เอกสารอิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส ข องมหาวิ ท ยาลั ย สุ โ ขทั ย ธรรมาธิ ร าชฉบั บ นี้ ได รั บ การสงวนลิ ข สิ ท ธิ์ แ ละคุ ม ครองภายใต ก ฎหมายลิ ข สิ ท ธิ์ รวมทั้ ง สนธิ สั ญ ญาว า ด ว ยทรั พ ย สิ น ทางป ญ ญา
หน่วยที่
6
ธ ส
ธ ส
ม
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ชื่อ วุฒิ ตำ�แหน่ง หน่วยที่เขียน
6-1
ธ ส
ม
รองศาสตราจารย์สำ�รวย กมลายุตต์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม ม
ธ ส
รองศาสตราจารย์สำ�รวย กมลายุตต์ วท.บ. (สถิติ), M.S. (Statistics) M.Sc. (Computer Technology), Asian Institute of Technology รองศาสตราจารย์ประจำ�สาขาวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยส ุโขทัยธรรมาธิราช หน่วยที่ 6
ม
6-2
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
หน่วยที่ 6
ธ ส
ม
ระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์
ม
เค้าโครงเนื้อหา
แนวคิด
ม
ตอนที่ 6.1 แนวคิดท ั่วไปเกี่ยวกับระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ 6.1.1 ความหมาย ความเป็นม า และประโยชน์ของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ 6.1.2 ระบบชำ�ระเงินแ บบดั้งเดิมกับร ะบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ 6.1.3 การใช้บริการระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์จากสถาบันการเงิน 6.1.4 เกณฑ์ก ารประเมินและปัจจัยความสำ�เร็จของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตอนที่ 6.2 ประเภทของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ 6.2.1 การแบ่งป ระเภทของการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ 6.2.2 ระบบชำ�ระเงินผ ่านบัตรเครดิต 6.2.3 ระบบชำ�ระเงินด้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์ 6.2.4 ระบบชำ�ระเงินด้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ 6.2.5 ระบบชำ�ระเงินผ่านสมาร์ตการ์ด 6.2.6 ระบบชำ�ระเงินผ ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ตอนที่ 6.3 ภัยคุกคาม การรักษาความปลอดภัย ผลกระทบและทิศทางของระบบชำ�ระเงิน อิเล็กทรอนิกส์ 6.3.1 ภัยค ุกคามของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ 6.3.2 การรักษาความปลอดภัยของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ 6.3.3 ผลกระทบและทิศทางของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
1. ระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ เป็นระบบทีเ่กี่ยวข้องโดยตรงกับก ารทำ�ธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ เป็นระบบที่ผู้ซื้อชำ�ระเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการให้แก่ผู้ขายผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ต โดยมีการนำ�เทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือสำ�คัญในการชำ�ระเงิน ระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำ�คัญ 5 องค์ประกอบ คือ 1) องค์กรหรือบ ริษัทผ ู้ผลิตหรือจัดจำ�หน่าย 2) ผู้ขายหรือพ่อค้าท ี่ขายสินค้า/บริการในนาม ขององค์กร หรือบริษัทผู้ผลิต หรือบริษัทจัดจำ�หน่ายผ่านธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ 3) ผู้ซื้อ หรือลูกค้าที่ซื้อส ินค้า/บริการผ่านธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ 4) สถาบันการเงินที่องค์กรใช้เป็น ช่องทางในการโอนเงินร ะหว่างกันและกัน และ 5) ผู้ให้บริการการชำ�ระเงิน
ม
ธ ส
ธ ส
ม
วัตถุประสงค์
ม
6-3
ธ ส
ม
2. ประเภทของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีด้วยกันหลายประเภทขึ้นกับวิธีการ แบ่ง สำ�หรับประเภทของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่นำ�มากล่าวในที่นี้ ได้แก่ ระบบ ชำ�ระเงินผ่านบัตรเครดิต ระบบชำ�ระเงินด้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์ ระบบชำ�ระเงินด้วย เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ ระบบชำ�ระเงินผ่านสมาร์ตการ์ด และระบบชำ�ระเงินผ่านอุปกรณ์ เคลื่อนที่ 3. ภัยคุกคาม เป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบค่อนข้างมากต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อและผู้ขายใน การทำ�ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์เกิด ขึ้น ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยในระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นสิ่งที่องค์กร ธุรกิจต่างก็ให้ความสนใจ เนื่องจากระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์สามารถส่งผลกระทบ ต่อปริมาณเงินในระบบและผลประโยชน์ของรัฐจากสิทธิในการออกเงินตรา รวมทั้ง ส่งผลกระทบต่อการฟอกเงิน ดังนั้น ธนาคารแห่งป ระเทศไทยจึงได้กำ�หนดทิศทางความ ร่วมมือในการพัฒนาระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับสถาบันการเงินทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อให้รองรับแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และผลักดันให้บรรลุ เป้าหมายตามที่ร ัฐบาลได้วางไว้
ธ ส
ม
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
เมื่อศ ึกษาหน่วยที่ 6 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ 1. อธิบายแนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ 2. อธิบายประเภทของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ 3. อธิบายภัยคุกคามและการรักษาความปลอดภัยของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ 4. อธิบายผลกระทบและทิศทางของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
6-4
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ตอนที่ 6.1
ธ ส
ม
แนวคิดท ั่วไปเกี่ยวกับระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
ม
โปรดอ่านแผนการสอนประจำ�ตอนที่ 6.1 แล้วจึงศ ึกษาเนื้อหาสาระ พร้อมปฏิบัติกิจกรรมในแต่ละเรื่อง
ม
หัวเรื่อง
แนวคิด
ธ ส
เรื่องที่ 6.1.1 ความหมาย ความเป็นมา และประโยชน์ของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 6.1.2 ระบบชำ�ระเงินแบบดั้งเดิมกับระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 6.1.3 การใช้บริการระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์จากสถาบันการเงิน เรื่องที่ 6.1.4 เกณฑ์การประเมินและปัจจัยความสำ�เร็จของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
1. ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ เป็นระบบการชำ�ระเงินที่ใช้ในการทำ�ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ โดยที่ผู้ซื้อสามารถชำ�ระเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการให้แก่ผู้ขายผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ต และมกี ารนำ�เทคโนโลยีด ิจิทัลม าใช้เป็นเครื่องมือส ำ�คัญใ นการชำ�ระเงิน ระบบ ชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์น อกจากจะช่วยให้ท ั้งผ ูข้ ายและผูซ้ ื้อไ ด้ร ับค วามสะดวก รวดเร็วใ น การทำ�ธุรกรรมแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำ�เนินธุรกรรมร่วมกันอีกด้วย 2. ระบบชำ�ระเงินแ บบดั้งเดิม เป็นร ะบบทีผ่ ูซ้ ื้อต ้องจ่ายเงินสด หรือจ ่ายเป็นเช็คก ระดาษ หรือ ใช้บัตรเครดิตเพื่อส่งข้อมูลหมายเลขบัตรและจำ�นวนเงินไปยังธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อ ให้โอนเงินให้แก่ผู้ขาย ส่วนระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้นเริ่มต้นมาจากระบบโอนเงิน อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นร ะบบงานประยุกต์ย ่อยของระบบอดี ไี อหรือร ะบบแลกเปลี่ยนข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ ที่ท ำ�หน้าที่รับส ่งข ้อมูลหมายเลขบัตรเครดิต หรือข ้อมูลเช็คอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างธนาคารและบริษัทที่เกี่ยวข้องผ่านระบบเครือข่ายของหน่วยงานที่มีการรักษา ความปลอดภัยในการใช้ระบบโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อชำ�ระค่าสินค้าและ/หรือบริการ นั้น ซึ่งป ัจจุบันได้กลายเป็นระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในธุรกิจ อิเล็กทรอนิกส์ 3. การใช้บ ริการระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์จากสถาบันการเงิน คือก ารที่องค์กรที่ทำ�ธุรกิจ อิเล็กทรอนิกส์ส มัครขอใช้บ ริการระบบช�ำ ระเงินอ เิ ล็กทรอนิกส์จ ากสถาบันก ารเงินท เี่ ปิดใ ห้ บริการ ซึ่งจ ะช่วยให้การทำ�ธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ครบวงจร เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้าน การขายให้แก่องค์กร และยังสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ซื้อ รวมทั้งสร้างภาพลักษณ์ของ ความทันสมัยอีกด ้วย
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
6-5
ธ ส
ม
4. เกณฑ์ที่ใ ช้ในการประเมินระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้น สามารถประเมินได้ในมุมมอง 4 ด้าน คือ ด้านเทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านสถาบันการเงินและกฎหมาย ส่วนปัจจัยความสำ�เร็จของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย การรักษาความ ปลอดภัยของข้อมูล ความง่ายและสะดวกในการป้อนข้อมูลการชำ�ระเงิน ความน่าเชื่อถือ การคิดค่าธรรมเนียม และความหลากหลายของวิธีการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
วัตถุประสงค์
ม
ธ ส
ม
เมื่อศึกษาตอนที่ 6.1 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ 1. อธิบายความหมาย ความเป็นมา และประโยชน์ของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ 2. อธิบายขอ้ ดีและขอ้ ดอ้ ยของระบบช�ำ ระเงินแบบดง้ั เดิมและระบบช�ำ ระเงินอเิ ล็กทรอนิกส์ได้ 3. อธิบายการใช้บริการระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์จากสถาบันการเงินได้ 4. ระบุเกณฑ์การประเมินและปัจจัยความสำ�เร็จของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม ม
ธ ส
ม
ธ ส
6-6
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
เรื่องที่ 6.1.1 ความหมาย ความเป็นมา และประโยชน์ ของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ดังที่ทราบกันดีแล้วว่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นการทำ�ธุรกรรมผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยใช้เทคโนโลยีเว็บมาประยุกต์ ซึ่งในการทำ�ธุรกรรมจำ�เป็นต้องมีการชำ�ระเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการ ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ข าย โดยการชำ�ระเงินด ังกล่าวต้องเป็นการชำ�ระเงินที่ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้วย เช่นกัน จึงได้มีการพัฒนาระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาเพื่ออำ�นวยความสะดวกและรวดเร็วในการทำ� ธุรกรรมแก่ทั้งสองฝ่าย และเนื่องจากการทำ�พาณิชย์อ ิเล็กทรอนิกส์ม ีด ้วยกันหลากหลายประเภท เช่น แบบบี ทูบี แบบบที ซู ี แบบซที ูบี แบบจที ูบี เป็นต้น จึงท ำ�ให้ร ะบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ม ดี ้วยกันห ลากหลายประเภท เช่นกัน สำ�หรับเนื้อหาในหน่วยนี้จะกล่าวถึงระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ประเภทซีทูบี คือ การที่ผู้บริโภค ชำ�ระเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการให้แก่บริษัทผ ู้ขาย
ธ ส
ธ ส
ม
1. ความหมายของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
ม
สำ�หรับค วามหมายของระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์น ั้น ได้ม กี ารกำ�หนดความหมายไว้ด ้วยกันห ลาก หลาย ดังนี้ ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ คือการแลกเปลี่ยนทางการเงินผ่านระบบออนไลน์ระหว่างผู้ซื้อและ ผูข้ าย โดยมกี ารใช้เครือ่ งมอื ด จิ ทิ ลั ท างการเงิน เช่น เงินสดดจิ ทิ ลั (cash digital) เช็คอ เิ ล็กทรอนิกส์ (electronic check) การเข้ารหัสบัตรเครดิต (credit card number encryption) เป็นต้น (http://www.ignou.ac.in/ virtualcompusladit/course/cst 304/ecom 2.htm) ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการชำ�ระเงินค่าสินค้าและ/หรือ บริการ ซึ่งเทคโนโลยีด ิจิทัลมีด้วยกันม ากมายหลายชนิด เช่น เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ (electronic cash) บัตร เครดิต สมาร์ตการ์ด (smart card) ระบบชำ�ระเงินผ่านอินเทอร์เน็ต (internet based payment system) เป็นต้น (Laudon and Laudon 2008) ระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง ระบบที่ผ ู้ซ ื้อช ำ�ระเงินค ่าส ินค้า/บริการผ่านเว็บไซต์ข องผู้ข าย โดยใช้บ ัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่อาจเป็นบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต (http://www.bitpipe.com/tlist/OnlinePayments.html) ระบบช�ำ ระเงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ หมายถงึ การช�ำ ระเงินจ ากผซู้ ือ้ ห รือผ บู้ ริโภคให้แ ก่ผ ขู้ ายหรือบ ริษทั ผ า่ น ระบบเครือข่ายโทรคมนาคมหรือระบบเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์โดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย (Sumanjeet 2009)
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-7
ธ ส
จากความหมายทีก่ ล่าวมา สามารถสรุปค วามหมายของระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ไ ด้ว ่า เป็นร ะบบ ที่ผู้ซื้อชำ�ระเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการให้แก่ผู้ขายผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยเงินที่นำ�มาชำ�ระ ค่าสินค้าและ/หรือบริการอยู่ในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ที่มีอยู่ด้วยกันหลากหลายประเภท เช่น เงินสด อิเล็กทรอนิกส์ เช็คอิเล็กทรอนิกส์ บัตรเครดิต บัตรเดบิต สมาร์ตการ์ด เป็นต้น เงินอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว เกิดจากการนำ�เทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือสำ�คัญในการสร้าง และในส่วนของขั้นตอนการชำ�ระเงิน ใช้ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสำ�คัญ
ธ ส
ม
ธ ส
2. ความเป็นมาของระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์
ม
ก่อนคริสต์ศ ักราชที่ 10 การซื้อข ายสินค้าแ ละ/หรือบ ริการยังไ ม่มกี ารใช้เงินท ีเ่ป็นธ นบัตรหรือเหรียญ เหมือนปัจจุบัน แต่ใ ช้เปลือกหอยเป็นส ื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าแ ทนเงิน ต่อม าในช่วงศตวรรษที่ 6 ถึง ศตวรรษที่ 10 ได้มีก ารใช้เหรียญที่ทำ�ด้วยโลหะในประเทศกรีซและอินเดีย เหรียญโลหะดังกล่าวได้รับความ นิยมและถูกนำ�ไปใช้อย่างกว้างขวางในการค้าประมาณ 2,000 ปีที่ผ่านมา ต่อมาในช่วงยุคกลาง (middle age) ซึ่งเป็นช่วงประวัติศาสตร์ข องทวีปยุโรปคือ ระหว่างศตวรรษที่ 5 ถึงศตวรรษที่ 15 พ่อค้าในประเทศอิตาลีได้น ำ�เช็คมาใช้เป็นครั้งแรก ในส่วนบริเวณแถบทวีปอเมริกาเหนือ ในปี ค.ศ. 1690 สหรัฐอเมริกาได้เริ่มพ ิมพ์ธ นบัตรขึ้นมาใช้เป็นครั้งแรกที่ร ัฐแมสซาชูเสทท์ ในยุคนั้นการชำ�ระ เงินในร้านค้าจะเป็นการชำ�ระด้วยเงินสดและการใช้เช็ค ต่อม าในปี ค.ศ. 1950 บริษัท ไดเนอร์สคลับ (Diners Club) ในสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาบัตรเครดิตขึ้นมาใช้เป็นครั้งแรก สำ�หรับป ัจุบ ันจ ัดเป็นช ่วงกึ่งกลางของวิวัฒนาการการชำ�ระเงิน โดยเป็นช ่วงที่ม ีก ารเปลี่ยนแปลงการ ชำ�ระเงินด ้วยเงินสดและเช็คไ ปเป็นการชำ�ระเงินด ้วยบัตรเครดิตแ ละการชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจ ะเห็นไ ด้ ว่าอัตราการใช้บัตรเครดิตและการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างแพร่หลายและกำ�ลัง จะมาแทนที่ก ารใช้เงินสดและเช็คในไม่ช้านี้ โดยในปี ค.ศ. 2003 ได้เริ่มมีการนำ�บัตรเครดิตแ ละบัตรเดบิต มาผสมผสานกันสำ�หรับชำ�ระเงินในร้านค้า และพบว่าปริมาณการใช้บัตรในการชำ�ระเงินสูงขึ้นและมากกว่า การใช้เงินสดและเช็ค (Gerdes et al. 2005 อ้างใน Turban 2008 : 549) นอกจากนี้แล้ว จากการสำ�รวจโดย บริษัท การ์ต เนอร์ก รุ๊ป (Gartner Group Inc.) พบว่า ปี ค.ศ. 1999 จนกระทั่งถ ึงป ี ค.ศ. 2005 บัตรเครดิตแ ละ บัตรเดบิตถ ูกนำ�ไปใช้ชำ�ระเงินในร้านค้าต่างๆ เพิ่มมากขึ้นจากร้อยละ 21 เป็นร้อยละ 33 ในขณะที่การชำ�ระ เงินด้วยเงินสดลดลงจากร้อยละ 39 เป็นร้อยละ 33 ในปี ค.ศ. 2001 การใช้ธนบัตรและเช็คที่ทำ�จากกระดาษ เพื่อชำ�ระค่าสินค้าและบริการลดลงเหลือเพียงร้อยละ 78 ในขณะเดียวกัน อีกร้อยละ 22 เป็นการชำ�ระเงิน แบบอิเล็กทรอนิกส์ และในปี ค.ศ. 2005 บัตรเครดิตและบัตรเดบิตได้ถูกนำ�ไปใช้ในการชำ�ระเงินค่าสินค้า และบริการตามร้านค้าต่างๆ ประมาณร้อยละ 55 ของการชำ�ระเงินทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นการชำ�ระเงินด้วย เงินสดและเช็ค (Dove Consulting 2006 อ้างใน Turban 2008) จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าแนวโน้มการชำ�ระเงินลักษณะดังกล่าวได้เกิดขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงวิธีก ารชำ�ระเงินแบบเดิมมาเป็นการชำ�ระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์จะยังคงเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ โดยเฉพาะในโลกของธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ หากสังเกตดูจะพบว่าก ว่าทศวรรษแล้วที่ได้มีการกล่าวถึง
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-8
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
สังคมการทำ�ธุรกิจที่ไ ม่ใ ช้เงินสด และแม้ว่าการใช้เงินสดและเช็คยังคงมีป รากฏอยู่ก็ตาม แต่ก็ม ีธ ุรกิจจำ�นวน ไม่น้อยที่สามารถดำ�เนินการซื้อขายสินค้าและ/หรือบริการได้โดยไม่มีการใช้เงินสดและเช็คเลย โดยเฉพาะ อย่างยิ่งประเทศในแถบทวีปอเมริกาเหนือ ปริมาณการซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ร้อยละ 90 เป็นการ ใช้บ ัตรเครดิต ซึ่งบางประเทศในยุโรป อย่างเช่น ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส และสเปน ก็นิยมใช้บัตรเครดิต เช่นเดียวกัน (Dove Consulting 2006 อ้างใน Turban 2008) นอกจากนี้แ ล้ว ในบางประเทศที่ไ ม่มีก ารใช้บ ัตรเครดิตจ ำ�พวกบัตรวีซ่าห รือบ ัตรมาสเตอร์ ประชาชน ก็ยังชอบวิธีการชำ�ระเงินแบบออนไลน์มากกว่าวิธีอื่น เช่น ในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และ ญี่ปุ่น นิยมใช้ว ิธีการชำ�ระเงินโ ดยใช้บัตรเดบิต ในส่วนของผู้ค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบบีทูซี (B2C) นั้น แนวโน้มการใช้บัตรเครดิตจะเพิ่ม มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรปตะวันตก การทำ�ธุรกิจแบบออนไลน์จำ�เป็น ต้องใช้ระบบชำ�ระเงินผ่านบัตรเครดิตแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นก็ตาม และยิ่งกว่านั้น การชำ�ระเงินโดยใช้ บัตรเดบิตก ็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กันด้วย นอกจากนี้แล้ว ผู้ค้าที่ทำ�ธุรกิจระดับนานาชาติจ ำ�เป็นต้อง ใช้ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลาย ทั้งนี้ ก็เพื่ออำ�นวยความสะดวกให้แก่ผู้ซื้อหรือผู้บริโภคใน ประเทศต่างๆ ทั่วโลกสามารถเลือกวิธีการชำ�ระเงินได้ตามความสะดวก เช่น การโอนเงินผ่านธนาคาร เช็ค อิเล็กทรอนิกส์ บัตรเครดิต บัตรกำ�นัลหรือบัตรของขวัญ เป็นต้น เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและรายได้ ให้แก่การทำ�ธุรกิจมากขึ้น สำ�หรับในประเทศไทย จากผลการสำ�รวจ (ธนาคารแห่งประเทศไทย 2551) พบว่าผู้ซื้อสินค้าผ่าน ระบบอินเทอร์เน็ตร ้อยละ 60 ใช้บ ัตรเครดิต ทีเ่หลืออ ีกร ้อยละ 40 ใช้ว ิธโี อนเงินใ นบัญชีธ นาคาร ซึ่งห มายความ รวมถึงบริการชำ�ระเงินด้วยการหักบัญชีอ ัตโนมัติแบบออนไลน์ (direct debit) บัตรเดบิต และการโอนเงิน นอกจากนี้แล้ว เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อม ั่นใ ห้แ ก่ระบบการชำ�ระเงินผ่านอินเทอร์เน็ต ปัจจุบันธนาคารและ สถาบันการเงินจึงมีแนวทางในการพัฒนาระบบเพื่อให้บริการการชำ�ระเงิน ดังนี้ 1. บริการอนิ เทอร์เน็ตแ บงกิง้ (internet banking) และ/หรือธ ุรกิจป ระเภทการชำ�ระเงินผ ่านเกตเวย์ (payment gateway) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงระหว่างเว็บไซต์ของร้านค้ากับระบบเครือข่ายของธนาคาร โดย ธนาคารสามารถดำ�เนินการตามข้อมูลธุรกรรมเชิงรายการ หรือทรานแซกชั่น (transaction) ที่ได้รับเพื่อตัด โอนเงินในบัญชีของลูกค้า หรือส่งเป็นคำ�สั่งโ อนเงินผ ่านเข้าสู่ระบบการชำ�ระเงินระหว่างธนาคารด้วยกัน โดย จะต้องมีมาตรการการรักษาความปลอดภัยที่ได้ม าตรฐาน 2. สำ�หรับก ารชำ�ระเงินท ี่มีมูลค่าไ ม่มากนัก (micro payment) นิยมชำ�ระเงินโดยการใช้เงินดิจิทัล ซึ่งบันทึกจำ�นวนเงินลงบนบัตรสมาร์ตการ์ด (ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับสมาร์ตการ์ดจะกล่าวต่อไปในเรื่องที่ 6.2.5) เพราะสามารถสร้างเสริมร ะบบรกั ษาความปลอดภัยใ ห้ม ัน่ ใจได้ม ากกว่าร ะบบบตั รเดบิตแ ละบตั รเครดิต ทั่วไป
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-9
ธ ส
3. องค์ประกอบของระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ป ระกอบด้วยองค์ประกอบที่สำ�คัญ 5 องค์ประกอบ คือ 3.1 องค์กรหรือบริษัทผู้ผลิตหรือจัดจำ�หน่ายทั้งภาครัฐหรือภาคเอกชนที่จำ�หน่ายสินค้า/บริการใน ธุรกิจอ เิ ล็กทรอนิกส์ เป็นห น่วยงานทที่ �ำ หน้าทีผ่ ลิตห รือจ ดั จ ำ�หน่ายสนิ ค้า/บริการตา่ งๆ ผ่านระบบอนิ เทอร์เน็ต โดยอาจเป็นอ งค์กรของภาครัฐห รือภาคเอกชนก็ได้ 3.2 ผูข้ ายหรือพ อ่ ค้าท ขี่ ายสนิ ค้า/บริการในนามขององค์กรหรือบ ริษทั ผ ผู้ ลิตห รือจ ดั จ �ำ หน่ายในธรุ กิจ อิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง ผู้ข ายรายย่อยที่ขายสินค้า/บริการในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ 3.3 ผู้ซื้อหรือลูกค้าที่ซื้อสินค้า/บริการในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง ผู้ซื้อหรือผู้บริโภคทั่วไปที่ สั่งซื้อสินค้า/บริการในธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ 3.4 สถาบันการเงินที่องค์กรหรือบริษัทผู้ผลิตหรือจัดจำ�หน่าย รวมทั้งผู้ขายและผู้ซื้อเปิดบัญชี ไว้เพื่อการโอนเงิน เป็นสถาบันก ารเงินหรือธนาคารที่ผู้ผลิต ผู้ขาย และผู้ซื้อ ทำ�การเปิดบัญชีไว้เพื่อใช้เป็น ช่องทางในการโอนเงินระหว่างกันแ ละกัน เมื่อต้องมีการชำ�ระเงินค่าสินค้า/บริการในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ 3.5 ผู้ให้บริการการชำ�ระเงินทำ�หน้าที่เป็นตัวกลางในการรับการชำ�ระเงินของลูกค้าและจัดการการ โอนเงินให้แก่ผู้ขายผ่านสถาบันการเงิน และแจ้งให้ผู้ขายหรือผู้ประกอบการทราบถึงผลของการโอนเงินว่า สำ�เร็จหรือล้มเหลว
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
4. ประโยชน์ของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
นอกจากระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์จะเป็นช่องทางสำ�คัญของการทำ�ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ยัง มีประโยชน์ต ่อผู้ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย ดังนี้ 4.1 อำ�นวยความสะดวกให้แ ก่ผ ซู้ อื้ การชำ�ระเงินผ ่านระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ช ่วยทำ�ให้ผ ูซ้ ื้อไ ม่ จำ�เป็นต้องเดินทางไปชำ�ระเงินหรือไปส่งเช็คด้วยตนเองให้แก่ผู้ขายเหมือนกับการชำ�ระเงินทั่วไป ผู้ซื้อเพียง แต่ล งทะเบียนและป้อนหมายเลขบัตรเครดิตผ ่านเว็บไซต์ข องผูข้ าย ข้อมูลข องผูซ้ ื้อก็จ ะถูกบ ันทึกล งในเครื่อง แม่ข่ายของผู้ขาย ซึ่งในครั้งต่อไปหากผู้ซ ื้อต้องการซื้อสินค้าและ/หรือบริการจากเว็บไซต์ดังกล่าวก็เพียงแต่ ล็อกอินเข้าไปเท่านั้น กอปรกับปัจจุบันธ ุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ได้กลายเป็นการทำ�ธุรกรรมที่ไ ด้รับความนิยมทั่ว โลก ดังนั้น บริษัทต่างๆ ทั่วโ ลกจึงมีร ะบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้บริการแก่ผู้ซื้อปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ ของตนอยู่แล้ว 4.2 ลดค่าใช้จ่ายในการดำ�เนินการ เนื่องจากระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ไม่จำ�เป็นต้องเตรียม เอกสารหรือใช้พนักงานในการดำ�เนินการ ระบบจะใช้ข้อมูลที่ผู้ซื้อป้อนผ่านแบบฟอร์มการรับชำ�ระเงินแบบ อิเล็กทรอนิกส์บ นเว็บไซต์ จากนั้นข ้อมูลท ี่ป ้อนจะถูกส ่งผ ่านระบบอินเทอร์เน็ตไ ปประมวลผลด้วยซอฟต์แวร์ ที่พ ัฒนาขึ้นม าเพื่อท ำ�หน้าที่ร ับช ำ�ระเงิน ซึ่งค ่าใ ช้จ ่ายในการดำ�เนินก ารดังก ล่าวจะน้อยกว่าก ารดำ�เนินก ารโดย พนักงาน เพราะเทคโนโลยีส ารสนเทศและการสื่อสารทีน่ ำ�มาใช้น ับว ันจ ะมรี าคาถูกล งเมื่อเทียบกับค ่าใ ช้จ ่ายใน การจ้างพนักงาน
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
6-10
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
4.3 ประหยัดเวลาในการดำ�เนินงาน ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ช่วยให้การชำ�ระเงินเป็นไปด้วย ความรวดเร็ว แม้ว่าผ ู้ซ ื้อแ ละผู้ข ายจะอยู่ห ่างไกลกันม ากก็ตาม เพราะเป็นการรับส ่งข ้อมูลก ารทำ�ธุรกรรมผ่าน ระบบอินเทอร์เน็ตช่วยประหยัดเวลาเมื่อเทียบกับการชำ�ระเงินแบบอื่น 4.4 ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ การชำ�ระเงินผ่านระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์สามารถครอบคลุมได้ ทัว่ ท กุ พ ืน้ ทีท่ มี่ กี ารเชือ่ มตอ่ ร ะบบอนิ เทอร์เน็ต ซึง่ เมือ่ เทียบกบั ร ะบบช�ำ ระเงินท ัว่ ไปทจี่ �ำ เป็นต อ้ งช�ำ ระผา่ นธนาคาร หรือสถาบันการเงิน หากเปรียบเทียบระหว่างการก่อตั้งสาขาของธนาคารกับการเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต จะเห็นได้ว่าการเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างไกลกว่า ซึ่งหากบริเวณนั้น ไม่มีสาขาของธนาคารหรือสถาบันการเงินตั้งอยู่แต่มีการเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต ก็ทำ�ให้ผู้ซื้อสามารถ ชำ�ระเงินให้แ ก่ผู้ขายได้ 4.5 สร้างความนา่ เชือ่ ถ อื ด า้ นความมนั่ คงปลอดภัยใ นการท�ำ ธรุ กรรม ประโยชน์ใ นขอ้ น มี้ คี วามส�ำ คัญ มากต่อก ารตัดสินใ จในการชำ�ระเงินข องลูกค้าท ี่ซ ื้อข ายสินค้าผ ่านธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากลูกค้าท ี่ช ำ�ระ เงินผ่านบัตรเครดิตจ ำ�เป็นต ้องแจ้งข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับบัตรเครดิตข องตนเอง ซึ่งหากข้อมูลดังกล่าว ถูกล ักลอบหรือด ักจ ับไ ปโดยกลุ่มบ ุคคลมิจฉาชีพ ก็จ ะทำ�ให้ก ลุ่มบุคคลมิจฉาชีพส ามารถนำ�ไปใช้ใ นการชำ�ระ ค่าส นิ ค้าบ ริการผา่ นธรุ กิจอ เิ ล็กทรอนิกส์ไ ด้ ปัจจุบนั ร ะบบช�ำ ระเงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ม รี ะบบรกั ษาความปลอดภัย ข้อมูลในการทำ�ธุรกรรมที่ได้มาตรฐานตามที่องค์กรระดับนานาชาติเป็นผู้กำ�หนด ดังนั้น ระบบชำ�ระเงิน อิเล็กทรอนิกส์จึงสร้างความน่าเชื่อถือในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยให้แก่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย 4.6 ช่วยรักษาลูกค้าให้กับธุรกิจ จากการที่ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ช่วยอำ�นวยความสะดวก ลดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ จึงท ำ�ให้ลูกค้าให้ความไว้วางใจและ นิยมซื้อส ินค้าแ ละ/หรือบ ริการจากผูข้ ายผ่านเว็บไซต์ ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างความภักดีใ นตราสินค ้าแ ละ/หรือ บริการ และเป็นการช่วยรักษาลูกค้าใ ห้กับธุรกิจไ ด้เป็นอ ย่างดีด้วย 4.7 สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากในปัจจุบันธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์เป็นการทำ�ธุรกิจ ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ดังนั้น ผู้ขายสินค้าและ/หรือบริการที่สามารถอำ�นวยความสะดวกให้แก่ ผู้ซื้อได้แบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่ก ารเลือกซื้อส ินค้าและ/หรือบริการ การส่งมอบสินค้า/บริการ จนกระทั่งถึง การชำ�ระเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการ ย่อมเป็นการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้แก่ผู้ขายรายนั้นๆ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 6.1.1 แล้ว โปรดปฏิบัติกิจกรรม 6.1.1 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 6 ตอนที่ 6.1 เรื่องที่ 6.1.1
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-11
ธ ส
เรื่องที่ 6.1.2 ระบบชำ�ระเงินแ บบดั้งเดิมกับร ะบบชำ�ระเงิน อิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
ม
ม
ดังท ีท่ ราบกันด ีแล้วว ่า การทำ�ธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์น ั้นน ิยมใช้ร ะบบการชำ�ระเงินท ีเ่รียกว่า ระบบชำ�ระ เงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์มีความแตกต่างจากระบบชำ�ระเงินแบบดั้งเดิมในหลาย ประเด็น และระบบการชำ�ระเงินท ั้งสองระบบก็มีข ้อดีและข้อจำ�กัดที่แตกต่างกัน มีรายละเอียดดังนี้
1. ระบบชำ�ระเงินแ บบดั้งเดิม
ธ ส
ม
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินแบบดั้งเดิม (conventional or traditional payment system) เป็นระบบที่ผู้ซื้อ ต้องจ่ายค่าสินค้า/บริการด้วยเงินสด หรือจ่ายด้วยเช็คกระดาษ หรือใช้บัตรเครดิตเพื่อส่งข้อมูลหมายเลข บัตรและจำ�นวนเงินไปยังธ นาคารผู้อ อกบัตรเพื่อให้โอนเงินให้แก่ผู้ขาย สำ�หรับกรณีที่เป็นการชำ�ระเงินสด ผู้ซื้อจะถอนเงินสดจากบัญชีเงินฝากของธนาคารที่เปิดบัญชีไว้ เพื่อนำ�มาชำ�ระค่าสินค้า/บริการด้วยเงินสดให้แก่ผู้ขายตามราคาของสินค้า/บริการ และเป็นการซื้อขายแบบ เผชิญหน้าระหว่างทั้งสองฝ่ายคือ ผู้ซ ื้อแ ละผู้ข าย ดังภาพที่ 6.1
ธ ส
ม
ธนาคาร ฝั่งผู้ขาย
ธ ส
6. ปรับปรุงข ้อมูล การเปลี่ยนแปลง จำ�นวนเงินในบัญชี
ม ธนาคาร ฝั่งผู้ซื้อ
ธ ส
5. ฝากเงินสด
ม
3. ชำ�ระเงินสด
ผู้ขาย
1. สั่งซ ื้อสินค้า และ/หรือ บริการ ที่ต ้องการ
ธ ส
2. เบิกเงินสด
ม
ม
ภาพที่ 6.1 ขั้นต อนของระบบชำ�ระเงินแบบดั้งเดิมด ้วยเงินสด
ธ ส
4. ส่งม อบ สินค้า และ/หรือ บริการ
ม ผู้ซื้อ
6-12
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
จากภาพที่ 6.1 เป็นภาพแสดงขั้นตอนการชำ�ระเงินแบบดั้งเดิมด้วยเงินสด มีขั้นตอนดังนี้ 1. เริ่มจ ากผู้ซ ื้อส ินค้าและ/หรือบริการที่ต ้องการจากผู้ขาย 2. ผู้ซ ื้อเบิกเงินสดจากธนาคารที่ฝากไว้เพื่อนำ�มาจ่ายเป็นค ่าสินค้าและ/หรือบริการให้แก่ผู้ขาย 3. ผู้ซ ื้อชำ�ระเงินสดให้แก่ผู้ข าย 4. ผู้ข ายส่งมอบสินค้าและ/หรือบริการให้แก่ผู้ซื้อ 5. ผู้ข ายนำ�เงินสดที่ได้ไปฝากไว้ที่ธนาคารที่เปิดบัญชีไว้ 6. ธนาคารฝั่งผู้ซื้อและธนาคารฝั่งผู้ขายปรับปรุงข้อมูลจำ�นวนเงินในบัญชีของผู้ซื้อและผู้ขายตาม ลำ�ดับ ซึ่งก็คือเงินสดจะย้ายจากธนาคารฝั่งผู้ซ ื้อไ ปยังธนาคารฝั่งผู้ขาย ส่วนกรณีที่ผู้ซื้อชำ�ระเงินค่าสินค้า/บริการโดยไม่ใช้เงินสด ซึ่งอาจเป็นบัตรเครดิตหรือเช็คกระดาษ ธนาคารฝั่งผู้ขายจะนำ�ข้อมูลของบัตรเครดิต ชื่อธนาคารที่ออกบัตรเครดิต หรือกรณีที่เป็นเช็คกระดาษ ก็จะ นำ�ข้อมูลหมายเลขเช็ค และธนาคารผู้อ อกเช็คไปดำ�เนินการเรียกเก็บเงินต่อไป ดังภาพที่ 6.2
ธ ส
ม
ธ ส
ธนาคาร ฝั่งผู้ขาย
ม
6. บันทึกข ้อมูล การเปลี่ยนแปลง เงินในบัญชี
ธนาคาร ฝั่งผู้ซื้อ
ม
ธ ส
ธ ส
ม
4. ข้อมูลบ ัตรเครดิต/ เช็คก ระดาษของผู้ซื้อ
ธ ส
3. ชำ�ระเงินด้วย บัตรเครดิต/ เช็คก ระดาษ
ม
ม
ผู้ขาย
ธ ส
ผู้ซื้อ
ภาพที่ 6.2 ขั้นต อนของระบบชำ�ระเงินแบบดั้งเดิมท ี่ไม่ใช่เงินสด
ธ ส
ม
5. ส่งม อบสินค้า และ/หรือ บริการ
2. สั่งซ ื้อสินค้า และ/หรือ บริการ ที่ต ้องการซื้อ
1. รับข ้อมูลบัตรเครดิต/ เช็คก ระดาษที่ธ นาคารออกให้
ธ ส
ม
จากภาพที่ 6.2 เป็นภาพแสดงขั้นตอนการชำ�ระเงินแบบดั้งเดิมที่ใช้บัตรเครดิตหรือเช็คกระดาษ ซึ่ง มีขั้นตอนดังนี้ 1. ผู้ซ ื้อต ิดต่อธ นาคารขอทำ�บัตรเครดิต/เช็คก ระดาษ เมื่อธ นาคารอนุมัติผ ู้ซ ื้อจ ะได้ร ับข ้อมูล บัตรเครดิต/เช็คก ระดาษ 2. ผู้ซ ื้อส ั่งซ ื้อส ินค้าและ/หรือบริการที่ต้องการจากผู้ขาย
ม
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-13
ธ ส
3. ผู้ซ ื้อน ำ�บัตรเครดิต/เช็คกระดาษชำ�ระเป็นค่าส ินค้าและ/หรือบริการให้แก่ผู้ขาย 4. ผู้ข ายส่งข ้อมูลบัตรเครดิต/เช็คกระดาษให้แก่ธนาคารฝั่งผู้ขาย 5. ผู้ข ายส่งมอบสินค้าและ/หรือบริการให้แก่ผู้ซื้อ 6. ธนาคารฝั่งผู้ซื้อและธนาคารฝั่งผู้ขายปรับปรุงข้อมูลจำ�นวนเงินในบัญชีของผู้ซื้อและ ผู้ขายตามลำ�ดับ ซึ่งก ็เป็นการใช้บัตรเครดิตหรือเช็คกระดาษในการชำ�ระเงิน ในกรณีนี้แทนที่จะเป็นการไหล ของกระแสเงินสดจากผู้ซ ื้อไ ปยังผ ู้ข าย แต่จ ะเปลี่ยนเป็นการส่งข ้อมูลท ี่เกี่ยวข้องกับบ ัตรเครดิตห รือเช็ค เช่น หมายเลขบัตรเครดิต วันหมดอายุบัตรเครดิต ชื่อและสาขาของธนาคารผู้ออกบัตรเครดิต หมายเลข เช็ค ชื่อและสาขาของธนาคารผู้อ อกเช็ค เป็นต้น จากผู้ซื้อส่งไปยังผู้ขายแทน และในที่สุดก็จะมีการโอนเงิน จากธนาคารฝั่งผู้ซื้อไปยังธนาคารฝั่งผู้ขาย ข้อมูลจำ�นวนเงินในบัญชีของผู้ซื้อและในบัญชีของผู้ขายจะถูก ปรับปรุงใหม่ให้ถ ูกต้อง ข้อดีของระบบชำ�ระเงินแบบดั้งเดิม มีหลายประการ ดังนี้ 1. อำ�นวยความสะดวกและงา่ ยตอ่ ก ารใช้ การช�ำ ระเงินแ บบดัง้ เดิมด ว้ ยเงินสด ทำ�ให้ผ ซู้ ือ้ ไ ด้ร บั ค วาม สะดวกและง่ายในการนำ�เงินสดไปแลกเปลี่ยนเป็นส ินค้า/บริการ ในขณะเดียวกัน ผู้ข ายกส็ ามารถนำ�เงินสดที่ ผู้ซื้อชำ�ระไปใช้ได้ทันที ไม่ต้องมีข ั้นต อนอื่นๆ อีกหลายขั้นตอน เช่น การโอนเงินระหว่างธนาคารฝั่งผู้ซื้อและ ธนาคารฝั่งผู้ขาย การปรับปรุงข้อมูลบัญชีใ นธนาคาร เป็นต้น 2. เป็นที่ยอมรับจ ากทั้งผ ู้ซื้อแ ละผู้ขายทั่วโลก วิธีการชำ�ระเงินแบบดั้งเดิมนั้น เป็นวิธีการที่ยอมรับ ในแวดวงธุรกิจทั่วโลกมานานแล้ว ซึ่งท ั้งผู้ซ ื้อและผู้ขายต่างก็พึงพอใจในการชำ�ระเงินแบบดั้งเดิม 3. ผูซ้ อื้ ไ ม่จ �ำ เป็นต อ้ งเปิดเผยชอื่ การช�ำ ระเงินแ บบดัง้ เดิมท เี่ ป็นเงินสดนัน้ ผูซ้ ือ้ ไ ม่จ �ำ เป็นต อ้ งเปิดเผย ชื่อหรือข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับตนเองให้แก่ผู้ขาย เพียงชำ�ระเงินสดให้ครบตามจำ�นวนก็เป็นอันสิ้นสุดการ ทำ�ธุรกรรมนั้น 4. ผู้ซื้อไม่ต้องลงทุนในเทคโนโลยีใดๆ วิธีการชำ�ระเงินแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะด้วยเงินสด หรือบัตร เครดิต หรือเช็คก ระดาษ ผู้ซ ื้อไ ม่จ ำ�เป็นต ้องใช้เทคโนโลยีใ ดๆ ในการชำ�ระเงิน แม้ว่าจ ะเป็นการชำ�ระด้วยบัตร เครดิตก ็ตาม ผูซ้ ื้อก เ็พียงยื่นบ ัตรเครดิตใ ห้แ ก่ผ ูข้ าย จากนั้นผ ูข้ ายจะนำ�บัตรเครดิตไ ปอ่านโดยเครื่องอ่านบัตร (card reader) ซึ่งติดตั้งอ ยู่ท ี่ร ้านของผู้ข าย เพื่อป ้อนจำ�นวนเงินค่าสินค้า/บริการที่ต้องการตัดยอดจากบัญชี ผู้ซื้อ 5. ผู้ซื้อมีค่าใช้จ่ายในการดำ�เนินการต่ำ� วิธีการชำ�ระเงินแบบดั้งเดิมนั้น ค่าใช้จ่ายในการดำ�เนินการ จะต่ำ�กว่าว ิธีก ารชำ�ระเงินแ บบอิเล็กทรอนิกส์ เพราะไม่ต ้องเสียค ่าใ ช้จ ่ายในการใช้ร ะบบเครือข ่ายอินเทอร์เน็ต รับส่งข้อมูลระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย รับส่งข้อมูลระหว่างธนาคารฝั่งผู้ซื้อกับธนาคารฝั่งผู้ขาย และหากเป็นวิธี การชำ�ระเงินแบบดั้งเดิมด ้วยเงินสด จะไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำ�เนินการเลย ข้อจำ�กัดของระบบชำ�ระเงินแบบดั้งเดิม มีหลายประการ ดังนี้ 1. ขาดการรักษาความปลอดภัย การชำ�ระเงินแบบดั้งเดิมโดยเฉพาะการชำ�ระด้วยเงินสดนั้นมีข้อ จำ�กัดท ีเ่ห็นไ ด้ช ัดค ือ การขาดความปลอดภัยใ นการนำ�เงินสดติดตัวไ ปในทีต่ ่างๆ เพราะกรณีท ีเ่งินสดสูญหาย หรือถูกขโมย ผู้ที่เป็นเจ้าของไม่สามารถยับยั้งและติดตามการใช้เงินสดนั้นได้เลย แต่หากเป็นการชำ�ระเงิน
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-14
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
แบบอิเล็กทรอนิกส์ กรณีนี้ผ ู้ที่เป็นเจ้าของบัตรอิเล็กทรอนิกส์สามารถยับยั้งการใช้บัตรได้ โดยการแจ้งอายัด บัตรไปยังธนาคารผู้ออกบัตร และธนาคารผู้ออกบัตรยังสามารถติดตามข้อมูลการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรที่ถูก ขโมยได้ด้วย ซึ่งนอกจากจะช่วยรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินที่เป็นเงินได้มากกว่าวิธีการแบบดั้งเดิม ที่ใช้เงินสดแล้ว ยังสามารถติดตามผู้ท ี่ข โมยบัตรไปใช้ได้ด้วย 2. ไม่สามารถใช้จ่ายได้ทั่วโลก วิธีก ารชำ�ระเงินแบบดั้งเดิมจะไม่สามารถชำ�ระค่าสินค้า/บริการจาก ผู้ขายที่อยู่ในต่างประเทศหรือท ั่วโลกได้ เพราะการชำ�ระด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิตที่ใช้แบบดั้งเดิมนั้น จะ เป็นการชำ�ระค่าสินค้า/บริการที่ผ ู้ซ ื้อต ้องไปปรากฏตัวอยู่ ณ สถานที่ที่จำ�หน่ายสินค้า/บริการแห่งนั้นด้วย 3. ลดโอกาสทจี่ ะซอื้ ส นิ ค้า/บริการทหี่ ลากหลายลง การชำ�ระเงินแ บบดั้งเดิมก รณีท ีช่ ำ�ระด้วยเงินสด ทำ�ให้ผู้ซื้อไม่สามารถซื้อสินค้า/บริการในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ได้ เพราะเว็บไซต์ที่ขายสินค้า/บริการมากกว่า ร้อยละ 90 จะให้ผู้ซื้อช ำ�ระเงินผ ่านระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ตารางที่ 6.1 เปรียบเทียบระหว่างข้อดีและข้อจ ำ�กัดของระบบชำ�ระเงินแ บบดั้งเดิม
ธ ส ข้อดี
1. อำ�นวยความสะดวกและง่ายต่อการใช้
ม
ข้อจำ�กัด
ม
1. ขาดการรักษาความปลอดภัย
2. เป็นที่ยอมรับจากทั้งผู้ซื้อและผู้ขายทั่วโลก
2. ไม่สามารถใช้จ่ายได้ทั่วโลก
3. ผู้ซื้อไม่จำ�เป็นต้องเปิดเผยชื่อ
3. ลดโอกาสที่จะซื้อสินค้า/บริการที่หลากหลายลง
ธ ส
4. ผู้ซื้อไม่ต้องลงทุนในเทคโนโลยีใดๆ 5. ผู้ซื้อมีค่าใช้จ่ายในการดำ�เนินการต่ำ�
2. ระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้เริ่มใช้มาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960 และได้รับความนิยมที่แพร่ หลายอย่างรวดเร็วพร้อมกับมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากขึ้น ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ระบบแรกที่มีการนำ� มาใช้คือ ระบบโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Fund Transfer system - EFT system) ซึ่งระบบดัง กล่าวจะไม่ขึ้นอยู่กับกระบวนการประมวลผลผ่านหน่วยงานที่เป็นคนกลาง (intermediary) ระบบโอนเงิน อิเล็กทรอนิกส์เป็นร ะบบงานประยุกต์ย ่อยของระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอ ิเล็กทรอนิกส์ หรืออ ดี ไี อ (Electronic Data Interchange - EDI) ทีท่ ำ�หน้าทีร่ ับส ่งข ้อมูลห มายเลขบัตรเครดิต หรือข ้อมูลเช็คอ ิเล็กทรอนิกส์ร ะหว่าง ธนาคารและบริษัทท เี่กี่ยวข้องผ่านระบบเครือข ่ายเฉพาะของหน่วยงานทมี่ กี ารรักษาความปลอดภัย (secured private network) การใช้ร ะบบโอนเงินอ ิเล็กทรอนิกส์เพื่อช ำ�ระค่าส ินค้า/บริการนั้นจ ำ�เป็นต ้องเพิ่มค วามสามารถในด้าน บริการชำ�ระเงินอ อนไลน์เพื่อป ระมวลผลข้อมูลใ บสั่งซ ื้อ ข้อมูลบ ัญชีเงินฝ าก และข้อมูลใ บเสร็จร ับเงิน จึงไ ด้ม ี การพัฒนากระแสเงินดิจิทัล (digital currency) ขึ้นมาใช้ การใช้กระแสเงินดิจิทัล หรือบางครั้งเรียกว่า เงิน
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
6-15
ธ ส
อิเล็กทรอนิกส์ (electronic money) ก็เหมือนกับเงินสดทีใ่ ช้ก ันท ั่วไปคือ ใช้ส ำ�หรับช ำ�ระค่าส ินค้า/บริการและ เป็นวิธีการชำ�ระเงินท ี่สะดวกสำ�หรับการทำ�ธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ ขั้นตอนของกระบวนการในระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ดังแสดงในภาพที่ 6.3
ธ ส
ม
ธนาคาร ผู้ข าย
4. โอนเงิน ค่าสินค้า/บริการ
ธ ส
ม
ธนาคาร ผู้ซ ื้อ 3. หักเงิน ค่าสินค้า/บริการ
คนกลางทำ�หน้าที่แปลงเงิน ภายนอกและภายในระบบ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
ม
ม
ระบบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์
2. ข้อมูลการชำ�ระ ค่าสินค้า/ บริการ
หน่วยงานที่เป็นคนกลาง
ธ ส
5. จัดส่งสินค้า และ/หรือ บริการ
1. ข้อมูลการสั่งซื้อ สินค้า/บริการ
เงินไหลภายนอกระบบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ เงินไหลภายในระบบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์
ภาพที่ 6.3 ขั้นต อนของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ผู้ขาย
ผู้ซื้อ
ธ ส
ม
จากภาพที่ 6.3 เมื่อเกิดการทำ�ธุรกรรมในระบบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ มีขั้นตอนการดำ�เนินการ ดังนี้ 1. เริ่มจ ากผู้ซ ื้อส ั่งซื้อส ินค้า/บริการจากผู้ขาย 2. ผู้ซื้อชำ�ระเงินค่าสินค้า/บริการให้แก่ผู้ขาย ซึ่งผู้ซื้อสามารถเลือกประเภทการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ตามที่เว็บไซต์ของผู้ขายมีให้บริการ เช่น บัตรเครดิต เช็คอิเล็กทรอนิกส์ เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ สมาร์ต การ์ด เป็นต้น ซึ่งในการชำ�ระเงินของผู้ซื้อนั้นเป็นการป้อนข้อมูลต ่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลเลขที่ บัตรเครดิต ข้อมูลเลขที่เช็ค ข้อมูลธนาคารผู้อ อกบัตร/เช็ค เป็นต้น 3. ข้อมูลใ นข้อ 2 จะถูกส่งไ ปยังหน่วยงานที่เป็นคนกลาง ซึ่งทำ�หน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของ ข้อมูลจากธนาคารฝั่งผ ู้ซ ื้อ และทำ�การหักเงินจากธนาคารฝั่งผู้ซื้อ 4. หน่วยงานกลางจะนำ�เงินท ี่หักจากธนาคารฝั่งผู้ซื้อโอนไปยังธนาคารฝั่งผู้ขาย จะเห็นไ ด้ว่า เงินที่ไหลอยู่ภ ายในระบบธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์นั้นเป็นข ้อมูลเกี่ยวกับการเงินที่เกิดจ าก การทำ�ธุรกรรม ไม่ใช่ต ัวเงินท ี่แท้จ ริง ส่วนเงินท ี่ไ หลอยูภ่ ายนอกระบบธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์นั้นเป็นต ัวเงินท ี่แท้ จริง
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
6-16
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ข้อดีข องระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ มีห ลายประการ ดังนี้ 1. อำ�นวยความสะดวกในการท�ำ ธรุ กรรมทวั่ โ ลก ระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์เป็นร ะบบชำ�ระเงินท ี่ พัฒนาขึน้ ม าเพือ่ ใ ช้ใ นธรุ กิจอ เิ ล็กทรอนิกส์โ ดยเฉพาะ ดังน ัน้ จึงท �ำ ให้ผ ซู้ ือ้ ส ามารถซือ้ ส นิ ค้า/บริการทกุ ป ระเภท จากเว็บไซต์ต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่จำ�เป็นต ้องนำ�เงินสดติดตัวที่เป็นเงินส กุลเดียวกันกับ ประเทศที่ขายสินค้า/บริการนั้นๆ เพื่อชำ�ระค่าสินค้าและบริการ ผู้ซื้อเพียงแต่ป้อนข้อมูลเกี่ยวกับเลขที่บัตร เครดิตของตนก็สามารถชำ�ระค่าสินค้า/บริการได้ทันที 2. มีค วามปลอดภัยม ากกว่าก ารใช้เงินสด ระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์น ิยมชำ�ระเงินผ ่านบัตรต่างๆ ดังน ัน้ กรณีท บี่ ตั รเครดิตห รือบ ตั รสมารต์ การ์ดส ญ ู หายหรือถ กู ข โมยไป เจ้าของบตั รสามารถแจ้งธ นาคารผอู้ อก บัตรเพื่ออ ายัดก ารใช้จ ่ายผ่านบัตรได้ท ันที แต่ห ากเป็นเงินสด ผู้เป็นเจ้าของไม่ส ามารถยับยั้งก ารใช้เงินสดนั้น ได้ 3. สามารถตรวจสอบและติดตามการชำ�ระเงิน การชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ด้วยบัตรเครดิตนั้น ธนาคารผู้ออกบัตรจะมีระบบบันทึกการใช้จ่ายเงินผ่านบัตรทุกครั้งที่มีการชำ�ระเงินด ้วยบัตรเครดิต จึงท ำ�ให้ ธนาคารฝั่งผู้ซื้อและตัวผู้ซื้อเองสามารถตรวจสอบประวัติการใช้จ่ายเงินได้ ซึ่งมีประโยชน์มากกรณีที่บัตร ถูกนำ�ไปใช้โดยผู้อื่นท ี่ไ ม่ใช่เจ้าของบัตร 4. เป็นท ยี่ อมรับท วั่ โ ลก วิธีก ารชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์เป็นว ิธีก ารที่ท ุกค นและทุกอ งค์กรที่ท ำ�ธุรกิจ อิเล็กทรอนิกส์ให้ความนิยมและยอมรับมานานแล้วว่า เป็นว ิธีที่เหมาะสมสำ�หรับการทำ�ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจากสถิติ (Laudon and Laudon 2007: 416) จะพบว่าการทำ�พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐอเมริกา ที่ใช้วิธีการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ผ ่านบัตรเครดิตมากกว่าร ้อยละ 80 และการทำ�พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อีก ประมาณร้อยละ 50 นอกจากนี้สหรัฐอเมริกาก็ใ ช้วิธีการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ผ่านบัตรเครดิตเช่นกัน 5. มีค วามสามารถในการเคลือ่ นที่ ได้ การชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ส ามารถนำ�ไปใช้ซ ื้อส ินค้า/บริการ จากระบบอินเทอร์เน็ต ณ ที่ใดและในเวลาใดก็ได้ โดยผู้ซื้อไม่ต้องสนใจเกี่ยวกับข้อจำ�กัด ด้านเวลา และ ด้านสถานที่หรือระยะทาง ซึ่งเปรียบเสมือนกับการเคลื่อนที่หรือย้ายการชำ�ระเงินไปได้ในทุกที่ที่ต้องการทำ� ธุรกรรม 6. เพิม่ โ อกาสทจี่ ะซอื้ ส นิ ค้า/บริการทหี่ ลากหลาย การช�ำ ระเงินแ บบอเิ ล็กทรอนิกส์ ทำ�ให้ผ ซู้ ือ้ ส ามารถ เลือกซื้อสินค้า/บริการที่หลากหลายในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ได้ทั่วโลก เพราะเว็บไซต์ที่ขายสินค้า/บริการ มากกว่าร้อยละ 90 จะให้ผ ู้ซ ื้อช ำ�ระเงินผ ่านระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์แทบทั้งสิ้น ข้อจำ�กัดของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ มีดังนี้ 1. มีความจำ�เป็นในการใช้เทคโนโลยี วิธีการชำ�ระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น ผู้ซื้อต้องชำ�ระผ่าน ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ดังนั้น ผู้ซื้อต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อการเข้าถึงระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และเว็บไซต์ของผู้ขาย จึงจ ะสามารถชำ�ระเงินให้แก่ผู้ขายได้ 2. มีค า่ ใ ช้จ า่ ยในการด�ำ เนินก ารสงู ก ว่าก ารช�ำ ระเงินแ บบดงั้ เดิม การใช้บ ัตรเครดิตห รือบ ัตรต่างๆ ที่ ออกโดยสถาบันก ารเงินเพื่อช ำ�ระเงินแ บบอิเล็กทรอนิกส์น ั้น โดยปกติผ ูท้ ีต่ ้องการเป็นเจ้าของบัตรต้องชำ�ระค่า สมาชิกแ ละค่าธรรมเนียมการใช้บัตรให้แ ก่ธนาคารหรือส ถาบันก ารเงินท ี่ออกบัตรให้ก่อน จึงจ ะได้รับบัตรมา ใช้ใ นการจับจ่ายใช้สอย
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
6-17
ธ ส
ตารางที่ 6.2 เปรียบเทียบระหว่างข้อดีและข้อจ ำ�กัดของระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์
ธ ส ข้อดี
1. อำ�นวยความสะดวกในการทำ�ธุรกรรมทั่วโลก
4. เป็นที่ยอมรับทั่วโลก
ม
6. เพิ่มโอกาสที่จะซื้อสินค้า/บริการที่หลากหลาย
ธ ส
2. มีค่าใช้จ่ายในการดำ�เนินการสูงกว่าการชำ�ระ แบบดั้งเดิม เพราะต้องชำ�ระค่าสมาชิกบัตร
ธ ส
3. สามารถตรวจสอบและติดตามการชำ�ระเงิน 5. มีความสามารถในการเคลื่อนที่ได้
ม
1. มีความจำ�เป็นในการใช้เทคโนโลยี
2. มีความปลอดภัยมากกว่าการใช้เงินสด
ม
ข้อจำ�กัด
ธ ส
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 6.1.2 แล้ว โปรดปฏิบัติกิจกรรม 6.1.2 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 6 ตอนที่ 6.1 เรื่องที่ 6.1.2
ม
ธ ส
ม
เรื่องที่ 6.1.3 การใช้บริการระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ จากสถาบันก ารเงิน
ธ ส
ม
ธ ส
การทำ�ธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์แ บบครบวงจร ผูป้ ระกอบการจำ�เป็นต ้องจัดเตรียมบริการระบบชำ�ระเงิน ค่าส ินค้า/บริการที่สามารถอำ�นวยความสะดวก รวดเร็ว และสร้างความมั่นใจให้แ ก่ผ ู้ซื้อ เพราะจะช่วยให้การ บริหารยอดขายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบันองค์การที่ประกอบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ส ามารถติดต่อขอใช้ บริการดังกล่าวจากสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือได้ห ลายแห่ง เช่น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา เป็นต้น
ม
ม
ธ ส
ม
6-18
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 6.4 เว็บไซต์ธนาคารกรุงไทยที่ให้บริการออนไลน์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ที่มา: h ttps://www.ktbonline.ktb.co.th/consumer/pageFlows/Registration/CustomerLogin/CustomerLogin Controller.jpf ค้นคืนว ันท ี่ 4 กุมภาพันธ์ 2554
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ภาพที่ 6.5 เว็บไซต์ธ นาคารกสิกรไทยที่ให้บริการออนไลน์
ม
ธ ส
ที่มา: http://www.kasikornbank.com/TH/Personal/OtherProducts/Pages/KPaymentGateway1.aspx?gclid=CPy5g4_ih KcCFQMb6wodh13bdw ค้นคืนว ันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2554
ธ ส
ม
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 6.6 เว็บไซต์ธ นาคารกรุงศรีอยุธยาที่ให้บริการออนไลน์
ธ ส
6-19
ที่มา: http://www.krungsri.com/th/ourservice-consumer-list.aspx?cid=82 ค้นค ืนวันท ี่ 4 กุมภาพันธ์ 2554
ม
สำ�หรับรายละเอียดที่นำ�มากล่าวในที่นี้เป็นบริการระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคาร กรุงศรีอยุธยา ที่มีชื่อว ่า “กรุงศ รีอีเพย์เมนต์” (Krungsri e-Payment) (http://www/Krungsri.com/en/ ourservice-consumer-list aspx.cid=168) มีรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
ม
ธ ส
1. คุณลักษณะของบริการระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์
ม
บริ ก ารรั บ ชำ � ระเ งิ น อิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ ที่ ส ถาบั น ก ารเ งิ น พั ฒ นาขึ้ น ม าเ พื่ อ ร องรั บ ผู้ ที่ ดำ � เนิ น ธุ ร กิ จ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ผ่านทางอินเทอร์เน็ต บริการนี้ช ่วยให้ผ ูซ้ ื้อส ินค้าส ามารถเลือกซื้อส ินค้า/บริการ และช�ำ ระเงินไ ด้อ ย่างสะดวกงา่ ยดายทกุ ท ที่ กุ เวลาตามความตอ้ งการ และมคี วามมัน่ ใจในระบบความปลอดภัย ที่เป็นไ ปตามมาตรฐานระดับสากล มีคุณลักษณะของบริการ ดังนี้ 1.1 สามารถให้บริการรับชำ�ระเงินค่าสินค้า/บริการบนเว็บไซต์ของร้านค้าออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 1.2 ผู้ซื้อสามารถเลือกวิธีการชำ�ระเงินได้ 2 วิธี ได้แก่ 1) ชำ�ระด้วยการหักบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงศรีอยุธยา (direct debit) โดยผู้ซื้อต้องเป็น สมาชิกกรุงศรีออนไลน์ (KRUNGSRI Online - KOL) 2) ชำ�ระด้วยบัตรเครดิต (credit card) ได้แก่ วีซ่าการ์ด (Visa Card) มาสเตอร์การ์ด (Master Card) และเจซีบี (JCB) จากทุกสถาบันการเงินทั่วโลก 1.3 สามารถอนุมัติร ายการสั่งซ ื้อส ินค้า/บริการของผู้ซ ื้อแ บบทันที (real-time authorization) และ แจ้งผลการทำ�รายการสั่งซ ื้อแ ก่ผ ู้ซ ื้อแ ละร้านค้าทันที (instant online confirmation)
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
6-20
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
1.4 สามารถรองรับก ารเชื่อมต่อก ับเว็บไซต์ข องร้านค้าไ ด้ห ลายรูปแ บบ และไม่ต ้องติดต ั้งโ ปรแกรม ใดๆ ที่ระบบของร้านค้า (easy to use) 1.5 ร้านค้าจะได้รับเงินค่าสินค้า/บริการหลังจากทำ�การสรุปยอดขายส่งให้แก่ธนาคารในวันทำ�การ ถัดไปทันที (get paid fast) ซึ่งช ่วยให้การหมุนเวียนเงินสดของธุรกิจรวดเร็วขึ้น 1.6 สามารถรองรับการทำ�รายการด้วยบัตรที่ลงทะเบียน เวอริฟายด์บายวีซ่า (Verified by Visa VbV) มาสเตอร์การ์ด ซีเคียวโค้ด และ เจ/ซีเคียว (J/Secure) 1.7 สามารถรองรับ 13 สกุลเงินหลัก ได้แก่ เงินบาทไทย (THB) เงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เงินยูโร ของกลุ่มป ระเทศในยุโรป (EUR) เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เงินป อนด์ข องอังกฤษ (GBP) เงินฟ ร ังก ์สว ิตเซอร์แ ลนด์ (CHF) เงินด อลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) เงินดอลลาร์ฮ่องกง (HKD) เงินดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD) เงินโครนา สวีเดน (SEK) เงินห ยวนจีน (CNY) เงินโ ครนเดนมาร์ก (DKK) และเงินโครนนอร์เวย์ (NOK) 1.8 สามารถแก้ไขชุดรูปแบบหรือสาระสำ�คัญ (theme) ของหน้าเว็บเพจจ่ายเงิน เพื่อให้เหมาะสม กับธุรกิจและเข้ากันได้กับเว็บไซต์ของร้านค้า 1.9 มีระบบจัดการชำ�ระเงินข องธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่เรียกว่า “เบย์เพย์เมนต์เมเนเจอร์” (BAY Payment Manager) ซึ่งทำ�หน้าที่เป็นระบบสนับสนุนให้แก่ผู้ขายในด้านการรับชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (merchant back office administration) โดยมีฟีเจอร์ (feature) หลักๆ ดังนี้ 1) การค้นหารายการสั่งซื้อข องผู้ซื้อได้ตามที่ผู้ซื้อต้องการ 2) การเรียกเก็บเงิน/การคืนว งเงิน รายการสั่งซื้อ (settlement/void) โดยสามารถเรียกเก็บ เงินได้แบบบางส่วน หรือเต็มจำ�นวน (partial/full settlement) 3) สามารถออกรายงานต่างๆ ได้ 4) สามารถเปลี่ยนรหัสผ่าน (password) 5) สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารผ่านอีเมล 6) จะได้รับทราบข่าวสารและความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
2. ระบบรักษาความปลอดภัยของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เปิดให้บริการแก่อ งค์กรธุรกิจ อิเล็กทรอนิกส์
ม
สถาบันการเงินที่เปิดให้บริการ ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ตระหนักดีว่า ระบบการรักษาความ ปลอดภัยเป็นป ัจจัยส ำ�คัญต ่อค วามสำ�เร็จข องธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ เพราะจะทำ�ให้ผ ู้ใ ช้บ ริการเกิดค วามเชื่อใ จ ได้ว่า ข้อมูลสำ�คัญของการทำ�ธุรกรรมของผู้ซื้อ/ร้านค้าจะได้รับการป้องกันอย่างดีที่สุด ดังนั้น จึงให้ความ สำ�คัญก ับก ารเลือกสรรเทคโนโลยี โดยมกี ารเลือกใช้ร ะบบความปลอดภัยท ีไ่ ด้ม าตรฐานสากล ดังต ัวอย่างของ ธนาคารกรุงศ รีอยุธยา ซึ่งเปิดใ ห้บ ริการกรุงศ รีอ ีเพย์เมนต์ ได้ม ีก ารพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยส ำ�หรับ ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ไ ว้ ดังนี้
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-21
ธ ส
2.1 มีการติดตั้งไ ฟร์ว อลล์ (firewall) 2 ชั้น 2.2 มีก ารเข้าร หัสข ้อมูลโ ดยใช้โ พรโทคอลเอสเอสแอล (SSL - Secured Socket Layer) ที่ 128 บิต ของเวอริไซน์ (verisign) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด 2.3 มีการติดตั้งร ะบบรักษาความปลอดภัยโดยมีการเข้าร หัสทุกขั้นตอนของการรับส่งข้อมูล (end to end encryption) 2.4 มีการป้องกันการฉ้อโกง (fraud protection) ซึ่งเป็นฟีเจอร์หลักที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตรวจ สอบและแจ้งถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ภายใต้การใช้บัตรเครดิตใบนั้นๆ ซึ่งสามารถช่วยร้านค้าในการ ตัดสินใจการเรียกเก็บเงินได้ 2.5 มีก ารปิดก ั้นก ารฉ้อโกง (fraud blocking) โดยร้านค้าส ามารถเลือกทำ�การรับห รือไ ม่ร ับร ายการ ทีม่ าจากประเทศทมี่ คี วามเสีย่ งตอ่ ก ารทจุ ริตของบตั รสงู ไ ด้ นอกจากนัน้ ยังส ามารถเลือกรบั บ ตั รแต่ละประเภท ได้อย่างอิสระ 2.6 ใช้ซอฟต์แวร์สำ�หรับตรวจสอบความถูกต้องของบัตรเครดิตที่ลูกค้าใช้ในการชำ�ระเงินสินค้า/ บริการ เช่น ซอฟต์แวร์เวอริฟายด์บายวีซ่า มาสเตอร์การ์ด ซีเคียวโค้ด เจซีบี และ เจ/ซีเคียว เพื่อเพิ่ม ความปลอดภัยขั้นสูงสุดในการคุ้มครองผู้ถือบัตรและร้านค้าจากการโจรกรรมบัตรหรือการปลอมแปลง หมายเลขบัตร
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
3. ขั้นตอนการทำ�งานของระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ที่สถาบันการเงินเปิดให้บริการ
ธ ส
สำ�หรับขั้นตอนการทำ�งานของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่สถาบันการเงินเปิดให้บริการนั้น มี รายละเอียดโดยสังเขป ดังนี้ 3.1 ผู้ซื้อเข้ามาที่เว็บไซต์ร้านค้าและเลือกซื้อสินค้า/บริการตามที่ต้องการ 3.2 ผู้ซ ื้อส ินค้า/บริการสามารถชำ�ระเงินบ นเว็บไซต์ข องร้านค้าผ ่านระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ไ ด้ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยสามารถเลือกวิธีการชำ�ระเงินได้ 2 วิธี คือ 1) หักบ ัญชีเงินฝ าก เป็นการชำ�ระเงินโ ดยการหักจ ากบัญชีเงินฝ ากธนาคารกรุงศ รีอยุธยาของ ผู้ซ ื้อท ี่เป็นส มาชิกก รุงศ รีอ อนไลน์ ซึ่งผู้ซื้อต ้องกรอกเลขประจำ�ตัวผู้ใ ช้ (user ID) และรหัสผ ่าน (password) ของกรุงศรีออนไลน์ 2) ใช้บ ตั รเครดิต เป็นการช�ำ ระเงินโ ดยการหกั บ ญ ั ชีบ ตั รเครดิตว ซี า่ ก าร์ด มาสเตอร์ก าร์ด และ เจซีบี จากทุกสถาบันการเงินทั่วโลก ซึ่งผ ู้ซ ื้อต ้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตผ่านเว็บเพจ 3.3 ร้านคา้ ส ง่ ร ายการสัง่ ซ ือ้ แ ละยอดช�ำ ระเงินม ายังร ะบบช�ำ ระเงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ เพือ่ ท �ำ การสง่ ข อ้ มูล คำ�สั่งซื้อไปยังสถาบันการเงิน 3.4 สถาบันการเงินจะพิจารณาอนุมัติรายการสั่งซื้อสินค้า/บริการและวงเงินของผู้ซื้อแบบทันที (real-time authorization) และแจ้งผ ลการทำ�รายการแก่ผู้ซื้อและร้านค้าท ันที (instant online confirmation) ผ่านระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
6-22
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
3.5 ผู้ซื้อสินค้า/บริการจะเห็นหน้าจอแสดงผลการทำ�รายการจากเว็บไซต์ร้านค้า 3.6 เมื่อร้านค้ายืนยันการจัดส่งสินค้ากับผู้ซื้อสินค้าแล้ว สามารถดำ�เนินการตรวจสอบรายการ ธุรกรรม (trasnaction log) ดูข ้อมูลส รุปย อดขาย (settlement) และเรียกดู/จัดพ ิมพ์ร ายงานต่างๆ จากระบบ จัดการการชำ�ระเงินข องธนาคารกรุงศ รีอยุธยา ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เรียกว่า การติดตามยอดขายแบบเรียลไทม์ด้วยการทำ�รายงานแบบออนไลน์ (real-time track sales with online reporting) 3.7 ร้านค้าจะได้รับเงินค่าสินค้า/บริการหลังจากทำ�การสรุปยอดขายส่งให้แก่ธนาคารในวันทำ�การ ถัดไ ปทันที (get paid fast)
ธ ส
ม
ธ ส
4. ขั้นตอนการสมัครใช้บริการระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์
ม
ม
ในการใช้บ ริการรบั ช �ำ ระเงินผ า่ นอนิ เทอร์เน็ต ร้านคา้ จ ะตอ้ งสมัครเป็นส มาชิกเพือ่ ใ ช้บ ริการอเี พย์เมนต์ ของธนาคารตามขั้นตอน ดังนี้ 4.1 เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ หรือบัญชีกระแสรายวันกับสถาบันการเงินที่ให้บริการได้ทุก สาขา เพื่อใช้เป็นบ ัญชีรับเงินของร้านค้า 4.2 กรอกแบบฟอร์มใบสมัครของธนาคาร โดยสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มใบสมัครได้จาก เว็บไซต์สถาบันการเงิน 4.3 นำ�ส่งแบบฟอร์มใบสมัคร พร้อมแนบเอกสารประกอบแก่สาขาเจ้าของบัญชี 4.4 สถาบันการเงินอ นุมัติการสมัครบริการ ให้บริษัท/ร้านค้า 4.5 บริษัท/ร้านค้าลงนามทำ�สัญญาเพื่อขอใช้บริการระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบัน การเงิน 4.6 สถาบันก ารเงินติดต่อบ ริษัท/ร้านค้าเพื่อร่วมทดสอบระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยร้านค้า สามารถทดลองใช้งานระบบจัดการการชำ�ระเงินของธนาคารกรุงศรีอยุธยา เพื่อเรียกดูรายการและรายงาน ประเภทต่างๆ 4.7 บริษัท/ร้านค้าแจ้งสถาบันการเงินถึงก ำ�หนดพร้อมเปิดใช้บริการ 4.8 เมื่อท ดสอบเสร็จแ ล้ว สถาบันก ารเงินจ ะแจ้งเลขประจำ�ตัวบ ริษัท/ร้านค้า/ผู้ข าย (merchant ID) เลขประจำ�ตัวผูใ้ ช้ และรหัสผ ่าน ในการเข้าส ูร่ ะบบจัดการการชำ�ระเงินของธนาคารกรุงศรีีอยุธยา ให้แ ก่บ ริษัท/ ร้านค้าทราบ 4.9 ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์พร้อมให้บริการ
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
5. เอกสารประกอบการสมัคร
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-23
ธ ส
ในการสมัครเพื่อใช้บริการระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ผู้สมัครต้องมีเอกสารประกอบการสมัคร
ธ ส
ดังนี้
ม
5.1 สำ�เนาบัตรประชาชนของผู้มีอำ�นาจลงนาม (อายุ 20 ปีขึ้นไป) กรณีชาวต่างชาติ แสดงสำ�เนา หนังสือเดินทาง และเอกสารการอนุญาตให้ทำ�งาน (work permit) 5.2 สำ�เนาทะเบียนบ้านของผู้ม ีอ ำ�นาจลงนาม 5.3 สำ�เนาหนังสือร ับรองการจดทะเบียนบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำ�กัด พร้อมวัตถุประสงค์ ต้องจด ทะเบียนไม่น ้อยกว่า 1 ปีขึ้นไป (อายุไม่เกิน 30 วัน) 5.4 สำ�เนาหนังสือร ับรองตราประทับบริษัท (บอจ.3) 5.5 สำ�เนาสัดส่วนผู้ถือหุ้น (บอจ.5) กรณีที่กรรมการถือหุ้นเกินร้อยละ 20 ให้แนบสำ�เนาบัตร ประชาชน 5.6 สำ�เนาหนังสือบริคณห์สนธิ 5.7 สำ�เนาทะเบียนภาษีม ูลค่าเพิ่ม (ภพ.20) 5.8 ผลประกอบการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน 5.9 สำ�เนาหนังสือท ะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (ถ้ามี) 5.10 แผนที่และรูปถ่ายที่ต ั้งส ถานประกอบการ 5.11 เอกสารแสดงการครอบครองสถานที่ประกอบการ หรือสัญญาเช่า 5.12 พิมพ์ตัวอย่างหน้าแรกของเว็บไซต์หรือโฮมเพจ (homepage) ของร้านค้า 5.13 อากรแสตมป์ 30 บาท 5.14 กรณีท ีเ่ป็นธ ุรกิจต ัวแทนการท่องเที่ยวทีจ่ ัดน ำ�เที่ยว จะต้องมใี บอนุญาตประกอบธุรกิจท ่องเที่ยว ซึ่งออกโดยการท่องเที่ยวแห่งป ระเทศไทย (ททท.) 5.15 กรณีเป็นธุรกิจท ี่มีลิขสิทธิ์ ต้องมีเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
ม
ธ ส
ม
ธ ส
6. เงื่อนไขในการใช้บริการ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
6.1 ร้านค้าผู้สมัครจะต้องมีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ หรือบัญชีกระแสรายวันของธนาคารกรุงศรี
อยุธยา
ม
ม
6.2 ต้องเป็นร้านค้าประเภทนิติบุคคลที่ไ ด้ทำ�การจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 1 ปี และจดทะเบียนภาษี มูลค่าเพิ่ม หากไม่ค รบ 1 ปี ต้องมีทุนจดทะเบียนและเรียกชำ�ระไม่ต่ำ�กว่า 2 ล้านบาท 6.3 ธุรกิจที่ร้านค้าประกอบต้องเป็นการขายสินค้า/บริการที่ไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรม สำ�หรับ ตัวอย่างประเภทของธุรกิจท ี่ผิดกฎหมายและศีลธรรม เช่น ธุรกิจข ายยาทุกประเภท ธุรกิจข ายบุหรี่ ยาเส้น สารเสพติดทุกชนิด ธุรกิจข ายสินค้าอบายมุข สื่อล ามกและอนาจาร ธุรกิจการจัดหาคู่ ธุรกิจไทม์แชริ่ง (time sharing) ธุรกิจไซเบอร์มอลล์ (cyber mall) ธุรกิจขายอาวุธ ธุรกิจการพนัน เป็นต้น
ม
ธ ส
6-24
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
6.4 มีสถานที่ป ระกอบการตั้งอ ยู่ใ นประเทศไทย และมีความน่าเชื่อถือ 6.5 ผู้ถือหุ้นต้องมีประวัติการเงินที่ดี 6.6 ในกรณีที่ล ูกค้าปฏิเสธการชำ�ระเงิน ร้านค้ายินยอมให้ธนาคารดำ�เนินการตัดเงินในบัญชีร้านค้า ได้โดยธนาคารจะแจ้งใ ห้ร้านค้าทราบล่วงหน้า 6.7 ร้านค้าจ ะต้องมีเงินค ้ำ�ประกันก ับธ นาคาร โดยเงินป ระกันด ังก ล่าวจะถอนได้ห ลังจ ากปิดก ิจการ ไปแล้วไม่ต่ำ�กว่า 6 เดือน จากรายละเอียดข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างของการใช้บ ริการระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ข องธนาคาร กรุงศรีอยุธยา ซึ่งธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่นๆ อาจมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปตามนโยบายของ องค์ก รนั้นๆ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 6.1.3 แล้ว โปรดปฏิบัติกิจกรรม 6.1.3 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 6 ตอนที่ 6.1 เรื่องที่ 6.1.3
ธ ส
ธ ส
ม
เรื่องที่ 6.1.4 เกณฑ์การประเมินแ ละปัจจัยความสำ�เร็จ ของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
ม
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์เป็นระบบงานที่มีความสำ�คัญอย่างยิ่งต่อการทำ�ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ดังน ั้น องค์การทีท่ ำ�ธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์จ ึงค วรทำ�ความเข้าใจเกี่ยวกับเกณฑ์ท ีใ่ ช้ใ นการประเมิน รวมทั้งป ัจจัย ที่จะนำ�ไปสู่ความสำ�เร็จด้วย มีร ายละเอียดดังนี้
ธ ส
1. เกณฑ์การประเมินร ะบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
เกณฑ์ท ี่ใ ช้ใ นการประเมินร ะบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์น ั้นส ามารถประเมินไ ด้ใ นมุมม องดังต ่อไ ปนี้ 1.1 ด้านเทคโนโลยี (technological aspect) เมื่อมีการออกแบบระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งที่ ต้องคำ�นึงถ ึง ได้แก่ ความสามารถในการปรับเปลี่ยนระบบได้ตามความต้องการของผู้ใช้ ความมีประสิทธิผล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลรายการเชิงธุรกรรมแต่ละรายการ ระดับของความสอดคล้อง หรือการเข้ากันได้ (compatibility) กับระบบชำ�ระเงินแบบอื่นๆ และความซับซ้อนในการปรับเปลี่ยนระบบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำ�เป็นต้องใช้เทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการดำ�เนินงาน
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-25
ธ ส
ในการรักษาความปลอดภัยข องระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้น ได้มีก ารนำ�โพรโทคอลหรือว ิธีการ ในการรักษาความปลอดภัยเอสอีที (SET - Secure Electronic Transaction) มาใช้สำ�หรับการชำ�ระผ่าน บัตร ซึ่งโพรโทคอลดังกล่าวพัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างมาสเตอร์การ์ดกับวีซ่าการ์ด นอกจากนี้ ยังมี โพรโทคอลเอสเอสแอล (SSL - Secure Socket Layer) ทีใ่ ช้ใ นระดับช ั้นเซสชั่น (session) ของระบบเครือข ่าย ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทเน็ตสเคป (Netscape) เพื่อร ักษาความปลอดภัยข้อมูลที่รับส่งระหว่างเครื่องลูกข่ายกับ เครื่องแม่ข่าย นอกจากนี้ ก็ยังมีระบบชำ�ระเงินประเภทการชำ�ระเงินที่มีจำ�นวนน้อยๆ (micro payment) ซึ่งไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียในการดำ�เนินการหากชำ�ระเงินด้วยบัตร เช่น เน็ตบิล (Netbill) มิลลิเซ็นต์ (Millicent) เป็นต้น ซึ่งร ะบบเหล่านี้ก ็จะมีการรักษาความปลอดภัยโดยการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เช่นก ัน สำ�หรับระดับข องการรักษาความปลอดภัยในระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะเกี่ยวข้องโดยตรง กับการรักษาความปลอดภัยในหลายๆ เรื่อง ได้แก่ การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ผู้ใช้ทำ�ธุรกรรมการ ฝากหรือถอนเงิน การรักษาความปลอดภัยของระบบงานประยุกต์ และฐานข้อมูลที่ใช้ในการจัดการและ บันทึกจัดเก็บข ้อมูลท ี่ทำ�ธุรกรรม การรักษาความปลอดภัยระหว่างที่มีการป้อนข้อมูลเพื่อชำ�ระเงิน การรักษา ความปลอดภัยของระบบอินเทอร์เน็ต รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยในการดูแลบริหารจัดการระบบชำ�ระ เงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในบรรดาการรักษาความปลอดภัยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ การรักษาความปลอดภัยของ ข้อมูลรายการเชิงธุรกรรมที่ใช้ในการชำ�ระเงินเป็นสิ่งที่ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อจำ�เป็นต้องให้ความสำ�คัญมากที่สุด และเนื่องจากการรักษาความปลอดภัยใ นแต่ละเรื่องจำ�เป็นต ้องมีก ารนำ�เทคโนโลยีม าประยุกต์ท ี่แ ตกต่างกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระดับความปลอดภัยที่องค์กรผู้ขายต้องการ ดังนั้น การพิจารณาเลือกใช้เทคโนโลยีให้ เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการในระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์จึงมีความสำ�คัญมาก นอกจากนี้แล้ว ระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ที่น่าเชื่อถือควรมีคุณลักษณะ ดังต่อไปนี้ 1) การระบุผู้มีอำ�นาจ (authority) ซึ่งในที่นี้จะรวมถึงผู้มีอำ�นาจที่มีความถูกต้อง (validity) ตามข้อต กลงด้วย คุณลักษณะข้อน ีเ้ป็นส ิ่งส ำ�คัญท ี่สุดท ีต่ ้องนำ�มาพิจารณา วัตถุประสงค์ทีต่ ้องนำ�มาพิจารณา ก็เพื่อตรวจสอบ การอ้างตัวตนของผู้มีอำ�นาจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่ามีความถูกต้องและมีความชอบธรรมใน การดำ�เนินการ และเพื่อป ้องกันการแอบอ้างของบุคคลที่สามที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย 2) ความเป็นส่วนตัว (privacy) ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ปลอดภัยต้องสามารถรักษา ข้อมูลท ี่เป็นค วามลับข องผู้ซ ื้อไ ด้ ดังน ั้น ในการรักษาความเป็นส ่วนตัวข องผู้ซ ื้อจ ึงม ีว ัตถุประสงค์เพื่อป กป้อง ข้อมูลการชำ�ระเงินค่าสินค้า/บริการของผู้ซื้อที่ส่งผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และเพื่อป้องกันมิให้บุคคลที่ไม่มี อำ�นาจหรือพนักงานของบริษัทที่ไ ม่เกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลที่เป็นค วามลับของลูกค้าหรือผู้ซื้ออีกด้วย 3) ความสมบูรณ์ (integrity) หรือบูรณภาพ ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ปลอดภัยต้อง มีระบบป้องกันการดัดแปลงข้อมูลรายการเชิงธุรกรรม และป้องกันความผิดพลาดในการรับส่งข้อมูล รวมทั้ง หลีกเลี่ยงการส่งข้อมูลรายการเชิงธุรกรรมซ้ำ�สองครั้งโดยมิได้ตั้งใจ การส่งข้อมูลที่มีข้อผิดพลาด และ มีระบบป้องกันการปฏิเสธความรับผิดชอบ หรือปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลรายการ เชิงธุรกรรมทั้งฝ่ายผู้ข ายและฝ่ายผู้ซ ื้อ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-26
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
4) ความไม่ส ามารถบอกปัดค วามรบั ผ ดิ ช อบ (non-repudiation) ระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ ที่น่าเชื่อถือต้องถูกออกแบบให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ข้อมูลร ายการเชิงธุรกรรมได้ หากทั้งสองมีความเกี่ยวข้องจริง ดังนั้น เรคอร์ดรายละเอียดต่างๆ ในการทำ� ธุรกรรม รวมทั้งข้อมูลการชำ�ระเงินค่าสินค้า/บริการจึงต ้องมีการบันทึกและจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลที่มีระบบ รักษาความปลอดภัยด้วยเช่นกัน 1.2 ด้านเศรษฐกิจ (economic aspect) เกณฑ์การประเมินด้านเศรษฐกิจสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ปัจจัยห ลักๆ คือ 1) ความเกี่ยวข้องกับมูลค่ากระแสเงินที่เป็นตัวเงินจริง และ 2) ความแพร่หลายของการใช้ ระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งปัจจัยทั้งสองนี้สามารถใช้ในการวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ที่มีต่อระบบชำ�ระเงิน อิเล็กทรอนิกส์ในด้านเศรษฐกิจได้ โดยจะรวมถึงประเด็นย่อยดังต่อไปนี้ด้วย คือ 1) ค่าใช้จ่ายของการทำ�รายการเชิงธุรกรรม (the cost of transaction) เป็นค ่าใช้จ่ายที่ทั้งผู้ซื้อ และผู้ขายต้องจ่ายในการรับส่งข้อมูลเชิงธุรกรรมเมื่อมีการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้สามารถ แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายทางตรงและค่าใช้จ่ายทางอ้อมได้ ในกรณีที่เลือกระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ส ำ�หรับการ ชำ�ระค่าสินค้า/บริการที่มีจำ�นวนเงินไม่มากนัก ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจค่อน ข้างมาก 2) การแลกเปลีย่ นขนาดเล็ก (atomic exchange) ระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์จ ะต้องสามารถ รองรับการชำ�ระเงินจากผู้ซ ื้อที่มีการซื้อส ินค้า/บริการโดยมียอดชำ�ระที่ไม่มากนักได้ด้วย 3) ช่วงของผใู้ ช้ (user range) ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกแบบมานั้นควรสามารถเข้า ถึงได้จากผู้ใช้หรือผู้ซ ื้อท ั่วโ ลก ไม่ว ่าจะเป็นผู้ซ ื้อท ี่อยู่ในประเทศใด ผู้ซื้อที่มีอายุเท่าใด หรือเป็นเพศใด 4) มูลค่าท ี่เคลื่อนที่ไ ด้ (value mobility) ระบบการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ท ี่ออกแบบมานั้น จะต้องสามารถรับชำ�ระเงินค่าสินค้า/บริการได้ทั่วโลก โดยการกำ�หนดมูลค่าของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน จะต้องใช้ระบบที่เป็นมาตรฐานเท่ากันแ ละเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ไม่ใช่กำ�หนดขึ้นเองจากบริษัทผู้ขาย 5) ความเสี่ยงด้านการเงิน (financial risk) ในระบบการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้น ผู้ซื้อจะ ให้ค วามสำ�คัญต ่อก ารรักษาความปลอดภัยข องข้อมูลก ารทำ�ธุรกรรมเชิงร ายการมากที่สุด เพราะเป็นข ้อมูลท ี่ เกี่ยวข้องกับการเงินของผู้ซ ื้อ กอปรกับข้อมูลมีก ารรับส่งผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกการ จารกรรมได้ง ่าย ดังน ั้น ในการออกแบบระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์จ ึงค วรพิจารณาความเสี่ยงด้านการเงิน ให้มาก โดยอาจมีการออกแบบฟังก์ชั่นที่น่าเชื่อถือสำ�หรับป้องกันการจารกรรมข้อมูล และควรพิจารณาใน ประเด็นที่ห ากข้อมูลถูกจารกรรมไป องค์กรจะมีวิธีการเยียวยาหรือแก้ไขได้อย่างไร 1.3 ด้านสงั คม (social aspect) นอกเหนือจ ากเกณฑ์ท ใี่ ช้ใ นการประเมินร ะบบช�ำ ระเงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ จะเกี่ยวข้องกับด้านเทคโนโลยีและด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับด้านสังคมด้วย เพราะระบบชำ�ระเงิน อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับความนิยมและถูกนำ�ไปใช้อย่างแพร่หลายต้องเป็นที่ยอมรับและมีความน่าเชื่อถือต่อ สังคมด้วย ซึ่งความต้องการด้านสังคมที่ใช้ใ นการประเมิน คือ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-27
ธ ส
1) การปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้าหรือผู้บริโภค (privacy protection) ข้อมูลที่ใช้ใน การชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์เป็นข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ซื้อที่รับส่งผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ดังนั้น หาก ข้อมูลถูกนำ�ไปใช้โดยบุคคลหรือองค์กรที่ไม่เกี่ยวข้อง อาจนำ�มาซึ่งความเสียหายแก่ผู้ซื้อหรือเจ้าของข้อมูล ได้ ระบบการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ท ี่น่าเชื่อถือต้องมีระบบป้องกันข้อมูลที่เป็นส ่วนตัวข องผู้ซื้อ และระบบ รักษาความปลอดภัยที่ป ้องกันการแกะรอยข้อมูลของผู้ซื้อจากผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง 2) ระดับของการยอมรับ (degree of acceptability) ระบบการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ต้องมี ขั้นตอนในการใช้ที่ไม่ซับซ้อน สามารถใช้งานง่าย เพราะระดับของการใช้งานที่ง่ายหรือยุ่งยาก เป็นปัจจัยที่ สำ�คัญต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคในการเลือกใช้ โดยเฉพาะกรณีที่มีการชำ�ระเงินที่มีจำ�นวนน้อย 3) การเคลือ่ นที่ (mobility) ผูซ้ ื้อท นี่ ิยมซื้อส ินค้า/บริการผ่านธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ต ้องสามารถ ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จากที่ใดก็ได้ในการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อทำ�ธุรกรรมและชำ�ระค่าสินค้า/บริการ ดังนั้น การออกแบบระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ดีจึงไม่ควรเน้นการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ ชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ควรออกแบบเป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถติดตั้งและสะดวกต่อการเคลื่อนที่ หรือเคลื่อนย้าย ซึ่งส่วนมากจะติดตั้งในเครื่องแม่ข่ายของบริษัทผ ู้ขาย ทำ�ให้ผู้ซื้อสามารถเข้าถึงไ ด้โดยไม่มี ข้อจำ�กัดเรื่องสถานที่และเวลา ปัจจัยนี้จ ึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้ซื้อ 1.4 ด้านสถาบันการเงินและกฎหมาย (institution and law aspect) เพื่ อ ใ ห้ ร ะบบชำ � ระเ งิ น อิเล็กทรอนิกส์เป็นที่สอดคล้องกับความต้องการด้านเทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคม จึงจำ�เป็น ต้องมีการกำ�หนดกฎระเบียบหรือกฎหมายจากรัฐบาล ปัจจุบันมีการออกกฎหมายเกี่ยวกับระบบชำ�ระเงิน อิเล็กทรอนิกส์ในหลายประเทศ เช่น การใช้ลายเซ็นดิจิทัล การโอนเงินดิจิทัล และการทำ�สัญญาพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ มาตรฐานด้านเทคนิค วิธกี ารเก็บภ าษี รูปแ บบข้อมูลธ ุรกรรมเชิงร ายการทีใ่ ช้ก ันท ั่วโ ลก เป็นต้น และเนื่องจากความจริงที่ว่าสถาบันการเงินและกฎหมายล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลทั้งสิ้น ดังนั้น ในแต่ละประเทศจะมีการกำ�หนดกฎหมายและนโยบายขึ้นมาเอง ด้วยเหตุนี้ ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่แต่ละองค์การออกแบบจึงต้องมีความสอดคล้องกับน โยบายและกฎหมายที่ใช้ในประเทศนั้นๆ ด้วย
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
2. ปัจจัยความสำ�เร็จของระบบชำ�ร ะเงินอิเล็กทรอนิกส์
ความสำ�เร็จของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำ�ไปสู่ความสำ�เร็จในการทำ� ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น การทำ�ความเข้าใจเกี่ยวกับป ัจจัยความสำ�เร็จของการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์จึง เป็นส ิ่งส ำ�คัญส ำ�หรับอ งค์การที่ทำ�ธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ โดยองค์การควรนำ�ปัจจัยด ังกล่าวมาพิจารณาก่อนที่ จะมกี ารพัฒนาหรือเลือกใช้ร ะบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งป ัจจัยค วามสำ�เร็จข องการชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ 2.1 การรักษาความปลอดภัยข องข้อมูล จัดได้ว่าเป็นป ัจจัยที่มีความสำ�คัญมากต่อการทำ�ธุรกรรม ในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ดังที่ท ราบแล้วว่าในการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้นต้องมีการรับส่งข้อมูลสำ�คัญ เกี่ยวกับก ารชำ�ระเงินร ะหว่างผู้ซ ื้อ ผู้ข าย และสถาบันการเงินท ี่เกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้น จึงจำ�เป็นต ้องมีระบบ รักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็งและมีป ระสิทธิภาพน่าเชื่อถือ
ม
ม
ธ ส
ม
6-28
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
2.2 ความง่ายและสะดวกในการป้อนข้อมูลการชำ�ระเงิน ในระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์น ั้น ผู้ซื้อ จำ�เป็นต ้องมีก ารป้อนข้อมูลเกี่ยวกับก ารชำ�ระเงินผ ่านเว็บเพจของผู้ข าย ซึ่งห น้าจ อสำ�หรับป ้อนข้อมูลด ังก ล่าว ควรออกแบบให้ง่าย สะดวกต่อการป้อนข้อมูล และข้อมูลที่ป้อนก็ควรให้ป้อนเฉพาะข้อมูลที่จำ�เป็นเท่านั้น เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำ�ธุรกรรม 2.3 ความนา่ เชือ่ ถ อื ระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ท ี่อ งค์การนำ�มาใช้น ั้นต ้องได้ร ับก ารพัฒนามาเป็น อย่างดี มีลักษณะหรือรูปแบบเป็นไปตามมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไป ทั้งนี้ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ซื้อ เพราะความน่าเชื่อถือเป็นปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ผู้ซื้อตัดสินใจเลือกการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ 2.4 การคิดค่าธรรมเนียม เว็บไซต์บางเว็บไซต์มีการคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำ�หรับการชำ�ระเงิน อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหากมีการคิดค่าธรรมเนียมที่สูงเกินไปก็อาจจะมีผลทำ�ให้ผู้ซื้อตัดสินใจไม่ใช้วิธีชำ�ระเงิน อิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากเมื่อร วมค่าส ินค้า/บริการเข้าก ับค ่าธ รรมเนียมแล้วจ ะมผี ลทำ�ให้ค ่าส ินค้า/บริการแพง เกินไป 2.5 ความหลากหลายของวิธีการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ องค์การที่ทำ�ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ควรมี ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถเลือกได้ตามความต้องการ เพราะเนื่องจาก ผู้ซื้อในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์บางรายอาจไม่พร้อมที่จะชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยการกำ�หนดวิธีใดวิธีหนึ่ง เช่น การชำ�ระเงินด้วยบัตรเครดิต ผู้ซื้อบางรายอาจไม่มีบัตรเครดิต หรือการใช้บัตรเครดิตมีค่าธรรมเนียม ที่ส ูง ในกรณีที่ย อดชำ�ระเงินน้อยก็จ ะไม่คุ้มก ับค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเพิ่ม เป็นต้น
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
3. เงื่อนไขในการเลือกระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ที่ดี
ม
ธ ส
ม
เงื่อนไขในการเลือกระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์สามารถนำ�หลักการของระบบชำ�ระเงินที่ดีของ ธนาคารเพื่อการชำ�ระราคาระหว่างประเทศ หรือบีไอเอส (Bank for International Settlement - BIS) มา ประยุกต์ได้ ซึ่งหลักก ารดังกล่าวถูกกำ�หนดขึ้นมาเพื่อใช้ประเมินกับร ะบบชำ�ระเงิน และการหักบ ัญชีระหว่าง สถาบันการเงิน เรียกว่า หลักการสำ�คัญข องบีไอเอส (BIS Core Principle) ซึ่งมีองค์ประกอบ 10 ข้อ ดังนี้ 3.1 ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ต้องได้รับการรับรองตามกฎหมาย จึงจะถือว่ามีความถูกต้อง 3.2 กฎ ระเบียบต้องเป็นที่เข้าใจแก่ผู้ท ี่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเข้าใจถึงความเสี่ยงทั้งหมดที่เกิดจากการ เข้าร่วมใช้ระบบชำ�ระเงิน 3.3 มีก ระบวนการบริหารความเสีย่ ง และระบุค วามรบั ผ ดิ ช อบของผใู้ ช้บ ริการระบบและผทู้ เี่ กีย่ วข้อง รวมทั้งการสร้างระบบแรงจูงใจที่เหมาะสมเพื่อล ดความเสี่ยง 3.4 การชำ�ระราคา (settlement) จะต้องเกิดขึ้นภายในวันเดียวกับที่เกิดธุรกรรม 3.5 การช�ำ ระราคาสทุ ธิร ะหว่างกนั (multilateral netting) จะตอ้ งมกี ลไกเพือ่ ใ ห้ม ัน่ ใจได้ว า่ ส ามารถ ทำ�ให้การชำ�ระราคาระหว่างธนาคารในยอดเงินสุทธิภายในวันน ั้นสามารถเกิดขึ้นได้ 3.6 การชำ�ระราคาต้องใช้สินทรัพย์ที่อ อกโดยธนาคารกลาง 3.7 ระบบชำ�ระเงินจะต้องการรักษาความปลอดภัย และมีความน่าเชื่อถือในการดำ�เนินการ
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-29
ธ ส
3.8 ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้นต้องมีประสิทธิภาพต่อระบบเศรษฐกิจและสะดวกต่อการ ปฏิบัติ
ธ ส
3.9 มีเป้าห มายและวางเงื่อนไขของสมาชิกใ นการเข้าร ่วมใช้บ ริการที่เปิดเผยและชัดเจน เพื่อใ ห้เกิด ความเป็นธ รรม 3.10 ผู้บริหารระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์จะต้องมีการจัดการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และต้อง รับผิดชอบต่อการดำ�เนินงาน
ม
ธ ส
ม
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 6.1.4 แล้ว โปรดปฏิบัติกิจกรรม 6.1.4 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 6 ตอนที่ 6.1 เรื่องที่ 6.1.4
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ธ ส
ม ม
ธ ส
6-30
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ตอนที่ 6.2
ธ ส
ม
ประเภทของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
ม
โปรดอ่านแผนการสอนประจำ�ตอนที่ 6.2 แล้วจึงศ ึกษาเนื้อหาสาระ พร้อมปฏิบัติกิจกรรมในแต่ละเรื่อง
ม
หัวเรื่อง
แนวคิด
ธ ส
เรื่องที่ 6.2.1 การแบ่งประเภทของการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 6.2.2 ระบบชำ�ระเงินผ ่านบัตรเครดิต เรื่องที่ 6.2.3 ระบบชำ�ระเงินด้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 6.2.4 ระบบชำ�ระเงินด้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 6.2.5 ระบบชำ�ระเงินผ ่านสมาร์ตการ์ด เรื่องที่ 6.2.6 ระบบชำ�ระเงินผ ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
1. การแบ่งประเภทของการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์สามารถแบ่งออกได้หลายวิธี ทั้งนี้ ขึ้น กับคุณลักษณะที่จะนำ�มาใช้ในการแบ่ง สำ�หรับในที่นี้ได้แบ่งประเภทของการชำ�ระเงิน อิเล็กทรอนิกส์ไว้ 5 วิธี คือ แบ่งตามประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ แบ่งต ามมูลค่า ของการสั่งซื้อ แบ่งตามสารสนเทศที่รับส ่งออนไลน์ แบ่งต ามแนวคิดของคาลาโคต้าและ วินส์ตัน และแบ่งตามแนวคิดของแอนเดอร์สัน 2. ระบบชำ�ระเงินผ่านบัตรเครดิต เป็นระบบการชำ�ระเงินที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก และได้รับ ความนิยมมากที่สุดใ นแวดวงธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากเป็นระบบที่ง่าย สะดวก และ รวดเร็วใ นการทำ�ธุรกรรม ปัจจุบันป ระเภทบัตรออนไลน์ม ดี ้วยกันห ลายประเภท ทีน่ ิยมใช้ มีด ้วยกัน 6 ประเภทคือ บัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรชาร์จ บัตรเครดิตเสมือน ส มาร์ต การ์ด หรือบัตรอัจฉริยะ และบัตรจัดเก็บมูลค่า 3. ระบบชำ�ระเงินด้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์ เป็นวิธีการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่นำ�มาใช้ ในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะการใช้เช็ค อิเล็กทรอนิกส์ไม่จำ�เป็นต้องเปิดเผยข้อมูลบัญชีของผู้ซื้อให้แก่ผู้ขาย โดยเฉพาะในการ ประมูลอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้แ ล้ว ในการใช้เช็คอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ซื้อไม่ต้องส่งข้อมูล เกี่ยวกับการเงินผ ่านระบบเครือข่าย เนื่องจากธนาคารจะไปดำ�เนินการเองในส่วนนี้ ค่าใช้ จ่ายในการเรียกเก็บเงินด้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์จะน้อยกว่าค่าใช้จ่ายในการเรียกเก็บเงิน ผ่านบัตรเครดิต
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
6-31
ธ ส
ม
4. เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ คือ แบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งใช้ระบบ คอมพิวเตอร์ในการกำ�หนดมูลค่าเงิน ซึ่งเงินสดอิเล็กทรอนิกส์นี้ ผู้บริโภคสามารถซื้อได้ โดยใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต เช็คอิเล็กทรอนิกส์ เช็คกระดาษ เงินสด หรือซื้อโดยวิธีการ โอนเงิน เมื่อผู้บ ริโภคซื้อเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีของเงินสดอิเล็กทรอนิกส์จ ะถูกสร้าง ขึ้นอัตโนมัติ เป็นระบบชำ�ระเงินอีกระบบหนึ่งที่อำ�นวยความสะดวกให้แก่ผู้ซื้อผ่านธุรกิจ อิเล็กทรอนิกส์ เพราะมกี ารรักษาความปลอดภัย ความเป็นส ่วนตัวด ้วยการเข้าร หัส และใช้ กุญแจสาธารณะ ทำ�ให้ข ้อมูลท ีร่ ับส ่งผ ่านระบบเครือข ่ายอินเทอร์เน็ตได้ร ับค วามปลอดภัย และมีความน่าเชื่อถือม ากพอๆ กับข้อมูลที่รับส ่งผ่านระบบเครือข่ายส่วนบุคคล 5. สมาร์ตการ์ดหรือบ ัตรอัจฉริยะ เป็นบัตรพลาสติกที่มีขนาดเท่ากับบ ัตรเครดิต แต่ภายใน บัตรจะมกี ารฝงั ช ปิ ไ ว้ ซึง่ ช ปิ ท ฝี่ งั อ าจเป็นไ มโครโพรเซสเซอร์ก บั ห น่วยความจ� ำ หรืออ าจเป็น หน่วยความจำ�เพียงอย่างเดียว สมาร์ตการ์ดที่มีไมโครโพรเซสเซอร์ฝังอยู่กับหน่วยความ จำ� จะทำ�ให้สามารถเพิ่ม ลบ หรือจ ัดการข้อมูลท ีอ่ ยูบ่ นไมโครโพรเซสเซอร์ไ ด้ สมารต์ การ์ด มีด้วยกัน 2 ประเภท คือ สมาร์ตการ์ดชนิดที่มีการสัมผัส และสมาร์ตการ์ดชนิดที่ไม่มี การสัมผัส 6. ปจั จุบนั อ ปุ กรณ์เคลือ่ นทีโ่ ดยเฉพาะโทรศัพท์เคลือ่ นทีไ่ ด้ก ลายเป็นอ ปุ กรณ์ท มี่ คี วามจ�ำ เป็น ต่อการดำ�รงชีวิตข องผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำ�วัน หรือ ชีวิตการทำ�งานแล้วยังสามารถใช้ในการทำ�ธุรกรรมด้านอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะป็นการจับจ่าย ใช้สอย รวมทั้งการชำ�ระค่าสินค้าและ/หรือบริการต่างๆ เนื่องจากการชำ�ระเงินด้วยวิธีนี้ ช่วยอำ�นวยความสะดวกและรวดเร็ว อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการ ทำ�ธุรกรรมด้วย
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-32
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
วัตถุประสงค์
ม
ม
เมื่อศึกษาตอนที่ 6.2 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ 1. อธิบายการแบ่งประเภทของการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ 2. อธิบายระบบการชำ�ระเงินผ่านบัตรเครดิตได้ 3. อธิบายระบบชำ�ระเงินด้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์ได้ 4. อธิบายระบบชำ�ระเงินด้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ได้ 5. อธิบายระบบชำ�ระเงินผ่านสมาร์ตการ์ดได้ 6. อธิบายระบบชำ�ระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-33
ธ ส
เรื่องที่ 6.2.1 การแบ่งประเภทของการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
ม
การแบ่งป ระเภทของการช�ำ ระเงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ส ามารถแบ่งอ อกได้ห ลายวธิ ี ทัง้ นี้ ขึน้ ก บั ค ณ ุ ลักษณะ ที่จะนำ�มาใช้ใ นการแบ่ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ม
ธ ส
1. แบ่งตามประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce type)
ดังที่ทราบกันดีแล้วว่าพ าณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้นสามารถแบ่งออกเป็น พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ ธุรกิจกับธุรกิจหรือบีทูบี (B2B) พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบธุรกิจกับผู้บริโภคหรือบีทูซี (B2C) พาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์แบบผู้บ ริโภคกับธุรกิจหรือซีทูบี (C2B) พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบผู้บริโภคกับผู้บริโภคหรือ ซีท ซู ี (C2C) ซึ่งพ าณิชย์อ ิเล็กทรอนิกส์แ ต่ละประเภทจะมคี ุณลักษณะเฉพาะของตัวเอง ดังน ั้น จึงม บี างองค์กร แบ่งป ระเภทของการชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ตามประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่กล่าวมาข้างต้น
ธ ส
ม
2. แบ่งตามมูลค่าข องการสั่งซื้อ (value of order)
ม
ธ ส
ม
เดเนียล (Danial 2002) ได้แ บ่งก ารชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ตามมูลค่าของเงินที่สั่งซื้อสินค้า/บริการ โดยแบ่งอ อกเป็น 3 ประเภท คือ 1) การชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มีจำ�นวนน้อย 2) การชำ�ระเงินของผู้บริโภค และ 3) การชำ�ระเงินใ นการทำ�ธุรกิจ ซึ่งม ีร ายละเอียดดังนี้ 2.1 การชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มีจำ�นวนน้อย (electronic micro payment) เป็นการชำ�ระเงิน อิเล็กทรอนิกส์ใ นการทำ�พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ร ะหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค (C2C) และธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C) ซึ่งจ ะมีม ูลค่าเงินน ้อยกว่า 10 ดอลลาร์ส หรัฐ ทั้งนี้ เนื่องจากการชำ�ระเงินใ นพาณิชย์อ ิเล็กทรอนิกส์ด ้วย วิธีอื่นผู้ขายจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำ�เนินการเพื่อเรียกเก็บเงินจากผู้ซื้อสูง และหากยอดเงินที่เรียกเก็บ มีจำ�นวนน้อยก็จ ะไม่คุ้มก ับค่าใช้จ่ายในการดำ�เนินการ ดังนั้น ในปี ค.ศ. 2000 จึงมีบริษัทห ลายแห่งพัฒนา ซอฟต์แวร์เพื่อให้บ ริการการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ม ีจำ�นวนน้อย บริษัทท ี่เป็นท ี่รู้จักกันดี เช่น มิลลิเซ็นต์ (Millicent) บิตแ พส (Bitpass) ไซเบอร์คอยน์ (Cybercoin) เป็นต้น ปัจจุบันแบบจำ�ลองชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มีจำ�นวนน้อย มีด้วยกัน 5 แบบจำ�ลอง คือ 1) แบบจำ�ลองที่ใช้ยอดรวม (aggregation) กำ�หนดการชำ�ระเงิน เป็นการชำ�ระเงินจากลูกค้า รายเดียว โดยจะเก็บร วบรวมข้อมูลร ายการซื้อส ินค้า/บริการจนกระทั่งไ ด้ย อดรวมการซื้อเท่ากับห รือม ากกว่า ยอดรวมที่กำ�หนดไว้ จากนั้นจึงทำ�การประมวลผลข้อมูลเพื่อเรียกเก็บเงินจากลูกค้ารายนั้น เช่น ลูกค้ามีการ ชำ�ระเงินโดยมียอดรวมการชำ�ระมากกว่า หรือเท่ากับ 10 ดอลลาร์ส หรัฐ วัตถุประสงค์ท ี่บริษัทใ ช้แบบจำ�ลอง นีก้ เ็พื่อป ระหยัดค ่าใ ช้จ ่ายในการดำ�เนินก ารรับช ำ�ระค่าส ินค้า/บริการในแต่ละครั้งล ง แบบจำ�ลองนีถ้ ูกน ำ�ไปใช้ กับบ ริษัท แอปเปิ้ลไอทูนส์ (Apple’s i Tunes) ซึ่งเป็นบริษัทที่จำ�หน่ายเพลงผ่านระบบออนไลน์ โดยผู้ซื้อ
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
6-34
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
สามารถเลือกซื้อเพลงที่ต้องการได้ และเมื่อยอดรวมซื้อเท่ากับยอดที่กำ�หนด ผู้ซื้อก็จะต้องชำ�ระเงินให้แก่ บริษัทจากนั้นจึงได้รับสิทธิในการดาวน์โหลดเพลงที่ต้องการได้จากเว็บไซต์ของบริษัท 2) แบบจ�ำ ลองจา่ ยตรง (direct payment) ทีใ่ ช้ร ะยะเวลาเป็นต วั ก �ำ หนด เป็นการนำ�ยอดเงินท ีม่ ี จำ�นวนน้อยมารวมเข้าด ้วยกันเพื่ออ อกใบแจ้งห นี้ร ายเดือนสำ�หรับค ่าบ ริการที่ล ูกค้าใ ช้อ ยู่เป็นป ระจำ� และตัด บัญชีโดยตรง เช่น ค่าโทรศัพท์ แบบจำ�ลองนี้ถูกนำ�ไปใช้โดยบริษัท โทรศัพท์เซลลูล่าร์ สำ�หรับผู้ใช้บริการที่ ชอบดาวน์โหลดเสียงโทรศัพท์สายเข้า หรือริงโทน (ring tone) บริษทั เพย์เมนตว์ นั (PaymentOne) เป็นบ ริษทั ท ใี่ ห้บ ริการการช�ำ ระเงินท ใี่ ช้แ บบจ�ำ ลองนี้ โดยบริษทั จะจัดหาเครือข่ายและแพลตฟอร์มให้แก่ผู้ทำ�ธุรกิจ ซึ่งเครือข่ายและแพลตฟอร์มดังกล่าวจะช่วยทำ�ให้ผู้ซื้อ สามารถรวมยอดเงินค่าใช้บริการทั้งหมดเกี่ยวกับโทรศัพท์ไว้ในใบเสร็จใบเดียวกันได้ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่าย ในการดำ�เนินก ารรับชำ�ระเงินลง 3) แบบจ�ำ ลองจดั เก็บม ลู ค่า (stored value) เป็นการช�ำ ระเงินท ดี่ �ำ เนินก ารโดยวธิ หี กั เงินใ นบญ ั ชี ของผู้ซ ื้อต ามยอดเงินท ี่ผ ู้ซ ื้อใ ช้จ ่าย ดังน ั้น ผู้ซ ื้อจ ะต้องมีบ ัญชีเงินฝ ากอยู่ใ นธนาคารจึงจ ะสามารถชำ�ระเงินได้ แบบจำ�ลองนี้สามารถใช้ได้กับธุรกิจทั้งแบบออฟไลน์และแบบออนไลน์ ปัจจุบันถูกประยุกต์ในรูปแบบของ บัตรเติมเงิน โดยลูกค้าสามารถซื้อบัตรในราคาที่ต้องการจากร้านค้าหรือสาขาของบริษัท จากนั้นมูลค่าเงิน จะถูกบันทึกล งในบัตร ลูกค้าสามารถนำ�บัตรไปใช้ซื้อสินค้าของบริษัทได้ตามวงเงินที่กำ�หนดไว้ และยอดซื้อ ยังสามารถสะสมเปลี่ยนเป็นคะแนนเพื่อแ ลกของสมนาคุณได้อีกด้วย บริษัทที่ใช้แบบจำ�ลองนี้ เช่น บริษัทที่ ให้บริการเครือข ่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริษัท สตาร์บัคส์ (Starbucks) ที่เปิดร้าน กาแฟสตาร์บัคส์ทั่วโลกโดย ปัจจุบันลูกค้าสามารถซื้อบัตรสตาร์บัคส์ (starbucks card) ใช้แทนเงินสดเพื่อซื้อเครื่องดื่มของร้านได้ทุก สาขา สำ�หรับบริษัทที่ใ ห้บริการดาวน์โหลดเพลงแบบออนไลน์ก็นิยมใช้แบบจำ�ลองลักษณะนี้เช่นกัน 4) แบบจ�ำ ลองการสมัครสมาชิก (subscription) เป็นการชำ�ระเงินท ผี่ ซู้ ื้อจ ะชำ�ระครั้งเดียว และ ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการเข้าใช้บริการ หรือเข้าถึงสินค้าภายในช่วงเวลาที่กำ�หนด โดยผู้ซื้อจะชำ�ระเป็นค่า สมัครสมาชิกใ ห้แก่บริษัทที่ทำ�ธุรกิจเปิดใ ห้เล่นเกมออนไลน์ หรือห นังสือพิมพ์ออนไลน์ หรือผ ลิตน ิตยสาร/ วารสารออนไลน์ เช่น วารสารวอลล์สทรีต (Wall Street Journal) 5) แบบจำ�ลองอะลาคาร์ต (A’la Carte) อะลาคาร์ต เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า “ตามเมนู” (according to menu) เป็นศัพท์ที่นิยมใช้ในร้านอาหารหรือภัตตาคารมีความหมายว่าให้สั่งตามเมนู ซึ่ง มีราคาบอกไว้แล้ว แบบจำ�ลองนี้มักจะใช้กับธุรกิจประเภทร้านค้าอาหารจานด่วนที่มีจำ�นวนลูกค้าเข้ามาใช้ บริการมาก แต่ยอดซื้อของลูกค้าแต่ละรายจะไม่มากนัก ดังนั้น ผู้ขายจะประมวลผลข้อมูลการชำ�ระเงินของ ลูกค้ารายที่ชำ�ระผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต โดยอาศัยปริมาณข้อมูลการสั่งซื้อที่มีจำ�นวนมากเพื่อต่อ รองค่าใช้จ่ายในการประมวลผลข้อมูล ทำ�ให้เสียค่าธรรมเนียมน้อยลง ร้านค้าที่ใช้แบบจำ�ลองแบบนี้ เช่น แมคโดนัลด์ (McDonalds) เว็นดี้ (Wendy) เป็นต้น 2.2 การชำ�ระเงินของผู้บริโภค (consumer payment) การชำ�ระเงินประเภทนี้เป็นการชำ�ระเงินที่มี มูลค่าอยู่ระหว่าง 10 ถึง 500 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนมากจะเกิดจากการทำ�พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบธุรกิจ กับผู้บริโภค (B2C)
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-35
ธ ส
2.3 การชำ�ระเงินในการทำ�ธุรกิจ (business payment) เป็นการชำ�ระเงินที่มีมูลค่ามากกว่า 500 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนมากจะเกิดจากการทำ�พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B)
ธ ส
3. แบ่งตามสารสนเทศที่รับส่งออนไลน์
ม
เมอร์ฟี่ (Murphy 2002) แบ่งระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ออกเป็น 6 ประเภทตามสารสนเทศที่รับ ส่งออนไลน์ ได้แก่ 3.1 พีซีแบงกิ้ง (PC-banking) เป็นการทำ�ธุรกรรมออนไลน์ที่ผู้ซื้อสามารถประมวลผลข้อมูล ธุรกรรมเชิงรายการผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือพ ีซีจ ากที่บ ้านได้ โดยธนาคารจะอนุญาตให้ล ูกค้า ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ทางการเงินไปติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของลูกค้า ทำ�ให้ลูกค้าสามารถชำ�ระเงินค่า สินค้า/บริการจากบัญชีที่เปิดไว้กับธนาคารได้ และยังทำ�ให้สามารถทราบข้อมูลยอดบัญชีและงบยอดเงิน คงเหลือในบัตรเครดิตที่ชำ�ระ รวมทั้งการโอนเงินระหว่างบัญชีด้วย สารสนเทศที่รับส่งออนไลน์จะเป็น สารสนเทศการทำ�ธุรกรรมระหว่างลูกค้าก ับธนาคาร 3.2 บัตรเครดิต (credit cards) เป็นบัตรพลาสติกที่สามารถใช้แทนเงินสดได้ โดยธนาคารจะเป็น ผู้ออกบัตรให้แก่ผู้ถือบัตร สารสนเทศที่รับส่งออนไลน์จะเป็นสารสนเทศการทำ�ธุรกรรมระหว่างร้านค้ากับ ธนาคาร สำ�หรับรายละเอียดจะกล่าวต่อไปในเรื่องที่ 6.2.2 3.3 เช็คอ เิ ล็กทรอนิกส์ (electronic cheques) มีล กั ษณะคล้ายกบั เช็คก ระดาษ แต่ข อ้ มูลท เี่ กีย่ วข้องจะ อยูใ่ นรปู แ บบของไฟล์อ เิ ล็กทรอนิกส์ หรือเป็นข อ้ มูลด จิ ทิ ลั น ัน่ เอง อิเล็กทรอนิกส์เช็คส ามารถใช้ช �ำ ระคา่ ส นิ ค้า/ บริการในพาณิชย์อ ิเล็กทรอนิกส์ไ ด้เช่นเดียวกับบ ัตรเครดิต สารสนเทศทีร่ ับส ่งอ อนไลน์จ ะเป็นส ารสนเทศการ ทำ�ธุรกรรมระหว่างธนาคารผู้อ อกเช็คก ับธ นาคารผู้เรียกเก็บเงินจ ากเช็ค สำ�หรับร ายละเอียดจะกล่าวต่อไ ปใน เรื่องที่ 6.2.3 3.4 การชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มีจำ�นวนน้อย (electronic micro payment) สารสนเทศที่รับส่ง ออนไลน์จ ะเป็นสารสนเทศการทำ�ธุรกรรมระหว่างผู้ขายกับธนาคาร ดังร ายละเอียดที่กล่าวมาแล้วในข้อ 2.1 3.5 เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ (electronic cash) สารสนเทศที่รับส่งออนไลน์จะเป็นสารสนเทศการทำ� ธุรกรรมระหว่างผู้ซ ื้อห รือลูกค้ากับธนาคาร สำ�หรับรายละเอียดจะกล่าวต่อไปในเรื่องที่ 6.2.4 3.6 บัตรอัจฉริยะ (smart cards) เป็นบัตรแถบแม่เหล็กที่ใช้แทนเงินสดได้ โดยจะมีการบันทึก ข้อม ูลส ำ�คัญๆ ของผู้ถ ือบ ัตรลงในชิปห น่วยความจำ�ที่ฝ ังอ ยู่ด ้านหลังบ ัตร สารสนเทศที่ร ับส ่งอ อนไลน์จ ะเป็น สารสนเทศการทำ�ธุรกรรมระหว่างผู้ซื้อหรือลูกค้ากับธนาคาร สำ�หรับรายละเอียดจะกล่าวต่อไปในเรื่องที่ 6.2.5
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
4. แบ่งตามแนวคิดข องคาลาโคต้าแ ละวินส์ตัน
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ในปี ค.ศ. 1996 คาลาโคต้า ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยจอร์เจียสเทต (Georgia State Univer sity) ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงและเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการวางกลยุทธ์ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ และเป็นที่ปรึกษาให้กับ บริษัท ฟอร์จูน 1000 อีกทั้งเป็นผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อีกหลายเล่มที่เป็นที่รู้จักกัน
ม
6-36
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
อย่างดีในแวดวงการทำ�ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ร่วมกับแอนดรูว์ บี วินส์ตัน (Andrew B. Whinston) ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัสที่ออสติน (University of Texas at Austin) ซึ่งเป็นทั้งนัก เศรษฐศาสตร์แ ละนกั ว ทิ ยาการคอมพิวเตอร์ท รี่ ูจ้ กั ก นั ด ใี นแวดวงธรุ กิจอ เิ ล็กทรอนิกส์ ทัง้ ส องคนได้แ บ่งร ะบบ ชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ออกเป็น 3 ประเภท คือ 4.1 ดิจิทัลโทเค็น (digital token) เป็นข้อมูลแทนหน่วยของกระแสเงินดิจิทัลที่อยู่ในรูปแบบ มาตรฐาน ซึ่งผู้ซื้อสามารถใช้ดิจิทัลโทเค็นแทนเงินสดในการซื้อสินค้า/บริการจากผู้ขายได้ โดยการป้อนเลข รหัสข องดิจิทัลโ ทเค็นส ่งใ ห้แ ก่ผ ูข้ าย ผูข้ ายจะนำ�รหัสไ ปเก็บเงินจ ากโทเค็น ทีผ่ ูซ้ ื้อซ ื้อไ ว้ ดิจิทัลโ ทเค็น มีด ้วยกัน 2 แบบ คือ 1) โทเค็นแบบเรียลไทม์ (real time token) หรือโทเค็นที่ผู้ซื้อต้องชำ�ระเงินในการซื้อโทเคนมา ก่อน (pre-paid tokens) โทเค็น ทีซ่ ื้อม าสามารถใช้แ ทนเงินสดได้ ตัวอ ย่างของโทเค็นแ บบนี้ เช่น เงินสดดิจิทัล เดบิตก าร์ด กระเป๋าเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ และ 2) โทเค็นแ บบชำ�ระเงินภ ายหลัง (post-paid tokens) เป็นโ ทเค็น ที่ ผูใ้ ช้ไ ม่ต ้องชำ�ระเงินใ นการซื้อโ ทเค็น มาก่อน แต่จ ะชำ�ระหลังจ ากทีม่ กี ารซื้อข ายสินค้า/บริการแล้ว โดยการโอน เงินผ่านระบบธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ ตัวอย่างของโทเค็นแบบนี้ เช่น เช็คอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น 4.2 บัตรเครดิต (credit card) เป็นบัตรที่ออกโดยสถาบันการเงินของผู้ซื้อ สามารถนำ�มาใช้ชำ�ระค่า สินค้า/บริการแบบออนไลน์ได้ รายละเอียดจะกล่าวต่อไปในเรื่องที่ 6.2.2 4.3 บัตรสมาร์ตการ์ด (smart card) หรือบ ัตรอัจฉริยะ เป็นบ ัตรที่มีลักษณะคล้ายกับบัตรเครดิต สามารถนำ�มาใช้ในการชำ�ระเงินใ นธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ได้ ซึ่งรายละเอียดจะกล่าวต่อไปในเรื่องที่ 6.2.5
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
5. แบ่งตามแนวคิดข องแอนเดอร์สัน
ม
ธ ส
ม
ในปี ค.ศ. 1998 รอส เจ แอนเดอร์ส ัน (Ross J. Anderson: 1998) ศาสตราจารย์แ ละนักวิจัยที่มี ชื่ อ เ สี ย งด้ า นวิ ศ วกรรมก ารรั ก ษาค วามป ลอดภั ย แ ห่ ง ม หาวิ ท ยาลั ย เ คมบ ริ ด จ์ ได้ แ บ่ ง ร ะบบชำ � ระเ งิ น อิเล็กทรอนิกส์ออกเป็น 4 ระบบ ดังนี้ 5.1 ระบบการชำ�ระเงินผ ่านบัตรเครดิต (credit card payment system) เป็นการนำ�บัตรเครดิตมา ชำ�ระค่าสินค้า/บริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งร ายละเอียดจะกล่าวต่อไปในเรื่องที่ 6.2.2 5.2 ระบบชำ�ระเงินด ้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์ (electronic cheque payment system) รายละเอียดจะ กล่าวต่อไปในเรื่องที่ 6.2.3 5.3 ระบบชำ�ระเงินด ้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ (electronic cash payment system) รายละเอียดจะ กล่าวต่อไปในเรื่องที่ 6.2.4 5.4 ระบบช�ำ ระเงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ผ า่ นสมารต์ การ์ด (smart card based electronic payment system) รายละเอียดจะกล่าวต่อไปในเรื่องที่ 6.2.5 5.5 ระบบชำ�ระเงินผ ่านอุปกรณ์เคลื่อนทีห่ รือโมบายเพย์เมนต์ (mobile payment) รายละเอียดจะ กล่าวต่อไปในเรื่องที่ 6.2.6
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 6.2.1 แล้ว โปรดปฏิบัติกิจกรรม 6.2.1 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 6 ตอนที่ 6.2 เรื่องที่ 6.2.1
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
เรื่องที่ 6.2.2 ระบบชำ�ระเงินผ ่านบัตรเครดิต
ธ ส
6-37
ม
ระบบชำ�ระเงินผ่านบัตรเครดิต (credit card payment system) เป็นระบบการชำ�ระเงินที่เป็นที่ ยอมรับท ั่วโลก และได้รับความนิยมมากที่สุดในแวดวงธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
1. ประเภทของบัตรออนไลน์
ปัจจุบันบัตรออนไลน์มีชื่อเรียกที่แ ตกต่างกันมากมาย มีการจัดแบ่งไ ด้หลายลักษณะ สำ�หรับใ นที่นี้ จะแบ่งตามวิธีการชำ�ระเงิน ซึ่งส ามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักด้วยกัน คือ 1.1 บัตรออนไลน์ท ชี่ �ำ ระเงินห ลังจ ากการใช้บ ตั ร เป็นบ ัตรทีผ่ ูใ้ ช้ส ามารถร้องขอให้ธ นาคารออกให้ไ ด้ โดยไม่ต้องเปิดบ ัญชีเงินฝากกับธนาคาร เพียงแต่นำ�หลักฐานสำ�คัญมายื่นประกอบในการขอบัตร เช่น บัตร ประชาชน เอกสารแสดงเงินเดือน เป็นต้น บัตรออนไลน์ประเภทนี้ที่น่าสนใจ มีดังนี้ 1) บัตรเครดิต (credit card) บัตรเครดิตเริ่มมีขึ้นในปี ค.ศ. 1914 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัท เยเนอรัลปิโตรเลียม ที่แคลิฟอร์เนีย (General Petroleum Coporation at California) ซึ่ง ปัจจุบันคือ บริษัท โมบิลออยส์ จำ�กัด โดยทำ�บัตรดังกล่าวให้กับลูกค้าและพนักงานของบริษัทที่ได้รับการ เลือกสรรแล้วเพื่อนำ�บัตรไปชำ�ระค่าน้ำ�มัน ขณะนั้นบัตรเครดิตมีลักษณะเหมือนกับเหรียญโลหะ ต่อมาปี ค.ศ. 1950 นายแฟรงค์ แมคนามารา (Frank McNamara) ซึ่งเป็นน ักธ ุรกิจไ ด้ป รึกษากับน ายราล์ฟ ชไนเดอร์ (Ralph Schneider) ซึ่งเป็นทนายความ โดยมีแนวความคิดที่จะผลิตบัตรเครดิตเพื่อใช้แทนเงิน โดยได้ ผลิตบ ัตรไดเนอร์สค ลับข ึ้นม าเพื่อใ ช้ใ นการซื้อส ินค้าแ ละบริการแทนการชำ�ระเงินโ ดยตรง ภายหลังไ ด้ม บี ริษัท อเมริกันเอ็กซ์เพรส (American Express) ได้ออกบัตรเครดิต โดยมีวัตถุประสงค์ในครั้งแรกเพื่ออำ�นวย ความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ต้องพกเงินสดเป็นจำ�นวนมาก โดยได้ นำ�เสนอบัตรที่สามารถนำ�ไปขึ้นเงินได้ที่ธนาคารต่างๆ บัตรเครดิตเป็นบัตรที่ทำ�จากพลาสติก โดยผู้ถือหรือเจ้าของบัตรจะต้องได้รับการพิจารณา อนุมัติวงเงินหมุนเวียนจากธนาคารผู้ออกบัตร ซึ่งบัตรนี้จะอำ�นวยความสะดวกให้แก่ผู้ถือที่จะซื้อสินค้า และ/หรือเบิกเงินสดล่วงหน้าได้ แต่ต้องไม่เกินขีดจำ�กัดของวงเงินที่กำ�หนดไว้ บัตรเครดิตแต่ละใบจะมีการ กำ�หนดเวลาสิ้นส ุดใ นการใช้ บัตรเครดิตม ักจ ะไม่ค ่อยมีก ารคิดค ่าบ ริการเป็นร ายปี แต่ธ นาคารผู้อ อกบัตรจะ คิดดอกเบี้ยตามจำ�นวนเงินที่ผู้ถือบัตรทำ�รายการหรือใช้จ่ายเงิน ผู้ถือบัตรจะต้องชำ�ระเงินตามยอดเงินที่ใช้ บัตรเครดิตใ นการซื้อส ินค้า/บริการ โดยอาจจ่ายเพียงบางส่วน ซึ่งโ ดยมากมีก ารกำ�หนดอัตราต่ำ�สุดข องยอด ค่าใ ช้จ ่ายรวมไว้ ส่วนที่เหลือธนาคารผู้ออกบัตรจะคิดดอกเบี้ยจ ากผู้ถือบ ัตรตามอัตราที่ได้มีการตกลงกันไ ว้ โดยสามารถผ่อนชำ�ระเป็นงวดได้พร้อมดอกเบี้ยภายในระยะเวลาที่ธนาคารผู้ออกบัตรกำ�หนด โดยทั่วไปใน บัตรเครดิตจะมีก ารบันทึกข ้อมูลผ ู้ถ ือบ ัตร เลขที่บ ัญชีและข้อม ูลอ ื่นๆ อีกมากมายที่เข้ารหัสบนแถบแม่เหล็ก บัตรเครดิตบ างบัตรสามารถใช้เป็นบัตรเอทีเอ็ม (ATM) เพื่อถอนเงินสดได้ด้วย
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-38
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
บัตรเครดิตในสหรัฐอเมริกามีสองชนิดหลักๆ ชนิดแรก คือ บัตรเครดิตที่ปลอดภัย (Secured Credit Card ) คือบ ัตรที่ต้องเอาเงินไปฝากเข้าบัญชีบัตรไว้ก่อน และธนาคารผู้ออกบัตรจะพิจารณาการให้ วงเงิน ส่วนมากกจ็ ะได้ร ับอ นุมัตเิกินจ ากเงินท ีฝ่ ากไว้ไ ม่ม าก และชนิดท ีส่ องเรียกว่า บัตรเครดิตท ีไ่ ม่ป ลอดภัย (Non-Secured Credit Card) คือบ ัตรทีเ่ป็นบ ัตรเครดิตจ ริงๆ คือผ ูถ้ ือบ ัตรไม่ต ้องมเีงินฝ ากในบัญชี ธนาคาร ผู้ออกบัตรจะพิจารณาจากรายได้ประจำ� และประวัติการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตที่เคยมีมาก่อน ตัวอย่างบัตร เครดิต ดังแสดงในภาพที่ 6.7
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 6.7 ตัวอย่างบัตรเครดิต
ที่มา: http://www.cashthechecks.com/wp-content/uploads/credit-cards.jpg
ธ ส
ม
ธ ส
ม
2) บัตรชาร์จ (charge card) เป็นบัตรที่ผู้ถือบัตรสามารถนำ�ไปชำ�ระค่าสินค้า/บริการได้โดย ไม่มีการจำ�กัดวงเงินการใช้จ่าย และผู้ถือบัตรไม่จำ�เป็นต้องมีบัญชีเงินฝากกับผู้ออกบัตร ทำ�ให้ผู้ถือบัตร ได้รับความสะดวกสบายและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับวงเงิน แต่เมื่อได้รับใบแจ้งยอดรายเดือน ผู้ถือบัตรต้อง ชำ�ระเงินเต็มจ ำ�นวน ในทางเทคนิคเปรียบเสมือนกับผู้ถือบัตรได้รับเงินกู้โดยมีระยะเวลาในการชำ�ระภายใน 30-45 วัน ซึ่งยอดเงินกู้ก็คือยอดคงเหลือในใบแจ้งยอดรายเดือนนั่นเอง บัตรประเภทนี้ผู้ถือบัตรต้องจ่าย ค่าสมาชิกรายปี บริษัท อเมริกันเอ็กซ์เพรส (American Express) เป็นบริษัทแรกที่ได้เริ่มต้นให้บริการ บัตรชาร์จม าตั้งแต่ป ี ค.ศ. 1946 ทีส่ หรัฐอเมริกา โดยเริ่มจ าก “บัตรชำ�ระค่าใ ช้จ ่ายในการเดินท าง” เพื่อร องรับ ธุรกิจขนส่งและการเดินทางที่บริษัทดำ�เนินการอยู่ก่อนแล้ว ปัจจุบันได้รับการพัฒนาและรู้จักกันในชื่อของ บัตรเครดิตน ั่นเอง ตัวอย่างบัตรชาร์จการ์ด ดังแ สดงในภาพที่ 6.8
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 6.8 ตัวอย่างบัตรชาร์จการ์ด
ธ ส
ม
ธ ส
ที่มา: http://www.chemistryland.com/CHM107/Introduction/BehindScene/GoldCard.jpg
ธ ส
6-39
3) บัตรเครดิตเสมือน (virtual credit card) แม้วา่ ป ริมาณการซือ้ ข ายผา่ นพาณิชย์อ เิ ล็กทรอนิกส์ จะมอี ัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่ก ย็ ังม ผี ูบ้ ริโภคอีกจ ำ�นวนไม่น ้อยทีไ่ ม่ก ล้าเสี่ยงใช้บ ัตรออนไลน์ ในการซื้อส ินค้า/บริการ เนื่องจากยังไ ม่เชื่อถ ือใ นเรื่องการรักษาความปลอดภัย และกลัวว ่าจ ะถูกฉ ้อโกง บัตร เครดิตเสมือนจึงถ ูกส ร้างขึ้นเพื่อแ ก้ป ัญหาดังก ล่าว โดยธนาคารผู้ออกบัตรจะสุ่มต ัวเลขขึ้นม าจำ�นวนหนึ่งให้ แก่ผู้ถือบัตรเครดิตใช้แทนรหัสบัตรเครดิตบัตรจริง ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะอ้างอิงถึงบัตรเครดิตของผู้ถือบัตร รหัสบัตรที่อ อกมาใหม่นี้จ ะใช้ซื้อส ินค้า/บริการได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุน ี้ จึงม ีชื่อเรียกบัตรเครดิต เสมือนอีกช ื่อหนึ่งคือ เลขบัตรที่ใช้ครั้งเดียว (single-use card numbers) ตัวอย่างบัตรเครดิตเสมือน ดัง แสดงในภาพที่ 6.9
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ภาพที่ 6.9 ตัวอย่างบัตรเครดิตเสมือน
ที่มา: http://verifycards.com/wp-content/uploads/2010/03/16.jpg
ม
ธ ส
เลขที่บัตรใช้ได้เพียงครั้งเดียว
ม
6-40
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
แม้ว่าบัตรเครดิตเสมือนจะช่วยลดโอกาสในการฉ้อโกงลง แต่ก็มีข้อจำ�กัดคือ การซื้อสินค้า/ บริการโดยใช้บัตรเครดิตเสมือนจะไม่สามารถยืนยันข้อมูลวงเงินของผู้ซื้อได้หลังจากวันที่มีการใช้บัตรนั้น เพราะเลขรหัสด ังก ล่าวจะหมดอายุท ันทีห ลังจ ากวันท ีม่ กี ารใช้บ ัตร ซึ่งป ัญหาทีต่ ามมาคือ ผูถ้ ือบ ัตรไม่ส ามารถ ใช้บัตรในการซื้อสินค้า/บริการที่เรียกเก็บเงินในภายหลังได้ เช่น การชำ�ระค่าสมาชิกวารสาร ซึ่งมักจะเรียก เก็บเงินจากบัตร ณ วันที่หมดอายุสมาชิกเดิม การเช็คอิน (check in) เพื่อเข้าพักในโรงแรม ซึ่งโรงแรม บางแห่งจะขอเลขบัตรเครดิตเพื่อตรวจสอบข้อมูลก่อน แต่จะเรียกเก็บเงิน ณ วันที่เช็คเอาต์ (check out) ออกจากโรงแรม เป็นต้น 4) บัตรอจั ฉริยะหรือส มารต์ การ์ด (smart card) เป็นบ ัตรพลาสติกท ีม่ ขี นาดเท่ากับบ ัตรเครดิต โดยในบัตรมีก ารบันทึกข ้อมูลล งในไมโครชิปท ี่ฝ ังอ ยู่ใ นบัตร ชิปท ี่ฝ ังอ ยู่ค ือ ไมโครโพรเซสเซอร์ (microprocessor chip) กับชิปหน่วยความจำ� (memory chip) ที่เรียกว่า อีอีพรอม (EEPROM - Electronically Erasable, Programmable, Read-Only Memory) ข้อมูลท ี่จ ัดเก็บใ นไมโครโพรเซสเซอร์ส ามารถปรับปรุง หรือลบ หรือบันทึกเพิ่มเติมได้ ข้อมูลในบัตรมีระบบรักษาความปลอดภัยโดยวิธีการเข้ารหัสตามมาตรฐาน เพื่อใ ห้ม คี วามปลอดภัยส ูงข ึ้น สมารต์ การ์ด มีค วามแตกต่างจากบัตรทั่วไปคือ ขณะประมวลผลข้อมูลร ายการ เชิงธุรกรรม (transaction) สมาร์ต การ์ดสามารถทำ�งานได้เองโดยไม่จำ�เป็นต้องติดต่อสื่อสารกับศูนย์กลาง ข้อมูลเหมือนกับบ ัตรที่ใ ช้แ ถบแม่เหล็กท ั่วไป ทำ�ให้สะดวกรวดเร็วแ ละประหยัดใ นด้านการเชื่อมต่อก ับร ะบบ เครือข่ายสื่อสาร ในการประมวลผลและจัดเก็บข ้อมูล สมารต์ การ์ดส ามารถทำ�ได้ร วดเร็วก ว่าส ื่อเก็บข ้อมูลช นิด อื่นๆ และยังม ขี นาดทเี่ท่ากับบ ัตรแถบแม่เหล็ก ทำ�ให้ส ะดวกในการจัดเก็บแ ละพกพา นอกจากนี้ สมารต์ การ์ด ยังมีคุณสมบัติด้านความทนทานอีกด้วย เพราะทนต่อรังสีชนิดต่างๆ สนามแม่เหล็ก ไฟฟ้าสถิต ความชื้น ความร้อน และการบิดงอ ซึ่งสิ่งดังกล่าวไม่สามารถทำ�ให้สมาร์ตการ์ดเสียหายได้โดยง่าย สำ�หรับตัวอย่าง บัตรอัจฉริยะ ดังแสดงในภาพที่ 6.10 ไมโครชิปที่ฝ ังอยู่บนบัตร
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ภาพที่ 6.10 ตัวอย่างบัตรสมาร์ตการ์ด
ที่มา: http://image.ohozaa.com/ir/3112553175933.png
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-41
ธ ส
1.2 บัตรออนไลน์ท ี่ต้องชำ�ระเงินก ่อนการใช้บ ัตร เป็นบัตรที่ผู้ใช้ต้องชำ�ระเงิน หรือมีการเปิดบัญชี เงินฝากไว้กับธนาคารผู้อ อกบัตรก่อนจึงจะได้บัตรไปใช้ในการชำ�ระค่าสินค้าและ/หรือบ ริการ บัตรประเภทนี้ เรียกว่า “พรีเพดการ์ด” (prepaid card) ซึ่งบ ัตรอออนไลน์ที่จัดอ ยู่ใ นบัตรประเภทนี้มีด้วยกันห ลายประเภท ดังนี้ 1) บัตรเดบิต (debit card) เป็นบัตรที่ผู้ถือบัตรต้องชำ�ระเงิน หรือเปิดบัญชีเงินฝากกับ ธนาคารผูอ้ อกบัตรก่อนธนาคารจึงจ ะออกบัตรให้ ผูถ้ ือบ ัตรสามารถนำ�ไปใช้ท ำ�ธุรกรรมทางการเงินด ้วยระบบ อิเล็กทรอนิกส์ผ ่านตู้เอทีเอ็ม ไม่ว่าจะถอนเงิน โอนเงิน และชำ�ระค่าบริการต่างๆ บัตรเดบิตช ่วยสร้างความ สะดวกสบายสำ�หรับผ ู้ท ี่ไม่ต้องการถือเงินสด การใช้บ ัตรเดบิตไ ปซื้อสินค้า/บริการนั้น เงินจ ะถูกหักออกจาก บัญชีข องผถู้ ือบ ัตรทันที ต่างจากบัตรเครดิตท เี่หมือนเป็นการนำ�เงินจ ากธนาคารหรือส ถาบันก ารเงินม าใช้ก ่อน แล้วค่อยผ่อนจ่ายคืนในภายหลัง ปัจจุบันก ารใช้บ ัตรเดบิตม แี นวโน้มส ูงข ึ้นเรื่อยๆ สาเหตุจ ากหลายปัจจัยด ้วยกัน รวมทั้งก ารมุ่ง ทำ�การตลาดของธนาคารที่ผ ลักด ันใ ห้บ ัตรเดบิตเข้าม าแทนทีบ่ ัตรเอทีเอ็ม และด้วยเงื่อนไขในเรื่องของรายได้ และฐานเงินเดือน ทำ�ให้คนจำ�นวนมากซึ่งส ่วนใหญ่ก็คือ คนที่มีรายได้ไม่สูงพอที่จะสมัครบัตรเครดิตได้ จึง หันม าเลือกใช้บัตรเดบิตแทน
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 6.11 ตัวอย่างบัตรเดบิต
ม
ธ ส
ม
ที่มา: http://cdn.learners.in.th/assets/media/files/000/229/301/original_E8417409-1.jpg?1285477050
ม
ม
ธ ส
2) บัตรจดั เก็บม ลู ค่า (stored-value card) เป็นบัตรที่มีการระบุจำ�นวนเงินที่แน่นอนลงในบัตร เรียบร้อยแล้ว สามารถนำ�ไปใช้แ ทนเงินไ ด้ท ันที บัตรสะสมมูลค่าแ ตกต่างจากบัตรเครดิตค ือ เมื่อผ ูถ้ ือบ ัตรนำ� บัตรเครดิตไ ปใช้จ่าย ยอดเงินค่าใช้จ่ายจะถูกจ ากบัญชีในธนาคาร หรือต ้องนำ�เงินไ ปชำ�ระในภายหลังเมื่อได้ รับใ บแจ้งห นี้ แต่บ ัตรจัดเก็บม ูลค่าส ามารถใช้แ ทนเงินสดได้เลย และบัตรจัดเก็บม ูลค่าก ็ม ีค วามแตกต่างจาก บัตรเดบิตต รงที่ บัตรเดบิตจะมีการระบุชื่อผ ู้ถ ือบัตรลงในบัตร แต่บัตรจัดเก็บมูลค่าจะไม่มีการระบุชื่อผู้ถือ บัตรลงในบัตร ผู้ถือบัตรสามารถนำ�บัตรจัดเก็บมูลค่าไปซื้อสินค้า/บริการในลักษณะออนไลน์หรือออฟไลน์ ก็ได้
ม
ธ ส
6-42
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
บัตรจัดเก็บมูลค่าถูกนำ�ไปพัฒนาเป็นบัตรของขวัญ (gift card) ที่นิยมให้ในโอกาสหรือ เทศกาลสำ�คัญๆ แทนการให้เงินสด ตัวอย่างบัตรจัดเก็บมูลค่าดังแสดงในภาพที่ 6.12
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ภาพที่ 6.12 ตัวอย่างบัตรจัดเก็บม ูลค่า
ม
ธ ส
ม
ที่มา: http://giftah.com/blog/wp-content/uploads/2009/08/Starbucks-Gift-Card-Certificate.jpg http://parsonenterprises.com/images/giftcards-main_Full.jpg
ม
3) บัตรรอยัลต ี (royalty card) เป็นบัตรออนไลน์ที่ใช้ควบคู่กับการซื้อสินค้าและ/หรือบริการ แต่ไม่ใช่บัตรที่ใช้ชำ�ระค่าสินค้าและ/หรือบริการ บัตรรอยัลตีมีวัตถุประสงค์คือ อาจใช้เพื่อขอส่วนลดเมื่อมี การซื้อสินค้าและ/หรือบริการ หรือใช้สะสมยอดซื้อเพื่อนำ�ไปแปลงเป็นคะแนนสำ�หรับใช้เป็นส่วนลดในการ ซื้อส ินค้าและ/หรือบริการในครั้งต ่อไป หรือใช้แ ลกเปลี่ยนเป็นข องสมนาคุณ ปัจจุบันซ ูเปอร์มาร์เก็ตและห้าง สรรพสินค้าหลายแห่งน ิยมออกบัตรดังก ล่าว ตัวอย่างบัตรรอยัลตีดังแสดงในภาพที่ 6.13 ส่วนลดที่ระบุในบัตร
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 6.13 ตัวอย่างบัตรรอยัลต ี
ม
ที่มา: http://www.thebangkokshoppingguide.com/images/centralworld/centralcard.jpg http://www.monarchautomotive.co.uk/images/royalty_card.jpg
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-43
ธ ส
2. การประมวลผลบัตรเครดิตในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์
ระบบชำ�ระเงินผ ่านบัตรเครดิตเป็นร ะบบทนี่ ิยมใช้ม ากที่สุดใ นการทำ�ธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ ในตลาดค้าป ลีก (Laudon and Traver 2002) เนื่องจากมขี ้อดีห ลายประการทีร่ ะบบชำ�ระเงินแ บบดั้งเดิมไ ม่มี ตามที่ได้กล่าวมาแล้วใ นเรื่องที่ 6.1.2 ผู้ขายที่ต้องการประมวลผลการชำ�ระเงินผ่านบัตรเครดิตในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์นั้นจำ�เป็นต้องมี ซอฟต์แวร์และอุปกรณ์พื้นฐาน คือ 2.1 ซอฟต์แวร์สำ�หรับการชำ�ระเงิน (payment software) ในการชำ�ระเงินผ่านบัตรออนไลน์นั้น ผู้ข ายจำ�เป็นต ้องมีซ อฟต์แวร์โ ดยเฉพาะที่ใ ช้ใ นการชำ�ระเงินผ ่านบัตรออนไลน์ ซึ่งซ อฟต์แวร์ด ังก ล่าวสามารถ หาซื้อได้จ ากเว็บไซต์อ ื่นๆ หรือจากธนาคารที่ผู้ข ายเป็นลูกค้า เมื่อได้ซอฟต์แวร์มาแล้วต้องนำ�มาเชื่อมโยงเข้า กับซอฟต์แวร์อื่นที่ผู้ขายใช้ในการทำ�พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์การชำ�ระเงินผ ่านบัตรออนไลน์จะทำ� หน้าที่ติดต่อกับช่องทางชำ�ระเงิน หรือเกตเวย์ (gateway) ที่ดำ�เนินการโดยธนาคารหรือสถาบันก ารเงิน 2.2 ระบบชำ�ระเงิน ณ จุดข าย หรือพ ีโอเอส (Point of Sale system - POS) เป็นระบบชำ�ระเงินที่ใช้ เครื่องชำ�ระเงิน ณ จุดข ายรับชำ�ระเงินจากผู้ซื้อ โดยแบ่งอ อกเป็น 2 ลักษณะ คือ 1) ระบบชำ�ระเงิน ณ จุดข ายที่ดำ�เนินการโดยธนาคาร (point of sale system operated by an acquirer bank) กรณีที่ผ ู้ข ายไม่ต้องการรับชำ�ระเงินเอง ผู้ขายสามารถใช้บริการจากบุคคลที่สาม ซึ่งส่วนมาก ก็คือ ธนาคารที่รับดำ�เนินการในเรื่องนี้โดยเฉพาะได้ โดยเมื่อผู้ซื้อสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ผู้ขายเรียบร้อย แล้ว และเมื่อถ ึงขั้นตอนชำ�ระเงิน ผู้ข ายสามารถทำ�ลิงก์บนเว็บเพจเพื่อเชื่อมโยงให้ผู้ซื้อชำ�ระผ่านบัตรโดยใช้ ระบบชำ�ระเงิน ณ จุดขายที่ดำ�เนินการโดยธนาคารแทนได้ ในกรณีนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระในด้านการรับชำ�ระ เงินให้แก่ผู้ขายได้ แต่สิ่งสำ�คัญคือ ผู้ที่จะมาดำ�เนินการรับชำ�ระเงินต้องเป็นธนาคารที่สามารถรับชำ�ระจาก บัตรที่หลากหลายประเภทได้ เพราะมิฉะนั้นแล้วผู้ขายก็ต้องติดต่อกับธนาคารดังกล่าวมากกว่าหนึ่งแห่ง 2) ระบบชำ�ระเงิน ณ จุดขายที่ดำ�เนินการโดยผู้ให้บริการด้านการชำ�ระเงิน (point of sale system operated by a payment service provider) ในกรณีที่ผู้ขายให้ความไว้วางใจต่อผู้ที่ให้บริการเครื่อง แม่ข ่ายที่ใ ช้ในการทำ�พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ข ายอาจใช้บริการการรับชำ�ระเงินที่ดำ�เนินการโดยผู้ให้บริการ เครื่องแม่ข ่ายด้วยก็ได้ ซึ่งผ ู้ใ ห้บริการด้านการชำ�ระเงินจะเชื่อมต่อกับบริษัทท ี่สามที่มีซอฟต์แวร์การรับชำ�ระ เงินใ ห้บ ริการอยู่ ตัวอย่างบริษัทท ีใ่ ห้บ ริการรับช ำ�ระเงิน เช่น บริษัท เพย์พัล (Paypal) ซึ่งเป็นท ีร่ ู้จักก ันท ั่วโ ลก ปัจจุบันบริษัท เพย์พัลใ ห้บริการรับชำ�ระเงินการประมูลซื้อขายสินค้าผ่านเว็บไ ซต์อีเบย์ เป็นต้น
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
3. ขั้นตอนการชำ�ระเงินผ ่านบัตรเครดิตโดยชำ�ระ ณ จุดข าย
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
สำ�หรับขั้นตอนการชำ�ระเงินผ่านบัตรเครดิตโดยชำ�ระ ณ จุดขายที่ดำ�เนินการโดยธนาคารประกอบ ด้วย 2 ขั้นต อนหลัก ดังนี้ 3.1 การตรวจสอบความถูกต้องของบัตรเครดิต เป็นขั้นตอนแรกที่ร้านค้าจะต้องทำ� ประกอบด้วย ขั้นตอนย่อย 2 ขั้นต อน คือ
ม
6-44
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
1) ผูข้ ายจะนำ�ข้อมูลบ ัตรของผูซ้ ื้อผ ่านเครื่องจับข ้อมูลอ ิเล็กทรอนิกส์ หรืออดี ซี ี (Electronic Data Capture - EDC) ที่ต่ออยู่กับเครื่องพีโอเอส โดยเครื่องอีดีซีจะติดต่อไปยังธนาคารที่ให้บริการแก่ ผู้ขาย (acquirer bank) เพื่อต รวจสอบวงเงินจากธนาคารผู้ออกบัตร (issue bank) ธนาคารผู้ออกบัตรจะ ตรวจสอบข้อมูลแ ละเลขบัญชีของผู้ถ ือบัตรจากฐานข้อมูลของธนาคารผู้ออกบัตร 2) เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยธนาคารผู้ออกบัตรจะส่งข้อมูลการอนุมัติกลับไปยังธนาคารที่ให้ บริการแก่ผู้ขาย
ธ ส
ม
ธ ส
1)
2)
เครื่องพีโอเอส
เครื่องอีด ีซี
ข้อมูลก ารอนุญาตบัตร
ธ ส
ม
ร้องขอให้ตรวจสอบการอนุญาตบัตร
ร้องขอให้ตรวจสอบการอนุญาตบัตร
ม
ธนาคารที่ให้บริการแก่ผ ู้ขาย
ข้อมูลการอนุญาตบัตร
ภาพที่ 6.14 ขั้นต อนการตรวจสอบความถูกต้องของบัตรเครดิต
ม
ธนาคารผู้ออกบัตร
ธ ส
ม
3.2 การเรียกเก็บเงินแ ละปรับปรุงข้อมูลผ ู้ถือบ ัตรเครดิต ประกอบด้วยขั้นตอนย่อย 2 ขั้นตอน คือ 1) เมื่อถึงเวลากลางคืน ธนาคารที่ให้บริการแก่ผู้ขายจะโหลดข้อมูลธุรกรรมเชิงรายการจาก เครื่องพีโอเอส หรือระบบของผู้ขายที่ธนาคารให้บริการทุกราย ซึ่งข้อมูลธุรกรรมเชิงรายการ ประกอบด้วย ข้อมูลก ารซื้อส ินค้า/บริการ และการชำ�ระเงินด ้วยบัตรเครดิต ข้อมูลจ ะถูกเก็บร วบรวมและนำ�ไปจัดเรียงเพื่อ แบ่งตามประเภทของบัตรและธนาคารผู้ออกบัตร จากนั้นจ ึงส ่งข ้อมูลไ ปยังธ นาคารผู้ออกบัตรแต่ละธนาคาร เพื่อเรียกเก็บเงินต่อไ ป 2) เครื่องคอมพิวเตอร์ของธนาคารผู้ออกบัตรจะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลธุรกรรม เชิงรายการทุกรายการของผู้ถือบัตร และปรับปรุงข้อมูลยอดเงินคงเหลือในบัญชีของผู้ถือบัตร จากนั้นจะ โอนเงินให้กับธนาคารที่ใ ห้บริการแก่ผ ู้ข ายเป็นยอดขายที่หักค่าดำ�เนินการ
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ข้อมูลย อดขายและรหัสบ ัตร
ธ ส
เครื่องอีด ีซี
เครื่องพีโอเอส
ม
ม
ข้อมูลยอดขายหักค่าดำ�เนินการ
ธนาคารผู้ขาย
2)
ธ ส
ธ ส
ม
ปรับปรุงข้อมูลบัญชีผู้ขาย
ธนาคารผู้ออกบัตร
4. ข้อดีและข้อจ ำ�กัดข องวิธีการชำ�ระเงินผ ่านบัตรเครดิตแบบออนไลน์
ธ ส
ธ ส
ปรับปรุงข ้อมูลบัญชีผู้ถือบัตรเครดิต
ภาพที่ 6.15 ขั้นต อนการเรียกเก็บเงินและปรับปรุงข ้อมูลผู้ถือบัตร
ม
ธ ส
ข้อมูลท ี่จัดแบ่งตามประเภทบัตรและธนาคารผู้อ อกบัตร
ข้อมูลยอดขาย หักส่วนลด
ม
ธ ส
6-45
ข้อมูลยอดซื้อ ที่ต้องชำ�ระ
1)
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
วิธีการชำ�ระเงินผ่านบัตรเครดิตแบบออนไลน์มีข้อดีและข้อจำ�กัด ดังนี้ ข้อดี 1. ง่ายและสะดวกในการชำ�ระเงินผ่านระบบออนไลน์ โดยร้านค้าใ ช้เครื่องอ่านข้อมูลจากบัตร หรือ หากซื้อผ ่านระบบอินเทอร์เน็ต ผูซ้ ื้อก เ็พียงป้อนเลขทีบ่ ัตรเครดิต เลขรหัส 3 ตัวด ้านหลังบ ัตร วันเดือนปที ีอ่ อก บัตร และวันเดือนปีที่บัตรหมดอายุ ก็ส ามารถชำ�ระเงินค่าสินค้า/บริการได้ทันที 2. ผู้ซ ื้อไ ม่ต้องชำ�ระเงินสดทันทีท ี่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต สามารถชำ�ระเงินสดได้ในภายหลัง เมื่อได้รับเอกสารแจ้งห นี้จากธนาคาร 3. เป็นท ี่ย อมรับและสามารถใช้ชำ�ระค่าสินค้า/บริการได้ทั่วโลก 4. กรณีที่มีการฉ้อโกงความเสี่ยงหรือความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ธนาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบ หลัก ผู้ใช้บัตรรับผิดชอบความเสี่ยง หรือค วามเสียหายเพียงบางส่วน หรืออาจไม่ต้องรับผิดชอบเลย ข้อจำ�กัด 1. ง่ายต่อการปลอมแปลง เนื่องจากไม่ได้ใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนใดๆ ในการผลิต และข้อมูลเลขที่ บัตร ชื่อเจ้าของบัตร วันเดือนปีที่หมดอายุของบัตร ก็ปรากฏอย่างชัดเจนอยู่บนบัตร 2. มีค วามเสี่ยงในเรื่องการส่งข ้อมูลส ำ�คัญท ี่เกี่ยวข้องกับบ ัตรเครดิตผ ่านระบบเครือข ่ายเพื่อแ สดง ตัวตนของผู้ถือบัตร 3. ค่าใ ช้จ ่ายในการดำ�เนินก ารค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับก ารชำ�ระด้วยวิธีอ ื่น จึงไ ม่เหมาะกับก ารชำ�ระ เงินที่มียอดเงินจำ�นวนน้อย
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
6-46
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
4. ในการชำ�ระเงินด้วยบัตรเครดิตทุกครั้งร้านค้าจะต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล โดย ติดต่อไปยังฐานข้อมูลของธนาคารหรือสถาบันการเงินผู้ออกบัตรก่อนทุกค รั้ง ซึ่งต้องใช้เวลา และในบางครั้ง หากระบบฐานข้อมูลของธนาคารมีปัญหาก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ ทำ�ให้ไม่สามารถใช้บัตรเครดิตชำ�ระค่า สินค้า/บริการ ณ ขณะนั้นได้ 5. ผู้ซ ื้อท ี่จ ะมีบ ัตรเครดิตไ ด้น ั้น จำ�เป็นต้องสมัครและได้ร ับก ารอนุมัติจากธนาคารหรือสถาบันก าร เงินอ ย่างถูกต ้องตามกฎหมายก่อน ในขณะทีว่ ิธกี ารชำ�ระแบบอื่นน ั้น ผูซ้ ื้อไ ม่จ ำ�เป็นต ้องรอการอนุมัตใิ ดๆ จาก ธนาคารหรือสถาบันการเงิน 6. การชำ�ระเงินด้วยบัตรเครดิตมีต้นทุนค่อนข้างสูงในการอนุมัติการใช้บัตร ทำ�ให้มีความจำ�เป็น ต้องกำ�หนดมูลค่าขั้นตํ่าของการทำ�ธุรกรรม เช่น ต้องสูงเกินกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นไปจึงจะคุ้มค่าต่อค่า ธรรมเนียมที่ต้องจ่าย ซึ่งท ำ�ให้ระบบการชำ�ระเงินดังก ล่าวไม่เหมาะสมกับการซื้อสินค้าที่มีมูลค่าตํ่ามาก 7. ค่าธ รรมเนียมในการชำ�ระด้วยบัตรเครดิตม ักค ิดจ ากร้อยละของมูลค่าส ินค้า จึงไ ม่เหมาะสมกับ การซื้อขายสินค้าที่ม ีมูลค่าส ูงมาก 8. การชำ�ระเงินผ ่านบัตรเครดิตด ้วยโพรโทคอลแบบเอสเอสแอล (SSL) ยังไ ม่ไ ด้แ ก้ไขปัญหาความ ปลอดภัยอ ย่างสมบูรณ์ เนือ่ งจากในกระบวนการดงั ก ล่าวรา้ นคา้ ไ ม่ส ามารถแน่ใจได้ว า่ ผ สู้ ัง่ ซ ือ้ ส นิ ค้าเป็นบ คุ คล ตามที่กล่าวอ้าง และเป็นเจ้าของบัตรเครดิตนั้นจ ริงหรือไม่
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 6.2.2 แล้ว โปรดปฏิบัติกิจกรรม 6.2.2 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 6 ตอนที่ 6.2 เรื่องที่ 6.2.2
ม
ธ ส
ธ ส
ม ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
เรื่องที่ 6.2.3 ระบบชำ�ระเงินด ้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
6-47
ม
การใช้เช็คกระดาษได้ม ีมานานแล้วต ั้งแต่ป ี ค.ศ. 1717 ซึ่งธนาคารของอังกฤษ เป็นสถาบันการเงิน แห่งแรกที่จัดพิมพ์แบบฟอร์มของเช็คกระดาษขึ้นมาเพื่อป้องกันการฉ้อโกง เนื่องจากก่อนหน้านั้นจะใช้วิธี การเขียนขึ้นมาเองโดยผู้ซ ื้อ ทำ�ให้การลอกเลียนและฉ้อโกงเกิดขึ้นได้ง่าย เพราะเช็คที่ออกโดยธนาคารจะมี หมายเลขเช็คกำ�กับพิมพ์อยู่ด้วย เมื่อม ีการนำ�เช็คมาขอขึ้นเงิน ธนาคารผู้อออกเช็คจะตรวจสอบเลขดังกล่าว ก่อนที่จ ะจ่ายเงินใ ห้ต ามจำ�นวนที่ร ะบุไ ว้ใ นเช็ค ปัจจุบันเช็คไ ด้ร ับก ารพัฒนาให้เป็นเช็คอ ิเล็กทรอนิกส์ท ี่อ ยู่ใ น รูปแบบของข้อมูลดิจิทัล ทั้งนี้ เพื่ออ ำ�นวยความสะดวกในการทำ�ธุรกรรมผ่านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
ม
ธ ส
1. แนวคิดเกี่ยวกับระบบชำ�ระเงินด ้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินด้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์ (electronic cheque payment system) เป็นระบบที่ชำ�ระ เงินโดยใช้เช็คอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่า “อีเช็ค” (e-cheque) เป็นวิธีการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกใช้ ในธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ท ี่ไ ด้ร ับค วามนิยมเพิ่มม ากขึ้นอ ย่างต่อเนื่อง ดังจ ะเห็นไ ด้จ ากผลการสำ�รวจของบริษัท ไซเบอร์ซ อร์ส (CyberSource 2005) พบว่าป ี ค.ศ. 2004 อัตราการใช้เช็คอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก ปีก อ่ นถงึ ร อ้ ยละ 40 โดยมจี �ำ นวนขอ้ ม ลู ธ รุ กรรรมเชิงร ายการมากกว่า 968 ล้านรายการ และมแี นวโน้มท จี่ ะเพิม่ มากขึน้ ต อ่ ไ ปดว้ ย เช็คอ เิ ล็กทรอนิกส์เป็นท นี่ า่ เชือ่ ถ อื แ ละนยิ มใช้ใ นธรุ กิจข นาดเล็กแ ละขนาดกลางทไี่ ม่ส ามารถ รองรับก ารชำ�ระเงินผ ่านบัตรเครดิตท ี่ต ้องใช้เงินล งทุนส ูง และผู้ข ายยังค าดการณ์ว ่าการใช้เช็คอ ิเล็กทรอนิกส์ จะเป็นอ ีกทางเลือกหนึ่งของผู้ซ ื้อท ี่ไม่มีบัตรเครดิต หรือผู้ที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นทราบเลขที่บัตรเครดิต การใช้เช็คอิเล็กทรอนิกส์ไม่แตกต่างจากการใช้เช็คกระดาษทั่วไป ในการซื้อเช็คอิเล็กทรอนิกส์ นั้น เริ่มจากผู้ซื้อแจ้งความต้องการไปยังธนาคารที่เปิดบัญชีไว้ ธนาคารจะออกเช็คในรูปแบบของเอกสาร อิเล็กทรอนิกส์ที่ประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ คือ ชื่อของสถาบันการเงิน เลขบัญชีของผู้เป็นเจ้าของเช็ค ชื่อ เจ้าของบัญชี ประเภทของบัญชี จำ�นวนเงิน และเลขจำ�นวน 9 หลัก หรือท ีเ่รียกว่า “เอบเีอ” (ABA- American Banking Association) ซึ่งเลขเอบีเอนี้จ ะใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา และมีไว้เพื่อใช้ในการจัดการเช็คเมื่อ เช็คถูกส่งมาเรียกเก็บเงินที่ธนาคารผู้อ อกเช็ค โดยใช้เป็นรหัสในการเรียงลำ�ดับเพื่อจัดกลุ่ม และเพื่ออำ�นวย ความสะดวกในการส่งเช็คกลับไปยังผู้ที่เขียนหรือจ่ายเช็ค ข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาจะถูกเข้ารหัส และเช่น เดียวกับเช็คกระดาษ ต้องมีล ายเซ็นผ ู้ส ั่งจ ่ายเช็ค ซึ่งในเช็คอิเล็กทรอนิกส์จะใช้ลายเซ็นดิจิทัลที่เป็นข้อมูลเข้า รหัสไ ว้เช่นก ัน เมื่อผ ู้ซ ื้อม ีก ารจ่ายค่าส ินค้า/บริการให้แ ก่ผ ู้ข ายโดยใช้เช็คอ ิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารฝั่งผ ู้ข ายก็จ ะ นำ�รหัสเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารฝั่งผ ู้ซ ื้อ
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-48
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
2. ขั้นตอนการประมวลผลในระบบชำ�ระเงินด้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์
สำ�หรับขั้นตอนการประมวลผลระบบชำ�ระเงินด้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์ ดังแสดงในภาพที่ 6.16
ธ ส
ขั้นต อนที่ 1 ข้อมูลรายการสั่งซ ื้อที่เข้ารหัสพร้อมแนบอีเช็ค
ม ผู้ซื้อ
เช็คอิเล็กทรอนิกส์ (e-cheque)
เช็ค
ขั้นต อนที่ 5 ธนาคารผู้ซื้อ ส่งใบแจ้งการชำ�ระเงินด้วย อีเช็คให้แก่ผู้ซื้อ
ธ ส
ธ ส
ใบสั่งซ ื้อ
ขั้นตอนที่ 4 ธนาคาร ผู้ขายจะปรับปรุง ยอดเงินจากอีเช็ค ในบัญชีของผู้ขาย
ม ลายเซ็น
หนังสือรับรอง
ม
e-cheque
สำ�นักงานหักบัญชี
ธ ส
ธ ส
e-cheque ธนาคารฝั่งผู้ขาย
ม
ขั้นตอนที่ 2 ถอดรหัสข้อมูล เพื่อตรวจสอบ ความถูกต้อง แนบใบนำ�ฝาก หนังสือรับรอง เช็คและเข้า รหัสใหม่
ธ ส
ข้อมูลที่เข้ารหัส ส่งให้ธนาคาร ฝั่งผู้ขาย
ข้อมูลถ ูกเข้ารหัส
ขั้นต อนที่ 3 ธนาคารผู้ขายถอดรหัส ตรวจสอบข้อมูลและส่งอีเช็คไปสำ�นักงาน หักบ ัญชีแ ละธนาคารฝั่งผู้ซ ื้อ
ธนาคารฝั่งผู้ซื้อ
ม ผู้ขาย
ม
ใบนำ�ฝากเงิน เช็ค
ลายเซ็น
หนังสือรับรอง
ลายเซ็นสลักหลังเช็ค
ธ ส
ภาพที่ 6.16 ขั้นต อนการประมวลผลการชำ�ระเงินด้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์
ม
จากภาพที่ 6.16 ประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ ขัน้ ต อนที่ 1 ผูซ้ ือ้ ป อ้ นรายการสนิ ค้า/บริการทสี่ ัง่ ซ ือ้ ผ า่ นเว็บไซต์ข องผขู้ าย และแนบเช็คอ เิ ล็กทรอนิกส์ ที่ม ีก ารลงลายเซ็นอ ิเล็กทรอนิกส์แ ล้ว ซึ่งเช็คอ ิเล็กทรอนิกส์ก ็ค ือไ ฟล์เอกสารอิเล็กทรอนิกส์น ั่นเอง โดยมีก าร เข้ารหัส และส่งไปยังผ ู้ข าย ขั้นตอนที่ 2 ผู้ข ายจะถอดรหัสข้อมูล ตรวจสอบความถูกต้องของหนังสือรับรองของผู้ซื้อ ลายเซ็น และข้อมูลใ นเช็ค พร้อมแนบใบนำ�ฝากและหนังสือรับรอง โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกเข้ารหัสใหม่และส่งไปยัง ธนาคารที่ผู้ขายเปิดบัญชีไว้
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-49
ธ ส
ขั้นตอนที่ 3 ธนาคารฝั่งผู้ข ายทำ�การตรวจสอบลายเซ็น หนังสือรับรอง และส่งเช็คไปเรียกเก็บเงินที่ สำ�นักงานหักบ ัญชี สำ�นักงานหักบ ัญชีจ ะส่งข ้อมูลเช็คไ ปยังธ นาคารฝั่งผูซ้ ื้อเพื่อเรียกเก็บเงิน ข้อมูลท ั้งหมดจะ ถูกรับส่งผ่านระบบเครือข่ายที่ม ีการรักษาความปลอดภัยสูง ขัน้ ต อนที่ 4 เมื่อเช็คถ ูกเรียกเก็บเงินไ ด้แ ล้ว ข้อมูลจ ำ�นวนเงินจ ะถูกน ำ�มาปรับปรุงใ นบัญชีข องผู้ข าย และธนาคารฝั่งผู้ขายจะส่งใบแจ้งก ารเรียกเก็บเงินใ ห้ผู้ขายทราบ ขั้นตอนที่ 5 ธนาคารฝั่งผู้ซื้อจะจัดส่งใบแจ้งการชำ�ระเงินด้วยเช็คที่ผู้ซื้อสั่งจ่ายทั้งหมดไปให้แก่ ผู้ซื้อทุกสิ้นเดือน ธุรกิจส่วนมากจะให้ความเชื่อถือใ นการใช้ซอฟต์แวร์ของบริษัทที่พ ัฒนาซอฟต์แวร์สำ�หรับการชำ�ระ เงินด ้วยเช็คอ ิเล็กทรอนิกส์ บริษัทท ี่ใ ห้บ ริการซอฟต์แวร์ร ายใหญ่ๆ ได้แก่ บริษัท เช็คฟ รีค อร์ปอเรชั่น (http:// www.checkfreecorp.fiserv.com/cda/corp/index.jsp?layoutId=1) บริษัท เทเลเช็คคอร์ปอเรชั่น (http://www.telecheck.com/home/index.htm) บริษัท อเมริเน็ต (http://www.amerinet-gpo.com/ Pages/default.aspx) บริษัท เชสเพย์เมนต์เทค (http://www.chasepaymentech.com/) และบริษัท ออธอไรซ์ (http://www.authorize.net/) ซึ่งซอฟต์แวร์ดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการใช้ระบบชำ�ระเงิน ผ่านบัตรเครดิต เช็คอ ิเล็กทรอนิกส์แ ตกต่างจากการโอนเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Fund Transfer - EFT) ตรงที่เช็คอ ิเล็กทรอนิกส์แต่ละใบจะถูกกำ�หนดรหัสที่แน่นอนในการออกให้แก่ผู้ซื้อเช็คทุกค รั้ง ดังน ั้น ผู้ขาย จะต้องนำ�เช็คแต่ละใบไปเรียกเก็บเงินค ืนจ ากธนาคารผู้อ อกเช็ค และมีก ารคิดค่าดำ�เนินการเพิ่มเติมด ้วย แต่ สำ�หรับการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้น การถอนเงินจะถูกทำ�โดยอัตโนมัติตามใบเสร็จในแต่ละเดือนหรือตาม ค่าใช้จ่ายคงที่ โดยไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
3. ข้อดีและข้อจ ำ�กัดข องวิธีการชำ�ระเงินด ้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
ม
วิธีการชำ�ระเงินด้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์มีข้อดีและข้อจำ�กัดห ลายประการ ดังนี้ ข้อดีสำ�หรับผซู้ ื้อ 1. การใช้เช็คอิเล็กทรอนิกส์ไม่จำ�เป็นต้องเปิดเผยข้อมูลบัญชีของผู้ซื้อให้แก่ผู้ขาย โดยเฉพาะใน การประมูลอิเล็กทรอนิกส์ 2. นอกจากนี้แล้ว ในการใช้เช็คอิเล็กทรอนิกส์นั้น ผู้ซื้อไม่ต้องส่งข้อมูลเกี่ยวกับการเงินผ่านระบบ เครือข่าย เนื่องจากธนาคารจะไปดำ�เนินการเองในส่วนนี้ สำ�หรับผู้ขาย 1. ค่าใช้จ่ายในการเรียกเก็บเงินด้วยเช็คอิเล็กทรอนิกส์จะน้อยกว่าค่าใช้จ่ายในการเรียกเก็บเงิน ผ่านบัตรเครดิตเพราะการคิดค ่าบริการจะต่ำ�กว่า 2. การประมวลผลข้อมูลมีประสิทธิภาพมากกว่าการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีอื่นๆ และยัง ทำ�ให้ก ระบวนการนำ�ฝากเงินใ นบัญชีผ ูข้ ายรวดเร็วก ว่าก ารชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ด ้วยวิธอี ื่นๆ อีกด ้วยเพราะ ไม่ต้องรอให้มีก ารรวบรวมธุรกรรมเชิงรายการเหมือนกับการชำ�ระเงินด้วยบัตร
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
6-50
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
3. ลดปัญหาจำ�นวนเช็คที่ตีกลับเนื่องจากเงินในบัญชีมีไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นการลดจำ�นวนเงินหรือ หนี้สูญที่ไม่สามารถเรียกเก็บจากผู้ซ ื้อล งด้วย ข้อจำ�กัด 1. สามารถใช้ได้เฉพาะในการซื้อส ินค้า/บริการแบบออนไลน์เท่านั้น ไม่ส ามารถใช้ซ ื้อส ินค้า/บริการ ได้ใ นแบบออฟไลน์ไ ด้ 2. การที่เช็คอ ิเล็กทรอนิกส์ไม่เปิดเผยข้อมูลบ ัญชีบางอย่างของผู้จ่ายเช็ค จึงทำ�ให้ไ ม่เหมาะกับการ ทำ�พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบธุรกิจก ับธุรกิจ เพราะในการทำ�ธุรกิจดังกล่าวต้องการการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยว กับบัญชีทั้งฝ่ายผู้ซ ื้อและฝ่ายผู้ข าย
ธ ส
ม
ธ ส
ม
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 6.2.3 แล้ว โปรดปฏิบัติกิจกรรม 6.2.3 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 6 ตอนที่ 6.2 เรื่องที่ 6.2.3
ธ ส
ม
ธ ส
ม
เรื่องที่ 6.2.4 ระบบชำ�ระเงินด ้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
การชำ�ระเงินด้วยเงินสด (cash) เป็นการชำ�ระเงินที่มีมาตั้งแต่ก่อนคริสต์ศักราช และปัจจุบันเป็น วิธีการชำ�ระเงินที่ยังนิยมใช้กันอยู่ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป เนื่องจากเป็นความเคยชินและสะดวกในการ ซื้อขายสินค้า/บริการ แต่ก็มีความเสี่ยงต่อการสูญหายหรือถูกขโมยได้ง่าย และเมื่อมีการสูญหายก็ยากต่อ การติดตามและยับยั้ง หรืออายัดการใช้จ่ายเงินสดนั้น ในการทำ�พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จึงได้มีการประยุกต์ การใช้เงินสดมาเป็นเงินสดอิเล็กทรอนิกส์แทน ซึ่งม ีรายละเอียดดังนี้
ธ ส
ม
1. แนวคิดเกี่ยวกับระบบชำ�ระเงินด ้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินด้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการแนะนำ�โดยแกรี่ ไทลิป (Gary Tilip) และ แลรี่ ลี (Larry Lee) แห่งบินทูลู (Bintulu) โดยการนำ�ลายเซ็นที่ใช้รหัสแทนลายเซ็นทั่วไปมาเป็นข้อมูลเชื่อม โยงระหว่างข้อมูลธุรกรรมเชิงรายการที่มีการใช้จ่ายกับข้อมูลการเบิกถอนจำ�นวนเงินจากบัญชีของผู้ใช้ ใน สหรัฐอเมริกามีเพียงธนาคารเดียวที่มีก ารพัฒนาระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์คือ ธนาคารมาร์ค ทเวน (Mark Twain Bank) โดยพัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1995 ซึ่งผู้ใช้หรือผู้ซื้อเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ไม่จำ�เป็นต้องเสียค่า ธรรมเนียมในการดำ�เนินการ แต่ผู้ข ายหรือเจ้าของธุรกิจจะต้องเสียค่าธ รรมเนียม ต่อมาธนาคารมาร์ค ทเวน ถูกซื้อกิจการโดยธนาคารเมอร์แคนไทล์ (Mercantile Bank) ระบบดังกล่าวจึงถูกยกเลิกเมื่อปี ค.ศ. 1997 ในออสเตรเลียระบบชำ�ระเงินด้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ถูกพัฒนาขึ้นโดยธนาคารเซนต์จอร์จ (St.Georges
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-51
ธ ส
Bank) และได้แ พร่ห ลายไปยังย ุโรป เช่น สวิตเซอร์แลนด์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ออสเตรีย ฟินแลนด์ สวีเดน และนอร์เวย์ ระบบชำ�ระเงินด้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ (electronic Cash payment system - eCash) เป็น ระบบชำ�ระเงินอ ีกร ะบบหนึ่งท ีอ่ ำ�นวยความสะดวกให้แ ก่ผ ูซ้ ื้อผ ่านธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ เพราะมกี ารรักษาความ ปลอดภัยแ ละความเป็นส ว่ นตวั ด ว้ ยการเข้าร หัส และใช้ก ญ ุ แจสาธารณะ (private key) ทำ�ให้ข อ้ มูลท รี่ บั ส ง่ ผ า่ น ระบบเครือข ่ายอินเทอร์เน็ตได้ร ับความปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือมากพอๆ กับข ้อมูลที่รับส่งผ่านระบบ เครือข่ายส่วนบุคคล ด้วยข้อดีดังกล่าว จึงท ำ�ให้เกิดระบบการชำ�ระเงินแบบใหม่ขึ้นในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ (eCash) คือแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งใช้ระบบ คอมพิวเตอร์ใ นการก�ำ หนดมลู ค่าเงิน ซึง่ เงินสดอเิ ล็กทรอนิกส์น ี้ ผูบ้ ริโภคสามารถซือ้ ไ ด้โ ดยใช้บ ตั รเครดิต บัตร เดบิต เช็คอ เิ ล็กทรอนิกส์ เช็คก ระดาษ เงินสด หรือซ ือ้ โ ดยวธิ กี ารโอนเงิน เมือ่ ผ บู้ ริโภคซือ้ เงินสดอเิ ล็กทรอนิกส์ บัญชีของเงินสดอิเล็กทรอนิกส์จะถูกสร้างขึ้นอัตโนมัติ โดยบัญชีเงินสดอิเล็กทรอนิกส์แต่ละบัญชีจะมีชื่อ เจ้าของบัญชีและรหัสผ่านที่ผู้ซ ื้อก ำ�หนดขึ้นมาเอง การใช้เงินสดอิเล็กทรอนิกส์สามารถใช้ได้เฉพาะกับระบบ คอมพิวเตอร์ท ีม่ โี ปรแกรมอีแคชเท่านั้น อาจกล่าวได้ว ่า เงินสดอิเล็กทรอนิกส์เป็นการบันทึกม ูลค่าข องจำ�นวน เงินแ ละอตั ราแลกเปลีย่ นของเงินล งในแบบฟอร์มอ เิ ล็กทรอนิกส์ท มี่ ขี อ้ จ �ำ กัดใ นการเปลีย่ นแปลงคา่ ข อ้ มูล และ จำ�เป็นต ้องมีห น่วยงานที่ทำ�หน้าที่เป็นตัวกลางในการเปลี่ยนแปลงค่าข้อมูลด้วย สำ�หรับคุณลักษณะของเงินสดอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีลักษณะบางอย่างเหมือนกับเงินสดทั่วไป เช่น มี มูลค่าเงินท ี่ได้รับการรับรองจากธนาคารเหมือนกับแคชเชียร์เช็ค และยังมีลักษณะเฉพาะคือ สามารถจัดเก็บ ข้อมูลม ูลค่าเงินแ ละค้นค ืนข ้อมูลม ูลค่าเงิน สามารถใช้แ ลกเปลี่ยนแทนเงินสดได้ท ุกอ ย่าง ไม่ว ่าจ ะเป็นการซื้อ สินค้า/บริการ การฝากเงินเข้าบ ัญชี การชำ�ระหนีต้ ามกฎหมาย อีกท ั้งย ังไ ม่ส ามารถทำ�การปลอมแปลงขึ้นม าได้ โดยง่าย นอกจากนี้ ในการใช้เงินสดอิเล็กทรอนิกส์นั้น ระบบการรับช ำ�ระเงินที่ใช้ต้องมีการป้องกันและตรวจ สอบการปลอมแปลงด้วย ลักษณะที่ก ล่าวมาจึงท ำ�ให้ก ารชำ�ระเงินด ้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ไ ด้ร ับค วามสนใจ จากผู้ซื้อสินค้า/บริการผ่านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ในการรักษาความปลอดภัยของเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ได้มีการเข้ารหัสข้อมูลพร้อมกับใช้เลขรหัส ที่ธนาคารกำ�หนดให้ ทั้งนี้ เพื่อให้ธนาคารสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้ ก็ย ังม ีแ ฮกเกอร์ส ามารถปลอมแปลงข้อมูลไ ด้เช่นเดียวกับก ารปลอมแปลงธนบัตรกระดาษ อย่างไรก็ตาม ผู้ท ี่ ส่งเสริมการใช้เงินสดอิเล็กทรอนิกส์กล่าวว่า วิธีการเข้ารหัสที่นำ�มาใช้นั้นเป็นวิธีการเดียวกับการเข้ารหัสใน การป้องกันระบบขีปนาวุธนิวเคลียร์ และการเข้ารหัสวิธีนี้ถูกนำ�ไปใช้ฝังในชิปของบัตรอัจฉริยะด้วย และ จากการที่เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีความก้าวหน้าและถูกนำ�ไปประยุกต์ในระบบการชำ�ระเงิน อย่างกว้างขวางมากขึ้นนั้น ทำ�ให้ประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวกลายเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ทุกค นเริ่มต ระหนักถ ึงฐ านข้อมูลข องบัตรเครดิตท ีน่ ับว ันจ ะมขี นาดใหญ่ข ึ้นอ ย่างต่อเนื่อง ดังน ั้น การใช้เงินสด อิเล็กทรอนิกส์ใ ห้เกิดป ระสิทธิผลจึงจ ำ�เป็นต ้องให้ค วามสำ�คัญเกี่ยวกับฟ ังก์ชันก ารดูแลรักษาเรื่องข้อมูลค วาม เป็นส ่วนตัวใ ห้มากขึ้น ระบบการชำ�ระเงินด้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ได้ให้ความสำ�คัญในเรื่องดังกล่าว แต่จะ สามารถดูแลได้เฉพาะฝั่งของผู้ซื้อเท่านั้น ในฝั่งผู้ขายไม่สามารถทำ�ได้ เพราะจะมีผลทำ�ให้ผู้ขายไม่สามารถ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-52
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ตรวจสอบความถูกต ้องของเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ไ ด้ หรือก ล่าวได้ว ่า โดยทั่วไปผู้ซ ื้อจ ะจัดเก็บข ้อมูลก ารชำ�ระ เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ไว้ในระบบได้ ในขณะที่ผู้ขายจะทำ�ได้เพียงนำ�ข้อมูลที่ได้รับส่งไปตรวจสอบความ ถูกต้องกับธนาคารเท่านั้น
ธ ส
2. โครงสร้างของเงินสดอิเล็กทรอนิกส์
ม
ม
ดังที่กล่าวมาแล้วว่า เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ คือแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแบบฟอร์มดังกล่าวประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ โดยมีโครงสร้างดังแสดงในภาพที่ 6.17
สกุลเงิน
มูลค่า
ธ ส
เลขรหัส
ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ลายน้ำ�อิเล็กทรอนิกส์
ม
ส่วนที่ใช้อ้างอิง ส่วนที่ใช้อ้างอิงถึงผู้ซื้อ ส่วนที่ใช้อ้างอิง ถึงธ นาคาร เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ เจ้าของ ในครั้งแรก
ธ ส
ส่วนตรวจสอบ
ภาพที่ 6.17 โครงสร้างของข้อมูลใ นเงินสดอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
ม
จากภาพที่ 6.17 ข้อมูลของเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย 2.1 ข้อมูลสกุลเงิน (currency) เป็นการระบุว่าเงินน ั้นเป็นเงินสกุลใด เช่น ดอลลาร์สหรัฐ เยน บาท หยวน ริง กิต รูปี เป็นต้น 2.2 ข้อมูลมูลค่า (value) เป็นข้อมูลท ี่แสดงจำ�นวนเงิน เช่น 500 2.3 ข้อมูลตัวเลขอ้างอิง (reference number) เป็นรหัสที่ธนาคารออกให้เพื่อใช้ในการติดตามและ ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลย่อยอีก 4 ส่วน คือ 1) ส่วนที่ใ ช้อ้างอิงถ ึงธ นาคาร (issuer part) 2) ส่วนที่ใช้อ้างอิงถ ึงลูกค้า หรือผู้ซื้อเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ในครั้งแรก (client part) 3) ส่วนที่ใช้อ้างอิงเจ้าของ (owner part) ใช้ในการอ้างอิงเจ้าของเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ที่ เปลี่ยนไปในแต่ละครั้งท ี่เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ถูกใช้หรือถูกเปลี่ยนมือไป 4) ส่วนสุดท้าย (final part) เป็นส่วนที่ใช้ตรวจสอบเลขรหัสในแต่ละครั้ง 2.4 ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (electronic signature) เป็นข้อมูลที่ธนาคารใช้ในการตรวจสอบความ เป็นต ัวตนของผู้ซื้อเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ 2.5 ลายน้ำ�อิเล็กทรอนิกส์ (electronic watermark) เป็นข้อมูลที่ใช้ในการป้องกันลิขสิทธิ์ และโดย จะมีการสอดแทรกข้อมูลที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา หากต้องการเห็นข้อมูลจะต้องใช้เทคโนโลยีบาง อย่างเข้ามาช่วย
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
3. ขั้นตอนการประมวลผลในระบบชำ�ระเงินด้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์
การประมวลผลในระบบชำ�ระเงินด้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ ดังแสดงในภาพที่ 6.18
ธ ส
ม
ม
ธ ส
2. ดาวน์โหลด เลขรหัสดิจิทัล
1. ส่งแบบฟอร์มข อเปิดบัญชี
ธ ส
ธนาคาร
ม
ข้อมูลเงินสดอิเล็กทรอนิกส์
ม
3. ส่งแบบฟอร์มขอเปิดบ ัญชี
ข้อมูลเงินสด อิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
ซอฟต์แวร์ระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์
ซอฟต์แวร์ระบบเงินสด อิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
4. ชำ�ระเงินด ้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์
ม
ภาพที่ 6.18 ขั้นต อนการชำ�ระเงินด ้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์
ที่มา: ดัดแปลงจาก: http://www.unige.ch/index.html
ธ ส
ม
5. โอนเงินจากบัญชีผ ู้ซื้อให้แ ก่บัญชีผ ู้ขาย
ผู้ซ ื้อ
6-53
ผู้ขาย
ธ ส
3.1 การซือ้ เงินสดอเิ ล็กทรอนิกส์ม าใช้น ัน้ เริม่ ต น้ จ ากผใู้ ช้ต ดิ ต่อก บั ธ นาคารเพือ่ ข อเปิดบ ญ ั ชี ธนาคาร จะให้เลขรหัสดิจิทัล (digital number) ซึ่งจ ะใช้เป็นลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์แทนลายเซ็นปกติ โดยเลขรหัสนี้ ผู้ใช้จะต้องรักษาเป็นความลับ 3.2 ผู้ซ ื้อส ามารถดาวน์โหลดเงินสดอิเล็กทรอนิกส์จ ากบัญชีท ี่เปิดไ ว้จ ากเครื่องแม่ข ่ายของธนาคาร มาเก็บไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ซื้อได้ โดยใช้โปรแกรมเฉพาะที่ธนาคารพัฒนาขึ้นมา และผู้ซื้อต้อง ดาวน์โหลดโปรแกรมดังกล่าวมาเก็บไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเองด้วย 3.3 ในขณะเดียวกัน ผูข้ ายทีร่ ับก ารชำ�ระเงินด ้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ก ต็ ้องมบี ัญชีก ับธ นาคารทีใ่ ช้ ระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ และมีโปรแกรมเฉพาะที่ธนาคารพัฒนาขึ้นมาด้วยเช่นกัน 3.4 ทุกครั้งที่ผู้ซื้อใช้เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ในการชำ�ระเงินให้แก่ผู้ขายจะต้องใช้ผ่านโปรแกรม ด ังกล่าว โปรแกรมจะส่งข้อมูลไ ปยังธ นาคารเพื่อต รวจสอบความถูกต้องก่อนทำ�การโอนเงินไปยังบัญชีผู้ข าย
ม
ม
ธ ส
ม
6-54
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
3.5 เมื่อผู้ขายได้รับข้อมูลการชำ�ระด้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ จะจัดส่งให้ธนาคารเพื่อตรวจสอบ ความถูกต้องอีกครั้ง และหากข้อมูลถูกต้องธนาคารก็จะโอนเงินจากบัญชีผู้ซื้อไปยังบัญชีของผู้ขาย
ธ ส
4. ข้อดีและข้อจ ำ�กัดข องวิธีการชำ�ระเงินด ้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์
ม
ข้อดี ของวิธีการชำ�ระเงินด้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ มีดังนี้ 1. ข้อมูลม ีความเป็นส่วนตัว และมีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เนื่องจากใช้วิธี การเข้ารหัสที่ยากต่อการถอดรหัส 2. เป็นที่ยอมรับในการทำ�ธุรกรรมผ่านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เช่นเดียวกับระบบการชำ�ระเงิน อื่นๆ 3. ค่าใช้จ่ายในการดำ�เนินการต่ำ� โดยฝ่ายผู้ซื้อไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ ในขณะที่ฝ่ายผู้ขาย เสียค่าธรรมเนียมในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ�เมื่อเทียบกับการชำ�ระเงินด้วยวิธีอื่น 4. สะดวกในการใช้ เพราะสามารถใช้ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ซื้อได้เอง 5. ผูซ้ ื้อไ ม่จ ำ�เป็นต ้องเปิดเผยข้อมูลข องตนเอง และบริษัทผ ูข้ ายกไ็ ม่ส ามารถค้นหาหรือท ราบข้อมูล บัญชีของผู้ซื้อได้ ในขณะเดียวกัน ผู้จำ�หน่ายเงินสดอิเล็กทรอนิกส์เองก็ไม่สามารถทราบได้ว่าผู้ซื้อได้นำ� เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ไปใช้จ่ายซื้อส ินค้า/บริการที่ใ ด ข้อจำ�กัด ของวิธีก ารชำ�ระเงินด ้วยเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ มีดังนี้ 1. ผูใ้ ช้เงินสดอเิ ล็กทรอนิกส์จ ะสามารถใช้เงินสดอเิ ล็กทรอนิกส์ไ ด้เฉพาะกบั เครือ่ งคอมพิวเตอร์ท มี่ ี ระบบกระเป๋าเงินสดอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น (eCash purse system) และในขณะเดียวกัน ผู้ขายก็จะสามารถ ใช้ระบบนี้ได้ก ็ต้องมีระบบโปรแกรมด้วยเช่นกัน 2. การชำ�ระเงินสดอิเล็กทรอนิกส์จำ�เป็นต้องใช้เวลาในการประมวลผลค่อนข้างนาน เพราะต้อง เปรียบเทียบความถูกต้องตรงกันของข้อมูลในฐานข้อมูล จึงทำ�ให้ประสิทธิภาพในการใช้ค่อนข้างต่ำ�กว่าวิธี อื่น 3. มีค วามเสี่ยงสูง เพราะผู้ซ ื้อต ้องรับผิดชอบเองกรณีที่ข ้อมูลสูญหายหรือถูกขโมย 4. ง่ายต่อการปลอมแปลง แม้ว่าจะมีระบบป้องกันแล้วก็ตาม
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 6.2.4 แล้ว โปรดปฏิบัติกิจกรรม 6.2.4 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 6 ตอนที่ 6.2 เรื่องที่ 6.2.4
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
เรื่องที่ 6.2.5 ระบบชำ�ระเงินผ ่านสมาร์ตการ์ด
ธ ส
6-55
ม
ปัจจุบันนอกเหนือจากการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตในการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ยังมี การใช้บัตรอัจฉริยะ หรือสมาร์ตการ์ด (smart card) ในการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย ซึ่งรายละเอียด ที่น่าสนใจเกี่ยวกับบัตรอัฉริย ะมีดังนี้
ม
1. แนวคิดเกี่ยวกับสมาร์ตการ์ด
ธ ส
ม
สมาร์ตการ์ด หรือบัตรอัจฉริยะเป็นบัตรพลาสติกที่มีขนาดเท่ากับบัตรเครดิต แต่ภายในบัตรจะมี การฝังช ิปไ ว้ด ้วย ชิปท ี่ฝ ังอ าจเป็นไ มโครโพรเซสเซอร์ (microprocessor) กับห น่วยความจำ� (memory chip) หรืออ าจเป็นห น่วยความจำ�เพียงอย่างเดียวก็ได้ สมาร์ต การ์ดท ี่ม ีไ มโครโพรเซสเซอร์ฝ ังอ ยู่ก ับห น่วยความจำ� ข้อมูลที่อยู่บนไมโครโพรเซสเซอร์สามารถเพิ่ม ลบ หรือจัดการได้ แต่ถ้ามีเพียงหน่วยความจำ�ฝังอยู่ในบัตร ข้อมูลจะสามารถอ่านได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งก็จะเหมือนกับบัตรเครดิตทั่วไป สมาร์ตการ์ดสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ สมาร์ตการ์ดชนิดที่มีการสัมผัส และสมาร์ตการ์ด ชนิดที่ไม่มีก ารสัมผัส 1.1 สมารต์ การ์ดชนิดทมี่ กี ารสมั ผัส (contact smart card) เป็นบัตรที่มีการผนึกชิปสีทองขนาดเล็ก เส้นผ ่าศูนย์กลางประมาณครึ่งน ิ้ว ติดไว้ที่ด ้านหน้าบัตรแทนการใช้แถบแม่เหล็ก (magnetic stripe) ที่ใช้ใน บัตรเครดิต นอกจากสมาร์ตการ์ดจะสามารถจัดเก็บข้อมูลสำ�คัญที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้ได้เป็นปริมาณมากกว่า บัตรเครดิตแล้ว สมาร์ตการ์ดยังสามารถจัดเก็บข้อมูลสำ�คัญที่เข้ารหัสไว้สำ�หรับใช้เป็นข้อมูลตรวจสอบกับ ข้อมูลร หัสข องผใู้ ช้อ ีกด ้วย และสมารต์ การ์ดข องธนาคารบางแห่งอ นุญาตผใู้ ช้ป ้อนหมายเลขสำ�หรับร ะบุต ัวต น หรือพิน (Personal Identification Number - PIN) ของผู้ใช้เองได้ การใช้งานสมาร์ตการ์ดชนิดนี้จำ�เป็น ต้องมีการสอดบัตรเข้าไปในเครื่องอ่านสมาร์ตการ์ด (smart card reader) เมื่อผู้ใช้สอดบัตรเข้าไปในเครื่อง อ่านสมาร์ต การ์ดจ ะสามารถทำ�การส่งถ ่ายข้อมูลเข้าและออกจากชิปได้
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-56
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์ ชิปที่ฝ ังในสมาร์ตการ์ด
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ข้อมูลต่างๆ ที่จัดเก็บในชิปของสมาร์ตการ์ด
ธ ส
ม
เครื่องอ่านสมาร์ตการ์ด
ธ ส
ภาพที่ 6.19 สมาร์ตการ์ดและเครื่องอ่านสมาร์ตการ์ด
ม
ธ ส
ม
ที่มา: http://4.bp.blogspot.com/_UJRp65txHto/SSwPCbHw_LI/AAAAAAAAABw/srzT7U6MTvY/s400/smartcard.jpg http://www.excelsystems-eg.com/images/SmartCard.jpg และ http://earlyonsolutions.com/images/screen/ACR38-smart-card-reader.jpg
ม
ธ ส
สมาร์ตการ์ดประเภทนี้ม ีข้อจ ำ�กัดหลายประการ เช่น อายุการใช้งานจะสั้นกว่าช นิดที่ไม่มีการสัมผัส และโอกาสที่จะชำ�รุดเสียหายมีม าก 1.2 สมาร์ตการ์ดชนิดที่ไม่มีการสัมผัส (contactless smart card) เป็นบัตรที่มีการผนึกชิป คอมพิวเตอร์แ ละขดลวดสายอากาศไว้ภ ายใน ซึ่งใ ช้ในการติดต่อสื่อสารกับเครื่องรับ-เครื่องส่งที่อยู่ในระยะ ไกล (remote receiver/transmitter) โดยทั่วๆ ไป สมาร์ตการ์ดช นิดนี้จะใช้กับการทำ�ธุรกรรมที่ต้องการ ความรวดเร็ว เช่น สมาร์ตการ์ดที่ใ ช้กับการจัดเก็บเงินค่าผ ่านทางด่วน สมาร์ตการ์ดท ี่ใช้กับการจัดเก็บเงินค่า บริการรถไฟฟ้า
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ขดลวดสายอากาศ
ธ ส
ม
ชิปคอมพิวเตอร์
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
เครื่องอ่านบัตรแบบไม่สัมผัส
ม
ธ ส
ภาพที่ 6.20 สมาร์ตการ์ดชนิดที่ไม่มกี ารสัมผัส
ที่มา: http://imghost1.indiamart.com/data2/SR/CS/MY-1803958/2-250x250.jpg http://cfnewsads.thomasnet.com/images/large/469/469511.jpg
6-57
ม
นอกจากสมาร์ตการ์ดทั้งส องชนิดดังกล่าวแล้ว ปัจจุบันย ังมีการผลิตสมาร์ตการ์ดแบบผสม หรือที่ เรียกว่า “คอมบิการ์ด” (combi card) ออกมาใช้ง านอีกด้วย โดยบัตรชนิดนี้เป็นบัตรใบเดียวแต่ท ำ�หน้าที่ เป็นทั้งสมาร์ตการ์ดชนิดที่มีการสัมผัส และสมาร์ตการ์ดชนิดที่ไม่มีการสัมผัส เพื่อเพิ่มความสะดวกและ ประโยชน์ใ นการใช้ง านมากขึ้น สมารต์ การ์ดป ระเภทนีถ้ ูกน ำ�ไปใช้ป ระโยชน์ม ากมาย โดยใช้เป็นบ ัตรต่างๆ เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรแทนเงินสด บัตรประชาชน บัตรนักศึกษา บัตรสุขภาพ บัตรบันทึกการตรวจโรค บัตรอนุญาตเข้าออกสถานที่ บัตรจอดรถ บัตรสะสมคะแนนเพื่อรับรางวัล เป็นต้น โดยทั่วไปจะเห็นไ ด้ว ่า สมาร์ต การ์ดจ ะมีร ะบบรักษาความปลอดภัยม ากกว่าบ ัตรเครดิต ซึ่งห ากบัตร ถูกข โมยไป กรณีท ีเ่ป็นบ ัตรเครดิตผ ูท้ ีข่ โมยบัตรไปใช้จ ะเห็นห มายเลขบัตรรวมทั้งล ายเซ็นเจ้าของบัตรปรากฏ บนตัวบัตรอย่างชัดเจน แต่ถ้าเป็นสมาร์ตการ์ดเมื่อถ ูกนำ�ไปใช้ ผู้ใช้จะต้องป้อนเลขรหัสส ำ�หรับร ะบุต ัวต นที่ ตรงกับเลขที่บันทึกใ นบัตรก่อนทุกครั้ง ปัจจุบันสมาร์ตการ์ดถูกนำ�มาใช้นานกว่า 20 ปีแล้ว และมีแนวโน้มที่จะขยายการใช้ในยุโรปและ เอเชีย เนื่องจากสมาร์ตการ์ดมีความปลอดภัยในการใช้มากกว่าบัตรเครดิต ดังนั้น จึงได้เริ่มเป็นที่นิยมใช้ ในพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ด้วยเช่นกัน สมาร์ตการ์ดได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากถูกนำ�ไปประยุกต์ใช้ใน ด้านต่างๆ ทำ�ให้มีการพัฒนาโปรแกรมในงานด้านต่างๆ เพื่อนำ�สมาร์ตการ์ดไปใช้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง การนำ�สมาร์ตการ์ดไปประยุกต์ใช้ในงานด้านต่างๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ 1) ใช้เป็นบัตรสำ�หรับเติมเงินในโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยภายในบัตรจะเก็บข้อมูลจำ�นวนเงิน คงเหลือที่สามารถใช้ในการโทรศัพท์ และยังส ามารถปรับปรุงแก้ไขข้อมูลภายในได้ด้วย 2) ใช้แ ทนเงินสดในการชำ�ระค่าส ินค้า/บริการต่างๆ สมารต์ การ์ดถ ูกน ำ�ไปใช้เป็นบ ัตรแทนเงิน ค่าโ ดยสารรถไฟใต้ดนิ รถไฟฟ้า รถประจำ�ทาง ค่าผ า่ นทางด่วน ซึง่ จ ะชว่ ยให้การท�ำ รายการขอ้ มูลร วดเร็วย ิง่ ข ึน้
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
6-58
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
3) ใช้เบิกเงินสดแทนบัตรเอทีเอ็มได้ สมาร์ตการ์ดของสถาบันการเงินบางแห่งน อกจากจะใช้ เก็บข้อมูลของลูกค้า ใช้แทนบัตรเครดิตในการชำ�ระเงินค่าสินค้า/บริการได้แล้ว ยังนำ�ไปใช้เบิกเงินสดแทน บัตรเอทีเอ็มไ ด้ด ้วย 4) ใช้แ ทนบัตรประจำ�ตัวผู้ป ่วย โรงพยาบาลหลายแห่งได้เริ่มนำ�สมาร์ต การ์ดมาใช้เก็บข้อมูล ประวัติผู้ป่วย ประวัติการรักษาพยาบาล และข้อมูลการประกันสุขภาพแทนการจัดเก็บเป็นแฟ้มเอกสาร กระดาษ ทั้งนี้ เนื่องจากช่วยทำ�ให้ผู้ป่วยได้รับความสะดวกและรวดเร็วในการรับบริการจากโรงพยาบาล เจ้าห น้าทีโ่ รงพยาบาลไม่ต อ้ งคน้ หาแฟ้มป ระวัตผิ ปู้ ว่ ย แพทย์ส ามารถเรียกดผู ปู้ ว่ ยจากสมารต์ การ์ดไ ด้ผ า่ นทาง จอคอมพิวเตอร์ 5) ใช้แทนบัตรประจำ�ตัวสำ�หรับระบุหรือบ่งชี้ตัวตน บริษัทหลายแห่งได้นำ�สมาร์ตการ์ดไป ใช้เป็นบัตรประจำ�ตัวพนักงาน ซึ่งภายในบัตรสามารถบันทึกข้อมูลระบุถึงสิทธิการเข้าออกสถานที่ทำ�งานใน แผนกต่างๆ ไว้ด้วย จึงเป็นการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ท ำ�งานด้วย
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
2. ขั้นตอนการประมวลผลในระบบชำ�ระเงินด้วยสมาร์ตการ์ด
ธ ส
การประมวลผลในระบบชำ�ระเงินด้วยสมาร์ตการ์ด ดังแสดงในภาพที่ 6.21
ม
1. บัตรสมาร์ตการ์ดถ ูกอ่าน จากเครื่องอ่านบัตร
โปรแกรมประมวลผล สมาร์ตการ์ด
ธ ส
ม
ธ ส
2. อ่านและสอบถามข้อมูลรหัสผู้ซื้อ
โปรแกรมเบราเซอร์
ผู้ซ ื้อส ินค้า/บริการ
อินเทอร์เน็ต
ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของบัตร วิธีก ารรักษาความปลอดภัย
ม
เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ขาย
รหัสระบุตัวตน
3. ส่งข้อมูลกลับ มาให้ผู้ขาย
5. รับส่งข้อมูลและ ผลการตรวจสอบ
ข้อมูลรหัสร ะบุตัวตน ข้อมูลผลการตรวจสอบ
ม
ธ ส
4. ผู้ซื้อป้อนข้อมูลร หัสระบุตัวตน
ม
เครื่องแม่ข่ายของธนาคารผู้ออกบัตร
ธ ส
โปรแกรมการเข้า และถอดรหัส
ม
ภาพที่ 6.21 ขั้นต อนการประมวลผลในระบบชำ�ระเงินด ้วยสมาร์ตการ์ด
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-59
ธ ส
สำ�หรับรายละเอียดของขั้นตอนการประมวลผลในระบบชำ�ระเงินด้วยสมาร์ตการ์ด มีดังต่อไปนี้ 2.1 เริ่มจ ากบัตรสมารต์ การ์ดถ ูกใ ส่เข้าไปในเครื่องอ่านบัตรทีเ่ชื่อมต่ออ ยูก่ ับเครื่องคอมพิวเตอร์ข อง ผู้ขายสินค้า/บริการ โปรแกรมที่ใ ช้ในการประมวลผลสมาร์ตการ์ดจะเริ่มทำ�งาน 2.2 ในขณะเดียวกัน เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ขายสินค้า/บริการจะอ่านข้อมูลรหัสผู้ซื้อจากเครื่อง อ่านบัตร เพื่อน ำ�ไปสอบถามข้อม ูลอ ื่นๆ ของเจ้าของบัตรจากเครื่องแม่ข ่ายทจี่ ัดเก็บข ้อมูลข องผใู้ ช้ส มารต์ การ์ด โดยเฉพาะข้อมูลที่ส อบถาม เช่น รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเจ้าของบัตร ข้อมูลการรักษาความปลอดภัย วิธี การเข้ารหัสข้อมูล เป็นต้น 2.3 เครื่องแม่ข่ายธนาคารผู้ออกบัตรจะตอบสนองการร้องขอข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของ ผูข้ ายสินค้า/บริการ โดยจะส่งข ้อมูลก ลับม าให้ และเครื่องคอมพิวเตอร์ข องผูข้ ายจะเรียกโปรแกรมทีท่ ำ�หน้าที่ รับรองตัวตนของผู้ใช้บัตร ให้ค ้นผ่าน (browse) หน้าจอขึ้นม าเพื่อใ ห้เจ้าของบัตรป้อนรหัสระบุตัวตนหรือพิน 2.4 เมื่อผู้ซื้อป้อนรหัสระบุตัวตนหรือพ ินผ่านเบราเซอร์ รหัสจะถูกตรวจสอบความถูกต้องตรงกัน กับข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ในสมาร์ตการ์ด และถูกส่งผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ขายสินค้า/บริการที่เชื่อมโยง กับระบบเครือข่าย เพื่อนำ�ข้อมูลรหัสไ ปตรวจสอบกับข้อมูลใ นฐานข้อมูลเครื่องแม่ข ่ายของธนาคารผู้อ อกบัตร 2.5 ในขณะนี้ โปรแกรมการเข้าและถอดรหัสจะถูกประมวลผลเพื่อตรวจสอบความถูกต้องตรงกัน ของข้อมูล โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ข องผูข้ ายสินค้า/บริการจะทำ�การรับส ่งข ้อมูลก ับเครื่องแม่ข ่ายของธนาคาร เมื่อเครื่องแม่ข่ายตรวจสอบเรียบร้อยแล้วจะส่งผลการตรวจสอบกลับมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ขาย สินค้า/บริการ กรณีที่ผลตรวจสอบถูกต้องก็สามารถเริ่มดำ�เนินการใช้สมาร์ตการ์ดตามความต้องการของ เจ้าของบัตรได้ แต่กรณีท ี่ผลการตรวจสอบไม่ถูกต้องการใช้สมาร์ตการ์ดจะถูกระงับทันที
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
3. ข้อดีและข้อจ ำ�กัดข องวิธีการชำ�ระเงินด ้วยสมาร์ตการ์ด
ม
ม
ธ ส
ม
ข้อดี ของวิธีการชำ�ระเงินด้วยสมาร์ต การ์ด มีดังนี้ 1. สะดวกและง่ายต่อการพกพา 2. สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากกว่าบัตรที่ใช้แถบแม่เหล็กเป็นร้อยเท่า 3. มีค วามปลอดภัยค ่อนข้างสูงแ ละปลอดภัยม ากกว่าบ ัตรเครดิต เพราะมรี ะบบป้องกันก ารปลอมแปลง ที่ซับซ้อน โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยน่าเชื่อถือ 4. มีค วามสามารถเรื่องการเคลื่อนที่ (mobility) จึงเหมาะกับก ารเข้าถ ึงข้อมูลระยะไกล ทำ�ให้ผู้ใช้ สามารถใช้งานโดยไม่ขึ้นกับสถานที่หรือค อมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง 5. สามารถนำ�ไปใช้ในงานด้านต่างๆ ได้อ ย่างกว้างขวาง เช่น ใช้เป็นบัตรค่าผ่านทาง ใช้เป็นบัตรใน การรับบริการด้านสุขภาพ ใช้ช ำ�ระค่าสินค้า/บริการแทนบัตรเครดิต หรือบ ัตรเอทีเอ็มของธนาคาร เป็นต้น 6. สามารถนำ�กลับม าใช้ได้ใ หม่ก รณีท ี่ผ ู้ใ ช้เดิมย กเลิกการใช้ ตัวบ ัตรสามารถนำ�มาลบข้อมูลแ ละนำ� ไปบันทึกข้อมูลของผู้ใ ช้รายใหม่ได้แทน ช่วยลดการสิ้นเปลืองวัสดุในการผลิตบัตรลง 7. สามารถจัดเก็บข ้อมูลเป็นแ บบแบทช์ (batch) ได้ จึงไ ม่จ ำ�เป็นต ้องประมวลผลข้อมูลท ันที ทำ�ให้ สามารถนำ�ข้อมูลม าประมวลผลในภายหลังไ ด้
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
6-60
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
8. สามารถประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์อ ิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาต่างๆ ได้ เช่น โน้ตบุ๊ก พีดีเอ 9. ใช้เทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่น่าเชื่อถือและมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว 10. เมื่อน ำ�ไปใช้ง านสามารถประมวลผลข้อมูลไ ด้อ ย่างรวดเร็ว เพราะไม่จ ำ�เป็นต ้องเข้าถ ึงฐ านข้อมูล ขนาดใหญ่เหมือนกับวิธีก ารชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์บางวิธี ข้อจำ�กัด ของวิธีก ารชำ�ระเงินด ้วยสมาร์ตการ์ด มีดังนี้ 1. การผลิตส มาร์ตการ์ดจ ะมีค่าใ ช้จ ่ายสูงก ว่าบ ัตรอื่น เนื่องจากต้องมีการฝังช ิปค อมพิวเตอร์ล งใน บัตร 2. ข้อมูลใ นสมาร์ตการ์ดสามารถถูกทำ�ลายโดยไวรัสคอมพิวเตอร์หรือกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าได้ 3. กรณีท ี่ใช้สมาร์ตการ์ดชนิดที่มีก ารสัมผัส ต้องลงทุนซื้อเครื่องอ่านสมาร์ตการ์ดเพิ่มด้วย 4. ค่าใ ช้จ่ายในการดำ�เนินการจะสูงกว่าก ารใช้บัตรอื่นๆ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 6.2.5 แล้ว โปรดปฏิบัติกิจกรรม 6.2.5 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 6 ตอนที่ 6.2 เรื่องที่ 6.2.5
ธ ส
ม
เรื่องที่ 6.2.6 ระบบชำ�ระเงินผ ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
ธ ส
ม
ม
ในอดีตธนาคารเคยใช้ระบบการชำ�ระเงินหรือโอนเงินผ่านระบบโทรศัพท์แบบใช้สาย ต่อมาได้มี การพัฒนาตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากปัจจุบันอุปกรณ์เคลื่อนที่ หรือโมบายดีไวซ์ (mobile device) ซึ่งได้แก่ พีด ีเอ (Personal Digital Assistant - PDA) โทรศัพท์เคลื่อนที่ (mobile phone) เครื่อง นำ�ทางส่วนบุคคล หรือพ เีอ็นด ี (Personal Navigation Device - PND) เป็นต้น กำ�ลังเป็นท ีน่ ิยมใช้ก ันท ั่วโ ลก โดยเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งอาจมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตามยุคตาม สมัย เช่น โทรศัพท์เซลลูลาร์ (cellular phone) โทรศัพท์มือถือ (handheld phone) โทรศัพท์อัจฉริยะ หรือ ส มาร์ตโ ฟน (smart phone) เป็นต้น เนื่องจากเป็นอ ุปกรณ์ท ีไ่ ม่ไ ด้ม ไี ว้เพียงติดต่อส ื่อสารพุดค ุยก ันเท่านั้น แต่ ยังส ามารถใช้ใ นการรับส ่งข ้อมูล ข้อความ อีเมล เข้าถ ึงเว็บไซต์ ถ่ายภาพ ถ่ายวีดทิ ัศน์ จัดการข้อมูลส ่วนบุคคล (personal organizer) และที่สำ�คัญค ือ ใช้ในการทำ�ธุรกรรมทางการเงินได้อีกด้วย ช่วยให้การซื้อขายสินค้า และ/หรือบริการสามารถเกิดขึ้นได้ทุกหนทุกแห่ง และทุกเวลาที่ต้องการ ทั้งนี้ เพราะอุปกรณ์ดังกล่าวได้รับ การพัฒนาโดยมีการนำ�เทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์อย่างต่อเนื่อง ทำ�ให้มีขีดความสามารถในการทำ�งาน และมีฟังก์ชันที่รองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้ ในขณะเดียวกัน รูปลักษณ์ภายนอกก็ได้รับการ ออกแบบให้เหมาะแก่การพกติดตัวไปใช้ตามที่ต ่างๆ ด้วยขนาดเล็ก น้ำ�หนักเบา กันน้ำ� ทำ�ให้ง่ายและสะดวก ต่อการพกพาหรือนำ�ติดตัวไปใช้ได้ในทุกสถานที่
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-61
ธ ส
สำ�หรับประเทศไทย ธนาคารที่ให้บริการการชำ�ระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ หรือโมบายเพย์เมนต์ (mobile payment) ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ภายใต้ชื่อบริการ “เคทีบี เอ็ม-เพย์เมนต์ (KTB M-Payment) ดังแสดงในภาพที่ 6.22 ธนาคารไทยพาณิชย์ ภายใต้ชื่อบริการ “เอสซีบี อีซี เอ็ม-เพย์”(SCB Easy M-Pay) และธนาคารกสิกรไทย ภายใต้ช ื่อบริการ “โมบาย เพย์เมนต์ คลับ บาย เคแบงค์” (Mobile Payment Club by KBANK) ดังแ สดงในภาพที่ 6.23
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ภาพที่ 6.22 บริการโมบายเพย์เมนต์ของธนาคารกรุงไทย
ที่มา: https://www.ktb.co.th/MPC/mpc/th_mpc_about.htm ค้นค ืนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 6.23 บริการโมบายเพย์เมนต์ของธนาคารกสิกรไทย
ม
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ที่มา: http://www.kasikornbank.com/en/personal/otherproducts/kmoneytransfer/domesticfundstransfers/transfertokbankaccount/pages/kmobile.aspx ค้นค ืนวันท ี่ 10 กุมภาพันธ์ 2554
6-62
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
1. แนวคิดเกี่ยวกับระบบชำ�ระเงินผ ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
ระบบชำ�ระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ บางครั้งเรียกสั้นๆ ว่า “ระบบชำ�ระเงินเคลื่อนที่ หรือโมบาย เพย์เมนต์” (mobile payment) เป็นร ะบบที่ได้ร ับการพัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างธนาคารกับร ้านค้า ผูป้ ระกอบการ เพือ่ เป็นท างเลือกใหม่แ ละอ�ำ นวยความสะดวกรวดเร็วใ ห้แ ก่ผ บู้ ริโภคในการช�ำ ระคา่ ส นิ ค้าแ ละ/ หรือบริการ โดยไม่ต้องเดินทางไปชำ�ระเงิน โอนเงิน หรือเข้าแถวคอยเพื่อชำ�ระเงินด้วยตนเอง ทำ�ให้ประหยัด เวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ระบบชำ�ระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่เกิดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1997 โดยเริ่มจากบริษัท โคคาโคล่า ติดต ั้งเครื่องจำ�หน่ายน้ำ�อัดลมทีส่ ามารถรับช ำ�ระเงินผ ่านระบบข้อความสั้น หรือเอสเอ็มเอส (Short Message System - SMS) ในประเทศฟินแลนด์ ต่อมาธนาคารเมริทาแห่งฟ ินแลนด์ (Merita Bank of Finland) จึงไ ด้ เปิดให้บริการระบบชำ�ระเงินผ ่านเอสเอ็มเอสแ ก่ลูกค้าธนาคารเป็นครั้งแรก และในปี ค.ศ. 1998 บริษัท เรดิโอ ลินจา (Radiolinja) ได้เปิดให้บริการดาวน์โหลดเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ให้แก่ลูกค้า ซึ่งทำ�ให้การจำ�หน่าย เนื้อหาในรูปแบบดิจิทัลผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่เกิดขึ้นตามมาด้วย ปัจจุบันการชำ�ระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชีย เพราะปกติแทบทุกค นมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันและกันอยู่แล้ว การใช้โทรศัพท์ เคลื่อนที่ใ นการชำ�ระเงินจ ึงเป็นการใช้ประโยชน์จ ากอุปกรณ์ท ี่มีอยู่แล้วใ ห้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น จากงานวิจัยข อง บริษัท จูนิเปอร์รีเสิร์ช (Juniper Research) ที่เมืองแฮมพ์เชียร์ (Hampshire) ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นบริษัท ผู้เชี่ยวชาญในด้านการวิเคราะห์เกี่ยวกับการใช้และแนวโน้มการขยายตัวของโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก ได้คาดการณ์ว่าในปี ค.ศ. 2013 การชำ�ระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ทุกประเภทจะขยายตัวมากกว่า 600 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยผู้บริโภคจะหันมาใช้ระบบชำ�ระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อชำ�ระเงินค่าสินค้า ทั้งที่เป็นส ินค้าดิจิทัล เช่น เพลง วิดีท ัศน์ เกม และสินค้าทั่วไป เช่น หนังสือ วารสาร เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า รวมทั้งการชำ�ระค่าบัตรโดยสารพาหนะขนส่งมวลชน เช่น รถโดยสารประจำ�ทาง รถไฟลอยฟ้า และรถไฟฟ้า ใต้ดิน เป็นต้น สำ�หรับแบบจำ�ลองที่น ิยมใช้ในระบบชำ�ระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่มีด้วยกัน 4 แบบ คือ 1.1 พรีเมีย่ มเอสเอ็มเอส (premium SMS) เป็นแ บบจำ�ลองการชำ�ระเงินท ถี่ ูกน ำ�มาใช้เป็นช ่องทางการ ชำ�ระเงินผ ่านทางโทรศัพท์ม ือถ ือโ ดยการใช้บ ริการส่งข ้อความสั้น หรือเอสเอ็มเอส (Short Message ServiceSMS) ที่ช่วยให้ธุรกิจดำ�เนินการได้อย่างคล่องตัว สะดวก และรวดเร็ว แบบจำ�ลองนี้นิยมนำ�มาใช้ในการซื้อ บริการประเภทการเข้าถึงเนื้อหา หรือดาวน์โหลดเพลง ภาพ เกม จากเว็บไซต์ ในการซื้อและชำ�ระเงินค่าสินค้าและ/หรือบริการเริ่มจากลูกค้าหรือผู้ใช้บริการส่งเอสเอ็มเอสเลือก สินค้าและ/หรือบริการโดยพิมพ์รหัสร้านค้า และรหัสสินค้าและ/หรือบริการตามที่ร้านค้าแจ้งไว้ จากนั้นส่ง ไปยังหมายเลขที่กำ�หนด ซึ่งหมายเลขดังกล่าวเป็นหมายเลขของผู้ให้บริการเครือข่าย เช่น ดีแทค (DTAC) ใช้หมายเลข 1989899 เอไอเอส (AIS) ใช้หมายเลข 82669 เป็นต้น จากนั้นผู้ใช้บริการจะได้รับโทรศัพท์ อัตโนมัตจิ ากธนาคารเพือ่ ใ ห้ป อ้ นหมายเลขประจำ�ตวั เคลือ่ นที่ หรือเอ็มพิน (Mobile Personal Identification Number - MPIN) ที่ได้มาจากการสมัครใช้บริการโมบายเพย์เมนต์ เมื่อการชำ�ระเงินเสร็จสมบูรณ์ ผู้ใช้
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-63
ธ ส
บริการจะได้รับเอสเอ็มเอสแจ้งผลการชำ�ระเงินพร้อมค่าธรรมเนียมและรหัสอนุมัติ (approval code) เพื่อ ใช้เป็นห มายเลขอ้างอิงก ารทำ�รายการชำ�ระเงินด ังก ล่าว จำ�นวนเงินท ีช่ ำ�ระจะปรากฏในใบแจ้งห นีข้ องเครือข ่าย โทรศัพท์ ในกรณีที่เป็นระบบโทรศัพท์แ บบเติมเงินระบบจะหักค ่าบริการทันที สำ�หรับพรีเมี่ยมเอสเอ็มเอสจะแตกต่างจากเอสเอ็มเอสทั่วไป ตรงที่มีการแจ้งสถานะกลับมายังผู้ส่ง กรณีที่ข ้อความนั้นไ ม่ถ ึงผ ู้รับ เพื่อให้ท ราบว่าข ้อความที่ส ่งไ ปและไม่ไ ด้ร ับน ั้นเกิดจากผู้รับป ิดเครื่องโทรศัพท์ ปลายทาง หรืออยู่น อกเขตสัญญาณให้บ ริการ หรือไม่มีพื้นที่เหลือเพราะข้อความในโทรศัพท์ของผู้รับเต็ม ในส่วนของการรักษาความปลอดภัย แม้ว่าผู้ซื้อจะทำ�โทรศัพท์เคลื่อนที่หายและมีผู้อื่นเก็บได้ก็ไม่ สามารถนำ�ไปใช้ชำ�ระค่าสินค้าและ/หรือบริการได้ เพราะจะต้องมีการยืนยันรหัสผ่านเพื่อยืนยันการสั่งซื้อ สินค้าและ/หรือบริการทุกครั้ง 1.2 ไดเร็กโมบายบิลลิ่ง (direct mobile billing) เป็นแ บบจำ�ลองการชำ�ระเงินที่ทำ�ผ่านเว็บเพจของ ผู้ขาย ซึ่งผู้ขายจะใช้เป็นทางเลือกใหม่สำ�หรับให้ลูกค้าที่นิยมซื้อสินค้าดิจิทัลเพื่อใช้ในการชำ�ระเงิน โดย ผู้ซื้อสามารถชำ�ระเงินไปพร้อมๆ กับขณะที่กำ�ลังร ับหรือดาวน์โหลดสินค้า เช่น เพลง เกม ซอฟต์แวร์ เป็นต้น ที่ซ ื้อได้ในส่วนของการชำ�ระเงิน เริ่มจ ากผู้ซ ื้อเลือกวิธีการชำ�ระเงินดังกล่าวจากหน้าเว็บ และป้อนข้อมูลรหัส ประจำ�ตัว (Personal Identification Number - PIN) และรหัสผ่าน (password) ที่ได้รับจากการสมัคร กับบริษัทผ ู้ให้บริการระบบการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลดังกล่าวใช้เพื่อยืนยันหรือรับรองตนเอง สำ�หรับระบบได เร็กโมบายบิลลิ่งน ี้จะมีการเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้ใ ห้บริการระบบการเรียกเก็บเงินอยู่แล้ว ดังนั้น เงินในบัญชี ของผู้ซื้อจะถูกโอนเพื่อเป็นค่าสินค้าและ/หรือบ ริการให้แก่บัญชีของผู้ขายโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านธนาคาร และบริษัทบัตรเครดิต 1.3 โมบายเว็บเพย์เมนต์ (mobile web payment) เป็นแบบจำ�ลองที่พัฒนาขึ้นมาเนื่องจากโทรศัพท์ เคลื่อนที่นั้นมีข้อจำ�กัดในด้านการป้อนข้อมูลเข้าและการแสดงผล ดังนั้น เพื่อให้โทรศัพท์เคลื่อนที่มีความ สามารถในการใช้งานกับอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น จึงได้มีการพัฒนาโพรโทคอลระบบงานประยุกต์ไร้สาย หรือ แว็บ (Wireless Application Protocol - WAP) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ที่เกิดจากความร่วมมือของบริษัท ผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการนำ�ความสามารถต่างๆ ของระบบงานประยุกต์ไร้สาย (wireless application) และความสามารถของอินเทอร์เน็ตมาประยุกต์เข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้ระบบอินเทอร์เน็ต ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้เช่นเดียวกับการใช้งานผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งแว็บนั้นไม่ต้องการซีพียูที่มี ประสิทธิภาพสูง ไม่ต ้องการหน่วยความจำ�มาก และไม่ต้องการแหล่งพลังงานมากด้วยเช่นกัน ปัจจุบันแ ว็บ ได้น ำ�มาใช้ในการทำ�ธุรกรรมชำ�ระเงินค่าสินค้าแ ละ/หรือบริการ โดยผู้ซื้อต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เฉพาะสำ�หรับ การชำ�ระเงินลงในโทรศัพท์ของตนเอง และเปิดบัญชีที่มีระบบไอพีเอส (Intrusion Prevention SystemIPS) ในการชำ�ระเงินผ่านเว็บไซต์ที่ให้บริการแว็บ โดยไอพีเอสเป็นระบบที่คอยตรวจจับการบุกรุกของผู้ที่ ไม่ประสงค์ดี รวมไปถึงข ้อมูลจำ�พวกไวรัส สามารถวิเคราะห์ข ้อมูลทั้งหมดที่ผ่านเข้าออกภายในเครือข่ายว่า มีลักษณะการทำ�งานที่เป็นความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเครือข่ายหรือไม่ เมื่อตรวจพบ ข้อมูลที่มีลักษณะการทำ�งานที่เป็นความเสี่ยงต่อระบบเครือข่ายก็จะทำ�การป้องกันข้อมูลดังกล่าวนั้นไม่ให้ เข้ามาภายในเครือข่ายได้ เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าและ/หรือบริการก็สามารถชำ�ระเงินผ่านระบบงานประยุกต์ใน โทรศัพท์เคลื่อนที่โ ดยระบบจะหักเงินจ ากบัญชีท ี่เปิดไว้กับธนาคารโอนไปยังบัญชีของผู้ขาย
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-64
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
1.4 คอนแท็กเลสเนียร์ฟ ลิ ด์ค อมมนู เิ คชนั (contactless near field communication) เป็นแ บบจำ�ลอง ที่นำ�เทคโนโลยีแบบไร้สัมผัส (contactless) หรือเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุเพื่อระบุลักษณะเฉพาะ หรือ อ าร์เอฟไอดี (Radio Frequency Identification - RFID) มาประยุกต์ก ับก ารชำ�ระเงินผ ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในการชำ�ระเงินแบบนี้ไม่ต้องเรียกระบบงานใดๆ ขึ้นมาแสดงผลบนหน้าจอโทรศัพท์ของผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อเพียง ติดต ั้งส มารต์ การ์ด ลงในโทรศัพท์เคลื่อนทีก่ ่อนกส็ ามารถใช้ง านได้ท ันที และทุกค รั้งเมื่อต ้องการชำ�ระค่าส ินค้า และ/หรือบ ริการ ก็เพียงนำ�โทรศัพท์เข้าไปใกล้ๆ กับเครื่องอ่านบัตร ซึ่งผู้ซื้อไม่ต้องป้อนข้อมูลรหัสประจำ�ตัว และรหัสผ ่านเพื่อร ะบุต ัวต น ทำ�ให้ก ารชำ�ระเงินส ามารถทำ�ได้ร วดเร็วแ ละสะดวกมากขึ้น แบบจำ�ลองนี้น ิยมใช้ ในการซื้อและชำ�ระค่าสินค้าทั่วไปที่ไ ม่ใช่สินค้าดิจิทัล และใช้ชำ�ระค่าบริการรถโดยสารขนส่งมวลชน เช่น รถ โดยสารประจำ�ทาง รถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟลอยฟ้า เป็นต้น ดังแสดงในภาพที่ 6.24
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 6.24 การชำ�ระเงินแบบโมบายเพย์เมนต์สำ�หรับค ่าบัตรโดยสารรถไฟฟ้าใ ต้ดิน
ม
ธ ส
ที่มา: http://www.mobilewhack.com/o2-announces-o2-wallet-mobile-payment-solution-with-nokia-6131-nfc-handset/ ค้นคืนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554
ม
ธ ส
สำ�หรับประเทศไทย บริการโมบายเพย์เมนต์ที่ส่วนมากนิยมใช้ในขณะนี้คือ การซื้อสินค้า/บริการ และการชำ�ระค่าสาธารณูปโภคโดยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านเอสเอ็มเอส
ม
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-65
ธ ส
2. ขั้นตอนการประมวลผลในระบบชำ�ระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
สำ�หรับขั้นตอนการประมวลผลในระบบชำ�ระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ดังแสดงในภาพที่ 6.25
ธ ส
ผู้ซื้อ
ม
6. จัดส่งสินค้า
ธ ส
2. สั่งซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่
1. ลงทะเบียนและรับรหัส ประจำ�ตัวและรหัสผ่าน
8. ชำ�ระเงิน ตาม ใบแจ้งยอด
7. ส่งใบแจ้งยอด รายการ ใบกำ�กับภาษี
ธ ส
ม
3. ส่งข้อมูล การสั่งซื้อ และรหัส ที่ป้อน
ม ผู้ขาย
ม
4. ส่งข้อมูลผู้ซื้อและการสั่งซื้อ สินค้าและรับข้อมูลการอนุมัติวงเงิน
ธ ส
9. แบ่งปันรายได้จากค่าธรรมเนียม
ธนาคารผู้ซื้อ
ผู้ให้บริการโมบายเพย์เมนต์
ม
ภาพที่ 6.25 ขั้นต อนการชำ�ระเงินแ บบโมบายเพย์เมนต์
ธ ส
9. แบ่งปัน รายได้ จาก ค่าธรรมเนียม
5. ส่งข้อมูล การยืนยันตัวตน ผู้ซื้อและวงเงิน อนุมัติ
ธ ส
ม
ธ ส
จากภาพที่ 6.25 แสดงขั้นตอนการชำ�ระเงินแบบโมบายเพย์เมนต์ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 2.1 ผู้ซื้อลงทะเบียนขอใช้บริการการชำ�ระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่จ ากผู้ให้บริการรับชำ�ระเงิน ซึ่ง อาจเป็นธ นาคาร บริษัทผ ูใ้ ห้บ ริการโมบายเพย์เมนต์ หลังจ ากลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผูซ้ ื้อจ ะได้ร ับร หัส ประจำ�ตัวและรหัสผ่านเพื่อใช้ในการชำ�ระเงินแบบโมบายเพย์เมนต์ 2.2 เมื่อผู้ซื้อสั่งซื้อสินค้าและ/หรือบริการจากผู้ขายโดยเลือกการชำ�ระเงินแบบโมบายเพย์เมนต์ ผู้ขายจะให้ผู้ซื้อป้อนรหัสประจำ�ตัวและรหัสผ่าน 2.3 ผู้ขายจะส่งข้อมูลก ารสั่งซ ื้อและข้อมูลร หัสที่ป้อนไปยังผู้ให้บ ริการโมบายเพย์เมนต์ เพื่อขอการ ยืนยันว่าเป็นผู้ซื้อที่ได้ลงทะเบียนใช้บริการโมบายเพย์เมนต์จริง ผู้ให้บริการโมบายเพย์เมนต์จะตรวจสอบ ความถูกต้องของข้อมูลรหัสที่ส่งมา กรณีท ี่ไม่ถูกต้องจะรีบแจ้งกลับไปยังผู้ขายทันที
ม
ม
ธ ส
ม
6-66
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
2.4 ในกรณีท ีถ่ ูกต ้องผูใ้ ห้บ ริการโมบายเพย์เมนตจ์ ะส่งข ้อมูลข องผูซ้ ื้อไ ปยังธ นาคารทีผ่ ูซ้ ื้อเปิดบ ัญชี ไว้ เพื่อแจ้งการซื้อสินค้าของผู้ซื้อให้ธนาคารทราบ ซึ่งธนาคารจะตรวจสอบข้อมูลเพื่ออนุมัติวงเงินและแจ้ง กลับผู้ให้บ ริการโมบายเพย์เมนต์ทราบ 2.5 จากนั้นผ ู้ใ ห้บ ริการโมบายเพย์เมนต์จ ะส่งข ้อมูลก ารยืนยันต ัวต นของผู้ซ ื้อแ ละวงเงินอ นุมัติจ าก ธนาคารกลับไปยังผู้ข าย 2.6 ผู้ขายจัดส่งสินค้าให้แก่ผู้ซ ื้อ 2.7 ทุกสิ้นเดือนหรือครบรอบบัญชีธนาคารจะส่งใบแจ้งยอดรายการ/ใบกำ�กับภาษีให้แก่ผู้ซื้อเพื่อ แจ้งยอดเงินที่ธนาคารหักจากบัญชีข องผู้ซ ื้อ 2.8 ผู้ซื้อชำ�ระเงินตามใบแจ้งยอดรายการที่ได้รับจ ากธนาคาร 2.9 ธนาคาร ผู้บริการโมบายเพย์เมนต์ และผู้ขายแบ่งป ันรายได้จากค่าธรรมเนียมตามข้อตกลง
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
3. ข้อดีและข้อจ ำ�กัดข องระบบชำ�ระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
ข้อดี ของระบบชำ�ระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ มีดังนี้ 1. ผู้ซื้อได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็วในการชำ�ระเงินได้ทุกที่ทุกเวลา เพราะปกติก็พกพา โทรศัพท์เคลื่อนที่อ ยู่เป็นประจำ� 2. ช่วยให้ผู้ซื้อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการชำ�ระเงินเมื่อเปรียบเทียบกับการชำ�ระเงินแบบ ดั้งเดิม 3. เป็นการใช้ประโยชน์จากโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ผู้ซื้อมีอยู่แล้วอย่างคุ้มค่า 4. ง่ายต่อผู้ซ ื้อใ นการดำ�เนินการชำ�ระเงินเพราะมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก 5. ผู้ซ ื้อไม่จ ำ�เป็นต้องลงทุนซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ก็สามารถชำ�ระเงินออนไลน์ได้ 6. ผู้ข ายใช้เป็นช่องทางในการรับชำ�ระเงินที่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้เพิ่มมากขึ้น ข้อจำ�กัด ของระบบชำ�ระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ มีดังนี้ 1. ผู้ซื้ออาจต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่ออัพเกรด (upgrade) โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือซื้อโทรศัพท์ที่มี ความสามารถในการชำ�ระเงินแบบโมบายเพย์เมนต์ได้ 2. ค่าบ ริการโมบายเพย์เมนต์ยังมีราคาสูงกว่าการชำ�ระเงินโดยวิธีอื่น 3. การรักษาความปลอดภัยข้อมูลยังไม่น่าเชื่อถือ เพราะผู้ใช้บริการไม่สามารถแน่ใจได้ว่าข้อมูลที่ ส่งไประหว่างที่ทำ�ธุรกรรมผ่านผู้ใ ห้บ ริการจะไม่ถูกน ำ�ไปใช้ในทางที่ไ ม่เหมาะสม 4. ในบางประเทศยังไ ม่มีกฎหมายรองรับก ารชำ�ระแบบโมบายเพย์เมนต์
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 6.2.6 แล้ว โปรดปฏิบัติกิจกรรม 6.2.6 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 6 ตอนที่ 6.2 เรื่องที่ 6.2.6
ม
ธ ส
ตอนที่ 6.3
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-67
ธ ส
ภัยคุกคาม การรักษาความปลอดภัย ผลกระทบและทิศทาง ของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
ม
โปรดอ่านแผนการสอนประจำ�ตอนที่ 6.3 แล้วจึงศ ึกษาเนื้อหาสาระ พร้อมปฏิบัติกิจกรรมในแต่ละเรื่อง
หัวเรื่อง
แนวคิด
ม
เรื่องที่ 6.3.1 ภัยคุกคามของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 6.3.2 การรักษาความปลอดภัยของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 6.3.3 ผลกระทบและทิศทางของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
ธ ส
ธ ส
ม
1. ภัยคุกคามในระบบภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีด้วยกัน มากมายหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ การลักลอบดักจับข้อมูลระหว่างที่มีการทำ�ธุรกรรม การจู่โจมร้านค้าอ อนไลน์เพื่อเข้าถ ึงฐ านข้อมูลล ูกค้า การเปิดร ้านค้าอ อนไลน์ห รือเว็บไซต์ ปลอม การหลอกลวงโดยการส่งอ ีเมล การบุกรุกใ ช้เครื่องคอมพิวเตอร์ข องผูอ้ ื่นเพื่อข โมย ข้อมูลรายละเอียดบัตรเครดิต การพัฒนาวิธีการที่จะทำ�ให้ได้สินค้า/บริการโดยไม่ต้อง ชำ�ระเงิน การปลอมแปลงคำ�แนะนำ�ในการชำ�ระเงิน นอกจากนี้แล้ว ยังมีภัยคุกคามที่เกิด จากการฉ้อโกงในระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ผ ่านบัตรเครดิต ซึ่งก ็ม ีด ้วยกันห ลากหลาย รูปแบบ คือ การขโมยบัตร การยึดครองบัญชีบัตร การไม่ปรากฏตัวของผู้ถือบัตร การทำ� บัตรปลอม การคัดล อกข้อมูลจ ากบัตรเครดิต การใช้บัตรพลาสติก 2. การรักษาความปลอดภัยใ นระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์น ับว ่าเป็นส ิ่งส ำ�คัญท ี่จ ำ�เป็นต ้อง มี ทั้งนี้ เพื่อส ร้างความมั่นใจให้แ ก่ท ั้งผ ูข้ ายและผูซ้ ื้อใ นการทำ�ธุรกรรมร่วมกัน ซึ่งป ระกอบ ด้วยองค์ป ระกอบที่สำ�คัญค ือ ความถูกต ้องครบถ้วนและการอนุมัติ ความสามารถในการ รักษาความลับ ความพร้อมใช้และความน่าเชื่อถือ ฮาร์ดแวร์ที่น่าเชื่อถือ การเข้ารหัส การ ใช้โพรโทคอลจัดการความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูล และนอกจากนี้ ยังต้องมีการใช้ เครื่องมือเพื่อช่วยในการป้องกันและติดตามการฉ้อโกงในระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ บางระบบด้วย รวมทั้งก ำ�หนดมาตรการป้องกันเพื่อล ดความเสี่ยงของภัยค ุกคามในระบบ ชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาด้วย
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
6-68
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
3. ผลกระทบของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยสามารถส่งผลกระทบต่อ ปริมาณเงินใ นระบบและผลประโยชน์ข องรฐั จ ากสทิ ธิใ นการออกเงินต รา รวมทัง้ ผ ลกระทบ ต่อการฟอกเงิน ส่วนทิศทางความร่วมมือในการพัฒนาระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ในประเทศไทยนั้น ปัจจุบันธ นาคารแห่งป ระเทศไทยได้เล็งเห็นค วามจำ�เป็นใ นการพัฒนา ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อรองรับแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี จึงให้ความสำ�คัญกับการชำ�ระเงินด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำ�ระเงินดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม และสร้างความ ร่วมมือกับส ถาบันการเงินต่างๆ และกำ�หนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการระบบชำ�ระเงิน เพื่อว างนโยบายระบบการชำ�ระเงินข องประเทศ กำ�หนดแผนกลยุทธ์ และผลักด ันใ ห้บ รรลุ เป้าหมายตามที่วางไว้
ธ ส
ม
วัตถุประสงค์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
เมื่อศึกษาตอนที่ 6.3 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ 1. อธิบายภัยคุกคามของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ 2. อธิบายการรักษาความปลอดภัยของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ 3. บอกผลกระทบและทิศทางของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยได้
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
เรื่องที่ 6.3.1 ภัยคุกคามของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
6-69
ม
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์เป็นระบบชำ�ระเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีข้อที่ควรต้อง ระมัดระวังแ ละให้ค วามสนใจคือ ภัยค ุกคามทีเ่กิดข ึ้นใ นโลกออนไลน์ เนื่องจากภัยค ุกคามต่างๆ มีผ ลเสียห าย และส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเชื่อมั่น และความมั่นคงของการทำ�ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
1. รูปแบบของภัยคุกคามในระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีด้วยกันมากมายหลากหลายรูปแบบ โดย มีรายละเอียดดังนี้ 1.1 การลักลอบดักจ ับข้อมูลระหว่างที่มีการทำ�ธุรกรรม (trapping transaction data) การซื้อขาย สินค้าออนไลน์โดยการชำ�ระเงินผ่านบัตรเครดิตเป็นวิธีการที่นิยมและค่อนข้างแพร่หลายมากที่สุด ซึ่งวิธี การดังกล่าวจะต้องมีการรับส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ซื้อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ขาย ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต จึงทำ�ให้ต้องมีการรักษาความปลอดภัยและป้องกันการลักลอบดักจับข้อมูลที่รับส่ง ระหว่างกันแ ละกัน โดยส่วนใหญ่แ ล้วร ้านค้าอ อนไลน์ห รือเว็บไซต์จ ะมรี ะบบรักษาความปลอดภัยเพื่อป ้องกัน ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลที่ทำ�ธุรกรรม ผู้ซื้อสามารถสังเกตได้จากสัญลักษณ์หรือไอคอนที่ปรากฏอยู่บน เว็บเพจเพื่อแสดงให้ท ราบว่าเว็บไซต์น ั้นๆ มีระบบรักษาความปลอดภัย โดยสัญลักษณ์ท ี่ใช้เป็นรูปแม่กุญแจ ที่ล็อคอยู่ ดังแ สดงในภาพที่ 6.23 สำ�หรับเว็บไซต์ที่ไม่มีสัญลักษณ์นี้ปรากฏ จะมีความเสี่ยงของการลักลอบ ดักจ ับข ้อมูลก ารทำ�ธุรกรรมที่รับส ่งร ะหว่างผู้ซ ื้อแ ละผู้ขาย รวมทั้งข ้อมูลเจ้าของบัตรเครดิตท ี่อาจถูกล ักลอบ ดักจ ับไปโดยแฮกเกอร์ (hacker) หรือมิจฉาชีพได้ ดังนั้น ผู้ซื้อจึงควรสังเกตและพิจารณาเลือกเว็บไซต์ที่จะ ทำ�ธุรกรรมด้วย ก่อนที่จะป้อนข้อมูลสำ�คัญต่างๆ ผ่านหน้าจ อบนเว็บเพจของบริษัทผู้ขาย
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-70
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 6.26 เว็บไซต์ท มี่ ีระบบรักษาความปลอดภัย
ธ ส
ที่มา: N-CAP Users’ Guide; Everything You Need to Know About Using the Internet!, How Electronic Payment Works
ม
1.2 การจโู่ จมรา้ นคา้ อ อนไลน์เพือ่ เข้าถ งึ ฐ านขอ้ มูลล กู ค้า (attacking a shop to access the customers database) แม้ว่าจะเป็นการยากที่แฮกเกอร์จะได้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับบัตรเครดิตของลูกค้า แต่ก็มัก มีข่าวว่าข้อมูลของบัตรเครดิตหลายพันใบถูกลักลอบนำ�ไปใช้ในทางฉ้อโกงอย่างต่อเนื่องอยู่บ่อยๆ ทั้งนี้ เนือ่ งจากแฮกเกอร์บ างคนมคี วามช�ำ นาญในการลกั ลอบเข้าถ งึ ข อ้ มูลใ นฐานขอ้ มูล และในขณะเดียวกัน เว็บไซต์ บางแห่งก็ขาดระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ บริษัทที่ทำ�ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ควรมีระบบรักษาความ ปลอดภัยท ีส่ ามารถสืบหา หรือต รวจพบการจู่โจมจากแฮกเกอร์เพื่อแ จ้งเตือนและป้องกันก ารเข้าถ ึงข ้อมูลก าร ชำ�ระเงินผ่านบัตรต่างๆ ได้ทันเวลา 1.3 การเปิดร ้านค้าออนไลน์ หรือเว็บไซต์ป ลอม (creation fakes on-line stores) เป็นภ ัยคุกคามอีก รูปแ บบหนึง่ ท นี่ ยิ มน�ำ มาใช้ฉ อ้ โกงในธรุ กิจอ เิ ล็กทรอนิกส์ โดยมกั จ ะใช้ช ือ่ ย อู าร์แ อลทคี่ ล้ายคลึงก บั เว็บไซต์ข อง ร้านคา้ ห รือเว็บไซต์ข องบริษทั ท เี่ ป็นท รี่ ูจ้ กั ก นั ด ใี นกลุม่ ผ บู้ ริโภค โดยจะท�ำ เป็นล กั ษณะของเว็บไซต์ท ขี่ ายสนิ ค้า/ บริการทั่วไป มีหน้าจ อสำ�หรับส ั่งซ ื้อส ินค้าแ ละรับช ำ�ระเงินค ่าส ินค้า/บริการ โดยผูซ้ ื้อต ้องป้อนรายละเอียดการ ชำ�ระเงินผ่านหน้าเว็บ ซึ่งข ้อมูลที่ต ้องป้อน เช่น เลขที่บัตรเครดิต ชื่อเจ้าของบัตรเครดิต หมายเลขรหัส 3 ตัว ด้านหลังบ ัตรเครดิต เป็นต้น และหลังจ ากที่ผ ู้ซ ื้อป้อนรายละเอียดแล้ว ข้อมูลก็จะถูกบันทึกและถูกนำ�ไปใช้ ในการฉ้อโกงต่อไป 1.4 การหลอกลวงโดยการส่งอ ีเมล (deception by sending the email) เป็นภัยคุกคามประเภทหนึ่ง ของการตกเหยื่อ หรือที่เรียกว่า “ฟิชชิง” (phishing) ด้วยการปลอมแปลงอีเมล (email spoofing) เพื่อ หลอกลวงให้บุคคลต่างๆ ป้อนข้อมูลส่วนตัวแ ละรายละเอียดเกี่ยวกับบ ัตรเครดิต โดยอ้างว่าเป็นสถาบันการ เงินท ี่อ อกบัตรหรือบ ริษัทท ี่ล ูกค้าเคยทำ�ธุรกรรมด้วย และให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการปรับปรุงข ้อมูลใ ห้ท ันส มัย
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-71
ธ ส
ซึ่งจ ะเป็นป ระโยชน์ต ่อต ัวผูป้ ้อนเอง วิธนี ที้ ำ�ให้ม ผี ใู้ ช้จ ำ�นวนมากทีห่ ลงเชื่อแ ละตกเป็นเหยื่อ ดังน ั้น ผูซ้ ื้อจ ึงค วร พิจารณาให้รอบคอบและระมัดระวังอย่าหลงเชื่อการแอบอ้าง โดยอาจโทรศัพท์หรืออีเมลไปสอบถามข้อมูล จากสถาบันการเงินที่อ อกบัตรหรือบริษัท เพื่อใ ห้แน่ใจว่าเป็นอีเมลที่ส่งม าจากหน่วยงานนั้นจริง 1.5 การบกุ รุกใ ช้เครือ่ งคอมพิวเตอร์ข องผอู้ นื่ เพือ่ ข โมยขอ้ มูลร ายละเอียดบตั รเครดิต (PC attack to steal credit card information) ดังที่ทราบมาแล้วว่า แฮกเกอร์ คือผู้ที่พยายามจะเข้าถึงข ้อมูลของผู้อื่นผ่าน ระบบอินเทอร์เน็ต โดยมีจ ุดป ระสงค์เพื่อน ำ�ข้อมูลด ังก ล่าวไปใช้ใ นทางทุจริต ปัจจุบันเมื่อผ ู้ใ ช้ล งทะเบียนตาม เว็บไซต์ต ่างๆ ซอฟต์แวร์ท ี่ใ ช้จ ะมฟี ังก์ชันอ ำ�นวยความสะดวกในการลงทะเบียน โดยฟังก์ชันด ังก ล่าวสามารถ จำ�ข้อมูลและป้อนข้อมูลต ่างๆ ให้อ ัตโนมัติ (auto complete feature) หลังจ ากที่ไ ด้ม ีก ารป้อนข้อมูลดังก ล่าว ไปแล้วหนึ่งครั้ง ดังนั้น หากเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวได้เคยป้อนข้อมูลของผู้ใช้บัตรเครดิตไปแล้วหนึ่ง ครั้ง ในครั้งต่อไปเมื่อจะป้อนข้อมูลด ังกล่าวเพื่อล งทะเบียนในเว็บไ ซต์อื่นๆ ซอฟต์แวร์จะจัดการป้อนให้เอง เพียงแต่ป้อนตัวอักษรตัวแรกลงไปเท่านั้น ซึ่งหากมีผู้อื่นที่ไม่หวังดีมาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นป้อน ข้อมูลลงทะเบียนในเว็บไซต์อื่นๆ ก็จะสามารถทราบข้อมูลเดิมของเจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ ด้วยจุด อ่อนของฟังก์ชันดังกล่าว ปัจจุบันจึงมีเว็บไซต์หลายแห่งไม่นิยมนำ�ฟังก์ชันดังกล่าวมาใช้ในการป้อนข้อมูล ที่มีความสำ�คัญ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิต ข้อมูลหมายเลขบัตรประชาชน ฯลฯ หรือการใช้ซอฟต์แวร์ ที่เรียกว่า “มัลแวร์” (malware) ซึ่งมัลแวร์เป็นซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแอบเข้า ระบบคอมพิวเตอร์ข องผู้อ ื่นโดยไม่ต้องขอความยินยอมของเจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ และจะรวมถึงไ วรัส คอมพิวเตอร์ (computer virus) หนอนคอมพิวเตอร์ (computer worm) ด้วย โดยอาจเข้ามาเพื่อทำ�ลาย ข้อมูลท ี่จัดเก็บในเครื่อง หรือด ักจับข้อมูลที่เจ้าของเครื่องป้อนผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1.6 การพัฒนาวิธีการที่จะทำ�ให้ได้สินค้า/บริการโดยไม่ต้องชำ�ระเงิน เป็นภัยคุกคามที่ผู้ฉ้อโกง ต้องการทีจ่ ะให้ไ ด้ม าซึ่งส ินค้า/บริการโดยไม่ต ้องชำ�ระเงินใ ห้แ ก่ผ ู้ข าย ส่วนมากจะเกิดก ับผ ู้ข ายสินค้าป ระเภท สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (electronic goods) ที่ผู้ซื้อสามารถดาวน์โหลดสินค้าได้เองผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หลังจากที่ไ ด้รับหมายเลขประจำ�ตัวและรหัสผ่านเพื่อล็อกอินเข้าสู่เครื่องเซิร์ฟเวอร์ของผู้ขาย ตัวอย่างสินค้า อิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซอฟต์แวร์ เพลง ภาพยนตร์ เป็นต้น รูปแบบของภัยคุกคามประเภทนี้ เช่น การบุกรุกโดย พนักงานในร้านค้าจำ�หน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หรือแฮกเกอร์ เป็นการฉ้อโกงที่เกิดจากพนักงานของร้านค้า เอง หรือจากแฮกเกอร์ภายนอกที่ลักลอบใช้หมายเลขประจำ�ตัวและรหัสผ่านของลูกค้าล็อกอินเข้าสู่เครื่อง เซิร์ฟเวอร์ข องผู้ขายเพื่อด าวน์โหลดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 1.7 การปลอมแปลงค�ำ แนะนำ�ในการช�ำ ระเงิน กรณีน ีโ้ ดยทั่วไปจะมนี ัยส ำ�คัญเฉพาะผูใ้ ห้บ ริการการ ชำ�ระเงิน เป็นอ งค์กรทแี่ ตกต่างจากสถาบันก ารเงินท ีผ่ ขู้ ายเคยใช้บ ริการ ซึ่งห ากการคุกคามประสบความสำ�เร็จ จะทำ�ให้ส ามารถได้ร ับส ินค้าแ ละบริการโดยไม่ต ้องชำ�ระเงินเช่นก ัน กรณีน ีห้ ากผูบ้ ุกรุกส ามารถเจาะและเข้าถ ึง เครือ่ งเซิรฟ์ เวอร์ท เี่ กีย่ วข้องกบั ก ารช�ำ ระเงิน ก็ส ามารถให้ค �ำ แนะนำ�ทไี่ ม่ถ กู ต อ้ งแก่ผ ปู้ ระกอบการคา้ ว า่ การช�ำ ระ เงินไ ด้เสร็จส ิ้นแ ล้ว ทั้งๆ ทีย่ ังด ำ�เนินก ารขั้นต อนไม่ค รบ หรือไ ม่ถ ูกต ้อง หรือผ ูบ้ ุกรุกส ามารถเรียนรูท้ ีจ่ ะปลอม ข้อมูลคำ�แนะนำ�การชำ�ระเงินซึ่งจะผ่านจากผู้ใ ห้บริการการชำ�ระเงินไปยังร้านค้า ซึ่งการดำ�เนินการ จะรวมถึง การสร้างข้อมูลเพื่อใ ห้คำ�แนะนำ�โดยตรง เนื่องจากข้อมูลมีทั้งการเข้ารหัส หรืออาจเกิดจากระบบการเข้ารหัส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-72
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ที่ใช้ไม่สามารถป้องกันข้อมูลได้ด ีพอ และการดักจ ับข ้อมูลกุญแจที่ใช้ในการเข้ารหัสจากทั้งผู้ประกอบการค้า และผู้ให้บ ริการชำ�ระเงิน
ธ ส
2. การฉ้อโกงในระบบชำ�ระเงินผ่านบัตรเครดิต
ม
วิธชี ำ�ระเงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ม ดี ว้ ยกนั ห ลายวธิ ดี งั ท ีก่ ล่าวมาแล้วใ นตอนที่ 6.2 แต่ว ธิ ที นี่ ยิ มมากทีส่ ดุ ค อื การช�ำ ระผา่ นบตั รเครดิต และแม้วา่ ก ระบวนการในการอนุมตั แิ ละตรวจสอบการช�ำ ระเงินผ า่ นบตั รเครดิตท เี่ ป็น แบบออฟไลน์แ ละออนไลน์จ ะมีค วามคล้ายคลึงก ันก ็ตาม แต่ก ็ม ีค วามแตกต่างกันอ ย่างหนึ่งค ือ การชำ�ระเงิน ผ่านบัตรเครดิตแบบออฟไลน์ความเสี่ยงที่จ ะเกิดปัญหาการฉ้อโกงนั้นน้อยกว่าแบบออนไลน์ ทำ�ให้โอกาสที่ ผูข้ ายต้องรับผ ิดช อบน้อยมาก เพราะเมื่อน ำ�บัตรเครดิตม าผ่านเครื่องอ่านบัตรจะสามารถทราบได้ท ันทีว ่าบ ัตร นั้นใช้งานได้หรือไม่ แต่ในโลกออนไลน์ผู้ข ายที่รับชำ�ระเงินผ่านบัตรเครดิตนั้น หากเกิดปัญหาการฉ้อโกงขึ้น ผูข้ ายจะต้องรับผ ิดช อบและอาจได้ร ับก ารลงโทษจากสมาคมผูอ้ อกบัตรเครดิตด ้วย นอกจากนีแ้ ล้ว ยังต ้องรับ ผิดช อบเกี่ยวกับค ่าใ ช้จ ่ายในการป้องกันก ารฉ้อโกง ซึ่งจ ะประกอบด้วย ซอฟต์แวร์ และระบบคอมพิวเตอร์ใ น การทวนสอบใบสั่งซ ื้อ ค่าใ ช้จ ่ายในการตรวจสอบใบสั่งซ ื้อโ ดยวิธีแ มนนวล ที่จ ำ�เป็นต ้องดำ�เนินก ารตรวจสอบ ควบคู่กับการตรวจสอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการที่ใบสั่งซื้อบางใบไม่สามารถ เรียกเก็บเงินจ ากบัตรเครดิตไ ด้ และจากการสำ�รวจโดยบริษัท ไซเบอร์ซ อร์ส (Cybersource) เมื่อป ี ค.ศ. 2007 พบว่าปัญหาการฉ้อโกงบัตรเครดิตที่เกิดจ ากการทำ�ธุรกรรมเชิงร ายการผ่านธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ม ีอัตราการ ขยายตัวมากขึ้นกว่าอดีตที่ผ่านมา ในขณะที่ก ารหาวิธีการป้องกันการฉ้อโกงขยายตัวไ ม่ทัน บริษัทไซเบอร์ซอร์ส เป็นบริษัทท ี่ทำ�การสำ�รวจเกี่ยวกับก ารสืบสวน การป้องกัน และการจัดการการ ฉ้อโกงที่เกิดจ ากผู้ข ายและการทำ�ธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจ ากผลการสำ�รวจในปี ค.ศ. 2006 จากผู้ข ายจำ�นวน 404 ราย พบว่า 2.1 ถึงแม้ว่าร้อยละของรายได้เฉลี่ยที่สูญเสียจากการฉ้อโกงต่อผู้ขายหนึ่งรายจะมีลักษณะไม่เพิ่ม ขึ้น เนื่องจากมีจำ�นวนผู้ข ายรายใหม่เพิ่มขึ้นในธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง แต่จำ�นวนเงินรวมทั้งหมด ที่สูญเสียจากการฉ้อโกงบัตรเครดิตกลับสูงข ึ้นจากปี ค.ศ. 2003 รายได้ที่สูญเสียจากการฉ้อโกงบัตรเครดิต ทั้งหมด 1.9 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 3.0 ล้านล้านบาท ในปี ค.ศ. 2006 ซึ่งการเพิ่มขึ้นนี้เปลี่ยนแปลงตาม การเติบโตของธุรกิจในธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ท ี่ขยายตัวขึ้นถึงร้อยละ 20 2.2 ในปี ค.ศ. 2006 ผู้ข ายประมาณการว่าถูกฉ้อโกงจากการสั่งซื้อสินค้า/บริการโดยเฉลี่ยร้อยละ 1.1 จากยอดการสั่งซื้อทั้งหมด ซึ่งค่านี้ลดลงจากปีก่อนๆ ไม่มากนัก ซึ่งใบสั่งซื้อที่เกิดการฉ้อโกงนี้มีผลต่อ ความน่าเชื่อถ ือข องผูซ้ ื้อท ีม่ ตี ่อผ ูข้ าย มูลค่าข องการสั่งซ ื้อท ีถ่ ูกฉ ้อโกงโดยใช้ค ่าม ัธยฐาน (median) ซึ่งค ำ�นวณ จากการนำ�มูลค่าใ บสั่งซ ื้อท ีถ่ ูกฉ ้อโกงทั้งหมดมาเรียงลำ�ดับจ ากมากไปน้อย และใช้ค ่าทีอ่ ยูต่ รงกลางของมูลค่า ใบสั่งซื้อที่ถูกฉ้อโกงทั้งหมด ค่าดังก ล่าวคือ 150 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่ามูลค่าเฉลี่ยของยอดสั่งซื้อทั้งหมดคิด เป็นร้อยละ 50 2.3 มูลค่าก ารสัง่ ซ ือ้ ผ า่ นธรุ กิจอ เิ ล็กทรอนิกส์ร อ้ ยละ 61 มาจากประเทศตา่ งๆ ทีอ่ ยูน่ อกสหรัฐอเมริกา และแคนาดา และใบสั่งซื้อก ลุ่มน ี้ค ิดเป็นมูลค่าร้อยละ 17 ของมูลค่าการขายทั้งหมด อัตราการฉ้อโกงที่เกิด
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-73
ธ ส
ขึ้นคิดเป็นร้อยละ 2.7 หรือม ากกว่าอัตราการฉ้อโกงที่เกิดขึ้นจากการขายสินค้า/บริการภายในสหรัฐอเมริกา และแคนาดาถึง 2 เท่า 2.4 ผู้ขายรายใหญ่จะมีจุดอ่อนต่อการฉ้อโกงน้อยกว่าผู้ขายรายเล็ก เพราะมีประสบการณ์ในการ ทำ�ธุรกิจผ ่านธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ม ากกว่า มีร ะบบ ขั้นตอนในการป้องกัน และจัดการกับการฉ้อโกงที่ม ีค วาม พร้อมมากกว่า และผลิตภัณฑ์ท ี่จ ำ�หน่ายสามารถจำ�หน่ายในตลาดเปิดแ บบพาณิชย์อ ิเล็กทรอนิกส์ไ ด้ง ่ายกว่า ด้วย 2.5 ผู้ขายมากกว่าร้อยละ 50 เชื่อว่าแนวโน้มของการฉ้อโกงการชำ�ระเงินผ่านธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ จะเพิ่มข ึ้นในปีต่อๆ ไป ตามแนวโน้มของยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นด้วย นอกจากการคาดการณ์แ นวโน้มข องการฉอ้ โกงผา่ นพาณิชย์อ เิ ล็กทรอนิกส์แ ล้ว ทางบริษทั ไซเบอร์ซ อร์ส ยังสำ�รวจการติดตามขั้นตอนในการป้องกันการฉ้อโกงของผู้ขายด้วย ในปี ค.ศ. 2006 ผู้ขายใช้ซอฟต์แวร์ หรือระบบในการติดตามและป้องกันการฉ้อโกงหลายชนิด ซึ่งมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยในปี ค.ศ. 2006 จำ�นวนเครื่องมือท ี่น ำ�มาใช้ม ีค ่าม ัธยฐานเท่ากับ 5 ชนิด ซึ่งม ากกว่าใ นปี ค.ศ. 2003 ที่ม ีก ารใช้ซ อฟต์แวร์ใ นการ ติดตามปอ้ งกันโ ดยมคี า่ ม ธั ยฐานเท่ากับ 3 ชนิดเท่านัน้ ผูข้ ายมกี ารลงทุนใ นระบบการปอ้ ง กันก ารฉอ้ โกงมากขึน้ โดยมียอดเงินที่ลงทุนค ิดเป็นร้อยละ 0.5 ของยอดขายออนไลน์ทั้งหมด โดยจำ�แนกเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้าง พนักงานมาตรวจสอบข้อมูลร้อยละ 46 ค่าใ ช้จ ่ายในการลงทุนซื้อเครื่องมือห รือร ะบบเพื่อต ิดตามและป้องกัน การฉ้อโกงจากบริษัทซ อฟต์แวร์ร ้อยละ 28 และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเครื่องมือเพื่อใช้เองร้อยละ 26
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
3. ประเภทของการฉ้อโกงในระบบชำ�ระเงินผ่านบัตรเครดิต
ม
ธ ส
ม
ปัจจุบันการฉ้อโกงบัตรเครดิตเป็นปัญหาที่ค่อนข้างรุนแรงมากที่สุดในการทำ�ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ดังน ัน้ เพือ่ ใ ห้ส ามารถปอ้ งกันก ารฉอ้ โกงได้อ ย่างมปี ระสิทธิผล จึงจ �ำ เป็นต อ้ งมคี วามเข้าใจเกีย่ วกบั ก ลไกทนี่ �ำ มา ใช้ในการฉ้อโกง ซึ่งก ารฉ้อโกงบัตรเครดิตก็คือ การที่บ ุคคลที่ไ ม่ใช่เจ้าของบัตรนำ�บัตรไปใช้ประโยชน์ทั้งๆ ที่ ไม่ไ ด้ร ับอ นุญาตจากเจ้าของบัตรและธนาคารผูอ้ อกบัตร โดยนำ�บัตรเครดิตไ ปจับจ ่ายใช้สอยซื้อส ินค้า/บริการ ผ่านธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ แต่จ ะไม่ชำ�ระเงินค่าสินค้า/บริการเมื่อมีการเรียกเก็บเงินจากธนาคารผู้ออกบัตร การฉ้อโกงบัตรเครดิตสามารถทำ�ได้ห ลากหลายรูปแบบ ดังนี้ 3.1 การขโมยข้อมูลบัตร เป็นการฉ้อโกงที่มีความวิกฤตมากที่สุด โดยมิจฉาชีพจะขโมยข้อมูลใน บัตรเครดิตจ ากเจ้าของบัตรเพื่อน ำ�ไปทำ�บัตรเครดิตป ลอม หรือน ำ�ไปใช้ซ ื้อส ินค้าแ ละ/หรือบ ริการผ่านเว็บไซต์ ต่างๆ ในการขโมยข้อมูลบัตรเครดิตมีด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ 1) เมื่อเจ้าของบัตรเครดิตทำ�บัตรหายหรือบัตรถูกขโมย เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดของมิจฉาชีพ ในการได้มาซึ่งข้อมูลของบัตรเครดิต กรณีนี้เจ้าของบัตรควรแจ้งธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อขออายัดบ ัตรทันที 2) การใช้อุปกรณ์อ่านข้อมูลจากแถบแม่เหล็กที่เรียกว่า เครื่องสกิมเมอร์ (skimmer) โดย เครื่องดังก ล่าวจะคัดล อกข้อมูลท ี่บ ันทึกใ นแถบแม่เหล็ก ข้อมูลที่ข โมยไปจะถูกน ำ�ไปทำ�บัตรปลอมเพื่อน ำ�ไป ใช้ซ ื้อส ินค้า/บริการ แต่ป ัจจุบันบ ัตรเครดิตส ่วนมากจะเปลี่ยนจากแถบแม่เหล็กเป็นการใช้ช ิปเก็บข ้อมูลแ ทน ซึ่งทำ�ให้ลดปัญหาลง
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
6-74
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
3) การปลอมแปลงเอกสารสำ�คัญเพื่อนำ�ไปสมัครขอใช้บริการบัตรเครดิต โดยใช้เอกสาร สำ�เนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน สลิปเงินเดือนของบุคคลอื่นมาใช้หลอกลวงให้ธนาคารออกบัตรให้ 3.2 การยึดครองบัญชีบัตร การฉ้อโกงรูปแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อข้อมูลได้ถูกลักลอบไปโดยมิจฉาชีพ ซึ่ง เจ้าของบตั รเองกไ็ ม่ท ราบวา่ ข อ้ มูลไ ด้ถ กู ล กั ลอบไปแล้ว จากนัน้ ผ ฉู้ อ้ โกงจะสวมรอยเป็นเจ้าของบตั ร และตดิ ต่อ กับธนาคารผู้ออกบัตร แจ้งว ่าบ ัตรเดิมหายขอทำ�บัตรใหม่มาทดแทนพร้อมกับให้ส่งมายังที่อยู่ใหม่ด้วย 3.3 การไม่ป รากฏตัวของผู้ถือบัตร เป็นรูปแบบการฉ้อโกงที่สามารถทำ�ได้ในการซื้อขายผ่านระบบ อินเทอร์เน็ตเท่านั้น เพราะไม่จ ำ�เป็นต ้องให้เจ้าของบัตรแสดงตน ณ จุดช ำ�ระเงิน อีกท ั้งผ ู้ข ายไม่ส ามารถตรวจ สอบรายละเอียดที่ปรากฏอยู่บนบัตรหรือข้อมูลที่ระบุเจ้าของบัตรได้ ทำ�ให้ง่ายในการปลอมตัวเป็นเจ้าของ บัตรตัวจ ริง โดยป้อนข้อมูลเลขที่บัตรเครดิตที่จารกรรมมาได้ผ่านเว็บเพจของผู้ขาย 3.4 การทำ�บัตรปลอม ปัจจุบันมีกลุ่มมิจฉาชีพใช้เทคนิคการทำ�บัตรเครดิตปลอม และนำ�ไปใช้ใน การซื้อส ินค้า/บริการดังท ี่ป รากฏในข่าวอาชญากรรมอยู่บ ่อยๆ ซึ่งเทคนิคท ี่น ิยมนำ�มาใช้ใ นการทำ�บัตรเครดิต ปลอม ได้แก่ 1) การลบขอ้ มูลเดิมใ นแถบแม่เหล็กบ นบตั ร เป็นการนำ�บัตรเครดิตท ีห่ มดอายุแ ละถูกท ิ้งแ ล้ว นำ�มาลบข้อมูลเดิมท ีบ่ ันทึกอ ยูใ่ นแถบแม่เหล็กโ ดยการใช้ส นามแม่เหล็กไ ฟฟ้า จากนั้นน ำ�ข้อมูลใ หม่ท ีล่ ักลอบ มาจากบัตรเครดิตที่ย ังไ ม่หมดอายุมาบันทึกลงไปใหม่ และนำ�บัตรดังกล่าวนี้ไปใช้ในการซื้อสินค้า/บริการ 2) การจัดทำ�บัตรเครดิตปลอม เป็นการทำ�บัตรเครดิตปลอมโดยใช้เครื่องจักรที่ผลิตขึ้นมา โดยเฉพาะ ซึ่งผู้ทำ�จะเป็นผู้ท ี่ม ีทักษะและความชำ�นาญค่อนข้างสูง 3.5 การคดั ลอกขอ้ มูลจากบตั รเครดิต เป็นกระบวนการที่คัดลอกข้อมูลที่บันทึกอยู่ในแถบแม่เหล็ก บนบตั รเครดิตใ บหนึง่ ไ ปบนั ทึกใ นแถบแม่เหล็กบ นบตั รอกี ใ บหนึง่ ซึง่ ก ระบวนการนเี้ รียกวา่ “สกิมม ิง่ ” (skimming) โดยผู้ฉ ้อโกงจะนำ�เครื่องมือสกิมมิ่งที่มีขนาดเล็กส ามารถพกพาโดยใส่ลงในกระเป๋าเสื้อ เมื่อผู้ซื้อใช้ บัตรเครดิตซ ื้อส ินค้า/บริการ บัตรเครดิตจ ะถูกน ำ�เข้าไปที่เครื่องอ่านบัตรเพื่อท ำ�รายการธุรกรรม ซึ่งใ นขณะที่ ลูกค้าก ำ�ลังร อให้เครื่องอ่านบัตรทำ�รายการธุรกรรมอยู่ เครื่องมือดังกล่าวก็จะอ่านข้อมูลที่บันทึกอ ยู่ในแถบ แม่เหล็กข องบัตร โดยที่ผ ู้ซ ื้อไ ม่ทันสังเกตเห็น 3.6 การใช้บ ตั รพลาสติก เนื่องจากบัตรเครดิตม ขี นาดเท่ากับบ ัตรพลาสติกท ั่วไป ดังน ั้น มิจฉาชีพจ ึง นำ�บัตรพลาสติกไปใช้ในการซื้อส ินค้า/บริการตามสถานที่ต่างๆ ที่ไม่มีการตรวจสอบอายุของบัตร หรือตรวจ สอบข้อมูลใดๆ ด้วยการป้อนข้อมูลบางอย่างที่ลักลอบมาได้ ก็ทำ�ให้สามารถใช้บัตรพลาสติกนั้นได้ เหมือน กับบัตรเครดิตท ั่วไป โดยสถานที่ดังก ล่าวจะไม่มีแ คชเชียร์รับชำ�ระเงินประจำ�อยู่ เช่น สถานีให้บริการน้ำ�มัน ตู้เอทีเอ็ม เป็นต้น
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
4. ข้อควรระวังข องการใช้บัตรเครดิต
6-75
ธ ส
จากทีก่ ล่าวมาข้างต้น จะเห็นไ ด้ว ่าการฉ้อโกงบัตรเครดิตม ดี ้วยกันห ลากหลายรูปแ บบ ดังน ั้น เจ้าของ บัตรจึงควรหาวิธีป้องกันม ิให้เกิดขึ้นด้วย โดยมีข้อควรระวังดังไปนี้ 4.1 เก็บรักษาบัตรเครดิตไว้ใ นที่ปลอดภัย และไม่มอบบัตรให้แก่ผู้ที่ไม่น่าไว้วางใจ 4.2 จดหมายเลขและเลขที่บัญชีบัตรเครดิต หมายเลขโทรศัพท์ของแผนกบริการบัตรเครดิตไว้ใน ที่ปลอดภัย ไม่ค วรเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ เพราะหากกระเป๋าส ตางค์หายบัตรก็จะสูญหายไปด้วย 4.3 กรณีที่ต ้องจ่ายค่าสินค้าและ/หรือบริการด้วยบัตรเครดิต เจ้าของบัตรควรอยู่ ณ จุดที่พนักงาน ทำ�รายการเพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลในบัตร 4.4 หลีกเลีย่ งการใช้บ ตั รเครดิตใ นรา้ นคา้ ห รือป ระเทศทมี่ คี วามเสีย่ ง หรือม ขี า่ วเรือ่ งการทจุ ริตฉ อ้ โกง บัตรเครดิต 4.5 ตรวจสอบความถูกต ้องของรายการค่าใ ช้จ ่ายในสลิปบ ัตรเครดิตท ุกค รั้งท ีม่ กี ารใช้จ ่ายด้วยบัตร เครดิต และเก็บส ำ�เนาสลิปไ ว้เพื่อต รวจสอบกับใ บแจ้งย อดบัญชีว ่าถ ูกต ้องตรงกัน หากพบรายการทีไ่ ม่ถ ูกต ้อง ควรแจ้งธนาคารผู้อ อกบัตรทันที 4.6 ระมัดระวังก ารใช้บ ัตรเครดิตเบิกเงินผ ่านตู้เอทีเอ็มท ี่ม ีล ักษณะน่าส งสัยว ่าอ าจมีก ารลักลอบติด อุปกรณ์สกิมเมอร์เพื่อขโมยข้อมูลจากบัตรเครดิต และขณะที่ก ดรหัสบัตรต้องระวังไม่ให้ผู้อื่นเห็น
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
หลังจากที่ศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 6.3.1 แล้ว โปรดปฏิบัติกิจกรรม 6.3.1 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 6 ตอนที่ 6.3 เรื่องที่ 6.3.1
ม
ธ ส
ธ ส
ม ม
ธ ส
ม
ธ ส
6-76
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
เรื่องที่ 6.3.2 การรักษาความปลอดภัยของระบบชำ�ระเงิน อิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
การรกั ษาความปลอดภัยใ นระบบช�ำ ระเงินอ เิ ล็กทรอนิกส์น บั ว า่ เป็นส ิง่ ส �ำ คัญท จี่ �ำ เป็นต อ้ งมี ทัง้ นี้ เพือ่ สร้างความมั่นใจให้แก่ท ั้งผู้ข ายและผู้ซ ื้อใ นการทำ�ธุรกรรมร่วมกัน
ธ ส
1. องค์ประกอบสำ�คัญของการรักษาความปลอดภัยในระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
การรกั ษาความปลอดภัยท เี่ ป็นท ตี่ อ้ งการขององค์การ และผทู้ เี่ กีย่ วข้องในการท�ำ ธรุ กิจอ เิ ล็กทรอนิกส์ ควรประกอบด้วยองค์ป ระกอบที่สำ�คัญด ังต่อไ ปนี้ 1.1 ความถูกต้องครบถ้วนและการอนุมัติ (integrity and authorization) ระบบชำ � ระเ งิ น อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำ�งานได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และได้รับการอนุมัติอย่างชัดเจนเมื่อมีการชำ�ระ เงินเกิดขึ้น จะช่วยป้องกันหรือลดอัตราการฉ้อโกงเงินลงได้ เพราะการอนุมัติเป็นสิ่งที่มีความสำ�คัญในระบบ ชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งก ารอนุมัติสามารถทำ�ได้สามวิธี คือ การอนุมัติโดยการตรวจสอบจากใบแจ้งยอด (statement authorization) การอนุมัติโ ดยใช้จากรหัสผ่าน (password authorization) และการอนุมัติ โดยใช้ลายเซ็นอ ิเล็กทรอนิกส์ (electronic signature authorization) 1) การอนุมัติโดยการตรวจสอบจากใบแจ้งยอด เริ่มจากมีการตรวจสอบโดยธนาคารผู้ออก บัตรจะแจ้งใ ห้บ ุคคลที่ไ ด้ร ับอ นุญาตหรือผ ู้ท ี่ม ีบ ัตรเครดิต (ผู้ซ ื้อ) ตรวจสอบรายการการทำ�ธุรกรรม หลังจ าก ทีบ่ ุคคลดังก ล่าวตรวจสอบรายการแล้ว หากถูกต ้องกจ็ ะต้องชำ�ระเงินภ ายในเวลาทีก่ ำ�หนด แต่ห ากไม่ถ ูกต ้อง ก็ต ้องรีบแ จ้งไ ปยังธ นาคารภายในระยะเวลาที่ก ำ�หนดเช่นก ัน ซึ่งจ ุดอ ่อนทีเ่กิดข ึ้นค ือ ทุกค นทีร่ ูข้ ้อมูลข องผูใ้ ช้ บัตรเครดิตส ามารถทำ�ธุรกรรมได้ ดังน ั้น ผู้ท ี่เป็นเจ้าของบัตรที่แท้จริงจึงต้องตรวจสอบใบแจ้งย อดทุกค รั้ง 2) การอนุมตั โิ ดยใช้ร หัสผ า่ น ข้อมูลร ายการเชิงธ ุรกรรมจะถูกป ้องกันก ารเข้าถ ึงโ ดยการป้อน รหัสผ ่าน และทุกค รั้งท ี่ม ีก ารรับส ่งข ้อมูลธ ุรกรรมเชิงร ายการจะต้องมีก ารเข้าร หัสล ับ ซึ่งค ่าร หัสล ับน ี้จ ะทราบ โดยผมู้ อี �ำ นาจอนุมตั ิ หรือธ นาคารผอู้ อกบตั รเครดิต และพอ่ ค้าท ที่ �ำ ธรุ กรรมเท่านัน้ ข้อมูลธ รุ กรรมเชิงร ายการ ที่ไ ด้รับการอนุมัติเท่านั้นจึงจ ะเป็นข้อมูลที่ถูกต ้องครบถ้วน 3) การอนุมัติโดยใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลรายการ เชิงธุรกรรมประเภทนี้จะต้องได้รับการอนุมัติจากกลุ่มผู้มีอำ�นาจด้วยการใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ในการ อนุมัติก่อนทุกครั้ง 1.2 ความสามารถในการรักษาความลับ (confidentiality) เป็นการเข้มงวดในการเก็บรักษาข้อมูลที่ เกี่ยวข้องกับการทำ�ธุรกรรม เช่น ข้อมูลรายการสินค้า/บริการที่ซื้อขาย ปริมาณ จำ�นวนเงิน รายละเอียดของ ผู้ขายและผู้ซื้อ เป็นต้น โดยจะเก็บรักษาไว้เป็นความลับ ผู้ที่จะทราบเกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าวจะต้องได้รับ
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-77
ธ ส
อนุมัติอย่างเป็นทางการด้วยวิธีก ารใดวิธีก ารหนึ่งตามที่กล่าวมาแล้วในข้อที่ 1.1 ข้อมูลดังกล่าวจะต้องไม่ถูก แพร่งพรายให้ผู้อื่นท ี่ไม่เกี่ยวข้องล่วงรู้ไ ด้ 1.3 ความพร้อมใช้และความน่าเชื่อถือ (availability and reliability) ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับระบบ ชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ล ้วนแต่มีความต้องการให้ระบบสามารถรับส่งข้อมูลได้ตลอดเวลาและเสร็จสมบูรณ์ ทุกค รั้ง โดยไม่มีก ารหยุดชะงักร ะหว่างที่ทำ�การชำ�ระเงิน ดังนั้น สถานะของระบบในขณะที่มีการรับส่งข้อมูล ระหว่างที่ชำ�ระเงินค่าสินค้า/บริการควรมีสถานะที่เป็นไปได้เพียง 2 สถานะ คือ สถานะการรับส่งข้อมูลได้ ทั้งหมด และสถานะการไม่สามารถรับส่งข้อมูลได้เลย แต่ไม่ควรมีสถานะครึ่งๆ กลางๆ คือรับส่งได้บางส่วน เพราะจะทำ�ให้ผู้ซื้อเกิดความไม่สบายใจและไม่แน่ใจว่าการชำ�ระเงินถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ อาจต้องสูญ เงินไปเพราะระบบทำ�งานยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากระบบเครือข่ายเกิดมีปัญหาก่อนที่การรับส่งข้อมูลจะเสร็จ สมบูรณ์ ดังน ั้น ทุกห น่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงค วรคำ�นึงถ ึงอ งค์ป ระกอบในด้านความพร้อมและความน่าเชื่อถ ือ รวมทั้งก ารทนต่อค วามผิดพ ร่อง (fault tolerance) ของระบบด้วย เมื่อมีก ารพัฒนาหรือนำ�ระบบรับช ำ�ระเงิน อิเล็กทรอนิกส์ม าใช้ 1.4 ฮาร์ดแวร์ที่น่าเชื่อถือ (trusted hardware) ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์เป็นระบบที่ต้องใช้ ฮาร์ดแวร์เป็นเครื่องมือในการดำ�เนินการ ดังนั้น ปัจจุบันจึงมีการพัฒนาฮาร์ดแวร์ที่มีระบบรักษาความ ปลอดภัยแ ละมคี วามน่าเชื่อถ ือส ำ�หรับใ ช้ก ับร ะบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ เพื่อล ดปัญหาการฉ้อโกง หรือการทุจริตลง 1.5 การเข้ารหัส (cryptography) เป็นการนำ�ข้อมูลที่ทำ�ธุรกรรมไปเข้ารหัสก่อนที่จะรับส่งระหว่าง กันและกัน ซึ่งเทคนิคที่ใ ช้ในการเข้ารหัสนั้นมีด้วยกันหลายเทคนิค เช่น การเข้ารหัสกุญแจที่ใช้ร่วมกัน การ เข้ารหัสกุญแจสาธารณะ การเข้ารหัสลายเซ็นดิจิทัล 1.6 การใช้โ พรโทคอลจดั การความปลอดภัยใ นการรบั ส ง่ ข อ้ มูล ก่อนทีจ่ ะกล่าวถึงโ พรโทคอลจัดการ ความปลอดภัย ควรทำ�ความเข้าใจคำ�ว่า “โพรโทคอล” (protocol) ก่อน ซึ่งโพรโทคอล ก็คือ ข้อกำ�หนดหรือ ข้อตกลงในการสื่อสารรับส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ซึ่งมีอยู่ด้วยกันมากมายหลายชนิด วัตถุประสงค์ ของการกำ�หนดโพรโทคอลก็เพื่อให้การรับส่งข้อมูลระหว่างกันและกันผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เป็นไปด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว และไม่มีปัญหา สำ�หรับโ พรโทคอลที่นิยมใช้ในการจัดการความปลอดภัย ของข้อมูลในระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์คือ โพรโทคอลเอสเอสแอล (Secure Socket Layer - SSL) ซึ่ง เริ่มพัฒนาขึ้นโดยบริษัท เน็ตสเคป คอมมูนิเคชันส์ (Netscape Communications) เพื่อใช้กับโพรโทคอล ระดับแอพพลิเคชันเอชทีทีพี (Hypertext Transfer Protocol - HTTP) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การ สื่อสารรับส่งข้อมูลผ่านเว็บมีความปลอดภัย โดยพัฒนาขึ้นในช่วงต้นของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่กำ�ลังได้ รับความนิยม การเข้ารหัสด้วยโพรโทคอลเอสเอสแอลนั้นมี 2 แบบ คือ แบบที่ 1 การเข้าร หัสแบบ 40 บิต และแบบที่ 2 การเข้ารหัสแบบ 128 บิต ซึ่งการเข้ารหัสแบบที่สองนี้มีใช้เฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น หลักก ารของการทำ�งานของโพรโทคอลเอสเอสแอล โดยสังเขปคือ จะมีก ารเข้าร หัสข ้อมูลใ นฝั่งเครื่องลูกข ่าย หรือไ คลเอนต์ โดยซอฟต์แวร์เว็บเบราเซอร์จ ะเป็นต ัวเข้าร หัสข ้อมูล ด้วยการใช้ก ุญแจสาธารณะ (public key) จากฝั่งเซิร์ฟเวอร์มาเข้ารหัสร่วมกับกุญแจหลัก (master key) ที่เบราเซอร์สร้างขึ้นม าเอง จากนั้นก็ใช้กุญแจ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-78
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ดังกล่าวเข้ารหัสข้อมูลก่อนส่งไปให้เครื่องเซิร์ฟเวอร์ เมื่อเครื่องเซิร์ฟเวอร์ได้รับข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสจากฝั่ง เครื่องไคลเอนต์ก็จะทำ�การถอดรหัสข้อมูลนั้นก ลับม าเป็นข ้อมูลปกติ เอสเอสแอล เป็นโพรโทคอลสำ�หรับใช้ รักษาความปลอดภัย ในการสื่อสารข้อมูลร ะหว่างเครื่องไคลเอนตก์ ับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ผ ่านทางระบบเครือข ่าย อินเทอร์เน็ต ซึ่งโดยปกติแล้วข้อมูลที่ร ับส่งกันนั้นจะไม่มีการเข้ารหัสข้อมูลแต่อย่างใด นั่นคือ หากข้อมูลถูก ดักจับไปก็จะสามารถทราบหรืออ่านเนื้อหาของข้อมูลเหล่านั้นในทันที แต่ถ้าทำ�การเข้ารหัสด้วยเอสเอสแอล ข้อมูลจ ากเครื่องไคลเอนต์ที่จะส่งไปยังเครื่องเซิร์ฟเวอร์จะถูกเข้าร หัสก่อน ถึงแม้ว่าข้อมูลเหล่านั้นจะถูกดัก จับได้ แต่จะไม่สามารถอ่านเนื้อหาของข้อมูลเหล่านั้นในทันที ทำ�ให้ข้อมูลที่รับส่งกันมีความปลอดภัยมาก ยิ่งขึ้น
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
2. เครื่องมือที่ใช้ในการป้องกันและติดตามการฉ้อโกงในระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ผ่านบัตร เครดิต
ธ ส
สำ�หรับเครื่องมือที่ใช้ในการป้องกันแ ละติดตามการฉ้อโกง ที่น่าสนใจมีดังนี้ 2.1 ระบบตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่อยูข่ องผู้ถือบ ัตรหรือเอวีเอส (Address Verification System - AVS) เป็นว ิธีก ารตรวจสอบที่อ ยู่ข องผู้ถ ือบ ัตร ซึ่งข ้อมูลด ังก ล่าวผูถ้ ือบ ัตรต้องป้อนผ่านเว็บเพจของ ผู้ขายในกรณีที่มีการชำ�ระเงินผ่านบัตรเครดิต ผู้ขายจะทำ�การตรวจสอบกับข้อมูลที่อยู่ในไฟล์ที่ได้มาจาก ธนาคารผู้ออกบัตร ผู้ข ายผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ร้อยละ 97 จะใช้วิธีนี้ ซึ่งทำ�ให้เกิดก ารปฏิเสธการ สั่งซ ื้อข องลูกค้าท ีป่ ้อนข้อมูลไ ม่ต รงกับข ้อมูลใ นไฟล์ด ังก ล่าว โดยในบางครั้งก ท็ ำ�ให้เกิดก ารปฏิเสธการสั่งซ ื้อท ี่ ไม่ไ ด้เกิดจ ากการฉ้อโกง แต่เกิดจ ากการเลินเล่อของลูกค้าผ ู้ถ ือบ ัตรที่ป ้อนตัวเลขที่อ ยู่ไ ม่ถ ูกต ้อง ทำ�ให้ผู้ข าย ต้องเสียรายได้ไ ป 2.2 การทวนสอบโดยวิธีแมนนวล (manual review) เป็นการทวนสอบข้อมูลก ารสั่งซื้อที่น่าสงสัย โดยให้พนักงานเป็นผู้ท ำ�การตรวจสอบ สำ�หรับผู้ข ายรายย่อยซึ่งมียอดขายไม่มากนักก็เหมาะสมที่จะใช้วิธีนี้ เป็นวิธีการทวนสอบ แต่สำ�หรับผู้ขายรายใหญ่วิธีนี้อาจไม่เหมาะสม เนื่องจากจะต้องเสียค่าใช้จ่ายและเวลา ค่อนข้างมากในการดำ�เนินการ และส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจของลูกค้า แต่แม้ว่าวิธีนี้จะมีข้อจำ�กัด ดังก ล่าวร้อยละของผู้ข ายที่น ิยมใช้ว ิธีน ี้ก ลับเพิ่มข ึ้น จากสถิติพ บว่าใ นปี ค.ศ. 2006 มีผ ู้ข ายร้อยละ 73 ที่ใ ช้ว ิธี นี้ และในปี ค.ศ. 2005 จำ�นวนการสั่งซ ื้อ 1 ใน 3 ใช้วิธีนี้ในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ซึ่งมากกว่า ในปี ค.ศ. 2003 ที่ใ ช้วิธีน ี้ตรวจสอบการสั่งซื้อเพียง 1 ใน 4 ของจำ�นวนการสั่งซื้อทั้งหมด 2.3 กำ�หนดหน้าจอและกฎพื้นฐานในการตรวจสอบการฉ้อโกง (fraud screens and automated decision models) เป็นว ธิ ที มี่ กี ารก�ำ หนดแบบจ�ำ ลองทปี่ ระกอบดว้ ยกฎหรือเงือ่ นไขในการตรวจสอบการฉอ้ โกง ซึ่งก ฎดังก ล่าวจะเขียนไว้ใ นโปรแกรมสำ�หรับต รวจสอบข้อมูลก ารสั่งซ ื้อ วิธกี ารคือ เมื่อม กี ารรับก ารสั่งซ ื้อจ าก ผู้ซ ื้อผ ่านพาณิชย์อ ิเล็กทรอนิกส์ หน้าจ อที่ร ับข ้อมูลก ารสั่งซ ื้อจ ะทำ�การตรวจสอบความถูกต ้องของข้อมูลต าม กฎทกี่ �ำ หนดไว้ว า่ เป็นไ ปตามกฎหรือไ ม่ โดยโปรแกรมจะแสดงผลการตรวจสอบออกมาให้ว า่ การสัง่ ซ ือ้ ร ายการ นั้นๆ ควรจะยอมรับหรือปฏิเสธ หรือรอไว้ก่อน วิธีนี้ทำ�ให้ผู้ขายสามารถตัดสินใจได้ถูกต้องและรวดเร็วขึ้น
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-79
ธ ส
โดยร้อยละ 70 ของผู้ข ายนิยมใช้วิธีน ี้ หลักก ารสำ�คัญข องวิธีนี้คือ ความสามารถของผู้ขาย ความยืดหยุ่นข อง ระบบในการปรับเปลี่ยนกฎตามสภาพแวดล้อม และแนวโน้มของการฉ้อโกงที่เปลี่ยนแปลงไป 2.4 หมายเลขสำ�หรับตรวจสอบความถูกต้องของบัตรเครดิต หรือซีวีเอ็น (Card verification number - CVN) เป็นการนำ�หมายเลข 3 หลักท ีอ่ ยูต่ รงบริเวณใกล้ก ับล ายเซ็นบ นด้านหลังบ ัตรเครดิตม าตรวจ สอบว่าต รงกันก ับห มายเลขบัตรที่บ ันทึกอ ยู่ใ นไฟล์ข ้อมูลท ีไ่ ด้ม าจากบริษัทผ ูอ้ อกบัตรเครดิตห รือไ ม่ แต่ก รณี นี้อาจใช้ไม่ได้ผลถ้าบัตรนั้นถูกขโมยมาจากเจ้าของบัตร เพราะผู้ที่นำ�มาใช้สามารถบอกหมายเลขบัตรได้ ถูกต้องอยู่แล้ว สำ�หรับวิธีน ี้เป็นวิธีท ี่มีผ ู้ข ายร้อยละ 69 ของผู้ขายทั้งหมดนิยมใช้ 2.5 การบริการระบุต ัวตนของผู้ชำ�ระเงินผ ่านบัตรเครดิตโ ดยสมาคมบัตรเครดิต (card association payer authentication services) ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ สมาคมบัตรเครดิตได้พัฒนาชุดบริการสำ�หรับการ ระบุตัวตนของผู้เป็นเจ้าของบัตรขึ้นมาใหม่ เช่น บริการการตรวจสอบรหัสรักษาความปลอดภัยโดยบริษัท วีซ่าและมาสเตอร์ก าร์ด ซึ่งก ารใช้บริการเหล่านี้ผู้ถ ือบัตรต้องลงทะเบียนในระบบและในขณะเดียวกัน ผู้ขาย ก็ต้องยอมรับการใช้บริการนี้ด ้วย และจากการสำ�รวจพบว่า ในปี ค.ศ. 2006 มีผู้ขายเพียงร้อยละ 29 เท่านั้น ที่เลือกใช้วิธีนี้ เนื่องจากจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการใช้บริการดังกล่าว 2.6 ไฟล์ต รวจสอบ (negative file) เป็นว ิธีก ารในการตรวจสอบข้อมูลล ูกค้าจ ากไฟล์ล ูกค้า ซึ่งข ้อมูล ที่ต รวจสอบ ประกอบด้วย ไอพีแอดเดรส (IP address) ชื่อ ที่อยู่ที่ให้ส่งสินค้า/บริการ หมายเลขโทรศัพท์ ที่ติดต่อ สถานภาพของลูกค้า ข้อมูลที่ลูกค้าทำ�ธุรกรรมกับผู้ขายจะถูกนำ�มาตรวจสอบกับไฟล์ลูกค้าและมี การบันทึกสถานภาพการชำ�ระเงินของลูกค้าไว้ด้วยว่ามีปัญหาหรือไม่ สำ�หรับวิธีนี้มีผู้ขายร้อยละ 34 ใช้วิธี นี้ในการป้องกันการฉ้อโกง ผลทีเ่กิดจ ากการใช้เครื่องมือท ีก่ ล่าวมาข้างต้นน ี้ ทำ�ให้ผ ูข้ ายปฏิเสธการสั่งซ ื้อท ีน่ ่าส งสัยว ่าจ ะเป็นการ ฉ้อโกงได้จำ�นวนหนึ่ง ในปี ค.ศ. 2006 พบว่าอัตราการสั่งซื้อที่ถูกปฏิเสธทั้งๆ ที่เป็นการสั่งซื้อที่ถูกต้อง คิดเป็นร้อยละ 4 ของยอดสั่งซื้อทั้งหมด ซึ่งมีผลทำ�ให้ผู้ขายต้องสูญเสียรายได้ไปด้วย จากการสำ�รวจของ บริษัท ไซเบอร์ซ อร์ส และผลการสำ�รวจรายปีของบริษัท เมอร์ชานต์ริสก์เคาน์ซิล (Merchant Risk Council - MRC) พบว่าแนวโน้มของการฉ้อโกงจะเพิ่มมากขึ้น และในขณะเดียวกัน การพัฒนาเครื่องมือก็จะมีการ พัฒนาเพิ่มต ามไปด้วย
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
3. มาตรการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงของภัยคุกคามในระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
มาตรการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงของภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบชำ�ระเงิน อิเล็กทรอนิกส์ มีด ังนี้ 3.1 การควบคุมด า้ นกายภาพและดา้ นตรรกะในการเข้าถ งึ เครือ่ งเซิรฟ์ เวอร์อ ย่างเข้มง วด การควบคุม ด้านกายภาพ หมายถึงก ารป้องกันพ นักงานหรือผ ูท้ ีไ่ ม่เกี่ยวข้องเข้าไปในห้องคอมพิวเตอร์ห รืออ าคารทีจ่ ัดเก็บ อุปกรณ์ หรือระบบข้อมูลการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนการควบคุมทางตรรกะ คือการควบคุมพนักงาน หรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ให้เข้าถึงระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ข ององค์การ โดยอาจใช้วิธีการกำ�หนดสิทธิ์ใน การเข้าถึงระบบดังก ล่าว
ม
ธ ส
6-80
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
3.2 การสร้างไฟร์วอลล์เพือ่ ป อ้ งกันแ ละหยุดก ารลกั ลอบเข้าม าจากภายนอก ไฟร์วอลล์ คือฮ าร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ที่องค์การต่างๆ มีไว้เพื่อป้องกันเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในของตนจากอันตรายที่มาจาก เครือข ่ายคอมพิวเตอร์ภ ายนอก เช่น ผู้บ ุกรุก หรือแ ฮกเกอร์ เป็นต้น ไฟร์วอลล์จะอนุญาตให้เฉพาะข้อมูลที่ มีคุณลักษณะตรงกับเงื่อนไขที่กำ�หนดไว้ผ่านเข้าออกระบบเครือข่ายภายในเท่านั้น อย่างไรก็ดี ไฟร์วอลล์นั้น ไม่สามารถป้องกันอันตรายที่มาจากระบบอินเทอร์เน็ตได้ทุกรูปแบบ เช่น ไวรัสคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ถึงแม้ว่า จะมีการใช้ไฟร์วอลล์แล้วก็ตาม ก็ไม่สามารถรับรองได้ว่าความปลอดภัยหรือความลับของข้อมูลจะมีความ สมบูรณ์ร ้อยเปอร์เซนต์ 3.3 การใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย เป็นการป้องกันโดยการติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ ทันส มัย ซึ่งไ ด้ร ับก ารออกแบบและพัฒนาขึ้นม าโดยเฉพาะสำ�หรับก ารรักษาความปลอดภัย การใช้ซ อฟต์แวร์ รักษาความปลอดภัยให้ได้ผลจำ�เป็นต้องมีการปรับปรุงหรืออัพเกรดซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ซอฟต์แวร์ดังกล่าว เช่น ไซเบอร์ซอร์ส (CyberSource) วันช็อปปิ้งคาร์ต (1ShoppingCart) ช็อปโมชัน (ShopMotion) เป็นต้น 3.4 การบันทึกรายละเอียดการเข้าถึงเครื่องเซิร์ฟเวอร์ และกำ�หนดวิธีการตรวจสอบ ติดตาม เหตุการณ์การเข้าถึงเครื่องเซิร์ฟเวอร์ เป็นการรักษาความปลอดภัยโดยการบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับ ผู้ใช้ทุกคนที่เข้ามาทำ�ธุรกรรมผ่านระบบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไฟล์ที่จัดเก็บรายละเอียดดังกล่าวเรียกว่า “ล็อกไฟล์” (log file) ข้อมูลท ี่บันทึกในล็อกไฟล์จ ะเป็นประโยชน์มากต่อการวิเคราะห์ติดตามผู้บุกรุก และ สามารถนำ�ไปประกอบในการป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคตได้ นอกจากนี้ การกำ�หนดวิธีการ ตรวจสอบ ติดตามการเข้าถึงเครื่องเซิร์ฟเวอร์ก็เป็นวิธีการป้องกันที่ช่วยลดความเสี่ยงภัยคุกคามที่เกิดจาก การบุกรุกลงได้ 3.5 การใช้อ งค์ป ระกอบฮาร์ดแวร์ท อี่ อกแบบมาโดยเฉพาะและได้ม าตรฐานสากล ปัจจุบนั ไ ด้ม หี น่วย งานหรือองค์การหลายแห่งไ ด้กำ�หนดมาตรฐานของฮาร์ดแวร์สำ�หรับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เช่น คณะกรรมการ Defence Signals Directorate (DSD) ได้จัดตั้งโครงการชื่อ Australasian Information Security Evaluation Programme (AISEP) ทำ�หน้าที่ประเมินผลการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อ ทดลองใช้ผ ลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยเปรียบเทียบกับมาตรฐานสากล
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
หลังจากที่ศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 6.3.2 แล้ว โปรดปฏิบัติกิจกรรม 6.3.2 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 6 ตอนที่ 6.3 เรื่องที่ 6.3.2
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-81
ธ ส
เรื่องที่ 6.3.3 ผลกระทบและทศิ ทางของระบบช�ำ ระเงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ ในประเทศไทย
ธ ส
ม
ม
ดังที่กล่าวมาแล้วว่า ระบบการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (electronic payment system) เป็น องค์ป ระกอบสำ�คัญใ นการทำ�ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับธ ุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ที่ไ ด้ร ับค วามนิยมและแพร่ห ลายไป ทัว่ โ ลก และจากการทรี่ ะบบช�ำ ระเงินอ เิ ล็กทรอนิกส์เป็นช อ่ งทางใหม่ใ นการท�ำ ธรุ กรรมในโลกออนไลน์ท มี่ มี ลู ค่า มหาศาล ดังน ั้น รัฐจ ึงค วรให้ค วามสำ�คัญเนื่องจากมูลค่าม หาศาลดังก ล่าวย่อมส่งผ ลกระทบต่อเศรษฐกิจข อง ประเทศไม่มากก็น้อย
ธ ส
ม
ธ ส
1. ผลกระทบของระบบชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
ธ ส
จากรายงานวจิ ยั เรือ่ ง เงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ก บั น โยบายการเงินแ ละการฟอกเงินข อง (อนุชติ อนุช ติ านุก ลู และสมเกียรติ ตั้งก ิจว านิช ย์ 2543) กล่าวไว้ว ่า การเกิดข ึ้นข องการชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นว ิธีก ารชำ�ระ เงินแบบใหม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเงินที่รัฐจะต้องให้ความสำ�คัญ ซึ่งผลกระทบที่นำ�มา กล่าวในที่นี้มีด้วยกัน 2 ประเด็นหลักๆ คือ 1) ผลกระทบต่อปริมาณเงินในระบบและผลประโยชน์ของรัฐ จากสิทธิในการออกเงินตรา และ 2) ผลกระทบต่อการฟอกเงิน 1.1 ผลกระทบต่อปริมาณเงินในระบบและผลประโยชน์ของรัฐจากสิทธิในการออกเงินตรา ผลกระทบของเงินอิเล็กทรอนิกส์ต่อปริมาณเงิน (money supply) ในระบบเศรษฐกิจ และผลกระทบต่อ ผลประโยชน์ที่รัฐได้รับจากสิทธิในการออกเงินตรา โดยสามารถวิเคราะห์ผลกระทบดังกล่าวทั้งในกรณีที่ ธนาคารกลางไม่ได้ดำ�เนินนโยบายใดๆ และในกรณีที่มีการดำ�เนินนโยบายบางประการ เมื่อมีการออกเงินอิเล็กทรอนิกส์ ประชาชนจะสามารถใช้เงินดังกล่าวได้โดยนำ�เงินสดของตนไป แลกเปลี่ยนกับเงินอิเล็กทรอนิกส์จากบริษัทที่ออกเงินอิเล็กทรอนิกส์ และสามารถนำ�เงินอิเล็กทรอนิกส์นั้น ไปแลกคืนเป็นเงินสดได้เมื่อต้องการ บริษัทที่ออกเงินอ ิเล็กทรอนิกส์จ ะสามารถนำ�เงินท ี่ได้รับจากประชาชน ไปฝากต่อใ นระบบสถาบันก ารเงินห รือน ำ�ไปลงทุนไ ด้ ซึ่งท ำ�ให้เกิดก ารขยายปริมาณเงินใ นระบบเศรษฐกิจ จึง อาจมองได้ว่าการออกเงินอิเล็กทรอนิกส์มีลักษณะคล้ายกับการรับเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ การอนุญาต ให้มีการออกเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่มีข้อกำ�หนดใดๆ จึงมีผลทำ�ให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้น ซึ่งนำ�ไปสู่ สภาวะเงินเฟ้อได้ จากแนวคิดด ังก ล่าวข้างต้นผ ลกระทบของเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ต ่อป ริมาณเงินใ นระบบเศรษฐกิจท ั้งใ น กรณีที่ร ัฐไม่ดำ�เนินน โยบายใดๆ และในกรณีท ี่ม ีการดำ�เนินนโยบายบางอย่าง สามารถสรุปได้ดังนี้
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-82
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
1) กรณีท ี่รัฐไม่มีการดำ�เนินน โยบายใดๆ ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจท ี่จะใช้วิเคราะห์ใ นที่ นี้จะรวมถึงเงินสดที่ห มุนเวียนอยู่ใ นมือประชาชน (cash in circulation) และเงินฝ ากเผื่อเรียก (demand deposit) ที่ป ระชาชนฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาจะไม่เปลี่ยนแปลง หาก เปลี่ยนไปใช้ปริมาณเงินในความหมายกว้างขึ้น โดยทั่วไปแล้วการนำ�เงินอิเล็กทรอนิกส์มาใช้จะทำ�ให้เงิน ดังก ล่าวถูกใช้ท ดแทนเงินสด โดยอาจทดแทนทั้งหมด ทดแทนบางส่วน หรือแทบไม่ทดแทนเลยก็ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอ ยู่ก ับป ัจจัยห ลายประการ เช่น ความปลอดภัยข องเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ ความสะดวกต่างๆ ที่ไ ด้ร ับ วิธีก าร ชำ�ระเงินอื่นๆ ที่สามารถทดแทนกันได้ ตลอดจนกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทผู้ออกเงินอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ในกรณีที่มีการใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์ทดแทนเงินสด ประชาชนจะถือเงินสดลดลง และหันไปถือเงิน อิเล็กทรอนิกส์ การเปลี่ยนแปลงดังก ล่าวจะมผี ลในการขยายเงินฝ ากและทำ�ให้ป ริมาณเงินใ นระบบเศรษฐกิจ เพิ่มข ึ้นม ากกว่าเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ท ีอ่ อกมา ในกรณีท ีไ่ ม่มกี ารใช้เงินอ ิเล็กทรอนิกส์แ ทนเงินสด ปริมาณเงินใ น ระบบทั้งหมดจะเพิ่มข ึ้นต ามจำ�นวนเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ท ีอ่ อกมาเท่านั้น อย่างไรก็ตามแม้แต่ใ นกรณีห ลังน ีห้ าก รัฐไ ม่มมี าตรการใดๆ ในการควบคุมก ารออกเงินอ ิเล็กทรอนิกส์เลย เงินอ ิเล็กทรอนิกส์ท ีอ่ อกมาอาจมปี ริมาณ มาก ซึ่งจะทำ�ให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้นอย่างมากก็ได้ 2) กรณีที่มีการกำ�หนดนโยบายเงินสดสำ�รองในการออกเงินอิเล็กทรอนิกส์ รัฐอาจควบคุม ปริมาณเงินในระบบได้โดยกำ�หนดให้ผู้ออกเงินอิเล็กทรอนิกส์ต้องดำ�รงเงินสำ�รองในรูปเงินสดหรือเงินฝาก กับธ นาคารกลาง ข้อก ำ�หนดดังก ล่าวจะทำ�ให้ก ารขยายตัวข องเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ถ ูกจ ำ�กัดโ ดยอัตราเงินส ำ�รอง ดังกล่าวและไม่สามารถขยายได้อย่างไม่จำ�กัด ข้อกำ�หนดดังกล่าวคล้ายกับข้อกำ�หนดที่ให้ธนาคารพาณิชย์ ต้องมเี งินสดส�ำ รองตามกฎหมายเพือ่ ค วบคุมป ริมาณเงินใ นระบบ ซึง่ ก ฎหมายของประเทศตา่ งๆ มักก �ำ หนดให้ ธนาคารพาณิชย์ต้องสำ�รองเงินขั้นตํ่าต ามสัดส่วนของเงินฝากเผื่อเรียก เช่น ให้สำ�รองไว้ร้อยละ 7 เป็นต้น 1.2 ผลกระทบตอ่ ก ารฟอกเงิน การชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์เป็นช ่องทางใหม่ท ีก่ ลุ่มม ิจฉาชีพส ามารถ นำ�ไปใช้เป็นช ่องทางในการฟอกเงินอ ีกช ่องทางหนึ่ง เนื่องจากเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ส ามารถเปลี่ยนมือไ ด้ง ่าย และ ยากต่อการตรวจสอบ ระบบการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ใ นทางที่ผิดกฎหมาย หรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมได้ใน 2 แนวทางใหญ่ๆ คือ แนวทางที่ 1 การใช้ใ นการกระท�ำ ผดิ ก ฎหมายโดยตรง เช่น ใช้ใ นการยกั ยอกเงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ โดยการออกเงินป ลอมหรืออ อกเงินม ากเกินก ว่าค วามเป็นจ ริง โดยเจ้าห น้าทีข่ องบริษทั ท อี่ อกเงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ หรือบุคคลภายนอก แนวทางที่ 2 การใช้เงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ใ นการฟอกเงิน ซึง่ ค รอบคลุมถ งึ ก ารใช้เงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ เป็นสื่อในการชำ�ระเงินจากกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น ใช้ในการค้ายาเสพติด เป็นต้น และการใช้เงิน อิเล็กทรอนิกส์ใ นการฟอกเงินท ไี่ ด้ม าจากการกระท�ำ ทผี่ ดิ ก ฎหมายเพือ่ ป กปิดท ีม่ าของเงิน และเพือ่ ใ ห้ด เู หมือน ว่าเงินด ังกล่าวได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย การป้องกันการใช้เงินห รือระบบการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในทางที่ผ ิดกฎหมาย สามารถทำ�ได้โดย การกำ�กับดูแลโดยหน่วยงานต่างๆ ของรัฐตามปกติ ในส่วนของธนาคารกลางซึ่งมีหน้าที่ดูแลเสถียรภาพของ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-83
ธ ส
สถาบันก ารเงินแ ละระบบการเงินก จ็ �ำ เป็นต อ้ งก�ำ หนดให้ผ อู้ อกเงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ม มี าตรการในการปอ้ งกันก าร ฉ้อโกงในการออกเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ เช่น การกำ�หนดมาตรฐานในการรักษาความปลอดภัยต ่างๆ เป็นต้น ส่วน การป้องกันการใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์ใ นการฟอกเงินนั้น พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ได้ก ำ�หนดให้การฟอกเงินเป็นค วามผิดท างอาญา โดยสามารถเอาความผิดโ ดยตรงกับผ ูฟ้ อกเงินท ี่ ได้ม าจากอาชญากรรม 7 ประเภท เช่น การค้ายาเสพติด การค้าประเวณี การฉ้อโกงประชาชนในการกู้ยืมเงิน การยักยอกทรัพย์จากสถาบันการเงิน การฉ้อราษฎร์บังหลวง การกรรโชกทรัพย์ และการหนีภาษีศุลกากร 1.3 ลักษณะของระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มีผลต่อการฟอกเงิน ผู้ต้องการฟอกเงินอาจตั้ง ร ้านค้าออนไลน์ ซึ่งร ับชำ�ระเงินด ้วยเงินอ ิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินซึ่งมาจากธุรกิจผิด กฎหมายของตนได้ เนื่องจากการซื้อสินค้าหรือบริการด้วยเงินอิเล็กทรอนิกส์จะทำ�ให้การตรวจจับการฟอก เงินทำ�ได้ย าก เพราะสามารถรวบรวมเงินที่โ อนมาจากที่ต่างๆ เข้าด ้วยกันโดยแทบไม่มีร่องรอย และสามารถ โอนถ่ายเงินผ ่านตัวกลางหลายทอด เพื่อป กปิดท ี่มาของเงินไ ด้อ ย่างสะดวกอีกด ้วย นอกจากนี้ การฟอกเงินจ ะ ทำ�ได้สะดวกที่สุด หากผู้ฟ อกเงินเป็นบ ริษัทผ ู้อ อกเงินอิเล็กทรอนิกส์เสียเอง การฟอกเงินดังกล่าวจะสามารถ ทำ�ได้ง่ายหรือย ากย่อมขึ้นอยู่ก ับลักษณะต่างๆ ของเงินอิเล็กทรอนิกส์ดังนี้ 1) เงินอ ิเล็กทรอนิกส์นั้นเป็นเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ในรูปบัตร (store-valued card) เพียงอย่าง เดียว หรือสามารถโอนเปลี่ยนมือผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไ ด้ 2) เงินอ ิเล็กทรอนิกส์น ั้นเป็นเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ท ี่ส ามารถเปลี่ยนมือไ ด้โ ดยอิสระไม่ต ้องผ่าน หน่วยงานกลาง (open loop) หรือเปลี่ยนมือไม่ไ ด้โดยไม่ผ่านหน่วยงานกลาง (closed loop) 3) ระบบเงินอ ิเล็กทรอนิกส์น ั้นถ ูกอ อกแบบให้ส ามารถตรวจสอบเส้นท างในการไหลเวียนของ เงิน (audit trail) ได้หรือไ ม่ 4) เงินอ ิเล็กทรอนิกส์น ั้นส ามารถใช้ได้ใ นเฉพาะในประเทศ หรือส ามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงิน สกุลอ ื่นเพื่อใช้ระหว่างประเทศได้ 5) เงินอ ิเล็กทรอนิกส์น ั้นม ขี ้อจ ำ�กัดใ นด้านปริมาณการใช้ห รือไ ม่ เช่น มีก ารกำ�หนดวงเงินข อง เงินในบัตรหรือวงเงินในการทำ�ธุรกรรมแต่ละครั้งห รือไม่ 6) เงินอ ิเล็กทรอนิกส์นั้นมีเวลาหมดอายุหรือไม่ 7) ผู้ออกเงินอิเล็กทรอนิกส์ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐหรือไม่ และมีกฎหมายเปิดให้มีการ กำ�กับดูแลที่เหมาะสมหรือไ ม่ 8) ผู้ที่สามารถรับชำ�ระเงินด้วยเงินอิเล็กทรอนิกส์จำ�กัดอยู่เฉพาะร้านค้าที่เป็นสมาชิกใน เครือข่ายของผู้ออกเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือเปิดกว้างให้ร้านค้าท ั่วไปสามารถรับชำ�ระได้ด้วย
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
2. ทิศทางความร่วมมือในการพัฒนาระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย
จากการแสดงปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “e-payment กับการพัฒนาเศรษฐกิจ” โดย ธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธาริษา วัฒนเกส 2552) ได้กล่าวเกี่ยวกับทิศทางความร่วมมือระหว่าง องค์การต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย โดยสรุปได้ดังนี้
ม
6-84
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เล็งเห็นความจำ�เป็นในการพัฒนาระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อ รองรับแ นวโน้มข องการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี จึงใ ห้ค วามสำ�คัญก ับก ารชำ�ระเงินด ้วยสื่ออ ิเล็กทรอนิกส์ โดยธนาคารแห่งป ระเทศไทยได้พ ัฒนาโครงสร้างพื้นฐ านด้านการชำ�ระเงินด ังก ล่าวอย่างเป็นร ูปธ รรมมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2538 โดยศึกษาในเรื่อง การดำ�เนินก าร (operation) ความเสี่ยงของระบบ ในขณะเดียวกัน ผูใ้ ห้บ ริการ โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ ก็ได้ม กี ารนำ�เทคโนโลยีเข้าม าพัฒนาระบบการชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ เช่น การทำ� ธุรกรรมทางการเงินผ่านเครื่องมือสื่อสารต่างๆ และผ่านระบบอินเทอร์เน็ต แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ธนาคาร พาณิชย์ต ่างมุ่งเน้นก ารให้บ ริการเฉพาะภายในธนาคารของตน ส่งผ ลให้การให้บ ริการกระจัดกระจายและขาด ความเชื่อมโยงระหว่างกัน (interoperability) ดังนั้น จึงควรมีการสร้างความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อพัฒนา ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ และบทบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย การพัฒนาระบบชำ�ระเงินด ้วยสื่ออ ิเล็กทรอนิกส์น ั้นม สี ่วนสำ�คัญอ ย่างยิ่งต ่อก ารพัฒนาเศรษฐกิจข อง ประเทศในด้านต่างๆ กล่าวคือ ผู้ประกอบการสามารถลดค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมในการทำ�ธุรกรรมทางการ เงิน และประชาชนได้รับความสะดวกในการโอนเงิน ซึ่งจะนำ�ไปสู่การลดต้นทุนในการดำ�เนินงาน และเพิ่ม ขีดค วามสามารถในการแข่งขันบ นเวทีโ ลก จากผลการศึกษาของนักว ิชาการพบว่า ค่าใ ช้จ ่ายด้านการชำ�ระเงิน คิดเป็นร ้อยละ 3 ของรายได้ผ ลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product - GDP) แต่สำ�หรับ ประเทศไทยนั้นม ีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว ดังนั้น หากมีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ม ากขึ้นจะ ทำ�ให้ต้นทุนลดต่ำ�ลง แม้ว่าผู้ให้บริการดูเหมือนจะมีรายได้ลดลงจากค่าธรรมเนียมที่ต่ำ�ลง แต่ต้นทุนการ ให้บริการก็จะลดลงมากกว่า และปริมาณของลูกค้าใช้บริการก็จะเพิ่มมากขึ้น ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันพัฒนา กลไกความเชื่อมโยง มีมาตรฐานบริการที่เป็นสากลจะส่งผลให้ประเทศไทยมีสื่อการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีประสิทธิภาพ ในส่วนของสถาบันการเงินควรให้ความสำ�คัญในการสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบชำ�ระเงิน อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเตรียมรับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปในอนาคต ธนาคารแห่ง ประเทศไทยกำ�ลังจะประกาศใช้แผนแม่บทสถาบันการเงิน ฉบับที่ 2 (Financial Sector Master Plan: 2552-2556) โดยมีวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งก ็เพื่อส ่งเสริมให้ระบบสถาบันก ารเงินของไทยมีความเข้มแข็งและ มีป ระสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นก ารลดต้นทุนข องสถาบันก ารเงิน เพิ่มก ารแข่งขันใ นระบบสถาบันก ารเงิน โดย การเพิ่มส ถาบันก ารเงินร ายใหม่ และขยายขอบเขตการทำ�ธุรกิจเพื่อใ ห้ป ระชาชนเข้าถ ึงบ ริการทางการเงินม าก ขึ้น ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จ ะเป็นทั้งโ อกาสและความท้าทายสำ�หรับสถาบันการเงิน สถาบันการเงินจึงจำ�เป็นต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาระบบการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการพัฒนาบริการใหม่ๆ ที่มีค่าธรรมเนียมที่จูงใจ ประกอบกับสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการ เพื่อให้ผู้ใช้บริการหันมาใช้สื่อการชำ�ระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ มากขึ้น และเพื่อให้การพัฒนาระบบการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และให้เกิดความ ร่วมมือที่เป็นรูปธรรม พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทยกำ�หนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการระบบ ชำ�ระเงิน (กรช.) เพื่อว างนโยบายระบบการชำ�ระเงินของประเทศ กำ�หนดแผนกลยุทธ์ และผลักดันให้บรรลุ เป้าหมายตามที่วางไว้
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-85
ธ ส
ภายใต้การขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว กรช.ได้กำ�หนดแผนกลยุทธ์ระบบการชำ�ระเงินของไทย ประเทศ ระหว่างปี พ.ศ. 2550-2553 หรือที่เรียกว่า “Payment Systems Roadmap 2010” มีเป้าห มายที่ ต้องการเห็นค วามร่วมมือร ะหว่างผูม้ ีส ่วนได้ส ่วนเสียใ นการส่งเสริมใ ห้ม กี ารใช้ส ื่อก ารชำ�ระเงินอ ิเล็กทรอนิกส์ มากขึ้น และบริการมีความมั่นคงปลอดภัย รวมทั้งมีค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรม กรช. ได้แต่งตั้งคณะทำ�งาน ซึ่งประกอบด้วย ผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบชำ�ระเงินทั้งภาครัฐ เอกชน และนักวิชาการ เพื่อศึกษาและกำ�หนด แนวทางตามแผนที่วางไว้แ ละสามารถนำ�ไปใช้ได้จ ริง หากมองขีดความสามารถของบริการการชำ�ระเงินด้วย สื่ออ ิเล็กทรอนิกส์ที่ม อี ยู่ใ นปัจจุบัน ยังม ีช ่องว่างที่ส ามารถเพิ่มศ ักยภาพการให้บ ริการในด้านต่างๆ ได้ สำ�หรับ ประเด็นส ำ�คัญท จี่ ะนำ�มากล่าวในทนี่ คี้ ือ การให้บ ริการผ่านตูเ้อทีเอ็ม การใช้บ ัตรพลาสติก การพัฒนามาตรฐาน ข้อมูลการชำ�ระเงิน (payment message standard) และโครงสร้างค่าธ รรมเนียม ประเด็นแ รก การให้บ ริการผา่ นตเู้ อทีเอ็ม แม้ว่าป ัจจุบันจ ะมรี ะบบเอทีเอ็ม พูล (ATM Pool) ที่ อำ�นวยความสะดวกให้ป ระชาชนสามารถเลือกใช้บ ริการจากตูเ้อทีเอ็มข องธนาคารใดก็ได้ แต่ใ นทางปฏิบัติ ยัง พบเห็นตู้เอทีเอ็มกระจุกตัวอ ยู่ตามห้างสรรพสินค้าและย่านชุมชนในเมือง จนดูเกินความจำ�เป็นและเป็นการ ลงทุนที่ซ้ำ�ซ้อน ในขณะที่หลายพื้นที่ในต่างจังหวัดยังมีตู้เอทีเอ็มน้อยกว่ามาก ประชาชนยังต้องเดินทางใน ระยะไกลจึงจ ะใช้บ ริการตู้เอทีเอ็มไ ด้ ทำ�ให้เกิดค วามไม่เท่าเทียมกันใ นการเข้าถ ึงบ ริการ และพบว่าป ระชาชน ร้อยละ 9 ไม่มบี ัญชีเงินฝ าก จากเหตุผลทีว่ ่าการเดินท างไปธนาคารและการทำ�ธุรกรรมต้องใช้เวลากว่าค รึ่งว ัน ไม่คุ้มก ับเวลาที่เสียไป ประเด็นท สี่ อง การใช้บ ตั รพลาสติก จำ�นวนบัตรเดบิตม กี ารขยายตัวส ูงข ึ้นอ ย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 3 ปีสูงถึงร้อยละ 40 นับว่าเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ดีต่อการชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ แต่ในขณะเดียวกัน การ ใช้บัตรเดบิตเป็นเพียงเครื่องมือในการใช้เงินสดอีกวิธีหนึ่ง จากข้อมูลการใช้บัตรเดบิตพ บว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ในหนึ่งปีบัตรเดบิตใบหนึ่งจ ะใช้ซื้อส ินค้าไม่ถึงหนึ่งครั้ง แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังใช้ประโยชน์จากบัตรไม่ เต็มท ี่ ผู้อ อกบัตรควรส่งเสริมใ ห้ม กี ารใช้บ ัตรเดบิตใ นการใช้จ ่ายให้ม ากขึ้น ซึ่งจ ะลดต้นทุนส ร้างความสะดวก สบายได้มากขึ้น คณะทำ�งานภายใต้แผน Payment Systems Roadmap 2010 จึงกำ�ลังศึกษาความเป็นไป ได้แ ละแนวทางในการพัฒนาเพื่อย กระดับบ ัตรเอทีเอ็ม ให้ส ามารถใช้จ ่ายซื้อส ินค้าแ ทนเงินสดได้ ซึ่งจ ะสร้าง ความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้บัตรเอทีเอ็ม โดยไม่ต้องเปลี่ยนเป็นบัตรเดบิต ธนาคารพาณิชย์เองก็ไม่ต้อง พึ่งพิงระบบการให้บริการบัตรเดบิตของต่างประเทศ และสามารถลดต้นทุนจากค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้ แก่ผู้ให้บริการดังกล่าวได้เป็นจำ�นวนมาก ประเด็นท สี่ าม การพัฒนามาตรฐานข้อมูลก ารชำ�ระเงิน ให้เป็นม าตรฐานเดียวกันท ั้งป ระเทศ หรือท เี่ รียกวา่ “national payment message standard” เพือ่ ล ดตน้ ทุนแ ละเพิม่ ค ว ามสะดวกของผใู้ ห้บ ริการ และผู้ใช้บริการในการพัฒนาระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลร ะหว่างกัน รวมถึงการส่งเสริมใ ห้มีหน่วยงานกลาง ทำ�หน้าทีเ่ชื่อมโยงข้อมูลใ บแจ้งห นีแ้ ละการชำ�ระเงินต ามใบแจ้งห นี้ หรือท เี่รียกว่า “Electronic Bill Presentment and Payment” ซึ่งจ ะจูงใจให้ผ ู้ป ระกอบการ บริษัท และองค์การต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนหันมา ใช้ร ะบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-86
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ประเด็นสุดท้าย โครงสร้างค่าธรรมเนียม ซึ่งเป็นปัจจัยสำ�คัญในการผลักดันให้ประชาชน และภาคธุรกิจหันม าใช้ร ะบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น การคิดค ่าธ รรมเนียมควรมีห ลักเกณฑ์ที่ช ัดเจน อธิบายได้ และเป็นธรรมต่อทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ ทางด้านผู้ให้บริการนั้นเป็นผู้ที่ลงทุนโครงสร้าง พื้นฐ านกค็ วรจะได้ร ับป ระโยชน์อ ย่างเหมาะสม ขณะเดียวกัน ผูใ้ ช้บ ริการทีใ่ ช้ป ระโยชน์จ ากโครงสร้างพื้นฐ าน ก็ควรจ่ายค่าบริการให้กับผู้ล งทุนอ ย่างเหมาะสมเช่นกัน
ธ ส
ม
ม
หลังจากที่ศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 6.3.3 แล้ว โปรดปฏิบัติกิจกรรม 6.3.3 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 6 ตอนที่ 6.3 เรื่องที่ 6.3.3
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ธ ส
ม ม
ธ ส
บรรณานุกรม
ธ ส
ธ ส
ระบบชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์
ม
6-87
ธ ส
ม
ชัยวัฒน์ ฉัตรทองกุล “เทคโนโลยี Smart Card” ค้นคืนวันท ี่ 23 ตุลาคม 2533 จากเวิลด์ไวด์เว็บ: http://maikzchuvii.blogspot.com/2008/11/smart-card.html ธนาคารแห่งประเทศไทย “วิวัฒนาการธนบัตรไทย” ค้นคืนวันที่ 22 ตุลาคม 2553 จากเวิลด์ไวด์เว็บ: http:// www.bot.or.th/THAI/BANKNOTES/HISTORYANDSERIESOFBANKNOTES/Pages/ Evolution_of_Thai-Banknotes.aspx ธาริษา วัฒนเกส (2552) ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “e-payment กับการพัฒนาเศรษฐกิจ” ในงานสัมมนาเชิงวิชาการ ด้านระบบการชำ�ระเงินเรื่อง e-payment กับอนาคตเศรษฐกิจไ ทย ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพฯ วันที่ 25 กันยายน อนุชิต อนุชิตานุกูล สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ (2543) รายงานการวิจัยเรื่อง “เงินอิเล็กทรอนิกส์กับนโยบายการเงิน และการฟอกเงิน” สถาบันวิจัยเพื่อก ารพัฒนาประเทศไทย “E-CASH-Anonymous Electronic Payment.” (2010). Retrieved October 22, from the World Wide Web: http://cui.unige.ch/~deriazm/apps/ecash/ Goshtigian, G. Patrick (2010). “E-Cash: Techonology Note prepared for Mangement 274A.” Anderson Graduate School of Management, UCLA. (Spring 1996) Retrieved October 22, from the World Wide Web: http://www.anderson.ucla.edu/faculty/jason.frand/technologies/ goshtigian/index.htm “How Electronic Payment Works.” (2010). Retrieved October 22, from the World Wide Web: http:// gommunication.howstuffworks.com/electronic- payment2.htm “KRUNGSRI e-Payment.” ค้นคืนวันที่ 23 ตุลาคม 2553 จากเวิลด์ไวด์เว็บ: http://www.krungsri.com/en/ ourservice-consumer-list.aspx?cid=168 Laudon, C. Kenneth and Laudon, P. Jane. (2007). Management Information System: Managing the Digital Firm, 10th ed. Schneider, P. Gary. (2007). Electronic Commerce. 7th annual ed. Boston, Mass.: Course Technology. Sumanjeet, Singh. (2009). “Emergence of Payment Systems in the Age of Electronic Commerce: The State of Art.” Global Journal of International Research. 2, 2. “Smart card (contact Card; contactless Card;rfid Tags).” (2010). Retrieved October 22. From the World Wide Web: http://www/ecvv/.com/product/899104.html “Smart card.” (2010). Retrieved October 22, from the World Wide Web: http://ewh.ieee.org/r10/ bombay/news5/Smart Cards.htm “Smart Cards: Accessibility and Social Inclusion” (2010). Retrieved October 22, from the World Wide Web: http://www.tiresias.org/research/reports/national_smart_card_project.htm
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
6-88
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
“Smart Card Authentication Process: Integration Architecture.” (2010). Retrieved October 22, from the World Wide Web: http://download.oracle.com/docs/cd/B28196_01/idmanage.1014/ b25347/smartcrd.htm # BJEDBABG “Smart Solutions.” (2010). Retrieved October 22, from the World Wide Web: http://www.excelsystems-eg.com/sc.asp Turban, Efraim and others. (2008). Electronic Commerce. 5th ed. Prentice-Hall.
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส