ซ. มันเป็น เมื อ งที่ เ ล็ ก เสี ย จนผมไม่ คิ ด ว่ า พวกคุ ณ คนไหนจะรู ้ จั ก หากผมบอกชื่อออกไป พ่อของผมเป็นแพทย์ประจ�าเมือง ชีวิตวัยเด็กของผมจึงค่อนข้างสะดวกสบาย นับตั้งแต่ จ�าความได้ เพื่อนสนิทของผมคือเด็กผู้ชายคนหนึ่งซึ่ง ผมจะเรียกว่าเค บ้านของเขาอยู่ใกล้กับบ้านครอบครัว เรา และเขาเรียนอยู่ช้นั เด็กกว่าผมหนึ่งชั้นที่โรงเรียน เรา สองคนเหมือนเป็นพี่น้องกัน เราเดินไปกลับโรงเรียนด้วย ปราบดา หยุ่น 187
กัน และจะเล่นด้วยกันเสมอเมื่อกลับถึงบ้านเรียบร้อย แล้ว เราไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกันแม้เพียงครั้งเดียว ตลอดระยะเวลาแห่งมิตรภาพที่ยาวนาน ผมมีพี่ชายแท้ๆ อยู่หนึ่งคน เขาแก่กว่าผมหกปี แต่เพราะวัยและบุคลิกภาพที่ แ ตกต่ า งกั น มากท� า ให้ เ ราไม่ เ คยสนิ ท สนมกั น เท่าไรนัก ความผูกพันแบบพี่น้องที่ผมรู้สึกจริงๆ คือความ รู ้ สึ ก ที่ ผ มมี ต ่ อ เค เคเป็ น คนบอบบาง ผอมแกร็ น มี ผิวพรรณและใบหน้าเกือบสะสวยพอจะเป็นเด็กผู้หญิง ได้ทีเดียว แต่เขามีปัญหาในการออกเสียงพูด ซึ่งอาจ ท�าให้ดูเหมือนมีอาการปัญญาอ่อนในสายตาของคนที่ ไม่รู้จักเขา และเนื่องเพราะเขาบอบบาง ผมจึงมักเล่นบท เป็นผู้คุ้มครองให้กับเขาไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียนหรือที่บ้าน ผมค่อนข้างตัวใหญ่และแข็งแรง เป็นที่ชื่นชมของเด็กอื่น แต่สาเหตุหลักที่ท�าให้ผมชอบอยู่กับเคก็เพราะเขาเป็น เด็กดี เป็นคนที่มีจิตใจใสบริสุทธิ์เหลือเกิน เขาไม่ได้ ปัญญาอ่อนเลยแม้แต่น้อย ทว่าปัญหาในการพูดท�าให้ เขาเรียนได้ไม่ดนี ัก แทบเรียนวิชาส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่อง ทว่า เขาเรียนศิลปะได้ยอดเยี่ยม ถ้าได้จับดินสอหรือหลอดสี 188 ชายคนที่เจ็ด
ว่ำด้วยคนแปล นฆ ปักษนาวิน มีบทกวีตีพิมพ์ครั้งแรกในมติชน สุดสัปดาห์เมื่อปี 2539 ขณะเป็นนักศึกษา ต่อมา เริม่ เขียนเรือ่ งสัน้ อย่างจริงจังเมือ่ เรียนจบ ร่วมกับ เพือ่ นๆ เปิดร้านหนังสือชือ่ หนัง(สือ) Bookhemian ที่ภูเก็ต ปัจจุบันเริ่มสนใจท�างานข้ามสื่อไปมาระหว่าง วรรณกรรม งานศิลปะ หนังสั้น หนังเรื่องแรก ได้รับคัดเลือกให้ฉายที่เทศกาลภาพยนตร์นานา ชาติรอตเทอร์ดัม นฆส่งต้นฉบับแปลฉบับที่เขา แก้ไขเวอร์ชั่นล่าสุดมาจากรอตเทอร์ดัม วันเดียว กับที่หนังเขาฉายอยู่ ณ เมืองอันหนาวเย็นที่นั้น
256 หลับใหลในโลกเลือน
“ผมแปลเรื่องสั้นของมูราคามิด้วยความสุขและ ความทุกข์ไปพร้อมๆ กัน ความสุขคือการค้นพบ ความหมายระหว่างบรรทัดทีป่ รากฏอยูใ่ นเรือ่ งสัน้ งานเขียนของเขาสามารถสัมผัสเราได้ในส่วนลึก และสิ่งนี้เองท�าให้ผมหลงใหลในงานเขียนของ มูราคามิ ส่วนความทุกข์อย่างยิ่งยวดก็คือการ พยายามแปลมันออกมาให้ทงั้ เรียบง่ายและลึกซึง้ ในขณะเดียวกัน”
นฆ ปักษนาวิน 257
ผลงำนนวนิยำยของฮำรูกิ มูรำคำมิ ที่จัดพิมพ์โดยส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่
ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย (Norwegian Wood) นพดล เวชสวัสดิ์ แปล ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย เป็นเรื่องราวของความรัก ไม่ใช่ ความรักทั่วไป หากเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มที่เรียนรู้และเติบโต เรื่องราวของหญิงสาวผู้สับสน เรื่องราวของชีวิตและความตาย คราใดที่ได้ยินเพลงโปรดของเธอ โทรุ วาตานาเบะ ก็หวนนึกถึง นาโอโกะผู้เป็นรักแรก เรื่องราวที่เกิดขึ้นเกือบยี่สิบปีก่อนสมัย ยังเป็นนักศึกษาในโตเกียว ล่องลอยอยู่กับมิตรภาพอันพิลึกพิลั่น ความสัมพันธ์ฉาบฉวย ความปรารถนา การสูญเสีย และความรัก
การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก (South of the Border, West of the Sun) โตมร ศุขปรีชา แปล บางครัง้ แค่การมาสูข่ องคนหนึง่ อาจเปลีย่ นแปลงอีกคนหนึง่ ไปชัว่ ชีวติ เรื่ อ งราวของชายสามั ญ ผู ้ ดู ค ล้ า ยประสบความส�า เร็ จ ในทุ ก สิ่ ง เป็นเจ้าของบาร์แจ๊ซชั้นดี มีครอบครัวเล็กๆ น่ารัก พรักพร้อม เงินทองข้าวของนอกกาย หากในใจยังคงครวญหารักแรกในวัยเยาว์ จนกระทั่งวันหนึ่ง หญิงสาวจากอดีตผู้นั้นย้อนกลับมา
รักเร้นในโลกคู่ขนาน (Sputnik Sweetheart) นพดล เวชสวัสดิ์ แปล ท�าไมคนเราถึงได้เหงาขนาดนี้ ค�าอธิบายแท้จริงซ่อนอยู่ท่ไี หน เป็นไปได้หรือไม่ว่า โลกถูกส่งให้มาลอยดวงกลางอวกาศเวิ้งว้าง เพียงเพื่อให้เป็นที่พ�านักของคนเหงา ฤดูใบไม้ผลิปีท่ีย่ีสิบสอง สุมิเระตกหลุมรักเป็นครั้งแรกในชีวิต รัก เข้มข้นดูดดื่ม ความรักที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่พอจะสถาปนาเป็น อนุสาวรีย์ได้ ผู้ที่เธอหลงรักอายุแก่กว่าเธอ 17 ปี แต่งงานแล้ว ผมน่าจะเพิ่มเติมด้วยว่าเป็นสตรี
ราตรีมหัศจรรย์ (After Dark) นพดล เวชสวัสดิ์ แปล นอกประเทศญี่ ปุ ่ น ผลงานของมู ร าคามิ ไ ม่ ไ ด้ รั บ การแปลและ เสพประหนึ่งวรรณกรรมที่เ ป็ น สัญ ลัก ษณ์ แ ห่ ง วัฒ นธรรมญี่ปุ่ น แต่ ผู ้ อ ่ า นจากทุ ก วั ฒ นธรรมจะเสพงานของเขาในฐานะที่ เ ป็ น เรือ่ งราวซึง่ ช่วยบรรเทาภาพลวงทางการเมือง เงือ่ นปมของความรัก ความเหงา และความเปล่าดายของตน ในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมง ยามราตรี ตัวละครที่มีความแปลกแยกและแตกต่างทยอยเข้าสู่ เวทีเล็กๆ กลางเมืองใหญ่ บ้างปรารถนาจะหลบเลี่ยงความจริง บางอย่างของชีวิต บ้างปรารถนาจะเติมเต็มจิตวิญญาณของตน ด้วยการหลอมรวมกับคนอื่น
หนึ่งคิวแปดสี่ (1Q84) มุทติ า พานิช, มัทนา จาตุรแสงไพโรจน์, ปิยะณัฐ จีระกูรวิวฒ ั น์ แปล เรื่องราวของโลกสองใบที่เคลื่อนมาบรรจบ เรื่องราวของชายหญิงคู่หนึ่งที่ตามหากันและกัน หากทั้งสองจะถูกลิขิตให้พบกันในโลกใบไหน โลกเดิมในปี 1984 หรือใน 1Q84
ชายไร้สีกับปแสวงบุญ (Colorless Tsukuru Tazaki and His Years of Pilgrimage) มุทิตา พานิช แปล ตั้ ง แต่ เ ดื อ นกรกฎาคมช่ ว งที่ อ ยู ่ ม หาวิ ท ยาลั ย ปี ส องจนถึ ง เดื อ น มกราคมปีถดั ไป ทสึคุรุ ทะซากิ มีชีวติ อยู่กับความคิดเรื่องการตาย แทบจะเพียงอย่างเดียว วันเวลานั้น เขาคิดว่าการจบชีวิตของตน เป็นเรือ่ งธรรมดา มีเหตุมผี ลยิง่ กว่าสิง่ ใด เหตุใดเขาจึงไม่เหยียบย่าง ก้าวสุดท้าย แม้ขณะนี้ก็ยังไม่รู้เหตุผล ทั้งๆ ที่ในเวลานั้น การจะ ก้าวข้ามเส้นแบ่งความเป็นความตายเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งกว่า การกลืนไข่ดบิ สักฟองเสียอีก
คาฟกา วิฬาร์ นาคาตะ (Kafka on the Shore) นพดล เวชสวัสดิ์ แปล อายุสิบห้าขวบบริบูรณ์ ผมหนีออกจากบ้าน เดินทางไปยังหัวเมือง ห่างไกล ใช้ชวี ิตอยู่ในมุมสงบของห้องสมุดเล็กๆ ฟังผาดเผินคล้ายเทพนิยาย เชือ่ ผมเถอะ ไม่ใช่เทพนิยาย ไม่วา่ ท่าน จะพลิกหมุนมองในแง่มุมไหน เรื่องราวของเด็กอายุสิบห้าปีหนีออกจากบ้าน เรื่องธรรมดาสามัญ ที่จะเกิดขึ้นเมื่อบรรยากาศในบ้านอึดอัดขัดข้องจนยากจะทนทาน ความธรรมดาสามั ญ จบลงเพี ย งเท่ า นี้ นั บ จากนี้ ไ ป ตั ว ละคร สองหญิ ง สามชายจะร่ า ยความพิ ลึ ก พิ ส ดารในชี วิ ต ของตนให้ ปรากฏ แถมด้วยกึง่ หญิงกึง่ ชายอีกคน และชายสวมหมวกท็อปแฮ็ต รองเท้าบู๊ตหนังสูงถึงเข่า กับชายชราอดีตนายทหารในสูทสีขาว ทั้งชุดที่ทุกผู้ทุกคนทุกมุมโลกรู้จักกันอย่างดี
สดับลมขับขาน (Hear the Wind Sing) นพดล เวชสวัสดิ์ แปล นวนิยายเล่มแรกของฮารูกิ มูราคามิ อันเป็นปฐมบทของหนังสือ ชุด “ไตรภาคแห่งมุสกิ ” เรือ่ งราวเล่าย้อนไปในปี ค.ศ. 1970 ชัว่ ระยะ 19 วัน ช่วงปิดเทอมของชายหนุ่มวัย 21 ปีที่ไม่ได้รับการเอ่ยนาม ระหว่างขลุกอยู่ในบาร์คบหากับ “มุสิก” สหายหนุ่มลูกเศรษฐี ผู ้ ข ยะแขยงคนรวย เนื้ อ เรื่ อ งกล่ า วพาดพิ ง ผ่ า นถึ ง ศาสตร์ แ ห่ ง การเขียน การลุกฮือขึน้ ประท้วงของนักศึกษาญีป่ นุ่ และเช่นเดียวกับ หนังสือเล่มอื่นๆ ในล�าดับต่อมาของฮารูกิ มูราคามิ มีรายละเอียด ที่ขาดไม่ได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์และการสูญเสีย การท�าอาหาร การกิน การดื่ม และการฟังเพลงฝรั่ง
พินบอล, 1973 (Pinball, 1973) นพดล เวชสวัสดิ์ แปล ล�าดับที่สองใน “ไตรภาคแห่งมุสิก” นิยายเกี่ยวกับเครื่องเล่น พินบอล ชายหนุ่มผู้ไม่ได้รับการเอ่ยนามกลับมาอีกครั้งพร้อมกับ “มุสิก” จากเล่ม สดับลมขับขาน หนังสือร่วมชุด เสริมทัพด้วยสอง สาวฝาแฝดที่ได้รับการขนานนามว่า 208 กับ 209 เหตุเกิดเมื่อ ชายหนุม่ นักแปลมีจติ ผูกพันกับเครือ่ งเล่นพินบอลรุน่ “ยานอวกาศ” และออกติดตามหาเครื่องเล่นในดวงใจที่อาจจะหลงเหลือเป็น เครื่องสุดท้าย
แกะรอย แกะดาว (A Wild Sheep Chase) เรื่องราวเรียงร้อยเข้ากับความซับซ้อนซ่อนเงื่อน เผยภาพการปะทะ ระหว่างจินตนาการอันดิบเถื่อนกับตลกร้าย เผยให้เห็นขนบของ นักสืบสุดเท่แต่จอมปลอมผ่านการน�าเสนออย่างช�า่ ชอง เมือ่ นักเขียน นิรนามน�าภาพแกะของเพื่อนไปเผยแพร่และถูกอิทธิพลมืดบีบเค้น คุกคาม และเริ่มออกเดินทางจากโตเกียวพร้อมกับสาวหูมหัศจรรย์ ไปยังฮกไกโด ดินแดนหนาวเหน็บเพือ่ ตามหาแกะพิสดารตามความ ประสงค์ของผู้ย่งิ ใหญ่ลึกลับ
เริงระบําแดนสนธยา (Dance Dance Dance) นพดล เวชสวัสดิ์ แปล ตัวเอกในเรื่องนี้เป็นคนเดียวกับ ‘ผม’ ในเรื่อง สดับลมขับขาน, พินบอล, 1973 และ แกะรอย แกะดาว ท่านที่อ่าน “ไตรภาคแห่งมุสิก” แล้ว จะได้ความรู้สกึ เหมือนกลับ ไปงานเลี้ยงรุ่น เพราะมีสถานที่และตัวละครที่คุ้นเคย ขณะที่ท่านที่ หยิบเล่มนี้มาอ่านก่อน ยังไม่ได้อ่านสามเล่มนั้น จะไม่มีความรู้สกึ ต่อไม่ติด เพราะตัวละครใหม่ที่เข้ามาก็สร้างความสดใส พิลึก น่ารัก เปลี่ยนบรรยากาศ หักเหเรื่องราวไปยังทิศทางแปลกๆ ใน จังหวะใหม่ ท�าให้หนังสือเล่มนีส้ มบูรณ์ครบถ้วนเหมาะเจาะ ด�ารง อยู่ได้ด้วยตัวมันเอง
ผลงำนควำมเรียงอัµชีวประวัµิ
เกร็ดความคิดบนก้าววิ่ง (What I Talk About When I Talk About Running) นพดล เวชสวัสดิ์ แปล ไม่วา่ คุณจะเกลียด กึง่ ๆ ครึง่ ๆ หรือคลัง่ ไคล้ ไม่วา่ คุณจะรูส้ กึ อย่างไร กับฮารูกิ มูราคามิ หนังสือที่อยู่ในมือคุณเล่มนี้เหมาะกับคุณเป็น อย่ า งยิ่ ง เมื่ อ อ่ า นจบแล้ ว ความหมั่ น ไส้ แ ละอคติ ข องคุ ณ จะ ลดลง เมื่อได้รับทราบความมานะพยายามของเขา คุณจะรีบ หยิบหนังสือที่คุณลังเลผัดผ่อนแล้วเล่าออกมาอ่าน ด้วยอยาก เห็นผลงานจากการมีวินัยสูงขนาดนั้น คุณจะได้สัมผัสกับเนื้อแท้ รู้จกั วิถชี วี ติ วิถคี วามคิด จากถ้อยค�าของ “ฮารูกิ มูราคามิ” ตัวจริง เสียงจริง
สั่งซื้อผลงานของส�านักพิมพ์กา� มะหยี่ได้ท่ี
www.gammemagie.com
หากพบหนังสือที่มีข้อผิดพลาดหรือไม่ได้มาตรฐาน อาทิ หน้ากระดาษขาดหายหรือสลับกัน โปรดแจ้งมาที่ gammemagie@gammemagie.com เพื่อขอเปลี่ยนเล่มใหม่