The Wind-up Bird And Tuesday's Women

Page 1


ต�ำนำนนกไขลำน อนุสรณ์ ติปยานนท์

ผมก�าลังต้มเส้นสปาเกตตีอยูใ่ นครัวขณะทีห่ ญิงสาวคนนัน้ โทร.มา ก่อนหน้าที่เส้นจะได้ที่ ผมก� าลังผิวปากเพลง ลา กัซซา ลาดรา1 ของรอสสิน่ี2 ทางคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม มันช่างเป็นเพลงประกอบการต้มเส้นสปาเกตตีที่สมบูรณ์ แบบเสียนี่กระไร เมือ่ ได้ยนิ เสียงโทรศัพท์ ผมพูดกับตัวเองว่าอย่าไป แยแสมัน ต้องต้มเส้นให้เสร็จก่อน มันเกือบจะได้ทแี่ ล้วและ นอกจากนัน้ คลอดิโอ แอบบาโด3 และวงลอนดอนซิมโฟนี ของเขาก�าลังบรรเลงเพลงดังขึ้นเป็นล�าดับ อย่างไรก็ตาม ผมลองคิดอีกที ผมหรี่ไฟลง ตรงไปที่ห้องรับแขก และ หยิบหูโทรศัพท์ข้ึนสนทนาทั้งที่มีตะเกียบยาวอยู่ในมือ อาจจะเป็นเพื่อน หรือบางทีอาจเป็นข่าวจากงานใหม่ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 213


“ฉันขอเวลาคุณแค่สิบนาที” มีเสียงผู้หญิงดัง ออกมาจากปลายสายนั่น “อะไรนะ” ผมตอบกลับไปอย่างประหลาดใจ “พูดอีกทีสิครับ” “ฉันพูดว่า ฉันขอเวลาคุณแค่สิบนาทีเท่านั้น” หญิงสาวผู้น้นั พูดซ�้า ผมแน่ใจว่าไม่เคยได้ยนิ เสียงผู้หญิงคนนัน้ มาก่อน เลยในชีวิต ผมมั่นใจว่าหูของผมเป็นหูชั้นยอด ดังนั้น ผมจึงเชื่อว่ามันต้องท�างานไม่ผิดพลาด นี่เป็นเสียงของ ผู้หญิงที่ผมไม่รู้จัก เป็นเสียงพูดในล�าคอที่แผ่วเบาและ ไร้อารมณ์ “ต้องขอโทษด้วย แต่คณ ุ ต้องการต่อสายไปทีไ่ หน” ผมสนทนากับเธออย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะท�าได้ “มันจะต่างอะไรเล่า สิ่งที่ฉันต้องการคือเวลาสิบ นาทีของคุณ เป็นสิบนาทีท่ีเราจะได้ทา� ความเข้าใจซึ่งกัน และกัน” เธอตรงเข้าประเด็นอย่างประณีตและรวดเร็ว “ความเข้าใจซึ่งกันและกันรึ” “เป็นความเข้าใจซึ่งความรู้สึกของเรา” หญิงสาว 214 ต�ำนำนนกไขลำน


คนนั้นตอบห้วนๆ ผมยืดคอมองไปที่ประตูครัวที่เปิดทิ้งไว้ มีไอสีขาว พวยพุ่งขึ้นจากหม้อต้มสปาเกตตี และแอบบาโดยังคง อ�านวยเพลงของเขาต่อไป “ถ้าคุณไม่วา่ อะไร ตอนนีผ้ มก�าลังต้มเส้นสปาเกตตี และมันก�าลังจะได้ที่ ถ้าผมต้องคุยกับคุณต่ออีกสิบนาที เส้นสปาเกตตีคงเละไม่เป็นท่า ดังนั้นผมจะขอวางหูก่อน ตกลงไหม” “คุณก�าลังต้มเส้นสปาเกตตี” ผู้หญิงคนนั้นสบถ อย่างไม่เชื่อหู “นี่เพิ่งสิบโมงเช้า คุณต้มเส้นสปาเกตตี ตอนเช้าตรู่น่นี ะ ไม่แปลกไปหน่อยหรือ” “แปลกหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” ผมพูด “ผมไม่กนิ อาหารเช้าบ่อยนัก แต่ตอนนีผ้ มหิว และตราบใด ที่ ผ มเป็ น คนท� า อาหารกิ น เอง ผมจะกิ น มั น เมื่ อ ไหร่ ก็ เป็นเรื่องส่วนตัวของผม ใช่ไหม” “ใช่...ทีค่ ณ ุ ว่ามามันก็ถกู ถ้าเช่นนัน้ ก็วางสายเถอะ” ผูห้ ญิงคนนัน้ พูดอย่างช้าๆ ด้วยน�า้ เสียงกึง่ แข็งขัน กึ่งยั่วยุ ช่างเป็นน�า้ เสียงที่แปลก มีการเปลี่ยนแปลงทาง อนุสรณ์ ติปยานนท์ 215


อารมณ์ เสียงของเธอเปลี่ยนไป “ฉันจะโทร.กลับมาใหม่ทีหลัง” “เดี๋ยวก่อน” ผมตะโกน “ถ้าคุณต้องการจะเสนอขายสินค้าอะไรสักอย่าง ไม่ต้องโทร.กลับมา ผมก�าลังตกงานและไม่มเี งินพอจะซื้อ อะไรได้” “ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องย�้า” เธอพูด “คุณรู้แล้ว คุณรู้อะไร” “รู้ว่าคุณตกงาน นั่นคือเรื่องที่ฉันรู้ ตั้งใจต้มเส้น ของคุณไปเถอะ ตกลงไหม” “เดี๋ยว คุณชื่อ-” ผมพยายามจะตั้งค�าถามแต่ สายหลุดไป ผมรู้สึกว่าเธอไม่ได้วางหู แต่แค่กดปุ่มยุติ การสนทนา ผมกลายเป็นฝ่ายอาลัยอาวรณ์ ผมจ้องมองหู โทรศัพท์ในมือแล้วก็นึกถึงเส้นสปาเกตตี ผมวางหูแล้วดิ่ง กลับไปทีค่ รัว ปิดแก๊ส เทเส้นใส่ทกี่ รอง อุน่ ซอสมะเขือเทศ ด้วยกระทะแบนแล้วเทมันลงบนเส้น เส้นเละเกินไปแล้ว 216 ต�ำนำนนกไขลำน


ขอบคุณการสนทนาที่ไร้สาระ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่อง เป็นตาย และผมก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมาคร�่าครวญกับ เส้นสปาเกตตีที่ไม่ได้ที่ ร่างกายของผมโหยหิวแทบตาย ผมนั่งฟังเพลงไว้ทุกข์ให้เส้นสปาเกตตีปริมาณสองร้อย ห้าสิบกรัมก่อนจะส่งมันลงท้องจนเส้นสุดท้าย ผมล้างจาน กระทะ ตั้งกาต้มน�้า แล้วเทน�า้ ร้อนใส่ ชาซองส�าเร็จรูป ขณะทีด่ มื่ ชา ผมก็ทบทวนบทสนทนาทาง โทรศัพท์ “เรามีอะไรที่ต้องท�าความเข้าใจซึ่งกันและกัน” ผูห้ ญิงคนนัน้ หมายความว่าอะไร เธอเป็นใคร และ โทร.หาผมด้วยจุดประสงค์อะไร ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องลึกลับ ผมนึกไม่ออกว่าเคยพบ ผู้หญิงที่พูดคุยโดยไม่ได้แสดงตัวมาก่อนหรือไม่ และผมก็ นึกไม่ออกว่าเธอต้องการอะไร อนุสรณ์ ติปยานนท์ 217


ให้ตายสิ ผมบอกตัวเอง ผมจะมากังวลอะไรกับ ความรู้สึกของผู้หญิงที่ไม่รู้จัก มันจะได้ประโยชน์อะไร สิ่งส�าคัญคือหางานท�าให้ได้แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที ผมกลับมานั่งที่โซฟาและพยายามอ่านนวนิยาย ของเลน เดตัน4 ที่ผมยืมมาจากห้องสมุด แต่ก็อดเหลือบ มองดูโทรศัพท์ไม่ได้ มีความรู้สึกอะไรบ้างที่ต้องใช้เวลา สิ บ นาที เ พื่ อ ท� า ความเข้ า ใจกั น สิ บ นาที ที่ จ ะได้ เ ข้ า ใจ ความรู้สกึ ซึ่งกันและกัน เมื่อคิดดูให้ถี่ถ้วน ผู้หญิงคนนั้นเน้นเวลาสิบนาที นับแต่ประโยคแรก ดูเธอจะมั่นใจเรื่องช่วงเวลามาก ราว กับว่าเก้านาทีนั้นสั้นเกินไปและสิบเอ็ดนาทีก็ยาวเกินพอ เป็นการเปรียบเทียบดังเวลาต้มเส้นสปาเกตตีให้พอดี เมื่อต้องขบคิดความคิดเช่นนี้ ท�าให้ผมลืมพล็อต นวนิยายที่ก�าลังอ่านเสียสิ้น ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนมา ออกก�าลังกายแทน ผมกะจะรีดเสื้อเชิ้ตสักตัวสองตัว 218 ต�ำนำนนกไขลำน


เมื่อใดก็ตามที่สมองของผมไม่ท�างาน ผมจะรีดเสื้อเสมอ นิสัยเดิมที่ยากจะแก้ ผมแบ่งขั้นตอนการรีดเสื้อออกเป็นสิบสองช่วง จาก หนึ่ง - เริ่มที่คอปกด้านหน้า ไปสู่สิบสอง - แขนเสื้อ ข้างซ้าย ไม่มีการนอกรีตนอกรอย ผมจะออกเสียงนับ ทีละขัน้ ดังๆ การรีดเสือ้ จะไม่สมบูรณ์แบบเลยถ้าปราศจาก การออกเสียง ผมเพลิดเพลินกับการรีดเสื้อจนถึงตัวที่สาม ผมมี ความสุขกับเสียงครางของเตารีดไอน�้า กับกลิ่นหอมของ ผ้าฝ้ายเมื่อโดนความร้อน ผมตรวจสอบรอยยับของเสื้อ แต่ละตัวก่อนน�าขึ้นแขวนในตู้ ก่อนจะปิดสวิตช์และเอา เตารีดเก็บบนที่วางในตู้เก็บของ ตอนนี้ คอของผมแห้งผาก ผมเดินเข้าครัวเพื่อหา น�้าดื่มก่อนเสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น เอาอีกแล้ว ผมนึก ผม พยายามท�าเป็นไม่สนใจมันและเดินต่อไปที่ครัว แต่อย่าง อนุสรณ์ ติปยานนท์ 219


ไม่ รู ้ ตั ว ผมถอยหลั ง กลั บ มาที่ ห ้ อ งรั บ แขกและหยิ บ หู โทรศัพท์ข้นึ ถ้าเป็นผู้หญิงคนเดิม ผมจะบอกว่าก�าลังวุ่น กับการรีดผ้าและขอตัววางสาย ทว่า - มันกลับเป็นโทรศัพท์จากภรรยาของผม นาฬิกาบนหลังเครื่องโทรทัศน์บอกเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง “เป็นยังไงบ้าง” เธอถาม “ปกติดี” ผมตอบแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก “คุณท�าอะไรอยู่” “รีดผ้า” “มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” ภรรยาผมถามอีก เสียงของเธอเครียดขึ้น เธอรู้ดีว่าผมจะรีดผ้าเสมอเวลา วุ่นวายใจ “ไม่มอี ะไร แค่รสู้ กึ อยากรีดเสือ้ เชิต้ สักสองสามตัว ไม่มีอะไรพิเศษ” ผมย้ายหูโทรศัพท์จากขวามาซ้าย และ นั่งลงบนเก้าอี้ “มีอะไรอยากเล่าให้ผมฟังหรือเปล่า” “มี ฉันมีงานที่คุณอาจสนใจ” “อือฮึ” ผมส่งเสียงเบาๆ 220 ต�ำนำนนกไขลำน


“คุณเขียนบทกวีเป็นใช่ไหม” “บทกวี!!!!” ผมตะโกนออกมาด้วยความประหลาด ใจ “บทกวีมาเกี่ยวข้องอะไรด้วย” “นิตยสารนวนิยายรายเดือนส�าหรับพวกเด็กสาว ที่ฉันมีคนรู้จัก ต้องการหาใครสักคนมาท�าหน้าที่คัดสรร และขัดเกลาบทกวีทสี่ ่งเข้ามา แค่คดั ชิน้ เด่นๆ เดือนละชิน้ เอามาตีพิมพ์ เป็นงานสบายๆ รายได้ก็ไม่เลว แน่ละ มันเป็นงานไม่เต็มเวลา แต่ถ้าทุกอย่างไปได้ดีพวกเขาจะ หาต�าแหน่งประจ�าให้คุณในกองบรรณาธิการและ -” “งานสบายๆ” ผมร�าพึง “ผมต้องการหางานใน ส�านักงานกฎหมาย ท�าไมคุณถึงเอางานอ่านบทกวีมาให้” “ก็คุณเคยบอกไม่ใช่หรือว่าคุณชอบเขียนหนังสือ ตอนอยู่ช้นั มัธยมปลาย” “ผมเคยท�าหนังสือพิมพ์ แต่นั่นเป็นหนังสือพิมพ์ นักเรียน ทีล่ งข่าวประเภททีมฟุตบอลสักทีมชนะการแข่งขัน ครูสอนวิชาฟิสิกส์เดินตกบันไดและต้องเข้าโรงพยาบาล ข่าวมโนสาเร่แบบนั้น แต่ไม่ใช่บทกวี ผมไม่เคยเขียน บทกวีมาก่อนเลย” อนุสรณ์ ติปยานนท์ 221


“ไม่ใช่บทกวีแบบจริงจัง แต่เป็นบทกวีหวานแหวว ที่พวกเด็กนักเรียนสาวๆ ชอบอ่าน มันไม่จ�าเป็นต้องดี เลิศเลอ พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะเขียนบทกวีได้ ยอดเยี่ยมแบบอัลเลน กินส์เบิร์ก5 สิ่งที่คุณเคยท�ามาก็ ถือว่าใช้ได้” “ผมเอง-ก็ไม่เคยเขียนบทกวีที่พอใช้ได้” ผมแย้ง ความคิดของเธอช่างยอดจริงๆ “เอาละ” ภรรยาผมเอ่ย “ส�าหรับงานกฎหมาย ของคุณไม่มอี ะไรคืบหน้าเลยใช่ไหม” “มีข้อเสนอมาบ้าง แต่ค�าตอบสุดท้ายน่าจะได้ อาทิตย์หน้า ถ้ามันเหลว ผมจะลองหาหนทางอื่น” “ตามใจคุณ วันนี้วันอะไรนะ” “วันอังคาร” ผมตอบเธอหลังคิดอยู่ชั่วครู่ “ถ้างั้นคุณจะแวะไปที่ธนาคาร จ่ายค่าแก๊สและ ค่าโทรศัพท์ของที่บ้านให้ได้ไหม” “ได้ ผมจะเลยออกไปซื้อของมาท�ากับข้าวมื้อค�่า ด้วย ผมท�าพร้อมๆ กันได้” “มีอะไรกินเย็นนี้” 222 ต�ำนำนนกไขลำน


“คิดสิ” ผมตอบ “ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย ผมจะคิด ตอนที่อยู่ในร้านแล้วกัน” “คุณรู้ไหม” ภรรยาของผมเปลีย่ นเสียง “ฉันก�าลัง คิดว่า บางทีคุณอาจไม่จ�าเป็นต้องหางานท�าก็ได้” “ท�าไมล่ะ” ผมโพล่ง ผู้หญิงทุกคนในโลกอยากยั่ว โทสะผมเล่นผ่านทางโทรศัพท์หรือไง “ท�าไมผมถึงไม่ควรหางาน อีกสามเดือนเงินชดเชย การว่างงานของผมจะหมด ไม่มเี วลาให้ทอดหุ่ยอีกแล้ว” “ฉันได้เงินเดือนขึ้น และมีงานพิเศษด้วย เงิน เก็บเราก็มีพอควร ถ้าไม่ไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ใช้จ่าย ฟุ่มเฟือย เราน่าจะพออยู่ได้” “คุณจะปล่อยให้ผมรับผิดชอบงานบ้านหรือ” “ไม่ดีหรือ” “ไม่รู้สิ” ผมพูดออกมาตรงๆ ผมไม่รู้จริงๆ “เอาไว้ผมจะลองคิดดู” “ลองคิดดูดๆี ” ภรรยาผมทวนค�า “อ้ออีกเรื่อง เจ้าเหมียวกลับมาหรือยัง” “เจ้าเหมียว” ผมสะดุง้ นีผ่ มลืมเจ้าเหมียวเสียสนิท อนุสรณ์ ติปยานนท์ 223


“ยังไม่มีว่แี ววเลย” “ลองออกไปดูแถวรอบๆ ได้ไหม นีม่ นั หายไปเกือบ สี่วันแล้ว” ผมตอบอะไรแบบขอไปที แล้วย้ายหูโทรศัพท์มาที่ มือขวา “ฉันเดาว่ามันน่าจะเตร่อยู่แถวสนามหญ้าของ บ้านร้างสุดตรอก สนามที่มีรูปปั้นเป็นรูปนก ฉันเจอมัน ที่นั่นแทบทุกครั้ง คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันพูดถึงที่ไหน” “ไม่ ไม่แน่ใจ” ผมตอบ “ว่าแต่ว่า คุณไปเดินอยู่ แถวที่ว่านั้นตั้งแต่เมื่อไร คุณไม่เคยบอกผมเลย -” “ขอโทษที ฉันต้องวางสายกลับไปท�างานแล้ว อย่าลืมเรื่องแมวล่ะ” เสียงสัญญาณขาด ผมนั่งดูหูโทรศัพท์อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะวางมันลง ภรรยาผมรู้เรื่องบ้านร้างได้ยังไง ผมนึกไม่ออก จริงๆ เธอต้องปีนข้ามก�าแพงจากสนามหญ้าของเราไป ที่ นั่ น และถ้ า เป็ น เช่ น นั้ น แล้ ว มี เ หตุ ผ ลอะไรที่ ล� า บาก 224 ต�ำนำนนกไขลำน


ถึงขนาดนัน้ ด้วย ผมเข้าครัวไปหาน�้าดื่มได้ในที่สุด ผมเปิดวิทยุ เอฟเอ็ ม และเริ่ ม ต้ น ตั ด เล็ บ มี ก ารสั ม ภาษณ์ โ รเบิ ร ์ ต แพลนต์6 ถึงอัลบั้มชุดใหม่ในวิทยุ ผมฟังเพลงของเขา สองเพลงจนปวดหูและปิดสวิตช์ ผมเดินออกไปที่ระเบียง เพื่ อ ดู อ าหารแมว ปลาแห้ ง ที่ ผ มวางไว้ เ มื่ อ คื น ไม่ ถู ก แตะต้องเลย เจ้าเหมียวยังไม่กลับมา เมือ่ ยืนอยูท่ ร่ี ะเบียง ผมมองดูดวงอาทิตย์สแี ดงเพลิง ตกลงที่สนามหญ้าเล็กๆ ของเรา มันไม่ใช่สนามหญ้าที่ น่าจดจ�านัก พระอาทิตย์ตกที่นี่แค่ช่วงสั้นๆ ในแต่ละวัน ดินเปียกชื้นเป็นตมไม่มีอะไรเพาะปลูกขึ้น มีเพียงพุ่ม ไฮเดรนเยียสองสามพุ ่ ม และผมก็ ไ ม่ ใ ช่ ค นชอบดอก ไฮเดรนเยียเสียด้วย จากแนวต้นไม้ใกล้ๆ มีเสียงนกร้องเอียดออดเป็น เสียงแหลมคล้ายดังนกประดิษฐ์ นกไขลาน พวกเราเรียก อนุสรณ์ ติปยานนท์ 225


มันเช่นนั้นตามสมญานามที่ภรรยาของผมตั้งให้ ผมไม่รู้ หรอกว่ามันเป็นนกประเภทใดแน่ หรือมันมีหน้าตาแบบ ไหน อย่างไรก็ตาม เจ้านกจะอยูท่ แี่ นวต้นไม้นที้ กุ เช้าเพือ่ ขับกล่อมเรา ขับกล่อมโลกเล็กๆ ของเรา ขับกล่อมทุกสิ่ง ในขณะที่ผมนั่งฟังนกไขลาน ผมก็เริ่มขบคิดว่า เหตุใดจึงต้องเป็นผมที่ต้องออกตามหาแมว และยิ่งกว่า นั้นต้องเป็นผมที่ต้องหามันให้เจอ ผมจะท�าอย่างไรดี ลากมันกลับมาบ้านและอบรมมัน เริ่มด้วยฟังนะ เจ้า ท�าให้ทกุ คนเป็นห่วง ท�าไมถึงไม่ยอมกลับบ้านดีๆ นั่นสินะ ผมคิด ท�าไมไม่ปล่อยให้แมวไปในที่ที่มัน อยากไปและท�าในสิ่งที่มันอยากท�า ดูผมตอนนี้สิ อายุ สามสิบปี ผมท�าอะไรตามใจตัวเองได้บ้าง นอกจากอยู่ กับบ้าน ซักผ้า เตรียมอาหารเย็น และตามหาแมว เมื่อไม่นานมานี้ ผมก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ ที่ มีความทะเยอทะยาน ในช่วงมัธยมปลายผมเคยอ่าน ประวัติชีวิตของแคลเลนซ์ แฮร์โรว์ 7 และตัดสินใจเรียน 226 ต�ำนำนนกไขลำน


กฎหมาย คะแนนเรียนในมหาวิทยาลัยของผมไม่เลวนัก ในปีสุดท้ายผมได้รับการลงความเห็นว่าน่าจะเป็นคนที่ ประสบความส�าเร็จในอาชีพเป็นคนต้นๆ ผมถึงกับได้งาน ที่ ภ าควิ ช ากฎหมายในมหาวิ ท ยาลั ย ชั้ น น� า หลั ง ส� า เร็ จ การศึกษา แล้วตอนนี้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ผมวางศอกลงบนโต๊ะแล้วชันคางขึ้น ตอนไหนนะ ที่เข็มทิศชีวิตมันพังและท�าให้วิถีชีวิตผมกระเจิดกระเจิง ดูมนั กระเจิดกระเจิงกว่าทีค่ ดิ จนผมไม่อาจชีน้ วิ้ บอกได้ชดั ว่าเป็นตอนไหน ใช่ตอนทีผ่ มไม่เลิกยุง่ กับกิจกรรมการเมือง สมัยนักศึกษา หรือเป็นตอนที่ผมหลงคิดว่ามหาวิทยาลัย เป็นสวรรค์ หรือเป็นตอนทีผ่ มไปเสเพลกับพวกสาวๆ เท่าที่ จ�าความได้ ทุกอย่างก็แลดูปกติดีจนถึงวันที่ผมส�าเร็จ การศึกษา ก่อนจะพบว่าตัวเองนั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว... บางทีเมล็ดพันธุ์แห่งความผิดพลาดนั้นอาจฝัง อยู่เนิ่นนานโดยที่ผมไม่สังเกตเห็นแม้จะแนบตามองเพียง ใด วันหนึ่งมันก็งอกเงยขึ้นมาดันผมให้กลายออกจาก อนุสรณ์ ติปยานนท์ 227


คนทีเ่ คยเป็น ถ้าจะเปรียบกับระบบสุรยิ ะ ผมคงเป็นใครสัก คนที่ลอยคว้างอยู่ระหว่างวงโคจรของดาวเสาร์และดาว ยูเรนัส ที่อีกไม่ไกลคงไปถึงดาวพลูโต และหลังจากนั้น ไม่สิ - จะมีอะไรหลังจากนัน้ ได้อกี มันพ้นระบบสุรยิ ะแล้ว ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมลาออกจากงาน ประจ�าที่ส�านักงานกฎหมาย ผมไม่มีเหตุผลพิเศษ ผม ไม่ได้เบื่องาน แม้มันจะไม่ใช่ที่ท�างานในฝัน แต่รายได้ก็ ไม่เลว บรรยากาศที่ท�างานก็อบอุ่นดี หน้าที่ของผม - ที่ทา� งานนั่น จะเป็นแค่พนักงาน ธรรมดา แต่ผมก็เชื่อว่าผมท�างานได้ดตี ามมาตรฐานของ ตน มันอาจฟังดูแปลกๆ ถ้าถูกเปรียบจากถ้อยค�าของ ผม แต่ผมก็เชื่อว่าได้ทา� ทุกอย่างเต็มความสามารถเมื่อได้ รับมอบหมาย ผมจับประเด็นแม่น ท�างานมีระบบ คิด เป็นระเบียบ และไม่เคยปริปากบ่น นั่นเองเป็นเหตุว่า 228 ต�ำนำนนกไขลำน


เมื่อผมเอ่ยกับหุ้นส่วนบริษัทว่าจะลาออก ท่านผู้อาวุโส ที่มีอายุเป็นพ่อของพนักงานกว่าครึ่งและเป็นทนายความ เอก จึงเอ่ยปากขึ้นเงินเดือนให้หากผมจะสมัครใจอยู่ ต่อไป แต่ผมก็ไม่ได้ทา� เช่นนัน้ ผมไม่รวู้ า่ ท�าไมจึงยืนกราน ทีจ่ ะจากไป ผมไม่มเี ป้าหมายแน่ชดั ไม่มอี นาคตทีเ่ รืองรอง ความคิดที่จะเริ่มต้นหาที่ท�างานใหม่และมุ่งมั่นกวดวิชา เพื่อสอบเป็นทนายไม่มีในหัวของผม นอกจากนี้ผมเริ่ม แน่ใจแล้วว่าไม่ได้อยากเป็นทนายอีกต่อไป เมือ่ กลับถึงบ้านและบอกกับภรรยาในมือ้ อาหารค�า่ ว่าผมคิดทีจ่ ะออกจากงาน เธอพูดเพียงว่า “มันก็เหมาะสม ดี” ผมไม่แน่ใจว่าค�าว่าเหมาะสมดีหมายความว่าอะไร เพราะเธอพูดเพียงเท่านั้น ไม่มคี �าขยายความใดอื่น

อนุสรณ์ ติปยานนท์ 229


และเมื่อผมไม่พูดต่อ เธอก็เอ่ยเพียงว่า “ถ้าคุณ อยากเลิ ก ท�า งานก็ เ อา มั น เป็ น ชี วิ ต ของคุ ณ คุ ณ ควร ท�าสิ่งที่คุณอยากท�า” เธอพูดเพียงเท่านั้นและลงมือคุ้ย เนื้อปลาบนโต๊ะขึ้นกินด้วยตะเกียบในมือ ภรรยาของผมท�างานทีโ่ รงเรียนออกแบบของเอกชน รายได้ของเธอไม่เลวทีเดียว และบางครั้งเธอก็ได้งาน พิเศษเป็นงานเขียนภาพประกอบจากเพื่อนๆ ซึ่งจ่ายงาม ไม่น้อย ส่วนผมก็อาจยังชีพด้วยเงินชดเชยการว่างงาน ที่ กิ น เวลาหกเดื อ น ดั ง นั้ น หากผมพอใจอยู ่ บ ้ า นและ สมัครใจท�างานบ้าน เราอาจทุ่นค่าอาหาร ค่าซักรีด และ อื่นๆ อีกทั้งชีวิตประจ�าวันของเราก็จะไม่เปลี่ยนแปลง มากนักจากตอนที่ผมท�างานรับเงินเดือนประจ�า ดังนั้น - ผมจึงลาออกจากงาน

เวลาเที่ยงครึ่ง ผมออกไปช็อปปิ้ง ผมสะพายเป้ผ้าใบ 230 ต�ำนำนนกไขลำน


แคร์รี่ออลใบใหญ่ไว้ที่บ่า แวะที่ธนาคารก่อนเพื่อจ่ายบิล ค่าแก๊สและค่าโทรศัพท์ ซื้อของเพื่อท�าอาหารค�่า ก่อนจะ จบลงด้วยการกินชีสเบอร์เกอร์และกาแฟทีร่ า้ นแมคโดนัลด์ เมื่อกลับถึงบ้านและทยอยเอาของใส่ตู้เย็น เสียง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น มันดังอย่างโกรธๆ แต่ก็แฝงนัยไปใน ทางที่ดี จนผมต้องทิ้งกล่องเต้าหู้ที่เปิดฝาค้างไว้บนโต๊ะ แล้วตรงไปที่ห้องรับแขกแล้วยกหูโทรศัพท์ “ต้มเส้นสปาเกตตีเสร็จหรือยัง” เป็นผูห้ ญิงคนเดิม “เสร็จแล้ว” ผมตอบ “แต่ตอนนี้ผมต้องออกไป ตามหาแมวก่อน” “ก่อนไปตามหาแมว คุณมีเวลาสักสิบนาทีไหม” “สิบนาทีหรือ น่าจะได้” นี่ผมก�าลังท�าบ้าอะไร ท�าไมถึงยอมจ�านนให้ต้อง ใช้เวลาสิบนาทีกับผู้หญิงแปลกๆ คนหนึ่ง “ดีแล้ว ตอนนี้เราจะได้ทา� ความเข้าใจกัน” ปลาย สายพูดอย่างสุภาพเรียบร้อย จากน�า้ เสียง - ผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าเธอจะเป็นใครก็ตาม ดูเหมือนเธอก�าลังนั่งไขว้ขา อนุสรณ์ ติปยานนท์ 231


อย่างสบายอารมณ์บนเก้าอี้นวมสุดนุ่ม “ไม่รู้สิ” ผมตอบ “บางคนใช้เวลานับเป็นสิบปี ก็ยังไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน” “คุณกล้าสนทนาแล้วหรือ” ผู้หญิงคนนั้นเย้า ผมถอดนาฬิกาข้อมือ กดปุ่มจับเวลา แล้วเริ่มต้น จับเวลา “ก่อนอืน่ ท�าไมต้องเป็นผม ท�าไมไม่โทร.หาคนอืน่ เล่า” “ฉันมีเหตุผลส่วนตัว” ผูห้ ญิงคนนัน้ เอือ้ นค�าอย่าง ช้าๆ ราวกับเธอก�าลังละเลียดอาหารรสเลิศ “ฉันได้ยนิ เรื่องของคุณมานานแล้ว” “ที่ไหน เมื่อไร” “บางที่ บางเวลา” เธอตอบ “แต่น่นั ไม่ใช่ประเด็น ที่ส�าคัญคือตอนนี้ เวลานี้ต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้นมาพูด เรื่องนี้ก็ท�าเสียเวลาไปเปล่าๆ ฉันไม่ได้มีเวลาชั่วนิรันดร์ คุณก็รู้” “พิสูจน์สิ พิสูจน์ว่าคุณรู้เรื่องราวของผม” “เอาอะไรล่ะ” 232 ต�ำนำนนกไขลำน


“อายุของผม” “สามสิบ” เธอตอบทันที “สามสิบปี สองเดือน แม่นไหม” ผมสะอึก หญิงสาวคนนี้รู้จักผมจริงๆ แต่แม้ผม จะค้นหาเธอในทุกรอยหยักสมอง ผมก็นึกไม่ออกว่าเธอ คือใคร ผมอาจจะลืมหน้าคนได้ แต่ไม่เคยลืมเสียงคน ไม่ เลย “เอาละ ตาคุณบอกอะไรถึงตัวฉันบ้าง” เธอยั่ว “คุณนึกอะไรออกได้บา้ งจากเสียงของฉัน อาทิเช่น ฉันเป็น ผูห้ ญิงแบบไหน มีรปู ร่างหน้าตาเช่นไร สิง่ นีเ้ ป็นพรสวรรค์ ของคุณไม่ใช่หรือ” “ใช่” ผมตอบ “เอาละ เริ่มเลย” เธอส�าทับ ผมเหลือบดูนาฬิกา ยังไม่ถงึ นาทีครึง่ เลย ผมถอน หายใจโล่ง ดูเหมือนจะพอรับมือกับเธอไหว และเมื่อต้อง ปะทะกันแล้ว การถอยกลับย่อมไม่มี ผมเชื่อว่าผมเป็น ยอดด้านการเดาเสียงคน “อายุยสี่ บิ ตอนปลาย จบการศึกษาขัน้ มหาวิทยาลัย อนุสรณ์ ติปยานนท์ 233


เป็นคนโตเกียวโดยก�าเนิด เติบโตมาในครอบครัวคนชั้น กลางที่มฐี านะ” ผมตอบ “แจ๋ว” หญิงสาวพูด ผมได้ยนิ เสียงจุดไฟแช็ก จาก เสียงเป็นไฟแช็กคาร์เทียร์แน่ “ว่าต่อไปสิ” “หน้าตาพอดูได้ หรืออย่างน้อยคุณก็เชื่อเช่นนั้น แต่คุณเป็นคนมีปมด้อยเรื่องร่างกาย ถ้าไม่ตัวเตี้ยเกินไป ก็มีหน้าอกไข่ดาว อะไรท�านองนั้น” “เกือบเผง” เธอหัวเราะชอบใจคิกคัก “คุณแต่งงานแล้ว แต่ชีวิตคู่ก็ไม่ราบรื่นนัก มี ปัญหามากมาย หญิงสาวที่ปลอดโปร่งจะไม่มีวันโทร.หา ชายแปลกหน้าโดยไม่บอกชื่อบอกเสียง ผมไม่เคยรู้จัก คุณมาก่อน หรืออย่างน้อยก็ไม่เคยคุยกับคุณ นี่เป็นเรื่อง ความคิดล้วนๆ เพราะผมนึกภาพคุณไม่ออกเลย” “จริงรึ” เธอพูดอย่างระมัดระวังราวกับก�าลังค�านวณ ว่าจะตอกลิ่มนิ่มๆ เข้ามุมไหนของกะโหลกผมดี “คุณแน่ใจได้อย่างไร บางทีอาจเกิดจุดบอดบาง อย่างในตัวคุณ คุณอาจทุ่มเทสมอง ร่างกาย และความ 234 ต�ำนำนนกไขลำน


สามารถให้กับใครบางคนมากเกินไป จนหลงลืมหลาย อย่างไป” “คุณให้ข้อมูลผมมาก” ผมตอบ “แต่ผมก็ยังนึก ไม่ออกอยู่ดวี ่าคุณคือใคร ผมไม่ใช่ยอดคนอย่างที่คุณนึก หรอก ผมก็แค่ไอ้ห่วยแตกคนหนึ่งที่เตร่ไปมาตามตรอก นั้นตรอกนี้” “อย่างไรก็ตาม ฉันเคยมีอะไรบางอย่างผูกพันกับ คุณ แต่น่นั ก็นานมาแล้ว” “นานมาแล้ว” ผมร�าพึง สองนาทีห้าสิบสามวินาที “ไม่นานเท่าใดหรอก” เธอเปลี่ยนเรื่อง “เราไม่ได้ ร�าลึกความหลังกันนี่” “ไม่ เราก�าลังร�าลึกความหลังอยู่” จุดบอด บางทีหญิงสาวคนนี้อาจพูดถูก ในหัว ของผม ในร่างกายของผม ในการมีชีวิตอยู่ของผม อาจ มีจุดบอดเกิดขึ้น อาจมีองค์ประกอบบางอย่างที่ท�าให้ ชีวิตผมบูดเบี้ยวไป ไม่สิ ไม่เพียงแค่บูดเบี้ยว มันท�าให้ผมหลงทาง อนุสรณ์ ติปยานนท์ 235


ด้วยซ�้า เป็นการหลงทางอย่างหาทางกลับไม่ได้ “ฉันอยูบ่ นเตียงขณะนี”้ เธอพูด “เพิง่ อาบน�า้ เสร็จ แล้วยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น” นัน่ ไง ตามสูตรเลย ยังไม่ได้ใส่เสือ้ ผ้า สูตรคลาสสิก ของหนังโป๊ “หรือว่าคุณอยากให้ฉันนุ่งกางเกงในสักตัวหรือ ถุงน่องสักคู่ เผื่อคุณจะมีอารมณ์ข้นึ บ้าง” “อะไรก็ได้ ตามใจคุณ” ผมพูด “แต่ถ้าคุณไม่ว่า อะไร ผมไม่ใช่ผู้ชายแบบที่คุณคิด ไม่ใช่คนที่ฝักใฝ่การ เล่นเสียวผ่านสายโทรศัพท์” “สิบนาทีเท่านั้นเอง สิบนาที โอเคไหม มันไม่ ท�าให้โชคชะตาคุณเปลี่ยนแปลงเท่าใดหรอก ฉันไม่ได้ขอ อะไรมาก คุณคงเห็นเจตนาดีของฉันแล้ว ฉันแค่ถาม ค�าถามเท่านั้น คุณอยากให้ฉันนั่งคุยในสภาพนี้ไหม หรือ อยากให้ฉนั ใส่อะไรสักชิ้น ฉันมีของเล่นเยอะนะ อาทิเช่น เข็มขัดดึงถุงน่องและ...” เข็มขัดดึงถุงน่องรึ ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ มีผหู้ ญิง คนไหนมีเข็มขัดดึงถุงน่องในยุคนี้ ยกเว้นพวกนางแบบ 236 ต�ำนำนนกไขลำน


เพ้นต์เฮ้าส์เท่านัน้ “ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าก็ได้ ไม่ต้องขยับตัวด้วย” ผ่านไปสี่นาทีแล้ว “ขนหัวหน่าวของฉันยังชืน้ อยูเ่ ลย” เธอพูดต่อ “ฉัน ยังไม่ทนั เช็ดให้แห้ง มันเลยยังชื้นอยู่ อุ่นแต่ชื้น” “ถ้าคุณไม่ว่าอะไร จะฟังผมสักหน่อย...” “ต�่าลงมาอีก นั่นยิ่งอุ่นใหญ่ อุ่นเหมือนเนยเหลว ที่เพิ่งเคี่ยวในกระทะ ร้อนได้ที่ และคุณรู้ไหมว่าฉันนั่งท่า อะไรอยู่ ฉันก�าลังยกเข่าขึ้นและฉีกขาซ้ายออกเป็นมุม สิบนาฬิกาห้านาที” ผมรู้สึกจากถ้อยค�าได้ว่าเธอไม่ได้พูดเล่น เธอฉีก ขาออกเป็นมุมสิบนาฬิกาห้านาทีจริงๆ และจิ๋มของเธอ ก�าลังอุ่นจริงๆ “ลองเลียริมฝีปากของคุณสิ ช้าๆ และเบาๆ เผยอ ปากหน่อย เอาสันมือถูเบาๆ อย่างนั้น ตอนนี้ใช้มือข้าง หนึ่งของคุณช้อนนมฉันขึ้นประคองไว้ ยกมันเบาๆ บิด หัวนมฉันครั้งแล้วครั้งเล่า จนกว่าฉันจะถึงจุด...” ผมวางหูเงียบๆ ก่อนจะกลิง้ ตัวลงบนโซฟา จุดบุหรี่ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 237


ขึ้นสูบ ตามองเพดาน นาฬิกาจับเวลาบอกเวลาทั้งหมด ห้านาทียี่สิบสามวินาที ผมหลับตา มีความมืดเกิดขึ้นเป็นความมืดที่หลากไป ด้วยสีสัน ท�าไมหนอ ท�าไมผู้คนจึงไม่ยอมปล่อยให้ผมได้ อยู่สงบสุขแม้เพียงครู่ ไม่ถึงสิบนาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ ดังขึ้นอีก แต่คราวนี้ผมไม่ได้รับสาย มันดังอยู่สิบห้า ครั้งก่อนจะเงียบเสียง ผมปล่อยให้มันหมดฤทธิ์ลง ทุก อย่างตกอยู่ในความเงียบ เป็นความเงียบอันลึกสุดหยั่ง เป็นความเงียบแบบเดียวกับที่ก้อนหินบนไหล่เขาค่อยๆ กลายเป็นธารน�้าแข็งเมื่อห้าหมื่นปีก่อน แค่เสียงโทรศัพท์ ดังสิบห้าครั้งก็เปลี่ยนทุกสรรพเสียงรอบตัวผม

ก่อนเวลาบ่ายสองโมงเล็กน้อย ผมปีนข้ามก�าแพงอิฐ จากสวนหลั ง บ้ า นไปยั ง ตรอกที่ ว ่ า นั้ น ว่ า ไปแล้ ว มั น ก็ ไม่ใช่ตรอกแบบทั่วไปหรอก ผมเรียกมันว่าตรอกเพราะ 238 ต�ำนำนนกไขลำน


ไม่อาจนึกค�าอื่นที่เหมาะสมกว่า มันไม่มีทางเป็นตรอก ได้เลย เพราะตรอกนั้นต้องมีทางเข้าหรือไม่ก็ทางออก เชื่อมที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ทว่าตรอกนี้ไม่มีทางเข้าและ ทางออก ด้านหนึง่ มันน�าไปสู่กา� แพงทึบ ในขณะทีอ่ กี ด้าน หนึ่งน�าไปยังรั้วที่ท�าจากสายโซ่ จะเป็นซอกตึกก็ไม่ใช่ ด้ ว ยซ�้ า แม้ ก ระทั่ ง ซอกตึ ก ก็ ต ้ อ งมี ท างเข้ า ชาวบ้ า น แถวนั้นจึงเรียกมันว่าตรอกเพราะความสะดวก ตรอกเชื่อมที่ว่าจะเลียบด้านหลังบ้านตลอดแนว เป็นระยะทางราวหกร้อยฟุต มันมีความกว้างสามฟุตใน ช่วงกว้างสุด แต่เนือ่ งด้วยขยะ ของระเกะระกะ และพุม่ ไม้ ที่ขึ้นทั่วไปท�าให้เหลือทางเดินน้อยเต็มที ที่ผมได้ยินมา - โดยเฉพาะจากลุงของผมที่เป็น ผู้ให้เช่าบ้านในราคาถูกจนเหลือเชื่อ ตรอกที่ว่านี้เดิมมี ทางเข้าและทางออก มันเป็นทางลัดทีเ่ ชือ่ มซอยเล็กๆ แต่หลัง ช่วงเศรษฐกิจเติบโต ท�าให้มีบ้านสร้างขึ้นใหม่ตามที่ว่าง ที่เหลือ บีบให้พื้นที่กลางเหลือน้อยเต็มที และท�าให้กลาย อนุสรณ์ ติปยานนท์ 239


เป็นทางสัญจรของคนแปลกๆ ที่หลบหน้าผู้คนและท�าให้ บรรดาเจ้าของบ้านตัดสินใจปิดทางเข้าเสีย ในตอนแรกก็ มีเพียงพุ่มหญ้าเล็กๆ ปิดทางเข้า แต่แล้วเจ้าของบ้าน คนหนึ่งก็ขยายสวนหลังบ้านและก�าแพงปูน ในขณะที่ เจ้าของบ้านอีกรายก็สร้างรั้วสายโซ่เพื่อกันสุนัขเล็ดลอด ออกมา เนื่องจากคนปิดทางไม่ใช่ผู้ที่ใช้ทาง จึงไม่มีใคร บ่นเรื่องนี้ อีกทั้งการปิดทางไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรง ทางสายนี้จึงถูกลืมและไม่มีใครใช้สอยอีก เหมือนดัง คลองที่ ตื้ น เขิ น และกลายเป็ น แนวกั น ชนระหว่ า งบ้ า น แต่ละฟากแทน พืน้ ดินกลายเป็นแหล่งวัชพืชมีใยแมงมุม เกาะอยู่ท่วั ไปเพื่อดักแมลง ท�าไมภรรยาผมจึงชอบมาเตร็ดเตร่แถวนี้ นี่เป็น สิ่งเหนือการคาดเดา ผมเองก็เคยมาเดินแค่ครั้งเดียว อีก ทั้งภรรยาผมก็เกลียดแมงมุมมากด้วย ยิ่งผมพยายาม ขบคิดเท่าไร สมองก็ดูจะฟุ้งด้วยไอพิษที่ไร้ประโยชน์ ผม นอนไม่พอเมื่อคืนก่อน อากาศต้นพฤษภาคมก็ดูร้อนเกิน จริง แถมโทรศัพท์กวนประสาทด้วย ดีแล้วที่ได้ออกมา 240 ต�ำนำนนกไขลำน


ตามหาแมว ปล่ อ ยเรื่ อ งไร้ ส าระเหล่ า นั้ น ไว้ เ บื้ อ งหลั ง การได้ออกมาดูโลกภายนอกดีกว่าการทนอยู่ในบ้านเพื่อ รับโทรศัพท์พสิ ดาร ดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิส่งเงาคมชัดเมื่อผ่าน พุ่มไม้เบื้องบน แสงเงากระจายตามพื้น เมื่อไม่มีลม เงาก็ ติดตรึงกับพื้นราวกับรอยลิขิต รอยนี้คงติดอยู่กับพื้นโลก และหมุนตามดวงอาทิตย์ไปชั่วกัลปาวสาน เมื่อผมเดิน ลอดกิ่งไม้ เงาก็ลากผ่านแขนเสื้อ ทุกอย่างสงบเงียบ จน อาจได้ยินเสียงใบหญ้าคายไอน�้าในแสงแดด เมฆเกาะ เป็นก้อนบนท้องฟ้า เป็นรูปทรงที่แจ่มชัด ราวกับถูกถอด ออกมาจากภาพพิมพ์ยุคกลาง ทุกอย่างแจ่มชัดจนผม รู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่กลางอากาศชั่วนิรันดร์ และทุก อย่างก็ร้อนมหาศาล ผมอยู่ในชุดเสื้อยืด กางเกงผ้าฝ้าย และรองเท้า เทนนิส ในขณะที่ผมเดิน แขนและแผงอกก็ชุ่มด้วยเหงื่อ เช้านีผ้ มดึงเสือ้ ยืดและกางเกงจากตูเ้ ก็บของ ดังนัน้ ทุกครัง้ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 241


ที่ผมสูดลมหายใจแรงก็จะได้กลิ่นลูกเหม็นระเหยออก มา มันให้ความรู้สึกราวกับมีแมลงตัวเล็กๆ บินอยู่รอบ จมูก ผมเหลือบมองสองข้างทางอย่างระมัดระวัง รักษา จั ง หวะเดิ น ให้ เ ท่ า กั น และหยุ ด เป็ น ระยะเพื่ อ ขานชื่ อ เจ้าเหมียวเบาๆ บ้านทีป่ ระกบกับตรอกเป็นบ้านสองแบบทีแ่ ตกต่าง กันอย่างสิ้นเชิง บ้านแบบแรกเป็นบ้านยุคเก่าที่มีสนาม หญ้ากว้างใหญ่ ในขณะที่บ้านแบบที่สองเป็นแบบใหม่ที่ ไม่มีสนามหญ้า ไม่มีแม้กระทั่งผืนหญ้า มีเพียงพื้นที่ เล็กๆ พอให้ตากผ้าได้สองสามแถว มีบ้านบางหลังที่ เสื้อผ้าตากล�้าออกมาทางเดิน และท�าให้ผมต้องก้มหัว ลอดเสื้อและผ้าเช็ดตัวอันเปียกชื้น ผมเฉียดใกล้แต่ละ บ้านจนได้ยินเสียงโทรทัศน์และเสียงกดชักโครก เฉียด ใกล้จนถึงกับได้กลิ่นของแกงกะหรี่จากครัว แต่สา� หรับบ้านเก่ากลับต่างออกไป ไม่มสี ญ ั ญาณ ของสิ่งมีชีวิต โดยตัดสินจากแนวต้นไซเปรสและต้นไม้ ใหญ่ทวี่ างบดบังสายตาคนนอก คุณรูส้ กึ ได้ถงึ การตัดแต่ง 242 ต�ำนำนนกไขลำน


อันเป็นระเบียบ และแม้บ้านแต่ละหลังจะมีรูปทรงด้าน สถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน บางบ้านเป็นบ้านโบราณ แบบญี่ปุ่นที่มีชานรอบ บางบ้านเป็นบ้านแบบตะวันตก ยุคแรกที่มีหลังคาทองแดง บางบ้านก็ถูกปรับปรุงให้เป็น สมัยใหม่ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทุกบ้านไม่มีวี่แววผู้คน ไม่ มีเ สีย งคน ไม่ มีสัญ ญาณสิ่ง มีชีวิต ไม่ มีแ ม้ ก ระทั่ ง ราวเสื้อผ้า เป็นครั้งแรกที่ผมออกมาเดินเล่นที่ตรอก ทุกอย่าง แปลกใหม่ต่อสายตา ที่มุมหนึ่งมีต้นคริสต์มาสเก่าแก่ ยืนต้นตาย อีกมุมหนึ่งเป็นเศษของเล่นเท่าที่จะนึกได้ อาทิ ซากจั ก รยานสามล้ อ ชุ ด โยนห่ ว ง ดาบซามู ไ ร พลาสติก ลูกบอลยาง ตุ๊กตาเต่า รถบรรทุกไม้ บาง สนามหญ้ามีห่วงบาสเกตบอล ชุดเก้าอี้สนาม โต๊ะหวาย เมื่อพินิจดู เก้าอี้เหล่านี้ไม่น่าจะถูกนั่งมานานนับเดือน หรือนับปี มันเขรอะไปด้วยฝุ่น หน้าโต๊ะนั้นเคลือบผิวด้วย รูปกลีบดอกแมกโนเลียสีชมพู

อนุสรณ์ ติปยานนท์ 243


จากกระจกบานเลื่อนด้านหน้าของบ้านหลังหนึ่ง ผมมองทะลุไปยังห้องรับแขก มีโซฟารูปคล้ายเม็ดถั่วแดง เข้าคู่กับเฟอร์นิเจอร์บุผ้านวม โทรทัศน์ขนาดย่อม ตู้เก็บ ของที่มีอ่างเลี้ยงปลาอยู่ข้างบนพร้อมด้วยถ้วยรางวัลสอง ใบ และโคมไฟพื้น มันแลดูเหมือนฉากละครทีวีมากกว่า ของจริง ในอีกสนามของบ้านอีกหลัง มีบ้านหมาหลังใหญ่ ที่มีฝากรง ไม่มีหมาอยู่ในนั้น มีแต่ช่องมืด ฝาเปิดอยู่ แบบโย้เย้ เหมือนมีใครหรืออะไรพังมันออกมาแล้วนาน นับเดือน บ้านร้างที่ภรรยาผมอ้างถึงอยู่ห่างออกไปไม่ไกล แค่ผ่านบ้านที่มีกรงหมา ผมก็แลเห็นมัน ดูจากสายตา คร่าวๆ มันไม่นา่ จะร้างแค่สองสามเดือน ทัง้ ทีม่ นั เป็นบ้าน สองชั้นที่สร้างขึ้นใหม่ ประตูที่ปิดตายดูเหมือนถูกพายุ ถล่ม ราวเหล็กรอบหน้าต่างชั้นบนก�าลังจะร่วงหล่น ที่ สนามหญ้าขนาดย่อมมีรูปแกะสลักหินรูปนกสยายปีกที่ 244 ต�ำนำนนกไขลำน


แทบจะถูกปกคลุมด้ วยพงหญ้า ดงสร้ อยทองระอยู ่ ที่ ปลายเท้าของรูปแกะสลักรูปนกนั้น มันสร้างความฉงน ให้ผมว่ามันเป็นนกพันธุ์ใด ด้วยท่าผยองและการขยับปีก เตรียมโบยบินจากไปในนาทีใดนาทีหนึ่ง นอกจากรูปแกะสลักหินรูปนก สนามหญ้าไร้การ ตกแต่งใดๆ เก้าอี้พลาสติกเก่าสองตัวแน่นิ่งอยู่ข้างพุ่ม อาซาเลียที่ให้ดอกสีแดงสด นอกนั้นแล้วมีแต่พงหญ้า เท่านั้นเมื่อมองเข้าไป ผมพิงรั้วสายโซ่สูงเท่าอกและมองส�ารวจสนาม หญ้า เป็นสนามหญ้าแบบที่แมวชอบ แต่แม้ผมจะตั้ง ความหวัง ก็ไม่มีร่องรอยของแมว ที่เสาอากาศบนหลังคา มีนกพิราบตัวหนึ่งเกาะอยู่ สีเทาของมันเด่นชัด เงาจาก รูปแกะสลักหินรูปนกทอดยาวไปยังดงวัชพืชก่อให้เกิด ภาพเงาเป็นรูปเสี้ยวเล็กเสี้ยวน้อย ผมดึงบุหรี่ออกจากกระเป๋าเสื้อ จุดสูบ พ่นควัน อนุสรณ์ ติปยานนท์ 245


ออก ก่อนจะพิงรั้วอีกครั้งอย่างเนิ่นนาน นกพิราบไม่คิด จะถอนตัวออกจากเสาอากาศ มันส่งเสียงคูไม่หยุด เมื่อสูบบุหรี่เสร็จแล้วผมก็ดับมันด้วยฝ่าเท้า เป็น เวลานานที่ผมไม่ขยับตัว แต่จะนานเพียงใด ผมไม่รู้ได้ ความง่วงเข้าครอบคลุม ผมจ้องมองอย่างเลื่อนลอยไป ยังเงาของรูปแกะสลัก ผมแทบจะคิดอะไรอีกไม่ไหว หรือ บางทีผมอาจจะก�าลังคิดอยู่ แต่เป็นการคิดนอกการรับรู้ ของสมอง ดังนั้นถ้าจะบรรยายเรื่องราวให้ถูก ผมคง เพียงแค่จ้องมองเงาของรูปแกะสลักที่ตกลงบนพรมหญ้า และแล้วผมก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่ง เป็นเสียงที่แทรก ผ่านเงานั้นมา แต่เป็นเสียงของใครหรือ ดูเหมือนใคร คนหนึ่งก�าลังเรียกผม ผมมองไปด้านหลัง ที่สนามหญ้า ฝั่งตรงข้ามมีเด็กสาวคนหนึ่งอายุราวสิบห้าหรือสิบหกปี รูปร่างเล็ก ผมสั้นตรง เธอใส่แว่นกันแดดสีด�าที่มีก้าน เป็นสีอ�าพัน เธอใส่เสื้อยืดอาดิดาสสีฟ้าอ่อนที่พับแขน เสื้อขึ้นไปถึงไหล่ เผยให้เห็นท่อนสีแทน แขนข้างหนึ่งนั้น 246 ต�ำนำนนกไขลำน


ซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง อีกข้างจับอยู่ที่ประตูไม้ไผ่ เธอ วางท่าทางอย่างไร้ความมั่นคง “ร้อนใช่ไหม” เธอทัก “ร้อน” ผมตอบ ดูเหมือนทุกอย่างจะกลับมาที่เดิม ที่ว่าตลอดวันนี้ ผมต้องรับมือการสนทนาจากผู้หญิงแปลกหน้า “มีบุหรี่บ้างไหม” เธอถาม ผมดึงซองบุหรี่โฮปออกจากกระเป๋า ยื่นให้เธอ เธอดึงแขนออกจากกางเกง รับบุหรี่ตรวจดูมันก่อนยัดใส่ ปาก ปากของเธอเล็กได้รปู ริมฝีปากด้านบนเผยอเล็กน้อย เป็นรูปโค้ง ผมจุดไม้ขีดและต่อบุหรี่ให้ และขณะที่เธอ โน้มตัวมาข้างหน้า ผมก็เห็นหูทไี่ ด้รปู อีกเช่นกัน ผิวของมัน เรี ย บลื่ น สวยจั บ ใจ เส้ น โค้ ง รอบหู อ ่ อ นหวานและมี ขนอ่อนเกาะอยู่ “คุณอยู่แถวนี้หรือ” เธอถามอีก “ใช่” ผมตอบและเกือบชี้ไปที่บ้าน เว้นแต่ว่าผม เริ่มแน่ใจในทิศทางที่ถูกต้อง การเดินลัดเลี้ยวไปมาน�าผม มาถึงที่นี่ แต่คดิ อีกทีมันจะต่างอะไร ผมเลือกชี้ไปที่ทศิ ใด อนุสรณ์ ติปยานนท์ 247


ทิศหนึ่ง “ท�าไมคุณเดินมาไกลจัง” “ผมก�าลังออกตามหาแมว มันหายไปสามสี่วัน แล้ว” ผมอธิบายแล้วปาดเหงื่อที่มือเข้ากับขากางเกง “มีคนบอกว่าเห็นแมวอยู่แถวนี้” “แมวแบบไหน” “ตัวผู้ลายทางสีน�้าตาล ไม่ใหญ่นกั ปลายหางคด เล็กน้อย” “ชื่อ” “ชื่อของ...” “ชื่อแมว แมวต้องมีชื่อสิ” เธอพูด และจ้องมอง ดวงตาผมจากใต้แว่นกันแดด อย่างน้อย ผมก็เชื่อว่าเธอ ท�าเช่นนั้น “โนโบรุ” ผมตอบ “โนโบรุ วาตานาเบะ” “ชื่อเท่เกินไปส�าหรับแมวหรือเปล่า” “มันเป็นชือ่ พีเ่ ขยของผม เป็นตลกข�าๆ จากภรรยา การได้เอ่ยชื่อมันท�าให้เรานึกถึงเขา” “นึกถึงแบบไหน” 248 ต�ำนำนนกไขลำน


“วิธเี ดิน วิธเี คลือ่ นไหว ตาง่วงซึมของมัน สิง่ เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ท�าให้เรานึกถึงเขา” เมือ่ พูดถึงตอนนี้ เด็กสาวก็ยมิ้ เธอปลดแว่นกันแดด ลง เมื่อได้เห็นใบหน้าเต็มๆ เธอก็ดูเป็นเด็กกว่าที่ผมคิด ริมฝีปากบนโค้งเด่นออกมาเป็นภาพแปลกๆ ความใส่ใจ ผมแน่ใจว่าได้ยินเสียงใครบางคน เสียงของหญิงสาวทางโทรศัพท์นั่นเอง ไม่ใช่เสียงของ เด็กสาว ผมปาดเหงื่อที่คิ้วด้วยหลังมือ “แมวลายสีนา�้ ตาล มีรอยหักทีป่ ลายหาง” เด็กสาว ทวน “มีปลอกคอไหม” “มี สีด�า” เด็กสาวท�าท่าคิดอยู่ราวสิบถึงสิบห้าวินาที แขน ของเธอยังวางอยู่ที่ประตูไม้ไผ่ เธอดีดก้นบุหรี่ลงพื้นใกล้ เท้าผม “ดับให้หน่อยได้ไหม ฉันไม่ได้ใส่รองเท้ามา” ผมตัง้ ใจดับก้นบุหรีน่ นั้ ด้วยส้นผ่านรองเท้าเทนนิส “แมวตัวนั้น ฉันว่าฉันเห็น” เธอตอบอย่างตั้งใจ “แม้จะไม่ทันได้สังเกตปลายหางของมัน มีแมวตัวผู้สี อนุสรณ์ ติปยานนท์ 249


น�า้ ตาล ไม่ใหญ่นกั ใส่ปลอกคอ เดินผ่านไปมา” “เธอเห็นมันเมื่อไร” “อืม เมื่อไรหรือ ฉันคิดว่าเห็นมันหลายต่อหลาย ครั้ง ฉันมักออกมาอาบแดดที่นี่แทบทุกวัน ดังนั้นมันยาก ที่จะบ่งชี้ว่าเป็นวันไหน อย่างไรก็ตาม น่าจะเป็นสามสี่ วันที่ผ่านมา สนามหญ้านี้เป็นเส้นทางลัดของพวกแมว แมวแทบทุกตัวจะอาศัยเส้นทางนี้ มันจะออกจากพุ่มไม้ จากบ้านของครอบครัวซูซูกิ ตัดผ่านสนามหญ้าบ้านฉัน ไปยังสนามหญ้าของครอบครัวมิยาวากิ” ในขณะที่พูด เธอชี้นิ้วไปยังสนามหญ้าบ้านร้าง รูปแกะสลักนกยังอยู่ในท่าเดิม ต้นสร้อยทองเกาะเกี่ยว กันอยู่ในแสงสว่า ง นกพิราบยังคงส่ง เสียงร้ องอยู ่ บ น เสาอากาศ “ขอบคุณมากที่ให้ความหวัง” ผมบอกเธอ “เดีย๋ ว ท�าไมเราไม่ไปทีส่ นามหญ้าฉันและเฝ้าคอย มัน แมวทุกตัวผ่านตรงนั้น นอกจากนี้หากคุณยังเดิน ด้อมๆ มองๆ คุณอาจถูกคนอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นพวก ลักเล็กขโมยน้อยและโทร.แจ้งต�ารวจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มี 250 ต�ำนำนนกไขลำน


คนถูกเข้าใจผิด” “จะให้ผมไปรอแมวในสนามหญ้าคนอื่นหรือ” “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่มีใครอยู่บ้าน อีกทั้งฉันก็เบื่อที่ไม่มีใครคุยด้วย เราไปตากแดดกันสอง คนจนกว่าแมวจะมา สายตาของฉันดีนะ ฉันช่วยคุณได้” ผมมองดูนาฬิกา บ่ายสองโมงสามสิบหกนาที เหลือแค่งานซักผ้าและท�าอาหารเย็นในวันนี้ “ก็ได้ แต่แค่บ่ายสามโมงเท่านั้น” ผมพูด ไหนๆ ก็คุมสถานการณ์ชวี ิตไม่ได้แล้ว ผมเปิ ด ประตู แ ล้ ว ขยั บ ตั ว ตามเด็ ก สาวนั้ น ไปที่ สนาม ตอนนั้นเองที่ผมเห็นเธอลากขาซ้ายเบาๆ ไหล่ น้อยๆ ของเธอเหวี่ยงเป็นจังหวะคล้ายดังเครื่องบดเนื้อ ไปด้านซ้าย แต่เธอหยุดขาลงแล้วท�าสัญญาณให้ผมไป เดินเคียง “อุบัติเหตุเมื่อเดือนที่แล้ว” เธอพูดเบาๆ “ตกจาก ซ้อนท้ายจักรยานคนอื่น โชคไม่ดีเอาเลย” เก้า อี้ตากอากาศสองตัววางอยู่ก ลางสนาม มี ผ้าขนหนูสีน�้าเงินพาดอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ในขณะที่อีกตัว อนุสรณ์ ติปยานนท์ 251


มีซองบุหรี่มาร์ลโบโรแดงวางคาอยู่ มีพร้อมทั้งที่เขี่ยบุหรี่ ไฟแช็ก วิทยุเทปเครื่องใหญ่ และนิตยสารหลายฉบับ แม้ มันจะเปิดเบาๆ แต่กไ็ ด้ยินเสียงดนตรีร็อคบรรเลง เธอแหวกพงหญ้าและชวนผมนั่ง ปิดเสียงวิทยุ เมื่อลงนั่งผมจึงมองเห็นสนามหญ้าบ้านร้างได้ชัด ผม แลเห็นรูปแกะสลักหินรูปนก แลเห็นดงต้นสร้อยทองและ แลเห็นรั้วมีสายโซ่ ผมเชื่อว่าเด็กสาวคงมองดูผมจากที่นี่ เป็นเวลาชั่วครู่ สนามหญ้านี้มีขนาดพอควร แต่แทบไม่ได้รับการ ดูแลเลย ต้นหญ้าลู่เป็นทางและขึ้นแซมหมู่ต้นไม้ ด้าน ซ้ายของเก้าอี้ตากอากาศเป็นสระว่ายน�้าคอนกรีต ซึ่งดู เหมือนไม่ค่อยถูกใช้งาน มันแห้งผาก เผยให้เห็นสีเขียว ซี ด ที่ จ างด้ ว ยแสงแดด มั น ดู เ หมื อ นสั ต ว์ น�้า ที่ พ ลิ ก ตั ว บ้านมีรูปทรงแบบบ้านตะวันตก ไม่ใหญ่ ไม่หรูหรา และ แอบอยู ่ ห ลั ง ต้ น ไม้ จ นแทบมิ ด มี แ ต่ ส นามหญ้ า ที่ ไ ด้ สัดส่วนและแลดูเหมือนมีคนใช้สอยจริง “ผมเคยท�างานล่วงเวลารับจ้างตัดหญ้า” ผมพูด “จริงหรือ” เธอถามแบบไม่สนใจนัก 252 ต�ำนำนนกไขลำน


“การดูแลสนามหญ้าใหญ่ขนาดนี้น่าจะเป็นงาน หนัก” ผมให้ความเห็น มองดูไปรอบๆ “คุณมีสนามหญ้าที่บ้านไหม” “มีแค่สนามเล็กๆ ทีม่ เี พียงพุม่ ไฮเดรนเยีย ประมาณ นั้น” ผมตอบ “เธออยู่ท่นี ี่คนเดียวหรือ” “อืม แทบจะตลอดวัน ตอนเช้าและตอนเย็นจะมี แม่บ้านแวะมา นอกนั้นฉันแทบจะอยู่ตัวคนเดียว อยาก ดื่มอะไรเย็นๆ ไหม เบียร์ก็มี - เอาไหม” “ไม่เป็นไร” “แน่นะ ไม่ต้องเกรงใจ” “ผมไม่กระหายน�้า” ผมพูด “ไม่ไปโรงเรียนหรือ” “คุณก็ไม่ไปท�างานเหมือนกัน” “ไม่มีงานให้ท�าต่างหาก” ผมสารภาพ “ตกงานหรือ” “ท�านองนั้น ที่จริงก็คือเบื่องาน” “คุณท�างานอะไร” “พนักงานส�านักงานกฎหมาย” ผมเฉไฉ ก่อนจะ ถอนหายใจช้าและลึกเพื่อรวบรัดการอธิบาย “งานของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 253


ผมก็คือไปรับเอกสารจากส�านักงานจังหวัดและสถานที่ ราชการ จัดเอกสาร ตรวจสอบส�านวนคดี ติดตามกระบวนการพิจารณา งานประเภทนั้น” “แต่คุณก็เบื่อ” “ใช่” “ภรรยาคุณล่ะ ท�างานหรือเปล่า” “ท�า” ผมตอบ ผมดึงบุหรี่ออกจากซองแล้วจุดไม้ขีด มีเสียงนก ไขลานดังมาจากต้นไม้ใกล้ๆ มันขับขานอยู่ราวสิบสอง สิบสามเที่ยวจนหมดลานก่อนจะบินไปยังต้นอื่น “พวกแมวชอบเดินผ่านมาทางนั้น” เด็กสาวพูด โพล่งขึน้ ก่อนจะชีไ้ ปทีข่ อบสนามหญ้าด้านหน้า “เห็นเตา เผาขยะหลังพุม่ ไม้ทบี่ า้ นครอบครัวซูซกู ไิ หม มันจะออกมา จากซอกนัน้ แหละ แล้ววิง่ ข้ามลอดประตู ไปทีส่ นามหญ้า อื่น เส้นทางเดิมๆ ตลอด “คุณรู้จักซูซูกิซังใช่ไหม อาจารย์มหาวิทยาลัย ที่ชอบออกโทรทัศน์ตลอดเวลา” “ซูซูกิซังรึ” 254 ต�ำนำนนกไขลำน


เธอเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเขาเพิ่มเติม แต่ก็ดู เหมือนว่าผมจะไม่รู้จกั ซูซูกิซังอยู่ดี “ผมไม่ค่อยได้ดูโทรทัศน์น่ะ” ผมตอบ “เป็ น ครอบครั ว ที่ ป ระหลาด” เด็ ก สาวเบ้ ป าก “พวกห่วยแตกเชิดหยิ่ง คนที่อยู่ในโทรทัศน์ล้วนเป็นพวก ตัวประหลาดจอมปลอมทั้งนั้น” “อย่างนั้นรึ” เด็กสาวหยิบซองบุหรี่มาร์ลโบโรของเธอขึ้น ดึง บุหรี่ออกมาหนึ่งมวน และคลึงไปมารอบๆ นิ้วมือ “เอาละ ฉันก็เชื่อว่าคงมีคนสมประกอบบ้างใน หมู่พวกเขา แต่ไม่ใช่คนดีในแบบของฉันแน่ ถัดมาเป็น บ้านของครอบครัวมิยาวากิซัง ภรรยาเขาน่ารักดี แต่ตัว เขามีธุรกิจร้านอาหารสองสามแห่ง” “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา” “ไม่รู้สิ” เด็กสาวเคาะบุหรี่ “อาจเป็นเรื่องหนี้สิน มีเหตุรุนแรงเมื่อพวกเขาจากไป น่าจะเกือบสองปีแล้ว ฉันว่าพวกเขาทิ้งทุกอย่างไว้แล้วจากไป แมวของเขาเลย ขยายพันธุ์ ไม่น่ารักเลย แม่ฉนั บ่นอยู่เสมอ” อนุสรณ์ ติปยานนท์ 255


“มีแมวเยอะไหม” เธอหยิบบุหรี่ใส่ปาก จุดไฟแช็ก แล้วพยักหน้า “แมวแทบทุกชนิด บางตัวก็เป็นโรคผิวหนัง บางตัว ก็ตาบอดแล้วเหลือแต่ก้อนเนื้อที่ซอกตา เนื้องอกใช่ไหม” “เนื้องอก ใช่” ผมย�้า “ฉันมีญาติคนหนึ่งที่มีนิ้วหกนิ้ว เธอมีอายุมาก กว่าฉันนิดเดียว และมีติ่งนิ้วสีชมพูข้างนิ้วก้อย เธอมัก ห่อนิ้วไว้เสมอ จนคนอื่นไม่สังเกตเห็น เธอเป็นสาวสวย มากด้วย” “อืม” ผมเออออ “คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องกรรมพันธุ์ไหม อาทิเช่น เป็นเรื่องที่เกิดจากสายเลือด” “ไม่แน่ใจ” ผมพูดอีก เด็กสาวไม่พูดอะไรอีก ผมสูบบุหรี่ของผม และ สอดส่ายสายตาไปตามทางสัญจรของแมว แต่ไม่มีแมว สักตัว “คุณแน่ใจนะว่าไม่อยากดืม่ อะไร ฉันจะไปหาโค้ก ดื่มสักหน่อย” 256 ต�ำนำนนกไขลำน


“ไม่ละ” ผมบอกเธอ เด็กสาวลุกจากเก้าอี้ตากอากาศและหายไปใน ร่มไม้ ผมหยิบนิตยสารเล่มหนึ่งที่วางอยู่ปลายเท้าขึ้น พลิกไปมา ผิดคาด - มันเป็นนิตยสารรายเดือนส�าหรับ ผู้ชาย หน้ากลางเป็นรูปผู้หญิงโพสท่าในชุดถุงน่องอ้าซ่า ฉีกแข้งฉีกขา จนคุณเห็นจิ๋มและขนเพชรของเธอ ผมรู้สกึ อึง้ จนต้องวางนิตยสารไว้ทเี่ ดิม และกลับไปมองหาแมวอีก ครั้งโดยกอดอกแน่น หลังจากเวลาผ่านไปเหมือนชั่วกัปกัลป์ เด็กสาว ก็กลับมาพร้อมแก้วโค้กในมือ เธอเปลี่ยนเสื้อยืดอาดิดาส เป็นชุดบิกินี่และกางเกงขาสั้น มันเป็นบิกินี่ตัวจิ๋วแบบที่ ผูกเชือกข้างหลัง มันเน้นหน้าอกเธออย่างชัดเจน ช่างเป็นบ่ายที่ร้อนจริงๆ แค่นอนพักในแสงแดด บนเก้าอี้ตากอากาศ เสื้อยืดสีเทาของผมเป็นดอกดวง ด้วยเหงื่อ “บอกฉันที” เธอหยิบของที่วางทิ้งไว้ “เกิดคุณ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 257


พบว่ า ผู ้ ห ญิ ง คนที่ ช อบแล้ ว เธอมี นิ้ ว หกนิ้ ว คุ ณ จะท� า อย่างไร” “ผมคงขายเธอให้กบั คณะละครสัตว์” “จริงรึ” “พูดเล่นน่ะ” ผมกลับเข้าประเด็นทั้งที่ยังมึนงง “ผมคงไม่รู้สกึ อะไรหรอก” “ถึงแม้มนั อาจส่งผลถึงลูกๆ คุณได้นี่นะ” ผมนั่งคิดชั่วครู่ “ผมไม่คิดว่ามันจะมีผลมากมายอะไร แค่นิ้วเพิ่ม มาหนึ่งนิ้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่” “และถ้าเกิดเธอมีนมสี่เต้าล่ะ” ผมนั่งคิดอีก “ผมไม่รู้” ผมตอบ นมสีเ่ ต้า บทสนทนานีด้ จู ะไร้สาระจริงๆ ผมตัดสินใจ เปลี่ยนเรื่อง “เธออายุเท่าไร” “สิบหก” เด็กสาวตอบ “เพิ่งสิบหกหยกๆ มัธยม ปลายปีแรก” 258 ต�ำนำนนกไขลำน


“แล้วก็กา� ลังพักการเรียน” “ช่วยไม่ได้นี่ อาการปวดที่ขาจะก�าเริบเสมอถ้า ต้องเดินมากๆ ตาของฉันก็มีรอยแผลด้วย โรงเรียนฉัน เคร่งเอามากๆ ถ้าฉันบอกความจริงว่าได้รับบาดเจ็บจาก การตกรถจักรยานละก็ไม่รู้ว่าต้องเจออะไรบ้าง ฉันเลย แจ้งป่วย จะพักทั้งปียังได้ ฉันไม่รีบร้อนจบมัธยมปลาย หรอก” “อืม” ผมพูดได้เท่านั้น “กลับมาเรือ่ งทีเ่ ราคุยค้าง คุณว่าคุณยินดีแต่งงาน กับผู้หญิงที่มีนิ้วหกนิ้ว แต่ไม่เอาผู้หญิงนมสี่เต้าเด็ดขาด” “ผมไม่ได้ตอบว่าผมปฏิเสธผูห้ ญิงทีม่ นี มสีเ่ ต้า ผม เพียงแต่ตอบว่าผมไม่รู้” “และท�าไมคุณถึงไม่รู้” “เพราะผมนึกภาพเหตุการณ์จริงไม่ได้” “แต่คุณนึกภาพเหตุการณ์ท่ผี ู้หญิงมีน้วิ หกนิ้วได้” “ใช่” “แล้วมันต่างกันตรงไหนหรือระหว่างภาพผู้หญิง ที่มีนิ้วหกนิ้วกับมีนมสี่เต้า” อนุสรณ์ ติปยานนท์ 259


อีกครั้งหนึ่งที่ผมหยุดคิด แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะ อธิบายอย่างไร “บอกฉันทีสวิ า่ ฉันเป็นเด็กขีส้ งสัยเกินไปหรือเปล่า” เด็กสาวถาม และจ้องมองดวงตาผมจากใต้แว่น กันแดดอีก “เคยมีใครบอกเธออย่างนั้นหรือ” ผมถามกลับ “มี ในบางครั้ง” “การที่คนเราจะมีค�าถามมากมายไม่มีอะไรผิด หรอก มันก็แค่ท�าให้คนอื่นต้องคิดเท่านั้น” “แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยคิดในการตอบค� าถาม ของฉัน” เธอว่าแล้วจ้องดูปลายนิ้วเท้าของเธอ “แทบ ทุกคนตอบค�าถามฉันแบบให้จบๆ ไป” ผมสัน่ ศีรษะแบบงงๆ และกลับไปมองทีท่ างสัญจร ของแมวอีกครั้ง ผมมาท�าอะไรอยู่ที่นี่ ไม่มีแมวสักตัว โผล่มา ผมปิ ด เปลื อ กตาลงเป็ น เวลายี่ สิ บ หรื อ สามสิ บ วินาที แล้วกอดอก นอนอยู่ที่นี่ หลับตาลง ผมรู้สึกถึง เหงือ่ ทีไ่ หลโซมออกจากทีต่ า่ งๆ ตามร่างกาย บนหน้าผาก 260 ต�ำนำนนกไขลำน


ใต้จมูก รอบๆ ล�าคอ เป็นความรู้สึกบางเบา เหมือนมี ขนนกเปียกชื้นปลิวแตะต้องไปตามทั่วตัว เสื้อยืดของผม เปี ย กโชกแนบเนื้ อ เหมื อ นดั ง ผื น ธงที่ ลู ่ ล งในวั น ปราชั ย แสงแดดดูหนักอึ้งเมื่อตกลงมาโดนตัวผม ผมได้ยินเสียง น�้าแข็งกระทบจากการคนแก้วของเด็กสาว “จะหลับก็ได้ถ้าคุณต้องการ ฉันจะปลุกคุณเอง ถ้าเห็นแมว” เด็กสาวกระซิบ ผมพยักหน้าทั้งๆ ที่ตาปิด ไม่มีเสียงอะไรเลย ในเวลานี้ ทั้งนกพิราบและนก ไขลานต้องบินไปไหนสักแห่ง ไม่มีลม ไม่มีแม้กระทั่ง เสียงรถติดเครื่อง ผมพยายามคิดถึงหญิงสาวเจ้าของ เสียงในโทรศัพท์ หรือว่าผมเคยรู้จักเธอจริงๆ อย่างไรก็ตาม ผมนึกอะไรไม่ออกแล้ว หญิงสาว ไม่อยู่ในความคิดของผม ไม่อยู่ในจิตใจของผม มีเพียง เงาของเธอที่ ท อดผ่ า นมา เป็ น ภาพนิ มิ ต ดั ง ภาพวาด เหนือจริงของชิริโค้8 และเสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่เลิกราในหู “เฮ้ คุ ณ หลั บ แล้ ว หรื อ ” เสี ย งเด็ ก สาวถาม มันเบาจนเกืิอบไม่ใช่เสียง อนุสรณ์ ติปยานนท์ 261


“ไม่ ผมยังตื่นอยู่” ผมตอบ “ฉันจะขอขยับเข้าไปใกล้ๆ หน่อยได้ไหม จะได้ กระซิบได้ถนัด” “ตามสบาย” ผมพูดทั้งที่หลับตา ผมได้ยินเสียงเด็กสาวเลื่อนเก้าอี้ตากอากาศมา ใกล้ๆ เสียงขาเก้าอี้บดพื้นเป็นเสียงแกรกกราก แปลกดี น ะ ผมคิ ด เสี ย งของเด็ ก สาวเมื่ อ ผม หลับตาต่างออกจากเมื่อตอนผมลืมตา มีอะไรเกิดขึ้นกับ ผมนี่ ผมไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย “ฉันจะพูดอะไรบ้างได้ไหม” เด็กสาวถามอีก “แต่ เพื่อรักษาความเงียบ ดังนั้นคุณไม่ต้องตอบก็ได้ จะหลับ ตลอดเวลาก็เชิญ” “ได้” ผมตอบ “ความตาย การที่คนเราต้องตายเป็ นเรื่องน่ า ประทับใจจริงๆ” เด็กสาวเริ่ม เธอกระซิบเบาๆ ทีห่ ขู องผม ค�าพูดของเธอหลัง่ ไหล เข้าหูตามลมหายใจที่อบอุ่น “ท�าไมคุณรู้สกึ เช่นนั้น” ผมถาม 262 ต�ำนำนนกไขลำน


เด็กสาวเอานิ้วปิดปากผม “ไม่ตอ้ งถาม” เธอพูด “ฉันไม่ตอ้ งการค�าถามอะไร ตอนนี้ และไม่ต้องลืมตาด้วย ตกลงไหม” ผมพยักหน้าเบาๆ แม้จะได้ยนิ เสียงเธอเบาๆ เธอถอนนิ้วจากริมฝีปากมาที่ข้อมือผมและลูบไล้ มันเบาๆ “ฉันคิดว่ามันจะเป็นอย่างไรหนอถ้าจะเปิดทางออก ให้บางสิ่งด้วยมีดผ่าตัด ไม่ใช่เพื่อพิสูจน์ซากศพ แต่เพื่อ ปลดปล่อ ยความตายออกมา มันต้องมีวิธีนี้อยู ่ ที่ไ หน สักแห่ง ฉันว่าความตายเป็นสิง่ ทีม่ ลี กั ษณะเหมือนลูกบอล หมดลม ที่ไร้รูปทรงและเป็นอัมพาตไม่มีค่า ฉันจะเอา สิ่งนี้ออกจากร่างคนตายด้วยการผ่าเปิด ฉันคิดถึงเรื่องนี้ ตลอดเวลา คิดว่าความตายติดอยู่กับตัวได้อย่างไร อาจ ติดอยู่แบบเดียวกับหมากฝรั่ง หรือแบบเดียวกับยาสีฟัน ที่คั่งอยู่ในหลอด คุณว่าไง ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องตอบ เอา ของที่ใช้การไม่ได้ออกภายนอก เหลือสิ่งที่ท�างานได้ไว้ ภายใน นั่นคือสิ่งที่ฉันจะท�าเมื่อผ่าเปิดผิวหนังออก คือ การดึงก้อนความตายออกมา และปล่อยให้ชวี ิตที่ใหม่สด อนุสรณ์ ติปยานนท์ 263


หลงเหลืออยู่ภายใน เหมือนดังลูกบอลที่เต่งตึง คุณเห็น ไหม” เด็กสาวไอสองสามครั้ง “นี่คือสิ่งที่ฉันคิดในช่วงนี้ อาจเป็นเพราะฉันมี เวลาว่างมากเกินไป แต่ฉันก็คิดเช่นนั้นจริงๆ ถ้าฉันว่าง ความคิดของฉันจะเดินทางไกล และถ้ามันเริม่ เดินทางไกล มันก็ยากที่จะหาทางกลับ” เด็กสาวดึงนิ้วออกจากมือของผมไปยกแก้วดื่ม โค้กที่เหลือ ผมรู้สึกได้จากเสียงน�้าแข็งที่เหลือในแก้ว “เอาละ ฉันจะเฝ้าดูแมว ไม่ต้องกังวล ถ้าเห็น โนโบรุ วาตานาเบะ ฉันจะบอกคุณเอง หลับตาให้สบาย โนโบรุ วาตานาเบะ น่าจะเดินผ่านมาในสองสามนาทีนี้ แมวทุกตัวใช้เส้นทางนี้ มันต้องมา ลองจินตนาการถึงมัน ภาพของโนโบรุ วาตานาเบะ เดินเข้าใกล้คุณ ใกล้เข้ามา มันเดินผ่านสนามหญ้า สอดตัวเข้าใต้ก�าแพง หยุดดม ดอกไม้ และใกล้เข้ามาทุกนาที ลองนึกภาพมันสิ” ผมลองท�าตามด้วยการนึกภาพเจ้าเหมียว แต่สิ่ง ที่ผมเห็นเป็นเพียงภาพเงามืดของเจ้าเหมียว แสงแดดอัน 264 ต�ำนำนนกไขลำน


เจิดจ้าท�าให้หนังตาของผมแสบร้อน ท�าให้ภาพจินตนาการ ของผมมื ด ด� า ดั ง นั้ น ไม่ ว ่ า ผมจะพยายามท�า อย่ า งไร ผมก็นึกภาพมันไม่ออกแม้สกั เส้นขน โนโบรุ วาตานาเบะ กลายเป็นภาพเงาที่บิดเบี้ยวและไม่เป็นธรรมชาติ เหลือ แต่เงาไม่มแี ก่นสาร ผมจ�าไม่ได้ด้วยซ�้าว่ามันเดินอย่างไร เด็กสาววางนิ้วของเธอบนข้อมือของผมอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอใช้มันวาดรูป เป็นรูปแปลกๆ ที่อธิบายไม่ได้ ในขณะที่เธอวาดรูปนั้น ราวกับการประสานเสียง ผม รู้สึกได้ถึงความมืดนานาแบบที่หลั่งไหลเข้าตัว ผมอาจ จะหลับแล้วก็ได้ ผมคิด แม้ผมไม่ได้ง่วง แต่มีบางอย่าง ในตัวผมที่บอกผมว่าผมไม่ควรฝืนอีกต่อไป ร่างกายของ ผมหนักอย่างไม่น่าเชื่อท่ามกลางผืนผ้าใบอ่อนนุ่มของ เก้าอี้ตากอากาศ ในท่ามกลางความมืดมิดนั้น ภาพโนโบรุ วาตานาเบะ เดินสี่ขาก็บังเกิดขึ้น ขาสีน�้าตาลทั้งสี่ที่มีผืนเท้า อ่อนนุม่ โดยปราศจากเสียง พวกมันเดินอย่างเกียจคร้าน อนุสรณ์ ติปยานนท์ 265


ไปยังอีกดินแดน ดินแดนไหน ดินแดนใด ผมไม่อาจรู้เลย คุณอาจมีจดุ บอดในความคิดค�านึง เสียงของผูห้ ญิง คนนั้นอีก ผมตื่นขึ้นเพื่อพบว่าตนเองอยู่ตามล�าพัง เด็กสาว ที่นอนอยู่ข้างๆ จากไปแล้ว มีแต่ผ้าเช็ดตัว บุหรี่ และ นิตยสาร ทว่าโค้กและเครื่องเล่นเทปหายไป ดวงอาทิตย์เคลื่อนลงทางทิศตะวันตก ผมลุกขึ้น ยืนใต้เงาต้นสน เข็มนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมงสี่สิบ ผมสั่ น หั ว หลายครั้ ง เหมื อ นดั ง การเขย่ า กระป๋ องเปล่ า ผมลุ ก ออกจากเก้ า อี้ แ ล้ ว มองไปรอบๆ ทุ ก อย่ า งแลดู เหมือนเมื่อแรกเห็น สนามหญ้าใหญ่ สระที่แห้งผาก พุม่ ไม้ รูปแกะสลักหินรูปนก ดงต้นสร้อยทอง เสาสัญญาณ โทรทัศน์ ไม่มแี มว ไม่มเี ด็กสาว ไม่มอี ะไรเลย 266 ต�ำนำนนกไขลำน


ผมทิง้ ตัวลงบนพรมหญ้าเอามือระยอดหญ้า ตาจับ ทีท่ างเดินของแมว รอคอยเด็กสาวกลับมา สิบนาทีผา่ นไป แต่ไม่มวี แ่ี ววทัง้ แมวและเด็กสาว ไม่มสี ญ ั ญาณเคลือ่ นไหว ของสิ่งใด ผมไม่รู้ว่าควรท�าอะไรต่อไปดี ผมรู้สึกเหมือน ชราลงอย่างมากแค่ในหลับเดียว ผมลุกขึน้ ยืนอีกครัง้ มองไปทีบ่ า้ นร้าง ไม่มสี ญ ั ญาณ คนเช่นกัน มีแต่แสงเรืองรองของดวงอาทิตย์ทกี่ า� ลังตกดิน ตรงหน้าต่าง ไม่มีอะไรให้ท�านอกจากเดินตัดสนามหญ้า ไปยังตรอกและกลับบ้าน ผมไม่เจอเจ้าเหมียว แต่อย่างน้อย ผมก็ได้พยายามแล้ว กลับถึงบ้าน ผมลงมือซักผ้าก่อนจะท�าอาหารค�่า อย่ า งง่ า ยๆ แล้ ว ทิ้ ง ตั ว ลงบนพื้ น ห้ อ งนั่ ง เล่ น หลั ง พิ ง ก�าแพง อ่านหนังสือพิมพ์กรอบบ่าย เมื่อเวลาห้าโมงครึ่ง เสียงโทรศัพท์ดงั สิบสองครัง้ แต่ผมไม่แยแส หลังจากเสียง โทรศัพท์เงียบลง ความว้าเหว่ล่องลอยในห้องราวกับฝุ่น ไร้ทิศทาง เสียงนาฬิกาปลุกบนหลังโทรทัศน์ท�าลายผลึก อนุสรณ์ ติปยานนท์ 267


ทีว่ า่ งอันมองไม่เห็นด้วยเข็มอันเปราะบางของมัน ของเล่น ไขลานขนานแท้ ผมคิด คงมีสักวันหนึ่งที่เจ้านกไขลาน จะแวะมาไขลานของเล่นเก่าแก่น้ี ในบ้านอันแสนขบขันนี้ คงมีแต่ผมที่ก�าลังแก่ชราลงด้วยชีวติ จริง ลูกบอลหมดลม แห่งความตายก�าลังนอนเน่ารอการผ่าออกอยู่ในตัวผม และแม้ผมจะหลบไปงีบอยู่บนวงโคจรระหว่างดาวเสาร์ กับดาวยูเรนัส นกไขลานแถบนั้นก็คงท�าหน้าที่บอกเวลา ของมัน ผมนั่งคิดถึงการเขียนบทกวีเกี่ยวกับนกไขลาน แต่ไม่อาจคิดบรรทัดแรกออกได้ ยิ่งกว่านั้น ผมรู้สึกว่ามัน ยากที่เด็กสาวมัธยมปลายจะหลงใหลได้ปลื้มกับบทกวี ว่าด้วยนกไขลาน ว่าไปแล้วพวกเธอน่าจะไม่รู้ด้วยซ�้าว่า นกไขลานคือสิ่งใด ทุ่มครึ่ง ภรรยาของผมกลับถึงบ้าน “ขอโทษที ฉันมีงานต้องท�าล่วงเวลา” เธอขอโทษ “ฉันต้องกรอกคะแนนสอบของนักเรียนให้ถกู ต้อง พวกเด็ก 268 ต�ำนำนนกไขลำน


นักเรียนภาคค�่าเหลวไหลเอามากๆ ท�าให้ฉันมีปัญหา” “ไม่เป็นไร” ผมพูดแล้วกลับเข้าไปในครัว ผม ทอดปลาด้วยเนยค้างอยู่ รวมถึงการเตรียมสลัดและซุป เต้าเจี้ยวด้วย ภรรยาของผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะ ในครัว “คุณไม่ได้อยู่บ้านตอนห้าโมงครึ่งหรือ” เธอถาม “ฉันพยายามโทร.หาคุณแต่ไม่มใี ครรับสาย” “เนยหมด ผมออกไปซื้อเนย” ผมโกหก “คุณไปธนาคารแล้วหรือยัง” “ใช่” “แมวล่ะ” “ไม่มีวี่แววเลย” “โธ่” ภรรยาผมร้อง ผมลุ ก จากอ่ า งอาบน�้า หลั ง อาหารค�่ า แล้ ว พบ ภรรยาผมนั่งอยู่อย่างเดียวดายในห้องรับแขกที่มืดมิด ผมโยนเสื้ อ ยื ด สี เ ทาแล้ ว ล้ ม กลิ้ ง ในความมื ด ลงใกล้ ภรรยาผมที่นั่งกองอยู่ราวกับขยะที่ถูกทิ้งไว้ ผมเช็ดผม อนุสรณ์ ติปยานนท์ 269


ด้วยผ้าเช็ดตัวแห้งแล้วนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามเธอ “มีอะไรหรือ” “แมวตายแล้ว ฉันรู้สึกได้” “ไม่เอาน่า” ผมค้าน “มันคงแค่ออกไปเที่ยวแถว นี้ ไม่นานก็คงหิวและกลับบ้าน เหมือนเคย เหมือนสมัย ที่เราอาศัยอยู่แถวโคเอนจิ -” “คราวนี้ไม่เหมือนกัน ฉันรู้สึกได้ แมวตายแล้ว และก�าลังเน่าอยู่ในพงหญ้า คุณได้เข้าไปดูพงหญ้าแถว บ้านร้างไหม” “เลิกพูดเรื่องนี้เสียที มันอาจเป็นบ้านร้าง แต่มัน ก็เป็นบ้านที่มีเจ้าของ ผมไม่อาจท�าอะไรพลการได้” “คุณเป็นคนฆ่ามัน” ภรรยาผมร้อง ผมถอนหายใจ และเช็ดผมอีกครั้ง “คุณฆ่ามันด้วยสายตาแบบนี้” เธอตะโกนออก มาจากความมืด “เป็นไปได้ไง” ผมพูด “แมวหายตัวไปตามใจมัน ไม่ใช่ความผิดของผม คุณก็รู้ดี” “คุณไม่ชอบเจ้าแมวนั่น” 270 ต�ำนำนนกไขลำน


“เอาละ ผมอาจไม่ชอบมันจริง” ผมยอมรับ “ผม อาจไม่รักใคร่เจ้าเหมียวเท่าคุณ แต่ผมก็ไม่ใช่คนใจบาป หยาบช้า ผมให้อาหารมันทุกวัน ถ้าผมไม่ชอบอะไรแล้ว ต้องลงมือฆ่า ผมคงฆ่าคนไปครึ่งโลก” “พอแล้ว คุณก็เป็นแบบนี้” ภรรยาผมให้เหตุผล “คุณเป็นแบบนี้ เป็นแบบนี้มาตลอด คุณฆ่าทุกอย่างโดย ยืมน�้ามือคนอื่น” ผมเตรียมตัวโต้ตอบ แต่แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมา ผมเก็บค�าพูด โยนผ้าเช็ดตัวลงตะกร้า เข้าไปในครัว เอาเบียร์ออกจากตู้เย็นแล้วกระดกขึ้นดื่ม ช่างเป็นวันที่ น่าเหลือเชื่ออะไรเช่นนี้ เป็นวันที่น่าเหลือเชื่อ ในเดือนที่ น่าเหลือเชื่อ ในปีที่น่าเหลือเชื่อ โนโบรุ วาตานาเบะ แกไปไหนนะ เจ้านกไขลาน มันท�าลานในตัวแกขาดหรือตึงไป บทกวีท่ผี มนึกได้คือ โนโบรุ วาตานาเบะ เจ้าไปไหน อนุสรณ์ ติปยานนท์ 271


หรือว่านกไขลาน ไขลานเจ้ามากเกินไป ผมดื่มเบียร์ยงั ไม่ทันหมดเมื่อเสียงโทรศัพท์ดงั ขึ้น “คุณรับสายแทนได้ไหม” ผมตะโกนไปยังห้อง รับแขกอันมืดมิด “ไม่มีทาง คุณรับเองสิ” “ผมไม่อยากรับ” ผมพูด ไม่มีใครรับสาย เสียงโทรศัพท์จึงดังไม่หยุด แรง สะเทือนของเสียงส่งผลให้ฝุ่นผงลอยขึ้นมาในความมืด ผมและภรรยาไม่พูดอะไรออกมาอีก ผมดื่มเบียร์ เธอนั่ง สะอึกสะอื้น มันดังถึงยี่สิบครั้งก่อนที่ผมจะเลิกนับ คุณ ไม่สามารถนับเสียงกริ่งโทรศัพท์ได้ตลอดกาล

272 ต�ำนำนนกไขลำน



1 La Gazza Ladra เป็นโอเปร่าที่มีสององก์ โอเปร่าเรื่องนี้จัดอยู่ใน ประเภท “Semi-serious Opera” ซึ่งเป็นการจัดประเภทของโอเปร่าอิตาลี นิยมแสดงกันมากในยุคต้นและยุคกลางของศตวรรษที่ 19 ช่วงโหมโรง ของโอเปร่าเรื่องนี้มีจุดเด่นมากที่เสียงกลองอันฮึกเหิม 2 Gioachino Antonio Rossini (1792-1868) คี ต กวี ที่ มี ชื่ อ เสี ย งชาว อิ ต าลี ได้ รั บ ฉายาว่ า เป็ น โมซาร์ ท ของอิ ต าลี เขาประพั น ธ์ โ อเปร่ า ไว้ถึง 39 เรื่อง ช่วงเวลาที่เขายังมีชีวิตและผลิตงานอยู่นั้น ได้รับการ ขนานนามว่ า เป็นคีต กวีที่มีชื่อเสีย งในการประพัน ธ์ โ อเปร่ า มากที่สุด ในประวัติศาสตร์ 3 Claudio Abbado วาทยกรชาวอิตาลี ได้รับการประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เทียบเท่ากับชนชั้นอัศวินแห่งประเทศอิตาลี ด�ารงต�าแหน่ง มิวสิกไดเร็กเตอร์ของโรงโอเปร่า ลา สกาล่า (La Scala) ซึ่งเป็นโรงโอเปร่า ที่ มี ชื่ อ เสี ย งที่ สุ ด ของอิ ต าลี ทั้ ง ยั ง เป็ น หั ว หน้ า วาทยกรของวงดนตรี ลอนดอนซิมโฟนี ออร์เคสตรา และเป็นวาทยกรรับเชิญของวงดนตรี คลาสสิกระดับโลกอีกหลายวง 4 Leonard Cyril Deighton นักเขียน นักประวัติศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญ การท�าอาหาร ชาวอังกฤษ นวนิยายที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาคือนวนิยาย สืบสวนเรื่อง The IPCRESS File 274 ต�ำนำนนกไขลำน


5 Irwin Allen Ginsberg (1926-1997) กวีชาวอเมริกัน เป็นหัวหอกของ Beat Generation ซึ่งเป็นกลุ่มนักเขียนชาวอเมริกันที่รวมตัวกันมาตั้งแต่ ยุค 50 นักเขียนกลุ่มนี้ตั้งใจสละความเป็นชนชั้นกลางของตัวเอง ออก แสวงหารสชาติชีวิตผ่านประสบการณ์ยาเสพติด เซ็กซ์ และพุทธศาสนา นิกายเซน แนวความคิดของชาว Beat Generation มีอิทธิพลต่อไป ถึงยุคฮิปปี้ในปี 1960 ด้วย 6 Robert Anthony Plant นักร้องและนักแต่งเพลงร็อคชาวอังกฤษ ได้รบั การประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ลา� ดับชั้น Commander of the British Empire แห่ ง สหราชอาณาจั ก รอั ง กฤษ เป็ น นั ก ร้ อ งน� า ของวง Led Zeppelin วงร็อคในต�านานของอังกฤษ (ก่อตั้งเมื่อปี 1968) 7 Clarence Seward Darrow (1857-1938) นักกฎหมายชาวอเมริกัน เป็นแกนน�าของกลุ่ม American Civil Liberties Union เขาเป็นที่รู้จักใน คดี​ี “Leopold and Loeb” จากคดีฆาตกรรม Bobby Franks ในปี 1924 ปฏิภาณไหวพริบและความเชื่อในลัทธิที่พิสูจน์ให้เห็นได้ด้วยตาตนเอง (Agnosticism) ท�าให้เขาเป็นที่โด่งดังในหมู่นักกฎหมาย 8 Giorgio de Chirico (1888-1978) ศิลปินชาวอิตาลี งานของเขาจัดอยู่ ในลัทธิเซอร์เรียลิสม์ (Surrealism)

อนุสรณ์ ติปยานนท์ 275


ว่ำด้วยคนแปล อนุสรณ์ ติปยานนท์ นักเขียน มีผลงานมากมาย อาทิ ลอนดอนกับ ความลับ ในรอยจูบ, แปด ครึ่งริกเตอร์-การตามหาหัวใจที่สาบสูญ, H2O ปรากฏการณ์แตกตัวของน�้าบนแผ่นกระดาษ เคหวัตถุ ท่าอากาศยานต่างความคิด และนวนิยายเพลงรักนิวตริโน “ ‘ต�านานนกไขลาน’ ฉบับเรือ่ งสัน้ มีทศิ ทางอีกแบบ ต่างจากนวนิยาย ในขณะทีผ่ มแปล ภาพของยูลซิ สิ ที่เสร็จศึกแห่งทรอยและกลายเป็นคนว่างงาน ก�าลังเดินทางกลับบ้านทีเ่ กาะอิทากา เขาออกเดินทาง อย่างมีความหวังโดยไม่รวู้ า่ ภรรยาตนเองได้ปนั ใจ ให้คนอืน่ แล้ว (ซึง่ แสดงออกอย่างเป็นนัยเมือ่ ภรรยา ของตัวเอกเริม่ กลับบ้านผิดเวลา) ยูลซิ สิ ได้พบกับ เงือกน้อยระหว่างทางทีบ่ อกหนทางถูกต้องแก่เขา (ในฉบับเรื่องสั้นเราไม่รู้ชื่อของเธอ แต่ในฉบับ นวนิยายเธอชื่อคาซาฮาระ เมย์ และมีอิทธิพล 276 ต�ำนำนนกไขลำน


ต่อเนื้อเรื่องอย่างมาก) ยูลิซิสไม่ได้สนการเป็น วี ร บุ รุ ษ อี ก ต่ อ ไป เขาต้ อ งการกลั บ บ้ า นและ เริ่มต้นครุ่นคิดถึงความตาย “ ‘นกไขลาน’ คือการเปรียบเทียบถึงความตายใน โลกสมัยใหม่ของมูราคามิ คือระบบทุนนิยมที่ เขาวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนเสมอในนวนิยายแทบ ทุกเรื่อง (มันท�าให้ผู้คนป่วยไข้ใน ‘Norwegian Wood’ ท�าให้เด็กสาวเหลวแหลกใน ‘Dance, Dance, Dance’ และท�าให้ชายวัยกลางคนว้าเหว่ ใน ‘South of the Border, West of the Sun)’ นกนั้นจะท�างานได้ต่อเมื่อมีการไขลาน แม้เสียง มันจะไพเราะ ลึกลงไปมันก็เป็นเพียงนกไขลาน ตัวหนึ่ง ดังระบบทุนนิยมที่แม้น่าตื่นตา ด้วย การถูกไขลานจากโฆษณาและการตลาด แต่ลกึ ลงไปแล้วมันแสดงถึงการบริโภคไม่หยุดยัง้ ชีวติ ที่ไร้แก่นและมันหมุนวนพาคนไปสู่ความพินาศ ดังที่เราเผชิญอยู่ในเศรษฐกิจโลกขณะนี้” อนุสรณ์ ติปยานนท์ 277


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.