1
2
แก้ปัญหาด้วยปัญญา ปัญหาทุกอย่างไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ มีทางแก้ไขได้ ถ้ารู้จักคิดให้ดี ปฏิบัติ ให้ถูก การคิดได้ดีนั้น มิใช่การคิดได้ด้วยลูกคิด หรือด้วยสมองกล เพราะ โลกเราในปัจจุบันจะวิวัฒนาการไปมากเพียงใดก็ตาม ก็ยังไมมีเครื่องมืออัน วิเศษชนิดใด สามารถขบคิดแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ การขบคิด วินิจฉัยปัญหา จึงต้องใช้สติปัญญา คือคิดด้วยสติรู้ตัวอยู่เสมอ เพื่อหยุดยั้ง และป้องกันความประมาทผิดพลาด และอคติต่างๆมิให้เกิดขึ้น ช่วยให้การ ใช้ปัญญาพิจารณาปัญหาต่างๆ เป็นไปอย่างเที่ยงตรง ทำ�ให้เห็นเหตุเห็นผล ที่เกี่ยวเนื่องกัน เป็นกระบวนการได้กระจ่างชัด ทุกขั้นตอน พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 1 สิงหาคม 2539 3
泰國龍蓮中學
โรงเรียนมังกรกมลาวาสวิทยาลัย วัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่)
รับสมัครนักเรียนชายบรรพชาเป็นสามเณรนักเรียน เพื่อศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ และ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ หลักสูตรพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา
กำ�หนดการรับสมัคร ตัง้ แต่บดั นีเ้ ป็นต้นไปจนถึงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๕ ณ โรงเรียนมังกรกมลาวาสวิทยาลัย พร้อม หลักฐานการสมัครตามระเบียบของทางโรงเรียน กำ�หนด
กำ�หนดการ พิธีมอบตัว วันอาทิตย์ ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๕ พิธีบรรพชา วันอาทิตย์ ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๕
หลักฐานการสมัคร ๑. สำ�เนาทะเบียนบ้านฉบับจริง พร้อมสำ�เนา ๒ ชุด ๒. รูปถ่ายหน้าตรง ๒ นิ้ว จำ�นวน ๒ ใบ ๓. ใบแสดงผลทางการศึกษา ( ปพ๓ ) พร้อมสำ�เนา ๒ ชุด ๔. ใบรับรองทางการศึกษา พร้อมสำ�เนา ๒ ชุด ๕. ใบรับรองความประพฤติจากสถานศึกษา พร้อมสำ�เนา ๒ ชุด สวัสดิการและค่าใช้จ่าย ค่าใช้จา่ ยในการบรรพชาและระหว่างอยูจ่ �ำ พรรษาตลอด จนค่าใช้จา่ ยในการศึกษา ท่านเจ้าคุณเจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส เป็นผู้อุปถัมภ์ทั้งสิ้น
๔๒๓ ถ.เจริญกรุง เขตป้อมปราบฯ กรุงเทพฯ ๑๐๑๐๐ โทร ๐๒-๒๒๒-๓๙๗๕ ต่อ 4๑๕ โทรสาร ๐๒-๒๒๖๖๕๕๒
คำ�สอนหลวงพ่อ
ญาติโยมทั้งหลายเมื่อถึงเวลาที่ต้อง พบกับความเศร้าโศกเสียใจเพราะโดนพราก จากสิ่งอันเป็นที่รัก ทั้งผิดหวังกับสิ่งที่ได้คาด หวังเอาไว้บา้ ง ทัง้ เป็นทุกข์กบั เรือ่ งต่างๆ ทีเ่ กิด ขึน้ บ้าง ต้องรูจ้ กั การทำ�ใจ การวางใจ การปลงใจ อย่าให้จิตใจของเรานั้นต้องเศร้าโศกไปมาก เป็นทุกข์ไปมาก เสียใจไปมาก ในขณะเดียว กันนั้น เมื่อเรารู้สึกดีใจแล้ว สุขใจแล้ว หรือ สมหวังใจแล้ว เราก็อย่าให้ดีใจจนเกินไป สุขใจจนเกินไป อย่าปล่อยให้จิตหลงระเริง ไปตามอารมณ์ เพราะหากว่าเราไม่รู้จักการ ทำ�ใจให้ปล่อยวางแล้ว เมือ่ วันหนึง่ เราประสบ กั บ ปั ญ หาและความผิ ด หวั ง เราจะทำ � ใจ ลำ�บาก เพราะเราวางใจไม่เป็น 不管谁遇到感伤的事,受到一点 刺激,如果是感情脆弱的人就很容易伤 感,“要懂得平心静气和放心”。不要让 自己太伤心,太担心,太担忧。这种感 觉使得自己没有很好的办法。同时,什 么时候我们欢欣愉快的感情,兴奋的心 情,如意,也不要让自己太愉快,太高 兴。“不要心慌意乱”如果不懂放心, 有哪天自己遇到很大的问题还有失望自 己就不能承认错误。所以不管结果如何 自己要心安理得,保持平衡。
5
คณะผู้จัดทำ�
制作团
顾问团主席 仁晁大师
释圣慈
执行编辑 释圣财
副执行编辑 明 丰
编辑部 释圣日 释圣感 释圣敬 張卓生 明 丰
作者 释圣财 释圣淑 林齐荣 邱水莲 聖禮師
交际部 释圣台 李玛理 文 治
图像 释圣温 清 官 文 治
文字校正 释圣感 释圣敬 張卓生 攀 妮 邱水莲 邱宁平
电脑处理
清 官
จัดพิมพ์โดย
ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ พระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส ผู้สถาปนาและรักษาการวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ฯ หลวงจีนปลัดวิศิษฏ์ พูลศิริวิทย์ บรรณาธิการบริหาร หลวงจีนวินัยธรศิริชัย ภมรศิลปธรรม ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร นนทชัย สว่างแสง กองบรรณาธิการ หลวงจีนสุริยันต์ อุทธา หลวงจีนศุภชัย โคตรสมบัติ หลวงจีนจันทร์แก้ว วงศ์ชัย อ.พิชัย ธีรธรรมเสถียร นนทชัย สว่างแสง นักเขียนกิตติมศักดิ์ หลวงจีนวินัยธรศิริชัย ภมรศิลปธรรม หลวงจีนภานุวัฒน์ เลิศประเสริฐพันธ์ อ.เศรษฐพงษ์ จงสงวน สิริชัย ตันทรงเจริญ ธัญธารีย์ วชิรไกรพัฒน์ สามเณรปยุต ไมตรียกูล สมาชิกสัมพันธ์ หลวงจีนวีระพงษ์ ปาสานนท์ ลดาวัลย์ กาญจน์ธีรโชติ พรชัย นันทเพชร บรรณาธิการภาพ หลวงจีนเมธา อรรถวิโรจน์กุล เฉลิมชัย วัฒนศักดิ์ พรชัย นันทเพชร พิสูจน์อักษร หลวงจีนศุภชัย โคตรสมบัติ หลวงจีนจันทร์แก้ว วงศ์ชัย อ.พิชัย ธีรธรรมเสถียร อ.พรรณี ศรีสุวรรณ 出版社 จัดทำ�โดย ธัญธารีย์ วชิรไกรพัฒน์ ฝ่ายสารสนเทศวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ฯ ภัสธารีย์ วชิรไกรพัฒน์ 75 หมู่ 4 ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 11110 บรรณาธิการศิลปกรรม โทรศัพท์ : 02-5711155 ชะนะ ตามพานนท์ เว็บไซต์ : http://watboromracha.com เฉลิมชัย วัฒนศักดิ์ อีเมล์ : Dhammajariya@gmail.com, www.faecbook.com / ธรรมจริยา : สำ�นักพิมพ์ธรรมจริยา
6
จากบรรณาธิ ก าร สวัสดีทา่ นผูอ้ า่ นและผูใ้ ห้ความสนใจวารสาร ธรรมจริยาทุกท่านครับ ปีเก่าผ่านไปปีใหม่ก็ผ่าน เข้ามา ต้อนรับปีมังกรทอง 2555 ให้มีโชคลาภ มี ความสุขสมหวังกับปีนี้กันนะครับ ช่วงเวลาที่หลาย คนรอคอย จากสิ่งที่ไม่ดีที่เคยทำ�หรือได้พบเจอในปี เก่าก็ขอใช้ช่วงเวลานี้ในการเปลี่ยนแปลง หรือเริ่ม ต้นใหม่นั่นเอง และปีเก่าที่อยากจะลืมแต่ก็คงจะต้องจำ�กัน ไปอีกนานเลยทีเดียวนั้นก็คงหนีไม่พ้นกับปัญหาอัน แสนหนักหน่วงทีห่ ลายๆ คนได้ประสบกันรวมถึงวัด บรมราชากาญจนาภิเษกฯ (วัดเล่งเน่ยยี่ 2) ของเราเอง ก็ประสบด้วยนั้น วิกฤตน้ำ�ท่วมปี 54 ที่ผ่านมา นั่นเอง คงเป็นเหตุการณ์ที่จะต้องเป็นความทรง จำ�กันเลยทีเดียว ซึ่งในธรรมจริยาฉบับนี้ ถึงแม้ว่า
จะอยู่ในช่วงเวลาของเทศกาลตรุษจีนมีข้อมูลเรื่อง ราวต่างๆ เกี่ยวกับวันสำ�คัญของชาวจีนแล้วนั้น ก็ คงขาดไม่ได้ที่จะต้องนำ�เสนอรายงานพิเศษเรื่องน้�ำ ท่วมขึ้นมาด้วย เมื่อน้ำ�ท่วมได้พัดพาความเสียหายเข้ามาหา เราในปีเก่า และน้ำ�ก็ไหลผ่านไปแล้วในปีเก่า จงให้ เรื่องไม่ดีที่เราคิดว่าแย่ในปีเก่านั้น จงผ่านพ้นไป เหมือนกับสายน้�ำ ทีพ่ ดั เข้ามาแล้วไหลผ่านไป เริม่ ต้น ตั้งใจกับสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นเตรียมพร้อมรับกับความ เปลี่ยนแปลง ใช้สติในการบรรลุเป้าหมายใหม่ๆ ที่ ตั้งใจไว้ และในช่วงตรุษจีนแบบนี้ด้วยใครที่ได้รับ อัง่ เปา โบนัส ก็ขอให้ได้สมกับทีไ่ ด้หวังไว้ มีโชคลาภ วาสนานำ�พาพบแต่ความเป็นมหามิง่ มงคลนะครับ... ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ บรรณาธิการ
วัตถุประสงค์
1. เพื่อเผยแผ่คำ�สอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 2. เพื่อการศึกษาพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน 3. เพื่อส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมอันดีงาม 4. เพื่อใช้แสดงความคิดเห็นผลงานของภิกษุสามเณร 5. เพือ่ แสดงกิจกรรมต่างๆ ภายในวัด โรงเรียน ชุมชน 6. เพื่อส่งเสริมการรักการอ่าน
7
1 3 5 8
พระบรมราโชวาท คำ�สอนหลวงพ่อ จากบรรณาธิการ พุทธมหายาน พระรัตนสัมภวะพุทธะ
14
10
โอวาทธรรม กรุณาจากดวงใจ มนต์พิธีมหายาน ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร ฮุ่ยเล้ง
14
20
19
ชายแปลกหน้าสาธยาย วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร
Dragon School รั้ววัดบรมราชาฯ รั้ววัดมังกรฯ รายงานพิเศษ มหาอุทกภัยวัดบรมราชาฯ
20 24 33 34 40 42
งานบุญมหายาน ตำ�นานแห่งศรัทธา เทพเจ้าแห่งโชคลาภ (ไฉ่ซิงเอี๊ย) 8
24
34
สารบัญ เพิ่มพูนบารมีเสริมพลังชีวิต ห้องครัววัดบรมราชา 52
หมูมาเลย์ผัดสี่สหาย
เหตุเกิดที่กรรม สายน้ำ�ใจที่ไม่เคยเหือดแห้ง
อารยธรรมตะวันออก เกาะโผวท้อซัว (ผู่ถัวซาน) 58
เรียนรู้ประเพณีจีน เทศกาลตรุษจีน
นมัสการพระวัดจีน วัดเมตตาธรรมโพธิญาณ จังหวัดกาญจนบุรี
ไม่ไกล้ไม่ไกลไป... 62
วัดชลประทานรังสฤษฎ์
เรื่องเล่าจากวัดเก่า การอนุโมทนา
เรื่องเล่านอกวัด ประสบการณ์...จากน้ำ�ท่วม 76
เด็กวัดบรมฯ นันทนาการ 9
46 48 50 52 58 62 71 74 76 78 80
พุทธมหายาน
พระรัตนสัมภวะพุทธะ
寳生如來
พระรัตนสัมภวะพุทธเจ้า เป็นหนึง่ ในห้าของ พระฌานิพุทธเจ้า หรือธยานิพุทธเจ้าที่เกิดจาก อำ�นาจฌานแห่งพระอาทิพุทธเจ้า ที่ไม่ประสงค์ จะลงมาอุบัติในโลกมนุษย์ ซึ่งพระองค์จะประทับ อยู่แดนพุทธเกษตรต่างๆ พระรั ต นสั ม ภวะพุ ท ธเจ้ า นั้ น ทรงเป็ น พระพุทธเจ้าผู้เป็นต้นกำ�เนิดแห่งสิ่งอันประเสริฐ หรือ สิ่งที่มีค่าทั้งมวล ทรงประทับอยู่ทางทิศใต้ ของพุทธมณฑล คำ�ว่า “รัตนะ” หมายถึง สิ่งอันประเสริฐ, สิ่งอันมีค่า, คนและสัตว์, เพชรพลอย ส่วนคำ�ว่า “สัมภวะ หรือ สมภพ” จะหมายถึง การเกิดขึ้น, ที่เกิด, ความบังเกิด ดังนั้นคำ�ว่า “รัตนสัมภวะ” จึงแปลรวมได้ว่า ผู้เป็นต้นกำ�เนิดแห่งสิ่งประเสริฐ ทั้งปวงนั่นเอง พระวรกายของพระรัตนสัมภวะพุทธเจ้าจะ มีสีเหลืองทอง เป็นต้นวงศ์ของพระโพธิสัตว์ตระกูล รัตนโคตร พระองค์ทรงเป็นดั่งปัญญาอันประเสริฐ และคุณแห่งพระรัตนตรัย ทรงเป็นตัวแทนปัญญา ญาณแบบเท่าเทียม คือ มองเห็นผูอ้ นื่ เท่าเทียมกับตน พระหัตถ์ทำ�ท่าทานมุทรา คือ พระหัตถ์ซ้าย วางบนพระเพลาอยู่ในท่าการทำ�สมาธิ พระหัตถ์ ขวาเหยี ย ดลงโดยแบพระหั ต ถ์ อ อก ปลายนิ้ ว ชี้ นั้นจะจดนิ้วโป้ง
พาหนะของพระองค์ คือ ม้าบิน เสียงประจำ� พระองค์ คือ “ตรัม” ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดจากศูนย์ ลมที่สะดือ จึงเป็นการสะท้อนความเป็นอันหนึ่งอัน เดียวกันของชีวิต การเปลี่ยนถ่ายเวทนาขันธ์ และ ความรักความผูกพันกันระหว่างมารดากับบุตร สั ญ ญลั ก ษณ์ ป ระจำ � พระองค์ คื อ เพชร พลอยจินดา สื่อถึงการเข้าถึงซึ่งความรู้แจ้ง มโน วิญญาณธาตุและดวงจิตที่ตรัสรู้ ทรงเป็นตัวแทน แห่งธาตุดิน และ ฤดูใบไม้ร่วง เมื่ อ พระองค์ นั้ น ทรงเป็ น ประมุ ข แห่ ง วงศ์ รัตนโคตร จึงแสดงความอุดมสมบูรณ์ รูปสักการะ ของพระองค์ที่ปรากฏอยู่เดี่ยวๆ พระองค์เดียวนั้น หาได้ยาก โดยมากมักจะรวมอยู่กับพระธยานิพุทธะ องค์อื่นๆ ในคัมภีร์มรณศาสตร์ของทิเบต กล่าวว่า พระองค์ จ ะปรากฏกายในวั น ที่ 3 ของบาร์ โ ด พร้ อ มด้ ว ยแสงสี เ หลื อ ง พระโพธิ สั ต ว์ ที่ ป รากฏ พร้อมกับพระองค์คือ พระอากาศครรภ์โพธิสัตว์ และพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ 宝生如来是众佛尊中的一位。如 来神通广大,大公无私,责任是安排 分配财富给与世人。如来居于南辰, 座骑驿马,难怪人们常说[财带驿马, 立时大进]。 10
11
โอวาทธรรม คณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ (พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณเย็นเชี้ยวซือหู)
“กรุณาจากดวงใจ”
ณ โรงแรมตะวันนา วันที่ พุทธศาสนิกชนกล่าวพร้อมกัน สาธุ สาธุ สาธุ ขอเจริญพรสาธุชน เริ่มจากเรามาสวดพระ นามของพระพุทธองค์ “นำ�มอเสกเกียเมานีฮุก” (พร้อมกัน) อาตมาขอนมัสการพระคุณท่านพระเถรา นุเถระ และเจริญพรญาติโยมทุกท่าน ตลอดจนสหาย มิกธรรมทัง้ หลายในวันนีอ้ าตมาภาพ ขอขอบคุณท่าน เจ้าคุณไว้อย่างสูงทีใ่ ห้เกียรติกระผมมาบรรยายธรรม ของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน พร้อมกับการ ระลึกถึงพระคุณแม่ และขอยินดีในธรรมที่ท่าน พุทธศาสนิกชนทุกท่าน มีโอกาสฟังธรรมและปฏิบตั ิ ธรรมในวันนี้ด้วย มาทำ�จิตใจให้ผ่องแผ้ว พร้อมกับ มาแสดงซึ่งความจงรักภักดี ต่อแม่ผู้มีพระคุณอัน สูงสุดในชีวิตเรา และแสดงซึ่งความจงรักภักดีต่อ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นสิ่งที่ น่าอนุโมทนาอย่างยิง่ ในวันนีอ้ าตมาได้รบั เกียรติจาก ท่านเจ้าคุณท่าน มาแสดงธรรมในวันนี้ ซึ่งจะเป็น กุศโลบายอย่างหนึง่ ของท่านเจ้าคุณถ้าหากว่าคนเรา เมื่อฟังอะไรที่ซ้ำ�ๆ ซากๆ ก็จะทำ�ให้เกิดความเบื่อ หน่าย เช่น เราไปเตือนลูกหลานที่บ้าน เมื่อเตือน บ่อยเข้า เขาก็จะบอกให้พูดน้อยๆ หน่อย อย่างนี้ เป็นต้น นี้แหละคือความจริงในโลกสังคมปัจจุบัน ซึ่งทุกคนจะหลบหลีกไม่ได้ ฉะนั้นท่านเจ้าคุณก็เลย ให้พระครูมานิมนต์อาตมา มาร่วมบุญกัน ทีนี้ถือว่า ทุกท่านทั้งหลายมาสนทนาร่วมกันสิ่งใดถ้าฟังอย่าง เดียว ฟังข้างเดียว สัก 15 นาที จิตใจก็เริม่ ขยับ พอฟัง ไปสักครึ่งชั่วโมงจิตใจก็เริ่มเคลื่อน ฟังสัก 45 นาที
16 สิงหาคม พ.ศ. 2553 จิตใจก็วงิ่ ถึง 50 นาทีจติ ก็กา้ วกระโดดไปเลย ฉะนัน้ ท่านเจ้าคุณจึงให้อาตมา มาช่วยบรรยายธรรมให้กบั ท่านพุทธศาสนิกชนทัง้ หลาย ขอขอบคุณท่านอีกครัง้ หนึง่ ไว้ ณ โอกาสนี้ และก็ขออนุโมทนาในกุศลจิตของ ญาติโยมทุกท่านทีไ่ ด้สละความสุขทีค่ วรจะได้ ความ สุขที่ควรจะได้นั้นคือ การไปหาอาหารที่อร่อยทาน ไปดูที่มีสีสันสวยงาม ไม่เหมือนที่นี่ซึ่งมีแต่ความ เรียบง่าย มีแต่ความสงบ บางคนมาเขาเบื่อหน่าย ผูท้ ไี่ ม่มกี ศุ ลจิต เขามักจะเบือ่ หน่ายในทีแ่ บบนีฉ้ ะนัน้ ญาติ โ ยมทุ ก ท่ า นที่ ม าที่ นี่ ล้ ว นแล้ ว แต่ เ ป็ น ผู้ มี บุ ญ เป็นผู้ที่มีกุศลจิต อดีตชาติเราได้สร้างในสิ่งที่เป็น กุศลอันดีในดวงจิตของเรา และในปัจจุบันชาตินี้ กุศลจิตนั้นได้เติบโตแล้วเราพร้อมที่จะมาฟังธรรม ต่างๆ อาตมาจึงขออนุโมทนากับญาติโยมทุกท่านด้วย และอีกประการหนึง่ ทีต่ ะวันนาแห่งนี้ อาตมาได้มาทีน่ ี่ ในอดีต ด้านหลังยังไม่มกี ารสร้าง สร้างแต่ดา้ นหน้า และก็มกี ารต่อเติมไปเรือ่ ย คือท่านประธาน นิมนต์ อาตมา มาทำ�พิธี เช่นการตั้งศาลเจ้าที่ หลายครั้ง ก็เลยมีการคุ้นเคยกัน หลายปีมานับเป็นเวลาเกือบ 10 กว่าปี ตอนนี้อาตมาดีใจ ที่จะได้สนทนาธรรม และคุยกับญาติโยมทุกท่าน วันนีห้ วั ข้อทีจ่ ะพูด และ หัวข้อของรายการนี้ อาตมาฟังแล้วรู้สึกประทับใจ เป็นอย่างยิง่ ก็คอื “ตะวันธรรม” ธรรมส่องแสงไปทัว่ ทศทิศ และหัวข้อทีจ่ ะพูดคือ กรุณาจากดวงใจก็เป็น สิ่งที่ทราบซึ้งของทุกๆ คน เมื่อที่ผ่านมาทุกท่านได้ ร้องเพลงพระคุณแม่ เพลงนี้อาตมาได้ฟังมาตั้งแต่
12
ยังไม่มาบวช อาตมาบวชมาถึงปีนี้ก็ 51 ปี ย่างเข้า พรรษาที่ 51 บวชตั้งแต่อายุ 20 ปัจจุบันอายุ 71 ปี ตัง้ แต่รคู้ วามค่าว่า “น้�ำ นม” ก็เด่นชัดในจิตใจตัง้ แต่ สมัยเด็กๆ ตราบจนถึงปัจจุบันนี้ บางทีฟังเพลงนี้ แล้วซาบซึ้งใจ แล้วน้ำ�ตายังซึมอยู่ในหัวอก นี่คือ พระคุ ณ แม่ ก็ เ ลยพู ด กั บ ญาติ โ ยมหลายๆ คนว่ า ถ้าเวลานี้โยมแม่ยังอยู่อาตมาคงจะดีใจที่มีโอกาส สนทนา หรือมารับใช้บางสิง่ บางอย่างกับโยมแม่ทา่ น แต่เสียดาย ท่านเสียนานแล้วอาตมาก็เลยกราบ พระทุกวันเพือ่ ระลึกถึงพระคุณของแม่ พระคุณพ่อ พระคุณบูรพาจารย์ และพุทธคุณ พระมหากษัตริย์ ธิคณ ุ และแผ่นดินคุณ บุพการีคณ ุ จะต้องกราบพระ แทนคุณเบื้องบนเราตอบแทนพระคุณ 4 ชั้น คือ พุทธคุณ พ่อแม่ บูรพาจารย์คุณ ผืน แผ่นดินคุณ บุพการีคณ ุ ส่วนด้านล่าง ลงไปเราจะต้องไปโปรดภูมิทั้ง 3 คือ สัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน เปรตตั้งจิต ทีเ่ ป็นกุศลเพือ่ โปรดสัตว์เหล่านัน้ ด้วย และเราจะต้องกราบพระอธิษฐานจิต ไป ขอให้เบื้องบนมีแต่ความร่มเย็น พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศา นุวงศ์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และประเทศชาติของเรามีแต่ความร่มรื่นร่มเย็น น่ารัก น่าอยู่ สวยงาม ใบหน้าของประชาชนพบ แต่ ค วามสุ ข เป็ น ใบหน้ า ที่ เ ปื้ อ นด้ ว ยรอยยิ้ ม เป็ น มิตรไมตรี สิ่งที่เราทำ�ต่อพ่อแม่ ตลอดจนครูอาจารย์ และญาติ โ ยมทุ ก ท่ า นที่ ไ ด้ ม าคุ้ ม ครองพระพุ ท ธ ศาสนาอยู่ กรุณาจากดวงใจจึงเป็นความหมายที่ ดีมากๆ และอาตมาว่าท่านเจ้าคุณบรรยายธรรมดี กว่าอาตมาเยอะ แต่วา่ เมือ่ อาตมาภาพได้เดินเข้ามา ท่านเจ้าคุณก็บอกว่าเรามาเปลี่ยนธรรมมารสทาง ธรรมดูเปลีย่ นเป็นคณะสงฆ์อกี คณะหนึง่ ดู ซึง่ เราอาจ จะไม่รู้ ไม่เข้าใจ ฉะนัน้ ในวันนีจ้ งึ มีโอกาสมา สนทนา ธรรมกับญาติโยมทุกท่าน ก่อนอื่นอาตมามีความ
รู้สึกว่า คำ�ว่า กรุณาในสังคมคนปัจจุบันนี้ ในโลก ปัจจุบนั นี้ จิตใจของคนปัจจุบนั นี้ คำ�ว่ากรุณา จะเกิด ขึ้นได้ไหมในจิตใจคน ในเมื่อวัตถุนิยมก้าวไปไกล โลกทีเ่ ป็นโลกาภิวฒ ั น์ ทุกสิง่ ทุกอย่างเปลีย่ นไป ครัง้ ก่อนนี้อาตมาได้เคยสนทนาธรรมกับท่านเจ้าคุณที่ โรงพยาบาลหัวเฉียวว่า สมัยก่อนนีเ้ ราไปต่างจังหวัด หรือแม้กระทัง่ ชานเมืองในกรุงเทพฯบางแห่ง ทีห่ น้า บ้านเขาจะตั้งตุม่ เอาไว้ และตักน้ำ�ใส่เต็มทั้งวัน ใคร ผ่านไปผ่านมาสามารถทีจ่ ะตักดืม่ ได้เลย ไม่ตอ้ งกลัว ว่ า จะมี ภั ย ต่ อ ตั ว เองรั บ รองน้ำ � ที่ ดื่ ม ไปนั้ น สะอาด เพราะเจ้าของบ้านเขากรุณามีความจริงใจต่อเพื่อน มนุษย์ด้วยกันนี่คือเหตุการณ์ประมาณ 30 - 40 ปี ก่อนไม่ไกลเลย แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ไปต่างจังหวัดทีไร ตามชนบทก็มแี ต่โค้ก มีน้ำ�ขวดเอาไว้ ขาย ขายก็กำ�หนดไว้ที่ 7 บาท แต่ เอามาขายสัก 10 บาท มันเปลี่ยน ไปแล้วนะโยมทุกท่าน สิ่งที่เคยเห็น แต่เก่าก่อนนั้นไม่มีอีกแล้ว แสดง ว่าโลกเปลี่ยนไป โลกมีวิวัฒนาการ อันนี้จะโทษใคร โทษสภาวะความ เปลี่ยนแปลงของโลกไปอย่างนั้นไป ฉะนั้นญาติโยมทุกท่านจะต้องทำ�ใจ หน่อย ทำ�ใจให้อยู่ในมัชฌิมาปฏิปทา ทำ�ใจให้มัน ว่างๆ เขาอยากได้ก็ทำ�ให้เขา เขาจะเอาเปรียบก็ให้ เขาเอาเปรียบ ในสมัยพุทธกาลมีพระภิกษุรูปหนึ่ง ท่านมาขออนุญาตพระพุทธเจ้าไปเผยแผ่พระศาสนา ในที่ห่างออกไปจากชนบทที่ ที่ความเจริญยังไปไม่ ถึง พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ท่านจะเดินทางไปเผยแผ่ พระพุทธศาสนานัน้ ไม่กลัวอันตรายหรือ” พระภิกษุ ตอบว่า “ไม่กลัวพระพุทธเจ้าข้า” พระพุทธเจ้าตรัส ถามอีกว่า “ไม่กลัวเขาด่าหรือ” “ไม่กลัวเขาทุบตี หรือ” “ไม่กลัวเขาฆ่าหรือ” พระภิกษุรูปนั้นจึงตอบ ว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าไม่ กลัวเขาด่า ไม่กลัวเขาทุบตี ไม่กลัวเขาฆ่า และ ไม่กลัวอันตรายใดๆ ขอเพียงได้ประกาศเผยแผ่ 13
พระพุทธศาสนา ได้แสดงธรรมของพระพุทธองค์ ให้พวกเขาเหล่านั้นได้สดับรับฟัง ก็เป็นที่เพียง พอแล้วพระพุทธเจ้าข้า” พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ท่านจงไปเถิดการกรุณาทีจ่ ะให้คนเหล่านัน้ ได้สดับ ฟังคำ�สอนเป็นสิ่งที่น่ายกย่องสรรเสริญ ถึงแม้จะมี อันตรายรออยูข่ า้ งหน้าก็ยงั มีจติ ทีก่ รุณาต่อสรรพสัตว์ และอานิ ส งส์ แ ห่ ง บุ ญ นี้ สิ่ ง ที่ ท่ า นคาดหวั ง ไว้ จ ะ ประสบผลสำ�เร็จในเร็ววัน” คำ�ว่า “กรุณา” ใน คำ�สอนของพระพุทธศาสนา ตรงกับการปฏิบัติใน แนวทางของพระโพธิสัตว์ในพระพุทธศาสนาฝ่าย มหายาน พระโพธิสัตว์นั้นเกี่ยวข้องกับพระสูตรใน มหายานทั้งหมด เช่น บทสวด ออ มี ทอ เก็ง ที่ ว่า “ยู ซือ งอ บุน อี ซือ ฟู ใจ แส ไว กวด โทว ........” แปลว่า กาลครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ เชตะวัน วรวิหาร เทศนาอยู่ท่านกลางพระ โพธิสัตว์ พระอรหันต์ และทวยเทพ พระธรรมบาล... จะมีพระโพธิสัตว์ อยู่ทุกๆ บท ทุกๆตอน แสดงว่า พระโพธิ สั ต ว์ มี ค วามเกี่ ย วข้ อ งกั บ พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานอย่าง ลึกซึง้ ผูกพันกันมาตัง้ แต่สมัยพุทธกาล แล้ว ซึ่งหลักธรรมที่ใช้ปฏิบัติคือ บารมีทั้ง 6 ในการ บำ�เพ็ญพระโพธิสัตวมรรค การสร้างบุญบารมีของ พระจีน ไม่ใช่ว่าพระจีนจะทำ �กงเต๊กอย่างเดียว อาตมาได้สอนพระว่าโอกาสทีเ่ ราจะสร้างบุญบารมีก็ คือการทำ�กงเต๊ก ก็คอื ว่า พ่อ แม่ บุพการีทเี่ สียชีวติ ลง ไปโอกาสสุดท้ายทีล่ กู หลานจะแสดงซึง่ ความกตัญญู กตเวทิตานั้นก็คือการทำ�พิธีกงเต๊ก เพราะต่อไปจะ ไม่มีพ่อแม่ให้เราได้แสดงความกตัญญูต่อท่านอีก แล้ว ก็อยากให้ทา่ นไปสูส่ วรรค์ชนั้ สูงๆ ไปสูส่ คุ ติภพ ช่วงนี้หล่ะจึงเป็นโอกาสที่พระจะได้แสดงธรรมกับ ญาติโยมที่เศร้าโศกอยู่ แต่สมัยนี้ไม่เห็นความเศร้า โศกแล้วเพราะโลกเปลี่ยนแปลงไป ฉะนั้นการที่ พระเราไปสวดกงเต๊กก็คือการสร้างบารมีเพื่อที่จะ
ให้ลูกเขาได้สร้างความดีได้ทำ�ในสิ่งที่ตนปรารถนา ให้สำ�เร็จ ซึ่งเป็นความกตัญญูกตเวทิตารวมถึงได้ พึ่งอำ�นาจของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้รับ ดวงวิญญาณได้ไปสู่แดนสุขาวดี “ไซ ฮึง เกก ลัก ซี่ ไก่” ไปบำ�เพ็ญสารณธรรมเพือ่ บรรลุสพู่ ระอนุตระ สัมมาสัมโพธิญาณต่อไป ไม่ต้องมาเวียนว่ายในโลก ที่เป็นทุกข์ โลกที่วุ่นวาย โลกที่ขัดข้องโลกที่เต็มไป ด้วยปัญหา บางคนบอกว่าทำ�ดีได้ดีมีที่ไหน ทำ�ชั่ว ได้ดีมีถมไป บางคนบอกว่าทำ�ไมคนที่ทำ�ชั่วไม่ได้ชั่ว กฎแห่งกรรมมีอยู่ 3 ช่วงนะญาติโยมนะ วันนี้เรา ทำ�เขา เขาก็ทำ�เราในวันหน้า ถ้าวันหน้าเขาไม่ทำ� พอเราเผลอเขาก็มาทำ�เราวันหลังพอวันหลังเขาทำ� เราไม่ได้ก็เอาไว้ชาติหน้าจึงมาด้วยความเคียดแค้น พยาบาท นี่คือกฎแห่งกรรมที่เราจะ ต้องเชื่อไว้ ดังนั้นความกรุณาจากใจ ของเราจึงเป็นสิ่งสำ�คัญ จิตที่กรุณา นั้นเกิดจากดวงจิตที่บริสุทธิ์ ณ ที่นี้ อามตาเชื่ อ ว่ า ทุ ก คนมี ด วงจิ ต ที่ บริสุทธิ์ทั้งนั้น เพราะทุกคนมาที่นี่ ด้วยความจริงใจ ด้วยความบริสทุ ธิใ์ จ ฉะนั้นพระโพธิสัตว์จึงมีจิตที่กรุณา และเมตตา เมตตาคือต้องการให้เขา มีความสุขและเหตุทเี่ กิดสุข กรุณาคือให้เขาพ้นทุกข์ และเหตุให้เกิดทุกข์ แต่การที่จะเกิดเมตตาหรือเกิด กรุณาจะต้องมี ภาษาจีนเรียกว่า “ไต่ หงวง” ซึ่ง แปลว่า “มหาปณิธาน” ซึง่ พระโพธิสตั ว์กวนอิมเป็น พระโพธิสตั ว์ทมี่ มี หาเมตตากรุณา ยังมีพระโพธิสตั ว์ อีกพระรูปหนึง่ คือ พระกษิตคิ รรภ์โพธิสตั ว์ (ตี่ จัง่ อ๊ วง ผู่ สัก) ท่านมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่คือ “หง่วงโท่ย จง เซง สิว่ บ่อ เหลีย่ ง โค่ว” ยอมรับทุกแทนสรรพ สัตว์ทงั้ หลาย “จง เซงโต่วจิง๋ ฮวงเจงผู่ ที” “ตี่ เย็ก บ่วย คง สี่ ปุก เส่งฮุก” แปลว่า ท่านปรารถนาทีจ่ ะ โปรดสัตว์ทงั้ หลายให้พน้ จากความทุกข์ โปรดคนอืน่ ให้หมดก่อน แล้วจึงเข้าสู่นิพพานภายหลัง อีกอย่าง คือ ตราบใดที่นรกยังไม่ว่าง ก็จะไม่ขอเข้าสู่นิพพาน 14
นี่ คื อ ความกรุ ณ าของพระโพธิสัตว์ ดังนั้นความ กรุณาจากใจเป็นสิ่งสำ�คัญ ในพระพุทธศาสนาฝ่าย มหายานมีมหาปณิธาน 4 ซึ่งเป็นแนวทางในหลัก ของการปฏิบัติพระโพธิสัตวมรรค ได้แก่ “จง เซง บ่อ เปียง สี่ หง่วงโต่ว” “ห่วง เนา บ่อ จิง๋ สี่ หง่วงต๋ วง” “ฮวบ มึ้ง บ่อ เหลียง สี่ หง่วง ฮัก” “ฮุก เต๋า บ่อ เสียง สี่ หง่วง เซ้ง” แปลคือ 1. เราจะโปรดสัตว์ทั้งหลายให้หมดสิ้น 2. เราจะละกิเลสทั้งปวงให้หมดสิ้น 3. เราจะศึกษาพระธรรมให้รู้แจ้ง 4. เราจะบรรลุพระพุทธภูมิอันสูงสุด พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานให้สทิ ธิทกุ คนได้ บรรลุสู่พุทธภูมิ แต่ต้องมีปณิธานในใจ ตอนนี้เรา เป็นพุทธอยู่แล้ว แต่เรายังหลงอยู่ หลงเป็นกิเลส ตืน่ เป็นพุทธะ เรามีพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็น ที่พึ่ง เรามีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระ บรมราชินีนาถเป็นที่เทิดทูนของเรา ถ้าคิดอย่างนี้ แล้วทำ�ให้จิตใจเราบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว เกิดเมตตาจิต อย่างแท้จริงขึ้นมา สำ�หรับวันนี้วันแม่ที่วัดก็มีจัด นิทรรศการวันแม่เหมือนกัน ถือว่าเราจัดงานวันนี้ เป็นเพียงรูปธรรม เป็นนามธรรมไป เมื่อออกจาก ห้องก็ลมื ไปหมดแล้ว พระคุณต่างๆ ก็ลมื หมด ฉะนัน้ สิ่งที่เป็นพระคุณอย่าให้มีว่างเว้น ให้มีอยู่ตลอดไป เรียกว่ามีจิตใจที่ต่อเนื่องกัน แม้แต่พระเวสสันดร กษั ต ริ ย์ ท่ า นบอกเกิ ด เป็ น ชาติ สุ ด ท้ า ยแล้ ว ชาติ หน้าจะบรรลุสู่อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ท่านก็ยัง
บำ�เพ็ญมา 4 อสงไขย กัลป์กัปปะ แล้วสุดท้ายท่าน ก็มาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า นี่คือการฝึกจิต ฝึกความดี บำ�เพ็ญบุญบารมี อย่าง ต่อเนื่อง สุดท้ายวันนี้ก็สมควรแก่เวลาแล้ว วันนี้เรา สนทนาธรรมกันให้ทุกคนตั้ง โพธิสัตวจิต และ อรหัตจิต ไปพร้อมๆ กัน แล้วเราจะพบกับความสุข ทีแ่ ท้จริง จึงได้ชอื่ ว่า ณ วันนีเ้ ราได้สนทนาทีต่ ะวันนา ในรายการ ตะวันธรรม และหัวข้อทีแ่ สดงในวันนีค้ อื กรุณาจากดวงใจ และกรุณาจากดวงใจของทุกๆ คนไป ไม่ใช่ของอาตมาคนเดียว หรือ ของท่านเจ้าคุณคน เดียว จะต้องมาจากดวงจิตที่บริสุทธ์ของทุกๆ คน แล้วเราจะพบกับความสุขที่แท้จริง สุดท้ายก็ขออนุโมทนาในกุศลจิตของญาติโยม และขอให้ญาติโยมทุกท่าน จงมีพลานามัยแข็งแรง ให้มีจิตใจที่ผ่องแผ้วบริสุทธิ์ และเต็มไปด้วยเมตตา กรุณา จงบำ�เพ็ญธรรมจงพุทธภูมิโดยบริบูรณ์ ขอ อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุอนุโมทามิ เรามาตั้งอุทิศผลบุญนะ เป็นภาษาจีนนะ “หง่วง อี ชือ กง เต็ก” “โพวกิบ อือ เจกเฉียก” “อั้วเต้ง อือ จง เซง” “ไก กั่งเส่งฮุก เต๋า” ซึ่ง แปลว่า ผลบุญของทุกท่านจงอุทิศแด่สรรพสัตว์ทั้ง หลายในโลก ขอให้ทกุ ๆ ท่านจงสำ�เร็จในพุทธภูมอิ นั สูงสุดเถิด สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
仁慈之心 本文记叙仁晁大师2553年8月16日于[太阳园酒店]的讲座。大师在讲座中说 明人为什么为人要遵守孝道。并指出孝道主要体现在报答佛德、父母恩、师教 恩、国家恩等方面,遵守孝道首先要有清净的心灵,要了解因果报应,然后才 有仁慈的心,最后发宏愿为众生救苦救难,例如观音菩萨的大愿是[愿为众生受 无量苦,众生度尽方证菩提]。地藏王菩萨的大愿是[地狱未尽誓不成佛]。众菩 萨都是大慈大悲,慈是给与快乐,悲是消除痛苦。所以大乘佛教有四大愿,即[ 众生无边誓愿度,烦恼无尽誓愿断,法门无量誓愿学,佛道无上誓愿成。] 15
มนต์พิธีมหายาน ว่า ขันธ์ทั้ง 5 เป็นความว่างอยู่แล้วตามธรรมชาติ ดังนัน้ พระอรหันต์องค์หนึง่ มีนามว่า “พระสารีบตุ ร” จึงได้ปรารภขอให้พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แสดงธรรมเรื่อง “ความว่าง - สุญตา” ท่ามกลางที่ ประชุ ม นั้ น ด้ ว ยเหตุ นี้ เ องจึ ง ทำ � ให้ เ กิ ด พระสู ต รที่ ชือ่ ว่า “ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร” หรือในสำ�เนียง จี น (แต้ จิ๋ ว ) ว่ า “ปั ว เยี ย กปอลอมิ ก ตอซิ ม เกง”
ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร ประวั ติความเป็นมา
ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตรเป็นหนึ่งในสาม พระสูตรสำ�คัญของมหายานซึ่งสอนเรื่องของความ ว่าง เป็นพระสูตรที่มีความยาวเพียง 268 ตัวอักษร พระสูตรนีไ้ ด้รบั การถ่ายทอดออกเป็นภาษาจีนในราว พ.ศ. 1202 โดยท่านเฮียงจัน่ หรือ ท่านพระถังซำ�จัง๋ โดยอาศัยต้นฉบับจากภาษาสันสกฤตซึ่งเป็นภาษา หลักทีฝ่ า่ ยมหายานยึดเป็นหลักนัน่ เอง โดยพระสูตร นีม้ กั เรียกสัน้ ๆ ว่า “สูตรหัวใจ” หรือ “ซิมเกง” จัดอยู่ ในหมวดปรัชญา (ในราชวงศ์เหม็งได้แบ่งพระสูตร มหายานออกเป็น 5 หมวดใหญ่คือ หมวดอวตสกะ หมวดไวปุ ล ยะ หมวดปรั ช ญา หมวดสั ท ธรรม ปุณฑริกและหมวดปรินิรวาณา) ย้อนหลังขึ้นไป 2500 กว่าปี ณ. เชิงเขาคิชฌกูฏกรุงราชคฤห์คราว นั้ น สมเด็ จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ า ทรงกำ � ลั ง เข้ า สู่ สมาธิที่ชื่อว่า “คัมภีราวสมาธิ” ท่ามกลางบรรดา พระโพธิสัตว์และพระอรหันต์สาวกจำ�นวนมากใน เวลานั้นพระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ได้ด�ำ ริขึ้น 16
พิจารณาในด้านภาษาศาสตร์ คำ�ว่า “ปรัชญา” ในสำ�เนียงจีนกลางว่า “ปัวยว่อ” ส่วนจีนแต้จวิ๋ “ปัว เหยียก” หรือ “ปอ แย” คำ�ว่า “ปารมิตา”ในสำ�เนียงจีนกลางว่า “ปอ หลอ มีตวอ” ส่วนจีนแต้จิ๋ว “ปอ ลอมิกตอ” คำ�ว่า “หฤทัย”ซึ่งแปลว่าหัวใจตรงกับคำ�ในภาษาจีนกลาง ว่า “ซิน” ส่วนแต้จวิ๋ “ซิม” คำ�ว่า “สูตร” ซึง่ แปลว่า คาถาตรงกับคำ�ในภาษาจีนกลางว่า “จิง” ส่วนแต้จวิ๋ “เก็ง” รวมแล้วจะได้คำ�ออกเสียง ในภาษาจีน 3 สำ�เนียงคือปัวยว่อ ปอ หลอ มี ตวอซินจิง (ภาษาจีน กลาง) ปัวเยียก ปอ ลอมิก ตอ ซิมเกง (ภาษาจีน แต้จิ๋ว) ปอ แย ปอ ลอมิก ตอ ซิมเกง (อ่านตาม สำ�เนียงคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย) ความ หมายของแต่ละคำ� คำ�ว่า “ปรัชญา” หมายถึง ปัญญา หรือ ญาณ คือการรู้แจ้งแทงตลอดคำ�ว่า “ปารมิตา” หมายถึง พาให้ถึงฝั่ง คือ พระนิพพาน นั่นเองคำ�ว่า “หฤทัย” คือ หัวใจ หมายถึง มีความ สำ�คัญยิ่งเปรียบประดุจหัวใจ บางทีก็เป็น มหาฤทัย รวมความแล้ว “ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร” มีความ หมายว่า พระสูตรที่เน้นปัญญาเป็นสำ�คัญพาไปให้ ถึ ง ฝั่ ง พระนิ พ พานเมื่ อ ทราบถึ ง ความสำ � คั ญ ของ พระสูตรนี้แล้วเราควรจะพิจารณาต่อไปถึงความ อันลึกซึ้ง
เค้ามูลปรัชญาปรามิตา เค้ามูลปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร จากวันนี้ ย้อนไปกว่า 2500 ปีมาแล้ว ณ. เชิงเขาคิชฌกูฏ กรุงราชคฤห์ครานั้นองค์พระศากยนีพุทธเจ้ากำ�ลัง ทรงเข้าสู่สมาธิที่ชื่อว่า “คัมภีราวสมาธิ” ท่ามกลาง บรรดาพระโพธิสัตว์และพระอรหันตสาวกจำ�นวน มากอยู่นั้นเป็นขณะเดียวกันกับที่พระอวโลกิเตศวร มหาโพธิสัตว์ได้ดำ�ริขึ้นว่า ขันธ์ทั้ง 5 เป็นความว่าง อยูแ่ ล้วตามธรรมชาติ ดังนัน้ พระอรหันตสาวกองค์ หนึ่งซึ่งนามว่า “ท่านสารีบุตร” จึงได้ปรารภขอให้ องค์พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จงแสดงธรรม เรือ่ ง “ความว่าง - สุญญตา” ให้แก่บรรดาพุทธบริษทั ที่ชุมนุมอยู่ ณ ที่นั้นด้วย ด้วยเหตุนี้เองจึงทำ�ให้มี กำ�เนิดแห่งพระสูตรทีช่ อื่ ว่า “ปรัชญาปารมิตาหฤทัย สูตร” หรือ “ปอแยปอลอมิกตอซิมเกง” ในภาษาจีน ขึ้น ซึ่งหมายความว่า “พระสูตรที่ว่าด้วยปัญญา เป็นส่วนสำ�คัญที่จะพาไปให้ถึงฝั่ง (พระนิพพาน) “พระสู ต รนี้ ไ ด้ รั บ การถ่ า ยทอดออกเป็ น ภาษาจี น ราว พ.ศ. 1206 โดยท่านเฮียงจั่ง (พระถังซำ�จั๋ง) โดยอาศัยต้นฉบับจากภาษาสันสกฤตซึ่งเป็นภาษา หลักที่พุทธศาสนามหายานยึดเป็นหลักอยู่นั่นเอง โดยปกติพระสูตรนี้คนทั่วๆ ไปมักนิยมเรียกกันว่า “สูตรหัวใจ” หรือ “ซิมเกง” ในภาษาจีนพระสูตร นี้มีขนาดสั้นมีอักษรเพียง 268 คำ�ทั้งๆ ที่โดยความ จริงตามคำ�บอกเล่าของท่านกุมารชีพแล้วระบุว่า พระสูตรนี้มีความยาวถึง 600 บรรพ เขียนออก เป็นหนังสือได้ถึงจำ�นวน 24 เล่มเป็นพระสูตรที่จัดอยู่ ในหมวดปรัชญา พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ (พระแม่กวนอิม) เมื่อทรงได้บำ�เพ็ญปัญญาบารมี จนถึงโลกุตรธรรมอันลึกซึ้งแล้วก็พิจารณาเห็นว่าที่ แท้จริงแล้ว ขันธ์ 5 นัน้ เป็นสูญ (สุญญตาหรืออนัตตา หรือความว่าง) และเมือ่ สามารถมองเห็นว่า ขันธ์ 5 เป็นสูญแล้ว จักช่วยให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทงั้ ปวง ท่านสารีบุตร !
คำ�แปลปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร ข้าพเจ้าได้สดับมาดังนีส้ มัยหนึง่ พระผูม้ พี ระ ภาค ประทับอยู่ ณ เขาคิชฌกูฏ ใกล้กรุงราชคฤห์ พร้อมด้วยภิกษุหมู่ใหญ่ และพระโพธิสัตว์หมู่ใหญ่ สมัยนัน้ แล พระผูม้ พี ระภาค ทรงฝึกสมาธิชอื่ ว่าคัมภีร์ ราวสังโฆแท้และสมัยนั้น พระอริยอวโลกิเตศวร โพธิสัตว์มหาสัตว์ทรงประพฤติจริยาในปรัชญาปารมิตา อันลึกซึง้ พิจารณาอยูอ่ ย่างนี้ คือพิจารณาขันธ์ 5 และ ความสูญโดยสภาพลำ�ดับนัน้ ท่านสารีบตุ ร ได้กล่าวต่อ พระอริยะอวโลกิเตศวรโพธิสตั ว์ดว้ ยพุทธานุภาพว่า กุลบุตร หรือ กุลธิดาใดๆ ใคร่จะประพฤติจริยาใน ปรัชญาปาระมิตาอันลึกซึ้งนั้นจะพึงศึกษาอย่างไร พระอริยอวโลกิเตศวรโพธิสตั ว์มหาสัตว์อนั ท่านพระ สารีบตุ รกล่าวอย่างนีแ้ ล้วได้กล่าวตอบท่านสารีบตุ ร ว่าท่านสารีบุตร กุลบุตรหรือกุลธิดาใดๆ ใคร่จะ ประพฤติจริยาในปรัชญาปาระมิตาอันลึกซึ้งเขาพึง พิจารณาอย่างนี้ คือพิจารณาขันธ์ 5 และความสูญ โดยสภาพรูปคือความสูญ ความสูญนั่นแหละคือรูป ความสูญไม่อื่นไปจากรูปรูปไม่อื่นไปจากความสูญ รูปอันใดความสูญก็อันนั้น ความสูญอันใด รูปก็ อันนั้นอนึ่ง เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็คือ ความสูญอย่างเดียวกันท่านสารีบุตร ธรรมทั้งปวง มีความสูญเป็นลักษณะไม่เกิด ไม่ดับ ไม่มัวหมอง ไม่ผ่องแผ้ว ไม่หย่อน ไม่ตึง อย่างนี้เพราะฉะนั้น แหละ ท่านสารีบตุ ร ในความสูญจึงไม่มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณไม่มตี า หู จมูก ลิน้ กาย ใจ ไม่มรี ปู เสียง กลิน่ รส โผฏฐัพพะ ธรรมไม่มจี กั ษุธาตุ จนถึงมโนธาตุ ธรรมชาตินนั้ วิญญาณธาตุไม่มวี ชิ ชา ไม่มีอวิชชา ไม่มีความสิ้นไปแห่งวิชชา และอวิชชา จนถึงไม่มี ความแก่ ความตาย ไม่มีความสิ้นไป แห่ง ความแก่ ความตายไม่มีทุกข์ สมุห์ทัย นิโรธ มรรค ไม่มีญาณ ไม่มีการบรรลุ ไม่มีการไม่บรรลุ ท่านสารีบุตร เพราะฉะนั้น ผู้ดำ�เนินตามปรัชญา ปาระมิตา ของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายแล้วแต่ยังมี 17
กิเลสห่อหุ้มจิตอยู่ ก็เพราะยังมิได้บรรลุ คืนนั้นจึง ไม่สะดุง้ กลัวก้าวล่วงความขัดข้องสำ�เร็จพระนิพพาน ได้ ก็เพราะความไม่มกี เิ ลสห่อหุม้ จิตพระพุทธเจ้าทัง้ ปวง ผู้ตั้งอยู่ในกาลทั้งสามทรงดำ�เนินตามปรัชญา ปาระมิตาได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะ ฉะนั้น จึงทูลทราบมหามนต์ ในปรัชญาปาระมิตา อันเป็นมหาวิทยามนต์ อนุตตะระมนต์ อะสัมมะสม มนต์สพั พะทุกข์ กับสมณมนต์ นีเ้ ป็นสัจจะ เพราะไม่ ผิดพลาดมนต์ทที่ า่ นกล่าวไว้ ในปรัชญาปาระมิตาคือ ดูก่อนความรู้ไป ไป ไปสู่ฝั่ง ไปให้ถึงฝั่งสวาหาท่าน สารีบตุ ร สัตว์ผจู้ ะตรัสรู้ พึงศึกษาจริยาในปรัชญา ปา ระมิตาอย่างนีล้ �ำ ดับนัน้ แล พระผูม้ พี ระภาค ทรงออก จากสมาธินั้นแล้วได้ประทานสาธุการ แก่พระอริย อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ว่าถูกแล้ว ถูกแล้ว กุลบุตร ข้อนัน้ เป็นอย่างนัน้ กุลบุตร จริยาในปรัชญาปาระมิตา อันลึกซึง้ นัน้ อันบุคคลพึงประพฤติอย่างนี้ พระตถาคต อรหันต์เจ้าทั้งหลายย่อมทรงอนุโมทนาอย่างที่ท่าน ยกขึ้นแสดงแล้วพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคำ�นี้จบลง แล้ ว ท่ า นพระสารี บุ ต ร พระอริยะอวโลกิเตศวร โพธิสตั ว์บริษทั อันมีประชุมชนทุกเหล่าและสัตว์โลก พร้อมทั้งเทวา มนุษย์ อสูร คนธรรพ์ก็มีใจเบิกบาน ชืน่ ชมภาษิต ของพระผูม้ พี ระภาค ด้วยประการฉะนี้ อานิสงส์แห่งการสวด อานิ ส งส์ ที่ จ ะได้ จ ากการสวดมนต์ ภ าวนา “ปรัชญา ปารมิตาหฤทัยสูตร” (ซิมเกง) หรือบท มนต์ศักดิ์สิทธิ์ ทรงพลานุภาพที่องค์พระแม่กวนอิม มหาโพธิสัตว์ได้ เคยแสดงไว้แล้วในอดีตกาล ก็เพื่อ เพิ่มพูนปัญญาเห็นแจ้งชัดในธรรมะเพื่อการบรรลุ ภาวะการเป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรม เพื่อการตรัสรู้ และการบรรลุถึงนิพพานโลกธาตุในที่สุด
18
般若波罗蜜多心经 [解释] 经文:观自在菩萨,行深般若波罗蜜多 时,照见五蕴皆空,度一切苦厄。舍利子, 色不异空,空不异色,色即是空,空即是色, 受想行识,亦复如是。舍利子,是诸法空相, 不生不灭,不垢不净,不增不减。是故空中无 色,无受想行识,无眼耳鼻舌身意,无色声香 味触法,无眼界,乃至无意识界,无无明,亦 无无明尽,乃至无老死,亦无老死尽。无苦集 灭道,无智亦无得。以无所得故。菩提萨埵, 依般若波罗蜜多故,心无挂碍。无挂碍故,无 有恐怖,远离颠倒梦想,究竟涅盘。三世诸 佛,依般若波罗蜜多故,得阿耨多罗三藐三菩 提。故知般若波罗蜜多,是大神咒,是大明 咒,是无上咒,是无等等咒,能除一切苦,真 实不虚。故说般若波罗蜜多咒,即说咒曰:揭 谛揭谛,波罗揭谛,波罗僧揭谛,菩提萨婆诃。 凡人要度苦厄,了生死,成大觉,非从自 心下手不可。但要明白自心,是受五蕴即: 色、受、想、行、识,这五事蕴结不分所蒙 蔽。心和外境相蕴合,统名曰色。一个色字, 包括五个字在内,并且包括外面一切一切有 相相形形色色,内面无相相思想方面都在内。 外境原是色,而我的眼、耳、鼻、舌、身、意 也是色;外色和内色接触了,就有个受;既受 了,就要去想象他,这是想;想到了,心中一 行转念,这是行;转出那知识来,就是识;所 以受想行识四个也还是色,总是幻心幻起的作 用,成就种种的幻法。这个五蕴,是众生造孽 受苦成立六道生死的资本,但也是开般若,除 习气,度苦厄,了生死的工具,也就是佛菩萨 成大觉度众生的工具。同要用五蕴,只是佛菩 萨能照见本空,可以善用,不被所转,众生反 被所缚;是在觉不觉,明空不明空之别,不要 指定为不好的东西,反生了偏见。经文只依二
百六十个字,已经够了。但空的道理不明白, 自心的相貌也难彻了。这个经,最主要是说性 空的道理,空不是世人所说的空,那是断灭 空,但不要误解佛法是消极自了的。今把此经 名用白话来解释,使世人明白空的真义,由此 断一切苦厄,并可发大悲平等心救世,证明佛 法在社会上的不可思议,实是开发世界大同唯 一的法宝。 【般若】这是梵文,解释为大智慧。因为 中文难尽其义,所以仍用原文,是说心的妙 用。论其性体,是不生不灭的金刚;论其相 貌,却是无形无状的实相;论其妙用,乃是 不可测知的圆通神妙。这个般若,是人人有份 的,佛和众生都是平等的;不过佛是开了般若 智慧,众生是有而不开,被无明所蒙住了。般 若两个字,解释为“通达世间法出世间法, 融通无碍,恰到好处,而又不执取诸法的大智 慧。”才能尽其义。因为世间法人事等等,都 是佛法。佛是觉义,能觉悟世上一切人情世 故。尽了人道,才可成佛。总之,入世出世, 只是一心,颠倒烦恼,贪嗔痴迷,是六道众生 的心;心如能空净自在,不固执,便是佛菩萨 的心。所以离世法,便没 有佛法;离了般若, 只有作孽受苦厄的了。 【波罗】此言彼岸;因为有个度字,所以 假定一条生死河,众生在苦恼的此岸,要度过 到清净的彼岸,用来比喻,不是真有此岸彼岸。 【蜜】是到的意思,是到了果位了。果位 是究竟涅盘,涅盘就是清净。 【多】是上面的意思。到彼岸之上,才是 究竟。现在假分五步:第一步在此岸;第二步 入流,是下了渡船了,是初发心的人,亦是初 果罗汉;第三步是中流,船在河中间,如声闻 缘觉;第四步到了彼岸,是十地以下的菩萨,
19
终不是究竟;必第五步上岸,“多”舍去了船, 即 是舍去了法见,扫除了执心,斯是了无挂碍 的等觉菩萨和佛。 【心】心是是个影子,不能说有,不能说 无:所以无形段,不过是六根(眼、耳、鼻、 舌、身、意)和六尘(色、声、香、味、触、 法)相对起了认识,叫做六识(眼识、耳识、 鼻识、舌识、身识、意识),所以是集起的。 就是心同外境集合而缘起的幻影,即名幻心; 心中起的道理,叫做幻法;执住个幻我成个幻 见,于是成熟了,就有六道生死。但造成这个 生死的是幻心,要开般若智慧了脱生死的,还 是要用这幻心;成到佛(涅盘),也是用这幻 心,你既然知道是幻的,那么就有幻心造成幻 法,一切人事等等,六道生死涅盘,还不是一 样是幻的?由此可觉本来没有生死,都是冤枉 造作。既无生死,就用不着涅盘了,所以说诸 法空相,涅盘生死等空华,即是此意。但又为 什么分真心妄心呢?其实心,根本没有,不可 得,又分什么真和妄呢?不过幻心不能除,人 事上一切的幻用不能废,所以权分真心妄心。 真心是无心之心,何以叫无心之心呢?即是不 起念时,而见闻觉知仍旧了了,却无分别, 寂然不动的,此是真心;如一起了念,分别人
事,而可以心不颠倒,亦不逐境流浪,顿然 归到无心本位,此还是真心。至于念念流浪, 不觉渐渐入了迷途,此名妄心。这部心经,就 教你凛觉的法子,用智慧观照什么是心?什么 是苦厄?又如何回归到清净寂灭无心之心的本 位?所以名为般若波罗蜜多心经。 【经】是路,是指示我们回复真心之路的“ 法”,一切方法。现在二百六十个字,是文字 般若,指示我们观照般若的方法;照此去做, 实证实相般若的究竟,总不出众生心行中事, 所以经是完全指我们自身而说的。 此经是唐朝三藏大师玄奘所译。读经当重 意义,不可徒在文字上死执。大乘菩萨登佛位 是至高无上的佛境,意境只有自己晓得,说不 出的,所以叫做无字真经。并不是真的无字, 学人自己领会自己的境界,到了如何果位,要 亲证才知这个境界,不是靠文字可以得知的。 所以得知的必须要真参实究,从自性上用功, 经文本是不过借来考证罢了。总之,心通才 是最大神通;但心不空就不能通,不通就不能 明,不明则一切智慧被无明所覆,不能启发。 这是说心到了真空的境界,自然有许多力量; 不是有苦再除,却使一切苦厄无所依附,根本 无苦厄的了。
ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร
20
ฮุ่ยเล้ง ตอน...
ชายแปลกหน้าสาธยาย วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร
สิ่งที่ไม่คาดฝันได้บังเกิดขึ้น เมื่อฮุ่ยเล้งอายุ 3 ขวบ บิดาได้ถึงแก่กรรมละทิ้งมารดาไว้ในสภาพ ทีย่ ากจนทนทุกข์ แม่ลกู จึงย้ายภูมลิ ำ�เนามาอยูน่ �่ำ ไฮ้ (ปัจจุบนั มณฑลกึงตัง อำ�เภอน่�ำ ไฮ้) เมือ่ ฮุย่ เล้งเจริญ เติบโตขึ้นเขาทำ�อาชีพหาฟืน ผ่าฟืน และหาบลงมา ขายทีต่ ลาดอยูเ่ ป็นนิจ เพือ่ เป็นค่าครองชีพในครอบครัว วันหนึ่ง ฮุ่ยเล้งนำ�ฟืนไปขายที่ตัวเมืองให้กับ เจ้าของโรงเตี้ยมที่สั่งไว้ เมื่อมอบฟืนและรับเงิน เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่จะเดินออกจากร้านได้ยิน ชายผูห้ นึง่ กำ�ลังบริกรรมพระสูตร ด้วยฮุย่ เล้งกำ�พร้า บิดาแต่เยาว์วัยการศึกษาก็น้อย ถึงแม้ว่าได้ฟังการ สาธยายพระสูตรจากชายแปลกหน้าแต่หารู้ไม่ว่า เป็นพระสูตรอะไร พอได้สดับข้อความแห่งพระสูตร นั้น ใจของฮุ่ยเล้งก็ลุกโพลงสว่างไสวในพุทธธรรม จึงเข้าไปถามชายแปลกหน้าด้วยความนอบน้อมใน คัมภีรท์ สี่ วดอยู่ ก็ได้รบั ความบอกเล่าจากชายผูน้ นั้ ว่า เป็น “วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร” ฮุ่ยเล้งไล่เลียงต่อ ไปว่า พระสูตรที่สาธยายได้เล่าเรียนมาจากไหน ชายผู้นั้นตอบว่าได้ศึกษาจากวัดตังเซี้ยม อำ�เภออึ้ง บ้วย เมืองจีควิ (ปัจจุบนั อยูใ่ นบริเวณมณฑลโอ่วปัก) เจ้าสำ�นักมีนามว่าฮ่งยิม่ เป็นสังฆปริณายกแห่งนิกาย เซ็ น องค์ ที่ ห้ า เขาได้ ม อบตั ว เป็ น ศิ ษ ย์ พ ระสั ง ฆ ปริณายกวัดนั้น และได้ฟังเทศน์หลายครั้งเกี่ยวกับ พระสูตรๆ นี้ พระคุณสังฆปริณายกมีศิษย์อบรม
สัง่ สอนประมาณพันคน ท่านชักชวนให้พทุ ธบริษทั สี่ ให้บริกรรมวัชรปรัชญาปารมิตาสูตร เพือ่ ละความยึด มั่นถือมั่น บรรลุเห็นภาวะเดิมของตน เข้าถึงความ เป็นพุทธะโดยตรงเพราะเหตุนั้น. 二、客誦金經 但不幸的是,他在三歲的時候,父瑫公去世, 葬在宅畔。寡母守志鞠養, 母子倆就遷移往南 海 (今廣東省南海縣) 居住, 惠能長大後, 就 上山打柴, 每天運柴去街市出售, 用來維持母 子兩人的生活。 有一天, 惠能打柴回來, 便挑着進城, 很 快的就賣給一家客店, 他收了柴錢, 正準備 離開的時候, 偶然聽到一位客人, 在那裏高 聲朗讀着金剛經, 惠能因為幼年失父,未受教 育,雖然聽不懂那位客人唸的是什麽經,但聽 來好像有所啟悟似的,便很恭敬地上前向這位 客人請教:「先生!你唸的是什麽書?」這位客 人告訴他是「金剛般若波羅密經」。惠能又 問: 「你這部經是從那裏來的?」客人告惠能 說:「我從蘄州黃梅縣(今湖北省境內)的東襌 寺來,這部經是禪宗五祖宏忍大師,在那寺裡 主持教化,我也曾到那裡頂禮膜拜,去聽受這 部經典,忍大師的門弟子有一千多人,五祖常 勸四衆弟子,只要誦持這部金剛經,便能破除 執障,顯出自己的本性來,直截了當的成佛。」
ปราชญ์พึงรักษาศีล ศีลเป็นเยี่ยมในโลก 21
Dragon School
“มังกรสัมพันธ์ร้อยดวงใจถวายพ่อ” โรงเรียนมังกรกมลาวาส จัดกิจกรรม “มังกร สัมพันธ์รอ้ ยดวงใจถวายพ่อ” เนือ่ งในวันพ่อแห่งชาติ ในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554 เพือ่ ระลึกถึงพระคุณของ พ่อ และสำ�นึกในพระคุณของพระเดชพระคุณท่าน เจ้าคุณเย็นเชี้ยวซือหูเจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส ทีท่ า่ นได้อปุ การะอบรมเลีย้ งดูสงั่ สอนเหล่าพระภิกษุ สามเณรนักเรียน ดั่งพ่อ และในงานกิจกรรมครั้งนี้ มีจัดให้ประชาชนทั่วไปเขียนความดีใส่โพธิเงินโพธิ ทองเพื่อถวายพ่อหลวง จัดงานสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีจีนโดยสามเณรนักเรียนโรงเรียนมังกร กมลาวาสวิทยาลัย ทั้งนี้ได้มีผู้ให้ความสนใจอย่าง มาก จัดประกวดเรียงความเรื่องพระคุณของพ่อ ประกวดวาดภาพ แต่งกลอน และตอบปัญญหา พระพุทธศาสนา และสุดท้ายสวดมนต์ถวายพระพร แด่ พ ระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู หั ว ในวโรกาสที่ พระองค์ทรงมีพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา
佛历 2554 年 12月4日,龙莲中学举行 父亲节[龙心献给敬爱的父亲]活动。其目的 是感激报答国父、家父和师父的天大恩情。 活动让沙弥学习中国文化风俗、写短文、诗 歌、画画、对答佛教佛理;还给与民众题词 歌颂皇恩父情。以此庆祝泰皇84岁生日。
22
23
24
25
รั้ววัดบรมราชาฯ
9 วัน 9 ความดี สร้างบารมีถวายพ่อหลวง งานเทศกาลถือศีลกินเจบริสุทธิ์ 9 วัน 9 คืน ระหว่างวันที่ 26 กันยายน ถึง 9 ตุลาคม วัดบรม ราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ฯ จัดกิจกรรมร่วมกับ พุทธศาสนิกชนที่มาถือศีลกินเจเป็นเวลา 10 วัน ในช่วงเทศกาลกินเจประจำ�ปี พ.ศ. 2554 ในชื่อ โครงการ “9 วัน 9 ความดี สร้างบารมีถวายพ่อ หลวง” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั และพระบรมราชินนี าถ ให้ทรง พระเกษมสำ�ราญและทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง 在普颂皇恩寺、2011 年 9 月 26 日至 10 月 9 日本寺会同施主举行大德 9 天9 夜 九皇胜会一共十天。 举行项目“9 天 9 功德增福以表皇 家”为了泰国国王和皇后祝寿值福仪式祈祷 皇上万寿无疆。
26
27
28
29
งานทอดกฐินประจำ�ปี พุทธศักราช 2554 ในวันที่ 14-15 ตุลาคม ทีผ่ า่ นมา วัดบรมราชา กาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ ได้จดั งานทอดกฐินประจำ�ปี พุทธศักราช 2554 โดย มีธนาคารกสิกรไทย จำ�กัด (มหาชน) เป็นเจ้าภาพ วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 17.00 น. นายบันฑูร ล่ำ�ซำ� ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและ กรรมการผู้จัดการ มาเป็นประธานในพิธีฉลององค์ กฐินในพระอุโบสถวัดบรมราชากาญจนาภิเษก วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 10.00 น. 普颂皇恩寺于 2011 年 10 月 14-15 นายบรรยงค์ ล่ำ�ซำ� ประธานกรรมการกสิกรไทย เป็นประธานในการทอดกฐิน พร้อมทัง้ คณะผูบ้ ริหาร 日举行解夏布施大典供袈裟仪式。泰华农民 พนักงานเจ้าหน้าทีธ่ นาคารกสิกรไทยและพุทธบริษทั 银行当主持 2011 年 10 月14日下午 5 点 ไทย-จีน รวมทั้งพุทธศาสนิกชน ได้ร่วมทำ�บุญทอด นายบัณฑูล ล่ำ�ซำ� 总经理、在禅房寺当大典供 กฐินประจำ�ปี พ.ศ. 2554 ในครัง้ นี้ หลังจากเสร็จพิธี 袈裟主席仪式。 2011 年 10 月 15 日上午 นายบรรยงค์ ล่�ำ ซำ� ทอดกฐิน ทัง้ คณะผูบ้ ริหาร และประธาน ร่วมถวาย ภัตตาหารแด่พระภิกษุสามเณร หลังจากนั้นได้รับ 总经理、董事会、工作人员和施主当大典供袈 裟仪式,以后每个人都敬和尚、沙弥吃食物。 ประทานอาหารเจเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางกลับ 30
31
32
พิธีเจริญพระพุทธมนต์ชัยมงคลคาถา
ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554 วัดบรมราชา 普颂皇恩寺于 2011 年 12 月 5 日举 กาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ 行庆祝皇上的生日。本寺举国上下隆重举行 ได้จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ชัยมงคลคาถา เนื่อง 庆祝活动,效忠皇室。皇恩寺也举行祝寿值 ในวันพ่อแห่งชาติ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ 福仪式,祈祷皇上万寿无疆,国家民安。 องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้มีพลานามัย ที่สมบูรณ์แข็งแรง และเพื่อฉลองที่พระองค์ทรงมี พระชนมายุครบ 84 พรรษา 33
น้ำ�ท่วมวัดบรมราชากาญจนาภิเษกฯ (เล่งเน่ยยี่ 2)
ในวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา น้ำ� ได้ เ ข้ า ท่ ว มพื้ น ที่ วั ด บรมราชากาญจนาภิเษกฯ เล่งเน่ยยี่ 2 2011 年 10 月 18 日在挽磨通区和龙 莲禅寺发大水。
34
รั้ววัดมังกรฯ
ในวันอาทิตย์ ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 วัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี)่ ประกอบพิธถี วายตัว เป็นพุทธมามกะ (พิธกี ยุ อีซ�ำ ป้อ) วัตถุประสงค์เพือ่ ที่พุทธศาสนิกชนได้เป็นพุทธมามกะแล้วจะได้ดำ�รง อยูใ่ นบวรพระพุทธศาสนาสืบต่อไปเป็นกาลสืบทอด อายุพระพุทธศาสนาให้กับชนรุ่นต่อๆ ไป ทั้งนี้และ เพื่อเป็นการสืบทอดประเพณีที่มีมาแต่โบราณกาล
佛历 2554 年 11 月 20 日,龙莲禅寺 举行一年一度皈依我佛三宝法典。其目的是 让众生正切认识佛教,并把佛教道理运用到 日常生活,使佛教光前裕后,永世昌隆。法 典隆重庄严,众居士沐浴于慈悲的气氛中, 无不有超凡入圣的感觉
35
รายงานพิเศษ
36
มหาอุทกภัยวัดบรมราชาฯ
จ
ใช้พื้นที่วัดเป็นพื้นที่ส่วนกลางในการกรอกกระสอบ ทรายเพือ่ เป็นพนังกัน้ น้�ำ ให้กบั ประชาชนในพืน้ ที����� ่ เป็ ����น ศูนย์อ�ำ นวยการของกองทัพ���������������������� ��������������������� พล������������������� ������������������ ปตอ��������������� . ������������� ทีค่ อยให้ความ ช่วยเหลือชาวตลาดบางบัวทอง และกู้โรงพยาบาล บางบัวทอง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของสาธารณูปโภค (����������������������������������������������� น้�ำ ได้ทว่ มโรงพยาบาลแล้วในขณะนัน้ )�������������� ทั������������ ง้ พระภิกษุ สามเณร และพนักงานเจ้าหน้าทีว่ ดั ต่างให้ความช่วย เหลือ����������������������������������������� และมี ���������������������������������������� สว่ นร่วมกับชุมชนอย่างเต็มกำ�ลังความ สามารถ เพือ่ สนองตามนโยบายของพระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณท่านเจ้าอาวาส (พระคณาจารย์จีน ธรรมปัญญาจริยาภรณ์ท่านเจ้าคุณเย็นเชี้ยวซือหู) ซึง่ ท่านให้โอวาทไว้วา่ “ขณะนีช้ มุ ชนตลาดบางบัวทอง และพืน้ ทีใ่ กล้เคียงได้รบั ความเดือดร้อนจากอุทกภัย
ากวิกฤตน้ำ�ท่วมที่ผ่านมา������������ อ���������� ����������� .��������� บางบัวทอง เป็นพื้นที่หนึ่งที่ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเริ่มต้นจากเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2554 (หรือ ก่อนหน้านั้นในบริเวณอื่นๆ) ตรงเขตใจกลางชุมชน ตลาดเทศบาลเมืองบางบัวทอง ซึง่ เป็นพืน้ ทีเ่ ศรษฐกิจ ทีส่ �ำ คัญเป็นอย่างมาก�������������������������� ������������������������� น้�ำ ได้หลากเข้ามาและพัดพา นำ�ความเสียหายไปทัว่ ทัง้ บริเวณตลาด�������������� ������������� และพืน้ ทีโ่ ดย รอบ ทั้งหมู่บ้าน ชุมชนที่อยู่อาศัย สถานที่ราชการ รวมถึงวัดบรมราชาฯด้วยเช่นกัน และวิกฤตการณ์ ในครั้งนี้ส่งผลกระทบยาวนานกว่าหนึ่งเดือนครึ่งถึง สองเดือนเลยทีเดียว ��������������������������������������� สำ�หรับวัดบรมราชาฯ ก่อนหน้าที่จะถูกน้ำ� ท่วมนั้น ทางวัดก็ได้เตรียมการช่วยเหลือต่างๆ เช่น 37
ฉะนัน้ หากเราพอทีจ่ ะสามารถช่วยเหลืออะไรได้บา้ ง ก็จงช่วย��������������������������������������� �������������������������������������� และช่วยอนุเคราะห์ตามกำ�ลังทีเ่ ราสามารถ จะทำ�ได้������������������������������ ” ���������������������������� ความเมตตาของพระเดชพระคุณท่าน สร้างความปลาบปลื้มให้กับพระภิกษุสามเณรและ ญาติโยมเป็นอย่างมาก และรู้สึกดีใจแทนชาว บ้านที่มีพระผู้ใหญ่ผู้เป็นปูชนียบุคลคล ที่ให้ความ สำ�คัญและเข้าใจความเดือดร้อนของญาติโยมเป็น อย่างดียิ่ง แม้ตัวของท่านเองจะอยู่ที่วัดมังกร กมลาวาส(วัดเล่งเน่ยยี่ที่กรุงเทพฯ) แต่ท่านก็ยัง ห่วงใยญาติโยมที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งนี้พระเดช พระคุณท่านเจ้าคุณ ท่านได้ร่วมกับคณะญาติโยม ในกรุงเทพฯลูกศิษย์ลกู หา และร่วมกับสมาคมต่างๆ อาทิเช่น������������������������������������� ������������������������������������ สมาคมจีนแต้จวิ๋ แห่งประเทศไทย�������� ������ โดยนำ� สิ่งของเครื่องใช้ ข้าวสารอาหารแห้ง เรือพาหนะ รวมถึงสิ่งของสำ�คัญอื่นๆ������������������� มอบให้ ������������������ ทั้ง�������� ชุ������� มชนใน อำ�เภอบางบัวทองเอง��������������������������� �������������������������� รวมถึงที่จังหวัดอ่างทองและ พระนครศรีอยุธยาอีกด้วย 38
ถึงแม้วัดบรมราชาฯจะตั้งอยู่ในพื้นที่สูงแล้ว ก็ตาม����������������������������������������� แต่ ���������������������������������������� ก็ยังไม่สามารถที่จะพ้นวิกฤตน้ำ�ท่วมใน ครัง้ นีไ้ ปได้ ความเป็นอยูข่ องพระภิกษุสามเณรอยูก่ นั ด้วยความยากลำ�บาก������������������������� ������������������������ ถึงขัน้ ต้องอพยพสามเณรและ พระภิกษุสว่ นหนึง่ ไปพำ�นักอยู������������������ ่ ����������������� ณ���������������� ��������������� วัดมังกรกมลาวาส (������������������������������������������������� วัดเล่งเน่ยยีท่ กี่ รุงเทพฯ������������������������ ) และถึ ���������������������� งแม้จะลำ�บากเพียง ใดก็ตามนั้น ทางวัดยังคงให้ความช่วยเหลือแก่ชาว บ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่มาขอความช่วยเหลือ อย่างต่อเนือ่ ง�������������������������������������� เช่ ������������������������������������� น��������������������������������� การให้ �������������������������������� น�้ำ ดืม่ สะอาดเพือ่ ไปใช้กบั เด็กทารก การแจกถุงยังชีพให้กบั ชาวบ้านทีเ่ ดือดร้อน ซึ่งปัจจัยส่วนหนึ่งที่นำ�มาซื้อถุงยังชีพนั้นได้มาจาก การบริจาคของเหล่าพระภิกษุ และเหล่าสามเณรน้อย นั่นเอง
39
เมือ่ ความทุกข์ความเดือดร้อนมาถึงหากไม่ชว่ ย เหลือกันก็ไม่รใู้ ครจะมาช่วย�������������������������� คนหนึ ������������������������� ง่ มีขา้ วอยูห่ นึง่ คำ� ก็สามารถแบ่งให้อกี คน����������������������������� คนละครึ ���������������������������� ง่ คำ�ได้������������� แล้ ������������ วสองคนนี้ ก็ปะทังความหิวไปด้วยกันได้อีก พระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณเย็นเชี้ยวซือหู ท่านสอนเหล่าพระภิกษุ สามเณรและอุบาสกอุบาสิการวมทัง้ ศิษยานุศษิ ย์ทงั้ หลายอยูเ่ สมอว่า “คนเราต้องมีความเสียสละ ความ
กตัญญูรู้คุณ และปณิธานที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ ในโลก������������������������������������������� ������������������������������������������ ซึง่ สิง่ เหล่านีเ้ ป็นหนทางการบำ�เพ็ญพระโพธิ สัตวมรรค เป็นสิง่ ทีเ่ ราควรยึดถือและปฏิบตั ”ิ หากว่า มนุษย์ไม่มีคุณธรรมในใจแล้ว ถึงคราวที่ความทุกช์ เกิดขึ้นก็ไม่รู้จะมีสิ่งไหนนำ�พาความเอื้อเฟื้อมาสู่ มนุษย์ด้วยกัน
40
กรมควบคุมโรคใช้พื้นที่ภายในวัดบรมราชากาญจนาภิเษกฯ ในการแจกยาและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงแนะนำ�ประชาชน ในการปฏิบัติตัวในช่วงน้ำ�ท่วมเพื่อสุขอนามัยที่ดี 卫生部用龙莲禅寺的地方指导人们要讲卫生和送重要的药品给人们。
寺庙的考验 去年,皇恩寺所在的挽磨通县是洪水的中心。从十月十八 日的差不多二个月中,县城的人民财产受到严重损失。皇恩寺 地势比较高,加上事前做好准备,所以损失比较小,故寺庙能 够接受灾民的寄托。这离不开仁晁大师和众法师沙弥的尽力参 与。大师一开始就慈悲说 现在挽磨通一带受到严重灾难,所以 我们要尽心尽力做力所能及的事帮助他们。大师与潮州会馆联 合广大信徒充分备来饭盒和日用品。使灾民都接受到大德恩泽 滋润,无不感激于怀。
41
งานบุญมหายาน ประจำ�เดือน มกราคม – มีนาคม 2555
1 มกราคม 2555 วันตรัสรู้พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า
22 กุมภาพันธ์ 2555
วันพระจีน ขึ้น 1 ค่ำ� 大乘佛日[二月初一] 25-26 กุมภาพันธ์ 2555 พิธีเจริญพุทธมนต์เสริมบุญวาสนา โชคลาภประจำ�ปี 常年祈福胜会
释迦牟尼佛成道
8 มกราคม 2555
วันพระจีน ขึ้น 15 ค่ำ�
大成佛日[十二月十五日]
17 มกราคม 2555
29 กุมภาพันธ์ 2555
วันปวงเทพเจ้าเสด็จขึ้นสู่สรวงสวรรค์
诸神回天复旨
[子时]迎接财神爷
春节、弥勒菩萨圣诞[正月初一]
诸神降世佑民
22 มกราคม 2555 22.00 น. พิธีรับเสด็จองค์เทพเจ้าไฉ่ซิ่งเอี๊ย 23 มกราคม 2555 วันประสูติพระศรีอายะเมตตรัย และวันฉลองมหามงคลตรุษจีน (วันพระจีน ขึ้น1 ค่ำ�)
26 มกราคม 2555 วันปวงเทพเจ้าเสด็จลงจากสรวงสวรรค์ 31 มกราคม 2555 วันประสูติองค์เทพท้าวสักกะเทวราช (ทีกงแซ) 玉皇大帝圣诞[天公生] 6 กุมภาพันธ์ 2555 เทศกาลหง่วงเซียว วันพระจีน ขึ้น 15 ค่ำ� 元宵节[正月十五] 17 กุมภาพันธ์ 2555 วันประสูติเทพเจ้าไฉ่ซิ่งเอี๊ย 财神爷圣诞
วันเสด็จออกผนวช พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า 释迦牟尼佛出家 7 มีนาคม 2555 วันพระจีน ขึ้น 15 ค่ำ� วัน เสด็จดับขันธปรินิพพาน 万佛节[佛祖圆寂二月十五] 11 มีนาคม 2555 วันประสูติพระกวนอิมโพธิสัตว์ 观音菩萨圣诞[娘生] 13 มีนาคม 2555 วันประสูติพระสมันตภัทรมหาโพธิสัตว์ (โผวเฮี้ยง)
普贤菩萨圣诞
22 มีนาคม 2555
วันพระจีน ขึ้น 1 ค่ำ�
大乘佛日[三月初一]
24 มีนาคม 2555
วันประสูติองค์เทพเฮี่ยงเทียนเสี่ยงตี่ (ตั่วเหล่าเอี๊ย)
玄天上帝圣诞
准提菩萨圣诞
27 มีนาคม 2555 วันประสูติพระพุทธมารดาจุณฑิมหาโพธิสัตว์
42
สะเดาะเคราะห์แก้ชง และสวดมนต์เสริมสิริมงคล ประจำ�ปี 2555
มะโรง จอ ฉลู มะแม
ให้ปราศจากภยันตรายพร้อมทั้ง ลงชื่อในพิธีสวดเสริมสิริมงคล เพื่อนำ�มาซึ่งความเจริญก้าวหน้า รุ่งเรือง เป็นสิริพิพัฒนมงคลในชีวิต
43
ตำ�นานแห่งศรัทธา
เทพเจ้าแห่งโชคลาภ
(ไฉ่ซิงเอี๊ย) 44
เทพเจ้าแห่งโชคลาภ (ไฉ่ซิงเอี๊ย) สามารถ จัดแบ่งได้ดังนี้ 1. ปางมหาเศรษฐี ชั ม ภล ซึ่ ง เป็ น ปางที่ ใหญ่สุด และมีความเก่าแก่ที่สุด กว่า 1,000 ปี (กำ�เนิดจากพระพุทธศาสนามหายาน) 2. ปางบุ๋น เป็นรูปขุนนางจีนดังที่เห็นกัน ทั่วไปซึ่งปางนี้กำ�เนิดภายหลังไม่กี่ร้อยปี คล้ายคลึง กับเทพเจ้าองค์อนื่ ๆ ของจีนเช่น ตีจ่ เู อีย้ แป๊ะกงฯลฯ อาจจะมีคฑายู่อี่และถือก้อนเงินจีนโบราณมีที่มา จากลัทธิเต๋าอย่างชัดเจน บุงไฉ่ซิงเอี้ยคือเทพเจ้าไฉ่ ซิงเอี๊ยฝ่ายบุ๋น - ชื่อ “ปี่กาน” เป็นอัครเสนาบดี ของจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ซางเป็นอัคร เสนาบดีที่ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินมักจะกราบทูลฮ่องเต้ ที่ลุ่มหลงในพระสนมให้ว่าราชการอยู่เนือง ๆ ฝ่าย พระสนมจึงไม่ค่อยชอบขี้หน้าอัครเสนาบดีปี่กาน ก็ เ ลยหาวิ ธี ก ลั่ น แกล้ ง ทำ � เป็ น ล้ ม ป่ ว ย สมคบกั บ แพทย์หลวง ราชสำ�นัก ทูลฮ่องเต้ขอหัวใจของ ปี่ ก านมาทำ � ยาเจี ย งไท้ ก งเทพอาวุ โ สบนสวรรค์ ล่ ว งรู้ จึ ง ให้ ย าอมตะไปเม็ ด หนึ่ ง ครั้ น เมื่ อ ปี่ ก าน
เทพไฉ่ซิงเอี๊ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภมีกำ�เนิด มายาวนานกว่า 4-5 พันปีมาแล้ว เป็นองค์เทพรุ่น เก่าในยุคพราหมณ์และพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งของ พุทธศาสนาฝ่ายมหายาน พระนามเดิมคือท้าวกุเวร เป็นเทพประจำ�โลกบาลทางทิศเหนือ มีฉายาเดิมว่า “เจ้าแห่งทรัพย์” ตำ�นานว่าเป็นเจ้าแห่งยักษ์ทงั้ ปวง อีกชื่อที่คนไทยรู้จักกันดี คือท้าวเวสสุวรรณหรือ ท้าวกุเรปัน ในรามเกียรติน์ นั่ เอง ในฝ่ายพุทธมหายาน มีการกล่าวถึงจตุโลกบาลด้วยเช่นกัน และตรงกันว่า มหาราชผู้เป็นใหญ่ในทิศเหนือคือ ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพผู้รักษาพระพุทธศาสนาดังจะเห็นได้จาก ทางเข้าวัดจีน จะมีจตุโลกบาล 4 องค์ ยืนเฝ้าอยู่ ในศาสนาพุทธมหายานครอบคลุมถึงทิเบต เนปาล และประเทศจีนปัจจุบัน และยุคหลังๆ เรียกท่านว่า “ไฉ่ซงิ เอีย๊ ” ตามสำ�เนียง และภาษาทีเ่ ป็นไปของแต่ ละพืน้ ทีพ่ ร้อมกับมีนทิ านเรือ่ งขุนนางจีนมาประกอบ แต่ยังปรากฏรากศัพท์ของเสียง “ฉ” หรือ “ช” ที่ ภาษาจีนทางใต้ออกเสียง “ใช้” หมายถึง ความร่�ำ รวย ซึ่งใกล้เคียงของเดิม คือ “ชัมภล” “ชัมภาลา” 45
ควักหัวใจให้สนมเอก ก็หาได้จบชีวิตอันใดไม่กลับ หมดอาลั ย ในชี วิ ต ราชการเดิ น ออกจากวั ง หลวง เที่ยวโปรยเงินไปทั่วเพื่อแจกจ่ายชาวบ้านครั้นสิ้น อายุขัยก็ไปจุติเป็นเซียน เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ จะเห็นได้ว่า เทพเจ้าแห่งโชคลาภมีความเก่าแก่ ยาวนานและมีประวัตคิ วามเป็นมาทีส่ ากลปรากฏใน หลายประเทศแถบทวีปเอเซีย แต่ของลัทธิเต๋านัน้ มา กำ�เนิดขึน้ ภายหลังในประเทศจีนซึง่ จะมีกงึ่ ตำ�นานกึง่ นิทานตามตำ�นานมหาเทพของจีน (ฮงสิงปั้ง) เป็น บุคคลธรรมดาต่อมาภายหลัง เมื่อเสียชีวิตจึงได้รับ การยกเป็นเทพ 3. ปางบูท๊ รงเครือ่ งนักรบโบราณ มีเสือ หรือ สิงห์ ประทับอยูด่ ว้ ยคติมาจากความทีเ่ ป็นยักษ์นนั่ เอง ทั้งพุทธมหายานและเต๋าก็มีการประยุกต์มาเช่นกัน บูไฉ่ซิงเอี้ยคือเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยฝ่ายบู๊ - ชื่อ “เจ้า กงหมิง” เป็นนักพรตหน้าตาดุดันบำ�เพ็ญเพียรอยู่ บนเขาง้อไบ๊ จนสำ�เร็จเซียน มีเสือโคร่งเป็นบริวาร ทั้งยังมีอาวุธวิเศษคุ่กายหลายอย่าง เช่น แส้เหล็ก, ไข่มกุ วิเศษ, เชือกล่ามมังกร เจ้ากงหมิงรูว้ า่ เจียงไท้กง มีอำ�นาจในการแต่งตั้ง “เทพเจ้า” จึงบังคับให้แต่ง ตัง้ ตนเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภเจียงไท้กงเพลีย่ งพล้�ำ สูเ้ จ้ากงหมิงไม่ได้เลยบอกว่าจะมีเทพเจ้าในตำ�แหน่ง เดียวกัน 2 คนได้อย่างไรถ้าเจ้ากงหมิงได้หัวใจของ ปี่กานมา ก็จะสถาปนาให้เจ้ากงหมิงจึงบัญชาให้ เสือโคร่งไปควักหัวใจของปี่กานมาปรากฎว่าเสือ กระโจนใส่และฉีกร่างของปี่กานควานหาหัวใจ แต่ ไม่พบต่อมาเจียงไท้กงสำ�นึกว่า ตนหลอกเจ้ากงหมิง เพือ่ เอาตัวรอด ดังนัน้ จึงยอมสถาปนาให้เป็นเทพเจ้า แห่งโชคลาภในฝ่ายบู๊ เทพเจ้าไฉ่ซงิ เอีย๊ เป็นเทพเจ้า ทีบ่ ชู าเพือ่ ความร่�ำ รวย ให้มโี ชคลาภเงินทองนับเป็น เทพเจ้าองค์แรกที่ชาวจีนต้องเซ่นไหว้ก่อนเทพองค์ อื่นๆเป็นเทพเจ้าที่มี พลานุภาพให้โชคลาภความ มั่งคั่งร่ำ�รวยแก่ผู้เซ่นไหว้ ไฉ่ซิงเอี๊ย เป็นเทพชั้นสูง ให้คณ ุ ทางด้านอำ�นวยโชคลาภ ความมัง่ คัง่ ทรัพย์สนิ เงินทองชาวจีนจึงยกย่องให้ท่านเป็น เทพเจ้าแห่ง
โชคลาภ หรือเทพเจ้าแห่งเงินตรา นอกจากให้โชค ลาภเรือ่ งเงินทองค้าขายแล้วชาวจีนยังเชือ่ ว่าการขอ พรให้ท่านช่วยคุ้มครองลูกหลานผู้ไปอยู่ต่างถิ่นแดน ไกลให้มีความสำ�เร็จในเรื่องของการศึกษาดังนั้นจึง กล่าวได้วา่ ไฉ่ซงิ เอีย๊ เป็นเทพเจ้าทีร่ วมความศักดิส์ ทิ ธิ์ และอนุภาพหลายประการไว้ในองค์ท่านเอง การบูชาและสักการะเทพเจ้าไฉ่ซงิ เอีย๊ เครื่องเซ่นไหว้รับเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย รูปภาพหรือรูปปัน้ องค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ กระถางธูป 1 ใบ, ธูป 3 ดอก, เทียนแดง 1 คู่ อาหารเจ 5 อย่าง เห็ดหอม เห็ดหูหนู ดอกไม้จีน วุ้นเส้น ฟองเต้าหู้ ผลไม้ 5 อย่าง เช่น ส้ม กล้วยหอม องุ่น แอปเปิ้ล สาลี่ ฯลฯ สาคูแดงต้มสุก 5 ถ้วย (อั่งอี้) ข้าวสวย 5 ถ้วย น้ำ�ชา 5 ถ้วย ชุดไหว้กระดาษเงิน - กระดาษทอง และเครื่องบรรณาการต่างๆ 46
ซึ่งเป็นเวลา “จื้อ” ของคนจีน และหันหน้ารับองค์ ไฉ่ซิงเอี๊ยทางด้าน “ทิศใต้” (ในวันที่ 26 เดือนหนึ่ง ตามจันทรคติจีน 正月廿六 เป็นวันประสูติของ เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย) เมื่อได้เวลาจุดธูปกล่าวอัญเชิญ คำ�ขอพร และโชคลาภจากท่าน ข้าพเจ้าชือ่ นามสกุล วันเดือนปีเกิด อาศัยอยูบ่ า้ นเลขที่ ขอกราบอัญเชิญ องค์ไฉ่ซงิ่ เอีย๊ โปรดเสด็จมารับเครือ่ งเซ่นไหว้ สักการ บูชาทั้งหลาย และโปรดประทานพร อภิบาลรักษา ให้ขา้ พเจ้า และครอบครัว ประสบแต่สรรพสิรมิ งคล อุดมโชคลาภ ความสุขสวัสดิ์มงคล สมบูรณ์พูนผล สมปรารถนา ปราศจากภัยอันตรายทั้งปวง สุขภาพ แข็งแรงสมบูรณ์ และให้มั่งมีศรีสุข การค้าเจริญ รุ่งเรืองตลอดไปเทอญ เสร็จแล้วก็นำ�กระดาษไหว้ ทัง้ หมดเผา จึงจะสัมฤทธิผ์ ลนำ�เครือ่ งเซ่นไหว้มารับ ประทานเพื่อเสริมลาภ เสริมสิริมงคล ในทุกปีท่านสามารถมาไหว้พระขอพรที่วัด บรมราชากาญจนาภิเษกฯ (เล่งเน่ยยี่ 2) ได้ โดยทาง วัดจะมีการเจริญพระพุทธมนต์ขา้ มปีและพิธรี บั องค์ ไฉ่ซงิ เอีย๊ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ในคืนก่อนวันขึน้ ปีใหม่ จีน หรือ วันตรุษจีน (正月初一) เพื่อรับโชคลาภ ให้เกิดสิริมงคลกับชีวิตตัวท่านและครอบครัว
การประกอบพิธีไหว้ เริ่มตั้งโต๊ะพร้อมจัดวางเครื่องเซ่นไหว้ ก่อน เวลาที่ท่านจะเสด็จมาเล็กน้อย...หันหน้าไปทางทิศ ที่เทพเจ้าแห่งโชคลาภจะเสด็จมาของแต่ละปี (แต่ ละปี ไฉ่ซิ้งเอี้ย จะเสด็จมาในทิศที่ต่างกันไป) ในปี 2555 นี้ ซึ่งเป็นปีมะโรง หรือปีมังกร ฤกษ์มงคล ทีจ่ ะรับองค์ไฉ่ซงิ เอีย๊ ให้เริม่ ไหว้ได้ตงั้ แต่เวลา 23.00 น. ในคืนวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม เรื่อยไปจนถึงเวลา 24.59 น. เป็นเวลาวันใหม่ของวันจันทร์ที่ 23 มกราคม 财神爷 财神是中国民间普遍供奉的善神之一, 每逢新年,家家户户悬挂财神像,希冀财神 保佑以求大吉大利。吉,象征平安;利,象 征财富。人生在世既平安又有财,自然十分 完美,这种真切的祈望成为人们的普遍心 理。求财纳福的心理与追求,充分反映在 春节敬祀财神的一系列民俗活动中。 春节,是中国民间最盛大的节日。其 中除夕之夜有一项重要的民俗活动--迎财 神。除夕之夜,全家人要围坐在一起吃饺子 (饺子象征财神爷给的元宝),吃罢饺子彻 夜不眠,等待着接财神。迎财神后祭祀财
神,家家在供奉财神像前焚香上供品。祭祀 时边行礼边诵祝词:香红灯明,尊神驾临, 体察苦难,赐富百姓。穷魔远离,财运亨通, 日积月累,金满门庭。一家老幼行礼毕,鞭 炮一响惊天地。”祭祀场面非常隆重。敬祭 财神供品内容特别讲究,主人点燃香烛,众 人顶礼膜拜。人人满怀发财的希望,祈愿在 新的一年里大发大富。 敕赐普颂皇恩寺有安奉财神爷,每年 在春节的第一时间就举行迎财神爷法典。仪 式隆重,请众善男信女踊跃参加迎神活动, 以求新年发财。
47
เพิ่มพูนบารมีเสริมพลังชีวิต
ลักษณะที่องอาจน่าเกรงขาม ยืนบนเมฆเป็นนาค และพืน้ หลังขององค์พระเป็นเงิน เหรียญเป็นรูปทรง ลักษณะของพัดจีนโบราณ ทัง้ นีเ้ พือ่ ขจัดปัดเป่าสิง่ ที่ เป็นอันตรายต่างๆ ให้หมดไป ด้านหลังบรรจุยนั ต์มหา เมตตา มหาโชค มหาลาภ ตรงกลางบรรจุคฑาวัชระ ไขว้ (กิมกังซู่) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งธรรมศาสตรา ในพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งแทนปัญญาธิคุณ ที่คมประดุจเพชรใช้เพื่อตัดกิเลสมาร และใช้ปราบ มารภูตผีปีศาจขจัดเพศภัยให้หมดสิ้น
เนื่องในปีมังกร พ.ศ. 2555 เป็นปีมหามงคล ทางวัดบรมราชาฯ ได้จัดสร้าง เหรียญท้าวกุเวร มหาราช หรือท้าวเวสสุวรรณ เพือ่ ให้พทุ ธศาสนิกชน ได้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมทั้งได้เสริมโชคลาภ เพิ่มพูนโภคทรัพย์ และป้องกันภัยภยันตรายต่างๆ เหรียญท้าวกุเวรมหาราช ได้สร้างจากเนื้อกะไหล่ ทองชุบสามกษัตริย์ ด้านหน้าองค์มลี กั ษณะเป็นพุทธ ศิลป์แบบจีนโบราณ (จำ�ลองจากท้าวกุเวรมหาราช องค์ใหญ่ทปี่ ระดิษฐาน ณ วัดบรมราชาฯ) สวมอาภรณ์ ด้วยชุดแม่ทัพสวรรค์สีทอง มือขวาถือเจดีย์ ด้วย 48
สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เกิดปีชง 4 ปีในปีนั้นๆ ซึ่ง ในปีนี้ (พ.ศ. 2555) ได้แก่ปีมะโรง ปีจอ ปีฉลู และ ปีมะแม ทัง้ นีเ้ พือ่ เสริมดวงชะตาคนทีเ่ กิดปีชง จะใช้ ในรูปปีนกั ษัตรทีจ่ ะมาเสริมกันหรือฮะกัน (คำ�ว่า “ฮะ” ในภาษาจีนแปลว่า ถูกกัน เสริมกัน หนุนดวงกัน) คือปีมะโรงใช้ปรี ะกามาเสริม ปีจอใช้ปเี ถาะมาเสริม ปีฉลูใช้ปชี วดมาเสริม และปีมะแมจะใช้ปมี ะเมียมา เสริม เหรียญคูฮ่ ะกันชงเป็นเนือ้ กะไหล่ทอง และลงยา ตามแบบของยันต์แปดทิศเพื่อให้มีอำ�นาจป้องกัน ภยันตราย และสิ่งที่ไม่เป็นมงคล รูปนักษัตรตรง กลางทีเ่ ป็นคูฮ่ ะของแต่ละปีจะใช้เพือ่ เสริมดวง และ หนุนดวงชะตาของปีนนั้ ๆ ด้านหลังบรรจุชอื่ วัดและ อักษรจีน 4 ตัว 添壽增褔 เสริม ดวงชะตา สร้าง บารมี ตรงกลางบรรจุยนั ต์มหามงคลเพือ่ เสริม ดวงชะตาชีวิตให้รุ่งโรจน์ เจริญรุ่งเรือง
增福护身 本寺今年隆重推出[护财神托塔天王 铜牌]和[对合挡冲四兽铜牌]给予众善男信 女奉回供养。[护财神托塔天王铜牌]前面是 身着战袍,手托宝塔,脚踏云端,威风凛凛, 背面四周付上神咒,中间是金钢杵,天王职 责扶危救难,守护财产。 [对合挡冲四兽铜牌]是属本年度被冲 四相,分别对上相合之兽,以求加持运势, 去伪存真,吉祥如意。相合四相是;龙和 鸡,狗和兔,牛合鼠,羊合马。凡能佩带 者出入平安,万事如意。
49
ห้องครัววัดบรมราชา โดย ลดาวัลย์ กาญจน์ธีรโชติ
四色马来肉
50
เครื่องปรุง น้ำ�มันพืช 植物油 หมูมาเลย์เจ 马来肉 หอมหัวใหญ่ (หั่น) 大葱 พริกชี้ฟ้า (หั่น) 甜椒 ต้นหอม (หั่น) 葱 ถั่วฝักยาว (หั่นพอคำ�) 豆 น้ำ�ตาลทรายขาว 白砂糖 ผงฟ้าไทยปรุงรสเจ 斋调味素 ผักกาดดอง 腌菜 ซี้อิ๊วขาว 酱油
วิธีทำ�
และเติมซีอิ๊วอีกเล็กน้อย ถ้าไม่ชอบหวานก็ไม่ต้อง ใส่น�้ำ ตาลทรายผัดรวมให้ได้รสชาติทกี่ ลมกล่อม ตัก ใส่จานพร้อมเสริฟ ควรทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
ตั้งน้ำ�มันรอให้ร้อนหลังจากนั้นใส่หมูมาเลย์ ลงไปทอด เมื่อหมูมาเลย์สุกได้ที่แล้วก็นำ�ขึ้นมาพัก น้ำ�มันไว้ เพื่อจะได้ไม่มันมากเกินไป ตั้งน้ำ�มันในกระทะอีกครั้งใส่น้ำ�มันเพียงนิด เดียว หลังจากนั้นก็ใส่ หอมหัวใหญ่ ถั่วฝักยาว ผัดเข้ากัน แล้วใส่พริกชีฟ้า ต้นหอม และนำ�หมูมา เลย์ที่พักน้ำ�มันไว้มาผัดรวมกัน ปรุงรสด้วยผงฟ้าไทย น้ำ�ตาลทรายเล็กน้อย
ประโยชน์
ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยให้ ระบบการย่อยแข็งแรง และช่วยระบบภูมิต้านทาน ในร่างกายอีกด้วย
功效;降低胆固醇,增强消化机能,增加抵抗力。
51
เหตุเกิดที่กรรม : นายฮง
สายน้ำ�ใจที่ไม่เคยเหือดแห้ง ศุภฤกษ์มงคล ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2555 ปี มังกร ปีใหม่นขี้ อให้เรือ่ งเก่าทีเ่ ลวร้ายผ่านพ้นไปเรือ่ ง ใหม่ที่ดีๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตของผู้อ่านทุกท่านรวม ถึงพี่น้องชาวไทยทุกๆ คน มหาอุทกภัยที่ก่อตัวขึ้น และไล่เรียงลำ�ดับแห่งความสูญเสียตามเส้นทางที่ ไหลผ่าน สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งข้าวของ เครื่องใช้ จากบุคคลชั้นระดับรากหญ้าจนถึงระดับ บุคคลทีม่ อี ตุ สาหกรรมเครือ่ งจักรขนาดใหญ่ คิดเป็น มูลค่าความเสียหายเป็นจำ�นวนมหาศาล แต่สงิ่ หนึง่ ทีอ่ ยูใ่ นใจของคนทุกคนคือ ชีวติ ต้องดำ�เนินต่อไป ถึง จะเสียทรัพย์ไปมากเท่าใด แต่ทุกคนต้องเอาชีวิต ให้รอด อยู่เพื่อชีวิต จะชีวิตของตนเอง หรืออยู่ เพื่อชีวิต ของผู้อื่นก็ต้องอยู่ต่อไป สู้ต่อไปและนี่คือ สัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดของทุกๆ คน หิวก็ ต้องหากิน ง่วงก็ตอ้ งหาทีน่ อน หนาวก็หาทีอ่ นุ่ ๆ แต่ พอถึงเหตุการณ์ที่สุดวิสัยในการจะช่วยเหลือตัวเอง แล้วใครหล่ะที่จะมาช่วย เมื่อช่วยตัวเองไม่ไหว... สิง่ หนึง่ จากการทีเ่ ป็นคนไทยความน่ารักของคนไทย คือ ความเอือ้ เฟือ้ ความเมตตากรุณา การทีเ่ ห็นใคร เดือดร้อนแล้วต้องเข้าไปช่วยเหลือเพราะเขาก็เป็น เพื่อนมนุษย์ด้วยกันหรืออาจจะเป็นคนที่เรารู้จักแต่ กาลก่อนก็ได้ดั่งพระพุทธองค์ตรัสไว้อยู่ตอนหนึ่ง ว่า บุคคลที่ไม่เคยเป็นพ่อ บุคคลที่ไม่เคยเป็นแม่ บุคคลที่ไม่เคยเป็นพี่น้องชาย บุคคลที่ไม่เคยเป็น พีน่ อ้ งหญิง นัน้ ในโลกนีถ้ อื ว่าหาได้ยาก เพราะฉะนัน้ คนทุกคนล้วนมีความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกันไม่ว่า ชาติใด ชาติหนึ่งเพราะจะด้วยกฎแห่งกรรม หรือ วงเวียนวัฏฏะสงสาร วนเวียนกันไปมานับว่าหาได้ 52
ยากสำ�หรับคนที่จะไม่เกี่ยวข้องกันเลย การรักกันไว้ เมตตากรุณาต่อกัน ช่วยเหลือซึง่ กันและกันจึงเป็นสิง่ ทีด่ ที สี่ ดุ อีกอย่างเอกลักษณ์ของคนไทยคือทุกคนเป็น ครอบครัวเดียวกัน ทำ�ไมเราเรียกแม่ค้าขายหมูปิ้ง ว่า “ป้า” �������������������������������� ทำ�ไม่เราเรียกเจ้าของร้านชำ�ว่า�“เฮีย” ����� ทำ�ไม เราเห็นผู้อาวุโสกว่าแล้วยกมือไหว้ “สวัสดีครับพี่” และนีค่ อื คำ�ว่าครอบครัวของคนในชาติ ไม่มชี าติใหน ที่เขาเรียกคนที่พึ่งรู้จักหรือคนที่พึ่งเคยเห็นหน้าเป็น ครั้งแรกว่า “พ่อ แม่ พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา” มีชาติไทยชาติเดียวเท่านั้นและหากว่าเมื่อคนใน ครอบครัวเดือดร้อนแล้วเราไม่ช่วยแล้วใครจะช่วย ฉะนั้นแม้วิกฤติจากสายน้ำ�นั้นจะมากมายเพียงใด แต่ ก็ ไ ม่ เ ท่ า กั บ สายน้ำ � ใจของคนในชาติ ที่ ไ ม่ เ คย เหือดแห้งไปจากกันเลย ความช่วยเหลือ การแบ่งปัน และบรรเทาความทุกข์และสุขร่วมกัน เป็นเรือ่ งทีน่ า่ ยินดีที่สิ่งนี้ในสังคมปัจจุบันยังไม่จางหายไป แต่ถ้า วันนี้ไม่มีความเดือดร้อนเกิดขึ้น บางคนก็คงอยู่บน รถเมล์ตามท้องถนนที่รถติดมากๆ ติดเป็นชั่วโมงๆ มีคนที่ได้นั่งและคนที่ต้องยืนแออัด ยืนเบียดกัน จากการทำ�งานมาทัง้ วันอย่างเหน็ดเหนือ่ ยพร้อมกับ
การที่พึ่งทะเลาะกับเพื่อนร่วมงานมาซ้ำ�ยังโดนเจ้า นายตำ�หนิเรื่องส่งงานไม่ทัน เพราะต้องเดินทางไป โรงพยาบาลเพราะลูกป่วยหนัก คิดถึงว่าเงินเดือน เดือนนีจ้ ะพอค่าใช้จา่ ยหรือเปล่า หลากหลายปัญหา แห่งการดำ�เนินชีวิตทุกคนจะคิดถึงตัวเอง ตัวเอง ตัวเองเท่านั้น... สำ�หรับวันนี้คือฟ้าที่หลังฝน จากนี้ ต่อไปคงจะเหลือเพียงรอยน้�ำ รอยแห่งความเสียหาย และรอยคราบน้�ำ ตาของประชาชนชาวสยาม ความ ทุกข์ให้ไหลลงทะเลไปพร้อมๆ กับน้ำ� เริ่มต้นใหม่ ในปีใหม่ ต้อนรับสิ่งใหม่ๆ ทำ�วันนี้และทุกๆ วันต่อ ไปให้สยามกับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง ปีใหม่นี้ขอคุณพระศรีรัตนตรัย พระสยาม เทวาธิราช บารมีบรรพพระมหากษัตริย์ไทยทุกๆ พระองค์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จง คุ้มครองให้ประชาชนชาวไทยมีแต่ความสุขร่มเย็น ร่มรื่น ปราศจากความทุกข์ใดๆ ให้บ้านเมืองพบแต่ ความสงบสุข ผืนแผ่นดินทุกอณูเป็นสีทองอร่ามสม กับดินแดนสุวรรณภูมิ ขอความสวัสดีโชคดีมีชัย ตลอดกาล
心意不会干枯 编辑部首先祝愿众善男信女迎接美好的龙年。摒除去年洪水大难 的阴 ,重新开始人生。泰国是佛国,我们生活在社会的大家庭里,大 家都是有缘份,要慈悲待人,互相帮助,表现出泰国特有的微笑,祈祷 神圣大慈大悲,相信能保佑国泰平安,风调雨顺。
53
อารยธรรมตะวันออก : อาจารย์เศรษฐพงษ์ จงสงวน
เกาะโผวท้อซัว (ผู่ถัวซาน)
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์พระอวโลกิเตศวรโพธิ์สัตว์(กวนอิม) ตอนที่ ๑
นมัสการเบื้องพระพักตร์พระโพธิสัตว์ มักจะ บุกป่า ฝ่าทะเลมา ลืมสิน้ อุปสรรคนานัปการอย่างไม่เห็นแก่ ชีวติ แต่คนที่ สามารถมาถึงมีนอ้ ยนัก สำ�หรับผูค้ นที่ อาศัยอยู่เชิงเขา ถ้าอธิษฐาน ด้วยความจริงใจ พระ โพธิสัตว์ก็จะปรากฏกายให้เห็น บางครั้งก็เนรมิต เป็นพระอิศวรเทพ โยคีผู้มีขี้เถ้าทาตัว หรือเดียรถีย์ มาปลอบโยน ประทานพรให้พวกเขาสมหวัง” ในบันทึกประวัตศิ าสตร์พทุ ธศาสนาในประเทศ อินเดียของ ท่านตารนาถ พระเถระชาวทิเบต ก็กล่าว ถึง อาจารย์พุทธคุหยและ พุทธสันติ สองท่านผู้ เป็นศิษย์ของพุทธชญาน ได้เดินทางไป เขาโปตลกะ ที่เชิงเขาท่านทั้งสองได้พบกับตาราโพธิสัตว์ มา บรรยายธรรมแก่เหล่านาค โดยปรากฏกายเป็นหญิง ชรา กวาดต้อนฝูงปศุสตั ว์ กลางเขาท่านได้พบกับ ภฤ กุฏโพธิสัตว์มาบรรยายธรรมแก่เหล่าอสูรและยักษ์ โดยปรากฏกายเป็นหญิง สาวกวาดต้อนฝูงแพะ ท่าน ทัง้ สองได้นมัสการศิลาจำ�หลักรูปพระ อวโลกิเตศวร โพธิสัตว์ บนยอดเขานั้น
สถานที่ประทับของ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
ในพระสูตรฝ่ายมหายาน คัณฑวยูหสูตร ได้ กล่าวว่า “ครัง้ นัน้ เวษฐิละคฤหบดี ได้กล่าวแก่สธุ น กุมารว่า ในทิศใต้มภี เู ขาชือ่ โปตลกะ ตัง้ อยูก่ ลางทะเล เป็นที่ประทับของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์..” ในจดหมายเหตุ การเดินทางสูด่ นิ แดนตะวัน ตกสมัยราชวงศ์ถัง (ไต่ถังไซฮกกี่ - ต้าถังซีอวี้จี้) ของพระถังซำ�จัง๋ กล่าวไว้ในบรรพที่ ๑๐ แคว้นมลกูฏ ว่า “ด้านทิศใต้ของแคว้นมีภเู ขาชือ่ มลยคิรี ปียอดสูง เหวลึก....ทางตะวันออกของมลยคิรมี ภี เู ขาชือ่ โปตลกะ ทางเดินบนเขา เสีย่ งต่ออันตรายมาก หุบเขาเอียงลาด บนยอดเขามีทะเลสาบแห่งหนึง่ น้�ำ ในสระใสสะอาด ราวกระจก ไหลแยกออกไปเป็นแม่น�้ำ สายหนึง่ ไหลวน ภูเขา ๒๐ รอบ แล้วไหลออกสูท่ ะเลใต้ ข้างทะเลสาบ มีวมิ านหินแห่งหนึง่ พระอวโลกิเตศวรโพธิสตั ว์ เสด็จ ท่องเทีย่ วไปและมาประทับ ยังภูเขานีเ้ สมอ คนทีใ่ คร่ 54
มีทงั้ หาดทรายและโขดหิน กระแสน้�ำ ขึน้ น้�ำ ลงดูสวยงาม ภูมิอากาศ ในเกาะอบอุ่น เย็นสบายตลอดทั้งปี เกาะโผวท้อซัว (ผู่ถัวซาน) มีเกาะบริวารอีก เกาะหนึง่ อยูใ่ กล้กนั ทางตะวันออกเฉียงใต้ เรียกชือ่ ว่า เกาะเลาะแคซัว (ลัว่ เจียซาน) ชือ่ เกาะนีเ้ รียกชือ่ รวม กับเกาะโผวท้อซัว (ผูถ่ วั ซาน) เป็น โผวท้อ - เลาะแคซัว (พูถ่ วั - ลัว่ เจียซาน) ก็จะได้ชอื่ ภาษาสันสกฤตของคำ� ว่า โปตลกะหรีอ โปตลกบรรพต อันเป็นชือ่ สถาน ที่ประทับของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ตามคัมภีร์ พระพุทธศาสนามหายาน
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าความเชื่อเรื่องพระอวโลก เตศวรโพธิสัตว์ ประทับ ณ เขาโปตลกะนั้น เป็นที่ รับรูท้ วั่ ไปในหมูช่ าวพุทธ ทัง้ ในประเทศอินเดีย และ ประเทศต่างๆ มานานมากแล้ว เกาะโผวท้อซัว (ผู่ถัวซาน) ภูเขาโผวท้อซัว (ผู่ถัวซาน) เป็นเกาะภูเขา เกาะหนึ่งในหมู่ เกาะจิวซัว(โจวซาน)ซึ่งตั้งอยู่ทาง ตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลเจ้อเจียง เป็นหนึ่งใน สี่ภูเขาที่มีชื่อเสียงทางพุทธศาสนาของประเทศ จีน มีสมญาว่า “พุทธภูมิกลางทะเล” และยังเป็นแหล่ง ท่องเที่ยว อันลือชื่ออีกด้วย เกาะโผวท้อซัว (ผูถ่ วั ซาน) เป็นภูเขาทีเ่ ลือ่ งลือ ไปด้วย ทิวทัศน์ธรรมชาติ ภูเขาจดทะเล ทิวทัศน์ งดงามตระการตา ยอดเขา กลางเกาะชื่อฮุกเต้งซัว (ฝอติง่ ซาน) สูงเหนอระดับน้ำ�ทะเล ๒๙๐ กว่าเมตร ซึง่ เป็นยอดเขาสูงสุดในเกาะ บนเกาะมีวดั วา อาราม มากมาย มีตน้ ไม้โบราณสูงตระหง่าน ตามชายทะเล
ต้นกำ�เนิดวัดพระแม่กวนอิมไม่เสด็จไป (ปุกเคงคื่อกวนอิมอี่-ปู้เคิงชวี่กวนอินย่วน) ต้นกำ�เนิดที่ชาวจีนเชื่อกันว่าเกาะโผวท้อซัว ในหมู่เกาะจิวซัว นี้คือที่ประทับของพระอวโลกิเต ศวรโพธิสัตว์ในตำ�นานก็เริ่มจาก ปีรัชกาลถังไต่จง (ถังต้าจง) ปีแรก พ.ศ.๑๓๙๐ (ค.ศ.๘๔๗) มีพระอินเดีย เดินทางมายังเกาะนี้ และพระอวโลกิเตศวรโพธิสตั ว์ 55
ชมพระบารมีขององค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (กวนอิม) แล้วไซร์ ก็ขอให้เกิดพายุขนึ้ ” ประจักษ์ดงั นัน้ คณะเดินทางจึงจำ�เป็นต้องอัญเชิญรูปแกะสลัก พระ โพธิสัตว์ฯ ขึ้นฝั่งและสร้างศาลาเล็กๆ เพียงพอแค่ กันแดด - ฝนไว้ เท่านั้น แล้วก็เดินทางจากไป ต่อมาภายหลังได้มกี ารสร้างต่อเติบโดยบรรดา ชาวบ้าน ผู้มีจิตศรัทธา จนกลายมาเป็นวัดที่เห็นกัน ในปัจจุบนั ส่วนชือ่ ของวัดก็ได้เรียกกันตามตำ�นานที่ เล่าขานกันสืบมาว่า วัดพระแม่กวนอิมไม่เสด็จไป โดยต่อมาจึงเกิดมีอารามต่างๆ สืบต่อกันมา ในอดีตมี อารามใหญ่ ๔ แห่ง วิหาร ๑๐๖ แห่ง สำ�นักสงฆ์ ๑๓๙ แห่ง มีพระสงฆ์ถงึ ๔,๖๕๔ รูป จนได้ รับสมญานามว่า พุทธภูมอิ นั ดับ หนึง่ แห่งประเทศจีน (จินตัง่ โต่ยอิกฮุกก๊ก - จิยตัน้ ตีอ้ ฝี อกว๋อ) ตลอดตัง้ แต่ ราชวงศ์ถงั เป็นต้นมา ถึงราชวงศ์ซง่ หยวน หมิง ชิง เป็นเวลากว่า ๑,๐๐๐ ปี มีจักรพรรดิได้เสด็จมา สัก การะปูชนียสถาน ณ เกาะแห่งนี้ กว่า ๒๐ พระองค์
สำ�แดงพระองค์ปรากฎแสดงธรรมที่ถํ้าพรหมโฆษ (ห่วมอิมตั่ง) ต่อมาในปีรัชกาลถังฮํ่าทง (เสียนทง) ปีที่ ๔ พ.ศ. ๑๔๐๖ (ค.ศ. ๘๖๓) ได้มีพระชาวญี่ปุ่นชื่อหุ่ยงัก (ฮุย่ เอ้อ) ได้อญ ั เชิญรูปสลักพระอวโลกิเตศวรโพธิสตั ว์ (กวนอิม) จากภูเขาโหงว ไท้ซวั (อูไ่ ถซาน) ลงเรือ เพือ่ จะนำ�ไปประดิษฐานที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อล่องเรือมา จนถึงทะเลโน่ยฮัวเอี๊ย (เหลียนฮัวหยาง) หมู่เกาะ จิวซัวแห่งนี้ ก็เกิดพายุลกู ใหญ่ขนึ้ ทำ�ให้เรือไม่สามารถ แล่นต่อไปได้ ท่านจึงนำ�รูปสลักพระโพธิสตั ว์ฯ ขึน้ ฝังเพือ่ รอ พายุสงบแล้ว พายุก็สงบลงทันที เมื่อเห็นเช่นนั้น ก็ได้นำ�รูปสลักพระโพธิสัตว์ฯ ลงเรือเพื่อจะเดินทาง ต่อ พลันก็เกิดพายุขึ้นอีกจึงจำ�เป็นต้องนำ� รูปสสัก พระโพธิสัตว์ฯ ขึ้นฝังอีกครั้ง เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ขึ้นถึง ๓ ครั้งด้วยกัน ทางคณะเดินทางของพระฮุ่ย เอ้อ จึงได้ตงั้ จิต อธิษฐานว่า “หากชาวญีป่ นุ่ จะไม่ได้ 56
รูปปฏิมาพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (กวนอิม) แห่งทะเลใต้
(หม่ำ�ไฮ้กวนอิม-หนานไห่กวนอิม) องค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสตั ว์ (กวนอิม) แห่ง ทะเลใต้ (หน่าไฮ้กวนอิน - หนานไห่กวนอิน) เป็น รูปปฏิมาอันงดงามมาก พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (กวนอิม) ทรงยืนหัน พระพักตรออกสูท่ ะเล พระหัตถ์ ซ้ายทรงพระธรรมจักร พระหัตถ์ขวาแสดงปางอภัย มุทรา บนพระเศียรมีพระปฏิมา พระอมิตาภพุทธเจ้า มีพระพักตร์อิ่มเอิ่บ พระเนตรทอดลงองค์พระปฏิมาเป็นการแสดงพระ กรุณาธิคณ ุ แห่งองค์พระโพธิสตั ว์เจ้า ผูท้ รงกอปรด้วย มหาเมตตากรุณาต่อมวลสรรพสัตว์ องค์ พ ระโพธิ สั ต ว์ ห ล่ อ ด้ ว ยทองเหลื อ งสู ง ๒๐.๐๐ เมตร องค์สูง ๑๘.๐๐ เมตร ประทับยืนบน ฐานบัวสูง ๒.๐๐ เมตร มีนํ้าหนักรวมกว่า ๗๐ ตัน ประดิษฐานอยู่บนแท่นสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง ๑๓.๐๐ เมตร องค์พระ หล่อขึ้นเมื่อปี ๑๙๙๖ แล้ว เสร็จในปี ๑๙๙๗ในการสร้างองค์พระมีการแยก สร้างส่วนโครงสร้างเหล็กภายใน โดยมีบริษัทตงกก พั้งเทียงกงเงี๊ยบจ้งกงซี (จงกั๋วหังเทียนกงเยี่ยจ่ง กงซือ) สำ�นักงาน ๙๐๒ เป็นผู้รับผิดชอบ และมี โรงหล่อบริษัทลกเอี๋ยงตั่งเกียกังเชี่ยง (ลั่วหยางถง เจียกงฉั่ง)รับผิดชอบหล่อ องค์พระภายนอก โดย แยกหล่อเป็นชิ้นๆ ถึง ๙๖ ชิ้น ชิ้นส่วนพระพักตร มีส่วนผสมทองคำ� ๖,๕๐๐ กรัม และส่วนการตกแต่ง ออกแบบศิลป์สว่ นฐาน และภูมทิ ศั น์ มีบริษทั จิวซัวจุง่ เชีย่ ง (โจวซานฉวนฉัง่ ) นายเล้าไต่อยุ่ (หลิว ต้าเว่ย) และพี่น้องตระกูลตั้ง (เฉิน) เป็นต้นเป็น ผู้ออกแบบ ศิลปกรรม ในวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ (ค.ศ. ๑๙๙๗) ได้มีพิธีเบิกพระเนตรองค์พระโพธิสัตว์ มีผู้ร่วมพิธี กว่า ๕,๐๐๐ รูป/คน ขณะประกอบพิธี ปรากฏมีหมอก ลงจัดไปทั่วบริเวณ แต่เมื่อพระสงฆ์เจริญพระพุทธ มนต์พธิ เี บิกพระเนตร ก็ปรากฎท้องฟ้าเปิดมีแสงสว่าง
ส่องลงมาต้ององค์พระโพธิสตั ว์ นับเป็นอัศจรรย์แก่ ผู้ร่วมพิธี อารามไผ่ม่วง(จีเต็กลิ้ม-จื่อจู๋หลิน) อารามไผ่มว่ ง(จีเต็กลิม้ -จือ่ จูหลิน) ติดกับทะเล ตะวันออกของจีน เป็น สวนริมทะเล ที่อุดมไปด้วย ไม้ไผ่พันธุ์สีเปลือกมังคุด นอกจากนั้นข้างหน้าวัดยังมีเกาะที่เหมือน พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (กวนอิม) องค์หนึ่งอยู่ และเป็นสถานทีซ่ งึ่ เล่ากันว่า องค์พระอวโลกิเตศวร โพธิสตั ว์ (กวนอิม) ได้ทรงแสดงธรรม และทำ�ให้ตน้ ไผ่ในบริเวณรอบๆ นั้น เปลี่ยนเป็นสีม่วงไปทั้งหมด อย่าง 57
สามสิ่งสุดวิเศษ
บนเกาะโผวท้อซัวมีสามสิ่งสุดวิเศษ หลาย ได้แก่ ตรีมหาวิหารแห่งโผวท้อซัว (โผวท้อซัวซาหยี)่
ได้แก่ - วัดโผวจี้หยี่ (ผู่จี้ซื่อ) - วัดฮวบโหวหยี่ (ฝ่าอวี่ซื่อ) - วัดหุ่ยจี้หยี่ (ฮุ่ยจี้ซื่อ) ตรีรัตนะแห่งโผวท้อซัว (โผวท้อซัวซำ�ป้อ) ได้แก่ - ประภูตรัตนเจดีย์ (ตอปัอถ่ะ) - ศิลาจำ�หลักพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (กวนอิม) กิ่งหลิว (เอี่ยงกีกวนอิมปี) - เพดานเก้ามังกร (กิ๋วเล้งเชาจิง) ตรี ศิ ล าแห่ ง โผวท้อซัว (โผวท้อซำ � เจี๊ยะ) ได้แก่ - หินศิลา-ตล (พ่วงท้อเจี๊ยะ) - หินอักษรจิต (ซิมหยี่เจี๊ยะ) - เต่าหินคู่ฟังธรรม (หน่อกูเทียฮวบเจี๊ยะ) ตรีคูหาแห่งโผวท้อซัว (โผวท้อชำ�ตั่ง) ได้แก่ - เฉาเอี้ยงตั่ง - เตี่ยวอิมตั่ง - ห่วมอิมตั่ง
ทิวทัศน์บนเกาะนั้นแต่โบราณมีผู้กล่าวขาน กันว่ามีทวิ ทัศน์ งดงาม ๘ แห่งบ้าง ๑๐ แห่งบ้างหลาย สำ�นวน ถึงในสมัยราชวงศ์ ชิง กล่าวว่าบนเกาะมี ทิวทัศน์ที่สวยงามถึง ๑๒ แห่ง ได้แก่ พระโพธิสัตว์ ทรงเลือกทิพย์สถาน (อุกจี้เมี่ยซัว - ฝอจี้หมิงซาน) รอยบาทศักดิส์ ทิ ธิส์ ถานทีพ่ ระโพธิสตั ว์โปรดอาหญิง (ต่วงโกวเซีย้ เจียะ - ต้วนกูเซิง่ จี) เสียงคลืน่ สองคูหา (เหลี่ยงตั่งเตี๋ยวเซีย - เหลียงต้งเฉาเชิง) หาดทราย ทองพันก้าว (โชยโป่วกิมซัว - เชียนปูจ้ นี ซา) คลืน่ เมฆ บนยอดเขา (หัว่ เต้งฮุง้ ทิว้ - หัวติง่ อวิน๋ เทา) รุง่ วสันต อ่าวเหมย (บ๊วยอวงชุงเฮี่ยว - เหมยวานชุนเสี่ยว) ตะวันขึน้ ทีถ่ าํ้ แสงอรุณ (เฉีย่ วเอีย๊ งย่งยิก - เฉาหยาง หยงยี่อ) แสงอัสดงที่หินศิลาตล (ม่วงท้อเส็กเจี่ย ผานถัวซี่เจ้า) สัทธรรมปุณฑริกทิพย์คูหา (ฮวบฮั้ว เล่งตั่ง - ฝ่าหัวหลิงต้ง) แสงสว่างพร่างพราวหสัง หิมะตก (กวงฮีเซาะจี้ - กวงซีเสวี่ยจี้) เสียงระฆัง รัตนเจดีย์ (ปอถ่ะบุ๋งเจ็ง - เป่าถ่าเหวินจง) คนเพ็ญ กลางสระบัว (โน่ยตี๊แหม่ง๊วย - เหลียนฉือเย่เย่ว์) (โปรดติดตามตอนต่อไป)*** 58
59
เรียนรู้ประเพณีจีน : เด็กตลาด หน้าวัด
เทศกาลตรุษจีน
วันตรุษจีน เป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน ซึ่ง ตรงกับ วันที่ 1 เดือน 1 ตามปีปฏิทินจันทรคติจีน (โดยอยูใ่ นช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคมของ ปีสากล) นอกจากนีแ้ ล้ววันนีย้ งั ถือเป็นวันเปลีย่ นฤดู กาลวันเริม่ ปีเพาะปลูกใหม่ดว้ ย (เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ) วันตรุษจีนเป็นวันที่ชาวจีนทั่วโลกต่างพากันเฉลิม ฉลองกันอย่างยิง่ ใหญ่ เพราะถือเป็นวันหยุดทีม่ สี �ำ คัญ เป็นอย่างมาก การเฉลิมฉลองก็มแี ตกต่างกันไปตาม แต่ละท้องถิ่น ประเทศไทยกับวันตรุษจีน คนไทยเชื้ อ สายจี นจะถือปฏิบัติและเป็นที่ ทราบกันดีใน 3 วันนี้ คือ วันจ่าย วันไหว้ และวัน เทีย่ ว (วันปีใหม่, วันตรุษจีน) และในช่วงวันก่อนเข้า เทศกาลตรุษจีนนั้นจะมีวันที่มีความสำ�คัญๆ ก่อน หน้าที่เกี่ยวข้องกันคือ วัน “ตังโจ่ย” หรือ การกินอี้
(ขนมบัวลอย) และจะถือเป็นวันที่เรามีอายุเพิ่มขึ้น อีก 1 ปี ด้วย และทีส่ �ำ คัญพวกเราก็จะเห็นการแสดง งิว้ แก้บนในช่วงนีต้ ามศาลเจ้าต่างๆ เช่นกัน และหลัง จากนี้ยังมีวัน “ซิงเจียที” เป็นการไหว้ส่งเทพเจ้า เตาไฟ เพือ่ ขึน้ ไปเฝ้าองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ บนสวรรค์ เพื่อรับเลี้ยงตรุษจีน คนจีนจะไหว้เจ้าในวันนี้ด้วย ขนมหวาน หรือ ขนมบัวลอย และเทพเจ้าองค์อื่นๆ ก็ตอ้ งขึน้ ไปเฝ้า เช่นกัน เช่น เจ้าที่ ตีจ่ เู๋ อีย๊ เป็นต้น บาง คนเรียกว่าวันไหว้ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์นั่นเอง และหลัง จากช่วงนี้ ชาวจีนก็จะทำ�ความสะอาดบ้านเรือนกัน หรืออาจทาสีบ้านใหม่ เพื่อเตรียมรับสิ่งดีๆ ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงตรุษจีน วันจ่าย เป็นวันก่อนวันตรุษจีน 2 วัน เป็นวันที่ จะต้องไปจับจ่ายหาซื้อเครื่องเซ่นไหว้ ผลไม้ต่างๆ และอาหารการกินเพือ่ เตรียมไว้ชว่ งตรุษจีนทีร่ า้ นค้า
60
ร้านค้าจะปิดกันเป็นส่วนใหญ่ และในช่วงค่�ำ จะมีการ จุดธูปเพือ่ ไหว้เจ้าที่ หรือ ตีจ่ เู่ อีย๊ หรือศาลเจ้าทีต่ า่ ง ๆ ประจำ�ท้องถิ่นที่แต่ละคนนับถือ วันไหว้ วันสุดท้ายของเดือน 12 (วันสิ้นปี) นิยมเรียกกันว่า “ซาจับ” เริม่ กันตัง้ แต่ชว่ งเช้ามืด จะ เป็นการไหว้ศาลพระภูมิ เจ้าที่ (ตีจ่ เู่ อีย๊ ) หรือเรียกว่า “ไป่เหล่าเอีย๊ ” ไหว้เทพเจ้าต่างๆ เครือ่ งไหว้ คือ เนือ้ สัตว์สามอย่าง (ซาแซ) ได้แก่ หมู เป็ด ไก่ หรือเพิ่ม ตับ ปลา เป็นเนือ้ สัตว์หา้ อย่าง (โหงวแซ) เหล้า น้�ำ ชา และกระดาษเงินกระดาษทอง ในตอนสาย ไหว้ บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว “ไป่แป๋บ้อ” เป็นการ แสดงถึงความกตัญญู การไหว้จะไหว้ไม่เกินเที่ยง เครือ่ งไหว้ จะประกอบด้วย ซาแซ อาหารคาวหวาน (ส่วนมากจะทำ�ตามที่ผู้ที่ล่วงลับเคยชอบ) รวมทั้ง การเผากระดาษเงินกระดาษทอง เสือ้ ผ้ากระดาษต่า ต่างๆ เพือ่ อุทศิ แก่ผทู้ ลี่ ว่ งลับ และในตอนบ่าย จะไหว้ “ไป่หอเฮียตี๋” ไหว้สัมภเวสี ผี - วิญญาณไร้ญาติที่ มาคอยรอรับส่วนบุญ เครือ่ งไหว้จะเป็นพวก ขนมเข่ง ขนมเทียน เผือกเชือ่ มน้ำ�ตาล กระดาษเงินกระดาษ ทอง พร้อมทั้งมีการจุดประทัดเพื่อไล่สิ่งชั่วร้ายและ เพื่อเป็นสิริมงคล และหลังจากนั้น ญาติพี่น้องทั้ง ครอบครัวจะมารวมตัวกันรับประทานอาหารที่ได้ เซ่นไหว้ไปเพือ่ เป็น “แต๊ะเอีย” และในคืนวันส่งท้ายนี้ ชาวจี น จะจั ด เตรี ย มของไหว้ เพื่อรอรับเทพเจ้า “ไฉ่ซิงเอี๊ย” เทพเจ้าแห่งโชคลาภและความร่ำ�รวย อีกด้วย วันเทีย่ ว (วันตรุษจีนความเป็นสิรมิ งคล และ ถือเป็นเวลาทีค่ รอบครัวหรือวงศ์ตระกูลจะรวมตัวกัน ได้มากที่สุด จากนั้นจะมีการแจกเงินให้แก่ลูกหลาน หรือให้กบั ลูกน้อง บริวาร โดยใส่ในซองสีแดง เรียก ว่า “อัง่ เปา” หรือ เงิน) หรือ ชิวอิก เป็นวันทีช่ าวจีน ถือว่าเป็นวันมงคล จะมีคติถอื กันบางอย่าง เช่น ไม่ดา่ ไม่พดู คำ�หยาบคาย ไม่นนิ ทาว่าร้ายต่อกัน ไม่ทวงหนี้ กัน ไม่จบั ไม้กวาด ไม่ตแี ม้แต่ลกู หลานทีท่ �ำ ความผิด พูดสิ่งร้ายให้กลายเป็นดี แต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่ 61
เสือ้ ผ้าสีแดงเป็นสีทนี่ ยิ มสวมใส่ สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข ซึ่งจะนำ�ความสว่างและเจิดจ้ามา ให้แก่ผู้สวมใส่ และมีความเชื่อว่าไม่ควรสระผม เพราะนั้นจะหมายถึงการชะล้างความโชคดีของเรา ออกไป ในช่วงตรุษจีนนี ้ จะมีการไปมาหาสูใ่ นระหว่าง ญาติมิตร เช่น ไปไหว้ขอพรพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ โดยนำ�ผลส้มไป 2 หรือ 4 ลูก หรือเป็นจำ�นวนคู่ และจะได้แลกเปลี่ยนผลส้มกัน โดยเจ้าของบ้านจะ รับส้มไปครึง่ หนึง่ หรือทัง้ หมด และนำ�ส้มในบ้านมา ใส่กลับไปให้คนื ในจำ�นวนเท่าๆ กัน เป็นการรับ - ส่ง ความสุขซึ่งกันและกัน หลังจากเยี่ยมญาติ ความ สนุกสนานก็จะเป็นสิ่งที่ทำ�กันอย่างเต็มที่ บ้างก็พา กันไปเที่ยวพักผ่อน บ้างก็ไปทำ�บุญทำ�ทานไหว้พระ ตามศาลเจ้า โรงเจ ตามแต่ที่นับถือ 62
63
นมัสการพระวัดจีน : ฝ่ายประชาสัมพันธ์วัดบรมราชา
วัดเมตตาธรรมโพธิญาณ
慈悲山菩提寺
ตำ�บลหนองหญ้า อำ�เภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
วัดเมตตาธรรมโพธิญาณ
หมู่ที่ 7 ตำ�บลหนองหญ้า อำ�เภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 64
ในฉบับนี้เราอยากแนะนำ�ท่านผู้อ่าน ให้รู้จัก วัดจีนอีกแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี ทั้ง ประวัติ ทีม่ า ศิลปะ และความศักดิส์ ทิ ธิข์ องพระและ เทพเจ้าต่างๆ นั้น เป็นที่น่าสนใจอย่างมากจึงขอ แนะนำ�ในชือ่ “วัดเมตตาธรรมโพธิญาณ” 慈悲山 菩提寺 ตัง้ อยูห่ มูท่ ี่ 7 ตำ�บลหนองหญ้า อำ�เภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
บัดนีก้ ลายเป็นศาสนสถานนิกายจีน วัดเมตตาธรรม โพธิญาณ โดย พระภิกษุ เย็นหมง ทีไ่ ด้รวบรวมผืนดิน ท่อนซุง ไม้จากทีต่ า่ งๆ และรวมถึงปัจจัย ก่อสร้างเป็น วิหาร ศาลา พระพุทธรูปปางต่างๆ เพื่อสักการบูชา ตามจิตอธิษฐานและคำ�ปวารณาของท่าน ทีจ่ ะสร้าง วัดนิกายจีนมหายาน ให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็น ที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนานิกายจีนที่ยิ่งใหญ่ใน จังหวัดกาญจนบุรี และเพื่อเป็นสถานที่ ที่พึ่งทางใจ หรือสำ�หรับการปฏิบตั ธิ รรมของพุทธศาสนิกชน และ เป็นสถานทีศ่ กึ ษา ค้นคว้า เผยแผ่พทุ ธศาสนานิกาย จีนในประเทศไทย ตลอดจนถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยว เชิงธรรมะ และท้ายทีส่ ดุ คือเป็นสมบัตขิ องลูกหลาน และแผ่นดินไทย การดำ�เนินการก่อสร้าง ตัง้ แต่เมือ่ 14 ปีทแี่ ล้ว บัดนี้ ปรากฏเป็น ศาลาโพธิญาณเฉลิมพระเกียรติ ซึง่ ได้ประทานนามจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จ พระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และกำ�ลัง ดำ�เนินการก่อสร้างวิหาร ศาลา โบสถ์ ประดิษฐาน
ประวัติวัด เมือ่ 14 ปีทแี่ ล้ว พระภิกษุชรินทร์ ฉายาเย็นหมง ธุดงค์ผ่านไปยังที่ห่างไกล มีหุบเขาล้อมรอบ มีป่าไม้ ไร่ออ้ ยรกร้าง ณ เวลานีบ้ ริเวณทีเ่ คยเป็นไร่ออ้ ยรกร้าง กลับเห็นแนวต้นยูคาลิปตัส ท่อนซุงขนาดใหญ่วาง กองอยู่สองข้างทาง ป่าไม้บนเทือกเขายังเขียวขจี ถนนลาดยาง น้�ำ ไฟผ่าน แม้ระยะทางจะไกลไปหน่อย สำ�หรับคนกรุงเทพฯ ทว่ากลับเป็นแรงผลักดันของ ศรัทธาอันแรงกล้า... ที่อันเคยรกร้าง ขนาด 242 ไร่ กลางหุบเขา 65
พระพุทธรูปปางต่างๆ รวมทัง้ หมด 5 หลัง ตาม 5 ธาตุ คือ ธาตุดิน น้ำ� ไฟ ไม้ ทอง ตามศาสตร์ความเชื่อ จากจีนที่ว่า ธาตุทั้ง 5 เมื่ออยู่ร่วมกันจะช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน
สิ่งปลูกสร้าง
ศาลาโพธิญาณเฉลิมพระเกียรติ หรือ ศาลา เมตตาธรรมโพธิญาณ ประดิษฐานพระพุทธรูปต่างๆ พระประธานเรียกว่า ซำ�ป่อฮุกโจ้ พระอวโลกิเตศวร (พระแม่กวนอิม) พระกษิตคิ รรภ์โพธิส์ ตั ว์ (เรียงตาม ลำ�ดับ อดีต - ปัจจุบัน - อนาคต) เทพเซียนต่างๆ และ 18 อรหันต์ ทำ�จากไม้ต่างๆ แกะสลักจากจีน เช่น ไม้แดง ไม้สกั ไม้พยุง ไม้เกาลัด พืน้ เป็นไม้มะค่า แผ่นใหญ่ เป็นศาลาแห่งแรกที่แล้วเสร็จ หันหน้า สูท่ ศิ เหนือหรือปากน้�ำ เต้า ท่านเย็นหมง อธิบายความ หมายของพระพุทธรูปปางต่างๆ ว่า พระพุทธรูปองค์ทนี่ งั่ เป็นกวนอิมปางหนึง่ ชือ่ “จือ่ จ๋าย” อีกองค์เป็นอาจารย์ตกั๊ ม้อ ทำ�จากไม้สขี าว เป็นไม้สัก อันนั้นเทพเจ้ากวนอู หรือกวนกง องค์ เดียวกัน คนจีนจริงๆ เรียก “แคนำ�ผ่อสัก” ที่ดูแล คฤหาสน์ ผู้คนมากราบไหว้มาก เป็นองค์เดียวกันมี หลายปาง และคำ�ว่า “ซำ�ป๋อฮุก” หมายถึง อดีต ปัจจุบนั อนาคต อดีตคือพระไพศาลคุรุเภสัช ขวามือสุด (หันหน้าเข้าอยูข่ วาสุด หันหน้าออกอยูซ่ า้ ยสุด) องค์ กลางคือพระพุทธโคดม เป็นองค์ปจั จุบนั คนจีนเรียก “เสกเกียเมาหนี่ฮุก” องค์ซ้ายคืออนาคต พระอมิต พุทธ ตามธรรมเนียมเดิม มี 5 องค์ แต่อกี 2 องค์ไม่ นิยมบูชา เอาแค่หลักๆ คือ พระไพศาล รอบรู้เรื่อง ยา ปัจจุบัน คือ ศีล ปัญญา อนาคต คือปรินิพพาน ทีค่ นเราทำ�สมาธิทงั้ หลายก็เพือ่ พอสิน้ บุญไปแล้วไปสู่ ดินแดนสุขาวดี คือ อมิตพุทธ เวลาเราไหว้คือไหว้ องค์ปัจจุบันองค์กลาง” ชมศาลาหลักที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว พระภิกษุ เย็นหมง เจ้าอาวาสวัดเมตตาธรรมโพธิญาณ เล่า ถึงความเป็นมาของวัดนี้ว่า
“ก็ธดุ งค์มาเรือ่ ยๆ เห็นทัศนะดี มีภเู ขาล้อมรอบ เป็นรูปน้�ำ เต้า เราก็ตงั้ มูลนิธขิ นึ้ มาเพือ่ ดำ�เนินการซือ้ ทีด่ นิ เราซือ้ ทัง้ หุบเลย ไม่ตอ้ งทำ�กำ�แพงเพราะทีช่ น ภูเขา ปลูกต้นยูคาไว้ ศาลาที่เสร็จแห่งแรกคือศาลา เมตตาธรรมโพธิญาณ ต่อมาก็คอ่ ยๆ สร้าง จะสร้าง 5 หลัง ตาม 5 ธาตุ โบสถ์ใหญ่อยู่ตรงกลาง เป็น รูปพระพุทธรูปปางนั่ง สูง 108 เมตร ทำ�ด้วยปูน กันแดด กันฝน ข้างในประดิษฐานพระประธาน เป็น 66
“เราเชือ่ ว่าไม้มเี ทพยดาอารักษ์ พระทุกองค์ที่ วัดนีใ้ ช้ไม้หมด ซึง่ ในเมืองไทยพระพุทธรูปไม้ทคี่ นไป กราบไหว้มากที่สุดมี 8 แห่ง (เช่น ที่วัดไร่ขิง หลวง พ่อโสธร ไต่ฮงกง ตัว่ เหล่าเอีย๊ เล่งเน่ยยี่ ลิม่ โกวเนีย้ ) พระพุทธรูปที่ประเทศจีนที่คนไปไหว้กันมากมายทำ� จากไม้ทงั้ หมด หรือขึน้ โครงด้วยไม้ ปัจจุบนั บางองค์ โครงเป็นไม้แล้วหล่อทองเหลือง ป้องกันไว้ พระทำ� จากไม้ไม่ว่าจะมาจากประเทศไหนมีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะสะสมบารมี พอเรานำ�มาแกะเป็นพระพุทธรูป ปักธูปไปจะเกิดพลัง เช่นเดียวกับพระโพธิสตั ว์องค์นี้ ทำ�จากไม้ทงั้ ต้น เป็นปางยืนสีห่ น้าเหมือนพระพรหม ทัง้ 4 องค์ๆ ละ 250 มือ (กองมือและแขนยังประกอบ ไม่เสร็จ) รวม 1,000 มือ กำ�ลังรอช่างเมืองจีน มาประกอบ ทุกอย่างนีแ่ กะสลักจากเมืองจีนนะแล้ว ส่งทางเรือมา รอให้ช่างจีนมาประกอบอีกที” พระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทับยืน 4 หน้า 1,000 มือ กำ�หนดเสร็จภายในปีนี้ ท่านเย็นหมง
รูปปางนั่งทำ�ด้วยไม้ทั้งองค์”� “คาดว่าโบสถ์ใหญ่นจี้ ะใช้พนื้ ทีป่ ระมาณ 4 ไร่ ค่าก่อสร้าง 370 ล้านบาท ตอนนีอ้ อกแบบเสร็จแล้ว ค่าออกแบบ 4.6 ล้าน” แต่ขณะนีย้ งั ไม่กอ่ สร้าง กองไม้ ท่อนซุง วาง ระเกะระกะอยูร่ อบๆ พืน้ ที่ แต่วหิ ารทีก่ �ำ ลังก่อสร้างนี้ ประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิม ที่ใช้ไม้ล้วนๆ ตั้ง ชื่อว่า มหาวิหารโพธิสัตว์กวนอิม 67
กล่าวว่า “ยังไงก็ต้องช่างแกะจีน ได้ศิลปะ ช่างไทย แกะมาหน้าตาเป็นพระไทย ช่างอินเดียก็เป็นอินเดีย พม่าก็ใช่พม่า ดูออก เราเลยต้องรอช่างจีนมา เป็น ช่างจากเมืองอูเ๋ ซีย้ มณฑลแต้จวิ๋ คาดว่าช่างมาแล้ว กว่าจะประกอบเสร็จคงต้อง 3 เดือน ไม้ทอ่ นใหญ่ ๆ ทัง้ ท่อนเมืองไทยไม่มแี ล้ว เป็นไม้จากพม่า อินโด มา เลย์ องค์พระเป็นไม้ชนิดเดียวกัน เช่นไม้แดง ตะเคียน ทอง เคลือบน้ำ�ยาอย่างดี อยู่ได้นานเป็นร้อยปี และจะไม่ปิดทองไม่ทาสี ให้มองเห็นลวดลายของ เนือ้ ไม้ เป็นสีไม้เลย รวมถึงตัวเสาภายในวิหารทีต่ อ้ ง มีความสูงและใหญ่เท่ากัน เป็นไม้ตะเคียนทองจาก บราซิล ไม้อื่นจะไม่ตรง ไม้นี้ลูกบาศก์เมตรละหมื่น กว่าบาท เสาต้นหนึง่ ก็ประมาณแสนกว่าบาท ต้นหนึง่ ตัดได้ 3 ท่อนๆ ละ 15 เมตร เป็นความยาวของเขา มาจากบราซิล ตอนนี้ไม่มีแล้ว” ส่วนบริเวณรอบนอก ประดิษฐานเจ้าแม่กวน อิมแกะสลักด้วยไม้จากช่างจีนเช่นเดียวกัน มีครบ 84 ปาง “ใครต้องการอธิษฐาน ขอพร มาที่นี่มีครบ ทุกปาง เช่น มาขอลูกก็มาไหว้กวนอิมอุ้มเด็ก ถ้ามี ลูกแล้วลูกดื้อไหว้กวนอิมจูงเด็ก...”
พุทธศิลป์และความศักดิ์สิทธิ์
การบนบานสักการะเทพยดา เป็นศาสตร์ ความเชือ่ ของจีนมานับพันปี ด้วยเหตุนี้ ท่านเย็นหมง จึงได้ก่อสร้าง ศาลาไท่ส่วยเอี๊ย (ศาลา 60 ราศีจีน) อยู่ในอาณาบริเวณวัดเมตตาธรรมฯ อีก 1 แห่ง และรวบรวมเทพยดา 60 ราศี ครบหมดไม่ต้องไป ไหว้ไกลถึงฮ่องกง “เราไปเห็นที่ไหนมาก็เอามาประยุกต์ มีวัด โพธิ์แมน เล่งเน่ยยี่ หลายที่ ในเมืองจีนไปดูแล้ว มาประยุกต์ วัดเราเลยไม่เหมือนคนอื่นเขา เพราะ เป็นไม้ล้วนๆ ปัจจุบันเราสร้างย้อนยุค ไม่มีแบบนี้ แล้ว รวมถึงโคมประดับ ประตูตา่ งๆ เป็นไม้ทงั้ หมด 68
69
70
เคยไปดูที่ฮ่องกงที่เป็นเทพ 60 ราศี เป็นศาลเล็กๆ ยืนตากแดดอยู่ข้างนอก 2 ชม. เข้าไปได้ครั้งละ 20 คน ไปถึงใครราศีอะไรก็วางๆ ๆ ไล่ออก กว่าจะ เข้าไปยืนรอเป็นชัว่ โมง และจ่ายคนละ 100 เหรียญ ฮ่องกง เท่ากับเงินไทยประมาณ 500 บาท แต่ละ ปีคนไทยไปไหว้พระ ฝากดวง ที่วัดในฮ่องกงต่อคน ต่อปี ไม่ต่ำ�กว่า 5 หมื่นบาท” กลายเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ทำ�ให้ท่าน เย็นหมง ตั้งอธิษฐานจิตเพื่อเนรมิตที่ผืนนี้ให้เป็น วัดแห่งความเมตตา ภายในศาลา 60 ราศีจีน ประดิษฐานเทพยดาจีนหรือเซียนต่างๆ ท่ายืน ปาง ต่างๆ บ้างถือดาบ หอก หนังสือ ลูกแก้ว ฯลฯ ตาม ศาสตร์คำ�ทำ�นายของจีน “ใครเกิด พ.ศ. อะไรมาดูทตี่ าราง แบ่งเป็น 60 ราศี คือปีหนึ่งมี 5 รอบ เช่น ฉลูปี พ.ศ. นี้ตรงกับ ธาตุทอง อีก 12 ปีต่อไปจะตรงกับธาตุไฟ เป็นต้น สามารถดูได้ครบ แล้วมาทำ�บุญสะเดาะเคราะห์ ต่อ ชะตา เสริมบารมี แล้วแต่ความตั้งใจของแต่ละคน เทพทั้ง 60 องค์นี้ แกะสลักจากจีน ที่จริงข้างใน เป็นไม้ทั้งหมด แต่การสื่อสารผิดพลาดทำ�ให้ช่าง ทางโน้นเขาทาสีทับไปหมด ที่จริงต้องการแสดงให้ เห็นเนื้อไม้แท้ๆ มากกว่า” ถัดจากศาลา 60 ราศีจนี เป็น ศาลาไฉ่ซงิ เอีย๊ (เทพเจ้าโชคลาภ) แกะสลักจากไม้ เป็นพระพุทธรูป องค์ใหญ่ (ใหญ่กว่าทีเ่ ล่งเน่ยยี)่ โดยรอบมีพระพิฆเนศ และแม่รัศมี เพื่อให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้ขอพร ขอโชคลาภ แก่ตนเองและครอบครัว ยังมี ศาลา ไต่ฮงกง กราบไหว้เทพเจ้าไต่ฮงกง ผู้เป็นเลิศในการ โปรดดวงวิญญาณ และเชิญบริจาคโลงศพผู้ยากไร้ สะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา... ศาลาและวิหารทีก่ ว่าจะครบ 5 ศาลา หรือ 5 ธาตุ คงใช้เวลาอีกหลายปี ทว่าท่านเย็นหมง บอกว่า “ค่อย ๆ ทำ�ไปตามปัจจัย ใครมาทำ�บุญสิบบาท ยี่สิบบาท หรือถ้าจะบริจาคเสา 1 ต้น สิบคนยี่สิบ คนรวมกันสร้าง แล้วแต่ศรัทธาเราไม่ได้เก็บเอามา 71
พระภิกษุหลวงจีนปลัด (เย็นหมง) เจ้าอาวาสวัดเมตตาธรรมโพธิญาณ
ทำ�หมด ปัจจุบนั มีพระประจำ� 8 รูป ไม่มแี ม่ชี ไม่มเี ณร มีคนงาน 94 คน กำ�ลังก่อสร้างทั้งหมด มีโรงครัว เนื่องจากเป็นพระจีนไม่บิณฑบาต อาหารได้จาก โรงครัว เป็นอาหารเจ จากปัจจัยที่ประชาชนถวาย พวกข้าวสาร อาหารแห้ง น้�ำ มัน แบบสังฆทาน ใคร มาไหว้พระเสร็จก็มารับประทานอาหารเจ เราเปิด ตัง้ แต่เช้า 7 โมง ถ้ามาช่วงเช้าก็กนิ ข้าวต้ม มีบริการ อาหารเจตลอดจนถึง 5 โมงเย็น” บ่ายกว่าแล้ว... อาหารตกถึงท้องคืออาหารเจ จากโรงเจวัดเมตตาธรรม มีแต่ผกั เห็ด เต้าหู้ ร้อน ๆ และอร่อยมาก... ท่านเย็นหมงบอกว่า ห้องอาหาร แค่นี้ไม่พอหรอก คนมามากๆ ก็ต้องไปโน่น...โรงเจ ท่านพาทัวร์โรงเจทีอ่ าคารใหญ่ มี 2 ชัน้ ชัน้ ล่างเป็น ลานกว้างสำ�หรับเลีย้ งอาหารเจในหน้าเทศกาล ชัน้ บนเก็บคัมภีร์และใช้เป็นสถานที่ประกอบกิจต่างๆ บานหน้าต่าง 8 เหลีย่ ม ออกแบบให้ใช้ไม้ทเี่ หลือทุกชิน้ ให้คมุ้ ค่า เช่น เศษไม้น�ำ มาประดับเป็นบานหน้าต่าง
ช่องกลางแพงทีส่ ดุ ราคาเริม่ ต้นช่องละ 2 หมืน่ ถึง 1 แสนบาท โดยเชื่อว่า วัดนี้ไม่เงียบเหงาแน่เมื่อเสร็จ สมบูรณ์ เพราะอย่างน้อย ลูกหลานก็จะมากราบไหว้ กระดูกของบรรพบุรุษ หรือทำ�บุญตามศรัทธา พระ พุทธศาสนาสอนให้คนสะสมบุญบารมีและความดี งาม บางคนบอกว่า เก็บ “บุญ” ให้มากดีกว่าเก็บ “เงิน” เพราะความดีเหมือนตูเ้ อทีเอ็ม ยิง่ มีมากก็กด ใช้ได้ไม่รู้จักหมด...
ผนังประตู ขอบคิว้ ตัวบันไดเป็นไม้เนือ้ แข็งทัง้ ท่อน ทีน่ ี่ จะไม่มเี ศษไม้เหลือเพราะนำ�มาแกะ มาปะติดให้เกิด ประโยชน์สงู สุด เพราะฉะนัน้ ลวดลายหนัง - หน้าต่าง จะไม่เหมือนกันเลย ส่วนบริเวณใกล้กบั โรงเจ กำ�ลัง ก่อสร้างห้องพักอีกหลายห้อง เหมือนคอนโด สำ�หรับผู้ มาปฏิบตั ธิ รรม มีหอ้ งนอน ห้องน้�ำ สะอาด ปูกระเบือ้ ง ปลายปีนี้คงเสร็จ
การเดินทาง
วัดเมตตาธรรมโพธิญาณเป็นวัดพุทธแบบจีน ตั้งอยู่ อ.หนองหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรีอยู่ห่าง จากตัวเมือง ประมาณ 15 กิโลเมตรควรเดินทาง โดยรถส่วนตัว เพราะโดยสารด้วยรถประจำ�ทางจะ ลำ�บาก หนทางไปเริม่ จากวิง่ เข้าตัวเมือง ข้ามสะพาน สมเด็จญาณสังวร วิง่ ไปตามทาง ผ่านสุสานเขาช่องไก่ ผ่านวัดถ้ำ�เขาปูนผ่านวิทยาลัยเกษตร ผ่านสวนหิน สมเด็จ จนถึงปากทางเข้าจะมีเสาประตูทางเข้าอยู่ ขวามือ เสาสีแดงป้ายใหญ่ให้เลีย้ วขวา แล้วเดินทาง ไปอีก ประมาณ 3-4 กิโลเมตร รถจะขึ้นเนินสูง ผ่านสำ�นักงานชัว่ คราวอุทยาน ทุง่ นาคราช แล้วเลย ไปครู่เดียวจะมีป้ายบอกเลี้ยวซ้าย ไปตามถนนจะมี ทางแยกเลี้ยวไป 2 วัด 1. เลี้ยวทางซ้ายจะเป็นวัดถ้ำ�พุว้า 2. เลี้ยวทางขวาจะเป็นวัดเมตตาธรรม โพธิญาณ
“ทีน่ ใี่ ช้ไฟเดือนละ 6 หมืน่ สี.่ ..นีข่ นาดยังไม่เสร็จ ดีนะ เตารีด 40 เครือ่ ง เครือ่ งซักผ้าก็ 40 เตาไฟฟ้า อีก แต่กอ่ นใช้เตาแก๊ส เดีย๋ วนีเ้ อาง่ายสะดวก...ในโรง เจกำ�ลังสร้างที่บรรจุอัฐิ ใครมาฝากไว้ได้ ถึงปีหรือ ถึงเวลาของผู้เสียชีวิตก็ไหว้ทำ�บุญ มี 1,300 ช่อง” เป็นช่องสีแดง ความสูงแหงนคอตั้งบ่า ท่าน เย็นหมงบอกว่า ไปเห็นทีว่ ดั แห่งหนึง่ ในกรุงเทพฯ ที่ เห็นคอนโดทีบ่ รรจุกระดูกผูต้ ายถูกสุนขั ฉีร่ ด ดูไม่งาม เลย ท่านก็เลยกำ�หนดช่องเก็บกระดูกเอาไว้สงู เหนือ เข่า แต่ราคาแตกต่างกัน ช่องสูงหน่อยแพงหน่อย
慈悲山菩提寺是泰国华宗佛教助理尊长仁茂大师于14年前大发宏愿, 为庆祝泰皇登基50周年并得到泰僧皇赐名所创建的华宗佛寺。 佛寺位于北碧府朗益区,面积242莱,四周山树护卫,寺内各殿以五 行相生金、木、水、火、土为分布,建筑物以木板木柱为主,特别是三宝 佛像、观音菩萨84化身、弥勒菩萨、60位太岁爷、财神爷以及各大神仙都 是一级好木雕刻而成,高大雄壮。其雕刻师傅是从中国请来的,技术高明, 法像惟妙惟肖,庄严肃穆。寺内还建有提供善南信女提戒修行的住所和素食 膳厅。相信能够到慈悲山菩提寺接受佛光普照,将是人生一大乐事。
72
ไม่ไกล้ไม่ไกลไป... : ฝ่ายประชาสัมพันธ์วัดบรมราชา
วัดชลประทานรังสฤษฎ์ สถานที่ท่องเที่ยวไม่ใกล้ไม่ไกลวัดบรมราชา กาญจนาภิเษกฯ (เล่งเน่ยยี่ 2) อีกแห่งหนึ่ง และ เป็นที่น่าไปเที่ยวชม รวมถึงศึกษาพระธรรมความรู้ นั่นคือ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ เป็นวัดที่มีความน่า สนใจและสำ�คัญกับพระพุทธศาสนามากอีกวัดหนึ่ง เลยทีเดียว
กรมชลประทานจึงได้สร้างวัดใหม่ขนึ้ ชือ่ “วัด ชลประทานรังสฤษฎ์” ทีต่ �ำ บลบางตลาดอำ�เภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรแี ละได้อาราธนาพระปัญญานันทภิกขุ เป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ พ.ศ. 2503 ปัจจุบนั วัดชลประทานรังสฤษฎ์ มีบรรยากาศ ร่มรืน่ ทัว่ บริเวณวัดมีกจิ กรรมทุกเช้าวันอาทิตย์ ตัง้ แต่ เวลา 9.00 น. โดยมีการสวดมนต์ บรรยายปาฐกถาธรรม และถวายเพลพระสงฆ์ ที่ลานหินโค้ง ท่ า นปั ญ ญานั น ทภิ ก ขุ ได้แต่งหนังสือชื่อ “ชีวิต กับความตาย : ท่านได้ อะไรเมื่อไปงานศพ” การ จั ด งานฌาปนกิ จ ศพที่ วั ด ชลประทานรังสฤษฎ์จะเป็น ประวัติวัดชลประทานรังสฤษฎ์ ไปอย่างเรียบง่ายต่างจากทีอ่ นื่ ๆ มีเพียงการบรรยาย วัดชลประทานรังสฤษฎ์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ธรรมไม่มีการเลี้ยงอาหาร การแสดงมหรสพ และ 2502 เมื่อ ม.ล.ชูชาติ กำ�ภู อธิบดกรมชลประทาน งดพวงหรีด ไปเยีย่ มชมวัดอุโมงค์จงั หวัดเชียงใหม่ได้ฟงั การแสดง ธรรมของพระปัญญานันทภิกขุซึ่งจำ�พรรษาอยู่ที่วัด ที่ตั้งและเนื้อที่ อุโมงค์ในขณะนั้นและเลื่อมใสวิธีการสอนธรรมะ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ ตั้งอยู่หลัก ก.ม. 14 แนวใหม่ของท่าน จากเดิมทีน่ งั่ เทศนาบนธรรมาสน์ เลขที่ 78/8 หมู่ 1 ถนนติวานนท์ ตำ�บลบางตลาด ถือใบลาน มาเป็นการยืนพูดปาฐกถาธรรม แบบพูด อำ�เภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 (ตำ�บลคณะ ปากเปล่าต่อสาธารณชนพร้อมทัง้ ยกตัวอย่างเหตุผล สงฆ์ตำ�บลปากเกร็ด) เขตปกครองคณะสงฆ์มหา ร่วมสมัย ทันต่อเหตุการณ์เป็นการดึงดูดประชาชน นิกายเนือ้ ทีก่ รมชลประทานถวายตอนแรกมีลกั ษณะ ให้หันเข้าหาธรรมะได้เป็นอย่างมาก คล้ายหัวหมู 2 หัวชนกันมีที่ดินของชาวบ้านเว้าเข้า 73
มาทางวัดจึงขอซื้อที่ดินติดวัดทางทิศเหนือจากชาว บ้าน 5 ราย จำ�นวน 6 ไร่เป็นเงิน 200,000 บาท และครอบครัวนายแหยม มีขันทองถวายอีก 3 ไร่ รวมเป็น 9 ไร่ ต่อมาวัดขอซื้อที่ติดวัดทิศเหนือเพิ่ม อีก 1 ไร่ 54 ตาราวา สิ้นเงิน 400,000 บาท และ พ.ศ. 2540 ขอซื้อเพิ่มเพื่อทำ�เมรุใหม่ 2 ไร่ 3 งาน สิน้ เงิน 7,000,000 บาท ค่าถมทีอ่ กี 3,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 10,000,000 บาท ปัจจุบันวัดมีเนื้อที่ 48 ไร่ มีที่ธรณีสงฆ์ทางทิศเหนืออีก 9 ไร่
หอฉัน) ของสำ�นักงานคุมประพฤติจังหวัดนนทบุรี กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. 2549 ได้รบั ใบประกาศเกียรติบตั รให้วดั ในการสนับสนุนงานบริจาคโลหิตของสภากาชาติไทย จากนายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 พ.ศ. 2550 เป็นทีต่ งั้ ศูนย์เอกลักษณ์วฒ ั นธรรม ชุมชน (โรงเรียนพุทธธรรม) ของสำ�นักงานวัฒนธรรม จังหวัดนนทบุรี กระทรวงวัฒนธรรม
เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง กรมการศาสนาได้พิจารณาให้เป็นวัดพัฒนา ตัวอย่าง ปี 2525 และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์วาสโน) วัดราชบพิธสถิต มหาสีมาราม กรุงเทพฯทรงพอพระทัยได้ประทาน พัดพัฒนาไว้เพื่อเชิดชูเกียรติ เมื่อวันที่ 6 พฤษภา คมพ.ศ. 2526 พ.ศ. 2547 เป็นที่ตั้งศูนย์ประสานงานอาสา สมัครคุมประพฤติวัดชลประทานรังสฤษฎ์ (ศาลา 74
ประวัติ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
พระพรหมมังคลาจารย์ (ปั่น ปัญญานันโท) (11 พฤษภาคม พ.ศ. 2454-10 ตุลาคม พ.ศ. 2550) หรือที่รู้จักกันดีทั่วไปคือ หลวงพ่อ ปัญญานันทภิกขุทา่ นกำ�เนิดที่ ตำ�บล คูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2454 เดิมมีนามว่า ปัน่ เสน่หเ์ จริญ หลั ง ใช้ ชี วิ ต ฆราวาสจนมี อ ายุ ไ ด้ 18 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดอุปนันทนาราม จังหวัดระนอง โดยมี พระณังคมุนเี ป็นพระอุปชั ฌาย์ เมือ่ อายุครบ 20 ปีบริบรู ณ์จงึ ได้อปุ สมบทเป็นพระภิกษุ ทีว่ ดั นางลาด อ.เมือง จ.พัทลุง โดยมีพระจรูญกรณีย์ เป็นอุปัชฌาย์เมื่อปี พ.ศ. 2474 ท่านมรณภาพ วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2550 ด้วยอาการปอดอักเสบ และไตวาย ทีโ่ รงพยาบาลศิรริ าช สิรอิ ายุรวม 96 ปี
การเดินทาง
ถ้าวิ่งด่วนอุดรรัถยามาลงแจ้งวัฒนะฝั่งไป ปากเกร็ดตรงยาวผ่านเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะแล้วเลี้ยว ซ้ายที่ 5 แยกปากเกร็ดวัดอยู่ซ้ายมือประมาณ 500 เมตร ครับ หรือ ไปรถเมล์สาย104, 32, 505, หรือรถสองแถวปากเกร็ด-นนท์ ถ้าเป็นรถตู้ก็รถตู้ ปากเกร็ด-เดอะมอลล์งามวงศ์วาน
สิ่งที่น่าสนใจ
水利献寺
ภายในวัดมีความกว้างขวางร่มรืน่ เป็นสถาน เผยแพร่และศึกษาพระธรรมมีลานไผ่เอนกประสงค์ ที่ ช าวพุ ท ธมารวมกั น เพื่ อ ประกอบพิ ธี ก รรมทาง ศาสนาและฟังธรรมจากพระเทพวิสุทธิเมธี (หลวง พ่อปัญญานันทภิกขุ) เจ้าอาวาสในทุกวันอาทิตย์ และวันสำ�คัญทางพระพุทธศาสนา ภายหลังหลวง พ่อปัญญาท่านมรณภาพลงในวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2550 แต่ก็ยังมีประชาชนจำ�นวนมากเดินทาง มากราบสักการะสรีระและรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของหลวง พ่อปัญญาใครที่สนใจและระลึกถึงคำ�สอนต่างๆที่ดี มากๆ ของหลวงพ่อ สามารถทีจ่ ะเข้าไปทำ�บุญหาซือ้ หนังสือหรือเสียงบรรยายธรรมในห้องสมุดของวัด ได้ ครับ ส่วนศาสนกิจของทีว่ ดั ยังคงดำ�เนินไปตามปกติ
[水利献寺]是佛历2502年水利厅的促
察厅长在清莱府接受邦耶大师的讲法受到 很大启示后,在水利厅附近建筑的大佛寺。 并请邦耶大师从佛历2503年到2550年大师圆 寂期间担任住持。在大师任内每星期天或佛 日上午九点开始都举行讲道活动,每次都有 善信踊跃参加,场面感人。现在寺庙还照样 开展活动。来听道的香客能瞻仰大师腊身法 容,也可以请到大师的名著和CD声。大师生前 著有[[生于死]],详细论述人的生与死以及 如何处理葬礼,相信拜读后能得到一定启示。
75
เรื่องเล่าจากวัดเก่า : แก้วน้ำ�สีชา
สวัสดีผู้อ่านทุกๆ ท่าน วันนี้ท่านทั้งหลาย อนุโมทนากุศลกันหรือยัง? การอนุโมทนา คือการยินดี ต่อตัวเราและคนรอบข้างที่ได้ประกอบความดี อาจ จะเปล่งวาจาว่าสาธุ หรือในภาษาจีนแต้จวิ๋ ออกเสียง ว่า เซี่ยงใจ๋ 善哉 (Shànzāi) คำ�นี้นอกจากคน ที่ได้ฟังจะรู้สึกดีที่ได้ยินแล้วคนที่เปล่งวาจานี้ก็ย่อม มีความสุขเพราะพูดโดยปราศจากอคติ ปราศจาก อกุศลต่างๆ การยินดีในบุญหรือกุศลจึงทำ�ให้เกิดกุศล เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นและยังส่งผลทางอ้อมต่อสุขภาพ จิตอีกด้วย การอนุโมทนาสามารถทำ�ได้ในโอกาสต่างๆ ไม่ว่าจะไหว้พระสวดมนต์ ปล่อยสัตว์ ไม่จำ�เพาะ เจาะจงแต่ในศาสนา หากว่าเราพบเห็นคนทำ�สิง่ ใดๆ ที่เรียกว่าเป็นสิ่งที่ดีงามแล้ว เราก็อนุโมทนาได้ เช่นคนเก็บของที่ทำ�หายส่งคืนแก่เจ้าของ คนทำ� 76
ความสะอาดถนน หรือคนที่ไปช่วยเหลือบุคคลที่ ประสบอุทกภัย ดังที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน (ในกรณี ของผู้เขียนเมื่ออนุโมทนาแล้ว ย่อมมีความสุขไป กับคนทีท่ �ำ ความดีดว้ ย เหมือนๆ กับได้กระทำ�ความ ดีรว่ มกัน) นอกจากนัน้ แล้วเรายังสามารถอนุโมทนา กับบุคคลเป็นจำ�นวนมากได้อกี ด้วย เพียงแค่นอ้ มจิต ของเราระลึกไปในความดีงามของบุคคลทั้งหลาย เริ่ ม จากอนุ โ มทนากั บ ตนเอง บุคคลในบ้าน, ตำ�บล, อำ�เภอ, จังหวัด เรื่อยไป รวมถึงมนุษย ชาติบนโลกใบนี้ ยังรวมไปถึง สรรพสัตว์ทั้งหลายทั่วจักรวาล สัตว์นรก เปรต อสูรกาย เพราะ เขาเหล่านั้นก็เคยกระทำ�ความ ดีเหมือนกัน พระอริยะสาวก พระโพธิสัตว์ พระปักเจกพุทธเจ้า พระสัมมาสัม พุทธเจ้าทุกๆพระองค์(ในคติของพระพุทธศาสนา มหายานนั้นมีพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ในโลกธาตุ อืน่ ๆ อีกเป็นจำ�นวนมากมายเหลือคณานับ) แม้พระ ศากยมุนีพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว เราสามารถอนุโมทนาได้ด้วย ข้อดีอีกประการหนึ่งของการอนุโมทนาคือ ศักยภาพของเราทีจ่ ะประกอบกุศลยังมิเพียงพอเช่น เราไม่มีทรัพย์มากมายที่จะนำ�ไปบริจาค แต่เราก็ สามารถอนุโมทนากับบุคคลผูบ้ ริจาคทรัพย์ได้ เราไม่มี พละกำ�ลังที่จะเดินทางไปทำ �บุญยังสถานที่ต่างๆ
เราก็สามารถอนุโมทนากับบุคคลที่สามารถเดินทาง ไปทำ�บุญได้ เรายังไม่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แต่เรา สามารถอนุโมทนาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าได้ เพียงแค่เรามีใจอนุโมทนาเท่านั้นกุศลก็พลันบังเกิด ขึ้นได้ ไม่เพียงเท่านั้นการอนุโมทนายังสามารถ กระทำ�ได้ตลอดวันและเวลาไหนที่เราระลึกได้ก็ให้ ทำ�การอนุโมทนา เพราะตลอดเวลามีบุคคลนับไม่ ถ้วนที่ประกอบความดี หากเรา น้อมจิตไปอนุโมทนากุศลกับท่าน เหล่ า นั้ น แล้ ว ข้ า พเจ้ า เชื่ อ ว่ า บุ ญ กุ ศ ลย่ อ มบั ง เกิ ด ขึ้ น ไม่ น้ อ ย ที เ ดี ย ว ที่ ก ล่ า วมาทำ � ให้ ร ะลึ ก ถึงทศมหาปณิธานของพระสมัต ภัทรโพธิสตั ว์ ประการที่ 5 กล่าว ถึงการอนุโมทนา หากนับข้อนี้ รวมไปด้ ว ยเรายั ง ได้ ก ระทำ � ในมหาปณิ ธ านของ พระองค์ท่านอีกและที่สำ�คัญยังฝึกให้เรามีโพธิจิต เป็ น พระโพธิ สั ต ว์ เ ดิ น ดิ น กั น อี ก ด้ ว ยถ้ า หากท่ า น ผูอ้ า่ นตัง้ ปณิธานในโพธิจติ แล้วการอนุโมทนาก็ถอื ว่า เป็นธรรมะภาคปฎิบัติข้อแรกๆของพระโพธิสัตว์ เรียกได้ว่า กุศลจากการที่เราได้อนุโมทนานั้นนับว่า มากมายมหาศาลท่านทัง้ หลายอย่าลืมอนุโมทนากัน เยอะๆ โลกใบนี้น่าอยู่เพราะยังมีบุคคลอีกจำ�นวน มากคอยอนุโมทนาแก่กันและกัน เกือบจะลืมไป ขออนุโมทนากับท่านผู้อ่านด้วย สาธุ ขอกุศลนี้จงยังความสุขแก่สรรพสัตว์...สวัสดี
善哉 善哉是佛家语。善的意思是感恩、赞美、赞 扬,哉是叹词。 对有恩的人回报以善哉,对好人好事赞以 善哉,听的人得到心情愉快,说的人安然自在。 如果我们都能经常说善哉这句话,那么这个世界 就充满祥和美妙。
77
เรื่องเล่านอกวัด : เด็กตลาด หน้าวัด
ประสบการณ์...จากน้ำ�ท่วม เมื่ อ น้ำ � มาปลาก็ กิ น มด...พอน้ำ � ลดมดก็ กิ น ปลา...สำ�นวนนี้เป็นจริงหรือไม่จริง...ฉันก็ไม่ทราบดี เพราะยังไม่เคยเห็นกับตามาก่อน แต่ที่แน่ๆ นั่น แหละที่ฉันได้เห็นมาเองก็... เมื่อตอนช่วงวันก่อนที่ จะเกิดเหตุการณ์น้ำ�ท่วมนั่นเองแหละ (ขอเล่าเรื่อง น้�ำ ท่วมบางบัวทองก่อนก็แล้วกันนะค่ะ) ทีบ่ า้ นก็มมี ด ขึ้นเดินตามเพดาน เสาบ้านเต็มไปหมดเลยตัวเรา เองนั้นก็ไม่ค่อยสังเกตหรอกแต่ผู้ใหญ่ที่บ้านนะสิบ อกว่าน้ำ�ท่วมแน่ๆ ...เมื่อแต่ก่อนบ้านของดิฉันเองก็ อยู่เป็นบ้านไม้หลังเก่าเจอกับน้ำ�ท่วมทุกปี มากน้อย ก็แล้วแต่กนั ไป ทุกคนจะรูเ้ ลยว่าปีไหนน้�ำ จะมาไม่มา ดูจากอะไรนั้นหรอก็ดูจาก มดที่มันไต่ขึ้นที่เสาบ้าน นั่นหละ แต่พอได้ย้ายบ้านมาอยู่ใกล้บริเวณวัดจีน (วัดเล่งเน่ยยี่ 2) แล้วก็ไม่เคยได้เจอกับเรื่องน้ำ�ท่วม อีกเลยหลายปีมาแล้ว...พอพูดถึงเรื่องน้ำ�ท่วมแล้วก็ อยากจะบอกว่าสุดๆ ไปเลยค่ะ...จะมีใครคิดว่าทั้ง บางบัวทองเราจะจมกันทั้งหมดทุกพื้นที่ โอย...โดย ส่วนตัวแล้วจะเฉย ๆ มากเรื่องน้ำ�ท่วม แต่ครั้งนี้ มันมากจริงๆ ช่วงแรกๆ ของวิกฤตน้�ำ ท่วม 54 จากสายตา ของดิฉนั คนบางบัวทองเราก็ไม่มใี ครเตรียมการอะไร มากมาย เพราะไม่ได้เจอกับน้ำ�ท่วมหนักๆ มานาน ตัง้ แต่ปี 38 (น้�ำ ท่วม 54 คงทำ�ให้ปี 38 ถูกลืม) บางบ้าน ก็เตรียมก่ออิฐ บางบ้านก็เรียงกระสอบทรายอย่างดี บางบ้านก็ไม่เตรียมอะไรเลย...บ้านทีเ่ ตรียมการอย่างดี ณ เวลานั้นเข้าใจว่าหลายคนก็คงคิดแบบขำ�ๆ ว่า อะไรมันจะขนาดนัน้ อิฐบล๊อกก่อสูง 5 ชัน้ เลยทีเดียว โอ้โห คนริมคลองแถบตลาด (ถึงกับอายเลย) คง
สู้ไม่ได้หละถ้าน้ำ�มันมาจริงๆ ก็คุ้มหละพี่นะว่ามั้ย... อันนี้แค่คิดเองนะค่ะพี่...ส่วนตัวของดิฉันที่บ้านไม่ เตรียมตัวอะไรเลยจริงๆ เดี๋ยวก่อนก็ได้ ผู้ใหญ่ทุก คนบอกให้ยกของขึ้นเถอะ แต่ก็บอกเค้าตลอดเลย นะว่าเอาเถอะ เดี๋ยวก่อนก็ได้ มาแล้วค่อยยกเถอะ มันไม่มาหลอก แล้วก็ไม่ยกจริงๆ นะค่ะ ...แต่แล้ว พอบางบัวทองเข้าขั้นวุ่นวายตอนนั้น เขื่อนฝั่งโรง พยาบาลบางบัวทองแตก คนแถบตลาดและใกล้ เคียงเริ่มตื่นตัวกันอย่างมากจริงๆ เกือบทุกบ้านเริ่ม จะก่ออิฐขึน้ มาบางบ้านก็กอ่ เพิม่ ขึน้ อีก รวมถึงทีบ่ า้ น ด้วยเช่นกันจากที่ไม่ตื่นตระหนกก็เริ่มเป็นไปกับเขา บ้างแล้ว... เอาหละเริม่ หาอิฐบล๊อกแล้วกัน...อิฐแพง มากค่ะทุกท่านใครที่อยู่ในแถบน้ำ�ท่วมจะทราบเลย ว่าแพงจริงๆ อะไรจะขนาดนั้นโอ้โหจาก 5 บาท ปาเข้า ไป 20 บ้าง 30 บ้าง สุดท้ายทีเ่ จอแพงสุด 35 บาทค่ะ มากไปกว่านั้นหมดค่ะไม่มีสักร้านที่มีของ เลยโดนเหมาไปหมดแล้ว งัน้ ก็ไม่เอาแล้วหละไม่ตอ้ ง ก่ออิฐกันแล้วหละ...เลยไปหากระสอบทรายก็แล้ว กันกระสอบทรายก็แม่เจ้าค่ะ กระสอบละ 40 บาท ไม่ไหวหละมัง้ ...ทีบ่ า้ นเลยหาทรายฟรีเอาสรุปก็ได้มา ค่ะยากลำ�บากเหลือเกิน นี่น้ำ�ยังไม่ท่วมเลยนะ แค่ เขื่อนแตกบางจุดของบางบัวทองเอง...โอ้โหแพนิก (panic) กันทั้งบ้านทั้งเมือง...มาถึงตอนที่ไม่ได้นอน กันบ้างหละค่ะคืนวันที่ 17 ตุลาคม วิกฤตเริ่มมาถึง เขือ่ นวัดละหารแตก ตรงโน้นก็แตก ตรงนีก้ แ็ ตก...เอา แล้วหละเริ่มแล้วทุกคนแถบตลาดตื่นกันเกือบหมด เขือ่ นแตกเพียงนิดเดียวเองค่ะแต่น้ำ�มันเร็วมากเต็ม พืน้ ทีว่ ดั ละหาร แล้วก็โรงเรียนเทศบาลวัดละหารด้วย 78
คืนนัน้ แบบว่าสถานทีส่ �ำ คัญหลายจุดของบางบัวทอง เริม่ สยหายกันแล้วหละ ไม่วา่ จะ วัดละหาร โรงเรียน วัดละหาร ชุมชนรอบวัดทั้งหมด ธนาคารออมสิน ชุมชนหลังธนาคารออมสิน ร้าน7/11 ป้ายรถเมล์ที่ ตลาด ตึก บ้าน ร้านค้าต่างๆ จมไปแล้วฝั่งนึงค่ะ ณ ตอนนั้น...ชาวบ้านต่างก็พากันเอารถมาจอดหนี น้�ำ กันทีล่ านจอดรถวัดจีน (คิดว่าสูงแล้วนะ)...เช้าวัน รุ่งขึ้น...วันที่ 18 ตุลาคม เริ่มบรรเลงความวุ่นวาย กันเลยค่ะ เขตชุมชนของบางบัวทองจมไปแล้วฝัง่ นึง ยังคงเหลือพื้นที่ใจกลางตลาด ที่เทศบาลเขาพยาม ป้องกันเต็มที่ วันนี้วุ่นวายสุดๆ ค่ะ รถตู้โดยสารก็ ไม่เข้าเพราะน้�ำ ระหว่างทางเข้าตลาดเริม่ เยอะแล้วแถม วินรถตู้ที่อยู่หน้าวัดก็ไม่มีพื้นที่ให้จอดแล้ว (น้ำ�จอง ไปหมด) คนทัง้ ตลาดเดินกันให้สนุกเลย คนโน้นคนนี้ บอกว่า ตรงนีเ้ ขือ่ นแตกอีก ตรงนัน้ ก็แตก เดีย๋ วน้�ำ มัน จะมาเยอะกว่านีอ้ กี 5 ชัว่ โมงมาแน่ เอาหละค่ะ คราวนี้ ดิฉนั เริม่ ตืน่ ตูมเองบ้างแล้วหละบ้านเราทำ�ไงดีไม่ยก อะไรเลยเอาแต่กระสอบทรายมาวางเรียงๆ เอาไว้ แค่นเี้ อง จะเอาอยูไ่ หมเนีย่ และแล้วน้�ำ ก็มาของมัน จริงๆ แน่นอนค่ะพวกเรารีบยกพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า ก่อนค่ะ อย่างอื่นไม่เป็นไรหรอกไม่ยกจริงๆ (ยังคิด อยูว่ า่ มันไม่เยอะขนาดนัน้ หรอก) วิกฤตมาถึงแล้วน้�ำ เข้าบ้านเร็วมาก ป้องตรงไหนก็ไม่อยู่ มาทุกทางเลย ยกของกันไม่ถึง 2 ชั่วโมง น้ำ�เต็มบ้านแล้ว ของทุก อย่าง วางกองกันเอาไว้ บางอย่างวางบนตู้ บางอย่าง วางบนโต๊ะปิงปอง สูงพอหละ (มาดูอีกครั้งทั้งหมด จมน้ำ�เพราะน้ำ�สูงกว่า...แล้วทั้งตู้ทั้งโต๊ะถล่มหมด) แค่นี้พอเหนื่อยมากแล้วนาทีสุดท้ายจริงๆ รู้แล้วที่ ผู้ใหญ่เขาบอกกันว่าน้ำ�มันจะมาจริงๆ เอาหละ... แล้วจะอยู่กันยังไงต่อดี น้ำ�ก็เริ่มจะไม่ไหล ห้องน้ำ� ก็เข้าไม่ได้ ไฟฟ้าจะถูกตัดหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอาหละ คงต้องอพยพหละเพราะบ้านเราผู้ใหญ่เยอะ...ต้อง ป้องกันกันไว้ก่อนดีที่สุดบ้านดิฉันก็เลยอพยพกัน
หมด...ตอนอพยพนีไ้ ม่มคี �ำ บรรยายใดๆ นอกจากภาพ ที่ทุกท่านได้เห็นกันตามหน้า โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ สุดๆ กันไปเลย เดินลอยคอกันออกมาแถมกระแส น้ำ�ก็เชี่ยวมากๆ น้ำ�ก็ขึ้นเรื่อยๆ จะมีอะไรมากว่านี้ ไหมเนี่ย...กว่าสถานการณ์น้ำ�ท่วมจะเข้าที่เข้าทาง แต่ละบ้านแต่ละคน...อะไรทั้งหลายที่ไม่คิดจะได้ทำ� ก็ได้ทำ�กันหละทั้งชีวิตไม่คิดจะเจอก็ต้องเจอ...เฮ้อ... บ่นไปก็เท่านั้นค่ะน้ำ�มันมาแล้วก็ไป...น้ำ�ขึ้นเดี๋ยวน้ำ� ก็ลงค่ะ โดยส่วนตัวทำ�ใจได้แล้วค่ะ...แต่ในฐานะคน รุ่นใหม่อย่างดิฉัน (จริงหรือเปล่าไม่รู้คิดไปเองค่ะ) อยากจะบอกว่ายากจริงๆ กับชีวิตช่วงวิกฤตที่ไม่ได้ คาดคิดครั้งนี้...แต่ไม่เป็นไรค่ะตั้งหน้าตั้งตาสร้าง ความสำ�เร็จสร้างความมัน่ คงให้กบั ตัวเองและทีบ่ า้ น เพือ่ รองรับวิกฤตทุกอย่างทีเ่ ข้ามาหาเรา มันจะได้ไม่ กระทบกระเทือนเรามากนัก...แล้วอย่าลืมสร้างความ มั่นคงทางธรรม สวดมนต์ ทำ�บุญ หรือทำ�ความดี อะไรก็ได้ ที่เป็นการสร้างบุญบารมี ให้ตัวเราและ ครอบครัวนะค่ะ... 每个人都知道去年在泰国有发大洪水。 由于洪水已经渐渐退去了,但是泰国人民财产 损失巨大同时心灵也受到极大的创伤,此时依 然面临着严峻的灾后重建工作,大难之后我们 依然要坚强生活。 说到洪水我还不忘记那天我跟我家庭一 起在家,不知道要怎么做,水也来那么很快, 在家里面东西也很多,不知道要先做什么,我 们很怕。不到两个小时水在家里面了!有好玩 儿,有困难,最好就是每个人互相帮助,一起 在家。说到这件事我们没有忘记!还有我也相 信每个泰国人也不可以忘记这洪水!因为水灾 之后很多人会有悲伤 绝望 愁苦的情绪! 我介绍一下,对我来说,那时候,首先 我们要平静下来,看自己现在的状况能做什 么?要做什么?这些是最好的方法! 洪水也退去啦!留下了泰国善良的心灵。
79
เด็กวัดบรมฯ
เรียนรู้จากปัญหา ปรับตัวกับสถานการณ์ รวมแรงกายแรงใจกัน เพื่อฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้ คงเป็นเรือ่ งทีไ่ ม่มใี ครคาดคิดว่าเหตุการณ์น�้ำ ท่วมในปี 2554 นีจ้ ะรุนแรงถึงเพียงนีว้ ดั บรมราชาฯ เป็นอีกสถานทีห่ นึง่ ซึง่ ได้รบั ผลกระทบจากเหตุการณ์ วิกฤตนีเ้ ริม่ ตัง้ แต่วนั ที่ 18 ตุลาคม 2554 ในช่วงแรก พระ เณร ยังคงตกตลึงกับมวลน้�ำ ทีม่ ากมาย มหาศาล และท่วมเร็วขนาดนี้ สิ่งที่เหนือปกติ และสิ่งที่ไม่ คาดคิดก็เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นปัญหาต่างๆ ที่ถาถม เข้ามาเหมือนเกรียวคลื่นขนาดใหญ่ที่ซัดหาฝั่ง ผู้นำ� เป็นส่วนสำ�คัญ ต้องใช้สติและความคิดในการแก้ไข ปัญหาต่าง แต่ทุกครั้งที่เกิดปัญหา หากเราเรียนรู้ และเข้าใจในปัญหา ปรับตัวกับสถานการณ์ทเี่ กิดขึน้ ก็จะทำ�ให้เราสามารถผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ ได้เสมอ คงไม่เพียงแต่พระและเณรที่เป็นกำ�ลังหลักในการ ช่วยกัน ยังคงมีลกู ศิษย์วดั ทุกๆ คนทีร่ ว่ มแรง ร่วมใจกัน สามัคคีกัน รักกัน และเข้าใจกัน ช่ า งทอง หนุ่ ม เหนือสุดของประเทศไทย ฉายาใหม่ ทองมนุษย์ไฟฟ้าเป็นอีกกำ�ลังหลักที่ คอย
ทำ�หน้าที่จิปาถะต่างๆ รอบวัด แต่ที่ได้ฉายาว่า “ทองมนุษย์ไฟฟ้า” สันนิษฐานว่ากระแสไฟอาจ เกิดรัว่ ออกมาทางด้านหลังวัดจนปลาตายกันเกลือ่ น ช่างทองก็ไปเก็บปลาตายเพราะกลัวน้ำ�จะเน่าเสีย ในระหว่างนัน่ ได้เอามือไปจับเสาไฟเพือ่ พักผ่อนแรง ไม่เกินเสีย้ ววินาที เสียงหม้อแปลงไฟก็ระเบิดขึน้ แต่ เขาก็ไม่เป็นไรด้วยเดชะบุญ ออฟ ลูกศิษย์วดั คนใหม่แกะกล่อง ฉายาใหม่ แว่นไม่กลัวยุง คอยทำ�หน้าที่สูบน้ำ�เสียเพื่อมาพักไว้ ในอ่างพักน้ำ�เพื่อนำ�มาใช้ในชีวิตประจำ�วัน ไม่ว่าจะ เป็นน้�ำ อาบ น้�ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ซักผ้า ฯลฯ แต่ท�ำ ไม ทุกครั้งที่ออฟทำ�งานเสร็จในช่วงค่ำ�คืนออฟจะหา ที่ปลีกวิเวกตามมุมต่างๆ ของวัดแต่ที่เห็นกับตาคือ 80
เบิร์ด หรือ พี่เบิร์ด ธงชัย ฉายาใหม่ ธงชัย 24 ชั่วโมง เป็นอีกหน้าที่ๆ สำ�คัญต้องคอยสูบน้ำ� และคอยระวังห้องคอนโทรลไฟทีอ่ ยูห่ ลังวัดเนือ่ งจาก น้ำ�ที่ผุดมาจากใต้ดิน เบิร์ดจะคอยดูแลตลอด 24 ชัว่ โมงเหมือน Seven eleven ตลอดจนบางครัง้ เรา ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะน้�ำ กับ ไฟ วันใดทีเ่ ขาเจอ กันเบิรด์ จะเป็นคนแรกทีต่ อ้ งทำ�ให้ น้องน้�ำ และพีไ่ ฟ แยกทางกัน ไม่งั้น...คงสบายกันหล่ะทีนี้ เชื่อไหมครับว่าทุกครั้งที่มีปัญหาเราจะเห็น มุมของคนที่เราไม่เคยเห็น การใช้สติ ขันติและ เมตตาตามแนวทางการแก้ปัญหาของ “ใช้ซือเฮีย” ผอ.วัดบรมราชาฯ จึงเป็นอีกบทพิสูจน์ของการเป็น ผูน้ �ำ ทีด่ ี ทีท่ �ำ ให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ตามความ มุ่งหวังและที่สำ�คัญลูกศิษย์วัดอีกหลายคนที่ไม่ได้ เอ่ยนาม เช่น ทิดตี่ ทิดฮง พี่เสาร์ อ้วน ตุ๊ก และ พี่ น้อง ๆ จากประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นส่วนหนึ่งที่ สำ�คัญในการช่วยกัน ร่วมกันและพึ่งพากันจนทำ�ให้ “ทุกคน” สามารถผ่านวิกฤตนีไ้ ปได้ ติดตามรายงาน สถานการณ์น้ำ�ท่วมปี 54 ได้ที่ www.watboromracha.com
ตุ่มยุงแดงๆ ทีกัดออฟทุกวันจนเห็นเป็นผื่นระวังจะ เป็นไข้เลือกออกนะ ดูแลตัวเองบ้างคงจะดี โอ แม่ครัวทีด่ แู ลเรือ่ งอาหารการกิน ฉายาใหม่ โอ สวัสดิวดั ไม่แปลกใจเลยว่าทำ�ไม พระ เณรของที่ วัดบรมราชาฯ ส่วนใหญ่ถึงมีรูปร่างค่อนข้างกลมๆ ผมได้มีโอกาสได้ลิ้มลองกับข้าวยามวิกฤตที่ทำ�เป็น อาหารเจทัง้ หมด ไม่นา่ เชือ่ ทุกอย่างที่ “โอ สวัสดิวดั ” ทำ�นั้น ทำ�ไมถึงอร่อยเหาะขนาดนี้ เพิ่งถึงบางอ้อก็ ตอนได้ลิ้มรสนี่เอง
ลุงศักดิ์ ได้ถูกเรียกตัวจาก อ.ดำ�เนินสะดวก เพือ่ มารับหน้าที่ ขับเรือเพือ่ ประกอบกิจต่างๆ ทีส่ �ำ คัญ ไม่ว่าจะเป็นการขนของ รับ-ส่ง รวมทั้งยังขับเรือไป แจกของชาวบ้านที่เดือดร้อนเป็นเนืองๆ ลุงศักดิ์กับ ฉายา “นอ��������������������� สตาดามุสดำ�เนินสะดวก” ลุงแกเป็นคนน่า รักแกจะคอยวิเคราะห์และคาดเดาสถานการณ์ตา่ งๆ ถูกบ้างไม่ถูกบ้างก็ไม่เป็นไร แต่สิ่งที่สำ�คัญ แกเป็น คนจริงใจ ตามสไตล์ คนไทยหัวใจลูกทุง่ แท้ๆ มีเพือ่ น รุน่ พีท่ ขี่ บั เรือด้วยกันอีกคนคือ ลุงขาว เมือ่ ไรถ้าสอง คนคุยกันหล่ะก็ อยู่หน้าวัดได้ยินไปถึงหลังวัดเลย ที่เดียวเป็นเพราะแกขับเรือเสียงเครื่องยนต์ดังจน แกเคย เวลาคุยเสียงแกจะดังกว่าคนปกติประมาณ 5-20 เดซิเบล
在困难中吸取经验,据环境调整身 心,同心合力解决问题。 去年的两个月洪水,给皇恩寺造成的 损失不算大,原因是有圣财师兄用理智、克 制和慈悲的正确领导,和其他师兄沙弥们的 同心同德,更离不开寺庙信徒们的努力,日 夜坚守责位,不畏劳苦,使此次洪水的损失 降到最低程度,并且还能够接受附近灾民的 寄身依托,使大乘佛教又一次在泰国人民的 心目中的地位得到进一步提高。皇恩寺的香 火更加鼎盛。
81
填空
นันทนาการ
(เติมคำ�ในช่องว่าง) และเขียนคำ�อ่านมาให้ถูกต้อง
.......
财
地
春
年 ปีใหม่
....... ....... ....... ....... 红 ....... 对 圆 ....... ....... 神 ....... 一
ตอบคำ�ถามมหายาน
วันตรุษจีน เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย ซองแดง (อั่งเปา) กลอนคู่ บัวลอย ตี่จู่เอี้ย วันที่หนึ่ง(ชิวอิก)
เฉลยคำ�ถามมหายาน ฉบับที่ 2
1. เทพเจ้าแห่งโชคลาภ (ไฉ่ซิงเอี๊ย) มีกี่ปาง และปางอะไรบ้าง ? 2. ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตรเป็นพระสูตร ที่มีสำ�คัญของมหายาน มีความกี่ตัวอักษร ? 3. ศาสตร์ความเชื่อจากจีนที่ว่า ธาตุทั้ง 5 เมื่ออยู่ร่วมกัน จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันมีธาตุอะไรบ้าง ? 4. ท้าวเวสสุวรรณ หรือท้าวกุเวร ในเรื่องรามเกียรติ์มีชื่อว่าอะไร ? 5. พระถังซำ�จั๋งมีอีกชื่อหนึ่งว่าอะไร ? ***ถ้าทราบคำ�ตอบแล้วเขียนลงไปรษณียบัตรส่งมาที่*** วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ฯ 75 หมู่ 4 ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 11110 หรือทางอีเมล์ Dhammajariya@gmail.com 82
1. พระอาจารย์จีนวังสมาธิวัตร (พระอาจารย์สกเห็งโจวซือ) 2. เป็นวัดจีนในประเทศไทยแห่งแรกมี อุโบสถที่มีพัทธสีมาถูกต้อง ทำ�ให้ สามารถอุปสมบทพระภิกษุ คณะสงฆ์จีนนิกายขึ้นมาได้ 3. นนทบุรี 4. 2 วัน คือ วันขึ้น 1 ค่ำ� และ 15 ค่ำ� ตามจันทรคติจีน 5. ศีลข้อ 1 คือละเว้นจากการฆ่า
รางวัลแด่ผู้รอบรู้
ท่านที่ตอบได้ถูกต้อง 5 ท่าน จะได้รับเสื้อ “ธรรมจริยา” ท่านละ 1 ตัว
83
84