let's smile
ตอนวางแผนทำ�เนื้อหาของฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ฉันตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำ�เรื่องอื่นซึ่งไม่ใช่เรื่องเกี่ยว กับความรัก เพราะรู้สึกว่าเมื่อถึงช่วงเวลานี้ ทำ�ไมเราจะต้องพุ่งเป้าไปที่เรื่องความรัก ในเมื่อยังมีเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย แต่เมื่อเหลียวมองไปทางไหนก็พบว่า ทุกคนต่างต้องการที่จะรักใครสักคนและ ปรารถนาความรักจากคนที่ตนรัก แต่ความรักไม่ใช่เรื่องที่จะบังคับให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการได้ง่ายๆ ความรักมีรูปแบบที่ไม่ตายตัว วิธีการที่ได้ผลของคนหนึ่งอาจจะใช้ไม่ได้ผลกับอีกคนหนึ่ง ดังนั้นไม่ว่าจะ นำ�เสนอเรื่องรักสักกี่ร้อยกี่พันครั้ง ก็ยังเผยให้เห็นแง่มุมของความรักได้ไม่หมด happy+ ฉบับนี้จึงขอนำ� เสนอเรื่องราวความรักในอีกมุมมองหนึ่งค่ะ เริ่มต้นด้วยความรักในแบบฉบับของ นํ้าชา-ชีรณัฐ ยูสานนท์ และ ชิน- ชินวุฒิ อินทรคูสิน ที่ไม่ได้ มีแค่ความรักในเชิงความสัมพันธ์แบบหนุ่มสาว แต่มีทั้งความรักในครอบครัว ความรักระหว่างเพื่อน ตลอดจนความรักในหน้าที่การงาน และเรื่องราวที่น่าจะให้ข้อคิดในเรื่องของความรักและความสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดีนั่นก็คือ Feature ในฉบับนี้ ที่นำ�หลักคิดการครองเรือนของ 3 คู่ชีวิต ได้แก่ คู่ของศาสตราจารย์พิเศษประยูร และยุพา จินดาประดิษฐ์, กมลชนก โกมลฐิติ และนุติ เขมะโยธิน, ต่าย-ชุติมา และ ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มาให้ เราได้ศึกษากัน ไม่ว่าความรักของคุณจะเป็นแบบไหน เชื่อได้ว่ามุมมองความรักที่เรานำ�เสนอในคราวนี้ จะทำ�ให้ คุณมองเห็นความรักในมิติที่หลากหลาย และคงจะดียิ่งขึ้นไปอีกหากคุณนำ�ไปปรับใช้เพื่อสร้างสุขให้กับ รักในแบบของคุณเอง ทิพย์วรรณ แสวงศรี happyplusmag@gmail.com เจ้าของ : บริษัท ไทยภิรมย์สตาร์ จำ�กัด 10/196-197 อาคารเดอะ เทรนดี้ ชั้น 27 ซอยสุขุมวิท 13 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 0-2168-7480 โทรสาร 0-2168-7481 คณะที่ปรึกษา : วิสุทธิ วิทยฐานกรณ์ คัมภีร์ ภาคสุ ว รรณ์ บรรณาธิ ก ารผู้ พิ ม พ์ ผู้ โฆษณา : วิ ส า รั ต ตประดิ ษ ฐ์ บรรณาธิ ก ารบริ ห าร : ทิ พ ย์ ว รรณ แสวงศรี หัวหน้ากองบรรณาธิการ : สโรบล วิบูลยเสข นักศึกษาฝึกงาน : ฐชาภัทร ศรีหมื่นไวย นักเขียน : ปิ่นอนงค์ วัชรปาณ, ประอรพิชญ์ คัจฉวัฒนา, อนุสรณ์ ศรีคำ�ขวัญ, นพ.พิรัตน์ โลกาพัฒนา, นันทภา ปัญญารัตน์, ชัญญา เศรษฐบุตร, ญาดารัตน์ บาลจ่าย, ศศินี ปัญญารัตน์, นพ.พัฒน ธัญญกิตติกุล, มารินา โคบายาชิ, ศนิศรา แสงอนันต์, ดุษฎีพันธุ์ พจี, วีระโชติ, รัฐธนนท์ ธนาสินสิทธานนท์, ต้องการ, การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์, นุชนาฏ เชาวลิต, Miss Beauty, วีรณัฐ โรจนประภา, ปั ท มา กลิ่ นทอง, พู ล ทรั พ ย์ เจตลี ล า, อาจารย์ ค ฑา ชิ น บั ญ ชร พิ สู จ น์ อั ก ษร : ณรงค์ พึ่ ง บุ ญ พา บรรณาธิ ก ารศิ ล ปกรรม : กั ม ปนาท ศิ ล าวรรณ ผู้ จั ด การฝ่ า ยประชาสั ม พั น ธ์ : โชติ ก า วี ร นะ ช่ า งภาพ : สุ ภ ชั ย รอดประจง, พี ร พั ฒ น์ วิ ม ลรั ง ครั ต น์ ฝ่ า ยโฆษณาและการตลาด : เกรี ย งไกร พั น จิ น า 08-9145-9319 แยกสี : 71 Interscan Co.,Ltd. โทรศัพท์ 0-2631-7171 พิมพ์ที่ : บริษัท ไซเบอร์พริ้นท์ จำ�กัด 0-2641-9135-8 จัดจำ�หน่าย : บริษัท โนวเลจโพรไวเดอร์ จำ�กัด • ผู้อ่านท่านใดต้องการเขียนจดหมายมาพูดคุยกับเรา ต้องการติ ชม หรือเสนอแนะ เชิญส่งความคิดเห็นของท่านเข้ามาได้ที่ happyplusmag@gmail.com หรือเข้าไปติดตามความเคลื่อนไหว update ข่าวสารใหม่ๆ ได้ที่ : www.happy-plus.com
give it forward
นิตยสาร happy+ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสุขให้กับสังคม โดยการมอบรายได้ทุก 5 บาท จากการจำ�หน่ายนิตยสาร หนึ่งฉบับ ให้กับองค์กร หน่วยงาน มูลนิธิ หรือบุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือ สำ�หรับฉบับที่ 4 นี้ เราขอมอบให้กับ โครงการเสียสละ เพื่อผู้เสียสละ สมทบทุนซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก หากสนใจ รายละเอียดของโครงการ โทร.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2644-9400 หรือเข้าไปที่ www.vgh.go.th
love tips
รักอย่างไรไม่ให้ทุกข์
ความรักแบบไม่มีทุกข์คงเป็นสิ่งที่ ทุกคนกำ�ลังค้นหา เราทุกคนสามารถมี รักอย่างนั้นได้ หากเรา 1. เติมใจตนเองให้เต็ม โดยการ รู้จักรักตนเองให้เป็น เห็นคุณค่าใน ตนเอง บอกให้ได้ว่าเรามีดีอะไรและจุด มุ่งหมายในชีวิตคืออะไร 2. เมื่อใจเราเต็มแล้ว เราจะรู้จัก แบ่งปันความรักให้กับผู้อื่น หรือรู้จักที่ จะรักผู้อื่นอย่างเหมาะสม 3. เมื่อต้องเจอกับการถูกปฏิเสธ หรือความผิดหวังก็ไม่ทำ�ให้เราทุกข์ เพราะมีภูมิต้านทานจากใจที่เติมเต็ม และเข้มแข็ง 4. เมื่อใดที่ใจเราไม่เต็มก็มักจะ แสวงหาส่วนที่ขาดหายจากผู้อื่นหรือ สิ่งอื่น ทำ�ให้เรามีรูปแบบความรักอย่าง พึ่งพิงหรือผูกชีวิตติดไว้กับใคร ซึ่งเป็น สิ่งที่ไม่มีความแน่นอนและมักจะพบกับ ความผิดหวังเสมอ 5. ความรักที่มีความสุขอาจจะ ไม่ใช่การรอรับจากใคร แต่เกิดจากการ ที่เราเป็นผู้ให้ความรักกับคนอื่นก็ได้ 6. ระลึกถึงสัจธรรมในเรื่องของ ความรักเสมอ เช่น “ทุกสิ่งทุกอย่างใน โลกย่อมมีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งใจ คน” เราจึงไม่ควรยึดติดกับสิ่งใดหรือ คนใด “มีพบก็ต้องมีพราก มีเจอก็ต้อง มีจากเป็นธรรมดา”“สุดท้ายทุกคนก็ ต้องอยู่คนเดียว” จึงเตรียมตัวให้พร้อม เสมอ “เราจะไม่ผิดหวังถ้าเราไม่คาด หวัง” เป็นต้น ข้อมูลโดย : ชาดา ประจง นักจิตวิทยาชำ�นาญการ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
contents
ปีที่ 1 | ฉบับที่ 4 | กุมภาพันธ์ 2556 กายสุข 12 Healthy Planet 46 Q & A 49 Take Care / 8 วิธีลดอุบัติเหตุและอันตรายภายในบ้าน 52 Well Being / All about heart เรื่องราวของ “หัวใจ” 54 ธรรมชาติบำ�บัด / รู้ทันสารพันพิษ 56 Beauty by Nature / ขาวใส ด้วยไวท์เทนนิ่ง แบบธรรมชาติ 58 Beauty Recommended/ ผิวเนียนนุ่ม เสน่ห์ง่ายๆ ของหญิงสาว 82 กินอาหารเป็นยา / ยาไส้ ยาใจ 84 ระบำ�ทำ�ครัว / ผัดเห็ดชิเมจิหมูหมัก ใจสุข 16 Happy People / Love is all around …รักสร้างสุข ชิน & นํ้าชา 24 Happy Heart / ความสุขแห่งชีวิต ของ ศาสตราจารย์ระพี สาคริก 36 Feature / 3 หลักคิดการครองเรือนของ ศาสตราจารย์พิเศษประยูร และยุพา จินดาประดิษฐ์ กวาง-กมลชนก โกมลฐิติ และน็อต-นุติ เขมะโยธิน ต่าย-ชุติมา และทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 59 A Few good Stuff / คำ�ขวัญวันเด็กสำ�หรับ “ทุกคน” 60 Family in Love / สิ่ง(ของ)มีชีวิต 62 ทรัพย์ในธรรม / ธรรม...แห่งความรัก 64 สุขีในญี่ปุ่น / Karuizawa คารุอิซาวะ เมืองตากอากาศเลื่องชื่อ 67 TRAVELOGUE / ไปเมืองปูนาคา ผ่านโดชูลา และ วังดู โพ-ดรัง (1) 70 การเดินทางของนกสีฟ้า / หยิบหมอก หยอกตะวัน ปั่นรถถีบ ที่เมืองน่าน 74 Happy Time / กระท่อมเต่า รีสอร์ต กับคอร์ส “ออกแบบชีวิตใหม่” 75 Happy Time / เจ้าพระยาครุยส์ ประสบการณ์เหนือคำ�บรรยายบนสายนํ้า แห่งอารยธรรม 76 One Happy Day / ตามรอยดอกไม้ ชมสวนไทย จิบชานานาชาติ 79 Home Sweet Home / “ของรัก ของหวง” 80 Green Shop Review / ดาราดาเล@BKK ถนนพิชัย อาหารเหนือจากฟาร์ม ออร์แกนิก 86 ชวนชิมอิ่มสุข / ซินยอร์ ซาสซี่ อิตาเลียนเลิศรส Grandma’s Garden บ้านน้อยแสนอบอุ่น Twinings Tea Boutique เปิดประสบการณ์ชาอังกฤษต้นตำ�รับ 90 ดูหนังกับฟ้า ฟังเพลงกับฝน / รักแรกในความทรงจำ�...รักรื่นรมย์ 91 ชวนอ่านสานสุข 92 Horoscopes 98 Happy Ending สังคมสุข 10 Happy Planet 32 คนคิดดี / เฌอบูโด ต้นกล้าแห่งความดี 94 กิจกรรมนำ�สุข 96 Happiness is all Around
16
24
36
76
86
82
contributors
ต้องการ นักวาดการ์ตูนผู้ผันชีวิตมาดูแลสุขภาพแบบ ธรรมชาติและตั้งตัวเองเป็น “นักวาดการ์ตูน ออร์แกนิกคนแรกของโลก” เพราะเล็งเห็นแล้วว่า วิถีออร์แกนิกนั้นเป็นคำ�ตอบให้กับปัญหาสุขภาพ ของคนและสิ่งแวดล้อมได้ ทุกวันนี้อาศัยอยู่ที่ ปากช่อง พยายามเรียนรู้การดูแลตัวเองแบบ ธรรมชาติและออร์แกนิกให้เก่งกล้ายิ่งขึ้น ผลงาน ทั้งวาดและเขียนมีหลายเล่ม ที่เด่นมี “slow book” ของสำ�นักพิมพ์ a book และ “บทสนทนา ระหว่างฉันกับเธอ” ของสำ�นักพิมพ์ fullstop ซึ่ง ได้รับรางวัลเหรียญทองแดง International Manga Award 2011 จากประเทศญี่ปุ่น
วีรณัฐ โรจนประภา คุณใหม่จบปริญญาตรีวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ปริญญาโทบูรณาการนโยบายสวัสดิการสังคม ปัจจุบันเป็น “วิศวกรสังคม” ผู้มุ่งมั่นใช้หลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการขับเคลือ่ นงาน ใน 3 มิติคือ การศึกษา - เศรษฐกิจ - สังคม ด้วยการก่อตั้งองค์กรทำ�งานใน 3 ระดับ คือ ขั้นแรก “สอนให้รู้” ผ่านสถาบันคิดใหม่ ขั้นที่สอง “ทำ�ให้ดู” ผ่านมูลนิธิบ้านอารีย์ (การศึกษา) สมาคมบ้านปันรัก (สังคม) ไร่กระต่าย (เศรษฐกิจ) และใช้ชีวิตตนเองเผยแพร่ ในขั้นสุดท้ายคือ ขั้น “อยู่ให้เห็น”
อาจารย์คฑา ชินบัญชร นักพยากรณ์ชื่อดัง เจ้าของรางวัล “สร้างสรรค์ สังคมไทยดีเด่น” ประจำ�ปี 2541 ปัจจุบันเป็น ทัง้ คอลัมนิสต์ พิธกี ร และวิทยากรพิเศษ รวมถึง ทำ�งานการกุศลมากมาย ได้แก่ เป็นประธาน กองทุน M.A.C. Aids Fund (ประเทศไทย) ประธานหาทุนมูลนิธิร่วมนํ้าใจต้านภัยเอดส์ ผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ 48 พรรษา จ.ลำ�พูน มูลนิธิสิริวัฒนา เชสเชียร์ ในพระบรม ราชินูปถัมภ์ อาสากาชาด เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา สภากาชาดไทย และประธานร้าน ร่วมนํ้าใจ เพื่อโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ 48 พรรษา จ.ลำ�พูน
ชัญญา เศรษฐบุตร - ครูอู่ เคยป่วยหนักด้วยโรคทางระบบสมองและโรคอื่นๆ จนถึงขั้นต้องนอนรักษาตัวอยู่กับที่เท่านั้น ทานยาวันละ 50 กว่าเม็ด ถูกชอร์ตด้วยไฟฟ้า หลายครั้ง จนกระทั่งมาพบแนวทางธรรมชาติ บำ�บัดและได้เยียวยาตนเองจนกลับมาเป็นปกติ จากนั้นจึงได้ศึกษาศาสตร์เกี่ยวกับธรรมชาติ บำ�บัดเพิ่มเติม ในที่สุดได้ตัดสินใจปวารณาตนเอง ออกเผยแพร่และให้ความรู้เกี่ยวกับศาสตร์แห่ง การใช้ชีวิตและศิลป์แห่งการเยียวยา เพื่อช่วย เหลือผู้เจ็บป่วยในการปรับเปลี่ยนวิถีการดำ�เนิน ชีวิต ซึ่งมีผู้ได้รับความรู้และปฏิบัติจนเห็นผล แล้วมากมาย
มารินา โคบายาชิ ปัจจุบันทำ�งานด้านประสานงานและเป็นอาสา สมัครช่วยเหลือเด็กไทยในประเทศญี่ปุ่นด้านการ ศึกษา มีผลงานแปลหนังสือภาพหลายเล่มในนาม มารินา โฮริคาวา ได้แก่ บ้านใบไม้ (สำ�นักพิมพ์ แพรวเพื่อนเด็ก) ความลับของเต้านม ความลับ ของสะเก็ดแผล (สำ�นักพิมพ์ Reading Party) มีผลงานแปลร่วมกับ พรอนงค์ นิยมค้า อาทิ พบกันวันคิดถึง ทำ�ได้ทุกสิ่งเพื่อเธอ (สำ�นักพิมพ์ คัมปาย อิมเมจจิ้ง) ผลงานล่าสุดคือ ทาโร่เดินทาง (มูลนิธิเอสซีจี) ปัจจุบันแต่งงานกับชาวญี่ปุ่นและ อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น
ศนิศรา แสงอนันต์ ได้รับการอบรมบ่มวิชาและกิริยามารยาทอย่าง เข้มงวดจากเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์สามเสน ก่อนจะเป็นศิษย์อักษรศาสตร์แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จบมาด้วยคะแนน เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และวารสารศาสตร มหาบัณฑิตจากสถาบัน ICDE แห่งกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ “ศนิศรา” ได้จากราชอาณาจักร ไทย ด้วยว่าต้องติดตามสามีผู้ซึ่งเป็นนักการทูต ของสหภาพยุโรป (EU) ไปประจำ�อยู่ในหลาย ประเทศมาโดยตลอด นอกจากนี้เธอเองยังเป็น นักเดินทางท่องเที่ยวตัวยง (คงกระพัน) อีกด้วย
นพ.พิรัตน์ โลกาพัฒนา คุณหมอบล็อกเกอร์ผู้เขียนบทความทางการแพทย์ ลงใน Mthai.com และ mor-maew.exteen.com เจ้าของรางวัล “เบสท์ออฟเดอะเบสท์” และรางวัล “บล็อกยอดเยีย่ ม สาขาสุขภาพ” จากการประกวด สุดยอดบล็อก ในงานประกวดไทยแลนด์บล็อกอวอร์ด ติดตามบทความของคุณหมอได้ในคอลัมน์ Take Care
ป้าจาย-แม่มดดอกไม้ ผู้เขียนและวาดภาพประกอบหนังสือ ครัวดอกไม้ ที่ได้รับการตีพิมพ์ถึง 3 ครั้ง และยังเป็นเจ้าของ เครื่องหมายทะเบียนการค้า ครัวดอกไม้ ปัจจุบัน มีความสุขกับการเขียนหนังสือ และออกตลาดนัด สีเขียวซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำ�ได้ทุกวันโดยไม่รู้สึก เบื่อหน่าย
นพ.พัฒน ธัญญกิตติกุล จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และได้ ไปศึกษาต่อด้านจอประสาทตา ที่มหาวิทยาลัย บริติชโคลัมเบีย แคนาดา ในปี 2541 ปัจจุบัน เป็นจักษุแพทย์ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช รักการว่ายนํ้า เทนนิส และการใช้ชีวิตให้มีความสุข
8
Chaophraya Cruise Bangkok
happy planet เรื่อง : ปิ่นอนงค์ วัชรปาณ
นับเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เมื่อศิลปะสามารถผัน อารมณ์ไม่สุนทรียะของชีวิต ผ่านแรงบันดาลใจให้กลาย เป็นพื้นที่แห่งความสุขได้ ไม่ว่าจะเป็นการระบายทุกข์ หรือความโมโหก็ตาม
10
ที่เกาหลีใต้เพิ่งสร้างกระแสฮือฮาไปเมื่อ ไม่นานมานี้ ด้วย Toilet Theme Park เพื่อ เป็นการรำ�ลึกถึงความดีของนายซิม แจ-ดุ๊ก อดีตนายกเทศมนตรีแห่งเมืองซูวอน ผู้อุทิศตัว ในการพัฒนาคุณภาพของห้องนํ้าสาธารณะมา โดยตลอดเมื่อครั้งดำ�รงอยู่ในตำ�แหน่งทางการ เมือง รวมทั้งยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง World Toilet Association ให้เกิดขึ้นในปี 2007 จนได้รับฉายา ว่าเป็น “มิสเตอร์ Toilet” ที่สำ�คัญ ท่านมีประวัติ เกี่ยวข้องกับห้องนํ้ามาตั้งแต่เกิด เนื่องจากเป็น เด็กที่แม่คลอดในห้องนํ้าบ้านของคุณตาคุณยาย ด้วยนั่นเอง
Suwon Toilet Museum หรือที่รู้จักกันใน นาม Mr.Toilet’s House เดิมเคยเป็นบ้านพักของ นายซิม หลังจากที่เขาเสียชีวิต บ้านของเขาก็ ได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยว กับ “ส้วม” โดยอาคารหลักของที่นี่ซึ่งเป็นตึก สองชั้นที่ถูกออกแบบให้เป็นรูปชักโครกนั้น ได้รวบรวมเรื่องสุขาและสุขอนามัยทุกด้านที่ เกี่ยวข้องกับการขับถ่ายซึ่งเป็นธรรมชาติของ มนุษย์เอาไว้อย่างน่าทึ่ง มีการนำ�เสนออย่าง ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นนิทรรศการที่แสดงให้เห็น ถึงวิวัฒนาการของส้วมในยุคต่างๆ ทั้งของ เกาหลีและของโลก จนกลายมาเป็นห้องนํ้าที่มี ความทันสมัยในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีการรวบรวม สัญลักษณ์ของห้องนํ้าจากประเทศต่างๆ ซึ่งมี หลากหลายรูปแบบด้วยกัน ในส่วนของภายนอก อาคารก็มีประติมากรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจ มาจากการขับถ่ายของมนุษย์ ที่สะท้อนถึง มุมมองอื่นๆ ทางสังคมได้อย่างน่าสนใจ พื้นที่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการปลดทุกข์บำ�รุงสุข แห่งนีเ้ ปิดให้ผสู้ นใจเข้าชมในช่วง 10.00-17.00 น. ทุกวันอังคารถึงวันอาทิตย์ โดยไม่เก็บค่าเข้าชม
ภาพ : http://www.englishspectrum.com, http://www.seoulselection.com, http://laughingsquid.com, http://www.china.org
ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก เว็บไซต์ haewoojae.com คุยถึงอารมณ์(ปลด)ทุกข์กันไปแล้ว หันมา พูดเรื่องความโกรธกันบ้าง เวลานี้คงไม่มีใคร ไม่รู้จักแองกรี้เบิร์ด เจ้านกขี้โมโหยอดนิยม ที่ใบหน้าอันโกรธขึ้งและแสดงออกถึงความ โมโหของมันกลับสร้างความสุขให้กับผู้พบเห็น ได้อย่างน่าอัศจรรย์ หลังจากที่นกแองกรี้เบิร์ด ได้สร้างสุขให้กับชาวโลกด้วยแอพพลิเคชั่น เกมแสนสนุกที่โกยความนิยมไปอย่างถล่ม ทลาย จนฮอลลีวู้ดต้องคว้าตัวมันไปรับบทเด่น ในภาพยนตร์ซึ่งกำ�ลังถ่ายทำ�อยู่ในเวลานี้แล้ว ล่าสุดได้มีผู้นำ�แองกรี้เบิร์ดไปสร้างสุขโดยพัฒนา ต่อยอดเป็นสวนสนุกชื่อว่า Angry Birds Land โดยผู้กล้าที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่เบิ้มแห่ง เอเชียอย่างจีนนั่นเอง Angry Birds Land ตั้งอยู่ ที่เมืองไหหนิง มณฑลเจ้อเจียงที่อยู่ใกล้ๆ กับ เซี่ยงไฮ้ โดยจะเริ่มต้นเปิดให้บริการในเดือนนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน
สวนสนุกแองกรี้เบิร์ดแห่งนี้นับเป็นแห่งที่ 3 ของโลกแล้ว หลังจากที่บริษัท Ravio เจ้าของ ลิขสิทธิ์ได้เปิด Särkänniemi ซึ่งเป็นสวนสนุกแองกรี้ เบิร์ดแห่งแรกที่ฟินแลนด์ ในเมืองแทมเปเร บ้านเกิดของเจ้าแองกรีเ้ บิรด์ เอง และตามมาด้วย ที่เมืองนอตติ้งแฮมเชียร์ของอังกฤษ รวมทั้ง มีโครงการที่จะขยายพื้นที่ไปยังออสเตรเลีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา สเปน อิตาลี และ ฝรั่งเศสด้วย ซึ่งเราสามารถติดตามความ เคลื่อนไหวได้จากเว็บไซต์ AngryBirdsParks.com นอกจากจะมีเครือ่ งเล่นสนุกๆ เอาไว้พชิ ติ ใจ เด็กๆ แล้ว Angry Birds Land ยังมี “สนาม เด็กเล่น” กลางแจ้งสำ�หรับเด็กอายุตํ่ากว่า 10 ขวบ มีเครื่องเล่นสำ�หรับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ มี แหล่งเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นสวนสัตว์ อะควาเรียม และพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Angry Birds Land จึงนับ เป็นสถานที่ที่สร้างสุขให้กับทุกคนในครอบครัว จริงๆ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เราหลงรักเจ้านก หน้าบึ้งตัวนี้ได้อย่างไร… 11
healthy planet เรื่อง : แม่มะลิ ภาพประกอบ : kampanatz.com
Tricks เพิ่มความจำ�
ก้าวเข้าสู่เดือนที่สองของปี แล้ว ใครตั้งใจว่าจะเริ่มทำ�อะไร ดีๆ ในปีนี้ก็อย่าลืมลงมือทำ�กัน นะคะ ยิ่งเป็นการทิ้งพฤติกรรม ทำ�ลายสุขภาพ แล้วหันมาใส่ใจ ดูแลกายใจให้แข็งแรง ยิ่งต้อง รีบลงมือทำ� วันนี้เราจึงมีตัวช่วย เป็นเคล็ดลับดีๆ ใช้เพิ่มความจำ� ทำ�ให้สมองสดใส มาบอกกันค่ะ
เปลี่ยนรูปแบบตัวอักษร เพิ่มลูกเล่นให้งาน เอกสาร มีงานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัย Princeton ยืนยันว่า การเปลี่ยนรูปแบบตัวอักษร ที่ใช้ในการพิมพ์เอกสาร การทำ�ตัวหนาและตัว เอน เพื่อให้เกิดความแตกต่างในการอ่าน นับ เป็นวิธีที่ได้ผลในการกระตุ้นการทำ�งานของ สมองค่ะ ขณะที่การเอารูปแบบการจัดหน้า เอกสารออกไป ย่อมทำ�ให้ผู้อ่านรู้สึกว่าตัวอักษร นั้นเล็กลง ช่วยดึงความสนใจผู้อ่านได้อีกทาง ด้วยค่ะ
ฝึกสมองด้วยการเต้นลีลาศ ช่วงต้นปีเช่นนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเริ่ม เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นการทำ�งานของสมอง เช่น เข้าคลาสสอนทำ�อาหาร หรือเรียนรู้ภาษา ใหม่ๆ แต่ถ้าใครยังคิดไม่ออกว่าจะเรียนอะไร ขอแนะนำ�ให้ลองเรียนการเต้นบอลรูม หรือการเต้น ลีลาศดูนะคะ เพราะมีงานวิจัยยืนยันว่า การ เคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะเพลงในแต่ละครั้ง ช่วยกระตุ้นการทำ�งานของสมองผู้เต้นให้ต้องคิด ว่าจะเคลื่อนที่อย่างไรให้เข้ากับจังหวะเพลงและ คู่เต้นค่ะ 12
ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดดูบ้าง ลองเปลี่ยนความ เคยชินจากการทำ�กิจกรรม ประจำ�วันด้วยมือข้างที่ ถนัดมาเป็นการใช้มืออีก ข้างดู อย่างคนส่วนใหญ่ ที่ถนัดมือขวา ให้ลอง แปรงฟัน ใส่เข็มขัด เขียน หนังสือ หรือกินอาหาร ด้วยมือซ้ายดูบ้าง เพื่อเปิด โอกาสให้สมองอีกด้านได้ ทำ�งานและตื่นตัว ซึ่งวิธี นี้เองที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านโรคสมองใช้ในการ ฟื้นฟูผู้ป่วยอย่างได้ผล มาแล้ว
เว้นวรรคให้สมองได้พัก ความครํ่าเคร่งในการเรียน การทำ�งาน ไม่ได้ช่วยให้คุณจดจำ� ได้ดีขึ้นเลยนะคะ มิหนำ�ซํ้ายังทำ�ให้ ความจำ�ของคุณสั้นลงแบบไม่รู้ ตัวด้วย นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Wisconsin, Madison จึงแนะนำ� ให้รู้จักเว้นวรรค พักจากการเรียน และงานตรงหน้าบ้าง เพื่อขจัด ความขุ่นมัว ความไม่เข้าใจที่เกิด ขึ้นในระหว่างความครํ่าเคร่งนั้น และเปิดโอกาสให้สมองได้ทบทวน สาระสำ�คัญให้ตกผลึก ซึ่งจะนำ�สู่ กระบวนการเรียนรู้จดจำ�ต่อไป
ที่มา : http://news.health.com/2013/01/03/daily-tricks-improve-memory/
เขียนด้วยลายมือ จำ�ได้ดีกว่าการพิมพ์นะ มีบทความใน Journal of Cognitive Neuroscience ระบุไว้ชัดเจนว่า การจดบันทึก ด้วยลายมือช่วยให้จดจำ�ความรู้ใหม่ๆ ได้ดีและ รวดเร็วกว่าการจดบันทึกด้วยการพิมพ์ลงใน คอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ต โดยมีงานวิจัยที่ทำ� กับเด็กนักเรียน ยืนยันอีกครั้งว่าการเรียนการ สอนโดยให้เด็กจดบันทึกลงในสมุดด้วยลายมือ ของตัวเอง มีส่วนช่วยกระตุ้นให้ระบบต่างๆ ใน สมองที่เกี่ยวกับการเรียนรู้จดจำ�ทำ�งานได้เต็ม ประสิทธิภาพกว่าวิธีอื่นๆ
เล่นเกมคอมพิวเตอร์ลับสมอง อย่าเพิ่งมองว่าการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ จะเป็นการใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์เสมอไป เพราะมีงานวิจัยหนึ่งพบว่าเด็กวัยรุ่นหญิงคน หนึ่งที่ชอบเล่นเกม Tetris เป็นประจำ� มีระบบ ความจำ�ที่พัฒนารวดเร็วอย่างต่อเนื่อง โดย เฉพาะสมองส่วนที่ใช้ในการคิดวิเคราะห์ การใช้ เหตุผล ภาษา และการทำ�งานเป็นขั้นตอน นั่น เป็นเพราะเกม Tetris นี้ ช่วยกระตุ้นกลไกการ ทำ�งานของสมองหลายส่วน ให้ต้องคิดตลอด เวลาว่าจะจัดวางตัวต่อรูปร่างต่างๆ ให้เป็นแถว ได้อย่างไรนั่นเอง
เสียงดิจิตอลช่วยสมองไบรท์ คุณเป็นคนหนึ่งหรือไม่ ที่เมื่อได้ยินเสียง ของปุ่มกด หรือเสียงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ใดๆ เป็นต้องรู้สึกรำ�คาญทุกครั้งไป ถ้าใช่ ผล การวิจยั จาก University of Amsterdam ต่อไปนี้ จะทำ�ให้คุณต้องเปลี่ยนใจค่ะ เมื่อมีงานวิจัย พบว่า การเปิดเสียงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยิ่ง หากเป็นเสียงของระบบการสุ่มเลือกคำ� จะยิ่ง กระตุ้นให้ผู้ที่ได้ยินสามารถคิดสร้างสรรค์ถ้อยคำ� ประโยค และการเรียนรู้ใหม่ๆ ได้ดีกว่าคนที่ เลือกจะปิดเสียงไว้
ฝึกสมาธิเป็นนิตย์ จากรายงาน ทางการแพทย์ของ Montefiore Medical Center/Albert Einstein College of Medicine ระบุว่าเซลล์สมองของ ผู้ที่หมั่นฝึกสมาธิอย่าง สมํ่าเสมอนั้นจะทำ�งาน อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบความจำ�จึงดีกว่า คนที่ไม่ได้ฝึกสมาธิ อย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียง เท่านั้น การฝึกสมาธิยัง ช่วยเพิม่ ศักยภาพในการ มีสติ ระมัดระวัง เอาใจใส่ และดูแลตนเองมาก ขึ้นด้วย
อ่านออกเสียงดังๆ กระตุ้นสมอง วันพรุ่งนี้ลองหาสถานที่เหมาะๆ ที่พอจะอ่านหนังสือพิมพ์ หรือหนังสือแบบเปล่งเสียงออกมา ได้ดูนะคะ เพราะนั่นเป็นการเปิดโอกาสให้สมองอีกส่วนหนึ่งได้รับการกระตุ้น ทำ�ให้เลือดไหลเวียนไป เลี้ยงสมองส่วนนี้ ขณะที่การอ่านในใจทำ�ให้สมองส่วนนี้ไม่ได้รับการกระตุ้นเลย วิธีนี้จึงถูกนำ�มาใช้ กันอย่างแพร่หลายในหลายวิชาชีพ อย่างการที่นักบินสามารถจดจำ�กลไกมากมายในเครื่องบินได้ ก็ เป็นเพราะเขาเลือกจะจดจำ�ด้วยการเปล่งเสียงออกมาด้วยเสียงดังๆ ค่ะ 13
healthy planet
ราย ทราบไหมว่าโรค อุจจาระร่วงคร่าชีวิตคนไทย ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2555 ถึง 16 ธันวาคม 2555 ไป ทั้งสิ้นเป็นจำ�นวน 39 ราย โดยตลอดปียังพบผู้ป่วยโรค อุจจาระร่วง 1,172,705 ราย อาหารเป็นพิษ 112,083 ราย และเสียชีวิต 1 ราย (ที่มา : สำ�นักระบาด กรมควบคุมโรค กระทรวง สาธารณสุข)
สธ. เผย 10 เมนูอาหารต้นเหตุ ทำ�คนไทยป่วยอาหารเป็นพิษ
นายแพทย์พรเทพ ศิรวิ นารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผย 10 เมนูอาหารยอดฮิต ทำ�คนไทย ป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษกว่าแสนคน เมือ่ ปี พ.ศ. 2555 ทีผ่ า่ นมา ได้แก่ 1. ลาบหมูหรือก้อยปลาดิบ 2. ยำ�กุ้งเต้น 3. ยำ�หอยแครง 4. ข้าวผัดโรยหน้าด้วยเนื้อปู (โดยเฉพาะที่ทำ�ปริมาณมากเพื่อแจก เป็นข้าวกล่อง) 5. อาหารหรือขนมที่ราดด้วยกะทิสด 6. ขนมจีน 7. ข้าวมันไก่ 8. ส้มตำ� 9. สลัดผัก 10. นํ้าแข็ง โดยอธิบดีกรมควบคุมโรคได้แนะนำ�ต่อถึงวิธีการป้องกันโรคระบบทางเดินอาหารที่มีสาเหตุ จากการกินอาหารที่ไม่ถูกสุขอนามัยว่า ในกรณีที่ต้องกินอาหารที่ปรุงเลี้ยงคนจำ�นวนมาก ควร เลือกอาหารที่ปรุงล่วงหน้าไม่เกิน 4 ชั่วโมง ถ้าจะให้ดี พ่อค้า แม่ค้าผู้ผลิตอาหารกล่องนั้นก็ต้อง ช่วยด้วย เช่น ควรแยกกับข้าว ออกจากข้าว และไม่ปรุงอาหารทิ้งไว้นานเกิน 2-4 ชั่วโมง สำ�หรับส้มตำ� อาหารยอดฮิตโดนใจใครหลายคน คุณหมอพรเทพได้เตือนให้ระวังเป็นพิเศษ เพราะวัตถุดิบหลายอย่างที่นำ�มาปรุง ล้วนเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อโรค ทั้งจากกระบวนการทำ� ที่ไม่สะอาด หรือการปรุงแบบสุกๆ ดิบๆ อย่างปลาร้า ปูดอง มะละกอดิบ ผักสด ดังนั้นควรเลือก รับประทานในร้านที่มีสุขลักษณะที่ดี และคนปรุงมีสุขอนามัยที่ดี (ที่มา : กรมควบคุมโรค www.ddc.moph.go.th)
14
Calendar February/2556 ¶• กิจกรรม ณ หอจดหมายเหตุ พุทธทาส อินทปัญโญ
ดูหนังหาแก่นธรรม กิจกรรมดูหนังที่มีสาระเกี่ยวกับชีวิตด้านในและมิติของจิตใจ ร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนความ คิดเห็นหลังชมภาพยนตร์ ณ ห้องนิพพานชิมลอง ชั้น 2 ในวันเสาร์ที่ 2 และ 16 กุมภาพันธ์ เวลา 16.00–19.00 น. โยคะในสวนธรรม สถาบันโยคะวิชาการได้กิจกรรม โยคะในสวนธรรม ที่ห้องปฏิบัติธรรมชั้น 2 ในวันพุธที่ 6, 13, 20 และ 27 กุมภาพันธ์ เวลา 17.00-18.30 น. และวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ เวลา 14.00-16.00 น. ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนที่ www.bia.or.th/regis และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ได้ โทร. 0-2732-2016-17 หรือ 08-1401-7744 ที่ตั้ง : หอจดหมายเหตุ พุทธทาส อินทปัญโญ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ถนนนิคมรถไฟ สาย 2 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2936-2800, 0-2936-2900 อีเมล info@bia.or.th เว็บไซต์ www.bia.or.th
• ปฏิทินธรรม และกิจกรรมประจำ� ณ บ้านอารีย์ เดือน กุมภาพันธ์ 2556
วันพฤหัสบดีที่ 7, 14, 21, 28 กุมภาพันธ์ เวลา 18.00-20.00 น. เชิญทุกท่านร่วมสวดมนต์ และฟังการแสดงธรรม โดย พระครูสังฆกิจพิมล (พระอาจารย์ สุรศักดิ์ สุรญาโณ) วัดชลประทานรังสฤษฎ์ จ.นนทบุรี วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ เวลา 18.00-20.00 น. เชิญทุกท่านร่วมสวดมนต์ และฟังการแสดงธรรม โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก วัดสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรี วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ เวลา 9.30–11.00 น. “อาทิตย์สุขสันต์ ณ บ้านอารีย์” กิจกรรมธรรมะใสๆ ของวัย 4-12 ปี ส่งเสริมการเรียนรู้พุทธ ศาสนา คุณค่าของวัฒนธรรมไทย ฟังนิทานธรรม กราบพระอย่างถูกวิธี ประเคนภัตตาหาร สืบสาน การละเล่นเด็กไทยสมัยก่อน ที่ตั้ง : มูลนิธิบ้านอารีย์ เลขที่ 17/1 ซอยอารีย์ 1 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท์ 0-2619-7474, 0-2279-7838 เว็บไซต์ www.baanaree.net หมายเหตุ : มูลนิธิบ้านอารีย์หยุดทำ�การทุกวันจันทร์ กำ�หนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาสอบถามล่วงหน้า
Volunteerspirit Network รับอาสาสมัคร การอ่านหนังสือเสียง ห้องสมุดคนตาบอดและผู้พิการทางสื่อสิ่งพิมพ์แห่งชาติ มูลนิธิคนตาบอดไทย ต้องการอาสาสมัครในการอ่านหนังสือเสียง นอกจากนั้นยังรับบริจาคอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการ บันทึกเสียง เช่น แผ่นซีดีเปล่า แผ่นดีวีดีเปล่า ไมโครโฟนสำ�หรับการบันทึกเสียง ลำ�โพง หูฟัง หนังสืออ่านเล่น เช่น นิยาย วรรณกรรมไทย-แปล เกร็ดความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ หรือสารคดี ฯลฯ (ยกเว้นนิตยสารหรือบทความ) ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0-2248-0555 ต่อ 200-202
SURVEY
คุณต้องการความรัก “แบบไหน” จากคนรัก “แบบที่เราลำ�บาก หรือเดือดร้อนก็ยัง รักเราเหมือนเวลา ปกติ เวลาไม่สบาย เวลาชีวิตตกตํ่าแล้ว ก็ยังเหมือนเดิม มีกันและกันเสมอ” • สรัญ กุลกำ�พล, อาชีพอิสระ “ต้องผสมกันทั้ง ความเข้าใจ การ เอาใจใส่ซึ่งกันและ กัน ไม่ใช่อย่างใด อย่างหนึ่ง เพราะ ถ้าเข้าใจอย่างเดียว แต่ไม่มีเวลาให้กัน มันก็เป็นความรักที่สมบูรณ์ได้ยาก” • ธวัช อรรถพูลทรัพย์, ธุรกิจส่วนตัว “รักที่เข้าใจกัน และ อยู่ข้างกันเสมอ เพราะถ้าจะอยู่ด้วย กัน ควรจะเข้าใจ จิตใจของอีกคนและ ต้องแบ่งปันกันได้ทั้งทุกข์และสุข” • พิมพ์ชนก แสงจันทร์, นักศึกษา “ดูแลเอาใจใส่เรา และครอบครัว มี เวลาให้กัน พาไป ทานข้าวพ่อ แม่ ลูก จะได้เป็น
ครอบครัวที่สมบูรณ์” • พีรัลญาดา ชนาศรีเตชาวัชร์, พนักงานเอกชน
“ดูแลเอาใจใส่ มี อะไรพิเศษๆ ให้ บ้างในวันสำ�คัญ อยากให้เข้าใจความ ละเอียดอ่อนของ ความรู้สึกของผู้หญิง แล้วก็ง้อบ้างเวลา ผู้หญิงงอน” • ปนิดาห์ ขวัญมา, พนักงานเอกชน 15
16
รักสร้างสุข ชิน & นํ้าชา เรื่อง : ประอรพิชญ์ คัจฉวัฒนา ภาพ : สุภชัย รอดประจง
I feel it in my fif nger … I feel it in my toe … Love is all around me … and all the feeling grow … it written in the wind and everywhere I go … Oh! yes it is… ว่ากันว่า ความรักอยู่รอบตัวเรา อย่างตอน ขึ้นต้นของเพลงโปรดโดนใจใครหลายคน Love is all around ที่ศิลปิน Wet Wet Wet ได้บอกไว้นี่ละค่ะ และยังเชื่อกันว่า ความรักนี้ทรงพลังนัก ดังนั้น หากใครใช้ “ความรักรอบตัว” นำ�ทางชีวิตไปในทาง ที่ถูกที่ควร ผู้นั้นย่อมประสบพบเจอแต่ความสุข อย่างแน่นอน เพราะ happy+ ฉบับนี้เป็นฉบับต้อนรับเดือน แห่งความรัก เลยขอเริ่มต้นด้วยแง่มุมดีๆเกี่ยวกับ ความรัก และขอสร้างบรรยากาศแห่งความรักกันต่อ ด้วยคู่เพื่อนซี้ นํ้าชา-ชีรณัฐ ยูสานนท์ และ ชินชินวุฒิ อินทรคูสิน ที่วันนี้จะควงคู่กันมาเปิดใจ ถึงเรื่องราวความรักหลากหลายมุมมองที่นำ�พา ความสุขมาให้ในทุกวันของชีวิต และจับเข่าคุยถึง บทบาทล่าสุด ในฐานะนักแสดงนำ�จากภาพยนตร์ เรื่อง “ทองสุก 13” ด้วยค่ะ 17
18
มุมมองความรัก สไตล์นํ้าชา & ชิน เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเดือนแห่งความรัก happy+ เริ่มพูดคุยกับนํ้าชา และชิน ด้วย คำ�ถามแรกที่ว่า ความรักมีอิทธิพลกับชีวิตของ ทั้งสองคนอย่างไรบ้าง นํ้าชา : ชาค่อนข้างให้ความสำ�คัญกับ ความรักค่ะ เพราะความรักทำ�ให้ชามีกำ�ลังใจ ในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหน รัก แบบหนุ่มสาว รักครอบครัว รักเพื่อน รักสัตว์ เลี้ยง ชามองว่าความรักทำ�ให้คนเรามีพลังใน การดำ�เนินชีวิต ชิน : เห็นด้วยเลยครับ ผมบอกได้เลยว่า ผมขาดความรักไม่ได้นะ ผมชอบที่จะมีความรัก ชอบที่จะให้ความรัก ชอบที่จะรัก ชอบที่ได้ถูกรัก และความรักนี่ละที่นำ�พาให้เราทำ�ทุกอย่างให้ ใครสักคนที่เรารัก ด้วยความเต็มใจ ด้วยความ สุข อย่างตอนที่เรารักใครสักคน เราย่อมอยาก ทำ�อะไรดีๆ ให้เขา ใช่ไหมครับ นี่ละคืออานุภาพ ของความรัก นํ้าชา : สำ�หรับชา ชาว่าพลังแห่งความ รักที่จริงใจและมั่นคงที่สุดคือความรักจาก ครอบครัว เพราะมีคนเคยถามชาว่า รักแท้ คือ อะไร เหมือนเพลงรักแท้ ยังไง ที่ชาร้องเลย (ยิ้ม) ชาก็ตอบไปว่า คนที่เป็นรักแท้ของชา ต้องทำ�ให้ ชารูส้ กึ ได้วา่ เราตายแทนเขาได้ ซึง่ ตอนนีใ้ นโลกนี้ มีแค่ 2 คน คือ พ่อกับแม่ของชา ชิน : ส่วนผม เชื่อว่าเพราะการที่ผมได้ เติบโตมาในครอบครัวที่มอบความรักให้กัน ตลอดเวลา ผมจึงเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี มี ความสุขและเต็มที่กับทุกอย่างที่ทำ�เช่นทุกวันนี้ แม้ว่าพ่อกับแม่ของผมจะแยกทางกันตั้งแต่ผม ยังเด็ก แต่ผมไม่เคยรู้สึกว่าขาดความรัก ทั้งสอง ท่านยังให้ความรักกับผมและน้องสาวเต็มที่ และดูแลเราสองคนอย่างดี จนถึงตอนนี้ผมก็ ยังได้เห็นแบบอย่างของความรักและการดูแลกัน ไม่หวังสิ่งตอบแทนจากคุณพ่อ คุณแม่อยู่ตลอด แม้ท่านจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ท่านก็ยังดูแลกัน ในฐานะเพื่อนคู่ชีวิต อย่างตอนนี้ คุณพ่อของผม ป่วย คุณแม่ก็มาดูแลใกล้ชิด สมํ่าเสมอ กลับ กัน ตอนที่แม่ผมป่วยคุณพ่อก็ดูแล เอาใจใส่แม่ ไม่ต่างกัน ครั้นได้ทราบมุมมองความรักในแง่บวกแล้ว เราถามต่อถึงมุมมองของความรักที่ไม่สมหวัง บ้าง
นํ้าชา : ความผิดหวังในความรักที่ผ่านมา ชาเก็บมาเป็นประสบการณ์ เพื่อเตือนสติเรา เวลาที่มีความรักครั้งใหม่ เราจะดูแลความรักให้ ดีกว่าเดิม ที่ผ่านมาชาคาดหวังกับความรักมาก ยิ่งกับคนรัก เราอดไม่ได้ที่จะคาดหวังให้เขาทำ� อย่างนั้น อย่างนี้ พอเขาไม่ทำ�เราก็ไม่พอใจ ซึ่ง มันผิด จริงๆ แล้วความรักควรเป็นเรื่องของการ ปล่อยวาง เข้าใจ และยอมรับซึ่งกันและกัน ชิน : เมื่อความรักมันไม่เป็นอย่างที่หวัง ผมมองว่ามันเป็นบทเรียนครับ แต่ที่ผ่านมาก็ ยอมรับว่า ทุกครั้งที่ความรักมันไปต่อไม่ได้ ผม จะเสียใจมากๆ ดำ�ดิ่งเลย แล้วผมเป็นคนคิด เยอะด้วย อดกลับไปคิดไม่ได้ว่าเราผิดตรงไหน เวลาผิดหวังในความรักแต่ละครั้งกว่าจะฟื้นตัว ได้นานพอสมควรเลย แต่ทุกครั้งผมเชื่อว่าเวลา มันจะช่วยเยียวยาทุกอย่างนะ สักวันความ ทุกข์ใจมันจะหายไปเอง แค่เราใช้ชวี ติ ให้เป็นปกติ ที่สุด ซึ่งการปรับตัวก็สำ�คัญนะ ถ้าต้องการให้ ความรักยืนยาว ผมว่าการปรับตัวให้เข้ากับคนที่ เรารักมันทำ�ไม่ยากหรอก เพราะตราบใดที่เรารัก เขา เราคงต้องพร้อมที่จะมองข้ามข้อเสีย แล้ว โฟกัสแต่ในเรื่องดีๆ ที่เขาเป็น ถ้าทำ�อย่างนี้ได้ มันจะทำ�ให้เราเข้าใจ ยอมรับซึ่งกันและกันได้ อย่างที่นํ้าชาบอก แต่ถ้าข้อเสียนั้นเรารับไม่ได้ ปรับไม่ไหวจริงๆ ก็คงต้องคุยกัน เพราะแต่ละคน ย่อมมีข้อแม้ที่แตกต่างกันไป อย่างผม ผมยอม ได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวผม อย่าง การมาวิพากษ์วิจารณ์คนในครอบครัวผม อันนี้ ผมก็รับไม่ได้จริงๆ คงต้องพูดคุยกัน เพราะผม รักครอบครัวมาก ครอบครัวผมแตะไม่ได้ ครอบครัว แหล่งความรักสร้างพลังชีวิต อย่างทีน่ า้ํ ชาและชินได้เกริน่ ให้ฟงั ถึงมุมมอง ความรัก ว่าทั้งสองคนไม่ได้ให้ความสำ�คัญกับ ความรักแบบหนุ่มสาว มากไปกว่าการดูแล ความรักในครอบครัว เราเลยได้โอกาสและชวน พูดคุยต่อถึงบรรยากาศของความรักและความ อบอุ่นในครอบครัวของแต่ละคนค่ะ นํ้าชา : แม้ว่าครอบครัวของชาจะไม่ได้ บอกรักกันทุกวัน แต่เราก็รับรู้ได้ถึงความรักและ การดูแลกันได้ตลอดเวลาผ่านการพูดคุย และเอาใจใส่กัน แค่นี้มันก็เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยง สร้างพลังให้กับชาในการใช้ชีวิตทุกวันได้อย่าง มีความสุขแล้ว โดยส่วนตัว ชาจะไม่ค่อยโชว์
ความรู้สึกอะไรกับครอบครัวมากนัก แต่จะ แสดงออกถึงความรักตามเทศกาลมากกว่า อย่างวันพ่อ วันแม่ วันเกิดในครอบครัว เราก็จะ ไปกินข้าว ให้ของขวัญกัน เวลาป่วยไข้เราก็ดูแล กัน จริงๆ แล้วครอบครัวชาไม่ได้เป็นครอบครัวที่ สุขสันต์เท่าไร เพราะต่างคนต่างทำ�งาน ต่างใช้ ชีวิต แต่ทุกคนรู้ว่าเรารักกันนะ เป็นห่วงกัน ด้วย การกระทำ� ไม่ใช่แค่คำ�พูด ชิน : ของผมจะต่างกับนํ้าชา เพราะเราจะ บอกรักกันทุกวัน ก่อนออกจากบ้านไปทำ�งานเรา ก็จะหอมแก้มกัน กลับมาถึงบ้านก็กอดกัน เวลา เหนื่อย พอผมคิดถึงครอบครัวปุ๊บ มันทำ�ให้เรามี แรงฮึดสู้เลย ว่าเราต้องทำ�เพื่อครอบครัว เพื่อคน ที่เรารักที่สุดนะ ผมอยากให้ทุกคนในครอบครัว สบาย แม่เหนื่อยน้อยลง สรุปว่าเพราะความรัก ในครอบครัวนี่แหละ ผมถึงมีพลังในการทำ�งาน เกินร้อยและทำ�งานหนักได้อย่างทุกวันนี้ นํ้าชา : ตอนชายังเด็ก จำ�ได้ว่าคุณแม่ของ ชาทำ�งานหนักมาก บางวันท่านป่วย แต่ก็ต้อง ฝืนตัวเองไปทำ�งาน ไม่ได้พัก ตอนนั้นเราสงสาร แม่มาก แล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำ�ไมแม่ไม่พักผ่อนอยู่ บ้านกับเรา พอโตมา จึงเข้าใจว่าแม่ทำ�งานหนัก ทุกอย่าง เพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงดูชากับน้องชาย ทุกวันนี้ชาเอาแม่เป็นแบบอย่างในการทำ�งาน ของเรานะ เวลาท้อ เวลาเหนื่อยเรานึกถึงแม่เลย เราเป็นลูกแม่ ต้องสู้ให้ได้เหมือนแม่ ชิน : ผมว่าผมคล้ายแม่มากเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องความกระตือรือร้น ทำ�งานเยอะ แล้วแม่ของผมก็เหมือนแม่นํ้าชาที่คิดว่าหยุด ทำ�งานไม่ได้ เพราะคิดถึงและเป็นห่วงลูกอีกสอง คน ทุกวันนี้แม่ก็ยังทำ�งานหนักนะ ตีหนึ่งก็ยัง ทำ�งานอยู่ แม่เป็นไอดอลเรื่องการทำ�งานของผม เลย เมื่อไรที่ผมต้องทำ�งานหนัก ต้องอยู่ทำ�งาน จนดึก ผมจะนึกถึงแม่ แล้วพลังในการทำ�งาน มันจะมาเอง เพราะตอนนี้ผมต้องรับผิดชอบใน การทำ�งาน หาเงินมาแบ่งเบาภาระแม่ ผมเคย คุยกับแม่จริงจังนะ ว่าเลิกทำ�งานเถอะ เดี๋ยวผม ดูแลครอบครัวเอง แม่ก็บอกว่า แม่ทำ�ไม่ได้ เรา เลยตกลงกันว่าจะมาช่วยกันทำ�งานดีกว่า แม่ เคยบอกกับผมว่า ผมไม่ใช่แค่ลูกชาย แต่เป็น พาร์ตเนอร์ เป็นคูห่ ใู นชีวติ ของแม่ไปแล้ว ทุกวันนี้ ผมกับแม่เลยเติมเต็มซึ่งกันและกัน ช่วยกัน ทำ�งาน หาเงินมาดูแลพ่อที่ป่วยอยู่ และดูแล น้องสาวด้วย เพราะน้องสาวยังเรียนอยู่ 19
ทุ่มเกินร้อยกับงานที่รักและศรัทธา สำ�หรับงานในวงการบันเทิง คงเดาได้ไม่ยาก ใช่ไหมคะ ว่างานด้านไหนที่ทั้งนํ้าชาและชิน รักและศรัทธามากที่สุด ใช่แล้วค่ะ การร้องเพลง นี่เอง แล้วสงสัยไหมคะว่า ทั้งสองคนตกหลุมรัก การร้องเพลงตั้งแต่เมื่อไรกัน นํ้าชา : ชาชอบร้อง ชอบเต้นมาตั้งแต่เด็ก แล้วค่ะ ตอนเด็กๆ ชอบดูการ์ตูนดิสนีย์ แล้วใน การ์ตูนเกือบทุกเรื่องของดิสนีย์ ก็มักจะมีเพลง ประกอบด้วย ชาก็หัดร้อง หัดเต้นตามเพลงนั้น แล้วก็รู้สึกทุกครั้งว่าเวลาเราร้องเพลงจากการ์ตูน เราจะอินกับเพลงนั้นมาก ชาว่ามันค่อยๆ ปลูกฝังให้ชารักเสียงดนตรี รักการร้องเพลงมา ตั้งแต่นั้น พอโตขึ้นชาเลยอยากศึกษาเรื่องดนตรี เพิม่ มากขึน้ ทำ�ให้ตอนเรียนอยูไ่ ฮสกูลชาตัดสินใจ เลือกเรียนวิชาเลือกด้านการร้องเพลงละคร Broadway และการร้องเพลง Classical music ค่ะ ชิน : ส่วนผมรู้สึกชอบดนตรี ชอบเสียง เพลง ชอบเต้นมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เพิ่งมาเรียนรู้ ฝึกฝนกับมันอย่างจริงจังตอนอายุ 13 ปี ที่ได้ เข้ามาเป็นศิลปินในสังกัดของแกรมมี่ จากนั้นมา ผมก็พยายามที่จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จน วันนี้ดนตรีมันคือชีวิตผมไปแล้ว ความรักและ ศรัทธาในดนตรีตอนนี้มันทำ�ให้ผมมีพลังทำ�อะไร เพิ่มขึ้นมากมาย ทุกวันนี้ผมไม่ได้เป็นแค่นักร้อง อย่างเดียวแล้ว ผมยังทำ�งานเบื้องหลัง โปรดิวซ์ เพลงเอง คิดโชว์ ท่าเต้น เสื้อผ้า ก็ทำ�เองด้วย ซึ่งการทำ�งานทั้งหมดนี้ผมสนุกกับมันมาก ส่วน หนึ่งผมโชคดีที่ได้ร่วมงานกับทีมงานที่เขาศรัทธา ในตัวเราแล้วเราก็ศรัทธาในตัวเขา เวลาทำ�งาน ด้วยกันเลยตั้งใจกันเต็มที่ ทั้งเพลงและโชว์เลย ออกมาดี นํ้าชา : ชาว่างานเพลงของเราสองคนมัน สื่อถึงความเป็นตัวเราได้ดีมากนะ ชิน : ใช่ๆ ทั้งจังหวะ ทำ�นอง เนื้อหา ท่า เต้น แต่ละเพลงมันสื่อถึงตัวเราได้ทั้งหมด นํ้าชา : อย่างของชาก็คล้ายๆ ชิน พอมา ถึงอัลบั้มล่าสุด ซึ่งเป็นชุดที่ 3 แล้ว ชาก็มีส่วน ร่วมในการเสนอไอเดียเรื่องแนวเพลงที่เราอยาก ทำ� และคิดว่าเหมาะกับเรา รวมไปถึงเสื้อผ้า หน้า ผม ที่จะสื่อถึงความเป็นตัวชาด้วย แล้ว ด้วยความที่ชาชอบและตามอัพเดตแฟชั่นเป็น ประจำ�อยู่แล้ว ชาเลยอยากให้แฟนเพลงของชา 20
ได้ฟังทั้งเพลงสนุกๆ และอัพเดตแฟชั่นสวยๆ ที่เราใส่ไปด้วยในเวลาเดียวกัน นอกจากการเป็นนักร้องขวัญใจวัยรุ่นแล้ว นํ้าชากับชินยังเป็นนักฟังเพลงหลากหลายแนว อีกด้วย มาดูกันว่าเสียงเพลงไปอยู่ในท่วงทำ�นอง ใดของชีวิตพวกเขาบ้าง นํ้าชา : ชาชอบฟังเพลงโฟล์ก ป๊อป อิเล็กทรอนิกส์ อย่างเพลงของ Michael Blunt เพลงของเขาจะเป็นแนวป๊อป แต่มีกลิ่นอายร็อก นิดนึง ชาชอบสไตล์การร้อง Mood and Tone ของการร้อง เสื้อผ้า แฟชั่น สรุปโดยรวม ชา ชอบทุกอย่างที่เป็นตัวเขา เขาสื่อสารความเป็น ตัวเองผ่านเพลงได้ค่อนข้างดี เวลาเหนื่อยๆ เบื่อๆ พอฟังเพลงของเขาก็ช่วยผ่อนคลาย ทำ�ให้ หายเหนื่อยได้ค่ะ ชิน : ผมเชื่อว่าเพลงสามารถสื่อถึงความ รู้สึกของคนเราได้ในทุกช่วงชีวิตนะ เอาเป็นว่า ทุกคนต้องมีเพลงอกหักประจำ�ตัว มีเพลงรัก ประจำ�ตัว มีเพลงโปรดที่ชอบฟังเวลารถติดกัน ทุกคนนะ อย่างผมเพลงอกหักประจำ�ตัวก็เป็น เพลงของผมเลย เพลงมีอะไรให้ทำ�อีกไหม ซึ่ง เป็นเพลงที่สื่อถึงความรู้สึกตอนอกหักของผมได้ เลยนะ เชื่อไหมตอนเข้าห้องอัดเพลงนี้ ผมเพิ่ง เลิกกับแฟนมาได้ 2 วัน เพราะฉะนั้นอารมณ์ มันใช่เลย ส่วนเพลงรักที่ฟังกี่ทีก็ซึ้ง คือเพลง I don’t want to miss a thing ของ Aerosmith คือผมรู้สึกเลยว่า ถ้าเพลงนี้เป็นเพลงที่ผู้ชาย เขียนให้ผู้หญิงคนรัก ผู้ชายคนนี้ต้องรักผู้หญิง คนนี้มาก ถึงเขียนเนื้อร้อง บรรยายความรู้สึก ออกมาแบบนี้ได้ เพลงนี้เป็นเพลงที่โรแมนติก มาก แล้วอารมณ์ของเพลงมันไม่ได้เกี่ยวกับ ความรักแบบคู่รักอย่างเดียว มันเป็นความรักใน ครอบครัว อะไรก็ได้ มันเป็นเพลงที่ควรมอบ ให้กับแฟน ให้กับคนที่เรารัก เพราะมีความ หมายที่อบอุ่นมาก ดนตรีมันคือ universal language จริงๆ ครับ แม้ภาษาจะแตกต่างกันไป แต่พอมันมา เป็นเพลง เป็นดนตรีแล้ว มันจะกลายเป็นภาษา เดียวกัน ที่ทั่วโลกเข้าใจได้ทันที ยกตัวอย่าง ง่ายๆ เลย คนไม่เข้าใจเพลง Gangnam style เลยนะ แต่ทั่วโลกเสพเพลงนี้กัน ทำ�ไมล่ะ เพราะ ภาษาดนตรีของเพลงนี้ คือความสนุกสนาน ความมันส์ ที่เพลงนี้สื่อออกมา คนทั่วโลกเลย 21
เต้นไปกับเพลงนี้ได้ ผมเลยเชื่อในพลังของดนตรี ว่า ไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไร ถ้าเพลงนั้นมีพลัง มากพอ มันย่อมทำ�ให้เรารู้สึกสนุกกับมัน ช่วย บำ�บัดอารมณ์ขุ่นมัวได้จริงๆ และในฐานะนักร้องและนักแสดงผู้มอบ ความสุขให้ผู้ฟังและผู้ชม สิ่งที่นํ้าชาและชิน ต้องการเห็น คือความสุขตอบกลับมาจากแฟน เพลง แฟนคลับ พวกเขาจึงตั้งใจกับหน้าที่ใน การเป็น entertainer โดยชินเป็นตัวแทนเล่าว่า ชิน : ทั้งในการร้องเพลง การแสดงหนัง แสดงละคร ผมจะใส่พลังลงไปเต็มที่ เล่นเต็มที่ ร้องเต็มที่ เต้นเต็มที่ เพราะผมเชื่อว่าการที่เรา ตั้งใจ ใส่พลังในทุกงานที่เราทำ� พลังหรือ energy นั้น มันเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นได้นะ ไม่ว่าจะเป็นคน รอบข้างเราที่เป็นนักแสดง หรือแดนเซอร์ เขา ก็จะมี energy ตาม ในกรณีที่ถ้าคนคนนั้นเขา อ่อนแรง พลังของเรานี่ละที่จะส่งไปถึงเขาได้ หรือเวลาผมเล่นคอนเสิร์ต ผมจะสวมวิญญาณ entertainer เลย ผมอยากเห็นคนดูสนุกไปกับโชว์ ของเรา และรอยยิ้ม ความสนุก ความมันส์ ที่ ตอบกลับมาจากคนดูนี่ละ ทำ�ให้เราสองคนมี ความสุขมาก
นะ เพราะชาอยู่กับเขาเวลาเขาทุกข์ จริงหรือ เปล่า (ยิ้ม) ชิน : จริงสิจ๊ะ (ยิ้มเจ้าเล่ห์) ผมกับนํ้าชา เราสนิทกันมาก คุยกันได้แทบทุกเรื่อง เรื่องงาน เรื่องชีวิต เรื่องครอบครัว เพราะว่าผมกับนํ้าชา มีนิสัยและการใช้ชีวิตหลายอย่างที่คล้ายกัน อย่างการเป็นตัวของตัวเอง ความมั่นใจ ทำ�ทุก อย่างด้วยใจเกินร้อย จริงใจกับความรู้สึกตัวเอง จนบางครั้งเราก็จะช่วยกันยั้ง ตักเตือนกัน ว่า กรณีไหนควรแสดงออก กรณีไหนควรสงวนท่าที เก็บความรู้สึกไว้ นํ้าชา : แล้วถ้าชารู้ว่ามีใครมาทำ�ให้ชินเขา เสียใจ ชาก็แอบโกรธคนนั้นนะ ไม่ชอบเลย มา ทำ�ให้เพื่อนเราเสียใจทำ�ไม ชิน : บ่อยครั้งที่ผมรู้สึกว่านํ้าชาเขาปกป้อง ผมนะ นํ้าชา : ใช่ๆ ชาเป็นคนรักเพื่อน สำ�หรับ เพื่อนนี่ให้ได้เกินร้อย บางครั้งไม่สนใจเหตุผล อะไรด้วยซํ้า เพราะเราคิดแต่ว่าจะอยู่ข้างเพื่อน เราเสมอ ชิน : จริงๆ แล้วแอบหวงนะ ใช่ไหม นํ้าชา : บ้า (นํ้าชาหัวเราะเสียงดัง) ก็จริง อยู่ค่ะ แอบหวงนะ เวลามีใครมาคุยกับชิน แล้ว มหัศจรรย์ของความเป็นเพื่อน เราดูแล้วว่ามาแบบไม่ชัดเจน ไม่จริงใจ ก็อดเป็น แม้อากาศในวันที่ happy+ ถ่ายปกฉบับ ห่วงเขาไม่ได้ ต้อนรับวันวาเลนไทน์นี้จะร้อนอบอ้าวขนาดไหน ชิน : ส่วนผมก็มอี ารมณ์หวงคล้ายๆ นํา้ ชานะ แต่ด้วยความขี้เล่น และการหยอกล้อกันไปมา คำ�ว่าหวงในที่นี้ มันคือความเป็นห่วงมากกว่า ของคู่เพื่อนซี้ นํ้าชาและชิน นี้เองที่ช่วยสร้าง ไม่ใช่หวงแบบ ไม่ได้นะ เธอมีแฟนไม่ได้ แต่ บรรยากาศสบายๆ ในการถ่ายปกครั้งนี้ ทีมงาน มันเป็นหวงและห่วงแบบ คนที่เข้ามาทำ�ความ จึงได้ภาพสวยๆ มาอวดคุณผู้อ่านกันค่ะ รู้จักกับเขาจะโอเคไหม เขาจะดีไหม เรารู้สึกถึง ด้วยเหตุนี้เราเลยอดไม่ได้ที่จะชวนพูดคุยถึง หน้าที่ของการปกป้องซึ่งกันและกัน แล้วเราจะ เรื่องราวประทับใจในความเป็นเพื่อนของทั้งสอง คุยกันตลอด เป็นการอัพเดตข่าวสารเรื่องราว คน เริ่มจากนิยามของ เพื่อนแท้ กันก่อนค่ะ ชีวิตกันว่าเป็นไงบ้าง โอเคไหมช่วงนี้ ชีวิตรักเป็น ชิน : เพื่อนแท้ คือคนที่พร้อมจะทุกข์ จะ ไงบ้าง งานล่ะโอเคไหม บ่อยครั้งเวลาเราโทร.ไป สุขไปกับเรา พอมีเรื่องดีก็สุขไปด้วยกัน พอมี หรือทักกันด้วยการส่งข้อความทางโทรศัพท์ เรื่องร้ายก็ไม่ทิ้งกัน มือถือว่า โอเคไหม แล้วคำ�ตอบที่อีกฝ่ายตอบ นํ้าชา : เพื่อนที่ชาเจอมีหลายแบบ ส่วน กลับมามันไม่ปกติน่ะ คือความรู้สึกมันจะบอก ใหญ่เป็นเพื่อนที่พอมีความสุขเราจะเจอเขา แต่ นั่นแสดงว่าเขาไม่โอเคแล้ว มีเรื่องไม่สบายใจ ตอนมีความทุกข์เขาจะหายไป นี่ไม่ใช่เพื่อนแท้ แน่ๆ ก็จะถาม พูดคุย รับฟัง ให้คำ�ปรึกษากัน แต่สำ�หรับชินบอกได้เลยว่าเขาเป็นเพื่อนแท้ นํ้าชา : เหมือนเราได้คำ�ตอบมาแบบ ก็ ของชา ชาก็คิดด้วยว่าชาเป็นเพื่อนแท้ของชิน โอเค ก็ดี แค่นี้เราจะรู้แล้วว่าเขาไม่โอเค ต้องมี 22
อะไรแน่ๆ เหมือนความรู้สึกของความเป็นเพื่อน มันส่งถึงกันได้ค่ะ มหัศจรรย์ดี ชิน : จริงนะครับ แล้วนํา้ ชาเขาจะชอบทักมา ในช่วงทีผ่ มแบบเครียดๆ มีเรือ่ งไม่สบายใจ นํา้ ชา เขาจะมาแล้ว ไม่รู้ว่ารู้ได้ยังไง (หัวเราะ) คงเป็น เพราะความรู้สึกของความเป็นเพื่อนมันส่งถึงกัน เพราะเราคบกันมาได้ 6 ปีแล้ว ผมจำ�ได้ว่าเรา เจอกันที่แกรมมี่ครับ นํ้าชาเขาออกอัลบั้มเดี่ยว หลังผมไม่นาน เลยมีโอกาสเจอกันบ่อยๆ พอได้ คุยกันเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าคุยกันได้ถูกคอ ส่วนหนึ่ง เพราะเราเป็นเด็กอินเตอร์เหมือนกัน นิสัยคล้ายๆ กัน เวลาพูดคุยหยอกล้อ เล่นมุก มันเข้าใจกัน นํ้าชา : แล้วยิ่งพอรู้ว่าจะได้มาเล่นหนัง ด้วยกัน เราก็ดีใจกันนะ เพราะบทบาทในเรื่อง ที่ชินแสดงคือ ทองสุก และที่นํ้าชาแสดงคือ นํ้า ซึ่งก็เป็นเพื่อนรักกันเหมือนในชีวิตจริงของ เราเลย ด้วยความที่ทองสุกไม่ปกติ นํ้าเลยเป็น เพื่อนคนเดียวของทองสุก แต่นํ้าเองเขาก็จะมี เพื่อนกลุ่มอื่นซึ่งชอบแกล้งทองสุก ทองสุกเลยมี ภาพลักษณ์เป็นคนขี้แพ้ประจำ�โรงเรียน พอเป็น อย่างนี้ยิ่งทำ�ให้นํ้ารู้สึกสงสาร และอยากดูแล เขา ใครมาแกล้งทองสุก นํ้าก็จะเดือดร้อนแทน ว่าทำ�ไมต้องมาแกล้งเขา บทบาทที่ได้รับในหนัง เรื่องนี้เลยมีส่วนคล้ายกับชีวิตจริงในความเป็น เพื่อนของเรา โดยเฉพาะความรู้สึกว่าเราอยาก ปกป้องเพื่อน ชิน : ใช่ครับ ทองสุกในเรื่องเขาจะเป็นคน อ่อนแอ ยอมคน ขณะเดียวกันเขาจะรักและ ผูกพันกับนํ้ามาก นอกจากความน่ากลัวในแบบ หนังสยองขวัญที่คอหนังสยองขวัญจะได้รับแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังให้ข้อคิดดีๆ อีกหลายเรื่อง ที่สำ�คัญที่สุด หนังสอนเราว่าการกลั่นแกล้ง หรือทำ�อะไรไม่ดีกับคนที่เขาด้อยกว่าเรา เป็นสิ่ง ไม่ควรทำ�อย่างยิ่ง เพราะมันเป็นการซํ้าเติมเขา ไปทำ�บาปทำ�กรรมกับเขา ชีวิตของเขาก็ลำ�บาก อยู่แล้ว ผมว่าคนที่เป็นแบบนั้นเขาก็พยายาม ทำ�ให้ตัวเองเป็นปกติ เพื่อให้สังคมยอมรับ และ เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ดังนั้นการที่เราไปแกล้ง เขา มันยิ่งทำ�ให้เขาทุกข์ ถ้าเขาหาทางออกไม่ได้ มันอาจนำ�ไปสู่การฆ่าตัวตาย หรือเรื่องเลวร้าย รุนแรง ที่คุณคาดไม่ถึงได้อีกหลายแบบ
เคล็ดลับสร้างสุข สไตล์นํ้าชา & ชิน จากการพูดคุยกับนํ้าชาและชิน ทำ�ให้ได้รู้ ว่าความรักดีๆ สามารถสร้างสุขและพลังในการ ใช้ชีวิตได้จริง ก่อนจาก เราขอให้ทั้งสองฝาก เคล็ดลับสร้างสุขแบบง่ายๆ ในสไตล์ของตัวเอง กันด้วยค่ะ นํ้าชา : ตัวชาเอง มีความสุขได้เพราะการ ได้ทำ�ในสิ่งที่รัก การได้อยู่กับคนที่รัก ชาจะไม่ ลังเลเลยที่จะลงมือทำ�อะไรที่อยากทำ� ชาว่าชีวิต คนเราไม่ได้ยาวนานหรอกค่ะ ดังนั้นถ้ารู้แล้วว่า ตัวคุณอยากทำ�อะไร แล้วสิ่งนั้นไม่ได้ทำ�ให้ คนอื่นเดือดร้อน ก็ทำ�เถอะค่ะ อย่างตอนนี้ชา ก็เริ่มทำ�ธุรกิจจิวเวลรี่ เครื่องประดับ ชื่อร้าน Achava (Instragram:@achavashop) เป็นสิ่งที่ชา ตัดสินใจทำ�เพราะความรัก ความชอบเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ปลื้มใจค่ะกับผลตอบรับที่ค่อนข้างดี แล้วยิ่งถ้าเป็นการทำ�สิ่งดีๆ ที่มีประโยชน์กับ ผู้อื่น หรือกับสังคมส่วนรวม อย่ารอช้า ทำ�เลย ค่ะ เพราะนั่นเป็นการสร้างบุญ ที่จะให้ผลลัพธ์ เป็นความสุขในใจเราเองค่ะ ชิน : เวลาผมเจอปัญหา ผมจะมีปฏิกิริยา แบบตอบกลับกับทุกข์นั้นแบบค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ผมว่ายิ่งเราไปฟุ้งซ่าน ไปจดจ่อแต่กับมัน มัน ยิ่งทำ�ให้ทุกข์เตลิด ผมว่าปล่อยให้มันเป็นไป ใช้ ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ผมเชื่อว่าถ้า เรานิ่งมากพอ เราจะยิ่งเห็นทางออกของปัญหา ได้เร็ว แล้วการที่ใจเราจะเป็นสุขได้เร็วที่สุด เรา คงต้องรู้จักการปล่อยวาง แล้วปลดทุกข์ออกไป จากใจเราทีละน้อย คิดดูนะครับ เราเพิ่มพื้นที่ใน ใจเราไม่ได้เหมือนเพิ่มหน่วยความจำ�ในอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์นะ ถ้าเราไม่ปลดทุกข์ให้ออกจาก ใจไปบ้าง แล้วใจเราจะมีพื้นที่ว่างให้ความสุข เข้ามาแทนที่ได้อย่างไร จริงไหมครับ ทุกเรื่องราวที่ได้พูดคุยกับทั้ง นํ้าชาและชิน ในวันนี้ ยืนยันได้อย่างดีวา่ การทำ�ทุกอย่างทีเ่ ริม่ ต้น ด้วยความรัก ย่อมบันดาลให้เกิดความสุขได้ จริง ทั้งยังเป็นความสุขที่เกิดจากความอิ่มเอิบใจ ภายใน ที่พร้อมเปล่งประกายสู่ภายนอก นั่นคือ รอยยิ้มแห่งความสุขที่ระบายอยู่บนใบหน้าของ Happy People ทั้งสองคนของเราในวันนี้นั่นเอง 23
happy heart
24
ความสุขแห่งชีวิต ของ
ศาสตราจารย์ระพี สาคริก เรือ่ ง : ประอรพิชญ์ คัจฉวัฒนา ภาพ : สุภชัย รอดประจง ท่ามกลางสภาพสังคมทีว่ นุ่ วาย เร่งรีบและฉาบฉวย หากจะยังพอมีปชู นียบุคคล ทีส่ ามารถ ดำ�รงอยูใ่ นสภาพสังคมเช่นนีอ้ ย่างสง่างาม ไม่ไหวเอนต่อกระแสลมแห่งความเปลีย่ นแปลงทีถ่ าโถม ยืนหยัด ยึดมัน่ ในการทำ�ความดีคนื กลับให้ผนื แผ่นดินเกิด เช่นนีย้ อ่ มจะเป็นแบบอย่างให้คนในสังคมหันกลับมามองวิถแี ห่งปราชญ์ แล้วนำ�ไปปรับใช้ในการดำ�รงอยูใ่ นสังคมอย่างเรียบง่าย เป็นสุข และมีคณ ุ ค่าได้เช่นกัน ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ราษฎรอาวุโส คือหนึง่ ในปูชนียบุคคลซึง่ ควรค่าแก่การยกย่องดังทีไ่ ด้กล่าวมา คนทัว่ ไปมักรูจ้ กั ท่านในฐานะ “บิดาแห่งกล้วยไม้ไทย” จากคุณปู การทีท่ า่ นเป็นผูบ้ กุ เบิกด้านการวิจยั พัฒนาพันธุก์ ล้วยไม้ไทยหลากหลายให้เป็นทีร่ จู้ กั ของชาวโลก แต่นอ้ ยคนนักทีจ่ ะ ทราบว่าการงานทีท่ า่ นรักและศรัทธา คือ การนำ�เสนอปรัชญาเกีย่ วกับชีวติ มนุษย์ ทัง้ เพือ่ เป็นวิทยาทานและเป็นแง่คดิ ให้กบั ผูค้ น ผ่านงานเขียน บทความ ภาพถ่าย ภาพวาด เสียงดนตรี และทีส่ �ำ คัญทีส่ ดุ ผ่านการดำ�รงตนเป็นตำ�ราเล่มใหญ่ทม่ี ชี วี ติ และลมหายใจ รอให้ทกุ คนมาเปิดอ่านได้ทกุ เวลานัน่ เอง จากนีไ้ ปจึงเป็นเรือ่ งเล่าจากปราชญ์ของแผ่นดินท่านนี้ ทีไ่ ม่วา่ ใครก็สามารถเก็บเกีย่ วไปใช้ในชีวติ ของตนเพือ่ สร้างสุขได้จริงค่ะ สุขเพราะได้เดินทางตามรอยเท้าพ่อ ทุกครั้งที่มีผู้ขอให้อาจารย์ระพี หรือพ่อ ของลูกศิษย์ทุกคนได้เล่าให้ฟังถึงอัตชีวประวัติ ของท่าน ท่านจะไม่ลืมบอกเล่าเรื่องราว รำ�ลึกถึง บุญคุณของ “พ่อ” ที่ปลูกฝังและหล่อหลอมให้ ท่านมีแนวทางการดำ�เนินชีวิตเป็นแบบอย่างให้ ผู้คนได้เช่นทุกวันนี้ “พ่อเป็นปูชนียบุคคลที่ฉันเคารพรักมาก ที่สุด ตั้งแต่เด็กพ่ออุทิศชีวิตเป็นแบบอย่างให้ ลูก ท่านรับราชการในพระราชสำ�นักพระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ใน ตำ�แหน่งขุนตำ�รวจเอกพระมหาเทพกษัตริยสมุห (เนื่อง สาคริก) อธิบดีกรมตำ�รวจหลวง” เมื่อได้ทราบยศถาบรรดาศักดิ์ของคุณพ่อ ของอาจารย์ระพี หลายคนอาจคิดไปว่าท่านน่า จะเติบโตมาในครอบครัวที่มีอันจะกิน สะดวก สบาย แต่นั่นผิดถนัด เพราะพ่อได้สอนบทเรียน ชีวิตให้เด็กชายระพีมากมาย “ด้วยความที่พ่อลำ�บาก ต้องดิ้นรนหา เลี้ยงตัวเองตั้งแต่เด็ก พ่อจึงอยากให้บทเรียน แห่งการใช้ชีวิตแก่ฉัน ท่านจึงตัดสินใจส่งฉันไป อยู่โรงเรียนประจำ� ที่ให้นักเรียนปกครองกันเอง
บัดนี้ฉันอายุ 90 ปีแล้ว และที่ยัง มีสติ รักษาสมาธิไว้ได้อย่างมั่นคง เพื่อใช้ชีวิตทุกลมหายใจของฉัน ทำ�งานเพื่อสังคมอย่างที่เธอเห็นนี้ เป็นอานิสงส์ของการทำ�งานด้วย การบังคับใจและเอาชนะใจตัวเอง มาโดยตลอด ซึ่งในโรงเรียนประจำ�แห่งนี้ ฉันได้เรียนรู้ศิลปะ การใช้ชีวิตให้อยู่รอด เพราะความที่ตัวเล็ก คงดู อ่อนแอในสายตาคนอืน่ ฉันจึงถูกเพือ่ นรุน่ พีต่ วั โต แกล้งเป็นประจำ� แต่ละครั้งไม่ทำ�ร้ายร่างกายก็ ทำ�ร้ายจิตใจ ครั้งหนึ่งจำ�ได้ดีว่าโดนแกล้งยก เอาเตียงนอนไปไว้ในป่าช้า แล้วรุมกันหาว่า เป็นโจรบ้าง ครั้นเอาเรื่องไปบอกครู ก็ไม่มีอะไร เกิดขึ้น เพราะระบบการปกครองกันเองระหว่าง นักเรียนด้วยกันนี้เอง เมื่อขอร้องให้ใครช่วยไม่ได้ จึงนึกถึงหลักคำ�สอนทีว่ า่ ‘ตนแลเป็นทีพ่ ง่ึ แห่งตน’
จึงมีแรงฮึดสู้ขึ้นมา จนมาถึงวันนี้ หวนคิดทีไร ก็ท�ำ ให้นกึ ขอบคุณพ่อหนักหนาทีส่ อนบทเรียน ยิ่งใหญ่ให้ลูก” บทเรียนที่อาจารย์ระพีหมายถึง คือ ความ อดทนต่อความยากลำ�บาก ท่านได้ยกตัวอย่าง หนึ่งที่แสดงให้เห็นภาพชัดเจน “หลายคนสงสัยนะ ว่าฉันมาสนใจงานด้าน การปลูกกล้วยไม้นี้เพราะอะไร ทั้งๆ ที่ตอนนั้น ตัวฉันก็ไม่ได้เล่าเรียนวิชาการดูแลกล้วยไม้ มาจากสถาบันไหน แล้วยังไม่มีเงินทองมากมาย เพียงพอที่จะนำ�มา ‘เล่นกล้วยไม้’ เหมือน อย่างเศรษฐีสมัยก่อนนั้นทำ�กันหรอกหนา นีล่ ะ เพราะอย่างนีฉ้ นั ถึงได้เกิดความคิดต่อสูเ้ พือ่ ทลายความเชื่อที่ว่า กล้วยไม้ เป็นสัญลักษณ์ที่ คู่ควรกับคนมีอันจะกินเท่านั้น และการดำ�เนิน การเพื่อต่อสู้กับความเชื่ออันแน่นหนานี้เอง ฉัน ต้องใช้แรงกาย แรงใจมาก ตอนนั้นโดนเล่นงาน กลั่นแกล้ง รังแกจากฝ่ายไม่เห็นด้วยหนักเชียว ละ เพราะสิ่งที่ฉันทำ�มันไปขัดกับห่วงโซ่ ผลประโยชน์ที่ซ่อนตัวอยู่มากมาย แต่ที่ผ่านมา ได้ต้องขอบคุณบทเรียนชีวิตที่พ่อสอนให้ คือ 25
happy heart
26
ความอดทน อดกลั้น ต่อความลำ�บาก ความ อยุติธรรม นั่นไงละ สู้ทนทำ�ไปด้วยความรัก ศรัทธาว่าสิ่งที่กำ�ลังทำ�น่ะมันถูกต้อง มันเป็น ประโยชน์ต่อส่วนรวม จนในที่สุดก็ประสบความ สำ�เร็จ ทำ�ให้กล้วยไม้เป็นเครื่องมือหาเลี้ยงชีพ ของเกษตรกรได้ และเป็นดอกไม้ที่คนทุกชนชั้น สามารถซือ้ หามาถวายพระได้ แค่นก้ี ช็ น่ื ใจแล้ว” ไม่เพียงเท่านั้น ยังมี “พ่อ” อีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งอาจารย์ระพีเทิดทูนไว้เป็นแบบอย่างเหนือ เศียรเกล้า คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “พ่อหลวงของแผ่นดิน” นั่นเอง เมื่อถามว่าหลักธรรมในการใช้ชีวิตอะไรที่ ท่านได้จากในหลวง ใบหน้าของชายวัย 90 ปี พลันระบายไปด้วยยิ้มน้อยๆ พร้อมกล่าวว่า “ทุกวันนี้คนไปมุ่งแต่ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ว่าตนได้น้อมนำ�มาใช้กับชีวิตของตน แล้ว ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้กันจริงว่า หัวใจสำ�คัญของ ปรัชญานี้คืออะไร ขอยกตัวอย่าง ‘ธรรมะของ พระราชา’ ข้อหนึ่งที่ฉันเห็นว่าเป็นแบบอย่าง ของความพอเพียงที่พระองค์ทรงยึดถือปฏิบัติมา ตลอดพระชนมชีพของพระองค์ “ต้องเท้าความไปถึงธรรมะ ซึ่งนั่นก็คือ ธรรมชาติที่อยู่ในรากฐานจิตใจของมนุษย์ทุกคน ที่บ่งชี้ไว้ชัดเจนข้อหนึ่งว่า เพราะมีด้านนี้ จึงไม่มี ด้านนั้น เมื่อด้านหนึ่งขึ้นสูง ด้านหนึ่งย่อมลดลง มาสู่ที่ตํ่าตามธรรมชาติ ตีความเป็นหลักธรรมที่ ควรใช้ในการดำ�เนินชีวิตว่า ‘เมื่อร่างกายขึ้นไปสู่ ที่สูง รากฐานจิตใจก็ควรลดลงมาอยู่ที่ตํ่า’ อย่าง ที่เรานิยามว่า ‘ความอ่อนน้อมถ่อมตน’ “หลักธรรมข้อนี้ควรมีอยู่ในพระราชา ที่ ถือว่าเป็นบุคคลที่ขึ้นไปยืนอยู่ในระดับสูงสุด นั่นคือ เมื่อพระวรกายขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดแล้ว พระราชหฤทัยควรน้อมลงมาอยู่ที่ตํ่า จนเกิด ความอ่อนน้อม แล้วมุ่งมั่นทำ�งานอย่างเบิกบาน มีความสุข ในทางกลับกัน เมื่อพระราชหฤทัย สูงสุดแล้ว ก็ย่อมต้องลดพระวรกายให้ลง มาตํ่าสุดเช่นกัน ซึ่งในหลักธรรมข้อนี้ ยืนยันได้ ด้วยภาพที่เราเห็นตามโทรทัศน์ตั้งแต่เราเด็ก นั่นไงละ พระราชาพระองค์นี้ได้เสด็จมาทรง ใช้ชีวิตอยู่กับประชาชนซึ่งตกทุกข์ได้ยากของ พระองค์บนพื้นดินพื้นทรายสมํ่าเสมอ
ยิ่งได้เห็นพระราชจริยวัตรอันงดงามนี้แล้ว ยิ่งตอกยํ้าความเชื่อมั่นของฉันในคำ�กล่าว โบราณที่ว่า ‘บุคคลใดที่ใช้ชีวิตอยู่กับพื้นดิน ปัญญาย่อมบังเกิดแก่บุคคลนั้น’ พระราชา พระองค์นี้จึงมีพระปรีชาญาณเฉียบแหลมอย่าง หาใครทัดเทียมได้ยากนัก มีเรื่องเล่าขานกัน มาว่า ระหว่างการเสด็จไปเยี่ยมเยียนราษฎร เป็นการส่วนพระองค์ครั้งหนึ่ง เมื่อเสด็จไปถึง ที่หมาย ได้มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งยืน กล่าวถวายรายงานในพระราชพิธีตามปกติ หลัง จากทรงรับฟังแล้ว พระองค์มิได้รับสั่งอะไรออก มา หากแต่ทรงพระดำ�เนินไปหาเกษตรกรซึ่ง เป็นชาวบ้าน ที่นั่งเฝ้ารับเสด็จอยู่แล้วรับสั่งถาม ด้วยพระสุรเสียงเรียบๆ ว่า ‘ที่เขาพูด มันจริง หรือเปล่า’ “หากใครจะมองเป็นการจับผิดก็ย่อมคิด ได้ แต่ฉันกลับมองว่า พระองค์ทรงทำ�เช่นนั้น ด้วยหลักคิดว่า ทรงสนพระราชหฤทัยที่ต้องการ จะเรียนรู้ถึงความจริง บนพื้นฐานหลักคิดที่ว่า ทุกสิ่งมิได้มีความจริงเพียงด้านเดียวให้ค้นหา การเข้าถึงความจริงจึงต้องรู้จักเปิดรับจากแหล่ง ข้อมูลต่างๆ ในสังคมให้รอบด้าน” ครั้นอธิบายให้ฟังถึงตอนนี้ อาจารย์ระพี ไม่ลืมกำ�ชับว่า หลักธรรมเหล่านี้เปรียบเหมือน เศษธุลีเล็กๆ ยากนักที่คนธรรมดาจะตระหนัก รู้ได้ เมื่อได้ทราบเช่นนี้แล้วทุกคนจึงควรจดจำ� และนำ�ไปปฏิบตั เิ พือ่ ให้บงั เกิดสุขแท้จริงแก่ตวั เอง สุขเพราะได้ทำ�งานที่รักและศรัทธา เชื่อว่าหลายคนต้องคาดไม่ถึง หากจะบอก ว่า ในวัยขึ้นต้นด้วยเลข 9 นี้ อาจารย์ระพียังคง เริ่มกิจวัตรประจำ�วันด้วยการตื่นนอนตอนตีสาม แล้วใช้เวลาทำ�ธุระส่วนตัวไม่ถงึ 15 นาที จากนัน้ ก็เป็นโมงยามแห่งการทำ�งานที่ท่านรักและ ศรัทธาเพื่อเพื่อนมนุษย์ตลอดวัน จนกระทั่งเวลา ห้าทุ่ม ท่านจึงจะได้พัก “มีคนรอบตัวมากมายเพียรมาถามบ่อยๆ ด้วยความเป็นห่วงว่า ‘อายุอานามก็มากขนาดนี้ แล้ว ทำ�ไมถึงไม่พักผ่อนเล่า’ พวกเขาก็มักจะได้ คำ�ตอบกลับไปในทำ�นองเดียวกันว่า ‘ทำ�ไมฉันจะ ไม่พัก ฉันพักของฉันทุกวัน’ พอตอบไปอย่างนั้น
คนฟังก็มักจะขมวดคิ้วกันด้วยความสงสัย ฉัน เลยอธิบายต่อว่า การพักผ่อนของฉัน คือการ ทำ�งานที่มีความสุขไงล่ะ ทุกคนจึงถึงบางอ้อกัน คนสมัยนี้ชอบตัดพ้อกันว่า งานที่ทำ�อยู่ทุกวันมัน เหนื่อยแสนสาหัส เหนื่อยหนักหนาแล้ว ที่รู้สึก กันอย่างนั้นเป็นเพราะเรามองว่างานคือความ เหนื่อยหน่าย ลองเปลี่ยนความเหนื่อยหน่ายนั้น ให้เป็นความสุขดูสิ ลองมองมันในแง่ดีสักครั้ง เมื่องานเท่ากับความสุข แค่นี้เราก็อยากทำ�มัน และทำ�ได้เรื่อยๆ แล้ว” ครั้นได้ฟังที่อาจารย์ระพีเกริ่นข้างต้นนี้ ใคร หลายคนย่อมอดที่จะระลึกถึงคำ�กล่าวของท่าน พุทธทาสที่คุ้นหูไม่ได้ว่า “การทำ�งาน คือ การ ปฏิบัติธรรม” ... แล้วสำ�หรับอาจารย์ระพี ข้อ ธรรมที่ท่านได้เรียนรู้จากการปฏิบัติงานของท่าน คืออะไร ลดอัตตา เพิ่มสุข หลักธรรมประการแรกที่อาจารย์ระพีสอน ให้เราได้รู้แบบไม่ทันตั้งตัว คือ การทำ�งานทุก อย่าง สอนบทเรียนให้เรารู้จักการละวางความ ยึดมั่นถือมั่นในตนเอง ซึ่งถ้าใครทำ�ได้เช่นนั้น แล้ว ความสุขย่อมเดินทางมาหาผู้นั้นเป็นแน่ “ทุกวันนี้งานที่ฉันทำ�ส่วนใหญ่ฉันทำ�เพื่อ 27
happy heart
28
happy heart เรือ่ งเล่าเสีย่ งตาย แต่ประทับใจ หลังจากที่ ดร.สุเมธเรียนจบ ท่านได้กลับเข้า รับราชการครั้งแรกที่ กองวางแผนเตรียมพร้อม ด้านเศรษฐกิจ สำ�นักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และ ที่น่เี องที่มอบโอกาสให้ท่านได้เริ่มทำ�งานด้านการ พัฒนาเต็มตัว และเจอกับหลายเหตุการณ์ท่ีมี ชีวติ เป็นเดิมพัน “ตอนนั้นผมเข้ามารับหน้าที่ท่ีต้องลงพื้นที่ เสี่ยง ไปทำ�ความเข้าใจ ลดความขัดแย้งทาง ความคิด ให้คนในพืน้ ทีน่ น้ั รับการพัฒนาจากส่วน กลาง ตั้งแต่ก่อนมารับหน้าที่น้ี เราก็รู้นะว่ามัน อันตราย แต่มนั เป็น ‘ความรับผิดชอบในหน้าที’่ ของเรา...นี่ สำ�คัญนะ มันต้องมาเหนือความกลัว เหนือทุกสิง่ ทุกอย่าง เพราะมันเป็น ‘หน้าที’่ ถามว่า ตอนนัน้ กลัวไหม ใครบ้างล่ะจะไม่กลัว เพราะเราก็ รูอ้ ยูว่ า่ พืน้ ทีท่ เ่ี ราลงไปแต่ละแห่ง มันเสีย่ งมากแค่ ไหน ทุกย่างก้าวทีเ่ ราเหยียบ จะเจอกับระเบิดหรือ เปล่าก็ไม่รู้ บางครัง้ คนทีไ่ ปทีมเดียวกับเรา เดินนำ� หน้าเราไปนีล่ ะ โชคร้าย เหยียบเอากับระเบิด ขา ขาด ต่อหน้าต่อตาเรา ตอนนัน้ ผมได้แต่ขม่ ใจ ข่ม ความกลัวด้วยการมองข้ามไปถึงจุดมุง่ หมายทีเ่ รา มา ไปถึงความสำ�เร็จทีร่ ออยู่ ช่วงนัน้ ลงพืน้ ทีเ่ สีย่ ง ทั่วประเทศเลยนะ เหนือจรดใต้ ผมไปหมดนะ ไม่เคยเลีย่ ง ไม่เคยหนีสกั ครัง้ “ถ้าจะให้วิเคราะห์ว่า ในแต่ละครั้ง ทำ�ไม ผมถึงรอดมาได้เหรอ ผมว่าเป็นเพราะบทเรียน เรือ่ งการปรับตัวทีผ่ า่ นมา อย่างความเป็นอยูต่ อน นัน้ ผมต้องไปนอนกลางดินกินกลางทรายตลอด ไม่ได้สบายหรอก แต่อย่างที่เล่า ผมผ่านการใช้ ชีวิตมาหลายรูปแบบ เลยทำ�ให้เป็นคนกินง่าย อยู่ง่าย ผมอยู่ท่ีไหนก็ได้ ครั้นต้องไปเจรจากับ ผู้คนหลากหลายแบบ ต่างเชื้อชาติ ต่างสำ�เนียง ผมก็ได้เปรียบ อย่างลงไปแถวอีสาน เราก็พูด สำ�เนียงเขาได้ เพราะเคยเรียนอยู่ท่ีลาวมาก่อน พอเขาเห็นเราพูดสำ�เนียงเดียวกับเขา การเจรจา ก็งา่ ยขึน้ นอกจากนัน้ กุญแจความสำ�เร็จทีส่ �ำ คัญ คือเป้าหมายทีเ่ หมือนกัน เพราะตอนลงพืน้ ที่ เรา ไปกันหลายฝ่าย ทั้งทหาร ตำ�รวจ ข้าราชการ ท้องถิน่ และข้าราชการจากส่วนกลาง ตอนนัน้ เราไม่มี แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เราทำ�งานเป็นทีม ทุกคนร่วมมือ ร่วมใจกัน ด้วยเป้าหมายเดียวกัน ผมเชือ่ ว่าทุกคน กลัวนะ แต่ทกุ คนมีส�ำ นึกในหน้าทีข่ องตัวเอง อย่าง ทหาร เขาเดินนำ�หน้าทีมงานทุกคน เจออะไร เขา 28
ความทุกข์ ความสุข ที่เกิดขึ้น ในชีวิตเรา เราสร้างกันเองทั้งนั้น อย่างทุกข์จากการยึดติด ก็เกิด ขึ้นบ่อย ไปแคร์คำ�พูด การกระทำ� ของคนอื่น เมื่อเขาพูด เขาทำ�ไม่ดี อย่างที่เราคาดหวัง ทุกข์ก็เกิด เราต้องมีสติ เมื่อรู้ตัวว่าทุกข์จะเกิด บอกตัวเองให้หยุด เอาชนะมันให้ได้ พอทุกข์จะเกิด เราตะโกนบอกมัน ‘ไม่ทุกข์โว้ย’ ผมว่ามันช่วยเตือน สติให้เรารู้ถึงเหตุของทุกข์ และหาทางบรรเทาปัญหานั้นได้
ตายก่อน ถูกไหม เห็นอย่างนีแ้ ล้วเรามีก�ำ ลังใจ มี แรงฮึดสูไ้ ปด้วย เพราะเรารูว้ า่ ทุกคนจะสูไ้ ปด้วยกัน เราเลยรอดและได้รบั ความสำ�เร็จในทุกงานทีล่ งไป ทำ� นีแ่ สดงให้เห็นว่า งานจะยากแค่ไหน อุปสรรค จะมากเท่าไร ถ้าเราสมัครสมาน สามัคคี ร่วมมือ ร่วมใจกัน เราก็ผา่ นมันไปได้” ครัน้ เล่าจบ ดร.สุเมธนิง่ คิด แล้วถอนหายใจ ออกมา พร้อมเชือ่ มโยงสถานการณ์ทท่ี า่ นได้เผชิญ ตอนนั้นกับสถานการณ์น่าเป็นห่วงในสังคมไทย เราตอนนี้ ได้อย่างน่าคิด “ตอนนั้ น เรารู้ น ะว่ า สิ่ ง ที่ เราต้ อ งไปเผชิ ญ คือความขัดแย้งและความไม่เข้าใจของกลุ่มคน เปรียบไปก็เหมือนศัตรูทเ่ี ราต้องเอาชนะให้ได้ แต่ สถานการณ์ความไม่สงบที่คุกรุ่นอยู่ในใจคนไทย ตอนนี้ ทีแ่ บ่งสี แบ่งฝ่ายกัน ผมถามหน่อยว่าคน ไทยเราต้องต่อสู้กับใครเหรอ มีใครมาเป็นศัตรู เปล่าเลย คนไทยเราทะเลาะกันเอง ไม่ได้ไปสูร้ บ ตบมือกับศัตรูท่ีไหนเลย จนวันนี้ ผมก็ยังไม่เห็น ทางออกของปัญหานี้ เพราะแนวทางการแก้ปญ ั หา ความขัดแย้ง จากประสบการณ์ของผมทีผ่ า่ นมา มันต้องสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นก่อน แต่น่ตี ่าง ฝ่ายต่างไม่ยอมจะเข้าใจกันเลย คิดแต่ว่าสิ่งที่ ตัวเองคิด ที่ตัวเองเชื่อ มันถูกต้อง ไม่มีท่ีว่างให้ ความเข้าใจแทรกเข้าไปเลย”
เรียนรูส้ ขุ ตามรอยพระยุคลบาท และแล้ ว ช่ ว งเวลาที่ ดร.สุ เมธนิ ย ามว่ า “เป็นจุดสูงสุดของชีวติ ” ก็มาถึง เมือ่ ปี 2524 ที่ ท่านได้มีโอกาสเข้าไปถวายงาน พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยูห่ วั ในฐานะเลขาธิการสำ�นักงานคณะ กรรมการพิเศษเพือ่ ประสานงานโครงการอันเนือ่ ง มาจากพระราชดำ�ริ (กปร.) ท่านเล่าว่า “หน้าทีค่ วามรับผิดชอบ ตอนได้เข้ามาถวาย งานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ก็ไม่ได้ตา่ งจาก เนือ้ งานเดิมนะ เพียงแค่เราไม่ตอ้ งสะพายปืน เสีย่ ง ต่อการเหยียบกับระเบิดเหมือนเดิม (หัวเราะ) โดย งานหลักที่ทำ�คือ การเข้าไปสร้างความเข้าใจ ประสานงานกับทุกฝ่าย เพื่อช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบปัญหาด้านปัจจัยในการดำ�รงชีวิตของ ประชาชนต่างๆ ดิน นํา้ ลม ไฟ ทัง้ หมด เป็นการ เผชิญกับปัญหาในมุมทีก่ ว้างขึน้ ” ดังทีไ่ ด้เกริน่ ไปแล้วในตอนต้นว่า ตัง้ แต่เริม่ ต้น ถวายงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มอบ แนวทางการทำ�งาน ด้วยพระราชกระแสรับสั่ง สัน้ ๆ ถึงสิง่ ทีจ่ ะได้จากการทำ�งานต่อจากนีไ้ ปของ ดร.สุเมธว่า คือ “ความสุขทีจ่ ะมีรว่ มกันในการทำ� ประโยชน์ให้กบั ผูอ้ น่ื ” ซึง่ ท่านขยายความให้ฟงั ว่า “พระองค์ทรงบอกชัดเจนว่า มาถวายงาน พระองค์ท่าน อย่ามาหวังเอาประโยชน์อะไร ชื่อ เสียง เกียรติยศ เงินทอง พระองค์ไม่มีให้ มีแต่ ความสุขร่วมกันที่ได้จากการช่วยเหลือผู้อ่ืน ผู้ ที่มีทุกข์ ก็ช่วยให้เขาพ้นทุกข์ เชื่อไหมว่านี่มัน เปลีย่ นความเชือ่ ผมเลยนะ ว่ามีการทำ�งานทีไ่ ด้ผล ตอบแทนเป็นความสุขด้วยหรือ ทีผ่ า่ นมา ผมรับรู้ แต่วา่ เราทำ�งานเพือ่ แลกกับเงิน เป็นรูปธรรมทีจ่ บั ต้องได้ แต่น่ี ความสุขทีผ่ มได้รบั มันเป็นนามธรรม แม้จบั ต้องไม่ได้ แต่เรารูส้ กึ ได้ มันดีกว่าการได้เงิน ได้ลาภ ได้ยศ ได้สรรเสริญเป็นไหนๆ และผมพูด ได้เต็มปากตอนผมอายุปูนนี้น่ลี ะว่า ที่โลกมันยุ่ง วุ่นวายกันทุกวันนี้ เพราะผู้คนทำ�ทุกสิ่งทุกอย่าง เพือ่ ให้ได้มาซึง่ วัตถุ ทีค่ ดิ ไปว่า เมือ่ ได้มนั มาครอบ ครองแล้วจะมีความสุข เลยทำ�ทุกวิถที าง ไปกูห้ นี้ ยืมสินก็ยอม เพื่อให้ได้มา หลงลืมความสุขทาง ใจที่สร้างได้ด้วยตัวเอง แค่ปรับแนวคิด ให้รู้จัก พอเพียงเท่านัน้ เอง “นอกจากนั้น สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการได้ ถวายงานพระองค์ท่าน และเป็นมงคลชีวิตอัน สูงสุดของผม คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์เป็นพระอาจารย์ ทรงสอนให้ผมได้รู้ซ้ึง
เพื่อนมนุษย์ และเน้นไปที่คนระดับล่าง คนด้อย โอกาส รวมทั้งเยาวชนคนรุ่นหลัง ซึ่งคนเหล่านี้ ยังต้องการโอกาสและการเรียนรู้ โดยยึดหลักว่า ไม่ว่าจะทำ�อะไรก็ตาม ถ้าเรามอบใจที่มีความ จริงเป็นธรรมชาติให้แก่เพื่อนมนุษย์ทุกคนโดย ปราศจากการถือเขาถือเรา ย่อมบังเกิดความสุข ได้อย่างลึกซึ้ง อย่างตอนนี้ที่คุณมาสัมภาษณ์ฉัน เนี่ย ฉันไม่ใช่อาจารย์พวกคุณหรอกนะ ฉันอยู่ ในฐานะลูกศิษย์เพราะพวกคุณมามอบคำ�ถาม ให้บททดสอบฉันอย่างไรล่ะ ฉะนั้นอยากรู้อะไร ถามมาเลย ไม่ต้องเกรงใจ ฉันจะตั้งใจตอบให้ ดีที่สุด” ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม “พวกเธอเคยได้ยินไหม ระฆังเนื้อดี ยิ่งถูก ตีก็ยิ่งดังกังวานไปไกล” อาจารย์ระพีเกริ่นถาม ก่อนจะมอบหลักธรรมที่ได้จากการทำ�งานข้อ ต่อมา “ฉันใดก็ฉันนั้น สิ่งใดก็ตามที่เธอคิดว่ามัน เป็นปัญหา อย่าพยายามคิดหนีมัน เราต้องกล้า สู้กับมัน เผชิญหน้าไปเลย เหมือนระฆังไง ไม่ หนีคนตี ยิ่งปัญหาเกิดขึ้นมาแล้วเราสามารถ แก้ไขหรือค่อยๆ หาหนทางแก้ปัญหานั้นจน สำ�เร็จมากเท่าไร เราย่อมเป็นเหมือนระฆังที่ ยิ่งตี ยิ่งดังกังวาน “ฉันเข้าใจว่าทุกวันนี้ด้วยสภาพสังคมทำ�ให้ ปัญหาที่ทุกคนเจอในชีวิต ในการทำ�งาน มัน หนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ สร้างแรงกดดันในใจ ทุกคนได้มากขึ้น เวลาเกิดปัญหาขึ้นในแต่ละ ครั้งมันจะก่อตัวเหมือนคลื่นปัญหา ถาโถมจู่โจม ให้เราพลัดจมหายไปในวังวนของปัญหานั้นได้ ถ้าจะมองว่าเป็นเรื่องเลวร้าย ย่อมก่อให้เกิดทุกข์ กับใจคนที่คิด แต่หากคิดได้ว่า เพราะแรงกดดัน นี้ละ ที่ทำ�ให้เรามองเห็นความจริงใจจากตัวเอง ได้เด่นชัดขึ้น มันมาสอนให้เราแข็งแกร่ง มีความ ภูมิใจในตนเอง และรู้คุณค่าของชีวิตลึกซึ้งยิ่งขึ้น ปัญหาคือครูที่ช่วยยกระดับจิตใจเราให้สูงยิ่งขึ้น นั่นเอง” งานจะสำ�เร็จ ต้องบังคับใจตัวเองให้ได้ “บัดนี้ฉันอายุ 90 ปีแล้ว และที่ยังมีสติ
รักษาสมาธิไว้ได้อย่างมั่นคง เพื่อใช้ชีวิตทุกลม หายใจของฉันทำ�งานเพื่อสังคมอย่างที่เธอเห็น นี้ เป็นอานิสงส์ของการทำ�งานด้วยการบังคับ ใจและเอาชนะใจตัวเองมาโดยตลอด อย่างช่วง ที่ฉันได้รับมอบหมายให้ทำ�งานด้านการบริหาร ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นั่นเป็นการ ทำ�งานท่ามกลางกลุ่มคนที่แตกต่างกัน จึงเกิด ความแตกแยก แบ่งพรรคพวกขึ้น ขณะนั้นทาง มหาวิทยาลัยจึงต้องการคนที่จะพูดคุย ประสาน งานกับคนทุกกลุ่มได้ ซึ่งฉันก็ได้รับเลือกให้ เข้าไปทำ�หน้าที่นี้ เมื่อรับงานแล้ว ฉันทุ่มเท ทำ�งานอย่างดีที่สุด ตั้งแต่เช้ายันมืดคํ่า จาก 6 โมงเช้าถึง 5 ทุ่ม คนส่วนใหญ่มักเห็นฉันใช้ชีวิต อยู่กับลูกศิษย์ จนสงสัยว่าเอาเวลาที่ไหนมาเซ็น หนังสือ ขอตอบให้กระจ่างตรงนี้ว่า ตอนนั้นได้ สั่งให้เจ้าหน้าที่นำ�แฟ้มทำ�งานทั้งหมดไปตั้งไว้ที่ ประตูทางเข้าบ้านทุกคืน ก่อนไปนอนฉันต้องได้ เห็นแฟ้มงาน ถ้าคืนไหนจัดการงานนั้นไม่เสร็จ ฉันจะไม่นอนอย่างเด็ดขาด นี่คือการบังคับใจ ตัวเอง มีวินัยในตนเอง ซึ่งเป็นศิลปะในการ ดำ�เนินชีวิตที่ฉันนำ�มาใช้เพื่อก่อให้เกิดผลดีแก่ การทำ�งานที่ฉันรัก คือ การทำ�งานให้กับมวลชน จนถึงทุกวันนี้”
มนุษยศาสตร์กันดีกว่าค่ะ “ภายในรากฐานจิตใจควรมีหนึ่งเดียว ไม่ว่าชีวิตจะเกี่ยวข้องกับสิ่งใดก็ตาม ‘อย่าเป็น คนใจแตก’ โดยเฉพาะในประเด็นวัตถุ สิ่งของ ที่อยู่ใกล้ตัวใกล้ใจที่สุดของคนแต่ละคนใน ปัจจุบัน หลังจากมนุษย์ได้สัมผัสถึงสิ่งล่อตาล่อ ใจภายนอกพวกนี้ ก็มักจะทนอยู่ไม่ได้เพราะขาด สุขเกิดง่ายๆ แค่ “เข้าใจ” “กว่าครึ่งของชีวิต ฉันเป็นนักมนุษยศาสตร์ ความอดทนเข้มแข็ง เอาง่ายๆ คนที่มีรถยนต์อยู่ แล้ว ครั้นเห็นโฆษณารถยนต์รุ่นใหม่ ก็เกิดความ ฉันศึกษาความเป็นจริงเกี่ยวกับมนุษย์” อยากได้อยากมีอีก ยอมแม้กระทั่งไปเป็นหนี้เป็น เมื่อมีผู้มาขอความรู้จากปราชญ์ของ สินให้ได้รถยนต์คันใหม่มา ทั้งๆ ที่คันเก่าก็ยัง แผ่นดินท่านนี้ ก็มักจะได้ยินท่านกล่าวทักทาย ทำ�นองนี้เสมอ ซึ่งนับเป็นกุศโลบายอันแยบยล ใช้ได้ นี่นับเป็นการดำ�รงชีวิตด้วยความประมาท ไม่ศึกษาวิเคราะห์ให้ถึงที่สุดก่อนจะตัดสินใจทำ� ที่อาจารย์ระพีใช้ทำ�ความรู้จักกับใครต่อใครที่ มักจะมุ่งมาหาท่านด้วยความเข้าใจว่าท่านเป็น อะไรก็ตาม จึงมักได้รับผลเป็นความทุกข์ ความ เดือดร้อนกันถ้วนหน้า” ปรมาจารย์ด้านกล้วยไม้ เป็นนักพฤกษศาสตร์ นอกจากคำ�แนะนำ�ที่เข้ายุค เข้าสมัย ปรับ ระดับตำ�นาน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ท่านทำ�ก็จริง แต่ ใช้ ไ ด้ ก ับคนยุคนี้เป็นอย่างดีแล้ว อาจารย์ยังได้ เป็นแค่เพียงเสี้ยวหนึ่งในชีวิตท่าน ขณะที่สิ่งที่ ให้เคล็ดลับการดำ�เนินชีวิตให้เป็นสุขเพิ่มเติมว่า ท่านทุ่มเทเวลากว่าครึ่งค่อนชีวิตในการศึกษา “การดำ�เนินชีวิตในยุคปัจจุบัน เราแต่ละคน เรียนรู้อย่างตั้งใจ และพึงใจอยากให้มวลชน ควรสนใจเรียนรู้จากความหลากหลายของเพื่อน ได้รับรู้มากกว่า คือ บทบาทด้านการเป็นนัก มนุษย์ รวมถึงทุกสิ่งที่ปรากฏเปลี่ยนแปลงอยู่ มนุษยศาสตร์ ในสภาพแวดล้อมรอบตัวให้ถึงความจริง และ เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว มาฟังท่านชี้แนะ เข้าใจ ยอมรับได้ ทุกโอกาส ทุกวาระ แนวทางการดำ�เนินชีวิตให้มีความสุขตามหลัก 29
happy heart
“ขณะที่ขอยํ้าให้ทุกคนอย่าละเลย หมั่น ดูแลรักษารากฐานจิตใจที่ดีงามของตนเองให้ มั่นคงไปตลอดชีวิต และตระหนักไว้เสมอว่า ความหลากหลายของการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ใน โลกภายนอกนั้นเป็นเพียงสิ่งสมมุติ อย่าไป หลงยึดติดอยู่กับมัน ควรยอมรับให้ได้เพียงว่า ความเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นความจริงบนพื้นฐาน ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งที่สำ�คัญกว่า คือ เงื่อนไขภายในจิตใจของตนเอง อย่าให้ผันแปร ไปตามกระแส ให้รักษาไว้อย่างสุดชีวิต ถ้า สามารถทำ�ได้ ไม่ว่าสภาพแวดล้อมในโลกนี้จะ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม ทุกคนย่อมดำ�รง ชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข “และขอฝากประเด็นสำ�คัญสำ�หรับการนำ� ไปพิจารณาและปฏิบัติเพื่อการมีชีวิตที่ดี ฉันมัก จะพูดขึ้นว่า ‘จงมองทุกอย่างในแง่ดี’ ซึ่งเป็น หลักธรรมที่ฉันได้นำ�ไปปฏิบัติ แล้วได้ประโยชน์ จริงในหลายช่วงของชีวิต ยกตัวอย่าง โลกนี้ไม่มี ใครหลุดพ้นจากการถูกด่าว่า นินทา ใช่ไหม แต่ สำ�หรับฉัน การถูกคนด่า ฉันเห็นเป็นโอกาสที่ จะเอาชนะใจตัวเองมาตลอด เพราะได้ต่อสู้กับ กิเลสที่อยู่ในใจตนเอง เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้ 30
ธรรมะ เพราะเมื่อถูกคนด่า ตำ�หนิติเตียน ก็ กระตุ้นให้เราต้องเอาชนะใจตนเอง เป็นกระบวน การที่ทำ�ให้เราได้กลับมาพิจารณาเรียนรู้ความ จริงในใจอย่างได้ผล การคิดแบบนี้ ทำ�ให้ฉันมี นิสัยใจเย็น ใครมาด่าก็ไม่ถือสา ไม่คิดโกรธ หรือ ด่าตอบ เรื่องราวร้ายๆ ก็จบอย่างมีความสุขได้ ขณะที่เมื่อทุกอย่างมีสองด้าน ก็ต้องหมั่นเตือน ตัวเองด้วยว่า หากได้รบั คำ�ชม ก็อย่าหลงไปกับมัน” สุดท้าย เมื่อเรียนรู้ที่จะแสวงหาสุขแล้ว ก็ ต้องเข้าใจและยอมรับที่จะอยู่กับเหรียญอีกด้าน คือ ความทุกข์ด้วย อาจารย์ระพีกล่าวว่า “คนส่วนใหญ่เมื่อเกิดความทุกข์ขึ้นในจิต ในใจก็มุ่งหน้าเข้าหาวัด เพื่อหวังว่าจะชำ�ระ ทุกข์นั้นให้หายไป แล้วเปิดโอกาสรับความสุข ที่คาดว่าจะเข้ามากันทั้งนั้น น้อยคนนักที่จะ หยั่งรู้ความจริงได้ว่า การปฏิบัติอะไรเพื่อบำ�บัด ทุกข์ ก็ขอให้เริ่มจากจุดที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด เพราะ ส่วนใหญ่เงื่อนปมที่มันแฝงอยู่ในใจตนเอง ถ้า เพียรพยายามชำ�ระล้างจากจุดนั้นก่อน ย่อมเกิด ความสุขขึ้นได้จากธรรมชาติที่อยู่ในใจ “สรุปได้ว่า โปรดอย่าดูถูกความทุกข์ว่าเป็น เรื่องเลวร้าย เพราะความทุกข์นี่เองจะเป็นครู
สอนให้เราเข้าถึงความสุขได้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็น ธรรมชาติ เป็นธรรมดา สำ�หรับการดำ�เนินชีวิต ของปุถุชนเรานั่นเอง” นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของวิถีแห่ง ความสุขที่ปราชญ์ของแผ่นดิน นาม “ระพี สาคริก” ได้ฝากไว้แก่คนรุ่นหลัง เป็นแง่งามใน การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าที่รอให้คนรุ่นหลังอย่าง เราทุกคนนำ�มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ เกิด ความสุขแก่ตนเองและสังคม เพียงเท่านี้ย่อมยัง ให้เกิดความสุขตอบกลับไปสู่ “อาจารย์” ท่านนี้ ได้ด้วยเช่นกัน อ้างอิง • ระพี สาคริก. ปรัชญาธรรมแห่งชีวิต. พิมพ์ครั้งที่ 1. สมาคมนิสิตเก่า มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์เดือนตุลา, 2555. • ระพี สาคริก. ทุกสิ่งอยู่ที่ใจตน. บริษัท ลิปส์ พับลิชชิ่ง จำ�กัด. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ ตะวันออก, 2555.
happy heart เสียงดัง) แต่พอเสร็จจากงานผมก็ผอ่ นคลาย เวลา ผมสนุกขึน้ มา ลูกน้องเด็กๆ ตามผมไม่ทนั นะ เวลา ไปพักผ่อน ไปเทีย่ วกัน ผมสนุกเต็มทีน่ ะ ผมสวม เสือ้ สีสด ลูกน้องทุกคนตกใจ ไม่นกึ ว่าคนวัย 74 จะกล้าทำ� (หัวเราะ)” เมือ่ ได้เห็นอีกมุมหนึง่ ของท่าน เราอดอมยิม้ ไปกั บ ความน่ า รั ก ของท่ า นไม่ ได้ ยั ง มี อี ก เรื่ อ ง หนึ่งที่ได้ทราบมา และยังคาใจไม่แพ้กันจนต้อง เอ่ยถามว่า ทำ�ไมท่านถึงบวชมาแล้วถึง 4 ครั้ง ก็ได้รบั คำ�ตอบว่า “คุณเคยอยากไปตากอากาศไหม (เราตอบ ไปว่า อยากค่ะ) ทุกคนก็อยากมีวันหยุด อยาก ไปพักผ่อน อยากผ่อนคลายใช่ไหม ผมเลือกการ บวชนี่ละ เป็นวิธีตากอากาศของผม ไปบวชวัด ป่าเลยนะ อยู่ท่ามกลางหุบเขา ตัดขาดจากโลก ภายนอก ปฏิบัติธรรมให้จิตใจปล่อยวาง เบา สบาย (เสียงผ่อนคลายมาก) ผมคิดแล้วว่าถ้าผม ไปตากอากาศด้วยการไปเที่ยว ไปเชียงใหม่ ไป หัวหิน คนโน้นคนนีไ้ ด้ขา่ วก็ตอ้ งมาหา มันไม่มที าง ได้สงบ ได้พักผ่อนอย่างแท้จริงเหมือนการบวช” เคล็ดลับสร้างสุขกาย ใจ + สังคม ก่ อ นจบบทสนทนา ดร.สุ เมธให้ บ ทเรี ย น สุดท้ายกับเราถึงวิธีจัดการความทุกข์ ความสุข ในชีวติ ว่า “ความทุกข์ ความสุข ทีเ่ กิดขึน้ ในชีวติ เรา เรา สร้างกันเองทัง้ นัน้ อย่างทุกข์จากการยึดติด ก็เกิด ขึน้ บ่อย ไปแคร์ค�ำ พูด การกระทำ�ของคนอืน่ เมือ่ เขาพูด เขาทำ�ไม่ดอี ย่างทีเ่ ราคาดหวัง ทุกข์กเ็ กิด ลองเอาใหม่สิ เราต้องมีสติ เมือ่ รูต้ วั ว่าทุกข์จะเกิด บอกตัวเองให้หยุด เอาชนะมันให้ได้ เหมือนนัก ยกนํา้ หนัก ก่อนทีเ่ ขาจะยก ก็จะตะโกนเรียกพลังใจ ก่อนว่า ‘สูโ้ ว้ย’ แล้วเขาก็ยกได้ ไม่ตา่ งกัน พอทุกข์ จะเกิด เราตะโกนบอกมัน ‘ไม่ทกุ ข์โว้ย’ ผมว่ามัน ช่วยเตือนสติให้เรารู้ถึงเหตุของทุกข์ และหาทาง บรรเทาปัญหานัน้ ได้ในทีส่ ดุ “หรือถ้าเราทุกข์เพราะความใจร้อน อย่างมี คนมาว่าร้ายเรา แน่นอนละ เราย่อมโกรธ อย่าง ผมตอนหนุม่ ๆ นะ ใครมาขับรถปาดหน้าจะโกรธ มาก ผมต้องพยายามแซงรถคันนัน้ เพือ่ ไปปาดหน้า มันกลับ ไม่เช่นนัน้ นอนไม่หลับ หลายครัง้ หวิดจะมี เรือ่ งกัน ตอนนัน้ สติปญ ั ญายังไม่พฒ ั นา (หัวเราะ) แต่ไม่นานมานี้ เหตุการณ์เดียวกันนีเ้ กิดขึน้ ผมคิด เลย เชิญแซงไปเลยครับ เขาอาจมีความจำ�เป็น 30
ต้องรีบไปธุระ พาเมียใกล้คลอดไปโรงพยาบาล ก็ได้นะ คิดได้อย่างนี้ก็ไม่มีเรื่องมีราว ไม่มีความ ทุกข์ใจมาทำ�ให้ขนุ่ มัวแล้ว” สุดท้าย ดร.สุเมธได้ฝากถึงหน้าทีข่ องปวงชน ชาวไทยในการรักษาแผ่นดินเกิดผืนนีด้ ว้ ย “ผมอยากให้ทุกคนรักชีวิตตัวเองบ้างเถอะ อยากให้ส�ำ นึกว่าชีวติ ของคุณต้องอาศัยแผ่นดินนี้ อยูท่ กุ ลมหายใจ เราสูดอากาศของแผ่นดินนี้ เรา ดืม่ นํา้ ของเหลวนีก้ ม็ าจากแผ่นดิน โต๊ะ เก้าอี้ ที่ นั่งอยู่น่ีก็ทำ�จากไม้ท่ีปลูกบนแผ่นดิน ข้าวปลา อาหารทุกอย่างได้จากแผ่นดิน แล้วมันมีเหตุผล อะไรทีเ่ ราจะไม่รกั ษา ไม่ดแู ลแผ่นดินนีไ้ ว้ ดูอย่าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านทรง ทุม่ เทรักษาสมดุลของดิน นํา้ ลม ไฟ มาตลอด พระชนมชีพของพระองค์ ลองถามตัวเองซิ ตัวเรา เคยคิดทีจ่ ะทำ�อะไรบ้างไหม หรือแค่คดิ แล้วลงมือ ทำ�หรือยัง เพราะลองคิดดูวา่ ถ้าวันหนึง่ อากาศเสีย
มีแต่มลพิษ นํา้ เสีย พวกเราจะอยูก่ นั รอดหรือ เอา เวลาทีจ่ อ้ งจะเล่นงานกัน แบ่งสี แบ่งฝ่ายกันมาทำ� สิง่ ดีๆ ให้สงั คม ให้แผ่นดินทีเ่ ราอยูจ่ ะดีกว่า” ทุ ก สิ่ง ทุ ก อย่ า งที่ได้ พูด คุ ย กั บ ปราชญ์ ข อง แผ่นดินท่านนี้ ไม่เพียงทำ�ให้ได้รู้จักตัวตนที่น่า นับถือและศรัทธาท่านเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ แต่ สำ�คัญทีส่ ดุ คือได้รบั รูว้ า่ พ่อหลวงของแผ่นดิน ได้ ทำ�อะไรให้ประชาชนบ้าง และน่าจะถึงเวลาแล้วที่ ทุกคนจะลุกขึ้นทำ�อะไรตอบกลับคืนแก่แผ่นดินนี้ เพือ่ ให้พอ่ ได้ชน่ื ใจบ้าง
อ้างอิง ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล. หลักธรรม หลักทำ� ตามรอยพระยุคลบาท. พิมพ์ครั้งที่ 15. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ดา่ นสุทธาการพิมพ์, 2549.
KTC
happy+
เคล็ดลับความผ่องใส สไตล์ผู้บริหารเคทีซี
ภาพ : หนูดี
ทุกครั้งที่เจอผู้บริหารหญิงคนเก่งของ “เคทีซี” หรือบริษทั บัตรกรุงไทย จำ�กัด (มหาชน) คือ คุณ พิทยา วรปัญญาสกุล หรือคุณฮั้ว รองประธาน เจ้าหน้าที่บริหารสายงาน Synergy Business และคุณเจนจิต ลัดพลี หรือคุณเจน ผูอ้ �ำ นวยการ ฝ่ า ยการท่ อ งเที่ ย วและสั น ทนาการ ทั้ ง สอง ต่างมี ใบหน้าผ่องใส อารมณ์ดี และดูออ่ นเยาว์อยู่ เสมอ จนเราอดไม่ได้ที่จะขอทราบวิธีดูแลตนเอง ของเธอทั้งสอง
คุณพิทยา : พี่ทานทั้งสามมื้อ แต่มื้อเย็น ทานนิดหน่อย แต่ละมือ้ จะทานผัก ผลไม้เยอะ ไม่ ทานเนือ้ และทานพออิม่ แล้วก็ตอ้ งออกกำ�ลังกาย ด้ ว ย พี่ เน้ น ว่ า ยนํ้ า และเล่ น เครื่ อ งเล่ นต่ า งๆ อีกเรื่องที่สำ�คัญคือการนอน เป็นคนไม่นอนดึก จะพยายามนอนให้ได้วันละ 7 ชั่วโมง พี่คิดว่า การดูแลตัวเองให้มีความสุขความสบายเป็นเรื่อง ทีค่ วรทำ� เหมือนเป็นการให้รางวัลตัวเอง ถ้าอาทิตย์ ไหนไม่ได้ไปต่างจังหวัด พี่จะไปออกกำ�ลังกาย ก่อน แล้วสายๆ ค่อยไปช้อปปิ้ง ไปนวดหน้า เข้าสปา ทำ�เล็บ คุณเจนจิต : พีใ่ ห้ความสำ�คัญกับสุขภาพจิต เป็นอันดับแรกค่ะ ได้ทำ�งานที่ชอบทำ�ให้จิตใจ สดชื่น ส่วนอาหารพี่ไม่ทานเนื้อสัตว์ และเน้นดื่ม นํ้าเปล่ากับนํ้าไม่ใส่นํ้าแข็งเป็นหลัก แล้วก็ออก กำ�ลังกายด้วยการว่ายนํา้ กับโยคะ อีกอย่างทีช่ อบ ก็คือ ท่องเที่ยว พี่ชอบเที่ยวในที่ที่แตกต่าง ไปใน ที่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ที่ยังไม่ถูกปรุงแต่ง ไป ดูวัฒนธรรมท้องถิ่น วิถีชีวิตผู้คน เป็นการเที่ยว แบบพักผ่อน ซึมซับ สบายๆ มากกว่าเที่ยวแบบ เดินทาง ที่ต้องไปทุกจุดตามที่หาข้อมูลไว้ ทุก เสาร์ อาทิตย์ พี่จะเที่ยวอยู่ในกรุงเทพฯ ชอบไป ตามย่านเมืองเก่าหรือชานเมือง ไปทำ�สังฆทานที่ วัดที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เสร็จแล้วค่อยไปหาของกิน อร่อยๆ ถ้าเป็นต่างประเทศ ตั้งใจว่าจะไปดูสิ่ง มหัศจรรย์ของโลกให้ครบค่ะ ฟังดูแล้วทัง้ สองท่านต่างเป็นคนใช้ชวี ติ อย่าง รื่นรมย์ อย่างนี้ต้องขอทราบเคล็ดลับที่ทำ�ให้ดูดี และมีความสุขอย่างคุณฮั้วและคุณเจนบ้างค่ะ คุณพิทยา : โดยปกติพี่เป็นคนไม่เครียด ไม่ชอบเครียดเลย ถ้ามีปัญหา หลักการของพี่
(ซ้าย) คุณพิทยา วรปัญญาสกุล (ขวา) คุณเจนจิต ลัดพลี
คือ ปัญหามีไว้ให้แก้ และทุกปัญหาแก้ไขได้ ดังนัน้ จะจั ด การให้ จ บ ไม่ ค้ า งคา และจะพยายาม ไม่ นำ � ปั ญ หาอย่ า งหนึ่ ง ไปสู่ ปั ญ หาอื่ น ๆ เช่ น ถ้ามีปัญหาเรื่องงานก็ไม่ควรนำ�กลับบ้าน หากมี ปัญหาที่บ้านก็ไม่ควรนำ�มาที่ทำ�งาน สำ�หรับพี่ การทำ�ให้ตัวเรามีความสุข คือ มีสติ มีปัญญา พี่ เชือ่ ว่าคนเราฉลาด แต่สงิ่ หนึง่ ทีเ่ รามีไม่เท่ากัน คือ ความกรุณา เอื้ออาทร เข้าใจผู้อื่น ซึ่งสำ�คัญ เพราะแต่ละคนแตกต่างกัน เมื่อต้องอยู่ด้วยกัน สิ่งที่ต้องคำ�นึงถึง คือ คนรอบข้าง อยากให้มี
นํ้าใจในการมองคนอื่นแล้วมีเมตตา คุณเจนจิต : ถ้าเป็นเรื่องงาน พี่โชคดีที่มี ผู้บังคับบัญชาดีมาโดยตลอดไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ให้โอกาส ให้ความไว้วางใจ ไม่ทำ�ให้เครียด พี่จึง ไม่ค่อยมีสิ่งที่เรียกว่าปัญหา แต่เป็นความท้าทาย เป็นบทเรียนอีกหนึ่งขั้นที่สอนให้โตขึ้นมากกว่า ส่วนการใช้ชีวิตให้มีความสุข พี่คิดว่าเรื่องต่างๆ มี ทั้ ง ด้ า นบวกและลบ ขึ้ น อยู่ ที่ เราเลื อ กมอง ถ้าเรามองในมุมที่เป็นบวก และใช้ชีวิตเรียบง่าย ก็ทำ�ให้มีความสุขได้ไม่ยากค่ะ
คนคิดดี
เรื่องและภาพ : อนุสรณ์ ศรีคำ�ขวัญ
เฌอบูโด
ต้นกล้าแห่งความดี
ท่ามกลางเปลวไฟอันร้อนระอุของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากเหตุก่อการร้าย ซึ่งก่อให้ เกิดเมฆหมอกแห่งความหวาดระแวงปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ คนในพื้นที่ได้รับความสูญเสีย ส่วน คนนอกก็มองเข้ามาอย่างหวาดกลัว ท่ามกลางบรรยากาศทะมึนหมองนั้น ผมมีโอกาสได้ร่วมงาน กับกลุ่ม “หัวใจเดียวกัน” กลุ่มคนที่ทุ่มเทสรรค์สร้างสิ่งงดงามให้เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นำ�ทีมโดยชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ นักเขียนสารคดีและนักสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสังคม กลุ่มหัวใจเดียวกัน เน้นสร้างความเข้มแข็งให้คนในพื้นที่ โดยใช้ประเพณีและศิลปวัฒนธรรม อันสวยงามเป็นตัวกระตุ้น และถ่ายทอดให้สังคมภายนอกรับรู้ เพราะในเสียงระเบิด กลิ่นดินปืน ที่ ถูกสื่อกระแสหลักจ้องเสนอแต่ความน่ากลัวนั้น เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย อันเกิดจากคนเพียงหยิบมือ ที่ กระเทือนถึงคนหมู่มาก ซึ่งยังรักและหวงแหนบ้านเกิดเมืองนอน และวัฒนธรรมอันหลากหลายของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ หลายกิจกรรมของกลุ่มหัวใจเดียวกัน มีเยาวชนในพื้นที่ให้ความสนใจและเข้าร่วมเป็นจำ�นวน มาก และด้วยการปลูกจิตสำ�นึกตั้งแต่วัยเยาว์เป็นสิ่งสำ�คัญ ดังนั้นกลุ่มหัวใจเดียวกันจึงสนับสนุนให้ เกิดกลุ่มเยาวชนขึ้นมา ชื่อ “เฌอบูโด”
32
คนคิดดี
เรื่องและภาพ : อนุสรณ์ ศรีคำ�ขวัญ
โรงเรียนกวดวิชาอิฐกอ บ้าน วัด โรงเรียน “อิฐกอ” ก่ออิฐ อิฐก้อนแรก จับวาง ลงบนพื้น อิฐก้อนสอง วางตาม สร้างถนน อิฐก้อนอื่น ต่อตาม เพื่อสร้างคน อิฐสะสม เป็นทางยาว ให้ก้าวเดิน จะมีใครบ้าง ยอมเป็น “อิฐ” ก้อนแรก?
เป็นหนึ่งในคติเตือนใจที่ปิดตามจุดต่างๆ ของโรงเรียนกวดวิชาอิฐกอ โรงเรียนที่ก่อตั้งขึ้น เพื่อสอนเสริมทั้งวิชาความรู้ และคุณธรรม ตาม คำ�ขวัญของโรงเรียนที่ว่า “คุณธรรมนำ�การ ศึกษา” อ.ชยุต อิฐกอ ดีกรีปริญญาโท ครุศาสตร มหาบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา 32
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต, อดีตคณะ กรรมการที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุติธรรม (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) ด้าน การเผยแพร่ข่าวสารการยุติธรรมและกฎหมาย, ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการ การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร (นายประกอบ รัตนพันธ์), หัวหน้าสำ�นักงานกฎหมายชยุต อิฐกอ ทนายความ ได้เล่าถึงแนวคิดที่ก่อตั้ง โรงเรียนกวดวิชาอิฐกอว่า “ก่อนหน้านี้ผมกับภรรยา ทพญ.สาลิกา ต่างคนต่างก็ยุ่งกับงาน จนไม่ค่อยได้ดูแลลูก สักเท่าไหร่ ทำ�ให้พวกเขาทั้ง 2 คนไม่ค่อยสนใจ การเรียนนัก เมื่อได้ทำ�งานด้านการศึกษามาก ขึ้น จึงเริ่มตระหนักเรื่องนี้ และหันมาดูแลเรื่อง เรียนของลูกๆ อย่างเต็มที่ เมื่อดูแลเอาใจใส่
พวกเขาก็ดีขึ้น ทำ�ให้มีความสุขทุกครั้งที่เห็น ลูกๆ ประสบความสำ�เร็จทางด้านการเรียน ซึ่ง เมื่อมองย้อนกลับไปยังพ่อแม่คนอื่นๆ คิดว่าคง ไม่ต่างกันนัก ดังนั้นผมจึงลด ละ งานประจำ� หันมาทำ�โรงเรียนกวดวิชา อีกทัง้ แนวโน้มการเรียน กวดวิชาของเด็กไทยก็มีทีท่าว่าจะสูงขึ้น เพราะ นักเรียนต้องสอบแข่งขัน เพื่อชิงสิทธิเข้าเรียนกับ มหาวิทยาลัยชั้นนำ� ด้วยความที่มหาวิทยาลัย ต่างๆ สามารถรับนักศึกษาได้อย่างจำ�กัด จึง เกิดการแข่งขันสูง ด้วยเหตุนี้เด็กส่วนใหญ่จึงมี ความคิดแก่งแย่งสูงตามไปด้วย ก่อเกิดเป็นความ แตกแยก ไม่มีความสามัคคี แข่งขันกันเรียนน่ะ ดี แต่ไม่ใช่ว่าแข่งจนเป็นการเอารัดเอาเปรียบ ไม่ ถ่ายทอดให้กัน เก็บเป็นความลับ ขนาดโรงเรียน กวดวิชาที่ไหนดีๆ ยังไม่บอกกันเลย”
ต้นไม้แห่งเทือกเขาบูโด
“เฌอ” มีความหมายว่า “ต้นไม้” ส่วน “บูโด” เป็นชื่อเทือกเขาที่ทอดยาวอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลุ่มเยาวชนเฌอบูโด จึงเป็นดั่งกล้าไม้ที่พร้อมจะเติบโต ให้ความ ร่มเย็นในพื้นที่สืบไป ค่ายนักเขียนต้นแบบ ตามรอย...บ้านของ พระราชา ซึ่งจัดขึ้น ณ จังหวัดนราธิวาส เป็น กิจกรรมแรกที่ผมได้ร่วมงานกับเฌอบูโด กลุ่มที่ ผมตีความหมายยามแรกพบว่า “เยาวชนที่เพิ่ง ออกมาจากเทือกเขา” เพราะรูปลักษณ์ของชาย หนุ่มกลุ่มนี้ หากไปหยอกเด็กเล็กเข้า เป็นต้อง มีเสียงร้องโฮลั่นแน่ แต่เมื่อได้ร่วมงานกันแล้ว กลับรู้สึกประทับใจในนํ้าจิตนํ้าใจไม่รู้ลืม หลังจากนั้นผมก็ได้เห็นความขยันขันแข็ง มุง่ มัน่ ทีจ่ ะสร้างพลังเชิงบวกให้กบั พืน้ ที่ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ และเดินสายออกนอกพื้นที่เพื่อ นำ�วัฒนธรรมอันสวยงามไปเผยแพร่ให้จังหวัด อื่นได้ชื่นชมอย่างต่อเนื่อง อาทิ การสร้าง รอยยิ้มให้จังหวัดนราธิวาส งาน ‘บางนรายิ้ม’, ประกวดภาพถ่ายจังหวัดปัตตานี ‘มิราเคิล ออฟไลฟ์’, ค่ายอบรมหนังสั้น เพื่อให้เยาวชน ถ่ายทอดวิถีชีวิตและประเพณีวัฒนธรรม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกมาในรูปภาพยนตร์สน้ั และยกพลการแสดงพื้นบ้านมาให้ชาวกรุงเทพฯ
ได้รับรู้อีกหลายรายการ เพราะยังเป็นกล้าเล็กๆ กิจกรรมเหล่านี้ของ เฌอบูโดจึงยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของกลุ่ม หัวใจเดียวกัน โดยเชื่อว่าพวกเขาจะเติบใหญ่ มากด้วยประสบการณ์สร้างสรรค์ในเร็ววัน ว่าที่ร้อยโท ดิลก ศิริวัลลภ ล่ามภาษา มลายูประจำ�พระองค์ ได้กล่าวถึงกลุ่มเฌอบูโด ว่า “ผมมองว่าเยาวชนทุกคนอยากทำ�ความดี แต่โอกาสที่จะทำ�ความดีไม่ค่อยมี พวกเขาถูก มองในแง่ลบตลอด ผู้ใหญ่มักพูดว่า เด็กสมัยนี้ ไม่เหมือนตัวเองเมื่อก่อน ยกตนว่าดีกว่า สร้าง ภาพลบตั้งแต่แรกแล้ว ทำ�ให้เด็กเก็บกด เมื่อเขา ไม่มีเวทีแสดง ก็ต้องหาวิธีแสดงจนได้ เพราะเขา เป็นนักแสดง เขาอยากแสดงออก เมื่อผู้ใหญ่ ไม่เปิดเวทีที่สว่างให้ เขาก็ไปหาในทางมืด เลย กลายเป็นปัญหาให้สังคมหนักเข้าไปอีก กลุ่มนี้ เขามีโอกาส ต้องชื่นชมกลุ่มหัวใจเดียวกันที่ ให้โอกาสเด็ก ซึ่งหากลุ่มอื่นที่เข้าใจเด็กอย่างนี้ ได้ยาก ส่วนมากเวลาชวนเด็กมาก็มักเป็น ตัวประกอบ ช่วยนั่นทีนี่ที แต่สำ�หรับเฌอบูโด เขาเป็นพระเอกเลย ผู้ใหญ่เพียงกำ�กับข้างหลัง คอยให้โจทย์ ผมมองว่าเป็นอีกมิติหนึ่งในการแก้ ปัญหาความไม่สงบของภาคใต้ได้ โดยไม่ต้อง ลงทุนเป็นร้อยล้านพันล้าน” 33
‘ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาหาใช่ชีวิตเรา’ อ.ชยุต ซึ่งมักเริ่มต้นประโยคด้วยคำ�คม ข้อคิด เตือนใจ ยกวลีหนึ่งจากเพลงความหวัง ของวง พลังเพลง ขึ้นมา พร้อมบอกว่า “ดังนั้นผมจึง ให้ความสำ�คัญกับการเสริมคุณธรรมให้นักเรียน ด้วย เพราะจะหวังพึ่งพ่อแม่เพียงอย่างเดียว ไม่ได้” นอกจากคำ�คมต่างๆ แล้ว อ.ชยุตมักเกริ่น นำ�ด้วยคำ�ว่า ขอครึ่งนาที เสมอ แต่ถึงกระนั้น ผ่านไปแล้ว 1 ชั่วโมง ครึ่งนาทีที่ขอมาก็ยัง ไม่หมดสักที เพราะแต่ละถ้อยคำ�มักแทรก เรื่องเล่า และมุกตลกชวนฟังอยู่ตลอด
นิมิตสร้างโรงเรียน
โรงเรียนกวดวิชาอิฐกอยืนหยัดความเป็น โรงเรียนเพื่อชุมชนมา 11 ปี ตั้งอยู่เยื้องบิ๊กซี สาขาวงศ์สว่าง ขณะนั่งพูดคุย อ.ชยุตชี้ออกไป ข้างนอก บอกเห็นสะพานข้ามแยกนั่นไหม ผม พยักหน้าหงึกๆ พร้อมรอยยิ้มอันงุนงง “ใครไปใครมาก็ขับรถผ่านหมด ทำ�ให้ ตึกย่านนี้ร้างซะส่วนใหญ่” อ.ชยุตเฉลย พร้อม เล่าที่มาที่ไปของการเลือกตึก 4 ชั้น 3 คูหา มาทำ�เป็นโรงเรียน “ระหว่างที่มีความคิดอยากทำ�โรงเรียนกวด วิชา วันหนึ่งผมไปทานข้าวที่ห้างสรรพสินค้า แถวปิ่นเกล้า เสร็จแล้วก็เดินเล่นที่ชั้นใต้ดิน ซึ่ง กำ�ลังแสดงสินค้าโอท็อป มีร้านให้บูชาภาพ
บ้าน วัด โรงเรียน
นอกจากภาพแกะสลักหนัง รูปฤๅษีโกเมท นอกจากเฟ้นหาครูที่สอนเก่งแล้ว ซึ่งเชื่อว่าให้การสนับสนุนทางด้านการศึกษา ผมยังคอยให้กำ�ลังใจเด็กๆ ในการ แล้ว เบื้องหน้าอาคารเรียนยังประดิษฐานองค์ สอบเข้าด้วย พยายามปลูกฝังให้ พระพิฆเนศวร เทพแห่งศิลปะทางการศึกษา และกำ�จัดทุกข์ภัย แก้ไขอุปสรรค แกะสลักด้วย พวกเขารักสามัคคีกัน ไม่ให้แข่ง นํ้าหนัก 1 ตัน ท่าทาง กันเอง แล้วจะบอกผู้ปกครองเสมอ หิเข้นมทรายขนาดใหญ่ ขลังอีกด้วย อ.ชยุตบอกว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ ว่า อย่าคาดหวังกับลูกเกินไป ช่วยเสริมความตั้งใจในการเรียนของเด็กๆ ได้ เพราะจะเป็นแรงกดดัน เผลอๆ เป็นอย่างดี อาจจะเป็นเหตุที่ทำ�ให้เขาทำ� ด้วยป้ายคำ�คมคติเตือนใจ องค์เทพ สิ่ง ข้อสอบไม่ได้ ให้คิดว่า ถึงไม่ได้ ศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนภาพพระอริยสงฆ์ต่างๆ ที่ ประดับอยู่ทั่วอาณาบริเวณ อีกทั้งความเย็น อย่างน้อยมาเรียนก็ได้ความรู้ สบายเมื่อได้เข้ามาสู่ตัวอาคารทั้งๆ ที่เปลวแดด เมืองหลวงเต้นเร่าอยู่ภายนอก เหตุนี้จึงทำ�ให้อด พูดลอยๆ ขึ้นมาไม่ได้ว่า “เหมือนมาวัด” แกะสลักหนัง รูปฤๅษีโกเมท มาเปิดบูธอยู่ อ.ชยุตหัวเราะกับคำ�ที่ได้ยิน พร้อมบอก เห็นแล้วก็อยากได้ทันที แต่ติดตรงที่เงินไม่พอ “นี แ ่ หละที ผ่ มตัง้ ใจ เพราะต้องการให้สถานทีร่ ม่ รืน่ จึงตัดสินใจขับรถกลับ ปรากฏว่าขับวนไปวนมา สุดท้ายมาจอดที่เดิมถึง 3 ครั้ง หาทางออกไม่ได้ สบายเหมือนวัด เด็กๆ มาแล้วจะได้ตั้งใจเรียน” ทุกๆ วันที่ 5 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันคล้าย เด็กที่มาด้วยถามว่า ไม่มีเงินเหรอ แล้วบอกว่า ตัวเขามี สรุปจึงได้ไปบูชากลับบ้าน แล้วคืนนั้น วันเกิดของ อ.ชยุต และวันก่อตั้งโรงเรียนกวด วิชาอิฐกอ รวมทั้งเป็นวันครูโลก ซึ่งประกาศโดย ผมฝันว่า เกิดมีแหล่งนํ้าเต็มหน้าบ้าน มองจน สุดขอบฟ้า จึงมีความรู้สึกว่า นี่คือนิมิตทางการ องค์การยูเนสโก (UNESCO) จะมีการทำ�บุญ ศึกษาแน่ๆ เพราะการศึกษาไม่มีขอบ ไม่สิ้นสุด เลี้ยงพระเป็นประจำ� พ่อแม่ผู้ปกครองมักนำ� อาหาร และสิ่งของต่างๆ มาร่วมด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นอายุหรือสถานะของผู้เรียน “เรียนที่นี่ไม่มีเครียด เพราะเราอยู่กันแบบ “หลังจากนั้นได้มาพบอาคารธเนศวรแห่งนี้ มีความรู้สึกโดนใจทันที จึงตัดสินใจติดต่อขอเช่า ครอบครัว แต่มีขีดจำ�กัดที่ต้องเรียน ไม่ใช่ว่าอยู่ เลย เพราะเหมือนมีเสียงสั่งมาว่า ให้ใช้สถานที่นี้ แบบครอบครัวแล้วไม่เรียน มัวแต่เล่น อย่างนี้ ก็ไม่ได้ ในส่วนสถานที่ ผมพยายามตกแต่ง ทำ�โรงเรียนเพื่อชุมชน” ให้มีที่พักมากกว่าที่เรียนซะอีก เพื่อให้เป็น บรรยากาศน่าเรียนรู้ เวลาพักเที่ยงจะจับให้ นักเรียนคุยกัน ชวนมาทำ�กิจกรรม เล่นเกมต่างๆ โดยผมจะเข้ามาเล่นกิจกรรมกับเด็กๆ ด้วย ทำ� แล้วมีความสุขดี “นอกจากเฟ้นหาครูที่สอนเก่งแล้ว ผมยัง คอยให้กำ�ลังใจเด็กๆ ในการสอบเข้าด้วย ทั้ง พยายามปลูกฝังให้พวกเขารักสามัคคีกัน ไม่ให้ แข่งกันเอง แล้วจะบอกผู้ปกครองเสมอว่า อย่า คาดหวังกับลูกมากเกินไป เพราะจะเป็นแรง กดดัน เผลอๆ อาจจะเป็นเหตุที่ทำ�ให้เขาทำ� ข้อสอบไม่ได้ ให้คิดว่า ถึงไม่ได้ อย่างน้อย มาเรียนก็ได้ความรู้ ผู้ปกครองก็สบายใจขึ้นมาก อธิบายไม่ได้ว่าคุณธรรมตรงนี้คืออะไร แต่รู้ว่า ปลูกฝังให้รักกันนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ควรสามัคคี 33
คนคิดดี
ผมคิดเสมอว่า อย่างน้อย เกิดมามีอวัยวะครบ 32 ประการ เมื่อมีกิจกรรม อะไรก็แล้วแต่ ควรจะช่วย หรือให้ความร่วมมือเสมอ ตอนนี้ผมเกณฑ์เยาวชนใน หมู่บ้านไปพัฒนาสาธารณ สถาน ตลอดครับ
ตำ�บลกะลุวอ มาตั้งชมรมชื่อ ‘เด็กกำ�ปง’” กำ�ปง ศัพท์มลายู มีความหมายว่า บ้านๆ “สิ่งที่เราทำ�คือ เผยแพร่ อนุรักษ์ สืบทอด ศิลปะพื้นบ้าน อย่างเช่น ดิเกร์ฮูลู และเยาวชน จิตอาสาพัฒนาชุมชนครับ หลักๆ ตอนนี้ทำ�อยู่ สองอย่าง” มะกือตาบอกว่า ก่อนหน้านี้คณะดิเกร์ฮูลู ของหมู่บ้านมีอยู่แล้ว งานส่วนใหญ่ที่ได้รับ ติดต่อไปแสดงมักเป็นงานแต่งงาน ซึ่งเล่นยันเช้า แต่ค่าตอบแทนไม่คุ้มกับจำ�นวนสมาชิก กระทั่ง เกิดชมรมเด็กกำ�ปงขึ้น มีการนำ�เยาวชนมา เรียนรู้ ฝึกทักษะ และแสดงบนเวทีที่เฌอบูโด ร่วมกิจกรรม ผลปรากฏออกมาว่า “เรามีการฝึกซ้อมดิเกร์ฮูลู จัดแสดง เรียนรู้ ประวัติชุมชน หลังจากนั้นมีงานใหม่ๆ เข้ามา ซึ่งเป็นงานที่ไม่ใช่เฉพาะงานแต่งเหมือนเมื่อก่อน เพราะได้มีโอกาสไปแสดงในงานต่างๆ เดี๋ยวนี้มี เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากที่ไม่เคยได้มีโอกาส ทำ�ให้ หน่วยงานราชการติดต่อเข้ามาเยอะ เปลี่ยนจาก มีพื้นที่ที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ หน้ามือเป็นหลังมือเลยครับ เฌอบูโดรักบ้านเกิด ครับ “ส่วนเด็กๆ ที่ผมชวนเข้าร่วมชมรมนั้น “รู้สึกภูมิใจครับที่เด็กบ้านๆ คนหนึ่งอย่าง เมื่อก่อนพวกเขาจะนั่งจับกลุ่มมั่วสุมอยู่ตาม มะกือตา นาลี ชายหนุม่ มาดเข้มดีกรีบณ ั ฑิต รัฐศาสตร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคใต้ หลังจาก ผม มีโอกาสได้เขียนหนังสือเป็นเล่ม เป็นโอกาส กระท่อมไปวันๆ ผู้นำ�ชุมชนก็ระแวงคอยติดตาม ที่ผู้ใหญ่ใจดีมอบให้ และผมก็รีบคว้ามาโดย พฤติกรรม พอพวกเขาเข้าร่วมกลุ่ม ซึ่งฝึกซ้อม ได้เป็นผู้เข้ารับการอบรมการเขียนสารคดีจาก ไม่คาดคิดว่าจะได้ตีพิมพ์และแจกจ่ายในห้อง อาทิตย์ละ 3-4 วัน ผู้ใหญ่ก็มองในแง่ดีขึ้น ทั้ง นักเขียนมืออาชีพ ธีรภาพ โลหิตกุล, อรสม สมุด ปัจจุบันงานที่ผมได้ทำ�ใน อบต. ส่วนหนึ่ง พ่อแม่ญาติพน่ี อ้ ง จากเมือ่ ก่อนไม่ยอมรับเท่าไหร่ สุทธิสาคร และวีระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง กระทั่ง ยอมรับว่ามาจากกิจกรรมดีๆ เหล่านี้” แต่เมื่อได้ไปแสดงที่ศูนย์วัฒนธรรมเอย ไปแสดง ผลงานเขียนชิ้นแรกของตัวเองได้รวมเล่ม เป็น เมื่อได้เรียนรู้จากการสร้างสรรค์กิจกรรม ในเวทีระดับจังหวัดเอย ตอนนี้เริ่มยอมรับแล้ว” หนังสือเล่มใหญ่ ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวดีๆ ที่เกิด อย่างหลากหลายกับกลุ่มเฌอบูโด มะกือตา มะกือตาบอกว่า ตอนนี้เยาวชนเหล่านั้น ขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ วางอยู่ตามห้อง จึงนำ�ประสบการณ์เหล่านั้นไปประยุกต์ใช้กับ ก็ยังคงจับกลุ่มกันอยู่ แต่จับกลุ่มทำ�งาน สมุดโรงเรียน และสถานที่สำ�คัญต่างๆ กลาย สร้างสรรค์ เป็นความประทับใจ ประกอบกับต้องการมีส่วน เยาวชนในชุมชน ตำ�บลกะลุวอ อำ�เภอเมือง “ผมคิดเสมอว่า อย่างน้อยเกิดมามีอวัยวะ ร่วมในการสร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคม เขาจึงอาสา จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเขามองว่าโอกาสดีๆ อย่าง ที่เขาได้รับ ยังไปไม่ถึง ครบ 32 ประการ เมื่อมีกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ เป็นหนึ่งในสมาชิกเฌอบูโด “เมื่อตอนที่ผมได้เข้าอบรมงานเขียนตาม ควรจะช่วยหรือให้ความร่วมมือเสมอ ตอนนี้ “เพื่อนแนะนำ�ว่า มีเยาวชนกลุ่มหนึ่งรวม รอยบ้าน...ของพระราชา ครั้งก่อน ได้ลอง ผมเกณฑ์เยาวชนในหมู่บ้านไปพัฒนาสาธารณ ตัวกันขึ้นเพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ ภายใน สถาน อย่าง สุสาน เป็นต้น ตลอดครับ ชุมชน และได้เห็นพี่ๆ ทีมงานมีกิจกรรมที่หลาก ชวนเด็กในหมู่บ้านไปร่วมด้วย เขาก็ไม่กล้า “อยากให้ผู้ใหญ่เปิดโอกาสและไว้วางใจให้ หลาย ส่วนตัวผมสนใจทีจ่ ะหากิจกรรมดีๆ อย่างนี้ เพราะไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ก็พออ่านออกเขียน ได้ ผมจึงอยากสร้างสมาชิกเครือข่ายเข้าสู่ชุมชน เยาวชนสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ ภายในชุมชน ใน ทำ�มานานแล้ว เพราะคิดว่าการเรียนรู้ของผม หมู่บ้านให้ถึงรากหญ้ามากที่สุด หลังจากได้ สังคมของตัวเอง เพราะเขาจะรัก และหวงแหน เป็นแบบมหาวิทยาลัยชีวิต เรียนรู้ได้ตลอดชีพ เรียนรู้จากกลุ่มเฌอบูโด ผมก็ชักชวนเยาวชนใน บ้านเกิดตัวเองครับ” เมื่อมาร่วมกลุ่ม ทำ�ให้ผมได้เปิดมุมมองใหม่ๆ
มะกือตา นาลี
34
คนคิดดี
ดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ขาดเหลือสิ่งใด ขอให้บอก “พ่อแม่ผู้ปกครองบางคนจะเข้ามาบอก ว่า ช่วยดูลูกให้หน่อย เพราะเรียนไม่ทัน ผมก็จะ ให้ครูดูแลเป็นพิเศษ หรือคนนี้เล่นมากนะ ก็จะ เรียกมานั่งคุย สอนเขาเรื่องบาปบุญคุณโทษว่า พ่อแม่เหนื่อยมากนะกว่าจะหาเงินมาให้ลูกได้ การที่เราไม่เรียนหนังสือเท่ากับว่าเราไม่รักพ่อแม่ ถ้ารักพ่อแม่ต้องเรียนหนังสือ การแสดงความรัก ต่อพ่อแม่ไม่ใช่เพียงให้ท่านกอดเท่านั้น แต่ต้อง ทำ�หน้าที่ของตัวเองให้ดี ซึ่งก็คือการเรียนหนังสือ นั่นเอง ตอนที่ผมดึงตัวเขามานั่งคุยจะเริ่มด้วย คำ�พูดว่า ขอเวลาครึ่งนาที แค่นั้นแหละ เด็กก็ฮา เลย เพราะรู้ว่าต้องนานแน่” ‘เรียนๆ เล่นๆ ก็ได้เป็นบัณฑิต เอาแต่เล่น เอาแต่คิดบัณฑิตไม่ได้เป็น’ คือคติที่จะเริ่มอบรม ให้รักการเรียน จาก อ.ชยุต “มีบ้างบางครั้ง ที่เจอเด็กซึ่งพ่อแม่บังคับ
มา กรณีนี้ผมจะเข้าไปพูดคุยกับเขา เพราะเด็ก ไม่ยอมเรียน ผลการเรียนตกตํ่ามาก เล่นอย่าง เดียว ผมจะไปนั่งคุยด้วย แล้วพูดโน้มน้าว ให้ เขาระลึกถึงว่า ต่อไปข้างหน้า ถ้าพ่อแม่ไม่ได้ อยู่ด้วยเขาจะอยู่อย่างไร บางรายผมนำ�มาเรียน เดี่ยวบ้าง พอเขาเริ่มสนุกกับการเรียนแล้ว จึงให้ เข้าเรียนในกลุ่มพร้อมเพื่อนๆ”
บริหารแบบพอเพียง
ขณะนั่งพูดคุย อ.ชยุตขอตัวรับโทรศัพท์ จากผู้ปกครอง ระหว่างนั้นผมถือโอกาสหยิบ แผ่นพับของโรงเรียนขึ้นมาพลิกดูค่าเรียนพิเศษ 34
บริหารการศึกษา” อ.ชยุตบอกว่า เป็นเพราะความตั้งใจดี ที่ ต้องการส่งเสริมการเรียน และปลูกฝังจริยธรรม คุณธรรมให้กบั เด็กๆ สิง่ ศักดิส์ ทิ ธิจ์ งึ ช่วยคุม้ ครอง และเกื้อหนุน แม้จะลด ละงานทางด้านทนายความ เพื่อ มาดูแลโรงเรียนอย่างเต็มตัว แต่ทว่า อ.ชยุตก็ ยังรับว่าความคดีต่างๆ อยู่ เพราะฉะนั้นเมื่อเด็ก นักเรียนคนใดมีคดีความ ขึ้นโรงขึ้นศาล อ.ชยุต ก็จะรับว่าความให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถือว่า การให้ เป็นสิ่งสำ�คัญ เมื่อ หันไปมองรอบๆ อาคารเรียนพบว่า ทั้งเก้าอี้ โต๊ะนักเรียน อุปกรณ์ที่ใช้ในโรงเรียน ล้วนจัดซื้อ – 500 บาท “ที่นี่เก็บค่าเรียนวิชาละ 500 บาท เรียน 40 จากมูลนิธิคนตาบอด ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ซึ่งเป็นการให้อีกรูปแบบหนึ่ง คือ ให้โอกาส ชั่วโมง เพราะต้องการให้คนในชุมชนสามารถ ตัวอย่างเหล่านี้จะถูกปลูกฝังสู่ลูกศิษย์เสมอ ส่งลูกหลานมาเรียนได้ ถามว่ากำ�ไรมากมาย โรงเรียนกวดวิชาอิฐกอ เปิดสอนใน ไหม ก็ไม่ ส่วนเรื่องจะถามว่า เป็นคนรํ่ารวยหรือ ระดับประถมศึกษา ถึงมัธยมปลาย ทุกวัน เปล่า ไม่เลย ที่ทำ�ทุกวันนี้ก็มีเงินเข้ามาเรื่อยๆ พออยู่ได้ พอเป็นค่าใช้จ่ายของโรงเรียน ที่สำ�คัญ เสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-15.00 น. เพื่อความ ต้องขยันทำ�อย่างอื่น เพื่อมาเสริมโรงเรียน โดย ปลอดภัยของนักเรียน จึงมีร้านอาหารราคาถูก ปัจจุบันผมเป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัย ของโรงเรียนให้บริการ เพื่อเด็กๆ จะได้ไม่ต้อง ราชภัฏสวนดุสิต โครงการความร่วมมือระหว่าง ออกไปข้างนอก “ผู้ปกครองจะบอกว่า มาที่นี่แล้วปลอดภัย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อพัฒนา เพราะที ่ผ่านมาสถาบันสอนเสริมอยู่ในห้าง บุคลากรเข้าศึกษาระดับปริญญาโท สาขา
อัจนา วะจิดี
พิธีกรสาวประจำ�เฌอบูโด
ทุกครั้งที่กลุ่มหัวใจเดียวกันมอบหมายงาน ให้เฌอบูโด อัจนา วะจิดี นักศึกษาสาวจาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นต้องถือไมค์ รับหน้าที่พิธีกรเสมอ หากใครได้ ฟังเสียงแจ้วๆ ผ่านลำ�โพงหน้าเวทีแล้วละก็ จะ เข้าใจว่า เธอนี่แหละ เหมาะที่สุด “เริ่มจากการเป็นพิธีกรงานสื่อทางเลือก ชายแดนใต้ก่อน เป็นพิธีกรในเวทีเปิดตัว เฌอบูโด ตอนแรกพี่ๆ เขาจะให้หนูขึ้นพูดถึงที่มา ที่ไป แต่ด้วยความใหม่จึงยังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ ก็เลยอาสาเป็นพิธีกรละกัน แล้วเขาก็เห็นแวว มั้งคะ” อัจนากล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการมาทำ� หน้าที่พิธีกร แล้วเล่าย้อนกลับไปเมื่อครั้งเข้า ร่วมกลุ่มว่า “วันนั้นเป็นวันจัดนิทรรศการของสื่อทาง เลือกชายแดนใต้ค่ะ พอดีพี่ชุมศักดิ์มาจัดบูธ ด้วย พี่เขาจึงชวนว่า มาลองเขียนหนังสือเพื่อ แสดงในงานไหม หนูเป็นพวกชอบลองอยู่แล้ว จึงตอบตกลง เพราะเป็นหนังสือที่ทำ�ออกมาใน นามเฌอบูโด จึงได้รจู้ กั กับเฌอบูโดค่ะ งานวันนัน้ เป็นการเขียนคอลัมน์ให้สื่อทางเลือกชายแดน ใต้ หนูเขียนกลอนเปล่า และสัมภาษณ์ผู้เข้าชม งาน” เมื่อเป็นสมาชิกกลุ่มเฌอบูโด อัจนากล่าว ว่า “เราเป็นตัวแทนของกลุ่มเยาวชนเล็กๆ
เราเป็นตัวแทนของกลุ่มเยาวชนเล็กๆ เหมือนต้นไม้ในเทือกเขาบูโด ทีช่ ว่ ยสร้างร่มเงา ในแง่กจิ กรรมดีๆ ของ 3 จังหวัด เป็นตัวแทนผูก้ อ่ การดี ที่รับต่อมาจากกลุ่มหัวใจเดียวกัน ซึ่งเขามีความคิดว่าจะทำ�เฉพาะผู้ใหญ่ อย่างเดียวไม่ได้ ต้องส่งต่อให้เยาวชนด้วย เหมือนต้นไม้ในเทือกเขาบูโดที่ช่วยสร้างร่มเงา ในแง่กิจกรรมดีๆ ของ 3 จังหวัด เป็นตัวแทน ผู้ก่อการดี ที่รับต่อมาจากกลุ่มหัวใจเดียวกัน ซึ่งเขามีความคิดว่าจะทำ�เฉพาะผู้ใหญ่อย่าง เดียวไม่ได้ ต้องส่งต่อให้เยาวชนด้วย เหมือน การส่งต่อรุ่นสู่รุ่น เป็นการส่งต่อผู้ก่อการดีที่เป็น เยาวชน ให้มาทำ�งานเพื่อสังคม “กิจกรรมของเราเป็นการสร้างความเข้าใจ ให้เกิดขึ้นกับคนในพื้นที่ และทำ�ให้คนนอกพื้นที่ ได้รับรู้ถึงประเพณีวัฒนธรรมของ 3 จังหวัดด้วย เพราะเฌอบูโดไม่ได้ทำ�งานเฉพาะในพื้นที่ ชายแดนใต้ แต่เรามีการรวมเครือข่ายกับ หน่วยงานนอกพื้นที่ เพื่อทำ�ให้เขาเห็นว่า 3 จังหวัดไม่ได้รุนแรงเหมือนที่สื่อโหมข่าวทำ�ให้ มองว่าน่ากลัว “รู้สึกประทับใจมากที่ได้ร่วมกิจกรรมดีๆ กับกลุ่มเฌอบูโด ทำ�แล้วมีความสุข ได้ทำ�อะไร
หลายอย่าง ซึ่งปกติไม่มีโอกาสจะได้ทำ� อย่าง งานเขียนหนูก็สนใจมานาน แต่การจะไปยืนตรง จุดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อมาอยู่ในกลุ่มทำ�ให้เรา ได้ทำ�ตรงนี้ หรือเรื่องการทำ�ค่าย ได้เป็นพิธีกร ประสบการณ์และอุปสรรคต่างๆ ทำ�ให้เราโตขึน้ ค่ะ” ท่ามกลางเปลวไฟอันร้อนระอุของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากเหตุก่อการร้าย ซึ่งก่อให้เกิดเมฆหมอกแห่งความหวาดระแวง ปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ คนในพื้นที่ได้รับ ความสูญเสีย ส่วนคนนอกก็มองเข้ามาอย่าง หวาดกลัว ท่ามกลางบรรยากาศทะมึนหมอง นั้น หากมีต้นไม้แห่งความดี อย่างเฌอบูโด แตก หน่อแทงยอดขึ้นเรื่อยๆ เชื่อได้เลยว่า ต้นไม้ เหล่านี้จะดูดซับความเศร้าหมองเข้าไป แล้ว แปรรูปเป็นความสดใสและปล่อยคืนให้สังคม กลับมาน่าอยู่ดังเดิม เพียงหวังว่า จะไม่มีพ่อค้า หน้าเลือดลอบโค่นไม้มาขายก่อนเท่านั้นเอง 35
การเห็นเด็กเข้ามา เรียนอย่างยิ้มแย้ม ได้เห็นเด็กที่ไม่สนใจ เรียนหนังสือ หันมา ตั้งใจเรียนแล้วบอก ว่าไม่เคยอยากออก ไปจากที่นี่เลย เป็น สิ่งที่มีความสุขมาก
สรรพสินค้าค่อนข้างมาก ทำ�ให้เด็กมีความตั้งใจ เรียนลดน้อยลง และขาดสมาธิ โดยเฉพาะร้าน เกม โต๊ะสนุกเกอร์ โรงภาพยนตร์ ฯลฯ สาเหตุ ที่ผมมาตั้งโรงเรียนห่างจากสิ่งเหล่านี้ เพราะ ต้องการให้โรงเรียนเปรียบเสมือนวัดที่มีความ สงบ เด็กต้องมีความปลอดภัย ทั้งจาก สิ่งเสพติดและอื่นๆ”
บ่ายของวันพฤหัสบดี, 2 วันก่อนเปิดเรียน อาจารย์ผู้สอนเดินผ่านประตูเข้ามา พร้อมบอก “ฮ่า ค่อยยังชั่ว ข้างนอกร้อนจังเลย” หลังจาก นั้นยกมือสวัสดี อ.ชยุต กล่าวว่า “สวัสดีค่ะพ่อ” หลังทักทายกันพอเป็นพิธี อ.ชยุตหันมา บอกว่า “ที่นี่ทั้งครูและลูกศิษย์ มักเรียกผมว่าพ่อ เขาบอกเรียกแล้วรู้สึกอบอุ่นดี” ครูผู้มาเตรียมการสอนเดินเลี่ยงไปอีก ห้องหนึ่ง เพื่อเตรียมงานของเธอ ผมเหลียวมอง นาฬิกา ได้เวลาปิดการสนทนาแล้วเช่นกัน ก่อน จาก อ.ชยุตกล่าวว่า “การเห็นเด็กเข้ามาเรียนอย่างยิ้มแย้ม ได้ เห็นเด็กที่ไม่สนใจเรียนหนังสือ หันมาตั้งใจเรียน แล้วบอกว่าไม่เคยอยากออกไปจากที่นี่เลย เป็น สิ่งที่มีความสุขมาก” นอกจากเห็นการเปลี่ยนแปลงของนักเรียน ในทางที่ดีขึ้นแล้ว เมื่อลูกศิษย์ที่จบออกไปกลับ มาอีกครั้งพร้อมชุดครุย เตรียมรับปริญญาตรี มาขอถ่ายรูปคู่ และขอบคุณ อ.ชยุตก็ยิ้มแก้ม แทบปริ อิ่มอกอิ่มใจทุกครั้งไป “อยากให้ทุกคนมามีส่วนร่วมจรรโลงการ ศึกษา อย่ามุ่งทางด้านธุรกิจมากจนเกินไป เพราะครอบครัวทุนทรัพย์น้อยยังมีอีกมาก ทุก วันนี้ผมมีความฝันและตั้งใจจะทำ�ใต้ถุนแฟลต
ของการเคหะแห่งชาติทั้งหมดเป็นสถานศึกษา เพื่อชุมชน และพัฒนาชุมชนให้มีคุณภาพ ทางการศึกษา ซึ่งก็ต้องค่อยๆ ขยับขยายไป เพราะสิ่งนี้เหมือนการจรดปลายปากกาลงบน กระดาษที่ว่างเปล่า จากจุดเดียวที่จรดลงไป ไม่ช้าไม่นานข้อความก็จะเต็มหน้ากระดาษ แต่ ถ้าเราไม่เริ่มจรดปลายปากกาลงไปยังจุดว่าง สักจุด หน้ากระดาษก็คงว่างเปล่าตลอดไป แล้ว จะมีประโยชน์อะไร ซึ่งท่านใดมีความคิดตรงกัน หรืออยากปรึกษาเรื่องเรียนก็สามารถติดต่อผม ได้ที่ 08-1372-4828 หรือ www.itkortutor.com” 35
feature เรื่อง : อนุสรณ์ ศรีคำ�ขวัญ
หลักคิดการครองเรือน ของ
ศาสตราจารย์พิเศษประยูร และยุพา จินดาประดิษฐ์
กมลชนก โกมลฐิติ และนุติ เขมะโยธิน
ต่าย-ชุติมา และ ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
“รัก” เป็นความรู้สึกแสนมหัศจรรย์ที่ก่อให้เกิดได้ทั้งความสุขและความทุกข์ “สุข” เมื่อรักผลิบาน แต่เมื่อรักโรยราย่อมกลายเป็นความทุกข์ระทม ดังนั้นจึงต้องหมั่นรดนํ้า พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ให้รักยืนต้นสวยงามอยู่กลางใจของคนทั้งสอง ของครอบครัวที่เกิดจากรัก และรักษาสายใยที่เชื่อมร้อยต่อกันไว้ให้มั่นคง วิธีที่ว่ามีมากมาย แต่มักถูกเส้นผมบังตา Feature ฉบับเดือนแห่งความรัก จึงขอนำ�ความรักของ 3 ช่วงวัย ซึ่งต่างก็มีหลักในการครองคู่ ในแบบฉบับของตัวเองมานำ�เสนอ ทั้งคู่ที่ครองรักมั่นคงยืนยาวอย่าง ศาสตราจารย์พิเศษประยูร กับยุพา จินดาประดิษฐ์ คู่ดาราที่ยังคง หวานชื่น กวาง-กมลชนก โกมลฐิติ กับน็อต-นุติ เขมะโยธิน และคู่ข้าวใหม่ปลามัน ต่าย-ชุติมา กับทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เชื่อว่าเรื่องราวของทั้ง 3 ความรัก จะจุดประกายให้ผู้อ่านได้เข้าใจในนิยามการครองเรือน และสามารถประยุกต์ใช้กับคู่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี
feature เรื่อง : อนุสรณ์ ศรีคำ�ขวัญ
แนวทางพอเพียงอย่างมีสุข ของ
จักรภฤต บรรเจิดกิจ
เมตตา สุดสวาท
ดร.วัชรมงคล เบญจธนะฉัตร์
มโนนึกแรกของผู้เขียน เมื่อเอ่ยถึง หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ ภาพตัวเองอยู่ในชุดชาวไร่ ถือจอบเหน็บพร้า ทำ�ไร่ ไถนา หันหลังให้เทคโนโลยี และเมืองใหญ่ ใช้จ่ายอย่างประหยัด แต่เมื่อได้พูดคุยกับผู้ยึดหลักพอเพียงมาใช้ในแบบฉบับของตัวเอง ทั้ง 3 ท่าน จักรภฤต บรรเจิดกิจ ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ก่อตั้งวิชชาลัยชาวนา, เมตตา สุดสวาท เจ้าของธุรกิจสินค้าดีไซน์ระดับโลก Propaganda ที่ หันหลังให้ธุรกิจ มาใช้ชีวิตกับศิลปะ และ ดร.วัชรมงคล เบญจธนะฉัตร์ นักธุรกิจที่บริหารงานด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง จนประสบความ สำ�เร็จ จึงพบว่า ความพอเพียงเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด หรือแม้กระทั่งใช้หลักความพอเพียงเพื่อสร้างความรํ่ารวยก็ยังได้เช่นกัน ผมคงไม่อธิบายให้เกินความพอดี เชิญติดตามหน้าถัดไปได้เลยครับ
36
ภาพ : เนติ พานิล
ศาสตราจารย์พิเศษประยูร และยุพา จินดาประดิษฐ์ รักคือสิทธิ และหน้าที่ ทีต่ อ้ งรับผิดชอบอย่างถึงทีส่ ดุ
ณ ปัจจุบนั พ.ศ. 2556 กรุงเทพฯ, มหานคร แห่งความรุง่ เรือง เมืองหลวงของประเทศไทย เมือ่ เทียบกับ 50 ปีทแ่ี ล้ว เห็นได้วา่ แตกต่าง เปลีย่ นแปลงไปอย่างสิน้ เชิง แต่ในความ เปลีย่ นแปลงนัน้ ความรักของศาสตราจารย์ พิเศษประยูร จินดาประดิษฐ์ นายธนาคารดีเด่น 2 ปีซอ้ น อดีตผูบ้ ริหารระดับสูงของธนาคารไทย พาณิชย์ ธนาคารทหารไทย ไทยประกันชีวติ ฯลฯ อดีตประธานกรรมการบริษทั ชินวัตร คอมพิวเตอร์ จำ�กัด (มหาชน) ปัจจุบนั คือ บริษทั ชินคอร์ป จำ�กัด (มหาชน) กับ ยุพา จินดา ประดิษฐ์ กลับคงเดิมไม่เปลีย่ นไปตามกาลเวลา
ศาสตราจารย์พิเศษประยูรพาย้อนเวลา กลับไปเมื่อครั้งที่ยังเป็นนายธนาคารหนุ่ม และ ได้สบตาสาวพาณิชย์หน้าตาคมขำ� นาม “ยุพา” เป็นครัง้ แรกว่า “วันหนึง่ ไปเทีย่ วงานทีพ่ ระบรมรูป ทรงม้า เจอเขาก็นึกชอบทันที แล้วก็เดินตามไป ถึงบ้าน” แต่ระยะทางที่นายธนาคารหนุ่มเดินตาม นั้น ทำ�เอาผู้ฟังเผลอลูบน่องของตัวเองไปด้วย “ถึงเสาชิงช้า” ป้ายุพาบอกระยะทางพร้อม เสียงหัวเราะ เมื่อเว้นช่วงให้ผู้ฟังอึ้งเล็กน้อยแล้ว จึงกล่าวต่อว่า “แต่สมัยนั้นไม่เหนื่อยนะ ไม่ร้อน ด้วย รถก็น้อย อีกอย่าง เดินกับเพื่อนๆ ด้วย” “เดินตามสาวไม่เหนื่อยหรอก” ศาสตราจารย์พิเศษประยูรกล่าวเสริม เมื่อเดินตามไปกระทั่งถึงเสาชิงช้า จึงพบ ว่าป้ายุพาเข้าไปทานอาหารกับเพื่อนที่ร้านแห่ง หนึ่งในย่านนั้น “หลังจากนั้นเขาก็มานั่งเฝ้าที่ร้านอาหาร ทุกวั้น ทุกวัน ไอ้เราก็ไม่รู้ สงสัยว่า เอ๊ะ! ใคร
นะ เพื่อนก็บอก สงสัยคนนี้มาจีบแล้วละ (หัวเราะ) แต่ไม่ได้คุยกันนะ ตอนหลังมาเรียน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยู่ปี 2 แล้ว จึง ได้คุยกัน เขาเป็นอาจารย์ติวค่ะ เพราะบัญชี ธรรมศาสตร์เรียนยากมาก ถ้าไม่ติวก็สอบไม่ได้ จึงมีโอกาสติวกับเขาตอนเย็นๆ เข้าล็อกพอดี” ศาสตราจารย์พิเศษประยูรขยายความ ว่า ขณะนั้นทำ�งานเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคาร แห่งประเทศไทย แต่ด้วยใจรักในการเป็นครู จึง เริ่มมาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ควบคู่กับ การเป็นติวเตอร์ให้กับรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เหตุนี้จึงได้สนิทสนมกัน ป้ายุพากล่าวว่า คงเป็นเพราะพรหมลิขิต เนื่องจากวันที่ศาสตราจารย์พิเศษประยูรเดิน ตามจนถึงร้านอาหารย่านเสาชิงช้า กระทั่งได้คุย กันนั้น ระยะเวลาห่างกันหลายปี จากนักเรียน พาณิชย์ สู่นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยปี 2 หาก ไม่ใช่ด้ายแดงเกี่ยวก้อยทั้ง 2 ไว้แล้ว คงยากน่าดู 37
จักรภฤต บรรเจิดกิจ
ภาพ : อนุสรณ์ ศรีคำ�ขวัญ
ความสุขเกิดจากการพึง่ พาตัวเอง ใต้แมกไม้อันร่มเย็นของวัดไทรโรงโขน อ.ตะพานหิน จ.พิจติ ร แดด 10 นาฬิกา ยังคง หลบอยูห่ ลังม่านหมอกของฤดูหนาว ลมพัด กระทบยอดข้าวเขียวชอุม่ ในนาชาวบ้านข้างวัด แล้วผ่านมาต้องกาย ทันทีทไ่ี ด้สมั ผัส ทำ�ให้คน ทีเ่ ดินทางไปจากเมืองกรุงอย่างผม รูส้ กึ สดชืน่ เหมือนได้เพิม่ พลังกายขึน้ มาฉับพลัน นึกขอบคุณ จักรภฤต บรรเจิดกิจ ปราชญ์ชาวบ้านวิถพี อเพียง จับใจ ทีน่ ดั หมายมายังวัดแห่งนี้
จักรภฤต เป็นผู้หนึ่งที่อยากเห็นชาวนาไทย รุ่งเรืองเหมือนสีทองอร่ามของรวงข้าว ที่อวบเต่ง เต็มท้องทุ่งยามหน้าเกี่ยว เมื่อประสบการณ์ของ คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ชี้ให้เห็นแล้วว่า การเกษตรแบบ ยึดสารเคมีเป็นหลักไม่ได้ทำ�ให้ลืมตาอ้าปากได้ เขาจึงน้อมนำ�หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมาใช้ สุดท้ายพบว่า วิธีนี้ คือหนทาง เป็นอยู่อย่างสุขสบายของชาวนาไทย เขาได้ นิยาม เศรษฐกิจพอเพียง ว่า “คือ พึ่งตนเอง นอกจากใช้อย่างประหยัด แล้ว ต้องพึ่งตนเองในทุกเรื่องให้ได้ อย่างด้าน เกษตร ถ้าไปพึ่งสารเคมี มันก็จบ อยู่อย่างไม่มี สุขแน่ เพราะจะเป็นหนี้ “การพึ่งพาตัวเองด้วยวิถีพอเพียงนั้นเกิด จากการทีบ่ งั เอิญผมไปพบจุลนิ ทรียจ์ ากจาวปลวก เข้า ดินปลวกคนทั่วประเทศบอกว่าปลูกต้นไม้ แล้วงาม ดังนั้นมันย่อมมีของดี และผมเชื่อว่า แม่โพสพ แม่คงคา แม่ธรณี มีจริง จึงคิดว่าเทพ ที่ดูแลเหล่านี้ต้องมีของดีอะไรซ่อนอยู่แน่ จึงนำ�
แม่ธรณี คือ จาวปลวก มาผสมกับแม่โพสพ คือ ข้าว แล้วก็แม่คงคา คือ นํ้า ปรากฏว่าได้ออกมา เป็นนํ้าหมักจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงมากๆ พอนำ�มาใช้ในการเกษตร ได้ผลดีมากเลยครับ สบายเลย สามารถพึ่งตนเองได้” จักรภฤตขยายความว่า นํ้าจุลินทรีย์ที่ได้ จากจาวปลวก เมื่อนำ�ไปรดฟางข้าว สามารถ ย่อยสลายฟางได้ในเวลาอันรวดเร็วโดยไม่ต้อง ใช้วิธีเผา เมื่อไม่มีความร้อนทำ�ลายหน้าดิน อินทรียวัตถุต่างๆ ก็ไม่เสื่อมสลาย จึงไม่ต้องพึ่ง ปุ๋ยเคมีให้สิ้นเปลืองเงินทอง การทำ�นํ้าจุลินทรีย์ ชนิดนี้ไม่มีการสิ้นเปลือง เนื่องจากข้าวและนํ้ามี อยู่ทุกครัวเรือน จาวปลวกคว้าจอบไปหลังบ้าน หรือเถียงนา ก็มีให้ขุดขึ้นมาฟรีๆ “ยกตัวอย่างนํ้าจุลินทรีย์ที่มีการสอนกัน แพร่หลาย เช่น EM Ball สิ่งเหล่านี้ต้องใช้กาก นํ้าตาล บางอย่างต้องใช้หัวเชื้อ ต้องซื้อหรือ ไปขอจากหน่วยงานนั้นๆ มา แม้เป็นหลัก เดียวกัน แต่ก็ยังพึ่งตัวเองไม่ได้” 37
feature
หากคิดว่าจะเป็นคู่ผัวตัวเมียกันแล้ว ต้องประคับประคองกัน ได้เขามาแล้วก็ต้องถือเป็นหน้าที่ของเรา คนเรามี 3 สิ่งที่ควรยึดถือ ได้แก่ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบ คือ เมื่อแต่งงานแล้ว เรามีสิทธิในตัวเขา แล้วก็มีหน้าที่ที่ต้องดูแลเขา ต้องดูแลหน้าที่และสิทธิด้วยความรับผิดชอบสูงสุด
แต่กว่าทั้งคู่จะเข้าสู่พิธีวิวาห์ ยิ่งนานกว่า “หลังรู้จักกัน 8 ปี กว่าจะได้มาขอกับพ่อ แม่ค่ะ” ป้ายุพาบอก ซึ่งตอนนั้นป้ายุพาอายุ 25 ส่วนศาสตราจารย์พิเศษประยูรอยู่ในวัย 35 เมื่อถูกถามถึงความรู้สึกครั้งที่รู้ว่า ติวเตอร์ หนุ่มแบงก์ชาติเป็นคนเดียวกับที่เดินตาม และ นั่งเฝ้าที่ร้านอาหาร ป้ายุพาเผยว่า “ไม่ได้สนใจ ตอนนั้นตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้จบก่อน เพราะ คุณแม่บอกว่าจะอะไรก็แล้วแต่ ขอให้เรียนให้จบ ก่อนนะ ตั้งใจว่าจะเรียนให้จบ แต่คนนี้ก็ตามจีบ ยันเลย” บรรยากาศของการพูดคุยเต็มไปด้วยเสียง หัวเราะ เพราะศาสตราจารย์พิเศษประยูรมัก แทรกมุกตลกชวนยิ้มอยู่ตลอดเวลา และความ ขี้เล่นนี่เองที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความ สัมพันธ์ของครอบครัวให้หวานไม่รู้คลาย ขนาด ผ่านมาแล้ว 50 ปี ทั้งคู่ยังคงหยอกล้อกันเอง กระหนุงกระหนิง ทำ�ให้เด็กหนุ่มผู้มาเยือนถึงกับ นึกอิจฉาเล็กๆ กับบรรยากาศน่ารักอย่างนี้ “เขาเป็นคนชอบแหย่ บางทีโกรธๆ ก็หาย ไปเลย ขำ�จนหายโกรธไปเอง” ป้ายุพาพูดถึง เสน่ห์อย่างหนึ่งของคู่ครอง “ผู้ชายนี่ควรมีความตลก การพูดจาที่ ทำ�ให้ผู้หญิงขำ�บ้าง และต้องอดทน แต่งงาน กันแล้วผู้ชายห้ามเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ควรลงไม้ ลงมือกับผู้หญิง ความอดทนจะทำ�ให้ชีวิต ราบรื่น ต้องจำ�ให้ขึ้นใจว่า ผู้หญิงเป็นฝ่ายเสีย เปรียบเมื่อแต่งงานแล้ว ผู้ชายไม่ชอบใจก็ไปหา 38
ใหม่ คิดอย่างนี้ไม่ได้ หากคิดว่าจะเป็นคู่ผัว ตัวเมียกันแล้ว ต้องประคับประคองกัน ได้เขามา แล้วก็ต้องถือเป็นหน้าที่ของเรา คนเรามี 3 สิ่งที่ ควรยึดถือ ได้แก่ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิด ชอบ คือ เมื่อแต่งงานแล้ว เรามีสิทธิในตัวเขา แล้วก็มีหน้าที่ที่ต้องดูแลเขา ต้องดูแลหน้าที่และ สิทธิด้วยความรับผิดชอบสูงสุด” ศาสตราจารย์ พิเศษประยูรกล่าว “บางทีทะเลาะกัน เขาจะเดินขึ้นข้างบน เข้าห้องไปสงบสติอารมณ์ แล้วค่อยมาคุยกัน เพราะถ้าเถียงกันยังไงก็ไม่จบ” ป้ายุพาเสริม เมื่อประเด็นสนทนามาถึงเรื่องการแก้ ปัญหาในครอบครัว ป้ายุพาบอกว่า ตลอด 50 ปีที่ใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่เคยถึงขั้นรุนแรง “ต้องดู ปัญหา ถ้าหนักหนาสาหัสก็ต้องเรียกมาคุยกัน ให้รู้เรื่อง ถ้าไม่หนักเดี๋ยวก็ดีกันเอง อีกอย่าง ชีวิตคู่ต้องปรับเข้าหากัน ส่วนตัวไม่ค่อยเอาใจ นะคะ แต่เป็นคนที่มีระเบียบ ถ้าเกิดทำ�ผิดก็ วางระเบียบเลยว่า ต้องทำ�อย่างนี้อย่างนั้น เขา ก็จะเป็นคนตามใจเรา วางอย่างไร เขาก็ทำ�ได้ แต่งงานกันแรกๆ ต้องจัดระเบียบกัน เพราะเขา เคยอยู่ของเขาตามสบาย อยู่กับเราเขาจะตาม สบายไม่ได้ อย่างเคยวางเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ตรงไหนก็ได้ เมื่ออยู่ด้วยกันเราต้องบอกเขาว่า อย่ามาปนเละเทะ ไม่เอา เมื่อตกลงกันตั้งแต่ต้น ก็ไม่มีปัญหา เขาก็ปรับตัวได้ ต้องเริ่มตั้งแต่ วันแรกเลย” ทางด้านศาสตราจารย์พิเศษประยูรกล่าว
feature
ปลวกหากวิเศษเพียงนั้น คงไม่เกิดบริษัท รับกำ�จัดขึ้นมา ผม - ผู้มาเยือนเอ่ยถาม “การย่อยสลายของปลวก ตามหลัก วิทยาศาสตร์ ลำ�ไส้ของปลวกมีโปรโตซัว ปลวก กินไม้เนื้อแข็ง แต่จุลินทรีย์ในลำ�ไส้ของปลวกยัง ย่อยได้ แล้วนับประสาอะไรกับฟางที่เป็นไฟเบอร์ โปรโตซัวย่อยได้สบาย แล้วเมื่อศึกษาจุลินทรีย์ ในลำ�ไส้ปลวก พบว่ามีตัวหนึ่งที่ย่อยเซลลูโลสให้ กลายเป็นนํ้าตาลได้ รู้ไหม จุลินทรีย์กิน นํ้าตาล มันก็เลยย่อยสลายได้เร็วขึ้น แล้ว จาวปลวกยังมีเชื้อเห็ดโคนป่า เท้าความไปอีก หน่อย การหาเห็ดโคนป่า หากลางคืนง่ายกว่า กลางวัน เพราะมีสารเรืองแสง สารเรืองแสง นี่คือ ฟอสฟอรัส...อ้ะ! กลับมาที่เดิม ฟอสฟอรัส ก็คือ ปุ๋ยไง” ลมยังคงพัดแผ่วต้องผิว กายยังคงสุขสบาย ห่างออกไปไม่เกิน 100 เมตร หญิงวัยกลางคน หยิบไม้กวาดเดินไปยังศาลาที่ประดิษฐาน รูปหล่อเหมือนหลวงปู่ปลัดยม อดีตเจ้าอาวาส ที่ชาวบ้านนับถือ เพื่อสักการบูชา และทำ�ความ สะอาดบริเวณโดยรอบ จักรภฤตบอกว่า ตัวเขาเองก็ฝากตัว เป็นศิษย์หลวงปู่มาช้านาน ผู้มาเยือนอย่าง 38
จะบอกว่า ดี! เพราะเป็นของเทพ...แม่ธรณี แม่ โพสพ แม่คงคา ไม่เทพได้อย่างไร แล้วท่ด่ี กี ว่า อ ไม่ตอ้ งจ่ายเงินซือ้ สักบาท” จักรภฤตกล่าว ศรัทธาต้องคู่กับปัญญา เวลาใคร นัพร้น้ อคืมบอกว่ จุลินทรีย์มาช่วย ทำ�ให้ ถามว่า จุลินทรีย์จาวปลวกดีกว่า ต้นทุนน้อยลงา การใช้ เพราะไม่ต้องซื้อสารเคมี และปุ๋ย เจ้าอื่นอย่างไร ผมจะบอกว่า ดี! เคมี มีบ้างที่ต้องซื้อปุ๋ยคอก เพราะผลิตไม่ทัน เพราะเป็นของเทพ...แม่ธรณี แต่ต้นทุนก็ไม่ได้มากมายอะไร เขายกตัวอย่าง แม่โพสพ แม่คงคา ไม่เทพ สมมุติว่า หากใช้สารเคมีทำ�นา 1 แปลง ต้นทุน 3,000 บาท ขายได้กำ�ไร 10,000 บาท กับต้นทุน ได้อย่างไร แล้วท่ี่ดีกว่านั้นคือ 300 บาท กำ�ไร 10,000 บาท อย่างไหนจะดีกว่า ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อสักบาท กัน “จุลินทรีย์จากจาวปลวก สามารถ นำ�มาทำ�เป็นฮอร์โมนไข่ (จุลินทรีย์หมักกับไข่) ผมจึงหายสงสัยว่าทำ�ไมผู้มีภูมิลำ�เนาอยู่ สำ�หรับฉีดข้าว ให้รวงยาวขึ้น เอาไปย่อยปลา อ.วังทรายพูน ซึ่งใช้เวลาเดินทางกว่าครึ่งชั่วโมง หอย กุ้ง (ใช้จุลินทรีย์ย่อย) ได้ไคโตซาน ทำ�ให้ จึงเลือกวัดแห่งนี้เป็นที่พูดคุย ยิ่งทราบถึงที่มา รากพืชยาวขึ้น เอาไปย่อยรกหมู หรือผลไม้ ไป ของชื่อ วัดไทรโรงโขน ยิ่งทำ�ให้รู้สึกประทับใจ ฉีดพืชผัก ทำ�ให้พืชผักออกรวงยาว เต่ง ได้ผลดี ปราชญ์ชาวบ้านบอกผมว่า เมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 5 รสชาติอร่อย ทั้งหมดนี้ไม่ต้องซื้อ นี่คือความ เสด็จประพาสมายังวัดกันดารแห่งนี้ ด้วยความ พอเพียงที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งใคร” ที่มีต้นไทรใหญ่และรากยาวเฟื้อยมากมาย จักรภฤตยอมรับว่า เศรษฐกิจพอเพียง ชาวบ้านจึงใช้ตน้ ไทรและรากทำ�เป็นโรงโขนถวาย หรือการพึ่งตัวเองของเขา คือการสร้างฐานะ “ศรัทธาต้องคู่กับปัญญา เวลาใครถาม ของชาวนาให้ลืมตาอ้าปากได้ แต่ความสุขอย่าง ว่า จุลินทรีย์จาวปลวกดีกว่าเจ้าอื่นอย่างไร ผม ยั่งยืน ทุกคนต้องรู้จักใช้ ซึ่งหากละความสะดวก
ว่า “วันแรกอาจจะไม่พอใจ แต่ว่าค่อยๆ ตะล่อม ไปเดี๋ยวก็ลงตัว สำ�คัญก็คือว่า อย่าทำ�ร้ายซึ่งกัน และกัน เมื่อไหร่ทำ�ร้ายกัน หรือทำ�ลายข้าวของ จะเกิดเป็นแผลฉกรรจ์ ซึ่งจะแก้ปัญหาไม่ได้เลย ถ้าโมโหให้ไปสงบสติอารมณ์ซะก่อน และเวลา คุยกันก็อย่าตะคอก” นอกจากความเป็นคนชอบสร้างเสียง หัวเราะของศาสตราจารย์พิเศษประยูรแล้ว ความเอาใจใส่ในรายละเอียดชีวิตคู่อย่างเสมอ ต้นเสมอปลายของป้ายุพา ก็มีส่วนไม่น้อยที่ ทำ�ให้ครองคู่กันยาวนาน การซื้อขนมจากตลาด มาให้สามีทุกวันอาทิตย์ ตลอด 50 ปีนั้นทำ�ให้ ผู้ฟังนั่งอมยิ้มตามได้ไม่น้อย ยิ้มไม่ยิ้มเปล่ายัง จินตนาการเลยเถิด ถ้าคู่ชีวิตของเราทำ�อย่างนี้ บ้างคงหวานไม่รู้จาง ชีวิตครอบครัวคงสมบูรณ์ไม่ได้หากขาด โซ่ทองคล้องใจ ลูกๆ เป็นส่วนหนึ่งของความสุข และสร้างความแน่นแฟ้นให้กับชีวิตคู่ “การครองคู่ให้ยืนยาวที่สุด ก็คือต้องเข้าใจ กัน แล้วก็รักกันมากๆ พยายามรักษาภาวการณ์ ต่างๆ ให้เป็นดังเดิม คอยเติมความสุขให้กันและ กัน นอกจากสองคนตายายแล้ว สิ่งประกอบที่ สำ�คัญคือ ความสงบสุข ความรักระหว่างพ่อ แม่ลูก “ผมมีลูก 3 คน คนโตเป็นผู้ชาย คนรอง เป็นผู้หญิง ส่วนคนสุดท้องเป็นผู้ชาย เราซึ่งเป็น พ่อและแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีของลูก อย่าไป ทะเลาะกันต่อหน้าลูก ถ้าเขาเห็นพ่อแม่
การครองคู่ให้ยืนยาวที่สุด ก็คือต้องเข้าใจกัน แล้วก็รักกัน มากๆ พยายามรักษาภาวการณ์ ต่างๆ ให้เป็นดังเดิม คอยเติม ความสุขให้กันและกัน นอกจาก สองคนตายายแล้ว สิ่งประกอบ ที่สำ�คัญคือ ความสงบสุข ความรักระหว่างพ่อแม่ลูก
ทะเลาะกัน เขาก็จะทะเลาะกันบ้าง ซึ่งเป็นเรื่อง ที่ไม่ดี ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้น ลูกของผมทุก คนเรียนดีมาก ถ้าลูกดี ก็ไม่มีอะไรกวนใจพ่อ แม่ ถ้าลูกทะเลาะกัน แก่งแย่งกัน พ่อแม่ก็ไม่ สบายใจ หรือถ้าลูกตีกันเราก็อาจจะตีกันไป ด้วย” ศาสตราจารย์พิเศษประยูรจบด้วยเสียง หัวเราะตามแบบฉบับเฉพาะตัว พร้อมบอกว่า พฤติกรรมไม่ดีเหล่านี้ส่งผลให้ลูกเลียนแบบ เมื่อ โตขึ้นก็จะนำ�ไปใช้กับครอบครัวเขา ซึ่งจะกลาย เป็นการส่งต่อความไม่สงบสุขระหว่างครอบครัว ไปโดยปริยาย
ทางด้านการอบรมลูก ป้ายุพาเล่าว่า “ไม่มี อะไรมาก เลี้ยงไปตามปกติ ถ้าเขาทะเลาะกัน หากว่างจะชำ�ระความเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่ว่าง จะให้ เขียนใส่กระป๋องแล้วบอกว่า ว่างเมื่อไหร่แม่จะ มาดู คือให้เขาสงบสติอารมณ์สักพักหนึ่ง บางที กลับมาเหนื่อยๆ พบว่าลูกทะเลาะกัน ก็ให้เขียน ใส่กระป๋องเอาไว้ว่าใครทำ�อะไรใคร พอแม่หาย เหนื่อยแล้วจะมาอ่าน และชำ�ระความทีละคน ปรากฏว่าพอเขียนเสร็จเขาหยิบออกไปหมดเลย เราก็ถามว่า อ้าว! หายไปไหนล่ะลูก เขาบอกว่า ไม่ฟ้องแล้ว (หัวเราะ) เพราะเขาก็รู้ว่าเราเหนื่อย การปล่อยให้เขาได้คิดทบทวนช่วยให้พี่น้องรัก กันมากขึ้นค่ะ” การพูดคุยดำ�เนินไปด้วยความสนุกสนาน สาระ หลักคิดเกี่ยวกับการครองเรือนค่อยๆ ซึมซับเข้าสู่จิตสำ�นึกของอาคันตุกะหนุ่ม ศาสตราจารย์พิเศษประยูรย้อนถาม “หนุ่ม แต่งงานหรือยัง” ผู้ถูกถามยิ้มรับ พยักหน้าตอบ “ลูกผู้ชายเราน่ะ มีเพื่อน มีสังคมข้างนอก เฮฮากับเพื่อนได้ แต่ต้องยึดภรรยาเราเป็นหลัก ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา” ศาสตราจารย์พิเศษ ประยูรแนะนำ� “มีธุระอะไรเขาจะบอกเวลา ไม่ไปไหนก็ กลับบ้านตรงเวลาเสมอ จะกำ�หนดเวลาไว้ให้เขา 4 ทุ่มต้องเข้าบ้าน” ป้ายุพาเสริม และบอกว่า ที่กำ�หนดเวลาอย่างนี้ไม่ใช่เพราะดุ หรือ เข้มงวด ความจริงแล้วมีความเกรงใจ ศาสตราจารย์พิเศษประยูรอยู่มากเพราะเป็น ศิษย์อาจารย์กันมาก่อน ซํ้าอายุยังห่างกันถึง 10 ปี แต่ที่ขีดเส้นเวลาเข้าบ้านได้ นั่นเพราะ เป็นการตกลงกันตั้งแต่เริ่มต้น เจ้าของบ้านยํ้าเสมอว่า การครองเรือนให้ ยืนยาวไม่ใช่เรื่องยากและซับซ้อน ขอเพียงเข้าใจ กัน รู้จักปรับตัวเข้าหากัน ทำ�หน้าที่ของตัวเองให้ ถึงที่สุด เท่านี้ชีวิตก็มีความสุขแล้ว ก่อนผู้เขียนจะยกมือวันทาลากลับบ้าน ศาสตราจารย์พิเศษประยูรฝากบอกสาวๆ แฟน happy+ ว่า “สังคมผู้ชาย ต้องเข้าใจ เพื่อนๆ มัก ชอบแหย่ พอเห็นภรรยาเราโกรธเขาก็ชอบใจ แต่ จริงๆ แล้วไม่มีอะไรหรอก ให้เชื่อใจกัน” 39
จุลินทรีย์เท่ากับให้ชีวิตจุลินทรีย์หลายหมื่นตัว เมื่อค้นพบและลองทำ� กระทั่งได้ผลดี จักรภฤต ไม่ได้เก็บองค์ความรู้ไว้ลำ�พัง เขาเปิดโรงเรียน ชาวนาเพื่อเผยแพร่ กระทั่งปัจจุบันยกระดับเป็น วิชชาลัยชาวนา “ชื่อนี้มาจากพระราชนิพนธ์ พระมหาชนก ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บทที่กล่าว ว่า ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย ของผมทำ�โรงเรียน ชาวนาไงครับ จึงเป็น วิชชาลัยชาวนา เพราะ ผมอ่านแล้วเข้าใจว่า ถ้าทำ�แบบนี้ก็จะตรงกับ ที่พระองค์ทรงตั้งพระทัย เพราะหากเราจะเดิน ตามรอยเท้าพ่อ ก็ต้องพิสูจน์ความรู้ที่ให้มา ปฏิบัติ คือ การพึ่งตนเอง “หลักสูตรของผม ฟรีทุกอย่าง เบื้องต้นให้ ความรู้เรื่องวัฒนธรรมข้าว ประวัติการทำ�นาใน อดีต พิธีแรกนา บอกถึงความสำ�คัญ แล้วร่วม เสวนาแลกเปลีย่ นเรือ่ งปัญหาทีเ่ กิดจากการทำ�นา ในทุกวันนี้ มีอะไรบ้าง ปุ๋ยแพง ราคาข้าวตก ศัตรูพืช เราใช้กระบวนการเสวนา ไม่ใช่ผมไป สอน พอได้เนื้อหาแล้ว ก็มาสรุปว่า ในแปลง ตัวอย่าง 5 ไร่ เราจะมาเรียนรู้การทำ�เกษตร อินทรีย์ (5 ไร่ได้มาจากหัวหน้ากลุ่มนักเรียน) โดยเราจะใช้ฤกษ์ยามคาถา ตรงตามตำ�รา โบราณ แต่อย่าเพิ่งเชื่อนะ ต้องพิสูจน์ก่อน ว่า จริงหรือเปล่า เมื่อได้ฤกษ์ยาม แล้วก็มาปรึกษา กันในกลุ่มว่า จะทำ�นาแบบไหน แบบดำ� หรือ โยน ก็ว่ากันไป แล้วก็ทำ�พิธีฤกษ์นา ท่องคาถา กันตามจริงเลยครับ ระหว่างนี้ก็จะมีการอธิบาย เกษตรอินทรีย์ต้องทำ�งานให้น้อยลง ดินดีซะอย่างปลูกอะไรก็ดี การทำ�เทือกนา การใส่นํ้า บอกสาเหตุและผล มีอาหารดีพืชก็แข็งแรง มันจึงมีความสุข เพราะงานตัวเองน้อยลง การจัดการ การดูแล ทำ�จุลินทรีย์จาวปลวก เอาเวลาไปปลูกไม้ผล สร้างกุศล ช่วยงานบุญได้อีกเยอะ ฮอร์โมนรก ฮอร์โมนปลา ฮอร์โมนไข่ ทุกสิ่งนี้ เราพึ่งตนเองหมด ลงมือปฏิบัติจริงเลย เมื่อจบ หลักสูตร เราก็มาเสวนากันอีกครั้งว่า วิธีเหล่านี้ สบายจากการใช้สารเคมี แล้วหันมาหมักนํ้า ยาฆ่าแมลง ใช้สารเคมีทม่ี พี ษิ ยังจะเก็บไปขายให้ สามารถทำ�ให้อยู่อย่างยั่งยืนได้หรือเปล่า แล้ว จุลินทรีย์จากจาวปลวกแล้ว เขาเชื่อว่า หลัก คนอื่น ซึ่งขายไปมันก็บาปอยู่แล้วไง จะมีความ อาเซียนมาเราจะอยู่ได้ไหม” ผลลัพธ์คือ “ได้” ประเด็นการพึ่งพาตัวเอง พอเพียงย่อมซึมซับอยู่ในกายของทุกคน สุขตรงไหน ทุกข์อยู่ในใจ...เกษตรอินทรีย์ต้อง ยั ง มี อ ีกมากมาย ชนิดที่ว่า ถ้านำ�มาลงคงต้อง “เมื่อทุนน้อย ช่องว่างของกำ�ไรก็เพิ่มขึ้น จึง ทำ�งานให้น้อยลง ดินดีซะอย่างปลูกอะไรก็ดี มี ใช้พื้นที่ของนิตยสารทั้งเล่ม หากผู้อ่านท่านใด มีความสุข คนเราทำ�แล้วมีกำ�ไร ก็ต้องมีความ อาหารดีพืชก็แข็งแรง มันจึงมีความสุข เพราะ สุขมาก แถมสิ่งที่ทำ�มันไร้พิษ นำ�ไปทำ�บุญถวาย งานตัวเองน้อยลง เอาเวลาไปปลูกไม้ผล สร้าง อยากลงลึกในรายละเอียด สามารถพูดคุย เพิ่มเติมได้ที่ 08-1041-5883 จักรภฤตกล่าวพร้อม พระ หรือให้คนอื่นแล้วรู้สึกสนิทใจ ไม่มีทุกข์เลย กุศล ช่วยงานบุญได้อีกเยอะ” รอยยิ้มว่า ยินดีตอบทุกข้อสงสัย และจะดีใจ เอาของมีพิษไปถวายพระก็บาป ให้เพื่อน ให้ นอกจากมีเวลาไปสร้างกุศล ในขณะ ยิ่งขึ้นไปอีกหากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำ�ให้คนหันมา ญาติ มันก็ไม่สุขใจ เพราะมีพิษ ขนาดตัวเองยัง ทำ�งาน ยังเป็นการเพิ่มบุญอีกด้วย เพราะการ ไม่กินเลย ของที่ขายอยู่ทุกวันนี้ก็รู้อยู่ว่ามี ไม่เผาฟาง ทำ�ให้สัตว์เล็กๆ รอดชีวิต การใช้นํ้า พึ่งพาตัวเองมากขึ้น 39
feature
กวาง-กมลชนก โกมลฐิติ และน็อต-นุติ เขมะโยธิน ชีวติ คูค่ อื การเรียนรูไ้ ม่รจู้ บ
แดดทีแ่ ผดแรง ในบ่ายหนึง่ ของฤดูทค่ี วร หนาวสะท้าน ยังคงพยายามเล็ดลอดพุม่ ไม้ทป่ี ลูก ไว้โดยรอบบ้านของนักแสดงคนเก่ง กวางกมลชนก โกมลฐิติ และ น็อต-นุติ เขมะโยธิน โดยมีลกู ชายลูกสาววัยน่ารัก เน็ต - ด.ช.เนตต์ เขมะโยธิน และ เนย - ด.ญ.เนตรทราย เขมะโยธิน ปัน่ จักรยานอย่างสนุกสนานอยู่ ภายใต้รม่ เงา ทำ�ให้อาณาบริเวณเขตรัว้ แห่งนี้ ดูสงบ ร่มเย็น และมีความสุขอย่างเห็นได้ชดั
40
กวาง ซึ่งแฟนละครเพิ่งเลิกบ่นคิดถึง เพราะ ต่างกำ�ลังได้ชมฝีมือการแสดงของเธอในซิตคอม “ลูกพีล่ กู น้อง” ทางโมเดิรน์ ไนน์ ทุกวันเสาร์ เวลา 18.00-19.00 น. บอกพร้อมรอยยิ้มว่า “เราแทบ ไม่ทะเลาะกันเลย มีหลายคนถามนะ แต่งงาน กันมาเป็น 10 ปี ไม่ทะเลาะกันบ้างเลยเหรอ จน เราต้องถามตัวเองว่า ทำ�ไมเราไม่ทะเลาะกัน แล้วทุกคนก็จะบอกว่าให้ทะเลาะกันบ้างนะ... เราก็ขำ�ๆ ก็มีบ้างนะในเรื่องของความคิดเห็นที่ อาจจะไม่ตรงกัน แต่เราก็อยู่ในหลักการเดิม คือ ปรับความเข้าใจ ให้อภัย แล้วก็เสียสละ “คู่ของเรามีหลัก คือ คุยกันให้มากที่สุด จริงๆ คนเราถ้าจะใช้ชีวิตร่วมกัน ควรหันหน้า เข้าหากัน เพราะว่าถ้าไม่คุยกัน นานๆ เข้า อาจ จะมีใครมาแทรกในทางความคิดได้ สมมุติเรา โกรธอยู่ แต่ไม่พูด พอนานๆ เข้าเราอาจจะไป พูด ไประบายกับคนอื่น ซึ่งอีกคนหนึ่งจะรู้ไหม ว่าเราโกรธ เขาอาจจะไม่รู้ก็ได้ ถ้าเรามัวแต่มา งอน
“กวางไม่ขี้งอนเลย มีอะไรจะพูดออกมา จริงๆ พูดมากกว่าพี่น็อตด้วยซํ้า คือเขาอาจ จะพูดน้อย ต้องคอยไปถามว่ามีอะไร แต่ถ้า กวางไม่พูดอีกคน เราคงอยู่ด้วยกันไม่ได้ เพราะ ต่างไม่พูด หันหลังให้กัน คงไม่มีความเข้าใจ เนื่องจากว่าก่อนที่จะแต่งงานอะไรๆ ย่อมดีไป หมด คนส่วนมากเป็นอย่างนัน้ แต่พออยูด่ ว้ ยกัน นานๆ จะเริ่มเห็นข้อบกพร่องของอีกฝ่าย ถ้าเรา ไม่มาคุยว่าทำ�ไมถึงเป็นแบบนี้ แก้ได้ไหม พบกัน ครึ่งทางนะ และต้องไม่เห็นแก่ตัวด้วย ไม่ใช่ว่า ทุกอย่างต้องได้ดั่งใจหมด บางทีเราอยากให้เขา เป็นอย่างนี้ 100 เปอร์เซ็นต์ เขาอาจเป็นได้แค่ 60 หรือ 70 ยอมรับได้ไหม ถ้ายอมรับได้ก็แปล ว่าเราอยู่ด้วยกันได้ “สำ�คัญมาก คือ การไม่มีทิฐิ บางคนพอ ทะเลาะกันแล้วต่างมีทิฐิมันก็ไปคนละทาง” น็อตเสริม หลังจากพยักหน้าเห็นด้วยกับน็อตแล้ว คุณแม่ซึ่งยังคงความสวยกล่าวว่า “ตบมือข้าง
feature
เพียงพอตามวิถพี ทุ ธ
หลังจากก่อตัง้ บริษทั พร็อพพาแกนดิสท์ ผลิตสินค้าดีไซน์ ผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน แบรนด์ Propaganda ร่วมกับพีน่ อ้ งและมิตรสหาย เมือ่ พ.ศ. 2537 ถัดจากนัน้ ไม่กป่ี ี เมตตา สุดสวาท ซึง่ ดำ�รงตำ�แหน่งกรรมการผูจ้ ดั การ ก็ได้สร้าง ความฮือฮาให้กบั วงการธุรกิจไทยเป็นอย่างยิง่ เพราะสินค้าของเธอ สามารถเข้าไปตีตลาด ยุโรป กระแทกไหล่แบรนด์ดงั ของต่างชาติได้ อย่างไม่สะทกสะท้าน เมือ่ ได้รบั ความสำ�เร็จใน ประเทศฝรัง่ เศส Propaganda จึงขยายไปสูอ่ งั กฤษ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ เบลเยียม อิตาลี อเมริกา ฮ่องกง ไต้หวัน และญีป่ นุ่ ชนิดทีเ่ รียกได้ ว่าโตอย่างฉุดไม่อยู่ 40
อะไรที่มีความสุขเราก็ทำ�ตรงนั้น เพียงแต่ว่าความสุขได้เงินน้อย ความไม่สุขได้เงินเยอะ เพราะฉะนั้นจะเลือกอะไร ขอเลือกความสุขดีกว่า ว่ามีความสุขมาก แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบทำ�ธุรกิจ เขาก็คงมีความสุขนะ พอดีว่าตรงนั้นไม่ใช่จริต เรา อะไรที่มีความสุขเราก็ทำ�ตรงนั้น เพียงแต่ ว่าความสุขได้เงินน้อย ความไม่สุขได้เงินเยอะ เพราะฉะนั้นจะเลือกอะไร ขอเลือกความสุข ดีกว่า “ตอนที่ตัดสินใจลาออก เนื่องจากบริษัท โตมาก แล้วเราไม่ได้จบทางด้านบริหารมาเลย จบครู และชอบวาดรูปตั้งแต่เด็ก เมื่อบริษัทโต
ภาพ : อติชน ชาญชัยวุฒิกุล
เมตตา สุดสวาท
แต่แล้ว...เมตตาก็สร้างความฮือฮาให้กับ วงการธุรกิจไทยอีกครั้ง เมื่อเธอประกาศลาออก จากบริษัทที่ร่วมก่อตั้งจนกระทั่งประสบความ สำ�เร็จในระดับโลก หันมาใช้ชีวิตกับงานศิลปะ วาดภาพ อย่างเต็มตัว บ้านพักริมอ่าวไทย อ.ศรีราชา ทะเลสี คราม สงบนิ่งอยู่ในกรอบหน้าต่างบานใหญ่ ซึ่ง มีใบมะขามสีเขียวโผล่แซมอยู่ข้างๆ เกิดเป็นฉาก ที่มองแล้วรู้สึกอิ่มเอมใจ เมตตาซึ่งหันมาดำ�เนิน ชีวิตอย่างพอเพียง และมีความสุขกับการวาด ภาพ ได้บอกถึงความแตกต่างระหว่างการเป็น ศิลปินพอเพียง กับนักธุรกิจระดับชาติ ด้วย นํ้าเสียงเรียบใส และอบอุ่น ว่า “ตอนทำ�งานเครียดมาก พอเครียดก็ต้อง ไปเดินห้าง ดูหนัง ช้อปปิ้ง เพราะกระแสชีวิต พาไปอย่างนั้น แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร ซื้อมาก็ เป็นหนี้บัตรเครดิต ดูหนังเสร็จ กลับมาก็เหงาๆ เพราะสุขแค่ชั่วคราว กลับมาเจองานที่เครียด ก็ เป็นเหมือนเดิม พอได้มาทำ�งานศิลปะแล้วรู้สึก
คนเราถ้าจะใช้ชีวิตร่วมกัน ควรหันหน้าเข้าหากัน เพราะว่าถ้าไม่คุยกัน นานๆ เข้า อาจจะมีใครมาแทรกในทางความคิดได้ สมมุติเราโกรธอยู่ แต่ไม่พูด พอนานๆ เข้าเราอาจจะไปพูด ไประบายกับคนอื่น ซึ่งอีกคนหนึ่งจะรู้ไหมว่าเราโกรธ เขาอาจจะไม่รู้ก็ได้ ถ้าเรามัวแต่มางอน
เดียวไม่ดัง ถ้าเราไม่ทำ�ซะอย่างก็ไม่เกิดสิ่งที่ไม่ดี ขึ้น หรือถ้าบังเอิญมีเหตุการณ์ที่ทำ�ให้มีปัญหา ในครอบครัว แล้วมาคุยกัน คุยกันได้ไหม ถ้าคุย กันได้ มันก็จบ เป็นอย่างนั้นจริงๆ ยิ่งวันนี้เรามี ลูกยิ่งกลายเป็นว่ายิ่งรักกันมากขึ้น” สำ�หรับหลักการในการใช้ชีวิตคู่ กวางและ น็อตบอกว่า นอกจากการหันหน้าพูดคุยกันแล้ว การเสียสละก็เป็นสิ่งสำ�คัญ กวางเล่าว่า “ชีวิตคู่นอกจากจะต้องมี ความเข้าใจกันแล้ว ต้องมีความเสียสละด้วย นะคะ สำ�หรับคู่ของเรา เราต่างผลัดกันเสียสละ ในแต่ละอย่างที่ควรจะเป็น เช่น กวางเสียสละ งานที่รัก เพื่อมาดูแลลูกอย่างเต็มที่ พี่น็อตเองก็ เสียสละเวลาที่จะได้อยู่กับลูกมากๆ เพื่อออกไป ทำ�งานหนักอยู่คนเดียว ตอนเลี้ยงลูกอ่อนพี่น็อต ยังต้องนอนดึก แล้วไปทำ�งานเช้าด้วย กวางเมื่อ มีลูกก็ห่างจากวงการไป 6 ปี เพราะคิดว่าจะ ให้เวลากับลูกอย่างเต็มที่ ซึ่งถือว่ายอมทิ้งสิ่งที่ กวางรักไปอย่างแรงเลย ก่อนที่จะมีครอบครัว เราก็มีความสุขกับการทำ�งานและได้เงิน แต่ ตอนนี้เราเลือกมีความสุขกับการอยู่กับลูกและ ครอบครัว อันนี้เป็นสิ่งที่เราเลือกเอง คิดว่า ไม่ง่ายนะคะ เพราะว่าเหมือนขนมที่มายั่วยวน ตลอด ในเวลา 6 ปีมีละครดีๆ เข้ามาเรื่อย “พี่น็อตก็เสียสละเหมือนกัน เพราะเขาก็รัก วงการบันเทิง ในครอบครัวหนึ่งเมื่อคนหนึ่งไม่ได้ ทำ�งาน อีกคนก็ต้องเป็นเสาหลัก ต้องมีเงินเดือน ประจำ� เพราะลูกต้องเรียนหนังสือ มีอนาคตอีก เยอะ ต้องเก็บหอมรอมริบอีกมาก เป็นสิ่งที่เรา คุยกัน ในที่สุดก็ตกลงกันว่า พี่น็อตจะเป็นคน ทำ�งาน ส่วนเราทำ�หน้าที่ดูแลลูก ซึ่งเขาก็น่ารัก ที่เข้าใจว่า แม้เราไม่ได้ออกไปทำ�งาน แต่ไม่ใช่
ว่าสบาย งานดูแลลูกเป็นงานหนัก เพราะมีราย ละเอียดมาก เราดูแลเองทุกอย่าง ทั้งหนักและ เหนื่อย แต่ก็ชื่นใจที่เห็นลูกมีพัฒนาการไปใน ทางที่ดี” เมื่อเล่าถึงหลักการในการใช้ชีวิตคู่แล้ว กวางและน็อตบอกว่า การปรับตัวเข้าหากัน และการเสียสละ สองสิ่งนี้มีความสำ�คัญตั้งแต่ เริ่มแรกรู้จักกัน ดังนั้นทั้งคู่จึงเล่าย้อนกลับไปเมื่อ ครั้งเจอกันใหม่ๆ ในกองถ่ายละคร ญาติกา ทาง ช่อง 7 เมื่อ พ.ศ. 2539 การได้ทำ�งานใกล้ชิดกันทำ�ให้เกิดความ ประทับใจซึ่งกันและกัน และค่อยๆ ก่อตัวเป็น
ความผูกพัน กระทั่งเป็นความรักในที่สุด กวางบอกว่าแม้จะปลื้มน็อตในฐานะเป็น นักดนตรีวงนักเรียนนอก แต่ก็ไม่ใช่สาเหตุที่ กลายมาเป็นความรัก “ต้องบอกว่าเป็นที่นิสัย มากกว่า ไม่ใช่เพราะเคยชื่นชอบเพลงเขา แล้ว พอมาเจอตัวจริงก็เลยชอบเขาไปด้วย ชอบใน เรื่องของการพูดคุย นิสัยใจคอ วิธีคิด และเป็น จังหวะของชีวิตด้วยค่ะ” ระหว่างที่ความรักก่อเกิดในใจของแต่ละ ฝ่าย น็อตบอกว่า “ผมก็แสดงความเป็น ธรรมชาติของตัวเองให้มากที่สุด มีอะไรก็บอก อันนี้คิดว่าสำ�คัญมาก มีอะไรก็บอกกันตั้งแต่เริ่ม คบกันเลย ให้หันตัวจริงเข้าหากัน ไม่ต้องแกล้ง เฟค เพราะนานวันเข้าตัวจริงก็จะออกมา” ส่วนกวางบอกว่า “ตอนแรกที่เรารู้จักกัน เริ่มจากการทำ�งานด้วยกัน เพราะฉะนั้นต่างคน ต่างโตแล้ว ความคิดต่างๆ จึงเป็นผู้ใหญ่ เมื่อเรา มาคุยกันจึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างมีสาระ เป็นคู่ที่ ดูจริงจังกับชีวิต เมื่อมาคุยเรื่องชีวิต ต่างก็ไม่ได้ คบกันเล่นๆ จึงค่อยๆ ดูกันไป โดยแนวความคิด คล้ายๆ กัน และไม่ต้องมาบังคับกัน อย่างที่พี่ น็อตบอก ตามธรรมชาติ ตัวตนของตัวเอง กวาง เชื่อว่าทุกคนที่มาอยู่ด้วยกัน ต้องมีการปรับตัว เข้าหากัน เพราะว่ามากันคนละที่ เรียนกันคนละ แห่ง ต้องมีการปรับตัวกันบ้าง “ตอนเรารู้จักกันใหม่ๆ และเริ่มศึกษากัน กวางถามตัวเองเสมอว่า ใช่หรือเปล่า ระหว่าง ที่คบกันจะมีเหตุการณ์ต่างๆ เข้ามา การกระทำ� ของเขา การตัดสินใจของเขา ทำ�ให้เราค่อยๆ ยอมรับเขามากขึ้น เพราะว่าเราไม่ได้มาคบกัน เพื่อตั้งใจมาแสวงหาอะไร คือไม่ได้ตั้งใจมาหา คู่ หาแฟน แต่เรารู้จักกันด้วยการทำ�งาน แล้ว 41
เราก็เข้าใจว่า อ๋อ! ต้องเป็นคนที่มีความ ชำ�นาญจริงๆ มาดูแลบริษัทนะ เพราะตัวเราเอง มันติดเพดานแล้ว ถ้าจะให้ทำ�ได้ต้องไปเรียน บริหารมาใหม่ ซึ่งการไปเรียนแบบนั้นเราไม่ชอบ แล้วความเครียดก็สะสมขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยื้อ อยู่นะ ไม่ใช่เจอปัญหาแล้วถอยเลย จนมารู้สึก ว่ามันไม่คุ้มกันหรอก ความเครียดจะเบียดบัง เราเรื่อยๆ ขณะที่มีความเครียดก็เรียนศิลปะ ไปด้วย พอเรียนศิลปะไปเรื่อยๆ เห็นว่ามีเส้น ทางความเครียด กับเส้นทางความสงบ คู่ขนาน กันไป จึงมีความคิดว่าถ้าให้เริ่มเรียนบริหารใหม่ จากศูนย์ เราเลือกเรียนศิลปะดีกว่า ก็เลยบอก น้องสาวกับหุ้นส่วนว่า ขอลาออก ขอไปทำ�งาน ศิลปะอย่างเดียวเลย เขาก็ยอม” แม้จะบริหารธุรกิจส่งออกข้ามทวีป กระทั่ง สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ� แต่เมตตาก็ยืนยันว่า วิถีพอเพียงไม่จำ�เป็นต้องรวยก่อน “ไม่หรอก เราไม่ได้รวยนะ ความพอเพียง เริ่มได้ตลอด ยิ่งรู้จักพอเพียง โอกาสที่จะรวย ย่อมเยอะกว่า คือ ถ้าคิดว่าให้รวยก่อนแล้วจึง จะพอ มันไม่มีทางรวยหรอก คนที่รวยเขา พอเพียงมาก่อนทั้งนั้น เขารู้จักใช้ รู้จักแบ่ง สันปันส่วนมาก่อน แต่เราไปเห็นเขาตอนรวยนี่ ไม่ได้เห็นว่าก่อนหน้านั้นเขาเป็นอย่างไร ขยัน อดทนมาอย่างไร” นานๆ ครั้งจึงจะมีเรือหางยาวลำ�เล็กของ ชาวประมง และนกตัวจ้อย ผ่านเข้ามาในภาพ วาดที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นภายในกรอบหน้าต่าง เมตตาบอกว่า ความพอเพียง ก็คือ ธรรมะ ข้อหนึ่ง “คำ�ว่า พอเพียง ไม่ได้ยุ่งยากอะไรหรอก คนเราบางทีมีคำ�ว่า ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ มากเกินไป แค่ตัดคำ�ว่า ต้อง ออกไปให้เยอะ สักหน่อย แล้วรู้สึกตัวเสมอว่า กำ�ลังต้องการ อะไรที่เกินความจำ�เป็นของเรามากไปหรือเปล่า และความพอเพียง ก็ไม่ได้หมายความว่า ต้องจนตลอดเวลา “ความพอเพียง คือ การไม่ได้มีความรู้สึก น้อยเนื้อตํ่าใจที่เรามีไม่เท่าคนอื่น ไม่ได้รู้สึกว่า จะต้องตะเกียกตะกายให้มีเท่าคนอื่น มีแค่ไหนก็ ใช้แค่นั้น อย่างคนรวยที่เขาบอกว่าพอเพียง เขา ก็พอเพียงจริงๆ เพราะว่าเขาไม่ได้ไปแข่งกับใคร เขาก็มีเท่าที่เขามี มีหลายคนที่รํ่ารวยแต่ใช้ชีวิต ประหยัด ใช้กระเป๋าธรรมดา เขาก็ทำ�ได้ เพราะ
ความพอเพียง คือ การไม่ได้มี ความรู้สึกน้อยเนื้อตํ่าใจที่เรามี ไม่เท่าคนอื่น ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้อง ตะเกียกตะกายให้มีเท่าคนอื่น มีแค่ไหนก็ใช้แค่นั้น ฉะนั้นความพอเพียงทำ�ได้ง่ายมาก พวกเราๆ ก็ รู้กัน เพียงแต่ว่าบางทีกระแสความฟุ้งเฟ้อมัน เยอะไปหน่อย จริงๆ แล้วพอเพียงก็เป็นธรรม ข้อหนึ่ง คือ การรู้จักประมาณตน “ความทะเยอทะยานน่ะมีได้ เพราะสังคม ต้องมีความทะเยอทะยานนิดๆ เพื่อโลกจะได้ ก้าวหน้าไป ถ้าจะแข่งก็ต้องแข่งกับตัวเอง ให้ เปรียบเทียบเมื่อวานกับวันนี้ว่า ทำ�ได้ดีกว่า เมื่อวานหรือเปล่า แล้วจะเกิดความภูมิใจตรง
นั้น และจะมีต่อไป ต่อไป แต่ถ้าไปเปรียบเทียบ กับคนอื่น คุณไม่รู้ว่าเมื่อวานเขาทำ�อะไรมา ปัจจุบันจึงประสบความสำ�เร็จอย่างนี้ เพราะ ฉะนั้นจึงไร้สาระที่จะไปเทียบอะไรก็ตามกับใคร ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ หลักพอเพียงมันก็ง่าย “บางทีเวลาเราเจอคนอื่น จิตอาจจะเผลอ ไปว่า เอ้อ! ทำ�ไมเราไม่เป็นเหมือนคนนั้น ทำ�ไม เราไม่เป็นเหมือนคนนี้นะ เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ปัจจัย อย่างเดียว อยู่ที่ความสามารถของเราด้วย โอเค บางครั้งรู้สึกว่า ทำ�งานที่เราชอบได้ดีแค่ นี้ แต่พอไปเห็นคนอื่นทำ�ได้ดีกว่า เรากลับเกิด ความริษยา แล้วอยากได้เหมือนคนนั้น ถ้ารู้สึก ตัวสักหน่อย หันมามองตัวเราสักนิด จะรู้ว่าเราก็ มีความสมดุล มีความพอดีอยู่ในลักษณะที่เป็น อยู่ในพื้นถิ่น อยู่ในวงศ์วาน ในสังคม ในชุมชนที่ เราเป็น ไม่จำ�เป็นต้องมีสังคมอีกอย่างหนึ่งเลย “ส่วนตัวไม่ได้ปฏิบัติธรรมอะไรมากมาย หรอก แต่อ่านหนังสือ และฟังคำ�บรรยายธรรมะ บ่อยๆ อีกอย่าง งานศิลปะทำ�ให้เกิดสมาธิ การ 41
feature
เราค่อยๆ รู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วบางอย่างไม่ใช่นะ เช่น รู้ว่าเขาสูบบุหรี่ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เราชอบเลย ในความรู้สึกคือ เราจะไม่แต่งงานกับคนที่สูบ บุหรี่ ดังนั้นจึงบอกเขาว่าไม่ชอบคนสูบบุหรี่ เขา ก็บอกว่ากำ�ลังจะเลิก มันก็เริ่มรู้สึกว่า เออ! เริ่ม ใช่ พอได้พูดคุยกัน เขาก็บอกให้ฟังว่าอยากจะ เลิก แต่เลิกไม่ได้สักที พี่น็อตก็พูดถึงเหตุผลของ เขา เราจึงเข้าใจความคิดของเขา “ที่ไม่คิดจะแต่งงานกับคนที่สูบบุหรี่ เพราะ ว่าอยากให้คนที่เรารักอยู่กับเรานานๆ มีชีวิตที่ ยืนยาว ซึ่งบุหรี่มันเป็นตัวการที่จะทำ�ให้เขาอายุ สั้น ในเมื่อเรารู้อย่างนี้ตั้งแต่ต้นว่ามันไม่ดี จะ ทำ�ให้ชีวิตคู่เราสั้น แล้วจะไปเลือกคนที่สูบบุหรี่ ทำ�ไม ก็ให้กำ�ลังใจกันไป ในที่สุดเขาก็เลิกได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจที่เขาทำ�ในสิ่งที่ยากได้ ด้วยการหักดิบเลย ทุกวันนี้จึงกลายเป็นตัวอย่าง ที่ดีของสังคมไป เพราะเป็นคนที่เคยสูบแล้วเลิก ได้” “เป็นพรีเซ็นเตอร์” น็อตพูดวางมาดขรึม เรียกรอยยิ้มจากภรรยา “รณรงค์เรื่องการไม่สูบบุหรี่ ไปพูดให้คนใน สังคมฟังว่า ทำ�อย่างไรจึงจะเลิกได้ และเป็น ตัวอย่างให้กับลูกได้ด้วย รู้สึกภาคภูมิใจในตัว เขาค่ะ” กวางเสริมพร้อมรอยยิ้ม แม้แนวความคิดจะคล้ายกัน แต่รูปแบบ การใช้ชีวิตของทั้งสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง น็อตเป็นนักเรียนนอกที่ไร้กรอบในทุกด้าน ส่วน 42
ชีวิตคู่นอกจากจะต้องมีความ เข้าใจกันแล้ว ต้องมีความเสียสละ ด้วยนะคะ สำ�หรับคู่ของเรา เรา ต่างผลัดกันเสียสละในแต่ละอย่าง ที่ควรจะเป็น เช่น กวางเสียสละ งานที่รัก เพื่อมาดูแลลูกอย่างเต็ม ที่ พี่น็อตเองก็เสียสละเวลาที่จะได้ อยู่กับลูกมากๆ เพื่อออกไปทำ�งาน หนักอยู่คนเดียว กวางเป็นกุลสตรีไทยที่อยู่ในรั้วรอบขอบกั้นของ ระเบียบวินัย “อายุ 30 แล้วยังไปกินข้าวนอกบ้านไม่ได้” น็อตเล่าความหลังให้ฟังในขณะที่กวางหัวเราะ ด้วยความเขิน กวางรีบอธิบายว่า “ไม่เคยไปกินข้าวนอก บ้านกับใครโดยไม่มีแม่ไปด้วย ทั้งๆ ที่อายุ 2930 แล้วตอนนั้น คือกวางเกิดและเติบโตมาใน ครอบครัวที่มีกรอบมีระเบียบวินัย และตัวเอง เป็นคนที่อยู่ในกรอบมาก คืออยู่ในโรงเรียนเป็น หัวหน้าห้อง เป็นตัวอย่างที่ดีของโรงเรียน อยู่ มหาวิทยาลัยก็เป็นนักศึกษาตัวอย่าง ได้รับ
ประกาศนียบัตรเยอะแยะมากมาย ซึ่งเราเป็น อย่างนั้นมาจนเป็นเรื่องธรรมดาของกวาง ไม่ได้ รู้สึกว่าตัวเองแปลก แต่พอมาคุยกับเขาแล้วรู้สึก ว่าตัวเองแปลกขึ้นมาทันที “ขนาดแต่งงานแล้วไปฮันนีมูน ยังรู้สึก แปลกเลยค่ะ โทร.หาแม่ทุกวัน ใจก็คิด เอ๊ะ! นี่ เรามากัน 2 คนนะนี่ ต้องมานอนห้องเดียวกัน นะ เป็นเรื่องตลกมากสำ�หรับนักเรียนนอกอย่าง พี่น็อต ดูสิ! คนอายุ 30 ยังคิดแบบนี้ พูดไป อย่างนี้บางคนอาจจะรู้สึกว่า เฮ้ย! เว่อร์หรือ เปล่า แต่มันเป็นเรื่องจริง มีคนที่เกิดและเติบโต มาอย่างนี้จริงๆ อย่างกวางก็เป็นอย่างนั้น อาจ จะเป็นส่วนน้อยของสังคมหรือเปล่าไม่รู้ แต่มัน เป็นความต่างที่ปรับกันตั้งแต่รู้จักกันแล้วค่ะ” “กว่าจะออกมากินข้าวได้ก็เป็นปีเลยนะ” น็อตบอก ฝ่ายกวางบอกว่า “สมัยวัยรุ่น มีคนมา ชอบเยอะ บางคนก็ท้อไปหมด และค่อยๆ หาย ไป ตัวเองคิดว่า ใครก็ตามที่มาชอบแล้วท้อกับ ความที่เป็นแบบนี้ ก็แปลว่าเขาไม่เข้าใจว่าเรา เกิดมาในสภาพสังคมแบบนี้ อีกอย่างหนึ่งรู้สึก ว่าการที่เราทำ�อย่างนี้เป็นสิ่งที่ดี ทำ�ให้วัดใจคน ได้ ใช้เวลาดูใจกันได้ ดีกว่าอะไรที่หวือหวา ที่ บ้านก็สอนมาแบบนี้ บังเอิญพี่น็อตเขาปรับเข้า กับลักษณะของเราได้ เพราะเขาจริงจังกับเรา” เหตุการณ์นี้พิสูจน์ได้ชัดว่า เวลาสามารถ พิสูจน์รักแท้ได้ เมื่อถูกถามว่า ระหว่างนั้นรู้สึกอย่างไร กับ การต้องคอยเวลาถึง 1 ปีกว่าสาวที่รักจะยอมไป ทานข้าวนอกบ้านด้วย น็อตตอบอย่างราบเรียบ ว่า “ก็ไปกินข้าวบ้านเขาทุกวันแทน” “มาก็โดนทั้งแม่ น้องชาย น้องสาวกวาง คุยด้วย สัมภาษณ์ด้วย ผ่านด่านเยอะค่ะ”
feature
พอเพียงไม่ใช่เรื่องยาก อย่าไปทำ�ให้เสียสภาวะ สมดุล ไม่ว่าจะเรื่องเงินทอง จิต ความต้องการ หรืออะไร ก็แล้วแต่ ทำ�ทุกอย่างให้เป็น ธรรมดา แต่การจะทำ�ให้เป็น ธรรมดาได้ เราก็ต้องอยู่กับ ตัวเอง และสังเกตตัวเอง ให้เยอะนิดหนึ่ง อย่าไปสังเกตคนอื่น เพราะคนอื่นมีไม่เหมือนเรา แล้วจะรู้ว่า พอเพียง มันก็แค่นี้เอง คือ จิตใจที่พอดีๆ ขยับมือ ขยับร่างกาย ได้พิจารณาอยู่กับตัวเอง เยอะๆ ในขณะที่ทำ�งาน จึงทำ�ให้เห็นสิ่งเหล่านั้น ค่อนข้างชัด ก็จะรู้ และระงับได้ สิ่งนี้จึงก่อให้ เกิดความพอดี” ก่อนหน้านี้ เมตตาได้เดินทางไปเข้าคอร์ส เรียนรู้ เก็บประสบการณ์ด้านวาดภาพที่เมือง ฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เธอบอกว่า ทำ�ให้มีแรง บันดาลใจที่จะจัดแสดงนิทรรศการของตัวเองอีก ครั้ง หลังจากห่างหายไปนาน ช่วงนี้อยู่ระหว่าง รวบรวมผลงาน และสร้างสรรค์ใหม่ นอกจากทุ่มเทให้กับงานศิลปะ เมตตายัง เป็นคุณป้าใจดีของเด็กๆ โรงเรียนปัญญาเด่น จังหวัดเชียงใหม่ อีกด้วย “ตอนนี้น้องสาวมีโรงเรียนวิถีพุทธที่ เชียงใหม่ ก็เลยย้ายไปอยู่เชียงใหม่ ช่วยเขาดูแล โรงเรียน ไม่มีตำ�แหน่งอะไรหรอก เป็นคุณป้า ของเด็กๆ แล้วช่วยงานที่เป็นศิลปะ เช่น สร้าง สนามเด็กเล่น วาดห้องเรียน ปั้นพระให้ 2 องค์ องค์เล็กบูชาในห้อง องค์ใหญ่ไว้สำ�หรับบูชา 42
เวลามีพิธีในโรงเรียน หรือมีงานแสดงต่างๆ ก็ ช่วยเขา อย่าง โอเค! ป้าเย็บผ้าเป็น ป้าเย็บให้ อะไรประมาณนี้ ทำ�ให้เด็กๆ แล้วมีความสุขดี ค่ะ” ระหว่างพูดคุย มีโอกาสได้ชมพระพุทธรูป จากฝีมือการปั้นดินของเมตตา มีความรู้สึกว่า คงเสียดายแย่ หากเธอเลือกบริหารธุรกิจต่อ “ความสุขของคนเราไม่ใช่แค่ได้นั่งหัวเราะ หรือไม่ใช่ว่าได้อะไรที่พึงพอใจอยู่อย่างเดียว แต่มันคือความรู้สึกที่ไม่รู้สึกดีใจเกินไป เสียใจ เกินไป หรือรู้สึกอยากได้ของของคนอื่น ไม่รู้สึก อยากเหมือนคนอื่น นั่นแหละคือความสุข “ความสุข คือ ตอนเรานิ่งๆ สังเกตไหมเมื่อ ไปเที่ยวภูเขา ทะเล ทำ�ไมจึงมีความสุข ไม่ใช่ เพราะเราได้เที่ยวนะ แต่เป็นเพราะถูกดึงออก จากความอยากได้อยากมีอย่างที่เคย การได้ไป เห็นต้นไม้ ใจเราก็ใส เพราะไม่ได้อยากได้อะไร เหมือนการได้รับพลังมา แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะ มีเหตุปัจจัยเอื้อหลายอย่างที่ทำ�ให้เรา
ไม่ได้คิดอะไร ใจของเราก็เลยค่อนข้างจะสะอาด ในช่วงนั้น” เหมือนดั่งวันนี้ ที่ผู้เขียนได้รับความสงบ ของธรรมชาติ และงานศิลปะ ซึ่งมีให้ชมอยู่ทั่ว อาณาบริเวณบ้าน ก่อนจาก เมตตาฝากข้อคิด เกี่ยวกับความพอเพียงว่า “พอเพียงไม่ใช่เรื่องยาก แค่กินอิ่มนอน หลับธรรมดา อิ่มแล้วกินเข้าไปอีกสิ เดี๋ยวก็ปวด ท้อง เวลามีมากๆ ก็ไร้ค่า เวลามีน้อยๆ ก็มีค่า ถ้ารู้จักเรียนรู้ชีวิตจะพบว่า จริงๆ แล้วมันก็แค่ นี้เอง อาบนํ้าเยอะตัวก็เปื่อย เล่นนํ้าเยอะตัวก็ เหี่ยว เป็นเรื่องของความสมดุล ใครมีมากน้อย แค่ไหนก็ว่าไปตามนั้น อย่าไปทำ�ให้เสียสภาวะ สมดุล ไม่ว่าจะเรื่องเงินทอง จิต ความต้องการ หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำ�ทุกอย่างให้เป็นธรรมดา แต่การจะทำ�ให้เป็นธรรมดาได้ เราก็ต้องอยู่กับ ตัวเอง และสังเกตตัวเองให้เยอะนิดหนึ่ง อย่าไป สังเกตคนอื่น เพราะคนอื่นมีไม่เหมือนเรา แล้ว จะรู้ว่า พอเพียงมันก็แค่นี้เอง คือ จิตใจที่พอดีๆ”
กวางกล่าวเสียงสดใส กวางบอกว่า เพราะการที่เติบโตมาใน ครอบครัวที่เข้มงวด มีระเบียบวินัย จึงทำ�ให้ เธอประสบความสำ�เร็จในชีวิตหลายด้าน แม้ ครอบครัวจะเข้มงวดแต่ก็ไม่ได้ใช้วิธีบังคับ การ อบรมสั่งสอนล้วนเป็นกุศโลบายที่แยบยล “กวางเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะมาก แต่เพื่อน ต้องมาบ้าน มาทานข้าวที่บ้าน นอนที่บ้าน ทำ� กิจกรรม จัดงานปีใหม่ที่บ้าน แล้วนอนทีเรียง กัน 20 คน เราก็เลยค้นพบตอนโตว่า เป็นสิ่งที่ ดีมาก คุณแม่ทำ�อย่างนี้ ลูกไม่ออกไปไหนเลย เพราะอยู่ในสายตาของแม่ แม่ฉลาดมาก คือ สมมุติมีหนุ่มมาจีบ แม่เห็นหมด แล้วพอแม่อยู่ ใกล้ปุ๊บ! เราก็อยากเล่า แม่ก็จะสอนแทรกซึม ไป ซึ่งกวางคิดว่าจะนำ�มาใช้กับลูกเมื่อเขาเข้าสู่ วัยรุ่นเช่นกัน “ได้เล่าให้พี่น็อตฟังว่าเราเติบโตมาแบบนี้ นะ ยิ่งมีลูกสาว กวางว่าเป็นความคิดที่ดีมาก พี่น็อตก็บอกว่าดีๆ เป็นแบบกวางน่ะดี เพราะ ฉะนั้นเราจะทำ�ได้ก็ต่อเมื่อใกล้ชิดลูกตั้งแต่เล็ก ให้ความอบอุ่นเขามากที่สุด เพราะจะไม่มีช่อง ว่างระหว่างวัยเมื่อโตเป็นวัยรุ่น ถ้าเราไม่อยู่กับ เขาตั้งแต่เล็ก เมื่อโตขึ้นเขาก็จะไปหาเพื่อน แล้ว เราจะมาดึงเขา ดึงไม่ได้แล้ว” ขณะพูดคุย ลูกๆ วัยน่ารักทั้งสองวาง จักรยานลงแล้ว และเริ่มสำ�รวจต้นไม้ใบหญ้า กวางหันไปมองก่อนพูดว่า “เราพยายามสอน
ลูกให้ใกล้ชิดธรรมชาติที่สุด ธรรมชาติก็คือ ธรรม ยามว่างก็พาเขาไปเที่ยวงานวัดใกล้บ้าน เข้าวัดไหว้พระ บางทีก็ปลูกต้นไม้ ตัดหญ้า ทำ� สวนข้างบ้านนี่แหละ สร้างกิจกรรมขึ้นมาเองใน ครอบครัว สมัยนี้คนรุ่นลูกห่างเหินสิ่งที่เป็น ศีลธรรมมาก กวางพยายามท่องศีล 5 ให้ พวกเขาฟังประจำ� แต่จะเล่าเป็นนิทาน เป็น กุศโลบายสอดแทรกธรรม และสอนให้สวดมนต์ ทุกวันนี้พยายามให้ลูกเขียนบันทึกความดีด้วย” เมื่อกล่าวถึงลูกๆ เสร็จ กวางหันไปทาง น็อต แล้วบอกว่า ก่อนหน้านี้สามีรูปหล่อของ เธอก็ห่างเหินวัด เพราะเติบโตมาจากเมือง นอก แต่เมื่อได้รู้จักกัน จึงค่อยๆ หันหน้าเข้าหา พระพุทธศาสนามากขึ้น เมื่อได้เข้าวัดฟังธรรมน็อตบอกว่า “รู้สึกดี
สงบมาก เหมือนเราได้เดินอยู่บนถนนโดย ไม่หลงทาง” “เมื่อก่อนนี้พระมาสวดที่บ้าน เขาอาราธนา ศีลไม่ได้ จุดธูปไม่ถูก เราก็ขำ� เมื่อพาไปวัดและ รับสิ่งดีๆ เขาก็เลยเห็นด้วยกับการที่พาลูกไปวัด บ่อยๆ เพราะพอเรามีธรรมอยู่ในใจ สิ่งเหล่านั้น จะทำ�ให้มีสมาธิ ปัญหาอะไรเข้ามาก็หาทางออก ที่ดีได้” กวางเสริม ก่อนจบแนวคิดดีๆ ในการครองชีวิตคู่ กวางกับน็อตฝากบอกว่า ชีวิตคู่เริ่มจาก 2 คน สามีภรรยา แล้วมีสมาชิกเพิ่มกลายเป็น 3 เป็น 4, กระทั่งรวมเป็น 1 หน่วยครอบครัว ดังนั้น การกระทำ�ของคนหนึ่ง จะกระทบกับทั้งหมดใน ครอบครัว การใช้ชีวิตให้มีความสุขจึงควรเรียนรู้ ซึ่งกันและกันตลอดเวลา 43
ดร.วัชรมงคล เบญจธนะฉัตร์ สมดุลบนความพอเพียง
ระหว่างทีเ่ ดินเข้าสู่ บริษทั บาธรูม ดีไซน์ จำ�กัด หน่วยงานดีเด่นของชาติ ประจำ�ปี 2552 เจ้าของรางวัลชนะเลิศ ผลงานตามปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ปี 2555 สำ�หรับธุรกิจขนาด กลางและขนาดย่อม จากสำ�นักงานพิเศษเพือ่ ประสานงานโครงการอันเนือ่ งจากพระราชดำ�ริ (กปร.) และแวะชมอ่างอาบนํา้ ดีไซน์หรู มีระดับ ทีว่ างอวดโฉมความงาม น่าจับจองเป็นเจ้าของ ในโชว์รมู เป็นระยะๆ นัน้ ต้องยอมรับว่า ตัวผม เองก็ยงั ไม่เข้าใจดีนกั ว่า พอเพียงจะเคียงคูก่ บั การ ดำ�เนินธุรกิจได้อย่างไร
ดร.วัชรมงคล เบญจธนะฉัตร์ ประธาน กรรมการ ยิ้มทักทายอย่างอบอุ่น ทั้งยืนยัน ว่า ปัจจุบันบริษัทส่งออกอุปกรณ์ในห้องนํ้าไป ขายกว่า 30 ประเทศ นั่นเพราะ ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง “คนส่วนใหญ่มองว่า พอเพียง นั้นต้อง ประหยัด ต้องไม่ทำ�อะไรเลย แต่ความจริง คำ�ว่าพอเพียง ซึ่งเป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้คนไทยทุกคนนั้น คือคำ�ว่า พอดี และพอดี คือ สมดุล ถ้าทุกสิ่ง บนโลกไม่สมดุล ก็จะค่อยๆ ล้มและถึงจุดเสื่อม ในที่สุด “ย้อนกลับมาที่ชีวิตเรา ถ้าไม่สมดุลก็อยู่ได้ ไม่นาน เช่น ไม่พักผ่อนเลย ทำ�งานหนักมากไป ดูแลตัวเองน้อยไป ไม่ออกกำ�ลังกาย กินมากไป กินน้อยไป ทุกสิ่งทุกอย่าง ทำ�มากไป ทำ�น้อยไป ก็ไม่ดี ต้นไม้รากยิ่งลงลึกจะยิ่งโต เวลาโดนลม พัดก็ไม่มีปัญหา ตึกรามบ้านช่องถ้าลงเสาเข็มดี ก็มั่นคง ธุรกิจก็เช่นเดียวกัน ต้องรู้จักสมดุล”
ความสมดุลของการดำ�เนินธุรกิจตาม ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ ดร.วัชรมงคล ยึดถือปฏิบัติ มี 4 อย่าง คือ องค์กรต้องสมดุล, คนในองค์กรต้องสมดุล, เป้าหมายของธุรกิจ ต้องสมดุล และประสิทธิภาพกับความสุขของ องค์กรต้องสมดุล การทีจ่ ะทำ�ให้องค์กรสมดุลได้ ดร.วัชรมงคล บอกว่า ต้องมี 3 เสาหลักเป็นรากฐาน “หนึ่ง ต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้ สอง ต้อง สามารถสร้างภูมิคุ้มกัน มีภูมิต้านทาน เวลาเกิด วิกฤติในอนาคต เรามีแผนสำ�รองหรือเปล่า และ สาม ธุรกิจต้องกลับไปเป็นประโยชน์ให้กับผู้อื่น ได้ ธุรกิจไม่ใช่เป็นประโยชน์เฉพาะผู้ถือหุ้นนะ ผู้บริหารจะต้องรู้สึกดี พนักงานต้องรู้สึกอยาก ทำ�งาน อยากขับเคลื่อนองค์กร คนในชุมชนรู้สึก ดีกับองค์กร เพราะถ้าชุมชนอยู่ไม่ได้ ธุรกิจก็อยู่ ไม่ได้” ในส่วนของคนในองค์กรสมดุล ดร.วัชรมงคล อธิบายว่า “คนในองค์กรต้องพัฒนาให้สมดุล 43
feature Rice Bran Oil Company : T.R.B.O เล่าถึงจุด เริ่มต้นของความรักว่า พบกันครั้งแรกผ่าน การแนะนำ�ของเพื่อน ซึ่งขณะนั้นทิมเรียนอยู่ที่ ประเทศสหรัฐอเมริกา และต่ายเดินทางไปถ่าย ภาพยนตร์เรื่อง หนีตามกาลิเลโอ ที่ประเทศ อิตาลี หลังจากพูดคุยผ่านสื่อออนไลน์ ทั้งคู่จึง นัดเจอกันที่ประเทศอิตาลี แต่เกิดเหตุสุดวิสัย ทำ�ให้คลาดเคลื่อน ไม่ได้เจอกันถึง 3 ครั้ง แต่ บุพเพสันนิวาสก็นำ�พาทั้งสองให้มาเจอกันใน ที่สุด เมล็ดพันธุ์ของต้นรักจึงค่อยๆ เติบโตในใจ ของกันและกัน ณ กลางสะพานเล็กๆ ซึ่งมีเรือ กอนโดลา* เลาะแล่นกลางลำ�คลอง ในเมืองอัน แสนโรแมนติก - เวนิส ต่าย เจ้าสาววัย 25 ได้พูดถึงการใช้ชีวิตคู่ ว่า “เวลาคนเราอยู่ด้วยกัน ก็ต้องมีการปรับตัว บ้าง จนถึงวันนี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเข้าใจกัน มากขึ้น” “4 ปีที่ผ่านมานี้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด ผมต้องกลับไปเรียนหนังสือที่เมืองนอก อยู่ เมืองไทยแค่เดือนสองเดือน พอกลับมาเมือง ด้วยเหตุผลข้างต้นคู่บ่าวสาว ต่าย และ ไทย ส่วนใหญ่ก็ไปทำ�งานต่างประเทศบ้าง ต่าง ทิม ซึ่งได้จดทะเบียนสมรสกันล่วงหน้า เมื่อ จังหวัดบ้าง จึงไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน แต่พอเรียน วันที่ 5/5/55 หลังจากคบหาดูใจกัน 4 ปี จึงเลือก หนังสือจบแล้ว ได้แต่งงานกัน ได้ใช้เวลาอยู่ด้วย ฉลองพิธีวิวาห์ในวันที่ 12/12/12 นี้ กัน ตื่นมาก็เห็นเขา ก่อนนอนก็เห็นเขา รู้สึกว่า โดยเจ้าบ่าวได้บอกว่า “เหตุผลที่เราเลือก สานรักด้วยการปรับตัวเข้าหากัน ชีวิตดีขึ้นมาก แล้วก็มีอาหารเช้าให้ทาน” ฉลองวันที่ 12 ธันวาคม 2012 นั้น นอกจากเป็น ต่ายยิ้มเขินทันที เมื่อเจ้าบ่าววัย 32 พูดถึง ฤกษ์มงคลซึ่งทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้อง อาหารที่เธอจัดเตรียมไว้ให้ทุกเช้า ขณะเดินทางไปร่วมงานแถลงข่าวพิธฉี ลอง ต้องกันว่าเป็นสิริมงคลแล้ว ยังเป็นฤกษ์สะดวก “เป็นแม่บ้านที่ดีมาก” เจ้าบ่าวรีบหยอด มงคลสมรส ระหว่างนางเอกสาวสวยจากภาพยนตร์ อีกด้วย เนื่องจากธันวาคมเป็นเดือนแห่งความ คำ�หวาน “อาหารก็แล้วแต่อารมณ์เขา มีตั้งแต่ สุข เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนมีความสุข เพราะเป็น ไข่ดาว คอนเฟล็กซ์ บางทีก็เป็นโซบะญี่ปุ่น ขึ้น ซีซน่ั ส์เชนจ์ เพราะอากาศเปลีย่ นแปลงบ่อย, เดือนสุดท้ายในการทำ�งานของปี และเป็นการ หนีตามกาลิเลโอ ต่าย-ชุตมิ า ลิม้ เจริญรัตน์ กับ อยู่กับว่ามีเวลาแค่ไหน วันไหนรีบไปทำ�งานก็ ต้อนรับสิ่งใหม่ๆ ประกอบกับคนสำ�คัญของเรา ทานง่ายๆ แต่มีอาหารเช้าให้ทานทุกวันครับ” นักธุรกิจหนุม่ รูปงาม กรรมการผูจ้ ดั การ บริษทั เช่น น้องชายผม (ภาษิน ลิ้มเจริญรัตน์) ซึ่งเรียน ซีอโี อ อกริฟดู้ จำ�กัด ส่งออกนํา้ มันรำ�ข้าว ทิม-พิธา อยู่ประเทศอังกฤษ และเพื่อนๆ ทั้งชาวไทยและ ลิม้ เจริญรัตน์ ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ต่างชาติ สามารถเดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยาน ริมฝัง่ แม่นา้ํ เจ้าพระยา ย่านสาทร ด้วยเรือด่วน เจ้าพระยา ทีอ่ ดั แน่นไปด้วยผูโ้ ดยสารทัง้ ไทยและ และฉลองกันได้อย่างสะดวก เนื่องจากเป็นช่วง ต่างชาติ ในวันเลขสวย 12/12/12 ด้วยความเบียด วันหยุดคริสต์มาส นอกจากมาร่วมยินดีกับ เราแล้วยังได้ท่องเที่ยวในเมืองไทยด้วย ซึ่งการ เสียดจึงไม่แปลกทีผ่ เู้ ขียนจะได้ยนิ ประเด็นการ ห้อมล้อมไปด้วยคนที่เรารักจะทำ�ให้วันของเรา สนทนาของผูโ้ ดยสาร ซึง่ ล้วนมีแต่เรือ่ งน่ายินดี อาทิ บ้างพูดถึงวันดีทเ่ี ลข 12 มาเรียงกันถึง 3 ตัว สมบูรณ์และมีความสุขมากครับ” นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีแรงบันดาลใจในการ บ้างเตรียมตัวเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส และปีใหม่ เป็นต้น ลอบสังเกตผูพ้ ดู ต่างมีใบหน้าอิม่ เอมเผย สร้างแบรนด์ไทยให้ทั่วโลกยอมรับ กับการ เพิ่มมูลค่าข้าวไทย ภายใต้แบรนด์สินค้า The ถึงความสุขอย่างชัดเจน
ต่าย-ชุติมา และ ทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
44
feature
ระหว่างคนเก่งกับคนดี แนวทางตะวันตกสอน เพียงแต่ว่าเราต้องการคนเก่งเยอะๆ แต่คนที่เก่ง หากไม่ซื่อสัตย์ยิ่งอันตราย แล้วธุรกิจอยู่ไม่ได้ นะครับ” ทางด้านเป้าหมายของธุรกิจที่ต้องสมดุล นั้น ดร.วัชรมงคลบอกว่า “ทำ�ธุรกิจไม่ใช่ว่าต้อง วางเป้ากำ�ไรเท่านีต้ อ่ เดือน ต้องมีผลประกอบการ โตกี่เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน คำ�ว่าเป้าหมาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานคำ�ว่า ประโยชน์สุข ประโยชน์ ก็คือ สิ่งที่เป็นมูลค่า วัด เป็นตัวเลขได้ ความสุขวัดเป็นตัวเลขไม่ได้ เป็น คุณค่า คนมีเงินมากอาจจะทุกข์กว่าคนมีเงิน น้อยก็ได้” และสมดุลที่สี่ ประสิทธิภาพกับความสุข ขององค์กรต้องสมดุล ดร.วัชรมงคลขยายความ ว่า “สุดท้ายผลสัมฤทธิ์เกิดกับใครล่ะ องค์กร กำ�ไรดี พนักงานมีความสุข คนรอบข้างมีความ สุขด้วยหรือเปล่า องค์กรมีก�ำ ไร แล้วย้อนกลับมา ตอบแทนชุมชนหรือเปล่า ทำ�ฟุตปาธ สะพานลอย ให้เงินทุนเด็กนักเรียนในชุมชน เกื้อหนุน วัดวาอารามหรือเปล่า สังคมได้อะไรจากธุรกิจนี้ 44
คำ�ว่าพอเพียง คือคำ�ว่า พอดี และพอดี คือ สมดุล ถ้าทุกสิ่ง บนโลกไม่สมดุล ก็จะค่อยๆ ล้ม และถึงจุดเสื่อมในที่สุด เมื่อมีกำ�ไรบ้างไหม” บาธรูม ดีไซน์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2538 เมื่อ วิกฤติเศรษฐกิจต้มยำ�กุ้งเข้ามาแผลงฤทธิ์ ดร.วัชรมงคลก็ไม่ต่างกับผู้บริหารทั่วไปที่ได้รับ บาดแผลจากผลกระทบ แต่สิ่งที่ทำ�ให้เติบโตมา ได้ เป็นเพราะน้อมนำ�หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมาใช้ โดยเฉพาะการพึ่งพาตัวเอง และ สร้างภูมิคุ้มกัน “เมื่อก่อนผมนำ�เข้าสินค้าจากต่างประเทศ 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็ไม่มีการทำ�ประกันความ เสี่ยงอะไรเลย พอเกิดปัญหาวิกฤติปี 40 แล้วได้
แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง จากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว จึงค่อยๆ นำ�มาปรับประยุกต์ เมื่อรู้ว่าผมยังพึ่งพาตัวเองไม่ได้ จึงลดการนำ� เข้า เพราะเงินบาทอ่อนค่าลง กลายเป็นว่าผม มีหนี้เพิ่มมากขึ้น 2 เท่า แทบไม่มีเงินเดือนจ่าย พนักงาน ช่วงแรกต้องลดราคาสินค้า ขายเอา เงินสดเข้ามาก่อน เพื่อจ่ายเงินเดือนพนักงาน ต่อจากนั้นผมมาสร้างนวัตกรรม สร้างแบรนด์ ของตัวเอง เพื่อใช้เป็นภูมิคุ้มกัน และทำ�ให้คนที่ อยู่กับผมพร้อมที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน” เมือ่ น้อมนำ�หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้แล้ว ดร.วัชรมงคลจึงปรับตัวจากผู้นำ�เข้า หันมาออกแบบผลิตภัณฑ์เอง แล้วไปว่าจ้าง โรงงานผลิตให้ แต่ด้วยสินค้าเป็นที่ต้องการของ ตลาด โรงงานที่รับจ้างจึงลอกงานออกมาขาย แข่งในราคาที่ถูกกว่า ส่งผลให้ บาธรูม ดีไซน์ ต้องมีโรงงานผลิตเอง หลังจากนั้น ดร.วัชรมงคลก็ค่อยๆ ใส่ นวัตกรรม และเทคโนโลยีเข้าไปในอุปกรณ์ ห้องนํ้าเรื่อยๆ ชนิดที่ว่านำ�หน้าคู่แข่งอยู่เสมอ เช่น เป็นเจ้าแรกที่นำ�ระบบนํ้าวนมาใช้ในอ่าง อาบนํ้า เป็นอ่างใบแรกที่สั่งการทำ�งานจาก โทรศัพท์มือถือ อ่างใบแรกที่สั่งการด้วยปริมาตร ร่างกายผู้ใช้ และอีกมากมาย ซึ่งเข้าชมได้ที่ www.bathroomtomorrow.com ล่าสุด ดร.วัชรมงคลพัฒนาเทคโนโลยี ห้องนํ้าสำ�หรับคนชรา และคนพิการ ผลิตจาก วัสดุพิเศษซึ่งไม่ทำ�ให้ลื่น แต่หากสุดวิสัยจริงๆ เกิดลื่นล้ม ระบบจะปลดล็อกห้องนํ้าอัตโนมัติ พร้อมทั้งส่งสัญญาณเตือนไปทั่วบ้าน และ ยังส่ง SMS ไปให้บุตรหลานได้ถึง 5 คน ด้วย คุณสมบัติเหล่านี้จึงทำ�ให้ได้รับรางวัลชนะเลิศ reddot design award ซึ่งเปรียบดั่งออสการ์ทาง ด้านดีไซน์ จากประเทศเยอรมนี โดยก่อนหน้านัน้ สินค้าของบาธรูม ดีไซน์ได้รับรางวัล reddot มา แล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน “บางคนถามว่า ทำ�อย่างนี้พอเพียงหรือ เปล่า ไม่ใช่! แต่เป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน ผมมี นวัตกรรมที่ไปชนะรางวัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวม แล้วหลายสิบรางวัลในรอบ 5-6 ปี ซึ่งทำ�ให้ ต่างประเทศรู้จัก ผมเป็นธุรกิจที่มีทีมออกแบบ เป็นคนไทยทั้งหมด อันนี้หลายคนอาจจะงง เอ๊ะ! เราทำ�อ่าง หรือผลิตภัณฑ์ในห้องนํ้าซึ่งมี
กับคนที่เรารัก อย่าไปคิดเล็กคิดน้อย ควรปรับเข้าหากัน ผมเสียสละความเป็นผมครึ่งหนึ่ง เขาเสียสละความเป็นเขาครึ่งหนึ่ง พอนำ�มารวมกัน มันก็สมบูรณ์
เมื่อถูกถามว่า ไปเรียนทำ�อาหารมาเพื่อมัด ใจสามีหรือเปล่า ต่ายตอบว่า “พอทำ�ได้อยู่แล้ว ค่ะ และเมื่อมาทำ� แล้วมีคนชม” ประโยคหลัง เธอพูดเสียงอ่อน และมองไปที่เจ้าบ่าว ก่อนพูด ต่อว่า “แต่ไม่รู้ชมจริงหรือเปล่า จึงมีกำ�ลังใจ เหมือนเป็นการฝึกทำ�ไปเรื่อยๆ” ในเรื่องความประทับใจที่มีต่อกัน ต่าย บอกว่า “พี่เขาเป็นสามีที่สมบูรณ์แบบค่ะ ตั้งใจ ทำ�งาน บางทีก็เป็นพ่อบ้านด้วย แล้วก็กลับบ้าน ตรงเวลาทุกวัน ถ้าวันไหนมีประชุมที่บริษัทพี่เขา จะบอก และเราสามารถไปหาได้ ไม่มีมามุบมิบ หรือไปไหนไม่บอก รู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ฝากชีวิตไว้กับเขาได้” “สัญญากับเขาว่าจะเสียสละ สมํ่าเสมอ และซื่อสัตย์ เป็น 3 คำ�มั่น ที่จะอยู่กับผมตลอด เวลา เพราะคนเราจะเดินไปด้วยกันได้ ต้องเสีย สละ คือ บางอย่างที่ผมรัก ก็ต้องดึงเวลานั้น ออกมา แล้วก็อยู่กับเขาบ้าง ต้องกลับบ้านไป หาเขา ความสมํ่าเสมอ หมายความว่า ตอนที่ เราเจอกันวันแรกเป็นอย่างไร วันนี้ก็เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าหลังจากนั้นก็เปลี่ยนไป ส่วนซื่อสัตย์ ก็ คือ ซื่อสัตย์ครับ” ทิมกล่าว ในส่วนของหลักการการใช้ชีวิตคู่ ทิมเผยว่า
“เวลาอยู่ด้วยกันสองคน ถ้าไม่เข้าใจกัน ก็จะมี ปัญหาได้ ตอนหลังๆ เมื่อมาใช้ชีวิตด้วยกัน เริ่ม รู้ว่ากับคนที่เรารัก อย่าไปคิดเล็กคิดน้อย ควร ปรับเข้าหากัน ผมเสียสละความเป็นผมครึ่งหนึ่ง เขาเสียสละความเป็นเขาครึ่งหนึ่ง พอนำ�มารวม กัน มันก็สมบูรณ์” เข็มนาฬิกาค่อยๆ เดินเข้าสู่กำ�หนดเริ่ม พิธีฉลองมงคลสมรส แขกเหรื่อทยอยเข้าสู่ห้อง รับรอง มองออกไปภายนอกโรงแรมผ่านกระจก ใส เห็นเรือบริการนักท่องเที่ยวล่องชมแสงสี สองฟากฝั่งแม่นํ้าเจ้าพระยาหนาตาขึ้น เพราะ
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ความรักของทั้งคู่เริ่มต้นที่ เวนิส ดินแดนตะวันตก และกำ�ลังแน่นแฟ้นขึ้น ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ในเวนิสตะวันออกแห่งนี้ ด้วยเป็นนางเอกที่ผู้ชมเฝ้าคอยผลงาน เมื่อ ออกเรือนเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่จะถูกถามว่ายังรับ งานแสดงอยู่หรือไม่ “จริงๆ ก็รับอยู่ค่ะ แต่ถ้าเป็นหนัง หรือ ละครที่ใช้เวลาเยอะจะไม่ค่อยรับ เพราะจะทำ�ให้ เราทำ�งานไม่เป็นเวลา ซึ่งพี่ทิมเขาก็ทำ�งานหนัก ไม่ค่อยมีเวลาอยู่แล้ว ถ้าเรามาทำ�งานที่ต้องออก จากบ้านตี 3 ก็รู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับชีวิตคู่ ก็ เลยคิดว่าถ้าจะรับงานควรรับงานกลางวัน หรือ งานสั้นๆ ดีกว่า จะได้ดูแลเขาได้” ต่ายตอบ แม้เป็นสามีภรรยาคู่ใหม่ แต่สำ�หรับแนวคิด และการวางตัวของทั้งคู่แล้ว นับว่าเป็นอีก ตัวอย่างหนึ่งที่ถือเป็นแบบอย่างให้กับคนหนุ่ม สาวยุคดิจิตอลได้เป็นอย่างดี เพราะสิ่งใดก็แล้ว แต่ หากตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจ ย่อมส่งผลดีเสมอ *เรือกอนโดลา (gondola) เป็นเรือพายพื้นบ้านของ ชาวเวนิส ใช้เป็นพาหนะหลักของการเดินทางใน เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี มานานหลายร้อยปี 45
สุขมีอยู่สองอย่าง คือ สะกดด้วย ก กับ สะกดด้วย ข สุกแรก คือ สุกไหม้ สุขที่สอง คือ สุขเย็น เมื่อไหร่เราวิ่งตามหาความสุข ความสุขมัก จะวิ่งหนีเรา แต่เมื่อไหร่เราหยุดวิ่งหาความสุข เดี๋ยวความสุขจะวิ่งมาหา เราเอง มนุษย์ส่วนใหญ่เข้าใจว่าความสุขต้องวิ่งหา ต้องมีมากขึ้น แล้วพอได้สักพักหนึ่งมันก็จะวิ่งหนีเราไป ราคาแพง แล้วพอเพียงยังไง จริงๆ แล้วพอเพียง ไม่จำ�เป็นต้องทำ�ของถูก แต่ให้สมดุล” โดยส่วนตัว ดร.วัชรมงคลถือว่าเป็นนัก กิจกรรมเพื่อสังคมตัวยง ซึ่งก่อนที่จะมานั่ง ถ่ายทอดประสบการณ์การบริหารงานตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เขาได้บุกป่าฝ่า ดง เป็นคนค้นครู ตามหาครูดีที่อุทิศตนเพื่อเด็ก ด้อยโอกาส เพื่อเทิดทูนความดี เป็นกำ�ลังใจด้วย การมอบรางวัลจากโครงการครูเจ้าฟ้ากรมหลวง นราธิวาสราชนครินทร์ให้ ปัจจุบัน ดร.วัชรมงคล ดำ�รงตำ�แหน่งในมูลนิธิมากมาย อาทิ กรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการ โครงการพระเมตตา สมเด็จย่า, กรรมการและเลขานุการ โครงการ ครูเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, กรรมการกองทุนเพือ่ การศึกษาสำ�หรับเด็กชาวเขา มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.), กรรมการมูลนิธสิ บื นาคะ เสถียร เป็นต้น ด้วยความสุขเกิดขึ้นได้จากการให้ ดร.วัชรมงคลจึงปลูกฝังพนักงานทุกคนให้เห็น
คุณค่าด้านนี้ และสนับสนุนให้พนักงานทำ� กิจกรรมเพื่อสังคมอย่างเต็มที่ “ที่นี่พนักงานเหมือนคนในครอบครัว แล้วก็ มองทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน มองว่าคนไทย ทุกคนมีพ่อคนเดียวกัน ถ้าเรามองอย่างนี้ ความ รักที่เราให้ จะไม่รู้สึกว่าเสีย แต่จะมีความสุข แล้วยิ่งให้ใครจะยิ่งได้สิ่งนั้นกลับมา “ทุกวันพุธเราให้พนักงานไปช่วยบ้านเด็ก กำ�พร้า บ้านคนชรา ไปช่วยไม่ใช่เอาเงินไปให้ แต่ไปดูแลเด็กที่ป่วย ไปดูแลคนชราที่บ้านพัก คนชรา เป็นต้น ด้านการศึกษา บริษัทเราตั้ง กองทุนพี่น้องบาธรูมช่วยชุมชน พนักงานคนไหน ที่บริจาคเงินเข้ากองทุนนี้ เงินเขาจะกลายเป็น 2 เท่า เพราะบริษัทจะเติมให้อีกส่วนหนึ่ง เพื่อเอา ไปช่วยทางด้านการศึกษา แล้วเราจะไปสร้าง โรงเรียนปีละ 1 แห่ง พาพนักงานไปด้วย” ทั้งนี้ ดร.วัชรมงคลยังรณรงค์ให้พนักงาน ทุกคนรักษาศีล 5 และให้ถือการปฏิบัติธรรมเป็น KPI ของบริษัทที่ทุกคนต้องทำ�อย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อให้รู้จักคำ�ว่าพอดี
นอกจากสนับสนุนให้พนักงานทำ�กิจกรรม เพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ดร.วัชรมงคลยังดูแล พนักงานด้วยสวัสดิการอย่างดี เช่น อาหาร กลางวันฟรี, สวัสดิการทุนการศึกษาบุตร, ทุกวัน เกิดของพนักงานจะเป็นวันหยุดของเขา และ มีเค้กอวยพรมอบให้, ครบรอบวันแต่งงานมีดอกไม้ ดอกงามมอบให้ เพื่อให้พนักงานนำ�ไปมอบให้ คู่สมรสที่บ้าน เป็นต้น ด้วยการบริหารงานลักษณะนี้ ทำ�ให้ ดร.วัชรมงคลเกิดความสุขกับการทำ�งานทุก ขัน้ ตอน พร้อมทัง้ กล่าวถึงหลักคิดของความสุขว่า “บางคนสร้างความสุขง่ายๆ ตื่นขึ้นมาได้ กลิ่นหอมของดอกไม้ตอนเช้าก็มีความสุข ได้ยิน เสียงนกร้อง เห็นรอยยิ้มของคนที่ช่วยเหลือ ซึง่ กันและกันก็มคี วามสุข พวกนีไ้ ม่จ�ำ เป็นต้องซือ้ สิ่งที่ต้องใช้เงินซื้อ ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เป็น แค่ความสะดวก “สุขมีอยู่สองอย่าง คือ สะกดด้วย ก กับ สะกดด้วย ข สุกแรก คือ สุกไหม้ สุขที่สอง คือ สุขเย็น เมื่อไหร่เราวิ่งตามหาความสุข ความสุข มักจะวิ่งหนีเรา แต่เมื่อไหร่เราหยุดวิ่งหาความ สุข เดี๋ยวความสุขจะวิ่งมาหาเราเอง มนุษย์ส่วน ใหญ่เข้าใจว่าความสุขต้องวิ่งหา ต้องมีมากขึ้น แล้วพอได้สักพักหนึ่งมันก็จะวิ่งหนีเราไป เหมือน วัวถูกสนตะพาย เราไม่รู้หรอกว่า โดนจูงด้วย ความสุกร้อน แต่ก่อนเราเคยอยากได้เงินเดือน ระดับนี้ พอทำ�เต็มที่ ได้เงินเดือนระดับนั้นแล้ว แต่เพื่อนเงินเดือนมากกว่า เรากลับทุกข์ ทั้งๆ ที่ เราทำ�จนถึงตัวเลขที่ตั้งเอาไว้แล้ว เราเคยอยาก มีรถเล็กๆ สักคัน แต่พอเพื่อนมีรถที่ดีกว่าหรูกว่า เราก็ทุกข์ เพราะอะไร เพราะการเปรียบเทียบ ถ้าเรารู้จักเปรียบเทียบสิ่งที่ด้อยกว่า เราจะดูมี มาก แต่ถ้าเราเปรียบเทียบกับสิ่งที่มากกว่า เรา จะดูด้อยทันที” ท้ายสุด ดร.วัชรมงคลได้ฝากข้อคิดเกี่ยวกับ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไว้อย่าง น่าฟังว่า “เราโชคดีที่มีพระมหากษัตริย์ที่ดี และเสีย สละมากที่สุดในโลก รักประชาชนของท่านมาก ที่สุดเหมือนลูก ปัจจุบันนอกจากคำ�ว่ารัก คน ไทยถวายอะไรให้ท่านบ้าง ไม่ใช่เงินนะ เรียกว่า ปฏิบัติบูชา นำ�คำ�พ่อสอนมาใช้กับตัวเอง เอามา ประยุกต์กับองค์กร มาพัฒนาประเทศชาติของ เราร่วมกันหรือยัง” 45
o a ภาพประกอบ : จัง เสนารักษ์
อาการนิว้ ล็อก นิว้ ล็อกเกิดจากสาเหตุใดได้บา้ ง วิธกี าร รักษาต้องทำ�อย่างไร อาการนิ้วล็อกมักจะเกิดกับกลุ่มคนที่ใช้มือ ทำ�งานมากๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นทันตแพทย์ ช่าง ตัดเย็บเสื้อผ้า กลุ่มคนทำ�งานออฟฟิศ กลุ่มคน ที่ทำ�งานกับคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งวัยรุ่น ที่ใช้โทรศัพท์ในการส่งข้อความบ่อยๆ มักพบใน เพศหญิงที่อายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป แต่ก็ไม่ได้ หมายความว่าในกลุ่มอายุน้อยกว่า 45 ปีจะไม่มี โอกาสเป็นโรคนี้ สาเหตุของนิ้วล็อกเกิดจากการอักเสบของ เนื้อบางๆ ที่หุ้มเส้นเอ็นของนิ้ว ซึ่งปกติแล้ว เนื้อเยื่อนี้จะทำ�ให้การเคลื่อนไหวของเอ็นนิ้วมือ เป็นไปได้อย่างราบรื่น แต่เมื่อเกิดการอักเสบขึ้น เนื้อเยื่อที่หุ้มเส้นเอ็นจะหนาตัวขึ้น จนขัดขวาง การเคลื่อนไหวของเส้นเอ็น ส่งผลต่อการขยับนิ้ว
1
46
ทำ�ให้เกิดอาการนิ้วล็อกได้ครับ อาการของนิ้วล็อกก็ตรงตามชื่อเลยครับ คือไม่สามารถขยับนิ้วได้ โดยเฉพาะเมื่องอนิ้ว นิ้วจะติดอยู่ในท่างอ หากพยายามดึงออกหรือ ขยับจะส่งผลให้เกิดอาการเจ็บปวดอย่างมาก บริเวณนิ้วหรือฝ่ามือ การรักษาอาการนิ้วล็อกต้องเริ่มจากการหา สาเหตุก่อนครับ ส่วนมากมักเกิดจากการใช้งาน นิ้วมือมากเกินไปจนเกิดการอักเสบ แต่บางครั้ง ก็พบว่าเกิดจากโรคอื่นๆ ที่ทำ�ให้เกิดการอักเสบ ของเนือ้ เยือ่ หุม้ เอ็นบริเวณนิว้ มือ ทัง้ โรคเบาหวาน ข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคไฮโปไทรอยด์ (ต่อมไทรอยด์ทำ�งานตํ่ากว่าปกติ) โรคเกาต์ ก็ คงต้องปรึกษาคุณหมอที่ให้การดูแลว่าตัวเราเอง นั้นเข้าข่ายที่จะเป็นโรคข้างต้นหรือไม่ เมื่อทราบสาเหตุแล้วก็ให้ดำ�เนินการรักษา
โรคดังกล่าว แต่การรักษาอาการนิ้วล็อกโดย ทั่วไปมุ่งไปที่การลดการอักเสบของเนื้อเยื่อหุ้ม รอบเอ็น โดยลดการใช้นิ้วมือ การรับประทานยา แก้ปวดแก้อักเสบ การควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ การพักการใช้งานของนิ้วมือ บางครั้งการใส่ เฝือกดามนิ้วก็ช่วยลดการเคลื่อนไหว ลดการ อักเสบลงได้ แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้นหลังจาก ให้การรักษาข้างต้น ก็ยังมีการให้ยาในกลุ่ม สเตียรอยด์ฉีดเข้าบริเวณเนื้อเยื่อที่อักเสบ เพื่อ ลดการอักเสบ ทำ�ให้อาการทุเลาลง แต่การฉีด ยาสเตียรอยด์เพียงครั้งเดียวนั้นจะไม่ได้ทำ�ให้ อาการหายไปในครั้งเดียวครับ คงจะต้องมีการ ฉีดยาซํ้า ซึ่งประสิทธิภาพการรักษาก็นับว่าดี มาก และท้ายสุดหากอาการของนิ้วล็อกยังไม่ดี ขึ้น คงต้องพึ่งการรักษาด้วยการผ่าตัด เพื่อตัด เนื้อเยื่อที่อักเสบและหนาตัวนี้ออกครับ
ขีห้ อู ดุ ตัน วิธรี กั ษาและป้องกัน หูออ้ื จากขีห้ อู ดุ ตันจะเป็นอันตรายไหม ขอทราบวิธรี กั ษาและป้องกัน อาการหูอื้อจากขี้หูอุดตันเป็นภาวะที่พบ ได้ค่อนข้างบ่อยครับ ไม่ได้เป็นภาวะที่ทำ�ให้เกิด อันตรายถึงชีวิต แต่ก็สร้างความรำ�คาญ และ ความลำ�บากในการใช้ชีวิตประจำ�วันไม่น้อยเลย ทีเดียว นอกเหนือจากอาการหูอื้อแล้ว ก็ยังมี อาการอื่นๆ ได้อีก ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดใน หู ได้ยินเสียงในหู ไอเรื้อรัง หรือแม้กระทั่งเกิด อาการวิงเวียนศีรษะ อาการขี้หูอุดตันนั้นอาจ จะพบได้บ่อยในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ แต่อย่างไร ก็ตาม ในผู้ใหญ่ที่ช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ดีนัก เช่น ในกลุ่มผู้ที่มีสภาวะสติปัญญาบกพร่อง หรือ กลุ่มผู้สูงอายุก็พบว่ามีอาการขี้หูอุดตันมากกว่า เด็กครับ
2
ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ทั้งการใช้ไม้พันสำ�ลี ทำ�ความสะอาดหูบ่อยๆ รูหูแคบกว่าปกติ การ ใช้อุปกรณ์ช่วยฟัง หูฟังต่างๆ และการใช้ที่อุดหู ก็ทำ�ให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะขี้หูอุดตันได้มากขึ้น ครับ ดังนั้นใครที่มีปัจจัยเสี่ยงข้างต้นอาจจะต้อง เฝ้าระวังกันเป็นพิเศษสักหน่อย กลไกสำ�คัญที่ทำ�ให้เกิดภาวะขี้หูอุดตัน คือ การที่ขี้หูถูกดันเข้าไปในรูหูมากกว่าปกติ ไม่ว่า จะเกิดจากการปั่นหูที่ทำ�ให้มีการผลักดันเศษ ขี้หูเล็กๆ เข้าไปใกล้เยื่อบุแก้วหู การใช้หูฟังชนิด เสียบเข้าในรูหู (in-ear) ก็ทำ�ให้เกิดกลไกเช่น เดียวกันครับ เมื่อสงสัยว่าจะมีภาวะขี้หูอุดตัน ก็ควร ไปพบคุณหมอเพื่อให้คุณหมอได้ตรวจร่างกาย ครับ เพียงแค่ใช้อุปกรณ์ตรวจในช่องหูก็จะ
วินิจฉัยภาวะขี้หูอุดตันได้แล้ว การดูแลรักษา ภาวะขี้หูอุดตันนี้ มักจะเริ่มต้นจากการทำ�ให้ ขี้หูที่อุดตันนั้นนิ่มลงก่อน เพราะขี้หูที่อุดตัน นั้นจะมีความแข็งมาก หากพยายามเอาออก ในทันทีจะทำ�ให้เกิดอาการปวดอย่างมาก การ ทำ�ให้ขี้หูที่อุดตันนิ่มลง ก็จะใช้ยาหยอดครับซึ่ง ก็มีหลายอย่างให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น “ผงฟู” “ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์” หรือแม้แต่นํ้ามัน มะกอก แต่ละชนิดก็มีวิธีใช้แตกต่างกันไป ระยะ เวลาการใช้ก็ต่างกันออกไป หลังจากที่ขี้หูนิ่มลง แล้ว คุณหมออาจจะใช้เครื่องมือในการดูดขี้หู ออกครับ ประเด็นที่สำ�คัญกว่าคือการป้องกันไม่ให้ เกิดภาวะขี้หูอุดตันซํ้า ได้แก่ การระวังไม่ให้นํ้า เข้าหู เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้ไม้ปั่นหู ไม้แคะหู หลีก เลี่ยงการใช้หูฟังชนิดเสียบเข้าไปในรูหู การใช้ที่ อุดหูโดยไม่จำ�เป็น ฯลฯ ครับ 47
การบาดเจ็บบริเวณข้อเท้า ข้อเท้าพลิกตอนเล่นกีฬา หลังจาก ประคบเย็นก็ลงไปเล่นต่อ จากนัน้ มี อาการปวดทีข่ อ้ เท้าไม่หายสักที บางครัง้ ยังรูส้ กึ เจ็บแปลบทีเ่ ข่าอีกข้างหนึง่ ด้วย ทำ� อย่างไรจึงจะหาย อุบัติเหตุกับข้อเท้าเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย มากในการเล่นกีฬาครับ ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น มักส่งผลทำ�ให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้า เนื้อเยื่อที่มักได้รับการบาดเจ็บเมื่อเกิดข้อเท้า พลิกก็คือเอ็น (เอ็นคือส่วนของเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อ ระหว่างกระดูกกับกล้ามเนื้อ) เอ็นบริเวณข้อเท้า ก็มีอยู่มากมายหลายเส้นด้วยกัน เมื่อเกิดข้อเท้า พลิก เส้นเอ็นจะถูกกระชากอย่างรุนแรง ทำ�ให้ เกิดอาการชํ้า ฉีกขาดได้ ส่งผลให้เกิดอาการ
3
48
ปวด บวม ถึงขั้นเดินไม่ได้ก็มี การบาดเจ็บที่รุนแรงกว่าการฉีกขาด/ ชํ้าของเส้นเอ็น ก็จะเป็นการแตกหักของกระดูก บริเวณข้อเท้า ซึ่งอาการมักจะเจ็บปวดรุนแรง เดินไม่ไหว ข้อเท้าบวมมาก อาการข้างต้นพอจะสรุปได้คร่าวๆ ว่า น่าจะเกิดการบาดเจ็บที่เอ็นข้อเท้า ที่ความ รุนแรงไม่มากนัก จึงสามารถไปเล่นกีฬาต่อ ได้ หลักการรักษาเอ็นข้อเท้าบาดเจ็บ คงต้อง เป็นการพักข้อ ร่วมกับใช้ยาแก้ปวดครับ การฝืน ไปเล่นกีฬาต่อทำ�ให้เอ็นที่บาดเจ็บต้องมีการขยับ อยู่ตลอดเวลา การฟื้นสภาพของเอ็นก็ไม่กลับมา เต็มที่ ทำ�ให้อาการปวดยังคงอยู่ครับ ส่วน อาการเจ็บแปลบที่หัวเข่าอีกข้างนั้น ต้องมี
รายละเอียดอาการมากกว่านี้สักหน่อยจึงจะพอ บอกได้ แต่หลักการในการรักษาโรคข้อที่บาด เจ็บ จะไม่แตกต่างกันมาก นั่นคือเน้นการพัก การใช้ข้อนั้นๆ ร่วมกับการใช้ยาเมื่อจำ�เป็น แต่ หากพักข้อแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือลุกลามไปยัง ข้ออื่น คงต้องไปพบคุณหมอเพื่อซักประวัติและ ตรวจร่างกายให้ละเอียดกันอีกทีครับ นพ.ฉัตรชัย อิ่มอารมย์ แพทย์ประจำ�หน่วยตรวจ สวัสดิการสุขภาพ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
เรื่อง : นพ.พิรัตน์ โลกาพัฒนา ภาพประกอบ : nursery doe
take care
วิธีลด อุบัติเหตุ และอันตราย ภายในบ้าน บ้านคือพื้นที่ที่เรารู้สึก ปลอดภัยมากที่สุด เป็น สถานที่ส่วนตัวที่เราอาศัย ในแต่ละวัน แต่บางครั้ง พื้นที่ส่วนตัวที่ควรจะ ปลอดภัย ก็อาจกลายเป็น จุดเสี่ยงที่จะทำ�ให้เรา บาดเจ็บหรือไม่สบายได้ หากเราไม่ระมัดระวัง เราจะ บาดเจ็บจากอะไรได้ และเราจะป้องกันอย่างไร ลองมาดูกันครับ
49
บันไดไม่ใช่ที่เก็บของ
ด้วยความที่บันไดเป็นพื้นที่หนึ่งในบ้านที่ ถูกใช้งานเป็นครัง้ คราว และการใช้งานแต่ละครัง้ จะเป็นเพียงการผ่านทาง ทำ�ให้หลายๆ คนมอง ว่าพื้นที่ว่างของบันไดน่าจะถูกใช้ประโยชน์และ มีการยกเอาของไปเก็บไปวางไว้ ยิ่งตอนที่ นํ้าท่วมก่อนหน้านี้ หลายบ้านก็ยกของขึ้นไป วางไว้ที่บันไดแล้วยังไม่ได้เก็บกลับลงมา ทำ�ให้ กลายเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยง เพราะว่าเมื่อเดิน ขึ้นไปแล้วอาจมีการเดินเตะ ชน หรือไปเหยียบ สิ่งของที่วางอยู่แล้วเกิดการพลัดตกลงมาได้ บันไดจัดเป็นพื้นที่คับขันที่เกิดอุบัติเหตุ ได้ง่าย ทั้งจากความแคบ ความชัน และหาก พลาดไปเพียงเล็กน้อย สิ่งที่ทำ�ให้เราเจ็บตัวก็คือ แรงโน้มถ่วงของโลกบวกกับนํ้าหนักของเราใน ขณะที่ตกลงมา ดังนั้นไม่ควรวางสิ่งใดไว้ที่บันได ให้เสี่ยงต่อชีวิตของเราครับ
อย่าวางของเกะกะ
หลายท่านมองว่าการเก็บของไว้อย่าง ไม่เป็นระเบียบตามพื้นไม่ได้เป็นเรื่องเสียหาย เนื่องจากว่าเรามองเห็นและจำ�ได้ว่าของอยู่ที่ใด รวมทั้งเราก็เดินผ่านไปมาได้โดยไม่ได้เกิด อุบัติเหตุใดๆ แต่ทุกท่านต้องอย่าลืมครับว่าหากเกิด สถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา เรามักจะลืมและไม่ได้ ระวังของพวกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เกิด เหตุฉุกเฉินแล้วไฟดับ ลองนึกภาพเหตุการณ์ ไฟไหม้ในละแวกบ้านของท่าน ทำ�ให้ไฟดับทั่ว บริเวณ จากนั้นท่านก็เปิดประตูออกมาพบกับ ห้องที่มืดมิดและกองหนังสือ เอกสาร ของเล่น ของลูกวางเต็มพื้น ท่านไปไหนไกลไม่ได้แน่ๆ ดังนั้นควรเก็บของให้เป็นระเบียบ โดย เฉพาะส่วนของบ้านที่ทุกคนต้องเดินผ่านครับ
พื้นลื่นๆ
เตรียมไฟฉายไว้ให้พร้อม
ไฟฉายเป็นอุปกรณ์ที่จำ�เป็นเมื่อไฟดับ ปัญหาที่มักพบกันคือ เวลาไม่จำ�เป็นไฟฉายมัก จะใช้ได้ แต่พอจำ�เป็นต้องใช้เรามักจะหาไฟฉาย ไม่เจอ หรือเจอไฟฉายที่เปิดไม่ติด หรือมีนํ้าไหล เยิ้มออกมาจากถ่าน ไฟฉายควรวางในที่ที่มองเห็นได้ง่ายภายใน บ้าน ควรมีไว้หลายจุดที่มีคนอยู่บ่อยๆ เป็น ประจำ� และหาสติ๊กเกอร์พรายนํ้ามาแปะไว้ เพื่อ ที่ว่าเมื่อไฟดับเราจะได้มองหาได้ง่าย นอกจากนี้ ถ่านไฟฉายที่ใช้ควรใช้ชนิดที่มีปลอกหุ้มเป็น โลหะ ซึ่งเพิ่มราคาขึ้นมาเล็กน้อย แต่ว่าการ เสื่อมสภาพจะช้ากว่าและไม่ค่อยมีนํ้าไหลเยิ้ม ออกมาเวลาถ่านหมดสภาพ
พื้นบ้านในปัจจุบันมักนิยมทำ�ให้ลื่นสบายเท้า ไม่ว่าจะเป็นการปูกระเบื้อง ไม้ปาร์เกต์ หรือหิน ขัด และผลิตภัณฑ์อีกหลากหลายชนิดในท้องตลาดก็ช่วยเพิ่มความเงางามและมันวาวของพื้นให้ ดูลื่นสะอาดมากขึ้น ปัญหาคือนํ้ายาหรือการขัดพื้นบางวิธีจะทำ�ให้พื้นลื่นมากจนเสี่ยงต่อการเกิด อุบัติเหตุ การจะใช้นํ้ายาขัดพื้นควรทดสอบในพื้นที่เล็กๆ ก่อนครับ หลังจากขัดแล้วต้องทดสอบเหมือน สถานการณ์จริงทีเ่ สีย่ งต่ออุบตั เิ หตุ ไม่วา่ จะเป็นการเดินเร็วๆ เดินถือของหนักๆ เดินเท้าเปียกๆ ออกมา จากห้องนํ้า หรือการใส่รองเท้าภายในบ้านครับ อย่าทดสอบเพียงแค่ลองยืนหรือเดินธรรมดา เพราะว่าจะทำ�ให้เข้าใจผิดว่าพื้นไม่ได้ลื่นมาก และสำ�หรับบ้านใดที่มีผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน ไม่ควร ขัดพื้นจนลื่นครับ 50
พรมเช็ดเท้า
พรมเช็ดเท้าถือเป็นเครื่องใช้ที่มักมีไว้หน้า ประตูโดยเฉพาะหน้าประตูหอ้ งนํา้ ความจริงแล้ว หน้าที่ของมันมีไว้เพื่อลดอันตรายที่เกิดจาก นํ้าลื่นๆ และควรจะทำ�ให้เราปลอดภัยมากขึ้น แต่ว่าบางครั้งก็มีอันตรายแฝงอยู่ครับ เริ่มตั้งแต่ ความลื่นของพรม ที่บางชนิดส่วนที่สัมผัสกับพื้น มีความลื่น เมื่อเดินมาเร็วๆ แล้วเหยียบ อาจจะ เกิดการลื่นไถลจนหกล้มได้ นอกจากนี้หากพรม เปียกนํ้ามากๆ เข้า บางชนิดก็จะเกิดการลื่นขึ้น ได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันการหกล้มลื่นไถลจากพรม เช็ดเท้า ควรระมัดระวังเรื่องชนิดของพรมที่ใช้ และเปลี่ยนทุกครั้งหากมีนํ้าหกในปริมาณมาก อีกหนึ่งอันตรายของพรมก็เกิดจากพรม บางชนิดที่มีลักษณะเป็นขนหรือผ้าฟูนูนขึ้นเป็น ชั้นๆ ซึ่งเก็บเศษฝุ่นผงและขยะชิ้นเล็กๆ ไว้ได้ หากมีเศษของมีคม เช่น ลวดเย็บกระดาษ เศษแก้ว หรือหนามของพืชตกลงไป ก็อาจจะทำ�ให้เกิด การบาดเจ็บได้ หากมาเหยียบในภายหลัง
ของมีคม
ปัญหาที่มากับของมีคม เช่น มีดทำ�ครัว หรือเครื่องมือทำ�สวน คือบางครั้งเรามักจะวาง รวมกับของอย่างอื่นและบาดมือเราขณะกำ�ลัง ค้นของ ดังนั้นการเก็บของมีคมจะต้องเก็บให้ เป็นสัดเป็นส่วนแยกจากเครื่องใช้อื่นให้ชัดเจน อาจจะมีภาชนะแยก และถ้าทำ�ได้ ควรหัน คมของเครื่องใช้นั้นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้คมมาบาดโดนมือได้ อีกปัญหาคือการตกหล่นลงมาโดนเท้า ซึ่ง ส่วนมากเกิดจากการเก็บของมีคมไว้ในภาชนะที่ วางบนโต๊ะ แล้วพลาดไปเกี่ยวตกหล่นลงมา ดังนั้นเพื่อป้องกันเหตุแบบนี้ ภาชนะที่เก็บของ มีคมไว้ในที่เปิดโล่งจะต้องวางลึกเข้าไปพอ สมควร และควรจะต้องมีนํ้าหนักมากพอ ที่จะไม่เผลอไปชนจนตกหล่นลงมาได้
ปลั๊กไฟฟ้า
การใช้ไฟฟ้า นอกจากการติดตั้งที่ต้องได้มาตรฐานแล้ว สิ่งที่สำ�คัญไม่แพ้กันคือ เราต้องไม่เผลอ เอานิ้วไปแหย่ครับ ... ฟังดูแล้วอาจจะงงว่าใครจะเอานิ้วไปแหย่ได้ แต่ความจริงแล้วอุบัติเหตุที่เกิด จากการเผลอเอานิ้วแหย่รูปลั๊กไฟเกิดขึ้นบ่อยๆ ครับ ส่วนมากเกิดจากการติดตั้งปลั๊กไฟคู่กับสวิตช์ ไฟ ทำ�ให้เวลาจะเข้าห้องเปิดไฟก็อาจจะเผลอเอานิ้วไปแหย่ได้ ยังไม่นับบ้านที่มีเด็กอยู่แล้วเด็กเอา นิ้วแหย่ปลั๊กที่ติดตั้งไว้ตํ่านะครับ เพื่อป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ ควรหาซื้อตัวเสียบปิดรูปลั๊กไฟมาปิดรูปลั๊กที่เสี่ยงครับ หรือใน กรณีที่ปลั๊กที่เสี่ยงเป็นจุดซึ่งต้องใช้งานบ่อยๆ เดี๋ยวนี้ก็มีการติดฝาครอบที่เปิดปิดได้เวลาจะใช้งาน เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกไฟฟ้าชอร์ต
เก้าอี้และการเก็บของในที่สูง
การเก็บของในที่สูงพบได้ในบ้านที่มีตู้เก็บ ของหรือชั้นหนังสือสูงๆ รวมไปถึงตู้สะพานไฟที่ มักอยู่สูงที่สุดในบ้าน การปีนขึ้นที่สูงๆ ในบ้าน ส่วนใหญ่จะใช้เก้าอี้ภายในบ้าน ซึ่งบางครั้งอาจ จะเกิดอันตรายได้ เพราะเก้าอี้มักออกแบบให้ทน นํา้ หนักได้หากนัง่ ตรงกลางด้วยก้น ซึง่ จะกระจาย แรงไปเท่าๆ กันที่ทุกขาของเก้าอี้ แต่ในกรณีที่ ยืนบนเก้าอี้ เท้าของเราอาจจะเอียงไปมุมใด มุมหนึ่งแล้วทำ�ให้ขาเก้าอี้นั้นรับนํ้าหนักมากกว่า ปกติ ในบ้านควรมีบันไดเล็กๆ สำ�หรับใช้ขึ้น ที่สูงครับ หรือในกรณีที่บ้านไม่มีที่เก็บ อาจจะ เลือกใช้เก้าอี้ที่มีลักษณะแข็งแรง (ทำ�จากไม้หรือ โลหะ) มีขาเก้าอี้แบบเป็นฐานกว้างไม่โยกเยก ควรมีลูกยางหุ้มที่ขาทั้งสี่ เพื่อกันการลื่นขณะ กำ�ลังปีนขึ้นที่สูง และห้ามใช้เก้าอี้ชนิดที่มีล้อใน การปีนขึ้นที่สูงอย่างเด็ดขาด เพียงแค่ปรับโน่นนิดนี่หน่อย ก็จะได้บ้านที่ เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและอบอุ่นของทุกคนครับ 51
well being เรื่อง : ญาดารัตน์ ภาพประกอบ : kampanatz.com
ความรักและหัวใจ หากมองให้ดี ทัง้ สองสิง่ นี้ มีความสำ�คัญมากต่อการดำ�รงชีวิตของมนุษย์ พูดง่ายๆ คือ มนุษย์ขาดสองสิ่งนี้ไม่ได้เลย เรา ลองมาทำ�ความรู้จักทั้งสองสิ่งนี้แบบแยกส่วนกัน ดูบ้างดีไหมคะ
All about heart เรื่องราว ของ “หัวใจ” 52
หากมีคนถามว่า เดือนกุมภาพันธ์ ฉัน นึกถึงอะไร...ฉันคงตอบแบบไม่ต้องคิดนานว่า... นึกถึงความรัก นึกถึงเรื่องราวของหัวใจ ฉันเคย คิดว่าใครกันนะที่เป็นคนเริ่มต้นนำ�ความรักไป เชื่อมโยงกับหัวใจ เขาช่างมีปัญญาหลักแหลม เสียจริง ปัจจุบันทั้งสองสิ่งนี้ได้หลอมรวมจน แทบจะเป็นตัวแทนของกันและกันไปแล้ว
เริ่มต้นกันที่ “หัวใจ” อวัยวะที่สำ�คัญมาก ของร่างกาย หัวใจทำ�งานอยู่ตลอดเวลา ไม่ สามารถหยุดได้ เพราะหากหยุดเต้นเมื่อไหร่ นั่นคือสัญญาณของการสูญเสียชีวิต หัวใจทำ� หน้าที่สูบฉีดโลหิต เอาออกซิเจนไปเลี้ยงส่วน ต่างๆ ของร่างกาย และเอาโลหิตที่ใช้แล้วซึ่งมี ของเสียคือคาร์บอนไดออกไซด์ไปฟอกที่ปอด ทั้งๆ ที่มีขนาดเล็กแค่กำ�ปั้นของเจ้าของ แต่หัวใจ ก็ทำ�หน้าที่ยิ่งใหญ่ในการหล่อเลี้ยงชีวิต มีหลอด เลือดมาเลี้ยงสามเส้นใหญ่ๆ มีกล้ามเนื้อหัวใจ ทำ�หน้าที่ในการบีบไล่เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ และขยายตัวเพื่อรับเลือดกลับเข้าสู่หัวใจ มีลิ้น หัวใจและผนังกั้นห้องหัวใจ ทำ�ให้เรามีหัวใจ 4 ห้อง แบ่งซ้าย-ขวา เลือดจึงสามารถไหลผ่าน และไม่ไหลย้อนกลับอย่างเป็นระบบ มีระบบ ไฟฟ้าหัวใจ ทำ�ให้หัวใจเต้นได้ เกิดการบีบตัว และคลายตัวอย่างเป็นระบบ เลือดจึงไหลผ่าน หัวใจอย่างเป็นระเบียบ นี่คือที่มาของระบบการ ไหลเวียนโลหิตในร่างกายเราอย่างคร่าวๆ เมื่อหัวใจทำ�งานหนักขนาดนี้ การดูแล รักษาหัวใจจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน หลัก ง่ายๆ ในการดูแลหัวใจคือการปรับพฤติกรรม เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ออกกำ�ลังกายสมํ่าเสมอ สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 30-40 นาที ควบคุมนํ้าหนักตัว หลีกเลี่ยงอาหารหวาน จัด เค็มจัด อาหารไขมันสูง พักผ่อน นอนหลับให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการตกอยู่ในภาวะเครียด สามารถจัดการกับความเครียดได้อย่าง เหมาะสม ตรวจสุขภาพอย่างสมํ่าเสมอ (โดยเฉพาะ
ความรักคล้ายกับความอ้วน ถึงแม้จะมีความรู้ทางทฤษฎี มากมาย มีคู่มือ How to ทั้งหลาย สามารถพูดกันได้เป็นฉากๆ แต่เมื่อถึงเวลาลงมือปฏิบัติ การดูแลรักษาความรัก และการลดความอ้วน เป็นเรื่องที่ยากเหลือเกิน หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ) สังเกตอาการผิดปกติ ได้แก่ เหนื่อยง่ายผิด ปกติ เจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก ใจสั่น ขาหรือ เท้าบวมไม่ทราบสาเหตุ ปลายมือปลายเท้า ริมฝีปากเขียวคลํ้า เป็นลมบ่อยๆ ผ่านเรื่องของหัวใจไปแล้ว...ถึงเวลาที่เราจะ มาคุยเรื่องของความรักกันบ้าง หากเอ่ยถึง ความรัก คิดว่าทุกคนคง รู้จักกันดีและให้นิยามที่แตกต่างกันไป บทกวี บทเพลง บทละคร วรรณกรรม มักมีความรัก เป็นโครงสร้างแทบทุกยุคสมัย สำ�หรับฉัน คิดว่า ความรักมีนิยามเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับอายุ และประสบการณ์ชีวิต แต่ทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะ เข้าใจอะไรมากมาย... มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่า ความรักคล้ายกับความอ้วน ถึงแม้จะมีความรู้ ทางทฤษฎีมากมาย มีคู่มือ How to ทั้งหลาย สามารถพูดกันได้เป็นฉากๆ แต่เมื่อถึงเวลาลงมือ ปฏิบัติ การดูแลรักษาความรักและการลดความ อ้วนเป็นเรื่องที่ยากเหลือเกิน ส่วนใหญ่ก็สอบตก กันถ้วนหน้า ทั้งนี้เพราะมันเป็นเรื่องของจิตใจ ภายใน แล้วความรักมีอะไรมาหล่อเลี้ยง...การดูแล
เอาใจใส่ต่อความรักมีความแตกต่างกันอย่าง ชัดเจนในแต่ละบุคคล ความรักจะเติบโตได้ อย่างงดงามหากได้อยู่ตามธรรมชาติอย่างอิสระ ฉันว่าความเข้าใจ การมีอิสรภาพ และการดำ�รง อยู่ของความรักโดยปราศจากเงื่อนไข เป็นสิ่งที่มี อิทธิพลต่อการเติบโตของความรักเป็นอย่างยิ่ง ในความเป็นจริงของชีวิต...หากเราย้อน กลับมาดูตัวเองและคนที่เรารัก เรามักปล่อย ปละละเลย ให้ความรักในตัวเราเติบโตมาแบบ อ่อนแอ มีปัญหา เรามักอ่อนล้าหมดแรงไปกับ ความรัก เพราะเราคาดหวัง เราสร้างเงื่อนไข โดยไม่รู้ตัว เราพยายามควบคุมให้ทุกอย่างเป็น ไปดั่งใจเรา และเมื่อไม่ได้ตามต้องการพวกเราก็ บ้าคลั่ง งี่เง่า โวยวาย เรียกร้อง อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ ท่านได้กล่าว ว่า ความรักเป็นดัชนีชี้วัดความเจริญเติบโตทาง วุฒิภาวะของบุคคลแต่ละคน และความรักคือ ความงดงามแห่งชีวิตของมนุษย์ ฉันอยากชักชวนทุกคนรวมทั้งตัวเองด้วย ให้มองความรักในแง่มุมอย่างที่อาจารย์ประมวล กล่าวบ้าง ไม่ดึงเอาตัวเองมาเป็นศูนย์กลางจน เสียสมดุล เพราะความรักเป็นสิ่งสร้างสรรค์ที่
จักรวาลมอบให้มนุษย์ แต่ที่เกิดปัญหาคง เพราะวุฒิภาวะในตัวเรายังมีอยู่น้อยมาก เราจึง มักมีรักที่อ่อนแอ ไม่สมบูรณ์ แต่มันก็ยังไม่สาย หากเราจะพัฒนาวุฒิภาวะในตัวเองให้สูงขึ้น ดูแลความรักให้มีพลัง มีความงดงาม เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรัก พวกเรามาเริ่มต้นดูแลหัวใจให้ปลอดภัยและห่าง ไกลจากโรค ดูแลความรักให้เติบโตอย่างมีวุฒิ ภาวะ มีความสำ�นึกรู้ที่งดงามและมีพลัง เพราะ ทั้งหัวใจและความรักเป็นสิ่งที่สำ�คัญมากในชีวิต ของเรา ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เราก็ อย่าท้อ เริ่มต้นไปพร้อมกัน ให้กำ�ลังใจกันและ กันนะคะ... “พึงทราบเถิดว่า ในร่างกาย นั้นมีก้อนเนื้ออยู่ก้อนหนึ่ง ซึ่งถ้า มันดีแล้ว อวัยวะส่วนอื่นก็จะดีตามไปด้วย ทั้งหมด แต่หากมันเลวแล้ว อวัยวะส่วนอื่น ก็จะเลวไปด้วย พึงทราบเถิดว่า เนื้อก้อนนั้น คือ…หัวใจ” (บทความจากวารสารมุสลิม) 53
ธรรมชาติบำ�บัด
เรื่อง : ชัญญา เศรษฐบุตร (พี่อู่) นักธรรมชาติบำ�บัด ภาพประกอบ : boysandgirls www.facebook.com/boysandgirls.art
รู้ทัน สารพันพิษ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับช่วงเวลาแห่งความสุขอันยาวนาน ทัง้ ไทย ทัง้ เทศ ไม่วา่ จะเทศกาลไหนๆ พีไ่ ทยเราก็สขุ สันต์หรรษากับเขาตลอด หลังจากทีส่ าละวนจัดหาของขวัญให้กบั คนทีเ่ รารักมามากมาย แล้ว ถึงเวลาทีเ่ ราควรจะให้ของขวัญตัวเองบ้าง อย่ามัวแต่นกึ ถึงคนอืน่ รักคนอืน่ ห่วงคนอืน่ จะเป็นจะ ตายเพราะคนอืน่ แล้วลืมเพือ่ นแท้ของเรา ทีร่ กั เรามาก ซือ่ สัตย์กบั เรามาก และอยูเ่ คียงข้างเราตลอด เวลา นึกออกไหมคะว่าใครเอ่ย ... คำ�ตอบก็คอื ...ร่างกายของเรายังไงละคะ ในแต่ละวันทีผ่ า่ นไป เราต้องต่อสูก้ บั ภาวะอากาศทีเ่ ปลีย่ นแปลง เดีย๋ วร้อน เดีย๋ วฝน เดีย๋ วหนาว แดดจัด อากาศแห้ง ทัง้ ยังมีมลพิษรอบตัวมากมาย จนบางท่านแอบบ่นว่า...รอบตัวมีแต่สารพิษเยอะแยะแบบนี้ แล้วฉันจะอยูไ่ ด้อย่างไร จะใช้ชวี ติ แบบไหนดี พีอ่ ู่ ขอตอบว่า...ก็อยูไ่ ปอย่างนีแ้ หละค่ะ แต่ตอ้ งใช้ปญ ั ญา มีความรักตัวเอง ไม่ประมาทและเฝ้าสังเกต เพือ่ ทีจ่ ะได้รทู้ นั พิษภัยต่างๆ รอบตัวเรา เพียงเท่านีก้ ถ็ อื เป็นการให้ของขวัญตัวเองแล้วค่ะ มาดูกนั นะคะว่าพิษภัยทีเ่ ราควรรูใ้ ห้เท่าทันมีอะไรบ้าง 54
• อารมณ์เป็นพิษ สำ�คัญมากทีส่ ดุ เลยค่ะ เพราะจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว ไม่มรี า่ งกายของผูใ้ ดทีจ่ ะดีได้หากตกอยูใ่ นภาวะจิตใจทีย่ า่ํ แย่ อารมณ์ท�ำ ให้เราเจ็บป่วยได้ ฆ่าเรา ได้ ไม่วา่ จะเป็นความเครียด ความเศร้า ความทุกข์ ความเร่งรีบ ความกลัว ความวิตกกังวล อาฆาตพยาบาท โลภ โกรธ หลง ยึดติดเกินไป เอาแต่ใจตัวเอง ไม่พอใจ ไม่สบายใจ ฯลฯ ทุกครัง้ ทีม่ ภี าวะจิตใจดังกล่าวนี้ เท่ากับเราได้ปล่อยสารพิษออกมาทำ�ร้ายเซลล์เนือ้ เยือ่ ดีๆ ของเราเอง เหมือนเอานํา้ กรดมาราดรด ตัวเอง อวัยวะส่วนใดอ่อนแอก็จะเสือ่ มหรือแสดงอาการไม่สบายก่อน เช่น ปวดหัว ปวดตัว ปวดท้อง อ่อนเพลีย เจ็บหัวใจ เป็นต้น ถ้าเราเก็บอารมณ์พษิ ไว้ นานๆ ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้พษิ รุนแรงมากขึน้ จนลุกลามไปทำ�ร้ายอวัยวะส่วนอืน่ ๆ อีกหลายที่ เราจึงป่วยเป็นหลายโรคค่ะ • พิษจากมลภาวะต่างๆ ทีเ่ พิม่ มากขึน้ ทัง้ อากาศเป็นพิษ นํา้ เสีย เสียงทีด่ งั จนเกิน ไป ฯลฯ ภาวะเหล่านีก้ อ่ ให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ ทัง้ กายและใจ
• อาหารเป็นพิษ เรือ่ งอาหารนีส่ �ำ คัญเป็นอันดับ 2 เลยทีเดียว อันทีจ่ ริงแล้ว เราทุกคนต่างรูว้ า่ อาหารประเภทใด ทีด่ ตี อ่ ร่างกาย อาหารประเภทใดทีก่ อ่ ให้เกิดโทษ แต่กเิ ลส ความอยาก และความประมาททำ�ให้ เราขาดสติยง้ั คิด จึงกินอาหารทีไ่ ม่ดเี ข้าไปทำ�ให้ เราทำ�ร้ายตนเองทัง้ ทีต่ ง้ั ใจ และไม่ตง้ั ใจ โดยมักมี ข้ออ้างว่า “แค่นดิ เดียวเอง คงไม่เป็นไรหรอก” ซึง่ จริงๆ แล้วมันไม่นดิ เลย พิษจากอาหารทีค่ วรระวัง มีดงั นีค้ ะ่ พิษจากอาหารทีป่ นเปือ้ นสารพิษ
1 สารเคมีตกค้างทัง้ ในพืชและสัตว์ จาก
กระบวนการผลิตและการปรุงแต่ง เราจึงต้องล้าง ให้สะอาด เช่น แช่ในผงถ่านหรือแช่ในนํา้ ซาวข้าว หรือใช้ถา่ นหุงข้าว 1-5 ก้อนแช่ในนํา้ ก่อนทีจ่ ะนำ� ผักผลไม้ไปแช่อย่างน้อย 10-20 นาที แล้วจึงนำ� มาล้างนํา้ สะอาด ก็ชว่ ยลดพิษได้มากเช่นกัน ควร ปรุงแต่งอาหารให้นอ้ ยทีส่ ดุ เพือ่ ให้อาหารมีพลัง ชีวติ สูงสุด หากปลูกผักผลไม้ทานเองได้จะดีมาก (เรือ่ งนีล้ องปรึกษาป้าจาย แม่มดดอกไม้ดนู ะคะ) พิษจากการปรุงอาหารรสจัดมากเกิน
2 ไป จะทำ�ให้รา่ งกายต้องทำ�งานหนัก เกิด
พลังงานส่วนเกินย้อนมาเผาทำ�ลายเซลล์และเม็ด เลือด (ทำ�ให้เกิดภาวะเลือดข้น หรือภาวะเลือด เป็นกรดได้)
• พิษจากการไม่ออกกำ�ลังกาย คนเราต้องมีการออกกำ�ลังอย่างสมํา่ เสมอ วันละประมาณ 1 ชัว่ โมง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครัง้ เพือ่ ให้กล้ามเนือ้ เอ็น กระดูกมีความ แข็งแรง ยืดหยุน่ ร่างกายจึงจะสดชืน่ ปราศจาก โรคภัยไข้เจ็บ พิษจากการทานอาหารทีไ่ ม่สมดุล ควร
3 ลดสารพิษ สารเคมีในอาหาร ลดเนือ้ สัตว์ • พิษจากการสัมผัสเครือ่ งมือ เครือ่ งใช้
(เพราะร่างกายต้องใช้เวลาย่อยเนือ้ สัตว์ 3 วัน) ลดอาหารรสจัดทุกชนิด เปรีย้ วจัด หวานจัด เค็ม จัด เผ็ดจัด ฯลฯ หรือปรับอาหารให้เหมาะสมกับ สภาพแวดล้อม เช่น อยูใ่ นเขตอากาศหนาว หรือ อากาศร้อน เป็นต้น
อุปกรณ์ตา่ งๆ เช่น โทรศัพท์มอื ถือ ไมโครเวฟ เครือ่ งใช้ ไฟฟ้า ฯลฯ เนือ่ งจากอุปกรณ์เหล่านีม้ คี ลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้าอยู่ หากเข้าสูร่ า่ งกายมากเกินไป จะไปทำ�ร้ายเซลล์เนือ้ เยือ่ ต่างๆ ของร่างกาย เร่งให้เกิดความเสือ่ มและก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ เช่น คุณผูช้ ายทีช่ อบเอาโทรศัพท์คลืน่ แรงๆ พิษจากการทานอาหารทีม่ เี นือ้ สัตว์มาก 4 เกินไป เพราะในเนือ้ สัตว์มไี ขมัน กรด ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง มีโอกาสทีจ่ ะเป็นหมันหรือ เสือ่ มสมรรถภาพได้ ส่วนผูท้ ช่ี อบเอาโทรศัพท์แนบ ต่างๆ ทีเ่ ป็นพิษต่อร่างกายมาก และก่อนทีส่ ตั ว์ จะถูกฆ่ามาเป็นอาหารของเรา จะมีความเครียด หู (โดยไม่ใช้หฟู งั ช่วย) มักปวดศีรษะ ในกรณีทม่ี ี และจะหลัง่ สารพิษออกมา แม้เราจะเอาไปต้ม ยำ� ความรุนแรงมากอาจทำ�ให้เซลล์ผดิ ปกติได้ ปิง้ ทอด อย่างไรก็ไม่สามารถกำ�จัดได้ เราจึงได้รบั เมือ่ เราทราบถึงสาเหตุทท่ี �ำ ให้รา่ งกาย สารพิษนัน้ มาด้วย อ่อนแอ หรือเสือ่ มแล้ว เราควรจะต้องระมัดระวัง ป้องกัน ไม่อญ ั เชิญพิษต่างๆ มาสูต่ วั เรา ไม่วา่ พิษทีเ่ กิดจากการทานอาหารรีบเร่ง เคีย้ ว ทางกายหรือทางใจ เมือ่ ร่างกายปราศจากพิษ 5 ไม่ละเอียด ทำ�ให้รา่ งกายย่อยอาหารได้ ชีวติ ก็จะมีพลัง มีความสุข ก็ตอ้ งบอกเหมือนเดิม ไม่ดี เผาผลาญอาหารได้ไม่ดี ทำ�ให้เกิดสารและ ว่า “ร่างกายจ๋าฉันขอโทษ...ร่างกายจ๋า พลังงานทีเ่ ป็นพิษตกค้างอยูใ่ นร่างกาย สารและ ฉันรักเธอ...ร่างกายจ๋ายกโทษให้ฉนั ด้วย...” พลังงานทีเ่ ป็นพิษนีจ้ ะไปทำ�ลายเซลล์เนือ้ เยือ่ ของ บุญรักษา ธรรมคุม้ ครองทุกท่านนะคะ ร่างกายให้เสียหายและเกิดอาการเจ็บป่วยตามมา 55
beauty by nature เรื่อง : ศศินี ปัญญารัตน์ ภาพประกอบ : PASTELLER
ขาวใส ด้วยไวท์เทนนิ่ง แบบธรรมชาติ
เพราะความขาวใส เปล่งประกาย อย่างเป็นธรรมชาติแท้ๆ เชียว ทีท่ �ำ ให้ หญิงสาวคนหนึง่ ได้กลายเป็นซินเดอเรลล่า โดยไม่ตอ้ งพึง่ กลูตา้ ไธโอนเลยค่ะ ไม่ใช่พป่ี ยุ๋ ภรณ์ทพิ ย์ นางงามจักรวาล หรอกนะคะ แต่กเ็ รียกว่าเป็น พีป่ ยุ๋ 2 เลย ก็วา่ ได้คะ่ เป็นเรือ่ งจริงไม่องิ นิยาย บุคคลที่ ดิฉนั กล่าวถึง มีตวั ตนอยูจ่ ริง และตอนนี้ กลายเป็นเจ้าหญิงใช้ชวี ติ แสนสุข อยูท่ ่ี รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลียค่ะ เธอผูน้ น้ั คือ น้าสาวคนงามของดิฉนั เอง ความงามของสาวไทยคนนี้ ทำ�ให้ มหาเศรษฐีหนุม่ ใหญ่ชาวออสเตรเลีย Fall in Love เข้าอย่างจังเลยค่ะ คุณน้าเคย มาพักอยูท่ บ่ี า้ นเป็นเวลาหลายเดือนก่อน ทีจ่ ะแต่งงานและย้ายไปอยูต่ า่ งประเทศ เป็นการถาวร ดิฉนั จึงมีโอกาสได้เห็นชีวติ ประจำ�วัน ในการดูแลผิวพรรณของคุณน้า คนสวย ทีไ่ ม่เคยคิดเลยว่าวันหนึง่ ชีวติ ของเธอจะกลายเป็นดัง่ เทพนิยาย ก็เลย อยากจะแบ่งปันให้เพือ่ นๆ ชาว happy+ ได้ลองนำ�ไปปฏิบตั กิ นั ดูบา้ ง สูตรความ ขาวใสทีน่ �ำ มาฝากมี 2 สูตรค่ะ ใช้ได้ทง้ั ผิวหน้าและผิวกายเลยนะคะ
56
• สูตรมะขาม
มะขามเป็นพืชทีป่ ลูกกันมากในแถบเอเชีย มาเป็นเวลายาวนาน มีความเหมาะสมในการดูแล ผิวพรรณของคนเอเชียเป็นอย่างยิง่ เพราะมะขาม เป็นพืชผลประจำ�ถิน่ และอุดมไปด้วยวิตามินซี กรดผลไม้ในมะขามช่วยขจัดจุดด่างดำ�และเซลล์ ผิวทีต่ ายแล้วได้เป็นอย่างดี ทีนเ้ี รามาดูกนั ว่า ส่วนผสมมีอะไรบ้าง นํา้ มะขามเปียกคัน้ สด 2 ช้อนโต๊ะ นํา้ ผึง้ 1 ช้อนชา นมสด 1 ช้อนชา ผสมส่วนประกอบทัง้ สามเข้าด้วยกัน จากนัน้ นำ�มาทาให้ทว่ั ใบหน้าและลำ�คอ เว้นรอบดวงตา ไว้นะคะ ทิง้ ไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออก ด้วยนํา้ สะอาด ให้ท�ำ เช่นนีเ้ ป็นประจำ� อย่างน้อย สัปดาห์ละครัง้ ผิวหน้าของเราก็จะขาวใสขึน้ จากทีเ่ คย หลังจากมาส์กหน้าด้วยวิธนี เ้ี สร็จแล้ว พยายามอย่าให้หน้าโดนแดดนะคะ เพราะผิวหน้า จะมีความไวต่อแสง อาจทำ�ให้ผวิ หน้าของเราดำ� ขึน้ กว่าเดิมได้คะ่
ส่วนผิวกาย ให้เรานำ�นํา้ มะขามเปียกคัน้ สด ขัดผิวโดยใช้ใยบวบ สามารถทำ�ได้ทกุ วันขณะ อาบนํา้ สูตรนีท้ �ำ ให้คณ ุ น้าของดิฉนั ซึง่ มีผวิ ค่อน ข้างคลํา้ มาแต่ก�ำ เนิด กลายมาเป็นผิวขาวผ่อง อย่างไม่นา่ เชือ่ เลยค่ะ
• สูตร 5 ขัน้ ตอนง่ายๆ
สำ�หรับสูตรนี้ คุณน้าคนสวยมอบให้สาวๆ ทีอ่ าจจะไม่นยิ มชมชอบมะขาม มีทง้ั หมด 5 ขัน้ ตอน ดังนีค้ ะ่
ขัน้ ตอนทีห่ นึง่
ทำ�ความสะอาดผิวกาย 2 ครัง้ ต่อวัน ด้วย สบูอ่ อ่ นและผ้าขนหนูนมุ่ ๆ วิธกี ารก็คอื นำ�ผ้า ขนหนูชบุ นํา้ ให้พอหมาด จากนัน้ นำ�มาถูกบั สบู่ อ่อน แล้วถูวนทัว่ ผิวกาย จะช่วยขจัดเซลล์ผวิ ที่ ตายแล้วได้อย่างดีคะ่
ขัน้ ตอนทีส่ อง
เพือ่ ผิวหน้าขาวใส ก่อนล้างหน้าทุกเช้า ทา ด้วยมะเขือเทศบดละเอียดผสมนํา้ มะนาว วิธี การก็คอื นำ�มะเขือเทศ 1 ผล มาบดผสมกับ นํา้ มะนาว 1 ผล คนให้เข้ากัน ทาทัว่ ใบหน้าบางๆ ทิง้ ไว้ประมาณ 15 นาที เราสามารถเก็บรักษา ส่วนผสมทีเ่ หลือไว้ในกล่องทีป่ ดิ ฝาสนิท แช่ไว้ใน ช่องแช่แข็ง เก็บไว้ได้ประมาณ 1 สัปดาห์คะ่ หลังจาก 15 นาที ให้ลา้ งออกด้วยนํา้ เย็น จากนัน้ ล้างหน้าอีกครัง้ ด้วยผ้าขนหนูชบุ นํา้ สบูอ่ อ่ น แล้วล้างออกด้วยนํา้ สะอาดค่ะ
ขัน้ ตอนทีส่ าม
ก่อนนอนทุกคืนเติมความชุม่ ชืน้ ให้ผวิ ด้วยนํา้ ผึง้ และนํา้ มะนาว วิธกี าร มีดงั นีค้ ะ่ ผสมนํา้ ผึง้ 1 ช้อนชา กับนํา้ มะนาว 1 ช้อนชาเข้าด้วยกัน นำ�มา ทาทัว่ ใบหน้า ทิง้ ไว้ 15 นาที หลังจาก นัน้ ล้างออกด้วยนํา้ อุน่ ตามด้วยผ้า ขนหนูชบุ นํา้ สบูอ่ อ่ น ล้างหน้าอีกครัง้ ผิวของคุณจะเนียนนุม่ ชุม่ ชืน้ อย่าง ไม่เคยรูส้ กึ มาก่อน
ขัน้ ตอนทีส่ ่ี
นำ�เจลว่านหางจระเข้ ธรรมชาติทาผิวให้ทว่ั วันละ 2 ครัง้ หลังอาบนํา้ ในตอนเช้าและตอน กลางคืน ว่านหางจระเข้จะช่วย ถนอมผิวให้ชมุ่ ชืน้ และผ่องใสยิง่ ขึน้
ขัน้ ตอนทีห่ า้
ผลัดเซลล์ผวิ สัปดาห์ละครัง้ ด้วย นํา้ มันมะกอกผสม นํา้ ตาล วิธกี ารก็คอื ผสมนํา้ มันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ กับ นํา้ ตาลทรายขาว 1 ช้อนโต๊ะเข้าด้วยกัน นำ�มาทาให้ทว่ั ผิวหน้าหรือลำ�ตัว ใช้นว้ิ ขัดผิวแบบหมุนวนไปให้ทว่ั ถ้าเป็น บริเวณผิวหน้าให้เว้นรอบดวงตาไว้ ขัน้ ตอนนีจ้ ะช่วยขจัด เซลล์ผวิ ทีต่ ายแล้ว เผยผิวใหม่ขาวใส ผุดผ่องกว่าเดิม
ทัง้ 5 ขัน้ ตอนนี้ หากทำ�เป็นประจำ� สมํา่ เสมอ คุณจะมีสขุ ภาพผิวทีด่ ี และผิวพรรณ ทีข่ าวใส เนียนนุม่ น่าสัมผัส จนไม่ตอ้ งพึง่ สารเคมี หรือกรรมวิธอี น่ื ใดเลยค่ะ น้าสาวของ ดิฉนั แม้ตอนนีเ้ ธอจะรํา่ รวยแล้ว แต่เธอก็ยงั รักษาผิวพรรณแบบธรรมชาติอยูเ่ ลย แถมเธอ ยังดูสาวกว่าอายุ จนทำ�ให้หนุม่ น้อย หนุม่ ใหญ่ ตามจีบกันเกรียวเชียวค่ะ นีถ่ า้ ยังโสด คุณน้า คงปวดหัวน่าดู ไอน์สไตน์บอกว่า “Look deep into the nature, and then you will understand everything better”. ให้มองลึกๆ เข้าไปในธรรมชาติ แล้วคุณจะ เข้าใจทุกสิง่ ทุกอย่างได้ดขี น้ึ คำ�พูดประโยคนี้ จับใจดิฉนั ยิง่ นัก เพราะเมือ่ ดิฉนั มองไปยังความ งดงามของธรรมชาติ ดิฉนั รับรูถ้ งึ ความสุขสงบ ภายในใจได้อย่างชัดเจน คุณก็รสู้ กึ ได้เช่นเดียวกันใช่ไหมคะ ขอให้ทกุ ท่านแฮปปี้ มีความสุข ในวันแห่ง ความรัก (ทุกวัน) ค่ะ 57
beauty recommended เรื่อง : Miss Beauty
ผิวเนียนนุ่ม
เสน่ห์ง่ายๆ ของหญิงสาว
คำ�ว่า “ผิวสวย” ในความหมายของแต่ละ คนย่อมแตกต่างกันไป แต่สำ�หรับดิฉัน ผิวสวย ก็คือผิวที่เนียนนุ่มน่าสัมผัส ลองคิดดูสิคะ ผิวขาวโอโม่แต่แห้งกร้าน มีหรือจะสู้ผิวที่เนียน นุ่มชุ่มชื้นได้ ซึ่งกลวิธีสำ�คัญก็คือ หมั่นทาครีม บำ�รุงอย่างสมํ่าเสมอเท่านั้นเองค่ะ
ก่อนอื่นต้องทำ�ความเข้าใจก่อนว่า การปรนนิบัติผิวให้ชุ่มชื้นนั้นมีความสำ�คัญมาก เพราะหาก ปล่อยให้ผิวแห้งกร้าน จะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นความหมองคลํ้า จุดด่างดำ� ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย และเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย การรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว จึงเป็นการรักษาสมดุล ให้ผิวแข็งแกร่งพร้อมต่อสู้สิ่งรอบด้านที่จะทำ�ร้ายผิว เช่น มลภาวะต่างๆ แสงแดด สภาพอากาศแห้ง และหนาวเย็น สารเคมี การเสียดสี และอายุที่เพิ่มมากขึ้น เริ่มต้นด้วยวิธีง่ายๆ ให้เลือกอาบนํ้าเย็นอยู่เสมอ เพราะไม่ทำ�ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นมากเท่า กับนํ้าอุ่น หลังอาบนํ้าเสร็จให้เช็ดตัวหมาดๆ แล้วบำ�รุงด้วยโลชั่น ผิวหน้าก็เช่นกัน ให้ทาครีมบำ�รุง หลังล้างหน้าเพราะเป็นช่วงเวลาที่ครีมจะซึมซาบลงสู่ผิวได้เต็มที่ ไม่เพียงแค่นั้น การเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์จะช่วยกักเก็บนํ้าไม่ให้ระเหยจากผิวได้ดียิ่งขึ้น ขอแนะนำ� 2 ผลิตภัณฑ์เพื่อการบำ�รุงผิว ให้เนียนนุ่มชุ่มชื้นโดยเฉพาะ Impress IC Refining Emulsion I/II (ราคา 2,000 บาท) อิมัลชั่นเนื้อเข้มข้นของ Kanebo ที่มี คุณสมบัติเด่นคือ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นที่ผิว ได้รับจากโลชั่น ผสานคุณค่าจาก Oolong Tea Extract, Fermented Soy Milk Extract และ Acerola Extract ทำ�หน้าที่ควบคุมสมดุลของ ความชุ่มชื้นและนํ้ามันใต้ผิว เพื่อให้ผิวนุ่มละมุน และมีความยืดหยุ่นจากภายใน SENKA Hoshitsu Emulsion
(ราคา 390 บาท) อิมัลชั่นยอดนิยมจากญี่ปุ่น เพื่อการบำ�รุงผิวด้วยเนื้อครีมบางเบา ที่มีส่วน 58
ผสมของ W Hyaluronic Acid ช่วยลดเลือนริ้ว รอย และ Royal Jelly GL เพื่อผิวรู้สึกยืดหยุ่น แลดูกระชับ 2 คุณสมบัติที่ตรงเข้าซึมซาบลงสู่ ชั้นผิว เพื่อมอบความชุ่มชื้นได้อย่างเต็มเปี่ยม พร้อมทั้งช่วยปรับสภาพผิวที่แห้งกร้านให้เนียน นุ่มชุ่มชื้น ช่วยลดเลือนริ้วรอย และมอบผิวแลดู กระชับยิ่งขึ้น ที่สำ�คัญ การดูแลสุขภาพจากภายใน ด้วย ปัจจัยพื้นฐาน อย่างการรับประทานอาหาร ดื่มนํ้าให้เพียงพอ การพักผ่อน ปัจจัยสุขภาพที่ ทุกคนรู้ดีนี่เอง ที่จะเป็นปราการสำ�คัญในการนำ� คุณไปสู่ผิวสวยสุขภาพดี ครบสูตรทุกความ ต้องการที่สาวๆ ทุกคนไม่ควรละเลย
เรื่อง : นพ.พัฒน ธัญญกิตติกุล
A few good stuff
คำ�ขวัญวันเด็ก สำ�หรับ “ทุกคน”
“รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำ�พาไทยสู่อาเซียน” วันเด็กที่ผ่านมาได้เห็นคำ�ขวัญที่สร้างสรรค์ออกมาไม่ใช่แค่ให้เด็กท่องจำ�เท่านั้น แต่สามารถ นำ�มาใช้เตรียมความพร้อมให้เด็กรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำ�ลังจะเกิดขึ้น ในความคิดของผม คำ�ขวัญเหล่านี้ไม่ได้มีประโยชน์สำ�หรับเด็กเท่านั้น แต่ดีสำ�หรับผู้ใหญ่ด้วยไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม เรามาดูกันทีละข้อว่าจะสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างไรบ้าง วินัย discipline หมายถึงไม่ตามใจตนเอง ตัวอย่างเช่น ถ้าเราขี้เกียจ ก็ให้ขยันซะ ถ้าเราชอบทำ� ตามใจตัวเอง ก็ให้ทำ�ตาม กฎระเบียบให้ได้ ถ้าเรา ชอบปล่อยตัวเองไปตาม ความรู้สึก ก็ให้รู้จักควบคุม ตนเองโดยใช้สติเป็นตัว ขับเคลื่อนชีวิตไปข้างหน้า อย่างระมัดระวัง คนที่มีวินัย มักชอบที่จะวางแผน และ ลงมือทำ� ผมคิดว่าคนไทย ยังขาดวินัยอยู่เมื่อเทียบกับ ประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีน เวียดนาม ซึ่งคนในชาติของ เขาขยันทำ�มาหากินอย่าง มาก เพราะภูมิหลังประเทศ เหล่านี้มีความยากลำ�บาก มาก่อน ถ้าเราอยากฝึก ตนเองให้เป็นคนมีวินัย เริ่ม ต้นง่ายๆ ด้วยการเป็นคน ตรงต่อเวลา หรือเป็นคน รักษาคำ�พูด เมื่อทำ�ได้แล้ว ค่อยเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆ ค่อยๆ ฝึกดังนี้เราก็จะมี วินัยได้ในที่สุด
ใฝ่เรียนรู้ eager to learn การเรียนรู้ก็เปรียบเสมือนการ พายเรือทวนนํ้า ถ้าเราไม่พายเพราะคิดว่าเรียนรู้มามากพอแล้ว เราก็ จะถอยหลัง เพราะโลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา องค์ความรู้ก็เปลี่ยน ไปด้วย ถ้าเราพยายามปรับปรุง พัฒนาตนเอง แสวงหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ เราก็จะปรับตัวได้ทันกับโลก ไม่ล้าหลัง ในบทบาทที่เป็น แพทย์ที่รักษาคนไข้ แม้ว่าจะเรียนจบแพทย์มานานแล้ว แต่ทุกวันนี้ ยังต้องอ่านหนังสือ หาความรูใ้ หม่ๆ อยูต่ ลอดเวลา เราจะเห็นว่าไม่กป่ี ี ที่ผ่านมาได้มีการรณรงค์ให้คนไทยรักการอ่านมากขึ้นหลังจาก พบว่าคนไทยอ่านหนังสือน้อยมาก คุณล่ะครับเป็นคนใฝ่เรียนรู้ ขนาดไหน ถ้าให้คะแนน 1-10 อย่างน้อยการที่คุณอ่านหนังสือเล่มนี้ ผมให้คะแนนคุณ 2 คะแนนขึ้นไป เพิ่มพูนปัญญา adjust into practice หลายคนมีความ รู้มาก แต่ขาดปัญญาที่จะนำ�ความรู้นั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เข้าข่ายมีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เพราะขาดสติปัญญา คนมีความรู้ในสังคมมีอยู่มาก แต่คนมีปัญญาเท่านั้นที่จะสามารถ นำ�ความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม ในแต่ละปีมีคนเรียน จบมหาวิทยาลัยมากมายและหลายคนได้ทำ�งานไม่ตรงกับสาขาที่ เรียนจบมาแต่สามารถทำ�งานได้ดี ที่เป็นเช่นนี้เพราะมหาวิทยาลัย ไม่ได้เป็นแหล่งให้ความรู้เท่านั้น แต่ยังให้ปัญญาด้วย เรียกได้ว่า มหาวิทยาลัยได้สอนให้รู้วิธีเรียนรู้ และวิธีนำ�ความรู้ไปใช้อีกด้วย นี่แหละเป็นสิ่งสำ�คัญที่จะทำ�ให้เราเป็นปัญญาชนอย่างแท้จริง คุณสมบัติทั้ง 3 ประการนี้ถ้าเรานำ�ไปใช้ ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ คุณจะเป็นคนที่สามารถพัฒนาตนเองสู่ความสำ�เร็จได้ ทั้งการเรียนและการทำ�งาน เริ่มต้นทำ�วันนี้ ทำ�ทีละน้อย ปรับปรุง พัฒนาอยู่เสมอ ผมว่าไม่ใช่แค่ระดับอาเซียนเท่านั้น แต่คงไปถึง ระดับโลกอย่างแน่นอน
59
family in lo e เรื่อง : วีรณัฐ โรจนประภา ภาพประกอบ : kampanatz.com
สิ่ง(ของ)มีชีวิต บทนี้ชื่อแปลก ! ทั้งแปลกและไม่เป็นความจริงเอาเลย สิ่งของจะมีชีวิตได้อย่างไรกัน สิ่งของก็คือวัตถุที่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไม่มีชีวิต ส่วนสิ่งที่มีชีวิตก็ต้องเป็นมนุษย์ หรือสัตว์ ไม่ใช่สิ่งของ แต่เชื่อไหมครับเรามักใช้สองสิ่งนี้สลับกัน เรามักปฏิบัติต่อสิ่งของเหมือนมันมีชีวิต ขณะที่ปฏิบัติกับสิ่งมีชีวิตดั่งเป็นสิ่งของ เหมือนไม่น่าเชื่อ แต่หากลองย้อนสำ�รวจดูจะเห็นว่าเป็นจริงอย่างยิ่ง
นึกถึงตอนเราขับรถตกหลุมสิครับ คุณ รู้สึกอย่างไร ใช่ ตกใจสุดขีด กลัว บางคนถึงกับ อุทานว่า “อูย...ย เจ็บไหมลูก” เราเห็นรถเป็นลูก และกลัวมันจะเจ็บได้จริงๆ เหมือนสิ่งมีชีวิต หรือบางคนที่ของรัก ของสะสม อาจเป็น แผ่นเสียงเก่าที่หาซื้อไม่ได้อีก หนังสือหายาก หรือของแทนใจจากคนรักเกิดชำ�รุด เสียหายขึ้น มา มันสามารถเรียกนํ้าตาจากเจ้าของ รวมถึง ดิ้นรนพาไปซ่อมแซม พาไปบูรณะชนิดทุ่มสุดตัว ไม่แพ้ความเจ็บป่วยของคนในครอบครัว ของ ญาติสนิทมิตรสหาย หากยังไม่เชื่อจะลองดูอีก สักสองตัวอย่างก็ได้ เช่น หากแม่บ้านหรือคนใช้ทำ�แก้วเจียระไน
60
ราคาแพงแตก แก้วบาดมือเขา เราจะห่วงแก้วที่ แตกก่อน หรือห่วงมือของคนใช้ทถ่ี กู แก้วบาดก่อน หรือใครที่มีคนขับรถให้นั่ง หากคนขับขับ รถไปชนท้ายคันหน้า เราจะนึกถึงความเสียหาย ค่าซ่อม คดีความก่อน หรือนึกถึงหัวที่กระแทก กระจกของคนขับก่อน ตัวอย่างที่ยกมานี่แหละครับเป็นมุมกลับ และเป็นที่มาของชื่อบทแปลกๆ บทนี้ด้วย นั่นคือ นอกจากเรามักมองสิ่งของโดยเฉพาะของ “ของ เรา” ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตแล้ว เรายังมองสิ่งมีชีวิต (ที่ ไม่เกี่ยวกับเรา) เป็นดั่งสิ่งของ จัดการ ดูแล หรือ มีปฏิสัมพันธ์กับเขาด้วยการคิดแบบสิ่งของ แบบ วัตถุ เขามีประโยชน์อะไรกับเรา มีมูลค่าเท่าไหร่
เขาจะสร้างผลดี-เสียแก่เราประมาณค่าเท่าใด นี่ว่ากันในความสัมพันธ์แบบคนไม่ใกล้ชิด กันมากนะครับ แต่เชื่อไหมว่าแม้แต่คนใกล้ชิด เอง คนอยู่บ้านเดียวกันเรายังอาจมองเขาแบบ สิ่งของได้ ไม่เชื่อหรือครับ! งั้นลองดูซิว่าเวลาคู่ชีวิตเราทำ�อะไรไม่ถูกใจ เรามองเขาหรือเธอในแบบไหน ? มองว่าเป็นสิง่ ภายนอกทีม่ าขัดใจ มากวนใจ เรารึเปล่า หรือแม้กระทั่งลูกเล็กเอง หากร้อง โวยวายหิวนมขึน้ กลางดึก เราตืน่ ขึน้ มาด้วยความ รู้สึกว่าลูกเป็นเครื่องกวนใจ ขัดเวลานอนหรือไม่ หากไม่ใช่ก็เยี่ยมครับ แต่หากใช่คงต้อง หยุดและฉุกคิดแล้วว่า เราได้มองคนอื่นแม้ กระทั่งคนในครอบครัวเราเองเหมือนเป็นสิ่งของ เป็นสิ่งที่มาทำ�ให้เราไม่สบาย เป็นสิ่งที่มาขัด ความเพลิดเพลินบันเทิงใจ เป็นสิ่งที่มาทำ�ให้เรา เสียเวลา เสียโอกาสแสวงหาสุขของเราหรือ และ นั่นไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เราอยาก(ตั้งใจ)จะให้เป็นนัก ที่สำ�คัญคือผลของมัน เมื่อใดที่เรามองคน เป็นเช่นนั้น เขาย่อมรู้สึกกับเราแบบเดียวกัน คือเราก็เป็นสิ่งของสำ�หรับเขา เป็นเครื่องที่ไม่ ตอบสนองเขา เป็นเครื่องกวนใจ เป็นสิ่งที่ไม่น่า อภิรมย์ขัดขวางความสุขของเขาเช่นกัน เรียกว่าต่างคนต่างสร้างเกราะขึ้นมา ป้องกันตนเอง มาปกป้องตัวเองและทำ�ร้าย คู่สัมพันธ์ ไม่น่าเชื่อนะครับว่า เรารักลูกมาก แต่เสี้ยว วินาทีที่ลูกทำ�รถพัง ทำ�แจกันแตก ทำ�บ้านเสีย หาย เราอาจเผลอไปขุ่นใจในความประมาทอัน ไร้เดียงสานั้น ว่าได้มาทำ�ลายทรัพย์สิน สิ่งของ ที่เราเหนื่อยยากแสวงหามา ก่อนที่จะนึกถึง สายสัมพันธ์ของครอบครัว จริงหรือไม่ สำ�รวจกันเองครับ ซึ่งหากจริง ก็ต้องรีบแก้ไข ไม่เช่นนั้นลูกที่รับรู้ความรู้สึกนี้ ได้เช่นกันก็จะรู้สึกกับเราดั่งเป็นสิ่งของ เป็นตู้
เอทีเอ็มให้กดเงิน เป็นเจ้าของบ้านให้พักอาศัย อยู่ ฯลฯ แล้วจะแก้ไขอย่างไร ? ต้องเริ่มจากความเข้าใจที่ถูกต้องคือ เมื่อใดมี “ของเรา” เราจะปฏิบัติต่อสิ่งของ ผิดพลาด เมื่อใดมี “ตัวเรา” เราก็จะปฏิบัติต่อคนอื่น ผิดพลาด ไม่อยากปฏิบัติต่อใคร สิ่งใด รวมถึงตัวเรา เองผิดพลาดก็ต้องจัดการ ตัวเรา ของเรานี้ครับ วิธีก็คือ “การมีสติ” นั่นเอง ต่อจากนี้ไปทำ�อะไร ให้มีสติกำ�กับไว้ตลอด จะได้ไม่เปิดช่องให้เผลอมี ตัวกู ของกู ดั่งที่ท่านพุทธทาสสอนไว้ขึ้นมาครับ และเมื่อมีสติเราก็จะปฏิบัติต่อสิ่งของอย่าง สมกับเป็นสิ่งของ ปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตเช่นสิ่งมี ชีวิตครับ ผมขอปิดท้ายบทชื่อแปลกนี้ด้วยคำ�คมจาก “พรานบูรพ์” ครับ คนเห็นคน เป็นคน นั่นแหละคน คนเห็นคน ใช่คน ใช่คนไม่ กำ�เนิดคน ต้องเป็นคน ทุกคนไป จนหรือมี ผู้ดีไพร่ ไม่พ้นคน เกิดหนหนึ่ง ตายหนหนึ่ง พึงนึกไว้ ไม่เกิดใหม่ ตายใหม่ ได้หลายหน อย่าโอหัง อยากจะดี วิเศษล้น ก็แค่คน คนหนึ่ง เท่านั้นเอง
61
ทรัพย์ ในธรรม
เรื่อง : ปัทมา กลิ่นทอง ภาพประกอบ : anmom
ธรรม...
แห่งความรัก กลิ่นอายแห่งความรักอึงอลอยู่เต็มโสตประสาทของสาวหนุ่มในเดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรัก...สิบสี่กุมภาวันวาเลนไทน์ วันที่โรงแรม (ม่านรูด) ถูกรองรับความพิศวาสราวให้เข้าพักฟรี ก็ขอให้ไวไปกันแต่หัวคํ่านะ ช้าหมดอดจับจอง...อุ๊บส์ อย่าลืม “ยืดอก พกถุง” ด้วยละกัน พ่อคุณ แม่ทูนหัว! บทพิสูจน์รักแท้ของหลายคู่มักจะเลือกเอา วันวาเลนไทน์เป็นสรณะ มีบางปีเหมือนกันที่ วันมาฆบูชาเวียนมาบรรจบครบรอบตรงกับวัน วาเลนไทน์พอดี กระนั้นดอกกุหลาบก็ยัง กระชากเรตติ้งทิ้งดอกบัวไปอย่างไม่เห็นฝุ่น เล่นเอาฝ่ายธรรมะปวดกระดองใจ แต่ก็จำ�ต้อง ปล่อยพวกเห็นกงจักรเป็นสี่ดอกจิก เอ้ย! เป็นดอกบัวเขาไป จะหา...ดอกอะไรเสียบไว้อยู่ในรูหู...จะ หาคู่จู้ฮุกกรูกันทั้งที หนุ่มสาวอินเทรนด์ก็ควรมี “ธรรมแห่งความรัก” มาแชร์กันบ้างนะจ๊ะ นอกจากผูกดวง ดูไพ่ ดูโหงวเฮ้ง หาแม่หมอ ฯลฯ แล้ว ก็ยังมีธรรมะ เป็นอีกทางเลือก ประกอบการตัดสินใจเรื่องคู่ครอง แม้นว่า...ชาติ ก่อนเราเคยทำ�บุญ ปลูกดอกไม้ร่วมต้น...ชาตินี้ วันนี้อาจได้เป็นเนื้อคู่ กระดูกคู่กัน แต่คงไม่มีใคร อยากเป็น “คู่กรรม” ต้องไปรอพบกันที่ทางช้าง เผือกเหมือนคู่ของโกโบริกับอังศุมาลินหรอกนะ พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ความรักจะเกิดขึ้น ไม่ได้ หากปราศจากเหตุปัจจัยทั้งอดีตและ ปัจจุบนั มาประกอบกัน” เราๆ ท่านๆ ทีบ่ ญ ุ ก็ท� ำ กรรมก็สร้างจึงควรสดับฟังสิ่งที่พระองค์แสดง ไว้ เพื่อนำ�มาใช้เป็นเกณฑ์เบื้องต้นในการเลือกคู่ ครอง ประมาณว่าเป็น “ธรรมะเลือกคู่” ดังนี้ มีศรัทธาเสมอกัน มีความเชื่อ ความชอบ ในเรื่องหลายสิ่งอย่างที่เป็นไปในทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นศาสนา (หลายคนพบเนื้อคู่ในงาน บุญ หรือนับถือหลวงพ่อ หลวงปู่องค์เดียวกัน) วิทยาศาสตร์ อาหาร การเมือง ควรมีความคิด 62
จะทำ�ให้เกิดความไว้วางใจ เชื่อมั่น ให้เกียรติซึ่ง กันและกันอย่างอบอุ่นดวงใจ ไม่เช่นนั้นแล้วอาจ เกิดอาการเขม่น เช่น ฝ่ายหนึ่งมุ่งแต่สวดมนต์ ธรรมะธัมโม ตั้งแต่คํ่ายันรุ่ง ไม่ค่อยจะทำ� การพลัดพราก การบ้าน อย่างนี้ถ้าหากอีกฝ่ายไม่เป็นคู่สวดที่ จากสิ่งที่รัก เสมอกันอาจรับไม่ได้ ต้องไปหาคู่สวาทนอกบ้าน ละก็ บ้านแตกแน่นอน เป็นทุกข์... การใช้ชีวิตคู่ควรมีศีลธรรมประจำ�ใจโดย การประสบ เฉพาะศีลข้อสาม ไม่ประพฤติผิดในกาม ถ้า กับสิ่งที่ไม่รัก ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยึดคติซื่อสัตย์ต่อคู่ตัวเอง แต่ไป เป็นทุกข์ ครื้นเครงกับแฟนคนอื่น หรือประเภท “ร้อยชู้ฤๅ สู้น้องเมียตน” ส่วนอีกฝ่ายยึดในเรื่องผัวเดียว เมียเดียว มันก็ไปกันไม่รอด แถมลงท้ายฝ่าย เจ้าชู้กลับเป็นฝ่ายขอบายด้วยเหตุผลน่าเฉือนไป ทำ�ลาบเลือดว่า เพราะเธอดีเกินไป ฉันรับสภาพ ตัวเองที่ทำ�กับเธอไม่ได้... ไปละนะ มีจาคะเสมอกัน จาคะคือการให้ เป็นผู้ให้ เห็น ทัศนคติ ความเชื่อมั่นและนิยมชมชอบใน ซึ่งกันและกัน เกื้อหนุนจุนเจือกัน ไม่ใช่รับลูก ไลฟ์สไตล์เหมือนๆ กัน หรือใกล้เคียงกันจึงจะ คุยกันรู้เรื่อง คุยกันได้นานโดยไม่พาลเหม็นขี้ฟัน เดียว เพราะคนเราต้องสวมบทบาทเป็นทั้งผู้ให้ กันไปเสียก่อน หากศรัทธาไม่ตรงกัน เชื่อคนละ และผู้รับ มีทั้ง give and take แล้วจะรู้ว่า ยิ่ง ให้-ยิ่งได้ และควรมีจิตใจเสียสละสิ่งซึ่งเป็นของ อย่าง ชอบคนละสิ่งก็ต้องชิ่งกันไปคนละแยก ต้องแตกแถว ทะเลาะกันไปไม่รู้จบ เช่น คนหนึ่ง เรา เช่น ชอบทำ�บุญ บริจาคช่วยเหลือผู้ยากไร้ มีกิจกรรมเสริมบุญด้วยกัน จะทำ�ให้ชีวิตคู่แนบ ชอบดูหมอ ทรงเจ้าเข้าผี แต่อีกคนชอบพริตตี้ แน่น ถ้าคนหนึ่งชอบให้ แต่อีกคนตึ๋งหนืด ก็ คนหนึ่งชอบพรรคการเมืองฝ่ายค้าน แต่อีกคน ชอบฝ่ายแค้น คนหนึ่งว่าโลกกลม แต่อีกคนว่า อยู่ด้วยกันลำ�บาก ดังนั้นคู่ผัวตัวเมียควรมีนิสัย โลกแบน ตัวอย่างเบาะๆ แค่นี้ก็มีเค้าว่าน่าจะอยู่ ในการเป็นผู้ให้ซึ่งกันและกัน เช่น สามีให้เงิน ภรรยาใช้ ภรรยาก็ให้การปรนนิบัติดูแลบ้าน กันไม่ยืดถึงวันโลกแตกรอบหน้าเป็นแน่ มีศีลเสมอกัน มีศีลห้าเป็นยาใจชุดเดียวกัน เรือนเป็นการตอบแทน หากมีจาคะไม่เสมอกัน คือมีข้อพึงปฏิบัติและข้อพึงละเว้นแบบเดียวกัน ฝ่ายที่เป็นผู้ให้จะรู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่
ตลอดเวลา แล้วจะอยู่ด้วยกันไปทำ�ไมมี หรือ ไม่ก็ต้องทนอยู่อย่างจำ�ใจเพราะหลวมตัวมาร่วม หอลงโรงกันแล้ว ได้แต่ครวญเพลงปลอบใจ ตัวเอง...พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้ เจ้า...วันไหนเจ้าจะให้ พี่ ให้ความรักพี่บ้างสิ ให้เจ้ามากอย่างนี้ ให้พี่ บ้างไม่ได้เชียวหรือ... มีปัญญาเสมอกัน คุยกันรู้เรื่องทั้งเรื่องใน ทางโลกและทางธรรม มีความคิดอ่านมีความ เห็น การมองโลกที่มีขอบเขต ความเข้าใจใกล้ เคียงกัน จึงจะคุยกันถูกคอ คุยได้ยาว ไม่ขัดคอ กัน ว่างั้นเถอะ เพราะมีสติปัญญาไตร่ตรองใน สิ่งที่คิด กิจที่ทำ� คำ�ที่พูด ออกมาจากเครื่องกลั่น กรองเกรดเดียวกัน ไม่ใช่คนหนึ่งจบดอกเตอร์ อีกคนจบ ป.4 คงจะหาเรื่องมาส่งเสริมบท สนทนาให้เริงสราญกันได้ยากหน่อย แต่หากคิด เสียว่าได้สร้างกุศลกรรมร่วมกันมาแล้ว ก็จงใช้ ปัญญาของผู้ที่มีเหนือกว่าช่วยส่งเสริมอีกฝ่าย ให้อัพเกรดขึ้นมา เพื่อฝ่าฟันอุปสรรคในข้อนี้ให้ หมดไปโดยไม่พรั่นพรึง ก็ได้อยู่ หากได้ทำ�บุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันกัน มาแต่ปางก่อน ผู้มีบุญ (เกือบ) เสมอกัน ทั้งสี่ข้อข้างต้น ชาตินี้ก็คงจะเกิดแรงดึงดูดให้ ได้พบประสบพักตร์เป็นคู่กัน (เหมือนพระเอก นางเอกที่เดินชนกันหัวมุมตึก ของหล่นกระจาย ช่วยกันเก็บ แล้วก็ปิ๊งกัน) มีเคมีเข้ากั๊น เข้ากัน อย่างประหลาดลํ้า จนทั้งคู่ยอมถูกจองจำ�ด้วย โซ่ตรวนแห่งความรัก แต่ก็มีคมคิดสะกิดต่อม รักว่าด้วยกฎเหล็กของธรรมชาติที่ว่า “ทุกสิ่ง ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไป” ดังอมตวาจาของ
พระพุทธเจ้าที่ว่า การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เป็นทุกข์...การ ประสบกับสิ่งที่ไม่รัก เป็นทุกข์ เมื่อการเปลี่ยนแปลงนั้นมาเยือน ขอให้คิด เสียว่าเราอยู่ใน บริษัทไม่จำ�กัดรัก ความรักไม่ได้ มีเฉพาะหนุ่มสาว ยังมีความรักอีกหลายรูปแบบ เช่น รักพ่อแม่ รักพี่น้อง รักเพื่อนร่วมโลก ไปจน กระทัง่ รักษ์โลก ดังนัน้ หากจองโรงแรมแล้วหวานใจ เราไปกับคนอื่นก็จงทำ�ใจ วาเลนไทน์หน้าค่อยว่า กันใหม่...สบม.ยห. (สบายมาก อย่าห่วง)
ยิ่งห่วง ยิ่งกังวล ถึงคนรัก ยิ่งทุกข์ ยิ่งทรมาน ชีวิตนี้มิใช่มีเพียงคนรักเท่านั้น หากชีวิตหนึ่ง ยังมีสิ่งประกอบอีก มากมาย ไฉน? ไปกังวลเกินความ หากเขาจะเปลี่ยนแปลง ยังไงก็เปลี่ยนไป หาได้บังคับไม่ (จาก “ชัยชนะ อยู่ที่ใจ” โดย ท่านตู๋)
63
สุขีในญี่ปุ่น
เรื่อง : มารินา โคบายาชิ
Karuizawa
คารุอิซาวะ เมืองตากอากาศเลื่องชื่อ
เมืองคารุอิซาวะตั้งอยู่ในจังหวัดนางาโนะ เป็นเมืองพักตากอากาศของชาวญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยเมจิ บ้านพักตากอากาศหลังแรกสร้างโดยผู้เผยแผ่ ศาสนาชาวแคนาดา ซึ่งบังเอิญไปพักผ่อนในช่วงฤดูร้อนและรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้คล้ายเมืองโทรอนโตบ้านเกิดของเขาในประเทศแคนาดา นับแต่นั้นมา เมืองคารุอิซาวะจึงกลายเป็นเมืองหลบร้อนสำ�หรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นและชาวญี่ปุ่นเอง ราชวงศ์ของญี่ปุ่นก็ใช้เมืองแห่งนี้เป็นสถานที่ พักตากอากาศเช่นกัน สมเด็จพระจักรพรรดิอาคิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ทั้งสองพระองค์ทรงพบรักกัน ณ สนามเทนนิสที่เมืองนี้ เมืองนี้ไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นอะไร แต่เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักๆ มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะหลายแห่ง บ้านพักตากอากาศและโรงแรมเล็กๆ บรรยากาศสไตล์ตะวันตก มีร้านอาหารฝรั่งเศสและร้านอาหารอิตาเลียนมากมาย ธรรมชาติสวยงาม มี walking course, hiking course และ cycling course ให้เดินเล่น ปีนเขา ปั่นจักรยาน ดูนก ชื่นชมนํ้าตก ทะเลสาบ และป่าไม้เขียวขจี โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน ทิวทัศน์จะสวยงามมาก เพราะใบไม้กลายเป็นสีแดง นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติแล้ว หน้าสถานีรถไฟคารุอิซาวะยังมีเอาต์เลตให้ช้อปปิ้งกันก่อนกลับอีก ด้วย นับได้ว่าเป็นเมืองที่ครบวงจรการท่องเที่ยวจริงๆ 64
• พิพิธภัณฑ์ศิลปะ
1 Sezon Museum of Modern Art
พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่เซซอน เป็นพิพิธภัณฑ์ภายใต้แนวความคิด “พิพิธภัณฑ์ท่ามกลางความเขียวขจี” ที่มีสิ่ง ก่อสร้างเป็นเรือนนํ้าชาแบบเรียบง่าย และมี สวนซึ่งสามารถเดินเล่นพร้อมกับชื่นชมความ งามของงานประติมากรรมท่ามกลางความเขียว ขจี พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีงานศิลปะกว่า 500 ชิ้น มีทั้งผลงานของ Wassily Kandinsky, Paul Klee, Jackson Pollock, Mark Rothko ซึ่งเป็นจิตรกร แนว abstract ในช่วงศตวรรษที่ 20 รวมถึง ผลงานของจิตรกรในยุค 80 และผลงานของ จิตรกรชาวญี่ปุ่นชื่อดังหลังยุคสงครามโลก ครั้งที่ 2 อีกด้วย
2 Musee Peynet
พิพิธภัณฑ์ศิลปะจัด แสดงภาพของ เรย์มองด์ ปีเนต์ (Raymond Peynet) นัก วาดภาพประกอบชาว ฝรั่งเศส เป็นพิพิธภัณฑ์ บ้านไม้หลังเล็กน่ารัก บริเวณทะเลสาบชิโอซาวะ
4 Karuizawa Erz Toy Museum พิพิธภัณฑ์ของเล่น
3 Karuizawa Picturebook Museum พิพิธภัณฑ์
หนังสือภาพคารุอิซาวะ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ให้ความสำ�คัญกับหนังสือภาพซึ่งมีจุดเริ่มต้น จากชาติตะวันตกเมื่อประมาณ 300 ปีที่แล้ว โดยถือว่าหนังสือภาพ เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าขนาด 15,000 ตารางเมตร มีอาคารจัดแสดง 2 แห่ง ซึ่งจัดแสดงภาพต้นฉบับและหนังสือภาพ ฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก โดยส่วนใหญ่เป็นหนังสือภาพของทางยุโรปและ อเมริกา นอกจากนี้ ยังมีห้องสมุดซึ่งมีหนังสือภาพจากทั่วโลกสำ�หรับ ค้นคว้าและวิจัย และมีร้านขายหนังสือที่เป็นแหล่งรวมหนังสือภาพ ระดับโลกอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์ของเล่นแห่งนี้มีการจัดแสดงของเล่นไม้จากเขต Erzgebirge ประเทศเยอรมนี ตะวันออกเดิมซึ่งเป็นเขตภูเขา Erzgebirge อยู่ระหว่างประเทศเยอรมนีกับสาธารณรัฐเช็ก เป็นเขต ที่มีป่าไม้สมบูรณ์จึงได้มีการนำ�ไม้มาทำ�เป็นของเล่นจนกลายเป็นงานศิลปหัตถกรรมที่โดดเด่นของ เขตนี้ อาคารพิพิธภัณฑ์แบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 3 ส่วนและมีการจัดแสดงปีละ 3 ครั้ง นอกจากนี้ ยังมีร้านขายของที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์ที่มีของเล่นไม้กว่า 500 ชนิดและของประดับต้นคริสต์มาส ต่างๆ อีกด้วย
5 Hiroshi Senju Museum Karuizawa พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮิโรชิ เซนจุ
ฮิโรชิ เซนจุเป็นจิตรกรชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ออกแบบให้เข้ากับธรรมชาติที่ สวยงามของเมืองคารุอิซาวะและภาพจิตรกรรม ที่นำ�มาจัดแสดง ออกแบบอาคารโดย ริวเอ นิชิซาวะ สถาปนิกชื่อดังของญี่ปุ่น 65
สุขีในญี่ปุ่น
• สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
3 ทะเลสาบชิโอซาวะ
ทะเลสาบแห่งนี้มีความสวยงามแตกต่าง ไปตามฤดูกาล มีสิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจอยู่รอบ บริเวณและมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ อยู่สามแห่งใน บริเวณใกล้ๆ สามารถเดินเล่นรอบทะเลสาบและ พายเรือเล่นได้
2 นํ้าตกชิราอิโตะ (นํ้าตกเส้นด้ายสีขาว)
นํ้าตกแห่งนี้สูง 3 เมตร กว้าง 70 เมตร มี นํ้าไหลลงมาเป็นเส้นตามผาหิน มองดูเหมือน 1 สระนํ้าคุโมบะ เส้นด้ายสีขาวที่สวยงาม อากาศเย็นสดชื่นแม้ใน ชาวต่างชาติเรียกสระนํ้าแห่งนี้ว่า Swan Lake ซึ่งจะมีความสวยงามมากในช่วงฤดูใบไม้ ฤดูร้อน เป็นนํ้าตกที่น่ากระโจนลงไปเล่นนํ้ามาก ร่วง เราสามารถเดินชมความงามของทัศนียภาพ แต่ดูเหมือนชาวญี่ปุ่นจะไม่ว่ายนํ้าเล่นในนํ้าตก รอบสระนํ้าได้ โดยใช้เวลาเดินประมาณ 25 นาที เหมือนบ้านเรา
4 ป่าชมนก
เราสามารถเดินชมนกต่างๆ ในป่ากว้าง 100 เฮกตาร์ (1 ล้านตารางเมตร) ตามทางเดิน 3 กิโลเมตร
• แหล่งช้อปปิ้ง
1 คิว-คารุอิซาวะกินซา Kyu-Karuizawa Ginza
ถนนสายหลักของคิวคารุอิซาวะมีร้านรวงต่างๆ มากมาย ขายผลิตภัณฑ์ที่ ผลิตได้ในคารุอิซาวะ เช่น นํ้าผึ้ง แยมผลไม้ต่างๆ ร้าน ไอศกรีมหลากรสน่ากินมาก ร้านขนมปังชื่อดัง “อาซาโนยะ” ฯลฯ 66
2 คารุอิซาวะ พรินส์ เอาต์เลต (คารุอิซาวะช้อปปิ้งพลาซ่า)
ตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟคารุอิซาวะทางด้านทิศใต้ มีสินค้าแบรนด์เนมมากมาย เช่น BURBERRY, PAUL SMITH, BVLGARI, CHLOE/SEE BY CHLOE, RALPH LAUREN, CATH KIDSTON, ANYA HINDMARCH, BOTTEGA VENETA เป็นต้น เราสามารถเดินทางไปเมืองคารุอิซาวะได้ไม่ยาก เพียงนั่งรถไฟด่วนชินคันเซนจากสถานีโตเกียว ประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว การเที่ยวรอบเมืองสามารถใช้รถสาธารณะ เช่น รถประจำ�ทางหรือเช่า จักรยาน แต่ถ้าสามารถขับรถยนต์ได้และมีใบขับขี่ที่ใช้ได้ในประเทศญี่ปุ่น ขอแนะนำ�ว่าเช่ารถขับจะ สะดวกกว่า หากท่านท่องเที่ยวเมืองสำ�คัญของญี่ปุ่นอย่าง โตเกียว เกียวโต โอซากา ฮอกไกโด เซนไดฯลฯ จนหมดแล้ว ลองไปเที่ยวเมืองตากอากาศเล็กๆ ของชาวญี่ปุ่นอย่างคารุอิซาวะดูบ้าง ก็จะได้รับความประทับใจในอีกแบบหนึ่งค่ะ
เรื่องและภาพ : ศนิศรา
Tra elogue
1
Bhutan ไปเมืองปูนาคา ผ่านโดชูลา และ วังดู โพ-ดรัง (1)
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2554 ที่ประเทศภูฏาน ได้มีพระราชพิธีอภิเษกสมรสของพระราชาธิบดี จิกมี เกห์ซาร์ นัมเกียล วังชุก กับ นางสาว เจ็ตซัน เปมา ซึ่งเป็นหญิงสามัญชนและในขณะนี้ ได้เป็นพระราชินีของประเทศภูฏานแล้ว พระราช พิธีนั้นทำ�อย่างเรียบง่ายตามโบราณราชประเพณี ของภูฏาน และได้จัดขึ้นที่ เมืองปูนาคา เมื่อ ปูนาคาเป็นข่าวในระดับโลกขึ้นมา ก็กลายเป็น ที่หมายตาของนักเดินทางผู้ชื่นชอบความงาม ของศิลปวัฒธรรมและธรรมชาติอันบริสุทธิ์
2
1 ภาพริมนํ้าของวังดู โพ-ดรัง 2 เหล่าเณรที่วังดู โพ-ดรัง 67
Tra elogue
5 3
4
ฉันก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการไปสัมผัสเมือง อันสงบงามแห่งนี้จึงขึ้นเครื่องลัดฟ้าไปยังภูฏาน โดยเริ่มต้นที่เมืองทิมพู เมืองหลวงของภูฏาน แล้วเดินทางผ่านเมือง วังดู โพ-ดรัง (Wangdu Phodrang) ก่อนที่จะถึงจุดหมายคือปูนาคา การ เดินทางระยะแรกจากเมืองทิมพูไปวังดู โพ-ดรัง นั้น ใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงกับระยะทางเพียงแค่ 73 กิโลเมตร เนื่องจากถนนคดเคี้ยวและแคบ มาก ทั้งยังต้องไต่ไปบนทางสูงชันที่สูงจากระดับ นํ้าทะเลประมาณ 3,150 เมตรโดยเฉลี่ย อีกทั้ง ยังต้องเลี่ยงเบี่ยงรถที่สวนกันไปมาอยู่บนปาก เหว แม้ระยะทางจะสั้นแต่ก็ท้าทาย ยากลำ�บาก ทุลักทุเล อันตรายนักในการเดินทาง จึงต้องใช้ เวลาเดินทางนานขนาดนั้น เส้นทางสายนี้ชื่อ โดชูลา (Dochula Pass) เมื่อเดินทางไปได้ประมาณครึ่งทาง จะพบ วัดที่มีชื่อเดียวกับชื่อเส้นทาง คือ วัดโดชูลา ฉัน จึงถือโอกาสเข้าชมวัดซึ่งมีความพิเศษตรงที่มี 68
6
เจดีย์รายล้อมอยู่ถึง 108 องค์ เจดีย์เหล่านี้สร้าง อุทิศให้องค์มกุฎราชกุมารในขณะที่สร้างวัดนั้น (ซึ่งก็คือองค์กษัตริย์จิกมีในปัจจุบันนั่นเอง) โดย พระราชินีผู้เป็นพระมารดาได้ร่วมกันสร้างกับ พระขนิษฐาอีกสามองค์ซึ่งก็เป็นราชินีในขณะนั้น (ทุกพระองค์) ด้วยเช่นกัน บรรยากาศตอนที่แวะเข้าไปวัดโดชูลานั้น มัวซัว มีเมฆและหมอกเข้ามาปกคลุมบริเวณวัด และเจดีย์โดยรอบ ทำ�ให้ภาพทุกอย่างที่พบเห็นดู เลือนรางลึกลับ แถมยังมีความหนาวเย็นเข้ามา เพิ่มในบรรยากาศอีกด้วย แม้ขณะนั้นจะเป็นช่วง ตอนสายๆ แล้วก็ตาม ที่บรรยากาศเป็นเช่นนั้นก็ คงด้วยว่าวัดและเจดีย์ตั้งอยู่ในที่สูง และอากาศ ที่เทือกเขาหิมาลัยนั้นเย็นยะเยือกเป็นปกติอยู่ แล้วแทบจะตลอดเวลา เมื่อเดินไปรอบๆ วัดโดชูลาแล้วรู้สึกได้ถึง ความวังเวง เคร่งขรึมของสถานที่ โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง เมื่อไม่ได้เจอใครเลย ไม่มีพระ ไม่มี เณร ไม่มีผู้คนอื่นใดเลย นอกจากพวกที่ร่วม
เดินทางไปด้วยกันนี่แหละที่แยกย้ายเดินสำ�รวจ วัดกันอยู่ ขนาดเดินเจอกันเองยังตกใจ สยอง ขวัญซะไม่มี ก็คิดดูละกันค่ะว่ามันเป็นยังไง ฉัน หมายถึงคิดถึงบรรยากาศในสถานที่นั้นน่ะค่ะ ไม่ใช่คิดถึงสภาพและหน้าตาของพวกที่ไปด้วย กันนะ หลังจากชมวัดแล้วเราก็เดินทางเลียบปาก เหวกันต่อไป เพื่อมุ่งหน้าไปเมืองวังดู โพ-ดรัง ที่ เมืองวังดู โพ-ดรัง มีวัดที่เป็นวัดหลักของเมืองซึ่ง อยู่บนชะง่อนผาริมแม่นํ้า ที่พักของพวกเราตั้ง อยู่ริมแม่นํ้าฝั่งตรงข้ามกับวัด ฉันจึงได้มีโอกาส นั่งมองดูวัดที่อยู่เบื้องหน้าเป็นเวลานานมาก ภาพที่เห็นสวยงามราวกับภาพวาด ฉันรู้สึกได้ ถึงความสงบ เรียบง่าย รื่นเย็น เนิบช้า ราวกับ เวลาของที่นี่เดินช้ากว่าที่อื่นใดในโลก เสียงเดียว ที่ได้ยินในขณะนั้นคือเสียงของกระแสนํ้าที่เชี่ยว กรากอยู่เบื้องหน้า ทำ�ให้ความคิดหนึ่งผุดขึ้น มา นั่นคือ “ชีวิตก็เหมือนสายนํ้า...ไหลเรื่อยผ่าน ไป เช่นเดียวกับวันเวลาที่ผ่านไปแบบไม่หวนคืน
สุขีในญี่ปุ่น
กว่า 400 ปีสะทกสะท้านเลย แต่หลังคาของ ตึกพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นใหม่กลับตกลงมา ระเนระนาด และเมือ่ เขาทราบว่าดิฉนั เป็นคนไทย เขาพูดกับดิฉันว่า “ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ คนไทยช่วยเหลือพวกเรามากมาย และพวกเรา ได้รับเงินบริจาคจำ�นวนมากจากคนไทย” คำ�พูด ของคุณลุงทำ�ให้ดิฉันรู้สึกภูมิใจขึ้นมาทันทีที่เกิด เป็นคนไทย แต่ก็ใช่ว่าทุกพื้นที่จะฟื้นฟูได้รวดเร็วเหมือน มัตสึชิมะ... เมื่อดิฉันแล่นรถเข้าเมืองอิชิโนะมากิ จังหวัดมิยางิ ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับความเสียหนัก ที่สุดเมืองหนึ่งจากเหตุการณ์ 3/11 ดิฉันได้นำ� รถปีนขึ้นทางลาดชันของเนินเขาฮิโยริยามะ สถานที่ซึ่งสามารถมองลงมาเห็นเมืองบริเวณ ริมชายฝั่งทะเลของอิชิโนะมากิได้ บนเนินเขา แห่งนี้มีศาลเจ้าคาชิมะมิโกะ เมื่อเดินเข้าไป ไหว้เจ้าในศาลเจ้า ดิฉันสังเกตเห็นนกกระเรียน กระดาษที่ถูกพับอย่างประณีตหลากสีสวยงาม แขวนอยู่มากมายบริเวณมุมหนึ่ง เมื่อเห็นฝูง นกกระดาษเหล่านั้นก็ทราบได้ทันทีว่า ผู้พับคง ตั้งจิตอธิษฐานเพื่อผู้ล่วงลับและหวังที่จะเห็น บ้านเมืองฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมอีกครั้ง สภาพ เมืองอิชิโนะมากิที่อยู่ด้านล่างเมื่อมองลงมา จากลานกว้างหน้าศาลเจ้า มีเพียงผืนหญ้าที่ ปกคลุมฐานคอนกรีตและสิ่งก่อสร้างที่หลงเหลือ อยู่เป็นหย่อมๆ เมื่อเทียบกับภาพถ่ายที่วางอยู่ ซึ่งถ่ายบริเวณเดียวกันเมื่อหลายปีก่อน ไม่ ต้องคิดก็รู้ได้ทันทีว่า บ้านเรือนและสิ่งก่อสร้าง มากมายขนาดไหนที่ถูกสึนามิพัดพาไป เมื่อลง จากเนินเขาและแล่นรถไปตามชายฝั่งทะเลที่ แทบไม่เหลืออะไรเลย จะเห็นอาคารสามชั้นที่
4 68
5
6
4. ศาลเจ้าคาชิมะมิโกะ บนเนินเขาฮิโยริยามะ
7
ถูกไฟไหม้ตั้งตระหง่านอยู่หลังหนึ่ง อาคารแห่งนี้ คือ อาคารเรียนของโรงเรียนประถมศึกษา คาโดวากิ โชคดีที่เด็กๆ ซึ่งอยู่ที่โรงเรียนขณะนั้น สามารถอพยพได้ทันก่อนที่อาคารเรียนจะไหม้ ไปทั้งหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและ สึนามิ มีโรงเรียนจำ�นวนมากได้รับความเสียหาย และมีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจ ชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ นั่นคือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับโรงเรียนประถมศึกษาโอคาวะ เมืองอิชิโนะ มากิ คลื่นยักษ์สึนามิได้จู่โจมเด็กนักเรียนประถม 108 คน ที่กำ�ลังรวมตัวกันอยู่บริเวณสนามของ โรงเรียนเพื่อทำ�การอพยพ สึนามิลูกนั้นทำ�ให้ เด็กนักเรียน 74 คนกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ และคุณครูรอดชีวิตมาได้เพียงคนเดียว มีการ วิพากษ์วิจารณ์การอพยพนักเรียนครั้งนี้อย่าง มากว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะเด็กๆ มีโอกาส รอดชีวิตหากอพยพขึ้นเขาซึ่งอยู่ติดทางด้านหลัง ของโรงเรียนในทันที แต่ก็มีเหตุปัจจัยหลายอย่าง ทำ�ให้บรรดาคุณครูต้องตัดสินใจอพยพเด็กๆ ไป ที่อื่นแทน เมื่อแล่นรถเลียบชายฝั่งไปทางทิศเหนือ ผ่านเมืองประมงมากมายที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเล ทุกที่มีสภาพเช่นเดียวกันหมด คือ ไม่เหลือ
เมืองอิชิโนะมากิ 5. นกกระเรียนกระดาษหลากสีที่แขวนอยู่ มุมหนึ่งของศาลเจ้าคาชิมะมิโกะ 6. เมืองอิชิโนะมากิที่มองลงมาจากเนินเขา ฮิโยริยามะ 7. โรงเรียนประถมศึกษาคาโดวากิที่มอดไหม้ ทั้งหลัง 8. บริเวณหน้าโรงเรียนประถมศึกษาโอคาวะ มีผู้คนนำ�ดอกไม้ เครื่องดื่ม ขนมมาวางไว้ มากมาย 9. ศูนย์การแพทย์ตำ�บลโอนางาวะที่ตั้งอยู่บน เนินสูง 16 เมตรจากระดับนํ้าทะเล
8
9
โดยที่บางครั้งเราไม่ทันได้สำ�นึก ไม่ทันได้รู้ตัวถึง คืนวันของชีวิตที่ล่วงเลย...” วัดหลักของเมืองวังดู โพ-ดรัง ที่ฉันได้เฝ้า มองดู และภายหลังได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมเยือน นั้น เป็นวัดที่เก่าแก่มาก กล่าวกันว่าสร้างขึ้นโดย ซับดรุง งาวัง นัมเกียล เมื่อราวปี ค.ศ. 1638 เพื่อใช้เป็นทั้งวัด ทั้งป้อมปราการสำ�หรับป้องกัน รักษาเมืองจากการรุกรานของข้าศึก วัดนี้มีส่วน ในการทำ�ให้ประเทศภูฏานเป็นราชอาณาจักร ที่เป็นปึกแผ่นมาได้ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน และขณะที่ฉันไปเยือนนั้น วัดก็ยังคงสภาพ ดั้งเดิมไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่วัดวังดู โพ-ดรังนี้มีพระเณรลามะ มากมาย เดินกันให้ขวักไขว่ ถ่มนํ้าลาย ถุยนํ้า หมากกันเป็นเทือก แดงเถือกไปทั้งวัด ทำ�ให้ทั่ว อาณาบริเวณมีโทนสีเข้ากันได้ดีกับสีของจีวรที่ เหล่าลามะห่มพันกายกันอยู่โดยทั่วไป ในบริเวณ วัดมีโรงเรียนสอนธรรมะสำ�หรับเณรน้อยด้วย เณรเหล่านี้คงมีอายุไม่เกินสิบขวบจึงยังซุกซน อยู่มาก เมื่อเห็นผู้มาเยือนก็วิ่งกรูกราวเกรียว เจี๊ยวจ๊าวกันออกมาจากห้องเรียนและขอให้ พวกเราถ่ายรูปให้ ฉันไม่ชอบทีต่ วั เองต้องตกอยูใ่ น วงล้อมของฝูงชน (แม้จะเป็นเณรเด็กๆ ก็เถอะ) จึงปลีกตัวออกมาเดินดูรอบๆ บริเวณวัด วัดนี้ สวยมากค่ะ ที่ในหอสวดมนต์ของวัดมีภาพเขียน สีที่เขียนลงบนผืนผ้าไหมห้อยอยู่ที่ผนังทุกด้าน ภาพเขียนพวกนี้เรียกว่า “ธังก้า” (Thangka) เป็น ของเก่าแก่ดั้งเดิมอยู่คู่กับวัดมาตั้งแต่ศตวรรษ ที่ 14 ทางวัดเอาผ้าบางๆ มาคลุมภาพเขียน ไว้เพื่อไม่ให้แสงลามเลียสีที่บรรจงวาดระบาย 3 สภาพถนน “โดชูลา พาส” ที่คับแคบสูงชันซึ่ง
ต้องผ่านในการเดินทาง
4 วัดโดชูลา หรือโดชูลาซ่ง 5 อีกมุมหนึ่งของวัดโดชูลา หรือโดชูลาซ่ง 6 วัดวังดู โพ-ดรัง ที่ตระหง่านงามอยู่บนเขา 7 อีกมุมหนึ่งของวัดวังดู โพ-ดรัง 8 “ธังก้า” ใหม่ๆ 9 พระราชาธิบดีจิกมีในพระราชพิธีอภิเษกสมรส
ที่ปูนาคา 10 ลามะยืนออตามระเบียงที่วัดวังดู โพ-ดรัง
7
9
8
ไว้บนผ้าไหมจนซีดจาง แต่เท่าที่เห็น (จากการ ไปแอบเปิดผ้าคลุมดู) ก็พบว่าสีของภาพจางไป มากแล้วนะคะ เขาว่าสีที่ใช้วาดนี่น่ะติดทนนาน เป็นหลาย(ร้อย)ปี เพราะว่าใช้สีที่มาจากวัตถุดิบ ธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นจากแร่ธาตุต่างๆ หรือ จากพืช ผัก สมุนไพร ภาพเขียนพวกนี้มัก วาดเป็นรูปพระโพธิสัตว์ และพระพุทธเจ้าปาง ต่างๆ หรือไม่เช่นนั้นก็เป็นรูปแผนผัง “แมนดา ลา” ซึ่งก็คือภาพจำ�ลองภพ ภูมิ นรก สวรรค์ จักรวาล หรือระดับชั้นขั้นตอนของการบรรลุ ธรรมตามพุทธปรัชญา ตามปกติ “ธังก้า” ไม่ใช่ ของที่จะเอามาแขวนอวดใครนะคะ ถือว่าเป็น ของศักดิ์สิทธิ์ มีค่า มีไว้เคารพบูชาโดยเฉพาะ
10
จะเอาออกมาแขวนแสดงและร่วมบูชากันในงาน เทศกาลต่างๆ เท่านั้น “ธังก้า” ส่วนใหญ่จึงถูก คลุมไว้ หรือม้วนเก็บถนอมรักษาไว้อย่างดีในหีบ ไม้ที่สวยงาม และจะเอาออกมาคลี่บูชาเมื่อถึง คืนวันอันควร ภาพวาดบนผืนผ้าหรือ “ธังก้า” นี้ มีขาย ตามตลาดและร้านขายของทัว่ ไปด้วย คนท้องถิน่ เขาไม่ได้ใช้เป็นของประดับบ้าน แต่ใช้แทนรูป บูชา “ธังก้า” ที่ชาวบ้านภูฏานมีไว้บูชาประจำ� บ้านกันนั้นมักเป็นสินค้านำ�เข้ามาจากเนปาล ของที่ขายกันแบบนี้มักเป็นของใหม่ มีสีสันสดใส เอาใจตลาด ของเก่าจริงๆ ที่เห็นอยู่ตามวัด ดู สวยกว่าและมีค่ามากกว่าหลายเท่าเลยค่ะ 69
12
ที่ห่างจากชายฝั่งเข้ามาประมาณ 800 เมตร มี เรือประมงลำ�ใหญ่ขนาดยาว 60 เมตร หนัก 330 ตัน เกยอยู่บริเวณนั้น 10 การเดินทางครั้งนี้ปิดท้ายด้วยการเยือน ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่เหนือสุดของจังหวัดมิยางิและ 10. “ต้นสนปาฏิหาริย์” ณ ทุ่งสนทาคาตะ ฮิราอิสมุ ิ (Hiraizumi) ซึง่ เป็นสถานทีท่ อ่ งเทีย่ ว ติดกับจังหวัดอิวาเตะ เมืองเคเซนนุมะมีท่าเรือ บริเวณชายฝั่งของเมืองริกุเซนทาคาตะ ภายในจังหวัดอิวาเตะ และเพิ่งได้รับการรับรอง ประมงใหญ่ที่สุดที่มีปริมาณการจับปลาสูงสุด จังหวัดอิวาเตะ บริเวณนี้เคยมีแนวต้นสน จากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 2011 เนือ่ งจาก ในประเทศญี ่ ป ุ ่ น ความเสี ย หายของเมื อ งนี ้ เรียงรายราว 7 หมื่นต้น เป็นแนวต้นสนกัน สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลจึงไม่ได้รับ คลื่นและป้องกันภัยจากสึนามิมาหลายครั้ง ต่างกันตามเขตพื้นที่ บางเขตยังมีตึกเหลือ ความเสียหายจากสึนามิ แต่ก็ได้รับผลกระทบ อยูม่ าก แต่บางเขตก็ไม่มอี ะไรเหลือเลย ดิฉนั ได้แวะ จากเหตุการณ์ 3/11 เพราะจำ�นวนนักท่องเที่ยว ในอดีต แต่เหตุการณ์ 3/11 ทำ�ให้บริเวณนี้ รับประทานอาหารที่กลุ่มร้านอาหารรวมตัวกัน ถูกคลื่นยักษ์สึนามิสูงกว่า 10 เมตรจู่โจม ลดลงไปอย่างมาก สถานที่ท่องเที่ยวสำ�คัญของ เปิ ด ร้ า นภายในอาคารชั ่ ว คราว และเรี ย กที ่ น ั ่ น ต้นสน 7 หมื่นต้นหักล้มอย่างถอนราก ฮิราอิสมุ ิ เช่น วัดจูซงจิ ทีส่ ร้างขึน้ ในปี 850 หรือ ถอนโคนจนเหลือเพียง 1 ต้น สนต้นนี้จึงได้ ว่า “Kesennuma-Yokocho” มีอาหารอร่อยและ ในยุคสมัยเฮอัน มีหอประดิษฐานพระอมิตาภพุทธ กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นฟูของพื้นที่ ร้านขายอาหารทะเลแปรรูปซึ่งเป็นของฝากมีชื่อ สีทองเหลืองอร่ามซึ่งสร้างขึ้นในปี 1124 ของเคเซนนุมะด้วย นอกจากที่นี่แล้ว ยังมีอีก ประสบภัยและกลายเป็นความหวังของ หรือที่เรียกว่า Konjikido เป็นสิ่งก่อสร้างเดียว แห่ ง ที ่ ร ้ า นค้ า รวมตั ว กั น กว่ า 50 ร้ า น เช่ น ร้ า น ผู้ประสบภัย ที่ยังหลงเหลืออยู่จากยุคสมัยนั้น และที่ศาลเจ้า อาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านเสริมสวย ร้านขายยา 11. Kesennuma-Yokocho มีร้านอาหารอร่อย ฮาคุซันภายในวัดจูซงจิยังมีเวทีละครโน ซึ่งมีการ หลายร้าน สามารถแวะรับประทานอาหารได้ หรือแม้แต่โรงเรียนกวดวิชาและโรงเรียนสอน จัดแสดงละครโนในวันที่ 14 สิงหาคมของทุกปี เปียโน เปิดให้บริการภายในกลุ่มอาคารชั่วคราว อีกด้วย นอกจากสิ่งก่อสร้างและสถานที่อันมี 12. อาคารภายนอก Konjikido ภายในมี เรียกว่า “ย่านร้านค้าฟืน้ ฟูเคเซนนุมะ” แม้พวกเขา คุณค่าทางประวัติศาสตร์แล้ว ที่ฮิราอิสุมิยังมี พระพุทธรูปเก่าแก่จำ�นวนมากและหอ ต้องประสบภัยพิบัติอย่างหนัก ถูกสึนามิพัดพา การจัดงานเทศกาลต่างๆ ที่น่าสนใจตลอดปี ประดิษฐานสีทองอร่าม ทุกสิ่งทุกอย่างไปจนแทบไม่เหลืออะไรเลย แต่ อีกด้วย หากท่านผู้อ่านมีโอกาสเดินทาง อะไรเลย เช่น ที่ตำ�บลโอนางาวะ ซากปรักหักพัง พวกเขาก็ลุกขึ้นสู้เพื่อฟื้นฟูเมืองได้อย่างน่า ท่องเที่ยวบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ มากมายได้ถูกเก็บกวาดไปหมดแล้ว แต่ยังมี ยกย่องจริงๆ ประเทศญี่ปุ่น นอกจากการชื่นชมธรรมชาติอัน ตึกหลงเหลืออยู่สองสามหลังในที่โล่งบริเวณริม สวยงามและดื่มดํ่ากับศิลปวัฒนธรรมแล้ว ชายฝั่ง หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าตึกเหล่านี้ถูก เมือ่ แล่นรถไปตามถนนภายในเมืองเคเซนนุมะ ก็อย่าลืมแวะให้กำ�ลังใจผู้ประสบภัยด้วยนะคะ พลังคลื่นสึนามิหักโค่นลงจนอยู่ในสภาพตะแคง ก็จะพบกับภาพที่อาจจะดูงงๆ บริเวณริมถนน ข้าง และเมื่อแหงนหน้าขึ้นมองจากบริเวณ วันเวลาล่วงเลยไป 2 ปี หลังเกิดเหตุการณ์ 11 ที่โล่งริมชายฝั่ง ก็จะเห็นตึกศูนย์การแพทย์ ภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โอนางาวะตั้งเด่นอยู่บนเนินสูงราว 16 เมตรจาก หลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่าได้เกิดอะไรขึ้น ขอ ระดับนํ้าทะเล ในวันที่เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์ อย่าให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ความทรงจำ�อัน สึนามิท่วมชั้น 1 ของตึกสูงขึ้นมา 2 เมตร เมื่อ เลือนราง ขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนที่ทำ�ให้ คิดคำ�นวณตัวเลขในใจก็จะได้ผลลัพธ์ออกมา เราตระหนักถึงการป้องกันและรับมือกับภัย ว่า คลื่นสึนามิน่าจะสูงราว 18 เมตร แต่มันคง ธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ประเทศใด ยากเกินกว่าที่จะจินตนาการภาพเหตุการณ์นั้น เพราะอาจมีอีกหลายชีวิตที่สามารถรอดได้หาก ได้ เมื่อแล่นรถไปเรื่อยๆ จนถึงเมือง เคเซนนุมะ เราตระหนักถึงสิ่งเหล่านั้น 69
การเดินทางของนกสีฟ้า
เรื่องและภาพ : แม่มะลิ
หยิบหมอก หยอกตะวัน ปั่นรถถีบ ที่เมืองน่าน
หน้าหนาวปีน้ี ไม่ตา่ งจากทุกปีทช่ี พี จรมีอนั จะต้องลงเท้าอย่างอัตโนมัติ ทำ�ให้ตอ้ งออก เดินทางพร้อมเป้ใบเดิมและรองเท้าคูเ่ ก่า เพือ่ หลีก หนีความร้อนอบอ้าวของเมืองกรุงไปทีไ่ หน สักแห่ง ทีม่ ลี มเย็นๆ มาปะทะร่างกาย มีอากาศ เย็น บริสทุ ธิ์ ให้สดู เข้าไปได้เต็มปอด จุดหมาย ปลายทางของฉันในปีน้ี จึงอยูท่ ่ี น่าน…ไง ครัน้ รวบรวมสมัครพรรคพวก หัวใจ นักเดินทางได้ 4 คน การเดินทางจึงเริม่ ต้นขึน้ เราเลือกวิธเี ดินทางแบบประหยัดด้วยรถทัวร์ ปรับอากาศชัน้ 1 เส้นทางสายกรุงเทพฯ-น่าน ออกเดินทางฝ่าแสงสีและการจราจรอันติดขัดของคํา่ คืนวันศุกร์ในเมืองกรุงราวสองทุม่ ครึง่ แล้วตืน่ มา รับอรุณทีเ่ มืองน่านประมาณหกโมงครึง่ ทันทีทล่ี งจากรถแล้วได้สมั ผัสกับอากาศยามเช้าของเมืองน่าน แอบผิดหวังนิดหน่อยกับอากาศทีไ่ ม่หนาวเย็นอย่างทีห่ วัง แต่ถงึ อย่างไรเรามัน่ ใจว่าต้องได้สมั ผัส ลมหนาวแน่ๆ เพราะคืนนีเ้ ราตัง้ ใจจะไปพักกันที่ ดอยเสมอดาว อุทยานแห่งชาติศรีนา่ น จากข้อมูลทีเ่ พือ่ นรุน่ น้องหามา บอกว่าจากตัวเมืองน่านถึงดอยเสมอดาวนัน้ ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร แต่หนทางคดเคีย้ ว ต้องลัดเลาะไปตามเขาสูงชัน จึงต้องใช้เวลาเดินทางเพิม่ ขึน้ ถึงเกือบ 3 ชัว่ โมง กว่าจะลัดเลาะขึน้ ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 ถึงอำ�เภอเวียงสา เลีย้ วขวาไปตาม ทางหลวงหมายเลข 1026 จนถึงอำ�เภอนาน้อย ระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร แล้วเลีย้ วซ้ายไปตาม ทางหลวงหมายเลข 1083 (นาน้อย-ปางไฮ) อีกประมาณ 15 กิโลเมตร จึงถึงทีท่ ำ�การอุทยาน ด้วยสภาพเส้นทางทีโ่ หดหินไม่ใช่เล่นเช่นนี้ พวกเราจึงตัดสินใจมาตัง้ แต่กรุงเทพฯ ว่าจะติดต่อจ้าง เหมารถยนต์ของคนท้องถิน่ ขึน้ ไป โดยได้รบั การแนะนำ�จากเจ้าหน้าทีโ่ รงแรมในตัวเมืองทีเ่ ราจะไปพักใน คืนวันที่ 2 และ 3 นัน่ คือ โรงแรมสุขเกษม ครัน้ ได้เบอร์โทรศัพท์ของคนขับรถสองแถว ทีไ่ ด้รบั การยืนยัน ว่าเชีย่ วชาญเส้นทางขึน้ ดอยเสมอดาวเป็นอย่างดี เราก็โทร.ไปทันที คุณลุงท่านนีพ้ ดู คุยด้วยคำ�เมือง ให้ 70
1
2
ความรูส้ กึ เหมือนเราเป็นลูกเป็นหลาน แถมราคา ทีล่ งุ เสนอนัน้ ย่อมเยากว่าทีค่ าดไว้มาก เราจึง รีบตกลงนัดหมายให้คณ ุ ลุงมารับทีส่ ถานีขนส่ง จังหวัดน่านในตอนเช้า โดยได้วางแผนกันว่าจะให้ คุณลุงพาไปกินของอร่อยๆ และเทีย่ วตามวัดทีอ่ ยู่ ไม่ไกลจากตัวเมือง ซึง่ คิดว่าจะเพิม่ เงินค่าจ้างให้ คุณลุงตามสมควร ดังนัน้ ทันทีทเ่ี ราทำ�ธุระส่วนตัวเสร็จ น้องสาว ร่วมทริปรีบโทร.หาคุณลุงทีไ่ ด้โทร.นัดยืนยันกันเมือ่ คืนขณะอยูบ่ นรถทัวร์วา่ อย่าลืมมารับพวกหนูนะคะ เมือ่ คืนคุณลุงรับคำ�เป็นมัน่ เป็นเหมาะ แต่แล้ว เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึน้ เมือ่ คุณลุงอัธยาศัยดี กลับคำ� บอกเราว่าคงมารับไม่ได้แล้ว เนือ่ งจาก คุณลุงมาทำ�ธุระทีเ่ ชียงใหม่ น้องสาวทีโ่ ทร.ไปถึง กับอึง้ ต่อว่าคุณลุงไปว่า เมือ่ คืนคุณลุงยังบอกว่า มาได้อยูเ่ ลย ทำ�ไมคุณลุงไม่บอกพวกเราคะ คุณลุงท่านนีไ้ ม่ได้กล่าวขอโทษอะไร แนะนำ�เรา แต่วา่ ให้ไปติดต่อรถสองแถวทีส่ ถานี ซึง่ เรียกค่า บริการแพงกว่าทีล่ งุ เสนออีกหนึง่ เท่า ณ ช่วงเวลา นัน้ เพือ่ นร่วมทริปทุกคนหน้าเสีย คิดแต่เพียงว่าจะ ทำ�อย่างไรกับสถานการณ์เฉพาะหน้าเช่นนี้ ครัน้ สอดส่ายสายตาไปมาก็ได้พบป้าย แท็กซีเ่ มือง น่าน พร้อมเบอร์โทรศัพท์ เราจึงลองโทร.สอบถาม ข้อมูล พร้อมบอกจุดหมายปลายทางและ สอบถามราคาค่าจ้าง ปรากฏว่าแพงกว่า
3
1 2 3 4 5
จุดชมวิวพระธาตุเขาน้อย เจดีย์จามเทวี วัดพระธาตุแช่แห้ง จอดจักรยานพักหน้าวัดพญาภู อาคารพิพิธภัณฑ์หลังเก่า
ทีล่ งุ เสนอเป็นหลักพันบาท แต่ ณ เวลานัน้ เมือ่ คิด ทบทวนถึงสภาพรถแท็กซีซ่ ง่ึ เป็นรุน่ เดียวกับ แท็กซีม่ เิ ตอร์ทเ่ี ราใช้ในเมืองกรุง และคนขับทีบ่ อก ว่าเป็นคนเมืองน่าน ชำ�นาญเส้นทางเส้นนี้ พวกเราจึงตัดสินใจใช้บริการ ปฏิเสธไม่ได้วา่ เหตุการณ์ทเ่ี กิดขึน้ กระทบ จิตใจของพวกเราทุกคนทีต่ ง้ั ใจจะมาเดินทาง ท่องเทีย่ วในเมืองในฝันแห่งนีด้ ว้ ยความสุขใจ แต่โชคดีเหลือเกินทีค่ ราวนีเ้ ราได้เพือ่ นร่วมทริปที่ เข้าใจกัน พร้อมแก้ปญ ั หาไปด้วยกัน เหตุการณ์ เลวร้ายจึงกลับกลายเป็นรสชาติของการเดินทาง ท่องเทีย่ ว และประสบการณ์ประทับใจทีน่ า่ จดจำ� เมือ่ เมฆหมอกแห่งปัญหาผ่านไป ก็ได้เวลา ทีพ่ วกเราจะเริม่ ท่องเทีย่ วเมืองน่านอย่างจริงจัง เสียที หลังอาหารเช้าแบบง่ายๆ ตามร้านข้างทาง เราขอให้ ลุงเนียน สารถีแท็กซีเ่ มืองน่าน พาเรา ไปนมัสการพระธาตุแช่แห้ง สิง่ ศักดิส์ ทิ ธิค์ บู่ า้ น คูเ่ มืองน่านกันก่อน องค์พระธาตุประดิษฐานอยู่ ในเขตอำ�เภอภูเพียง จังหวัดน่าน ห่างจาก ตัวเมืองไปเพียง 3 กิโลเมตร ตัง้ อยูบ่ นเนินเขา ลูกเตีย้ ๆ เป็นสีทองสุกปลัง่ มองเห็นได้แต่ไกล
4
ทันทีทก่ี า้ วเข้าสูบ่ ริเวณวัด พวกเราสัมผัสได้ ถึงพระอารามหลวงทีส่ ะอาดสะอ้าน บ่งบอกถึง ศรัทธาและการเอาใจใส่ดแู ลเป็นอย่างดีของชาว น่าน โดยรอบองค์พระธาตุสที องอร่าม มีรปู ปัน้ เซรามิกกระต่ายน้อยใหญ่วางอยูโ่ ดยรอบองค์ พระธาตุ ด้วยพระธาตุแช่แห้งนีเ้ ป็นพระธาตุ ประจำ�ปีเกิดของชาวปีเถาะนัน่ เอง ตามพงศาวดารเมืองน่านเล่าว่า พระยา การเมือง เจ้านครน่านได้อญ ั เชิญพระบรม สารีรกิ ธาตุจากกรุงสุโขทัย มาประดิษฐานไว้ท่ี ดอยภูเพียงแช่แห้ง และยังมีตำ�นานเล่าขานต่ออีก ว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับสรงนํา้ ทีร่ มิ ฝัง่ แม่นา้ํ น่านทางทิศตะวันออก ทีบ่ า้ นห้วยไค้ และ เสวยผลสมอแห้ง ซึง่ พระยามลราชนำ�มาถวาย แต่ผลสมอนัน้ แห้งมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงนำ� ผลสมอนัน้ ไปแช่นา้ํ ก่อนเสวย และทรงพยากรณ์ ว่า ต่อไปทีน่ จ่ี ะมีผนู้ ำ�พระบรมสารีรกิ ธาตุมา ประดิษฐาน จึงเรียกพระสถูปทีป่ ระดิษฐาน พระบรมสารีรกิ ธาตุแห่งนีว้ า่ พระธาตุแช่แห้ง
5 71
การเดินทางของนกสีฟ้า
วิวภูเขาทีโ่ อบล้อมดอยสูงแห่งนีไ้ ว้ สวยงามไม่ผดิ จากคำ�ของเจ้าหน้าทีอ่ ทุ ยานเลย อากาศในวันนัน้ ครึม้ ฟ้าครึม้ ฝน มีลมเย็น พัดผ่านตลอดเวลา หลังจากอาหารมือ้ เย็นและ อาบนํา้ เสร็จ พวกเราจึงมานัง่ ล้อมวงคุยกัน เวลาผ่านไปสักพัก มองนาฬิกาบอกเวลา 2 ทุม่ กว่า ฝนเริม่ ตก เราเลยตกลงกันว่าเช้ามืดพรุง่ นี้ ประมาณตี 4 จะตืน่ มาดูพระอาทิตย์และทะเล หมอกกัน แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อนในเต็นท์ ด้วยอากาศเย็นสบายได้ยนิ เสียงฝนตกพรำ�ๆ จากทีเ่ คยเป็นคนนอนดึก คืนนีฉ้ นั ได้กลับไปเป็น เด็กน้อยทีน่ อนหลับตัง้ แต่หวั คํา่ อีกครัง้ เพราะเมือ่ คืนได้นอนเต็มที่ เช้ามืดตอน 6 ตี 4 ทุกคนจึงตืน่ ขึน้ มาโดยอัตโนมัติ เพือ่ รับ แล้ว ประเทศไทยก็ไม่มคี วามหมาย” คิดได้เช่นนี้ อากาศหนาวเย็นยามเช้า แม้วา่ วันนัน้ ฟ้าจะ แล้วยิง่ รูส้ กึ รักและหวงแหนทุกสิง่ ทีก่ อ่ ร่างสร้าง ไม่เปิด เนือ่ งจากฝนตกตลอดคืน แต่แสงแรกของ ความเป็นไทยขึน้ มา และขอเป็นกำ�ลังเล็กๆ ทีจ่ ะ วันก็ยงั คงสาดส่องลงมายังขุนเขาทีม่ ที ะเลหมอก ดูแลรักษาสิง่ เหล่านีไ้ ว้ให้อย่างดีทส่ี ดุ อยูเ่ บือ้ งล่าง พวกเรานัง่ มองภาพสวยงามเบือ้ ง แล้วดวงตะวันทีร่ อ้ นแรงก็เริม่ เคลือ่ นคล้อย หน้าจนแสงนัน้ เริม่ ส่องสว่างไปทัว่ ฟ้า ฉันเปรยกับ จากกลางศีรษะมาอยูด่ า้ นข้าง บอกให้รวู้ า่ เป็น ตัวเองว่า ช่างเป็นการเริม่ วันใหม่ทส่ี วยงามเสีย เวลาบ่าย คงถึงเวลาทีเ่ ราจะต้องมุง่ หน้าขึน้ สูด่ อย จริง เมือ่ เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงสาย ได้เวลาที่ 7 เสมอดาว ทีพ่ กั ของเราคืนนีแ้ ล้ว มิเช่นนัน้ จะเย็นยํา่ เรานัดลุงเนียนให้มารับเพือ่ ลงไปเทีย่ วและพักใน เสียก่อน หลังจากแวะซือ้ เสบียงมือ้ เย็นในร้าน ตัวเมืองน่านตามโปรแกรมทีว่ างไว้ ประมาณบ่าย เสร็จสิน้ จากการไหว้พระขอพรให้การเดินทาง สะดวกซือ้ ลุงเนียนก็พาเราขับรถลัดเลาะมาตาม โมงก่อนถึงตัวเมือง เราขอให้ลงุ เนียนแวะพาเราไป ต่อไปจากนีร้ าบรืน่ ปลอดภัย ก่อนมุง่ หน้าขึน้ ดอย เหลีย่ มเขา ประมาณ 2 ชัว่ โมงกว่าจึงถึงดอย ไหว้พระทีว่ ดั พระธาตุเขาน้อย อีกหนึง่ จุดไฮไลต์ เสมอดาว อุทยานแห่งชาติศรีนา่ น ฉันกับน้อง เสมอดาว ลุงเนียนพาเรามาไหว้พระธาตุอกี องค์ ของการท่องเทีย่ วเมืองน่านทีไ่ ม่ควรพลาด เพราะ สาวผูไ้ ด้รบั มอบหมายให้ตดิ ต่อจองเต็นท์ทพ่ี กั หนึง่ ทีว่ ดั พญาวัด ซึง่ ชาวบ้านเรียกขานกันในชือ่ จากวัดพระธาตุเขาน้อยนีเ้ อง ทีเ่ ราสามารถมอง ไม่รอช้า มุง่ หน้าไปทีท่ �ำ การอุทยานเพือ่ ยืนยันการ เห็นทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่าน และยังได้ ว่า เจดียจ์ ามเทวี องค์เจดียส์ ร้างด้วยศิลาแลง เข้าพักด้วยใบโอนเงินค่าเต็นท์ทพ่ี กั สองหลัง พร้อม กราบพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรศี รีนา่ น ซึง่ ในสมัยพระนางจามเทวี ลักษณะคล้ายเจดียก์ กู่ ดุ เครือ่ งนอน รวมเป็นเงินทัง้ สิน้ 690 บาท เมือ่ จังหวัดลำ�พูน เป็นทรงซุม้ สีเ่ หลีย่ มซ้อนกัน 5 ชัน้ เป็นพระพุทธรูปปางประทานพรทีป่ ระดิษฐานเด่น เจ้าหน้าทีอ่ ทุ ยานตรวจสอบแล้ว ก็ตอบกลับมา แต่ละชัน้ ประดิษฐานพระพุทธรูปยืน ซึง่ ได้รบั สวยงาม บนยอดเขาน้อยแห่งนีด้ ว้ ย พร้อมรอยยิม้ เขาชีไ้ ปทีเ่ ต็นท์สองหลังบนเนินหนึง่ อิทธิพลจากศิลปะสุโขทัยคล้ายกับสถูปเจดียว์ ดั หลังจากเก็บข้าวของเข้าห้องพักทีโ่ รงแรมสุข มหาธาตุจงั หวัดสุโขทัย และภายในโบสถ์ของวัด แล้วกล่าวว่า “เชิญครับ ผมได้กางรอไว้แล้ว เลือก เกษม ซึง่ พวกเราเลือกห้อง Family ทีพ่ กั ได้ 4 คน จุดทีส่ วยทีส่ ดุ ให้เลยนะครับเนีย่ ” พวกเรามองตาม แบบสบายๆ ไม่อดึ อัด แถมราคาย่อมเยา เพียง แห่งนีม้ ธี รรมาสน์ฝมี อื ช่างเมืองน่านทีเ่ ก่าทีส่ ดุ ทิศทางทีเ่ จ้าหน้าทีช่ ้ี ก็พบเต็นท์สองหลังอยูบ่ นเนิน คืนละ 1,200 บาทเท่านัน้ ก็ได้เวลาเทีย่ วเมืองน่าน เท่าทีเ่ คยพบมา ลักษณะคล้ายบุษบก ฐานเป็น ทีแ่ ม้ไม่ได้อยูใ่ นจุดสูงสุด แต่กส็ ามารถมองเห็น ปูนก่อติดกับพืน้ ตัวธรรมาสน์เป็นไม้แกะสลัก โดยบ่ายวันนีเ้ ราเลือกทีจ่ ะไปนัง่ รถรางชมเมืองกัน ลงรักเขียนลายรดนํา้ ปิดทอง ใช้ใส่พระธรรมคัมภีร์ ก่อน แล้วพรุง่ นีเ้ ราจึงจะเช่าจักรยานปัน่ เทีย่ ววัดใน ให้ได้ชมด้วย เมืองน่านกัน ความงดงามของโบราณสถานและโบราณ เจ้าหน้าทีโ่ รงแรมให้ขอ้ มูลว่าถ้าจะไปขึน้ รถ วัตถุทง้ั สองสิง่ นี้ ทำ�ให้ยอ้ นระลึกได้ถงึ กระแส รางให้เดินทางไปทีศ่ นู ย์บริการนักท่องเทีย่ ว ซึง่ อยู่ พระราชดำ�รัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั เยือ้ งด้านข้างของวัดภูมนิ ทร์ พวกเราไม่รอช้า ภูมพิ ลอดุลยเดชทีว่ า่ “โบราณสถานนัน้ เป็นเกียรติ เดินทางไปตามคำ�แนะนำ� รอเพียงครึง่ ชัว่ โมงก็มี ของชาติ อิฐเก่าๆ แผ่นเดียวก็มคี า่ ควรจะช่วยกัน รอบการเดินรถรางชมเมืองช่วงบ่ายสามโมงพอดี 8 รักษาไว้ ถ้าเราขาดสุโขทัย อยุธยา และกรุงเทพฯ หลังจากเสียค่าโดยสารคนละ 30 บาท พวกเรา 72
9
6 วัดภูมินทร์ 7 ไม้แกะสลักรูปนักษัตร
ทางเข้าโบสถ์วัดพญาวัด 8 ปั่นมาดูของฝากพวกผ้าไทย ผ้าพื้นเมือง 9 ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ที่วัดภูมินทร์ 10 พระธาตุเขาน้อย
ขึน้ ไปจับจองทีน่ ง่ั ด้านหน้าของรถราง เมือ่ ได้เวลา ทีร่ ถรางออก ก็มเี จ้าหน้าทีเ่ สียงหวานมาทักทาย และบรรยายข้อมูลโดยสังเขปของวัดต่างๆ ในเมืองน่านด้วยภาษาเหนือทีไ่ พเราะยิง่ นัก โดยพวกเราถือโอกาสทีไ่ ด้นง่ั รถรางชมเมืองนีเ้ อง ศึกษาเส้นทางทีจ่ ะปัน่ จักรยานเทีย่ วเมือง ในวันพรุง่ นีไ้ ปด้วย ช่วงเช้าวันรุง่ ขึน้ พวกเราเดินไปทีร่ า้ น กิจอนันต์ ซึง่ ไม่ไกลจากโรงแรมมากนักเพือ่ ไป เช่าจักรยาน ทางร้านคิดอัตราค่าเช่าวันละ 80 บาท ครัน้ ได้รถจักรยานถูกใจกันแล้ว เราจึง ไป “ปัน่ รถถีบ ผ่อเมืองน่าน” กัน โดยไปเริม่ ต้น กันทีส่ แ่ี ยกข่วงเมืองน่าน เพราะจำ�ได้วา่ เมือ่ วาน
คุณไกด์นำ�เทีย่ วบนรถรางบอกเราว่า ณ สีแ่ ยกนี้ คนน่านและนักท่องเทีย่ วต่างขนานนามให้เป็น สีแ่ ยกรับแขกบ้านแขกเมืองของเมืองน่านไป แล้ว ด้วยเป็นทีต่ ง้ั ของทัง้ วัดภูมนิ ทร์ วัดช้างคํา้ พิพธิ ภัณฑสถานแห่งชาตินา่ น และศูนย์บริการ นักท่องเทีย่ วนัน่ เอง วัดแรกทีเ่ ราจอดจักรยานเพือ่ เยีย่ มชม และ สักการะสิง่ ศักดิส์ ทิ ธิค์ อื วัดภูมนิ ทร์ อีกหนึง่ สัญลักษณ์ของความงดงามประจำ�เมืองนี้ วัดนี้ แปลกกว่าวัดอืน่ ตรงตัวโบสถ์และวิหารสร้างเป็น อาคารหลังเดียวกัน ประตูไม้ทง้ั สีท่ ศิ แกะสลัก ลวดลาย โดยช่างฝีมอื ล้านนาสวยงามมาก และ ในวิหารหลวงแห่งนีน้ เ่ี องทีม่ ภี าพจิตรกรรมฝาผนัง เลือ่ งชือ่ ไม่วา่ ใครทีม่ าเยือนเมืองน่าน เป็นต้อง อยากมาชมภาพนี้ นัน่ คือ ภาพปูม่ า่ น ย่าม่าน ซึง่ เป็นภาพของผูช้ ายผูห้ ญิงชาวไทลือ้ ในสมัยโบราณ กระซิบสนทนากัน ผูช้ ายสักหมึก ผูห้ ญิงแต่งกาย ไทลือ้ อย่างเต็มยศ ภาพวาดของชายหญิงคูน่ ม้ี ี ความประณีตมาก ใครก็ตามทีม่ โี อกาสได้มาเห็น ภาพนีเ้ ป็นบุญตาสักครัง้ ต่างเหมือนต้องมนตร์ หยุดนิง่ ดูภาพนีเ้ ป็นเวลานานทุกคน รวมถึงฉัน ด้วย ไม่เพียงแต่ภาพทีม่ ผี คู้ นขนานนามใหม่ให้วา่ ภาพกระซิบรักบันลือโลกนีเ้ ท่านัน้ ทีเ่ ราได้ชน่ื ชม ความงาม เพราะยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังหรือ “ฮูบแต้ม” ในวัดภูมนิ ทร์อกี หลายภาพทีบ่ อกเล่า เรือ่ งราวชาดกในพุทธศาสนาและวิถชี วี ติ ของ คนเมืองในสมัยก่อน เช่น ภาพธรรมเนียมการ “อยูข่ ว่ ง” หรือปัน่ ฝ้าย ของหญิงชาวไทลือ้ เป็นต้น พวกเราเพลิดเพลินกับการชมภาพ จิตรกรรมฝาผนังของวัดภูมนิ ทร์อยูพ่ กั ใหญ่ ก็ ปัน่ จักรยานข้ามมาฝัง่ ตรงข้าม ซึง่ เป็นทีต่ ง้ั ของ พิพธิ ภัณฑสถานน่าน แต่นา่ เสียดายทีพ่ อมาถึง ก็พบว่าพิพธิ ภัณฑ์ปดิ เพราะวันนีเ้ ป็นวันจันทร์ ซึง่ เป็นวันหยุดของทางพิพธิ ภัณฑ์พอดี เราจึงไม่ สามารถเข้าชมพิพธิ ภัณฑ์ดา้ นในได้ แต่ถงึ อย่างไร อาคารพิพธิ ภัณฑ์และทัศนียภาพโดยรอบก็มี ความร่มรืน่ สวยงามไม่นอ้ ย พวกเราจึงถือโอกาส พักผ่อนและเดินถ่ายรูปอยูส่ กั พัก แล้วจึงข้าม มายังฝัง่ ตรงข้าม เพือ่ ชมความงามของ วัดพระธาตุชา้ งคํา้ วรวิหาร อันเป็นทีป่ ระดิษฐาน ของเจดียช์ า้ งคํา้ ซึง่ เป็นศิลปะสุโขทัย มีพทุ ธ ลักษณะสวยงามโดดเด่นด้วยองค์เจดียเ์ ป็นสีทอง อร่าม และมีฐานของเจดียเ์ ป็นรูปปัน้ ช้างครึง่ ตัว ประดับอยูโ่ ดยรอบ เป็นทีม่ าของชือ่ วัดนีเ่ อง จากนัน้ พวกเราได้ปน่ั จักรยานต่อไปตามวัด
10
ต่างๆ รอบเมือง ได้แก่ วัดหัวข่วง วัดพญาภู วัด สวนตาล วัดมณเฑียร วัดมิง่ เมือง สลับกับการ หยุดแวะ กิน๋ อาหารเมือง ทีร่ า้ นขึน้ ชือ่ ของเมือง น่าน อย่าง ร้านป้าวันดา ร้านแหนมสุณี ซึง่ มี ของกิน๋ ชาวเหนือครบถ้วน ไม่วา่ จะเป็นข้าวซอย ขนมจีนนํา้ เงีย้ ว นํา้ พริกหนุม่ ไส้อว่ั ทริปแอ่วเมืองน่านคราวนีจ้ งึ ครบรส ทัง้ ได้ สัมผัสธรรมชาติ วัฒนธรรม และอิม่ อร่อยกับ อาหารเหนือ จนเพือ่ นร่วมทริปทุกคนพูดเป็นเสียง เดียวกันว่า ม่วนแต๊ๆ ...แล้วหนาวหน้าเจอกันอีก นะ เมืองน่าน The Must do’s in Nan…
• ขึน้ ดอยเสมอดาว อุทยานแห่งชาติศรีนา่ น โทร. 0-5473-1714, 0-5470-1106 รถแท็กซีเ่ มืองน่าน โทร. 0-5477-3555, 08-4617-0777 • นัง่ รถรางเทีย่ วเมืองน่าน ศูนย์บริการนักท่องเทีย่ วเทศบาลเมืองน่าน โทร. 0-5475-0247, 0-5475-1169 • ปัน่ จักรยานชมวัดเมืองน่าน ร้านกิจอนันต์ (เช่าจักรยาน) โทร. 08-1473-2580 • กินอิม่ นอนอุน่ ในเมืองน่าน ร้านป้าวันดา โทร. 0-5477-2149 ร้านแหนมสุณี โทร. 0-5477-2359, 08-1595-9141 โรงแรมสุขเกษม โทร. 0-5477-2555
73
happy time เรื่อง : แม่มะลิ
กระท่อมเต่า รีสอร์ต กับคอร์ส “ออกแบบชีวิตใหม่” ถ้าจะพูดถึงอำ�เภอเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ ท่ามกลางทิวเขาเขียวชอุ่ม และมีอากาศหนาว เย็นตลอดปี จนใครๆ ต่างขนานนามให้เป็น “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” คงเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจาก อำ�เภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ด้วย ทัศนียภาพงดงามและบรรยากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อนนี้เอง จึงเป็นที่ตั้งของ รีสอร์ตสวยๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือ กระท่อม เต่า รีสอร์ต ที่เราจะมาแนะนำ�กันในวันนี้
กระท่อมเต่า รีสอร์ต ตั้งอยู่ที่ 125 หมู่ 7 ตำ�บลทุ่งสมอ อำ�เภอเขาค้อ จังหวัด เพชรบูรณ์ ติดต่อสอบถามรายละเอียด ห้องพัก และคอร์สออกแบบชีวิตใหม่เพิ่ม เติมได้ที่ โทร. 0-5675-0075, 08-4415-4849 www.theturtlehut.com, www.kid-mai.com www.facebook.com/kidmai 74
การออกแบบบ้านพักและการตกแต่งภายในสไตล์เรียบง่าย แต่ไม่ทิ้งความสะดวกสบาย คือ เอกลักษณ์เฉพาะตัวของรีสอร์ตแห่งนี้ค่ะ และที่พิเศษไปกว่านั้น ช่วงเวลาที่คุณพักผ่อนในรีสอร์ตแห่ง นี้ ยังจะเป็นช่วงที่คุณได้ปรับเปลี่ยนชีวิตใหม่ด้วยนะคะ ทำ�ได้อย่างไร ตามมาฟังคำ�ตอบได้เลยค่ะ ด้วย คุณวีรณัฐ โรจนประภา หรือที่สังคมชาวพุทธรู้จักและเรียกขานกันว่า “คุณใหม่ บ้าน อารีย์” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิบ้านอารีย์ แหล่งรวมใจของพุทธศาสนิกชนผู้มีใจแบ่งปัน ได้คิดสานต่อปณิธาน การ “สอนให้รู้ ทำ�ให้ดู อยู่ให้เห็น” เพื่อพัฒนาสังคมไทยให้ทุกคนมีความสุขแท้อย่างยั่งยืน โดยการ สร้างกระท่อมเต่า รีสอร์ตแห่งนี้ขึ้น เป็นการต่อยอดส่วนของภารกิจ “การอยู่ให้เห็น” ซึ่งเน้นการทำ� กิจกรรมและการอบรมดีๆ ที่จะจัดขึ้นภายใต้โปรแกรม “ออกแบบชีวิตใหม่” เพื่อให้ทุกท่านได้มา พักผ่อนในรีสอร์ตแสนสบาย เรียนรู้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ หรือ Slow life จากวิถีธรรมชาติ และค้นพบ เป้าหมายที่แท้จริงในชีวิตที่จะนำ�มาซึ่งความสุขยั่งยืน จากหลากหลายกิจกรรมจิตวิทยา โดยนัก จิตวิทยามืออาชีพ พร้อมปฏิบัติธรรมตามแนวทางพุทธศาสนาท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ ตลอด 3 วัน 2 คืน ที่กระท่อมเต่า รีสอร์ตแห่งนี้ คุณจะรู้สึกได้ถึงความสุขกาย สุขใจ ซึ่งจะ ค่อยๆ เดินทางมาให้คุณได้ซึมซับอย่างแช่มช้า เริ่มจากความสุขแสนง่ายจากการสูดกลิ่นอายจาก ธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ในรีสอร์ตที่โอบล้อมด้วยขุนเขา ลิ้มรสอาหารสุขภาพจากผัก ผลไม้ และ สมุนไพรปลอดสารพิษที่ปรุงสุดฝีมือจากพ่อครัวอารมณ์ดี และไปเที่ยวชมพร้อมร่วมกิจกรรมสัมผัส วิถีเกษตรอินทรีย์กันที่ไร่กระต่าย อาทิ ดำ�นาอินทรีย์ เกี่ยวข้าว ขุดมัน เก็บเห็ด ทำ�นํ้าส้มควันไม้ ทำ�นํ้าหมักชีวภาพไล่ศัตรูพืช ซึ่งเหล่านี้เป็นภูมิปัญญาอันลํ้าค่าตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ ประยุกต์ มาจากปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานไว้ให้เป็น แนวทางดำ�เนินชีวิตของชาวไทยทุกคน หากมีเวลาว่าง ลองมอบโอกาสให้ตัวเองได้ดีท็อกซ์กายใจ เติมพลังชีวิตกันบ้างนะคะ กระท่อม เต่า รีสอร์ตเปิดรอทุกท่านให้เข้ามาสัมผัสทุกวันค่ะ
เจ้าพระยาครุยส์
ประสบการณ์เหนือคำ�บรรยายบนสายนํ้าแห่งอารยธรรม
เข้าเดือนแห่งความรัก นอกจากร้านอาหาร ที่บรรดาคู่รักจะไปดินเนอร์แล้ว การล่องเรือ สำ�ราญชมความงามของลำ�นํ้าเจ้าพระยา ก็เป็นการฉลองที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ หลังจากเล็งอยู่หลายหน ฉันก็ตัดสินใจ เลือกเรือสำ�ราญเจ้าพระยาครุยส์ ซึ่งเป็นเรือ Luxury Cruise ตกแต่งแบบไทยประยุกต์สวยงาม มีระดับ สะดวกสบาย แล้วยังพร้อมด้วยการ ต้อนรับและบริการอันอบอุ่นแบบไทยๆ โดย
เรือจะแล่นออกจากท่าเรือริเวอร์ซิตี้ (สี่พระยา เจริญกรุง 30) พาล่องชมวิวยามคํา่ คืนของสถานที่ สำ�คัญต่างๆ ที่มีการประดับประดาไฟอย่าง สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นวัดอรุณราชวรารามราช วรมหาวิหาร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัด พระแก้ว) พระบรมมหาราชวัง สะพานพระราม 8 เป็นต้น พร้อมทานอาหารบุฟเฟ่ต์ไทยและ นานาชาติ รวมถึงอาหารทะเล และค็อกเทล บาร์ เคล้าเสียงเพลงขับกล่อมจากนักร้องเสียง
เสนาะหู และแซกโซโฟนอันแสนหวาน จนเวลา 2 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็วแทบไม่รู้ตัว ล่องเรือดินเนอร์ภายใต้แสงเทียน ช่าง โรแมนติกจริงๆ ใครได้มาต้องประทับใจเช่นเดียว กับฉันแน่ๆ ค่ะ ติดต่อสอบถามรายละเอียดและสำ�รอง ที่นั่งได้ที่โทร. 0-2541-5599 (อัตโนมัติ) เว็บไซต์ www.chaophrayacruise.com 75
one happy day
76
เรื่องและภาพ : รัฐธนนท์ ธนาสินสิทธานนท์ facebook.com/lek.ratthanon
The Museum of Floral Culture ตามรอยดอกไม้ ชมสวนไทย จิบชานานาชาติ เดือนกุมภาพันธ์ ถือเป็นอีกเดือนหนึ่งที่ ดอกไม้ถูกให้ความสำ�คัญเป็นอย่างมาก ทั้งเป็น ตัวแทนแห่งความรัก ในวันวาเลนไทน์ และเป็น ส่วนหนึ่งในการแสดงความเคารพบูชาพระพุทธ ศาสนา ในวันมาฆบูชา คงเป็นเพราะความงาม ของดอกไม้ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา รวมถึงความ คิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่นำ�ดอกไม้มาจัดแต่ง ให้สวยงาม เมื่อไม่นานมานี้มีพิพิธภัณฑ์เปิดใหม่ เป็น พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวความงดงามของ ดอกไม้และวัฒนธรรมดอกไม้ของไทยและจาก ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณศรีย่าน (สามเสน) ของกรุงเทพฯ นี้เองครับ ไหนๆ ก็ เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของดอกไม้กันแล้ว วันนี้ เราจึงขอออกเดินทางตามรอยของดอกไม้ที่ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ (The Museum of Floral Culture) กันต่อเลยนะครับ กรมชลประทาน รร. ราชินีบน
แมคโคร บ. บุญรอด
ถ. สามเสน สุพรีม คอมเพล็กซ์
ภาพประกอบ : ต้องการ
แยกซอยองครักษ์ 13 The Museum of Floral Culture
1
ตามรอยดอกไม้ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ (The Museum of Floral Culture) เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของ สกุล อินทกุล ศิลปินนักจัดดอกไม้ของไทย ที่มีชื่อเสียงขจรขจายระดับนานาชาติ ด้วยความตั้งใจให้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่แสดงชิ้นงาน หลักฐาน ภาพถ่าย และไม้ดอกไม้ใบที่รวบรวมมาจากทุกทวีป หลังจากซื้อบัตรเข้าชม (ราคา 150 บาท ถ้าพร้อมชาและขนมหนึ่งชุด 350 บาท) ก็จะมี เจ้าหน้าที่นำ�ชม พร้อมอธิบายเรื่องราวต่างๆ ที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีการรวบรวมมรดก ทางวัฒนธรรมของการจัดดอกไม้ไทยมาจัดแสดง มีภาพถ่ายเกี่ยวกับวัฒนธรรมดอกไม้ที่ค้นคว้า มาได้จากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ รวมถึงอุปกรณ์และภาพถ่ายเกี่ยวกับวัฒนธรรมดอกไม้ของ ประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลก อาทิ อินเดีย จีน ญี่ปุ่น บาหลี พม่า ลาว เนปาล ทิเบต เป็นต้น มีนิทรรศการภาพร่างผลงานชิ้นต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของคุณสกุล อินทกุล ที่เด่นๆ ก็ จะเป็นชิ้นงานดอกไม้สำ�หรับงานพระราชทานเลี้ยงในพระบรมมหาราชวัง เมื่อครั้งเฉลิมฉลองครอง สิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2549 (เสียดายที่ภายใน พิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายภาพ ผมเลยไม่มีภาพมาให้ได้ชมกัน) 77
one happy day
2 ชมสวนไทย นอกจากนิทรรศการที่อยู่ภายในอาคาร
แล้ว ยังมีการจัดแสดงงานที่มีชีวิตกลางแจ้ง อัน ร่มรื่นไปด้วยไม้ใบไม้ดอกมงคล ปลูกตามความ เชื่อของไทยโบราณ ซึ่งคุณสกุลลงทุนปลูกขึ้น ใหม่เกือบทั้งหมด ใครที่ชอบปลูกต้นไม้หรือจัด สวนก็น่าจะชอบสวนแห่งนี้ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ นำ�ชมเสร็จแล้ว ผมก็ขอเดินเล่น นั่งเล่น ด้วย ตัวเองอีกรอบ ทำ�ให้เห็นความงดงามของตัว อาคารของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นบ้านโบราณสไตล์ โคโลเนียลอายุราว 100 ปีและศาลาทรงไทยใน สวน ที่เหมาะสำ�หรับการนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือ รวมถึงมุมต่างๆ ของสวนที่เหมาะสำ�หรับเดิน เล่นเพลินๆ ครับ
ปัจจุบันความผูกพันของดอกไม้กับวิถีชีวิต ของคนนั้นเริ่มน้อยลง สำ�หรับการจัดดอกไม้ บางอย่าง เราอาจจะคุ้นเคยหรือเคยเห็นตาม ประเพณีต่างๆ แต่ก็ไม่รู้ถึงเรื่องราวความเป็นมา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ช่วยทำ�ให้เราได้เห็นว่าดอกไม้ อยู่ในวิถีชีวิตของเราอย่างไร ประเทศต่างๆ มี วัฒนธรรมการใช้ดอกไม้อย่างไรบ้าง ถ้าใคร สนใจเรื่องราวของดอกไม้ก็ลองมาเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้กันดูนะครับ บชานานาชาติ 3 จิระหว่ างที่เดินเล่นเพลินๆ เจ้าหน้าที่ก็เดิน
มาถามว่าจะรับชาเลยไหม เพราะผมซื้อบัตร แบบรวมชุดชาและขนมไว้ด้วย มีชานานาชาติ หลากหลายให้เลือกดื่ม พร้อมกับขนมไทย ปริมาณก็น่าจะเหมาะสำ�หรับสองคนครับ ที่ สำ�คัญ รสชาติของชาและขนมอร่อยมากด้วย ส่วนที่นั่งก็เลือกได้ตามความชอบว่าจะนั่ง สบายๆ ในอาคาร หรือจะออกมานั่งรับลม ชม ธรรมชาติในสวน 78
พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ (The Museum of Floral Culture) ตั้งอยู่ที่ ซอยองครักษ์ 13 ถนนสามเสน ตรงเข้าซอย สามเสน 28 ประมาณ 500 เมตร เลี้ยวซ้าย เข้าแยกองครักษ์ 13 ประมาณ 30 เมตร ก็จะ เจอพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้อยู่ทางขวามือ เปิดให้ชมทุกวัน (เว้นวันจันทร์) เวลา 10.0018.00 น. ค่าเข้าชมราคา 150 บาท สอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2669-3633
เรื่องและภาพประกอบ : Imaginism
home sweet home
ของรัก ของหวง ลองนึกย้อนกลับไปสมัยยังเด็ก บางคนคง เคยถูกล้อว่าติดผ้าเหม็น ตุ๊กตาเน่า ถ้าไม่มีไว้ ใกล้ตัวก็ถึงกับนอนไม่หลับ กินไม่ได้ พอกลิ่น หอมสะอาดก็กลับโยเยร้องไห้คิดถึงกลิ่นนํ้าลาย บูดของตัวเอง...สิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลต่อจิตใจและ อารมณ์ของคนเราอย่างคาดไม่ถึง ความคุ้นเคย ต่อกลิ่นและสัมผัสเหล่านั้น ทำ�ให้เด็กๆ รู้สึก อุ่นใจและปลอดภัย เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่เราก็ยังมีของรักของหวง ให้ยึดติดอยู่ไม่น้อย บ้างก็ติดแก้วกาแฟประจำ� ตัว มีชามใส่มาม่าที่กินแล้วอร่อยกว่าชาม ธรรมดาสิบเท่า มีเสื้อยืดตัวโปรดที่ใส่จนเก่า เหลือง กระเป๋าใบเก๋าที่แม้จะขาดตรงโน้นนิด หรือโทรมไปหน่อย แต่ใช้แล้วอุ่นใจกว่าใบใหม่ สวยกิ๊ก หรือแม้แต่ของแต่งบ้าน อย่างโคมไฟ พรมเช็ดเท้า ผ้าม่านผืนโปรดที่กรองแสงได้ นุ่มนวล...แม้จะเป็นของใช้ทั่วไปสำ�หรับคนอื่น แต่กลับเป็นของรักของหวงที่มีคุณค่าทางใจ สำ�หรับเรา แต่วันเวลาผ่านไป ของรักของหวงหลาย อย่างก็เริ่มหมดสภาพไปตามอายุ แก้วแตก ชาม บิ่น เสื้อขาด กระเป๋าเยิน ผ้าม่าน พรมซีดเก่า โคมไฟชำ�รุด ...ไม่มีของรักของหวงชิ้นใดจะคง สภาพเหมือนเมื่อวันแรกไปตลอดกาล...แม้เรา จะมีของใหม่มาใช้แทน แต่ก็ตัดใจทิ้งของรัก ไม่ลงจนต้องเก็บลงกล่องไว้...ที่จริงของพวกนี้ก็ แค่เสื่อมสภาพ หมดสภาพการใช้งานอย่างเดิม แต่ยังพอจะชุบชีวิตใหม่ให้มันได้อยู่
แปะแต่งเป็นแพทเทิร์นเก๋ๆ ทับรอยตำ�หนิ แก้วกาแฟที่แตกครึ่งด้านข้าง เอามาแปะ ติดกับผนังสวน ใช้ปลูกต้นไม้เล็กๆ ได้...ชาม มาม่า แก้วนํ้า เครื่องเคลือบที่แตกเป็นชิ้นเล็ก ลองเอาผ้าห่อก่อนทุบให้ชิ้นละเอียดหน่อยแล้ว ค่อยเอามาปะติดผนังสวน ทำ�เป็นรูปวงกลม หัวใจ ต้นไม้ แล้วแต่ชอบ ยาแนวรอยต่อให้ เรียบร้อย ได้โมเสกลายสวยที่มีชิ้นเดียวในโลก โคมไฟเก่าที่ตัวโคมหรืออุปกรณ์ชำ�รุด ก็ เปลี่ยนสายเปลี่ยนหลอดให้ปลอดภัย ตัดลาย ฉันหยิบเสื้อยืดลายแมวตัวโปรดที่ลายยัง โปรดจากเสื้อเก่ามาปะแต่งตัวโคม หรือหาพวก สดใสแต่ตัวเสื้อเก่าเหลือง ตัดเฉพาะลายมาแปะ สร้อย กำ�ไลเก่าๆ แม้แต่กระดุมเก๋ๆ ที่เคยเลาะ เย็บติดกับหมอนอิงใบใหญ่ ได้หมอนลาย(เสื้อ) เก็บไว้ เอามาร้อยแทนลูกปัดห้อยระย้าแต่ง แมวใบโปรดไว้กอดอุ่นใจ ชายโคม ผ้าม่านสีพื้นผืนเก่า แปะทับรอย กระเป๋าหนัง กระเป๋าผ้า กระเป๋าสตางค์ที่มี ขาดรอยด่างด้วยชิ้นลายผ้า เศษหนัง กระดุม รอยปุปะบางจุด หาชิ้นลายผ้าน่ารักจากเสื้อเก่า ลูกปัด...พรมลายสดผืนใหญ่ที่เก่าซีด ตัดเก็บ ปลอกหมอนเก่า ผ้าเช็ดหน้าผืนเก่า หรือวัสดุชิ้น เฉพาะบางส่วนที่ยังสภาพดี เอามาแปะเย็บติด เล็กๆ น่ารักอย่างต่างหูคู่โปรดที่คู่หาย เอามา บนพรมใหม่สีพื้น ได้ของใหม่ที่มีอารมณ์และ
โทนสีคล้ายเดิม ของใช้ของคนที่เรารักที่จากเราไปแล้ว เช่น เสื้อหรือผ้าถุงที่เห็นทีไรก็นึกถึงท่าน แทนที่จะซุก เก็บไว้ในตู้ เอามาหุ้มกรอบรูป แต่งหมอนอิงไว้ หนุนนอนยามคิดถึง...ของชิ้นเล็กๆ อย่าง ต่างหู กำ�ไล กระดุม ฯลฯ จัดใส่กรอบรูปเล็กใหญ่โชว์ แทนรูปถ่าย ของใช้สมัยเด็กแม้แต่เสื้ออนุบาล ก็จัดใส่กรอบเป็นดิสเพลย์เก๋ๆ ประดับบ้านได้ จะของชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ก็จับมาดัดแปลง ชุบชีวิตใหม่ได้ทั้งนั้น อาจจะทำ�ใช้เองหรือทำ�เป็น ของขวัญก็ได้ เพราะของขวัญนั้นไม่ได้สำ�คัญที่ ราคาแต่อยู่ที่คุณค่าและความหมาย การฟื้นคืน ชีวิตให้กับสิ่งที่เป็นของธรรมดาสำ�หรับคนอื่น แต่ มีค่าในความทรงจำ�สำ�หรับบางคน น่าจะเป็น ของขวัญที่เหมาะกับทุกวาระ ไม่ว่าจะเป็นของ ขวัญให้ตัวเองหรือมอบให้คนที่เรารักก็ตาม
79
greenshop review เรื่องและภาพ : ต้องการ
ดาราดาเล@BKK
ถนนพิชัย อาหารเหนือจากฟาร์มออร์แกนิก
วันนี้ฉันชวนมาขี่จักรยานทานอาหารเหนือ กันค่ะ ที่จริงแล้วไม่ต้องขี่จักรยานก็ได้ จะขับรถมา เดินมา นั่งรถเมล์มาได้หมด แต่บรรยากาศแถว ถนนพิชัยนั้นฉันว่าน่าขี่จักรยานมาก เพราะเป็น โซนที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมากนักตั้งแต่ฉัน ยังเป็นเด็กน้อยอยู่โรงเรียนราชินีบนบริเวณแถวๆ นั้น (นานมากจริงๆ ค่ะ^^) จนถึงปัจจุบัน หลาย สิ่งหลายอย่างก็ยังคงอยู่ นอกจากนั้นยังเป็น โซนที่ค่อนข้างสงบและถนนกว้างใหญ่พอสมควร รถก็ไม่พลุกพล่าน ยิ่งวันเสาร์ อาทิตย์ยิ่งเงียบ สงบควรค่าแก่การปั่นจักรยานชิลชิล หาอะไรกิน แต่ขอบอกว่าถ้าตั้งใจมากินร้านที่จะแนะนำ�นี้ อย่ามาวันอาทิตย์นะคะ เพราะเป็นวันหยุด ประจำ�สัปดาห์ของเขาค่ะ
1
2
ร้านดาราดาเล@BKK เป็นร้านอาหารเหนือที่นำ�ผักออร์แกนิกที่ปลูกเองจากฟาร์มผักของเขา ที่อำ�เภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ มาปรุงให้เราทานกัน เป็นสูตรอาหารเหนือจากรุ่นคุณแม่ที่ปรุง โดยคุณลูก แต่ตัวคุณแม่ก็ลงมาปรุงด้วยตัวเองที่กรุงเทพฯ อยู่บ่อยๆ เมนูในร้านเป็นอาหารเหนือ แต๊ๆ มี ขนมจีนนํ้าเงี้ยว ข้าวซอย นํ้าพริกอ่องยืนพื้นหลัก ทั้งยังมีลาบหมูคั่ว แกงฮังเล แกงโฮะ และ เมนูอย่างอื่นมาให้ลูกค้าได้อร่อยเพิ่มเป็นบางวัน รับรองว่าชาวเหนือที่ลงมาทำ�งานกรุงเทพฯ ได้หาย คิดถึงบ้านแน่ คนกรุงหรือคนจังหวัดอื่นเองก็ได้อิ่มสนุกกับเมนูเหนือได้ เพราะนอกจากตัวอาหาร ที่รสชาติจัดเต็มแล้ว ทางร้านยังมีผักพื้นบ้าน หลายอย่างวางให้เราหยิบไปแกล้มด้วย ฉันเอง ชอบอาหารเหนือหลายๆ อย่างตั้งแต่สมัยที่ยัง ทานทุกสิ่งอย่าง (ตอนนี้ฉันทานแค่ผักกับปลา หรืออาหารทะเล) แต่เมนูเหนือมักจะมีเนื้อสัตว์ อยู่ด้วย ความที่ฉันอยากทานก็เลยขอให้เขา ตักแบบเขี่ยๆ ให้ ข้าวซอยก็ไม่ใส่เนื้อสัตว์ลง ไป ขนมจีนนํ้าเงี้ยวก็บอกให้เขาช่วยตักแต่นํ้า กับมะเขือเทศและดอกงิ้วให้หน่อย เขาก็ใจดี ทำ�ให้แถมลดราคาลงจากปกติ 10 บาทด้วย ฉัน ก็เลยได้อร่อยกับอาหารเหนือเหมือนคนอื่นเขา 80
นอกจากนี้เขายังแนะนำ�เมนู นํ้าพริกข่า กับ นํา้ พริกอ่องไข่ให้ดว้ ย เพราะบ้านนีเ้ ขางดเนือ้ สัตว์ วันพระเหมือนกันเขาก็เลยเข้าใจ ฉันเลยซื้อ นํา้ พริกอ่องไข่กลับไปกินทีบ่ า้ น เขาใส่ไข่ลงไปแทน เนื้อหมูค่ะ อร่อยติดใจเลยเชียว เรียกว่าเป็นร้าน ที่ใจเป็นมิตรกับผู้คนทุกภาคส่วน ชาวเหนือก็ ใจดีอย่างนี้แหละนะ ส่วนคนที่เอนจอยกับเนื้อ สัตว์ได้ หมูทอดใบเตย ลาบหมูคั่วแบบเหนือนี่ อย่าพลาดนะ ไปทานแล้วรีวิวกลับมาบอกฉัน บ้างนะคะ แต่สิ่งสำ�คัญตามสไตล์คอลัมน์ Green Shop Review ของฉันคือเรื่องออร์แกนิกและ สุขภาพ ซึ่งร้านนี้มีจุดเด่นต่างจากร้านอาหาร เหนือร้านอื่นตรงที่นอกจากความอร่อยแล้ว ผัก ต่างๆ ที่ใช้ในร้านล้วนคัดสรรมาอย่างดี ผัก สลัดเป็นผักที่ปลูกเองแบบเกษตรอินทรีย์ที่ เชียงดาว แล้วส่งตรงมาถึงร้านที่ถนนพิชัยนี้ ส่วนผักอื่นๆ ก็จะใช้วิธีอุดหนุนผักปลอดภัยจาก เกษตรกรชาวเขาที่ปลูกให้โครงการหลวงซึ่ง ได้รับมาตรฐาน GAP และอีกแบบก็คือผักพื้น บ้านที่ปลอดภัยไร้สารเคมีอยู่แล้วเอามาให้เราได้ กินกันอย่างสบายใจ แต่ทเ่ี ด็ดคือร้านนีจ้ ะมีผลไม้ ออร์แกนิกที่ปลูกเองเอามาทำ�เป็นสมูทตี้ให้เรา ได้ดื่มชื่นใจกันด้วย มีกระเจี๊ยบและหม่อน มาเรือ่ ยๆ ตามฤดูกาล และขอแอบกระซิบว่าราวๆ เดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนจะมีสตรอว์เบอร์รี ออร์แกนิกที่เขาปลูกเองมาขายเป็นกล่องให้ซื้อ กลับบ้านด้วยนะคะ รีบมาซื้อด่วนเพราะสตรอว์เบอร์รีออร์แกนิกหาทานยากเต็มที สตรอว์เบอร์รี ทีป่ ลูกขายกันทัว่ ไปนัน้ พ่นยาเยอะมาก นอกจากนี้ ยังมีเคปกูสเบอร์รี ผลไม้โปรดของฉันมาขาย
3
1 นํ้าพริกข่าเห็ดนึ่ง 2 ข้าวซอยพร้อมเครื่องหอมแดง ผักกาดดอง
และอื่นๆ ครบในฝาชี 3 ขนมจีนนํ้าเงี้ยวจานนี้แบบเขี่ยหมูออก
ที่ฉันบอกว่าร้านนี้น่าปั่นจักรยานไปกิน ก็ เพราะว่านอกจากถนนแถวนั้นจะร่มรื่น รถน้อย ประมาณช่วงหนาวนี้ด้วยค่ะ เจ้าเคปกูสเบอร์รีนี้ แล้ว ตัวร้านดาราดาเล@BKK จะมองเห็นยาก สักหน่อยหนึง่ ด้วยค่ะ การขับรถอาจทำ�ให้เราเลย เป็นผลไม้ที่มีเปลือกแห้งๆ หุ้มผลสีเหลืองจัด เอาไว้ รสชาติคล้ายมะเขือเทศที่มีกลิ่นเปรี้ยวแรง ไปเลยมาสักรอบสองรอบ ทางเข้าร้านจะมอง เห็นยากอยู่ แต่ตัวร้านที่อยู่ด้านในน่ารักอบอุ่น ฉันว่าอร่อย แต่บางคนก็บอกว่าไม่ชอบกลิ่น เป็นอาคารบ้านดินส่วนหนึ่ง (เพราะที่เชียงดาว แต่ถ้าเขามีมาขายก็ลองเถอะค่ะ เพราะหากิน เขาทำ�โฮมสเตย์เป็นบ้านดินด้วยค่ะ) ที่นั่ง ไม่ง่ายเลย สมูทตี้ของที่นี่ก็เอาผลไม้ที่เขาปลูก เองมาทำ�นั่นแหละค่ะ ฉันเคยลองสมูทตี้หม่อน สบายๆ มีแปลงผักที่ปลูกไว้สำ�หรับเอามาใช้ใน เข้มข้นคุ้มราคาจริงๆ พูดถึงราคาที่นี่ถูกมากค่ะ ร้านด้วย อย่างนํ้าดื่มนี่เขาก็บริการฟรีให้เราดื่ม ชื่นใจ ลอยดอกอัญชันให้สวยๆ ด้วยนะคะ อีก 40-50 ถึง 100 บาทเท่านั้น ฉันกับเพื่อนอีกคน อย่างที่อยากบอกก็คือเขามีผลิตภัณฑ์จากฟาร์ม ไปทานช่วงกลางวันคนละจาน และสั่งนํ้าพริก ข่ามาอีกที่หนึ่งซึ่งทานไม่หมด ต้องห่อกลับบ้าน ออร์แกนิกอื่นๆ อย่าง ไร่พันพรรณ และบ้านไร่ ดินดีใจ ให้ซื้อกลับไปใช้ด้วย ที่น่าสนใจที่สุด คิดสตางค์มาแค่ร้อยกว่าบาท ยังงงจนต้องให้ คือ เนยถั่วจากพันพรรณค่ะ เนยถั่วไม่ผสมสาร เขาคิดอีกหนหนึ่งเลยค่ะ ฟันธงว่าทานอาหาร กันบูด รสชาติเป็นเนยถั่วแท้ๆ แสนอร่อย ลองดู ร้านนี้คุ้มค่าเงินในกระเป๋ามากกว่าสินค้าธงฟ้า แล้วคุณๆ จะไม่อยากซื้อเนยถั่วในซูเปอร์มาร์เก็ต ซะอีก คับคุณภาพทั้งความอร่อยและความ สบายใจ คุณเจ้าของเขามีความตั้งใจที่อยากให้ มาทานกันอีกเลยค่ะ คนกรุงเทพฯ ได้มีโอกาสอร่อยกับผักออร์แกนิก ดาราดาเล@BKK โทร. 08-9499-2878 ให้มากขึ้นค่ะ ดังนั้นได้รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมไป Facebook เสิร์ช ดาราดาเล อุดหนุนทานผักอร่อยๆ แกล้มกับอาหารเหนือ บ้านดิน ฟาร์ม ลำ�ๆ กันนะคะ 81
กินอาหารเป็นยา
เรื่อง : ป้าจาย - แม่มดดอกไม้ ภาพ : วรรณพร รัฐพิทักษ์สันติ / ป้าจาย
ยาไส้และยาใจ
เรากินอาหารก็เพื่อบำ�รุงร่างกาย หากพูด แบบคนแก่ก็คือ “กินเพื่อยาไส้” ซึ่งเป็นการกิน แค่พออิ่ม ไม่ฟุ้งเฟ้อ แต่ก่อนที่เราจะตักอาหาร เข้าปาก เพื่อให้ลิ้นได้ลิ้มรสอาหารนั้น สายตา ของเราจะจับจ้องสัมผัสกับหน้าตาของอาหาร นั้นก่อน กล่าวได้ว่า ตาของเราได้เสพสีสันของ อาหารก่อนลิ้น และจมูกของเราก็จะได้กลิ่นของ อาหารก่อนลิ้นของเราเช่นกัน จานอาหารที่จัด เอาไว้อย่างสวยงาม และกลิ่นที่หอมยวนยั่ว นํ้าลาย จึงเป็นส่วนช่วยให้เราบริโภคอาหารได้ดี และมีความสุขในการเสพยิ่งขึ้น สีมีอิทธิพลต่อความอยากอาหารเป็นอย่าง มาก ครัวดอกไม้ของป้าจายจึงเพิ่มดอกไม้ สด ที่มีกลีบสีสวย และบวกกลิ่นหอม ลงใน จานอาหารหลายหลากแบบ ทั้งนี้ต้องเข้มงวด เรื่องดอกไม้ที่ไร้พิษในตัวเอง เช่น นํ้ายางมีพิษ เป็นต้น ดอกไม้ที่ใช้ประกอบอาหารจะต้องปลูก แบบไร้สารเคมี ไร้ยาฆ่าแมลง เรียกว่า ปลูก แบบเกษตรอินทรีย์นั่นเอง
82
หลายคนสงสัยเรือ่ งการกินอาหารทีม่ ดี อกไม้ ว่า เราจะได้สารอาหารหรือฤทธิ์ในการรักษาโรค อย่างสมุนไพรหรือเปล่า ในขณะนี้ยังไม่มีการ ศึกษาวิจัยอย่างลึกซึ้งเรื่องสรรพคุณในดอกไม้ ต่างๆ ยกเว้นที่เคยเป็นภูมิปัญญาถ่ายทอด กันมา แต่หากคิดว่าการกินผักสมุนไพรที่มี สีสันสวยงามนี้ ทำ�ให้เรากินอาหารได้มากขึ้น ประณีตบรรจงขึ้น มีความสุขขึ้น ก็น่าจะ เป็นคำ�ตอบที่ดีไม่น้อย โดยไม่หวังหรือเรียกร้อง คุณค่าจากดอกไม้อย่างมากเกินไปนัก
1
ขนมเบื้องดอกไม้
2
วัตถุดิบ • ไข่ไก่เบอร์เล็กสุด ถ้าใช้ไข่ไก่เบอร์ใหญ่จะสุกยาก • แป้งเปาะเปี๊ยะสดแผ่นกลม หรือแผ่นโรตีสายไหม • สมุนไพร เช่น โหระพา สะระแหน่ กะเพรา ผักชีฝรั่ง ต้นหอมผักชี ใบบัวบก เป็นต้น • ดอกไม้ต่างๆ เช่น เฟื่องฟ้า ดาวกระจาย เข็ม เทียนบ้าน กุหลาบ • นํ้ามันรำ�ข้าวสำ�หรับทอด • นํ้าจิ้มไก่ผสมแคร์รอตขูด หรือแตงกวาสับ เป็นเครื่องเคียง วิธีทำ� • นำ�กระทะก้นแบนใส่นํ้ามัน ตั้งไฟความร้อนปานกลาง • วางแผ่นเปาะเปี๊ยะในชามก้นตื้นใบย่อมที่วางแผ่นเปาะเปี๊ยะได้พอดี • โรยกลีบดอกไม้และใบไม้ต่างๆ ลงในแผ่นเปาะเปี๊ยะ แล้วค่อยตอกไข่ไก่ใส่ข้างบน • พับครึ่ง แล้วค่อยๆ หย่อนลงในกระทะที่นํ้ามันร้อนแล้ว • รอจนเหลือง ค่อยพลิกกลับให้อีกด้านสุกเหลืองกรอบเหมือนกัน • ตักขึ้นซับนํ้ามัน แล้วค่อยเสิร์ฟพร้อมกับนํ้าจิ้มไก่เป็นเครื่องเคียง
3
1. ขนมจีนดอกไม้ 2. แซนด์วิชดอกไม้ 3. ยำ�ดอกไม้
ดอกไม้กินได้ที่ใช้บ่อยๆ ดาวกระจาย อัญชัน ขจร ยะหยา เข็มสีต่างๆ มะลิ เทียนบ้าน กุหลาบมอญ เฟื่องฟ้าสีต่างๆ บานเย็น โคลงเคลง โสน บัวหลวง แววมยุรา ดอกปลัง แคขาวและแดง ลั่นทม เป็นต้น 83
ระบำ�ทำ�ครัว เรื่องและภาพ : การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
ผัดเห็ดชิเมจิหมูหมัก
84
การทำ�อาหารไม่ใช่เรื่องยากเสมอไป วัตถุดิบธรรมดาๆ กับเครื่องปรุงพื้นฐานไม่กี่ชนิดก็แตกเป็นอาหารได้มากมาย วันไหนมีสิ่งแปลกใหม่หรือของ หายากให้ลิ้มก็เป็นความหรูหราของชีวิต เหมือนการเริงระบำ� ด้วยครก สาก ทัพพี กระทะ หม้อ ตะหลิว ฯลฯ คุณหรือฉัน หมายถึง “เรา” ก็สนุกกับ จังหวะผสมผสานได้ ที่สำ�คัญ การทำ�อาหารกินเองทำ�ให้เลือกได้ว่าจะปรุงรสไหน กินกับใคร ทำ�ให้ใครกิน หรือแม้แต่กินคนเดียวก็อร่อยได้ :) เห็ดชิเมจิ (Shimeji) เป็นเห็ดที่หน้าตาน่ารัก มากค่ะ ลักษณะเป็นทรงพุ่ม หัวกลมๆ เหมือนมี เข็มหมุดก้านอ่อนแทงขึ้นมาเบียดกันเป็นกลุ่ม เห็ดชิเมจิมีสองสีนะคะ สีนํ้าตาลกับสีขาว รสชาติเหมือนกันทั้งสองแบบ คือหวาน เคี้ยว เพลิน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่สดชื่น นำ�มาปรุง อาหารได้หลายอย่าง ฉันเป็นคนชอบกินเห็ด และรู้ว่าเห็ดนั้น เป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยม อีกทั้งมีประโยชน์ต่อ สุขภาพอีกตั้งหลายประการ อย่างเห็ดชิเมจินี้ก็มี ข้อมูลว่ามีสารอาหารที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของ
เซลล์มะเร็ง แน่ะ น่าสนใจไหมละ ฉันทำ�อาหารจากเห็ดชิเมจิหลายอย่างค่ะ (รวมถึงเห็ดชนิดอื่นๆ ด้วย) ต้มยำ�ทำ�แกงสารพัด แล้วก็มีจานหนึ่งค่ะ ทำ�ง่าย แต่กลับได้รสชาติ ที่ดูหรูหราซับซ้อนไม่เบา เป็นการนำ�เอาเห็ดชิเมจิมาผัดกับหมูหมัก และเหยาะท้ายด้วยจิ๊กโฉ่วค่ะ มีกลิ่นหอมของ พริกแห้ง ขึ้นฉ่าย (หรือคื่นช่าย - ฉันมักออก เสียงอย่างหลังมากกว่า) มีรสเผ็ดนิดๆ กินกับ ข้าวร้อนๆ สวรรค์เราดีๆ นี่เอง เอาละ ใครชอบเห็ดก็เร่เข้ามาค่ะ
วิธีทำ� 1. ตัดโคนเห็ดทิ้ง เอาแค่ก้านกับดอกสะอาด ล้างนํ้าแล้วซับให้แห้ง (ผึ่งไว้ก่อนก็ได้) 2. หมักหมูกับซีอิ๊วขาว นํ้ามันหอย นํ้ามันงา เหยาะซีอิ๊วดำ�สูตรหวานเล็กน้อย เติมจิ๊กโฉ่ว ไม่เกิน 1/2 ช้อนชา คลุกให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ (15-30 นาที ไม่ควรนานขนาดสามวันนะคะ :-)) 3. หั่นพริกแห้งเป็นท่อนสั้นๆ เตรียมไว้ 4. ตั้งกระทะ เหยาะนํ้ามันเพียงเล็กน้อย เหมือน เวลาทำ�อาหารจานผัดทั่วไปค่ะ บุบกระเทียมลง ไป รอจนกระเทียมส่งกลิ่นหอม 5. นำ�หมูหมักลงไปผัด เติมพริกขี้หนูบุบหยาบ และพริกแห้งที่หั่นท่อนไว้ 6. หมูใกล้สุก ใส่เห็ดชิเมจิตามลงไป พอเห็ดสุก ก็ใส่ขึ้นฉ่ายลงไปคลุกเคล้า 7. หากหมักหมูเข้าที่ ไม่จำ�เป็นต้องปรุงรสเพิ่ม นะคะ เมื่อทุกอย่างสุกดีแล้วก็ตักขึ้นใส่จาน ยก เสิร์ฟได้
เคล็ดลับ • เห็ดชิเมจิสุกไม่ยากค่ะ ไม่จำ�เป็นต้องผัด นานมาก • ในตอนหมักหมู เหยาะเครื่องปรุงรสต่างๆ ตามความเหมาะสมค่ะ ระวังเค็มด้วย ฉันเป็น คนประเภททำ�อาหารแบบกะๆ ถ้าคุณทำ�ครั้ง แรกจืดหรือเค็มไป ครั้งต่อไปคุณจะกะได้แม่น ขึ้นเอง (ฮะฮ่า) • ไม่จำ�เป็นต้องใส่นํ้าตาล เพราะได้รสหวาน จากซีอิ๊วหวานอยู่แล้ว • พริกแห้งให้กลิ่นหอมคนละอย่างกับพริก ขี้หนูสด แต่จานนี้ใส่พริกทั้งสองชนิด จึงได้ กลิ่นที่แปลกไม่เบาค่ะ • จิ๊กโฉ่วที่เหยาะตอนท้าย ทำ�ให้เกิดกลิ่น ละมุนเข้าจมูก เป็นกลิ่นที่เข้ากับเห็ดและพริก แห้งอย่างไม่น่าเชื่อ ลองดูนะคะ
เครื่องปรุง ของต้องใช้
เห็ดชิเมจิ สีใดก็ได้ หมูเนื้อแดง ขึ้นฉ่าย พริกขี้หนู พริกแห้ง กระเทียม ซีอิ๊วขาว, น้ำ�มันหอย, ซีอิ๊วดำ�สูตรหวาน นํ้ามันงา, จิ๊กโฉ่ว (หากมีนํ้าส้มบัลซามิก ก็ใช้แทนกันได้)
85
ชวนชิมอิ่มสุข เรื่อง : หนูอวบ ภาพ : เภาพังงา สุทิน
Signor Sassi ซินยอร์ ซาสซี่ อิตาเลียนเลิศรส
เมื่อถึงวันแห่งความรัก คู่รักทั้งหลายคง มองหาร้านอาหารบรรยากาศโรแมนติกไปนั่ง สบตากันเพิ่มความหวาน หนูอวบขอร่วมด้วย ช่วยกันด้วยการคัดสรรร้านอาหารที่มีชื่อเสียง ระดับโลกมาฝากค่ะ
ร้านนี้คือซินยอร์ ซาสซี่ (Signor Sassi) เป็นหนึ่งในร้านอาหาร อิตาเลียนระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียง ที่สุดจากกรุงลอนดอนค่ะ ซินยอร์ ซาสซี่ เป็นร้านอาหารในดวงใจของ นักชิมทั่วโลกมากว่า 25 ปี และ มีสาขาอยู่ในประเทศต่างๆ โดย สาขาแรกอยู่ที่คูเวต ตามมาด้วย สาขาที่สอง ณ กรุงเบรุต ประเทศ เลบานอน ส่วนที่กรุงเทพฯ เป็น สาขาล่าสุดและเป็นสาขาแรก ในเอเชีย ซึ่งที่ตั้งก็ดีมากเชียวค่ะ เพราะอยู่บนชั้น 37 ของโรงแรม อนันตรา สาทร ที่มีวิวทิวทัศน์อัน งดงามของกรุงเทพฯ ในมุมกว้าง 180 องศา ประดับเป็นฉากหลัง 86
สำ�หรับอาหาร เพื่อคงรสชาติอาหารให้ เหมือนกับสาขาต้นแบบในกรุงลอนดอน ส่วน ผสมหลักและเครื่องปรุงจึงส่งตรงจากอิตาลี ที่ มีเมนูให้เลือกลิ้มลองมากมายค่ะ อย่างเช่น Avocado Bernado (490 บาท) สลัดอะโวคาโด ล็อบสเตอร์ ราดซอสครีม เมนูนี้สะดุดตาตรง อะโวคาโดที่จัดเรียงมาอย่างสวยงาม ส่วน Prosciutto & Melone (340 บาท) เรียบง่าย ด้วยพาร์มาแฮมทานคู่กับเมลอน มาถึงจาน ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง นั่นคือ Spaghetti Lobster (1,180 บาท) ล็อบสเตอร์ตัวโตนำ�เข้า จากแคนาดา คลุกเคล้ากับเส้นสปาเกตตีเหนียว นุม่ กำ�ลังดีทป่ี รุงด้วยสูตรเฉพาะของซินยอร์ ซาสซี่ ถือเป็นจานเด็ดที่ได้รับคำ�ชื่นชมจากทุกคนที่ได้ ลิ้มลองมาแล้ว ส่วน Tornedo “Rossini” (980 บาท) นำ�เสนอสำ�หรับคนชอบเนื้อ เพราะเป็น เนื้อจากออสเตรเลียประกบด้วยขนมปังและ ฟัวกราส์ ราดซอส Madeira ทำ�จากนํ้าเกรวีผสม ไวน์แดง นุ่มจนขอยกนิ้วให้เลยค่ะ
มาถึงขนมหวาน เราเลือก Chocolate Tart (290 บาท) เค้กช็อกโกแลตแท้ๆ สุดพิเศษ ที่ไม่มีส่วนผสมของแป้ง เนื้อจึงแน่นเต็มปาก เต็มคำ� ทานพร้อมไอศกรีมวานิลลา เข้ากันที่สุด อีกเมนูหนึ่งซึ่งมีเฉพาะที่นี่เท่านั้น คือ Signor Sassi Special Pancakes (280 บาท)
แพนเค้กสอดไส้ครีมหอมผิวส้ม ราดช็อกโกแลต และไอศกรีมวานิลลา ชื่นใจจริงๆ ค่ะ อิ่มอร่อยกับมื้ออาหารเคล้าเสียงดนตรีและ แสงระยิบระยับของกรุงเทพฯ ยามคํ่าคืนกับคน รู้ใจ เพียงเท่านี้ก็เป็นมื้อที่น่าจดจำ� สุขสันต์วัน วาเลนไทน์นะคะ
ซินยอร์ ซาสซี่ ตั้งอยู่บนชั้น 37 ของโรงแรมอนันตรา สาทร ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เปิดทุกวัน มื้อกลางวัน เวลา 12.00-14.30 น. และมื้อเย็น 18.00-23.00 น. โทร. 0-2210-9011
นอกจากนี้ ซินยอร์ ซาสซี่ยังให้บริการ อาหารชุดมื้อกลางวัน ราคาเริ่มที่ 450++ ถึง 650++ บาท โดยสามารถเลือกอาหารชุด ได้ตามใจชอบ จากอาหารเรียกนํ้าย่อยและ สลัด 11 รายการ พาสต้า 7 รายการ และ อาหารจานหลักอีก 5 รายการ สำ�หรับคุณๆ ที่ต้องการตบท้ายด้วยขนมหวานโฮมเมด ก็ สามารถเลือกขนมหวานได้ในราคา 150++ บาท จากราคาปกติ 280++ บาท
87
Grandma’s Garden บ้านน้อยแสนอบอุ่น
ภาพ : เภาพังงา สุทิน
เมนูแนะนำ� • Cocoa Banana Frappe (70 บาท) โกโก้ ปั่นรสกล้วยหอมสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่ เข้มข้นด้วยรสชาติของโกโก้แท้ผสานความ หอมหวานของกล้วยหอม เป็นเครื่องดื่ม แสนอร่อยที่ไม่ควรพลาด • Mixberry Smoothie (65 บาท) สมูทตี้ตระกูลเบอร์รีสีสวย เมนูยอดนิยม สำ�หรับสาวๆ • Kiwi Italian Soda (50 บาท) ชื่นใจกับ ความหวานซ่า พร้อมกลิ่นหอมของกีวี • Chocolate Tart (90 บาท) เข้มด้วย รสช็อกโกแลตแท้ ที่คนรักช็อกโกแลต ต้องร้องว้าว! • Triple Chocolate Mousse (145 บาท) เค้กช็อกโกแลต 3 ชั้น 3 รส ชั้นบนสุดเป็น ไวท์ช็อกโกแลตมูส ส่วนดาร์กช็อกโกแลตมูส อยู่ชั้นกลาง และฐานคือบราวนี่ช็อกโกแลต เนื้อหนึบนิดๆ เคี้ยวเพลิน • ข้าวผัดปลาสลิด (60 บาท) สูตรเฉพาะ ของคุณยาย โดดเด่นด้วยปลาสลิดทอด กรอบใส่ใบโหระพาเพิ่มความหอม • ข้าวไข่เจียวหมูสับกระเทียมคั่วแซบ (60 บาท) พิเศษด้วยกระเทียมกรอบปรุงรส แยกใส่ถ้วยมาให้ต่างหาก จะเลือกทานเล่น ก็ได้ แต่ถ้าทานพร้อมข้าวไข่เจียวจะยิ่งอร่อย คูณสอง • ลาบแหนมเห็ดทอด (70 บาท) เมนูเด็ด สำ�หรับคนไม่ทานเนื้อสัตว์ เพราะเป็นเห็ด หลากชนิดชุบแป้งทอดแล้วปรุงเป็นลาบ รสจัด ทานคู่กับผัก เป็นของทานเล่นที่ทำ�เอา อิ่มจริงเลยค่ะ
จากบ้านสีขาวสองชั้นหลังกะทัดรัดของคุณยาย ได้กลายมาเป็นร้านกาแฟสไตล์วัยรุ่นของคุณหลาน ที่อบอวลด้วยบรรยากาศอบอุ่นสบายๆ สไตล์ วินเทจ ด้วยโปสต์การ์ดและของสะสมของคุณแม่เจ้าของร้าน นอกจากกาแฟรสนุ่มแล้ว ทางร้านยังมีสมูทตี้เย็นชื่นใจ เค้กเนื้อละมุนลิ้นฝีมือเชฟเลอ กอร์ ดอง เบลอ อาหารจานเดียวสูตรคุณยาย และเครื่องดื่มอีกหลากหลายชนิด นอกจากนี้ Grandma’s Garden ยังรับจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ แบบอบอุ่น ในชื่อ Party House พร้อมคาราโอเกะให้สนุกกันอย่างเต็มที่ ส่วนชั้นสองมีการ ดูดวงด้วยไพ่ยิปซี และ Spiritual Treatment โดยหมอดำ�แห่งสำ�นักทำ�นายทายทัก และยังมีร้านเสื้อผ้าสไตล์ลำ�ลองน่ารักๆ อีกด้วย เรียกว่ามาที่เดียวแต่ พร้อมด้วยหลายบริการเลยเชียว ร้าน Grandma’s Garden ตั้งอยู่ที่ถนนพหลโยธิน 5 (ซอยราชครู) ติดโรงเรียนสวนบัว เปิดทุกวันเว้นวันอาทิตย์ เวลา 10.00-19.00 น. โทร. 08-9002-0186, 08-0577-6461 88
Twinings Tea Boutique
เปิดประสบการณ์ชาอังกฤษต้นตำ�รับ ภาพ : สุภชัย รอดประจง
นับเป็นร้านชาอังกฤษต้นตำ�รับนอก มหานครลอนดอนแห่งแรกในเอเชียและ ประเทศไทยเลยค่ะ สำ�หรับทไวนิงส์ ที บูทีค (Twinings Tea Boutique) ชาที่อยู่คู่กับวัฒนธรรม ของอังกฤษมากว่า 300 ปี ที่นำ�เสนอวัฒนธรรม การดืม่ ชาอังกฤษของแท้ในรูปแบบอาฟเตอร์นนู ที (Afternoon Tea) โดยคัดสรรความพิเศษของชา ทุกสายพันธุ์คุณภาพเยี่ยมจากทั่วทุกมุมโลก ผสานเข้ากับประสบการณ์ของนักปรุงชามือ อาชีพ มาให้ “ที เลิฟเวอร์” ได้สัมผัสกลิ่นอาย ความหอมกรุ่นของชานานาชนิด อาทิ “Twinings Autentic Blends - ทไวนิงส์ ออเทนติก เบลนด์ เช่น 1706 เบลนด์, เอิร์ลเกรย์, เลดี้ เกรย์ หรืออิงลิช เบรกฟาสต์ เป็นต้น” นอกจากชาที่มีให้เลือกสรรมากมายแล้ว ชาทไวนิงส์ยังคัดสรรความอร่อยของเบเกอรี่และ แซนด์วิช พร้อมเสิร์ฟเคียงคู่ชา เพื่อเพิ่มอรรถรส ในการดื่มชามากขึ้น ที เลิฟเวอร์ที่ต้องการสัมผัสสุนทรียรสแห่ง ชาชั้นเลิศตามแบบฉบับอังกฤษแท้ๆ ขอเชิญที่ ทไวนิงส์ ที บูทีคได้เลยค่ะ
เมนูแนะนำ� • เซตอาฟเตอร์นูนที ชุดใหญ่ สำ�หรับ 4 ที่ ราคา 850 บาท ชุดเล็ก สำ�หรับ 2 ที่ ราคา 450 บาท ในเซตประกอบด้วยชา 1 พ็อต ขอแนะนำ� HIGH GROWN NILGIRI KORAKUNDAH ESTATE (NILGIRI TWIST) ชาดำ�กลิ่นหอม รสเข้มข้น ปลูกบนเทือกเขา นิลกิรี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตชาที่ดีที่สุดทางตอนใต้ ของอินเดีย ดื่มแล้วได้ความสดชื่นค่ะ • เอิร์ลเกรย์ สกอน สูตรเฉพาะของที่นี่ ทีเ่ ดียว ทีผ่ สานความหอมของชาเอิรล์ เกรย์ ในตัวแป้งจนกลมกล่อมเป็นเนื้อเดียวกัน • แครมบูเล่ ผสมชาเอิร์ลเกรย์ หอมชวนทานเช่นกันค่ะ • มาการอง ไม่เหมือนใครตรงที่แต่ละสีคือ ความหอมอร่อยของชานานาชนิด • Signature Earl Grey Chocolate ช็อกโกแลตผสมชาเอิร์ลเกรย์ รสเข้มและหอม อยู่ในชิ้นเดียวกัน • สตรอว์เบอร์รีทาร์ต, บลูเบอร์รีชีสเค้ก, Quiche, มินิแซนด์วิช, คานาเป้ • ชา Wembley Frosted (160 บาท) ชาปั่นผลไม้รวมทั้งไวด์เบอร์รี บลูเบอร์รี แบล็กเคอร์แรนต์ ผสมนํ้าผึ้ง หวานอมเปรี้ยว ชื่นใจดีค่ะ • Infused Strawberry & Mango Tea Mousse Dome (160 บาท) มูสสอดไส้แยมรสชาสตรอว์เบอร์รีและมะม่วง หวานอมเปรี้ยว อร่อยแทบไม่อยาก วางช้อนเลยค่ะ
ทไวนิงส์ ที บูทคี ตัง้ อยูท่ ล่ี านเอเทรียม ชัน้ 1 หน้าห้างสรรพสินค้าเซน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ www.facebook.com/TwiningsThailand 89
ดูหนังกับฟ้า ฟังเพลงกับฝน เรื่อง : ฟ้า & ฝน
รักแรกในความทรงจำ� ...รักรื่นรมย์ หนัง : Architecture 101 (รักแรกในความทรงจำ�) เพลง : รักรื่นรมย์ อัลบั้ม : Midnight Lyrics นรีกระจ่าง คันธมาส ศิลปิน : ดินสอสำ�ราญกับปากกาเที่ยงคืน
สวัสดีฝน...น้องสาวผู้น่ารัก (มั้ย) “ถึงแม้พวกเราส่วนใหญ่ในแก๊งจะเป็นหนุ่มๆ หน้าเข้มๆ แต่ก็อ่อนหวานและอ่อนไหวอยู่ข้างในลึกๆ นะ” พี่เล็ก เจ้าของร้านกาแฟ และหัวหน้าแก๊งดูหนังของพวกเราพูด ขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะฉายหนังรักโรแมนติก จาก เกาหลีเรื่อง Architecture 101 (รักแรกในความทรงจำ�) ให้เข้า กับบรรยากาศเดือนแห่งความรักนี้ พี่ฟ้าดูแล้วชอบ และคิด ว่าฝนก็น่าจะชอบเรื่องนี้เช่นกันก็เลยส่งมาให้ดู หนังเล่าเรื่องราวของสถาปนิกหนุ่ม ที่ได้รับข้อเสนอให้ ออกแบบสร้างบ้านให้กับหญิงสาวที่เคยรู้จักกันเมื่อ 15 ปี ก่อน เขาทั้งคู่พบกันครั้งแรกที่มหาวิทยาลัย ในวิชาสถาปัตย์ พื้นฐาน หรือ Architecture 101 ซึ่งเขาเป็นนักศึกษาวิชา เอกสถาปัตย์โดยตรง ส่วนเธอเป็นนักศึกษาวิชาเอกดนตรี ที่มาลงเรียนวิชานี้ ในขณะที่การสร้างบ้านหลังใหม่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เรื่องราวความทรงจำ�เก่าๆ ก็ค่อยๆ กลับมาชัดเจนอีกครั้ง หนังมีเนื้อหาและมุมมองที่แตกต่างจากหนังรักทั่วไปของ เกาหลี รวมถึงการเล่าเรื่องที่สนุกน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง ไม่แปลกใจเลยที่หนังเรื่องนี้สร้างความประทับใจให้กับคน เกาหลีได้เป็นอย่างดี (มียอดผู้ชมกว่าสี่ล้านคนเลยนะ) และเรื่องนี้ใช้นักแสดงหลักสองคู่ ถ่ายทอดเรื่องราวใน อดีตกับปัจจุบัน ซึ่งพวกเขาทั้งสี่ก็ทำ�ให้เราประทับใจได้ ไม่ยาก และอีกหนึ่งอย่างที่ทำ�หน้าที่ได้ดีไม่แพ้นักแสดงนำ� ก็คือบ้าน ที่ปรากฏในหนังเรื่องนี้ ที่คอยสร้างบรรยากาศ และความรู้สึกบางอย่างให้เราอยู่เสมอ ฝนดูแล้วก็คงจะรู้สึก เหมือนกับพี่ฟ้า...ที่อยากจะมีบ้านแบบนี้ อากาศเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว ดูแลสุขภาพด้วยนะ พี่ฟ้า 90
สวัสดีค่ะ...พี่ฟ้า พี่ชายที่แสนดี (มั้ง) พี่ฟ้า เรามาสร้างบ้านให้เหมือนในหนังเรื่อง Architecture 101 กันดีกว่านะ ฝน ชอบตรงที่มีหน้าต่างกว้างๆ กับสนามหญ้าบนหลังคาบ้าน แต่พี่ฟ้าเก็บเงินล่วงหน้า ไปก่อนเลยนะ เพราะตอนนี้ฝนยังเรียนอยู่เลย อิอิ ส่วนเพลงที่ส่งมาให้พี่ฟ้าฟังวันนี้ ก็น่าจะเข้ากับบรรยากาศเดือนแห่งความรักได้ เป็นอย่างดี เป็นเพลงจากอัลบั้ม Midnight Lyrics นรีกระจ่าง คันธมาส ของศิลปิน ที่มีชื่อว่า ดินสอสำ�ราญกับปากกาเที่ยงคืน มีคุณนรีกระจ่าง คันธมาส เป็นผู้ขับร้อง บทเพลงทั้งหมดในอัลบั้มนี้ แค่เสียงของเธอก็คงจะการันตีความไพเราะได้เป็นอย่าง ดี ส่วนเพลงที่เหมาะกับฝนเป็นเพลงฟังสบายๆ อย่าง รักรื่นรมย์ เหมือนคนแต่งเข้าใจ ความรู้สึกของฝนเลยจริงๆ (ถ้าพี่ฟ้าไม่เชื่อ ก็ลองเปิดฟังนะ) เห็นคู่อยู่เคียงเดินจับมือรักเริ่มผลิบาน อยากรู้จริงว่ารักนั้นมันเป็นอย่างไร ก็เคยเจอหลายคนต้องปลอบตัวเองเพราะชํ้าใจ จากรักที่ไม่สมไม่เป็นอย่างใจหวัง อยากจะมีรักดูจริงๆ ซักที ให้มันได้รู้ได้เห็นจากข้างใน อยากจะมีรักที่ไม่รีบร้อนไป ไม่อยากนั่งเสียใจ...ก็เคยเห็นมากมาย หากมีรักก็ขอให้หัวใจได้เจอรักรื่นรมย์ อัลบัม้ นีย้ งั มี โอ้ เสกสรร ปานประทีป มาร่วมร้องในเพลงกอด และชวลิต อรุณทัต มาร่วมร้องในเพลงรัตติกาลที่แสนสั้นอีกด้วยนะ ส่วนอีกสองเพลงที่อยู่ในอัลบั้มนี้ คือเพลงใต้ฟ้าเกลื่อนดาว และไฟดับกับแสงเทียน ก็เหมาะมากที่จะฟังใต้แสงดาวหรือ ข้างแสงเทียน กับใครบางคนในเดือนแห่งความรักนี้ ถ้าอากาศยังหนาวอยู่...ก็ดูแลใจให้อุ่นด้วยนะคะ ฝน
ดูหนังกับฟ้า ฟังเพลงกับฝน เรื่อง : ฟ้า & ฝน
Midnight in Paris & Believe หนัง : Midnight in Paris (คืนบ่มรักที่ปารีส) ผู้กำ�กับ : Woody Allen วู้ดดี้ อัลเลน เพลง : Believe อัลบั้ม : One Love One World ศิลปิน : SK (เอสเค)
สวัสดี...ฝน ดูเหมือนลมหนาวจะเดินทางจากเราไปเร็วกว่าทุกๆ ปี เพราะตอนนี้ที่บ้านเราก็เริ่มจะร้อนแล้ว บางวันก็ร้อนมาก ด้วยนะ พี่ฟ้าสังเกตเห็นเพื่อนบางคนที่เคยชอบดื่มกาแฟร้อน ตอนนี้ยังต้องหันมาดื่มกาแฟเย็นแทนในบางวัน จนบาง ครั้งก็อยากจะหนีร้อนไปเที่ยวต่างประเทศ ยิ่งได้ดูหนังเรื่อง Midnight in Paris (คืนบ่มรักที่ปารีส) ก็ยิ่งทำ�ให้อยากจะไป เยือนเมืองปารีส หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งที่กำ�ลังจะ แต่งงานกัน และได้เดินทางมาเมืองปารีสพร้อมกับครอบครัว ของฝ่ายหญิง โดยฝ่ายชายนั้นเป็นนักเขียนที่ชื่นชอบในงาน ศิลปะ ซึ่งดูเหมือนจะตรงกันข้ามกับคู่รักของเขา เพราะเธอ ชื่นชอบการไปร่วมงานปาร์ตี้กับเพื่อนๆ มากกว่า และการเดินทางมาปารีสในครั้งนี้ ก็ทำ�ให้ชายหนุ่มผู้ฝัน อยากจะให้งานเขียนของตัวเองเป็นที่รู้จัก ได้พบกับนักเขียน ที่เขาชื่นชอบ รวมถึงจิตรกรและศิลปินอีกมากมาย ที่สำ�คัญ เขาได้พบหญิงสาวที่ชอบในงานศิลปะเหมือนกับเขาอีกด้วย ส่วนเรื่องราวจะดำ�เนินต่อไปอย่างไรนั้น พี่ฟ้าให้ฝนไปดูต่อ เองก็แล้วกันนะ นอกจากความสนุกของเรื่องแล้ว หนังยังพาเราให้ไป พบมุมต่างๆ ของเมืองปารีส ถ้าฝนดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว คงอยากไปเที่ยวปารีสแน่นอน พี่ฟ้าเองก็อยากจะไปเดินเล่น ที่เมืองปารีสตอนเที่ยงคืนสักครั้งในชีวิต บางทีอาจจะได้เจอ เรื่องราวมหัศจรรย์อย่างพระเอกในหนังเรื่องนี้บ้าง ตั้งใจเรียนด้วยนะ...น้องสาว พี่ฟ้า
90
สวัสดีค่ะ...พี่ฟ้า ฝนเอาใจช่วยให้พี่ฟ้าทำ�งานเก็บเงินได้เยอะๆ จะได้ไปเที่ยวตามความฝันได้เร็วๆ (ฝนเชื่อว่าพี่ฟ้าต้องทำ�ได้แน่ๆ) แล้วพี่ฟ้าก็อย่าลืมพาน้องสาวคนนี้ไปปารีสด้วยล่ะ ฝน จะยอมออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนพี่ฟ้าตอนเที่ยงคืน พร้อมกับเป็นตากล้องเก็บภาพ สวยๆ ให้พี่ด้วยนะ วันนี้ขอส่งเพลงมาให้กำ�ลังใจพี่ฟ้าด้วยเลยก็แล้วกัน เพลงนี้ฝนฟังได้ครั้งแรก ก็ชอบ รูส้ กึ มีก�ำ ลังใจในการตัง้ ใจทำ�อะไรอีกหลายๆ อย่าง ทีค่ รัง้ หนึง่ เราเคยทำ�พลาดไป หรือทำ�ไม่ได้ตามที่หวังไว้ เพลงนี้อยู่ในอัลบั้ม One Love One World ของศิลปิน SK (เอสเค) ชื่อเพลง Believe เหนื่อยแค่ไหน เธอก็มีฉันอยู่ใกล้ๆ คนที่ห่วงเธอตลอดเรื่อยไป ไม่ว่าจะดีจะร้าย...เธอมีฉัน เกิดวันหนึ่งในใจของเธอ รู้สึกท้อแท้คิดจะยอมแพ้ Just believe วันพรุ่งนี้ เธอจะพบเรื่องดี Just believe วันพรุ่งนี้ ปัญหาอะไรที่ผ่านเข้ามา ไม่มีเรื่องไหน ที่ตัวเธอนั้น แก้ไม่ได้...ขอให้เธอ Just believe เชื่อเข้าไว้ มันจะผ่านพ้นไป Just believe เชื่อเข้าไว้ ยังมีคนที่รักและเป็นห่วง ยืนตรงนี้ เธอจะต้องเริ่มต้นใหม่ สู้ต่อไป… SK (เอสเค) เป็นศิลปินมาดนักธุรกิจ ทายาทแห่งซาฟารีเวิลด์ ที่มีความคิดและ จินตนาการงานศิลปะด้านดนตรี หลงใหลในเสียงเพลง เคยมีผลงานอัลบั้มชุดแรก “JUN” เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว งานชุดนี้เป็นอัลบั้มที่สอง ซึ่งเป็นแนวเพลงฟังสบายๆ มี เนื้อหาให้กำ�ลังใจ โดยในอัลบั้มนี้ยังมีเพลงที่น่าฟังอีกหลายเพลง อาทิ โลกใบเดิม, Happiness และได้รักเธอก็พอ เป็นต้น พี่ฟ้าลองเปิดฟังดูนะคะ ตั้งใจทำ�งานเช่นกันนะ...พี่ชาย ฝน
เรื่อง : กองบรรณาธิการ ภาพ : เนติ พานิล ชวนอ่านสานสุข
กาลครั้งนี้มีนิทาน The Fairy Story
ผู้เขียน : รัฐธนนท์ ธนาสินสิทธานนท์ สำ�นักพิมพ์ : นํ้าแข็งใส ราคา : 185 บาท กาลครั้งนี้มีนิทาน หนังสือภาพชวนฝันที่ รวบรวมภาพวาดของ เบ็ญจมาศ คำ�บุญมี นักวาดภาพประกอบ หนังสือสำ�หรับเด็ก มือรางวัล ที่วาดให้กับ คอลัมน์ “เพื่อนเด็ก” ใน นิตยสารขวัญเรือน มา เรียงร้อยเข้ากับเรื่องราว ชวนคิดโดย รัฐธนนท์ ธนาสินสิทธานนท์ พร้อม เว้นพื้นที่ให้ผู้อ่านสามารถ แต่งแต้มจินตนาการหรือ บันทึกเรื่องราวของตนลงไป ในหนังสือเล่มนี้ได้ด้วย
BLOOMING JOURNEY in NEW YORK CITY
คู่มือเที่ยววัด ฉบับจัดเต็ม
ผู้เขียน : ศรัณยู นกแก้ว ผู้เขียน : ปณิธาน สำ�นักพิมพ์ : อมรินทร์ ทองสถิตย์ ธรรมะ สำ�นักพิมพ์ : วงกลม ราคา : 259 บาท ราคา : 480 บาท หลังจากมีโอกาสเข้า มหานครนิวยอร์ก วัดไปร่วมสวดมนต์ข้ามปี เมืองที่รวบรวมทุกอย่างของ กันไปแล้ว หลายคนคง โลกไว้ ถูกถ่ายทอดอย่างมี ติดใจบรรยากาศในวัด ที่ สไตล์ผ่านภาพถ่ายและ สงบร่มรื่น ต่างจากโลก ข้อความสั้นๆ โดย ปณิธาน ภายนอกที่วุ่นวาย แต่ ทองสถิตย์ นักออกแบบ เมื่อไม่มีวาระหรือโอกาส จัดดอกไม้ เจ้าของร้าน อันเหมาะควร การจะเดิน เรือนบุษบา นอกจากแรง เข้าวัดก็ยังสร้างความรู้สึก บันดาลใจดีๆ ยังมีภาพ ขัดเขินให้กับผู้ที่ยังไม่คุ้น สถานที่มุมมองใหม่ใน เคย เพราะไม่รู้ว่าจะเข้าวัด นิวยอร์ก มากระตุ้นต่อม เวลาไหนได้บ้าง คุยกับ ความคิดเพิ่มพลังให้สรรค์ พระอย่างไร ไปแล้วจะน่า สร้างผลงาน ตัวอย่างไอเดีย เบื่อไหม หนังสือเล่มนี้จะ ที่คิดและทำ�ในระหว่างเดิน แนะนำ�ข้อปฏิบัติที่ควร ทาง พร้อมเกร็ดแนะนำ� ทราบของทุกๆ วัด รวมถึง เรื่องการเดินทางที่เป็น เมนูเด็ด แหล่งช้อปปิ้งรอบ ประโยชน์สำ�หรับคนที่กำ�ลัง ข้าง ที่จะทำ�ให้คุณกลาย จะท่องเทีย่ วในนิวยอร์กด้วย เป็นคนติดวัดไปเลย
อยู่คนเดียวก็ได้ สบายดี
ผู้เขียน : เจตน์ เจริญโท สำ�นักพิมพ์ : be BRIGHT ราคา : 65 บาท เหงา คำ�พูดที่อาจจะ หลุดปากออกมาง่ายๆ ใน ยามที่เราต้องอยู่คนเดียว ถ้าการอยู่คนเดียวเป็น เรื่องที่เราไม่ได้ตั้งใจ เช่น หาแฟนไม่ได้ สามีตาย ภรรยาทิ้ง บ้านจน ไม่มีคน สนใจ พ่อแม่หย่าร้าง การ ที่จะทำ�ให้ชีวิตมีความสุข คงเป็นเรื่องยาก หนังสือ “อยู่คนเดียวก็ได้ สบาย ดี” เป็นคู่มือคู่ใจสำ�หรับ ผู้ที่ต้องเผชิญกับปัญหา “ความเหงา” ได้เป็นอย่าง ดี เหมาะสำ�หรับทุกคนที่ ต้องการจะเอาชนะความ เหงาให้ได้ผล เมื่ออ่าน หนังสือเล่มนีจ้ บลง คุณอาจ จะเผลอพูดออกมาก็ได้ว่า “อยู่คนเดียวก็ได้ สบายดี”
รักนะ ตัวเอง
ผู้เขียน : ดีเจอ้อย นภาพร สำ�นักพิมพ์ : แจ่มใส ราคา : 149 บาท หลายครั้งที่หนังสือ สักเล่ม หนังสักเรื่อง หรือ ถ้อยคำ�บางคำ�จากคนบาง คน ทำ�ให้เราเปลี่ยนความ คิดจากลบเป็นบวกได้ หนังสือเล่มนี้ก็มีคุณสมบัติ เช่นนั้น “รักนะ ตัวเอง” เป็นผลงานของกูรูความ รัก ดีเจพี่อ้อย นภาพร แห่ง รายการคลับฟรายเดย์ ที่ เคยเขียนลงในเฟซบุ๊ก วันนี้ สำ�นักพิมพ์แจ่มใสได้นำ�มา รวมรวบเป็นเล่มขนาด พกพา หยิบขึ้นมาอ่านได้ ทุกที่ทุกเวลา ด้วยตัวอักษร เพียงไม่กี่คำ�นี้ จะทำ�ให้ คุณตั้งสติและคิดอะไรได้ มากขึ้น แล้วคุณจะรู้ว่า รักอะไรก็ไม่สุขใจเท่ากับ การรักตัวเอง 91
เรื่อง : กองบรรณาธิการ ภาพ : กิตติวัฒน์ บุญโชติ
ชีวิตนี้ดีได้อีก • ผู้เขียน อลัน โคเฮน •
NORWAY • ผู้เขียน กองบรรณาธิการ •
สำ�นักพิมพ์ อมรินทร์ HOW-TO • ราคา 115 บาท อลัน โคเฮน นักเขียนผู้สร้างแรงบันดาลใจ ชื่อดัง มีผลงานยอดนิยมกว่า 23 เรื่อง สำ�หรับ “ชีวิตนี้ดีได้อีก” ถูกถ่ายทอดผ่านเรื่องราวของ เบิร์ต เอเวอริต เจ้าของโรงงานผลิตรถเข็นล้อ เดียวและผู้จัดการฝึกหัดของเขา บทเรียนชีวิตที่ นำ�ไปใช้ได้จริงของหนังสือเล่มนี้ทั้งการเงิน การ งาน และชีวิตส่วนตัว สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต ของคุณให้ผา่ นอุปสรรคและก้าวไปสูช่ วี ติ ทีด่ ขี น้ึ ได้
สำ�นักพิมพ์ อทิตตา • ราคา 499 บาท ว่ากันว่าการเดินทางเป็นการเปิดโลก สู่ประสบการณ์ใหม่ๆ นอร์เวย์ ประเทศที่มี พระอาทิตย์เที่ยงคืนในฤดูร้อนและปรากฏการณ์ แสงเหนือในฤดูหนาว มีวัฒนธรรมและ สถาปัตยกรรมที่เป็นมรดกโลกถึง 7 แห่ง รวมถึง ยังเป็นเส้นทางที่พระพุทธเจ้าหลวงเคยเสด็จ เมื่อกว่าร้อยปีก่อน ยังมีเรื่องราวอีกมากมายใน หนังสือเล่มนี้ที่น่าสนใจให้ผู้อ่านได้ค้นหาและ เปิดโลกใบใหม่ไปกับนอร์เวย์
ชอป ชม ชิลล์ ที่เกาหลี ฉบับ พกพา ไปไม่หลง • ผู้เขียน อินยอน • สำ�นักพิมพ์
มหา’ลัยภูเขา
Think Beyond • ราคา 190 บาท หากพูดถึงประเทศในฝันของหนุ่มสาว สมัยนี้คงหนีไม่พ้น เกาหลี ประเทศที่อบอวล ไปด้วยความโรแมนติก แหล่งกำ�เนิดซีรสี ย์ อดนิยม หลายเรื่อง จนทำ�ให้ใครต่อใครอยากจะไปสัมผัส กับความรู้สึกนี้สักครั้ง “ชอป ชม ชิลล์ ที่เกาหลี ฉบับ พกพาไปไม่หลง” เป็นไกด์บุ๊กที่แนะนำ� ตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนเดินทาง จุดท่องเที่ยว ที่ไม่ควรพลาด แหล่งกิน แหล่งช้อปของฝาก กระทั่งปลั๊กไฟที่ใช้ในเกาหลี ที่ทำ�ให้เราท่องเที่ยว ได้อย่างไม่สะดุด และมีความสุขตลอดเส้นทาง
ผู้เขียน วิษณ์ (บอย) • สำ�นักพิมพ์ springbooks • ราคา 175 บาท ผลงานเล่มที่สองของ วิษณ์ (บอย) ต่อจาก ผลงานเล่มแรก “อ่านนอกเวลา” เขาพาเราไป ถึงฮ่องกง ดินแดนแห่งความศิวิไลซ์ แต่สถานที่ ทีไ่ ปไม่ใช่หา้ งสรรพสินค้าหรือโรงแรมหรู หากเป็น ธรรมชาติ แสงแดดและภูเขา ผ่านการเดินทาง ที่มีเพียงร่างกายกับความคิด ที่ช่วยปลดปล่อย ตัวตนจากโลกที่เต็มไปด้วยความคุ้นชินเดิมๆ อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะทำ�ให้คุณพบกับจิต วิญญาณผู้รักอิสระ และความสงบที่อยู่ในตัวตน ของเราทุกคนอีกครั้ง
ชวนอ่านสานสุข
โรคของหู จมูก คอ • ผู้เขียน ศจ. พญ.
พวงทอง ไกรพิบูลย์ • สำ�นักพิมพ์ อมรินทร์ สุขภาพ • ราคา 185 บาท “โรคของหู จมูก คอ” เป็นหนังสืออีกหนึ่ง เล่มที่อ่านง่ายและนำ�ไปใช้ได้จริง แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์ ได้อธิบายการทำ�งานของ อวัยวะต่างๆ ในระบบเดียวกัน เพื่อให้เห็นถึง การทำ�งานที่สัมพันธ์กันของหู จมูก และคอ เพื่อ การดูแลอย่างถูกต้องและให้ผู้ป่วยสามารถดูแล ตัวเองได้ในเบื้องต้น หนังสือเล่มนี้จะทำ�ให้รู้ว่า เมื่อใดควรไปพบแพทย์ เมื่อพบแพทย์แล้วจะ ต้องมีขั้นตอนการรักษาอย่างไรบ้าง เพื่อให้รู้ เท่าทันโรคและเตรียมรับมือได้เป็นอย่างดีนั่นเอง 101 เคล็ดลับฟิต &
ก็ทำ�ได้
เฟิร์มง่ายๆ ที่คุณ
ผู้เขียน ไซเบอร์เกิร์ล • สำ�นักพิมพ์ นิตยสาร แพรว • ราคา 159 บาท อยากมีสุขภาพดี 24 ชั่วโมง หน้าสวยใส ดูสดชื่นตลอดเวลาทำ�ได้ไม่ยาก เพียงคุณรู้จัก สร้างกิจวัตรประจำ�วันที่ดีให้กับทั้งร่างกายและ จิตใจของคุณ “101 เคล็ดลับฟิต & เฟิร์มง่ายๆ ที่คุณก็ทำ�ได้” เล่มนี้รวบรวมเกร็ดเกี่ยวกับการ ดำ�เนินชีวิตที่ส่งผลต่อสุขภาพมาร้อยเรียงเป็น ข้อๆ ชวนให้อ่านและปฏิบัติตามได้ 91
horoscope
พยากรณ์ เดือน กุมภาพันธ์ 2556 ราศีมังกร (16 ม.ค.-12 ก.พ.) สุขภาพไม่ค่อยเป็นใจเอาเลย ต้องหาเวลา พักผ่อนให้กับตนเองบ้าง “ไพ่ Strength” การ ทำ�งานดี ถ้าช่วงปลายกระตือรือร้นจะยิ่งดีมาก ก่อนจะพึ่งพาใครต้องช่วยเหลือตนเองก่อนจะ มีผลดี เงินทองต้องจ่ายเกี่ยวกับการรักษา การ ซ่อมแซมเป็นส่วนใหญ่ อย่าเพิ่งไปหวังโชคลาภ ยังห่างไกล ความรักอบอุ่นจริงๆ คนรักที่อยู่ไกล จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ส่วนคนโสด เริ่มมีอะไรดีๆ เข้ามาบ้างแล้ว สุขภาพเกี่ยวกับ ศีรษะ สมอง เส้นเลือดให้ดูเป็นพิเศษ 92
ราศีกุมภ์ (13 ก.พ.-13 มี.ค.) เงินทองเป็นของนอกกาย แต่ช่วงนี้จะเริ่ม เข้ามาอยูใ่ นกายท่านแล้ว “ไพ่ 10 เหรียญ” เงิน ทองไหลมาเทมา มีช่องทางดีๆ ตลอด อยู่เฉยๆ ยังมีลาภเข้ามาอีกด้วย การทำ�งานมุ่งมั่นเข้าไว้ ความตั้งใจจริงทำ�ให้สำ�เร็จได้ในทุกเรื่อง ยิ่ง กลางเดือนมีโอกาสดีในการเจรจา นัดหมาย หักคอทำ�สัญญาได้เลย เกี่ยวกับความรักก็ไม่ น้อยหน้า เข้าใจซึ่งกันและกันได้ดี คนโสดจะมี เพื่อนหรือคนใกล้ชิดแนะนำ�คนถูกใจให้หวาน คอแร้ง สุขภาพกินเก่ง นํ้าหนักเพิ่ม
ราศีมีน (14 มี.ค.-12 เม.ย.) หยิบจับอะไรได้เรื่องทุกที “ไพ่ราชาเหรียญ” ช่วงทองของการเงินเลยทีเดียว มีโอกาสเหมาะๆ มีช่องทางดีๆ ในการหาเงิน หมุนเวียนคล่อง มากๆ การทำ�งานหัวสมองโลดแล่น มีไอเดีย ใหม่ๆ ได้รับการยอมรับจากผู้ใหญ่ ช่วงปลาย มีโอกาสดีในการเปลี่ยน หรือเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ความรักได้เจอคนถูกใจจากการเดินทาง ท่านที่มีคนรักแล้วมีบรรยากาศอบอุ่นจนน่า อิจฉา สุขภาพเกี่ยวกับช่องท้อง กระเพาะอาหาร ลำ�ไส้ พยายามดูแลสุขอนามัยในการกินด้วย
เรื่อง : อาจารย์ คฑา ชินบัญชร ภาพประกอบ : แจ่มจันทร์ www.facebook.com/animals.parade
ราศีเมษ (13 เม.ย.-13 พ.ค.) “ไพ่ The Sun” โดดเด่นมากๆ ไม่ว่าจะ เรื่องงาน เรื่องความรัก Happy สุดๆ การทำ�งาน ก้าวหน้า ยิ่งในงานเจรจา งานพบปะมีความ สำ�เร็จ ขอความช่วยเหลือจากใครได้รับความ ร่วมมือดี แต่ท่านก็ต้องลงทุนลงแรงด้วยตนเอง ด้วย การเดินทางราบรื่น เงินทองต้องเอาเงิน เก็บมาลงทุน หรือมาหมุนเวียน อึดอัดใจจากคน ขอหยิบยืม ความรักมีเวลาให้กันน้อย แต่ยังคง ผูกพันดีเหมือนเดิม สุขภาพแข็งแรง ถ้าเจ็บป่วย อยู่อาการจะดีขึ้น
ราศีพฤษภ (14 พ.ค.-13 มิ.ย.) ช่วงนี้ค่อนข้างสับสน มีปัญหาให้กังวลใจ ทำ�อะไรมากยังไม่สำ�เร็จ การทำ�งานพลิกผัน ตลอด คาดหวังไม่ค่อยได้ สิ่งที่ท่านคิดว่าได้แน่ๆ อาจพลิกล็อกได้ ที่คิดเปลี่ยนงาน หรือเริ่มต้น งานใหม่ยังไม่มีจังหวะเหมาะ คงต้องทนอึดอัด ใจไปก่อน การเดินทางให้ระวังอุบัติเหตุ เงินทอง “ไพ่ 2 เหรียญ” มีค่าใช้จ่ายมาก ถูกผู้อื่น เอาเปรียบ การเงินอาจสะดุดได้ สุขภาพท้อง ไส้ปั่นป่วน ความรักมีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวพัน ต้องใช้เหตุผล เอาใจเขามาใส่ใจเราจะเข้าใจกัน มากขึ้น
ราศีเมถุน (14 มิ.ย.-14 ก.ค.) “ไพ่ 7 คทา” มีการสอบการแข่งขันอยู่ ตลอด ต้องพยายามด้วยตนเองแล้วจะประสบ ผลดี การงานมีเกณฑ์ได้หยิบจับ ได้เริ่มต้นงาน ใหม่ ท่านที่คิดเปลี่ยนงานมีจังหวะที่ดี ช่วงกลาง เดือนมีงานเสริมเข้ามาหา งานเจรจา ติดต่อ มีความสำ�เร็จ การเดินทางราบรื่น เงินทอง หมุนเวียนคล่อง แต่ช่วงปลายอาจจะอึดอัดใจ จากการขอหยิบยืมของผู้อื่น ความรักเอา แน่นอนไม่ค่อยได้ คนรักมักทำ�ให้ท่านเหงา สุขภาพอ่อนเพลียง่าย ควรหาเวลาออกกำ�ลังกาย สมํ่าเสมอ
ราศีกรกฎ (15 ก.ค.-16 ส.ค.) การทำ�งานก็เริ่มมีโชคบ้างแล้ว “ไพ่ราชินี คทา” ทำ�อะไรต่างๆ ได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว มีผลงานเป็นที่พอใจ งานก้าวหน้า เงินทอง เอาตัวรอดได้ดี และอาจได้รับของขวัญของ ถูกใจ ความรักสดใสซาบซ่า ยิ่งคนโสดมีโอกาส ตกหลุมรักเมื่อแรกพบได้ตลอด ช่วงนี้เสน่ห์แรง มากๆ คนรักที่อยู่ไกลจะได้เจอกันให้หายคิดถึง แต่ช่วงปลายระวังความขี้ใจน้อยของท่านบ้าง จะพานให้เสียเรื่อง สุขภาพเกี่ยวกับหลอดลม ทางเดินหายใจต้องระวังหน่อย
ราศีสิงห์ (17 ส.ค.-16 ก.ย.) การทำ�งานไม่แน่ไม่นอน “ไพ่ 4 ดาบ” เป็น ช่วงของการรอคอย งานช่วงนี้ของท่านค่อนข้าง อึดอัด ไปอย่างเอื่อยๆ ส่วนท่านที่กำ�ลังหางาน คงต้องรออีกสักนิด ทำ�อะไรตัวคนเดียวลำ�บาก เงินทองมีคนทำ�ให้ท่านลำ�บากใจ ส่วนการ หมุนเวียนยังราบรื่นดีอยู่ ความรักสนุกสนาน เฮฮา มีมิตรภาพใหม่ๆ ที่มีคู่แล้วก็หวานชื่น กันดี แต่ช่วงปลายไม่ค่อยมีเวลาให้กันสักเท่าไร สุขภาพเป็นช่วงของการพักฟื้น ถ้าเจ็บป่วยอยู่ จะทุเลาขึ้น
ราศีกันย์ (17 ก.ย.-16 ต.ค.) ช่วงนี้ถ้าไม่หุนหันโวยวายไปก่อนจะ มีจังหวะที่ดีในทุกๆ เรื่อง การทำ�งาน “ไพ่ จักรพรรดิ” เข้าหาผู้ใหญ่ได้รับการสนับสนุน งานเจรจา งานต่างประเทศมีความก้าวหน้า ท่านเริ่มมีช่องทางเลือกใหม่ๆ และมีโอกาส ที่ดีเข้ามาหา เงินทองมีความขัดแย้งด้าน ผลประโยชน์ แต่ก็ยังมีลาภจากผู้ใหญ่เข้ามา ความรักถ้าลดความเอาแต่ใจลงบ้างจะส่งผลดี ไม่น้อย คนโสดได้เจอคนถูกใจแน่นอน แต่อย่า ลืมเปิดโอกาสให้ตัวเองด้วย สุขภาพระวังภูมิแพ้ โรคประจำ�ตัวถามหา
ราศีตุลย์ (17 ต.ค.-16 พ.ย.) สถานการณ์สดใสมากๆ การทำ�งานมีงาน เสริมวิ่งเข้ามาหา ท่านที่คิดเปลี่ยนงาน รอลุ้น คำ�ตอบจะได้รับข่าวดี การเจรจาเข้าหาผู้ใหญ่ ได้รับการสนับสนุน เงินทอง “ไพ่ 9 เหรียญ” มีความมั่นคง เผลอๆ มีเจ้ามือเลี้ยงอีกด้วย อิ่ม ท้องเงินอยู่ครบ ความรักอบอุ่นใจดีเหลือเกิน เป็นอะไรที่เข้าใจกันมากๆ ส่วนคนโสดก็ไม่น้อย หน้า มีคู่ควงให้หายเหงา ช่วงนี้ไม่ว่าจะคิดทำ� อะไรก็มีคนคอยสนับสนุนให้มีความสำ�เร็จที่ดี สุขภาพอาการโก้งโค้ง ปวดหลังกลับมาอีกแล้ว
ราศีพิจิก (17 พ.ย.-15 ธ.ค.) สมองแล่นฉิว แถมได้เพื่อนคอยกระตุ้น ทำ�ให้ท่านกระตือรือร้นมากๆ “ไพ่เจ้าชายคทา” การทำ�งานเป็นช่วงของการสมัคร การสอบ แข่งขันมีเกณฑ์ความสำ�เร็จ แต่ท่านเองก็ต้อง ช่วยเหลือตนเองด้วย เงินทองถึงแม้จะจ่ายเยอะ แต่ก็หาทางเอาตัวรอดเก่ง เดินทางไกลจะได้ ลาภ ความรักมีความสัมพันธ์ก้าวหน้า มักเริ่ม จากความเป็นเพื่อน สำ�หรับท่านที่มีคนรักแล้ว หวานชื่นดี สุขภาพแข้งขา หัวเข่า กระดูก กระเดี้ยวไม่ค่อยดี เดินเหินให้ระวังด้วย
ราศีธนู (16 ธ.ค.-15 ม.ค.) กลายเป็นคนสำ�คัญของคนรอบข้าง มี คนมารุมล้อม ทั้งขอคำ�ปรึกษา ทั้งขอความ ช่วยเหลือ เพราะท่านชำ�นาญในการแก้ปัญหา ให้ทุกๆ คนยกเว้นตัวท่านเอง “ไพ่ราชาถ้วย” ความรักสดชื่น เป็นกำ�ลังใจที่ดี ทำ�ให้การทำ�งาน พลอยสำ�เร็จไปด้วย เนื่องจากได้กำ�ลังใจดี เหนื่อยหน่อยแต่ได้ผลคุ้มค่า ช่วงปลายเข้าหา ใครจะได้รับการสนับสนุน เงินทองหาเงินเก่ง หมุนเวียนคล่องมากๆ สุขภาพช่องปาก คอ มีอาการร้อนใน หรืออักเสบ 93
กิจกรรมนำ�สุข
ดินเนอร์กับเจ้าพระยาครุยส์
ชิเซโด้ กรุ๊ป บิวตี้ ปาร์ตี้ 2012
วาเลนไทน์นี้ เรือสำ�ราญเจ้าพระยาครุยส์ ชวน 7 คู่รักพิเศษ!! ไปดินเนอร์สุดหรู ท่ามกลาง บรรยากาศสุดโรแมนติกสองฝั่งแม่นํ้าเจ้าพระยา เคล้าคลอเสียงดนตรีอันไพเราะและแซกโซโฟน นุ่มๆ สำ�รองที่นั่งโทร. 0-2541-5599
“ชิเซโด้” (Shiseido) จัดงาน “ชิเซโด้ กรุ๊ป บิวตี้ ปาร์ตี้ 2012” (Shiseido Group Beauty Party 2012) พบผลิตภัณฑ์ความงามจากแบรนด์ ชั้นนำ�ในเครือ พร้อมโชว์การอัพลุคสวย 6 ลุค 6 สไตล์ โดย มร.เทตซูย่า โอคูคาว่า เมกอัพ อาร์ติสต์ชื่อดังจากแดนอาทิตย์อุทัย ที่การันตี ว่าปี 2013 ต้อง “สีชมพู” เท่านั้น เพราะสดใส อ่อนหวาน ณ ฮอลล์ ออฟ เฟม ชั้น M สยาม พารากอน
สลิลโฮเต็ลกรุ๊ป เปิดตัว “สลิล สุขุมวิท 11”
หาดงามตา ปลากลับบ้าน
บริษัท สลิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำ�กัด เปิด ตัว “โรงแรมสลิล สุขุมวิท ซอย 11” บูติกโฮเต็ล สไตล์เอเชี่ยน-ฝรั่งเศส ด้วยธีมดอกไม้ในเอเชีย หลากสีสัน ของห้องพักจำ�นวน 84 ห้อง และ “มาร์โค เรสธัวรองแอนด์บาร์” เพื่อเจาะกลุ่ม นักท่องเที่ยวแถบยุโรป อเมริกา และเอเชีย 94
เอสซีจี เคมิคอลส์ รักษ์สิ่งแวดล้อม ได้จัดโครงการ “เอสซีจี เคมิคอลส์ หาดงามตา ปลากลับ บ้าน” เพื่อกระตุ้นการอนุรักษ์ชายหาดทั้งทางบกและทางนํ้า โดยการสร้างบ้านปลาจากวัสดุที่เหลือ จากกระบวนการผลิตเม็ดพลาสติกที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยในการขนส่งนํ้า มาออกแบบสร้าง ที่อยู่อาศัยจำ�ลองให้แก่สิ่งมีชีวิตในทะเลกว่า 100 หลัง เพื่อฉลองเอสซีจีก่อตั้งครบรอบ 100 ปี ใน ปี 2556 นี้ นอกจากนี้ยังได้มอบทุ่นไข่ปลา 50 ทุ่น และถังขยะ 20 ใบ ให้กับเทศบาลตำ�บลแกลง กระเฉด และนำ�พนักงานไปเก็บขยะชายหาด เพื่อรักษาความสะอาดของสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัด ระยอง
1 ปี โครงการ “โรงปูนรักษ์ชุมชน” สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย ร่วมกับบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (แก่งคอย) จำ�กัด และบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำ�กัด (มหาชน) จัดงานแถลงข่าวความคืบหน้าของโครงการ “โรงปูนรักษ์ ชุมชน” ครบรอบ 1 ปี ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาโรงงานต้นแบบให้เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชน ให้การทำ�อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และชุมชนใน จังหวัดสระบุรีอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขและยั่งยืน ภายในงานได้จัดเสวนา พูดคุยกันในบรรยากาศเป็นกันเอง ถึงความสำ�เร็จของหลากหลาย กิจกรรมภายใต้โครงการนี้ อาทิ การจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ไปให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ การจัดอบรมให้ความรู้ด้านการขับรถบรรทุกปูนซีเมนต์อย่างปลอดภัยเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุ ภายใต้ โครงการย่อย “Green Truck” และในอนาคตจะมีการขยายพื้นที่สร้างสุขให้ชุมชนภายใต้โครงการ “โรงปูนรักษ์ชุมชน” เพิ่มเติมไปยังเขตเขาวง-พุกร่าง ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำ�กัด และบริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำ�กัด (มหาชน) ด้วย
เชสเตอร์ เดลิเวอรี่ ส่งมอบความสุข ผู้สูงวัย
คณะผู้บริหาร และพนักงาน บริษัท เชสเตอร์ฟู้ด จำ�กัด แห่งแบรนด์ “เชสเตอร์ กริลล์” นำ�ทีมโดยคุณสุวัฒน์ ทรงพัฒนะโยธิน รองกรรมการผู้จัดการ และคุณอำ�นาจ กัลยาณ คุณาวุฒิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ จัดกิจกรรม เลี้ยงอาหารกลางวัน มอบสิ่งของ และเงิน บริจาค แก่ผู้สูงอายุ ณ บ้านพักคนชรา บางแค และนำ�กิจกรรมนันทนาการไปสร้างความบันเทิง สร้างความสุข ให้กับผู้สูงวัย ก่อเกิดความ อิ่มเอมใจอบอวลไปทั่วบ้านพัก
รับมอบจักรยาน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับมอบ จักรยานจำ�นวน 598 คัน ที่บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำ�กัด มอบให้แก่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ รังสิต เพื่อสนับสนุนการเดินหน้า โครงการรณรงค์มหาวิทยาลัยสีเขียวของ ธรรมศาสตร์ และต่อยอดความมุ่งมั่นในการ ส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง และมี สุขภาพที่แข็งแรงสดใสของโคคา-โคลา เข้าไปยัง กลุ่มคนรุ่นใหม่
“เทศกาลนิทานในสวน” ปีที่ 9 ช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัว
กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมดีๆ ที่จัดโดย มูลนิธิเอสซีจี นั่นก็คือ “เทศกาลนิทานในสวน” ซึ่งจัด เป็นปีที่ 9 แล้ว บรรยากาศภายในงานอบอุ่นไปด้วยสายใยรักและผูกพันของครอบครัว ที่คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครองจูงลูกหลานมานั่งฟังนิทาน อ่านหนังสือ พร้อมทำ�กิจกรรมแสนสนุก ทั้งยังมีละคร นิทานสุดคลาสสิกมาแสดงให้เด็กๆ ได้ชมด้วย เทศกาลนิทานในสวนจัดขึ้นทุกวันเสาร์ ระหว่างเวลา 16.00–17.30 น. โดยวันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2556 จัด ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) วันเสาร์ที่ 9 และ 16 กุมภาพันธ์ 2556 ณ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ผู้ปกครองที่สนใจสามารถพาครอบครัวเข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่มี ค่าใช้จ่าย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่มูลนิธิเอสซีจี โทร. 0-2586-5505 อีเมล ecd.scgfoundation@ scg.co.th เว็บไซต์ www.scgfoundation.org Facebook http:// www.facebook.com/SCGFoundation. ECD 95
happiness is all around
สปา โบทานิกา้ แห่งโรงแรมสุโขทัย ขอแนะนำ�ชุดผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูและปกป้องผิวจากริ้วรอย ด้วยคุณค่าจากดอกมะลิ Jasmine Free-Radical Defense Complex™ มารังสรรค์เป็นเมนูสปาทรีตเมนต์ ใหม่ ได้แก่ Restorative Facial with Rejuvenating Eye Treatment 90 นาที ผสมผสานเทคนิคนวด หน้าเพื่อยกกระชับผิวหน้า ช่วยให้ผิวเต่งตึงและนุ่มนวลทันที และชุด Jasmine Purifying Ritual 2 ชั่วโมง 30 นาที ที่ใช้คุณสมบัติของมะลิเพื่อบำ�รุงผิวพรรณให้นุ่มนวลและอ่อนเยาว์ มีนํ้ามีนวลจาก ภายในสู่ภายนอก โทร. 0-2344-8900 อนันตรา กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา เชฟพาทริซิโอ แห่งห้องอาหารบริโอ ได้คัดสรร เห็ดทรัฟเฟิลสีดำ�มาปรุงเป็นเมนู เด็ดให้ลิ้มลอง อาทิ คาร์ปาชิโอ เนื้อแบล็ก แองกัส เสิร์ฟคู่กับเห็ด ทรัฟเฟิลสีดำ� ราคา 720 บาท “คาร์ราโรลี” ข้าวริซอตโต้ผสมเห็ด ทรัฟเฟิลแบบดั้งเดิม ราคา 680 บาท โทร. 0-2476-0022
โรงแรมบันยันทรี ขอเชิญร่วมฉลองวัน แห่งความรักกับเมนูสุดพิเศษที่ห้องอาหารต่างๆ ของโรงแรม ได้แก่ ห้องอาหารเวอร์ทิโก้ ห้อง อาหารแซฟฟรอน ห้องอาหารร่มไทร และ เรืออัปสรา ราคาระหว่าง 1,500-12,000 บาท โทร. 0-2679-1200
โรงแรมพูลแมน พัทยา จี ยามเย็นทุกวันพุธ เวลา 18.30-21.00 น. ขอเชิญเพลิดเพลินไปกับ “โบเดก้า ทาปาส เฟสต้า” บรรยากาศปาร์ตี้ริมสระนํ้า บริการเครื่องดื่ม พร้อม เมนูทาปาสแบบสเปนดั้งเดิมและแบบเอเชี่ยน เคล้าเสียง กีตาร์เล่นสด ณ พูลบาร์ ริมสระนํ้า ในราคาท่านละ 699 บาท โทร. 0-3841-1940-8 96
ภัตตาคารฮ่องกง ฟิชเชอร์แมน จัด 8 เมนูเสริมมงคลต้อนรับตรุษจีน ระหว่างวันที่ 9-16 กุมภาพันธ์นี้ เช่น ยำ�ปลาแซลมอน เปาะเปี๊ยะยัดไส้ซีฟู้ด กุ้งผัดเสฉวน พุทรา บัวลอยนํ้าขิง เป็นต้น โทร. 0-2833-5434-5
สปาเซ็นวารี แห่งโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ มิราจบีชรีสอร์ท พัทยา ขอเชิญสัมผัส Seasonal Therapy with Vichy Rain Shower ทรีตเมนต์สูตร พิเศษโดยใช้การเยียวยาด้วยสายนํ้าจากเครื่อง นวดแรงดันนํ้า ผสมผสานกับเทคนิคการนวด เพื่อการดูแลอย่างแท้จริง แพ็กเกจ 120 นาที ราคาท่านละ 3,000 บาท โทร. 0-3830-1234
subscription
Next Issue นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา หลังจากที่ได้ฝากฝีมือไว้กับบท “ผีอีแพง” ซึ่งทำ�เอาคนเกลียดและกลัวกันทั้งเมือง แล้ว เธอก็หายหน้าหายตาไปจากจอแก้ว จนหลายคนบ่นคิดถึง happy+ จึงขออาสา พาไปพูดคุยกับคุณนุ่นถึงความสุขในแบบ ของเธอค่ะ เริ่มที่เรื่องราวความพอเพียงในวัยเด็กของ เด็กหญิงนุ่น ศิรพันธ์ ที่ปูทางมาสู่สมดุลการ ใช้ชีวิตในวงการบันเทิง ต่อด้วยแง่คิดดีๆ ทีต่ กผลึกมาจากการรูจ้ กั ตัวเอง เชือ่ มัน่ และ ทุ่มเทเกินร้อยกับสิ่งที่รักและศรัทธา นำ�มาสู่ ความสุขแบบพอเพียงและยั่งยืนในวันนี้ อยากรู้มุมมองของนักแสดงสาวเจ้าบทบาท คนนี้ อดใจรอ happy+ ฉบับ “สุขแบบ พอเพียง” เดือนมีนาคมนี้นะคะ เลขที่ใบสมัคร No…………………………………………………รหัสสมาชิก...................................................................................................... (สำ�หรับเจ้าหน้าที่)
ใบสมัครสมาชิก
วันที่สมัคร............................................................................................................................................................... สมัครสมาชิก 1 ปี (12 ฉบับ) ราคา 780 บาท เริ่มฉบับที่.....................................................................ถึงฉบับที่............................................................................ ชื่อ................................................................................นามสกุล............................................................................ วัน/เดือน/ปีเกิด..............................................................อายุ.................................................................................. เพศ ชาย หญิง อาชีพ..............................................................รายได้ต่อเดือน....................................... ระดับการศึกษา ตํ่ากว่า ป.ตรี ป.ตรี ป.โท อื่นๆ สถานภาพ โสด สมรส ม่าย/หย่าร้าง ปัจจุบันมีบุตรหรือไม่ ยังไม่มี มีแล้ว จำ�นวน...............................คน สถานที่สำ�หรับจัดส่งนิตยสาร ชื่อ........................................................................................................................................................................... ที่อยู่........................................................................................................................................................................ รหัสไปรษณีย์.......................................................................................................................................................... โทรศัพท์ (บ้าน).................................................................โทรศัพท์ (มือถือ).......................................................... โทรสาร............................................................................อีเมล............................................................................... ชำ�ระค่าสมัครโดย โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ในนาม บริษัท ไทยภิรมย์สตาร์ จำ�กัด ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางโคล่ : เลขที่บัญชี 095-273056-5 *กรุณาส่งใบสมัครสมาชิก พร้อมเอกสารการชำ�ระเงินมาที่ ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ นิตยสาร happy+ บริษัท ไทยภิรมย์สตาร์ จำ�กัด 10/196-197 อาคารเดอะ เทรนดี้ ชั้น 27 ซอยสุขุมวิท 13 ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา กทม. 10110 หรือแฟกซ์มาที่หมายเลข 0-2168-7481 หรือสแกนหลักฐานส่งมาทางอีเมล kthip@hotmail.com **บริษัทจะส่งเลขที่สมาชิกและนิตยสารฉบับแรกไปยังท่าน เมื่อได้รับหลักฐานการชำ�ระเงินแล้ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือแนะนำ� ติ ชม ได้ที่ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ นิตยสาร happy+ โทรศัพท์ 0-2168-7480 (แบบฟอร์มนี้สามารถถ่ายเอกสาร หรือคัดลอกลงกระดาษ A4 แล้วส่งมาตามที่อยู่ของบริษัท)
พิเศษ สำ�หรับผู้สมัคร สมาชิกในเดือน กุมภาพันธ์ สมัครสมาชิก นิตยสาร happy+ 1 ปี 780 บาท รับฟรีทันที กระเป๋าผ้าน่ารัก จาก Pakamian และ สำ�หรับผู้สมัคร สมาชิก 10 ท่านแรก รับบัตรรับประทาน อาหารบนเรือสำ�ราญเจ้าพระยาครุยส์ เพิ่มอีก 1 ใบ มูลค่า 2,500 บาท ช้าหมด อดนะ ของมีจำ�นวนจำ�กัดจ้ะ
happy ending ภาพ : รัฐธนนท์ ธนาสินสิทธานนท์
บางคนมีสุขที่ ได้ฝัน บางคนมีสุขที่ ได้ทำ� บางคนมีสุขที่ ได้ชี้นำ� บางคนมีสุขที่ ได้พบความสำ�เร็จ แต่...จะมีสักกี่คนที่สามารถมีความสุข เมื่อพบกับความล้มเหลว ความสุขที่แท้จริง จึงตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงของชีวิต ที่มีทั้งความสำ�เร็จ และล้มเหลว ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต... - ความสุขข้างถนน