ใบหน้า จากเรื่อง
The Faces
วันสุดแสนจะไม่ปกติในโรงเรียน แม่แวะมารับและตัง้ ค�ำถาม เกี่ยวกับตัวผม ช่วงนั้น ผมอายุสักสิบสองปีกระมัง หาทาง กลับบ้านได้เองแล้ว : รถประจ�ำทาง เดิน โบกรถ จักรยาน หรือตัวแอ่นไปข้างหน้าจากแรงยันของพืน้ รองเท้าของเพือ่ น ผมแทบจ�ำรถของแม่ไม่ได้ รถจอดรอใกล้เสาธงร่วมกับรถแม่ๆ คันอื่นๆ จนกระทั่งแม่กดแตร กระดิกนิ้วเรียกผมไปขึ้นรถ “ผมไม่ควรขึ้นรถคนแปลกหน้า” ผมชะโงกหน้าบอก ที่หน้าต่าง “ขึน้ รถ, วิลเลียม” แม่บอก ผลักประตูเปิด “โรงเรียน เป็นไงบ้าง?” “ท�ำไมแม่มารับ?” “ขึ้นรถ” เธอผลักประตูให้เปิดกว้างกว่าเดิม นั่นเอง ผมรู้สึกได้ ความกลัวทิ่มแทงในช่องท้อง เหมือนว่าโจรจะมาลักพาตัวผม ยกเว้นเพียงจุดเดียว เธอ เป็นผู้ ให้ก�ำเนิดผม เรื่องชวนงุนงงจริงแท้ ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะผู้ โดยสาร “ไง?” แม่กล่าว พารถแล่นออกจากโรงเรียน “วันนี้ ใบหน้า
53
เป็นไงบ้าง?” “ดีครับ” “เพื่อนๆ เป็นไง?” “ดีครับ” “ดีเลย, ลูกท�ำอะไรบ้างวันนี้?” “เราเล่นสงคราม ท่านแม่สบายดีฤๅ?” ... ... “ลูกเล่นสงครามในสนามเด็กเล่น?” “ครับ” “สงครามไม่ใช่เกมเล่นสนุก, วิลเลียม ลุงของลูก...” “ผมหมายถึงเล่นโป้งแปะน่ะ ผมลืมไป ขอโทษครับ” “โอ, แล้วสนุกไหม?” “ดีครับ” “แม่ก็ชอบเล่นโป้งแปะเหมือนกัน” “เกมคลาสสิกครับ” รถแล่นเข้ามาในถนนสายกลาง ผ่านย่านร้านค้า แม่ เคยท�ำงานแถวนี้ เป็นผูช้ ว่ ยผูบ้ ริหาร แต่แม่ตกงานเมือ่ เดือน ที่ผ่านมา ‘เราไม่มีอะไรให้บริหารอีกแล้ว’ นายจ้างบอก “แล้วใครเป็นเพื่อนสนิทของลูก?” “แม่ครับ” ผมแคะแกะเกาเข็มขัดนิรภัย “ท�ำไมแม่มา ที่นี่? กลิ่นคล้ายเฟรนช์ฟรายเลย” “มีเพื่อนคนไหนที่ลูกชอบมากกว่าคนอื่น?” “ก็ ไม่นะ, ผมชอบเพื่อนเท่าๆ กัน” เธอมองคนขับรถคันอืน่ ทางกระจกมองหลัง โบกมือให้ 54
คัลเลอร์ มาสเตอร์
ในตอนเปลี่ยนเลน “เราจะไปไหนกัน?” ผมถาม “ไม่มีที่ ไหนเป็นพิเศษ ลูกมีที่ ไหนอยากไปไหม?” “ผม?” “ใช่” “ผมมีที่ ไหนอยากไปไหม?” “ใช่” “ไม่ครับ” “ดีเลย, งั้นก็บอกชื่อเพื่อนของลูกสักคน” “ท�ำไมแม่เกิดความสนใจทันด่วน?” “แค่อยากรู้ชื่อเพื่อนของลูกสักคน” เธอชะลอรถเมื่อ ใกล้ ไฟจราจร “แกธ” ผมบอก “นามสกุล?” “แกธ” “ชื่อตัว?” “แกธ” “แกธ แกธ?” “แหงละ” มุมปากหยักยิม้ แต่สายตาถมึงทึงมองตรงไปข้างหน้า “หมายความว่าไง แหงละ?” “หมายความว่า ใช่” ผมบอก “เราหยุดซือ้ เฟรนช์ฟราย ได้ ไหมครับ?” “แต่นั่นชื่อจริงเขาหรือ?” “ผมไม่รู้” ใบหน้า
55
“ลูกไม่รู้...แกธ แกธนี่นะ?” “ฟังเข้าทีดีนี่ครับ” “ลูกไม่รู้จักชื่อเพื่อน?” ผมเปิดช่องเก็บของหน้ารถ มีสมุดทะเบียนรถ และ คู่มือเครื่องในของรถคันนี้ “แล้วลูกเรียกเขายังไง ถ้าเขาหันหลังให้?” ผมคิดชั่วอึดใจ รถคันหน้ามีเด็กน้อยนั่งเบาะหลัง เจ้าหนูโบกมือให้ “ผมเรียกว่า เฮ้! หรือไม่ก็ แก!” ผมตอบ โบกมือให้ เจ้าหนู แม่เกือบหัวเราะออกมา แต่เสียงฟังดูเหมือนค�ำราม เจ้าหนูเลี้ยวซ้าย บ๊ายบาย รถของเราแล่นเข้าศูนย์การค้า ผมนั่งในรถ รอแม่ไปช้อปปิ้งรองเท้า ครึ่งชั่วโมง แม่กลับ ออกมา เนือ้ ตัวอวลกลิน่ ช็อกโกเลตเค้ก “รองเท้าในนัน้ ” เธอ บอก “แพงเหลือเกิน!” แม่ยนื่ ขนมปังโรลให้ผม เธอไม่อยาก พาผมเข้าไปในร้านด้วย เพราะคราวทีแ่ ล้ว ยามรักษาความ ปลอดภัยจับผมได้ ย้ายสินค้าจากแผนกหนึ่งไปยังอีกแผนก แม่ยกเรื่องนี้มาคุยบนโต๊ะอาหารเย็น แกล้มสปาเกตตีกับ ซอสแดง “เพือ่ นของหนูมหี ลายชือ่ ” จินนีนอ้ งสาวของผมชิงตอบ “แองจี เคเว็ตต์ มาร์จอรี ออร์เรล...” “หุบปาก” ผมค�ำรามเข้าใส่ “กินอาหารไปเหอะ” พ่อเอียงหน้ามองจานอาหาร ไม่บ่อยนักที่พ่อจะกลับ ถึงบ้านก่อนสามทุ่ม นี่คล้ายโอกาสพิเศษ ได้ร่วมโต๊ะอาหาร 56
คัลเลอร์ มาสเตอร์
พร้อมหน้ากัน รู้สึกเหมือนวาระแห่งการเฉลิมฉลองพิกล “มีปัญหาอะไรหรือ?” พ่อถาม แม่สั่นศีรษะ “คุณไม่เข้าใจหรอก” แม่บอก “เขาไม่รู้ ชื่อเพื่อน เพื่อนที่เขาพบหน้าทุกวันในโรงเรียน” “ผมรู้ว่าใครเป็นใคร” ผมตอบ “พวกเขาเป็นเพื่อน กลุ่มของผม” “หน้าตาต่างกันไหม?” แม่ถาม “หมายความว่าไงครับ?” “หมายความว่า บอกได้ ไหมว่าใครเป็นใคร?” ผมจิบน�้ำผลไม้ถ่วงเวลา “แม่หมายความว่าไง?” “หมายถึงว่า มองเห็นหน้าตาแล้วแยกได้วา่ คนไหนเป็น คนไหน” “สามคนคล้ายจะหน้าเหมือนกัน” ผมตอบ เช็ดปาก “เออ, แล้วก็มีคนสูง คนนี้ ไม่เหมือนใคร” แม่เบิ่งตามองพ่อ “คุณได้ยินหรือเปล่า?” “ผมเหนื่อย” พ่อตอบ ลากมือบนใบหน้า “ผมคิดว่า ผมช่วยชีวิตบริษัทให้รอดด้วยฝีมือของผมคนเดียวในวันนี้” “บริษัทไหน?” จินนีถาม “บริษัทขายขวด” พ่อบอก “ขวดพลาสติกน่ะ” “โอ!” จินนีดี ใจ “บริษัทโปรดของหนู” เธอกระโดด ลงจากเก้าอี้ วิ่งเข้าไปในห้องนอน กลับออกมาพร้อมขวด พลาสติกสีเหลือง ขวดแชมพู แสดงให้เห็นว่าเธอแยกแยะ ผลงานของพ่อในโลกกว้างได้ พ่อขยี้ผมลูกสาว แม่รินเหล้า เชอร์รรี าคาถูกให้ตวั เอง ขอผ่านอาหารเย็น ใครจะไปต�ำหนิ เธอได้? เพราะกล่าวให้ชัด ก็แค่เส้นสปาเกตตีลวกให้อ่อน ใบหน้า
57
ราดด้วยซอสมะเขือเทศ “เอาละ” แม่กล่าวต่อ “ลูกแยกแยะเพือ่ นออกจากกัน ไม่ได้ แล้วลูกแยกแยะแม่กับพ่อได้ ไหม?” “แหงละ, พ่อ” ผมตอบ “ง่าย” แม่ไอโขลก พ่ออธิบายโครงสร้างขวดพลาสติกให้ จินนีฟัง พ่อไม่ได้ ใส่ใจรับฟัง น่าเสียดาย ถ้าพ่อฟัง พ่อน่า จะหัวเราะ “หนูเป็นแม่หรือเปล่าล่ะ?” จินนีถาม แสร้งท�ำเป็น รับฟังพ่อ “ลุงของลูก?” แม่ถาม “ไม่เคยพบหน้า” “แกรนด์ปา?” “ปู่หรือตา?” “ไหนก็ ได้” “ผมแยกได้อยู่แล้ว” ผมตอบ “ตัวอย่างเช่น คนหนึ่ง ละ สมองเสื่อม” “วิลเลียม!” แม่แทบจะตวาด กวาดสปาเกตตีบนจาน ลงถุงขยะ “มีไลพิดในโครงสร้างระดับเซลล์” พ่อบอก “เราคงต้องพาลูกไปหาหมอแล้วละ” แม่บอก “มี บางอย่างผิดปกติใหญ่หลวง” “พี่ชายเละแล้ว” จินนีบอก “แล้ววันนี้ แม่ไปรับผมมาท�ำไม?” ผมถาม แม่จบิ เหล้าเชอร์รีในครัว ท�ำจมูกฟุดฟิด พ่อระเหยหาย ไปจากโต๊ะอาหารแล้ว ผมพบพ่อก่อตัวรวมร่าง เหยียดยาว 58
คัลเลอร์ มาสเตอร์
บนโซฟา หลับไปแล้ว หนังสือต�ำราว่าด้วยพลาสติกบนตัก และขวดแชมพูซุกสีข้างเหมือนทารกน้อย วันถัดมา คุณแม่ผู้ ใส่ใจไม่ลดละ : “เลิกเล่นตลกได้แล้ว, วิลเลียม ลูกท�ำตัวพิลกึ เอาละ, ใคร? บอกมาเฉพาะเจาะจงเลยนะ ทีล่ กู กินอาหารมือ้ กลางวัน ด้วยในวันนี้?” “พี่น้องเผ่าแกธทั้งห้า” ผมบอก “มาโรงเรียนทั้งห้า คน ติดกันสองวันแล้ว!” “แล้วคนไหนน่ารักที่สุด?” แม่ถาม “ไม่มีตัวไหนน่ารัก” แม่หยุดเช็ดฝุ่นอ่างอาบน�้ำนกท�ำจากลวด มีนกลวด หยดน�้ำลวด หยาดลงมาจากต้นไม้ลวด “แล้วแกธคนไหนพูดมากที่สุด?” “ทั้งห้าปากมาก” “ไม่มี ใครพูดมากกว่าใคร?” “ไม่ครับ, ทุกคนอ้าปากพูดพร้อมกันในเวลาเดียว” “ถ้าพูดพร้อมกัน ลูกเข้าใจได้ ไง?” “ง่ายครับ” ผมบอก ยืนโอนไปเอนมา “ก็แค่เออออ คล้อยตาม” เธอสะบัดผ้าในมือ ฝุ่นคลุ้งโรยตัวลงบนพรมพื้นห้อง “ยิ่งฟังยิ่งเหมือนจ�ำอวด” แม่บอก “เว้นแต่ว่าไม่ตลกเลย” “ท�ำไมแม่เกิดสนใจขึน้ มา?” ผมถาม “เพือ่ นสนิทของ แม่ล่ะ? ท�ำไมผมไม่รู้ชื่อสักคน?” แม่เก็บอ่างอาบน�้ำนกเข้าตู้ ปัดฝุ่นยังไม่เสร็จ ล็อก ใบหน้า
59
กุญแจตู้แน่นหนา แม่ล็อกตู้เสมอ เหมือนว่าผมจะขโมย อ่างอาบน�้ำนกไปเป็นสมบัติส่วนตัว จากนั้น แม่น�ำของเล็ก ของน้อยมาวางเรียงบนโต๊ะเตี้ย กิ้งก่าหิน ที่เขี่ยบุหรี่หิน และเจ้าหญิงแก้ว “ไม่ต้องยุ่งเรื่องของแม่” แม่บอก “เอาละ, อันไหน เป็นแก้ว?” ผมชี้ ไปยังเจ้าหญิงแก้ว “ผมไม่โง่นะครับ” “อันไหนกิ้งก่า?” ผมชี้ ไปที่ที่เขี่ยบุหรี่ “กิ้งก่า, วิลเลียม” เธอย�้ำ ผมชี้ ไปที่ที่เขี่ยบุหรี่ ใบหน้าไร้ความรู้สึก เธอกะพริบตาถี่ ตระหนกแตกตืน่ ผมหยิบของบนโต๊ะ มาถือ เพ่งมอง แล้วหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง นอนกลิ้งบน พื้น คืนนั้น ผมต้องกินอาหารเย็นในห้องนอน สปาเกตตี ซอสมะเขือเทศที่เหลือจากคืนที่ผ่าน เย็นชืด ผมไม่มีปัญหา ในการระบุข้าวของ กลางดึกคืนนั้น ในตอนที่ผมเอาขยะไปทิ้ง ผมพบ นิตยสาร แม็กกาซีนคุณแม่ อยู่บนกองหนังสือ อ�ำนวยความ สะดวกในการสืบความลับให้ผมเต็มที่ โดยตกลงมาบนพื้น เปิดไปที่หน้า คุณรู้จักลูกๆ ดีแค่ ไหน? ผมเห็นรอยดินสอที่ แม่กาเครื่องหมายทั่วหน้ากระดาษ ค�ำถามเช่น : รู้ ไหมว่าลูกอยู่ที่ ไหนหลังเลิกเรียน? จ : รู้ ว : ไม่รู้ รู้ชื่อเพื่อนสนิทของลูกหรือไม่? 60
คัลเลอร์ มาสเตอร์
จ : รู้ ว : ไม่รู้ รู้สีสุดโปรดของลูก? จ: เหลือง ว: น�้ำเงิน (ข้อนี้ผิด เพราะผมไม่เชื่อเรื่องการเลือก สีสุดโปรด ถ้าถามผมนะ ผมคิดว่าโง่เง่าหาใดเปรียบที่จะไป จัดอันดับให้คะแนนสีสัน) รู้จักความกลัวของลูก? จ: ความตายและสงครามเคมี ว: ?เพื่อน? รู้ ไหมว่าลูกโตขึ้นอยากเป็นอะไร? จ: สัตวแพทย์/นักร้อง ว: ?ทหาร? นิตยสารมีตารางคะแนน ถ้าได้ 85-100 เปอร์เซ็นต์ เหมือนแม่รู้จักจินนี ‘คุณเป็นยอดคุณแม่!’ บรรยายความ ยิ่งใหญ่ ความใส่ใจ และสัมผัสชิดใกล้ ถ้าอยู่กลางตาราง ‘ท�ำใจดีๆ เข้าไว้, คุณแม่ คุณพยายามแล้ว’ และช่วงท้ายสุดที่ แม่กาให้ผม ‘คุณแม่, อยากได้คำ� แนะน�ำการเป็นแม่คนไหม?’ “ท�ำไปเพราะแบบทดสอบนี่นะ?” ผมพูดกับแม่ตอน กลับเข้าบ้าน ล้างน�ำ้ ผลไม้ ในถุงขยะติดมือ แม่พบั หนังสือพิมพ์ หมดจดซ้อนกันเป็นตั้ง และบอกว่า แม่ไม่รู้ว่าลูกพูดเรื่อง อะไร วันถัดมา หลังเลิกเรียน แม่ขับรถนานราวครึ่งชั่วโมงพาผม ไปหาหมอ หมอเฉพาะทางสาขาการรับรู้ และบังเอิญอยู่ ใน ใบหน้า
61
เงื่อนไขประกันสุขภาพน้อยนิดของเราอย่างปาฏิหาริย์ ใน ห้องรอตรวจ เราแยกกันนั่งคนละโซฟา แม่อ่านนิตยสาร เจ้าสาว ผมอ่านนิตยสารที่มีรายงานประจ�ำสัปดาห์ว่าด้วย การเลี้ยงดูลูก เนื้อหาข�ำขันมาก “รอเบิรต์ สัน!” พนักงานต้อนรับส่งเสียงเรียก ผมหอบ ขนมหวานติดมือเข้าไปพบหมอ ห้องตรวจของหมอผนังสีขาว ถังขยะสีน�้ำเงิน และ เก้าอี้สีส้ม ผมแกะห่อกินเปบเปอร์มินต์ควบกับซินนามอน หมอสวมเสื้อกาวน์สีขาว แผ่นจดกระดานแข็งในมือ แม่ ลอยเลือ่ นเข้ามาในห้องด้วย “ขอบคุณค่ะ, คุณหมอ ทีม่ าดูแล ลูกชายดิฉันมีปัญหา แยกแยะกลุ่มคนกับคนเดียวไม่ได้” “อืม, น่าสนใจดีแท้” หมอคลอเสียง คุณหมอผูห้ ญิงคอยาว แปลกพิลกึ ทีเ่ ธอเป็นหมอสาขา การรับรู้ “มาดูกันว่าเราจะเจออะไรบ้าง” หมอกล่าว “สวัสดี, วิลเลียม” “ดีครับ” เธอหาอุปกรณ์มาทาบตา บอกให้ผมอ่านอักษรตัวเล็ก ตัวน้อยบนผนัง จากนัน้ บอกให้อา่ นตาเดียว อ่านด้วยตาซ้าย ย้ายไปตาขวา “สายตาปกติค่ะ” หมอบอกหลังการตรวจสิบนาที “อา” แม่ครางออกมา ผมแกะห่อบัตเทอร์สกอตช์ เกล็ดน�ำ้ ตาลสีทองกระจาย ไปติดเสื้อกาวน์ของหมอที่ปกคอเสื้อ “ขอโทษครับ” ผมกล่าว 62
คัลเลอร์ มาสเตอร์
เธอปัดน�้ำตาลเกล็ดออกจากเสื้อ เอาสไลด์ ใส่เครื่อง ฉายไปที่ผนังห้อง บอกให้ผมให้ค�ำอธิบาย เส้นหยักโค้งเป็น คลืน่ ? แท้จริงเป็นเส้นตรง วงกลมข้างบนใหญ่กว่าหรือเปล่า? จริงๆ แล้ว วงบนวงล่างขนาดเท่ากัน “คนทั่วไปก็มีปัญหา แบบนี้ ไม่ใช่หรือ?” ผมถามหมอ หลังจากแยกแยะหน้าแม่มด กับหน้าหญิงสาวในรูปเดียวกัน “จริงค่ะ” หมอบอก “แน่อยู่ แล้ว แต่ก็สนุกดีไม่ใช่หรือ?” เธอปิดเครื่องฉายสไลด์ คุ้ยลิ้นชักโต๊ะท�ำงาน หยิบ รูปถ่ายออกมา “ลองวิธนี ”ี้ เธอบอก “วิลเลียม, คนพวกนีเ้ ป็นใคร?” “กลุ่มคนครับ” เธอผงกหัว “อืม, โอเค คนพวกนี้ท�ำอะไร?” “กลุ่มพยาบาลครับ” “ถูกต้อง! เก่ง” ผมชี้ ไปที่ด้านล่างของรูปถ่าย มีค�ำบรรยายก�ำกับไว้ งานสัมมนาพยาบาล แถบด�ำตัวอักษรขาว หมอผงกหัว คอของเธอยาวมาก การกระเพือ่ มขึน้ ลง กินเวลานานสี่วินาทีเต็มๆ “บอกหมอได้ ไหมเกี่ยวกับผู้คนในรูปนี้?” “ทุกคนเป็นพยาบาล” ผมให้ค�ำตอบเดิม “แตกต่างกันยังไง?” “บางคนสูงบางคนเตี้ย” “โอเค” หมอตรวจรูหขู องผมในขณะทีผ่ มส่งเสียงตอบ “หูของผมปกติครับ” “หมอตรวจสมดุลร่างกายน่ะ” แม่กระซิบบอก นั่ง ใบหน้า
63
หลังตรงบนเก้าอี้สีส้มที่มุมห้อง หมอยืดตัวขึ้น ส่งอีกรูปให้ผม “เอาละ, วิลเลียมบอกหมอได้ ไหมว่ามีพยาบาลคนไหน แก่กว่าคนอื่น?” “หมายความว่าไงครับ?” “หมอหมายถึงพยาบาลสูงอายุในภาพนี้” ผมเขม้นจ้อง ดูยังไงก็แก่หง่อมกันถ้วนหน้าในสายตา ของผม ผมชี้ ไปที่คนหนึ่ง “คนนี้แก่สุด เขาผมขาว” เธอมองข้ามไหล่ผม “โอเค, ดีค่ะ บอกได้ ไหมว่ามี ผู้ชายในรูป?” “ก็คนนี้แหละ บุรุษพยาบาลคนนี้” “บอกอะไรเพิ่มเติมได้อีกไหม?” “ไม่มีอะไรนี่ครับ” ผมตอบ “พยาบาลกลุ่มใหญ่ งาน สัมมนา” เธอกลับไปทีล่ นิ้ ชัก หยิบอีกรูปออกมา รูปทีส่ อง กลุม่ คนหนุ่ม ทหาร “ทหาร” ผมตอบ ภูมิใจในตัวเอง ผมบอกได้จากชุด ลายพราง “โอเค” หมอตอบรับ “แล้ว?” “แล้วอะไรครับ?” “แล้ว...พวกเขาแตกต่างกันไหม?” “หมอหมายความว่าไง? แตกต่างจากคนอื่น ก็ทหาร ทั้งหมดนี่ครับ” “ยกตัวอย่างเช่น” หมอกล่าวต่อ “มีทหารบางคน 64
คัลเลอร์ มาสเตอร์
มีความสุข?” ผมดูรูปอีกครั้ง ทหารบางคนเคลื่อนที่ “ใช่ครับ, ผม คิดว่าบางคนน่าจะมีความสุข” “บอกได้ ไหม?” “ก็ ไม่เชิง เราไม่อาจบอกได้อย่างมั่นใจว่าใครสุข ใครทุกข์” เธอชี้ ไปที่มุมรูป “แล้วทหารคนนี้?” “คนนี้เป็นไง?” “เขาท�ำอะไร?” ผมโน้มตัวไปดูใกล้ๆ “ผมคิดว่าอาการไม่ดีนัก” ผม บอก “สีหน้าเขาแปลกๆ” หมอสั่งน�้ำมูกในกระดาษเช็ดหน้า “เขาถูกยิง” หมอ บอก “โอ” ผมตอบ “หือ, ผมไม่ได้มองตรงนั้น” “ไม่เห็นท้องเขา?” “ไม่ครับ ผมดูแค่สีหน้า เหมือนที่หมอบอก พอให้ดู ท้อง ก็เลยเห็นแผล” “แล้วเขามีความสุขไหม?” “ไม่น่านะ” ผมตอบ “ผมไม่ใช่เด็กปัญญาอ่อนนะ” “แล้วมี ใครตายไหม?” ผมดูรปู อีกครัง้ ใช้เวลานานพอสมควร ทหารหลายนาย นอนบนพื้น คนหนึ่งนอนคว�่ำ หน้ามุดลงไปในดิน “คนนีอ้ าจตายก็เป็นได้” ผมบอก หลังใช้เวลาเพ่งพินจิ นานห้านาที “แต่เขาอาจนอนหลับก็ ได้นะ” เธอปลดอุปกรณ์ออกจากหู หยิบรูปถ่ายจากมือของ ใบหน้า
65
ผม “ขอบคุณมาก, วิลเลียม” เธอบอก “ดีเลย, พักกัน สักครู่ เดี๋ยวลองวิธีอื่นดูบ้าง ในหมู่เพื่อนในโรงเรียน มี ใคร ที่เธอชอบมากเป็นพิเศษไหม?” ผมแทบจะได้ยินเสียงขบกรามกรอดจากแม่ที่นั่งอยู่ ข้างหลัง “ผมชอบเท่าๆ กัน” “จริงหรือ?” “ครับ” “เธอมีเพื่อนในโรงเรียนหรือเปล่า?” “ผมบอกหมอแล้ว ผมมีเพือ่ นสองกลุม่ ย้ายไปย้ายมา ผมไม่ได้สังกัดกลุ่มไหน” “บอกความแตกต่างระหว่างสองกลุ่มได้ ไหม?” “แหงละ” ผมตอบ แคะชายเสื้อกระดาษสวมทับใน การตรวจ “อย่างไร?” “นั่งกันคนละทิศในโรงเรียนครับ” “เข้าใจละ” หมอตอบรับ “แล้วก็มีหัวหน้ากลุ่ม?” “ผลัดกันเป็นหัวหน้า” ผมตอบ ผมหันไปจิกตาใส่แม่ แม่ก้มหน้ามองพื้น เงยหน้าไป มองผนัง แหงนมองเพดาน “เราไปกันต่อไหมครับหมอ? มีรูปให้ผมดูอีกไหม?” หมอจดลงในบันทึก ย้อนกลับไปทีล่ นิ้ ชัก หยิบรูปถ่าย อีกใบ คราวนี้ รูปถ่ายครอบครัว ผมไม่แน่ ใจนักว่าท�ำไม หมอเก็บรูปหมูไ่ ว้ ในลิน้ ชัก อาจเป็นได้ว่าหมอพบคนแบบผม บ่อยครั้ง 66
คัลเลอร์ มาสเตอร์
“รูปนี้เป็นไง?” “เป็นไงอะไรครับ?” “รูปนี้บอกอะไรบ้าง?” “ทุกคนผิวด�ำ” ผมตอบ “เห็นได้ชัดอยู่แล้ว” “เลือกแกรนด์ปาออกมาได้ ไหม?” ผมจ้องอยู่ครู่ใหญ่ ไม่มี ใครผมขาว “ไม่ครับ” “เลือกทารกออกมาได้ ไหม?” ผมใช้เวลาอีกครู่ พบรถเข็นเด็กที่มุมภาพ “เจอแล้วครับ เด็กอยู่ที่นี่” “แล้วเด็กหนุ่ม?” ผมเพ่งจ้อง หาคนหนุม่ ไม่ได้ หายากพอๆ กับแกรนด์ปา ในเมื่อใครบางคนแก่ชรา ก็ ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นตา เป็นปู่ “ไม่เจอครับ ใช่ว่าผมเป็นพวกเหยียดผิวนะ” เธอหยิบรูปครอบครัวผิวขาว เท่าที่ผมแยกแยะได้ มี เพียงความสูงต�่ำ ท่าวางมือและเท้า “คนนี้นั่ง” ผมชี้ ไปที่รูป หมอหันไปสบตาแม่ ส่งสายตาบ่งบอกความหมายรูก้ นั สองคน “อะไร? ผมสมองเสื่อมหรือไง? ใครไปสนใจด้วยเล่า ว่าใครเป็นใคร? ผมชืน่ ชอบความสามัญทัว่ ไป ผิดด้วยหรือ? ท�ำไมต้องยกมาเป็นเรื่องส�ำคัญด้วย? ถ้าผมพบเจอใคร คุย กับเขา ผมรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใคร” แม่นิ่งเงียบ หมอนิ่งเงียบ ใบหน้า
67
“ท�ำไมเธอพูดอย่างนัน้ ?” หมอถาม หลังนิง่ ไปหนึง่ นาที “หมายความว่าไงครับ?” “ท�ำไมเธอพูดอย่างที่พูดเมื่อครู่นี้?” “เพราะผมเกลียดการด่วนตัดสินคนอื่น” หมอยกมือกอดอก “แล้วเธอรู้ ได้ ไง?” “รู้อะไร?” “รู้ว่าเราด่วนตัดสิน” ผมแกะขนมหวานอีกชิ้น เปบเปอร์มินต์เขียว “ไม่มี เหตุผล แม่จ้องมองบอกหมอ” หมอถอยไปยืนพิงผนัง “เธอมองเห็นแม่มองหมอ?” “หมายความว่าไง? แม่ไม่ได้มองหมอหรือ?” “ใช่, แม่มองหมอ” แม่ของผมบอก “แต่เธอ มองเห็นแม่มองหมอ ท�ำไม?” หมอถาม “ท�ำไมอะไรครับ?” “เธอมองไม่เห็นคนแก่ แต่เธอมองไม่เห็นทหารโดนยิง” “ผมรู้จักใบหน้าของแม่” “ตอนนี้มองเห็นไหม?” ผมเพ่งจ้อง ไม่เห็นใบหน้าแม่แล้ว ผมเห็นริมฝีปาก แดงอวบหนา แม่ทาลิปสติก อยากให้ดูดี ในสายตาหมอ “คุณแม่แสดงความรู้สึกด้วย” หมอบอก แม่ปั้นหน้าแสดงความรู้สึก แต่ผมบอกไม่ได้ “บอกไม่ได้ครับ” ผมสารภาพตามตรง ดูดขนมหวาน “แต่ก่อนหน้านั้นบอกได้” หมอส�ำทับ 68
คัลเลอร์ มาสเตอร์
“แค่บางคราวครับ” ผมกล่าว “เสร็จหรือยังครับ?” “เธอมองเห็นหมอเป็นกลุ่มคนหรือเปล่า?” หมอถาม เสียงหวานเป็นมิตร “ผมไม่ได้ปัญญาอ่อนนะครับ” ผมถอดเสื้อกระดาษ พ้นหัว “ผมมองเห็นหมอเป็นคนเดียว และหมอคอยาวพิลกึ ” “วิลเลียม!” แม่แผดเสียงเข้าใส่ “วิลเลียม, หมอขอคุยกับคุณแม่สกั เดีย๋ วนะ” หมอบอก ผมเดินออกจากห้องตรวจ กวาดขนมหวานในโถลง กระเป๋า เดินออกจากร้านหมอ มีรา้ นเทียนไขใกล้ๆ ผมเดิน เข้าไปในร้าน สูดกลิ่นขี้ผึ้งระยะหนึ่ง เทียนที่ติดป้ายบอกว่า กลิน่ ช็อกโกเลต หลอกลูกค้าสิน้ ดี จมูกของผมแยกแยะกลิน่ ได้เป็นเลิศ บนท้องถนน ผมมองผู้คนเดินผ่านหน้า มอง อย่างไรก็เป็นแค่คนเดิน ผมไม่เห็นว่ามีความจ�ำเป็นใดต้อง อ่านความรู้สึกบนใบหน้า โลกนี้ยุ่งยากซับซ้อนมากพอแล้ว มีความจ�ำเป็นด้วยหรือทีจ่ ะต้องเพิม่ เติมรายละเอียดมหาศาล และเอกภพทั้งมวลลงบนใบหน้าของผู้คน? การเดินทางกลับบ้านเงียบสงัด แม่ไม่ได้ โบกมือให้คนขับรถ คันอื่นในตอนที่แม่เปลี่ยนเลน ผิดวิสัยยิ่ง กล่าวโดยทั่วไป แม่เข้ากับคนแปลกหน้าทัง้ โลกได้ดี ได้การยืนยันความมัน่ ใจ จากการค้อมศีรษะหรือโบกมือให้จากรถคันอื่น แต่วันนี้ แม่ เปลี่ยนเลนโดยไม่สนใจมนุษย์หน้าไหน ไม่พูดไม่จาจนพารถ เข้าทางรถในบ้าน “ฉันไม่เข้าใจ” แม่โพล่งออกมาเพียงเท่านั้น พ่อกลับจากทีท่ ำ� งานดึกดืน่ เหมือนปกติ มีพซิ ซาแช่แข็ง ใบหน้า
69
วางละลายน�ำ้ แข็งในตูเ้ ย็นชัน้ ล่างโดยบังเอิญ ยังไม่ทำ� ให้อนุ่ ให้สุก แต่พ่อไม่สนใจ กินพิซซาทั้งเย็นชืดอย่างนั้น “พิซซา เย็น” พ่อบอก ยิ้มให้ผม เนยแข็งชิ้นเล็กหล่นจากมุมปาก ตกบนพื้น “ไม่เหมือนกันนะครับ” ผมบอก พ่อกินเสร็จ แม่ ส่งเสียงเรียก ขอคุยกับพ่อในห้องอื่น จินนีเล่นโรงพยาบาล กับตุ๊กตายัดนุ่นฉีกขาด ผมย่องเงียบไปแอบฟังที่ประตู ห้องนอน ผมได้ยินแม่กระซิบบอกพ่อ วันนี้เราไปหาหมอ ทดสอบนานาชนิด หมอใจดี มืออาชีพจริงแท้ หมอวินิจฉัย ว่าวิลเลียมอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ในแง่ใบหน้า “หา! อะไรนะ?” ผมส่งเสียงทีก่ รอบประตูหอ้ ง “หมอ ว่าอะไรนะ?” ดวงตามองแม่เบิกโพลงเหมือนไข่ไก่ นั่นละ ผมมอง เห็น ในบางคราว ผมมองเห็นหน้าแม่ พ่อหัวยุ่งจากความ เหนื่อยล้า โพล่งออกมา “ห่ะ, อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ในแง่ ใบหน้าคืออะไร?” “เขาอ่านใบหน้าไม่ได้” แม่บอก นิ่วหน้า “เขาไม่รู้จัก สีหน้าหรือภาษากาย เขาอ่านผูค้ นไม่ออก...สแตน, นัน่ เรือ่ ง จริง” “โอ, เอาเหอะ” ผมเตะบานประตู “ผมพนันได้เลยว่า หมอประดิษฐ์ศัพท์เดี๋ยวนั้น” “ไปนอน, วิลเลียม” “เพิ่งสามทุ่มเอง” “เด็กก�ำลังโต ไปนอน” “แล้วหมายความว่าไง?” พ่อถาม “ฉันไม่รู้” แม่บอก “เขาอาจต้องเข้าเรียนหลักสูตร 70
คัลเลอร์ มาสเตอร์
เด็กพิเศษ เรือ่ งการรับรู้ แยกแยะใบหน้าและผูค้ น ไปนอน, วิลเลียม!” ผมปักหลักที่ประตูจนแม่เดินมาปิดประตู ผมเอาหูแนบบานไม้ ได้ยินเสียงพ่อประท้วงอ่อยๆ และเสียงของแม่แหลมสูง “ทหาร!” แม่ระเบิดเสียง “ตาย เรียบ! เขาคิดว่าทหารพวกนั้นมีความสุข!” หน้าทีวี ผมพบจินนีนั่งกลางวงตุ๊กตายัดนุ่น จินนีดู ซิตคอมรายการร้านขายสัตว์ คนในร้านท�ำท่าเหมือนสัตว์ จินนี โปรดเจ้านายเป็นที่สุด เขาพูดจาท�ำท่าเหมือนลิง ผม เพ่งจ้องนักแสดงในจอ มองเห็นเพียงคิว้ กับฟัน ไม่มี ใครเดิน ออกจากห้องพ่อแม่ ในอีกชั่วโมงถัดมา ผมหลับไปบนโซฟา ตื่นขึ้นมาตอนรุ่งสาง นอนจมอยู่ ในกองหมียัดนุ่นที่ ไส้แทบ ทะลักออกมา ถ้าไม่มีลวดเย็บกระดาษและเทปแปะไว้ (มีคราวหนึ่งที่ โต๊ะอาหาร ผมกินอาหารกับแม่ พ่อกลับดึก และจินนีไปบ้านเพื่อน ท�ำการบ้าน เศษส่วน ผมเกือบลืมไปแล้ว จะเรียกเป็นนิยาย ปั้นแต่งก็ ได้หากท่านอยากทราบความจริง เรา กินสปาเกตตีกับคอตเตจชีส แม่จ้องหน้าผม ใน ทันใด ใบหน้าของเธอคล้ายหลอมละลาย เส้น วงรอบดวงตาไหลรี่ลงล่าง ลงไปยังซอกร่องข้าง ริมฝีปาก ไหลลงล่าง คางของแม่ดักไว้เหมือน ตาข่าย เก็บลูกศรทุกลูกส่งต่อไปยังกรามและ ริมฝีปากล่าง ซึง่ ห้อยย้อยจากน�ำ้ หนักกดทับลงมา แม่จิบน�้ำดื่ม ใบหน้า
71
“แม่ครับ, แม่สบายดีหรือเปล่า?” ผมถาม “ดีนี่” แม่ตอบ “มีอะไรหรือ?”) [
นานหนึ่งเดือน ผมต้องเข้าเรียนหลักสูตรพิเศษของหมอ คอยาว หมอพาผมเข้าห้องมืด ฉายสไลด์กองโตให้ผมดู ใบหน้าเด็กหัวเราะ ใบหน้าเด็กร้องไห้ ผมต้องตอบหมอว่า หน้าไหนเป็นหน้าไหน หมอค่อนข้างจะโง่ เพราะใช้สไลด์ ชุดเดียวชุดเดิม ทุกคราวทีห่ มอบอกผมว่าใบหน้ายิม้ ใบหน้า บึ้ง หมอไม่รู้ดอกว่าที่มุมล่างมีตัวเลขสีทองก�ำกับอยู่ ผม จดโฉนดไว้บนท่อนขา : 14 หัวเราะ, 13 จาม, 12 ร้องไห้, 11 หลับ ฯลฯ หลักสูตรผ่านไปสองสัปดาห์ ผมได้แปดเต็มสิบ (ผมปล่อยให้สองข้อพลาดไปโดยเจตนา) หมออิ่มใจไปกับ ผลการรักษา หมอคืนเช้าวันเสาร์กลับมาให้ผม ผมปีน หลังคาบ้าน แอบไปหมุนปัดเสาอากาศของเพื่อนบ้าน (ผมเดินไปโรงเรียนกับจินนี เธอเล่าให้ผมฟัง เรื่องโครงงานกริยา เธอเก็บรวบรวมค�ำกริยา ที่ ไม่ใคร่มีใครเห็นค่า รณรงค์ ให้น�ำมาใช้ ‘ดูนี่, วันนี้หนูเยื้องย่างไปโรงเรียน’ ปลายเท้าของเธอ ลอยเลื่อนบนพื้น เธอเอียงหน้าเล็กน้อย เธอ ห่างกับผมไม่กี่ปี ในยามที่เธอหยีตา ขบมุมปาก ผมคิดว่าเธอเซ็กซี่ดี ผมแต่งเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะ เธออายุเพิ่งเก้าขวบ เธอเดินข้ามถนน ตะโกน ข้ามไหล่มาหา “พบพักตร์กันหลังเลิกเรียน ! ” ) 72
คัลเลอร์ มาสเตอร์
แม่ไม่ได้มารับผมตอนเลิกเรียนอีกแล้ว แม่ย�่ำท้องถนน หางานท�ำ แม่สอบปากค�ำผมหลายครัง้ หลายคราที่โต๊ะอาหาร แต่บัดนี้ ผมได้บทเรียนแล้ว “ชื่อของเขาคือ จอห์น แกธ” ผมบอกแม่ กินขนมปังปิ้งแผ่นที่ห้า “เขาพูดมากกว่าคนอื่น และเขาเป็นจ่าฝูง ผมชอบเขามากที่สุด ยกเว้นวันที่เขา อารมณ์เสีย” “จอห์น?” แม่ฉงน “จอห์น” ผมยืนยันซ�้ำ เคี้ยวขอบกรอบของขนมปัง “น้องชายของเขาชื่อจอร์จกับพอล ญาติชื่อร็อกกี้กับโจโจ้” “ใครพูดน้อยที่สุด?” แม่ถาม ปัดมดเข้าไปในถังขยะ ผมเห็นมดไต่กลับออกมา “โจโจ้” ผมตอบ “คนเงียบขรึม อ้อ, เกือบลืมบอกไป สีที่ผมโปรดที่สุดคือ สีน�้ำเงิน” “น�้ ำ เงิ น ” แม่ ถ อนหายใจยาว เอนหลั ง พิ ง ขอบ เคาน์เตอร์ “ดีเลย, ลูกท�ำการบ้านแล้วหรือยัง?” “เสร็จหมดแล้วครับ แม่หางานได้หรือยัง?” “อีกไม่นาน” แม่บอก (เราแอบไปสูบบุหรี่หลังก�ำแพงในช่วงพัก พี่น้อง ตระกูลแกธคนหนึ่งยื่นห่อมันทอดรสบาร์บีคิวให้ ในตอนที่ผมรับมา แกธเพ่งจ้องผม ประกายตา วาววาม “อะไร?” ผมถาม “อะไร?” แกธตอบ)
ท่านอยากทราบไหมว่าผมชอบมองอะไร? อ่างอาบน�้ำนก เก็ บ เข้ า ตู ้ ลั่ น กุ ญ แจ หมี ยั ด นุ ่ น ที่ มี ล วดเย็ บ กระดาษและ ใบหน้า
73
เทปกาวพันไว้ ทีวี ตู้เย็น ผมชอบรถยนต์ ฤดูกาลที่ผัน ผ่านหมุนเวียน รสชาติเปปเปอร์มินต์ ใส่สีผิด และคอห่าน... หมายถึงล�ำคอของหมอคนนั้น (มีรูปถ่ายครอบครัวรอเบิร์ตสันในกรอบสีฟ้าวาง บนหลังทีวี รูปที่เราถ่ายในแผนกถ่ายภาพของ ศูนย์การค้า ผมพยายามทุ่มสมาธิให้ทีวี แต่ บางคราว อดเหลือบไปมองรูปถ่ายไม่ได้ ส่วนใหญ่ แล้ว ผมมองเห็นพุ่มผมและเสื้อตัวเก่งของเรา ผมจ�ำช่างภาพง่าวที่บอกให้เราเปล่งเสียงค�ำว่า ‘บั ต เทอร์ ค รี ม พาย’ ในตอนเขากดชั ต เตอร์ บางคราว ผมเงยหน้าเร็วเกินไป รูปถ่ายคล้าย อ้าปากกรีดร้องโหยหวน ทุกอย่างในครอบครัว ผนึกไว้ ในรูปนั้น เหมือนกรามของแม่ที่คล้ายจะ ปล่อยให้ค�ำว่า ‘ความผิดหวัง’ ไหลหยาดออกมา ดวงตาของพ่อคล้ายกระถดจมลึกเข้าไปในเบ้า จนเหลือเพียงเบ้าตาว่างเปล่า จินนียิ้มปากกว้าง เหมือนพ่นเมือกคราบในห้องน�้ำออกมาคลุมโลก ใครบางคนเบียดอัดผมแทบแบนราบ คืนหนึ่ง แม่หยิบรูปครอบครัวมาดูในช่วง โฆษณา “แม่คิดว่านี่เป็นรูปถ่ายครอบครัวเราที่ แม่โปรดที่สุด” คงเป็นเพราะมุมกล้องของรูปนี้ ไม่เผยคางสองชัน้ ของแม่ให้เห็น แม่ชื่นชอบจินนี ยิ้มร่าเห็นฟันทั้งปาก และชอบพ่อที่เพิ่งไปตัดผม มาใหม่ และผม...ครั้งนี้ครั้งเดียวที่ ไม่แยกเขี้ยว 74
คัลเลอร์ มาสเตอร์
ใส่กล้อง “ดูซ,ี วิลเลียม เห็นไหมลูกน่ารักถ้าไม่ทำ� ตัว แผลงๆ” ผมยักไหล่ “มองไม่เห็น” ผมบอก “ขอโทษ ด้วยครับ”)
ใบหน้า
75