แซมซ่าในห้วงรัก ปาวัน การสมใจ แปล
238
ครัน้ ลืมตาตืน่ เขาก็พบว่าตนเองได้กลายร่างเป็นเกรเกอร์ แซมซ่า อยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว เขาจับจ้องมองเพดานห้องทัง้ ทีย่ งั นอนหงายอยู ่ ใช้เวลา ครูห่ นึง่ กว่าตาจะชินกับความมืดสลัว เพดานนัน้ ช่างดูสามัญ ธรรมดาแบบทีพ่ บเห็นได้ทวั่ ไป ในอดีตมันอาจเคยถูกทาเป็น สีขาวหรือครีมอ่อนกระมัง แต่เมื่อเวลาผันผ่าน รอยเปื้อน และฝุ่นได้แปรเปลี่ยนเพดานนี้ ให้กลายเป็นสีที่ชวนให้นึกถึง นมบูด ไม่มีสิ่งประดับตกแต่ง ไม่มีจุดเด่นให้จดจ�า ไม่มีการ แสดงตนหรือข้อความใด เรียกได้ว่านอกจากบทบาททาง ด้านโครงสร้างในฐานะเพดานดังที่เป็นอยู่แล้ว แลไม่เห็นถึง ความปรารถนาที่จะเป็นอะไรมากกว่านั้นเลย ผนังห้องด้านหนึง่ (จากต�าแหน่งทีเ่ ขาอยูค่ อื ด้านซ้ายมือ) มีหน้าต่างบานสูง แต่หน้าต่างบานนัน้ กลับถูกปิดกัน้ จากทาง ด้านใน ผ้าม่านที่น่าจะมีอยู่แต่เดิมถูกปลดออก แทนที่ด้วย แผ่นไม้หนาหลายแผ่นซึง่ ถูกตอกตะปูตรึงไว้กบั กรอบหน้าต่าง เป็นแนวขวาง ระหว่างแผ่นไม้แต่ละแผ่นเว้นช่องห่างจากกัน แซมซ่าในห้วงรัก
หลายเซนติเมตร ไม่รวู้ า่ เกิดจากความจงใจหรือเปล่า ท�าให้ แสงอรุ ณ สาดส่ อ งเข้ า มาเห็ น เป็ น เส้ น ขนานสว่ า งจั บ ตา หลายเส้นบนพื้นห้อง เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงต้องปิด หน้าต่างไว้แน่นหนาขนาดนี ้ เพือ่ กันไม่ให้ ใครเข้ามาในห้องนี?้ หรื อ เพื่ อ กั น ไม่ ใ ห้ ใคร (ซึ่ ง อาจหมายถึ ง เขาเอง) ออกไป ภายนอก? หรื อ อาจเป็ น เพราะก� า ลั ง จะมี พ ายุ ใ หญ่ ห รื อ ลมหมุนเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า? เขากลอกตา ขยับคอช้าๆ เพื่อหันไปส�ารวจภายในห้อง ทั้งที่ยังคงนอนหงายอยู่เช่นเดิม ภายในห้อง นอกจากเตียงที่เขาก�าลังนอนอยู่แล้ว ไม่มี สิ่งที่พอจะเรียกว่าเครื่องเรือนแม้สักชิ้น ไม่มีตู้ โต๊ะ หรือ เก้าอี ้ ผนังไร้ซงึ่ ภาพเขียน นาฬิกา หรือกระจกแขวนไว้ ไม่มี อุปกรณ์ ให้แสงสว่าง และเท่าที่สายตาของเขามองไปถึง ดูเหมือนว่าบนพื้นจะไม่มีพรมหรือผ้าเช็ดเท้าปูเอาไว้เช่นกัน พืน้ ไม้เปิดเปลือย ผนังบุวอลล์เปเปอร์สเี ก่ากึก้ ลวดลายเล็ก ละเอียด มองไม่ออกว่าเป็นลายอะไรภายใต้แสงสลัวเช่นนี้ – หรือต่อให้อยู่ในแสงสว่างก็อาจจะไม่ต่างกันนัก ฝั่งตรงข้ามกับหน้าต่าง หรือฝั่งขวามือของเขา มีประตู ซึ่งมีลูกบิดที่สีเปลี่ยนเป็นหย่อมๆ ติดอยู่บานหนึ่ง ห้องนี้ เดิมทีอาจจะเคยถูกใช้เป็นห้องปกติมาก่อน เขารู้สึกได้ถึง บรรยากาศเช่นนั้น แต่ตอนนี้กลิ่นอายของผู้อยู่อาศัยได้จาง หายไปแล้ว เหลือเพียงเตียงที่เขานอนอยู่นี้ ถูกทิ้งไว้กลาง ห้องอย่างโดดเดีย่ ว บนเตียงไม่มเี ครือ่ งนอน ผ้าปูเตียงหรือ ผ้าห่ม มีแต่เบาะนอนตั้งเปลือยเอาไว้เท่านั้น ที่ นี่ คื อ ที่ ไ หน จากนี้ ไปเขาควรท� า อย่างไรดี แซมซ่า Haruki Murakami
239
240
ไม่รเู้ ลย สิง่ ทีเ่ ขาเข้าใจได้เลือนรางคือ เขาได้กลายเป็นมนุษย์ ชื่อเกรเกอร์ แซมซ่า ไปเสียแล้ว และท�าไมเขาถึงได้รู้เรื่อง นัน้ ? อาจมีใครมากระซิบข้างหูวา่ “ชือ่ ของเธอคือ เกรเกอร์ แซมซ่า” ระหว่างที่เขาหลับใหลอยู่ก็ ได้ ถ้าอย่างนัน้ ก่อนจะมาเป็นเกรเกอร์ แซมซ่า ตัวเขาเคย เป็นใครมาก่อน? หรือเป็นอะไรมาก่อนกันแน่? แต่พอเริม่ คิดเกีย่ วกับเรือ่ งนัน้ สติของเขาก็พลันหนักอึง้ ราวกับมียุงรวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่มืดทะมึนอยู่ ในหัว สิ่งนั้น แผ่กว้างและเข้มข้น เปล่งเสียงครางหึ่งและเคลื่อนย้ายไป ยังสมองส่วนที่อ่อนนุ่ม แซมซ่าหยุดคิด การคิดเรื่องลึกซึ้ง คงเป็นสิ่งที่หนักหนาเกินไปส�าหรับเขาตอนนี้ อย่ า งไรก็ ต าม เขาจ� า เป็ น ต้ อ งเรี ย นรู ้ วิ ธี เ คลื่ อ นไหว ร่างกาย จะให้นอนดูเพดานไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้คงไม่ได้ เพราะจะดู ห ละหลวมไร้ ก ารป้ อ งกั น ตั ว เกิ น ไป ในสภาพ แบบนี้หากเจอศัตรู เช่น พวกนกดุร้าย เข้ามาจู่ โจม เขา คงไม่มีทางรอดแน่ ตอนแรกเขาเริ่มจากการลองขยับนิ้ว แขนซ้ายขวาทั้งคู่มีนิ้วยาวข้างละห้า รวมทั้งหมดสิบนิ้ว เต็ ม ไปด้ ว ยข้ อ ต่อ ผสมผสานเป็น การเคลื่ อ นไหวซั บ ซ้ อ น การขยับมันท�าให้เขารู้สึกชาวูบขึ้นมาทั้งร่าง (ราวกับถูกแช่ อยู่ ในของเหลวเหนียวหนึบเกือบทั้งตัว) ไม่สามารถส่งพลัง ไปยังส่วนปลายอวัยวะได้ดีนัก ถึงกระนั้น เขาก็หลับตาลง ตั้งสมาธิ และพออดทน ลองผิดลองถูกหลายครั้งเข้า ก็เริ่มขยับนิว้ ของมือทั้งสองได้ อย่างอิสระ และแม้จะเป็นไปอย่างเชือ่ งช้า เขาก็พอจะจ�าวิธี เคลือ่ นไหวของข้อต่อได้บา้ งแล้ว เมือ่ ปลายนิว้ ขยับ ความชา แซมซ่าในห้วงรัก
หนึบทีค่ รอบคลุมอยูท่ วั่ ร่างก็คอ่ ยคลายตัวออกทีละน้อย แต่ จากนั้นความเจ็บปวดรุนแรงก็เริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เข้า แทนที่ความเหน็บชาราวกับหินโสโครกอัปลักษณ์ที่เผยโฉม หลังน�้าในทะเลสาบลด ใช้เวลาพักหนึ่งกว่าเขาจะตระหนักได้ว่านั่นคือความหิว เขาไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนีม้ าก่อนเลย ไม่ส ิ ต้องบอกว่า อย่างน้อยเขาก็ ไม่มคี วามทรงจ�าถึงประสบการณ์นนั้ ต่างหาก มันเป็นความหิวโหยขั้นรุนแรง ประหนึ่งว่าเขาไม่ได้กินอะไร สั ก ค� า มาเป็ น สั ป ดาห์ เหมื อ นมี โ พรงถ�้ า ว่ า งโหวงเกิ ด ขึ้ น กลางร่าง กระดูกกระเดีย้ วในตัวบดเบียดเสียดสี กล้ามเนือ้ เหมือนโดนบิดจนท�าให้อวัยวะภายในเป็นตะคริว แซมซ่าไม่อาจทนทานความเจ็บปวดนัน้ ได้ เขาใช้ศอกยัน พื้นเตียง ยกกายท่อนบนขึ้นทีละนิด กระดูกสันหลังลั่นกรึบ อย่างน่ากลัวอยู่หลายครั้ง เขานอนอยู่บนเตียงนี่มานาน แค่ไหนหนอ? ทุกส่วนของร่างกายกรีดร้องเสียงแหลมแสดง เจตนารมณ์ต่อต้านการลุกหรือเปลี่ยนอิริยาบถไปจากเดิม แต่เขาก็พยายามฝืนทนความเจ็บปวด รวบรวมพละก�าลัง เท่าที่มีพยุงกายขึ้นมานั่งบนเตียงจนได้ ช่างเป็นร่างกายทีด่ ไู ม่ได้เอาเสียเลย แซมซ่าอดนึกไม่ได้ เมื่อมองร่างเนื้อเปลือยเปล่าของตนเองคร่าวๆ พลางใช้มือ ลองลูบไล้ส่วนที่มองไม่เห็น ไม่ ใช่แค่ดูไม่ได้ แต่ยังไร้การ ป้องกันอย่างทีส่ ดุ ผิวขาวเนียนลืน่ (มีขนปกคลุมร่างกายบ้าง ประปราย) ช่วงท้องอันอ่อนนุ่มไม่มีการปิดป้องแม้แต่นิด อวัยวะสืบพันธุ์มีรูปร่างแปลกประหลาดจนไม่น่าเชื่อ แขน ขายาวเก้งก้างทีม่ เี พียงอย่างละสองข้าง เส้นเลือดเปราะบาง Haruki Murakami
241
242
ปูดโปนขึ้นเขียว คอแบบบางยาวสล้างแลดูไม่มั่นคงที่น่า จะหักได้ง่ายๆ ส่วนหัวใหญ่ โตดูผิดรูปผิดร่าง มีขนยาวแข็ง คลุมปรกลงมาจากด้านบน ใบหูรูปร่างเหมือนเปลือกหอย ทิม่ โผล่ออกมาจากด้านซ้ายขวา เจ้าสิง่ นีค้ อื ตัวเขาจริงๆ หรือ? ร่างทีด่ ไู ม่สมเหตุสมผลและอาจเสียหายได้งา่ ยๆ แบบนีน้ ะ่ หรือ (ไม่มเี ปลือกหุม้ ป้องกัน อีกทัง้ ไม่มอี าวุธส�าหรับใช้ โจมตีดว้ ย) เขาจะมี ชี วิ ต รอดอยู่ ใ นโลกนี้ ได้ อ ย่างราบรื่ น หรื อ นี่ ? แซมซ่าอดคิ ด ไม่ไ ด้ ว่าท� า ไมเขาถึ ง ไม่ก ลายเป็น ปลาหรื อ ดอกทานตะวั น ให้กลายเป็นปลาหรือดอกทานตะวั นยั ง ดู ส มเหตุ ส มผลกว่ า อย่ า งน้ อ ยก็ ส มเหตุ ส มผลกว่ า การ กลายเป็นเกรเกอร์ แซมซ่า อยู่มากโข ถึงกระนั้น เขาก็ตัดสินใจเหวี่ยงขาทั้งสองลงจากเตียง วางฝ่าเท้าลงบนพืน้ แล้วต้องกลัน้ ใจวูบเมือ่ พบว่าพืน้ เปลือย นั้นเย็นกว่าที่คาดคิด หลังจากล้มเหลวอย่างยับเยิน ท�า ร่างกายกระแทกโน่นนี่อยู่หลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายเขาก็ ใช้ขาทั้งสองยันกายขึ้นยืนได้ส�าเร็จ ชายหนุ่มใช้มือข้างหนึ่ง จับขอบเตียงแน่นเพื่อประคองร่างไว้แบบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แต่ พออยูน่ งิ่ ก็กลับรูส้ กึ ว่าส่วนหัวหนักอึง้ จนไม่สามารถตัง้ คอตรง เอาไว้ ได้ เหงื่อไหลจากรักแร้ อวัยวะสืบพันธุ์หดตัวด้วย ความตึงเครียดถึงขีดสุด เขาต้องสูดลมหายใจลึกเข้าออก อยู่หลายครั้งเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่แข็งขืน เมื่อร่างกายของเขาเริ่มชินกับการยืนอยู่บนพื้นในระดับ หนึ่งแล้ว ต่อไปก็ต้องหัดเดิน แต่การเดินด้วยขาทั้งสองนั้น เป็นการท�าสิ่งที่เจ็บปวดเกือบจะเป็นการทรมานเลยทีเดียว การเคลือ่ นไหวนัน้ สร้างความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแก่รา่ งกาย แซมซ่าในห้วงรัก
ของเขา ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน การสืบเท้าไปเบื้องหน้า สลับซ้ายขวาก็ดเู ป็นการกระท�าไม่สมเหตุสมผลทีฝ่ นื กฎเกณฑ์ แห่งธรรมชาติ มุมมองของสายตาในต�าแหน่งสูงดูไม่มั่นคง จนท�าให้เขาต้องห่อตัวในตอนแรก การท�าความเข้าใจการ เคลือ่ นไหวเชือ่ มโยงกันของกระดูกเชิงกรานกับกระดูกข้อเข่า และรักษาสมดุลเอาไว้ช่างยากเหลือเกิน ทุกครั้งที่เคลื่อน กายไปเบือ้ งหน้าก้าวหนึง่ หัวเข่าของเขาจะสัน่ เทิม้ ด้วยกลัว จะหกล้ม จึงต้องใช้มือทั้งสองเกาะหนึบติดก�าแพงเอาไว้ แต่เขาจะอยู่ในห้องนี้ ไปตลอดไม่ได้ เขาต้องไปหาของกิน ให้เป็นเรื่องเป็นราวที่ ไหนสักแห่ง เพราะหากไม่รีบเอาอะไร เข้าปาก ความหิวโหยรุนแรงนี้คงกัดกินร่างกายของเขาจน สิ้นซากในไม่ช้า เขาใช้มือเกาะก�าแพงไปพลางเดินเตาะแตะไปข้างหน้า ใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะถึงประตู แม้เขาจะไม่รู้วิธีนับหน่วย ของเวลา แต่ไม่วา่ อย่างไรมวลรวมของความเจ็บปวดทรมาน ที่รุกรานท�าให้เขาตระหนักได้ว่ามันนานมาก อย่างไรก็ดี ระหว่างที่เคลื่อนที่ เขาค่อยๆ จดจ�าวิธีการใช้ข้อต่อและ กล้ามเนื้อได้ทีละส่วน แม้จะไม่เร็วนัก การเคลื่อนไหวดูไม่ คล่องแคล่ว และยังจ�าเป็นต้องมีอะไรค�้ายัน แต่อาจพอ กล้อมแกล้มเรียกว่าเหมือนการเคลื่อนไหวของคนพิการได้ กระมัง ประตูไม่ขยับเลยสักนิดเมื่อเขาใช้มือแตะลูกบิดและลอง ออกแรงดึงเข้าหาตัว ผลักออกก็ ไม่เป็นผล ต่อจากนั้น เขา ลองหมุนลูกบิดไปทางขวาและดึง คราวนีป้ ระตูสง่ เสียงเอีย๊ ด Haruki Murakami
243
244
เบาๆ และเปิดออกเข้าด้านใน ไม่ได้ล็อกกุญแจไว้ เขาลอง ยื่นหน้าออกไปด้านนอกนิดหนึ่งผ่านทางช่องว่างของประตู ที่ แ ง้ ม อยู ่ ไร้ วี่ แ ววผู ้ ค นบนทางเดิ น รอบด้ า นเงี ย บสนิ ท ราวกับอยู่ก้นทะเลลึก เขาลองก้าวขาซ้ายเหยียบย่างออก ไปในทางเดิน ใช้มือเกาะขอบประตูและโผล่กายครึ่งหนึ่ง ออกไปนอกห้อง จากนั้นก็ตามด้วยขาขวา ใช้มือทั้งสอง เกาะแนบติดก�าแพง คืบหน้าไปตามทางเดินแบบกล้าๆ กลัวๆ ด้วยเท้าเปล่า ตามทางเดิน นอกจากประตูห้องที่เขาออกมาแล้ว ยังมี ประตูอื่นๆ อีกทั้งหมดสี่บานที่ล้วนเป็นประตูไม้สีเข้มหน้าตา ละม้ายคล้ายคลึงกัน ด้านในของพวกมันจะเป็นอย่างไรหนอ? มี ใครอยู่ที่นั่นหรือเปล่า? เขารู้สึกอยากเปิดประตูแอบดู เหลือเกิน หากท�าเช่นนั้นแล้ว เขาอาจจะท�าความเข้าใจ สภาพการณ์อันยากจะเข้าใจที่เป็นอยู่ตอนนี้ ได้สักนิด หรือ รู้ถึงบางอย่างที่เป็นเงื่อนง�าของเหตุผล แต่เขากลับเลือก ที่จะย่องผ่านหน้าห้องเหล่านั้นไปเงียบๆ เพราะตอนนี้การ จัดการเติมเต็มท้องว่างๆ นีส่ า� คัญกว่าความอยากรูอ้ ยากเห็น ต้องรีบหาอะไรทีม่ เี นือ้ มีหนังมาถมโพรงถ�า้ โหวงเหวงทีก่ อ่ เกิด ในตัวเขาเสียก่อน และในตอนนี ้ แซมซ่ารูแ้ ล้วว่าควรมุง่ หน้าไปที่ ไหนเพือ่ ให้ ได้มาซึ่งสิ่งที่มีเนื้อหนัง ต้องตามกลิ่นนี้ ไป แซมซ่าคิดพลาง สูดจมูกฟุดฟิด กลิ่นของกินร้อนๆ กลิ่นของอาหารที่ ได้รับ การปรุงกลายเป็นอณูละเอียดอบอวลไปทัว่ ห้วงอากาศอย่าง เงียบงัน อณูเหล่านัน้ ตรงเข้ามากระตุน้ เยือ่ จมูกของเขาอย่าง บ้าคลั่ง ข้อมูลทางฆานประสาทส่งตรงสู่สมองในพริบตา แซมซ่าในห้วงรัก
ส่งผลให้นมิ ติ แจ่มชัดและความหิวกระหายขัน้ รุนแรงละเลียด บิ ด อวั ย วะส� า หรั บ ย่ อ ยอาหารของเขาประหนึ่ ง พนั ก งาน สอบสวนผู้เชี่ยวชาญ น�้าลายพลันสอขึ้นมาในปากทันที แต่การสาวรอยไปยังต้นตอของกลิน่ นัน่ ก่อนอืน่ เขาต้อง ลงบันได ขนาดเดินบนพื้นราบยังถือว่ายากมากส�าหรับเขา แล้ว การลงบันไดสูงชันที่มีสิบเจ็ดขั้น นับว่าไม่ต่างอะไรกับ ฝันร้าย เขาใช้สองมือจับราวบันไดเอาไว้แน่นขณะมุ่งหน้า ลงบั น ได ทุ ก ขั้ น ที่ ก ้ า วลงท� า ให้ น�้ า หนั ก ร่ า งกายทิ้ ง ลงบน ข้อเท้าผอมลีบ ไม่อาจรักษาสมดุลร่างกายได้จนเกือบกลิ้ง ตกลงไปข้างล่างหลายต่อหลายครัง้ กระดูกข้อต่อกล้ามเนือ้ ในร่ า งกายพร้ อ มใจกั น กรี ด ร้ อ งขึ้ น ทุ ก คราที่ เ คลื่ อ นไหว ด้วยท่าทางผิดธรรมชาติ ระหว่างทีล่ งบันได แซมซ่าจะนึกถึงปลากับดอกทานตะวัน แทบตลอดเวลา ถ้าเขาเป็นปลาหรือดอกทานตะวันคงไม่ จ�าเป็นต้องขึน้ ลงบันไดอยูแ่ บบนี ้ และใช้ชวี ติ อย่างสุขสงบไป ได้ชวั่ ชีวติ กระมัง? ทัง้ ทีเ่ ป็นอย่างนัน้ แท้ๆ แล้วท�าไมเขาต้อง มาท�าอะไรที่ผิดธรรมชาติและเปี่ยมไปด้วยอันตรายแบบนี้ ด้วยเล่า? ไม่มีเหตุผลเลย พอลงบันไดสิบเจ็ดขั้นส�าเร็จในที่สุด แซมซ่ากลับมายืน ดีๆ อีกครั้ง เค้นแรงที่เหลืออยู่มุ่งหน้าตามกลิ่นของกินไป ผ่านโถงทางเข้าเพดานสูง ย่างเท้าเข้าไปในห้องอาหารที่ เปิดประตูทิ้งไว้ บนโต๊ะรูปวงรีขนาดใหญ่ ในห้องรับประทาน อาหารมีจานอาหารวางเรียงราย มีเก้าอีว้ างอยูห่ า้ ตัว ไร้เงา ผูค้ น ควันสีขาวยังกรุน่ ขึน้ จางๆ จากจานอาหาร กลางโต๊ะมี แจกันดอกไม้ทา� จากแก้ว ปักไว้ดว้ ยดอกลิลขี่ าวราวหนึง่ โหล Haruki Murakami
245
246
บนโต๊ะมีชุดช้อนส้อมพร้อมผ้าเช็ดปากส�าหรับสี่คนจัดวาง แต่ไม่มีร่องรอยถูกแตะต้อง ประหนึ่งว่าอาหารเช้าเตรียม ไว้พร้อม และทุกคนก�าลังจะเริ่มลงมือรับประทานอาหาร ทว่าจู่ๆ กลับมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ให้ทุกคน พร้ อ มใจกั น ยื น ขึ้ น และหายไปที่ ไ หนสั ก แห่ ง ทั้ ง อย่ า งนั้ น กลิ่ น อายที่ ห ลงเหลือท� า ให้แซมซ่ารู้สึกเช่นนั้น และหลั ง เหตุการณ์นั้น เวลาคงยังผ่านไปไม่นานนัก เกิดอะไรขึ้นแน่? ผู้คนไปไหนกันหมด? หรือถูกพาไป ที่ ไหน? พวกเขาจะกลับมาที่นี่เพื่อกินอาหารเช้าไหม? แต่แซมซ่าไม่ได้อยู่ในสภาวะทีจ่ ะมัวครุน่ คิดเกีย่ วกับเรือ่ ง นั้นได้นานนัก เขาถลาไปทรุดกายนั่งบนเก้าอี้ ใกล้ตัว ใช้มือ คว้าอาหารที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะตรงหน้ายัดเข้าปากชิ้นแล้ว ชิ้นเล่าโดยไม่คิดใช้มีด ช้อน หรือส้อม ฉีกขนมปังเข้าปาก ทั้งอย่างนั้น ไม่ทาแยมหรือเนย กัดไส้กรอกนึ่งท่อนอวบ อ้วน ปอกไข่ต้มอย่างเก้ๆ กังๆ แล้วขยอกกลืน ขยุ้มหยิบ ผักดองน�้าส้มขึ้นกิน ใช้นิ้วกวาดมันบดอุ่นๆ เข้าปาก เคี้ยว ทุกอย่างที่ปะปนกันอยู่ ในปากรวมกัน เคี้ยวไม่หมดก็กรอก น�า้ ตามเพือ่ กลืนลงคอ เขาไม่ทันได้คิดถึงรสชาติ อร่อยหรือ ไม่อร่อย เผ็ดหรือเปรี้ยวก็แยกแยะไม่ออก สิ่งที่ค�านึงถึง ก่อนอืน่ ใดคือการถมช่องว่างในร่างกาย เขาก้มหน้าก้มตากิน แบบไม่ลืมหูลืมตาเหมือนแข่งกับเวลา จนถึงขนาดเผลอกัด นิว้ ตนเองเต็มแรงตอนตัง้ ใจจะเลียสิง่ ทีต่ ดิ เลอะ เศษของกิน ร่วงกราวเต็มโต๊ะ จานใหญ่ ใบหนึ่งร่วงลงพื้นแตกกระจาย แต่แซมซ่าไม่มีแก่ใจจะแยแส สภาพโต๊ะอาหารดูน่าอเนจอนาถราวกับมีฝูงกาบินแห่ แซมซ่าในห้วงรัก
เข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ เข้ามาแย่งกันทึ้งกินสิ่งที่อยู่ บนโต๊ะนัน้ และบินจากไป แซมซ่าสวาปามเท่าทีก่ นิ ได้แล้วจึง ค่อยสงบลง อาหารบนโต๊ะแทบไม่เหลือสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน ที่ ไม่ โดนแตะต้องคงมีแต่ดอกลิลี่ ในแจกันเท่านั้น แต่ถ้า อาหารไม่ได้ถูกเตรียมไว้เพียบขนาดนี้ แม้แต่ดอกลิลี่นั่นก็ อาจพลอยถูกกินไม่มีเหลือ ความหิวโหยของแซมซ่ารุนแรง ถึงเพียงนั้น หลังจากนัน้ อีกพักใหญ่ แซมซ่ายังคงนัง่ อยูบ่ นเก้าอีท้ ี่โต๊ะ อาหารในสภาพเลื่อนลอย มือทั้งสองวางอยู่บนโต๊ะ หอบ หายใจจนตัวโยน ตาปรือปิดไปครึ่ง เหม่อมองดอกลิลี่ขาว กลางโต๊ ะ ความรู ้ สึ ก พึ ง พอใจมาเยี่ ย มเยื อ นแช่ ม ช้ า ราว น�้าในทะเลสาบขึ้นท่วมโขดหินริมฝั่ง โพรงถ�้าภายในกาย ถูกเติมเต็ม สัมผัสได้ว่าอาณาเขตอันว่างเปล่าก�าลังค่อยๆ บีบตัวแคบเข้า เขายื่นมือไปหาหม้อโลหะ ยกรินกาแฟลงถ้วยกระเบื้อง สีขาว กลิ่นฉุนกึกของกาแฟท�าให้เขานึกอะไรบางอย่างออก ไม่ ใช่ความทรงจ�าโดยตรง หากเป็นเพียงความทรงจ�าโดย อ้อมที่ก้าวผ่านมาหลายขั้นหลายตอน เป็นช่วงเวลาอัน แปลกประหลาดที่มีความซ�้าซ้อน ราวกับเขาได้ลอบมอง ประสบการณ์ทเี่ กิดขึน้ ตอนนี้ ในฐานะความทรงจ�าจากอนาคต ประสบการณ์กับความทรงจ�าหมุนวนไปมาเป็นวัฏจักรปิด เขาเทครีมลงในกาแฟอย่างเต็มที่ ใช้นิ้วคนและดื่ม กาแฟ เกือบเย็นชืด แต่ก็ยังหลงเหลือความอบอุ่นเอาไว้เล็กน้อย เขาอมมันไว้ ในปากพักหนึ่ง แล้วค่อยระมัดระวังกลืนลงคอ Haruki Murakami
247
248
ทีละนิด กาแฟช่วยสงบความตืน่ เต้นของเขาลงได้มากพอควร แล้วแซมซ่าก็พลันรูส้ กึ หนาวยะเยือกขึน้ มา ร่างกายเริม่ สัน่ กึกๆ อย่างรุนแรง คงเป็นเพราะทีผ่ า่ นมา ความหิวทีม่ นี นั้ รุนแรงมากจนท�าให้เขาไม่รู้สึกถึงประสาทสัมผัสอื่นๆ ของ ร่างกายกระมัง แต่พอท้องอิ่มได้ ในที่สุด เลยเพิ่งรู้สึกได้ว่า อากาศยามเช้าหนาวเหน็บเพียงใด ไฟในเตาผิงมอดดับจน เย็นสนิทไปแล้ว แถมเขาในตอนนี้ยังอยู่ ในสภาพตัวเปล่า เล่าเปลือยด้วย แซมซ่าตระหนักรู้ว่าจ�าเป็นต้องหาอะไรพันกาย ปล่อย ไว้แบบนี้มันหนาวเกินไป และสภาพตอนนี้ของเขาก็เรียก ไม่ได้ว่าเหมาะกับการออกไปอยู่ต่อหน้าผู้คน อาจมี ใครมา ปรากฏกายที่ โถงประตูทางเข้าเมือ่ ใดก็ ได้ อาจเป็นผูค้ นทีอ่ ยู่ ที่นี่จนถึงเมื่อครู่ – หรือก็คือคนที่ตั้งท่าจะรับประทานอาหาร เช้าเหล่านัน้ – ย้อนกลับมาในไม่ชา้ ก็ได้ และถ้าแซมซ่ายังอยู่ ในสภาพนี้จนถึงตอนนั้น คงต้องเกิดปัญหาแน่ แล้วท�าไมเขาถึงรู้เรื่องนี้น่ะหรือ นั่นไม่ ใช่การคาดเดา ไม่ ใช่ความรู้ เป็นแค่การตระหนักรู้อันบริสุทธิ์ และแซมซ่า เองก็ ไม่รู้ว่าการตระหนักรู้นั้นมาเยี่ยมเยือนเขาด้วยวิธี ใด และจากหนไหน หรือสิง่ นัน้ อาจเป็นเพียงส่วนหนึง่ ของความ ทรงจ�าที่หมุนวนมาด้วยก็เป็นได้ แซมซ่าลุกขึ้นยืน ออกจากห้องอาหารไปยังโถงทางเข้า ตอนนี้เขาสามารถใช้ขาทั้งสองในการยืนหรือเดินได้ โดยไม่ ต้องเกาะอะไรแล้ว แม้จะยังดูเก้ๆ กังๆ และยังต้องใช้เวลา อยู่บ้างก็ตาม ที่ โถงทางเข้าบ้านมีกระบอกเสียบร่มท�าด้วย โลหะ ในนั้นมีร่มและบางสิ่งที่ดูเหมือนไม้เท้าเสียบอยู่ด้วย แซมซ่าในห้วงรัก
หลายด้าม เขาเลือกไม้เท้าสีด�าที่ท�าจากไม้สนเพื่อใช้เป็น อุปกรณ์ ในการค�้ายันขณะเดิน สัมผัสแข็งๆ จากการกอบกุม ไม้ เ ท้ า ช่ว ยให้ เ ขาสงบนิ่ ง และมี ก� า ลั ง ใจขึ้ น เวลาที่ ถู ก นกกาจู่โจมเขาอาจใช้สงิ่ นีต้ า่ งอาวุธได้ดว้ ย จากนัน้ แซมซ่า ไปยืนริมหน้าต่าง แอบมองสภาพการณ์ภายนอกผ่านช่อง ของผ้าม่านลูกไม้สีขาว หน้าบ้านมีถนนซึ่งไม่ได้กว้างขวางสักเท่าใดนัก ถนนนั้น ว่างเปล่าโหรงเหรงแทบไม่มีคนเดินผ่าน ผู้คนที่ก้าวเร็วๆ ผ่ า นมาเป็ น บางคราวต่ า งสวมใส่ เ สื้ อ ผ้ า พั น กายที่ รั ด กุ ม ไร้ช่องโหว่ หลากสีสัน หลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย แต่มีอยู่คนสองคนที่เป็นผู้หญิง ชายหญิงใส่เสื้อผ้าต่างกัน สวมรองเท้าท�าจากหนังแข็งๆ บางคนสวมบู๊ตยาวขัดมัน พื้นรองเท้ากระแทกพื้นถนนที่ปูหินก้อนกลมดังกึกๆ ทุกคน สวมหมวก เดินและยืนด้วยขาทัง้ สองเหมือนเป็นเรือ่ งธรรมดา ไม่มี ใครปล่อยให้อวัยวะสืบพันธุ์เปิดเผยสู่ภายนอก แซมซ่า ยืนหน้ากระจกขนาดเต็มตัวที่ติดอยู่บริเวณโถงทางเข้า มอง เปรียบเทียบรูปลักษณ์ของตนเองกับผูค้ นทีผ่ า่ นไปมา ตัวเขา ในกระจกช่างดูซอมซ่อและอ่อนแอเหลือประมาณ บริเวณท้อง มีน�้าจากเนื้อและมีซอสเปรอะเปื้อนไปทั่ว ขนบริเวณที่ลับ มีเศษขนมปังติดอยู่ราวกับปุยฝ้าย เขาใช้มือปัดสิ่งสกปรก ให้ ร ่ ว งหล่ น และคิ ด อี ก ครั้ ง ว่ า ต้ อ งหาเสื้ อ ผ้ า ห่ อ หุ ้ ม กาย แซมซ่าหันกลับไปที่ถนนเพื่อมองหาบรรดานกทั้งหลาย ซึ่ง ไม่มี ให้เห็นแม้สักตัว ที่ชั้นหนึ่งมี โถงทางเข้าบ้าน ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว และห้องรับแขก แต่ไม่เห็นมีสิ่งที่คล้ายกับเสื้อผ้า Haruki Murakami
249
250
อยูท่ ี่ ไหนเลย แสดงว่าชัน้ หนึง่ คงไม่ใช่ทสี่ า� หรับให้คนเปลีย่ น เสือ้ ผ้า เสือ้ ผ้าคงจะวางรวมไว้ที่ ไหนสักแห่งบนชัน้ สองกระมัง เขาตัดสินใจเดินขึน้ บันไดอีกครัง้ เมือ่ เทียบกันแล้ว การ เดินขึ้นสบายกว่าตอนเดินลงอย่างผิดคาด เขาใช้มือจับราว บันได แม้จะต้องหยุดพักหายใจเป็นช่วงๆ แต่เขาก็สามารถ ปีนบันไดสิบเจ็ดขั้นขึ้นไปได้ด้วยเวลาที่สั้นลงกว่าเดิม โดย ไม่รู้สึกถึงความกลัวหรือทรมานสักเท่าใดนัก ควรจะต้องบอกว่าโชคดีที่ ไม่มีประตูบานไหนล็อกอยู ่ เมื่อหมุนลูกบิดไปทางขวาและผลักเข้าด้านใน ประตูก็เปิด ออก ห้องบนชัน้ สองมีทงั้ หมดสีห่ อ้ ง แต่นอกจากห้องโล่งโจ้ง ดูหนาวเหน็บที่เขาลืมตาขึ้นมาแล้ว ห้องอื่นๆ ล้วนถูกจัดไว้ อย่างน่าสบาย มีเตียงพร้อมเครื่องนอนที่ดูสะอาดสะอ้าน มีตู้ลิ้นชัก มี โต๊ะเขียนหนังสือ มีอุปกรณ์ ให้แสงสว่างติดตั้ง มีพรมลวดลายสลับซับซ้อนปูไว้ ทุกสิ่งจัดระเบียบไว้เป็น อย่างดี ตลอดจนได้ รั บ การท� า ความสะอาดอย่างทั่ ว ถึ ง บนชั้ น มี ห นั ง สื อ เรี ย งไว้ อ ย่ า งงดงาม บนผนั ง แขวนภาพ สีน�้ามันของวิวทิวทัศน์ ใส่กรอบไว้เรียบร้อย ทั้งหมดเป็น ภาพชายหาดที่มีหน้าผาตัดสีขาว เมฆขาวรูปร่างคล้ายขนม ลอยฟ่องอยู่บนผืนฟ้าสีน�้าเงินเข้ม แจกันแก้วมีดอกไม้สีสด ปักเอาไว้ ไม่มหี น้าต่างทีถ่ กู ปิดกัน้ ด้วยแผ่นไม้อปั ลักษณ์ แสง อาทิตย์แรงกล้าส่องผ่านผ้าม่านประดับลูกไม้สีขาวเข้ามา อย่างสงบ ทุกเตียงมีรอยปรากฏอยู่ ราวกับมี ใครสักคน นอนอยู่จนถึงเมื่อครู่ หมอนสีขาวใบโตยังคงเหลือรอยเป็น รูปศีรษะคน เขาพบเสื้อคลุมขนาดพอดีตัวในตู้เสื้อผ้าของห้องที่กว้าง แซมซ่าในห้วงรัก
ที่สุด ถ้าเป็นตัวนี้ เขาคงพอจะใส่เป็น ส่วนเครื่องแต่งกาย อื่นๆ ดูซับซ้อนจนเขาไม่รู้วิธี ใส่ และไม่รู้ว่าต้องใส่เข้าชุดกัน อย่างไร ไหนจะกระดุมเยอะเกินไป หน�าซ�้ายังดูไม่ออกว่า ด้านไหนคือหน้าหรือหลัง บนหรือล่าง ความแตกต่างระหว่าง ท่อนล่างกับท่อนบนเขาก็ ไม่รู้ สิ่งที่เขาต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายมีมากเหลือเกิน ซึ่งหากเทียบกันแล้ว เสื้อคลุมเป็นสิ่งที่ดูง่ายกว่ามากในการใช้งานจริง เครื่อง ประดับน้อยชิ้นจนเขาคงพอจะใส่ได้ ตัวเสื้อคลุมท�าจากผ้า สีน�้าเงินเนื้อเบานุ่มอ่อนโยนต่อผิว และเขายังเจอรองเท้า แตะสีเดียวกันที่เหมือนเอาไว้ ใส่ให้เข้าคู่กันอีกด้วย เขาสวมเสือ้ คลุมทับร่างอันเปล่าเปลือย หลังจากลองผิด ลองถูกอยูห่ ลายครัง้ ก็จดั แจงผูกเชือกทีด่ า้ นหน้าของร่างกาย จนส�าเร็จ แซมซ่ามายืนหน้ากระจก เมื่อสวมเสื้อคลุมกับ รองเท้าแตะเสร็จเรียบร้อย อย่างน้อยเขาในตอนนีก้ ด็ ดู กี ว่า ตอนที่เป็นชีเปลือยเดินเพ่นพ่านมาก ถ้าหากลองสังเกตให้ ถีถ่ ว้ นขึน้ อีกนิดว่าคนรอบข้างแต่งกายกันอย่างไร เขาคงพอ เข้าใจวิธกี ารสวมใส่เสือ้ ผ้าทัว่ ไปได้อย่างถูกต้องกระมัง กว่า จะถึงตอนนั้นคงได้แต่ ใส่เสื้อคลุมนี่ ไปก่อน ถึงจะไม่อุ่นพอ แต่ตราบใดทีอ่ ยู่ในบ้านก็นา่ จะหลบเลีย่ งความหนาวได้ระดับ หนึง่ เหนือสิง่ อืน่ ใด แซมซ่ารูส้ กึ อุน่ ใจทีผ่ วิ เปลือยเปล่านุม่ นิม่ ของตนไม่ต้องถูกเหล่านกจิกทึ้งอย่างไร้ทางป้องกันแล้ว ตอนที่ เ สี ย งกริ่ ง ดั ง ขึ้ น แซมซ่ า ก� า ลั ง นอนคลุ ม โปง สะลึมสะลืออยู่บนเตียงในห้องที่กว้างที่สุด (และยังเป็นเตียง ที่ ใหญ่ที่สุดในบ้านด้วย) ใต้ผ้าห่มขนนกอุ่นๆ สบายเหมือน Haruki Murakami
251
252
ได้เข้าไปอยู่ ในเปลือกไข่ เขาฝัน ฝันว่าอะไรนึกไม่ออก แต่ เป็นฝันที่สว่างสดใสชวนให้รู้สึกดี แต่พอเสียงกริ่งที่ โถง ทางเข้าบ้านดังกังวานไปทั่ว ฝันนั้นก็ โดนเตะหายไปที่ ไหน สักแห่ง และดึงแซมซ่ากลับสู่ความเป็นจริงอันเย็นเยียบ เขาลงจากเตียง ผูกเชือกเสือ้ คลุมใหม่ให้เรียบร้อย สวม รองเท้าแตะสีนา�้ เงิน คว้าไม้เท้าทาสีดา� จับราวบันไดมัน่ และ ค่อยๆ เดินลงบันได การเดินลงบันไดสบายขึ้นกว่าตอนแรก มาก แต่จะอย่างไร ทีต่ รงนัน้ ก็เสีย่ งต่อการกลิง้ ตกอยูด่ ี ห้าม ชะล่าใจเด็ดขาด เขาก้าวทีละขั้นอย่างระมัดระวัง หยั่งเท้า ให้แน่ ใจมุ่งหน้าสู่ชั้นล่าง ระหว่างนั้น เสียงกริ่งยังคงดัง อย่างต่อเนือ่ ง เสียงระคายหูแผดดังไปทัง้ บ้าน ดูเหมือนคนที่ กดกริง่ จะขี้ โมโหและพร้อมกันนัน้ ก็เป็นคนช่างยึดติดเอาการ ในทีส่ ดุ เขาก็ลงมาถึงชัน้ ล่าง เขาก�าไม้เท้าในมือซ้าย เปิด ประตูโถงทางเข้า เมื่อหมุนลูกบิดไปทางขวาแล้วดึงเข้าหา ตัว บานประตูก็เปิดออก นอกประตู ปรากฏร่างของผู้หญิงตัวเล็กๆ ยืนอยู่ เธอ เป็นหญิงสาวทีต่ วั เตีย้ มาก ยังอุตส่าห์กดออดประตูถงึ อีกนะนี่ แต่พอดูดีๆ แล้ว ไม่ ใช่เพราะเธอมีร่างเล็ก หากเป็นเพราะ หลังที่งอหัก ท�าให้ตัวโค้งยื่นมาด้านหน้าอย่างมากต่างหาก จึงแลเห็นว่าเธอดูตัวเล็กกระจ้อยร่อย แต่ โครงร่างของเธอ นัน้ ไม่เล็กเลย หญิงสาวใช้หนังยางมัดผมเอาไว้ดา้ นหลังเป็น ช่อเดียวเพื่อไม่ ให้ตกลงมาปรกหน้าปรกตา ผมของเธอเป็น สีเกาลัดเข้มและดกหนาเอาการ สวมกระโปรงยาวเหยียด จนเกือบคลุมมิดข้อเท้า ใส่เสื้อคลุมผ้าขนสัตว์มอซอ ที่คอ ขมวดพันไว้ดว้ ยผ้าพันคอผ้าฝ้ายลายทาง ไม่สวมหมวก สวม แซมซ่าในห้วงรัก
รองเท้าถักที่ดูทนทาน อายุอานามคงราวยี่สิบต้นๆ กระมัง ถึงยังพอเห็นร่องรอยของความเป็นเด็กสาวหลงเหลืออยู่ ตาโต จมูกจิม้ ลิม้ ปากเหมือนจันทร์เสีย้ วทีต่ ดิ จะเอียงกระเท่เร่ คิ้วด�าเข้มเหยียดตรง แลดูเป็นคนขี้ระแวงอย่างประหลาด “บ้านของคุณแซมซ่าใช่ไหมคะ” หญิงสาวกล่าวพลาง เอียงคอ เหมือนจะแหงนมองใบหน้าของแซมซ่าจากด้านล่าง และบิดตัวขยุกขยิกไปมาขนานใหญ่ ราวกับผืนดินที่ ไหวกาย เลื่อนลั่นยามเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง แซมซ่าลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ใช่ครับ” อย่าง ชัดถ้อยชัดค�า ตัวเขาคือเกรเกอร์ แซมซ่า เพราะฉะนัน้ บ้าน หลังนี้กต็ ้องเป็นของครอบครัวแซมซ่าสิ พูดไปแบบนีค้ งไม่มี ปัญหาอะไรหรอก แต่หญิงสาวฟังแล้วเหมือนจะไม่คอ่ ยชอบใจกับค�าตอบนัน้ สักเท่าใดนัก เธอเบ้หน้าเล็กน้อย ดูท่าจะสัมผัสได้ถึงความ ลังเลนิดหน่อยในค�าตอบของแซมซ่ากระมัง “ที่ นี่ น่ะ เป็ น บ้ า นของคุ ณ แซมซ่าจริ ง ๆ ใช่ ไ หมคะ” หญิ ง สาวเน้ น เสี ย งถาม ประหนึ่ ง เป็น คนเฝ้ า ประตู ม าก ประสบการณ์ ไล่ต้อนถามคนนอกผู้ยากไร้ “ผมคือเกรเกอร์ แซมซ่า ครับ” แซมซ่าพยายามสงบใจ ตอบเท่าที่ท�าได้ นั่นคือความจริงแน่นอน “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีค่ะ” หญิงสาวกล่าว จากนั้นหยิบ กระเป๋าผ้าสีด�าขนาดใหญ่ท่าทางหนักอึ้งที่วางไว้บริเวณเท้า ขึ้นมาถือ กระเป๋านั้นมีรอยขูดขีดกระจายไปทั่ว แสดงให้ เห็นว่าผ่านการใช้งานมานานปี เธอคงรับช่วงต่อมาจากใคร กระมัง “ถ้าอย่างนั้นก็ขอดูหน่อยสิคะ” Haruki Murakami
253
254
หญิงสาวเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วโดยไม่รอค�าตอบรับ แซมซ่าปิดประตู หญิงสาวยืนนิ่ง กวาดตามองแซมซ่าที่อยู่ ในชุดเสือ้ คลุมกับรองเท้าแตะจากหัวจดเท้าด้วยสายตาสงสัย และกล่าวด้วยน�้าเสียงเย็นชา “ดูเหมือนฉันจะท�าให้คุณตื่นกลางคันสินะคะ” “เอ่อ ก็ ไม่เป็นไรหรอกครับ” แซมซ่าตอบ สัมผัสได้จาก สายตาถมึงทึงของอีกฝ่ายว่าเสือ้ ผ้าทีเ่ ขาสวมใส่อยูค่ งไม่ใคร่ เหมาะกับสภาพการณ์ตอนนี้สักเท่าใดนัก “ขอโทษด้วยที่อยู่ ในสภาพแบบนี้ คือมีเหตุอะไรหลายๆ อย่างน่ะ” เขากล่าว หญิงสาวไม่เอ่ยค�าใด เม้มปากเป็นเส้นตรง “แล้วยังไง ล่ะ” “แล้วยังไงคือ” แซมซ่าพูด “แล้วกลอนตัวปัญหานั่นมันอยู่ไหน” “กลอน?” “กลอนที่พังอยู่ไง” หญิงสาวเลิกล้มความพยายามที่จะ ข่มน�้าเสียงหงุดหงิดไปเรียบร้อยแล้ว “ไหนบอกว่าอยากให้ มาซ่อมกลอนที่พังอยู่ยังไงล่ะ” “อ๋อ” แซมซ่าตอบ “กลอนที่พังอยู่” แซมซ่าใช้ความคิดอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่พอตัง้ สมาธิ ไว้กับเรื่องเดียว เขาก็สัมผัสได้ว่าภายในหัวของเขามีฝูงยุง ด�าทะมึนก่อตัวขึ้นมาอีกแล้ว “ผมไม่เห็นรูอ้ ะไรเกีย่ วกับเรือ่ งกลอนเลย” เขาเอ่ย “น่าจะ เป็นกลอนประตูอันไหนสักอันที่ชั้นสองนะครับ” หญิงสาวเบะหน้าอย่างชัดเจน เอียงคอ แหงนหน้ามอง แซมซ่าในห้วงรัก
แซมซ่า “น่าจะ?” น�า้ เสียงนัน้ ยิง่ ทวีความเย็นชา เลิกคิว้ ขึน้ ข้างหนึ่ง “อันไหนสักอัน?” แซมซ่ารูด้ วี า่ ใบหน้าของตนแดงวูบ รูส้ กึ อายทีต่ นเองไม่มี ความรู้ ใดๆ เกี่ยวกับกลอนกุญแจที่พังอยู่เลย เขากระแอม แต่กลับไม่อาจพูดค�าใด “คุณแซมซ่า พ่อแม่ไม่อยู่หรือ ฉันคิดว่าควรจะคุยกับ พ่อแม่ของคุณโดยตรงดีกว่า” “ดูเหมือนตอนนี้จะมีธุระให้ต้องออกไปข้างนอกน่ะครับ” แซมซ่าตอบ “ออกไปข้างนอก?” หญิงสาวกล่าวอย่างประหลาดใจ “ในสถานการณ์แบบนี้จะมีธุระอะไรได้หรือ” “ไม่รู้สิครับ เมื่อเช้าตื่นขึ้นมา ในบ้านก็ ไม่มี ใครแล้ว” แซมซ่าบอก “ตายจริง” หญิงสาวกล่าวแล้วถอนหายใจยาวเยือก “อุตส่าห์บอกไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะมาซ่อมช่วงเช้าเวลานี้” “ขอโทษครับ” หญิงสาวเบะปากอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงลดคิ้วข้างที่เลิก ขึ้นลงมาเป็นปกติ มองไม้เท้าทาสีด�าที่แซมซ่าถือในมือซ้าย “ขาไม่ค่อยดีหรือ คุณเกรเกอร์” “ครับ นิดหน่อย” แซมซ่าตอบอย่างคลุมเครือ หญิงสาวเริ่มขยับตัวขยุกขยิกขนาดใหญ่อีกครั้งทั้งที่ยัง อยู่ ในสภาพงองุ้ม แซมซ่าไม่รู้ความหมายและวัตถุประสงค์ ของการกระท�านั้น แต่สัญชาตญาณของเขาก็ ไม่ได้รู้สึก ไม่ชอบใจกับการเคลื่อนไหวร่างกายซับซ้อนแบบนั้น หญิงสาวกล่าวขึ้นปลงๆ “ช่วยไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะ Haruki Murakami
255
ลองตรวจกลอนที่ช้ันสองดู อุตส่าห์ออกเดินทางข้ามเมือง ข้ามสะพานมาถึงที่นี่ ในภาวะล�าบากยากเข็ญแบบนี้ทั้งที ถือเป็นการเสี่ยงชีวิตเชียวนะ แล้วจะให้บอกว่า ‘อ้อหรือคะ ไม่อยู่หรือคะ งั้นกลับละ’ แล้วยอมแพ้กลับไปได้อย่างไร ใช่ไหมล่ะ” ในภาวะล�าบากยากเข็ญแบบนี้? แซมซ่าท�าความเข้าใจ สภาพการณ์ ไม่ได้มากนัก อะไรหรือที่ว่าล�าบาก? แต่เขา เลือกที่จะไม่ถาม อย่าแสดงความไม่รู้ของตนเองออกไป มากกว่านี้จะดีกว่า
256
หญิงสาวถือกระเป๋าสีด�าแลดูหนักอึ้งเอาไว้ด้วยมือขวา ด้วยร่างกายหักพับครึง่ แบบนัน้ ท�าให้เธอดูเหมือนแมลงก�าลัง คลานกระดุบกระดิบขึน้ บันได แซมซ่าจับราวบันได เดินตาม เธอขึน้ ไปช้าๆ ท่าเดินของเธอช่วยปลุกความรูส้ กึ ร่วมอันคุน้ เคย ครั้งเก่าภายในตัวเขาขึ้นมา หญิงสาวยืนอยู่บนทางเดินของชั้นสอง กวาดตามอง ประตูทั้งสี่ “น่าจะเป็นกลอนอันไหนสักอันของประตูพวกนี้ สินะที่พังอยู่” แซมซ่าหน้าร้อนวูบขึน้ มาอีกครัง้ “ใช่ครับ อันไหนสักอัน” เขาตอบ พร้อมกล่าวเสริมอย่างกล้าๆ กลัวๆ “เอ่อ รู้สึกว่า มันอาจจะเป็นประตูบานในสุดทางด้านซ้ายนะครับ” นั่นคือ ประตูของห้องว่างเปล่าไร้เครื่องเรือนที่แซมซ่าลืมตาตื่น ขึ้นมาเมื่อเช้า “รู้สึกว่า” หญิงสาวเอ่ยด้วยน�้าเสียงไร้อารมณ์ที่ชวนให้ นึกถึงกองไฟที่ดับมอด “อาจจะเป็น” กล่าวแล้วเธอก็หัน แซมซ่าในห้วงรัก
กลับมา แหงนคอมองหน้าแซมซ่า “คลับคล้ายคลับคลา” แซมซ่ากล่าว “คุณเกรเกอร์ แซมซ่า คุยกับคุณนี่ช่างสนุกจริงๆ ใช้ ค�าศัพท์หลากหลาย ค�าบรรยายก็ถูกต้องชัดเจน” หญิงสาว กล่าวด้วยน�า้ เสียงแห้งแล้ง แล้วถอนหายใจออกมาอีกค�ารบ ก่อนเปลี่ยนน�้าเสียง “เอาเถอะ ฉันจะลองตรวจสอบกลอน ของประตูทางซ้ายบานในสุดนั่นก่อน” หญิงสาวเดินไปทีห่ น้าประตู หมุนลูกบิด จากนัน้ จึงผลัก ประตูเปิดเข้าสูภ่ ายใน สภาพห้องไม่ตา่ งจากตอนทีเ่ ขาออกไป ไม่มเี ครือ่ งเรือนอืน่ ใดนอกจากเตียง เตียงนัน้ วางโดดเดีย่ วอยู่ กลางห้อง เหมือนเกาะตัง้ อยูอ่ ย่างเป็นเอกเทศกลางกระแสน�า้ ทะเล บนเตียงมีเพียงเบาะเปลือยที่ ไม่อาจเรียกได้วา่ สะอาด วางอยู่ เขาลืมตาตื่นขึ้นมาในฐานะเกรเกอร์ แซมซ่า บน เบาะนั้น ไม่ ใช่ความฝัน พื้นเปลือยเย็นยะเยือก หน้าต่าง มีแผ่นไม้ตอกตรึงเอาไว้แน่นหนา แม้จะเห็นสภาพเหล่านั้น หญิงสาวกลับไม่แสดงท่าทีประหลาดใจใดๆ เลย ราวกับเรือ่ ง เพียงแค่นี้เป็นสิ่งที่มีขึ้นบ่อยๆ ในเมืองนี้ หญิงสาวทรุดกายลงนั่งยองๆ เปิดกระเป๋าสีด�า หยิบ ผ้าสักหลาดสีครีมผืนหนึ่งออกมาปูบนพื้น จากนั้นจึงจัดแจง เลือกเครื่องมือหลายชิ้นออกมาวางเรียงบนผ้าตามล�าดับ อย่ า งเป็ น ระเบี ย บ ราวกั บ เจ้ า หน้ า ที่ ก ระท� า การทรมาน ผู้ช�านาญการก�าลังตั้งอกตั้งใจจัดเตรียมอุปกรณ์ที่แสนจะดู ไม่เป็นมงคลต่อหน้าเหยื่อผู้น่าสงสาร ก่อนอืน่ หญิงสาวเลือกเส้นโลหะอวบอ้วนขนาดกลางขึน้ มาแทงเข้าไปในรูกญ ุ แจ ขยับหมุนไปมาด้วยท่าทีชา� นิชา� นาญ Haruki Murakami
257
258
ระหว่างนัน้ เธอหรีต่ าเพ่งด้วยความระมัดระวัง และคอยเงีย่ หู ฟังไปด้วย แล้วเปลี่ยนมาหยิบอุปกรณ์ โลหะขนาดเล็กกว่า เดิมขึน้ มาท�าแบบเดียวกัน จากนัน้ จึงเบะปากเป็นรูปดาบจีน ด้วยท่าทีไร้อารมณ์เหมือนเหนือ่ ยหน่ายเสียเต็มประดา หยิบ ไฟฉายขนาดใหญ่ขึ้นมาส่องตรวจรูกุญแจแคบๆ ด้วยสายตา เคร่งเครียดดุดัน “นี่ มีกุญแจของกลอนประตูบานนี้ ไหม” หญิงสาวถาม แซมซ่า “ผมไม่รคู้ รับว่ากุญแจนัน่ อยูท่ ี่ ไหน” เขาตอบไปตามตรง “โอย คุณเกรเกอร์ แซมซ่า บางทีฉันก็ชักจะอยากตาย ขึ้นมาแล้วนะ” หญิงสาวกล่าวพลางแหงนหน้ามองเพดาน เธอไม่แสดงท่าทีสนใจแซมซ่าอีก เลือกไขควงขึ้นมา จากบรรดาเครื่องมือที่วางเรียงรายอยู่บนผ้าสักหลาดสีครีม ค่อยๆ ถอดตัวกลอนกุญแจออกมาทัง้ อันด้วยความระมัดระวัง ไม่ ให้ตัวตะปูมีบาดแผล ระหว่างนั้นเธอจะหยุดมือเป็นพักๆ เพื่อบิดตัวขยุกขยิกขนานใหญ่ และขณะเฝ้าสังเกตการบิดตัวยุกยิกนัน่ จากทางด้านหลัง ภายในร่างกายของแซมซ่าเริ่มเกิดปฏิกิริยาแปลกประหลาด ที่ ไหนสักแห่งของร่างกายเขาเริม่ อุน่ ขึน้ รูส้ กึ ได้วา่ โพรงจมูก บานออก ในปากแห้งผาก เมื่อกลืนน�้าลายเกิดเสียงอึกดัง แว่วให้ ได้ยินบริเวณหู รู้สึกคันยุบยิบที่ติ่งหูโดยไม่รู้สาเหตุ อวัยวะสืบพันธุ์ที่เคยห้อยต่องแต่งตกลงเบื้องล่างมาตลอด กลับค่อยๆ แข็งตัว อวบขึ้น ยาวขึ้น และค่อยๆ ผงาดขึ้น ด้านบนทีละน้อย ส่งผลให้เสื้อคลุมด้านหน้าของเขาโป่งนูน ขึ้นมา แต่แซมซ่าไม่รู้เลยว่าสิ่งนั้นมีความหมายเช่นไร แซมซ่าในห้วงรัก
หญิงสาวหยิบกลอนประตูที่ถอดออกมา ถือไปใกล้ๆ หน้าต่าง อาศัยแสงสว่างทีล่ อดมาตามช่องว่างระหว่างแผ่นไม้ ตรวจสอบกลอนอย่างละเอียด สีหน้าเคร่งเครียด เม้ม ริมฝีปากบึ้งตึงแน่น ใช้อุปกรณ์ โลหะขนาดเล็กแหย่เข้าไป บ้าง หรือบางครั้งก็เขย่าแรงๆ เพื่อทดสอบเสียง จากนั้นก็ ถอนใจจนไหล่ไหวเฮือก หันกลับมาหาแซมซ่า “ข้างในดูเหมือนจะพังยับเลย” หญิงสาวกล่าว “จริง อย่างที่คุณแซมซ่าบอก เจ้านี่แหละที่พังอยู่” “ดีจังเลย” แซมซ่าตอบ “ไม่ดขี นาดนัน้ หรอก” หญิงสาวโต้ “กลอนนีซ้ อ่ มทีน่ ี่ ไม่ได้ ในทันทีหรอกนะ เพราะเป็นของสัง่ ท�าพิเศษ ฉันต้องเอากลับ ไปให้พ่อกับพวกพี่ชายที่บ้านดูให้ ถ้าเป็นพวกเขาก็อาจจะ พอซ่อมได้ แต่ฉันเอาไม่อยู่หรอก ฉันยังเป็นแค่เด็กฝึกงาน ที่ซ่อมได้แต่กลอนธรรมดาๆ” “อย่างนี้นี่เอง” แซมซ่ากล่าว หญิงสาวคนนี้มีพ่อกับ พี่ชายหลายคน และพวกเขาท�างานเป็นช่างกุญแจกันทั้ง ครอบครัว “จริงๆ แล้ว พ่อหรือพี่ชายสักคนต้องเป็นคนมาที่นี่ แต่ ก็นะ อย่างทีร่ ๆู้ กันว่าสถานการณ์เกิดวุน่ วายเสียแบบนี ้ ฉัน เลยถูกส่งมาแทน เพราะทั่วเมืองมีแต่ด่านตรวจเต็มไปหมด นี่ละ” จากนั้นหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนร่าง สะท้าน “แต่ท�าอีท่าไหนถึงพังด้วยวิธีที่แปลกประหลาดแบบนี้ ได้ ฉันไม่รหู้ รอกนะว่าใครท�า แต่คดิ ได้อย่างเดียวว่าต้องมีการใช้ Haruki Murakami
259
260
เครื่องมือพิเศษท�าลายกลอนจากด้านใน” ว่าแล้วหญิงสาวก็บิดตัวขยุกขยิกขนานใหญ่อีกครั้ง เธอ บิดตัว ยืน่ แขนทัง้ สองข้างอ้อมไปด้านหลังเหมือนก�าลังว่ายน�า้ ด้วยท่าพิเศษเฉพาะตัว และท�าไมก็ ไม่รู้ การเคลื่อนไหวนั้น ช่างดูมีเสน่ห์และท�าให้แซมซ่ารู้สึกหวามไหวเหลือเกิน “ขอถามสักข้อได้ ไหมครับ” แซมซ่าตัดสินใจถามโพล่ง ขึ้นมา “ถามรึ ? ” หญิ ง สาวตอบค� า ด้ ว ยสายตาระแวดระวั ง “ไม่รู้หรอกว่าอะไร ลองถามมาสิ” “ท�าไมบางครั้งต้องท�าท่าบิดตัวแบบนั้นด้วยครับ” หญิงสาวเผยอปากน้อยๆ มองหน้าแซมซ่า “บิดตัว?” จากนัน้ ก็นงิ่ คิดไปชัว่ ครู ่ “หมายถึงแบบนีร้ ?ึ ” ว่าแล้วหญิงสาว ก็ท�าท่าบิดตัวขยุกขยิกให้ดู “ใช่” แซมซ่าตอบ หญิ ง สาวใช้ ด วงตาเหมื อ นก้ อ นกรวดหนึ่ ง คู ่ ม องหน้ า แซมซ่านิ่งพักหนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย “บรามันไม่พอดีกับตัวน่ะ แค่นั้นแหละ” “บราหรือ?” แซมซ่าเอ่ย ค�าศัพท์นั้นไม่เชื่อมโยงกับ ความทรงจ�าใดๆ ที่มี ในตัวเขาเลย “ก็บราน่ะสิ รู้จักไหม” หญิงสาวกล่าวเหมือนถ่มค�าพูด “อะไรยะ คิดว่าการทีผ่ หู้ ญิงหลังค่อมใส่บรามันแปลกนักรึไง หรือคิดว่าดัดจริต” “หลังค่อม?” แซมซ่าทวนค�า ค�าศัพท์นนั้ ซึมซับเข้าไปใน ขอบเขตความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุดแห่งการตระหนักรู้ของ เขา แซมซ่าไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดเลย แต่เขาต้องตอบอะไร แซมซ่าในห้วงรัก
สักอย่างออกไปก่อน “เปล่า ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย” เขาแก้ตัวเสียงแผ่ว “นี่ ฉันก็มีนมสองเต้ากับเขาเหมือนกันนะ ถึงต้องมีบรา ประคองเอาไว้ยังไงล่ะ ไม่ ใช่แม่วัวนี่ จะได้ปล่อยให้ห้อย โตงเตงเวลาเดิน” “แน่นอนครับ” แซมซ่าตอบรับไปทั้งที่ยังคงไม่เข้าใจ “แต่เพราะร่างกายฉันเป็นแบบนี ้ มันเลยแนบไปกับล�าตัว ไม่สนิท พอดีร่างกายฉันต่างไปจากผู้หญิงทั่วไปนิดหน่อย บางครั้งเลยต้องบิดตัวขยุกขยิกแบบนี้เพื่อจัดทรงให้เข้าที่ การเป็นผูห้ ญิงเนีย่ มันมีอะไรต่อมิอะไรทีล่ า� บากกว่าทีค่ ณ ุ คิด เยอะเลยนะ แล้วการมานัง่ จ้องชาวบ้านจากด้านหลังแบบนี้ มันสนุกตรงไหนหรือ” “เปล่า ไม่ได้สนุกหรอกครับ แต่ผมแค่สงสัยว่าท�าไมต้อง ท�าแบบนั้นเท่านั้นเอง” แซมซ่ า พอจะเดาได้แ ล้ ว ว่าบราคื อ อุ ป กรณ์ ที่ เ อาไว้ ประคองทรวงอก หลังค่อมคือลักษณะร่างกายเฉพาะตัวของ หญิงสาว ในโลกนี้มีสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้มากมายจริงๆ ด้วย “คุณนี ่ ไม่ได้กา� ลังกวนประสาทกันเล่นใช่ไหม” หญิงสาว ถาม “ไม่ได้กวนประสาทครับ” หญิงสาวเอียงคอมองหน้าแซมซ่า และได้รู้ว่าเขาไม่ได้ ตั้งใจที่จะยียวนกวนประสาทเธอจริงๆ ประกอบกับดูไม่มี เจตนาร้าย คงเป็นเพราะไม่มีไหวพริบกระมัง หญิงสาวคิด แต่ดูท่าทางได้รับการเลี้ยงดูมาดี หน้าตาหล่อเหลาพอใช้ อายุคงราวสามสิบ และไม่ว่าจะมองยังไงก็ผอมไป หูใหญ่ Haruki Murakami
261
262
เกิน สีหน้าไม่ค่อยจะดี แต่มีมารยาท จากนั้นหญิงสาวจึงสังเกตเห็นว่าช่วงล่างของเสื้อคลุม ที่แซมซ่าสวมอยู่ โป่งนูนขึ้นมาเป็นมุมสูงชัน “อะไรของคุณ” หญิงสาวพูดด้วยน�า้ เสียงเย็นเยียบ “นัน่ มันอะไร ที่ปูดโปนออกมานั่นน่ะ” แซมซ่าก้มลงมองด้านหน้าของเสื้อคลุมที่ โป่งนูนออกมา เขาเดาได้จากน�้าเสียงของอีกฝ่ายว่าคงจะเป็นปรากฏการณ์ ที่ ไม่สมควรแสดงออกต่อหน้าผู้คนเท่าใดนัก “อย่างนีน้ เี่ อง คุณสนใจงัน้ สิ ว่าการได้ฟคั ผูห้ ญิงหลังค่อม มันเป็นยังไง” หญิงสาวถ่มค�าพูด “ฟัค?” เขาตอบ ไม่เคยได้ยินค�านั้นมาก่อนเลย “เพราะหลังโก่งไปด้านหน้า คุณเลยคิดว่าเหมาะกับการ สอดใส่จากทางด้านหลังสินะ” หญิงสาวกล่าว “พวกที่คิด อะไรวิปริตแบบนั้นในสังคมนี้มีอยู่เพียบเลย และทุกคนมัก คิดว่า ถ้าเป็นฉัน คงยอมให้ท�าแต่ โดยดี แต่ว่าเสียใจด้วย มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” “ไม่คอ่ ยเข้าใจหรอกนะ” แซมซ่าพูด “แต่ถา้ ผมท�าให้คณ ุ รูส้ กึ ไม่ดกี ต็ อ้ งขอโทษด้วย ขอโทษครับ กรุณายกโทษให้ดว้ ย ไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอกครับ แต่ผมป่วยอยู่พักหนึ่ง ท�าให้ ไม่ค่อยรู้อะไรๆ เท่าไหร่นัก” หญิงสาวถอนหายใจ “เฮ้อ ช่างเถอะ เข้าใจแล้ว” เธอ กล่าว “คุณนี่ คงจะสมองช้าสินะ มีแต่ไอ้จู๋ที่ดูแข็งแรงดี ช่วยไม่ได้นี่นะ” “ขอโทษครับ” แซมซ่ากล่าวขอโทษ “ช่างเถอะ เฮ้อ” หญิงสาวกล่าวอย่างปลงตก “ที่บ้าน แซมซ่าในห้วงรัก
ก็มีพี่ชายที่ ไม่ค่อยจะได้เรื่องอยู่ตั้งสี่คน ตั้งแต่เด็กๆ ฉันได้ เห็นพฤติกรรมแบบนั้นมาจนเอือม พวกนั้นจงใจท�าให้เห็น เพื่อแกล้งฉันน่ะ เป็นพวกนิสัยเสียทั้งนั้น เพราะงั้นจะว่าชิน ฉันก็ชินแล้วละ” กล่าวแล้วหญิงสาวก็ทรุดลงนั่งยองๆ เก็บเครื่องมือที่ เรียงรายทีละชิน้ ใช้ผา้ สักหลาดสีครีมห่อกลอนทีช่ า� รุด แล้ว เก็บลงกระเป๋าสีดา� พร้อมกับเครือ่ งมือต่างๆ อย่างระมัดระวัง จากนั้น เธอก็ยืนขึ้น ถือกระเป๋าไว้ ในมือ “ฉันจะเอากลอนนี่กลับไปด้วย บอกพ่อแม่คุณด้วย คง ต้องซ่อมที่บ้านหรือไม่ก็เอาของใหม่มาเปลี่ยนให้เท่านั้น แต่ จะหาของใหม่ชว่ งนีก้ ค็ งยากหน่อย พอคุณพ่อคุณแม่กลับมา ก็บอกท่านด้วยแล้วกัน เข้าใจไหม จ�าได้หรือเปล่า” แซมซ่าตอบว่าจ�าได้ หญิงสาวเป็นฝ่ายยืนขึ้นก่อน เดินลงบันไดอย่างแช่มช้า แซมซ่าเดินตามลงมาติดๆ สภาพของทั้งสองขณะลงบันได มาช่างตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งอยู่ ในสภาพเกือบ หมอบคลาน ส่วนอีกคนอยู่ ในสภาพหงายตัวกลับด้านอย่าง ผิดธรรมชาติ แต่ถึงกระนั้น ทั้งสองก็พร้อมใจกันลงมาด้วย ความเร็วเกือบเท่าเทียมกัน ระหว่างนั้นแซมซ่าพยายาม แก้ ไขสิ่งที่ “ปูดโปน” ให้หายไป แต่ส่ิงนั้นกลับไม่ยอมกลับสู่ สภาพเดิมง่ายๆ โดยเฉพาะยิง่ มองตามด้านหลังของหญิงสาว ที่เดินอยู่ หัวใจของเขายิ่งเต้นแรงโครมคราม สูบฉีดโลหิต สดใหม่รุ่มร้อนรุนแรงและยิ่งท�าให้สิ่งที่ “ปูดโปน” นั้นคง สภาพเช่นเดิม “อย่างที่บอกไปเมื่อกี้นี้ อันที่จริงพ่อหรือพี่ชายคนไหน Haruki Murakami
263
264
สักคนต้องเป็นคนมาทีน่ ”ี่ หญิงสาวกล่าวขึน้ ที่โถงทางเข้าบ้าน “แต่เพราะในเมืองมีทหารถือปืนอยู่เต็มไปหมด และยังมี รถถังคันเบ้อเริม่ จอดอยูท่ วั่ ทุกแห่ง โดยเฉพาะสะพาน มีการ ตั้งด่านตรวจที่สะพานทุกจุด ท�าให้ผู้คนมากมายถูกลากตัว ไปที่ ไหนสักที่ พวกผู้ชายที่บ้านเลยพลอยออกมาข้างนอก ไม่ได้ เพราะถ้าโดนจับตาและพาตัวไปก็ ไม่รู้จะได้กลับมา เมื่อไหร่ อันตรายเกินไป ฉันถึงได้ต้องออกมาแทน ตัดข้าม กรุงปรากมาตามล�าพัง เพราะอย่างฉันคงไม่มี ใครมายุง่ ด้วย นานๆ ที ฉันคนนี้ก็มีประโยชน์กับเขาเหมือนกัน” “รถถัง?” แซมซ่าทวนค�าอย่างเลื่อนลอย “รถถังเยอะแยะเลยละ ที่มีปืนใหญ่กับปืนกลติดอยู่ด้วย น่ะ” หญิงสาวกล่าวพลางชีม้ อื ไปยังส่วนทีป่ ดู โปนออกมาของ แซมซ่า “ปืนใหญ่ของคุณก็ดูยิ่งใหญ่ดีอยู่หรอก แต่ไอ้ โน่น น่ะเป็นอะไรที่ทั้งใหญ่ ทั้งแข็ง และรุนแรงกว่าไอ้นั่นอีก ถ้า ครอบครัวของคุณกลับมาได้ โดยปลอดภัยก็ดสี ิ คุณไม่รจู้ ริงๆ หรือว่าทุกคนไปไหนกัน” แซมซ่าส่ายหน้า ไม่รู้ว่าทุกคนไปไหนกัน “จะได้เจอคุณอีกไหม” แซมซ่าถามไปตรงๆ หญิงสาวเอียงคอช้าๆ แหงนคอมองหน้าแซมซ่าด้วย ความสงสัย “คุณอยากเจอฉันอีกหรือ” “อื้อ ผมอยากเจอคุณอีก” “แล้วก็ท�าไอ้จู๋ตั้งแบบนั้นน่ะนะ?” แซมซ่าก้มลงมองส่วนที่ปูดโปนอีกครั้ง “ผมก็อธิบาย ไม่ค่อยถูกหรอก แต่คิดว่าสิ่งนี้ ไม่เกี่ยวกับความรู้สึกของผม น่าจะเป็นปัญหาของการท�างานของหัวใจน่ะ” แซมซ่าในห้วงรัก
“หืม” หญิงสาวกล่าวอย่างสนใจ “ปัญหาของการท�างาน ของหัวใจหรือ เป็นความคิดเห็นที่น่าสนใจดีนะ เพิ่งเคย ได้ยินนี่ละ” “เพราะเป็นสิ่งที่ผมไม่อาจท�าอะไรได้น่ะ” “จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับการฟัคหรือ” “ผมไม่ได้คิดเรื่องฟัคเลยครับ จริงๆ นะ” “การที่ ไอ้จขู๋ องคุณแข็งแล้วก็ใหญ่ขนึ้ มาแบบนัน้ ไม่เกีย่ ว กับการคิดเรือ่ งฟัค แต่เป็นเพราะการท�างานของหัวใจ อยาก จะบอกฉันแบบนี้สินะ” แซมซ่ายอมรับ “สาบานกับพระเจ้าได้ ไหม” หญิงสาวกล่าว “พระเจ้า” แซมซ่าเอ่ย นั่นเป็นค�าศัพท์ที่เขาไม่รู้จัก เช่นกัน เขาจึงเงียบไปครู่หนึ่ง หญิ ง สาวส่ า ยหน้ า อย่างหมดแรง จากนั้ น ก็ บิ ด กาย ขยุกขยิกอีกครั้งเพื่อจัดบราที่เคลื่อนไปให้เข้าที่ “เฮ้อ เอา เถอะ พระเจ้าเองก็คงหนีออกจากปรากไปเมือ่ หลายวันก่อน แล้วละ พระองค์คงมีธรุ ะส�าคัญกระมัง เพราะฉะนัน้ ลืมเรือ่ ง พระเจ้าไปเถอะ” “จะได้เจอคุณอีกไหม” แซมซ่าถามซ�้าอีกครั้ง หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ท�าหน้าราวกับก�าลังเหม่อ มองทิวทัศน์อันไกลโพ้นที่ถูกหมอกเข้าปกคลุม “อยากเจอ ฉันอีกหรือ” แซมซ่าพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร “เจอแล้วจะท�ายังไง” “อยากคุยกันสองคน” Haruki Murakami
265
266
“ยกตัวอย่างเช่นเรื่องอะไรล่ะ” เธอถามกลับ “เรื่องต่างๆ เยอะแยะ” “แค่คุยหรือ” “ผมมีเรื่องอยากถามคุณเยอะแยะเลย” แซมซ่าบอก “เรื่องอะไร” “เรื่องการก่อก�าเนิดของโลกใบนี้ เรื่องของคุณ เรื่อง ของผม” หญิงสาวนิง่ คิดไปครูห่ นึง่ “ไม่ใช่แค่เพราะอยากใช้ไอ้นนั่ เสียบเข้ามาตรงโน้นหรอกนะ” “ไม่ ใช่ครับ” แซมซ่าตอบอย่างชัดเจน “ผมแค่รู้สึกว่า มีเรื่องต้องคุยกับคุณเยอะแยะเลย ทั้งเรื่องรถถัง เรื่อง พระเจ้า เรื่องบรา เรื่องกลอนกุญแจ” บรรยากาศเงียบสงัดเข้าปกคลุมทั้งสอง มีคนลากรถ บรรทุกสัมภาระผ่านหน้าบ้าน เกิดเป็นเสียงบาดหูน่าอึดอัด “ไม่รู้สิ” หญิงสาวกล่าวพลางส่ายหน้าช้าๆ แต่น�้าเสียง ของเธอไม่เย็นชาเหมือนก่อนหน้า “คุณถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ต่างกับฉัน คุณพ่อคุณแม่คงไม่อยากให้ลูกชายคนส�าคัญ คบหากับผู้หญิงแบบฉันหรอก หน�าซ�้าตอนนี้เมืองนี้ยังมี รถถังกับทหารเต็มไปหมด จากนี้ ไปจะเป็นยังไงต่อไป จะมี อะไรเกิดขึ้น ไม่มี ใครรู้เลย” จากนี้ ไปจะเป็นอย่างไรต่อไป แน่นอนว่าแซมซ่าเองก็ไม่รู้ ไม่ ใช่แค่เรื่องอนาคตเท่านั้น เรื่องตอนนี้หรือเรื่องในอดีต เขาก็แทบไม่รู้เลย ไม่รู้กระทั่งวิธี ใส่เสื้อผ้า “เอาเป็นว่า ในอีกหลายวัน ฉันคิดว่าคงได้มาที่บ้าน หลังนีอ้ กี ” หญิงสาวพูด “จะเอากลอนมาให้นะ่ ถ้าซ่อมเสร็จ แซมซ่าในห้วงรัก
ก็ตอ้ งเอามาส่ง หรือถ้าซ่อมไม่ได้กต็ อ้ งเอามาคืน ไหนจะต้อง รับค่าจ้างท�างานนอกสถานทีด่ ว้ ย ถ้าตอนนัน้ คุณอยูท่ นี่ ี่ เรา คงได้เจอกันอีก ฉันไม่รวู้ า่ เราจะได้คยุ เรือ่ งการก่อก�าเนิดของ โลกกันสบายๆ หรือเปล่า แต่จะอย่างไร คุณไม่ควรให้พอ่ แม่ เห็นสิ่งที่ปูดโปนออกมานั่นนะ เพราะในโลกของคนปกติ นัน่ ไม่ใช่สงิ่ ทีส่ มควรแสดงออกให้ ใครต่อใครเห็นอย่างโจ่งแจ้ง สักเท่าไหร่” แซมซ่าพยักหน้า ถึงแม้จะไม่รู้ว่าต้องท�าอย่างไรถึงจะ ปิดบังสิ่งนั้นจากสายตาของผู้คนได้ แต่เอาไว้ค่อยคิดทีหลัง แล้วกัน “แต่ก็แปลกนะ” หญิงสาวกล่าวด้วยท่าทีสงสัยหนัก “โลกของเราก�าลังจะพังอยูแ่ ท้ๆ ยังมีคนทีม่ แี ก่ใจนึกถึงกลอน ประตูที่พังอยู่อีก และก็ยังมีคนที่อุตส่าห์มาซ่อมตามหน้าที่ เสียด้วย คิดดูแล้วก็แปลกดี ว่าไหม แต่ว่านะ เป็นแบบนี้ ก็อาจจะดีแล้ว อาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างไม่คาดคิดก็ ได้ เพราะต่อให้ โลกก�าลังจะพังอยูร่ อมร่อ การรักษาการท�าตาม หน้าที่ยิบย่อยแบบนี้เอาไว้ อาจเป็นสิ่งที่ช่วยคงสภาพจิตใจ ปกติของมนุษย์เอาไว้ก็ ได้” หญิงสาวเอียงคออีกครั้ง จ้องหน้าแซมซ่านิ่ง เลิกคิ้ว ข้างหนึง่ ขึน้ สูง เปิดปากพูด “ว่าแต่ ฉันอาจจุน้ จ้านไปหน่อย ห้องบนชั้นสองเมื่อกี้เอาไว้ ใช้ท�าอะไรหรือ ห้องที่ ไม่มีเครื่อง เรือนสักชิน้ เดียว ท�าไมต้องติดกลอนกุญแจแน่นหนาขนาดนี้ และท�าไมพ่อแม่ของคุณต้องกังวลที่กุญแจพังขนาดนั้นด้วย แล้วท�าไมต้องมีแผ่นไม้ตอกปิดหน้าต่างไว้อย่างแน่นหนา ขนาดนั้ น เคยขั ง ใครเอาไว้ ในนั้ น หรื อ ใช่ อ ะไรแบบนั้ น Haruki Murakami
267
268
หรือเปล่า” แซมซ่ า นิ่ ง เงี ย บ หากเคยมี ใ ครหรื อ อะไรถู ก ขั ง ไว้ ใน ห้องนั้น นอกจากเขาก็คงไม่มี ใครอื่น แต่ท�าไมตัวเขาต้อง โดนขังในห้องนั้นด้วย? “เฮ้อ เอาเถอะ ถามคุณไปคงไม่ได้อะไรขึ้นมา” หญิง สาวกล่าว “ได้เวลาที่ฉันต้องไปแล้ว ถ้ากลับช้าประเดี๋ยว คนที่บ้านจะเป็นห่วง ช่วยภาวนาให้ฉันเดินผ่านเมืองนี้ ไปได้ โดยสวัสดิภาพด้วยล่ะ ภาวนาให้พวกทหารยอมมองผ่านหญิง หลังค่อมน่าสมเพชคนนี้ ไป ภาวนาไม่ ให้ ในกลุ่มไอ้พวกนั้น เกิดมีคนชอบฟัคใครแบบวิปริตขึ้นมา แค่เมืองนี้ โดนฟัค อย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว” จะภาวนานะ แซมซ่าตอบ ถึงเขาจะไม่รู้ว่าการฟัคแบบ วิปริตหรือการภาวนาเป็นอย่างไรก็เถอะ และแล้ว หญิงสาวผู้มีร่างกายหักพับก็หยิบกระเป๋าผ้า สีดา� ท่าทางหนักอึ้งขึ้นมา แล้วออกจากประตูที่ โถงหน้าไป “จะได้เจอคุณอีกไหม” แซมซ่าถามย�้าเป็นครั้งสุดท้าย “ถ้าคิดอยู่เสมอว่าอยากพบใคร ก็ต้องได้พบแน่” หญิง สาวตอบ น�า้ เสียงในตอนนีข้ องเธอเจือไปด้วยความอ่อนโยน “ระวังพวกนกด้วยละ” เกรเกอร์ แซมซ่า กล่าวตามหลัง หญิงสาวร่างหักพับ หญิงสาวหันกลับมาพยักหน้าให้ เขาเห็นริมฝีปากที่บิด เบี้ยวไปข้างหนึ่งของเธอคลี่ออก ราวกับเป็นรอยยิ้มน้อยๆ จากช่องของผ้าม่านที่แง้มอยู่ แซมซ่ามองส่งหญิงสาว ช่างกุญแจผู้มีร่างหักพับมาเบื้องหน้าเดินจากไปบนถนนที่ แซมซ่าในห้วงรัก
ปูหินก้อนกลม ท่าเดินของเธอแม้ดูไม่คล่องแคล่วนัก แต่ กลับรวดเร็ว การเคลื่อนไหวแต่ละท่วงท่าช่างดูมีเสน่ห์ ใน สายตาของแซมซ่าเหลือเกิน ราวกับจิงโจ้นา�้ ทีค่ ลานว่องไวไป บนผิวน�้า การเดินดังกล่าว ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูถูกหลัก ธรรมชาติยิ่งกว่าการเดินอย่างไม่มั่นคงด้วยขาทั้งสอง เมื่อร่างของหญิงสาวลับจากสายตาไปครู่หนึ่ง อวัยวะ สืบพันธุข์ องเขาก็ออ่ นนิม่ และหดตัวลง การปูดโปนขึน้ อย่าง ฉับพลันชัว่ ขณะหายไปตัง้ แต่เมือ่ ไหร่ก็ ไม่ทราบ ตอนนีส้ งิ่ นัน้ กลับสงบนิ่งไร้ทางป้องกันตัวอยู่ตรงหว่างขา ห้อยต่องแต่ง ราวกับผลไม้ที่ ไร้รอยบาป ลูกอัณฑะทั้งสองพักผ่อนกายอยู่ ในถุงอย่างสงบ แซมซ่าผูกสายรัดเสื้อคลุมใหม่ หย่อนตัว นั่งบนเก้าอี้ ในห้องอาหาร ดื่มกาแฟเย็นชืดที่เหลือ ผูค้ นทีน่ ี่ ไปไหนกันหมดนะ แม้ ไม่รวู้ า่ เป็นคนแบบไหน แต่ คนเหล่านัน้ คงเป็นคนทีถ่ อื ได้วา่ เป็นครอบครัวของเขากระมัง พวกเขาคงมีเหตุผลอะไรสักอย่างทีท่ า� ให้ตอ้ งจากทีน่ ี่ ไปอย่าง กะทันหัน และอาจไม่กลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง โลกนี้ก�าลัง จะพังทลาย – เกรเกอร์ แซมซ่า ไม่รู้ว่านั่นหมายความว่า อย่างไร คาดการณ์ไม่ออก ทหารจากต่างประเทศ ด่านตรวจ รถถัง...ทุกสิ่งถูกห่อหุ้มด้วยปริศนา สิ่งที่เขารู้คือ ใจของเขาต้องการเจอหญิงสาวหลังค่อม อีกครั้งเท่านั้น อยากเจอมาก อยากหันหน้าคุยกันให้สมใจ อยาก อยากร่วมกันไขปริศนาของโลกใบนี้ทีละน้อยด้วยกัน สองคน อยากเฝ้ามองท่าทางการบิดตัวขยุกขยิกเพือ่ จัดทรง บราของเธอจากหลายๆ มุมมอง และถ้าเป็นไปได้ อยากลอง สัมผัสเรือนร่างนัน้ ให้ทวั่ อยากใช้ปลายนิว้ รับรูถ้ งึ สัมผัสและ Haruki Murakami
269
270
ความอบอุน่ ของผิวหนังอย่างชิดใกล้ และอยากเคียงข้างกัน ขึ้นลงบันไดต่างๆ ที่มี ในโลกนี้ พอคิดถึงเรื่องของเธอ คิดถึงรูปร่างของเธอ ภายใน ทรวงอกของเขาก็เริ่มอบอุ่นขึ้น และเริ่มรู้สึกยินดีที่ตนเอง ไม่ได้กลายเป็นปลาหรือดอกทานตะวัน การเดินด้วยขา ทั้งสอง การสวมเสื้อผ้า การใช้มีดกับส้อมในการกินอาหาร เป็น เรื่ อ งที่ ยุ ่ ง ยากก็ จ ริ ง อยู่ โลกนี้ มี สิ่ ง ที่ ต ้ อ งจ� า มากมาย เหลือเกิน แต่หากกลายเป็นปลาหรือดอกทานตะวัน แทนที่ จะเป็นมนุษย์ แซมซ่าคิดว่าเขาคงไม่รู้สึกถึงความอบอุ่น อันแปลกประหลาดในหัวใจแบบนี้ ชายหนุ่มนั่งหลับตานิ่งอยู่ที่นั่นเนิ่นนาน ลิ้มรสความ อบอุ่นเหมือนเปลวไฟลุกโชนนั้นเงียบๆ คนเดียว จากนั้น จึงตัดสินใจยืนขึ้น ฉวยไม้เท้าทาสีด�า มุ่งหน้าไปทางบันได กลับขึน้ ไปทีช่ นั้ สอง สิง่ ทีเ่ ขาต้องท�าเป็นอันดับแรกคือ จ�าวิธี ใส่เสื้อผ้าที่ถูกต้องให้ ได้เสียที โลกใบนี้ก�าลังเฝ้าคอยให้เขาเรียนรู้
แซมซ่าในห้วงรัก