การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก

Page 1

การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก SOUTH OF THE BORDER, WEST OF THE SUN

สงวนลิขสิทธิ์ พ ศ 2554 © สำนักพิมพ์กำมะหยี่ ลิขสิทธิ์ภาษาไทย © โตมร ศุขปรีชา พ ศ 2554


SOUTH OF THE BORDER, WEST OF THE SUN การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก HARUKI MURAKAMI : เขียน โตมร ศุขปรีชา : แปล สุพัตรา สุขสวัสดิ์ : บรรณาธิการ จินตนา เวชสวัสดิ์ : บรรณาธิการต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น อธิชา มัญชุนากร กาบูล็อง : บรรณาธิการบริหาร ศรรวริศา เมฆไพบูลย์ : บรรณาธิการจัดการ ออกแบบปก : ออกแบบรูปเล่ม : พรพัฒน์ วงศ์ตั้นหิ้น พิสูจน์อักษร : รินทร์วลี ปิยะมิตร KOKKYO NO MINAMI, TAIYO NO NISHI by Haruki Murakami

Copyright © 1992 Haruki Murakami All rights reserved. Originally published in Japan by KODANSHA LTD., Tokyo Thai translation rights arranged with Haruki Murakami through THE SAKAI AGENCY and SILKROAD AGENCY. ISBN: 978-616-7591-13-1


สํานักพิมพ์กํามะหยี่

74 รังสิต นครนายก 31 ธัญบุรี ปทุมธานี 12130 โทรศัพท์ : 02 996 2014 โทรสาร : 02 996 1514

:

Email : Homepage : Blog : Twitter :

พิมพ์ที่ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด ภาพพิมพ์ 296 ซอยอรุณอมรินทร์ 30 ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 โทรศัพท์ : 02 433 0026 - 7, 02 433 8586 โทรสาร : 02 433 8587 Homepage : จัดจำหน่ายทั่วประเทศโดย : บริษัทอมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ จำกัด 108 หมู่ที่ 2 ถนนบางกรวย จงถนอม ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทรศัพท์ : 02 423 9999 โทรสาร : 02 449 9222, 02 449 9500-6 Homepage :


คำนำสำนักพิมพ์

บางครัง้ ความสัมพันธ์ระหว่างหนังสือแต่ละเล่มกับสำนักพิมพ์แต่ละแห่งก็คลับคล้าย กับความสัมพันธ์ฉนั เนือ้ คู่ หนังสือบางเล่ม ไม่วา่ จะขวนขวายออกเรีย่ วแรงไขว่คว้า ขนาดไหน หากเมื่อไม่ได้เป็นคู่ตุนาหงันกันแล้ว ก็สุดจะเอื้อมถึง หากหนังสือ บางเล่ม แม้จะชั่งใจหยั่งท่าทีรีรออยู่เนิ่นนานแล้วเล่า ชะตาชีวิตก็ไม่แคล้วลิขิตให้ ต้องมาเคียงกัน การจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ นอกจากจะเป็นการกอบกูฟ้ น้ื ชีวติ หนังสือทีด่ ที ส่ี ดุ เล่มหนึง่ ของฮารูกิ มูราคามิ เพือ่ กำนัลแด่นกั อ่านชาวไทยแล้ว ยังนับเป็นโอกาสอันดีในการ ได้ทำงานร่วมกับนักแปลมือดีท่านนี้อีกครั้ง หลังจากได้เคยเจอะเจอกันมาแล้ว ในรวมเรื่องสั้นแปลชุด แฟนมูราคามิรวมหัว ลำดับ 1/3 เส้นแสงที่สูญหาย เรา ร้องไห้เงียบงัน และผู้ที่จะละเว้นไม่กล่าวถึงมิได้เลย บุคคลผู้ที่จริง ๆ แล้วอาจจะ เป็นคนลิขติ ชะตาชีวติ ของสำนักพิมพ์กำมะหยีก่ บั หนังสือเล่มนี้ หาใช่ใครบนฟ้าทีไ่ หน หากเป็นคุณสุพตั รา สุขสวัสดิ์ ผูร้ บั หน้าทีบ่ รรณาธิการ และคุณจินตนา เวชสวัสดิ์ ผูส้ ละเวลาอันมีคา่ รับหน้าทีต่ รวจทานความถูกต้องกับต้นฉบับภาษาญีป่ นุ่ ทำให้การ จัดพิมพ์ซ้ำหนังสือในดวงใจของหลาย ๆ คนเล่มนี้เป็นการร่วมมือร่วมใจของผู้ที่รัก ผลงานของมูราคามิอย่างแท้จริง เป็นข้อพิสจู น์ถงึ ความอัศจรรย์ของความรักของพวกเธอต่อหนังสือเล่มนี้ เป็นข้อพิสจู น์ ถึงความมหัศจรรย์ของมนุษย์ที่พวกเราชาวกำมะหยี่เชื่อมั่นเสมอมา ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ 2554 2555


บางถ้อยคำจากบรรณาธิการ จากทางใต้ของพรมแดน ถึงทางตะวันตกของดวงอาทิตย์ ไม่ว่าเราจะอ่านหนังสือ SOUTH OF THE BORDER, WEST OF THE SUN ของฮารูกิ มูราคามิ กี่ครั้ง เราก็ยังรู้สึกเสมอว่า โลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องประหลาด ไม่คาดฝัน และมีอะไรบางอย่างที่เมื่อเดินไปข้างหน้าแล้ว ก็ไม่อาจย้อนกลับคืนมา ได้อีก ความรู้สึกเช่นนั้นทำให้เราสิ้นหวังและปวดร้าว เช่นเดียวกับเรื่องราวชีวิต ของผู้ชายคนหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ ถ้อยวลีว่า บางที จากผู้หญิงที่เขาถวิลหา อาจ หมายถึงการกลับมาปรากฏตัวอย่างเงียบงัน หรือจากไปไม่หวนคืนตลอดกาล ไม่มีภาวะระหว่างกลาง บางที จึงเป็นถ้อยวลีที่อาจพบได้ทางใต้ของพรมแดน แต่ไม่เคยพบทาง ตะวันตกของดวงอาทิตย์ หรือที่สุดแล้ว อาจไม่มีอะไรวางตัวอยู่ใต้เงาของ บางที เลย ทุกอย่างแหลกสลาย ตายจาก และเหลือไว้เพียงทะเลทรายอันร้างไร้ ชีวติ ทีด่ คู ล้ายสมบูรณ์เพียบพร้อมของผูช้ ายคนนี้ แท้จริง ลึกลงไปข้างใน จึงกลับไม่มคี วามสุขอยูจ่ ริง ความปรารถนาเติมเต็ม ความพยายามไขปริศนา หรือ กระทัง่ ดิน้ รนค้นหาความลับทีไ่ ม่อาจรู้ ล้วนผลักไสให้เขามืดมน หลงทาง เจ็บปวด รวดร้าว และทนมีชีวิตอย่างไร้ความหมาย หากทว่า มีอะไรบางอย่างทีเ่ มือ่ เดินไปข้างหน้าแล้ว ก็ไม่อาจย้อนกลับคืน มาได้อีก สายฝนที่ร่วงหล่นบนทะเล ตกแล้วก็หยุด บางสิ่งสูญหาย แต่บางอย่าง เข้ามาแทนที่ ชีวิตเป็นเช่นนี้ ไม่มีอะไรต่างกัน สุดท้ายสิ่งที่เหลืออยู่ คือความ รกร้างว่างเปล่า การเขียนทีด่ ง่ิ ลึกสูจ่ ติ ใต้สำนึกในหนังสือเล่มนีข้ องฮารูกิ มูราคามิ กระทบ ใจคนอ่านมาแล้วทั่วโลก ในฉบับแปลโดยคุณโตมร ศุขปรีชา ภายใต้ชื่อ การ ปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก ยิง่ จะทำให้ไม่ผดิ หวัง ด้วยถ่ายทอดภาษาทีเ่ ข้าถึง อารมณ์ความรู้สึก และสารัตถะอันสำคัญที่ผู้เขียนตั้งใจสื่อสารได้อย่างน่าทึ่ง ท้ายนี้ขอขอบคุณสำนักพิมพ์กำมะหยี่ ผู้ทำให้หนังสือเล่มนี้ปรากฏขึ้น อีกครั้ง คุณจินตนา เวชสวัสดิ์ ผู้ตรวจสอบงานแปลกับต้นฉบับภาษาญี่ป่ ุนด้วย ความละเอียดลออ และคุณทินกร หุตางกูร ผู้แนะนำให้รู้จักนักเขียนผู้สร้างแรง สัน่ สะเทือนและกังวานอยู่ในใจตลอดมา สุพัตรา สุขสวัสดิ์


คำนำผู้แปลในการจัดพิมพ์ครั้งที่ 1

โลกมีเรื่องแปลกประหลาดมากมาย ก็เหมือนที่มูราคามิพยายามบอกเรา ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่มนุษย์คาดหมาย ความรัก ความสัมพันธ์ หรือแม้กระทั่งความตาย หนังสือเล่มนี้บอกเล่าให้คุณรู้เรื่องราวเหล่านั้นผ่านชีวิตของผู้ชายคนหนึ่ง มันเป็นชีวิตที่ดูเผิน ๆ คล้ายเรียบง่ายสบายดี แต่ลึกลงไปกลับเจ็บปวดรวดร้าวคล้ายทำบางสิ่งบางอย่างหายไป เราไม่รู้ ไม่มีวันรู้ และไม่ควรรู้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของผู้ชายคนหนึ่ง ความไม่รู้เป็นส่วนหนึ่งของความลึกลับ และความลึกลับก็ทำให้เราสนเท่ห์ หนังสือเล่มนี้เริ่มต้นเรียบง่าย แต่ค่อย ๆ พาเราเข้าไปสู่ความลึกลับบางอย่าง เป็นความลึกลับชนิดที่ไม่อาจลืมเลือนได้ ตลอดกาล โตมร ศุขปรีชา


คำนำผู้แปลในการจัดพิมพ์ครั้งที่ 2

หลายคนถามถึงหนังสือเล่มนี้มาตลอดหลายปี ไม่ใช่เพียงนักอ่าน แต่รวมถึงหลายสำนักพิมพ์ ทีจ่ ริง หากหนังสือเล่มนีจ้ ะหายไปเงียบ ๆ อย่างไม่รตู้ น้ สายปลายเหตุ ก็คงละม้ายคล้ายเรื่องราวที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ การสูญหายไปเงียบงันโดยดูคล้ายไร้เหตุผล ไม่ใช่เพียงสารัตถะ ของเรื่องเล่าของมูราคามิเท่านั้น แต่ที่แท้ยังเป็นสารัตถะสำคัญของการ มีชีวิตอยู่อีกด้วย สารัตถะที่ว่า คือการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความ ไร้สารัตถะอันยิ่งใหญ่ที่คลุมครอบเราอยู่ เฉกเช่นเงามืดอันลึกล้ำของจักรวาล ที่เราไม่อาจเข้าใจ การสูญหายไร้เหตุผลตลอดกาล ย่อมไม่ก่อเกิดเรื่องเล่าใด ๆ เพื่อ กระตุ้นเตือนให้เรารำลึกถึงการสูญหายนั้น จนกว่าจะเกิดการปรากฏตัวของ บางสิง่ เพือ่ ทีจ่ ะสูญหายไปและทำให้หวั ใจของเราแหว่งวิน่ ได้ครัง้ แล้วครัง้ เล่า จึงบางที นี่อาจเป็นเหตุผลที่หนังสือเล่มนี้ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เพื่อให้เราได้รำลึกถึงการหายไปตลอดกาลของอะไรบางอย่าง สิ่งซึ่งเมื่อหายไปแล้ว จะไม่อาจทำให้เรารู้สึกเต็มได้อีกเลย โตมร ศุขปรีชา


SOUTH OF THE BORDER, WEST OF THE SUN ฮ า รู กิ มู ร า ค า มิ HARUKI MURAKAMI




วันเกิดของผมคือวันที่ 4 มกราคม 1951 สัปดาห์แรกของเดือนแรกของปีแรก ของครึ่งหลังของศตวรรษที่ยี่สิบ ผมเดาว่าคงคล้ายเป็นอนุสรณ์บางอย่าง พ่อแม่จึงตั้งชื่อให้ผมว่า ฮาจิเมะ ซึ่งแปลว่า เริ่มแรก แต่นอกเหนือจากนี้ แล้ว ผมก็แทบไม่มีอะไรเล่าเกี่ยวกับการเกิดของผม พ่อของผมทำงานอยู่ใน บริษัทค้าหลักทรัพย์ใหญ่แห่งหนึ่ง แม่ของผมเป็นแม่บ้านธรรมดา ในช่วง สงคราม พ่อถูกเกณฑ์ไปฝึกแล้วส่งไปรบที่สิงคโปร์ หลังพ่ายสงคราม พ่อ ติดอยู่ในค่ายกักกันพักหนึ่ง บ้านแม่ของผมไหม้ราบไปเพราะเครื่องบินบี 29 ทิ้งระเบิดใส่ในปีสุดท้ายของสงคราม ในห้วงสงครามอันยาวนาน ต้องนับว่า คนรุ่นนี้ทุกข์ยากที่สุด อย่างไรก็ตาม ตอนที่ผมเกิด เราแทบมองไม่ออกเลยว่าเคยเกิด สงครามมาก่อน ละแวกบ้านไม่มซี ากปรักหักพังทีถ่ กู เผา ไม่มกี องทหารยึดครอง เราอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ อันสงบเงียบ ในบ้านที่บริษัทของพ่อจัดไว้ให้ บ้าน หลังนั้นเป็นบ้านสร้างก่อนสงคราม แลดูเก่าอยู่บ้างแต่ก็กว้างขวางเพียงพอ ในสวนมีต้นสนขนาดใหญ่ และถึงขั้นมีสระน้ำเล็ก ๆ ที่มีโคมหินประดับ เมืองที่พวกเราอาศัยอยู่ เป็นย่านชานเมืองถิ่นชนชั้นกลาง เพื่อน ร่วมชั้นที่ผมผูกมิตรด้วยล้วนแต่อาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวค่อนข้างสวยงาม แม้จะ แตกต่างกันบ้างในเรื่องของขนาด แต่ทุกหลังล้วนมีทางเข้าแบบเดียวกันและ มีต้นไม้อยู่ในสวนเหมือน ๆ กัน ในเรื่องงาน พ่อของเพื่อน ๆ ผมล้วนทำงาน บริษัท หรือไม่ก็ประกอบวิชาชีพเฉพาะทาง แทบไม่มีแม่ของใครทำงานนอก 11


การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก

บ้าน และเกือบทุกบ้านจะเลี้ยงหมาหรือแมว ผมไม่รู้จักใครที่อาศัยอยู่ใน อพาร์ตเม้นท์หรือคอนโดเลยสักคน ต่อมาผมย้ายไปอยู่ในอีกเมืองใกล้ ๆ กัน แต่ทุกอย่างก็แทบจะเหมือนเดิม ผลก็คือ ผมหลงเชื่อว่าทุกคนในโลกทั้งใบ ล้วนอาศัยอยูใ่ นบ้านเดีย่ วทีม่ สี วน เลีย้ งหมาหรือแมว และผูกเน็คไทไปทำงาน เป็นประจำทุกวัน กระทัง่ ไปเรียนทีม่ หาวิทยาลัยในโตเกียว ผมจินตนาการชีวติ แบบอื่น ๆ ไม่ออกเอาเสียเลย ในโลกที่ผมเติบโตขึ้นนั้น ครอบครัวทั่วไปจะมีลูกเฉลี่ยสองหรือสาม คน เพื่อน ๆ ในวัยเด็กของผมล้วนอยู่ในครอบครัวแบบนี้กันทั้งนั้น ถ้าไม่มีลูก สองคน ก็จะมีสาม แต่ถา้ ไม่ใช่สาม ก็จะเป็นสอง ครอบครัวทีม่ ลี กู ๆ หกหรือ เจ็ดคนนัน้ มีอยูน่ อ้ ยยิง่ กว่าน้อย แต่ทม่ี นี อ้ ยไปกว่านัน้ ก็คอื ครอบครัวทีม่ ลี กู เพียง คนเดียว ผมบังเอิญเป็นหนึง่ ในกลุม่ ทีไ่ ม่เหมือนคนอืน่ นีด้ ว้ ย เพราะผมเป็นลูก คนเดียว ผมมีปมด้อยเรื่องนี้ คล้ายกับมีบางสิ่งในตัวที่ต่างจากคนอื่น เป็น สิ่งที่ใคร ๆ ก็มี ทว่าผมขาด ตอนเด็ก ๆ ผมชิงชังวลี ลูกคนเดียว ทุกครั้งที่ได้ยิน ผมจะรู้สึกว่ามี บางอย่างในตัวขาดหายไป คล้ายผมไม่ใช่มนุษย์สมบูรณ์แบบ วลี ลูกคนเดียว ยืนอยู่ตรงนั้นพลางชี้นิ้วกล่าวหาผมว่า นายมีอะไรไม่ครบถ้วนนะเพื่อน ในโลกที่ผมอาศัยอยู่ คนทั่วไปเชื่อกันว่าลูกคนเดียวนั้น พ่อแม่จะ ต้องตามใจจนเสียเด็ก อ่อนแอ และเอาแต่ใจตัวเอง ผู้คนเคยเชื่อกันจริงจัง อย่างนั้น เชื่อเหมือนเชื่อทฤษฎีซึ่งได้รับการยอมรับแล้ว อย่างเช่น ยิ่งปีนเขา สูงขึน้ ไป ความกดอากาศจะยิง่ ลดต่ำลง หรือวัวตัวเมียก็ยอ่ มต้องให้นม ผมจึง เกลียดนักเวลามีใครถามว่าผมมีพี่น้องกี่คน เพียงได้ยินว่าผมไม่มีพี่น้องเลย ผมคิดว่าพวกเขาล้วนมีปฏิกริ ยิ าสะท้อนกลับแบบนี้ ลูกคนเดียวเหรอ หือ ถูก ตามใจ อ่อนแอ แล้วก็เอาแต่ใจตัวเองละสิ ปฏิกิริยาพิมพ์เดียวกันเหล่านั้น ทำให้ผมเอือมระอาและเจ็บปวด แต่สง่ิ ทีร่ สู้ กึ เหนือ่ ยหน่ายและทำร้ายผมจริง ๆ กลับเป็นอีกเรือ่ งหนึง่ นัน่ ก็คอื ข้อเท็จจริงทีว่ า่ สิง่ ทีค่ นเหล่านัน้ พูดกันน่ะ ล้วนแต่ ถูกต้อง ผม เคย ถูกตามใจ อ่อนแอ และเอาแต่ใจตัวเองจริง ๆ ในช่วงหกปีทผ่ี มเรียนชัน้ ประถม ผมพบเด็กทีเ่ ป็นลูกคนเดียวอีกเพียง 12


SOUTH OF THE BORDER, WEST OF THE SUN

หนึ่งคนเท่านั้น ผมจึงจดจำเธอ ใช่ครับ เธอเป็นเด็กผู้หญิง ได้แม่นยำ ผม สนิทกับเธอ เราคุยกันได้ทุกเรื่อง เราเข้ากันได้ดี และผมก็ตกหลุมรักเธอ ชื่อของเธอคือชิมาโมโตะ หลังคลอดได้ไม่นาน เธอป่วยเป็นโปลิโอ ทำให้เธอต้องเดินลากขาข้างซ้าย ในทีแรก เธอย้ายมาเรียนทีโ่ รงเรียนของเรา ตอนปลายปีประถมห้า ถ้าเทียบกับผมแล้ว ในตอนนัน้ เธอมีปมปัญหาทางจิต ทีต่ อ้ งสางหนักหนาสาหัส อย่างไรก็ตาม ปมปัญหานีท้ ำอะไรเธอไม่ได้นอกจาก ทำให้เธอแข็งแกร่งขึน้ เธอเป็นลูกคนเดียวทีค่ วบคุมตัวเองได้มากกว่าทีผ่ มเคย เป็นมาทั้งหมด เธอไม่เคยกรีดเสียงบ่นว่า ไม่เคยแสดงอาการรำคาญใจ แต่ เธอคงต้องรูส้ กึ รำคาญไม่รจู้ กั กีค่ รัง้ กีค่ ราว ไม่วา่ เกิดอะไรขึน้ เธอจะยิม้ ทีจ่ ริง ยิง่ อะไร ๆ เลวร้ายลงเท่าไหร่ รอยยิม้ ของเธอก็ยง่ิ กว้างขึน้ เท่านัน้ ผมรักรอยยิม้ ของเธอ มันช่วยบรรเทาใจผม ให้กำลังใจผม ไม่เป็นไรหรอก รอยยิม้ ของเธอ บอก อดทนอีกนิด ทุกสิง่ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยไปได้เอง หลายปีตอ่ มา เมือ่ ใด ก็ตามที่ผมคิดถึงเธอ ผมจะนึกถึงรอยยิ้มของเธอก่อนสิ่งอื่นเสมอ ชิมาโมโตะเรียนได้คะแนนดีตลอดมาและเป็นคนใจดี เพือ่ น ๆ ยอมรับ นับถือเธอ เราทัง้ คูเ่ ป็นลูกคนเดียวก็จริง แต่ในแง่นเ้ี ธอกับผมไม่เหมือนกัน ทว่า กระนัน้ ก็ไม่ได้แปลว่าเพือ่ นร่วมชัน้ ทัง้ หมดของเราชอบเธอ ไม่มใี ครล้อเลียนหรือ กระเซ้าเย้าแหย่เธอ แต่นอกจากผมแล้ว เธอก็ไม่มีเพื่อนแท้คนไหนอีก บางทีเธออาจเป็นผู้ใหญ่เกินไป ควบคุมตัวเองได้ดีเกินไป เพื่อน ร่วมชั้นบางคนอาจคิดว่าเธอเย็นชาและเห็นว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น แต่ผม ค้นพบอะไรอืน่ อีก อะไรอืน่ ทีอ่ บอุน่ และบอบบางอยูภ่ ายใต้รปู ลักษณ์นน้ั บางสิง่ คลับคล้ายเด็กคนหนึ่งกำลังเล่นซ่อนหา บางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอ พร้อม ความหวังว่าจะมีผู้ค้นพบ เนือ่ งจากงานของพ่อทำให้ชมิ าโมโตะต้องย้ายโรงเรียนครัง้ แล้วครัง้ เล่า ผมจำไม่ได้ว่าพ่อของเธอทำงานอะไร ครั้งหนึ่ง เธออธิบายให้ผมฟังอย่าง ละเอียดว่าพ่อของเธอทำงานอะไร แต่ก็เหมือนเด็กส่วนใหญ่นั่นแหละครับ เข้าหูซ้ายแล้วก็ทะลุหูขวา ดูเหมือนเท่าที่จำได้ก็คืองานวิชาชีพอะไรสักอย่างที่ เกีย่ วข้องกับการธนาคารหรือสรรพากร หรืออะไรทำนองนี้ เธออาศัยอยูใ่ นบ้าน 13


การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก

ของบริษัท แต่บ้านหลังนั้นใหญ่กว่าบ้านปกติ เป็นบ้านสไตล์ตะวันตก มี กำแพงหินเตี้ย ๆ ล้อมรอบ เหนือกำแพงนั้นมีรั้วพุ่มไม้ที่เขียวสดตลอดปี ถ้า มองลอดผ่านช่องระหว่างพุ่มไม้เข้าไป คุณจะเห็นภาพสวนที่มีสนามหญ้า ชิมาโมโตะเป็นเด็กผูห้ ญิงร่างใหญ่ เธอสูงเท่ากับผม และมีรปู ลักษณ์ สะดุดตา ผมมั่นใจว่า ในอีกสองสามปี เธอต้องกลายเป็นสาวงาม แต่เมื่อ แรกพบเธอ รูปร่างภายนอกยังไม่พัฒนาทัดเทียมคุณสมบัติด้านในของเธอ บางอย่างในตัวเธอไม่สมดุล มีไม่กี่คนรู้สึกว่าเธองามน่ามอง ในตัวเธอมีทั้ง ส่วนที่เป็นผู้ใหญ่และส่วนที่ยังคงเป็นเด็ก และทั้งสองส่วนไม่ผสานกันลงตัว ความไม่ลงตัวนี้ทำให้คนอื่น ๆ เข้ากับเธอไม่ได้ บางทีอาจเพราะบ้านของเราอยูใ่ กล้กนั จนสามารถโยนก้อนหินถึงกันได้ ในเดือนแรกหลังจากเธอเข้าเรียนในโรงเรียน ครูจงึ ให้เธอนัง่ ติดกับผม ผมช่วย ให้เธอเรียนทันเพื่อน ๆ เรื่องการสอบประจำสัปดาห์ เรื่องหนังสือเรียน เรื่อง การผลัดเวรกันทำความสะอาดและล้างจานในมื้อเที่ยง โรงเรียนของเรามี นโยบายให้เด็กที่อาศัยอยู่ใกล้ที่สุดช่วยเหลือเด็กที่เพิ่งย้ายมาใหม่ ครูเรียกผม ไปพบ บอกผมว่าครูอยากให้ผมช่วยดูแลชิมาโมโตะสักพัก เหมือนกับเด็ก ๆ วัยสิบเอ็ดสิบสองปีทเ่ี พิง่ พูดคุยกับคนเพศตรงข้ามเป็น ครั้งแรก ในสองวันแรก การสนทนาของเราเป็นเรื่องกดดัน แต่เมื่อเราทั้งคู่ พบว่าต่างเป็นลูกคนเดียว เราจึงผ่อนคลายลง นี่เป็นครั้งแรกที่เราทั้งคู่ได้พบ เพื่อนที่เป็นลูกคนเดียว เรามักเดินกลับบ้านพร้อมกันบ่อย ๆ ด้วยความที่ขา ของเธอไม่ดี เราจึงเดินช้า ๆ เป็นระยะทางหนึ่งกิโลเมตรกลับบ้านพลางคุยกัน สารพัดเรื่อง ยิ่งได้คุยกันมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งตระหนักว่าเราเหมือนกันมาก เท่านัน้ เราชอบอ่านหนังสือและฟังเพลง แล้วยังแมวอีกล่ะ เราทัง้ คูม่ กั ประสบ ปัญหาในการเล่าความรูส้ กึ ของตัวเองให้คนอืน่ ฟัง เรามีรายการอาหารทีไ่ ม่ชอบ กินยืดยาว และเมือ่ คุยกันเรือ่ งวิชาเรียน วิชาทีเ่ ราชอบเราแทบไม่ตอ้ งตัง้ สมาธิ เรียนเลย แต่วิชาที่ไม่ชอบเราก็เกลียดมันแทบตาย อย่างไรก็ตาม มีความ แตกต่างใหญ่หลวงอย่างหนึง่ ระหว่างเรา นัน่ ก็คอื ชิมาโมโตะจงใจห่อหุม้ ตัวเอง อยู่ในเปลือกป้องกันตัว ที่ไม่เหมือนผมก็คือเธอพยายามตั้งใจเรียนวิชาที่เธอ เกลียด และได้คะแนนดีเสียด้วย ถ้าอาหารกลางวันของโรงเรียนมีสิ่งที่เธอ 14


SOUTH OF THE BORDER, WEST OF THE SUN

เกลียด เธอก็ยังกิน พูดอีกอย่างหนึ่ง เธอสร้างกำแพงป้องกันตัวล้อมรอบ เอาไว้สูงยิ่งกว่าที่ผมเคยสร้างมา อย่างไรก็ดี สิ่งที่วางอยู่เบื้องหลังกำแพงนั้น ก็เหมือนกับสิ่งที่อยู่ในกำแพงของผมนั่นเอง ไม่เหมือนเมื่ออยู่กับเด็กผู้หญิงคนอื่น เวลาอยู่กับชิมาโมโตะ ผมจะ ผ่อนคลาย ผมรักการเดินกลับบ้านพร้อมเธอ ขาซ้ายของเธอโขยกเขยกเล็กน้อย ขณะเดิน บางครัง้ ก็ตอ้ งนัง่ พักเหนือ่ ยอยูใ่ นสวนสาธารณะระหว่างทางกลับบ้าน แต่ผมไม่ว่าอะไร ตรงข้ามเสียอีก ผมรู้สึกยินดีที่ได้อยู่ด้วยกันนานขึ้น ไม่ชา้ เราก็เริม่ ใช้เวลาร่วมกันมากขึน้ ผมจำไม่ได้วา่ มีใครล้อเลียนเรา เรื่องนี้หรือเปล่า ตอนนั้นผมไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย แต่ถึงตอนนี้ดูเหมือนจะเป็น เรื่องแปลกอยู่เหมือนกัน เด็ก ๆ วัยนั้นมักชอบล้อเลียนและกระเซ้าเย้าแหย่ เด็ก ๆ คูท่ ด่ี เู หมือนจะสนิทกันมากกว่าสิง่ อืน่ ใดทัง้ หมด แต่คงเพราะชิมาโมโตะ เป็นคนอย่างนัน้ บางอย่างในตัวเธอทำให้คนอืน่ รูส้ กึ เกรง บรรยากาศรายล้อม ตัวเธอทำให้คนอืน่ ๆ คิดว่า ไม่เอาน่า อย่าพูดอะไรงีเ่ ง่าต่อหน้าเด็กผูห้ ญิงคนนี้ เลย แม้แต่บรรดาครูของเราก็ยงั เกรงใจเธอเวลาพูดคุยกับเธอ ขาทีเ่ สียของเธอ อาจมีสว่ นเกีย่ วข้องอยูบ่ า้ ง คนส่วนใหญ่คดิ ว่าชิมาโมโตะเป็นคนแบบทีไ่ ม่ควร ไปล้อเลียน ไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ซึ่งสำหรับผมแล้วเป็นเรื่องดี ทีเดียว ในระหว่างชัว่ โมงพละ เธอจะนัง่ อยูข่ อบสนาม เมือ่ ชัน้ ของเราออกไป เดินป่าหรือปีนเขา เธอจะอยู่บ้าน ค่ายว่ายน้ำฤดูร้อนก็เช่นกัน ในวันกีฬา ประจำปีของเรา เธออาจดูเป็นคนนอกไปบ้าง แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว ชีวิต นักเรียนประถมของเธอก็เหมือนคนอืน่ เธอแทบไม่เอ่ยถึงขาของเธอเลย เท่าที่ ผมจำได้ เธอไม่เคยพูดถึงมันแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อไรก็ตามที่เราเลิกเรียนเดิน กลับบ้านด้วยกัน เธอไม่เคยขอโทษผมแม้แต่ครั้งเดียวในข้อที่รั้งผมให้ช้าลง เธอไม่แสดงออกให้เห็นว่าคิดถึงเรือ่ งนีอ้ ยู่ แต่ถงึ กระนัน้ ผมก็รชู้ ดั ว่าเป็นเพราะ ขาของเธอ เธอจึงหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงมัน เธอไม่ชอบไปบ้านของใครนักเพราะ ต้องถอดรองเท้าที่ทางเข้าบ้าน พื้นรองเท้าสองข้างของเธอหนาไม่เท่ากัน ทำให้รองเท้าข้างซ้ายและขวาต่างกันเล็กน้อย เธอจึงไม่อยากให้คนอื่นเห็น ผมคิดว่าคงเป็นรองเท้าสัง่ ตัดพิเศษ เวลากลับถึงบ้านของตัวเอง เธอจะรีบเก็บ 15


การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก

รองเท้าเข้าตู้ทันที บ้านของชิมาโมโตะมีเครื่องเสียงสเตอริโอใหม่เอี่ยมตั้งอยู่ในห้อง นัง่ เล่น ผมแวะไปฟังเพลงทีบ่ า้ นเธอบ่อย ๆ มันเป็นเครือ่ งเสียงชัน้ ดีทเี ดียว แต่ บรรดาแผ่นลองเพลย์ที่พ่อของเธอสะสมเอาไว้ดูไม่สมค่าของเครื่องเสียงเลย เขามีแผ่นเสียงอย่างมากทีส่ ดุ ราวสิบห้าแผ่น ส่วนใหญ่เป็นเพลงไลท์คลาสสิก เราฟังแผ่นเสียงราวสิบห้าแผ่นนั้นซ้ำไปซ้ำมานับครั้งไม่ถ้วน กระทั่งวันนี้ ผม ยังรำลึกถึงดนตรีเหล่านั้นได้ ทุก ๆ ตัวโน้ต ชิมาโมโตะเป็นคนดูแลแผ่นเสียง เธอจะหยิบแผ่นออกมาจากซอง ใช้ทง้ั สองมือจับขอบแผ่นวางลงบนเครือ่ งเล่นโดยไม่ให้นว้ิ แตะถูกร่องแผ่นเสียง และหลังจากใช้แปรงเล็ก ๆ ปัดหัวเข็มแผ่นเสียงจนปราศจากฝุ่นแล้วเธอก็วาง เข็มแผ่นเสียงลงบนแผ่นอย่างเบามือ เมื่อเพลงจบ เธอจะพ่นลมทำความ สะอาด แล้วเช็ดด้วยผ้าสักหลาด สุดท้ายเธอจะเก็บแผ่นเสียงใส่ซองแล้ววาง ไว้บนที่ประจำบนชั้น พ่อของเธอสอนวิธีการนี้ให้ เธอทำตามคำสอนของเขา ด้วยใบหน้าเคร่งครัด ดวงตาของเธอหรี่ กลัน้ ลมหายใจ ในเวลาเดียวกัน ผม จะนั่งอยู่บนโซฟา คอยมองดูเธอทุกอากัปกิริยา เมื่อแผ่นเสียงปลอดภัยอยู่ บนชั้นแล้วนั่นแหละ เธอจึงหันมาหาผมและยิ้มน้อย ๆ ให้ ทุกครั้งผมจะอด คิดไม่ได้ว่า ไม่ใช่แผ่นเสียงหรอกที่เธอคอยเอาใจใส่ดูแล แต่เป็นสิ่งที่คล้าย วิญญาณบอบบางของใครสักคนในขวดแก้วต่างหากเล่า บ้านของผมไม่มีแผ่นเสียงหรือเครื่องเล่นแผ่นเสียง พ่อแม่ของผม ไม่สนใจดนตรีมากนัก ผมจึงมักฟังเพลงจากวิทยุเอเอ็มทำจากพลาสติกเครือ่ ง เล็ก ๆ ที่ห้องตัวเอง ผมมักฟังร็อคแอนด์โรลและดนตรีในแนวนี้ แต่พอได้ฟัง ดนตรีไลท์คลาสสิกทีบ่ า้ นของชิมาโมโตะ ผมก็ตกหลุมรักทันที นีค่ อื ดนตรีจาก โลกอีกใบหนึ่งซึ่งผมถูกดึงดูด ผมคิดว่าคงเป็นเพราะ เธอ เป็นส่วนหนึ่งของ โลกใบนั้น สัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง เธอกับผมจะนั่งบนโซฟา ดื่มชาที่แม่ ของเธอชงให้เรา และใช้เวลายามบ่ายฟังเพลงโหมโรงของรอสซินี ซิมโฟนี พาสโทราล ของเบโธเฟน และเพียร์กินต์สวีท แม่ของเธอยินดีต้อนรับเมื่อ ผมมาที่บ้าน ผมคิดว่าเธอดีใจที่ลูกสาวมีเพื่อนอย่างรวดเร็วหลังจากย้ายมา โรงเรียนใหม่ และผมก็แต่งตัวสะอาดเนี้ยบ ว่ากันตามสัตย์ ผมไม่อาจทำใจ 16


SOUTH OF THE BORDER, WEST OF THE SUN

ให้ชอบแม่ของเธอได้มากนัก ไม่ได้ไม่ชอบอะไรอย่างเป็นรูปธรรม เธอใจดีกบั ผมเสมอ แต่ผมรู้สึกว่าวิธีพูดของเธอเจือความหงุดหงิดรำคาญเล็กน้อย ซึ่ง บางครั้งก็ทำให้ผมอึดอัด ในบรรดาแผ่นเสียงทั้งหมดของพ่อเธอ แผ่นที่ผมชอบที่สุดคือแผ่น เพลงเปียโนคอนแชร์โตของลิซท์ ด้านหน้าเป็นหมายเลขหนึ่ง ด้านหลังเป็น หมายเลขสอง มีอยู่สองเหตุผลที่ผมชอบแผ่นเสียงนี้ แรกสุด ปกแผ่นเสียง สวย สอง ไม่มีใครที่ผมรู้จัก แน่นอน ยกเว้นชิมาโมโตะ ที่เคยฟังเปียโน คอนแชร์โตของลิซท์มาก่อน ความคิดนีท้ ำให้ผมตืน่ เต้น ผมได้พบโลกอีกใบหนึง่ ที่ไม่มีใครรอบตัวผมรู้จัก เป็นสวนลับที่ผมได้รับอนุญาตให้เข้าไป ผมรู้สึก คล้ายลอยขึ้น ได้ยกระดับขึ้นสู่อีกระนาบหนึ่งของชีวิต ตัวดนตรีเองก็มหัศจรรย์ แรกทีเดียว มันจู่โจมผมอย่างยิ่งใหญ่ เกินจริงกระทั่งเข้าใจไม่ได้ แต่ทีละน้อย ด้วยการฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพอัน สลัวเลือนก็คอ่ ย ๆ ก่อร่างขึน้ ในใจผม เป็นภาพทีม่ คี วามหมาย เมือ่ ผมหลับตา ลงและตั้งสมาธิ ดนตรีมาสู่ผมคล้ายหมู่วังน้ำวน วังวนหนึ่งก่อตัวรอบนอก ออกไป อีกวงหนึ่งก็เริ่มเป็นรูปร่าง แล้ววังวนที่สองก็จะเชื่อมต่อเข้ากับอันที่ สาม ถึงตอนนี้ ผมตระหนักว่าวังวนเหล่านั้นมีคุณลักษณะในเชิงมโนทัศน์อัน เหนือจริง เหนืออืน่ ใด ผมอยากจะเล่าเรือ่ งนีใ้ ห้ชมิ าโมโตะฟัง แต่มนั อยูเ่ หนือ ภาษาธรรมดา ต้องใช้ถอ้ ยคำพิเศษทีแ่ ตกต่างออกไปอย่างสิน้ เชิง แต่ผมก็ไม่ รูจ้ กั ภาษานัน้ ว่าเป็นอย่างไร ยิง่ กว่านี้ ผมไม่รดู้ ว้ ยว่า สิง่ ทีผ่ มรูส้ กึ นัน้ มีคณ ุ ค่า พอจะแปรออกมาเป็นถ้อยคำหรือไม่ น่าเสียดายทีผ่ มจำชือ่ ของนักเปียโนไม่ได้ แล้ว แต่ผมยังจดจำสีสนั แจ่มชัดของปกแผ่นเสียงและน้ำหนักของตัวแผ่นเสียง เองได้ มันเป็นแผ่นเสียงที่หนักและหนาอย่างลึกลับทีเดียว แผ่นเสียงทีบ่ า้ นของเธอยังมีเพลงของแนต คิง โคลและบิง ครอสบี้ ปะปนอยูด่ ว้ ย เราฟังสองแผ่นนีบ้ อ่ ยครัง้ แผ่นของครอสบีเ้ ป็นเพลงคริสต์มาส แต่เราก็ฟังโดยไม่คำนึงถึงช่วงเวลา มานึกดูตอนนี้ ช่างน่าประหลาดที่เรา รื่นรมย์กับอะไรอย่างนี้ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วันหนึง่ ในเดือนธันวาคมใกล้จะถึงคริสต์มาส ชิมาโมโตะกับผมนัง่ อยู่ ในห้องนัง่ เล่นทีบ่ า้ นเธอ เรานัง่ บนโซฟา ฟังแผ่นเสียงเหมือนเคย แม่ของเธอ 17


การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก

ไปทำธุระนอกบ้าน เราจึงอยูด่ ว้ ยกันตามลำพัง บ่ายนัน้ เป็นบ่ายของฤดูหนาว ที่เมฆครึ้ม รังสีแห่งดวงตะวัน เมื่อมีม่านฝุ่นละเอียดบดบัง ก็แทบไม่อาจ ส่องผ่านชั้นเมฆหนาลงมาได้ ทุกอย่างแลดูสลัวเลือนและหยุดนิ่ง ตอนนั้น เกือบค่ำแล้ว ในห้องมืดราวกับกลางคืน แสงจากเปลวไฟในเครื่องทำความ ร้อนแบบใช้แก๊สสาดส่องผนังห้องเป็นสีเรื่อ ๆ แนต คิง โคลกำลังร้องเพลง พรีเทนด์ แน่นอนว่าเราไม่เข้าใจความหมายของเนื้อร้องภาษาอังกฤษเลย สำหรับเรา เพลงนี้เหมือนเพลงสวด แต่เราก็ชอบ และฟังมาแล้วหลายครั้ง จนสามารถร้องเลียนเสียงคำในท่อนแรกได้ พรีเทนนูอาแฮปปี้เวเนียบลู อิททิสซึ่นเวรีฮาดทูดู 1 แน่นอนว่าขณะนี้ผมเข้าใจความหมายแล้ว แสร้งทำว่าคุณสุข ใน ยามทีก่ ำลังเศร้า ไม่ใช่เรือ่ งยากเลย เพลงเพลงนีก้ บั รอยยิม้ มีเสน่หท์ ป่ี รากฏอยู่ บนใบหน้าของชิมาโมโตะราวกับเป็นหนึง่ เดียวกัน คำร้องคล้ายจะเผยถึงวิธคี ดิ เดียวกัน แต่บางครั้งผมก็รู้สึกว่าวิธีคิดนั้นเป็นเรื่องยากเหลือเกิน ชิมาโมโตะสวมสเว็ตเตอร์คอกลมสีน้ำเงิน เธอมีสเว็ตเตอร์สีน้ำเงิน หลายตัว สีนำ้ เงินคงเป็นสีโปรดของเธอ หรือไม่บางทีเธออาจจะใส่สเว็ตเตอร์ พวกนั้นเพราะสีของมันกลมกลืนไปกับเสื้อโค้ตสีกรมท่าที่เธอมักสวมใส่ไป โรงเรียน ปกสีขาวของเสื้อตัวในประอยู่ที่บริเวณคอของเธอ เธอใส่กระโปรง ลายตารางหมากรุกและถุงเท้าผ้าฝ้ายสีขาว สเว็ตเตอร์เนื้อนุ่มพอดีตัวของเธอ เผยให้เห็นหน้าอกทีน่ นู ออกมานิด ๆ เธอนัง่ พับเพียบอยูบ่ นโซฟา ศอกข้างหนึง่ เท้าบนทีพ่ กั แขนของโซฟา ขณะฟังเพลง เธอจ้องมองไปยังฉากแห่งจินตนาการ อันไกลแสนไกล นี่ เธอพูดขึน้ มา ทีเ่ ขาพูดกันว่าพ่อแม่ทม่ี ลี กู คนเดียวน่ะ เข้ากัน ไม่ค่อยได้ เธอคิดว่าจริงหรือเปล่า -----------------------------------------------1 ถอดเสียงคำร้องตามต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น

18


SOUTH OF THE BORDER, WEST OF THE SUN

ผมขบคิด แต่ไม่อาจค้นพบเหตุและผลได้ ไปได้ยินมาจากไหน ผมถาม มีคนบอกฉัน นานมาแล้วล่ะ พ่อแม่ที่ไปด้วยกันไม่ได้น่ะ มักจะ ลงเอยด้วยการมีลูกเพียงคนเดียว ตอนได้ยิน ฉันรู้สึกเศร้ามากเลย อืม ผมว่า พ่อกับแม่ของเธอไปด้วยกันได้ดีหรือเปล่า ผมไม่ได้ตอบเธอทันที ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แม่ผมร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงน่ะ ผมบอก ผมไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่อาจเป็นไปได้ว่าพอมีผมแล้ว แม่เลยมีลูกไม่ได้อีก เธอเคยคิดบ้างไหมว่าจะเป็นยังไงถ้าตัวเองมีพี่น้อง ไม่เคย ทำไมล่ะ ผมคว้าปกแผ่นเสียงที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาจ้องดู แต่ในห้องมืดเกินกว่า จะอ่านออกว่าบนนั้นเขียนอะไรไว้ ผมวางปกแผ่นเสียงลงแล้วยกข้อมือขึ้น ขยิบตาอยูห่ ลายครัง้ แม่ผมเคยถามคำถามเดียวกันนีค้ รัง้ หนึง่ คำตอบของผม ในตอนนัน้ ไม่ได้ทำให้แม่ดใี จหรือเสียใจ แม่แค่ทำหน้าแปลก ๆ แต่สำหรับผม มันเป็นคำตอบที่ซื่อสัตย์ที่สุดและจริงใจที่สุด คำตอบของผมจับต้นชนปลายไม่ถูก ผมไม่สามารถแสดงความรู้สึก ด้วยคำพูดได้ตรงจุด แต่สง่ิ ทีผ่ มต้องการจะบอกเล่าก็คอื ตัวของผม ทีเ่ ป็นผม อยู่ตอนนี้ เติบโตมาโดยไม่มีพี่น้อง ถ้าผมมีพี่น้อง ผมก็จะไม่ใช่ตัวของผม อย่างที่เป็นอยู่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติที่ผมในตอนนี้จะคิดว่าถ้าผมมี พี่น้อง ผมรู้สึกว่าคำถามของแม่ผมนั้นคล้ายไม่มีความหมาย ในตอนนัน้ ผมตอบชิมาโมโตะด้วยคำตอบเดียวกัน เธอจ้องหน้าผมนิง่ ขณะทีผ่ มพูด อากัปกิรยิ าของเธอเป็นสิง่ ทีด่ งึ ดูดผูค้ น แน่นอนครับ ผมมานึก ย้อนภายหลัง - ความรู้สึกสัมผัสคล้ายกับเธอค่อย ๆ ลอกเปลือกหุ้มหัวใจคน ออกมาทีละชั้น ๆ อย่างเบามือ ริมฝีปากของเธอขยับตามอากัปกิริยาของเธอ ไปด้วย ผมสามารถจับประกายแสงอ่อน ๆ จากก้นลึกเข้าไปในดวงตาของเธอได้ แวบหนึง่ แม้บดั นีผ้ มยังจดจำได้ แสงนัน้ ทำให้ผมหวนคิดถึงเปลวเทียนเล็ก ๆ 19


การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก

ที่วิบวับจากที่ลึกเข้าไปในห้องอันมืดและแคบ ฉันคิดว่าฉันเข้าใจสิ่งที่เธอพูดนะ เธอพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ แบบ ผู้ใหญ่ จริงหรือ อือ เธอตอบ ฉันคิดว่าในโลกนีม้ ีสงิ่ ทีค่ นื กลับสูส่ ภาพเดิมได้ กับ สิ่งที่คืนกลับไม่ได้ เวลาที่ล่วงไปเป็นสิ่งที่คืนกลับไม่ได้ เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ก็ย้อนกลับไปไม่ได้อีกแล้ว เธอคงคิดอย่างนี้สินะ ผมพยักหน้า เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งต่าง ๆ ก็จับตัวแข็ง คล้ายปูนซิเมนต์ที่จับตัวแข็ง อยู่ในถัง เราจึงไม่อาจย้อนคืนกลับไปได้อีก สิ่งที่เธออยากจะบอกก็คือ ปูน ซิเมนต์ที่เรียกว่าเธอได้จับตัวแข็งแล้ว ดังนั้น เธอนอกเหนือไปจากเธอคน ปัจจุบันจึงไม่มีอยู่ใช่ไหม ผมคิดว่าคงเป็นอย่างนั้นแหละ ผมพูดอย่างไม่แน่ใจ ชิมาโมโตะเหลือบสายตาลงมองมือของเธอแวบหนึ่ง รูไ้ หม บางครัง้ ฉันก็เริม่ คิด คิดถึงเมือ่ ฉันโตขึน้ และแต่งงาน คิดถึง ว่าฉันจะอาศัยอยู่ในบ้านแบบไหน ฉันจะทำอะไร และฉันคิดว่า ฉันจะมีลูก กี่คน โอ้โห ผมว่า เธอไม่เคยคิดหรือ ผมส่ายหัว เด็กผู้ชายอายุสิบสองปีจะคิดถึงเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร แล้วเธออยากจะมีลูกสักกี่คนล่ะ มือของเธอซึ่งก่อนหน้านี้วางพักอยู่บนโซฟา เธอยกมันมาวางไว้บน หัวเข่า ผมเหม่อมองนิว้ ของเธอซึง่ กำลังไล้ไปบนผ้าลายตารางหมากรุกทีต่ ดั เป็น กระโปรง มีบางสิ่งที่ลึกลับ คล้ายกับมีเส้นด้ายที่มองไม่เห็นพุ่งออกมาจาก ปลายนิ้วมือของเธอแล้วถักทอกันขึ้นเป็นความคิดอันใหม่สดว่าด้วยเรื่องของ กาลเวลา ผมหลับตาลง แล้วในความมืด วังวนของน้ำก็ปรากฏขึน้ เบือ้ งหน้า วังวนของน้ำจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นและดับไปโดยไร้สุ้มเสียง ไกลออกไป แนต คิง โคลกำลังร้องเพลง เซาธ์ ออฟ เดอะ บอร์เดอร์ เพลงเกี่ยวกับ 20


SOUTH OF THE BORDER, WEST OF THE SUN

เม็กซิโก แต่ในเวลานั้นผมไม่รู้ ผมรู้สึกเพียงว่า วลี เซาธ์ ออฟ เดอะ บอร์เดอร์ มีเสียงที่แปลกประหลาด ทุกครั้งที่ได้ยิน ผมมักจะคิดเสมอว่า มีบางสิง่ บางอย่างอยูท่ างทิศใต้ของพรมแดนนัน้ เมือ่ ผมลืมตาขึน้ ชิมาโมโตะ กำลังเคลื่อนนิ้วของเธอไปตามกระโปรงของเธอ ที่ไหนสักแห่งหนึ่งลึกลงไปใน ร่างกายของผม ผมรู้สึกลึกล้ำถึงความเจ็บปวดอันแสนหวาน มันแปลก เธอกล่าว เมือ่ ไหร่ฉนั คิดถึงการมีลกู ฉันจะจินตนาการ ถึงลูกได้แค่คนเดียว ฉันสามารถนึกภาพตัวเองมีลกู ได้เหมือนกัน ถ้าเป็นภาพ ฉันในฐานะแม่ และลูกอีกหนึ่งคน ไม่มีปัญหา แต่ฉันนึกภาพเด็กที่มีพี่น้อง ไม่ออก จะต้องเป็นลูกคนเดียวเสมอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอเป็นเด็กสาวที่ฉลาดเกินวัย ผมแน่ใจว่าเธอชอบผมใน ฐานะสมาชิกคนหนึง่ ของเพศตรงข้าม ผมก็รสู้ กึ เช่นนัน้ แต่ผมไม่รวู้ ธิ จี ดั การกับ ความรูส้ กึ เหล่านัน้ ผมคิดว่าชิมาโมโตะก็ไม่รเู้ หมือนกัน เธอเคยจับมือผมครัง้ หนึง่ ตอนทีพ่ าผมไปทีไ่ หนสักแห่ง เธอจับมือผมไว้ ดูเหมือนจะพูดว่า ทางนี้ เร็วสิ เธอจับมือผมไว้สบิ วินาทีเท่านัน้ แต่ผมรูส้ กึ ราวกับสามสิบนาที เมือ่ เธอ ปล่อยมือผม ผมรู้สึกว่าอยากให้เธอจับเอาไว้อย่างนั้นแม้จะรู้ว่าเธอจับมือผม อย่างแสนจะเป็นธรรมชาติ แต่ความจริงเธอก็อยากลองจับมือของผมด้วย ความรู้สึกถึงมือของเธอคงอยู่กับผมไม่จางไป มือเธอต่างจากมือ ใครอื่นที่ผมเคยจับ ต่างจากสัมผัสทั้งปวงที่ผมเคยรู้ เป็นมือเล็ก ๆ อบอุ่นของ เด็กสาววัยสิบสองปี นิว้ ห้านิว้ และกลางอุง้ มือนัน้ เหมือนกับกล่องใส่ของทีเ่ ต็ม แน่นไปด้วยทุกสิ่งที่ผมกระหายใคร่รู้ ทุกสิ่งที่ผม ต้องรู้ ด้วยการจับมือผม เธอเผยให้ผมเห็นว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร เธอแสดงให้เห็นว่า ในโลกจริง มี สถานที่แบบนี้ดำรงอยู่ ในห้วงสิบวินาทีนั้น ผมรู้สึกราวกับได้กลายเป็นนก ตัวน้อยโผผินไปในอากาศท้าทายสายลม จากทีล่ บิ ลิว่ บนท้องฟ้า ผมสามารถ มองเห็นภูมิทัศน์ไกลกว่าไกล ไกลเสียจนผมเห็นอะไรได้ไม่ชัด แต่บางสิ่ง บางอย่างก็ยังคงอยู่ที่นั่น และสักวันหนึ่ง ผมคงจะเดินทางไปถึงสถานที่นั้น การเผยแสดงนี้ทำให้ผมหายใจขัดและอกสั่นสะท้าน ผมกลับบ้านมานั่งที่โต๊ะของผม ผมจ้องมองนิ้วมือที่ชิมาโมโตะได้ 21


การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก

ยึดกุมเอาไว้อยู่นาน ผมดีใจที่เธอจับมือของผม สัมผัสอันอ่อนโยนของเธอ ทำให้หวั ใจของผมอบอุน่ นานหลายวัน ในเวลาเดียวกันก็ทำให้ผมสับสน ว้าวุน่ และรูส้ กึ ทรมาน ผมไม่รจู้ ะปฏิบตั ติ อ่ ความอบอุน่ นัน้ อย่างไรดี ผมจะเก็บความ อบอุ่นนั้นไว้ที่ไหนดี หลังเรียนจบชัน้ ประถม ชิมาโมโตะและผมแยกกันเข้าเรียนชัน้ มัธยม คนละแห่ง ผมย้ายจากบ้านทีเ่ คยอยูม่ าจนถึงบัดนัน้ ไปอีกเมือง ถึงจะเรียกว่า อีกเมือง แต่ก็อยู่ห่างออกไปเพียงสองสถานีรถไฟ ในช่วงสามเดือนแรกหลัง จากย้ายบ้าน ผมไปพบเธอสามหรือสีค่ รัง้ แต่กเ็ พียงเท่านัน้ ไม่นานผมก็เลิก ไปหาเธอ เวลานัน้ เราทัง้ คูอ่ ยูใ่ นวัยทีเ่ ปราะบาง ข้อเท็จจริงเล็ก ๆ ทีว่ า่ เราเรียน อยูค่ นละโรงเรียนและอาศัยอยูห่ า่ งจากกันสองสถานีรถไฟ ก็เพียงพอทีจ่ ะทำให้ ผมรู้สึกว่าโลกของเราได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ เรามีเพื่อน คนละกลุ่ม เครื่องแบบและหนังสือเรียนก็ต่างกันด้วย ร่างกายของผม เสียง ของผม วิธที ผ่ี มคิด ล้วนกำลังเปลีย่ นแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความเคอะเขินที่ เกิดขึน้ โดยไม่ทนั ตัง้ ตัวคุกคามโลกอันชิดใกล้ทเ่ี ราสร้างขึน้ แน่นอน ชิมาโมโตะ ยิ่งอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจที่มากกว่าผม และทั้งหมดนี้ ทำให้ผมอึดอัด แม่ของเธอเริ่มมองผมแปลก ๆ ทำไมเด็กผู้ชายคนนี้ถึงได้มา บ้านเราอยู่ได้ เหมือนเธอจะพูดอย่างนั้น เขาไม่ได้อาศัยอยู่แถวนี้อีกแล้วนี่ เรียนคนละโรงเรียนกันด้วย หรือไม่ผมก็อาจคิดมากไปเอง ดังนัน้ ชิมาโมโตะกับผมจึงค่อย ๆ แยกห่างจากกัน ทีส่ ดุ ผมก็ไม่ได้พบ เธออีกเลย และนั่นคงจะ (คงจะ เท่านั้นกระมัง เพราะการตรวจสอบความ ทรงจำแล้วตัดสินว่าเรื่องใดถูกต้องเรื่องใดผิดเพี้ยน ไม่ใช่หน้าที่ของผม เป็น ความผิดพลาดอย่างหนึ่ง ผมควรจะผูกสัมพันธ์กับเธออย่างแน่นแฟ้นต่อไป ผมปรารถนาเธอ และเธอก็ปรารถนาผม แต่ผมระมัดระวังตัวเองเกินไป และ หวั่นเกรงเหลือเกินว่าจะต้องเจ็บปวด หลังจากนั้นผมจึงไม่ได้พบเธออีกเลย แม้เราจะไม่ได้ไปมาหาสู่กันแล้ว แต่ผมก็คิดถึงเธอเสมอ ความ ทรงจำเกีย่ วกับเธอเป็นกำลังใจให้ผม ปลอบประโลมผม ในยามทีผ่ มก้าวผ่าน ความสับสนและเจ็บปวดของวัยรุ่น เธอครอบครองส่วนพิเศษในหัวใจของผม อยูเ่ ป็นเวลานาน ผมเก็บส่วนพิเศษนีไ้ ว้เพือ่ เธอโดยเฉพาะเหมือนป้ายทีว่ างจอง 22


SOUTH OF THE BORDER, WEST OF THE SUN

โต๊ะตรงมุมอันเงียบสงบในร้านอาหาร แม้ว่าผมมั่นใจว่าจะไม่ได้พบเธออีก ตอนที่รู้จักเธอ ผมอายุเพียงสิบสองปี ยังไม่มีความรู้สึกหรือความ ปรารถนาทางเพศที่แท้จริงใด ๆ แม้ผมจะรู้สึกว่าสนใจหน้าอกที่นูนออกมา ของเธอ รวมทั้งสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้กระโปรงของเธอแล้วก็ตาม แต่ผมก็หารู้ไม่ว่า สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร หรือจะนำไปสู่แห่งหนใด ผมเพียงแต่หลับตาลง ตัง้ ใจรับฟัง และจินตนาการถึงสิง่ ทีด่ ำรงอยู่ ณ สถานทีแ่ ห่งนัน้ ทิวทัศน์ทเ่ี ห็น ยังไม่สมบูรณ์ ทุกสิ่งพร่ามัวสลัวรางราวกับถูกปกคลุมด้วยหมอกน้ำค้าง แต่กระนั้นผมก็มองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญเหลือเกินวางรอผมอยู่ที่นั่น และผมก็รู้ว่าชิมาโมโตะก็กำลังมองทิวทัศน์เดียวกันกับผมนี้อยู่ด้วย เราสองคนคงจะยังมีตวั ตนทีไ่ ม่สมบูรณ์ ผมคิดว่า เพือ่ กลบฝังความ ไม่สมบูรณ์นั้น เราจึงสนใจสิ่งใหม่ ๆ ที่กำลังมาเยือน ด้วยเหตุนี้ เราจึงยืนอยู่ เบื้องหน้าประตูบานใหม่ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เพียงเราสองคนเท่านั้น ใต้ แสงอ่อนจางสลัวราง เราจับมือของกันและกันแน่นในห้วงเวลาเพียงสิบวินาที

23



เกี่ยวกับผู้เขียน

ฮารูกิ มูราคามิ เกิดที่โกเบ ในปี ค ศ 1949 เขาเรียนด้านการละครของกรีก ก่อนจะมาเป็นเจ้าของบาร์แจ๊ซในโตเกียว แต่เมื่อประสบความสำเร็จในเรื่อง การเขียนหนังสือ เขาจึงยุติชีวิตในฐานะเจ้าของบาร์แจ๊ซ เขาเป็นเจ้าของรางวัลทางวรรณกรรมหลายรางวัล ไม่ว่าจะเป็น Noma Literary Award for New Writer รางวัลทานิซากิ รางวัลโยมิอุริ และหนังสือหลายเล่มของเขาได้รับเลือกเป็น Notable Books แห่งปีของ นิตยสาร New York Times งานเขียนของเขาได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ประเทศถึง 14 ภาษา มีคนกล่าวถึงเขาว่าเป็นนักเขียนที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของวัฒนธรรม ป๊อป ทว่าเป็นวัฒนธรรมป๊อปทีม่ เี อกลักษณ์เป็นตัวของตัวเอง งานของเขาคือ ระดับปรากฏการณ์ในญีป่ นุ่ และก่อให้เกิดกระแสมูราคามิขน้ึ ในหลายประเทศ นอกจากนี้เขายังแปลงานของนักเขียนตะวันตกหลายคนเป็นภาษา ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นเอฟ สก็อตต์ ฟิตช์เจอรัลด์ เรมอนด์ คาร์เวอร์ จอห์น เออร์วิง พอล เธอโรซ์ หรือนักเขียนอเมริกันอีกหลายคน


ผลงานของฮารูกิ มูราคามิ จากสํานักพิมพกํามะหยี่ (Norwegian Wood) นพดล เวชสวัสดิ์ แปล ดวยรัก ความตาย และหัวใจสลาย เปนเรื1องราว ของความรัก ไมใชความรักทัว่ ไป หากเปนเรื1องราวของ ชายหนุมที่เรียนรูและเติบโต เรื1องราวของหญิงสาว ผูส บั สน เรื1องราวของชีวติ และความตาย คราใดที่ไดยนิ เพลงโปรดของเธอ โทรุ วาตานาเบะ ก็หวนนึกถึงนาโอโกะผูเ ปนรักแรก เรื1องราว ทีเ่ กิดขึน้ เกือบยีส่ บิ ปกอ นสมัยยังเปนนักศึกษาในโตเกียว ลองลอยอยูก บั มิตรภาพ อันพิลกึ พิลนั่ ความสัมพันธฉาบฉวย ความปรารถนา การสูญเสีย และความรัก

Dark) นพดล เวชสวัสดิ์ แปล นอกประเทศญีป่ นุ ผลงานของมูราคามิไมไดรบั การ แปลและเสพประหนึ่งวรรณกรรมที่เปนสัญลักษณแหง วัฒนธรรมญีป่ นุ แตผอู า นจากทุกวัฒนธรรมจะเสพงาน ของเขาในฐานะที่เปนเรื1องราวซึ่งชวยบรรเทาภาพลวง ทางการเมือง เงื1อนปมของความรัก ความเหงา และ ความเปลาดายของตน ในชวงเวลาไมกี่ชั่วโมงยามราตรี ตัวละครที่มีความ แปลกแยกและแตกตางทยอยเขาสูเวทีเล็กๆ กลางเมืองใหญ บางปรารถนาจะ หลบเลี่ยงความจริงบางอยางของชีวิต บางปรารถนาจะเติมเต็มจิตวิญญาณ ของตนดวยการหลอมรวมกับคนอื1น


1Q84 มุทิตา พานิช มัทนา จาตุรแสงไพโรจน ปยะณัฐ จีระกูรวิวัฒน แปล จะมีสักกี่คนในโลกนี้ที่ฟงทอนเปด ‘ซินโฟนิเอ็ตตา’ ของยานาเช็คแลวทายถูกวา นี่คือ ‘ซินโฟนิเอ็ตตา’ ของ ยานาเช็ค นาจะอยูร ะหวาง ‘นอยมาก’ กับ ‘แทบจะไมม’ี ประมาณนัน้ ไมใชหรือ แตไมรูเพราะเหตุใดอาโอมาเมะถึงทายถูก เรื1องราวของโลกสองใบที่เคลื1อนมาบรรจบ เรื1องราวของชายหญิงคูหนึ่งที่ตามหากันและกัน ที่นี่คือโลกแหงละครสัตว

ทุกอยางลวนลวงตา

I Talk When I Talk นพดล เวชสวัสดิ์ แปล บันทึกเรื1องราวชีวิตของนักวิ่งนักเขียน ไมวาคุณจะเกลียด กึ่งๆ ครึ่งๆ หรือคลั่งไคล ไมวา คุณจะรูสึกอยางไรกับฮารูกิ มูราคามิ หนังสือที่อยูใน มือคุณเลมนี้เหมาะกับคุณเปนอยางยิ่ง เมื1ออานจบแลวความหมั่นไสและ อคติของคุณจะลดลง เมื1อไดรับทราบความมานะพยายามของเขา คุณจะ รีบหยิบหนังสือที่คุณลังเลผัดผอนแลวเลาออกมาอาน ดวยอยากเห็นผลงาน จากการมีวินัยสูงขนาดนั้น คุณจะไดสัมผัสกับเนื้อแท รูจักวิถีชีวิต วิถีความคิด จากถอยคําของ “ฮารูกิ มูราคามิ” ตัวจริงเสียงจริง


นวนิยายชุด “ไตรภาคแหงมุสิก”

(Hear

Wind Sing)

นพดล เวชสวัสดิ์

แปล

นวนิยายเลมแรกของฮารูกิ มูราคามิ อันเปนปฐมบทของหนังสือชุด “ไตรภาคแหงมุสิก” เรื1องราวเลายอนไปในป ค.ศ. 1970 ชั่วระยะ 19 วัน ชวงปดเทอมของชายหนุมวัย 21 ป ที่ไมไดรับการเอยนาม ระหวางขลุกอยู ในบารคบหากับ “มุสิก” สหายหนุมลูกเศรษฐีผูขยะแขยงคนรวย เนื้อเรื1อง กลาวพาดพิงผานถึงศาสตรแหงการเขียน การลุกฮือขึ้นประทวงของนักศึกษา ญี่ปุนและเชนเดียวกับหนังสือเลมอื1นๆ ในลําดับตอมาของฮารูกิ มูราคามิ มี รายละเอียดที่ขาดไมไดเกี่ยวกับความสัมพันธและการสูญเสีย การทําอาหาร การกิน การดื1ม และการฟงเพลงฝรั่ง


นพดล เวชสวัสดิ์

แปล

ลํ า ดั บ ที่ ส อง ใน “ไตรภาคแห ง มุ สิ ก ” นิ ย าย เกี่ยวกับเครื1องเลนพินบอล ชายหนุมผู ไมไดรับการ เอยนาม กลับมาอีกครั้งพรอมกับ “มุสิก” จากเลม สดับลมขับขาน หนังสือรวมชุด เสริมทัพดวยสองสาว ฝาแฝดที่ ไดรับการขนานนามวา 208 กับ 209 เหตุ เกิดเมื1อชายหนุม นักแปลมีจติ ผูกพันกับเครื1องเลนพินบอลรุน “ยานอวกาศ” และ ออกติดตามหาเครื1องเลนในดวงใจที่อาจจะหลงเหลือเปนเครื1องสุดทาย

Wild Sheep Chase) นพดล เวชสวัสดิ์

แปล

ป จ ฉิ ม บทแห ง “ไตรภาคแห ง มุ สิ ก ” เรื1อ งราวเรี ย งร อ ยเข า กั บ ความซั บ ซ อ น ซ อ นเงื1อ น เผยภาพการปะทะระหว า ง จิ น ตนาการอั น ดิ บ เถื1อ นกั บ ตลกร า ย เผย ให เ ห็ น ขนบของนั ก สื บ สุ ด เท แ ต จ อมปลอม ผานการนําเสนออยางชํ่าชอง เมื1อนักเขียน นิรนามนําภาพแกะของเพื1อนไปเผยแพรและ ถูกอิทธิพลมืดบีบเคนคุกคาม และเริ่มออกเดินทางจากโตเกียวพรอมกับสาว หูมหัศจรรย ไปยังฮกไกโด ดินแดนหนาวเหน็บ เพื1อตามหาแกะพิสดารตาม ความประสงคของผูยิ่งใหญลึกลับ


รวมเรื1องสั้นแปลชุด แฟนมูราคามิรวมหัว Barn and ปาลิดา พิมพะกร, วิวัฒน เลิศวิวัฒนวงศา, โตมร ศุขปรีชา, ธนรรถวร จตุรงควาณิช, มัทนา จาตุรแสงไพโรจน แปล รวมเรื1องสั้นแปลจากการรวมมือรวมใจของบรรดาแฟนหนังสือ "เสนแสงทีส่ ญ ู หาย เรารองไหเงียบงัน" เปนบทพิสจู น ไดเปนอยางดีวา มูราคามิยังคงสั่นสะเทือนคนอานใหสั่นไหว เยียบเย็น และนิ่งอึ้ง รวมทั้งทิ้งปริศนา ทาทายใหคนอานขบคิดไดอยางไมรูจบ ในฉบับพิมพครั้งที่ 2 มีการสับเปลี่ยนเรื1องสั้น ใหมหนึ่งเรื1อง โดยเปนเรื1องที่ ไมเคยไดรับการแปลเปนภาษาอังกฤษมากอน เพื1อให ถูกตองครบถวนตามหนังสือรวมเรื1องสั้นตนฉบับดั้งเดิมจากภาษาญี่ปุน Second วชิรา, นาลันทา คุปต, ไกรวุฒิ จุลพงศธร, สิงห สุวรรณกิจ, จินนี่ สาระโกเศศ, อนุสรณ ติปยานนท แปล รวมเรื1องสัน้ แปลรสชาติประหลาดและหลากหลาย ฮารูกิ มูราคามิ นําผูอานเขาสูสถานการณพิลึกเพี้ยน พาไปบุกปลนรานเบเกอรีเพื1อ ถอนคําสาป ติดตามคดีชางหายกับชายผูขายเอกภาพในเครื1องใช ในครัว เปนพยานตอความรักและความสัมพันธคลุมเครือระหวางพี่ชายกับนองสาว ติดตามชีวิตตอนตอของตัวเอกในนิยายเรื1อง พินบอล, 1973 แอบอานบันทึกของชายผู เขียนไดอารีทุกวันตลอด 22 ป และตํานานอันเปนปฐมบทแหงนิยายเรื1องยาว "บันทึก นกไขลาน" ของผูเขียนคนเดียวกัน ธนพล เศตะพราหมณ, ยอดมนุษยหญิง, ดนัย คงสุวรรณ, คมสัน นัน, นฆ ปกษนาวิน, กิตติพงศ สนธิสัมพันธ, ปราบดา หยุน แปล มูราคามิพาเราไปสุดขอบโลกอีกครั้ง ดึงเราไปหลงกลมนตของ ปศาจทีเ่ ตนระบําอยูก บั บนบทเพลงแจซและความตาย ไปสํารวจดินแดน มนุษยนาํ้ แข็งอันแสนหนาวเย็นแหงขั้วโลกใต พาไปปะทะคลื1นยักษริมฝงทะเลชายฝงของ จังหวัดเล็กๆ หางไกลผูคน พานพบกับปศาจเขียวที่โผลมาใหตระหนกอกสั่นขวัญแขวน พาเราทะลวงสูความเงียบงันของมายาคติแหงผูคน นําเราไปรูจักกับความสูญเสียในหอง ที่โลงเปลากวางกลวง และการหาทางออกจากเขาวงกตแหงความกลวงเปลาหนาวเย็น เหลานั้น อาจตองแลกมาดวยความตายและการพลัดพรากอันเปนนิรันดร


เตรียมพบกับ

เร็วๆ นี้


หากพบหนังสือที่มีขอผิดพลาดหรือไมไดมาตรฐาน อาทิ หนากระดาษขาดหายหรือสลับกัน โปรดแจงมาที่ gammemagie@gammemagie.com เพื1อขอเปลี่ยนเลมใหม


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.