พิ น บอล, 1973 ❇❊❇
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 © ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่ ลิขสิทธิ์ภำษำไทย © นพดล เวชสวัสดิ์ พ.ศ. 2558
Pinball, 1973
พิ น บอล, 1973 Haruki Murakami นพดล เวชสวัสดิ์ บรรณาธิการ บรรณาธิการบริหาร บรรณาธิการจัดการ ออกแบบปก รูปเล่ม พิสูจน์อักษร
เขียน แปล จินตนำ เวชสวัสดิ์ อธิชำ มัญชุนำกร กำบูล็อง มณฑำ มัญชุนำกร ศรรวริศำ เมฆไพบูลย์ อัคร์ภพ ขรรค์ศร ศุภรักษ์ ปฐมกสิวัฒนำ นินนำรำ
1973 NEN NO PINBALL by Haruki Murakami Copyright © 1980 Haruki Murakami All rights reserved. Originally published in Japan by KODANSHA LTD., Tokyo Thai translation rights arranged with Haruki Murakami through THE SAKAI AGENCY and SILKROAD AGENCY พิมพ์ครั้งที่ 1 (ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่) : ธันวำคม 2554 พิมพ์ครั้งที่ 2 (ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่) : สิงหำคม 2558 กำรจัดพิมพ์ครั้งก่อนหน้ำ : สิงหำคม 2545 (ส�ำนักพิมพ์แม่ไก่ขยัน) ISBN 978-616-7591-43-8 รำคำ 220 บำท
จัดพิมพ์ โดย : ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่ 74/1 รังสิต-นครนำยก 31 ธัญบุรี ปทุมธำนี 12130 โทรศัพท์ : 084 146 1432 โทรสำร : 02 996 1514 Email : gammemagie@gammemagie.com Homepage : http://www.gammemagie.com Facebook : http://www.facebook.com/GammeMagieEditions พิมพ์ที่ : ห้ำงหุ้นส่วนจ�ำกัด ภำพพิมพ์ 45/12-14, 33 หมู่ที่ 4 ต�ำบลบำงขนุน อ�ำเภอบำงกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทรศัพท์ : 02 433 0026-7, 02 433 8586 โทรสำร : 02 433 8587 Homepage : http://www.parbpim.com จัดจ�าหน่ายทั่วประเทศโดย : บริษัทเคล็ดไทย จ�ำกัด 117-119 ถนนเฟื่องนคร ตรงข้ำมวัดรำชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท์ : 02 225 9536-9 โทรสำร : 02 222 5188 Homepage : http://www.kledthai.com
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ในควำมตัง้ ใจค่อยๆ ทยอยจัดพิมพ์หนังสือของนักเขียนในดวงใจ ฮำรูกิ มูรำคำมิ ให้ครบทุกเล่ม สดับลมขับขาน (Hear the Wind Sing) นิยำย เล่มแรกของผู้เขียน ดูเหมือนจะเป็นเล่ม “ต้องท�ำ” อย่ำงเด่นชัด ในควำมตั้งใจจัดพิมพ์ สดับลมขับขาน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะละเลย เพิกเฉยต่อ พินบอล, 1973 (Pinball, 1973) ที่ ไม่เพียงเป็นนิยำยเล่ม ที่สองที่มีตัวละครที่คุ้นเคยจำกเล่ม สดับลมขับขาน ตบเท้ำเข้ำแถวเข้ำสู่ เวทีบนหน้ำกระดำษ ส�ำหรับเรำ พินบอล, 1973 ยังเป็นส่วนขยำย เป็น ตอนต่อ เป็นกำรสืบสำนเรื่องรำวในเล่มแรกที่ ไม่สมควรมองข้ำมด้วย ประกำรทั้งปวง แม้จะยังเรียกไม่ได้ว่ำจบสมบูรณ์เบ็ดเสร็จ เนื่องจำก หนังสือชุด “ไตรภำคแห่งมุสิก” ชุดนี้ปิดท้ำยด้วยเล่ม แกะรอย แกะดาว (A Wild Sheep Chase) (หรือใครจะรวม เริงระบ�าแดนสนธยา Dance Dance Dance เข้ำเป็นจตุภำคโบคุด้วยก็สุดแล้วแต่) ขณะเดียวกัน พินบอลฯ ไม่ ใช่น้องเล็กที่เดินตำมรอยเท้ำพี่คนโต ต้อยๆ ห้อยติดหลังอยู่ด้วยตัวเองไม่ได้ ไร้ซึ่งเอกลักษณ์ประจ�ำเล่ม หำก
สดับลมขับขาน เป็นประหนึ่งก้ำวแรกที่หยั่งท่ำทีลองเชิง พินบอล, 1973 เป็นก้ำวที่สองที่เริ่มมั่นคง มีควำมมั่นใจในกำร “ปล่อยของ” มำกขึ้น มี กลิ่นอำยของโลกแบบฮำรูกิ มูรำคำมิ ลอยมำให้สัมผัสชัดเจนขึ้น ด้วย บรรยำกำศประหลำดล�้ำ ตัวละครพิลึกพิลั่น ควำมปักจิตฝังใจ เหตุกำรณ์ ทีเ่ หมือนจะไร้ทมี่ ำที่ ไปซึง่ ไม่อำจน�ำตรรกะสำมัญส�ำนึกใดมำผูกติดได้ กลิน่ ที่ใครชื่นชอบจะหลงใหลคลั่งไคล้ ใครไม่ถูกใจจะชิงชังสำปแช่ง และเมื่อหนังสือเล่มนี้ ได้รับกำรจัดพิมพ์ ใหม่ เมื่อคุณเปิดออกมำอ่ำน จนถึงบรรทัดนี้ คงเดำได้ ไม่ยำกว่ำเรำเป็นคนกลุ่มไหน ขอให้มีควำมสุขในกำรอ่ำน ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่
วิ พ า ก ษ์ มูรำคำมิ หากตัวละครในนิยายญี่ปุ่น ต้นศตวรรษที่ยี่สิบ เลือกวิถีความคิดตามระบอบประเพณีญี่ปุ่นดั้งเดิม มูราคามิทราบดีว่าทางเลือกเช่นนั้นไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว ญี่ปุ่นก้าวมาไกลเกินกว่าจะหวนคืนไปสู่ยุครุ่งเรือง แต่ทว่า ความขัดแย้งยังคงอยู่ แม้ตัวละครของเขาจะไม่ตระหนัก อาจไม่รู้ส�านึก แต่วิถีชีวิตก็ถักทอไปในวัฒนธรรมอเมริกัน ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมร่วมสมัยในยุคนั้น อย่างไรก็ตาม แก่นความคิดแบบญี่ปุ่นก็ใช่ว่าจะสิ้นสูญ แม้เรื่องราวในนิยายจะชี้ไปทางทิศอื่น เซเลสต์ โลแมน, เวิลด์ ลิเทอเรเจอร์ ทูเดย์ แม้จะมีการออกตัวไว้ก่อน แม้จะอ้างถึงการไล่ตนเองลี้ภัยให้พ้นไปจากญี่ปุ่น แม้จะใช้ชีวิตสามปีตระเวนในย่านเมดิเตอร์เรเนียน... แต่ก็อาจจะเกิดจากสาเหตุดังกล่าวก็เป็นได้ ที่ความคิดแปลกแยกไร้ราก แปลกแยกจากภาวะเงินท่วมท้น ท�าให้มูราคามิกลายเป็นนักเขียนญี่ปุ่นยุคใหม่ โหยหาอุดมการณ์เลือนลับ ญี่ปุ่นเก่าในสายตาของมูราคามิตายไปแล้ว ถูกแทนที่ด้วยความวุ่นวายยุ่งเหยิง อัปลักษณ์ ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง ไม่มีผู้ใดทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นในล�าดับถัดไป เฟร็ด ไฮแอตต์, เดอะ วอชิงตัน โพสต์
ฮารูกิ มูราคามิ กลายเป็นนักเขียนระดับโลกไปแล้ว เมื่อขับเคลื่อน ตัวละครไปได้อย่างราบรื่น ระหว่างโลกความเป็นจริงผาดเผิน ของเหล่ายัปปี้กับความหวั่นสยองของจินตนาการไวสัมผัส ถ้อยบรรยายสมจริง (สไตล์ เรย์มอนด์ คาร์เวอร์ ซึ่งมูราคามิ แปลไว้หลายเล่ม) พอจะจ�ากัดความได้ว่า เป็นการเปรียบเปรย เชิงอภิปรัชญา การบรรยายความโดยบุรุษที่หนึ่ง ‘ผม’ ให้ความน่าเชื่อถือและกึ่งเพี้ยน ฟิลิป ไวสส์, เดอะ นิวยอร์ก ออบเซอร์เวอร์ การบรรยายความของมูราคามิชวนให้หวั่นสยอง บรรยายเรียบๆ อิงค�าซ�้าซาก สะกิดสะเกา ไร้ความกดดัน สรุปชีวิตให้ดูเหมือน ดาษดื่นสามัญ หากจะระบุว่าเป็นการบรรยายแบบเด็กๆ ก็ไม่ใคร่เป็นธรรมนักส�าหรับเด็ก การบรรยายกระตุกไม่เป็นส�่า ชวนให้คิดว่าเป็นเรื่องง่ายๆ ธรรมดา แต่ทว่า มูราคามิ ไม่เคยออมมือ กล้าเล่น ชวนให้สะดุ้งได้เสมอ จูเลียน ลูซ, นิว สเตตส์แมน ไม่มกี โิ มโน ไม่มบี อนไซ ไม่มเี สือ่ ตาตามิ ในนวนิยายของมูราคามิ งานของเขาพุ่งทะยานผ่านวัฒนธรรมตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัฒนธรรมป็อปอเมริกันในทศวรรษ 1950 และ 1960 ตัวเอกในนิยายของมูราคามิจะเกิดในซานตาโมนิกาก็ไม่แปลกนัก คนรุ่นใหม่จากชนชั้นกลาง มีฐานะ มีการศึกษา ชี้ชัดให้เห็น ความงุ่นง่าน วุ่นวายสับสนของวิถีชีวิตในสังคมตื้นเขิน หลงใหล เทิดทูนลัทธิวัตถุนิยม ลูอิส บีล, เดอะ ลอสแองเจลิส ไทมส์
ผมไม่เคยรู้สึกว่ำตนเองเป็นขบถ ต่อต้ำนนักเขียนญี่ปุ่นชื่อดัง เช่น คำวำบำตะ หรือทำนิซำกิ หำกจะกล่ำวให้ชัด งำนของผมแทบจะไม่เกี่ยวเนื่องกับ นักเขียนญี่ปุ่นคนอื่นๆ เลย ก่อนที่ผมจะเขียนนวนิยำยเมื่ออำยุได้ 29 ปี ผมไม่เคยอ่ำนนิยำยญี่ปุ่นด้วยควำมใส่ ใจนัก ในสมัยทศวรรษ 1960 เมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นในโกเบ ผมพบว่ำผมไม่ชอบนิยำยญี่ปุ่น ตัดสินใจไม่หยิบอ่ำนตั้งแต่ตอนนั้น ในเมื่อบิดำและมำรดำของผม เป็นอำจำรย์สอนวรรณคดีญี่ปุ่น จะเรียกเป็นกำรก่อขบถในครัวเรือน ก็คงไม่ผิดไกลนัก ฮารูกิ มูราคามิ
ในช่วงชีวิตหนึ่ง คนเรำไม่จ�ำเป็น ต้องพิสูจน์ควำมกล้ำด้วยกำรบุกน�้ำลุยไฟ ควำมกล้ำแท้จริง อำจหมำยถึงเพียงแค่ กำรด�ำเนินชีวิตเรียบง่ำย ชีวิตประจ�ำวันปกติสำมัญ ใช้ชีวิตครำวละวัน...ทีละวัน ควำมกลวงเปล่ำของชีวิต ควำมหมำยอำจไม่เฉียดใกล้ ควำมอ้ำงว้ำงจำกกำรพลัดพรำก เพรำะอย่ำงหลัง จะเกิดขึ้นจำกควำมทรงจ�ำประทับในใจ นั่งจิบกำแฟหอมกรุ่นร่วมกัน เปิดแผลเป็นไล่เรียงทีละแห่งใต้แสงอำทิตย์ย�่ำสนธยำ เดินตระเวนไปในสุสำน อ่ำนชื่อ วันชำตะ-มรณะ หวนคิดถึงสิ่งที่ต้องท�ำหำกยังมีชีวิตอยู่... และกำรไล่ล่ำเสำะหำตู้พินบอลหนึ่งเดียวในโลก พบเพื่อพลัดพรำกไม่ได้เลวร้ำยเกินไป หำกยังเหลือควำมทรงจ�ำ อ่ำนแล้วแทบจะลืมเตือนตนเองว่ำเป็นเพียงนิยำย อ่ำนให้สนุกนะครับ นพดล เวชสวัสดิ์
1969-1973 ผมหลงใหลกำรรับฟังเรื่องเล่ำจำกแดนไกล หลงใหล หัวปักหัวป�ำ กำลครั้งนั้น ล่วงมำได้สิบปีเต็มแล้ว ผมตระเวนจำก คนหนึ่งโผไปยังอีกคน ร้องขอให้เขำเล่ำเรื่องรำวให้ฟังว่ำ เกิดที่เมืองใด เติบโตจำกที่ ไหน ผู้คนน้อยต่อน้อยพร้อมจะ ล้ำงหูรอรับฟังเรือ่ งรำวด้วยควำมเห็นอกเห็นใจ ดังนัน้ ใคร ก็ ได้ ใครทุกคนพร้อมใจกันเปิดอกเล่ำเรื่องรำวด้วยควำม เต็มใจยิง่ เรือ่ งรำวไหลพรูออกมำเป็นสำย แม้แต่ผคู้ นทีผ่ ม ไม่เคยรู้จัก เดินทำงมำเสำะหำผมเพื่อเล่ำเรื่องให้ฟัง ประหนึ่งกำรทิ้งหินลงในบ่อน�้ำแห้ง เรื่องเล่ำหลำกรูป หลำยแบบหลัง่ ไหลรินเทมำหำผม เมือ่ เล่ำจบสิน้ แล้ว ทุกคน ลำจำกด้วยควำมเอิบอิ่มสุขกำยสบำยใจ บำงคนเล่ำเรื่อง นพดล เวชสวัสดิ์
13
ด้วยเสียงเยือกเย็นอิม่ สุข บ้ำงแค้นเคืองกรำดเกรีย้ ว บำงคน เล่ำเรือ่ งได้สนุก เรียบเรียงชวนฟังยิง่ บำงเรือ่ งก็พลิ กึ พิลนั่ จนผมไม่รเู้ หนือรู้ ใต้ จับควำมไม่ได้ตงั้ แต่ตน้ จนจบ บำงเรือ่ ง น่ำเบือ่ หน่ำย บำงเรือ่ งท�ำให้กอ้ นสะอืน้ ติดคอ ส่วนหนึง่ เป็น เรื่องเหลวไหลกึ่งไร้สำระ แม้จะเป็นเช่นนั้น ผมยืนหยัด ปักหลักมั่น รอรับฟังอย่ำงใจจดใจจ่อ ทุกผู้ทุกคนมีเรื่องเล่ำ เรื่องที่อยำกจะบอกใครสักคน ใจจะขำด หรืออยำกกู่ร้องให้ก้องโลก ใครจะไปทรำบด้วย เล่ำว่ำ ท�ำไมต้องท�ำเช่นนั้น? ผมรู้สึกเหมือนกับว่ำมีผู้ยื่น กล่องกระดำษบรรจุอดั แน่นด้วยลิงนับตัวไม่ถว้ น ผมจะหยิบ ลิงออกจำกกล่องทีละตัว เช็ดปัดฝุ่นจนสะอำดเอี่ยมลออ ตบบั้นท้ำยเบำๆ ส่งพวกเขำเดินหำยลับไปในทุ่งกว้ำง ผม ไม่มีทำงทรำบได้ว่ำหลุดจำกที่แห่งนี้แล้วพวกเขำจะไปอยู่ ที่ ไหน ป่ำนนี้คงไปใช้ชีวิตสุขสงบ นั่งแทะผลไม้ ไปจนกว่ำ ชีวิตจะหำไม่ แต่ก็นั่นละ นั่นเป็นชะตำกรรมของลิง กำรรับฟังเรือ่ งเล่ำมีเพียงเท่ำนัน้ แต่กด็ เู หมือนว่ำ แทบ จะไม่ มี ผ ลตอบแทนคื น กลั บ มำให้ ส� ำ หรั บ ควำมอุ ต สำหะ ใหญ่หลวงนั้น หวนคิดกลับไปถึงห้วงอดีต ถ้ำเกิดมีกำร 14
พินบอล, 1973
ประกวดผู้ฟังยอดเยี่ยมระดับโลก ผมชนะเลิศได้อย่ำงเป็น เอกฉันท์และน่ำจะได้รบั รำงวัลกล่องไม้ขดี ไฟติดมือกลับบ้ำน ในหมู่ผู้คนที่มำเล่ำเรื่องรำวให้ฟัง มีหนุ่มจำกดำวเสำร์ และดำวศุกร์ ดำวเครำะห์ละคน เนื้อหำชวนอัศจรรย์ ใจ อันดับแรก เรื่องเล่ำจำกดำวเสำร์ “ที่ โน่นนะ...หนำวฉิบ” เสียงนั้นครำงโหยหวน “แค่คิด นะ ก็ทะ-ทะ-ท�ำให้หนำวสยองแล้ว” หนุม่ ผูน้ สี้ งั กัดอยู่ในกลุม่ ปฏิวตั ิ หนึง่ ในผูก้ อ่ กำรกองก�ำลัง ยึดครองอำคำรหมำยเลข 9 ของมหำวิทยำลัย ค�ำขวัญที่ แผดสุดเสียง “กำรกระท�ำก�ำหนดอุดมกำรณ์...มิใช่กลับกัน!” ไม่มีใครบอกเขำว่ำสิง่ ใดเป็นตัวก�ำหนดกำรกระท�ำ ช่ำงเถอะ, อำคำรหมำยเลข 9 มีเครื่องท�ำน�้ำเย็น มีหม้อน�้ำร้อน มี โทรศัพท์ ชั้นบนเป็นห้องสมุดดนตรี เก็บสะสมแผ่นเสียง ไว้สองพันแผ่น แถมด้วยล�ำโพงอัลเท็ก เอ-5 จะมองใน แง่ไหน ก็ ไม่ผิดไปจำกสรวงสวรรค์ (หำกเทียบกับอำคำร หมำยเลข 8 ซึ่งมีกลิ่นเหมือนห้องสุขำสนำมม้ำ) ทุกเช้ำ ท่ำนผู้ยึดตึกทั้งหลำยจะโกนหนวดเครำเกลี้ยงเกลำด้วย นพดล เวชสวัสดิ์
15
น�้ำอุ่นมำกเท่ำที่ต้องกำรจะใช้ ในตอนบ่ำย หมุนโทรศัพท์ ทำงไกลเป็นว่ำเล่น และเมื่อย�่ำสนธยำ เหล่ำนักปฏิวัติจะ ชุมนุมกันฟังแผ่นเสียง เมื่อลุถึงปลำยฤดูใบไม้ร่วง สมำชิก ทุกผู้ทุกคนต่ำงก็แปลงโฉมเป็นผู้หลงใหลดนตรีคลำสสิกกัน ถ้วนหน้ำ บ่ำยวันฟ้ำใสเดือนพฤศจิกำยน ต�ำรวจปรำบจลำจล ยกก�ำลังเข้ำชิงอำคำรหมำยเลข 9 ในระหว่ำงที่ เลสโตร อาร์ โมนิโก ของวิวัลดีเปิดเสียงเต็มหน้ำปัด ผมไม่ทรำบว่ำ เรื่องนี้มีควำมจริงเจืออยู่มำกเพียงใด แต่ก็เป็นหนึ่งใน เรื่องเล่ำที่ชวนให้ประทับใจยิ่งของปี 1969 ในยำมที่ ผ มแทรกตั ว ผ่ ำ นเครื่ อ งกี ด ขวำงที่ ท� ำ จำก ม้ำยำว น�ำมำกองวำงสุมเรียงซ้อนเป็นก�ำแพงเมือง เปียโน โซนาตา อิน จี ไมเนอร์ ของไฮเดินเปิดเบำๆ บรรยำกำศ อบอุ่นละมุนละไมเหมือนทำงเท้ำทอดยำวไปสู่บ้ำนของ เพื่อนสำวที่มีพุ่มชำเขียวออกดอกบำนสะพรั่ง หนุ่มจำก ดำวเสำร์ยกเก้ำอี้นั่งนุ่มที่สุดที่นั่นให้ผม รินเบียร์อุ่นลงใน บีกเกอร์ที่แอบฉกมำจำกห้องปฏิบัติกำรวิทยำศำสตร์ “นอกจำกหนำวฉิบแล้ว แรงโน้มถ่วงก็มหำศำลเชียวนะ” 16
พินบอล, 1973
หนุ่มจำกดำวเสำร์เล่ำเรื่องต่อ “...มีคะ-คะ-คนหนึ่งนะ กระดูกหลังเท้ำแตกเลย แค่ถ่มหมำกฝรั่งไปโดน นะ-นะนรกชัด ๆ” “อืม, น่ำกลัวนะ” ผมสนองรับในทันใด รับฟังมำนำน จนกลำยเป็นผู้เชี่ยวชำญแล้ว ผมมีค�ำสนองรับเก็บไว้ ใน ขุมค�ำศัพท์เกือบสำมร้อยค�ำ งัดออกมำใช้ ในยำมทีบ่ ทสนทนำ อึกอักขำดห้วง “ดวงอำทิตย์หดเหลือแค่เล็กจิว๋ ก็เรือ่ งปกติทจี่ ะเกิดขึน้ ถ้ำอยู่ไกลแบบนั้น ฉันคงอยู่ที่นี่อีกไม่นำน เรียนจบเมื่อไหร่ จะเดินทำงกลับไปทีด่ ำวเสำร์ ก่อตัง้ ประเทศใหม่...ปลิดดำว ลงดิน จะล้ำงให้สิ้น...กำรปฏิวัติจะ-จะ-จงเจริญ” ไม่ว่ำจะมองในแง่มุมใด ผมปลำบปลื้มอิ่มสุขไปกับกำร รับฟังเรือ่ งรำว เก็บสัง่ สมนิทำนสถำนทีแ่ ปลกพิลกึ ไว้เต็มอก เหมือนหมีสะสมไขมันไว้พร้อมรอกำรจ�ำศีลยำวนำนตลอด ฤดูหนำว ผมเพียงแค่หลับตำลง ถนนจะปรำกฏชัด ทอด เส้นยำว เรือนแถวเรียงรำยสองฟำกข้ำง ผมได้ยนิ เสียงผูค้ น ซับซำบท่วงท�ำนองชีวิตด�ำเนินไปอย่ำงเนิบนำบเชื่องช้ำ นพดล เวชสวัสดิ์
17
...ผู้คนที่ผมอำจจะไม่มี โอกำสได้สัมผัสทักทำย ❇❊❇
นำโอโกะมักจะบอกเล่ำเรื่องเช่นนี้ ให้ผมฟังเสมอ ผม จดจ�ำถ้อยค�ำทุกค�ำของเธอได้ติดใจ “ฉันไม่รวู้ ำ่ จะบรรยำยออกมำอย่ำงไรดี” นำโอโกะฝืนยิม้ นั่งต่อหน้ำผมในโรงอำหำรของมหำวิทยำลัย ข้อศอกวำง บนโต๊ะ มือประสำนกันรับปลำยคำงไว้ ผมนิ่งรอคอยด้วย ควำมอดทน เหมือนเช่นในทุกครำว เธอจะใช้เวลำเนิน่ นำน ค้นหำเลือกสรรถ้อยค�ำที่เหมำะสม เรำนั่งคุยกันที่ โต๊ะอำหำรปูหน้ำโต๊ะด้วยผืนพลำสติก สีแดง ถ้วยกระดำษวำงระหว่ำงกลำง ถ้วยกระดำษที่มี ก้นบุหรี่พูนสูง หน้ำต่ำงสูงปล่อยให้แสงอำทิตย์ส่องลงมำ เป็นรังสีแสงเฉกเช่นภำพเขียนของรูเบนส์ ผ่ำแยกโต๊ะออก เป็นสองเสี่ยง แสงเจิดจ้ำกับเงำมืด มือขวำของผมวำงบน โต๊ะกลำงแสง มือซ้ำยซ่อนอยู่ในเงำมืด ฤดูใบไม้ผลิปี 1969 อำยุของเรำเพิ่งย่ำงเข้ำต้นวัยยี่สิบ 18
พินบอล, 1973
ห้วงเวลำทีน่ อ้ งปีหนึง่ สวมรองเท้ำใหม่ ในมือถือตำรำงเรียน ใหม่ กรอกเสร็จหมำดๆ หัวบนบ่ำบรรจุสมองก้อนใหม่ เดิน เฉียดผ่ำนข้ำงกำยของเรำ เดินพล่ำนทั่วโรงอำหำร ชน ปะทะกัน แลกเปลี่ยนค�ำผรุสวำทหรือค�ำทักทำย “บอกได้เลยนะ เมืองนั้นเล็กจนไม่มีค�ำบรรยำย” เธอ กล่ำวต่อ รำงรถไฟขีดเป็นเส้นตรงลับหำยไปจำกสำยตำ แล้วก็มีสถำนีรถไฟ...สถำนีเล็กนิดเดียว หำกเป็นวันฝนตก หนัก พขร. ก็คงขับรถแล่นผ่ำนเลยไป” ผมผงกหัว จำกนั้น อีกสำมสิบวินำทีเต็มๆ เรำนั่งมอง ควันบุหรี่บิดอ้อยอิ่งขึ้นไปในรังสีแสง “สุนัขเดินจำกปลำยชำนชำลำข้ำงหนึ่งไปยังอีกปลำย คุณทรำบใช่ไหมว่ำเป็นสถำนีแบบไหน?” ผมผงกหัว “หน้ำสถำนีจะมีป้ำยรถประจ�ำทำง มีวงเวียนให้รถแล่น เข้ำมำรับส่งผู้ โดยสำร แล้วก็มีร้ำนค้ำ...ร้ำนเล็กๆ ที่แทบ ไม่มี ใครเดินเข้ำ ตรงออกมำจำกสถำนีก็เป็นสวนสำธำรณะ มีบันไดลื่น แล้วก็ชิงช้ำอีกสำมอัน” “มีกระบะทรำยด้วย?” นพดล เวชสวัสดิ์
19
“กระบะทรำย?” เธอนิ่งครุ่นคิด จำกนั้นก็ผงกศีรษะ ยืนยัน “...มีด้วยละ” เรำนิ่งงันไปอีกครู่ใหญ่ ผมบรรจงดับบุหรี่เข้ำไปในกอง ก้นบุหรี่พูนสูงในถ้วยกระดำษ “เมืองเล็กน่ำเบือ่ ฉันไม่รเู้ หมือนกันว่ำมีวตั ถุประสงค์ ใด ถึงได้ตั้งเมืองน่ำเบื่อแบบนั้นขึ้นมำ” “พระผูเ้ ป็นเจ้ำทรงกระท�ำเรือ่ งมหัศจรรย์” ผมตอบด้วย ค�ำคม นำโอโกะส่ำยหน้ำ อมยิ้มให้ตนเอง ยิ้ม เกียรตินิยม สหศึกษา ยิ้มที่ตรำตรึงติดใจผมอยู่นำนแสนนำน แม้เธอ จะเลือนลับไปแล้ว ยิ้มนั้นยังอยู่เหมือนรอยยิ้มของแมว เชสเชียร์ ใน อลิซในดินแดนมหัศจรรย์ ห้วงควำมโหยหำนั้น กระตุกหัวใจให้ผมอยำกไปดูสนุ ขั เดินไปตำมแนวควำมยำว ของชำนชำลำ ❇❊❇
สี่ปีถัดมำ ในเดือนพฤษภำคม 1973 ผมไปเยี่ยมสถำนี 20
พินบอล, 1973
รถไฟตำมล�ำพัง ไปเพื่อดูสุนัข ผมโกนหนวดเครำหมดจด เพื่องำนนี้ ผูกเนกไทเป็นครั้งแรกในรอบหกเดือน และลำก รองเท้ำคอร์ โดแวนออกมำสวม ❇❊❇
เดินลงจำกตู้ โดยสำรหนึ่งในสองตู้ของรถไฟท้องถิ่น รถเก่ำคร�่ำคร่ำประหนึ่งว่ำพร้อมจะขึ้นสนิมขำดจำกกันใน นำทีใดนำทีหนึง่ สิง่ แรกสุดทีพ่ ลุง่ มำปะทะก็คอื กลิน่ ทุง่ หญ้ำ กว้ำงโล่ง กลิน่ ปิกนิกในกำลครัง้ หนึง่ นำนมำแล้ว กลิน่ อดีต ลับเลือนชวนให้ โหยหำพัดเจือมำในสำยลมอ่อนของเดือน พฤษภำคม ผมเอียงคอ เงี่ยหูรับฟัง พอจะสดับเสียงปีก กระพือวับวับของนกกระจอกได้ ผมอ้ำปำกหำวสุดเดช นั่งบนม้ำยำวของชำนชำลำ สูบบุหรี่ หดหู่ในอำรมณ์ ควำมคึกคักกระตือรือร้นที่พกมำ จำกอพำร์ตเมนต์เหือดหำยไปสิ้นแล้ว ไม่มีอะไรมำกไปกว่ำ สิ่งที่เคยคุ้น ควำมเปลี่ยวเหงำเกิดขึ้นซ�้ำซำก เกิดขึ้นแล้ว นับครั้งไม่ถ้วน ย้อนรอยอดีตซ้อนซ�้ำเหมือนไม่มีวันจบสิ้น นพดล เวชสวัสดิ์
21
เกี่ยวกับผู้เขียน ต�ำนำนกล่ำวไว้วำ่ ในวันทีอ่ ำกำศอบอุน่ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี ค.ศ. 1978 ขณะดู เ บสบอลอยู ่ ฮำรู กิ มู ร ำคำมิ ก็ เ กิ ด แรงบั น ดำลใจใน งำนเขี ย นนิ ย ำยเล่ ม แรกที่ ต ่ อ มำได้ ชื่ อ ว่ ำ สดั บ ลมขั บ ขาน (Hear the Wind Sing) หลั ง จำกนั้ น งำนเขี ย นของเขำ ประสบควำมส� ำ เร็ จ ได้ รั บ ควำมนิ ย มอย่ ำ งรวดเร็ ว ได้ รั บ กำร จัดแปลกว่ำ 40 ภำษำทั่วโลก เขำออกผลงำนอย่ำงสม�่ำเสมอ ทั้งนวนิยำย เรื่องสั้น ควำมเรียง และบทควำมสำรคดี ฮำรูกิ มูรำคำมิ เกิดที่เมืองเกียวโต เมื่อปี ค.ศ. 1949 ใน ช่วงวัยเด็กที่เมืองโกเบ พ่อของเขำเป็นพระนักบวช ส่วนแม่เป็น ลูกสำวพ่อค้ำในเมืองโอซำกำ ทั้งสองเป็นครูสอนวิชำวรรณกรรม ญี่ปุ่น มูรำคำมิได้รับอิทธิพลจำกวัฒนธรรมตะวันตกมำตั้งแต่เด็ก โดยเฉพำะดนตรีและวรรณกรรม เขำเติบโตพร้อมกับกำรอ่ำน ผลงำนของนักเขียนอเมริกนั มำกมำย เช่น เคิรต์ วอนเนกัต (Kurt Vonnegut) และริชำร์ด โบรติกนั (Richard Brautigan) ผลงำน ของเขำแตกต่ ำ งจำกนั ก เขี ย นญี่ ปุ ่ น คนอื่ น ๆ เนื่ อ งจำกอิ ท ธิ พ ล ตะวันตกนี้นั่นเอง
เกี่ยวกับผู้แปล นพดล เวชสวัสดิ์ เริ่มท�ำงำนแปลตั้งแต่ปี 2526 มีผลงำนแปล รวม 280 เล่ม เป็นผู้แปล โรงฆ่าสัตว์หมายเลขห้า ของปู่เคิร์ต วอนเนกัต
ผลงานส่วนหนึ่งของฮารูกิ มูราคามิ เรียงล�าดับตามเวลาการออกฉบับภาษาญี่ปุ่น
1979 สดับลมขับขาน (Hear the Wind Sing) ชั่วระยะ 19 วัน ช่วงปิดเทอมของ ชำยหนุ่มวัย 21 ปี ที่ ไม่ได้รับกำร เอ่ยนำม ระหว่ำงขลุกอยู่ในบำร์ คบหำ กับ ‘มุสิก’ สหำยหนุ่ม
1980 พินบอล, 1973 (Pinball, 1973) เหตุ เ กิ ด เมื่ อ ชำยหนุ ่ ม นั ก แปลมี จิ ต ผู ก พั น กั บ เครื่ อ งเล่ น พิ น บอล รุ่น ‘ยำนอวกำศ’ และออกติดตำม หำเครื่ อ งเล่ น ในดวงใจที่ อ ำจจะ หลงเหลือเป็นเครื่องสุดท้ำย
1982 แกะรอย แกะดาว (A Wild Sheep Chase) นั ก เขี ย นนิ ร นำมถู ก อิ ท ธิ พ ลมื ด บีบเค้น ออกเดินทำงพร้อมกับสำว หูมหัศจรรย์ ไปยังดินแดนหนำวเหน็บ เพื่ อ ตำมหำแกะพิ ส ดำรตำมควำม ประสงค์ของผู้ยิ่งใหญ่ลึกลับ
1983 วันเหมาะเจาะส�าหรับจิงโจ้
(A Perfect Day for Kangaroos) ไปดู ลู ก จิ ง โจ้ เ พิ่ ง เกิ ด ใหม่ ไปเจอ สำวน้อยร้อยเปอร์เซ็นต์ เช้ำวันฟ้ำใส เดือนเมษำยน สัมผัสควำมง่วงที่ ไม่ เข้ำใครออกใคร นั่งแท็กซี่ที่มีคนขับ เป็นแวมไพร์ และอื่นๆ
1985 แดนฝันปลายขอบฟ้า (Hard-boiled Wonderland and the End of The World) กำรเดินทำงยำวไกลสู่ โลกอนำคต พบ สัตว์ขนสีทองสุกปลั่ง มีเขำเดี่ยวกลำง หน้ำผำก คละข้อมูลเข้ำรหัสโดยกำร โยนจำกสมองซี ก ขวำไปยั ง ซี ก ซ้ ำ ย อ่ำนควำมฝันเก่ำจำกกะโหลกขำวโพลน
1984
1985
เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน (Firefly, Barn Burning and other stories)
ไม่มี ใครน�าหน้า บนม้าหมุน (Dead Heat on a Merry-Go-Round)
พบกับเรื่องสั้นที่เป็นโครงคร่ ำว ต้นเรื่องของ ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย นวนิยำยชือ่ เลือ่ ง โรงนำมอดไหม้ เริ ง ระบ� ำ กั บ คนแคระ และอื่นๆ
ชีวิตคนเรำดั่งม้ำหมุน หมุนไปในที่ที่ถูก ก�ำหนด ไปไหนก็ ไม่ได้ ไม่แซงหน้ำใคร และไม่ถูกใครแซงหน้ำ หำกเรำยังควบ ตะบึงขับเคีย่ วคูแ่ ข่งในจินตนำกำรอย่ำง ดุเดือดสูสี
1987 ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย (Norwegian Wood) เรือ่ งรำวของควำมรัก ไม่ใช่ควำมรักทัว่ ไป หำกเป็นเรื่องรำวของชำยหนุ่มที่เรียนรู้ และเติบโต เรือ่ งรำวของหญิงสำวผูส้ บั สน เรื่องรำวของชีวิตและควำมตำย
1986 ค�าสาปร้านเบเกอรี (The Second Bakery Attack) ขอเชิญเข้ำสู่สถำนกำรณ์พิลึกเพี้ยน พำไปบุกปล้นร้ำนเบเกอรีเพื่อถอน ค�ำสำป ติดตำมคดีช้ำงหำยกับชำย ผู้ขำยเอกภำพในเครื่องใช้ ในครัว และอื่นๆ
1988 เริงระบ�าแดนสนธยา (Dance Dance Dance) ตัวเอกในเรื่องนี้เป็นคนเดียวกับ ‘ผม’ ในเรื่อง สดับลมขับขาน, พินบอล, 1973 และ แกะรอย แกะดาว
1990 ทีวีพีเพิล (TV People) พบกั บ ชำยผู ้ มี ที วี พี เ พิ ล มำหำในเย็ น วันอำทิตย์ สดับฟังชำยชู้เมียชำวบ้ำน ผู้มีนิสัยพูดคนเดียวรำวกับอ่ำนบทกวี รับทรำบเบื้องลึกเบื้องลับของมิสเตอร์ คลีนที่ทุกคนชื่นชม และอื่นๆ
1992 การปรากฏตัวของหญิงสาว ในคืนฝนตก (South of the Border, West of the Sun) เรื่องรำวของชำยสำมัญ ผู้ดูคล้ำย ประสบควำมส�ำเร็จในทุกสิ่ง เป็น เจ้ำของบำร์แจ๊ซชั้นดี มีครอบครัว เล็ ก ๆ น่ ำ รั ก พรั ก พร้ อ มเงิ น ทอง ข้ำวของนอกกำย หำกในใจยังคง ครวญหำรักแรกในวัยเยำว์ จนกระทัง่ วันหนึ่งหญิงสำวจำกอดีตผู้นั้นย้อน กลับมำ
1994 - 1995 บันทึกนกไขลาน (The Wind-Up Bird Chronicle) จำกก้นบ่อน�้ำแห้งเงียบสงัด ไปถึง กระดิ่ ง เลื่ อ นหิ ม ะกรุ ๋ ง กริ๋ ง ใน ไซเบอร์สเปซ จำกกล่องน�้ำหอม ในถังขยะ ย้อนเวลำกลับไปถึงกำร แล่หนังมนุษย์ทั้งเป็นในแมนจูเรีย และกำรสั ง หำรหมู ่ เ ฟอะฟะใน สวนสัตว์ซินเกียง
1997 - 1998 Underground บทสั ม ภำษณ์ ผู ้ อ ยู ่ ใ นเหตุ ก ำรณ์ กรุงโตเกียวถูกโจมตีด้วยแก๊สพิษ ในสถำนี ร ถไฟใต้ ดิ น ที่ มี ผู ้ เ สี ย ชีวิต 12 คน บำดเจ็บหลำยพัน เพื่อตำมหำที่มำที่ ไปของเหตุร้ำย สะเทือนขวัญครั้งนี้
1996 ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน (Lexington Ghosts) ไปหลงกลมนตร์ของปีศำจที่เต้นระบ�ำอยู่บน บทเพลงแจ๊ซและควำมตำย ไปส�ำรวจดินแดน มนุษย์น�้ำแข็งอันแสนหนำวเย็นแห่งขั้วโลกใต้ ไปปะทะคลืน่ ยักษ์รมิ ฝัง่ ทะเลชำยฝัง่ ของจังหวัด เล็กๆ ห่ำงไกลผู้คน ไปพำนพบกับปีศำจเขียว ที่ โผล่มำให้ตระหนกอกสัน่ ขวัญแขวน และอืน่ ๆ
1999
2002
รักเร้นในโลกคู่ขนาน (Sputnik Sweetheart)
คาฟกา วิฬาร์ นาคาตะ (Kafka on the Shore)
ฤดูใบไม้ผลิปีที่ยี่สิบสอง สุมิเระ ตกหลุมรักเป็นครั้งแรกในชีวิต รักเข้มข้นดูดดืม่ ควำมรักทีเ่ รียก ได้ว่ำยิ่งใหญ่พอจะสถำปนำเป็น อนุสำวรีย์ได้ ผูท้ เี่ ธอหลงรักอำยุ แก่กว่ำเธอ 17 ปี แต่งงำนแล้ว น่ำจะเพิ่มเติมด้วยว่ำเป็นสตรี
ตัวละครสองหญิง สำมชำยจะร่ำย ควำมพิลึกพิสดำรในชีวิตของตนให้ ปรำกฏ แถมด้วยกึง่ หญิงกึง่ ชำยอีก คน และชำยสวมหมวกท็อปแฮ็ต รองเท้ำบูต๊ หนังสูงถึงเข่ำ กับชำยชรำ อดีตนำยทหำรในสูทสีขำวทั้งชุดที่ ทุกผูท้ กุ คนทุกมุมโลกรูจ้ กั กันอย่ำงดี
1999 อาฟเตอร์เดอะเควก (after the quake) เรื่ อ งรำวของตั ว ละครหกคนใน เรื่ อ งสั้ น หกเรื่ อ งที่ ต กอยู ่ ใ นห้ ว ง รัดแห่งพันธนำกำรจำกเรื่องรำว หนหลังบำงอย่ำง ซึง่ ค่อยๆ ปรำกฏ โฉมขึ้นอีกครั้ง โดยมีสำเหตุจำก กรณีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ โกเบ
2004 ราตรีมหัศจรรย์ (After Dark) ในช่วงเวลำไม่กี่ชั่วโมงยำมรำตรี ตั ว ละครที่ มี ค วำมแปลกแยก และแตกต่ำงทยอยเข้ำสู่เวทีเล็กๆ กลำงเมืองใหญ่ บ้ำงปรำรถนำ จะหลบเลี่ยงควำมจริงบำงอย่ำง ของชีวติ บ้ำงปรำรถนำจะเติมเต็ม จิ ต วิ ญ ญำณของตนด้ ว ยกำร หลอมรวมกับคนอื่น
2005 ลึกลับ.โตเกียว.เรื่องสั้น. (Tokyo Mysterious Story Collection) เรื่ อ งรำวลึ ก ลั บ หลำยระดั บ หลำก ควำมเข้มข้น ควำมบังเอิญชวนฉงน กำรติดตำมคนหำยสำบสูญ บ้ำงไปแล้ว ไปลับ บ้ำงไปแล้วพบตัวกลับมำ เกิด อะไรขึ้นเมื่อชื่อและนำมสกุลหนีหำย ไปจำกควำมทรงจ�ำ และอื่นๆ
2007 เกร็ดความคิดบนก้าววิ่ง (What I Talk About When I Talk About Running) สัมผัสกับเนื้อแท้ รู้จักวิถีชีวิต วิถีควำมคิด ผ่ำนบันทึกเรื่องรำวกำรวิ่ง จำกถ้อยค�ำของ ‘ฮำรูกิ มูรำคำมิ’ ตัวจริงเสียงจริง
2009 - 2010 หนึ่งคิวแปดสี่ (1Q84) เรื่ อ งรำวของโลกสองใบที่ เ คลื่ อ นมำบรรจบ เรือ่ งรำวของชำยหญิงคูห่ นึง่ ทีต่ ำมหำกันและกัน หำกทั้งสองจะถูกลิขิตให้พบกันในโลกใบไหน โลกเดิมในปี 1984 หรือใน 1Q84
2013 ชายไร้สีกับปีแสวงบุญ (Colorless Tsukuru Tazaki and His Years of Pilgrimage) ตั้งแต่เดือนกรกฎำคมช่วงที่อยู่มหำวิทยำลัยปีสองจนถึงเดือน มกรำคมปีถัดไป ทสึคุรุ ทะซำกิ มีชีวิตอยู่กับควำมคิดเรื่อง กำรตำยแทบจะเพียงอย่ำงเดียว วันเวลำนัน้ เขำคิดว่ำกำรจบชีวติ ของตนเป็นเรื่องธรรมดำ มีเหตุมีผลยิ่งกว่ำสิ่งใด เหตุใดเขำจึง ไม่เหยียบย่ำงก้ำวสุดท้ำย แม้ขณะนี้ก็ยังไม่รู้เหตุผล ทั้งๆ ที่ ใน เวลำนั้น กำรจะก้ำวข้ำมเส้นแบ่งควำมเป็นควำมตำยเป็นเรื่อง ง่ำยดำยยิ่งกว่ำกำรกลืนไข่ดิบสักฟองเสียอีก
สั่งซื้อผลงานของเราได้ที่ www.gammemagie.com หากพบหนังสือที่มีข้อผิดพลาดหรือไม่ ได้มาตรฐาน อาทิ หน้ากระดาษขาดหายหรือสลับกัน โปรดแจ้งมาที่ gammemagie@gammemagie.com เพื่อขอเปลี่ยนเล่มใหม่