let's smile
Let's make your heart smile
10 วิธี
การทำ�นิตยสาร happy+ ทำ�ให้ฉันได้มีโอกาสเห็นมุมมองความสุขของผู้คนหลากหลายอาชีพ สถานภาพ วัยวุฒิ และคุณวุฒิ ซึ่งมุมมองของแต่ละคนนั้น ก็ย้อนกลับมาสะกิดใจฉันให้หันมาทบทวน ความคิดเรื่องความสุขของตัวเองเป็นระยะๆ กาลครั้งหนึ่ง ความสุขของฉันคือการได้ทำ�งานในบริษัทที่ มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักและยอมรับ ประมาณว่าถ้าบอกชื่อไปก็มีแต่คนนิยมยกย่องว่าได้ทำ�งานในบริษัทที่ดี ส่งผลให้เป็นที่ภาคภูมิใจของพ่อ แม่ และพ่วงมาด้วยค่าตอบแทนเป็นตัวเงินที่สูงกว่าบริษัทอื่นๆ กาลครั้ง ต่อมา ความสุขของฉันคือการได้รับการยอมรับว่าเป็นคนเก่ง เป็นคนที่ประสบความสำ�เร็จในหน้าที่การ งาน คิดอะไรก็เวิร์ก ทำ�อะไรก็ผ่านฉลุยไปหมด กาลครั้งเมื่อไม่นานมานี้ ความสุขของฉันคือการได้ทำ�งาน ที่รัก ได้อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่นอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ซึ่งเมื่อพิจารณาให้ดีจะพบว่า ที่กล่าวมา ทั้งหมดนี้เป็นความสุขที่ผูกติดกับคนอื่น สิ่งอื่นทั้งสิ้น หาใช่ความสุขที่เกิดจากภายในจิตใจของตนเองไม่ ดังนั้นหากใครทำ�อะไรไม่เป็นไปอย่างที่หวังไว้ความสุขก็อาจจะพังทลายลงได้ง่ายๆ จะดีกว่าไหมถ้าเราไม่เอาความสุขของเราไปผูกติดกับคนอื่น สิ่งอื่น จะดีกว่าไหมหากเรามีความสุข แล้วรู้จักเผื่อแผ่ แบ่งปันความสุขที่เรามีให้แก่คนรอบข้างบ้าง มีน้องคนหนึ่งบอกฉันว่า “พูดน่ะมันง่าย” ถ้าอย่างนั้นเราอย่ามัวแต่พูด อย่ามัวแต่คิด แต่มาลงมือ สร้างสุขภายในใจของเราเองกันดีกว่า หากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ลองละเลียดเรื่องราวใน happy+ แต่ละหน้า ฉันเชื่อว่าคุณจะได้พบหนทางสร้างสุขภายในใจของคุณเองอย่างแน่นอนค่ะ ทิพย์วรรณ แสวงศรี happyplusmag@gmail.com เจ้าของ : บริษัท ไทยภิรมย์สตาร์ จำ�กัด 10/196-197 อาคารเดอะ เทรนดี้ ชั้น 27 ซอยสุขุมวิท 13 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 0-2168-7480 โทรสาร 0-2168-7481 คณะที่ปรึกษา : วิสุทธิ วิทยฐานกรณ์ คัมภีร์ ภาคสุ ว รรณ์ บรรณาธิ ก ารผู้ พิ ม พ์ ผู้ โฆษณา : วิ ส า รั ต ตประดิ ษ ฐ์ บรรณาธิ ก ารบริ ห าร : ทิ พ ย์ ว รรณ แสวงศรี หัวหน้ากองบรรณาธิการ : สโรบล วิบูลยเสข กองบรรณาธิการ : ฐชาภัทร ศรีหมื่นไวย นักเขียน : ปิ่นอนงค์ วัชรปาณ, ประอรพิชญ์ คัจฉวัฒนา, อนุสรณ์ ศรีคำ�ขวัญ, นพ.พิรัตน์ โลกาพัฒนา, นันทภา ปัญญารัตน์, ชัญญา เศรษฐบุตร, ญาดารัตน์ บาลจ่าย, ศศินี ปัญญารัตน์, นพ.พัฒน ธัญญกิตติกุล, มารินา โคบายาชิ, ศนิศรา แสงอนันต์, ดุษฎีพันธุ์ พจี, วีระโชติ, รัฐธนนท์ ธนาสินสิทธานนท์, ต้องการ, การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์, นุชนาฏ เชาวลิต, Miss Beauty, วีรณัฐ โรจนประภา, ปั ท มา กลิ่ นทอง, พู ล ทรั พ ย์ เจตลี ล า, อาจารย์ ค ฑา ชิ น บั ญ ชร พิ สู จ น์ อั ก ษร : ณรงค์ พึ่ ง บุ ญ พา บรรณาธิการศิลปกรรม : กัมปนาท ศิลาวรรณ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ : ณัฐนนท์ สังข์กรทอง ช่างภาพ : สุภชัย รอดประจง ฝ่ายโฆษณาและการตลาด : เกรียงไกร พันจินา 08-9145-9319 ติดต่อกองบรรณาธิการหรือฝ่ายสมาชิกได้ที่ : 0-2168-7481 แยกสี : 71 Interscan Co.,Ltd. โทรศัพท์ 0-2631-7171 พิมพ์ที่ : บริษัท ไซเบอร์พริ้นท์ จำ�กัด 0-2641-9135-8 จัดจำ�หน่าย : บริษัท เวิร์ล ออฟ ดิสทริบิวชั่น จำ�กัด • ผู้อ่านท่านใดต้องการเขียนจดหมายมาพูดคุยกับเรา ต้องการติ ชม หรือเสนอแนะ เชิญส่งความคิดเห็นของท่านเข้ามาได้ที่ happyplusmag@gmail.com หรือเข้าไปติดตามความเคลื่อนไหว update ข่าวสารใหม่ๆ ได้ที่ : facebook.com/happyplusMG
give it forward นิตยสาร happy+ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสุขให้กับสังคม โดยการมอบรายได้ทุก 5 บาท จากการจำ�หน่ายนิตยสารหนึ่งฉบับ ให้กับองค์กร หน่วยงาน มูลนิธิ หรือบุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือ สำ�หรับฉบับที่ 5 นี้ เราขอมอบให้กับ มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ หากสนใจ กิจกรรมของมูลนิธิ โทร.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2245-2643, 0-2245-3954 หรือเข้าไปที่ www.fmrth.com
สร้างสุขง่ายๆ ให้กับตนเอง
ริชาร์ด สตีเว่น นักจิตวิทยาอาวุโส และวิทยากรประจำ�รายการทีวี Making Slough Happy ของสถานีโทรทัศน์ BBC เสนอวิธีสร้างสุขสำ�หรับบุคคลไว้ 10 ข้อ ดังนี้ 1. ออกกำ�ลังกาย วันละ 30 นาที อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ 2. ก่อนเข้านอนทุกคืน ลอง ทบทวนสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตด้วย ความรู้สึกขอบคุณอย่างน้อย 5 เรื่อง ต่อวัน 3. ให้เวลาพูดคุย รับฟังคู่ครอง เพือ่ นสนิท อย่างน้อยหนึง่ ชัว่ โมง ในทุกๆ สัปดาห์ โดยไม่มีใครเข้ามาขัดจังหวะ หรือรบกวน 4. ปลูกต้นไม้ต้นเล็กๆ ตั้งบน โต๊ะ หรือในกระถางก็ได้ แล้วดูแลรักษา ให้ดี 5. ลดเวลาดูทีวีหรือเวลาที่ใช้ใน โซเชียลมีเดียลงครึ่งหนึ่ง 6. ยิ้มและทักทายคนที่ไม่รู้จัก อย่างน้อยวันละครั้ง 7. หาโอกาสพูดคุยกับเพื่อนฝูง ที่ห่างกันไป ลองนัดหมายเพื่อพบเจอ กันบ้าง 8. หัวเราะให้มากและนานพอ ทุกๆ วัน 9. ใส่ใจดูแลตนเองในทุกๆ วัน ใช้เวลาลองทำ�บางสิ่งที่สร้างความ เพลิดเพลินให้กับตัวเอง 10. ลองฝึกเป็นผู้ให้ ปฏิบัติต่อ ผู้อื่นด้วยความใส่ใจ มอบสิ่งดีๆ ให้ คนอื่นบ้าง ที่มา : บทความด้านสุขภาพจิตและจิตเวช กรมสุขภาพจิต
contents
ปีที่ 1 | ฉบับที่ 5 | มีนาคม 2556 กายสุข 12 Healthy Planet 46 Q & A 48 ยืดเส้น ยืดสาย / จ๊อกกิ้ง (Jogging) ง่ายหรือยากสำ�หรับคนอยากออกกำ�ลังกาย 51 Take Care / 8 ขั้นตอนการบริโภคอาหาร เพื่อสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง 54 Well Being / นิทาน...ขนมหวานสำ�หรับเด็กๆ 56 ธรรมชาติบำ�บัด / เช็กตนเอง...เพื่อความพอเพียง...เลี่ยงโรคภัย 59 Beauty by Nature / ผงทอง ผ่องอำ�ไพ 60 Beauty Recommended / สิง่ ทีค่ วรและไม่ควรทำ�…สำ�หรับการ “มาสก์” หน้า 75 All About Car / การปรับเบาะนั่ง สิ่งสำ�คัญที่ถูกมองข้าม 82 กินอาหารเป็นยา / ยาแก้ไอ ชามะนาวหวาน 84 ระบำ�ทำ�ครัว / แกงส้มมะละกอสับปะรด ใจสุข 16 Happy People / “สุขพอเพียง” ของ นุ่น ศิรพันธ์ 26 Happy Heart / เรียนรู้สุข ตามรอยพ่อของแผ่นดิน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล 36 Feature / 3 แนวทางพอเพียงอย่างมีสุข + จักรภฤต บรรเจิดกิจ ความสุขเกิดจากการพึ่งพาตัวเอง + เมตตา สุดสวาท เพียงพอตามวิถีพุทธ + ดร.วัชรมงคล เบญจธนะฉัตร์ สมดุลบนความพอเพียง 61 A Few Good Stuff / นํ้าครึ่งแก้วเพื่อความสุขของฉัน 62 Family in Love / ทักษะคิด 64 ทรัพย์ในธรรม / แก่นธรรม-อริยสัจ 4 66 สุขีในญี่ปุ่น / 3/11 เหตุการณ์ที่โลกไม่ควรลืม 70 TRAVELOGUE / Bhutan ไปเมืองปูนาคา ผ่านโดชูลา และวังดู โพ-ดรัง (2) 72 การเดินทางของนกสีฟ้า / สัมผัสวิถีชาวแพ...สะแกกรัง 76 One Happy Day / ท่องเที่ยวริมนํ้า เดินเล่นริมคลอง...ตลาดนํ้าขวัญเรียม 79 Home Sweet Home / มาลดโลกร้อนกันเถอะ 80 Green Shop Review / Brown Rice Organic Bistro เชียงใหม่ 86 ชวนชิมอิ่มสุข/ + THE MYTH of Mahanaga เสน่ห์น่าค้นหา + Sofa So Sweet นั่งสบาย กับโซฟาหลากสไตล์ + Mont Blanc Sweet Cafée Siam Center สวยเย้ายวนใจ 90 ดูหนังกับฟ้า ฟังเพลงกับฝน / Midnight in Paris & Believe 91 ชวนอ่านสานสุข 92 Horoscopes 98 Happy Ending สังคมสุข 10 Happy Planet 32 คนคิดดี / โรงเรียนกวดวิชาอิฐกอ บ้าน วัด โรงเรียน 94 กิจกรรมนำ�สุข 96 Happiness is all Around
16
26
36
72
82
86
contributors ต้องการ
green shop review p.80
นักวาดการ์ตูนผู้ผันชีวิตมาดูแลสุขภาพแบบ ธรรมชาติและตั้งตัวเองเป็น “นักวาดการ์ตูน ออร์แกนิกคนแรกของโลก” เพราะเล็งเห็นแล้วว่า วิถีออร์แกนิกนั้นเป็นคำ�ตอบให้กับปัญหาสุขภาพ ของคนและสิ่งแวดล้อมได้ ทุกวันนี้อาศัยอยู่ที่ ปากช่อง พยายามเรียนรู้การดูแลตัวเองแบบ ธรรมชาติและออร์แกนิกให้เก่งกล้ายิ่งขึ้น
ชัญญา เศรษฐบุตร ธรรมชาติบำ�บัด p.56
เคยป่วยหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด กระทั่งมา พบแนวทางธรรมชาติบำ�บัดและได้เยียวยาตนเอง จนกลับมาเป็นปกติ จากนั้นจึงได้ศึกษาศาสตร์ ด้านธรรมชาติบำ�บัดเพิ่มเติม และปวารณาตน ออกเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับศาสตร์แห่งการใช้ ชีวิตและศิลป์แห่งการเยียวยา ซึ่งมีผู้นำ�ไปปฏิบัติ จนเห็นผลแล้วมากมาย
นพ.พิรัตน์ โลกาพัฒนา Take Care p.51
คุณหมอบล็อกเกอร์ผู้เขียนบทความทางการ แพทย์ลงใน Mthai.com และ mor-maew.exteen. com เจ้าของรางวัล “เบสท์ออฟเดอะเบสท์” และ รางวัล “บล็อกยอดเยี่ยม สาขาสุขภาพ” จากการ ประกวดสุดยอดบล็อก ในงานประกวดไทยแลนด์ บล็อกอวอร์ด
พิทักษ์ ศุภบัณฑิตย์กุล ยืดเส้นยืดสาย p.48
อาจารย์พิทักษ์ เป็นวิทยากรฟุตบอล ประจำ� ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติส่วนกลาง การกีฬาแห่ง ประเทศไทย เป็นวิทยากรด้านวิทยาศาสตร์การ กีฬา และเป็นเทรนเนอร์ให้กับนักกีฬา รวมทั้ง ผู้สนใจที่จะออกกำ�ลังกายอย่างถูกต้อง 8
วีรณัฐ โรจนประภา family in love p.62
“วิศวกรสังคม” ผู้มุ่งมั่นใช้หลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนงานใน 3 มิติคือ การศึกษา เศรษฐกิจ และสังคม ด้วยการก่อตั้ง องค์กรทำ�งานใน 3 ระดับ คือ ขั้น “สอนให้รู้” ผ่านสถาบันคิดใหม่ ขั้น “ทำ�ให้ดู” ผ่านมูลนิธิ บ้านอารีย์, สมาคมบ้านปันรัก, ไร่กระต่าย และใช้ ชีวิตตนเองเผยแผ่ในขั้นสุดท้ายคือ “อยู่ให้เห็น”
มารินา โคบายาชิ สุขีในญี่ปุ่น p.66
ทำ�งานด้านประสานงานและเป็นอาสาสมัครช่วย เหลือเด็กไทยในประเทศญี่ปุ่นด้านการศึกษา มี ผลงานแปลหนังสือภาพหลายเล่มในนาม มารินา โฮริคาวา ให้กับสำ�นักพิมพ์แพรวเพื่อนเด็ก สำ�นัก พิมพ์ Reading Party สำ�นักพิมพ์คมั ปาย อิมเมจจิง้ และมูลนิธิเอสซีจี ปัจจุบันแต่งงานและอาศัยอยู่ ในประเทศญี่ปุ่น
ป้าจาย-แม่มดดอกไม้ กินอาหารเป็นยา p.82
ผู้เขียนและวาดภาพประกอบหนังสือ ครัวดอกไม้ ที่ได้รับการตีพิมพ์ถึง 3 ครั้ง และยังเป็นเจ้าของ เครื่องหมายทะเบียนการค้า ครัวดอกไม้ ปัจจุบัน มีความสุขกับการเขียนหนังสือ และออกตลาดนัด สีเขียวซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำ�ได้ทุกวันโดยไม่รู้สึก เบื่อหน่าย
การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ ระบำ�ทำ�ครัว p.84
นักเขียนและนักพยากรณ์ คอลัมนิสต์ผู้สนุกสนาน กับการใช้ชีวิตที่หลอมรวมเอาเรื่องงานและการ ละเล่นเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ เขียน หนังสือ เรียนรู้โหราศาสตร์ และการทำ�อาหาร... การทำ�อาหารจึงเป็นเรื่องของการ “ระบำ�ทำ�ครัว” นั่นเอง
อาจารย์คฑา ชินบัญชร horoscope p.92
นักพยากรณ์ชื่อดัง เจ้าของรางวัล “สร้างสรรค์ สังคมไทยดีเด่น” ประจำ�ปี 2541 ปัจจุบันเป็น ทั้งคอลัมนิสต์ พิธีกร และวิทยากรพิเศษ รวม ถึงทำ�งานการกุศลมากมาย ได้แก่ เป็นประธาน กองทุน M.A.C. Aids Fund (ประเทศไทย) ประธานหาทุนมูลนิธิร่วมนํ้าใจต้านภัยเอดส์ เป็นต้น
ศนิศรา แสงอนันต์ TRAVELOGUE p.70
“ศนิศรา” เป็นศิษย์อักษรศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และวารสารศาสตรมหาบัณฑิตจาก สถาบัน ICDE แห่งกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ปัจจุบัน “ศนิศรา” ต้องติดตามสามีผู้ซึ่งเป็น นักการทูตของสหภาพยุโรป (EU) ไปประจำ�อยู่ใน หลายประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นนักเดินทาง ท่องเที่ยวตัวยง (คงกระพัน) อีกด้วย
นพ.พัฒน ธัญญกิตติกุล A Few Good Stuff p.61
จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และได้ ไปศึกษาต่อด้านจอประสาทตา ที่มหาวิทยาลัย บริติชโคลัมเบีย แคนาดา ในปี 2541 ปัจจุบัน เป็นจักษุแพทย์ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช รักการว่ายนํ้า เทนนิส และการใช้ชีวิตให้มีความสุข
รัฐธนนท์ ธนาสินสิทธานนท์ One Happy Day
p.76 หนุ่มไทยเชื้อสายเวียดนาม ที่ผ่านการทำ�งานมา หลากหลาย ทั้งงานด้านการเขียนบท ครีเอทีฟ โปรดิวเซอร์ ผลิตงานวิดีโอพรีเซนเทชั่น รายการ โทรทัศน์ ออกแบบหนังสือและสิ่งพิมพ์ ปัจจุบัน ยังคงทำ�งานหลากหลาย แต่มีเป้าหมายเดียวคือ ทำ�งานให้มีความสุข
happy planet เรื่อง : ปิ่นอนงค์ วัชรปาณ
Child’s Smile
One World Futbol เด็กคืออนาคตอันสดใส ของโลก เมื่อมีโอกาสที่จะหยิบ ยื่นสิ่งดีๆ เพื่อช่วยให้ชีวิตน้อยๆ ได้มีโอกาสที่ดีขึ้น หรือมีโอกาส เติบโตอย่างมีคุณภาพตามที่ เด็กควรจะเป็น ผู้ให้ก็มีความสุข ไปกับรอยยิ้มอันไร้เดียงสา เหล่านั้นแล้ว
10
เด็กกับการเล่นเป็นของคู่กัน การเล่นไม่ได้ทำ�ให้เด็กได้รับความสนุกเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดการเรียนรู้ตาม ธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นกีฬา นอกจากสนุก เสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกายและสมองแล้ว ยังช่วย ปลูกฝังเรื่องของการแบ่งปัน ความสามัคคี การทำ�งานเป็นหมู่คณะ การรู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย และปลูกฝังอีกหลาย ต่อหลายสิ่งที่ดีงาม ทั้งสำ�หรับตัวเองและการอยู่ร่วมกันบนโลกใบนี้ให้กับ “ผ้าขาว” แต่ละผืน ยกตัวอย่างเช่น กีฬาฟุตบอล ที่นอกจากจะเป็นกีฬายอดนิยมแล้ว ยังเป็นกีฬาง่ายๆ ที่เล่นสนุกได้ด้วยการมี บอลเพียงลูกเดียว แต่เชื่อไหมว่ายังมีเด็กขาดโอกาสที่จะเล่นฟุตบอลอยู่ไม่น้อย ดังนั้นองค์กร One World Futbol จึงตั้งโครงการแบ่งปันฟุตบอลผ่านเว็บ www.oneworldfutbol.com ขึ้น โดยทำ�หน้าที่เป็นศูนย์กลางที่จะช่วยให้ เด็กผู้ขาดแคลนได้มีโอกาสเล่นสนุกและเรียนรู้ชีวิตผ่านกีฬาคลาสสิกที่ใช้ลูกกลมๆ ชนิดนี้ องค์กรนี้ก่อตั้งโดยนายทิม จาห์นิแกน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการชมสารคดีเกี่ยวกับเด็กด้อยโอกาสใน ดาร์ฟูร์ ประเทศซูดาน เขาเห็นพวกเด็กๆ นำ�เศษขยะมาบิดงอง่ายๆ ให้พออยู่รูป เพื่อนำ�มาใช้เตะเล่นแทนลูก ฟุตบอล จึงเกิดความคิดที่จะทำ�ลูกบอลซึ่งทนทานเป็นพิเศษเพื่อจำ�หน่าย หากใครซื้อลูกบอลจากโครงการนี้ 1 ลูก บอลอีก 1 ลูกจะถูกส่งต่อให้เด็กๆ ผู้ขาดแคลนโดยอัตโนมัติ สาเหตุที่ทำ�ให้ทิมอยากจะทำ�ลูกฟุตบอลที่ทนทาน เนื่องจากสถานที่เล่นฟุตบอลของเด็กๆ ไม่ได้เป็นพื้นเรียบ หากแต่เป็นพื้นขรุขระตามธรรมชาติและตามมีตามเกิด ลูกฟุตบอลที่เขาคิดค้นขึ้นมาจึงทำ�จากวัสดุพิเศษคล้ายยาง แบบรองเท้า crocs ยอดฮิต คอนเซ็ปต์ของลูกบอลแบบใหม่นี้คือ ลูกฟุตบอลที่ไม่มีวันแบนหรือแตก ระหว่างที่โครงการนี้เริ่มต้นขึ้นโดยยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ทิมได้เล่าความคิดของเขาให้กับ สติง ศิลปินนักร้อง คนดังฟัง สติงจึงขอร่วมด้วยช่วยผลักดันโครงการในฝันที่น่าจะเป็นประโยชน์กับเด็กทั่วโลกโครงการนี้ให้เป็นจริง ชื่อ ขององค์กรและโครงการก็มาจากเพลงดังในอดีตของสติงและวงเดอะโพลิส อย่างเพลง One World (Not Three) นัน่ เอง
Page Not Found
พูดถึงความสำ�คัญของเด็กและเยาวชนแล้ว ยังมีอีกหน่วยงานหนึ่งซึ่งทำ�งานดูแลในเรื่องของ เด็กโดยตรง อย่างองค์กร Child Focus หรือ European Center for Missing and Sexually Exploited Children ที่ให้ความช่วยเหลือเด็กๆ ในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเด็กหนีออกจากบ้าน เด็กถูก ทารุณกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเด็กสูญหาย วิธีการของหน่วยงานนี้ซึ่งใช้ได้ผลมาตลอดก็คือ การช่วยกระจายข่าวผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และโซเชียลมีเดีย ด้วยการพิมพ์ภาพของเด็กผู้สูญหายพร้อมข้อมูลสั้นๆ แล้ว ให้ผู้ที่ทราบข่าวติดต่อมาที่องค์กรนี้ซึ่งทำ�หน้าที่เป็นศูนย์กลางให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้ ไอเดียล่าสุด ในการกระจายข่าวและติดตามเด็กที่สูญหาย คือการรณรงค์เชิญชวนให้ทุกคนมีส่วนร่วมได้ง่ายๆ ด้วยการใช้หน้า “Page Not Found” หรือ “HTTP404” ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเราใช้เสิร์ชเอนจิ้นค้นหาข้อมูล ต่างๆ ทางเว็บไซต์แล้วเกิดความผิดพลาด มาเป็นหน้าประกาศหาเด็กหายให้กับองค์กร ไอเดียนี้นอกจากจะเหมาะกับโลกปัจจุบันที่เป็นยุคแห่งไซเบอร์เวิลด์อย่างยิ่งแล้ว ยังเป็นการใช้ “หน้าขยะ” ในเว็บไซต์ที่เปล่าประโยชน์ ให้กลับมาเกิดประโยชน์อย่างมากด้วย การเข้าร่วมการรณรงค์ดังกล่าว เพื่อใช้หน้า Page Not Found ให้มีคุณค่านั้นก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่คลิกเข้าร่วม ผ่านเว็บ www.notfound.org โดยเลือก “ให้โครงการใช้หน้า HTTP404 ของ เว็บไซต์เรา” หรือ “แนะนำ�เว็บไซต์ที่เรารู้จัก” ให้กับโครงการก็ได้ หากเราไม่มีเว็บไซต์ของตัวเอง ปัจจุบันมีเว็บไซต์ทั่วโลกที่เข้าร่วมการรณรงค์นี้กว่า 2 พันเว็บไซต์และเพิ่มจำ�นวนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้สามารถเป็นสื่อกลางให้เด็กที่สูญหายได้หวนคืนสู่ครอบครัว หรือได้รับความ ช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีเป็นจำ�นวนไม่น้อยเลยทีเดียว 11
healthy planet เรื่อง : แม่มะลิ ภาพประกอบ : kampanatz.com
Top secret สร้างหุ่นสวย สุขภาพดี
เมื่อรูปร่างสวยงามและแข็งแรง เป็นสุดยอดปรารถนาของทุกคน วันนี้ Healthy planet จึงมีเคล็ดลับจากงานวิจัย และผู้ที่มีรูปร่างสมส่วน เพื่อเป็นตัวช่วย ในการสร้างหุ่นสวย และสุขภาพดีมา แบ่งปันกันค่ะ
ลดความหลากหลายของอาหารลงบ้าง Barbara Rolls อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านโภชนาการประจำ� Pennsylvania State University ระบุไว้ในผลการวิจัยของเธอว่า ยิ่งมี อาหารบนโต๊ะให้เลือกกินได้หลากหลายเท่าไร คนเรายิ่งกินเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าจะรู้สึก อิ่มแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ก็จะหาพื้นที่ว่างใน กระเพาะให้กับอาหารชนิดอื่นที่ยังไม่ได้ลองลิ้ม ชิมรสได้เสมอ ดังนั้นนอกจากจะผ่อนหนักให้ เป็นเบาด้วยการลดความหลากหลายของอาหาร บนโต๊ะแล้ว หากคุณสามารถปรับเมนูให้เป็น อาหารที่ไม่เพิ่มนํ้าหนัก อย่างผัก ผลไม้ และ ซุปใสแทนด้วยยิ่งจะดีมากเลยค่ะ กินแต่น้อย บ่อยๆ ก็ยังได้ “ขอไซส์ใหญ่ค่ะ” คำ�นี้จะไม่หลุดออกจาก ปากของผู้ที่มีรูปร่างสมส่วนแน่นอนค่ะ เพราะ พวกเขาจะสั่งอาหารไซส์เล็กที่สุด หรือเลือกจาน ใส่อาหารขนาดเล็กที่สุด ดังนั้นแม้จะเป็นอาหาร ประเภทขนม นม เนย ก็ย่อมไม่ทิ้งปัญหาไขมัน ส่วนเกินรบกวนจิตใจ เพราะการกินอย่างมีสติ แบบนี้นี่เอง ซึ่งจากงานวิจัยของ The National Weight Control Registry (NWCR) ยังพบอีกว่า ผู้ประสบความสำ�เร็จในการควบคุมนํ้าหนักจะ กินอาหารวันละ 5 มื้อ ซึ่งเป็นอุบายที่ช่วย ลดทอนสัดส่วนของอาหารลง โดยในแต่ละมื้อ จะกินแค่เกือบอิ่มเท่านั้น
ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองบ้าง อาหารมี “นํ้า+ไฟเบอร์” เยอะ เพราะผู้หญิงจำ�นวนไม่น้อยเลือกที่จะใช้ ตัวช่วยอิ่มท้อง ชีวิตเพื่อดูแลคนอื่น ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม กฎเหล็กข้อแรกของผู้ที่มีรูปร่างดี ไม่ใช่การกิน ย่อมทำ�ให้พวกเธอละเลยการใส่ใจดูแลรูปร่าง น้อยหรอกนะคะ แต่ตรงกันข้าม ให้กินเยอะ ตัวเอง แขกไม่ได้รับเชิญอย่าง “ความอ้วน” จึง เข้าไว้ค่ะ โดยเฉพาะการกินอาหารที่มีนํ้าและ มาเยี่ยมเยือน ดังนั้นถึงงานจะเยอะ ภาระจะ ไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบ อย่างผัก ผลไม้ ซุปใส แยะขนาดไหน ก็อย่าลืมใส่ใจเรื่องอาหารการ และอาหารประเภทตุ๋น ร่วมกับเมนูที่ทำ�จากโฮล- กิน โดยเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เกรน ที่มีเส้นใยสูง ก่อนมื้ออาหาร เพราะอาหาร ออกกำ�ลังกายเป็นประจำ� และทำ�กิจกรรมที่ชอบ เหล่านี้จะช่วยให้อิ่มท้อง ทำ�ให้คุณกินอาหาร เพื่อผ่อนคลายความเครียด เพียงแค่นี้รับรองว่า หลักได้น้อยลงนั่นเองค่ะ หุ่นสวยและสุขภาพดีจะเป็นของคุณแน่นอนค่ะ 12
อย่าลืมกินอาหารให้ครบ ทุกมื้อ แปลกใจใช่ไหมคะกับเคล็ดลับ ข้อนี้ เราแค่อยากบอกความลับว่า หากคุณไม่ให้ความสำ�คัญกับ “มื้อ อาหาร” หลงลืมกินอาหารตาม มื้อ แล้วคิดว่าเดี๋ยวกินรวมกับอีก มื้อหนึ่งเลย นี่เป็นความประมาทที่ ก่อให้เกิดความอ้วนแบบไม่รู้ตัวได้ เช่นกัน เพราะเชื่อแน่ว่าอีกมื้อหนึ่ง คุณจะจัดหนักจนอิ่มแน่นอย่าง แน่นอน ฉะนั้นมากันไว้ดีกว่าแก้ ด้วยการกินอาหารให้ตรงตามมื้อ ย่อมดีที่สุดค่ะ นั่งนานๆ พาหุ่นเสีย มีผลการวิจัยล่าสุดยืนยันว่า เมื่อเทียบ กิจวัตรประจำ�วันระหว่างคนเจ้าเนื้อกับคนผอม จะเห็นได้ชัดเจนว่า ในแต่ละวันคนเจ้าเนื้อมักจะ นั่งเป็นเวลานานติดต่อกันไม่ตํ่ากว่า 2 ชั่วโมง ในขณะที่คนผอมจะชอบยืน เดิน ทำ�โน่นทำ�นี่ ตลอดเวลา จึงขอแนะนำ�ให้ลองปรับพฤติกรรม ต่างๆ เช่น ลองจอดรถในที่ไกลกว่าเดิม เพื่อ เพิ่มระยะทางให้เดินมายังลิฟต์ไกลขึ้น หรือ ใช้การเดินแทนการนั่งรถ แค่นี้ก็เท่ากับได้ออกกำ�ลังกายเผาผลาญไขมันส่วนเกินแล้วละค่ะ
7
ที่มา : http://www.realsimple.com
อยู่ในสภาพแวดล้อม healthy ช่วยคุณได้ ข้อมูลจาก The Centers for Disease Control and Prevention ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า รัฐโคโลราโดมีประชากรซึ่งมีนํ้าหนักอยู่ใน เกณฑ์ปกติมากที่สุดในประเทศ เพราะว่ากัน ว่า รัฐโคโลราโดนี้เป็นรัฐในฝัน ที่บรรดาคนรัก ธรรมชาติและชื่นชอบกีฬา outdoor จะมานัด เจอกันเพื่อทำ�กิจกรรมหลากหลาย ทั้งปีนเขา เล่นสกี เพราะมีสกีรสี อร์ตกว่า 10 แห่ง นอกจากนัน้ ยังมีเส้นทางจักรยานเสือภูเขาอีกกว่า 400 เส้น ทาง...นี่คือคำ�ตอบว่าทำ�ไมคนที่นี่ถึงมีหุ่นฟิต แอนด์เฟิร์มกันถ้วนหน้า เพราะถ้าใครได้อยู่ใน สภาพแวดล้อมอย่างนั้น จะยอมอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกมายืดเส้นยืดสายกันเชียวหรือคะ
คุมนํ้าหนักได้ ต้องชั่งนํ้าหนักเป็น ประจำ� หากคุณเป็นคนกลัวการชั่งนํ้าหนัก เพราะกังวล กับนํ้าหนักตัวที่อาจเพิ่มขึ้น ขอให้ลดละเลิกนิสัย นี้เถอะค่ะ เพราะ The National Weight Control Registry (NWCR) พบว่า ผู้ประสบความสำ�เร็จ ในการลดนํ้าหนักจะชั่งนํ้าหนักเป็นประจำ� อย่าง น้อยวันละ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อเตือนตัวเอง ไม่ให้มีนํ้าหนักเกินเกณฑ์ที่ตนกำ�หนดไว้ หากมี แนวโน้มว่าจะเพิม่ จะได้สนุกกับการกินให้นอ้ ยลง และหมั่นออกกำ�ลังกายให้มากขึ้นเสียแต่เนิ่นๆ
ตักบาตรอย่างไร ให้พระสงฆ์ไทยมีสุขภาพดี
ดร.พินิจ ลาภธนานนท์ นักวิจัยประจำ�สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยผลวิจัยล่าสุดว่า พระสงฆ์ไทย มีปัญหาสุขภาวะทางกาย โดยเฉพาะปัญหาความอ้วน เนื่องจาก พบว่ามีเส้นรอบเอวเกิน 90 เซนติเมตรจำ�นวนมาก คิดเป็นร้อยละ 43 จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ในจำ�นวนนี้ร้อยละ 59.8 ไม่มีโรคประจำ�ตัว ขณะที่ร้อยละ 40.2 มีโรคประจำ�ตัว โดยโรคที่พบว่า เป็นกันมากและมีภาวะเสี่ยง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และมะเร็ง ส่วนสาเหตุหลักที่ทำ�ให้พระสงฆ์อ้วนหรือมีรอบเอวเกินมาตรฐานนั้น เป็นเพราะอาหารที่ฉัน เข้าไป ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่มันและมีรสจัด ทำ�ให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง แต่ที่น่ากังวลที่สุด คือ การสำ�รวจพบความถี่ในการฉันเครื่องดื่มประเภทต่างๆ เช่น นํ้าชาเขียว นํ้าผลไม้บรรจุกล่อง นํ้าอัดลม เครื่องดื่มชูกำ�ลัง และกาแฟสำ�เร็จรูป ในปริมาณที่มากเกินกว่าร่างกายต้องการใน แต่ละวัน จึงส่งผลให้ระดับนํ้าตาลในร่างกายของพระสงฆ์เพิ่มสูงขึ้นเกินค่ามาตรฐาน ภญ.จงจิตร อังคทะวานิช ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและการกำ�หนดอาหาร คณะ สหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้างานวิจัยโครงการสงฆ์ต้นแบบโภชนาดี ชีวี ยั่งยืน จึงแนะนำ�ให้ญาติโยมถวายอาหารที่มีประโยชน์แก่พระภิกษุสงฆ์ ซึ่งควรเป็นอาหารที่ ปรุงสุกใหม่ หากปรุงเองได้ให้ปรุงเอง และควรลดความเค็ม ความมันลง นอกจากนั้นให้ใส่บาตร ข้าวกล้องแทนข้าวขาว และถวายนํ้าเปล่าแทนเครื่องดื่มที่มีนํ้าตาลสูง รวมทั้งให้เพิ่มผัก ผลไม้ ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ อาหารโปรตีนคุณภาพ ให้มากขึ้นด้วย (ที่มา : สำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ)
กระทรวงสาธารณสุขเผยข้อมูลล่าสุด ว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเฉลี่ยถึงชั่วโมง ละ 7 ราย โดยในปี พ.ศ. 2554 มีผู้เสียชีวิต พุ่งสูงถึง 61,082 ราย ครองแชมป์สาเหตุ การเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทยติดต่อ กันหลายปี ขณะที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO คาดว่าจะมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น ไม่ตํ่ากว่าปีละ 100,000 คน (ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข)
Institution of Mechanical Engineers สหราชอาณาจักร ระบุว่า อาหารที่ผลิตขึ้น ทั้งหมดบนโลกถูกทิ้งให้กลายเป็นขยะ คิด เป็น 1,400 แคลอรี่ต่อวัน เฉพาะอาหารที่ถูก ทิ้งขว้างในประเทศสหรัฐอเมริกาในแต่ละปี ก็สามารถเลี้ยงคนทั่วโลกได้ถึง 4,000 ล้าน คน โดยการผลิตอาหารเหล่านี้แลกมาด้วย ทรัพยากรนํ้า 25% ของนํ้าสะอาดทั้งหมด ของประเทศมหาอำ�นาจแห่งนี้ทีเดียว (ที่มา : มูลนิธิโลกสีเขียว www. greenworld.or.th) 13
healthy planet
กินผักอย่างไรให้ได้ประโยชน์
ผักนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างยิ่ง เพราะมีเส้นใยอาหารช่วยเรื่องการขับถ่าย เป็นแหล่งของวิตามินและเกลือแร่ ช่วยป้องกันและบรรเทาโรคภัย ไข้เจ็บต่างๆ แถมยังช่วยบำ�รุงผิวพรรณ แต่เคยสงสัยไหมว่าผักที่เรากินกันนั้น ควรกินแบบไหนจึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด เรามีคำ�แนะนำ�จาก รศ.ดร. รัชนี คงคาฉุยฉาย อาจารย์ประจำ�สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล มาบอกค่ะ มะเขือเปราะ สรรพคุณ ช่วยขับพยาธิ ลด การอักเสบ ช่วยในการขับถ่าย อีกทัง้ ยังมีงานวิจัยที่พบว่าผลมะเขือเปราะมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของ กล้ามเนื้อเรียบ ต้านมะเร็ง บำ�รุง หัวใจ ลดความดันเลือด และยังลด ปริมาณนํ้าตาลในเลือดสำ�หรับผู้ที่ เป็นเบาหวานได้อีกด้วย โดยสาร สกัดจากมะเขือเปราะนั้นจะออก ฤทธิ์คล้ายอินซูลิน ช่วยเสริมการ ใช้งานกลูโคสอย่างมีประสิทธิภาพ วิธีปรุง กินได้ทั้งดิบและ ปรุงสุก แคร์รอต สรรพคุณ มีวิตามินเอและ เบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำ�รุงสายตา แก้โรคตาฝ้าฟาง ช่วยขับปัสสาวะ นอกจากนี้ แคร์รอตยังมีสารฟอลคารินอลซึ่งทำ�งานร่วมกับสารเบต้า แคโรทีน สามารถต้านอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง วิธีปรุง กินได้ทั้งสดและปรุง สุก แต่ถ้าผ่านความร้อนจะทำ�ให้ วิตามินที่อยู่ในแคร์รอตแตกตัว เพิ่มขึ้น ร่างกายจะได้รับประโยชน์ มากกว่า
recommend
บร็อคโคลี สรรพคุณ มีสารซัลโฟราเฟน ซึ่งป้องกันโรคมะเร็ง และอุดมด้วย วิตามินซี สารแอนติออกซิแดนต์ ที่ช่วยกำ�จัดอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรง ป้องกันการเกิดต้อกระจก เพราะบร็อคโคลีมีสารเบต้าแคโรทีน สูงโดยเฉพาะสารลูทีน และสาร กลูตาไธโอน ซึ่งช่วยลดโอกาสเสี่ยง ต่อการเกิดไขข้ออักเสบ เบาหวาน และโรคหัวใจ นอกจากนี้ ยังช่วย เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลด ระดับคอเลสเตอรอล และช่วย ลดความดันโลหิตสูง วิธีปรุง ปรุงสุกโดยผัดหรือ ต้ม เน้นการล้างให้สะอาด โดยหั่น เป็นชิ้นตัดแต่งให้เรียบร้อย ไม่ควร แช่ล้างทั้งหัว เพราะสารเคมีอาจยัง ตกค้างอยู่ตามกิ่งก้าน แตงกวา สรรพคุณ ช่วยเสริมความจำ� ลดอาการนอนไม่หลับ แก้กระหาย นํ้า มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ขับปัสสาวะ ทำ�ให้ผิวขาวใส นุ่มนวล วิธีปรุง กินได้ทั้งสดและ ปรุงสุก เน้นล้างให้สะอาด
ถั่วฝักยาว สรรพคุณ เป็นยาบำ�รุงไต และม้าม แก้ร้อนใน และแก้ตกขาว วิธีปรุง กินได้ทั้งสดและ ปรุงสุก ผักบุ้ง สรรพคุณ บำ�รุงกระดูกและ ฟัน บำ�รุงเลือด ลดไข้ แก้เบาหวาน แก้ร้อนใน บำ�รุงสายตา วิธีปรุง ปรุงสุก เน้นการล้าง ให้สะอาด ผักกาดขาว สรรพคุณ ช่วยย่อย แก้ไอมี เสมหะ รักษาอาการท้องเสีย ขับ ปัสสาวะ วิธีปรุง กินได้ทั้งสดและ ปรุงสุก เน้นการล้างโดยแกะล้าง ใช้มือขัดทีละใบ แล้วแช่นํ้าทิ้งไว้ ประมาณ 30 นาที จะปลอดภัย ถั่วงอก สรรพคุณ มีเส้นใยอาหาร สูง ทำ�ให้ระบบขับถ่ายทำ�งานได้ดี และยังช่วยดูดซับของเสียออกจาก ร่างกายได้ วิธีปรุง กินได้ทง้ั สดและปรุงสุก
1. ควรกินผักสด เพราะจะได้รับวิตามินเต็มที่ ถ้ากินผักสดแล้วท้องผูก ให้กินผักต้มแทน จะได้รับใยอาหาร 2. วิธีปรุงสุกที่เสียคุณค่าอาหารน้อยที่สุดคือ ผัด (ควรใช้เวลาสั้น นํ้ามันน้อย) รองลงมาคือลวก และต้ม 3. สารสำ�คัญในผักต่างๆ ทำ�งานออกฤทธิ์ส่งเสริมกัน จึงควรกินผักให้หลากหลาย ไม่ควรกินชนิดเดียวกันซํ้าๆ 4. ผูท้ ก่ี �ำ ลังลดนํ้าหนักกินผักได้ทกุ ชนิด เว้นผักหัวทีก่ นิ ได้ในปริมาณน้อย เช่น ฟักทอง เผือก เพราะคาร์โบไฮเดรตสูง 14
กะหลํ่าปลี สรรพคุณ มีวิตามินซีสูง ทำ�ให้หวัดหายเร็ว ช่วยป้องกันโรค เลือดออกตามไรฟัน ช่วยลดความ เสี่ยงจากมะเร็งลำ�ไส้ ช่วยรักษา แผลในกระเพาะอาหาร กระตุ้น การทำ�งานของลำ�ไส้ใหญ่ ทำ�ให้ ระบบขับถ่ายทำ�งานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ วิธีปรุง ปรุงโดยการผัด ลวก หรือต้ม ถ้ากินสดไม่ควรกิน เยอะ เพราะในกะหลํ่าปลีมีสาร ออกซาเลต (Oxalate) เมื่อไปจับกับ แคลเซียมที่กรวยไตจะกลายเป็น สารแคลเซียมออกซาเลต ทำ�ให้เกิด โรคนิ่วในไต
มะเขือเทศ สรรพคุณ มีสารไลโคปีน ที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ มะเร็งที่มดลูก ปอด และต่อม ลูกหมาก บำ�รุงสายตา ป้องกัน หลอดเลือดแข็งตัว วิธีปรุง กินสดจะได้รับ วิตามินซี แต่ถ้าผ่านการปรุงสุกหรือ ผ่านกระบวนการ เช่น ซอสมะเขือเทศ นํา้ มะเขือเทศ ร่างกายจะนำ�ไลโคปีน ไปใช้ได้ดีกว่าผลสด
SURVEY
คุณคิดว่าความสุขที่พอเพียงเป็นอย่างไร
“ผมคิดว่าถ้าเราจะมีชีวิตอยู่ อยู่กับความง่ายมัน ยั่งยืนกว่านะ ความสุขหรือความทุกข์ไม่ต้องทำ�อะไร มันก็มา สุขไปสักพักทุกข์มันก็มา ทุกข์ไปสักพักสุข มันก็มา จะไปแสวงหามันทำ�ไม ความง่ายในการมี ชีวิตอยู่มันเป็นความยั่งยืนในแบบของผม กินง่ายๆ นอนง่ายๆ เราก็จะเบาสบาย ไม่เครียด ไม่กลุ้ม” • โจน จันใด, เกษตรกร
“ความสุขที่พอเพียง คือมีกินมีใช้ ไม่เป็นหนี้ ลูกๆ ดูแลตัวเองได้และ ต้องคิดถึงอนาคตด้วย อย่างผม ไม่รวยแต่พออยู่ได้ ขายของกำ�ไร บ้าง ขาดทุนบ้าง ทำ�งานค้าขายก็ จริงแต่ไม่ใช่เช้าหาได้เท่าไหร่คํ่าก็ใช้ หมด วันไหนกำ�ไรก็ต้องเก็บ เผื่อวัน ที่เราอาจจะป่วย ฝนตกแดดออก ทำ�ให้ออกมาขายของไม่ได้” • โพธิ์ทอง อินทปัญญา, ค้าขาย
“จริงๆ งานที่ผมทำ�มันก็ลำ�บากนะ ต้องเจอคนทั้งวัน เราก็เหมือนอยู่ในวงเวียนชีวิต ก็ต้องทำ�ใจยอมรับมัน แล้วเดินต่อไป จนกว่าจะเจอทางออก แต่แค่ได้ตื่น มามีงานทำ� ได้ขับมอเตอร์ไซค์ให้ทุกคนก็มีความสุข แล้ว มีทุกข์เข้ามาก็ปล่อยไป” • สมหมาย กฎมหาราช, มอเตอร์ไซค์รับจ้าง
“การที่เราได้อยู่กับครอบครัว เพื่อน คนที่เรารัก และไม่ว่าจะ เป็นใครก็ตามที่เราอยู่ด้วยแล้ว สบายใจ แค่นั้นก็ถือว่าเพียง พอแล้ว เพราะไม่ว่าจะเกิด อะไรกับเรา จะยังมีคนอยู่ข้างๆ เราเสมอ” • สมฤทัย ธีรวิชญกุล, เจ้าหน้าที่การตลาด
“มีงานที่ดีทำ� มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ก็ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง แต่ การยอมรับ ณ จุดนั้นว่า บาง ครั้งชีวิตก็ต้องเจอกับอุปสรรค หรือปัญหาบ้าง ชีวิตเรายังต้อง เดินหน้าต่อไป ทำ�ให้เราเรียนรู้ที่ จะอยู่กับมันและมีความสุขกับ สิ่งที่เกิดอยู่ตรงหน้าไม่ว่าจะเป็น แบบไหน” • พิชญา มานะเจริญศักดิ์, ธุรกิจส่วนตัว 15
a sweet simple life
“สุขพอเพียง” ของ นุ่น ศิรพันธ์ เรื่อง : ประอรพิชญ์ คัจฉวัฒนา ภาพ : สุภชัย รอดประจง แต่งหน้า : ยศวีร์ งามเกษม ทำ�ผม : จิรพันธ์ ศรีรักษ์ นับแต่บทบาท “อีแพง” ในละครเรื่อง บ่วง ได้ สร้างกระแสให้ชื่อของ คุณนุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา กลับมาเป็นที่จดจำ�อีกครั้งในฐานะนักแสดงมาก ความสามารถ มาจนถึงบทบาทท้าทายกับการ แสดงเป็นนักศึกษาสาว ที่มีอาชีพเสริมเป็นผู้หญิง ขายบริการ ในละครเวทีตแี ผ่ปญ ั หาสังคมเรือ่ ง “กุหลาบ สีเลือด” เมื่อปีที่ผ่านมา พวกเราก็ยังไม่เห็นผลงาน การแสดงของดาราสาวตาคมคนนี้อีก มีเพียง ผลงานใหม่ในฐานะพิธีกรของรายการพื้นที่ชีวิต และรายการพราวเท่านั้น เชื่อว่าหลายคนคงคิดถึง คุณนุ่น กันไม่น้อย ใช่ไหมคะ happy+ ฉบับนี้จึงชวนคุณนุ่นมานั่งคุย กันแบบสบายๆ ในวันว่าง ถึงความสุขจากการรู้จัก ตัวเอง และความพอเพียงในการใช้ชีวิต พร้อม เก็บภาพความสดใสของเธอที่ร้าน Fresh Boxx Salad Cafe ที่คุณนุ่นและเพื่อนตั้งใจเปิดขึ้น เพื่อมอบสุขภาพดีๆ จากการได้รับประทานผักสดๆ ในราคาสบายกระเป๋ามาฝากค่ะ
16
17
18
ครอบครัว จุดเริ่มต้นของความสุข เราเริ่มต้นบทสนทนากับคุณนุ่นในเวลา เย็นยํ่า ที่แสงอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้าเต็มที บรรยากาศจึงเย็นสบาย เหมาะกับการชวนคุย ถึงความสุขในวัยเยาว์ของเธอ เธออมยิ้มพร้อม เกริ่นให้ฟังว่า “คุณพ่อของนุ่นเป็นทหาร ส่วนคุณแม่เป็น ครูค่ะ นุ่นเลยถูกเลี้ยงดูมาในบรรยากาศที่มี กฎเกณฑ์ มีระเบียบมากหน่อย เช่น คุณแม่จะ ตั้งกฎไว้เลยว่า ถ้าสอบได้ลำ�ดับที่เป็นเลขสอง ตัว ต้องถูกทำ�โทษนะ นุ่นกับน้องก็จะตั้งใจเรียน ให้ดี จำ�ได้ว่าไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรนะคะ อาจ เป็นเพราะนุ่นไม่ได้เก็บมาคิดเปรียบเทียบกับ ครอบครัวอื่น นุ่นว่าดีเสียอีกที่มีกฎเกณฑ์ มาเป็นหลักให้เราปฏิบัติตาม สมัยเด็ก ก็มีเรื่อง การเรียนนี่ละค่ะที่ถูกกวดขันมาก ส่วนเรื่อง พฤติกรรม นุ่นไม่ค่อยมีปัญหาเพราะเป็นคน เรียบร้อย อยู่ในโอวาทของคุณแม่มาโดยตลอด” จากที่คุณนุ่นเล่ามา เราก็เริ่มจินตนาการ ถึงภาพในวัยเยาว์ของเด็กหญิงนุ่นแล้ว เธอจึง เล่าถึงความสุขง่ายๆ ที่เกิดขึ้นในครอบครัว วัฒนจินดาให้ฟังต่อ “นุ่นโตมาในค่ายทหารที่จังหวัดลำ�ปางค่ะ ภาพที่อยู่ในความทรงจำ� คือ ภาพของคุณพ่อ ที่เดินไปทำ�งานทุกเช้า เพราะที่ทำ�งานของท่าน อยู่ห่างจากบ้านไม่ไกลนัก แล้วพอนุ่นเริ่มเข้า มัธยมต้น นุ่นก็จะปั่นจักรยานไปโรงเรียน เพราะ โรงเรียนอยู่ไม่ไกลจากบ้านมาก ในสมัยนั้น เมืองลำ�ปางยังเป็นเมืองเล็กๆ รถราไม่มากและ วิ่งกันไม่เร็ว ตอนนั้นนุ่นชอบการปั่นจักรยาน มาก เพราะรู้สึกว่าตัวเองเท่ เหมือนเด็กผู้ชาย เลย (ยิ้มภูมิใจ) พอเลิกเรียนก็ปั่นจักรยานกลับ บ้าน แล้วมาเล่นแบดมินตัน เล่นบาสเกตบอล หรือตีปิงปองกับคุณพ่อและน้อง จากนั้นตอน ห้าโมงเย็น นุ่นก็จะหยุดเล่นแล้วมาเข้าครัวเป็น ลูกมือช่วยคุณแม่ทำ�กับข้าวมื้อเย็น หรือไปจ่าย ตลาดเป็นเพื่อนคุณแม่บ้าง วันไหนคุณแม่ทำ� กับข้าวหม้อใหญ่ นุ่นก็ต้องเตรียมจานชามเพิ่ม เพราะนั่นแสดงว่าคุณแม่จะทำ�กับข้าวเพื่อเอาไป แจกจ่ายให้เพื่อนบ้านด้วย และเมื่อกินข้าวเย็น กันเสร็จ ทุกคนในครอบครัวก็จะมาเดินเล่นกัน พูดคุยบอกเล่าถึงสารทุกข์สุกดิบที่เกิดขึ้นใน แต่ละวัน หรือบ่อยครั้งที่คุณพ่อท่านจะมาเล่า ให้ลูกๆ ฟังว่า วันนี้ท่านได้อ่านหนังสือเล่มนี้นะ
มีข้อคิดดีๆ อะไร แล้วแนะนำ�ให้ลูกๆ เอาไปปรับ ใช้ “ที่เล่ามาทั้งหมด นุ่นอยากให้เห็นชีวิต ง่ายๆ สบายๆ ในวัยเด็กของนุ่น ที่คิดถึงขึ้นมา เมื่อไรก็จะมีความสุขทุกครั้ง นุ่นอยากนิยาม ความสุขในวัยเด็กของนุ่นว่า มันเป็นการผสม ผสานระหว่างความเรียบง่าย ความพอเพียง การแบ่งปัน ในแนวทางแบบ slow life นุ่นว่านุ่น โชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น ในเมืองเล็กๆ ที่มีผู้คนน่ารักอย่างลำ�ปาง มันเป็นความลงตัว ที่ทำ�ให้นุ่นมีตัวตนแบบนี้ คือ เป็นคนเรียบง่าย ชอบช่วยเหลือและเห็นใจคนที่ด้อยกว่า และไม่ หลงใหลไปกับกระแสวัตถุนิยมใดๆ” คุณนุ่นใช้ชีวิตเรียบง่ายเช่นนี้มากระทั่ง เธอสอบเอ็นทรานซ์เข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์
นุ่นอยากนิยามความสุขในวัยเด็กของนุ่นว่า เป็นการผสมผสาน ระหว่างความเรียบง่าย ความพอเพียง การแบ่งปัน ในแนวทางแบบ slow life นุ่นว่านุ่นโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น ในเมืองเล็กๆ ที่มี ผูค้ นน่ารักอย่างลำ�ปาง มันเป็นความลงตัวทีม่ สี ว่ นทำ�ให้นนุ่ มีตวั ตนแบบนี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ จึงมีเหตุให้เธอต้อง ย้ายไปอยู่บ้านคุณยาย ที่เชียงใหม่ แต่ระยะทาง ที่ห่างไกล ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคของความรัก และห่วงใยกันในครอบครัวแต่อย่างใด เพราะ ทุกคนในครอบครัวจะพร้อมใจมาเยี่ยมเยียนเธอ ที่เชียงใหม่ และทำ�กิจกรรมร่วมกันทุกวันหยุด สุดสัปดาห์ จนคุณนุ่นได้เข้าวงการบันเทิง กับ ภาพยนตร์เรื่องแรก “เพื่อนสนิท” และต้อง เดินทางเข้ามาทำ�งานในกรุงเทพฯ ความห่วงใย จากครอบครัวก็ยงั คงติดตามเธอไปพร้อมบทเรียน ชีวติ ทีส่ อนให้คณ ุ นุน่ ได้รจู้ กั กับความพอเพียง “ตอนเข้าวงการใหม่ๆ นุ่นต้องเดินทางเข้า กรุงเทพฯ เพื่อมาทำ�งาน คุณพ่อ คุณแม่ ท่าน ก็ให้นั่งรถทัวร์ธรรมดานี่ละค่ะมาทำ�งาน ทั้งๆ ที่ ตอนนั้นนุ่นก็ทำ�งานหาเงินได้แล้ว แต่ท่านยังคง มองว่า เรายังไม่เป็นผู้ใหญ่ที่มีรายได้มากถึง ขั้นจะนั่งเครื่องบิน ซึ่งนุ่นก็เข้าใจว่าพวกท่าน หวังดี อยากให้เรารู้คุณค่าของเงิน ที่ท่านทำ� อย่างนี้อาจเป็นเพราะพื้นฐานครอบครัวเราเป็น ครอบครัวข้าราชการธรรมดา ไม่ได้รวย แค่พอมี
พอใช้ ซึ่งก็เป็นผลมาจากการบริหารเงินใน ครอบครัวของคุณพ่อ คุณแม่ ใช้จ่ายแต่เท่าที่ จำ�เป็น ไม่ฟุ่มเฟือย อย่างรถของครอบครัวที่ใช้ อยู่ ก็ใช้เป็นสิบกว่าปีอยู่นะคะ พอต้องเข้าอู่ บ่อยถึงได้เปลี่ยน “แล้วช่วงเข้าวงการแรกๆ นี่เหมือนกันค่ะ ที่นุ่นเริ่มหาเงินได้ ตอนนั้นก็เป็นหลักแสนอยู่ นะคะ สำ�หรับเด็กจบใหม่ถือว่าเยอะมาก ถ้า เราใช้เงินไม่เป็น เราจะเตลิดได้ง่ายมาก นุ่นเลย ใช้คณ ุ แม่นล่ี ะค่ะเป็นตัวช่วย เป็นธนาคารส่วนตัว ตอนนั้นนุ่นหาเงินมาได้เท่าไร ก็จะฝาก คุณแม่ไว้หมด แล้วบอกท่านไว้วา่ นุน่ ขอเงินเดือน ตามวุฒิปริญญาตรีที่นุ่นมีก็พอ นุ่นคิดว่าเราต้อง ทำ�ตัวให้เคยชินกับเงินที่หามาได้ง่าย เพราะ อาชีพนักแสดงมันไม่มีอะไรแน่นอน วันหนึ่งมี งานเข้ามามาก ผ่านไปไม่ถึงเดือนอาจจะไม่มี งานเข้ามาเลยก็ได้ ถ้าเราใช้เงินมือเติบ อย่างใช้ เดือนนึงเป็นแสน แล้วสมมุติว่าอีก 2-3 เดือน ไม่มีงาน เราจะอยู่อย่างไร การคิดอย่างนี้ จะทำ�ให้เราไม่ประมาทในการใช้ชีวิตค่ะ” 19
20
“อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน” คติการทำ�งานของนุ่น “อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิด สติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำ� สิ่งนั้นให้ดีที่สุด” นี่ไม่ใช่แค่วรรคทองในเพลงโปรดที่คุณนุ่น ร้องเป็นประจำ�เท่านั้น หากแต่เธอยังใช้เป็น แนวทางในการทำ�งานในวงการบันเทิงที่เธอรัก และศรัทธาด้วย เพราะตั้งแต่เธอเป็นที่รู้จักจาก บท “ดากานดา” ในภาพยนตร์เรื่อง “เพื่อน สนิท” ก็เกิดกระแสข่าวทางด้านลบที่ถาโถมมา ควบคู่กับชื่อเสียง ทำ�ให้เธอต้องเป็นทุกข์อย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ “ตอนเข้าวงการบันเทิงแรกๆ มีกระแสข่าว ออกมาแรงมากค่ะว่า นุ่นเข้ามาเป็นดาราได้ เพราะความฟลุค เพราะเราไม่สวย ดำ�ด้วย ไม่นา่ จะมาเป็นนางเอกได้เลย บางสื่อให้ฉายาเราว่า เป็น ‘นางเอกลูกเป็ดขี้เหร่’ ตอนนั้นยอมรับเลย ค่ะว่าจิตตก เสียใจและท้อถึงขั้นจะออกจาก วงการ แบบไม่เอาแล้วงานแสดง พอกันที คือ มันเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเร็วมาก เราไม่เข้าใจ คิดแต่ว่า ทำ�ไมเขาต้องมาว่า เราด้วย ทั้งๆ ที่เราตั้งใจกับงานแสดงทุก เรื่อง เพราะการแสดงเป็นงานที่นุ่นรักและใฝ่ฝัน อยากจะทำ�มาตั้งแต่เด็ก พอมีโอกาสได้ทำ� ก็ทำ� เต็มที่ ทำ�ไมต้องมาเจอกับข่าวแบบนี้ “แล้วไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าตอนนั้นคนที่ ให้กำ�ลังใจนุ่นคือคุณแม่ ทั้งๆ ที่ท่านบอกเรา มาตั้งแต่เด็กว่าท่านอยากให้เราเป็นหมอนะ แต่ ท่านก็รู้ว่าอาชีพนักแสดงเป็นอาชีพที่นุ่นใฝ่ฝัน อยากจะทำ� ท่านบอกนุ่นว่า นุ่นจะไปแคร์ทำ�ไม กับคนที่มาว่าเรา คนพวกนั้นเขาไม่รู้จักเราเลย สักนิด แล้วอยู่ดีๆ มาตัดสินเรา มาพูดให้ร้าย เรา แม่บอกนุ่นว่า อย่าไปเก็บเอามาใส่ใจ สิ่งที่ นุ่นควรสนใจคือ คนรอบข้างที่รักนุ่นอีกมากมาย ทั้งพ่อ แม่ น้อง และเพื่อนๆ แล้วเดินหน้าทำ� สิ่งที่รักและศรัทธาต่อไป พอได้ยินคุณแม่พูด อย่างนี้เท่านั้นละค่ะ มันเกิดแรงฮึด ว่าเราอยาก เอาชนะคำ�สบประมาททั้งหลายที่เกิดขึ้น อยาก พิสูจน์ให้คนเห็นว่า ต่อให้ใครจะมองว่าฉัน
ไม่สวย แต่ฉันจะโด่งดังจากความสามารถที่ฉัน มีนี่ละ ตั้งแต่นั้นมานุ่นก็รับงานเยอะมาก เพราะ อยากพิสูจน์ตัวเอง” ตอนนั้นคุณนุ่นพากเพียรรับทุกงานแบบ หนักเอาเบาสู้อยู่เกือบ 2 ปี จนเกิดเหตุการณ์ที่ เธอบอกว่าเป็นจุดพลิกผันของชีวิต ทำ�ให้คุณนุ่น หันมามองหาจุดสมดุลในการทำ�งานเพื่อสร้าง สุขให้ตัวเอง “วันหนึ่งเมื่อสามปีที่แล้ว มันเกิดการ ตกผลึกของความคิดค่ะ ขณะที่นุ่นทำ�งานเกือบ ทุกวัน แทบไม่มีวันหยุดเลย แล้วบังเอิญวันหนึ่ง นุ่นมีเวลาได้หยุดคิด จึงนึกถึงใบหน้าของคนใน ครอบครัวที่เรารัก ว่าเราทำ�งานจนไม่มีเวลาดูแล พวกเขาเลย คิดได้อย่างนั้นแล้ว นุ่นบอกตัวเอง เลยว่าไม่เอาแล้ว หยุดได้แล้ว ที่ผ่านมาเรา พยายามมากเกินไป ทั้งพยายามพิสูจน์ตัวเอง และพยายามเอาใจไปผูกกับความรู้สึก คำ�พูด ของคนอื่นว่าเมื่อไรเธอยอมรับฉัน เมื่อไรเธอรัก ฉัน ชื่นชมฉัน ฉันถึงจะพอใจและมีความสุข ทั้ง ที่ความจริงแล้วเราควรรู้จักตัวตนของตัวเองและ รักษามันไว้ให้ดีที่สุด แล้วชีวิตเรายังมีอะไรให้ทำ� อีกตั้งมากมาย มีงานที่เราชอบ ที่เรารักอีกมาก ที่รอให้เราไปทำ� จากนั้นมานุ่นก็ปล่อยวางได้
เลือกรับงานที่เราอยากทำ� มีความยาก ท้าทาย รู้สึกว่ามันไม่ซํ้ากับบทบาทที่เราเคยเล่น และ เมื่อทำ�แล้วมันช่วยพัฒนาความสามารถทางการ แสดงของเราให้ก้าวหน้าขึ้น เมื่อนุ่นตกลงใจว่า จะใช้ชีวิตตามแนวทางนี้แล้ว นุ่นก็บอกตัวเองว่า ต้องทำ�ใจยอมรับให้ได้ถ้าคนที่เราไปปฏิเสธ ไม่รับงานเขา เขาจะไม่เข้าใจเรา และมองว่าเรา เรื่องมากจนไม่เสนองานให้เราอีก” นี่จึงเป็นคำ�ตอบของข้อสงสัยว่า ทำ�ไมเรา จึงไม่ได้เห็นผลงานในวงการบันเทิงของคุณนุ่น มากนัก และเพราะความเข้าใจในตัวตนและ วงการบันเทิงนี้เอง ทำ�ให้คุณนุ่นมองเห็นถึงหลัก ธรรมที่เกิดขึ้นในวงการบันเทิง ที่ใครๆ ก็ต่าง ขนานนามให้ว่า วงการมายา “8 ปีที่นุ่นอยู่ในวงการแสดง ทำ�ให้ นุ่นได้เห็นสัจธรรมในชีวิตนะ เป็นหลักธรรมใน พระพุทธศาสนานี้เอง คือ หลักโลกธรรม 8 ซึ่ง อธิบายทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตนุ่นได้ ชัดเจน ตั้งแต่ได้ลาภ ได้ยศ สรรเสริญ และได้ สุขในเวลาเดียวกัน เพราะเมื่อตอนที่ภาพยนตร์ เรื่องเพื่อนสนิทดัง ก็มีคนรู้จัก มาชื่นชมเรา ยกตำ�แหน่งนางเอกดาวรุ่งให้ มีรายได้เข้ามา มากมาย ใช้ชีวิตอู้ฟู่ มีความสุข แต่หลังจากนั้น ไม่ถึงเดือน ก็มีกระแสว่าเราเป็นนางเอกแบบ ฟลุคๆ ไม่สวยบ้างละ ดำ�บ้างละ จนเราจิตตก แล้วปฏิเสธไม่รับงานอยู่ช่วงหนึ่ง พอไม่มีงาน ก็ไม่มีเงิน นี่เป็นการเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา และตกทุกข์อย่างชัดเจนเช่นกัน นุ่นเคยลองคิดดู นะคะว่า ถ้านุ่นไม่มีโอกาสมาเป็นนักแสดง พอ เรียนจบนุ่นก็คงไปทำ�งานเป็นวิศวกรตามสายที่ เรียนมา ซึ่งอย่างมากเราก็คงต้องจัดการกับ ปัญหาที่มาจากลูกค้าหรือเจ้านาย ไม่ได้เห็น สัจธรรมของชีวิตชัดเจนอย่างการอยู่ในวงการ บันเทิงอย่างนี้ “คราวนี้พอมีเหตุการณ์ตามหลักโลกธรรม 8 เกิดขึ้น นุ่นก็ได้เห็นถึงหลักธรรมอีกเรื่อง คือ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของทุกสิ่ง เห็นได้ชัด เลย ตอนที่ละครเรื่องบ่วงจบใหม่ๆ ตรงกับช่วงที่ นุ่นเปิดร้าน Fresh Boxx พอดี มีคนมารอถ่ายรูป กับอีแพงเยอะมากเลยค่ะ แต่พอผ่านไป 21
22
ไม่ถึงเดือน คนมาขอถ่ายรูปด้วยก็ลดน้อยลง มันทำ�ให้เราเห็นทั้งช่วงที่มันเกิดกระแสความ นิยม และช่วงที่กระแสนั้นดับไป เพราะมี ตัวละครแรงๆ ตัวอื่นเกิดขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนก็ย่อม ไปชื่นชมตัวละครเหล่านั้น ถ้าเราไปยึดติดกับ กระแสความดังตรงนั้น เราก็จะทุกข์ แต่นุ่น สบายค่ะ เพราะเราคิดได้ เรามองออก ไม่เก็บ มันมาให้รกใจ” สุขเพราะค้นหาตัวตนเจอ “ทุกวันนี้นุ่นขอให้คุณแม่ขึ้นเงินเดือนให้ แล้วละค่ะ เพราะค่าใช้จ่ายมากขึ้น แล้วก็แอบ คิดเข้าข้างตัวเองว่า นี่เราทำ�งานมาตั้ง 8 ปีแล้ว นะ สมควรได้เงินเดือนขึ้นบ้างอะไรบ้าง” คุณนุ่นเล่าให้เราฟังด้วยอารมณ์ขัน แล้ว กระซิบว่า “ขอเพิ่มอีกไม่มากหรอกค่ะ เพราะนุ่น ก็ไม่อยากใช้เงินเกินตัว อยากเก็บออมไว้ใช้ใน ยามจำ�เป็นมากกว่า” ยิ่งได้พูดคุยกับคุณนุ่น ยิ่งรู้สึกถึงแนวคิด ความพอเพียง ที่แทรกอยู่ในตัวตนของเธอ เรา จึงขอให้เธอเล่าเรื่องราวดีๆ ในชีวิตที่มาจากการ รู้จักตัวตนและความพอเพียงให้ฟังค่ะ “ช่วงจบละครเรื่องบ่วงได้ไม่นานก็มีงาน ละครติดต่อมาให้เล่นต่อเนื่องกันเลย 3 เรื่อง และมีงานอีเวนต์ติดต่อมาเยอะมาก จริงๆ ถ้า นุ่นรับทุกงาน คงได้เงินมามากมาย แต่เผอิญ ตอนนั้นเป็นช่วงที่นุ่นรู้ทันความต้องการ ของตัวเอง และรู้แล้วว่าควรอยู่ในวงการบันเทิง อย่างไรให้มีความสุข นุ่นจึงปฏิเสธทั้งการ ออกงานอีเวนต์และละครไปหลายเรื่อง จนโดน มองว่าดังแล้วหยิ่งบ้าง หรือเลือกงานบ้าง จริงๆ แล้วอยากบอกว่า นุ่นไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคน คิดเลย เพียงแค่นุ่นรู้แล้วว่าอะไรสำ�คัญกับตัวเรา นุ่นอยากรับงานที่เรารู้สึกว่ามันท้าทาย แล้ว เราอยากทำ� และมีความสุข อย่างงานอีเวนต์ หลายงาน นุ่นรู้สึกว่าเราไม่เหมาะกับการ พรีเซนต์สนิ ค้านัน้ และไม่ได้รสู้ กึ อินกับผลิตภัณฑ์ หรือไม่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเรา นุ่นก็ไม่อยากฝืน รับ เพราะมันเหมือนไม่ซื่อสัตย์กับความรู้สึก ตัวเอง แล้วเราคงทำ�ออกมาได้ไม่ดี ส่วนงานละคร ที่ปฏิเสธไป เพราะว่าตอนนั้นนุ่นรับงานละคร
เวทีไว้ จึงอยากใช้เวลาเต็มที่กับการทำ�งานละคร เวทีซึ่งเป็นงานที่เรารอคอย และรู้สึกอยากทำ� มากๆ ให้ดีที่สุดก่อน นุ่นไม่อยากกลับไปเป็น เหมือนเมื่อก่อนที่รับงานเยอะ มีเงินเยอะ แต่มี เวลาให้กับครอบครัวและงานที่เรารักน้อยลง มันไม่ใช่สิ่งที่ทำ�ให้เกิดความสุขแบบยั่งยืนเลย” เมื่อคุณนุ่นคิดได้อย่างนี้แล้ว ประตูแห่ง ความสุขจึงเปิดกว้างให้เธอได้เดินเข้าไปทำ�สิ่งที่ เธอรักมากมายค่ะ ละครเวทีที่รักและศรัทธา “นุ่นหลงรักละครเวทีตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ มัธยมต้น ตอนนั้นในวิชาพุทธศาสนา คุณครู ให้นักเรียนจับกลุ่มเพื่อมาเล่นละครเวทีหน้าชั้น เรียน ในเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ซึ่งนุ่นจำ� ได้ว่านุ่นตั้งใจเล่นมาก จนร้องไห้ออกมาจริงๆ
นุ่นหาเงินมาได้เท่าไร ก็จะฝากคุณแม่ไว้หมด แล้วบอกท่านไว้ว่า นุ่นขอเงินเดือนตามวุฒิ ปริญญาตรีที่นุ่นมีก็พอ นุ่นคิดว่าเราต้องทำ�ตัวให้เคยชิน กับเงินที่หามาได้ง่าย เพราะอาชีพนักแสดงมันไม่มีอะไรแน่นอน คุณครู เพื่อนๆ ตกใจกันหมดเลยค่ะ ว่านุ่นเป็น อะไร เราก็บอกทุกคนว่าตัวละครที่เราเล่น เขา มีชีวิตที่น่าสงสาร ต้องสูญเสียสามี สูญเสียลูก ตั้งแต่นั้นมานุ่นก็รู้สึกว่าละครเวทีมีเสน่ห์ มัน มีความสดของอารมณ์ที่ตัวละครสื่อออกมา จน ได้เข้ามาเป็นนักแสดง ก็ใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยาก เล่นละครเวที “จนกระทั่ง ครูเงาะ (คุณรสสุคนธ์ กองเกตุ) ซึ่งเป็นครูการแสดงคนแรกของนุ่น ตั้งแต่นุ่น เริ่มเล่นหนังเรื่องเพื่อนสนิท ได้มาชวนให้นุ่น เล่นละครเวทีเรื่อง “กุหลาบสีเลือด” ตอนนั้นยัง ไม่ทันรู้ว่าบทเป็นอย่างไร นุ่นก็ตอบตกลงไปแล้ว เพราะอย่างที่บอกค่ะว่านุ่นอยากเล่นละครเวที มาก แล้วพอมารู้ว่าบทที่นุ่นเล่นเป็นนักศึกษาที่ มีอาชีพเสริมเป็นผู้หญิงขายตัวด้วยแล้ว ยิ่งรู้สึก ว่ามันท้าทายมาก อยากตั้งใจแสดงให้ดีที่สุด
แล้วเพราะเราทำ�อย่างดีที่สุดนี่เอง มันก็เกิดสิ่ง ดีๆ กลับคืนมาค่ะ อย่างการเล่นละครเวที ทำ�ให้ นุ่นมีเพื่อนเพิ่มขึ้น เพราะเราต้องซ้อม ต้องอยู่ ด้วยกันตลอด แล้วเมื่อถึงวันที่ได้เล่นจริงๆ พอ เล่นเสร็จ นักแสดงทุกคนออกไปหน้าเวทีเพื่อโค้ง ให้ผู้ชม ผู้ชมทุกคนลุกขึ้นยืนปรบมือให้เรา มัน ปลาบปลื้มค่ะ หายเหนื่อย เป็นความสุขที่นุ่น รอคอยและประทับใจมากค่ะ” เป็นพิธีกร ตัวแทนบอกเล่าสิ่งดี “สำ�หรับงานพิธีกร เป็นงานที่นุ่นไม่คิดเลย ว่าจะได้ทำ� เพราะรู้ตัวว่ามีข้อเสียตรงที่เป็นคน พูดเร็ว ฟังยาก บวกกับโทนเสียงของเราที่ ไม่ค่อยมีนํ้าหนัก ฟังดูง้องแง้ง เลยไม่เคยคิดว่า ตัวเองจะเป็นพิธีกรได้ แต่ต้องขอบคุณทางผู้จัด รายการที่ให้โอกาส อย่างรายการพื้นที่ชีวิต 23
24
ตอนแรกเขาเชิญนุน่ ให้ไปเป็นแขกรับเชิญ แล้วทาง ผูจ้ ดั ก็ลองมาชวนให้นนุ่ ไปเป็นพิธกี ร ตอนแรกนุน่ ก็ปฏิเสธไปด้วยเหตุผลที่เล่าให้ฟังนั่นละค่ะ แต่ ทางรายการบอกว่าให้นุ่นค่อยๆ พูด พูดในสิ่ง ที่นุ่นรู้สึกและอยากถ่ายทอดให้คนดูฟัง ไม่ได้มี สคริปต์ตายตัว นุ่นเห็นว่าน่าสนใจ เลยตัดสินใจ ลองทำ�ดู จนถึงทุกวันนี้ก็ทำ�มาได้หลายเทปแล้ว นุ่นมีโอกาสเสนอเรื่องที่นุ่นอยากทำ� แล้วนุ่นก็ สนุกกับมัน และเพราะการเป็นพิธีกรรายการ พื้นที่ชีวิตนี้เอง ที่ทำ�ให้นุ่นได้เรียนรู้ชีวิตคนอื่น ซึ่งในที่สุดการได้เรียนรู้คนหลากหลายสาขา อาชีพ มันสะท้อนกลับมาให้เราได้เรียนรู้ตัวเรา เอง นุ่นอยากนิยามการเป็นพิธีกรรายการพื้นที่ ชีวิตนี้ว่า มันให้โอกาสนุ่นได้เดินทางข้างในใจ ของตัวนุ่นเอง เพื่อเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ มานำ�เสนอ ให้ผู้ชมได้นำ�ไปปรับใช้กับการดำ�เนินชีวิตของ แต่ละคน” นอกจากรายการพื้นที่ชีวิตแล้ว คุณนุ่นยัง รับงานพิธีกรต่อเนื่อง ในรายการพราว ซึ่งเป็น รายการวาไรตี้ทอล์กโชว์ทางช่องโมเดิร์นไนน์ ทีวี ด้วย เธอฝากมาว่าอย่าลืมติดตามและให้ก�ำ ลังใจ เธอได้ทุกคืนวันศุกร์ เวลา 22.30-23.30 น.
เพิ่มเติม ความรู้ที่เรียนมาก็นำ�มาใช้ตอนสร้าง ร้าน โดยไอเดียการเปิดร้านขายอาหาร เป็นสิ่งที่เพื่อนของนุ่นอยากทำ� เพราะเขาชอบ ทำ�อาหารแล้วทำ�อร่อยด้วย ส่วนนุ่นก็อยาก ออกแบบร้านเก๋ๆ เลยเป็นอะไรที่ลงตัวกันพอดี พอตกลงกันว่าจะทำ�ร้านนี้ นุ่นกับเพื่อนก็มาช่วย กันออกแบบร้าน ตั้งแต่ร่างแบบในกระดาษ ไปซื้อตู้คอนเทนเนอร์มาทาสี ซื้อเก้าอี้เก่ามา ทาสี ซื้อต้นไม้มาปลูกเอง คือทำ�กันเองทุก ขั้นตอน เหนื่อยมากค่ะช่วงนั้น แต่เมื่อได้มายืนดู ร้านที่เราออกแบบ สร้างมากับมือ มันเป็นความ สุขใจที่บรรยายไม่ถูกเลยค่ะ”
มีเวลาได้ศึกษาธรรมะ “ช่วงที่นุ่นหยุดวิ่ง หยุดพยายามทำ�ให้ ตัวเองเป็นที่ยอมรับของคนอื่นนี่ละค่ะ ที่นุ่น ได้มาศึกษาหลักธรรมคำ�สอนของพุทธศาสนา อย่างจริงจัง จากก่อนหน้านั้น ที่นุ่นเป็น พุทธศาสนิกชนแค่เปลือก เข้าวัด ทำ�บุญตาม ประเพณี เมื่อนุ่นได้ศึกษาถึงแก่นคำ�สอนของ พระพุทธศาสนา นุ่นพบว่าชีวิตมีทางเลือกมาก ขึ้น เพราะเรามีสติและสามารถตอบโต้กับ ปัญหาและความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจได้มากขึ้นค่ะ สุขไปกับงานออกแบบที่รัก “ยกตัวอย่าง ตอนที่นุ่นเป็นแขกรับเชิญใน อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่า วันนี้เราได้มา รายการพื้นที่ชีวิต นุ่นมีโอกาสไปปฏิบัติธรรมโดย เก็บภาพสวยๆ ของคุณนุ่นที่ร้าน Fresh Boxx ใช้แนวทางเคลื่อนไหวของหลวงปู่เทียน ทั้งหมด Salad Cafe ซึ่งเป็นร้านที่คุณนุ่นและเพื่อนได้ร่วม 7 วัน ถ้าใครได้ชมรายการจะรู้ว่านุ่นต้อง กันเปิดขึ้น ตั้งอยู่แถวถนนเลียบคลองทวีวัฒนา พยายามเอาชนะความง่วงมาก ทั้งที่กำ�ลังเดิน หากใครเคยมาทานสลัดที่นี่ คงรู้ว่านอกจาก อยู่นุ่นก็ยังหลับได้ แต่ในที่สุดการฝึกเคลื่อนไหว ความอร่อยและความสดของผักที่ขึ้นชื่อแล้ว และมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลาว่าเรากำ�ลังทำ� รูปแบบของร้านยังสวยเก๋สะดุดตา จนทำ�ให้เราอด อะไรอยู่ ก็ทำ�ให้นุ่นสามารถเอาชนะความง่วง ถามถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบร้านนี้ไม่ได้ ได้ ซึ่งหลังจากกลับมา นุ่นได้นำ�หลักปฏิบัตินี้ “นุ่นรักงานออกแบบอยู่แล้วค่ะ จำ�ได้ว่า มาใช้ในชีวิตประจำ�วัน ซึ่งช่วยทำ�ให้อารมณ์ ตอนเด็กเห็นคุณพ่อท่านคิดและดัดแปลง เย็นลงมาก อย่างตอนขับรถ เมื่อก่อนถ้าใครมา ประดิษฐ์เครื่องไม้เครื่องมือได้เก่งมาก นุ่นชื่นชม ปาดหน้าหรือแซงกระชั้นชิด นุ่นจะโกรธมาก ท่านและอยากเป็นอย่างท่าน ตอนนั้นคุณพ่อก็ แต่ตอนนี้ พอมีอารมณ์โกรธ นุ่นจะรู้ค่ะว่านี่เรา สอนให้นุ่นประดิษฐ์เครื่องใช้ง่ายๆ ด้วย พอโต กำ�ลังปรุงความโกรธอยู่ พอรู้แล้ว นุ่นก็จะใช้วิธี ขึ้นมานุ่นถึงได้เลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ การเคลื่อนไหว เอานิ้วโป้งและนิ้วชี้มาถูกัน เพื่อ เพราะอยากสร้างบ้านเองได้ (หัวเราะ) จนเมื่อ เป็นอุบายระงับความโกรธ หรือถ้าขับรถอยู่ก็จะ 3-4 ปีที่แล้ว ในช่วงที่นุ่นหวนคิดว่าตัวเองชอบทำ� ใช้นิ้วมือถูตรงพวงมาลัยเพื่อให้รู้ว่าเราขับรถอยู่ อะไร ก็มีเรื่องงานออกแบบนี่ละค่ะ ที่ผุดขึ้นมา นะ ให้ตั้งใจกับการขับรถ การทำ�แบบนี้ช่วยดึง ในใจ นุ่นเลยตัดสินใจไปเข้าคอร์สเรียนออกแบบ สติกลับมาได้ค่ะ”
เราพูดคุย กับคุณนุ่นอย่าง เคล็ดลับสร้างสุข เพลิดเพลิน มา สไตล์ รู้ตัวอีกครั้ง นุ่น ศิรพันธ์ พระอาทิตย์ได้ ลาลับจากขอบฟ้า ไปแล้ว จึงได้เวลาของคำ�ถามสุดท้ายเรื่อง เคล็ดลับสร้างสุขในแบบของคุณนุ่นค่ะ “ง่ายๆ เลยค่ะ เวลาเจอความทุกข์อย่า ไปหนีมัน เพราะความทุกข์ในชีวิตคนเรา เกิดขึน้ ได้ตลอดเวลา ถ้าเราตอบโต้มนั ด้วย การวิ่งหนี ชีวิตเราจะเหนื่อยมาก เพราะเรา จะไม่ทำ�อะไรนอกจากการวิ่งหนีทุกข์ นุ่นเคย หนีความทุกข์มาก่อนค่ะ เลยรู้ว่าการหันหลัง ให้ความทุกข์นั้น มันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ อะไรเลย สู้เราเดินหน้าเข้าหาปัญหา แล้ว ค่อยๆ หาทางแก้ไขมันไปย่อมดีกว่า นุ่นชอบ เจอความทุกข์นะ บางคนอาจมองว่าซาดิสม์ รึเปล่า (หัวเราะ) แต่นุ่นรู้แล้วว่า ความทุกข์ นี่ละ ที่สอนให้นุ่นรู้ค่าของความสุข ว่าตอน นุ่นมีความสุข นุ่นจะรักษามันไว้ให้ได้นาน ที่สุดอย่างไร ขณะที่เมื่อเกิดความทุกข์ขึ้น เราก็รู้ทันมัน รู้ว่ามันทำ�ให้เราร้องไห้จนตา บวม ทำ�ให้เรานอนไม่หลับ ก็ให้ตามดูความ รู้สึกนั้นไป ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วัน มันต้องมี วันหนึ่งที่มันดับ และช่วงที่เรารู้สึกว่ามันดับนี้ เอง เป็นช่วงที่เราจะไม่สุข ไม่ทุกข์ เราจะ นิ่งที่สุด นุ่นจะประคองอารมณ์นี้ไว้นานๆ ระหว่างนั้นก็ฝึกจิตให้นิ่ง เมื่อมีความทุกข์ หรือความสุขมากระทบอีก เราจะได้ไม่ ประมาท เตลิดไปกับความรู้สึกเหล่านั้นค่ะ” ก่อนจาก คุณนุ่นยํ้ากับเราว่า ชีวิต ช่วงนี้ลงตัวและมีความสุขดี เพราะได้ทำ�งาน ที่รัก มีเวลาให้กับครอบครัวที่เธอรักและ รักเธอ มีเวลาให้กับการดูแลตัวเอง ซึ่งนับ เป็นสุขพอเพียงจากความเรียบง่ายที่หลาย คนใฝ่หา แต่อาจหลงลืมละทิ้ง กว่าจะรู้ตัว ความสุขนี้อาจหลุดลอยไปไกล จนเกินเอื้อม มือคว้ากลับมาได้นะคะ 25
happy heart
26
เรียนรูส้ ขุ ตามรอยพ่อของแผ่นดิน
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เรือ่ ง : ประอรพิชญ์ คัจฉวัฒนา ภาพ : สุภชัย รอดประจง
หากเอ่ยชือ่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล น้อยคนนักทีจ่ ะไม่รจู้ กั ปูชนียบุคคลท่านนี้ เพราะภาพทีเ่ ราคุน้ ชินและได้เห็นผ่านสือ่ ต่างๆ อยูบ่ อ่ ยๆ คือภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั กำ�ลังทรงงาน และไม่วา่ จะทรงบุกนํา้ ลุยป่าไปในถิน่ ทุรกันดาร ต่อให้ล�ำ บากยากเข็ญแค่ไหน จะมีทา่ นผูน้ ย้ี นื ถวายงานอยูไ่ ม่หา่ งพระวรกาย จวบจนบัดนี้ กว่า 32 ปีแล้ว ที่ “ข้าของแผ่นดิน” ท่านนี้ ยังคงเฝ้าถวายงาน เป็นแรงกำ�ลังสำ�คัญในการสานต่อพระราชปณิธานอย่างไม่รจู้ กั เหน็ดเหนือ่ ย นีเ่ ป็นเพราะพระราชกระแสรับสัง่ ทีต่ ราตรึงอยูใ่ นใจ เมือ่ ครัง้ ได้ไปเข้าเฝ้าฯ ถวายงานครัง้ แรก ว่า “ขอขอบใจ ทีจ่ ะมาช่วยฉันทำ�งาน แต่ขอบอกก่อนนะว่า ทีม่ าช่วยฉันทำ�งานนี่ ฉันไม่มอี ะไรจะให้ นอกจากความสุขทีจ่ ะมีรว่ มกันในการทำ�ประโยชน์ให้กบั ผูอ้ น่ื ” นับแต่ได้ยนิ กระแสรับสัง่ ครัง้ นัน้ ถ้อยคำ�ประโยคนัน้ ก็กลายมาเป็นแนวทางการดำ�เนินชีวติ แห่งความสุขของ ดร.สุเมธ มาจนถึงทุกวันนี้ ต่อจากนีไ้ ป คือเรือ่ งเล่าความสุขเคล้าแง่คดิ ดีๆ จาก เลขาธิการมูลนิธชิ ยั พัฒนา ทัง้ ชีวติ ส่วนตัว และชีวติ เพือ่ ส่วนรวม ทีห่ ากทุกคนนำ�ไปปฏิบตั ิ ย่อมนำ�ชีวติ ให้ไปพบกับความสุขได้ไม่ตา่ งจากท่านแน่นอนค่ะ เป็นสุขได้ เพราะรากฐานชีวติ ดี เราเริม่ ต้นบทสนทนากับ ดร.สุเมธ ด้วยการ ชวนพูดคุยถึงชีวติ ในวัยเยาว์ของท่าน ครัน้ ได้ทราบ แล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำ�ไมท่านถึงมีจริยวัตรที่ เรียบง่าย สมถะ ดังเช่นทุกวันนี้ “ผมเกิดในบ้านไทยโบราณ ตั้งอยู่ริมแม่น้าํ เพชร จังหวัดเพชรบุรี ตอนนีบ้ า้ นหลังนีก้ น็ า่ จะอายุ เกือบ 200 ปีได้แล้ว ผมเกิดมาในบรรยากาศแบบ ไทยแท้ในชนบท ท่ามกลางความเป็นอยู่ท่ีอุดม สมบูรณ์ของเมืองเพชรบุรใี นสมัยนัน้ เรียกว่าในนํา้ มีปลา ในนามีขา้ ว แล้วผมเติบโตมาแบบใกล้ชดิ พุทธศาสนา จำ�ได้วา่ ถูกปลุกมาให้ใส่บาตรตัง้ แต่ เด็ก แล้วถ้าเป็นวันพระ ทีบ่ า้ นจะหุงข้าวหม้อใหญ่ และทำ�กับข้าวหลายอย่างเพือ่ นำ�ไปถวายเพลทีว่ ดั ผูค้ นสมัยนัน้ รูจ้ กั กันหมดตัง้ แต่ตน้ ซอยยันท้ายซอย พูดคุย แบ่งปันกันเหมือนญาติมติ ร ผมคิดว่าผม คงซึมซับเอาบรรยากาศความสุขจากความเรียบ ง่ายนีล้ ะ พอโตขึน้ มาเลยไม่ยดึ ติดกับอะไรทัง้ สิน้ “พออายุได้ 8-9 ขวบ ต้องเข้ามาเรียนใน กรุงเทพฯ แต่ก็ไม่ได้ร้สู ึกว่าต้องเปลี่ยนแปลงการ
ใช้ชวี ติ อะไร เพราะกรุงเทพฯ เมือ่ 65 ปีทแ่ี ล้วยัง ไม่มรี ถติด ตึกสูง เหมือนทุกวันนี้ บ้านผมอยูแ่ ถว ซอยอารีย์ สมัยนัน้ รอบๆ บ้านยังเป็นทุง่ นา มอง จากบ้านเห็นไปถึงสะพานแดงโน่น จะไปแค่แถว สะพานควาย ก็เสีย่ งกับการโดนปล้นแล้ว เพราะ แถวนัน้ เรียกว่า บ้านนอก แล้วนะ (หัวเราะ)” รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ได้เห็นบนใบหน้า ดร.สุเมธ ขณะย้อนกลับไปเล่าถึงเรือ่ งราวเมือ่ ครัง้ ยังเยาว์วัย บ่งบอกถึงความสุขในวัยเด็กที่หล่อ หลอมมาให้ท่านเป็นคนมองโลกในแง่ดีกระทั่ง ทุกวันนี้ แม้จะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงใน ชีวติ ต่อมาอีกมากมาย “พอเข้ า เมื อ งกรุ ง ก็ ม าเรี ย นที่ โ รงเรี ย น อัสสัมชัญได้ 1 ปี สุขภาพผมไม่ดี ก็เลยต้องออกมา เรียนอยูท่ บ่ี า้ น คุณพ่อ คุณแม่ทา่ นก็จดั ครูมาสอน พอถึงเวลาผมก็ไปสอบเทียบในโรงเรียนแถวบ้าน ชีวติ ผมเลยไม่คอ่ ยจะเหมือนเด็กคนอืน่ เขา จากนัน้ เมื่ออายุถึงเกณฑ์ ผมก็เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียน วชิราวุธ ซึง่ เป็นโรงเรียนประจำ� ต้องปรับตัวมาก
เชียวละ เพราะจากทีเ่ คยอยูบ่ า้ นไม่มใี ครมาบังคับ นีต่ อ้ งไปอยูใ่ นกฎระเบียบวินยั ทีเ่ คร่งครัด แต่สง่ิ ที่ ได้จากที่น่ี คือการได้รับการสั่งสอน ปลูกฝัง ให้ รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หลังจากเรียน จบมัธยมต้นที่วชิราวุธแล้ว ผมก็ได้ทุนไปศึกษา ต่อในระดับ high school ทีป่ ระเทศเวียดนามและ ประเทศลาว ที่น่ีผมต้องปรับตัวครั้งใหญ่อีกครั้ง เพราะผมต้องไปอยูใ่ นอีกขนบธรรมเนียมประเพณี หนึง่ ไม่เหมือนบ้านเรา เจอทัง้ เพือ่ นดี เพือ่ นไม่ดี แต่ก็ใช้ชีวิตผ่านมาได้ หลังจากนั้นผมไปเรียนต่อ ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ทีฝ่ รัง่ เศส คราวนี้ร้สู ึกตัวเลยว่าเราไม่ต่นื กลัวกับการปรับตัว แล้ว เพราะเราผ่านประสบการณ์การปรับตัวมา ทุกรูปแบบแล้ว ตอนนัน้ รูส้ กึ เหมือนกันว่าชีวติ เรา ไม่เหมือนคนอืน่ คนอืน่ เขาเดินทางตรง เรียบๆ แต่ ของเรานี่เดี๋ยวเจอทางเรียบ แล้วเลี้ยวมาเจอทาง ขรุขระ บางครัง้ ต้องกระโดดลงนํา้ ลุยนํา้ ปีนขึน้ เขา บ้าง แต่ผมกลับมองว่ามันเป็นเรือ่ งดี มันบ่มเพาะ ให้เราเป็นคนปรับตัวง่าย และเข้มแข็ง” 27
happy heart เรือ่ งเล่าเสีย่ งตาย แต่ประทับใจ หลังจากที่ ดร.สุเมธเรียนจบ ท่านได้กลับเข้า รับราชการครั้งแรกที่ กองวางแผนเตรียมพร้อม ด้านเศรษฐกิจ สำ�นักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และ ที่น่เี องที่มอบโอกาสให้ท่านได้เริ่มทำ�งานด้านการ พัฒนาเต็มตัว และเจอกับหลายเหตุการณ์ท่ีมี ชีวติ เป็นเดิมพัน “ตอนนั้นผมเข้ามารับหน้าที่ท่ีต้องลงพื้นที่ เสี่ยง ไปทำ�ความเข้าใจ ลดความขัดแย้งทาง ความคิด ให้คนในพืน้ ทีน่ น้ั รับการพัฒนาจากส่วน กลาง ตั้งแต่ก่อนมารับหน้าที่น้ี เราก็รู้นะว่ามัน อันตราย แต่มนั เป็น ‘ความรับผิดชอบในหน้าที’่ ของเรา...นี่ สำ�คัญนะ มันต้องมาเหนือความกลัว เหนือทุกสิง่ ทุกอย่าง เพราะมันเป็น ‘หน้าที’่ ถามว่า ตอนนัน้ กลัวไหม ใครบ้างล่ะจะไม่กลัว เพราะเราก็ รูอ้ ยูว่ า่ พืน้ ทีท่ เ่ี ราลงไปแต่ละแห่ง มันเสีย่ งมากแค่ ไหน ทุกย่างก้าวทีเ่ ราเหยียบ จะเจอกับระเบิดหรือ เปล่าก็ไม่รู้ บางครัง้ คนทีไ่ ปทีมเดียวกับเรา เดินนำ� หน้าเราไปนีล่ ะ โชคร้าย เหยียบเอากับระเบิด ขา ขาด ต่อหน้าต่อตาเรา ตอนนัน้ ผมได้แต่ขม่ ใจ ข่ม ความกลัวด้วยการมองข้ามไปถึงจุดมุง่ หมายทีเ่ รา มา ไปถึงความสำ�เร็จทีร่ ออยู่ ช่วงนัน้ ลงพืน้ ทีเ่ สีย่ ง ทั่วประเทศเลยนะ เหนือจรดใต้ ผมไปหมดนะ ไม่เคยเลีย่ ง ไม่เคยหนีสกั ครัง้ “ถ้าจะให้วิเคราะห์ว่า ในแต่ละครั้ง ทำ�ไม ผมถึงรอดมาได้เหรอ ผมว่าเป็นเพราะบทเรียน เรือ่ งการปรับตัวทีผ่ า่ นมา อย่างความเป็นอยูต่ อน นัน้ ผมต้องไปนอนกลางดินกินกลางทรายตลอด ไม่ได้สบายหรอก แต่อย่างที่เล่า ผมผ่านการใช้ ชีวิตมาหลายรูปแบบ เลยทำ�ให้เป็นคนกินง่าย อยู่ง่าย ผมอยู่ท่ีไหนก็ได้ ครั้นต้องไปเจรจากับ ผู้คนหลากหลายแบบ ต่างเชื้อชาติ ต่างสำ�เนียง ผมก็ได้เปรียบ อย่างลงไปแถวอีสาน เราก็พูด สำ�เนียงเขาได้ เพราะเคยเรียนอยู่ท่ีลาวมาก่อน พอเขาเห็นเราพูดสำ�เนียงเดียวกับเขา การเจรจา ก็งา่ ยขึน้ นอกจากนัน้ กุญแจความสำ�เร็จทีส่ �ำ คัญ คือเป้าหมายทีเ่ หมือนกัน เพราะตอนลงพืน้ ที่ เรา ไปกันหลายฝ่าย ทั้งทหาร ตำ�รวจ ข้าราชการ ท้องถิน่ และข้าราชการจากส่วนกลาง ตอนนัน้ เราไม่มี แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เราทำ�งานเป็นทีม ทุกคนร่วมมือ ร่วมใจกัน ด้วยเป้าหมายเดียวกัน ผมเชือ่ ว่าทุกคน กลัวนะ แต่ทกุ คนมีส�ำ นึกในหน้าทีข่ องตัวเอง อย่าง ทหาร เขาเดินนำ�หน้าทีมงานทุกคน เจออะไร เขา 28
ความทุกข์ ความสุข ที่เกิดขึ้น ในชีวิตเรา เราสร้างกันเองทั้งนั้น อย่างทุกข์จากการยึดติด ก็เกิด ขึ้นบ่อย ไปแคร์คำ�พูด การกระทำ� ของคนอื่น เมื่อเขาพูด เขาทำ�ไม่ดี อย่างที่เราคาดหวัง ทุกข์ก็เกิด เราต้องมีสติ เมื่อรู้ตัวว่าทุกข์จะเกิด บอกตัวเองให้หยุด เอาชนะมันให้ได้ พอทุกข์จะเกิด เราตะโกนบอกมัน ‘ไม่ทุกข์โว้ย’ ผมว่ามันช่วยเตือน สติให้เรารู้ถึงเหตุของทุกข์ และหาทางบรรเทาปัญหานั้นได้
ตายก่อน ถูกไหม เห็นอย่างนีแ้ ล้วเรามีก�ำ ลังใจ มี แรงฮึดสูไ้ ปด้วย เพราะเรารูว้ า่ ทุกคนจะสูไ้ ปด้วยกัน เราเลยรอดและได้รบั ความสำ�เร็จในทุกงานทีล่ งไป ทำ� นีแ่ สดงให้เห็นว่า งานจะยากแค่ไหน อุปสรรค จะมากเท่าไร ถ้าเราสมัครสมาน สามัคคี ร่วมมือ ร่วมใจกัน เราก็ผา่ นมันไปได้” ครัน้ เล่าจบ ดร.สุเมธนิง่ คิด แล้วถอนหายใจ ออกมา พร้อมเชือ่ มโยงสถานการณ์ทท่ี า่ นได้เผชิญ ตอนนั้นกับสถานการณ์น่าเป็นห่วงในสังคมไทย เราตอนนี้ ได้อย่างน่าคิด “ตอนนั้ น เรารู้ น ะว่ า สิ่ ง ที่ เราต้ อ งไปเผชิ ญ คือความขัดแย้งและความไม่เข้าใจของกลุ่มคน เปรียบไปก็เหมือนศัตรูทเ่ี ราต้องเอาชนะให้ได้ แต่ สถานการณ์ความไม่สงบที่คุกรุ่นอยู่ในใจคนไทย ตอนนี้ ทีแ่ บ่งสี แบ่งฝ่ายกัน ผมถามหน่อยว่าคน ไทยเราต้องต่อสู้กับใครเหรอ มีใครมาเป็นศัตรู เปล่าเลย คนไทยเราทะเลาะกันเอง ไม่ได้ไปสูร้ บ ตบมือกับศัตรูท่ีไหนเลย จนวันนี้ ผมก็ยังไม่เห็น ทางออกของปัญหานี้ เพราะแนวทางการแก้ปญ ั หา ความขัดแย้ง จากประสบการณ์ของผมทีผ่ า่ นมา มันต้องสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นก่อน แต่น่ตี ่าง ฝ่ายต่างไม่ยอมจะเข้าใจกันเลย คิดแต่ว่าสิ่งที่ ตัวเองคิด ที่ตัวเองเชื่อ มันถูกต้อง ไม่มีท่ีว่างให้ ความเข้าใจแทรกเข้าไปเลย”
เรียนรูส้ ขุ ตามรอยพระยุคลบาท และแล้ ว ช่ ว งเวลาที่ ดร.สุ เมธนิ ย ามว่ า “เป็นจุดสูงสุดของชีวติ ” ก็มาถึง เมือ่ ปี 2524 ที่ ท่านได้มีโอกาสเข้าไปถวายงาน พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยูห่ วั ในฐานะเลขาธิการสำ�นักงานคณะ กรรมการพิเศษเพือ่ ประสานงานโครงการอันเนือ่ ง มาจากพระราชดำ�ริ (กปร.) ท่านเล่าว่า “หน้าทีค่ วามรับผิดชอบ ตอนได้เข้ามาถวาย งานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ก็ไม่ได้ตา่ งจาก เนือ้ งานเดิมนะ เพียงแค่เราไม่ตอ้ งสะพายปืน เสีย่ ง ต่อการเหยียบกับระเบิดเหมือนเดิม (หัวเราะ) โดย งานหลักที่ทำ�คือ การเข้าไปสร้างความเข้าใจ ประสานงานกับทุกฝ่าย เพื่อช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบปัญหาด้านปัจจัยในการดำ�รงชีวิตของ ประชาชนต่างๆ ดิน นํา้ ลม ไฟ ทัง้ หมด เป็นการ เผชิญกับปัญหาในมุมทีก่ ว้างขึน้ ” ดังทีไ่ ด้เกริน่ ไปแล้วในตอนต้นว่า ตัง้ แต่เริม่ ต้น ถวายงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มอบ แนวทางการทำ�งาน ด้วยพระราชกระแสรับสั่ง สัน้ ๆ ถึงสิง่ ทีจ่ ะได้จากการทำ�งานต่อจากนีไ้ ปของ ดร.สุเมธว่า คือ “ความสุขทีจ่ ะมีรว่ มกันในการทำ� ประโยชน์ให้กบั ผูอ้ น่ื ” ซึง่ ท่านขยายความให้ฟงั ว่า “พระองค์ทรงบอกชัดเจนว่า มาถวายงาน พระองค์ท่าน อย่ามาหวังเอาประโยชน์อะไร ชื่อ เสียง เกียรติยศ เงินทอง พระองค์ไม่มีให้ มีแต่ ความสุขร่วมกันที่ได้จากการช่วยเหลือผู้อ่ืน ผู้ ที่มีทุกข์ ก็ช่วยให้เขาพ้นทุกข์ เชื่อไหมว่านี่มัน เปลีย่ นความเชือ่ ผมเลยนะ ว่ามีการทำ�งานทีไ่ ด้ผล ตอบแทนเป็นความสุขด้วยหรือ ทีผ่ า่ นมา ผมรับรู้ แต่วา่ เราทำ�งานเพือ่ แลกกับเงิน เป็นรูปธรรมทีจ่ บั ต้องได้ แต่น่ี ความสุขทีผ่ มได้รบั มันเป็นนามธรรม แม้จบั ต้องไม่ได้ แต่เรารูส้ กึ ได้ มันดีกว่าการได้เงิน ได้ลาภ ได้ยศ ได้สรรเสริญเป็นไหนๆ และผมพูด ได้เต็มปากตอนผมอายุปูนนี้น่ลี ะว่า ที่โลกมันยุ่ง วุ่นวายกันทุกวันนี้ เพราะผู้คนทำ�ทุกสิ่งทุกอย่าง เพือ่ ให้ได้มาซึง่ วัตถุ ทีค่ ดิ ไปว่า เมือ่ ได้มนั มาครอบ ครองแล้วจะมีความสุข เลยทำ�ทุกวิถที าง ไปกูห้ นี้ ยืมสินก็ยอม เพื่อให้ได้มา หลงลืมความสุขทาง ใจที่สร้างได้ด้วยตัวเอง แค่ปรับแนวคิด ให้รู้จัก พอเพียงเท่านัน้ เอง “นอกจากนั้น สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการได้ ถวายงานพระองค์ท่าน และเป็นมงคลชีวิตอัน สูงสุดของผม คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์เป็นพระอาจารย์ ทรงสอนให้ผมได้รู้ซ้ึง
ถึงหลักธรรมในหลายเรื่อง เริ่มจากงานพัฒนา พระราชทานแนวทางการทำ�งานพัฒนาให้สำ�เร็จ ไว้วา่ ‘ต้องเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา’ ทำ�งานทุกอย่าง ด้วยสติ ซึง่ เมือ่ ทำ�ไปมากๆ จะก่อให้เกิดสิง่ ลํา้ ค่า คือ ปัญญา และพระองค์ไม่ใช่แค่ทรงสอนเรา เท่านัน้ นะ พระองค์ทรงปฏิบตั ิ ลงมือทำ�ให้เห็นถึง ประสิทธิผลของมันด้วย ยกตัวอย่าง การแก้ปญ ั หา ต่างๆ ให้กบั เกษตรกร พระองค์ทรงสร้างบทเรียนให้ ดูเป็นแบบอย่างในทุกเรือ่ งแล้ว ทางปักษ์ใต้ประสบ ปัญหาดินเปรีย้ ว พระองค์ทรงเสนอแนวทางแกล้ง ดิน เพือ่ ปรับให้ดนิ กลับมาเพาะปลูกได้ ทางเหนือ เจอปัญหาดินถล่ม พระองค์ทรงบอกให้ปลูกหญ้า แฝกเพือ่ ยึดหน้าดินไว้สิ ผูท้ เ่ี ข้าใจและเข้าถึง ก็น�ำ ไปปฏิบตั แิ ล้วก็ประสบผลสำ�เร็จกันไป แต่กย็ งั มีคน ส่วนใหญ่ทแ่ี ค่เข้าใจ แต่ไม่เข้าถึง คือเข้าใจว่าวิธที ่ี พระองค์ทรงบอกเป็นวิธที ด่ี ี แต่ยอมแพ้ ยอมจำ�นน ต่ออุปสรรคต่างๆ ไม่เข้าถึง คือ ไม่นำ�มาปฏิบัติ นัน่ เอง ปัญหาจึงยังอยู”่ เมื่อกล่าวจบ ดร.สุเมธถอนหายใจอีกครั้ง แสดงถึงความหนักใจต่อเรือ่ งทีเ่ พิง่ ได้พดู ถึง แต่ถงึ กระนัน้ แววตาทีม่ งุ่ มัน่ ก็บอกให้รวู้ า่ ไฟของชายวัย 74 ปีทา่ นนี้ ยังไม่มอดดับลงง่ายๆ พร้อมกล่าวว่า
“น่าเสียดายจริงๆ ทีค่ นไทยไม่ใส่ใจเรียนรูท้ กุ สิง่ ทุกอย่างทีพ่ อ่ หลวงของแผ่นดินได้ปทู างไว้หมด แล้ว ท่านทรงเหน็ดเหนื่อยมาตลอดพระชนมชีพ ของพระองค์นะ เพือ่ คิดหาหนทางแก้ปญ ั หาทุกเรือ่ ง ทรงแสดงให้ดทู กุ อย่าง ทรงคิด ทรงลงมือทำ� เพือ่ รักษาแผ่นดิน รักษาประเทศนีไ้ ว้ ผมเชือ่ ว่าพสกนิกร ชาวไทยทุกคนรูน้ ะว่าพระองค์ทรงทำ�อะไรบ้าง ก็ได้ แต่ชน่ื ชม ภาคภูมใิ จ แต่ไม่เคยทำ�ตาม” “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เข้าใจอย่าง เดียว ไม่พอ เมื่ อ เอ่ ย ถามถึ ง อี ก แง่ มุ ม หนึ่ ง ของชี วิ ต นอกจากการเป็ น เลขาธิ ก ารมู ล นิ ธิชั ย พั ฒ นา มากว่า 24 ปี นัน่ คือ การได้รบั เชิญไปเป็นวิทยากร อบรมให้ ค วามรู้ เรื่ อ ง “ปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพียง” มากที่สุดท่านหนึ่งของประเทศ ท่าน สือ่ กลับมาว่า “ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงนะ เพราะสังเกตจากเวลาที่ ผมได้รบั เชิญไปบรรยาย สีหน้าผูเ้ ข้ารับการอบรมก็ ดูเข้าใจกันดีทกุ คน นัน่ เพราะปรัชญานีเ้ ป็นสัจธรรม เป็นความจริงทีถ่ กเถียงไม่ได้ แต่ปญ ั หาคือ เมือ่ ฟัง
จบแล้วมีสักกี่คนที่นำ�ไปปฏิบัติในชีวิตประจำ�วัน จริงๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ เข้ากับยุคสมัยเลย เมื่อ ปีกอ่ นมีนโยบายรถคันแรก ทำ�ให้ใครๆ ก็อยากมี รถ เพราะจะได้รับเงินคืน ผู้คนก็แห่กันไปจองรถ โดยขาดสติยง้ั คิดไปเลยว่า ไปจอง ไปดาวน์รถกัน มา แล้วแต่ละเดือนจะมีเงินเหลือพอที่จะผ่อนรถ ไหม ทุกวันนี้คนที่ได้รถมาหลายคน ขณะขับรถ ก็คิดกังวลแล้วว่าเดือนนี้จะเอาเงินที่ไหนมาผ่อน รถ บางคนอดข้าวอดปลา เพื่อเอาเงินมาผ่อน รถ นี่ไม่ใช่การปฏิบัติตามปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงแล้ว เพราะหัวใจสำ�คัญของปรัชญานี้ คือ การทำ�พอประมาณ ด้วยหลักเหตุและผล รูก้ �ำ ลัง ของตนเองและพึง่ ตนเอง” ได้ ฟั ง ดร.สุ เ มธอธิ บ ายถึ ง ปรั ช ญาของ เศรษฐกิ จ พอเพี ย งแล้ ว สงสั ย ต่ อ ใช่ ไหมคะว่ า แล้วตัวท่านเองได้น้อมนำ�ปรัชญานี้มาใช้กับชีวิต ท่านอย่างไรบ้าง “ทุกวันนีม้ คี นทักผมมากมายว่า อายุตง้ั 74 ปี แล้ว ทำ�ไมยังดูมเี รีย่ วแรง แข็งแรงดี ผมจะบอกว่า เพราะผมกินอยูต่ ามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นี่ไง ผมยอมรับนะว่าบางวันผมก็อยากกินสเต๊ก อร่อยๆ ราคาแพงๆ เพราะผมก็ยงั เป็นมนุษย์ ยังมี กิเลส มีความอยากเป็นปกติ แต่เมือ่ หยุดใช้สติใน การพิจารณาแล้ว ก็คดิ ได้วา่ เราอายุปนู นีแ้ ล้ว การ กินเนือ้ สัตว์ทม่ี นั ๆ ย่อมไม่ดตี อ่ สุขภาพ แถมราคา ยังแพงโดยใช่เหตุ พอคิดได้อย่างนี้ ก็บอกแม่บา้ น ให้ไปซือ้ ข้าวกล้องกับนํา้ พริกปลาทู หรือข้าวกล้อง กับปลานิลนึง่ สักตัว แค่นก้ี อ็ ม่ิ ได้เหมือนกัน แถมดี ต่อสุขภาพและราคาถูกด้วย” รูจ้ กั ตัวตน ดร.สุเมธ จากอารมณ์ขนั และอิรยิ าบถสบายๆ ตลอด การสนทนา ทำ�ให้เรากล้าสื่อถึงความในใจกับ ดร.สุเมธ ว่าก่อนที่จะได้มาสัมภาษณ์ท่าน ทีม งานทุกคนต่างประหวัน่ และกริง่ เกรงกับท่าทางนิง่ และสุขมุ ของท่านไม่นอ้ ย ครัน้ ได้ฟงั เช่นนี้ ดร.สุเมธ หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า “เชื่อสิ คุณไม่ใช่คนแรกที่รู้สึกอย่างนี้หรอก ใครๆ มาพบผมก็กลัวผมกันทุกคน (หัวเราะ) จริงๆ ผมเป็นคนดุนะ แต่ก็เฉพาะตอนทำ�งานเท่านั้น ที่ ผ มตั้ ง ใจและจริ ง จั ง มาก อย่ า มาเล่ นกั บ ผม นะ ลองถามลูกน้องผมสิ (หันไปทางช่างภาพ ประจำ�มูลนิธิชัยพัฒนา)...เป็นอย่างไร ผมดุไหม (ช่างภาพก้มหน้าตอบว่า ดุครับ ดร.สุเมธหัวเราะ 29
happy heart เสียงดัง) แต่พอเสร็จจากงานผมก็ผอ่ นคลาย เวลา ผมสนุกขึน้ มา ลูกน้องเด็กๆ ตามผมไม่ทนั นะ เวลา ไปพักผ่อน ไปเทีย่ วกัน ผมสนุกเต็มทีน่ ะ ผมสวม เสือ้ สีสด ลูกน้องทุกคนตกใจ ไม่นกึ ว่าคนวัย 74 จะกล้าทำ� (หัวเราะ)” เมือ่ ได้เห็นอีกมุมหนึง่ ของท่าน เราอดอมยิม้ ไปกั บ ความน่ า รั ก ของท่ า นไม่ ได้ ยั ง มี อี ก เรื่ อ ง หนึ่งที่ได้ทราบมา และยังคาใจไม่แพ้กันจนต้อง เอ่ยถามว่า ทำ�ไมท่านถึงบวชมาแล้วถึง 4 ครั้ง ก็ได้รบั คำ�ตอบว่า “คุณเคยอยากไปตากอากาศไหม (เราตอบ ไปว่า อยากค่ะ) ทุกคนก็อยากมีวันหยุด อยาก ไปพักผ่อน อยากผ่อนคลายใช่ไหม ผมเลือกการ บวชนี่ละ เป็นวิธีตากอากาศของผม ไปบวชวัด ป่าเลยนะ อยู่ท่ามกลางหุบเขา ตัดขาดจากโลก ภายนอก ปฏิบัติธรรมให้จิตใจปล่อยวาง เบา สบาย (เสียงผ่อนคลายมาก) ผมคิดแล้วว่าถ้าผม ไปตากอากาศด้วยการไปเที่ยว ไปเชียงใหม่ ไป หัวหิน คนโน้นคนนีไ้ ด้ขา่ วก็ตอ้ งมาหา มันไม่มที าง ได้สงบ ได้พักผ่อนอย่างแท้จริงเหมือนการบวช” เคล็ดลับสร้างสุขกาย ใจ + สังคม ก่ อ นจบบทสนทนา ดร.สุ เมธให้ บ ทเรี ย น สุดท้ายกับเราถึงวิธีจัดการความทุกข์ ความสุข ในชีวติ ว่า “ความทุกข์ ความสุข ทีเ่ กิดขึน้ ในชีวติ เรา เรา สร้างกันเองทัง้ นัน้ อย่างทุกข์จากการยึดติด ก็เกิด ขึน้ บ่อย ไปแคร์ค�ำ พูด การกระทำ�ของคนอืน่ เมือ่ เขาพูด เขาทำ�ไม่ดอี ย่างทีเ่ ราคาดหวัง ทุกข์กเ็ กิด ลองเอาใหม่สิ เราต้องมีสติ เมือ่ รูต้ วั ว่าทุกข์จะเกิด บอกตัวเองให้หยุด เอาชนะมันให้ได้ เหมือนนัก ยกนํา้ หนัก ก่อนทีเ่ ขาจะยก ก็จะตะโกนเรียกพลังใจ ก่อนว่า ‘สูโ้ ว้ย’ แล้วเขาก็ยกได้ ไม่ตา่ งกัน พอทุกข์ จะเกิด เราตะโกนบอกมัน ‘ไม่ทกุ ข์โว้ย’ ผมว่ามัน ช่วยเตือนสติให้เรารู้ถึงเหตุของทุกข์ และหาทาง บรรเทาปัญหานัน้ ได้ในทีส่ ดุ “หรือถ้าเราทุกข์เพราะความใจร้อน อย่างมี คนมาว่าร้ายเรา แน่นอนละ เราย่อมโกรธ อย่าง ผมตอนหนุม่ ๆ นะ ใครมาขับรถปาดหน้าจะโกรธ มาก ผมต้องพยายามแซงรถคันนั้นเพื่อไปปาด หน้ากลับ ไม่เช่นนัน้ นอนไม่หลับ หลายครัง้ หวิดจะ มีเรือ่ งกัน ตอนนัน้ สติปญ ั ญายังไม่พฒ ั นา (หัวเราะ) แต่ไม่นานมานี้ เหตุการณ์เดียวกันนีเ้ กิดขึน้ ผมคิด เลย เชิญแซงไปเลยครับ เขาอาจมีความจำ�เป็น 30
ต้องรีบไปธุระ พาเมียใกล้คลอดไปโรงพยาบาล ก็ได้นะ คิดได้อย่างนี้ก็ไม่มีเรื่องมีราว ไม่มีความ ทุกข์ใจมาทำ�ให้ขนุ่ มัวแล้ว” สุดท้าย ดร.สุเมธได้ฝากถึงหน้าทีข่ องปวงชน ชาวไทยในการรักษาแผ่นดินเกิดผืนนีด้ ว้ ย “ผมอยากให้ทุกคนรักชีวิตตัวเองบ้างเถอะ อยากให้ส�ำ นึกว่าชีวติ ของคุณต้องอาศัยแผ่นดินนี้ อยูท่ กุ ลมหายใจ เราสูดอากาศของแผ่นดินนี้ เรา ดืม่ นํา้ ของเหลวนีก้ ม็ าจากแผ่นดิน โต๊ะ เก้าอี้ ที่ นั่งอยู่น่ีก็ทำ�จากไม้ท่ีปลูกบนแผ่นดิน ข้าวปลา อาหารทุกอย่างได้จากแผ่นดิน แล้วมันมีเหตุผล อะไรทีเ่ ราจะไม่รกั ษา ไม่ดแู ลแผ่นดินนีไ้ ว้ ดูอย่าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านทรง ทุม่ เทรักษาสมดุลของดิน นํา้ ลม ไฟ มาตลอด พระชนมชีพของพระองค์ ลองถามตัวเองซิ ตัวเรา เคยคิดทีจ่ ะทำ�อะไรบ้างไหม หรือแค่คดิ แล้วลงมือ ทำ�หรือยัง เพราะลองคิดดูวา่ ถ้าวันหนึง่ อากาศเสีย
มีแต่มลพิษ นํา้ เสีย พวกเราจะอยูก่ นั รอดหรือ เอา เวลาทีจ่ อ้ งจะเล่นงานกัน แบ่งสี แบ่งฝ่ายกันมาทำ� สิง่ ดีๆ ให้สงั คม ให้แผ่นดินทีเ่ ราอยูจ่ ะดีกว่า” ทุ ก สิ่ง ทุ ก อย่ า งที่ได้ พูด คุ ย กั บ ปราชญ์ ข อง แผ่นดินท่านนี้ ไม่เพียงทำ�ให้ได้รู้จักตัวตนที่น่า นับถือและศรัทธาท่านเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ แต่ สำ�คัญทีส่ ดุ คือได้รบั รูว้ า่ พ่อหลวงของแผ่นดิน ได้ ทำ�อะไรให้ประชาชนบ้าง และน่าจะถึงเวลาแล้วที่ ทุกคนจะลุกขึ้นทำ�อะไรตอบกลับคืนแก่แผ่นดินนี้ เพือ่ ให้พอ่ ได้ชน่ื ใจบ้าง
อ้างอิง ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล. หลักธรรม หลักทำ� ตามรอยพระยุคลบาท. พิมพ์ครั้งที่ 15. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ดา่ นสุทธาการพิมพ์, 2549.
KTC
happy+
เคล็ดลับความผ่องใส สไตล์ผู้บริหารเคทีซี
ภาพ : หนูดี
ทุกครั้งที่เจอผู้บริหารหญิงคนเก่งของ “เคทีซี” หรือบริษทั บัตรกรุงไทย จำ�กัด (มหาชน) คือ คุณ พิทยา วรปัญญาสกุล หรือคุณฮั้ว รองประธาน เจ้าหน้าที่บริหารสายงาน Synergy Business และคุณเจนจิต ลัดพลี หรือคุณเจน ผูอ้ �ำ นวยการ ฝ่ า ยการท่ อ งเที่ ย วและสั น ทนาการ ทั้ ง สอง ต่างมี ใบหน้าผ่องใส อารมณ์ดี และดูออ่ นเยาว์อยู่ เสมอ จนเราอดไม่ได้ที่จะขอทราบวิธีดูแลตนเอง ของเธอทั้งสอง
คุณพิทยา : พี่ทานทั้งสามมื้อ แต่มื้อเย็น ทานนิดหน่อย แต่ละมือ้ จะทานผัก ผลไม้เยอะ ไม่ ทานเนือ้ และทานพออิม่ แล้วก็ตอ้ งออกกำ�ลังกาย ด้ ว ย พี่ เน้ น ว่ า ยนํ้ า และเล่ น เครื่ อ งเล่ นต่ า งๆ อีกเรื่องที่สำ�คัญคือการนอน เป็นคนไม่นอนดึก จะพยายามนอนให้ได้วันละ 7 ชั่วโมง พี่คิดว่า การดูแลตัวเองให้มีความสุขความสบายเป็นเรื่อง ทีค่ วรทำ� เหมือนเป็นการให้รางวัลตัวเอง ถ้าอาทิตย์ ไหนไม่ได้ไปต่างจังหวัด พี่จะไปออกกำ�ลังกาย ก่อน แล้วสายๆ ค่อยไปช้อปปิ้ง ไปนวดหน้า เข้าสปา ทำ�เล็บ คุณเจนจิต : พีใ่ ห้ความสำ�คัญกับสุขภาพจิต เป็นอันดับแรกค่ะ ได้ทำ�งานที่ชอบทำ�ให้จิตใจ สดชื่น ส่วนอาหารพี่ไม่ทานเนื้อสัตว์ และเน้นดื่ม นํ้าเปล่ากับนํ้าไม่ใส่นํ้าแข็งเป็นหลัก แล้วก็ออก กำ�ลังกายด้วยการว่ายนํา้ กับโยคะ อีกอย่างทีช่ อบ ก็คือ ท่องเที่ยว พี่ชอบเที่ยวในที่ที่แตกต่าง ไปใน ที่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ที่ยังไม่ถูกปรุงแต่ง ไป ดูวัฒนธรรมท้องถิ่น วิถีชีวิตผู้คน เป็นการเที่ยว แบบพักผ่อน ซึมซับ สบายๆ มากกว่าเที่ยวแบบ เดินทาง ที่ต้องไปทุกจุดตามที่หาข้อมูลไว้ ทุก เสาร์ อาทิตย์ พี่จะเที่ยวอยู่ในกรุงเทพฯ ชอบไป ตามย่านเมืองเก่าหรือชานเมือง ไปทำ�สังฆทานที่ วัดที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เสร็จแล้วค่อยไปหาของกิน อร่อยๆ ถ้าเป็นต่างประเทศ ตั้งใจว่าจะไปดูสิ่ง มหัศจรรย์ของโลกให้ครบค่ะ ฟังดูแล้วทัง้ สองท่านต่างเป็นคนใช้ชวี ติ อย่าง รื่นรมย์ อย่างนี้ต้องขอทราบเคล็ดลับที่ทำ�ให้ดูดี และมีความสุขอย่างคุณฮั้วและคุณเจนบ้างค่ะ คุณพิทยา : โดยปกติพี่เป็นคนไม่เครียด ไม่ชอบเครียดเลย ถ้ามีปัญหา หลักการของพี่
(ซ้าย) คุณพิทยา วรปัญญาสกุล (ขวา) คุณเจนจิต ลัดพลี
คือ ปัญหามีไว้ให้แก้ และทุกปัญหาแก้ไขได้ ดังนัน้ จะจั ด การให้ จ บ ไม่ ค้ า งคา และจะพยายาม ไม่ นำ � ปั ญ หาอย่ า งหนึ่ ง ไปสู่ ปั ญ หาอื่ น ๆ เช่ น ถ้ามีปัญหาเรื่องงานก็ไม่ควรนำ�กลับบ้าน หากมี ปัญหาที่บ้านก็ไม่ควรนำ�มาที่ทำ�งาน สำ�หรับพี่ การทำ�ให้ตัวเรามีความสุข คือ มีสติ มีปัญญา พี่ เชือ่ ว่าคนเราฉลาด แต่สงิ่ หนึง่ ทีเ่ รามีไม่เท่ากัน คือ ความกรุณา เอื้ออาทร เข้าใจผู้อื่น ซึ่งสำ�คัญ เพราะแต่ละคนแตกต่างกัน เมื่อต้องอยู่ด้วยกัน สิ่งที่ต้องคำ�นึงถึง คือ คนรอบข้าง อยากให้มี
นํ้าใจในการมองคนอื่นแล้วมีเมตตา คุณเจนจิต : ถ้าเป็นเรื่องงาน พี่โชคดีที่มี ผู้บังคับบัญชาดีมาโดยตลอดไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ให้โอกาส ให้ความไว้วางใจ ไม่ทำ�ให้เครียด พี่จึง ไม่ค่อยมีสิ่งที่เรียกว่าปัญหา แต่เป็นความท้าทาย เป็นบทเรียนอีกหนึ่งขั้นที่สอนให้โตขึ้นมากกว่า ส่วนการใช้ชีวิตให้มีความสุข พี่คิดว่าเรื่องต่างๆ มี ทั้ ง ด้ า นบวกและลบ ขึ้ น อยู่ ที่ เราเลื อ กมอง ถ้าเรามองในมุมที่เป็นบวก และใช้ชีวิตเรียบง่าย ก็ทำ�ให้มีความสุขได้ไม่ยากค่ะ
คนคิดดี
เรื่องและภาพ : อนุสรณ์ ศรีคำ�ขวัญ
โรงเรียนกวดวิชาอิฐกอ บ้าน วัด โรงเรียน “อิฐกอ” ก่ออิฐ อิฐก้อนแรก จับวาง ลงบนพื้น อิฐก้อนสอง วางตาม สร้างถนน อิฐก้อนอื่น ต่อตาม เพื่อสร้างคน อิฐสะสม เป็นทางยาว ให้ก้าวเดิน จะมีใครบ้าง ยอมเป็น “อิฐ” ก้อนแรก?
เป็นหนึ่งในคติเตือนใจที่ปิดตามจุดต่างๆ ของโรงเรียนกวดวิชาอิฐกอ โรงเรียนที่ก่อตั้งขึ้น เพื่อสอนเสริมทั้งวิชาความรู้ และคุณธรรม ตาม คำ�ขวัญของโรงเรียนที่ว่า “คุณธรรมนำ�การ ศึกษา” อ.ชยุต อิฐกอ ดีกรีปริญญาโท ครุศาสตร มหาบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา 32
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต, อดีตคณะ กรรมการที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง ยุติธรรม (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) ด้าน การเผยแพร่ข่าวสารการยุติธรรมและกฎหมาย, ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการ การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร (นายประกอบ รัตนพันธ์), หัวหน้าสำ�นักงานกฎหมายชยุต อิฐกอ ทนายความ ได้เล่าถึงแนวคิดที่ก่อตั้ง โรงเรียนกวดวิชาอิฐกอว่า “ก่อนหน้านี้ผมกับภรรยา ทพญ.สาลิกา ต่างคนต่างก็ยุ่งกับงาน จนไม่ค่อยได้ดูแลลูก สักเท่าไหร่ ทำ�ให้พวกเขาทั้ง 2 คนไม่ค่อยสนใจ การเรียนนัก เมื่อได้ทำ�งานด้านการศึกษามาก ขึ้น จึงเริ่มตระหนักเรื่องนี้ และหันมาดูแลเรื่อง เรียนของลูกๆ อย่างเต็มที่ เมื่อดูแลเอาใจใส่
พวกเขาก็ดีขึ้น ทำ�ให้มีความสุขทุกครั้งที่เห็น ลูกๆ ประสบความสำ�เร็จทางด้านการเรียน ซึ่ง เมื่อมองย้อนกลับไปยังพ่อแม่คนอื่นๆ คิดว่าคง ไม่ต่างกันนัก ดังนั้นผมจึงลด ละ งานประจำ� หันมาทำ�โรงเรียนกวดวิชา อีกทัง้ แนวโน้มการเรียน กวดวิชาของเด็กไทยก็มีทีท่าว่าจะสูงขึ้น เพราะ นักเรียนต้องสอบแข่งขัน เพื่อชิงสิทธิเข้าเรียนกับ มหาวิทยาลัยชั้นนำ� ด้วยความที่มหาวิทยาลัย ต่างๆ สามารถรับนักศึกษาได้อย่างจำ�กัด จึง เกิดการแข่งขันสูง ด้วยเหตุนี้เด็กส่วนใหญ่จึงมี ความคิดแก่งแย่งสูงตามไปด้วย ก่อเกิดเป็นความ แตกแยก ไม่มีความสามัคคี แข่งขันกันเรียนน่ะ ดี แต่ไม่ใช่ว่าแข่งจนเป็นการเอารัดเอาเปรียบ ไม่ ถ่ายทอดให้กัน เก็บเป็นความลับ ขนาดโรงเรียน กวดวิชาที่ไหนดีๆ ยังไม่บอกกันเลย”
‘ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาหาใช่ชีวิตเรา’ อ.ชยุต ซึ่งมักเริ่มต้นประโยคด้วยคำ�คม ข้อคิด เตือนใจ ยกวลีหนึ่งจากเพลงความหวัง ของวง พลังเพลง ขึ้นมา พร้อมบอกว่า “ดังนั้นผมจึง ให้ความสำ�คัญกับการเสริมคุณธรรมให้นักเรียน ด้วย เพราะจะหวังพึ่งพ่อแม่เพียงอย่างเดียว ไม่ได้” นอกจากคำ�คมต่างๆ แล้ว อ.ชยุตมักเกริ่น นำ�ด้วยคำ�ว่า ขอครึ่งนาที เสมอ แต่ถึงกระนั้น ผ่านไปแล้ว 1 ชั่วโมง ครึ่งนาทีที่ขอมาก็ยัง ไม่หมดสักที เพราะแต่ละถ้อยคำ�มักแทรก เรื่องเล่า และมุกตลกชวนฟังอยู่ตลอด
นิมิตสร้างโรงเรียน
โรงเรียนกวดวิชาอิฐกอยืนหยัดความเป็น โรงเรียนเพื่อชุมชนมา 11 ปี ตั้งอยู่เยื้องบิ๊กซี สาขาวงศ์สว่าง ขณะนั่งพูดคุย อ.ชยุตชี้ออกไป ข้างนอก บอกเห็นสะพานข้ามแยกนั่นไหม ผม พยักหน้าหงึกๆ พร้อมรอยยิ้มอันงุนงง “ใครไปใครมาก็ขับรถผ่านหมด ทำ�ให้ ตึกย่านนี้ร้างซะส่วนใหญ่” อ.ชยุตเฉลย พร้อม เล่าที่มาที่ไปของการเลือกตึก 4 ชั้น 3 คูหา มาทำ�เป็นโรงเรียน “ระหว่างที่มีความคิดอยากทำ�โรงเรียนกวด วิชา วันหนึ่งผมไปทานข้าวที่ห้างสรรพสินค้า แถวปิ่นเกล้า เสร็จแล้วก็เดินเล่นที่ชั้นใต้ดิน ซึ่ง กำ�ลังแสดงสินค้าโอท็อป มีร้านให้บูชาภาพ
บ้าน วัด โรงเรียน
นอกจากภาพแกะสลักหนัง รูปฤๅษีโกเมท นอกจากเฟ้นหาครูที่สอนเก่งแล้ว ซึ่งเชื่อว่าให้การสนับสนุนทางด้านการศึกษา ผมยังคอยให้กำ�ลังใจเด็กๆ ในการ แล้ว เบื้องหน้าอาคารเรียนยังประดิษฐานองค์ สอบเข้าด้วย พยายามปลูกฝังให้ พระพิฆเนศวร เทพแห่งศิลปะทางการศึกษา และกำ�จัดทุกข์ภัย แก้ไขอุปสรรค แกะสลักด้วย พวกเขารักสามัคคีกัน ไม่ให้แข่ง นํ้าหนัก 1 ตัน ท่าทาง กันเอง แล้วจะบอกผู้ปกครองเสมอ หิเข้นมทรายขนาดใหญ่ ขลังอีกด้วย อ.ชยุตบอกว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ ว่า อย่าคาดหวังกับลูกเกินไป ช่วยเสริมความตั้งใจในการเรียนของเด็กๆ ได้ เพราะจะเป็นแรงกดดัน เผลอๆ เป็นอย่างดี อาจจะเป็นเหตุที่ทำ�ให้เขาทำ� ด้วยป้ายคำ�คมคติเตือนใจ องค์เทพ สิ่ง ข้อสอบไม่ได้ ให้คิดว่า ถึงไม่ได้ ศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนภาพพระอริยสงฆ์ต่างๆ ที่ ประดับอยู่ทั่วอาณาบริเวณ อีกทั้งความเย็น อย่างน้อยมาเรียนก็ได้ความรู้ สบายเมื่อได้เข้ามาสู่ตัวอาคารทั้งๆ ที่เปลวแดด เมืองหลวงเต้นเร่าอยู่ภายนอก เหตุนี้จึงทำ�ให้อด พูดลอยๆ ขึ้นมาไม่ได้ว่า “เหมือนมาวัด” แกะสลักหนัง รูปฤๅษีโกเมท มาเปิดบูธอยู่ อ.ชยุตหัวเราะกับคำ�ที่ได้ยิน พร้อมบอก เห็นแล้วก็อยากได้ทันที แต่ติดตรงที่เงินไม่พอ “นี แ ่ หละที ผ่ มตัง้ ใจ เพราะต้องการให้สถานทีร่ ม่ รืน่ จึงตัดสินใจขับรถกลับ ปรากฏว่าขับวนไปวนมา สุดท้ายมาจอดที่เดิมถึง 3 ครั้ง หาทางออกไม่ได้ สบายเหมือนวัด เด็กๆ มาแล้วจะได้ตั้งใจเรียน” ทุกๆ วันที่ 5 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันคล้าย เด็กที่มาด้วยถามว่า ไม่มีเงินเหรอ แล้วบอกว่า ตัวเขามี สรุปจึงได้ไปบูชากลับบ้าน แล้วคืนนั้น วันเกิดของ อ.ชยุต และวันก่อตั้งโรงเรียนกวด วิชาอิฐกอ รวมทั้งเป็นวันครูโลก ซึ่งประกาศโดย ผมฝันว่า เกิดมีแหล่งนํ้าเต็มหน้าบ้าน มองจน สุดขอบฟ้า จึงมีความรู้สึกว่า นี่คือนิมิตทางการ องค์การยูเนสโก (UNESCO) จะมีการทำ�บุญ ศึกษาแน่ๆ เพราะการศึกษาไม่มีขอบ ไม่สิ้นสุด เลี้ยงพระเป็นประจำ� พ่อแม่ผู้ปกครองมักนำ� อาหาร และสิ่งของต่างๆ มาร่วมด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นอายุหรือสถานะของผู้เรียน “เรียนที่นี่ไม่มีเครียด เพราะเราอยู่กันแบบ “หลังจากนั้นได้มาพบอาคารธเนศวรแห่งนี้ มีความรู้สึกโดนใจทันที จึงตัดสินใจติดต่อขอเช่า ครอบครัว แต่มีขีดจำ�กัดที่ต้องเรียน ไม่ใช่ว่าอยู่ เลย เพราะเหมือนมีเสียงสั่งมาว่า ให้ใช้สถานที่นี้ แบบครอบครัวแล้วไม่เรียน มัวแต่เล่น อย่างนี้ ก็ไม่ได้ ในส่วนสถานที่ ผมพยายามตกแต่ง ทำ�โรงเรียนเพื่อชุมชน” ให้มีที่พักมากกว่าที่เรียนซะอีก เพื่อให้เป็น บรรยากาศน่าเรียนรู้ เวลาพักเที่ยงจะจับให้ นักเรียนคุยกัน ชวนมาทำ�กิจกรรม เล่นเกมต่างๆ โดยผมจะเข้ามาเล่นกิจกรรมกับเด็กๆ ด้วย ทำ� แล้วมีความสุขดี “นอกจากเฟ้นหาครูที่สอนเก่งแล้ว ผมยัง คอยให้กำ�ลังใจเด็กๆ ในการสอบเข้าด้วย ทั้ง พยายามปลูกฝังให้พวกเขารักสามัคคีกัน ไม่ให้ แข่งกันเอง แล้วจะบอกผู้ปกครองเสมอว่า อย่า คาดหวังกับลูกมากเกินไป เพราะจะเป็นแรง กดดัน เผลอๆ อาจจะเป็นเหตุที่ทำ�ให้เขาทำ� ข้อสอบไม่ได้ ให้คิดว่า ถึงไม่ได้ อย่างน้อย มาเรียนก็ได้ความรู้ ผู้ปกครองก็สบายใจขึ้นมาก อธิบายไม่ได้ว่าคุณธรรมตรงนี้คืออะไร แต่รู้ว่า ปลูกฝังให้รักกันนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ควรสามัคคี 33
คนคิดดี
ดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ขาดเหลือสิ่งใด ขอให้บอก “พ่อแม่ผู้ปกครองบางคนจะเข้ามาบอก ว่า ช่วยดูลูกให้หน่อย เพราะเรียนไม่ทัน ผมก็จะ ให้ครูดูแลเป็นพิเศษ หรือคนนี้เล่นมากนะ ก็จะ เรียกมานั่งคุย สอนเขาเรื่องบาปบุญคุณโทษว่า พ่อแม่เหนื่อยมากนะกว่าจะหาเงินมาให้ลูกได้ การที่เราไม่เรียนหนังสือเท่ากับว่าเราไม่รักพ่อแม่ ถ้ารักพ่อแม่ต้องเรียนหนังสือ การแสดงความรัก ต่อพ่อแม่ไม่ใช่เพียงให้ท่านกอดเท่านั้น แต่ต้อง ทำ�หน้าที่ของตัวเองให้ดี ซึ่งก็คือการเรียนหนังสือ นั่นเอง ตอนที่ผมดึงตัวเขามานั่งคุยจะเริ่มด้วย คำ�พูดว่า ขอเวลาครึ่งนาที แค่นั้นแหละ เด็กก็ฮา เลย เพราะรู้ว่าต้องนานแน่” ‘เรียนๆ เล่นๆ ก็ได้เป็นบัณฑิต เอาแต่เล่น เอาแต่คิดบัณฑิตไม่ได้เป็น’ คือคติที่จะเริ่มอบรม ให้รักการเรียน จาก อ.ชยุต “มีบ้างบางครั้ง ที่เจอเด็กซึ่งพ่อแม่บังคับ
มา กรณีนี้ผมจะเข้าไปพูดคุยกับเขา เพราะเด็ก ไม่ยอมเรียน ผลการเรียนตกตํ่ามาก เล่นอย่าง เดียว ผมจะไปนั่งคุยด้วย แล้วพูดโน้มน้าว ให้ เขาระลึกถึงว่า ต่อไปข้างหน้า ถ้าพ่อแม่ไม่ได้ อยู่ด้วยเขาจะอยู่อย่างไร บางรายผมนำ�มาเรียน เดี่ยวบ้าง พอเขาเริ่มสนุกกับการเรียนแล้ว จึงให้ เข้าเรียนในกลุ่มพร้อมเพื่อนๆ”
บริหารแบบพอเพียง
ขณะนั่งพูดคุย อ.ชยุตขอตัวรับโทรศัพท์ จากผู้ปกครอง ระหว่างนั้นผมถือโอกาสหยิบ แผ่นพับของโรงเรียนขึ้นมาพลิกดูค่าเรียนพิเศษ 34
บริหารการศึกษา” อ.ชยุตบอกว่า เป็นเพราะความตั้งใจดี ที่ ต้องการส่งเสริมการเรียน และปลูกฝังจริยธรรม คุณธรรมให้กบั เด็กๆ สิง่ ศักดิส์ ทิ ธิจ์ งึ ช่วยคุม้ ครอง และเกื้อหนุน แม้จะลด ละงานทางด้านทนายความ เพื่อ มาดูแลโรงเรียนอย่างเต็มตัว แต่ทว่า อ.ชยุตก็ ยังรับว่าความคดีต่างๆ อยู่ เพราะฉะนั้นเมื่อเด็ก นักเรียนคนใดมีคดีความ ขึ้นโรงขึ้นศาล อ.ชยุต ก็จะรับว่าความให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถือว่า การให้ เป็นสิ่งสำ�คัญ เมื่อ หันไปมองรอบๆ อาคารเรียนพบว่า ทั้งเก้าอี้ โต๊ะนักเรียน อุปกรณ์ที่ใช้ในโรงเรียน ล้วนจัดซื้อ – 500 บาท “ที่นี่เก็บค่าเรียนวิชาละ 500 บาท เรียน 40 จากมูลนิธิคนตาบอด ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ซึ่งเป็นการให้อีกรูปแบบหนึ่ง คือ ให้โอกาส ชั่วโมง เพราะต้องการให้คนในชุมชนสามารถ ตัวอย่างเหล่านี้จะถูกปลูกฝังสู่ลูกศิษย์เสมอ ส่งลูกหลานมาเรียนได้ ถามว่ากำ�ไรมากมาย โรงเรียนกวดวิชาอิฐกอ เปิดสอนใน ไหม ก็ไม่ ส่วนเรื่องจะถามว่า เป็นคนรํ่ารวยหรือ ระดับประถมศึกษา ถึงมัธยมปลาย ทุกวัน เปล่า ไม่เลย ที่ทำ�ทุกวันนี้ก็มีเงินเข้ามาเรื่อยๆ พออยู่ได้ พอเป็นค่าใช้จ่ายของโรงเรียน ที่สำ�คัญ เสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-15.00 น. เพื่อความ ต้องขยันทำ�อย่างอื่น เพื่อมาเสริมโรงเรียน โดย ปลอดภัยของนักเรียน จึงมีร้านอาหารราคาถูก ปัจจุบันผมเป็นอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัย ของโรงเรียนให้บริการ เพื่อเด็กๆ จะได้ไม่ต้อง ราชภัฏสวนดุสิต โครงการความร่วมมือระหว่าง ออกไปข้างนอก “ผู้ปกครองจะบอกว่า มาที่นี่แล้วปลอดภัย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อพัฒนา เพราะที ่ผ่านมาสถาบันสอนเสริมอยู่ในห้าง บุคลากรเข้าศึกษาระดับปริญญาโท สาขา
การเห็นเด็กเข้ามา เรียนอย่างยิ้มแย้ม ได้เห็นเด็กที่ไม่สนใจ เรียนหนังสือ หันมา ตั้งใจเรียนแล้วบอก ว่าไม่เคยอยากออก ไปจากที่นี่เลย เป็น สิ่งที่มีความสุขมาก
สรรพสินค้าค่อนข้างมาก ทำ�ให้เด็กมีความตั้งใจ เรียนลดน้อยลง และขาดสมาธิ โดยเฉพาะร้าน เกม โต๊ะสนุกเกอร์ โรงภาพยนตร์ ฯลฯ สาเหตุ ที่ผมมาตั้งโรงเรียนห่างจากสิ่งเหล่านี้ เพราะ ต้องการให้โรงเรียนเปรียบเสมือนวัดที่มีความ สงบ เด็กต้องมีความปลอดภัย ทั้งจาก สิ่งเสพติดและอื่นๆ”
บ่ายของวันพฤหัสบดี, 2 วันก่อนเปิดเรียน อาจารย์ผู้สอนเดินผ่านประตูเข้ามา พร้อมบอก “ฮ่า ค่อยยังชั่ว ข้างนอกร้อนจังเลย” หลังจาก นั้นยกมือสวัสดี อ.ชยุต กล่าวว่า “สวัสดีค่ะพ่อ” หลังทักทายกันพอเป็นพิธี อ.ชยุตหันมา บอกว่า “ที่นี่ทั้งครูและลูกศิษย์ มักเรียกผมว่าพ่อ เขาบอกเรียกแล้วรู้สึกอบอุ่นดี” ครูผู้มาเตรียมการสอนเดินเลี่ยงไปอีก ห้องหนึ่ง เพื่อเตรียมงานของเธอ ผมเหลียวมอง นาฬิกา ได้เวลาปิดการสนทนาแล้วเช่นกัน ก่อน จาก อ.ชยุตกล่าวว่า “การเห็นเด็กเข้ามาเรียนอย่างยิ้มแย้ม ได้ เห็นเด็กที่ไม่สนใจเรียนหนังสือ หันมาตั้งใจเรียน แล้วบอกว่าไม่เคยอยากออกไปจากที่นี่เลย เป็น สิ่งที่มีความสุขมาก” นอกจากเห็นการเปลี่ยนแปลงของนักเรียน ในทางที่ดีขึ้นแล้ว เมื่อลูกศิษย์ที่จบออกไปกลับ มาอีกครั้งพร้อมชุดครุย เตรียมรับปริญญาตรี มาขอถ่ายรูปคู่ และขอบคุณ อ.ชยุตก็ยิ้มแก้ม แทบปริ อิ่มอกอิ่มใจทุกครั้งไป “อยากให้ทุกคนมามีส่วนร่วมจรรโลงการ ศึกษา อย่ามุ่งทางด้านธุรกิจมากจนเกินไป เพราะครอบครัวทุนทรัพย์น้อยยังมีอีกมาก ทุก วันนี้ผมมีความฝันและตั้งใจจะทำ�ใต้ถุนแฟลต
ของการเคหะแห่งชาติทั้งหมดเป็นสถานศึกษา เพื่อชุมชน และพัฒนาชุมชนให้มีคุณภาพ ทางการศึกษา ซึ่งก็ต้องค่อยๆ ขยับขยายไป เพราะสิ่งนี้เหมือนการจรดปลายปากกาลงบน กระดาษที่ว่างเปล่า จากจุดเดียวที่จรดลงไป ไม่ช้าไม่นานข้อความก็จะเต็มหน้ากระดาษ แต่ ถ้าเราไม่เริ่มจรดปลายปากกาลงไปยังจุดว่าง สักจุด หน้ากระดาษก็คงว่างเปล่าตลอดไป แล้ว จะมีประโยชน์อะไร ซึ่งท่านใดมีความคิดตรงกัน หรืออยากปรึกษาเรื่องเรียนก็สามารถติดต่อผม ได้ที่ 08-1372-4828 หรือ www.itkortutor.com” 35
feature เรื่อง : อนุสรณ์ ศรีคำ�ขวัญ
แนวทางพอเพียงอย่างมีสุข ของ
จักรภฤต บรรเจิดกิจ
เมตตา สุดสวาท
ดร.วัชรมงคล เบญจธนะฉัตร์
มโนนึกแรกของผู้เขียน เมื่อเอ่ยถึง หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ ภาพตัวเองอยู่ในชุดชาวไร่ ถือจอบเหน็บพร้า ทำ�ไร่ ไถนา หันหลังให้เทคโนโลยี และเมืองใหญ่ ใช้จ่ายอย่างประหยัด แต่เมื่อได้พูดคุยกับผู้ยึดหลักพอเพียงมาใช้ในแบบฉบับของตัวเอง ทั้ง 3 ท่าน จักรภฤต บรรเจิดกิจ ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ก่อตั้งวิชชาลัยชาวนา, เมตตา สุดสวาท เจ้าของธุรกิจสินค้าดีไซน์ระดับโลก Propaganda ที่ หันหลังให้ธุรกิจ มาใช้ชีวิตกับศิลปะ และ ดร.วัชรมงคล เบญจธนะฉัตร์ นักธุรกิจที่บริหารงานด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง จนประสบความ สำ�เร็จ จึงพบว่า ความพอเพียงเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด หรือแม้กระทั่งใช้หลักความพอเพียงเพื่อสร้างความรํ่ารวยก็ยังได้เช่นกัน ผมคงไม่อธิบายให้เกินความพอดี เชิญติดตามหน้าถัดไปได้เลยครับ
36
จักรภฤต บรรเจิดกิจ
ภาพ : อนุสรณ์ ศรีคำ�ขวัญ
ความสุขเกิดจากการพึง่ พาตัวเอง ใต้แมกไม้อันร่มเย็นของวัดไทรโรงโขน อ.ตะพานหิน จ.พิจติ ร แดด 10 นาฬิกา ยังคง หลบอยูห่ ลังม่านหมอกของฤดูหนาว ลมพัด กระทบยอดข้าวเขียวชอุม่ ในนาชาวบ้านข้างวัด แล้วผ่านมาต้องกาย ทันทีทไ่ี ด้สมั ผัส ทำ�ให้คน ทีเ่ ดินทางไปจากเมืองกรุงอย่างผม รูส้ กึ สดชืน่ เหมือนได้เพิม่ พลังกายขึน้ มาฉับพลัน นึกขอบคุณ จักรภฤต บรรเจิดกิจ ปราชญ์ชาวบ้านวิถพี อเพียง จับใจ ทีน่ ดั หมายมายังวัดแห่งนี้
จักรภฤต เป็นผู้หนึ่งที่อยากเห็นชาวนาไทย รุ่งเรืองเหมือนสีทองอร่ามของรวงข้าว ที่อวบเต่ง เต็มท้องทุ่งยามหน้าเกี่ยว เมื่อประสบการณ์ของ คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ชี้ให้เห็นแล้วว่า การเกษตรแบบ ยึดสารเคมีเป็นหลักไม่ได้ทำ�ให้ลืมตาอ้าปากได้ เขาจึงน้อมนำ�หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมาใช้ สุดท้ายพบว่า วิธีนี้ คือหนทาง เป็นอยู่อย่างสุขสบายของชาวนาไทย เขาได้ นิยาม เศรษฐกิจพอเพียง ว่า “คือ พึ่งตนเอง นอกจากใช้อย่างประหยัด แล้ว ต้องพึ่งตนเองในทุกเรื่องให้ได้ อย่างด้าน เกษตร ถ้าไปพึ่งสารเคมี มันก็จบ อยู่อย่างไม่มี สุขแน่ เพราะจะเป็นหนี้ “การพึ่งพาตัวเองด้วยวิถีพอเพียงนั้นเกิด จากการทีบ่ งั เอิญผมไปพบจุลนิ ทรียจ์ ากจาวปลวก เข้า ดินปลวกคนทั่วประเทศบอกว่าปลูกต้นไม้ แล้วงาม ดังนั้นมันย่อมมีของดี และผมเชื่อว่า แม่โพสพ แม่คงคา แม่ธรณี มีจริง จึงคิดว่าเทพ ที่ดูแลเหล่านี้ต้องมีของดีอะไรซ่อนอยู่แน่ จึงนำ�
แม่ธรณี คือ จาวปลวก มาผสมกับแม่โพสพ คือ ข้าว แล้วก็แม่คงคา คือ นํ้า ปรากฏว่าได้ออกมา เป็นนํ้าหมักจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงมากๆ พอนำ�มาใช้ในการเกษตร ได้ผลดีมากเลยครับ สบายเลย สามารถพึ่งตนเองได้” จักรภฤตขยายความว่า นํ้าจุลินทรีย์ที่ได้ จากจาวปลวก เมื่อนำ�ไปรดฟางข้าว สามารถ ย่อยสลายฟางได้ในเวลาอันรวดเร็วโดยไม่ต้อง ใช้วิธีเผา เมื่อไม่มีความร้อนทำ�ลายหน้าดิน อินทรียวัตถุต่างๆ ก็ไม่เสื่อมสลาย จึงไม่ต้องพึ่ง ปุ๋ยเคมีให้สิ้นเปลืองเงินทอง การทำ�นํ้าจุลินทรีย์ ชนิดนี้ไม่มีการสิ้นเปลือง เนื่องจากข้าวและนํ้ามี อยู่ทุกครัวเรือน จาวปลวกคว้าจอบไปหลังบ้าน หรือเถียงนา ก็มีให้ขุดขึ้นมาฟรีๆ “ยกตัวอย่างนํ้าจุลินทรีย์ที่มีการสอนกัน แพร่หลาย เช่น EM Ball สิ่งเหล่านี้ต้องใช้กาก นํ้าตาล บางอย่างต้องใช้หัวเชื้อ ต้องซื้อหรือ ไปขอจากหน่วยงานนั้นๆ มา แม้เป็นหลัก เดียวกัน แต่ก็ยังพึ่งตัวเองไม่ได้” 37
feature
ปลวกหากวิเศษเพียงนั้น คงไม่เกิดบริษัท รับกำ�จัดขึ้นมา ผม - ผู้มาเยือนเอ่ยถาม “การย่อยสลายของปลวก ตามหลัก วิทยาศาสตร์ ลำ�ไส้ของปลวกมีโปรโตซัว ปลวก กินไม้เนื้อแข็ง แต่จุลินทรีย์ในลำ�ไส้ของปลวกยัง ย่อยได้ แล้วนับประสาอะไรกับฟางที่เป็นไฟเบอร์ โปรโตซัวย่อยได้สบาย แล้วเมื่อศึกษาจุลินทรีย์ ในลำ�ไส้ปลวก พบว่ามีตัวหนึ่งที่ย่อยเซลลูโลสให้ กลายเป็นนํ้าตาลได้ รู้ไหม จุลินทรีย์กิน นํ้าตาล มันก็เลยย่อยสลายได้เร็วขึ้น แล้ว จาวปลวกยังมีเชื้อเห็ดโคนป่า เท้าความไปอีก หน่อย การหาเห็ดโคนป่า หากลางคืนง่ายกว่า กลางวัน เพราะมีสารเรืองแสง สารเรืองแสง นี่คือ ฟอสฟอรัส...อ้ะ! กลับมาที่เดิม ฟอสฟอรัส ก็คือ ปุ๋ยไง” ลมยังคงพัดแผ่วต้องผิว กายยังคงสุขสบาย ห่างออกไปไม่เกิน 100 เมตร หญิงวัยกลางคน หยิบไม้กวาดเดินไปยังศาลาที่ประดิษฐาน รูปหล่อเหมือนหลวงปู่ปลัดยม อดีตเจ้าอาวาส ที่ชาวบ้านนับถือ เพื่อสักการบูชา และทำ�ความ สะอาดบริเวณโดยรอบ จักรภฤตบอกว่า ตัวเขาเองก็ฝากตัว เป็นศิษย์หลวงปู่มาช้านาน ผู้มาเยือนอย่าง 38
จะบอกว่า ดี! เพราะเป็นของเทพ...แม่ธรณี แม่ โพสพ แม่คงคา ไม่เทพได้อย่างไร แล้วท่ด่ี กี ว่านัน้ ตอ้ งจ่ายเงินซือ้ สักบาท” จักรภฤตกล่าว ศรัทธาต้องคู่กับปัญญา เวลาใคร คืพร้ออไม่มบอกว่ จุลินทรีย์มาช่วย ทำ�ให้ ถามว่า จุลินทรีย์จาวปลวกดีกว่า ต้นทุนน้อยลงา การใช้ เพราะไม่ต้องซื้อสารเคมี และปุ๋ย เจ้าอื่นอย่างไร ผมจะบอกว่า ดี! เคมี มีบ้างที่ต้องซื้อปุ๋ยคอก เพราะผลิตไม่ทัน เพราะเป็นของเทพ...แม่ธรณี แต่ต้นทุนก็ไม่ได้มากมายอะไร เขายกตัวอย่าง แม่โพสพ แม่คงคา ไม่เทพ สมมุติว่า หากใช้สารเคมีทำ�นา 1 แปลง ต้นทุน 3,000 บาท ขายได้กำ�ไร 10,000 บาท กับต้นทุน ได้อย่างไร แล้วท่ี่ดีกว่านั้นคือ 300 บาท กำ�ไร 10,000 บาท อย่างไหนจะดีกว่า ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อสักบาท กัน “จุลินทรีย์จากจาวปลวก สามารถ นำ�มาทำ�เป็นฮอร์โมนไข่ (จุลินทรีย์หมักกับไข่) ผมจึงหายสงสัยว่าทำ�ไมผู้มีภูมิลำ�เนาอยู่ สำ�หรับฉีดข้าว ให้รวงยาวขึ้น เอาไปย่อยปลา อ.วังทรายพูน ซึ่งใช้เวลาเดินทางกว่าครึ่งชั่วโมง หอย กุ้ง (ใช้จุลินทรีย์ย่อย) ได้ไคโตซาน ทำ�ให้ จึงเลือกวัดแห่งนี้เป็นที่พูดคุย ยิ่งทราบถึงที่มา รากพืชยาวขึ้น เอาไปย่อยรกหมู หรือผลไม้ ไป ของชื่อ วัดไทรโรงโขน ยิ่งทำ�ให้รู้สึกประทับใจ ฉีดพืชผัก ทำ�ให้พืชผักออกรวงยาว เต่ง ได้ผลดี ปราชญ์ชาวบ้านบอกผมว่า เมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 5 รสชาติอร่อย ทั้งหมดนี้ไม่ต้องซื้อ นี่คือความ เสด็จประพาสมายังวัดกันดารแห่งนี้ ด้วยความ พอเพียงที่เกิดขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งใคร” ที่มีต้นไทรใหญ่และรากยาวเฟื้อยมากมาย จักรภฤตยอมรับว่า เศรษฐกิจพอเพียง ชาวบ้านจึงใช้ตน้ ไทรและรากทำ�เป็นโรงโขนถวาย หรือการพึ่งตัวเองของเขา คือการสร้างฐานะ “ศรัทธาต้องคู่กับปัญญา เวลาใครถาม ของชาวนาให้ลืมตาอ้าปากได้ แต่ความสุขอย่าง ว่า จุลินทรีย์จาวปลวกดีกว่าเจ้าอื่นอย่างไร ผม ยั่งยืน ทุกคนต้องรู้จักใช้ ซึ่งหากละความสะดวก
จุลินทรีย์เท่ากับให้ชีวิตจุลินทรีย์หลายหมื่นตัว เมื่อค้นพบและลองทำ� กระทั่งได้ผลดี จักรภฤต ไม่ได้เก็บองค์ความรู้ไว้ลำ�พัง เขาเปิดโรงเรียน ชาวนาเพื่อเผยแพร่ กระทั่งปัจจุบันยกระดับเป็น วิชชาลัยชาวนา “ชื่อนี้มาจากพระราชนิพนธ์ พระมหาชนก ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บทที่กล่าว ว่า ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย ของผมทำ�โรงเรียน ชาวนาไงครับ จึงเป็น วิชชาลัยชาวนา เพราะ ผมอ่านแล้วเข้าใจว่า ถ้าทำ�แบบนี้ก็จะตรงกับ ที่พระองค์ทรงตั้งพระทัย เพราะหากเราจะเดิน ตามรอยเท้าพ่อ ก็ต้องพิสูจน์ความรู้ที่ให้มา ปฏิบัติ คือ การพึ่งตนเอง “หลักสูตรของผม ฟรีทุกอย่าง เบื้องต้นให้ ความรู้เรื่องวัฒนธรรมข้าว ประวัติการทำ�นาใน อดีต พิธีแรกนา บอกถึงความสำ�คัญ แล้วร่วม เสวนาแลกเปลีย่ นเรือ่ งปัญหาทีเ่ กิดจากการทำ�นา ในทุกวันนี้ มีอะไรบ้าง ปุ๋ยแพง ราคาข้าวตก ศัตรูพืช เราใช้กระบวนการเสวนา ไม่ใช่ผมไป สอน พอได้เนื้อหาแล้ว ก็มาสรุปว่า ในแปลง ตัวอย่าง 5 ไร่ เราจะมาเรียนรู้การทำ�เกษตร อินทรีย์ (5 ไร่ได้มาจากหัวหน้ากลุ่มนักเรียน) โดยเราจะใช้ฤกษ์ยามคาถา ตรงตามตำ�รา โบราณ แต่อย่าเพิ่งเชื่อนะ ต้องพิสูจน์ก่อน ว่า จริงหรือเปล่า เมื่อได้ฤกษ์ยาม แล้วก็มาปรึกษา กันในกลุ่มว่า จะทำ�นาแบบไหน แบบดำ� หรือ โยน ก็ว่ากันไป แล้วก็ทำ�พิธีฤกษ์นา ท่องคาถา กันตามจริงเลยครับ ระหว่างนี้ก็จะมีการอธิบาย เกษตรอินทรีย์ต้องทำ�งานให้น้อยลง ดินดีซะอย่างปลูกอะไรก็ดี การทำ�เทือกนา การใส่นํ้า บอกสาเหตุและผล มีอาหารดีพืชก็แข็งแรง มันจึงมีความสุข เพราะงานตัวเองน้อยลง การจัดการ การดูแล ทำ�จุลินทรีย์จาวปลวก เอาเวลาไปปลูกไม้ผล สร้างกุศล ช่วยงานบุญได้อีกเยอะ ฮอร์โมนรก ฮอร์โมนปลา ฮอร์โมนไข่ ทุกสิ่งนี้ เราพึ่งตนเองหมด ลงมือปฏิบัติจริงเลย เมื่อจบ หลักสูตร เราก็มาเสวนากันอีกครั้งว่า วิธีเหล่านี้ สบายจากการใช้สารเคมี แล้วหันมาหมักนํ้า ยาฆ่าแมลง ใช้สารเคมีทม่ี พี ษิ ยังจะเก็บไปขายให้ สามารถทำ�ให้อยู่อย่างยั่งยืนได้หรือเปล่า แล้ว จุลินทรีย์จากจาวปลวกแล้ว เขาเชื่อว่า หลัก คนอื่น ซึ่งขายไปมันก็บาปอยู่แล้วไง จะมีความ อาเซียนมาเราจะอยู่ได้ไหม” ผลลัพธ์คือ “ได้” ประเด็นการพึ่งพาตัวเอง พอเพียงย่อมซึมซับอยู่ในกายของทุกคน สุขตรงไหน ทุกข์อยู่ในใจ...เกษตรอินทรีย์ต้อง ยั ง มี อ ีกมากมาย ชนิดที่ว่า ถ้านำ�มาลงคงต้อง “เมื่อทุนน้อย ช่องว่างของกำ�ไรก็เพิ่มขึ้น จึง ทำ�งานให้น้อยลง ดินดีซะอย่างปลูกอะไรก็ดี มี ใช้พื้นที่ของนิตยสารทั้งเล่ม หากผู้อ่านท่านใด มีความสุข คนเราทำ�แล้วมีกำ�ไร ก็ต้องมีความ อาหารดีพืชก็แข็งแรง มันจึงมีความสุข เพราะ สุขมาก แถมสิ่งที่ทำ�มันไร้พิษ นำ�ไปทำ�บุญถวาย งานตัวเองน้อยลง เอาเวลาไปปลูกไม้ผล สร้าง อยากลงลึกในรายละเอียด สามารถพูดคุย เพิ่มเติมได้ที่ 08-1041-5883 จักรภฤตกล่าวพร้อม พระ หรือให้คนอื่นแล้วรู้สึกสนิทใจ ไม่มีทุกข์เลย กุศล ช่วยงานบุญได้อีกเยอะ” รอยยิ้มว่า ยินดีตอบทุกข้อสงสัย และจะดีใจ เอาของมีพิษไปถวายพระก็บาป ให้เพื่อน ให้ นอกจากมีเวลาไปสร้างกุศล ในขณะ ยิ่งขึ้นไปอีกหากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำ�ให้คนหันมา ญาติ มันก็ไม่สุขใจ เพราะมีพิษ ขนาดตัวเองยัง ทำ�งาน ยังเป็นการเพิ่มบุญอีกด้วย เพราะการ ไม่กินเลย ของที่ขายอยู่ทุกวันนี้ก็รู้อยู่ว่ามี ไม่เผาฟาง ทำ�ให้สัตว์เล็กๆ รอดชีวิต การใช้นํ้า พึ่งพาตัวเองมากขึ้น 39
feature
เพียงพอตามวิถพี ทุ ธ
หลังจากก่อตัง้ บริษทั พร็อพพาแกนดิสท์ ผลิตสินค้าดีไซน์ ผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน แบรนด์ Propaganda ร่วมกับพีน่ อ้ งและมิตรสหาย เมือ่ พ.ศ. 2537 ถัดจากนัน้ ไม่กป่ี ี เมตตา สุดสวาท ซึง่ ดำ�รงตำ�แหน่งกรรมการผูจ้ ดั การ ก็ได้สร้าง ความฮือฮาให้กบั วงการธุรกิจไทยเป็นอย่างยิง่ เพราะสินค้าของเธอ สามารถเข้าไปตีตลาด ยุโรป กระแทกไหล่แบรนด์ดงั ของต่างชาติได้ อย่างไม่สะทกสะท้าน เมือ่ ได้รบั ความสำ�เร็จใน ประเทศฝรัง่ เศส Propaganda จึงขยายไปสูอ่ งั กฤษ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ เบลเยียม อิตาลี อเมริกา ฮ่องกง ไต้หวัน และญีป่ นุ่ ชนิดทีเ่ รียกได้ ว่าโตอย่างฉุดไม่อยู่ 40
อะไรที่มีความสุขเราก็ทำ�ตรงนั้น เพียงแต่ว่าความสุขได้เงินน้อย ความไม่สุขได้เงินเยอะ เพราะฉะนั้นจะเลือกอะไร ขอเลือกความสุขดีกว่า ว่ามีความสุขมาก แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบทำ�ธุรกิจ เขาก็คงมีความสุขนะ พอดีว่าตรงนั้นไม่ใช่จริต เรา อะไรที่มีความสุขเราก็ทำ�ตรงนั้น เพียงแต่ ว่าความสุขได้เงินน้อย ความไม่สุขได้เงินเยอะ เพราะฉะนั้นจะเลือกอะไร ขอเลือกความสุข ดีกว่า “ตอนที่ตัดสินใจลาออก เนื่องจากบริษัท โตมาก แล้วเราไม่ได้จบทางด้านบริหารมาเลย จบครู และชอบวาดรูปตั้งแต่เด็ก เมื่อบริษัทโต
ภาพ : อติชน ชาญชัยวุฒิกุล
เมตตา สุดสวาท
แต่แล้ว...เมตตาก็สร้างความฮือฮาให้กับ วงการธุรกิจไทยอีกครั้ง เมื่อเธอประกาศลาออก จากบริษัทที่ร่วมก่อตั้งจนกระทั่งประสบความ สำ�เร็จในระดับโลก หันมาใช้ชีวิตกับงานศิลปะ วาดภาพ อย่างเต็มตัว บ้านพักริมอ่าวไทย อ.ศรีราชา ทะเลสี คราม สงบนิ่งอยู่ในกรอบหน้าต่างบานใหญ่ ซึ่ง มีใบมะขามสีเขียวโผล่แซมอยู่ข้างๆ เกิดเป็นฉาก ที่มองแล้วรู้สึกอิ่มเอมใจ เมตตาซึ่งหันมาดำ�เนิน ชีวิตอย่างพอเพียง และมีความสุขกับการวาด ภาพ ได้บอกถึงความแตกต่างระหว่างการเป็น ศิลปินพอเพียง กับนักธุรกิจระดับชาติ ด้วย นํ้าเสียงเรียบใส และอบอุ่น ว่า “ตอนทำ�งานเครียดมาก พอเครียดก็ต้อง ไปเดินห้าง ดูหนัง ช้อปปิ้ง เพราะกระแสชีวิต พาไปอย่างนั้น แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร ซื้อมาก็ เป็นหนี้บัตรเครดิต ดูหนังเสร็จ กลับมาก็เหงาๆ เพราะสุขแค่ชั่วคราว กลับมาเจองานที่เครียด ก็ เป็นเหมือนเดิม พอได้มาทำ�งานศิลปะแล้วรู้สึก
เราก็เข้าใจว่า อ๋อ! ต้องเป็นคนที่มีความ ชำ�นาญจริงๆ มาดูแลบริษัทนะ เพราะตัวเราเอง มันติดเพดานแล้ว ถ้าจะให้ทำ�ได้ต้องไปเรียน บริหารมาใหม่ ซึ่งการไปเรียนแบบนั้นเราไม่ชอบ แล้วความเครียดก็สะสมขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยื้อ อยู่นะ ไม่ใช่เจอปัญหาแล้วถอยเลย จนมารู้สึก ว่ามันไม่คุ้มกันหรอก ความเครียดจะเบียดบัง เราเรื่อยๆ ขณะที่มีความเครียดก็เรียนศิลปะ ไปด้วย พอเรียนศิลปะไปเรื่อยๆ เห็นว่ามีเส้น ทางความเครียด กับเส้นทางความสงบ คู่ขนาน กันไป จึงมีความคิดว่าถ้าให้เริ่มเรียนบริหารใหม่ จากศูนย์ เราเลือกเรียนศิลปะดีกว่า ก็เลยบอก น้องสาวกับหุ้นส่วนว่า ขอลาออก ขอไปทำ�งาน ศิลปะอย่างเดียวเลย เขาก็ยอม” แม้จะบริหารธุรกิจส่งออกข้ามทวีป กระทั่ง สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ� แต่เมตตาก็ยืนยันว่า วิถีพอเพียงไม่จำ�เป็นต้องรวยก่อน “ไม่หรอก เราไม่ได้รวยนะ ความพอเพียง เริ่มได้ตลอด ยิ่งรู้จักพอเพียง โอกาสที่จะรวย ย่อมเยอะกว่า คือ ถ้าคิดว่าให้รวยก่อนแล้วจึง จะพอ มันไม่มีทางรวยหรอก คนที่รวยเขา พอเพียงมาก่อนทั้งนั้น เขารู้จักใช้ รู้จักแบ่ง สันปันส่วนมาก่อน แต่เราไปเห็นเขาตอนรวยนี่ ไม่ได้เห็นว่าก่อนหน้านั้นเขาเป็นอย่างไร ขยัน อดทนมาอย่างไร” นานๆ ครั้งจึงจะมีเรือหางยาวลำ�เล็กของ ชาวประมง และนกตัวจ้อย ผ่านเข้ามาในภาพ วาดที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นภายในกรอบหน้าต่าง เมตตาบอกว่า ความพอเพียง ก็คือ ธรรมะ ข้อหนึ่ง “คำ�ว่า พอเพียง ไม่ได้ยุ่งยากอะไรหรอก คนเราบางทีมีคำ�ว่า ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ มากเกินไป แค่ตัดคำ�ว่า ต้อง ออกไปให้เยอะ สักหน่อย แล้วรู้สึกตัวเสมอว่า กำ�ลังต้องการ อะไรที่เกินความจำ�เป็นของเรามากไปหรือเปล่า และความพอเพียง ก็ไม่ได้หมายความว่า ต้องจนตลอดเวลา “ความพอเพียง คือ การไม่ได้มีความรู้สึก น้อยเนื้อตํ่าใจที่เรามีไม่เท่าคนอื่น ไม่ได้รู้สึกว่า จะต้องตะเกียกตะกายให้มีเท่าคนอื่น มีแค่ไหนก็ ใช้แค่นั้น อย่างคนรวยที่เขาบอกว่าพอเพียง เขา ก็พอเพียงจริงๆ เพราะว่าเขาไม่ได้ไปแข่งกับใคร เขาก็มีเท่าที่เขามี มีหลายคนที่รํ่ารวยแต่ใช้ชีวิต ประหยัด ใช้กระเป๋าธรรมดา เขาก็ทำ�ได้ เพราะ
ความพอเพียง คือ การไม่ได้มี ความรู้สึกน้อยเนื้อตํ่าใจที่เรามี ไม่เท่าคนอื่น ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้อง ตะเกียกตะกายให้มีเท่าคนอื่น มีแค่ไหนก็ใช้แค่นั้น ฉะนั้นความพอเพียงทำ�ได้ง่ายมาก พวกเราๆ ก็ รู้กัน เพียงแต่ว่าบางทีกระแสความฟุ้งเฟ้อมัน เยอะไปหน่อย จริงๆ แล้วพอเพียงก็เป็นธรรม ข้อหนึ่ง คือ การรู้จักประมาณตน “ความทะเยอทะยานน่ะมีได้ เพราะสังคม ต้องมีความทะเยอทะยานนิดๆ เพื่อโลกจะได้ ก้าวหน้าไป ถ้าจะแข่งก็ต้องแข่งกับตัวเอง ให้ เปรียบเทียบเมื่อวานกับวันนี้ว่า ทำ�ได้ดีกว่า เมื่อวานหรือเปล่า แล้วจะเกิดความภูมิใจตรง
นั้น และจะมีต่อไป ต่อไป แต่ถ้าไปเปรียบเทียบ กับคนอื่น คุณไม่รู้ว่าเมื่อวานเขาทำ�อะไรมา ปัจจุบันจึงประสบความสำ�เร็จอย่างนี้ เพราะ ฉะนั้นจึงไร้สาระที่จะไปเทียบอะไรก็ตามกับใคร ถ้าเราเข้าใจตรงนี้ หลักพอเพียงมันก็ง่าย “บางทีเวลาเราเจอคนอื่น จิตอาจจะเผลอ ไปว่า เอ้อ! ทำ�ไมเราไม่เป็นเหมือนคนนั้น ทำ�ไม เราไม่เป็นเหมือนคนนี้นะ เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ปัจจัย อย่างเดียว อยู่ที่ความสามารถของเราด้วย โอเค บางครั้งรู้สึกว่า ทำ�งานที่เราชอบได้ดีแค่ นี้ แต่พอไปเห็นคนอื่นทำ�ได้ดีกว่า เรากลับเกิด ความริษยา แล้วอยากได้เหมือนคนนั้น ถ้ารู้สึก ตัวสักหน่อย หันมามองตัวเราสักนิด จะรู้ว่าเราก็ มีความสมดุล มีความพอดีอยู่ในลักษณะที่เป็น อยู่ในพื้นถิ่น อยู่ในวงศ์วาน ในสังคม ในชุมชนที่ เราเป็น ไม่จำ�เป็นต้องมีสังคมอีกอย่างหนึ่งเลย “ส่วนตัวไม่ได้ปฏิบัติธรรมอะไรมากมาย หรอก แต่อ่านหนังสือ และฟังคำ�บรรยายธรรมะ บ่อยๆ อีกอย่าง งานศิลปะทำ�ให้เกิดสมาธิ การ 41
feature
พอเพียงไม่ใช่เรื่องยาก อย่าไปทำ�ให้เสียสภาวะ สมดุล ไม่ว่าจะเรื่องเงินทอง จิต ความต้องการ หรืออะไร ก็แล้วแต่ ทำ�ทุกอย่างให้เป็น ธรรมดา แต่การจะทำ�ให้เป็น ธรรมดาได้ เราก็ต้องอยู่กับ ตัวเอง และสังเกตตัวเอง ให้เยอะนิดหนึ่ง อย่าไปสังเกตคนอื่น เพราะคนอื่นมีไม่เหมือนเรา แล้วจะรู้ว่า พอเพียง มันก็แค่นี้เอง คือ จิตใจที่พอดีๆ ขยับมือ ขยับร่างกาย ได้พิจารณาอยู่กับตัวเอง เยอะๆ ในขณะที่ทำ�งาน จึงทำ�ให้เห็นสิ่งเหล่านั้น ค่อนข้างชัด ก็จะรู้ และระงับได้ สิ่งนี้จึงก่อให้ เกิดความพอดี” ก่อนหน้านี้ เมตตาได้เดินทางไปเข้าคอร์ส เรียนรู้ เก็บประสบการณ์ด้านวาดภาพที่เมือง ฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เธอบอกว่า ทำ�ให้มีแรง บันดาลใจที่จะจัดแสดงนิทรรศการของตัวเองอีก ครั้ง หลังจากห่างหายไปนาน ช่วงนี้อยู่ระหว่าง รวบรวมผลงาน และสร้างสรรค์ใหม่ นอกจากทุ่มเทให้กับงานศิลปะ เมตตายัง เป็นคุณป้าใจดีของเด็กๆ โรงเรียนปัญญาเด่น จังหวัดเชียงใหม่ อีกด้วย “ตอนนี้น้องสาวมีโรงเรียนวิถีพุทธที่ เชียงใหม่ ก็เลยย้ายไปอยู่เชียงใหม่ ช่วยเขาดูแล โรงเรียน ไม่มีตำ�แหน่งอะไรหรอก เป็นคุณป้า ของเด็กๆ แล้วช่วยงานที่เป็นศิลปะ เช่น สร้าง สนามเด็กเล่น วาดห้องเรียน ปั้นพระให้ 2 องค์ องค์เล็กบูชาในห้อง องค์ใหญ่ไว้สำ�หรับบูชา 42
เวลามีพิธีในโรงเรียน หรือมีงานแสดงต่างๆ ก็ ช่วยเขา อย่าง โอเค! ป้าเย็บผ้าเป็น ป้าเย็บให้ อะไรประมาณนี้ ทำ�ให้เด็กๆ แล้วมีความสุขดี ค่ะ” ระหว่างพูดคุย มีโอกาสได้ชมพระพุทธรูป จากฝีมือการปั้นดินของเมตตา มีความรู้สึกว่า คงเสียดายแย่ หากเธอเลือกบริหารธุรกิจต่อ “ความสุขของคนเราไม่ใช่แค่ได้นั่งหัวเราะ หรือไม่ใช่ว่าได้อะไรที่พึงพอใจอยู่อย่างเดียว แต่มันคือความรู้สึกที่ไม่รู้สึกดีใจเกินไป เสียใจ เกินไป หรือรู้สึกอยากได้ของของคนอื่น ไม่รู้สึก อยากเหมือนคนอื่น นั่นแหละคือความสุข “ความสุข คือ ตอนเรานิ่งๆ สังเกตไหมเมื่อ ไปเที่ยวภูเขา ทะเล ทำ�ไมจึงมีความสุข ไม่ใช่ เพราะเราได้เที่ยวนะ แต่เป็นเพราะถูกดึงออก จากความอยากได้อยากมีอย่างที่เคย การได้ไป เห็นต้นไม้ ใจเราก็ใส เพราะไม่ได้อยากได้อะไร เหมือนการได้รับพลังมา แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะ มีเหตุปัจจัยเอื้อหลายอย่างที่ทำ�ให้เรา
ไม่ได้คิดอะไร ใจของเราก็เลยค่อนข้างจะสะอาด ในช่วงนั้น” เหมือนดั่งวันนี้ ที่ผู้เขียนได้รับความสงบ ของธรรมชาติ และงานศิลปะ ซึ่งมีให้ชมอยู่ทั่ว อาณาบริเวณบ้าน ก่อนจาก เมตตาฝากข้อคิด เกี่ยวกับความพอเพียงว่า “พอเพียงไม่ใช่เรื่องยาก แค่กินอิ่มนอน หลับธรรมดา อิ่มแล้วกินเข้าไปอีกสิ เดี๋ยวก็ปวด ท้อง เวลามีมากๆ ก็ไร้ค่า เวลามีน้อยๆ ก็มีค่า ถ้ารู้จักเรียนรู้ชีวิตจะพบว่า จริงๆ แล้วมันก็แค่ นี้เอง อาบนํ้าเยอะตัวก็เปื่อย เล่นนํ้าเยอะตัวก็ เหี่ยว เป็นเรื่องของความสมดุล ใครมีมากน้อย แค่ไหนก็ว่าไปตามนั้น อย่าไปทำ�ให้เสียสภาวะ สมดุล ไม่ว่าจะเรื่องเงินทอง จิต ความต้องการ หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำ�ทุกอย่างให้เป็นธรรมดา แต่การจะทำ�ให้เป็นธรรมดาได้ เราก็ต้องอยู่กับ ตัวเอง และสังเกตตัวเองให้เยอะนิดหนึ่ง อย่าไป สังเกตคนอื่น เพราะคนอื่นมีไม่เหมือนเรา แล้ว จะรู้ว่า พอเพียงมันก็แค่นี้เอง คือ จิตใจที่พอดีๆ”
ดร.วัชรมงคล เบญจธนะฉัตร์ สมดุลบนความพอเพียง
ระหว่างทีเ่ ดินเข้าสู่ บริษทั บาธรูม ดีไซน์ จำ�กัด หน่วยงานดีเด่นของชาติ ประจำ�ปี 2552 เจ้าของรางวัลชนะเลิศ ผลงานตามปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ปี 2555 สำ�หรับธุรกิจขนาด กลางและขนาดย่อม จากสำ�นักงานพิเศษเพือ่ ประสานงานโครงการอันเนือ่ งจากพระราชดำ�ริ (กปร.) และแวะชมอ่างอาบนํา้ ดีไซน์หรู มีระดับ ทีว่ างอวดโฉมความงาม น่าจับจองเป็นเจ้าของ ในโชว์รมู เป็นระยะๆ นัน้ ต้องยอมรับว่า ตัวผม เองก็ยงั ไม่เข้าใจดีนกั ว่า พอเพียงจะเคียงคูก่ บั การ ดำ�เนินธุรกิจได้อย่างไร
ดร.วัชรมงคล เบญจธนะฉัตร์ ประธาน กรรมการ ยิ้มทักทายอย่างอบอุ่น ทั้งยืนยัน ว่า ปัจจุบันบริษัทส่งออกอุปกรณ์ในห้องนํ้าไป ขายกว่า 30 ประเทศ นั่นเพราะ ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง “คนส่วนใหญ่มองว่า พอเพียง นั้นต้อง ประหยัด ต้องไม่ทำ�อะไรเลย แต่ความจริง คำ�ว่าพอเพียง ซึ่งเป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้คนไทยทุกคนนั้น คือคำ�ว่า พอดี และพอดี คือ สมดุล ถ้าทุกสิ่ง บนโลกไม่สมดุล ก็จะค่อยๆ ล้มและถึงจุดเสื่อม ในที่สุด “ย้อนกลับมาที่ชีวิตเรา ถ้าไม่สมดุลก็อยู่ได้ ไม่นาน เช่น ไม่พักผ่อนเลย ทำ�งานหนักมากไป ดูแลตัวเองน้อยไป ไม่ออกกำ�ลังกาย กินมากไป กินน้อยไป ทุกสิ่งทุกอย่าง ทำ�มากไป ทำ�น้อยไป ก็ไม่ดี ต้นไม้รากยิ่งลงลึกจะยิ่งโต เวลาโดนลม พัดก็ไม่มีปัญหา ตึกรามบ้านช่องถ้าลงเสาเข็มดี ก็มั่นคง ธุรกิจก็เช่นเดียวกัน ต้องรู้จักสมดุล”
ความสมดุลของการดำ�เนินธุรกิจตาม ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ ดร.วัชรมงคล ยึดถือปฏิบัติ มี 4 อย่าง คือ องค์กรต้องสมดุล, คนในองค์กรต้องสมดุล, เป้าหมายของธุรกิจ ต้องสมดุล และประสิทธิภาพกับความสุขของ องค์กรต้องสมดุล การทีจ่ ะทำ�ให้องค์กรสมดุลได้ ดร.วัชรมงคล บอกว่า ต้องมี 3 เสาหลักเป็นรากฐาน “หนึ่ง ต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้ สอง ต้อง สามารถสร้างภูมิคุ้มกัน มีภูมิต้านทาน เวลาเกิด วิกฤติในอนาคต เรามีแผนสำ�รองหรือเปล่า และ สาม ธุรกิจต้องกลับไปเป็นประโยชน์ให้กับผู้อื่น ได้ ธุรกิจไม่ใช่เป็นประโยชน์เฉพาะผู้ถือหุ้นนะ ผู้บริหารจะต้องรู้สึกดี พนักงานต้องรู้สึกอยาก ทำ�งาน อยากขับเคลื่อนองค์กร คนในชุมชนรู้สึก ดีกับองค์กร เพราะถ้าชุมชนอยู่ไม่ได้ ธุรกิจก็อยู่ ไม่ได้” ในส่วนของคนในองค์กรสมดุล ดร.วัชรมงคล อธิบายว่า “คนในองค์กรต้องพัฒนาให้สมดุล 43
feature
ระหว่างคนเก่งกับคนดี แนวทางตะวันตกสอน เพียงแต่ว่าเราต้องการคนเก่งเยอะๆ แต่คนที่เก่ง หากไม่ซื่อสัตย์ยิ่งอันตราย แล้วธุรกิจอยู่ไม่ได้ นะครับ” ทางด้านเป้าหมายของธุรกิจที่ต้องสมดุล นั้น ดร.วัชรมงคลบอกว่า “ทำ�ธุรกิจไม่ใช่ว่าต้อง วางเป้ากำ�ไรเท่านีต้ อ่ เดือน ต้องมีผลประกอบการ โตกี่เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน คำ�ว่าเป้าหมาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานคำ�ว่า ประโยชน์สุข ประโยชน์ ก็คือ สิ่งที่เป็นมูลค่า วัด เป็นตัวเลขได้ ความสุขวัดเป็นตัวเลขไม่ได้ เป็น คุณค่า คนมีเงินมากอาจจะทุกข์กว่าคนมีเงิน น้อยก็ได้” และสมดุลที่สี่ ประสิทธิภาพกับความสุข ขององค์กรต้องสมดุล ดร.วัชรมงคลขยายความ ว่า “สุดท้ายผลสัมฤทธิ์เกิดกับใครล่ะ องค์กร กำ�ไรดี พนักงานมีความสุข คนรอบข้างมีความ สุขด้วยหรือเปล่า องค์กรมีก�ำ ไร แล้วย้อนกลับมา ตอบแทนชุมชนหรือเปล่า ทำ�ฟุตปาธ สะพานลอย ให้เงินทุนเด็กนักเรียนในชุมชน เกื้อหนุน วัดวาอารามหรือเปล่า สังคมได้อะไรจากธุรกิจนี้ 44
คำ�ว่าพอเพียง คือคำ�ว่า พอดี และพอดี คือ สมดุล ถ้าทุกสิ่ง บนโลกไม่สมดุล ก็จะค่อยๆ ล้ม และถึงจุดเสื่อมในที่สุด เมื่อมีกำ�ไรบ้างไหม” บาธรูม ดีไซน์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2538 เมื่อ วิกฤติเศรษฐกิจต้มยำ�กุ้งเข้ามาแผลงฤทธิ์ ดร.วัชรมงคลก็ไม่ต่างกับผู้บริหารทั่วไปที่ได้รับ บาดแผลจากผลกระทบ แต่สิ่งที่ทำ�ให้เติบโตมา ได้ เป็นเพราะน้อมนำ�หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมาใช้ โดยเฉพาะการพึ่งพาตัวเอง และ สร้างภูมิคุ้มกัน “เมื่อก่อนผมนำ�เข้าสินค้าจากต่างประเทศ 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็ไม่มีการทำ�ประกันความ เสี่ยงอะไรเลย พอเกิดปัญหาวิกฤติปี 40 แล้วได้
แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง จากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว จึงค่อยๆ นำ�มาปรับประยุกต์ เมื่อรู้ว่าผมยังพึ่งพาตัวเองไม่ได้ จึงลดการนำ� เข้า เพราะเงินบาทอ่อนค่าลง กลายเป็นว่าผม มีหนี้เพิ่มมากขึ้น 2 เท่า แทบไม่มีเงินเดือนจ่าย พนักงาน ช่วงแรกต้องลดราคาสินค้า ขายเอา เงินสดเข้ามาก่อน เพื่อจ่ายเงินเดือนพนักงาน ต่อจากนั้นผมมาสร้างนวัตกรรม สร้างแบรนด์ ของตัวเอง เพื่อใช้เป็นภูมิคุ้มกัน และทำ�ให้คนที่ อยู่กับผมพร้อมที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน” เมือ่ น้อมนำ�หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้แล้ว ดร.วัชรมงคลจึงปรับตัวจากผู้นำ�เข้า หันมาออกแบบผลิตภัณฑ์เอง แล้วไปว่าจ้าง โรงงานผลิตให้ แต่ด้วยสินค้าเป็นที่ต้องการของ ตลาด โรงงานที่รับจ้างจึงลอกงานออกมาขาย แข่งในราคาที่ถูกกว่า ส่งผลให้ บาธรูม ดีไซน์ ต้องมีโรงงานผลิตเอง หลังจากนั้น ดร.วัชรมงคลก็ค่อยๆ ใส่ นวัตกรรม และเทคโนโลยีเข้าไปในอุปกรณ์ ห้องนํ้าเรื่อยๆ ชนิดที่ว่านำ�หน้าคู่แข่งอยู่เสมอ เช่น เป็นเจ้าแรกที่นำ�ระบบนํ้าวนมาใช้ในอ่าง อาบนํ้า เป็นอ่างใบแรกที่สั่งการทำ�งานจาก โทรศัพท์มือถือ อ่างใบแรกที่สั่งการด้วยปริมาตร ร่างกายผู้ใช้ และอีกมากมาย ซึ่งเข้าชมได้ที่ www.bathroomtomorrow.com ล่าสุด ดร.วัชรมงคลพัฒนาเทคโนโลยี ห้องนํ้าสำ�หรับคนชรา และคนพิการ ผลิตจาก วัสดุพิเศษซึ่งไม่ทำ�ให้ลื่น แต่หากสุดวิสัยจริงๆ เกิดลื่นล้ม ระบบจะปลดล็อกห้องนํ้าอัตโนมัติ พร้อมทั้งส่งสัญญาณเตือนไปทั่วบ้าน และ ยังส่ง SMS ไปให้บุตรหลานได้ถึง 5 คน ด้วย คุณสมบัติเหล่านี้จึงทำ�ให้ได้รับรางวัลชนะเลิศ reddot design award ซึ่งเปรียบดั่งออสการ์ทาง ด้านดีไซน์ จากประเทศเยอรมนี โดยก่อนหน้านัน้ สินค้าของบาธรูม ดีไซน์ได้รับรางวัล reddot มา แล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน “บางคนถามว่า ทำ�อย่างนี้พอเพียงหรือ เปล่า ไม่ใช่! แต่เป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน ผมมี นวัตกรรมที่ไปชนะรางวัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวม แล้วหลายสิบรางวัลในรอบ 5-6 ปี ซึ่งทำ�ให้ ต่างประเทศรู้จัก ผมเป็นธุรกิจที่มีทีมออกแบบ เป็นคนไทยทั้งหมด อันนี้หลายคนอาจจะงง เอ๊ะ! เราทำ�อ่าง หรือผลิตภัณฑ์ในห้องนํ้าซึ่งมี
สุขมีอยู่สองอย่าง คือ สะกดด้วย ก กับ สะกดด้วย ข สุกแรก คือ สุกไหม้ สุขที่สอง คือ สุขเย็น เมื่อไหร่เราวิ่งตามหาความสุข ความสุขมัก จะวิ่งหนีเรา แต่เมื่อไหร่เราหยุดวิ่งหาความสุข เดี๋ยวความสุขจะวิ่งมาหา เราเอง มนุษย์ส่วนใหญ่เข้าใจว่าความสุขต้องวิ่งหา ต้องมีมากขึ้น แล้วพอได้สักพักหนึ่งมันก็จะวิ่งหนีเราไป ราคาแพง แล้วพอเพียงยังไง จริงๆ แล้วพอเพียง ไม่จำ�เป็นต้องทำ�ของถูก แต่ให้สมดุล” โดยส่วนตัว ดร.วัชรมงคลถือว่าเป็นนัก กิจกรรมเพื่อสังคมตัวยง ซึ่งก่อนที่จะมานั่ง ถ่ายทอดประสบการณ์การบริหารงานตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เขาได้บุกป่าฝ่า ดง เป็นคนค้นครู ตามหาครูดีที่อุทิศตนเพื่อเด็ก ด้อยโอกาส เพื่อเทิดทูนความดี เป็นกำ�ลังใจด้วย การมอบรางวัลจากโครงการครูเจ้าฟ้ากรมหลวง นราธิวาสราชนครินทร์ให้ ปัจจุบัน ดร.วัชรมงคล ดำ�รงตำ�แหน่งในมูลนิธิมากมาย อาทิ กรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการ โครงการพระเมตตา สมเด็จย่า, กรรมการและเลขานุการ โครงการ ครูเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, กรรมการกองทุนเพือ่ การศึกษาสำ�หรับเด็กชาวเขา มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.), กรรมการมูลนิธสิ บื นาคะ เสถียร เป็นต้น ด้วยความสุขเกิดขึ้นได้จากการให้ ดร.วัชรมงคลจึงปลูกฝังพนักงานทุกคนให้เห็น
คุณค่าด้านนี้ และสนับสนุนให้พนักงานทำ� กิจกรรมเพื่อสังคมอย่างเต็มที่ “ที่นี่พนักงานเหมือนคนในครอบครัว แล้วก็ มองทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน มองว่าคนไทย ทุกคนมีพ่อคนเดียวกัน ถ้าเรามองอย่างนี้ ความ รักที่เราให้ จะไม่รู้สึกว่าเสีย แต่จะมีความสุข แล้วยิ่งให้ใครจะยิ่งได้สิ่งนั้นกลับมา “ทุกวันพุธเราให้พนักงานไปช่วยบ้านเด็ก กำ�พร้า บ้านคนชรา ไปช่วยไม่ใช่เอาเงินไปให้ แต่ไปดูแลเด็กที่ป่วย ไปดูแลคนชราที่บ้านพัก คนชรา เป็นต้น ด้านการศึกษา บริษัทเราตั้ง กองทุนพี่น้องบาธรูมช่วยชุมชน พนักงานคนไหน ที่บริจาคเงินเข้ากองทุนนี้ เงินเขาจะกลายเป็น 2 เท่า เพราะบริษัทจะเติมให้อีกส่วนหนึ่ง เพื่อเอา ไปช่วยทางด้านการศึกษา แล้วเราจะไปสร้าง โรงเรียนปีละ 1 แห่ง พาพนักงานไปด้วย” ทั้งนี้ ดร.วัชรมงคลยังรณรงค์ให้พนักงาน ทุกคนรักษาศีล 5 และให้ถือการปฏิบัติธรรมเป็น KPI ของบริษัทที่ทุกคนต้องทำ�อย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อให้รู้จักคำ�ว่าพอดี
นอกจากสนับสนุนให้พนักงานทำ�กิจกรรม เพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ดร.วัชรมงคลยังดูแล พนักงานด้วยสวัสดิการอย่างดี เช่น อาหาร กลางวันฟรี, สวัสดิการทุนการศึกษาบุตร, ทุกวัน เกิดของพนักงานจะเป็นวันหยุดของเขา และ มีเค้กอวยพรมอบให้, ครบรอบวันแต่งงานมีดอกไม้ ดอกงามมอบให้ เพื่อให้พนักงานนำ�ไปมอบให้ คู่สมรสที่บ้าน เป็นต้น ด้วยการบริหารงานลักษณะนี้ ทำ�ให้ ดร.วัชรมงคลเกิดความสุขกับการทำ�งานทุก ขัน้ ตอน พร้อมทัง้ กล่าวถึงหลักคิดของความสุขว่า “บางคนสร้างความสุขง่ายๆ ตื่นขึ้นมาได้ กลิ่นหอมของดอกไม้ตอนเช้าก็มีความสุข ได้ยิน เสียงนกร้อง เห็นรอยยิ้มของคนที่ช่วยเหลือ ซึง่ กันและกันก็มคี วามสุข พวกนีไ้ ม่จ�ำ เป็นต้องซือ้ สิ่งที่ต้องใช้เงินซื้อ ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เป็น แค่ความสะดวก “สุขมีอยู่สองอย่าง คือ สะกดด้วย ก กับ สะกดด้วย ข สุกแรก คือ สุกไหม้ สุขที่สอง คือ สุขเย็น เมื่อไหร่เราวิ่งตามหาความสุข ความสุข มักจะวิ่งหนีเรา แต่เมื่อไหร่เราหยุดวิ่งหาความ สุข เดี๋ยวความสุขจะวิ่งมาหาเราเอง มนุษย์ส่วน ใหญ่เข้าใจว่าความสุขต้องวิ่งหา ต้องมีมากขึ้น แล้วพอได้สักพักหนึ่งมันก็จะวิ่งหนีเราไป เหมือน วัวถูกสนตะพาย เราไม่รู้หรอกว่า โดนจูงด้วย ความสุกร้อน แต่ก่อนเราเคยอยากได้เงินเดือน ระดับนี้ พอทำ�เต็มที่ ได้เงินเดือนระดับนั้นแล้ว แต่เพื่อนเงินเดือนมากกว่า เรากลับทุกข์ ทั้งๆ ที่ เราทำ�จนถึงตัวเลขที่ตั้งเอาไว้แล้ว เราเคยอยาก มีรถเล็กๆ สักคัน แต่พอเพื่อนมีรถที่ดีกว่าหรูกว่า เราก็ทุกข์ เพราะอะไร เพราะการเปรียบเทียบ ถ้าเรารู้จักเปรียบเทียบสิ่งที่ด้อยกว่า เราจะดูมี มาก แต่ถ้าเราเปรียบเทียบกับสิ่งที่มากกว่า เรา จะดูด้อยทันที” ท้ายสุด ดร.วัชรมงคลได้ฝากข้อคิดเกี่ยวกับ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไว้อย่าง น่าฟังว่า “เราโชคดีที่มีพระมหากษัตริย์ที่ดี และเสีย สละมากที่สุดในโลก รักประชาชนของท่านมาก ที่สุดเหมือนลูก ปัจจุบันนอกจากคำ�ว่ารัก คน ไทยถวายอะไรให้ท่านบ้าง ไม่ใช่เงินนะ เรียกว่า ปฏิบัติบูชา นำ�คำ�พ่อสอนมาใช้กับตัวเอง เอามา ประยุกต์กับองค์กร มาพัฒนาประเทศชาติของ เราร่วมกันหรือยัง” 45
o a ภาพประกอบ : จัง เสนารักษ์
เยือ่ บุตาอักเสบ เคยเป็นเยือ่ บุตาอักเสบ พอหายกลาย เป็นโรคตาแห้ง เจ็บตาและเคืองตาแทบ ทุกวัน โดยเฉพาะเมือ่ ใช้สายตาหรือเจอแสงจ้า ใช้นา้ํ ตาเทียมก็พอช่วยได้บา้ ง ควรทำ�อย่างไร คะ ตาจะกลับมาอักเสบได้อกี หรือเปล่า เยื่อบุตาอักเสบ มีสาเหตุหลายอย่าง ด้วยกันครับ ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อไวรัสหรือ แบคทีเรีย การระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อมหรือ สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ทั้งฝุ่น ลม แสง สารเคมี ฯลฯ โรคเยื่อบุตาอักเสบที่เรารู้จักกันอย่างดีก็คือ โรคตาแดง โรคภูมิแพ้ตา ในส่วนของอาการโรค เยื่อบุตาอักเสบอาจจะมีได้ตั้งแต่ตาแดง นํ้าตา ไหลมากกว่าปกติ มีอาการแสบตา เคืองตา ปวดตา คันบริเวณดวงตา รู้สึกว่ามีสิ่งแปลก ปลอมในดวงตา เมื่อยล้าบริเวณดวงตา และ อาการสู้แสงไม่ได้ อาจจะมีขี้ตามากกว่าปกติ วิธีการรักษาโดยทั่วไปก็ขึ้นกับสาเหตุของ เยื่อบุตาอักเสบครับ ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร เช่น เกิดจากติดเชื้อไวรัสที่ทำ�ให้มีตาแดง การ รักษาก็เป็นการรักษาแบบประคับประคอง ใช้ ยากลุ่มต้านฮีสตามีนหยอดตาลดอาการคัน การใช้ความเย็นประคบดวงตา ไม่จำ�เป็นต้อง ใช้ยาปฏิชีวนะชนิดหยอดแต่อย่างใด แต่ถ้าเป็น เยื่อบุตาอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ส่วนมากจะต้องใช้ยาปฏิชีวนะชนิดหยอด ร่วมด้วย หรืออาการตาอักเสบจากการเป็นโรค กลุ่มแพ้ภูมิคุ้มกันตนเอง การรักษาก็จะแตกต่าง ออกไป ต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
1
46
ส่วนอาการตาแห้งนั้นก็เกิดตามมาหลัง จากเยื่อบุตาอักเสบได้ครับ อย่างไรก็ตาม ควร หาสาเหตุที่แน่ชัดก่อนว่าเกิดจากสาเหตุใด เพื่อ ให้การรักษาเป็นไปอย่างถูกต้อง โดยทั่วไป สาเหตุของอาการตาแห้งสามารถแบ่งได้เป็น กลุ่มตามนี้ 1. ไม่ทราบสาเหตุ 2. การสร้างนํ้าตาน้อยผิดปกติจากกลุ่ม อาการ Sjöogren (โจเกรน) ซึ่งเป็นโรคภูมิแพ้ชนิด หนึ่ง 3. การสร้างนํ้าตาน้อยผิดปกติจากสาเหตุ อืน่ ๆ เช่น ท่อนํา้ ตาตีบ การใช้ยากลุม่ ต้านฮีสตามีน การใช้คอนแทคต์เลนส์ โรคภูมิแพ้บางชนิด เป็นต้น 4. การระเหยของนํ้าตามากกว่าปกติ ใน กลุม่ โรคทีม่ อี าการอักเสบของดวงตา ทัง้ เยือ่ บุตา เปลือกตา การผ่าตัดแก้ไขดวงตาบางชนิด ก็ทำ�ให้ดวงตาแห้งได้เช่นกัน การรักษาส่วนใหญ่ก็จะเป็นการรักษา แบบประคับประคองตามอาการ ใช้นํ้าตาเทียม หลีกเลี่ยงสภาวะที่ทำ�ให้ดวงตาแห้งได้ง่าย เช่น สถานที่ลมพัดแรง สถานที่แห้งและเย็นเกินไป หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางกลุ่มที่มีผลทำ�ให้ดวงตา แห้ง ลดการใช้คอนแทคต์เลนส์ เป็นต้น สำ�หรับการกลับมาเป็นซํ้าของอาการ ตาแห้งนัน้ ก็ตอ้ งกลับไปดูทส่ี าเหตุครับ ว่าสาเหตุ ที่แท้จริงของอาการตาแห้งนั้นเกิดจากอะไร จะ ได้นำ�ไปสู่การดูแลรักษาที่ถูกต้องและถูกวิธีครับ
อาการผิดปกติ ระหว่างมีประจำ�เดือน 2
ระหว่างมีประจำ�เดือน เกิดอาการ วิงเวียนคล้ายจะเป็นลม (เพิง่ เป็นเมือ่ ปวดท้องมากจนปวดหัว) อยากกินแต่ ของหวานๆ เกิดจากอะไร ควรทำ�อย่างไร ก่อนมีประจำ�เดือน คุณผู้หญิงหลายๆ ท่านอาจพบอาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการ คัดตึงหน้าอกทั้งสองข้าง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ปวดหน่วง ท้องน้อย ปวดหลัง ปวดเอว อยากรับประทาน อาหารมากขึ้น ท้องอืด ถ่ายเหลว นํ้าหนักขึ้น บวมตัว หน้า มือ เท้า แขน ขา ฯลฯ อาการ ทั้งหมดนี้ เป็นผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของ ระดับฮอร์โมนเพศหญิงทัง้ สองตัว คือ เอสโตรเจน
คลางแคลงใจ เรือ่ งโรคเกีย่ วกับลำ�ไส้ 3
จะรูไ้ ด้อย่างไรว่าเป็นโรคเกีย่ วกับลำ�ไส้ อาการของโรคคล้ายกับการเกิดแผลใน กระเพาะอาหารหรือเปล่า ขอทราบวิธดี แู ล ตัวเองหรือการกินอาหารค่ะ ลำ�ดับแรกคงต้องขอขยายความคำ�ว่า โรค เกี่ยวกับลำ�ไส้ก่อน เพราะว่าโรคเกี่ยวกับลำ�ไส้ เพียงอวัยวะเดียวก็มีนับไม่ถ้วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็น โรคแผลในลำ�ไส้ โรคลำ�ไส้อุดตัน โรคเกี่ยวกับ การดูดซึมอาหารผิดปกติ โรคการขยับตัวของ ลำ�ไส้ผิดปกติ ฯลฯ แต่ก็พออนุมานจาก คำ�ถามได้ว่าน่าจะเป็นโรคกลุ่มเดียวกับแผลใน กระเพาะอาหาร คือ โรคแผลในลำ�ไส้เล็ก นั่นเอง และโปรเจสเตอโรนนั่นเองครับ โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำ�ไส้ มีชื่อ โดยทั่วไปอาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นก่อนมี เรียกภาษาอังกฤษว่า Peptic Ulcer Disease ขอเรียกสั้นๆ ว่า PU นะครับ เป็นโรคที่มีความผิดปกติ ประจำ�เดือนประมาณ 1-2 สัปดาห์ แล้วจะหาย ของชั้นเยื่อเมือกที่ห่อหุ้มผนังกระเพาะอาหารและลำ�ไส้ด้านใน กล่าวคือมีการอักเสบเรื้อรังบริเวณ ไปหลังจากมีประจำ�เดือนได้ 2-3 วัน บางครั้ง ผนังกระเพาะอาหารด้านใน จนชั้นเยื่อเมือกที่ปกคลุมเกิดรอยแผลขึ้น ส่งผลให้ผนังของกระเพาะ อาการเหล่านี้ก็พบได้ในกลุ่มที่ได้รับการบำ�บัด อาหารและลำ�ไส้สัมผัสกับกรดในกระเพาะอาหารโดยตรง จึงมีอาการปวดท้องเกิดขึ้นครับ ด้วยยาฮอร์โมนทดแทน และพบได้มากขึ้นใน เดิมทีเคยเชื่อกันว่าสาเหตุของโรค PU เกิดจากหลายปัจจัย เช่น ความเครียด การรับประทาน กลุ่มอายุ 30-40 ปีครับ บางรายอาจจะมีอาการ อาหารไม่ตรงเวลา การสูบบุหรี่ เป็นต้น แต่ปัจจุบันพบว่าสาเหตุหลักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อ ดังกล่าวเพียงเล็กน้อย แต่สำ�หรับบางคนแล้ว Helicobacter pylori (H. pylori) อีกสาเหตุหนึ่งคือการใช้ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) อาการดังกล่าวก็รบกวนชีวิตประจำ�วัน หรือส่ง เช่น ยาแอสไพริน เป็นต้น ส่วนปัจจัยอื่นๆ นั้นก็มีส่วนทำ�ให้เกิดโรค PU ขึ้นมาครับ ผลกระทบต่อหน้าที่การงานหรือความสัมพันธ์ อาการสำ�คัญของโรค PU นั่นก็คือ ปวด แน่น จุกเสียดท้อง รู้สึกแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ มีอาการ ของคุณผู้หญิงได้เลยครับ กดเจ็บบริเวณลิ้นปี่ เป็นอาการที่พบได้ทั่วไปของผู้ป่วยโรคนี้ซึ่งพบในโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดิน อาการอยากรับประทานอาหารรสหวาน อาหารได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ด้วยอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจงนี้ทำ�ให้มีผู้ป่วยบางส่วนตรวจพบโรค มากกว่าปกติก็พบได้เช่นกันครับ อย่างที่กล่าว เมื่อมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น เช่น มีเลือดออกจากแผล มีรอยแผลทะลุ เป็นต้น ไว้ข้างต้นว่าระหว่างการมีประจำ�เดือนระดับของ แล้วเรารับเชื้อ H. pylori มาจากไหน เชื้อโรคดังกล่าวเป็นเชื้อแบคทีเรียครับ ซึ่งเราสามารถรับ ฮอร์โมนจะเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ซึ่งส่งผลต่อ เชื้อโรคนี้ผ่านทางนํ้าลาย หรือจากอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค เมื่อร่างกายได้รับเชื้อโรค ความอยากอาหารด้วยเช่นกัน ดังนั้นวิธีการดูแล เข้าไปก็จะทำ�ให้เกิดความผิดปกติของการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร เยื่อเมือกที่ปกคลุมผนัง ตนเองก็คงจะต้องรู้เท่าทันตนเองก่อนเป็นอันดับ กระเพาะก็ไม่สามารถปกป้องได้อีกต่อไป จึงเกิดแผลขึ้นทั้งในกระเพาะอาหารและลำ�ไส้เล็กส่วนต้น แรกครับ ตามด้วยการดูแลอาหาร ที่นอกจาก การดูแลตนเองเพื่อป้องกันการเป็นโรค PU นั่นก็คือ ระมัดระวังไม่ให้เกิดการติดเชื้อ H. pylori ต้องรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่แล้ว ยังต้อง โดยการรับประทานอาหารที่สะอาด ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารและการไม่ใช้ยา เน้นอาหารที่มีกากใยมากกว่าปกติ เช่น ผัก NSAIDs เกินความจำ�เป็น รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมครับ ทั้งการงดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่ม ผลไม้ ขนมปังโฮลวีต เป็นต้น ลดอาหารรสเค็ม แอลกอฮอล์ ก็ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแผลในกระเพาะอาหารและลำ�ไส้ได้ครับ หรือมีส่วนผสมของเกลือลง เนื่องจากหากได้รับ เกลือมากเกินไป จะเกิดอาการมือเท้าบวมได้ใน ช่วงมีประจำ�เดือน นอกจากนี้การหลีกเลี่ยงการ นพ.ฉัตรชัย อิ่มอารมย์ ดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และสูบบุหรี่ ก็ส่งผล แพทย์ประจำ�หน่วยตรวจสวัสดิการสุขภาพ ให้อาการต่างๆ ลดลงได้เช่นกันครับ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล 47
ยืดเส้นยืดสาย
เรื่อง : อาจารย์พิทักษ์ ศุภบัณฑิตย์กุล ภาพประกอบ : Sahred Toy
Jogging
ง่ายหรือยาก สำ�หรับคนอยากออกกำ�ลังกาย สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องการออก กำ�ลังกายทีท่ กุ ท่านคงจะรูจ้ กั กันดี นัน่ ก็คอื การจ๊อกกิง้ ครับ นิยามของการวิ่งแบบ “จ๊อกกิ้ง” คือ การวิ่ง ด้วยความเร็วและระยะทางปานกลาง ใช้เวลาในการ วิ่งระยะทาง 1 ไมล์ ต่อเวลา 10 นาที หรือในเวลา 1 ชั่วโมงควรวิ่งให้ได้ระยะทาง 6 ไมล์ หากเทียบเป็น กิโลเมตร ก็ประมาณ 5 กิโลเมตร หลายคนนิยมวิ่ง จ๊อกกิ้งเพื่อผ่อนคลายความล้าจากการทำ�งาน ซึ่ง เป็นวิธีการออกกำ�ลังกายที่ง่ายและประหยัด เพียง มีพื้นที่หรือลู่วิ่งที่อาจเป็นรอบบ้าน ในซอย สวน สาธารณะ แล้วก็รองเท้าผ้าใบกับชุดลำ�ลองสบายๆ ก็ สามารถวิ่งจ๊อกกิ้งได้แล้ว ทว่าหากเรามองลึกในราย ละเอียดอีกสักนิด เราจะได้รับคุณภาพจากการออก กำ�ลังกายด้วยวิธีนี้มากขึ้น รวมถึงสามารถป้องกัน การบาดเจ็บจากการออกกำ�ลังกายได้ด้วย เรามา ทำ�ความรู้จักการวิ่งจ๊อกกิ้งให้มากขึ้นกันนะครับ 48
1
ใครบ้างที่เหมาะกับการจ๊อกกิ้ง บุคคลทุกเพศทุกวัยสามารถวิ่งจ๊อกกิ้งได้ครับ เพียงแต่จะมีขีดจำ�กัดในเรื่อง ของเวลาและระยะทางตามวัย รวมถึงสภาพร่างกายที่มีความพร้อมต่างกัน อย่างที่ผม เกริ่นไว้ว่า จ๊อกกิ้ง คือ การวิ่งด้วยความเร็วและระยะทางปานกลาง ดังนั้นคุณภาพของ กล้ามเนื้อ ระบบการหายใจ นํ้าหนักตัวของผู้วิ่งจึงต้องอยู่ในเกณฑ์ปกติ หรือมีความ พร้อมต่อการออกกำ�ลังกายได้ดีระดับหนึ่ง ซึ่งหมายความว่า ในเวลา 10 นาที ควรวิ่ง ได้ระยะทางประมาณ 1 ไมล์ หากตํ่ากว่านี้ไม่ได้หมายความว่าสภาพร่างกายจะ ไม่พร้อมสำ�หรับการออกกำ�ลังกาย แต่อาจต้องพิจารณาว่าเหมาะสมกับการจ๊อกกิง้ หรือไม่ ผมอยากให้ก�ำ ลังใจคนทีเ่ ริม่ กลับมาออกกำ�ลังกาย หรือเพิง่ สนใจการออกกำ�ลังกาย ด้วยคำ�ว่า “เริ่มจากง่ายไปยาก ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวก็ทำ�ได้” ผมใช้หลักการนี้ทุกครั้งที่เทรน เรื่องการออกกำ�ลังกายให้กับนักกีฬาหรือผู้ที่ต้องการออกกำ�ลังกายเบื้องต้น เนื่องจาก ในการออกกำ�ลังกายนั้น เราจำ�เป็นต้องทราบรายละเอียดของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ บ้าง ผมใช้คำ�ว่าบ้างเพราะไม่จำ�เป็นต้องทราบทั้งหมด หากเรารู้ว่าการออกกำ�ลังแต่ละท่า ควรให้ความสำ�คัญกับอวัยวะส่วนไหน จะช่วยให้เราเน้นนํ้าหนักหรือเรียนรู้เทคนิคการ ออกกำ�ลังกายประเภทนั้นๆ ได้อย่างเข้าใจ และประเมินตัวเองได้ว่าสมควรเลือกกีฬา นั้นๆ เป็นการออกกำ�ลังกายหรือไม่ ซึ่งก็จะเข้าสู่เรื่องของ “ใครเหมาะสมกับการ จ๊อกกิ้งบ้าง” ผู้ที่เหมาะกับการจ๊อกกิ้งควรมีนํ้าหนักตัวไม่มาก ไม่มีปัญหาเรื่องข้อต่อเสื่อมสภาพ ส่วนผู้ที่มีปัญหาข้อต่อเสื่อม นํ้าหนักตัวมาก มีปัญหาเรื่องความดันโลหิต ก็เลือกกีฬา ที่ลดแรงกระแทก และสร้างการไหลเวียนของโลหิตที่ดีขึ้น เช่น ว่ายนํ้า โยคะ แต่ก็อาจ ใช้การวิ่งจ๊อกกิ้งเบาๆ ระยะทางสั้นๆ ผสมผสานกันตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ควรได้รับ การแนะนำ�จากผู้เชี่ยวชาญด้วยนะครับ
3
รองเท้าวิ่ง หรือรองเท้าจ๊อกกิ้งสำ�คัญหรือไม่ การวิ่งจ๊อกกิ้งใช้ฝ่าเท้าเป็นส่วนแรกในการรับนํ้าหนัก ตามด้วยส้นเท้า โดยมีอุ้งเท้าเป็น ส่วนผ่อนนํ้าหนัก อธิบายอย่างนี้ก็คงพอนึกภาพออกนะครับ แต่ถ้าจะให้ชัดเจนยิ่งขึ้นก็คือ เวลาที่เรา วิ่งด้วยความเร็วปานกลาง เท้าจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับการโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ดังนั้น นํ้าหนักตัวจะทิ้งไปที่ปลายเท้าหรือฝ่าเท้าส่วนปลายก่อน จากนั้นจึงลงไปที่ส้นเท้า การวิ่งจ๊อกกิ้งจึงเป็นการวิ่งเหยาะๆ ที่ต้องอาศัยทักษะในการวิ่งดังกล่าวเพื่อสร้างระยะทางและ เวลาที่สัมพันธ์กัน สิ่งที่ตามมาก็คือระบบการหายใจ ที่ต้องการนำ�ออกซิเจนไปช่วยในระบบไหลเวียน ของเลือด พร้อมกับนำ�ออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ กล่าวง่ายๆ ก็คือเมื่อไรที่เราวิ่ง ร่างกายจะต้อง ทำ�งานหนักขึ้น เปรียบเหมือนรถยนต์ พอเดินเครื่องก็ต้องการเชื้อเพลิง ต้องการอุปกรณ์ต่างๆ มา สนับสนุนการวิ่งที่สมบูรณ์ขึ้น ร่างกายคนเราก็เหมือนกัน แรงกระแทกจากส้นเท้าก็จะส่งผลต่อระบบ ประสาท และอวัยวะต่างๆ ระบบเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อก็ต้องการอุปกรณ์เสริมที่จะมาช่วยลดแรง กระแทกหรือแรงยึดบ้าง เพื่อให้มันสามารถทำ�งานได้ง่ายและถนอมอายุการใช้งาน รองเท้าจ๊อกกิ้ง ควรมีคุณลักษณะที่เด่นในเรื่องของการลดแรงกระแทกที่ฝ่าเท้า ส้นเท้า และมีตัวยึดแนวอุ้งเท้าที่เป็น ส่วนกลางระหว่างปลายเท้ากับส้นเท้า ดังนั้นหากพื้นรองเท้ามีการยึดและรองรับแรงกระแทกอย่างดี ระบบประสาทบนฝ่าเท้าก็จะทำ�งานได้ดี ไม่ส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อระบบอวัยวะภายในต่างๆ (นึกถึงการนวดฝ่าเท้านะครับ จะทำ�ให้เห็นภาพความสัมพันธ์ที่ผมกล่าวถึงง่ายขึ้น) ระบบกล้ามเนื้อ มัดต่างๆ เอ็นยึดส่วนต่างๆ ก็จะมีอายุการใช้งานที่ดี ควบคู่ไปกับการบริหารกล้ามเนื้ออย่างถูกวิธี ด้วยครับ หลายท่านใช้รองเท้าผ้าใบธรรมดาวิ่งก็ไม่ผิดนะครับ แต่มันจะไม่ช่วยให้การออกกำ�ลังกายด้วย การวิ่งของเรามีคุณภาพที่ดีเท่าไร หลังการวิ่งหรือในตอนเช้าวันรุ่งขึ้นหลายคนมักจะมีอาการบาดเจ็บ อุ้งเท้า น่องตามมา เป็นอาการบาดเจ็บสะสมครับ เนื่องจากเกิดการกระแทกอย่างที่กล่าวมา ข้างต้น มีหลายคนที่เข้าใจผิดในเรื่องนี้ และเมื่อเกิดอาการบาดเจ็บก็หาทางรักษาไม่ถูก ทำ�ให้ ได้รับบาดเจ็บจากการออกกำ�ลังกายโดยไม่รู้ตัว ลงทุนอีกนิดเพื่อร่างกายที่ฟิตและความสมบูรณ์ แข็งแรงของร่างกายกันเถอะครับ
2
ชุดที่ควรสวมใส่เวลาจ๊อกกิ้ง หลายคนเป็นห่วงว่าเวลาไปจ๊อกกิ้ง ควรจะแต่งตัวอย่างไร คิดไปคิดมาเลยเกิดความ ไม่มั่นใจ จึงล้มเลิกแผนการออกกำ�ลังกายไป ก็มีครับ ไม่ต้องกังวลครับ สบายๆ คิดหลักง่ายๆ คือ ใส่เสื้อผ้าที่เป็นผ้ายืด ไม่ต้องรัดมาก แต่ต้อง ระบายความร้อนได้ดี สวมใส่แล้วกระชับ บรา หรือเสื้อชั้นในของคุณสุภาพสตรีต้องกระชับพอดี เพราะถ้าไปกดรัดช่วงไหล่จะทำ�ให้ปวดเมื่อยไหล่ และปวดต้นคอได้ กางเกงขาสั้นหรือยาวก็ได้ ขอให้มีคุณลักษณะเช่นเดียวกับเสื้อครับ 49
4
ต้องทำ�อะไรก่อน หลังการจ๊อกกิ้งไหม คนที่ทำ�งานมาตลอดสัปดาห์ เมื่อใช้เวลาว่างช่วงวันหยุด สุดสัปดาห์ในการออกกำ�ลังกายก็ควรให้ร่างกายมีการปรับสภาพก่อน เช่น มีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ หรือเรียกง่ายๆ ว่า การวอร์มอัพ เพื่อให้ร่างกายได้ทราบก่อนว่า อวัยวะส่วนใดจะต้องทำ�งานหนักขึ้นกว่า ปกติ การวอร์มอัพสามารถทำ�ได้โดยการเหยียดแขน ขา คอ โดยการเกร็ง ส่วนต่างๆ และสร้างแรงต้านเล็กๆ น้อยๆ ให้กับกล้ามเนื้อส่วนนั้นครับ เช่น ต้องการเหยียดกล้ามเนื้อแขนขวา ก็เหยียดแขนตึงดึงปลายนิ้วโดย การรวบไว้แล้วดัดเข้าตัวด้วยแขนซ้าย ทำ�สลับกัน ยึดหลักง่ายๆ คือ “ดัดซ้าย ขวา หน้า หลัง” ส่วนที่เป็นข้อต่อให้ยืดเหยียดเช่นกัน งดการ หมุนข้อต่อทุกส่วนนะครับ เนื่องจากจะทำ�ให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น เพราะ ข้อต่อ เช่น ศอก ข้อมือ เข่า ข้อเท้า ทำ�งานคล้ายบานพับประตู ไม่ใช่ ข้อเหวี่ยง การวอร์มจึงเป็นการจำ�ลองหรือสร้างความคุ้นเคยเบื้องต้นให้ อวัยวะส่วนนั้นด้วยการเคลื่อนไหวที่เป็นจริงในการออกกำ�ลังกายครับ เมือ่ สร้างความคุน้ เคยให้กบั ข้อต่อต่างๆ รวมถึงกล้ามเนือ้ แล้ว แนะนำ� ให้เตรียมนํ้าดื่มที่สะอาดไว้ครับ งดการดื่มนํ้าอัดลม นํ้าหวานเข้มข้นจัด นํ้าสะอาดดีที่สุดครับ เพราะจะช่วยเติมนํ้าที่ร่างกายสูญเสียไปได้เร็วที่สุด และสร้างความสดชื่นได้ดีกว่า การวิ่งแต่ละครั้งควรประเมินนํ้าที่เสียไป กับนํ้าที่ดื่มเข้าไปให้สัมพันธ์กันครับ ไม่ควรดื่มมากหรือน้อยกว่านั้น ถ้าไม่รู้ว่าจะเทียบอย่างไร ให้เทียบนํ้าหนักตัวก่อนวิ่งและหลังวิ่ง จะทราบ ถึงปริมาณนํ้าที่สูญเสียไปได้ครับ 50
5
ไปจ๊อกกิ้งช่วงเวลาไหนดี หากคุณต้องไปลุยงานตอนเช้า การจ๊อกกิ้งแต่เช้ามืดคง ไม่เหมาะแน่ เพราะมันจะทำ�ให้คุณง่วงนอนในตอนสาย การจ๊อกกิ้ง ตอนเย็นหลังเลิกงาน หรือตอนหัวคํ่าพอได้ครับ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำ�หรับ จ๊อกกิ้งคือตอนเช้าตรู่ของวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือตอนเย็นช่วง 4 โมงเย็น ลงไป อากาศจะไม่ร้อนมาก พอเหนื่อยได้ที่ อากาศจะเย็นสบายสอดคล้อง กับอุณหภูมิของคนออกกำ�ลังกายพอดี ข้อควรพิจารณาคือ การวิ่งบนฟุตปาธที่มีรถวิ่งพ่นควันไปมาจะมี อากาศที่อุดมไปด้วยคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายของ เราที่กำ�ลังต้องการออกซิเจนมาช่วยเสริมระบบไหลเวียนของเลือด สมอง กล้ามเนื้อ หากวิ่งกลางสวนที่มีต้นไม้ใหญ่ในตอนคํ่า เราจะได้รับก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ที่ต้นไม้คายออกมาตอนหมดแสงแดด แนะนำ�ให้ เลี่ยงการวิ่งตามจุดที่กล่าวมานี้นะครับ หรือเลือกวิ่งในเวลาที่ตรงข้ามกัน เพราะการวิ่งในสวนยามเช้านั้นสดชื่นและได้รับออกซิเจนเต็มที่ครับ หรือวิ่ง ในที่โล่งอากาศถ่ายเท มีลมพัดเย็นสบาย และไม่เปลี่ยว น่าจะดีครับ พร้อมแล้วก็ขอเชิญชวนให้ไปออกกำ�ลังกายด้วยการจ๊อกกิ้งกันนะครับ อีกอย่างที่ต้องระมัดระวังก็คือ โรคประจำ�ตัว ใครมีโรคความดันสูงก็ต้อง ระวังด้วย กีฬาเป็นยาวิเศษ แต่เราก็ต้องทำ�อย่างรอบคอบ เรียนรู้ทักษะ และให้ความสำ�คัญด้วยการออกกำ�ลังกายอย่างสมํ่าเสมอ คุณก็จะเป็นคน ที่มีสุขภาพดีแล้วครับ
take care เรื่อง : นพ.พิรัตน์ โลกาพัฒนา ภาพประกอบ : kampanatz.com
ขั้นตอน การบริโภคอาหาร เพื่อสุขภาพหัวใจ ที่แข็งแรง หัวใจเป็นอวัยวะสำ�คัญ ที่ทำ�งานตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีการหยุดพัก เพื่อบีบเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของ ร่างกาย หากหัวใจบีบตัวไม่ได้ บีบตัว ไม่ดี เจ้าของหัวใจดวงนี้ก็มีความเสี่ยง ที่จะเกิดอันตราย โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ถือเป็น โรคที่พบมากในปัจจุบันและกำ�ลังเป็น สาเหตุสำ�คัญอันดับต้นๆ ของการ เสียชีวติ ในกลุม่ โรคทีไ่ ม่ใช่มะเร็ง สาเหตุ ที่คนป่วยเป็นโรคนี้มากขึ้นเพราะการ ดำ�เนินชีวิตประจำ�วันที่เสี่ยงต่อการ เกิดโรคต่างๆ ดังนั้นอาหารการกิน การออกกำ�ลังกาย การควบคุมไม่ให้ ป่วยเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเส้นเลือดสูง ล้วนเป็นสิ่ง ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคหัวใจใน อนาคต เรามาดูกันครับว่าจะปรับการ กินอาหารอย่างไรเพื่อรักษาหัวใจดวง น้อยๆ ของเราให้เต้นต่อไปได้อีกนานๆ
่มต้นที่ปริมาณ 1 เริหลายๆ คนเลือกซื้ออาหารโดยดูจาก
ส่วนผสมที่มีคุณภาพดี มีสารอาหารที่มีงานวิจัย รับรองว่าดีต่อสุขภาพ แต่สิ่งที่อาจจะลืมไปก็คือ ปริมาณครับ อาหารที่เรากินเข้าไปสุดท้ายจะ เปลี่ยนไปเป็นพลังงาน ถ้าหากพลังงานที่ได้รับ นั้นมากกว่าที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน มัน ก็จะเปลี่ยนไปเป็นไขมันส่วนเกินในร่างกาย ซึ่ง หากจะคิดเปรียบเทียบกันแล้ว ผลเสียที่ได้จาก การกินอาหารมากเกินไป ถือว่ามากกว่าการกิน อาหารที่อาจจะไม่ได้มีส่วนประกอบพิเศษ แต่ กินในปริมาณที่เหมาะสมครับ วิธีง่ายๆ ที่ไม่ต้องไปชั่งตวงอาหารที่กิน ก็คือ ให้เริ่มจากการตักข้าวแต่น้อย และใช้วิธีตัก เพิ่มถ้ายังไม่อิ่ม เลือกใช้จาน ชามขนาดพอดี ไม่เลือกจาน ชามขนาดใหญ่ที่อาจจะทำ�ให้เผลอ
ตักอาหารมากเกินไป นอกจากนี้ก็สังเกตเวลา เรากินครับ หากกิน แล้วอิ่ม แต่ยังมีข้าวหรือ กับข้าวเหลือก็ให้พอ อย่าเสียดายแล้วฝืนกิน ต่อ และเมื่อไปซื้อหรือทำ�อาหารในมื้อถัดไป ให้เราบอกคนทำ�หรือคนขายให้ลดปริมาณ เท่าที่เราจะกินก็พอ ปริมาณอาหารที่เหมาะสมคือเมื่อกินแล้ว ไม่หิวก่อนถึงมื้อถัดไป และไม่ทำ�ให้นํ้าหนักตัว เพิ่มขึ้นครับ 51
าหมู่ไม่เพียงพอ ต้องได้สัดส่วนด้วย 2 ห้แฮมเบอร์ เกอร์หมูชุ่มไขมันใส่เศษผักกับ
มะเขือเทศชิ้นเล็กๆ ก็เป็นอาหารครบ 5 หมู่ แต่ เราก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่อาหารที่ดีต่อสุขภาพแน่ๆ ดังนัน้ สัดส่วนของอาหาร 5 หมูจ่ งึ เป็นสิง่ ทีส่ �ำ คัญ สัดส่วนอาหารที่เหมาะสม ให้คิดง่ายๆ คือ ควรมีผัก 30% ผลไม้ที่ไม่หวานจัด 20% ข้าว 30% และโปรตีน 20% สำ�หรับไขมันไม่ได้ระบุ ไว้ แต่เป็นอันรู้ว่าไขมันจะอยู่ในรูปของนํ้ามันที่ ประกอบอาหารอยู่แล้วโดยใช้ให้น้อยที่สุด สัดส่วนอาหารที่เหมาะสมนี้ ผู้ที่สนใจ สามารถค้นหาเพิ่มเติมได้จากอินเทอร์เน็ตด้วย คำ�ว่า พีระมิดอาหาร หรือธงโภชนาการครับ
�พวกแป้ง) 3 ข้ข้าาวเป็ว (อาหารจำ นอาหารหลักในมื้ออาหารแต่ละ
มื้อ ข้าวที่ดีต่อสุขภาพคือข้าวที่ผ่านการขัดสี น้อย ได้แก่ ข้าวกล้องและข้าวซ้อมมือ เพราะ จะมีกากใยอาหารมาก ซึ่งกากใยในข้าวเหล่านี้ จะทำ�ให้การดูดซึมแป้งและนํ้าตาลเป็นไปอย่าง ช้าๆ ทำ�ให้ลดภาวะนํ้าตาลในเลือดสูง ซึ่งจะนำ� ไปสู่ความอ้วนและเบาหวานได้ นอกจากนี้ ข้าวกล้องยังมีวติ ามินบีทจ่ี �ำ เป็นต่อสุขภาพ ผูท้ ไ่ี ม่ เคยชินกับข้าวกล้องอาจจะใช้วิธีผสมลงไปทีละ น้อยในข้าวขาวที่กินประจำ� เพื่อให้ค่อยๆ ชินกับ รสชาติครับ น 4 ไขมั นํ้ามันที่ใช้ในการประกอบอาหาร ควรเลือกนํ้ามันที่ไม่มีกรดไขมันอิ่มตัวซึ่งสามารถสังเกตได้จากฉลากโภชนาการข้างขวด หลีกเลี่ยงการใช้ไขมัน
อิ่มตัวจำ�พวกนํ้ามันปาล์ม เนยเทียม ไขมันจากสัตว์ เช่น นํ้ามันหมู และทุกครั้งที่ประกอบอาหารจากเนื้อสัตว์ ให้เลือกส่วนที่มีไขมันน้อยๆ หรือแล่เอา ไขมันหรือหนังสัตว์ออกครับ
52
น 5 โปรตี แหล่งโปรตีนที่ดีคือ โปรตีนที่มีไขมันตํ่าหรือ ปราศจากไขมัน ได้แก่ โปรตีนจากเนื้อปลา สัตว์ปกี เนือ้ สัตว์ใหญ่สว่ นทีไ่ ม่ตดิ มัน และไข่ขาว โดยทุกครั้งที่นำ�เนื้อสัตว์มาประกอบอาหาร ควร ตัดส่วนของไขมันที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าออกครับ นอกจากเนื้อสัตว์แล้ว แหล่งโปรตีนที่มี ไขมันไม่มากและปราศจากคอเลสเตอรอลก็คือ ถั่วครับ โดยอาจจะใช้ในรูปของโปรตีนเกษตร เต้าหู้ หรือใช้ถั่วประกอบอาหารเลยก็ได้
6
ผัก ผลไม้ ผักและผลไม้เป็นอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินและแร่ธาตุ ทั้งยังมีกากใย ซึ่งเมื่อกิน พร้อมกับมื้ออาหารก็จะช่วยเรื่องการดูดซึมให้ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ระดับนํ้าตาลในเลือดไม่ขึ้น สูงเร็ว ช่วยลดอาการท้องผูกจากการกินแป้งและ เนื้อสัตว์ โดยผักผลไม้ที่เหมาะสมที่จะกินร่วมกับ มื้ออาหารคือผักกินใบหรือก้าน ผลไม้ที่รสชาติ ไม่หวานนัก สำ�หรับผักที่เรากินหัว เช่น มันเทศ มันฝรั่ง หรือผลไม้ที่รสหวานมัน เช่น มะพร้าว ทุเรียน ลำ�ไย ฯลฯ เวลาจัดสัดส่วนอาหารเราจะไม่จัดอยู่ ในกลุ่มผักผลไม้ แต่เราจะจัดไปอยู่ในกลุ่มข้าว และอาหารจำ�พวกแป้งครับ
ประเมินหลังเปลี่ยนแปลง มการกินเกลือ 7 ควบคุ การบริโภคเกลือมากเกินไปเป็นปัจจัยเสี่ยง 8 การประเมินหลังการปรับเปลี่ยนอาหาร
สำ�คัญของโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งจะส่งผล เสียต่อหัวใจได้ ดังนั้นต้องควบคุมตั้งแต่การทำ� อาหารโดยลดการใช้เกลือ นํ้าปลา ซีอิ๊ว ผงชูรส และหลีกเลี่ยงอาหารสำ�เร็จรูป โดยเฉพาะอาหาร กระป๋อง ที่มีทั้งปริมาณเกลือสูงและมีสารกันเสีย ซึ่งก็เป็นเกลือเช่นกัน
Happy Tip
ควรทำ�อย่างค่อยเป็นค่อยไป และเลือกสิ่งที่ จับต้องได้ชัดเจน เช่น อาจจะชั่งนํ้าหนัก เปรียบเทียบดูเดือนละ 1-2 ครัง้ หรือปรึกษาแพทย์ เจาะเลือดเพื่อตรวจดูค่าของนํ้าตาลและไขมัน ในเลือด การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและการเห็นผล ว่าเรามีสุขภาพที่ดีขึ้น จะทำ�ให้เรารู้ว่ามาถูกทาง และมีกำ�ลังใจในการปรับเปลี่ยนต่อไปครับ
ควรพูดคุยกันภายในครอบครัวเรื่องการปรับเปลี่ยนอาหารเพื่อสุขภาพหัวใจ และเลือกเมนูที่ทุกคนในบ้านรับได้หรือเห็นด้วย หรือให้คนในครอบครัวช่วยกันคิด เมนูใหม่ๆ เพื่อรักษาสุขภาพไปพร้อมกัน และสร้างสุขในครอบครัวครับ 53
well being เรื่อง : ญาดารัตน์ ภาพประกอบ : kampanatz.com
นิทาน
ขนมหวานสำ�หรับเด็กๆ หากเรายังจำ�กันได้ เมื่อไม่นานมานี้ มีการนำ�เสนอข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ ของเด็กไทยในปัจจุบนั เรือ่ งปัญหาเด็กไทย อ่านหนังสือน้อยลง เด็กไทยมีไอคิว และอีคิวตํ่าลง เด็กไทยติดเกมออนไลน์ มากขึ้น อีกทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลจาก กรมอนามัย ถึงผลการสำ�รวจระดับ เชาวน์ปัญญาและพัฒนาการสมวัยของ เด็กไทยในรอบ 12 ปี (พ.ศ. 25402552) พบว่าค่าเฉลี่ยลดลงเรื่อยๆ จาก 91 ถึง 88 ซึ่งตํ่ากว่าเกณฑ์ที่องค์การ อนามัยโลก (WHO) กำ�หนดไว้คือ 90-110 ยอมรับว่าข่าวที่นำ�เสนอและ ข้อมูลที่ได้รับสร้างความเครียดให้ผู้ใหญ่ และผู้ปกครองพอสมควร แต่เราก็ต้อง ยอมรับความจริงและสังคมควรให้ความ สำ�คัญกับปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งควร หาแนวทางแก้ไขในทุกภาคส่วน ทั้งนี้ เพราะทุกคนทราบดีว่า เด็ก คือ อนาคต ของชาติ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งในสังคม ปัญหา ดังกล่าวฉันว่าเราไม่ควรมองข้ามจริงๆ ทุกวันนี้ สภาพสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก เมื่อก่อน เราจะอยู่กันแบบครอบครัวขยาย มีพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายอยู่ร่วมกันในบ้าน แต่พอปัจจุบัน เปลี่ยนเป็นแบบครอบครัวเดี่ยว พ่อแม่ก็มุ่งแต่ ทำ�งาน และใช้เทคโนโลยีในการเลี้ยงลูกมากขึ้น บางครั้งทำ�งานหาเงินจนลืมลูก ปล่อยให้ลูกอยู่ หน้าจอทีวีหรือคอมพิวเตอร์ ถึงเวลาแล้วที่เรา ต้องมาร่วมมือกันพัฒนาไอคิวและอีคิวของเด็ก ไทย และวันนี้ฉันมีแนวทางมานำ�เสนอ เพียง เราเริ่มต้นจากหน่วยเล็กๆ ที่สำ�คัญที่สุด คือ ครอบครัว วิธีดังกล่าวทำ�ได้ง่ายและมีคุณค่า นั่นคือ การเล่านิทานให้เด็กๆ ในครอบครัวฟัง 54
ในอดีตการเล่านิทานจะใช้ความทรงจำ�ที่ เคยชินและไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้า เชื่อไหม คะว่า...มีหลักฐานปรากฏพบว่ามีการเล่านิทาน มานานกว่า 6,000 ปี โดยเป็นแบบการเล่าสู่กัน ฟัง จนถึง ค.ศ. 1450 เริ่มมีการบันทึกเป็นตัว อักษร หากใครเคยมีประสบการณ์ในการเล่า นิทานให้เด็กฟัง เราจะเห็นว่าเด็กๆ จะมีใจจดจ่อ กับเรื่องที่เล่า เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และมีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องราวนั้นๆ เป็นอย่าง ยิ่ง ฉันนึกถึงภาพตัวเองตอนเด็กๆ ที่ชอบฟัง นิทานที่แม่เล่าให้ฟังก่อนนอน จำ�ได้ว่าตอนนั้น แม่ไม่มีหนังสือนิทานแต่อย่างใด ตัวละครก็มี ไม่กี่ตัว มีหลวงตาแก่ๆ กับลูกศิษย์สองคน แต่ เรื่องราวที่แม่เล่าให้ฟังแต่ละวันไม่ซํ้ากันเลย ฉัน
ประโยชน์ของการเล่านิทานให้เด็ก ๆ ฟัง 1. ส่งเสริมพัฒนาการด้านสังคม เด็กจะเกิดความรู้สึกอบอุ่นใกล้ชิดและเป็น กันเองกับผู้เล่า ทำ�ให้สัมพันธภาพระหว่าง เด็กกับผู้ใหญ่แน่นแฟ้นขึ้น นำ�ไปสู่การ พัฒนาสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นต่อไป 2. ส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ เด็กจะรูส้ กึ ว่าได้รบั ความรักและการเอาใจใส่ ในขณะเดียวกันเด็กจะเกิดความรู้สึกผูกพัน กับผู้เล่าโดยไม่รู้ตัว เกิดความเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย และสดชื่นแจ่มใส 3. ส่งเสริมพัฒนาการด้านสติ ปัญญา เด็กได้เกิดกระบวนการคิด พิจารณา แก้ปัญหา มีสมาธิยาวนานขึ้น และพัฒนาทางด้านภาษา เสริมสร้าง จินตนาการที่กว้างไกล 4. ส่งเสริมพัฒนาการด้านจริยธรรม เด็กถูกกล่อมเกลาให้มีจิตใจละเอียดอ่อน มีความเข้าใจในความดีงามยิ่งขึ้น มองโลก ในแง่ดี
ว่ามันเป็นนิทานที่สนุกมากๆ ฉันเคยถามแม่ว่า นิทานพวกนี้แม่เอามาจากไหน แม่บอกว่า เขา เล่าต่อๆ กันมา แต่บางทีแม่ก็แต่งเรื่องขึ้นมา เองบ้าง... เพลโต นักปรัชญาชื่อดัง ยังเคยกล่าวว่า “พี่เลี้ยง พ่อ แม่ ครู ควรประดับประดาตัวเอง ให้เต็มไปด้วยนิทาน เพราะนิทานสามารถให้ ความอบอุ่นยิ่งกว่าอ้อมกอดของวงแขน” ฉัน เห็นด้วยกับแนวคิดนี้จริงๆ แต่ไม่ใช่แค่ฉัน คนเดียว นักวิจัยหลายๆ คนทั่วโลกก็สนับสนุน แนวคิดนี้ อีกทั้งเสนอแนะว่านักเล่านิทานที่ดี ที่สุดของเด็กๆ คือ “คุณพ่อและคุณแม่” โดย เฉพาะเมื่อใช้เสียงที่แตกต่างในการเล่า มี เอฟเฟ็กต์ประกอบในการดำ�เนินเรื่อง เด็กๆ จะมี
จินตนาการตาม ชื่นชอบและประทับใจมาก สุดท้ายฉันก็ยังอยากยืนยันว่า เด็กคือพลัง แห่งการขับเคลื่อนในอนาคต เราควรมอบสิ่งดีๆ ให้เขา เพือ่ ให้เขาสามารถเดินทางไปในทิศทางทีด่ ี งาม อย่าให้เทคโนโลยีมีอิทธิพลจนสัมพันธภาพ ในครอบครัวสั่นคลอน เพราะครอบครัวคือ รากฐานที่มั่นคงของเด็กๆ ทุกคน และหากใคร สนใจอยากเป็นจิตอาสา เล่านิทานข้างเตียงให้ เด็กป่วยฟัง กิจกรรมดีๆ เหล่านี้มีที่โรงพยาบาล เด็ก และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หรือติดต่อ ร่วมกิจกรรมกับศูนย์ศิลปะฮิวแมนเซ็นเตอร์ www.art4human.com ร่วมกันมีความสุขกับการ เป็นนักเล่านิทานสมัครเล่น และช่วยกันพัฒนา เด็กไทยไปด้วยกันนะคะ
เทคนิคการเลือกนิทานที่เหมาะ กับเด็กแต่ละวัย • เด็ก 0-1 ปี ควรเป็นหนังสือ ภาพเหมือนรูปสัตว์ ผัก สิ่งของเครื่องใช้ใกล้ตัว สีสันสวยงาม ขนาดใหญ่ชัดเจน เป็นภาพ เดี่ยวๆ • เด็ก 2-3 ปี ควรเป็นหนังสือนิทาน ที่เด็กสนใจ เกี่ยวกับชีวิตประจำ�วัน ช่วงนี้ เด็กมีประสาทสัมผัสทางหูดีมาก หากได้รับ ประสบการณ์ที่ดีในช่วงเวลานี้ จะเป็นพื้นฐาน ในการสร้างนิสัยรักการอ่านในอนาคต • เด็ก 4-5 ปี ควรเป็นนิทานที่ยาวขึ้น เข้าใจง่ายขึ้น เสริมจินตนาการและอิงความจริง อยู่บ้าง เนื้อเรื่องสนุก น่าติดตาม ภาพประกอบ สวยงาม ใช้ภาษาง่าย เนื้อเรื่องไม่ยาวจนเกินไป 55
ธรรมชาติบำ�บัด
เรื่อง : ชัญญา เศรษฐบุตร (พี่อู่) นักธรรมชาติบำ�บัด ภาพประกอบ : boysandgirls www.facebook.com/boysandgirls.art
เช็กตนเอง... เพื่อความพอเพียง ...เลี่ยงโรคภัย 56
ธรรมชาติบ�ำ บัด มีหลากหลายแนว หลากหลายสาขา แต่ละท่านแต่ละแบบก็วา่ ของตนดีทส่ี ดุ พีอ่ ู่ ลองมาเกือบหมดแล้ว อยูท่ เ่ี ราจะเลือกว่าแบบไหนถูกจริตกับเรา ก็อย่างทีเ่ คยเล่าให้ฟงั ว่า พีอ่ เู่ คยป่วย มากถึงขนาดพร้อมตายได้ทกุ ขณะ แม้ครอบครัวของพีอ่ จู่ ะเป็นหมอ แต่พอ่ี กู่ ลับป่วยจนเกือบเอาชีวติ ไม่รอด กระทัง่ ได้มาเรียนรูเ้ พิม่ เติมอีกมากมายหลายศาสตร์ จึงนำ�มาบอกต่อ...และพีอ่ กู่ เ็ ป็นนัก ธรรมชาติบ�ำ บัดทีไ่ ม่มอี ะไรมาขายท่านเลย ท่านอยากหายต้องทำ�เอง พึง่ พาตนเอง จะแพ้หรือชนะ ก็อยูท่ ใ่ี จนีแ่ หละค่ะ
ธรรมชาติบำ�บัดแนวทีพ่ อ่ี นู่ ำ�มาบอกต่อนี้ เป็นศาสตร์แห่งการใช้ชวี ติ เป็นศิลปะแห่งการ เยียวยาโดยแท้ ก่อให้เกิดความสมดุลทีส่ อดคล้อง กับธรรมชาติ ไปสูว่ ถิ ชี วี ติ ทีเ่ รียบง่าย ไม่รงุ รัง ไม่ เบียดเบียน เบาสบาย ผ่านการปรุงแต่งน้อยทีส่ ดุ กลับไปอ่อนโยนต่อกายและใจของตนเอง เพือ่ ให้ เกิดความสุขต่อร่างกายและจิตใจอย่างประณีต โดยใช้ปญ ั ญาและจิตใต้สำ�นึก ในการเฝ้าสังเกต เมตตาต่อตนเอง เปิดโอกาสให้รา่ งกายได้พกั และ เยียวยาตนเองบ้าง เริม่ จากเรือ่ งง่ายๆ ใกล้ๆตัว
คือ การบริโภคอาหารทีส่ ด สะอาด มีพลังชีวติ เพือ่ ทำ�ให้รา่ งกายกลับมามีพลังในการเยียวยา ตนเอง ขณะเดียวกันก็ไม่นำ�พิษเข้าสูร่ า่ งกาย ไม่วา่ ทางจิตใจ หรือร่างกาย (เพราะปัจจุบนั นีก้ าร เจ็บป่วยของเรากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้เกิดจาก เชือ้ โรค แต่เกิดจากการใช้ชวี ติ ของเราเอง) ให้หมัน่ ออกกำ�ลังกาย ฝึกหายใจให้เป็น โดยอาศัยความ เพียร พยายามปรับเปลีย่ นความเคยชินเก่าๆ เพือ่ ชีวติ ทีเ่ ป็นอิสระ สดใส แข็งแรง และต้องเชือ่ มัน่ ใน ศักยภาพของตัวเราเองว่า...“ร่างกายของเรา คือ หมอใหญ่ทเ่ี ก่งและดีทส่ี ดุ ” ซึง่ ทุกวันนีธ้ รรมชาติ และเรือ่ งอืน่ ๆ เปลีย่ นแปลงไปมาก แต่ธรรมชาติ บำ�บัด คือ คำ�ตอบแห่งความเป็นจริงและความ พอเพียง โดยสอนให้ใช้ชวี ติ อย่างพึง่ พาตนเอง
1. ปัสสาวะทีด่ ี จะมีรสธรรมดาเหมือน
นํา้ เปล่า บ่งบอกถึงปริมาณนํา้ ทีเ่ ราดืม่ ว่าเรา ดืม่ นํา้ อย่างพอเพียง และทานอาหารอย่างถูกต้อง 2. ปัสสาวะรสกลมกล่อม มีแนวโน้มว่า อวัยวะภายในเกือบทุกส่วนเริม่ ไม่คอ่ ยปกติ เล็กน้อยแล้ว 3. ปัสสาวะรสหวาน แสดงว่าภาวะตับอ่อน บกพร่อง นํา้ ตาลคัง่ ในร่างกายมาก เป็นภาระของ ตับอ่อนทีต่ อ้ งหลัง่ อินซูลนิ เพือ่ ควบคุมนํา้ ตาล 4. ปัสสาวะรสเปรีย้ ว แสดงถึงภาวะตับ บกพร่อง มีการขับพิษออกมา ร่างกายเกิดภาวะ เป็นกรด ปัสสาวะจึงเปรีย้ ว ถ้าเป็นนานๆ ติดต่อ กัน ภูมติ า้ นทานจะลดลง อาจเกิดเริม งูสวัด และ มักลงท้ายด้วยมะเร็ง 5. ปัสสาวะรสขม แสดงถึงภาวะหัวใจ บกพร่อง หัวใจทำ�งานหนักเกินไป ฉบับนี.้ ..พีอ่ มู่ วี ธิ กี ารตรวจสุขภาพแบบนัก 6. ปัสสาวะรสเค็ม แสดงถึงภาวะไต ธรรมชาติบำ�บัดมาฝากค่ะ เราสามารถตรวจ บกพร่อง ไตทำ�งานหนัก อวัยวะทีถ่ กู ทำ�ร้ายคือไต สุขภาพเองอย่างง่ายๆ จากอาหารทีเ่ รา 7. ปัสสาวะรสฝาด แสดงถึงภาวะกล้ามเนือ้ รับประทานเข้าไป ว่าเพียงพอหรือไม่ ให้คณ ุ ให้โทษ บกพร่อง มักมีปญ ั หากล้ามเนือ้ อ่อนล้า อ่อนแรง อย่างไร และส่งผลอย่างไรกับร่างกายบ้าง โดย และมักปวดกล้ามเนือ้ ไม่ตอ้ งไปพบแพทย์ (เราควรจะพึง่ พาตัวเราก่อน อย่ายกภาระของเราทัง้ หมดให้กบั แพทย์เลย) อาหารจำ�พวกปลาร้า เซ่งจี้ ตัวเดียวอันเดียว อย่างทีเ่ คยรูๆ้ กันว่า “กินอย่างไรก็ได้อย่างนัน้ ” (You are what you eat) แต่บอกแล้ว อย่าเพิง่ ทำ� เครือ่ งในสัตว์ ฯลฯ เรายังกล้าลองชิม แต่นเ่ี ป็น ปัสสาวะของเราเองแท้ๆ เราจะไม่ลองดูหรือคะ หน้าแหยหรือร้องยีน้ ะคะ ของของเราเอง ผ่านชัน้ เราจะได้ฝกึ เฝ้าสังเกต ระมัดระวัง และแก้ไขโรคภัย กรองในระบบร่างกายของเราเองย่อมสะอาดอยู่ แล้วค่ะ แต่ทา่ นทีเ่ ป็นมือใหม่ทง้ั หลายให้ชมิ แค่พอ ไข้เจ็บของเราได้ทนั ท่วงที เช่น ถ้าเค็มไป เราก็ จะได้ดม่ื นํา้ เพิม่ มากขึน้ พีอ่ หู่ วังว่าท่านคงจะลอง รูร้ สเท่านัน้ มิจำ�เป็นต้องดืม่ หรอกนะคะ สิง่ ทีจ่ ะ บอกก็คอื ...ให้ชมิ นํา้ ปัสสาวะ โดยนำ�ปัสสาวะส่วน ทำ�ดูนะคะ จะได้ไม่ตอ้ งพูดคำ�ว่า ร่างกายจ๋า ฉัน ขอโทษ…ร่างกายจ๋า ยกโทษให้ฉนั ด้วย…และ แรกทิง้ ไปก่อน รองเอาส่วนตรงกลางมาชิม ส่วน ร่างกายจ๋า ฉันรักเธอ… ท้ายก็ทง้ิ ไป การชิมนีจ้ ะช่วยเช็กโรคของเราได้ บุญรักษาทุกท่านค่ะ ดังนี้ 57
beauty by nature เรื่อง : ศศินี ปัญญารัตน์ ภาพประกอบ : PASTELLER
ผงทอง ผ่องอำ�ไพ ดิฉนั ได้ไปร่วมงานประชุม World Householders’ Yoga Convention ทีม่ มุ ไบ และ ได้รบั เชิญให้น�ำ เสนองานวิจยั เกีย่ วกับโยคะทีง่ าน ประชุม 7th International Conference on Yoga for the Youth ณ เมืองปูเน ประเทศอินเดีย รูส้ กึ ประทับใจมากๆ เลยค่ะ ทีส่ �ำ คัญ ได้รบั ความรูม้ า ใช้ในชีวติ มากมายหลายแง่มมุ ทีเดียว โดยเฉพาะ เรือ่ งสวยๆ งามๆ ตามธรรมชาติและไม่ตอ้ งจ่าย แพงนี่ เป็นอะไรทีพ่ ลาดไม่ได้เลย ตอนแรกคิดอยูน่ านเลยค่ะ ว่าคราวนีจ้ ะลง เคล็ดลับความงามเรือ่ งอะไรดี พอดีกอ่ นเดินทาง ไปประชุม เพือ่ นสาวชาวภารตะทีเ่ คยเรียนคอร์ส ครูโยคะด้วยกันทีอ่ นิ เดีย เขาลงรูปงานแต่งงาน ในเฟซบุก๊ เมือ่ ดิฉนั ได้เห็นรูปก็ตอ้ งร้อง ว้าว! ออก มาดังๆ เลยค่ะ เพราะเธอสวยมาก จนนึกว่าเป็น รูปดาราบอลลีวดู้ เสียอีก ผิวพรรณผุดผ่องเป็น ยองใย เนียนสวยเด้ง ซึง่ ตอนทีเ่ ราเรียนด้วยกันนัน้ คนละเรือ่ งเลยค่ะ ทำ�ให้เกิดความสงสัยว่าเธอไป ทำ�อะไรมาหนอ ในทีส่ ดุ ก็หายสงสัย เมือ่ ได้ไปอินเดีย และ พบเพือ่ นสาวภารตะอีกคนทีเ่ ดินทางมาหาด้วย ความคิดถึง พอเจอกันก็ตอ้ งเอ่ยปากชม เพราะ เธอสวยขึน้ มาก ช่วงทีเ่ ราเรียนด้วยกันนัน้ ใบหน้า ของเธอมีทง้ั ผดและสิวขึน้ เต็มไปหมด ไม่ได้เจอ กันไม่กเ่ี ดือนสวยขึน้ ผิดหูผดิ ตา ผดและสิวหาย เกลีย้ ง แล้วผิวยังผุดผ่องอีกต่างหาก เธอจึงเผย เคล็ดลับความงามให้ฟงั ว่า เธอใช้ “สุดยอด เครือ่ งเทศ” ทีส่ าวๆ อินเดียมักจะเรียกว่า “ผง ทอง” ซึง่ ก็คอื ขมิน้ ชัน นัน่ เองค่ะ 58
ขมิน้ ชัน หรือ Turmeric (curcuma longa) เป็นพืชพันธุท์ เ่ี รารูจ้ กั กันดี หลายท่านคงทราบ ประโยชน์ของขมิน้ ชันกันบ้างแล้ว แต่ดฉิ นั อยากจะขอเพิม่ คุณประโยชน์ในด้านความงามอีก 5 ข้อ ให้ ทราบกันนะคะ 1. เป็นพืชพันธุธ์ รรมชาติและราคาไม่แพง สามารถหาซือ้ ได้ทง้ั แบบสด แบบผง แบบเปียก และ แบบรากแห้ง 2. มีสรรพคุณในการฆ่าเชือ้ โรค (Anti-septic) ต้านการอักเสบ (Anti-inflammatory) และต้านเชือ้ แบคทีเรีย (Anti-bacteria) นัน่ จึงเป็นเหตุผลว่าทำ�ไมจึงนำ�มาใช้ในด้านความงามได้ดี 3. ในขมิน้ ชันมี Curcumin ซึง่ เป็นสารสีเหลือง ช่วยในการทำ�ให้สผี วิ ผุดผ่อง และสว่างขึน้ 4. การรับประทานขมิน้ ชันมีประสิทธิผลต่อการทำ�ให้เลือดสะอาด (Blood purifier) ซึง่ มีผลโดยตรง ต่อผิวพรรณ 5. มีสรรพคุณในการต่อต้านอนุมลู อิสระ ทำ�ให้ผวิ ดูออ่ นเยาว์ และปราศจากผดผืน่
ทีน้ี เรามาดูสตู รความงามจากขมิน้ ชัน ทีจ่ ะช่วยแก้ปญ ั หาและเสริมความผุดผ่องให้กบั ผิวพรรณ กันบ้างนะคะ • สูตรแรก สูตรรักษาสิว เป็นมาสก์ขมิน้ ชันค่ะ นำ�ผงขมิน้ ชันมาผสมกับผงไม้จนั ทน์ (Sandalwood) และนํา้ สะอาด คนให้เข้า กัน แล้วทาให้ทว่ั ใบหน้า ทิง้ ไว้ 10 นาที จากนัน้ ล้างออกด้วยนํา้ สะอาด ถ้าหาผงไม้จนั ทน์ไม่ได้ ให้น�ำ ผงขมิน้ ชัน ผสมนํา้ มันมัสตาร์ด และนํา้ มะนาว ทาบริเวณทีเ่ ป็นสิว ทิง้ ไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยนํา้ สะอาด ทำ� 3 ครัง้ ต่อสัปดาห์ จนกว่าสิวจะหายค่ะ แล้วให้ดม่ื นมอุน่ ๆ 1 แก้วผสมกับผงขมิน้ ชัน 1 ช้อนโต๊ะ จะช่วยสร้างภูมคิ มุ้ กัน ไม่ให้เราเป็นสิวอีกต่อไปค่ะ • สูตรผิวพรรณผุดผ่อง (ต่อต้านเม็ดสี) ผสมขมิน้ ชันกับนํา้ มะนาว ให้เป็นแบบเปียก (paste) ทาทัว่ ใบหน้าทุกวัน ถ้าไม่มนี า้ํ มะนาว สามารถใช้นา้ํ แตงกวาแทนได้คะ่ • สูตรลดริว้ รอย ผสมขมิน้ ชันกับนํา้ อ้อย ทาบริเวณทีม่ รี ว้ิ รอยตามใบหน้า และให้ผสมโยเกิรต์ หรือ Sour Cream เพิม่ สำ�หรับทารอบดวงตาหรือบริเวณผิวหน้าทีบ่ อบบางเป็นริว้ รอยง่าย ทิง้ ไว้ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยนํา้ เย็น • สูตรรักษาส้นเท้าแตก ผสมขมิน้ ชัน 3 ช้อนโต๊ะ กับนํา้ มันมะพร้าว 2-3 หยด ทาบริเวณส้นเท้าทีแ่ ตก ทิง้ ไว้ 10 นาที ก่อน จะอาบนํา้ ส้นเท้าของคุณจะกลับมาเนียนนุม่ ค่ะ • สูตรเด้งใส ไร้จดุ ด่างดำ� ง่ายมากๆ ค่ะ แค่ผสมขมิน้ ชันกับนํา้ สะอาด ให้เปียกๆ เหนียวๆ แล้วขัดผิวเบาๆ ทัว่ ร่างกาย ขณะ อาบนํา้ ทำ�เช่นนีท้ กุ วันผิวทีต่ ายแล้วจะถูกขจัดออกไป จุดด่างดำ�ลบเลือนหายไปอย่างเห็นได้ชดั เลย ละค่ะ • สูตร Cleanser ผสมขมิน้ ชันกับนมสด ทาทัว่ ใบหน้าและริมฝีปากค่ะ นอกจากจะทำ�ให้ใบหน้าสะอาดแล้ว ยัง ทำ�ให้รมิ ฝีปากอมชมพู นุม่ นวลอีกด้วย • สูตรขจัดขน ผสมขมิน้ ชันกับนํา้ มันมะพร้าวอุน่ ๆ ทาทัว่ ร่างกาย จะช่วยขจัดขนด้วยวิธธี รรมชาติ • สูตรผิวงาม ผสมขมิน้ ชัน 1 ช้อนโต๊ะ กับนํา้ ผึง้ 1 ช้อนโต๊ะ ทาทัว่ ใบหน้าทุกวัน ทิง้ ไว้ 10 นาที ก่อนล้างหน้าให้ สะอาดค่ะ สูตรความงามตามธรรมชาติเช่นนี้ ไม่เพียงเป็นทีน่ ยิ มกันทีอ่ นิ เดีย ปากีสถาน บังกลาเทศเท่านัน้ แต่ยงั เป็นทีย่ อมรับกันทัว่ โลก และได้รบั การวิจยั แล้วว่าได้ผลจริงๆ ค่ะ ขอให้มคี วามสุขกับธรรมชาติทง่ี ดงามรอบตัวเรานะคะ 59
beauty recommended เรื่อง : Miss Beauty
Do!
สิ่งที่ควรและไม่ควรทำ�
…สำ�หรับการ “มาสก์” หน้า ใบหน้าของเราต้องเผชิญกับมลภาวะไม่เว้นแต่ละวัน การฟื้นฟูและ ปกป้องผิวจึงไม่ใช่แค่ทาครีมบำ�รุงเช้าเย็นเท่านั้น แต่ผิวต้องการการบำ�รุง เป็นพิเศษ ด้วยวิธีการทำ�ทรีตเมนต์อย่างการมาสก์หน้า เป็นต้น แต่การบำ�รุงมากหรือน้อยเกินไป ก็อาจให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ยิ่งทำ�ผิดวิธีก็อาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะผลิตภัณฑ์มาสก์หน้า ทุกชนิดอุดมไปด้วยสารสกัดที่เข้มข้น เพื่อการบำ�รุงที่เป็นพิเศษและเห็นผลเร็ว เราจึงมีคำ�แนะนำ�มาฝากกันค่ะ
• หลังทำ�ความสะอาดใบหน้าจนหมดจดแล้ว ก่อนที่จะใช้ ผลิตภัณฑ์บำ�รุงผิวหรือมาสก์หน้า ควรเริ่มต้นด้วยโทนเนอร์ก่อน ทุกครั้ง เพื่อให้สารบำ�รุงผิวซึมซาบได้ง่ายขึ้น • ควรเริ่มทาครีมมาสก์หน้าบริเวณคาง แก้ม จมูก และ หน้าผาก ตามลำ�ดับ เพราะคางและแก้มเป็นส่วนที่ใช้เวลาดูดซึม นานกว่าบริเวณจมูกและหน้าผาก • เมื่อต้องการทำ�ความสะอาดครีมมาสก์หน้า ควรใช้ผ้านุ่มๆ ชุบนํ้าหมาดๆ เช็ดออกเบาๆ เพื่อเป็นการเช็ดล้างเซลล์ที่ถูกผลัด ออก ไม่ให้ตกค้างบนใบหน้า
Don’t • ในช่วงเวลาก่อนมีประจำ�เดือน จนถึงรอบเดือนหมด ไม่ควร มาสก์ ลอก และขัดหน้า เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายและผิวอ่อนแอ ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย • โดยทั่วไปแล้ว ผลิตภัณฑ์มาสก์จะกำ�หนดระยะเวลาไว้ ประมาณ 5-20 นาที ฉะนั้นอย่าให้เกินเวลามากไป เพราะนอกจาก จะไม่คุ้มค่าแล้ว ผิวหน้าก็จะยิ่งแห้งกร้านมากขึ้น • ในขณะที่มาสก์หน้า หลายคนมักใช้เวลานั้นให้เกิด ประโยชน์ไปกับการไดร์ผม เป่าผม หรือทำ�อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้อง กับความร้อน รวมถึงการเป่าให้ครีมมาสก์หน้าแห้งเร็วขึ้น ซึ่ง ไม่ควรทำ�อย่างยิ่งเพราะไอความร้อนจะทำ�ให้ผิวแห้งกร้าน และ ขาดความชุ่มชื้นได้อย่างรวดเร็ว สำ�หรับผลิตภัณฑ์มาสก์หน้า ขอแนะนำ�เป็นแบบชนิดแผ่น ซึ่ง กำ�ลังเป็นที่นิยมอย่างมาก แผ่นมาสก์นี้มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้า กระจ่างใส อันเป็นความต้องการอันดับต้นๆ ของสาวๆ โดยเฉพาะ การบำ�รุงซึ่งเห็นผลอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาเพียงแค่ข้ามคืน Shiseido White Lucent Power Brightening Mask (บรรจุ 6 แผ่น ราคา 2,500 บาท) แผ่นมาสก์หน้าที่ถูก
ออกแบบให้รูปทรงแนบสนิทกับใบหน้าได้มากขึ้น เพื่อมอบคุณค่า ของอานุภาพของส่วนผสม Ion Force Complex ในมาสก์ ช่วยให้ สารไวท์เทนนิ่ง 4 MSK ที่อยู่ในแผ่นมาสก์ซึมซาบสู่ผิวได้เป็นอย่าง ดี ลดความไม่เรียบเนียนของโทนสีผิวและลดเลือนจุดด่างดำ�ให้แล ดูจางลงอีกด้วย เพื่อเพิ่มปราการให้ผิวต่อสู้กับมลภาวะรอบด้าน ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
60
เรื่อง : นพ.พัฒน ธัญญกิตติกุล
นํ้าครึ่งแก้ว
เพื่อความสุขของฉัน ความสุขมักมีที่มาจากความคิด ของตัวเราเอง ถ้าเราถูกชี้นำ�ความคิด อย่างถูกวิธีก็จะมีความสุขขึ้นมาได้ แม้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำ�บาก เหมือนในยามที่เรามีความทุกข์ ก็อยาก มีใครสักคนคอยปลอบใจหรือคอยให้คำ� ปรึกษา หลายครั้งที่คำ�พูดเหล่านั้นช่วย ชี้นำ�ความคิด ทำ�ให้มีกำ�ลังใจที่จะแก้ไข ปัญหาต่อไปได้ เรื่องนํ้าครึ่งแก้ว ถูกยกขึ้นมาเป็น ตัวอย่างให้รู้จักการคิดในแง่บวกเพื่อ ความสุขในการดำ�เนินชีวิต หลายคนคง เคยได้ยินมาแล้ว แต่ผมอยากนำ�เสนอ มุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับนํ้าครึ่งแก้วที่จะ ทำ�ให้เรามีความสุขมากขึ้นไปอีก
ทำ�ตัวเหมือนนํ้าครึ่งแก้วเพื่อปรับปรุง
1 พัฒนาตนเองเสมอ
ไม่มีมนุษย์คนใดสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง ตั้งแต่เด็กจนโตทุกคนต้องพัฒนาปรับปรุงตนเอง อยู่ตลอดเวลา แม้แต่ผมซึ่งเป็นจักษุแพทย์มา เกือบ 20 ปี ยังต้องหาความรู้เพิ่มเติมและคอย ฝึกฝนวิธีการดูแลรักษาผู้ป่วยอยู่เสมอ ถ้าเรา คิดว่าพอแล้ว ก็จะเหมือนนํ้าเต็มแก้ว คือจะไม่ พยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ขาดความกระตือรือร้น ขาดแรงจูงใจ ทำ�ให้พลาดโอกาสในการพัฒนา ตนเอง คุณผู้อ่านล่ะครับ มีอะไรที่ยังต้อง ปรับปรุงพัฒนาอีกบ้าง ถ้ายังคิดไม่ออก คุณ อาจเป็นคนหนึ่งที่มีนํ้าเต็มแก้วอยู่ก็เป็นได้
A few good stuff
มองนํ้าครึ่งแก้วที่มีอยู่เพื่อเพิ่มความ
2 พึงพอใจ ความสุขของตนเอง
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบมองดูสิ่งที่มีอยู่ใน ชีวิตแล้วรู้สึกขอบคุณ แม้ว่าจะมีอีกหลายสิ่งที่ ยังขาดอยู่ก็ตาม แต่หลายคนมีความทุกข์กับ การจ้องมอง จมปลัักอยู่กับความรู้สึกขาด แม้ จะมีหลายสิ่งสมบูรณ์มากกว่าผมเสียอีก น่าขำ� ใช่ไหมครับที่ความคิดช่างมีอิทธิพลต่อความสุข ความพึงพอใจในชีวิตได้ถึงขนาดนี้ นํ้าครึ่งแก้ว ของคุณล่ะครับ ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ลอง เขียนออกมาสิครับ ไม่แน่ว่าเขียนไปเขียนมา คุณอาจประหลาดใจที่พบว่าชีวิตคุณช่างมีสิ่งดีๆ มากมายเกินกว่าที่คุณเคยคิดก็ได้
มองนํ้าครึ่งแก้วของคนอื่นเพื่อความสุขของเราเอง
3 คุณคงไม่ปฏิเสธหรอกว่า หลายครั้งที่คุณมักจะเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น และถ้าเรารู้สึก
ทุกข์ใจเพราะเห็นคนอื่นมีดีกว่าเรา อันนี้เกิดปัญหาแล้วละครับ ปัญหาเกิดจากความคิดของคุณที่ ไม่ได้มองรอบด้านพอ แต่ถ้าเรามองว่ากราฟชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง มีส่วนที่เต็มและมีส่วนที่ขาด เราจะ มีความสุขจากการเข้าใจชีวิต ประเด็นสำ�คัญที่จะทำ�ให้เรามีความสุขหรือไม่จึงไม่ใช่การมีหรือไม่มี แต่เป็นการมองรอบด้าน นั่นคือนอกจากมองว่าเขามีแต่เราขาด ในบางมุมเขาอาจจะขาดแต่เรามี ก็ได้ เห็นไหมละครับว่า ความคิดเป็นสิ่งที่คุณสามารถเลือกได้ ว่าจะคิดบวก คิดลบ หรือคิดเปรียบ เทียบ ความสุขจึงขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้วละครับ แล้วคุณจะรู้ว่าความสุขอยู่ใกล้แค่เอื้อมจริงๆ
61
family in lo e เรื่อง : วีรณัฐ โรจนประภา ภาพประกอบ : kampanatz.com
ทักษะคิด โลกสมัยนี้บูชาความคิด คนคิดเก่งมักได้รับคำ�ชื่นชม คนคิดแปลกแหวกแนวมักได้รับเสียงเยินยอ จนกลายเป็นค่านิยมด้วยเชื่อว่านั่นจะทำ�ให้ชีวิตมี ความสุข ประสบความสำ�เร็จ จนมีคอร์สหรือหลักสูตรออกมาสอนเทคนิคการคิดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคิดสร้างสรรค์ คิดเชิงกลยุทธ์ คิดนอกกรอบ คิด มุมข้าง ซึ่งแม้พื้นฐานจะเป็นเรื่องดี แต่ก็มีเรื่องที่น่าห่วงไม่น้อยเช่นกัน
62
ไม่ได้ห่วงเพราะเขาสอนผิด หรือวิชาคลาด แต่ห่วงตรงการนำ�ศาสตร์นั้นไปใช้! ศาสตร์ มาจาก ศาสตรา แปลว่า อาวุธ เมื่อเรียนศาสตร์ใดเท่ากับมีอาวุธชิ้นนั้นอยู่ในมือ คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาไปใช้อย่างไร เรียนนิติศาสตร์ไว้ใช้สร้างสังคมให้มีกติกา หรือไว้หาช่องโหว่ตักตวงผลประโยชน์ เรียนนิเทศศาสตร์ไว้สื่อสารเพื่อสร้างสรรค์ หรือไว้มอมเมาสังคม เรียนเศรษฐศาสตร์ไว้บริหารทรัพยากร หรือไว้เอาเปรียบผู้บริโภค เหล่านี้ล้วนขึ้นกับคนใช้เช่นเดียวกับเรียน การคิด แต่ที่เรียนการคิดน่าห่วงเป็นพิเศษก็ ด้วยหากไม่อคติจนเกินไปหรือกล้าที่จะยอมรับ ความจริง จะเห็นได้ไม่ยากว่าผูเ้ รียนจำ�นวนมาก เรียนเพือ่ ทีจ่ ะนำ�วิธคี ดิ นัน้ ไปแสวงหาผลประโยชน์ ส่วนตัว ใครอยากเลื่อนตำ�แหน่ง อยากวางแผนการ ตลาดแหวกแนว อยากลงทุนในสินค้าอินเทรนด์ ก็หวังพึ่งเทคนิคการคิดนี้เพื่อเอาชนะคู่แข่ง และ เมื่อเริ่มต้นด้วยโลภ โอกาสก็สูงเหลือเกินที่ความ โลภนั้นจะแปรอาวุธในมือชิ้นนี้ไปในด้านร้าย นำ�เทคนิค กลวิธีคิดเหนือคนอื่นนั้นไปสร้าง ผลประโยชน์ให้ตนในแบบทีก่ ระทบผูอ้ น่ื เบียดเบียน ธรรมชาติ และสังคม แต่ที่น่าตระหนกยิ่งกว่า คือเรื่องโอกาสที่ผู้เรียนจะนำ�อาวุธไปใช้ผิด หาก หลักสูตรนั้นไม่มีการปูพื้นฐานความคิดที่ดี พอ เชื่อไหมครับว่าไม่ว่าคุณจะเข้าไปกี่คอร์ส กี่เทคนิคการคิด แต่ท้ายสุดแล้วก็ไม่เห็นมีใครจะ นำ�มาใช้สร้าง “ความสุข” ได้จริง ไม่เชื่อก็ลองนึกดูเถิดครับ คนคิดเก่ง แปลก แหวกแนวจนนำ�ความคิดนั้นไปจดทะเบียน ลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาไว้มากมายขนาด นำ�ไปค้าขายหาเงินทองได้มหาศาลแค่ไหน แต่ เขาทั้งหมดก็ยังคงทุกข์อยู่กับการแสวงหา การ ฟ้องร้อง การพยายามใช้เทคนิคคิดนั้นสร้างเงิน
ให้มากยิ่งๆ ขึ้นไม่รู้จบ นั่นแสดงว่าหลักสูตรสอน สารพัดคิดไม่สามารถพาผู้เรียนไปสู่จุดสูงสุดได้ จริง เพราะหากหลักสูตรดีจริง เรียนจบแล้วต้อง จบจริง ไม่ต้องเรียนต่ออีก ที่สำ�คัญ ต้องนำ�มา ใช้แล้วให้ความสุขจริง แต่นี่เรียนคิดแล้วต้อง มาเหนือ่ ยคิดหา ต้องมาทุกข์คดิ รักษา แล้วไหนล่ะ เป้าหมายแรกในการเรียนว่าจะช่วยให้ชีวิต มีความสุขขึ้น แล้วหลักสูตรคิดที่ดีคืออย่างไร? ก็ต้องเป็นหลักสูตรที่ตรงเป้า เข้าเป้าเลยสิ ครับ นั่นคือการเรียนทักษะการคิดที่จะทำ�ให้
และเมื่อเริ่มต้นด้วยโลภ โอกาส ก็สูงเหลือเกินที่ความโลภนั้น จะแปรอาวุธในมือชิ้นนี้ไป ในด้านร้าย นำ�เทคนิค กลวิธีคิดเหนือคนอื่นนั้นไปสร้าง ผลประโยชน์ให้ตนในแบบที่กระทบ ผู้อื่น เบียดเบียนธรรมชาติ และสังคม
ไม่ทุกข์ เป็น “วิธีคิดเชิงพุทธ” เราได้ยินกันจน ชินถึงการคิดสารพัดแบบของตะวันตกจนอาจ ไม่ทราบว่าของทางพุทธเราก็มีครับ เป็นวิธีคิด แบบโยนิโสมนสิการ หรือวิธีคิดอย่างแยบคาย มีทั้งหมด 10 วิธี คือ วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย (แบบอิทัป ปัจจยตา หรือแบบปัจจยาการ)
วิธีคิดแบบแยกแยะส่วนประกอบ วิธีคิดแบบสามัญลักษณ์ (แบบรู้เท่าทัน ธรรมดา) วิธีคิดแบบอริยสัจจ์ (แบบแก้ปัญหา) วิธีคิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ์ (แบบ หลักการและความมุ่งหมาย) วิธีคิดแบบคุณโทษและทางออก (แบบ อัสสาทะ อาทีนวะ และนิสสรณะ) วิธีคิดแบบคุณค่าแท้ - คุณค่าเทียม วิธีคิดแบบอุบายปลุกเร้าคุณธรรม (แบบ กุศลภาวนา) วิธีคิดแบบเป็นอยู่ในปัจจุบัน วิธีคิดแบบวิภัชชวาท คราวนีเ้ ราก็มาลองใช้กนั ว่า หากเราไม่อยาก ทุกข์ เราก็คิดแบบสาวเหตุปัจจัยว่า ทุกข์มาจาก อะไร ซึ่งก็จะได้คำ�ตอบว่าที่เราทุกข์นั้นเพราะคิด ผิด คือคิดไปในทางโลภ โกรธ และหลง จากนั้น จะแก้อย่างไร เราก็อาจจะใช้วิธีคิดที่จะบรรเทา เบาบางความคิดผิดนั้น เมื่อโลภก็คิดในเรื่องของ การเสียสละแบ่งปัน คิดไปถึงความสุขเมื่อครั้ง ที่เคยไปช่วยเหลือคนอื่น บริจาคของเหลือ ใช้ เมื่อโกรธก็คิดไปถึงความเมตตา การช่วย เหลือเกื้อกูลกัน นึกถึงรอยยิ้มมีความสุขของ ผู้ลำ�บากหลังจากเราให้ความช่วยเหลือ เมื่อหลง คิดฟุ้งซ่าน ไร้สาระวกไปเวียนมา ก็คิดไปในเรื่อง ของความพากเพียร ความขยันขันแข็งทำ�การ งาน แทนที่ความฝันเลื่อนลอยอยากเที่ยวโน่น อยากได้นี่ เท่านี้เราก็จะไม่ทุกข์เพราะคิดผิด แต่จะเป็นนายเหนือคิด นี่ละครับทักษะคิดที่ยอดเยี่ยมที่สุด เข้า เป้าที่สุด คือคิดแล้วเกิดประโยชน์ ไม่สร้างทุกข์ ให้ตัวเอง ใครสนใจก็ลองสืบค้นวิธีคิดเชิงพุทธนี้ เพิ่มเติมได้นะครับ จะได้นำ�มาประยุกต์ใช้ใน สถานการณ์ต่างๆ ในชีวิต ทักษะนี้ รับประกันความสุขครับ!
63
ทรัพย์ ในธรรม
เรื่อง : ปัทมา กลิ่นทอง ภาพประกอบ : anmom
แก่นธรรม
อริยสัจ 4
เหนื่อยง่าย หายใจลำ�บากเวลานอนหลับ ปวดหัวตอนเช้า หาวนอนตอนกลางวัน ...เหล่านี้คือสัญญาณที่เตือนว่าเราควรจะไปพบแพทย์ได้แล้ว
โรคภัยไข้เจ็บทางกายมีสัญญาณเตือน ภัยได้ แต่จิตใจที่มัวเพลินกับรูป รส กลิ่น เสียง เคียงสัมผัสล่ะ จะมีอะไรมาฉุดยั้งให้เราไม่ดิ่ง ลงเหว ให้เข้าใจความจริงแห่งชีวิต...หนทาง ที่จะพบแต่ความสุขตลอดไปได้ ในโลกยุค ทัชสกรีน (Touch Screen) ทีค่ นกรุงส่วนใหญ่เชือ่ ว่า เทคโนโลยีจะช่วยให้มีความสุขมากขึ้น คือการมี สัญญาณ Wi-Fi ฟรีและแรงครอบคลุมทุกพื้นที่ ของใช้ที่อยากได้ตามกระแสธารแห่งความเห่อก็ ไม่พ้นเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และโทรทัศน์ ที่ซื้อแกะกล่องหมาดๆ ก็ตกรุ่นซะแล้ว แต่เพราะความไม่พอเพียงใน หัวใจ จึงต้องตะเกียกตะกายหารุ่นใหม่มาไว้ใน ครอบครอง เพราะกิเลสหนาพาให้ก่อทุกข์ใน ทุกเรื่องตลอด...ตลอด ดังนั้นเราจึงควรหาหลักธรรมมายึดเหนี่ยว จิตใจ ที่สำ�คัญหลักหนึ่งคือ อริยสัจ 4 ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค 1. ทุกข์ คือ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ทุกข์ทางกายตามปกติ คือ ความไม่สบาย กายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยไม่เบียดเบียน ตนเองและผู้อื่น เช่น ปวดปัสสาวะ ก็ไปเข้า ห้องนํ้าซะ (อย่าเข้าผิดห้องชาย-หญิงละกัน) ทุกข์ทางใจ คือ จิตใจเครียด กังวล สับสน พรั่นพรึง เศร้าหมอง ซึมเศร้า ห่อเหี่ยว ท้อแท้ น้อยใจ อิจฉา ริษยา พยาบาท ฯลฯ ทุกข์จุกอก จนทะลักเหมือนเขื่อนแตกจนเกิดอาการกระส่าย 64
โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และโทรทัศน์ ซื้อแกะกล่องหมาดๆ ก็ตกรุ่นซะแล้ว แต่เพราะความ ไม่พอเพียงในหัวใจ จึงต้องตะเกียกตะกายหารุ่นใหม่ มาไว้ในครอบครอง เพราะกิเลสหนาพาให้ก่อทุกข์ ในทุกเรื่องตลอด...ตลอด กระสับ ครํ่าครวญ รำ�พัน ก้าวร้าว คิดอยากทำ� ชั่วต่างๆ นานา เมื่อทุกข์ใจมากๆ ก็ย้อนกลับ มาทุกข์กายอีก เพราะปวดเศียรเวียนเกล้า เบื่อ อาหาร ท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว ความดันสูง โรคหัวใจ มะเร็ง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศไป โน่น เฮ้อ...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม... ทุกข์ กาย ทุกข์ใจ บางครั้งก็สัมพันธ์กันจนยากจะ แยกว่าสิ่งใดเกิดก่อนไก่เกิดก่อนไข่ หรือว่าไข่ เกิดก่อนไก่ 2. สมุทยั คือ ต้นเหตุแห่งทุกข์ ธรรมชาติของมนุษย์นั้น ขณะจิตคิดอกุศล จิตใจจะไม่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ส่องออกมาทาง สีหน้าแววตาและการกระทำ� ซึ่งเป็นเหตุอันก่อ ให้เกิดความทุกข์ด้วย ความจริงตัวการความ ทุกข์มีเพียง 3 ตัวเท่านั้น คือ โลภ โกรธ หลง โลภ คือ ความอยากมากหรือไม่อยากมาก ที่เกินความพอเหมาะพอควรจนถึงขั้นเบียดเบียน ตนเองและ/หรือผู้อื่น จึงเป็นเหตุให้เร่าร้อนใจ มากกว่าปกติ เพราะไม่รู้จักทางสายกลาง กับความพอเพียง
โกรธ คือ ความไม่ชอบ ไม่ถูกใจ ไม่พอใจ มากเกินพอเหมาะพอควร คิดซํ้าไปมาวนเวียน อยู่ในหัว เพราะความทรงจำ�ที่เป็นอกุศล ไม่ สามารถควบคุมสติให้จิตใจกลับมาผ่องแผ้วได้ หลง เป็นตัวการใหญ่ก่อให้เกิดกิเลสโดย แท้ เพราะเมื่อโลภไม่ได้ดังใจปรารถนาก็บังเกิด ความโกรธ นั่นคือ โกรธเกิดจากโลภ โลภเกิด จากหลง...งงละเสะ เอาเป็นว่าเหตุแห่งทุกข์เกิดจากกิเลส 3 ตัว คือ โลภ โกรธ หลง โดยมีเจ้าหลงเป็นหัวหน้า ใหญ่...หลงทางเสียเวลา หลงภรรยา (คนอื่น) เสียอนาคต 3. นิโรธ คือ การดับทุกข์ วิธีดับทุกข์มีหนังสือ How to ออกมา จำ�หน่ายเพื่อแนะนำ�แนวทางมากมาย ไม่สำ�คัญ ว่าคุณจะซื้อหามาอ่านเองหรือยืนอ่านฟรีตาม แผง แต่สำ�คัญที่คุณต้องลงมือปฏิบัติด้วย ความเพียร โดยเฉพาะการฝึกปฏิบัติธรรมใน ชีวิตประจำ�วัน ต้องพึ่งสติปัญญาทางธรรมของ ตนเองเท่านั้น ไม่มีใครช่วยคุณให้ดวงตาเห็น
ธรรมได้นอกจากตัวของคุณเอง ทุกข์กายแก้ด้วยการพบแพทย์ว่ากันไป ตามอาการ ทุกข์ใจต้องขจัดที่ต้นเหตุเช่นกัน อย่างคนมีครอบครัวแล้วก็ควรพอเพียงในความ รัก...ประเภทไม่มั่ว แต่ทั่วถึง นั้นพอทีเถอะ ไม่ ควรมีกิ๊กมีกั๊กให้หนักอก ให้คิดเสมอว่าได้ไม่คุ้ม เสีย (ชีวิต) ข่าวหน้าหนึ่งเรื่องหึงหวงทุกวันนี้ตาม ราวีกันยิ่งกว่าละครหลังข่าว มีทั้งฝ่ายชายฆ่า แล้วเผาหญิง และฝ่ายหญิงฆ่าชายแล้วกินยา ตายตามอย่างน่าสลด 4. มรรค คือ หนทางเพื่อดับทุกข์ คือมีความเพียรในการเจริญสติและเจริญ สมาธิสลับกันไปในชีวิตประจำ�วัน การมีสติอยู่
กับการรับรู้ความรู้สึกของลมหายใจที่ผ่านเข้า ออกตรงบริเวณรูจมูกเพียงอย่างเดียว ไม่คิดวอกแวก เมื่อใดที่เกิดความคิดอกุศล ให้รีบหยุดคิดวินาทีนั้นเลย เตือนตนว่า “เราจะไม่คิดและไม่ทำ�เช่นนี้อีกต่อไป” สั่งจิตตัวเองให้ได้ อริยสัจ 4 เป็นแก่นธรรมของพุทธศาสนา เปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธเจ้า เป็น คำ�สอนที่ง่ายและสั้นม้วนเดียวจบ เช่น ตรัสสอนขณะประทับยืนบนถนน ริมทางเดิน ใต้ต้นไม้ เป็นต้น แสดงว่าไม่ยากเกินความ สามารถที่เราจะปฏิบัติตาม สมดังคำ�ตรัสของ พระพุทธเจ้าที่ว่า
“ ภิกษุทั้งหลาย ในธรรมทั้งหลาย ที่เรากล่าวไว้ดีแล้ว เป็นของง่าย เปิดเผย ประกาศไว้ชัด ไม่มีเงื่อนงำ�ใดๆ...” (พุทธธรรม หน้า 662 ป.อ. ปยุตฺโต)
65
สุขีในญี่ปุ่น
เรื่อง : มารินา โคบายาชิ
3/11
เรือเคียวโทคุมารุที่ 18 2011
ท่านผู้อ่านจำ�กันได้ไหมคะว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น ในวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม ปี
ชาวญี่ปุ่นไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นกับตนเอง เช้าวันนั้น พวกเขาดำ�เนิน ชีวิตตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน แต่แล้วช่วงเวลาอันเหมือนฝันร้ายของชาวญี่ปุ่นก็มาถึง เวลาบ่าย 2 โมง 46 นาที ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ตอนนั้นชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่รวมถึงตัวดิฉันเอง คิดว่าคงเป็น แผ่นดินไหวธรรมดาเหมือนกับทุกครัง้ จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่เวลาผ่านไปไม่ทนั ไร แรงสัน่ สะเทือน ก็รุนแรงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งแรกที่ชาวญี่ปุ่นรวมถึงตัวดิฉันทำ�ก็คือ วิ่งไปหลบอยู่ใต้โต๊ะ เพราะเราถูกฝึกมาตั้งแต่เด็ก มันจึงเป็นเหมือนสัญชาตญาณที่ทำ�ไปโดยไม่ทันได้คิดอะไร แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวรุนแรงมากจนดิฉันเกรงว่าตึก อาจจะถล่มลงมาได้ เมื่อเหตุการณ์สงบลง ผู้คนมากมายก็ออกมายืนออกันนอกตึก ตามถนนหนทางและสวนสาธารณะ เด็กเล็กหลายคนร้องไห้ด้วย ความตกใจเกาะขาแม่ไม่ยอมห่าง ทุกคนตกอยู่ในสภาพมึนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลายคนพยายามโทรศัพท์ติดต่อครอบครัวแต่ก็เป็นไปอย่าง ยากลำ�บาก รถไฟแทบทุกสายหยุดให้บริการจนทำ�ให้คนทำ�งานหลายคนเดินทางกลับบ้านไม่ได้ และอีกหลายคนต้องเดินเท้ากลับบ้านระยะทางหลาย กิโลเมตรด้วยความเป็นห่วงครอบครัว รถราบนท้องถนนติดขัดจนไม่ขยับ เมื่อเปิดดูโทรทัศน์ ภาพเหตุการณ์ที่ยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงก็ปรากฏขึ้นบน จอ เชื่อว่าคืนนั้นหลายคนคงข่มตาหลับไม่ลงเพราะความหวาดกลัวและความเป็นห่วง แต่สิ่งที่ดิฉันบรรยายมาทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวดิฉันซึ่ง อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุหลายร้อยกิโลเมตร แล้วผู้คนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดใกล้เคียงกับจุดที่เกิดแผ่นดินไหวล่ะ นอกจากแผ่นดินที่ไหวอย่างรุนแรงแล้ว พวกเขายังต้องเผชิญกับคลื่นยักษ์สึนามิที่ซัดเข้ามาอีกหลายระลอก
เหตุการณ์ ที่โลกไม่ควรลืม
66
เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้น เรียกอย่าง เป็นทางการตามภาษาญี่ปุ่นว่า แผ่นดินไหวครั้ง ใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น (The Great East Japan Earthquake) จุดกำ�เนิด ของแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบริเวณทะเลห่างจาก ชายฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 130 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนวัดได้ 9.0 แมกนิจูด ซึ่งนับว่า รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ ญีป่ นุ่ แผ่นดินไหวครัง้ นีก้ อ่ ให้เกิดคลืน่ ยักษ์สนึ ามิ ตามมา จุดที่เกิดคลื่นสึนามิสูงสุดนั้นมีความสูง ถึง 40.1 เมตร มีผู้เสียชีวิตและหายสาบสูญ จากเหตุการณ์นี้ราว 1 หมื่น 9 พันคน ซึ่ง ส่วนใหญ่เสียชีวิตและสูญหายเนื่องจากสึนามิ มีสิ่งก่อสร้างพังทลายทั้งหลังและพังลงครึ่งหลัง รวมกว่า 3 แสน 9 หมื่นหลัง มีผู้อพยพกว่า 4 แสนคน และมีศูนย์อพยพกว่า 2 พัน 4 ร้อย แห่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรุนแรงมากจนทำ�ให้ ประเทศญี่ปุ่นสั่นคลอน เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หรือหลังจาก เหตุการณ์แผ่นดินไหวผ่านไปได้ประมาณเกือบ ปีครึ่ง ดิฉันได้มีโอกาสไปเยือนพื้นที่ประสบภัย พิบัติเป็นครั้งแรก สิ่งที่เป็นแรงจูงใจให้ดิฉัน เดินทางไปยังพื้นที่แห่งนั้นเป็นเพราะหนังสือเล่ม หนึ่งที่ดิฉันได้มีโอกาสแปลให้กับสำ�นักพิมพ์ใน ประเทศไทย เป็นหนังสือเกี่ยวกับเรียงความของ เด็กที่ประสบภัยพิบัติ 10 คน และเรื่องราวที่อยู่ เบื้องหลังเรียงความเหล่านั้น เป็นเรื่องราวการ ต่อสู้ของครอบครัวในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ เมื่อ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ทำ�ให้ดิฉันรู้สึกทึ่งในความ แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อของเด็กๆ และความ รู้สึกหดหู่กับสิ่งที่ครอบครัวผู้ประสบภัยต้อง เผชิญ ดิฉันอยากสัมผัสและเข้าใจสภาพ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ จึงตัดสินใจไปเยือนจังหวัดมิยางิและ จังหวัดอิวาเตะทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็น 2 จังหวัดที่ประสบภัยพิบัติ อย่างหนักจากเหตุการณ์ครั้งนั้น นอกจากการ เยือนพื้นที่ประสบภัยแล้ว ดิฉันก็ถือโอกาสท่อง เที่ยวไปด้วย เพราะภูมิภาคนี้มีสถานที่ท่องเที่ยว ทางธรรมชาติที่น่าสนใจและสถานที่ที่มีคุณค่า ทางประวัติศาสตร์ที่เพิ่งได้รับการรับรองจาก ยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย สถานทีแ่ ห่งแรกทีด่ ฉิ นั ไปเยือนคือ มัตสึชมิ ะ (Matsushima) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มี ชื่อเสียงมากในจังหวัดมิยางิ เนื่องจากเป็น หนึ่งในสามทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น ภายในอ่าวมัตสึชิมะมีเกาะน้อยใหญ่รูปทรง แปลกตาดูน่าสนใจอยู่ราว 260 เกาะ เราสามารถล่องเรือท่องเทีย่ วเพือ่ ชมเกาะเหล่านัน้ ได้ นอกจากทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว ยังมีแหล่ง ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เช่น วัดซุยเกนจิ ที่ สร้างขึ้นในปี 828 ภายในวัดมีสิ่งปลูกสร้าง ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ซึ่งถูกกำ�หนดเป็น สมบัติมีค่าของแผ่นดิน (National Treasures) วัดเอนซืออิน หรือที่เรียกกันว่า วัดกุหลาบ เพราะภายในวัดมีสวนกุหลาบที่เปิดให้บุคคล ทั่วไปเข้าชมได้ด้วย
2
3
1
1. ภายในวัดเอนซืออินอันสงบสุข 2. เกาะน้อยใหญ่ภายในอ่าวมัตสึชิมะ สามารถ
ล่องเรือชมเกาะต่างๆ ได้
3. อ่าวมัตสึชิมะที่เต็มไปด้วยเกาะน้อยใหญ่
วันเกิดเหตุแผ่นดินไหว มัตสึชิมะได้รับ ความเสียหายไม่น้อยเช่นกัน นํ้าทะเลท่วมสูง ปกคลุมชั้นล่างของร้านค้าที่ตั้งเรียงรายอยู่ บริเวณท่าเรือ เกาะเล็กๆ รูปร่างแปลกประหลาด ภายในอ่าวบางเกาะพังทลายลงมาจนยากที่จะ จินตนาการรูปทรงเดิมได้ แนวต้นสนที่ปลูกเรียง รายเป็นแถวยาวลึกเข้าไปสู่ประตูทางเข้าวัด ซุยเกนจิถกู นํา้ ทะเลท่วมจนแห้งเฉาและจำ�เป็นต้อง ตัดทิง้ ราว 300 ต้น แต่ระดับความเสียหายของทีน่ ่ี ยังน้อยเมื่อเทียบกับความเสียหายของ เขตพืน้ ทีอ่ น่ื มีการมองกันว่า เป็นเพราะเกาะ น้อยใหญ่ภายในอ่าวมัตสึชมิ ะช่วยเป็นแนวกันชน ดูดซับและลดพลังของคลื่นสึนามิลงก่อนที่มันจะ จูโ่ จมเมือง ทำ�ให้ชว่ ยบรรเทาความเสียหายลงได้ เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งปีครึ่ง ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุก อย่างจะกลับเข้าที่เข้าทางจนแทบจะดูไม่ออก เลยว่าที่นี่เคยตกอยู่ในสภาพยํ่าแย่จากภัยพิบัติ ครั้งนั้น ร้านรวงดูสะอาดตา มีนักท่องเที่ยว กลับมาเยือนที่นี่บ้างแล้ว ภายในวัดซุยเกนจิ ถึงแม้จะมีบางจุดที่ยังต้องซ่อมแซมอยู่บ้างแต่ ก็สามารถเยี่ยมชมได้ตามปกติ และที่วัดแห่งนี้ ดิฉันได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณลุง รปภ.ภายในวัด เขาเล่าว่า แผ่นดินไหวไม่ได้ทำ�ให้อุโบสถอายุ 67
สุขีในญี่ปุ่น
กว่า 400 ปีสะทกสะท้านเลย แต่หลังคาของ ตึกพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นใหม่กลับตกลงมา ระเนระนาด และเมือ่ เขาทราบว่าดิฉนั เป็นคนไทย เขาพูดกับดิฉันว่า “ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ คนไทยช่วยเหลือพวกเรามากมาย และพวกเรา ได้รับเงินบริจาคจำ�นวนมากจากคนไทย” คำ�พูด ของคุณลุงทำ�ให้ดิฉันรู้สึกภูมิใจขึ้นมาทันทีที่เกิด เป็นคนไทย แต่ก็ใช่ว่าทุกพื้นที่จะฟื้นฟูได้รวดเร็วเหมือน มัตสึชิมะ... เมื่อดิฉันแล่นรถเข้าเมืองอิชิโนะมากิ จังหวัดมิยางิ ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับความเสียหนัก ที่สุดเมืองหนึ่งจากเหตุการณ์ 3/11 ดิฉันได้นำ� รถปีนขึ้นทางลาดชันของเนินเขาฮิโยริยามะ สถานที่ซึ่งสามารถมองลงมาเห็นเมืองบริเวณ ริมชายฝั่งทะเลของอิชิโนะมากิได้ บนเนินเขา แห่งนี้มีศาลเจ้าคาชิมะมิโกะ เมื่อเดินเข้าไป ไหว้เจ้าในศาลเจ้า ดิฉันสังเกตเห็นนกกระเรียน กระดาษที่ถูกพับอย่างประณีตหลากสีสวยงาม แขวนอยู่มากมายบริเวณมุมหนึ่ง เมื่อเห็นฝูง นกกระดาษเหล่านั้นก็ทราบได้ทันทีว่า ผู้พับคง ตั้งจิตอธิษฐานเพื่อผู้ล่วงลับและหวังที่จะเห็น บ้านเมืองฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมอีกครั้ง สภาพ เมืองอิชิโนะมากิที่อยู่ด้านล่างเมื่อมองลงมา จากลานกว้างหน้าศาลเจ้า มีเพียงผืนหญ้าที่ ปกคลุมฐานคอนกรีตและสิ่งก่อสร้างที่หลงเหลือ อยู่เป็นหย่อมๆ เมื่อเทียบกับภาพถ่ายที่วางอยู่ ซึ่งถ่ายบริเวณเดียวกันเมื่อหลายปีก่อน ไม่ ต้องคิดก็รู้ได้ทันทีว่า บ้านเรือนและสิ่งก่อสร้าง มากมายขนาดไหนที่ถูกสึนามิพัดพาไป เมื่อลง จากเนินเขาและแล่นรถไปตามชายฝั่งทะเลที่ แทบไม่เหลืออะไรเลย จะเห็นอาคารสามชั้นที่
4 68
5
6
4. ศาลเจ้าคาชิมะมิโกะ บนเนินเขาฮิโยริยามะ
7
ถูกไฟไหม้ตั้งตระหง่านอยู่หลังหนึ่ง อาคารแห่งนี้ คือ อาคารเรียนของโรงเรียนประถมศึกษา คาโดวากิ โชคดีที่เด็กๆ ซึ่งอยู่ที่โรงเรียนขณะนั้น สามารถอพยพได้ทันก่อนที่อาคารเรียนจะไหม้ ไปทั้งหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและ สึนามิ มีโรงเรียนจำ�นวนมากได้รับความเสียหาย และมีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจ ชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ นั่นคือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับโรงเรียนประถมศึกษาโอคาวะ เมืองอิชิโนะ มากิ คลื่นยักษ์สึนามิได้จู่โจมเด็กนักเรียนประถม 108 คน ที่กำ�ลังรวมตัวกันอยู่บริเวณสนามของ โรงเรียนเพื่อทำ�การอพยพ สึนามิลูกนั้นทำ�ให้ เด็กนักเรียน 74 คนกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ และคุณครูรอดชีวิตมาได้เพียงคนเดียว มีการ วิพากษ์วิจารณ์การอพยพนักเรียนครั้งนี้อย่าง มากว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะเด็กๆ มีโอกาส รอดชีวิตหากอพยพขึ้นเขาซึ่งอยู่ติดทางด้านหลัง ของโรงเรียนในทันที แต่ก็มีเหตุปัจจัยหลายอย่าง ทำ�ให้บรรดาคุณครูต้องตัดสินใจอพยพเด็กๆ ไป ที่อื่นแทน เมื่อแล่นรถเลียบชายฝั่งไปทางทิศเหนือ ผ่านเมืองประมงมากมายที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเล ทุกที่มีสภาพเช่นเดียวกันหมด คือ ไม่เหลือ
เมืองอิชิโนะมากิ 5. นกกระเรียนกระดาษหลากสีที่แขวนอยู่ มุมหนึ่งของศาลเจ้าคาชิมะมิโกะ 6. เมืองอิชิโนะมากิที่มองลงมาจากเนินเขา ฮิโยริยามะ 7. โรงเรียนประถมศึกษาคาโดวากิที่มอดไหม้ ทั้งหลัง 8. บริเวณหน้าโรงเรียนประถมศึกษาโอคาวะ มีผู้คนนำ�ดอกไม้ เครื่องดื่ม ขนมมาวางไว้ มากมาย 9. ศูนย์การแพทย์ตำ�บลโอนางาวะที่ตั้งอยู่บน เนินสูง 16 เมตรจากระดับนํ้าทะเล
8
9
12
ที่ห่างจากชายฝั่งเข้ามาประมาณ 800 เมตร มี เรือประมงลำ�ใหญ่ขนาดยาว 60 เมตร หนัก 330 ตัน เกยอยู่บริเวณนั้น 10 การเดินทางครั้งนี้ปิดท้ายด้วยการเยือน ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่เหนือสุดของจังหวัดมิยางิและ 10. “ต้นสนปาฏิหาริย์” ณ ทุ่งสนทาคาตะ ฮิราอิสมุ ิ (Hiraizumi) ซึง่ เป็นสถานทีท่ อ่ งเทีย่ ว ติดกับจังหวัดอิวาเตะ เมืองเคเซนนุมะมีท่าเรือ บริเวณชายฝั่งของเมืองริกุเซนทาคาตะ ภายในจังหวัดอิวาเตะ และเพิ่งได้รับการรับรอง ประมงใหญ่ที่สุดที่มีปริมาณการจับปลาสูงสุด จังหวัดอิวาเตะ บริเวณนี้เคยมีแนวต้นสน จากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 2011 เนือ่ งจาก ในประเทศญี ่ ป ุ ่ น ความเสี ย หายของเมื อ งนี ้ เรียงรายราว 7 หมื่นต้น เป็นแนวต้นสนกัน สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลจึงไม่ได้รับ คลื่นและป้องกันภัยจากสึนามิมาหลายครั้ง ต่างกันตามเขตพื้นที่ บางเขตยังมีตึกเหลือ ความเสียหายจากสึนามิ แต่ก็ได้รับผลกระทบ อยูม่ าก แต่บางเขตก็ไม่มอี ะไรเหลือเลย ดิฉนั ได้แวะ จากเหตุการณ์ 3/11 เพราะจำ�นวนนักท่องเที่ยว ในอดีต แต่เหตุการณ์ 3/11 ทำ�ให้บริเวณนี้ รับประทานอาหารที่กลุ่มร้านอาหารรวมตัวกัน ถูกคลื่นยักษ์สึนามิสูงกว่า 10 เมตรจู่โจม ลดลงไปอย่างมาก สถานที่ท่องเที่ยวสำ�คัญของ เปิ ด ร้ า นภายในอาคารชั ่ ว คราว และเรี ย กที ่ น ั ่ น ต้นสน 7 หมื่นต้นหักล้มอย่างถอนราก ฮิราอิสมุ ิ เช่น วัดจูซงจิ ทีส่ ร้างขึน้ ในปี 850 หรือ ถอนโคนจนเหลือเพียง 1 ต้น สนต้นนี้จึงได้ ว่า “Kesennuma-Yokocho” มีอาหารอร่อยและ ในยุคสมัยเฮอัน มีหอประดิษฐานพระอมิตาภพุทธ กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นฟูของพื้นที่ ร้านขายอาหารทะเลแปรรูปซึ่งเป็นของฝากมีชื่อ สีทองเหลืองอร่ามซึ่งสร้างขึ้นในปี 1124 ของเคเซนนุมะด้วย นอกจากที่นี่แล้ว ยังมีอีก ประสบภัยและกลายเป็นความหวังของ หรือที่เรียกว่า Konjikido เป็นสิ่งก่อสร้างเดียว แห่ ง ที ่ ร ้ า นค้ า รวมตั ว กั น กว่ า 50 ร้ า น เช่ น ร้ า น ผู้ประสบภัย ที่ยังหลงเหลืออยู่จากยุคสมัยนั้น และที่ศาลเจ้า อาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านเสริมสวย ร้านขายยา 11. Kesennuma-Yokocho มีร้านอาหารอร่อย ฮาคุซันภายในวัดจูซงจิยังมีเวทีละครโน ซึ่งมีการ หลายร้าน สามารถแวะรับประทานอาหารได้ หรือแม้แต่โรงเรียนกวดวิชาและโรงเรียนสอน จัดแสดงละครโนในวันที่ 14 สิงหาคมของทุกปี เปียโน เปิดให้บริการภายในกลุ่มอาคารชั่วคราว อีกด้วย นอกจากสิ่งก่อสร้างและสถานที่อันมี 12. อาคารภายนอก Konjikido ภายในมี เรียกว่า “ย่านร้านค้าฟืน้ ฟูเคเซนนุมะ” แม้พวกเขา คุณค่าทางประวัติศาสตร์แล้ว ที่ฮิราอิสุมิยังมี พระพุทธรูปเก่าแก่จำ�นวนมากและหอ ต้องประสบภัยพิบัติอย่างหนัก ถูกสึนามิพัดพา การจัดงานเทศกาลต่างๆ ที่น่าสนใจตลอดปี ประดิษฐานสีทองอร่าม ทุกสิ่งทุกอย่างไปจนแทบไม่เหลืออะไรเลย แต่ อีกด้วย หากท่านผู้อ่านมีโอกาสเดินทาง อะไรเลย เช่น ที่ตำ�บลโอนางาวะ ซากปรักหักพัง พวกเขาก็ลุกขึ้นสู้เพื่อฟื้นฟูเมืองได้อย่างน่า ท่องเที่ยวบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ มากมายได้ถูกเก็บกวาดไปหมดแล้ว แต่ยังมี ยกย่องจริงๆ ประเทศญี่ปุ่น นอกจากการชื่นชมธรรมชาติอัน ตึกหลงเหลืออยู่สองสามหลังในที่โล่งบริเวณริม สวยงามและดื่มดํ่ากับศิลปวัฒนธรรมแล้ว ชายฝั่ง หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าตึกเหล่านี้ถูก เมือ่ แล่นรถไปตามถนนภายในเมืองเคเซนนุมะ ก็อย่าลืมแวะให้กำ�ลังใจผู้ประสบภัยด้วยนะคะ พลังคลื่นสึนามิหักโค่นลงจนอยู่ในสภาพตะแคง ก็จะพบกับภาพที่อาจจะดูงงๆ บริเวณริมถนน ข้าง และเมื่อแหงนหน้าขึ้นมองจากบริเวณ วันเวลาล่วงเลยไป 2 ปี หลังเกิดเหตุการณ์ 11 ที่โล่งริมชายฝั่ง ก็จะเห็นตึกศูนย์การแพทย์ ภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โอนางาวะตั้งเด่นอยู่บนเนินสูงราว 16 เมตรจาก หลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่าได้เกิดอะไรขึ้น ขอ ระดับนํ้าทะเล ในวันที่เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์ อย่าให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ความทรงจำ�อัน สึนามิท่วมชั้น 1 ของตึกสูงขึ้นมา 2 เมตร เมื่อ เลือนราง ขอให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนที่ทำ�ให้ คิดคำ�นวณตัวเลขในใจก็จะได้ผลลัพธ์ออกมา เราตระหนักถึงการป้องกันและรับมือกับภัย ว่า คลื่นสึนามิน่าจะสูงราว 18 เมตร แต่มันคง ธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ประเทศใด ยากเกินกว่าที่จะจินตนาการภาพเหตุการณ์นั้น เพราะอาจมีอีกหลายชีวิตที่สามารถรอดได้หาก ได้ เมื่อแล่นรถไปเรื่อยๆ จนถึงเมือง เคเซนนุมะ เราตระหนักถึงสิ่งเหล่านั้น 69
Tra elogue เรื่องและภาพ : ศนิศรา
Bhutan ไปเมืองปูนาคา ผ่านโดชูลา และ วังดู โพ-ดรัง (2)
การเดินทางมาภูฏานคราวนี้ ฉันต้องการมา เยือนเมืองปูนาคา แต่ระหว่างทางมีเมืองและ เรือ่ งราวน่าสนใจมากมายจนอดไม่ได้ทจ่ี ะเล่าสูก่ นั ฟัง...หลังจากทีแ่ วะชมเมืองรายทางจนหนำ�ใจแล้ว ฉันก็ได้เดินทางมาถึง “เมืองปูนาคา” เสียทีคะ่ เมืองปูนาคา เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศ ภูฏานในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ถึง 19 สถานที่ สำ�คัญในปูนาคาส่วนใหญ่จะเป็นโบราณสถาน คือวัด วัดหลักแห่งปูนาคาคือ วัดปูนาคา หรือ
ดังเช่นวัดอืน่ ๆ ตามปกติในภูฏาน ซึง่ ไม่นา่ แปลกใจ เลยเพราะสถานทีแ่ ห่งนีเ้ คยเป็นพระราชวัง มาก่อนจริงๆ และทีป่ นู าคาซ่งนีเ่ องทีใ่ ช้เป็นสถานที่ ประกอบพระราชพิธอี ภิเษกสมรสของ พระราชาธิบดีจกิ มี เกห์ซาร์ นัมเกียล วังชุก กับ นางสาวเจ็ตซัน เปมา ในวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554 นอกจากนีย้ งั เคยใช้เป็นทีป่ ระกอบพระราช พิธรี าชาภิเษกกษัตริยข์ องภูฏานมาแต่เดิมด้วย อย่างไรก็ตาม เป็นทีน่ า่ เสียดายทีว่ ดั /วังซึง่ ฉัน เห็นอยูน่ ้ี เป็นวัด/วังทีส่ ร้างขึน้ ใหม่แทนวัด/วังเดิม ซึง่ สร้างมาตัง้ แต่ ค.ศ. 1637 เนือ่ งจากวัด/วังเก่าแก่ ดัง้ เดิมถูกไฟไหม้หลายครัง้ หลายครา ในต่างยุค ต่างสมัย ทัง้ ยังพังพินาศจากแรงสัน่ สะเทือนของ แผ่นดินไหว และถูกนํา้ ท่วมพัดพาไปอีก เนือ่ งจาก ตัง้ อยูร่ มิ แม่นา้ํ สองสายคือ แม่นา้ํ โปห์ชู และแม่นา้ํ โมชู แม้จะเป็นวัด/วังทีส่ ร้างขึน้ มาใหม่ แต่ ลวดลายทีเ่ ขียนประดับอยูต่ ามโครงสร้างส่วน ประกอบของอาคารทีเ่ ป็นไม้นน้ั สวยงาม อ่อนช้อย วิจติ รมาก เพียงแต่วา่ โทนสีทใ่ี ช้นน้ั ฉูดฉาด บาดตาไปสักหน่อย และพระพุทธรูปทีเ่ ป็นพระ ประธานในวัดก็ดใู หม่เอีย่ ม มีสลี กู กวาดสดใสเป็น ส่วนประกอบราวกับต้องการให้ประทับใจวัยรุน่ (เกาหลี) มากกว่าทีจ่ ะเป็นสิง่ ศักดิส์ ทิ ธิส์ ำ�หรับ เอาไว้เคารพบูชา เข้าใจว่าการทำ�สีให้ฉดู ฉาดนัน้ คงเป็นการเตรียมการล่วงหน้า เผือ่ ไว้วา่ กาลเวลา จะทำ�ให้สซี ดี จางลง ต่อไปในภายหน้าสีเหล่านัน้ จะจางจนอยูต่ วั พอดีกระมัง สำ�หรับปูนาคาซ่งนัน้ เดิมเป็นทัง้ วัด พระราชวัง สถานทีว่ า่ ราชการ สำ�นักงานปกครอง และป้อมปราการสำ�หรับป้องกันรักษาเมือง ใน การทำ�หน้าทีเ่ ป็นพระราชวังในยุคสมัยทีป่ นู าคายัง เป็นนครหลวงของภูฏานนัน้ ปูนาคาซ่งได้รบั การ 1 ขนานนามว่า “พระราชวังบรมสุข” หรือ “Palace of Great Happiness” นับเป็นวัด วัง ทีว่ า่ ราชการ ปูนาคาซ่ง ซึง่ เป็นศูนย์กลางด้านการเมือง การ ปกครอง การศาสนา ตลอดจนเป็นป้อมปราการ และป้อมปราการทีถ่ อื กันว่าสวยงามทีส่ ดุ ในภูฏาน ปัจจุบนั ได้มกี ารย้ายเมืองหลวงของภูฏานไป ทีใ่ ช้ปอ้ งกันเมืองจากข้าศึกศัตรูดว้ ย ใครๆ ที่ อยูท่ เ่ี มืองทิมพู ปูนาคาซ่ง (และพระราชวังเดิม) เดินทางมาถึงปูนาคามักมีจดุ หมายเดียวในการ จึงกลายเป็นทีพ่ ำ�นักของพระลามะชัน้ ผูใ้ หญ่ใน มาเยือนคือเข้าเยีย่ มชมวัดแห่งปูนาคา หรือ ช่วงฤดูหนาว เพราะมีอากาศอบอุน่ สบาย แม้วา่ ปูนาคาซ่ง จะอยูใ่ นทีส่ งู กว่าระดับนํา้ ทะเลถึง 1,200 เมตร ใน วัดปูนาคา หรือ ปูนาคาซ่ง ใหญ่โต สวยงาม ขณะทีต่ ลอดปีปนู าคาซ่งก็มพี ระลามะจำ�พรรษา อยูท่ ว่ี ดั เป็นจำ�นวนมากอยูเ่ ป็นปกติ มาก ดูราวกับพระราชวังมากกว่าจะเป็นวัด
Tra elogue
2
4
3
5
มัคคุเทศก์ทพ่ี าเข้าชมบริเวณปูนาคาซ่งต้อง ผูค้ นทีเ่ ดินทางมาปูนาคาซ่ง นอกจากจะมา เป็นผูท้ ม่ี ใี บรับรองอย่างเป็นทางการจากทาง ชมความงดงามของสถานทีแ่ ล้ว ยังมาเพือ่ ราชการเท่านัน้ สักการะสิง่ ศักดิส์ ทิ ธิแ์ ละคารวะพระอัฐธิ าตุของ ผูม้ าเยือนห้ามสวมหมวก กางเกงขาสัน้ พระลามะในอดีตทีม่ สี ว่ นสำ�คัญในการเผยแผ่พทุ ธ กระโปรงสัน้ เสือ้ แขนกุด เสือ้ เกาะอก หรือพกร่ม ศาสนาในภูฏานทีไ่ ด้เก็บไว้ในปูนาคาซ่งด้วย เข้าไปในบริเวณปูนาคาซ่ง ห้ามถ่ายภาพภายในตัวอาคารของซ่ง แต่ สิง่ ทีค่ วรระวังและรำ�ลึกไว้ส�ำ หรับนักเดินทาง ถ่ายภาพจากภายนอกได้ เมือ่ มาเยือนปูนาคาซ่งคือ บางอาคารในบริเวณของปูนาคาซ่ง ต้อง ปูนาคาซ่งไม่อนุญาตให้ผมู้ าเยือนเดินเข้ามา ถอดรองเท้าก่อนจึงจะได้รบั อนุญาตให้เข้าไป ภายในบริเวณวัดหากไม่มใี บอนุญาต ดังนัน้ ภายในตัวอาคารได้ มัคคุเทศก์จะต้องมีเอกสารและใบอนุญาตจาก ในบริเวณซ่งไม่มหี อ้ งสุขา(แบบนัง่ ชักโครก) ทางราชการเตรียมไว้ให้พร้อมล่วงหน้าก่อน ไว้ส�ำ หรับผูม้ าเยือน ปูนาคาซ่ง เป็นสถานทีส่ �ำ คัญของชาติภฏู าน เป็นสถานทีศ่ กั ดิส์ ทิ ธิ์ และใช้เป็นทีป่ ระกอบ 1. พระราชาธิบดีจิกมีในพระราชพิธีอภิเษก พิธกี ารสำ�คัญระดับชาติ พระราชาธิบดีแห่งภูฏาน สมรสที่ปูนาคา พระบรมวงศานุวงศ์ พระลามะชัน้ สูงมักเสด็จ 2. ปูนาคาซ่ง มายังปูนาคาซ่งอยูเ่ นืองๆ ดังนัน้ หากมาเยือน 3. ปูนาคาซ่งเมื่อยํ่าคํ่า ปูนาคาซ่งในช่วงทีม่ งี านพระราชพิธอี ย่างหนึง่ 4. รถบรรทุกที่พบระหว่างการเดินทาง อย่างใด และได้พบปะบุคคลสำ�คัญระดับชาติของ 5. วังดู โพ-ดรังซ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างทางก่อนจะ ประเทศภูฏาน ควรแสดงความเคารพท่าน มาถึงปูนาคา เหล่านัน้ อย่างเหมาะสม 6. พระในปูนาคาซ่ง
6
สำ�หรับผูท้ ส่ี นใจจะเดินทางมาภูฏานจาก ประเทศไทยนัน้ สามารถเดินทางได้ไม่ยากโดย สายการบินดรุกแอร์ ซึง่ เป็นสายการบินแห่งชาติ ของภูฏานทีม่ เี ทีย่ วบินจากกรุงเทพฯ ทุกวัน ที่ แน่ๆ มีบริษทั ท่องเทีย่ วในประเทศไทยหลายสำ�นัก ทีเ่ สนอการท่องเทีย่ วในภูฏานให้แก่นกั ท่องเทีย่ ว ซึง่ ต่างกับในอดีตทีก่ ารเข้าประเทศภูฏานเป็นเรือ่ ง ทีย่ ากเย็นมาก ผูท้ จ่ี ะเข้าไปเยือนภูฏาน(เคย)ต้อง เสียค่า “เข้าประเทศ” ในราคาแสนแพง (ซึง่ ไม่เกีย่ วกับค่าทำ�วีซา่ ) เพราะประเทศภูฏาน(เคย) ไม่ตอ้ งการให้มนี กั ท่องเทีย่ วเชิงปริมาณแบบ ไร้คณ ุ ภาพเข้าประเทศของเขา และหากมีโอกาสได้มาภูฏาน ไม่ควรพลาดที่ จะมาเยือนปูนาคาซ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการ เพิม่ ประสบการณ์ให้ชวี ติ ได้สมั ผัสสถานทีส่ �ำ คัญ และสวยทีส่ ดุ แห่งหนึง่ ของภูฏานแล้ว ยังมีโอกาส ได้คารวะสิง่ ศักดิส์ ทิ ธิท์ างพุทธศาสนา (นิกาย วชิรยาน) ในดินแดนแห่งเทือกเขาหิมาลัยอัน เร้นลับเต็มไปด้วยมนต์เสน่หอ์ กี ด้วยค่ะ
การเดินทางของนกสีฟ้า
เรือ่ ง : นิรามิสสุข ภาพ : ชาธร โชคภัทระ
สัมผัส วิถีชาวแพ... สะแกกรัง 72
ดำ�นํา้ สามผุดไม่หลุดอุทยั ฯ ไปอุทยั ฯ ไม่ตอ้ งอุทธรณ์ คํา่ แล้วนอนทีเ่ มืองอุทยั ฯ แม้จะเป็นเพียงคำ�กล่าวสนุกๆ ของชาวอุทยั ธานี ชนชาวนํา้ ทีไ่ ม่ใช่แค่เปีย่ มด้วยนํา้ จิตและมิตรไมตรี ต่อผูม้ าเยือน แต่ยงั มีวถิ ชี วี ติ อันสงบร่มเย็น รืน่ รมย์เสียจนคนเมืองต้องขอมาพึง่ พิงพักอิงริมนํา้ เปลือยใจ ปล่อยกายให้ไหลไปตามลำ�นํา้ สะแกกรัง ซึมซับวิถอี นั น่าอภิรมย์ของชาวแพทีส่ บื สานตำ�นานบนเรือนไม้ ลอยนํา้ หลังน้อย ทีอ่ าจเรียกว่าใหญ่ทส่ี ดุ ในประเทศไทย กันมาหลายชัว่ อายุคน
สะแกกรัง ถือเป็นสายนํา้ แห่งประวัตศิ าสตร์ ทีม่ ตี น้ กำ�เนิดจากเทือกเขาโมโกจู ในจังหวัด กำ�แพงเพชร ก่อนจะไหลผ่านตัวเมืองอุทยั ธานี แล้วไปบรรจบกับแม่นา้ํ เจ้าพระยาทีอ่ ำ�เภอ มโนรมย์ จังหวัดชัยนาท รวมความยาวถึง 108 กิโลเมตร ทีเ่ รียกว่าเป็นแม่นา้ํ ประวัตศิ าสตร์กเ็ ริม่ มาแต่ครัง้ กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี แม่นา้ํ สายนี้ ถูกใช้เป็นเส้นทางหลักในการล่องซุง และลำ�เลียง ช้างป่าส่งเข้าเมืองหลวง โดยจุดทีช่ า้ งลงแพจะ เรียกกันว่า ท่าช้าง ซึง่ ปัจจุบนั คือห้าแยกวิทยุและ ท่านํา้ ตลาดเทศบาลเก่า ส่วนสถานทีร่ วมซุงคือ บ้านท่าซุง ทีพ่ บบันทึกว่าสมัยสมเด็จพระนเรศวร มหาราช บ้านสะแกกรังเป็นแหล่งยุง้ ฉางซือ้ ขาย ข้าว โดยชาวนาจะนำ�ข้าวมาขายให้กบั ชาวจีน ทีม่ ารับซือ้ ถึงท่า แล้วค้างแรมริมนํา้ สะแกกรังก่อน จะเดินทางกลับบ้านในวันรุง่ ขึน้ นอกจากนี้ แม่นา้ํ สะแกกรังยังเป็นถิน่ กำ�เนิด ของพระปฐมบรมชนกนาถ (นายทองดี) พระราช บิดาในรัชกาลที่ 1 โดยทรงกำ�เนิดขึน้ บนเรือนแพ ฝัง่ ตรงข้ามวัดยาง ไม่เพียงเท่านัน้ สายนํา้ สะแกกรัง ยังเคยรับเสด็จพระเจ้าอยูห่ วั ถึง 3 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั
รัชกาลที่ 5 ในปี 2444 และ 2449 เสด็จฯ มา ประทับทีห่ มูบ่ า้ นสะแกกรัง ท่านเจ้าอาวาสจึง สร้างแพแฝด 2 หลังรับเสด็จ และพระราชทาน ของทีร่ ะลึกถวายพระครูอทุ ยั ธรรมนิเทศ (จัน) เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ดว้ ย ต่อมาในปี 2459 พระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ 6 เสด็จฯ อุทยั ธานีแล้วทอดพระเนตรเห็นธงช้าง ซึง่ เป็นธงชาติสยามขณะนัน้ ติดกลับหัว จึงทรง เปลีย่ นธงชาติใหม่ให้สมมาตรเป็นแถบ 3 สีดงั ที่ ใช้กนั ในปัจจุบนั และราวปี 2519 พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยูห่ วั รัชกาลปัจจุบนั เสด็จฯ อุทยั ธานี แล้วมีพระราชดำ�รัสว่า “ข้าวเมืองอุทยั ธานีนอ้ี ร่อย นัก” ยังความปลาบปลืม้ แก่ชาวอุทยั ฯ ทัง้ มวล เสมอมา การสัมผัสวิถชี วี ติ ของชุมชนชาวแพริมแม่นา้ํ สะแกกรัง นับเป็นการท่องเทีย่ วผ่อนคลายของ คนเมืองทีน่ า่ หลงใหลไม่นอ้ ย นอกจากจะใช้เวลา ในการเดินทางไม่นานนัก เพียง 2-3 ชัว่ โมง จาก กรุงเทพฯ และหากอยากแวะพักสัก 1-2 คืนก็ ทำ�ได้ไม่ยาก แนะนำ�ให้เลือกค้างแรมบนเรือนแพ ลอยนํา้ เพือ่ จะได้สมั ผัสความสุขของชีวติ ทีผ่ กู พัน กับเรือนแพและสายนํา้ สะแกกรังของชาวอุทยั ฯ อย่างใกล้ชดิ ไม่วา่ จะเป็นการจับปลาด้วยการวาง ลอบ วางข่าย ทอดแห หรือเก็บผักริมนํา้ ปลอด สารพิษมาปรุงอาหาร การยังชีพด้วยวิถพี อเพียง แบบทีค่ นเมืองกำ�ลังห่างไกลออกไปทุกขณะ การ เดินทางสัญจรไปมาทางนํา้ ด้วยเรืออันเป็นพาหนะ ประจำ�ทุกหลังคาเรือน การช่วยเหลือเกือ้ กูลและ อัธยาศัยไมตรีอนั เอือ้ เฟือ้ เผือ่ แผ่กนั ของชาวแพ และหากเดินทางมาในช่วงทีม่ เี ทศกาลงานบุญ
ประจำ�บ้าน อาจจะได้เห็นการลากแพโบสถ์ ที่ ลอยลำ�อยูห่ น้าวัดอุโปสถาราม มาเทียบแพทีพ่ กั เพือ่ จัดงานบุญ วัดอุโปสถาราม และแพโบสถ์นา้ํ เดิมชือ่ วัดโบสถ์มโนรมย์ สร้างมาตัง้ แต่สมัยรัตนโกสินทร์ ตอนต้น มีความโดดเด่นด้วยภาพจิตรกรรม ฝาผนัง เจดียแ์ ปดเหลีย่ ม และมณฑปแปดเหลีย่ ม ทรงยุโรป บริเวณริมนํา้ หน้าวัดมีแพโบสถ์นา้ํ จอด ลอยลำ�อยู่ แพโบสถ์นา้ํ นีน้ อกจากจะใช้สำ�หรับจัด งานสำ�คัญของชาวแพสะแกกรังแล้ว ยังเคยใช้ รับเสด็จรัชกาลที่ 5 มาแล้วด้วย นอกจากแพโบสถ์นา้ํ ของวัดอุโปสถาราม ริมนํา้ สะแกกรังยังมีเรือนแพทีต่ อ้ งแวะชมอีกหลาย หลัง ไม่วา่ จะเป็น วัดโค่ง หรือ วัดธรรมโศภิต อีกหนึง่ วัดเก่าแก่ทส่ี ร้างในสมัยเดียวกัน โดยหม่อง โค่ง พ่อค้าชาวพม่า ซึง่ ภายในวิหารประดิษฐาน
พระพุทธรูปปางนาคปรกองค์ใหญ่ทส่ี ดุ ในอุทยั ธานี และใต้ฐานยังบรรจุพระพิมพ์วดั พลับอันศักดิส์ ทิ ธิ์ ด้วย เกาะเทโพ เดิมเป็นแหลมยืน่ ออกมาคัน่ ระหว่างแม่นา้ํ เจ้าพระยากับแม่นา้ํ สะแกกรัง ซึง่ มาบรรจบกันทางทิศใต้ของแหลม แต่พอมีการ ขุดคลองเชือ่ มทางเหนือ แหลมแห่งนีจ้ งึ กลายเป็น เกาะ และเป็นจุดท่องเทีย่ วน่าสนใจของผูท้ ช่ี อบ การปัน่ จักรยานเทีย่ ว ด้วยสองข้างทางยังคงอุดม
73
การเดินทางของนกสีฟ้า
สมบูรณ์แบบชนบท แพกระชังปลาลอยลำ�อยู่ ริมนํา้ ใกล้เกาะเทโพ เลีย้ งปลาเทโพในกระชัง โดย แต่ละรุน่ จะใช้เวลาเลีย้ ง 1 ปีเต็มก่อนทีจ่ ะส่งขาย แพปลูกเตย ลอยลำ�อยูช่ ว่ งหน้าตลาด ปลูกต้น เตยนํา้ ไว้เก็บขาย มีให้ชมตลอดปี และแพยกยอ วิธกี ารจับปลาแบบดัง้ เดิมของชาวสะแกกรัง โดย ช่วงเวลากลางคืนจะเปิดไฟล่อแมลง ให้ปลา เข้ามากินแมลง และจะยกยอกันในช่วงเช้า การล่องเรือเทีย่ วชมความงามของแม่นา้ํ สะแกกรังยามสายัณห์ตะวันรอน นับเป็นอีกหนึง่ กิจกรรมควรทำ�ไม่นอ้ ย ด้วยจะได้สมั ผัสวิถรี มิ นํา้ รับลมแม่นา้ํ เย็นสดชืน่ และตืน่ ตาตืน่ ใจกับเรือนแพ กว่า 300 หลังคา ทีล่ อยเรียงรายเป็นชุมชน ขนาดใหญ่ ก่อนอาทิตย์จะลับลา และไม่ควร พลาดทีจ่ ะตบท้ายวันอันแสนสุขด้วยการลิม้ รส อาหารมือ้ อร่อยบนร้านเรือนแพริมนํา้ ทีจ่ ะทำ�ให้ การท่องเทีย่ วคราวนีส้ ขุ ครบสูตรอย่างแท้จริง รู้ก่อนเดินทาง การท่องเทีย่ วลุม่ นํา้ สะแกกรังและจังหวัดอุทยั ธานี นัน้ สามารถเทีย่ วได้ตลอดทัง้ ปี แม้วา่ ในช่วง หน้าแล้งนํา้ ในแม่นา้ํ อาจจะน้อยไปสักหน่อย แต่ก็ สามารถล่องเรือท่องเทีย่ วได้ตามปกติ 74
เทคนิคการท่องเที่ยวอย่างมีความสุข ด้วยสภาพอากาศทีอ่ าจเปลีย่ นแปลงบ่อย เดีย๋ วฝน เดีย๋ วร้อน เดีย๋ วหนาว ซึง่ อาจทำ�ให้ การเดินทางท่องเทีย่ วไม่เป็นไปตามแผนนัก หากเราปล่อยกายปล่อยใจลดการ คาดหวังกับเรือ่ งดินฟ้าอากาศ แต่ปรับ เปลีย่ นมาเป็นการรับมือและปรับเปลีย่ นแผน ให้สอดคล้องแทน น่าจะทำ�ให้การเดินทาง ท่องเทีย่ วในแต่ละครัง้ สนุกและสุขใจ จนอยากบอกต่อกันเลยทีเดียว
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางไปยังจังหวัด อุทยั ธานีได้หลายเส้นทาง ได้แก่ 1. ใช้ถนนพหลโยธินผ่านจังหวัดสระบุรี อำ�เภอโคกสำ�โรง จังหวัดลพบุรี อำ�เภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ และอำ�เภอมโนรมย์ จังหวัด ชัยนาท ข้ามแม่นา้ํ เจ้าพระยาลงแพขนานยนต์ ทีอ่ �ำ เภอมโนรมย์ ผ่านวัดท่าซุง (วัดจันทาราม) ศาลากลางจังหวัด เข้าตลาดอุทยั ธานี รวม ระยะทางประมาณ 305 กิโลเมตร 2.. ใช้ถนนสาย 32 ผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บรุ ี ชัยนาท เลีย้ วซ้ายตรงทางแยกท่านํา้ อ้อย บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 206 ข้ามสะพานข้าม แม่นา้ํ เจ้าพระยามาตามถนนสาย 333 ระยะทาง ประมาณ 16 กิโลเมตร ผ่านหน้าโรงพยาบาล เลีย้ วซ้ายเข้าตลาดอุทยั ธานี รวมเป็นระยะทาง ประมาณ 222 กิโลเมตร 3. ใช้ถนนสาย 32 ผ่านจังหวัดอยุธยา เลีย้ ว ซ้ายข้ามสะพานจังหวัดอ่างทอง มาตามถนน สายในผ่านจังหวัดสิงห์บรุ ี อำ�เภอสรรพยา เขือ่ น เจ้าพระยา อำ�เภอวัดสิงห์ ผ่านวัดท่าซุง ศาลา กลางจังหวัด เข้าตลาดจังหวัดอุทยั ธานี รวมเป็น ระยะทางประมาณ 283 กิโลเมตร • การท่องเทีย่ วแห่งประเทศไทย สำ�นักงานอุทยั ธานี โทร. 0-5641-4982 • ริมนที โฮมสเตย์ โทร. 08-1475-9921, 08-1888-6792 • อุทยั ริเวอร์เลค โทร. 08-9162-8188, 08-1886-5793 • พญาไม้รสี อร์ท โทร. 0-5698-0212, 08-1674-1992
เรื่อง : วีระโชติ ภาพประกอบ : kampanatz.com
all about car
การปรับเบาะนั่ง สิ่งสำ�คัญที่ถูกมองข้าม
ท่านัง่ ทีเ่ หมาะสมในการขับรถเป็นเรือ่ งแรกๆ ทีผ่ ขู้ บั ควรให้ความสำ�คัญ แต่หลายๆ ท่านอาจจะไม่ทนั ได้นกึ ถึง หรือมักปฏิบตั ติ ามความเคยชิน เพราะ ท่านัง่ ขับรถทีถ่ กู ต้องและเหมาะสม มีผลอย่างมากต่อความปลอดภัยในการขับรถ เพิม่ ความสะดวกสบาย และลดความเมือ่ ยล้าในขณะขับขีด่ ว้ ย ซึง่ การปรับ ท่านัง่ ทีถ่ กู ต้องและเหมาะสมทำ�ได้ไม่ยาก โดยเริม่ จาก การปรับระยะของเบาะ นัง่ ให้ใช้ฝา่ เท้า (ไม่ใช่ ปลายเท้า) ข้างซ้ายเหยียบลง บนแป้นพักเท้าหรือพืน้ รถยนต์ และใช้ฝา่ เท้าขวาเหยียบแป้น เบรก จากนัน้ เลือ่ นเบาะให้ หัวเข่าขวาโค้งงอเล็กน้อย เท่านี้ ก็จะได้ต�ำ แหน่งของเบาะนัง่ ที่ เหมาะสมกับสรีระของผูข้ บั
1
การปรับความเอียง ของพนักพิงหลัง ใช้มอื ซ้ายจับพวงมาลัยทีต่ �ำ แหน่ง 9 นาฬิกา และใช้มอื ขวา จับตำ�แหน่ง 3 นาฬิกา แล้ว ปรับตำ�แหน่งพนักพิงให้เอน ไปด้านหลัง โดยทีข่ อ้ ศอกทัง้ 2 ข้างหย่อนเล็กน้อยคล้าย รูปตัว V ให้สงั เกตง่ายๆ ว่า แขนจะต้องไม่เหยียดตึงเมือ่ จับพวงมาลัย และแผ่นหลัง ต้องแนบกับพนักพิงตลอด เวลา เมือ่ ปรับเสร็จแล้วลอง ตรวจเช็กด้วยการเลือ่ นมือ ไปวางไว้บนสุดของวงพวงมาลัย ตำ�แหน่งตรงข้อมือ ต้องแตะกับพวงมาลัยจึงจะ ถูกต้อง ถ้าพวงมาลัยอยูเ่ ลย ไปถึงกลางฝ่ามือ แสดงว่า ปรับพนักพิงเอนเกินไป ถ้าอยู่ เลยข้อมือเข้ามาแสดงว่านัง่ ชิดเกินไป
2
การปรับหมอนรองศีรษะ ควรปรับให้เมือ่ เอนศีรษะ แล้วพิงช่วงกลางหมอนพอดี แต่ศรี ษะต้องไม่พงิ หมอนเวลาขับ เพราะหมอนรองศีรษะมีไว้รองรับ เมือ่ เกิด การชนแล้วศีรษะจะได้สะบัดไปด้านหลังเล็กน้อย ไม่ใช่ ไว้พงิ ตอนขับ
3
เมือ่ ปรับทุกอย่างลงตัวแล้ว ให้ปรับกระจกมอง ข้างและมองหลัง ให้อยูใ่ นตำ�แหน่งทีส่ ายตา สามารถเหลือบไปมองเห็นได้อย่างชัดเจน หมายความ ว่า ท่านสามารถใช้หางตามองได้โดยไม่ตอ้ งหันศีรษะ มากเกินไป
4
การปรับท่านัง่ อย่างถูกต้องและเหมาะ สม จะส่งผลดีอย่างยิง่ ต่อประสิทธิภาพใน การควบคุมรถ เพราะหากเกิดเหตุฉกุ เฉิน ผูข้ บั ขีจ่ ะสามารถบังคับหรือควบคุมพวงมาลัยไปในทิศทางทีต่ อ้ งการได้อย่างมี ประสิทธิภาพ หรือเหยียบแป้นเบรกได้อย่าง ไม่ตดิ ขัด ส่งผลให้ขบั ขีป่ ลอดภัยมากยิง่ ขึน้ นัน่ เอง
75
one happy day
เรื่องและภาพ : รัฐธนนท์ ธนาสินสิทธานนท์ facebook.com/lek.ratthanon
ท่องเที่ยวริมนํ้า เดินเล่นริมคลอง...
ตลาดนํ้าขวัญเรียม
หลังจากที่เราเดินทางไปหาความสุขด้วยการไปท่องเที่ยวพร้อมๆ กับ การได้เรียนรู้ตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ มาแล้วหลายแห่ง คราวนี้ก็เลยเปลี่ยน บรรยากาศให้เป็นการท่องเที่ยวแบบสบายๆ กันบ้าง โดยจุดหมายในวันนี้ เป็นจุดกำ�เนิดของตำ�นานรักแห่งทุง่ บางกะปิ ในบทประพันธ์ของ ไม้ เมืองเดิม เรื่อง “แผลเก่า” สถานที่แห่งนี้ก็คือ ตลาดนํ้าขวัญเรียม ตลาดนํ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบระหว่างวัดบำ�เพ็ญเหนือกับ วัดบางเพ็งใต้ เป็นตลาดนํ้าที่เพิ่งเปิดใหม่ แต่ก็มีการจำ�ลองภาพประเพณี วิถชี วี ติ หลายๆ อย่างมาไว้ให้นกั ท่องเทีย่ วได้สมั ผัสบรรยากาศของชาวบ้าน ทุ่งริมนํ้าในอดีต 76
1
ตักบาตร...ทางนํ้า ผมเลือกที่จะเดินทางมายังตลาดนํ้าขวัญ เรียมในช่วงเช้า เพราะต้องการมาตักบาตรทางนํา้ เมื่อมาถึงก็เห็นชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเดินทาง มารอใส่บาตรกันเต็มสองฝั่งคลอง นอกจากภาพ ความงดงามในการตักบาตรทางนํ้าแล้ว สิ่งที่ ผมประทับใจก็คือภาพความอบอุ่นของหลายๆ ครอบครัวที่พากันมาใส่บาตรร่วมกัน ในส่วนของ ดอกไม้และอาหารใส่บาตรนั้น เราสามารถนำ�มา เองจากบ้าน หรือจะมาซื้อที่ตลาดก็ได้เช่นกัน
2
อร่อย...ริมนํ้า หลังจากใส่บาตรรับพรจากพระแล้ว ก็ได้ เวลาเดินชมตลาด ผมเริ่มต้นด้วยการเดินหา อาหารเช้าทาน ซึ่งจุดเด่นอย่างหนึ่งของตลาด แห่งนี้ ก็คือเรือเอี้ยมจุ๊นที่จอดเรียงรายอยู่ริม คลองแสนแสบ มีอาหารขายมากมายหลาก หลายเมนูให้เราเลือกชิม ผมเดินผ่านจนครบ ทุกร้าน สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกลงเรือของร้าน “จับ๊ ’ญวนแม่พลอย” เมนูกวยจับ๊ ญวนของร้านนี้ อร่อยจนผมต้องเอ่ยปากชมกับเจ้าของร้าน หลังทานเสร็จ อิ่มอร่อยกับอาหารคาวไปแล้วก็ต้องตาม ด้วยของหวาน ผมขอเพิ่มความหวานและ ความเย็นให้ร่างกายด้วยไอศกรีมกะทิสดในลูก มะพร้าว ของร้านกระทง แนะนำ�ให้ลองชิมแบบ ใส่ไข่เค็มด้วยนะครับ (รับรองจะติดใจแบบผม) 77
one happy day
3
เพลิดเพลิน...ริมคลอง ท้องอิ่มแล้วก็เดินเล่นได้อย่างสบายตัว ไม่ ต้องกลัวจะหมดแรง ตลาดนํ้าแห่งนี้นอกจากจะ มีอาหาร งานฝีมือ และของที่ระลึกจำ�หน่ายแล้ว ยังมีอีกหลายๆ อย่างที่น่าสนใจให้เราได้เดินชม อาทิ พิพิธภัณฑ์ของจิ๋วแห่งตลาดนํ้าขวัญเรียม เป็นต้น และสำ�หรับเด็กๆ ก็น่าจะชอบบรรดา สัตว์เลี้ยงต่างๆ อย่าง ม้าแคระ หงส์ และเป็ด แมนดาริน
ตลาดนํ้าขวัญเรียม
ภาพประกอบ : ต้องการ
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมล่องเรือชมวิถีชีวิตของชาวบ้านริมคลองแสนแสบ โดยในการล่องเรือ แต่ละเที่ยวก็จะมีมัคคุเทศก์ตัวน้อยคอยบรรยายแนะนำ�ประวัติความเป็นมาของคลองแสนแสบ และ เรื่องราวที่เกิดขึ้นในสายนํ้าแห่งนี้ให้ผู้มาเยือนได้ทราบ ตลาดนํ้าขวัญเรียมเหมาะสำ�หรับการมาพักผ่อนสบายๆ มาเดินเล่น ล่องเรือ และทานอาหาร อร่อยๆ ที่มีให้เลือกชิมอีกมากมาย แต่ด้วยความจำ�กัดของกระเพาะอาหารผมจึงชิมได้ไม่มากนัก ถ้าใครมีเวลาก็มาเดินเล่นและลองชิมอาหารด้วยตัวเองกันนะครับ 78
ตลาดนํ้าขวัญเรียมเปิดวันเสาร์อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 07.00-20.00 น. ตักบาตรพระทางนํ้า เวลา 07.30 น การเดินทางสามารถมาได้สองเส้นทาง จากถนนเสรีไทย เข้าซอยเสรีไทย 60 มาที่วัด บำ�เพ็ญเหนือ และจากถนนรามคำ�แหง เข้า ซอยรามคำ�แหง 187 มาที่วัดบางเพ็งใต้ โดย ตลาดนํ้าขวัญเรียมจะตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบ ระหว่างวัดทั้งสองแห่ง
เรื่องและภาพประกอบ : Imaginism
home sweet home
มาลดโลกร้อน กันเถอะ เดือนมีนาคม...หน้าร้อนมาเยือนอีกแล้ว คงได้เวลาเก็บบ้านให้โปร่งตา เพื่อให้ลมที่พัด ผ่านช่วยถ่ายเทอากาศที่อบอ้าวได้สะดวกขึ้น ของที่เก็บหมกไว้ตามห้องหับต่างๆ ก็ได้เวลารื้อ จัดทำ�ความสะอาดกันอีกสักรอบ ใครหนอ...เคย บอกว่าถ้าเลือกใช้ตู้แบบไม่มีฝาปิดจะทำ�ความ สะอาดยากเพราะมันเก็บฝุ่น แต่ที่จริงฉันว่าตู้ มีฝาปิดก็ช่วยได้แค่เพียงสะอาดตาดูเรียบร้อย เท่านั้นละ ถ้าหากไม่ยอมจัดระเบียบของในตู้ เพราะถือว่ามีฝาปิดมิดชิด เลยถือโอกาสหมก สารพัดสิ่งไว้หลังบานตู้นั้น พอเวลาผ่านไป ข้างในก็เต็มไปด้วยฝุ่นจากของรกๆ ไม่ต่างกัน รื้อๆ โละๆ ไปก็จะเจอพวกกระป๋องกระแป๋ง พลาสติกต่างๆ ทีบ่ างครัง้ ซือ้ เพราะหลงไปกับ แพ็กเกจและรูปทรงสวยงามอย่างพวกขวด แชมพู กระปุกครีมนวด สารพัดเครื่องประทินผิว หรือของใช้ในห้องนํ้าที่พอใช้หมดก็ได้แต่หมกไว้ ไม่รู้จะใช้ทำ�อะไรต่อ จะทิ้งก็เสียดายเพราะขยะ จากบ้านเราก็คงกลายเป็นหนึ่งในบรรดาขยะที่ ล้นโลก เอ...หรือจะจับบรรดากระปุกกระป๋อง กระแป๋งพวกนี้ไปแต่งตัวใหม่ ให้หน้าตาสดใส มีดีไซน์น่าใช้น่าอวด จะดีไหมนะ เริ่มต้นที่การทำ�ความสะอาดเป็นอันดับ แรก...ลอกสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่ติดกับขวด กระปุกต่างๆ ออกให้สะอาด เอาแช่นํ้าสบู่ เจือจาง สักพักฉลากก็จะหลุดออกอย่างง่ายดาย หรือหากเป็นกาวติดทนหน่อยก็ใช้ฟองนํ้าถูๆ ขัดๆ แต่ถ้ากาวยังดื้อไม่ยอมแยกจากขวดก็เอา เทปกาวเหนียวๆ มาช่วยดึงกาวออกอีกที เสร็จแล้วก็ตากไว้ให้แห้งก่อนจับแต่งตัว วิธีแปลงโฉมให้ขวดอย่างง่ายที่นิยมทำ�กัน คือพ่นสีสเปรย์แล้วแต่งเติมอีกนิดหน่อย แบบนั้น ก็ง่ายดี แต่ลองนึกถึงอากาศร้อนๆ ในเดือน
วิธีทำ� 1. แปะเทปกาวที่ ตัดเป็นสามเหลี่ยม แปะจากฐานขวดไล่ ขึ้นมาจนถึงปากขวด เสร็จแล้วขัดด้วยกีวี สีนํ้าตาล ให้ดูคล้าย ผิวไม้้สีธรรมชาติ ทา แล็กเกอร์เคลือบ 2. พันเชือกหลาก สีหลายผิวสัมผัสรอบ ขวด ยึดด้วยกาว หลอด แต่งด้วยเศษ ลูกไม้หวานๆ หรือ ริบบิ้น มีนาคม-เมษายนที่ร้อนขึ้นทุกปีๆ ดูสิ ถ้าไม่อยาก ให้โลกร้อนไปกว่านี้ลดการใช้สเปรย์ลงจะดีกว่า หาของใช้ในบ้านหรือของเหลือใช้นี่ละมาแต่งตัว ให้ขวด ใช้เทคนิคง่ายๆ สักสองแบบ ก็คือ “แบบปะและแบบพัน” แต่งสวยให้บรรดาขวด
กระปุก นอกจากจะได้ขวดสวยๆ เก๋ๆ ไว้ใช้เอง แล้ว ยังมอบเป็นของขวัญทำ�มือให้คนใกล้ตัวได้ อีก เป็นการแปลงโฉมให้ขยะแล้วนำ�ไปฝากคน ใกล้ชิดให้ช่วยกันใช้ ช่วยกันลดโลกร้อน เผื่อโลก เราจะร้อนน้อยลงบ้างสักนิดก็ยังดี 79
greenshop review เรื่องและภาพ : ต้องการ
2
1
Brown Rice Organic Bistro
เชียงใหม่
ท่าทางฉันจะชีพจรลงเท้าค่ะ เริ่มต้นปีใหม่ ก็มีคนเชิญชวนให้ไปอยู่เชียงใหม่ 1 เดือน ฉันเห็นว่าน่าสนุกก็ตกลงใจไปทันที เรียกว่า ใจง่ายมากทีเดียว ฉันไปเชียงใหม่ค่อนข้างบ่อย ประมาณปีละ 1 ครั้ง จึงพอรู้ว่าที่เชียงใหม่นั้น หาร้านอาหารมังสวิรัติง่ายกว่าที่กรุงเทพฯ มาก และร้านอาหารออร์แกนิกดีๆ ก็มีหลายที่ด้วย ไปคราวนี้ก็เลยหมายมั่นปั้นมือเอาไว้หลายร้าน ว่าจะต้องไปกินให้ได้ แล้วก็ได้ไปหลายร้านอยู่ ค่ะ ร้านแรกขอประเดิมที่ร้าน Brown Rice ก่อน ดีกว่า
80
3
ร้าน Brown Rice โดยเชฟดวง ธนภูมิ อโศกตระกูล ที่โด่งดังมาจากการทำ�ปิ่นโตปลอด เนื้อสัตว์ส่งในเมืองเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันก็ยังทำ� ปิ่นโตปลอดเนื้อส่งสมาชิกอยู่ ดังนั้นฉันก็จะ แยกเรื่องราวของร้านนี้ออกเป็น 2 ตอน ตอน แรกนี้จะแนะนำ�อาหารน่าทานในร้านก่อน แล้ว ตอนหน้าค่อยทำ�ความรู้จักเชฟดวงและปิ่นโตกัน ให้มากขึ้นนะคะ หลังจากเชฟดวงย้ายร้านมา 2-3 ที่ก็มา ลงตัวที่ร้านใหม่ในชื่อ Brown Rice Organic Bistro บนถนนสามล้าน ร้านหาไม่ยากค่ะ แค่
เข้ามาในถนนซึ่งอยู่ตรงข้ามประตูสวนปรุงพอดี ลึกเข้ามาไม่ถึง 100 เมตรก็เห็นร้านอาหารโล่ง โปร่งมีกระดานดำ�เขียนชื่อร้านตั้งวางอยู่ มอง เข้าไปอาจเห็นชาวต่างชาติทั้งฝรั่งและญี่ปุ่นนั่ง ทานกันมากกว่าคนไทย คงเป็นเพราะร้านนี้ขาย อาหารมังสวิรตั ิ ก็เลยเป็นขวัญใจของลูกค้าต่างชาติ ที่เป็นมังสวิรัติที่มาเที่ยวและมาอยู่เชียงใหม่ แต่เมนูของที่ร้านเขาก็มีอาหารไทยเยอะนะคะ ร้านนี้ตกแต่งแบบง่ายๆ นั่งสบายๆ แต่พอ อาหารมาเสิร์ฟ โอ้...อาหารนั้นตกแต่งหรูหราทุก จานค่ะ เป็นทั้งอาหารตาอาหารปาก แถมยัง
4
เป็นอาหารใจเพราะเชฟดวง (ต่อไปฉันขอเรียก ว่าพี่ดวงก็แล้วกันนะคะ) คัดสรรวัตถุดิบที่เป็น ออร์แกนิกและพืชผักที่ปลูกเองหลังร้านเอามา ทำ�ให้ลูกค้าและไม่ใส่ผงชูรส เรียกว่าอาหาร ทั้งหลายกลั่นกรองเพื่อสุขภาพจริงๆ และที่ สำ�คัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็คืออร่อยอย่างแรง ฉันอยู่เชียงใหม่มาประมาณ 3 อาทิตย์ก็ชวน เพื่อนไปกินด้วยกันมา 3 ครั้ง เพื่อนติดใจกัน หมด แม้แต่เพื่อนที่ไม่เป็นมังสวิรัติและไม่ได้ สนใจสุขภาพก็ยังเอร็ดอร่อย มากินอย่างเต็มใจ แถมยังมีเมนูเด็ดในดวงใจเขาด้วย เพื่อนฉัน แนะนำ�เมนู เต้าหู้ฟูยำ�มะม่วง ซึ่งเอาเต้าหู้มายี ให้ฟูกรอบแทนเนื้อปลา รสชาติของทุกส่วนผสม ที่พี่ดวงเลือกมานั้นกลมกล่อมลงตัว ไม่ง้อ
ถนนสุเทพ
วัดพระสิงห์
โรงพยาบาลสวนปรุง
วัดเจดีย์หลวง
ประตูสวนปรุง
ประตูท่าแพ
เนือ้ สัตว์กอ็ ร่อยได้ วันแรกฉันลองสัง่ สะเต๊ะเห็ด ซึ่งกลายมาเป็นเมนูโปรดของพวกเราต่อมาด้วย เห็ดออรินจิฝานชิ้นหนาคลุกเครื่องหมักเอาไป ย่างถูกเสิร์ฟมาอย่างกับอาหารโรงแรม อาจาด อยู่ในแก้วค็อกเทลและนํ้าจิ้มถั่วรสกำ�ลังดีเคียง มาเป็นถ้วยเล็ก วันนั้นพี่ดวงภูมิใจนำ�เสนอ สลัด ไทย พอเราลองชิมก็ชื่นชอบกันทุกคน เพราะมี กลิ่นหอมแปลกจากผักไทยๆ เคล้ามาด้วย เช่น สะระแหน่ ผักชี ผักแพว และยังมีสายบัวสดตัด สั้นๆ โรยมาเป็นสีสันและช่วยเรื่องความกรอบ นํ้าสลัดรสหวานเปรี้ยวหอมงา สรุปว่าอร่อย อีกแล้ว ไม่ใช่ว่าฉันรู้จักมักจี่กับพี่ดวงแล้วจะมา เชียร์กันไม่ลืมหูลืมตานะคะ เขาทำ�อาหารอร่อย แบบใช้ใจทำ�จริงๆ ครั้งหนึ่งที่พารุ่นพี่มาร้านนี้ พี่คนหนึ่งก็ขอสั่งผัดไทย ซึ่งพี่เขาอยากกินด้วย และแอบกระซิบว่าเมนูผัดไทยนี่แหละที่จะพิสูจน์ ฝีมือที่แท้จริงของร้านอาหารได้ และออกมาก็ เยี่ยมจริงๆ จานผัดไทยออกมาอย่างหรู มีไข่ โรยหน้ามาเป็นแพตาข่ายสวยงาม รสชาติเป็น เลิศ ถือว่าผ่านหมดสำ�หรับทั้งคนกินมังสวิรัติ ไม่มังสวิรัติ ออร์แกนิก ไม่ออร์แกนิก ตัวฉัน เองนั้นถึงกับอยากให้ร้าน Brown Rice มีสาขา ปากช่องใกล้ๆ บ้านจังเลยค่ะ และไม่ใช่แค่อาหารนะคะ เครื่องดื่มในร้าน ก็หรูเลิศพอกับการจัดจาน พี่อีกคนสั่งม็อกเทล ต้มยำ�มาดื่ม แน่นอนว่าเราพอจะเดาได้ว่ามัน
5
1 ผัดไทย 2 สะเต๊ะเห็ด 3 ยำ�เต้าหู้ฟู 4 สลัดไทย 5 ม็อกเทลต้มยำ�
ต้องมีประมาณ พริก มะนาว ตะไคร้ให้ดูเป็น ต้มยำ� แต่ยังนึกรสชาติไม่ออก เมื่อได้ชิมก็ ลงความเห็นเหมือนกันว่า อร่อย มีรสสดชื่น ของมะนาวนำ� ตามด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพร ต้มยำ�ทั้งหลาย แนะนำ�เลยค่ะว่าถ้าคุณมาร้านนี้ แล้วสั่งเมนูรสเข้มข้นมากินกันจนอิ่มตื้อ ม็อกเทล ต้มยำ�นีจ่ ะช่วยเรียกความสดชืน่ กลับมาได้เลยค่ะ ส่วนนํ้าเปล่าทางร้านจะมีเหยือกวางเอาไว้ให้ ด้วยตามประสาคนใจกว้างแบบพี่ดวง ยังมีเรื่องความใจกว้างและตั้งใจจริงเรื่อง อาหารของเชฟดวงแห่งร้าน Brown Rice มาเล่า ให้ฟังอีกตอนหน้าค่ะ ติดตามนะคะ ร้าน Brown Rice Organic Bistro เบอร์โทร. 08-6918-8428 Facebook เสิร์ช BrownRiceOrganicBistro 81
กินอาหารเป็นยา
เรื่องและภาพ : ป้าจาย แม่มดดอกไม้
ปีนี้อากาศในเมืองไทยเราออกจะหนาวแบบตั้งตัวกันไม่ค่อยทัน ความหนาวจู่โจมเป็นระยะ เวลานานกว่าเดือน เล่นเอาหลายๆ คนไม่ได้เตรียมอบอุ่นร่างกาย จึงเจ็บไข้ได้ป่วยกันไปไม่น้อย ทั้งปวดหัว ตัวร้อน มีไข้ นํ้ามูกไหล ไอจาม ไอค็อกไอแค็ก ไอกระด๊อกกระแด๊ก จนหัวสั่นตัว คลอน ลองเดินไปดูในตู้เย็น เราอาจมียาแก้ไอ ยาดีจากก้นครัวที่ทำ�เองได้ง่ายๆ ราคาไม่แพง รสดีชวนติดใจ และจิบกันตลอดไปก็ได้ มะนาวแป้น มะกรูด ขิงแก่ และนํ้าผึ้งอินทรีย์แท้ จับใส่โหลดองสักหนึ่งสัปดาห์ ก็มียาแก้ไออย่างดี จิบได้ตลอดวัน ชุ่มคอ ชื่นใจ และลดอาการไอ ได้ระดับหนึ่ง แต่หากป่วยมากจนไอตลอดเวลา และมีเสมหะเต็มลำ�คอแล้ว อย่ามัวรอมะนาวหวานสูตรนี้เลยค่ะ พบแพทย์เฉพาะทางจะดีกว่า
ยาแก้ไอ ชามะนาวหวาน
82
วิธีทำ� • ล้างเปลือกมะนาว มะกรูด และขิงแก่ ให้สะอาด • เตรียมขวดโหลสำ�หรับดองมะนาว ด้วยการล้างและนึ่งสัก 3 นาที ปล่อย ให้ขวดเย็น • ฝานขิงแก่สัก 5-7 แว่น ใส่รองก้นขวดโหล • ฝานมะนาวสัก 4-5 ผล กับมะกรูด 1 ผล เก็บเมล็ดออกให้หมด ใส่ใน ขวดโหลจนเต็มคอขวด • ค่อยๆ รินนํ้าผึ้งแท้ลงในขวด จนนํ้าผึ้งท่วม • จากนั้นปิดฝาขวดโหลให้แน่น เขย่าจนนํ้ามะนาวเริ่มละลายปนกับ นํา้ ผึง้ ไม่แยกส่วน นำ�ไปแช่ในตูเ้ ย็นช่องธรรมดาสัก 7-10 วัน เพือ่ ให้สว่ นผสม ทุกอย่างมีรสและกลิ่นที่เข้ากันสนิทดี จึงค่อยนำ�มาชงเป็นนํ้าชาอุ่นๆ จิบชุ่มคอแก้ไอ หรือจะผสมเป็นเครื่องดื่มเย็นในวันร้อน ก็จะช่วยให้ชีวิต สดใสด้วยรสหวานอมเปรี้ยว หอมกลิ่นมะนาว มะกรูด นํ้าผึ้ง และขิงแก่ ได้ทั้งวิตามินซีแก้หวัด และนํ้ามันหอมระเหยจากผิวมะกรูด มะนาว ช่วยลดอาการคันและระคายคอได้เป็นอย่างดี • นอกจากนี้เรายังอาจเพิ่มคุณค่าเครื่องดื่มหรือยาขนานนี้ได้อีก ด้วยการ แช่หรือหมักดอกอัญชันเข้าไปด้วย ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ดอกอัญชัน สีนํ้าเงินนี้ ให้สารที่บำ�รุงสายตา บำ�รุงหัวใจ เส้นเลือด และบำ�รุงรากผม วิธีชงชาจิบแก้ไอ • ตักทั้งนํ้าและเนื้อมะนาวหวานสักหนึ่งช้อนชาพูนใส่ในถ้วยชา ใช้ช้อนกด เนื้อมะนาวเบาๆ • เติมนํ้าอุ่นจัดลงไปก็จะได้ชาอุ่นจิบแก้หนาวและแก้ไอ ชุ่มคอ หอมชื่นใจ มาก • มะนาวหวานที่ผสมอัญชันจะให้นํ้าดื่มสีสวยหวาน ชวนดื่ม ผสมเป็น เครื่องดื่มเย็นก็ยิ่งชื่นใจ
หลายคนทดลองทำ�ตาม สูตรนี้แล้วติดใจอย่างมาก ขนาดทำ�แจกให้ญาติมิตร เพื่อนฝูงอีกหลายคน และบางคนถามว่า มียาแก้ ไอ...เลิฟยู หรือเปล่า แหม... อย่าแก้เลยค่ะ เลิฟๆ ไลค์ๆ กันไปนี่แหละค่ะ ช่วยทำ�ให้ หัวใจชุ่มชื่นดีนักแล 83
ระบำ�ทำ�ครัว เรื่องและภาพ : การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
แกงส้มมะละกอสับปะรด
84
การทำ�อาหารไม่ใช่เรื่องยากเสมอไป วัตถุดิบธรรมดาๆ กับเครื่องปรุงพื้นฐานไม่กี่ชนิดก็แตกเป็นอาหารได้มากมาย วันไหนมีสิ่งแปลกใหม่หรือของ หายากให้ลิ้มก็เป็นความหรูหราของชีวิต เหมือนการเริงระบำ� ด้วยครก สาก ทัพพี กระทะ หม้อ ตะหลิว ฯลฯ คุณหรือฉัน หมายถึง “เรา” ก็สนุกกับ จังหวะผสมผสานได้ ที่สำ�คัญ การทำ�อาหารกินเองทำ�ให้เลือกได้ว่าจะปรุงรสไหน กินกับใคร ทำ�ให้ใครกิน หรือแม้แต่กินคนเดียวก็อร่อยได้ :) อากาศแปรปรวนทุกวัน เดีย๋ วร้อน เดีย๋ วเย็น บางวันมีฝนตกนอกฤดู เห็นทีจะอยู่ยากแล้วนะ โลกใบนี้ :-) พูดเล่นค่ะ ก็ถ้าไม่อยู่โลกนี้แล้วเรา จะไปอยู่โลกไหนกัน จะอย่างไรเราก็ต้องอยู่กับ สิ่งที่เป็น ที่เห็น เรียนรู้และแก้ปัญหาไปให้ได้ เหมือนในชีวิตประจำ�วันเลยค่ะ บางทีแค่ เรื่อง “วันนี้จะกินอะไร” จะมองให้เป็นเรื่องใหญ่ หรือเรื่องเล็กก็ได้ มองให้เป็นเรื่องสนุกท้าทาย ก็ได้ ในบางวันที่เราอาจจะไม่สะดวกเลือกหา วัตถุดิบมากมาย หรือเงินในกระเป๋าไม่พอ สำ�หรับสิ่งที่ “มาก” ไปกว่าที่มี หรือไม่ต้องอะไร เลย “ขี้เกียจ” ก็เป็นเหตุผลได้เหมือนกัน
ตัวฉันเองค่ะ มีบ่อยไป ขี้เกียจออกจาก บ้านนะ แต่ก็อยากจะกินอะไรอร่อยซาบซ่าน และควรเป็นอาหารทำ�ง่ายๆ ด้วย...อืม เคยมีหน หนึ่ง ค้นตู้เย็นได้มะละกอดิบที่ซื้อไว้ทำ�ส้มตำ� แล้วก็สับปะรดที่ซื้อไว้กินเป็นผลไม้ ส่วนในโหล ของแห้งมีปลาเล็กปลาน้อยที่เอาไว้ทอดกรอบ กินกับข้าวต้ม อารมณ์พลิกแพลงบังเกิดค่ะ ฉันชอบกิน แกงส้ม ซึ่งเป็นแกงที่ทำ�นํ้าพริกง่ายที่สุดในโลก แค่ของไม่กี่อย่าง มีมะขามเปียกหรือมะนาวนิด นํ้าตาลปึกหรือนํ้าตาลปี๊บนิดหน่อย เราก็อร่อย กับรสชาติครบเครื่อง ทอดไข่เจียวร้อนๆ อีก
เครื่องปรุง ของต้องใช้ มะละกอดิบหั่นชิ้นบาง สับปะรด ปลาแห้ง (เปลี่ยนเป็นกุ้งสด ปลาสดได้) นํ้ามะขามเปียก หรือมะนาว นํ้าตาลปี๊บ
วิธีทำ� 1. ตำ�เกลือกับพริกแห้ง ตาม ด้วยกระเทียม พริกขี้หนูสด ขมิ้น หอมแดง และใส่กะปิเป็นลำ�ดับ สุดท้าย หากใช้วิธีซื้อนํ้าพริกแกงส้ม มา อย่าลืมเติมกะปิด้วยค่ะ 2. ต้มนํ้าในหม้อ ละลายนํ้าพริก แกงลงไป 3. นํ้าเดือด ใส่ปลาลงไปต้ม หรี่ไฟ ลงนิดหนึ่ง เคี่ยวนํ้าแกงให้หอม 4. ใส่มะละกอและสับปะรดลงไป 5. ปรุงรสด้วยนํ้ามะขามเปียก นํ้าตาลปี๊บ (หากสับปะรดมีรสเปรี้ยว มาก บีบมะนาวเติมทีหลังก็พอ) 6. พอมะละกอสุกก็ยกลง
เครื่องตำ�นํ้าพริกแกง พริกแห้ง พริกขี้หนูสด กระเทียม หอมแดง ขมิ้น กะปิ เกลือ มะนาว
สักจาน หรือจะทอดปลาแนมก็ได้ ฉันทำ�แกงส้มมะละกอดิบใส่สับปะรดอีก หลายหน จนกลายมาเป็นอาหารประจำ�บ้าน ถ้ามีกุ้งสด หรือปลาสด จะแจ๋วมากค่ะ แต่วันที่ มีแค่ปลาเล็กปลาน้อยแห้ง นำ�มาต้มจนนุ่มใส่ ลงไปก็ไม่เลวเหมือนกันแฮะ อาหารสำ�หรับฉัน คือความเพลิดเพลิน ใจ และรสที่เราค่อยๆ เรียนรู้วิธีควบคุมมัน มี ศาสตร์และศิลป์อยู่ในความละเอียดอ่อน กับ ความรวบรัดในยามทำ�อาหารจานด่วน ลองดู ไหมคะ แกงด่วนร้อนๆ แบบบ้านๆ อาจเป็นจาน โปรดของคุณก็ได้นะ
เคล็ดลับ • มะละกอสุกไม่ยากค่ะ อยู่ที่ว่าชอบแบบนิ่มมากน้อย แค่ไหน สำ�หรับสับปะรด เราใส่พอให้นํ้าแกงมีรสหวาน อมเปรี้ยว ไม่จำ�เป็นต้องใส่มากค่ะ • หากใช้ปลาสด ให้ใส่ลงไปในนํ้าแกงตอนที่นํ้าเดือด จะได้ ไม่คาว • หากเป็นกุ้งสด มะละกอใกล้สุก ค่อยใส่กุ้ง จะได้รสหวาน พอดี • บีบนํ้ามะนาวเล็กน้อย จะช่วยให้นํ้าแกงหอมขึ้น • สูตรนี้เป็นนํ้าพริกแกงปักษ์ใต้ จึงขาดขมิ้นไม่ได้เลยล่ะ • พริกสดที่ตำ�รวมกับพริกแห้ง จะช่วยให้นํ้าแกงเผ็ดร้อน และมีกลิ่นหอมซาบซ่านมากขึ้น • รับประทานกับข้าวร้อนๆ ทอดไข่ หรือทอดปลาแนม เป็นอาหารที่กระตุ้นพลังในตัวอย่างมากเลยค่ะ (ได้เหงื่อแน่นอน) ^_^ 85
ชวนชิมอิ่มสุข เรื่อง : หนูอวบ ภาพ : สุภชัย รอดประจง
THE MYTH of Mahanaga เสน่ห์น่าค้นหา
เห็นชื่อแล้วหลายท่านอาจสงสัยว่า ใช่ร้านเดียวกับ Mahanaga ร้านอาหารไทยที่แสนโด่งดังหรือเปล่า คำ�ตอบคือ ใช่แล้วค่ะ หลังจากเปิดให้บริการมายาวนานถึง 13 ปี คุณเพชรรัตน์ กิตติบุญโญภาส เจ้าของร้าน ก็ได้ปรับปรุงร้าน ครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นด้านการตกแต่งหรือเมนูอาหาร และใช้ ชื่อใหม่ว่า THE MYTH of Mahanaga บ้านเก่าหลังงามอายุกว่า 70 ปี ยังคงเด่นตระหง่านต้อนรับผู้มาเยือน ด้วยกลิ่นอายการตกแต่งสไตล์ตะวันออก โดยเฉพาะงานไม้ที่คุณเพชรรัตน์ ชื่นชอบ และซื้อไว้เป็นจำ�นวนมาก หากมาในยามคํ่าคืนจะพบกับ บรรยากาศสวยงามน่าประทับใจ คล้ายท่องไปในแดนจินตนาการเลยค่ะ ในส่วนของเมนู จากเดิมที่นำ�เสนออาหารไทยฟิวชั่น ได้ปรับเป็น อาหารไทยร่วมสมัยที่มีเอกลักษณ์อย่างยิ่ง คือรักษารสชาติของอาหารไทย ไว้ได้อย่างครบถ้วน แต่หน้าตาดูสากลมากๆ ซึ่งแต่ละเมนูเป็นที่รู้จักกันดี แต่ทางร้านจัดแต่งได้สวยเก๋ชนิดลืมหน้าตาแบบเดิมไปเลย อย่าง มัสมัน่ ไก่ (Sous-Vide Massaman Gai-270 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ ที่นำ�อกไก่มา SousVide (การปรุงสุกแบบช้าๆ ในสุญญากาศ) เสิร์ฟพร้อมข้าวริซ็อตโต้ ประดับด้วยรากบัวอบแห้งและมันฝรั่งทอด รสชาติเข้มข้น หอมเครื่องเทศ ถึงใจ ส่วน คะน้าหมูกรอบ (Slow Cooked Pork Belly-320 บาท) เห็น แล้วแทบจะร้อง ว้าว! ออกมาดังๆ กับเนื้อหมูชิ้นใหญ่ที่ผ่านการอบนาน ถึง 12 ชั่วโมงจนนุ่มละมุนลิ้นและมีคะน้าฮ่องกงรองอยู่ข้างใต้ พร้อม
86
นํ้าราดที่ปรุงจากคะน้าฮ่องกงลวกเคี่ยวจน กลมกล่อม มาถึง ต้มยำ�ปลากะพงแดง (Red Snapper Tom Yam-320 บาท) ถ้าคิดว่าต้มยำ� ต้องเป็นนํ้า คุณจะต้องแปลกใจเมื่อมาเจอจาน นี้ เพราะเป็นต้มยำ�แห้งรสเข้มข้นที่จะทำ�ให้คุณ ลืมต้มยำ�ที่เป็นนํ้าไปเลย ซึ่งทั้งคะน้าหมูกรอบ และต้มยำ�ปลากะพงแดง ทำ�เป็นอาหารจาน เดียวที่สามารถทานเปล่าๆ ได้เลยค่ะ ส่วนขนม หวานเป็น กะละแม (“Kalameur” Banoffee Tart-150 บาท) กะละแมแบบไทยๆ ส่งตรงจาก สุราษฎร์ธานี ถูกแปลงโฉมมาในรูปแบบทาร์ต ชิ้นนี้ต้องกินแบบยั้งๆ ไม่งั้นหมดไม่รู้ตัว เราจบมื้อนี้ด้วยความประทับใจ ทั้ง บรรยากาศ รสชาติ และการนำ�เสนอ เชือ่ ว่าหาก ใครได้มาลองลิ้มจะต้องจดจำ�เสน่ห์ที่น่าค้นหา ของ THE MYTH of Mahanaga ไม่รู้ลืมค่ะ THE MYTH of Mahanaga ตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท 29 ใกล้รถไฟฟ้าอโศกและพร้อมพงษ์ เปิดทุกวัน เวลา 17.30-23.00 น. สำ�หรับอาหารเย็น ในส่วนของบาร์ เปิดถึง 24.00 น. โทร. 0-2662-3060 87
Sofa So Sweet นั่งสบายกับโซฟาหลากสไตล์
เมื่อผลักประตูเข้ามาในร้านโซฟาโซสวีท อารมณ์เหมือนก้าวเข้าบ้านตัวเองอย่างไรอย่างนั้น เลยค่ะ เพราะร้านนี้เขาจัดและตกแต่งจนให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน โดดเด่นด้วยที่นั่งซึ่งเป็นโซฟา ทั้งหมด นั่งสบาย ผ่อนคลาย เป็นกันเอง นอกจากกาแฟสด เครื่องดื่มต่างๆ และขนมโฮมเมดสูตร ของลูกสาวเจ้าของร้านที่ไปรํ่าเรียนจากต่างประเทศแล้ว ทางร้านยังมีอาหารขึ้นชื่ออย่าง ไข่กระทะ ชุดอาหารข้าวแกงกะหรี่หมูญี่ปุ่น และข้าวอบไก่ญี่ปุ่น ไว้คอยบริการด้วย นั่งจิบกาแฟไป ทานขนมไปด้วยความเพลิดเพลิน จนเกือบเผลอคิดว่าเป็นบ้านของตัวเองเข้าให้ จริงๆ ค่ะ ร้าน Sofa So Sweet ตั้งอยู่ที่ 95/1 ถนนลาดพร้าว 15 เขตจตุจักร กทม. 10900 เปิดทุกวัน เวลา 08.00-20.00 น. โทร. 0-2938-4983 88
เมนูแนะนำ� • โซฟา ฮันนี่โทสต์ (159 บาท) ขนมปัง หนานุ่มชุ่มเนย ทานคู่กับไอศกรีมวานิลลา หวานมันเข้ากันดี • โซฟา บราวนี่ (149 บาท) บราวนี่อุ่นๆ จากเตา เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลา และ วิปครีมหวานมัน ชวนให้รีบคว้าช้อน • ช็อกโกแลตลาวา (129 บาท) เข้มข้น ทั้งเนื้อช็อกโกแลตและช็อกโกแลตเหลว มี ไอศกรีมวานิลลามาช่วยตัดความเข้ม เมนูนี้ ถ้าไม่สั่ง เสียใจแย่ • คาราเมล แฟรบปูชิโน่ (85 บาท) กาแฟ รสเข้มใส่คาราเมลเพิ่มความหอมหวาน ถูกใจคอกาแฟแน่นอนค่ะ • ถั่วแดง ชาเขียวนมปั่น (95 บาท) สูตร เด็ดของร้านด้วยถั่วแดงทำ�เอง รสหอมหวาน กลมกล่อมในตัว เมื่อคนให้เข้ากับชาเขียวปั่น เข้มข้นที่ใส่นมจนหอมมัน คล้ายๆ กินขนม เลยค่ะ
ซื้อ 1 แถม 1
โปรโมชั่น ทุกวันจันทร์ ทางร้านจัดโปรโมชั่น Happy Monday ซื้อ 1 แถม 1 ทั้งขนมและเครื่องดื่ม ซื้อโซฟา ฮันนี่โทสต์ พร้อมเครื่องดื่ม 1 แก้ว รับเครื่องดื่มฟรีอีก 1 แก้ว
เมนูแนะนำ� • มองบลังค์ (Mont Blanc-85 บาท) เค้ก ซิกเนเจอร์ที่ลูกค้านิยมสั่งมากที่สุด ทำ�จาก ครีมเกาลัดบนฐานอัลมอนด์บิสกิต รสชาติหวานมันกำ�ลังดี • ช็อกโกแลตมูสคาราเมล (Chocolate Mousse Caramel-85 บาท) มูสดาร์ก ช็อกโกแลตเข้มข้นสอดไส้ครีมคาราเมล ถูกใจคนชอบช็อกโกแลตรสเข้มๆ นักแล • สตรอว์เบอร์รี ชอร์ตเค้ก (Strawberry Shortcake-85 บาท) เค้กซุฟเฟย์วานิลลา เนื้อนุ่ม สลับด้วยครีมและเนื้อสตรอว์เบอร์รี สด รสชาติหวานอมเปรี้ยว • มะม่วงแรย์ชีสเค้ก (Mango Rear Cheese Cake-85 บาท) ชีสเค้กรสมะม่วง เข้มข้น สอดไส้เจลลี่มะม่วง รสเปรี้ยวหวาน กลมกล่อม เนื้อเค้กก็แสนเนียนนุ่ม จนขอยกให้เป็นชีสเค้กในดวงใจเลยค่ะ • Pink Lady (115 บาท) นํ้าราสพ์เบอร์รี ผสมสตรอว์เบอร์รปี น่ั หวานอมเปรีย้ วติดลิน้ • Kiwi Kiss (115 บาท) กีวีปั่นใส่นมสด รสละมุนละไม • ชาวานิลลาร้อน พ็อตเล็ก 100 บาท พ็อตใหญ่ 150 บาท หอมกลิ่นวานิลลา ติดจมูกเลยค่ะ
Mont Blanc Sweet Café Siam Center
สวยเย้ายวนใจ
ลด
20%
ร้านเค้กชื่อดังจากเชียงใหม่ ที่ไม่ต้องไปไกลถึงภาคเหนือ ก็พร้อมเสิร์ฟความอร่อยที่กรุงเทพฯ แล้วค่ะ ซึ่งตอนนี้มีอยู่หลาย พิเศษสำ�หรับผู้อ่าน สาขา คือ สาขาพรอมเมอนาด สาขาเกษตร-นวมินทร์ สาขาวอเตอร์ไซด์ สาขาชิดลม และสาขาสยามเซ็นเตอร์ ที่หนูอวบเลือก happy+ เพียงนำ�นิตยสาร เล่มนี้ไปแสดงที่ร้าน มาเพราะเพิ่งเปิดใหม่ มองบลังค์มีคอนเซ็ปต์ว่า “เค้กฝรั่งเศส สไตล์ญี่ปุ่น” คือเป็นเค้กที่มีวิธีการทำ�ในแนวฝรั่งเศส (มีมูสเป็น รับทันที ส่วนลดเครื่องดื่ม ส่วนประกอบหลัก) แต่ตกแต่งหน้าตาเค้กในแนวญี่ปุ่น แต่ละชิ้นสีสันสดสวยชวนนํ้าลายหยดเสียจริงๆ แล้วไม่ได้สวยแต่รูป จูบ 20% หมดเขต 30 มิถุนายน 2556 ก็หอมค่ะ รสชาติสรุปได้คำ�เดียวว่า อร่อยเวอร์ หนูอวบไม่ได้โม้นะคะ ของเขาดีจริง ลองแล้วจะติดใจ ขอรับประกันค่ะ Mont Blanc Sweet Cafeé Siam Center ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์ เปิด 10.00-22.00 น.
89
ดูหนังกับฟ้า ฟังเพลงกับฝน เรื่อง : ฟ้า & ฝน
Midnight in Paris & Believe หนัง : Midnight in Paris (คืนบ่มรักที่ปารีส) ผู้กำ�กับ : Woody Allen วู้ดดี้ อัลเลน เพลง : Believe อัลบั้ม : One Love One World ศิลปิน : SK (เอสเค)
สวัสดี...ฝน ดูเหมือนลมหนาวจะเดินทางจากเราไปเร็วกว่าทุกๆ ปี เพราะตอนนี้ที่บ้านเราก็เริ่มจะร้อนแล้ว บางวันก็ร้อนมาก ด้วยนะ พี่ฟ้าสังเกตเห็นเพื่อนบางคนที่เคยชอบดื่มกาแฟร้อน ตอนนี้ยังต้องหันมาดื่มกาแฟเย็นแทนในบางวัน จนบาง ครั้งก็อยากจะหนีร้อนไปเที่ยวต่างประเทศ ยิ่งได้ดูหนังเรื่อง Midnight in Paris (คืนบ่มรักที่ปารีส) ก็ยิ่งทำ�ให้อยากจะไป เยือนเมืองปารีส หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งที่กำ�ลังจะ แต่งงานกัน และได้เดินทางมาเมืองปารีสพร้อมกับครอบครัว ของฝ่ายหญิง โดยฝ่ายชายนั้นเป็นนักเขียนที่ชื่นชอบในงาน ศิลปะ ซึ่งดูเหมือนจะตรงกันข้ามกับคู่รักของเขา เพราะเธอ ชื่นชอบการไปร่วมงานปาร์ตี้กับเพื่อนๆ มากกว่า และการเดินทางมาปารีสในครั้งนี้ ก็ทำ�ให้ชายหนุ่มผู้ฝัน อยากจะให้งานเขียนของตัวเองเป็นที่รู้จัก ได้พบกับนักเขียน ที่เขาชื่นชอบ รวมถึงจิตรกรและศิลปินอีกมากมาย ที่สำ�คัญ เขาได้พบหญิงสาวที่ชอบในงานศิลปะเหมือนกับเขาอีกด้วย ส่วนเรื่องราวจะดำ�เนินต่อไปอย่างไรนั้น พี่ฟ้าให้ฝนไปดูต่อ เองก็แล้วกันนะ นอกจากความสนุกของเรื่องแล้ว หนังยังพาเราให้ไป พบมุมต่างๆ ของเมืองปารีส ถ้าฝนดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว คงอยากไปเที่ยวปารีสแน่นอน พี่ฟ้าเองก็อยากจะไปเดินเล่น ที่เมืองปารีสตอนเที่ยงคืนสักครั้งในชีวิต บางทีอาจจะได้เจอ เรื่องราวมหัศจรรย์อย่างพระเอกในหนังเรื่องนี้บ้าง ตั้งใจเรียนด้วยนะ...น้องสาว พี่ฟ้า
90
สวัสดีค่ะ...พี่ฟ้า ฝนเอาใจช่วยให้พี่ฟ้าทำ�งานเก็บเงินได้เยอะๆ จะได้ไปเที่ยวตามความฝันได้เร็วๆ (ฝนเชื่อว่าพี่ฟ้าต้องทำ�ได้แน่ๆ) แล้วพี่ฟ้าก็อย่าลืมพาน้องสาวคนนี้ไปปารีสด้วยล่ะ ฝน จะยอมออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนพี่ฟ้าตอนเที่ยงคืน พร้อมกับเป็นตากล้องเก็บภาพ สวยๆ ให้พี่ด้วยนะ วันนี้ขอส่งเพลงมาให้กำ�ลังใจพี่ฟ้าด้วยเลยก็แล้วกัน เพลงนี้ฝนฟังได้ครั้งแรก ก็ชอบ รูส้ กึ มีก�ำ ลังใจในการตัง้ ใจทำ�อะไรอีกหลายๆ อย่าง ทีค่ รัง้ หนึง่ เราเคยทำ�พลาดไป หรือทำ�ไม่ได้ตามที่หวังไว้ เพลงนี้อยู่ในอัลบั้ม One Love One World ของศิลปิน SK (เอสเค) ชื่อเพลง Believe เหนื่อยแค่ไหน เธอก็มีฉันอยู่ใกล้ๆ คนที่ห่วงเธอตลอดเรื่อยไป ไม่ว่าจะดีจะร้าย...เธอมีฉัน เกิดวันหนึ่งในใจของเธอ รู้สึกท้อแท้คิดจะยอมแพ้ Just believe วันพรุ่งนี้ เธอจะพบเรื่องดี Just believe วันพรุ่งนี้ ปัญหาอะไรที่ผ่านเข้ามา ไม่มีเรื่องไหน ที่ตัวเธอนั้น แก้ไม่ได้...ขอให้เธอ Just believe เชื่อเข้าไว้ มันจะผ่านพ้นไป Just believe เชื่อเข้าไว้ ยังมีคนที่รักและเป็นห่วง ยืนตรงนี้ เธอจะต้องเริ่มต้นใหม่ สู้ต่อไป… SK (เอสเค) เป็นศิลปินมาดนักธุรกิจ ทายาทแห่งซาฟารีเวิลด์ ที่มีความคิดและ จินตนาการงานศิลปะด้านดนตรี หลงใหลในเสียงเพลง เคยมีผลงานอัลบั้มชุดแรก “JUN” เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว งานชุดนี้เป็นอัลบั้มที่สอง ซึ่งเป็นแนวเพลงฟังสบายๆ มี เนื้อหาให้กำ�ลังใจ โดยในอัลบั้มนี้ยังมีเพลงที่น่าฟังอีกหลายเพลง อาทิ โลกใบเดิม, Happiness และได้รักเธอก็พอ เป็นต้น พี่ฟ้าลองเปิดฟังดูนะคะ ตั้งใจทำ�งานเช่นกันนะ...พี่ชาย ฝน
เรื่อง : กองบรรณาธิการ ภาพ : กิตติวัฒน์ บุญโชติ
ชีวิตนี้ดีได้อีก • ผู้เขียน อลัน โคเฮน •
NORWAY • ผู้เขียน กองบรรณาธิการ •
สำ�นักพิมพ์ อมรินทร์ HOW-TO • ราคา 115 บาท อลัน โคเฮน นักเขียนผู้สร้างแรงบันดาลใจ ชื่อดัง มีผลงานยอดนิยมกว่า 23 เรื่อง สำ�หรับ “ชีวิตนี้ดีได้อีก” ถูกถ่ายทอดผ่านเรื่องราวของ เบิร์ต เอเวอริต เจ้าของโรงงานผลิตรถเข็นล้อ เดียวและผู้จัดการฝึกหัดของเขา บทเรียนชีวิตที่ นำ�ไปใช้ได้จริงของหนังสือเล่มนี้ทั้งการเงิน การ งาน และชีวิตส่วนตัว สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต ของคุณให้ผา่ นอุปสรรคและก้าวไปสูช่ วี ติ ทีด่ ขี น้ึ ได้
สำ�นักพิมพ์ อทิตตา • ราคา 499 บาท ว่ากันว่าการเดินทางเป็นการเปิดโลก สู่ประสบการณ์ใหม่ๆ นอร์เวย์ ประเทศที่มี พระอาทิตย์เที่ยงคืนในฤดูร้อนและปรากฏการณ์ แสงเหนือในฤดูหนาว มีวัฒนธรรมและ สถาปัตยกรรมที่เป็นมรดกโลกถึง 7 แห่ง รวมถึง ยังเป็นเส้นทางที่พระพุทธเจ้าหลวงเคยเสด็จ เมื่อกว่าร้อยปีก่อน ยังมีเรื่องราวอีกมากมายใน หนังสือเล่มนี้ที่น่าสนใจให้ผู้อ่านได้ค้นหาและ เปิดโลกใบใหม่ไปกับนอร์เวย์
ชอป ชม ชิลล์ ที่เกาหลี ฉบับ พกพา ไปไม่หลง • ผู้เขียน อินยอน • สำ�นักพิมพ์
มหา’ลัยภูเขา
Think Beyond • ราคา 190 บาท หากพูดถึงประเทศในฝันของหนุ่มสาว สมัยนี้คงหนีไม่พ้น เกาหลี ประเทศที่อบอวล ไปด้วยความโรแมนติก แหล่งกำ�เนิดซีรสี ย์ อดนิยม หลายเรื่อง จนทำ�ให้ใครต่อใครอยากจะไปสัมผัส กับความรู้สึกนี้สักครั้ง “ชอป ชม ชิลล์ ที่เกาหลี ฉบับ พกพาไปไม่หลง” เป็นไกด์บุ๊กที่แนะนำ� ตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนเดินทาง จุดท่องเที่ยว ที่ไม่ควรพลาด แหล่งกิน แหล่งช้อปของฝาก กระทั่งปลั๊กไฟที่ใช้ในเกาหลี ที่ทำ�ให้เราท่องเที่ยว ได้อย่างไม่สะดุด และมีความสุขตลอดเส้นทาง
ผู้เขียน วิษณ์ (บอย) • สำ�นักพิมพ์ springbooks • ราคา 175 บาท ผลงานเล่มที่สองของ วิษณ์ (บอย) ต่อจาก ผลงานเล่มแรก “อ่านนอกเวลา” เขาพาเราไป ถึงฮ่องกง ดินแดนแห่งความศิวิไลซ์ แต่สถานที่ ทีไ่ ปไม่ใช่หา้ งสรรพสินค้าหรือโรงแรมหรู หากเป็น ธรรมชาติ แสงแดดและภูเขา ผ่านการเดินทาง ที่มีเพียงร่างกายกับความคิด ที่ช่วยปลดปล่อย ตัวตนจากโลกที่เต็มไปด้วยความคุ้นชินเดิมๆ อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะทำ�ให้คุณพบกับจิต วิญญาณผู้รักอิสระ และความสงบที่อยู่ในตัวตน ของเราทุกคนอีกครั้ง
ชวนอ่านสานสุข
โรคของหู จมูก คอ • ผู้เขียน ศจ. พญ.
พวงทอง ไกรพิบูลย์ • สำ�นักพิมพ์ อมรินทร์ สุขภาพ • ราคา 185 บาท “โรคของหู จมูก คอ” เป็นหนังสืออีกหนึ่ง เล่มที่อ่านง่ายและนำ�ไปใช้ได้จริง แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์ ได้อธิบายการทำ�งานของ อวัยวะต่างๆ ในระบบเดียวกัน เพื่อให้เห็นถึง การทำ�งานที่สัมพันธ์กันของหู จมูก และคอ เพื่อ การดูแลอย่างถูกต้องและให้ผู้ป่วยสามารถดูแล ตัวเองได้ในเบื้องต้น หนังสือเล่มนี้จะทำ�ให้รู้ว่า เมื่อใดควรไปพบแพทย์ เมื่อพบแพทย์แล้วจะ ต้องมีขั้นตอนการรักษาอย่างไรบ้าง เพื่อให้รู้ เท่าทันโรคและเตรียมรับมือได้เป็นอย่างดีนั่นเอง 101 เคล็ดลับฟิต &
ก็ทำ�ได้
เฟิร์มง่ายๆ ที่คุณ
ผู้เขียน ไซเบอร์เกิร์ล • สำ�นักพิมพ์ นิตยสาร แพรว • ราคา 159 บาท อยากมีสุขภาพดี 24 ชั่วโมง หน้าสวยใส ดูสดชื่นตลอดเวลาทำ�ได้ไม่ยาก เพียงคุณรู้จัก สร้างกิจวัตรประจำ�วันที่ดีให้กับทั้งร่างกายและ จิตใจของคุณ “101 เคล็ดลับฟิต & เฟิร์มง่ายๆ ที่คุณก็ทำ�ได้” เล่มนี้รวบรวมเกร็ดเกี่ยวกับการ ดำ�เนินชีวิตที่ส่งผลต่อสุขภาพมาร้อยเรียงเป็น ข้อๆ ชวนให้อ่านและปฏิบัติตามได้ 91
horoscope
พยากรณ์ เดือน มีนาคม 2556 ราศีมังกร (16 ม.ค.-12 ก.พ.) การทำ�งานก้าวหน้า ขอความช่วยเหลือ จากใครก็ได้รับการสนับสนุนที่ดี งานท่องเที่ยว ทัวร์ บันเทิงมีความสำ�เร็จ และช่วงปลาย มีงานเสริมเข้ามาด้วย เงินทองก็หมุนคล่องจน น่าแปลกใจ ทำ�อะไรมีคนคอยช่วยเหลือ ได้ ครอบครัว เพื่อนฝูงดี เรื่องรักๆ ใคร่ๆ สบายบรื๋อ “ไพ่เจ้าชายถ้วย” มีความรักกุ๊กกิ๊กน่าอิจฉา คน โสดก็เสน่ห์แรงไม่เบา มีคนมาขอเป็นคู่ควงไม่ ซํ้าวัน สุขภาพระวังเกี่ยวกับช่องท้อง กระเพาะ อาหาร ลำ�ไส้ กินอะไรให้ถูกสุขลักษณะ 92
ราศีกุมภ์ (13 ก.พ.-13 มี.ค.) การทำ�งานแคล่วคล่องเหลือเชื่อ มีคนคอย ช่วยประสานงานที่ดี ช่วงปลายมีข่าวสารทาง ไกล หรือมีคนไกลมาเยี่ยมเยียน การเสี่ยงการ ลงทุนมีความสำ�เร็จ เงินทองได้ “ไพ่ 1 เหรียญ” หายห่วง มีโชคลาภ กระแสหมุนเวียนคล่องมาก เรื่องหวังลมๆ แล้งๆ จะกลายเป็นฝันที่เป็นจริง เสียที ความรักหวานชื่น แต่ต้องตัดความลังเล แบบรักพี่เสียดายน้องไปบ้าง คนโสดได้เจอคน ถูกใจแน่นอน มีคนหยิบยื่นมิตรภาพใหม่ๆ มา ให้ สุขภาพอ้วนท้วนสมบูรณ์ นํ้าหนักขึ้น
ราศีมีน (14 มี.ค.-12 เม.ย.) “ไพ่ฤๅษี” มีเกณฑ์เดินทางไกล กำ�ลัง ค้นหาสิ่งที่ตนเองต้องการ เป็นช่วงเปลี่ยนแปลง แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้มาก ต้องพยายามด้วย ตนเองจึงจะประสบผลดี การทำ�งานมีโอกาสดี ให้ไขว่คว้าเอาไว้ เงินทองมีสภาพคล่อง และมี รายได้เสริม ที่คาดหวังเงินก้อนก็มีโอกาสดี แต่ ไม่ควรวางใจใครมากจะถูกชักนำ�ให้เสีย ความ รักไม่ค่อยราบรื่น มีปากเสียง รวมถึงมีสิ่งยั่วยวน ให้ไขว้เขวอยู่ตลอด คนโสดคงต้องหาต่อไป ที่ เจอะเจอยังไม่ถูกใจ สุขภาพอาการดีขึ้น
เรื่อง : อาจารย์ คฑา ชินบัญชร ภาพประกอบ : แจ่มจันทร์ www.facebook.com/animals.parade
ราศีเมษ (13 เม.ย.-13 พ.ค.) กระตือรือร้นจนน่าแปลกใจ พยายามเสาะ หาสิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเอง ได้รับข่าวสารที่ช่วยใน การตัดสินใจ ทำ�ให้มีความเชื่อมั่นในตนเองมาก ขึ้น “ไพ่ 3 คทา” การทำ�งานดูง่ายดายเสียเหลือ เกิน ไม่ว่าหยิบจับอะไรก็มีคนช่วย เงินทองมั่นคง มากขึ้น แต่ช่วงปลายจะมีเรื่องลำ�บากใจจาก ผู้อื่น พยายามห่างๆ ไว้เป็นดี ความรักลุกขึ้นมา เปลี่ยนแปลงตนเอง เสน่ห์เกินห้ามใจ คนโสด ได้คู่ควงแน่นอน สุขภาพระวังเกี่ยวกับแข้งขา กระดูกข้อต่อ อย่าทำ�อะไรหักโหม
ราศีพฤษภ (14 พ.ค.-13 มิ.ย.) ความใจอ่อนเริ่มครอบงำ�ท่านแล้ว จะ ปฏิเสธอะไรสักอย่างยากลำ�บากเหลือเกิน การ ทำ�งาน “ไพ่เจ้าชายคทา” ที่รอคอยคำ�ตอบ หรือ ต้องการเปลี่ยนงานมีข่าวดี ขอความช่วยเหลือ ได้รับความสำ�เร็จ เงินทองมีไหลเข้ามาเรื่อยๆ ทำ�ให้ไม่ขัดสน การเดินทางนำ�ลาภมาให้ด้วย ความรักไม่วุ่นวาย มีบรรยากาศโรแมนติก เข้าใจกันมากขึ้น แถมมีโอกาสท่องเที่ยวเปลี่ยน บรรยากาศอีกด้วย สุขภาพอ่อนเพลียง่าย ส่วนใหญ่จะปวดหัว ความดัน พักผ่อนให้มากๆ
ราศีเมถุน (14 มิ.ย.-14 ก.ค.) ความคิดแผลงๆ เสี่ยงๆ เริ่มเข้ามาในหัว อีกแล้ว จะเดินทางไปไหนมีอปุ สรรคและต้องระวัง อุบัติเหตุด้วย การทำ�งานเริ่มต้นดีในช่วงต้นๆ แต่ช่วงปลายขอความช่วยเหลือใครมักไม่สำ�เร็จ พึ่งตัวเองไว้ก่อนเป็นดี เงินทองส่วนใหญ่หมด ไปกับค่าซ่อมแซม และยานพาหนะ “ไพ่ The Devil” ความรักเจอะเจอประสบการณ์แปลกใหม่ สำ�หรับท่านที่เป็นหญิงต้องระวังเป็นฝ่ายเสีย เปรียบ ที่มีคนรักแล้วอารมณ์หวั่นไหว เจอเด็ก ยั่วซะ สุขภาพระวังอุบัติเหตุ เรื่องเจ็บตัว
ราศีกรกฎ (15 ก.ค.-16 ส.ค.) เวลาแห่งโชคมาแล้ว ทำ�อะไรก็ฟลุค ตลอด การทำ�งานสำ�เร็จ โดดเด่น คิดเปลี่ยน งาน หรือเริ่มต้นงานใหม่มีเกณฑ์ที่ดี งานขาย อสังหาริมทรัพย์มีความสำ�เร็จ เงินทองคล่องตัว “ไพ่วงล้อแห่งโชค” มีโชคลาภฟลุคๆ ให้ใครหยิบ ยืมไปจะได้คืนเร็วกว่ากำ�หนด ความรักเป็นช่วง เวลาที่มีเสน่ห์ ทั้งท่านที่มีคนรักและคนโสด จะมีคนให้ความสนใจเป็นพิเศษ หัวสมอง ปลอดโปร่ง สุขภาพมีปัญหากับการตัดสินใจ มาก สับสน รักพี่เสียดายน้อง
ราศีสิงห์ (17 ส.ค.-16 ก.ย.) ช่วงนี้ท่านคงพึ่งพาใครได้ยาก ทำ�อะไรต้อง ช่วยเหลือตัวเอง เรียกว่าเป็นช่วงที่เหนื่อยเลย ก็ว่าได้ และมักเกิดความขัดแย้งกับผู้อื่นอยู่เสมอ ต้องระวังอารมณ์ของท่านไว้บ้าง “ไพ่ 5 คทา” การทำ�งานเอาแน่ไม่ค่อยได้ ช่วงนี้ต้องอดทน แถมต้องมีภาระจากคนอื่นอีกด้วย เงินทองมี ค่าใช้จ่ายมาก หลงลืม ทำ�ของมีค่าสูญหาย ความรักจะแง่งอนและมีเรื่องเข้าใจผิดเป็น ประจำ� คนโสดคงต้องรออีกหน่อย ที่ผ่านเข้ามา ไม่โดนใจเอาซะเลย การเจรจาติดต่อมีอุปสรรค
ราศีกันย์ (17 ก.ย.-16 ต.ค.) “ไพ่อัศวินคทา” ได้เดินทางไกล มีการ เปลี่ยนแปลงดีขึ้นเรื่องงาน ช่วงนี้มีคนให้การ สนับสนุน เจรจา ขอความช่วยเหลือจากใครก็มี เกณฑ์ที่ดี เงินทองคล่องตัว มีลาภจากทางไกล หรือคนไกล ช่วงนี้ลงทุนมีโอกาสดี ความรักมี บรรยากาศอบอุ่น คนรักเข้าใจและเป็นกำ�ลังใจ ที่ดี ทำ�ให้มีกำ�ลังใจในการทำ�งาน และหาเงิน เป็นพิเศษ ส่วนคนโสดจะมีอัศวินขี่ม้ามาเจอะ เจอ สุขภาพแข็งแรง ที่เจ็บป่วยจะอาการ ทุเลาขึ้น
ราศีตุลย์ (17 ต.ค.-16 พ.ย.) “ไพ่ 4 ดาบ” ช่วงต้นๆ ยังคงทำ�อะไรมาก ไม่ได้ เป็นช่วงเวลาของการรอคอย การทำ�งาน มีรายได้พิเศษอยู่เสมอ หยิบจับสิ่งใหม่ๆ มี เกณฑ์ที่ดี การเข้าหาผู้ใหญ่ได้รับความเอ็นดู งานประชาสัมพันธ์ โรงแรม ความงามมีความ สำ�เร็จ เดินทางราบรื่น เงินทองหมดไปกับการ ท่องเที่ยว ของฟุ่มเฟือย ความรักถ้ายังโสดคง ต้องรออีกสักหน่อย ช่วงนี้เหงาๆ ไม่ค่อยมีคน ผ่านมา ส่วนที่มีคนรักแล้ว บรรยากาศหวานชื่น มีคนนั้นคนนี้มาจีบทำ�ให้เขวได้
ราศีพิจิก (17 พ.ย.-15 ธ.ค.) หงุดหงิดง่ายมากๆ คิดหวังอะไรยังไม่ค่อย ได้ดังใจ และเกิดความขัดแย้งกับคนรอบข้างอยู่ เสมอ “ไพ่ 5 ดาบ” การทำ�งานพอมีช่องทางที่ ดีสำ�หรับงานคิดคำ�นวณ เดินทางมีอุปสรรค ขอ ความช่วยเหลือใครยังไม่มีจังหวะเลย จะทำ�เอง ก็ขี้เกียจ ขาดความกระตือรือร้น เงินทองมี รายจ่ายมาก แต่ด้วยความรู้จักใช้ของท่านทำ�ให้ ไม่ขัดสน ความรักก็กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมา มีปากเสียงกันบ่อยๆ สุขภาพขาแข้งอ่อนแรง พานหกล้ม เจ็บตัวเอาดื้อๆ
ราศีธนู (16 ธ.ค.-15 ม.ค.) ช่วงนี้มักได้ยินเรื่องที่ทำ�ให้ไม่สบายใจจาก คนรอบข้างอยู่เสมอ และตัวท่านเองก็จะดื้อดึง ทำ�อะไรตามใจ มีเกณฑ์ได้เที่ยวเตร่ในช่วงกลาง งานที่เกี่ยวกับการเดินทาง ทัวร์ ท่องเที่ยว และ บันเทิงมีจังหวะที่ดี ที่รอคอยคำ�ตอบจะได้รับ ข่าวดี เงินทอง “ไพ่ 1 เหรียญ” หน้าตาสดใส แบมือก็ได้เงินใช้ มีโชคลาภที่ดี ความรักกำ�ลัง เสน่ห์แรง มีคนเข้ามามาก แต่ยังจริงจังไม่ค่อย ได้ ส่วนใหญ่เป็นความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย ต้องศึกษากันให้มากกว่านี้ 93
กิจกรรมนำ�สุข
นวัตกรรมใหม่แห่งการอาบนํา้ ด้วยสาหร่ายออร์แกนิก
VOYA สมาคมสปาไทย ร่วมกับ ผลิตภัณฑ์ VOYA จัดงานสัมมนา เกี่ยวกับสาหร่ายออร์แกนิก 100% จากทะเลนํ้าลึก นำ�เข้าจากประเทศ ไอร์แลนด์ อุดมไปด้วยวิตามิน เข้มข้น ลดเรือนริ้วรอย ให้ความ ชุ่มชื้น รักษาความสมดุลของระบบ เผาผลาญไขมัน ลดเซลลูไลต์ เหมาะกับทุกสภาพผิว ทุกเพศทุกวัย การันตีความปลอดภัยจาก Soil Association, USDA ORGANIC, OCIA, Ecocert, Ecopact พร้อม ไฮไลต์สุดพิเศษกับการอาบนํ้าให้ เจ้าตัวน้อยด้วยสาหร่าย VOYA โดย คุณซาร่า คีคาซ่า ผู้เชี่ยวชาญและ ผูบ้ ริหารระดับสูงจากผลิตภัณฑ์ VOYA โดยได้รับเกียรติจาก คุณแอนดรู แจคก้า ประธานสมาคมสปาไทย และคุณเควิน มาร์ส ประธานคณะ อนุกรรมการความสัมพันธ์ ต่างประเทศ เข้าร่วมงาน
ทิสโก้จัดกิจกรรม “เพาะกล้า น่าเรียนรู้” สืบต่อจิตสำ�นึกรักษ์สิ่งแวดล้อม
กลุ่มทิสโก้ นำ�โดยคุณสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำ�กัด (มหาชน) จัดกิจกรรมพาสื่อมวลชนร่วมปลูก “ต้นยางนา” พันธุ์ไม้หายาก พร้อมสนับสนุนกล้าไม้ จำ�นวน 5,000 ต้น แก่ศูนย์เพาะชำ�กล้าไม้นครราชสีมา เพื่อสานต่อการปลูกฝังกิจกรรมจิตอาสาและ ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยโครงการปลูกป่าถาวรเป็นกิจกรรมที่กลุ่มทิสโก้ปฏิบัติมาอย่าง ต่อเนื่องกว่า 22 ปี 94
HERO Amazingly Clean Thailand บริษัท ดีแพค อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำ�กัด ผู้นำ�ด้านการผลิตและจัดจำ�หน่าย แผ่นฟิล์ม บรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนที่เน้นนวัตกรรม ใหม่ รายใหญ่ของประเทศ ภายใต้แบรนด์ “Hero” และแบรนด์ “สวัสดี” จัดโครงการ “HERO Amazingly Clean Thailand มหัศจรรย์ เมืองไทยสะอาด” โดยดีแพคและฮีโร่ของสังคม เช่น คุณคริส เบญจกุล คุณลุงสัมฤทธิ์ มาลัย ร่วมกันเนรมิตความสะอาดและบูรณะซ่อมแซม ตกแต่งอาคารเรียนโรงเรียนเมืองพัทยา 1 ใหม่ อย่างงดงาม โดยมีคณะสื่อมวลชนร่วมเป็น สักขีพยาน
เปิดตัวหนังสือ สุขเป็นนิสัย
The Happiness Habit คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สำ�นักพิมพ์ดีเอ็มจี จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ “สุขเป็นนิสัย The Happiness Habit” ผลงานของ ไบรอัน โคลเบิรต์ ผูเ้ ชีย่ วชาญด้านความสำ�เร็จทีเ่ ปลีย่ นชีวติ โดยมี คุณโอเว่น ฟิตซแพทริค ผูเ้ ชีย่ วชาญด้านการสร้างเสน่หข์ องคนดัง คุณมาฮ่า ดูโอดี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพเด็กและสตรี คุณจำ�นรรค์ ศิริตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอสแอล โกลบอล มีเดีย จำ�กัด คุณรติวัลคุ์ ศรีมงคลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเอสแอล โกลบอล มีเดีย จำ�กัด และ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน เข้าร่วมงาน ณ หอประชุมพุทธคยา
เปิดตัวเครื่องออกกำ�ลังกาย Johnson Health Tech
บริษัท จอห์นสัน เฮลธ์เทค (ประเทศไทย) จำ�กัด จัดงานแถลงข่าว เปิดตัวเครื่องออกกำ�ลังกาย Johnson Health Tech (JHT) เป็นครั้งแรกใน ประเทศไทย โดยมีคุณเจสัน โล ผู้บริหารสูงสุด JHT, คุณแดเนียล ไลน์ กรรมการผู้จัดการ, คุณชิดชนก ศุภเกษมทิพย์ ผู้อำ�นวยการฝ่ายการตลาด บริษัท จอห์นสัน เฮลธ์เทค (ประเทศไทย) จำ�กัด และคุณอัจฉรา ซุ่นโลก ประเสริฐ รองประธานบริหารผลิตภัณฑ์ บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำ�กัด ในเครือเซ็นทรัลรีเทลคอร์ปอเรชั่น ให้เกียรติเข้าร่วมงาน พร้อมกับเปิดตัว “เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์” พรีเซ็นเตอร์คนแรกของประเทศไทย ภายใต้ แบรนด์ Johnson Health Tech (JHT) อย่างเป็นทางการ โดยมี “คริส หอวัง” รับหน้าที่พิธีกรในงาน ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว
“เกรท เฟรนด์” เปิดตัวสำ�ลีเพื่อความงาม
“Great Cotton” บริษัท เกรท เฟรนด์ จำ�กัด โดยคุณอริศรา ไตรรัตน์ชัชวาล ผู้จัดการ ฝ่ายขายและการตลาด เปิดตัว “Great Cotton” สำ�ลีเพื่อความงาม คุณภาพสูง ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ผลิตจากใยฝ้ายแท้ 100% ปราศจากสาร เรืองแสงและสารเคมีตกค้างบนสำ�ลี อีกทั้งบรรจุภัณฑ์ยังทำ�จากวัสดุ พิเศษที่เรียกว่า Crystal Clear ที่เหนียว แข็งแรง และสะอาดใสมากกว่า ถุงพลาสติกทั่วไป จึงสามารถนำ�กลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อลดปริมาณขยะ และไม่ทำ�ลายสิ่งแวดล้อม
“แคท คิดสตัน” กับคอลเลกชั่นล่าสุด สปริง ซัมเมอร์
2013 แคท คิดสตัน (Cath Kidston) เผยโฉมคอลเลกชั่นสปริง ซัมเมอร์ 2013 ซึ่งคอลเลกชั่นนี้นอกจากจะเอาใจขาช้อปสาวๆ ที่ชื่นชอบสไตล์ วินเทจแล้ว ยังมอบความพิเศษด้วยรูปแบบและลวดลายมาเอาใจ คุณหนุ่มๆ ด้วยเช่นกัน พบคอลเลกชั่นสปริง ซัมเมอร์ 2013 ได้ที่ แคท คิดสตัน ทั้ง 7 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซาแกรนด์ พระราม 9, เซ็นทรัลชิดลม, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เมกาบางนา, สยามพารากอน และสยามเซ็นเตอร์ ติดตามอัพเดตข่าวสารข้อมูลได้ที่ www.facebook.com/CathKidstonThailand 95
happiness is all around
แด๊ดดี้ โด เอาใจคนรักสุขภาพด้วยการนำ� ช็อกโกแลตและวานิลลามารังสรรค์เป็น “แด๊ดดี้ โด ไลท์ครีม” โดนัทหวานน้อยแต่อร่อย กลมกล่อม มีให้เลือก 4 รสชาติคือ ช็อคโก้ ฟูซิลลี่ ไวท์ครีม, ช็อคโก้ ครีม แบล็คเพิร์ล, พีนัท ไวท์ครีม และช็อคโก้ ครีมโม่ พบความนุ่ม เบารสชาติละมุนละไมของแด๊ดดี้ โด ไลท์ครีม ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านแด๊ดดี้ โดทุกสาขา
โรงแรมและรีสอร์ทเครือเซ็นทารา ขอเชิญร่วมดื่มดํ่ากับบรรยากาศแสนหวาน กับแพ็กเกจ The Season of Romance Package และแพ็กเกจ Be My Valentine NOT Package ที่กรุงเทพฯ หัวหิน กระบี่ สมุย และภูเก็ต ราคาเริ่มต้นที่ 4,446 บาทต่อห้องต่อคืน โดยเข้าพักอย่างน้อย 3 คืน พร้อม อาหารเช้า และสปาแพ็กเกจ 75 นาทีสำ�หรับ 2 ท่าน โทร. 0-2101-1234
ขอแนะนำ� “Sparkle Triple White” ผ่านการทดสอบ โดยทันตแพทย์จาก สถาบันวิจัย Spin Control Asia จากประเทศฝรั่งเศส แล้วว่าช่วยขจัดคราบ เหลือง จนทำ�ให้ฟันขาว เป็นประกายอย่างเป็น ธรรมชาติ ด้วย 3 พลัง ไวท์เทนนิ่งจากสารสกัด ธรรมชาติ Sparkle Triple White ราคา 145 บาท วางจำ�หน่าย ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ�ทั่วไป SPARKLE
โรงแรมเดอะ สุโกสล ขอเชิญทุกท่านมา สุขสันต์กับ “Weekend Package” พักผ่อนอย่าง เป็นส่วนตัวในห้องดีลักซ์สุดหรู เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ในราคา 4,900 บาท สำ�หรับ 2 ท่าน พร้อมอภินันทนาการต่างๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ไร้สายแบบไม่จำ�กัด เช็คเอาต์ได้ถึง 15.00 น. ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 เมษายน 2556 โทร. 0-22470123
Crocs ต้อนรับฤดูร้อนด้วยรองเท้ารุ่น
Boat Shoe ใน คอลเลกชั่นธีม “Be Free” มอบความอิสระไร้กังวลเมื่อ สวมใส่ ด้วยดีไซน์รองเท้าที่มีความโปร่งที่ฉีกลุคใหม่ ต่างไปจากเดิม แต่ยังคงการใช้สีสดใสเพิ่มลูกเล่นและ ความสนุกสนานได้อย่างลงตัว Boat Shoe ทำ�จากวัสดุ ซิกเนเจอร์ CrosliteTM นํ้าหนักเบา และเชือกผูกรองเท้า เพิ่มความพอดีและความทะมัดทะแมง เหมาะสำ�หรับ กิจกรรมซนๆ ผจญภัยสำ�หรับทุกคนในครอบครัว ราคา 2,390 บาทสำ�หรับผู้ใหญ่ และ 1,590 บาทสำ�หรับเด็ก
ขอมอบความสุขตลอดปีด้วย Mrs.Fields Membership Card 2013 รับสิทธิพิเศษ มากมาย เช่น ใช้เป็นส่วนลดคุกกี้ Mrs.Fields 10% รับสิทธิ์ฟรีคุกกี้ 2 ชิ้น (เมื่อซื้อคุกกี้ 3 ชิ้น ทุกวัน อังคารและศุกร์) พร้อมรับคูปองส่วนลดพิเศษตลอดทั้งปี รวมมูลค่ากว่า 3,000 บาท เพียงซื้อสินค้า ครบทุก 500 บาท รับฟรีบัตรสมาชิก 1 ใบ โทร. 0-2790-8950 และ www.facebook.com/mrs.fi feldsthailand Mrs.Fields
96
subscription
Next Issue โทนี่ รากแก่น
happy+ ขอต้อนรับเดือนที่อบอุ่นไปด้วย บรรยากาศของวันครอบครัวและเทศกาล สงกรานต์ ด้วยความสดใสของนักแสดง ดาวรุ่ง โทนี่ รากแก่น ที่จะมาบอกเล่า เรื่องราวความรักและผูกพันกับคุณบานเย็น รากแก่น คุณแม่ผู้เป็นราชินีหมอลำ�ชื่อดัง ที่บ่มเพาะให้เขาทำ�ทุกอย่างด้วยความรัก และศรัทธาไม่ต่างกับคุณแม่ และชวน คุยต่อถึงงานหลากหลายด้านทีไ่ ด้ท�ำ โดยเฉพาะงานล่าสุดในฐานะนักแสดงเต็มตัว ปิดท้ายกันด้วยมุมมองในการใช้ชีวิตทุกวัน ให้มีความสุข และเคล็ดลับสร้างสุข แบบชิลๆ สไตล์โทนี่ และพบกับอีก หลากหลายคอลัมน์ครบครัน ทีจ่ ะทำ�ให้ คุณอิม่ อุน่ กับความสุขใน happy+ ฉบับเดือนเมษายน นี้ค่ะ เลขที่ใบสมัคร No…………………………………………………รหัสสมาชิก...................................................................................................... (สำ�หรับเจ้าหน้าที่)
ใบสมัครสมาชิก
วันที่สมัคร............................................................................................................................................................... สมัครสมาชิก 1 ปี (12 ฉบับ) ราคา 780 บาท เริ่มฉบับที่.....................................................................ถึงฉบับที่............................................................................ ชื่อ................................................................................นามสกุล............................................................................ วัน/เดือน/ปีเกิด..............................................................อายุ.................................................................................. เพศ ชาย หญิง อาชีพ..............................................................รายได้ต่อเดือน....................................... ระดับการศึกษา ตํ่ากว่า ป.ตรี ป.ตรี ป.โท อื่นๆ สถานภาพ โสด สมรส ม่าย/หย่าร้าง ปัจจุบันมีบุตรหรือไม่ ยังไม่มี มีแล้ว จำ�นวน...............................คน สถานที่สำ�หรับจัดส่งนิตยสาร ชื่อ........................................................................................................................................................................... ที่อยู่........................................................................................................................................................................ รหัสไปรษณีย์.......................................................................................................................................................... โทรศัพท์ (บ้าน).................................................................โทรศัพท์ (มือถือ).......................................................... โทรสาร............................................................................อีเมล............................................................................... ชำ�ระค่าสมัครโดย โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ในนาม บริษัท ไทยภิรมย์สตาร์ จำ�กัด ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบางโคล่ : เลขที่บัญชี 095-273056-5 *กรุณาส่งใบสมัครสมาชิก พร้อมเอกสารการชำ�ระเงินมาที่ ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ นิตยสาร happy+ บริษัท ไทยภิรมย์สตาร์ จำ�กัด 10/196-197 อาคารเดอะ เทรนดี้ ชั้น 27 ซอยสุขุมวิท 13 ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา กทม. 10110 หรือแฟกซ์มาที่หมายเลข 0-2168-7481 หรือสแกนหลักฐานส่งมาทางอีเมล kthip@hotmail.com **บริษัทจะส่งเลขที่สมาชิกและนิตยสารฉบับแรกไปยังท่าน เมื่อได้รับหลักฐานการชำ�ระเงินแล้ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือแนะนำ� ติ ชม ได้ที่ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ นิตยสาร happy+ โทรศัพท์ 0-2168-7480 (แบบฟอร์มนี้สามารถถ่ายเอกสาร หรือคัดลอกลงกระดาษ A4 แล้วส่งมาตามที่อยู่ของบริษัท)
พิเศษ
เดือนมีนาคมนี้ สมัครสมาชิก นิตยสาร happy+ 1 ปี 780 บาท รับฟรี! กิฟต์เซ็ตบำ�รุงผิวบีนาควิน ช้าหมด อดนะ ของมีจำ�นวนจำ�กัดจ้ะ
happy ending
หลายคนคาดหวังความสุขจาก รอยยิ้ม หลายคนคาดหวังความสุขจาก สิ่งของ หลายคนคาดหวังความสุขจาก เงินทอง ...แตความสุ ขทั้งหลายจะเกิดขึ้นได ้ ่ ต้องสร้างจากใจตนเอง...เป็นสำ�คัญ - ความสุขข้างถนน