let’s smile
Letter
ความพอเพียง เป็นหลักปรัชญาทีพ่ ระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ล อดุลยเดชทรงมอบไว้ให้กับประชาชนชาวไทย เพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับ ปัญหาความยากจน เพราะความพอเพียงคือรากฐานของความพอดี การเดินทาง สายกลาง ที่ไม่ต้องการมากหรือน้อยจนเกินไป ในปัจจุบันนี้ที่โลกเราก้าวไปอย่างรวดเร็วและก้าวไกล เรามีเทคโนโลยีที่ ทันสมัย เรามีสงิ่ อำ�นวยความสะดวกมากมาย แต่กย็ งั มีคนบางกลุม่ ทีห่ นั กลับมา ใช้ชวี ติ อยูร่ ว่ มกับธรรมชาติ คนรุน่ ใหม่ไฟแรงทีใ่ ช้ความรูค้ วามสามารถร่วมกับวิถี ชีวิตแบบพอเพียงและเพียงพอ หากคุณเป็นหนึ่งคนที่สนใจ ลองศึกษาแนวทาง จากพวกเขาเหล่านี้ได้เพียงพลิกหน้ากระดาษค่ะ ด้วยความปรารถนาดี ทีมงานนิตยสาร happy+
สวัสดีคะ่ ทีมงานทีน่ า่ รัก ฉบับทีแ่ ล้วอ่านเรือ่ งราวของโตโน่ ภาคิน แล้วนึกถึงเด็กผูช้ าย 9 ขวบ ที่ต้องสูญเสียคุณพ่อ สงสารค่ะ อ่านแล้วรู้สึกรักโตโน่ข้นึ มากมาย โตโน่ เป็นผูช้ ายกตัญญู รักแม่ รักครอบครัว อดทน ไม่ยอมแพ้ มองโลกมุมบวก ได้ดมี าก อ่านแล้วสร้างกำ�ลังใจ แรงบันดาลใจให้คนทีก่ �ำ ลังท้อแท้ได้มากมาย ขอบคุณทีมงานค่ะ รุง่ รัตน์ วีระกุล สวัสดีคะ่ คุณรุง่ รัตน์ ดีใจมากที่คุณรุ่งรัตน์ชอบเนื้อหาที่พวกเราชาว happy+ พยายาม คัดสรรมานำ�เสนอให้กับคุณผู้อ่านกันนะคะ โตโน่เป็นบุคคลหนึ่งมีความ น่ารัก เป็นธรรมชาติและจริงใจมาก ๆ เลยค่ะ หวังว่าเรือ่ งราวของเขาจะเป็น กำ�ลังใจให้กบั คุณรุง่ รัตน์ได้ไม่มากก็นอ้ ยนะคะ ขอบคุณทีเ่ ขียนจดหมายเข้ามา แชร์ความรูส้ กึ กันค่ะ • ส่งความคิดเห็น คำ�ติ ชม หรือข้อเสนอ แนะที่มีต่อ happy+ ได้ท่ี กองบรรณาธิการ นิตยสาร happy+ บริษัท ไทยภิรมย์สตาร์ จำ�กัด เลขที่ 10/196-197 อาคารเดอะ เทรนดี้ ชัน้ 27 ถนนสุขมุ วิท 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 หรือทางอีเมล happyplusmag@gmail.com happy+ มีของขวัญ มอบให้แทนคำ�ขอบคุณ • สำ�หรับคุณรุง่ รัตน์ จะได้รบั ผลิตภัณฑ์วา่ นหางจระเข้ จาก ฐิตภิ รู ิ ติดต่อ ขอรับของรางวัลได้ทค่ี ณ ุ เบล โทร. 0-2168-7480 ต่อ 1021
เจ้าของ : บริษัท ไทยภิรมย์สตาร์ จำ�กัด 10/196-197 อาคารเดอะ เทรนดี้ ชั้น 27 ถนนสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 0-2168-7480 โทรสาร 0-2168-7481 คณะที่ปรึกษา : วิสุทธิ วิทยฐานกรณ์, ศักดิ์ชัย พฤฒิภัค บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา : วราภรณ์ ชูพระคุณ Social Editor : ทูน หิรัญทรัพย์ กองบรรณาธิ ก าร : ภั ท รามน ผุ ด เพชรแก้ ว , ภั ท ราภรณ์ เตชะธรรมวงศ์ , พิ ช ญา สิ ท ธิ บุ ต ร์ , ณั ฐ ธิ ช า อามิ น เซ็ น นั ก เขี ย น : ภญ.ดร.สุ ภ าภรณ์ ปิ ติ พ ร, ดร.วีรณัฐ โรจนประภา, ณัฐพบธรรม, ศศิน เฉลิมลาภ, ป้าจาย-แม่มดดอกไม้, อาจารย์คฑา ชินบัญชร, ผมอยู่ข้างหลังคุณ, นพ.พิรัตน์ โลกาพัฒนา, ศศินี ปัญญารัตน์, อรพิมพ์ รักษาผล, เจ้าชายผัก, ญาดารัตน์ พิสูจน์อักษร : ณรงค์ พึ่งบุญพา บรรณาธิการศิลปกรรม : กัมปนาท ศิลาวรรณ ช่างภาพ : สุภชัย รอดประจง, วิกรม วิสุทธิปราณีิ ฝ่ายโฆษณาและการตลาด : 0-2168-7480 ต่อ 1010 แยกสี : 71 Interscan Co., Ltd. โทรศัพท์ 0-2631-7171 พิมพ์ที่ : บริษัท ไซเบอร์พริ้นท์ จำ�กัด 0-2641-9135-8 จัดจำ�หน่าย : บริษัท เวิร์ล ออฟ ดิสทริบิวชั่น • ผู้ อ่ า นท่ า นใดต้ อ งการเขี ย นจดหมายมาพู ด คุ ย กั บ เรา ต้ อ งการติ ชม หรื อ เสนอแนะ เชิ ญ ส่ ง ความคิ ด เห็ น ของท่ า นเข้ า มาได้ ที่ happyplusmag@gmail.com หรือเข้าไปติดตามความเคลื่อนไหว update ข่าวสารใหม่ ๆ ได้ที่ : facebook.com/happyplusmag หรือ Line ID : happyplusmagazine เว็บไซต์ : www.happyplusmagazine.com
นิตยสาร รางวัลตาราอวอร์ด ‘ปลุกหัวใจสังคมด้วยหัวใจโพธิสัตว์’ ประจำ�ปี 2556
contents
ปีที่ 5 ฉบับที่ 55 มิถุนายน 2560
ใจสุข
20 happy people / ต่อเติมฝันทีละก้าว วรรณรท
สนธิไชย
30 happy heart / ความสุขในทุกวันของชีวิต
พญ. ดร.เคลียวพันธ์ สูรพันธุ์
38 feature / Back to Basic 48 ตัวอักษร ซ่อนพลัง / 3 สิ่ง...ความจริงที่ข้าม
ได้ยาก
54 family in love / หมอความ 56 นัดพบกับธรรมะ / หน้ากากทุเรียน
หน้ากากจิงโจ้ 58 wired world / ผู้ร้าย (หรือพระเอก) ชื่อเทคโนโลยี 60 ระหว่างทาง / 4 คาบชีวิต (4) 70 Well Being / ชีวิตคือการเรียนรู้ “Live & Learn” 74 สิ่งนี้ที่เรารัก / การเดินทางเพื่อการสะสม “ความทรงจำ�” ณพีรา เตชาชาญ 76 travelogue / ท่องเมืองแห่งประวัติศาสตร์ เกียวโต 80 การเดินทางของนกสีฟ้า / แวะชมพิจิตร เมืองชาละวัน 84 one happy day / หอสมุดเมือง กรุงเทพมหานคร 88 green corner / ร้านต้นไม้ดอยตุง
90 เจ้าชายผัก / ซํา้ ดิน ไม่ซา้ํ พืช เคล็ดไม่ลบั ปลูกผัก
ปลอดโรคแมลง
94 ชวนชิม อิ่มสุข
• TWG Tea • La Creperie (ลา เครปเพอรี) 96 ชวนดูหนัง / In This Corner of the World แค่วาดฝันให้โลกสวย 97 ชวนอ่านสานสุข 98 horoscopes >
กายสุข 62 take care / ต้อหิน ภัยเงียบตัวร้าย รู้ตัวไว้ ก่อนสูญเสีย 65 q & a 66 ยืดเส้น ยืดสาย / ยืดเส้นร่างกาย ผ่อนคลาย ให้หลับสนิท 68 happy herb / หญ้าดอกขาว...สมุนไพรช่วยเลิก บุหรี่ 72 beauty by nature / วิธีสวยด้วยผลไม้ตระกูลส้ม 92 กินอาหารเป็นยา / ต้มยำ�ลอยแก้ว
สังคมสุข 10 happy planet / ชีวิตคนบนแผ่นฟิล์ม 2 14 The Boss Association / The Boss Association 16 The Boss Foundation / เราเปลี่ยน...โลกเปลี่ยน 50 คนคิดดี / คืนคุณค่าสู่สังคม พสุ ตีระวัชร 100 กิจกรรมนำ�สุข
contributors
ป้าจาย-แม่มดดอกไม้ กินอาหารเป็นยา horoscope p.92 p.98 ผู้เขียนและวาดภาพประกอบหนังสือ ครัวดอกไม้ นักพยากรณ์ชื่อดัง เจ้าของรางวัล “สร้างสรรค์สังคม ที ่ได้รับการตีพิมพ์ถึง 3 ครั้ง และยังเป็นเจ้าของ ไทยดีเด่น” ประจำ�ปี 2541 ปัจจุบนั เป็นทัง้ คอลัมนิสต์ เครื่องหมายทะเบียนการค้า ครัวดอกไม้ ปัจจุบัน พิธีกร และวิทยากรพิเศษ รวมถึงทำ�งานการกุศล มีความสุขกับการเขียนหนังสือ และออกตลาดนัด มากมาย ได้แก่ เป็นประธานกองทุน M.A.C. Aids Fund (ประเทศไทย) ประธานหาทุนมูลนิธิร่วมนํ้าใจ สีเขียวซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำ�ได้ทุกวันโดยไม่รู้สึกเบื่อ ต้านภัยเอดส์ ผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ 48 พรรษาฯ จ.ลำ�พูน เป็นต้น อาจารย์คฑา ชินบัญชร
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร happy herb p.68
เจ้าแม่สมุนไพรผูไ้ ด้รบั พระราชทานรางวัลบุคคลดีเด่น ของชาติ สาขาเผยแพร่เกียรติภูมิของไทย (ด้าน การแพทย์แผนไทย) เจ้าของรางวัลบุคคลดีเด่นแห่ง ชาติ สาขาผลงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ดีเด่น และ เป็น 1 ใน 21 ผู้หญิงเก่งที่ได้รับรางวัล Women Who Make a Difference จากนิตยสาร Thailand Tatler ปัจจุบันดำ�รงตำ�แหน่งหัวหน้ากลุ่มงาน เภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
ณัฐพบธรรม นัดพบกับธรรมะ p.56
เป็นนักเขียน Best Seller ที่เน้นเขียนธรรมะที่อ้างอิง จากพระไตรปิฎกโดยมีผลงานเป็นที่รู้จักก็คือ ถ้ารู้... (กู)...ทำ�ไปนานแล้ว, นี่หรือเมืองพุทธ ปัจจุบันมี ความสุขอยู่กับการเป็นคนธรรมดา ที่ทำ�ตามคำ� สั่งสอนของพระพุทธเจ้าในทุก ๆ วัน
ผมอยู่ข้างหลังคุณ (นพ.พีรพล ภัทรนุธาพร) wired world p.58
แพทยศาสตรบัณฑิตจากโรงพยาบาลรามาธิบดี แพทย์เฉพาะทางวุฒบิ ตั รสาขาจิตเวชศาสตร์ และ วุฒิบัตรจิตเวชเด็กและวัยรุ่น หลังเรียนจบได้ปฏิบัติ ภารกิจตามที่ศึกษามาในโรงพยาบาล ขณะเดียวกัน ยังเป็นคอลัมนิสต์ประจำ�นิตยสาร มีงานเขียนอยู่ ประจำ�ที่ facebook.com/ibehindyou และมีผลงาน พ็อกเก็ตบุ๊กมาแล้วทั้งหมดสิบเล่ม
เบส อรพิมพ์ รักษาผล ตัวอักษรซ่อนพลัง p.48
เบส อรพิมพ์ รักษาผล ผู้หญิงที่รักการแสดงออก ชอบร้อง ชอบเต้น ชอบพูด ชอบการขีดเขียนมา ตั้งแต่เด็ก บวกกับการทำ�งานด้านการเป็นนักพูดที่ ต้องอยูก่ บั การค้นคว้าขีดเขียนด้วยตนเอง จนพบว่า หลงรักการเขียนและอยากให้ตัวอักษรเป็นอีกหนึ่ง ช่องทางในการสร้างกำ�ลังใจแก่ผู้อ่านได้ต่อไป..
ศศิน เฉลิมลาภ ระหว่างทาง p.60
ได้มีโอกาสเดินทางผ่านไปในเส้นทางธรรมชาติ พบปะผู้คน และสถานที่ที่สะดุดให้คิดถึงเรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้นในห้วงการพบเจอ และชวนให้จดจำ�นำ� มาเล่าให้ฟัง เป็นเส้นทางแห่งการทำ�งานอนุรักษ์ ธรรมชาติ ทีม่ คี วามสุข แทรกอยูใ่ นภารกิจทีห่ นักหนา แต่เลือกแล้วว่าจะต้องทำ� และเดินทางต่อไป
นพ.พิรัตน์ โลกาพัฒนา take care p.62
คุณหมอบล็อกเกอร์ผู้เขียนบทความทางการแพทย์ ลงใน Mthai.com และ mor-maew.exteen.com เจ้าของรางวัล “เบสท์ออฟเดอะเบสท์” และรางวัล “บล็อกยอดเยี่ยม สาขาสุขภาพ” จากการประกวด สุดยอดบล็อก ในงานประกวดไทยแลนด์บล็อก อวอร์ด ติดตามบทความของคุณหมอได้ในคอลัมน์ Take Care
ดร.วีรณัฐ โรจนประภา family in love p.54
“วิศวกรสังคม” ผู้มุ่งมั่นนำ�หลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงมาใช้ขับเคลื่อนงานในทั้ง 3 มิติคือ การ ศึกษา สังคม และเศรษฐกิจ ด้วยเครื่องมือ 3 ชนิด คือ มูลนิธิบ้านอารีย์ สมาคมบ้านปันรัก และบจก. คิดใหม่ เพื่อส่งต่อความรู้ในทั้ง 3 ระดับคือ ขั้นสอน ให้รู้ ทำ�ให้ดู และอยู่ให้เห็น
ญาดารัตน์ well being p.70
“เด็กวิทย์ชอบศิลป์” ลูกชาวสวนที่มีความศรัทธา ต่ออาชีพของบรรพบุรุษ เป็นพยาบาลที่มีความ ภาคภูมิใจในวิชาชีพ และเห็นคุณค่าของการ ทำ�งานศิลปะในเชิงการบำ�บัดเยียวยาจิตใจผู้คน เป็นผู้ที่หลงใหลในการเดินทางและการบันทึก เป็นชีวิตจิตใจ ปัจจุบันเป็นอาจารย์พยาบาลใน มหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุ และ ทำ�งานอาสาสมัครด้านศิลปะบำ�บัดให้กับสังคม ใน บทบาท Therapeutic Art Specialists
เจ้าชายผัก ปลูกความสุข ในบ้านคุณกับเจ้าชายผัก p.90 ฉายาของคุณ “ปริ๊นซ์’ นคร ลิมปคุปตถาวร เจ้าของ ‘ศูนย์เรียนรู้เกษตรในเมือง สาขาเจ้าชายผัก’ ย่าน ลาดพร้าว 71 ผู้มีใจรักในการปลูกผัก และยัง ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้ที่สนใจ เพราะอยากเห็น คนเมืองปลูกผักปลอดสารพิษไว้กินเอง ด้วยความ เชื่อว่า การปลูกผักทำ�ให้สุขกายที่ได้อาหารดี สุขใจที่ได้ปลูก และสุขที่ได้ร่วมแบ่งปัน
ศศินี ปัญญารัตน์
beauty by nature p.72
ผันตัวเองจากการทำ�งานในบริษัทโฆษณาต่างชาติ ชื่อดัง มาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโยคะและธรรมชาติ บำ�บัด จบหลักสูตรจากสถาบันโยคะวิชาการ และ Kaivalyadhamma Yoga Institute, India ทุ่มเทเวลา ดูแลตัวเองทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ จิตวิญญาณ และทำ�งานเพื่อสังคม ปัจจุบันเปิดสอน โยคะส่วนตัวแนวธรรมชาติบำ�บัด
happy planet เรื่อง : Patty Pom
ชีวิตคน บนแผ่นฟิล์ม (2) หลังจากฉบับที่แล้วฉันได้เล่าเรื่องของผู้ที่มี ชื่อเสียงซึ่งชีวิตของเขาเหล่านั้นมีแง่มุมที่น่าสนใจ จนได้ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาบนแผ่นฟิล์ม เป็น ภาพยนตร์ให้เราได้ชมและรับรู้เรื่องราวเหล่านั้น ที่สามารถนำ�มาเป็นแรงบันดาลใจหรือบทเรียนให้ ชีวติ ของเราได้ ฉบับนีเ้ ลยมาเล่าให้ฟงั ต่อค่ะ ว่ายังมี ใครที่น่าสนใจอีกบ้าง
เอวา เปรอง หรือเอวิตา สตรีหมายเลขหนึง่ ของอาร์เจนตินาระหว่างปี 2489-2495 ภรรยาผูอ้ ยู่ เบือ้ งหลังความสำ�เร็จของประธานาธิบดีฮวน เปรอง เป็ น บุ ค คลหนึ่ ง ที่ ถื อ เป็ น ตั ว แทนของประเทศ อาร์เจนตินาในสายตาชาวโลก หรือถ้าถามคนไทย ส่วนมากเมื่อพูดถึงบุคคลสำ�คัญของอาร์เจนตินา นอกจากนักฟุตบอลแล้วก็จะมีเอวิตาอยูใ่ นรายชือ่ เสมอ ซึ่งเราอาจจะรู้จักเธอผ่านภาพยนตร์เพลง “Evita” (1996) ของ Alan Parker ที่นำ�แสดงโดย Madonna โดยเฉพาะฉากร้องเพลง “Don’t Cry for 10 | happy+
Me Argentina” ตรงระเบียงที่ทำ�การรัฐบาล คง เป็นภาพที่ติดตราตรึงใจของใครหลายคน ด้านชีวิตของเอวิตานั้น ตอนอายุ 15 ปี เริ่ม เป็นนักแสดงละครเวที ต่อมาได้ออกอากาศใน วิทยุ เป็นนางแบบถ่ายปกนิตยสารและได้แสดง ภาพยนตร์จนกลายเป็นดาราดังในทีส่ ดุ ในปี 2487 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครัง้ ใหญ่ในอาร์เจนตินา ทหาร นักการเมืองและศิลปินต่างมาช่วยเหลือ ผู้ประสบภัย เอวิตาจึงได้พบกับนายพลฮวน ต่ อ มาเธอได้ ทำ � งานด้ า นแรงงานและ สวัสดิการสังคม ที่ทำ�ให้ชีวิตและความเป็นอยู่ ของชนชั้นแรงงานและคนยากจนดีขึ้น ทำ�ให้ฮวน ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง จนได้ตำ�แหน่ง รองประธานาธิบดี ปีต่อมาทั้งสองได้แต่งงานกัน หลังจากนัน้ ฮวนถูกจับในข้อหากบฏ แต่ประชาชน ชาวอาร์เจนตินาได้ออกมาประท้วงจนรัฐบาลต้อง ยอมปล่อยตัว ปีตอ่ มาฮวนก็ได้รบั การเลือกตัง้ เป็น ประธานาธิบดี และเอวิตาได้เป็นสตรีหมายเลขหนึง่ ในวัยเพียง 26 ปี เอวิตาทำ�งานในกระทรวงแรงงานและความ มั่นคงสังคม ซึ่งเธออุทิศตัวเพื่อการปฏิรูปสังคม อย่างสันติ ดูแลเรื่องการศึกษา สวัสดิการสังคม การรักษาพยาบาลและสิทธิสตรีในการเลือกตั้ง โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย เอวิตาจึงกลายเป็น ขวัญใจของประชาชน ทัง้ ในด้านความงาม ความ เฉลียวฉลาดและความทุ่มเทในการทำ�งาน หลัง
จากฮวน เปรองขึ้นรับตำ�แหน่งประธานาธิบดี สมั ย ที่ ส อง รั ฐ สภามี ก็ ม ติ ใ นวาระพิ เ ศษให้ ขนานนามเธอว่ า “ผู้ นำ � ทางจิ ต วิ ญ ญาณของ ประชาชาติ” (Spiritual Leader of the Nation) จากการกรำ�งานหนักมาตลอด เอวิตาเริ่ม ป่วยเป็นมะเร็งและเสียชีวิตในที่สุด ที่ประเทศ อาร์ เ จนติ น ามี ก ารจั ด งานศพของเธออย่ า ง ยิง่ ใหญ่ ประชาชนต่างพากันเศร้าโศกไปทัว่ ประเทศ หลังจากนั้นในปี 2498 รัฐบาลของนายพลเปรอง ถูกคณะทหารทำ�รัฐประหาร ศพของเอวิตาถูก เนรเทศไปยังสุสานในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เป็นเวลายาวนานเกือบ 20 ปี จนเมื่อฮวน เปรอง ยึดอำ�นาจคืนมาได้อกี ครัง้ เมือ่ ปี 2514 ศพของเธอ จึงถูกนำ�กลับมาฝังไว้ยงั สุสาน ทีก่ รุงบัวโนสไอเรส ข้าง ๆ ครอบครัวของเธอ เรือ่ งราวของเอวิตายังคง ติดตรึงอยูใ่ นใจของชาวอาร์เจนตินาอยูจ่ นทุกวันนี้ จนถูกนำ�ไปสร้างเป็นละครเพลงและภาพยนตร์ หลายครั้ง ภาพยนตร์ทถี่ า่ ยทอดเรือ่ งราวของเอวิตาเป็น ภาพยนตร์เพลงค่ะ ดำ�เนินเรื่องด้วยเพลงตลอด ทั้งเรื่อง โดยไม่มีบทพูดเลย บอกเล่าเรื่องราวของ ผูห้ ญิงธรรมดา ๆ คนหนึง่ ทีม่ คี วามทะเยอทะยาน น่าเสียดายทีภ่ าพยนตร์ไม่คอ่ ยเทิดทูนเอวา เปรอง เท่าไหร่ แต่จะออกแนวละครชีวิตเสียมากกว่า เน้นไปที่ความสวยงามและความบันเทิง ไม่ได้ พูดถึงสิ่งที่เธอทำ�มากนัก แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้
รับรางวัลหลายรางวัล และได้รับรางวัลออสการ์ จากเพลง You Must Love Me ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ลงกินเนสส์บุ๊กด้วยนะคะ เนื่องจากเป็นหนังที่ เปลี่ยนชุดมากที่สุด ในเรื่องนี้ Madonna เปลี่ยน ชุดถึง 85 ชุด (หมวก 39 ใบ รองเท้า 45 คู่ และ ตุ้มหูอีก 56 คู่) มาร์ก เอลเลียต ซักเคอร์เบิรก์ คงไม่มใี คร ที่ไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ใช่หรือเปล่าคะ นักธุรกิจชาว อเมริกันผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์เฟซบุ๊กกับเพื่อนอีก 4 คน เครือข่ายสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดใน โลก ขณะทีก่ �ำ ลังศึกษาอยูท่ มี่ หาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และนิตยสารไทม์ได้ยกย่องให้เขาเป็นบุคคลแห่งปี ค.ศ. 2010 ตั้ ง แต่ เด็ ก ซั ก เคอร์ เบิ ร์ ก ได้ รั บ รางวั ล ทาง วิทยาศาสตร์ ศึกษาด้านศิลปะคลาสสิก เขาเรียน ภาษาต่างประเทศ โดยเขาสามารถอ่านภาษา ฝรั่งเศส ภาษาฮิบรู ภาษาละติน และภาษากรีก
โบราณ ทัง้ ยังเป็นกัปตันทีมฟันดาบ ซักเคอร์เบิรก์ สามารถมองเห็นสีฟ้าได้ดีที่สุด เพราะเขาเป็นโรค ตาบอดสีซึ่งมองสีแดงและสีเขียวได้ไม่ชัดเจน จึง เป็นเหตุให้สีฟ้ายังเป็นสีหลักของเฟซบุ๊กด้วย ซั ก เคอร์ เบิ ร์ ก ใช้ ค อมพิ ว เตอร์ ในการเขี ย น ซอฟต์ แ วร์ ตั้ ง แต่ ชั้ น ประถมปลาย พ่ อ ของเขา สอนให้ใช้โปรแกรมพื้นฐานของอาตาริ และยัง จ้างนักพัฒนาซอฟต์แวร์มาสอนเป็นการส่วนตัว อีกด้วย ซักเคอร์เบิรก์ สนุกกับการพัฒนาโปรแกรม คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการสื่อสาร และเกม ในช่วงที่เขาเรียนอยู่ที่ฮาวาร์ด เขาก็มี กิตติศพั ท์ดา้ นความอัจฉริยะในการเขียนโปรแกรม แล้ว ไอเดียสำ�คัญที่จุดประกายให้เขาลุกขึ้นมา ทำ � เฟซบุ๊ ก เกิ ด จากความหมกมุ่ น อยู่ กั บ เรื่ อ ง คอมพิวเตอร์และการเขี ยนโปรแกรม และพบ ปัญหาว่ามหาวิทยาลัยระดับโลกอย่างฮาร์วาร์ด
ไม่มรี ะบบหนังสือรุน่ ทางออนไลน์ เขาจึงนำ�ไอเดีย ไปเสนอเพื่อขอจัดทำ� แต่กลับถูกมหาวิทยาลัย ปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่มนี โยบายให้นกั ศึกษาเข้าถึง ข้อมูลดังกล่าว ซักเคอร์เบิร์กเคยบอกว่า เรามี หนังสือที่เรียกว่า เฟซบุ๊ก ที่รวบรวมรายชื่อและ ภาพของทุกคนทีอ่ ยูใ่ นหอพัก ในตอนแรกเขาสร้าง เว็บไซต์ที่วางรูป 2 รูป หรือรูปของผู้ชาย 2 คน และผู้หญิง 2 คน ผู้เยี่ยมเยือนเว็บไซต์จะเลือกว่า ใครดูดกี ว่ากัน และรวบรวมจัดอันดับเป็นผลโหวต เว็ บ ไซต์ เปิ ด ในช่ ว งวั น หยุ ด แต่ พ อถึ ง เช้ า วันจันทร์ เว็บไซต์กถ็ กู ปิดโดยมหาวิทยาลัย เพราะ เว็บไซต์ได้รับความนิยมมาก จนทำ�ให้เซิร์ฟเวอร์ ของฮาร์วาร์ดล่ม นักศึกษาถูกห้ามเข้าเว็บไซต์ นอกจากนั้นมีนักศึกษาหลายคนร้องเรียนเรื่อง ภาพทีใ่ ช้ไม่ได้รบั อนุญาต หนังสือพิมพ์นกั เรียนจึง พาดหัวเกีย่ วกับเว็บไซต์ของเขาว่า “ไม่เหมาะสม” ซักเคอร์เบิร์กได้เปิดตัวเฟซบุ๊กจากห้องพัก ของเขาในมหาวิทยาลัย ขณะนั้นเฟซบุ๊กเริ่มต้น เพียงแค่ “Harvard Thing” จนกระทั่งซักเคอร์เบิร์ก ตัดสินใจที่จะกระจายไปสู่มหาวิทยาลัยอื่น ๆ โดยได้ รั บ ความช่ ว ยเหลื อ จากเพื่ อ นร่ ว มห้ อ ง ดัสติน มอสโควิตซ์ ซักเคอร์เบิร์กย้ายไปอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนียกับ มอสโควิตซ์และเพื่อนบางส่วน พวกเขาดัดแปลง บ้านเช่าเป็นสำ�นักงาน หลังจากนั้นซักเคอร์เบิร์ก ได้พบกับปีเตอร์ ทีล ที่ได้ให้ทุนกับบริษัท พวกเขา เริ่มก่อตั้งบริษัทแรกตอนกลางปี 2004 นิตยสาร วานิตีแฟร์ ให้ซักเคอร์เบิร์กติดอันดับ 1 ในปี 2010 ของรายชื่อ “100 อันดับ บุคคลที่มีอิทธิพล ที่สุดในยุคข้อมูล” และยังติดอันดับ 16 ของ การสำ�รวจประจำ�ปีของ นิวสเตตส์เม็น ในหัวข้อ “บุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก 50 อันดับ” ภาพยนตร์ ที่ ส ร้ า งมาจากชี วิ ต จริ ง ของ ซักเคอร์เบิร์ก คือเรื่อง The Social Network หลัง จากที่ชีวิตเขาปรากฏบนจอภาพยนตร์ เขาตอบ รับว่า “ผมหวังว่าจะไม่มใี ครสร้างหนังเกีย่ วกับผม ขณะที่ผมยังมีชีวิตอยู่” ภาพยนตร์เรื่องนี้อ้างอิง มาจากหนังสือเรื่อง The Accidental Billionaires ซึ่งภาพยนตร์นั้นสนุกและน่าสนใจ ภาพยนตร์ได้ รับรางวัลจากสถาบันและองค์กรภาพยนตร์ต่างๆ เป็นจำ�นวนมาก ที่สำ�คัญได้แก่ รางวัลลูกโลก ทองคำ�ถึง 4 สาขา นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่างของบุคคลที่น่าสนใจ และมีชื่อเสียงที่ได้นำ�มาสร้างเป็นภาพยนตร์ ให้ เราได้รู้จักและเรียนรู้ประสบการณ์จากชีวิตของ ผูอ้ น่ื และนำ�มาปรับใช้กบั ชีวติ ของเราบ้าง อย่างน้อย เราก็นา่ จะได้รบั พลังบางอย่างจากสิง่ ทีพ่ วกเขาทำ� happy+ | 11
ออส่วนหอยนางรมเต้าหู้ทอด เรือ่ ง : Nasry
คุณค่าทางอาหาร เต้าหูถ้ ว่ั เหลือง ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันมะเร็งทางเดินอาหาร และ มีสารต้านอนุมลู อิสระ ช่วยปกป้อง เซลล์ในร่างกาย ชะลอวัย พร้อม ช่วยให้มีผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง
ออส่วนหอยนางรมเต้าหู้ทอด เมนูยั่วนํ้าลายที่ใครได้ลองชิมจะ ต้องหลงใหล เป็นอาหารที่จัดได้ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง สำ�หรับออส่วนนั้นเป็นการนำ�แป้งมาผสมกับหอยให้เหนียวนุ่ม ยิ่งมีเต้าหู้ทอดโรยหน้า เห็นแล้วจะต้องอดใจไม่ไหวอย่างแน่นอน ลองนำ�สูตรนี้ไปทำ�ทานกันดู รับรองว่าไม่ยาก แถมยังอร่อยจน ลืมไม่ลงอีกด้วยค่ะ
พริกไทย สามารถช่วยละลาย ลิม่ เลือดและลดการจับตัวเป็น ก้อนได้ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้น การขับเหงื่อออกจากร่างกาย เมื่ อ เหงื่ อ ระเหยออกจากผิ ว จะช่วยทำ�ให้ร่างกายรู้สึกเย็น สบายมากยิ่งขึ้น ถั่วงอก ธาตุ ซิ ลิ ก าในถั่ ว งอก มี ส่ ว นช่ ว ยป้ อ งกั น การหลุ ด ร่วงของเส้นผมได้เป็นอย่างดี ช่วยในการดูดซับวิตามินและ แร่ธาตุต่าง ๆ ที่เรารับประทาน เข้าไป ถ้าหากไม่มีซิลิกา การ รับประทานวิตามินและแร่ธาตุ อื่น ๆ ก็อาจจะไม่มีประโยชน์
ออส่วนหอยนางรมเต้าหู้ทอด เมนูอาหารจีนยอดนิยมของร้านอาหารหลาย ๆ ร้าน เพี ย งนำ � เต้ า หู้ ม าทอดให้ เ หลื อ งกรอบแล้ ว พั ก ไว้ จากนั้ น ผสมแป้ ง มั น กั บ นํ้ า จนแป้ ง ละลายหมด ใส่หอยนางรมลงเคล้าเบา ๆ พอเข้ากัน นำ�ขึ้นพักไว้ เจียวกระเทียมกับ นํ้ามันด้วยไฟกลางให้หอม ใส่ถั่วงอก แล้วปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว นํ้าตาลทรายและพริกไทย ผัดเข้าด้วยกัน โรยต้นหอมลงไป ผัดต่อพอเข้ากัน ตักใส่จานเสิร์ฟที่เตรียมไว้ ตั้งนํ้ามัน สำ�หรับทอดในกระทะก้นแบน ใช้ไฟกลางค่อนข้างแรง รอให้ร้อน ใส่ส่วนผสมแป้งและ หอยนางรมที่พักไว้ในขั้นตอนแรกลงไปทอดพอเกือบสุก ใส่ไข่ลงไป แล้วใช้ตะหลิวเกลี่ย ไข่แดงให้แตกกลับด้านทอดจนสุกทั่ว ปิดเตา ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยต้นหอม ใบผักชี และพริกไทย สุดท้ายโรยหน้าด้วยเต้าหู้ทอด รับประทานขณะร้อน ๆ คู่กับซอสพริก เคล็ดลับความอร่อยของเมนูนี้ ต้องผสมแป้งให้เป็นเนื้อเดียวกันจนไม่เหลือเม็ดแป้ง อย่าผัดถั่วงอกและต้นหอมจนสุกเกินไป เพราะจะเละ เคี้ยวไม่อร่อย เรียกว่าเมนูนี้ ได้ทั้งสุขภาพได้ทั้งความอร่อยในคำ�เดียว
ต้นหอม มีสรรพคุณป้องกัน โลหิตจาง ในต้นหอม 100 กรัม มีธาตุเหล็กสูงถึงเกือบ ครึง่ หนึง่ ของปริมาณทีร่ า่ งกาย ต้องการต่อวัน ช่วยป้องกัน ภาวะโลหิ ต จางได้ อ ย่ า งมี ประสิทธิภาพ ใบผั ก ชี ช่ ว ยบำ � รุ ง ธาตุ ใ น ร่างกาย แก้อาการกระหายนํ้า แก้ไอ แก้หวัด บรรเทาอาการ คลื่นไส้ อาเจีย น แก้อาการ วิ ง เวี ย นศี ร ษะ รั ก ษาอาการ อาหารเป็ น พิ ษ และช่ ว ยลด ระดับนํ้าตาลในเลือด
The Boss Association เรื่อง : น่าคบ เพื่อนรัก
The Boss Association คำ�ว่า สมาคม หมายถึง การทีค่ นจำ�นวนหนึง่ อาจมากหรือน้อยมารวมกัน ตกลงใจร่วมกันว่า จะทำ�งานเพือ่ ประโยชน์สว่ นรวมร่วมกัน ดังนัน้ คน ที่เข้ามาร่วมก็ต้องถามตัวเองว่า ผมหรือฉันจะให้ ประโยชน์อะไรกับสมาคมได้บา้ ง แล้วมันจะไปเอือ้ ประโยชน์กบั ส่วนรวมอย่างไร? อันนีห้ มายความว่า สมาชิ ก ยิ น ดี จ ะเป็ น ผู้ ใ ห้ ก่ อ น เพื่ อ ประโยชน์ ของส่วนรวม เพือ่ ความก้าวหน้าของผูค้ นในกลุม่ ใน วงการ การทีถ่ ามว่า ผมหรือฉันจะได้อะไรจากการ เป็นสมาชิก จึงเป็นคำ�ถามที่บอกว่าผู้ที่จะเข้ามา เป็นสมาชิกใหม่ผู้นั้นต้องการเป็นผู้รับ โดยไม่ เข้าใจปรัชญาของสมาคมว่า เรามาร่วมกันเพือ่ เป็นผูใ้ ห้ 14 | happy+
สมาคม The Boss ก็เช่นเดียวกัน เกิดขึ้น จากปรัชญาการให้เพื่อความก้าวหน้าของกลุ่ม The Boss เช่น 1. สร้ า งโอกาสและบรรยากาศของการ แลกเปลี่ยนพูดคุยของมวลสมาชิก ซึ่งกรรมการ สมาคมทุกยุคทุกสมัยก็ได้ทุ่มเททรัพย์ เวลา และ ความพยายาม เพื่ อ ให้ โอกาสการพู ด คุ ย และ บรรยากาศดี ๆ ในการพูดคุยนั้นเกิดขึ้น 2. โอกาสและบรรยากาศดี ๆ ของการแลกเปลีย่ น พู ด คุ ย กรรมการมี ห น้ า ที่ ทำ � งาน เพื่ อ สร้ า ง สถานที่ ให้ ส มาชิ ก ได้ ม าสั ง สรรค์ ซึ่ ง กรรมการ หลายยุคก็ได้ทำ�งานมามากมาย เพื่อสะสมกำ�ไร จากการทำ�กิจกรรม จนสามารถซื้อที่ทำ�การของ สมาคม และตกแต่งให้เป็นที่สังสรรค์ไว้ให้แล้ว แต่ก็ไม่มีคนไปใช้ทั้งกรรมการและสมาชิก เพราะ สถานที่ตั้งอยู่ในทำ�เลที่ไม่สะดวก เป็นหน้าที่ของ กรรมการชุดปัจจุบันและชุดต่อ ๆ ไปที่จะต้องหา ที่ทำ�การหรือที่สังสรรค์ที่สะดวก ซึ่งแน่นอนว่า
หายากมากและราคาก็จะแพงสุด ๆ นับเป็นภาระ หน้าที่ที่ไม่ง่ายเลย 3. สมาคมต้ อ งมี ห น้ า ที่ พั ฒ นากรรมการ สมาคมรวมทั้งสมาชิก ให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้นและ พัฒนาอย่างยั่งยืน โดย 3.1 ส่ ง เสริ ม ให้ ก รรมการเกิ ด การพั ฒ นา ตนเอง (Personal Mastery) 3.2 ส่งเสริมให้เกิดจินตนาการร่วมให้ตรง กัน (Share Vision) 3.3 ส่ ง เสริ ม การเรี ย นรู้ เ ป็ น ที ม (Team Learning) 3.4 ส่งเสริมให้เกิดการคิดเชิงระบบ (System Thinking) 3.5 มี ค วามรู้ ข้ อ มู ล วิ ช าการใหม่ ที่ ทั น เหตุการณ์ 3.6 มีการประสานประโยชน์ของมวลสมาชิก 3.7 ร่วมทำ�ประโยชน์เพื่อสังคม ทั้ง 3 ข้อ ที่จริงมาจากสโลแกนของชมรม
วันนี้ คำ�ว่า The Boss กำ�ลังจะ กลายเป็นอาณาจักรธุรกิจขนาด ใหญ่ เนื่องจากสถาบัน MPI ได้ ก่อตั้งมาครบ 30 ปี มีนักธุรกิจ และผู้บริหารระดับสูงเข้ารับการ อบรมแล้วกว่า 86 รุ่น
ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงเป็นสมาคมที่ว่า สร้างสรรค์ สังคม สั่งสมวิชาการ ประสานประโยชน์ แต่ใน ปัจจุบนั เมือ่ คำ�ว่า The Boss ได้โยงใยไปถึงสถาบัน 3 สถาบัน คือ MPI, The Boss Association และ The Boss Foundation ทัง้ สามสถาบันจึงได้แบ่งงาน กันทำ�โดย มูลนิธิ (The Boss Foundation) รับหน้าที่เรื่อง สร้างสรรค์สังคม สถาบัน MPI (Management and Psychology Institute) รับหน้าที่เรื่อง สั่งสมวิชาการ ส่วนสมาคม (The Boss Association) รับ หน้าที่เรื่อง ประสานประโยชน์ วันนี้ คำ�ว่า The Boss กำ�ลังจะกลายเป็น
อาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ เนื่องจากสถาบัน MPI ได้ ก่ อ ตั้ ง มาครบ 30 ปี มี นั ก ธุ ร กิ จ และ ผู้บริหารระดับสูงเข้ารับการอบรมแล้วกว่า 86 รุ่น กว่า 4,000 คน ซึ่งนักธุรกิจ 1 คน บ้างก็ทำ�ธุรกิจ 2-3 อย่าง สมาคมจึงมีธุรกิจในสังกัดมากกว่า 10,000 ธุรกิจทั่วประเทศ มี The Boss อยู่แทบ ทุกจังหวัด พื้นฐานอันนี้เป็นเงื่อนไขสำ�คัญมากในการ สร้างอาณาจักรธุรกิจ เราเห็นชัดเจนว่า หากมี ที่ทำ�การที่เหมาะสมเกิดขึ้น สโมสรที่ได้มาตรฐาน เกิดขึ้น คลินิกธุรกิจเกิดขึ้น The Boss ก็พร้อมที่ จะเป็นอาณาจักรธุรกิจ ที่เป็นประโยชน์เป็นกำ�ลัง ของประเทศชาติต่อไป happy+ | 15
The Boss Foundation เรื่อง : ทูน หิรัญทรัพย์
เราเปลี่ยน...โลกเปลี่ยน... ใคร ๆ ก็อยากเปลี่ยนโลก มองไปทางไหนโลกเราก็ ดู จ ะมี แต่ ปั ญ หา ไม่วา่ จะเป็นสิง่ แวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ปัญหา ทีเ่ ราคงไม่จ�ำ เป็นต้องพูดออกมาแล้ว ว่ามันมีอะไรบ้าง…เพราะเราทุกคนต่างรู้ดี เราบ่น...จนเบื่อที่จะบ่นแล้ว เราหวัง ให้ใคร สักคนที่ควรจะรับผิดชอบมาแก้ปัญหา...จนเลิก หวังไปแล้ว เราต่างกำ�ลังรอ...เรารออะไร? เรามักจะรู้สึกว่า ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รอบตัวเรา เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือขอบเขตความ รับผิดชอบของเรา หรือบางทีกร็ สู้ กึ ว่า เราไม่มคี วาม สามารถมากพอที่จะไปเป็นผู้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านัน้ ได้ เราจึงรอให้ใครสักคนมาช่วยรับผิดชอบ 16 | happy+
แก้ไข โดยมองไม่เห็นความจริงที่ว่า แท้จริงแล้ว เราเองก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา เพราะทุกการกระทำ�ของเราไม่วา่ จะเล็กน้อย แค่ไหน ล้วนส่งผลกระทบเชือ่ มโยงกับโลกทัง้ สิน้ ... แต่เรามักไม่ได้มองอะไรไปไกลเกินกว่าขอบเขต ของตัวเรา ถ้าลองค้นไปให้ลึกถึงรากของปัญหา ต่าง ๆ แล้ว เราจะพบว่า ทุกปัญหาล้วนมีจดุ เริม่ ต้น ที่ ฝั ง ลึ ก อยู่ ใ นหน่ ว ยย่ อ ยที่ เ ล็ ก ที่ สุ ด อย่ า งใน ตัวบุคคลนั่นเอง เช่นนั้นแล้ว...การเปลี่ยนแปลงโลก ก็อาจจะ ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่เราทุกคนเริ่มตระหนักรู้ เริ่มมองให้เห็น ความเชือ่ มโยงของทุกการกระทำ�ของเรากับสังคม และสิ่ ง รอบตั ว เปลี่ ย นมุ ม มอง เปลี่ ย นวิ ธีคิ ด
เปลี่ยนการกระทำ� อาจจะแค่เพียงเล็กน้อย ก็จะ สร้างความเปลีย่ นแปลงให้กบั โลกได้อย่างแน่นอน และนี่ก็คือ แนวคิดอันเป็นที่มาของโครงการ “เราเปลี่ยน โลกเปลี่ยน” โครงการเราเปลี่ยน โลกเปลี่ยน (We Change World Change) เป็นโครงการภายใต้การดูแลของ ศูนย์เยาวชนพลเมืองดี สร้างสือ่ สร้างสรรค์สงั คม (YCM) โดยคุณทูน หิรัญทรัพย์ ร่วมกับโครงการ โรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Eco School) และภาคีอื่น ๆ เกิดขึ้นจากความเชื่อ ที่ ว่ า เราทุ ก คนสามารถเปลี่ ย นแปลงโลกได้ โดยเริ่มจากตัวเรา และเห็นว่า “เยาวชน” เป็น กลุ่มคนที่มีศักยภาพและพลังในการสร้างความ เปลี่ยนแปลงได้มากในระยะยาว ถ้าได้รับการ
ส่ ง เสริ ม และเปิ ด โอกาสให้ ได้ ใช้ ศั ก ยภาพใน ทางที่ดีแล้ว ก็จะเกิดประโยชน์มากมาย ทั้งกับ ตัวเยาวชนเอง ชุมชน สังคม ประเทศชาติและโลก การสร้างความเปลีย่ นแปลงจากหน่วยเล็ก ๆ แล้วขยายวงกว้างไปสู่หน่วยที่ใหญ่ขึ้นนี้ จะช่วย ปฏิรูปสังคมให้ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน รูปแบบกิจกรรมหลักที่เราใช้นั้นจะเป็นการ อบรม (Training) โดยทีผ่ า่ นมาเราจะเน้นเรือ่ งเกีย่ วกับ กระบวนการคิด (Process of Thinking) การเป็น พลเมืองดี (Civic Knowledge) และการสร้างสรรค์ สือ่ รณรงค์ ในประเด็นต่าง ๆ เพือ่ ช่วยเปลีย่ นแปลง สังคมให้ดีขึ้น นอกจากนี้ หลังจากการอบรม เรา ยังส่งเสริมให้เยาวชนได้กลับไปทำ�กิจกรรมที่เป็น ประโยชน์กับโรงเรียน และชุมชนของตัวเองด้วย ทุกวันนี้ เราสร้างอะไรกันมากมาย ทั้งสิ่งที่ เป็นประโยชน์ และไม่เป็นประโยชน์ แต่หลายครั้ง เราก็มักลืมไปว่า สิ่งสำ�คัญที่เราควรจะสร้างที่สุด เพื่อช่วยให้โลกดีขึ้นได้นั้น ก็คือ การสร้างคน
เราอาจจะคิดว่า โรงเรียนก็ท�ำ หน้าที่ “สร้างคน” อยู่แล้วนี่นา ทำ�ไมเราถึงต้องใส่ใจกับเรื่องนี้อีก แต่ ร ะบบการศึ ก ษาบ้ า นเราในปั จ จุ บั น ยั ง คงมีสภาพแวดล้อมที่ขวางกั้นการเรียนรู้ที่แท้จริง และไม่มพี นื้ ทีใ่ ห้ความคิดสร้างสรรค์ได้งอกงามได้ อย่างเพียงพอ เหมือนการปลูกต้นไม้ในกระถาง ที่ แม้จะพยายามเติบโตอย่างเต็มที่ ก็ยังไม่สามารถ งอกงามได้อย่างเต็มพลังศักยภาพทีม่ ี จะดีแค่ไหน ถ้าเรามีพื้นที่ ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้ใช้ความ สามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ พื้นที่ที่เปิดโอกาส ให้เขาได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างอิสระ พื้นที่...ที่ไม่ตัดสินว่าการเป็นเด็ก = การไม่มี ศักยภาพเพียงพอ • ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเยาวชนกับเรา • 460, 462 ถนนพระราม 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ 10120 • โทรศัพท์ : 09-2278-8355 • E-mail : ycmyouth.center@gmail.com happy+ | 17
นํ้ามันมะกอก นํ้ามัน ที่อุดมไปด้วย วิตามิน
นํา้ มันมะกอก เป็นไขมันทีไ่ ด้มาจากผลมะกอก ผ่านการสกัดด้วยการบีบ แยกเนือ้ แยกนํา้ ถ่าย ลงภาชนะ แยกนํา้ มันโดยการใช้เครือ่ งปัน่ และการกรอง นํา้ มันทีไ่ ด้จากผลมะกอกแท้ ๆ หรือนํา้ มัน มะกอกบริสทุ ธิ์ เรียกว่า นํา้ มันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จน้ิ (Extra Virgin) ซึง่ เป็นนํา้ มันมะกอกทีม่ สี ี เขียวเข้ม และเป็นนํา้ มันมะกอกทีด่ ที ส่ี ดุ ในบรรดานํา้ มันมะกอกทุกประเภท ในนํา้ มันมะกอกอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินอี และวิตามินเค ซึง่ มีคณ ุ สมบัตชิ ว่ ยบำ�รุงผิวให้นมุ่ ชุม่ ชืน่ ป้องกันและบรรเทาผิวแตกลาย ลดอาการคันและอักเสบบริเวณต่าง ๆ โดยเฉพาะทีเ่ กิดจาก ความแห้ง นอกจากนีย้ งั มีคณ ุ สมบัตปิ อ้ งกันรังสียวู ไี ด้ในระดับ SPF 20 อีกด้วย อัลฟาโตโคฟีรอล ซึง่ อยูใ่ นวิตามินอี และสารแคโรทีนในวิตามินเอ มีสารต้านอนุมลู อิสระทีช่ ว่ ยยับยัง้ เซลล์มะเร็ง รับประทาน นํา้ มันมะกอกวันละ 1 ช้อนโต๊ะก่อนมือ้ เช้าทุกวันจะช่วยบำ�รุงสุขภาพ ที่มา : http://festforfood.com/
จัดจำ�หน่ายโดย บริษัท นํ้ามันพืชไทย จำ�กัด (มหาชน)
happy people
ต่อเติมฝันทีละก้าว
วิว-วรรณรท สนธิไชย เรื่อง : ณัฐธิชา อามินเซ็น ภาพ : สุภชัย รอดประจง ทำ�ผม : คุณไก่เกริกสตูดิโอ สถานที่ : ร้าน La Crêperie สุขุมวิท 39 โทร 0-2662-6499 นับเป็นนางเอกคิวทองของวงการบันเทิงทีเดียว สำ�หรับนางเอก หน้าหวาน วิว-วรรณรท สนธิไชย เพราะนอกจากละคร “แต่ปางก่อน” และซิทคอม “สูตรรักชุลมุน” ที่ก�ำ ลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้ เธอยังมี ผลงานละครจ่อคิวรออีกหลายเรื่อง และด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ ทำ�ให้เธอมักถูกจับตามองทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว วันนี้นิตยสาร happy+ เลยขอนัดสาววิวในช่วงบ่าย ๆ หลังว่างจากการทำ�งาน มานั่ง พูดคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ และการใช้ชีวิตในวงการบันเทิง พร้อมกับ ข่าวคราวความสัมพันธ์กบั หนุม่ คนพิเศษอย่าง หน่อง-ธนา ฉัตรบริรกั ษ์ ที่หลายๆ คนคงอยากรู้ 20 | happy+
happy+ | 21
happy people
22 | happy+
ก้าวสู่ขั้นที่เติบโต
อี ก หนึ่ ง มุ ม ของชี วิ ต ที่ น่ า สนใจน้ อ ยคนนั ก จะรู้ว่าเธอจบการศึกษาคณะโบราณคดี จากรั้ว มหาวิทยาลัยศิลปากร การเลือกเรียนสาขาวิชา ที่แม้จะไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ แต่สร้าง ความภูมิใจให้ตัวเธอเองและครอบครัว อีกทั้งยัง สามารถนำ�มาปรับใช้ในชีวิตจริงได้ดีอีกด้วย “ตอนเด็ก ๆ วิวอยากเป็นสัตวแพทย์ เพราะ วิวชอบสัตว์มาก ตอนนั้นรู้สึกว่าอาชีพที่ใกล้ชิด สัตว์ที่สุดก็คงเป็นหมอ แต่พอโตขึ้นวิวก็ไม่ได้ชอบ เห็นความเจ็บปวดของสัตว์ อาชีพหมอต้องดูแล และรับผิดชอบชีวิตของสัตว์ ตอนนั้นคิดว่าถ้า ชอบสัตว์วิวเลี้ยงสัตว์อย่างเดียวดีกว่า (หัวเราะ) วิวคงไม่ได้จะรักษาสัตว์ทุกตัวได้ สุดท้ายวิวเอง ก็ไม่ได้เรียนมาทางสายวิทย์ พอเราเลือกเรียน สายศิลป์ เราก็เปลี่ยนความคิดที่อยากจะเป็น หมอ เมื่อโตขึ้นเริ่มเปลี่ยนความคิดว่าอยากเป็น มัณฑนากร ต้องไปเรียนมัณฑนศิลป์ แต่ตอนเข้า มหาวิทยาลัยวิวไม่ได้เรียนคณะที่อยากจะเรียน ด้วยคะแนนเอนทรานซ์ในตอนนั้นสูงมาก วิวจึง ได้ไปเรียนโบราณคดี วิวคิดว่าอย่างน้อย ๆ วิว ก็ได้เรียนที่ศิลปากร คิดว่ายังไงเขาก็มีสอนศิลปะ อยู่แล้วในทุกคณะ เพราะเป็นวิทยาลัยศิลป์ รุ่นพี่ ก็บอกว่าโบราณคดีศิลปากรมีให้เลือกหลายแบบ ไม่ใช่ให้เราไปขุดเจาะอะไรแบบนั้น ของวิวจะ เรียนมานุษยวิทยา ที่มีเรียนการแสดง และเรียน อารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ พอจบมาทำ�ให้รู้ ว่าการเรียนคณะนี้ให้อะไรชีวิตของวิวมากมาย และยังสามารถนำ�มาปรับใช้ในชีวิตจริงด้วยค่ะ” จุดเริ่มต้นของการเป็นนักแสดงของเธอนั้น เธอเล่าพร้อมหน้าเปื้อนรอยยิ้มว่า ครั้งแรกที่มา แคสติ้งนั้น เธอมาเป็นเพื่อนของเพื่อนเท่านั้น แต่ เพราะโชคนำ�พาให้เธอเข้ามาสู่วงการบันเทิงและ เป็นนางเอกในที่สุด “ตอนวิวเด็ก ๆ วิวเรียนที่อนุบาลปรางทิพย์ ซึ่งเป็นโรงเรียนของคุณปรางทิพย์แม่ของพี่พีท ทองเจือ ตอนนั้นก็เริ่มมีรายการเด็ก ๆ อัศวินน้อย ของพี่นีโน่ และรายการคิดดี้แคท ของพี่แคทรียา อิงลิช ตอนนั้นก็จะเห็นตัวเองอยู่ในรายการต่าง ๆ ตอนเด็กก็จะมีไปเดินแบบกับพีค่ ลาวเดียร์ พอช่วง มัธยมเรียนที่โรงเรียนสตรีวิทย์ก็มีแมวมองเข้ามา ซึ่ ง คุ ณ แม่ ไม่ อ ยากให้ ทำ � เลย เพราะเรายั ง เด็ ก ก็อยากให้โตตามวัย อยากให้เรียนหนังสืออย่าง เดียว เพราะว่าที่บ้านวิวไม่มีใครทำ�งานในวงการ
บันเทิงเลย ญาติ ๆ ก็จะเป็นหมอ เขาเรียนกัน อย่างจริงจัง คุณแม่ก็เลยกลัวว่าถ้าเราทำ�งาน แล้วจะเรียนไม่ดี ตอนนัน้ เลยทำ�ได้แค่ถา่ ยหนังสือ ดาวโรงเรียนอะไรประมาณนั้นมากกว่า “แต่ที่ได้เข้าวงการจริง ๆ คือ เผอิญไปเจอ ทางเอ็กแซ็กท์เขาแคสติ้งนักแสดง วิวก็ไปดูเพื่อน แคสติ้ง ปรากฏว่าพี่ทีมงานเขาให้วิวลองแคสดู แล้วก็ไปเจอพี่ต๊ะที่เป็นฝ่ายแคสติ้งของเอ็กแซ็กท์ กับพี่ป้อน-นิพนธ์ ผิวเณร เขาก็ให้เราลองแคสต์ดู คุณแม่ก็ไม่ได้อยากให้ทำ�อยู่แล้ว แต่ถ้าเราอยาก ลองก็ ให้ ล อง ตอนนั้ น ทำ � ไปแบบไม่ มี ค วามรู้ เรื่องการแสดงใด ๆ ทั้งสิ้น เขาให้บทมาเราก็ ท่องไป เพราะวิวคิดว่าตัวเองชอบการถ่ายแบบ ถ่ายแฟชั่นมากกว่า พอแคสต์เสร็จวันรุ่งขึ้นเขา ก็ติดต่อกลับมาเลยว่า พี่บอย ถกลเกียรติอยาก ให้เซ็นสัญญา แม่ก็บอกมาว่า แม่ไม่อยากให้ทำ� แต่แม่ก็ถามกลับมานะว่าวิวอยากทำ�ไหม วิวก็ บอกแม่ไปว่า วิวอยากลองทำ�ดูว่ามันสนุกหรือ เปล่า แม่บอกว่าลองได้ แต่มันเป็นงานเป็นการ ถ้าเราจะไม่ทำ�แล้วมาหยุดกลางคันไม่ได้นะ เรา ต้องทำ�ให้เสร็จ สุดท้ายแม่ก็ให้วิวลองทำ� เพราะ อย่างน้อยมันทำ�ให้วิวมีความรับผิดชอบและโต เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น”
ฉีกบทบาทท้าทาย
ถึงแม้เส้นทางในวงการบันเทิงของเธออาจ เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ แต่ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา เธอได้พสิ จู น์แล้วว่าความสามารถของเธอไม่ได้มา จากความบังเอิญหรือโชคช่วย “จากวั น แรกที่ อ ยู่ ใ นวงการจนถึ ง วั นนี้ วิ ว สนุกสนานดีค่ะ ก่อนเข้าวงการวิวคิดว่า วงการนี้ มีอะไรที่น่ากลัว ต้องมีแต่คนน่ากลัว แต่สุดท้าย เหมือนอยู่ ๆ ไป วิวก็ปรับตัวจนเราอยูไ่ ด้ วิวเข้ามา เพื่อทำ�งาน อยู่ข้างนอกวิวก็เป็นตัวเอง เป็นคน ธรรมดา ไม่ได้ใช้ชวี ติ แบบดาราเลย แต่สงิ่ ทีว่ วิ ต้อง ระวังคือ อาจจะเป็นข่าวได้งา่ ยถ้าเราไม่ได้ระวังตัว ดูจากสิ่งรอบ ๆ ตัว ดูจากเพื่อน ๆ ในวงการ วิว โชคดีทเี่ ล่นเรือ่ งแรกแล้วเจอดาราผูใ้ หญ่ทเี่ ขาคอย สอนสิ่งต่าง ๆ มากมาย พออยู่ไปวิวสนุกมาก สิ่งที่สำ�คัญคือ เราต้องรู้ขอบเขตว่าเราต้องทำ�ตัว อย่างไรให้เหมาะสม ต้องไม่ลืมความเป็นตัวเรา “การได้ อ ยู่ ว งการบั น เทิ ง เหมื อ นได้ เรี ย นรู้ ว่าวิวเจออะไรมาบ้าง ตรงไหนคือปัญหา เล่น ละครแรก ๆ ก็ไม่รู้เรื่อง เจอคนว่าเราเล่นแข็ง เจอ happy+ | 23
happy people
24 | happy+
การเป็นนักแสดง สอนให้วิวเป็นผู้ใหญ่ มากขึ้น ต้องเจอคน หลายรูปแบบหลาย ประเภท แค่ในกองถ่าย ก็กี่ชีวิตแล้วที่เราต้องรู้จัก และรับฟัง คำ�วิจารณ์ต่าง ๆ เคยมีความคิดว่า ไม่อยากทำ� แล้ว เพราะวิวไม่ได้ฝันว่าจะมาทำ�อาชีพนี้อยู่แล้ว ถ้ามันไม่โอเคก็แค่เลิกทำ� วิวได้มีโอกาสเรียนกับ หม่อมน้อย วิวไปปรึกษาท่านว่า หนูเล่นละครไม่ได้ หรือเปล่า ท่านก็บอกว่า ไม่หรอก แต่มันอาจจะ ยังไม่ถึงเวลาของเรา เราต้องสั่งสมประสบการณ์ ไปเรือ่ ย ๆ เราต้องถามตัวเองว่าเราทำ�เต็มทีห่ รือยัง ยั ง สู้ อ ยู่ ไ หม หรื อ ว่ า เราจะไปทำ � ตรงอื่ น แล้ ว เหมือนมาทำ�ตรงนี้เราต้องทำ�ให้เต็มที่และจริงจัง กับมัน เราเล่นละครออกไปมันก็สู่สายตาทุกคน มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่คอยดูอยู่ เรามาอยู่ตรงนี้ก็ ต้องเป็นตัวอย่างทีด่ ี วิวโชคดีทไี่ ด้อาจารย์ดแี ละได้ นักแสดงผูใ้ หญ่ทดี่ ที คี่ อยสอน ทำ�ให้รสู้ กึ ว่าบางคน เขาอาจจะเก่งตัง้ แต่แรก บางคนอาจจะต้องค่อย ๆ เรียนรู้ไป ทำ�ให้ความคิดที่วิวอยากจะหยุดทำ� หายไป คิดแค่วา่ เราต้องสูอ้ กี ครัง้ เพราะมีบทบาท อีกหลายบทที่เรายังไม่เคยเจอ แต่ด้วยความที่ เล่นแล้วมันสนุก ทำ�ให้รู้สึกว่าเรายังสนุกและรัก กับงานทีท่ �ำ อยู่ พอเวลาผ่านไปเรือ่ ย ๆ ก็กลายเป็น เราผูกพันและรักมันเข้าแล้ว “การแสดงละครทำ�ให้วิวรู้ว่า มันยังมีอะไร อี ก เยอะแยะมากมายที่ บ างที เราอาจจะไม่ มี โอกาสได้ทำ�เลยในชีวิตจริงก็ได้ มันก็สอนเราไป ด้วย และสอนการอยู่กับคนหมู่มาก เพราะการ ทำ�งานละครต้องทำ�งานเป็นทีม เราจะฟังแต่ความคิด ตัวเองไม่ได้ เราอยู่กันหลายคนก็หลายความคิด ต้องมีการปรับกันไป ต้องเข้าใจกัน หรืออันไหน ที่เรายอมกันได้ เราก็ต้องยอมกันไป การเป็น นักแสดงสอนให้วิวเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ต้องเจอ คนหลายรูปแบบหลายประเภท แค่ในกองถ่ายก็ กี่ชีวิตแล้วที่เราต้องรู้จักและรับฟัง วงการบันเทิง ไม่ได้เปลี่ยนชีวิตวิว แต่ทำ�ให้วิวโตเร็วกว่าเพื่อน
ในวัยเดียวกัน ตอนนี้วิวก็ยังชอบที่จะทำ�งานใน วงการอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน ทุกวันนี้แค่ ทำ�ให้ดีที่สุด ไม่มีอะไรเลยที่วิวไม่โอเคในการอยู่ ในวงการ วิวทำ�งานด้วยความสุขจริง ๆ ตอนนี้ เลยคิดว่าเรามาถูกทางแล้วทีเ่ ลือกเดินเส้นทางนี”้
ไม่ยึดติดกับคำ�ว่า “นางเอก”
ด้ ว ยความที่ เ ธอมี ง านละครออกอากาศ ต่อเนื่องไม่ห่างหายไปจากหน้าจอทีวี จนทำ�ให้ หลายคนขนานนามว่าเธอเป็นนางเอกเบอร์หนึ่ง ของค่ายเอ็กแซ็กท์ “ในช่วงอายุเท่านี้ก็มีแค่วิวคนเดียว โตกว่านี้ ก็จะเป็นรุน่ พี่อ้อม พิยดา พีพ่ ิมพ์ พิมพ์มาดา หรือ พี่เจี๊ยบ โสภิตนภา ก็จะเป็นอีกรุ่นหนึ่ง แต่รุ่นวิว มีแค่วิวคนเดียว หลังจากวิวก็จะเป็นน้องที่เด็กลง ไป คนดูก็อาจจะเห็นวิวมากหน่อย วิวว่าผู้ใหญ่ อาจจะมองถึงความเหมาะสมของอายุทเี่ หมาะกับ บทบาทนั้น ๆ หรืออายุวิวอาจจะอยู่กลาง ๆ ทีเ่ ล่นบทโตก็ได้ เล่นบทเด็กก็ได้ ช่วงนีค้ นก็เลยอาจเห็น วิ ว เยอะหน่ อ ย ซึ่ ง ที่ ผ่ า นมาวิ ว ได้ รั บ โอกาส ให้รับบทบาทต่าง ๆ จากผู้ใหญ่เยอะมาก จากที่ ได้ยินมา เขาบอกว่าที่เอาเรามาแสดง เพราะรู้สึก ว่าเราใหม่ เป็นเหมือนแก้วเปล่าทีใ่ ส่อะไรลงไปก็ได้ พร้อมที่จะเรียนรู้ และไปในทิศทางที่ดี เป็นเด็กที่ เชื่อฟัง พร้อมจะรับสิ่งใหม่ ๆ อาจเป็นเพราะว่า วิวพยายาม และตั้งใจในทุกโอกาส เขาอาจจะ มองเห็นตรงนี้ “แต่วิวไม่ได้ยึดติดกับคำ�ว่านางเอกนะคะ เพราะถามว่ า นางเอกจะเป็ น ไปได้ ถึ ง เมื่ อ ไหร่ เมื่อเรามีอายุมากขึ้นหรือมีครอบครัวมันก็ต้องมี บทบาทการแสดงที่เปลี่ยนไป วิวไม่ได้ยึดติด มัน อยูท่ ตี่ วั เราว่า เราอยากเป็นนางเอกหรืออยากเป็น นักแสดง ถ้าเราเป็นนักแสดงเราต้องแสดงได้ทุก บทบาท ถึงแม้จะเป็นบทเล็ก ๆ วิวก็โอเคกับทุก บทบาทที่ได้รับ อาจจะแค่ตอนนี้ทางบริษัทเขา อาจจะให้วิวรับบทนางเอกก่อนเท่านั้นเองค่ะ” ละครที่ผ่านมาก็สามารถพิสูจน์ได้เป็นอย่าง ดีว่า เธอมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะล่าสุด เธอได้รับโอกาสแสดงละครรีเมคฟอร์มยักษ์เรื่อง ‘แต่ ป างก่ อ น’ ซึ่ ง โคจรมาประกบคู่ กั บ หนุ่ ม สน-ยุกต์ ส่งไพศาลอีกครั้ง “พอได้ยินว่าจะได้มาเล่นละครเรื่องนี้ก็ไป เปิดดูเวอร์ชั่นเดิม เป็นละครที่ดีมากและดังมาก ทำ�ให้ทกุ ฝ่ายเครียดทีจ่ ะทำ�ให้ออกมาดี แต่สดุ ท้าย ก็ไม่มีการเอาเรื่องในสมัยนั้นมาเปรียบเทียบอยู่ แล้ว ก็เป็นอะไรใหม่ ๆ วิวจะชิน เป็นเพราะวิว ชอบโดนให้แสดงละครรีเมค วิวว่าอะไรทีจ่ ะโด่งดัง happy+ | 25
happy people
อาจจะจริงที่วันข้างหน้า ยังมี แต่เราไม่รู้ว่า เมื่อไหร่ เราก็แค่ทำ� ทุกอย่างให้มีความสุข แต่ต้องเป็นความสุข ที่ไม่เดือดร้อนคนอื่น ขึน้ มาได้ มันต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ไม่ใช่ใครคนใด คนหนึง่ เหมือนการช่วยกันทำ�หน้าทีต่ รงนัน้ ออกมา ให้ดีที่สุด ถ้าทุกคนทำ�แล้วรู้สึกสนุกและเต็มที่ การรีเมคละครใหม่กต็ อ้ งมีการปรับเปลีย่ น ต้องใส่ ความสมัยใหม่เข้ามาบ้าง ถามว่าเราไปดูละครเก่า ๆ ย้อนยุคไม่ว่าจะเรื่องอะไร เราอาจรู้สึกสนุกแต่ อาจจะเข้าไม่ถึงแล้ว เราจะต้องมีความรู้สึกของ คนรุ่นใหม่มาบ้าง นักแสดงก็รุ่นใหม่ ผู้กำ�กับก็ รุน่ ใหม่ วิวรูส้ กึ ว่าถ้าเราสร้างละครรีเมคขึน้ มาแล้ว เล่นเหมือนเดิมเป๊ะเลย เอาวิวกับสนมาเปลี่ยน ใส่แทน ก็ไม่รู้จะดูกันทำ�ไม (หัวเราะ) มันเป็นการ ก๊อบปี้ มันไม่สนุกหรอก วิวจึงไม่ได้รสู้ กึ กดดันอะไร แค่ทำ�ให้เต็มที่ก็พอแล้วค่ะ”
สู้กระแสข่าวลบ
ขึน้ ชือ่ ว่า “วงการบันเทิง” มักจะมีขา่ วบันเทิง แบบเซอร์ไพรส์ ให้ติดตามและตื่นเต้นกันตลอด เวลา ซึ่งที่ผ่านมาเธอก็เจอกระแสข่าวมาไม่น้อย เช่นกัน “ตอนที่มีกระแสข่าวแรง ๆ ออกมา วิวดู ความเป็นจริงค่ะ เพราะว่าวิวอยู่กับคุณแม่ตลอด เวลา คนที่บ้านจะเข้าใจเลยว่า เรื่องไม่ได้เกิดจาก ตัววิว วิวเลยไม่เครียด เพราะเดีย๋ วมันก็หายไป ไม่ได้ อยู่นาน เดี๋ยวเขาก็หาเรื่องอื่นขึ้นมาแทนเอง ถ้า เราทำ�ตัวให้ดีและรับผิดชอบงานของเรา วิวไม่ ได้ทำ�อะไร ถ้าวิวไปเป็นเดือดเป็นร้อนกับกระแส ข่าว ก็จะใช้ชีวิตไม่มีความสุขเปล่า ๆ วิวไม่ได้ เป็นคนมองโลกบวก แต่วิวก็ไม่ได้เศร้านาน เรา จะรู้สึกอะไรในวันนี้ก็ได้ ให้คิดว่าทุกอย่างไม่ได้ จบแค่ในวันนี้ บางคนอาจจะคิดว่าวันนีอ้ าจจะเป็น 26 | happy+
วันสุดท้าย อันนัน้ ก็ใช่ วิวก็คดิ แบบนัน้ สำ�หรับการ ทำ�งาน เราจะได้ท�ำ งานและใช้ชวี ติ ให้เต็มที่ เมือ่ ไหร่ ที่วิวรู้สึกไม่ดีและไม่โอเค วันนี้เป็นวันที่แย่จัง เรา ต้องคิดว่า เรายังมีวันพรุ่งนี้ให้เรารู้สึกดีอยู่ วิว ว่าการทำ�งานทุก ๆ อาชีพทุกคนต้องให้เกียรติ กันและกัน ถ้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวมากเกินไปมันก็ ไม่ใช่ วงการบันเทิงวิวก็ตอบในจุดที่วิวตอบได้ วิว จะเปิดเผยในสิ่งที่อยากเปิด แต่ถ้าจะให้ทุกคนไม่ สนใจเราเลยก็ไม่ได้ เพราะเล่นละคร เราทำ�งาน ออกไปสู่สายตาแฟน ๆ เราก็ต้องการให้คนรู้จัก ผลงานนัน้ ถึงจะออกไปได้ ถ้าเราอยากเป็นส่วนตัว เราก็ตอ้ งไม่มาเป็นนักแสดงเลย วิวก็ตอ้ งเข้าใจใน แต่ละจุดมากกว่าค่ะ “อย่างข่าวที่ออกมาบอกว่าวิวเป็นคาสโนวี่ วิ ว ก็ ไม่ ได้ คิ ด อะไรนะ ถ้ า วิ ว คาสโนวี่ ข นาดนั้ น ก็ แปลว่ า วิ ว สวยมาก แล้ ว คนที่ เป็ นข่ า วด้ ว ย แต่ละคนก็ระดับพระเอกทั้งนั้น (หัวเราะ) ถ้าวิว ได้ขนาดนัน้ วิวคงมีเสน่หม์ าก ๆ วิวก็มองไปแบบนัน้ มากกว่า เพราะไม่ได้เป็นความจริง ถ้าเรามีผู้ชาย เยอะขนาดนัน้ มันไม่วนุ่ วายเหรอ เราไม่ตอ้ งทำ�งาน แล้วมั้ง ก็เป็นข่าวที่คนเขาแค่อยากพูดกันไป เรา ก็คิดแค่ว่าช่างเขา ไม่เป็นไรทำ�งานของเราให้ดี แต่จุดหนึ่งต้องขอบคุณที่ให้เกียรติว่าวิวสวยมาก จะบอกว่าวิวเป็นคาสโนวี่ไม่ได้ เพราะวิวไม่ได้ คุยทีละหลาย ๆ คน วิวคุยทีละคน เรามีสิทธิ์ที่ จะเลือก คนที่มีคุยด้วยหลายคนในเวลาเดียวกัน เขาถึงเรียกว่าคาสโนวี่ การที่เราเจอคนคนหนึ่ง แล้วเขาไม่ใช่สำ�หรับเราแล้วก็จบกันไป เราก็ไป เจอคนใหม่มันไม่ใช่เรื่องที่ผิด คุณแม่บอกว่า ถ้า วิวคุยกับคนคนหนึง่ แล้วถ้าเขาไม่ดเี ลย แต่ววิ ยังทน คุยกับเขาอยู่ เพราะว่าไม่กล้าที่จะเปลี่ยน อันนั้น ต่างหากที่ผิดปกติ ถ้ามาบอกว่าเราเป็นคาสโนวี่ วิ ว ก็ ไม่ โอเคเท่ า ไหร่ มั น ไม่ ถู ก ต้ อ ง เพราะว่ า เราไม่ได้เป็นแบบนั้น “พอถึงจุดหนึ่งเราต้องดูที่การทำ�ตัวของเรา ด้วย อาจเป็นเพราะวิวโตขึ้นด้วย จะมองเป็นเรื่อง ของการทำ�งานหมดแล้ว อย่างคอมเมนต์ต่าง ๆ ในโซเชียล ก็มกี ระทบจิตใจบ้าง บางครัง้ ก็ไม่เข้าใจ ว่าทำ�ไมเขาต้องมาคอมเมนต์แบบนี้ ทัง้ ๆ ทีไ่ ม่รจู้ กั กัน แต่ถามว่าใครจะสามารถบอกทุกคนได้ว่า ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ วิวเป็นคนแบบนี้นะคะ วิวไม่ สามารถบอกคนทั้งประเทศได้อยู่แล้ว วิวเลยคิด ว่าเราอย่าไปตามกระแส ใครมาคอมเมนต์อะไรก็ ต้องปล่อยเขาไป เขาเป็นแค่จดุ เล็ก ๆ จุดหนึง่ ต้อง ดูว่าที่เขาคอมเมนต์มานั้นเป็นความจริงไหม เรา ทำ�ผิดจริงเราก็ควรแก้ไข แต่ก็ไม่ต้องไปตอบโต้
อยูน่ ง่ิ ๆ ก็ดแี ล้ว ก็เลยดูความจริงว่า เราต้องทำ�ตัวเอง ให้ ดี ก่ อ น แล้ ว ข่ า วเป็ น ยั ง ไง คนเขาก็ จ ะรู้ เ อง ว่าข่าวจริงหรือเปล่า ถ้าเราทำ�ตัวดี ตั้งใจทำ�งาน จุดหนึง่ เราก็จะมีแฟนคลับเยอะเอง สุดท้ายเรือ่ งจริง มันก็จะพิสูจน์ออกมาอยู่แล้ว ถ้าข่าวไหนเป็นจริง วิวทำ�จริง ๆ ก็ออกมาขอโทษ วิวจะไม่มานั่ง โกหก วิวจะบอกเท่าที่บอกได้ แต่จะไม่ได้เปลี่ยน ความจริงไปอีกทิศทางหนึ่ง”
แรงใจสำ�คัญ
กระแสความฮอตของเธอไม่ ใ ช่ แ ค่ ใ น ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังดังไกลไปถึงประเทศ จีน ที่เสียงตอบรับเธอและละครดีเกินกว่าที่เธอ คาดคิดไว้ “ที่ผ่านมามีแฟน ๆ คอยให้การสนับสนุนวิว ดีมากเลยค่ะ อย่างแรกคงเป็นเพราะผลงาน เพราะ คนส่วนมากเขาก็จะเห็นเราจากการแสดงละคร และค่อยตามมาชอบวิว แต่ในจุดหนึ่งอาจเป็น เพราะวิวเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ที่ทุกคนเข้าหา ได้ แฟนคลับวิวก็มีประมาณหนึ่ง ไม่ได้มีมากจน ห้างแตกอะไรขนาดนั้น วิวก็ไม่เข้าใจจุดนั้นว่าเขา ต้องรับมืออะไรยังไง แต่แฟนคลับเท่าทีม่ อี ยูท่ กุ วันนี้ ทำ�ให้วิวรู้สึกโชคดีมาก ทุกคนน่ารักมาก เขา ให้การสนับสนุนวิวอย่างดี ซึ่งการเป็นแฟนคลับ ของวิวจะค่อนข้างยากด้วยค่ะ เพราะเขาจะเห็น วิวผ่านทางทีวี วิวไม่ได้เป็นนักแสดงสายอีเวนต์ เพราะถ่ายละครตลอดทั้งเจ็ดวัน วิวไม่ได้ออกไป ไหนเลย แต่แฟน ๆ ก็ยังคอยใส่ใจ คอยถามใน โซเชียลต่าง ๆ และวิวก็โชคดีทมี่ แี ฟนคลับจีน เพราะ ละครไปออนแอร์ที่จีนด้วย วิวดีใจมาก เหมือน เราได้โอกาสพอดีที่เอ็กแซ็กท์เอาละครไปโปรโมท ที่ประเทศจีน เขาก็เลยให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ถ้าละครเรือ่ งไหนไปแล้วได้กระแสตอบรับทีด่ ี ทาง จีนเขาก็จะเชิญไปเหมือนแสดงความยินดีกับเรา แฟนคลับก็น่ารักมาก มายืนรอรับที่สนามบิน วิว ก็ตื่นเต้นมากที่ทุกคนคอยสนับสนุนเรา”
ลุยธุรกิจจิวเวลรี่ด้วยใจรัก
นอกจากผลงานแสดงเป็นสิ่งที่เธอรักแล้ว เธอยั ง ชื่ นชอบการดี ไ ซน์ จิ ว เวลรี่ จนเกิ ด เป็ น แบรนด์ “เคียร่า ยูนีค แบรนด์” (Keira.Unique. Brand) เครื่องประดับผู้หญิงที่มีเอกลักษณ์ ให้ อารมณ์ที่ผสมผสานทั้งความหวานและความเท่ อยู่ในชิ้นเดียว “วิ ว รู้ ว่ า วงการบั น เทิ ง มี เด็ ก รุ่ น ใหม่ เข้ า มา อยู่เรื่อย ๆ มันก็ไม่แน่นอน ตั้งขึ้นก็ต้องมีดับไป
happy+ | 27
happy people
28 | happy+
(หัวเราะ) วิวก็เลยทำ�ธุรกิจด้วย เพิ่งเริ่มทำ�จิวเวลรี่ ทำ � เครื่ อ งประดั บ ขายกั น เองกั บ คุ ณ แม่ ใ น อินสตาแกรม ซึง่ วิวออกแบบเอง ตัวคุณแม่เองก็วาดรูป เก่ง และด้วยวิวเองชอบใส่เครื่องประดับอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าทำ�เองดีกว่า เพราะบางทีเราไปซือ้ แล้ว มันราคาแพง หรือเจอของไม่ดี แหวนหลุดลอก ประจวบกับวิวมีญาติที่มีโรงงานทำ�เครื่องประดับ ของสวารอฟสกี้พอดี เลยรู้สึกว่าเรามีคนรอบข้าง ที่คอยสนับสนุนอยู่แล้ว ก็เลยตั้งใจทำ� โดยเอา ไอเดียตัวเองมาลง นั่งออกแบบกับคุณแม่ ช่วย กันออกความคิดเห็นว่าเราจะใช้พลอย ใช้จิวเวลรี่ อันไหน หรือสามารถเอาอะไรมามิกซ์กันได้ ก็ เลยเป็นเรื่องเป็นราว วิวตั้งใจให้เป็นจิวเวลรี่ที่มี คุณภาพจริง ๆ แบรนด์นเี้ ริม่ มาได้ประมาณ 1 ปีคะ่ เราไม่ มี ห น้ า ร้ า น ใช้ วิ ธีสั่ ง ออนไลน์ อ ย่ า งเดี ย ว ทีผ่ า่ นมากระแสตอบรับดีมาก ตอนแรกเขาอาจจะ ไม่ มั่ น ใจเพราะส่ ง ทางไปรษณี ย์ แต่ บ างคนก็ ไลน์มาบอกเองว่าชอบมาก สวยมากหรือของดี มาก กลายเป็นกลับมาซือ้ ของเราทุกรุน่ หรือบางคน ถ้ามีแบบใหม่ก็ให้เราบอกไป ด้วยความที่เราขาย ในไอจีที่คนทั่วโลกสามารถมาดูได้ บางครั้งทำ�ให้ มีต่างประเทศมาซื้อด้วย แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้ทำ� ชิปปิ้ง ประกอบกับวิวและแม่ยังไม่มีเวลา ก็เลย รู้สึกว่า ถ้าเราทำ�ธุรกิจใหญ่เกินกว่าเวลาที่เรามี เดี๋ ย วจะมี ปั ญ หาในการที่ เ ราต้ อ งดู แ ล เรื่ อ ง ขายของแม่จะเป็นคนตอบรายละเอียดต่าง ๆ อันนี้ ก็เหมือนทำ�ให้คุณแม่มีงานอดิเรกนอกเหนือจาก ดูแลเรา ซึง่ แม่อาจจะคิดว่าแค่ควิ ก็วนุ่ วายอยูแ่ ล้ว ยังให้ขายของไปด้วยอีก (หัวเราะ)”
เรื่องรักไม่ต้องระบุสถานะ
ส่วนเรื่องราวความสัมพันธ์ของเธอกับหนุ่ม หน่อง-ธนา ฉัตรบริรักษ์ ยังเป็นเรื่องที่หลายคน ให้ความสนใจ และต่างก็คอยลุน้ คอยเชียร์วา่ เมือ่ ไหร่ ทั้งคู่จะระบุสถานะให้ชัดเจนสักที “สำ�หรับวิวคำ�ว่าแฟน จะต้องไปไหนมาไหน และรับผิดชอบชีวิตของกันและกันครึ่งหนึ่งแล้ว แฟนสำ�หรับวิวเรียกคนทีแ่ ต่งงานแล้วได้เหมือนกัน เหมือนตอนนี้สถานะของวิวก็เหมือนค่อย ๆ คุย ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปมากกว่า หน่องเขาน่ารัก ประมาณหนึ่ ง ค่ ะ (หั ว เราะ) เขาไม่ ได้ เป็ นคน น่ารักมากอยู่แล้ว วิวไม่ได้ชอบคนมาทำ�ตัวน่ารัก
หรือหวานกับวิวมาก ๆ แต่เราเริ่มจากความเป็น เพือ่ นทีค่ ยุ กันได้ทกุ เรือ่ ง จนดูแลเราและดูแลความ รูส้ กึ เราได้ ไม่ตอ้ งมาหวานกับวิวมาก เพราะวิวไม่ได้ เป็นผู้หญิงหวาน แต่กับคนที่เราคุยเราอาจจะ ซอฟต์ลงมาหน่อย ไม่ได้ห้าวหาญมาก อย่างวิว เล่นละครกับใครเขาจะสนิทกับเราง่ายมาก เพราะว่า เราไม่ได้คุยกันแบบชู้สาว ไม่ได้มานั่งจีบกัน เรา คุยกันแบบแมน ๆ ทุกวันนีค้ วามรักก็เรือ่ ย ๆ ไม่ได้ ไปตั้งความหวังหรือมั่นใจอะไร เหมือนเราเป็น เพื่อนคุยกัน “วิวว่าความรักต้องดูแลกัน มันไม่ต้องสวีท หวาน แต่ต้องดูแลกันไปเรื่อย ๆ เจอเรื่องอะไรก็ ปรึกษากัน ไม่ทงิ้ กัน มันอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มาก หรอกค่ะ แต่ต้องอยู่ข้าง ๆ กัน เพื่อเป็นกำ�ลังใจ จริง ๆ แล้วผู้ชายในอุดมคติของวิว ต้องหล่อ ค่ะ (หัวเราะ) วิวเชื่อว่าทุกคนต้องตั้งสเปคกันไว้ สูงอยู่แล้ว ทั้งมีเสน่ห์หรือเป็นคนดี มันคงเป็นไป ไม่ได้หรอก วิวไม่ได้ตั้งไว้เลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ ถ้า ได้ก็โอเค อย่างคนหล่อมาก ๆ วิวว่าเราต้องเป็น ห่วงเขาแน่ ๆ ว่าเขาอยู่ที่ไหน ทำ�อะไร มีคนมา ยุ่งไหม คนแบบนั้นก็ให้เขาเป็นคนที่อยู่ในซีรีส์ไป เราจะกรี๊ดอะไรก็กรี๊ดไป (หัวเราะ) ทุกวันนี้ขอแค่ คนนิสัยดีพอ ไม่เห็นแก่ตัว เพราะการรักตัวเอง มาก เขาจะไม่มองคนอื่นเลยนะ จะทำ�ให้อยู่ด้วย กันลำ�บาก วิวเป็นคนที่จะดูแลเอาใจใส่มากกว่า ที่จะมาโรแมนติกหรือเซอร์ไพรส์ใคร เพราะวิว ไม่ค่อยมีเวลา แต่เราก็อยากได้ความเซอร์ไพรส์
กลับมาบ้างในบางครั้ง ซึ่งหน่องไม่น่าจะรู้จักตรง ส่วนนั้น (หัวเราะ)”
ก้าวแห่งความสุข
วิวพูดทิง้ ท้ายไว้วา่ ชีวติ ทุกวันนีข้ องเธอลงตัว และมีความสุขที่สุด เพราะนอกจากจะได้ทำ�งาน ที่รักแล้ว เธอยังมีคนรอบ ๆ ตัวที่คอยให้กำ�ลังใจ และคอยช่วยเหลือเธอเป็นอย่างดี “ทุกวันนี้วิวมีความสุขมาก ๆ วิวได้ทำ�งาน ทีร่ กั วิวเชือ่ ว่าคนเราพอมีโอกาสจะต้องทำ�ให้เต็มที่ เพราะว่ า โอกาสไม่ ได้ ม าง่ า ย ๆ อาจจะจริ ง ที่ วันข้างหน้ายังมี แต่เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เราก็แค่ทำ� ทุกอย่างให้มีความสุข แต่ต้องเป็นความสุขที่ไม่ เดือดร้อนคนอื่น ความสุขในจุดของเรา ก็ใช้ชีวิต อย่างนัน้ ไป ถ้าเจออะไรทีร่ บกวนใจ คนนัน้ ไม่โอเค สถานการณ์นี้ไม่ดี เราก็แค่เลือกเดินออกไป ไม่ ต้องมองและสนใจ ทุกวันนีว้ วิ ต้องขอบคุณแฟน ๆ ที่ ติ ด ตามวิ ว มาตลอด เพราะบางที วิ ว เหนื่ อ ย และท้อมาก เขาเป็นใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง แต่พวกเขาส่งกำ�ลังใจมาให้เรา วิวต้องขอบคุณ มาก ๆ เลยค่ะ มันเป็นอะไรทีพ่ ดู ไม่ได้ เพราะสิง่ นัน้ เคยทำ � ให้ วิ ว เข้ ม แข็ ง มาแล้ ว สิ่ ง ที่ วิ ว สามารถ ตอบแทนทุกคนได้คือ จะแสดงละครสนุก ๆ และ ตั้งใจทำ�งานเพื่อทุกคนนะคะ” ทุกคำ�ตอบที่ออกมาอย่างมั่นใจและคำ�พูดที่ ออกมาด้วยความจริงใจ นาทีนคี้ งพิสจู น์ได้วา่ เธอ เป็นอีกหนึง่ สุดยอดนักแสดงตัวจริงของวงการ happy+ | 29
happy heart
30 | happy+
ความสุขในทุกวันของชีวิต พญ.ดร.เคลียวพันธ์ สูรพันธุ์ เรื่อง : ภัทรามน ผุดเพชรแก้ว ภาพ : สุภชัย รอดประจง ความใฝ่ฝันสูงสุดของทุกคน น่าจะเป็นการได้ทำ�งานในสิ่งที่รักและมีความสุขในทุก ๆ วัน ของชีวิต และสิ่งนั้น พญ.ดร.เคลียวพันธ์ สูรพันธุ์ สูติ-นรีแพทย์ โรงพยาบาลบำ�รุงราษฎร์ หรือ คุณป้าหมอของเด็ก ๆ บอกกับเราว่า เป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างได้ด้วยตัวของเราเอง เหมือนอย่าง ที่คุณหมอได้สัมผัสกับความสุขในชีวิตและในการทำ�งานทุกวัน ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือดูแล ให้เด็ก ๆ เกิดขึ้นมาในโลกใบนี้ได้อย่าง ปลอดภัย เพราะเด็กคือสมบัติอันลํ้าค่าของพ่อแม่ และเป็นทรัพยากรที่ส�ำ คัญของโลกใบนี้ ที่เราทุกคนต้องช่วยกันปกป้องและดูแลเด็ก ๆ ของ เรา ให้เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ ดังที่คุณหมอพยายามทำ�อยู่เสมอ และใน happy+ ฉบับนี้ คุณหมอได้มาแบ่งปันความสุขและ สิ่งดี ๆ กับเราค่ะ “ตอนเด็ ก ๆ หมอมี ค วามสุ ข มาก ไม่ ได้ คิดอะไรเลย คิดแค่ว่าอยากเล่นอย่างเดียว ไป โรงเรียนแบบเรียนก็ได้ ไม่เรียนก็ได้ แต่เมื่อได้เล่น ก็เต็มที่ หมอเป็นเด็กที่เรียนปานกลาง เรียนไม่ให้ ตกแค่นนั้ พอ ไม่ได้เป็นแบบท็อปของห้อง เป็นเด็ก กิจกรรมเยอะ เล่นกีฬาทุกอย่าง ร้องรำ�ทำ�เพลง ทุกอย่าง ชอบเต้นบัลเลต์ ชอบการแสดง ชอบ อะไรสนุก ๆ ที่บ้านก็ให้เรียนเต้นบัลเลต์ รำ�ไทย เรียนเปียโน เราชอบทำ�กิจกรรมพวกนี้มากกว่า เรียนหนังสือ ก็อยากเป็นหมอนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเรา จะเรียนได้หรือเปล่า เพราะไม่ได้เป็นคนเรียนเก่ง แต่มีใจที่อยากจะช่วยผู้อื่น เวลาเห็นเพื่อนป่วย เพื่อนมีปัญหาก็อยากจะช่วย เช่น เพื่อนตกต้นไม้ แขนหักต้องใส่เฝือก เราก็อยากช่วยแต่งตัวให้เขา ก็คิดแบบนี้ อยากช่วยคน ช่วยสัตว์ “วัน ๆ ก็ชอบอยูใ่ นสวน ปลูกต้นไม้ แล้วหมอ ก็เริม่ มาเรียนสายวิทยาศาสตร์ เพราะสายวิทย์นนั้ ไม่ต้องท่องมากนัก ชอบวิชาเลขคณิต จะทำ�ให้ ได้คะแนนเต็มไว้ก่อน ชอบเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ จริง ๆ แล้ว ตอนที่เรียนชั้นมัธยมปลายก็ ยังไม่รวู้ า่ เราจะไปเรียนหมอหรือเรียนอะไรดี เพือ่ น ก็ชวนไปร้องเพลง แต่คณ ุ แม่ของหมอเป็นคนบอก ว่า ถ้าจะเป็นนักแสดง อาชีพมันไม่ยั่งยืนนะ แม่ บอกว่าลูกมีสิทธิ์ที่จะเรียนหมอได้ หมอก็ยังนึก
ขอบคุณคุณแม่จนถึงทุกวันนี้ คุณแม่บอกว่า ลูก ทำ�สิ่งที่ลูกทำ�ได้ให้ทำ�สิ่งที่มันยากที่สุดก่อน ถ้า อยากเป็นนักแสดง อยากเปิดร้านอาหารหรือ อะไรก็ตาม มาเรียนเอาทีหลังก็ได้ คุณแม่ก็เตือน เพราะตอนที่เรียนเตรียมอุดมก็ชอบแต่เล่นกีฬา และร้องเพลง”
ได้เรียนรู้วิชาชีพแพทย์
หลั ง จากที่ ได้ รู้ ว่ า ตั ว เองต้ อ งการที่ จ ะเป็ น แพทย์ในอนาคต คุณหมอจึงได้เลือกเส้นทางเดิน ในชีวิตอย่างแน่วแน่ จนได้เริ่มต้นการเรียนและ ชีวิตความเป็นแพทย์ที่ประเทศเยอรมนี “หมอไปเริ่มเรียนแพทย์ที่เยอรมนี พอเรียน จบจากโรงเรียนเตรียมอุดมก็ไปเรียนต่อทีเ่ ยอรมนี เลย ตอนที่ไปนั้นก็มั่นใจแล้วว่าอยากจะเรียน แพทย์ ก็ตัง้ ใจไปสมัคร ซึง่ ก็ยากมาก ต้องไปเรียน ชั้น 13 อีก 1 ปี เพราะที่บ้านเราเรียน 12 ปี ที่ เยอรมนีจะเรียน 13 ปี ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถ เข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็เลยต้องไปเรียนชั้นสุดท้าย ของเขา ก่อนหน้านั้นก็เรียนภาษา เพราะก่อนไป ก็รู้ภาษาเยอรมันแค่นิดหน่อย แล้วก็ยังมีเรียน ภาษาละตินเพิม่ ด้วย ตอนสอบเข้าก็ยาก คนสอบ เยอะคล้าย ๆ กับที่ประเทศไทย สอบเป็นพันคน และมีทสี่ �ำ หรับชาวต่างประเทศนิดเดียว ประมาณ
แค่ 4 คนเท่านั้นเอง นอกนั้นก็เป็นเด็กเยอรมันที่ เรียนเก่ง ๆ เด็กทีป่ ระเทศเยอรมนีนนั้ เรียนเก่งมาก “ใช้เวลาเรียนแพทย์ทั้งหมด 7 ปีเต็ม ๆ จึง จะจบ เมื่อจบออกมาแล้วก็ต้องมาฝึกเป็นแพทย์ ประจำ � บ้ า น ก็ จ ะมี ก ารกำ � หนดว่ า จะมี แ ผนก ศัลยกรรม แผนกอายุรกรรม อะไรแบบนี้แยก ๆ ไป และแผนกสุดท้ายให้เราเลือกว่าเราจะทำ�อะไร ก็ได้ แต่ละแผนกก็จะต้องอยู่อย่างน้อย 3 เดือน แล้วเราก็ต้องเวียนไปทุก ๆ แผนก คือ 3 เดือน สุดท้าย ก็แล้วแต่แต่ละคน ใครรักอะไรก็เลือก อันนัน้ หมอก็เลยเลือกมาทางสูตฯิ ตอนนัน้ ยังไม่รู้ เลยว่าจะรักหรือไม่รกั แต่โชคดีทห่ี มอได้โปรเฟสเซอร์ ที่น่ารักมาก ๆ เก่งมาก พอท่านรับหมอเข้าไป ก็ เลยมีความสุขมาก ตัง้ แต่นนั้ มาก็เป็นหมอสูตฯิ มา จนถึงทุกวันนี้ โปรเฟสเซอร์ทดี่ นี สี่ �ำ คัญมาก เพราะ จะทำ�ให้เด็กมีความสุขและคอยให้ก�ำ ลังใจ ท่านจะ บอกเสมอเวลาทีเ่ ราทำ�ไม่ได้ หรือยังตรวจไม่คล่อง ว่า ไม่ต้องกลัวนะ นิ้วของเธอจะยาวขึ้นทุกวัน แล้วเธอจะทำ�ได้ จริง ๆ แล้ว หมออยากเป็นหมอ เด็กมากกว่า เพราะชอบเล่นกับเด็ก แต่พอได้ไป ฝึกงานที่แผนกเด็กกลับมีความรู้สึกว่าไปเล่นกับ เขาทุกวันมากกว่า ไม่ได้เรียน ไม่ได้ท�ำ อะไรเท่าไหร่ เสียดายที่เรียนมาตั้ง 7 ปี อยู่ตรงนี้ไม่ค่อยได้ใช้ ความรู้อะไรเท่าไหร่ เลยไปทำ�แผนกสูติฯ ดีกว่า happy+ | 31
happy heart
32 | happy+
“ตอนแรกก็ เริ่ ม ต้ น เรี ย นที่ University of Cologne พอเรีย นจบขั้น แรกแล้ว ก็ม าเรี ยนต่ อ ที่ มหาวิทยาลัยที่กรุงบอนน์ เพราะคุณแม่ของ หมอทำ�งานอยู่ที่สถานทูตที่กรุงบอนน์ ที่นั่นจึง เป็นเหมือนบ้านของเรา พอเรียนจบก็เริ่มต้นชีวิต การเป็นแพทย์ที่เยอรมนี เพราะเมื่อเรียนจบและ ฝึกแพทย์ประจำ�บ้านเรียบร้อย โปรเฟสเซอร์ก็ ชวนให้หมอทำ�งานต่อด้วยกัน ตอนนั้นก็ดีใจมาก ทำ�งานอยูด่ ว้ ยกันจนโปรเฟสเซอร์เกษียณ หมอจึง ได้ยา้ ยไปทำ�งานทีอ่ กี โรงพยาบาลหนึง่ ทำ�งานอยู่ ที่เยอรมนีทั้งหมด 10 กว่าปี “การทำ � งานที่ เ ยอรมนี ส นุ ก มาก แผนกที่ หมอทำ�มีความหลากหลาย ทั้งทำ�คลอด ตรวจ เด็กอ่อนเองด้วย มีผ่าตัดมีโอกาสได้ใช้มือ ได้ใช้ ทักษะเยอะ เป็นแผนกที่กว้าง มีทั้งเรื่องฮอร์โมนส์ และสารพัดเรื่อง มีอะไรสนุก ๆ ให้ทำ�ตลอด ที่ โรงพยาบาลแรกที่ทำ�งานก็ยังไม่ค่อยใหญ่ เป็น โรงพยาบาลประจำ�ของกรุงบอนน์ แต่อีกแห่งเป็น โรงพยาบาลของรัฐบาล และต้องทำ�เคมีบำ�บัดให้ คนไข้ เป็นการทำ�งานที่กว้างขึ้นอีกเยอะ หรือการ ผ่าตัดเต้านม หมอสูตฯิ ก็ตอ้ งทำ� ทีเ่ ยอรมนีผหู้ ญิง ทุกคนจะต้องตรวจร่างกายปีละ 1 ครั้ง และหมอ สูติฯ ต้องเป็นผู้ตรวจสุขภาพของผู้หญิงแต่ละคน ตรวจเต้านมด้วย เราก็ต้องรู้และดูแลเรื่องเต้านม ด้วย ต้องผ่าตัดเต้านมได้ ถ้าไม่รู้ก็ต้องไปศึกษา เพิ่มเติม อันนี้จะแตกต่างกับที่อเมริกาและที่เมือง ไทยที่แผนกเต้านมจะไปรวมอยู่กับทางหมอศัลย์ การทำ�งานก็เลยสนุกมาก ชีวิตความเป็นอยู่ที่ เยอรมนีกม็ คี วามสุขมาก จนไม่ได้คดิ กลับมาเมือง ไทยเลย คนทีอ่ ยากกลับมาก็คอื สามีของหมอ เขา บอกว่าเขาใกล้เกษียณแล้วนะ เขาอยากกลับมา พัก อย่างไรเขาก็ยังผมดำ�อยู่ ไม่ได้เป็นฝรั่ง เขา คิดถึงบ้าน เราเลยกลับก็กลับ ตอนนี้ก็กลับมา อยู่ได้ 32 ปีแล้ว”
ชีวิตแพทย์ต้องเสียสละ
เมื่อกลับมาใช้ชีวิตและทำ�งานที่เมืองไทย คุณหมอก็ต้องปรับตัวไม่น้อย แต่ยังยืนหยัดและ ตั้งมั่นในการทำ�งานทางการแพทย์อย่างมุ่งมั่น เพื่ อ ช่ ว ยพั ฒ นาคุ ณ ภาพชี วิ ต และสุ ข ภาพของ คนไทย รวมไปถึงการได้ดูแลเด็ก ๆ และได้ทำ�ใน สิ่งที่คิดฝันไว้ “พอกลั บ มาก็ เ ริ่ ม ทำ � งานที่ โ รงพยาบาล บำ�รุงราษฎร์เลย ติดใจแล้วก็รักที่นี่มาก ตรงนี้มี ความพร้อมทุกอย่าง แบบที่เราเคยชิน รู้สึกว่า สะดวกแล้วเครื่องมือก็ทันสมัย ทีมงาน แพทย์ พยาบาลก็น่ารัก หมอเลยทำ�งานสนุกมาก แต่ ว่าการทำ�งานก็ตา่ งกันจากทีท่ �ำ มา คนละระบบกัน ที่นี่เรามีเสรีภาพ มีอิสรภาพมากกว่า สำ�หรับ แพทย์ในโรงพยาบาลเอกชน แต่ที่เยอรมนีจะเป็น ระบบเหมือนรับราชการ ต้องไปตามเวลา ทำ�งาน ถึง 5 โมงเย็นกลับบ้านอะไรแบบนี้ วันไหนมีเวรก็ ต้องอยูต่ อ่ แต่ทนี่ เี่ ราสามารถจัดเวลาทีเ่ ราจะออก ตรวจได้ สามารถกำ�หนดเวลาผ่าตัดได้ตามที่เรา หรือคนไข้ต้องการ ที่เยอรมนีจะไม่ได้เลือก เวลา ถึงคิวก็ต้องเข้าผ่าตัด “ถ้าเป็นหมอแล้วเราต้องเสียสละเวลาส่วน ตัวเยอะมาก โดยเฉพาะหมอสูติฯ เวลาที่คนไข้ คลอด เราก็ต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้ว่า เราจะไม่มี เวลาส่วนตัวมาก ถ้าเราไม่พร้อมแล้วเรามาเลือก แผนกนี้ ก็จะไม่มีทางสำ�เร็จ แต่ถ้าเราไม่อยู่จริง ๆ แล้วสมมุติว่ามีคนไข้คลอด เช่น ไปประชุมต่าง ประเทศ ตรงนั้นคนไข้ก็จะเข้าใจ โชคดีที่สามีของ หมอก็เป็นแพทย์เหมือนกัน เขาเลยเข้าใจตรงจุดนีด้ ี เขาเลยต้องช่วยเลี้ยงลูกตั้งแต่เด็ก ๆ พาไปที่โน่น ทีน่ ี่ จะไปพร้อมกัน แต่พอมีเคสเข้ามาก็ตอ้ งอดไป ต้องเปลี่ยนแผนใหม่อะไรแบบนี้ ก็ต้องอยู่ด้วย ความเสียสละ ลูกก็เข้าใจดี ทุกวันนี้ลูกของหมอ ก็เลยไม่เป็นแพทย์ (หัวเราะ)”
เวลาส่วนตัว & เวลาเพื่อส่วนรวม
ถึงแม้ว่าจะทำ�งานหนัก มีเวลาส่วนตัวน้อย แต่ คุ ณ หมอก็ ยั ง สามารถแบ่ ง เวลาทำ � กิ จ กรรม ต่าง ๆ ได้มากมาย และใช้เวลาในแต่ละวันให้เกิด ประโยชน์สูงสุด รวมถึงการทำ�สิ่งดี ๆ เพื่อสังคม โดยการจัดตั้งมูลนิธิชัยพฤกษ์ขึ้น เพื่อรับอุปการะ เด็ก ๆ ที่ถูกทอดทิ้ง ให้เติบโตมาเป็นบุคคลที่มี คุณภาพในสังคมต่อไป “ส่วนตัวหมอนั้นทำ�กิจกรรมเยอะแยะมาก วัน ๆ หนึ่งแทบไม่มีเวลาเลย อย่างแรกเลยต้อง ทำ�งานบ้านเต็มไปหมด แล้วหมอก็ยงั มีบา้ นเด็กที่ ต้องดูแลว่าจะต้องทำ�อะไรบ้าง จัดของให้เขา คุย โทรศัพท์กบั ทางผูจ้ ดั การว่ามีอะไรต้องทำ�บ้าง เช่น ให้บ่มเมล็ดผักไว้ พรุ่งนี้เราเข้าไปจะได้ปลูกต้น ถัว่ ฝักยาวกัน วางแผนทุกอย่าง แล้วหมอก็ชอบทำ� กับข้าว ทำ�อาหารทีส่ ามีและลูกชอบ ชอบทำ�สวน ชอบตากแดดอยูก่ ลางสวน ให้ได้อะไรหลายอย่าง ในเวลาน้อย ๆ เพราะไม่คอ่ ยมีเวลา เวลาเราทุกคน มีเท่ากัน ซื้อหาเพิ่มก็ไม่ได้ แต่ก็อยากทำ�อะไร มากมายในเวลาเท่านี้ ก็เลยต้องหาวิธเี อาเอง เช่น หมอต้องสละเวลาที่จะไปเล่นเทนนิสหรือช้อปปิ้ง อยากทำ�ก็ทำ�ไม่ได้ เพราะหมอต้องไปช่วยบ้าน เด็ก เราก็ไปทำ�สวนกับเขา นั่นก็คือเวลาที่หมอได้ ออกกำ�ลังกายเหมือนกับไปเล่นเทนนิส หรือเวลา ทำ�ขนมปัง ได้นวดแป้งหมอก็ได้ออกกำ�ลังกาย มือไปด้วย ในขณะเดียวกันจะทำ�อะไรอย่างเดียว ก็เสียดายเวลา หมอก็จะเพิ่มกิจกรรมเข้าไปอีก ใช้เวลาให้คุ้ม “ส่ ว นเรื่ อ งการทำ � บ้ า นเด็ ก ชั ย พฤกษ์ นั้ น ตอนที่หมอกลับมาก็เหมือน Culture Shock ก็ได้ เพราะหมอไม่เคยคิดว่าจะมีการทิ้งเด็ก ก็เห็นใน หนังสือพิมพ์ว่ามีเด็กทารกถูกทิ้งในถังขยะ ถูกทิ้ง ที่สวนจตุจักร ถูกทิ้งอยู่ริมถนน ก็เลยรู้สึกเศร้าใจ จังเลย ทำ�ไมเขาถึงทำ�แบบนี้ ชีวิตความเป็นอยู่ที่ happy+ | 33
happy heart
34 | happy+
เยอรมนีสบายกว่าอยู่แล้ว ใจก็อยากจะกลับไป อยู่แล้ว หมอมาอยู่ที่นี่แบบขาหนึ่งยังอยู่ตรงโน้น แต่ใจก็อยากตามสามีมา ก็เลยมาคุยกับสามีว่า อยากกลับไปอยู่เยอรมนี อยากเอาลูกกลับไป ด้วย เพราะที่นี่น่ากลัวหลายอย่าง เหมือนว่าไม่ ปลอดภัย อุบัติเหตุก็เยอะ แต่สุดท้ายสามีก็บอก ว่าอยูท่ นี่ ี่ เลยบอกเขาไปว่า ถ้าอยูท่ นี่ ขี่ ออย่างหนึง่ ขอทำ�เรือ่ งบ้านเด็ก สามีหมอเขาก็นา่ รักมาก เขาก็ ช่วยเยอะ เป็นคุณลุงหมอทีน่ า่ รัก ไปซือ้ กับข้าวให้ เด็ก ๆ ด้วยกัน เราจะรับเด็กมาตั้งแต่ตอนยังเป็น เด็กอ่อน ไม่ค่อยแข็งแรง มาเลี้ยงที่บ้าน ก็นอน กับเราบนเตียงนั่นแหละ ช่วยกันดูแล ป้อนนม จนเขาแข็งแรงก็ส่งเข้าบ้านเด็ก ทำ�มา 32 ปีแล้ว เลี้ยงเด็กมา 100 กว่าคนแล้ว จบมหาวิทยาลัย ไปแล้ว 2 รุ่น ตอนนี้จะเหลือเด็กอยู่ 20 กว่าคน ที่ดูแลกัน เด็กที่สุดก็ 1 ขวบ 5 เดือน แล้วก็ 5 ขวบขึ้นไป ประถม 1 จนถึงอุดมศึกษา ตอนนี้ เรียนอยู่มหาวิทยาลัย 5 คน บ้านชัยพฤกษ์ก็อยู่ ที่นครนายก แล้วหมอก็จะไปทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ก็ไม่ไกลนะ บางทีถ้ามีปัญหาอะไรเช้า ๆ หมอก็ ขับรถไปได้ วันธรรมดาเด็ก ๆ ก็ไปเรียนหนังสือ เสาร์-อาทิตย์เราก็มีกิจกรรมกันเยอะ ทำ�สวน ทำ� เกษตร ปลูกผัก บางทีหมอก็เอาผักมาขายที่โรง พยาบาล เราทำ�ผักออร์แกนิกกันด้วย เพื่อมาทำ� สลัด แล้วก็ผักสวนครัวต่าง ๆ “ตอนนี้หมออยากทำ�สวนเกษตรให้ยั่งยืน เพราะว่าเราทำ�ผลิตภัณฑ์ทเี่ ป็นอินทรียอ์ ย่างเดียว จริง ๆ และหมอเห็นว่าพื้นที่รอบ ๆ ที่ของเรา ปลูก ข้าวแล้วใช้สารฆ่าแมลงเยอะมาก ทัง้ ใส่ในดิน ทัง้ ฉีด หมอจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำ�ไมคนไทยจึงเป็น มะเร็งกันเยอะ เพราะตอนนีเ้ ราบริโภคสิง่ ทีท่ �ำ ร้าย สุขภาพ ดินเราก็ปว่ ย นํา้ เราก็ป่วย นํา้ ที่ไหลลงมา
ให้เรารักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง รักลูกคนอื่นเหมือนรักลูกตัวเอง พยายามเลี้ยงลูกให้ดี และปกป้องเด็ก ๆ ทุกคน ก็เพื่อนาคตของประเทศชาติ ในคลองก็มีแต่ยาฆ่าแมลงทั้งนั้น แล้วอากาศเรา ก็ป่วย เพราะเกษตรกรเขาจะเผาตลอด หมอไม่ เข้าใจว่าทำ�ไมเขาจะต้องเผา ที่เมืองนอกเขาจะ ไม่เผากัน เขาจะพลิกกลับดิน ตอนนี้เราอยู่กับสิ่ง แวดล้อมทีท่ �ำ ร้ายร่างกายเรามาก ๆ หมอจึงอยาก ทำ�ให้ชาวนาเห็นว่า มันทำ�ได้นะ มันทำ�ให้รา่ งกาย เราแข็งแรง เพราะหลายคนก็สขุ ภาพแย่ลงเรือ่ ย ๆ เดีย๋ วเป็นมะเร็ง เดีย๋ วป่วย เดีย๋ วตับแข็ง เพราะเขา อยู่กับสารที่มีพิษเยอะมาก พอเขาฉีดยา แมลงก็ หนีเขามากินผักเรา มันมีปัญหาเยอะ หมอจึงคิด ว่า เราต้องช่วยเกษตรกร หมอพยายามช่วยให้ เขาเข้าใจว่าตรงนีม้ นั คือ ความยัง่ ยืนยาวนานของ ชีวิตของมนุษย์ ถ้าเขาทำ�อย่างนั้น เขาได้ผลผลิต เร็ว แต่เขากำ�ลังทำ�ร้ายชีวิตของเขาเอง แล้วชีวิต เขาก็จะสั้นลงไปเรื่อย ๆ ตอนนี้หมอก็ทำ�อยู่แต่ ก็ยังไม่มากพอ พยายามสอนชุมชนรอบ ๆ ข้าง หลายเรื่อง แต่ส่วนใหญ่ก็ทำ�ในพื้นที่ของเราก่อน ให้สำ�เร็จก่อน “นอกจากอยากทำ�งานการเกษตรให้ยั่งยืน ให้ ได้ แ ล้ ว หมอยั ง อยากเปิ ด โรงเรี ย นอนุ บ าล เพราะเด็กเล็ก ๆ เขามีคุณค่ามาก หมออยากจะ
สอนเขาให้มรี ากฐานทีแ่ ข็งแรง มีสขุ ภาพกาย จิตใจ และจิตวิญญาณที่แข็งแรง เขาถึงจะเป็นมนุษย์ที่ สมบูรณ์แบบ ซึ่งอันนี้เป็นอะไรที่สำ�คัญ เวลาที่ หมอเห็นเด็ก ๆ โดนทิ้งอย่างไร้ค่า หรือมีพ่อแม่แต่ ก็โดนทิ้งอยู่ดี คนที่เลี้ยงเขาไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่ได้ ดูแลเด็กให้สมบูรณ์ แม้กระทั่งครอบครัวที่รํ่ารวย มาก แต่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูก ให้พี่เลี้ยงเลี้ยงลูก เด็กเขาก็จะเติบโตแบบแกร็น ๆ โตไม่เต็มที่ หมอ เป็นห่วงตรงนี้มาก ๆ หมอเลยอยากมีเนิร์สเซอรี่ มีโรงเรียนอนุบาล เป็นโรงเรียนประถมไปเรื่อย ๆ สอนภาษา อย่างน้อยภาษาอังกฤษเขาต้องคล่อง เพราะเราต้องคมนาคมกับคนอื่น ๆ ได้อย่าง ถูกต้อง แต่โปรเจ็กต์นี้มันใหญ่มาก หมอก็เลย ฝันไปเรื่อย ๆ “แล้วหมอก็เป็นห่วงเยาวชน มองว่าอนาคต เด็กไทยจะเป็นอย่างไร เขาได้รับการดูแลที่ไม่ ดีเลย คนทีไ่ ด้รบั การดูแลดี ๆ ก็มนี อ้ ย แล้วสังคมก็ เหมือนจะทำ�ร้ายเด็ก ติดเกมก็เยอะมาก หมอผ่าน ร้านเกมก็เห็นเด็กไปนั่งเล่นเกมกันเยอะแยะ คนก็ ดูกนั แต่มอื ถือ เด็กเล็ก ๆ ก็ตดิ กันแล้ว ตาก็จะเสีย หมด อนาคตประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ชาวบ้าน happy+ | 35
happy heart
36 | happy+
แถวนั้นก็ติดเหล้ากันทั้งนั้น หมอเป็นห่วงว่าจะทำ� อย่างไรให้ประชาชนคนไทยมีสุขภาพที่สมบูรณ์ แข็งแรง เราจะต้องเปลี่ยนแปลงเยอะมาก อย่าง แรกเราต้องไม่ราดสารอะไรลงไปที่ดิน มันมีวิธี การปรับดินเยอะแยะ ทำ�ให้นํ้าเราสะอาด ทำ�ให้ อากาศที่เราหายใจไม่สกปรก เราต้องช่วยกันอีก เยอะ หลายกระทรวงเลย หมอกลับมา 32 ปีแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะดีขึ้น กลับแย่ลงไปอีก”
ความสุขในการทำ�งาน
ในแต่ ล ะวั น ของคุ ณ หมอได้ เ จอะเจอกั บ เรือ่ งราวดี ๆ ในทุกวัน ได้มคี วามสุขในการทำ�งาน และได้ทำ�หลายอย่างตามความฝัน “สำ�หรับหมอแล้วมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นทุกวัน และหมอก็มีความสุขทุกวัน อย่างเมื่อคืนมีผ่า คลอดฉุกเฉินพอเสร็จแล้ว คุณแม่สบายดี เด็ก แข็งแรงดี หมอก็มีความสุข เวลาที่หมอทำ�คลอด หมอได้อมุ้ เด็กไว้ในมือหมอ หมอก็มคี วามสุขแล้ว เพราะเขาเป็นทรัพยากรมนุษย์ทมี่ คี ณ ุ ค่าทีส่ ดุ แล้ว หมอจะบอกพ่อแม่เขาว่าเขาเป็นทรัพย์สมบัติที่มี ค่าทีส่ ดุ แล้ว ให้เลีย้ งดูเขาให้ดี ให้มคี ณ ุ ภาพ นัน่ คือ ความสุ ข ในการทำ � งานของหมอ เวลาหมอ เห็นเขาเติบโตขึ้น เรียนดี เรียนเก่ง ประสบความ สำ�เร็จ พ่อแม่เขากลับมาบอกว่า ลูกที่คุณหมอ ทำ�คลอดให้ เขาเรียนเก่งมากเลยนะ หมอก็ดีใจ จะอธิษฐานให้ลูก ๆ ทุกคนที่หมอได้ดูแลนำ�เขา เข้ามาในโลกนี้ ได้เป็นใหญ่เป็นโต เป็นประโยชน์ ต่อสังคม” และสุดท้ายคุณหมอก็มเี รือ่ งดี ๆ ทีอ่ ยากฝาก ถึงทุก ๆ คนว่า สิ่งดี ๆ ในอนาคตทุกคนสามารถ ช่วยกันดูแลและสร้างได้ตั้งแต่วันนี้ โดยเริ่มต้นที่ เด็ก ๆ ของเราก่อน “ถ้าให้ฝากถึงเยาวชนเขาคงไม่ฟัง คงต้อง บอกกับพ่อแม่แทน บอกเยาวชนนีย่ ากมาก เพราะ เขาเป็นไปตามกระแส อยากฝากว่า เวลาของเรา มีค่านะ และเราก็หาซื้อเวลาเพิ่มไม่ได้ ถ้าเราไม่ ใช้เวลานั้นให้มีประโยชน์เราก็จะเสียเวลาไป ถ้า เราไม่รู้จักลงทุนกับเวลาที่เรามี เราจะเสียเวลา ไปเปล่า ๆ แล้วจะมาเสียใจทีหลัง เพราะฉะนั้น
เวลาในแต่ละวัน เราควรจะทำ�ประโยชน์ให้มาก ที่สุด พ่อแม่ก็ต้องจัดกิจกรรมที่มีประโยชน์ให้แก่ เด็ก ๆ อย่าปล่อยให้เขาดูอะไรก็ได้ตามอำ�เภอใจ เพราะบางอย่างก็เป็นการทำ�ร้ายเขา เขาไม่ทราบ ไม่สามารถจะแยกแยะได้ อยากให้คุณพ่อคุณแม่ เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูก ๆ ไม่ว่าจะเป็นคำ�พูด กิรยิ ามารยาท หมอรักภาษาไทยทีพ่ ดู กันเพราะ ๆ เช่น ครับ ค่ะ อยากให้เด็ก ๆ เก็บตรงนี้ไว้ บางที หมอฟังที่เขาพูดกันตอนนี้แล้ว รู้สึกเสียดายจัง เลย บางทีพูดกันไม่ค่อยเพราะ แล้วคุณครูก็ต้อง เข้มแข็ง เข้มงวดกับเด็ก ๆ ด้วย ทำ�ให้เขาเข้าใจ ว่าต้องพูดเพราะ ๆ ตรงนี้มีหลายจุดเลยที่เราต้อง ช่วยกัน และเริ่มเป็นห่วงเด็ก ๆ ที่เริ่มทำ�ตัวตาม อย่างสังคมต่างประเทศ เพราะเขายังแยกไม่ออก จริง ๆ แล้ว เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์ประจำ�ตัวเขา แต่ ถ้าเขาไปเปลี่ยนตรงนั้น เสน่ห์ในตัวเขาจะหาย ไป หลายคนก็อยากจะจมูกโด่ง เสริมโน่น เสริม นี่ เสียดายตรงนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรจะอธิบายให้ เขาฟังว่า ธรรมชาติของลูกงดงามที่สุด เขาได้รับ การสร้างมาในแบบที่ไม่เหมือนใคร DNA ของเรา ยังไม่เหมือนใครสักคนเลย เพราะฉะนั้นเราต้อง
เป็นตัวของตัวเองทีแ่ ท้จริง อย่าไปตามใคร เราต้อง ค้นพบให้ได้ว่า เรามีความสุขกับอะไรมากที่สุด ที่ มีประโยชน์กบั ตัวเราเองและมีประโยชน์กบั สังคม อย่าตามกระแสสังคมอย่างเดียว มันจะเสียเวลา และวกกลับมาแก้ไขไม่ได้ สมมุตถิ า้ เด็กติดยาเนีย่ ชีวิตเขาทั้งชีวิตจะถูกตราหน้าเลยว่า เด็กคนนี้ เคยติดยามาก่อน แล้วก็ยากที่จะหลุดพ้นแล้ว ไม่กลับไปอีก หมอก็อยากจะต่อว่าธุรกิจพวกนี้ ที่เอาเด็กเป็นเหยื่อ เป็นผู้บริโภคของเขา แล้วก็ เข้ามาเมืองไทยเยอะมาก เราจะทำ�อย่างไรกันดี บางทีก็ดีใจที่ได้ยินว่าประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เขาเข้มแข็งเรื่องยาเสพติดมาก เพราะคนของเขา ก็เสียหายเยอะ มันเป็นอะไรทีน่ า่ กลัวมาก ตราบใด ที่เราไม่ประสบกับตัวเราเอง เราก็คิดว่าไม่เป็นไร แต่จริง ๆ แล้ว เราต้องนึกว่าสักวันมันจะมาถึงเรา เราต้องช่วยกันปกป้องลูกหลานของเรา ไม่ให้เป็น เหยือ่ ของยาเสพติด เพราะเดีย๋ วนีม้ นั มาในรูปแบบ ต่าง ๆ มากมาย แล้วหมอก็อยากให้เรารักคนอื่น เหมือนรักตัวเอง รักลูกคนอื่นเหมือนรักลูกตัวเอง พยายามเลี้ยงลูกให้ดี และปกป้องเด็ก ๆ ทุกคน ก็เพื่อนาคตของประเทศชาติจริง ๆ” happy+ | 37
feature
Back to Basic เรื่อง : It’s a bell / Patty Pom / TepiN ภาพ : วิกรม วิสุทธิปราณี / TepiN 38 | happy+
ชวัลวิทย์ สุทธิวรวรรณ์
ชีวิตที่พอดี ชีวิตที่พอเพียง บางครัง้ ชีวติ มองจากภายนอกเข้าไป หลายคนอาจบอกว่าดูดี ดูมน่ั คง แต่ภายในใจของบุคคลเหล่านัน้ กลับบอก เรียกร้อง ส่งสัญญาณเตือนเจ้าตัว ว่าไม่ใช่ ซึ่งคุณโดม ชวัลวิทย์ สุทธิวรวรรณ์ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่หัวใจเรียกร้องให้ก้าวออกไปหาตัวตนที่แท้จริง จากหนุ่มนักอนุบาลกุ้งใน บริษทั เอกชน ทำ�งานในต่างแดน ฐานะมัน่ คง อะไรคือปัจจัยทีผ่ ลักดันให้เขาละทิง้ งานตรงนัน้ กลับมาทำ�สวนทำ�ไร่ ใช้ชวี ติ อยูก่ บั ธรรมชาติ กลับคืน สู่ความธรรมดา ง่าย ๆ แต่พอเพียง “ผมทำ�งานอยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เป็น คนอนุบาลกุง้ ในขัน้ ตอนแรกก่อนการเพาะเลีย้ งกุง้ ทำ�งานอยู่ที่เวียดนาม 2 ปี และที่อินเดีย 1 ปี ซึง่ แต่ละวันผมต้องอยูก่ บั สารเคมีตา่ ง ๆ มากมาย ชีวิตก็เป็นวงจรวนเวียนซํ้าลูปไปเรื่อย ๆ เช้ามา ตืน่ นอน ล้างหน้าแปรงฟัน ทานข้าว ออกไปทำ�งาน ตกเย็ น กลั บ บ้ า นมานอน รู้ สึ ก ว่ า ชี วิ ต แบบนี้ ไม่ใช่คำ�ตอบที่เราตามหา และทุกครั้งที่มีโอกาส
กลับบ้านที่เมืองไทย ผมจะเลือกไปใช้ชีวิตอยู่ ต่างจังหวัดมากกว่า รูส้ กึ ว่าเราอยากอยูก่ บั ธรรมชาติ ทำ�ให้เราเริ่มคิดดูแล้วว่า อะไรคือสิ่งที่เราต้องการ มากที่สุด ชีวิตของผมยังไม่ได้อยู่ในกับดักหนู ซึ่ง ก็คือชีวิตที่มีบ่วง มีภาระให้ต้องรับผิดชอบ เช่น การผ่อนรถยนต์ ผ่อนบ้าน มีครอบครัว บางคน อาจจะอยากมีชีวิตเรียบง่ายอย่างที่ผมคิด แต่ ด้วยกับดักหนูเหล่านีท้ �ำ ให้เขาไม่สามารถเสีย่ งออก
จากงานมาได้ แต่ในขณะเดียวกัน ผมยังไม่มีบ่วง สามารถเสีย่ งออกไปทำ�สวน ปลูกข้าว เลีย้ งสัตว์ได้ ถ้าล้มเหลวก็ยังสามารถกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ อีกครั้ง เพราะผมคิดว่าเรายังหนุ่ม ยังมีแรงที่จะ ทำ� ผมไม่คิดว่าการที่มัวแต่เก็บเงินแล้วมาเริ่มต้น ทำ�ตอนที่เราแก่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ก่อนที่จะ ออกจากงานก็ต้องมีการวางแผน เก็บเงิน ศึกษา การทำ�สวน เพราะผมไม่ได้เกิดมาในครอบครัว happy+ | 39
feature
เกษตรกร คุณพ่อคุณแม่ของผมรับราชการ เรา ไม่ได้มคี วามรูพ้ นื้ ฐานในด้านนีม้ ากนัก หากอยาก ลงมือทำ�ก็ต้องศึกษาเอาไว้มาก ๆ “ตอนแรก ๆ คุณพ่อก็คัดค้านเพราะเห็นว่า เรามีการงานที่มั่นคงอยู่แล้ว จะหาเรื่องให้ตัวเอง ลำ � บากทำ � ไม ก็ พ ยายามพู ด คุ ย ใช้ เหตุ ผ ลกั บ คุณพ่ออยู่ 2 ปี จึงออกมาทำ�สิ่งที่ตัวเองรักและ ต้องการได้ ซึ่งผมและเพื่อน ๆ ที่มีความคิดแบบ เดียวกัน ก็ออกจากงานมาเริ่มทำ�สวนด้วยกัน ที่ บ้านสวนสานสุข จังหวัดราชบุรีครับ” แม้ จ ะศึ ก ษาและเตรี ย มการไว้ เป็ น อย่ า ง ดีแล้ว แต่เมือ่ ก้าวเข้ามาลงมือทำ�อย่างเต็มตัว สิง่ ที่ คิดและความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น แน่นอนว่าอุปสรรคและปัญหาจึงเริ่มต้นเข้ามา ทดสอบความตั้งใจของคุณโดมอยู่ตลอดเวลา “พวกผมเริ่มต้นทำ�สวนด้วยความคิดที่ว่า เราต้องการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เรื่องเงินไม่ใช่ เรื่องใหญ่ แต่ก็ต้องยอมรับว่า เมื่อเริ่มต้นลงมือ ทำ� ลึก ๆ ในใจของพวกเราก็ยงั คิดถึงผลตอบแทน ผลกำ�ไรกันอยู่ ในช่วงแรกที่ทำ�สวน ก็มีนายหน้า เข้ามาติดต่อ อยากให้พวกเราช่วยปลูกพริก เพื่อ นำ�ไปส่งขายต่อต่างประเทศ ให้ราคาสูง พวกเรา 40 | happy+
ก็ช่วยกันพิจารณา ช่วยกันตัดสินใจ ก็คิดว่าน่า จะคุ้มค่าและได้กำ�ไรสูง จึงเริ่มปลูกพริกเพื่อส่ง ให้แก่นายหน้าคนนี้ แต่พอผลผลิตออกมาเขาก็ หายไปครับ หายไปอย่างไร้ร่องรอย ติดต่อไม่ได้ เลย พริกที่ออกมาแล้วจึงไม่มีที่ไป ไม่รู้ว่าจะไป ส่งขายทีไ่ หน แต่ในความโชคร้ายก็ยงั มีความโชคดี อยู่ เพราะคุณลุงสวนข้าง ๆ เขาเห็นว่าเรากำ�ลังมี ปัญหา คนต่างจังหวัดเป็นคนใจดี มีนํ้าใจ เขาก็ ช่วยรับพริกของสวนผมไปขายต่อยังตลาดศรีเมืองให้ แต่ ร าคาก็ ต่ า งกั น แบบครึ่ ง ๆ เลย ถ้ า ขาย ต่างประเทศกิโลกรัมละ 120 บาท แต่ขายตอนนัน้ ได้กิโลกรัมละ 50 บาท พวกเราก็ต้องยอม ดีกว่า ปล่อยพริกทิง้ ไปโดยไม่ได้อะไร ตอนนัน้ เรียกได้วา่ พอดีต้นทุน ไม่มีกำ�ไรเลย “จากความคิดที่ติดอีโก้ว่าเราทำ�ได้ ไม่เคย สื่อสารกับใคร ไม่คิดจะไปเข้ากลุ่มเกษตรกร ข้าง บ้านยังไม่พดู คุยกับเขาด้วยซํา้ เราก็เริม่ มีบทเรียนว่า ไม่สามารถอยู่เพียงตัวคนเดียวได้ แต่หลังจากที่ ขายพริกไป ก็ประสบปัญหาต่อมา คือ นํ้าแล้ง บ่อนํ้าใกล้สวนที่ผมเคยมั่นใจว่าอย่างไรก็ไม่แห้ง แน่นอน กลับแห้งขอด เริ่มจากเดือนเมษายน 2558 ไปจนถึงเดือนเมษายน 2559 เราไม่มีนํ้าเข้า
สวนเลย ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น แห้งตายหมด ตอนนั้น เพื่อน 2 คนที่ร่วมอุดมการณ์กันมา ก็ต้องกลับไป ทำ�งานประจำ�อีกครั้งเพราะความจำ�เป็น ทำ�ให้ เหลือผมคนเดียว ตอนนั้นก็ท้อแท้ เกิดความคิด หลาย ๆ อย่าง ประกอบกับเจ้านายเก่าเรียกตัว กลับไปทำ�งานด้วยกัน ก็เริ่มลังเลว่า เราจะไปต่อ หรื อ จะกลั บ ไปทำ � งานประจำ � ดี ก็ เ ลยโทรไป ปรึกษาพ่อว่าจะทำ�อย่างไร ซึ่งคุณพ่อของผมเขา ก็ถามคำ�หนึ่งว่า ‘คิดว่าตัวเองได้ทำ�เต็มที่หรือยัง ถ้าคิดว่าเต็มที่แล้ว มันไม่ได้ผลจะกลับไปทำ�งาน ประจำ�ก็ได้ แต่ถา้ คิดว่ายังไม่เต็มที่ ทำ�ไมไม่ลองสู้ ต่อ จนกว่ามันจะทำ�อะไรไม่ได้แล้ว’ ผมก็เลยลอง สู้ดูอีกสักตั้งหนึ่ง ซึ่งจุดพลิกผันในชีวิตตอนนั้น เกิดขึ้นเร็วมาก เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น หลัง จากที่ผมตัดสินใจทำ�สวนต่อไป ก็ได้ไปเจอกับ พีส่ พุ จน์ สิงห์โตศรี พีเ่ ขาทำ�หมูหลุมอยู่ เขาเห็นว่า เรากำ�ลังประสบปัญหาปลูกอะไรไม่ขึ้นเลย แต่ ตอนนัน้ ผมเลีย้ งไก่ไว้ประมาณ 10-20 ตัว พีส่ พุ จน์ ก็เลยให้นำ�ไข่ไปขายเขา แล้วพาผมเข้าร่วมการ ประชุมประจำ�ปีของเกษตรกรชาวจังหวัดราชบุรี ทำ�ให้เราได้พบคนหลากหลาย ได้รับคำ�แนะนำ� มากมายจากป้าลำ�พึง ศรีสาหร่าย ซึ่งเชี่ยวชาญ
การปลูกพืชล้มลุก หลังจากที่รู้สึกว่าเรากำ�ลังเจอ ทางตัน ก็เหมือนเห็นทางออกของปัญหาเหล่านี้ ช่วงนัน้ ก็เลยผ่านมาได้เป็นอย่างดี มองย้อนกลับไป ก็ รู้ สึ ก ดี ม าก ที่ เราไม่ รี บ ด่ ว นตั ด สิ น ใจกลั บ ไป ทำ�งานประจำ� กัดฟันสูจ้ นก้าวผ่านปัญหาเหล่านัน้ มาได้ครับ” จากวันนั้นจนถึงวันนี้ คุณโดม ชวัลวิทย์ ทำ� สวนขนาด 9 ไร่ มาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว คุณโดมบอก กับเราว่า อยากทำ�อะไรเพื่อคืนกลับสู่สังคมบ้าง “สวนที่ ร าชบุ รี ข องผมจะแบ่ ง เป็ น แปลง A B C D แปลง A จะเลี้ยงไก่ไข่ ไก่เนื้อ ปลูก แก้ ว มั ง กร แปลง B จะเป็ น พื ช ผั ก สวนครั ว พื ช ล้ ม ลุ ก จำ � พวกมั น เทศญี่ ปุ่ น มะเขื อ ม่ ว ง กล้วยนํา้ ว้า แปลง C ปลูกป่า ไม้ยนื ต้น เช่น พะยูง ยางนา มะค่าโมง ฯลฯ และแปลง D ปลูกไม้ผล เช่น ฝรั่ง มะม่วง มะขามเทศ “ผมพยายามจะสร้างป่าให้อยู่ในพื้นที่ของ เราด้วย เพราะรู้สึกว่า เราอยากจะคืนบางอย่าง ให้แก่ประเทศไทย เวลาเรายืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ต่อให้ข้างนอกร้อนมาก แต่ถ้าเรายืนอยู่ใต้ต้นไม้ จะรู้สึกเย็น ผมอยากสร้างความร่มรื่นในพื้นที่ เมื่อมีป่า ความอุดมสมบูรณ์จะตามมา และใน
เราจึงควรส่งมอบความหวังดีให้แก่กัน เราก้าวไปด้วยกัน โตไปพร้อม ๆ กัน ดีกว่าเป็นคู่แข่งกันครับ
ป่าเราสามารถสร้างระบบนิเวศขึ้นมาได้ มีเห็ด มี ผักหวานป่า ผักกูด ผักแว่น เราไม่ได้จ�ำ ลองป่าขึน้ มา ไม่ ไ ด้ มี ไ ว้ เพื่ อ ประดั บ สวนแค่ นั้ น แต่ มี ไ ว้ เพื่ อ ใช้งานได้จริงครับ “ทุ ก วั นนี้ ที่ บ้ า นและคนรอบข้ า งก็ ให้ ก าร สนับสนุนเป็นอย่างมาก เพื่อน ๆ จากที่เคยมอง ว่าเราคิดผิด บ้าหรือเปล่าที่ออกจากงานมาทำ�ไร่ ทำ�สวน ก็เริ่มหันกลับมาขอคำ�ปรึกษา เห็นด้วย กับเรา ความสุขของผมทุกวันนี้ ก็คือ รายจ่าย
เราน้อยลง มีเงินเก็บมากขึ้น เพราะเราไม่ใช่คน ฟุ่มเฟือย และผมรู้สึกดีมากกับการให้คำ�แนะนำ� ให้คำ�ปรึกษาผู้อื่น ผมรู้อะไรมาผมบอกหมดเลย ไม่มกี กั๊ มีคนมาขอสูตรอาหารไก่ สูตรนํา้ หมัก ผม ก็ให้หมดเลย เพราะกว่าที่ผมจะเป็นแบบนี้ได้ ผม ได้รบั ความช่วยเหลือจากคนรอบข้างมากมาย เขา ให้ความรู้เราเต็มที่ เราจึงควรส่งมอบความหวังดี ให้แก่กัน เราก้าวไปด้วยกัน โตไปพร้อม ๆ กัน ดี กว่าเป็นคู่แข่งกันครับ” happy+ | 41
feature
แชมเปญ เอ็กซ์
เรียนรู้สู่ความธรรมดา ในอดีตแม้ว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ไปที่ไหนใคร ๆ ก็รู้จัก แต่ว่าก็ต้องแลกมาด้วยการทำ�งานหนัก เป็นกำ�ลังหลักในการดูแลครอบครัว เหน็ดเหนื่อย เจอผู้คนมากมายที่ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง บางครั้งก็ท้อแท้ จนหันหน้าเข้าพึ่งทางธรรม เพื่อฝึกตนปรับตัว เปลี่ยนพฤติกรรม จนคุณ แชมเปญ เอ็กซ์ ได้พบกับความสุขที่แท้จริง แล้วก็ได้ปรับชีวิตกลับมาสู่ความธรรมดา ทำ�การเกษตร เป็นเกษตรกรเต็มตัว ซึ่งเป็นทางเดินใหม่ อีกเส้นทางของชีวิต ที่ต้องต่อสู้และค่อย ๆ เรียนรู้ไป วันนีผ้ า่ นมากว่า 7 ปี ทีไ่ ด้ท�ำ การเกษตร ซึง่ ก็ ผ่านมาหมดแล้ว ทั้งความล้มเหลว ปัญหา ความ สุข ความสำ�เร็จ วันนี้คุณแชมเปญจึงมาแบ่งปัน เรื่องราวชีวิตในอีกรูปแบบของเธอให้เราฟังค่ะ “บั ง เอิ ญ ว่ า คุ ณ แม่ ข องสามี เ ขายกมรดก ที่ดินให้ ตอนแรกก็ยังไม่รู้ว่าจะทำ�อะไร แต่ถ้าจะ ขายไป ค่าความเป็นคนของเราก็จะไม่มี ในเมื่อ ตัวเรายังแข็งแรง มีมือมีไม้ที่จะสามารถทำ�อะไร ได้ ก็อยากจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ทรัพย์สินของ เรา ก็มาคิดว่าจะปลูกอะไรดี ณ ขณะนั้น ยาง 42 | happy+
ราคาค่อนข้างดี คุณลุงก็เลยแนะนำ�ให้ปลูกยาง เพราะยางราคาขึ้นทุกวัน ๆ ตอนแรกก็คิดว่า จะปลู ก ยางอย่ า งเดี ย ว เพราะว่ า เรายั ง ไม่ มี ความรู้ ช่วงนัน้ ก็ล�ำ บาก ประสบปัญหาเรือ่ งคนงาน สุดท้ายหาคนงานไม่ได้ พี่ก็ต้องลงมือทำ�เอง จ้าง ชาวบ้านในหมู่บ้านมาช่วยปลูก พี่ก็สอนให้เขา ทำ�ตามเรา ซึ่งก่อนที่จะเริ่มปลูกยาง ที่บริเวณนั้น เป็ น ป่ า ยู ค าลิ ป ตั ส มาก่ อ น พอเราจะทำ � การ เกษตร เราต้องเอาตอของเขาออกก่อน ไม่อย่างนัน้ เราจะทำ�อะไรไม่ได้ ดินก็เสีย พอเอาตอออกเสร็จ
พี่ ก็ ตั้ ง ใจปลู ก ยาง ไปเรี ย นการปลู ก ยางกั บ คุณลุงทีอ่ �ำ เภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย อยู่ ประมาณ 2 อาทิตย์ แล้วก็ลงมือปลูกเลย ช่วงนั้น ต้องประคบประหงม คอยดูแลตลอด ชาวบ้านเขา ก็เห็นเราเป็นคนในเมือง แถมยังเด็กกว่าเขา เขา ก็ไม่ค่อยจะเชื่อเราเท่าไหร่ ถ้าเราไม่ลงมือทำ�ด้วย ตัวเอง เขาก็จะยังไม่ให้ความเชือ่ ถือ พีก่ ไ็ ปอยูท่ น่ี น่ั เลย ตอนที่ ไ ปเริ่ ม ทำ � ที่ ต รงนั้ น ยั ง เป็ น ป่ า หมดเลย ไฟฟ้านํ้าประปาก็ยังไม่มี “บางครั้งฝนตกหนัก ๆ นํ้าป่าก็มา กล้ายาง
“ตอนแรก ๆ พี่ก็จ้างคนก่อน คนงานก็มีบ้าง ไม่มีบ้าง ตอนเรื่องปลูกยาง พี่เป็นคนสอนเขา แต่ เรื่องอื่น ๆ ก็ช่วยกัน เราก็จ้างผู้ใหญ่บ้านดูแล แต่ ก็มปี ญ ั หาเรือ่ งคนงาน เขาทำ�บ้างไม่ทำ�บ้าง พีก่ ไ็ ม่ ค่อยมีเวลาได้มาดู ปล่อยให้เขาดูแลไป สุดท้ายก็ ไม่มีคนงานเลย พอนํ้ามาต้องปลูกข้าวแล้ว จาก ที่เกิดมาพี่ไม่เคยทำ�เลย แต่พี่เคยไปเกี่ยวข้าวนะ เขาปลูก พี่ก็ไปเกี่ยวเพราะไม่มีใครทำ� มาถึงปีที่ แล้ว จากทีไ่ ม่เคยหว่านเลย พีก่ พ็ ยายามหว่าน แต่ เป็นคนประหยัด ขี้เหนียวเมล็ดข้าว เพราะเราไม่รู้ มาก่อนว่าทำ�อย่างไร แต่กเ็ คยมีคนมาบ่นให้ฟงั ว่า หว่านข้าวก็ลำ�บากนะ เหนื่อย แต่พอพี่ได้ลองทำ� ไม่ลองก็ไม่รู้ ดูถึงได้รู้ว่า มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย ถ้าหว่าน คนเราไม่มใี ครรูอ้ ะไรมาตัง้ แต่เกิดทุกสิง่ ทุกอย่าง รอบนี้ไม่ดี รอบหน้ามันจะต้องดีขึ้น พี่ไม่เคยกลัว เกิ ด จากการเรี ย นรู้ แ ละลองทำ� ไม่ ว่ า อะไรก็ เลย ก็ลองทำ�ดู มันก็ไม่ได้ยากขนาดนัน้ ถึงปีนไี้ ม่ดี น่าจะทำ�ได้ ถ้าเรามีความพยายาม การเริ่มลงมือ ปีหน้าก็ต้องดีขึ้น เราต้องลงไปทำ�เองถึงจะรู้ มัน ทำ�สิ่งใหม่ ๆ ก็เช่นกัน ก็คงไม่เกินความสามารถของเราหรอก พอข้าวดี ที่ปลูกไว้ ถ้าโดนนํ้าขังมาก ๆ ก็จะตาย ต้องไป คอยคัดนํา้ ออกไม่ให้นาํ้ ขัง ต้นไหนตายก็ปลูกซ่อม ปลูกซ่อมไปหลายครั้ง ครั้งแรกที่ไปทำ� เราก็ยัง ไม่ รู้ ลองผิ ด ลองถู ก อยู่ ห ลายรอบ ผิ ด เป็ นครู พี่มที ี่ค่อนข้างเยอะ สามีก็บอกว่า ที่ตรงนี้อย่าเพิ่ง ปลูกอะไร เขาจะจัดสรรพื้นที่ก่อน จนกระทั่งเกิด นํา้ ท่วมกรุงเทพฯ สามีกบ็ อกว่า เราจะต้องปลูกข้าวนะ เพราะอีกหน่อยชาวนาเขาอาจจะไม่มีข้าวให้เรา แล้ว นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำ�ให้เราเริ่มปลูกข้าว ก็ ปลูกได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่ได้ดีเหมือนชาวนาอาชีพ ก็เลยปลูกทั้ง 2 อย่าง ผสมผสานกันมา”
เราก็ขายข้าวให้แก่เพือ่ นพ้อง เช่น กิโลกรัมละ 100 บาท หักเงิน 20 บาทไปทำ�บุญ ซื้อสมุนไพรรักษา คนไข้ เพราะพี่ไปทำ�งานจิตอาสาอยู่ที่จังหวัด กาญจนบุรีด้วย ทำ�มา 10 กว่าปีแล้ว เดี๋ยวปลาย ปีนจี้ ะเริม่ กรีดยาง จะต้องหาคนมากรีด แล้วก็ตอ้ ง ลองกรีดเองดูด้วย “1 ปีแรกของการปลูกยาง พี่เคยใช้ยาเคมี หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใช้อีกเลย เพราะพี่คิดว่าทุกคน ก็ห่วงเรื่องสุขภาพ ตอนนี้สิ่งที่เรากินก็มีแต่เคมีไป เกือบหมดแล้ว ทุกอย่างมีสารเร่ง พี่เลยตั้งใจว่า จะปลูกทุกอย่างแบบไร้สาร เหมือนในสมัยก่อน ปู่ย่าตายายของเราก็อยู่มาแบบนี้ ไม่เห็นจะมีโรค มะเร็ง พี่เลยขุดบ่อขึ้น เพื่อที่เวลานํ้าป่ามา นํ้าจะ ได้ไปอยู่ตรงนั้น ไม่มาโดนที่ของเรา ไม่อย่างนั้นก็ อาจจะไม่ปลอดภัย เพราะบางทีนํ้าพัดมา เราก็ ไม่รู้ว่าพัดอะไรมาบ้าง ชาวบ้านเขาก็อาจจะไม่ได้ คำ�นึงถึงเรือ่ งพวกนี้ ทุกวันนีเ้ ราก็ทำ�สวนทำ�ไร่แบบ happy+ | 43
feature
อินทรีย์หมดเลย แต่ชาวบ้านบริเวณรอบ ๆ เขา ยังใช้สารเคมีกันอยู่ เพราะเขาปลูกเพื่อขาย เขา ต้องการปริมาณ เพือ่ ให้ได้เงินเยอะๆ แต่ส�ำ หรับพี่ ถ้าเหลือกินก็ขาย เหลือก็แจก เพราะเราก็ไม่ได้ มีมากขนาดจะขายได้ดี ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ� “ตอนนี้ พี่ ก็ ทำ � งานหลาย ๆ ด้ า น เปิ ด โรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัว ชื่อ อรรถยุทธ์ อยู่ ที่ปทุมธานี แล้วก็มีบริษัทอารักขาบุคคลสำ�คัญ หรือผูท้ ตี่ อ้ งการรถลิมซู นี เครือ่ งบินเจ็ต สำ�หรับคน VIP งานที่พี่ทำ�เป็นงานของตัวเอง เช่น โรงเรียน ก็มีคุณครูดูแลอยู่ ถ้าว่างก็ไปช่วยสอน เป็นการ ฝึกตัวเอง ได้ออกกำ�ลังกายด้วย แล้วก็ต้องไปไร่ ทุกอาทิตย์ ในอนาคตก็อยากจะทำ�เป็นที่แคมปิ้ง ตอนนี้เรายังไม่มีสตางค์สร้างบ้านพักเป็นหลัง ๆ 44 | happy+
ก็ทำ�แบบนี้ไปก่อน ในช่วงที่อากาศเย็น ๆ ก็จะ ให้คนมาตั้งแคมป์ ที่บริเวณรอบ ๆ นั้น เป็นป่า ยาง ป่ายูคาลิปตัสหมดเลย แต่ในสวนของเราจะ เป็นที่โล่ง ๆ แล้วใกล้ ๆ บริเวณนั้นก็จะมีสถานที่ ท่องเที่ยวเยอะ จากที่ไปนิดเดียวก็จะเป็นนํ้าตก ปางสีดา เขื่อนพระปรง มีสถานที่ Unseen เยอะ”
ใช้ชีวิตให้มีประโยชน์
เมื่อชีวิตก้าวสู่เส้นทางสายใหม่ อาจจะมี เหนื่อยบ้าง แต่ก็นำ�มาซึ่งความสุข ที่เราสามารถ ยืนอยู่ได้ด้วยขาของตนเอง นอกจากนั้น เรายัง สามารถช่วยเหลือและทำ�ประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นได้ อีกด้วย ซึ่งน่าจะเป็นความสุขสูงสุดของการได้ เกิดมาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง
“ตอนแรก ๆ ที่ เ ริ่ ม ทำ � การเกษตรทาง ครอบครัวเขาก็เฉย ๆ นะ เพื่อนฝูงก็บอกว่าเธอ จะทำ�ได้เหรอ มันเหนือ่ ยนะ ตอนทีพ่ ดี่ งั ๆ ก็เหนือ่ ย นะ ต้องดูแลครอบครัว ดูแลพ่อแม่ ดูแลหลาน พอ เปลี่ยนมาทำ�การเกษตร เพื่อนก็ถามว่าจะเหนื่อย ไปอีกทำ�ไม อยู่สบาย ๆ ดีกว่าไหม แต่พี่คิดว่า ถ้า เรายังมีลมหายใจก็อยากทำ�ตัวเองให้มีประโยชน์ เราจะขายที่ กิ นก็ ไ ด้ แต่ เราจะทำ � อย่ า งนั้ น ไป เพื่ออะไร สู้เราสร้างประโยชน์ให้แก่คนอื่น ให้ คนรอบข้าง ให้สถานทีห่ รืออะไรก็ได้ไม่ดกี ว่าเหรอ เกิดเป็นคนทั้งทีก็ทำ�ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ “การที่ พี่ ไ ด้ ม าศึ ก ษาธรรมะทำ � ให้ ชี วิ ต พี่ เปลีย่ นไปมาก เพราะได้คณ ุ ภาพชีวติ ทีด่ กี ว่า แล้ว ก็ได้ทำ�บุญ เป็นจิตอาสา ไปช่วยคนดีกว่า เช่น ช่วยคนไข้ที่เมืองกาญจน์ เมื่อก่อนพี่ขายส้มตำ� ทุกอาทิตย์ แล้วเอากำ�ไรจากการขายไปบริจาค ตอนนี้ก็ยังออกโรงทานเดือนละครั้ง “ทุกวันนี้ความสุขและกำ�ลังใจมาจากคน รอบข้างทุกคนเลย พีถ่ อื ว่าชีวติ พีต่ อ่ จากนีม้ แี ต่ให้ หรือช่วยคนเท่าทีจ่ ะช่วยได้ ให้ความสุขกับคน เรา ไม่ได้เบียดเบียนใคร ก็เลยมีคนรัก มีคนสนับสนุน เยอะ อันดับแรกเลย กำ�ลังใจต้องมาจากตัวเรา เองก่อน อย่าไปหวังกำ�ลังใจจากคนอื่น ถ้าเรามี กำ�ลังใจจากตัวเอง กำ�ลังใจจากคนอืน่ มันน้อยนิด ถ้าคนอื่นให้กำ�ลังใจมามากมาย แต่ตัวเองไม่สู้ก็ ไปไม่รอด พีเ่ ป็นคนทีท่ �ำ อะไรแล้วทำ�จริง ไม่มยี อม แพ้ พยายามทำ�ให้มนั เกิด พีพ่ ยายามมาตัง้ หลายปี กว่าจะมีขา่ วว่าพีไ่ ปทำ�การเกษตร ประมาณ 7-8 ปี มาแล้ว พี่ก็พยายามหาความรู้เอง ไปเรียนที่ โครงการหลวง ของพระเจ้าอยู่หัวด้วย บางทีก็ไป เป็นวิทยากรให้ก�ำ ลังใจเกษตรกรมือใหม่ ทำ�ไมเรา จะต้องกลัว ไม่ลองก็ไม่รู้ ถ้ามัวแต่กลัว ชีวติ เราจะ อยู่อย่างไร ไม่ได้ลองสักอย่าง เพราะกลัวไปหมด และพีค่ ดิ ว่า ถ้าเราตัง้ ใจทำ� อย่างไรมันก็ตอ้ งได้ด”ี เมื่อเราถามว่า คุณแชมเปญยังอยากทำ� อะไรหรือมีแผนอะไรในอนาคตอีกหรือเปล่า คุณ แชมเปญก็บอกเราว่า “ตอนนี้ ไม่ มี แ ล้ ว พยายามทำ � ที่ มี ให้ มั นดี อะไรจะเกิดมันก็เกิด ทำ�ตรงนี้ให้มันดีที่สุด ก็เลย ไม่มีแผนอะไรแล้ว ก็พยายามทำ�ทุกอย่างเอง ค่อย ๆ ทำ�ไปเรื่อย ๆ” นี่ แ หละค่ ะ บางที ค วามสุ ข ก็ คื อ ความ ธรรมดา ความเรียบง่าย ความพอเพียงและพอใจ ในสิ่งที่เรามี เราเป็น
ศราวุธ จันทะพรหม บางหว้าเมล่อน ฟาร์มเกษตรกลางกรุง จากความชอบส่วนตัว จนต่อยอดกลายเป็นการเกษตรแบบพึง่ พาตนเอง โดยคุณศราวุธ จันทะพรหม หรือพีโ่ หน่ง อดีตวิศวกรโยธาในบริษทั เอกชนชื่อดัง แต่ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกร เจ้าของฟาร์มบางหว้าเมล่อน ฟาร์มเมล่อนสายพันธุ์ญี่ปุ่นแท้ แห่งเดียวในกรุงเทพมหานคร พี่โหน่ง เล่าให้เราฟังตั้งแต่จุดเริ่มต้น ที่หันเหชีวิตจากพนักงานประจำ� มาเป็นเกษตรกรค่ะ “แต่กอ่ นผมก็ท�ำ งานประจำ�ตามสาขาทีเ่ รียนมา ก็คือ วิศวกรโยธา ในบริษัทก่อสร้างของเอกชน ก่อนจะลาออกมาเมื่อปี พ.ศ. 2540 เนื่องจากรู้ ตัวเองว่า เราไม่ชอบงานทางด้านก่อสร้าง เพราะ ปัญหาค่อนข้างเยอะ แล้วเวลาทำ�งานมันเอาเวลา จากชีวิตเราไปเยอะมาก ครอบครัวก็ไม่ค่อยได้ อยู่ด้วยกัน เลยตัดสินใจลาออก ตอนนั้นพอดีกับ ที่เพื่อนชวนไปทำ�ฟาร์มกุ้ง พอเริ่มทำ�ก็ชอบ และ คิดว่าเราคงจะมาสายเกษตรมากกว่าวิศวกร เหมือน ได้ค้นพบตัวเอง ก็เลยทำ�อยู่ประมาณ 6-7 ปี
“พอมีถนนราชพฤกษ์ตดั ผ่านบ้าน ก็เลยเปิด ร้านอาหารควบคู่กันไปด้วย ตอนนั้นทำ�ให้ต้อง วิง่ ไปวิง่ มา ระหว่างฟาร์มกุง้ กับร้านอาหาร แต่รา้ น อาหารเป็นอะไรที่ต้องให้เวลากับมันมากจริง ๆ ก็ เลยเลิกทำ�ฟาร์มกุ้ง แล้วมาทำ�ร้านอาหารเต็มตัว “แต่ พ อตั ด สิ น ใจทำ � แค่ ร้ า นอาหาร ก็ เ กิ ด วิกฤติการเมือง ทำ�ให้ขายไม่คอ่ ยดี เลยมีความคิด จะกลับไปทำ�เกษตรอีกครัง้ เราปลูกพืชผักสวนครัว อยู่ แ ล้ ว เพราะช่ ว งทำ � ร้ า นอาหาร ก็ ป ลู ก ผั ก สวนครัวส่งเข้าร้านตลอด เลยลองหาผลผลิตตัวอืน่
ปลูกควบคู่กันไปด้วย ผลผลิตที่ใช้พื้นที่น้อย ที่ สามารถสร้างรายได้และราคาดี พอเริ่มหาข้อมูล ไปเรื่อย ๆ ก็มาเจอเมล่อน “พอศึกษาข้อมูลก็พบว่าในกรุงเทพฯ แทบ ไม่มีคนปลูกเลย และผลตอบแทนต่อตารางเมตร มันค่อนข้างจะคุ้มค่า อีกอย่างเมล่อนมีรสชาติ อร่อย เรากินแล้วเราชอบ ตอนแรกก็ทดลองปลูก เพื่อกินเองก่อน แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำ�เร็จ เท่าไหร่ ทำ�ให้ต้องหาข้อมูลเพิ่มขึ้น” หลังจากนั้นพี่โหน่งก็เริ่มศึกษาหาข้อมูลการ happy+ | 45
feature
ทำ�ฟาร์มเมล่อนด้วยตัวเอง และเลือกสายพันธุ์ เมล่อนของญีป่ นุ่ ทีม่ เี อกลักษณ์เฉพาะตัวทัง้ ความ หอมและความหวาน “หลังจากตั้งใจจะปลูกเมล่อนอย่างจริงจัง ผมก็ได้ไปดู ไปศึกษาจากฟาร์มตัวอย่างหลาย ฟาร์มตามต่างจังหวัด และดูคลิปในยูทูบด้วย จริง ๆ เมล่อนมีวิธีการปลูกหลายแบบ ปลูกลง ดิน ปลูกแบบระบบไฮโดรโปรนิก และปลูกแบบ อื่น ๆ ที่เราเลือกระบบไฮโดรโปรนิกเพราะดูแล้ว น่าจะเหมาะกับเรา เนื่องจากใช้พื้นที่น้อย การ จัดการง่าย สภาพดินในเมืองไม่ได้สมบูรณ์เหมือน ต่างจังหวัด เลยคิดว่าปลูกแบบไร้ดินน่าจะดีกว่า ก็ศึกษาแบบอย่าง และลองผิดลองถูกมาหลายที “ตอนแรก ๆ ก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะทำ�ได้ เพราะเกษตรเป็นเรื่องค่อนข้างยาก ไม่มีอะไร แน่นอน ปลูกล็อตแรกอาจจะเสียหายหมด ยิ่ง พอเราตัดสินใจจะปลูกเมล่อนที่ไม่ใช่ผลไม้บ้าน เรา ก็คดิ ว่ามันต้องยากมากแน่ ๆ แต่วา่ พอเราเริม่ 46 | happy+
คุ้นเคย เราก็รู้หลักว่าจะต้องดูแลอย่างไร ก็เริ่มได้ ผลผลิตตามที่ต้องการ “ส่ ว นเหตุ ผ ลที่ เ ลื อกทำ �ฟาร์ มในกรุ งเทพฯ ส่วนหนึ่งเพราะเรามีพื้นที่ในกรุงเทพฯ อยู่แล้ว และก็พบว่าแมลงศัตรูพืช ที่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยมี สิ่งแวดล้อมท่ามกลางควันรถ ตึกสูง อาจส่งผล ให้แมลงพวกนี้มีน้อย ก็กลายเป็นข้อได้เปรียบ อีกอย่าง เพราะตามต่างจังหวัดเรื่องแมลง เรื่อง ศัตรูพืชจะเป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งสวนใกล้กัน ก็อาจจะ มี ก ารแพร่ ร ะบาดของแมลง อี ก อย่ า งเมล่ อ น ทีเ่ ราปลูกในโรงเรือนสามารถควบคุมปัจจัยหลาย ๆ อย่างได้ และก็คิดว่าตลาดในกรุงเทพฯ น่าจะ เหมาะ เพราะคนกรุงเทพฯ มีกำ�ลังซื้อ เขามาซื้อ กับเราได้โดยตรง ไม่ต้องไปซื้อไกลถึงต่างจังหวัด “ส่วนเมล่อนทีใ่ ช้จะเป็นสายพันธุค์ โิ มจิ ซึง่ นำ� เมล็ดพันธุม์ าจากญีป่ นุ่ เลย เป็นสายพันธุญ ์ ปี่ นุ่ แท้ และปลูกแบบออร์แกนิก 100 เปอร์เซ็นต์ หลายคน อาจสงสัยว่า เมืองไทยปลูกเมล่อนญี่ปุ่นได้เหรอ
จริง ๆ แล้ว เมล่อนเป็นผลไม้ที่ชอบอากาศร้อน ที่ประเทศญี่ปุ่นเขาสามารถปลูกเมล่อนได้แค่ครั้ง เดียว คือช่วงเวลาที่อากาศอบอุ่น ถ้าปลูกช่วง หน้าหนาวต้องมีระบบฮีตเตอร์ ระบบนํ้าอุ่น ส่วน บ้านเราเหมาะอยูแ่ ล้ว เคยมีคนญีป่ นุ่ มาทีส่ วนแล้ว เขาถามเราว่าปลูกได้กี่ครั้ง เราบอกว่าเราปลูกได้ สี่ครั้ง เขาก็ประหลาดใจมาก ที่ญี่ปุ่นปลูกได้ครั้ง เดียวทำ�ให้ราคาของเขาแพงกว่าบ้านเราเป็น 10 เท่า แต่จริง ๆ ก็คือ สายพันธุ์เดียวกัน เพียงแค่ เราสามารถปลูกได้หลายครั้งกว่า” นอกจากพีโ่ หน่งจะทำ�ฟาร์มเมล่อนเป็นอาชีพ แล้ว พี่โหน่งยังเปิดฟาร์มให้คนเข้ามาเรียนรู้วิธี ทำ�เกษตรแบบพอเพียง และยินดีให้ความรู้กับ ทุกคนที่สนใจ “ที่นี่เปิดมาได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง เริ่มต้นจาก 1 โรงเรือน เป็น 3 โรงเรือน และขยายไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่เปิดมากระแสตอบรับก็ดีขึ้นตลอด เริ่มจาก คนรู้ จั ก โพสต์ แชร์ ผ่ า นโซเชี ย ลมี เดี ย ทำ � ให้
คนอื่น ๆ เห็นฟาร์มของเรามากขึ้น มียอดสั่งจอง เมล่อนเข้ามาตลอด จนผลผลิตไม่เพียงพอ ตอนนี้ เลยขยายไปทำ�โรงเรือนเพิ่มที่บางแคด้วย และ พยายามปรับปรุงฟาร์มที่บางหว้าให้เป็นแหล่ง เรียนรู้เพื่อการท่องเที่ยว แต่ก็อนุรักษ์ความเป็น เกษตรเอาไว้ เป็ น รู ป แบบของเกษตรในพื้ นที่ จำ�กัดและทำ�ขึน้ แบบง่าย ๆ ฟาร์มนีน้ อกจากปลูก เมล่ อ น ก็ จ ะมี เ ลี้ ย งไก่ ปลู ก พื ช ผั ก สวนครั ว พยายามจะทำ�ให้ครบวงจร “พอเราเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ควบคู่ไปกับเป็น แหล่งท่องเที่ยว นอกจากคนเข้ามาซื้อเมล่อนก็มี คนมาถามเรื่องการปลูกเมล่อนอยู่เหมือนกัน ทุก วันนี้คนหันมาทำ�เกษตรกันเยอะ อาจจะมีปัญหา เรื่องการทำ�งาน เครียดเรื่องการทำ�งาน ก็เลย เห็นว่าการทำ�เกษตรอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ สามารถสร้างความสุขหรือเป็นอาชีพเสริม ผม ได้รวบรวมความรู้และทำ�เป็นหนังสือออกมา ชื่อ หนังสือ “ปลูกเมล่อนในโรงเรือน” ผมเขียนเอง
ทั้งหมด จะเป็นความรู้แบบธรรมดา ๆ ให้อ่าน ง่ายสำ�หรับคนที่อยากจะเริ่มต้นปลูกเมล่อนหรือ สนใจที่ จ ะปลู ก ถ้ า อ่ า นหนั ง สื อ แล้ ว ไม่ เ ข้ า ใจ ตรงไหน ก็สามารถโทรมาถามผมได้เลย หรือจะ เข้ามาถามผมที่นี่ ผมก็ยินดีที่จะสอนฟรีไม่คิด ค่าใช้จ่ายใด ๆ ครับ” จากจุดเปลี่ยนที่ตัดสินใจให้พี่โหน่งลาออก จากงานประจำ � และเปลี่ ย นตั ว เองมาเป็ น เกษตรกร ทำ�ให้พี่โหน่งได้ค้นพบสิ่งที่ตามหามา ตลอด นั่นคือ ความสุขในชีวิต “ก่อนหน้านี้เราเป็นลูกจ้างในบริษัท พอเรา ทำ�งานมาระยะหนึ่ง เราจะรู้ว่ามันไม่ใช่ความสุข ที่แท้จริง ปัญหามันเยอะ ทั้งการเดินทาง การ ทำ�งานร่วมกับคนเยอะ ๆ มันมีปัญหาเสมอ ยิ่ง ทำ�งานนานเข้าความรับผิดชอบก็ยิ่งสูงขึ้น เวลา ที่จะให้ครอบครัวก็แทบไม่มี แต่พอเรามาปลูก เมล่อน เราก็ได้พบว่าความสุขที่แท้จริงมันเป็น อย่ า งไร มั น แตกต่ า งจากเวลาทำ � งานประจำ �
ทีเ่ รารูส้ กึ เบือ่ หน่าย ไม่อยากไปทำ�งาน อยากจะเลิกงาน กลับบ้านเร็ว ๆ แต่กับการทำ�ไร่ทำ�สวนเราอยู่กับ มันได้ทั้งวัน ทำ�ไปเพลิน ๆ ได้ออกกำ�ลังกายด้วย ร่างกายก็แข็งแรง ต่างจากทำ�งานออฟฟิศ ทีไ่ ม่ได้ ออกกำ�ลังกาย และยังได้ท�ำ งานร่วมกับครอบครัว มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น เราสามารถตื่นแต่เช้า ได้โดยไม่มใี ครบังคับ ทำ�งานตัง้ แต่ยงั ไม่สว่าง ถึงแม้ จะเหนือ่ ย แต่ยงั อยากทำ�มันอยู่ เพราะมันมีความ สุขครับ” เมื่อได้ค้นพบตัวเอง และค้นพบสถานที่ที่ ทำ�ให้ได้เป็นตัวของตัวเอง เราก็จะทำ�ทุกอย่างด้วย ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพลังและมีความสุขค่ะ ฟาร์มเมล่อนบางหว้า
ที่อยู่ : 450 ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพ 10160 เบอร์โทรศัพท์ : 08-1209-3226 Facebook : https://www.facebook.com/ BangWaMelon/ happy+ | 47
ตัวอักษร...ซ่อนพลัง เรื่อง : อรพิมพ์ รักษาผล
3 สิ่ง...ความจริงที่ข้ามได้ยาก หลายครั้ง แรงบันดาลใจก็ได้มาจากความไม่ตั้งใจที่จะค้นหา ความสุข ได้มาจากการไม่ได้เรียกร้องความสุข และ...ความเข้าใจ มาจากการไม่พยายามจะตีความอะไร วันหนึ่งที่เดินสมองว่าง ๆ หลังการทำ�งานหนักทั้งวัน เบสตั้งใจเดิน ไปหาอะไรก็ได้ที่ทำ�แล้วเหนื่อยน้อยลง สมองมักเป็นไปโดยอัตโนมัติกับ ความเคยชิน สมองพามือและเท้าขับรถมาถึงห้างใกล้บ้าน ที่เมื่อไม่รู้จะไป ไหนสุดท้ายรถที่เราขับเองก็พามาจอดที่ลานจอดรถชั้นประจำ� จอดเสร็จก็ คิดว่านั่งเฉย ๆ มองคนเดินไปมาก็ได้ไอเดียแล้ว แต่มองชีวิตคนผ่านทาง ภาพยนตร์คงมีอะไรให้เรียนรู้ไม่น้อย สุดท้ายในมือก็ได้ถือตั๋วหนังรอบดึก ที่เดินเข้าไปด้วยความรู้สึกไม่คาดหวังอะไรเลย และนั่นเป็นที่มาของการได้ พบแบบไม่ได้ตามหา หนังเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยความน่าเศร้าใจ เพราะเด็กชายคนหนึ่งต้องเกิด ในครอบครัวที่พ่อเมามายทำ�ร้ายทุบตีแม่และตนเองซํ้าแล้วซํ้าเล่า เป็นปม ในใจเด็กชายวัย 13 ปี ที่ทั้งเจ็บทั้งกดดัน จนทำ�ให้เขาตัดสินใจทำ�อะไรผิด ๆ ที่ทำ�ร้ายชีวิตผู้เป็นพ่อ 48 | happy+
เวลาผ่านไป เขาโตขึ้นพร้อมการมีครอบครัวที่น่ารักและทว่าตัวเองยัง นอนผวา ฝันร้ายกับเรื่องราวมากมายที่ไม่เคยจางหายไป และชีวิตก็ไม่เคย เตือนใครว่าตราบที่ยังหายใจ...มหันตภัยจะจบลงเมื่อไหร่ ในช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนกับหน้าร้อนอันแสนสนุก เขาได้สูญเสีย ลูกสาวคนเล็ก ผูเ้ ป็นทีร่ กั จากการหายสาบสูญไป หัวใจทีม่ คี วามหวังแผ่วเบา เท่าลมหายใจได้หมดลงเมื่อเห็นร่องรอยการเสียชีวิตของลูกรักในกระท่อม กลางป่าใหญ่...และนั่นคือที่มาของการสูญเสียศรัทธาต่อทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่ง “ศรัทธาในการใช้ชีวิต” เรื่องราวดำ�เนินไปด้วยการที่เขาได้เดินทางไปตามจดหมายเชิญของ บุคคลนิรนามที่เชื่อว่าคือ พระเจ้า ทุกบทสนทนาหลังจากนั้นเต็มไปด้วย คำ�ว่า “กำ�ลังใจในการมีชวี ติ อยูต่ อ่ ” หัวใจเบสรูส้ กึ เต้นแรงขึน้ ๆ เหมือนมีอะไร กระตุ้นความรู้สึกในใจที่ซ่อนไว้ลึก ๆ ลึกมากจริง ๆ เรื่องราวมากมายนั้นทำ�ให้เบสเห็นความจริง 3 อย่างที่ก้าวข้ามได้ยาก เหลือเกิน สิง่ แรกทีท่ �ำ ให้คนเราทุกข์และขาดกำ�ลังใจ...คือ ‘การสถาปนาตนเองเป็น ผูพ้ พิ ากษา’ อยูเ่ สมอ การเป็นผูพ้ พิ ากษาในวิชาชีพต้องศึกษา ต้องสอบ ต้อง
มีประสบการณ์ แต่การเป็นผู้พิพากษาในชีวิตจริง เป็นความเคยชินที่มนุษย์ เป็นโดยไม่ต้องเรียน ไม่ต้องสอบ เพียงแค่มีประสบการณ์การตัดสินบ่อย ๆ เราจะกลายเป็นคนตัดสินอะไรอย่างที่เราคิด เราเชื่อ เราคิดว่าน่าจะเป็น จน อาจละเลยความเป็นจริงและอีกหลายสิ่งที่เราไม่รู้ ...เรื่องบางเรื่อง เราตัดสินแล้ว และคิดว่าเป็นเช่นนั้นเสมอ ...คนบางคน เราตัดสินแล้ว และมองแบบนั้นเสมอ ความถูก ความผิด จึงอาจไม่ได้อยู่ที่ความจริง แต่อยู่ที่ความพอใจของ เรา ความสุขจึงหล่นหายไป เพราะเราง่ายต่อการตัดสินความหมายและ คาดโทษอะไร ๆ อย่างที่หัวใจเราอยากให้เป็น ต่อมาที่ก้าวข้ามยาก...คือ ‘การไม่ให้อภัยตัวเอง’ ความโชคดีหนึ่งของ ชีวิตคือ การยอมรับว่าเราทำ�อะไร รู้ผิดชอบชั่วดีในสิ่งที่เราทำ� รู้สิ่งเหล่านั้น ด้วยหัวใจแห่งความสำ�นึก แต่ความโชคร้ายคือ เมื่อเรายอมรับ สำ�นึกแต่ไม่ เคยปลดปล่อยความรู้สึกด้วยการให้อภัยตัวเองเลย ... เราปลดปล่อยสัตว์ให้มอี สิ รภาพ ปล่อยคนทีเ่ รารักได้มอี สิ ระในการใช้ ชีวิต แต่น่าแปลกที่เราไม่ค่อยปล่อยหัวใจเรา จากเรื่องราวร้าย ๆ ที่บั่นทอน ตัวเองอยูเ่ สมอ ยิง่ ยํา้ คิดยํา้ ทำ�ก็เหมือนเดินกลับไปทีเ่ ดิมตลอดเวลา แล้วชีวติ ทีเ่ หลืออยูห่ ลังจากวันทีค่ ดิ ได้ จะต้องฝันร้ายอีกนานเท่าไหร่ แล้วเมือ่ ไรหัวใจ
จะมีอิสรภาพในการเริ่มต้นใหม่จริง ๆ ได้สักที สิ่งสุดท้ายที่พูดง่ายแต่ก้าวข้ามไปได้ยากที่สุด...คือ ‘การให้อภัยคนที่ ทำ�ร้ายเราและคนที่เรารัก’ เรามักบอกใครต่อใครให้รู้จักให้อภัยเมื่อเจอเรื่อง ราวร้าย ๆ ในชีวิต แต่เมื่อเรื่องนั้นเกิดกับเราและคนที่เรารัก เรากลับทำ�ใจ ยากเย็นที่จะให้อภัย เพราะในใจลึก ๆ ยังฝังใจกับความเจ็บปวดที่ยาก จะลืม ต่อเมือ่ วันเวลาผ่านไป ความเจ็บจากการถูกทำ�ร้ายมักน้อยกว่าความ เจ็บจากการฝังใจและหุ่นขี้ผึ้งแห่งการไม่เคยลืม ... การให้อภัยผูอ้ ืน่ เหมือนการปล่อยแมลงร้ายทีก่ ดั เราออกจากมือ เมือ่ ปล่อยแมลงนั้นไปเราอาจไม่ได้เจ็บน้อยลง แต่เราจะเหนื่อยน้อยลง จากการ ไม่ตอ้ งยึดไว้ บีบไว้ เก็บไว้ จดจำ�ไว้ และได้เปิดโอกาสพาชีวติ ก้าวผ่านไปเจอ เรื่องราวใหม่ ๆ ด้วยหัวใจที่ไม่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้น เบสเดินออกมาอย่างรูส้ กึ ว่า...แรงบันดาลใจอาจได้มาจากความไม่ตงั้ ใจ ที่จะค้นหา ความสุขอาจได้มาจากการไม่ได้เรียกร้องความสุข และความ เข้าใจอาจมาจากการไม่พยายามจะตีความอะไร ลองมาก้าวข้าม 3 ความจริงที่ก้าวข้ามได้ยากยิ่งด้วยกันไหมคะ บางที เราอาจหลุดจากอะไรบางอย่าง...ด้วยตัวเราเอง happy+ | 49
คนคิดดี
50 | happy+
คืนคุณค่าสู่สังคม พสุ ตีระวัชร
เรื่อง : ภัทราภรณ์ เตชะธรรมวงศ์ ภาพ : วิกรม วิสุทธิปราณี สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเอือ้ เฟือ้ เผือ่ แผ่ ช่วยเหลือซึง่ กันและกัน มีนาํ้ ใจไมตรีมอบให้เสมอ เราจึงเห็นโครงการดี ๆ ต่าง ๆ เกิดขึน้ มากมาย ซึ่งเกิดจากความคิดดี ๆ เพื่อแก้ปัญหา ช่วยเหลือ และทำ�ให้สังคมของเราเดินต่อไปด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการ Cha-rity ก็เป็นอีก โครงการหนึง่ ทีม่ ี คุณพสุ ตีระวัชร กรรมการบริหาร บริษทั เอเชีย่ น แปซิฟคิ อินเตอร์เนชัน่ แนล จำ�กัด และ The Boss รุน่ 82 ซึง่ เป็นหัวเรือใหญ่ ในการใช้ความคิดสร้างสรรค์ เพือ่ ส่งมอบโอกาสในการเดินด้วยลำ�แข้งของตนเองให้กบั เด็ก ๆ ในพืน้ ทีท่ ขี่ าดแคลน ผ่านโครงการ Cha-rity ชาตะไคร้ ใบหม่อนเพื่อสุขภาพ โดยได้รับการสนับสนุนจากโรงเรียน ครูอาจารย์ เด็ก ๆ และชุมชนใกล้เคียง “ผมทำ�งานรายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ ทำ� ข่าว ได้คลุกคลีอยู่กับเรื่องราวของเกษตรกรมา ก่อนที่จะเริ่มทำ�โครงการนี้ เราได้พบเห็นปัญหา ของเกษตรกรไทย ที่ต้องเผชิญกับความยากจน ทำ�เท่าไหร่ก็เป็นหนี้เป็นสิน ลูกหลานก็ไม่มีใคร สืบทอดมาโดยตลอด ผมมองว่าการปลูกเป็น เรื่องง่ายใครก็ทำ�ได้ แต่เรื่องที่ยากคือ การขาย การจำ�หน่ายมากกว่า ผมได้ศึกษาและเรียนรู้ จนกระทั่ ง พบว่ า หม่ อ นหรื อ มั ล เบอร์ รี เป็ น พื ช ที่ปลูกง่ายไม่ต้องดูแลอะไรมาก “ประกอบกับหลังจากนั้นผมเบื่องานทาง ด้านสื่อที่ทำ� จึงหันมาสนใจทางด้านการเกษตร มากขึน้ ได้ไปเรียนคอร์สบริหารหนึง่ ทีช่ อ่ื ว่า The Boss ของสถาบั น การบริ ห ารและจิ ต วิ ท ยา (MPI) ซึ่งพอเรียนไปสักระยะหนึ่ง ก็มีกิจกรรม Mixology โดยเราจะต้องนำ�สิง่ ทีไ่ ด้เรียนรูม้ าประยุกต์ท�ำ เป็น โครงการหนึ่งเพื่อสังคมนำ�เสนอในตอนจบคลาส ซึ่งผมสนใจในเรื่องของ Social Enterprise การทำ� ธุรกิจเพื่อคืนกลับให้กับสังคมอยู่แล้ว จึงได้เริ่ม คิดโครงการ Cha-rity ขึ้นกับเพื่อน ๆ ในกลุ่ม เพื่อ ช่วยเหลือโรงเรียนในต่างจังหวัดทีก่ �ำ ลังขาดแคลน หรือบางแห่งกำ�ลังจะถูกคำ�สัง่ ปิด ซึง่ ต้องบอกก่อน
เลยว่าการทำ�โครงการของเราไม่ใช่การทำ�กิจกรรม CSR ที่หลายคนอาจจะเห็นว่า นำ�สิ่งของไปมอบ ให้นอ้ ง ๆ สร้างห้องนํา้ ห้องสมุด สร้างบ่อเลีย้ งปลา แล้วก็จบกันไปไม่ได้ติดตามผล โครงการ Cha-rity เป็ น การที่ เ ราเลื อ กโรงเรี ย นที่ เ ราคิ ด ว่ า ควร ได้รับการช่วยเหลือ ให้มาเรียนรู้การทำ�ชากับเรา โดยให้เด็กนักเรียน คุณครูหรือชาวบ้านในชุมชน ช่วยกันปลูกตะไคร้ ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงการ แปรรูป เราจะสอนหมดทุกขั้นตอน ให้ความรู้ ให้ ความช่วยเหลือด้านอุปกรณ์ แต่ทกุ อย่างไม่ใช่การ มอบให้ฟรี ๆ เราจะคิดเงิน เพียงแต่เราออกเงิน ให้ยมื ก่อน แล้วจดบัญชีไว้ เมือ่ ผลิตภัณฑ์ชาของเรา ขายได้ เงิ น มาแล้ ว หลั ง จากหั ก ลบกั บ ต้ นทุ น กำ � ไรที่ เ หลื อ อยู่ จ ะกลายเป็ น เงิ น ช่ ว ยเหลื อ มอบให้กบั โรงเรียนนัน้ ๆ ซึง่ เราก็เลือกโรงเรียนทีเ่ ข้า ร่วมกิจกรรมนี้ 2 โรงเรียน คือ โรงเรียนบ้านโป่งเกตุ จั ง หวั ดสระบุ รี และโรงเรี ยนบ้า นหนองปี กนก จั ง หวั ด ลพบุ รี ซึ่ ง โรงเรี ย นบ้ า นโป่ ง เกตุ จะ เป็ น โรงเรี ย นพี่ เพราะเขาเป็ น โรงเรี ย นที่ ได้ รั บ รางวัลยุวเกษตรดีเด่น มีกิจกรรมอะไรมากมาย เราเลื อ กโรงเรี ย นนี้ เพื่ อ เป็ น พี่ เ ลี้ ย งให้ โรงเรี ย น บ้านหนองปีกนก ทีเ่ ขาว่ากันว่าเป็นโรงเรียนทีย่ ากจน
ทีส่ ดุ ในจังหวัดลพบุรี มีนกั เรียนอยูป่ ระมาณ 50 คน ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึง ป.6 และมีครูอยู่ 3 คน ที่ สำ�คัญคือ โรงเรียนนี้กำ�ลังจะถูกปิด แต่ชาวบ้าน แถวนั้นไม่อยากให้โรงเรียนปิด และมีชุมชนที่ ค่อนข้างแข็งแรง ผมจึงเข้าไปพูดคุยและเลือกให้ เด็ก ๆ ในโรงเรียนปลูกตะไคร้ เพราะตะไคร้เป็น พืชทนแล้ง ใช้นํ้าพอสมควร เราก็ให้พวกเขาปลูก ตะไคร้แบบออร์แกนิก ตะไคร้ปกติ 4-5 เดือนก็เก็บ นำ�ไปขายได้แล้ว แต่เราจะนำ�มาทำ�ชา ตะไคร้จะ ต้องแก่หน่อยเพื่อให้ได้กลิ่นชาตะไคร้ที่ดี ปลูก ประมาณ 7-8 เดือน โดยทั้งสองโรงเรียนเริ่มปลูก เกื อ บจะพร้ อ มกั น ให้ โรงเรี ย นบ้ า นโป่ ง เกตุ ซึ่ ง ค่ อ นข้ า งมี ป ระสบการณ์ ช่ ว ยเหลื อ โรงเรี ย น บ้านหนองปีกนกบ้าง ทางด้านอุปกรณ์ ความรู้ แรงงาน ฯลฯ ซึ่งตอนแรกจะมาทำ�โครงการนี้ ผู้ใหญ่บ้านก็ ไม่คอ่ ยโอเคกับโครงการของเรา เขาไม่อยากให้เข้า มาทำ� เพราะมีหลายโครงการที่มาแล้วก็ทิ้งไป ซึ่ง ถามว่าเขาพูดความจริงไหม มันก็คอื ความจริง แต่ สุดท้ายเขาก็ยอมรับเราเพราะเห็นว่านีค่ อื โครงการ ที่ดี และเราทำ�จริง ไม่ได้มาเล่น ๆ (หัวเราะ)” หลังจากเกิดโครงการ Cha-rity ขึ้น ทั้งสอง โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการก็ได้ให้ความช่วยเหลือ happy+ | 51
คนคิดดี
ซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี จนกระทั่งตอนนี้ทั้งสอง โรงเรียนสนิทสนมกันโดยที่สามารถขอความช่วย เหลือกันได้โดยที่ไม่ต้องให้คุณพสุเป็นตัวกลาง ประสานงานเหมือนในช่วงแรก “หลังจากทำ�โครงการมาได้สกั พัก เราเก็บต้น ตะไคร้มาสอนให้พวกเขาแปรรูป สับเป็นชิน้ เล็ก ๆ ถ้ า อยากได้ ล ะเอี ย ดกว่ า นั้ น เราก็ มี อุ ป กรณ์ บ ด ละเอียดให้ยมื หรือแม้แต่การชัง่ ตวง ตักลงซองให้ มีขนาดพอดีกต็ อ้ งใช้การฝึกฝนจนเชีย่ วชาญ ผมมี รุ่นน้องที่รู้จักกันก็บอกคอนเซ็ปต์ของโครงการเรา ไป แล้วให้เขาช่วยออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ ภายใน 1 กระป๋อง จะมีชาอยู่ทั้งหมด 20 ซอง เราขาย ราคา 200 บาท และตอนทีเ่ ริม่ ทำ�โครงการ ชาตะไคร้ ใบหม่อนนี้ทำ�ออกมาในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ พอดี เราก็ให้เด็ก ๆ เขียน ส.ค.ส. อวยพร แล้วใส่ไว้ ในกระป๋องชา ใครทีม่ าซือ้ และเป็นลูกค้า เปิดออกมา ก็จะได้รับ ส.ค.ส. จากน้อง ๆ ซึ่งก็เป็นอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำ�ให้ทุกคนยิ้มได้ “มี น้ อ งคนหนึ่ ง แขนพิ ก าร พอได้ ม าเริ่ ม โครงการนี้ ได้มาปลูกตะไคร้ รดนํ้า สับตะไคร้ ใส่ ซ อง เขาทำ � ได้ ค่ อ นข้ า งดี เ ลย มี อ ยู่ วั น หนึ่ ง คุณครูมาเล่าให้ผมฟังว่า น้องเขาเดินมาบอกครู ว่า เขาดีใจและภูมิใจมาก โครงการนี้ทำ�ให้เขา รู้สึกว่าตัวเองมีค่า แถมได้รับเงินเป็นค่าขนมและ นำ�ไปให้คณ ุ แม่ได้อกี ด้วย พอเราได้ฟงั อะไรแบบนี้ 52 | happy+
มันก็รสู้ กึ ดีเหมือนกัน รูว้ า่ โครงการทีเ่ ราทำ� มันไม่ได้ เป็นแค่เรื่องของตัวเงินเท่านั้น แต่ยังมีคุณค่าทาง ด้านจิตใจอีกด้วย หรือพอขายไปได้สักระยะ ก็ มีลูกค้าโทรมาหาว่าชาตะไคร้ใบหม่อนของเราดี มาก เขาซื้อให้คุณพ่อซึ่งป่วยเป็นหลายโรค ทั้ง ความดัน เบาหวาน หัวใจ ดื่มทุกวัน พอผ่านไป หนึ่งเดือนไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล ปรากฏว่า นํ้าตาลในเลือดลดลง คุณหมอก็ถามเขาว่าไปทำ� อะไรมา ซึ่งเขาบอกผมว่าแค่ดื่มชาที่ซื้อไปเท่านั้น ภายในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาอยากจะได้ชาอีก ต้องหาซือ้ ทีไ่ หน ซึง่ เรือ่ งแบบนีก้ ม็ เี ข้ามาเป็นกำ�ลังใจ ให้เราได้เยอะครับ” หลังจากโครงการในปีแรกจบลงไป โรงเรียน บ้านหนองปีกนกและโรงเรียนบ้านโป่งเกตุ แต่ละ โรงเรียนได้รับเงินไปประมาณ 80,000 บาท และ หลั ง จากศึ ก ษาธิ ก ารจั ง หวั ด ได้ ม าตรวจเยี่ ย ม โรงเรียนเพือ่ ประเมินผล โรงเรียนบ้านหนองปีกนก นอกจากจะไม่ตอ้ งปิดตัวลงแล้ว ยังกลายเป็นศูนย์ เรียนรู้ กลายเป็นโรงเรียนตัวอย่าง “หลั ง จากโครงการในปี แรกประสบความ สำ�เร็จค่อนข้างมาก พอเข้าสู่ปีที่สอง ภายในกลุ่ม ที่เรียนหลักสูตร The Boss รุ่น 82 มาด้วยกัน ก็ มาพู ด คุ ย กั น ว่ า เราจะเดิ น หน้ า โครงการต่ อ ไป ดีไหม เพราะโครงการนีม้ จี ดุ เริม่ ต้นมาจากการทำ� กิจกรรมเพื่อนำ�เสนอในตอนที่เรียนจบเท่านั้นว่า
เราได้นำ�ความรู้ไปประยุกต์ใช้อย่างไร แต่ทั้งสอง โรงเรียนทีเ่ ข้าร่วมกิจกรรมกับเราเขาคึกคักกันมาก พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะทำ�ต่อ พอถามพวก เพื่อน ๆ ที่ดำ�เนินงานมาด้วยกันทุกคนก็อยากให้ ทำ�ต่อไป เพราะนีค่ อื โครงการทีด่ ี ผมก็มานึกต่อไป ว่าจะต่อยอดโครงการนีอ้ ย่างไรดี พอดีผมมีพชี่ าย เป็นคุณครูอาสาสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่จังหวัด น่าน พี่ชายผมก็เคยเกริ่น ๆ ว่าอยากให้ผมเข้าไป ลงพืน้ ทีเ่ พือ่ ทำ�โครงการทีจ่ งั หวัดน่าน ผมก็เลยคิด โปรเจ็กต์ใหม่ คือ สบูล่ า้ งหน้าสมุนไพร ซึง่ คิดสูตร ใหม่ทั้งหมด ตั้งเป็นสูตรที่ใช้วัตถุดิบออร์แกนิก ในปริมาณที่เหมาะสมและมีคุณภาพที่ดี เพื่อ ให้ผลิตภัณฑ์สบู่ที่ออกมามีประสิทธิภาพ เช่น ส่วนผสมของขมิ้น จะช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำ� บนใบหน้า พอผมสอนเขาทำ�สบู่ได้ และลองนำ� ไปใช้ ปรากฏว่าหน้าใสขึน้ ฝ้ากระลดลงอย่างเห็น ได้ชัด เพราะสบู่ล้างหน้าโดยทั่วไป เขาจะใส่ขมิ้น ลงไปไม่เกิน 3-4 เปอร์เซ็นต์ของเนื้อสบู่ อย่างดี ที่สุด คือ 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ของเราใส่ขมิ้นไป 30 เปอร์เซ็นต์ แถมยังเป็นการสกัดอย่างเข้มข้นอีก ต่างหาก รอยสิว รอยฝ้า รอยขีดข่วนบนใบหน้า หายไปได้ผลอย่างแน่นอน เพราะเราใช้มากกว่าที่ ขายโดยทั่วไปถึง 10 เท่า “และในช่ ว งที่ เดิ นทางไปจั ง หวั ด น่ า นเพื่ อ สำ�รวจพื้นที่ ตอนนั้นเป็นหน้าหนาว ซึ่งคนอาจจะ
เป็นหวัดกันมาก และถูกแมลงสัตว์กัดต่อย ก็เลย คิ ด อี ก หนึ่ ง ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ขึ้ น นั่ น คื อ เที ย นนวด (Massage Candle) ซึ่งเป็นเทียนที่มีคุณประโยชน์ 3 ด้าน คือ เป็นเทียนอโรมาที่จุดแล้วปล่อยนํ้ามัน หอมระเหยออกมา เป็นเทียนที่ประดับตกแต่ง ห้อง และเป็นเทียนที่สามารถนำ�นํ้ามันมานวด มีสรรพคุณคล้ายยาหม่องได้ด้วย เราก็เลือกแต่ สิ่งที่ดีที่สุดมาทำ� เช่น ใช้ขี้ผึ้งออร์แกนิกแท้ ใช้ ไขถั่วเหลืองแทนไขสัตว์ เพราะไขถั่วเหลืองจะมี จุดหลอมละลายเร็ว ทำ�ให้สว่ นประกอบ เช่น ไพล จะออกมาเป็นนํ้ามันใช้นวดตัวได้เร็ว และไม่ร้อน จนเกินไป ผมก็นำ�ความรู้เหล่านี้เข้าไปสอนกลุ่ม แม่บ้านที่จังหวัดน่านให้พวกเขาลองทำ�กันดู “แต่ ป รากฏว่ า การทำ � โครงการในปี นี้ ไม่ประสบความสำ�เร็จเหมือนปีที่แล้ว กลายเป็น เมือ่ เราทำ�เสร็จแล้วขายไม่คอ่ ยได้ หักทุกอย่างแล้ว ได้กำ�ไรเพียง 20,000 บาท ซึ่งไม่พอที่จะแบ่งปัน ให้กบั ทางโรงเรียน เหลือเป็นผลิตภัณฑ์ทง้ั เทียนนวด สบู่ ชาตะไคร้ เต็ ม สต็ อ กไปหมด ซึ่ ง ผมก็ มองว่าโดยส่วนหนึ่งอาจเป็นความผิดของตัวเอง ที่ทำ�ผลิตภัณฑ์ออกมาค่อนข้างช้า คือช่วงปลาย เดือนมกราคมแล้ว ลูกค้าจะซือ้ ไปให้เป็นของขวัญ ปีใหม่กท็ �ำ ไม่ได้เหมือนปีทแี่ ล้ว เพราะผ่านเทศกาล ไปแล้ ว สุ ด ท้ า ยประธานรุ่ นที่ เรี ย นมาด้ ว ยกั น คุณแหม่ม กัลยาณี คงสมจิตร ผูอ้ �ำ นวยการบริษทั
ทีเคเค คอร์ปอเรชัน่ จำ�กัด ก็รบั ซือ้ ไปทัง้ หมด เราก็ นำ�เงินทีไ่ ด้มาไปมอบให้กบั แต่ละโรงเรียนอีกครัง้ ” ถึงแม้โครงการ Cha-rity ในปีทีส่ องจะประสบ ปัญหามากบ้างน้อยบ้าง แต่คณ ุ พสุ ก็ยงั มีความฝัน อีกหนึ่งความฝันรออยู่ข้างหน้า ซึ่งคุณพสุบอกว่า เขากำ�ลังศึกษาและเตรียมงานอยู่ เพื่อเดินทาง ไปยังเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้ “การทำ�โครงการในปีที่สองนี้ทำ�ให้ผมมอง เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างหนึ่งคือ เราไม่สามารถ ไปบังคับให้คนมาซื้อของของเราพร้อมกันทีเดียว ได้ ทุกคนรู้ว่าการทำ�บุญเพื่อช่วยเหลือเป็นเงิน ให้กับเด็ก ๆ เป็นเรื่องที่ดี แต่เราไม่สามารถไป บังคับให้ทุกคนมาทำ�บุญพร้อม ๆ กันในช่วงเวลา เดียวกันได้ ผมจึงลองไปศึกษาเพิ่มเติมจนกระทั่ง พบว่า การทำ�ธุรกิจเพื่อสังคม Social Enterprise มีหลักที่น่าสนใจอยู่ 2 อย่าง คือ Non-Profif t และ For-Profif t Non-Profif t ก็คอื ไม่เอากำ�ไร คล้าย ๆ กับ มูลนิธิ แต่บริหารในรูปแบบของบริษัท ส่วน ForProfif t คือ การทำ�งานที่จ้างคนเก่ง คนดีมาทำ�งาน เพื่อสังคมให้กับเรา โดยเขาจะได้รับค่าตอบแทน อย่างเหมาะสม เพราะคนเก่ง คนดีเหล่านี้ก็มี ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของแต่ละคน ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ จะต้องได้รับค่าตอบแทนในจำ�นวนที่ค่อนข้างสูง เพือ่ ทีจ่ ะทำ�งานได้อย่างภาคภูมใิ จ มีศกั ดิศ์ รีพอทีจ่ ะ ไม่คอร์รปั ชัน มองเห็นแนวทางในการช่วยเหลือเป็นหลัก
ทำ�เพื่อสังคม เพื่อประเทศชาติ และการทำ�งาน ของเราจะมุ่งไปยังเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้ได้อย่าง ตรงจุด สามารถพูดได้เต็มปากว่าเงินทีค่ ณ ุ ซือ้ สินค้า ของเราไปนัน้ หลังจากหักค่าใช้จา่ ยแล้ว ส่วนหนึง่ มอบให้กบั ทีน่ นั่ ทีน่ ี่ เพือ่ เป็นการทำ�บุญ และบริษทั ของเราก็สามารถนำ�เข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ด้วย “ผมเคยคิดเล่น ๆ ว่าจะทำ�ให้ประเทศของเรา กลายเป็นเจ้าแห่งชา มีผลิตภัณฑ์ทภ่ี ายในหนึง่ กล่อง ประกอบด้วยชาทั้งหมด 30 ชนิด ขายกล่องละ 10,000 บาท ซึ่งชาแต่ละชนิดได้วัตถุดิบมาจาก โรงเรียนทั้งสิ้น 30 โรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นชาตะไคร้ ชากุหลาบ ชามะลิ ชาอู่หลง เป็นชาออร์แกนิกที่ มีใบรับรองคุณภาพ เพียงคุณอุดหนุน 1 กล่องนี้ คุณจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยโรงเรียนยากจนทั้ง 30 โรงเรียนทั่วประเทศ นี่คือความฝันคร่าว ๆ ที่ผม อยากจะทำ�ออกมาให้ได้ในรูปแบบนี้ แต่ตอนนี้ ก็ยังคงเป็นแค่เพียงแนวคิดเท่านั้นยังไม่ได้ลงมือ ทำ�จริง เพราะตอนนี้ผมก็มีอาชีพหลักของตัวเอง อยู่ คือ ขายนํ้าผลไม้ จากผลมัลเบอร์รี ต้องไป ออกงานออกบูธตามทีต่ า่ ง ๆ ต้องดูแลสวนอีก ไม่มี เวลาที่จะลงมือทำ�จริงจัง ครั้นจะมอบแนวคิดนี้ ไปให้คนอื่นลองทำ� ก็กลัวว่าจะไม่เป็นไปอย่าง ที่เราตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก แต่ก็ยังเป็นความฝันที่ผม อยากจะทำ�ให้กลายเป็นความจริงอยู่ครับ” happy+ | 53
family in love เรื่อง : ดร. วีรณัฐ โรจนประภา
หมอความ
ยุคนี้มีคนหันกลับไปทำ�การเกษตรกันมาก บางคนมีพ้ืนเพเป็นชาวไร่ ชาวนาอยู่แล้ว แต่ด้วยค่านิยมเลยมุ่งเข้ามาหางานทำ�ในเมืองหลวง พอ เศรษฐกิจยํา่ แย่กก็ ลับไปหากลิน่ ดิน ไออุน่ จากบ้านเกิด ขณะทีบ่ างคนเป็นคนเมืองมาแต่เกิด ใช้ชวี ติ ตามวิถที นุ นิยมเต็มรูปแบบ แข่งกันเรียน แข่งกันแย่งตำ�แหน่ง แข่งกันแสวงหาเงินทองอย่างมุ่งมั่นด้วย ความเชือ่ ว่านัน่ คือ ทางแห่งความสุข สุดท้ายเมือ่ ได้เรียนรูว้ า่ นัน่ คือวิถแี ห่งทุกข์ ก็ขอโบกมือลา ทีน่ า่ สนใจคือ หลายคนในบางครัง้ นัน้ ดำ�เนินวิถแี ห่งทุกข์มาจน รํา่ รวยเงินทอง ชือ่ เสียง เกียรติยศ แต่ดว้ ยปัญญาอันยิง่ ใหญ่ จึงเห็นว่าวิถนี น้ั ไม่ใช่ทาง ยอมสละความสบายไฮเทคออกไปลำ�บากกาย หลังสูฟ้ า้ หน้าสูด้ นิ แต่แสนสุขใจกับธรรมชาติ แต่มใิ ช่วา่ ทุกคนจะต้องไปทำ�ไร่ไถนากันถึงจะสุขนะครับ ใครทำ�อาชีพใด ก็ได้ ขอให้เป็นอาชีพสุจริตทีไ่ ม่ไปเบียดเบียนใคร และทำ�บนพืน้ ฐานของหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทำ�การทำ�งานตนด้วยความมีเหตุมผี ล ไม่ใช้ อารมณ์ในการตัดสินใจ ทำ�ด้วยความพอประมาณ ไม่โลภจนหน้ามืดตามัว และไม่ตระหนีจ่ นกลายเป็นอุปสรรค ทำ�ด้วยความมีภมู คิ มุ้ กัน มองอนาคตข้างหน้า และหาทางป้องกันในกรณีมีอะไรผิดพลาด ที่สำ�คัญต้องทำ�บนพื้นฐานของ
54 | happy+
การมีความรูใ้ นการงานอาชีพของตนอย่างถ่องแท้รอบด้าน และทำ�ทุกสิง่ อยูบ่ น พืน้ ฐานของความมีคณ ุ ธรรม ซือ่ สัตย์ สุจริต มีความอดทน รอผลจากเหตุได้ ทำ�ได้เช่นนีจ้ ะอยูใ่ นแวดวงใดชีวติ ก็จะมีความสุขอย่างยัง่ ยืน ไม่เว้นแม้แต่อาชีพ ทีน่ า่ จะเป็นหนึง่ ในอาชีพทีร่ อ้ นทีส่ ดุ อย่าง “หมอความ” หรือทนายความด้วย ทีห่ ยิบยกอาชีพนีม้ ากล่าวถึงก็เพราะสังเกตว่า ในระยะหลังสังคมเรานิยม การฟ้องร้องมากขึน้ กว่าเดิม ก็อยากทีจ่ ะเสนอข้อคิดไว้ให้กบั ผูท้ เ่ี กีย่ วข้องทัง้ กับ ผูท้ ม่ี อี าชีพโดยตรงคือ ทนายฝ่ายผูถ้ กู ฟ้องและฝ่ายผูฟ้ อ้ ง ด้านทนายนัน้ แม้จะเป็นอาชีพทีท่ �ำ เงินมหาศาลโดยเฉพาะในประเทศเจริญแล้ว ที่เขานิยมฟ้องกัน แต่ก็ต้องแลกกับการต้องคลุกคลีอยู่กับความขัดแย้ง เวลาเกือบทัง้ หมดถูกใช้ไปกับการเผชิญหน้าหํา้ หัน่ กัน จนอาจสะสมบ่มเพาะ จนชีวติ เร่าร้อนแห้งแล้งไปด้วย การทำ�งานจึงต้องระลึกไว้เสมอทีจ่ ะน้อมนำ�ทำ� ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะพืน้ ฐานแห่งคุณธรรม ไม่ใช้ วิชาชีพเพือ่ ประโยชน์ตน คอยแต่มงุ่ หาช่องโหว่มาหลอกล่อเอาเปรียบกัน แต่ ใช้อาชีพตนเพือ่ จรรโลงไว้ซง่ึ ความยุตธิ รรมให้เกิดขึน้ แก่คกู่ รณี ไม่มองอีกฝ่าย เป็นศัตรู มองทุกคนเป็นเพือ่ นร่วมโลก เพือ่ นร่วมทุกข์ แต่ทต่ี อ้ งมาต่อสูก้ นั ใน วิถนี ้ี ก็เพือ่ ให้ได้ขอ้ สรุปออกมาให้แต่ละฝ่ายได้เดินต่อกันได้ เช่นนีจ้ ากร้อนก็
จะกลายเป็นเย็นไปในทันที ส่วนฝ่ายของผูถ้ กู ฟ้องก็ตอ้ งทำ�ใจครับ ถ้าเป็นความจริงก็ยอมรับความจริง เพือ่ รับผลทีต่ นก่อแม้จะต้องทุกข์กายจากบทลงโทษ แต่จะสุขใจจากความอิสระ ทีไ่ ม่ตอ้ งหลบซ่อนอีกต่อไป ส่วนถ้าไม่จริงหรือเราเชือ่ ว่าไม่จริง ก็ปล่อยให้กลไก ดำ�เนินไปตามครรลอง ผลเป็นอย่างไรย่อมเหมาะแก่การกระทำ�ของเรา ทีอ่ าจ ทำ�มานานมาก ๆ จนสมองนีจ้ �ำ ไม่ได้แล้ว ขณะในส่วนของผูฟ้ อ้ งนัน้ เป็นเรือ่ งทีน่ า่ นำ�มาถกตัง้ แต่การตัดสินใจว่าจะ ฟ้องหรือไม่กนั เลย โดยเฉพาะในระยะหลังสังเกตได้ถงึ กระแสการฟ้องกันใน บ้านเราทีท่ วีขน้ึ มาก บางกรณีรสู้ กึ ว่าเกินความพอดีไป จนเกรงว่าสังคมแห่ง ความเห็นอกเห็นใจ ให้อภัย ให้โอกาสของเราจะจางหายไปด้วย อดีตเคยได้ยนิ ผูเ้ ฒ่าผูแ้ ก่สอนลูกหลานว่า ทีเ่ ราปลูกผัก ปลูกถัว่ ไว้หากมี ใครมาขโมยไปกินก็ไม่ตอ้ งไปฟ้องเอาความเขานะ ถ้าเป็นสัตว์มาเอาก็ถอื ว่า ทำ�บุญไป หากเป็นคนมาขโมยก็ถอื ว่าทำ�ทานไป เพราะถ้าเขามีเขาคงไม่มา ขโมยเราหรอก นีแ่ หละครับ คนรุน่ ก่อนมักสอนกันเช่นนี้ เราเลยไม่มคี า่ นิยมการฟ้องติดตัวมา เราถือโอกาสที่คนมาเอาเปรียบเรานี้ให้เป็นความได้เปรียบของเราเอง คือ
ได้เปรียบในระดับของจิตใจที่ยกสูงขึ้น ไม่หวง ห่วง แทนที่จะมุ่งคิดถึงแต่ ทรัพย์สนิ ของตัว ใครจะมาละเมิดของเราไม่ได้ ต้องใช้กฎหมายมาจัดการจน ใจตนร้อนรนกระวนกระวาย ก็หนั มามุง่ คิดถึงคุณธรรมภายในของตัวแทน ใช้ โอกาสนีฝ้ กึ ฝนจิตใจตน บ่มเพาะความเมตตา กรุณาแก่คกู่ รณี ถือว่าทำ�บุญทำ� ทานกันไป หรือคิดว่าเป็นเวรกรรมทีต่ อ้ งชดใช้กนั ไปให้หมด จะได้ไม่ตอ้ งผูกเวร ตามไปใช้กนั ชาติหน้าอีก คิดได้เช่นนีก้ จ็ ะทำ�ให้ใจเราสงบ เปิดกว้าง มีความสุข ในทันทีโดยไม่ตอ้ งรอตำ�รวจไปจับขโมยได้ แต่ไม่ได้วา่ ไม่ให้ฟอ้ งแล้วยกเป็นหน้าทีข่ องกรรมไปเสียทัง้ หมด หรือไม่ใช่ ให้ดดู ายนะครับ ทรัพย์ทเ่ี ราเหนือ่ ยยากทำ�มาต้องรักษาให้ดที ส่ี ดุ หากพิจารณา ด้วยเหตุและผลแล้วจำ�เป็นต้องฟ้องกันจริง ๆ ก็ตอ้ งฟ้อง เพียงแต่ตอ้ งวางใจให้ดี ว่าฟ้องไปเพือ่ ประโยชน์ของคนอืน่ ทีเ่ กีย่ วข้อง รวมถึงเพือ่ ประโยชน์แก่ตวั เขาเอง ในภายภาคหน้า ให้เขาได้เข็ดหลาบ ไม่กล้าทีจ่ ะกระทำ�ผิด ก่อบาปกรรมให้ แก่ตวั เองอีก ไม่ใช่ฟอ้ งด้วยความแค้น หากเปรียบก็เหมือนคำ�เปรยโบราณว่า รักวัวให้ผกู รักลูกให้ตี ทำ�ได้เช่นนี้ ไม่ว่าจะอยู่ท่ไี หน จะอยู่กับธรรมชาติการเกษตร หรือจะอยู่กับสิ่งปลูกสร้าง ไฮเทค ชีวติ เราก็จะสุขจากความพอเพียงอย่างเพียงพอครับ
ติดตามบทความและข้อคิดการใช้ชีวิตได้ที่ Fanpage : Kid-Mai by Dr.Veeranut Line @ : @dr.veeranut happy+ | 55
นัดพบกับธรรมะ เรื่อง : ณัฐพบธรรม
หน้ากากทุเรียน หน้ากากจิงโจ้ สำ � หรั บ ผู้ ที่ ส นใจก็ ค งเข้ า ใจว่ า หน้ า กาก ทุเรียนหน้ากากจิงโจ้เกี่ยวกับอะไร และในวันที่ หนังสือเล่มนี้วางแผง ก็คงทราบแล้วว่า ใครคือ หน้ากากทุเรียน สำ�หรับผู้ที่ไม่รู้จักและไม่เข้าใจ ในฐานะที่ ไม่เคยดูเหมือนกัน ผมก็ขออธิบายเท่าทีผ่ มทราบว่า หน้ า กากทุ เรี ย นหน้ า กากจิ ง โจ้ นั้ น เกี่ ย วข้ อ ง กับรายการโทรทัศน์ ทีใ่ ห้ดาราหรือนักร้องมาแต่งตัว และ “ใส่หน้ากาก” ปกปิดตัวเอง แล้วนำ�เขา เหล่านัน้ มาแข่งขันร้องเพลงแบบดวลกัน โดยผูแ้ พ้ จะต้องถอดหน้ากากออก ส่วนผู้ชนะก็จะผ่าน เข้ารอบไปเจอกับหน้ากากที่ชนะมาเช่นกัน ประเด็นทีน่ า่ สนใจก็คอื ทัง้ ผูช้ มและกรรมการ ตัดสินจะไม่ทราบว่าใครเป็นใคร ฉะนั้นกรรมการ ก็จะตัดสินตาม “ผลงาน” ซึ่งก็คือ การร้องเพลง ส่ ว นผู้ ช มก็ จ ะชื่ น ชอบและเชี ย ร์ ห น้ า กาก ที่ “ร้องเพลง” ได้ถกู ใจ ซึง่ ก็แปลว่า ความชืน่ ชอบ และชื่ น ชมถู ก ตั ด สิ น โดยไม่ มี อ คติ (Bias) ไม่นำ�เอาความรู้สึกที่มีต่อผู้ที่อยู่ภายใต้หน้ากาก มาพิ จ ารณาร่ ว มด้ ว ย (เพราะไม่ รู้ ว่ า เป็ น ใคร) ซึ่งประเด็นดังกล่าวก็นำ�มาซึ่งเรื่องที่ผมอยากจะ 56 | happy+
กล่าวถึง เมื่อพูดถึงคำ�ว่าอคติ หลายคนอาจจะคิดถึง ความหมายในด้านลบอย่างเดียว แต่พระพุทธเจ้า ตรัสว่า อคติหรือความลำ�เอียงนัน้ มีสาเหตุมาจาก 4 อย่าง คือ ฉันทาคติ หมายถึง ความลำ�เอียงที่เกิดจาก ความรักใคร่ชอบพอ โทสาคติ หมายถึง ความลำ�เอียงที่เกิดจาก ความเกลียดชัง ความไม่พอใจ โมหาคติ หมายถึง ความลำ�เอียงที่เกิดจาก ความหลงผิด ลุ่มหลง ภยาคติ หมายถึง ความลำ�เอียงที่เกิดจาก ความกลัว ซึ่ ง อคติ เหล่ า นี้ จ ะทำ � ให้ เ กิ ด ความลำ � เอี ย ง ทำ�ให้เราคิดและรู้สึกกับคนคนนั้น “ผิดเพี้ยน” ไป จากความเป็นจริงที่เป็น ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีฉนั ทาคติ อันหมายถึง การมี ค วามรั ก ความชื่ น ชอบต่ อ ใครบางคน แล้ ว ทำ � ให้ เ รามี ค วามรู้ สึ ก ในด้ า นบวกต่ อ คน คนนัน้ “มากกว่าทีค่ วรจะเป็น” เช่น เราอาจชืน่ ชอบ นักร้องบางคนมากจนลำ�เอียง เลยรู้สึกว่าเขาร้อง
เพลงเพราะมาก แต่พอจับเขามาใส่หน้ากาก แล้ว ให้ร้องเพลงในรูปแบบที่ต่างไปจากเดิม ทำ�ให้ไม่รู้ ว่าเขาเป็นใคร อคติจากความชอบก็หายไป เรา จึงตัดสินตัวเขาโดยพิจารณาเรื่องการร้องเพลง ล้วน ๆ ก็ทำ�ให้พบ “ความจริง” ว่า เขาร้องเพลง ไม่เพราะเท่าไหร่ เช่นเดียวกันกับความรักที่เรามีให้คนบางคน ก็ทำ�ให้ความลำ�เอียงเกิดขึ้น ส่งผลให้เรามองเขา “ดีเกินกว่าความเป็นจริง” (เหมือนคำ�พูดที่ว่า ความรักทำ�ให้คนตาบอด) แม้เขาทำ�อะไรไม่ดีกับ คนอืน่ หรือทำ�ให้เราเสียใจเป็นประจำ� หรือเขาเป็น คนไม่มศี ลี ธรรม เราก็ยงั รัก ยังชืน่ ชม แต่ถา้ เรานำ� เอาพฤติกรรมของเขา มาเล่าใหม่โดยใช้ชอื่ สมมุติ (เหมือนใส่หน้ากากจนเราไม่รวู้ า่ เขาเป็นใคร) อคติ จากความชอบของเราก็จะหายไป เราก็จะตัดสิน เขาจากสิ่งที่เขาเป็น สิ่งที่เขาทำ�ล้วน ๆ โดยไม่ ลำ�เอียง เราก็อาจจะพบ “ความเป็นจริง” ว่า เขา ไม่ได้เป็นคนที่ดีที่น่าชื่นชมอย่างที่เราเคยคิด หรือถ้าหากเรามีโทสาคติ อันหมายถึง การ ที่เราเกลียดชังหรือไม่ชอบใครบางคน แล้วทำ�ให้ เรามีความรู้สึกในด้านลบต่อคนคนนั้น “มากกว่า
ทีค่ วรจะเป็น” เช่น เราอาจไม่ชอบหน้านักร้องบางคน มากจนลำ�เอียง เลยรู้สึกว่าเขาร้องเพลงไม่ค่อย เพราะเท่าไหร่ แต่พอจับเขามาใส่หน้ากาก แล้วให้ ร้องเพลงในรูปแบบที่ต่างไปจากเดิม ทำ�ให้ไม่รู้ว่า เขาเป็นใคร อคติจากความเกลียดทีเ่ คยมีกห็ ายไป เราจึ ง ตั ด สิ นตั ว เขาโดยพิ จ ารณาเรื่ อ งการร้ อ ง เพลงล้วน ๆ ก็ทำ�ให้พบ “ความจริง” ว่า เขาร้อง เพลงเพราะมาก แล้วเกิดความชื่นชม และตกใจ ในตอนที่ถอดหน้ากากแล้วพบว่าเป็นนักร้องที่เรา เคยเกลียด เช่นเดียวกันกับความเกลียดทีเ่ รามีให้คนบางคน ก็ ทำ � ให้ มี ค วามลำ � เอี ย งที่ ส่ ง ผลให้ เรามองเขา “แย่เกินกว่าความเป็นจริง” แม้เขาทำ�ดีกับคนอื่น หรื อ ทำ � ดี กั บ เรา หรื อ เขาเป็ น คนมี ศี ล มี ธ รรม เราก็ยังไม่ชอบเขาอยู่เหมือนเดิม แต่ถ้าเรานำ�เอา พฤติกรรมของเขา มาเล่าใหม่โดยใช้ชื่อสมมุติ อคติจากความเกลียดของเราก็จะหายไป เราก็จะ ตัดสินเขาจากสิ่งที่เขาเป็นล้วน ๆ โดยไม่ลำ�เอียง เราก็จะพบ “ความเป็นจริง” ว่า เขาเป็นคนที่ดีที่ น่าชื่นชมกว่าที่เราเคยคิด หรือถ้าหากเรามีโมหาคติ อันหมายถึง การ
ที่เราหลงผิดเข้าใจผิด หรือมีภยาคติ อันหมายถึง การที่ เรามี ค วามกลั ว เราก็ จ ะมี ค วามรู้ สึ ก ต่ อ คนคนนั้น “มากกว่าที่ควรจะเป็น” เช่น เราอาจ ไม่ รู้ ว่ า แท้ จ ริ ง แล้ ว การร้ อ งเพลงเพราะคื อ แบบ ไหน (เข้าใจผิด) พอมีนักร้องคนหนึ่งโด่งดังขึ้นมา เราก็กลัวว่าจะตกยุคหรือกลัวว่าจะแตกต่างจาก เพื่ อ น (ภยาคติ ) เราก็ เ ลยรู้ สึ ก ชื่ นชอบนั ก ร้ อ ง คนนั้นไปด้วย แต่พอจับเขามาใส่หน้ากาก ทำ�ให้ ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร และเราได้ความรู้ที่ถูกต้องว่า ร้องเพลงแบบไหนเรียกว่าไพเราะ อคติที่เคยมีก็ หายไป ก็ทำ�ให้พบ “ความจริง” ว่า เขาร้องเพลง ไม่ดีอย่างที่เราเคยชื่นชม เช่นเดียวกันกับโมหาคติหรือภยาคติที่เรามี ให้ ค นบางคน ก็ ทำ � ให้ มี ค วามลำ � เอี ย งที่ ส่ ง ผล ให้เรามองเขา “ดีหรือแย่เกินกว่าความเป็นจริง” เช่น หากเราไม่มีความรู้จากพระพุทธเจ้า ว่าการ กระทำ�แบบไหนเรียกว่าการทำ�ดี แบบไหนเรียกว่า ทำ�บาป เราก็อาจจะไม่ชอบคนแบบหนึ่ง ชื่นชอบ คนอีกแบบหนึ่งและกลัวที่จะเลิกคบหาคนแบบนี้ แต่ พ อเรามี ค วามรู้ ที่ ถู ก ต้ อ งจากพระพุ ท ธเจ้ า ความลำ�เอียงที่เคยมีก็หายไป เราก็จะตัดสินเขา
จากสิ่งที่เขาเป็นล้วน ๆ โดยไม่ลำ�เอียง แล้วพบ “ความเป็ น จริ ง ” ว่ า คนแบบไหนน่ า ชื่ น ชม คนแบบไหนทีไ่ ม่ควรจะกลัวหรือเสียดายหากต้อง เลิกคบหากับเขา ตัวเราก็เหมือนกัน เรามักจะมีอคติต่อตัวเอง ทุกคนจึงมักจะมองตัวเองดีหรือแย่กว่าความเป็น จริงที่เป็น (ส่วนใหญ่มักจะมองดีกว่าที่เป็นจริง) แต่ถ้าเรานำ�เอาพฤติกรรมของเรามาเล่าใหม่โดย ใช้ชอื่ สมมุติ (เหมือนใส่หน้ากากจนไม่รวู้ า่ เป็นใคร) ความลำ�เอียงทีม่ กี จ็ ะลดน้อยลงหรือหายไป ทำ�ให้ เราตัดสินตัวเราที่การกระทำ�ของตัวเราล้วน ๆ โดยไม่ลำ�เอียง ในตอนนั้ น เราก็ จ ะพบ “ความจริ ง ” ว่ า ตัวเราเอง เป็นคนทีน่ า่ ชื่นชมน้อยกว่าทีค่ ิดและยัง ต้องปรับปรุงตัวเองอีกมาก หรือเราเป็นคนที่น่า ชืน่ ชมมากกว่าทีเ่ ราเคยมองตัวเอง และควรภูมใิ จ ในสิ่งที่ตัวเองเป็น หน้ากากที่ทำ�ให้อคติหายไปนี่เป็นประโยชน์ จริง ๆ นะครับ อย่าลืมลองใส่ให้คนอื่นและตัวเรา เองนะครับ “ความจริง” ที่เราค้นพบ จะทำ�ให้เรา ตาสว่างและใจสงบมากขึ้นอีกเยอะเลยครับ
ถามคำ�ถาม พูดคุย หรือติดตาม ณัฐพบธรรม ได้ที่ www.Nutpobtum.com, www.facebook.com/Pobtumbook, Pobtumbook@yahoo.com happy+ | 57
wired world เรื่อง : ผมอยู่ข้างหลังคุณ
ผู้ร้าย (หรือพระเอก) ชื่อเทคโนโลยี สั ง เกตว่ า เวลามี ข่ า วอาชญากรรมที่ มี เทคโนโลยีหรือโซเชียลมีเดียเข้าไปเกี่ยวข้อง ‘สื่อ สมัยใหม่’ มักถูกมองเป็นตัวร้ายเสมอ เช่น ข่าว Facebook Live ถ่ายทอดสดการฆ่าตัวตายหรือ ถ่ายทอดสดการฆาตกรรม ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน ที่ผ่านมาในอเมริกา ทำ�ให้หลายคนเริ่มมองว่า เสรีภาพในโลกออนไลน์ กลายเป็นสิ่งที่น่าห่วง จนน่าควบคุม แต่หากมองในมุมกลับกัน คดี อาชญากรรมที่มีเทคโนโลยีเข้าไปเกี่ยวข้อง ‘สื่อ สมัยใหม่’ ก็สามารถเป็นพระเอกที่ช่วยคลี่คลาย คดีได้นะครับ เช่น กรณีของ Jane Seo Jane Seo เป็นบล็อกเกอร์จากนิวยอร์ก ที่ เขียนบทความลงเว็บไซต์ดัง ๆ หลายเว็บ เธอ เข้าร่วมการแข่งขันโปรแกรมฮาล์ฟมาราธอนชื่อ Fort Lauderdale A1A เมือ่ เดือนกุมภาพันธ์ทผี่ า่ นมา และเธอก็เข้าเส้นชัยเป็นทีส่ อง เธอควรจะได้ฉลอง ชัยชนะครั้งนี้อย่างเบิกบานใจ หากมิใช่ว่ารูปถ่าย ของเธอที่ยืนยิ้มโชว์เหรียญหลังเข้าเส้นชัยกระตุ้น ให้ Derek Murphy ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์การวิ่ง มาราธอนเกิดความสงสัยบางอย่างครับ เมื่อเขาลองซูมจ้องไปที่นาฬิกาข้อมือที่เป็น 58 | happy+
นาฬิกาแบบมี GPS ของ Jane Seo ในรูปถ่ายนั้นแล้วพบว่า นาฬิกาของเธอบอกเวลาไม่ตรงกับเวลา ของการแข่งขันอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ระยะทางที่ปรากฏในนาฬิกาคือ 11.65 ไมล์ แทนที่จะเป็น ระยะทางที่ใช้แข่งขัน 13.1 ไมล์ ทำ�ให้เขาเริ่มวิเคราะห์การวิ่งของเธอลงในเว็บ www.marathoninvestigation.com ซึ่งคุณดีเร็คที่มี ความเชีย่ วชาญทัง้ เรือ่ งการวิง่ และเทคโนโลยียงั พบอีกว่า ระยะก้าวของ Jane Seo ผิดปกติ คือ ในระยะ สิบเอ็ดกิโลเมตรสุดท้าย จังหวะการก้าววิ่ง (Pacing) ของเธอก้าวเร็วขึ้นกว่าเดิม ทั้ง ๆ ที่ส่วนใหญ่ระยะ ท้าย ๆ เป็นระยะที่นักวิ่งเริ่มล้า จะก้าวช้าลง ข้อมูลการวิ่งอีกหลายอย่างของ Jane seo ยังสามารถ ตรวจได้ผ่านข้อมูลที่เธอบันทึกลงแอพพลิเคชั่นชื่อ Strava ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่นิยมใช้ในกลุ่มนักวิ่ง ซึ่งเมื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้วปรากฏว่า เธอใช้เส้นทางลัดเป็นระยะทางหนึ่งไมล์ครึ่งครับ แถมยังใช้การปั่นจักรยานเป็นตัวช่วยอีกต่างหาก (จึงไม่น่าแปลกใจที่ข้อมูลดิจิทัลในการวิ่งของเธอ ช่วงท้ายปรากฏ Pacing ที่ผิดปกติ) ซึ่งเมื่อถูกเปิดโปง เธอก็ออกมายอมรับและขอโทษผ่านทาง อินสตาแกรมในภายหลัง ลองคิดดูซิครับ ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนมี Smartwatch ก่อนมีแอพพลิเคชั่น หรือก่อนมีนิสัย บันทึกข้อมูลชีวิตทุกอย่างลงในโลกออนไลน์ เราคงไม่สามารถจับโกหกในกรณีแบบนี้ได้ และเราก็จะ มีฮีโร่จอมปลอมหรือการหลอกลวงอีกมากมายลอยนวลในสังคม อีกตัวอย่างหนึ่งคือ คดีฆาตกรรมหญิงสาววัย 39 ปีชื่อ Connie Dabate เมื่อสองปีก่อน ที่รัฐ คอนเนตทิคตั และเพิง่ ได้รบั บทสรุปของคดีเมือ่ เร็ว ๆ นี้ เรือ่ งเริม่ ต้นจาก ในวันเกิดเหตุต�ำ รวจมาถึงบ้าน ของ Connie พบบ้านในสภาพถูกบุกรุก เธอถูกยิงตายจากปืนของสามี ส่วนสามีก็ถูกมัดอยู่กับเก้าอี้ สามีให้การกับตำ�รวจว่า Connie ถูกฆ่าโดยผู้ร้ายสวมหน้ากากที่บุกเข้ามาตอนเก้าโมงเช้า ซึ่งใน ตอนนั้นมีแต่เขากับเธอ จึงไม่มีพยานคนอื่นที่จะให้การยืนยันได้ แล้วหลังจากเกิดเหตุสองอาทิตย์ สามีของ Connie ก็โพสต์สเตตัสในเฟซบุ๊กไว้อาลัยให้ภรรยาด้วยความเศร้า
ตำ�รวจไม่สามารถสืบจนเจอคนร้าย แต่ปรากฏว่าตัว Connie กลับกลายเป็นพยานปากเอก เปล่านะครับ เธอไม่ได้เป็นวิญญาณทีม่ าให้ขอ้ มูลกับตำ�รวจ แต่เป็นข้อมูลส่วนตัวของเธอในรูปแบบดิจทิ ลั หลายอย่าง ที่ทวงความยุติธรรมให้กับ Connie คงไม่ได้คิดว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีส่วนช่วยในการ คลีค่ ลายคดีในภายหลัง เพราะเธอไม่รดู้ ว้ ยซํา้ ว่าเธอจะโดนฆ่า แต่เธอก็เหมือนเราในยุคปัจจุบนั นีแ่ หละครับ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองมากมายให้กลายเป็นข้อมูล แล้วถูกเก็บไว้ในพื้นที่ส่วนกลาง (โดยที่บาง ข้อมูลเราอาจไม่ได้ตงั้ ใจจะเก็บหรือไม่รตู้ วั ว่าบันทึกไปแล้วด้วยซํา้ ) ซึง่ บังเอิญว่าเช้าวันนัน้ Connie สวม Smartwatch ยี่ห้อ Fitbit ไปออกกำ�ลังกาย และมันก็ทำ�ให้มีการบันทึกการเคลื่อนไหวในแต่ละจุดของ เธอ รวมถึงมีการบันทึกว่า เธอยังเคลื่อนไหวในบ้านของเธอในช่วง 09.23 น. (ขัดกับคำ�ให้การของสามี ที่บอกว่าผู้ร้ายบุกเข้ามายิงตอนเก้าโมง) และระยะทางที่เธอเดินในช่วงเก้าโมงถึงสิบโมงก็ยังถูกบันทึกไว้เช่นกัน โดยข้อมูลนั้นบอกว่าเธอ เดินเป็นระยะทางมากกว่าทีล่ งจากรถแล้วเดินมาถูกยิงทีจ่ ดุ เกิดเหตุ (ตามคำ�ให้การของสามี) ถึง 10 เท่า และตำ�รวจก็ยังพบว่า ในช่วง 09.40-09.46 น. เธอยังมีกิจกรรมบนเฟซบุ๊กและโพสต์วิดีโอลงหน้าเพจ ของเธอผ่านโทรศัพท์ไอโฟนจากในบ้าน และในทีส่ ดุ เมือ่ รวบรวมกับหลักฐานอืน่ ๆ ก็สามารถจับคนร้าย ตัวจริงได้ ซึ่งก็คือ สามีของเธอเอง จากประโยชน์ของข้อมูลส่วนตัวทีเ่ ป็นดิจทิ ลั ในข่าวอาชญากรรมสองข่าวทีผ่ มยกมา น่าจะช่วยให้ เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า เทคโนโลยีหรือ Facebook Live เป็นได้ทั้งผู้ร้ายและพระเอกในคดีอาชญากรรม ดังนั้นแทนที่เราจะพยายามควบคุมหรือปิดกั้น เราน่าจะช่วยกันหาทางอยู่ร่วมกับความปกติ (Norm) ของโลกยุคใหม่ ช่วยกันปกป้องภัยที่จะเกิดขึ้น แต่ก็เรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากมัน (เช่น สอง ข่าวข้างต้นที่เป็นเครื่องมือทวงความยุติธรรม) เหมือนที่มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กตอบสนองต่อเหตุการณ์
Facebook Live เหล่านั้นด้วยการจ้างบุคลากรเพิ่ม ขึ้นอีก 3,000 คน เพื่อช่วยกันดูแลโพสต์ที่เสี่ยง ต่อความรุนแรง เช่น การฆ่าตัวตาย ฯลฯ โดยใน แถลงการณ์ของเขาใช้ค�ำ ว่า เป็นแนวทางเพือ่ สร้าง ชุมชนที่ปลอดภัย (Safe Community) มันคงยังไม่มีแนวทางที่ตายตัวหรอกครับ เพราะเรายังอยู่ในยุคที่ต้องช่วยกันคลำ�ทางตาม การเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตยุคโซเชียลมีเดีย ซึ่ง พร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน มาร์คก็คิดวิธีของ มาร์คไปในฐานะผูใ้ ห้บริการ แต่เราในฐานะผูเ้ สพสือ่ ก็ ต้ องช่ วยกั นสร้างสั งคมออนไลน์หรือโซเชียล มีเดียทีป่ ลอดภัยและน่าอยูม่ ากขึน้ ซึง่ ต้องเริม่ ต้น จากการมองมันด้วยความเข้าใจ ไม่ผลีผลาม ตัดสินโทษเทคโนโลยีแบบเหมารวม เพียงเพราะ ความผิ ด พลาดที่ ป รากฏให้ เห็ น เพี ย งไม่ กี่ ค รั้ ง (และแน่นอนว่าคงจะมีกรณีทำ�นองนี้ตามมาอีก) ไม่ร่วมกดไลค์กดแชร์ในคลิปหรือภาพข่าวรุนแรง ฯลฯ เราก็น่าจะได้ประโยชน์มากกว่าโทษอย่าง แน่นอน
ถามคำ�ถาม พูดคุย หรือติดตาม ผมอยู่ข้างหลังคุณ ได้ที่ www.facebook.com/ibehindyou, i_behind_you@yahoo.com happy+ | 59
ระหว่างทาง เรื่อง : ศศิน เฉลิมลาภ
4 คาบชีวิต (4) ฉบับที่แล้วผมเล่าเรื่องชีวิตที่ได้ทบทวนเป็น สี่คาบชีวิต ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น จนมาถึงวัยหนุ่มที่ ผมใช้ชีวิตเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเอกชน ซึง่ นอกจากการสอนหนังสือในวิชาชีพที่รํ่าเรียนมา การเป็นอาจารย์ทปี่ รึกษาชมรมทีร่ ว่ มกับนักศึกษา กลุ่มหนึ่ง ก่อตั้งงานกิจกรรมอย่างเป็นระบบที่ ไม่เคยมีมาก่อนในมหาวิทยาลัยเปิดใหม่ (ผมได้ ไปค่ายกับนักศึกษาทีน่ นั่ มากกว่าตอนเรียนหลาย เท่าเลย) การเรียนรูง้ านบริหารในสำ�นักงานกิจการ นักศึกษา การได้สอนวิชาพื้นฐาน “มนุษย์กับ สิง่ แวดล้อม” ประสบการณ์สำ�คัญสามเรือ่ งในการ ทำ�งานตอนวัยหนุ่มของผม ที่มีอิทธิพลอย่างยิ่ง ต่อการทำ�งานในวัยผูใ้ หญ่ทเี่ พิง่ ผ่านครบรอบคาบ 12 ปีมา ผมชัดเจนว่ามี 4 เรื่อง 1. เรื่องการได้สอนวิชาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม พื้ นฐาน “มนุ ษ ย์ กั บ สิ่ ง แวดล้ อ ม” ที่ ทำ�ให้ ค น ที่ ไ ม่ ไ ด้ รํ่ า เรี ย นมาทางสิ่ ง แวดล้ อ มโดยตรง อย่ า งผมได้ อ่ า นและค้ น คว้ า เรื่ อ งระบบนิ เวศ พืน้ ฐาน เรือ่ งมลพิษและการจัดการสิง่ แวดล้อมต่าง ๆ นานา แม้ไม่ลกึ ซึง้ ลงไปเหมือนคนเรียนมาโดยตรง แต่กไ็ ด้ความรูก้ ว้างขวาง ยิง่ สอนนักศึกษาทีห่ ลาก หลายปีละเป็นร้อยเป็นพันคน ทำ�ให้เราได้ทบทวน และหากรณี ศึ ก ษาแปลก ๆ ที่ เป็นของจริง ใน 60 | happy+
ประเทศมาเล่าให้นักศึกษาฟัง 2. การได้บวชเป็นพระจริง ๆ ในช่วงเวลา เพี ย งสิ บ ห้ า วั น เพื่ อ เป็ นกำ�ลั ง ใจให้ พ่ อ ที่ กำ�ลั ง ป่วย ทำ�ให้ผมได้ใช้โอกาสตอนบวช อ่านทบทวน หนังสือเล่มสำ�คัญของท่านพุทธทาส เรื่องคู่มือ มนุษย์ และได้เทียบเคียงเนื้อหาที่ไม่เข้าใจกับ หนังสือ “พุทธธรรม” ของท่านอาจารย์ประยุทธ์ ปยุตฺโต 3. การได้ ทำ�งานกิ จ กรรมกั บ นั ก ศึ ก ษา อย่ า งเข้ ม ข้ น ในเรื่ อ งการออกค่ า ยทั้ ง พั ฒ นา ชนบทและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ทำ�ได้ต่อเนื่อง ยาวนาน และมีความเป็นมืออาชีพมากกว่าตอน เรียน เรียกว่าเอาความผิดพลาดที่เคยทำ�มาแล้ว มาแก้ปัญหางานของน้อง ๆ นักศึกษา และได้ เรียนรู้ฝึกทักษะการออกไปทำ�งานติดต่อกับผู้คน มากมาย โดยเฉพาะชุมชนในชนบทและอุทยาน แห่งชาติตา่ ง ๆ และการได้ออกไปช่วยพีน่ อ้ งชุมชน ที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาต่าง ๆ และ หาข้อมูลวิชาการไปช่วยองค์กรสิ่งแวดล้อมที่เป็น NGO ในการต่อสู้ร่วมกับชาวบ้าน เช่น การฝัง กลบขยะอุ ต สาหกรรมที่ อำ�เภอปลวกแดง จนผมถึงขัน้ ว่าหานักศึกษาไปเก็บตัวอย่างนํา้ จาก นิคมอุตสาหกรรมมาศึกษาเปรียบเทียบในวิชา
โครงงาน การเก็บข้อมูลการปนเปื้อนสารตะกั่ว และสารแคดเมียมจากเหมืองแร่ รวมถึงกรณีอนื่ ๆ อีกมากมาย จนกระทัง่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แห่งชาติมาชวนไปเป็นอนุกรรมการตรวจสอบ เรื่องราวการละเมิดสิทธิเกี่ยวกับทรัพยากร ซึ่ง เกี่ยวข้องกับเหมืองแร่ แหล่งนํ้า ชายฝั่งทะเล รวมถึงมลภาวะจากอุตสาหกรรมมากมาย ได้ทั้ง ข้ อ มู ล และประสบการณ์ ก ารทำ�งานร่ ว มกั บ นักวิชาการ และ NGO รุ่นใหญ่มากมาย 4. การรับเป็นที่ปรึกษาโครงการเกี่ยวกับ การศึ ก ษาพื้ นที่ นํ้ า ท่ ว มในที่ ร าบภาคกลางให้ นักศึกษาวิศวกรรมโยธาคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ ค่อนข้างยากเกินระดับเด็กปริญญาตรี ทำ�ให้ผม ต้องลงพืน้ ทีแ่ ละช่วยรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นเรือ่ ง เป็นราวมากมาย และได้เป็นความรู้มาใช้งาน อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนในปี 2554 ในคาบชีวิตที่เป็นช่วงต่อจากวัยหนุ่มมาสู่วัย ผูใ้ หญ่พอดีตามทีผ่ มแบ่งไว้คอื อายุ 36 ผมตัดสินใจ ลาออกจากการเป็นนักวิชาการในมหาวิทยาลัย เพือ่ รับงานผูจ้ ดั การโครงการให้แก่มลู นิธสิ บื นาคะ เสถียร ที่ได้โครงการใหญ่มีทุนประมาณสามสิบ ล้าน เพื่อทำ�งานส่งเสริมวิถีชีวิตชุมชนต้นแบบ ในป่าเพื่อลดความขัดแย้งกับการอนุรักษ์ป่าของ
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชใน ผืนป่าตะวันตก โดยเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิได้นำ� ชื่อผมไปเสนอให้คณะกรรมการมูลนิธิพิจารณา เนื่องจากเคยร่วมงานกันมาในเรื่องเหมืองคลิตี้ ในป่าเมืองกาญจน์ ผมตัดสินใจรับความท้าทาย ใหญ่ เพราะรูส้ กึ ตันกับการทำ�งานพัฒนากิจกรรม นั ก ศึ ก ษาในมหาวิ ท ยาลั ย เนื่ อ งจากขาดการ สนับสนุนเรื่องสำ�คัญบางเรื่อง ชี วิ ต ใ น วั ย ผู้ ให ญ่ ข อ ง ผ ม คุ้ ม ค่ า ที่ ไ ด้ เปลี่ยนแปลงอย่างยิ่ง ผมได้ขับรถบุกป่าฝ่าดง วิ่งประสานสิบทิศกับชุมชนที่ขยายงานจากสิบ ชุมชนเป็นร้อย ๆ ชุมชน ประสานความเข้าใจ และหาทางออกเรื่องความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ ทุกระดับ ตั้งแต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ป่าที่อยู่กับ ชาวบ้านอย่างไม่ถกู กันมาตลอด พีห่ วั หน้าอุทยาน แห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 17 แห่งใน พื้นที่โครงการ จนถึงระดับผู้บริหารของกรมใน ระดับต่าง ๆ ในฤดู ฝ นที่ ร ถเข้ า ไม่ ได้ ผมได้ เดิ น ป่ า ทาง ไกลเข้าไปในหมู่บ้านชายแดนกับอาสาสมัครชาว กะเหรีย่ งหลายรอบ บางทริปไปกลับนับระยะทาง ได้เกินหนึง่ ร้อยกิโลเมตร ทีส่ ำ�คัญคือ ได้นำ�ความรู้ และประสบการณ์ ท างธรณี วิ ท ยามาประยุ ก ต์
ใช้ในการทำ�แผนที่ชุมชน การสำ�รวจข้อมูลอย่าง เป็นระบบ แต่ที่สำ�คัญคือ ประสบการณ์การเดิน สำ�รวจแบบจอมลุยที่ผ่านมามากแล้ว ทำ�ให้ไม่ เป็นภาระและได้รับการยอมรับจากคนในป่าเป็น อย่างดี ประสบการณ์ ทั้ ง หลายที่ ผ มผ่ า นมาในวั ย หนุ่มและวัยรุ่น ตลอดจนพื้นฐานวัยเด็กทั้งหมด พรั่งพรูออกมาปรับใช้อย่างมิรู้หมดสิ้น ในงาน อนุรักษ์ป่าที่ทำ�งานกับชาวบ้านและฝั่งราชการ แปลกที่ ทุ ก เรื่ อ งดู เ ป็ น เรื่ อ งใหม่ สำ�หรั บ อดี ต อาจารย์ หนุ่ มนั กวิ ทยาศาสตร์ แต่ ดูเหมื อนว่ า ทุกเรื่องผมจะมีเรื่องราวที่เคยผ่านมา ที่สามารถ แวบออกมาแก้ ไขอุ ป สรรคปั ญ หาไปได้ เ สี ย ทุ ก เรื่อง แม้แต่จุดเปลี่ยนใหญ่คือ เหตุการณ์นํ้าท่วม เมื่อปี 2554 ผมเองไม่ได้ตั้งใจจะไปเกี่ยวข้อง แต่ บังเอิญขับรถฝ่านํา้ ท่วมทุง่ ทีอ่ ทุ ยั ธานีในการออกไป ทำ�งานปกติในป่าตะวันตกของผม ทำ�ให้สังเกต เห็นแล้วว่านํา้ คราวนัน้ ไม่ธรรมดา จนมาเห็นบ้านแม่ ถูกนํ้าท่วมแบบฉับพลันที่อยุธยา ผมตัดสินใจ ค้นคว้าข้อมูลด่วน ๆ นำ�ความรูท้ พี่ อมีมาประมวล บอกเหตุเภทภัยผู้คนในปีนั้น ผมนำ�ประสบการณ์ ใ นการทำ�งานสิ่ ง แวดล้อมต่าง ๆ มาช่วยมูลนิธิสืบนาคะเสถียร
คัดค้านโครงการต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อผืนป่า สัตว์ปา่ มานับสิบเรือ่ ง โชคดีทเี่ รายังชะลอกิจกรรม ต่าง ๆ ได้เป็นจำ�นวนมาก มิเช่นนั้นป่าตะวันตก ของเราคงมีถนนตัดผ่านสองเส้นใหญ่ มีเหมืองแร่ กลางป่า มีอุโมงค์ผันนํ้าจากเขื่อนศรีนครินทร์ไป ออกจังหวัดสุพรรณบุรี และมีโครงการท่องเที่ยว มากมายเกินทีป่ า่ บางแห่งจะรับได้เกิดขึน้ ยังมินบั การเจาะช่องปรับแก้กฎหมายเพื่อใช้ป่าอนุรักษ์ ผมว่าผลงานที่ว่ามาไม่ได้เกิดจากประสบการณ์ ความรู้อย่างเดียว แต่องค์ประกอบสำ�คัญเกิด จากประสบการณ์ที่ได้ทำ�งานกับผู้คนมากมาย จนทำ�ให้สามารถพัฒนาองค์กรและทีมงานให้ เข้มแข็งจนทำ�ให้มลู นิธผิ า่ นปัญหานานัปการมาได้ ปลายคาบชีวติ วัยผูใ้ หญ่ของผม ผมตัดสินใจ รับหน้าทีเ่ ป็นประธานองค์กรอย่างมูลนิธสิ บื นาคะ เสถียร ซึง่ แน่นอนว่าในคาบชีวติ ต่อจากนีไ้ ป เรือ่ งราว ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นคงเชื่อมโยงต่อมาจากคาบ ชีวติ ก่อนเหมือนเดิม การทบทวน 4 คาบชีวติ มาถึง วันนี้ เพียงแค่มนั่ ใจว่า ผมเดินมาไม่ผดิ ทางกระมัง ครับ มองกลับไปแล้วทางทีเ่ ดินมาก็ยาวทีเดียว
happy+ | 61
take care เรื่อง : นพ.พิรัตน์ โลกาพัฒนา
ต้อหิน ภัยเงียบตัวร้าย รู้ตัวไว้ก่อนสูญเสีย แม้วา่ ดวงตาจะเป็นอวัยวะทีส่ �ำ คัญทีส่ ดุ อย่างหนึง่ ของคนเราและหลาย ๆ คนให้ความสนใจดูแลเป็นอย่างมาก แต่วา่ หนึง่ ในโรคทีห่ ลาย ๆ คน มองข้ามแต่สามารถนำ�ไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้ก็คือ โรคต้อหินนี่เอง เพราะว่าโรคนี้เป็นโรคที่มักไม่มีอาการ จะมารู้ตัวอีกครั้งหนึ่งก็เมื่อ เกิดอาการมากแล้ว จนไม่สามารถรักษาให้การมองเห็นกลับไปดีดังเดิมได้
ต้อหินคืออะไร
ต้อหิน คือ โรคที่เกิดการเสื่อมหรือเสียหายของเซลล์ประสาทบริเวณจอประสาทตาและส่วนหัวของเส้นประสาทดวงตาอันเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ทำ�ให้ เกิดการสูญเสียการมองเห็นไปทีละน้อย ซึง่ การสูญเสียการมองของโรคต้อหินนี้ เป็นการสูญเสียแบบถาวร ไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่หากสามารถตรวจ พบก่อน ก็จะสามารถชะลอหรือหยุดยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้ 62 | happy+
อาการของต้อหิน
ความดันดวงตา
ความดันของดวงตาขึน้ อยูก่ บั หลายปัจจัย โดยปัจจัยทีเ่ กีย่ วข้องกับโรค ต้อหินก็คือ การสร้างและการระบายนํ้าภายในช่องลูกตาไม่สัมพันธ์กัน โดย ปกติแล้วภายในลูกตาของคนเรา จะมีการสร้างของเหลวทีส่ ว่ นหลังของลูกตา จากนัน้ ของเหลวจะไหลผ่านบริเวณเลนส์ตามายังช่องด้านหน้า ก่อนทีจ่ ะถูก ดูดซับกลับเข้าสูก่ ระแสเลือดผ่านทางกลุม่ ของเส้นเลือดขนาดเล็ก ทีอ่ ยูใ่ กล้ ๆ ขอบของม่านตา ซึง่ หากเกิดการอุดตันของระบบทีใ่ ช้ในการระบายนํา้ หรือมี การสร้างนํ้าขึ้นมากเกินไป ก็จะทำ�ให้ความดันดวงตาสูงขึ้นได้ สมัยก่อนเวลาพูดถึงโรคต้อหินเรามักจะพูดถึงโรคที่มีความดันภายใน ลูกตาสูง โดยจะตัดค่าตัวเลขความดันที่มากกว่า 21 mmHg ว่าเป็นค่าผิด ปกติ แต่ในปัจจุบันเราพบว่า ผู้ป่วยต้อหินจำ�นวนหนึ่งจะมีความดันลูกตา ไม่สูง และมีผู้ที่ความดันลูกตาสูงโดยที่ไม่ได้เป็นต้อหิน
ต้อหินมีหลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดก็มีอาการแตกต่างกันไป โดยอาการ มักจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการเกิดความผิดปกติ ต้ อ หิ น เฉี ย บพลั น : มั ก จะเกิ ด กั บ ต้ อ หิ นที่ มี ก ารเพิ่ ม ของความดั น ภายในดวงตาอย่างเฉียบพลัน ความดันทีเ่ พิม่ ขึน้ จะไปดันบริเวณรอบดวงตา ทำ�ให้เกิดอาการปวดตา ตาแดง ลดการไหลเวียนของเลือดที่จะมาเลี้ยง เส้นประสาทดวงตา ทำ�ให้เกิดอาการตามัว มองภาพไม่ชัด นอกจากนี้ยังมี อาการปวดศีรษะ คลืน่ ไส้ อาเจียนได้ในกรณีทีเ่ ป็นมาก ๆ ผูป้ ว่ ยทีเ่ กิดต้อหิน เฉียบพลันมักจะรูต้ วั ว่าเกิดความผิดปกติ เพราะอาการมักจะเป็นมากและมี ความผิดปกติชัดเจนจนต้องไปตรวจรักษา ต้อหินเรื้อรัง : มักเกิดกับต้อหินที่มีการเพิ่มขึ้นของความดันภายใน ลูกตาอย่างช้า ๆ หรือกับต้อหินทีค่ วามดันลูกตาปกติ ทำ�ให้ไม่มอี าการเจ็บปวด ดวงตา อาการที่เป็นมักจะเป็นอาการตามองไม่ชัดและมุมในการมองหรือ ลานสายตาแคบลง แต่เนื่องจากการดำ�เนินโรคเป็นไปอย่างช้า ๆ จึงทำ�ให้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่รู้สึกถึงความผิดปกตินั้น จนกระทั่งอาการตามัวเป็นมาก หรือมีความแตกต่างกันระหว่างดวงตาจึงจะสังเกตเห็น นอกจากนีต้ อ้ หินยังมีหลายชนิด ซึง่ ในแต่ละชนิดจะมีสาเหตุและอาการ ที่แตกต่างกันไป ต้อหินปฐมภูมิ เป็นต้อหินที่เกิดภายในตัวผู้ป่วยเอง โดยไม่พบสาเหตุ อื่นชัดเจน ที่พบบ่อย คือ 1. ต้อหินมุมปิด : มีการตีบแคบลงของช่องว่างระหว่างกระจกตากับ ม่านตา ทำ�ให้ไม่สามารถระบายของเหลวภายในดวงตาได้ จนเกิดความดัน ภายในลูกตาสูง เป็นชนิดซึง่ สามารถทำ�ให้เกิดภาวะต้อหินเฉียบพลันได้บอ่ ย 2. ต้อหินมุมเปิด : ผู้ป่วยจะมีอาการจากระบบระบายของเหลว ของดวงตาที่ทำ�งานลดน้อยลง โดยไม่มีการตีบแคบของช่องว่างระหว่าง กระจกตากับม่านตา โดยมากการตีบแคบนี้มักจะค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป จนมีความดันภายในลูกตาเพิ่มขึ้นทีละน้อย และมักจะเกิดเป็นภาวะต้อหิน แบบเรื้อรัง ต้อหินทุตยิ ภูมิ เป็นต้อหินทีเ่ กิดจากการมีโรคบางชนิดของดวงตานำ�มา ก่อน จากนัน้ ความผิดปกติทเี่ กิดขึน้ ของโรคนัน้ ๆ ทำ�ให้เกิดต้อหินตามมา เช่น 1. การใช้สเตียรอยด์ : โดยพบได้ทั้งการใช้สเตียรอยด์หยอดตาหรือ แบบรับประทาน 2. เลือดออกในดวงตา : การมีเลือดออกในดวงตาโดยเฉพาะที่บริเวณ ช่องหลังกระจกตา เลือดทีอ่ อกมาสามารถไปอุดตันท่อระบายของเหลว ทำ�ให้ ความดันลูกตาสูงขึ้นได้ 3. การบาดเจ็บที่ดวงตา : ทำ�ให้เกิดแผลเป็นหรือการดึงรั้งท่อระบาย ของเหลวของลูกตา จนความดันลูกตาสูงได้ 4. ภาวะม่านตาอักเสบ : เนื่องจากม่านตาเป็นส่วนที่ติดกับท่อระบาย ของเหลวของลูกตา เมื่อมีการอักเสบก็จะทำ�ให้ส่วนนี้ทำ�งานเสียไป ซึ่ง ภาวะม่านตาอักเสบก็พบได้จากสาเหตุที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเกิดการ ติดเชื้อโดยตรง, จากโรคภูมิคุ้มกันตนเองทำ�งานผิดปกติ, การได้รับยาหรือ สารเคมีบางชนิด 5. ต้อกระจก : มักเกิดกับต้อกระจกที่เป็นมาก ๆ ทั้งนี้ยังมีโรคต้อหินอีกหลายชนิดที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ซึ่งมีราย ละเอียดปลีกย่อยลงไปอีก ทั้งในแง่สาเหตุ อาการและการรักษาซึ่งแพทย์ ผู้รักษาก็จะแจ้งในผู้ป่วยแต่ละรายไป happy+ | 63
การรักษา
1. การใช้ ย าเพื่ อ ลดความดั น ภายในลู ก ตา : โดยยาที่ ใช้ มี ทั้ ง ยา รับประทาน ยาหยอดตา (และยาฉีดในบางกรณี) โดยทั่วไปผู้ป่วยโรคต้อหิน มักจะต้องใช้ยาหยอดตาไปตลอด แม้ไม่มอี าการก็ไม่ควรหยุดเองหากแพทย์ ยังไม่สั่งหยุด 2. การใช้เลเซอร์เจาะรูม่านตา : ใช้ในกรณีต้อหินที่เกิดจากการระบาย ของเหลวจากลูกตาด้านหลังมาด้านหน้าไม่ดี 3. การผ่าตัด : การผ่าตัดในต้อหินมีหลายชนิด เช่น การผ่าตัดวาง อุปกรณ์ช่วยการระบายแรงดัน, การผ่าตัดเปิดช่องทางระบายนํ้าออกมาที่ เยื่อบุตา การรั ก ษาในผู้ ป่ ว ยต้ อ หิ น จะแตกต่ า งกั น ไปตามแต่ ล ะบุ ค คล ที่ สำ�คัญคือ เมือ่ รักษาและรูส้ กึ ว่าอาการคงทีห่ รือดีขนึ้ แล้ว ก็ยงั ต้องรักษาและ ไปตรวจตามนัดอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรหยุดยาเองหรือหยุดพบแพทย์แล้วไป ซื้อยามาใช้เองเด็ดขาด เนื่องจากหากมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอาจจะ ไม่ได้รบั การปรับเปลีย่ นการรักษา และทำ�ให้เส้นประสาทของดวงตาเสียหาย จนเกิดตาบอดได้
การตรวจวินิจฉัย
เนือ่ งจากโรคต้อหินมีสาเหตุทหี่ ลากหลายและมีการรักษาทีแ่ ตกต่างกัน การตรวจวินิจฉัยก็จะมีจุดเน้นที่แตกต่างกันไป ในที่นี้อาจจะแบ่งที่ความ เร่งด่วนของอาการ 1. ต้อหินเฉียบพลัน : ในต้อหินชนิดเฉียบพลัน อาการมักเป็นรุนแรง รวดเร็ว ความเร่งด่วนของต้อหินชนิดนี้อยู่ที่การวินิจฉัยแยกจากโรคตาชนิด อื่น ๆ และลดความดันภายในตาให้เร็วที่สุด เพื่อรักษาการมองเห็นไว้ ดังนั้น แพทย์จะถามประวัติเรื่องการมองเห็น อาการปวด ตรวจร่างกายดูลักษณะ การขยายของม่านตา มีการใช้เครือ่ งมือเพือ่ ตรวจความดันของลูกตาซึง่ มักจะ ขึน้ สูง ใช้เครือ่ งมือตรวจลักษณะการบวมของกระจกตาและมุมของกระจกตา กับม่านตา ว่ามีลักษณะที่เข้าได้กับการอุดตันหรือไม่ 2. ต้อหินเรื้อรัง : การตรวจต้อหินชนิดเรื้อรังนี้ มักจะเป็นการตรวจใน หลายแง่มมุ เพราะสาเหตุมไี ด้หลายอย่างซึง่ อาจจะทำ�ให้การรักษาแตกต่างกัน มีการตรวจสภาวะของดวงตา ได้แก่ ความดันลูกตา : เพื่อใช้ค้นหาชนิดของ ต้อหินและประเมินการรักษา, ตรวจความหนาของกระจกตา : ซึ่งมีผลต่อ การวัดค่าความดันลูกตา, การตรวจลานสายตา : เพื่อประเมินการมอง เห็นที่เหลืออยู่, ตรวจลักษณะของขั้วและจอประสาทตา ซึ่งการตรวจที่ว่านี้ มักจะมีการตรวจเป็นระยะตั้งแต่ก่อนเริ่มการรักษาและตลอดช่วงเวลาที่เริ่ม การรักษา เพือ่ ใช้เป็นข้อมูลในการปรับยาหรือเลือกการรักษาด้วยวิธกี ารต่าง ๆ นอกจากนี้ อาจจะมีการตรวจเพือ่ หาโรคอืน่ ๆ ทีอ่ าจจะเป็นสาเหตุของ ต้อหินชนิดทุติยภูมิ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาตามประวัติหรือการตรวจร่างกาย ว่าสงสัยโรคใดเพิ่มเติม 64 | happy+
การตรวจคัดกรอง
เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่เมื่อมีอาการก็หมายถึงมีการสูญเสียการมอง เห็นไปแล้ว โดยไม่สามารถย้อนคืนให้กลับมามองเห็นเหมือนเดิมได้อกี ดังนัน้ สิ่งที่ควรทำ�คือ การตรวจตั้งแต่ก่อนจะป่วยเพื่อหาว่ามีความผิดปกติที่ ทำ�ให้ต้องสงสัยว่าเป็นโรคต้อหินหรือไม่ เพื่อที่ว่าจะได้ป้องกันหรือรักษา ตั้งแต่สายตายังปกติ โดยผู้ที่ควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองต้อหิน ได้แก่ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงดังต่อไปนี้ 1. อายุมากกว่า 40 ปี 2. มีญาติสายตรงที่ป่วยด้วยโรคต้อหิน 3. มีความดันลูกตาสูงกว่าปกติ 4. มีประวัติการใช้สเตียรอยด์กิน หยอดหรือฉีด ต่อเนื่องติดต่อกันเป็น เวลานาน 5. เคยมีการบาดเจ็บรุนแรงของดวงตามาก่อน 6. มีโรคที่อาจส่งผลต่อการเกิดต้อหิน เช่น ม่านตาอักเสบ เบาหวาน ต้อกระจก สายตาสั้นหรือยาวมาก ๆ ต้อหินเป็นภัยเงียบร้ายทีค่ กุ คามสายตาและการมองเห็น ตรวจคัดกรอง ตั้งแต่วันนี้เพื่อสายตาที่ดีในวันข้างหน้าครับ
เรื่อง : นพ.ฉัตรชัย อิ่มอารมณ์ ภาพประกอบ : จัง เสนารักษ์ q&a
ปัญหาการใช้ยา
Q A
เวลาที่เรามีปัญหาเรื่องการใช้ยา ปัญหาเจ็บป่วยหรือมีอาการ เล็กน้อย (ไม่ถึงขนาดต้องพบแพทย์) มีสายด่วนหรือเว็บไซต์ ที่เราสามารถหาข้อมูลหรือปรึกษาได้หรือเปล่าคะ จะได้ไม่ต้อง ไปเสิร์ชหาข้อมูลตามอินเทอร์เน็ต ที่ไม่แน่ใจว่าถูกต้อง เชื่อถือ ได้หรือเปล่า
การเข้าถึงข้อมูลทางสุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน ต้องขอขอบคุณคุณผูอ้ า่ นทีย่ กประเด็นนีข้ นึ้ มาถามครับ เนือ่ งจากการเข้าถึง ข้อมูลปัจจุบันมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ข้อมูลที่ประชาชน เข้าถึงนั้นถูกต้องมากแค่ไหน เพราะหลายครั้งก็มีการส่งต่อข้อมูลทางการ แพทย์ที่ไม่ตรงกับหลักของวิชาการกันอย่างแพร่หลาย สำ�หรับแหล่งข้อมูลทีส่ �ำ คัญเพือ่ ต้องการสอบถามข้อมูลก็มหี ลายแหล่ง ครับ ในทีน่ จ้ี ะขอกล่าวถึงสายด่วนหรือทีเ่ ราเรียกติดปากว่า “Hot Line” เสียก่อน ที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ก็คือ สายด่วนสุขภาพจิต ที่ 1667 สายด่วนบริการ การแพทย์ฉุกเฉิน 1669 (หมายเลขนี้ไว้ใช้ขอความช่วยเหลือเมื่อเจ็บป่วย ฉุกเฉินต่าง ๆ) สายด่วนสุขภาพ 0-2590-2000 (กองสุขศึกษา กรมสนับสนุน บริการสุขภาพ) หลายครัง้ อาจจะมีรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ทเี่ ชิญบุคลากร ทางการแพทย์มาตอบคำ�ถาม ก็สามารถโทรเข้าไปสอบถามได้เช่นกันครับ
ส่วนข้อมูลจากแหล่งออนไลน์ทงั้ หลายนัน้ ก็ยงั นับว่า มีหลายแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือครับ เพียงแต่ว่าต้อง ตรวจสอบกันสักนิด ว่ามาจากแหล่งใด น่าเชือ่ ถือหรือไม่ (จากเว็บไซต์ของสถานพยาบาลก็มกั จะมีความน่าเชือ่ ถือ มากกว่าเว็บไซต์ข่าวสารทั่วไป) มีชื่อของผู้เขียนชัดเจน หรือไม่ เป็นต้นครับ
นพ.ฉัตรชัย อิม่ อารมณ์ แ พ ท ย์ ป ร ะ จำ � ห น่ ว ย ตรวจสวัสดิการสุขภาพ โรงพยาบาลรามาธิบดี happy+ | 65
ยืดเส้น ยืดสาย เรื่อง : TepiN ภาพประกอบ : giftdoii
ยืดเส้นร่างกาย ผ่อนคลายให้หลับสนิท
อาการนอนไม่หลับ หลับลำ�บากหรือหลับไม่สนิท จากความรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว ย่อมส่งผลกระทบให้รู้สึกอ่อนเพลียระหว่างวัน และ เป็นสาเหตุให้มปี ญ ั หาในการทำ�งานได้ นอกจากนีก้ ารพักผ่อนไม่เพียงพอ ยังเป็นศัตรูตวั ฉกาจต่อผิวพรรณอีกด้วย เพราะว่าการทำ�งานของผิวหนัง จะดำ�เนินไปอย่างเต็มที่ขณะที่นอนหลับ ร่างกายจะเสริมสร้างผิวและขจัดสิ่งที่เสื่อมสภาพออกไป อีกทั้งฮอร์โมนจะรักษาความเปล่งปลั่งของผิว และขับออกมาเป็นจำ�นวนมากในขณะนอนหลับ ถ้านอนหลับไม่เพียงพอ ผิวพรรณก็จะแย่ลงไปด้วย เห็นไหมคะ แค่การนอนไม่เพียงพอ ก็ทำ�ให้เกิดปัญหาทั้งสุขภาพร่างกาย และการทำ�งาน ดังนั้นเราลองมายืดเส้นยืดสายแบบง่าย ๆ เพื่อ ช่วยผ่อนคลายร่างกายให้นอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มกันดีกว่าค่ะ 66 | happy+
ท่าที่ 2
นั่งหลังตรง ยกไหล่ทั้งสองขึ้น ตั้งไว้ 5 วินาที แล้วคลายออก จากนั้น ยกแขนขวาขึ้นให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำ�ได้ และค้างไว้ 10 วินาที ก่อนสลับไป ยกแขนข้างซ้าย ค้างไว้ 10 วินาทีเช่นกัน
ท่าที่ 1
นั่งหลังตรง เอียงศีรษะไปทางขวาประมาณ 5-10 วินาที ค่อย ๆ กลับ สู่ท่าปกติ แล้วทำ�ต่อไปกับทางซ้าย หลัง และหน้าเช่นเดียวกัน สุดท้ายให้ หมุนคอไปรอบ ๆ
ท่าที่ 4
นอนราบลงกับเตียง กดปลายเท้าเข้าหาเตียงจนสุด ค้างไว้ 5-10 วินาที หลังจากที่ผ่อนแรงออกแล้วตั้งปลายเท้าขึ้นดันเข้าหาตัวจนสุด ค้าง ไว้ 5-10 วินาที ท่าที่ 3 นอกจากการผ่อนคลายร่างกายแล้ว การทำ�จิตใจให้ผ่อนคลายก็เป็น นอนราบลงกับเตียง ยกขาทั้งสองขึ้นมาเล็กน้อย แล้วยกแผ่นหลังขึ้น เรื่องสำ�คัญไม่แพ้กัน เมื่อเตรียมตัวเข้านอนแล้วต้องไม่คิดเรื่องต่าง ๆ มาก ค้างไว้ 5-10 วินาที ค่อย ๆ กลับสู่ท่าปกติ จากนั้นให้หลับตา สูดหายเข้า เกินไป ปล่อยตัวตามสบาย หรืออาจเปิดเพลงฟังเบา ๆ ก็จะช่วยให้หลับได้ ลึก ๆ เบ่งให้ท้องยกสูงขึ้น 5-10 วินาที ง่ายขึ้น ควรเข้านอนให้ตรงเวลาทุกวัน เพื่อให้ร่างกายเคยชินค่ะ happy+ | 67
HAPPY HERB เรื่อง : ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
หญ้าดอกขาว...สมุนไพรช่วยเลิกบุหรี่ การสูบบุหรี่เป็นการทำ�ร้ายหลอดเลือดทั่วร่างกายที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ และเป็นเพชฌฆาตเงียบ ที่คืบคลานนำ�โรคร้ายต่าง ๆ มาสู่ผู้สูบ เช่น หน้าเหี่ยวย่น แก่เร็ว โรคเหงือก ฟันดำ�และกลิ่นปาก เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ สมองเสื่อม อัมพฤกษ์อัมพาต ถุงลมโป่งพอง มะเร็งปอด หัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจตายและหัวใจวาย ถึงเวลาแล้วที่คุณควรเลิกบุหรี่ ก่อนที่โรคเหล่านี้จะตามมา ก่อนที่อะไร ๆ จะสายเกินไป และหากคุณกำ�ลังมองหาตัวช่วยในการเลิกบุหรี่ เรา มีสมุนไพรมาแนะนำ�...ไปทำ�ความรู้จักกับหญ้าดอกขาวกันค่ะ
หญ้าดอกขาว มีชื่อเรียกอื่น ๆ ว่า หญ้าหมอน้อย หญ้าสามวัน ก้านธูป หญ้าละออง เป็นวัชพืชชนิดหนึ่งที่ขึ้นตามกอหญ้า ทุ่งหญ้า สามารถพบเห็น ได้ทุกภาคของประเทศไทย ในสมัยโบราณใช้ต้นต้มนํ้ากินแก้ไข้ แก้ปวดท้อง แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ปัสสาวะขัด รักษาอาการไอเรื้อรัง หรือนำ�ใบมาตำ�ให้ ละเอียดพอกแผล เพือ่ ช่วยสมานแผล ภายหลังได้มขี อ้ มูลการศึกษาวิจยั มากขึน้ ถึงการนำ�หญ้าดอกขาวมาใช้ในผูป้ ว่ ยทีม่ คี วามต้องการเลิกบุหรี่ ซึง่ ก็พบว่า ได้ผลดีในการช่วยเลิกบุหรี่ ตัวอย่างงานวิจัย เช่น ภญ.ฉวีวรรณ ม่วงน้อย (ดวงจร) หัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ทำ�การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของหญ้าดอกขาวกับ ยาหลอกในการลดการสูบบุหรีพ่ บว่า หญ้าดอกขาวสามารถลดการสูบบุหรีล่ งได้มากกว่ากลุม่ ควบคุม รายงานนีท้ ำ�ให้โรงพยาบาลหลายแห่งนำ�หญ้าดอกขาว ไปใช้กันอย่างแพร่หลาย งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการศึกษาสมัยใหม่ครั้งแรกของโลก เกี่ยวกับการใช้หญ้าดอกขาวเพื่อลดความอยากบุหรี่ 68 | happy+
ผศ. ดร.ศุ ภ กิ จ วงศ์ วิ วั ฒ นนุ กิ จ คณะ เภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะ ได้ทำ�การวิจยั เปรียบเทียบประสิทธิผลและคุณภาพ ชีวิตด้านสุขภาพของการใช้ชาชงหญ้าดอกขาว เทียบกับยาหลอกในการเลิกบุหรี่ ในผูป้ ว่ ยทีค่ ลินกิ เลิกบุหรี่ ณ สถาบันธัญญารักษ์ ระหว่างเดือน ตุลาคม 2548-มิถนุ ายน 2549 โดยให้ผปู้ ว่ ยในกลุม่ ศึกษาดื่มชาชงหญ้าดอกขาวครั้งละ 1 ซองต่อนํ้า 1 แก้ว (150 มิลลิลิตร) ดื่มวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 14 วัน ส่วนกลุ่มยาหลอกได้รับชาใบหม่อนชง ดื่มแทน โดยทั้งสองกลุ่มได้รับความรู้ คำ�ปรึกษา และการปฏิบัติตัว เพื่อให้เลิกบุหรี่ได้สำ�เร็จจาก ทีมแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร ผลการวิจยั พบว่า อัตราการเลิกบุหรี่อย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 12 สัปดาห์ของผูท้ ดี่ มื่ ชาชงหญ้าดอกขาวอยูท่ รี่ อ้ ยละ 28.1 ขณะที่ อั ต ราการเลิ ก บุ ห รี่ อ ย่ า งต่ อ เนื่ อ ง ภายใน 12 สัปดาห์ของผู้ท่ดี ่มื ชาชงหลอกอยู่ท่ี ร้อยละ 12.5 และอั ต ราการเลิ ก บุ ห รี่ ต ลอด 1 สัปดาห์ก่อนวันประเมินผลในสัปดาห์ที่ 12 ใน กลุ่มที่ดื่มชาชงหญ้าดอกขาวอยู่ที่ร้อยละ 43.8 ขณะที่อัตราการเลิกบุหรี่ตลอด 1 สัปดาห์ก่อน วันประเมินผลในสัปดาห์ที่ 12 ในกลุ่มที่ดื่มชาชง หลอกอยู่ที่ร้อยละ 21.9 ซึ่งค่าดังกล่าวได้จากการ ตรวจยืนยันระดับโคตินินในปัสสาวะ ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุม ยาสูบ (ศจย.) มหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า หาก ใช้สมุนไพรหญ้าดอกขาวติดต่อกันนาน 2 เดือน สามารถช่วยลดอัตราการสูบบุหรีไ่ ด้ถงึ 60% และ หากใช้ร่วมกับการออกกำ�ลังกาย จะสามารถ ช่วยลดอัตราการสูบบุหรี่มากขึ้น นอกเหนือจาก หญ้ า ดอกขาวจะทำ�ให้ เ ลิ ก บุ ห รี่ แ ล้ ว ยั ง ทำ�ให้ สมรรถภาพทางกายดีขึ้น เลือดจะมีคุณสมบัติใน การต้านอนุมลู อิสระเพิม่ ขึน้ ทำ�ให้ปริมาณก๊าซพิษ คาร์ บ อนมอนอกไซด์ ที่ คั่ ง ค้ า งในปอดลดลง อย่างชัดเจน มีฤทธิ์ยับยั้งการแพร่กระจายของ
เซลล์มะเร็งปอด ในหลอดทดลอง มีผลปรับปรุง เนื้ อ เยื่ อ ทางเดิ น หายใจให้ ดี ขึ้ น ในหนู ท ดลอง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ ที่ สำ�คั ญ คื อ ผลข้ า งเคี ย งในการเลิ ก บุ ห รี่ เช่น อาการกระวนกระวาย สมาธิแปรปรวนหรือ หงุดหงิดง่าย ก็น้อยลง โดยกลไกที่ทำ�ให้หญ้า ดอกขาวช่วยในการเลิกบุหรีไ่ ด้ มาจากสารสำ�คัญ คือ โพแทสเซียมไนเตรต ซึ่งมีฤทธิ์ทำ�ให้ลิ้นฝาด หรือชา ทำ�ให้ไม่อยากสูบบุหรี่ ซึ่งฤทธิ์ตรงนี้จึงถูก นำ�มาใช้ในคนทีต่ อ้ งการลดนํา้ หนักด้วย เพราะจะ ทำ�ให้กินอาหารอร่อยน้อยลง และยังพบว่าหญ้า ดอกขาวมีสารนิโคตินในปริมาณเล็กน้อย ทำ�ให้ ช่วยลดผลข้างเคียงในการเลิกบุหรี่ได้ ปัจจุบันหญ้าดอกขาวถูกบรรจุอยู่ในบัญชี ยาหลักแห่งชาติ ในส่วนยาพัฒนาจากสมุนไพร สำ�หรับลดความอยากบุหรี่ ในรูปแบบชาชง กิน ครั้งละ 2 กรัม ชงนํ้าร้อนประมาณ 120-200 มิลลิลิตร แช่ทิ้งไว้ 5-10 นาที ดื่มขณะอุ่น ๆ หลัง อาหาร วันละ 3-4 ครัง้ หรือในคนโบราณจะอมนํา้ ชาหญ้าดอกขาวในปากก่อนประมาณ 1-2 นาที แล้วจึงกลืน หากใครมีต้นหญ้าดอกขาว ให้ใช้ หญ้าดอกขาวมาตากแดดให้แห้ง แล้วนำ�มาต้ม ครัง้ ละ 20 กรัม หรือประมาณ 3 ต้น ต่อนํา้ 3 แก้ว หรือประมาณ 400 มิลลิกรัม ต้มจนยาเดือด หรือ จนกว่านํ้าที่ใส่ไป 3 ส่วน เหลือประมาณ 1 ส่วน รับประทานครัง้ ละ 1 แก้ว 3 เวลาหลังอาหาร หรือ เมื่อมีอาการอยากสูบบุหรี่ ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 เดือน ปัจจุบนั โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร มีการพัฒนารูปแบบยาหญ้าดอกขาว ในรูปแบบ สเปรย์พ่นปากด้วย สะดวกในการใช้และพกพา ผลการศึกษาความเป็นพิษเบื้องต้นของสาร สกัดหญ้าดอกขาว (นํ้าเคี่ยว) ส่วนต่าง ๆ ได้แก่ ดอก ก้าน ใบ และผสม (ดอก+ก้าน+ใบ) ในสัตว์ ทดลองพบว่า มีความปลอดภัยค่อนข้างสูงจาก การกินและการซึมผ่านทางผิวหนัง ไม่มผี ลต่อการ
ก่อความระคายเคืองผิวหนัง ดังนัน้ ผลิตภัณฑ์ชว่ ย การอดบุหรี่จากนํ้าเคี่ยวหญ้าดอกขาวส่วนดอก ก้าน ใบหรือส่วนผสม สรุปได้วา่ มีความปลอดภัยสูง ทั้งจากการกินและการดูดซึมทางผิวหนัง สำ�หรับข้อควรระวังการใช้ ให้ระวังการใช้ใน ผูป้ ว่ ยโรคหัวใจและโรคไต เนือ่ งจากหญ้าดอกขาว มีโพแทสเซียมสูง และมีอาการไม่พึงประสงค์ที่ อาจเกิดขึ้นได้ คือ ปากแห้ง คอแห้ง อย่างไรก็ตาม กำ�ลังใจในการเลิกบุหรี่ ทั้ง จากตัวผู้สูบเองและคนรอบข้าง รวมถึงการให้ คำ�แนะนำ�ปรึกษาจากบุคลากรทางการแพทย์ ก็ เป็นสิ่งที่จะสามารถช่วยทำ�ให้ผู้ติดบุหรี่เลิกบุหรี่ ได้อย่างรวดเร็ว และประสบความสำ�เร็จสูงใน การเลิกบุหรีอ่ ย่างเด็ดขาด โดยมีขอ้ มูลพบว่า การ หักดิบเลิกสูบบุหรี่เลย จะมีอัตราการเลิกประสบ ความสำ�เร็จกว่าการค่อย ๆ ลดจำ�นวนการสูบลง
สมุนไพรอื่น ๆ ที่ช่วยเลิกบุหรี่
1. มะนาว หั่ น มะนาวทั้ ง เปลื อ กเป็ น ชิ้ น พอดี คำ� อยากสูบบุหรี่เมื่อไรก็หยิบมะนาวที่หั่นไว้มา กินแทน 2. กานพลู นำ�ดอกกานพลูแห้งมาอม ช่วยลดความ อยากบุหรี่ และยังช่วยดับกลิ่นปาก 3. มะขามป้อมสด หยิบมาอมเคีย้ วเมือ่ อยากบุหรี่ รสเปรีย้ วฝาด จะช่วยลดความอยากบุหรี่ลงได้ 4. ใบโปร่งฟ้า เคี้ยวใบสด 1-2 ใบ ทุกครั้งที่รู้สึกอยาก สูบบุหรี่ หมอยาพื้นบ้านใช้ช่วยให้เลิกบุหรี่ เลิกเหล้า happy+ | 69
well being เรื่อง : ญาดารัตน์
ชีวิตคือการเรียนรู้ “Live & Learn” อากาศในกรุงเทพฯ เดือนเมษายนช่างร้อน อบอ้าว แต่เทียบกันไม่ได้เลยกับภาวะจิตใจของฉัน ในตอนนี้ ตลอดระยะเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ที่รอคอยแม่อยู่ที่หน้าห้องสวนหัวใจ ฉันรู้สึกว่า เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแสนจะยากเย็น... ย้ อ นกลั บ ไปเมื่ อ ครั้ ง ที่ แ ม่ เ ริ่ ม มี อ าการ ผิดปกติของหัวใจ และได้มาพบแพทย์เฉพาะทาง มี ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยมากมาย รอยจํ้าเลือด ที่แขนของแม่จากการถูกเจาะเพื่อส่งตรวจหลาย ครั้ง ผ่านมาหลายวันแล้วยังไม่จางหาย สมาชิก ทุกคนในครอบครัวพยายามส่งมอบกำ�ลังใจไป ให้คนไข้ แต่ภายในของทุกคนสุดแสนจะปั่นป่วน บางครั้งแสร้งทำ�ตัวร่าเริง เล่าเรื่องขบขัน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเสียงหัวเราะของเรานั้นช่างแปร่งปร่าเสีย เต็มประดา ช่วงที่ฉันยืนส่งแม่เข้าห้องสวนหัวใจ ผู้หญิง คนหนึ่งซึ่งจะต้องเป็นคนเข้าไปเผชิญกับสิ่งที่ไม่รู้ อยู่ภายหน้า กลับเป็นฝ่ายยิ้มและเอื้อมมาบีบมือ ให้ กำ�ลั ง ใจฉั น อุ่ น รั ก จากมื อ แม่ เป็ น สิ่ ง ที่ ช่ ว ย ยืนยันว่า ความผูกพันระหว่างแม่-ลูก เป็นสิ่งที่ 70 | happy+
งดงาม และลํ้าค่ายิ่งนักของมนุษย์ ความเมตตา และความปรารถนาดีของแม่หยัง่ รากลึก ไร้ความ ลังเลสงสัย ไร้การเก็บกักหรือเสแสร้ง... แต่ทั้งนี้ ความรักก็นำ�มาซึง่ ความทุกข์ ดัง่ คำ�พระทีก่ ล่าวไว้ เพราะทุกลมหายใจเข้า-ออกของฉัน มันไม่ไป ไหน มีแต่ความกังวล ห่วงใยวนเวียนไปมา ยิง่ พอ มีความรูเ้ ยอะก็ยงิ่ คิดเยอะ ปรุงแต่งฟุง้ ซ่าน ความ คิดลบ ๆ มาจากไหนก็ไม่รู้ แวะมาทักทายอยู่ เนือง ๆ อาทิ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการ สวนหั ว ใจเพี ย ง 1% แต่ ก ลั บ ทำ�ให้ ทุ ก คนใน ครอบครัวเกิดความวิตก เครียดมากจนขมคอ โดยที่ลืมนึกถึงว่าอีกตั้ง 99% คือ ความสำ�เร็จ ขณะรอแม่อยู่ที่หน้าห้องสวนหัวใจ ฉันได้ กลั บ มาอยู่ กั บ ตั ว เองอี ก ครั้ ง นั่ ง ทบทวนอะไร หลายอย่าง หยุดคิด หยุดมโน และเรื่องราวของ คนคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมา...(ที่มา : ความสุข ณ จุด ที่ยืน, หนุ่มเมืองจันท์) เรื่องมีอยู่ว่า ในห้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ณ ประเทศกานา ครูได้ยกกระดาษสีขาวแผ่นใหญ่ ขึ้ น มา ซึ่ ง บนกระดาษจะมี จุ ด สี ดำ�อยู่ 1 จุ ด
ที่มุมล่างด้านขวา ครูถามว่า “พวกเธอมองเห็นอะไรบ้าง” “จุดสีดำ�” พวกเด็กตะโกนตอบพร้อมกัน “ทำ�ไมไม่มีใครเห็นสีขาวบนกระดาษ พวก เธอมองเห็นแต่เพียงจุดสีดำ�เล็ก ๆ” และครูได้สอนมุมมองใหม่ให้นักเรียน ซึ่ง หนึ่ ง ในนั้ น คื อ โคฟี่ อานั น อดี ต เลขาธิ ก าร สหประชาชาติ แ ละได้ รั บ รางวั ล โนเบลสาขา สันติภาพ “นีค่ อื สิง่ ทีแ่ ย่มากของธรรมชาติมนุษย์ ไม่มี ใครเห็นด้านดีและภาพในมุมกว้างของสิ่งต่าง ๆ เลย ขอให้พวกเธออย่าใช้ชีวิตที่เหลือกับทัศนคติ แบบนี้เป็นอันขาด” ครูได้ฝากข้อคิดให้นักเรียน ข้อคิดของครูคนดังกล่าว ได้ถ่ายทอดมาถึง ฉันในตอนนี้...เมื่อชีวิตต้องเผชิญเหตุการณ์เหนือ การควบคุม มุมมองและทัศนคติเป็นเรือ่ งทีส่ ำ�คัญ มากของคนเรา คำ�สอนของพระพุทธองค์ช่วย ทำ�ให้เราได้เกิดการเรียนรู้ และอยู่กับความทุกข์ ให้เป็น เพราะทั้งหมดคือแบบฝึกหัดของชีวิต ที่ มนุษย์ทุกคนต้องพบเจอ
ใช่แล้ว! “ทุกสิง่ ล้วนไม่เทีย่ ง” และ “อุปาทาน ขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัวทุกข์ ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ” เป็นบทเรียนที่ไม่ง่ายเลย... เป็นที่ประจักษ์โดยทั่วกันว่า ในหลักคำ�สอน ของพระพุทธศาสนา หากไม่นำ�มาสู่การปฏิบัติ แล้ว เปรียบเสมือนนักรบที่มีอาวุธและคู่มือ แต่ ไม่มีทักษะ มีแต่ความหวาดกลัว และใช้อาวุธไม่ เป็น สุดท้ายก็แพ้พ่าย จากเหตุการณ์การเจ็บป่วยของแม่ในครั้งนี้ กลับทำ�ให้ฉันมองตัวเองได้ชัดเจนขึ้น เห็นเงาของ นักรบขี้ขลาดแอบหลบซ่อนอยู่ภายใน อีกด้าน หนึ่งก็ได้เห็นความรัก ความอบอุ่นของครอบครัว รวมทัง้ การได้รบั มิตรภาพทีด่ งี ามจากกัลยาณมิตร ทั้งหลาย ซึ่งตรงกับวลีหนึ่งของหนังสือ “Snow in the Summer” ที่กล่าวไว้ว่า “คุณภาพของความสัมพันธ์กับบุคคลรอบ ข้าง ทรงอิทธิพลยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของเรา” หิมะกลางฤดูร้อน “Snow in the Summer” ช่างสะดุดใจฉันในตอนนี้เสียจริง ๆ ท่ามกลาง ความทุกข์ ทีเ่ ปรียบเสมือนฤดูรอ้ น ฉันรูส้ กึ ร้อนรุม่ หงุดหงิด แต่ในทีส่ ดุ แล้ว ละอองหิมะสีขาวก็โปรย ปลิว นำ�ความฉํา่ เย็นมาให้ เพราะฉันเริม่ รูส้ กึ มีสติ
ทำ�ให้ภายในสงบลง รู้จักตัวเองมากขึ้น และเมื่อมีความรักความอบอุ่นจากครอบครัวและผองเพื่อนมา ประคองและโอบกอด ความอ่อนแอในตัวฉันก็ลดลง ณ เวลานี้ แม่กลับออกมาจากห้องสวนหัวใจแล้วด้วยความปลอดภัย และไม่มีอะไรให้น่ากังวล ความทุกข์ก่อนหน้า ที่ถาโถมเข้าใส่...ค่อยโบกมือ บ๊าย บาย จากไปอย่างช้า ๆ คลื่นความสุขกลับมา ปรากฏตัวชัดเจนขึ้น และได้เข้ามาแทนที่ ความจริงแล้วทั้งสุขและทุกข์ในตัวฉัน คงเกาะเกี่ยวกัน อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ฉันเองต่างหากที่ไม่ได้ตั้งหลัก เมื่อต้องปะทะกับความทุกข์ จึงโดนเหวี่ยงจน โซซัดโซเซ ล้มไม่เป็นท่า คงถึงเวลาแล้ว ที่ฉันต้องปรับบทบาทตนเองให้เป็นนักรบเสียที ลุกขึ้นมาฝึกปรือวิทยายุทธ์ให้ สอดคล้องกับธรรมชาติของชีวิต มิใช่มัวแต่หอบหิ้วอาวุธและคู่มือ แต่ท�ำ อะไรไม่ได้ นำ�มาใช้ไม่เป็น พอ ถึงสถานการณ์จริงกลับต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน หากชีวิต คือ การเรียนรู้ ทุกประสบการณ์ล้วนเป็นครูสอนเราให้แข็งแกร่ง และเมื่อล้มแล้ว เราต้องลุกและเดินไปข้างหน้า...วันนี้เราก้าวไปด้วยกันนะคะ Tip : “He Who Would Learn to Fly One Day Must First Learn to Stand and Walk and Run and Climb and Dance : One Cannot Fly into Flying.” - Fredrich Wilhelm Nietzche “ผู้ใดอยากจะบินได้ ต้องเริ่มเรียนรู้ที่จะยืน เดิน วิ่ง ปีน และเต้นรำ�ก่อน เพราะไม่มีใครสามารถ บินได้ในทันที” - ฟรีดริช วิลเฮล์ม นิทเช่ - (นักนิรุกติศาสตร์และนักปรัชญาชาวเยอรมัน) happy+ | 71
beauty by nature เรื่อง : ศศินี ปัญญารัตน์ ภาพประกอบ : boysandgirls www.facebook.com/boysandgirls.art
สวย เริด เชิด หยิ่ง ด้วยธรรมชาติ ตอน 12 วิธีสวยด้วยผลไม้ตระกูลส้ม
สวัสดีค่ะสาว ๆ คนสวยของดิฉันทุกท่าน ช่วงนี้อากาศที่อินเดียดีงามมากค่ะ เพราะเข้าสู่การเริ่มต้นฤดูฝนของที่นี่ ต้นไม้เริ่มผลิใบสีเขียวสวยงาม ความชื้นในอากาศกำ�ลังดี ความเย็นชื่นฉํ่าของที่นี่มีเกือบตลอดทั้งวัน อากาศเกือบหนาวช่วงเช้ามืด ทำ�ให้อากาศที่นี่ยิ่งสดชื่น ปอดของดิฉันรับออกซิเจน เต็มที่เลยละค่ะ แน่นอนว่าช่วงนี้ผิวพรรณย่อมเต่งตึง คอลลาเจนเด้งดึ๋งเป็นธรรมดา หน้าใสไร้ริ้วรอยเหี่ยวย่น ยกเว้นเวลายิ้มละค่ะ ฮา... เพื่อน ๆ อินเดียสาววัยรุ่นของดิฉันทั้งหลาย สงสัยเหลือเกินว่าทำ�ไมดิฉันดูเด็กกว่าอายุมากมาย ไม่ใช่แค่หน้าตา แม้แต่รูปร่างก็ดูเป็นสาวไม่เกิน 30 โหย...ดีใจมว้ากมากกกอะค่ะ บางคนถึงขนาดตามเข้ามาดูในห้องพักของดิฉันว่าใช้ผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง จะได้ไปซื้อตาม ถึงกับอึ้งว่าไม่มีอะไรเลย แค่ฝึก โยคะเป็นประจำ�สมํ่าเสมอทุกวัน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมต่อร่างกายจริง ๆ ที่สำ�คัญต้องอารมณ์ดี คิดบวกเข้าไว้ แต่ต้องมีสติด้วย นะคะ โลกสวยอย่างเดียวไม่ได้ค่ะ ส่วนการดูแลตัวเองให้งดงามสดใสทั้งภายในและภายนอกก็สำ�คัญเท่า ๆ กันค่ะ เคล็ดลับความสวยความงามในคราวนี้เป็น ผลไม้ตระกูลส้ม ซึ่งอุดม ไปด้วยวิตามินซีอย่างเต็มเปี่ยม แล้วยังมีทั้งแคลเซียม ไกลซีมิค และคาร์โบไฮเดรต ทองแดง ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ไทอามินหรือวิตามินบี ไรโบฟลาวิน หรือวิตามินบี 2 กรดแพนโทเทนิกหรือวิตามินบี 5 วิตามินบี 6 ไนอะซิน ไฟโตนิวเทรียน และแมกนีเซียม ที่สำ�คัญแคลอรีตํ่า และร่างกายสามารถดูดซึม พลังงานได้อย่างง่ายดายค่ะ ที่ดิฉันบรรยายสรรพคุณทั้งหลายมานี้คือ ผลไม้ตระกูลส้มหรือที่เรารู้จักกันในนามว่า “Citrus Fruits” ค่ะ Citrus Fruits จริง ๆ แล้ว เชื่อว่ามีต้นกำ�เนิดมาจากประเทศออสเตรเลียค่ะ ผลไม้ตระกูลส้มนี้มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ให้ความรู้สึกสดชื่นสุด ๆ ค่ะ ปัจจุบัน Citrus Fruits นิยมไปทั่วโลกไปแล้วละค่ะ ผลไม้ที่อยู่ในตระกูลนี้ก็มี ส้มหลากหลายชนิด เกรปฟรุต เลมอน และมะนาวนั่นเองค่ะ ทีนี้มาดูว่าทำ�ให้สาว ๆ ที่ไม่ยอมหยุดสวยอย่างพวกเรางดงามได้อย่างไร อันดับแรกเริ่มที่คุณประโยชน์ที่แสนอเมซิ่งต่อผิวพรรณก่อนเลยค่ะ 72 | happy+
เอาละค่ะ ทีนม้ี าดูคณ ุ ประโยชน์ดา้ นความงาม อันแสนอเมซิ่งแก่เส้นผมกันบ้างนะคะ
9. ดีที่สุดสำ�หรับผมแห้ง
ข้อนี้สำ�หรับดิฉันเลยค่ะ ทำ�มาส์กสำ�หรับผม โดยนำ�เกรปฟรุต เลมอน และส้ม สัดส่วนเท่า ๆ กัน มาปั่ น รวมกั น ให้ เป็ น เนื้ อ เนี ย นนุ่ ม จากนั้ นนำ � มาทาให้ทวั่ เส้นผม หมักไว้ประมาณครึง่ ชัว่ โมงค่ะ แล้วสระผมตามปกติ เท่านี้ผมของคุณก็ไม่แห้ง และสุขภาพผมสวยอีกด้วยละค่ะ อีกวิธีเป็นการดูแลหนังศีรษะให้แข็งแรง เพื่อ รากผมที่แข็งแรง ให้นำ�นํ้าเลมอนคั้นสด 1 ส่วน ผสมกับนํ้าสะอาด 3 ส่วนจากนั้นนำ�มาทาทั่ว หนังศีรษะ ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง แล้วเป่าผมให้แห้งค่ะ
10. ผมไม่ลีบแบน
1. มอบความชุ่มชื่นให้แก่ผิว
Citrus Fruits ช่วยในการทำ�ให้ผิวที่แห้งกร้าน นุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แล้วยังช่วยซ่อมแซมผิว อีกทั้งยังช่วยในกรณีที่ผิวมีปัญหา เช่น มือแตก เป็นต้น แอนติออกซิแดนต์ที่มีในผลไม้ตระกูลนี้ ช่วยเปลีย่ นแปลงเซลล์ผวิ และขจัดเซลล์ผวิ ทีต่ าย แล้วได้อย่างรวดเร็วอีกด้วยค่ะ เพียงคุณเจือจาง นํา้ เลมอนคัน้ สด นำ�มาทาบริเวณทีผ่ วิ หยาบกร้าน เช่น ข้อศอกหรือหัวเข่า แค่นี้เห็นผลแล้วค่ะ
2. โทนผิวสวย
Citrus Fruits อุดมไปด้วยวิตามิน BH ซึง่ ไม่เพียง ช่ ว ยลดคอเรสเตอรอลและไขมั น ในร่ า งกาย แต่ยังช่วยให้ผมไม่ลีบแบนแบบเห็นผลชัดเจนอีก จะสดใสอยู่ เ สมอ และดู เปล่ ง ปลั่ ง มี นํ้ า มี น วล ด้วยค่ะ แถมยังลดการหลุดร่วงของเส้นผม และ อีกด้วยค่ะ ทำ�ให้ผมเปล่งประกายเงางาม รับประทานผลไม้ 5. ลดริ้วรอยแห่งวัย ตระกูลส้มเป็นประจำ�นะคะ การศึกษาในปี 2007 พิสจู น์แล้วว่า คนทีช่ อบ 11. ต่อสู้รังแค บริโภควิตามินซีมากกว่าจะมีริ้วรอยบนใบหน้า บอดี้การ์ดประจำ�หนังศีรษะ เพียงคุณนำ�นํ้า และผิวแห้งน้อยกว่าคนที่ไม่ค่อยบริโภควิตามินซี เลมอนคั้นสด ทาถู ๆๆๆ ลงบนหนังศีรษะ ช่วย ดังนั้นเราควรบริโภคผลไม้ตระกูลส้มเป็นประจำ� แก้ ปั ญ หารั ง แค เพราะนํ้ า ผลไม้ ทำ � ให้ ก าร เพื่อลดริ้วรอยแห่งวัย และยังช่วยรักษาสีผิวให้ ไหลเวี ย นของเลื อ ดบริ เ วณหนั ง ศี ร ษะดี ขึ้ น สมํ่าเสมออีกด้วยค่ะ หนังศีรษะแข็งแรงไม่ก่อให้เกิดรังแคค่ะ
6. ช่วยให้เล็บแข็งแรง
12. รักษาผมขาว
เปลี่ ย นโทนเนอร์ ที่ คุ ณ ใช้ เป็ น ประจำ � ด้ ว ย เล็บทีไ่ ม่สวยงามหมายถึงสุขภาพทีไ่ ม่แข็งแรง เดีย๋ วนีผ้ มขาวหรือผมหงอกเป็นกันตัง้ แต่วยั รุน่ นํ้าผลไม้ตระกูลส้ม เพียง 2-3 หยด หลังจาก ด้ ว ยนะคะ ให้ เราบริ โภคผลไม้ ต ระกู ล ส้ ม เป็ น แล้วละค่ะ บริโภคผลไม้ตระกูลส้มเป็นประจำ� ออกกำ�ลังกายเป็นประจำ�ทุกวัน ผิวของคุณจะ ประจำ� เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เล็บแข็งแรงและ รั ก ษาผมขาวได้ เ ป็ น อย่ า งดี แล้ ว ยั ง ช่ ว ยให้ รู้สึกสดชื่นขึ้นอย่างทันทีเลยละค่ะ สุขภาพดีค่ะ หัวไม่ล้านอีกด้วยนะคะ
3. เท้าสวย
ผิ ว เท้ า ที่ ห ยาบกร้ า นสามารถสวยได้ ด้ ว ย เพียง ผสมนํ้ามะนาวลงในนํ้าอุ่น แช่เท้าทิ้งไว้ ประมาณ 10 นาที ขัดผิวเท้าเบา ๆ เซลล์ผิวที่ ตายแล้วจะถูกขจัดออกได้อย่างง่ายดาย แถมยัง ช่วยให้เท้าแลดูชุ่มชื้นอีกด้วยค่ะ
4. ผิวหน้ากระจ่างใส
7. เป็นสครับผิวอย่างดี
แทนที่ เราจะทิ้ ง เปลื อ กของผลไม้ ต ระกู ล ส้มทั้งหลาย ให้เรานำ�มาตากให้แห้งแล้วบดให้ ละเอียดเป็นแป้ง นำ�มาบรรจุไว้ในตลับ เวลาใช้ ให้นำ�มาผสมกับนมสด แล้วสครับผิวเป็นประจำ� ผิวจะดูผ่องใสเนียนนวลสวยทีเดียวเชียวค่ะ
8. บรรเทาผิวเสียจากสิว
ภาวะขาดนํ้ า ในร่ า งกายสามารถทำ � ให้ นำ�นํ้าผลไม้ตระกูลส้มคั้นสดชนิดใดก็ได้ค่ะ ใบหน้าดูหมองคลํา้ ได้นะคะ นํา้ เลมอนคัน้ สดช่วย มาแช่จนเป็นนํา้ แข็ง จากนัน้ นำ�มาทาให้ทวั่ ใบหน้า คุณได้เป็นอย่างดีคะ่ เพียงชุบสำ�ลีทาลงบนใบหน้า ลดรูขมุ ขนจากการเป็นสิว แล้วยังช่วยให้ผวิ สดชืน่ ทำ�เป็นประจำ�สมํา่ เสมอ คุณจะรูส้ กึ สดชืน่ ใบหน้า เปล่งปลั่งอยู่เสมอค่ะ จัดเต็มเรื่องผลไม้ตระกูลส้มกันเลยทีเดียวค่ะ เพราะทำ�ได้ง่ายแสนง่าย แค่ทานหรือทา ธรรมชาติมาก ๆ ไม่ต้องมีหลายขั้นตอนสลับซับซ้อนอะไรเลย ธรรมชาติก็ช่วยดูแลให้เราสวยงามอยู่เสมอแล้วละค่ะ ลองทำ�กันดูนะคะ ฉบับหน้า มาว่ากันด้วยทิปความงามแบบธรรมชาติ “รับประทานอย่างไรให้ลดนํา้ หนัก” แล้วยังทำ�ให้รา่ งกายแข็งแรงอีกด้วยนะคะ ฉบับนีล้ ากันไปก่อน สวัสดีค่ะคนสวย happy+ | 73
สิ่งนี้ที่เรารัก เรื่อง : Nasry ภาพ : TepiN
การเดินทาง เพื่อการสะสม “ความทรงจำ�”
บี-ณพีรา เตชาชาญ
ความทรงจำ�ดี ๆ มักเกิดขึน้ ระหว่างการเดินทาง หรื อ ท่ อ งเที่ ย ว ประสบการณ์ ที่ ได้ พ บสถานที่ ใหม่ ๆ รู้จักผู้คนต่างถิ่น ลองลิ้มชิมรสอาหาร แปลกใหม่ ลองทำ�กิจกรรมที่ไม่คุ้นเคย สิ่งเหล่านี้ ล้วนช่วยเติมเต็มชีวติ ของ คุณบี-ณพีรา เตชาชาญ นักออกแบบการเดินทางหญิงคนแรกของไทย จาก 74 | happy+
Napira Travel Stylist มาตัง้ แต่เด็ก ๆ จนถึงปัจจุบนั “การเดินทางคือการเรียนรู้ และให้สติกับบี เวลาเราไปทุกที่เราต้องมีสติกับการเดินทาง มัน ทำ�ให้บีเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว อีกทั้งยังได้ค้นหา ตัวเองด้วย ได้เรียนรู้ว่าแต่ละที่มีวัฒนธรรมแบบ ไหน มีอาหารอะไรที่อร่อย ได้เรียนรู้ว่าผู้คนเขา เป็นอย่างไร ได้ค้นหาตัวเองว่าเราชอบอะไร และ ได้เรียนรูค้ นทีไ่ ปกับเราว่าเขาเป็นคนยังไง ทุก ๆ ครัง้ ที่ บี ไ ด้ เดิ น ทางก็ มี เรื่ อ งราวประทั บ ใจกลั บ มา เสมอ เหมือนว่าการเดินทางมักจะเกิดสิ่งดี ๆ ที่ เราไม่ได้คาดคิด” นอกเหนือจาก “ภาพถ่าย” ทีเ่ ราสามารถเก็บ เป็นความทรงจำ�ได้ สิง่ ทีเ่ ตือนความทรงจำ�ได้ดคี อื ของทีร่ ะลึก เพือ่ เก็บไว้เป็นความทรงจำ�อีกรูปแบบ หนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปเราจะยังจำ�ได้ว่าเราเคยมา เยือนสถานที่นั้น ๆ แล้ว “และด้วยความที่บีเป็นคนชอบท่องเที่ยว มาตั้ ง แต่ เด็ ก พอได้ ไปที่ ไหนเราก็ จ ะซื้ อ ของที่
ระลึกในสถานที่นั้น ๆ มาเก็บไว้ บีจะชอบของที่ มีความคลาสสิกอยู่ในตัวและมีดีไซน์เก๋ ๆ รวมถึง ตุ๊กตาเป็ดต่าง ๆ ค่ะ เพราะมันน่ารักมาก พอเรา ได้มองเป็ดเราจะรู้สึกถึงความอิสระเสรี ปัจจุบัน ของที่ระลึกมีอยู่มากมายหลายแบบและมีไอเดีย แปลกใหม่อยู่เสมอ โดยเฉพาะของที่ระลึกจาก สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็จะมีความแตกต่างกัน ไป ซึ่งของที่ระลึกมักสื่อให้เห็นถึงวัฒนธรรมและ เอกลักษณ์ทสี่ �ำ คัญของสถานทีน่ นั้ ๆ ได้เป็นอย่างดี เราได้รู้ว่าเรามีความทรงจำ�จากที่ไหนบ้าง การ เดินทางแต่ละครั้งมันย่อมมีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้น เสมอ และมีเรือ่ งราวแปลก ๆ ใหม่ ๆ เกิดขึน้ สถานทีน่ ี้ เราอาจจะไปหลายรอบ แต่เราอาจจะได้ของสะสม มาแตกต่างกัน เวลาที่เรามองมัน เราอาจจะ นึกถึงเหตุการณ์ดี ๆ ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นค่ะ “ก่อนจะเริ่มสะสมอะไรเราต้องรู้ว่าตัวเอง ชอบอะไร แล้วมีใจรักตรงไหน บีว่าการเก็บอะไร มันก็เป็นสิ่งที่ดี อยู่ที่คุณค่าที่เราจะมองมากกว่า
ของที่ระลึกมักสื่อให้เห็นถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ ที่สำ�คัญของสถานที่นั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี เราได้รู้ว่าเรามีความทรงจำ�จากที่ไหนบ้าง เก็บไว้ทำ�ไม เพื่ออะไร ทุกอย่างต้องมีสาเหตุ ทุกสิง่ ทุกอย่างมันมีคา่ ในความทรงจำ�ของเราอยูแ่ ล้ว ไม่จำ�เป็นต้องมีราคาแพง แต่เป็นอะไรที่เราชอบก็ พอแล้วค่ะ อย่างเวลาบีว่าง ๆ ก็เอาของเหล่านั้น ออกมาจัดหรือเอามาดู ทำ�ให้รวู้ า่ ตอนนัน้ บีไปไหน มาบ้าง เหมือนเราได้ย้อนเวลากลับไปในที่ตรง นั้น ทุกวันนี้บีมีความสุขที่ได้ออกไปเจอโลกใหม่
และได้จดั ทริปทีต่ อบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน เหมือนเราได้สร้างความฝันแห่งการท่องเทีย่ วของ เขาให้เป็นจริง” ที่ เ ขาว่ า ความสุ ข อยู่ ใกล้ ตั ว แค่ นิ ด เดี ย วก็ คงจะจริงนะคะ เพราะความสุขสามารถเกิดขึน้ ได้ ง่าย ๆ จากการได้ใช้ช่วงเวลาดี ๆ อยู่กับสิ่งที่เรา รักและสนใจ เท่านีม้ นั ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ? happy+ | 75
travelogue เรื่องและภาพ : TepiN
1
ท่องเมืองแห่งประวัติศาสตร์ - เกียวโต หากถามถึงเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของญี่ปุ่น เกียวโตจะเป็นหนึ่งในคำ�ตอบของคำ�ถามนั้นอย่างแน่นอนค่ะ เนื่องจากเกียวโต เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นมายาวนานที่สุด คือตั้งแต่ ค.ศ. 794 จนถึง ค.ศ. 1868 ในปัจจุบันยังคงเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของประเทศญี่ปุ่น 76 | happy+
1 วัด Kinkaku-ji 2 ด้านหน้าทางเข้าวัด Kiyomizu-dera
เกียวโตเป็นจังหวัดหนึ่งในภูมิภาคคันไซที่ เต็มไปด้วยวัด ศาลเจ้า และสิ่งก่อสร้างที่มีคุณค่า ทางศิลปวัฒนธรรมที่เก่าแก่ยาวนาน และยังมี สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลาย เรา เดินทางจากโอซาก้ามาเกียวโตด้วยรถไฟชินคันเซ็น สาย Nozomi ใช้เวลาเดินทางเพียง 14 นาที ก็ถึงจุดหมายปลายทาง หลั ง จากฝากกระเป๋า กับที่ พัก ที่อยู่ไม่ ไกล จากสถานีเกียวโตแล้ว สถานที่แรกที่เราเริ่มออก เดินทางก็คอื สะพาน Sanjo O-hashi และทางเดิน เลียบแม่นาํ้ Koma โดยใช้บริการรถเมล์ ซึง่ เป็นการ เดินทางหลักของเกียวโตเลยก็วา่ ได้ เพราะเส้นทาง รถเมล์สามารถพาเราไปยังสถานทีท่ อ่ งเทีย่ วเด่น ๆ ได้เกือบทั้งหมด และมีบัตร 1 Day Pass สำ�หรับ การท่องเที่ยวเพียงใบละ 500 เยน ซึ่งใช้เดินทาง ได้ทั้งวัน ขึ้นสายรถเมล์ไหนก็ได้ที่ให้บริการใน ตัวเมืองเกียวโต บริเวณริมแม่นํ้า Koma เป็นสถานที่นั่งเล่น ชมวิว และปิกนิกทีไ่ ด้รบั ความนิยมเป็นอย่างมาก และยังเป็นหนึ่งในฉากภาพยนตร์เรื่อง Tomorrow I Will Date with Yesterday’s You อีกด้วย ในวัน อากาศดี ๆ ท้องฟ้าแจ่มใส ผูค้ นมากมายจะพากัน มาเดินเล่น นั่งเล่นริมแม่นํ้า เด็ก ๆ บางคนก็ลงไป จับปลาในแม่นํ้าเล่นกัน ช่วงเช้าจะมีคนมาวิ่ง และปั่นจักรยาน ส่วนช่วงคํ่าในเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกันยายน ร้านอาหารบริเวณริมแม่นํ้าจะ สร้างระเบียงชั่วคราวขึ้นโดยระเบียงจะยื่นออกไป ด้านนอกตัวอาคาร ใช้เป็นทีน่ งั่ รับประทานอาหาร แบบ Open Air ได้บรรยากาศริมแม่นาํ้ ลมพัดเย็น ๆ และดูแสงสีในยามคํ่าคืน ส่วนสะพาน Sanjo O-hashi เป็นสะพานที่ใช้ สัญจรไปมาตั้งแต่สมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1868) เป็นสะพานไม้ที่ได้รับการปรับปรุงมาเรื่อย ๆ ให้มี ความแข็งแรงทนทานจนมาถึงในปัจจุบนั เมือ่ เดิน เลียบข้างทางจากสะพาน Sanjo O-hashi ไปตาม แม่นํ้า Koma เรายังพอได้เห็นดอกซากุระที่บาน สะพรั่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ที่จะบานในช่วง กลางเดือนเมษายนไปจนถึงปลายเดือนเมษายน เดินเล่นอยู่สักพักก็เลือกแวะ ณ ร้านกาแฟ ชื่อดัง ที่สามารถมองวิวแม่นํ้า Koma ได้ไม่รู้เบื่อ จิบกาแฟอุ่น ๆ มองสายนํ้าที่ไหลเอื่อย มองผู้คน ที2่เดินไปมา เวลาก็ผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
2
หลังจากกาแฟหมดแก้วก็ถงึ เวลาเดินทางกัน ต่อ นั่งรถเมล์จากย่าน Sanjo ไป Arashiyama ที่ อยูท่ างตะวันตกของตัวเมืองเกียวโต ทีน่ มี่ สี ถานที่ ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออย่าง ทางเดินเลียบป่าไผ่ใน ย่านซากาโนะ (Sagano Walk & Bamboo Grove) ป่าไผ่ดังกล่าวตั้งอยู่หลังวัด Tenryuji ยิ่งเดินลึก เข้าไปยิ่งเหมือนเดินอยู่ในอุโมงค์ต้นไผ่ พอเดิน จนสุดป่าไผ่และอ้อมมาออกบริเวณถนนใหญ่ เรา จะได้พบกับร้านค้ามากมาย ที่ขายทั้งขนมพื้นถิ่น ของฝาก ของที่ระลึก สุดปลายถนนตรงสี่แยกจะ เจอกับสะพาน Togetsukyo หรือที่นิยมเรียกว่า Moon Crossing Bridge ซึง่ เป็นเสมือนสัญลักษ์ของ Arashiyama สะพานนี้มีความสวยงามเพราะอยู่ ท่ามกลางภูเขาสูงใหญ่ และทอดผ่านแม่นํ้าสาย หลักของเกียวโต เราใช้เวลานั่งเล่นอยู่ที่ริมแม่นํ้า ปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไปเรื่อย ๆ เพื่อซึมซับความ สวยงามที่จับต้องได้ด้วยสายตาจนแดดร่มลมตก แสงแดดสะท้อนผืนนํ้าเป็นประกายระยิบระยับ เมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าอากาศเริ่มหนาว จนประชากรเมืองร้อนอย่างเราถึงกับทนไม่ไหว ก็ ถึงเวลาที่ต้องกลับจาก Arashiyama กันแล้วละค่ะ
เช้าวันต่อมา หลังจากนอนหลับพักผ่อนกัน อย่างเต็มอิ่ม ก็ถึงเวลาออกเดินทางกันอีกครั้ง ท้องฟ้าวันที่สองในเกียวโตยังคงเป็นใจ ฟ้าใสไร้ หมู่เมฆ อากาศแจ่มใสสุด ๆ จุดหมายปลายทาง แรกคือ Fushimi Inari Shrine ศาลเทพเจ้าจิง้ จอก 3 ที่มีเสาโทริอิสีแดงหลายพันหลายหมื่นต้น ทอด ยาวตลอดทัง้ แนวเขา เราเดินทางไปทีศ่ าลเจ้าแห่งนี้ ด้วยรถไฟ JR เพราะสถานีรถไฟอยู่บริเวณหน้า ศาลเจ้าพอดี ช่วงที่ไปมีงานเทศกาล เลยได้เห็น ขบวนเทพเจ้าจิ้งจอก ที่กำ�ลังเตรียมตัวรอแห่รอบ เมือง และยังมีร้านค้าแผงลอยขายอาหารอยู่ข้าง ศาลเจ้าหลายสิบร้าน เดินเข้ามาด้านในศาลเจ้า ก็จะเริม่ เห็นซุม้ เสา โทริอิสีแดงเรียงรายกันอยู่ตลอดทางขึ้นเขา ทาง เดินช่วงแรก ๆ คนค่อนข้างเยอะ เนื่องจากหยุด ถ่ายรูปกันเป็นระยะ จนมาถึงทางแยกทีม่ ซี มุ้ โทริอิ สองฝั่ง ฝั่งซ้ายจะเป็นทางออก ส่วนฝั่งขวาจะ เป็นทางเดินขึ้นเขา ขึ้นไปด้านบนเขาอีกประมาณ 2 กิโลเมตรก็จะถึงยอด ใครมีคำ�อธิษฐานแรง กล้า แนะนำ�ให้ขึ้นไปขอพรน่าจะได้ผลดี หรือถ้า ใครพลังเหลือ เวลาเหลือก็ลองขึ้นไปดูค่ะ แม้จะ happy+ | 77
4
3
เหนื่อยสักหน่อยกว่าจะถึงยอดเขา แต่ก็จะได้พบ เจอกับความเงียบสงบจากจำ�นวนคนที่ลดลงไป ตามระยะทางค่ะ ระหว่างทางเดินขึน้ เขา จะมีจดุ พักทีน่ กั ท่องเทีย่ ว สามารถหยุ ด ถ่ า ยภาพวิ ว ของตั ว เมื อ งเกี ย วโต แบบพาโนรามาได้อีกด้วย ขึ้นไปจนถึงยอดเขา ใช้เวลาประมาณเกือบ ๆ สองชั่วโมง ทางเดินมี ทัง้ เป็นทางลาดและขัน้ บันได ศาลเจ้าด้านบนดูทงั้ ขลังและศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ พักเหนื่อยกันเล็กน้อยก็ เดินลงมาจากยอดเขา ระหว่างทางพอเริ่มเหนื่อย ก็หยุดแวะทีร่ า้ นริมเขา นัง่ พักจิบชา กินขนมหวาน สไตล์ญี่ปุ่น พร้อมกับชมป่า ชมเขา ชมเสาโทริอิ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
6 78 | happy+
พอตอนลงเราจะเห็นด้านหลังของเสาโทริอมิ ี ตัวอักษรญีป่ นุ่ สลักอยู่ นัน่ คือชือ่ ของคนทีบ่ ริจาคเงิน ให้ แ ก่ ศ าลเจ้ า ค่ ะ ส่ ว นเรื่ อ งราคาก็ จ ะมี บ อก ตามข้างทาง เห็นว่าต้นเล็กสุดเริ่มต้นที่ 175,000 เยนค่ะ ใครอยากมีชื่อไว้บนเสาโทริอิ ที่ศาลเจ้า แห่งนี้ ก็ลองไปบริจาคกันได้นะคะ ส่วนพวกเรา นั้น ขอตัวไปต่อที่จุดหมายต่อไปดีกว่าค่ะ เดินออกจากศาลเจ้าทางด้านหลัง แล้วขึ้น รถเมล์ไปยังสถานีเกียวโต เรือ่ งสายรถเมล์ทเ่ี กียวโต ดูไม่ยากค่ะ พอเราซื้อบัตร 1 Day Pass เขา ก็จะมีแผนที่รถเมล์มาให้เลย และรถเมล์ก็มาตรง ตามเวลาที่ บ อกไว้ เราสามารถวางแผนการ ท่องเทีย่ วอย่างละเอียดโดยไม่ตอ้ งกลัวผิดแผน จุด หมายปลายทางของเราอีกแห่งก็คือ Kinkaku-ji หรือ Golden Pavilion คนไทยเรียกกันให้เข้าใจ ง่าย ๆ ว่า วัดทอง เนือ่ งจากอาคารหลักเป็นสีทอง เกือบทัง้ หลัง ตัง้ โดดเด่นอยูก่ ลางนํา้ ทีน่ ถี่ อื เป็นอีก สัญลักษณ์หนึ่งของเมืองเกียวโตด้วยค่ะ เราต้องซื้อบัตรค่าเข้าชมด้านหน้าก่อน 400 เยน ถึงจะสามารถเข้าไปในส่วนของตัววัดได้ พอ เข้ามาด้านในเราจะได้เห็นภาพของวัดสีทองอร่าม ที่มีสวนอยู่โดยรอบ และมีเงาสะท้อนนํ้าสวยงาม
5 3 วัด Kiyomizu-dera 4 Green Tea Set 5 ดอกซากุระกำ�ลังบานสะพรั่ง 6 ทางเดินเลียบแม่นํ้า Koma 7 สะพาน Togetsukyo
7
บริเวณนี้เป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจ กันเยอะมาก แต่เดิมนัน้ สถานทีแ่ ห่งนีส้ ร้างเพือ่ ใช้เป็นบ้าน พักของท่านโชกุนอะชิคากะ โยชิมิสุ (Ashikaga Yoshimitsu) เมื่อท่านเสียชีวิตลงก็ได้ยกบ้านพัก แห่งนีใ้ ห้เป็นวัดของนิกายเซน อาคารเดิมของวัดนัน้ ถู ก ไฟไหม้ ห ลายต่ อ หลายครั้ ง ในอดี ต รวมถึ ง
8 8 ซุ้มเสาโทริอิที่ Fushimi Inari Shrine 9 เจดีย์สามยอดในวัด Kiyomiza-dera 10 ป้ายขอพร 11 สะพาน Sanjo O-hashi ยามเย็น
10
11
ในช่ ว งสงครามโอนิ น ในปี ค.ศ. 1950 เป็ น สงครามกลางเมืองที่ได้ทำ�ลายสถานที่สำ�คัญ ๆ ของเกี ย วโตไปหลายแห่ ง รวมถึ ง วั ด แห่ ง นี้ ด้วย แต่เพื่อเป็นการอนุรักษ์สถานที่สำ�คัญทาง ประวัตศิ าสตร์จงึ ได้มกี ารสร้างวัดแห่งนีข้ นึ้ มาใหม่ ในปี ค.ศ. 1955 หลังออกจาก Kinkaku-ji เราเดินทางไปต่อ ที่ Kiyomizu-dera Temple หรือทีค่ นไทยเรียกว่า วั ด นํ้ า ใส เนื่ อ งจากที่ วั ด มี นํ้า ที่ เ กิ ด ขึ้ น เองตาม ธรรมชาติจากนํ้าตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ไหลผ่าน นอกจากนี้ยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ เป็นมรดกโลก (UNESCO World Heritage Sites) อีกด้วย ค่าบัตรเข้าชมวัด Kiyomizu-dera ราคา 300 เยน สิ่งที่มีชื่อเสียงของวัดแห่งนี้คือ อาคาร ไม้ขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียวในการ ก่อสร้าง เสาของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตร
9
จากพื้นดิน และโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไป ภายนอกทำ�ให้บริเวณนีเ้ ป็นจุดชมวิวทีส่ วยงาม ใน สมัยเอโดะมีความเชือ่ กันว่า ถ้าใครกระโดดลงมา จากระเบียงสูง 13 เมตรที่วัด Kiyomizu-dera แล้ว รอดมาได้ ความปรารถนาจะเป็นจริง จากสถิติที่ เคยบันทึกไว้ในยุคเอโดะ พบว่า 85.4 เปอร์เซ็นต์ รอดชีวิตจากการกระโดด แต่ในปัจจุบันมีข้อห้าม ไม่ให้กระโดดแล้วค่ะ สำ�หรับวัด Kiyomizu-dera อาคารหลักของวัด มีการปิดปรับปรุงไปจนถึงปี ค.ศ. 2020 เพื่อ ต้อนรับโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นที่ญี่ปุ่นในปีเดียวกัน ช่วงเย็นเราแวะไปที่ย่าน Sanjo O-hashi ริม แม่นํ้า Kamo อีกครั้ง เพราะติดใจในบรรยากาศ และอยากดูแสงสีย่านนั้นในตอนกลางคืน นั่ง รถเมล์มาลงไม่ไกลจากสะพาน Sanjo O-hashi เท่า ไหร่นัก เมื่อเดินมาถึงสะพาน พระอาทิตย์ก็กำ�ลัง จะตกดิน ท้องฟ้าช่วงฤดูใบไม้ผลิถูกย้อมด้วย สีส้มอมชมพู ตัดกับภาพผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา จนแสงสีของหลอดไฟตามอาคารห้างร้านต่าง ๆ เริม่ สว่างไสว เป็นสัญญาณบอกว่า คํา่ คืนนีอ้ กี ไม่นาน ก็จะผ่านพ้นไป และการเดินทางครั้งใหม่ของเรา กำ�ลังจะเริ่มต้นขึ้นค่ะ happy+ | 79
การเดินทางของนกสีฟ้า เรื่อง : Bella
1
แวะชมพิจิตร เมืองชาละวัน หากพูดถึงจังหวัดพิจิตรหลายคนคงทำ�หน้าสงสัยว่า จังหวัดนี้อยู่ส่วนไหนของประเทศไทย เพราะไม่ค่อยคุ้นหูมากนัก พิจิตรเป็นจังหวัด เล็ก ๆ อยู่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดพิษณุโลกกับจังหวัดนครสวรรค์ ตัวเมืองอยู่ริมแม่นํ้าน่าน เป็นเมืองเก่าแก่ ตัง้ แต่สมัยสุโขทัย และทีส่ �ำ คัญมีต�ำ นานเมืองชาละวันเป็นทีก่ ล่าวขวัญ พออธิบายถึงเมืองพิจติ รมากขึน้ แล้ว หลายคนคงเริม่ รูส้ กึ คลับคล้ายคลับคลา กันบ้างแล้วใช่ไหมคะ การเดินทางของนกสีฟ้าฉบับนี้จะพาทุกท่านไปเยือนจังหวัดเล็ก ๆ ที่เงียบสงบแต่แฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งนี้กันค่ะ 80 | happy+
ครัง้ นีพ้ วกเราเดินทางออกจากตัวเมืองพิจติ ร ไปทางใต้ประมาณ 15 กิโลเมตร ก็จะถึงอำ�เภอ ตะพานหิน ซึ่งเป็นอำ�เภอที่ค่อนข้างเจริญและ คึกคักไม่แพ้ตัวเมืองพิจิตรเลย อำ�เภอตะพานหิน แห่งนีม้ โี บราณสถานทีโ่ ดดเด่นมาก นัน่ ก็คอื เจดีย์ แบบลังกาซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาที่มีหินสีขาวซ้อน ทับลงมา มองดูคล้ายช้าง ที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่า วัดเขารูปช้าง หลังจากทำ�การปฏิสังขรณ์ใหม่ เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว องค์เจดีย์มีการเคลือบ สีทอง ล้อมรัว้ และมีวหิ ารใหญ่อยูข่ า้ งเจดียอ์ งค์เก่า ภายในมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทสำ�ริด ที่ ฝาผนังมีภาพเขียนเรื่องไตรภูมิพระร่วงอีกด้วย ไม่รอช้าพวกเรารีบเดินทางต่อไปยังอำ�เภอ บางมูลนาก ไปยัง วัดสุขมุ าราม เพือ่ แวะชมความ งดงามของพระพุ ท ธไสยาสน์ ที่ มี ค วามยาว ถึง 55 เมตร ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ สร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช เนือ่ งในโอกาส เฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ซึง่ เป็นพระพุทธ ไสยาสน์ ที่ ยิ่ ง ใหญ่ ส วยสดงดงามบนพื้ นที่ ก ว่ า 40 ไร่ มีการก่อสร้างอาคารด้วยประติมากรรมที่ งดงามและสอดแทรกด้วยศิลปะร่วมสมัย เป็นที่ ฝึกสมาธิ ปฏิบัติธรรม ฝึกกรรมฐาน บริเวณโดย รอบปลูกต้นไม้นอ้ ยใหญ่นานาชนิดให้ครึม้ ร่มเย็น เพื่อให้เป็นลานปฏิบัติธรรมสำ�หรับชาวพุทธจาก
2
พวกเราเริ่มต้นการท่องเที่ยวภายในตัวเมือง กันก่อน โดยเอาฤกษ์เอาชัยด้วยการไหว้พระขอพร และสักการะหลวงพ่อเพชร ที่ วัดท่าหลวง ซึ่ง ชาวพิ จิ ต รมี ค วามเชื่ อ ว่ า หากอยากให้ พ รที่ ข อ หลวงพ่อเพชรนัน้ สัมฤทธิผล กลายเป็นจริงสมความ ปรารถนา ให้นำ�ไข่ต้มมาถวายท่านเพื่อความ เป็นสิริมงคล วัดท่าหลวง เป็นวัดสำ�คัญของจังหวัดพิจิตร ตัง้ อยูร่ มิ แม่นาํ้ น่าน ใกล้ศาลากลางจังหวัด สร้างขึ1น้ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีองค์หลวงพ่อเพชรเป็นพระประธานประดิษฐาน อยู่ในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สมั ย เชี ย งแสน มี ลั ก ษณะงดงามและมี ค วาม ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ เป็ น อั น ดั บ ต้ น ๆ ของประเทศไทย ว่าแล้วพวกเราก็ไม่รอช้า รีบเข้าไปสักการะขอพร พร้ อ มถวายไข่ ต้ ม กั น ตามวิ ถี ป ฏิ บั ติ ข องชาว
พิจิตรเขาละค่ะ หลังจากชื่นอกชื่นใจอิ่มบุญจากวัดท่าหลวง ซึง่ อยูก่ ลางใจเมืองพิจติ รแล้ว พวกเราก็เดินทางไป ต่อกันที่ บึงสีไฟ ซึ่งเป็นแหล่งนํ้าจืดขนาดใหญ่ เป็นอันดับ 5 ของประเทศ รองจากบึงบอระเพ็ด ทะเลสาบหนองหาน บึงละหาน และกว๊านพะเยา ตามลำ�ดับ ที่บึงสีไฟแห่งนี้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ สัตว์นาํ้ จืด มีศาลาเก้าเหลีย่ มซึง่ เป็นสถานทีแ่ สดง พันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งชาวพิจิตรนิยมมา นั่งเล่น เดินเล่นที่บึงสีไฟแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่พัก ผ่อนหย่อนใจทีส่ �ำ คัญ และถ้าหากมาช่วงเย็นก็จะ ได้ชมความงามยามอาทิตย์ตกดินทีส่ ถานทีแ่ ห่งนี้ กันด้วยค่ะ หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปกันพอหอม ปากหอมคอ ตื่นตาตื่นใจกับรูปปั้นจระเข้ยักษ์ ที่อ้าปากรอพวกเราอยู่ที่แห่งนี้กันเรียบร้อยแล้ว เราก็มงุ่ หน้าต่อไปยังสถานทีถ่ ดั ไปกันเลยดีกว่าค่ะ
3 1 รูปปั้นจระเข้ ณ บึงสีไฟ 2 หลวงพ่อเพชร 3 บันไดทางขึ้นวัดเขารูปช้าง happy+ | 81
4
5 82 | happy+
ทั่วโลก ที่จะมาแสวงหาความสงบร่มเย็นภายใต้ แสงเทียนแห่งธรรมะ นอกจากพระพุทธไสยาสน์แล้ว สถานทีแ่ ห่งนี้ ยังมีวิหารหลวงพ่อเขียน ธมฺมรักขิโต หรือหลวง พ่อเขียน วัดสำ�นักขุนเณร ท่านเคยจำ�พรรษา และเป็นเจ้าอาวาสที่วัดสุขุมารามแห่งนี้ ซึ่งเป็น เกจิอาจารย์ทมี่ ผี คู้ นศรัทธานับถือเป็นจำ�นวนมาก ภายในวิหารจึงมีรูปหล่อเหมือนหลวงพ่อเขียน ประดิษฐานอยู่ หลังจากตระเวนไหว้พระไป 3 วัดกันแล้ว ในช่วงเช้า พวกเราก็เริ่มจะหิวกันนิด ๆ แล้ว จึงตัดสินใจเดินทางไปหาของกินอร่อย ๆ กันที่ ตลาดเก่ า ย่ า นวั ง กรดกั น ซึ่ ง ระยะทางจากวั ด สุขมุ ารามไปยังอำ�เภอวังกรดไกลพอสมควร แต่เพราะ อยากจะลองลิม้ อาหารเด็ดทีต่ ลาดแห่งนี้ พวกเรา จึงไม่ยอ่ ท้อ ออกเดินทางกันไปยังตลาดแห่งนี้ โดย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงถึงที่หมาย และก็ไม่ ผิดหวังเพราะที่ ตลาดเก่าวังกรด นั้นมีทั้งขนม ของกิน งานพื้นบ้านมากมายให้เราได้เลือกสรร ได้เดินชม เดินช้อปกันอย่างจุใจ แต่สำ�หรับใครที่ อยากมาที่ตลาดแห่งนี้ ขอบอกว่าเขาเปิดเฉพาะ วันเสาร์เท่านั้น และที่สำ�คัญ ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊ลั้ง
วังกรดก็อร่อยมากสมคำ�รํ่าลือค่ะ หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้า ขึ้นเหนือไปอีกหน่อย ไปยังอำ�เภอท่าฬ่อ เพื่อไป สักการะองค์เจ้าแม่ทับทิม (ตุ้ยบ่วยเต่งเหนี่ยง) เป็นองค์ประธาน ณ ศาลเจ้าแม่ทบั ทิม ซึง่ ด้านขวา จะเป็นทีป่ ระทับของเจ้าพ่อกวนอู ด้านซ้ายจะเป็น ทีป่ ระทับของเจ้าพ่อปุน้ เถ่ากงและปุน้ เถ่าม่า ซึง่ มี ความศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่สมัยแรกเริ่มแล้ว ในช่วง เดือนธันวาคมของทุกปีจะมีงานใหญ่จัดสักการะ เจ้าแม่ทับทิม ซึ่งจะมีผู้ศรัทธาหลั่งไหลมาทั่วทุก สารทิศ ซึง่ ส่วนใหญ่จะมาแก้บนในเรือ่ งการมีบตุ ร ทั้งสิ้น เรือนไม้ภายในแกะสลักด้วยลายดอกไม้ และสัตว์ต่าง ๆ ตามแบบฉบับของศิลปะแบบจีน ก่อนกลับเข้าสู่ตัวเมืองพิจิตรพวกเราขอแวะ ไปยังโบราณสถานเก่าแก่ ที่ วัดโพธิ์ประทับช้าง อำ � เภอโพธิ์ ป ระทั บ ช้ า ง ซึ่ ง สร้ า งขึ้ น ตั้ ง แต่ พ.ศ. 2242-2244 ในสมัยสมเด็จพระสุรเิ ยนทราธิบดี ( ขุ น ห ล ว ง ส ร ศั ก ดิ์ ห รื อ พ ร ะ พุ ท ธ เจ้ า เ สื อ ) พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยา เพื่อเป็นอนุสรณ์ สถาน ณ สถานที่ประสูติของพระองค์ ลักษณะ ของวัดมีพระวิหารสูงใหญ่ มีกำ�แพงล้อมรอบ 2 ชั้น เป็นศิลปะแบบอยุธยา ปัจจุบันได้รับการ
6
7
4 เจดีย์สีทอง วัดเขารูปช้าง 5 บึงสีไฟยามเย็น 6 ศาลาเก้าเหลี่ยม 7 โบราณสถาน วัดโพธิ์ประทับช้าง 8 พระพุทธไสยาสน์ วัดสุขุมาราม
บูรณะซ่อมแซมจากกรมศิลปากร เพื่ออนุรักษ์ไว้ ให้อนุชนรุน่ หลังได้ชม ภายในอุโบสถมีพระพุทธรูป หลวงพ่อโต หน้าตักกว้าง 4 ศอก กว้าง 5 ศอก เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น เป็นพระประธานประจำ� อุโบสถวัดโพธิ์ประทับช้าง หลวงพ่อโต หรือหลวงพ่อยิม้ เป็นพระพุทธรูป ที่ ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ อี ก องค์ ห นึ่ ง ที่ ช าวบ้ า นให้ ค วาม เคารพนับถือมากในจังหวัดพิจติ ร เป็นพระพุทธรูป ปูนปั้น สมัยอยุธยา มีอายุได้ 300 ปีเศษ ซึ่ง องค์ปจั จุบนั นีเ้ ป็นการซ่อมแซมบูรณะขึน้ ใหม่ หลัง จากที่ได้รับความเสียหายจากการถูกต้นไม้แถบ บริเวณนั้นโค่นทับจนเศียรและองค์พระหักลงได้ รับความเสียหาย ชาวบ้านจึงได้ร่วมแรงร่วมใจ กันสร้างขึ้นมาใหม่ และเป็นที่เคารพนับถือสืบมา จนถึงปัจจุบัน หนึ่งวันในจังหวัดพิจิตร ทำ�ให้พวกเราได้ สัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวพิจิตรที่ยังคงเรียบง่าย
8
สบาย ๆ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์อย่างแท้จริง เรียก ได้ว่าทุกคนได้พักผ่อนร่างกายและจิตใจกันอย่าง เต็มที่ ได้พักสมองอันเหนื่อยล้าจากการทำ�งาน ชาวพิจิตรนอกจากจะยิ้มแย้มแจ่มใสแล้ว ยังใจดี
และให้ ก ารช่ ว ยเหลื อ พวกเราอย่ า งเต็ ม ใจและ จริงใจมาก ๆ เลยละค่ะ หนึง่ วันทีห่ มดไปนี้ พวกเรา ได้ใช้อย่างคุ้มค่า ถือว่าตัดสินใจถูกมาก ที่แวะ มาเยี่ยมเยียนจังหวัดเล็ก ๆ ที่อบอุ่นแห่งนี้ค่ะ happy+ | 83
one happy day เรื่องและภาพ : TepiN
หอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร Bangkok City Library 84 | happy+
ก้าวแรกแห่งการเรียนรู้
หากถามถึงสถานที่ของคนที่ชอบอ่านเป็นชีวิตจิตใจ มีหนังสือหลากหลายให้ได้เลือกสรร หอสมุด คงเป็นสถานที่แรก ๆ ที่นึกถึงกันใช่ไหมละคะ และสำ�หรับกรุงเทพมหานคร ที่เพิ่งเปิดตัวหอสมุดเมือง ไปหมาด ๆ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เชื่อแน่ว่าหอสมุดแห่งนี้ต้องเป็นที่ที่คนรักการอ่านตกหลุมรัก อย่างแน่นอนค่ะ หากพูดถึงที่มาที่ไปของการสร้างหอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร (Bangkok City Library) ก็ต้อง ย้อนไปตั้งแต่ที่กรุงเทพมหานครได้รับเลือกจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ หรือองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นเมืองหนังสือโลกประจำ�ปี พ.ศ. 2556 (World Book Capital 2013) ซึ่งโครงการจัดตั้งหอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร เป็น 1 ใน 9 พันธกิจที่ สำ�คัญของกรุงเทพมหานคร ตามแผนงานส่งเสริมการอ่านที่ได้เสนอต่อองค์การยูเนสโก เพื่อที่จะให้ กรุงเทพมหานครเป็น “มหานครแห่งการเรียนรู้” ด้วยการเพิ่มแหล่งการเรียนรู้แห่งใหม่ที่รวบรวม องค์ความรู้อันทรงคุณค่า และแหล่งภูมิปัญญาจากเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่ทันสมัยครบวงจร อีกทั้งยัง เป็นการสร้างวัฒนธรรมการอ่านอย่างยั่งยืนในระยะยาว สถานที่ตั้งของหอสมุดอยู่บริเวณถนนราชดำ�เนิน ย่านพระนคร ตรงสี่แยกคอกวัว หรือที่รู้จักใน ชื่อถนนข้าวสาร แหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติมากหน้าหลายตา เดิมทีอาคารดังกล่าวเป็น อาคารเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2482-2491 ก่อนจะถูกนำ�มาปรับปรุงเป็นห้องสมุดสำ�หรับประชาชน เปิดทดลองระบบครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560 และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560 ภายในหอสมุดมีการตกแต่งที่สวยงาม ครบครันทั้งหนังสือหลายหมื่นเล่ม สิ่งอำ�นวยความสะดวก และระบบการจัดการภายในที่ทันสมัย
เมือ่ มาถึงอาคารหอสมุดสีเหลืองสดใส เข้าไป ด้านในทุกอย่างดูทันสมัยตั้งแต่เริ่ม การเข้าออก หอสมุดใช้วิธีสแกนบัตรประชาชน สำ�หรับชาว ต่างชาติที่ไม่มีบัตรประชาชน เพียงใช้พาสปอร์ต แสดงต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าทีก่ จ็ ะมาอำ�นวยความ สะดวกในส่วนนี้ให้ค่ะ พื้นที่ใช้สอยมีการจัดวาง อย่างลงตัว เน้นความโปร่งโล่ง สบายตา เดินสบาย ไม่แออัด แสงก็สว่างเหมาะแก่การอ่านหนังสือ มี มุ ม ส่ ว นตั ว ให้ ไ ด้ เ ลื อ กอ่ า นหลากหลายมุ ม อี ก ด้ ว ย โดยชั้ น 1 จะเป็ น พื้ นที่ อ่ า นหนั ง สื อ ประเภทนิตยสาร หนังสือพิมพ์ หนังสือท่องเที่ยว หนังสืออาหาร หนังสือเพื่อสุขภาพ และสำ�หรับ ผู้พิการทางสายตาจะมีโซนอ่านหนังสือเสียงด้วย นอกจากนี้ยังมีห้องฉายวิดีโอขนาดเล็กให้บริการ และมีคอมพิวเตอร์สำ�หรับใช้บริการอินเทอร์เน็ต
ประตูสู่โลกหนังสือ
เมือ่ ขึน้ มาถึงชัน้ 2 จะเดินขึน้ บันไดหรือขึน้ ลิฟต์ ก็ได้นะคะ ชั้นนี้เป็นเหมือนชั้นพิเศษแยกออกมา สำ�หรับเด็กโดยเฉพาะเลยค่ะ มีหนังสือเด็กทั้ง ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ อีกทัง้ ยังมีพืน้ ที่ ทำ�กิจกรรมที่เป็นห้องปิดสำ�หรับเด็ก ๆ ที่ต้องการ เล่นเต็มที่ แต่ไม่อยากเกิดเสียงดังรบกวนคนที่ happy+ | 85
อ่านหนังสือ บริเวณชั้น 3 จะเป็นโซนหนังสือที่ มีหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นโซนหนังสือดังใน อาเซียน โซนหนังสือหายาก โซนนวนิยาย เรือ่ งสัน้ โซนหนังสือร่วมสมัย โซนหนังสือต่างประเทศ เป็นต้น โดยที่ชั้นนี้จะมีห้องส่วนตัวแยกออกไป อีก 4 ห้อง สำ�หรับรวมกลุ่มอ่านหนังสือ หรือ นั่งทำ�รายงานกันเป็นหมู่คณะ
พื้นที่นิทรรศการ
บริ เวณชั้ น 4 มีส่ว นนิท รรศการพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) มีวีดิทัศน์ เกี่ ย วกั บ กรุ ง เทพมหานครที่ เป็ น เมื อ งตามแนว พระราชดำ � ริ ข องในหลวงรั ช กาลที่ 9 สำ � หรั บ หนังสือ จะมีทงั้ หนังสือทีเ่ กีย่ วกับพระราชนิพนธ์ที่ น่าสนใจ หนังสือเฉลิมพระเกียรติ หนังสือโครงการ ในพระราชดำ � ริ หนั ง สื อ พระบรมวงศานุ ว งศ์ หนังสือราชวงศ์จักรี และหนังสือประวัติศาสตร์ ที่สำ�คัญของราชวงศ์จักรี อีกโซนจะเป็นหนังสือ เกีย่ วกับกรุงเทพมหานครตัง้ แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และมียังมีห้อง จดหมายเหตุ ที่บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เป็น นิทรรศการหมุนเวียน ด้วยความลงตัวทั้งเรื่องของอาคารสถานที่ รวมทั้ ง หนั ง สื อ ที่ มี ให้ อ่ า นหลากหลายรู ป แบบ หอสมุดเมืองกรุงเทพมหานครแห่งนี้ จะกลาย เป็ น ที่ แ ฮงก์ เ อาต์ ใ หม่ ข องคนที่ รั ก การอ่ า น อย่างแน่นอนค่ะ 86 | happy+
• หอสมุ ด เมื อ งกรุ ง เทพมหานคร ตั้ ง อยู่ ที่ 39 ถนนราชดำ � เนิ น กลาง แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 • เปิดให้บริการวันอังคาร-เสาร์ เวลา 08.00-21.00 น. • วันอาทิตย์ เวลา 09.00-20.00 น. (ปิดทำ�การวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์) • โทรศัพท์ : 0-2245-4171 • Facebook : https://www.facebook.com/pg/bangkokcitylibrary/
green corner เรื่องและภาพ : TepiN
ร้านต้นไม้ดอยตุง สำ�หรับคนที่ชื่นชอบการปลูกต้นไม้ และชอบความร่มรื่นในบรรยากาศสวนสีเขียว มีสถานที่แห่งหนึ่งที่อยากจะแนะนำ�ให้ได้รู้จักกันค่ะ นั่นคือ ร้าน ต้นไม้ดอยตุง แม้จะเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ใจกลางกรุงเทพฯ แต่ก็สงบเงียบมากค่ะ หลายคนคงจะคาดไม่ถึงนะคะ ว่าท่ามกลางความวุ่นวายบริเวณสี่แยกวิทยุ ที่เชื่อมต่อถนนสาธร ถนนวิทยุ และถนนพระราม 4 ที่การจราจรคับคั่ง ยังมีพื้นที่เล็ก ๆ อยู่ไม่ไกลจากสวนลุมพินีที่จะพาเราหลีกหนีจากความวุ่นวายได้อย่างเห็นผล เพียงเดินจากรถไฟฟ้า MRT สถานีสวนลุมพินีทางออกสาม แล้วเลี้ยวขวา เราก็จะเจอกับพื้นที่สีเขียวอันร่มรื่น ที่ตั้งของ ร้านต้นไม้ดอยตุง หากพูดถึงดอยตุง หลายคนคงนึกถึงดอยตุงที่จังหวัดเชียงรายกันใช่ไหมคะ โดยจุดเด่นของคนที่ไปเที่ยวดอยตุง จังหวัดเชียงราย ก็คือการเก็บภาพ ความประทับใจกับทุ่งดอกไม้สีสันสดใส ที่สวนแม่ฟ้าหลวง ซึ่งเป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวในหุบเขา สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2535 เดิมมีพื้นที่ 12 ไร่ มีการปลูก ดอกไม้หมุนเวียนสลับ ให้ออกดอกไม่ซํ้ากันตลอดสามฤดู ล้อมรอบประติมากรรมชื่อ “ความต่อเนื่อง” เป็นรูปเด็กยืนต่อตัวที่กลางสวน นอกจากนี้ ยังจัด แต่งสวนหินซึ่งประดับด้วยหินภูเขากลมเกลี้ยงขนาดใหญ่ สวนนํ้าอุดมด้วยไม้นํ้าพันธุ์ต่าง ๆ บัว และสวนปาล์มที่รวบ รวมปาล์มไว้มากมาย สำ�หรับร้านต้นไม้ดอยตุงในกรุงเทพฯ ก็มีความร่มรื่นในสวนสวยเช่นเดียวกัน ด้านในร้านเต็มไปด้วยความเขียวขจีของต้นไม้หลากหลายชนิด มีร่มเงา จากต้นไม้ใหญ่ และความสวยงามจากต้นไม้เล็ก ๆ ทีป่ ลูกเรียงรายตลอดทาง มีมมุ หลายมุมให้เราได้นงั่ เล่น นัง่ พัก ปลดปล่อยอารมณ์ไปกับความเงียบสงบ 88 | happy+
ได้อย่างเต็มที่ ร้านนี้เป็นส่วนหนึ่งของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ จากพื้นที่เดิมซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของสวนลุมไนท์บาซาร์นั่นเองค่ะ นอกจากนีย้ งั มีตน้ ไม้สายพันธุต์ า่ ง ๆ ทัง้ ไม้ดอกไม้ประดับมาให้เราได้เลือกซือ้ อีกด้วย ต้นไม้ที่นำ�มาขายในร้าน ถูกเพาะพันธุ์โดยฝ่ายเกษตรของมูลนิธิ แม่ฟ้าหลวง ซึ่งทำ�หน้าที่เพาะพันธุ์ไม้เมืองหนาวเพื่อประดับสวนแม่ฟ้าหลวง และพระตำ�หนักดอยตุง และทีร่ า้ นต้นไม้ดอยตุงยังเป็นทีเ่ พาะพันธุไ์ ม้เมืองร้อนที่ เหมาะสำ�หรับปลูกในกรุงเทพฯ หรือเมืองที่อากาศค่อนข้างอบอ้าวอีกด้วย ทัง้ สับปะรดสี เฟิรน์ ต่าง ๆ และสำ�หรับคนทีไ่ ปเทีย่ วดอยตุงพร้อมทัง้ สัง่ ซือ้ ต้นไม้ จากที่นั่นเอาไว้ ก็สามารถมารับต้นไม้ที่สั่งไว้ที่ร้านนี้ได้ด้วยนะคะ ที่ร้านต้นไม้ดอยตุง ยังมีเมล็ดพันธุ์หลากหลายชนิดจำ�หน่าย อาทิ มะเขือ การ์ตูน ไข่หงษ์ ดาวกระจาย ซัลเวีย สร้อยไก่ ดาวเรืองเหลือง ดาวเรืองส้ม เสี้ยนฝรั่ง ใครที่อยากลองปลูกเองตั้งแต่เริ่มต้นก็สามารถซื้อเมล็ดพันธุ์ไปได้ค่ะ ใครที่ชื่นชอบการปลูกต้นไม้ หรืออยากเข้าไปเยี่ยมเยือนพื้นที่สีเขียวใน กรุงเทพฯ ลองมาที่ร้านต้นไม้ดอยตุงดูนะคะ รับรองว่าจะต้องหลงรักที่นี่อย่าง แน่นอน ร้านต้นไม้ดอยตุง ที่อยู่ เลขที่ 1875/1 สี่แยกวิทยุ ถนนพระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โทรศัพท์ : 0-2252-7114 ต่อ 127 เปิด-ปิด : ทุกวัน 08.30-17.30 น. happy+ | 89
ปลูกความสุขในบ้านคุณ กับเจ้าชายผัก เรื่อง : เจ้าชายผัก
ซํ้าดิน ไม่ซํ้าพืช เคล็ดไม่ลับปลูกผักปลอดโรคแมลง สวัสดีครับ ท่านผู้อ่าน happy+ กลับมาพบกันอีกครั้งในฉบับนี้แล้วนะครับ ครั้งนี้ผมมีเคล็ดไม่ลับเรื่องราวของการปลูกพืชให้ดื้อแมลง ต้านทานโรคมาฝากกันครับ จะเป็นอย่างไรนั้น มาติดตามกันได้เลยครับ
ปลูกพืชซํ้าเดิม ชนิดเดิม ซํ้าที่เดิม ทำ�พืชอ่อนแอ สะสมโรคแมลง
หลายท่านทีร่ กั การปลูกผัก มักจะพบว่าการปลูกผักชนิดเดิม ในภาชนะ เดิมซํ้า ๆ นั้น ทำ�ให้เกิดปัญหาโรคแมลงรบกวนอยู่บ่อย ๆ เช่น เกิดโรค เหี่ยวจากเชื้อรา หรือมีหนอนและแมลงเข้ากัดกินใบผัก สาเหตุที่สำ�คัญ อีกประการหนึง่ ก็คอื การปลูกพืชซํา้ ทีเ่ ดิม ในดินเดิมตลอดเวลา การทำ�เช่นนี้ ส่งผลให้ดนิ ของเราจืดจางเร็ว เพราะสารอาหารในดินถูกใช้ไปในสัดส่วนและ ปริมาณเดิม ๆ ตลอดเวลา จึงทำ�ให้พืชขาดสารอาหารที่สำ�คัญอยู่เสมอ พื ช จึ ง อ่ อ นแอต่ อ การเข้ า ทำ�ลายหรื อ กั ด กิ นของโรคหรื อ แมลงง่ า ยขึ้ น นอกจากนี้ยังทำ�ให้เกิดการสะสมโรคแมลงเดิม ๆ ในพื้นที่ปลูกผักของเรา เพราะแมลงเดิม ๆ โรคเดิม ๆ ก็จะเกิดขึน้ กับผักชนิดเดิม ๆ นัน่ เอง แม้แต่การ ปลูกในภาชนะ เช่น การเพาะต้นอ่อนต่าง ๆ ซํ้าเดิมตลอดเวลา ก็สามารถ เกิดการสะสมโรคและแมลงได้เช่นกัน
90 | happy+
ปลูกซํ้าดิน แต่ไม่ซํ้าพืช เรียนรู้จากธรรมชาติ หัวใจการปลูกพืช หมุนเวียน
วิธีการป้องกันปัญหาการระบาดของโรคแมลงที่ได้ผลอีกวิธีหนึ่งก็ คือ การปลูกพืชไม่ซํ้าชนิดเดิมในพื้นที่เดิม หรือก็คือ ปลูกพืชหลายชนิด หมุนเวียนไปเรือ่ ย ๆ นัน่ เอง ยิง่ ถ้าเป็นการปลูกพืชทีใ่ ช้ประโยชน์สว่ นทีต่ า่ งกัน ก็ยิ่งทำ�ให้ป้องกันโรคและแมลงได้ดีขึ้น เช่น พื้นที่เดิมเคยปลูกผักกินใบ เช่น คะน้า กวางตุ้ง หลังจากเก็บเกี่ยวผักกินใบแล้ว ปลูกผักรอบถัดไป ก็เปลี่ยนมาปลูกผักกลุ่มที่กินผลแทน เช่น พริก มะเขือ และรอบถัดไปก็ ปลูกผักที่เป็นพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วฝักยาว ถั่วพู และรอบถัดไปก็ปลูกผักที่ เป็นพืชกินหัวกินราก เช่น หัวไชเท้า แคร์รอต แล้วจึงกลับมาปลูกผักกินใบ อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผักกินใบและผักอื่น ๆ ที่จะปลูกหมุนเวียนก็อาจเปลี่ยนเป็น ชนิดอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ ได้เช่นกัน วิธีนี้เป็นการเรียนรู้จากธรรมชาติ ที่จะมีพืชหลาย ๆ ชนิดขึ้นทดแทน หมุนเวียนกันอยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้เกิดระบบนิเวศที่มีความหลากหลาย ให้เกิด สิง่ มีชวี ติ ต่าง ๆ ทัง้ แมลง พืช สัตว์ และจุลนิ ทรีย์ อาศัยอยูร่ ว่ มกันและควบคุม ปริมาณกันเอง ไม่ให้เกิดการระบาดของโรคและแมลงที่เป็นศัตรูพืชมากจน เกินไป วิธีการปลูกพืชแบบซํ้าดิน ไม่ซํ้าพืชนี้ จึงเป็นการปลูกพืชหมุนเวียน เลียนแบบกลไกธรรมชาติ ช่วยป้องกันและลดการระบาดศัตรูพืชได้ ลองไป ทำ�กันดูนะครับ ฉบับหน้าผมจะเอาเคล็ดลับดี ๆ ง่าย ๆ สำ�หรับคนรักการ ปลูกผักมาฝากกันอีกครับ พบกันฉบับหน้า สวัสดีครับ happy+ | 91
กินอาหารเป็นยา เรื่องและภาพ : ป้าจาย แม่มดดอกไม้
ต้มยำ�ลอยแก้ว
“ต้มยำ�” เป็นอาหารที่มีความเผ็ดร้อนและความเปรี้ยว กับกลิ่นหอมของสมุนไพรในนํ้าแกง และด้วยเครื่องปรุงส่วนผสมสด ได้แก่ ข่า หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด นํ้ามะนาว เกลือ และพริก “ลอยแก้ว” ของหวานทําด้วยเนื้อผลไม้ รสเปรี้ยว ลอยในนํ้าเชื่อมเจือเกลือเล็กน้อย เช่น ส้มลอยแก้ว กระท้อนลอยแก้ว “ต้มยำ�ลอยแก้ว” ของครัวแม่มดดอกไม้ เกิดจากแรงบันดาลใจทีไ่ ด้รบั ประทาน “ส้มฉุน” ทีค่ ณ ุ เกดเพือ่ นสาวคนเก่ง กรุณาจัดให้ลองชิมเป็นครัง้ แรก ส้มฉุน คือ ขนมคล้ายผลไม้ลอยแก้วด้วยนํ้าลอยดอกมะลิเจือด้วยนํ้าส้มซ่า โรยหน้าด้วยถั่วลิสงบุบ ขิงซอย และมะม่วงซอย ติดใจจนต้อง ขออนุญาตปรับให้สุดฤทธิ์สุดเดชเป็น “ต้มยำ�ลอยแก้ว” แบบที่คาดว่า จะจี๊ดจ๊าดจับใจวัยรุ่นได้ไม่น้อย 92 | happy+
เครื่องต้มยำ� ประกอบด้วย • • • • • •
นํ้าลอยดอกชมนาด (หรือดอกมะลิ) 2 ถ้วย ตะไคร้สด 4 ต้น หั่นแฉลบ ใบมะกรูด 2-3 ใบ ขยำ�แล้วฉีกหยาบ นํา้ มะนาว หรือนํา้ มะกรูด หรือนํา้ ส้มซ่า แล้วแต่จะหาได้ 2 ช้อนโต๊ะ พริกแดงสดเกือบแห้ง 2-3 ดอก หั่นเฉียงบาง ๆ ดอกเกลือ 1 ช้อนชา
• • • • • • •
มะเขือเทศสีดาหรือราชินี 1 ถ้วย กับนํ้าปูนใส 1 ถ้วย มะม่วงดิบฝานบาง ½ ถ้วย ส้มเขียวหวาน 1 ผล สับปะรดชิ้นเล็กบาง ½ ถ้วย นํ้าเชื่อม 1 ถ้วย (นํ้าตาลทราย 2 ถ้วย นํ้า 1 ถ้วย) พริกแดงสดเกือบแห้ง 2-3 ดอก หั่นเฉียงบาง ๆ ดอกเกลือ ½ ช้อนชา
• • • • •
ขิงสดซอย มะม่วงดิบซอย ใบมะกรูดซอย ถั่วลิสงอบบุบ หรืออัลมอนด์ฝานอบกรอบ นํ้าตาลพริกเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
เครื่องลอยแก้ว ประกอบด้วย
เครื่องโรยหน้า ประกอบด้วย
วิธีทำ�ต้มยำ�
ต้มนํ้าชมนาดกับตะไคร้ ใบมะกรูดด้วยไฟกลางจนมีกลิ่นหอม ประมาณสัก 10 นาที เติมนํ้า มะนาว เกลือ แล้วยกลง หรือแช่เย็นก็ดี
วิธีทำ�ลอยแก้ว
• กรีดข้างผลมะเขือเทศ บีบให้เมล็ดและนํ้าข้างในผลออก นำ�เนื้อแช่ในนํ้าปูนใสสักยี่สิบนาที • นำ�นํ้าเชื่อมตั้งไฟกลางพอร้อน เติมเกลือและพริกแดง ใส่มะเขือเทศลงเชื่อมสักห้านาที • เติมเนื้อส้ม สับปะรด มะม่วงฝาน เชื่อมต่ออีกสักสามนาที ตักเนื้อผลไม้เชื่อมขึ้นพักไว้ • เติมนํ้าต้มยำ�ที่ทำ�ไว้ก่อน ลงในนํ้าเชื่อมที่เหลือ คนให้เข้ากันดี ยกลงรอให้เย็น ลองชิมต้มยำ�ลอยแก้ว ด้วยการตักนํ้าแข็งป่นใส่ในชามแก้ว ตักผลไม้เชื่อมวางบนนํ้าแข็ง เติมต้มยำ�ราดบนนํ้าแข็ง แล้วค่อย ๆ โรยหน้าด้วยเครื่องที่เตรียมไว้ หยิบช้อนคนเบา ๆ ให้นํ้า แข็งและนํ้าต้มยำ�เข้ากัน โดยมีเนื้อลอยแก้วคลอเคลียทั่วชาม เราจะพบสัมผัสใหม่ที่เร้าใจอย่าง คาดไม่ถึง ว่าต้มยำ�นํ้าใสบ้าน ๆ ของเรา จะแปลงร่างเป็นขนมรสลํ้าเกินจินตนาการได้ขนาดนี้ ขนาดที่เราได้ครบรส เปรี้ยว หวาน เค็ม มัน เผ็ด แต่เป็นของหวานที่เหมาะกับอากาศร้อน อย่างยิ่ง happy+ | 93
ชวนชิม เรื่อง : It’s a bell / Patty Pom ภาพ : TepiN
TWG “Tea Salon & Boutique” หากพูดถึงการจิบชายามบ่ายในแบรนด์ชาสุดหรูชั้นนำ�ระดับโลก ส่งตรงคุณภาพคับกาคับแก้วมาจากประเทศ • TWG Tea มี 3 สาขา คือ ชัน้ M สิงคโปร์ ก็คงจะหนีไม่พน้ ร้าน TWG “Tea Salon & Boutique” (ที ซาลอน แอนด์ บูทคี ) ทีไ่ ด้สร้างปรากฏการณ์การดืม่ ชาขึน้ ชั้น G ดิเอ็ม ในประเทศไทย ด้วยชากว่า 450 ชนิดที่คัดสรรมาอย่างดีจากทั่วมุมโลก บวกกับศิลปะในการปรุงชาด้วยความพิถีพิถัน สยามพารากอน, โพเรียม และชัน้ M โซนเฮลิกซ์ เมนูชาแรกทีอ่ ยากแนะนำ� คือ Morning Rooster Tea ชาผสมเข้มข้นและเปีย่ มด้วยรสชาติระหว่างชาดำ�กับชาเขียว ควอเทียร์ ดิ เอ็มควอเทียร์ เปิดให้บริการ 10.00-22.00 น. เพิม่ ความมีชวี ติ ชีวาด้วยสีสนั ของดอกมะลิ กุหลาบเช้า และผลไม้จากสวน ตามมาด้วย Lobster Timbale ล็อบสเตอร์ •• เบอร์ ติ ด ต่ อ 0-2160-9527 หั่นเป็นชิ้น ๆ ปรุงแบบสุกกำ�ลังดี คลุกเคล้ากับซอสสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของชา Love Me Tea รสเข้มข้น เสิร์ฟ (สาขาสยามพารากอน) ในกระทงทอดกรอบทำ�จากชีสพาร์เมซานวางอยูบ่ นอะโวคาโดทิมเบลรสชาติมนั นวลเนียน Mediterranean Scallops Spaghetti สปาเกตตีเสิร์ฟพร้อมหอยเชลล์จากฮอกไกโด พริกแดง เห็ด คลุกเคล้าด้วยชาดำ�จากจีนเจิ้งซานเสี่ยวจ่ง (Lapsang Souchong) ปิดท้ายด้วย Salmon Conffit ปลาแซลมอลรมควันผสานกับนํ้ามันจากชาวานิลลา เสิร์ฟพร้อมบีทรูทและหน่อไม้ฝรั่งราดด้วยซอส เนยเฮเซลนัท รสชาติกลมกล่อมถูกปาก 94 | happy+
• La Creperie (ลา เครปเพอรี) สุขุมวิท 39 0-2662-6499 สยาม พารากอน ชั้น G, The Gourmet Garden, North Zone • เบอร์ติดต่อ 0-2129-4844 • FB / IG LACREPERIE BANGKOK >
^ La Creperie (ลา เครปเพอรี)
^ หากคุณกำ�ลังมองหาร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสสูตรดั้งเดิมอร่อย ๆ สักร้าน แนะนำ�ว่าไม่ควรพลาด La Creperie ทีค่ ดั สรรวัตถุดบิ ชัน้ ดีจากต่างประเทศ เพือ่ คงรสชาติให้ใกล้เคียงต้นฉบับมากทีส่ ดุ เป็นอาหารสูตรของครอบครัวคุณโจเซฟ (เจ้าของร้าน) ที่อยากให้ทุกคนได้สัมผัสและรู้จักกับอาหารฝรั่งเศสแท้ ๆ เช่น เครป ที่มีทั้งเครปคาวและเครปหวาน และ เมนูอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายค่ะ ทีจ่ ะมาแนะนำ�นีเ้ ป็นแค่สว่ นเล็ก ๆ เท่านัน้ มาดูกนั ค่ะ ว่ามีอะไรน่าทานบ้าง Ham, Cheese, Egg, Mushroom, Tomato เป็นเมนูซกิ เนเจอร์ของทางร้าน ทีใ่ ช้แป้งบัควีต ไม่มกี ลูเตน ไม่มปี ญ ั หาสำ�หรับคนทีแ่ พ้กลูเตน ผูท้ ีท่ านมังสวิรตั กิ ท็ านได้ เพราะไม่ผสมไข่ หรือถ้าไม่ทานผักก็ สามารถเลือกหน้าของเครปได้ หรือจะเป็นเมนูเครปหวาน Salted Butter Caramel & Fruit ทีเ่ ป็นแป้งฝรัง่ เศส มีนม เนย ให้ความหอมและรสสัมผัสทีน่ มุ่ ขึน้ Ham and Cheese Croquettes เมนูทานเล่นแสนอร่อยทีช่ อบกันทุกคน Roasted Lamb Chops Marinated in Provencal Herbs อีกเมนูทขี่ ายดี เพราะ ราคาไม่สงู ตามคอนเซ็ปต์ของร้านคือ คัดเลือกวัตถุดบิ ทีด่ ี ในราคาเป็นกลาง White Seafood Stew ซีฟดู้ ในไวท์ไวน์ซอส รสชาติกลมกล่อม มีครีมผสม ทาน แล้วเข้าถึงเนือ้ หอมและนุม่ มาก ก่อนจะปิดท้ายด้วยเครือ่ งดืม่ สีสวย รสชาติเปรีย้ วอมหวาน ทานแล้วสดชืน่ อย่าง Lychee in Blue นอกจากเมนูทเี่ ราแนะนำ�แล้ว ^ ยังมีอาหารทานเล่น สลัด ซุป และเมนคอร์สให้เลือกมากมาย La Creperie มี 2 สาขาให้ไปลิ้มลอง สะดวกที่ไหน เชิญไปพิสูจน์ความอร่อยได้เลยค่ะ
happy+ | 95
ชวนดูหนัง เรือ่ ง : Bella
In This Corner of the World แค่วาดฝันให้โลกสวย In This Corner of the World เป็นแอนิเมชันญีป่ นุ่ ทีเ่ กีย่ วข้องกับสงครามโลกครัง้ ที่ 2 ซึง่ เรือ่ งราวเกิดขึน้ ในช่วงเวลาเดียวกับแอนิเมชันเรือ่ งดังของทางค่าย จิบลิ สุสานหิง่ ห้อย (Grave of Fire lflies) เรือ่ งนีก้ �ำ กับโดย คาตาบุจิ สุนาโอะ และคว้ารางวัลจากเทศกาลหนังในประเทศญีป่ นุ่ มามากมายหลายรางวัล เป็นเรือ่ งราวชีวติ ของหญิงสาวผูห้ นึง่ นามว่า ซึสึ หญิงสาวผูม้ องโลกในแง่ดี ชอบจินตนาการและชอบวาดรูปเป็นชีวติ จิตใจ หนังเล่าถึงชีวติ ของเธอตัง้ แต่วยั เด็ก ช่วงทีย่ งั ไม่มสี งครามยาวไปจนถึงชีวติ แต่งงานและใช้ชวี ติ ร่วมกับสามี จนกระทัง่ ญีป่ นุ่ เข้าร่วมสงครามโลกครัง้ ที่ 2 และเหตุการณ์ทง้ิ ระเบิดนิวเคลียร์ทฮ่ี โิ รชิมา เธอต้องพบกับความสูญเสียจากสงคราม แต่ในวันทีโ่ ลกมืดมิด จิตใจอันดีงาม การมองโลกในแง่ดขี องซึสึ และความหวังเล็ก ๆ ในชีวติ ช่วยให้เธอผ่านช่วง เวลาเลวร้ายเหล่านัน้ ไปได้ ถือเป็นหนังแอนิเมชันเรือ่ งหนึง่ ทีน่ า่ ประทับใจมาก เพราะหนังไม่ได้ท�ำ ให้เราร้องไห้ฟมู ฟาย แต่เป็นความรูส้ กึ เหมือนมีกอ้ นหินหนัก ๆ จุกอยูท่ ห่ี น้าอกตลอดเวลา และการเล่าเรือ่ งผ่านบุคคลธรรมดาอย่างเด็กสาวบ้านนอกคนหนึง่ ทีไ่ ม่ใช่บคุ คลสำ�คัญอะไรในหน้าประวัตศิ าสตร์ ยิง่ ทำ�ให้เราเข้าถึง เนือ้ หาทีห่ นังพยายามสือ่ ความหมายออกมาได้มากขึน้ ถือเป็นหนังทีด่ คี วรค่าแก่การแนะนำ�ค่ะ 96 | happy+
เรื่อง : Patty Pom ภาพ : Nasry ชวนอ่านสานสุข
ตะวันยอแสง / เรือ่ ง : เสนีย์ บุษปะเกศ / ขาวราวหิมะ / เรือ่ ง : SALLA SIMUKKA LIFE IS A LOTTERY คุณคือ ผูโ้ ชคดี / สำ�นักพิมพ์ : Post Books / ราคา : 495 บาท แปล : กุลธิดา รุง่ เรืองเกียรติ / สำ�นักพิมพ์ : เรือ่ ง : ภานุมาศ ทองธนากุล / สำ�นักพิมพ์ : SALMON / ราคา : 195 บาท ชีวติ ของตะวัน ช่างดูไร้อนาคต ไม่มคี วามหวัง NANMEEBOOKS / ราคา : 145 บาท ไม่ มี ที่ พั ก พิ ง ถู ก คนทำ � ร้ า ยซํ้ า แล้ ว ซํ้ า เล่ า แต่ ด้วยความดีงามในหัวใจ ความรักในเพื่อนมนุษย์ ทำ�ให้เธอมีโอกาสได้พบกับ ศักดิ์รพี ชายหนุ่ม ผู้ สู ง ศั ก ดิ์ คุ ณ สมบั ติ เพี ย บพร้ อ ม แต่ ส ถานะ ของทัง้ 2 คนต่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่ตอ้ งบอกก็คง ทราบว่า อุปสรรคนั้นจะมากมายเพียงใด แต่ทั้ง 2 คนจะสามารถก้าวข้ามไปได้หรือไม่ คงต้อง เอาใจช่วยกันหน่อยละค่ะ
เด็กสาวคนหนึง่ ทีช่ อ่ื ของเธอแปลว่า สโนว์ไวท์ แต่ ชี วิ ต เธอนั้ น ช่ า งห่ า งไกลจากเจ้ า หญิ ง ใน เทพนิยายมากมายนัก หลังจากฤดูหนาวจบลง ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป มันช่างตื่นเต้น ลุ้นระทึก แถมยังถูกไล่ล่าอีกต่างหาก จนได้เจอกับบ้าน สีขาวแสนประหลาดหลังหนึ่ง ที่ผู้คนเชื่อมั่นว่า ตนเองบริสุทธิ์ราวหิมะ แต่จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ ต้องมาช่วยกันพิสูจน์ค่ะ เพราะนี่คือ 1 ใน 100 นวนิยายสืบสวนของเด็กและเยาวชนแห่งทศวรรษ
ในชีวิตหนึ่งโอกาสที่จะถูกรางวัลแจ็กพอต ของลอตเตอรี่คงไม่ได้เกิดขึ้นง่ายนัก แต่ความ ตั้ ง ใจและความพยายามอาจพาให้ เราไปเจอ รางวัลแจ็กพอตของชีวติ ได้ ภานุมาศ ทองธนากุล มี ชี วิ ต ที่ เปรี ย บเหมื อ นอย่ า งนั้ น แต่ ก็ เป็ นชี วิ ต ที่ ไม่ ไ ด้ ม าง่ า ย ๆ หนั ง สื อ เล่ า ถึ ง ชี วิ ต ของเขา หลังจากที่เหมือนได้รับรางวัลใหญ่ ทั้งอ่านสนุก ทั้งได้กำ�ลังใจ หนังสืออาจไม่ได้บอกให้คุณฝัน แต่บอกให้คุณพยายาม
ลูมกิ กิ สาวน้อยธรรมดาคนหนึง่ มีชวี ติ สงบ ๆ ในเมืองเล็ก ๆ ทำ�ตัวสันโดษ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่ แ ล้ ว วั น หนึ่ ง โชคชะตาก็ พ าเธอไปเจอกั บ แบงก์ยูโรอาบเลือดในห้องมืด จากนั้นอันตรายก็ ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา แล้วชีวิตเธอก็เปลี่ยนไป โดยสิ้นเชิง เธอต้องใช้ไหวพริบ สติปัญญาและ ความกล้าหาญทั้งหมดที่มี เพื่อเอาชีวิตรอดจาก ภยันตรายทั้งปวง สนุก น่าติดตามจนวางไม่ลง การันตีด้วยรางวัล Topelius Prize
เชื่อว่าทุกคนมีความฝัน แต่จะมีสักกี่คนกัน ที่เดินหน้าทำ�ความฝันนั้นให้เป็นจริง สำ�หรับคน ทีใ่ ช้ชวี ติ อยูบ่ นวีลแชร์มาตลอดอาจไม่ใช่เรือ่ งง่ายนัก แต่ไม่มีอะไรที่เราทำ�ไม่ได้ ถ้าหัวใจเราสั่งให้ทำ� องุ่ น พิ สู จ น์ ให้ เราเห็ น แล้ ว ว่ า แม้ ร่ า งกายเธอ จะเคลื่อนไหวบนบกไม่ได้ แต่ในนํ้าเธอกลายเป็น คนใหม่ ที่ก้าวข้ามขีดจำ�กัดทั้งปวงของร่างกาย และดำ�ลงไปในทะเล แล้วคุณจะรูว้ า่ ความฝันนัน้ ไม่ได้ไกลเกินไปนัก
หวานยิหวา / เรือ่ ง : โรส / สำ�นักพิมพ์ : New Star by พิมพ์ค�ำ / ราคา : 250 บาท แดงดุจเลือด / เรือ่ ง : SALLA SIMUKKA how deep is your dream / เรือ่ ง : สุดารัตน์ พ่อเลีย้ งเจ้าของไร่กหุ ลาบแสนสวยแห่งเมือง แปล : กุลธิดา รุง่ เรืองเกียรติ / สำ�นักพิมพ์ : เทียรจักร์ / สำ�นักพิมพ์ : BUNBOOKS / ราคา : 185 บาท เหนือ ทีต่ กหลุมรักสาวน้อยคนหนึง่ แบบถอนตัวไม่ขน้ึ NANMEEBOOKS / ราคา : 145 บาท แต่ ก็ ต้ อ งหั ก ห้ า มใจตั ว เองเพราะอายุ ที่ ต่ า งกั น มาก เมือ่ มีโอกาสได้ดแู ล ได้ใกล้ชดิ เขาก็อดใจไม่ไหว อี ก ต่ อ ไป แต่ เรื่ อ งราวไม่ ไ ด้ ง่ า ยแบบนั้ น สิ ค ะ เพราะเขาต้องเจอศึกรอบด้าน ไหนจะหนุ่ม ๆ ที่ หมายปองกุหลาบของเขาและการต่อสูแ้ ข่งขันทาง ธุรกิจ เรื่องราวหวานละมุน หอมกรุ่นกลิ่นกุหลาบ จะลงเอยแบบไหนกันนะ
happy+ | 97
horoscopes
พยากรณ์ เดือนมิถุนายน 2560
สวัสดีคณ ุ ผูอ้ า่ นนิตยสาร happy+ ทุกท่านครับ ไม่ทนั ไรก็เข้าสูเ่ ดือนมิถนุ ายนกันแล้ว เดือนมิถนุ ายนนี้ พบกับ happy+ ในธีม พอเพียง เพียงพอ กับชีวิตวิถีเกษตร “พอเพียง มีความหมายกว้างขวาง ยิ่งกว่านี้อีก คือคำ�ว่า พอ ก็พอเพียง ก็พอแค่นั้นเอง คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าประเทศใดมีความคิดอันนี้ มีความคิดว่าทำ�อะไร ต้องพอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ซือ่ ตรง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยูส่ ขุ พอเพียงเท่านี้ อาจจะ มีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้ แต่ไม่ต้องไปเบียดเบียนคนอื่น...” พระราชดำ�รัสของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2541 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นทั้งวิธีคิดและวิธีการใช้ความรอบรู้ มีเหตุมีผล พอเพียง ของพ่อหลวง เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ชุมชนเข้มแข็ง พ่อสร้างรากฐานของแผ่นดินให้เติบโตอย่างมั่นคง ด้วยแนวคิด คำ�สอนและพลังของพ่อแห่งแผ่นดิน เราจะร่วมกันดำ�เนินตามรอยเท้าของพ่อ เพื่อที่จะดูแลรักษาบ้านที่พ่อรักและปกปักรักษาไว้เพื่อพวกเรา เป็นกำ�ลังใจให้ผู้อ่านทุกท่านครับ ติดตามผมได้ในรายการคุยข่าวสิบโมง ททบ.5 ทุกวันจันทร์ เวลา 10.00 น. สามารถดูฤกษ์งามยามสบายและคาถาเด็ดได้ทุกวันที่ Facebook : คฑา ชินบัญชร และ Instagram : akhata.c ขอให้คุณผู้อ่านทุกท่านมีคนที่เรารักให้เราทำ�ดีด้วยทุกวันนะครับ 98 | happy+
เรื่อง : อาจารย์ คฑา ชินบัญชร
ราศีมังกร (16 ม.ค.-12 ก.พ.) เกิดอาการสับสน ตัดสินใจไม่คอ่ ยได้ เหมือน ไม่ใช่ตัวเอง “ไพ่ 9 คทา” การงานอยากเปลี่ยน อยากย้าย แต่ก็ยังพะวงงานเก่า มีเกณฑ์ในการ เปลี่ยนงาน เงินทองช่วงต้นชักหน้าไม่ถึงหลัง กลาง ๆ พอไปได้ หมดไปกับการเดินทาง ค่า ซ่อมแซม ความรักถ้ายังโสดก็คงต้องโสดต่อไป มีคนผ่านมาบ้าง แต่กเ็ ป็นเพียงผ่านมาแล้วผ่านไป ถ้ามีคนรักแล้วเจอศึกหนักทางจิตใจ มีคนดี ๆ เข้ามาทำ�ให้ไขว้เขว สงสัยต้องรับไว้เป็นกิก๊ ทางใจก่อน สุขภาพระวังความดันกำ�เริบ
ราศีกุมภ์ (13 ก.พ.-13 มี.ค.) เคว้งคว้างเหมือนไม่มใี ครเข้าใจ อยากเดินหนี ไม่ อ ยากต่ อ สู้ การทำ � งานเจอปั ญ หาเดิ ม ๆ ทำ�ให้เหนื่อยใจ ผู้บังคับบัญชาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ส่วนเพือ่ นร่วมงานก็เอาตัวรอด ตัวใครตัวมัน เงินทอง ใช้จ่ายเยอะ หมดไปกับคนรอบข้าง คนมาขอ หยิบยืม ความรักคิดมาก คนรักไม่ค่อยได้ดังใจ โต้เถียงกันบ่อย คนโสดสบายกว่านิด มีเข้ามา เรื่อย ๆ ถึงแม้จะไม่ยั่งยืน แต่ก็ทำ�ให้ชีวิตมีสีสันดี “ไพ่ 5 ถ้ ว ย” สุ ข ภาพปวดท้ อ ง ท้ อ งเสี ย รับประทานอะไรให้ถูกสุขอนามัยไว้ก่อนเป็นดี
ราศีมีน (14 มี.ค.-12 เม.ย.) การทำ�งานไม่ค่อยกินเส้นกับเพื่อนร่วมงาน บางคน รูแ้ ล้วก็หลบ ๆ บ้าง จะได้ไม่เป็นเรือ่ งใหญ่โต ช่วงกลางมีโอกาสพบเจอคนมีชื่อเสียง คนที่จะ นำ�คุณไปสูค่ วามก้าวหน้า การเงินมีบา้ งทีต่ อ้ งเสีย ไปกับยานพาหนะ ค่าประกันรถ ค่าซ่อม แต่ เอาตัวรอดได้ “ไพ่ 6 ถ้วย” ความรักเน้นบรรยากาศ ครอบครัว รักหวาน เอาอกเอาใจกันตลอด ถึงแม้ จะกระทบกระทั่ ง กั น บ้ า ง แต่ ไม่ น าน คนโสด มีเพื่อนที่แสนดีคอยเป็นสื่อ อุ่นใจได้ สุขภาพ นํ้าหนักเพิ่ม ข้อเข่าขาไม่ค่อยดี
ราศีเมษ (13 เม.ย.-13 พ.ค.) เจอแต่เรือ่ งหนัก ๆ การทำ�งานเหมือนถูกงาน หล่นทับ งานเยอะผิดปกติ ต้องรับผิดชอบภาระ มากมาย บางอันก็เป็นของคนอืน่ ช่วงนีผ้ ชู้ ว่ ยหาย หมด การเงินหมุนแทบแย่ มีแต่รายจ่ายน่าปวดหัว ของตัวเองเอาไม่รอดยังมีคนมาขอหยิบยืมให้ตอ้ ง คิดหนักอีก ความรักอึดอัด ไม่คอ่ ยเป็นตัวของตัวเอง ส่วนคนโสดลอยตัว ช่วงนีม้ คี นมาข้องแวะ แต่สว่ น ใหญ่จะเจ้าชู้ มีแฟนอยู่แล้ว “ไพ่ 7 ดาบ” สุขภาพ ปวดหลัง เจ็บหน้าอก อย่าทำ�อะไรที่ฝืนตัวเอง จะได้ไม่มีปัญหา
ราศีพฤษภ (14 พ.ค.-13 มิ.ย.) การทำ�งานสับสน ขาดการตัดสินใจทีแ่ น่วแน่ ช่ ว งกลางรู้ สึ ก เบื่ อ สิ่ ง แวดล้ อ มในการทำ � งาน คิดเปลี่ยนงาน ช่วงกลางไปแล้วโอกาสจะเป็น ของคุณ การเงินเดือดร้อนเพราะคนอายุน้อยกว่า หลีกได้ให้รบี หลีก ปลาย ๆ ได้ลาภจากเพศตรงข้าม ทีอ่ ายุมากกว่า ความรักเกิดรักเด็กขึน้ มา เลยต้อง มานัง่ ปวดหัว คนโสดปลาย ๆ มีรนุ่ แม่ รุน่ พ่อมาจีบ น่ารัก อบอุ่น พอทำ�ให้คุณหวั่นไหวได้ไม่ยาก “ไพ่ 3 ดาบ” สุขภาพไอ เจ็บคอ หรือมีอาการเกีย่ วกับ หลอดเสียง หลอดลม
ราศีเมถุน (14 มิ.ย.-14 ก.ค.) “ไพ่ 3 คทา” การทำ�งานมีโอกาสดีในการ เจรจาพบปะ มีไหวพริบทำ�ให้สร้างประโยชน์ให้ ตัวเองได้ดีทีเดียว ช่วงปลายเจอขัดจังหวะจาก คู่แข่ง อาจเสียอารมณ์บ้าง แต่ถ้าใจร้อนโต้ตอบ จะทำ�ให้เสียใจ การเงินสะดุดบ่อย ค่าซ่อมแซม เยอะ แถมมีคนก่อปัญหาให้ตอ้ งมาแก้ไข โชคลาภ มาพร้อมกับเรื่องงาน ความรักขึ้น ๆ ลง ๆ ต้อง เอาใจเขามาใส่ใจเรา ชีวิตรักจะดีขึ้น คนโสดได้ สะดุดรักแน่นอน รักชอบใครรุกได้ทันที สุขภาพ ระวังความดัน เส้นเลือด
ราศีกรกฎ (15 ก.ค.-16 ส.ค.) การทำ�งานในที่สุดแผนการที่วางไว้ก็สำ�เร็จ ด้วยดี เป็นช่วงนํ้าขึ้นของคุณทีเดียว คิดหวังสิ่งใด จะมีผู้ใหญ่คอยสนับสนุน งานโลดแล่น มีความ ก้าวหน้า ได้โอกาสในการปรับตำ�แหน่ง การเงิน หน้าชื่นตาบาน “ไพ่ 8 เหรียญ” เงินทองไหลเข้า มากกว่าออก ได้ลาภจากผู้ใหญ่ ความรักคนโสด ได้ลงจากคานแน่นอน มักจะเป็นรักแรกพบ ถ้า มีคนรักแล้วมีข่าวดีเรื่องบุตร เรื่องวิวาห์ สุขภาพ อาการอ่อนเพลียดีขึ้นทันตา แต่ต้องระวังซุ่มซ่าม สะดุดหกล้ม
ราศีสิงห์ (17 ส.ค.-16 ก.ย.) “ไพ่ ราชินีคทา” การทำ�งานแคล่วคล่อง ว่องไว ได้รบั คำ�ชมจากผูใ้ หญ่ คุณเองก็เริม่ เปล่งรัศมี ตำ�แหน่งหน้าทีก่ ารงานก้าวหน้า ช่วงปลายเหนือ่ ย หน่อย มีการแข่งขัน ถ้าทำ�อย่างเต็มที่ไม่แพ้ใคร แน่นอน การเงินกำ�ลังลุ้นเก็งกำ�ไร มีที่ปรึกษาดี ทุกอย่างก็ราบรื่น เป็นช่วงนํ้าขึ้นให้รีบตัก เล่นหุ้น เหมาะ ความรั ก อ่ อ นไหวง่ า ย เห็ น ใครน่ า รั ก เป็ น ต้ อ งตกหลุ ม รั ก ไปหมด คนโสดช่ ว งนี้ คงได้สละโสดกันให้วนุ่ สุขภาพโรคเกาต์ ปวดตามข้อ ควรงดอาหารที่เสี่ยงต่อโรค
ราศีกันย์ (17 ก.ย.-16 ต.ค.) “ไพ่ The Magician” การทำ�งานหัวสมองแล่น ฉลาดแกมโกง ยิง่ งานทีต่ อ้ งใช้ความคิดสร้างสรรค์ ไปโลด มีผลงานเป็นที่พอใจของผู้ใหญ่ การเงิน หมุนเวียนคล่อง มีโชคลาภแบบไม่คาดคิด คน ที่เคยยืมไปก็เอามาคืนแบบไม่คาดคิด มีเสียเงิน จุกจิกบ้างเรือ่ งค่าซ่อม ค่ารักษา คนโสดเสน่หแ์ รง ทัง้ เพศเดียวกัน เพศตรงข้ามเข้ามาหลงรัก ถ้ามี คนรักแล้วก็เรียกว่าสับรางไม่ทนั มีกก๊ิ เพิม่ ให้ปวดหัว เล่น สุขภาพมีปัญหาเกี่ยวกับช่องปาก ปวดฟัน ร้อนใน เจ็บเหงือก
ราศีตุลย์ (17 ต.ค.-16 พ.ย.) การทำ�งานมีผลงานเป็นทีน่ า่ พอใจ มีชอื่ เสียง ได้รบั การยอมรับ เป็นช่วงทีท่ งั้ งานและเงินไหลเข้า มาหาคุณ จากทีเ่ คยทำ�งานหนักจะมีคนมาแบ่งเบา “ไพ่ 6 เหรียญ” การเงินมีคนคอยสนับสนุน หา โอกาสช่องทางทำ�กำ�ไรให้คุณสมํ่าเสมอ ความรัก หอมกรุ่นไปด้วยความรัก ความคิดถึง คนโสด ได้เจอคนถูกใจโดยบังเอิญ แถมช่วงนี้มักจะเสน่ห์ แรง คนอายุนอ้ ยกว่าหลงกันน่าดู สุขภาพมีโอกาส ล้มป่วย อ่อนแอได้ตลอด ต้องดูแลตัวเอง หาเวลา พักผ่อนให้เพียงพอ
ราศีพิจิก (17 พ.ย.-15 ธ.ค.) “ไพ่ 10 คทา” การทำ�งานเคร่งเครียด ต้อง คิดต้องตัดสินใจหลายอย่าง แม้จะมีการโยกย้าย ปรับเปลีย่ นก็อย่าเพิง่ หุนหัน ฟ้าหลังฝนมักจะสดใส เสมอ ช่วงปลายระวังความขัดแย้งกับเพือ่ นร่วมงาน ผู้ บั ง คั บ บั ญ ชา เงิ น ทองจ่ า ยออกอย่ า งเดี ย ว เดีย๋ วรถเสีย ซ่อมบ้าน รายจ่ายเยอะเชียว แต่ไม่ตอ้ ง ห่วงมาก คุณมีตัวช่วยอยู่แล้ว หาวิธีหว่านล้อม นิดหน่อยก็สำ�เร็จ ความรักผีเข้าผีออก กลางวันดี เย็ นทะเลาะกั น เป็ น อย่ า งนี้ ป ระจำ � คนโสดมี อุปสรรค สุขภาพปวดศีรษะ ไมเกรน
ราศีธนู (16 ธ.ค.-15 ม.ค.) “ไพ่ The Hermit” การทำ�งานเหมือนกำ�ลัง ค้นหาสิ่งที่ตนเองชอบ ไม่ควรนิ่งเฉยให้พัฒนา ตนเองตลอด งานจะไปได้ไกล การเงินได้มาง่าย จ่ายไปง่ายเช่นกัน ช่วงนี้คาดหวังเงินก้อน ทายว่า จะได้ มีโชคจากการเดินทางหรือคนไกล ความรัก ถึงแม้จะดูเหงา ๆ ไปบ้าง แต่กไ็ ม่นาน คนโสดมีคน เข้ามาให้เลือก ช่วงปลายถึงจะมีโดนใจบ้าง ถ้ามี คนรักแล้วไม่คอ่ ยมีเวลาให้กนั นอกลูน่ อกทางบ้าง แต่สดุ ท้ายก็กลับมาตายรัง สุขภาพปวดหลัง ปวดเอว อาการคนแก่เริ่มถามหา happy+ | 99
กิจกรรมนำ�สุข
MPI นำ�ทีม The Boss เจาะลึกแนวทางเกษตรอินทรีย์ จัดกิจกรรมสัมมนา เยี่ยมชมสามพรานโมเดล
สถาบันการบริหารและจิตวิทยา MPI ได้จดั กิจกรรมสัมมนานำ�พาคณะ The Boss รุน่ ที่ 85 New Era เข้าเยีย่ มชมโครงการสามพรานโมเดล โมเดลต้นแบบแห่งการทำ�เกษตรอินทรียก์ ว่า 15 ปี ณ สามพราน ริเวอร์ไซด์ จังหวัดนครปฐม โดยได้รับเกียรติจากอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมและ วัฒนธรรมไทยหลากหลายท่าน มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ทางธุรกิจในครั้งนี้ กิจกรรมเริ่มจากการสัมมนาในหัวข้อ “สะท้อนสถานการณ์สำ�คัญสังคมไทยในทัศนะของ Boss” ซึง่ ได้รบั เกียรติจาก อาจารย์ชชู ยั ฤดีสขุ สกุล มาเล่าถึงบันทึกเหตุการณ์ส�ำ คัญจากอดีตสูป่ จั จุบนั ของไทย ต่อเนื่องด้วยการวิเคราะห์ วิจารณ์การเมือง สังคมและวัฒนธรรมอย่างเข้มข้น โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ธีรยุทธ บุญมี ร่วมด้วย รศ.ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ปิดท้ายด้วยกิจกรรมที่ให้ผู้เข้าร่วม สัมมนาได้แลกเปลีย่ นความคิดเห็นกัน โดยได้รบั เกียรติจาก ดร.ปิติ ศรีแสงนาม เป็นผูด้ �ำ เนินการสัมมนา ต่อมา ได้รับเกียรติจาก อาจารย์ชูชัย ฤดีสุขสกุล มาบรรยายให้ความรู้ในช่วงเช้ากับหัวข้อ “Early Bird Reffllfl ection” ในช่วงบ่าย คุณอรุษ นวราช กรรมการผูจ้ ดั การ สามพรานริเวอร์ไซด์ ประธานโครงการ สามพรานโดเมล พาทีม The Boss เข้าเยีย่ มชมโครงการ ซึง่ พัฒนามาจากความต้องการบริโภคผัก ผลไม้ ปลอดสารพิษ และเล็งเห็นถึงความสำ�คัญของการสนับสนุนเกษตรกรไทย ทำ�ให้สามพรานโมเดลเป็น ฟาร์มออร์แกนิกครบวงจรที่มีการผลิตและจัดจำ�หน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์แบบไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง นอกจากนี้ คณะ The Boss ยังได้ความรู้จากการวิเคราะห์ภาพอนาคตไปจนถึงการปรับตัวของคนไทย ซึ่งได้รับเกียรติจาก ดร.วิสุทธิ วิทยฐานกรณ์ และอาจารย์ชูชัย ฤดีสุขสกุล มาบรรยาย ส่งท้ายกิจกรรมได้รบั เกียรติจาก อาจารย์ชชู ยั ฤดีสขุ สกุล มาบรรยายในหัวข้อ “Early Bird Reffllfl ection” และ ดร.วิสุทธิ วิทยฐานกรณ์ ร่วมด้วย อาจารย์สุมิท แช่มประสิทธิ์ มาบรรยายในหัวข้อ “Proaction on Great Reform and Mini Reform” ต่อด้วยกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจ โดยได้รับเกียรติจาก อาจารย์ ชูชัย ฤดีสุขสกุล มาบรรยายปิดท้ายกิจกรรมสัมมนาในครั้งนี้อย่างประทับใจ ผู้บริหารและเจ้าของกิจการที่สนใจเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว The Boss สามารถติดตามความ เคลือ่ นไหวหลักสูตรได้ทเ่ี ฟซบุก๊ Training MPI หรือสอบถามข้อมูลหลักสูตร The Boss เพิม่ เติมที่ 09-1818-2288-90 และ 0-2162-7243-7 MPI ยังมีกิจกรรมและหลักสูตรสัมมนาดี ๆ เพื่อพัฒนานักธุรกิจอีกมากมาย
นิตยสาร happy+ จัดกิจกรรมรดนํ้า สืบสานประเพณีไทย
เนื่องในโอกาสวันสงกรานต์หรือวันขึ้นปีใหม่ของไทย เทศกาลแห่งความสุขและความอบอุ่น นิตยสาร happy+ นำ�ทีมโดยคุณวราภรณ์ ชูพระคุณ บรรณาธิการอำ�นวยการ จึงจัดกิจกรรมรดนํา้ ขอพร ดร.วิสุทธิ วิทยฐานกรณ์ ประธานที่ปรึกษานิตยสาร happy+ เพื่อเป็นการเริ่มปีใหม่ด้วยความเป็น สิริมงคล ในบรรยากาศสนุกสนานและอบอุ่น 100 | happy+
The Boss Night ครั้งที่ 2
ดร.วิสุทธิ วิทยฐานกรณ์ นายกสมาคม The Boss และสมาชิก The Boss รุ่น 84 นำ�โดยคุณหทัยรัตน์ ฐิตยวานิชย์ ได้จัดงาน BOSS A NOVA NIGHT ขึ้น ณ สโมสรสังกะสี ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ สมาชิก The Boss ทุกท่าน ตั้งแต่รุ่นแรก ๆ จนถึงรุ่น 85 ได้พบปะ สังสรรค์ ทำ�ความรู้จักกันมากขึ้น ใน บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง กระชับความ สัมพันธ์และแลกเปลี่ยนความคิด ปรึกษาช่วยเหลือเกื้อกูลกันในเรื่องต่าง ๆ นอกจากการทานอาหาร ร้องเพลงแล้ว สมาชิกทุกท่านยังได้ร่วมเล่นเกม และได้รับของรางวัลจากผู้ผลิตนํ้ามันพืชองุ่น, บัตรกำ�นัลจากโรงพยาบาล จุฬารัตน์ โดยคุณกรรณิกา พลัสสินทร์, ผักผลไม้อบแห้ง จากคุณวิภาวลี วัจนาภิญโญ บริษัท สยามเฟรช เอ็นเตอร์ไพรส์ จำ�กัด, KINN ถั่งเช่า จากคุณศิริพร อริยพุทธรัตน์ รวมถึงหนังสือ Mind Map โดยคุณเสาวรัตน์ ศรีมโนทิพย์ และของรางวัลอื่น ๆ อีกในงาน จากสมาชิกที่ให้การสนับสนุนงาน The Boss Night ครั้งที่ 2 นี้ ติดตามงานของสมาคม The Boss ครั้งต่อ ๆ ไป ที่ www. facebook.com/thebossthai
YAANA Ventures และ WTTC ปลูกป่ากิจกรรม เชลล์ ฉลองความสำ�เร็จนักศึกษาไทยฮีโร่แห่งวงการพลังงาน ผู้คว้าชัยชนะจากการแข่งขัน เชลล์ อีโค-มาราธอน เอเชีย “กรุงเทพปอดสีเขียว” คุ้งบางกระเจ้า YAANA Ventures บริษัทจัดการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ซึ่งได้ 2017
รับเลือกจาก Tourism Cares เป็นผูจ้ ดั กิจกรรม “กรุงเทพปอดสีเขียว” ภายหลั ง งานการประชุ ม ประจำ � ปี ส ภาการเดิ นทางและการท่ อ ง เที่ยวโลก (World Travel & Tourism Council – WTTC) โดย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 100 คน ร่วมปลูกต้นโกงกางมากกว่า 470 ต้น ณ “คุ้งบางกระเจ้า” ปอดสีเขียวของกรุงเทพฯ ที่โอบล้อมด้วย แม่นํ้าเจ้าพระยาระยะกว่า 16 กม. เพื่อเชิญชวนให้ตระหนักถึง ปัญหาสิง่ แวดล้อมและกดดันให้เกิดการพัฒนาพืน้ ทีอ่ ย่างยัง่ ยืนและ คืนความสมดุลทางธรรมชาติสู่ชุมชน ซึ่งริเริ่มโดย Tourism Cares องค์กรไม่แสวงหากำ�ไรที่ทำ�งานร่วมกันกับ WTTC และสมาชิกสภา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
กระทรวงพลังงาน นำ�โดย พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพลังงาน ร่วมกับบริษัท เชลล์ แห่งประเทศไทย จำ�กัด โดย นายอัษฎา หะรินสุต ประธานกรรมการ และคุณมาร์ค เกนส์เบอเรอร์ รองประธานกรรมการ บริหาร ธุรกิจพลังงาน กลุ่มบริษัท รอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วมด้วยผู้บริหารระดับสูงจาก กระทรวงพลังงาน จัดงานต้อนรับและแสดงความยินดีกับนักศึกษาไทย ฮีโร่แห่ง วงการพลังงาน ผู้คว้าชัยชนะจากการแข่งขันเชลล์ อีโค-มาราธอน เอเชีย 2017 ที่ ประเทศสิงคโปร์ โดยมีทมี จากประเทศไทย 2 ทีม คว้ารางวัลจากการแข่งขันประเภท Prototype คือ ทีม Virgin จากวิทยาลัยเทคนิคสกลนคร คว้ารางวัลชนะเลิศ ประเภท Internal Combustion Engine หรือเชื้อเพลิง แก๊สโซลีน และทีม NSTRU Eco-Racing จากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช คว้าตำ�แหน่งรองชนะเลิศอันดับ 2 จาก เชื้อเพลิงประเภท Battery Electric happy+ | 101
สุขีกัมปานี
50 ปี TVO เปิดตัวโครงการ สุขีกัมปานี
สร้างสรรค์ จริงใจ เพื่อสังคมไทยเติบโตอย่างยั่งยืน 50 ปี TVO บริษัท นํ้ามันพืชไทย จำ�กัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการสุขกี มั ปานี - THAILAND SOCIAL ENTERPRISE รูปแบบในการดำ�เนิน กิจกรรมต่าง ๆ ในวาระครบรอบ 50 ปี สร้างสรรค์ จริงใจ มีส่วนร่วม มั่นคงและยั่งยืน ร่วมเป็น พลังขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย พร้อมชูแคมเปญ Application พอดี หวังให้คนไทย ใช้ชีวิตพอเพียง
102 | happy+
ดร.วิสุทธิ วิทยฐานกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นํ้ามันพืชไทย จำ�กัด (มหาชน) หรือ TVO ผู้ผลิตและจำ�หน่ายนํ้ามันถั่วเหลือง 100% ภายใต้แบรนด์องุ่น และผลิตภัณฑ์กากถั่วเหลืองซึ่ง เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ เปิดเผยว่า ปีนี้ก้าวเข้าสู่ 50 ปี TVO ที่ TVO ได้ก่อตั้งมา บริษัทฯ จึงจัดทำ� กิจกรรมดี ๆ ให้กับสังคมไทย เพื่อกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่เกิดความสนใจและมีส่วนร่วมในการดูแลและ พัฒนาชาติบ้านเมือง
สำ�หรับแผนการดำ�เนินงานของกิจกรรมเพื่อสังคมในปี 2560 นี้ ทางบริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ สุขีกัมปานี โดยที่มาคือแนวคิด “Let’s Discover Tomorrow” ค้นหาและสรรค์สร้าง “วันพรุ่งนี้” ให้ดีขึ้นทุกมิติ ทั้งสภาพแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ฯลฯ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของ คนรุ่นใหม่ไปพร้อม ๆ กัน โครงการเพื่อสังคม สุขีกัมปานี ส่งเสริมให้คนรู้จักพอดี รู้จักใช้ชีวิต ไม่ตามกระแสนิยม วัตถุนิยม ตามแนวพระราชดำ�ริ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และทุก ๆ 1 ดาวน์โหลด เท่ากับ 1 บาท บริจาค สมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา โดยแคมเปญ แอพพลิเคชั่น “พอดี” จะช่วยกระตุกต่อมความพอดีในตัวคุณ ให้รู้จักคิด รู้จักใช้ และรู้จักความพอดีในชีวิต เพียงกรอกข้อมูลบัญชีบุคคลตามขั้นตอน จากนั้นแอพพลิเคชั่นจะประมวล ผลความพอดีในตัวคุณออกมา แน่นอนว่าชีวิตที่มี “ความพอดี” ก็จะมี “ความสุข” และถ้าคนหนึ่งคน ทำ�ได้ คนหลายคนก็น่าจะทำ�ได้ และเป็นจุดเริ่มต้นของ “ความพอดี” ให้สังคม 50 ปี TVO ยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยปรัชญาและปณิธานที่ว่า บริษัทจะเติบโตอย่างมีคุณภาพ มั่นคง และยั่งยืน ผลิตสินค้าคุณภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน สร้างมูลค่าเพิ่มให้ ผู้ถือหุ้น ร่วมดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม
สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน่ “พอดี” ได้แล้ววันนี้ ทัง้ ระบบ Android และ iOS ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sukeecompany.com และ FB : sukeecompany
happy+ | 103
game for reader
Q : ตำ�นานประจำ�เมืองพิจิตร คือ เรื่องอะไร ทราบแล้วส่งคำ�ตอบมายังนิตยสาร happy+ บริษทั ไทย ภิรมย์สตาร์ จำ�กัด 10/196-197 อาคารเดอะเทรนดี้ ชัน้ 27 ถ.สุขมุ วิท 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110 หรือส่งมาทีอ่ เี มล happyplusmag@gmail.com ภายในวันที่ 30 มิถนุ ายน 2560
ร่ ว มลุ้ น รั บ นํ้ า มั น มะพร้ า ว บริสทุ ธิ์ ขนาด 200 มล. จาก เขาค้อทะเลภู จำ�นวน 2 รางวัล (ประกาศรายชือ่ ผูไ้ ด้รบั รางวัล ใน happy+ ฉบับเดือนสิงหาคม 2560) *** หมายเหตุ : ภายในไปรษณีย์ โปรดระบุเบอร์ตดิ ต่อกลับ และหากได้รางวัล กรุณาเดินทางมารับรางวัลด้วย ตนเอง
รายชื่อผู้รับรางวัลเล่ม 53
โครงการมอบความสุขให้กบั ชุมชน โดยการสมัครเป็นสมาชิกอุปถัมภ์นติ ยสาร happy+ ให้โรงเรียน โรงพยาบาลในชนบท และชุมชนทีข่ าดแคลน เพื่ อ ส่ ง เสริ ม ประชาชนให้ มี คุ ณ ภาพชี วิ ต ที่ ดี มี ค วามสุ ข ทั้ ง กาย ใจ และสั ง คม นิตยสาร happy+ จึงขอเชิญชวนผู้อ่านร่วมเป็นผู้อุปถัมภ์กิตติมศักดิ์ สมัครเป็นสมาชิกอุปถัมภ์ ให้โรงเรียน โรงพยาบาลในชนบท และชุมชนที่ขาดแคลน โดยท่านสามารถใช้ใบสมัครเดียวกับ ใบสมัครสมาชิกทั่วไป เพียงระบุชื่อโรงเรียนที่ต้องการอุปถัมภ์ลงไปในช่องชื่อและที่อยู่ ซึ่งเว้นไว้ นิตยสาร happy+ ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแบ่งปันความสุข และมีส่วนร่วมในการดูแล สังคมไทย 104 | happy+
คอลั ม น์ travelogue พาไปเที่ ย วสวนสนุ ก ดิสนีย์แลนด์ที่ประเทศใด คำ�ตอบ ประเทศญี่ปุ่น รายชื่อผู้โชคดี ได้รับ Detox Daily Powder จาก Sponge Me จำ�นวน 2 รางวัล 1. คุณณิชาภัทร์ อึ้งกาญจนากุล กรุงเทพฯ 2. คุณพสิษฐ์ สรรพเจริญกิจ กรุงเทพฯ ติดต่อเพือ่ รับของรางวัลได้ที่ คุณเบล บริษทั ไทยภิรมย์สตาร์ จำ�กัด 10/196-197 อาคารเดอะ เทรนดี้ ชั้น 27 ถนนสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110 โทร. 0-2168-7480 ต่อ 1021 หากไม่ตดิ ต่อขอรับรางวัล ภายในวันที่ 30 มิถนุ ายน 2560 ถือว่าสละสิทธิ์ ** โปรดมารับรางวัลด้วยตนเองค่ะ
Next Issue Handmade งานแฮนด์เมด คือ ผลงานที่ถูกทำ�ขึ้น ด้วยมือ ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์ เป็น ชิ้นเดียวในโลกใบนี้ไม่เหมือนใคร ถือ เป็นงานประดิษฐ์ที่ต้องใช้ความใส่ใจ ความประณีต และความคิดแปลกใหม่ใน การสร้างสรรค์ผลงานให้ได้อย่างทีต่ ง้ั ใจไว้ ทำ�ให้งานแฮนด์เมดเป็นงานที่มีมูลค่า ทางด้านจิตใจมากกว่าผลงานชิน้ อืน่ ๆ ที่ถูกทำ�ขึ้นโดยเครื่องจักร นิตยสาร happy+ ฉบับเดือนกรกฎาคมนี้ เราจะ พาผู้อ่านไปพบกับความน่ารักของผลงาน ที่เต็มไปด้วยความตั้งใจและความ โดดเด่น แล้วพบกันที่แผงหนังสือค่ะ เลขที่ใบสมัคร No…………………………………………………รหัสสมาชิก...................................................................................................... (สำ�หรับเจ้าหน้าที่)
ใบสมัครสมาชิก
สมาชิกทั่วไป
สมาชิกอุปถัมภ์
วันที่สมัคร............................................................................................................................................................... สมัครสมาชิก 1 ปี (12 ฉบับ) ราคา 780 บาท เริ่มฉบับที่.....................................................................ถึงฉบับที่............................................................................ ชื่อ................................................................................นามสกุล............................................................................ วัน/เดือน/ปีเกิด..............................................................อายุ.................................................................................. เพศ ชาย หญิง อาชีพ..............................................................รายได้ต่อเดือน....................................... ระดับการศึกษา ตํ่ากว่า ป.ตรี ป.ตรี ป.โท อื่นๆ สถานภาพ โสด สมรส ม่าย/หย่าร้าง ปัจจุบันมีบุตรหรือไม่ ยังไม่มี มีแล้ว จำ�นวน...............................คน สถานที่สำ�หรับจัดส่งนิตยสาร ชื่อ........................................................................................................................................................................... ที่อยู่........................................................................................................................................................................ รหัสไปรษณีย์.......................................................................................................................................................... โทรศัพท์ (บ้าน).................................................................โทรศัพท์ (มือถือ).......................................................... โทรสาร............................................................................อีเมล............................................................................... ชำ�ระค่าสมัครโดย โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ในนาม บริษัท ไทยภิรมย์สตาร์ จำ�กัด ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางโคล่ : เลขที่บัญชี 095-273056-5 *กรุณาส่งใบสมัครสมาชิก พร้อมเอกสารการชำ�ระเงินมาที่ ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ นิตยสาร happy+ บริษัท ไทยภิรมย์สตาร์ จำ�กัด 10/196-197 อาคารเดอะ เทรนดี้ ชั้น 27 ถนนสุขุมวิท 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110 หรือแฟกซ์มาที่หมายเลข 0-2168-7481 หรือสแกนหลักฐานส่งมาทางอีเมล happyplusmag@gmail.com **บริษัทจะส่งเลขที่สมาชิกและนิตยสารฉบับแรกไปยังท่าน เมื่อได้รับหลักฐานการชำ�ระเงินแล้ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือแนะนำ� ติ ชม ได้ที่ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ นิตยสาร happy+ โทรศัพท์ 0-2168-7480 ต่อ 1021 (แบบฟอร์มนี้สามารถถ่ายเอกสาร หรือคัดลอกลงกระดาษ A4 แล้วส่งมาตามที่อยู่ของบริษัท)
พิเศษ
สมัครสมาชิก happy+ เดือนมิถนุ ายน รับทันที เซ็ตผลิตภัณฑ์ เครือ่ งสำ�อางค์ essence (CC Cream + Powder)
พิเศษยิ่งกว่า
สำ�หรับสมาชิกที่ต่ออายุ ในเดือนมิถุนายน รับเพิ่มเซ็ตผลิตภัณฑ์ เครื่องสำ�อางค์ essence (Eye Shadow 2 สี + Eye Liner)
happy ending
“...เราทั้งหลายทุกวันนี้จึงต้องระลึกถึงบุญคุณของบรรพบุรุษอยู่เสมอ และต้องถือเอาเป็นทั้งภาระและความรับผิดชอบ ที่จะรักษาจิตใจและคุณธรรมประจำ�ชาติไทยนี้ไว้เป็นนิตย์ ทั้งจะต้องสืบทอดความคิดจิตใจนี้ต่อไปมิให้ขาดสายด้วย จึงจะสามารถรักษาชาติ และประเทศมิให้แตกทำ�ลายสูญสลายไปได้...” พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่ทหารรักษาพระองค์ ในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน และสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๒๑