เอกสารอิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส ข องมหาวิ ท ยาลั ย สุ โ ขทั ย ธรรมาธิ ร าชฉบั บ นี้ ได รั บ การสงวนลิ ข สิ ท ธิ์ แ ละคุ ม ครองภายใต ก ฎหมายลิ ข สิ ท ธิ์ รวมทั้ ง สนธิ สั ญ ญาว า ด ว ยทรั พ ย สิ น ทางป ญ ญา
หน่วยที่
7
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ชื่อ วุฒ ิ ตำ�แหน่ง หน่วยที่เขียน
7-1
ธ ส
ม
อาจารย์สมควร วานิชสัมพันธ์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม ม
อาจารย์สมควร วานิชสัมพันธ์ บธ.บ. (บริหารธุรกิจ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบ.ม. (บริหารธุรกิจ) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คริสตอลซอฟท์ จำ�กัด (มหาชน) หน่วยที่ 7
ม
ธ ส
7-2
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
หน่วยที่ 7
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
เค้าโครงเนื้อหา
แนวคิด
ม
ตอนที่ 7.1 ความเป็นมาของระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร 7.1.1 ความหมายของการวางแผนทรัพยากรองค์กร 7.1.2 แนวคิดของการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ 7.1.3 ประโยชน์และความสำ�คัญของการวางแผนทรัพยากรองค์กร ตอนที่ 7.2 องค์ป ระกอบทั่วไปของการวางแผนทรัพยากรองค์กร 7.2.1 โครงสร้างพื้นฐานของการวางแผนทรัพยากรองค์กร 7.2.2 เทคโนโลยีในระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร 7.2.3 การทำ�งานของระบบงานในการวางแผนทรัพยากรองค์กร 7.2.4 พัฒนาการต่อข ยายระบบจากการวางแผนทรัพยากรองค์กร ตอนที่ 7.3 บทวิเคราะห์เกี่ยวกับการวางแผนทรัพยากรองค์กร 7.3.1 ปัจจัยสู่ความสำ�เร็จใ นการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ 7.3.2 ข้อควรคำ�นึงในการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ 7.3.3 ต้นทุนและผลตอบแทนการลงทุนของการวางแผนทรัพยากรองค์กร 7.3.4 ปัจจัยที่ก ระทบต่อการพัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
1. เทคโนโลยีสารสนเทศถูกนำ�มาใช้ในการบริหารงานองค์กรโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะตอบ สนองงานองค์กรเป็นหลัก หลังจากนั้นมา พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นไป อย่างก้าวกระโดด ถูกป ระยุกต์อ ย่างกว้างขวาง และส่งผ ลกระทบอย่างมากต่อว ิถีช ีวิตแ ละ วิธกี ารดำ�เนินง านของทุกอ งค์กร การทีจ่ ะนำ�เทคโนโลยีส ารสนเทศมาประยุกต์ใ ช้ ย่อมต้อง ทำ�ความเข้าใจให้เพียงพอที่จะจำ�แนกและจัดการองค์ประกอบ โครงสร้าง กระบวนการที่ จะนำ�มาใช้ จึงจะประสบความสำ�เร็จอย่างแท้จริง แต่เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นศาสตร์ที่ หลากหลาย ซับซ้อน เข้าใจให้ถ่องแท้ไ ด้ยาก และเป็นศาสตร์แห่งก ารประยุกต์ พัฒนาการ ของเทคโนโลยีส ารสนเทศเกิดจ ากการคิดค้น ต่อยอด และการแข่งขันอ ย่างรุนแรง มักเกิด จากการลองผิดล องถูกผ สมผสานกับก ารแข่งขันท างการค้า การทีจ่ ะประยุกต์แ ละนำ�ระบบ
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-3
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร หรืออีอาร์พี มาใช้ให้มีประสิทธิภาพ จึงควรศึกษาความ เป็นมาและพัฒนาการของแนวคิด ซึ่งจะช่วยให้สามารถเข้าใจขอบเขตของระบบ บทบาท และหน้าที่ของระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรได้ถ่องแท้ยิ่งขึ้น 2. เนื่องจากซอฟต์แวร์เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ การทำ�ความเข้าใจซอฟต์แวร์จึงต้องเข้าใจ กระบวนการทำ�งานของซอฟต์แวร์แ ล้วให้เกิดภาพกระบวนการเหล่านั้นขึ้นมาในใจ ดังนั้น เพื่อท ำ�ความเข้าใจระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร การได้เห็น ได้ส ัมผัสก ารทำ�งานของ ระบบจึงเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นระบบขนาดใหญ่ที่ รวบรวมกระบวนการดำ�เนินธุรกิจของทั้งองค์กรให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และมีเทคโนโลยีที่ ซับซ้อนซ่อนอยู่เบื้องหลังการทำ�งานร่วมกันของแต่ละโมดูล ทำ�ให้โปรแกรมระบบการ วางแผนทรัพยากรองค์กรแตกตา่ งจากโปรแกรมอืน่ ท เี่ ขียนขึน้ ม าใช้ภ ายในองค์กรแบบแยก ส่วน ซึ่งผู้ท ี่ท ำ�หน้าที่ต ัดสินใจในการนำ�ซอฟต์แวร์มาใช้ในการบริหารงานองค์กรควรทราบ เพือ่ ใ ช้ใ นการวางยทุ ธศาสตร์ใ ห้เหมาะสมกบั ว ตั ถุประสงค์ข ององค์กรอย่างแท้จริง นอกจาก การได้เห็นภ าพการไหลของกระบวนการทำ�งานในระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรแล้ว การได้เห็นก ารท�ำ งานรว่ มกบั อ งค์ป ระกอบอืน่ ท อี่ ยูน่ อกเหนือข อบเขตของระบบการวางแผน ทรัพยากรองค์กร ซึ่งเป็นส ่วนประกอบในโครงสร้างธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ย่อมจะช่วยให้ ผูบ้ ริหารและผทู้ เี่กี่ยวข้องกับก ารตัดสินใ จเลือกใช้ร ะบบ สามารถเลือกทางเลือกทเี่หมาะสม กับองค์กร บนความทับซ้อนของข้อเสนอของผู้ให้บริการได้อย่างมีหลักเกณฑ์ 3. นอกจากความเข้าใจแนวคิดของการนำ�ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ดังกล่าว แล้ว การกำ�หนดยุทธศาสตร์ของการนำ�มาใช้ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กรที่ ชัดเจน กระบวนการคดั เลือกซอฟต์แวร์อ ย่างเป็นร ะบบ การศกึ ษาขอ้ พ งึ ร ะวังท รี่ วบรวมจาก ความสำ�เร็จแ ละความล้มเหลวขององค์กรต่างๆ และการได้ร ับคำ�แนะนำ�จากผู้ร ู้ถ ึงท ิศทาง เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง จะช่วยให้สามารถกำ�หนดขอบเขตและแผนระยะต่างๆ ในการนำ� มาใช้อย่างมีก ลยุทธ์และลดความเสี่ยงที่จ ะประสบความล้มเหลวลงได้ ทั้งนี้ ปัจจัยส ำ�คัญ ที่สุดท ี่จ ะสร้างความสำ�เร็จใ ห้เกิดข ึ้นต ่อโ ครงการนำ�ระบบใดๆ มาใช้ คือ “คน” บ่อยครั้งท ี่ ผู้บ ริหารมักจะกำ�หนดเป้าหมายในขั้นแรกเพียงแค่การติดตั้งให้สามารถใช้งานได้ แต่เมื่อ การติดตั้งดำ�เนินไประยะหนึ่ง ผู้บริหารมักจะเปลี่ยนเป้าหมายไปสู่การสร้างผลตอบแทน การลงทุน โดยต้องการสร้างประโยชน์จ ากระบบให้ม ากที่สุด ด้วยงบประมาณเดิม และให้
ธ ส
ม
ธ ส
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-4
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
เพิ่มเข้าในแผนของโครงการเดิม ซึ่งดูผิวเผินแล้วก็น่าจะเป็นประโยชน์ส่วนเพิ่มโดยไม่มี ต้นทุนเพิ่ม เนื่องจากเป็นการมองที่ตัวเงินมากกว่าต้นทุนแฝงอื่นๆ ที่มองเห็นได้ยาก ซึ่ง ล้วนมีผ ลต่อท ัศนคติท ี่ไ ม่ด ีต ่อก ารนำ�นวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ใ นองค์กรในอนาคต ผู้บ ริหาร จึงควรมีความชัดเจนต่อวัตถุประสงค์ของการนำ�มาใช้ สามารถกำ�หนดเป้าหมายที่ชัดเจน และเอื้อมถึงใ ห้แก่ค ณะทำ�งาน
วัตถุประสงค์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
เมื่อศ ึกษาตอนที่ 7 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ 1. อธิบายแนวคิด ความหมาย ประโยชน์ และความสำ�คัญของนำ�การวางแผนทรัพยากร องค์กรมาใช้ในการดำ�เนินกระบวนการทางธุรกิจได้ 2. อธิบายบทบาทและหน้าที่ของการวางแผนทรัพยากรองค์กรในสถาปัตยกรรมธุรกิจ อิเล็กทรอนิกส์ องค์ป ระกอบหลักข องการวางแผนทรัพยากรองค์กร ความสามารถหลักข อง การวางแผนทรัพยากรองค์กร และการทำ�งานร่วมกับร ะบบอื่นท ี่ต ่อข ยายจากการวางแผน ทรัพยากรองค์กรได้ 3. อธิบายปัจจัยส ู่ความสำ�เร็จ ประเด็นปัญหาที่ส่งผลต่อความสำ�เร็จแ ละความล้มเหลว การ ประยุกต์การบริหารโครงการติดตั้งระบบให้ประสบความสำ�เร็จ การวิเคราะห์ต้นทุนและ ผลตอบแทนการลงทุนของการนำ�ระบบมาใช้ และอธิบายปัจจัยที่กระทบต่อการพัฒนา ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรได้
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
บทนำ�
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-5
ธ ส
ม
สังคมโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคที่เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีอิทธิพลอย่างเต็มตัวทั้งทางด้านสังคม และเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง และสอดแทรกในการใช้ชีวิตประจำ�วันของคนเกือบทั้งโลก ทั้งทางตรงและ ทางอ้อม โดยเฉพาะการดำ�เนินธุรกิจย ุคปัจจุบันได้มีการนำ�เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในทุกๆ ด้าน จนอาจ กล่าวได้ว ่า องค์กรธุรกิจจ ะไม่ส ามารถดำ�เนินไ ปได้ หากไม่มกี ารนำ�เทคโนโลยีส ารสนเทศมาใช้ใ นกระบวนการ ดำ�เนินธุรกิจ (business process) โดยเฉพาะองค์กรที่ก้าวเข้าส ู่การเป็นธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) นั้น เทคโนโลยีสารสนเทศจะเป็นองค์ป ระกอบที่จ ำ�เป็นขององค์กรที่ขาดไม่ได้ ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning - ERP) จะเป็นแกนกลาง ของสถาปัตยกรรมของธุรกิจอ ิเล็กท รอนิกส์ โดยทำ�หน้าที่เป็นร ะบบส่วนกลาง ควบคุมก ารปฏิบัติก ารทางด้าน การเงิน การบัญชี การบริหารงานทรัพยากรบุคคล การกระจายสินค้า การผลิต การจัดซื้อและการจัดส่ง โดย มีล ูกค้าแ ละพนักงานเป็นศ ูนย์กลาง และยังท ำ�หน้าที่เป็นแ กนกลางในการต่อเชื่อมระบบงานอื่นๆ ทั้งหมดของ องค์กรให้เป็นหนึ่งเดียว ได้แก่ ระบบจัดการโซ่อ ุปทาน (Supply Chain Management) การบริหารลูกค้า สัมพันธ์ (Customer Relationship Management) การจัดการความรู้ (Knowledge Management) และ การบริหารคูค่ ้าส ัมพันธ์ (Partner Relationship Management) ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรจึงเป็น ระบบทชี่ ่วยให้ผ ูบ้ ริหารระดับส ูงแ ละผปู้ ฏิบัตงิ านสามารถดำ�เนินธ ุรกิจใ ห้เป็นไ ปตามเป้าห มายขององค์กรอย่าง มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันสถานการณ์ การวางแผนทรัพยากรองค์กร เป็นระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีรากฐานมาจากภาคปฏิบัติ เป็น นวัตกรรมที่บูรณาการองค์ความรู้จากความสำ�เร็จจากการปฏิบัติขององค์กร (business practice) ต่างๆ ผสมผสานกับทฤษฎีทางวิชาการ (academic theory) ทางด้านการบริหาร บนสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็น สากล กฎระเบียบของภาครัฐ และกระแสการพัฒนาอย่างรวดเร็วข องเทคโนโลยีส ารสนเทศ ระบบการวางแผน ทรัพยากรองค์กรได้ร ับผ ลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของโลกการค้าเสรีแ ละการเปลี่ยนแปลง ของเทคโนโลยี ผู้พ ัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรจึงอ ยู่บนโลกแห่งการแข่งขันที่รุนแรง เพื่อตอบ สนองความต้องการของผู้ใช้ การวางแผนทรัพยากรองค์กรจึงเป็นระบบที่ไม่หยุดนิ่ง ขอบเขตของระบบ (sytem boundary) การวางแผนทรัพยากรองค์กรจึงไม่ชัดเจน ทำ�ให้ความเข้าใจบทบาทและประโยชน์ของ การวางแผนทรัพยากรองค์กร สับสน คลุมเครือ และจำ�กัดอยู่ในวงแคบ ในยุคที่ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์กำ�ลัง ขยายตวั การท�ำ ความเข้าใจองค์ป ระกอบของระบบ ขอบเขตการท�ำ งาน จะชว่ ยให้เข้าใจบทบาทของการวางแผน ทรัพยากรองค์กรในสถาปัตยกรรมของธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้ผู้บริหารองค์กรสามารถวางยุทธศาสตร์ ในการนำ�เทคโนโลยีส ารสนเทศมาใช้ในองค์กรเป็นไปอย่างคุ้มค่าและประสบความสำ�เร็จ
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-6
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
เนื่องจากการพัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรนั้นอยู่บนพื้นฐานของภาคปฏิบัติ ดังนั้น ทิศทางการพัฒนาของการวางแผนทรัพยากรองค์กรจึงขึ้นกับทิศทางของสิ่งแวดล้อมของธุรกิจเป็นหลัก ทั้ง ด้านเศรษฐกิจ สังคม กฎระเบียบ และเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ การวางยุทธศาสตร์ทั้งระยะสั้นและระยะ ยาวในการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้จึงขึ้นกับทิศทางที่องค์กรกำ�ลังก้าวไปในสิ่งแวดล้อมของ ธุรกิจน ั้นๆ รวมทั้งก ารประเมินผ ลตอบแทนการลงทุนข องการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ ก็ข ึ้นก ับ ยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนของผู้บ ริหารมากกว่าผลประกอบการในระยะสั้นขององค์กร องค์ประกอบของการนำ�ระบบคอมพิวเตอร์มาใช้นั้นมิใช่มีแต่เพียงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เท่านั้น แต่ย ังม อี งค์ป ระกอบที่ส ำ�คัญท ี่สุดค ือ บุคลากรในองค์กร ซึ่งถ ือว่าเป็นก ุญแจที่ม ผี ลสูงสุดต ่อค วามสำ�เร็จห รือ ความล้มเหลวของการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ และบุคคลที่สำ�คัญที่สุดในการวางยุทธศาสตร์ ของโครงการที่จะนำ�ระบบที่จะส่งผลกระทบต่อทั้งองค์กรทุกส่วนย่อมหนีไม่พ้นผู้บริหารสูงสุดขององค์กร เท่านั้น ภาวะผู้นำ�ของผู้บริหาร ความเข้าใจความต้องการของพนักงาน และการทำ�งานเป็นทีม จะช่วยให้ แผนการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ป ระสบความสำ�เร็จโ ดยง่าย ดังป รากฏอยูโ่ ดยทั่วไปว่าโ ครงการ ติดต ั้งร ะบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรทีม่ ผี ูบ้ ริหารสูงสุดเข้าร ่วมนั้น จะมอี ัตราความสำ�เร็จส ูงก ว่าโ ครงการ ที่ปราศจากการเข้าร่วมของผู้บ ริหารสูงสุดอ ย่างมาก การเป็นผ ู้นำ�การเปลี่ยนแปลงระบบนั้น ผู้บริหารจึงเป็น บุคคลที่สำ�คัญที่สุดที่จะเป็นตัวบ่งชี้ความสำ�เร็จของการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ตอนที่ 7.1
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
ความเป็นม าของระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-7
ธ ส
ม
โปรดอ่านแผนการสอนประจำ�ตอนที่ 7.1 แล้วจ ึงศึกษาเนื้อหาสาระ พร้อมปฏิบัติกิจกรรมในแต่ละเรื่อง
ม
หัวเรื่อง
แนวคิด
ธ ส
เรื่องที่ 7.1.1 ความหมายของการวางแผนทรัพยากรองค์กร เรื่องที่ 7.1.2 แนวคิดของการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ เรื่องที่ 7.1.3 ประโยชน์และความสำ�คัญของการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
ธ ส
1. การวางแผนทรัพยากรองค์กร เกิดข ึ้นจ ากการรวบรวมประสบการณ์ ความสำ�เร็จจ ากภาค ปฏิบตั บิ นรากฐานของเทคโนโลยีส ารสนเทศ ทำ�ให้ซ อฟต์แวร์ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กร มีความหลากหลายและมีขอบเขตที่สับสน การทำ�ความเข้าใจความหมายของระบบ การ วางแผนทรัพยากรองค์กร จะช่วยให้ท ราบถึงห ลักก ารทีเ่ป็นข อบเขตของระบบ และจำ�แนก ซอฟต์แวร์ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรในตลาดที่หลากหลายได้ 2. ในยคุ ท กี่ ารแข่งขันต ่� ำ ธุรกิจข บั เคลือ่ นดว้ ยปจั จัยก ารผลิตท ไี่ ด้จ ากการเพาะปลูก การท�ำ งาน แบบต่างคนต่างทำ�เหมือนไซโลเก็บพืชผลทางการเกษตรย่อมสามารถดำ�เนินไปได้ แต่ใน ยุคที่โลกเล็กลง การแข่งขันสูงม าก ธุรกิจต้องขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพสูง การทำ�งาน แบบต่างคนต่างทำ�ย่อมไม่ส ามารถทำ�ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ร ะบบ สารสนเทศที่น ำ�มาใช้ใ นกระบวนการดำ�เนินธ ุรกิจย ุคใ หม่จ ะต้องแบ่งป ันข ้อมูล และทำ�งาน ร่วมกันต ลอดการไหลของงานในองค์กร และการวางแผนทรัพยากรองค์กรก็เป็นผ ลผลิต ที่ส ำ�คัญยิ่งข องปรากฏการณ์นี้ 3. กระแสความนิยมการนำ�นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมีเพิ่มมากขึ้น แต่ วัตถุประสงค์การนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้มักจะขาดความชัดเจน และมอง ว่าการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นยาครอบจักรวาลของระบบงานที่ใช้ในการบริหาร งานองค์กร สามารถทดแทนโปรแกรมที่จ้างเขียนได้ทั้งหมด ทำ�ให้เกิดอุปสรรคในการ จัดหาและการติดตั้งระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรให้ประสบความสำ�เร็จ การเข้าใจ ประโยชน์ท จี่ ะได้ร บั จ ะชว่ ยก�ำ หนดเป้าประสงค์ข องการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมา ใช้ได้อ ย่างสมเหตุสมผล
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-8
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
วัตถุประสงค์
ม
ม
ธ ส
ม
เมื่อศึกษาตอนที่ 7.1 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ 1. อธิบายความหมายของระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรได้ 2. อธิบายแนวคิดของนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ในการดำ�เนินกระบวนการทาง ธุรกิจไ ด้ 3. อธิบายประโยชน์และความสำ�คัญของการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ในการ ดำ�เนินธุรกิจไ ด้
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ธ ส
ม ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-9
ธ ส
เรื่องที่ 7.1.1 ความหมายของการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
1. ความหมายของการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
ม
เนือ่ งจากโปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นร ะบบงานทมี่ พี ฒ ั นาการอย่างตอ่ เนือ่ งไม่ห ยุดนิง่ และมกี ารแข่งขันข องผู้พ ัฒนาอย่างมาก จึงท ำ�ให้โ ปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กรแต่ละค่ายและแต่ละ รุ่นมีแ นวคิดใ หม่ๆ นำ�เสนอให้แ ก่ผู้ใ ช้ตลอดเวลา ทำ�ให้คำ�จำ�กัดค วามของการวางแผนทรัพยากรองค์กรจาก แหล่งต่างๆ มักจะมีความแตกต่างกัน ขึ้นกับประสบการณ์และมุมมองที่ใช้การวางแผนทรัพยากรองค์กรใน ขอบเขตวัตถุประสงค์ใด ในส่วนของการทำ�ธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) นั้น การวางแผนทรัพยากร องค์กรย่อมมีบทบาทที่สำ�คัญตามที่ได้กล่าวไว้แล้วในหน่วยที่ 1 ซึ่งเป็นการมองการวางแผนทรัพยากร องค์กรจากภาพกว้าง และทำ�ให้เห็นขอบเขตระบบของการวางแผนทรัพยากรองค์กรในสถาปัตยกรรมธุรกิจ อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะได้ขยายความต่อไป สำ�หรับในเรื่องนี้จะได้กล่าวถึงความหมายของการ วางแผนทรัพยากรองค์กร ดังนี้ 1.1 ความหมายของการวางแผนทรัพยากรองค์กรจากเว็บไซต์ www.whatiserp.net โดยขยายความ จากคำ�เต็มของ Enterprise Resource Planning (ERP) ดังนี้ Enterprise หมายถึง ขอบเขตของกระบวนการดำ�เนินธ ุรกิจ แม้ว่าโ ดยทั่วไปคำ�ว่า “Enterprise” จะ หมายถึง องค์กรขนาดใหญ่ แต่ใ นที่น ี้ม ิได้ห มายถึงต ัวอ งค์กรโดยเน้นท ี่ข นาด เนื่องจากปัจจุบันน ี้ก ารวางแผน ทรัพยากรองค์กรได้ถ ูกน ำ�มาใช้ใ นองค์กรทุกร ะดับ และกระบวนการดำ�เนินธุรกิจใ นปัจจุบันไ ด้ข ยายขอบเขต ออกไปนอกองค์กรทางนิตินัยแล้ว Resource Planning หมายถงึ ความสามารถของระบบในการนำ�มาใช้ใ นการวางแผนการใช้ท รัพยากร โดยครอบคลุมท รัพยากรทีใ่ ช้ใ นทุกก ระบวนการดำ�เนินธ ุรกิจ เช่น สินค้า อาคาร อุปกรณ์ เครื่องจักร พนักงาน คูค่ ้า เป็นต้น โดยการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรนีม้ าใช้ใ นการกำ�หนดแผนงานจากฐานข้อมูลท ีเ่กี่ยวข้อง กับทรัพยากรทั้งหลายเหล่านั้น เพื่อก ารใช้ประโยชน์อย่างบังเกิดผลและมีประสิทธิภาพ การวางแผนทรัพยากรองค์กร จึงเป็นระบบที่มีลักษณะ ดังนี้ • เป็นระบบงานทางด้านคอมพิวเตอร์ที่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กร ใช้ในการจัดการทรัพยากร และสารสนเทศทั้งหมดขององค์กร สำ�หรับทุกๆ หน้าที่ในองค์กร โดยเป็นการทำ�งานที่แบ่งปันข้อมูลร่วมกัน • เป็ น โ ครงสร้ า งพื้ น ฐ านท างด้ า นซ อฟต์ แ วร์ ข องอ งค์ ก รแ บบบู ร ณาการ เพื่ อ ส นั บ สนุ น กระบวนการในการดำ�เนินธุรกิจท ั้งหมดขององค์กร • เป็นร ะบบทีก่ ล่าวถึงก ารมององค์กรและส่วนต่างๆ ภายในองค์กรแบบองค์ร วมมากกว่าเป็น แบบแยกส่วนกัน
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-10
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
1.2 ความหมายของการวางแผนทรัพยากรองค์กรจากเว็บไซต์ Wikipedia 1 การวางแผนทรัพยากร องค์กร คือ ระบบงานทางด้านคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการบริหารทรัพยากรทั้งทรัพยากรภายในและภายนอก องค์กร ซึ่งหมายรวมทั้งส ินทรัพย์ที่จ ับต้องได้ เงินทุน วัตถุดิบ และทรัพยากรบุคคล การวางแผนทรัพยากร องค์กรจะจัดการการไหลของข้อมูลร ะหว่างส่วนงานต่างๆ ภายในขอบเขตขององค์กรทั้งหมด และจัดการการ สื่อสารกับผ ู้ม ีส ่วนได้ส ่วนเสีย (stakeholder) ภายนอกองค์กร การวางแผนทรัพยากรองค์กรจะทำ�งานอยู่บ น ศูนย์ร วมฐานข้อมูลข ององค์กร และทำ�ให้ส ามารถใช้ป ระโยชน์จ ากการประมวลผลทีเ่ป็นฐ านรากร่วมกันต ลอด ทัง้ อ งค์กร หรือก ล่าวอย่างสรุปไ ด้ว า่ ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะรวมปฏิบตั กิ ารทางธรุ กรรมทัง้ หมด ขององค์กรให้เข้าอยู่ในรูปแบบเดียวกัน (uniform) และทั่วถึงทั้งองค์กร 1.3 ความหมายของการวางแผนทรัพยากรองค์กรในมิติต่างๆ 1) การวางแผนทรัพยากรองค์กรในมิติของผู้บริหาร โดยพิจารณาจากคำ�ว่า Enterprise Resource Planning Enterprise บ่งบอกถึงก ารเป็นระบบที่ครอบคลุมทั้งองค์กร (enterprise-wide) ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่มีข นาดใหญ่ห รือเล็ก จะพัฒนามาจากผู้พัฒนารายเดียวหรือห ลาย รายมารวมกันก็ตาม หากระบบนั้นครอบคลุมกระบวนการดำ�เนินธุรกิจทั้งหมดขององค์กร หรือครอบคลุม หน้าทีห่ ลักข องแต่ละส่วนงานทเี่ป็นส ่วนงานหลักข ององค์กรและคคู่ ้า ก็ถ ือว่าเป็นร ะบบทคี่ รอบคลุมท ั้งอ งค์กร (enterprise-wide) Resource หมายถึง ทรัพยากรทั้งหมดขององค์กร หรืออย่างน้อยก็เป็นทรัพยากรที่เป็นตัวข ับ เคลื่อนธุรกิจข ององค์กร หากมองในมุมข องการบัญชีก ค็ ือ สินทรัพย์ข ององค์กร ทั้งท ีเ่ป็นส ินทรัพย์ห มุนเวียน สินทรัพย์ถาวร ทั้งท ี่จับต้องได้ และจับต้องไม่ไ ด้ ดังนี้ • สินทรัพย์ห มุนเวียน เช่น เงินสด เงินใ นบญ ั ชีธ นาคาร สินค้า วัตถุดบิ ลูกห นี้ เงินล งทุน ในหนุ้ • สินทรัพย์ถ าวร เช่น ที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ เครื่องจักร • สินทรัพย์ท ี่จ ับต้องไม่ไ ด้ เช่น สิทธิบัตร ค่านิยม นอกจากน้ี ในทางการบริหาร ก็จะรวมไปถงึ บคุ ลากร ฐานขอ้ มูล ผลงานวจิ ยั ชือ่ เสียง ตราสินค้า และสูตรการผลิต Planning หมายถึง การวางแผนและกำ�หนดตารางการทำ�งานล่วงหน้าขององค์กรได้ เช่น แผนการผลิต แผนการจัดซื้อ และการกำ�หนดปฏิทินกิจกรรมต่างๆ ซึ่งได้มาจากการประมวลผลข้อมูลจาก ฐานข้อมูลใ นอดีต เช่น ข้อมูลป ระวัติการยอดขาย ประวัติการจัดซื้อสินค้าแ ละวัตถุดิบ ข้อมูลก ารสั่งซื้อ หรือ จากฐานขอ้ มูลก ารพยากรณ์ เช่น ข้อมูลจ ากการประมาณการยอดขายของคคู่ า้ ห รือฝ า่ ยการตลาด หรือจ ากฐาน ข้อมูลรายการสินค้าค้างส่ง ซึ่งข ้อมูลเหล่านี้จะช่วยในการวางแผนตารางการทำ�งานล่วงหน้าขององค์กรได้
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
1
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ปกติข้อมูลจากเว็บไซต์ Wikipedia อาจจะไม่สามารถใช้อ้างอิงทางวิชาการได้ เนื่องจากเป็นการนำ�เข้าโดยอิสระจากใคร ก็ตามที่เป็นสมาชิกในเครือข่ายสังคมออนไลน์ แต่กรณีการวางแผนทรัพยากรองค์กรซึ่งเป็นผลผลิตจากภาคปฏิบัติและมีพัฒนาการ จากหลากหลายมิติ ข้อมูลใ นเว็บไซต์ Wikipedia กลับเป็นแ หล่งร วบรวมข้อมูลที่มีชีวิตและสะท้อนมุมมองที่ค่อนข้างเป็นที่ยอมรับใน วงกว้าง
ม
ลักษณะ ดังนี้
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-11
2) การวางแผนทรัพยากรองค์กรในมิติทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มีความหมายและ
ธ ส
ธ ส
• การวางแผนทรัพยากรองค์กร เป็นระบบงานประยุกต์ซึ่งเป็นระบบที่ครอบคลุมทั้ง องค์กร (enterprise-wide) และสามารถเรียกใช้ข้ามหน่วยงานได้ มิใช่เก็บแ ยกส่วนกระจัดกระจายที่เรียก ว่า เป็นแบบไซโล (silo) หรือแบบหมู่เกาะสารสนเทศ (information island) • จัดว่าเป็นฐานข้อมูลที่ใหญ่และครอบคลุมที่สุดในองค์กร แม้ว่าองค์กรอาจจะมีฐาน ข้อมูลอ ื่นใด ก็ม ักจะนำ�ข้อมูลมาเก็บรวมไว้ที่ร ะบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร หรือมิฉะนั้นก็ทำ�การเชื่อม โยงมาที่ฐานข้อมูลการวางแผนทรัพยากรองค์กร โดยเก็บข้อมูลที่บูรณาการทั้งระบบ ข้อมูลแต่ละส่วนจะมี ความสัมพันธ์ก ันเป็นระบบระเบียบ • เห็นข้อมูลที่เป็นหนึ่งเดียว (single view of data) ทั้งองค์กร มิใช่ระบบที่ข้อมูล ขัดแ ย้งกันเอง ไม่ว่าจ ะมองจากมิติใดจะให้ข้อมูลที่สมนัยกันเสมอ • อยูใ่ นรปู แ บบเดียวกัน (uniform) ทำ�ให้ส ามารถสบื ค้นแ ละด�ำ เนินก ระบวนการทางการ จัดการฐานข้อมูลได้ด้วยเครื่องมือ (tools) ตัวเดียวกัน ซึ่งมักจะใช้ภาษาเอสคิวแอล (SQL - Structural Query Langauge) เป็นหลักในการจัดการฐานข้อมูล • รองรับการพยากรณ์ (forecast) ด้วยข้อมูลในอดีต (historical data) ขนาดใหญ่ เพื่อตอบสนองการวางแผนงานจากฐานข้อมูลที่รวบรวมไว้อย่างดีและเพียงพอ • ฐานข้อมูลเป็นแ บบรวมศูนย์เชิงต รรกะ (logically centralized) ไม่ว่าใ นเชิงก ายภาพ (physical) จะเป็นฐานข้อมูลแบบกระจาย (distributed database) หรือไม่ก็ตาม 3) การวางแผนทรัพยากรองค์กรในมติ ขิ องผพู้ ฒ ั นาระบบ การวางแผนทรัพยากรองค์กรมักจ ะ ครอบคลุมท ุกระบบที่ต ้องใช้ในการบริหารธุรกิจอย่างไร้ข้อจำ�กัดใดๆ ครอบคลุมไปถึงระบบต่างๆ เช่น การ จัดการโซ่อ ุปทาน (SCM) การบริหารลูกค้าส ัมพันธ์ (CRM) การบริหารสินทรัพย์ (asset management) การ บริหารโครงการ (project management) การบริหารคลังสินค้า (warehouse management) ทรัพยากร มนุษย์ (human resource) โลจิส ติกส์ (logistics) หรือคลังข้อมูล (data warehouse) เป็นต้น เท่ากับว ่า ซอฟต์แวร์ทุกชนิดที่ต้องใช้ในทางธุรกิจจะมีในระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร ซึ่งเป็นนิยามที่ไม่เกิด ประโยชน์ เนื่องจากทำ�ให้นิยามของการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นนิยามเดียวกันกับซอฟต์แวร์เพื่อการ บริหารธุรกิจ (business management software) ซึ่งการวางแผนทรัพยากรองค์กรควรจะเป็นเพียงส่วน หนึ่งของซอฟต์แวร์เพื่อการบริหารธุรกิจเท่านั้น โดยทางเทคนิคแล้วซอฟต์แวร์ที่ใช้ในกระบวนการดำ�เนิน ธุรกิจอาจจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใ หญ่ๆ คือ • ข้อมูลเป็นศนู ย์กลาง (data centric) คือ เน้นการเก็บขอ้ มูลอย่างเป็นระเบียบ น่าเชือ่ ถือ ในทุกๆ มิติ ซึ่งการวางแผนทรัพยากรองค์กรและโปรแกรมบัญชีทั่วไปก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ • กระแสการไหลเป็นศูนย์กลาง (flow centric) คือ เน้นกระบวนการไหลของงาน (work flow) หรือเรียกอีกอ ย่างว่า กระบวนการทางธุรกิจ (Business Process-BP) ซึ่งจะเน้นการผลักการ ไหลของงานให้รวดเร็ว และการติดตามผลงานของกลุ่มงานต่างๆ โปรแกรมเหล่าน ี้ ได้แก่ การบริหารลูกค้า สัมพันธ์ (CRM) การจัดการโซ่อุปทาน (SCM) และพวกโปรแกรมกระแสงานทั้งหลาย
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-12
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ในการวางยุทธศาสตร์ การนำ�ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้จึงควรแยกองค์ประกอบ ใหญ่ๆ ในสถาปัตยกรรมเพื่อไ ม่ก่อให้เกิดความสับสน
ธ ส
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 7.1.1 แล้ว โปรดปฏิบัตกิ ิจกรรม 7.1.1 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 7 ตอนที่ 7.1 เรื่องที่ 7.1.1
ม
ธ ส
ม
เรื่องที่ 7.1.2 แนวคิดข องการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้
ม
ธ ส
แนวคิดก ารนำ�ระบบคอมพิวเตอร์ม าใช้เพือ่ ก ารด�ำ เนินธ รุ กิจน ัน้ เกิดข ึน้ ม านานแล้ว ยุคแ รกของการนำ� ซอฟต์แวร์ม าใช้ใ นการดำ�เนินธ ุรกิจน ั้น เริ่มจ ากการเขียนโปรแกรมเฉพาะกิจเพื่อใ ช้เฉพาะในองค์ก รนั้นๆ ไม่มี มาตรฐานรว่ มในการออกแบบและพฒ ั นา ต่อม าจงึ เกิดโ ปรแกรมส�ำ เร็จรูปข ึน้ จ ากการรวบรวมประสบการณ์จ าก หลายองค์กรในส่วนที่เป็นมาตรฐานที่ส ามารถใช้ร่วมกันได้ แต่ก็ยังเป็นร ะบบขนาดเล็ก เช่น โปรแกรมระบบ เงินเดือน โปรแกรมบัญชี เป็นต้น จนมาถึงย ุคที่พ ัฒนาการของโปรแกรมสำ�เร็จรูปเริ่มมีความซับซ้อนและมี ขนาดใหญ่ขึ้น ครอบคลุมส่วนงานในองค์กรกว้างขวางขึ้น ขณะเดียวกันก็มีความสำ�คัญมากขึ้นเช่นกัน โดย แต่ละโปรแกรมยังต ่างคนต่างทำ�และมีห ลายส่วนที่ซ ้ำ�ซ้อนกัน ไม่ส ามารถเชื่อมโยงกันไ ด้ เช่น โปรแกรมบัญชี ของผู้พัฒนารายหนึ่ง ก็จ ะไม่เชื่อมโยงกับโ ปรแกรมบริหารคลังส ินค้าของอีกร ายหนึ่ง เป็นต้น ดังนั้น ถึงแม้ว่า โปรแกรมจะครอบคลุมง านมากขึน้ แต่ข อ้ มูลก ย็ งั แ ยกกระจัดกระจายตา่ งคนตา่ งเก็บ เหมือนเกาะในมหาสมุทร (information island) หน่วยงานต่างๆ ก็ทำ�งานในส่วนงานของตนเองเหมือนไซโล (silo) ไม่ประสานกัน ต่อมาเมือ่ เข้าสยู่ คุ ของระบบเครือขา่ ยมรี าคาถกู ลง และใช้กนั อย่างแพร่หลาย ทีเ่ รียกวา่ ระบบเครือข่าย ท้องถิ่น หรือระบบแลน (LAN - Local Area Network) และเมื่อหน่วยความจำ�และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล มีการพัฒนาไปอย่างมาก และการเกิดขึ้นของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (relational database) จึงเกิดแนวคิด การสร้างแพลตฟอร์ม (platform) ในการพัฒนาโปรแกรมร่วมกัน ทำ�ให้เทคโนโลยีก ารพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ เปิดก ว้างขึ้น ซอฟต์แวร์ท ีพ่ ัฒนาจากหลายแหล่ง สามารถทำ�งานร่วมกันไ ด้ง ่ายขึ้น สนับสนุนใ ห้เกิดก ารพัฒนา ระบบซอฟต์แวร์ทางด้านธุรกิจท ี่เป็นแบบบูรณาการขนาดใหญ่ โดยรวบรวมระบบย่อยต่างๆ ให้เข้ามาอยู่บน แพลตฟอร์มเดียวกันจ นครอบคลุมระบบทั้งหมดขององค์กร แนวคิดท กี่ ลายเป็นจ ดุ ก �ำ เนิดข องแนวคิดก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรในเวลาตอ่ ม าคอื การรวบรวม กระบวนการทำ�งานจากส่วนต่างๆ ขององค์กรเข้ามาเป็นหนึ่งเดียว เพื่อตอบสนองการวางแผนความต้องการ วัตถุดิบ (Material Requirements Planning - MRP) ซึ่งถือเป็นแนวคิดที่ล้ำ�หน้าไ ปมากสำ�หรับยุคที่ระบบ คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในการประมวลผลต่ำ�และระบบเครือข่ายยังมีราคาแพง เนื่องจากระบบ
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-13
ธ ส
ข นาดใหญ่ท ซี่ บั ซ อ้ นมาก และท�ำ ให้ซ อฟต์แวร์ส �ำ หรับก ารบริหารงานธรุ กิจเข้าม ามบี ทบาทส�ำ คัญม ากยิง่ ข ึน้ หลัง จากนั้นจึงเกิดแนวคิดที่จ ะรวบรวมระบบอื่นๆ ที่ใ ช้โปรแกรมสำ�เร็จรูปที่เคยแยกกันเก็บข้อมูลให้เข้ามาอยู่ใน กระแสการไหลของงานขนาดใหญ่ร ่วมกัน และกลายมาเป็นร ะบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรในที่สุด แม้ว่าผ ู้พ ัฒนาการวางแผนความต้องการวัตถุดิบ (MRP) จะเป็นผู้นำ�แนวคิดใ นการรวบรวมระบบ จนมาเป็นการวางแผนทรัพยากรองค์กรในที่สุด แต่ซอฟต์แวร์การวางแผนทรัพยากรองค์กรส่วนมากใน ปัจจุบันกลับมิได้ต่อยอดมาจากการวางแผนความต้องการวัตถุดิบ แต่มักจะต่อยอดมาจากระบบบัญชีการ เงินเป็นส่วนมาก เช่น เอสเอพี (SAP) ออราเคิล (Oracle) เจดี เอ็ดเวิดส์ (J.D. Edwards) และแม้กระทั่ง ซอฟต์แวร์การวางแผนทรัพยากรองค์กรของไทยชื่อ โฟร์มา (Forma) ฟอร์มูล่า (FORMULA) ก็มีรากฐาน มาจากระบบบัญชีและการเงิน และมีบทบาทหลักในการเป็นระบบงานส่วนหลัง (back office systems) ให้ กับร ะบบอื่นๆ ซึ่งส ามารถทำ�หน้าที่เป็นฐ านข้อมูลก ลางที่ม ีแ บบแผนเดียวกันมากกว่าฐานข้อมูลข องฝ่ายผลิต ซึ่งมักจะเฉพาะเจาะจงอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง ทำ�ให้ร ะบบงานส่วนหลังของการวางแผนทรัพยากร องค์กรกลายมาเป็นผ สู้ ืบทอดแนวคิดท ปี่ ระสบความสำ�เร็จใ นวงกว้างมากกว่าร ะบบการวางแผนความต้องการ วัตถุดิบเพียงอย่างเดียว จากจุดเริ่มต้นที่มาจากระบบการวางแผนความต้องการวัตถุดิบแล้ว โดยมุ่งเน้นไปที่การผลิตสินค้า อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการนำ�ระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่และเชื่อมโยงกันมาใช้ให้เกิดประโยชน์เป็นหลัก ต่อม าจึงข ยายขอบเขตเข้าม าถึงฝ ่ายจัดซ ื้อแ ละการพยากรณ์ข องฝ่ายขายมากขึ้น นำ�มาสูเ่อกสารทีเ่ป็นท างการ และต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของภาครัฐอย่างถูกต้องและรัดกุม ทำ�ให้เกิดการรวมกันของระบบงานผลิต กับระบบบัญชีและระบบการจัดการของฝ่ายสำ�นักงานเข้ามา ซึ่งเกินขอบเขตของระบบการวางแผนความ ต้องการวัตถุดิบเดิม จึงเป็นที่มาของแนวคิดที่จะมีระบบงานซึ่งครอบคลุมทั้งองค์กร โดยแรกเริ่มได้ถูกนำ� เสนอในองค์กรขนาดใหญ่ (enterprise) และได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของคำ�ว่า “การวางแผนทรัพยากร องค์กร” นั่นเอง รูปแบบการพัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นแนวคิดของการนำ�เอาเทคโนโลยีระดับ สูงท างด้านซอฟต์แวร์ม าช่วยการปฏิบัติง านของบุคลากรขององค์กร สำ�หรับก ระบวนการดำ�เนินธ ุรกิจท ี่ห ลาก หลาย โดยการรวบรวมองค์ความรู้ท ี่ป ระสบความสำ�เร็จจากองค์กรต่างๆ ในภาคปฏิบัติ (best practice) ก่อ ให้เกิดรูปแบบการดำ�เนินธุรกิจท ี่ม ีมาตรฐานสูง และมีระบบครอบคลุมทุกส ่วนงานขององค์กร และรวบรวม ข้อมูลจากส่วนต่างๆ และระบบอื่นๆ ขององค์กรให้เป็นหนึ่งเดียว สามารถใช้ข้อมูลเพื่อการวางแผนงานของ องค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวางแผนทรัพยากรองค์กรถูกวางบทบาทให้เป็นเครื่องมือสำ�คัญในการบูรณาการข้อมูลทางการ เงิน และการจัดการทรัพยากรต่างๆ เพื่อใ ห้ผ ูบ้ ริหารระดับส ูงส ามารถทราบถึงผ ลการดำ�เนินง านของทั้งอ งค์กร ที่ถูกต้อง เข้าใจง่าย อยู่บนมาตรฐานเดียวกัน สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันสถานการณ์ อย่างมรี ะบบ จากแต่เดิมท ผี่ บู้ ริหารตอ้ งตดั สินใ จจากประสบการณ์ส ว่ นบคุ คลและความรูส้ กึ มาเป็นการตดั สิน อย่างมีวิชาการบนพื้นฐานข้อมูลมากขึ้น
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-14
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
การวางแผนทรัพยากรองค์กรถูกใช้เพื่อพัฒนาองค์กร โดยการยกระดับความรับผิดชอบบุคลากร จากพนักงานธรรมดา (employee) มาเป็นนักธุรกิจ (businessperson) เนื่องจากการวางแผนทรัพยากร องค์กรสามารถรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายให้เป็นหนึ่งเดียว และช่วยให้ข้อมูลในการวางแผนกำ�ลังการผลิต และการใช้ทรัพยากรทั้งหมดขององค์กร จากเดิมที่แต่ละฝ่ายทำ�งานแยกกันโดยไม่รับรู้การทำ�งานของฝ่าย อื่นมาเป็นการรับผิดชอบร่วมกัน เช่น การออกบิลขายของฝ่ายขาย จากเดิมที่ฝ่ายขายจะออกบิลขายได้โดย ไม่ต ้องรับร ูว้ ่าม สี ินค้าพ ร้อมขายหรือไ ม่ หรือไ ม่ท ราบว่าล ูกค้าร ายนั้นม ีห นีเ้กินว งเงินห รือย ัง มาเป็นการทำ�งาน ประสานกันโ ดยระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะสืบค้นข ้อมูลจ ากฝ่ายอื่น เช่น ข้อมูลจ ากฝ่ายคลังส ินค้า พบวา่ ส นิ ค้าม ไี ม่พ อขาย ระบบกอ็ าจจะไม่อ นุญาตให้อ อกบลิ ไ ด้ จึงเป็นการเปลีย่ นวธิ กี ารท�ำ ธรุ กิจไ ปโดยปริยาย และเปลี่ยนจากพนักงานธรรมดาให้กลายมาเป็นนักธุรกิจมากขึ้น เนื่องจากมองเห็นภาพรวมของทั้งระบบ มากกว่าจะสนใจเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น เหตุผลที่การวางแผนทรัพยากรองค์กรถูกนำ�มาใช้อย่างแพร่หลาย มีดังนี้ 1. การพฒ ั นาโปรแกรมทสี่ ามารถรองรับก ระบวนการด�ำ เนินธ รุ กิจท งั้ ร ะบบขนึ้ ม าใช้เอง ต้องใช้เวลา นานมาก ก่อนที่การวางแผนทรัพยากรองค์กรจะถูกนำ�มาใช้อย่างแพร่หลายนั้น องค์กรมักจะทำ�การจ้าง นักพัฒนาโปรแกรมมาทำ�การวิเคราะห์และออกแบบระบบงานให้เข้ากับองค์กรโดยเฉพาะ โดยมองว่าเสื้อสั่ง ตัดย ่อมพอดีก ว่าเสื้อจ ากโรงงาน ดังน ั้น ในระยะแรกองค์กรต่างๆ จึงไ ม่น ิยมใช้ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กร เนื่องจากมิได้เขียนมาเพื่อองค์กรของตนเองโดยเฉพาะ แต่เมื่อผู้พัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร ในตลาดได้รวบรวมประสบการณ์ท ี่ได้ทำ�ให้กับหลากหลายองค์กรมาเป็นเวลายาวนาน และเก็บสะสมความ สามารถของแนวปฏิบัติท ี่ดี (best practice) เข้าไ ว้ใ นระบบจำ�นวนมาก และในยุคท ี่การแข่งขันร ุนแรง สภาพ แวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา องค์กรจึงไม่อาจที่จะรอการพัฒนาใหม่และยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่า จะใช้งานได้ ผู้บริหารส่วนมากจึงเลือกที่จะซื้อการวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้แทนการเขียนขึ้นมาเอง 2. ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโปรแกรมขึ้นมาเองสูงมาก การพัฒนาระบบที่ซับซ้อน มีขอบเขตของ ระบบ (system boundary) กว้างครอบคลุมทั้งองค์กร และมีรายละเอียดมาก ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายสูง มาก ขณะทกี่ ารวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นการพฒ ั นาระบบชดุ เดียวแต่จ �ำ หน่ายให้ก บั ห ลายองค์กร เป็นการ เฉลี่ยค่าใช้จ่ายกัน จึงม ีราคาที่ป ระหยัดกว่าการพัฒนาเองอย่างมาก อาจกล่าวเปรียบเทียบได้ว่า การพัฒนา เพียงแค่โ ปรแกรมบัญชีข ึ้นม าใหม่ใ ห้ม ีค วามสามารถเพียงเท่ากับโปรแกรมบัญชีท ี่ใ ช้ก ันอ ย่างแพร่ห ลาย และ ขายในราคาเพียงแค่ห ลักห มื่น ก็ต ้องใช้ค ่าใ ช้จ ่ายในการพัฒนามากกว่า 1 ล้านบาท หากเทียบกับก ารวางแผน ทรัพยากรองค์กรแล้วคงมีค ่าใช้จ่ายสูงยิ่งก ว่านั้นมากนัก 3. ค่าบ �ำ รุงร กั ษาสงู ไม่ค มุ้ ค า่ ก ารดแู ลโปรแกรมทพี่ ฒ ั นาและใช้เพียงองค์กรเดียว คนส่วนมากเข้าใจ ว่าเมื่อเขียนโปรแกรมเสร็จแ ล้วก ็ไ ม่มีอ ะไรต้องทำ� และไม่มคี ่าใ ช้จ ่าย อื่นๆ ตามมา แต่ใ นความเป็นจ ริงแ ล้ว ยัง มีค่าใช้จ ่ายในการบำ�รุงรักษา ได้แก่ 1) การบำ�รุงรักษาแบบแก้ไขให้ถูกต้อง (corrective maintenance) คือ การแก้ข้อบกพร่อง (bug) ต่างๆ 2) การบำ�รุงรักษาแบบปรับแต่ง (adaptive maintenance) คือ การปรับแต่งโปรแกรมตาม การร้องขอ เพื่อใ ห้ใ ช้ง านได้ต ามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เช่น ระบบปฏิบัติก ารใหม่ แพลตฟอร์มใ หม่ หรือ ฐานข้อมูลใหม่
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-15
3) การบำ�รุงรักษาแบบสมบูรณ์ (perfective maintenance) คือ การปรับแต่งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่น ความสะดวก ความสวยงาม และความเร็วในการทำ�งาน 4) การบำ�รุงรักษาแบบขยายต่อยอด (enhancements) คือ การขยายระบบออกไปจากขอบเขต เดิม ซึ่งด เูหมือนจะไม่ใช่ก ารบำ�รุงร ักษาโดยตรง แต่ม ักจ ะรวมเข้าไ ว้ด ้วยกัน เนื่องจากเป็นค ่าใ ช้จ ่ายทีเ่กิดภ าย หลัง และเป็นการต่อยอดจากระบบเก่า ค่าใช้จ่ายในการบำ�รุงรักษาเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง ในการเก็บข ้อมูลจาก 487 องค์กร พบว่า ค่าใ ช้จ่ายใน การบำ�รุงรักษา (49%) มีมูลค่าสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแรกเริ่ม (43%) (ภาพที่ 7.1)
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.1 กราฟแสดงร้อยละของต้นทุนในการพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นใช้เอง
ที่มา: Boehm B. “Software Engineering Economics.” Prentice Hall (1981) [2]
ธ ส
จะเห็นได้ว่าหลังจากพัฒนาโปรแกรมจนสำ�เร็จแล้ว องค์กรยังมีภาระที่จะต้องรักษาบุคลากรด้าน การพัฒนาไปตลอด ซึ่งเป็นการยากมากและมีต้นทุนสูงมาก หากรักษาไว้ไม่ได้ก็จะมีผลร้ายต่อระบบ และ ยิ่งเพิ่มต้นทุนก ารบำ�รุงร ักษาอย่างมาก เนื่องจากคนใหม่ไม่สามารถปรับแก้ได้ดีเท่าค นเดิม ด้วยเหตุน ี้ ทำ�ให้ ผู้บ ริหารองค์กรทั้งใ หญ่แ ละเล็กเลือกที่จ ะซื้อซ อฟต์แวร์ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรสำ�เร็จรูปม าใช้ม ากกว่า ที่จะพัฒนาเอง ยกเว้นเมื่อหาซอฟต์แวร์การวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ใกล้เคียงกันไม่ได้จึงเลือกที่จะ พัฒนาเอง ทีก่ ล่าวในทีน่ ี้ กล่าวเฉพาะค่าบ ำ�รุงร ักษาตัวโ ปรแกรมเท่านั้น ยังไ ม่ร วมถึงฮาร์ดแวร์แ ละบริการอื่นๆ ซึ่งจะได้ก ล่าวในหัวข้ออ ื่นต่อไป
ม
ธ ส
ธ ส
ม
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 7.1.2 แล้ว โปรดปฏิบัตกิ ิจกรรม 7.1.2 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 7 ตอนที่ 7.1 เรื่องที่ 7.1.2
ม
7-16
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
เรื่องที่ 7.1.3 ประโยชน์และความสำ�คัญของการวางแผนทรัพยากร องค์กร
ธ ส
ม
1. ประโยชน์ของการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กรถูกน ำ�มาใช้เพื่อประโยชน์ในด้านต่างๆ โดยเหตุผลที่ผู้บริหารเลือกใช้ การวางแผนทรัพยากรองค์กร มักจ ะเป็นประโยชน์ในเรื่อง ดังต่อไปนี้ 1.1 การบูรณาการข้อมูลทางการเงินขององค์กร เพื่อให้ผู้บริหารเข้าใจภาพรวมของฐานะทางการ เงินแ ละผลการดำ�เนินง านขององค์กร ช่วยให้การตัดสินใ จของผูบ้ ริหารเป็นไ ปด้วยความรวดเร็วบ นฐานข้อมูล กลางชุดเดียวกันทุกฝ่าย 1.2 การบูร ณาการฐานขอ้ มูลเพือ่ ใ ช้ใ นการปฏิบตั งิ านทงั้ อ งค์กร โดยผใู้ ช้ร ะบบการวางแผนทรัพยากร องค์กรทุกฝ่ายจะสามารถแบ่งปันข้อมูลกันได้ และเป็นข้อมูลที่ทันสมัย จึงช่วยให้สามารถทำ�งานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เช่น กรณีก ารรับคำ�สั่งซ ื้อจ ากลูกค้า จะต้องมีการเก็บฐ านข้อมูลลูกค้าพร้อมที่อยู่ในการจัดส่ง เมื่อผ่านกระบวนการออกใบรับคำ�สั่งซื้อแล้ว ฝ่ายคลังสินค้าก็ต้องการใช้ข้อมูลการสั่งซื้อในการเตรียมการ ส่งข อง ฝ่ายจัดส ่งก ็ต ้องการข้อมูลท ี่อ ยู่ข องลูกค้าใ นการจัดส ่ง และฝ่ายบัญชีล ูกห นี้ต ้องใช้ฐ านข้อมูลล ูกค้าใ น การดำ�เนินการเก็บเงินเช่นกัน ซึ่งก ารแบ่งปันฐานข้อมูลลูกค้าก็จะทำ�ให้เกิดประสิทธิภาพ ลดความผิดพลาด และตรวจสอบได้ 1.3 การเพิม่ ค วามรวดเร็วใ นการผลิต โดยเฉพาะกิจการโรงงานต้องการผลิตส ินค้าใ ห้ต รงตามความ ต้องการของลูกค้าใ ห้ท ันเวลาในต้นทุนท ี่แ ข่งขันไ ด้ จากประสิทธิภาพการผลิต การลดการสูญเสีย และการจัด ซื้อท ีม่ ปี ระสิทธิภาพ การนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้จ ะทำ�ให้เกิดก ารทำ�งานทีเ่ป็นม าตรฐานเดียวกัน จะช่วยให้การวางแผนการผลิตเป็นไ ปได้อย่างรวดเร็ว และสามารถทำ�ให้กระบวนการการผลิตสามารถส่งต่อ กันไ ด้อ ย่างไหลลื่น เป็นการเพิ่มผ ลิตผล เพิ่มป ระสิทธิภาพ ลดค่าโ สหุ้ย ลดความสูญเสีย (waste) และส่งม อบ สินค้าได้ท ันต ามกำ�หนด 1.4 การลดปริมาณสินค้าคงคลัง จากการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ในการวางแผนการ ผลิต จะช่วยให้การวางแผนการจัดซ ื้อว ัตถุดิบแ ละแผนการใช้เครื่องจักรสอดคล้องประสานกัน ทำ�ให้ส ามารถ ลดรักษาปริมาณสินค้าค งคลัง (safety stock) ลงได้อย่างมาก ทั้งสินค้าสำ�เร็จรูป วัตถุดิบ และงานระหว่าง ทำ� แต่ย ังส ามารถส่งม อบสินค้าไ ด้ต ามกำ�หนดมากขึ้น การลดปริมาณสินค้าค งคลังท ำ�ให้ล ดต้นทุนท างการเงิน และลดต้นทุนจ ากการสูญเสียใ นระบบทั้งหมด เช่น ต้นทุนท างด้านการเงินข องการรักษาปริมาณสินค้าค งคลัง ในระดับส ูง ลดการสูญเสียจากสินค้าหมดอายุ หรือล้าสมัย หรือการเช่าคลังสินค้า รวมทั้งลดโอกาสจากการ โจรกรรมอีกด ้วย ซึ่งต ้นทุนเหล่านี้ ไม่เพียงเป็นต้นทุนที่สูงเท่านั้น แต่ถือเป็นปัจจัยสำ�คัญที่ก ระทบต่อความ สามารถในการแข่งขันข องกิจการต่างๆ จำ�นวนไม่น้อย
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
7-17
1.5 การบริหารผลตอบแทนพนักงาน การวัดผลประกอบการและการจัดสรรผลประโยชน์ข องศูนย์ รับผิดชอบ (responsibility center) หรือหน่วยธุรกิจอย่างเป็นร ะบบ จะช่วยขจัดปัญหาการสื่อสารระหว่าง องค์กรกับพนักงานลงได้
ธ ส
2. ความสำ�คัญของการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
ธ ส
ม
จากสถาปัตยกรรมของธุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ (ภาพที่ 7.2) จะเห็นว ่าการวางแผนทรัพยากรองค์กรนั้น เป็นแกนกลางของสถาปัตยกรรม การวางแผนทรัพยากรองค์กรมีบทบาทในการรวบรวมข้อมูลหลักทั้งหมด โดยเฉพาะข้อมูลท างการเงิน และระบบงานส่วนหลังก็เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงข้อมูลของระบบอื่นๆ ที่ เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน ทำ�ให้ข ้อมูลส ามารถไหลเวียนไปทั่วทั้งระบบ ผู้บริหารสามารถมองเห็นข้อมูลใ นภาพที่ ตรงกันทั้งองค์กร เชื่อมโยงผู้ม ีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ทั้งลูกค้า คู่ค้า ผู้จำ�หน่าย และพนักงาน เข้าด้วยกัน สามารถสืบค้นข้อมูลเพื่อการตัดสินใจได้อย่างน่าเชื่อถือจากคลังข้อมูลโดยใช้ตัวสร้างรายงาน (report generator) หรือโปรแกรมธุรกิจอัจฉริยะ (Business Intelligence-BI) หรือเครื่องมือออกรายงานอื่นๆ ได้อ ย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และทันเวลา
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.2 สถาปัตยกรรมของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
7-18
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ถึงแม้ว่าในระยะหลังได้มีการนำ�ซอฟต์แวร์ที่เน้นกระบวนการทางธุรกิจมาใช้อย่างแพร่หลายมาก ขึ้น เช่น การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ และการจัดการโซ่อ ุปทาน ซึ่งม ีส ่วนงานที่อ งค์กรให้ค วามสำ�คัญมากและทับ ซ้อนกับระบบงานบางส่วนในการวางแผนทรัพยากรองค์กร แต่การวางแผนทรัพยากรองค์กรก็ยังคงบทบาท ที่สำ�คัญในการเป็นแกนกลางของสถาปัตยกรรมของทั้งองค์กรเช่นเดิม (ภาพที่ 7.2) หากขาดการวางแผน ทรัพยากรองค์กรการเชื่อมโยงข้อมูลของแต่ละระบบจะต้องทำ�โดยจับคู่กันเอง ซึ่งจะทำ�ให้ซับซ้อนมากขึ้น ตามภาพที่ 7.3
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
E-Business Architecture
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.3 การเชื่อมต่อระบบต่างๆ กรณีไม่มีระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นแกนกลาง
ธ ส
จากการสำ�รวจของวารสารซีไอโอ (CIO magazine) ในปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) พบว่า ร้อยละ 85 ของผู้บริหารจาก 400 องค์กรที่ได้ใช้ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรแล้ว เห็นด้วยถึงเห็นด้วยอย่างยิ่ง ว่าการวางแผนทรัพยากรองค์กรได้ก ลายเป็นป ัจจัยส ำ�คัญแ ละเป็นแ กนกลางของการดำ�เนินก ารธุรกิจไ ปแล้ว และจะไม่สามารถดำ�เนินธุรกิจได้โดยไม่ใช้การวางแผนทรัพยากรองค์กร ขณะที่กลุ่มที่เหลือร้อยละ 15 บาง คนมองว่าการวางแผนทรัพยากรองค์กรกลายเป็นร ะบบคร่ำ�ครึแ ห่งย ุค ซึ่งใ นจำ�นวนนี้ มีร ้อยละ 80 ที่ก ล่าวว่า บริษัทไ ม่ไ ด้ล งทุนเพิ่มใ นการวางแผนทรัพยากรองค์กรแล้ว แต่จ ะยังใ ช้ต ่อไ ปซึ่งส ะท้อนความมีป ระสิทธิภาพ ของระบบ [3]
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-19
ธ ส
ในยุคที่การแข่งขันรุนแรงและเป็นโลกไร้พรมแดน สินค้าต่างๆ มีวงจรชีวิตที่สั้นลง ไม่เว้นแม้แต่ ซอฟต์แวร์การวางแผนทรัพยากรองค์กร องค์กรที่ได้ใช้การวางแผนทรัพยากรองค์กรกำ�ลังจะก้าวข้ามไปยัง ความต้องการระบบใหม่ๆ ที่จ ะเข้าม ีท ดแทนระบบเดิมๆ ทำ�ให้ว งจรชีวิตผ ลิตภัณฑ์ (product life cycle) ของ การวางแผนทรัพยากรองค์กรสั้นลง ซอฟต์แวร์อาจล้าสมัยได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เพื่อให้ตอบสนองกับ แบบจำ�ลองทางธุรกิจ (business model) ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่องค์กรเหล่านั้นก็ไม่อาจทิ้งการวางแผน ทรัพยากรองค์กรได้ เนื่องจากการวางแผนทรัพยากรองค์กรยังคงเป็นส่วนสำ�คัญที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของ องค์กรและช่วยให้การปรับตัวขององค์กรเป็นไปอย่างมั่นคง แต่การปรับแก้การวางแผนทรัพยากรองค์กรกลับเป็นเรื่องยุ่งยากมากและต้นทุนสูง องค์กรต่างๆ จึงพยายามหาวิธีที่ทำ�ให้การปรับเปลี่ยนระบบให้ทันกับแบบจำ�ลองทางธุรกิจใหม่โดยง่าย และควบคุม งบประมาณได้ หนึ่งใ นนั้นคือ แนวคิดท ี่จะใช้การจ้างหน่วยงานภายนอก หรือเอาต์ซอร์ส (outsource) ระบบ งานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศไปไว้ในมือผู้ชำ�นาญการพิเศษภายนอกองค์กรจึงมีมากขึ้น เพื่อความ คล่องตัวในการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีใ ห้ทันก ับการเปลี่ยนแปลงของแบบจำ�ลองทางธุรกิจจ ากเดิมซ ึ่งทำ�การ เอาต์ซอร์สเฉพาะฮาร์ดแวร์มาเป็นการเอาต์ซอร์สระบบทั้งระบบ ทำ�ให้เกิดการทำ�การเอาต์ซอร์สกระบวนการ ทางธุรกิจ (Business Process Outsourcing - BPO) ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเพิ่มความเร็วแ ละความต่อเนื่องใน การตอบสนองการแข่งขันที่ร ุนแรงในงบประมาณที่ควบคุมได้ ในทางเทคนิคน ั้น องค์กรสามารถทำ�การเอาต์ซอร์สก ระบวนการทางธุรกิจได้กับระบบงานแทบทุก ประเภท รวมทั้งการวางแผนทรัพยากรองค์กรด้วย โดยนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาให้บริการในแบบ ของซอฟต์แวร์บ ริการ หรือแ ซส Software-as-a-Service (SaaS) รูปแ บบนีไ้ ด้เป็นท างเลือกในด้านการลงทุน ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรในแบบใหม่ และเพิ่มค วามยืดหยุ่นใ นการปรับต ามเทคโนโลยีใ หม่ๆ อย่าง ต่อเนื่อง ทำ�ให้ซ อฟต์แวร์ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรต่างๆ เริ่มน ำ�เสนอรูปแ บบแซสหรือต ามความต้องการ (on-demand) มากขึ้น ทำ�ให้ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นด้วยงบประมาณที่ต่ำ�ลง ซึ่งจะช่วยให้การวางแผนทรัพยากรองค์กรยังคงความสำ�คัญต่อไ ป
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 7.1.3 แล้ว โปรดปฏิบัตกิ ิจกรรม 7.1.3 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 7 ตอนที่ 7.1 เรื่องที่ 7.1.3
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-20
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ตอนที่ 7.2
ธ ส
ม
องค์ประกอบทั่วไปของการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
โปรดอ่านแผนการสอนประจำ�ตอนที่ 7.2 แล้วจ ึงศึกษาเนื้อหาสาระ พร้อมปฏิบัติกิจกรรมในแต่ละเรื่อง
ม
หัวเรื่อง
แนวคิด
ธ ส
เรื่องที่ 7.2.1 โครงสร้างพื้นฐานของการวางแผนทรัพยากรองค์กร เรื่องที่ 7.2.2 เทคโนโลยีในระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร เรื่องที่ 7.2.3 การทำ�งานของระบบงานในการวางแผนทรัพยากรองค์กร เรื่องที่ 7.2.4 พัฒนาการต่อขยายระบบจากการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
ธ ส
1. ในการปฏิบัติงานประจำ�วันนั้น ผู้ใช้ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะมิได้สัมผัส โครงสร้างระดับลึกของระบบ แต่จะสัมผัสในส่วนของหน้าจอ ความแตกต่างที่แท้จริง ระหว่างโปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กรกับโปรแกรมทั่วไปคือ การมีโครงสร้างที่ ได้ร ับก ารออกแบบมาอย่างดีแ ละมีค วามเสถียร ซึ่งม ีค วามสำ�คัญอ ย่างมาก เปรียบเสมือน โครงสร้างของอาคารต่างๆ โครงสร้างทีม่ ขี นาดใหญ่แ ละได้ร ับก ารออกแบบมาอย่างดจี ึงจ ะ สามารถสร้างอาคารใหญ่ไ ด้ โครงสร้างของการวางแผนทรัพยากรองค์กร คือ การออกแบบ ฐานข้อมูลท ีส่ อดรับก ับโ ครงสร้างองค์กร ซึ่งจ ะช่วยให้ร องรับก ารทำ�งานของหน่วยงานตาม ความรับผิดชอบในองค์กรได้ทุกมิติ สื่อสารผ่านระบบขนาดใหญ่ และสามารถเป็นแกน กลางของฐานข้อมูลอ ื่นๆ ของทั้งอ งค์กร 2. การวางแผนทรัพยากรองค์กรถือเป็นฐานรากของระบบงานในองค์กร เป็นศูนย์กลางของ ระบบ จึงเป็นที่รวมของข้อมูลที่ผู้บริหารจะใช้ในการสั่งการ และการวางแผนเชิงกลยุทธ์ แต่โปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กรไม่สามารถรองรับความต้องการที่มากมาย ขนาดนั้นไ ด้ จึงท ำ�ให้ม ีก ารนำ�นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีส ารสนเทศที่หลากหลายมาใช้ ในการสืบค้นแ ละการจัดการการไหลของข้อมูลใ นระบบ ทั้งโ ปรแกรมธุรกิจอ ัจฉริยะทีเ่ป็น เครื่องมือส ำ�คัญใ นการสืนค้นข้อมูล หรือโปรแกรมประเภทบูรณาการระบบงานประยุกต์ ขององค์กร ซึ่งใช้ในการเชื่อมต่อระบบต่างๆ เข้าด้วยกัน การทำ�ความรู้จักและประยุกต์ ใช้จ ะช่วยให้เกิดความคุ้มค ่าใ นการลงทุนของการวางแผนทรัพยากรองค์กร ซึ่งใ นยุคห ลัง ก็ได้ผนวกนวัตกรรมเหล่านี้บางอย่างเข้ามาอยู่ในการวางแผนทรัพยากรองค์กร ผู้ใช้จึง สามารถเลือกใช้ได้ในทันที
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-21
ธ ส
ม
3. การทำ�ความเข้าใจโปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กรซึ่งม ขี นาดใหญ่น ั้นเป็นเรื่องทีใ่ ช้ เวลามาก นอกจากนี้ การวางแผนทรัพยากรองค์กรแต่ละตัวก็มีความหลากหลายในการ กำ�หนดขอบเขตของระบบงานต่างๆ ทำ�ให้เป็นการยากที่จะอธิบายให้เห็นภ าพทั่วไป การ ได้เห็นการไหลของงานของแต่ละระบบงานย่อยในการวางแผนทรัพยากรองค์กร จะช่วย ให้เห็นภาพของขอบเขตของระบบของการวางแผนทรัพยากรองค์กรทั้งหมดที่ชัดเจนกว่า คำ�อธิบายเชิงบรรยาย 4. แม้วา่ ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรจะเป็นร ะบบขนาดใหญ่ รองรับป ฏิบตั กิ ารของส�ำ นักงาน เกือบทั้งหมด แต่ก ระแสการพัฒนาเทคโนโลยีส ารสนเทศทรี่ วดเร็วน ำ�ไปสนู่ วัตกรรมใหม่ๆ ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่น ำ�มาใช้ในการดำ�เนินธุรกิจที่มีเปลี่ยนแปลงสูง เพื่อตอบ สนองการดำ�เนินงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงยิ่งขึ้น ทำ�ให้เกิดระบบอื่นๆ ที่มี ตอบสนองการดำ�เนินธุรกิจท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งระบบจัดการห่วงโซ่อุปทาน ระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ แม้ว่าระบบงานย่อยในการวางแผนทรัพยากรองค์กรได้ตอบ สนองความตอ้ งการใช้ง านไปได้บ า้ งแล้ว แต่ก ย็ งั ไ ม่เพียงพอ ทำ�ให้อ งค์กรมกั จ ะตดิ ต ัง้ ร ะบบ อื่นๆ ที่ทำ�หน้าที่โดยเฉพาะแล้วทำ�การเชื่อมโยงข้อมูลมายังระบบการวางแผนทรัพยากร องค์กรอีกครั้ง ระบบเหล่านี้บางครั้งมักจะถูกมองเป็นระบบที่ต่อขยายจากการวางแผน ทรัพยากรองค์กร ซึ่งผ ู้พ ัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร นอกจากจะต้องเตรีย ม ช่องทางในการเชื่อมต่อระบบแล้ว ยังต้องกำ�หนดบทบาทและขอบเขตใหม่ข องระบบการ วางแผนทรัพยากรองค์กร เพื่อท ำ�หน้าที่เป็นแกนกลางของระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-22
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
วัตถุประสงค์
ม
ม
ธ ส
ม
เมื่อศึกษาตอนที่ 7.2 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ 1. อธิบายโครงสร้างพื้นฐ านของระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร และความสอดคล้องกับ รูปแบบองค์กรที่จ ะประยุกต์ใช้การวางแผนทรัพยากรองค์กรให้ประสบผลสำ�เร็จได้ 2. อธิบายเทคโนโลยีที่รองรับการทำ�งานที่ซับซ้อนของระบบ ซึ่งอยู่เบื้องหลังการทำ�งานของ ระบบต่างๆ ของการวางแผนทรัพยากรองค์กรและการประยุกต์ใ ช้ใ นการคัดเลือกต่อไ ปได้ 3. อธิบายขอบเขตของระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร และสามารถอธิบายการทำ�งาน ของระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรโดยทั่วไปได้ 4. อธิบายจุดเชื่อมต่อข องระบบงานระหว่างการวางแผนทรัพยากรองค์กรกับร ะบบอื่นๆ และ การไหลของข้อมูลระหว่างระบบได้ 5. อธิบายรูปแบบของการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่พัฒนามาเป็นระบบที่รองรับการทำ� ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ใ นระดับต่างๆ และเลือกรูปแบบที่เหมาะสมต่อองค์กรได้
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-23
ธ ส
เรื่องที่ 7.2.1 โครงสร้างพื้นฐ านของการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
การทำ�ความเข้าใจขอบเขตของระบบในการวางแผนทรัพยากรองค์กร จากนิยามนั้นเป็นเรื่องยาก ดังนั้น การได้เห็นตัวอย่างการทำ�งานของระบบจะช่วยให้จับคู่การทำ�งานของระบบกับกระบวนการดำ�เนิน ธุรกิจข องจริงไ ด้ง ่ายขึ้น ในเรื่องนีจ้ ะนำ�โปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กรหนึ่ง2 ขึ้นม าเป็นต ัวอย่าง ซึ่งน ่า จะช่วยให้เห็นภ าพรวมของระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรโดยทั่วไปได้เป็นอ ย่างดี แต่น ักศึกษาพึงศ ึกษา เพิ่มเติมจ ากโปรแกรมอื่นๆ ด้วย เนื่องจากซอฟต์แวร์ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรของแต่ละตัวจ ะมขี อบเขต และชื่อเรียกระบบย่อยที่แ ตกต่างกัน และมักจ ะมีจุดเด่นต่างกัน ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป ในที่นี้แต่ละระบบงาน หรือโ มดูล (module) อาจจะไม่ต รงกับช ื่อท ี่ป รากฏในโปรแกรมจริง เนื่องจากผูเ้ขียนต้องการใช้เป็นช ื่อก ลางๆ เพื่อให้น ักศึกษาเข้าใจหลักการทำ�งานทั่วไปมากกว่าการอิงอยู่กับชื่อที่เฉพาะเจาะจง
ม
ธ ส
ธ ส
ม
1. ระบบงานย่อยในการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กรส่วนมากประกอบด้วยโมดูลที่ตอบสนองการทำ�งานของแต่ละหน่วย งานทางธุรกิจ (business unit) ขององค์กรทางด้านธุรกิจ ซึ่งเป็นส ่วนที่เรียกว่า งานส่วนหลัง (back office) ทั้งส่วนที่เป็นธุรกิจซื้อมาขายไป ธุรกิจบริการ หรืออุตสาหกรรมก็ตาม และมักจะมีโมดูลอื่นๆ เสริมเข้ามา เพื่อรองรับการใช้งานขององค์กร เช่น ระบบพีโอเอส (POS) ระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HRM) ระบบ การวางแผนวัตถุดิบ (MRP) ระบบควบคุมงบประมาณ (BOQ) ธุรกิจอัจฉริยะ (BI) เว็บท ่าห รือเว็บพ อร์ทัล (web portal) หรือโ มดูลท ีข่ ยายขอบเขตไปนอกสำ�นักงาน เช่น การบริหารลูกค้าส ัมพันธ์ การจัดการโซ่อ ุปทาน เป็นต้น ตลอดจนแอพพลิเคชั่นบนมือถือ (mobile application)
ม
ธ ส
ม 2
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
โปรแกรมที่ชื่อโฟร์มาอีอาร์พี (Forma ERP) ซึ่งเป็นของบริษัท คริสตอลซอฟท์ จำ�กัด (มหาชน)
7-24
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.4 ตัวอย่างระบบย่อยในการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
ธ ส ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นระบบงานขนาดใหญ่ ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ดังนั้น การนำ�ระบบอื่น มาเชื่อมโยงกับการวางแผนทรัพยากรองค์กรย่อมสามารถทำ�ได้เสมอ และข้อมูลทั้งหมดจะสามารถรวมกัน บนมาตรฐานเดียวกันไ ด้ ช่วยผู้บ ริหารจะสามารถควบคุมการทำ�งานและเรียกดูรายงานได้ตลอดเวลา
ธ ส
2. โมดูลต่างๆ ในระบบงานส่วนหลังของการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
ม
ธ ส
จากการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ยกมาเป็นตัวอย่างนั้น โมดูลต่างๆ ที่อาจพบได้ในระบบงาน ส่วนหลัง (back office) เช่น ระบบจัดซื้อ (PO) ระบบงานขาย (SO) ระบบควบคุมส ินค้าคงคลัง (IC) ระบบ สินทรัพย์และการคำ�นวณค่าเสื่อม (FA) ระบบบัญชีทั่วไป (GL) ระบบบัญชีเจ้าหนี้ (AP) ระบบบัญชีลูกหนี้ (AR) ระบบควบคุมเช็ค (CQ) ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (MIS) ระบบควบคุมการผลิต (MRP) ระบบ ภาษี (TAX) ระบบบริหารคลังสินค้า (WMS) ระบบวางแผนการปฏิบัติงานเพื่อการจัดจำ�หน่าย (S&OP) และ ระบบบัญชีการเงิน (FI)
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-25
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.5 ตัวอย่างโมดูลต่างๆ ในระบบงานส่วนหลังของการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
ธ ส
3. หน่วยงานตามความรับผิดชอบในระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร
การวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นระบบที่ใช้ในระดับที่ครอบคลุมทั้งองค์กร (enterprise-wide) สามารถรองรับโครงสร้างองค์กรทั้งองค์กรได้ เป็นระบบที่เป็นศูนย์กลางของทุกระบบงานและทุกส่วนงาน หรือโมดูล (modules) ต่างๆ ในระบบงานส่วนหลัง (back office) จึงสะท้อนโครงสร้างองค์กร เพื่อรองรับ การดำ�เนินการและใช้ในการประเมินผลงานตามความรับผิดชอบ (performance base) ตามสายบังคับ บัญชา ระบบงานส่วนหลังข องการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะสามารถกำ�หนดหน่วยงานตามความรับผ ิดช อบ (responsibility center) หรือหน่วยธุรกิจ (business unit) ให้เหมาะสมกับกิจการต่างๆ ได้ การวางแผน ทรัพยากรองค์กรบางระบบสามารถรองรับอ งค์กรทีเ่ป็นใ นรูปข องกลุ่มบ ริษัท รองรับก ารบริหารงานแบบหลาย มิติ (multi-dimensional) ได้ ช่วยให้การประเมินผ ลงานเป็นไ ปได้อ ย่างละเอียด ช่วยให้การจัดสรรทรัพยากร และการจัดสรรต้นทุนเป็นไ ปอย่างละเอียดและตรงตามความรับผ ิดช อบ และช่วยให้ป ระเมินไ ปถึงล ูกค้าห รือ คู่ค ้าไ ด้ สามารถเปรียบเทียบต้นทุนแ ละผลกำ�ไรแยกตามรายสินค้าไ ด้เป็นอ ย่างดี ช่วยให้ผ ู้บ ริหารนำ�ไปใช้ใ น การวางกลยุทธ์ขององค์กรทั้งใ นระยะสั้นไ ปจนถึงร ะยะยาวได้
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-26
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.6 ตัวอย่างการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่รองรับองค์กรที่อยู่ในรูปของกลุ่มบริษัท
ธ ส
4. การปรับแก้และการเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นระบบที่เป็นแบบมีข้อมูลเป็นศูนย์กลาง (data centric) (ศึกษา เพิ่มเติมใ นเรื่องที่ 7.3.2 ข้อควรคำ�นึงในการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้) ดังนั้น การทำ�โปรแกรม ส่วนเพิ่มเติมจ ึงท ำ�ได้ง ่ายกว่าร ะบบที่เป็นแ บบมีก ระแสการไหลเป็นศ ูนย์กลาง (flow centric) เนื่องจากระบบ อื่นๆ ที่ต้องการเชื่อมต่อสามารถทำ�ได้โดยการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลกลางอย่างถูกต้องตามข้อกำ�หนดใน พจนานุกรมข้อมูล (data dictionary) ของการวางแผนทรัพยากรองค์กรเท่านั้น จึงส ามารถพัฒนาระบบย่อย อื่นๆ ด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันไ ด้ และสามารถเชื่อมต่อได้เกือบสมบูรณ์
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.7 ลักษณะการปรับแ ก้โดยเชื่อมต่อไปยังฐ านข้อมูลของการวางแผนทรัพยากรองค์กร
5. ระบบรักษาความปลอดภัย
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-27
ธ ส
การวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นโปรแกรมในระดับแอพพลิเคชั่น หรือระบบงานประยุกต์ ดังนั้น การเข้าถ ึงฐ านข้อมูลข องการวางแผนทรัพยากรองค์กรจึงท ำ�ได้ 3 ระดับ ซึ่งผ ู้ใ ช้พ ึงศ ึกษาเพื่อท ราบวิธีก ารและ มาตรการป้องกันการเจาะระบบโดยแฮกเกอร์และสามารถกำ�หนดสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลอย่างรัดกุม การ กำ�หนดสิทธิในการเข้าถึงร ะบบ 3 ระดับคือ 5.1 การกำ�หนดสิทธิระดับระบบงานประยุกต์ (application system) คือกำ�หนดสิทธิในระดับสูง (high level) การกำ�หนดสิทธินี้จะภายใต้การจัดการของโปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กร โดยผู้ใช้ สามารถก�ำ หนดสิทธิจ ากระบบผใู้ ช้ (user) และการรกั ษาความปลอดภัย (security) ของการวางแผนทรัพยากร องค์กรได้โดยตรง ผ่านเมนูการใช้งานตามคมู่ อื ของการวางแผนทรัพยากรองค์กร แต่การก�ำ หนดสิทธิในระดับนี้ ย่อมไม่สามารถกำ�หนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลที่เกินสิทธิที่กำ�หนดไว้ในระดับที่ลึกกว่า คือ การกำ�หนดสิทธิ ระดับระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System - DBMS) และระดับระบบปฏิบัติการ (Operating System - OS) 5.2 การกำ�หนดสิทธิระดับระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System - DBMS) คือกำ�หนดสิทธิโ ดยอาศัยความสามารถของระบบจัดการฐานข้อมูล ดังนั้น ความสามารถนี้จะมากหรือน้อย จะขึ้นกับระบบจัดการฐานข้อมูลตัวที่การวางแผนทรัพยากรองค์กรใช้ในการเก็บข้อมูล ถ้าฐานข้อมูลตัวนั้น มีความสามารถในการกำ�หนดสิทธิอย่างละเอียด ระบบการจัดการฐานข้อมูลก็จะซับซ้อนตามไปด้วย ซึ่งการ วางแผนทรัพยากรองค์กรบางตัวจะสามารถเรียกใช้ข้อมูลจากระบบจัดการฐานข้อมูลเกือบทุกตัว ผู้ใช้ก็จะ สามารถเลือกตามความพึงพ อใจได้ แต่ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรบางตัวก ใ็ ช้ร ะบบจัดการฐานข้อมูลเพียง ตัวเดียว ซึ่งผ ูใ้ ช้ก จ็ ะไม่มีท างเลือกในส่วนของการกำ�หนดสิทธิใ นระดับร ะบบจัดการฐานข้อมูลน ี้ จะต้องอาศัย ผู้มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยี องค์กรโดยทั่วไปจึงมักใช้การกำ�หนดสิทธิเพียงแค่ระดับระบบงานประยุกต์ หากมีการกำ�หนดสิทธิในระดับนี้ก ็จะเป็นการใส่กุญแจสองชั้นให้กับฐานข้อมูล แต่ย่อมต้องแลกด้วยการลด ความสะดวกสบายบางอย่าง เช่น มีข ั้นตอนการล็อกออนที่ซับซ้อนขึ้น 5.3 การกำ�หนดสิทธิร ะดับร ะบบปฏิบัติการ (Operating System - OS) คือการอาศัยระบบผู้ใช้ของ ระบบปฏิบัติก าร เนื่องจากมองว่าเวลาเปิดเครื่องนั้นผู้ใช้ก็ต้องล็อกออนอยู่แล้ว จึงช ่วยอำ�นวยความสะดวก ในการเข้าส ูร่ ะบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรได้โ ดยไม่ต ้องทำ�การล็อกออนเข้าร ะบบการวางแผนทรัพยากร องค์กรอีกค รั้งหนึ่ง เรียกว่า การลงชื่อเข้าระบบเพียงครั้ง (single sign on) แต่การอาศัยระบบผู้ใช้ของระบบ ปฏิบัติการมีจุดที่ต้องระวังคือ บางครั้งผู้ใช้เปิดเครื่องเพื่อทำ�งานอื่นไม่ได้ต้องการเข้าสู่ระบบการวางแผน ทรัพยากรองค์กร แต่เมื่อระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรยินยอมให้เข้าได้ทันทีโดยไม่ต้องใส่รหัสผ่าน (password) อีกครั้ง จึงมีค วามเสี่ยงกรณีท ี่ผ ู้ใช้อาจเผอเรอทิ้งเครื่องไว้ที่โต๊ะทำ�งาน แล้วมีผู้อื่นผ่านมาพบก็ เข้าไปสู่ร ะบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรได้ทันทีเช่นกัน ดังนั้น ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่มีความยืดหยุ่นสูงจะรองรับแนวทางการกำ�หนดสิทธิ ได้ทั้ง 3 ระดับ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-28
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
6. การกำ�หนดสิทธิในระดับระบบงานประยุกต์ของการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
เนื่องจากการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นระบบที่ม ีผ ู้ใ ช้ม าจากทุกส ่วนงาน ดังน ั้น การกำ�หนดสิทธิ ในการเข้าถึงระบบของการวางแผนทรัพยากรองค์กรจึงต้องรองรับโครงสร้างองค์กรขนาดใหญ่ได้ การ กำ�หนดสิทธิใ ห้แ ก่ผ ใู้ ช้โ ดยล้อม าจากโครงสร้างองค์กร ทำ�ให้ผ ใู้ ช้เข้าใจได้ง ่ายและสามารถควบคุมร ะบบได้ง ่าย โดยดูจากตำ�แหน่งง านภายในองค์กรเป็นแม่แบบได้ ซึ่งเรียกว่าเป็นการแบ่งตามตำ�แหน่งหน้าที่ (role base) ซึ่งเหมาะสมกว่าการกำ�หนดหน้าที่ตามบุคคล (user logon) กล่าวคือ แต่ละตำ�แหน่งสามารถมีการล็อกออนตามหน้าที่ของผู้ใช้ได้หลายครั้ง โดยผู้ใช้แต่ละคนอยู่ใน ตำ�แหน่งเดียวกันจะมีสิทธิเหมือนกันโดยปริยาย เป็นการออกแบบให้สอดคล้องกับรูปแบบการบริหารงานที่ เป็นระบบระเบียบ มิใช่การมอบหมายโดยการเจาะจงบุคคลทีละคน ผูใ้ ช้แ ต่ละคนสามารถอยูไ่ ด้ห ลายตำ�แหน่ง ซึ่งจ ะทำ�ให้ผ ูใ้ ช้ค นนั้นไ ด้ร ับส ิทธิโดยรวมของทุกต ำ�แหน่ง ที่ได้รับโดยอัตโนมัติ เช่น ผู้ใช้ที่ทำ�ตำ�แหน่งฝ่ายผลิตและฝ่ายจัดซื้อพร้อมกัน ก็จะสามารถเข้าเมนูของฝ่าย ผลิตและฝ่ายจัดซื้อได้ต ามที่ร ะบบได้ใ ห้สิทธิไ ว้ในแต่ละตำ�แหน่ง รองรับก ารโยกย้ายภายในองค์กร กล่าวคือ หากผู้ใช้ย้ายตำ�แหน่งจ ากฝ่ายจัดซื้อไปอยู่ฝ่ายโรงงาน ก็เพียงแค่ร ะบุต ำ�แหน่งใหม่ใ ห้ผ ู้ใ ช้ร ายนั้น สิทธิต่างๆ ของระบบสามารถทำ�ได้ง ่าย โดยสิทธิของผู้ใ ช้จ ะเปลี่ยน ไปตามตำ�แหน่งหน้าที่โ ดยอัตโนมัติ การกำ�หนดสิทธิตามตำ�แหน่งห น้าที่ส ามารถกำ�หนดให้ม ีต ำ�แหน่งร ะดับหัวหน้าได้เป็นลำ�ดับขั้น โดย หัวหน้าส ามารถเพิ่มผ ูใ้ ช้เองได้ และสามารถกำ�หนดสิทธิไ ด้เอง แต่ต ้องไม่เกินก รอบอำ�นาจของตนเอง ป้องการ การมอบสิทธิเกินอำ�นาจหน้าที่ที่ไ ด้รับ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ภาพที่ 7.8 การถ่ายอำ�นาจโดยสอดรับกับโครงสร้างองค์กร
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7. การกำ�หนดสิทธิเบื้องต้นในระดับเมนูข องการวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-29
ธ ส
หัวข้อใ นการกำ�หนดสิทธิก ารเข้าถึงข้อมูลใ นแต่ละเมนูข องแต่ละหน้าที่ (ภาพที่ 7.9) ประกอบด้วย สิทธิพื้นฐ าน เช่น การกำ�หนดความสามารถในการมองเห็นเมนู การเข้าเมนู การแก้ไขรหัสผ่าน การเพิ่มข้อมูล ลบข้อมูล แก้ไขข้อมูล การยกเลิกเอกสาร การพิมพ์เอกสารออกจากระบบ การมองเห็นข้อมูลผ่านจอภาพ การส่งออกข้อมูล และอำ�นาจการเพิ่มผ ู้ใ ช้เองได้ เป็นต้น
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.9 ตัวอย่างการกำ�หนดสิทธิก ารเข้าถึงระบบของแต่ละตำ�แหน่งงาน
ธ ส
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 7.2.1 แล้ว โปรดปฏิบัตกิ ิจกรรม 7.2.1 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 7 ตอนที่ 7.2 เรื่องที่ 7.2.1
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-30
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
เรื่องที่ 7.2.2 เทคโนโลยีในระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
1. การออกแบบฐานข้อมูลในการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
ม
ในการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ใ นองค์กร จะต้องพิจารณาว่าอ งค์กรมีร ูปแ บบธุรกรรม ซับซ้อนเพียงใด เนื่องจากการวางแผนทรัพยากรองค์กรแต่ละตัวจะมีความยืดหยุ่นต่างกัน รูปแบบที่เรียบ ง่ายที่สุดนั้น เอกสารต่างๆ จะสัมพันธ์ก ันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง (one-to-one) เช่น การออกใบส่งของเต็มจำ�นวน ตามใบสั่งซ ื้อท ี่ล ูกค้าส ั่งซ ื้อไ ว้แ ล้ว หรือก ารออกใบเสร็จร ับช ำ�ระค่าส ินค้าโ ดยต้องชำ�ระเต็มจ ำ�นวน ส่วนกรณีท ี่ ลูกค้าทยอยจ่ายชำ�ระก็จ ะเป็นรูปแ บบที่ซ ับซ ้อนขึ้น ซึ่งร ูปแ บบอาจจะซับซ ้อนถึงร ะดับหลายต่อห ลาย (manyto-many) (ภาพที่ 7.10)
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.10 รูปแบบความสัมพันธ์ของเอกสารในระบบที่มีความหลากหลาย
เนื่องจากรูปแ บบการดำ�เนินธ ุรกรรมของคนไทยมักจ ะอิงอ ยูบ่ นวัฒนธรรมการค้าแ บบเอเชีย (Asian style) ซึ่งผู้ขายมักจะยืดหยุ่นให้แก่ลูกค้าอย่างมาก โดยรับภาระความยุ่งยากเอาไว้เอง เนื่องจากให้ความ สำ�คัญก ับค วามรู้สึกข องลูกค้าม ากกว่าก ารทำ�งานให้ม ขี ั้นม ตี อนอย่างเป็นร ะบบหรือม กี รอบงาน (framework) จะเห็นไ ด้จากสถานการณ์ต ่างๆ เหล่านี้ เช่น
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-31
ธ ส
• การสั่งซ ื้อส ินค้าจำ�นวนมาก และจ่ายเงินสดโดยขอราคาพิเศษกว่าราคาพิเศษที่เคยให้ • การยกเลิกใบสั่งซ ื้อก ลางคัน ทั้งๆ ที่มีการทยอยส่งสินค้าไปแล้ว • การกำ�หนดเงื่อนไขการวางบิลก่อนที่จ ะชำ�ระเงินที่หลากหลาย • การทยอยชำ�ระหนี้ • การรับเช็คค้ำ�ประกันหนี้ก่อนการส่งของเพื่อป้องกันหนี้สูญ • การรวมบิลจ่ายชำ�ระด้วยเช็คใบเดียว หากการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ใช้อยู่สามารถรองรับได้ ก็จะช่วยให้การบันทึกรายการเป็นไป อย่างสะดวก มิฉ ะนั้นก็ต ้องหาทางประยุกต์ให้ท ำ�งานเท่าที่จะทำ�ได้ นอกจากความซับซ้อนแล้ว การทำ�งานแบบลัดขั้นตอนก็เกิดขึ้นเป็นประจำ� เช่น กระบวนการสั่งซื้อ สินค้านั้น บางครั้งก็เริ่มตั้งแต่ใ บขอซื้อ (Purchase Requisition - PR) บางครั้งก็เริ่มที่การออกใบสั่งซื้อเลย (Purchase Order - PO) หรือบางครั้งก็ไ ปซื้อเลย แล้วก็ได้เอกสารใบกำ�กับภ าษี (invoice) มาเลย โดยไม่ ผ่านขั้นตอนต่างๆ (ภาพที่ 7.11) การวางแผนทรัพยากรองค์กรที่เป็นแบบยืดหยุ่น (flexible ERP) นั้น จะ สามารถรองรับทั้งการทำ�งานแบบตามกรอบระเบียบ และรองรับการแทรกรายการกลางคัน แต่ยังคงความ สามารถในการตรวจสอบรายการทุกรายการได้
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ภาพที่ 7.11 ความยืดหยุ่นใ นการกำ�หนดจุดเริ่มต้นของการไหลของเอกสารในระบบ
ม
ธ ส
7-32
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
2. เทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ใช้ในการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
การเชื่อมโยงการวางแผนทรัพยากรองค์กรกับระบบอื่น ทำ�ได้หลายวิธีดังต ่อไปนี้ 2.1 เชื่อมโยงด้วยไฟล์ข้อความ หรือเท็กซ์ไฟล์ (text file) คือ การนำ�เข้า (import) และส่งออก (export) ข้อมูลด้วยการส่งไ ฟล์ในรูปแบบพื้นฐ านซึ่งใช้กันมายาวนาน 2.2 เชื่อมโยงด้วยไฟล์ที่รับรู้ชนิดของข้อมูล (data type) เช่น เอ็กซ์เซล (xls) ดีบีเอฟ (dbf) เป็นต้น 2.3 เชื่อมโยงผ่านเอพไี อ หรือส ่วนต่อป ระสานการโปรแกรมแอพพลิเคชั่น (Application Programming Interface - API) ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ผ ู้พ ัฒนาการวางแผนทรัพยากรองค์กรเตรียมไว้ให้เรียกใช้ 2.4 เชื่อมโยงผ่านตารางที่แบ่งปันกันได้ (shared table) เป็นการเชื่อมโยงด้วยการตกลงที่จะใช้ ตารางในฐานขอ้ มูลบ างตาราง และสง่ ข อ้ มูลท ที่ นั ส มัยไ ปยงั ต ารางนัน้ ซึง่ ก รณีน ี้ ทัง้ ผ สู้ ง่ แ ละผูร้ บั จ ะตอ้ งสามารถ เขียนโปรแกรมที่ทำ�งานบนระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS) ตัวเดียวกันได้ 2.5 เชื่อมโยงผ่านเว็บเซอร์วิส (web service) ซึ่งค ล้ายกับเอพไี อ แต่เป็นม าตรฐานเปิด และสามารถ เชื่อมโยงผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกและปลอดภัยกว่า 2.6 เชื่อมโยงผ่านการบูรณาการแอพพลิเคชั่นขององค์กร หรืออีเอไอ (Enterprise Application Integration - EAI) ซึ่งเป็นเครื่องมือร ะดับสูง ใช้งานง่าย และไม่ต้องอาศัยโปรแกรมเมอร์ในการดำ�เนินการ สามารถทำ�การเชื่อมโยงแบบสองทาง (two-way) แบบไร้รอยต่อ และสามารถเชื่อมโยงระบบที่ซับซ้อนได้ อย่างดีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ตัวอย่างรูปแบบการเชื่อมโยงระบบตามวิธีการของเอสเอพีอาร์ทรี (SAP R/3) ดังภาพที่ 7.12
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.12 รูปแบบการเชื่อมต่อระบบตามวิธีการของเอสเอพีอาร์ทรี
ที่มา: SAP R/3 ABAP/4 Trainning Manual ค้นคืนจากเว็บไซต์ http://www.learnsap.com/pdf/abap_sample.pdf
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-33
ธ ส
หรือตัวอย่างรูปแบบการเชื่อมโยงแบบบูรณาการแอพพลิเคชั่นขององค์กร หรืออีเอไอ (Enterprise Application Integration - EAI) ของการวางแผนทรัพยากรองค์กรของซอฟต์แวร์โฟร์มาอีอาร์พี (Forma ERP) ซึ่งสามารถเชื่อมโยงระบบขนาดใหญ่ใ ห้ถึงกันได้โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรม ดังภาพที่ 7.13
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ภาพที่ 7.13 รูปแบบการเชื่อมต่อผ่านเครื่องมือการบูร ณาการแอพพลิเคชั่นขององค์กร
ม
ธ ส
3. เทคโนโลยีของการสืบค้นและออกรายงานในการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
การออกรายงานในการวางแผนทรัพยากรองค์กรสามารถท�ำ ได้ห ลายแบบ ได้แก่ รายงานแบบบวิ ต์อนิ (built-in report) คือร ายงานทีเ่ขียนมาแล้วแ บบตายตัว หรือต ัวส ร้างรายงาน (report generator) คือร ายงาน ที่ผ ู้ใ ช้ส ามารถสร้างขึ้นเองได้จ ากเครื่องมือท ี่ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรให้ม า หรือธ ุรกิจอ ัจฉริยะ หรือบ ีไ อ (Business Intelligence - BI) ซึ่งช่วยให้สามารถออกรายงานที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย และเป็นฐานให้กับ การออกรายงานวิเคราะห์อื่นๆ รวมไปถึงการทำ�แดชบอร์ด (dash board) ด้วย รายงานในการวางแผนทรัพยากรองค์กร ปกติน ั้นจ ะเป็นร ายงานเชิงร ายการธุรกรรม (transactional reporting) คือรายงานปกติเพื่อการเก็บเป็นประวัติรายวัน เพื่อการตรวจสอบ เพื่อเป็นข้อมูลให้แก่ผู้ใช้ไป ประมวลผลต่อด ้วยโปรแกรมอื่น หรือท ำ�ด้วยมือต ่อไ ป หรือร ายงานสรุปต ามแบบที่ท ำ�ไว้แ ล้ว ส่วนมากจะเป็น รายการย่อย หรืออาจเป็นรูปของตารางก็ได้ แต่มักจะไม่มีกราฟ และไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบรายงาน ได้เอง และไม่ส ามารถโต้ตอบกับผู้ใ ช้ได้ เพราะเป็นร ายงานคงที่ (static report)
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
7-34
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ธุรกิจอ ัจฉริยะจะมคี วามสามารถมากกว่า โดยเริ่มต ั้งแต่ร ายงานวิเคราะห์ท สี่ วยงาม ทั้งแ บบสอบถาม (query) และเฉพาะกิจ (ad hoc) ซึ่งป ระกอบด้วย ตารางข้อมูล ข้อความ หรือกราฟ มีความสามารถในการ โต้ตอบกับผู้ใช้ได้ เช่น เปลี่ยนขอบเขตของข้อมูล เปลี่ยนกราฟ เปลี่ยนสี เปลี่ยนข้อความต่างๆ ได้แบบทันที ไม่ต ้องเรียกโปรแกรมเมอร์มาทำ�ให้ การวิเคราะห์ในขั้นนี้เป็นการวิเคราะห์โดยการคำ�นวณด้วยข้อมูลปฏิบัติ การเท่านั้น ในขั้นท ีส่ ูงข ึ้นม าจะเป็นการวิเคราะห์โ ดยการเปรียบเทียบกับม าตรฐานทีก่ ำ�หนด ทั้งม าตรฐานภายใน หรือม าตรฐานภายนอกองค์กร และน�ำ ผลการวเิ คราะห์ไ ปสกู่ ารบริหารจดั การโดยองิ ต วั ช วี้ ดั (Key Performace Management) ธุรกิจอัจฉริยะเป็นเครื่องมือที่มีราคาสูงถึงสูงมาก แต่ปัจจุบันกลายเป็นส่วนประกอบใหม่ของการ วางแผนทรัพยากรองค์กร เนื่องจากถูกนำ�มาผนวก (bundle) ไว้ในการวางแผนทรัพยากรองค์กรเกือบ ทุกตัว ซึ่งเป็นเครื่องมือสำ�คัญที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถออกรายงานสำ�หรับผู้บริหารทุกระดับ นอกเหนือจาก รายงานมาตรฐานเพื่อก ารควบคุมแ ละตรวจสอบทั่วไป โดยผู้ใ ช้ส ามารถออกรายงานที่ส วยงาม ประกอบด้วย ตารางและกราฟได้ด ้วยตนเอง ไม่ต้องอาศัยโ ปรแกรมเมอร์เขียนโปรแกรมให้ แต่ธุรกิจอัจฉริยะที่แถมมาใน การวางแผนทรัพยากรองค์กรก็จะเป็นธุรกิจอัจฉริยะขั้นพื้นฐาน และอาจต้องจ่ายเพิ่ม หากต้องการ ความสามารถระดับสูงของธุรกิจอ ัจฉริยะ (ภาพที่ 7.14)
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.14 ลำ�ดับขั้นการเปลี่ยนข้อมูลให้มีความหมายในทางการบริหารด้วยบีไอ
ธ ส
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
7-35
ธ ส
วิธีการทำ�งานของธุรกิจอ ัจฉริยะคือ การทำ�การคัดแยก ถ่ายโอน และโหลด หรืออีทีแ อล (Extract, Transform, Load - ETL) จากฐานขอ้ มูลข องการวางแผนทรัพยากรองค์กรมาเก็บไ ว้ใ นรปู แ บบของคลังข อ้ มูล หรือดาต้าแวร์เฮ้าส์ (data warehouse) ก่อนที่จ ะนำ�เครื่องมือต่างๆ มาดึงไปทำ�รายงานต่อไป (ภาพที่ 7.15)
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.15 ขั้นตอนการเตรียมข้อมูลเพื่อเข้าสู่ธุรกิจอัจฉริยะ
ม
ม
ธ ส
ม
ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ธุรกิจอ ัจฉริยะได้ 2 ลักษณะ (ภาพที่ 7.16) คือ 3.1 ธุรกิจอัจฉริยะแบบอิงข้อมูลในอดีต (Historical BI) ซึ่งเน้นการของรายงานจากปริมาณข้อมูล ขนาดใหญ่ โดยการทำ�อที แี อลแบบตั้งเวลาการประมวลผลเป็นง วด หรือแ บทช์ (batch) ในช่วงทเี่ซิร์ฟเวอร์ข อง การวางแผนทรัพยากรองค์กรว่าง อาจจะเป็นร ายวันห รือร ายสัปดาห์ หรือท ำ�งานในเวลากลางคืนก ็ได้ เพื่อช ่วย ให้ไ ม่เกิดผ ลกระทบกบั ก ารท�ำ งานของผใู้ ช้ แต่ร ายงานทไี่ ด้จ ะไม่เป็นแ บบทนั ทีท นั ใ ดหรือเรีย ลไทม์ (real time) 3.2 ธุรกิจอัจฉริยะแบบอิงข้อมูลการปฏิบัติงาน (Operational BI) จะคล้ายแบบแรก แต่จะผสม ผสานการทำ�อีทีแอลแบบทีละน้อยกับการออกแบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร ให้รองรับการเรียกใช้ ข้อมูลจากธุรกิจอ ัจฉริยะโดยตรง เพื่อใ ห้ข้อมูลที่ได้เป็นป ัจจุบัน (updated) เข้าใกล้เรียลไทม์ แต่ต้องไม่ส่ง ผลกระทบต่อป ระสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอร์ข องการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP server) นอกจากนี้ ธุรกิจ อัจฉริยะแบบอิงข้อมูลการปฏิบัติงานยังสามารถเชื่อมโยงกระบวนการวิเคราะห์แบบอัตโนมัติกับระบบแจ้ง เตือน (alert system) และแดชบอร์ดแบบเรียลไทม์ (real time dashboard) ได้ ช่วยให้ระบบการวางแผน ทรัพยากรองค์กรกลายเป็นระบบที่ชาญฉลาด และช่วยให้การบริหารงานขององค์กรมีความสะดวกมากขึ้น สามารถเตือนสถานการณ์ที่ผู้ใช้ได้ตั้งค่าตรวจสอบเอาไว้ได้อย่างอัตโนมัติ เช่น ยอดขายที่ต่ำ�กว่าเป้าหมาย ค่าใช้จ ่ายผิดปกติ หรือต ัวเลขอื่นๆ ที่ตามตัวชี้ว ัดที่ได้กำ�หนดไว้
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-36
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.16 แหล่งข้อมูลของการทำ�ธุรกิจอัจฉริยะแบบอิงข้อมูลในอดีตแ ละอิงข้อมูลการปฏิบัตงิ าน
ม
4. คลาวด์คอมพิวต ิ้ง
ธ ส
รูปแบบการประมวลผลแบบคลาวด์ หรือคลาวด์คอมพิวติ้ง (cloud computing) ได้ถูกนำ�มาใช้ ในโปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กรระดับโลกหลายตัว ยกตัวอย่างการทำ�บัญชีออนไลน์ผ่านคลาวด์ คอมพิวติ้ง (ภาพที่ 7.17) ซึ่งช ่วยให้ระบบงานส่วนหน้าแบบเคลื่อนที่ (mobile) สามารถทำ�งานระบบใหญ่ๆ โดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กได้อย่างคล่องตัว และสามารถฝากการประมวลผลขนาดใหญ่ไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของ คลาวด์ (cloud server) ได้อย่างสะดวก พร้อมกับการเชื่อมต่อระหว่างสำ�นักงานใหญ่และสำ�นักงานบัญชีซึ่ง อยูท่ แี่ ห่งไ หนก็ได้ด ้วยการเชื่อมต่อผ ่านเอดเีอสแอล (ADSL) ราคาประหยัด หรือผ ่านเครือข ่ายสาธารณะอย่าง 3 จี (3G) ได้โดยทันที โดยสามารถเชื่อมต่อระบบที่หลากหลายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นแบบตั้งโต๊ะ (desktop application) เว็บแอพพลิเคชั่น (web application) และระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้สถาปัตยกรรม แบบดั้งเดิม (legacy) ทุกประเภท นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมระบบกับผู้ให้บริการระดับโลกทุกรายที่เปิด ช่องทางการประมวลผลร่วมกันได้ด้วย เช่น การเชื่อมระบบสั่งซื้อหนังสือกับเว็บไซต์อะเมซอน (amazon) หรือเชื่อมกับระบบอีเมล เป็นต้น
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.17 ตัวอย่างการนำ�ค ลาวด์คอมพิวติ้งมาประยุกต์ก ับระบบบัญชี
ม
5. การปรับข้อมูลให้ท ันสมัยโดยอัตโนมัติ
ธ ส
7-37
หลักการออกแบบระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะเน้นการเชื่อมโยงของกระบวนการดำ�เนิน ธุรกิจตลอดทั่วทั้งองค์กร ดังนั้น ระบบงานในการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะมีลักษณะของการประมวลผล ภายในที่เป็นอ ัตโนมัติ ผ่านการกำ�หนดค่า (configuration) ให้ก ับต ัวแปร เพื่อค วามยืดหยุ่นส ำ�หรับอ งค์กรที่ หลากหลาย ดังน ั้น การไหลของเอกสารและข้อมูลใ นการวางแผนทรัพยากรองค์กรจึงม ีค วามหลากหลายและ ซับซ้อนมาก จนไม่อาจที่จะเขียนออกมาได้ทุกแบบ แต่กระแสการไหลหลักๆ ก็จะคล้ายกัน ในที่น ี้จ ะแสดงการทำ�งานของการวางแผนทรัพยากรองค์กรโดยจะนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กร บางตัวมาเป็นตัวอย่าง การทำ�งานของการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะเป็นไปในรูปแบบที่เชื่อมโยงกัน ทุกส่วน (integrated system) เพื่อใ ห้ฐ านข้อมูลข องทุกฝ ่ายมีก ารปรับปรุงใ ห้ท ันส มัยโ ดยอัตโนมัติ (update automatic) และพร้อมที่จ ะถูกเรียกไปใช้ใ นการดำ�เนินธ ุรกรรมต่อไ ด้ท ันที (ภาพที่ 7.18) เช่น เมื่อท ำ�การออก ใบกำ�กับภ าษี ระบบก็จ ะทำ�การลงบัญชีไ ปที่ร ะบบงานย่อยบัญชีแ ยกประเภท (General Ledger - GL) ทำ�การ ตั้งหนี้ลูกหนี้รายตัวที่ระบบงานย่อยบัญชีลูกหนี้ (Account Receivable - A/R) ทำ�การตัดสต๊อกสินค้าที่ ระบบงานย่อยควบคุมสินค้าคงคลัง (Inventory Control - IC) รวมทั้งสามารถออกรายงานภาษีไ ด้ทันทีโดย อัตโนมัติ การวางแผนทรัพยากรองค์กรบางตัวก ส็ ามารถทำ�การเชื่อมโยงแบบออนไลน์เรีย ลไทม์ (online real time) บางตัวก็ต้องทำ�งานในลักษณะประมวลผลเป็นงวดๆ หรือแบบแบทช์ (batch processing)
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-38
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.18 กลไกการประมวลผลเพื่อปรับปรุงข ้อมูลให้ทันสมัยอัตโนมัติ
ม
6. การประมวลผลแบบลูกโซ่หลายชั้น
ม
การลงบัญชีในระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรสามารถทำ�ได้ทั้งแบบแมนนวล (manual) หรือ แบบอัตโนมัติ (automatic) กรณีท ีล่ งบัญชีแ บบอัตโนมัตจิ ะต้องทำ�การกำ�หนดรูปแ บบการบันทึกบ ัญชีใ ห้เป็น ไปตามนโยบายบัญชีของบริษัท จะต้องแยกตามความรับผ ิดชอบ (responsibility center) ซึ่งการวางแผน ทรัพยากรองค์กรสามารถก�ำ หนดรปู แ บบการลงบญ ั ชีไ ด้ห ลายระดับ เช่น ระดับน โยบายกลาง ระดับเล่มเอกสาร ระดับกลุ่มลูกหนี้หรือกลุ่มส ินค้า ไปถึงระดับรายตัวลูกหนี้หรือรายสินค้า ระบบจึงจะสามารถทำ�การลงบัญชี อัตโนมัติเป็นท อดๆ หรือลูกโซ่ห ลายชั้น (cascading) ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ (ภาพที่ 7.19)
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.19 การประมวลผลแบบลูกโซ่หลายชั้นเพื่อทำ�การลงบัญชีอ ัตโนมัติ
ธ ส
7. การแก้ข้อผิดพ ลาดด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติ
7-39
การรองรับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ถือเป็นรากฐานสำ�คัญของระบบการคำ�นวณต้นทุนสินค้าที่ถูกต้อง และแม่นยำ� เนื่องจากในการคำ�นวณต้นทุนสินค้าจะต้องคำ�นวณย้อนกลับไปในอดีต ทั้งการคำ�นวณแบบเข้า ก่อนออกก่อน (First-In-First-Out - FIFO) หรือแบบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ถ่วงน้ำ�หนัก (weighted-movingaverage) ก็ตาม แต่ในการคำ�นวณอาจจะเกิดการปัดเศษ หรือเกิดก ารคำ�นวณผิดพลาดจากระบบ หรือจาก ความผิดพ ลาดของผใู้ ช้ ซึ่งจ ะทำ�ให้เกิดป รากฏการณ์ต ้นทุนผ ิดพ ลาดสะสมได้ ปรากฏการณ์น กี้ ลับม าขยายผล ร้ายแรงกับก ารคำ�นวณต้นทุนเมื่อม ีร ายการจำ�นวนมาก หากผิดพ ลาดเพียงร้อยละ 0.1 ด้วยฐานการคำ�นวณที่ 1 ล้าน ก็คือการคำ�นวณต้นทุนผิดพ ลาดถึง 1,000 บาท ซึ่งจะสร้างปัญหาให้ฝ่ายตรวจสอบอย่างมาก ในการ ไล่ต ามหาที่มาของตัวเลขที่ผ ิดพ ลาดนี้ ระบบคำ�นวณต้นทุนท ี่ด ีจ ึงม ีส ่วนสำ�คัญอ ย่างมากต่อก ารวางระบบการ วางแผนทรัพยากรองค์กรให้ท ำ�การแก้ไขข้อผ ิดพ ลาดด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติ (automatic self-correction) (ภาพที่ 7.20) ที่อ าจเกิดขึ้นภายในระบบที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบง่าย และเบาแรงผู้ใช้งานอย่างมาก
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-40
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ณ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ภาพที่ 7.20 กระบวนการแก้ข้อผิดพลาดจากการคำ�นวณด้วยตัวเอง
ธ ส
8. การออกรายงานย้อนหลังและรายงานสมมติร ายการ
ธ ส
ม
การเก็บข้อมูลในอดีตเป็นหนึ่งในหน้าที่สำ�คัญของการวางแผนทรัพยากรองค์กร ในฐานะผู้จัดเก็บ ฐานข้อมูลกลาง และเป็นแหล่งวิเคราะห์ข้อมูลขององค์กรที่น่าเชื่อถือ ผู้บริหารต้องกำ�หนดนโยบายการจัด เก็บข้อมูลว่าจะจัดเก็บกี่ป ี และจัดเก็บข้อมูลไหนบ้าง หรือจะจัดเก็บทั้งหมดและไม่จำ�กัดปี ข้อมูลของระบบ การวางแผนทรัพยากรองค์กร สามารถแบ่งออกเป็น 2 มิติใหญ่ๆ คือ ข้อมูลทางบัญชี (accounting) และ ข้อมูลด้านปฏิบัติการ (operation) บางบริษัทกำ�หนดให้จัดเก็บข้อมูลด้านปฏิบัติการไว้ไม่จำ�กัด แต่จัดเก็บ ข้อมูลทางบัญชีเพียงแค่ 1-2 ปีเท่านั้น การวางแผนทรัพยากรองค์กรบางตัวจะเก็บข้อมูลได้ไม่จำ�กัดทั้งข้อมูล ด้านปฏิบัติก ารและข้อมูลทางบัญชี อย่างไรก็ตาม การเก็บข้อมูลมากเพียงใดก็ตามจะไม่มีประโยชน์หากไม่สามารถนำ�มาใช้ได้ ดังนั้น การนำ�มาออกรายงานจึงต้องสามารถออกรายงานที่เรียกว่า รายงานย้อนหลัง (backdate report) ได้ (ภาพที่ 7.21) คือการออกรายงานที่ย้อนหลังทั้งระบบ เสมือนย้อนเวลากลับไปสู่วันนั้นจริงๆ โดยจะต้อง สามารถเห็นร ายการในอดีตพ ร้อมด้วยค่าส ถิตแิ ละสถานะของแต่ละหน่วย เช่น ยอดยกมาของสินค้า ณ วันนั้น ยอดคงค้างลูกหนี้ ยอดคงค้างเจ้าหนี้ ณ วันน ั้น ยอดยกมาของแต่ละบัญชี เป็นต้น นอกจากรายงานยอ้ นหลังซ ึง่ ย อ้ นอดีตแ ล้ว ยังม รี ายงานทเี่ กิดจ ากการสมมติร ายการ (simulate) หรือ ประมาณการ (estimate) ซึ่งก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรบางตัวส ามารถออกรายงานลักษณะนี้ได้
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-41
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.21 การออกรายงานย้อนหลังของงวดการเงินอดีตทั้งข้อมูลด้านปฏิบัตกิ ารและทางบัญชี
9. การประมวลผลย้อนหลัง
ธ ส
ในการใช้ง านระบบมักเกิดข ้อผ ิดพ ลาด ซึ่งอ าจส่งผ ลกระทบเป็นล ูกโซ่ใ นระบบได้ ยกตัวอย่าง กรณีท ี่ เกิดก ารบันทึกเอกสารซื้อข ายผิดพ ลาดสลับว ันก ัน ซึ่งจ ะส่งผ ลกระทบยอดสินค้าค งเหลือผ ิดพ ลาด และทำ�ให้ ตัวเลขผิดพ ลาดเป็นล ูกโซ่ไ ปยังก ารคำ�นวณต้นทุน และงบการเงินอ ื่นๆ ทั้งหมด การวางแผนทรัพยากรองค์กร จะมกี ระบวนการในการปรับปรุงฐ านข้อมูลย ้อนหลัง (backdate processing) ทั้งแ บบทีท่ ำ�โดยแมนนวลหรือ อัตโนมัตไิ ด้ และสามารถทำ�งานขั้นต อนต่อไ ปอย่างสมบูรณ์ เพื่อใ ห้ฐ านข้อมูลก ลางถูกต ้องและเป็นท นี่ ่าเชื่อถ ือ ขององค์กร ในภาพที่ 7.22 แสดงตัวอย่างกรณีท เี่ริ่มใ ช้ร ะบบครั้งแ รก ซึ่งย ังไ ม่ไ ด้ม กี ารบันทึกย อดยกมาและยัง ไม่ได้ตัวเลขการตรวจนับจากฝ่ายคลังสินค้า แต่ระบบก็จะสามารถดำ�เนินธุรกรรมได้ โดยการบันทึกรายการ ที่พร้อมก่อนเข้าไปก่อน รายการที่มาทีหลังก็สามารถทยอยบันทึกตามไปภายหลังได้ เมื่อท ำ�การบันทึกข้อมูล เข้าระบบได้มากที่สุดเท่าใด ข้อมูลก ็จะปรับเข้าสู่ยอดที่ถูกต้องโดยอัตโนมัติ ทั้งจำ�นวนและมูลค่าช่วยให้การ เริ่มต้นร ะบบทำ�ได้อ ย่างง่ายดาย ไม่ต ้องปิดคลังสินค้าเพื่อนับสต๊อกทุกตัวใ ห้เสร็จภายในคืนวันสิ้นปี
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-42
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ณ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ภาพที่ 7.22 การคำ�นวณย้อนกลับไปหายอดยกมาจากข้อมูลที่บันทึกเข้า
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 7.2.2 แล้ว โปรดปฏิบัตกิ ิจกรรม 7.2.2 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 7 ตอนที่ 7.2 เรื่องที่ 7.2.2
ธ ส
ม
เรื่องที่ 7.2.3 การทำ�งานของระบบงานในการวางแผน ทรัพยากรองค์กร
ม
ธ ส
1. โมดูลในการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
ธ ส
โมดูลต ่างๆ ในการวางแผนทรัพยากรองค์กรแต่ละรายอาจไม่เท่าก ันแ ละมขี อบเขตของระบบต่างกัน ในที่นี้ยกตัวอย่างจากโฟร์ม าอีอ าร์พี (Forma ERP) และยกมาบางส่วนเฉพาะโมดูลที่ใช้บ่อยและสัมพันธ์กับ การทำ�ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ โดยไล่ลำ�ดับจากกระบวนการตามการไหลของงาน รายละเอียดของแต่ละโมดูล มีดังนี้
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-43
ธ ส
• ระบบจัดซื้อ • ระบบบริหารงานขายและการจัดการคำ�สั่งซื้อ • ระบบควบคุมสินค้าคงคลัง • ระบบบัญชีเจ้าหนี้ • ระบบบัญชีล ูกหนี้ • ระบบควบคุมเช็ค • ระบบสินทรัพย์แ ละการคำ�นวณค่าเสื่อม • ระบบบัญชีท ั่วไปและรายงานทางการเงิน • ระบบงบประมาณ • ระบบการวางแผนวัตถุดิบ • ระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์ • ระบบวางแผนการปฏิบัติงานเพื่อก ารจัดจำ�หน่าย • ระบบบริหารร้านสาขาแบบเรียลไทม์/พีโอเอสออนไลน์ 1.1 ระบบจดั ซ อื้ กระบวนการจัดซ ื้อจ ะเริ่มจ ากการทีฝ่ ่ายต่างๆ ทำ�ใบขอซื้อไ ว้ใ นระบบ เมื่อถ ึงก ำ�หนด รอบของการจัดซ ื้อห รือร ะบบเตือนระดับส ินค้าค งคลังถ ึงจ ุดส ั่งซ ื้อ ฝ่ายจัดซ ื้อก จ็ ะทำ�การเรียกใบขอซื้อท ั้งหมด ขึ้นมาเพื่อทำ�การรวบรวมความต้องการซื้อและเลือกตัวแทนขายหรือซัพพลายเออร์ที่มีในระบบ เมื่อได้รับ สินค้าและได้รับใบแจ้งหนี้จากซัพพลายเออร์แล้ว ก็นำ�มาบันทึกลงในระบบ โปรแกรมก็จะทำ�การปรับปรุง ระดับสินค้าคงคลัง ออกภาษีซื้อ ตั้งห นี้ และลงบัญชีอัตโนมัติ (ภาพที่ 7.23)
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ภาพที่ 7.23 ระบบจัดซ ื้อ
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-44
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
1.2 ระบบบริหารงานขายและการจัดการคำ�สั่งซื้อ ระบบงานขายสามารถเริ่มตั้งแต่การทำ�ใบเสนอ ราคาเพื่อเสนอแก่ล ูกค้า เมื่อล ูกค้าส ั่งซ ื้อม ากท็ ำ�การบันทึกใ บสั่งข าย เพื่อใ ห้ฝ ่ายขายหรือฝ ่ายบัญชีอ อกเอกสาร การขายและใบส่งของแนบไปกับสินค้าที่ส่งใ ห้ลูกค้า ระบบจะทำ�การเชื่อมโยงอัตโนมัติไปยังฐานข้อมูลต่างๆ เพื่อปรับปรุงยอดสินค้าคงคลังใ ห้ลดลงอันเนื่องจากการขาย ออกรายงานภาษีขาย ตั้งหนี้ลูกหนี้รายตัว และ ทำ�การลงบัญชีอ ัตโนมัติ (ภาพที่ 7.24)
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.24 ระบบบริหารงานขายและการจัดการคำ�สั่งซื้อ
ม
ธ ส ธ ส
ม
1.3 ระบบควบคุมสินค้าคงคลัง ฐานข้อมูลหลักของระบบสินค้าคงคลังคือ ปริมาณสินค้าในคลัง ต่างๆ ซึ่งจะได้รับการปรับปรุงโดยอัตโนมัติจากระบบอื่นๆ ได้แก่ ระบบจัดซื้อ ระบบงานขาย และระบบผลิต เป็นต้น เมื่อท ำ�การตรวจนับส ินค้าก จ็ ะทำ�การปรับย อดสินค้าต ามจำ�นวนทตี่ รวจนับไ ด้ ในการบริหารคลังส ินค้า จะมเีอกสารควบคุมต ่างๆ เช่น ใบยืมส ินค้า และใบคืนส ินค้า เป็นต้น เพื่อใ ห้ป ริมาณสินค้าค ลังใ นระบบถูกต้อง ตลอดเวลา เพื่อให้ระบบอื่นๆ ที่ต้องการข้อมูลนี้ใ นการทำ�งานต่อไปได้อย่างถูกต้อง (ภาพที่ 7.25)
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.25 ระบบควบคุมส ินค้าคงคลัง
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-45
ธ ส
ม
ธ ส
ม
1.4 ระบบบัญชีเจ้าหนี้ เมื่อเจ้าหนี้ทำ�การวางบิลเพื่อนัดรับชำ�ระเงินแล้ว เมื่อใกล้ครบกำ�หนดชำ�ระ เงิน ระบบกจ็ ะทำ�การเตือนล่วงหน้า ฝ่ายบัญชีก จ็ ะดรู ายการทีต่ ้องทำ�เช็คจ ่ายรอไว้ เมื่อเจ้าห นีน้ ำ�ใบเสร็จร ับเงิน มาพร้อมกับข อรับเช็คก ็ท ำ�การบันทึกร ายการนั้นจ ับค ู่ก ับเช็คจ ่ายที่ไ ด้บ ันทึกไ ว้ล ่วงหน้าแ ล้ว ระบบก็จ ะทำ�การ ตัดห นี้ ปรับปรุงรายการในทะเบียนเช็คจ่าย ออกภาษีซื้อ และลงบัญชีอัตโนมัติ (ภาพที่ 7.26)
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม ม
ธ ส
ภาพที่ 7.26 ระบบบัญชีเจ้าห นี้
ม
ธ ส
7-46
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
1.5 ระบบบญ ั ชีล กู ห นี้ เมื่อใ กล้ค รบกำ�หนดเก็บเงินล ูกห นี้ ระบบจะทำ�การเตือนฝ่ายบัญชีล ูกห นี้เพื่อ ออกใบวางบิลนัดชำ�ระเงิน จากนั้นก็ทำ�การออกใบเสร็จรับเงินเพื่อนำ�ไปขอรับชำ�ระเงินจากลูกหนี้ เมื่อได้รับ เงินแ ล้วก็นำ�มาปรับปรุงร ายการรับชำ�ระในใบเสร็จจับค ู่กับเช็คที่ได้รับ ระบบก็จะทำ�การตัดยอดลูกหนี้ ออก รายงานภาษี และลงบัญชีอ ัตโนมัติ (ภาพที่ 7.27)
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.27 ระบบบัญชีลูกห นี้
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
1.6 ระบบควบคุมเช็ค แม้ว่าก ารบันทึกก ารรับช ำ�ระเงินท ั้งท ีเ่ป็นเงินสดหรือเช็คม ักจ ะทำ�ได้จ ากระบบ งานขาย แต่ร ะบบเช็คถ ือเป็นร ะบบหนึ่งท ี่เป็นศ ูนย์กลางข้อมูลท างการเงินข ององค์กร เนื่องจากในระบบเช็คน ี้ ยังร องรับก ารออกเช็คจ ่ายจากฝ่ายต่างๆ ทั้งท เี่ป็นการออกเช็คพ ร้อมเอกสารสั่งซ ื้อห รือใ บเสร็จจ ่าย รวมทั้งก าร ตีเช็คล ่วงหน้าโ ดยทีย่ ังไ ม่ส ะดวกในการบันทึกเอกสารในระบบ เมื่อเอกสารพร้อมแล้วจ ึงท ำ�การบันทึกเอกสาร ตามหลัง ซึง่ ก รณีเช่นน จี้ ะตอ้ งท�ำ การจบั ค เู่ อกสารเหล่าน ัน้ ก บั เช็คท จี่ า่ ยออกไปกอ่ นหน้าน ัน้ เพือ่ ก ารควบคุมก าร จ่ายเงินอ ย่างครบถ้วนทุกร ะบบที่เกี่ยวข้องกับเช็ค เมื่อม กี ารบันทึกเช็คห รือก ารจับค ูเ่ช็คก จ็ ะทำ�การเก็บข ้อมูล เช็คไว้ในฐานข้อมูล ทำ�การปรับปรุงยอดเงินในบัญชีธนาคาร และทำ�การลงบัญชีให้อัตโนมัติ (ภาพที่ 7.28)
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.28 ระบบควบคุมเช็ค
7-47
ธ ส
ม
ธ ส
ม
1.7 ระบบสินทรัพย์และการคำ�นวณค่าเสื่อม เมื่อมีการบันทึกฐานข้อมูลสินทรัพย์ต่างๆ พร้อมทั้ง รายละเอียดการคำ�นวณค่าเสื่อมของสินทรัพย์แ ต่ละรายการแล้ว ระบบกจ็ ะสามารถคำ�นวณค่าเสื่อมให้เองทุก รายการภายในเวลาอันรวดเร็ว และทำ�การลงบัญชีให้อัตโนมัติ ระบบการคำ�นวณค่าเสื่อมด้วยคอมพิวเตอร์ ถือว่าเป็นระบบที่สร้างความสะดวกสบายให้ผู้ใช้อย่างมาก จากงานที่น่าเบื่อและใช้เวลานานเป็นวัน มาเป็น งานที่เครื่องทำ�ให้ได้ทั้งหมดและเสร็จภายในไม่กี่น าที (ภาพที่ 7.29)
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.29 ระบบสินทรัพย์แ ละการคำ�นวณค่าเสื่อม
ม
ธ ส
7-48
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
1.8 ระบบบัญชีทั่วไปและรายงานทางการเงิน ระบบบัญชีทั่วไป (General Ledger-GL) จะเป็น ศูนย์กลางของการประมวลผลข้อมูลการประกอบการขององค์กรทั้งหมด โดยผ่านกระบวนการลงบัญชี อัตโนมัติจ ากระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ระบบจัดซ ื้อ ระบบขาย ระบบสินค้าค งคลัง ระบบลูกห นี้ ระบบเจ้าห นี้ ระบบสินทรัพย์ ระบบการผลิต เป็นต้น ซึ่งก ารลงบัญชีอัตโนมัติจะทำ�โดยผ่านการตรวจรายการกับนโยบาย บัญชีที่ฝ่ายบัญชีได้กำ�หนดเอาไว้แล้วล่วงหน้า ซึ่งการลงบัญชีอัตโนมัติจะได้รับใบสำ�คัญจ่าย (voucher) แบบอัตโนมัติขึ้นในระบบ โดยผู้ใ ช้ไม่ต ้องทำ�การใดๆ หลังจากนั้นระบบจะสามารถออกรายงานภาษีได้ทันที ดูร ายงานทางการเงินไ ด้ท ันที ทั้งง บกำ�ไรขาดทุน งบแสดงสถานะทางการเงิน งบกระแสเงินสด รายงานสัดส่วน ทางการเงินทุกตัว หลังจากผ่านกระบวนการทั้งหมดแล้ว จะสามารถออกรายงานเพื่อการบริหารได้ทุกมิติ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น และผู้ท ี่ต ้องการใช้รายงานทางการเงินทุกฝ่าย สามารถดูผลประกอบการขององค์กรที่เป็น มาตรฐานเป็นท ี่ย อมรับโดยสาธารณะได้ (ภาพที่ 7.30)
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.30 ระบบบัญชีทั่วไปและรายงานทางการเงิน
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
1.9 ระบบงบประมาณ ใช้ใ นการควบคุมง บประมาณของแต่ละหน่วยงานให้ม ปี ระสิทธิภาพและเป็น ไปตามวัตถุประสงค์ (ภาพที่ 7.31) โดยสามารถควบคุมได้ใน 2 รูปแบบ ได้แก่
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-49
1) ระบบงบประมาณแบบคุมยอดบัญชี โดยการกำ�หนดตัวเลขงบประมาณกำ�กับไว้ในแต่ละ บัญชีใ นแต่ละเดือน เมือ่ เกิดร ายการใดทกี่ ระทบยอดในบญ ั ชีน ัน้ ท ัง้ เพิม่ แ ละลด หากรายการใดเกินง บประมาณ ที่ตั้งไ ว้ก ็จ ะไม่ส ามารถบันทึกร ายการนั้นๆ ได้ เช่น ตั้งง บประมาณคุมบัญชีว ัสดุส ิ้นเปลืองของแผนกทำ�ความ สะอาดของเดือนพฤษภาคมไว้ที่ 5,000 บาท หากมีการซื้อวัสดุสิ้นเปลืองเกินตัวเลขที่ตั้งไว้ ระบบก็จะไม่ อนุญาตให้ออกใบรับแจ้งห นี้ที่เกินนั้น 2) ระบบงบประมาณแบบควบคุมกระบวนการจัดซื้อ ซึ่งจะสามารถกำ�หนดงบประมาณรวม และควบคุมทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดซื้อ เช่น การของบประมาณ การกันงบประมาณ การอนุมัติ และ การเบิกจ ่ายงบ เป็นต้น
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.31 ระบบงบประมาณ
1.10 ระบบการวางแผนวัตถุดิบ ระบบจะทำ�การประมวลผลช่วยในการวางแผนการสั่งซื้อวัตถุดิบ (MRP) และแผนการใช้กำ�ลังก ารผลิต (CRP) ให้โดยอัตโนมัติ (ภาพที่ 7.32) ซึ่งในการประมวลผลนี้ ระบบ จะอาศัยข ้อมูลหลักๆ มาจาก 3 ทาง คือ 1) ความต้องการ (requirements) ซึ่งจะมีจุดเริ่มต้นจากการพยากรณ์ยอดขาย (sales forecast) 2) ปริมาณสินค้าที่มีอยู่ (inventory on hand) ซึ่งมาจากการประมวลผลจากระบบการ ควบคุมสินค้าค งคลัง (Inventory Control - IC) 3) โครงสร้างผลิตภัณฑ์ (product structure) คนส่วนมากมักจ ะเรียกว่า ใบรายการวัตถุดิบ (Bill Of Materials - BOM) หรือสูตรการผลิต
ม
ม
ธ ส
ม
7-50
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ข้อมูลทั้ง 3 ส่วนนี้จะเป็นส่วนนำ�เข้า (input) ของการประมวลผล และได้ผลลัพธ์ (output) เป็นแผนวัตถุดิบ (material plan) และแผนกำ�ลัง (capacity plan) หลังจากนั้น ฝ่ายจัดซื้อจะนำ�ตัวเลข ความต้องการนี้ไปทำ�แผนการสั่งซื้อต ่อไ ป เมื่อซัพพลายเออร์ส่งวัตถุดิบมาให้ตามตารางเวลาที่ตกลงไว้ ฝ่าย ผลิตก็จะนำ�ใบเบิกที่ระบบเตรียมไว้ให้แ บบอัตโนมัติตามเวลาที่ตั้งไว้ตามแผนการผลิต และดำ�เนินการผลิต ตามแผนนั้น เมื่อไ ด้ส ินค้าส ำ�เร็จรูป (finished goods) แล้ว ฝ่ายคลังส ินค้าก จ็ ะทำ�การรับส ินค้าส ำ�เร็จเข้าค ลัง รอฝ่ายขายหรือฝ่ายจัดส่ง ดำ�เนินกระบวนการส่งส ินค้าให้แก่ลูกค้าต่อไป
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.32 ระบบการวางแผนวัตถุดิบ
1.11 ระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็นโปรแกรมที่มีรากฐานมาจากทั้งภาคทฤษฎี (academic theory) และภาคปฏิบัติ (business practice) ในระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์มีโมดูลจำ�นวนมาก แต่ที่ เชื่อมต่อกับการวางแผนทรัพยากรองค์กรมีเพียงไม่กี่จุด (ภาพที่ 7.33) เช่น 1) ระบบเงินเดือน (payroll) แต่ก็พบว่าโปรแกรมระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์ส่วนใหญ่ ปล่อยให้ระบบเงินเดือนมาอยู่ที่ฝั่งบัญชี เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเรื่องการเงินและภาษี ซึ่งฝ่ายบัญชีมีความ เข้าใจและชำ�นาญกว่าฝ่ายอื่นๆ ในองค์กร นอกจากนี้ ระบบเงินเดือนมักสัมพันธ์กับฝ่ายขายอยู่มาก โดย เฉพาะกิจการทีม่ กี ารให้ค ่าค อมมิชชั่นแ ก่พ นักงาน หรือก รณีท ีเ่ป็นผ ูป้ ระกอบการผลิต มีก ารใช้ร ะบบการผลิต ระบบวางแผนความต้องการวัตถุดิบอ าจจะมีร ายได้อ ื่นๆ ที่ส ัมพันธ์ก ับช ิ้นง าน ซึ่งก รณีเช่นน ี้ การประมวลผล ส่วนมากจึงอยู่ฝั่งการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-51
ธ ส
2) ระบบจัดการการเดินทาง (travel management) องค์กรซึ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรมาก มีพ นักงานมาก และมีก ารสัมมนาดูง านเป็นป ระจำ� จะคุ้มค ่าที่จ ะตั้งห น่วยธุรกิจน ี้ข ึ้นม า โมดูลน ี้ก ็เชื่อมต่อก ับ การวางแผนทรัพยากรองค์กร 3) กรณีท ีอ่ งค์กรมลี ักษณะการบริหารโดยอิงผ ลงาน (performance-based management) อาจจะมีการเชื่อมโยงกับการวางแผนทรัพยากรองค์กร ในลักษณะของการนำ�ผลงานจากระบบการวางแผน ทรัพยากรองค์กรมาใส่ไว้ในระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์เพื่อเป็นข ้อมูลสำ�หรับก ารปรับตำ�แหน่ง 4) โมดูลอ ื่นๆ ในระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์อ าจก่อใ ห้เกิดค ่าใ ช้จ ่ายสำ�หรับก ารบริหารงาน บุคคล ก็อาจจะส่งข้อมูลเหล่านั้นม ายังระบบบัญชีข องการวางแผนทรัพยากรองค์กรได้ โมดูลในระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์อาจจะประกอบด้วย - การวางแผนกำ�ลังค น (workforce planning) - การว่าจ ้าง (recruitment) - การจัดการทักษะ (skills management) - การฝึกอ บรมและพัฒนา (training and development) - การบริหารบุคลากร (personnel administration) - การชดเชยค่าจ้างหรือเงินเดือน (compensation in wage or salary) - การจัดการเวลา (time management) - การจัดการการเดินทาง (travel management) - ค่าจ ้าง (payroll) - แรงงานสัมพันธ์ (labor relation)
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม ม
ธ ส
ภาพที่ 7.33 ระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-52
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
1.12 ระบบวางแผนการปฏิบัตงิ านเพื่อก ารจัดจ ำ�หน่าย เป็นร ะบบที่ท ำ�หน้าที่ว างแผนการดำ�เนินก าร ผลิตและจัดหาเพื่อใ ห้ทันต่อการวางแผนการตลาดที่ผนวกทั้งอุปสงค์ หรือดีมานด์ (demand) และอุปทาน หรือซัพพลาย (supply) เข้าด้วยกัน เรียกว่า การวางแผนการบูรณาการอุปสงค์และอุปทาน (Integrated Supply-Demand Planning) เพื่อร ักษาโอกาสทางการขายโดยไม่ต้องมีสินค้าคงคลัง หรือถ้ามีก็ให้มีสินค้า คงคลังน้อยที่สุด (ภาพที่ 7.34)
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.34 ระบบวางแผนการปฏิบัติงานเพื่อการจัดจำ�หน่าย
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
หากเปรียบเทียบการใช้หลักการ ปริมาณสินค้าคงคลังที่ปลอดภัย (safety stock) และจุด ส ั่งซื้อซ้ำ� (reorder point) ปกติ จะมีก ารแกว่งตัวข องระดับปริมาณสินค้าคงคลังมาก แต่เมื่อใช้กระบวนการ ของระบบวางแผนการปฏิบัติงานเพื่อการจัดจำ�หน่ายเข้ามาช่วย ทำ�ให้ช่วยลดระดับปริมาณสินค้าคงคลังที่ ปลอดภัยล งได้อ ย่างมาก ลดระดับจ ดุ ส งั่ ซ อื้ ซ � ้ำ และปริมาณการสง่ ม อบสนิ ค้า (replenishment quantity - Q) ลงได้ ทำ�ให้ปริมาณสินค้าคงคลังในแต่ละช่วงเวลาลดลงและมีการแกว่งตัวน้อยกว่า (ภาพที่ 7.35)
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
7-53
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.35 ระบบวางแผนการปฏิบัติงานกับการจัดจำ�หน่ายเพื่อด ูแลปริมาณสินค้าคงคลัง
ม
1.13 ระบบบริหารร้านสาขาแบบเรียลไทม์/พีโอเอสออนไลน์ ด้วยรูปแบบการทำ�งานแบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง จึงช่วยให้ฐานข้อมูลของระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่อยู่ต่างสถานที่และระยะไกลกัน สามารถเชื่อมต่อก ันไ ด้ โดยแต่ละที่ใ ช้ร ะบบคนละแบบ เช่น ที่ส ำ�นักงานใหญ่ใ ช้ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กร แต่ท ีส่ าขาใช้โ ปรแกรมบัญชีก ับร ะบบพโี อเอส (POS) ก็ส ามารถเชื่อมต่อก ันไ ด้แ บบเรีย ลไทม์ โดยอาศัยค ลาวด์ เซิร์ฟเวอร์ใ นการประมวลผล ซึ่งป กติม ักจ ะเชื่อมระบบงานขาย ระบบควบคุมค ลังส ินค้า และระบบสมาชิกเข้า ด้วยกัน (ภาพที่ 7.36)
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.36 ระบบบริหารร้านสาขาแบบเรียลไทม์
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 7.2.3 แล้ว โปรดปฏิบัตกิ ิจกรรม 7.2.3 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 7 ตอนที่ 7.2 เรื่องที่ 7.2.3
7-54
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
เรื่องที่ 7.2.4 พัฒนาการต่อขยายระบบจากการวางแผน ทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
ธ ส
ม
เดิมทีผ ูพ้ ัฒนาการวางแผนทรัพยากรองค์กรต่างพยายามอย่างหนักท ีจ่ ะทำ�ระบบอื่นๆ ทุกป ระเภทมา ตอบสนองผูใ้ ช้โ ดยไม่ต ้องจัดหาระบบอื่นๆ ของผูพ้ ัฒนารายอื่น ส่วนหนึ่งอ าจเป็นเหตุผลทางการค้าท ีจ่ ะรักษา ลูกค้าไว้ให้มากที่สุด แต่อีกเหตุผลหนึ่งค ือ ข้อจ ำ�กัดทางด้านเทคนิค เนื่องจากขาดมาตรฐานในการเชื่อมต่อ จึงไ ม่มเีทคโนโลยีก ารเชื่อมต่อท ีไ่ ด้ร ับค วามยอมรับใ นวงกว้าง จึงท ำ�ให้ผ ูพ้ ัฒนาการวางแผนทรัพยากรองค์กร ต้องสร้างมาตรฐานของตนเอง อย่างกรณีของเอสเอพีอาบัป (SAP ABAP) มิฉะนั้นก็ต้องใช้การเชื่อมต่อโดย ไฟล์ ซึ่งต้องทำ�งานแบบแบทช์เท่านั้น ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ใช้ต้นทุนสูงทั้งการพัฒนาและการบำ�รุงรักษา ดังนั้น โปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กรต่างๆ จึงมักไม่ค่อยเต็มใจที่จะเชื่อมต่อ แต่เอางบประมาณ สำ�หรับพัฒนาการเชื่อมต่อไปใช้ในการพัฒนาระบบอื่นๆ ที่ล ูกค้าต้องการ เพราะมองเห็นว่าใช้งบลงทุนพอๆ กัน แต่ระบบเหล่านั้นมักจะเป็นระบบที่เน้นการไหลของงาน (flow centric) ให้การทำ�งานระหว่างหน่วยงาน เป็นไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่การวางแผนทรัพยากรองค์กรออกแบบมาเน้นการเป็นแกนกลางของระบบ ฐานข้อมูลองค์กร และจัดการไหลด้วยการกำ�หนดค่าในฐานข้อมูลเป็นหลัก (data centric) การวางแผน ทรัพยากรองค์กรจึงสามารถทำ�งานได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น เมื่อเทคโนโลยีที่ใช้ในการเชื่อมต่อผ่าน มาตรฐานต่างๆ โดยเฉพาะเว็บ 2.0 ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ทำ�ให้ผู้พัฒนาการวางแผนทรัพยากร องค์กรต่างยอมรับการเชื่อมต่อมากขึ้น เมื่อการวางแผนทรัพยากรองค์กรยอมรับในการเชื่อมต่อมากขึ้น การต่อขยายระบบก็เป็นไปได้ โดยรวดเร็ว ระบบต่างๆ สามารถทำ�งานประสานกับการวางแผนทรัพยากรองค์กรได้อย่างแนบสนิทมากขึ้น (seemless) ด้วยความพร้อมของเทคโนโลยี จึงช ่วยให้การเชื่อมต่อเป็นไ ปได้ท ั้งแ บบแบทช์แ ละแบบออนไลน์ ทั้งท ีเ่ป็นการพัฒนาโปรแกรมเชื่อมต่อเป็นพ หุภาคี และโปรแกรมเชื่อมต่ออ ย่างหลากหลาย เช่น การบูร ณาการ แอพพลิเคชั่น ขององค์การ (Enterprise Application Integration - EAI) ดังท ี่ได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
1. การต่อขยายด้วยระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ หรือซ ีอาร์เอ็ม (Customer Relationship Management - CRM) นี้ เป็นระบบงานที่เน้นการไหลของงานเช่นกัน (flow centric) ข้อมูลของระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์จะถูกผลัก ให้ไหลผ่านไปยังฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริการลูกค้า การขายสินค้าและบริการต่างๆ เช่น เมื่อลูกค้า ซื้อสินค้าจากฝ่ายขาย ระบบจะแจ้งไปยังฝ่ายบริการให้ดำ�เนินการเข้าบริการหลังการขาย หลังจากนั้นข้อมูล จะไหลไปยังฝ ่ายติดตามและประเมินผ ล ทำ�การติดตามสอบถามลูกค้าถ ึงค วามพึงพ อใจในสินค้าแ ละบริการ เป็นต้น ซึ่งกระบวนการต่างๆ เหล่านี้จะไหลไปอย่างต่อเนื่อง และมีเพียงบางขั้นตอนที่ต้องเชื่อมโยงกับการ
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-55
ธ ส
วางแผนทรัพยากรองค์กร เช่น เมื่อมีการขายสินค้าจะส่งข้อมูลการขายไปยังระบบงานขายเพื่อออกใบกำ�กับ ภาษี หรือบางครั้งร ะบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ก็ทำ�การออกใบกำ�กับภาษีเอง แล้วจ ึงส่งเฉพาะข้อมูลไปเก็บไว้ ที่การวางแผนทรัพยากรองค์กร หลังจ ากนั้นร ะบบบัญชีลูกหนี้ของการวางแผนทรัพยากรองค์กรก็จะดำ�เนิน ตามขั้นตอนการเก็บเงินและลงบัญชีต่อไ ป เมื่อดำ�เนินการเก็บเงินแล้วก็จะส่งข้อมูลไปยังระบบบริหารลูกค้า สัมพันธ์เพื่อเข้าสู่ทะเบียนลูกค้าเก่าและทำ�การติดตามการให้บริการตามข้อตกลง (ถ้ามี) และนำ�ข้อมูลลูกค้า มาทำ�การวิเคราะห์เพื่อว างแผนการตลาดเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ� (ภาพที่ 7.37)
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.37 จุดเชื่อมต่อระหว่างการวางแผนทรัพยากรองค์กรและการบริหารลูกค้าสัมพันธ์
ม
2. การต่อขยายด้วยระบบการจัดการโซ่อ ุปทาน
ธ ส
ระบบการจัดการโซ่อ ุปทาน หรือเอสซีเอ็ม (Supply Chain Management - SCM) เป็นโ ปรแกรมที่ ออกแบบมาทเี่ น้นก ารจดั การการปฏิบตั กิ าร (operation management) มากกว่าง านดา้ นบญ ั ชี (accounting) ซึ่งไ ด้ร ับก ารนำ�มาใช้ใ นการจัดการโซ่อ ุปทานของธุรกิจค ้าป ลีกอ ย่างแพร่ห ลาย และสามารถรองรับก ารจัดการ ตั้งแต่อ ุตสาหกรรมต้นน้ำ�จนถึงป ลายน้ำ� โดยเน้นก ารวางแผนการจัดหาและการจัดส ่งท ี่ม ีป ระสิทธิภาพสูงสุด ส่วนที่สัมพันธ์กับงานบัญชีจะเกิดเมื่อดึงก ระบวนการจัดหา และต่อเนื่องไปถึงงานบัญชีเจ้าหนี้ งบต้นทุนการ ผลิต และงบการเงินต ่างๆ (ภาพที่ 7.38)
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
7-56
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.38 จุดเชื่อมต่อระหว่างการวางแผนทรัพยากรองค์กรและการจัดการโซ่อุปทาน
ธ ส
ม
การจัดการโซ่อุปทานจะทำ�งานเชื่อมกับการวางแผนทรัพยากรองค์กร และระบบบริหารคลังสินค้า (Warehouse Management System - WMS) เพื่อให้การขนส่งมีประสิทธิภาพ เมื่อทำ�การสั่งซื้อสินค้าจาก ซัพพลายเออร์ แล้วซ พั พลายเออร์จ ะท�ำ การจดั ส ง่ ไ ปทคี่ ลังส นิ ค้าเลย แทนทีจ่ ะสง่ ม าทสี่ �ำ นักงานกอ่ น กรณีเช่นนี้ ระบบจัดซ ื้อจ ะสามารถระบุร ายละเอียดการจัดส ่งพ ร้อมทั้งส ถานทีร่ ับข องจากซัพพลายเออร์ใ ห้เป็นส ถานทีต่ ั้ง คลังสินค้าได้ และจะทำ�การส่งใบรับสินค้า (goods receive note) ไปยังคลังสินค้า เพื่อรอรับสินค้าที่จะมา ส่งโดยซัพพลายเออร์ได้ ช่วยให้สะดวกรวดเร็ว ประหยัดค่าขนส่ง และยังคงสามารถควบคุมและตรวจสอบ ได้อย่างรวดเร็ว (ภาพที่ 7.39)
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-57
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.39 การไหลของข้อมูลระหว่างการวางแผนทรัพยากรองค์กรและการจัดการโซ่อุปทาน
ม
ธ ส
3. การต่อขยายด้วยระบบการจัดซื้อจัดจ ้างอิเล็กทรอนิกส์/การประมูลอิเล็กทรอนิกส์
ระบบการจัดซื้อจ ัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ (e-Procurement) ถือเป็นร ะบบที่ต่อขยายจากระบบจัดซื้อ มาตรฐานของการวางแผนทรัพยากรองค์กร ระบบการจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์มักจะวางไว้บนเครือข่าย อินเทอร์เน็ตเพื่อให้ผู้จำ�หน่ายที่เป็นสมาชิกสามารถเข้ามารับข้อมูลความต้องการสินค้าหรือใบสั่งซื้อ โดย อาจจะเป็นการส่งไฟล์อีดีไอหรือไ ฟล์ส ำ�หรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (EDI file) ไปทางอีเมลของ ซัพพลายเออร์ จากนั้นซัพพลายเออร์ก็ดำ�เนินการเตรียมการส่งสินค้าและส่งใบแจ้งรายละเอียดการจัดส่ง ล่วงหน้า (Advance Shipping Note - ASN) มาให้ผู้ซื้อเพื่อการยืนยัน ตรวจสอบ ดำ�เนินการภายใน และ ดำ�เนินกระบวนการการจัดซื้อและรับสินค้าตามปกติ (ภาพที่ 7.40) ระบบการจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ มักจะวางบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ส่วนการวางแผนทรัพยากรองค์กรมักจะติดตั้งในสำ�นักงานที่ดำ�เนินการ (local) ดังน ั้น จึงต้องมีขั้นตอนการเชื่อมข้อมูลของทั้ง 2 ระบบเข้าด้วยกัน กรณีที่มีขั้นตอนการประมูลอาจจะเพิ่มระบบการประมูลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ในขั้นตอน การสื่อสารไปยังซัพพลายเออร์ใ ห้เข้ามาประมูลก่อน ในขั้นตอนที่ 2 เมื่อซัพพลายเออร์ใดชนะประมูล จึงจะ ดำ�เนินการในขั้นตอนที่ 3 ภายหลัง
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-58
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ภาพที่ 7.40 การไหลของงานในระบบการจัดซ ื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์
ธ ส
ระบบการจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่จะประกอบด้วยรูปแบบของ ตัวแทนขายจัดการคลังส ินค้า (Vendor Managed Inventory - VMI) โดยจะให้ฝ ั่งซ ัพพลายเออร์ท ี่ม ีก ารทำ� ข้อต กลง สามารถล็อกออนเข้าม าเซิร์ฟเวอร์เพื่อต รวจสอบปริมาณสินค้าค งคลัง และเมื่อร ะดับป ริมาณสินค้า คงคลังถ ึงจ ุดท ีฝ่ ั่งซ ัพพลายเออร์ค ิดว ่าค วรจะดำ�เนินก ารส่งส ินค้าเพื่อเติมเต็มต ามข้อต กลงฝั่งซ ัพพลายเออร์ก ็ จะดำ�เนินก ารส่งส ินค้า ซึ่งก ระบวนการเช่นน ีถ้ ือว่า ฝั่งซ ัพพลายเออร์จ ะต้องเป็นผ ูต้ รวจสอบแทนผูซ้ ื้อ จึงถ ือว่า ฝั่งซัพพลายเออร์เป็นผู้บ ริหารคลังส ินค้าให้กับผู้ซ ื้อนั่นเอง (ภาพที่ 7.41)
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-59
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.41 การไหลของงานในระบบการจัดซ ื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ท ี่มีระบบการประมูลอ ิเล็กทรอนิกส์ด้วย
ม
ธ ส
4. การต่อขยายด้วยระบบบริหารคลังสินค้า
ระบบบริหารคลังสินค้า (Warehouse Management System - WMS) จะช่วยให้ผู้บริหารทราบ ถึงปริมาณสินค้าคงคลังร วม และลงลึกไ ปถึงแ ต่ละคลังย่อย การวางแผนทรัพยากรองค์กรจะเก็บข้อมูลการ ซื้อขายและปริมาณสินค้าคงคลังย้อนหลังเพื่อการวางแผนการจัดซื้ออย่างมีประสิทธิภาพได้ในอนาคต ซึ่ง จะช่วยลดต้นทุนการถือครองสินค้าและลดความเสี่ยงของธุรกิจได้อย่างมาก โดยเฉพาะในยุคที่ค่าใช้จ่าย ด้านพลังงาน การขนส่ง และค่าครองชีพอื่นๆ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารจะสามารถกำ�หนดยุทธศาสตร์ การจัดซื้อและการผลิตได้อย่างดี จากข้อมูลในการวางแผนทรัพยากรองค์กร ระบบบริหารคลังสินค้าที่ทำ� ขึ้นมาเฉพาะ สามารถรองรับระบบงานของศูนย์กระจายสินค้า (distribution center) เนื่องจากคลังสินค้า ขนาดใหญ่ม ักจ ะมที ีต่ ั้งน อกเมือง ขณะทีฝ่ ่ายสำ�นักงานมักจ ะอยูใ่ นสถานทีซ่ ึ่งสะดวกในการติดต่อธ ุรกรรมกับ คู่ค้ามากกว่า ระบบบริหารคลังส ินค้าจะรองรับการทำ�งานแบบออนไลน์และสามารถเชื่อมต่อกับการวางแผน ทรัพยากรองค์กรแบบออนไลน์ด ว้ ย กระบวนการท�ำ งานในทกุ ข ัน้ ต อนจะสามารถประสานกบั ร ะบบการวางแผน ทรัพยากรองค์กรได้ตลอดเวลา ช่วยให้การจดั การคลังสนิ ค้าในตา่ งพน้ื ทีท่ �ำ ได้โดยงา่ ย เช่น เมือ่ ฝัง่ ซพั พลายเออร์ จัดส่งสินค้าไปยังคลังสินค้าแล้ว ระบบบริหารคลังสินค้าก็จะส่งข้อมูลการรับสินค้า (goods receive note) มายังส ำ�นักงานใหญ่ เพื่อเปรียบเทียบกับใ บสั่งซ ื้อก ่อนหน้าน ี้ และสามารถรับใ บแจ้งห นี้จ ากฝั่งซ ัพพลายเออร์ อย่างรัดกุม เพื่อป้องกันความผิดพ ลาดจากการรับส ินค้าผ ิดห รือก ารแจ้งห นี้เกินไ ด้ ซึ่งท ั้งหมดสามารถทำ�งาน แบบออนไลน์จ ากระยะไกลได้ท ั่วโลก (ภาพที่ 7.42)
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-60
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.42 การไหลของเอกสารระหว่างการวางแผนทรัพยากรองค์กรกับบริหารคลังสินค้า
ม
5. การทำ�ระบบประสานการทำ�งานออนไลน์ร ะหว่างอุปสงค์และอุปทาน
ธ ส
การวางแผนทรัพยากรองค์กรสามารถต่อขยายระบบเชื่อมต่อกับระบบงานส่วนหน้า เช่น ระบบ พีโ อเอส (POS) ระบบงานขายหน้าร ้าน เป็นต้น ซึ่งใ ห้ข ้อมูลฝ ั่งอ ุปทานส่งต ่อไ ปยังร ะบบวางแผนการปฏิบัติงาน เพื่อการจัดจำ�หน่าย (S&OP) เพื่อการวางแผนการผลิตหรือจัดซื้อแบบอัตโนมัติไปยังซัพพลายเออร์ได้ การต่อเชื่อมระบบงานส่วนหน้าแ บบออนไลน์จ ะช่วยให้การทำ�งานของระบบวางแผนการปฏิบัตงิ านเพื่อก ารจัด จำ�หน่ายเกิดป ระโยชน์สูงสุด ในทางกลับกัน ระบบวางแผนการปฏิบัติง านเพื่อการจัดจำ�หน่าย ก็ทำ�ให้ข้อมูล การขายเป็นประโยชน์ในการวางแผนมากยิ่งขึ้น ช่วยให้บริษัทสามารถลดระดับสินค้าคงคลังได้โดยไม่เสีย โอกาสทางการขายและให้บ ริการลูกค้าได้อ ย่างต่อเนื่องด้วยต้นทุนที่ต ่ำ�กว่า เรียกว่า การทำ�ระบบประสานการ ทำ�งานออนไลน์ระหว่างอุปสงค์แ ละอุปทาน (online demand-supply reconciliation) ซึ่งผู้ใช้งานระบบ การวางแผนทรัพยากรองค์กรจะสะดวกสบายและสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำ�งานได้ เนื่องจากการไหล ของข้อมูลเป็นไ ปอย่างอัตโนมัติ ซึ่งร ะบบงานนี้ถูกนำ�มาใช้ในกิจการแฟรนไชส์ (franchise) ขนาดใหญ่หลาย แห่ง (ภาพที่ 7.43)
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.43 การไหลของเอกสารจากระบบหน้าร้านจนถึงซัพพลายเออร์
ม
ธ ส
7-61
6. ยกระดับไปสู่ชุดธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์กับก ารวางแผนทรัพยากรองค์กร
โปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กรอาจจะทำ�งานแบบเว็บแอพพลิเคชั่นทั้งระบบ หรือนำ�บาง ระบบขึ้นส ู่เครือข ่ายอินเทอร์เน็ต เช่น ระบบรับคำ�สั่งซ ื้อ ระบบซื้อส ินค้าอ ิเล็กทรอนิกส์ (e-Shopping) เป็นต้น กรณีที่นำ�บางระบบขึ้นสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น ผู้ใช้จะไม่ต้องเรียนรู้การวางแผนทรัพยากรองค์กรใหม่ เนื่องจากมีเพียงบางระบบที่ใหม่ แต่ระบบอื่นๆ จะใช้แบบเดิม ตัวอย่างการนำ�ระบบรับคำ�สั่งซื้อขึ้นสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต และทำ�การเชื่อมต่อกับโปรแกรมการ วางแผนทรัพยากรองค์กร เมื่อลูกค้าเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตและทำ�รายการซื้อ ระบบจะเก็บข้อมูลบน เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และเมื่อระบบทำ�การเชื่อมต่อกับการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะ ทำ�การส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบรับคำ�สั่งซื้อพื้นฐานของการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ผู้ใช้เคยใช้มาอยู่ก่อนแล้ว แนวทางการตดิ ต ัง้ ร ะบบเช่นน ชี้ ว่ ยให้อ งค์กรทลี่ งทุนก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรมาแล้ว สามารถด�ำ เนินธ รุ กิจ อิเล็กทรอนิกส์ไ ด้ท นั ที โดยไม่ต อ้ งปรับเปลีย่ นระบบทัง้ ร ะบบ และผใู้ ช้จ ะได้ร บั ผ ลกระทบนอ้ ย เนือ่ งจากไม่ต อ้ ง เรียนรู้ร ะบบใหม่ แต่ก ารเชื่อมต่อร ะบบจะต้องได้ร ับก ารทดสอบการทำ�งานแบบประสานเวลา (synchronize) เป็นอย่างดีก่อนเริ่มใ ช้ระบบ (ภาพที่ 7.44)
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-62
ธ ส
ม
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.44 การไหลของเอกสารจากระบบหน้าร้านผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไ ปยังการวางแผน ทรัพยากรองค์กรในสำ�นักงานใหญ่
ม
ม
บริษัทอาจจะนำ�ระบบบริหารงานทั้งหมดขึ้นไปไว้บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ โดยประกอบด้วย สำ�นักงานไซเบอร์ (cyber office) ซึง่ จ ะเก็บร ะบบขอ้ มูล การจดั เก็บเอกสาร หนังสือส ัง่ ก ารทัง้ หมดของพนักงาน ทุกคนตามโครงสร้างการบริหาร มีร้านค้าไซเบอร์ (cyber shop) เป็นหน้าร้านบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สามารถทำ�เป็นเว็บท ่าข นาดใหญ่เพื่อเป็นศ ูนย์กลางของหน้าร ้านทุกส าขา มีร ะบบจัดการความรู้ (Knowledge Management - KM) ชุมชนนักป ฏิบัติ หรือซ ีโ อพี (Community of Practice - CoP) บล็อก (blog) กระดาน สนทนาหรือเว็บบ อร์ด (webboard) เป็นศ ูนย์รวมฐานความรู้ขององค์กรทั้งหมด รวบรวมระบบงบประมาณ ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ หรือเอ็มไอเอส (Management Information System - MIS) ทั้งหมด และระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรเพื่อสื่อสารกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้อย่างรอบด้าน สามารถ เชื่อมโยงระบบกับผู้ม ีส่วนได้ส่วนเสียทั้ง 4 ด้าน คือ - ลูกค้า (customer) - ซัพพลายเออร์ (supplier) - คู่ค้า (partner) - พนักงาน (employee) ชุดธ ุรกิจอ ิเล็กทรอนิกส์ (e-Business suit) มีศ ูนย์ก ารควบคุม (control center) ส่วนกลาง สามารถ เฝ้าร ะวังต ิดตาม (monitor) และสั่งการ (command) ได้ตลอดเวลา ไม่จำ�กัดส ถานที่ ผ่านระบบเครือข ่าย ทั่วโ ลกได้ มีร ะบบประชุมท างไกลผ่านเครือข ่ายอินเทอร์เน็ตร าคาประหยัดไ ด้ท ั่วโ ลกพร้อมกัน กล่าวโดยสรุป คือ นำ�ทุกส ิ่งท ุกอ ย่างขึ้นไ ปไว้บ นเครือข ่ายอินเทอร์เน็ตท ั้งหมด (ภาพที่ 7.45) กรณีท ี่น ำ�ระบบงานทั้งหมดขึ้นส ู่ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตม ีข้อควรคำ�นึงซ ึ่งจะได้กล่าวในตอนต่อไป
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-63
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.45 การไหลของเอกสารจากระบบหน้าร้านและระบบงานส่วนหลังไปยังเซิร์ฟเวอร์บนเครือข ่าย อินเทอร์เน็ตที่รองรับก ารทำ�งานแบบอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูป
ม
ธ ส
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 7.2.4 แล้ว โปรดปฏิบัตกิ ิจกรรม 7.2.4 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 7 ตอนที่ 7.2 เรื่องที่ 7.2.4
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-64
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ตอนที่ 7.3
ธ ส
ม
บทวิเคราะห์เกี่ยวกับการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
โปรดอ่านแผนการสอนประจำ�ตอนที่ 7.3 แล้วจ ึงศึกษาเนื้อหาสาระ พร้อมปฏิบัติกิจกรรมในแต่ละเรื่อง
ม
หัวเรื่อง
แนวคิด
ธ ส
เรื่องที่ 7.3.1 ปัจจัยส ู่ความสำ�เร็จในการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ เรื่องที่ 7.3.2 ข้อค วรคำ�นึงในการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ เรื่องที่ 7.3.3 ต้นทุนแ ละผลตอบแทนการลงทุนของการวางแผนทรัพยากรองค์กร เรื่องที่ 7.3.4 ปัจจัยท ี่กระทบต่อการพัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
ธ ส
ม
1. ผู้บริหารโครงการติดตั้งระบบจะต้องสามารถกำ�หนดขอบเขตความต้องการของทุกฝ่าย และแปลความต้องการเหล่านั้นใ ห้ออกมาในรูปแบบที่เป็นวิทยาศาสตร์มากกว่าเป็นเพียง บทบรรยายจากผทู้ เี่ กีย่ วข้องเท่านัน้ และตอ้ งมขี ัน้ ต อนกระบวนการทชี่ ดั เจนตัง้ แต่ก อ่ นการ จัดซ ื้อ หลังก ารจัดซ ื้อ ระหว่างการติดต ั้ง และการเตรยี มพร้อมก่อนการใช้ง านจริง ผูบ้ ริหาร โครงการจะเป็นผ ตู้ ัดสินใ จแนวทาง และกลยุทธ์ใ นการติดต ั้งร ะบบ ซึ่งต ้องอาศัยท ั้งศ าสตร์ และศิลปะในการบริหารโครงการอย่างมาก เพื่อให้ได้รับความร่วมมืออย่างมุ่งมั่นของทุก ฝ่าย รวมทั้งผ ูข้ ายผูใ้ ห้บ ริการด้วย ซึ่งเครื่องมือท ีใ่ ช้ค ือก ารสื่อสารทีผ่ สมผสานทั้งท างวาจา และทางด้านเอกสาร ทั้งเอกสารบันทึกก ารดำ�เนินงานตามขั้นตอน เอกสารข้อตกลง และ สัญญาทั้งหมด จึงจ ะสามารถดำ�เนินโครงการไปสู่ความสำ�เร็จได้ตามเป้าประสงค์ 2. การวางแผนทรัพยากรองค์กร เป็นระบบที่สัมพันธ์กับการทำ�งานของทุกหน่วยงานครอบ คลุมท ั้ง องค์กร การนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ง านในองค์กรจึงเป็นป ัจจัยท ี่ส ่ง ผลกระทบที่รุนแรงและทั่วถึงทั้งองค์กร จึงมักปรากฏให้เห็นภาพการวิพากษ์จากองค์กร ต่างๆ ในเชิงลบถึงปัญหา อุปสรรค และความล้มเหลวในการนำ�การวางแผนทรัพยากร องค์กรมาใช้มากกว่ากล่าวถึงความสำ�เร็จ ในความเป็นจริงแล้วการวางแผนทรัพยากร องค์กรเป็นเพียงซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นเพียง 1 ใน 3 ขององค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ แต่องค์ประกอบที่สำ�คัญคือ บุคลากร ที่สำ�คัญที่สุดคือ ผู้บริหารระดับสูง ซึ่งส่งผลต่อ โครงการติดต ั้งร ะบบ ด้วยการชี้นำ�ทิศทาง การส่งผ ่านอำ�นาจการตัดสินใ จ และการประเมิน ผลโครงการ ดังน ัน้ ความเข้าใจของผบู้ ริหารระดับส งู เกีย่ วกบั ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กร จึงม คี วามส�ำ คัญใ นระดบั ต น้ ๆ ก่อนการตดั สินใ จทจี่ ะน�ำ การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-65
ธ ส
ม
3. การคำ�นวณผลตอบแทนการลงทุนของการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นเรื่องยาก ขณะ ที่การวางแผนทรัพยากรองค์กรถือเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณมากเช่นกัน นอกจาก นี้ โครงการติดตั้งระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรมักจะมีงบที่บานปลายเสมอ สร้าง ความลำ�บากให้แก่คณะทำ�งานในการดำ�เนินโครงการให้เป็นไปตามเป้าประสงค์ และ การใช้ระบบงานใดๆ ก็ตาม ต้นทุนที่ใช้มิได้จบลงเมื่อทำ�การติดตั้งสำ�เร็จ แต่ยังมีต้นทุน ต่อเนื่องไปตลอดอายุการใช้งาน การศึกษาถึงต้นทุนในมิติต่างๆ จะช่วยให้การวางกรอบ งบประมาณเป็นไปได้ตามความเป็นจริง ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงสามารถตัดสิน ใจได้อย่างเหมาะสม และช่วยให้ผู้บริหารโครงการเกิดความคล่องตัว มิฉะนั้นเมื่อเกิด อุปสรรคในการดำ�เนินโครงการและนำ�มาซึ่งการเพิ่มงบประมาณ ผู้บริหารระดับสูงอาจ ขาดความเชื่อมั่นในคณะทำ�งานว่าสามารถดำ�เนินโครงการไปได้จนประสบความสำ�เร็จ ในงบประมาณที่เหมาะสม อาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นโครงการล้มเหลวเพียงเพราะการขาด สภาพคล่องในการดำ�เนินการ 4. ไม่มีระบบงานสารสนเทศใดที่จะไม่ได้ผลกระทบจากพัฒนาการที่รวดเร็วข องเทคโนโลยี สารสนเทศ รวมทั้งการวางแผนทรัพยากรองค์กรด้วยเช่นกัน เนื่องจากการตัดสินใจนำ� ระบบ การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ในองค์กร เป็นการตัดสินใจโครงการที่มีผลต่อ องค์กรในระยะยาว ดังนั้น โปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ติดต ั้ง ณ วันนี้ อาจ จะไม่เหมาะสมในอกี ห ลายปถี ดั ไ ป แต่ก ารเปลีย่ นแปลงไปใช้ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กร ตัวใหม่ย่อมนำ�มาซึ่งต ้นทุนครั้งสำ�คัญและสร้างความลำ�บากแก่ผู้ใช้อย่างมาก ดังนั้น การ ศึกษาทิศทางของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการวางแผนทรัพยากรองค์กร ในอนาคตจะช่วยให้ผู้บริหารสามารถวางแผนการปรับปรุงแ ละงบประมาณไว้ล่วงหน้าได้ ดีขึ้น
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-66
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
วัตถุประสงค์
ม
ม
ธ ส
ม
เมื่อศึกษาตอนที่ 7.3 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ 1. อธิบายปัจจัยสำ�หรับองค์กรในการที่จะใช้การวางแผนทรัพยากรองค์กรให้เกิดประโยชน์ และคุ้มค ่าต่อการลงทุนได้ 2. อธิบายเหตุผลและความจำ�เป็นใ นการตัดสินใ จทีจ่ ะเลือกใช้ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กร ในแต่ละองค์กรได้ 3. อธิบายวธิ แี ละการจดั หา คัดเลือก การวางแผนทรัพยากรองค์กร ให้เหมาะสมกบั ก ารท�ำ งาน ขององค์กรตา่ งๆ รวมทัง้ ก ารแนะนำ� และหาแนวทางรว่ มกบั ห น่วยงานตา่ งๆ ในองค์กร เพือ่ การดำ�เนินการให้การติดต ั้งแ ละใช้ร ะบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรได้ผ ลสัมฤทธิ์ตาม วัตถุประสงค์ข องการลงทุนได้ 4. อธิบายให้เข้าใจได้ถึงหลักการคำ�นวณผลตอบแทนการใช้ระบบการวางแผนทรัพยากร องค์กร ทั้งเชิงนามธรรมและรูปธรรมได้ 5. อธิบายถึงปัจจัยทางด้านเทคโนโลยีและด้านสังคมซึ่งอาจกระทบต่อรูปแบบการดำ�เนิน ธุรกิจข ององค์กรทตี่ ัดสินใ จทจี่ ะประยุกต์ใ ช้ร ะบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรในอนาคต เพื่อใ ห้สามารถประยุกต์ใช้ได้อ ย่างคุ้มค่าก ารลงทุนไ ด้ 6. อธิบายข้อดีข ้อเสียแ ละประโยชน์ข องรูปแ บบใหม่ข องการวางแผนทรัพยากรองค์กรในรูป ของซอฟต์แวร์บริการได้
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
เรื่องที่ 7.3.1 ปัจจัยสู่ความสำ�เร็จในการนำ�การวางแผน ทรัพยากรองค์กรมาใช้
ธ ส
ม
7-67
ธ ส
ม
การนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ให้ประสบความสำ�เร็จได้นั้นมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลาย ประการ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ผู้บริหารสูงสุดต ้องให้ความสำ�คัญ
ธ ส
ม
หากผูบ้ ริหารสูงสุดถ ือว่าก ารนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้เป็นการปรับปรุงอ งค์กรครั้งใ หญ่ จะมีผลกระทบต่อทั้งองค์กร และมาเป็นประธานในคณะทำ�งาน (steering committee) ของโครงการติดตั้ง ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร จะทำ�ให้เกิดป ระโยชน์ส ูงสุดใ นการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ และทำ�ให้การติดต ั้งร ะบบเป็นไปด้วยความรวดเร็วและประสบความสำ�เร็จได้อย่างง่ายดาย
ธ ส
2. การกำ�หนดวัตถุประสงค์ใ นการนำ�มาใช้อ ย่างชัดเจน
ม
ธ ส
ม
ดังท ี่กล่าวไว้แล้วว่า การวางแผนทรัพยากรองค์กรมิใช่ระบบครอบจักรวาล และประโยชน์ข องการ วางแผนทรัพยากรองค์กรก็มีความแตกต่างจากระบบงานอื่น ดังนั้น ผู้บริหารจะต้องกำ�หนดวัตถุประสงค์ใน การนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ง านทคี่ อ่ นขา้ งชดั เจน หากไม่มกี �ำ หนดวตั ถุประสงค์ใ ห้เป็นกรอบการ ทำ�งาน คณะทำ�งานย่อมประสบความยากลำ�บากในการติดตั้งระบบ ยิ่งวัตถุประสงค์กว้าง ไม่ชัดเจน โอกาส ที่จ ะเกิดก ารกระทบกระทั่งก ันใ นองค์กรย่อมมีม าก และเพิ่มโ อกาสที่ง บดำ�เนินก ารจะบานปลาย หรือม ิฉ ะนั้น โครงการก็อาจประสบความล้มเหลวได้ กรณีท ี่ผ ู้บ ริหารต้องการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ใ นหลายวัตถุประสงค์ ก็อ าจทำ�ได้โ ดย การก�ำ หนดแผนการตดิ ต ัง้ เป็นห ลายระยะ และจะตอ้ งพยายามไม่ใ ห้แ ต่ละระยะมกี ารเหลือ่ มเวลากนั เนือ่ งจาก หากการติดตั้งในระยะถัดไปนั้นม ีส ่วนที่ก ระทบกับร ะบบงานที่ได้ติดตั้งในระยะก่อนหน้าด้วย ย่อมเสี่ยงที่จะ เกิดผลกระทบทางด้านเทคนิค หรือมีข้อบ กพร่องต่อเนื่องกันเป็นล ูกโซ่ หรือล้มต่อเนื่องกันเป็นโดมิโนได้
ม
ธ ส
ธ ส
ม
3. การมีคณะทำ�งานที่ดีและทำ�งานร่วมกันได้
ธ ส
ม
ธ ส
ปัจจัยส �ำ คัญท มี่ ผี ลตอ่ ค วามส�ำ เร็จข องโครงการตดิ ต ัง้ ร ะบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรคอื ทีมง าน หากได้ท ีมง านที่ด ี ทำ�งานเข้าขา และสามารถอุทิศเวลาได้ โอกาสที่ร ะบบจะเป็นไ ปตามวัตถุประสงค์ และเสร็จ ในเวลาที่กำ�หนด ย่อมเป็นไปได้มาก เป็นธรรมดาที่คนเก่งมักจะมีภาระหน้าที่ประจำ�ที่สำ�คัญ และมักจะไม่มี เวลามากพอที่จะเข้าร่วมโครงการต่างๆ แต่การวางแผนทรัพยากรองค์กร นั้นเป็นระบบที่สำ�คัญขององค์กร เพราะเป็นระบบที่เป็นฐานรากและโครงสร้างหลักขององค์กร ประสบการณ์ของผู้ที่มีความสามารถที่เข้ามา
ม
7-68
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ร่วมโครงการย่อมทำ�ให้ร ะบบได้ร ับก ารถ่ายทอดและเป็นท ีร่ วบรวมประสบการณ์ของบุคคลเหล่าน ั้นใ ห้เก็บไ ว้ ในระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร ถือเป็นการแปลความรู้ที่มีอยู่ในตัวบุคคล (tacit knowledge) ของ พนักงานทุกระดับให้มาเป็นความรู้ที่ป รากฏชัด (explicit knowledge) ในทางหนึ่ง ผู้บริหารระดับสูงจึงต้อง ให้ความสำ�คัญต่อโครงการ ในทางวิชาการได้ระบุไว้ว่าห ากจะให้โครงการติดตั้งประสบความสำ�เร็จ ประธาน โครงการจะต้องเป็นผู้บริหารระดับสูงสุด หรืออย่างน้อยจะต้องมีผู้บริหารคนหนึ่งที่ดูแลทุกฝ่ายที่เข้ามา เกี่ยวข้องการติดต ั้งระบบนี้ หากผู้มีอำ�นาจสูงสุดเป็นในรูปค ณะกรรมการแล้ว ส่วนมากจะประสบปัญหาใน ระหว่างดำ�เนินโ ครงการได้
ธ ส
ม
ธ ส
4. การคัดเลือกซอฟต์แวร์ท ี่ใกล้เคียงกับธุรกิจของกิจการที่สุด
ม
ม
เนื่องจากการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นโปรแกรมที่ทำ�สำ�เร็จรูปมาแล้ว แม้ว่าการวางแผน ทรัพยากรองค์กรจะรองรับการปรับแก้ แต่ก็ไม่ควรแก้ไขมากนัก เพราะนอกจากต้นทุนสูงมากแล้ว ยังไม่ สามารถแก้ไขได้จนเป็นที่พอใจ ดังนั้น หากได้การวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ตรงกับธุรกิจมากเท่าไหร่ ก็จะทำ�ให้ต้นทุนการติดตั้งลดลงมากและการนำ�มาใช้ในระยะยาว มีต้นทุนการดำ�เนินการต่ำ� นอกจากนี้ แนวโน้มข องการพัฒนาการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะเป็นไ ปในลักษณะของการวางแผนทรัพยากรองค์กร เฉพาะอุตสาหกรรม (industry-specific) เช่น การวางแผนทรัพยากรองค์กรสำ�หรับการค้าปลีกเพื่อใช้กับ ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่โ ดยเฉพาะ หรือการวางแผนทรัพยากรองค์กรสำ�หรับกลุ่มก่อสร้าง สำ�หรับกิจการรับ เหมาก่อสร้าง หรือก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรสำ�หรับอ สังหาริมทรัพย์ส ำ�หรับก ลุ่มผ ู้ใ ห้เช่าอ สังหาริมทรัพย์ การวางแผนทรัพยากรองค์กรสำ�หรับอุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้ใช้ องค์กรก็ สามารถได้ผลตอบแทนการลงทุนได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน ง่ายต่อการคัดเลือก และการติดตั้งเพื่อใช้งาน ระบบ ลดค่าใ ช้จ ่ายในการอบรมระยะยาว นอกจากนี้ ยังเป็นการรวบรวมรูปแ บบทีป่ ระสบความสำ�เร็จม าไว้ใ น ระบบตามแนวทางของแนวปฏิบัตทิ เี่ป็นเลิศข องการพัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรต่างๆ ทีผ่ ่านมา และตอบสนองการทำ�การรื้อปรับกระบวนการธุรกิจ โดยนำ�เอาการวางแผนทรัพยากรองค์กรมาเป็นต้นแบบ ได้เป็นอย่างดี การวางแผนทรัพยากรองค์กรแบบเน้นอุตสาหกรรมจึงเริ่มเป็นที่ต้องการขององค์กรต่างๆ อย่างชัดเจน อาจกล่าวได้ว่าทิศทางหลักของการพัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร ในอนาคตอัน ใกล้นี้ การวางยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมจึงเป็นการคัดเลือกซอฟต์แวร์ที่เฉพาะทางหรืออย่างน้อยให้ใกล้เคียง กับธุรกิจขององค์กรให้ม ากที่สุด
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
5. มุมมองที่มีต่อเทคโนโลยี
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ในการนำ�ระบบสารสนเทศใช้ในองค์กรนั้น ผู้ใช้อาจมีมุมมองต่อเทคโนโลยีท ี่แตกต่างกัน บางท่าน เชื่อว่าเทคโนโลยีที่ใหม่ล่าสุดย่อมจะดีที่สุด บางท่านก็เชื่อมั่นในกระบวนการดั้งเดิมที่นำ�ความสำ�เร็จมาให้ องค์กรมาในอดีต แนวคิดต่างๆ เหล่านี้มีผ ลต่อค วามสำ�เร็จของการนำ�เทคโนโลยีมาใช้ สามารถแบ่งอ อกได้ เป็น 3 แบบ คือ
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-69
5.1 แบบเน้นเทคโนโลยี (technology approach) คือการให้ความเชื่อมั่นกับเทคโนโลยีมากกว่า ตัวผู้ใช้ เป็นการเอาเทคโนโลยีเป็นศูนย์กลาง มักให้ความสนใจว่าจะใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการพัฒนาสนใจ ตัวเทคโนโลยีท ี่ใ ช้ เช่น ใช้เครื่องรุ่นใ หม่ล่าสุด ใช้ภ าษาคอมพิวเตอร์ภาษาทันสมัย ใช้ระบบจัดการฐานข้อมูล ตัวใหญ่ ใช้สินค้าที่ม ีชื่อเสียงโด่งด ัง โดยเชื่อว่าเมื่อเลือกใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดก็ย่อมได้สิ่งที่ดีที่สุดแก่องค์กร ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้ผลในยุคต้นที่เริ่มมีการนำ�ระบบคอมพิวเตอร์ม าใช้งาน เนื่องจากในยุคต้นนั้นการเข้าถึง เทคโนโลยียังเป็นเรื่องยาก ดังน ั้น หากองค์กรที่ได้ครอบครองเทคโนโลยีที่ผู้อื่นยังไม่สามารถเข้าถ ึงได้ย่อม สามารถสร้างความแตกต่างได้ในทันที แต่ในยุคที่การเข้าถึงเทคโนโลยีมิใช่จุดที่สร้างความแตกต่างได้อย่าง ยั่งยืน แนวคิดน ี้จึงไ ม่เหมาะสมแล้วในการใช้เลือกซอฟต์แวร์การวางแผนทรัพยากรองค์กร 5.2 แบบเน้นพ ฤติกรรม (behavioral approach) คือก ารให้ค วามสนใจผูใ้ ช้เป็นห ลัก โดยทำ�ทุกอ ย่าง ตามที่ผ ูใ้ ช้ข อมา โดยไม่ใ ห้ค วามสำ�คัญด ้านเทคโนโลยี แนวคิดน ีเ้ชื่อว ่าผ ูใ้ ช้ร ะบบย่อมต้องรูค้ วามต้องการของ ตนเอง ผู้ใช้มีประสบการณ์สูง การทำ�ทุกอย่างตามคำ�ขอของผู้ใช้ย่อมจะได้ระบบที่ทำ�งานได้ดีที่สุด แต่ใน ความเป็นจริงนั้น ผู้ใ ช้มักจ ะไม่รู้ค วามต้องการที่แท้จริง มักจะไม่เห็นภาพรวมขององค์กร ไม่ค่อยสนใจความ เชื่อมโยงของแต่ละระบบงาน และไม่รอบรู้เรื่องเทคโนโลยี จึงไม่ทราบว่าเทคโนโลยีบางอย่างอาจจะช่วยให้ เกิดวิธีก ารที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างไร นอกจากประเด็นท างด้านเทคโนโลยีแ ล้ว แนวคิดน ี้ยังไม่เหมาะต่อ การนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ง าน เนื่องจากแนวคิดของการพัฒนาการวางแผนทรัพยากรองค์กร เป็นการรวบรวมระบบจากแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ และเมื่อนำ�เข้ามาใช้ในองค์กร ก็มักมีวัตถุประสงค์ของการ เปลี่ยนกระบวนการดำ�เนินธุรกิจร ่วมอยู่ด ้วย ไม่ฉะนั้นก็แทบจะไม่มีประโยชน์ในการนำ�มาใช้ 5.3 แบบเน้นสงั คมและเทคโนโลยี (socio-technological approach) คือการผสมผสานการให้ความ สำ�คัญร ะหว่างเทคโนโลยีแ ละคนไปพร้อมๆ กัน เป็นการมองแบบองค์ร วม มีก ารท�ำ รายการการเลือกซอฟต์แวร์ (software selection checklist) โดยให้น้ำ�หนักทั้งด้านเทคโนโลยีและระบบงาน รวมทั้งความพร้อมของ บุคลากรในการรองรับเทคโนโลยีน ั้นด ้วย โดยผูบ้ ริหารสูงสุดจ ะต้องเป็นผ ูต้ รวจอนุมัตริ ายการเหล่าน ี้ โดยเพิ่ม ในส่วนทีม่ ุ่งก ่อใ ห้เกิดก ารเปลี่ยนแปลงในองค์กร และการรองรับอ นาคตในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยให้น้ำ�หนักของแต่ละข้อแตกต่างกัน
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
6. ขั้นตอนการดำ�เนินก ารคัดเลือกอย่างเป็นร ะบบ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ขั้นต อนในการคัดเลือกอย่างเป็นร ะบบดเูหมือนจะทำ�ให้ข ั้นต อนการสั่งซ ื้อย ุ่งย ากและใช้เวลา แต่เมื่อ เทียบกับการเสียเงินและเสียเวลากับโครงการติดตั้งที่ล่าช้าหรือล้มเหลวแล้ว ขั้นตอนเหล่านี้จะเป็นกระบวน การกลั่นกรองและลดความเสี่ยงต่อการล้มเหลวลงได้มาก ขั้นตอนเหล่านี้ประกอบด้วย 6.1 การขอข้อเสนอต่างๆ จากผู้ข าย เช่น ราคา ค่าใ ช้จ ่าย การรับป ระกันผ ล หรืออ าจจะขอร่างสัญญา มาด้วยในทเีดียว เนื่องจากสัญญาจะเป็นการสะท้อนประเด็นท ีพ่ ึงพ ิจารณาแต่เนิ่นๆ และบ่งบ อกถึงแ นวคิดใ น การทำ�การค้าของผู้เสนอขายด้วย 6.2 การขอเข้าชมบริษัทของตัวแทนขายหรือบริษัทของลูกค้าเก่า หากมีธุรกิจที่ใกล้เคียงกันก็จะ เป็นการดี แต่ลูกค้าที่มีธุรกิจที่ใกล้เคียงกันมักจะไม่ยินดีให้เข้าไปเยี่ยมชม จึงอาจจะต้องเข้าชมธุรกิจที่มี กระบวนการคล้ายกันแทน ซึ่งอ าจจะได้รับความร่วมมือมากกว่า
ม
ม
ธ ส
7-70
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
6.3 การขอดูการสาธิตและการนำ�เสนอ โดยอาจจะให้ทดลองทำ�ให้ด ูด้วยข้อมูลจริงเข้าระบบ ซึ่งจะ มีโอกาสเข้าใจถึงทำ�งานได้จริงมากขึ้น และทราบว่าจะนำ�มาใช้กับงานที่ต้องการได้หรือไม่ 6.4 การประเมินกลยุทธ์แ ละพิจารณาแนวทางของตัวแทนขายสำ�หรับการติดตั้งเพื่อนำ�ไปใช้งาน 6.5 การรวบรวมและพิจารณาภาพรวมของต้นทุนทั้งหมด (Total Cost of Ownership - TCO) ของผู้เสนอแต่ละราย โดยเฉพาะหัวข้อที่เหมือนว่าจะแถมฟรี แต่ต้องเข้าใจว่า “ของฟรีไม่มีในโลก” 6.6 การพิจารณาว่าตัวแทนขายรายใดให้ข้อเสนอที่ใ กล้เคียงหรือดีที่สุด 6.7 การจัดทำ�รายงานเพื่อตรวจสอบกระบวนการคัดเลือกสำ�หรับนำ�เสนอผู้บริหาร 6.8 การได้ร ับอนุมัติจากผู้บ ริหาร 6.9 การแจ้งผ ลการคัดเลือกแก่ตัวแทนขาย 6.10 การตรวจสอบความถูกต ้องทั้งหมด 6.11 การทบทวนสัญญา รวมทั้งต ่อรองในรายละเอียด บ่อยครัง้ ท กี่ ารคดั เลือกซอฟต์แวร์ข องผบู้ ริหารโครงการในไทยมกั จ ะเน้นไ ปทเี่ ทคนิคก ารตอ่ ร องราคา แต่ที่จริงแล้วการได้ระบบงานที่เหมาะสมกับองค์กรมีความสำ�คัญกว่าระบบที่ลงทุนต่ำ� เพราะหากได้ระบบที่ ไม่เหมาะสมแล้ว องค์กรจะต้องทนใช้ระบบที่สร้างภาระในระยะยาว ซึ่งนั่นก็เป็นต้นทุนที่แฝงอยู่ตลอดระยะ เวลาของการปฏิบัตงิ าน ดังน ั้น ขั้นต อนทั้งหมดควรจะเน้นไ ปทีก่ ารสรรหาระบบทีต่ ้องการนำ�มาใช้ม ากกว่าก าร พยายามต่อรองราคา จนทำ�ให้เกิดความติดขัดในขั้นตอนการติดตั้งเพื่อนำ�ไปใช้งานที่จำ�กัดโดยงบประมาณ ทั้งๆ ที่การลงทุนส่วนมากมักจ ะไม่เกินร้อยละ 1 ถึง 1.5 ของรายรับของธุรกิจ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7. หลักเกณฑ์ทดี่ ีในการคัดเลือก
ม
ธ ส
ม
การดูจากความสำ�เร็จของการวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวนั้นในธุรกิจที่ใกล้เคียงกับองค์กรของ ตนเอง ถือว่าแนวทางในการคัดเลือกการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ไ ด้ผลอย่างมาก นอกเหนือจากนี้ ก็ควร พิจารณาถึงป ระสบการณ์ข องผูใ้ ห้บ ริการติดต ั้ง และการสนับสนุนอ ย่างใกล้ช ิดข องผูพ้ ัฒนาระบบการวางแผน ทรัพยากรองค์กรต่อตัวแทน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มหลักประกันความสำ�เร็จให้แก่การจัดซื้อระบบการวางแผน ทรัพยากรองค์กร อย่างไรก็ตาม การแปลวัตถุประสงค์ออกมาเป็นรายการคัดเลือก ถือเป็นกระบวนการที่ ค่อนข้างเป็นรูปธรรม ที่สามารถนำ�มาใช้ในการคัดเลือกการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่เหมาะสมกับองค์กร รวมทั้งลดโอกาสความล้มเหลวในโครงการติดตั้งระบบลงได้ โดยสามารถแบ่งรายการคัดเลือกออกได้ 6 หมวด คือ 7.1 หน้าทีง่ าน (product functionality) เป็นข ั้นแ รกของการคัดเลือกการวางแผนทรัพยากรองค์กร วิธีการง่ายๆ คือ นำ�เอาความสามารถสำ�คัญ (features) ที่มีอยู่แล้วของระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร ที่จะคัดเลือกมาพิจารณาว่าสามารถตอบโจทย์ของการนำ�มาใช้หรือไม่ และพิจารณาข้อเสนอการบริการต่างๆ การสนับสนุนความมั่นคงของผู้พัฒนาระบบ ทิศทางของการพัฒนา รวมทั้งความร่วมมือในการเข้าสู่ กระบวนการคัดเลือกซอฟต์แวร์ข องผู้ใ ห้บริการ
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-71
7.2 เทคโนโลยี (product technology) พิจารณาถึงเทคโนโลยีท ี่ใ ช้ใ นการพัฒนา และสภาพแวดล้อม ที่ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวนั้นสามารถทำ�งานได้ เช่น ทำ�งานได้บนระบบปฏิบัติการอะไร บ้าง เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้เป็นแบบไหน ใช้กับระบบจัดการฐานข้อมูลตัวไหนบ้าง ใช้ฮาร์ดแวร์แบบใดได้บ้าง ใช้ แพลตฟอร์มของค่ายไหน การดูแลระบบต้องใช้บ ุคลากรด้านใดบ้าง การรองรับเครื่องมือก ารสร้างรายงานทั้ง หลาย การสามารถท�ำ งานรว่ มกบั ร ะบบอนื่ บ นมาตรฐานกลางหรือเป็นเทคโนโลยีท เี่ ปิดก ว้าง (open technology) หากองค์กรมรี ะบบเดิมอ ยูแ่ ล้วแ ละยงั ท �ำ งานได้ด ี การวางแผนทรัพยากรองค์กรทซี่ ือ้ ม าใหม่ก ค็ วรทจี่ ะตอ่ เชือ่ ม ได้ด ้วย ซึ่งจะช่วยให้ตีกรอบซอฟต์แวร์ท ี่เข้าข่ายที่ต ้องพิจารณาให้แคบลง 7.3 บริการและการให้ความช่วยเหลือ (service and support) เป็นการพิจารณาศักยภาพในการนำ� ระบบมาใช้งานและการสนับสนุน ซึ่งวิธีการที่ดีวิธีการหนึ่งคือ การสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้ที่ผ่านมา การบริการต่างๆ เหล่านี้ ได้แก่ การให้คำ�ปรึกษา การบูรณาก ารระบบ (system integration) ขอบเขตพื้นที่ ที่ครอบคลุมในการให้บริการ ภาษาที่ใช้ในการให้ความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการตอบคำ�ถามทาง โทรศัพท์ ช่วงเวลาที่รับความช่วยเหลือ และช่องทางที่ให้ความช่วยเหลือได้ เช่น โทรศัพท์ อีเมล กระดาน สนทนา บล็อก ฟอรั่ม หรือสนทนาออนไลน์ เป็นต้น 7.4 ความอยู่รอดของบริษัทหรือตัวแทนขาย (corporate viability or vendor viability) เป็น การประเมินความอยู่รอดหรือความมั่นคงของกิจการของผู้พัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรทาง ด้านการเงิน และความแข็งแกร่งทางด้านการจัดการ หากกิจการมีความตึงเครียดทางด้านการเงิน หรือไม่มี เสถียรภาพ ก็ย่อมส่งผ ลต่อความสำ�เร็จข องโครงการ การพิจารณาจะต้องมองทั้งเชิงป ริมาณและเชิงค ุณภาพ เชิงปริมาณ ได้แก่ ตัวเลขผลกำ�ไร ยอดขาย ความแปรปรวนของยอดขาย จำ�นวนทีมงาน เชิงค ุณภาพ ได้แก่ ทีม่ าของรายได้ ประสบการณ์ข องทมี ง าน ความมุง่ ม ัน่ ท จี่ ะด�ำ เนินโ ครงการ โครงสร้างองค์กรทยี่ ดื หยุน่ แนวคิด ของการบริหารองค์กรให้ยั่งยืน เป็นต้น ผู้ใ ห้บริการที่มีรายได้จากโครงการใหญ่ๆ เป็นหลักมักจะมีความไม่ แน่นอนของรายได้ และถ้ามีคนไม่มากพอก็มักจะเกิดช่วงขาดกำ�ลังคน ทำ�ให้การจัดการทำ�ได้ยาก การจัด โครงสร้างองค์กรแบบรวมศูนย์ ไม่มีการมอบหมายงานที่ดี และการวัดผลงานไม่ชัดเจน จะทำ�ให้ทีมงานไร้ ประสิทธิภาพ และมกี ารลาออกกลางคันไ ด้ เป็นป ัญหาทีเ่กิดบ ่อยๆ ในช่วงการดำ�เนินโ ครงการ แต่เป็นป ระเด็น ที่ผู้ซื้อมักจะมองข้ามไป การประเมินผู้พัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรควรจะมุ่งไปที่เสถียรภาพ ประวัติท ี่ย าวนาน จำ�นวนลูกค้าท ี่ห ลากหลาย ส่วนการประเมินต ัวแทน ควรดูท ี่จ ำ�นวนโครงการในมือต ัวแทน กับจ �ำ นวนบคุ ลากรในทมี หากมจี �ำ นวนบคุ ลากรนอ้ ย ก็ต อ้ งดวู า่ ต วั แทนรายนัน้ ไ ด้ร บั ก ารสนับสนุนจ ากผพู้ ฒ ั นา ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรมากเพียงใด มีท ีมง านหนุนห ลังจ ากเจ้าของการวางแผนทรัพยากรองค์กร มากน้อยแค่ไ หน ซึ่งผ ู้ซ ื้อค วรจะเชิญบ ริษัทผ ู้พ ัฒนาระบบมายืนยันห รือพ บปะแลกเปลี่ยนแนวทางการทำ�งาน ร่วมกัน แผนสำ�รองหากเกิดปัญหา และความจำ�เป็นที่จะต้องให้ผู้พัฒนาระบบเข้ามาเสริม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-72
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
7.5 กลยุทธ์ข ององค์กร (corporate strategy) การเปิดต ลาดเสรี การคมนาคมที่รวดเร็ว และความ ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด นำ�มาซึ่งการแข่งขันที่รุนแรง ส่งผลกระทบต่อการดำ�เนินธุรกิจที่ เปลี่ยนแปลงสูง ทำ�ให้ซอฟต์แวร์การจัดการธุรกิจอย่างการวางแผนทรัพยากรองค์กรย่อมต้องปรับตัวอย่าง รวดเร็วตามไปด้วย และผู้พ ัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะต้องกำ�หนดแผนการพัฒนาล่วงหน้า เพื่อร องรับร ูปแ บบการดำ�เนินธ ุรกิจใ หม่ๆ ดังน ั้น วิสัยท ัศน์ข องผู้ใ ห้บ ริการและทิศทางการพัฒนาในระยะยาว อย่างมแี ผนการพัฒนาและกำ�หนดการออกสูต่ ลาดในช่วง 3 ถึง 5 ปี ถือเป็นป ระเด็นห นึ่งท ีค่ วรพิจารณาในการ คัดเลือก นอกจากการแข่งขันที่รุนแรงแล้ว ธุรกิจยังต้องเผชิญกันข้อกำ�หนดของภาครัฐของแต่ละประเทศ คือ การทำ�ตามมาตรฐาน (compliance) ทั้งด ้านสุขอ นามัย ด้านสิทธิม นุษยชน และกฎระเบียบอื่นๆ ของภาค รัฐ ทั้งท้องถิ่นและระหว่างประเทศ ซึ่งแ ตกต่างกันไปตามแต่ละอุตสาหกรรม และความแตกต่างนี้ก็ทวีค วาม สำ�คัญและสามารถสร้างผลกระทบต่อกิจการได้อย่างมาก ทิศทางการพัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากร องค์กรจึงมีแนวโน้มที่จะเน้นอุตสาหกรรม (industry-specific) เช่น การวางแผนทรัพยากรองค์กรสำ�หรับ อุตสาหกรรมอาหาร สุขภาพ โลจิสติกส์ ยานยนต์ การก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งจะต้องลงลึกไปถึงระดับธุรกิจย่อย ในอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย นอกจากการมุ่งเน้นรองรับการทำ�งานในแนวตั้ง (vertical focused) ข้างต้นแล้ว การวางแผน ทรัพยากรองค์กรยังจะต้องคงสามารถรองรับก ารทำ�งานในแนวนอน (horizontal) เช่น การรองรับพ าณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ องค์กรเสมือน (virtual organization) การชำ�ระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) เงิน อิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) สื่อส ังคม (social media) เป็นต้น รวมทั้งร ะบบรายงานทางการเงินต ามมาตรฐาน การบัญชีท ี่ย อมรับ เช่น จีเอเอพี (GAAP - Generally Accepted Accounting Principles) และไอเอฟอาร์ เอส (IFRS - International Financial Report Standard) 7.6 ความมุ่งมั่นของผู้ให้บริการและผู้ใช้จะทำ�ความสำ�เร็จให้แก่โครงการ ไม่ว่าจะทุ่มงบประมาณ มากเพียงใด มีบ ุคลากรระดับห ัวก ะทเิต็มห ้อง แต่ถ ้าไ ม่มคี วามมุ่งม ั่นท ีจ่ ะทำ�ความสำ�เร็จใ ห้เกิดข ึ้นก จ็ ะประสบ ความยากลำ�บาก ต้นทุนส ูง บานปลาย และล้มเหลวได้ใ นที่สุด อัตราความสำ�เร็จ (success rate) ของโครงการ ในอดีตท ี่ผ่านมาจะเป็นตัวชี้ว ัดความมุ่งม ั่นข องผู้ข ายได้เป็นอย่างดี
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
8. การติดต่อกับเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อนตัดสินใจซื้อ
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ในยุคที่กฎหมายลิขสิทธิ์มีโทษรุนแรง หากซอฟต์แวร์ที่ผู้ให้บริการนำ�เสนอมีการได้มาอย่างไม่ถูก ต้อง ผู้ซื้อจะกลับเป็นผู้ต ้องหาไปด้วยตามกฎหมาย ควรให้ผู้ให้บริการยืนยันว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือได้ มาอย่างถูกต้อง หรือเป็นตัวแทนที่ไ ด้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ เป็นเรื่องสำ�คัญอย่างยิ่ง และในขั้นตอน ก่อนการตัดสินใจก็ควรได้มีการสอบถามไปยังเจ้าของลิขสิทธิ์เพื่อความแน่ใจ ผู้ซื้อจะต้องให้ผู้ให้บริการทำ� หนังสือย นื ยันว า่ ซ อฟต์แวร์ท สี่ ง่ ม อบประกอบดว้ ยตวั ม าตรฐานจากผผู้ ลิตห ลักเท่านัน้ หรือม สี ว่ นอืน่ ๆ เพิม่ เติม หรือไม่ หากประกอบตัวซอฟต์แวร์มาจากหลายที่ จะต้องระบุแยกส่วนที่เป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของลิขสิทธิ์ ของการวางแผนทรัพยากรองค์กรหลักและลิขสิทธิ์ส่วนที่ทำ�เพิ่มเติม ทั้งส่วนที่ทำ�เพิ่มเติมมาก่อนหน้า
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-73
ธ ส
แล้ว หรือส่วนที่ทำ�เพิ่มเติมเพื่อผู้ซื้ออย่างชัดเจน เนื่องจากปัจจุบันมีโปรแกรมที่เป็นแชร์แวร์ (shareware) มากมายบนเครือข ่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งโ ปรแกรมเหล่าน ีส้ ามารถถูกต รวจสอบได้ผ ่านเครือข ่ายและอาจถูกเรียก เก็บค่าลิขสิทธิ์ภายหลังได้ และบ่อยครั้งที่ผู้ให้บริการที่ไม่ใส่ใจการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ผลกระทบจะเกิดกับ การดำ�เนินกิจการของผู้ใช้ระบบภายหลัง ผู้ซื้อจะต้องให้ผู้ขายลงนามในสัญญารับผิดชอบกรณีที่ภายหลัง พบว่าซอฟต์แวร์ที่น ำ�มาเสนอขายได้มาอย่างไม่ถ ูกต้อง เพื่อเป็นการป้องกันตัวจากการตกเป็นผู้ต้องหากรณี ที่ตรวจพบสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ใ นระบบ
ธ ส
ม
ธ ส
9. ประสิทธิภาพการทำ�งานของระบบ
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นระบบแกนกลางซึ่งมักจะเป็นที่รวมของรายการธุรกรรมปริมาณ มาก การออกแบบฐานข้อมูลเป็นอ ย่างดถี ือเป็นส ่วนสำ�คัญท ีจ่ ะทำ�ให้ร ะบบสามารถทำ�งานได้อ ย่างต่อเนื่องและ มีประสิทธิภาพ (system performance) รองรับป ริมาณข้อมูลขนาดใหญ่ได้ สามารถทำ�งานได้โดยความเร็ว ไม่ลดลงจนกระทั่งย อมรับไม่ไ ด้ บางองค์กรมีปริมาณข้อมูลมากถึงร ะดับล้านรายการ ตามปกติผู้ใช้จะทนรอ การตอบสนองของระบบได้ประมาณ 3 วินาที หากเกินกว่านั้นจะส่งผลต่ออารมณ์ในการทำ�งาน ดังนั้น ระบบ ที่ดีจะต้องออกแบบให้สามารถปรับความเร็วได้ (performance tuning) จนอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ การวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ออกแบบดีสามารถรักษาความเร็วในการบันทึกในระดับปริมาณ ข้อมูลมากได้ แม้ว่าจะอยู่บ นสภาพแวดล้อมของฮาร์ดแวร์ที่แ ตกต่างกัน (ภาพที่ 7.46)
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.46 ตัวอย่างของการใช้เวลาในการบันทึกข ้อมูลของโปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
7-74
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
จากภาพที่ 7.46 จะเห็นว่าเวลาที่ใช้ในการบันทึกใบกำ�กับภาษี พร้อมตัดสต๊อก และตั้งหนี้อัตโนมัติ ที่ระดับปริมาณข้อมูลต่างๆ ของโฟร์มาอีอาร์พี/ฟอร์มูล่าอีอาร์พี ข้อมูลนี้เป็นสถิติจากการสำ�รวจในสภาพ แวดล้อมการทำ�งานจริงของลูกค้าหลายราย ด้วยสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย แต่ยังคงใช้พีซีเป็นเซิร์ฟเวอร์ (PC server) ทุกราย จากข้อมูลสำ�รวจรายที่ม ีข้อมูลสูงสุดที่ 1.7 ล้านรายการ ใช้เวลาบันทึก 5 วินาที และมีค่า เฉลี่ยที่ 5.099 วินาที นั่นคือ ปัจจัยท ี่มีผ ลกระทบต่อความเร็วคือ การใช้พีซีเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นยี่ห้อท้องถิ่น (local brand) ที่ไม่ใช่เครื่องระดับเซิร์ฟเวอร์ (server grade) การใช้วายฟาย (WiFi) ความเร็วต ่ำ� และการ เปิดให้ผู้ใช้เล่นอินเทอร์เน็ตในวงเครือข่ายแลน (LAN) เดียวกัน หากกิจการมีรายการธุรกรรมมากควรให้ความสำ�คัญในเรื่องนี้เป็นพิเศษ และอาจร้องขอให้ผู้ขาย ทำ�การทดสอบด้วยข้อมูลสมมติปริมาณมาก เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจซื้อระบบมาใช้ (ภาพที่ 7.47)
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.47 ระยะเวลาที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ ปริมาณข้อมูลมากกับโ ปรแกรมที่ไม่ให้ความสำ�คัญกับความเร็วใ นการบันทึกข้อมูล
ม
ม
จากภาพที่ 7.47 จะเห็นว่าแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างระยะเวลาที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลของ โปรแกรมสองแบบ โปรแกรมที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้กับข้อมูลปริมาณมาก จะทำ�งานช้าลงด้วยอัตราเร่ง ขณะที่โปรแกรมที่ออกแบบมาดี (well designed) จะเกิดการกินเวลาแบบอัตราเร่ง
ม
ธ ส
10. กลยุทธ์ในการติดต ั้งระบบ
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-75
ธ ส
รูปแ บบการกำ�หนดแผนการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้จ ะส่งผ ลต่อค วามยากง่ายของการ ติดตั้งระบบ ซึ่งอาจแบ่งคร่าวๆ ได้ 4 แบบ คือ 10.1 การติดต ั้งใ นคราวเดียว (the big bang) เป็นการที่ผ ู้บ ริหารองค์กรตกลงใจที่จ ะนำ�การวางแผน ทรัพยากรองค์กรมาแทนระบบเก่าทั้งระบบในคราวเดียว ส่วนมากก็จะเป็นองค์กรขนาดค่อนข้างใหญ่ เป็น ทดแทนระบบเก่าท ี่แ ยกกันท ำ�ในแต่ละส่วนงาน และต้องการใช้ร ะบบที่ม ีอ ยู่ใ นการวางแผนทรัพยากรองค์กร ตัวเดียวกัน เพื่อให้ระบบงานเป็นรูปแบบเดียวกัน และทำ�ให้ข้อมูลที่อยู่กระจัดกระจายมารวมอยู่ในฐาน เดียวกันท ั้งหมด แนวทางเช่นนี้เป็นแนวทางที่ยากและท้าทายความสามารถอย่างยิ่ง เพราะเป็นการยากที่จะ ขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงองค์กรที่ประกอบด้วยคนจำ�นวนมากให้ไปในทางเดียวกันพร้อมๆ กันทั้งระบบ และเป็นการยากทีจ่ ะมซี อฟต์แวร์ต ัวไ หนหรือร ะบบใดทีจ่ ะเป็นท ีย่ อมรับข องทุกค นในองค์กร โดยเฉพาะระบบ ทีย่ ังไ ม่ไ ด้การพิสูจน์ว ่าจ ะเหมาะสมกับอ งค์กรอย่างแท้จริง เพราะแต่ละหน่วยงานกเ็คยมรี ะบบทีเ่ข้าก ันไ ด้ก ับ กระบวนการดำ�เนินง านของตนเองมาแล้ว และซอฟต์แวร์ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรต่างๆ ก็ม ักจ ะไม่ค ่อย ปรับแก้ระบบให้เข้าก ับผู้ใช้ได้มากนัก ยิ่งทำ�ให้เกิดการต่อต้านได้มาก แต่แนวทางอาจเป็นแนวทางที่จำ�เป็น สำ�หรับองค์กรที่ต ้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใ หม่ โดยอาศัยปฏิกิริยาลูกโซ่ของการติดตั้งในคราวเดียว โดย มุ่งเน้นที่ค นมากกว่าร ะบบ เป็นการล้างกรอบความคิดเดิมไปสู่การค้นหาสิ่งใหม่ๆ 10.2 กลยุทธ์แบบแฟรนไชส์ (franchising strategy) วิธีการนี้เหมาะสำ�หรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ มีหน่วยธุรกิจย่อยที่แตกต่างกัน และต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยการลงระบบการ วางแผนทรัพยากรองค์กรในแต่ละหน่วยธุรกิจแยกจากกัน ซึ่งอาจจะใช้การวางแผนทรัพยากรองค์กรใน รูปแบบเดียวกัน แต่ติดตั้งแยกชุดกัน เก็บข้อมูลแยกจากกัน หรือจะเป็นแบบที่ใช้การวางแผนทรัพยากร องค์กรคนละรูปแบบกันไปเลยก็ได้ การวางแผนทรัพยากรองค์กรของแต่ละหน่วยจะมีส่วนที่ต้องใช้ฐาน ข้อมูลร่วมกันบางส่วนเท่านั้น เช่น ใช้ฐานข้อมูลลูกค้าร่วมกันเท่านั้น หรือใช้ฐานข้อมูลจัดซื้อร่วมกันเท่านั้น หรือใช้ข้อมูลสินค้าคงคลังร่วมกันเท่านั้น ทำ�ให้สามารถติดตั้งระบบที่แตกต่างกันแต่เชื่อมโยงข้อมูลเข้าหา กันเท่าที่จ ำ�เป็น ถ้ามองเผินๆ แล้ว การเป็นองค์กรในเครือเดียวกันก็น่าจะใช้ฐานข้อมูลร่วมกันในทุกๆ ส่วน จึงจะสามารถทำ�งานได้อย่างครบวงจร แต่ในความเป็นจริงแล้ว ข้อมูลที่สำ�คัญและมีผลต่อการปฏิบัติการ จริงๆ มักจ ะมไี ม่ม ากนัก แม้ว่าจ ะมขี ้อมูลบ างส่วนทีซ่ ้ำ�ซ้อนกัน แต่พ บว่าการบันทึกแ ยกกันก ลับใ ห้ค วามคล่อง ตัว และยังคงสามารถบูรณาการระบบได้เช่นกัน เนื่องจากกระบวนการรวมเป็นหนึ่ง (consolidate) สามารถ ทำ�ได้หลายวิธีการ บางองค์กรมีเป็นองค์กรขนาดใหญ่ และเน้นความอ่อนตัวในการบริหารงานสูง จึงมักจะ เปิดกว้างในการลงระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรเฉพาะส่วนแยกธุรกิจ แต่ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูล ทางด้านการเงิน เพื่อสามารถติดตามผลงานดำ�เนินงานแบบออนไลน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น บางองค์กรที่ มีหน่วยงานย่อยขนาดเล็กที่ห่างไกลกัน ก็อาจจะเชื่อมโยงเฉพาะกระบวนการจัดซื้อเท่านั้น แต่กระจายการ ติดตั้งร ะบบคลังส ินค้าแบบแยกอิสระ กลยุทธ์นี้มีข้อเสียคือ การติดตั้งการวางแผนทรัพยากรองค์กรให้ครบ ทุกร ะบบจะใช้เวลานานกว่าว ธิ อี ืน่ แต่ม กั ป ระสบความส�ำ เร็จ และลดการกระทบของความลม้ เหลวของโครงการ ติดตั้งการวางแผนทรัพยากรองค์กรจากส่วนอื่นๆ ขององค์กรที่จะมีต่อหน่วยงานอื่นๆ นอกจากนี้ ยังเป็น การลดความเสี่ยงที่จ ะจัดซ ื้อร ะบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรราคาแพงทีเดียวทั้งร ะบบ เนื่องจากสามารถ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-76
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ดูผลการใช้งานจากหน่วยงานนำ�ร่อง (pilot site) แนวทางนี้ ยังอาจหมายถึงการติดตั้งระบบแบบบางส่วน (partial migration) คือก ารทยอยนำ�ระบบขึ้นท ลี ะระบบงาน เมื่อร ะบบไหนเสร็จจ ึงค ่อยยกเลิกข องเก่า ระบบ ไหนยังไม่พร้อมก็ทำ�แบบเดิมไปก่อน กรณีที่ย้ายระบบคลังสินค้าแบบบางส่วนก็จะทยอยนับสินค้าในคลัง เฉพาะตัวที่พร้อมย้ายไปสู่ร ะบบใหม่ แล้วท ยอยไล่นับส ินค้าทีละตัว ไม่จำ�เป็นต ้องปิดสต๊อกทั้งหมดและนับ ทุกร ายการพร้อ มๆ กัน ซึ่งใ นความเป็นจ ริงแ ล้วท ำ�ได้ย ากมาก วิธีก ารแบบบางส่วนนี้จ ะกระทบการทำ�งานของ ผู้ใช้น ้อยที่สุด แต่การวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวนั้นจะต้องรองรับการติดตั้งแบบบางส่วนจึงจะทำ�ได้ 10.3 สแลมดังก์ (slam dunk) เป็นการบังคับให้ใช้ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรทั้งองค์กร โดยเอาความสามารถของซอฟต์แวร์การวางแผนทรัพยากรองค์กรที่เลือกใช้เป็นตัวตั้ง โดยไม่ต้องสนใจ กระบวนการทำ�งานเดิม หากกระบวนการทำ�งานส่วนไหนไม่มีในระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่เลือก ใช้ก็ให้ยกเลิกไป หรือท ำ�ด้วยคนแต่อยู่น อกระบบซอฟต์แวร์การวางแผนทรัพยากรองค์กร หากกระบวนการ ใดที่ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวน ั้นบ ังคับว ่า “ต้องทำ�” ก็ใ ห้ท ำ�ตามนั้น เรียกว่า ค่อนข้างเผด็จการ เพราะ เท่ากับเป็นการรื้อปรับระบบโดยปริยายโดยนำ�เอาการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นแ ม่แบบ วิธีการนี้มักจะ เกิดกับองค์กรที่ให้ความสำ�คัญเฉพาะบางส่วนของระบบ เช่น อาจจะให้ความสำ�คัญเฉพาะระบบบัญชีการ เงิน หรือให้ค วามสำ�คัญก ับการผลิตเพียงอย่างเดียว เป็นต้น ซึ่งทำ�ให้มิได้ทำ�การสอบถามความต้องการของ ส่วนงานต่างๆ ดังนั้น จึงพ บว่ามีห น่วยงานจำ�นวนไม่มากที่ได้รับผลตอบแทนของการลงทุน (ROI) ของการ วางแผนทรัพยากรองค์กรตามแนวทางการนำ�มาใช้ด้วยวิธีการนี้ไม่สูงนัก แต่วิธีการนี้ก็มิได้มีข้อเสียไปเสีย ทั้งหมด เนื่องจากวิธีนี้จ ะได้ผลดีกับกิจการที่ใกล้เคียงกันกับกิจการอื่นที่เคยใช้ระบบการวางแผนทรัพยากร องค์กรตัวนั้นมาก่อน หรือกรณีที่การวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวนั้นได้ออกแบบมาเฉพาะอุตสาหกรรมที่ กิจการนั้นทำ�อยู่ กรณีเช่นนี้จะทำ�ให้วิธีการนี้เป็นวิธีการที่ใช้ระยะเวลาและงบประมาณการติดตั้งระบบการ วางแผนทรัพยากรองค์กรจะต่ำ�ที่สุด ดังน ั้น หากจะใช้ว ิธกี ารนีจ้ ะต้องศึกษาประวัตขิ องการวางแผนทรัพยากร องค์กรตัวนั้น รวมทั้งดูจากความสำ�เร็จในอดีต (success story) ของการวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวนั้น แล้วน ำ�มาประเมินความเป็นไปได้ที่จะยกเอารูปแบบเช่นนั้นทั้งระบบมาใช้กับองค์กร 10.4 ตามความตอ้ งการทลี ะนอ้ ย (the on-demand nibble) เป็นการจัดซ ื้อแ ละติดต ั้งร ะบบแบบตาม ความต้องการ (on-demand) กล่าวคือ อาจจะเริ่มซื้อเฉพาะระบบรับคำ�สั่งซื้อ (order processing system) แล้วก็ใช้ไปก่อน ซึ่งใ นครั้งแ รกที่นำ�ระบบมาใช้นั้น ผู้ซื้อจะต้องซื้อโมดูลกลางซึ่งเป็นตัวจัดการระบบทั้งหมด (system module) ด้วย ซึ่งจะทำ�ให้เมื่อทำ�การจัดซื้อระบบอื่นเพิ่มก็เพียงนำ�ส่วนที่เพิ่มมาติดตั้งบนโมดูล กลางเท่านั้น ทำ�ให้การติดตั้งเพิ่ม มีความยุ่งยากน้อยลง เนื่องจากไม่ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ตั้งแต่แรก การวางแผนทรัพยากรองค์กรบางตัวก็ใช้เทคนิคก ารติดตั้งโปรแกรมไว้ทั้งระบบที่ลูกค้า แต่ทำ�การปิดระบบ ในส่วนที่ลูกค้ามิได้ใช้ในเวลานั้น เมื่อมีความต้องการที่จะใช้ระบบใดเพิ่มจึงค่อยเปิดส่วนนั้นให้เห็น กรณีนี้ จะไม่มีข ั้นตอนการลงโปรแกรมใดๆ อีกเลย ถือว่าเป็นว ิธีที่สะดวกด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย แต่ในยุคหลังมานี้ เมื่อ กล่าวถึงซ อฟต์แวร์ต ามความต้องการอาจจะรวมไปถึงก ารสั่งซ ื้ออ ย่างง่ายผ่านระบบเครือข ่ายอินเทอร์เน็ตห รือ การซื้อสินค้าออนไลน์ด้วย หรืออาจจะรวมไปถึงการเช่าใ ช้ด้วย โดยไม่มีการติดตั้งระบบใดๆ ไว้ที่สำ�นักงาน ขององค์กร รวมทั้งข้อมูลด้วย หากจะใช้เมื่อใดก็จ่ายซื้อระบบ และเมื่อเลิกใช้ก็หยุดจ่ายค่าใช้ระบบ ระบบ ส่วนนั้นก็จะหยุดท ำ�งาน
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-77
ธ ส
ข้อดีของแนวทางนี้ คือ - ติดต ั้งร ะบบโปรแกรมได้เร็วม าก หรือไ ม่ต ้องติดต ั้งเลย เพราะโปรแกรมนั้นอ าจจะติดต ั้งไ ว้ ที่เซิร์ฟเวอร์ของผู้ข าย และผู้ซ ื้อใ ช้งานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต - เมื่อมีการปรับปรุงระบบใหม่ๆ ก็จะได้เวอร์ชั่นใหม่อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเมื่อผู้ขายปรับ เวอร์ชั่นที่เซิร์ฟเวอร์ของผู้ขายแล้ว เมื่อผู้ซื้อล็อกอินเข้าสู่ระบบ ก็จะได้เห็นระบบใหม่นั้นทันที โดยไม่ต้อง รอกระบวนการจัดซื้อร ะบบเวอร์ชั่นใหม่ - ต้นทุนแ รกเริม่ ต ่� ำ เนือ่ งจากไม่ไ ด้ม กี ารสัง่ ซ ือ้ ร ะบบมาตดิ ต ัง้ ท สี่ �ำ นักงานขององค์กร จึงไ ม่ต อ้ ง ซื้อระบบในปริมาณมาก แต่เป็นการจ่ายแบบต่อจ ำ�นวนผู้ใช้ (per user) และรายเดือน (per month) แทน แต่องค์กรต่างๆ ก็ยังไม่กล้าลงทุนการวางแผนทรัพยากรองค์กรด้วยแนวทางนี้ เนื่องด้วยองค์กร เกือบทั้งส ิ้นเห็นว ่าข ้อมูลข ององค์กรเป็นส ินทรัพย์ท สี่ ำ�คัญอ ย่างยิ่ง และถือเป็นค วามลับท างการค้า จึงส บายใจ ที่จะเก็บข้อมูลเองมากกว่าเอาข้อมูลไปฝากไว้ที่ผู้ให้บริการภายนอกองค์กร หรือแม้ว่าจะเช่าใช้ด้วยเงื่อนไข ที่ให้ตั้งเซิร์ฟเวอร์ไ ว้ที่สำ�นักงานก็ตาม แต่เนื่องด้วยการวางแผนทรัพยากรองค์กรถือเป็นโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ขององค์กรส่วนมาก การนำ�มาใช้หรือเลิกใช้ย่อมไม่สามารถทำ�ได้โดยง่าย การที่จะใช้แล้ว หยุดใช้กลับไปกลับมาแบบรายเดือนย่อมเป็นไปได้ยาก วิธีการนี้จึงยังไม่แพร่หลายมาก แต่เริ่มเป็นที่สนใจ ขององค์กรต่างๆ มากขึ้น เนื่องจากความข้อดีเรื่องความยืดหยุ่นใ นการลงทุนท ีผ่ ่านมาพบว่าอ งค์กรขนาดเล็ก และขนาดกลางเป็นผู้ใช้กลุ่มแรกๆ ที่เริ่มใช้วิธีการนี้ และพบว่าองค์กรขนาดใหญ่บางแห่งได้เริ่มนำ�วิธีการนี้ มาใช้ก ับระบบงานย่อยๆ ที่ไ ม่มีความสำ�คัญมากนัก
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
11. การทำ�สัญญาที่ครอบคลุมแ ละเป็นธรรม
ม
ธ ส
ม
นอกจากกระบวนการทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว สิ่งที่ส ำ�คัญอย่างยิ่งคือ การมีสัญญาที่ชัดเจนและเป็น ธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งเป็นจุดที่ผ ู้ซ ื้อม ักจะละเลย และกลายเป็นสาเหตุข องความล้มเหลวได้ ผู้ซื้อส่วนมากไม่รู้ ว่าการจัดซื้อการวางแผนทรัพยากรองค์กรนั้นจำ�เป็นจะต้องทำ�สัญญา บางท่านมีมุมมองว่า การทำ�สัญญา เป็นการแสดงความไม่ไ ว้ใจ หรือเห็นว ่าผ ูใ้ ห้บ ริการให้ค ำ�มั่นส ัญญาอย่างดี หรือม ที ีป่ รึกษาแนะนำ�มาจึงเกรงใจ ไม่ก ล้าพ ูดถ ึงก ารทำ�สัญญา อันท ีจ่ ริงแ ล้วส ัญญาถือเป็นเครื่องมือส ื่อสารระหว่างฝ่ายต่างๆ เพื่อร วบรวมเนื้อหา ทั้งหมดจากการประชุมหลายวาระเข้าด้วยกัน เป็นการสร้างความเข้าใจที่ตรงกันทั้ง 2 ฝ่าย หากเกิดข้อสงสัย หลังจากระยะเวลาหนึ่ง ก็สามารถย้อนกลับมาทบทวนข้อเสนอได้อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้ว่าเอกสารสัญญาก็ สามารถนำ�มาใช้อ้างอิงในกรณีพิพาทได้ แต่หากผู้ซื้อและผู้ให้บริการมีความจริงใจด้วยกันทุกฝ่ายแล้วก็ไม่ ควรกังวลต่อสัญญาที่มีต่อกัน เนื่องจากสัญญาสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารแสดงถึงข้อตกลงที่มี ร่วมกัน และจะต้องนำ�ความต้องการของผูซ้ ื้อแ ละข้อเสนอทีผ่ ูใ้ ห้บ ริการได้เสนอมาทั้งหมดมาระบไุ ว้ใ นสัญญา เพื่อใ ห้ส ามารถรูไ้ ด้ว ่าผ ูซ้ ื้อแ ละผูข้ ายจะได้อ ะไรและต้องรับผ ิดช อบอะไรอย่างเป็นธ รรม มีค ำ�กล่าวว่า สัญญาที่ ไม่เป็นธรรม จะเป็นส ัญญที่ถูกฉ ีก สัญญาที่ดีควรจะครอบคลุม และเป็นธ รรมกับทั้ง 2 ฝ่าย มิฉะนั้น สุดท้าย แล้วก็มิอาจดำ�เนินการตามสัญญาให้ลุล่วงได้ รูปแบบการทำ�สัญญาอาจจะประกอบด้วยเอกสาร 3 ชุด คือ
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-78
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
11.1 สัญญาหลัก เป็นการระบุเงื่อนไขทั่วไปของโครงการ และกรอบข้อต กลงส่วนทีส่ ำ�คัญแ ละมักจ ะ ใช้กันทั่วไป 11.2 ใบเสนอราคาซอฟต์แวร์ห ลัก เพื่อแ จกแจงโมดูลย่อยทั้งหมดที่เป็นมาตรฐานของการวางแผน ทรัพยากรองค์กร ซึ่งไ ม่น ับรวมการปรับแก้ระบบ 11.3 รายละเอียดส่วนที่ต้องปรับแก้ แสดงรายละเอียดความต้องการของผู้ซื้อและสิ่งที่ผู้ให้บริการ เสนอรายการปรับแก้ร ะบบ (modify/customize) ปัญหาที่สำ�คัญของการทำ�สัญญาที่ไม่เหมาะสมคือ ผู้ซื้อมักจะไม่มีความรู้พอที่จะกำ�หนดเนื้อหาใน สัญญา ซึ่งอาจจะต้องมีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ก ารลงระบบที่ประสบความสำ�เร็จในโครงการที่คล้ายคลึง กันมาช่วยในการร่างสัญญา บางครั้งก ารทำ�สัญญาจึงกลายเป็นเรื่องยุ่งยากจนไม่เกิดการจัดซื้อระบบเลยก็มี หรือบ างครัง้ ต อ้ งลงทุนเพิม่ ใ นการจา้ งทปี่ รึกษาในการรา่ งสญ ั ญาและอาจจะตอ้ งใช้เวลามากหลายเดือน รวมถึง การเสียโอกาสทางการค้าไปได้ ดังน ั้น จึงค วรพิจารณาความคุ้มค่าในการทำ�สัญญาเช่นกัน
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
12. เทคนิคการกำ�หนดเวลาในแผนการติดตั้ง
ธ ส
ม
ธ ส
การทำ�สัญญาโครงการติดตั้งระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรทั่วไป มักจะกำ�หนดระยะเวลา สัมพันธ์ก บั เงือ่ นไข เช่น “15 วันน บั จ ากวนั ท ตี่ ดิ ต ัง้ ร ะบบ....” เป็นต้น การก�ำ หนดเช่นน ที้ �ำ ให้ก ารบริหารโครงการ ทำ�ได้ยาก เนื่องจาก ณ วันท ี่ทำ�สัญญานั้นแต่ละคนจะไม่ทราบว่าจ ะจัดสรรตารางงานของตนเองอย่างไร โดย เฉพาะผู้บริหารและฝ่ายการเงินซึ่งมักจะไม่ได้เข้ามาติดตามผลการปฏิบัติงาน เนื่องจากยังไม่รู้กำ�หนดการ สำ�คัญที่แ น่นอน ดังน ั้น เทคนิคการทำ�สัญญาที่ด ีค ือ นอกจากกำ�หนดเงื่อนไขไว้แ ล้ว ควรแปลความออกมาใน รูปแ บบของวันท ี่ เพื่อแ ต่ละฝ่ายจะได้ส ามารถกำ�หนดในปฏิทินง านของตนเองได้ ถึงแ ม้ว่าเมื่อเวลาปฏิบัติง าน จะมีป ฏิทินงานย่อยๆ ออกมาตลอดเวลา แต่การกำ�หนดไว้ในสัญญาจะทำ�ให้เกิดความชัดเจนในกำ�หนดการ ที่สำ�คัญและมีผลต่อการตรวจรับระบบ ซึ่งหากมีการปรับแก้ปฏิทินงานก็สามารถทำ�บันทึกแนบได้ แต่หาก ไม่กำ�หนดไว้ในสัญญา และผู้ปฏิบัติงานลืมทำ�บันทึกตารางงานที่ชัดเจน เมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็จะไม่มีหลักที่ ใช้ในการตัดสิน นอกจากนี้ ในการปฏิบัติงานทุกครั้งจะต้องมีการทำ�แบบฟอร์มการบริการขึ้นมาทุกครั้ง ใช้ เป็นการเก็บบันทึกรายละเอียดความคืบหน้าโครงการไปในตัว และใช้ในการทบทวนย้อนหลังแ ละส่งต่องาน ให้แก่ฝ่ายต่างๆ ที่อาจจะต้องรับช่วงต่อจากขั้นตอนก่อนหน้า และป้องกันปัญหาการทำ�งานซ้ำ�ซ้อนซ้ำ�ซาก อันนำ�มาซึ่งต้นทุนเงินและต้นทุนเวลาอย่างมาก
ม
ธ ส
13. แผนฟื้นส ภาพ
ม
ธ ส
ม
ม
ม
ธ ส
การทำ�แผนฟื้นสภาพ (disaster recovery plan) ในที่น ี้จึงข อกล่าวเฉพาะหลักการที่เกี่ยวข้องกับ การวางแผนทรัพยากรองค์กรเท่านั้น เนื่องจากการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นระบบหลักในการดำ�เนิน ธุรกิจ ไม่สามารถหยุดได้ องค์กรที่จ ะจัดซ ื้อการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะต้องศึกษาเงื่อนไขของผู้ขายการ วางแผนทรัพยากรองค์กรให้ชัดเจนว่าในกรณีที่เกิดปัญหากับระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กร จะทำ�อย่างไร ถึงจ ะกรู้ ะบบได้อ ย่างรวดเร็ว หรือจ ะมแี นวทางการใช้ร ะบบส�ำ รองอย่างไร โดยปกติแ ล้ว การวางแผนทรัพยากร องค์กรทัว่ ไปจะไม่อ นุญาตให้ล งโปรแกรมไว้ 2 ที่ เมือ่ ร ะบบหลักม ปี ญ ั หากจ็ ะไม่มโี ปรแกรมอกี ช ดุ ใ นการท�ำ งาน แบบทันควัน ดังน ั้น จึงค วรทำ�ข้อต กลงไว้แต่แรกถึงการติดตั้งระบบสำ�รอง
ม
ธ ส
ธ ส
ม
14. ความสามารถขยายระบบได้ในอนาคต
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-79
ธ ส
การเลือกซอ้ื ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรจะตอ้ งค�ำ นึงถ งึ ค วามสามารถในการขยายระบบ (scalability) เพื่อให้ส อดคล้องกับแนวทางในอนาคต (road map) ขององค์กร ทั้งด้านขยายขนาด (up size) กับล ดขนาด (down size) หรือผสมกันทั้ง 2 แบบในเวลาเดียวกัน เนื่องจากองค์กรยุคหลังนั้นต้องการความยืดหยุ่นสูง ดังนั้น เมื่อองค์กรมีการขยายตัว อาจจะมิได้เน้นไปที่การประหยัดจากการขยายขนาด (economy of scale) เหมือนในอดีตเสมอไป แต่การจะเป็นการประหยัดจากการขยายขอบเขต (economy of scope) หรือการ ประหยัดจากการเพิ่มค วามเร็ว (economy of speed) ซึ่งรูปแ บบหลังนี้ อาจจะเกิดการแตกบริษัทลูก ทำ�ให้ ขนาดของแต่ละบริษัทเล็กลง ทำ�งานคล่องตัวมากขึ้น แต่ต้องสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทแม่ หรือของ กลุ่มบ ริษัท แนวคิดผ ลิตภัณฑ์เดียวสำ�หรับผ ู้บริโภคทุกค น (one size fits all) ไม่สามารถใช้ได้ใ นการวาง กลยุทธ์การติดตั้งระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร การที่จะนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ใช้อยู่ใน กลุ่มบริษัทที่มีขนาดใหญ่มาใช้ในหน่วยธุรกิจขนาดเล็กย่อมจะเทอะทะทำ�งานช้า และไม่สามารถตอบสนอง กลยุทธ์ การประหยัดจ ากการเพิ่มค วามเร็วไ ด้ ดังน ั้น การเลือกการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ด ีค วรสามารถ ขยายขนาดและลดขนาดได้ หรือเชื่อมโยงหน่วยธุรกิจใ นองค์กรที่ม ีข นาดที่แ ตกต่างกันใ ห้เป็นห นึ่งเดียว โดย สามารถทำ�การบูรณาการข้อมูล (data integration) ขององค์กรทุกขนาดเข้ามาเป็นภาพใหญ่ภาพเดียวกัน สามารถส่งต่อข้อมูลจากระบบเล็กไประบบใหญ่และจากระบบใหญ่ไปสู่ระบบเล็กไ ด้
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
15. การเชื่อมต่อกับระบบอื่นอย่างเป็นร ะบบ
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ในยุคข องพาณิชย์อ ิเล็กทรอนิกส์ม โี อกาสทีก่ ารวางแผนทรัพยากรองค์กรจะต้องเชื่อมกับร ะบบอื่นๆ มากขึน้ รวมทัง้ ก ารเชื่อมตอ่ ก บั ร ะบบอืน่ ๆ ภายนอกองค์กร เช่น ธนาคารอเิ ล็กทรอนิกส์ (e-banking) การชำ�ระ เงินอ เิ ล็กทรอนิกส์ (e-payment) การตลาดอเิ ล็กทรอนิกส์ (e-market place) การจดั การโซ่อ ปุ ทาน การบริหาร ลูกค้าสัมพันธ์ เป็นต้น ทั้งแบบที่ทำ�ธุรกิจทางการค้าระหว่างหน่วยธุรกิจกับลูกค้าที่เป็นผู้บริโภค ก็เรียกว่า บีทูซี (B2C - Business-to-Consumer) หรือกรณีที่เป็นการติดต่อระหว่างหน่วยธุรกิจกับห น่วยธุรกิจก็เป็น แบบบีทูบี (B2B - Business-to-Business) นอกจากผู้ใช้งานพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มักจะมาจากภายนอก องค์กรแล้ว ระบบนี้ยังต้องทำ�งานแบบไม่มีวันหยุดตลอดวันตลอดคืน ซึ่งการทำ�ให้การวางแผนทรัพยากร องค์กรทำ�งานในลักษณะดังกล่าว ย่อมเป็นไปด้วยความยุ่งยาก ซับซ้อน ล่าช้า ต้นทุนสูง ผู้บริหารจึงต้องมี ที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญในการทำ�การเชื่อมต่อระบบ นอกจากความยุ่งยากในการเชื่อมต่อแล้ว ปัญหาการรักษา ความปลอดภัยข องระบบก็เป็นเรื่องที่คุกคามระบบอยู่ตลอด ซึ่งช่องการเชื่อมต่อก็อาจเป็นช ่องในการโจมตี ของแฮกเกอร์ด ้วย ทำ�ให้เกิดเครื่องมือชนิดหนึ่งขึ้นมาคือ การบูรณาการแอพพลิเคชั่น องค์กร (Enterprise Application Integration - EAI) ซึ่งช ่วยเชื่อมโยงข้อมูลจากรูปแบบของระบบหนึ่งไปยังอีกระบบหนึ่ง เพื่อ ลดความซับซ้อนและเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลในระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-80
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
16. ภาระของทีมงานติดตั้งระบบ
ม
ธ ส
องค์กรส่วนมากมักจะคิดว่าโครงการติดตั้งระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะจบลงเมื่อระบบ สามารถทำ�งานได้ แต่ที่จริงแล้ว หลังจากที่ระบบทำ�งานได้แล้ว สิ่งที่ตามมาคือ การสร้างผลตอบแทนจาก ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร เช่น การปรับปรุงร ะบบงานให้ร าบรนื่ การออกแบบรายงานตา่ งๆ ทีส่ ามารถ เรียกข้อมูลที่ผู้บริหารทุกระดับต้องการใช้เพื่อการวางแผน หรือวางกลยุทธ์ ซึ่งอาจเป็นไปเช่นนี้ตลอด 1 ปี หรือมากกว่า ดังนั้น หากมิได้จัดสรรงบประมาณเพื่อการดำ�เนินงาน ก็จะทำ�ให้เกิดข้อจำ�กัดในการสร้าง ผลตอบแทนจากระบบไปอย่างน่าเสียดาย
ธ ส
ม
ธ ส
ม
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 7.3.1 แล้ว โปรดปฏิบัตกิ ิจกรรม 7.3.1 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 7 ตอนที่ 7.3 เรื่องที่ 7.3.1
ธ ส
ม
ธ ส
เรือ่ งที่ 7.3.2 ข้อค วรค�ำ นึงใ นการนำ�ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นระบบงานที่ใช้งานทั่วทั้งองค์กร เมื่อจะนำ�มาใช้ย่อมเกิดแรง เสียดทานทีอ่ าจมาจากรอบทิศทาง หากผูบ้ ริหารได้ศ ึกษาข้อค วรคำ�นึงซ ึ่งส รุปม าจากประสบการณ์ค วามสำ�เร็จ และความล้มเหลวของโครงการติดตั้งระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรมาแล้ว ย่อมช่วยให้สามารถวาง กลยุทธ์ไ ด้อ ย่างรอบด้าน และเพิ่มโ อกาสของความสำ�เร็จใ นการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ง านได้
ม
ธ ส
1. โครงการติดตั้งการวางแผนทรัพยากรองค์กรมีอัตราความสำ�เร็จต่ำ�
ธ ส
แม้ว่าจ ะไม่มีต ัวเลขเป็นท างการ แต่เป็นท ี่ไ ด้ยินก ันโ ดยทั่วไปว่าการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กร มาใช้ใ นองค์กรมักจ ะพบปัญหาอุปสรรคมาก และการประเมินผ ลตามวัตถุประสงค์ข องโครงการมักจ ะสับสน บางครั้งผ ลการประเมินก ็ด ีเยี่ยมในช่วงเริ่มต ้น แต่ต ่อม าโครงการกลับล ้มเหลว ซึ่งอ าจเป็นเพราะสาเหตุต ่างๆ ดังต่อไปนี้ 1.1 โครงการไม่ไ ด้ร บั ก ารสนับสนุนอ ย่างเต็มท จี่ ากผบู้ ริหารระดับส งู สุดข ององค์กร โครงการติดต ั้ง การวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นโ ครงการที่เกี่ยวพันก ับท ุกห น่วยงาน ซึ่งห น่วยงานต่างๆ เหล่าน ั้นเป็นห น่วย งานระดับเดียวกัน หากผู้บ ริหารสูงสุดไ ม่ให้ความสำ�คัญ ไม่ได้เป็นประธานคณะทำ�งาน ย่อมทำ�ให้หน่วยงาน ต่างๆ ไม่ให้ค วามสำ�คัญ ไม่จัดสรรทรัพยากรให้กับโครงการ เมื่อมีข้อขัดแย้งก็ไม่สามารถยุติเองได้ และเมื่อ จะต้องมีการปรับกระบวนการดำ�เนินธุรกิจก็จะไม่สามารถตัดสินใจได้ ซึ่งจะเป็นปัญหาที่จะเกิดในโครงการ ติดตั้งระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรทุกโครงการ ดังนั้น การไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างจากผู้บริหาร สูงสุดจึงเป็นสาเหตุใหญ่ข องความล้มเหลว
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-81
1.2 การคัดเลือกการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ไม่เหมาะสมกับองค์กร เนื่องจากการวางแผน ทรัพยากรองค์กรแต่ละตัวนั้นมีจุดเด่นต่างกัน และไม่ปรากฏว่ามีการวางแผนทรัพยากรองค์กรระบบใดที่มี ความเชี่ยวชาญครอบคลุมกระบวนการธุรกิจทุกประเภท ดังนั้น การเลือกซื้อการวางแผนทรัพยากรองค์กร โดยการดูแบบผิวเผิน โดยเข้าใจว่าการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นยาครอบจักรวาล จึงเป็นสาเหตุหลัก สาเหตุหนึ่งของความล้มเหลว 1.3 ผู้บริหารมิได้กำ�หนดวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างชัดเจน การวางแผนทรัพยากรองค์กร สามารถใช้เพื่อห ลายวัตถุประสงค์ เช่น เพื่อแก้ปัญหาคลังสินค้าที่ล้นสต๊อก เพื่อลดความซ้ำ�ซ้อนของเอกสาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อการจัดซื้อที่มีประสิทธิภาพ เพื่อบริหารลูกหนี้ เพื่อการทำ�งานที่รวดเร็ว ทันสมัย เป็นต้น ซึ่งผู้บริหารจะต้องกำ�หนดวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนให้แก่คณะทำ�งานโครงการ มิฉะนั้น คณะทำ�งานจะไม่ส ามารถจัดล ำ�ดับค วามสำ�คัญไ ด้ว ่าส ิ่งใ ดควรทำ�ก่อนหลัง สิ่งใ ดไม่ค วรใช้เวลาและทรัพยากร ไปในระหว่างการติดต ั้งร ะบบ อนึ่ง หากกำ�หนดวัตถุประสงค์อ ย่างกว้างหรือเลื่อนลอย โอกาสทีโ่ ครงการจะล้ม เหลวกย็ ิ่งม ากขึ้น โดยทั่วไป ผู้บ ริหารจะต้องกำ�หนดนโยบายว่า ผูบ้ ริหารจะให้ค วามสำ�คัญก ับเรื่องใดมากกว่า กันระหว่างงบประมาณในโครงการ ระยะเวลากำ�หนดเสร็จของโครงการ ความสมบูรณ์แบบของโครงการ มิฉะนั้นโครงการจะเดินไปได้ด้วยความยากลำ�บาก นำ�มาซึ่งการเสียโอกาสและประสิทธิภาพของคณะทำ�งาน 1.4 คณะทำ�งานไม่ยึดเอาขอบเขตของระบบและแผนการดำ�เนินงานอย่างเคร่งครัด เนื่องจากการ วางแผนทรัพยากรองค์กรเกี่ยวข้องกับทุกฝ่าย ซึ่งแ ต่ละฝ่ายมีภารกิจหน้าที่ประจำ�วันอยู่เต็มมือ และยังต้อง จัดสรรเวลามาร่วมงานในโครงการด้วย หากคณะทำ�งานไม่ถ ือเอาแผนการดำ�เนินง านอย่างเคร่งครัด จะทำ�ให้ ปฏิทินก ารทำ�งานแปรปรวนอย่างหนักใ นวงกว้าง นำ�มาซึ่งค วามเหนื่อยล้าข องทุกฝ ่าย ในที่สุดก จ็ ะไม่ไ ด้ร ับก าร สนับสนุน ไม่เชื่อม ั่นใ นแผนงานของโครงการ จะยิ่งท ำ�ให้โ ครงการยืดเยื้ออ อกไป ในยุคท ีก่ ารแข่งขันส ูง สภาพ แวดล้อมทางธุรกิจเปลี่ยนแปลงเร็ว องค์กรย่อมต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการดำ�เนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ยิ่ง ทำ�ให้ค วามล่าช้าข องโครงการส่งผ ลกระทบต่อค วามสมบูรณ์ข องโครงการทีว่ างกรอบไว้แ ต่แ รก ยิ่งเพิ่มโ อกาส ที่โครงการจะล้มเหลวได้ รวมทั้งค ่าใช้จ่ายที่บ านปลายในอัตราเร่ง กล่าวคือ โครงการที่ควรจะเสร็จภายใน 3 เดือน หากยืดเวลาออกไปเป็น 6 เดือน ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเดิมมากกว่า 100 เปอร์เซนต์ และหากโครงการ มีร ะยะเวลาเกิน 1 รอบปีงบประมาณ จะยิ่งไ ด้ร ับผ ลกระทบจากแผนการดำ�เนินง านของปีถ ัดไ ปมากยิ่งข ึ้น ซึ่ง ผู้บริหารจะต้องกำ�หนดงบประมาณสำ�รองในสัดส่วนที่มากเป็นทวีคูณ และโครงการที่มีอายุมากกว่า 2 รอบ ปีงบประมาณ อาจเป็นโ ครงการที่ไ ม่มีโ อกาสประสบความสำ�เร็จไ ปตลอดกาลจนต้องพิจารณาตั้งง บประมาณ โครงการทั้งหมดเสียใหม่ 1.5 ความไม่ค นุ้ ก บั ก ารท�ำ งานทซี่ บั ซ อ้ นในระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร เนื่องจาก “คน” คือ กุญแจหลักข องความส�ำ เร็จข องโครงการ และการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นร ะบบทซี่ บั ซ อ้ น เข้าใจยาก ผูใ้ ช้ ย่อมไม่ค ่อยคุ้นเคยกับร ะบบเช่นน ี้ม าก่อน ทำ�ให้เกิดค วามยากลำ�บากในการเรียนรู้ ยิ่งก ารวางแผนทรัพยากร องค์กรมีข นาดใหญ่ม ากเท่าไหร่ ความซับซ้อนก็มากขึ้นเท่านั้น โอกาสที่จะล้มเหลวก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-82
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
1.6 การต่อต้านการเปลี่ยนแปลงของผู้ใช้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พบเสมอเมื่อองค์กรต้องการเปลี่ยนแปลงในเรื่องใดๆ ก็ตาม โดยเฉพาะการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการ ดำ�เนินธุรกิจทั้งระบบ ยิ่งส ร้างความอึดอัดให้แก่ผ ู้ใ ช้มากขึ้น 1.7 การวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นระบบที่เกี่ยวพันกับทุกฝ่ายและอยู่ตรงกลางระหว่างความ ข ดั แ ย้งข องฝา่ ยตา่ งๆ เป็นการยากทจี่ ะให้ร ะบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรตอบสนองความตอ้ งการของฝา่ ย ใดฝ่ายหนึ่งม ากกว่า ขณะทีล่ ดความสำ�คัญข องฝ่าย อื่นๆ ทีเ่กี่ยวข้อง และเป็นการยากทีจ่ ะให้ท ุกฝ ่ายเกิดค วาม พอใจพร้อมๆ กัน เนื่องจากโดยธรรมชาติแ ล้ว ฝ่ายต่างๆ ในองค์กรจะมกี ารถ่วงดุลก ัน ตัวอย่างเช่น ธรรมชาติ ของฝา่ ยขายคอื การรกุ ไ ปขา้ งหน้า และองค์กรสว่ นมากมกั จ ะทุม่ ท รัพยากรกบั ฝ า่ ยขายเพือ่ ใ ห้ไ ด้ม าซึง่ ย อดขาย ทีม่ ากและเร็ว แต่ฝ า่ ยบญ ั ชีม กั จ ะเป็นฝ า่ ยตรวจสอบการใช้ท รัพยากรและมขี ัน้ ต อนกระบวนการทรี่ ดั กุม ไม่อ าจ ปล่อยให้เร็วได้ดั่งใจของฝ่ายขาย ฝ่ายขายอาจเปรียบได้กับคันเร่ง แต่ฝ่ายบัญชีเปรียบได้กับค ันเบรก ซึ่งทำ� หน้าที่ต รงข้ามกัน หากองค์กรใดมแี ต่ค ันเร่ง หรือม แี ต่ค ันเบรก ก็ม อิ าจขับเคลื่อนไปสูเ้ป้าห มายได้อ ย่างยั่งยืน เมื่อการวางแผนทรัพยากรองค์กรถูกนำ�มาใช้ในระหว่างหน่วยงานที่ขัดแย้งกันโดยธรรมชาติ จึงเป็นความ ยากทจี่ ะท�ำ ให้ท กุ ฝ า่ ยพอใจ ซึง่ ผ บู้ ริหารระดับส งู แ ละผบู้ ริหารโครงการตดิ ต ัง้ ร ะบบจะตอ้ งเข้าใจประเด็นน ี้ และ กำ�หนดกรอบความต้องการและระดับความพึงพอใจที่จะได้รับจากการติดตั้งระบบ การวางแผนทรัพยากร องค์กร มิฉ ะนัน้ จ ะสบั สนกบั ข อ้ ย ดั แ ย้งท ถี่ กู ห ยิบยกขึน้ ม าในระหว่างการตดิ ต ัง้ ซึง่ จ ะท�ำ ให้โ ครงการลม้ เหลวได้ 1.8 คณะทำ�งานไม่มีประสบการณ์ใ นธุรกิจนั้นมาก่อน คณะทำ�งานในที่นี้หมายถึง ผู้ให้บริการ ผู้ใช้ รวมทั้งที่ปรึกษาด้วย หากคณะทำ�งานไม่เคยผ่านการติดตั้งระบบในลักษณะที่เหมือนหรือคล้ายกับธุรกิจ นั้นม าก่อน ก็จะไม่สามารถวางกรอบการติดตั้งร ะบบได้อย่างรอบคอบ เมื่อเจอปัญหาที่ไม่คาดคิดอาจจะแก้ ปัญหาอย่างไม่ถ ูกต ้อง และกว่าจ ะทราบว่าเดินผ ิดท าง ก็ใ ช้เวลาและแรงงานไปมากแล้ว และด้วยข้อจ ำ�กัดด ้าน งบประมาณจึงม ักจ ะพยายามเดินต ่อไ ปทางเดิม ทำ�ให้ป ัญหายังไ ม่ถ ูกห ยิบยกขึ้นม าแก้ไขอย่างถึงแ ก่น แล้วน ำ� ไปสู่ความล้มเหลวของโครงการ หรือนำ�ไปสู่ก ารใช้งานไม่ได้เต็มป ระสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ 1.9 งบประมาณที่ไม่เหมาะสม ผู้บริหารหรือฝ่ายจัดซื้อมักจะไม่สามารถประเมินผลตอบแทนของ การลงทุน (Return of Investment-ROI) ในโครงการการวางแผนทรัพยากรองค์กรทำ�ให้ไม่ส ามารถกำ�หนด งบลงทุนท ี่เหมาะสมของโครงการได้ จึงม ักจ ะพยายามใช้ก ารต่อร องราคาให้ต ่ำ�ที่สุด ซึ่งว ิธีก ารตัดสินใ จสั่งซ ื้อ ระบบโดยดทู ผี่ เู้ สนอราคาทใี่ ห้ร าคาต่�ำ ทีส่ ดุ โดยไม่ใ ห้ค วามส�ำ คัญก บั ป ระสบการณ์ค วามส�ำ เร็จข องการวางแผน ทรัพยากรองค์กร รายนั้นมักจะทำ�ให้ไม่ได้ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่เหมาะสมไปโดยปริยาย ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องสู่ความล้มเหลว และแม้ว่าจะได้จัดซื้อระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่เหมาะสม แต่การที่ให้งบประมาณที่ไม่เพียงพอ ทำ�ให้ทีมงานทำ�งานด้วยความเหนื่อยยาก จึงเกิดความท้อถอย ก็เป็น สาเหตุหนึ่งข องความล้มเหลวเช่นกัน 1.10 ผู้ขายมุ่งปิดการขายจนไม่สนใจเนื้องานขององค์กร ผู้ขายเหล่านี้มักจะพยายามตอบรับทุก เงื่อนไขที่ผู้ซื้อต่อรองเพื่อให้ได้งาน โดยหวังที่จะไปขอเพิ่มงบในภายหลัง เมื่อถึงขั้นตอนการติดตั้ง จึงมัก เกิดป ัญหา และเมื่อไ ม่ส ามารถขอเพิ่มง บได้ ก็จ ำ�ใจทิ้งง านไป แต่ก ็ม ีผ ู้ข ายบางรายที่ต ั้งใจจะไม่ท ำ�กระบวนการ ติดต ั้งร ะบบให้ส ำ�เร็จแ ต่ต ้น ทำ�การเสนอราคาในส่วนบริการติดต ั้งร ะบบด้วยมูลค่าต ่ำ� เมื่อเกิดป ัญหาก็ป ล่อย ให้ผ ู้ซื้อต้องไปสรรหาผู้ใ ห้บริการรายอื่นม าเสนอบริการติดตั้งระบบแทนตนเองต่อไป
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-83
1.11 การแก้ไขระบบมากเกินไป เนื่องจากการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นระบบที่ซับซ้อน หาก ได้รับการออกแบบมาในทิศทางใดแล้ว การจะแก้ไขการวางแผนทรัพยากรองค์กรให้แตกต่างจากเดิม ย่อม เป็นการยาก หากพยายามแก้ไขมากจนเกินไป ระบบก็จะไม่เสถียรทำ�ให้ไม่สามารถใช้งานได้
ธ ส
2. การวางแผนทรัพยากรองค์กรกับการรื้อปรับกระบวนการธุรกิจ
ม
ธ ส
ม
โปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กรส่วนมากพยายามรวบรวมความสามารถของโปรแกรมที่มี แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (the best practice) และพัฒนาซอฟต์แวร์ในลักษณะที่เชื่อว่าจะเป็นระบบระเบียบที่ ใช้เป็นม าตรฐานกลางได้ ขณะที่ผ ู้บ ริหารองค์กรส่วนมากกเ็ชื่อว ่าโ ปรแกรมการวางแผนทรัพยากรองค์กรทีไ่ ด้ ผ่านการใช้ง านและพสิ จู น์แ ล้วจ ากหลากหลายองค์กร จะสามารถเป็นม าตรฐานทสี่ ามารถน�ำ มาใช้เป็นเครือ่ งมือ สำ�คัญใ นการยกระดับม าตรฐานขององค์กรให้เทียบได้ก บั ก จิ ก ารใหญ่ๆ จึงม กั ต อ้ งการน�ำ การวางแผน ทรัพยากร องค์กรมาเป็นเครื่องมือหนึ่งในการปรับเปลี่ยนกระบวนการดำ�เนินธุรกิจ (business process) ซึ่งเท่ากับ เป็นการรื้อปรับกระบวนการธุรกิจ หรือบ ีพีอาร์ (Business Process Reengineering - BPR) โดยปริยาย นั่นเอง การใช้การวางแผนทรัพยากรองค์กรจึงมักจะสร้างความกดดันที่พนักงานทุกฝ่ายต้องอดทนอย่าง มากต่อก ารทำ�ความเข้าใจและการสื่อสารระหว่างกันต ามกระบวนการใหม่ ดังน ั้น ผู้บ ริหารองค์กรควรเตรียม ความพร้อมของพนักงานในการลงระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ไม่แตกต่างจากการทำ�การรื้อปรับ กระบวนการธุรกิจ โดยเฉพาะความพร้อมใจในการให้ความร่วมมือในการนำ�มาใช้ จึงจะลดโอกาสความล้ม เหลวในโครงการติดตั้งร ะบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรได้
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
3. การวางแผนทรัพยากรองค์กรกับผลกระทบต่อผลประกอบการระยะสั้น
ธ ส
ม
คนส่วนมากไม่ช อบการเปลี่ยนแปลงเพราะการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องรื่นรมย์ ดังนั้น เมื่อนำ�ระบบ ใหม่เข้ามาใช้งานย่อมพบกับอุปสรรค รวมทั้งความไม่คุ้นเคย ซึ่งจะทำ�ให้ประสิทธิภาพของพนักงานตกลงใน ช่วงต้น ยิ่งถ ้าโ ครงการติดต ั้งก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรล่าช้าไ ปนานเท่าไ หร่ ระยะเวลาของประสิทธิภาพที่ ลดลงกจ็ ะยดื ย าวตามไปดว้ ย บริษทั ท ปี่ รึกษาดลี อยต์ (Deloitte Consultant) ได้เคยสอบถามบริษทั ร ะดับโ ลก จาก Fortune 500 จำ�นวน 64 กิจการ ปรากฏว่า 1 ใน 4 ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการตกต่ำ�ลงของผล งานการดำ�เนินธุรกิจห ลังจากเริ่มใ ช้จริง และไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาจจะมีก ิจการมากกว่านี้ท ี่ไ ด้ประสบผลเช่น เดียวกัน จากการสำ�รวจพบว่าเหตุผลหนึ่งท ี่คล้ายๆ กันที่ทำ�ให้ผลงานตกต่ำ�คือ งานต่างๆ ดูผิดแผกไปจากที่ เคยทำ�กันม า ความไม่ค ุ้นเคยทำ�ให้พ นักงานไม่ส ามารถขับเคลื่อนธุรกิจไ ด้เต็มท ี่ และทำ�ให้ธ ุรกิจส ะดุดไ ด้ อันท ี่ จริงแ ล้ว หากการน�ำ การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้แ ล้วไ ม่ก อ่ ใ ห้เกิดก ารปรับเปลีย่ นวธิ กี ารด�ำ เนินธ รุ กิจย ก ระดับม าตรฐานการทำ�งาน ก็แ ทบหาประโยชน์อ ะไรไม่ไ ด้จ ากการใช้ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร เพราะ นั่นคือ เหตุผลสำ�คัญข้อหนึ่งท ี่ผู้บ ริหารตัดสินนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือใน การพัฒนาองค์กร จึงต ้องประเมินว่าสามารถยอมรับผลกระทบได้ในระดับใด
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-84
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
4. การวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นเพียงระบบประมวลผลรายการธุรกรรม
ธ ส
ระบบประมวลผลรายการธุรกรรม หรือทีพีเอส (Transaction Processing System - TPS) คือ ระบบซอฟต์แวร์ที่ใช้ในกระบวนการบันทึกและประมวลผลรายการทางธุรกิจ ซึ่งพนักงานในระดับปฏิบัติ การเป็นผู้ใช้งาน และผู้บริหารระดับกลางจะนำ�ข้อมูลไปใช้ในการควบคุม วางแผน และตรวจสอบ ระบบ ประมวลผลรายการธุรกรรมไม่ถ ือเป็นร ะบบที่ช ่วยในการวางกลยุทธ์โ ดยตรง แต่ค นส่วนมากมักเข้าใจว่าการ วางแผนทรัพยากรองค์กรคือทั้งหมดของระบบซอฟต์แวร์สำ�หรับการบริหารธุรกิจ และเข้าใจว่าเมื่อซื้อการ วางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้แ ล้วจ ะสามารถเรียกหาสารสนเทศทั้งหมดได้จ ากระบบการวางแผนทรัพยากร องค์กรได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะถึงแ ม้ว่าการวางแผนทรัพยากรองค์กร จะเป็นศูนย์กลางข้อมูลของทั่ว ทั้งองค์กร แต่ข้อมูล (data) ในการวางแผนทรัพยากรองค์กรยังต้องผ่านกระบวนเพิ่มเติมด้วยโปรแกรม อื่น เพื่อแปลงข้อมูลให้กลายเป็นสารสนเทศ (information) ที่มีความหมายมากขึ้น นอกจากนี้ ในการวาง กลยุทธ์ยังต้องอาศัยข้อมูลอื่นจากภายนอกระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร ทั้งที่เป็นตัวเลขและไม่เป็น ตัวเลข ทั้งข้อมูลภายในองค์กรและนอกองค์กร ข้อมูลเหล่านี้อาจอยู่ในระบบจัดการโซ่อุปทาน การบริหาร ลูกค้าสัมพันธ์ การบริหารคลังสินค้า ส่วนโปรแกรมที่จะช่วยแปลงข้อมูลมาเป็นสารสนเทศและสนับสนุน การตัดสินใจ ได้แก่ ธุรกิจอัจฉริยะ (Business Intelligence - BI) การจัดการประสิทธิภาพการดำ�เนินธุรกิจ หรือบีพีเอ็ม (Business Performance Management - BPM) บาลานซ์ส กอร์การ์ด หรือบีเอสซี (Balance Score Card - BSC) เป็นต้น
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
5. ไม่มีการวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวใ ดที่จะตอบสนองความต้องการในทุกธุรกิจได้
แม้ว่าแ นวคิดใ นการพัฒนาซอฟต์แวร์ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรจะเป็นการรวบรวมแนวปฏิบัตทิ ี่ ดีเลิศมาใช้ในการพัฒนาเพื่อใ ห้ไ ด้ระบบที่มีมาตรฐาน สามารถใช้ได้กับองค์กรที่หลากหลาย แต่ในความเป็น จริงนั้น เป็นการยากที่การวางแผนทรัพยากรองค์กรแต่ละตัวจะสามารถรวบรวมความสามารถที่ดีที่สุดเอา ไว้ในตัวเดียวกัน เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่กระทบต่อกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ ได้แก่ องค์กรต้นแบบ ของการพัฒนา ประสบการณ์ของนักวิเคราะห์ธุรกิจ ความสามารถของนักวิเคราะห์ร ะบบ ความสามารถของ ทีมพ ัฒนาโปรแกรม โดยเฉพาะนโยบายของบริษัทผ ู้พ ัฒนา การวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวน ั้น ดังน ั้น จึงไ ม่ ปรากฏว่าม ีก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวไ หนที่เป็นการวางแผนทรัพยากรองค์กรในอุดมคติท ี่ส ามารถนำ� ไปใช้ได้ก ับอ งค์กรทุกร ูปแ บบ ตามแนวคิดข องผลิตภัณฑ์เดียวเหมาะกับผ ู้ใ ช้ท ุกร าย (one size fits all) จึงไ ม่ สามารถใช้ได้ก ับการเลือกใช้การวางแผนทรัพยากรองค์กรได้ ดังนั้น การจัดซ ื้อระบบการวางแผนทรัพยากร องค์กรมาใช้นั้น ผู้บริหารพึงพิจารณาให้รอบด้าน โดยดูผลความสำ�เร็จในอดีตของการวางแผนทรัพยากร องค์กรแต่ละตัว ประกอบกับการศึกษาข้อมูลจากผู้ขาย
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
6. ขนาดขององค์กรในมุมมองของระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-85
ธ ส
คนสว่ นมากมกั จ ะใช้ย อดขายหรือจ �ำ นวนพนักงานเป็นต วั ช วี้ ดั ข นาดขององค์กร และเข้าใจวา่ อ งค์กรที่ มีย อดขายสูงม ักจ ะต้องใช้ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรขนาดใหญ่ท ีซ่ ับซ ้อน แต่ป ัจจัยท มี่ ผี ลต่อค วามซับซ ้อน ของระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรมิใช่ยอดขาย แต่ขึ้นกับล ักษณะของธุรกิจ กระบวนการดำ�เนินธุรกิจ (business process) จำ�นวนผู้ใ ช้ท ี่เกี่ยวข้องกับร ะบบ ในความเป็นจริงแล้ว จะพบว่าการบริหารกิจการขนาด กลางมักจ ะซับซ ้อนหรือย ุ่งเหยิงก ว่าอ งค์กรขนาดใหญ่ เนื่องจากองค์กรขนาดกลางมักจ ะเน้นค วามยืดหยุ่นใ น การดำ�เนินธ ุรกิจ และต้องปรับต ัวเคลื่อนทีไ่ ปตลอดเวลา ทำ�ให้อ งค์กรขนาดกลางต้องการความยืดหยุ่นส ูง ส่ง ผลกระทบต่อความซับซ้อนของระบบโดยปริยาย องค์กรขนาดใหญ่ห ลายแห่งม ีโครงสร้างที่เป็นหน่วยธุรกิจย่อยๆ ประกอบกัน หน่วยธุรกิจเหล่านั้น อาจจะมีขนาดเล็กพอๆ กับธุรกิจข นาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี (SME - Small and Medium Enterprises) ทั่วไป และบริหารงานด้วยผู้บริหารของตนเอง โดยบริษัทแม่อาจจะทำ�หน้าที่เพียงการกำ�กับ เท่านั้น ดังน ั้น หน่วยธุรกิจเหล่าน ี้ม ักจ ะไม่ใช่ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรขนาดใหญ่เหมือนบริษัทแ ม่ แต่จ ะ จัดหาการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ม ขี นาดเล็กล ง เพื่อค วามประหยัด ความยืดหยุ่น และเหมาะกับล ักษณะ ธุรกิจข องตนเอง บ่อยครัง้ ท จี่ ะใช้ซ อฟต์แวร์เฉพาะธรุ กิจใ นการด�ำ เนินง าน แล้วท �ำ การสง่ ข อ้ มูลท างดา้ นการเงิน งบประมาณ และผลการดำ�เนินงานไปให้บริษัทแม่เท่านั้น กรณีเช่นนี้ ทำ�ให้ภาพรวมของระบบการวางแผน ทรัพยากรองค์กรขององค์กรขนาดใหญ่ม ลี ักษณะผสม คือเป็นอ งค์กรทีม่ ที ั้งร ะบบขนาดใหญ่แ ละระบบขนาด ย่อมลงมา และระบบขนาดย่อมที่ใช้ในหน่วยธุรกิจย่อยกลับเป็นระบบที่ซับซ้อนกว่าระบบของส่วนกลาง ซึ่ง จะมีร ะบบบัญชีการเงิน บัญชีบ ริหาร และงบประมาณเป็นหลักเท่านั้น
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
7. การวางแผนทรัพยากรองค์กรแต่ละตัวแบ่งโมดูลต่างกันและตั้งชื่อต่างกัน
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นโ ปรแกรมทีม่ ิได้ม จี ุดเริ่มต ้นจ ากงานวิชาการ (academic theory) แต่เป็นร ะบบที่เกิดจากภาคปฏิบัติ (business practice) จึงม ิได้มีการกำ�หนดมาตรฐานกลางเพื่อการอ้างอิง ดังนั้น ผู้พัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรจึงอาศัยข้อมูลจากความต้องการของผู้ใช้ในภาคธุรกิจ มาเป็นโจทย์ ผู้พัฒนาต่างค่ายจึงอาจจะออกแบบระบบที่แตกต่างกัน และมักจะพยายามสร้างจุดเด่นให้ แตกตา่ งกนั ส่งผ ลตอ่ ก ารตัง้ ช ือ่ โ มดูลท หี่ ลากหลาย ตัวอย่างตอ่ ไ ปนี้ เป็นช ือ่ โ มดูลข องเอสเอพี ออราเคิล คริสตัล ฟอร์มูล่า/คริสตัลโฟร์ม า และเจดีเอ็ดเวิดส์ ซึ่งเทียบเคียงกับหน้าที่ใ นองค์กรได้ ดังนี้
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-86
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ตารางที่ 7.1 การเปรียบเทียบชื่อโมดูลของซอฟต์แวร์ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรจากหลายผู้ผลิต
ธ ส
Function Sales
SAP
Sales & Distribution
ม
Oracle
Crystal FORMULA
Marketing, Sales Sale Order
ธ ส
ธ ส
JD Edwards
ม
Order Management
Production
Materials Management
Procurement
MRP/MCM
Production Planning
Production Planning
Manufacturing
Production Planning
Preventive Maintenance
Plant Maintenance
Human Resource Management
Human Resources
Financial Accounting
Financial Accounting
Financials
GL
Asset Management
Asset Management
Asset Management
Asset
Projects Management
Project System
Projects
Projects Management
Project Management
CM/BOQ
Subcontract Real Estate
ธ ส
ม
ธ ส
Construction Management
ม
-
ม
Service
Human Resources
ม
Contracts
Manufacturing Management
ธ ส
-
HRM
ธ ส
Inventory Procurement
-
Workforce Management
ม
Financial Management
Enterprise Asset Management
ม
ธ ส
ชื่อเรียกที่แตกต่างกันและขอบเขตที่ไม่เท่ากันของโมดูลในการวางแผนทรัพยากรองค์กรแต่ละ ตัวทำ�ให้ผู้ใช้ส ับสน และทำ�การเทียบเคียงกันได้ยาก นอกจากชื่อโมดูลที่แตกต่างกันแล้ว ชื่อฟิลด์ต่างๆ ใน โปรแกรมกอ็ าจจะมนี ยิ ามเฉพาะของแต่ละราย ซึง่ เป็นอ ปุ สรรคตอ่ ก ารจดั ซ ือ้ แ ละการตดิ ต ัง้ เพือ่ ใ ช้ง าน (implement) อย่างมาก อาจกล่าวได้ว ่า ณ ปัจจุบัน ไม่มีการวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวใ ดเหมือนกันม ากพอที่ผ ู้ใ ช้ส ามารถ ศึกษาจากตัวห นึ่งแ ล้วไปใช้ง านกับอ ีกต ัวห นึ่งไ ด้ท ันทีโ ดยไม่ต ้องรับก ารอบรมใหม่ ดังน ั้น อาจกล่าวได้เช่นก ัน ว่าไ ม่ส ามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างการวางแผนทรัพยากรองค์กรของไทยกับก ารวางแผนทรัพยากร
ม
ธ ส
ธ ส
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
7-87
ธ ส
องค์กรของต่างประเทศได้อ ย่างชัดเจน อันท ี่จ ริงแ ล้ว ตลาดของการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นต ลาดแบบ ระดับโลก (global) กล่าวคือ เวทีการแข่งขันอยู่บ นเวทีโลกเหมือนกันทุกตัว การวางแผนทรัพยากรองค์กร ของไทยกม็ ิได้เป็นต ัวแทนของการดำ�เนินธ ุรกิจข องประเทศไทยแต่อ ย่างใด แต่ต ้องรองรับร ูปแ บบการดำ�เนิน ธุรกิจข องลกู ค้า อาจกล่าวได้ว า่ การวางแผนทรัพยากรองค์กรแต่ละตวั ม จี ดุ แ ตกตา่ งกนั ท กี่ ารรองรับส ไตล์ การ บริหารงานของลูกค้าก ลุ่มหลักของการวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวนั้น เช่น การวางแผนทรัพยากรองค์กร สำ�หรับธ ุรกิจค ้าป ลีก หรือก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรสำ�หรับอ ุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น ในกรณีท ีเ่ป็นการ วางแผนทรัพยากรองค์กรที่ไม่เจาะจงประเภทธุรกิจ ก็อาจจะแยกสไตล์การทำ�งานได้เป็น 2 กลุ่ม คือ 7.1 สไลต์ตะวันตก (Western style) ซึ่งมีอเมริกาเป็นกลุ่มใหญ่ รองลงมาคือ กลุ่มสหภาพยุโรป (Europe Union) 7.2 สไลต์เอเชีย (Asain style) ซึ่งม ีจีนเริ่มขึ้นมาเป็นแกนแทนญี่ปุ่น และมีกลุ่มอาเซียน (ASEAN) เป็นกลุ่มแ รกเริ่มโดยมีไทยเป็นแนวหน้า
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
8. การวางแผนทรัพยากรองค์กรกับการจัดการกระบวนการทางธุรกิจ
ธ ส
ขณะที่การวางแผนทรัพยากรองค์กรให้ค วามสำ�คัญกับการทำ�งานที่รองรับตามหน้าที่ (functional) และเป็นแ กนกลางของฐานข้อมูลหลักของแต่ละระบบ แต่โปรแกรมกระแสการไหลของงาน (work flow) จะ เข้าม าจำ�กัดก ารไหลของงานในกระบวนการดำ�เนินธ ุรกิจ (business process) แต่ก ารติดต ั้งโ ปรแกรมกระแส การไหลของงานร่วมกับก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรกย็ ังเป็นเรื่องยุ่งย ากและไม่พ ร้อมใช้ใ นทันที โดยองค์กร จะตอ้ งมฝี า่ ยเทคโนโลยีส ารสนเทศเข้าม าดแู ล เนือ่ งจากตวั โ ปรแกรมกระแสการไหลของงานพืน้ ฐ านยงั เป็นการ จัดการระบบบนฐานข้อมูล (data) มากกว่าฐานสารสนเทศ (information) ดังนั้น จึงเกิดม ีโปรแกรมรูปแบบ ของการจัดการกระบวนการทางธุรกิจ หรือบ ีพีเอ็ม (Business Process Management - BPM) การจัดการกระบวนการทางธุรกิจข ึ้นม าทำ�หน้าที่ใ นการออกแบบและจัดการการไหลของสารสนเทศ ภายในองค์กรตามกระบวนการดำ�เนินธุรกิจท ี่เข้าใจง่ายกว่า โดยมีระบบกระแสการไหลของงานเป็นฐาน แต่ ไม่ต้องอาศัยความรู้ท างด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมากเหมือนเช่นที่เคยเป็น หากเปรียบระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นเหมือนมอื แมลงเต่าท องคอื ข อ้ มูล ฝ่ามือเป็นแ กน กลางศนู ย์ร วมขอ้ มูล และนิว้ ม อื เป็นโ มดูลท รี่ องรับง านของฝา่ ยตา่ งๆ เส้นด า้ ยคอื โ ปรแกรมกระแสการไหลของ งาน การเชือ่ มถงึ กันใ นการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะสือ่ สารโดยผา่ นมายังฝ า่ มือก อ่ น เมือ่ เต่าท องจะเดินจ าก นิ้วโ ป้งไ ปยังน ิ้วช ี้จ ะต้องเดินล งมาที่ฝ ่ามือก ่อน แล้วจ ึงย ้อนกลับข ึ้นไ ปที่น ิ้วช ี้ หากมีเชือกผูกเชื่อมปลายนิ้วโ ป้ง กับป ลายนิ้วช ี้เข้าด ้วยกัน เต่าท องกส็ ามารถเดินล ัดไ ปได้โ ดยง่ายกว่าเดินล งมาทีฝ่ ่ามือก ่อน นั่นคือ กระแสการ ไหลของงานจะสร้างเส้นทางเชื่อมโยงฝ่ายต่างๆ ขึ้นมา ทำ�ให้ข ้อมูลไหลได้อย่างรวดเร็วกว่า (ภาพที่ 7.48)
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-88
ธ ส
ม
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.48 การเปรียบเทียบการทำ�งานและการไหลของข้อมูลระหว่างการวางแผนทรัพยากรองค์กร และโปรแกรมที่ออกแบบโดยเน้นก ระแสการไหลของงาน
ม
ม
หากเปรียบเทียบกับการเขียนโปรแกรมจริงนั้น หากโปรแกรมทุกตัวที่นำ�มาใช้จะต้องเก็บข้อมูล ทัง้ หมดในการวางแผนทรัพยากรองค์กรกอ่ น แล้วจ งึ ไ ปประมวลตอ่ ใ นขัน้ ถ ดั ไ ป ก็เหมือนกบั ก ารทเี่ ต่าท องตอ้ ง เดินล งมาที่ฝ ่ามือก ่อน ดังน ั้น โปรแกรมที่เน้นก ารจัดการกระแสงานจะมีก ารเก็บข ้อมูลส ่วนที่ไ ม่จ ำ�เป็นต ้องมา รวมกันที่เดียวทั้งหมด ก็จะช่วยให้ระบบทำ�งานได้คล่องตัวกว่า และมีต้นทุนการดำ�เนินการน้อยกว่า ในรูปแ บบหนึ่งค ือ ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรทอี่ อกแบบมาเฉพาะอุตสาหกรรม (industryspecitic) เป็นการออกแบบระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ให้ความสำ�คัญเฉพาะบางอุตสาหกรรม เพื่อให้กระแสการทำ�งานของระบบมีความรวดเร็วโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการกำ�หนดค่า (configuration) ทีย่ ุ่งยากมากเช่นท ีเ่กิดข ึ้นก ับก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรทั่วไป อย่างไรก็ตาม การวางแผนทรัพยากรองค์กร แบบเฉพาะอุตสาหกรรม (industry-specific) ก็ยังใช้แนวคิดของแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศเช่นกัน เพียงแต่ เป็นแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศของแต่ละอุตสาหกรรมโดยไม่เอาแนวปฏิบัติของอุตสาหกรรมอื่นมาปะปนเท่านั้น ทิศทางการพัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรร่วมกับระบบจัดการกระบวนการทางธุรกิจ และการ พัฒนาการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่เป็นแบบเฉพาะอุตสาหกรรม ถือเป็นทิศทางสำ�คัญของวงการการ วางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
9. ประเด็นระหว่างประเทศ
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-89
ธ ส
ประเด็นระหว่างประเทศ (international issue) มีผลกระทบต่อการวางแผนทรัพยากรองค์กร ซึ่ง ประเด็นต่างๆ มีดังนี้ 9.1 วัฒนธรรมและภาษาที่แตกต่างกัน (different language and cultures) โดยปกติแล้ว เพียง ประเด็นด้านภาษาก็เป็นกำ�แพงสำ�คัญของการใช้ซอฟต์แวร์ที่กำ�เนิดจากต่างถิ่นอย่างมาก สำ�หรับระบบการ วางแผนทรัพยากรองค์กรซึ่งจะต้องนำ�มาใช้กับองค์กรซึ่งเป็นสังคมที่มีวัฒนธรรมองค์กรของตนเองและอยู่ ในสภาพแวดล้อมธรรมเนียมการค้าท้องถิ่น ยิ่งเป็นกำ�แพงสำ�คัญต่อการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กร ของตะวันตกมาใช้ในองค์กรตะวันออก ในช่วงต้นของการกระจายตัวของการวางแผนทรัพยากรองค์กร จากตะวันตกนั้น ได้มีความพยายามที่จะเปลี่ยนองค์กรให้ใช้ธรรมเนียมการค้าที่แทรกอยู่ในการวางแผน ทรัพยากรองค์กร ทำ�ให้องค์กรที่นำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรตะวันตกมาใช้นั้น ต้องเปลี่ยนเงื่อนไข การค้ากับคู่ค ้าและลูกค้า เช่น การซื้อขายที่ต้องการเอกสารชัดเจนและมีขั้นตอนที่เปลี่ยนไป แต่ยังมิทันที่จะ เห็นผลการเปลี่ยนแปลง ความสำ�คัญของประเทศเกิดใหม่ใ นแถบเอเชียอ ย่างจีนก ็ส ูงข ึ้นจ ากการขยายตัวท าง เศรษฐกิจอ ย่างก้าวกระโดดพร้อมๆ กับก ารแพร่ก ระจายวัฒนธรรมการค้าแ บบเอเชีย (Asian style) ได้ท ำ�ให้ การวางแผนทรัพยากรองค์กรตะวันต กทั้งห ลายต่างวางแผนในการแก้ไขกระบวนการทำ�งานของการวางแผน ทรัพยากรองค์กรของตนให้ส อดคล้องกับว ัฒนธรรมการค้าแ บบเอเชีย เพื่อท ีจ่ ะเจาะเข้าต ลาดผูใ้ ช้ก ารวางแผน ทรัพยากรองค์กรในจีน รวมทั้งในภูมิภาคอาเซียนด้วย 9.2 ความไม่ส อดคล้องกนั ข องโครงสร้างพน้ื ฐ านดา้ นระบบสารสนเทศ (disparities in infrastructure) ประเทศต่างๆ มีก ารวางโครงสร้างพื้นฐ านไม่เท่าก ัน ซึ่งจ ะกระทบต่อร ะบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่จ ะ นำ�มาใช้ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้จะมีผลต่อรูปแบบของนวัตกรรมทุกประเภทของวงการ ตัวอย่างง่ายๆ เช่น การวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ทำ�งานได้เฉพาะบนเว็บ ย่อมจะประสบปัญหาการใช้งานในพื้นที่ที่การ เข้าถึงอินเทอร์เน็ตยังไม่ทั่วถึง หรือกรณีที่โปรแกรมบนมือถือที่ทำ�งานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตยังไม่แพร่ หลาย เนื่องจากโครงข่าย 3 จี ยังไ ม่สามารถให้ดำ�เนินการได้ในไทย เป็นต้น 9.3 ความหลากหลายของกฎหมายและกฎขอ้ บ งั คับ (varying law and customs rules) การวางแผน ทรัพยากรองค์กรเป็นซอฟต์แวร์การจัดการธุรกิจ ซึ่งจะต้องเกี่ยวพันกับกฎระเบียบของทางภาครัฐค่อน ข้างมาก เช่น ระเบียบภาษีสรรพากร ภาษีศุลกากร กฎหมายแรงงาน และกฎหมายแพ่ง ทำ�ให้การวางแผน ทรัพยากรองค์กรของต่างประเทศประสบปัญหาอย่างมากในการทำ�ให้ถ ูกต ้องตามกฎระเบียบ ยากในการปรับ แก้ติดตามกฎระเบียบอย่างทันท ่วงที และการปรับแก้มักจะเป็นการปรับแก้โดยตัวแทนในท้องถิ่น เนื่องจาก ผู้พัฒนาเจ้าของลิขสิทธิ์มักจะไม่ทำ�ให้เนื่องจากมองว่ายอดขายในประเทศไทยถือเป็นสัดส่วนน้อยมากเมื่อ เทียบกับอ เมริกาและยุโรป เมื่อม ีก ารแก้ไขกันเอง ผู้พ ัฒนาเจ้าของลิขสิทธิ์ก ็จ ะไม่ร ับผ ิดช อบความเสียห ายอัน เกิดจากการปรับแ ก้ของตัวแทน และไม่รับบำ�รุงรักษาส่วนที่ต ัวแทนทำ�ขึ้นมาเอง เมื่อมีการอัพเกรดเพื่อปรับ เป็นโปรแกรมรุ่นใหม่ ก็จะไม่ร ับประกันว่าจะสามารถทำ�งานร่วมกันได้
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
7-90
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
9.4 สกุลเงินท มี่ เี ป็นจ �ำ นวนมาก (multiple currencies) กรณีท ี่ก ิจการดำ�เนินการค้าร ะหว่างประเทศ หรือเป็นก ิจการของธุรกิจข ้ามชาติ ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะต้องรองรับหลายสกุลเงิน โดยการ รองรับหลายสกุลเงินนั้นส ามารถแยกออกได้ 2 ส่วน คือ 1) การรองรับรายการธุรกรรมหลายสกุลเงิน เช่น ใบกำ�กับภาษีที่ระบุสกุลเงินต่างประเทศได้ 2) รองรับห ลายสกุลเงินใ นสว่ นของบญ ั ชีท ว่ั ไป และสามารถแสดงงบการเงินไ ด้ใ นหลายสกุลเงิน ทั้ง 2 ส่วนนี้อาจจะจัดซื้อแ ยกส่วนกันได้เนื่องจากระหว่าง 2 ส่วนนี้ทำ�งานคนละมิติและคนละระดับ การบริหาร ยกตัวอย่างเช่น กิจการสาขาของธุรกิจข้ามชาติ อาจจะใช้ระบบงานขายแบบท้องถิ่น หรือขายใน ประเทศ (domestic) เท่านั้น ซึ่งใ ช้แค่สกุลเงินบาทล้วนๆ แต่ส่งงบไปยังสำ�นักงานใหญ่ด้วยสกุลเงินดอลลาร์ สหรัฐ หรือก ิจการที่ส ่งอ อกอาจจะใช้ร ะบบงานขายที่ร องรับห ลายสกุลเงิน แต่เมื่อล งบัญชีก ็แ ปลงเป็นเงินบ าท สกุลเดียว เป็นต้น
ธ ส
ม
ธ ส
ม
10. เว็บและอินเทอร์เน็ตมิใช่สิ่งเดียวกัน
ธ ส
ม
ธ ส
ผู้ใช้ทั่วไปที่มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศไม่มาก มักจะเข้าใจว่าเมื่อพูดถึงการทำ�งานบน เครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็เข้าใจว่าคือการทำ�งานบนเว็บด้วย และมักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรมบน เครือข่ายอินเทอร์เน็ตให้เข้าใจว่าโปรแกรมที่ทำ�งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะไม่ปลอดภัย ที่จริงแล้วผู้ใช้ สามารถทำ�งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ได้ใช้แอพพลิเคชั่นที่ทำ�งานบนเว็บ (web-base application) ก็ได้ อาจจะเรียกได้ว่าผ ู้ใ ช้เกือบทุกคนได้ใช้งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแทบทุกค รั้งที่เปิดเครื่อง เช่น การอัพเดทระบบปฏิบัติการวินโดวส์ก็ทำ�งานอัตโนมัติผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้เปิดเว็บเบราเซอร์ นอกจากนี้ โปรแกรมประเภทปอ้ งกันไ วรัสค อมพิวเตอร์ (anti-virus) ก็ท �ำ งานในรปู แ บบนเี้ ช่นก นั ยังม โี ปรแกรม อีกมากที่ทำ�งานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยที่ผ ู้ใช้ไม่รู้ เช่น โปรแกรมบนสมาร์ตโฟน ดังเช่น โปรแกรมบน ไอโฟน (i-Phone) และแอนดรอยด์ (Android) เกือบทั้งหมด ก็ท ำ�งานบนเครือข ่ายอินเทอร์เน็ตโ ดยไม่เปิดเว็บ เบราเซอร์ รวมทงั้ ส กายพ์ (Skype) เอ็มเอสเอ็น (MSN) กูเกิล้ เอิรธ์ (Google Earth) ก็ไ ม่ใช่เว็บแ อพพลิเคชัน่ เช่นก นั ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องนี้จะมีผลต่อการกำ�หนดทิศทางการใช้งานระบบโปรแกรมการวางแผน ทรัพยากรองค์กร เนื่องจากผู้บ ริหารอาจเข้าใจผิดว่าถ ้าจะสร้างระบบงานที่ทำ�งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็ จะต้องใช้เว็บเบราเซอร์และเสี่ยงต่อการโดนแฮก (Hack) จึงไม่กล้าใช้ และเมื่อจำ�เป็นต้องใช้ ก็เข้าใจไปว่า ต้องใช้การวางแผนทรัพยากรองค์กรที่เป็นเว็บแอพพลิเคชั่นเสมอ จึงวางยุทธศาสตร์ผิดพลาด ในปัจจุบัน นี้ สามารถทำ�งานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้โ ดยไม่จำ�เป็นต ้องใช้เว็บแ อพพลิเคชั่น สามารถเชื่อมสาขาและ สำ�นักงานต่างจังหวัดด้วยเอดีเอสแอลราคาต่ำ�อย่างปลอดภัย กิจการขนาดเล็กสามารถวางระบบการควบคุม สาขาได้เช่นเดียวกับองค์กรขนาดใหญ่อย่างปลอดภัยด้วยงบลงทุนที่ต่ำ�กว่าอย่างมาก
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 7.3.2 แล้ว โปรดปฏิบัตกิ ิจกรรม 7.3.2 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 7 ตอนที่ 7.3 เรื่องที่ 7.3.2
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-91
ธ ส
เรื่องที่ 7.3.3 ต้นทุนและผลตอบแทนการลงทุนข องการวางแผน ทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
ม
ในปี ค.ศ. 2002 หรือ พ.ศ. 2545 บริษัท เมต้ากรุ๊ป (Meta Group) ได้ทำ�การศึกษาต้นทุนรวมของ การจัดหาการวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ ประกอบตัว ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ การให้บริการแบบมืออาชีพ (professional services) และค่าใ ช้จ ่ายส่วนของพนักงานขององค์กร ในการศึกษาได้ร วมต้นทุนใ นการเริ่มต้น ระบบและต้นทุนท ี่เกิดขึ้นต่อเนื่องอีก 2 ปี ซึ่งจ ะครอบคลุมไปถึงค ่าบำ�รุงร ักษา ค่าอัพเกรด และค่าปรับแต่ง ระบบ ของ 63 บริษัทในต่างประเทศ ประกอบไปด้วยกิจการทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ พบค่าเฉลี่ยการ ลงทุนอ ยู่ที่ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือป ระมาณ 495 ล้านบาท (ที่อัตราแลกเปลี่ยน 33 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ สหรัฐ) โดยเงินลงทุนต่ำ�สุดอ ยู่ที่ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 13 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก โดย ไม่แบ่งแยกว่าจะเป็นกิจการประเภทใด และในปี ค.ศ. 2007 บริษัท อะเบอดีน กรุ๊ป (Aberdeen Group) ได้ สำ�รวจข้อมูลจ าก 1,680 โรงงาน ทั้งขนาดเล็กแ ละขนาดใหญ่ พบว่างบลงทุนใ นเรื่องการวางแผนทรัพยากร องค์กรจะแปรผันตามขนาดขององค์กร หมายความว่า เมื่อบริษัทม ีขนาดใหญ่ จำ�นวนผู้ใช้มาก ค่าซอฟต์แวร์ และค่าบริการจะสูงข ึ้นเป็นเงาตามตัว ตัวอย่างเช่น กิจการที่มียอดขาย 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะต้อง ใช้ง บปรมาณ 384,295 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไม่ต่ำ�กว่าร้อยละ 0.8 ของยอดขาย ส่วนกิจการขนาดกลาง ที่มีย อดขายระหว่าง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะต้องลงทุนเฉลี่ยไม่ต่ำ�กว่า 1 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ หรือป ระมาณร้อยละ 0.2 ถึง 1 ของยอดขาย และกิจการขนาดใหญ่ที่มียอดขายระหว่าง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะต้องลงทุนในการวางแผนทรัพยากรองค์กรไม่ต่ำ�กว่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไ ม่ต่ำ�กว่าร ้อยละ 0.6 แม้ว่านิยามขนาดกิจการของต่างประเทศอาจจะแตกต่างจากไทย แต่ตัวเลขเหล่านี้ย่อมจะสะท้อน ภาพการลงทุนในการวางแผนทรัพยากรองค์กรได้ บางคนกล่าวว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก แต่บางคนก็มองว่า หากเทียบกับสัดส่วนของยอดขายแล้ว ถือว่าการลงทุนในการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นการลงทุนที่ คุ้มค่า เพราะงบลงทุนไม่เกินร้อยละ 1 ของยอดขาย หากระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรนั้นใช้งานง่าย ค่าใ ช้จ ่ายส่วนมากจะอยูใ่ นช่วงปแี รก หากประสบผลสำ�เร็จใ นการติดต ั้งแ ละนำ�มาใช้ง านกถ็ ือว่าเป็นการลงทุน ที่คุ้มค่า ดังนั้น ประเด็นสำ�คัญจึงน ่าจะอยู่ท ี่ความสำ�เร็จของการนำ�มาใช้มากกว่างบลงทุน
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
1. ต้นทุนแฝงที่เกิดหลังจากการติดตั้ง
ธ ส
ม
ม
ธ ส
การติดต ั้งก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรอาจจะใช้เวลาตั้งแต่ 3 เดือนจนถึง 2-3 ปี ขึ้นกับขอบเขต ของระบบงาน กรณีที่กิจการที่มีความซับซ้อนหรือการกำ�หนดแผนให้นำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมา ติดตั้งใช้ในคราวเดียวทั่วทั้งองค์กรอาจจะต้องใช้เวลาตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าระยะเวลา
ม
7-92
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ดังกล่าวจะเป็นระยะเวลาที่เป็นไ ปตามแผนหรือไม่ ยิ่งใช้ระยะเวลายาวนานมากขึ้นเท่าใด โอกาสที่จ ะเกิดการ เปลี่ยนแปลงกระบวนการดำ�เนินธ ุรกิจใ นระหว่างการติดต ั้งร ะบบย่อมมมี ากขึ้น โดยเฉพาะในยุคท ีก่ ารแข่งขัน รุนแรง องค์กรต่างๆ ไม่อาจหยุดนิ่งได้นานนัก การปรับเปลี่ยนกระบวนการดำ�เนินธุรกิจย่อมเกิดขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง ระยะเวลาทเี่พิ่มข ึ้นจ ะเพิ่มโ อกาสทโี่ ครงการติดต ั้งร ะบบจะล้มเหลวมากขึ้นเช่นก ัน รวมทั้งอ งค์กรกจ็ ะ มีต้นทุนแฝงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ต้นทุนค่าเสียโอกาส ต้นทุนการอบรมซ้ำ�ซาก การโอนย้ายฐานข้อมูลหลายๆ ครั้ง ข้อมูลที่ไม่ทันส มัย การนำ�ไปตัดสินใจที่ผิดพลาด เป็นต้น
ธ ส
ม
ธ ส
2. ต้นทุนของการบำ�รุงร ักษาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
การบำ�รุงร ักษา (maintenance) เป็นส ่วนที่ต ้นทุนส ูงด ังท ี่ก ล่าวไว้ข ้างต้น ซึ่งน ั่นเป็นม ุมม องของการ บำ�รุงร ักษาตัวซ อฟต์แวร์ห ลังจ ากการพัฒนาเท่านั้น แต่ใ นหัวข้อน ีเ้ป็นการมองในภาพรวมจากมุมม องของผูใ้ ช้ ซึ่งการบำ�รุงรักษาในมุมมองของผู้ใช้จะต้องรวมเอาการบำ�รุงรักษาฮาร์ดแวร์ ระบบเครือข่าย การบริการแก้ ปัญหาให้ผู้ใช้ การอบรมเพิ่มเติม และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการบริการผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ด้วย ซึ่งค่าบำ�รุงร ักษาใน มุมมองของผู้ใช้จะเป็นการเฉลี่ยค่าใช้จ่ายกับลูกค้ารายอื่นๆ ของผู้ให้บริการ ทำ�ให้ช่วยลดค่าบำ�รุงร ักษาโดย รวมของผูใ้ ช้แ ต่ละองค์กรลงได้ แต่ก ระนั้นก ็ตาม องค์กรในไทยมักจ ะไม่ค ่อยยินดีจ ่ายค่าบ ำ�รุงร ักษาระบบ ทั้ง การบ�ำ รุงร กั ษาซอฟต์แวร์แ ละฮาร์ดแวร์ด ว้ ย ทำ�ให้ย นื บ นความเสีย่ งกบั ก ารลม้ เหลวของระบบงาน แต่ใ นการนำ� การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้น ั้น การบำ�รุงรักษามีค วามสำ�คัญย ิ่งก ว่าตัวซ อฟต์แวร์เอง โดยเฉพาะกรณี ที่มองการใช้งานในระยะยาว เนื่องจากเป็นการคุ้มครองเงินลงทุนที่ไ ด้ลงไปแล้ว ช่วยให้ร ะบบทำ�งานได้อย่าง ราบรื่น และสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้าก ับเทคโนโลยีใ หม่ไ ด้อ ย่างต่อเนื่อง ดังน ั้น ในโครงการจัดซ ื้อร ะบบการ วางแผนทรัพยากรองค์กรนัน้ ผูบ้ ริหารจงึ ค วรจดั สรรงบประมาณเพือ่ ก ารบ�ำ รุงร กั ษาไว้ต ัง้ แต่แ รก โดยทัว่ ไปนัน้ การบ�ำ รุงร กั ษาการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะประกอบดว้ ยการบริการ การให้ค วามชว่ ยเหลือห รือเฮลพ์เดสก์ (help desk support) การอัพเกรดซอฟต์แวร์ และการบริการอื่นๆ โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายการบำ�รุงร ักษาระบบ เฉพาะส่วนของซอฟต์แวร์จ ะประมาณร้อยละ 10-15 ต่อป ีของเงินลงทุนเริ่มแรก และค่าบำ�รุงร ักษาฮาร์ดแวร์ จะประมาณร้อยละ 33 ต่อปีของเงินลงทุนเริ่มแรก และถือเป็นงบประมาณประจำ�ปีขององค์กรด้วย
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
3. ต้นทุนของการปฏิบัตกิ ารเป็นต้นทุนท ี่ถูกลืม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ผู้บริหารจำ�นวนไม่น้อยที่เข้าใจว่าเมื่อนำ�ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้แล้วจะสามารถ ลดจำ�นวนคนลงได้ แต่ในความเป็นจริงการวางแผนทรัพยากรองค์กรไม่สามารถทดแทนคนได้ หากไม่มี การปรับเปลี่ยนกระบวนการดำ�เนินธุรกิจ ภาพการลดคนจากการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้งาน จึงไม่ค ่อยปรากฏนัก แต่ในทางกลับกัน หากการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้แล้วกลับเพิ่มขั้นตอน การทำ�งานก็จะส่งผลให้ต้องเพิ่มพนักงานในระบบมากขึ้น ดังเช่นที่เคยเกิดกับกิจการขนมขบเคี้ยวแห่งหนึ่ง ในไทย ซึ่งลงทุนติดตั้งร ะบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรขนาดใหญ่จนสำ�เร็จ หลังจ ากที่ใช้งานไปซักระยะ หนึ่ง พบว่าการวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวนั้นมีขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ซับซ้อนกว่าท ี่เคยดำ�เนินการมาใน
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-93
ธ ส
อดีต ต้องใช้คนและเวลาในการปฏิบัติการมาก รวมทั้งค่าดูแลระบบก็สูงมาก เมื่อนำ�เอาต้นทุนการทำ�งาน ด้วยระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรขนาดใหญ่ม าเฉลี่ยก ับจ ำ�นวนซองของขนมทีข่ ายได้แ ต่ละเดือนพบว่า ต้นทุนท ี่เพิ่มข ึ้น (marginal cost) จากการปฏิบัติงานบนระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวนั้นมากกว่า กำ�ไรต่อซอง กล่าวคือ จะขาดทุนทุกๆ ซองที่ผลิตได้นั่นเอง จึงได้ยกเลิกร ะบบขนาดใหญ่ แล้วจัดหาระบบ ที่เล็กกว่ามาใช้แทน หรือกรณีกิจการปิโตรเคมีรายใหญ่แห่งหนึ่งทำ�การจัดซื้อระบบการวางแผนทรัพยากร องค์กรโดยมุ่งหวังที่จะลดพนักงานส่วนหลัง (back office) ลงครึ่งหนึ่ง และเพิ่มความเร็วในการทำ�งาน แต่ ผลกลับตรงข้าม ทำ�ให้ต้องเพิ่มพนักงานอีกเท่าตัว ขณะที่ยังเกิดความล่าช้าในการทำ�งานมากกว่าเดิม ด้วย ต้นทุนส่วนเพิ่มมากกว่าเดิม นอกจากนี้ ต้นทุนของการอบรมในระยะยาวมักจะไม่สามารถกำ�หนดได้ล่วงหน้า ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อ พนักงานเก่าลาออก ระบบที่ใช้งานยากจะมีต้นทุนการเรียนรู้สูงกว่าระบบที่ไม่ซับซ้อน บางระบบง่ายมากจน ผ ู้ใ ช้ส อนกันเองได้ แต่บ างระบบกย็ ากมากจนต้องทำ�การติดต ั้งเพื่อใ ช้ง านใหม่ (re-implement) ทีเดียว เพียง เพื่ออ บรมพนักงานใหม่ ต้นทุนต ่างๆ เหล่าน ี้ม ักจ ะไม่อ ยู่ใ นงบลงทุนข องโครงการตอนแรกเริ่ม ถือเป็นต้นท ุน ที่ถูกลืมของโครงการติดตั้งร ะบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรส่วนมาก
ธ ส
ม
ธ ส
4. ผลตอบแทนของการลงทุน
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
การประเมินผ ลตอบแทนของการลงทุน (Return on Investment - ROI) ของการวางแผนทรัพยากร องค์กรก่อนการตัดสินใจซื้อเป็นเรื่องยากมาก เนื่องจากเป็นงานยากที่จะบอกได้ว่าการวางแผนทรัพยากร องค์กรจะทำ�ให้ยอดขายเพิ่มเท่าไหร่ จะทำ�ให้ลดต้นทุนเท่าไหร่ จะเพิ่มประสิทธิภาพเท่าไหร่ จะเพิ่มผลิต ภาพเท่าไ หร่ จะลดการสูญเสียได้เท่าไหร่ และจะเห็นผลเหล่านั้นเมื่อใด นอกจากนี้ เพียงแค่ซื้อการวางแผน ทรัพยากรองค์กรมาใช้ยังไ ม่ส่งผ ลมากนัก หากไม่มีการปรับปรุงกระบวนการทำ�งานอย่างต่อเนื่อง ผูบ้ ริหารโครงการหรือผ บู้ ริหารระดับส งู ค วรจะมุง่ ต วั ช วี้ ดั โ ดยดจู ากการปรับก ระบวนการด�ำ เนินธ รุ กิจ (business process) และเป็นต ัวช ีว้ ัดท ีช่ ัดเจน หากผูบ้ ริหารคาดหวังผ ลตอบแทนแบบไร้ข อบเขต คณะทำ�งาน ย่อมจะไม่มั่นใจถึงโอกาสที่จะสำ�เร็จได้ตามเป้าหมาย จะทำ�ให้ความทุ่มเทของคณะทำ�งานลดลง โครงการ ติดตั้งระบบก็จะส่อแววความล้มเหลวตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการ แต่ผ ลตอบแทนที่เห็นไ ด้ช ัดค ือ การเปลี่ยนแปลงกระบวนการดำ�เนินธ ุรกิจใ ห้เป็นร ะบบ และช่วยให้ ผูบ้ ริหารสามารถเรียกดรู ายงานเพื่อก ารตัดสินใ จในด้านการบริหาร เพราะนั่นค ือแ นวคิดแ รกเริ่มท ี่แท้จ ริงข อง ผูบ้ ริหาร อาจกล่าวได้ว า่ หากการนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ม ไิ ด้ท �ำ ให้เกิดก ารปรับปรุงก ระบวนการ ดำ�เนินธุรกิจ หรือยกระดับการทำ�งานของพนักงาน ก็ไม่มีประโยชน์อันใดในการนำ�การวางแผนทรัพยากร องค์กรมาใช้ ซึ่งก ารวัดผลตอบแทนการลงทุนในมิตินี้ ผู้บริหารย่อมสามารถสัมผัสได้ด้วยตนเอง
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-94
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
5. ต้นทุนของการอบรมที่ไม่สิ้นสุด
ม
ธ ส
การวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นระบบที่ซับซ้อน การทำ�ความเข้าใจจึงเป็นเรื่องที่ยากสำ�หรับผู้ใช้ สำ�หรับโ ปรแกรมทั่วไปความยากง่ายจะอยู่ท ี่ห น้าตาหรือส ่วนต่อป ระสานของโปรแกรม (interface) เป็นห ลัก แต่ส ำ�หรับก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรซึ่งม ีก ระแสการไหลของงานซ่อนอยู่ภ ายในจำ�นวนมาก นอกจากต้อง เข้าใจกระแสงานในส่วนของตนเองแล้ว ยังต ้องทำ�ความเข้าใจกระแสงานที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายอื่นๆ ด้วย ทำ�ให้ เป็นส่วนที่เข้าใจยากที่สุดข องระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร ในกระบวนการจดั ซ ือ้ ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรนัน้ ผูข้ ายมกั จ ะเสนอบริการทมี่ ุง่ ก ารอบรมเฉพาะ ในส่วนที่ทำ�ให้ผู้ใช้รู้ว่าโปรแกรมทำ�งานอย่างไรเท่านั้น มิได้ครอบคลุมไปถึงการเปลี่ยนกระบวนการดำ�เนิน ธุรกิจ ผู้ใ ช้จ ึงม ักจ ะรู้แ ต่ว ่าห น้าจ อนี้ม ีข ้อมูลอ ะไรบ้าง ให้บ ันทึกค ่าอ ะไรลงไป แต่ไ ม่เจาะลึกล งไปถึงก ระแสงาน อย่างละเอียด แต่ก ารนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ใ ห้ไ ด้ป ระโยชน์ส ูง จะต้องปรับก ระบวนการทำ�งาน ใหม่ แต่เมื่อผ ู้ใ ช้ย ังไ ม่เข้าใจกระแสงานได้อ ย่างดีพ อ จึงม ักจ ะพยายามทำ�งานแบบเดิมๆ ลงไปในการวางแผน ทรัพยากรองค์กร ซึ่งทำ�ให้เกิดความยากลำ�บากในการทำ�งานในระบบ จนเมื่อใดที่ผู้ใช้เริ่มเข้าใจกระแสงาน มาตรฐานของการวางแผนทรัพยากรองค์กรแล้วเห็นประโยชน์ จึงจะเริ่มปรับกระบวนการทำ�งานเสียใหม่ ซึ่ง ตอนนั้นผ ูข้ ายอาจจะจบโครงการติดต ั้งร ะบบไปแล้ว สุดท้ายคนในองค์กรอาจจะต้องจัดอ บรมเพิ่มเติมก ันเอง นอกจากผู้บริหารจะเข้าใจในประเด็นนี้ และยินดีท ี่จะจัดโครงการอบรมรอบสอง ซึ่งถือว่าเป็นต้นทุนที่ไม่ได้ ประมาณการเอาไว้แ ต่แ รก ประเด็นน มี้ คี วามแตกต่างจากการทผี่ ูบ้ ริหารบางแห่งด ำ�เนินก ารจัดซ ื้อโ ดยมสี ัญญา บริการอบรมเพิ่มเติมได้เรื่อยๆ แบบปลายเปิด และคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเป็นร ายวัน (man-day) เนื่องจาก การอบรมซ้ำ�ๆ แบบเดิม โดยผู้ใ ช้ยังไม่ปรับกระบวนการทำ�งานเสียใหม่ ก็ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการ ติดตัง้ ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรอย่างแท้จริง และการเซ็นส ญ ั ญาแบบปลายเปิดท �ำ ให้ผ ขู้ ายทไี่ ม่ร บั ผ ดิ ช อบ เอาเป็นช ่องทางในการหาประโยชน์จากผู้ซ ื้อ เนื่องจากถือว่าผู้ขายไม่ต้องประกันผ ลงานไปโดยปริยาย ผู้ขาย บางรายจึงใช้วิธีนี้ในการหารายได้เป็นหลัก ทำ�ให้บางโครงการนั้น ค่าใช้จ่ายในการอบรมเพิ่มเติมนั้นมากกว่า งบประมาณตั้งต้นมากกว่าเท่าตัว ทำ�ให้ง บประมาณบานปลายอย่างควบคุมไม่ได้
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
6. การเชื่อมโยงการวางแผนทรัพยากรองค์กรกับระบบอื่นทำ�ให้ต้นทุนบานปลาย
การเชื่อมกับระบบอื่นจะทำ�ให้เกิดต้นทุนแฝงอื่นๆ ที่ไม่คาดคิด คือ การทดสอบ การอบรมนอก หลักสูตรมาตรฐาน และการบำ�รุงรักษาระบบที่เฉพาะเจาะจง แม้ซอฟต์แวร์การวางแผนทรัพยากรองค์กร จะสามารถเชื่อมโยงกับระบบอื่นๆ ได้ทั้งหมด แต่ถ้าเป็นการเชื่อมโยงที่ต้องเขียนขึ้นมาใหม่ก็จะมีต้นทุนก าร ทดสอบความถูกต้องต่อไปอีกระยะหนึ่ง การทดสอบให้ครบทุกสถานการณ์เป็นเรื่องที่ใช้เวลานาน และบาง โครงการก็รอไม่ไ ด้ จึงต ้องใช้งานไปทดสอบไป กรณีที่เจอปัญหาตอนที่ระบบนำ�มาใช้จริงแล้ว นอกจากจะมี ต้นทุนก ารแก้ไขโปรแกรมแล้ว ยังอาจจะต้องมีต้นทุนในการแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาดสะสมมายาวนานด้วย กรณีที่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์การวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวนั้นเข้ามาร่วมในการทำ�โปรแกรม เชื่อมโยงก็จะลดความเสี่ยงและเวลาในการทดสอบระบบ ลักษณะการเชื่อมโยงที่เกิดขึ้นอาจมีลักษณะ ดังนี้
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-95
ธ ส
- เชื่อมการวางแผนทรัพยากรองค์กรกับโปรแกรมที่คนในองค์กรเขียนขึ้นมาเอง - เชื่อมการวางแผนทรัพยากรองค์กรกับระบบอื่นซึ่งได้พัฒนาส่วนการเชื่อมต่อมาก่อนแล้ว - เชื่อมการวางแผนทรัพยากรองค์กรกับระบบอื่นที่จัดซื้อมาโดยยังไม่เคยทำ�การเชื่อมต่อ ระบบกันมาก่อน - เชื่อมการวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวหนึ่งกับการวางแผนทรัพยากรองค์กรอีกตัวหนึ่ง หากระบบนั้นเคยเชื่อมต่อกันมาก่อนแล้วย่อมเป็นเรื่องง่ายมาก รองลงมาคือ การเชื่อม การ วางแผนทรัพยากรองค์กรกับโ ปรแกรมที่เขียนขึ้นม าเอง ซึ่งจ ะยากหรือง ่ายขึ้นก ับว ่าโ ปรแกรมเมอร์เดิมย ังอ ยู่ หรือไม่ และโปรแกรมเมอร์นั้นม ีค วามเชี่ยวชาญมาน้อยเพียงใด ส่วนการเชื่อมการวางแผนทรัพยากรองค์กร กับโปรแกรมตัวอื่นๆ ที่ยังไ ม่เคยเชื่อมต่อกันม าก่อน ต้องพิจารณาว่าโปรแกรมเหล่าน ั้น มีรูปแบบมาตรฐาน ในการเชื่อมต่อห รือไ ม่ ถ้าม ีอ ยู่แ ล้วก ็ส ามารถทำ�ได้เลย โดยเขียนโปรแกรมแปลงรูปแ บบให้ม าตรงกัน ซึ่งก ็ไ ม่ สามารถหลีกเลี่ยงการที่ต ้องทดสอบระบบอย่างมากได้ ดังน ั้น ถ้าเป็นไ ปได้ ทางเลือกที่ด ีท ี่สุดค ือ การเชื่อมต่อ ด้วยระบบทีเ่คยเชื่อมต่อก ันม าก่อนแล้ว ซึ่งใ นการเชื่อมโยงระบบจะมตี ้นทุนแ ฝงอีกค ือ ต้นทุนท ีเ่กิดจ ากความ ผิดพลาดของข้อมูล ในขั้นตอนนำ�ระบบไปใช้ คือ ถ้าระหว่างการใช้งานมีการส่งข้อมูลที่ผิดพลาดเข้าสู่ระบบ การวางแผนทรัพยากรองค์กร จะสร้างความเสียห ายต่อฐานข้อมูล ซึ่งจะเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการแก้ไข ปรับปรุงข ้อมูล รวมทั้งอ าจจะต้องจ้างผูเ้ชี่ยวชาญเข้าม าแก้ไขฐานข้อมูลใ นการวางแผนทรัพยากรองค์กรอย่าง เร่งด่วน ซึ่งเป็นค ่าใช้จ่ายที่ไม่อ าจคาดหมายล่วงหน้าได้
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
7. การแก้ไขส่วนสำ�คัญของการวางแผนทรัพยากรองค์กรทำ�ให้เกิดปัญหาตามมามากมาย
การแก้ไขซอฟต์แวร์ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรโดยเฉพาะการแก้ไขทีก่ ระทบแกนกลางของระบบ เป็นเรื่องของการเล่นก ับไ ฟ เนื่องจากซอฟต์แวร์ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นร ะบบทซี่ ับซ ้อนและผ่านการ พัฒนามานาน เหมือนภูเขาน้ำ�แข็ง ส่วนที่ล อยอยู่เหนือน้ำ�เป็นเพียงส่วนน้อยของระบบที่ส ัมผัสไ ด้ ผู้ใ ห้บ ริการ บางรายพยายามเข้าไปแก้ไขระบบด้วยตนเองเพื่อเอาใจลูกค้า แต่ปัญหาจะเกิดเมื่อมีการอัพเกรดระบบการ วางแผนทรัพยากรองค์กร เนื่องจากส่วนที่ได้มีการเข้าไปแก้ไขเองจะถูกโปรแกรมตัวใหม่เข้าไปแทนที่ หาก ไม่เตรียมการล่วงหน้า ระบบที่ได้แก้ไขเอาไว้จ ะหายไป ดังนั้น ก่อนที่จะอัพเกรดจะต้องตรวจสอบและแก้ไข ให้ต รงกับท ี่เคยเข้าไปแก้ใ นเวอร์ชั่นก ่อนอีกค รั้ง และเป็นท ี่มาของค่าใ ช้จ ่ายอีกค รั้ง บางครั้งเกือบจะต้องเขียน กันใ หม่หมด กรณีที่แก้ไขโดยไม่ผ่านการรับรองจากเจ้าของการวางแผนทรัพยากรองค์กร จะมีต้นทุนแฝงที่ สำ�คัญอีกส่วนหนึ่งคือ เจ้าของการวางแผนทรัพยากรองค์กรจะไม่สามารถสนับสนุนให้ได้ ทำ�ให้ต้องตั้งทีม ช ว่ ยเหลือข ึน้ ม าดแู ลตวั เองซึง่ จ ะมตี น้ ทุนม หาศาล กรณีท กี่ ารแก้ไขนัน้ ไ ด้ร บั ก ารรบั รองจากเจ้าของ การวางแผน ทรัพยากรองค์กร เมื่อม ีก ารอัพเกรดก็จ ะลดผลกระทบและโปรแกรมส่วนที่ไ ด้แ ก้ไขไปแล้ว จะสามารถใช้ง าน ได้ต่อไป
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-96
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
8. การแปลงและย้ายข้อมูลจากระบบเก่ามาสู่การวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นต้นทุนที่ถูก ละเลย
ธ ส
ธ ส
กรณีที่องค์กรเคยใช้ระบบโปรแกรมอื่นม าก่อนการติดตั้งการวางแผนทรัพยากรองค์กร เมื่อจะเริ่ม ใช้ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร ผู้ใช้มักจะต้องการย้ายข้อมูลในระบบเก่ามาที่การวางแผนทรัพยากร องค์กรตัวที่ได้มาใหม่ มักจ ะประสบปัญหาข้อมูลเสียจากระบบเก่า หรือมีข้อมูลเก่าจำ�นวนมากที่ไม่ได้ใช้งาน มานาน เมื่อมีข้อมูลเสียหายปะปนกับข้อมูลเก่าจำ�นวนมากจึงเป็นการยากในการตรวจสอบ รวมทั้งต้องใช้ เวลาที่นานมากในการแก้ไขให้ถูกต้อง แต่ผู้บริหารมักจะไม่ได้เตรียมงบในการดำ�เนินการส่วนนี้ และต้อง ทำ�การขยายงบในที่สุด
ม
ธ ส
ม
ม
9. งบประมาณจัดซ ื้อระบบวิเคราะห์ข ้อมูลเพื่อต่อยอดจากการวางแผนทรัพยากรองค์กร
เนื่องจากการวางแผนทรัพยากรองค์กรเป็นแ หล่งร วมข้อมูลเกือบทั้งหมดขององค์กร ซึ่งส ามารถนำ� มาใช้ส นับสนุนการตัดสินใจได้อ ย่างมาก ซึ่งจ ะต้องมีรายงานวิเคราะห์จ ำ�นวนมากในมิติต่างๆ แต่ผู้ใช้มักจะ ยังไม่สามารถรู้ได้ว่ารายงานไหนบ้างที่จะมาใช้ช่วยการตัดสินใจ เมื่อระบบได้เริ่มใช้ไปซักระยะจึงมักจะเกิด การร้องขอรายงานวิเคราะห์เพิ่มขึ้นจากระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร นำ�มาซึ่งค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจาก งบประมาณเดิมท ี่ขออนุมัติไว้ ดังนั้น ผู้บ ริหารโครงการควรจัดสรรงบสำ�รองเพิ่มเติมไว้จำ�นวนหนึ่ง หรือทำ� ข้อตกลงไว้ล่วงหน้ากับผู้ใ ห้บริการ
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
10. การมีที่ปรึกษาไม่สามารถประกันได้ว่าจ ะสามารถควบคุมง บประมาณได้
การนำ�การวางแผนทรัพยากรองค์กรมาใช้ม ักจ ะต้องจัดจ ้างทีป่ รึกษา ซึ่งใ นการจ้างทีป่ รึกษาโครงการ ติดต ั้งก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรนั้น ควรมั่นใจว่าทีป่ รึกษาทีจ่ ้างมานั้นจ ะช่วยให้โ ครงการดำ�เนินไ ปได้ต าม แผนและอยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้ เพราะบ่อยครั้งที่ขอบเขตของการจ้างที่ปรึกษามิได้ระบุหน้าที่นี้ไว้ในข้อ ตกลง หากทีป่ รึกษาเอนเอียงไปทางผูใ้ ห้บ ริการ ย่อมทำ�ให้ไ ม่ส ามารถควบคุมง บประมาณโครงการได้ บางครั้ง งบประมาณจะบานปลายมากกว่าเท่าต ัวจ ากงบเริ่มแ รก ดังน ั้น หากคณะทำ�งานโครงการติดต ั้งร ะบบประกอบ ด้วยที่ปรึกษา ผู้บริหารจึงควรกำ�หนดขอบเขตงบประมาณที่ชัดเจนให้แก่ที่ปรึกษา และการให้คำ�มั่นจากที่ ปรึกษาจะเป็นส่วนสำ�คัญต ่อการทำ�ความสำ�เร็จข องโครงการภายใต้งบประมาณที่กำ�หนด
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 7.3.3 แล้ว โปรดปฏิบัตกิ ิจกรรม 7.3.3 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 7 ตอนที่ 7.3 เรื่องที่ 7.3.3
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-97
ธ ส
เรื่องที่ 7.3.4 ปัจจัยที่กระทบต่อการพัฒนาระบบการวางแผน ทรัพยากรองค์กร
ธ ส
ม
ม
ปัจจัยที่กระทบต่อการพัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรมีหลายประการ ดังนี้
ธ ส
1. สถาปัตยกรรมที่เน้นบ ริการและซอฟต์แวร์บ ริการ
สถาปัตยกรรมที่เน้นบริการ หรือเอสโอเอ (Service-Oriented Architecture - SOA) คือ สถาปัตยกรรมทางด้านการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้การพัฒนาระบบและการ เชื่อมต่อได้อย่างยืดหยุ่น เป็นการเชื่อมต่อแบบหลวมๆ โดยการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารในแบบบริการหรือ เซอร์วิส (services) เพื่อใ ห้โ ปรแกรมจากต่างแหล่งส ามารถทำ�งานร่วมกันไ ด้ท ันทีโ ดยไม่ต ้องผ่านกระบวนการ คอมไพล์ (compile) เหมือนสมัยก่อน ทำ�ให้การพัฒนาเป็นไปได้อย่างอิสระแต่ยังคงความสามารถให้การ ทำ�งานร่วมกันได้ ซอฟต์แวร์บริการ หรือแซส (Software-as-a-service - Saas) เป็นรูปแ บบการดำ�เนินธุรกิจท ี่ป ฏิวัติ แนวคิดในการส่งมอบซอฟต์แวร์ จากเดิมที่เป็นการขายลิขสิทธิ์ (license) ในการใช้งาน แล้วตามด้วยการ บริการต่างๆ เช่น การติดตั้ง การให้การช่วยเหลือ (support) และการอัพเกรด เป็นต้น มาเป็นการขายบริการ ที่มีซอฟต์แวร์เป็นส่วนประกอบหนึ่งของการบริการ ซึ่งจะรวมเอาซอฟต์แวร์ การอัพเกรด และการบริการ อื่นๆ เข้าไ ว้ในข้อเสนอการบริการนั้น ผู้ซื้อจึงไม่มีก ารซื้อซอฟต์แวร์ไปเป็นส ินทรัพย์ แต่จ่ายออกในรูปแบบ ของค่าใช้จ่าย
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
2. คลาวด์คอมพิวต ิ้งกับการวางแผนทรัพยากรองค์กรยุคห น้า
ธ ส
คลาวด์คอมพิวติ้ง (cloud computing) เป็นการประยุกต์หลักการของเอสโอเอ โดยมีแนวคิดที่จะ นำ�เอาระบบฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และทรัพยากรทั้งหมด ไปไว้อยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จนกว่าจะมีผู้ใช้ เรียกใช้ (ภาพที่ 7.49) มีผ ู้น ิย ามคลาวด์ค อมพิวต ิ้งท ี่แ ตกต่างกันไ ป ตามมุมม องจากหลากหลายอาชีพ แต่โ ดย รวมแล้วค ลาวด์ค อมพิวต ิ้งจ ะเป็นการรวมทรัพยากรต่างๆ ให้เป็นโ ครงสร้างพื้นฐ าน และอยูบ่ นเครือข ่าย ไม่ว ่า จะเป็นอ ินเทอร์เน็ตหรืออินทราเน็ตก็ตาม เพื่อใ ห้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา นิยามนี้จะดูคล้ายกริด คอมพิวต ิ้ง (grid computing) แต่แ ตกต่างกันต รงที่ก ริดค อมพิวต ิ้งจ ะเน้นไ ปที่ก ารรวมทรัพยากร แต่ไ ม่เน้น การจัดการด้านการกระจายทรัพยากร จึงไ ม่เป็นลักษณะของธุรกิจได้
ม
ม
ธ ส
ม
7-98
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ภาพที่ 7.49 ความสามารถในการรองรับการให้บริการที่หลากหลายของคลาวด์ค อมพิวติ้ง
ธ ส
คลาวด์คอมพิวติ้งส ามารถแบ่งไ ด้ 3 ระดับ คือ โครงสร้างพื้นฐาน แพลตฟอร์ม และแอพพลิเคชั่น (ภาพที่ 7.50) เมื่อนำ�แนวคิดแซสมาผนวกกับรูปแบบของคลาวด์ค อมพิวติ้ง โดยการทำ�ให้โครงสร้างพื้นฐาน แพลตฟอร์ม และแอพพลิเคชั่น กลายเป็นเซอร์วิส และเรียกว่า โครงสร้างพื้นฐานบริการ (Infrastructureas-a-Services - IaaS) แพลตฟอร์มบ ริการ (Platform-as-a-Services - PaaS) และแอพพลิเคชั่นซ อฟต์แวร์ บริการ (Application-Software-as-a-Services (SaaS) โดยผู้ใช้สามารถที่จะเข้าถึงบริการต่างๆ ในระดับ ต่างๆ ตามสิทธิที่ได้รับจากระบบ
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ภาพที่ 7.50 การให้บริการในหลายระดับ
ม
ธ ส
ม
ที่มา: García, Jorge. A Tour of the Clouds. Retrieved June 22, 2010 from the World Wide Web: http://www.technology evaluation.com/research/articles/a-tour-of-the-clouds-21076/
ธ ส
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
ม
7-99
ธ ส
นักเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าต่อไปแกนกลางของระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดจะอยู่ บนคลาวด์ ในกรณีข องการวางแผนทรัพยากรองค์กรก็ม ีแ นวโน้มท ี่ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรจะอยู่ใ นรูป ของแพลตฟอร์มบ ริการ (PaaS) โดยเป็นโครงข่ายหลัก (back bone) และโครงสร้างหลักขององค์กรในการ ดำ�เนินธ รุ กรรม โดยท�ำ งานรว่ มกบั แ อพพลิเคชัน่ ส ว่ นอืน่ ๆ ทีเ่ ป็นแ บบเฉพาะอตุ สาหกรรม (industry-specific) ตั้งแต่อยู่บนคลาวด์ ผู้ใ ช้การวางแผนทรัพยากรองค์กรจะสามารถเรียกใช้เสิร์ชเอนจิน (search engine) ได้ สามารถเอาระบบสั่งซื้อสินค้าข องเว็บไ ซต์อ ะเมซอน (amazon) มาฝังไว้ในโปรแกรมการวางแผนทรัพยากร องค์กรได้ นำ�เอาจีเมล (gmail) มาประกอบในการวางแผนทรัพยากรองค์กรได้ โดยการเชื่อมโยงกันระดับ เซิร์ฟเวอร์บนอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้ไม่ต้องติดตั้งระบบใดๆ ที่สำ�นักงาน แต่อาจจะต้องติดตั้งโปรแกรมฝั่ง ลูกข่าย (client) ที่ทำ�การสื่อสารกับผู้ใ ห้บริการ (service provider) หรืออาจจะทำ�งานผ่านเว็บเบราเซอร์ทั้ง ระบบเลยก็ได้ (ภาพที่ 7.51)
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.51 ผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งเชิงพ าณิชย์
ที่มา: เว็บไซต์ http://en.wikipedia.org/wiki/Cloud_computing
ม
3. การวางแผนทรัพยากรองค์กรในรูปแบบแซส
ธ ส
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ถึงแม้ว่าจำ�นวนการใช้งานการวางแผนทรัพยากรองค์กรในรูปแบบแซสจะยังถือว่าน้อยมาก แต่ก็ ถือว่ามีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี ส่วนมากจะใช้เฉพาะบางระบบ เช่น การบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น แต่ก็เริ่มที่จะมีการนำ�เสนอเอาการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่เป็นโอเพ่นซอร์ส (open source) ทั้งระบบมา ทำ�การขายในรูปแบบแซสเช่นกัน กลุ่มผู้พ ัฒนาแซสเฉพาะส่วนนี้มักจะเสนอระบบฝากข้อมูลไว้ที่ผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ต หรือไอเอสพี (Internet Service Provider - ISP) หรือผู้ให้บริการโฮสติ้ง (hosting) และเสนอ การติดต ั้งแบบตามความต้องการ (on-demand) คือจ่ายเงินเฉพาะโมดูลที่ใช้งานเท่านั้น
ม
7-100
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
อุปสรรคสำ�คัญค ือ เรื่องความลับทางการค้า และความไม่สบายใจของฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศที่ ระบบไปฝากไว้ก ับบ ุคคลภายนอก ซึ่งผ จู้ ัดการฝ่ายเทคโนโลยีส ารสนเทศมองว่าห ากเกิดป ัญหากจ็ ะไม่สามารถ เข้าไปจัดการได้เต็มที่ ส่วนผู้บริหารและเจ้าของกิจการก็กังวลถึงการรั่วไหลของข้อมูลทางการเงินและ การค้า จากการสำ�รวจในปี ค.ศ. 2007 หรือ พ.ศ. 2550 โดย CIO Magazine พบว่ามีผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยี สารสนเทศร้อยละ 54 ที่ตอบว่าคงจะใช้ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรในรูปแบบที่เป็นอยู่คือ ติดตั้ง ระบบไว้ที่ส ำ�นักงานขององค์กรมากกว่าจะใช้แนวทางอื่น เช่น โอเพ่นซอร์ส แซส หรือแบบแอพพลิเคชั่นใ น องค์กร (in-house application) มีเพียงร้อยละ 9 ที่ตอบว่า จะใช้โอเพ่นซอร์ส แซส หรือเขียนเอง และมี ร้อยละ 35 ที่ตอบว่าอาจจะทดลองใช้อะไรที่แ ตกต่างจากเดิม แต่ก็ยังไม่เคยได้ทดลองจริงๆ จากการสำ�รวจ พบว่าผ ู้ใช้ท ี่เป็นร ุ่นบ ุกเบิกใ นการใช้แ ซสคือ กิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก ส่วนกิจการขนาดใหญ่ส ่วนมาก ได้ลงทุนระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรแบบซื้อลิขสิทธิ์ (license) ไปแล้ว จะมีการใช้งานแบบแซสอยู่ บ้างในระบบงานย่อยบางส่วน ต้นทุนก ารเป็นเจ้าของ หรือท ีซีโอ (Total Cost of Ownership - TCO) มักจะเป็นประเด็นห ลักที่ ถูกหยิบยกขึ้นมาในการนำ�เสนอแซส จากการสำ�รวจของบริษัท อาเบอร์ดีนกรุ๊ป (Aberdeen Group) ในปี ค.ศ. 2009 พบว่า 3 อันดับแรกในการเลือกซื้อการวางแผนทรัพยากรองค์กร หรือจะเช่าใช้แบบแซส คือ ความสามารถ ความง่ายในการใช้งาน และต้นทุนการเป็นเจ้าของ แต่ปรากฏว่าต้นทุนการเป็นเจ้าของที่แตก ต่างกันน ั้นไ ม่ไ ด้เกิดจ ากส่วนของซอฟต์แวร์แ ละบริการ แต่เกิดจ ากฮาร์ดแวร์แ ละเงินเดือนของฝ่ายเทคโนโลยี สารสนเทศมากกว่า โดยในรายงานระบุว า่ ผ ใู้ ห้บ ริการแซสมักจ ะลดคา่ ใ ช้จ า่ ยโดยการจ�ำ กัดก ารปรับแ ก้ร ะบบ และพยายาม ลดต้นทุนข องระบบคอมพิวเตอร์ท ีต่ นรับภ าระแทนผูใ้ ช้ ซึ่งผ ูใ้ ช้ค วรพิจารณาข้อต กลงระดับก ารให้บ ริการ หรือ เอสแอลเอ (Service Level Agreement - SLA) และการกำ�หนดค่า (configuration) ของระบบทั้งร ะบบ เพื่อ ให้ระบบมีความปลอดภัย เสถียร และมีประสิทธิภาพการดำ�เนินงาน (performance) ในระดับที่ยอมรับได้
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
ตารางที่ 7.2 ลำ�ดับความสำ�คัญท ี่ผู้ใช้สนใจต่อระบบที่เป็นแซส
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
7-101
ธ ส
ม
ธ ส
ที่มา: Aberdeen Group. “SaaS ERP: Trends and Observations.” Retrieved from the World Wide Web: http://www.plex. com/download/AberdeenSaaSERPTrendsandObservations.pdf
ม
4. การวางแผนทรัพยากรองค์กรตามความต้องการ
ธ ส
ม
ตามความต้องการ หรือออนดีมานด์ (on-demand) หมายถึง การที่ผู้ใช้สามารถเลือกจ่ายเฉพาะ ส่วนที่ต้องการใช้ในเวลาที่ต้องการใช้ แทนที่จะต้องจ่ายซื้อทั้งระบบเพียงเพื่อจะใช้เฉพาะบางส่วนของระบบ และบางเวลาเท่านั้น และเมื่อเลิกใช้ก็สามารถหยุดจ่ายได้ จึงมีลักษณะเป็นการเช่าใช้นั่นเอง 1) ในมิติของรูปแบบการดำ�เนินธุรกิจ แซสจะคล้ายกับซอฟต์แวร์ตามความต้องการ (software on-demand) เนื่องจากทั้ง 2 รูปแบบนั้น บริษัทจะไม่ถือซอฟต์แวร์นั้นเป็นสินทรัพย์ ผู้ซื้อจะไม่มีรายการ ซื้อซอฟต์แวร์ปรากฏอยู่ในรายการบัญชี จึงไม่มีการตัดค่าเสื่อม แต่ถือเป็นค่าใช้จ่ายโดยลงบัญชีเป็นค่าเช่า แทน กรณีของแซสจะต่างออกไปตรงที่เป็นการนำ�เอาบริการขึ้นมานำ�หน้าการเช่าใช้ จึงเรียกว่าเป็นเซอร์วิส หรือบ ริการ (service) แทนคำ�ว่า ซอฟต์แวร์ ดังนั้น การลงบัญชีก ็จ ะเป็นค่าบริการอบรม หรือค ่าบริการติดตั้ง 2) ในมิตขิ องเทคโนโลยี แซสมีพ ื้นฐ านมาจากการทีซ่ อฟต์แวร์ถ ูกพ ัฒนาขึ้นใ นรูปแ บบสถาปัตยกรรม ที่เน้นบ ริการซึ่งอยู่บ นมาตรฐานหลายตัว ได้แก่ เอ็กซ์เอ็มแอล (XML - eXtensible Markup Language) เอชทที ีพี (HTTP - HyperText Transfer Protocol) ยูดีดีไอ (UDDI - Universal Description, Discovery and Integration) และโซพ (SOAP - Simple Object Access Protocol) ผ่านรูปแบบที่หลายหลาก ถ้าจะถามว่าแล้วโปรแกรมประเภทนี้แตกต่างจากโปรแกรมทั่วไปอย่างไร ก็เป็นการยากที่จะอธิบายให้คน ที่ไม่ได้อยู่สายนักพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เข้าใจ แต่มีตัวอย่างหนึ่งที่พอจะแสดงให้เห็นการทำ�ซอฟต์แวร์ ให้เป็นบริการ เช่น โปรแกรมในแท็บชื่อ Services ของ Task Manager ของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ จะมีโปรแกรมที่ทำ�งานซ่อนอยู่เป็นจำ�นวนมาก ซึ่งใ นทางเทคนิค โปรแกรมเมอร์จะเรียกโปรแกรมประเภทนี้
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-102
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
ว่า เซอร์วิส (services) แทนที่จะเรียกว่า แอพพลิเคชั่น (applications) เพราะในทางเทคนิคแล้วโปรแกรม เหล่านี้ไม่ได้ป รากฏเป็นไฟล์ประมวลผล (execution file) แต่เป็นส่วนย่อยของโปรแกรมใหญ่ตัวใดตัวห นึ่ง ที่เปิดออกมาให้โ ปรแกรมอื่นเรียกใช้ได้ร ูปแบบของฟังก์ชัน (function) และบ่อยครั้งที่โปรแกรมเหล่านี้พูด คุยสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ต่างๆ ที่อยู่ใ นโลกอินเทอร์เน็ตและทำ�งานแบบอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องรอผู้ใช้สั่งให้ทำ� เช่น โปรแกรมอัพเดทของโปรแกรมป้องกันไวรัส โปรแกรมวินโดวส์อัพเดท (Windows update) เป็นต้น ซึ่ง กรณีท ี่เป็นเซอร์วิสท างด้านการวางแผนทรัพยากรองค์กรก็จ ะตอบสนองการสั่งง านของโปรแกรมที่เกี่ยวข้อง กับการวางแผนทรัพยากรองค์กร ทั้งที่อยู่ในอินทราเน็ตหรืออินเทอร์เน็ต โปรแกรมที่ทำ�งานในลักษณะเช่น นี้จึงสนับสนุนการทำ�งานตามการร้องขอแบบตามความต้องการ (on-demand) ได้เป็นอย่างดี โดยจะทำ�งาน ประสานกับเซอร์วิสท ี่อยู่ท ี่เซิร์ฟเวอร์ร ะยะไกลของผู้ให้บริการแบบตามความต้องการได้ และช่วยดำ�เนินการ ทางด้านธุรกรรมให้แก่ผู้ใ ห้บ ริการแบบรายเดือนได้โ ดยสะดวก
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
5. การวางแผนทรัพยากรองค์กรแบบโอเพ่นซอร์ส
ซอฟต์แวร์แ บบโอเพ่นซอร์ส (open source) ก็ค ือซ อฟต์แวร์ท ี่เปิดเผยโค้ดต ้นฉบับ (source code) ให้แ ก่ท ีน่ ำ�ไปผูใ้ ช้ เพื่อป ระโยชน์ห ลายประการ ประโยชน์ป ระการหนึ่งค ือ ผูใ้ ช้ส ามารถนำ�ไปพัฒนาต่อยอดเอง ได้ แต่ห ้ามทำ�การขายซอฟต์แวร์ต ัวน ั้น ทั้งต ัวต ้นฉบับแ ละส่วนทีไ่ ปพัฒนาต่อยอด แต่อ นุญาตให้ค ิดค ่าบ ริการ อื่นๆ ได้แทน เช่น ค่าติดตั้ง ค่าอบรม เป็นต้น ทำ�ให้เกิดบริการต่างๆ ตามมา รวมทั้งบริการปรับแ ก้ระบบ สรุป คร่าวๆ คือ ไม่ค ิดเงินค่าซอฟต์แวร์ แต่ท ี่เหลือนอกจากนั้นสามารถคิดเงินได้ เนื่องจากซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สมีหลากหลายระดับ การกำ�หนดยุทธศาสตร์ในการเลือกใช้จึง แตกต่างกันมาก แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นหลักๆ ที่มักใช้กันคือ ต้นทุนการเป็นเจ้าของ การบริการหลังก าร ขาย ความรับผ ิดช อบของผู้พ ัฒนา การทำ�งานร่วมกับโ ปรแกรมอื่นท ี่เป็นร ูปแ บบจำ�หน่าย การพัฒนาบุคลากร การบำ�รุงรักษาระบบ และการพัฒนาต่อยอด หากจะจัดกลุ่มใหญ่ๆ แล้ว โอเพ่นซอร์สก็แบ่งได้เป็นกลุ่มเครื่องมือ (tools) กลุ่มแอพพลิเคชั่น (application) กลุ่มส ำ�นักงานอัตโนมัติ (office automation) โดยการนำ�โอเพ่นซอร์สมาใช้จะได้ประโยชน์ ต่างกันไปในแต่ละกลุ่ม เช่น การนำ�ลีนุกซ์ (Linux) ซึ่งเป็นเครื่องมือมาใช้ก็ไม่ต้องการการช่วยเหลือมาก นัก แต่ต้องมีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในการสอนและสนับสนุนกันเองภายในองค์กร หรือการนำ� สำ�นักงานอัตโนมัติมาใช้ก็ต้องคำ�นึงถึงไฟล์ที่จะต้องรับจากผู้อื่นที่ยังใช้ไมโครซอฟต์เวิร์ด (MS Word) อยู่ ส่วนกลุ่มที่เป็นการวางแผนทรัพยากรองค์กรต้องคำ�นึงถึงการปรับแต่ง การสนับสนุนช่วยเหลือ และการ อัพเกรด เป็นต้น การนำ�มาใช้ต้องศึกษาว่าโอเพ่นซอร์สตัวนั้นใช้ข้อตกลงแบบใด โดยดูจากข้อตกลงเกี่ยวกับผู้ใช้ (user agreement) หากเป็นข้อตกลงที่ใ ห้ส่งโปรแกรมส่วนที่พัฒนาต่อยอดนั้นต้องโอเพ่นซอร์สด้วย ก็ต้อง เอาส่วนทีแ่ ก้ไขใหม่บริจาคให้แ ก่ช ุมชนโอเพ่นซอร์ส ซึ่งป ระเด็นน ีไ้ ด้ม ผี ูท้ ีไ่ ม่ป ฏิบัตติ ามและเป็นค วามไม่พ อใจ ของชุมชนโอเพ่นซอร์สต ่อผู้ท ี่เข้ามาเอาประโยชน์จากผลงานของชุมชน แต่ไม่แบ่งปันค ืนให้กับชุมชน ในช่วง หลังนี้มีโอเพ่นซอร์สหลายตัวได้เปลี่ยนข้อตกลงจากการเปิดเผย (open source) ทั้งหมดไปอยู่ในรูปของ
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-103
ธ ส
โอเพ่นคอร์ (open core) และการใช้ลิขสิทธิ์ค ู่ (dual licensing) กล่าวคือ มีการแบ่งแยกระหว่างส่วนที่เปิด เผยต้นฉบับ (open source) กับส่วนต่อขยาย (add-on) ที่ไม่เปิดเผย หรือส่วนเคลือบหุ้ม (wrapper) ที่ ถือเป็นระบบปิด (proprietary) และนำ�ไปจำ�หน่ายในรูปแบบของซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ โดยอาจเกิดจากการ กระทำ�ของเจ้าของต้นฉบับทำ�เองโดยแยกส่วนที่เปิดเผยให้ใช้ฟรี กับส ่วนที่ปิดแ ละคิดค่าซอฟต์แวร์ในการที่ จะนำ�ไปใช้ หรืออาจเกิดจากการทำ�ข้อตกลงแบบมีทางเลือกให้แก่ผู้ที่ไปพัฒนาต่อสามารถปกปิดส่วนขยาย ได้ (ภาพที่ 7.52)
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ภาพที่ 7.52 องค์ประกอบในรูปแบบโอเพ่นซอร์สท ั้งส่วนที่เป็นร ะบบปิดกับร ะบบเปิด
ที่มา: Daffara, Carlo. “The relationship between Open Core, dual licensing and contributions.” Retrieved from the World Wide Web: http://carlodaffara.conecta.it/?p=460
ม
ประเด็นโอเพ่นค อร์ (open core) และการใช้ลิขสิทธิ์คู่ (dual licensing) นี้ถูกหยิบยกขึ้นมากล่าว ถึงกันบนชุมชน ถึงความเคลือบแคลงสงสัยแ ละความกังวลใจต่อจุดมุ่งหมายที่แท้จริงว ่าเป็นการต้องการหา รายได้ใ นลักษณะ “แจกฟรีเฉพาะส่วนพื้นฐ าน แต่ค ิดเงินเมื่อต ้องการระบบทีส่ มบูรณ์ก ว่า” (freemium) หรือ เป็นอ ุดมการณ์ท ี่ต ้องการเสียส ละของนักพ ัฒนาต้นฉบับ อย่างกรณีข อง ชูก าร์ซ ีอ าร์เอ็มซ ิกส ์ (SugarCRM 6) หรือโอเพ่นเอ็กซ์เชนจ์ (Open-Xchange) พบปัญหาในโปรแกรมส่วนที่เป็นโอเพ่นซอร์ส ซึ่งมีเวอร์ชั่นที่ไม่มี ปัญหาแต่เป็นการจ�ำ หน่าย เมือ่ ท �ำ ในรปู แ บบโอเพ่นค อร์แ ล้วน ัน้ ก็จ ะแบ่งส ว่ นของโค้ดต น้ ฉบับอ อกมาได้ 2 ส่วน คือ ส่วนพื้นฐ านทีไ่ ม่ค ิดเงิน และส่วนทีม่ กี ารหารายได้ ซึ่งร ูปแ บบการหารายได้อ าจจะเหมือนการซื้อซ อฟต์แวร์ ลิขสิทธิ์ทั่วไป หรืออยู่ใ นรูปแบบของการจ่ายค่าสมาชิกให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์ หรืออื่นๆ หลากหลายวิธีการ รูปแบบโอเพ่นค อร์ (open core) และการใช้ลิขสิทธิ์คู่ (dual licensing) ถือได้ว่าเป็นการขัดขวาง กระบวนการสร้างความร่วมมือเสียสละในชุมชนโอเพ่นซอร์ส เนื่องจากการที่จะได้รับอนุญาตในการนำ�ไปใช้ จะต้องได้ร ับก ารยินยอมจากเจ้าของโค้ดต ้นฉบับเสียก ่อน ซึ่งไ ม่แ ตกต่างจากบริษัทท ี่ท ำ�ธุรกิจแ บบถือล ิขสิทธิ์ ทั่วไปนั่นเอง เพราะเป็นการง่ายที่เจ้าของโค้ดต้นฉบับจะทำ�เงินจากส่วนที่ปกปิดรหัสนี้ ทำ�ให้การได้รับการ แบ่งปันจ ากผู้อื่นก ็ลดลงไปโดยปริยาย
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-104
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
ม
ธ ส
นอกจากนี้ มีการพบว่าโค้ดต้นฉบับของโปรแกรมบางตัวที่ได้มาจากชุมชนมีการแทรกโปรแกรม แฮกเกอร์ประเภทฟิชชิ่ง (phishing) เข้ามาด้วย โดยไม่ทราบว่าเกิดจากผู้ใดนำ�เข้าไป และเมื่อใด ประเด็น เหล่านี้มีผลต่อความเชื่อมั่นต่อทิศทางของโอเพ่นซอร์สว่าจะยังคงสามารถรักษาชุมชนเอาไว้ได้นานหรือไม่ ชุมชนในอนาคตจะอยู่ใ นรูปแบบใด และจะแตกต่างจากซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ทั่วไปแค่ไหน ในการนำ�โอเพ่นซอร์สม าใช้น ั้น ผู้พ ัฒนาจะไม่ร ับผ ิดช อบปัญหาใดๆ อันเกิดจ ากการนำ�มาใช้ รวมทั้ง ไม่รับผิดชอบในการบำ�รุงรักษาโปรแกรม ผู้ใช้หรือผู้ให้บริการต่อเนื่องต้องรับผิดชอบเอง แต่การบำ�รุงรักษา เป็นต้นท ุนที่สูง โดยเฉพาะผู้ใช้ที่ไม่ใช่นักพัฒนาระบบโดยอาชีพ ในกรณีของการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ เป็นแ บบโอเพ่นซอร์สจึงม ักจ ะเสนอให้ใ ช้ร ูปแ บบของแซส โดยผู้ข ายจะให้เช่าร ะบบแทนการซื้อ และโอนภาระ การดูแลระบบมาให้ผู้ข ายแทน เพื่อล ดภาระของผู้ใ ช้และถือเป็นการรับผิดชอบการแก้ปัญหาแทนทีมพัฒนา ต้นฉบับ ดังน ั้น การวางแผนทรัพยากรองค์กรทีเ่ป็นโ อเพ่นซอร์สจ ึงก ลายเป็นผ ูผ้ ลักด ันก ารใช้ง านการวางแผน ทรัพยากรองค์กรแบบแซสไปโดยปริยาย แซสนั้นเป็นเพียงรูปแ บบการดำ�เนินธ ุรกิจ ดังน ั้น การติดต ั้งร ะบบโอเพ่นซอร์สก ารวางแผนทรัพยากร องค์กรจึงไม่จำ�กัดว่าการวางแผนทรัพยากรองค์กรตัวนั้นจะเป็นแอพพลิเคชั่นที่ทำ�งานบนเว็บหรือไม่ และ อันที่จริงแล้วการเสนอการวางแผนทรัพยากรองค์กรในรูปแบบแซสก็มิได้จำ�กัดอยู่เฉพาะกลุ่มโอเพ่นซอร์ส ด้วยเช่นก ัน แต่การที่เสนอการวางแผนทรัพยากรองค์กรในรูปแบบของแซสมักจะเสนอมาในเทคโนโลยีเว็บ เนือ่ งจากเป็นว ธิ ที ผี่ พู้ ฒ ั นาจะสะดวกในการดแู ลระบบแทนผใู้ ช้ ซึง่ จ ะชว่ ยให้ผ ใู้ ช้ไ ม่ต อ้ งลงทุนเซิร์ฟเวอร์ ความ ปลอดภัย และไม่ต้องมีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ จากการสำ�รวจพบว่าต ้นทุนจ ากการใช้ก ารวางแผนทรัพยากรองค์กรแบบแซสที่เป็นโ อเพ่นซอร์ส ใน ส่วนของซอฟต์แวร์และค่าบริการของทั้ง 2 รูปแบบนั้นไม่แตกต่างกัน แต่ต่างกันเฉพาะส่วนของการลงทุน ทางด้านเซิร์ฟเวอร์และฮาร์ดแวร์เท่านั้น ดังนั้น เมื่อมองให้ลึกแล้ว กรณีที่องค์กรนำ�การวางแผนทรัพยากร องค์กรแบบโอเพ่นซอร์สมาใช้นั้นจะมีความแตกต่างจากการซื้อลิขสิทธิ์เพียงจุดเดียวคือ มีโค้ดต้นฉบับอยู่ ในมือ และถ้าระบบนั้นเป็นแบบเช่าใช้ หรือแซส จึงจ ะสามารถลดต้นทุนการเป็นเจ้าของได้ เนื่องจากไม่ต้อง ลงทุนระบบเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
6. ผลกระทบของวัฒนธรรมที่มีต่อการวางแผนทรัพยากรองค์กรทั่วโลก
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
เนื่องจากองค์กรประกอบด้วย บุคลากรเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำ�คัญที่สุด ดังนั้น วัฒนธรรมจึงมี ผลกระทบอย่างมากต่อวิธีการดำ�เนินธุรกิจ ซึ่งว ัฒนธรรมการค้าของตะวันออกจะยืดหยุ่นอะลุ่มอะล่วย และ ใช้ค วามเชื่อใจ (trust) มาก แต่ของตะวันตกจะยึดถือระบบ (framework) มากกว่า ตัวอย่างเช่น การขอรับ สินค้าไ ปก่อนแล้วค ่อยทำ�เอกสารตามหลัง ซึ่งร ะบบของตะวันต กจะไม่ย อมรับ หรือก ารออกใบส่งข องชั่วคราว การวางบิลก่อนการเก็บเงิน การขอเปลี่ยนสินค้า การเบิกค ่าใช้จ่ายที่ไ ม่มีใบเสร็จ การเบิกเงินล่วงหน้า การรับ เช็คก่อนเป็นประกันโดยที่ยังไม่มีเอกสารการซื้อขาย การจ่ายเช็คโดยที่ยังไม่มีเอกสารการซื้อ เป็นต้น หรือ ความแตกต่างในหลักก ารของการผลิต ซึ่งห ลักก ารของการวางแผนวัตถุดิบก ารผลิต หรือเอ็ม อาร์พ ี (Material Requirements Planning - MRP) เป็นแนวคิดแบบตะวันตก ขณะที่ญี่ปุ่นมีแนวคิดที่แตกต่างกันคือ
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
การวางแผนทรัพยากรองค์กร
7-105
ธ ส
แบบทันเวลา (Just in time - JIT) ซึ่งเป็นแนวคิดแบบดึง (pull) ซึ่งภายหลังได้รับการยกระดับมาเป็นการ ผลิตแ บบลีน (lean manufacturing) สิ่งเหล่าน ีต้ ่างมผี ลต่อก ารออกแบบระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร ทั้งส ิ้น ดังน ั้น การวางแผนทรัพยากรองค์กรที่เกิดใ นวัฒนธรรมที่แ ตกต่างกันจ ึงม ักจ ะเน้นก ระบวนการทำ�งาน ทีแ่ ตกต่างกัน ในยุคท ีก่ ารวางแผนทรัพยากรองค์กรกำ�เนิดข ึ้นแ รกๆ นั้น มีค วามเชื่อว ่าซ อฟต์แวร์ก ารวางแผน ทรัพยากรองค์กรจะเป็นซอฟต์แวร์ครอบจักรวาลขององค์กร และองค์กรทั่วโลกจะใช้ได้เหมือนๆ กัน แต่ แนวคิดยุคใหม่นั้นให้ความสำ�คัญกับวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างมากขึ้น รวมทั้งธรรมเนียมการค้า และ ข้อกำ�หนดของทางการที่แตกต่างกันในแต่ละอุตสาหกรรม เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อกระบวนการ ดำ�เนินธุรกิจอย่างมาก ในระยะหลัง ประเทศในแถบอาเซียนโดยเฉพาะจีนแ ละอินเดียมีค วามสำ�คัญต ่อร ะบบ เศรษฐกิจโลกมากขึ้น ทำ�ให้กิจการทั้งหลายทั่วโลกต่างมุ่งหน้ามาที่เอเชียมากขึ้น กิจการต่างๆ ในแถบนี้มี อิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น โดยเฉพาะกิจการของชาวจีน ทั้งชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ชาวจีนไต้หวัน และ ชาวจีนใ นแถบอาเซียน รวมทั้งใ นไทยด้วย อาจกล่าวได้ว ่า วัฒนธรรมการค้าใ นแถบนสี้ ่วนใหญ่ก ค็ ือว ัฒนธรรม การค้าแบบจีนนั่นเอง ขณะที่ตลาดการวางแผนทรัพยากรองค์กรในประเทศแถบตะวันตกถดถอย แต่ตลาด แถบเอเชียกำ�ลังขยายตัวแบบก้าวกระโดด ทำ�ให้ผู้ผลิตการวางแผนทรัพยากรองค์กรระดับโลกต่างมุ่งหน้า เพื่อที่จะครองตลาดการวางแผนทรัพยากรองค์กรในแถบนี้ จึงพยายามพัฒนาระบบการวางแผนทรัพยากร องค์กร ให้เข้าก ันไ ด้ก ับว ัฒนธรรมตะวันออกมากขึ้น ซึ่งเรียกว่า เป็นการวางแผนทรัพยากรองค์กรแบบเอเชีย มากขึ้น
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่ 7.3.4 แล้ว โปรดปฏิบัตกิ ิจกรรม 7.3.4 ในแนวการศึกษาหน่วยที่ 7 ตอนที่ 7.3 เรื่องที่ 7.3.4
ม
ธ ส
ม ม
ธ ส
ม
ธ ส
7-106
ธ ส
ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และการประยุกต์
บรรณานุกรม
ธ ส
ม
ธ ส
ม
Aberdeen Group. “SaaS ERP: Trends and Observations.” Retrieved from the World Wide Web: http:// www.plex.com/download/AberdeenSaaSERPTrendsandObservations.pdf Boehm B. (1981). “Software Engineering Economics.” Prentice Hall. Daffara, Carlo. “The relationship between Open Core, dual licensing and contributions.” Retrieved from the World Wide Web: http://carlodaffara.conecta.it/?p=460 Martin J. and McClure G. (1983). “Software Maintenance: The Problem and its Solutions.” Prentice Hall. Stair, Ralph and Reynolds, George. (2008). Principles of Information Systems. 8th ed. Canada: Thomson Course Technology. เว็บไซต์ http://en.wikipedia.org/wiki/SQL เว็บไซต์ http://whatiserp.net/ เว็บไซต์ http://www.cio.com/article/40323/ERP_Definition_and_Solutions เว็บไซต์ http://www.wisegeek.com/what-is-enterprise-resource-planning.htm เว็บไซต์ http://www.sysoptima.com/erp/erp_modules.php เว็บไซต์ http://www.technologyevaluation.com/research/articles/the-path-to-erp-for-small-businessespart-3-selection-of-erp-software-21237/ เว็บไซต์ http://www.technologyevaluation.com/research/articles/enterprise-resource-planning-forservices-has-software-as-a-service-become-service-oriented-architecture-for-small-tomedium-businesses-19937/ เว็บไซต์ http://www.technologyevaluation.com/research/articles/from-manufacturing-to-distributionthe-evolution-of-erp-in-our-new-global-economy-19560/ เว็บไซต์ García, Jorge. “A Tour of the Clouds.” Retrieved June 22, 2010 from the World Wide Web: http://www.technologyevaluation.com/research/articles/a-tour-of-the-clouds-21076/
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ธ ส
ม
ม
ธ ส
ธ ส
ม
ม
ธ ส