ไอแอมว็อช
MB&F I COMING NOW 2017
MAGAZINE Number 19
ISSUE 3/2017 AUGUST - SEPTEMBER - OCTOBER 2017
ไอแอมว็อช
HM7
PATEK PHILIPPE
GIRARD-PERREGAUX
COMING NOW 2017
SEIKO
5 2 9 0 7 1
ISSN
2286-9107
MAGAZINE
NO.19 I ISSUE 3/2017
Photo: courtesy of Basel d © SIHHworl 2017
9 772286 970001
‘AQUAPOD’
350 Baht
ISSUE 3/2017
28
THE LATEST MACHINES
1925 - 2017
THE FIRST TO THE LATEST
PATEK PHILIPPE’S PERPETUAL CALENDAR FOR THE WRIST
40
CONTENTS
MB&F
PATEK PHILIPPE
36
44
MAGAZINE NO.19 AUGUST - SEPTEMBER - OCTOBER
CITIZEN
ARE YOU READY FOR ADVENTURE?
GIRARD-PERREGAUX THE BIRTH OF A COMPLETE
LAUREATO FAMILY
ISSUE 3/2017
48
UNIQUENESS
FROM DESIGN TO MOVEMENT
MORE THAN TIMEPIECES
56
CONTENTS
SPEAKE-MARIN
CHRISTOPHE CLARET
52
62
MAGAZINE NO.19 AUGUST - SEPTEMBER - OCTOBER
TO BE FREE
ORIGINALITY OF SPORT WATCH
THE COLLECTOR VINTAGE ROLEX ENTHUSIAST
There is no mystery about a Girard-Perregaux, simply more than two centuries of craftsmanship and a perpetual commitment to perfection. LAUREATO, STEEL CASE, 42 MM
SIAM PARAGON M FL. TEL: +662 129 4777 GAYSORN 1ST FL. TEL: +662 656 1212
MAGAZINE NO.19 AUGUST - SEPTEMBER - OCTOBER
ISSUE 3/2017
68 132
136 WATCH MARKET ANALYSIS
ONGOING DECLINE
REMAKE OF VINTAGE
TAG HEUER
THE VISIT
CONTENTS
WARAKIAT ANANTANASUWONG
140 144
AUTAVIA
146
THE WATCH LOVER
ERWIN SATTLER
THE WATCH PEOPLE FLORIN NICULESCU
VICE-PRESIDENT PRODUCT DEVELOPMENT
PARMIGIANI
OUT OF THE STREAM
TAG HEUER AQUARACER “Camouflage” & “Khaki”
152
Pierce Brosnan, Photographed by Marco Grob
ONE & TWO J-Class Collection Speake-Marin automatic movement Caliber SMA01 with micro-rotor 5N Red gold case
W W W. S P E A K E - M A R I N . C O M
ISSUE 3/2017
MAGAZINE NO.19 AUGUST - SEPTEMBER - OCTOBER
156
160 WORLD OF ART
PALUT MAROD
THE MOVIE
TIME AFTER TIME
172 176
164 168
WATCH ON STREET
SEIKO
THE INNOVATIVE CREATION
CONTENTS
THE SOMMELIER อัญมณีแห่งบอร์โดว์ ตอนที่ 3: กุญแจและดอกไม้
FROM SEIKO
THE ACCESSORIES
Editor’s Letter
อากาศอบอ้าวกับสายฝนกระหน่ำาเป็นช่วงๆ ตามสภาพของ ประเทศไทยทีค่ นไทยต่างก็คนุ้ กันดีอยู ่ รวมไปถึงสถานการณ์รถติดทัง้ มาก และน้อยถึงมากที่สุดในแต่ละวัน ก็ยังคงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำาให้เราต้อง มองหาความสบายทั้งใจและกายเพื่อบรรเทาทุกข์ในเรื่องเหล่านี้ และแน่นอนว่า นาฬิกาและตลาดนาฬิกาในช่วงนีก้ ย็ งั คงร้อนแรง ตามสถานการณ์ปกติเช่นทุกปี แต่ในปีนอ้ี าจมีสง่ิ ทีเ่ พิม่ เติมเข้ามาคือเรือน นาฬิการุ่นพิเศษๆ ที่มองดูจับต้องได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Rolex ในรุ่น Daytona ทีป่ นี เี้ ป็นโอกาสดีทที่ าง Rolex ได้เข้ามาจัดงานนิทรรศการใน ประเทศไทยอีกครัง้ นอกจากนีย้ งั มีแบรนด์นาฬิกาอืน่ ๆ อีกหลายแบรนด์ อย่างเช่น Girard-Perregaux ทีน่ าำ เรือนเวลาสไตล์สปอร์ตรุน่ Laureato มาจัดแสดงนิทรรศการให้คนไทยได้ชมเป็นครั้งแรก ซึง่ งานนิทรรศการและงานแสดงนาฬิกาประจำาปีของทุกค่าย ก็ ยังคงทำาให้ตลาดได้มคี วามคึกคักมากขึน้ ยิง่ เมือ่ รวมกับแบรนด์ตา่ งๆ อีก มากมายหลายแบรนด์ทยี่ กทัพมาให้คนไทยได้ชมและสัมผัสความพิเศษ ตามรูปแบบของแต่ละแบรนด์แล้ว ก็เชือ่ แน่วา่ น่าจะทำาให้ความสนใจของ คนไทยกับนาฬิกามีเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน หน้าฝนบวกกับสภาพอากาศร้อนชืน้ ในช่วงนี ้ ก็อาจทำาให้ทกุ ท่าน ไม่สบายกันได้นะครับ รักษาตัว รักษากาย และไปพักผ่อนกับเนือ้ หาในเล่ม กันดีกว่าครับ
Dr. Pramote Rienjaroensuk Editorial Director
MAGAZINE NO.19 ISSUE 3/2017 AUGUST - SEPTEMBER - OCTOBER IAMWATCH Magazine
is published 4 times a year on February, May, August and November.
ADVISOR
Nikorn Ongvodtithum Tanasan Vichitkarn Police Colonel Krisda Kanchana-alongkorn Korkiat Siriprasartsuk
IAMWATCH Co., Ltd. Subscription:
Suchada Suwannaphum Tel./Fax. 0-2656-1088 e-mail. info@iamwatch.net
999 Gaysorn Plaza, 5th Floor, Room No. 5A-4, Ploenchit Road, Lumpini, Pathumwan, Bangkok 10330, THAILAND. Tel./Fax. 0-2656-1088 e-mail: info@iamwatch.net Website: www.iamwatch.net
EDITORIAL TEAM
Editorial Director: Dr. Pramote Rienjaroensuk Deputy Editor: Prayuth Phongprapat Dr. Attawoot Papangkorn Executive Writer: Korkiat Siriprasartsuk Panattha Punyamitr Viracharn Termpipatpong Writer: Nattakorn Tanakunsirichanon Editorial Assistant: Suchada Suwannaphum
Contributor: Parkpoom Hasbamrer, Piyaporn Phongprapat, Apiphop Phungchanchaikul, PHANTOM OF THE CELLAR Graphic Designer: Kunlacha Artkongharn Nattakorn Tanakunsirichanon Photographer: Nattakorn Tanakunsirichanon
PRINTED
Aksorn Sampan Press (1987) Co., Ltd.
DISTRIBUTOR
World of Distribution Co., Ltd.
MANAGEMENT
Chairman: Dr. Pramote Rienjaroensuk President: Prayuth Phongprapat Managing Director: Dr. Attawoot Papangkorn General Manager: Viracharn Termpipatpong Advertising: Viracharn Termpipatpong Accountant: Sujchapong Laws Office
ISSUE 3/2017
WATCH I HAVE LEARNED
MAGAZINE NO.19 AUGUST - SEPTEMBER - OCTOBER
ถ้�จะถ�มห�น�ฬิก�ที่มีอน�คต คงเหมือนต�มห�ภรรย�ที่ไม่ดุ Prayuth Phongprapat Deputy Editor
“ยิ้มเถอะ เพร�ะทุกวันเป็นวันของเร� และเร�ก็ได้ภูมิใจกับน�ฬิก�ที่เร�สวมใส่ทุกวัน” Dr. Attawoot Papangkorn Deputy Editor
“พึงทำ�ให้ภรรย�พอใจ เพื่อคว�มสะดวกปลอดภัยในก�รสอยน�ฬิก�” Korkiat Siriprasartsuk Executive Writer
SUBSCRIBE NOW 1 YEAR (4 ISSUES) 1,400.- BAHT 2 YEARS (8 ISSUES) 2,450.- BAHT 3 YEARS (12 ISSUES) 3,500.- BAHT TEL: 02 656 1088 Email: info@iamwatch.net
พบกับ IAMWATCH Magazine ได้ที่ ซีเอ็ด บุ๊คเซ็นเตอร์, นายอินทร์, ฟาสเตอร์บุ๊ค, กรีนบุ๊ค และบีทูเอส หรือสมัครสมาชิกโดยตรงที่ IAMWATCH โทร. 0-2656-1088 IAMWATCH Magazine available at SE-ED Book Center, Naiin, Faster Book, Green Book and B2S ติดตามความเคลื่อนไหวในวงการนาฬิกาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศได้ที่ www.iamwatch.net สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ ของ IAMWATCH ได้ที่ www.facebook.com/iamwatchpage
PATEK PHILIPPE
LEGACY FROM THE PAST TO THE FUTURE
TIMELINE
Patek Philippe โดย Ms. Deepa Chatrath ผูจ้ ดั การทัว่ ไป ประจำาภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่ง เจนีวา มาสเตอร์ ไทม์ มาร์เก็ตติง้ แอลแอลพี ร่วมกับ พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส โดย คุณณรัณ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการ จัดงานดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับสมาชิก YPO Thailand (Young Presidents Organization) ณ เดอะ เฮ้าส์ แอท นายเลิศ ปาร์ค เฮอริเทจ โฮม โดยได้นาำ นาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ประจำาปี 2017 มาให้ชม กันอย่างใกล้ชิด อาทิ รุ่นแกรนด์คอมพลิเคชั่น 5320G และ 5940R รุ่นคอมพลิเคชั่น 5170P, 5396R และ 5960/01G ตลอดจนตระกูลยอดนิยม Nautilus รุ่น 7118/1A และ Aquanaut รุ่น 5168G และ 5072R เป็นต้น
ULYSSE NARDIN
ENAMEL EXHIBITION
Ulysse Nardin โดย Mr. Andreas Boesch กรรมการผูจ้ ดั การภาคพืน้ เอเชียแปซิฟกิ ร่วมกับ พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส โดย คุณณรัณ ธรรมาวรานุคปุ ต์ กรรมการผูจ้ ดั การ เชิญคนรักนาฬิกาเข้าร่วมชมนิทรรศการศิลปะอีนาเมลบนนาฬิกา Ulysse Nardin อันเป็นการหลอมรวมศิลปะการตกแต่งนาฬิกาแบบ ดั้งเดิมจากผลงานของ ดงเซ่ คาดรองส์ ผู้สร้างสรรค์งานหน้าปัดลงยารายเก่าแก่ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Ulysse Nardin เข้ากับนวัตกรรม ความล้าำ สมัยของกลไก โดยถ่ายทอดผ่านนาฬิการุ่นล่าสุดที่เปิดตัวในงานบาเซิลเวิลด์ 2017 ร่วมด้วยตระกูลคอลเลคชั่นจักรราศีที่สร้างสรรค์ขึ้น เป็นประจำาทุกปี และเหล่านาฬิกาวินเทจเรือนเด่นที่จัดแสดงในงาน SIHH 2017 เมื่อต้นปี ต่อด้วยงานดินเนอร์สุดพิเศษเคล้าเสียงดนตรีสดและ รับชมการแสดงการสร้างสรรค์ภาพศิลป์ สปีดเพ้นติ้ง โดย อ.เจษฎากรณ์ ตันตราจิณ งานนี้ถูกจัดขึ้นที่ ฮอลล์ ออฟ มิเรอร์ ชั้น เอ็ม ศูนย์การค้า สยามพารากอน
PATEK PHILIPPE
MEMORY OF THE FUTURE
SEIKO
EXPLORE THE UNEXPECTED
Patek Philippe โดย Ms. Deepa Chatrath ผูจ้ ดั การทัว่ ไป ประจำาภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่ง เจนีวา มาสเตอร์ ไทม์ มาร์เก็ตติง้ แอลแอลพี เชิญสื่อมวลชนไทยเข้าร่วมชมและทำาความรู้จักกับนาฬิกาเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์ของ Patek Philippe อย่างลึกซึ้ง ไล่เรียงวิวัฒนาการมาตั้งแต่ รุ่นแรกที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1925 จนถึงรุ่นล่าสุดปี 2017 ร่วมด้วยการอธิบายด้านเทคนิคโดยละเอียด และเปิดโอกาสให้สัมผัสนาฬิกาเพอร์เพทชวล คาร์เลนดาร์รุ่นล่าสุดในปัจจุบันกันอย่างเต็มที่ ทั้งยังมีการนำาเอานาฬิกาเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์เรือนวินเทจจากพิพิธภัณฑ์ของ Patek Philippe ในเจนีวา มาให้ชมกันด้วย งานนี้จัดขึ้นที่ เดอะ เฮ้าส์ แอท นายเลิศ ปาร์ค เฮอริเทจ โฮม
Seiko ประเทศไทย โดย คุณฮารุมติ ซึ อากาชิ กรรมการผูจ้ ดั การ เชิญสือ่ มวลชนและคนรักนาฬิกา Seiko มารวมตัวกัน ณ แฟชัน่ ฮอลล์ ชัน้ 1 ศูนย์การค้า สยามพารากอน เพือ่ เข้าร่วมงานเปิดตัวคอนเซ็ปต์การตลาดใหม่ “Explore the unexpected” เพือ่ สานต่อความสำาเร็จของแคมเปญ Seiko Zimbe ที่ มีแรงบันดาลใจมาจากนักเดินทางแห่งท้องทะเล ฉลามวาฬ โดยมี อนันดา เอเวอร์รง่ิ แฮม เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของไทย และได้ดาำ เนิน กิจกรรมเกี่ยวกับท้องทะเลและการอนุรักษ์ท้องทะเลไทย ร่วมด้วยการผลิตนาฬิกา ลิมิเต็ด เอดิชั่น Seiko Zimbe ออกจำาหน่ายมาแล้วถึง 3 รุ่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Move your adventurous mind further” เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา งานนี้นอกจากเป็นการเปิดตัวคอนเซ็ปต์การตลาดใหม่แล้ว ยังเป็นการเปิดตัวนาฬิกา ลิมเิ ต็ด เอดิชน่ั Seiko Zimbe รุน่ ที่ 4 ผลิตจำานวนจำากัด 1,639 เรือน อีกด้วย นาฬิการุน่ นีเ้ ป็นการนำา Sumo นาฬิกาดำาน้าำ รุน่ ดังอีกรุน่ หนึง่ ของตระกูล Prospex มาเป็นพืน้ ฐานในการสร้างสรรค์โดยนำาแรงบันดาลใจจากสีสนั อันงดงามของปรากฎการณ์ธรรมชาติ “ทะเลเรืองแสง” มาใช้ในการออกแบบสีสันการตกแต่ง โดยเริ่มจำาหน่ายที่งาน สยามพารากอน วอตช์ เอ็กซ์โป 2017 เป็นที่แรก
TIMELINE
ATELIERS DEMONACO
17
EXCLUSIVE DINNER
Ateliers deMonaco โดย Mr. Pim Koeslag ซีอีโอและนักประดิษฐ์นาฬิกาผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ ร่วมกับ แม็คโครริช เมโทร โดย คุณนนทิวัช ประภานนท์ กรรมการผู้จัดการ และ IAMWATCH เชิญคนรักนาฬิการ่วมชมนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดปี 2017 อาทิ Admiral Chronograph Flyback “Armure” และ Tourbillon Oculus 1297 “Black DLC Titanium” ร่วมด้วยคอลเลคชัน่ ใหม่ของ Ronde de Monte-Carlo “Femme” และ Poinçon de Genève “Saphir” ณ บูติก เอส.ที. ไดเมนชั่น ศูนย์การค้าสยามพารากอน ต่อด้วยการร่วมรับประทานอาหารค่ำาอย่างเป็นกันเอง ณ ลาดูเร่ ซาลอง เดอ เต
ROLEX DAYTONA EXHIBITION
Rolex และ พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส จัดงานนิทรรศการ Rolex Daytona ขึน้ เป็นครัง้ แรกในประเทศไทย ณ ชัน้ จี ศูนย์การค้า เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ระหว่างวันที่ 14 ถึง 23 กรกฎาคม 2560 โดยเป็นการนำาเสนอเรือ่ งราวทีส่ ะท้อนถึงความหลงใหลในความเร็วและมอเตอร์สปอร์ต ซึง่ เป็นแรงบันดาลใจ ในการสร้างสรรค์นาฬิกาโครโนกราฟระดับไอคอนนิครุน่ นี้ ผ่านบอร์ดและรูปแบบการจัดแสดงแบบอินเตอร์แอคทีฟ ตัง้ แต่จดุ เริม่ ต้น ไล่เรียงวิวฒั นาการ มาตามยุคสมัยตลอดกว่า 5 ทศวรรษ จนถึงรุน่ เจเนอเรชัน่ ล่าสุด ซึง่ ได้นาำ เรือนจริงทัง้ รุน่ ตัวเรือนสตีล ขอบตัวเรือนโมโนบล็อกเซราโครม เซรามิกสีดาำ และรุ่นตัวเรือนทองคำากับรุ่นตัวเรือนแพลตินั่ม ที่ใช้ขอบตัวเรือนโมโนบล็อกเซราโครม เซรามิก เช่นกัน มาจัดแสดงให้ชมด้วย โดยมีคนรักนาฬิกา และสื่อมวลชนแวะเวียนมาเยี่ยมชมนิทรรศการเป็นจำานวนมากตลอดช่วงระยะเวลาของการจัดแสดงงาน
TIMELINE
19
AC x AZIMUTH
WATCH DELIVERY CEREMONY
สมาคมอัสสัมชัญ โดย คุณปิยะบุตร ชลวิจารณ์ นายกสมาคมฯ, คุณอภิภพ พึง่ ชาญชัยกุล ประธานโครงการนาฬิกาทีร่ ะลึกในวาระครบ 132 ปี โรงเรียน อัสสัมชัญ พร้อมด้วยคณะกรรมการสมาคมฯ จัดงานพิธรี บั มอบนาฬิกา Azimuth Round-1 Back in Time 132nd Anniversary Assumption College Limited Edition จาก คุณอาณัติ มังกรหงส์ อัสสัมชนิกรุ่น 113 ซึ่งเป็นผู้แทนจำาหน่ายนาฬิกา Azimuth ในประเทศไทย เพื่อทำาการส่งมอบต่อให้กับ อัสสัมชนิกที่ได้สั่งจองไว้ งานพิธีครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่ DUKE Contemporary Art Space ชั้น 1 เกษรวิลเลจ โดยได้รับเกียรติจาก H.E. Ivo Sieber เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิส ประจำาประเทศไทย มาเป็นตัวแทนบริษทั นาฬิกาสวิส ในการส่งมอบนาฬิกาให้กบั สมาคมฯ และโรงเรียนอัสสัมชัญ โดยมี ภราดาวิรยิ ะ ฉันทวโรดม (บราเดอร์หลุยส์ ชาแนล) ทีป่ รึกษาอาวุโสและอดีตผูอ้ าำ นวยการโรงเรียนฯ, คุณวัลลภ เจียรวนนท์ นายกกิตมิ ศักดิ์ ของสมาคมฯ และ ภราดาเดชาชัย ศรีพจิ ารณ์ ผูอ้ าำ นวยการโรงเรียนฯ เป็นผูแ้ ทนในการรับมอบ อีกทัง้ ภายในงานยังจัดให้มกี ารเสวนาเกีย่ วกับนาฬิกา สุดพิเศษรุ่นนี้ โดย ดร. ปราโมทย์ เหรียญเจริญสุข บรรณาธิการนิตยสาร IAMWATCH, คุณอาณัติ มังกรหงส์ และคุณอภิภพ พึ่งชาญชัยกุล อีกด้วย
SUUNTO
SPARTAN ROADSHOW
เอ็น จีจี ไทม์พีซ ผู้จำาหน่ายนาฬิกา Suunto (ซุนโต้) จัดกิจกรรมโรดโชว์นาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ Spartan ด้วยการให้นักรบหนุ่มสปาร์ตัน 7 คน ทำาการเดินและทำากิจกรรมกับผู้คน ณ สถานที่ต่างๆ เช่น บริเวณด้านหน้าของศูนย์การค้าสีลมคอมเพล็กซ์ อาคารซีพีทาวเวอร์ อาคารยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ ธนาคารกรุงเทพสำานักงานใหญ่ ศูนย์การค้าเทอร์มินัล 21 สยามสแควร์วัน และสยามพารากอน ซึ่งนอกจากจะเป็นการเปิดตัวรุ่นต่างๆ จากคอลเลคชั่นใหม่อย่าง Spartan แล้ว ยังถือเป็นการแนะนำาและประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนได้รู้จักกับนาฬิกา Suunto ซึ่งเป็นนาฬิการะดับไฮเอนด์ สำาหรับผู้รักการกีฬาและการออกกำาลังกาย ด้วยโหมดการออกกำาลังกายมากมายทั้งสำาหรับการวิ่ง การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำา ไปจนถึงไตรกีฬา ครบวงจรและการผจญภัยรูปแบบต่างๆ โดยทำางานอย่างแม่นยำาด้วยระบบจีพีเอส
TIMELINE
SIAM PARAGON WATCH EXPO 2017
21
ศูนย์การค้า สยามพารากอน จัดงานแสดงนาฬิกา สยามพารากอน วอชท์ เอ็กซ์โป 2017 ขึ้นในระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม - 15 สิงหาคม 2560 ณ บริเวณชัน้ เอ็ม กับชัน้ 1 ของศูนย์การค้า และแผนก วอชท์ แกเลอเรีย ทีช่ น้ั เอ็ม ของห้างพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ การจัดแสดงงานปีท่ี 11 ในครัง้ นี้ จัดขึน้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Legendary timepieces โดยมีนาฬิกากว่า 180 แบรนด์ เข้าร่วมงาน โดยพิธเี ปิดงานมีขน้ึ ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2560 ณ แฟชั่น ฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน
CASIO
CASIO CONNECTED TECHNOLOGY
เซ็นทรัลมาร์เก็ตติง้ กรุป๊ โดย คุณเยาวลักษณ์ กิจทวีสนิ พูน ผูช้ ว่ ยกรรมการผูจ้ ดั การใหญ่ แผนกสินค้าพิเศษ ร่วมกับ คาสิโอ มาร์เก็ตติง้ (ประเทศไทย) เชิญสือ่ มวลชนเข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวเทคโนโลยีสดุ ล้าำ Casio Connected และแนะนำาเหล่าบรรดานาฬิการุน่ ล่าสุด ณ โรงภาพยนตร์ บลู ริบบิน้ สกรีน ศูนย์การค้า สยามพารากอน โดยมี Mr. Shigenori Itoh ผู้อำานวยการบริหารอาวุโส และผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด แห่ง คาสิโอ ประเทศ ญีป่ นุ่ มาเป็นผูถ้ า่ ยทอดความยอดเยีย่ มของเทคโนโลยีและนาฬิกาด้วยตนเอง ไฮไลต์ของการเปิดตัวในครัง้ นีก้ ค็ อื Master of G “Gravity Master” GPW-2000 นาฬิกาคอนเซ็ปต์การบินที่มากับโมดูลการรับสัญญาณแบบ คอนเน็คเต็ด เอ็นจิ้น ทรี-เวย์ ซึ่งเป็นระบบแรกของโลกที่สามารถเชื่อมต่อ สัญญาณเวลาได้ถึงสามทาง ทั้งจากจีพีเอส จากคลื่นวิทยุ และจากสมาร์ทโฟนผ่านทางบลูทูธ ร่วมด้วยบรรดานาฬิกา G-SHOCK รุ่นล่าสุด อาทิ MR-G กับ G-Steel รุ่นใหม่ รวมไปถึงนาฬิกาสปอร์ต Edifice Race Lap Chronograph EQB-800 ด้วย
MONTBLANC
UNICEF LAUNCH EVENT
Montblanc ร่วมกับ ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) โดย Mr. Douglas Humphrey ประธานบริษทั เชิญแขกและสือ่ มวลชนเข้าร่วมงานเปิดตัวแคมเปญ UNICEF ทีท่ าง Montblanc ได้รว่ มสนับสนุนองค์กร UNICEF ในการให้ความช่วยเหลือและพัฒนาด้านการศึกษาแก่เด็กๆ ทัว่ โลก ด้วยคอลเลคชัน่ Montblanc for UNICEF ชุดใหม่ ซึ่งมีทั้งนาฬิกาเวิลด์ไทม์ Heritage Spirit Orbis Terrarum UNICEF Edition ผลิตจำานวนจำากัด 500 เรือน 2 รุ่น อันได้แก่รุ่นหน้าปัดภาษาอังกฤษและรุ่นหน้าปัดภาษาจีน ในตัวเรือนสตีลพร้อมสายหนังจระเข้สีนา้ำ เงิน โดยทั้ง 2 รุ่นจะปรากฎโลโก้ UNICEF อยู่ที่ ฝาหลัง, เครือ่ งเขียน Meisterstück Writing is a Gift Edition อันได้แก่ ปากกา Precious Resin, Doué Classique, Blue Solitaire และ Skeleton 149 รวมถึงคอลเลคชัน่ เครือ่ งหนัง Meisterstück Selection UNICEF โดยมีผบู้ ริหาร UNICEF ประจำาประเทศไทย และผูม้ ปี ระสบการณ์รว่ มกับ UNICEF คุณคัตโตะ-อารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล และ คุณทรงกลด บางยี่ขัน ให้เกียรติมาร่วมงาน ณ บูติก มงต์บลองค์ ศูนย์การค้า สยามพารากอน
TIMELINE
ORIS
23
HAMMERHEAD LIMITED EDITION
โทรคาเดโร กรุป๊ โดย คุณเตย มหาดำารงค์กลุ เชิญผูช้ น่ื ชอบนาฬิกา Oris เข้าร่วมงานเปิดตัว Hammerhead Limited Edition นาฬิกาดำาน้าำ ลิมเิ ต็ด เอดิชั่น รุ่นใหม่ที่ผลิตขึ้นด้วยจำานวนจำากัด 2,000 เรือน เพื่อร่วมสนับสนุนโครงการอนุรักษ์ฉลามหัวค้อน ของ Pelagios Kakunjá ซึ่งเป็นเอ็นจีโอ ในประเทศเม็กซิโก โดยประเทศไทยได้รบั การจัดสรรมาจำาหน่ายเพียง 30 เรือนเท่านัน้ งานนีถ้ กู จัดขึน้ ณ พืน้ ที่ Oris Maison ทีส่ ร้างสรรค์ขน้ึ เพือ่ เป็น ส่วนหนึง่ ของงาน สยามพารากอน วอตช์ เอ็กซ์โป 2017 นอกจากนีย้ งั ได้นาำ นาฬิกา ลิมเิ ต็ด เอดิชน่ั รุน่ ต่างๆ ที่ Oris ผลิตขึน้ ในโปรเจ็คต์อนุรกั ษ์ทะเล ตัง้ แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั มาให้ชมกันด้วย อีกทัง้ ยังมี คุณชิน-ศิรชัย อรุณรักษ์ตชิ ยั ช่างภาพใต้ทะเล เจ้าของรางวัลชนะเลิศระดับโลกประจำาปี 2016 จากองค์กร Save Our Seas Foundation มาร่วมแชร์ประสบการณ์การเก็บภาพใต้ทะเลให้ผู้มาร่วมงานได้รับฟังกัน พร้อมจัดแสดงภาพถ่ายและ อุปกรณ์ตา่ งๆ ของคุณชิน และมีการรับมอบรายได้จากการจำาหน่ายนาฬิการุน่ The Cha-Lam ซึง่ เป็นนาฬิกาดำาน้าำ Oris แบบแรกทีผ่ ลิตขึน้ สำาหรับ ประเทศไทยโดยเฉพาะ เพือ่ ใช้เป็นทุนสนับสนุนงานวิจยั ทีค่ ณุ ชินทำาร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และหน่วยงาน Commonwealth Scientific and Industrial Research Organization (CSIRO) ประเทศออสเตรเลีย
HAMILTON
CELEBRATE 60TH ANNIVERSARY OF VENTURA WATCH
Hamilton โดย เดอะ สวอทช์กรุป๊ เทรดดิง้ (ประเทศไทย) จัดงาน Hamilton Ventura Club ขึน้ ที่ ฮาร์ดร็อค คาเฟ่ แบ็งค็อก เพือ่ เปิดตัวนาฬิกา Ventura คอลเลคชั่นใหม่ปี 2017 ที่รังสรรค์ขึ้นใน 2 สไตล์ คือ รุ่น Ventura Classic แนวดั้งเดิม และ Ventura Elvis 80 Skeleton แนวดีไซน์ สร้างสรรค์ด้วยแรงบันดาลใจจาก Elvis Presley เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 60 ปีของนาฬิกา Ventura ซึ่งเป็นนาฬิการุ่นโปรดของ Elvis ดังนั้นภายใน งานจึงจัดให้มีมินิคอนเสิร์ตโดยมีเหล่าเอลวิสเมืองไทยอย่าง คุณจิ๊บ-วสุ แสงสิงแก้ว และ คุณแคมป์-ศตวรรษ ตุงคะรัต มาวาดลวดลายของราชา เพลงร็อคแอนด์โรลให้ได้รับชมและรับฟังกันด้วย
BELL & ROSS
R.S.17 FROM THE WHEEL TO THE WRIST
Bell & Ross ร่วมกับ คอร์ตนิ า่ วอทช์ (ประเทศไทย) โดย คุณคริส จาติกรัตน์ กรรมการบริหาร เชิญแขกและสือ่ มวลชนเข้าร่วมงานปาร์ต้ี ณ ห้อง บอลรูม 2 โรงแรมปาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ เพื่อเปิดตัวนาฬิกา 3 รุ่นใหม่จากซีรี่ส์ R.S.17 ซึ่งถือเป็นการประกาศการเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการ กับทีมรถแข่งฟอร์มูล่าวัน Renault Sport Formula One อันได้แก่รุ่น BR 03-94 R.S.17, BR X1 R.S.17 Skeleton Chronograph และ BR X1 R.S.17 Tourbillon Chronograph โดยทุกรุ่นต่างมีแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากพวงมาลัยของรถแข่งฟอร์มูล่าวัน อีกทั้งภายในงานยังมีการ จัดแสดงนาฬิการุ่นต่างๆ ของ Bell & Ross ให้ชมกันอย่างเต็มที่ในรูปแบบของ มินิ บูติก ด้วย
CASIO AT CENTRAL INTERNATIONAL WATCH FAIR 2017
Casio โดย เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป โดย คุณเยาวลักษณ์ กิจทวีสินพูน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ แผนกสินค้าพิเศษ เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมชม บูธ Casio ภายในงาน เซ็นทรัล อินเตอร์เนชัน่ แนล วอทช์ แฟร์ 2017 ทีห่ า้ งเซ็นทรัลชิดลม พร้อมชมนาฬิการุน่ ใหม่ลา่ สุด อาทิ MRG-G1000 ระบบ จีพีเอส ไฮบริด เวฟ เซ็ปเตอร์ ซึ่งเป็นรุ่นพรีเมี่ยมของตระกูล G-Shock, นาฬิกา G-Steel รุ่นพิเศษที่ได้ Robert Geller ดีไซเนอร์แฟชั่นบุรุษชื่อดัง ของนิวยอร์ก มาร่วมออกแบบ และนาฬิกา Edifice Thailand Limited Model ซึง่ เป็นรุน่ พิเศษผลิตจำานวนจำากัดเฉพาะประเทศไทยเพียง 500 เรือน อีกทัง้ ภายในงานยังมี คุณริกะ อิชเิ กะ นักกีฬา MMA (มิกซด์ มาเชียล อาร์ตส) หญิงไทยคนแรก และ คุณติณห์ ศรีตรัย นักแข่งรถชือ่ ดัง มาร่วม พิสูจน์ความแข็งแกร่งและเทคโนโลยีล้ำาๆ ของ Casio ร่วมกับสื่อมวลชนด้วย
TIMELINE
CENTRAL INTERNATIONAL WATCH FAIR 2017
25
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปทรงเปิดงาน เซ็นทรัล อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์ แฟร์ 2017 ซึ่งเป็น งานมหกรรมนาฬิกาที่ทางห้างเซ็นทรัลจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 19 แล้ว โดยครั้งนี้มีแบรนด์นาฬิกากว่า 180 แบรนด์นาำ ผลงานมาร่วมจัดแสดง ระหว่าง วันที่ 22 สิงหาคม - 30 กันยายน 2560 ณ ดิ อีเว้นท์ ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ A Second Home That Transcends Generations เพื่อร่วมฉลอง 70 ปีของห้างเซ็นทรัล อีกทั้งในพิธีเปิดงานยังมีการแสดงโชว์นาฬิกาที่สื่อความหมายถึงช่วงเวลาต่างๆ ของห้างเซ็นทรัล อันเปรียบดัง่ บ้านหลังทีส่ องของคนทุกกลุม่ ทุกเพศ ทุกวัย โดยเหล่าเซเลบริตซ้ี ง่ึ เป็นการออกแบบการแสดงโดย ครูอ-ู๋ เปรมจิตต์ อำานรรฆมณี พร้อมบทเพลงที่ขับกล่อมโดย คุณคิว-สุวีระ บุญรอด แห่งวงฟลัวร์ และ คุณกานดา วิทยานุภาพยืนยง
SEVENFRIDAY
S-SERIES LAUNCH EVENT
Sevenfriday โดย Mr. Daniel Niederer ซีอโี อ และผูก้ อ่ ตัง้ แบรนด์ ร่วมกับ สุวรรณพฤกษ์ เทรดดิง้ โดย คุณปรัษฐ์ สุวรรณกุล เชิญสือ่ มวลชนมายัง บริเวณบูธ Sevenfriday ในงาน เซ็นทรัล อินเตอร์เนชัน่ แนล วอทช์ แฟร์ 2017 ณ ห้างเซ็นทรัลชิดลม เพือ่ ร่วมงานปาร์ตเ้ี ปิดตัว S-Series นาฬิกา คอลเลคชัน่ ล่าสุดปี 2017 ของแบรนด์ ซึง่ เป็นคอลเลคชัน่ ทีม่ าพร้อมกับตัวเรือนทรงเหลีย่ มโค้งมนในดีไซน์สไตล์เครือ่ งจักรอุตสาหกรรมอันเป็นซิกเนเจอร์ สำาคัญของแบรนด์ แต่ขยายขอบเขตการตีความให้กว้างไกลออกไป โดยมีทั้งรุ่น S1/01 ที่นาำ คอนเซ็ปต์มาจากอุตสาหกรรมแบบเทคโนโลยีสะอาด แนวรักษ์โลก, รุ่น S2/01 ที่นำาคอนเซ็ปต์มาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุคต้นศตวรรษที่ 20 และรุ่น S3/01 ที่นาำ คอนเซ็ปต์มาจากเครื่องยนต์รถ
SEIKO
CLASSICISM AND MODERNITY IN PERFECT HARMONY
Seiko ประเทศไทย โดย คุณฮารุมติ ซึ อากาชิ กรรมการผูจ้ ดั การ เชิญสือ่ มวลชนและคนรักนาฬิกา Seiko มายัง อีเวนท์ ฮอลล์ ชัน้ 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม เพือ่ ร่วมเปิดประสบการณ์แห่งการผสมผสานทีล่ งตัวของความคลาสสิกและความทันสมัยของนาฬิกาสไตล์คลาสสิกร่วมสมัยคอลเลคชัน่ Premier และ Presage จาก Seiko โดยนำาเสนอเรื่องราวแห่งนาฬิกาจักรกลและนวัตกรรมระบบกลไกด้วย Premier Kinetic Perpetual Calendar “The One” นาฬิกากลไกคีเนติกฟังก์ชน่ั เพอร์เพทชวลคาเลนดาร์ เจเนอเรชัน่ ล่าสุด ทีน่ าำ แรงบันดาลใจในการดีไซน์ตวั เรือนมาจากรูปปัน้ แห่งเทพโรมัน พร้อมคอนเซ็ปต์ “Fusion of Perfection” ซึง่ มี อนันดา เอเวอร์รง่ิ แฮม เป็นผูถ้ า่ ยทอด และ Presage Automatic Chronograph กับ Multi-hand Automatic นาฬิกา กลไกอัตโนมัติ ที่มาพร้อมหน้าปัดอีนาเมลสีขาวมันวาว ซึ่งนำาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์รายละเอียดบนหน้าปัดมาจากนาฬิกาพกรุ่นแรกที่ Seiko สร้างขึ้นในปี 1893 โดยเป็นรุ่นที่นำาเข้ามาจำาหน่ายในประเทศไทยในจำานวนจำากัด อีกทั้งภายในงานยังมีการแสดงดนตรีโดยวงคลาสสิก จีบ แบงค์คอก นำาโดย ดร. อัครวัฒน์ ศรีณรงค์ ให้ได้รับชมและรับฟังกันด้วย
TIMELINE
27
GIRARD-PERREGAUX EXCLUSIVE DINNER FOR THE LAUNCH OF THE LAUREATO
Girard-Perregaux ร่วมกับ พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส และ IAMWATCH เชิญคนรักนาฬิกาเข้าร่วมชมนิทรรศการ Laureato Exhibition ซึง่ จัดขึน้ ระหว่างวันที่ 1 ถึง 10 กันยายน 2560 ณ ชัน้ เอ็ม ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพือ่ ต้อนรับการกลับมากำาเนิดใหม่ของคอลเลคชัน่ นาฬิกาสปอร์ตหรู Laureato เรือนเวลาระดับไอคอนทีถ่ อื กำาเนิดในยุค 70s ซึง่ ทางแบรนด์ได้นาำ กลับมาสร้างสรรค์ขน้ึ ใหม่อกี ครัง้ ในปี 2017 นี้ ต่อด้วยการร่วมรับประทาน อาหารค่ำาอย่างเป็นกันเอง ณ ลาดูเร่ ซาลอง เดอ เต
นิทรรศการครัง้ นีเ้ ป็นการนำาเสนอเรือ่ งราวและความเป็นมาทัง้ หมด ตัง้ แต่ Laureato รุน่ แรก ปี 1975 ซึง่ ทำางานด้วยกลไกควอตซ์ อินเฮ้าส์ เครือ่ งสำาคัญ ในประวัตศิ าสตร์โลก ด้วยความทีเ่ ป็นกลไกควอตซ์ แบบแรกของสวิส โดย มีจุดเด่นอยู่ที่ขนาดเล็กและบางกว่ากลไกควอตซ์ใดๆ ในยุคนั้น ไล่เรียง พัฒนาการตามยุคสมัยเรือ่ ยมาจนยุตกิ ารผลิตไป และกลับมาผลิตอีกครัง้ ในปี 2017 ด้วยคอลเลคชัน่ ใหม่ลา่ สุดทีไ่ ด้รบั การออกแบบใหม่ให้เหมาะสม กับยุคสมัยโดยยังคง ดีเอ็นเอ แห่งดีไซน์ของ Laureato ตัง้ แต่แรกกำาเนิด เอาไว้อย่างชัดเจน
THE LATEST MACHINES มาถึงวันนี้คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า MB&F (Maximilian Büsser & Friends) คือ แบรนด์อนั ดับแรกๆ ทีผ่ ดุ ขึน้ มาใน ห้วงความคิดของคนรักนาฬิกาหากนึกถึงนาฬิกากลุ่ม อินดีเพนเด้นท์หรือผูผ้ ลิตนาฬิกาอิสระ นีค่ อื ผลจากความ คิดสร้างสรรค์ของ Maximilian Büsser และทีมงานมาก ความสามารถ ทีห่ ลัง่ ไหลออกมาไม่เคยหยุด โดยถ่ายทอด ผ่านคอลเลคชั่นนาฬิกาข้อมือ 2 รูปแบบ คือ HM หรือ Horological Machine ที่ดีไซน์ขึ้นอย่างอิสระจากแรง บันดาลใจของสรรพสิ่งที่ Maximilian ประทับใจในวัย เยาว์ กับ LM หรือ Legacy Machine ซึ่งเป็นนาฬิกา ดีไซน์คลาสสิกแฝงความล้าำ และบรรดาจักรกลศิลป์อย่าง นาฬิกาคล็อก กล่องนาฬิกา หรือปากกา จากคอลเลคชัน่ Co-Creations by MB&F ซึง่ เป็นการสร้างสรรค์ผลงาน ร่วมกับผูผ้ ลิตระดับยอดฝีมอื ของแต่ละแขนง IAMWATCH ฉบับนี้ จะมาอัพเดทผลงานล่าสุดของ Maximilian Büsser และผองเพือ่ น ให้ทา่ นผูอ้ า่ นได้ทาำ ความรูจ้ กั กัน ทัง้ นาฬิกา ข้อมือรุ่นใหม่จากคอลเลคชั่น HM อันได้แก่ HM7 และ HM8 คอลเลคชัน่ LM กับผลงานไฟนอลเอดิชน่ั ของ LM1 และเอดิชั่นตัวเรือนไทเทเนี่ยมของ LM2 ปิดท้ายด้วย นาฬิกาคล็อกรูปทรงจรวด Destination Moon ทีส่ ร้างสรรค์ ร่วมกับ L’Epée 1839 WRITER: VIRACHARN TERMPIPATPONG
Maximilian Büsser ผู้ก่อตั้ง MB&F และเป็นผู้วางคอนเซ็ปต์ ให้กับทุกผลงานของแบรนด์ MB&F
HM7 ‘AQUAPOD’
PLUNGE INTO THE WATER
Horological Machine No7 ‘Aquapod’
HM7 Aquapod TI ตัวเรือนไทเทเนี่ยม ขอบตัวเรือนเซรามิกสีน้ำาเงิน ผลิตจำานวน 33 เรือน
ตัวเรือนขนาด 53.8 มม. หนา 21.3 มม. ของ HM7 Aquapod ประกอบขึ้น จากชิ้นส่วนต่างๆ ถึง 95 ชิ้น สามารถป้องกันน้ำาได้ถึงระดับความลึก 50 เมตร ผนึกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้วยกระจกแซฟไฟร์ทรงโดมโค้ง ที่เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน ไว้ทั้งด้านนอกและด้านใน
นาฬิกาลำาดับที่ 7 ของคอลเลคชั่น Horological Machine รุ่นนี้เป็นมิติใหม่ของ MB&F กับครั้งแรกของการก้าวสู่โลกแห่งสายน้าำ ซึง่ Maximilian Büsser ได้เลือกเอาสัตว์นาำ้ รูปลักษณ์สดุ ล้าำ ลึกน่าพิศวง อย่างแมงกะพรุนมาเป็นคอนเซ็ปต์ในการสร้างสรรค์ โดยมีนกั ออกแบบ นาฬิกามือฉมัง Eric Giroud เป็นผู้รับผิดชอบในการดีไซน์ ส่วนตัว กลไกนัน้ เป็นความล้าำ เลิศทัง้ ด้านดีไซน์และเทคนิคจากการพัฒนาของ ทีมงาน MB&F เองซึ่งจงใจสร้างขึ้นมาใช้กับนาฬิการุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยใช้โครงสร้างแบบสามมิติแนวตั้งคล้ายกับกลไกของนาฬิกาพก รูปทรงหัวหอมในสมัยศตวรรษที่ 18 ชุดฟลายอิ้งตูร์บิยองถูกจัดวางไว้อยู่ระดับบนสุดของจุดศูนย์
กลางนาฬิกาให้ลอยตัวเด่นอยูภ่ ายใต้โดมโค้งของกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ ล้อมรอบด้วยโคนดิสก์วงแหวนวัสดุอลูมิเนียมร่วมกับไทเทเนี่ยม 2 ชุด สำาหรับทำาหน้าที่เคลื่อนแสดงเวลาเป็นชั่วโมงกับนาทีให้อ่านค่า ณ ขีด สีฟ้าที่โดมกระจก ขณะที่การขับเคลื่อนนั้นเป็นหน้าที่ของโรเตอร์วัสดุ ไทเทเนีย่ มดีไซน์แบบก้านเขีย้ วทรงโค้งทีค่ ล้ายกับหนวดของแมงกะพรุน ซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากกระจกแซฟไฟร์ทรงโดมโค้ง ทีผ่ นึกอยูก่ บั ฝาหลัง โดยมีชน้ิ ถ่วงน้าำ หนักเป็นวัสดุแพลตินม่ั เพือ่ ให้การ แกว่งขึ้นลานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่การขึ้นลานกับการ ปรับตั้งเวลานั้นจะกระทำาด้วยเม็ดมะยมขนาดใหญ่คนละชุดซึ่งติดตั้ง อยู่ตรงข้ามกัน ณ ตำาแหน่ง 9 กับ 3 นาฬิกา
ตัวเลขกับสเกลนาทีบนแผ่นวงแหวนเซรามิกทรงโค้งที่ติดตั้งบนขอบตัวเรือน แบบหมุนได้ทิศทางเดียว เป็นการสลักด้วยเลเซอร์ก่อนจะเคลือบด้วยไทเทเนี่ยม จากนั้นจึงนำาวงแหวนเซรามิกทั้งชิ้นมาขัดให้เกิดความเงางาม
เรืองรองในความมืดด้วยสารเรืองแสง ซูเปอร์ลูมิโนว่า ที่เพ้นท์ด้วยมือเป็นเลขและสเกลเวลา และ ที่เคลือบเป็นจุดกลม ณ ตำาแหน่งนาทีที่ศูนย์บน วงนาทีและบนขอบตัวเรือน ร่วมด้วยแผ่นเรืองแสง AGT Ultra (Ambient Glow Technology) ที่ติดตั้งอยู่รอบๆ ชุดฟลายอิ้งตูร์บิยอง
HM7 Aquapod RG ตัวเรือนเร้ดโกลด์ ขอบตัวเรือนเซรามิกสีดำา ผลิตจำานวน 66 เรือน
โรเตอร์ดีไซน์ทรงก้านเขี้ยวสามมิติ สร้างขึ้นจาก บล็อกไทเทเนี่ยมทั้งชิ้น และมีชิ้นถ่วงน้ำาหนักเป็น แพลตินั่ม ติดตั้งอยู่ด้านใน
ความสมบูรณ์แห่งดีไซน์สุดล้ำาถูกเพิ่มพูนอารมณ์สไตล์นาฬิกาวอเตอร์สปอร์ต ด้วยวงขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ทิศทางเดียวที่มีลักษณะเป็นวงแหวนลอยตัวล้อมรอบ ตัวเรือนซึ่งงดงามด้วยการติดตั้งแผ่นวงแหวนเซรามิกทรงโค้งที่สลักสเกลนาทีด้วย เลเซอร์เอาไว้ นอกจากนี้ยังเปล่งแสงเรื่อเรืองในความมืดคล้ายกับแมงกะพรุนจากสีฟ้า ละมุนของสารเรืองแสง ซูเปอร์-ลูมิโนว่า ที่วาดเป็นเลขและสเกลชั่วโมงกับนาทีด้วยมือ กับทีเ่ คลือบเป็นจุดกลม ณ ตำาแหน่งนาทีทศ่ี นู ย์ทง้ั บนวงนาทีและบนขอบตัวเรือน และ ทีเ่ คลือบบริเวณโรเตอร์ ร่วมด้วยแผ่นเรืองแสง AGT Ultra (Ambient Glow Technology) 3 ชิ้น ที่ติดตั้งอยู่รอบๆ ชุดฟลายอิ้งตูร์บิยอง HM7 Aquapod เปิดตัวออกมาเมื่อต้นปี 2017 ด้วย 2 เอดิชั่น คือ เอดิชั่น ตัวเรือนไทเทเนีย่ มเกรด 5 ทีม่ ากับวงขอบตัวเรือนเซรามิกสีนาำ้ เงิน ผลิตจำานวน 33 เรือน และเอดิชน่ั ตัวเรือนเร้ดโกลด์ ทีม่ ากับวงขอบตัวเรือนเซรามิกสีดาำ ผลิตจำานวน 66 เรือน ทัง้ 2 เอดิชน่ั ล้วนติดตัง้ มากับสายยางสีดาำ คุณภาพสูงซึง่ ทำาจากวัสดุ ฟลูโอโรคาร์บอน เอฟเคเอ็ม 70 ชอร์ เอ อีลาสโตเมอร์ ซึ่งเป็นเกรดวัสดุที่ใช้กับเครื่องบิน พร้อมตัวล็อค แบบบานพับวัสดุเดียวกับตัวเรือน
กลไกอัตโนมัติ ความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง กำาลังสำารอง 72 ชั่วโมง แบบโครงสร้างสามมิติ ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วน 303 ชิ้น พัฒนาขึ้นแบบ อินเฮ้าส์ โดยทีมงานของ MB&F จุดเด่นของกลไก รุ่นนี้คือ ชุดตูร์บิยอง โรเตอร์ บาร์เรล ตลอดจน การเคลื่อนแสดงเวลานั้น มีแกนการเคลื่อนหมุน อยู่ที่จุดศูนย์กลางทั้งหมด และแยกการขึ้นลานกับ การปรับตัง้ เวลาออกจากกันโดยใช้เม็ดมะยมคนละชุด
HM8 ‘CAN-AM’
POWERING DOWN THE ROAD Horological Machine No8 ‘Can-Am’
HM8 Can-Am WT ตัวเรือนไวท์ โกลด์ สวมคู่สายหนังจระเข้สีน้ำาเงินมารีน
กระจกแซฟไฟร์ทรงปริซึม 2 ชิ้น สะท้อนตัวเลขเคลือบ สารเรืองแสง ซูเปอร์-ลูมิโนว่า จากแนวระนาบของจาน ดิสก์ชั่วโมงกับจานดิสก์นาทีสู่ภาพแนวตั้งพร้อมติดตั้ง เลนส์ขยายให้ตัวเลขมีขนาดใหญ่ขึ้นอีก 20% ให้อ่านค่า ผ่านกระจกแซฟไฟร์ทรงโค้งบริเวณด้านล่างของตัวเรือน ซึ่งเป็นตำาแหน่งที่อ่านค่าได้สะดวกในทุกสถานการณ์ โดย เฉพาะอย่างยิ่งยามที่มืออยู่บนพวงมาลัย
โรเตอร์ทองคำา 22 กะรัต ทรงขวานศึกเคลือบสีฟ้า แกว่งตัวอยู่เหนือตัวกลไกที่มีการขัดแต่งลายเซอร์คูล่าร์เวฟอย่างสวยงามชวนชม ท่อนไทเทเนี่ยมตันทรงโค้งสีเงินเงาวาว มีแรงบันดาลใจมาจากโรลล์บาร์ของรถแข่ง ตัวเรือนดีไซน์สามมิติ ขนาด 49 x 51.5 x 19 มม. ผนึกรอบด้านด้วยกระจกแซฟไฟร์ ที่เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนไว้ทั้ง 2 ด้าน
หมายเลข 8 จากคอลเลคชั่น Horological Machine รุ่นนี้ เป็นอีกรุน่ หนึง่ ที่ Maximilian Büsser นำาความหลงใหลในยานยนต์ตง้ั แต่ ครัง้ ยังวัยเยาว์มาเป็นคอนเซ็ปต์ในการสร้างสรรค์ โดยหนนีเ้ ขาเอาดีไซน์ ของรถแข่งทรงพลังจากตำานานการแข่งขันรถยนต์ซูเปอร์คาร์รายการ แคน-แอม ทีม่ กี ารจัดขึน้ ในแคนาดาและสหรัฐฯ เมือ่ ช่วงปี 1966-1987 มาตีความเป็นเรือนนาฬิกาสุดล้ำาด้วยรูปทรงที่เพียบไปด้วยเหลี่ยมมุม ร่วมกับเส้นสายที่โค้งมนและประสานเข้ากับรูปแบบการแสดงเวลาที่ สะท้อนภาพตัวเลขเวลาบนจานชัว่ โมงกับจานนาทีดว้ ยแท่งปริซมึ ซึง่ ก็ เป็นลักษณะการแสดงเวลารูปแบบเดียวกับรุ่น HM5 กับ HMX นั่นเอง หากแต่ใน HM8 นี้ ตัวกลไกอัตโนมัตไิ ด้ถกู พลิกสลับด้านให้ฝง่ั ของโรเตอร์ ขึ้นมาอวดโฉมผ่านกระจกแซฟไฟร์อยู่ทางด้านบนและเลือกใช้รูปทรง เป็นขวานศึกซึ่งเป็นอีกเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ MB&F
HM8 Can-AM RT ตัวเรือนเร้ดโกลด์ สวมคู่สายหนังจระเข้สีน้ำาตาลเข้ม
กลไกอัตโนมัติ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำาลังสำารอง 42 ชัว่ โมง ทีใ่ ช้กบั รุน่ นี้ เป็นกลไกคุณภาพเยีย่ มของ Girard-Perregaux ทีน่ าำ โมดูลการแสดงผลซึง่ MB&F เป็นผูอ้ อกแบบและพัฒนาขึน้ มาติดตัง้ เข้าไป โดยตัวจานชั่วโมงจะเป็นการขยับเคลื่อนแบบจัมปิ้ง ทั้งยังมีการ ออกแบบรายละเอียดการตกแต่งกลไกให้เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ของ นาฬิกาด้วย โดยเห็นได้ชดั เจนจากชิน้ ฝาครอบกลไกทีเ่ ผยสูส่ ายตาผ่าน บานกระจกแซฟไฟร์คบู่ นฝาหลังไทเทเนีย่ มซึง่ ดีไซน์ให้คล้ายกับฝาครอบ ของเครื่องยนต์แบบสูบวี HM8 Can-Am เปิดตัวมาพร้อมกันในช่วงปลายปี 2016 ด้วย 2 เอดิชั่น คือ เอดิชั่นตัวเรือนไวท์โกลด์ กับเอดิชั่นตัวเรือนเร้ดโกลด์ ทัง้ 2 เอดิชน่ั จับคูม่ ากับสายหนังจระเข้พร้อมตัวล็อคแบบบานพับวัสดุ เดียวกับตัวเรือน
LM1 ‘FINAL EDITION’ LM1 ลำาดับแรกของคอลเลคชั่น Legacy Machine บุกเบิกรูปแบบใหม่ให้กับแบรนด์ MB&F ด้วยคอนเซ็ปต์ นาฬิกาเรือนกลมสไตล์คลาสสิกผนึกกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ ทรงโดมโค้งนูนเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน พร้อมตกแต่งกลไกด้วยมืออย่างพิถีพิถันตามแบบฉบับ ประเพณีการผลิตนาฬิกาสวิสอันเก่าแก่แต่แฝงไปด้วย ความล้าำ ของดีไซน์
นอกจากตัวเรือนขนาด 44 มม. หนา 16 มม. ของ LM1 ‘Final Edition’ จะสร้างขึ้นจากวัสดุสตีลและสวมคู่มากับ สายหนังจระเข้สีน้ำาตาลเข้มพร้อมตัวล็อควัสดุสตีลแล้ว ยังแตกต่างจาก LM1 เอดิชั่นอื่นใดด้วยการใช้แผ่นเพลท กลไกสีนา้ำ ตาลช็อคโกแลตเข้ม และเปลี่ยนมาใช้ท่อนบริดจ์ของ บาลานซ์เป็นรูปทรงโค้งแบบเรียวลู่ในลักษณะเดียวกับ รุ่น LM101, LM Perpetual และ LM2 ไทเทเนี่ยม
6 ปีผ่านไป นับจากการเปิดตัว LM1 นาฬิกาลำาดับแรกของ ซีรี่ส์ Legacy Machine เมื่อปี 2011 มาถึงปีนี้ทาง MB&F ก็ตัดสินใจ ว่าถึงเวลาอันสมควรที่จะอำาลานาฬิการุ่นนี้กันแล้ว โดย MB&F เลือกที่ จะทำาเซอร์ไพรส์วงการด้วยการใช้ตัวเรือนวัสดุสตีลกับนาฬิกาเอดิช่นั สุดท้ายของรุ่นนี้ โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้จุดสนใจของเอดิชั่นนี้ มาอยู่ที่ความงดงามของกลไกมากกว่าวัสดุมากมูลค่าของตัวเรือน ด้วยเหตุน้ี กลไกของ LM1 ‘Final Edition’ จึงได้รบั การตกแต่ง มาอย่างน่าสนใจและมีบุคลิกเฉพาะตัวที่แตกต่างไปจากเอดิชั่นอื่นๆ เริ่มด้วยการใช้แผ่นเพลทกลไกสีน้ำาตาลช็อคโกแลตโทนเข้มขัดลาย ทีช่ ว่ ยเสริมความเด่นให้กบั วงหน้าปัดแล็กเกอร์สขี าวพร้อมเข็มสีนาำ้ เงิน ชุดบาลานซ์ และแท่งแขนแสดงกำาลังสำารองสีนาำ้ เงิน ได้อย่างยอดเยีย่ ม อีกทั้งยังได้เปลี่ยนมาใช้ท่อนบริดจ์ของบาลานซ์เป็นรูปทรงโค้งแบบ
CONTEMPORARY OBJETS D’ART
Legacy Machine No1 ‘Final Edition’
กลไกไขลาน ความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง กำาลังสำารอง 45 ชัว่ โมง ของ LM1 เป็นผลงานที่ JeanFrançois Mojon แห่ง Chronode พัฒนาให้กบั MB&F โดยเฉพาะ ขณะทีด่ ีไซน์ของบริดจ์และรูปแบบการตกแต่ง กลไกเป็นผลงานการออกแบบของสุดยอดช่างนาฬิกา Kari Voutilainen
สามฟีเจอร์อันโดดเด่นของ LM1 ได้แก่ 1) บาลานซ์วีลขนาดใหญ่ถึง 14 มม. ที่แขวนลอยอยู่ เหนือกลไกและหน้าปัดซึ่งยึดด้วยท่อนบริดจ์ทรงโค้ง 2) การแสดงเวลาแบบดูอัลไทม์ 2 ไทม์โซน ด้วยเข็มชั่วโมงกับนาทีบนหน้าปัดขนาดเล็ก 2 ชุด ที่สามารถปรับตั้งแยกกันโดยอิสระด้วยเม็ดมะยม คนละชุด โดยขับเคลื่อนด้วยกลไกเพียงชุดเดียว 3) การแสดงกำาลังสำารองด้วยแท่งแขนที่ขยับเคลื่อน ตามแนวโค้งดิ่ง
เรียวลู่ในลักษณะเดียวกับของรุ่น LM101, LM Perpetual และเอดิชั่น ไทเทเนี่ยมของรุ่น LM2 เพื่อเป็นการสื่อถึงวิวัฒนาการและการเติบโต ของซีรส่ี ์ Legacy Machine และเพือ่ ให้นาฬิกา Final Edition นีม้ คี วาม พิเศษอย่างที่สุด จำานวนการผลิตจึงถูกจำากัดเอาไว้เพียงแค่ 18 เรือน เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าเอดิชั่นแพลตินั่ม เร้ดโกลด์ และไวท์โกลด์ ที่ผลิต ออกมาก่อนหน้านี้ การยุติการผลิตนาฬิกาแต่ละรุ่นของ MB&F ถือเป็นหลักการ สำาคัญของแบรนด์ และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กระตุ้นให้ MB&F ทำาการ สร้างสรรค์ผลงานรุน่ ใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนือ่ ง เพราะพวกเขาเชือ่ ว่า การยึดติดกับความสำาเร็จเดิมๆ และการผลิตแต่รนุ่ เดิมๆ นัน้ เป็นการ จำากัดอิสระทางความคิดในการสร้างสรรค์พัฒนาสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา
LM2 ‘TITANIUM’
MB&F
33
Legacy Machine No2 ‘Titanium’
ฟีเจอร์เด่นของ LM2 คือ การใช้ชดุ บาลานซ์ 2 ชุด แขวนลอยอยูเ่ หนือกลไกและหน้าปัด ซึง่ ยึดด้วยท่อนบริดจ์ทรงโค้ง ร่วมด้วยเรกูเลเตอร์ 2 ชุด โดยมีดฟ ิ เฟอเรนเชียลทีอ่ ยู่ ณ ตำาแหน่ง 6 นาฬิกา ทำาหน้าทีร่ บั และเฉลีย่ อัตราการทำางานของเรกูเลเตอร์ทง้ั สอง ถ่ายทอดไปยังเกียร์เทรน เพือ่ ให้ได้อตั ราความถี่ในการทำางานทีถ่ กู ต้องทีส่ ดุ และในทาง กลับกัน ดิฟเฟอเรนเชียลนีย้ งั ทำาหน้าทีส่ ง่ กำาลังขับเคลือ่ นไปยังเรกูเลเตอร์ทง้ั 2 ชุดด้วย แรงบันดาลใจในการสร้างกลไกทีม่ บี าลานซ์และเรกูเลเตอร์ 2 ชุดนี้ มาจากรูปแบบกลไกที่ ปรมาจารย์แห่งช่างนาฬิกาสมัยศตวรรษที่ 18 อันได้แก่ Ferdinand Berthoud, Antide Janvier และ Abraham-Louis Breguet ต่างเคยสร้างขึน้ มา
ตัวเรือนไทเทเนี่ยมเกรด 5 ของ LM2 เอดิชั่น TI มีขนาดเล็กกว่า LM2 เอดิชั่นอื่นๆ 1 มม. อันเนื่องมาจาก ขอบตัวเรือนดีไซน์ ใหม่ที่เล็กลงแต่เต็มนูนขึ้นและขัดเป็น เงาวาว กลมกลืนกับกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโดม ที่เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนเอาไว้ทั้ง 2 ด้านเป็นที่สุด
LM 2 TI เอดิชั่นไทเทเนี่ยม ใช้แผ่นเพลทด้านหน้าที่เคลือบเป็นสีเขียวด้วยกรรมวิธี พีอี-ซีวีดี ซึ่งทำาให้เกิดประกายเป็นโทนสีเขียวเหลือบสีนา้ำ เงินยามต้องแสง ขับเน้นความ โดดเด่นให้กบั หน้าปัดแล็กเกอร์สขี าวทีแ่ สดงเวลาด้วยเข็มทองคำาทำาสีนาำ้ เงินได้เป็นอย่างดี
หลังจากเปิดตัว LM2 นาฬิกาลำาดับที่สองจากคอลเลคชั่น Legacy Machine ด้วยเอดิชน่ั ตัวเรือนเร้ดโกลด์ ไวท์โกลด์ และแพลตินม่ั ออกมาตัง้ แต่ ปี 2013 ล่าสุดในปี 2017 MB&F ก็ได้ปล่อยเอดิชั่นตัวเรือนไทเทเนี่ยม LM2 TI มาสมทบ โดยเลือกนำาสีเขียวมาเคลือบบนแผ่นเพลททางด้านหน้า เพื่อสร้าง ความแปลกใหม่และแตกต่างจากเอดิชั่นอื่นๆ ทั้งยังนำาท่อนบริดจ์ของบาลานซ์ ที่เป็นรูปทรงโค้งเรียวลู่ในลักษณะเดียวกับรุ่น LM101, LM Perpetual และ LM1 ‘Final Edition’ มาเปลี่ยนแทนทรงเน้นเหลี่ยมสันแบบ LM2 เอดิชั่นอื่นๆ อีกด้วย เท่านัน้ ยังไม่พอ ยังมีการปรับรูปทรงของขอบตัวเรือนจากแบบเว้าให้นนู เต็มขึ้นและมีขนาดที่เล็กลงพร้อมเปลี่ยนจากผิวด้านขัดลายมาเป็นการขัดเงา ซึง่ ขอบตัวเรือนใหม่นก้ี ท็ าำ ให้ตวั เรือนมีความหนาลดลงไป 1 มม. คือจาก 20 มม. เป็น 19 มม. ในขณะที่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยังคงเท่าเดิมคือ 44 มม. โดย จะติดตั้งมาพร้อมกับสายหนังจระเข้สีดำาพร้อมตัวล็อควัสดุไทเทเนี่ยม LM2 TI เอดิชั่นไทเทเนี่ยม ผลิตขึ้นแบบจำานวนจำากัดเพียงแค่ 18 เรือน เท่ากับจำานวนการผลิตของเอดิชั่นแพลตินั่ม
กลไกไขลาน ความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง กำาลังสำารอง 45 ชั่วโมง ของ LM2 เป็นผลงานที่ Jean-François Mojon แห่ง Chronode พัฒนาให้กับ MB&F โดยเฉพาะ ขณะที่ ดีไซน์ของบริดจ์และรูปแบบการตกแต่งกลไกเป็นผลงาน ออกแบบของสุดยอดช่างนาฬิกา Kari Voutilainen
DESTINATION MOON
Black Edition ขาตั้งยานเคลือบพีวีดีสีดำา
Blue Edition ขาตั้งยานเคลือบพีวีดีสีน้ำาเงิน
แม้ยานอวกาศรูปทรงจรวดตอร์ปิโดจากจินตนาการในนิยาย วิทยาศาสตร์สมัยยุคทศวรรษที่ 1960 จะไม่ตรงกับลักษณะของยานอวกาศ ทีม่ นุษย์สร้างขึน้ ใช้จริงเป๊ะๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันมีสว่ นอย่างยิง่ ในการ สร้างแรงบันดาลใจให้กับมนุษย์ และด้วยความประทับใจในจินตนาการนี้ MB&F จึงได้คิดสร้างนาฬิกาคล็อกตั้งโต๊ะในรูปแบบยานจรวดเช่นนี้ขึ้นมา โดยตั้งชื่อว่า Destination Moon ด้วยความร่วมมืออย่างเต็มที่จาก L’Epée 1839 ผู้ผลิตนาฬิกา คล็อกระดับสูงรายเก่าแก่ของสวิส กลไกจักรกลกำาลังสำารอง 8 วัน จึงถูก ออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อประกอบเข้ากับโครงของยานจรวดตอร์ปิโด อย่างสวยงามกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว โดยตัวกลไกถูกติดตั้งไว้ภายในส่วน กลางของตัวจรวดดุจเป็นเครือ่ งยนต์ในการขับเคลือ่ น ขณะทีก่ ารแสดงเวลา นัน้ ออกแบบให้แสดงด้วยตัวเลขชัว่ โมงกับนาทีสขี าวบนวงแหวนสตีลเคลือบ สีดาำ ขนาดใหญ่ 2 ชุด วางซ้อนกันให้อา่ นค่าได้ชดั เจนจากตำาแหน่งทีต่ ดิ ตัง้ ชิ้นพ้อยเตอร์สีเงินเอาไว้ โดยปรับตั้งเวลาได้จากลูกบิดที่อยู่ด้านบนของ ตัวกลไก ขณะทีก่ ารขึน้ ลานจะกระทำาด้วยการหมุนวีลขนาดใหญ่ซง่ึ ออกแบบ ให้เป็นลักษณะฐานจรวด โดยตัวกลไกและวงแหวนแสดงเวลานั้นจะถูก ปกป้องไว้ด้วยกระจกมิเนอรัลกลาส ขนาดของ Destination Moon มากับมิติความสูง 41.4 ซม. และเส้นผ่านศูนย์กลาง 23.3 ซม. ส่วนน้าำ หนักจะอยู่ที่ประมาณ 4 กก. โดยตั้งวางอย่างมั่นคงด้วยขาตั้งยานวัสดุทองเหลืองแท่งตันขัดเงา 3 แท่ง ขณะที่เฟรมของตัวจรวดจะเป็นวัสดุสตีลขัดซาติน และมีลูกเล่นชวนชม ด้วยหุ่นจำาลองมนุษย์อวกาศยุค 1960 ที่ทำาจากสเตอร์ลิงซิลเวอร์ขัดเงา และสวมหมวกทีท่ าำ จากสตีล พร้อมติดตัง้ แม่เหล็กเพือ่ ให้สามารถติดเข้ากับ แกนท่อของวีลขึ้นลานซึ่งทำาเป็นลักษณะของบันไดสำาหรับปีนขึ้นยานได้ โดยทาง MB&F ตั้งชื่อหุ่นตัวนี้ว่า “นีล”
Green Edition ขาตั้งยานเคลือบพีวีดีสีเขียว
SPACE ISN’T EMPTY, IT’S FILLED BY IMAGINATION! Co-Creations by MB&F
กลไกไขลาน ความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง กำาลังสำารอง 8 วัน สร้างขึ้นจากวัสดุทองเหลือง เคลือบพัลลาเดียม สตีล และสตีลเคลือบนิกเกิ้ล ที่ได้รับการขัดแต่งและตกแต่งอย่างพิถีพิถัน
Palladium Edition ขาตั้งยานเคลือบพัลลาเดียม มอบความงดงามด้วยผิวสีเงินเหลือบ
Destination Moon เปิดตัวมาในปี 2017 พร้อมกัน 4 เอดิชั่น โดยความแตกต่าง ของแต่ละเอดิชน่ั อยูท่ ส่ี ขี องขาตัง้ ยาน ผลิตขึน้ แบบจำานวนจำากัดเพียงเอดิชน่ั ละ 50 เรือน เท่านัน้
ตัวแทนจำ�หน่�ย MB&F ในประเทศไทย พีเอ็มที เดอะ อ�วร์ กล�ส ส�ข� เกษร โทร. 02 656 1212 ส�ข� สย�มพ�ร�กอน โทร. 02 129 4777
1925 - 2017
THE FIRST TO THE LATEST
PATEK PHILIPPE’S PERPETUAL CALENDAR FOR THE WRIST ถ้าเอ่ยถึงนาฬิกากลไกจักรกลฟังก์ชั่น เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ ขึ้นมา ผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับนาฬิกาก็คงพอทราบ กันดีอยู่แล้วว่าเป็นนาฬิการะดับสูงที่ใช้กลไกซึ่งมีความสลับซับซ้อนของชิ้นส่วนจักรกลและรูปแบบการทำางานจนสามารถ คำานวณและแสดงค่าปฏิทินซึ่งมักประกอบด้วย วันที่ วัน เดือน ลีพเยียร์ และมูนเฟส ให้ทราบได้บนหน้าปัด อันเป็นการ แสดงค่าอย่างถูกต้องแม่นยำาอยูเ่ สมอ โดยไม่ตอ้ งกระทำาการปรับตัง้ ใดๆ เป็นเวลายาวนานเกินเวลาชีวติ ของเจ้าของ ตราบใด ที่ไม่ปล่อยให้ลานหมดจนกลไกหยุดทำางาน เพราะกว่ามันจะต้องการให้ทำาการปรับตั้งวันที่ก็ต่อเมื่อเข้าสู่ปี 2100 นั่นเลย ซึ่งแบรนด์นาฬิกาผู้สร้างชื่อเสียงในด้านการผลิตนาฬิกาข้อมือฟังก์ชั่นนี้มาอย่างยาวนานและถือเป็นแบรนด์แรกที่ผลิตขึ้นมา ก็คือ Patek Philippe นั่นเอง IAMWATCH ฉบับนี้จึงได้นาำ เรื่องราวของนาฬิกาข้อมือ เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ ของ แบรนด์นี้มาไล่เรียงให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบกันครับ WRITER: VIRACHARN TERMPIPATPONG
1925
Patek Philippe No. 97 975 นาฬิกาข้อมือเรือนทอง กลไก เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ แบบ แรกของ Patek Philippe ผลิต ขึน้ ในปี 1925 ทำางานด้วยกลไก 12’’’ แสดงค่าต่างๆ บนหน้าปัด อีนาเมลสีขาว ถือเป็นนาฬิกา ข้อมือ เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ปัจจุบันถูก เก็บรักษาไว้ ในพิพิธภัณฑ์ของ Patek Philippe ที่กรุงเจนีวา
1942
Ref. 1526 นาฬิกาข้อมือ เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ รุ่นแรกที่ Patek Philippe ผลิตขึ้นแบบเป็นซีรี่ส์ (ผลิตขึ้นในช่วงปี 1942-1948) และเป็นรุ่นแรกที่นำารูปแบบการ แสดงค่าวันกับเดือนผ่านทาง ช่องหน้าต่างมาใช้ ผลิตขึ้นใน ตัวเรือนทองคำาขนาด 34 มม. ทำางานด้วยกลไก 12-120 QP
1962
Ref. 3448 นาฬิกา เพอร์เพทชวล คาเลน ดาร์ รุ่นแรกที่ Patek Philippe นำากลไกแบบขึ้นลานอัตโนมัติ มาใช้ ตัวเรือนเป็นทองคำา ขนาด 37.5 มม. ทำางานด้วยกลไก 27460 Q ตัวโรเตอร์เป็นทองคำา 18 เค ใช้บาลานซ์ แบบไจโรแม็กซ์ เริ่มผลิตขึ้นในราวปี 1962
1993
Ref.5050 นาฬิกา เพอร์เพทชวล คาเลน ดาร์ ซีรส่ี แ์ รกที่ Patek Philippe นำารูปแบบการแสดงวันที่ด้วย เข็มแบบเรโทรเกรด มาใช้ เริ่ม ผลิตขึน้ ในราวปี 1993 วางกลไก 315 S QR ในตัวเรือนทองคำา ขนาด 35.4 มม.
2007
Ref. 5159 ใช้ตัวเรือนขนาดใหญ่ 38 มม. ทำางานด้วยกลไก 315 S QR
ภูมปิ ญั ญาของนักประดิษฐ์นาฬิกาในอดีตนัน้ มีความมหัศจรรย์ และน่านับถือเป็นอย่างยิง่ ด้วยความทีก่ ลไกนาฬิการูปแบบต่างๆ ทีพ่ วก เขาคิดค้นและสร้างขึน้ มานัน้ เกิดขึน้ ในวันทีไ่ ร้ซง่ึ คอมพิวเตอร์ชว่ ยคำานวณ ทัง้ ยังปราศจากความทันสมัย ความสะดวก และความแม่นยำาของเครือ่ ง มือเครื่องจักร ทั้งยังมีข้อจำากัดด้านคุณภาพของวัสดุ ยิ่งกลไกมีความ ซับซ้อนและละเอียดอ่อนมากเท่าใด ก็ยิ่งทำาให้เกิดความรู้สึกทึ่งในความ สามารถของพวกเขาเหล่านัน้ มากขึน้ เป็นทวีคณู สิง่ เหล่านีเ้ องเป็นเสน่ห์ สำาคัญซึง่ ทำาให้ผคู้ นจำานวนมากต่างหลงใหลในนาฬิกาจักรกลอันเป็นมรดก แห่งภูมิปัญญาของบรรพชนแห่งศาสตร์แขนงนี้ บริษทั เก่าแก่อายุเกือบ 180 ปี อย่าง Patek Philippe เป็นทีร่ จู้ กั กันดีในฐานะผูผ้ ลิตนาฬิการะดับสูงซึง่ ทำาการผลิตตัง้ แต่นาฬิกาแบบฟังก์ชน่ั พืน้ ฐานไปจนถึงนาฬิกาทีม่ คี วามซับซ้อนสูงในหลากหลายระดับขัน้ โดย ได้รบั การยอมรับนับถือและความนิยมจนกลายเป็นอีกสัญลักษณ์แห่งวัตถุ ชั้นสูงของโลกที่สูงทั้งด้านคุณค่าและมูลค่า และเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่ หลายมาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว ความสำาเร็จของผูผ้ ลิตรายนีเ้ กิดขึน้ ได้ เพราะความเพียบพร้อมขององค์กรในทุกด้าน ตัง้ แต่การคิดค้น การพัฒนา การผลิต การบริหาร ไปจนถึงการประชาสัมพันธ์ การตลาด การขาย และการให้บริการหลังการขาย ซึง่ ในด้านการคิดค้นพัฒนาและการผลิต
2011
Ref. 5496 ใช้ ตั ว เรื อ นที่ ข ยายขนาดเป็ น 39.5 มม. ทำางานด้วยกลไก 315 S QR
2012
Ref. 5940 ใช้ตัวเรือนรูปทรงคูชั่น ขนาด 37 x 44.6 มม. ทำางานด้วยกลไก 240 Q แสดงค่าปฏิทนิ ด้วยเข็ม
2012
Ref. 7140 นาฬิกา เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ สำาหรับ คุณผู้หญิง รุ่นแรกของ Patek Philippe ใช้ตวั เรือนขนาด 35.1 มม. ทีม่ เี พชรประดับ บนขอบตัวเรือน ใช้กลไก 240 Q
นั้น ต้องบอกว่า Patek Philippe เป็นผู้นำาในการสร้างสิ่งพิเศษเหล่านี้ ให้กบั วงการอย่างต่อเนือ่ งตัง้ แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั และนาฬิกาข้อมือ กลไก เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ ก็คืออีกตัวอย่างหนึ่งที่ Patek Philippe ได้ สร้างสรรค์และผลิตขึน้ มาตัง้ แต่เมือ่ กว่า 90 ปีกอ่ น ซึง่ นาฬิกาเรือนนัน้ ก็ถอื เป็นนาฬิกาข้อมือ ฟังก์ชน่ั เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ ทีเ่ ก่าแก่ทส่ี ดุ ในโลก ค.ศ. 1925 คือปีที่ Patek Philippe ผลิตนาฬิกาข้อมือ เพอร์ เพทชวล คาเลนดาร์ แบบแรกของตนและเป็นแบบแรกของโลกขึ้นมา โดยมาในตัวเรือนทองคำาทีม่ าพร้อมความสวยงามลงตัวขององค์ประกอบ บนหน้าปัดซึ่งรวมถึงลักษณะอันสมดุลย์ของวงหน้าปัดขนาดเล็กทั้งสี่ ทีท่ าำ หน้าทีแ่ สดงปฏิทนิ และมูนเฟส นับจากนัน้ เป็นต้นมา Patek Philippe ก็ดาำ เนินการพัฒนาและผลิตนาฬิกาฟังก์ชน่ั นีอ้ อกมาอย่างต่อเนือ่ งรุน่ แล้ว รุน่ เล่า ตัง้ แต่ในยุคเริม่ แรกทีเ่ ป็นการผลิตในแบบเรือนพิเศษเป็นเรือนๆ ไป จนกระทั่งบรรจุนาฬิกาฟังก์ชั่นนี้เข้ามาเป็นคอลเลคชั่นประจำา เริ่มจาก Ref. 1526 ในปี 1942 เกียรติประวัติเหล่านี้ทาำ ให้นาฬิกา เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ กลายเป็นหนึง่ ในรูปแบบนาฬิการะดับสูงของ Patek Philippe ทีค่ นรักนาฬิกาทัว่ โลกถวิลหาอย่างทีส่ ดุ มาจนถึงทุกวันนี้ โดยทางแบรนด์ ได้จดั หมวดหมูน่ าฬิกา เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ ให้อยูใ่ นระดับ แกรนด์ คอมพลิเคชั่น ซึ่งหมายถึงการเป็นนาฬิการะดับความซับซ้อนสูง นั่นเอง
2013
Ref. 5160 ใช้ตัวเรือนขนาด 38 มม. ที่มี การสลักลวดลายอันวิจิตรลง บนตัวเรือน ทำางานด้วยกลไก 315 S QR
2016
Ref. 5327 วางกลไก 240 Q ในตัวเรือน ดีไซน์ใหม่ ที่ขยายขนาดมาเป็น 39 มม. โดยมีส่วนเว้าโค้งสวย งามที่บริเวณด้านข้างของขา ตัวเรือนคล้ายกับตัวเรือนของ รุน่ Calatrava และใช้หน้าปัดทีม่ ี การออกแบบรายละเอียดใหม่
2017
Ref. 5320 นาฬิกา เพอร์เพทชวล คาเลน ดาร์ รุ่นใหม่ล่าสุดในดีไซน์แบบ วินเทจร่วมสมัย ออกแบบขึ้น ใหม่หมดทัง้ ตัวเรือนและหน้าปัด โดยอิงรูปแบบมาจากนาฬิกา รุ่นสำาคัญในอดีตของแบรนด์ ทำางานด้วยกลไก 324 S Q ซึ่ง จัดรูปแบบการแสดงวัน เดือน ลีพเยียร์ และกลางวัน/กลางคืน ผ่านทางช่องหน้าต่าง
มาในปีน้ี ทีง่ านบาเซิลเวิลด์ 2017 นอกจากทาง Patek Philippe จะเปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ๆ ของนาฬิกา เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ รุ่นที่มี จำาหน่ายอยูอ่ ย่าง Ref. 5940 ด้วย 5940R-001 ตัวเรือนโรสโกลด์ หน้าปัด สีเงิน และ Ref. 7140 ด้วย 7140G-001 ตัวเรือนไวท์โกลด์ หน้าปัดสีเงิน ออกมาเพิม่ เติมแล้ว ยังได้เปิดตัวนาฬิกา เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ รุน่ ใหม่ ออกมาสู่ตลาดด้วย โดยตั้งชื่อรหัสประจำาตัวว่า Ref. 5320 ซึ่งเป็นการ ดีไซน์รูปแบบขึ้นมาใหม่ด้วยความตั้งใจที่จะหลอมรวมเอาลักษณะของ นาฬิการุ่นต่างๆ ของตน ทั้งในอดีตสมัยยุคทศวรรษที่ 1940 กับ 1950 รุน่ ต่างๆ ในสมัยปัจจุบนั และทิศทางทีต่ อ้ งการให้เป็นในอนาคต เข้าไว้ ด้วยกัน ซึง่ Reference แรกทีเ่ ปิดตัวออกมาก็คอื 5320G-001 ตัวเรือน ไวท์โกลด์ 18 เค หน้าปัดแล็กเกอร์สีครีม หน้าปัดของ Ref. 5320 เป็นการนำารูปแบบตำาแหน่งการแสดงค่า ต่างๆ อันได้แก่ การวางช่องหน้าต่างแสดงวันคูก่ บั ช่องหน้าต่างแสดงเดือน ณ 12 นาฬิกา และวางการแสดงวันที่ด้วยเข็มไว้บนหน้าปัดขนาดเล็ก ณ ตำาแหน่ง 6 นาฬิกา พร้อมช่องหน้าต่างแสดงมูนเฟส มาจาก Ref. 1526 สมัยปี 1942 ทัง้ ยังเพิม่ เติมประโยชน์ในการอ่านค่าด้วยช่องหน้าต่างขนาด เล็กทรงกลมสำาหรับแสดงสัญลักษณ์สที บ่ี อกถึง กลางวัน/กลางคืน ซึง่ อยู่ ระหว่างตำาแหน่ง 7 กับ 8 นาฬิกา และช่องหน้าต่างขนาดเล็กทรงกลม สำาหรับใช้แสดงตัวเลขลีพเยียร์ ณ ตำาแหน่งระหว่าง 4 กับ 5 นาฬิกา ขณะทีห่ ลักชัว่ โมงจะใช้เป็นชิน้ เลขอารบิกทองคำารมดำาร่วมด้วยชิน้ จุดกลม พร้อมเคลือบสารเรืองแสง ซูเปอร์ ลูมโิ นว่า ส่วนเข็มทีใ่ ช้จะเป็นเข็มทองคำา 18 เค รมดำา ทรงบาตองปลายแหลมพร้อมเคลือบสารเรืองแสง ซูเปอร์
ลูมโิ นว่า ซึง่ นำารูปแบบมาจากนาฬิกาโครโนกราฟ Ref. 1463 สมัยทศวรรษ ที่ 1950 กลไกทีใ่ ช้กบั Ref. 5320 เป็นกลไกอัตโนมัติ ฟังก์ชน่ั เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ Calibre 324 S Q ซึง่ อุดมพร้อมด้วยคุณสมบัตแิ ห่งกลไกชัน้ เลิศ ทัง้ ในด้านศาสตร์แห่งความเทีย่ งตรงแม่นยำาและในด้านความงดงามของ การตกแต่งตามมาตรฐานคุณภาพ Patek Philippe Seal อันแสนเข้มงวด โดยเปิดโอกาสให้ชื่นชมกลไกได้ผ่านทางกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลัง ตัวเรือนของ Ref. 5320 ถูกออกแบบมาในสไตล์วนิ เทจให้คล้าย กับรุน่ Ref. 2405 เมือ่ สมัยกว่า 60 ปีกอ่ น ซึง่ มีจดุ เด่นอยูท่ ด่ี ไี ซน์ขาตัวเรือน แบบสามชั้นลดหลั่นกัน ทั้งยังติดตั้งกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงกล่อง เพือ่ เสริมบุคลิกวินเทจให้เด่นชัดยิง่ ขึน้ โดยไม่ตอ้ งกลัวว่าจะเกิดรอยขีดข่วน เกิดความมัวหมอง หรือแตกบิ่นเสียหายได้ง่ายเหมือนกับกระจกเพล็กซิ กลาสในยุคอดีต นอกจากนีท้ าง Patek Philippe ยังมอบชิน้ ฝาหลังวัสดุ เดียวกับตัวเรือน ที่เป็นแบบแผ่นทึบมาเผื่อให้ติดตั้งใช้งานกันด้วย เชื่อแน่ว่าดีไซน์ที่ทาง Patek Philippe เรียกว่าสไตล์วินเทจ ร่วมสมัยของนาฬิกา Ref. 5320 รุ่นนี้ จะต้องเป็นที่ถูกอกถูกใจคนรัก นาฬิกากันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะผูท้ ห่ี ลงใหลในความคลาสสิกงดงาม ของนาฬิกา Patek Philippe จากยุคอดีต ยิง่ เมือ่ บวกกับการเป็นนาฬิกา ฟังก์ชั่น เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติของ Patek Philippe มาตั้งแต่ปี 1925 ด้วยแล้ว Ref. 5320 จึงกลายเป็นหนึ่งใน นาฬิกา Patek Philippe ทีท่ ง้ั นักสะสมและคนรักนาฬิกาทัว่ โลกต้องการ มีไว้ในครอบครอง
กลไกอัตโนมัติ เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ ขึ้นลานด้วยโรเตอร์ ทองคำา 22 กะรัต ขนาดเล็ก Calibre 240 Q ความถี่ 21,600 ครัง้ ต่อชั่วโมง กำาลังสำารอง 38-48 ชั่วโมง บาลานซ์แบบ ไจโรแม็กซ์ บาลานซ์สปริง สไพโรแม็กซ์ รับรองคุณภาพมาตรฐาน Patek Philippe Seal แสดงค่าปฏิทินต่างๆ ด้วยเข็ม และแสดงมูนเฟส ผ่านช่องหน้าต่าง ที่ใช้กับ Ref. 5940R และ Ref. 7140G
Ref. 5940R-001 ตัวเรือนโรสโกลด์ 18 เค ขนาด 37 x 44.6 มม. ฝาหลังผนึกกระจกแซฟไฟร์ และ มีฝาหลังแบบแผ่นทึบให้ติดตั้งใช้งาน หน้าปัดสีเงิน ผิวเกรนด์ หลักชั่วโมงทองคำา เป็นเลขอารบิกทรงเบรเกต์ สวมคู่สายหนังจระเข้สีนา้ำ ตาลช็อกโกแลตผิวมันเงา เป็น Ref. 5940 เวอร์ชั่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาสมทบในปี 2017
Ref. 7140G-001 ตัวเรือนไวท์โกลด์ 18 เค ขนาด 35.1 มม. ประดับเพชร 68 เม็ด บนขอบตัวเรือน ฝาหลังผนึกกระจกแซฟไฟร์ และมีฝาหลังแบบแผ่นทึบให้ติดตั้งใช้งาน หน้าปัดสีเงิน ลายซันเบิร์สท์ ติดตั้งหลักชั่วโมงทองคำาเป็นเลขอารบิก สวมคู่สายหนังจระเข้ผิว มันเงาสีเทา พร้อมตัวล็อคประดับเพชร 27 เม็ด และมีสายหนังจระเข้ผวิ มันเงาสีเขียว เทอร์ควอยซ์มาให้สลับเปลี่ยนใช้งานอีกเส้นหนึ่ง เป็นนาฬิกาสำาหรับคุณผู้หญิง Ref. 7140 เวอร์ชั่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาสมทบในปี 2017
PATEK PHILIPPE
Ref. 5320G-001 CASE
ตัวเรือนไวท์โกลด์ 18 เค ขนาด 40 มม. หนา (กระจกหน้าปัด ถึงกระจกฝาหลัง) 11.13 มม. ออกแบบขึ้นใหม่ในสไตล์วินเทจ โดยเป็นการปรับรูปแบบมาจากตัวเรือนของนาฬิกา Ref. 2405 เมื่อสมัยกว่า 6 ทศวรรษก่อน มอบความโดดเด่นด้วยดีไซน์ ขาตัวเรือนแบบสามชัน้ และกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์แบบทรงกล่อง กลมกลืนกับตัวเรือนและมองเห็นรายละเอียดของหน้าปัด ได้ชัดเจนในทุกมุมมอง
DIAL
หน้าปัดทองเหลืองเคลือบแล็กเกอร์สีครีม พร้อมชิ้นหลักชั่วโมง เลขอารบิกวัสดุทองคำารมดำา ร่วมกับจุดกลม เคลือบสารเรืองแสง ซูเปอร์ลูมิโนว่า วางเลย์เอ้าท์การแสดงวันกับเดือนผ่านช่อง หน้าต่างคู่ และแสดงวันทีด่ ว้ ยเข็มบนหน้าปัดขนาดเล็กทีเ่ จาะช่อง สำาหรับแสดงมูนเฟสเอาไว้ ในลักษณะเดียวกับนาฬิกา Ref. 1526 สมัยปี 1942 และเสริมด้วยช่องหน้าต่างขนาดเล็กทรงกลมอีก 2 ตำาแหน่ง สำาหรับแสดงกลางวัน/กลางคืนและแสดงลีพเยียร์ ปรับตั้งค่าปฏิทินและมูนเฟสด้วยแป้นกด 4 ชุด กดปรับตั้งด้วย แท่งไม้เอโบนีตกแต่งไวท์โกลด์ 18 เค งามหรู ที่ให้มาในกล่องนาฬิกา
HAND
เข็มชั่วโมงกับเข็มนาทีเป็นทรงบาตองปลายแหลม ทำาจากทองคำา 18 เค รมดำา พร้อมเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่า ตาม รูปแบบนาฬิกาโครโนกราฟ Ref. 1463 สมัยทศวรรษที่ 1950
STRAP
สายหนังจระเข้ลายตารางใหญ่ โทนสีนา้ำ ตาลช็อกโกแลตผิวด้าน ตัดเย็บอย่างพิถพ ี ถิ นั ด้วยมือ ติดตัง้ มาพร้อมตัวล็อคแบบบานพับ ดีไซน์ คาลาทราว่า ครอส วัสดุไวท์โกลด์ 18 เค
MOVEMENT
กลไก Calibre 324 S Q เป็นการติดตั้งชุดกลไก เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ เข้ากับกลไกอัตโนมัติอินเฮ้าส์ ขึ้นลานด้วยโรเตอร์ ทองคำา 21 เค Calibre 324 กำาลังสำารอง 35-45 ชั่วโมง โดย อักษร S กับ Q ทีต่ อ่ ท้ายเข้าไปหมายถึง seconds (วินาที) กับ quantième perpetual (เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ ในภาษาฝรัง่ เศส) ชิ้นส่วนต่างๆ ของกลไก ได้รับการขัดแต่งและตกแต่ง อย่างประณีตงดงาม ตัวกลไกทำางานอย่างแม่นยำาด้วย บาลานซ์แบบ ไจโรแม็กซ์ ร่วมกับบาลานซ์สปริงแบบ สไพโรแม็กซ์ ที่ผลิตจากวัสดุไฮเทค ซิลินวาร์ ทำางานที่ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ซึ่งทำาให้มีระดับ ความคลาดเคลื่อนในการทำางานเพียงระหว่าง -3 กับ +2 วินาทีต่อวัน ได้รับการรับรองคุณภาพ ตามมาตรฐาน Patek Philippe Seal ที่ถือว่าเป็น มาตรฐานการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดที่สุด ในอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิส
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: บูติก Patek Philippe โดย TKI (ทีเคไอ) ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน โทร. 02 129 4884, ชั้น G อาคารเฮลิกซ์ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ โทร. 02 003 6038
39
ARE YOU READY FOR ADVENTURE? นาฬิกาสปอร์ตสไตล์แอดเวนเจอร์ คืออีกรูปแบบหนึง่ ของนาฬิกาทีไ่ ด้รบั ความนิยมอย่างสูง แต่ไม่ใช่วา่ นาฬิกาสไตล์นจ้ี ะเหมือนๆ กันไปทัง้ หมด เพราะมันยังถูกแบ่งประเภทตามระดับคุณสมบัตขิ องมันด้วย โดยมีตง้ั แต่ประเภททีแ่ อดเวนเจอร์เพียงแค่รปู ลักษณ์ ประเภทแอดเวนเจอร์ระดับพืน้ ฐาน ประเภทแอดเวนเจอร์แบบจริงจัง ไปจนถึงประเภทแอดเวนเจอร์สดุ ขัว้ ระดับโปรเฟสชัน่ แนล แบรนด์นาฬิกาชัน้ นำาของญีป่ นุ่ อย่าง Citizen ก็เป็นอีกแบรนด์หนึง่ ทีม่ ชี อ่ื เสียงในด้านการผลิตนาฬิกาประเภทแอดเวนเจอร์แบบ จริงจังไปจนถึงแบบสุดขัว้ มาให้กบั คนรักนาฬิกาและผูท้ จ่ี าำ เป็นต้องใช้งานนาฬิกาประเภทนีม้ าอย่างยาวนานเกือบ 3 ทศวรรษแล้ว ด้วยนาฬิกาตระกูล PROMASTER ทีถ่ อื กำาเนิดขึน้ มาครัง้ แรกเมือ่ ค.ศ. 1989 และพวกเขาก็ไม่เคยหยุดพัฒนาเทคโนโลยีในการ สร้างนาฬิกาสปอร์ตแอดเวนเจอร์ระดับมืออาชีพตระกูล PROMASTER ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อให้เป็นเพื่อนร่วมทางและเพื่อน ร่วมงานทีด่ ที ส่ี ดุ ของผูค้ รอบครอง เราจะมาอัพเดทเหล่านาฬิกาตระกูล PROMASTER รุน่ ใหม่ลา่ สุดให้ทกุ ท่านได้รจู้ กั กันครับ WRITER: VIRACHARN TERMPIPATPONG
BETTER STARTS NOW BETTER STARTS NOW หรือ เริม่ ตอนนีด้ กี ว่า คือปรัชญาความเชือ่ ของ Citizen ซึง่ ตัง้ อยูบ่ นพืน้ ฐานความเชือ่ ว่า ไม่วา่ คุณจะเป็นใคร และต้องการ ทำาอะไร หากเริ่มต้นตอนนี้ ทุกๆ อย่างก็ล้วนมีโอกาสพัฒนาให้ดีกว่าเดิมได้ ฉะนั้นจงเริ่มทำาตั้งแต่ตอนนี้เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าขึ้นมา ความเชื่ออัน แสนเรียบง่ายนี้ คือสิ่งที่ชาว Citizen ยึดมั่นและนำามาใช้ในการสร้างสรรค์ทุกๆ ผลงานของตนซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงนาฬิกาตระกูล PROMASTER ที่ ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นไอเท็มชิ้นสำาคัญของเหล่ามืออาชีพผู้ชื่นชอบการท้าทายขีดจำากัดของตัวเองด้วย
GO BEYOND with PROMASTER นอกจากความเชือ่ ในปรัชญา BETTER STARTS NOW แล้ว ยังมีอกี คอนเซ็ปต์หนึง่ ที่ Citizen ยึดถือในการสร้างสรรค์นาฬิกาแอดเวนเจอร์ระดับ มืออาชีพตระกูล PROMASTER นัน่ ก็คอื “GO BEYOND” ซึง่ หมายถึงการก้าวไปให้ไกลกว่าจินตนาการ อันได้แก่ การก้าวข้ามขีดจำากัดเพือ่ ไปเยือนทีท่ ่ี ไม่มใี ครเคยไปถึง เพือ่ ค้นพบความเป็นไปได้ในสิง่ ทีไ่ ม่มใี ครเคยทำามาก่อน และเพือ่ ก้าวไปสูโ่ ลกใหม่ทซ่ี ง่ึ กำาลังรอให้ได้คน้ พบคอนเซ็ปต์ GO BEYOND นี้ ได้ขยายกิง่ ก้านออกมาเป็นการก้าวไปให้ไกลกว่าเดิมในแขนงกิจกรรมแอดเวนเจอร์ดา้ นต่างๆ คือ “Go Higher” การปีนขึน้ สูย่ อดเขาอันสูงชันเพือ่ ขึน้ ไปยืน ให้ถงึ ระดับทีส่ งู สุดของโลกด้วยนาฬิกาซีรส่ี ์ Land, “Go Deeper” การดำาดิง่ สูใ่ ต้ทอ้ งทะเลลึกด้วยนาฬิกาซีรส่ี ์ Marine และ “Go Further” การเดินทางสู่ โลกกว้างเพือ่ ไปเยือนขอบฟ้าใหม่ทย่ี งั ไม่เคยไปถึงด้วยนาฬิกาซีรส่ี ์ Sky ซึง่ ไม่วา่ จะเป็น PROMASTER ประเภทใด ก็ลว้ นแต่ได้รบั การสร้างสรรค์ขน้ึ ด้วย เทคโนโลยีทก่ี า้ วล้าำ ทีส่ ดุ เพือ่ ให้มคี ณุ สมบัติ สมรรถนะ ความทนทาน และความปลอดภัยสูงสุด ให้เหมาะสำาหรับความเอ็กซ์ตรีมเต็มพิกดั ทัง้ ยังต้องมี ดีไซน์ที่สวยงามและใช้งานได้อย่างสะดวกง่ายดายเป็นที่สุดอีกด้วย กลไกรุ่นต่างๆ ที่ใช้กับเหล่านาฬิกาตระกูล PROMASTER ล้วนเป็นกลไกชนิด “อีโค-ไดรฟ์” (Eco“อีโค-ไดรฟ์” ทำ�ง�นอย่�งไร Drive) ซึง่ ทำางานด้วยพลังงานแสง เทคโนโลยีสทิ ธิบตั ร ของ Citizen ที่เป็นการนำาแสงอาทิตย์หรือแสงไฟมา เก็บเป็นพลังงานไว้ในเซลล์ ซึง่ เมือ่ ประจุจนเต็มเซลล์ แปลงแสงทุกชนิด กลไกจะทำางานอย่างต่อเนื่องได้เป็นเวลาหลายเดือน ที่ได้รับ ไปเป็นพลังงาน จนถึงนานเกินปีในบางรุ่น เทคโนโลยีนี้ทำาให้สามารถ พลังงานถูกกักเก็บในเซลล์พลังงาน ใช้งานนาฬิกาได้อย่างไร้กังวลเพราะไม่ต้องคอยมา ประจุพลังงานเพิ่มบ่อยๆ และปลอดซึ่งภาระในการ ส่งพลังงานสู่กลไก ให้ทำางานอย่างต่อเนื่อง ได้ยาวนานถึง 6 เดือนเป็นอย่างน้อยแม้เก็บ เปลี่ยนแบตเตอรี่ นาฬิกาไว้ ในความมืด
Go Higher ปีนให้สูงขึ้น ที่ที่แผ่นดินบรรจบกับฟากฟ้าบนยอดเขาสูง คือความงดงามที่นักผจญภัยใฝ่ฝันจะได้สัมผัส และปรารถนาที่จะปีนขึ้นสู่ยอดเขาที่สูงขึ้น เรื่อยๆ ไปจนถึงยอดเขาที่สูงที่สุดของโลก และ PROMASTER Eco-Drive ALTICHRON จากซีรี่ส์ Land ก็คือ นาฬิกาที่ออกแบบมาสำาหรับเป็น ทั้งเพื่อนและอุปกรณ์คู่กายสำาหรับการนี้โดยเฉพาะ โดยมาพร้อมกับฟังก์ชั่นอัลติมิเตอร์ ที่ตรวจวัดและแสดงระดับความสูงได้ถึง 10,000 เมตร เหนือระดับน้าำ ทะเล ซึ่งสูงกว่ายอดเขาใดๆ บนพื้นโลก พร้อมฟังก์ชั่นเข็มทิศ โดยสามารถทำางานได้อย่างแม่นยำาแม้อยู่ในอุณหภูมิต่ำาสุดๆ ถึง -20 องศาเซลเซียส จึงเป็นนาฬิกาที่สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจในทุกสภาวการณ์บนพื้นโลก เหมาะกับทั้งผู้รักการผจญภัยที่ชื่นชอบการปีนเขา และนักปีนเขาระดับอาชีพ
PROMASTER Eco-Drive ALTICHRON (รุ่น BN4044-15E) • • •
• • • • • • • • • • •
นาฬิกาสำาหรับผูร้ กั การผจญภัยแบบแอดเวนเจอร์ กลไก Calibre J280 ระบบพลังงานแสง “อีโค-ไดรฟ์” ทำางานต่อเนื่องได้ถึง 11 เดือน พร้อมฟังก์ชั่นวันที่ ฟังก์ชั่นอัลติมิเตอร์ วัดและแสดงระดับความสูงได้ตั้งแต่ -300 เมตร ใต้ระดับน้ำาทะเล ถึง 10,000 เมตร เหนือระดับ น้ำาทะเล โดยวัดและแสดงระดับความสูงปัจจุบันให้ทราบอย่าง ต่อเนือ่ งเป็นเวลา 5 นาที จากนัน้ จะวัดและแสดงค่าโดยอัตโนมัติ ในทุกๆ 3 นาที ไปจนถึง 12 ชั่วโมง ฟังก์ชั่นเข็มทิศอิเล็กทรอนิก ฟังก์ชั่นแสดงกำาลังสำารอง ควบคุมการทำางานของฟังก์ชั่นด้วยไมโครคอมพิวเตอร์ แสดงค่าต่างๆ ด้วยระบบเข็มอะนาล็อก อ่านค่าได้งา่ ยและชัดเจน ทำางานอย่างแม่นยำาแม้อยู่ในอุณหภูมิต่ำาถึงระดับ -20 องศา เซลเซียส ท่ามกลางแรงลมโหมกระหน่ำา ตัวเรือน สตีล ขนาด 46 มม.; ขอบตัวเรือนสีดาำ พร้อมสเกลทิศ กระจกหน้าปัดคริสตัล เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน กันน้ำาได้ถึง 200 เมตร หน้าปัดสีดำา; เข็มแสดงเวลาสีดำา-ขาว; เข็มฟังก์ชั่นสีดำา-แดง เคลือบสารเรืองแสงบนเข็มและหลักชั่วโมง สายโพลียูรีเทนสีดำา
Go Deeper ดำาดิ่งให้ลึกกว่าเดิม เพราะความลึกใต้ท้องทะเล ยังมีห้วงน้ำาที่ลึกกว่าให้ได้ค้นหาอยู่เสมอ Citizen จึงทำาการพัฒนานาฬิกาดำาน้ำาซีรี่ส์ Marine ขึ้นมาโดยมี ความสามารถในการดำาน้าำ ให้เลือกหลายระดับด้วยรูปแบบโครงสร้างและวัสดุทเ่ี หมาะสมทีส่ ดุ เพือ่ ให้นกั ดำาน้าำ และผูช้ น่ื ชอบนาฬิกาสไตล์แอดเวนเจอร์ ได้ใช้กัน ตั้งแต่รุ่นความลึกระดับมาตรฐาน 200 เมตร ไปจนถึงรุ่น “โปรเฟสชันแนล” สำาหรับมืออาชีพที่รับมือกับระดับความลึกได้ถึง 1,000 เมตร โดยในปัจจุบนั ทาง Citizen ก็ได้นาำ เทคโนโลยี “อีโค-ไดรฟ์ (Eco-Drive)” ประจุพลังงานด้วยแสง เข้ามาใช้กบั นาฬิกาดำาน้าำ ทัง้ 2 ระดับความลึกด้วย ซึ่งก็ทาำ ให้รุ่นระดับความลึก 1,000 เมตร ได้รับการบันทึกเป็นสถิติโลกไว้ว่า เป็นนาฬิกาดำาน้าำ พลังงานแสงแบบแรกของโลกที่สามารถกันน้าำ ได้ถึง ระดับ 1,000 เมตร*
PROMASTER Eco-Drive Professional Diver 1000m (รุ่น BN7020-09E)
• • • • •
• • • • • • •
นาฬิกาพลังงานแสงรุ่นแรกของโลก ที่สามารถดำาน้ำาได้ลึกถึง 1,000 เมตร* กลไก Calibre J210 ระบบพลังงานแสง “อีโค-ไดรฟ์” ทำางานต่อเนื่องได้ถึง 1.5 ปี ฟังก์ชั่นแสดงกำาลังสำารองด้วยเข็ม และแสดงวันที่ โครงสร้าง, เม็ดมะยมแบบล็อคเกลียว, กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสารป้องกัน แสงสะท้อน, ฮีเลียมเอสเคปวาล์วแบบ เปิด-ปิด อัตโนมัติตามแรงดันภายในตัวเรือน ออกแบบให้สามารถป้องกันน้าำ แรงดัน และแก๊สฮีเลียม ได้ถงึ ระดับความลึก 1,000 เมตร ผ่านการทดสอบการป้องกันแรงดันฮีเลียมในทุกสภาพนาฬิกา ทัง้ หลังจากประกอบเสร็จ, หลังจากผ่านการใช้งาน และหลังผ่านการตรวจซ่อมบำารุง โดยความร่วมมือของ JAMSTEC (หน่วยงานศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางน้ำา กระทรวงศึกษา วัฒนธรรม การกีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ของญี่ปุ่น) ตัวเรือนขนาด 52.5 มม. วัสดุ “ซูเปอร์ไทเทเนียม” (ไทเทเนียม เคลือบผิวชิ้นส่วนต่างๆ ของตัวเรือนด้วย “ดูราเท็คต์ เอ็มอาร์เค”, “ดูราเท็คต์ ดีแอลซี” และ “ดูราเท็คต์ ทีไอซี”) ประกอบด้วยมือ ดีไซน์ของนาฬิกาได้รับแรงบันดาลใจมาจากหอยมุกไฟ (Turban shell) ที่มีโครงสร้าง แข็งแกร่งดุจก้อนอิฐและมีความสวยงาม วงขอบตัวเรือนแบบหมุนทิศทางเดียวดีไซน์เอกลักษณ์เฉพาะตัว หมุนได้งา่ ยแม้สวมถุงมือ ระบบล็อควงขอบตัวเรือนเพื่อป้องกันการหมุนโดยไม่ตั้งใจ หน้าปัดสีดำา; เข็มชั่วโมงสีดำา-ขาว เข็มนาทีและเข็มวินาทีสีดำา-ส้ม เคลือบสารเรืองแสงบนเข็มและหลักชั่วโมง สายโพลียูรีเทนสีดำา
PROMASTER Eco-Drive Diver 200m (รุ่น BN0191-80L และรุ่น BN0190-82E)
• • • • • • • •
นาฬิกาสปอร์ตดำาน้ำาพลังงานแสงคอลเลคชั่นล่าสุด กันน้ำาได้ถึง 200 เมตร งามเรียบหรูด้วยดีไซน์คลาสสิกร่วมสมัยของตัวเรือนและ สาย สเตนเลสสตีล พร้อมขอบตัวเรือนแบบหมุนทิศทางเดียว ตัวเรือนขนาด 44.5 มม. กระจกหน้าปัดคริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่น: 1) หน้าปัดและขอบตัวเรือนสีนา้ำ เงินเข้ม (รุน่ BN0191-80L) 2) หน้าปัดและขอบตัวเรือนสีดาำ (รุ่น BN0190-82E) เข็มชั่วโมง เข็มนาที และหลักชั่วโมงสีเงินขนาดใหญ่ เคลือบสารเรืองแสง กลไก Calibre E168 ระบบพลังงานแสง “อีโค-ไดรฟ์” ทำางานต่อเนื่องได้ถึง 6 เดือน พร้อมฟังก์ชั่นวันที่
CITIZEN
43
Go Further ก้าวให้ไกลกว่าเคย เพราะโลกนีย้ งั มีสถานทีต่ า่ งๆ ให้ได้ไปเยือนอีกมากมาย ไม่วา่ จะเป็นทีท่ ย่ี งั ไม่เคยไปเยือน หรือทีท่ ย่ี งั ไม่เคยมีใครไปถึงก็ตาม Citizen จึงได้ สร้างสรรค์นาฬิกาสปอร์ตแอดเวนเจอร์ทส่ี ามารถแสดงเวลาได้อย่างแม่นยำาไม่วา่ จะอยูท่ ใ่ี ดบนโลกขึน้ มาเพือ่ การนี้ โดยนำาเทคโนโลยีลา่ สุดทีพ่ ฒั นาขึน้ มาใช้กับไพล็อตวอตช์ สไตล์นาฬิกานักบิน PROMASTER SATELLITE WAVE GPS จากซีรี่ส์ Sky รุ่นนี้ นั่นก็คือ ระบบ “แซทเทลไลท์ เวฟ จีพีเอส” ที่ สามารถรับข้อมูลตำาแหน่งที่อยู่ปัจจุบันพร้อมสัญญาณเวลากับวันที่ จากระบบดาวเทียม จีพีเอส ได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาเพียง 3 วินาทีเท่านั้น ซึ่งทำาให้เป็นนาฬิกาข้อมือแบบมัลติฟังก์ชั่นพลังงานแสงที่สามารถรับสัญญาณเวลาจากระบบดาวเทียม จีพีเอส ได้รวดเร็วที่สุดในโลก นอกจากนี้ ยังมาพร้อมฟังก์ชั่น ดูอัลไทม์ ที่สามารถปรับตั้งให้นาฬิกาแสดงเวลาพร้อมกันได้ 2 ไทม์โซน โดยเป็นการแสดงเวลาโฮมไทม์บนหน้าปัดขนาดเล็ก ด้วยเข็มชั่วโมงแบบ 24 ชั่วโมง ร่วมกับเข็มนาที ทั้งยังสามารถสลับการแสดงค่าเวลาโฮมไทม์กับโลคัลไทม์ได้อย่างง่ายดายในขั้นตอนเดียว อีกทั้ง ค่าเวลาโลคัลไทม์บนหน้าปัดหลัก ยังสามารถปรับตั้งให้แสดงค่าเวลาและวันที่ของเมืองในไทม์โซนต่างๆ ได้อย่างสะดวก เพียงดึงเม็ดมะยมและ ทำาการปรับเข็มวินาทีให้ชี้ไปยังชื่อของเมืองที่ต้องการซึ่งเรียงรายอยู่บนวงขอบหน้าปัด • • • • • • • • • • • • • • •
นาฬิกาพลังงานแสง แสดงข้อมูลหลายฟังก์ชั่น ที่แสดงเวลาได้แม่นยำาที่สุดไม่ว่า จะอยู่ ณ ที่ใดบนโลก ด้วยระบบ “แซทเทลไลท์ เวฟ จีพีเอส” เชื่อมต่อสัญญาณ กับดาวเทียมจีพเี อส ซึง่ สามารถรับสัญญาณได้เร็วทีส่ ดุ ในโลก* ภายใน 3 วินาที กลไก Calibre F900 ระบบพลังงานแสง “อีโค-ไดรฟ์” ทำางานต่อเนื่องได้ถึง 1.5 ปี แสดงวันด้วยเข็มและแสดงวันทีผ่ า่ นช่องหน้าต่าง ปรับตัง้ โดยอัตโนมัตดิ ว้ ยสัญญาณ จากระบบดาวเทียม จีพีเอส ฟังก์ชั่น ดูอัลไทม์ แสดงเวลาพร้อมกัน 2 ไทม์โซน (แสดงเวลาโฮมไทม์ด้วยเข็ม 24 ชั่วโมง ร่วมกับเข็มนาทีบนหน้าปัดขนาดเล็ก) ฟังก์ชั่น เวิลด์ไทม์ ปรับตั้งค่าเวลาโลคัลไทม์บนหน้าปัดหลัก ให้แสดงเวลาและวันที่ ของเมืองในไทม์โซนต่างๆ ได้ พร้อมฟังก์ชั่นปรับเวลา เดย์ไลท์ เซฟวิ่ง และฟังก์ชั่น สลับการแสดงเวลาโฮมไทม์กับเวลาโลคัลไทม์ ระบบปรับเข็มให้อยู่ในตำาแหน่งที่ถูกต้องโดยอัตโนมัติ (ตรวจสอบตำาแหน่งเข็มอย่างสม่าำ เสมอและปรับตั้งให้กลับสู่ตำาแหน่งที่ถูกต้อง) ฟังก์ชั่นประหยัดพลังงาน (เมื่อเปิดใช้งาน กลไกจะทำางานต่อเนื่องได้ถึง 5 ปี) ฟังก์ชั่นอื่นๆ: แสดงกำาลังสำารอง; แสดงระดับการรับแสง; อลาร์ม ตั้งเตือน; จับเวลา (ระยะสูงสุด 24 ชั่วโมง, ความละเอียด 1/20 วินาที) เคลือ่ นเข็มอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ด้วยมอเตอร์ ทวิน-คอยล์ ความเร็วสูง ตัวเรือน ซูเปอร์ไทเทเนียม ขนาด 47.1 มม. เคลือบ “ดูราเท็คต์” กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน มีสเกล สไลด์รูล สำาหรับคำานวณค่าเกี่ยวกับการบิน บนวงขอบตัวเรือน กันน้าำ ได้ถึง 200 เมตร ดีไซน์หน้าปัดและสเกลนำาแรงบันดาลใจมาจากจอเรดาร์และมาตรหน้าปัดเครือ่ งบิน เคลือบสารเรืองแสงบนเข็มและหลักชั่วโมง * อ้างอิงตามข้อมูลวิจัยของ Citizen ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2017
PROMASTER SATELLITE WAVE GPS LIMITED EDITION (รุ่น CC9023-13X)
นาฬิการุ่นพิเศษระดับพรีเมี่ยม สง่างามหรูหราด้วยตัวเรือนเคลือบ “ดูราเท็คต์ โกลด์” ซึ่งเข้ากันเป็นอย่างดีกับหน้าปัดโทนสีนา้ำ ตาล พร้อม หลักชั่วโมงและกรอบหน้าปัดขนาดเล็กสีทอง ร่วมด้วยเข็มชั่วโมง เข็มนาที เข็มชั่วโมงของเวลาโฮมไทม์ และเข็มแสดงโหมด สีทอง สวมคู่มากับ สายหนังวัวสีนา้ำ ตาล ผิวลายหนังจระเข้ ผลิตจำานวนจำากัดเพียง 700 เรือน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: ศรีทองพาณิชย์ โทร. 02 694 1888, Facebook: Citizen Thailand, www.citizen.co.th
PROMASTER SATELLITE WAVE GPS (รุ่น CC9025-51E)
งามคมเข้มด้วยดีไซน์สีแบบโมโนโทน ตัวเรือนและสายเคลือบ “ดูราเท็คต์ เอ็มอาร์เค” และเคลือบ “ดูราเท็คต์ ดีแอลซี” ให้เป็นสีดำา หน้าปัดโทนสีดำา อ่านค่าชัดเจนด้วยสเกลสีขาว
THE BIRTH OF A COMPLETE LAUREATO FAMILY สำาหรับคนรักนาฬิกาแล้ว นาฬิกาทีเ่ ป็นหนึง่ ในหน้า ประวัตศิ าสตร์นน้ั เป็นอะไรทีน่ า่ ปรารถนาอย่างยิง่ และในบันทึกการเปลีย่ นแปลงครัง้ ใหญ่ของวงการ สมัยทศวรรษที ่ 1970 นัน้ การถือกำาเนิดของนาฬิกา สไตล์สปอร์ตหรูดไี ซน์แปลกใหม่กเ็ ป็นอีกหนึง่ เรือ่ ง ราวสำาคัญและส่งผลมาถึงรูปแบบนาฬิกายอดนิยม ในปัจจุบนั ซึง่ Laureato (ลอเรียโต) ผลงานชิน้ เอก จาก Girard-Perregaux (จีราร์ด-แพร์โกซ์) ก็คือ อีกหนึ่งไอคอนิคในหน้าประวัติศาสตร์นั้น WRITER: VIRACHARN TERMPIPATPONG
เมือ่ ปี 2016 ทีผ่ า่ นมา Girard-Perregaux ได้ประกาศเฉลิมฉลองปีท่ี 225 แห่งการก่อตัง้ แบรนด์ดว้ ยนาฬิการุน่ พิเศษหลายรุน่ หนึง่ ในนัน้ ก็คอื Heritage Laureato นาฬิกาสปอร์ตหรูกลไกอัตโนมัตสิ ามเข็มพร้อมฟังก์ชน่ั วันทีใ่ นตัวเรือน และสายสตีลทีท่ างแบรนด์นาำ กลับมาสร้างขึน้ ใหม่แบบ ลิมเิ ต็ด เอดิชน่ั 2 เวอร์ชน่ั หน้าปัด (สีน้ำาเงินกับสีเงิน) ผลิตจำานวนจำากัดเพียงเวอร์ชั่นละ 225 เรือน โดย นำาดีไซน์จากรุน่ ต้นกำาเนิดสมัยปี 1975 มาขัดเกลาปรับแต่งให้มคี วามคลาสสิก ร่วมสมัยเหมาะกับยุคปัจจุบนั ซึง่ ก็ทาำ ให้เหล่าคนรักนาฬิกาทัว่ โลกต่างคาดหวัง ว่าทางแบรนด์จะนำารุน่ นีม้ าผลิตจำาหน่ายแบบคอลเลคชัน่ ปกติในอนาคตอันใกล้ และก็เป็นดังคาดเพราะที่งาน SIHH 2017 เมื่อต้นปีน ี้ ทางแบรนด์ ก็ได้เปิดตัวคอลเลคชั่นเต็มของ Laureato รุ่นโปรดักชั่นปกติออกมาหลากรุ่น หลายเวอร์ชน่ั ตัง้ แต่รนุ่ กลไกอัตโนมัต,ิ รุน่ กลไกควอตซ์สาำ หรับคุณผูห้ ญิง และ รุ่นกลไกอัตโนมัติตูร์บิยอง จากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วยรุ่นกลไกอัตโนมัติแบบ สเกเลตัน
Heritage Laureato Ref. 81000 ผลิตออกจำ�หน่�ยแบบลิมิเต็ด เอดิชั่น เมื่อปี 2016 ใน 2 เวอร์ชั่น คือ หน้�ปัดสีน้ำ�เงิน กับหน้�ปัดสีเงิน ด้วยจำ�นวนจำ�กัดเพียงเวอร์ชั่นละ 225 เรือน
The Original Design เมือ่ ทางผูผ้ ลิตนาฬิกาทีม่ วี สิ ยั ทัศน์จบั ทางได้วา่ ความต้องการของผูค้ น ในยุคทศวรรษที ่ 1970 นัน้ เริม่ เปลีย่ นแปลงไปตามสภาพสังคมในขณะนัน้ และ พวกเขาก็ตระหนักรูว้ า่ ผูค้ นกำาลังต้องการนาฬิกาดีไซน์ใหม่ๆ ทีส่ ามารถสวมใส่ ได้ในหลากหลายโอกาสและเหมาะสมกับการแต่งตัวในทุกรูปแบบ นาฬิกาสไตล์ สปอร์ตหรูจากแบรนด์ดงั ๆ จึงได้ถอื กำาเนิดขึน้ มา อย่างเช่น Royal Oak ของ Audemars Piguet กับ Nautilus ของ Patek Philippe และ Laureato ของ Girard-Perregaux ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ดีไซน์ของ Laureato รุน่ บุกเบิก เป็นฝีมอื การออกแบบของสถาปนิก ที่อยู่ในกรุงมิลานของอิตาลี องค์ประกอบหลักที่เขาตั้งใจก็คือ รูปแบบของ วงขอบตัวเรือนที่ออกแบบให้เป็นลักษณะของแปดเหลี่ยมอยู่ร่วมกับวงกลม ซึง่ จะสะท้อนเป็นประกายอย่างงดงามยามต้องแสง ร่วมด้วยรูปแบบของตัวเรือน ทีเ่ ชือ่ มต่อกลมกลืนกับสายดุจสร้อยข้อมือสุดประณีต ขณะทีก่ ารขับเคลือ่ นบอก เวลาเป็นหน้าที่ของกลไกควอตซ์เครื่องบางอันแสนโด่งดังของแบรนด์ซึ่งมี ศักดิ์ศรีเป็นกลไกควอตซ์แบบแรกของสวิส โดยชื่อ Laureato นั้นเป็นภาษา อิตาเลีย่ นของคำาว่า Graduate ซึง่ ก็มคี วามหมายทีด่ แี ละเหมาะสมกับนาฬิกา รุ่นนี้เป็นอย่างยิ่ง Laureato รุ่นแรกที่ออกจำ�หน่�ยเมื่อปี 1975
Laureato เจเนอเรชั่นใหม่ โดดเด่นด้วยดีไซน์ต�มแบบฉบับดั้งเดิมของ Laureato ทัง้ รูปทรง คว�มกลมกลืน และง�นขัดซ�ติน ของตัวเรือนกับส�ย ขอบตัวเรือนดีไซน์แปดเหลี่ยมผส�นกับวงกลม ลักษณะล�ยฮ็อบเนล คลู เดอ ป�รีส์ บนพื้นหน้�ปัด ผนวกกับก�รออกแบบแท่งหลักชั่วโมง กับเข็มใหม่ในดีไซน์คล�สสิกร่วมสมัย พร้อมเคลือบด้วยส�รเรืองแสง และผนึกด้วยกระจกหน้�ปัดแซฟไฟร์เคลือบส�รป้องกันแสงสะท้อน
ส�ยโลหะของ Laureato มอบคว�มง�มหรู ด้วยผิวขัดซ�ตินร่วมกับข้อกล�งขัดเง�
The Rebirth เจเนอเรชัน่ ใหม่ของ Laureato ทีอ่ อกมาในปี 2017 นี ้ เป็นการ นำาสุนทรียลักษณะแบบดั้งเดิมของ Laureato รุ่นบรรพบุรุษมาปรับแต่ง และขัดเกลาให้เหมาะกับยุคปัจจุบนั ไม่วา่ จะเป็นรูปแบบของขอบตัวเรือน รูปทรงของตัวเรือน ลักษณะการเชือ่ มโยงของตัวเรือนกับสายโลหะ ไปจน ถึงดีไซน์ของหน้าปัดทีม่ ลี วดลายฮ็อบเนล แบบ คลู เดอ ปารีส ์ ซึง่ มอบมิติ ชวนชมเมือ่ ต้องแสงด้วยลักษณะการเรียงตัวของปิระมิดเล็กๆ จำานวนมาก และเพิ่มเติมด้วยแท่งหลักชั่วโมงกับเข็มดีไซน์คลาสสิกร่วมสมัย นอกจากนีย้ งั แสดงความตัง้ ใจในการบรรจุ Laureato เป็นอีก หนึง่ คอลเลคชัน่ หลักของแบรนด์ดว้ ยการเปิดตัวรุน่ ต่างๆ มาอย่างครบทุก ระดับ อันได้แก่ รุน่ สามเข็มกลไกอัตโนมัตใิ น 2 ขนาดตัวเรือน คือ 42 กับ 38 มม., รุน่ สองเข็มกลไกควอตซ์สาำ หรับผูห้ ญิงในตัวเรือนขนาด 34 มม. (ซึง่ ในแต่ละไซส์ ก็จะมีคอมบิเนชัน่ ของวัสดุ การตกแต่ง และสีหน้าปัด ให้เลือกสรรอย่างหลากหลาย), รุน่ กลไกอัตโนมัตแิ บบฉลุสเกเลตัน และ รุน่ ระดับสูงทีใ่ ช้กลไกตูรบ์ ยิ องพร้อมบริดจ์ทองคำา ขึน้ ลานอัตโนมัตดิ ว้ ย โรเตอร์ทองคำาขนาดเล็ก ซึง่ ในรุน่ สเกเลตันกับรุน่ ตูรบ์ ยิ องก็จะมีเวอร์ชน่ั การตกแต่งรูปแบบต่างๆ ให้เลือกด้วยเช่นกัน Laureato 42 mm Ref. 81010 ใช้ตัวเรือนขน�ด 42 มม. ที่หน�เพียง 10.88 มม. ทำ�ง�นด้วยกลไกอัตโนมัติอินเฮ้�ส์ Calibre GP01800 คว�มถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำ�ลังสำ�รอง 54 ชั่วโมง แสดงเวล� แบบส�มเข็มพร้อมฟังก์ชั่นวันที่ เปิดตัวม�กับหล�กหล�ยเวอร์ชั่น ทั้งแบบตัวเรือนสตีล ที่มีทั้งคู่กับส�ยสตีลและคู่กับส�ยหนังจระเข้สีดำ� โดยมีหน้�ปัด 3 สีให้เลือก คือ สีน้ำ�เงิน สีเงิน หรือสีเท�สเลท และแบบตัวเรือนไทเทเนี่ยมที่ใช้ขอบตัวเรือน เม็ดมะยม หลักชั่วโมง และข้อยึดส�ยเป็นพิ้งค์โกลด์ ร่วมด้วยเข็มสีพิ้งค์โกลด์ พร้อมหน้�ปัดสีเท�สเลท จับคู่ม�กับส�ยไทเทเนี่ยมร่วมกับพิ้งค์โกลด์ หรือส�ยหนังจระเข้สีเท�แอนทร�ไซต์
กลไกอัตโนมัติอินเฮ้�ส์ Calibre GP03300 คว�มถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำ�ลังสำ�รอง 46 ชั่วโมง ขุมกำ�ลังของรุ่น Laureato 38 mm Laureato 38 mm Ref. 81005 ม�กับตัวเรือนขน�ด 38 มม. หน� 10.02 มม. ที่เหม�ะกับทั้งผู้ช�ย และผู้หญิง ทำ�ง�นด้วยกลไกอัตโนมัติอินเฮ้�ส์ Calibre GP03300 คว�มถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำ�ลังสำ�รอง 46 ชั่วโมง แสดงเวล�แบบส�มเข็มพร้อมฟังก์ชั่นวันที่ มีเวอร์ชั่นต่�งๆ ให้เลือก ม�กม�ย ทัง้ แบบตัวเรือนสตีลคูก่ บั หน้�ปัดสีน�ำ้ เงิน สีเงิน หรือสีเท�สเลท พร้อมส�ยสตีลหรือส�ยหนังจระเข้สดี �ำ หรือสีข�วเข้�กับสีของหน้�ปัด, แบบตัวเรือนสตีลทีป่ ระดับเพชร 56 เม็ด (0.9 กะรัต) บนขอบตัวเรือน พร้อมหน้�ปัดสีเงิน สวมคูม่ �กับส�ยสตีลหรือส�ยหนังจระเข้สขี �ว และ แบบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ ที่เลือกได้ระหว่�งหน้�ปัดสีเงินหรือสีเท�สเลท และส�ยพิง้ ค์โกลด์หรือส�ยหนังจระเข้สดี �ำ ซึง่ รุน่ พิง้ ค์โกลด์ จะใช้โรเตอร์ ที่ทำ�จ�กพิ้งค์โกลด์ 18 เค ด้วย
GIRARD-PERREGAUX
47
Laureato 34 mm Ref. 80189 ออกแบบม�สำ�หรับคุณผู้หญิงโดยเฉพ�ะ ด้วยตัวเรือนขน�ด 34 มม. ที่หน�เพียง 7.75 มม. แสดงเวล�แบบสองเข็มพร้อมฟังก์ชั่นวันที่ ด้วยกลไกควอตซ์อินเฮ้�ส์ Calibre GP013100 มีเวอร์ชั่นต่�งๆ ให้เลือกอย่�งหล�กหล�ย ตั้งแต่แบบตัวเรือนสตีลพร้อมเพชร 56 เม็ด (0.82 กะรัต) ประดับบนขอบตัวเรือน คู่กับหน้�ปัดสีน้ำ�เงิน สีเงิน หรือสีเท�สเลท พร้อมส�ยสตีลหรือส�ยหนังจระเข้สเี ข้�กับหน้�ปัด, แบบตัวเรือนสตีล ทีม่ �กับขอบตัวเรือน เม็ดมะยม และหลักชั่วโมง พิ้งค์โกลด์ พร้อมหน้�ปัดสีเงินและเข็มสีพิ้งค์โกลด์ คู่กับส�ยสตีล ร่วมกับพิ้งค์โกลด์ ซึ่งมีทั้งแบบที่ประดับและไม่ประดับเพชรบนขอบตัวเรือนให้เลือก และแบบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์พร้อมประดับเพชรบนขอบตัวเรือน ซึ่งมีหน้�ปัดสีเท�สเลทหรือ สีเงิน ให้เลือก โดยจับคู่ม�กับส�ยพิ้งค์โกลด์หรือส�ยหนังจระเข้สีโทนเดียวกับหน้�ปัด
สำ�หรับ Laureato 42 mm, 38 mm และ 34 mm ทุกเวอร์ชั่น ที่ม�กับส�ยหนังจระเข้ จะมีส�ยย�งม�ให้สลับเปลี่ยนใช้ง�นด้วย เพื่อไม่ให้ข�ดตกบกพร่องในแง่ของก�รเป็นน�ฬิก�สไตล์สปอร์ต
ฝ�หลังของ Laureato แบบกลไกจักรกล ทุกรุ่น จะผนึกด้วยกระจกแซฟไฟร์เพื่อให้ มองเห็นคว�มงดง�มของตัวกลไกได้
Laureato Skeleton Ref. 81015 เป็นน�ฬิก� Laureato 42 mm ที่ม�ในรูปแบบไร้หน้�ปัด และใช้กลไกอัตโนมัติ Calibre GP01800 ที่ฉลุเพลท และบริดจ์ให้เป็นแบบสเกเลตันในลักษณะตะแกรงโลหะ ด้วยมือพร้อมเคลือบกัลว�นิกเป็นสีเท�แอนทร�ไซต์ เข้�กับสีของวงขอบหน้�ปัดที่ติดตั้ง ชิ้นหลักชั่วโมงขน�ดเล็กเอ�ไว้ และมีก�รฉลุโปร่งที่ชิ้นโรเตอร์พิ้งค์โกลด์ 18 เค ด้วย นอกจ�กนี้ยังปรับก�รแสดงวิน�ทีม�ใช้เป็นเข็มขน�ดเล็กโดยจัดว�งตำ�แหน่งอยู่ที่ 10 น�ฬิก� เปิดตัวม�พร้อมกัน 2 เวอร์ชั่น คือ เวอร์ชั่นตัวเรือนและส�ยพิ้งค์โกลด์พร้อมหลักชั่วโมง และเข็มสีพิ้งค์โกลด์ กับเวอร์ชั่นตัวเรือนและส�ยสตีลพร้อมหลักชั่วโมงและเข็มสีเงิน
เมือ่ ได้เห็นการเปิดฉากครบทุกรูปแบบเช่นนีแ้ ล้ว ก็เชือ่ ว่าการกลับมาของ Laureato จะต้องทำาให้แบรนด์ Girard-Perregaux ภายใต้การดำาเนินงานของ Kering Group ในปัจจุบัน มีความแข็งแกร่งและเข้าถึงคนรักนาฬิกาในวงกว้าง ยิ่งขึ้นได้อย่างแน่นอน ตัวแทนจำ�หน่�ย Girard-Perregaux ในประเทศไทย: พีเอ็มที เดอะ อ�วร์ กล�ส ส�ข� เกษร โทร 02 656 1212, ส�ข� สย�มพ�ร�กอน โทร. 02 129 4777
Laureato Tourbillon Ref. 99105 ทำ�ง�นด้วยกลไกอินเฮ้�ส์ คว�มถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง กำ�ลังสำ�รอง 49 ชั่วโมง Calibre GP09510 ที่ยึดชุดตูร์บิยอง ไว้กับบริดจ์ทองคำ�รูปทรงลูกศรอันเป็นลักษณะเฉพ�ะของ แบรนด์ โดยเป็นหนึ่งในกลไกตูร์บิยองเพียงไม่กี่แบบในโลกที่ ขึ้นล�นอัตโนมัติด้วยโรเตอร์ขน�ดเล็ก ซึ่งสำ�หรับรุ่นนี้จะเป็น วัสดุทองคำ� 18 เค บรรจุม�ในตัวเรือนไทเทเนีย่ ม ขน�ด 45 มม. หน� 11.96 มม. มี 4 เวอร์ชั่นให้เลือก คือ เวอร์ชั่นที่ใช้ขอบ ตัวเรือนและข้อยึดส�ยเป็นพิง้ ค์โกลด์ คูก่ บั ส�ยไทเทเนีย่ มร่วมกับ พิง้ ค์โกลด์หรือส�ยหนังจระเข้สดี �ำ และเวอร์ชน่ั ที่ใช้ขอบตัวเรือน และข้อยึดส�ยเป็นไวท์โกลด์ คูก่ บั ส�ยไทเทเนีย่ มร่วมกับไวท์โกลด์ หรือส�ยหนังจระเข้สีดำ� โดยแท่งบริดจ์ทองคำ� เม็ดมะยม และ แท่งหลักชั่วโมง จะเป็นวัสดุทองคำ�ชนิดเดียวกับขอบตัวเรือน ทุกเวอร์ชน่ั ใช้หน้�ปัดสีเท�สเลท และใช้เข็มสีเดียวกับขอบตัวเรือน
UNIQUENESS FROM DESIGN TO MOVEMENT ปี 2017 นี้ Speake-Marin แบรนด์นาฬิกาอิสระผูร้ งั สรรค์ผลงานสไตล์คลาสสิกร่วมสมัยทีม่ รี ปู แบบเฉพาะตัวสูง ได้กา้ วเข้าสู่ มิตใิ หม่ของการนำาเสนอทัง้ ในส่วนของแบรนด์ทเ่ี ข้าร่วมจัดแสดง ณ งาน SIHH เพือ่ ให้เป็นทีร่ จู้ กั ในวงกว้างยิง่ ขึน้ และในส่วน ของนาฬิการุน่ ใหม่ๆ ทีเ่ ปิดตัวออกมา โดยมีทง้ั Crazy Skulls นาฬิการะดับสูงสุดพิเศษทีส่ ร้างสรรค์กลไกสุดซับซ้อนให้เข้ากับ คอนเซ็ปต์สุดสร้างสรรค์ได้อย่างยอดเยี่ยม และนาฬิกาสไตล์คลาสสิกรุ่นใหม่ในชื่อเรียบง่ายอย่าง One & Two ที่มีกลไก อินเฮ้าส์รุ่นใหม่เป็นองค์ประกอบหลักของความงดงามอันน่าประทับใจ ทั้งยังคงมีอดีต เจมส์ บอนด์ อย่าง Pierce Brosnan รับหน้าทีเ่ ป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างต่อเนือ่ ง เพราะบุคลิกอันสุขมุ แต่เปีย่ มไปด้วยเสน่หอ์ นั ร้ายกาจของเขาผูน้ ้ี ช่างเหมาะ กับคาแรกเตอร์ของนาฬิกา Speake-Marin เป็นอย่างยิ่ง WRITER: VIRACHARN TERMPIPATPONG เสน่ห์ของนาฬิกา Speake-Marin นั้น นอกจาก คุณภาพการผลิตทีป่ ระณีตพิถพี ถิ นั และไอเดียการออกแบบที่ น่าสนใจแล้ว ดีเอ็นเอ ของแบรนด์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนใน นาฬิกาทุกรุน่ ก็เป็นอีกสิง่ หนึง่ ทีช่ วนให้ตกหลุมรัก ไม่วา่ จะเป็น ลักษณะดีไซน์ของตัวเรือนทีท่ างแบรนด์เรียกว่า “พิคคาดิลลี (Piccadilly)” ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากตัวเรือนของนาฬิกา โบราณ โดยตั้งชื่อตามย่าน พิคคาดิลลี ในกรุงลอนดอน ลักษณะของเข็มชัว่ โมงกับนาทีรปู แบบเฉพาะตัวทีเ่ รียกว่าเข็ม สไตล์ Speake-Marin ลักษณะเม็ดมะยมขนาดใหญ่รปู ทรง เพชรซึง่ มีรอ่ งเป็นจีบสวยงาม ลักษณะโลโก้ของแบรนด์ทเ่ี ป็น รูปทรง “ท็อปปิ้ง ทูล” อันมีที่มาจากวงล้อของเครื่องจักร ท็อปปิง้ ทูล ซึง่ ใช้ทาำ และแต่งร่องฟันของเฟืองจักร ทีม่ กั ปรากฎ เป็นลักษณะของชิ้นส่วนต่างๆ อยู่กับนาฬิกาหลายรุ่น และ สุดท้ายก็คอื การผลิตทีท่ กุ รุน่ ทุกแบบล้วนถูกกระทำาขึน้ ด้วย จำานวนจำากัดในจำานวนไม่มากนัก เพื่อให้ทางแบรนด์ได้คิด สร้างสรรค์รปู แบบการตกแต่งและเทคนิคการตกแต่งใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอ และเพื่อให้แต่ละรุ่นแต่ละแบบที่ผลิตขึ้นมี ความพิเศษอยู่ในตัวอย่างเต็มเปี่ยม นาฬิกา 2 รุ่นใหม่ อันได้แก่ Crazy Skulls และ J-Class Collection: One & Two ทีอ่ อกมาในปีน้ี อาจถือได้ ว่าเป็นตัวแทนแห่งก้าวใหม่ของ Speake-Marin ซึง่ นอกจาก จะยังคงยึดมั่นการนำาเสนอดีไซน์อย่างมีคอนเซ็ปต์ชัดเจน กลไกจักรกลชัน้ เลิศ และฝีมอื การผลิตอันประณีตแล้ว ยังได้มี การเพิม่ ระดับความเชือ่ มโยงระหว่างคอนเซ็ปต์การออกแบบ กับดีไซน์ของกลไกมากยิ่งขึ้นจนเรียกได้ว่าตัวกลไกนั้นเป็น ส่วนประกอบสำาคัญของดีไซน์นาฬิกาในภาพรวมเลยทีเดียว
กลไก Calibre SMC01 ของ Crazy Skulls เป็นกลไกแรกที่ Speake-Marin นำ�เอ�ตูร์บิยอง ม�ผนวกเข้�กับ มินิท รีพีทเตอร์ และม่�นหน้�ต่�งกล ทั้งยังเพิ่มคว�มสวยง�มด้วยก�รตัดฉลุเพลทและบริดจ์ ให้เป็นโครงสเกเลตัน และเคลือบให้เป็นโทนสีเท�ดำ�ในบ�งชิ้นและมีก�รขัดแต่งลวดล�ยอย่�งสวยง�ม ซึ่งสร้�งโทนสีที่แตกต่�งกับชิ้นส่วนกลไกสีเงิน เพื่อให้เกิดมิติงดง�มอันล้ำ�ลึก
Crazy Skulls เพือ่ แสดงถึงศักยภาพแห่งการสร้างสรรค์ของแบรนด์ทง้ั ในด้าน วิสยั ทัศน์ทางศิลปะและในด้านคอมพลิเคชัน่ กลไกอันสลับซับซ้อน นาฬิกา ระดับสูงรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งจัดอยู่ในหมวดหมู่คอลเลคชั่น Cabinet des Mystères จึงถูกสร้างขึ้นมาอย่างสม่ำาเสมอ และ Crazy Skulls ก็คือ ผลงานสุดพิเศษผลิตชิ้นล่าสุดจากคอลเลคชั่นนี้ Crazy Skulls ไม่เพียงแค่เป็นนาฬิการะดับสูงที่ใช้กลไกไขลาน ฉลุตัดแต่งเป็นโครงสเกเลตัน กำาลังสำารอง 72 ชั่วโมง Calibre SMC01 ซึง่ มาพร้อมกับคอมพลิเคชัน่ ระดับสุดยอดของศาสตร์การประดิษฐ์นาฬิกา อย่าง ตูร์บิยอง และ มินิท รีพีทเตอร์ เท่านั้น แต่ยังถูกออกแบบให้มี ฟังก์ชน่ั การทำางานทีเ่ ป็นดัง่ อนิเมชัน่ แสดงถึง “มรณานุสติแห่งความรัก” ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ในการสร้างสรรค์นาฬิการุ่นนี้ขึ้นมาด้วย ฟังก์ชั่นที่ว่าก็คือ กลไกที่ทำาให้แผ่นอลูมิเนียมภาพหัวกะโหลก 2 หัว ณ บริเวณตำาแหน่ง 6 นาฬิกาบนหน้าปัดซึง่ หันหน้าออกจากกันและ ประกบกันเป็นรูปหัวใจทัง้ ทรงของกะโหลกและช่องบริเวณกรามทีเ่ ว้นไว้ ให้เห็นเป็นหัวใจสีแดงจากชิ้นตกแต่งสีแดงที่ติดตั้งอยู่บนแกนตูร์บิยอง สามารถแยกออกจากกันได้ โดยจะเคลื่อนออกห่างกันเมื่อกลไก มินิท รีพีทเตอร์ ถูกสั่งการให้ตีขานเวลาด้วยการเลื่อนสลักที่อยู่ด้านข้างของ ตัวเรือน ซึ่งนอกจากจะเป็นการเปิดช่องให้เห็นจักรกลตูร์บิยองแล้ว ยัง สือ่ ถึงการแยกจากของคูร่ กั ทีต่ อ้ งเกิดขึน้ ไม่วนั ใดก็วนั หนึง่ เท่านัน้ ยังไม่พอ
ยังมีกลไกที่ทาำ ให้หลักชั่วโมงเลขโรมันสีนา้ำ เงิน ณ ตำาแหน่ง 12 นาฬิกา ทีม่ ขี นาดใหญ่โต เคลือ่ นขยับซวนเซลงไป เพือ่ สือ่ ถึงความเศร้าโศกเสียใจ จนซวนเซเมือ่ คูร่ กั ต้องแยกจาก โดยทัง้ หมดนีจ้ ะกลับมาอยูใ่ นตำาแหน่งปกติ อีกครั้งเมื่อการตีขานเวลาเสร็จสิ้นลง ลักษณะการใช้หัวกะโหลกตกแต่งบนนาฬิกานี้ เป็นรูปแบบที่ Speake-Marin นำามาใช้กบั นาฬิการุน่ พิเศษของตนมานานกว่าสิบปีแล้ว ด้วยแนวคิดทีต่ อ้ งการให้เป็นมรณานุสติ ย้าำ เตือนถึงธรรมชาติของความ ตาย คอนเซ็ปต์นม้ี าจากปรัชญา “Memento mori” ของชาวลาตินสมัยยุค กลาง ซึง่ เตือนให้มนุษย์ชน่ื ชมยินดีและทำาทุกสิง่ ให้ดที ส่ี ดุ ในขณะทีม่ ชี วี ติ อยู่ ตัวเรือนแบบ พิคคาดิลลี ขนาด 42 มม. ของ Crazy Skulls เป็น การประสานชิน้ ส่วนทีส่ ร้างขึน้ จากวัสดุตา่ งชนิดเข้าด้วยกัน โดยมีตวั เรือน ชิน้ กลางกับขาตัวเรือนเป็นไทเทเนีย่ ม เกรด 5 ขณะทีว่ งขอบตัวเรือนกับ ขอบฝาหลังเป็นแพลตินั่ม และผนึกด้านหน้ากับด้านหลังด้วยกระจก แซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน ส่วนชิน้ หน้าปัดจะมีเพียงวงขอบ หน้าปัดสีเงินเพือ่ ใช้เป็นทีอ่ ยูข่ องสเกลสำาหรับอ่านค่าจากการชีแ้ สดงของ เข็มชัว่ โมงกับเข็มนาทีบลูดส์ ตีล เท่านัน้ โดยจับคูม่ ากับสายหนังจระเข้สดี าำ และเพือ่ ให้เป็นทีส่ ดุ ของความพิเศษ Crazy Skulls จึงถูกผลิตขึน้ มาเป็น “ยูนคี พีซ” แค่ 2 เวอร์ชน่ั เวอร์ชน่ั ละเรือน โดยจุดแตกต่างอยูท่ แ่ี ผ่นภาพ หัวกะโหลกซึง่ เวอร์ชน่ั หนึง่ เป็นโทนสีดาำ ส่วนอีกเวอร์ชน่ั หนึง่ เป็นโทนสีเทา
J-Class Collection: One & Two นาฬิกาทีใ่ ช้ชอ่ื เรียบง่ายว่า One & Two นี้ คือรุน่ ใหม่ลา่ สุดจาก ตระกูล J-Class คอลเลคชัน่ สไตล์คลาสสิกร่วมสมัยของ Speake-Marin ซึง่ เป็นการออกแบบสร้างสรรค์ขน้ึ มาใหม่ทง้ั หมด จึงมีความแตกต่างจาก รุ่นอื่นๆ ในตระกูล J-Class ด้วยกันอย่างชัดเจน แต่ยังคงมี ดีเอ็นเอ เดียวกันโดยเห็นได้จากลักษณะของตัวเรือนดีไซน์ใหม่ ทีย่ งั คงลักษณะเค้า โครงของตัวเรือนแบบ “พิคคาดิลลี” อยู่ แต่นาำ มาปรับให้มคี วามร่วมสมัย ยิง่ ขึน้ กว่าตัวเรือนแบบ พิคคาดิลลี ทีใ่ ช้กบั รุน่ อืน่ ๆ ของตระกูล J-Class ตัวเรือนแบบ พิคคาดิลลี โฉมใหม่ ของรุน่ One & Two แตกต่าง จากตัวเรือน พิคคาดิลลี ของ J-Class รุ่นอื่นๆ ตรงที่มีการลดระดับ ความสูงและความหนาของชัน้ วงขอบตัวเรือนและขอบฝาหลังลง และใช้ กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทีเ่ ป็นแบบทรงกล่อง ครอบแทนการติดตั้งไว้ในวงขอบตัวเรือน ซึ่งก็ทาำ ให้ตัวเรือนมีขนาดที่ บางลง อีกทัง้ ขาตัวเรือนก็มขี นาดทีส่ น้ั ลงเพือ่ ให้ตาำ แหน่งของจุดยึดสาย อยูใ่ กล้กบั ตัวเรือนยิง่ ขึน้ นอกจากนีย้ งั ออกแบบให้สว่ นล่างของเม็ดมะยม จมลึกเข้าไปในตัวเรือนมากขึน้ อีกต่างหาก ภาพรวมของตัวเรือนโฉมใหม่น้ี จึงมีความคลาสสิกทีด่ เู รียบร้อยและละมุนละไมยิง่ ขึน้ แต่ยงั คงเป็นตัวของ ตัวเองอยู่ในทุกรายละเอียด อีกประการสำาคัญทีเ่ ป็นจุดกำาเนิดแห่งความงดงามของรุน่ One & Two ก็คอื กลไกอัตโนมัติ อินเฮ้าส์ รุน่ ใหม่ Calibre SMA01 กำาลังสำารอง
52 ชัว่ โมง ทีน่ าำ มาใช้เป็นครัง้ แรก ซึง่ เป็นเลิศทัง้ ทางด้านเทคนิคด้วยขนาด ตัวเครื่องที่บางลงจากการออกแบบที่เหนือชั้น โดยเฉพาะการออกแบบ ให้โรเตอร์ขน้ึ ลานขนาดเล็กผนึกเข้ากับชิน้ บริดจ์และวางตัวอยูภ่ ายในช่อง กลมของเพลทกลไก และทางด้านความงดงามของการออกแบบเลย์เอ้าท์ ชิน้ เพลทและบริดจ์ พร้อมการขัดแต่งอย่างประณีต ตลอดจนการวางเข็ม วินาทีขนาดเล็กไว้ที่ตาำ แหน่ง 1.30 นาฬิกา ซึ่งต่างจากนาฬิกาทั่วไป เพลทและบริดจ์ของกลไกเครือ่ งนีน้ อกจากจะได้รบั การขัดแต่ง มาอย่างสวยงามแล้ว ยังถูกเคลือบให้เป็นสีเทา โดยใช้เสมือนหนึ่งเป็น พืน้ หน้าปัดไปในตัว ขณะทีส่ เกลสำาหรับอ่านค่าเวลาถูกพิมพ์ลงบนวงขอบ หน้าปัดสีเงิน และมีหน้าปัดขนาดเล็กสีขาวสำาหรับแสดงวินาทีด้วยเข็ม บลูด์สตีลดีไซน์แบบหัวห่วง ส่วนเข็มชั่วโมงกับนาทีจะติดตั้งอยู่บริเวณ กึ่งกลางตามปกติ เรื่องของความแม่นยำาในการทำางานก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะผ่านการรับรองตามมาตรฐานโครโนมิเตอร์ของ COSC มาเป็นที่ เรียบร้อย One & Two เปิดตัวมาพร้อมกัน 2 วัสดุ คือ ตัวเรือนเร้ดโกลด์ คูก่ บั เข็มชัว่ โมงกับนาทีเคลือบเร้ดโกลด์ และสายหนังจระเข้สนี าำ้ ตาล กับ ตัวเรือนไทเทเนี่ยม คู่กับเข็มบลูด์สตีล และสายหนังจระเข้สีดาำ โดยทั้ง 2 วัสดุ จะมีตวั เรือนให้เลือก 2 ขนาด คือ 38 มม. กับ 42 มม. ซึง่ ทุกวัสดุ และทุกขนาดจะถูกผลิตขึ้นมาแบบ ลิมิเต็ด เอดิชั่น ในจำานวนจำากัด
J-Class Collection: One & Two แบบตัวเรือนไทเทเนี่ยม ขน�ด 42 มิลลิเมตร
SPEAKE-MARIN
51
J-Class Collection: One & Two แบบตัวเรือนเร้ดโกลด์ ขน�ด 42 มิลลิเมตร (เรือนซ้�ย) และขน�ด 38 มม. (เรือนขว�)
พบกับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.speake-marin.com
MORE THAN TIMEPIECES “เรือ่ งของการสร้างนาฬิกานัน้ องค์ประกอบทุกสิง่ ได้ถกู ทำาขึน้ มาแล้ว แต่กย็ งั คงมีสง่ิ ทีไ่ ม่เคยถูกคิดค้นขึน้ มาก่อนอยู”่ คำ�กล่�วนีค้ อื หลักก�รที่ Mr. Christophe Claret ถือเป็นคติในก�รทำ�ง�น และก็เป็นคติทข่ี บั เคลือ่ นให้เข�สร้�งสรรค์ สิ่งใหม่ๆ ขึ้นม�อยู่เสมอด้วยศักยภ�พของเข�ร่วมกับบุคล�กรในโรงง�น Claret Manufacture ผลง�นแต่ละรุ่น ที่ออกม�ภ�ยใต้แบรนด์ Christophe Claret จึงมิใช่เป็นแค่น�ฬิก� แต่เป็นนวัตกรรมเครื่องบอกเวล�ที่สร้�งขึ้นด้วย เทคโนโลยีที่ก้�วล้ำ�นำ�สมัยที่สุด และเป็นศิลปะแห่งจักรกลที่เปี่ยมไปด้วยคว�มงดง�มจ�กก�รผส�นวิถีก�รตกแต่ง แบบดั้งเดิมเข้�กับรูปแบบใหม่ๆ ที่สร้�งสรรค์ขึ้นม� WRITER: VIRACHARN TERMPIPATPONG ก�รรวมกันของคว�มกระห�ยทีจ่ ะค้นพบสิง่ ใหม่ แบบแผน องค์คว�มรูแ้ บบดัง้ เดิม และพรสวรรค์ทม่ี อี ยูใ่ นตัว คือปัจจัยทีท่ �ำ ให้ ก้�วข้�มจ�กก�รเป็นช่�งน�ฬิก�สู่ก�รเป็นศิลปิน ปัจจัยเหล่�นี้เป็น สิ่งที่ต้องมีในตัวบุคล�กรของ Christophe Claret ดังนั้นจึงไม่น�่ แปลกใจว่�ทำ�ไมพวกเข�ถึงสร้�งผลง�นที่น�่ ตื่นต�ตื่นใจขึ้นม�ได้ ชิ้นแล้วชิ้นเล่� ตั้งแต่น�ฬิก�กลไกคอมพลิเคชั่นระดับสูงในรูปแบบ ดัง้ เดิมทีท่ รงสมรรถภ�พท�งเทคนิคและทรงอ�นุภ�พท�งคว�มง�ม ไปจนถึงกลไกที่มีรูปแบบคอมพลิเคชั่นใหม่ๆ ซึ่งไม่เคยมีใครสร้�ง ขึน้ ม�ก่อน ตลอดจนดีไซน์ของตัวเรือน ก�รแสดงค่� และกลไก ทีม่ ี คว�มแปลกใหม่และสอดคล้องต้องกันเป็นที่สุด โรงง�นแห่งปัจจุบนั ของ Claret Manufacture ซึง่ ตัง้ อยูท่ ่ี เลอโลค นี้เปิดทำ�ก�รม�ตั้งแต่ปี 1999 โดยเป็นก�รขยับขย�ยย้�ย ที่ตั้งม�จ�กแห่งเดิมซึ่งเปิดม�ตั้งแต่ปี 1989 ทั้งนี้ก็เพื่อรองรับก�ร เติบโตของกิจก�รซึง่ ในสมัยนัน้ เป็นก�รสร้�งง�นกลไกคอมพลิเคชัน่ ระดับสูงให้กับแบรนด์ดังๆ ทั้งหล�ย ควบคู่ไปกับก�รสร้�งน�ฬิก� เรือนพิเศษภ�ยใต้ชอ่ื ของตนเอง ต�มคำ�สัง่ ซือ้ ของคนรักน�ฬิก� โดย รูปแบบกลไกที่มีช่อื เสียงและเป็นที่ยอมรับถึงคว�มเยี่ยมยอดก็คือ กลไก มินิท รีพีทเตอร์ พร้อมหุ่นกล ออโตเมตอน ล่วงเลยม�ถึงปี 2009 โปรดักชั่นก�รผลิตภ�ยใต้แบรนด์ Christophe Claret ของตนเองก็เริ่มขึ้นอย่�งจริงจังด้วยน�ฬิก� รุ่น DualTow ซึ่งทำ�ให้โลกได้รู้จักกับอัจฉริยภ�พของนักประดิษฐ์ น�ฬิก�น�ม Mr. Claret หลังจ�กทีซ่ อ่ นตัวอยูเ่ บือ้ งหลังคว�มสำ�เร็จ ของน�ฬิก�แบรนด์ดงั ๆ รุน่ แล้วรุน่ เล่�ม�กว่�สองทศวรรษ จ�กนัน้ เป็นต้นม� น�ฬิก�รูปแบบต่�งๆ จ�กแบรนด์ Christophe Claret ก็ถูกสร้�งสรรค์ออกม�อย่�งต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบัน แบรนด์และโรงง�น Christophe Claret ยังคง ดำ�รงตนเป็นผู้ผลิตน�ฬิก�อิสระที่มีขีดคว�มส�ม�รถในก�รสร้�ง ผลง�นน�ฬิก�ระดับสูงด้วยตนเองอย่�งครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอน ก�รคิดค้นพัฒน� ก�รออกแบบ ก�รผลิตชิ้นส่วน ก�รประกอบ ก�รปรับตัง้ ไปจนถึงก�รตรวจสอบคุณภ�พขัน้ สุดท้�ย ซึง่ ทัง้ หมด
ล้วนกระทำ�ก�รด้วยบุคล�กรทีม่ อี ดุ มก�รณ์รว่ มกัน และด้วยเครือ่ งมือ เครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดในโลก โดยยังคงมี Mr. Claret ผู้ดำ�รง ตำ�แหน่งเป็นประธ�นขององค์กร คอยดูแลอย่�งใกล้ชิดเพื่อให้คิด และสร้�งสรรค์นวัตกรรมเครือ่ งบอกเวล�รูปแบบใหม่ๆ ขึน้ ม�อย่�ง ไม่หยุดยั้ง
Claret Manufacture
Mr. Christophe Claret
NOVELTIES 2017 ปี 2017 นี้ เป็นอีกปีที่ท�ง Christophe Claret นำ�เสนอผลง�นใหม่ๆ ของตนออกม�อย่�งหล�กหล�ย โดยมีทั้งรุ่นใหม่ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรก อย่�งรุ่น Maestro จ�กกลุ่มคอลเลคชั่น Traditional Complication, เวอร์ชั่นใหม่ของรุ่น X-TREM-1 จ�กกลุ่มคอลเลคชั่น Extreme Complication และ เวอร์ชั่นตัวเรือนไซส์เล็กของรุ่น Marguerite จ�กกลุ่มคอลเลคชั่นสำ�หรับคุณผู้หญิง Ladies Complication MAESTRO เปิดมุมมองใหม่ของศิลปะแห่งจักรกล จุดบรรจบแห่งคว�มงดง�มและลักษณะท�ง เทคนิค คงเป็นนิย�มทีไ่ ม่เกินจริงสำ�หรับ Maestro น�ฬิก� รุน่ ใหม่ทเ่ี ผยโฉมออกม�ครัง้ แรกในปี 2017 รุน่ นี้ ซึง่ เป็น ก�รนำ�เสนอด้วยรูปแบบใหม่ของดีไซน์ท่ีผส�นกันอย่�ง กลมกลืนทัง้ รูปแบบของตัวเรือนและกลไก โดยออกแบบให้ ปกคลุมด้�นหน้�ด้วยกระจกทรงโดมโค้งขน�ดใหญ่เพื่อ ให้มองเห็นโครงสร้�งเล่นระดับแบบส�มมิติของชิ้นส่วน กลไกที่ออกแบบม�อย่�งน่�สนใจ พร้อมคอมพลิเคชั่น กลไกชนิดใหม่ทเ่ี รียกว่� ฟังก์ชน่ั “Memo (เมโม)” ซึง่ เป็น ก�รคิดค้นสิง่ ใหม่ๆ บนพืน้ ฐ�นรูปแบบกลไกจักรกลแบบ วิถีดั้งเดิม อันเป็นคำ�ตอบที่ว่�ทำ�ไมท�งแบรนด์จึงจัดให้ Maestro อยูใ่ นกลุม่ คอลเลคชัน่ Traditional Complication ตัวเรือนของ Maestro ม�กับขน�ด 42 มม. ซึง่ ถือว่�มีขน�ดเล็กที่สุดสำ�หรับน�ฬิก�ผู้ช�ยของแบรนด์ โดยดีไซน์ม�แบบไม่มขี อบตัวเรือนชิน้ นอก ขณะทีห่ น้�ปัด นัน้ มีเพียงบริเวณขอบสำ�หรับเป็นทีอ่ ยูข่ องสเกลน�ทีและ หลักชั่วโมงโดยมีบริดจ์ เพลท และชิ้นส่วน ของกลไก ไขล�นกำ�ลังสำ�รอง 7 วัน ซึง่ เป็นก�รผส�นรูปทรงเหลีย่ ม กับรูปทรงกลมเข้�ด้วยกัน พร้อมคว�มโดดเด่นของวง บ�ล�นซ์วีลขน�ดใหญ่โตที่มองเห็นบ�ล�นซ์สปริงทรง กระบอกได้ชัดๆ ทำ�หน้�ทีเ่ สมือนเป็นก�รตกแต่งบนพื้น หน้�ปัดแทน ฟังก์ชน่ั ช่วยจำ� “เมโม” ของกลไกเครือ่ งนี้ คิดค้น ขึ้นเพื่อเตือนผู้สวมใส่ให้กระทำ�ก�รสิ่งใดต�มที่ตั้งใจไว้ ในแต่ละวัน โดยใช้กรวยประดับชิ้นอัญมณีกับเพชรทรง ส�มเหลีย่ มอย่�งละชิน้ ทำ�หน้�ทีแ่ สดงเตือนให้กระทำ�ก�ร ด้วยก�รหมุนด้�นประดับอัญมณีม�ท�งด้�นล่�ง ซึง่ เมือ่ ได้กระทำ�ก�รใดๆ ต�มที่ตั้งใจไปแล้ว ก็ให้กดปุ่มรีเซ็ต เพื่อหมุนด้�นประดับเพชรออกม�แทนที่ จ�กนั้นในย�ม ค่�ำ คืน กลไกก็จะหมุนกรวยด้�นทีเ่ ป็นอัญมณีออกม�เพือ่ เป็นก�รเตือนสำ�หรับวันรุง่ ขึน้ นอกจ�กนีย้ งั ม�พร้อมกับ ฟังก์ชั่นแสดงวันที่แบบ 2 หลักด้วยกรวยซ้อนกัน 2 ชิ้น ให้อ่�นค่�ได้อย่�งเด่นชัดที่ตำ�แหน่งกล�งง่�มเข็ม โดย ส�ม�รถปรับตั้งวันที่ได้อย่�งสะดวกด้วยปุ่มกด
Maestro Pink Gold
Maestro เวอร์ชั่น Pink Gold และเวอร์ชั่น Titanium ผลิตจำ�นวนจำ�กัดเวอร์ชั่นละ 88 เรือน ตัวเรือน: พิง้ ค์โกลด์ หรือ ไทเทเนีย่ ม ขนาด 42 มม. หนา 16.06 มม.; เม็ดมะยม พิง้ ค์โกลด์ หรือสตีล ฝ�หลัง: ผนึกกระจกแซฟไฟร์; หน้�ปัด: ขอบหน้าปัดและขอบตัวเรือนชิ้นในสีดาำ หลักชั่วโมง: สีพิ้งค์โกลด์ ตกแต่งด้วยสีแดง หรือสีเงิน ตกแต่งด้วยสีน้ำาเงิน เข็ม: เคลือบพีวีดี สีเทาแอนทราไซต์ ติดตั้งอลูมิเนียมอโนไดซ์สีแดง หรือสีน้ำาเงิน; ง่ามแสดงวันที่เป็นสีแดง หรือสีน้ำาเงิน; ส�ย: หนังจระเข้สีดำา กลไก: ไขลาน Calibre DMC16; ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง; กำาลังสำารอง 7 วัน; บาลานซ์วีล ทรงกระบอก; เพลทกลไกเคลือบสีดำา; บริดจ์ วีล และกรวยแสดงค่า สีพิ้งค์โกลด์ หรือสีเงิน; ประดับทับทิม หรือแซฟไฟร์ บนจุดศูนย์กลางของกรวยทั้งสอง และที่จุดศูนย์กลางของชุดบาลานซ์ ฟังก์ชั่น: แสดงชั่วโมงกับนาทีด้วยเข็มกลาง; แสดงวันที่ ด้วยกรวยหมุนวัสดุอลูมิเนียม 2 ชิ้น สลักตัวเลข วางซ้อนกัน ปรับตั้งด้วยปุ่มกด; ฟังก์ชั่น “เมโม” ย้ำาเตือนความจำาแบบรายวัน ด้วย กรวยหมุนอลูมเิ นียมประดับเพชรและทับทิมหรือแซฟไฟร์ทรงสามเหลีย่ ม รีเซ็ทค่าตัง้ เตือนใหม่ดว้ ยปุม่ กด
Maestro Titanium
CHRISTOPHE CLARET
55
X-TREM-1 เวอร์ชั่นใหม่ของเรือนเวลาล้ำาเทคนิค ปี 2017 นี้ น�ฬิก�รุ่นดัง X-TREM-1 จ�กคอลเลคชั่นคอมพลิเคชั่น สุดล้ำ� Extreme Complication ซึ่งเหนือชั้นด้วยกลไกตูร์บิยอง ที่แสดงชั่วโมง กับน�ทีดว้ ยลูกสตีลทรงกลม 2 ลูก ขยับเคลือ่ นแบบเรโทรเกรด ในแนวดิง่ อยู่ ภ�ยในกระบอกหลอดทีอ่ ยูท่ �งฝัง่ ซ้�ยกับฝัง่ ขว�ของตัวเรือน จ�กก�รส่งกำ�ลัง ด้วยสน�มแม่เหล็กของชุดกลไกแสดงเวล�ทีอ่ ยูภ่ �ยในตัวเรือน เปิดตัวเวอร์ชน่ั ใหม่ออกม�สมทบโดยคร�วนี้ได้เปลี่ยนลักษณะก�รห่อหุ้มส่วนแสดงเวล� จ�กหลอดกระจกแซฟไฟร์ในเวอร์ชั่นก่อนๆ ม�เป็นโครงตะแกรงโลหะ
X-TREM-1 Red Gold & Black Titanium Marguerite New Size 37 mm Champagne-set Aubergine version
Marguerite ขนาดใหม่ 37 มม. เวอร์ชั่น “Champagne-set Aubergine” ใช้ตัวเรือนเร้ดโกลด์ประดับเพชรแบบ “แชมเปญ-เซ็ต” ซึ่งเป็นการออกแบบร่องฝังและตำาแหน่งของการประดับเพชรขนาด ต่างๆ กัน ให้คล้ายกับพรายฟองของแชมเปญในแก้ว พร้อมการ ตกแต่งรายละเอียดต่างๆ ด้วยโทนสีม่วงสมชื่อ ออเบอร์จีน
X-TREM-1 เวอร์ชั่น Red Gold & Black Titanium ผลิตจำ�นวนจำ�กัด 8 เรือน ตัวเรือน: ขนาด 40.8 x 56.8 มม. หนา 15 มม. วัสดุเร้ดโกลด์ และไทเทเนี่ยม เคลือบพีวีดี สีดาำ หลักสเกลชั่วโมงและน�ที: เคลือบเร้ดโกลด์ ลูกกลมแสดงเวล�: สตีล ส�ย: หนังจระเข้สีดาำ กลไก: ไขลาน Calibre FLY11; ควบคุมการทำางานด้วย ตูร์บิยอง แบบฟลายอิ้ง วางมุมเอียง 30 องศา; ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง; กำาลังสำารอง 50 ชั่วโมง; บาร์เรล 2 ชุด ชุดหนึ่ง สำาหรับขับเคลือ่ นกลไก และอีกชุดหนึง่ สำาหรับกลไกแสดงเวลา; เมนเพลทและบริดจ์ทาำ จากไทเทเนีย่ ม ฟังก์ชั่น: แสดงชั่วโมงกับนาทีด้วยลูกกลม 2 ลูก ขยับเคลื่อนแบบเรโทรเกรด ในแนวดิ่ง ปรับตั้งเวลาแบบรวดเร็วได้ด้วยปุ่มกด ณ ตำาแหน่ง 12 นาฬิกา และปรับตั้งเวลากับขึ้นลาน ด้วยการหมุนชิ้นบานพับรูปทรงโบว์ บนฝาหลัง; แสดงวินาทีด้วยการหมุนของกรงตูร์บิยอง
MARGUERITE เรือนร่างขนาดย่อมของนาฬิกาเรือนงามสำาหรับคุณผูห้ ญิง เพื่อเป็นก�รเอ�ใจคุณผู้หญิงที่ยังนิยมชมชอบน�ฬิก�ไซส์ไม่ใหญ่นัก ปีนท้ี �งแบรนด์จงึ ได้ผลิต Marguerite น�ฬิก�กลไกอัตโนมัตจิ �กคอลเลคชัน่ Ladies Complication ในตัวเรือนขน�ดย่อม 36.9 มม. ออกม� โดยยังคง ลักษณะ ดีไซน์ ก�รตกแต่ง และคอมพลิเคชัน่ ทีส่ �ม�รถสลับก�รแสดงตัวเลข หลักชัว่ โมงบนหน้�ปัดไปเป็นข้อคว�มลับส่วนตัวได้ดว้ ยก�รกดปุม่ ไว้เช่นเดิม ทุกประก�ร ขณะทีต่ วั กลไกจะมีขน�ดเล็กและบ�งกว่�กลไกทีใ่ ช้กบั ตัวเรือน ขน�ด 42.5 มม. ห�กแต่มสี เปคอืน่ ๆ ไม่แตกต่�งกัน ไม่ว�่ จะเป็นกำ�ลังสำ�รอง คว�มถี่ก�รทำ�ง�น ตลอดจนจำ�นวนชิ้นส่วนและจิวเวล Marguerite 37 mm เวอร์ชั่น Champagne-set Aubergine ผลิตจำ�นวนจำ�กัด 30 เรือน ตัวเรือน: เร้ดโกลด์ ขนาด 36.9 มม. หนา 11.53 มม.; ประดับเพชรขนาดต่างๆ จำานวน 98 เม็ด (รวม 0.51 กะรัต) แบบ แชมเปญ-เซ็ต บนขอบและขาของตัวเรือน; ประดับแอเมทิสต์ธรรมชาติ สีม่วงบนเม็ดมะยมเร้ดโกลด์ ฝ�หลัง: ผนึกกระจกแซฟไฟร์ หน้�ปัด: เปลือกหอยมุกสีขาว ติดตั้งแผ่นพิมพ์สีม่วงเงาเป็นหลักชั่วโมงที่ 3-6-9 และข้อความ ซ้อนทับด้วยจานแซฟไฟร์ใสเคลือบลายตารางโมเสกสีม่วง ซึ่งเมื่อกดปุ่มสั่งการ จานนี้ก็จะขยับ เคลื่อนไป 1.5 องศา ซึ่งจะทำาให้มองเห็นข้อความแทนตัวเลข และเมื่อปล่อยปุ่ม ก็จะเลื่อนกลับมา แสดงเลขชัว่ โมงตามเดิม (ข้อความแบบมาตรฐานจากโรงงาน คือ “I LOVE YOU” - ผูซ้ อ้ื สามารถ ระบุข้อความที่ต้องการได้ โดยไม่จำากัดภาษา แต่จาำ กัดจำานวนตัวอักษร) ก�รแสดงค่�: แสดงชัว่ โมงด้วยการหมุนของดอกเดซี่ 12 กลีบ วัสดุพง้ิ ค์โกลด์ เคลือบแล็กเกอร์ แบบไล่เฉดจากสีเร้ดโกลด์จนเป็นสีขาวด้าน; แสดงนาทีด้วยเข็มทรงก้านดอกเคลื่อนหมุนไป พร้อมกับแกนเข็มที่ประดับด้วยแอเมทิสต์ธรรมชาติสีม่วง; ตำาแหน่งการแสดงชั่วโมงกับนาที ติดตั้งด้วยชิ้นภาพผีเสื้อเคลือบพีวีดี สีเทาแอนทราไซต์ และเคลือบสารเรืองแสง ซูเปอร์ลูมิโนว่า สีส้ม ต่างระดับความเข้ม ส�ย: หนังจระเข้สีม่วง กลไก: อัตโนมัติ Calibre MT113; ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง; กำาลังสำารอง 72 ชั่วโมง; โรเตอร์แบบแผ่นเต็มฉลุโปร่งเป็นกลีบดอกเดซี่ ประดับทับทิม 4 เม็ด และมรกต 4 เม็ด
พบกับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.christopheclaret.com
TO BE FREE
WRITER: DR. PRAMOTE RIENJAROENSUK
Originality of Sport Watch ถ้าจะคุยกันถึงเรื่องนาฬิกาสปอร์ต คงไม่มีคอลเลคเตอร์คนไหนจะไม่คุยกันถึง Rolex Daytona แน่ๆ แต่ถงึ อย่างนัน้ ก็เถอะ ผมเองก็ยงั นึกสงสัยว่า นาฬิการุน่ นี้ นอกจากจะดังในแบบทีใ่ ครๆ ก็รจู้ กั กันแล้ว ยังจะมีอะไรดีๆ มากกว่านัน้ ทีพ่ อจะ มาเล่าให้กันฟังในคอลัมน์ To Be Free นี้ได้ด้วยหรือเปล่า เพราะสำาหรับผมแล้ว เสียงปรบมือจากความเพียรพยายาม ของเหล่านักออกแบบและผู้ผลิตเท่านั้น ที่จะเป็นรางวัลของผู้กล้าใน คอลัมน์น ี้ ซึ่งความจริงส่วนหนึ่งแล้ว สำาหรับ Rolex Daytona กลับ กลายเป็นแบรนด์และรุน่ ทีผ่ มเองรวมไปถึงหลายต่อหลายคนกลับมอง ข้ามไป ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความโด่งดังคับฟ้าของแบรนด์และรุ่น รวมไปถึงความยอดนิยมและรูปแบบของแบรนด์ที่ไม่ค่อยจะมีการ กระจายข้อมูลให้กับผู้คนทั่วไปได้รับรู้กันมากนัก
แต่แล้วเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึงจนได้ในปีนี้ เพราะหลังจาก กว่า 20 ปีที่ผมให้ความสนใจกับวงการนาฬิกา ก็นับเป็นครั้งแรกที่ ประเทศไทยได้รบั เลือกให้เปิดนิทรรศการอย่างเป็นทางการของ Rolex และก็ยิ่งพิเศษขึ้นไปอีกเพราะเน้นสำาหรับ Daytona โดยเฉพาะ ซึ่งก็ ต้องนับว่าเปิดโลกทัศน์ของผมกับ Rolex Daytona ยิ่งขึ้นไปกว่าสิ่งที่ ผมเคยรู้จัก
นิทรรศการ Rolex Daytona ในประเทศไทย ซึ่งถูกจัดขึ้นในวันที่ 14 – 23 กรกฎาคม 2560 ณ ชั้น จี ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี โดย พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส และ Rolex
เพราะในปี 1963 ในขณะทีโ่ ลกของนาฬิกากับวงการมอเตอร์ สปอร์ตยังไม่ได้ถกู เชือ่ มโยงกันในแง่การค้าเช่นทุกวันนี ้ นาฬิกา Rolex Cosmograph ได้รบั การแนะนำาตัวอย่างเป็นทางการในแง่มมุ ของนาฬิกา ที่ใช้สำาหรับสวมใส่เพื่อกิจกรรมทางด้านมอเตอร์สปอร์ตเป็นครั้งแรก โดยไม่นานต่อมาก็เลือกทีจ่ ะต่อท้ายชือ่ Cosmograph ด้วยชือ่ Daytona ซึง่ เป็นชือ่ ของสนามแข่งขันรถยนต์ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ทีม่ ตี าำ นานมาตัง้ แต่เมือ่ ครัง้ เป็นสนามแข่งบนหาดทรายเนือ้ แน่น จนมา ถึงการเป็นสนามแข่งรถแบบจริงจังที่เหมาะสมกับการแข่งขันอย่างมี สไตล์มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกขณะนั้น สิ่งที่ Rolex มอบให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตในยุคนั้น คือ นาฬิกาจับเวลาทีส่ ามารถเชือ่ ถือได้ถงึ ความเทีย่ งตรง ทัง้ การบอกเวลา และการจับเวลา ในขณะที่ต้องมีความทนทาน สวมใส่สบาย และ อ่านค่าได้งา่ ย เรียกว่าครบทุกความต้องการของผูแ้ ข่งขันและผูเ้ กีย่ วข้อง ที่ต้องการทราบค่าเวลาเหล่านี้ ซึ่งมาถึงตรงนี้ก็ต้องย้าำ กันอีกครั้งว่า ในปี 1963 ยังไม่มรี ะบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์และอินเตอร์เน็ตทีจ่ ะวัดค่า อ่านค่า และเชือ่ มโยงข้อมูลต่างๆ เข้าหากัน จะมีกแ็ ต่เพียงระบบแมนวล เพียวๆ ของแต่ละแผนกที่จะต้องคอยอ่านค่าเพื่อทำาการวัดผลแต่ละ ชนิดกันไปด้วยตัวเอง ซึ่งก็แน่นอนว่าหากเกิดความผิดพลาดขึ้น ผล ของการแข่งขันอาจเปลี่ยนไปได้อย่างง่ายดายไปด้วย
ประวัติความเป็นมาของสนามแข่งรถ Daytona เริ่มจากการใช้ชายหาดเป็นที่สร้างสถิติด้าน ความเร็วตัง้ แต่ปี 1903 ต่อด้วยการทำาแทร็คถนน ต่อเนือ่ งกับชายหาดวางแนวเป็นสนามแข่งรถรูปไข่ ตั้งแต่ปี 1936 จนกระทั่งย้ายสถานที่มาสร้างเป็น สนามแทร็คมาตรฐานในชื่อ Daytona International Speedway ซึ่งเริ่มเปิดใช้เมื่อปี 1959 ซึ่ง ยังคงเป็นสนามแข่งรถทีส่ าำ คัญทีส่ ดุ แห่งหนึง่ ของ อเมริกามาจนถึงทุกวันนี้ โดยมี Rolex เป็นผู้ ให้ การสนับสนุนการแข่งขันรายการเอนดูรานซ์ 24 ชั่วโมง มาตั้งแต่ต้นยุค 60s
ประเด็นสำาคัญอย่างหนึ่งคือในช่วงปี 1963 นั้น แม้กีฬาและ ภาพลักษณ์ของมอเตอร์สปอร์ตจะหอมหวลก็ตาม แต่การทีม่ นี าฬิกา ระดับสูงโมเดลหนึง่ นำาเสนอออกสูต่ ลาดเพือ่ วัตถุประสงค์ในการใช้งาน กับวงการมอเตอร์สปอร์ตเท่านั้น กลับกลายเป็นสิ่งที่เกินกว่าผู้คนจะ เข้าใจได้ นาฬิกาอย่าง Daytona กลับถูกมองเป็นนาฬิกาสำาหรับผู้ที่ เกี่ยวข้องกับวงการมอเตอร์สปอร์ตเท่านั้นจึงจะสวมใส่ อีกทั้งราคา ค่าตัวของกลไกระดับนี้และการปรับแต่งระดับนี ้ ซึ่งทำาให้ Daytona มีราคาขายที่สูงในระดับหนึ่ง ก็ยิ่งกลายเป็นกำาแพงกั้นสำาหรับผู้คนที่ สนใจจะเป็นเจ้าของนาฬิการะดับหรูยิ่งขึ้นไปอีก ประมาณว่าอยากได้ นาฬิการะดับหรู แต่ก็ไม่ได้อยากได้นาฬิกาแบบสปอร์ตไปใช้งาน ด้วยเหตุนจ้ี งึ ทำาให้การจำาหน่ายนาฬิกาอย่าง Daytona เป็นไป ด้วยความยากลำาบาก ในช่วงเวลาตัง้ แต่ป ี 1963 ไปจนถึงช่วงปี 1983 จึงกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความไม่งดงามของนาฬิการุ่นนี ้ เหตุเพราะ ในแต่ละร้านมักมีสต็อคเก็บไว้เป็นระดับ 10 ปีหลาย 10 เรือน รวมทัง้ ความสนใจของลูกค้าทีน่ บั วันก็ยง่ิ หันเหไปสูค่ วามหรูหรามากขึน้ ทิง้ ให้ นาฬิกาแนวสปอร์ตเป็นได้เพียงแค่ไม้ประดับในตู้เท่านั้น
Cosmograph Daytona Ref. 6239 เป็นนาฬิกา Daytona รุน่ แรก เริม่ ออกจำาหน่ายเมือ่ ปี 1963 ซึ่งตอนช่วงแรกๆ นั้นเรียกว่า Cosmograph เฉยๆ และไม่มีชื่อ Daytona อยู่บนหน้าปัด จนกระทั่ง ถึงราวปี 1965 จึงเริ่มมีปรากฎให้เห็น
Oyster Cosmograph Daytona Ref. 6240 เป็นรุ่นแรกของ Daytona ที่ใช้ตัวเรือนแบบ Oyster ซึ่งหมายถึงสามารถกันน้ำาได้ ทัง้ ยังมาพร้อมกับปุม่ กดแบบมีเกลียวล็อค และมีการใช้แผ่นวงแหวนเพล็กซิกลาสสีดาำ พร้อมสเกลทาคีมิเตอร์สีขาวมาติดตั้งบนขอบตัวเรือน ด้วยช่วงเวลาการผลิต ที่ไม่นานนัก (ราวปี 1965 – 1969) จึงกลายเป็นรุ่นที่หาชมได้ยากเพราะมีจำานวน การผลิตไม่มากเรือนนัก และก็เช่นเดียวกับ Ref. 6239 ที่ไม่ใช่ว่าทุกเรือนจะมีชื่อ Daytona อยูบ่ นหน้าปัด แต่สาำ หรับ Ref. ต่อมา อันได้แก่ Ref. 6262 กับ Ref. 6264 เป็นต้นไปจนกระทั่งถึงปัจจุบัน จะมีชื่อ Daytona อยู่บนหน้าปัดทุกเรือน
Cosmograph Daytona Ref. 6239 ‘Exotic’ Dial หนึ่งในรุ่นที่เรียกกันว่า ‘Paul Newman’ เนื่องมาจากว่า Paul Newman ซึ่งเป็นนักแสดงชื่อดังในอดีตนั้นมัก ปรากฎตัวพร้อมนาฬิกา Daytona บนข้อมืออยู่เสมอ ตั้งแต่ราวปี 1972 จนกระทั่งเขาเสียชีวิตลงในปี 2008 ด้วยเหตุนี้นักสะสมนาฬิกาจึงเรียก Daytona หน้าปัด ‘Exotic’ Dial ซึง่ มีการสลับสี ขาว-ดำา ระหว่างวงขอบหน้าปัด หน้าปัด และวงหน้าปัดขนาดเล็ก ที่ Paul Newman มักสวมใส่ว่า รุ่น ‘Paul Newman’
TO BE FREE Oyster Perpetual Cosmograph Daytona Ref. 16520 ซึ่งเริ่มออกจำาหน่ายเมื่อปี 1988 คือ หนึ่งในซีรี่ส์ 16500 อันเป็น Daytona ซีรี่ส์แรกที่ขยายขนาดตัวเรือนจากเดิม 37 มม. มาเป็น 40 มม. และเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งด้วยกระจก แซฟไฟร์และใช้กลไกแบบอัตโนมัติ (ซึ่งเป็นการนำากลไกของ Zenith มาปรับปรุงใหม่) ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับการรับรอง ความแม่นยำาตามมาตรฐาน “ซูเปอร์เลทีฟ โครโนมิเตอร์” ของ Rolex ด้วย
59
“Daytona นี่กลัวเลย ทุกปีเอเย่นต์ใหญ่เค้าจะคอยส่งของ มาให้เรา พอเห็น Daytona เท่านั้นแหละ ผมรีบบอกเลยให้เอากลับ ของเก่ามีเต็มเลยจะให้เอามาไว้ทาำ ไม บางทีเอเย่นต์ใหญ่เค้าจะพยายาม ฝากไว้ให้เรา ผมก็บอกไม่เอา หน้าตาเหมือนกันมีเอาไว้ทาำ ไมเยอะๆ” ตัวแทนจำาหน่ายนาฬิกา Rolex เก่าแก่ในประเทศไทยแห่งหนึ่งเล่าให้ ผมฟังเกี่ยวกับนาฬิกา Daytona ในสมัยก่อน
TO BE FREE Originality of Sport Watch
Oyster Perpetual Cosmograph Daytona Ref. 116520 หนี่งในซีรี่ส์ 116500 ซึ่งเริ่มออกจำาหน่ายเมื่อปี 2000 โดยคราวนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกรหัส 4130 ซึ่งเป็นกลไกอิน-เฮ้าส์ ของ Rolex เอง
Calibre 4130 กลไกอัตโนมัติโครโนกราฟ อิน-เฮ้าส์ มาตรฐาน “ซูเปอร์เลทีฟ โครโนมิเตอร์” โดดเด่นด้วยจำานวนชิ้นส่วนที่พัฒนาให้มี น้อยชิ้นกว่ากลไกโครโนกราฟอื่นๆ และมี กำาลังสำารองที่ยาวนานถึง 72 ชั่วโมง ซึ่งยังคงเป็นกลไกที่ใช้อยู่ใน Daytona รุ่นต่างๆ ในปัจจุบัน
Oyster Perpetual Cosmograph Daytona Ref. 116506 รุ่นสูงสุดของ Daytona ในยุคปัจจุบัน ด้วยตัวเรือนและสายที่ทำาจากแพลตินั่ม พร้อมตกแต่งด้วยขอบตัวเรือนเซราโครมเซรามิก สีน้ำาตาลเชสต์นัท เข้ากับสีของวงแหวนเคาน์เตอร์ บนพื้นหน้าปัดสีฟ้า ไอซบลู เปิดตัวมาในปี 2013 พร้อมวาระฉลองปีที่ 50 ของการถือกำาเนิด นาฬิกา Daytona
“แต่นต่ี อนนีไ้ ม่เหมือนกันเลย ตัง้ แต่ชว่ งก่อนปี 1990 แล้ว ที่ อยูๆ่ นาฬิกาสปอร์ตก็กลายเป็นน่าสนใจขึน้ มา มีแต่คนมาหา ตรงข้าม กับนาฬิกาแบบสองกษัตริย์ Oyster ทีเ่ ราเคยขายดีทกุ วัน ตอนนีไ้ ม่คอ่ ยดี แล้ว อะไรๆ ก็จะเอาแต่สปอร์ต โดยเฉพาะ Daytona เนีย่ ตัง้ แต่เปลีย่ น เป็นตัวเรือนใหญ่ขน้ึ แล้วก็เป็นกระจก ก็ขายดีมาก สัง่ มาเท่าไหร่กไ็ ม่พอ ขาย จนกลายเป็นว่าต้องขายในราคาที่สูงกว่าที่ราคาตั้งเป็น ซึ่งก็ยัง ขายได้ คนก็ยงั จะเอาอยู่ ตรงกันข้ามกับช่วง 20 ปีแรกของรุน่ นี้ ตอนนัน้ ไม่มีใครเอาเลย” ตัวแทนจำาหน่ายท่านเดิมกล่าวกับผม “คนทีไ่ ม่รกู้ บ็ อกว่า Daytona ขายดี ทำาไมผลิตมาน้อย ก็เค้า ไม่ได้มาดูตอนขายไม่ได้นี่นา ตอนนั้นมีแต่คนบอกว่าไม่ใช่นักแข่งรถ จะเอาไปจับเวลาอะไร พอบอกอย่างงีแ้ ล้วก็ตอ้ งตบมือให้ Rolex เค้านะ ที่เค้ามุ่งทำานาฬิกาให้ดีที่สุด ซึ่งต้องใช้เวลาพิสูจน์ ผมว่าเค้าต้องทน ขาดทุนนานนับ 20 ปีนะ กว่าจะมาถึงวันที่เค้าประสบความสำาเร็จ และลูกค้าเข้าใจของๆ เค้าได้ ลองนึกดูสิ ถ้า Rolex ยอมแพ้แล้วบอก เลิกผลิตแล้ว วันนี้จะได้เห็น Daytona ได้ยังไงล่ะ อันนี้เป็นประเด็น สำาคัญทีต่ อ้ งให้คนมองเลยนะ เพราะมีลกู ค้าจำานวนนึงเหมือนกันทีม่ อง เห็นจุดนี้ แล้วชอบความเป็นนาฬิกาสปอร์ตอย่าง Daytona อันนี้ก็ ต้องตบมือให้เขาเหมือนกัน เพราะแสดงว่าเค้ามองเห็นของจริง และรู้ ได้เลยว่าเป็นของดี ของสวย และวันหนึ่งจะโด่งดัง อันนี้เรื่องจริง” ตัวแทนจำาหน่ายท่านเดิมกล่าวสรุปให้ผมเห็นภาพความอดทนและมุง่ มัน่ ของ Rolex ในการที่จะสร้างให้ Daytona เป็น Daytona อย่างที่เรา เห็นกันในวันนี้ ซึง่ ถ้านึกตามก็จะรูเ้ ลยว่าเป็นความจริง เพราะหากปราศจาก Daytona แล้ว ยังนึกไม่ออกเลยว่าวงการนาฬิกาแนวสปอร์ตจะออกมา เป็นในรูปแบบไหน
Oyster Perpetual Cosmograph Daytona Ref. 116500LN เปิดตัวมาเมื่อปี 2016 โดยเป็นครั้งแรกของ Daytona เรือนสตีล ที่มาพร้อมกับขอบตัวเรือนเซราโครมเซรามิก ซึ่งขอบตัวเรือนสีดำานี้ ถือเป็นการรำาลึกถึงขอบตัวเรือนสีดำา ของ Ref. 6240 สมัยยุค 60s นอกจากนี้ในเวอร์ชั่นหน้าปัดสีขาว ยังเปลี่ยนมาใช้วงแหวนเคาน์เตอร์สีดำาด้วย
TO BE FREE
61
Oyster Perpetual Cosmograph Daytona Ref. 116518LN หนึ่งใน Daytona เรือนทองเวอร์ชั่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2017 นี้ ตัวเรือนเเป็นยลโลว์โกลด์ พร้อมขอบตัวเรือนเซราโครมเซรามิกสีดำา และหน้าปัดสีแชมเปญ ตัดกับวงเคาน์เตอร์และชิ้นหลักชั่วโมงสีดำา โดยสวมคู่มากับสายยางแบบ “ออยสเตอร์เฟล็กซ์” สีดำา (หุ้มแผ่นโลหะชนิดยืดหยุ่นได้ด้วยอีลาสโตเมอร์ที่ออกแบบรูปทรงให้ สวมใส่ได้สบายข้อมือที่สุด ซึ่งคิดค้นพัฒนาและจดสิทธิบัตรโดย Rolex) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นำามาใช้กับ Daytona
THE COLLECTOR
VINTAGE ROLEX ENTHUSIAST
เมือ่ ต้นเดือนมิถนุ ายน IAMWATCH มีโอกาสได้ไปเยือนฮ่องกงเพือ่ เข้าชมงานนิทรรศการ VINTAGE ROLEX: WATCHES & EPHEMERA ที่จัดแสดงนาฬิกาและของสะสมเกี่ยวกับ Rolex ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นของวินเทจ หาชมยาก นิทรรศการครั้งนี้จัดโดย คริสตี้ส์ (Christie’s) สถาบันการประมูลวัตถุล้ำาค่ารายเก่าแก่กว่า 2 ศตวรรษ โดยของสะสมทีน่ าำ มาจัดแสดงในงานครัง้ นีเ้ ป็นสมบัตสิ ว่ นตัวของคอลเลคเตอร์ชาวฮ่องกงท่านหนึง่ ผู้ไม่ประสงค์ออกนามและเปิดเผยตัวตน แต่ต้องการแสดงถึงเสน่ห์ของ Rolex และเผยแพร่ให้สาธารณชน ได้ร่วมรับรู้ว่าทำาไมผู้คนทั่วโลกถึงนิยมชมชอบในแบรนด์นาฬิกาสวิสแบรนด์นี้ ซึ่งไม่ใช่เป็นเพราะแค่ความ ดีเลิศของตัวนาฬิกาเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงองค์ประกอบทุกส่วนซึ่งล้วนแล้วแต่มีที่มาที่ไป มีประวัติ และเกียรติภูมิที่น่าสนใจและมีวิวัฒนาการสืบเนื่องต่อกันมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่ทำาให้เกิดความประทับใจ จนกลายเป็นความหลงใหลได้ปลื้มในที่สุด BY: DR. PRAMOTE RIENJAROENSUK & VIRACHARN TERMPIPATPONG Thanks: Kittichoke Asadornsak & Nikorn Ongvodtithum
IAW: คุณมาจัดแสดงนิทรรศการร่วมกับคริสตี้ส์ได้อย่างไรครับ น่าจะเป็นเพราะผมสะสมนาฬิการวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวกับ Rolex เอาไว้มากถึงกว่า 400 ชิ้น แล้วผมก็รู้จักกับผู้บริหารของ คริสตี้ส์ เรียกว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็ว่าได้ ผมก็เลยคุยกับเค้าว่า ผมอยากจะจัดนิทรรศการของตัวเองขึ้นมา ปรากฎว่าเขาเห็นดี ด้วย ความคิดในการจัดงานเริ่มขึ้นในเดือนมกราคม จากนั้นก็ใช้ เวลาตระเตรียมและเปิดแสดงในเดือนมิถุนายนด้วยจำานวนที่นำา มาจัดแสดงราว 180 ชิน้ อย่างทีค่ ณุ เห็น ผมอยากจะแสดงให้ผคู้ น ได้เห็นถึงเหตุผลว่าทำาไมผมถึงสะสมของเกี่ยวกับ Rolex ให้คน ได้เห็นว่า Rolex ทำาสิ่งต่างๆ ได้ดีเพียงใด Rolex ไม่เหมือนกับ แบรนด์ดงั ๆ บางแบรนด์ทม่ี แี ต่นาฬิการาคาแพงๆ เพราะ Rolex มี ตั้งแต่นาฬิการาคาย่อมเยาไปจนถึงราคาสูงๆ แล้วก็มีรุ่นที่คอม พลิเคทขึ้นมาอย่าง 8171 (Padellone Triple Calendar with Moonphase Ref. 8171) ที่มีมูนเฟส รวมไปถึงดิสเพลย์แสดง นาฬิกา แท่นตัง้ นาฬิกา และป้ายต่างๆ ซึง่ ทุกอย่างล้วนมีราคาสูง อย่างไม่น่าเชื่อ และทุกอย่างก็ถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างมีที่มาที่ไป และแสดงถึงพัฒนาการของแบรนด์ในแต่ละยุคสมัยได้เป็นอย่างดี ซึง่ ยิง่ ศึกษาก็ยง่ิ สนุก ยิง่ เข้าใจและเข้าถึงรายละเอียดของความเป็น Rolex ทำาให้ผมไม่เคยหยุดที่จะสะสมเพิ่มเรื่อยมาจนกระทั่งถึง ทุกวันนี้ จะบอกว่าเมื่อ 6-7 ปีก่อนนี่ผมถึงขนาดซื้อเพิ่มเป็นราย วันเลยนะ IAW: ทำาไมไม่เอามามากกว่านี้ล่ะครับ ที่เอามาจัดแสดงนี่ผมคัดเลือกมาแล้ว นาฬิกาบางรุ่นผมก็มีอยู่ หลายเรือน คงไม่มีประโยชน์ถ้าจะเอาเรือนที่เหมือนๆ กันมาจัด แสดง ผมคิดว่ามันจะดูน่าเบื่อเกินไป IAW: ก่อนจะมาจริงจังกับการสะสม Rolex คุณมีเก็บนาฬิกา อะไรมาก่อนมั้ยครับ เมื่อก่อนผมมีสะสม Tudor, Blancpain และ Omega ด้วย แต่ เมือ่ เริม่ คิดว่าจะหาอะไรทีส่ ามารถเก็บสะสมอย่างจริงจังได้ ก็เลย หันมาสนใจ Rolex เป็นหลัก ผมก็เลยขายนาฬิกาพวกนั้นออกไป บ้างแล้วมามุง่ เน้นที่ Rolex อย่างจริงจัง เพราะผมรูส้ กึ ได้ถงึ ความ มหัศจรรย์แห่งสีเขียวของแบรนด์นี้ มันมีความเชื่อมโยงจากอดีต จนถึงปัจจุบันซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่ไม่มีตรงนี้ IAW: จริงๆ แล้วคุณเริ่มรู้จัก Rolex ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ผมได้ยนิ ชือ่ Rolex มาตัง้ แต่เด็กๆ แล้ว เพราะแบรนด์นเ้ี ป็นทีร่ จู้ กั กันทัว่ ประเทศ แม้แต่ในหนังฮ่องกงเรือ่ งดังๆ ก็มพี ดู ถึง อย่างเช่น พอประสบปัญหาก็มกี ารบอกให้เอา Rolex ไปขายเพือ่ เอาเงินมาใช้ อะไรอย่างนี้ นาฬิกา Rolex เรือนแรกของผมเป็น Datejust เรือน บอยไซส์ทแ่ี ม่ของผมให้มาเมือ่ ราว 20 ปีกอ่ นซึง่ ผมก็เก็บไว้เฉยๆ ไม่ได้ใส่ เพราะมันเล็กไป แต่มนั ก็เป็นความทรงจำาทีด่ แี ละตอนนี้ ผมก็ยังเก็บเรือนนั้นเอาไว้อยู่
THE COLLECTOR
“Pre-Submariner” Turn-o-graph Ref. 6202 จากปี 1953
“Big Crown red depth” Submariner Ref. 6538 จากปี 1956
“Explorer Dial Underline” Submariner Ref. 5513 จากปี 1963
65
IAW: ที่นาำ มาจัดแสดงคราวนี้เป็น Rolex วินเทจเรือนเด็ดๆ ทั้งนั้นเลยนะครับ ทั้ง Submariner, Sea-Dweller, Paul Newman (Daytona) แล้วก็อีกหลาย รุ่นเลย คุณกำาหนดรูปแบบของการสะสม Rolex วินเทจไว้อย่างไรบ้างครับ สำาหรับนาฬิกา Rolex วินเทจ ผมเลือกที่จะเก็บยุค 1950 ถึง 1970 เป็นหลัก จริงๆ ผมก็มีเก็บนาฬิกาใหม่ๆ ด้วยนะ แต่ผมชอบแบบวินเทจมากกว่า IAW: คุณรู้สึกอย่างไรกับแบรนด์ Rolex ครับ ผมคิดว่ามันเป็นแบรนด์ที่มั่นคง ไม่เหมือนกับบางแบรนด์ที่คนนิยมน้อยลงไป เรื่อยๆ ตามกาลเวลาที่ผ่านไป แต่ Rolex กลับมีคนใหม่ๆ ก้าวเข้ามาหาอยู่ ตลอด นี่ยังไม่พูดถึงคุณค่าของมันในตลาดนาฬิกานะ แค่ด้านเสน่ห์ดึงดูดให้ คนชื่นชอบหลงใหลก็เกินพอแล้ว ประชากรผู้ชื่นชอบ Rolex จึงมีอยู่มากมาย ความนิยมจึงมีทั้งในรูปแบบนาฬิกาใหม่ นาฬิกาเก่า และนาฬิกาวินเทจ หรือ แม้แต่ป้าย ดิสเพลย์สำาหรับแสดงนาฬิกา สติ๊กเกอร์ คู่มือ อุปกรณ์ควบ และ เครือ่ งมือต่างๆ แม้กระทัง่ กระเป๋าของพนักงานขาย รวมไปถึงสายนาฬิกาและ เอกสารต่างๆ เรียกว่าทุกๆ อย่างที่เกี่ยวกับ Rolex นี่สามารถเป็นของสะสม ได้ทั้งหมด นิทรรศการครั้งนี้ ผมจึงจัดแสดงสิ่งเหล่านี้ควบคู่ไปกับนาฬิกาด้วย โดยทัง้ หมดล้วนเป็นของวินเทจ ผมว่านีค่ อื ความน่าทึง่ ของ Rolex เพราะไม่ใช่ แค่นาฬิกาเท่านั้นที่เค้าพิถีถันตั้งใจออกแบบและสร้างขึ้นมา แต่ยังรวมไปถึง ดิสเพลย์และอุปกรณ์ตา่ งๆ ของเค้าด้วย ความน่าสนใจของอุปกรณ์พวกนีน้ อกจาก การออกแบบดีเทลตกแต่งทีส่ วยงามแล้ว ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้ดดี ว้ ย เรือ่ ง เหล่านี้คือสิ่งที่ทาำ ให้ผมสะสมนาฬิกาและอุปกรณ์ต่างๆ ของ Rolex IAW: ถ้าว่ากันถึงเฉพาะตัวนาฬิกา เรือนไหนที่คุณอยากจะพูดถึงมันมากที่สุด สำาหรับการจัดแสดงในครั้งนี้ นาฬิกาที่ผมประทับใจที่สุดมีอยู่ 2 รุ่น รุ่นแรกก็คือ 6200 (Submariner Ref. 6200) นาฬิกา Submariner บิ๊กคราวน์รุ่นแรก ซึ่งก็มีอายุมากกว่า 60 ปีแล้ว ผมชอบตรงดีไซน์ทเ่ี รียบง่ายและการใช้หน้าปัดแบบตัวเลข 3, 6, 9 นาฬิการุน่ นี้ ถูกผลิตขึน้ ในช่วงเวลาสัน้ ๆ เพียงแค่ไม่กป่ี ี จำานวนทีถ่ กู ผลิตขึน้ มาจึงไม่มากนัก ส่งผลให้มูลค่าในตลาดของรุ่นนี้อยู่ในระดับที่สูงมากๆ
“Single red prototype Sea-Dweller” Used by Ian Koblick on Tektite I Sea-Dweller Ref. 1665 จากปี 1967
“Mark 1 Patent Pending” Sea-Dweller Ref. 1665 จากปี 1967
“King Sub” Submariner Ref. 6200 จากปี 1954
IAW: แล้วอีกเรือนคืออะไรครับ เป็น Paul Newman ซึ่งก็จะมี 6239 (Cosmograph Daytona Ref. 6239) แบบ 3 สี ทีเ่ ป็นรุน่ และเป็นแบบเดียวกับที่ Paul Newman ใส่จริงๆ แล้วก็เป็นซีรส่ี แ์ รกสุดของหน้าปัดแบบ พอล นิวแมน ด้วย ส่วน 6263 (Cosmograph Daytona Ref. 6263) อีกเรือน จะเป็นตัวเรือนแบบออยสเตอร์ (กันน้าำ ได้ และใช้ปมุ่ กดแบบมีเกลียว ล็อค) แล้วก็มี 6241 (Cosmograph Daytona Ref. 6241) พื้น หน้าปัดสีดำาที่ก็สวยมาก แต่สำาหรับผมแล้ว ผมชอบพื้นหน้าปัด สีขาวมากกว่า มันดูเป็นออริจินอลของ พอล นิวแมน มากกว่า IAW: จริงๆ แล้ว ทุกเรือนทีค่ ณุ นำามาจัดแสดงในครัง้ นีต้ า่ งก็มคี วาม น่าสนใจอยู่ในตัวด้วยกันทั้งนั้น ใช่ครับ ยังมีทน่ี า่ สนใจและน่าพูดถึงอีกหลายเรือน อย่าง สแควร์ คราวน์ การ์ด 5512 (Submariner Ref. 5512) จากปี 1959 ซึ่ง กันน้าำ ได้ที่ 100 เมตร ตอนที่ออกมานี่ คนก็บ่นกันว่าเหลี่ยมของ การ์ดมะยมมันใหญ่ไป ทำาให้หมุนปรับตัง้ เม็ดมะยมยาก หลังจาก รุน่ นีท้ าง Rolex ก็เลยปรับดีไซน์ของการ์ดมะยมใหม่เพือ่ ให้ใช้งาน เม็ดมะยมได้งา่ ยขึน้ และในทีส่ ดุ คราวน์การ์ดแบบเหลีย่ มนีก้ ก็ ลาย มาเป็นความคลาสสิกเหมือนกับบิ๊กคราวน์ เพราะถือเป็นบันทึก ประวัติศาสตร์ในสมัยแรกๆ ของ Submariner ส่วนรุ่น 5517 (Submariner Ref. 5517) นีก่ น็ า่ สนใจมากเพราะเป็นนาฬิกาทีท่ าำ สำาหรับกองทัพซึง่ มีความพิเศษกว่ารุน่ อืน่ ๆ ด้วยการใช้เข็มทรงดาบ แล้วก็มคี อลเลคชัน่ Comex อย่างรุน่ 5514 (Comex 5514) ทีเ่ ป็น แบบบิก๊ นัมเบอร์ (สลักหมายเลขประจำาเรือนขนาดใหญ่บนฝาหลัง) ซึง่ เป็นรุน่ ทีผ่ มชอบมากทีส่ ดุ รุน่ นีเ้ ป็นทีต่ อ้ งการของนักสะสมเพราะ เป็น Submariner Reference 5514 ซึง่ เป็น Reference ทีก่ าำ หนด ขึ้นมาสำาหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ ส่วนรุ่น 1665 (Comex 1665) นั้น ใช้หมายเลข Reference เดียวกับ Sea-Dweller ที่ทาำ ออกขาย ปกติ เรือน 1665 ปี 1978 ที่นำามาแสดงนี่มีความพิเศษตรงที่มัน มาพร้อมกับเอกสารต่างๆ ของ Comex ที่เกี่ยวข้องกับนาฬิกา และผู้ใช้งานถึง 25 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นจดหมายยืนยันการปฏิบัติ งาน ตารางการปฏิบัติงาน พาสปอร์ตดำาน้ำา และเอกสารข้อมูล ส่วนตัวของนักดำาน้ำาผู้ใช้งานนาฬิกาเรือนนี้ เกี่ยวกับ Comex นี่ นอกจากนาฬิกาแล้วผมก็ยงั เก็บสะสมอุปกรณ์ กล่อง และเครือ่ งมือ ต่างๆ ของ Comex อย่างพวกโคมไฟ ถุงมือ และหน้ากาก ทีเ่ คย ลงไปใช้ปฏิบัติงานใต้นา้ำ มาแล้วด้วยนะ นักสะสมส่วนใหญ่จะเก็บ แค่นาฬิกา แต่ผมเก็บหมดเลย IAW: ฟังดูแล้วเหมือนกับว่า คุณชอบนาฬิกาที่มีเรื่องราวให้พูดถึง ผมชอบนาฬิกาที่มีความเกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ นาฬิกาของผมบางเรือนยังมีเอกสาร มีกล่อง มีปา้ ยกระดาษ หรือ แม้กระทั่งมีใบเสร็จดั้งเดิมอยู่ด้วย อย่าง 6542 (GMT Master Ref. 6542) ซึ่งเป็น GMT รุ่นแรกนี่ ผมมีทั้งกล่อง ทั้งเอกสาร แล้วก็ใบเสร็จจากปี 1961 อยู่ครบเลย
“Paul Newman” Cosmograph Daytona Ref. 6239
“Square Crown Guard” Submariner Ref. 5512 จากปี 1959
“Milsub 5513” Submariner Ref. 5513 จากปี 1975
THE COLLECTOR
“Paul Newman” Cosmograph Daytona Ref. 6241
“Paul Newman Panda” Cosmograph Daytona Ref. 6263 จากปี 1970
“Milsub double ref 5515” Submariner Ref. 5513/5517
จากปี 1979
“Desert Eagle blueberry GMT” Made for the UAE Air Force GMT-Master Ref. 1675 จากปี 1971
67
IAW: นาฬิกาพวกนีน้ อกจากราคาสูงแล้ว การทีจ่ ะได้มาก็คงไม่งา่ ยเลยใช่มย้ั ครับ ไม่งา่ ยครับ หาดีๆ ยาก เพราะมันเกิดความเสียหายได้งา่ ยจากอายุของตัววัสดุ และไม่ใช่แค่นาฬิกานะครับ ชิน้ ส่วน อุปกรณ์ และสิง่ ของต่างๆ เกีย่ วกับ Rolex ก็เช่นเดียวกัน สิ่งของเกี่ยวกับ Rolex ที่ผมมีนี่เก่าที่สุดก็จะเป็นของจากช่วงปี 1940 ถึง 1950 ซึ่งเป็นของที่หายากมากๆ รวมไปถึงของพิเศษๆ อย่างเช่น นาฬิกาเรือนต้นแบบของ Sea-Dweller ซึง่ จากเรือนนี้ เมือ่ มองมาถึง Sea-Dweller รุน่ ล่าสุดทีเ่ พิง่ ออกมาในปีนก้ี ท็ าำ ให้เห็นชัดเจนถึงความยอดเยีย่ มของ Rolex ในแง่ ที่เค้าทำาการพัฒนานาฬิกาของเค้าให้ดียิ่งๆ ขึ้นอยู่เสมอ แล้วก็มีนาฬิกาผู้หญิง ที่ผมมีตั้งแต่ยุคทศวรรษที่ 1930, 1940, 1950, 1960 จนถึงยุค 1970 แต่หลัง จากนั้นซึ่งผมถือว่าเป็นรุ่นสมัยใหม่ ผมจะไม่ได้เก็บจริงจัง IAW: ช่วยอธิบายหน่อยครับว่าทำาไมถึงต้องสะสมสายนาฬิกากันด้วย เพราะสายของแต่ละยุคสมัยมันมีความแตกต่างกัน ที่น่าสนใจก็คือสายเหล็ก ที่ใช้กับนาฬิกาแบบสปอร์ต ซึ่งเป็นสายที่ Rolex ผลิตขึ้นเอง ราคาในปัจจุบัน ของสายเหล่านี้ก็สูงใช้ได้เลย รูปแบบสายที่เป็นที่ปรารถนากันมากที่สุดก็คือ สายที่มากับข้อเอนด์ลิ้งค์ (ข้อสุดท้ายชิ้นที่ยึดเข้ากับตัวเรือน) เบอร์ 65 และ มาพร้อมตัวล็อคซึ่งมีโลโก้ Rolex ขนาดใหญ่อยู่ที่บานพับ IAW: คุณจัดแสดงสิ่งเหล่านี้ไว้ที่บ้านเหมือนกับเป็นพิพิธภัณฑ์เลยมั้ยครับ ก็คล้ายๆ อย่างนั้นครับ ผมจัดตกแต่งไว้ที่ออฟฟิศแห่งหนึ่งของผม แต่เป็น พิพิธภัณฑ์ที่เอาไว้ชื่นชมเองส่วนตัวนะ “Comex 1665” Sea-Dweller Ref. 1665 จากปี 1978
COMING NOW 2017 เวียนมาถึงกำาหนดอีกครั้ง สำาหรับฟีเจอร์ประจำาฉบับที่สามของปี ซึ่งเป็นการนำาเสนอนาฬิกา เรือนเด่นรุ่นใหม่ล่าสุดจากหลากหลายแบรนด์ โดยเป็นรุ่นที่ทางตัวแทนในประเทศไทยได้นำาเข้ามา จำาหน่าย พร้อมให้คุณๆ ได้เป็นเจ้าของกันแล้ว โดยครั้งนี ้ IAMWATCH ได้คัดสรรนาฬิการุ่นเด่นๆ จาก 31 แบรนด์ มาให้คุณๆ ประกอบการพิจารณากัน หวังใจว่าจะมีสักเรือนหรือสักหลายเรือนที่ โดนใจคุณผู้อ่านนะครับ BY VIRACHARN TERMPIPATPONG
ATELIERS DEMONACO
ADMIRAL CHRONOGRAPHE FLYBACK ARMURE “นาฬิกาเรือนสตีลรุ่นแรกของแบรนด์ ในร่างนาฬิกาฟลายแบ็คโครโนกราฟเอดิชั่นใหม่ 2 เวอร์ชั่น” ปี 2017 นี้ แบรนด์นาฬิการะดับสูง Ateliers deMonaco ซึง่ นำาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นาฬิกามาจากความงามหรูของ สถาปัตยกรรมและศักดิศ์ รีแห่งชนชัน้ นำาของราชรัฐโมนาโก ได้นาำ เสนอ เวอร์ชน่ั ใหม่ของนาฬิกาโครโนกราฟฟังก์ชน่ั ฟลายแบ็ครุน่ Admiral Chronographe Flyback ออกมาอีกเอดิชั่นหนึ่ง ด้วยชื่อต่อท้ายว่า Armure (อาเมียวร์) โดยเปิดตัวมาพร้อมกัน 2 เวอร์ชั่น นั่นก็คือ เวอร์ชั่นตัวเรือนสตีลขัดเงา และเวอร์ชั่นตัวเรือนสตีลเคลือบดีแอลซี สีดาำ เพือ่ เป็นทางเลือกเพิม่ เติมจากเอดิชน่ั Classique ตัวเรือนโรสโกลด์ หรือไวท์โกลด์ ทีเ่ ป็นเอดิชน่ั แรกของนาฬิการุน่ นี ้ ซึง่ เปิดตัวครัง้ แรก เมื่อปี 2015 และเอดิชั่น Saphir ตัวเรือนโรสโกลด์หรือไวท์โกลด์ พร้อมหน้าปัดแซฟไฟร์ที่ตามออกมาในปี 2016 นาฬิกาเอดิชน่ั Armure ทัง้ 2 เวอร์ชน่ั นี ้ ถือเป็นครัง้ แรกของ แบรนด์ ทีผ่ ลิตนาฬิกาด้วยวัสดุสตีล แต่จะให้เป็นสตีลธรรมดาๆ ก็ดจู ะ ไม่สมแก่ฐานะของแบรนด์ ทางแบรนด์จงึ ได้นาำ กรรมวิธกี ารเพิม่ ความ แข็งแกร่งให้กบั ผิววัสดุทต่ี นเรียกว่า “อาร์เมียวร์” มาใช้ ซึง่ เป็นความ แข็งทีไ่ ม่ได้เกิดจากการเคลือบวัสดุ แต่เป็นการกระจายคาร์บอนลงบน พืน้ ผิววัสดุดว้ ยกระบวนการทางเคมีในอุณหภูมติ าำ่ ซึง่ จะเพิม่ ความแข็ง ให้กบั ผิวเหล็กจากระดับปกติท ่ี 220 HV ไปเป็น 1200 HV จึงเท่ากับ ว่าสามารถทนทานต่อการเกิดรอยขีดข่วนได้สงู กว่าสตีลปกติถงึ กว่า 5 เท่าเลยทีเดียว และก็เป็นที่มาของคำาว่า อาเมียวร์ ซึ่งเป็นภาษา ฝรั่งเศสที่หมายถึง อาร์เมอร์ หรือ เกราะ นั่นเอง
เวอร์ชั่นสตีล
กลไกทีใ่ ช้กบั เอดิชน่ั นี ้ ยังคงเป็นเหมือนกับเอดิชน่ั อืน่ ๆ ทีอ่ อกมาก่อน นัน่ ก็คอื Calibre dMc-760 ซึง่ เป็นกลไกอินเฮ้าส์ โครโนกราฟ จับเวลา 30 นาที พร้อมฟังก์ชน่ั ฟลายแบ็ค ความถี ่ 28,800 ครัง้ ต่อชัว่ โมง กำาลังสำารอง 38 ชัว่ โมง ทีข่ น้ึ ลานแบบอัตโนมัตดิ ว้ ยโรเตอร์ทองคำา 22 กะรัต ซึง่ ฉลุสลักตกแต่งด้วยมือ ให้เป็นตราประจำาราชรัฐโมนาโก อันเป็นกลไกทีม่ คี วามพิเศษด้วยระบบฟลาย แบ็ครูปแบบใหม่ทเ่ี รียกว่า “ไดเร็กต์ รีเทิรน์ ทู ซีโร่” ซึง่ ทางแบรนด์พฒั นาขึน้ และจดสิทธิบตั รเอาไว้แล้ว ระบบนีจ้ ะมีชน้ิ ส่วนทีใ่ ห้ชอ่ื ว่า มัลติฟงั ก์ชน่ั ฟลายแบ็ค แฮมเมอร์ ซึง่ ทำาหน้าทีท่ ง้ั ปล่อยคลัตช์วลี ของกลไกโครโนกราฟ จับยึดเบรค และ หมุนวีลวินาทีและนาทียอ้ นกลับไปทีต่ าำ แหน่ง 0 เมือ่ กดปุม่ สัง่ การ ณ ตำาแหน่ง 4 นาฬิกา โดยบรรจุไว้ในตัวเรือนรูปทรงคลาสสิกร่วมสมัย ขนาด 42 มม.
COMING NOW 2017
71
เวอร์ชั่นสตีลเคลือบดีแอลซีสีดำ�
หนา 13.3 มม. พร้อมผนึกกระจกทัง้ ฝัง่ หน้าปัดและฝาหลังด้วยแซฟไฟร์ คริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน เช่นเดียวกับเอดิชน่ั อืน่ ๆ แต่จะ สวมคูม่ ากับสายหนังวัวสีดาำ ลายสานให้อารมณ์สปอร์ต พร้อมตัวล็อค แบบบานพับวัสดุสตีลสีเดียวกับตัวเรือน หน้าปัดของเอดิชน่ั นี ้ ทางแบรนด์เลือกใช้เป็นแผ่นแซฟไฟร์ใส เพือ่ ให้มองเห็นตัวกลไกทีบ่ รรจงขัดแต่งชิน้ ส่วนต่างๆ ด้วยมืออย่าง งดงาม ส่วนชิน้ หลักชัว่ โมงก็ยงั คงเป็นเลขโรมันรูปทรงโค้งเช่นเดียวกับ เอดิชั่นอื่นๆ โดยเป็นการเคลือบพีวีดีให้เป็นสีดำาเพื่อให้เข้ากับสีดาำ ของเข็มแสดงเวลา สำาหรับการตกแต่งในจุดอื่นๆ นั้น เวอร์ชั่นสตีล จะมากับขอบวงหน้าปัดขนาดเล็กสีเงิน และใช้เข็มจับเวลาเป็นสีนาำ้ เงิน
เข้ากับสีของตะเข็บด้ายบนสาย ส่วนเวอร์ชน่ั สตีลเคลือบดีแอลซีสดี าำ จะใช้ปมุ่ กด เม็ดมะยม และขอบวงหน้าปัดขนาดเล็ก ทีเ่ คลือบเป็นสีดาำ และใช้เข็มจับเวลากับสเกลต่างๆ เป็นสีแดง ซึง่ แม็ตช์กบั สีตะเข็บด้าย บนสายเช่นกัน ตามธรรมเนียมของแบรนด์นน้ี น้ั ทุกรุน่ ทุกแบบจะถูกผลิต ขึ้นแบบ ลิมิเต็ด เอดิชั่น ในจำานวนจำากัดด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นแม้ เอดิชั่นนี้จะเป็นตัวเรือนวัสดุสตีล ก็ยังคงเป็นไปตามธรรมเนียมนี้ โดยกำาหนดจำานวนการผลิตไว้เพียงเวอร์ชั่นละ 88 เรือน เท่ากันกับ ทุกเอดิชน่ั และทุกเวอร์ชน่ั ของรุน่ Admiral Chronopraphe Flyback
มีจำาหน่ายที่ บริษัท แม็คโครริช เมโทร จำากัด
AUDEMARS PIGUET
ROYAL OAK CHRONOGRAPH REF.26331 “เฉลิมฉลองอายุ 20 ปีของนาฬิกาโครโนกราฟสายพันธุ์ Royal Oak ด้วยการอัพเดทดีเทลบนหน้าปัดให้เข้ากับยุคสมัยยิ่งขึ้น” Pink Gold Model ตัวเรือนพิ้งค์โกลด์; หลักชั่วโมงกับเข็มกลางเป็นพิ้งค์โกลด์; วงเคาน์เตอร์เป็นสีพิ้งค์โกลด์; เข็มเล็กเป็นสีเทา
เวอร์ชั่นหน้าปัดสีน้ำาเงิน; สายพิ้งค์โกลด์ หรือสายหนังจระเข้สีน้ำาเงิน
เป็นทีย่ อมรับกันทัว่ โลกว่า Royal Oak เป็น หนึง่ ในไอคอน ตลอดกาลของประเภทนาฬิกาสไตล์สปอร์ตหรู ซึง่ การจะดำารงสถานะ เช่นนี้ต่อไปได้ ก็จะต้องมีการอัพเดทรูปโฉมให้ทันสมัยและโดนใจ ของผู้คนอยู่เสมอ และเนื่องจากปี 2017 นี้ เป็นปีที่ 20 นับตั้งแต่ นาฬิกาแบบโครโนกราฟของ Royal Oak ถือกำาเนิดขึ้นมา ทาง AP จึงทำาการอัพเดทหน้าตาใหม่โดยมีเวอร์ชน่ั ต่างๆ ออกมาให้เลือกสรร กันอย่างหลากหลายตัง้ แต่ตวั เรือนสตีล ตัวเรือนไทเทเนีย่ ม ไปจนถึง ตัวเรือนพิง้ ค์โกลด์ โดยจับคูก่ บั สายสตีล สายไทเทเนีย่ ม สายพิง้ ค์โกลด์ หรือสายหนังจระเข้สีต่างๆ ที่แม็ตช์กับสีของหน้าปัด การปรับโฉมในครั้งนี้เน้นไปที่รายละเอียดบนหน้าปัดเป็น หลัก ซึง่ ก็ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเปลีย่ นมาใช้สแี บบทูโทนทีใ่ ห้พน้ื หน้าปัด กับเคาน์เตอร์หน้าปัดขนาดเล็กเป็นคนละสีกัน และการมีเวอร์ชั่นสี หน้าปัดให้เลือกหลายสี แต่ยังได้ปรับขนาดวงเคาน์เตอร์ให้ใหญ่ขึ้น และปรับขนาดหลักชั่วโมงให้ใหญ่ขึ้นแต่สั้นลงซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ให้
เวอร์ชั่นหน้าปัดสีนา้ำ ตาล; สายพิ้งค์โกลด์ หรือสายหนังจระเข้สีนา้ำ ตาล
กับแถบสารเรืองแสง ทั้งยังปรับขยายขนาดโลโก้และปรับดีไซน์ของ ฟ้อนต์ตวั เลขกับสเกลให้ทนั สมัยขึน้ และเพิม่ ลักษณะแถบวงแหวน ทีข่ อบหน้าปัด อีกทัง้ ยังปรับดีไซน์ให้กบั เข็มวินาทีจบั เวลา และมีการ ขยับตำาแหน่งช่องหน้าต่างวันที่ให้สมดุลย์ลงตัวกับพื้นที่ด้วย แต่ยัง รักษาลายตารางทีเ่ รียกว่า “กรองด์ ตาปิสซีรย่ี ”์ อันเป็นอีกเอกลักษณ์ สำาคัญของ Royal Oak เอาไว้เช่นเคย สำาหรับตัวเรือนขนาด 41 มม. หนา 11 มม. ผนึกกระจก หน้าปัดแซฟไฟร์ ตลอดจนรูปแบบของสาย และกลไกอัตโนมัต ิ โครโนกราฟ ระบบคอลัมน์วีล จับเวลา 12 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชั่น วันที ่ ความถี ่ 21,600 ครัง้ ต่อชัว่ โมง กำาลังสำารอง 40 ชัว่ โมง ขึน้ ลาน ด้วยโรเตอร์ทองคำา 18 กะรัต รหัส 2385 นัน้ ไม่ได้มคี วามแตกต่าง อะไรจาก Royal Oak Chronograph เจเนอเรชั่นก่อนหน้านี้
COMING NOW 2017
73
เวอร์ชน่ั ทีด่ มู คี วามพิเศษและแปลกใหม่กว่าเวอร์ชน่ั อืน่ ๆ เห็นจะเป็นเวอร์ชน่ั ตัวเรือนและสายไทเทเนีย่ ม พร้อมหน้าปัดสีเทาสเลทคูก่ บั วงเคาน์เตอร์ และวงขอบหน้าปัดสีน้ำาเงิน ซึ่งมีการนำาเอาวัสดุมูลค่าสูงอย่าง แพลตินั่ม มาทำาเป็นขอบตัวเรือน ขายึดสาย และข้อลิ้งค์ของสาย คอมบิเนชั่นนี้ ทำาให้สีเงินกระจ่างจรัสของแพลตินั่มดูโดดเด่นขึ้นมาจากโทนสีเทาเงินของไทเทเนี่ยมได้อย่างน่าชม Titanium & Platinum Model ตัวเรือนและสายไทเทเนี่ยม; ขอบตัวเรือนกับขายึดสายและข้อลิ้งค์ของสายเป็นแพลตินั่ม; หน้าปัดสีเทาสเลท; วงเคาน์เตอร์กับวงขอบหน้าปัดเป็นสีน้ำาเงิน หลักชั่วโมงกับเข็มกลางเป็นไวท์โกลด์; เข็มเล็กเป็นสีเงิน
Steel Model ตัวเรือนและสายสตีล; หลักชั่วโมงกับเข็มกลางเป็นไวท์โกลด์
เวอร์ชั่นหน้าปัดสีดาำ ; วงเคาน์เตอร์สีเงิน; เข็มเล็กเป็นสีเงินร่วมกับสีดำา
เวอร์ชั่นหน้าปัดสีเงิน; วงเคาน์เตอร์ และวงขอบหน้าปัดเป็นสีดำา; เข็มเล็กเป็นสีเงิน
Steel Model เวอร์ชั่นหน้าปัดสีน้ำาเงิน; วงเคาน์เตอร์เคลือบโรเดียม; เข็มเล็กเป็นสีเทา
มีจาำ หน่ายที่ โอเดอมาร์ ปิเกต์ บูติก
BELL & ROSS RS17 SERIES
“ฉลองการเข้าสู่วงการรถแข่งสูตรหนึ่งของ Bell & Ross ด้วยนาฬิกาโครโนกราฟ ลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่นาำ เอาลักษณะพวงมาลัยและวัสดุของรถแข่งเอฟวัน Renault R.S.17 มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์” สืบเนือ่ งจากการทีน่ าฬิกาซึง่ มีแรงบันดาลใจมาจากวงการ การบิน Bell & Ross ได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งการแข่งขันความเร็วภาค พื้นดินของรถสูตรหนึ่ง ฟอร์มูล่า วัน ด้วยการเข้าไปเป็นพันธมิตร อย่างเป็นทางการของทีม เรโนลต์ สปอร์ต ฟอร์มูล่า วัน ซึ่งตาม ธรรมเนียมของวงการก็ต้องมีการออกนาฬิการุ่นพิเศษเพื่อเป็น เกียรติแก่โอกาสสำาคัญเช่นนี ้ นาฬิกาโครโนกราฟภายใต้ชอ่ื ซีรส่ี ์ RS17 จึงถือกำาเนิดขึ้นมาในปี 2017 นี้ ซีรี่ส์ RS17 ที่ Bell & Ross รังสรรค์ขึ้นประกอบด้วยนาฬิกา โครโนกราฟ 3 รุ่น คือ BR 03-94 RS17, BR X1 RS17 กลไกสเกเลตัน และสุดๆ กับ BR X1 Tourbillon RS17 กลไกตูรบ์ ยิ อง โมโนพุชเชอร์ คอลัมน์วีล โครโนกราฟ กำาลังสำารอง 4 วัน โดยทุกรุ่นล้วนเป็นการ ผลิตขึน้ แบบ ลิมเิ ต็ด เอดิชน่ั จำานวนจำากัด ในรูปโฉมทรงเหลีย่ มมน อันแสนคุ้นตาตามแบบฉบับของ Bell & Ross ผนึกกระจกหน้าปัด แซฟไฟร์ เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน พร้อมคุณสมบัตกิ ารกันน้าำ ถึงระดับ 100 เมตร
แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ดีไซน์การตกแต่งของซีร่สี ์ RS17 นี้ มาจากลักษณะรูปแบบซึ่งรวมถึงสีสันสดใสต่างๆ อย่างสี เหลือง สีเขียว สีแดง ฯลฯ ของปุ่มและมาตรวัดบนพวงมาลัยของ Renault R.S.17 รถแข่งเอฟวันรุ่นล่าสุด ของทีม เรโนลต์ สปอร์ต ฟอร์มลู า่ วัน ทัง้ ยังนำาเอาชนิดวัสดุทใ่ี ช้กบั รถเอฟวัน อย่าง เซรามิก ฟอร์จคาร์บอน คาร์บอนไฟเบอร์ เรซิ่น และยาง มาใช้กับชิ้นส่วน ต่างๆ ด้วย โดยรุ่นที่เรานำามาแนะนำาก็คือ BR 03-94 RS17 และ BR X1 RS17
COMING NOW 2017
75
BR X1 RS17
ผลิตจำานวนจำากัด 250 เรือน ตัวเรือนขนาด 45 มม. ประกอบขึน้ จากวัสดุฟอร์จคาร์บอนร่วมกับเซรามิกสีดาำ และตกแต่งด้วยยางสีเหลือง ฝาหลังผนึกกระจกแซฟไฟร์ ย้อมสี หน้าปัดเป็นกระจกแซฟไฟร์ยอ้ มสีเทา ติดตัง้ หลัก ชัว่ โมงเลขอารบิกและเข็มโลหะ และเคลือบสารเรืองแสง ซูเปอร์-ลูมโิ นว่า บนหลักชัว่ โมงกับเข็มแสดงเวลา ทำางาน ด้วยกลไกอัตโนมัต ิ โครโนกราฟ ฉลุสเกเลตัน ซึง่ เด่นด้วย โครงบริดจ์ชิ้นบนที่เคลือบเป็นสีดำา รหัส BR-CAL.313 ความถี ่ 28,800 ครัง้ ต่อชัว่ โมง จับเวลาได้ 30 นาที แสดง ด้วยจานดิสก์ฉลุโปร่ง สั่งการด้วยปุ่มกดสีเหลือง พร้อม ฟังก์ชั่นวันที่แสดงด้วยจานฉลุสเกเลตัน และมีสเกลทาคี มิเตอร์มาให้บนขอบตัวเรือน สวมคู่มากับสายยางสีดำาที่ ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์สดี าำ ล็อคด้วยหัวเข็มขัดสตีล เคลือบพีวีดีสีดาำ ตกแต่งด้วยยาง
BR 03-94 RS17
ผลิตจำานวนจำากัด 500 เรือน ใช้ตัวเรือนเซรามิกสีดำาด้าน ขนาด 42 มม. เด่นด้วยปุ่มกดจับเวลาสีเหลือง หน้าปัดเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อม สเกลทาคีมิเตอร์บนวงขอบหน้าปัด ติดตั้งหลักชั่วโมงเลขอารบิกและเข็มโลหะ เคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมโิ นว่า บนหลักชัว่ โมงกับเข็มแสดงเวลา ทำางานด้วย กลไกอัตโนมัต ิ โครโนกราฟ รหัส BR-CAL.301 จับเวลาได้ 30 นาที พร้อมฟังก์ชน่ั วันที ่ สวมคูก่ บั สายยางสีดาำ ทีต่ กแต่งด้วยผ้ายืดสังเคราะห์สดี าำ ล็อคด้วยหัวเข็มขัด สตีลเคลือบพีวีดีสีดำา
มีจำาหน่ายที่ คอร์ติน่า วอทช์ เอสปา และ คอร์ติน่า วอทช์ บูติก
CARTIER
PANTHÈRE DE CARTIER WATCH “การกลับมาของนาฬิกาสตรีระดับไอค่อนสมัยยุคทศวรรษที่ 80”
Medium Model ตัวเรือนและสาย เยลโลว์โกลด์; ประดับแซฟไฟร์สนี า้ำ เงินบนเม็ดมะยม
Cartier นำา Panthère de Cartier watch (ปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ วอตช์) นาฬิกาผูห้ ญิงรุน่ เด่นของตนสมัยยุคทศวรรษที ่ 1980 กลับมาผลิตใหม่อกี ครัง้ โดยมีการปรับดีไซน์ให้สละสลวยเหมาะกับ ยุคปัจจุบันยิ่งขึ้นแต่ยังคงรูปแบบความคลาสสิกสง่างามเอาไว้โดย สมบูรณ์ เปิดตัวออกมา 2 ขนาด คือ ขนาดกลาง (Medium Model) และขนาดเล็ก (Small Model) ในหลายทางเลือกวัสดุของตัวเรือน และสาย อันได้แก่ สตีล สตีลร่วมกับเยลโลว์โกลด์ เยลโลว์โกลด์ พิ้งค์โกลด์ และไวท์โกลด์ พร้อมรูปแบบการตกแต่งอันหลากหลาย ตัง้ แต่แบบเรียบหรูเกลีย้ งเกลาของเวอร์ชน่ั เรือนสตีล เรือนสตีลร่วมกับ เยลโลว์โกลด์ และเรือนพิง้ ค์โกลด์, แบบประดับเพชรบนขอบตัวเรือน ของเวอร์ชน่ั เรือนพิง้ ค์โกลด์ และเรือนไวท์โกลด์, แบบประดับเพชร ทัว่ ตัวเรือนและสายวัสดุไวท์โกลด์ ไปจนถึงแบบสุดเลิศหรูกบั เวอร์ชน่ั
Medium Model ตัวเรือน หน้าปัด และสาย ไวท์โกลด์เคลือบโรเดียม; ประดับเพชรร่วมกับการตกแต่งลายด้วยแล็กเกอร์สีดาำ (เพชร 168 เม็ด (รวม 0.78 กะรัต) บนตัวเรือน, เพชร 118 เม็ด (รวม 0.32 กะรัต) บนหน้าปัด และเพชร 374 เม็ด (รวม 5.37 กะรัต) บนสาย); ประดับแซฟไฟร์บนเม็ดมะยม
ไวท์โกลด์เรือนขนาดกลางทีป่ ระดับเพชรทัว่ ตัวเรือน สาย และหน้าปัด ร่วมกับการตกแต่งลายด้วยแล็กเกอร์สีดาำ ตัวเรือนของ Medium Model วัดขนาดได้ 37 x 27 มม. ส่วนตัวเรือนของ Small Model จะมีขนาดเท่ากับ 30 x 22 มม. โดยทั้ง 2 ไซส์ จะมีความหนาเพียงแค่ 6 มม. เท่านั้น รูปแบบหน้าปัดของ Panthère de Cartier watch เจเนอ เรชัน่ ใหม่น ้ี หากไม่ได้เป็นเวอร์ชน่ั ทีม่ กี ารตกแต่งหน้าปัดมาเป็นพิเศษ แล้ว ก็จะยังคงไว้ซง่ึ เอกลักษณ์แห่งความคลาสสิกเรียบหรูตามแบบ ฉบับดัง้ เดิมของ Cartier นัน่ ก็คอื การใช้พน้ื หน้าปัดสีขาวเงินสะอาดตา ร่วมกับหลักชั่วโมงเลขโรมันสีดาำ และใช้สเกลแบบรางรถไฟที่ล้อม เป็นกรอบอยู่ชั้นใน โดยทุกแบบจะแสดงเวลาเป็นชั่วโมงกับนาทีด้วย เข็มบลูด์สตีลสีนา้ำ เงินรูปทรงดาบ และขับเคลื่อนด้วยกลไกควอตซ์
COMING NOW 2017
Small Model
Medium Model
ตัวเรือนและสาย ไวท์โกลด์เคลือบ โรเดียม; ประดับเพชร 415 เม็ด (รวม 7.8 กะรัต) บนตัวเรือนและ สาย; ประดับเพชรบนเม็ดมะยม
ตัวเรือนและสาย ไวท์โกลด์ เคลือบโรเดียม; ประดับเพชร บนขอบตัวเรือนและบนเม็ดมะยม
ตัวเรือนและสาย พิ้งค์โกลด์; ประดับเพชรบนขอบตัวเรือนและ บนเม็ดมะยม
ตัวเรือนและสาย พิ้งค์โกลด์; ประดับแซฟไฟร์สีนา้ำ เงิน บนเม็ดมะยม
77
ตัวเรือนและสายวัสดุไวท์โกลด์ เคลือบโรเดียม; ประดับเพชร 497 เม็ด (รวม 4.12 กะรัต) บนตัวเรือนและสาย; ประดับเพชรบนเม็ดมะยม
ตัวเรือนและสายวัสดุไวท์โกลด์ เคลือบโรเดียม; ประดับเพชร บนขอบตัวเรือนและบนเม็ดมะยม
ตัวเรือนและสาย ตัวเรือนและสาย พิ้งค์โกลด์; ตัวเรือนและสาย พิ้งค์โกลด์; เยลโลว์โกลด์; ประดับ ประดับเพชรบนขอบตัวเรือน ประดับแซฟไฟร์สีน้ำาเงิน แซฟไฟร์สีนา้ำ เงินบนเม็ดมะยม บนเม็ดมะยม และบนเม็ดมะยม
ตัวเรือนและสายสตีล; ประดับสพิเนลสังเคราะห์ สีนา้ำ เงินบนเม็ดมะยม ตัวเรือนและสาย สตีลร่วมกับ เยลโลว์โกลด์; ประดับสพิเนล สังเคราะห์สีน้ำาเงินบนเม็ดมะยม
ตัวเรือนและสายสตีล; ประดับสพิเนลสังเคราะห์สีน้ำาเงิน บนเม็ดมะยม
ตัวเรือนและสาย สตีลร่วมกับ เยลโลว์โกลด์; ประดับสพิเนล สังเคราะห์สีนา้ำ เงินบนเม็ดมะยม
มีจำาหน่ายที่ คาร์เทียร์ บูติก
CASIO
G-SHOCK G-STEEL GST-B100 “อีกขีดขั้นจากตระกูล G-SHOCK ด้วยนาฬิกาเรือนโลหะงามหรูระบบเข็มอนาล็อก ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเชื่อมต่อข้อมูลกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนผ่านสัญญาณบลูทูธ” นี่คือรุ่นใหม่ของ G-Steel ซีรี่ส์นาฬิกาแบบเรือนโลหะของ ตระกูล G-Shock ซึง่ ทีมออกแบบของ Casio ตัง้ ใจสร้างสรรค์ขน้ึ มา ให้สวมใส่ใช้งานในชีวิตประจำาวันได้สะดวกกว่าเดิม ด้วยการปรับ ขนาดของตัวเรือนให้มคี วามบางกว่า G-Steel รุน่ อืน่ ๆ ขณะทีค่ วาม สามารถในการต้านทานแรงสะเทือนของโครงสร้างตัวเรือนก็ยังคง มีอยู่ตามมาตรฐานของ G-Shock ทุกประการ และยังกันน้าำ ได้ถึง ระดับความลึก 200 เมตร อีกต่างหาก นอกจากเรือ่ งของความบางแล้ว รุน่ นีย้ งั เป็นครัง้ แรกทีซ่ รี ส่ี ์ G-Steel นำาลักษณะการแสดงค่าต่างๆ ทัง้ หมดด้วยเข็มอนาล็อกมาใช้ ข้อติตงิ จากผูท้ ไ่ี ม่ชอบนาฬิกาดิจติ อลจึงถูกกำาจัดไปจนสิน้ อีกทัง้ ยัง ได้ออกแบบมาตรแสดงการทำางานของฟังก์ชน่ั ณ ตำาแหน่ง 9 นาฬิกา
GST-B100-1A
ให้เป็นลักษณะของใบพัดเทอร์ไบน์ เพื่อเชื้อเชิญให้มองอย่างเพลิน สายตาด้วย ส่วนภาพรวมของหน้าปัดก็มาในแบบเรียบง่ายด้วยโทน สีดำาร่วมกับชิ้นหลักชั่วโมงขนาดใหญ่กับขอบวงหน้าปัดย่อยและ เข็มทีม่ าในลักษณะของโลหะ โดยวางเลย์เอ้าท์มาในรูปแบบเดียวกับ นาฬิกาโครโนกราฟหรือนาฬิกาดูอัลไทม์แบบเข็มอนาล็อกทั่วไป โดยมีวงหน้าปัดสำาหรับแสดงเวลาโฮมไทม์ด้วยเข็มชั่วโมงกับนาที พร้อมมาตรเข็มแสดงกลางวัน/กลางคืน อยูท่ ต่ี าำ แหน่ง 6 นาฬิกา และ มีชอ่ งหน้าต่างแสดงวันทีอ่ ยูร่ ะหว่าง 4 กับ 5 นาฬิกา ส่วนวงหน้าปัด ทีต่ าำ แหน่ง 12 นาฬิกา จะใช้เพือ่ แสดงวันและแสดงโหมดการทำางาน นอกจากนี้ยังมีระบบไฟส่องสว่างหน้าปัด ที่เป็นแบบแอลอีดี ติดตั้ง มาให้ด้วย
GST-B100D-1A
COMING NOW 2017
79
GST-B100X-1A Special Edition
เทคโนโลยีกลไกทีใ่ ช้กบั รุน่ นีก้ ไ็ ม่ธรรมดา เพราะทาง Casio ได้นาำ เอากลไกระบบ “คอนเน็คเต็ด เอ็นจิน้ ” ทีต่ นพัฒนาขึน้ มาบรรจุ ไว้ ระบบนีท้ าำ ให้การแสดงวันและเวลาเป็นไปอย่างถูกต้องแม่นยำาทีส่ ดุ ไม่วา่ จะอยู ่ ณ แห่งหนตำาบลใดบนโลกใบนี ้ เพราะเป็นการเชือ่ มต่อ ข้อมูลเวลาโดยอัตโนมัตจิ ากโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ไม่วา่ จะเป็นระบบ iOS หรือแอนดรอยด์ (ซึง่ ถูกต้องแม่นยำาอย่างแน่นอนเพราะรับสัญญาณ มาจากเซิรฟ์ เวอร์อนิ เตอร์เน็ต) ผ่านสัญญาณบลูทธู โดยทำางานร่วมกับ แอพลิเคชั่นของ Casio ที่ติดตั้งบนโทรศัพท์ ซึ่งนอกจากจะมอบ ข้อมูลวันเวลาอย่างแม่นยำาแล้ว ยังมีฟังก์ชั่นอื่นๆ ให้ใช้งานผ่าน แอพลิเคชัน่ ได้อย่างหลากหลาย เช่น การตัง้ เวลาเรียกปลุก การปรับตัง้ ให้แสดงเวลาของเมืองต่างๆ ทัว่ โลกซึง่ มีให้เลือกมากกว่า 300 เมือง การสลับค่ากันระหว่างเวลาบนหน้าปัดหลัก (โลคอลไทม์) กับเวลา บนหน้าปัดขนาดเล็ก (โฮมไทม์) และการตัง้ ค่าการจับเวลา เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกด้วยรูปแบบที่ออกแบบ ให้เข้าใจง่ายและใช้งานง่าย
การขับเคลือ่ นเข็มต่างๆ เป็นหน้าทีข่ องมอเตอร์กาำ ลังสูงแบบ “ดูอัล คอยล์” ซึ่งใช้พลังงานจากระบบ “ทัฟโซลาร์” อันเป็นระบบ ประจุพลังงานด้วยแสงของ Casio ที่สามารถใช้งานได้นานสูงสุด ถึง 2 ปี หากเปิดฟังก์ชั่นประหยัดพลังงานเอาไว้ Casio เปิดตัว G-Steel รุ่น GST-B100 (ตัวเรือนขนาด 53.8 มม. หนา 14.1 มม.) ออกมาพร้อมกัน 3 เวอร์ชน่ั โดย 2 เวอร์ชน่ั แรกนัน้ ชิน้ โลหะของตัวเรือนจะเป็นสีเงิน และจับคูม่ ากับสายเรซิน่ สีดาำ (GST-B100-1A) หรือสายสตีล (GST-B100D-1A) ส่วนเวอร์ชน่ั ทีส่ าม GST-B100X-1A จะพิเศษกว่าหน่อยในฐานะรุน่ สเปเชีย่ ล เอดิชน่ั โดย มากับตัวเรือนเคลือบสีดาำ คูก่ บั สายเรซิน่ สีดาำ พร้อมวงขอบตัวเรือน ทีเ่ ป็นการรวม คาร์บอนไฟเบอร์ กับเรซิน่ เข้าด้วยกัน และใช้กระจก หน้าปัดเป็นแซฟไฟร์
มีจำาหน่ายที่ เคาน์เตอร์ คาสิโอ ในแผนกนาฬิกาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำา และร้าน จี-แฟคทอรี่
CHANEL
MONSIEUR DE CHANEL “ลิมิเต็ด เอดิชั่น เวอร์ชั่นใหม่ ของนาฬิกาจัมปิ้งอาวร์ กลไกอินเฮ้าส์ ในตัวเรือนแพลตินั่มอันเลอค่า”
ผลงาน ลิมเิ ต็ด เอดิชน่ั ชิน้ ใหม่ของนาฬิกาหรูกลไกอินเฮ้าส์ สำาหรับบุรุษ Monsieur de Chanel เวอร์ชั่นนี้มอบความพิเศษเหนือ ระดับด้วยการนำาวัสดุอันสูงค่าอย่าง แพลตินั่ม มาทำาตัวเรือนและ เม็ดมะยม โดยเปิดตัวมา 2 เวอร์ชน่ั คือ เวอร์ชน่ั หน้าปัดสีดาำ สวมคู่ สายหนังจระเข้สดี าำ กับเวอร์ชน่ั หน้าปัดสีนาำ้ เงิน สวมคูส่ ายหนังจระเข้ สีนาำ้ เงิน โดยสีของหน้าปัดของทัง้ 2 เวอร์ชน่ั เป็นสีอนี าเมลทีร่ งั สรรค์ ขึน้ ด้วยเทคนิค กรองเฟอ ส่วนเข็มและกรอบหน้าต่างจะใช้เป็นสีเงิน เพื่อให้อ่านค่าได้อย่างชัดเจน ตัวเรือนของเอดิชันแพลตินั่ม ยังคงเป็นขนาด 40 มม. ที่มี
ความหนาแค่ 10 มม. เหมือนเช่นเอดิชน่ั ตัวเรือนไวท์โกลด์กบั เอดิชน่ั ตัวเรือนเบจโกลด์ สองเอดิชน่ั แรกของนาฬิการุน่ นีซ้ ง่ึ เปิดตัวสูต่ ลาดมา ตัง้ แต่ป ี 2016 โดยตัวกลไกกับฟังก์ชน่ั ก็ยงั คงไม่ได้มกี ารเปลีย่ นแปลง อะไร กลไกที่ใช้กับ Monsieur de Chanel นั้น ถือเป็นกลไก อินเฮ้าส์รนุ่ แรกทีท่ าง Chanel สร้างขึน้ เอง โดยให้ชอ่ื เป็นเกียรติ แก่การณ์นว้ี า่ Calibre 1 กลไกนีเ้ ป็นแบบไขลาน ทำางานทีค่ วามถี ่ 28,800 ครัง้ ต่อชัว่ โมง ซึง่ ให้กาำ ลังสำารองได้ยาวนานถึง 3 วัน พร้อม ความโดดเด่นของลักษณะการแสดงเวลาที่บอกชั่วโมงด้วยตัวเลข
COMING NOW 2017
81
ขนาดใหญ่ผ่านช่องหน้าต่างกรอบ 8 เหลี่ยม ณ ตำาแหน่ง 6 นาฬิกาโดยเป็นการขยับ เคลื่อนแบบจัมปิ้ง ขณะที่การแสดงนาทีจะกระทำาด้วยเข็มที่เคลื่อนขยับแบบเรโทรเกรด เป็นระยะถึง 240 องศา และแสดงวินาทีดว้ ยเข็มขนาดเล็ก โดยจัดวางตำาแหน่งเรียงกัน เป็นแนวดิ่งอย่างสมดุลย์ลงตัว ตัวโครงสร้างของกลไกถูกออกแบบมาอย่างมีลักษณะเฉพาะตัวโดยสามารถ มองเห็นการยึดโยงบรรดาเฟืองฉลุโปร่งเข้ากับบริดจ์รูปทรงวงแหวนได้อย่างชัดเจน ผ่านกระจกแซฟไฟร์บานใหญ่บนฝาหลัง อีกทั้งยังเคลือบเอดีแอลซีเพื่อให้ตัวกลไกและ ชิ้นส่วนต่างๆ กลายเป็นสีดำาด้วย ทาง Chanel แจ้งจำานวนการผลิตของเวอร์ชน่ั หน้าปัดสีดาำ ไว้ท ่ี 100 เรือน และ เวอร์ชน่ั หน้าปัดสีนาำ้ เงินอีก 20 เรือน โดยจะเริม่ จำาหน่ายตัง้ แต่เดือนกันยายน 2017 นี ้ ซึง่ หากผู้ใดต้องการครอบครองก็ต้องให้ทางบูติกของ Chanel ออเดอร์เข้ามาให้โดยตรง
สามารถสั่งซื้อได้ที่ ชาเนล บูติก
CITIZEN
PROMASTER Eco-Drive Professional Diver 1000m BN7020-09E “นาฬิกาพลังงานแสงรุ่นแรกของโลกที่สามารถกันน้ำาได้ลึก ถึงระดับ 1,000 เมตร ที่สุดแห่งนาฬิกาดำาน้ำาจาก CITIZEN”
นาฬิกาดำาน้าำ ระดับโปรเฟสชัน่ แนล จากซีรส่ี ์ Marine ของ ตระกูลคอลเลคชัน่ Promaster รุน่ นี ้ คือทีส่ ดุ แห่งนาฬิกาดำาน้าำ ของ Citizen ด้วยความสามารถในการกันน้าำ ได้ลึกถึงระดับ 1,000 เมตร และยังได้รบั การบันทึกไว้วา่ เป็นนาฬิกาพลังงานแสงรุน่ แรกของโลก ที่สามารถกันน้ำาได้ลึกขนาดนี้ด้วย ประสิทธิภาพในการกันน้ำาของนาฬิการุ่นนี้ไม่ได้เป็นแค่ ราคาคุย เพราะทาง Citizen ได้พถิ พี ถิ นั ตัง้ ใจในการเลือกใช้วสั ดุและ การออกแบบโครงสร้างตัวเรือนและชิน้ ส่วนทุกชิน้ มาเป็นอย่างดี ทัง้
กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน เม็ดมะยมแบบ ล็อคเกลียว ฝาหลัง และฮีเลียมเอสเคปวาล์วแบบอัตโนมัต ิ ตลอด จนเทคนิคการประกอบชิ้นส่วนเหล่านี้เข้าด้วยกันด้วยมือของช่าง ผู้ชำานาญ ซึ่งทำาให้สามารถผลิตนาฬิการุ่นนี้ขึ้นมาได้เพียงแค่วันละ 35 เรือนเท่านัน้ ซึง่ นอกจากคุณสมบัตทิ างเทคนิคเหล่านีแ้ ล้ว นาฬิกา รุ่นนี้ก็ได้ผ่านการทดสอบใช้งานโดย JAMSTEC ซึ่งเป็นหน่วยงาน ศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางน้ำา ของ กระทรวงศึกษา วัฒนธรรม การกีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
COMING NOW 2017
83
แห่งประเทศญีป่ นุ่ ซึง่ การทดสอบนีไ้ ม่ได้กระทำาแค่กบั นาฬิกาเรือนทีป่ ระกอบ เสร็จใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังกระทำากับนาฬิกาที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว และ นาฬิกาที่ผ่านการตรวจซ่อมบำารุงมาแล้วด้วย ดีไซน์ของตัวเรือนได้รับแรงบันดาลใจมาจากหอยมุกไฟ (หอย เทอร์บนั ) ซึง่ มีโครงสร้างแข็งแกร่งราวกับก้อนอิฐและมีความสวยงามจาก ธรรมชาติจัดสรร อีกทั้งรูปแบบสันนูนของวงขอบตัวเรือนที่มีลักษณะเป็น เอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้ยังทำาให้หมุนใช้งานได้ง่ายแม้ขณะสวมถุงมือด้วย วงขอบตัวเรือนนี้นอกจากจะเป็นแบบหมุนได้ทิศทางเดียวเพื่อการใช้ จับเวลาขณะอยู่ใต้น้ำาแล้ว ทาง Citizen ยังได้ออกแบบให้มีระบบล็อค การหมุนเพื่อป้องกันการหมุนโดยไม่ตั้งใจอันอาจก่อให้เกิดภัยถึงชีวิต ขณะกำาลังใช้งานอยู่ใต้น้ำาได้ ทั้งยังมีแถบสีส้มให้สังเกตเห็นได้ง่ายหาก อยู่ในตำาแหน่งปลดล็อค ตัวเรือนของรุน่ นี ้ แม้จะมีขนาดใหญ่ถงึ 52.5 มม. ก็มนี าำ้ หนักเบา เพราะเป็นวัสดุ ซูเปอร์ไทเทเนียม ไทเทเนียมสูตรเฉพาะของ Citizen ที่ เป็นการนำาไทเทเนียมมาเคลือบด้วยเทคโนโลยี ดูราเท็คต์ ของ Citizen เพือ่ เพิม่ ความแข็งของผิว ซึง่ ทำาให้มคี วามแข็งแกร่งกว่าวัสดุสตีลถึง 5 เท่า จึงสามารถทนทานต่อการเกิดรอยขีดข่วนและมีความแกร่งเหลือเฟือเพื่อ รับมือกับสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายต่างๆ โดยสำาหรับรุน่ นี ้ มีการเคลือบ ดูราเท็คต์ ถึง 3 ชนิด คือ ดูราเท็คต์ ทีไอซี กับ ดูราเท็คต์ เอ็มอาร์เค ซึง่ เป็นการเคลือบแข็ง และเคลือบ ดูราเท็คต์ ดีแอลซี ในชิน้ ทีต่ อ้ งการให้เป็น สีดาำ ส่วนสายทีม่ ากับนาฬิกาเป็นวัสดุโพลียรู เี ทนสีดาำ ทีม่ คี วามทนทานสูง กลไกที่ใช้ เป็นกลไก Citizen รหัส J210 ระบบ อีโค-ไดรฟ์ ประจุพลังงานด้วยแสง ที่สามารถทำางานอย่างต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 1.5 ปี หลังจากประจุพลังงานเต็ม โดยนอกจากจะมีฟังก์ชั่นแสดงวันที่ มาให้แล้ว ยังมีฟังก์ชั่นแสดงกำาลังสำารองด้วยเข็มให้มาด้วย เมื่อเป็นนาฬิกาดำาน้ำาระดับมืออาชีพ หน้าปัดของนาฬิการุ่นนี้ จึงใช้เป็นสีดำาเพื่อไม่ให้เกิดแสงสะท้อนใดๆ ร่วมด้วยการใช้หลักชั่วโมง และเข็มชัว่ โมงกับเข็มนาทีขนาดใหญ่เคลือบสารเรืองแสง เพือ่ ให้มองเห็น ได้อย่างชัดเจนทีส่ ดุ แต่กเ็ สริมเสน่หช์ วนมองด้วยใช้สสี ม้ บนเข็มนาทีกบั เข็ม วินาที และออกแบบมาตรแสดงกำาลังสำารองให้คล้ายกับเกจ์นา้ำ มันบน หน้าปัดของรถยนต์
มีจำาหน่ายที่ เคาน์เตอร์ ซิติเซ็น ในแผนกนาฬิกาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำา
CORUM
GOLDEN BRIDGE STREAM BRIDGE & GOLDEN BRIDGE RECTANGLE “นาฬิกาสะพานจักรทองคำาตระกูลดัง ในตัวเรือนทรงเหลี่ยมดีไซน์ใหม่ 2 รูปแบบ”
Golden Bridge Rectangle
Golden Bridge คืออีกตระกูลดังของนาฬิกาจาก Corum ซึง่ สืบสานตำานาน กันมาอย่างต่อเนื่องเกือบ 4 ทศวรรษแล้ว ปี 2017 นี้ Corum อัพเดทความสดใหม่ ให้กับนาฬิกาตระกูลนี้อีกครั้งด้วยตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ออกแบบขึ้นใหม่ถึง 2 รูปแบบด้วยกัน คือ แบบโปรดักชัน่ ปกติทใ่ี ช้ตวั เรือนทรงเนียนบาง และแบบ ลิมเิ ต็ด เอดิชน่ั ทีม่ ดี า้ นหน้าเป็นทรงโค้ง โดยทัง้ 2 รูปแบบ ต่างหันเม็ดมะยมมาทางตำาแหน่ง 6 นาฬิกา และมาพร้อมกับท่อนทองคำา 18 กะรัต ที่ประกอบกันเป็นลักษณะของ โครงราวสะพาน 2 ฝั่ง ติดตั้งประกบท่อนบริดจ์กลไกทรงบาแกตต์สลักลายเอาไว้
COMING NOW 2017
85
สร้างความงดงามดุจงานศิลป์ชน้ั เลิศ โดยทุกมุมมองของกลไกสามารถ มองเห็นได้อย่างชัดเจนผ่านกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสาร ป้องกันแสงสะท้อน และกระจกแซฟไฟร์บานใหญ่ทผ่ี นึกอยูก่ บั ฝาหลัง แบบตัวเรือนทรงเนียนบาง มีชื่อว่า Golden Bridge Rectangle เปิดตัวมาด้วยตัวเรือนโรสโกลด์ ขนาด 29.5 x 42.2 มม. ทีม่ คี วามหนาเพียง 9.3 มม. เหลีย่ มมุมของตัวเรือนถูกขัดเกลาให้มี ความอ่อนโยนกว่าทีเ่ คย ขณะทีท่ อ่ นโครงราวสะพาน 2 ชุด ทีป่ ระกบ ตัวกลไกซึง่ จัดวางเลย์เอ้าท์อยูบ่ นท่อนบริดจ์ทองคำา 18 กะรัต เอาไว้ นั้น ถูกออกแบบให้มีความโค้งและมีโครงที่ประกอบกันเป็นลักษณะ ของเลขโรมัน ส่วนกลไกที่ใช้กับรุ่นนี้เป็นแบบไขลาน กำาลังสำารอง 40 ชั่วโมง ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง รหัส CO 113 โดยมีการ สลักลวดลายอันอ่อนช้อยไว้บนท่อนบริดจ์โรสโกลด์ แสดงเวลาด้วย เข็มเคลือบโรเดียม และสวมคูม่ ากับสายหนังจระเข้สนี าำ้ ตาลผิวมันเงา ประกอบรวมกันเป็นความงดงามคลาสสิกในรูปแบบศิลปะสไตล์ อาร์ต เดโค ในทุกมุมมอง
Golden Bridge Stream Bridge
สำาหรับแบบ ลิมิเต็ด เอดิชั่น นั้น มีชื่อเรียกขานว่า Golden Bridge Stream Bridge ทัง้ นีก้ เ็ นือ่ งมาจากอิทธิพลของรูปแบบการดีไซน์ทเ่ี รียกว่า “สตรีมไลน์” ซึง่ นำามา เป็นคอนเซ็ปต์ในการออกแบบนั่นเอง สถาปัตยกรรมร่วมสมัยรูปแบบ สตรีมไลน์ นี้เคย ได้รับความนิยมอย่างสูงเมื่อสมัยทศวรรษที ่ 1930 ถึง 1960 โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ลักษณะ สถาปัตยกรรมเชิงเส้นที่มีลักษณะนูนโค้งและมีมิต ิ ซึ่งนี่ก็คือที่มาแห่งลักษณะโค้งของ ตัวเรือน กระจกหน้าปัด และโครงราวสะพานประกบกลไก รวมไปถึงชือ่ “สตรีมบริดจ์” ด้วย ส่วนดีไซน์ของชิ้นโครงราวสะพานนั้น ทาง Corum นำารูปแบบมาจากสะพาน โกลเด้นเกต อันโด่งดังของสหรัฐอเมริกา Stream Bridge ทำางานด้วยกลไกอัตโนมัต ิ กำาลังสำารอง 40 ชั่วโมง ความถี ่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง รหัส CO 313 ที่สลักลวดลายเป็นแนวเส้นบนท่อนบริดจ์และ แผ่นเพลทกลไกเพื่อให้เข้ากับดีไซน์โดยรวม เปิดตัวมาในตัวเรือนวัสดุโรสโกลด์ ขนาด 31 x 52.5 มม. หนา 14.7 มม. สวมคูม่ ากับสายหนังจระเข้สนี าำ้ ตาลผิวมันเงา ใช้โครงราว สะพานเป็นโรสโกลด์ เข้ากับสีของท่อนบริดจ์ ขณะทีแ่ ผ่นเพลทใช้เป็นสีเงิน แสดงเวลา ด้วยเข็มชัว่ โมงกับนาทีเคลือบโรเดียม โดยเป็นการผลิตขึน้ แบบ ลิมเิ ต็ด เอดิชน่ั ด้วยจำานวน จำากัดเพียงแค่ 88 เรือนก่อน ซึ่งในจำานวน 88 เรือนนี ้ อาจมีลักษณะการตกแต่งที่แตก ต่างกันไปบ้าง อย่างเช่นเรือนที่เคลือบโครงราวสะพานทองคำาด้วยสีแดง เป็นต้น
มีจำาหน่ายที่ กาโดซ์ จิวเวลรี่ บูติก
GIRARD-PERREGAUX LAUREATO
“การกลับมาของ Laureato ตำานานนาฬิกาสปอร์ตหรูจากทศวรรษที่ 1970” Laureato 42 mm แบบตัวเรือนไทเทเนี่ยมร่วมกับพิ้งค์โกลด์ มาพร้อมหน้าปัดสีเทาสเลท จับคู่กับสายไทเทเนี่ยมร่วมกับพิ้งค์โกลด์ หรือสายหนังจระเข้สีดำา
“Laureato แบบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ แบบตัวเรือนไทเทเนี่ยมร่วมกับขอบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ และแบบตัวเรือนสตีลร่วมกับขอบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จะใช้เม็ดมะยม หลักชั่วโมง และข้อยึดสายที่ทำาจาก พิ้งค์โกลด์เช่นกัน ทั้งยังใช้เข็มที่เคลือบเป็นสีพิ้งค์โกลด์ด้วย”
เมือ่ ปี 2016 ซึง่ เป็นปีทท่ี าง Girard-Perregaux ทำาการเฉลิม ฉลองวาระ 225 ปีแห่งการถือกำาเนิดแบรนด์ ได้มีการนำา Laureato นาฬิกาสปอร์ตหรูกลับมาสร้างสรรค์ขน้ึ ใหม่ในรูปแบบนาฬิกาตัวเรือน และสายสตีล บอกเวลาสามเข็มพร้อมฟังก์ชั่นวันที่บนหน้าปัดลาย คลู เดอ ปารีส์ อันเป็นลักษณะดั้งเดิมเมื่อครั้งแรกกำาเนิดในปี 1975 โดยใช้ชอ่ื ว่า Heritage Laureato Ref. 81000 ในตัวเรือนสตีล ขนาด 41 มม. พร้อมสายสตีล ซึง่ มี 2 เวอร์ชน่ั คือ หน้าปัดสีเงิน กับหน้าปัด สีนาำ้ เงิน โดยเป็นการผลิตแบบจำานวนจำากัดแค่เวอร์ชน่ั ละ 225 เรือน พอมาในปี 2017 นี ้ ทางแบรนด์กไ็ ด้นาำ Laureato กลับมาสูโ่ ปรดักชัน่ การผลิตแบบปกติอกี ครัง้ โดยจัดเต็มมาถึง 3 ขนาดตัวเรือน คือ Ref. 81010 ขนาด 42 มม., Ref. 81005 ขนาด 38 มม. และ Ref. 80189 ขนาด 34 มม. พร้อมเวอร์ชั่นทางเลือกที่หลากหลายในแต่ละขนาด ลักษณะตัวเรือนและสายของ Laureto เจเนอเรชัน่ ใหม่ ยัง คงรักษาคาแร็กเตอร์ดง้ั เดิมของรุน่ ต้นฉบับเอาไว้ หากแต่มกี ารขัดเกลา ในรายละเอียดให้ดูเข้ากับยุคสมัยปัจจุบันยิ่งขึ้น ซึ่งเอกลักษณ์เด่น ของ Laureato ที่มีมาตั้งแต่แรกกำาเนิดเมื่อปี 1975 ก็คือ ดีไซน์ ขอบตัวเรือนแบบแปดเหลี่ยม รูปทรงและเส้นสายของตัวเรือน พื้น หน้าปัดฮ็อบเนล ลาย คลูส ์ เดอ ปารีส ์ และลักษณะปล้องของสายโลหะ
มาเริม่ จากรุน่ ตัวเรือนขนาด 42 มม. หนา 10.88 มม. ทีอ่ าจ เป็นทีส่ งสัยว่ามันแตกต่างจากรุน่ ลิมเิ ต็ด เมือ่ ปี 2016 อย่างไรบ้าง อย่างแรกทีต่ า่ งก็คอื ขนาดของตัวเรือนทีร่ นุ่ ปี 2017 นัน้ ใหญ่ขน้ึ เล็ก น้อย โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าเพียง 1 มม. และมีความหนา มากกว่าเพียง 0.78 มม. ซึ่งแทบจะไม่เห็นความแตกต่าง แต่ความ ต่างที่มองเห็นได้ด้วยตา ก็จะเป็นแท่งหลักชั่วโมงกับโลโก้ GP ที่รุ่น ปี 2017 จะอวบใหญ่กว่า อีกทั้งในรุ่นหน้าปัดสีนา้ำ เงินจะใช้พื้นจาน วันที่เป็นสีเข้ม ขณะที่รุ่นลิมิเต็ดจะใช้พื้นสีขาว ส่วนความต่างที่มอง ไม่เห็นก็คอื ความสามารถในการกันน้าำ ทีม่ ากขึน้ จาก 30 เมตร เป็น
COMING NOW 2017
100 เมตร และการใช้กลไกอัตโนมัตอิ นิ เฮ้าส์คนละรุน่ กัน โดยในรุน่ ปี 2017 จะใช้รหัส GP01800-0008 ที่มีกำาลังสำารอง 54 ชั่วโมง แต่ รุ่นปี 2016 จะใช้รหัส GP03300-0030 ที่มีกาำ ลังสำารอง 46 ชั่วโมง ซึง่ ทัง้ คูท่ าำ งานทีค่ วามถี ่ 28,800 ครัง้ ต่อชัว่ โมงเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ รุน่ ปี 2017 ยังมีคอมบิเนชัน่ ให้เลือกอย่างหลากหลาย ทัง้ แบบตัวเรือน สตีลที่คู่กับสายสตีลหรือสายหนังจระเข้และแบบตัวเรือนไทเทเนี่ยม พร้อมขอบตัวเรือนและข้อยึดสายเป็นพิง้ ค์โกลด์ คูก่ บั สายไทเทเนีย่ ม ร่วมกับพิง้ ค์โกลด์หรือสายหนังจระเข้ โดยในแบบตัวเรือนสตีล จะมี หน้าปัดให้เลือก 3 สี คือ สีนาำ้ เงิน สีเงิน และสีเทาสเลท ส่วนในแบบ ตัวเรือนไทเทเนี่ยมจะมากับหน้าปัดสีเทาสเลท
87
ต่อกันด้วยรุน่ ตัวเรือนขนาด 38 มม. หนา 10.02 มม. ซึง่ ตัง้ ใจ สร้างขึน้ มาให้สวมใส่ได้ทง้ั คุณผูช้ ายและคุณผูห้ ญิงโดยมีคอมบิเนชัน่ หลากหลายให้เลือกเช่นกัน มีทั้งแบบตัวเรือนสตีลและแบบตัวเรือน พิง้ ค์โกลด์ ซึง่ แบบตัวเรือนสตีลจะจับคูก่ บั สายสตีลหรือสายหนังจระเข้ สีต่างๆ และมีหน้าปัดให้เลือก 3 สี คือ สีนา้ำ เงิน สีเงิน และสีเทา สเลท แล้วก็มเี วอร์ชน่ั ทีป่ ระดับเพชรบนขอบตัวเรือนคูก่ บั หน้าปัดสีเงิน ด้วย ส่วนแบบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จะมาพร้อมกับหน้าปัดสีเงินหรือสี เทาสเลท และมีสายให้เลือก 2 แบบ คือ สายพิ้งค์โกลด์ หรือสาย หนังจระเข้ สำาหรับกลไกที่ใช้กับรุ่น 38 มม. จะเป็นกลไกอัตโนมัติ อินเฮ้าส์ รหัส GP03300 เหมือนกับในรุ่นลิมิเต็ดปี 2016
Laureato 34 mm แบบตัวเรือนสตีล พร้อมประดับเพชร 56 เม็ด (น้ำาหนักรวม 0.82 กะรัต) บนขอบตัวเรือน มีหน้าปัดให้เลือก 3 สี คือ สีนา้ำ เงิน สีเทาสเลท และสีเงิน และมีสายให้เลือก ทั้งวัสดุสตีล และหนังจระเข้สีน้ำาเงิน สีดาำ หรือสีขาว เข้ากับสีของหน้าปัด
Laureato 38 mm แบบตัวเรือนสตีล พร้อมประดับเพชร 56 เม็ด (น้าำ หนักรวม 0.9 กะรัต) บนขอบตัวเรือน จะมากับหน้าปัดสีเงิน โดยมีสายให้เลือก 2 แบบ คือ สายสตีล หรือสายหนังจระเข้สีขาว
ปิดท้ายด้วยรุ่นตัวเรือนขนาด 34 มม. กับขนาดตัวเรือนที่ บางเพียง 7.75 มม. ซึง่ สร้างขึน้ เพือ่ คุณผูห้ ญิงโดยเฉพาะ จึงเลือกให้ขบั เคลือ่ นด้วยกลไกควอตซ์อนิ เฮ้าส์ รหัส GP013100-0002 ทีแ่ สดงเวลา แบบสองเข็มพร้อมฟังก์ชน่ั วันที ่ โดยมีคอมบิเนชัน่ ให้เลือกอย่างหลาก หลายเช่นกัน ทัง้ แบบตัวเรือนสตีลพร้อมประดับเพชรบนขอบตัวเรือน คู่กับหน้าปัดสีน้ำาเงิน สีเงิน หรือสีเทาสเลท ที่มาพร้อมกับสายสตีล หรือสายหนังจระเข้สตี า่ งๆ เข้ากับสีหน้าปัด และแบบตัวเรือนพิง้ ค์ โกลด์พร้อมประดับเพชรบนขอบตัวเรือน คู่กับหน้าปัดสีเงินหรือสี เทาสเลท และสวมมากับสายพิง้ ค์โกลด์หรือสายหนังจระเข้ และก็มี แบบตัวเรือนสตีล พร้อมขอบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ทั้งแบบมีและไม่มี เพชรประดับ คูห่ น้าปัดสีเงิน ซึง่ มากับสายสตีลร่วมกับพิง้ ค์โกลด์ดว้ ย
Laureato ทั้ง 3 ขนาด ผนึกด้วยกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน โดยเวอร์ชน่ั ทีจ่ บั คูม่ ากับสายหนังจระเข้ ก็จะมีสายยางมาให้สลับเปลีย่ นใช้งานอีกเส้นหนึง่ ด้วย และทุกขนาด จะใช้เข็มทรงบาตองทีเ่ คลือบสารเรืองแสงมาให้เช่นเดียวกัน สำาหรับ รุ่นขนาด 42 มม. กับ 38 มม. จะผนึกฝาหลังด้วยกระจกแซฟไฟร์ เพื่อให้มองเห็นกลไกได้ ส่วนขนาด 34 มม. จะใช้ฝาหลังแบบทึบ
มีจำาหน่ายที่ พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส บูติก
GRAND SEIKO
BLACK CERAMIC SPRING DRIVE CHRONOGRAPH GMT “เวอร์ชั่นใหม่ของนาฬิกาสปอร์ตกลไกสปริงไดรฟ์ตัวเรือนเซรามิก ที่มาพร้อมการแยกแบรนด์ GRAND SEIKO ออกจาก SEIKO อย่างชัดเจน” SBGC223
หลังจากที่เปิดตัวนาฬิกาสไตล์สปอร์ตคอลเลคชั่น Black Ceramic ตัวเรือนเซรามิกสีดาำ กลไกสปริงไดรฟ์จเี อ็มทีโครโนกราฟ ด้วยนาฬิกา ลิมเิ ต็ด เอดิชน่ั 2 เวอร์ชน่ั ไปเมือ่ ปี 2016 มาในปีนท้ี าง Seiko ก็ได้ปรับโฉมไมเนอร์เช้นจ์ให้กบั นาฬิการุน่ นีโ้ ดยเปิดตัวมาพร้อม กันในฐานะโปรดักชั่นปกติ 2 เวอร์ชั่น และ ลิมิเต็ด เอดิชั่น ผลิต จำานวนจำากัด 500 เรือนอีก 1 เวอร์ชน่ั การปรับโฉมในครัง้ นีม้ าพร้อม กับการนำาแบรนด์ Grand Seiko ขึ้นมาเป็นแบรนด์หลักโดยเห็นได้
ชัดจากบนหน้าปัดทีเ่ น้นให้มเี พียงโลโก้ Grand Seiko โดยไม่ตอ้ งมี ชือ่ แบรนด์ Seiko มากำากับอีกต่อไป ซึง่ รุน่ นีก้ เ็ ป็นหนึง่ ใน 4 รุน่ แรก ที่นาำ ร่องให้กับการเปลี่ยนแปลงนี้ ตัวเรือนขนาด 46.4 มม. ผนึกกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโค้ง เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน พร้อมฝาหลังกรุกระจกใส ทีม่ คี ณุ สมบัติ การกันน้าำ ถึง 100 เมตร ของรุ่นนี้ยังคงเป็นขนาดและรูปแบบเดียว กับรุ่นลิมิเต็ดของปี 2016 นั่นก็คือ การนำาเซรามิกสีดำามาประกอบ
COMING NOW 2017
เข้ากับแกนตัวเรือนไทเทเนี่ยม แต่มีการปรับขนาดตัวเลขและสเกล 24 ชั่วโมงสีขาวบนขอบตัวเรือนให้ใหญ่ขึ้นและใช้ฟ้อนต์ที่ดูโมเดิร์น กว่า และแทนที่สายหนังจระเข้ด้วยสายดีไซน์สปอร์ตแบบสามแถว ที่ประกอบขึ้นจากวัสดุไทเทเนี่ยมและเซรามิกสีดำา ด้านกลไกที่ใช้ก็เรียกว่าไม่ได้มีความแตกต่างไปจากเดิม เพราะยังคงเป็นกลไกอัตโนมัตอิ นิ เฮ้าส์ ระบบสปริงไดรฟ์ แสดงวันที่ และแสดงกำาลังสำารอง พร้อมฟังก์ชน่ั โครโนกราฟจับเวลา 12 ชัว่ โมง และฟังก์ชั่นจีเอ็มทีแสดงเวลาที่สองแบบ 24 ชั่วโมงด้วยเข็มกลาง กำาลังสำารอง 72 ชัว่ โมง โดยในเวอร์ชน่ั ลิมเิ ต็ด จะเป็นรหัส 9R96 เช่น เดียวกับรุน่ เดิม ซึง่ มีความแม่นยำาสูงสุดๆ ในระดับความคลาดเคลือ่ น เพียง บวก/ลบ 0.5 วินาทีต่อวัน ส่วนเหรียญรูปสิงโต Grand Seiko ทีต่ ดิ ตัง้ อยูบ่ นโรเตอร์จะเปลีย่ นจากทองคำา 18 เค มาใช้เป็นโรสโกลด์ 18 เค ขณะที่กลไกในเวอร์ชั่นโปรดักชั่นปกตินั้นจะเป็นรหัส 9R86 ที่มีระดับความคลาดเคลื่อนอยู่ที่ บวก/ลบ 1 วินาทีต่อวัน
89
จุดแตกต่างที่ชัดเจนก็คือ รายละเอียดต่างๆ บนหน้าปัด ทั้งแท่งหลักชั่วโมง สเกล และเข็ม ที่ปรับโฉมให้ดูโมเดิร์นขึ้นกว่า รุ่นเดิมและเน้นโลโก้ Grand Seiko ให้โดดเด่นโดยไม่มีชื่อแบรนด์ Seiko มากำากับเหมือนรุน่ เดิม โดยเวอร์ชน่ั โปรดักชัน่ ปกติจะมีให้เลือก ระหว่างหน้าปัดสีขาวลายตาราง (รหัส SBGC221) กับหน้าปัดสีดำา (รหัส SBGC223) ส่วนเวอร์ชั่นลิมิเต็ดเอดิชั่น (รหัส SBGC219) จะ มากับหน้าปัดสีนา้ำ เงิน พร้อมหลักชั่วโมง กรอบหน้าต่างวันที่ และ เข็มชั่วโมง นาที กับกำาลังสำารอง เป็นสีโรสโกลด์ ขณะที่ปลายศร บนเข็มจีเอ็มทีของทั้งสามเวอร์ชั่นจะใช้เป็นสีแดง อีกจุดหนึ่งที่แตกต่างกันระหว่างเวอร์ชั่นปกติกับเวอร์ชั่น ลิมิเต็ด ก็คือ บนขอบตัวเรือนของเวอร์ชั่นลิมิเต็ดจะแทนที่สเกล 24 ชั่วโมง ด้วยสเกลทาคีมิเตอร์ โดยย้ายตัวเลข 24 ชั่วโมงไปเป็น ตัวเลขขนาดเล็กบนหน้าปัด
Limited Edition SBGC219
SBGC221
มีจำาหน่ายที่ เคาน์เตอร์ แกรนด์ ไซโก ในแผนกนาฬิกาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำา
HAMILTON
INTRA-MATIC 68 “รุ่นพิเศษที่จำาแลงรูปกายมาจากนาฬิกาโครโนกราฟวินเทจ สมัยปี 1968 ของ Hamilton”
Chronograph B จากปี 1968 ซึ่งเป็นรุ่นต้นฉบับของ Intra-Matic 68
ปี 2017 นี ้ Hamilton แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิส เชือ้ สาย อเมริกนั ได้นาำ รูปแบบดัง้ เดิมของ Chronograph B ปี 1968 นาฬิกา รุ่นเด่นในประวัติศาสตร์ของตนซึ่งเป็นรุ่นที่นักสะสมนาฬิกาวินเทจ ชื่นชอบกัน กลับมาสร้างสรรค์ขึ้นใหม่เป็นรุ่น Intra-Matic 68 ใน ฐานะนาฬิการุ่นพิเศษ ลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่ผลิตขึ้นแบบจำานวนจำากัด แค่ 1,968 เรือน โดยยังคงรักษาลักษณะเด่นของรุ่นต้นฉบับเอาไว้ แทบทุกรายละเอียด Chronograph B ซึง่ เป็นรุน่ ต้นฉบับนัน้ มีจดุ เด่นอยูท่ ร่ี ปู แบบ การจัดวางวงหน้าปัดขนาดเล็กพื้นสีขาว 2 วงได้อย่างสมดุลย์ลงตัว
Intra-Matic 68
บนพื้นหน้าปัดสีดาำ ซึ่งเป็นลักษณะที่เรียกว่า “รีเวิร์สแพนด้า” อัน หมายถึงใบหน้าหมีแพนด้ากลับสี หน้าปัดลักษณะนี้เป็นที่นิยมกัน มากในยุคทศวรรษที่ 60 ถึง 70 และก็กลับมาเป็นที่นิยมกันอีกครั้ง ด้วยอานิสงส์วนิ เทจนิยมในยุคปัจจุบนั ซึง่ นีเ่ องเป็นเหตุท ่ี Hamilton นำารูปแบบของรุน่ นีก้ ลับมาสร้างสรรค์ขน้ึ ใหม่ โดยใช้ชอ่ื รุน่ ว่า IntraMatic 68 Intra-Matic 68 ใช้ตวั เรือนสตีลขัดเงา ขนาด 42 มม. ซึง่ แน่นอนว่ามีขนาดใหญ่กว่ารุน่ ดัง้ เดิม เพือ่ ให้เหมาะกับยุคสมัย แต่ยงั คงมีรปู ทรงคล้ายของเดิมอยู ่ ซึง่ รวมไปถึงลักษณะของปุม่ กดทรงแป้น
COMING NOW 2017
แผ่นฝาหลังแบบทึบ กระจกหน้าปัดทรงโดม และเม็ดมะยมขนาดใหญ่ ส่วนดีไซน์ของหน้าปัดนั้น ทาง Hamilton สร้างขึ้นโดยยึดถือราย ละเอียดของรุน่ ดัง้ เดิมปี 1968 ทีเ่ ป็นแบบ “รีเวิรส์ แพนด้า” ไว้อย่าง เคร่งครัดทีเดียว เห็นได้ชัดจากพื้นหน้าปัดสีดำา พร้อมวงเคาน์เตอร์ สีขาว 2 วง ทีแ่ สดงค่านาทีจบั เวลาและค่าวินาทีในตำาแหน่งเดียวกับ รุ่นต้นฉบับ และรูปแบบของ โลโก้ ฟ้อนต์ตัวเลข กับสเกลต่างๆ รูปทรงของเข็มกับหลักชัว่ โมงทีใ่ กล้เคียงของเดิมแต่ปรับให้ดรู ว่ มสมัย ขึน้ ตลอดจนสีของหลักชัว่ โมงและเข็มต่างๆ ไม่วา่ จะเป็นแท่งหลัก ชัว่ โมงสีเงิน เข็มชัว่ โมงกับเข็มนาทีสเี งินเคลือบสารเรืองแสง เข็มวินาที จับเวลาสีขาว และเข็มขนาดเล็กสีดาำ ทัง้ ยังเพิม่ เติมความเป็น รีเวิรส์ แพนด้า ให้ชดั เจนกว่ารุน่ ดัง้ เดิมด้วยการใช้วงขอบหน้าปัดสีขาวพร้อม
91
สเกลทาคีมเิ ตอร์สดี าำ และก็ได้เสริมคุณลักษณะของนาฬิกายุคปัจจุบนั ที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้งานเพิ่มเข้าไปด้วย อย่างเช่นการใช้สาร เรืองแสงเป็น ซูเปอร์ลมู โิ นว่า เม็ดมะยมแบบขันเกลียว กระจกหน้าปัด แซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน และความสามารถในการ กันน้าำ ได้ถงึ ระดับ 100 เมตร รวมไปถึงการใช้กลไกอัตโนมัตโิ ครโนกราฟ จับเวลา 30 นาที รหัส H-31 ที่สำารองพลังงานได้นานถึง 60 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชั่นวันที่ซึ่งจะแสดงตัวเลขสีขาวบนพื้นสีหลังดำาผ่านช่อง หน้าต่างสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ล้อมกรอบขาว ณ ตำาแหน่ง 6 นาฬิกา ปิดท้ายด้วยสายนาฬิกาสีดำาดีไซน์วินเทจซึ่งทำาจากหนังวัว สีดาำ ฉลุรพู รุนทีใ่ ช้ลกั ษณะการตัดเย็บแบบดัง้ เดิม อันเป็นรูปแบบของ สายนาฬิกาสปอร์ตสมัยยุคทศวรรษที ่ 60 พร้อมตัวล็อคแบบหัวเข็มขัด
มีจำาหน่ายที่ เคาน์เตอร์ แฮมิลตัน ในแผนกนาฬิกาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำา
HERMĒS
SLIM D’HERMĒS L’HEURE IMPATIENTE “ความซับซ้อนแห่งกลไก ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อความสุนทรีย์ยามใช้งาน”
Hermès คิดใหม่ทาำ ใหม่ในด้านการสร้างกลไกระดับซับซ้อน ด้วยฟังก์ชน่ั ส่งเสียงเตือนเสนาะหูเมือ่ ถึงเวลาทีต่ ง้ั เอาไว้ โดยตัง้ ชือ่ ว่า “Impatient Hour” ที่หมายถึง “ชั่วโมงที่เฝ้ารออย่างจดจ่อ” อันเป็น การเพิ่มพูนความสุนทรีย์ในการใช้งานนาฬิกา ฟังก์ชั่นนี้เองที่ทาำ ให้ Slim d’Hermès L’heure impatiente (สลิม เดอ แอร์เมส เลอร์ แองปา ซิอองต์) นาฬิการุน่ ใหม่จากคอลเลคชัน่ ดีไซน์เรียบหรู Slim d’Hermès ทำาอะไรได้มากกว่านาฬิกาทั่วไป เมื่อขณะเวลาที่กำาลังเฝ้ารอกำาลังจะมาถึงในอีกไม่เกิน 12 ชั่วโมงข้างหน้า เพียงหมุนเม็ดมะยมตั้งเข็มบนจานดิสก์ 12 ชั่วโมง ไปยังขณะเวลาที่ต้องการแล้วกดปุ่มเปิดให้ฟังก์ชั่นทำางาน ทันทีที่
เข้าสู่ชั่วโมงสุดท้ายก่อนจะถึงขณะเวลานั้น เข็มแบบเรโทรเกรด บน หน้าปัดขนาดเล็กที่ด้านล่างของหน้าปัดก็จะเคลื่อนขยับแสดงเวลา ย้อนกลับจาก 60 นาทีจนมาถึงขณะเวลาทีต่ ง้ั ไว้ และทันทีทถ่ี งึ ขณะ เวลานั้น เสียงสั่นสะเทือนอันนุ่มนวลที่คาำ นวณมาให้ได้ยินเฉพาะผู้ สวมใส่ก็จะก้องสะเทือนอย่างต่อเนื่อง กลไกของฟังก์ชน่ั นีป้ ระสานรวมกันอยูใ่ นโมดูล Impatient Hour ซึ่งมีความหนาเพียง 2.2 มม. ที่ติดตั้งลงบนกลไกอัตโนมัต ิ อินเฮ้าส์ ความถี ่ 28,800 ครัง้ ต่อชัว่ โมง กำาลังสำารอง 42 ชัว่ โมง รหัส H1912 โดยวางตัวอยู่ภายในตัวเรือนโรสโกลด์ ขนาด 40.5 มม. ที่ ออกแบบให้ภายในมีความโปร่งพร้อมติดตัง้ กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์
COMING NOW 2017
เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนซึ่งเป็นกระจกที่มีความบางกว่าปกติ และผนึกกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลัง ทั้งยังใช้แผ่นหน้าปัดที่มีความ หนาเพียง 1 มม. ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เสียงจากแรงสั่นของกลไกใน ชุดโมดูลก้องสะเทือนออกมาอย่างพอเหมาะเสนาะหูเป็นที่สุด ซึ่ง หมายความว่าทุกองค์ประกอบของนาฬิการุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อ เป็นนาฬิกาฟังก์ชั่นนี้โดยเฉพาะนั่นเอง
93
หน้าปัดของนาฬิการุ่นนี้เลือกใช้เป็นสีเงินโอปอลีน ที่มีวง กลางเป็นลายสเนลด์ และมีวงรอบนอกเป็นลายซันเบิร์สท์ ร่วมกับ หลักชัว่ โมงกับนาทีทเ่ี ป็นเลขอารบิกสีดาำ ชีแ้ สดงด้วยเข็มทรงบาตอง โดยเคลือบทองบนเข็มแสดงเวลา และเคลือบแล็กเกอร์สนี าำ้ เงินบนเข็ม แสดงเวลาเตือน ซึ่งสอดคล้องกับสีนา้ำ เงินเข้มผิวด้านของสายหนัง จระเข้
มีจาำ หน่ายที่ แอร์เมส บูติก
HUBLOT
CLASSIC FUSION CHRONOGRAPH ITALIA INDEPENDENT “เมื่อความคลาสสิกของผ้าลายคลาสสิกสุดเนี๊ยบ จากร้านตัดเสื้อเก่าแก่ในอิตาลีถูกผสานเข้ากับเรือนนาฬิกา”
เวอร์ชั่น Ceramic “Prince de Galles” Ref.521.CM.2706.NR.ITI17 ผลิตจำานวนจำากัด 100 เรือน; ตัวเรือน เม็ดมะยม และปุ่มกด เป็นเซรามิก สีดำา; หน้าปัดขนาดเล็ก ฐานขอบตัวเรือน และสาย เป็นสีดำา; หลักชั่วโมง ขอบหน้าปัดขนาดเล็ก และเข็ม เคลือบรูเธเนีย่ ม; ตกแต่งหน้าปัดและสายด้วยผ้าสูท “Prince of Wales”
เอดิชน่ั ใหม่ของนาฬิกาแห่งความร่วมมือระหว่าง Hublot กับ แบรนด์แว่นแฟชั่นล้ำาสไตล์ Italia Independent ในครั้งนี้ เป็นการ นำานาฬิการุน่ Classic Fusion Chronograph มาเป็นพืน้ ฐานในการ สร้างสรรค์ดีไซน์อันโดดเด่นไม่ซ้ำาใคร โดยมี Lapo Elkann ซึ่งเป็น ผู้ก่อตั้งและเป็นผู้อำานวยการฝ่ายศิลป์แห่ง Italia Independent รับ หน้าที่ออกแบบการตกแต่งด้วยตัวเอง โดยเขาได้เลือกเอาผ้าสูทลาย สุดแสนคลาสสิกจากร้านตัดเสือ้ Rubinacci ในอิตาลี มาตกแต่งเป็น พื้นหน้าปัดและผิวด้านบนของสายนาฬิกาถึง 6 เวอร์ชั่น ซึ่งแต่ละ
เวอร์ชั่น King Gold “Prince de Galles” Ref.521.OX.2704.NR.ITI17 ผลิตจำานวนจำากัด 50 เรือน; ตัวเรือน เม็ดมะยม และปุ่มกด เป็นคิงโกลด์; หน้าปัดขนาดเล็ก ฐานขอบตัวเรือน และสาย เป็นสีน้ำาเงิน; หลักชั่วโมง ขอบหน้าปัด ขนาดเล็ก และเข็ม เป็นสีทอง; ตกแต่งหน้าปัดและสายด้วยผ้าสูท “Prince of Wales”
เวอร์ชั่นจะใช้ผ้าสูทที่มีลวดลายแตกต่างกัน Rubinacci คือร้านตัดเสื้อเก่าแก่ที่สืบทอดตำานานความ เนีย๊ บมาอย่างยาวนานนับตัง้ แต่ป ี 1932 เป็นต้นมา โดยดำาเนินกิจการ อย่างต่อเนือ่ งมาถึง 3 เจเนอเรชัน่ แล้ว ผลงานของทีน่ ก่ี ารันตีดว้ ยการ มีลกู ค้าประจำาเป็นบุคคลชือ่ ดังของโลกมากมายทัง้ เหล่าดารานักร้อง บรรดาชนชัน้ สูงซึง่ รวมถึง ดยุคแห่งเคนต์ และเศรษฐีผมู้ รี สนิยมล้าำ เลิศ ซึ่งรวมถืงตัวของ Lapo Elkann เองด้วย
COMING NOW 2017
ผ้าสูท 6 ลวดลายทีใ่ ช้กบั แต่ละเวอร์ชน่ั ของนาฬิกาเอดิชน่ั นี้ ประกอบไปด้วยผ้าสูทแบบ Prince of Wales สามลวดลาย, ผ้าสูท วูลแบบ Tartan จากยุคทศวรรษ 1970 สองลวดลาย และแบบ Houndstooth อีกหนึง่ ลวดลาย โดยแต่ละลวดลายจะถูกเลือกนำามา ตกแต่งลงบนนาฬิกาวัสดุตวั เรือนคิงโกลด์ ตัวเรือนเซรามิกสีดาำ หรือ ตัวเรือนไทเทเนี่ยม ซึ่งมีฐานขอบตัวเรือนเป็นวัสดุคอมโพสิตเรซิ่น
เวอร์ชั่น Titanium “Pied De Poule” Ref.521.NX.2702.NR.ITI17 ผลิตจำานวนจำากัด 100 เรือน; ตัวเรือน เม็ดมะยม และปุ่มกด เป็น ไทเทเนี่ยม; หน้าปัดขนาดเล็ก ฐานขอบตัวเรือน และสาย เป็นสีดำา; หลักชั่วโมง ขอบหน้าปัดขนาดเล็ก และเข็ม เคลือบรูเธเนี่ยม; ตกแต่งหน้าปัดและสายด้วยผ้าสูท “Houndstooth”
เวอร์ชั่น Ceramic “Tartan” Ref.521.CM.2703.NR.ITI17 ผลิตจำานวนจำากัด 50 เรือน; ตัวเรือน เม็ดมะยม และปุ่มกด เป็นเซรามิกสีดำา; หน้าปัดขนาดเล็ก ฐานขอบตัวเรือน และสาย เป็นสีน้ำาเงิน; หลักชั่วโมง ขอบหน้าปัดขนาดเล็ก และเข็ม เคลือบรูเธเนี่ยม; ตกแต่งหน้าปัดและสายด้วยผ้าสูท “Tartan”
95
นาฬิกาทีน่ าำ มาเป็นพืน้ ฐานของเอดิชน่ั นี ้ เป็น Classic Fusion Chronograph ที่มีขนาดตัวเรือนเท่ากับ 45 มม. ผนึกด้านหน้าและ ด้านหลังด้วยกระจกแซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน โดยบน กระจกหน้าปัดจะมีโลโก้ของ Italia Independent พิมพ์กาำ กับอยูด่ ว้ ย ส่วนสายที่ใช้จะเป็นวัสดุยางคุณภาพสูง ทำางานด้วยกลไกอัตโนมัติ โครโนกราฟจับเวลา 30 นาทีพร้อมฟังก์ชน่ั วันที ่ ความถี ่ 28,800 ครัง้ ต่อชั่วโมง กำาลังสำารอง 42 ชั่วโมง Calibre HUB1143
เวอร์ชั่น King Gold “Tartan” Ref.521.OX.2705.NR.ITI17 ผลิตจำานวนจำากัด 50 เรือน; ตัวเรือน เม็ดมะยม และปุ่มกด เป็นคิงโกลด์; หน้าปัดขนาดเล็ก ฐานขอบตัวเรือน และสาย เป็นสีดำา; หลักชั่วโมง ขอบหน้าปัดขนาดเล็ก และเข็ม เป็นสีทอง; ตกแต่งหน้าปัดและสายด้วยผ้าสูท “Tartan”
เวอร์ชั่น Titanium “Prince de Galles” Ref.521.NX.2701.NR.ITI17 ผลิตจำานวนจำากัด 50 เรือน; ตัวเรือน เม็ดมะยม และปุ่มกด เป็นไทเทเนี่ยม; หน้าปัดขนาดเล็ก ฐานขอบตัวเรือน และสาย เป็นสีน้ำาเงิน; หลักชั่วโมง ขอบหน้าปัดขนาดเล็ก และเข็ม เคลือบ รูเธเนี่ยม; ตกแต่งหน้าปัดและสายด้วยผ้าสูท “Prince of Wales”
มีจำาหน่ายที่ อูโบลท์ บูติก และ พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส บูติก
LONGINES
LEGEND DIVER REF. L3.674.4.50.6 “ฉลองปีที่ 10 ของการกำาเนิดใหม่แห่งตำานานนาฬิกาดำาน้าำ จาก Longines รุ่นนี้ ด้วยเวอร์ชั่นใหม่ที่เสริมอารมณ์วินเทจให้เข้มข้นยิ่งขึ้นด้วยสายสตีลถักสไตล์มิลานีสอันแสนสละสลวย”
ปี 2017 นี้ Legend Diver หนึ่งในนาฬิกายอดนิยมที่สุด จากคอลเลคชั่น Heritage ของ Longines ได้ออกเวอร์ชั่นใหม่มา อีกครัง้ โดยทางแบรนด์บอกว่าเป็นการฉลองครบ 10 ปี ของการนำา นาฬิกา Diver ในตำานานของตนซึง่ ถือกำาเนิดขึน้ ในยุคทศวรรษที ่ 1960 อันเป็นยุคทองแห่งการสำารวจทางทะเล กลับมาสร้างขึน้ ใหม่อกี ครัง้ ในรูปแบบที่แทบจะเหมือนกับรุ่นบรรพบุรุษ โดยใช้ชื่อว่า Legend Diver และบรรจุอยูใ่ นกลุม่ คอลเลคชัน่ Heritage ซึง่ เป็นคอลเลคชัน่ ที่นำาบรรดานาฬิกาในตำานานของตนกลับมาสร้างสรรค์ขึ้นใหม่โดย มีคุณสมบัติที่เหมาะกับยุคปัจจุบัน
ตัวเรือน ตลอดจนดีไซน์รายละเอียด และคุณสมบัติทาง เทคนิคของเวอร์ชน่ั ใหม่น ้ี ยังคงไม่มอี ะไรทีแ่ ตกต่างไปจากเวอร์ชน่ั ทีม่ ี จำาหน่ายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนสตีลกันน้าำ 300 เมตร ขนาด 42 มม. พร้อมกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโดมเคลือบสารป้องกันแสง สะท้อนบนฝัง่ ด้านใน ลายตาข่ายบนเม็ดมะยมแบบล็อคเกลียวทัง้ 2 ชุด ภาพสลักนูนรูปนักประดาน้าำ ถือฉมวกบนฝาหลังแบบล็อคเกลียว พืน้ หน้าปัดแล็กเกอร์สีดำาเงาที่มีวงขอบหน้าปัดพร้อมสเกลนาทีซึ่ง สามารถหมุนเพื่อใช้จับเวลาใต้น้ำาได้ด้วยการหมุนมะยม เข็มเคลือบ โรเดียม เข็มชัว่ โมงทรงหอก การเพ้นท์ฟอนต์อกั ษร ตัวเลข และขีด หลักชั่วโมง ด้วยดีไซน์แบบดั้งเดิม รูปแบบการเคลือบสารเรืองแสง
COMING NOW 2017
ซูเปอร์ลมู โิ นว่า บนหลักชัว่ โมงและบนเข็มชัว่ โมงกับนาที ตลอดจน กลไกอัตโนมัต ิ ความถี ่ 28,800 ครัง้ ต่อชัว่ โมง กำาลังสำารอง 38 ชัว่ โมง รหัส L633 ซึ่งมาพร้อมกับฟังก์ชั่นวันที่ (ซึ่งเนื้อแท้ก็คือ กลไก ETA 2824/2) ความเปลีย่ นแปลงทีเ่ กิดขึน้ กับ Ref. L3.674.4.50.6 ซึง่ เป็น เวอร์ชน่ั ใหม่ทอ่ี อกมาเพิม่ เติมในปีนก้ี ค็ อื การจับคูม่ ากับสายสตีลถัก สไตล์มิลานีสอันสละสลวยและสวมใส่สบาย พร้อมตัวล็อคแบบ บานพับทีม่ ลี ายตาข่ายอยูบ่ นบานพับชิน้ เข็มขัด พร้อมระบุระดับการ กันน้าำ มาบนชิ้นบานพับ และมีบานพับสำาหรับปรับขยายขนาดได้ ติดตัง้ อยูด่ า้ นใน ซึง่ ก็มลี กั ษณะคล้ายกับตัวล็อคบานพับของสายยาง
97
ทีม่ ากับ Ref. L3.674.4.50.9 ซึง่ ออกมาตัง้ แต่ป ี 2014 และก็สอดคล้อง กับลายบนหัวเข็มขัดของสายหนังสีดำาด้านผิวลายผ้าใบเดินด้าย ขาวที่มากับ Ref. L3.674.4.50.0 ซึ่งออกมาก่อนหน้านั้นด้วยเช่นกัน สายสตีลแบบถักเช่นนีช้ ว่ ยเพิม่ ลุควินเทจให้กบั นาฬิการุน่ นี้ ได้มากขึ้นไปอีก เพราะเป็นลักษณะสายที่นาฬิกาดำาน้ำาสมัยปลาย ทศวรรษที่ 1960 ถึงต้นทศวรรษที่ 1970 นิยมใช้กัน ทั้งยังพอจะ ตอบโจทย์สำาหรับผู้ที่ต้องการ Legend Diver ในแบบสายสตีลซึ่ง ไม่เคยผลิตขึ้นมาก่อนได้พอสมควรเลยทีเดียว
มีจำาหน่ายที่ เคาน์เตอร์ ลองจินส์ ในแผนกนาฬิกาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำา
MAURICE LACROIX AIKON COLLECTION
“เวอร์ชั่นใหม่จากคอลเลคชั่น AIKON อัพเดทด้วยสีหน้าปัดใหม่ของรุ่น CHRONO กับรุ่น GENTS และขนาดใหม่ของรุ่น AIKON LADIES พร้อมทางเลือกใหม่ด้วยสายหนังแบบพัน 2 รอบ”
Aikon Chrono 44mm เวอร์ชั่นหน้าปัดสีน้ำาเงิน พร้อมสายหนังสีน้ำาเงิน
Aikon Gents 42mm เวอร์ชั่นหน้าปัดสีเทา แอนทราไซต์ คู่กับสายสตีล
Aikon Chrono 44mm
Aikon Gents 42mm
หลังจากที่เมื่อปี 2016 ทาง Maurice Lacroix ได้นาำ ลักษณะจากนาฬิกาควอตซ์รนุ่ Calypso จากยุค 1990 ของตนกลับ มารังสรรค์ขึ้นใหม่ในนามนาฬิกาควอตซ์คอลเลคชั่น Aikon ที่มีทั้ง Aikon Gents แบบสามเข็ม กับ Aikon Chrono นาฬิกาโครโนกราฟ ซึ่งเป็นนาฬิกาสำาหรับผู้ชายและ Aikon Ladies ตัวเรือนขนาดเล็ก 35 มม. สำาหรับผูห้ ญิง ก็ปรากฎว่าได้รบั การต้อนรับเป็นอย่างดี ทัง้ นี้ ก็อาจด้วยปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ไม่วา่ จะเป็นสไตล์แบบสปอร์ต
หรูในดีไซน์รว่ มสมัยทีค่ นุ้ ตาและมีดไี ซน์ขอบตัวเรือนทีเ่ ป็นอัตลักษณ์ ของตัวเอง สายนาฬิกาดีไซน์สวยงามทัง้ แบบสายสตีลแบบห้าแถวและ แบบสายหนังวัวปัม๊ ลายหนังจระเข้ซง่ึ มีชน้ิ โลหะรูปโลโก้ของแบรนด์ ประดับอยูต่ ามแบบอย่างสายหนังของแบรนด์ในยุค 1990 รูปแบบการ ตกแต่งทีม่ ใี ห้เลือกหลากหลาย และราคาจำาหน่ายทีถ่ อื ว่าสมเหตุสมผล มาในปี 2017 นี ้ นอกจากทางแบรนด์จะออกเวอร์ชน่ั ใหม่ๆ มาเพือ่ เพิม่ เติมทางเลือกให้กบั ลูกค้าแล้ว ยังเอาใจคุณผูห้ ญิงทีย่ งั ชอบ
นาฬิกาโครโนกราฟจับเวลา 30 นาที พร้อมแสดงความละเอียดระดับ 1/10 วินาที สำาหรับผูช้ ายในตัวเรือนสตีลขนาด 44 มม. ในปีน ้ี เสริม ทางเลือกด้วยเวอร์ชน่ั หน้าปัดสีนาำ้ เงินพืน้ ลายซันเรย์ พร้อมหลักชัว่ โมง เข็ม และวงขอบหน้าปัดขนาดเล็กที่เป็นสีเงินวาวด้วยการเคลือบ โรเดียม โดยจับคู่มากับสายหนังสีน้ำาเงินโทนเดียวกับหน้าปัด
นาฬิกาสำาหรับผูช้ ายในตัวเรือนสตีลขนาด 42 มม. ในปีน ้ี เพิม่ เติมทาง เลือกด้วยเวอร์ชั่นใหม่ที่มากับหน้าปัดลายแถบเส้นแนวขวางสีเทา แอนทราไซต์ หรือสีน้ำาเงิน พร้อมแท่งหลักชั่วโมงและเข็มเคลือบ โรเดียมสีเงินวาว โดยมีทั้งแบบที่จับคู่มากับสายหนังวัวปั๊มลายหนัง จระเข้และแบบที่จับคู่มากับสายสตีล
COMING NOW 2017
99
Aikon Ladies 35mm
นาฬิกาไซส์เล็กสำาหรับคุณผูห้ ญิง ขนาด 35 มม. ในปีนี้ เพิ่มเติมทางเลือกด้วยเวอร์ชั่นใหม่ที่ใช้ ตัวเรือนสตีลร่วมกับขอบตัวเรือนที่ตกแต่งด้วย ชิ้นวัสดุเคลือบทองพร้อมขายึดสายเคลือบทอง คู่มากับหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวที่ประดับ ด้วยเพชร 8 เม็ด (รวม 0.05 กะรัต) บนแป้น หลักชัว่ โมงเคลือบทอง ร่วมกับชิน้ หลักชัว่ โมงและ เข็มเคลือบทอง และจับคูม่ ากับสายหนังแบบใหม่ ซึง่ เป็นสายหนังวัวสีนาำ้ ตาลอ่อนแบบพันรอบข้อมือ สองรอบ Aikon Ladies 35mm เวอร์ชน่ั ขอบตัวเรือนเคลือบพีวดี สี ที อง; หน้าปัดเปลือกหอยมุก สีขาว; หลักชัว่ โมงและเข็มเคลือบสีทอง; ประดับเพชร 8 เม็ด; บนหลักชั่วโมง; สายหนังวัวสีน้ำาตาลแบบพัน 2 รอบ
Aikon Ladies 30mm
Aikon Ladies 30mm เวอร์ชั่นขอบตัวเรือนเคลือบพีวีดีสีทอง; หน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาว; หลักชั่วโมงและเข็ม เคลือบสีทอง; ประดับเพชร 8 เม็ด บนหลักชั่วโมง; สายหนังวัวสีน้ำาตาลแบบพัน 2 รอบ
Aikon Ladies 30mm เวอร์ชั่นหน้าปัดสีเงิน คู่กับสายหนังสีนา้ำ ตาล
นาฬิกาไซส์เล็กด้วยการออก Aikon Ladies แบบตัวเรือนขนาด 30 มม. มาอีกไซส์หนึง่ ด้วย สเปคทางเทคนิคโดยรวมของนาฬิกา Aikon ทุกรุน่ ทุกแบบจะมากับมาตรฐาน ระดับนาฬิกาชัน้ เลิศเช่นเดียวกันทัง้ หมด ไม่วา่ จะเป็นกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสาร ป้องกันแสงสะท้อน การป้องกันน้ำาได้ถึงระดับ 100 เมตร เม็ดมะยมแบบล็อคเกลียว การเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์ลมู โิ นว่าบนปลายเข็มชัว่ โมงกับเข็มนาที และกลไกควอตซ์ คุณภาพสูงพร้อมฟังก์ชั่นวันที่
นาฬิกาไซส์เล็กไซส์ใหม่สาำ หรับผูห้ ญิง ในตัวเรือน ขนาด 30 มม. เปิดตัวมา 8 เวอร์ชน่ั ในตัวเรือน สตีล พร้อมกับทางเลือกหน้าปัด 3 แบบ คือ แบบลายซันบรัชด์สีเงินหรือสีดำาที่มีส่วนกลาง หน้าปัดเป็นลายแถบเส้นแนวขวาง และแบบ หน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวพร้อมหลักชั่วโมง ประดับเพชร 8 เม็ด (รวม 0.03 กะรัต) แล้ว ก็มีเวอร์ชั่นประดับเพชร 36 เม็ด (รวม 0.17 กะรัต) บนขอบตัวเรือนสตีลหรือขอบตัวเรือนที่ ตกแต่งด้วยชิน้ วัสดุเคลือบทอง โดยชิน้ หลักชัว่ โมง กับเข็มและขายึดสายจะเคลือบด้วยโรเดียมหรือ เคลือบทองตามลักษณะของขอบตัวเรือน และ แต่ละรุ่นจะติดตั้งมากับสายสตีลหรือสายสตีล สลับสตีลเคลือบทองคำา หรือสายหนังซึง่ นอกจาก สายหนังวัวปัม๊ ลายจระเข้แบบปกติแล้วก็ยงั มีสาย แบบใหม่ทเ่ี ป็นสายหนังวัวสีนาำ้ ตาลอ่อนแบบพัน รอบข้อมือสองรอบมาเป็นทางเลือกด้วย
มีจำาหน่ายที่ เคาน์เตอร์ มอริส ลาครัวซ์ ในแผนกนาฬิกาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำา
MB&F
HM7 ‘AQUAPOD’ TI “เมื่อรูปลักษณ์อันมหัศจรรย์ของแมงกะพรุน ถูกจำาแลงมาเป็นเรือนเวลาอันล้าำ เลิศ”
ลำาดับที่ 7 จากคอลเลคชั่นนาฬิกาล้าำ ดีไซน์และเทคนิค Horological Machine รุน่ นี ้ ถือเป็นครัง้ แรกที ่ MB&F นำาแรงบันดาลใจ ในการสร้างสรรค์มาจากโลกแห่งทะเล โดยพวกเขาได้นาำ เอาลักษณะ อันมหัศจรรย์ของแมงกะพรุน มาเป็นคอนเซ็ปต์ในการออกแบบ ด้วย ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากดีไซเนอร์นาฬิกาชื่อดัง Eric Giroud กับทีมเทคนิคของ MB&F ลักษณะโดยรวมของดีไซน์ ออกแบบให้เป็นทรงโดมทัง้ ด้าน หน้าและด้านหลัง ตัง้ั แต่กลไกขึน้ ลานอัตโนมัต ิ กำาลังสำารอง 72 ชัว่ โมง ความถี ่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง ควบคุมความแม่นยำาด้วยตูร์บิยอง ซึง่ ออกแบบให้โครงสร้างของกลไกเป็นแบบสามมิตใิ นแนวตัง้ โดยจัด
ให้ชดุ ฟลายอิง้ ตูรบ์ ยิ องวางตัวลอยอยูบ่ นตำาแหน่งสูงสุด ณ กึง่ กลาง ของตัวกลไกและนาฬิกา ขณะทีฝ่ ง่ั ด้านล่างของกลไกจะโดดเด่นด้วย โรเตอร์ไทเทเนีย่ มทีอ่ อกแบบเป็นก้านเขีย้ วทรงโค้งซึง่ มีแรงบันดาลใจ มาจากหนวดแมงกะพรุน และเสริมสร้างประสิทธิภาพในการขึน้ ลาน ด้วยการติดตัง้ ชิน้ ถ่วงน้าำ หนักวัสดุแพลตินม่ั ไว้ทโ่ี รเตอร์ โดยเป็นกลไก อินเฮ้าส์ที่ทีมงาน MB&F พัฒนาขึ้นเองทั้งหมด บรรจุไว้ในตัวเรือน ทรงกลมที่ครอบด้วยกระจกแซฟไฟร์ทรงโค้งซึ่งเคลือบสารป้องกัน แสงสะท้อนมาทั้ง 2 ด้าน โดยมีชิ้นวงแหวนล้อมรอบตัวเรือนไว้อีก ชั้นหนึ่ง
COMING NOW 2017
ด้านรูปแบบการแสดงเวลาก็ไม่ธรรมดา เพราะใช้เป็นโคน ดิสก์อลูมิเนียมร่วมกับไทเทเนี่ยม 2 ชุด วางต่อกันทำาหน้าที่แสดง ชั่วโมงกับนาทีให้อ่านค่าได้สะดวก ณ ตำาแหน่งขีดสเกลสีฟ้าที่โดม กระจก โดยการปรับตั้งเวลาจะกระทำาด้วยเม็ดมะยมคนละชุดกับ เม็ดมะยมสำาหรับขึ้นลาน และเพื่อขับบุคลิกความเป็นแมงกะพรุน ให้เด่นชัดอีกระดับ พวกเขาจึงทำาให้ Aquapod รุน่ นีเ้ ปล่งแสงสีฟา้ เรือ่ เรืองในความมืดได้ดว้ ยการใช้ตวั เลขชัว่ โมงกับนาทีทเ่ี ขียนวาดด้วย สารเรืองแสง ซูเปอร์-ลูมโิ นว่า และเคลือบสารเรืองแสงนีบ้ นจุดกลม ณ ตำาแหน่งนาทีทศ่ี นู ย์บนวงนาทีกบั บนวงขอบตัวเรือน และบนบริเวณ โรเตอร์ดว้ ย อีกทัง้ บริเวณรอบตูรบ์ ยิ องยังได้ตดิ ตัง้ แผ่นเรืองแสง AGT Ultra (Ambient Glow Technology) ไว้อีก 3 ชิ้น
101
ชิน้ วงแหวนทีล่ อ้ มรอบตัวเรือนออกแบบมาเป็นแบบลอยตัว และถึงแม้วา่ ระดับการกันน้าำ ถึงระดับความลึก 50 เมตร ของนาฬิกา รุน่ นีจ้ ะไม่สามารถเรียกได้วา่ เป็นนาฬิกาดำาน้าำ แต่ทาง MB&F ก็ยงั บิลท์อารมณ์นาฬิกาดำาน้าำ ด้วยการมอบฟีเจอร์การหมุนได้แบบทิศทาง เดียวมาให้ พร้อมติดตัง้ ด้วยแผ่นเซรามิกทรงโค้งเงาวับทีส่ ลักสเกลนาที อย่างคมชัดด้วยเลเซอร์และเคลือบด้วยไทเทเนีย่ ม ซึง่ สำาหรับเอดิชน่ั Aquapod TI ตัวเรือนไทเทเนี่ยมนี ้ จะใช้เป็นเซรามิกสีน้ำาเงิน ตัวเรือนไทเทเนี่ยมเกรด 5 ของ HM7 Aquapod TI มี ขนาด 53.8 มม. หนา 21.3 มม. สวมคูม่ ากับสายยางสีดาำ ทีเ่ ป็นเกรด วัสดุที่ใช้กับเครื่องบิน พร้อมตัวล็อคแบบบานพับวัสดุไทเทเนี่ยม โดยผลิตขึ้นแบบจำานวนจำากัดแค่ 33 เรือน
มีจำาหน่ายที่ พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส บูติก
MIDO
COMMANDER ICÔNE “รุ่นใหม่ล่าสุดของอีกหนึ่งตำานานแห่งวงการนาฬิกา”
เวอร์ชั่นหน้าปัดสีเงิน
เวอร์ชั่นทูโทน: ขอบตัวเรือนและเม็ดมะยม เคลือบพีวีดี สีพิ้งค์โกลด์; หน้าปัดสีเงิน; หลักชั่วโมง เข็ม โลโก้ และกรอบหน้าต่าง เคลือบสีพิ้งค์โกลด์
เชือ่ ว่าสำาหรับผูท้ ส่ี นใจเกีย่ วกับนาฬิกาแล้ว คงมีนอ้ ยคนนัก ทีไ่ ม่รจู้ กั นาฬิกา “ผูบ้ ญั ชาการ” รุน่ นี ้ ความสำาเร็จอย่างต่อเนือ่ งยาวนาน มาจนถึงปัจจุบันของนาฬิกา Mido รุ่น Commander นี ้ เริ่มต้นขึ้น เมื่อปี 1959 ด้วยดีไซน์ที่โก้หรูแบบเรียบง่ายโดยมีการเปลี่ยนแปลง ทีละเล็กละน้อยไปตามยุคสมัย แต่ยงั คงดำารงไว้ซง่ึ ลักษณะเฉพาะตัว เสมอมา อันได้แก่ เส้นสายทีเ่ รียบและเกลีย้ งเกลา หน้าปัดแผ่นกว้าง พร้อมเข็มกับหลักชัว่ โมงขนาดใหญ่ทส่ี ามารถอ่านค่าได้ชดั เจน และ การขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลคุณภาพเยี่ยม รุน่ ใหม่จากตระกูล Commander ทีเ่ ปิดตัวมาในปี 2017 นี้ ใช้ชอ่ื ว่า Commander Icône ซึง่ คำาว่าไอคอนนัน้ มาจากความตัง้ ใจ ของ Mido ในการรังสรรค์นาฬิกา Commander รุน่ นีใ้ ห้ออกมาใน คอนเซ็ปต์ นีโอวินเทจ เพื่อสืบสานความเป็นนาฬิการะดับไอคอน ของ Commander รุน่ ดัง้ เดิม โดยพิถพี ถิ นั ตกแต่งรายละเอียดต่างๆ อย่างประณีตและธำารงไว้ซง่ึ ความเป็นออริจนิ อลด้วยลุคแบบวินเทจ ที่ปรับแต่งให้มีความร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงและสัดส่วนของ ตัวเรือนสตีลขัดซาตินกับขอบตัวเรือนขัดเงา กระจกหน้าปัดทรงโค้ง ยกเหลี่ยมสัน เม็ดมะยมที่บางส่วนจมลึกเข้าไปในตัวเรือน การขัด ซาตินลายซันเรย์สดุ คลาสสิกบนพืน้ หน้าปัด รูปทรงของชิน้ หลักชัว่ โมง เข็ม และกรอบหน้าต่าง ไปจนถึงสายสตีลแบบสานถักสไตล์มลิ านีส ขัดซาติน ทีม่ คี วามนุม่ นวลขณะสวมใส่และให้อารมณ์สละสลวยแบบ
ย้อนยุค ซึง่ สามารถปรับระยะสัน้ ยาวของสายได้สะดวกด้วยบานพับ แบบสไลด์ ผนึกยึดสายอย่างแนบเนียนเข้ากับตัวเรือนในลักษณะเดียว กับรุน่ ต้นฉบับเมือ่ ปี 1959 ขณะทีต่ วั เรือนของรุน่ ใหม่น ้ี ใช้เป็นขนาด 42 มม. ซึง่ เป็นครัง้ แรกของตระกูล Commander ทีใ่ ช้ตวั เรือนใหญ่ ขนาดนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เหมาะสมกับการเป็นนาฬิกาของ บุรุษในยุคปัจจุบันยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าใหญ่กว่าขนาด 37 มม. ของ Commander รุ่นที่ใช้สายถักในลักษณะเดียวกันซึ่งยังคงมีจาำ หน่าย อยู่ในปัจจุบันมากพอควรเลยทีเดียว แม้ Commander Icône จะมาในลุคแบบเรโทร แต่คณุ สมบัติ ทางเทคนิคและวัสดุนน้ั ถึงพร้อมตามมาตรฐานการผลิตของนาฬิกา ชัน้ ดีในยุคปัจจุบนั ทุกประการ เช่น กระจกหน้าปัดทีเ่ ปลีย่ นวัสดุจาก เฮซาลิท มาเป็นแซฟไฟร์, สารเรืองแสง ซูเปอร์ลมู โิ นว่า ทีเ่ คลือบบน หลักชั่วโมงกับเข็ม และที่สำาคัญก็คือ ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัต ิ ความถี ่ 21,600 ครัง้ ต่อชัว่ โมง ฟังก์ชน่ั แสดงวันและวันที ่ รหัส 80 Si ทีใ่ ช้บาลานซ์สปริงวัสดุซลิ คิ อน ซึง่ ทำางานได้อย่างแม่นยำาและมีความ ทนทานสูง ทัง้ ยังมีลานทีใ่ ห้กาำ ลังสำารองได้อย่างยาวนานถึง 80 ชัว่ โมง อีกทั้งกลไกที ่ Mido ทำาการปรับแต่งมาจากกลไก ETA C07.821 เครือ่ งนี ้ ยังได้รบั การรับรองความแม่นยำาตามมาตรฐานโครโนมิเตอร์ ของ COSC เช่นเดียวกับกลไก 2836-2 ที่ใช้กับ Commander รุ่น ตัวเรือน 37 มม. ด้วย ทั้งยังเป็นกลไกที่ได้รับการตกแต่งมาอย่าง
COMING NOW 2017
103
เวอร์ชั่นหน้าปัดสีเทาแอนทราไซต์
สวยงามสมตัว โดยสามารถมองเห็นได้ผ่านกระจกใสบนฝาหลัง Commander Icône เปิดตัวมาพร้อมกัน 3 เวอร์ชั่น คือ เวอร์ชน่ั หน้าปัดสีเทาแอนทราไซต์ กับเวอร์ชน่ั หน้าปัดสีเงิน ซึง่ ใช้หลัก ชัว่ โมง เข็ม โลโก้ และกรอบหน้าต่าง เป็นสีเงิน และเวอร์ชน่ั ทูโทน ที่เคลือบพีวีดีสีพิ้งค์โกลด์ที่ขอบตัวเรือนและเม็ดมะยม ซึ่งมากับ
หน้าปัดสีเงิน พร้อมหลักชัว่ โมง เข็ม โลโก้ และกรอบหน้าต่าง เคลือบ สีพง้ิ ค์โกลด์ โดยบนเข็มชัว่ โมงกับนาทีและหลักชัว่ โมงของทุกรุน่ จะมี การตกแต่งด้วยสีดำาเพื่อให้อ่านค่าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
มีจาำ หน่ายที่ เคาน์เตอร์ มิโด้ ในแผนกนาฬิกาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำา
MONTBLANC
TIMEWALKER COLLECTION “นาฬิกาสปอร์ต TimeWalker เจเนอเรชั่นใหม่ โฉบเฉี่ยวด้วยขอบตัวเรือน ไฮเทค-เซรามิก สีดำา พร้อมฟีเจอร์การหมุนสำาหรับปรับตั้งให้แสดงค่าเวลาอีกไทม์โซนหนึ่ง และการันตีคุณภาพด้วยมาตรฐานการทดสอบอันแสนเข้มงวด 500 ชั่วโมง”
TimeWalker Chronograph UTC เวอร์ชั่นสายยางสีดำาฉลุรู
เจเนอเรชัน่ ใหม่ของ TimeWalker คอลเลคชัน่ นาฬิกาสปอร์ต ของ Montblanc ซึง่ เป็นการปรับโฉมครัง้ ใหญ่ เปิดตัวออกมาพร้อมกัน ในปีนห้ี ลายรุน่ ด้วยกัน ซึง่ รุน่ โปรดักชัน่ ปกติกจ็ ะมีทง้ั รุน่ โครโนกราฟ ยูทซี ี รุน่ โครโนกราฟ และรุน่ เดท ทัง้ สามรุน่ ทำางานด้วยกลไกอัตโนมัติ ความถี ่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ซึ่งมีฟังก์ชั่นแตกต่างกันตามที่ระบุ เป็นชือ่ รุน่ โดยทุกรุน่ ล้วนได้รบั การทดสอบตามมาตรฐานสุดเข้มงวด 500 ชั่วโมง ของ Montblanc ที่เรียกว่า “มงต์บลองค์ ลาบอราทอรี เทสต์ 500” ก่อนที่จะส่งออกมาจำาหน่าย
TimeWalker Chronograph Automatic เวอร์ชั่นหน้าปัดสีดำา; ขอบหน้าปัดและขอบวงจับเวลาสีขาวเงิน; หลักชั่วโมงและเข็มเคลือบโรเดียม; สายยางสีดาำ ฉลุรู
รูปลักษณ์โดยรวมของทั้ง 3 รุ่น จะใช้ตัวเรือนวัสดุสตีล ที่ กันน้าำ ได้ 100 เมตร รูปทรงเดียวกันโดยมาพร้อมกับขอบตัวเรือนแบบ หมุนได้ทิศทางเดียวซึ่งติดตั้งแผ่นวงแหวน ไฮ-เทคเซรามิก สีดำา ขอบหยักที่สลักสเกลชั่วโมงสีขาวเงินเอาไว้เพื่อใช้สำาหรับหมุนปรับ ให้แสดงค่าเวลาอีกค่าหนึ่งได้ด้วยอันเป็นฟังก์ชั่นการใช้งานที่เป็น ประโยชน์อย่างยิง่ สำาหรับการเดินทางหรือการติดต่อกับผูค้ นทีอ่ ยูต่ า่ ง ไทม์โซน และใช้เม็ดมะยมเคลือบสีดาำ เข้ากับขอบตัวเรือน พร้อม ผนึกกระจกแซฟไฟร์ทั้งฝั่งหน้าปัดและฝาหลังซึ่งกระจกที่ฝาหลัง
COMING NOW 2017
จะใช้เป็นแบบรมดำาด้วย โดยมีเวอร์ชน่ั ของสายให้เลือกจับคูท่ ง้ั แบบ สายหนังวัวสีดาำ ฉลุรู แบบสายยางสีดำาฉลุรู และในบางรุ่นก็มีแบบ สายสตีลให้เลือกด้วย ขณะทีร่ ายละเอียดบนหน้าปัดจะแตกต่างกันไป หากแต่ใช้ตัวเลขอารบิกฟ้อนต์ทรงอุดมเหลี่ยม และแสดงเวลาด้วย เข็มทรงดาบเล่มใหญ่โดยมีเข็มวินาทีกลางหน้าปัดเป็นสีแดงปลายศร เช่นเดียวกัน เริม่ ต้นแบบเบสิคกันด้วยรุน่ เดท ซึง่ ใช้ตวั เรือนขนาด 41 มม. แสดงเวลาแบบสามเข็มพร้อมฟังก์ชั่นวันที่ที่ทำางานด้วยกลไกรหัส MB 24.17 ซึง่ สำารองพลังงานได้ 38 ชัว่ โมง โดยเปิดตัวออกมาพร้อม กัน 5 เวอร์ชั่น แตกต่างกันที่สีกับรูปแบบรายละเอียดของหน้าปัด (หน้าปัดสีดาำ ขอบหน้าปัดสีขาวเงิน หลักนาทีและเข็มเคลือบโรเดียม หรือหน้าปัดสีขาวเงิน ขอบหน้าปัดสีดาำ หลักชัว่ โมงสีดาำ เข็มเคลือบ โรเดียมดำา) กับรูปแบบของสาย (สายยาง สายหนัง หรือสายสตีล) ส่วนรุ่นโครโนกราฟ กับรุ่นโครโนกราฟ ยูทีซี นั้นจะใช้
105
ตัวเรือนขนาด 43 มม. ทีบ่ รรจุกลไกโครโนกราฟจับเวลาได้ 12 ชัว่ โมง พร้อมฟังก์ชน่ั วันที ่ ซึง่ สำารองพลังงานได้ 46 ชัว่ โมง เท่ากัน โดยรุน่ โครโนกราฟจะเป็นกลไกรหัส MB 25.07 ส่วนรุ่นโครโนกราฟ ยูทีซี จะเป็นกลไกรหัส MB25.03 ซึง่ มีการเพิม่ กลไกฟังก์ชน่ั แสดงเวลาทีส่ อง แบบ 24 ชัว่ โมงด้วยเข็มกลางเข้าไปด้วย โดยอ่านค่าบนสเกล 24 ชัว่ โมง ที่ขอบตัวเรือนซึ่งสามารถหมุนได้ ทำาให้แสดงเวลาได้ถึง 3 ไทม์โซน และสำาหรับรุน่ โครโนกราฟ ยูทซี ี นีย้ งั เพิม่ ความพิเศษอีกขัน้ ด้วยการ เคลือบดีแอลซีให้ตัวเรือนเป็นสีดาำ และใช้ปุ่มกดเคลือบสีดำาด้วย โดย มาพร้อมกับหน้าปัดสีดาำ และจับคูม่ ากับสายยางหรือสายหนัง ส่วนรุน่ โครโนกราฟ จะมีสกี บั รูปแบบรายละเอียดของหน้าปัดและรูปแบบของ สายให้เลือกกัน 5 เวอร์ชั่น (หน้าปัดสีดาำ ขอบหน้าปัดและขอบวง จับเวลาสีขาวเงิน หลักชั่วโมงและเข็มเคลือบโรเดียม หรือหน้าปัด สีขาวเงิน ขอบหน้าปัดและขอบวงจับเวลาสีดาำ หลักชั่วโมงสีดาำ เข็มเคลือบโรเดียมดำา สวมคู่กับสายยาง สายหนัง หรือสายสตีล)
TimeWalker Date Automatic เวอร์ชั่นหน้าปัดสีดำา; ขอบหน้าปัดสีขาวเงิน; หลักนาทีและเข็มเคลือบโรเดียม; สายยางสีดำาฉลุรู
มีจำาหน่ายที่ มงต์บลองค์ บูติก
ORIS
AQUIS STAGHORN RESTORATION LIMITED EDITION “นาฬิกาดำาน้าำ รุ่นพิเศษจากคอลเลคชั่น AQUIS ที่ไม่ได้แตกต่างแค่สีสัน”
นาฬิกาลิมเิ ต็ดเอดิชน่ั ผลิตจำานวนจำากัดรุน่ นี ้ เป็นการตกแต่ง บนพื้นฐานของนาฬิกาดำาน้าำ Aquis Date แบบตัวเรือนสตีล ขนาด 43.5 มม. กันน้าำ ลึก 300 เมตร พร้อมขอบตัวเรือนแบบหมุนทิศทาง เดียวที่ติดตั้งแผ่นวงแหวนวัสดุเซรามิกสีดาำ เอาไว้ ผนึกด้วยกระจก หน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโค้งทั้ง 2 ฝั่ง ที่เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน บนฝั่งด้านใน โดยมีให้เลือกทั้งเวอร์ชั่นที่สวมคู่มากับสายสตีล และ เวอร์ชั่นที่มาคู่กับสายยางสีดำา
Staghorn Restoration รุ่นนี ้ มากับความพิเศษที่แตกต่าง ไปจากรุน่ Aquis Date ซึง่ เป็นพืน้ ฐานของมันอยูห่ ลายประการ ตัง้ แต่ การมาพร้อมฟังก์ชั่น เดย์เดท แสดงวันและวันที่ จากการทำางาน ของกลไกอัตโนมัตริ หัส Oris 735 ความถี ่ 28,800 ครัง้ ต่อชัว่ โมง กำาลัง สำารอง 38 ชั่วโมง ขึ้นลานด้วยโรเตอร์สีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของ Oris ซึง่ เป็นกลไกทีท่ าง Oris ปรับแต่งบนพืน้ ฐานกลไก SW 220-1 ของ Sellita โดยจะแสดงวันผ่านช่องขีด 7 ช่องบนหน้าปัด ด้วยแถบสี
COMING NOW 2017
บนจานดิสก์ซึ่งจะหมุนวนไปตามตำาแหน่งช่องขีดของแต่ละวัน และ แสดงวันทีด่ ว้ ยตัวเลขผ่านช่องหน้าต่าง ณ ตำาแหน่ง 6 นาฬิกา ซึง่ เป็น รูปแบบการแสดงค่าและเป็นกลไกเดียวกับที่ใช้ในรุ่น Aquis Great Barrier Reef Limited Edition II นัน่ เอง ขณะทีส่ กี ารตกแต่งก็จดั สรร มาเป็นแบบเฉพาะตัว เริม่ ตัง้ แต่สขี องหน้าปัดผิวขัดลายทีใ่ ช้เป็นพืน้ สี น้าำ เงินโทนเข้ม ร่วมกับขอบวงแหวนสีดาำ ของตำาแหน่งแสดงวัน โดยมี แถบสีแสดงวัน ตัวเลขวันที ่ เข็มวินาที และเส้นกรอบสามเหลีย่ มกับ ขีดสเกลจากตำาแหน่ง 0 - 15 นาทีบนขอบตัวเรือน เป็นสีสม้ สะดุดตา เพือ่ สือ่ ถึงสีของปะการัง สแต็กฮอร์น ขณะทีห่ ลักชัว่ โมงและเข็มชัว่ โมง กับเข็มนาทียงั คงใช้เป็นสีเงินทีม่ ขี นาดค่อนข้างใหญ่พร้อมเคลือบสาร เรืองแสง ซูเปอร์ลมู โิ นว่า เช่นเดียวกับรุน่ Aquis Date ความพิเศษ อีกจุดหนึง่ ก็คอื ทีฝ่ าหลังจะมีการสลักภาพปะการัง สแต็กฮอร์น พร้อม ข้อความบ่งบอกความพิเศษและหมายเลขประจำาเรือนเอาไว้ ทัง้ ยังมา พร้อมกล่องแพ็คเกจที่ออกแบบมาสำาหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะด้วย
107
นอกจากความสวยงามในแบบทีแ่ ตกต่างไปจากรุน่ ปกติแล้ว ด้วยจำานวนการผลิตทีก่ าำ หนดไว้เพียงแค่ 2,000 เรือน จึงมีคนจำานวน ไม่มากนักที่ได้ครอบครอง ยิ่งในประเทศไทยเองก็ยิ่งน้อยลงไปอีก อีกทัง้ Oris ยังจะนำารายได้บางส่วนจากการจำาหน่ายไปสนับสนุนการ ทำางานของมูลนิธเิ พือ่ การฟืน้ ฟูแนวปะการัง The Coral Restoration Foundation ซึ่งเป็นเอ็นจีโอ ในมลรัฐ ฟลอริดา ด้วย
มีจำาหน่ายที่ เคาน์เตอร์ โอริส ในแผนกนาฬิกาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำา
PARMIGIANI
TORIC CHRONOMÈTRE “ครั้งแรกที่เรือนเวลาอันงามสง่าตระกูล Toric มากับกลไกแสดงเวลาแบบสามัญ”
เวอร์ชั่นตัวเรือนเร้ดโกลด์ หน้าปัดสีขาว
เวอร์ชั่นตัวเรือนไวท์โกลด์ หน้าปัดสีดำา
ก่อนหน้านี ้ นาฬิกาดีไซน์คลาสสิกงามสง่า คอลเลคชั่น Toric ของ Parmigiani นั้นมักจะมาพร้อมคอนเซ็ปต์ดีไซน์และการ ตกแต่งสุดวิจติ ร และใช้กลไกระดับสูงอย่าง มินทิ รีพที เตอร์ หรือไม่ ก็เป็นนาฬิกาอุดมเทคนิคซับซ้อนเช่นรวม ตูร์บิยอง เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ และมินิท รีพีทเตอร์ ไว้ในกลไกเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่า สนนราคาของนาฬิกาเหล่านี้ก็ย่อมต้องไม่ธรรมดา แต่มาปี 2017 นี้ ทางแบรนด์ได้นำาเอากลไกแสดงเวลาพร้อมฟังก์ชั่นวันที่ในรูปแบบ พื้นฐานมาประจำาการอยู่ในนาฬิกาคอลเลคชั่นนี้ด้วย โดยให้ชื่อว่า Toric Chronomètre ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นกลไกที่ได้รับการ รับรองความแม่นยำาระดับโครโนมิเตอร์ ตัวเรือนขนาด 40.8 มม. หนา 9.5 มม. ของนาฬิการุ่นนี้ ถูกออกแบบขึน้ ใหม่ โดยเห็นได้ชดั จากดีไซน์โค้งมนบริเวณด้านข้าง ของตัวเรือนและดีไซน์ของขาตัวเรือนที่โค้งรับกับข้อมือ แต่ยังคง
เวอร์ชั่นตัวเรือนเร้ดโกลด์ หน้าปัดสีดาำ
ลักษณะเฉพาะตัวของคอลเลคชัน่ Toric อันเป็นดีไซน์ทม่ี แี รงบันดาลใจ มาจากเสาอันงดงามของสถาปัตยกรรมสมัยกรีกโบราณเอาไว้อย่าง ครบถ้วน รวมถึงร่องสลักอันแสนละเอียดงดงามบนวงขอบตัวเรือนที่ ผนึกเนียนไปกับกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนด้วย กลไกทีบ่ รรจุอยู ่ เป็นแบบขึน้ ลานอัตโนมัต ิ ความถี ่ 28,800 ครัง้ ต่อชัว่ โมง รหัส PF331 ของ Parmigiani เอง ซึง่ ให้กาำ ลังสำารอง ได้นานถึง 55 ชัว่ โมง บอกเวลาแบบสามเข็มพร้อมฟังก์ชน่ั วันที ่ โดย เป็นกลไกทีไ่ ด้รบั การรับรองความแม่นยำาตามมาตรฐานโครโนมิเตอร์ ของ COSC และมอบการขัดแต่งอย่างงดงามไว้บนตัวกลไก รวมไป ถึงงานสลักกิโยเช่เป็นลายเมล็ดข้าวบาเลย์ด้วยมือบนโรเตอร์ทอง โดยสามารถชื่นชมได้ผ่านทางกระจกแซฟไฟร์ เคลือบสารป้องกัน แสงสะท้อน ที่ผนึกไว้บนฝาหลัง
COMING NOW 2017
109
Toric Chronomètre เปิดตัวมาพร้อมกัน 4 เวอร์ชน่ั คือ เวอร์ชน่ั ตัวเรือน ไวท์โกลด์ กับเวอร์ชน่ั ตัวเรือนเร้ดโกลด์ โดยแต่ละเวอร์ชน่ั จะมีหน้าปัดให้เลือก 2 แบบ คือ แบบหน้าปัดโอปอลีนสีดาำ กับแบบหน้าปัดสีขาวผิวเกรนด์เม็ดละเอียด แสดงเวลา ด้วยเข็มชัว่ โมงกับนาทีทรงหอกเคลือบสารเรืองแสง และเข็มวินาทีทรงเรียวยาวทีม่ ี หัวเข็มเป็นรูปเสีย้ วจันทร์ ชีบ้ ง่ ไปยังหลักชัว่ โมงเลขอารบิกขนาดพอเหมาะทีใ่ ช้ตวั เลข กับสเกลเป็นสีตรงข้ามกับสีของหน้าปัด และแสดงวันทีด่ ว้ ยจานดิสก์พน้ื สีตรงข้ามกับ สีหน้าปัดผ่านช่องหน้าต่างทรงโค้งขนาดใหญ่ ณ ตำาแหน่ง 6 นาฬิกา โดยเข็มกับกรอบ หน้าต่างจะเคลือบด้วยโรสโกลด์ และสวมคูม่ ากับสายหนังจระเข้สดี าำ ของ Hermès
เวอร์ชั่นตัวเรือนไวท์โกลด์ หน้าปัดสีขาว
ผิวเกรนด์ของหน้าปัดสีขาว เป็นการสร้างสรรค์ด้วยมือ โดยนำาผงเงินมาขัดถูอย่างประณีตพิถีพิถันด้วยแปรงขนม้า บนพื้นหน้าปัดทองเหลือง
มีจำาหน่ายที่ พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส บูติก
PATEK PHILIPPE
CALATRAVA Ref. 5180/1R-001 “เวอร์ชั่นโรสโกลด์ของนาฬิกากลไกสเกเลตัน พร้อมลายสลักสุดประณีตชวนหลงใหล”
เนื่องด้วยปี 2017 เป็นปีท ี่ 40 แห่งการถือกำาเนิดของกลไก อัตโนมัติ ขึ้นลานด้วยโรเตอร์ขนาดเล็ก Calibre 240 ที่โดดเด่นด้าน ความบางของขนาดกลไก ซึง่ เป็นหนึง่ ในกลไกอันแสนยอดเยีย่ มของ Patek Philippe และเป็นกลไกพื้นฐานที่นำามาต่อยอดสร้างสรรค์ รูปแบบและเพิม่ เติมฟังก์ชน่ั ต่างๆ เข้าไปอย่างหลากหลาย เพือ่ ใช้กบั นาฬิการุ่นต่างๆ ของตนทั้งสำาหรับผู้ชายและผู้หญิง ทาง Patek จึง ทำาการฉลอง 40 ขวบของกลไกนีด้ ว้ ยการออกนาฬิกาทีใ่ ช้กลไกซึง่ มี พืน้ ฐานจาก Calibre 240 มาใหม่หลายรุน่ โดยมีทง้ั แบบทีเ่ ป็นรุน่ ใหม่ เลย และแบบทีเ่ ป็นเวอร์ชน่ั ใหม่ของรุน่ ปัจจุบนั หรือรุน่ ทีเ่ คยผลิตออก มาแล้ว ซึ่ง Calatrava Ref.5180/1R-001 รุ่นนี้จัดอยู่ในแบบหลัง แรกเริม่ เดิมทีนน้ั Ref.5180 ถูกเผยโฉมออกมาครัง้ แรกเมือ่ ปี 2008 โดยมากับตัวเรือนไวท์โกลด์ ขนาด 39 มม. ทีม่ คี วามบาง เฉียบเพียง 6.7 มม. พร้อมสายดีไซน์สละสลวยที่ทำาจากไวท์โกลด์ เช่นกัน ซึง่ แม้วา่ จะเป็นกลไกฟังก์ชน่ั แสดงเวลาแบบพืน้ ฐานด้วยเข็ม 2 เข็ม แต่ทางแบรนด์กจ็ ดั ให้อยูใ่ นกลุม่ นาฬิกาแบบคอมพลิเคชัน่ ซึง่ หมายถึงมีความซับซ้อน เนือ่ งด้วยกลไก Calibre 240 SQU ความถี ่ 21,600 ครัง้ ต่อชัว่ โมง กำาลังสำารอง 48 ชัว่ โมง ของรุน่ นี ้ เป็นการนำา กลไกรหัส 240 มาตัดฉลุแบบสเกเลตันเป็นโครงทรวดทรงทีส่ ละสลวย ซึง่ รวมถึงตรา คาลาทราวา ครอส ขนาดใหญ่ บริเวณ ตำาแหน่ง 1-2
นาฬิกาด้วย ทั้งยังสลักลวดลายอย่างอ่อนช้อยประณีตงดงามลงบน แทบทุกอณูของโครงสเกลเลตัน ซึง่ ทัง้ หมดนีถ้ กู กระทำาด้วยมือของ ช่างระดับยอดฝีมอื ของแบรนด์ โดยยึดตัวกลไกเข้ากับวงโครงทองคำา ทีฉ่ ลุสเกเลตันให้เป็นลักษณะของแท่งหลักชัว่ โมงไปในตัว ทัง้ หมดนี้ สามารถชืน่ ชมได้อย่างเต็มทีผ่ า่ นกระจกแซฟไฟร์บานใหญ่ทผ่ี นึกอย่าง แนบเนียนอยูท่ ง้ั ด้านหน้าและด้านหลังของตัวเรือน ขณะทีส่ ายทองคำา นัน้ ถูกสร้างขึน้ จากการนำาชิน้ ทองคำาชิน้ เล็กๆ มาถักสานประกอบเข้า ด้วยกันซึ่งให้ทั้งความประณีตงดงามและความสบายขณะสวมใส่ การกลับมาครั้งใหม่ของ Ref.5180 ในปีนี้ด้วยรหัส Ref. 5180/1R-001 เป็นการมาในวัสดุโรสโกลด์ ทัง้ ตัวเรือน วงโครงยึดกลไก และสาย ทั้งยังนำาโครงกลไกกับบริดจ์ไปเคลือบโรสโกลด์ และใช้ โรเตอร์ทองคำา 22 กะรัต ทีเ่ ป็นสีโรสโกลด์ เพือ่ ให้โทนสีกลมกลืนเป็น หนึง่ เดียวกันทัง้ หมด ขณะทีเ่ ข็มนัน้ เลือกใช้เป็นวัสดุไวท์โกลด์ทเ่ี คลือบ ให้เป็นโทนสีดาำ เพื่อให้อ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจน กลไก 240 SQU ที่ใช้กับ 5180/1R-001 นี้ แน่นอนว่าต้อง เพียบพร้อมไปด้วยชิน้ ส่วนกลไกชัน้ เลิศซึง่ รวมถึงชิน้ ส่วนทีเ่ ป็นลักษณะ เฉพาะของ Patek Philippe อย่าง บาลานซ์แบบ ไจโรแม็กซ์ และ บาลานซ์สปริง สไปโรแม็กซ์ และก็แน่นอนอีกเช่นกันว่าทุกองค์ประกอบ และคุณภาพจะต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ปาเต็ก ฟิลิปส์ ซีล
COMING NOW 2017
111
มีจำาหน่ายที่ ปาเต็ก ฟิลิปป์ บูติก โดย ทีเคไอ พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส บูติก และ คอร์ติน่า วอทช์ บูติก
PERRELET
WEEKEND 3 HANDS, WEEKEND GMT, TURBINE MACAU “นำาเสนอสองขั้วความแตกต่าง ด้วยนาฬิกาสไตล์คลาสสิกคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด Weekend และ ลิมิเต็ด เอดิชั่น เวอร์ชั่นใหม่จากคอลเลคชั่น Turbine Vegas”
Weekend 3 Hands
คลาสสิกเรียบง่ายแบบภูมิฐานด้วยฟังก์ชั่นสามเข็มพร้อม แสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่างทรงเหลี่ยม จากการทำางาน ของกลไกรหัส P-321-2-H Weekend 3 Hands Ref. A1301/3 ตัวเรือนสตีล เคลือบพีวีดี สีโรสโกลด์; หน้าปัดสีขาว; แท่งหลักชั่วโมง สเกล โลโก้ ฟ้อนต์อักษร และเข็ม เป็นสีทอง; สายหนังสีนา้ำ ตาลลายผิวจระเข้
ปี 2017 นี ้ เป็นอีกครัง้ ที ่ Perrelet เปิดตัวนาฬิกาคอลเลคชัน่ ใหม่ โดยคราวนีม้ ากับดีไซน์สไตล์คลาสสิกร่วมสมัยทีเ่ น้นความงามสง่า แบบเรียบง่ายเป็นธีมการออกแบบ ซึง่ ทำาให้ไม่ดเู ป็นทางการมากนัก เหมาะกับการสวมใส่ทง้ั ในและนอกเวลาทำางาน ชือ่ ของคอลเลคชัน่ นี้ จึงถูกเรียกขานว่า Weekend โดยมีถึง 3 รุ่นให้เลือก คือ แบบ สามเข็มพร้อมฟังก์ชน่ั วันที ่ แบบสามเข็มพร้อมเจาะหน้าปัดเปิดเป็น ช่องกลมให้มองเห็นการทำางานของชุดบาลานซ์ และแบบ จีเอ็มที ที่ เพิม่ เข็มแสดงเวลาทีส่ องแบบ 24 ชัว่ โมงขึน้ มาอีกเข็มหนึง่ รวมทัง้ หมด เป็นสี่เข็มด้วยกัน พร้อมฟังก์ชั่นวันที่
คอลเลคชั่น Weekend ทั้ง 3 รุ่น ใช้ตัวเรือนเดียวกัน คือ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39 มม. หนา 9.56 มม. ซึ่งไม่เล็กไม่ใหญ่ ไม่บางและไม่หนา จนเกินไป พร้อมกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสาร ป้องกันแสงสะท้อน สร้างอารมณ์ความคลาสสิกด้วยขอบตัวเรือน วงบางเพือ่ เปิดพืน้ ทีใ่ ห้กบั ดีไซน์แผ่กว้างของแผ่นหน้าปัดซึง่ มาพร้อม ความเพรียวบางของเข็มและหลักชั่วโมงกับสเกลนาที และต่างก็ขับ เคลือ่ นด้วยกลไกอัตโนมัต ิ ความถี ่ 21,600 ครัง้ ต่อชัว่ โมง ทีส่ ามารถ ให้กาำ ลังสำารองได้ยาวนานถึง 3 วัน ซึง่ มองเห็นได้จากกระจกมิเนอรัล ที่ผนึกอยู่บนฝาหลังเช่นเดียวกัน อีกทั้งแต่ละรุ่น ยังมีเวอร์ชั่นการ ตกแต่งให้เลือกอย่างหลากหลายอีกด้วย ไม่วา่ จะเป็นแบบเรือนสตีลสายสตีล แบบเรือนสตีล-สายหนังลายจระเข้ และแบบเรือนสตีล เคลือบพีวดี ี สีโรสโกลด์ คูก่ บั สายหนังลายจระเข้ โดยแต่ละเวอร์ชน่ั ก็จะมีสหี น้าปัด สีของเข็มกับหลักชัว่ โมง และสีของสายหนัง ทีแ่ ตกต่าง กันไป โดยรุน่ ทีเ่ ราเลือกนำามาให้ชมกันก็คอื รุน่ สามเข็ม “Weekend 3 hands” กับรุ่น จีเอ็มที “Weekend GMT”
COMING NOW 2017
113
Weekend GMT
เสริมคุณประโยชน์การใช้งานให้เหนือกว่าพื้นฐานฟังก์ชั่นสามเข็มพร้อม แสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่างทรงเหลี่ยม ด้วยการเพิ่มกลไกฟังก์ชั่นจีเอ็มที แสดงเวลาที่สองแบบ 24 ชั่วโมงด้วยเข็มสีนา้ำ เงินแบบปลายสามเหลี่ยม ติดตั้งอยู่กลางหน้าปัด ชี้บ่งไปยังสเกล 24 ชั่วโมงที่บริเวณขอบตัวเรือน ซึง่ ยกระดับเอียงขึน้ มาจากระนาบพืน้ หน้าปัดเพือ่ ให้อา่ นค่าได้อย่างง่ายดาย ขับเคลื่อนด้วยกลไกรหัส P-401-2-H
Weekend GMT Ref. A1305/1 ตัวเรือนสตีล เคลือบพีวีดี สีโรสโกลด์; หน้าปัดสีเงินขัดลาย; ขีดหลักชั่วโมง สเกล โลโก้ และฟ้อนต์อักษร เป็นสีดำา; เข็มชั่วโมงกับเข็มนาที สีทอง; เข็มวินาทีและเข็มจีเอ็มที สีน้ำาเงิน; สายหนังสีน้ำาตาลลายผิวจระเข้
นอกจากนีใ้ นปีนย้ี งั ได้ออกนาฬิกา ลิมเิ ต็ด เอดิชน่ั เวอร์ชน่ั ใหม่ให้กบั คอลเลคชัน่ Turbine Vegas ซึง่ เป็นคอลเลคชัน่ พิเศษผลิต จำานวนจำากัดของ Turbine ตระกูลนาฬิกาดับเบิล้ โรเตอร์ทม่ี โี รเตอร์ ชิ้นหน้าเป็นใบพัดเทอร์ไบน์ วัสดุอลูมิเนียมน้ำาหนักเบา 12 แฉก อันเป็นนาฬิการะดับไอคอนของ Perrelet โดยเวอร์ชั่นใหม่นี้ก็คือ Turbine Macau ซึ่งจำากัดจำานวนการผลิตไว้เพียง 100 เรือน เมือ่ เป็นส่วนหนึง่ ของคอลเลคชัน่ Turbine Vegas ก็แน่นอน ว่ารูปแบบการตกแต่งจะต้องอิงดีไซน์มาจากโลกแห่งนักเล่น ซึง่ มาเก๊า ก็เป็นอีกหนึง่ สถานทีส่ าำ คัญของวงการทีท่ ว่ั โลกรูจ้ กั กันดี ความพิเศษ ของรุน่ Turbine Macau ก็คอื หน้าปัดสีดาำ ทีต่ กแต่งด้วยรูปไพ่ทง้ั สี่ ซึง่ พิมพ์เป็นลายสีเทาในลักษณะของวอลล์เปเปอร์ ร่วมด้วยหลักชัว่ โมง เลขอารบิก 4 ตำาแหน่งซึ่งเคลือบด้วยสารเรืองแสงสีขาว และชิ้น โพธิแ์ ดง ข้าวหลามตัด ดอกจิก และโพธิด์ าำ ซึง่ จะมองเห็นได้ชดั เจน เมื่อใบพัดเทอร์ไบน์ท่ที ำาอโนไดซ์เป็นสีดำาหมุนพริ้วเมื่อผู้สวมใส่ขยับ ข้อมือ ขณะที่วงขอบหน้าปัดสีดำาชิ้นบนนั้นติดตั้งด้วยหลักนาทีสีดำา ล้อมกรอบด้วยสารเรืองแสงสีขาว โดยใช้เป็นเลขอารบิกร่วมกับหลัก แท่ง และตกแต่งด้วยเลขนาทีสขี าวบนชิน้ แถบสีแดงกับสีเขียว ผลิต จำานวนจำากัดเพียง 100 เรือน
Turbine Macau (Ref. A1047/A)
ใช้ตัวเรือนสตีลเคลือบพีวีดี สีดำา ขนาด 44 มม. หนา 13.3 มม. ผนึกกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน แสดงเวลาแบบสามเข็มจากการทำางานของกลไกอัตโนมัติ อินเฮ้าส์ รหัส P-331 ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำาลังสำารอง 42 ชั่วโมง ขึ้นลานด้วยโรเตอร์เคลือบโรเดียม ซึ่งมองเห็นได้จากกระจกแซฟไฟร์ เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทีผ่ นึกอยูก่ บั ฝาหลัง สวมคูก่ บั สายยางสีดาำ ล็อคด้วยบานพับเคลือบพีวีดีสีดาำ
มีจำาหน่ายที่ เคาน์เตอร์ เพอร์เรเลต์ ในแผนกนาฬิกาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำา
PIAGET
POLO S COLLECTION “เสริมทางเลือกในโทนสีดำา ให้กับนาฬิกาเรือนสตีลดีไซน์สปอร์ตหรู” Ryan Reynolds นักแสดงชื่อดัง ผู้เป็น เฟรนด์ส ออฟ เดอะ แบรนด์ ของ Piaget และเป็นหนึ่งในตัวแทนของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ประสบความสำาเร็จในชีวิตซึ่งทาง Piaget เรียกคนกลุ่มนี้ว่า “เกม เชนเจอร์”
หลังจากเปิดตัว Polo S นาฬิกาสปอร์ตหรูเรือนสตีล อันเป็น ซีรส่ี ใ์ หม่จากตระกูลคอลเลคชัน่ Polo ออกมาเมือ่ ปี 2016 ทัง้ ในแบบ สามเข็มและแบบโครโนกราฟ ก็ทำาให้แบรนด์ Piaget กลับมาเป็น ที่กล่าวถึงในวงกว้างมากขึ้นโดยเฉพาะกับกลุ่มคนรักนาฬิกาที่อายุ ยังไม่มากนัก เมือ่ เป็นเช่นนี ้ ทางแบรนด์จงึ ไม่รอช้าทีจ่ ะเปิดตัวเอดิชน่ั ใหม่ตามออกมาสมทบในปีนี้อีก 3 แบบ ด้วยโทนการตกแต่งสีดำา ทั้งในรุ่นสามเข็มและรุ่นโครโนกราฟ
ลักษณะโดยรวมของทัง้ 3 รุน่ นัน้ ไม่ได้แตกต่างไปจากเอดิชน่ั แรกทีเ่ ปิดตัวมาก่อน นัน่ ก็คอื ตัวเรือนสตีล ขนาด 42 มม. (รุน่ สามเข็ม หนา 9.4 มม., รุน่ โครโนกราฟ หนา 11.2 มม.) ทีก่ นั น้าำ ได้ถงึ 100 เมตร ซึ่งผสานอย่างน่าชมเข้ากับรูปแบบหน้าปัดทรงคูชั่นพื้นกิโยเช่ลาย แถบขวางแนวนอนทีเ่ จาะช่องหน้าต่างวันทีไ่ ว้ ณ 6 นาฬิกา และติดตัง้ หลักชัว่ โมงสีเงินพร้อมเคลือบสารเรืองแสง ซูเปอร์ลมู โิ นว่า ไว้บนหลัก ชั่วโมงและเข็ม พร้อมเสริมเสน่ห์ในรายละเอียดด้วยการฉลุอักษร P
COMING NOW 2017
Polo S แบบส�มเข็ม เวอร์ชั่นขอบตัวเรือนเคลือบ เอดีแอลซี สีดำา หน้าปัดสีดาำ สายหนังวัวสีดำา (Ref. G0A42001)
Polo S แบบโครโนกร�ฟ เวอร์ชั่นขอบตัวเรือนเคลือบ เอดีแอลซี สีดำา หน้าปัดสีดาำ สายหนังวัวสีดาำ (Ref. G0A42002)
ไว้ที่หัวเข็มวินาที ทำางานด้วยกลไกอินเฮ้าส์ ขึ้นลานอัตโนมัติด้วยโรเตอร์ เคลือบสีเทาแอนทราไซต์ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำาลังสำารอง 50 ชั่วโมง ซึ่งแสดงให้เห็นการขัดแต่งอย่างประณีตสวยงามผ่านกระจก แซฟไฟร์บนฝาหลัง โดยเป็น Calibre 1110P ในรุน่ สามเข็ม และ Calibre 1160P จับเวลาได้ 12 ชั่วโมง ในรุ่นโครโนกราฟ ซึ่งเป็นกลไกรุ่นใหม่ที่ทาง Piaget สร้างขึ้นมาใช้กับนาฬิกา Polo S โดยเฉพาะ สิง่ ทีแ่ ตกต่างไปจากเอดิชน่ั แรกก็คอื ลักษณะการตกแต่งทีน่ าำ เอา โทนสีดาำ มาใช้ โดยในรุน่ โครโนกราฟ รหัส G0A42005 จะมากับหน้าปัด สีเทาแอนทราไซต์ (สีเดียวกับที่มีให้เลือกในรุ่นสามเข็ม เอดิชั่นแรก) แต่ ยังคงจับคูม่ ากับสายสตีลดีไซน์สปอร์ตเหมือนเดิม ขณะทีอ่ กี 2 รุน่ อันได้แก่ รุ่นสามเข็ม รหัส G0A42001 และรุ่นโครโนกราฟ รหัส G0A42002 จะ พิเศษยิ่งขึ้นเพราะเป็นการผลิตแบบจำานวนจำากัด ลิมิเต็ด เอดิชั่น รุ่นละ 888 เรือน โดยจะมากับหน้าปัดสีดำาสนิทล้อมด้วยขอบตัวเรือนที่เคลือบ เอดีแอลซี ให้เป็นสีดาำ พร้อมสวมคูม่ ากับสายยางสีดาำ และมีสายหนังวัวสีดาำ เย็บด้ายสีเทาแอนทราไซต์มาให้สลับเปลี่ยนใช้งานอีกเส้นหนึ่ง ทั้งยังมีการ เคลือบสีแดงที่ปลายเข็มวินาทีด้วย Polo S แบบโครโนกร�ฟ เวอร์ชั่นหน้าปัดสีเทาแอนทราไซต์ สายสตีล (Ref.G0A42005)
มีจาำ หน่ายที่ เพียเจต์ บูติก และ เพนดูลัม บูติก
115
ROLEX
COSMOGRAPH DAYTONA Ref. 116518 LN, Ref. 116515 LN, Ref. 116519 LN “เสริมความโมเดิร์นให้กับเวอร์ชั่นเรือนทองคำาของนาฬิกาโครโนกราฟระดับตำานาน ด้วยขอบตัวเรือนเซรามิกและนวัตกรรมสายออยสเตอร์เฟล็กซ์” เวอร์ชั่นตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ (Ref.116518 LN)
แม้ Daytona เวอร์ชั่นตัวเรือนสตีลสายสตีลขอบตัวเรือน “เซราโครมเซรามิก” สีดาำ Ref.116500LN ทีอ่ อกมาเมือ่ ปี 2016 จะยัง ผลิตออกมาได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผูค้ นทัว่ โลก แต่ Rolex ก็ยังคงเดินหน้าเปิดตัว Daytona เวอร์ชั่นใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเวอร์ชั่นที่เปิดตัวออกมาในปีนี้ ก็คือ ตัวเรือนวัสดุทองคำาพร้อม ขอบตัวเรือน “เซราโครมเซรามิก” สีดำาที่สลักสเกลทาคีมิเตอร์และ ตกแต่งสเกลให้เป็นสีเดียวกับตัวเรือน ทั้งในแบบเรือนเยลโลว์โกลด์ (Ref.116518 LN), เอเวอโรสโกลด์ (Ref.116515 LN) และไวท์โกลด์ (Ref.116519 LN) โดยจับคู่มากับสาย “ออยสเตอร์เฟล็กซ์” สีดำา ซึ่ง เป็นการใช้อีลาสโตเมอร์ห่อหุ้มแผ่นโลหะชนิดยืดหยุ่นได้เอาไว้ อัน เป็นชนิดสายทีท่ าง Rolex คิดค้นขึน้ มาและได้จดสิทธิบตั รเอาไว้แล้ว ติดตัง้ มาพร้อมตัวล็อคแบบบานพับ “ออยสเตอร์ลอ็ ค” วัสดุเดียวกับ
ตัวเรือน พร้อมระบบ “อีซี่ลิ้งค์” ที่สามารถขยายระยะได้อีก 5 มม. โดยถือเป็นนาฬิการุน่ ทีส่ องทีไ่ ด้ใช้สายชนิดนี ้ (รุน่ แรกทีไ่ ด้ใช้สายชนิด นี้คือ Yacht-Master ตัวเรือนเอเวอโรสโกลด์ที่เปิดตัวเมื่อปี 2015) รูปแบบการตกแต่งหน้าปัดของ Daytona ตัวเรือนทองคำา เวอร์ชั่นใหม่นี้ มีหลากสีหลายคอมบิเนชั่นให้เลือกกันอย่างจุใจ ทั้ง แบบสีเดียวทีม่ ที ง้ั แบบหลักชัว่ โมงเลขอารบิกและแบบแท่ง และแบบ 2 สี ที่คอนทราสต์กัน ระหว่างพื้นหน้าปัดกับวงหน้าปัดขนาดเล็ก ทัง้ สาม พร้อมหลักชัว่ โมงแบบแท่ง แล้วก็มแี บบทีใ่ ช้หลักชัว่ โมงประดับ เพชรออกมาให้เลือกด้วย สำาหรับรายละเอียดทางเทคนิคด้านอืน่ ๆ ยังคงเป็นเช่นเดียว กับ Daytona เจเนอเรชั่นก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นขนาด 40 มม. ของตัวเรือน ระดับการกันน้ำาที ่ 100 เมตร กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์
COMING NOW 2017
เม็ดมะยมและปุม่ กดแบบล็อคเกลียว รวมถึงกลไกอินเฮ้าส์อตั โนมัติ โครโนกราฟระบบคอลัมน์วีลพร้อมเวอร์ติคัลคลัตช์ จับเวลาได้ 12 ชัว่ โมง Calibre 4130 ความถี ่ 28,800 ครัง้ ต่อชัว่ โมง กำาลังสำารอง 72 ชัว่ โมง ทีใ่ ช้แฮร์สปริงวัสดุพาราโครม ซึง่ มอบความถูกต้องแม่นยำาใน การทำางานสูงถึงระดับความคลาดเคลื่อนเพียงไม่เกิน +/- 2 วินาที ต่อวัน จากการทดสอบเมื่อประกอบกลไกเข้ากับตัวเรือนแล้ว อัน หมายถึงความแม่นยำาตามระดับมาตรฐาน ซูเปอร์เลทีฟ โครโนมิเตอร์ ของ Rolex
เวอร์ชั่นตัวเรือนเอเวอโรสโกลด์ (Ref.116515 LN)
117
ขออธิบายถึงมาตรฐาน ซูเปอร์เลทีฟ โครโนมิเตอร์ กันสักนิด มาตรฐานนีเ้ ป็นมาตรฐานการรับรองคุณภาพของทาง Rolex เอง ซึง่ หมายถึง การผ่านการทดสอบคุณภาพของนาฬิกาอย่างเข้มงวดตาม มาตรฐานที ่ Rolex กำาหนดไว้ หลังจากทีน่ าำ กลไกซึง่ ได้รบั การรับรอง มาตรฐานความแม่นยำาโครโนมิเตอร์จาก COSC มาประกอบเข้ากับ ตัวเรือนแล้ว ทัง้ ด้านความแม่นยำาในการทำางานของกลไก ประสิทธิภาพ การขึน้ ลานและการสำารองพลังงาน และประสิทธิภาพด้านต่างๆ ของ ตัวเรือน เช่นการกันน้ำา เป็นต้น โดยปัจจุบันนี้ทาง Rolex ได้มอบ การรับประกันคุณภาพของนาฬิกาให้นานถึง 5 ปี
เวอร์ชั่นตัวเรือนไวท์โกลด์ (Ref.116519 LN)
มีจาำ หน่ายที โรเล็กซ์ บูติก, พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส บูติก และ คอร์ติน่า วอทช์ เอสปา
SEIKO
ASTRON GPS SOLAR DUAL TIME BIG-DATE “เสริมความงามคลาสสิกด้วยฟังก์ชั่นบิ๊กเดท บนนาฬิกา จีพีเอส ดีไซน์สปอร์ตซีรี่ส์ดัง” SSE149 ตัวเรือนและส�ยวัสดุสตีล; หน้าปัดสีดำา; หลักชั่วโมง เข็มชั่วโมงกับนาที กรอบหน้าต่าง และเส้นขอบหน้าปัดขนาดเล็ก เป็นสีเงิน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Seiko นั้น เป็นหนึ่งในผู้นำาด้านการผลิต นาฬิการะบบ “จีพีเอส” ซึ่งเป็นนาฬิกาที่แสดงเวลาได้อย่างแม่นยำา สูงสุดในทุกแห่งหนบนโลกเพราะเป็นการรับสัญญาณเวลาจากระบบ ดาวเทียม จีพเี อส โดยตรง และนับจากทีเ่ ปิดตัวนาฬิกา จีพเี อส รุน่ แรก เมือ่ ปี 2012 ด้วยนาฬิกาสไตล์สปอร์ตภายใต้ชอ่ื ซีรส่ี ์ Astron GPS Solar ซึง่ ตัง้ ชือ่ เพือ่ เป็นเกียรติแก่ Seiko Quartz Astron นาฬิกาควอตซ์แบบ ผลิตจำาหน่ายจริงรุน่ แรกของโลกเมือ่ ปี 1969 แล้ว ก็ได้มกี ารออกรุน่ ฟังก์ชน่ั ต่างๆ ตามออกมาอย่างต่อเนือ่ งอยูเ่ สมอ ซึง่ ล่าสุดในปี 2017 นี้ ก็ได้ออกฟังก์ชั่นใหม่มาเสริมทัพอีกครั้ง โดยเป็นการเพิ่มการแสดง วันที่แบบบิ๊กเดทให้กับนาฬิกา Astron GPS Solar รุ่น Dual Time
องค์รวมของ Astron GPS Solar Dual Time Big-Date รุน่ นี้ ยังคงมีลักษณะดีไซน์แบบนาฬิกาสปอร์ตหรูเฉกเช่นเดียวกับ Astron GPS Solar รุ่นอื่นๆ แต่มีการปรับดีเทลในส่วนของรายละเอียดและ ตำาแหน่งการแสดงค่าบนหน้าปัดเพื่อรองรับกรอบหน้าต่างคู่สาำ หรับ แสดงวันที่ด้วยตัวเลขขนาดใหญ่ 2 หลัก ของฟังก์ชั่นบิ๊กเดท ตัวเรือนของรุน่ นีเ้ ป็นแบบกันน้าำ ได้ 100 เมตร ทีม่ ากับขนาด 45.5 มม. พร้อมขอบตัวเรือนเซรามิกสีดาำ ทีป่ รากฎอักษรย่อของเมือง ต่างๆ รอบโลกเรียงรายอยู ่ ผนึกด้วยกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ เคลือบ สาร “ซูเปอร์-เคลียร์โค้ตติง้ ” เพือ่ ลดแสงสะท้อน โดยมีทง้ั เวอร์ชน่ั วัสดุ สตีล และวัสดุไทเทเนีย่ ม ทีจ่ บั คูม่ ากับสายวัสดุเดียวกันหรือสายยาง
COMING NOW 2017
119
“Novak Djokovic Limited Edition” SSE143 ผลิตจำ�นวนจำ�กัด 5,000 เรือน ใช้ตัวเรือนสตีล เคลือบสีดำาด้วยเทคนิค ซูเปอร์-ฮาร์ด แบล็ค โค้ตติ้ง และเคลือบสีดาำ บนเม็ดมะยมกับปุ่มกด สวมคู่มากับสายยางซิลิโคนสีดาำ เสริมการตกแต่งแบบเฉพาะตัวด้วยลายแถบขวางโทนสีเทาบนหน้าปัด ซึ่งสื่อถึงลายหญ้าบนคอร์ทเทนนิส, เลขนาทีที่ 15-30-40 และคำาว่า LOVE บนขอบหน้าปัดดูอัลไทม์ เพื่อสื่อถึงการแข่งขันเทนนิส, ชิ้นหลักชั่วโมงสีดำาแบบแท่งร่วมกับเลขอารบิกฟ้อนต์เอียง, กรอบหน้าต่าง เข็ม และขอบหน้าปัดเป็นสีดาำ , การสลักลายเซ็นของ Novak และหมายเลขประจำาเรือนบนฝาหลัง และการใช้สีเหลือกับ เข็มวินาทีและชือ่ เมือง 4 เมืองบนขอบตัวเรือน ซึง่ สือ่ ถึงสีของลูกเทนนิส และเมืองเจ้าภาพของการแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลม ที่ Novak คว้าแชมป์มาได้ทั้ง 4 รายการในปี 2016 ที่ผ่านมา
SSE153 ตัวเรือนสตีล เคลือบสีโรสโกลด์; สายซิลิโคนสีดาำ ; หน้าปัดสีดำา; เม็ดมะยม ปุ่มกด และเข็มชั่วโมงกับนาที สีโรสโกลด์; รายละเอียดบนหน้าปัดตกแต่งด้วยสีโรสโกลด์; แท่งหลักชั่วโมงสีโรสโกลด์ ร่วมกับเลขโรมันสีขาว
ซิลิโคนสีดำา ให้เลือกสรร ซึ่งไม่ว่าจะเป็นวัสดุสตีลหรือไทเทเนี่ยม ก็ มีการเคลือบเพิม่ ความทนทานเพือ่ ป้องกันรอยขีดข่วนด้วย “ซูเปอร์ฮาร์ด โค้ตติ้ง” มาเป็นที่เรียบร้อย กลไกที่ใช้เป็นรหัส 8X42 ที่ทำางานด้วยพลังงานแสงที่รับ ผ่านแผงโซล่าร์ขนาดใหญ่ใต้ผนื หน้าปัด ขณะทีต่ วั รับสัญญาณนัน้ เป็น ลักษณะของวงแหวนทีต่ ดิ ตัง้ อยูบ่ ริเวณขอบหน้าปัด ซึง่ จะรับสัญญาณ เวลาจากดาวเทียม จีพเี อส โดยอัตโนมัตเิ มือ่ นาฬิกาอยูก่ ลางแจ้งใน สภาพอากาศโปร่ง เพื่อปรับตั้งเข็มหลักให้เป็นเวลาที่ถูกต้องตาม สัญญาณที่ได้รับ อีกทั้งเข็มหลักยังสามารถปรับตั้งให้แสดงค่าเวลา ของไทม์โซนต่างๆ ได้ถงึ 39 เขตเวลา พร้อมฟังก์ชน่ั เดย์ไลท์เซฟวิง่ สำาหรับไทม์โซนทีต่ อ้ งใช้ โดยมีหน้าปัดดูอลั ไทม์ ทีแ่ สดงเวลาด้วยเข็ม แบบ 12 ชัว่ โมงพร้อมเข็มนาที ติดตัง้ มาทีต่ าำ แหน่ง 6 นาฬิกา ร่วมด้วย มาตรเข็มขนาดเล็กสำาหรับแสดง am/pm อยูเ่ คียงข้าง เพือ่ ให้ปรับตัง้ สำาหรับแสดงค่าเวลาทีส่ องด้วย ส่วนมาตรเข็มอีกชุดหนึง่ จะใช้สาำ หรับ
แสดงค่าต่างๆ ของฟังก์ชั่น จีพีเอส ส่วนฟังก์ชั่นบิ๊กเดทซึ่งเป็นการ แสดงวันทีด่ ว้ ยตัวเลขขนาดใหญ่ 2 หลักบนจานดิสก์ 2 ชุด ทำาหน้าที่ แสดงค่าผ่านกรอบหน้าต่างคู่ ก็สามารถแสดงค่าได้อย่างถูกต้อง แม่นยำาอยูเ่ สมอ เพราะเป็นการรับสัญญาณมาจากระบบ จีพเี อส ด้วย เช่นกัน ส่วนการสั่งการและการปรับตั้งค่าต่างๆ นั้นสามารถกระทำา ได้โดยสะดวกด้วยปุ่มกดกับเม็ดมะยม Astron GPS Solar Dual Time Big-Date เปิดตัวมาหลาก หลายเวอร์ชน่ั โดยแตกต่างกันทีล่ กั ษณะการตกแต่ง และก็มเี วอร์ชน่ั พิเศษ ลิมเิ ต็ด เอดิชน่ั ผลิตจำานวนจำากัดทีส่ ร้างขึน้ มาเพือ่ เป็นเกียรติ แก่ Novak Djokovic นักเทนนิสชือ่ ดัง ผูเ้ ป็นแอมบาสเดอร์ของ Seiko มาตั้งแต่ป ี 2015 ด้วย
มีจาำ หน่ายที่ เคาน์เตอร์ ไซโก้ ในแผนกนาฬิกาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำา
SEVENFRIDAY S-SERIES
“นาฬิกาดีไซน์สไตล์เครื่องจักรอุตสาหกรรมซีรี่ส์ล่าสุดจาก Sevenfriday ในตัวเรือนทรงเหลี่ยมมนแสนคุ้นตา”
S1/01
ปี 2017 นี้ Sevenfriday นาฬิกาสัญชาติสวิสดีไซน์สไตล์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม เปิดตัวนาฬิกาซีรี่ส์ใหม่ของตนออกมาใน ชือ่ ว่า S-Series ซึง่ เป็นอีกครัง้ ทีใ่ ช้ตวั เรือนทรงเหลีย่ มมนอันเป็นหนึง่ ในเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่เป็นที่จดจำาของผู้คน หน้าปัดของ S-Series ออกแบบให้มหี ลายระดับชัน้ และมี ดีไซน์ทแ่ี ตกต่างไปจากซีรส่ี อ์ น่ื ๆ แต่ยงั คงเอกลักษณ์ของ Sevenfriday ไว้ดว้ ยการเปิดให้เห็นบางส่วนของกลไก ซึง่ ในซีรส่ี น์ ก้ี ย็ งั คงใช้เป็นเครือ่ ง ขึ้นลานอัตโนมัติของ Miyota แต่เป็นเครื่องกำาลังสำารอง 40 ชั่วโมง รหัส 82S5 โดยบรรจุไว้ในตัวเรือนสตีล ขนาด 47 x 47.6 มม. ทีผ่ นึก ด้านหน้าด้วยกระจก มิเนอรัล กลาส เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน ซึ่งเป็นตัวเรือนแบบเดียวกับ P-Series และ M-Series นั่นเอง การแสดงค่าของ S-Series กระทำาด้วยเข็มชัว่ โมงขนาดใหญ่ กับเข็มนาทีที่ออกแบบเป็นวงจานพร้อมเคลือบสารเรืองแสง ซูเปอร์ ลูมโิ นว่า บนปลายเข็ม และแสดงวินาทีดว้ ยจานฉลุโปร่งหรือก้านหมุน ส่วนทีบ่ ริเวณภาพลูกโลกบนฝาหลังของ S-Series ก็ยงั คงมี
การฝังชิป NFC เพือ่ ใช้ในการลงทะเบียนและตรวจสอบความจริงแท้ ของนาฬิกา ผ่านแอพพลิเคชัน่ บนมือถือ เพือ่ ความมัน่ ใจสูงสุดของ ผู้เป็นเจ้าของ เช่นเดียวกับ Sevenfriday ซีรี่ส์อื่นๆ จนถึงขณะนี ้ Sevenfriday เปิดตัวนาฬิกา S-Series ออกมา แล้ว 3 รุน่ คือ S1/01, S2/01 และ S3/01 โดยแต่ละรุน่ จะมากับดีไซน์ รายละเอียดการตกแต่งที่แตกต่างกันตามคอนเซ็ปต์ของแต่ละรุ่น S1/01 มากับตัวเรือนสตีลขัดเงา ร่วมกับขอบตัวเรือนชิน้ ใน แบบขัดด้าน และขอบข้างตัวเรือนดีไซน์ใหม่ วัสดุไนลอนใสที่สร้าง จากพลาสติกรีไซเคิล เกรด 7 ซึง่ ทำาให้มองเห็นโครงสร้างของตัวเรือน และสกรูวเ์ คลือบพีวดี สี ฟี า้ ทีท่ าำ หน้าทีย่ ดึ ตัวเรือน ขณะทีข่ อบหน้าปัด ใช้เป็นสีเทาโอปอลีนโทนกระบอกปืน ร่วมกับวงหน้าปัดเคลือบโรเดียม พร้อมชิน้ หลักชัว่ โมงเคลือบสารเรืองแสง และมีการตกแต่งเป็นลาย ตะแกรงทีต่ าำ แหน่ง 9 นาฬิกา เข็มชัว่ โมงกับก้านชีว้ นิ าทีใช้เป็นสีนาำ้ เงิน เมทัลลิก ส่วนเข็มนาทีกับจานวินาทีเป็นแบบเคลือบโรเดียมพร้อม ตกแต่งด้วยสีดำา สวมคู่กับสายหนังวัวสีดาำ ดีไซน์เฉพาะรุ่น
COMING NOW 2017
121
S2/01 ส่วน S2/01 ได้รบั การตกแต่งมาในสไตล์วนิ เทจ ด้วยตัวเรือน สตีลขัดเงาที่เคลือบขอบตัวเรือนชิ้นในด้วยพีวีดีสีดำาด้านและล้อม ขอบด้านข้างตัวเรือนด้วยงานเคลือบพีวีดีสีทองเหลือง พื้นหน้าปัด ผิวเมทัลลิกคลาสสิกด้วยลาย โค้ต เดอ เชอแนฟ พร้อมตกแต่ง รายละเอียดบนหน้าปัดและเข็มด้วยสีทองเหลือง ส่วนจานวินาทีแบบ หัวลูกศรสามแฉกและเข็มนาทีเป็นแบบเคลือบโรเดียมพร้อมตกแต่ง ด้วยสีดาำ ทัง้ หมดนีม้ แี รงบันดาลใจมาจากตัวหมุนวาล์วของเครือ่ งจักร สมัยยุคปฏิวตั อิ ตุ สาหกรรม สวมคูก่ บั สายหนังวัวสีดาำ ดีไซน์แปลกตา สำาหรับ S3/01 นั้นจะให้อารมณ์สปอร์ตดุดันด้วยตัวเรือน เคลือบพีวดี สี ดี าำ ด้านทีห่ มุ้ ล้อมข้างตัวเรือนด้วยยางสังเคราะห์ EPDM ที่มีความทนทานสูงโดยดีไซน์ให้เป็นบ่าปกป้องเม็ดมะยมไปในตัว เสริมบุคลิกด้วยขอบตัวเรือนวงนอกวัสดุสตีลขัดเงา ร่วมด้วยหน้าปัด โทนสีเทากระบอกปืนขัดลายซันเรย์สลับกับวงสเกลเคลือบโรเดียม ที่เพ้นท์ขีดสเกลด้วยสีดำา และเคลือบสารเรืองแสง ซูเปอร์ลูมิโนว่า
บนชิน้ หลักชัว่ โมงสีเงินกับปลายเข็ม เสริมความร้อนแรงด้วยเข็มชัว่ โมง กับก้านชีว้ นิ าทีสแี ดงด้าน ตัดกับเข็มนาทีและจานวินาทีทเ่ี คลือบด้วย โรเดียมและตกแต่งด้วยสีดำา สวมคู่มากับสายยางซิลิโคนสีดำาดีไซน์ สไตล์เข็มขัดนิรภัยพร้อมเดินตะเข็บด้วยด้ายแดง
S3/01
มีจำาหน่ายที่ เคาน์เตอร์ เซเว่นฟรายเดย์ ในแผนกนาฬิกาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำา
SUUNTO
SPARTAN SPORT WRIST HR “นาฬิกา มัลติสปอร์ต จีพีเอส วอตช์ เรือนหรู สำาหรับคอนาฬิกาผู้รักสุขภาพ ชอบผจญภัย หรือเป็นนักกีฬา”
Spartan Sport Wrist HR Blue
Spartan Sport Wrist HR All Black
Spartan Sport Wrist HR คือ นาฬิการุ่นล่าสุดจากตระกูล Spartan ของ Suunto (ซุนโต้) ผูผ้ ลิตนาฬิกาสำาหรับนักกีฬา ผูร้ กั การ ออกกำาลังกาย และนักผจญภัย จากประเทศฟินแลนด์ ซึง่ จุดเด่นของ แบรนด์น ้ี นอกจากในเรือ่ งของฟังก์ชน่ั การใช้งานต่างๆ ทีต่ อบโจทย์ ความต้องการของกิจกรรมต่างๆ แล้ว ตัวนาฬิกาและชิ้นส่วนต่างๆ ยังสร้างขึน้ ด้วยวัสดุชน้ั ดีและประกอบด้วยมือเฉกเช่นเดียวกับนาฬิกา ชัน้ เลิศ และนีเ่ องทีท่ าำ ให้ Suunto แตกต่างจากนาฬิกาประเภทเดียวกัน ของแบรนด์อื่นๆ สำาหรับคอลเลคชัน่ Spartan นัน้ Suunto ชูความโดดเด่น ด้วยความแข็งแกร่งทนทานและดีไซน์ทท่ี นั สมัย โดยเป็นนาฬิกาแบบ “มัลติสปอร์ต” กันน้าำ ได้ถงึ ระดับ 100 เมตร ทีส่ ร้างขึน้ ให้เหมาะสมกับ การสวมใส่ใช้งานในหลากหลายกิจกรรม พร้อมติดตัง้ ระบบ จีพเี อส เพือ่ ให้การตรวจและคำานวณค่าต่างๆ เป็นไปอย่างแม่นยำาทีส่ ดุ พร้อม ระบบเข็มทิศ และระบบบลูทูธเพื่อเชื่อมต่อสัญญาณกับดีไวซ์อื่นๆ เพือ่ ใช้งานฟังก์ชน่ั ต่างๆ บนแอพลิเคชัน่ Suunto Movescount App ที่มีทั้งสำาหรับระบบ iOS และแอนดรอยด์ โดยมีโหมดการทำางาน สำาหรับกีฬาชนิดต่างๆ ติดตั้งมากว่า 80 รูปแบบ ทั้งวิ่ง จักรยาน ไตรกีฬา และกีฬาแอดเวนเจอร์ประเภทต่างๆ โดยมีทง้ั แบบสำาหรับ แข่งขัน สำาหรับออกกำาลัง หรือสำาหรับการฝึก ซึ่งหากยังไม่พอก็
สามารถสร้างโหมดเพิม่ เองผ่านทางแอพ Movescount ได้ดว้ ย อีกทัง้ ยังสามารถปรับแต่งลักษณะการแสดงค่าบนหน้าปัดได้หลายรูปแบบ และใช้หน้าจอสี ระบบทัชสกรีน ทีเ่ ป็นเกรดสำาหรับการใช้งานแบบ เอ้าท์ดอร์ ซึง่ มีความทนทาน มีมมุ มองกว้าง และมองเห็นได้ชดั เจน แม้อยู่กลางแสงอาทิตย์ ฟีเจอร์สำาคัญประจำารุ่นของ Spartan Sport Wrist HR ก็คือ การมาพร้อมกับระบบวัดอัตราการเต้นของหัวใจจากชีพจรที่ข้อมือ โดยใช้เทคโนโลยีการตรวจวัด “เพอร์ฟอร์มเท็ค ไบโอเมตริกซ์” ของ Valencell ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความแม่นยำาของเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ โดย สามารถแสดงกราฟอัตราการเต้นของหัวใจและอัตราการเผาผลาญ แคลอรี่แบบเรียลไทม์ได้ และสามารถติดตามกิจกรรมรายวันของ ผูส้ วมใส่ ทัง้ อัตราการเต้นของหัวใจ การเผาผลาญแคลอรี ่ และการ นับก้าว ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเต็มสัปดาห์ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถ ใช้งานร่วมกับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเข็มขัดคาด หน้าอกของ Suunto ได้ด้วย ในเรือ่ งของระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรีน่ น้ั จะขึน้ อยู่ กับการปรับตั้งระดับการใช้งานของ จีพีเอส โดยหากตั้งไว้ที่โหมด ฟุลเพาเวอร์ เพื่อให้มีความแม่นยำาสูงสุดก็จะใช้งานได้ 8 ชั่วโมง แต่หากตัง้ ไว้ท ่ี เพาเวอร์เซฟ อันเป็นโหมดเทรนนิง่ ซึง่ ให้ความแม่นยำา
COMING NOW 2017
123
Spartan Sport Wrist HR Forest Special Edition
ในระดับดี ก็จะใช้งานได้นานถึง 12 ชั่วโมงเลยทีเดียว ตัวเรือนของ Spartan Sport Wrist HR แข็งแกร่งด้วยขอบ ตัวเรือนวัสดุสตีล และใช้กระจกหน้าปัดแบบ มิเนอรัลกลาส สวมคูม่ า กับสายซิลิโคนผิวสัมผัสนุ่มสบาย เปิดตัวมาในปี 2017 ด้วยหลาก หลายเวอร์ชั่น ได้แก่ เวอร์ชั่น All Black สีดำาล้วน, เวอร์ชั่น Blue
ตัวเรือนและสายสีฟ้า, เวอร์ชั่น “Sakura” ตัวเรือนและสายสีชมพู หวานๆ และ สเปเชี่ยล เอดิชั่น “Forest” ที่เพิ่มความพิเศษด้วย ตัวเรือนกับสายสีเขียว และมาพร้อมกับการเคลือบคอปเปอร์บนวง ขอบตัวเรือน ปุม่ กด และตัวล็อคหัวเข็มขัด ให้เป็นลักษณะของทองแดง
Spartan Sport Wrist HR Sakura
มีจำาหน่ายที่ เคาน์เตอร์ ซุนโต้ ในแผนกนาฬิกาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำา, ซุนโต้ ช็อป และ เอ็นจีจี ช็อป
TAG HEUER
CARRERA HEUER-01 “3 เวอร์ชั่นใหม่ของนาฬิกาดีไซน์โมเดิร์นสปอร์ตจากสายพันธุ์ล่าสุดแห่งตระกูล Carrera นาฬิกาสไตล์มอเตอร์สปอร์ตที่สืบทอดตำานานต่อเนื่องกันมากว่า 5 ทศวรรษ” เวอร์ชั่นสตีลล้วนทั้งเรือนและสาย มากับขอบตัวเรือนเซรามิกสีดำา พร้อมสเกลทาคีมิเตอร์สีเทา เสริมเสน่ห์ด้วยการใช้สีแดง ตกแต่งบนรายละเอียดต่างๆ อย่างเส้นสีแดงบนปุ่มกด เข็มจับเวลา และบนหลักชั่วโมง ขณะที่เข็ม ขอบวงหน้าปัดจับเวลา และหลักชั่วโมง ใช้เป็นสีเงิน ส่วนโครงหน้าปัดและ ขอบวงวินาทีจะเป็นสีดำา
Carrera Heuer-01 คือ วิวฒั นาการล่าสุดของนาฬิกาสปอร์ต ตระกูล Carrera ที่ TAG Heuer ผลิตออกสู่ตลาดมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนานนับจากยุคทศวรรษที ่ 1960 เป็นต้นมา ตั้งแต่ยังไม่มีคาำ ว่า TAG นำาหน้าชื่อ Heuer Carrera Heuer-01 เปิดตัวออกมาครั้งแรกในปี 2015 ด้วย รูปโฉมทีอ่ อกแบบมาให้มคี วามทันสมัยเข้ากับยุคปัจจุบนั โดยเฉพาะ ตัวเรือนขนาดใหญ่ถงึ 45 มม. ทีด่ ไี ซน์ให้มอี งค์ประกอบถึง 12 ชิน้ ส่วน เพื่อให้ประสานวัสดุหลากชนิดและหลากสีเข้าด้วยกันได้ นำามาซึ่ง คอมบิเนชั่นการตกแต่งอันหลากหลายให้เลือกสรรกัน ประจำาการ ด้วยกลไกอัตโนมัตโิ ครโนกราฟ อินเฮ้าส์ จับเวลา 12 ชัว่ โมง ระบบ คอลัมน์วลี พร้อมฟังก์ชน่ั วันที ่ กำาลังสำารอง 50 ชัว่ โมง รหัส Heuer-01 ซึง่ เป็นกลไกรุน่ ใหม่ทน่ี าำ มาใช้กบั รุน่ นีเ้ ป็นรุน่ แรก โดยปรับปรุงมาจาก
ตัวเรือนแบบโมดูลาร์ ประกอบขึ้น จากชิ้นส่วนทั้งหมด 12 ชิ้น และใช้ เม็ดมะยมที่ตกแต่งด้วยยางสีดาำ เพื่อ เสริมสร้างลุคแบบโมเดิร์นสปอร์ต
กลไกโครโนกราฟ อินเฮ้าส์ รหัส 1887 ทีอ่ อกมาเมือ่ หลายปีกอ่ นแล้ว นั่นเอง มาถึงปี 2016 ทางแบรนด์ก็ได้เพิ่มเติมเวอร์ชั่นใหม่มาอีก 3 เวอร์ชน่ั ด้วยกัน อันได้แก่ 1) เวอร์ชน่ั ตัวเรือนสตีลทีจ่ บั คูม่ ากับสาย สตีลดีไซน์ทรงอักษร H เชื่อมต่อกัน อันเป็นลักษณะที่คุ้นตาของ สายสตีลสำาหรับนาฬิกาตระกูล Carrera โดยสำาหรับรุน่ นีท้ างแบรนด์ ใช้การขัดเงาสลับกับการขัดซาตินเพื่อเสริมความงามหรู และล็อค ด้วยบานพับแบบนิรภัยที่ปลดล็อคด้วยปุ่มกดคู ่ 2) เวอร์ชั่นตัวเรือน ไทเทเนี่ยมพร้อมสายไทเทเนี่ยมดีไซน์เดียวกับสายสตีล ซึ่งได้ตั้งชื่อ เรียกขานเวอร์ชน่ั นีว้ า่ Carrera Heuer-01 Grey Phantom อันมีทม่ี า จากโทนสีเทาของเนือ้ วัสดุ ส่วนเวอร์ชน่ั ที ่ 3) เป็นเวอร์ชน่ั เซรามิกดำา ทีจ่ บั คูม่ ากับสายยางสีดาำ โดยชิน้ ตัวเรือน ขอบตัวเรือน และขาตัวเรือน
COMING NOW 2017
เวอร์ชั่นไทเทเนี่ยม เกรย์ แฟนทอม ใช้เม็ดมะยม ปุ่มกด กับฝาหลัง ที่ทำาจากไทเทเนี่ยมเช่นเดียวกับตัวเรือนและสาย ตกแต่งรายละเอียดต่างๆ ด้วยโทนสีเทา ตั้งแต่โครงหน้าปัด หลักชั่วโมง และเข็ม ส่วนขอบวงหน้าปัดต่างๆ จะเป็นสีแบล็คโกลด์
จะทำาจากเซรามิกสีดาำ ขณะทีก่ รอบตัวเรือนชัน้ ใน ฝาหลัง เม็ดมะยม และปุม่ กด เป็นสตีลทีเ่ คลือบไทเทเนีย่ มคาร์ไบด์เป็นสีดาำ เพือ่ ให้ตดิ ตัง้ ซีลและปะเก็นต่างๆ ได้อย่างแนบแน่น ให้มน่ั ใจว่าสามารถกันน้าำ ถึง ระดับ 100 เมตรได้ตามที่รับรองไว้เช่นเดียวกับทุกเวอร์ชั่นของรุ่นนี้ ทัง้ 3 เวอร์ชน่ั ใหม่น ้ี ยังคงใช้โครงหน้าปัดแบบโครงสเกเลตัน พร้อมติดตัง้ แท่งหลักชัว่ โมงเคลือบสารเรืองแสงอันเป็นลักษณะเด่น ของ Carrera Heuer-01 มาตัง้ แต่เปิดตัว ซึง่ เป็นความตัง้ ใจทีจ่ ะให้ มองเห็นกลไกโครโนกราฟ ที่มีบริดจ์เป็นแบบสเกเลตันเคลือบสีดำา ตัวคอลัมน์วลี สีแดง และจานดิสก์แบบฉลุตวั เลข ได้อย่างชัดเจนทีส่ ดุ ผ่านกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโดมทีเ่ คลือบสารป้องกันแสงสะท้อน มาให้เรียบร้อย และใช้ฝาหลังแบบกรุกระจกแซฟไฟร์ใสเพื่อให้เห็น โรเตอร์เคลือบสีดาำ ทีฉ่ ลุลายให้คล้ายกับก้านล้อแม็กได้อย่างเต็มตา
125
เวอร์ชั่นตัวเรือนเซรามิกสีดาำ ตกแต่งรายละเอียดต่างๆ ด้วยโทนสีเทา ทั้งหลักชั่วโมง เข็ม และขอบวงหน้าปัด จับเวลา ตลอดจนสเกลทาคีมิเตอร์ บนขอบตัวเรือน ขณะที่วงแหวนวินาที และแถบสารเรืองแสงใช้เป็นสีดาำ สวมคู่กับสายยางสีดาำ ดีไซน์สปอร์ต
มีจำาหน่ายที่ แท็ก ฮอยเออร์ บูติก และเคาน์เตอร์ แท็ก ฮอยเออร์ ในแผนกนาฬิกาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำา
TUDOR
HERITAGE BLACK BAY CHRONO Ref.79350 “ซีรี่ส์ใหม่จากนาฬิกาดำาน้ำาตระกูลดัง เผยโฉมในรูปแบบนาฬิกาโครโนกราฟที่ทำางานด้วยกลไกรุ่นใหม่”
และแล้ว Heritage Black Bay ตระกูลนาฬิกาดำาน้ำาดีไซน์ วินเทจทีท่ าำ ให้แบรนด์ Tudor กลับมาเจิดจรัสอยูท่ า่ มกลางสปอตไลต์ ของวงการนาฬิกากันอีกครั้งอย่างเต็มตัว ก็คลอดนาฬิกาซีรี่ส์ใหม่ ออกมาอีกรูปแบบหนึง่ นัน่ ก็คอื นาฬิกาโครโนกราฟ Heritage Black Bay Chrono ซึง่ เป็นการประสานเกียรติภมู แิ ห่งนาฬิกาโครโนกราฟ ของ Tudor ที่เริ่มต้นตั้งแต่รุ่น Prince Oysterdate Chronograph
เมือ่ ปี 1970 เข้ากับดีไซน์นาฬิกาดำาน้าำ Heritage Black Bay ทีจ่ าำ แลง ตนมาจากนาฬิกาดำาน้ำาของ Tudor ในยุคอดีตนับตั้งแต่ป ี 1954 เป็น ต้นมา ได้อย่างน่าสนใจ ลักษณะเด่นของนาฬิกา Heritage Black Bay ยังดำารงอยู่ อย่างครบถ้วนในนาฬิการุน่ นี ้ ไม่วา่ จะเป็นตัวเรือนสตีลขนาด 41 มม. กันน้ำาได้ 200 เมตร ผนึกกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงกล่องโดม
COMING NOW 2017
เม็ดมะยมขนาดใหญ่สลักรูปดอกกุหลาบลงแล็กเกอร์สีดำาพร้อมหุ้ม ท่อมะยมด้วยวงแหวนอลูมเิ นียมอโนไดซ์, รูปแบบเข็มแสดงเวลาทรง “สโนว์เฟลค” อันเป็นเอกลักษณ์ของ Turdor มาตั้งแต่ปี 1969, พื้น หน้าปัดทรงโดมผิวด้าน, ชิน้ หลักชัว่ โมงทรงกลมและทรงสามเหลีย่ ม, สายสตีลซึ่งดีไซน์ให้มีลักษณะคล้ายหมุดรีเว็ทอยู่ที่บริเวณด้านข้าง อันเป็นแบบอย่างทีไ่ ด้รบั แรงบันดาลใจมาจากสายของ Tudor ในยุค ทศวรรษที ่ 1950-1960 และมีสายผ้าทีท่ อด้วยเทคนิคแจ็คการ์ด โดย ผูผ้ ลิตรายเก่าแก่อายุกว่า 150 ปี ใน แซงต์ อีเทียนน์ ประเทศฝรัง่ เศส มาให้สลับเปลี่ยนใช้งาน วงหน้าปัดขนาดเล็กของนาฬิการุ่นนี้มีแค่ 2 วง วางตัวอยู่ ที่ตำาแหน่ง 9 กับ 3 นาฬิกา โดยทำาเป็นแอ่งลึกลงไปจากระดับพื้น หน้าปัดเพื่อความชัดเจนในการอ่านค่า ขณะที่ตำาแหน่ง 6 นาฬิกา ถูกเจาะเป็นช่องหน้าต่างสำาหรับแสดงวันที ่ ส่วนเข็มกับหลักชัว่ โมง ใช้เป็นสีเงิน สร้างความสวยงามลงตัวแบบพอดิบพอดีบนพืน้ หน้าปัด สีดาำ ซึ่งแม็ตช์กับสีของวงแหวนหุ้มท่อมะยม และเสริมความสปอร์ต เต็มพิกัดด้วยการสลักสเกลทาคีมิเตอร์ลงสีดำาไว้บนวงขอบตัวเรือน สตีลขัดลายเซอร์คลู า่ ร์ซาติน ส่วนปุม่ กดขนาดใหญ่นน้ั เป็นการนำา รูปแบบมาจากนาฬิกาโครโนกราฟรุ่นแรกของ Tudor กลไกที่ใช้กับนาฬิการุ่นนี ้ เป็นแบบอัตโนมัติโครโนกราฟ ระบบคอลัมน์วลี พร้อมเวอร์ตคิ ลั คลัตช์ รุน่ ใหม่เอีย่ ม รหัส MT5813 ความถี ่ 28,800 ครัง้ ต่อชัว่ โมง ซึง่ ให้กาำ ลังสำารองได้นานถึง 70 ชัว่ โมง และจับเวลาได้ 45 นาที ทั้งยังได้รับการรับรองความแม่นยำาตาม
127
มาตรฐานโครโนมิเตอร์ของ COSC ด้วย ชุดควบคุมการทำางานของ กลไกรุ่นนี้ซึ่งรวมถึงการใช้บาลานซ์สปริงวัสดุซิลิคอน เป็นผลงาน การพัฒนาของ Tudor เอง โดยติดตัง้ เข้ากับพืน้ ฐานกลไกโครโนกราฟ Breitling 01 ของ Breitling ทีเ่ ข้ามาร่วมงานกับ Tudor ในฐานะพันธมิตร นาฬิการุน่ นีม้ สี าย 2 แบบให้เลือก คือ สายสตีล กับสายหนัง สีน้ำาตาลพร้อมตัวล็อคแบบบานพับ ซึ่งไม่ว่าจะเลือกแบบใด ก็จะได้ สายผ้าสีน้ำาเงินมาไว้สลับเปลี่ยนใช้งานอีกเส้นหนึ่ง
มีจำาหน่ายที่ ทิวดอร์ บูติก, พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส บูติก, คอร์ติน่า วอทช์ เอสปา และ คอร์ติน่า วอทช์ บูติก
ULYSSE NARDIN
MARINE TORPILLEUR “นาฬิกาฟังก์ชั่นพื้นฐานรุ่นใหม่จากตระกูล Marine กับขนาดที่เบาและบางกว่า Marine รุ่นอื่นๆ พร้อมความแม่นยำาระดับโครโนมิเตอร์” ปีน ี้ Ulysse Nardin ตำานานนาฬิกาแห่งการเดินเรือ ได้ รังสรรค์นาฬิกาข้อมือโครโนมิเตอร์รุ่นใหม่ให้กับคอลเลคชั่น Marine โดยมาพร้อมกับรูปแบบฟังก์ชน่ั การแสดงเวลาทีเ่ รียบง่ายซึง่ ยังคงนำา ลักษณะมาจากนาฬิกาพกโครโนมิเตอร์อนั แสนเทีย่ งตรงแม่นยำาของ Ulysse Nardin ที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเหล่านักเดินเรือ นิยมใช้เป็นนาฬิกาคูก่ าย นาฬิการุน่ ใหม่นใ้ี ช้ชอ่ื ว่า Marine Torpilleur โดยนำาชือ่ มาจากเรือเร็วขนาดเล็กในสมัยก่อน เพือ่ สือ่ ว่าเป็นนาฬิกา Marine ที่มีน้ำาหนักเบาและมีขนาดบางกว่า Marine Chronometer ขนาดผู้ชาย ไซส์ 45 มม. กับไซส์ 43 มม. ที่มีจำาหน่ายอยู่ รูปลักษณ์โดยรวมยังคงปรากฎลักษณะประจำาตัวอันเป็น เอกลักษณ์ของคอลเลคชัน่ Marine อยูอ่ ย่างครบถ้วน ไม่วา่ จะเป็น ทรงกลมของตัวเรือน ร่องฟลุต้ ทีข่ อบตัวเรือน รูปทรงของหลักชัว่ โมง เลขโรมัน และตำาแหน่งของการแสดงค่าและตำาแหน่งของรายละเอียด บนหน้าปัด ยกเว้นเข็มชัว่ โมงกับเข็มนาทีทแ่ี ม้จะมีรปู ทรงเช่นเดียวกับ รุน่ อืน่ ๆ ร่วมคอลเลคชัน่ แต่ได้รบั การออกแบบให้ดมู มิ ติ ยิ ง่ิ ขึน้ ขณะที่
Ref.1183-310/40 เวอร์ชั่นตัวเรือนสตีล; หน้าปัดสีขาว; หลักชั่วโมงสีดำา; เข็มสีน้ำาเงิน; สายหนังจระเข้สีดำา
ในส่วนของตัวเรือนถูกสร้างให้แตกต่างจากนาฬิกา Marine รุน่ อืน่ ๆ โดยจะไม่มีบ่าบริเวณฐานเม็ดมะยมและใช้ขาตัวเรือนทรงง่ามแทน แถบเต็ม และใช้เม็ดมะยมแบบเปลือยปราศจากยางหุ้ม ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อเพิ่มความคลาสสิกและเรียบง่ายให้กับนาฬิการุ่นนี้ ตัวเรือนของรุน่ นีม้ ขี นาดเท่ากับ 42 มม. ผนึกด้านหน้าและ ด้านหลังด้วยกระจกแซฟไฟร์ พร้อมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน บนกระจกหน้าปัด และใช้เม็ดมะยมแบบล็อคเกลียว ซึง่ ทำาให้สามารถ ป้องกันน้าำ ได้ถึงระดับ 50 เมตร การขับเคลือ่ นแสดงเวลาเป็นหน้าทีข่ องกลไกอัตโนมัต ิ อิน เฮ้าส์ รหัส UN-118 กำาลังสำารอง 60 ชั่วโมง ที่ทาำ งานอย่างเที่ยงตรง
COMING NOW 2017
129
Ref.1183-310/43 เวอร์ชั่นตัวเรือนสตีล; หน้าปัดสีน้ำาเงิน; หลักชั่วโมงสีขาว; เข็มสีเงิน; สายหนังจระเข้สีน้ำาเงิน Ref.1182-310/40 เวอร์ชั่นตัวเรือนโรสโกลด์; หน้าปัดสีขาว; หลักชั่วโมงสีดำา; เข็มสีน้ำาเงิน; สายหนังจระเข้สีดำา Ref.1183-310-7M/43 เวอร์ชั่นตัวเรือนสตีล; หน้าปัดสีนา้ำ เงิน; หลักชั่วโมงสีขาว; เข็มสีเงิน; สายสตีล
ด้วยเอสเคปเม้นท์และแฮร์สปริงวัสดุซิลิเซียม และได้รับการรับรอง ความแม่นยำาตามมาตรฐานโครโนมิเตอร์ของ COSC โดยกลไกเครือ่ งนี้ จะแสดงวินาทีดว้ ยเข็มขนาดเล็ก พร้อมฟังก์ชน่ั แสดงวันทีด่ ว้ ยจานดิสก์ ผ่านช่องหน้าต่างทรงกลม และฟังก์ชน่ั แสดงกำาลังสำารองด้วยเข็ม ทัง้ ยังสะดวกด้วยการออกแบบให้สามารถปรับตัง้ วันทีไ่ ด้ทง้ั ไปข้างหน้า และย้อนกลับ Marine Torpilleur เปิดตัวออกมาพร้อมกัน 4 เวอร์ชน่ั คือ ตัวเรือนสตีล หน้าปัดสีขาว คู่กับสายหนังจระเข้สีดำา, ตัวเรือนสตีล หน้าปัดสีนาำ้ เงิน คูก่ บั สายหนังจระเข้สนี าำ้ เงิน หรือคูก่ บั สายสตีล และ ตัวเรือนโรสโกลด์ หน้าปัดสีขาว คู่กับสายหนังจระเข้สีดำา
มีจำาหน่ายที่ พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส บูติก
VICTORINOX SWISS ARMY
I.N.O.X. CARBON & I.N.O.X. TITANIUM SKY HIGH LIMITED EDITION “อีกขีดขั้นความพิเศษจากนาฬิกาสุดแกร่งคอลเลคชั่น I.N.O.X.” เผลอแป๊ปเดียว นาฬิกาคอลเลคชั่น I.N.O.X. (ออกเสียงว่า อินอ็ กซ์) ก็ออกสูต่ ลาดมาได้ 3 ปีแล้ว ต้องบอกว่าคอลเลคชัน่ นีไ้ ด้สร้าง ชือ่ เสียงให้กบั Victorinox ในฐานะการเป็นผูผ้ ลิตนาฬิกาให้ขจรขจาย แพร่หลายไปทัว่ โลก และก็กลายเป็นคอลเลคชัน่ นาฬิกาทีข่ ายดีทส่ี ดุ ของแบรนด์ไปโดยปริยาย จึงไม่แปลกใจเลยที่ทางแบรนด์จะทำาการ ออกรุน่ และเวอร์ชน่ั ใหม่ๆ มาเพิม่ เติมเรือ่ ยๆ และรุน่ ทีอ่ อกมาใหม่ใน ปี 2017 ก็คอื I.N.O.X. Carbon ทีใ่ ช้ตวั เรือนวัสดุคาร์บอนคอมโพสิต, I.N.O.X. V ทีเ่ ป็นเรือนสตีลขนาดย่อมลงมาเพือ่ ให้ผหู้ ญิงสวมใส่ได้ และ I.N.O.X. Titanium Sky High Limited Edition เวอร์ชน่ั ลิมเิ ต็ด เอดิชน่ั ของแบบตัวเรือนไทเทเนี่ยม ซึ่งรุ่นที่จะมาแนะนำาให้รู้จักกันก็คือ I.N.O.X. Carbon และ I.N.O.X. Titanium Sky High Limited Edition
I.N.O.X. Carbon
คอนเซ็ปต์ในการสร้าง I.N.O.X. อันนำามาซึง่ คุณสมบัตหิ ลัก ที่มีอยู่ใน I.N.O.X. ทุกรุ่นที่ออกมาก็คือ นาฬิกาตัวเรือนสุดแกร่ง กันน้ำาได้ 200 เมตร ที่ทนทานต่อสภาวะแวดล้อมอันหนักหน่วงได้ อย่างยอดเยีย่ ม ไม่วา่ จะเป็นแรงสัน่ แรงสะเทือน ความร้อน ความเย็น น้าำ ฝุน่ และแรงดัน ราวกับเป็น G-SHOCK ของสวิสเลยก็วา่ ได้ หาก แต่ยงั คงรูปแบบการเป็นนาฬิกาอนาล็อกแสดงเวลาด้วยเข็มเอาไว้โดย ยังไม่ไปข้องแวะกับระบบดิจติ อลหรือระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่อน่ื ๆ ซึ่งสำาหรับกลไกที่ใช้นั้น เป็นกลไกควอตซ์ของ Ronda เมือ่ ปี 2016 ทีผ่ า่ นมา ทางแบรนด์ได้เปิดตัว 2 สิง่ ใหม่เพือ่ นำามาใช้กับ I.N.O.X. นั่นก็คือ เกราะยางสำาหรับห่อหุ้มตัวเรือนเพื่อ
COMING NOW 2017
เพิม่ ขีดความสามารถในการป้องกันความเสียหายจากสภาวะการใช้ งานทีโ่ หดร้าย และสายนาฬิกาแบบ “พาราคอร์ด” ซึง่ เป็นการกระหวัด ถักเชือกผ้าสังเคราะห์ที่มีความเหนียวและทนทานเข้าไว้ด้วยกัน และทัง้ 2 สิง่ นีก้ ไ็ ด้ถกู นำามาใช้กบั I.N.O.X. ทีเ่ ปิดตัวมาใหม่ในปีนด้ี ว้ ย I.N.O.X. Carbon เป็นการนำาวัสดุชั้นยอดอย่าง “คาร์บอน คอมโพสิต” มาสร้างเป็นตัวเรือนขนาด 43 มม. ซึง่ นอกจากคุณสมบัติ เฉพาะตัวด้านความทนทาน ความยากต่อการเกิดริ้วรอย และความ เบาแล้ว ยังให้อารมณ์สวยดุดบิ จากโทนสีเทาดำาของผิวซึง่ มีลวดลาย เฉพาะตัวอยู่ในเนื้อวัสดุด้วย และเพื่อให้เกิดความแตกต่างไปจาก พี่น้องร่วมตระกูล ทางแบรนด์จึงออกแบบรายละเอียดบนหน้าปัด ให้ตา่ งออกไป โดยแทนทีจ่ ะใช้หลักชัว่ โมงแบบแท่งเหมือนกับ I.N.O.X. เวอร์ชั่นอื่นๆ ก็ได้มีการนำาหลักชั่วโมงแบบเลขอารบิกมาแทนที่ใน บางตำาแหน่ง ทัง้ ยังได้พมิ พ์สเกล “มิลแิ ทรี ่ ไทม์” ซึง่ ก็คอื ตัวเลขชัว่ โมง ที่ 13-24 ด้วยสีแดงเอาไว้ที่ฝั่งด้านในของกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ ทีเ่ คลือบสารป้องกันแสงสะท้อนมาให้ ขณะทีพ่ น้ื หน้าปัดเลือกใช้เป็น สีดาำ ทัง้ ยังใช้เข็มชัว่ โมงกับเข็มนาทีและหลักชัว่ โมงเป็นสีดาำ ด้วยโดย เคลือบสารเรืองแสงมาให้เพื่อความชัดเจนในการอ่านค่า ส่วนเข็ม วินาทีจะใช้เป็นสีแดงเฉดเดียวกับตัวเลขเวลา “มิลแิ ทรี ่ ไทม์” โดยยัง คงเจาะช่องหน้าต่างวันทีม่ าให้ ณ ตำาแหน่งระหว่าง 4 กับ 5 นาฬิกา I.N.O.X. Carbon จะมีทง้ั เวอร์ชน่ั ทีส่ วมคูม่ ากับสายยางสีดาำ และเวอร์ชั่นที่มากับสาย “พาราคอร์ด” สีดำาซึ่งจะมีสายยางสีดาำ มา ให้สลับใช้งานอีกเส้นหนึ่ง นอกจากนี้ในแพ็คเกจของทั้ง 2 เวอร์ชั่น ก็จะมีเกราะยางให้มาด้วย ส่วน I.N.O.X. Titanium Sky High Limited Edition เป็น ลิมเิ ต็ด เอดิชน่ั เวอร์ชน่ั ใหม่ของ I.N.O.X. รุน่ ตัวเรือนไทเทเนีย่ ม โดย จัดแพ็คเกจมาพร้อมกับมีดพับซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ผลิตให้กับ มนุษย์อวกาศใช้ เพือ่ เป็นการย้าำ เตือนว่า มีดพับของ Victorinox นัน้ เป็นหนึ่งในอุปกรณ์มาตรฐานคู่กายของมนุษย์อวกาศมาเป็นเวลา ยาวนานกว่า 20 ปีแล้ว มีดพับในแพ็คเกจนี้ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษ โดยเป็นสีขาวพร้อมปรากฎโลโก้ของแบรนด์กับภาพมนุษย์อวกาศ สีเงินเทาและห้อยพวงกุญแจพาราคอร์ดสีขาวลายเส้นประสีดำามา
I.N.O.X. Titanium Sky High Limited Edition
131
ด้วยเพื่อให้เข้ากับธีมการตกแต่งของนาฬิการุ่นนี้ ไม่ได้เป็นสีแดง เหมือนกับที่นักบินอวกาศใช้ ทีท่ างแบรนด์เลือกใช้หน้าปัดและสายเป็นโทนสีขาวก็เพราะ ว่าเมือ่ รวมเข้ากับผิวแซนด์บลาสต์ดา้ นซึง่ เป็นโทนสีเทาของตัวเรือน ไทเทเนี่ยม ขนาด 43 มม. แล้ว จะเป็นตัวแทนแห่งสีของชุดมนุษย์ อวกาศได้อย่างชัดเจน อีกทัง้ เกราะยางทีใ่ ห้มากับนาฬิการุน่ นีย้ งั เป็น แบบใสรมดำาทีอ่ อกแบบขึน้ เป็นพิเศษให้ครอบได้ทง้ั หัวโดยมีดา้ นหน้า เป็นลักษณะเลนส์นนู ขยายซึง่ ดูคล้ายกับหมวกของนักบินอวกาศด้วย นอกจากนี้ชิ้นหลักชั่วโมงบนหน้าปัดยังเป็นแบบแท่งร่วมกับแบบเลข อารบิกและใช้เป็นสีเทาพร้อมเคลือบสารเรืองแสงมาให้เช่นเดียวกับ เข็มชั่วโมงและเข็มนาที โดยมีเข็มวินาทีเป็นสีฟ้าซึ่งสื่อถึงโลก และ มีการพิมพ์สเกลเวลา “มิลแิ ทรี ่ ไทม์” สีแดง ไว้ทด่ี า้ นในของกระจก หน้าปัดแซฟไฟร์แบบเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนด้วย ส่วนช่อง หน้าต่างวันทีก่ ย็ งั คงอยูใ่ นตำาแหน่งเดียวกับ I.N.O.X. รุน่ อืน่ ๆ ขณะที่ สายทีใ่ ห้มานัน้ เป็นวัสดุ “พาราคอร์ด” สีขาวลายเส้นประสีดาำ โดยมี สายยางสีขาวพร้อมแถบรัดสายสีแดงกับสีฟ้ามาให้สลับใช้งาน ทัง้ นาฬิกา อุปกรณ์เสริม และมีดพก ของเซ็ต ลิมเิ ต็ด เอดิชน่ั Titanium Sky High บรรจุมาในกล่องทีส่ ร้างให้กนั น้าำ และแรงสะเทือน ได้ โดยจำากัดจำานวนการผลิตเอาไว้เพียง 2,000 ชุดเท่านั้น
มีจำาหน่ายที่ เคาน์เตอร์ วิคทอริน็อกซ์ สวิส อาร์มี่ ในแผนกนาฬิกาของห้างสรรพสินค้าชั้นนำา และที่ ไทม์ เดโค ช็อป
WATCH MARKET ANALYSIS WRITER: DR. PRAMOTE RIENJAROENSUK
ช่วงเวลานี้น่าจะเป็นเวลาที่เห็นภาพได้ชัดมากขึ้นถึงความอิ่มตัวของตลาดกลุ่มนาฬิการะดับสูง ที่แม้จะยังคง รักษาฐานตัวเลขต่างๆ ไว้ได้ดใี นช่วงเศรษฐกิจถดถอยทีท่ ยอยเกิดขึน้ ทัว่ โลกมาสองถึงสามปีแล้ว แต่การหล่อเลีย้ ง ตลาดมาเป็นระยะเวลาหลายปีกย็ อ่ มต้องมาถึงจุดอิม่ ตัวเช่นกัน แม้กลุม่ เหล่านีจ้ ะยังมีทนุ อยูส่ งู ก็ตาม ดังนัน้ ตลาด ในช่วงนี้จึงกลับกลายเป็นตลาดของผู้ซื้ออย่างแท้จริง เพราะมีอำานาจในการต่อรองสูงขึ้นกว่าแต่ก่อน อย่างเห็น ได้ชัด
ONGOING DECLINE
Classic Gold นาฬิกาแบรนด์ตา่ งๆ แม้จะมีการเปิดตัวมาเกือบทัง้ หมดแล้ว ตั้งแต่ช่วงต้นปีในงาน SIHH และ Baselworld แต่ก็ยังคงอยู่ในสถาน การณ์เดิมๆ อย่างเช่นทุกปี คือการส่งนาฬิการุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด อย่างล่าช้า เนือ่ งจากหลายปัจจัยซึง่ ต่างจากปัจจัยเดิมๆ เมือ่ หลายปี ทีแ่ ล้ว ปัจจัยอย่างหนึง่ จากสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจก็คอื เม็ดเงิน ลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์ขนาดเล็กๆ ที่ต้องการปัจจัยนี้เป็น
ตัวผลักดันสินค้าออกสู่ตลาด ดังนั้นจึงต้องจับตามองแนวทางการ บริหารและการจัดการในช่วงสภาวการณ์ปจั จุบนั ทีย่ งั คงมีความผันผวน และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา อีกปัจจัยหนึง่ ทีท่ าำ ให้เกิดความล่าช้าในการส่งนาฬิการุน่ ใหม่ๆ ออกสูต่ ลาดก็คอื ลำาดับขัน้ ตอนในการทำาตลาด อย่างทีร่ กู้ นั ดีวา่ นาฬิกา ระดับสูงเหล่านี้ ต้องการการตลาดที่มีประสิทธิภาพทั้งในระยะยาว
ระยะกลาง และระยะสั้น นอกจากนี้ยังต้องวางแผนตามจังหวะของ ตลาดผู้บริโภคอย่างพอเหมาะพอควร ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ซึง่ แน่นอนว่าไม่ใช่เรือ่ งง่ายๆ เลยสำาหรับแบรนด์นาฬิกาต่างๆ ทีต่ อ้ ง เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปพร้อมๆ กับการจัดวางผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับ ช่วงระยะเวลานัน้ ๆ ซึง่ หลายครัง้ ก็เป็นแค่ชว่ งสัน้ ๆ หรือระยะเวลาสัน้ ๆ นอกจากนีป้ ญั หาเรือ่ งโอเวอร์ซพั พลายก็เป็นอีกปัจจัยหนึง่ ทีท่ าำ ให้การ
ส่งนาฬิการุน่ ใหม่ๆ ออกสูต่ ลาด มีความจำาเป็นต้องจัดลำาดับให้เหมาะ สมและค่อยๆ ทยอยออกมาทีละส่วนเพือ่ ทำาการตลาดในรูปแบบพีอาร์ อย่างค่อยเป็นค่อยไปทีละรุน่ ๆ ตัง้ แต่ตน้ ปี เพือ่ ให้นาฬิการุน่ นัน้ ๆ คงอยู่ ในตลาดได้อย่างมั่นคง ดังนั้นจึงพอจะสรุปภาพตลาดในช่วงครึ่งปีแรกให้เห็นได้ใน หลายส่วน ทัง้ จากสถานการณ์ยอดการซือ้ ทีเ่ บาบางตามทีเ่ ป็นในตลาด
WATCH MARKET ANALYSIS
135
Sport Steel
แต่ละปีอยูแ่ ล้ว และจากสภาพเศรษฐกิจและการเมืองโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในประเทศไทยที่ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ ความอิ่มตัวของผู้ซื้อ ระดับสูงจากช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัญหาของซัพพลายเออร์ใน สภาวการณ์ปัจจุบัน และสุดท้ายคือ การลำาดับขั้นการทำาตลาดของ แบรนด์นาฬิกาที่ต้องการความมั่นคงของรุ่นและแบรนด์ในอนาคต จึงเป็นที่มาของสภาพการณ์ในตลาดที่ยังคงดูอึมครึมและ
ไม่คกึ คักเช่นเดียวกับปีทผ่ี า่ นมา ในขณะเดียวกันกับทีแ่ บรนด์นาฬิกา ต่างๆ ต่างหันมามองตลาดอย่างชัดเจนมากขึน้ พร้อมกับการเอือ้ ตลาด มากขึ้นในด้านต่างๆ เช่นการหันมาให้ความสนใจกับสไตล์นาฬิกาที่ ชาวเอเชียนิยมอย่างนาฬิกาเรือนทองแนวคลาสสิก หรือนาฬิกาเรือน สตีลแนวสปอร์ตที่ใช้งานได้ง่ายมากขึ้น สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นปัจจัยที่ จะเอื้อให้ตลาดกลับมาสู่ความคึกคักได้มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้
THE WATCH LOVER
WARAKIAT ANANTANASUWONG เชื่อว่าผู้ที่เป็นแฟนๆ ของแบรนด์ Louis Vuitton คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากับ คุณป๊อป - วรเกียรติ อานันทนะสุวงศ์ ท่านนี้กัน ดีในฐานะหนึ่งในแฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์หรูแบรนด์นี้มานานกว่า 20 ปีโดยเก็บสะสมผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Louis Vuitton เอาไว้ถึงกว่า 1,000 ชิ้น ซึ่งรวมถึงกระเป๋ารุ่นพิเศษๆ ที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะทั้งในการออกแบบและขั้นตอนการผลิตซึ่งเป็น ประเด็นสำาคัญที่ทาำ ให้เขาสนใจและชื่นชอบในตัวตนของแบรนด์ Louis Vuitton แต่ในโอกาสนี้เราจะขอพาคุณผู้อ่านมา เปิดมุมมองของคุณป๊อปในด้านที่เกี่ยวกับนาฬิกากันบ้างครับ BY: VIRACHARN TERMPIPATPONG “ด้วยลักษณะการใช้ชีวิตของเราที่เช้ามาก็เข้าโรงงานแล้วพอ ช่วงบ่ายก็ต้องเข้าออฟฟิศ นาฬิกาส่วนใหญ่ที่เราใส่ก็เลยต้องเป็นแบบ ใส่ได้ทั้งลุยและใส่เข้ามาทำางานในออฟฟิศเวลาพบลูกค้าได้โดยที่ไม่ น่าเกลียด แล้วตกกลางคืนจะใส่ไปงานหรือไปทานข้าวกับเพือ่ นก็ตอ้ ง ดูโอเค ทัง้ ยังต้องดูเข้ากับกระเป๋าทีเ่ ราใช้ในแต่ละวันด้วย เวลาเลือกซือ้ ก็เลยเอาอะไรทีม่ นั เป็นเบสิกดูเรียบง่ายเข้าไว้ ไม่คอ่ ยหวือหวา แต่ตอ้ ง ดูดแี ละไปกับกระแสสังคมได้ดว้ ย” คุณป๊อปพูดถึงสไตล์ของนาฬิกาทีเ่ ขา เลือกใช้งานให้เราฟัง ซึง่ ก็จบั ใจความได้วา่ เขาเอารูปแบบการใช้งานมา เป็นหลักในการเลือกนาฬิกาให้กับตัวของเขานั่นเอง นอกจากนี้ด้วย ความเป็นคนรักประกายงามของเพชร ในบางเรือนเขาก็เลือกที่จะให้มี เพชรประดับอยู่ด้วย “เรื่องเพชรนี่ก็ชอบอยู่เหมือนกัน แต่ก็ชอบแบบ ที่ไม่ต้องเว่อร์มาก คือขอให้มีเพชรอยู่บ้างก็พอ” หากมองจากนาฬิกาทีค่ ณุ ป๊อปนำามาให้ชม ก็ทาำ ให้เกิดคำาถาม ที่ว่า เพราะอะไรเขาถึงเลือกใช้เป็นแบบตัวเรือนสตีลแทบจะทั้งหมด “นาฬิกาของเราจะเน้นเป็นตัวเรือนสีเงินแล้วส่วนใหญ่กจ็ ะเลือกทีม่ นั เป็น สายยางหรือสายเหล็ก เนื่องจากลักษณะการใช้งานที่เวลาเข้าโรงงาน ก็จะร้อน ส่วนเวลาเข้าออฟฟิศก็จะเย็น ซึง่ ทัง้ 2 อย่างเกิดขึน้ ในวันเดียวกัน ก็เลยชอบนาฬิกาทีม่ นั ทนทานหน่อย ใส่ลา้ งมือก็ไม่ตอ้ งเป็นห่วงมากนัก เราทำาโรงงานผ้า ต้องจับผ้า ต้องเทสต์ผ้า เทสต์สี ต่างๆ นานา ซึ่งจะ ต้องมีเลอะบ้าง ก็ไม่ต้องมาถอดนาฬิกาก่อนจะทำางานพวกนี้ อีกอย่าง ก็คือ ในความรู้สึกเรา นาฬิกาเรือนทองมันดูสูงวัยไปสักหน่อย แม้แต่ แหวนเอง ส่วนใหญ่ก็เลือกเป็นสีเงิน กระเป๋าก็พยายามเน้นให้มีสีทอง ไม่มาก แต่ถา้ ถามว่าทำาไมไม่ซอ้ื ไวท์โกลด์ซง่ึ เป็นสีเงินเหมือนกัน ก็ตอ้ ง ตอบว่าแอบสนใจและอยากได้อยู่บ้างแต่มันออกจะดูภูมิฐานและเรา ก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจและคำานึงมากถึงวัสดุตัวเรือน เราก็เลยหันไปสนใจ เอาเงินไปลงทุนกับกระเป๋าซึ่งเป็นของสะสมหลักของเรามากกว่า” LOUIS VUITTON Tambour GMT ตัวเรือนสตีล ขนาด 39.5 มม. สายหนังจระเข้สีนา้ำ ตาล หน้าปัดสีน้ำาตาล เข็มจีเอ็มทีสีเหลือง กลไกอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นแสดงวันที่ และแสดงเวลาที่สอง แบบ 24 ชั่วโมงด้วยเข็มกลาง ส่วนกระเป๋าที่เห็นนั้นเป็นกระเป๋า Louis Vuitton ลายโมโนแกรมแคนวาส รุ่น Case with mirror ซึ่งคุณป๊อปนำามาให้เราใช้เป็นแบ็คกราวด์ในการถ่ายภาพ
กิจการของคุณป๊อปเป็นบริษทั และโรงงานพิมพ์ผา้ ซึง่ เป็นการ รับพิมพ์ลายต่างๆ ลงบนผืนผ้าด้วยระบบดิจติ อลและระบบสกรีน ต้อง บอกว่าลายงามๆ บนเสือ้ ผ้าอาภรณ์ของดีไซเนอร์แบรนด์ชน้ั นำาในเมือง ไทยรวมไปถึงแบรนด์ต่างประเทศหลายแบรนด์ ก็เป็นผลงานการพิมพ์ ของคุณป๊อปนัน่ เอง โดยทางแบรนด์จะนำาลายทีอ่ อกแบบแล้วมาให้ทาง คุณป๊อปเป็นผูพ้ มิ พ์ให้ เรียกได้วา่ บริษทั พรีเมีย่ มป๊อปส์ (Premium Pops Co., Ltd.) ของคุณป๊อป นีถ่ อื เป็นผูร้ บั พิมพ์ผา้ เกรดพรีเมีย่ มอันดับต้นๆ ของประเทศไทยกันเลยทีเดียว คุณป๊อปบอกเราถึงเหตุทต่ี อ้ งมีนาฬิกาจำานวนมากไว้ใช้งานว่า “ทีเ่ ราต้องมีนาฬิกาก็เพราะ เราจะต้องดูเวลาตลอดทัง้ วันเนือ่ งจากวัน หนึง่ ๆ เรามักจะมีนดั หลายที่ เวลาจึงต้องเป๊ะ ฟังก์ชน่ั อืน่ ๆ ไม่เน้น เอา หน้าปัดเรียบๆ ไว้กอ่ น ส่วนทีต่ อ้ งมีหลายเรือนก็อาจจะมาจากทีว่ า่ เรา เป็นคนชอบซื้อกระเป๋า ก็เลยต้องมีนาฬิกาหลายๆ แบบไว้แมตชิ่งกับ กระเป๋าด้วย แต่กย็ งั เน้นซือ้ สีพน้ื เป็นหลัก พวกสีเงิน สีนาำ้ เงิน สีดาำ สีขาว เพราะใส่เข้ากับกระเป๋าและการแต่งตัวได้งา่ ย” เหตุผลในการมีนาฬิกา หลายๆ แบบไว้แมตชิง่ กับกระเป๋าใบต่างๆ อย่างทีค่ ณุ ป๊อปกล่าว อาจ เหมือนกับใครหลายๆ คน แต่สว่ นมากทีเ่ ราได้พบมามักจะเจอกับสาย หนังต่างสีกันบนนาฬิกาแต่ละเรือน แต่คุณป๊อปกลับมีนาฬิกาสายหนัง เพียงไม่กเ่ี รือน ซึง่ คุณป๊อปให้เหตุผลในเรือ่ งนีว้ า่ “เราเป็นคนเหงือ่ เยอะ ยิ่งบวกกับลักษณะชีวิตประจำาวันของเราอย่างที่บอกไป ก็เลยไม่ชอบ ใส่นาฬิกาสายหนัง จะมีไว้บา้ งแค่เวลาใส่ออกงานหรือไม่กเ็ อาไว้ใส่เวลา หน้าหนาว”
FRANCK MULLER Long Island ตัวเรือนสตีล ขนาด 43 x 30.5 มม. ประดับเพชรบนขอบและ ขาของตัวเรือน สายหนังจระเข้สีดาำ หน้าปัดสีเงิน กลไกควอตซ์
CHOPARD Happy Sport ‘Happy Beach Fish’ ตัวเรือนสตีล ขนาด 38 มม. หน้าปัดสีดาำ ตกแต่งลายเป็นรูปปลา พร้อมเพชรประดับบนแป้นทรงกลมและรูปทรงปลาที่เคลื่อนไหวอยู่ เหนือพื้นหน้าปัด สายยางสีดำา กลไกควอตซ์ ฟังก์ชั่นแสดงวันที่ CHANEL J12 White ตัวเรือนขนาด 38 มม. วัสดุ ไฮ-เทค เซรามิกสีขาว ประดับเพชรบนขอบตัวเรือนสตีล สาย ไฮ-เทค เซรามิก สีขาว หน้าปัดสีขาว กลไกอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นแสดงวันที่
นาฬิกาทีค่ ณุ ป๊อปนำามาในวันนี้ ไม่ใช่ทง้ั หมดทีเ่ ขามี เพียงแต่ เป็นเรือนทีเ่ ขาชืน่ ชอบเท่านัน้ และก็มี Rolex Datejust เรือนสองกษัตริย์ ที่เป็นนาฬิกาแห่งความทรงจำาเพราะเป็นเรือนที่คุณพ่อซื้อให้ตอนที่ คุณป๊อปสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้และก็เป็นนาฬิกามีราคาเรือนแรกที่ คุณป๊อปได้ครอบครองด้วย แต่ก็ไม่ได้นำามาใส่ใช้งานในขณะเรียนอยู่ มหาวิทยาลัย หากแต่ไปซือ้ เป็น Patek Philippe Aquanaut เรือนสตีล กลไกควอตซ์ กับ Rolex Date เรือนสตีลมาใช้แทน ซึง่ คุณป๊อปก็ได้นาำ ขอบตัวเรือนสตีลแบบตกแต่งเอ็นจิน้ เทิรน์ ด์ลายรางรถไฟของเรือน Date ไปประดับเพชรเพิ่มเติมด้วย ส่วน Air-King อีกเรือนนั้นเขาซื้อมาเพิ่ม ก็เพราะมันเป็นตัวเรือนและสายเวอร์ชั่นใหม่ที่ไม่เหมือนกับเรือน Date ประชากรนาฬิกาของคุณป๊อปเพิ่มเติมเข้ามาในครอบครอง มากขึน้ เรือ่ ยๆ ตามกาลเวลาทีผ่ า่ นไปซึง่ ส่วนมากก็จะเป็นนาฬิกาสไตล์ สวยงามจากแบรนด์แฟชัน่ ยอดนิยมระดับไฮเอนด์ในรูปแบบต่างๆ กัน โดยมีทั้งนาฬิกาที่ใช้กลไกควอตซ์และใช้กลไกอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น Chopard Happy Sport, Cartier Santos 100, Franck Muller Long Island, Chanel J12 สีขาว, Hermès Clipper Sport หรือ Louis Vuitton Tambour GMT ก็ตาม แต่นอกจากนาฬิกาสไตล์นี้แล้ว คุณป๊อปก็ยัง เลือกที่จะมีนาฬิกาแบบจริงจังสไตล์แมนๆ อยู่ด้วยหลายเรือน อย่าง เช่น Rolex GMT-Master II แบทแมน, Chopard Mille Miglia GMT Chronograph, Hermès Cape Cod ไซส์ใหญ่ และ Patek Philippe Aquanaut 5167A กับ Nautilus 5711/1A “ทีช่ อบนาฬิกาพวกนีก้ เ็ พราะ มันดูทนทาน ดูสปอร์ต ใส่เข้ากับการแต่งตัวแบบสบายๆ ได้ แล้วแต่ละ เรือนก็มเี หตุผลในการซือ้ ทีต่ า่ งๆ กันไป อย่าง Chopard (Mille Miglia) ก็ชอบเพราะมันเป็นสายยาง แล้วก็ชอบแพ็คเกจของมันด้วย ในกล่อง มันจะมีเกจ์วัดลมยางมาให้อันนึง ซึ่งเราก็ให้พ่อไป ส่วน GMT เรือนนี้ ซือ้ เพราะเราเป็นคนชอบสีนาำ้ เงิน แล้วน้าำ เงินสลับดำาอย่างนีม้ นั ใช่ เมือ่ ก่อนเห็นมีสีแดง-ดำา มันยังไม่ใช่สำาหรับเรา หรือ Submariner สีเขียว ก็ยังไม่ใช่ มันดูเยอะไป”
(ซ้าย) PATEK PHILIPPE Aquanaut Ref.5167A ตัวเรือนสตีล ขนาด 40 มม. สายยางสีดาำ หน้าปัดโทนสีดาำ กลไกอัตโนมัติ Calibre 324 S C ฟังก์ชน่ั แสดงวันที่ และ (ขวา) Aquanaut Ref.5064A ตัวเรือนสตีล ขนาด 35 มม. สายยางสีดาำ หน้าปัดสีดาำ กลไกควอตซ์ ฟังก์ชั่นแสดงวันที่
แม้คณุ ป๊อปจะเป็นแฟนพันธุแ์ ท้ของแบรนด์ Louis Vuitton แต่ ในส่วนของนาฬิกาแล้ว คุณป๊อปกลับเปิดกว้างให้กบั แบรนด์ตา่ งๆ โดย ไม่ได้มแี บรนด์ไหนอยูใ่ นดวงใจเป็นพิเศษ เรียกว่าถ้าดีไซน์เก๋ ฟังก์ชน่ั ถูกใจก็โอเค ไม่ได้ยดึ ติดกับแบรนด์ใดแบรนด์หนึง่ ก็จะเลือกซือ้ รุน่ เด่นๆ ของแต่ละแบรนด์ แต่ขอเป็นแบรนด์ทด่ี แี ละเชือ่ ถือได้เป็นหลัก “ทีต่ อ้ ง เลือกแบรนด์ดงั ๆ พวกนี้ ก็เพราะเราเชือ่ มัน่ ในคุณภาพและความทนทาน ทุกเรือนที่ใช้มาก็ใช้ดี ไม่เคยมีปัญหาอะไร จะลงทุนซื้อนาฬิกามีราคา ก็คงต้องมองความน่าเชื่อถือเป็นหลัก” ถามถึงนาฬิกาแนวอาร์ต ซึง่ มีการตกแต่งลวดลายบนหน้าปัด คล้ายกับงานพิมพ์ผา้ ของคุณป๊อป คุณป๊อปพูดถึงนาฬิกาเหล่านีว้ า่ “เคย ดูอยู่เหมือนกัน มันสวยมากเลยนะ โดยเฉพาะของ Hermès แต่ติดที่ ว่าเป็นนาฬิกาที่มากับสายหนังซึ่งเราไม่ชอบใส่ ทีนี้หากจะซื้อนาฬิกา ราคาสูงๆ พวกนีม้ าโดยทีเ่ รารูอ้ ยูแ่ ล้วว่าเราไม่ใส่หรอก ก็คงจะไม่คมุ้ ค่า เพราะนาฬิกาทีเ่ ราซือ้ จะต้องสามารถใส่ใช้งานได้จริง ก็เลยยังไม่ได้ซอ้ื แต่ถ้าถามว่าชอบมั้ย ก็บอกเลยว่าชอบมาก” คำาถามสุดท้ายทีเ่ ราถามคุณป๊อปก็คอื ตอนนีม้ เี ล็งนาฬิกาอะไร เอาไว้หรือไม่ คุณป๊อปบอกว่า “กำาลังดูๆ นาฬิกาสมาร์ทวอตช์ (Tambour Horizon Smartwatch) ที่ Louis Vuitton เพิ่งทำาออกมาอยู่เหมือนกัน น่าสนใจดี กำาลังคิดอยูว่ า่ มันจะเหมาะกับเรามัย้ เพราะเราก็ยงั ไม่เคย มีนาฬิกาแบบสมาร์ทวอตช์เลย ส่วนนาฬิกาแบบแมนๆ ก็ชอบ AP Panda (Audemars Piguet Royal Oak Offshore) นะ” (เรียงจากซ้าย) ROLEX Air-King ตัวเรือนสตีล ขนาด 34 มม. สายสตีลแบบออยสเตอร์ หน้าปัดสีขาว กลไกอัตโนมัติ ความแม่นยำามาตรฐานโครโนมิเตอร์ ROLEX Date ตัวเรือนสตีล ขนาด 34 มม. ประดับเพชรบนขอบตัวเรือน สายสตีลแบบออยสเตอร์ หน้าปัดสีขาว กลไกอัตโนมัติ ความแม่นยำามาตรฐาน โครโนมิเตอร์ ฟังก์ชั่นแสดงวันที่ ROLEX Datejust ตัวเรือนสตีล ขนาด 36 มม. ขอบตัวเรือนและเม็ดมะยมทองคำา สายแบบจูบิลี่ วัสดุสตีลร่วมกับทองคำา หน้าปัดสีครีมลายปิรามิด กลไกอัตโนมัติ ฟังก์ชน่ั แสดงวันที่ เป็นนาฬิกาทีค่ ณ ุ พ่อของคุณป๊อปให้เป็นของขวัญเมือ่ สอบเข้าเรียน ในมหาวิทยาลัยได้
PATEK PHILIPPE Nautilus Ref.5711/1A ตัวเรือนสตีล ขนาด 40 มม. สายสตีล หน้าปัดแบบไล่เฉด สีดำา-น้าำ เงิน กลไกอัตโนมัติ Calibre 324 S C ฟังก์ชั่นแสดงวันที่
CHOPARD Mille Miglia GMT Chronograph ตัวเรือนสตีล ขนาด 42 มม. หน้าปัดสีดาำ สายยางสีดาำ ลายดอกยางรถยนต์ กลไกอัตโนมัติ ความแม่นยำา มาตรฐานโครโนมิเตอร์ ฟังก์ชน่ั โครโนกราฟ จับเวลา ได้ 12 ชั่วโมง, แสดงวันที่ และแสดงเวลาที่สองแบบ 24 ชั่วโมงด้วยเข็มกลาง
BLACK & WHITE หีบจิ๋ว (Petite Malle) กระเป๋า ระดับสูงของ LOUIS VUITTON ที่คุณป๊อปเก็บสะสมไว้เป็นจำานวน มาก (ในภาพเป็นรุน่ Petite Malle Vernis Matelassé) กับนาฬิกา CHANEL J12 White ประดับเพชร บนข้อมือของคุณป๊อป
ROLEX GMT-Master II Ref.116710BLNR ตัวเรือนสตีล ขนาด 40 มม. ขอบตัวเรือนหมุนได้ 2 ทิศทาง ติดตัง้ แผ่นวงแหวนเซรามิกสีนาำ้ เงิน ร่วมกับสีดาำ หน้าปัดสีดาำ สายสตีลแบบออยสเตอร์ กลไกอัตโนมัติ Calibre 3186 ความแม่นยำา มาตรฐานโครโนมิเตอร์ ฟังก์ชั่นแสดงวันที่และแสดงเวลาที่สองแบบ 24 ชั่วโมงด้วยเข็มกลาง
HERMĒS Clipper Sport Automatic TGM ตัวเรือนขนาด 41 มม. วัสดุสตีลร่วมกับไทเทเนี่ยม ขอบตัวเรือน หมุนได้ทิศทางเดียว สายยางสีน้ำาเงินเข้ม หน้าปัดสีนา้ำ เงินเข้ม เข็มวินาทีสีส้ม กลไกอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นแสดงวันที่
HERMĒS Cape Cod TGM ตัวเรือนสตีล ขนาด 36.5 x 35.4 มม. สายหนังจระเข้ สีน้ำาตาลเข้ม หน้าปัดสีขาวร่วมกับสีเงิน กลไกอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นแสดงวันที่
REMAKE OF VINTAGE
WRITER: PRAYUTH PHONGPRAPAT
TAG Heuer AUTAVIA
Heuer Autavia รุ่นบุกเบิก เป็นนาฬิกาจับเวลา 12 ชั่วโมง “Autavia Dashboard” ที่ถูกผลิตขึ้นมา สำาหรับติดตัง้ บนแผงหน้าปัดของเครือ่ งบินและรถแข่ง ถือกำาเนิดครั้งแรกเมื่อปี 1933 ซึ่งต่อมาในปี 1962 ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัวนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟ Autavia ออกสู่ตลาด และผลิตรุ่นต่างๆ ออก จำาหน่ายอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งยุติการผลิตไป ในช่วงกลางยุค 80s อันเป็นจุดสิ้นสุดของนาฬิกา ข้อมือ Autavia ยุคแรก
นาฬิกา Autavia 16 เรือน ในแคมเปญ “Autavia Cup” ที่ TAG Heuer จัดขึ้นเมื่อปี 2016 ให้คนรัก นาฬิกาทั่วโลกเลือกโหวตเรือนที่ชื่นชอบ เพื่อนำาเรือนที่ได้รับการโหวตสูงสุดมาเป็นต้นแบบของนาฬิกา Autavia ที่จะสร้างขึ้นใหม่ในปี 2017 เพื่อฉลองอายุ 55 ปีของนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟตระกูลนี้
The “Rindt” Autavia นาฬิกา Heuer Autavia Ref. 2446 Mark 3 จากปี 1966 ซึ่งเป็นรุ่นที่ Jochen Rindt นักแข่งรถเอฟวันในยุคนั้น สวมใส่ ได้รับการโหวตจากคนรักนาฬิกาให้นำามาเป็น เรือนต้นแบบของ Autavia รุ่นปี 2017
History ชื่อรุ่น Autavia ได้มาจากคำาว่า AUTomobile และ AVIAtion เป็น นาฬิกาที่สรรสร้างเพื่อความเร็วทั้งในสนามแข่งและบนฟ้า โดย Autavia รุ่นแรก ได้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อบอกเวลาบนแผงหน้าปัดของเครื่องบินและรถแข่ง
Rebirth ในปี ค.ศ. 2016 TAG Heuer ให้ผู้ชื่นชอบนาฬิกาทั่วโลกนับหมื่นโหวต เลือกนาฬิกา Autavia วินเทจรุน่ ทีช่ อบทีส่ ดุ จาก 16 เรือน ใน www.autaviacup. com การโหวตในครั้งนี้ใช้เวลากว่า 5 สัปดาห์ เรือนที่ชนะจะถูกนำามาออกแบบ และผลิตใหม่โดยอาศัยคอนเซ็ปต์เดิมของเรือนต้นฉบับ ถือเป็นการเฉลิมฉลอง 55 ปี ของนาฬิกาข้อมือ Autavia ในปี 2017 นี้ และรุน่ ทีช่ นะก็คอื Ref. 2446 Mark 3 ซึง่ ผลิตในปี ค.ศ. 1966 และรุน่ นีเ้ อง เป็นทีร่ จู้ กั กันในชือ่ ของ The Rindt Autavia เพราะถูกสวมใส่โดยแชมป์โลกนักแข่งรถ ฟอร์มูล่าวัน ชาวเยอรมันสัญชาติออสเตรียนที่ชื่อ Jochen Rindt
Heritage Calibre Heuer 02 Automatic Chronograph “THE ICONIC AUTAVIA CALIBRE HEUER 02” Ref. CBE2110.FC8226 จับคู่มากับสายหนังวัวสีน้ำาตาลสไตล์วินเทจ เย็บตะเข็บด้ายโทนสีเบจ ล็อคด้วยบัคเกิ้ลแบบหัวเข็มขัด
Design and Technology การออกแบบอาศัยธีมสีหลักของเรือนต้นฉบับคือ พืน้ หน้าปัด สีดาำ วงจับเวลาสีขาว และขอบเบเซิลหมุนได้สดี าำ ตัวเรือนได้ถกู ขยาย ขึน้ จากขนาด 39 มม. เป็น 42 มม. ขอบเบเซิลได้ถกู ขยายความกว้าง ขึ้นเช่นกันโดยบอกเวลาเป็นตัวเลขชั่วโมงบนขอบซึ่งหมุนได้ทั้งสอง ทิศทาง หน้าปัดสีดำาสลับวงจับเวลาและวงวินาทีสีขาวที่เรียกกันว่า หน้าปัดแพนด้า พร้อมชือ่ รุน่ AUTAVIA เหนือโลโก้ Heuer แบบดัง้ เดิม แสดงวันที่ที่ตาำ แหน่ง 6 นาฬิกา เข็มและขีดโลหะบอกชั่วโมงถูกแต้ม ด้วยพรายน้าำ สีเบจสร้างความคลาสสิกให้กบั นาฬิกาลุควินเทจเรือนนี้ เมื่อรวมเข้ากับสายหนังสีน้ำาตาลที่มีพื้นผิวแบบผ่านการใช้งานมา นานปีหรือจะเป็นสายเหล็กแบบเมล็ดข้าว 7 แถวแบบย้อนยุคกลับไป ในยุคปี 60s ก็ทำาให้เหล่าบรรดานักสะสมนาฬิกาทั่วโลกต้องสยบ
Heritage Calibre Heuer 02 Automatic Chronograph “THE ICONIC AUTAVIA CALIBRE HEUER 02” Ref. CBE2110.BA0687 จับคู่มากับสายสตีลแบบเมล็ดข้าว 7 แถว ขัดเงา ดีไซน์สไตล์ยุค 60s
ตัวเรือนของรุ่นนี้เป็นสีเงินเงา ติดตั้งมาพร้อมกับกระจก แซฟไฟร์ทรงโดม สามารถกันน้าำ ได้ 100 เมตร ขาของตัวเรือนออกแบบ ให้โค้งรับกับข้อมือ ส่วนฝาหลังเป็นแบบเปลือยให้เห็นกลไกพร้อมตัว โรเตอร์รมดำา ปุม่ กดจับเวลาและรีเซ็ตเป็นทรงหัวเห็ด หรือตามทีน่ กั สะสมเรียกกันว่า mushroom ปุ่มมะยมถูร่องเพื่อให้จับปรับถนัด การออกแบบเรียกได้วา่ นำา DNA ความคลาสสิกของเรือนต้นฉบับมา ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนเลยทีเดียวครับ กลไกจับเวลา Heuer-02 ทีใ่ ช้กบั รุน่ นีเ้ ป็นเทคโนโลยีใหม่ของ Heuer ทำางานด้วยระบบอัตโนมัตทิ ม่ี พี ลังงานสะสมนานถึง 80 ชัว่ โมง ตัวกลไกมีความหนาเพียง 6.9 มม. แม้จะประกอบขึ้นจากชิ้นส่วน จำานวนมากก็ตาม ต้องนับว่า Biver ใจถึงมากทีน่ าำ กลไกจับเวลาอินเฮ้าส์ เครื่องใหม่ล่าสุดของ TAG Heuer มาใส่ใน Autavia รุ่นนี้
REMAKE OF VINTAGE
143
Conclusion
กลไกอัตโนมัติโครโนกราฟ อินเฮ้าส์ ระบบคอลัมน์วีล พร้อมเวอร์ติคัลคลัตช์ จับเวลาได้ 12 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชั่นวันที่ Calibre Heuer-02 ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำาลังสำารอง 80 ชั่วโมง เด่นด้วยขนาดที่หนาเพียง 6.9 มม. ขัดแต่งมาอย่างสวยงามสมตัว มองเห็นได้จากกระจกแซฟไฟร์ที่ผนึกบนฝาหลังสตีลแบบล็อคเกลียว
หน้าปัดแบบ “แพนด้า” พื้นหน้าปัด เป็นสีดำาตัดกับสีขาวบนพื้นลายสเนลด์ ของวงเคาน์เตอร์ทง้ั สาม และพิมพ์กาำ กับ ด้วยชือ่ รุน่ กับโลโก้ Heuer แบบดัง้ เดิมสีขาว ติดตัง้ หลักชัว่ โมงและเข็มชัว่ โมงกับนาที เคลือบโรเดียมพร้อมสารเรืองแสง ซูเปอร์ลูมิโนว่า สีเบจ สอดคล้องกับ สีของด้ายที่เย็บบนสายหนัง
เข็มขนาดเล็ก เคลือบแบล็คโกลด์ขดั เงา เข็มวินาทีจบั เวลา เคลือบแล็กเกอร์สขี าว
ตัวเรือนของ Autavia รุ่นปี 2017 เป็น วัสดุสตีลขัดเงา ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มม. ติดตั้งขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ 2 ทิศทาง ที่มีสเกล 12 ชั่วโมงอยู่บน แผ่นวงแหวนอลูมิเนียมสีดาำ ผนึกกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโดม เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน กันน้าำ ได้ 100 เมตร
ราคาทีเ่ ปิดขาย เมือ่ เทียบกันระหว่างสายหนังกับสายเหล็ก แล้ว นับว่าไม่แตกต่างกันมากสักเท่าไร และก็ไม่สงู มากสำาหรับราคา ของนาฬิกาในปัจจุบนั ถึงหลายความเห็นในตอนแรกทีต่ ิ TAG Heuer ว่าการเพิม่ ขนาดตัวเรือน ขนาดขอบเบเซิล และการใส่ขอ่ งวันทีล่ งไป นัน้ ทำาให้สดั ส่วนเพีย้ นไปจากเดิม รวมไปถึงความหนาของตัวเรือน โดยรวมทีห่ นาถึง 15.6 มม. แต่ทว่าแทบทุกความเห็นนัน้ ได้เปลีย่ นไป เมื่อเห็นเรือนจริงบนข้อมือ จริงๆ แล้วผมแอบเชียร์รนุ่ ทีใ่ ช้ขอบเป็นนาที ซึง่ ก็ไม่ผดิ หวัง ครับ เพราะ TAG Heuer กำาลังเตรียมออกรุน่ ลิมเิ ต็ด Jack Heuer 85th Birthday Autavia ในแบบหน้าปัดสีเงิน วงจับเวลาสีดาำ และขอบเบเซิลเป็นหน่วยนาที โดยมีราคาที่สูงกว่ารุ่นนี้เล็กน้อย ซึ่งก็น่าจะออกมาในราวเดือนมิถุนายนปีหน้าครับ ปุ่มกดรูปทรง “หัวเห็ด” และ เม็ดมะยมขนาดใหญ่แบบเซาะร่อง ทั้งหมดเป็นวัสดุสตีลขัดเงา
THE WATCH PEOPLE
FLORIN NICULESCU PARMIGIANI
VICE-PRESIDENT PRODUCT DEVELOPMENT
ผลงานอันโดดเด่นชิน้ หนึง่ ของ Mr. Michel Parmigiani ตัง้ แต่ตอนทีย่ งั ไม่ได้สร้างแบรนด์ Parmigiani ขึน้ มา คืองานบูรณะ และฟื้นฟูนาฬิกาโบราณที่โดยมากมักเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะ ตั้งพื้น หรือแม้แต่นาฬิกาแบบทาวเวอร์ที่ติดตั้งอยู่กับตึกทั้งหลาย ในอดีต ที่ซึ่งทำาให้ Mr. Michel Parmigiani ได้เข้าใจถึงความเป็นเมคานิคอลอาร์ต ของบรรดานาฬิกาเหล่านี้และเกิด แรงบันดาลใจให้สร้างผลงานชิน้ ต่างๆ ให้กบั แบรนด์ Parmigiani ได้อย่างละเมียดละไมในเวลาต่อมา และวันนี้ IAMWATCH มีโอกาสได้สัมผัสกับงานที่มาจากแรงบันดาลใจนี้ ผ่านการสัมภาษณ์ Mr. Florin Niculescu รองประธานฝ่ายพัฒนา ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Parmigiani ผู้ร่วมเป็นหนึ่งแนวคิดในการสร้างนาฬิกาเรือนพิเศษออกสู่ตลาด BY: DR. PRAMOTE RIENJAROENSUK IAW: นาฬิกา Ovale Pantographe น่าจะถือเป็นนาฬิกาข้อมือรุน่ แรก ที่เป็นเข็มนาฬิกาแบบแพนโตกราฟใช่มั้ยครับ ช่วยเล่าเรื่องที่มาของ การผลิตนาฬิการุ่นนี้ให้เราฟังหน่อยครับ แรกเริม่ เลยก็อย่างทีค่ ณุ รู้ Mr. Parmigiani เป็นคนทีร่ กั นาฬิกาโบราณ อยู่แล้ว รวมไปถึงมีความเกี่ยวพันกับการซ่อมแซมและบูรณะนาฬิกา เหล่านีอ้ ยูต่ ลอด และรูปแบบหนึง่ ทีต่ ดิ อยูใ่ นความทรงจำาของ Mr. Parmigiani อยู่เสมอนั่นก็คือ นาฬิกาแบบแพนโตกราฟ ซึ่งมีความพิเศษ ทีเ่ ข็ม นาฬิกาแบบแพนโตกราฟนีม้ มี านานมากแล้ว ส่วนใหญ่ทย่ี งั พอ มีเห็นในปัจจุบันก็จะเป็นนาฬิกาแบบตั้งโต๊ะมากกว่า ความโดดเด่น ของเข็มแบบแพนโตกราฟก็คือ เข็มจะเดินกวาดไปตามหน้าปัดโดย ยืดออกตามบริเวณหน้าปัดที่กว้าง และหุบเข้าตามบริเวณหน้าปัดที่ แคบลง เป็นความโดดเด่นของการบอกเวลาตามรูปแบบของนาฬิกา ในยุคนั้นที่สามารถแสดงเวลาได้อย่างชัดเจนที่สุด IAW: หมายถึงเป็นรูปแบบที่ใช้งานโดยเฉพาะกับนาฬิการูปทรงรีหรือ เปล่าครับ แทบทัง้ หมดจะเป็นแบบนัน้ เพราะหน้าปัดรูปทรงรีจะมีความกว้างและ ความยาวที่แตกต่างกันและทำาให้การบอกเวลาในบางตำาแหน่งขาด ความชัดเจน ซึ่งในยุคนั้นการอ่านค่าเวลาผิดอาจจะทำาให้วิถีชีวิตและ การทำางานผิดพลาดไปมากมายได้ IAW: และ Mr. Parmigiani ก็มสี ร้างนาฬิกาตัง้ โต๊ะรูปแบบนีข้ น้ึ มาด้วย เช่นกัน น่าจะเป็นการต่อยอดจากนาฬิกาข้อมือรุน่ Ovale Pantographe หรือเปล่าครับ ก็ไม่เชิงครับ จริงๆ แล้วต้องบอกว่าเป็นต้นแบบของนาฬิกาข้อมือ Ovale Pantographe มากกว่าครับ เพราะตอนที่ Mr. Parmigiani ให้ความ สนใจกับนาฬิกาแบบแพนโตกราฟ จากการซ่อมแซมนาฬิกาพกโบราณ ยุค 1800 นัน้ นาฬิกาตัง้ โต๊ะถือเป็นโปรเจ็คต์แรกก่อนนาฬิกาข้อมืออีก แต่อย่างไรก็ตามคอนเซ็ปต์ของการเดินและการบอกเวลาก็ยังจะมี ลักษณะเดียวกัน
IAW: ปีนม้ี กี ารปรับเปลีย่ นบางอย่างในนาฬิกา Ovale Pantographe ให้แตกต่างไปจากรุ่นเดิมที่เคยผลิตออกมาเมื่อราว 2 ปีก่อนอีกด้วย ใช่มั้ยครับ ใช่ครับ มีการเปลีย่ นแปลงสีของเข็มและมาร์กเกอร์เพือ่ ความเหมาะสม กับยุคสมัย และให้เข้ากันกับการแต่งตัวหรือบุคลิกของคนในยุคนีม้ ากขึน้ อีกทั้งคราวนี้เรายังนำาโรสโกลด์มาสร้างเป็นตัวกลไกด้วย IAW: ขอพูดถึงเรื่องของกลไกเพิ่มเติมหน่อยนะครับ โดยทั่วไปเราอาจ มองไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของชุดกลไกไปจากกลไกแบบปกติ สักเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้ว สำาหรับกลไกในส่วนของการยืดและหดเข็ม นั้นน่าจะต้องมีอะไรเพิ่มเติมไม่น้อย
THE WATCH PEOPLE
145
แน่นอนครับ ทีม่ องเห็นอยูอ่ าจจะดูวา่ มีไม่มากนัก แต่ถา้ นึกตามไปถึง กลไกหลักที่จะต้องมีการปรับปรุงให้มีพลังงานและแรงขับเคลื่อน เพียงพอกับทั้งการเดินของเข็มพร้อมกับการขยับตัวของเข็มในแต่ละ ตำาแหน่งไปด้วยกันแล้ว ถือเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย นอกจากนี้ยังต้องคิด คำานวณไปถึงเรือ่ งของน้าำ หนักอันจำากัดทีจ่ ะมีได้ รวมทัง้ ขนาดของเฟือง ที่เล็กและถูกซ่อนอยู่ในเข็มอันบางเฉียบไปพร้อมๆ กันอีกด้วย IAW: แสดงว่าการปรับแต่งจากกลไกปกติมาเป็นกลไกของนาฬิกาเรือนนี้ มีทั้งในส่วนของตัวกลไกไปจนกระทั่งถึงเข็มเลยใช่มั้ยครับ ใช่ครับ ซึง่ ถ้าไม่ได้มเี วลาอธิบายมากนักก็คงไม่สามารถมองเห็นได้งา่ ยๆ ด้วยตาเปล่า แต่หากคำานึงถึงค่าการทำางานต่างๆ ของชุดกลไกแล้ว เรือ่ งนีต้ อ้ งบอกว่าแทบจะพลิกจากพืน้ ฐานกลไกปกติชดุ เดิมไปเลยทีเดียว IAW: หากมองถึงเรื่องนี้ นอกจากความประทับใจในช่วงต้นของการ ทำางานเกี่ยวกับนาฬิกาแล้ว น่าจะยังมีเหตุผลอื่นอีกที่ทำาให้ Mr. Parmigiani อยากพัฒนากลไกแพนโตกราฟนี้ขึ้นมา Mr. Parmigiani มองถึงในหลายแง่มมุ ครับ ไม่วา่ จะเป็นเรือ่ งของความ เป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของนาฬิกาโลก ที่เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ในการบอกเวลาและแก้ปัญหาการอ่านค่าเวลาให้กับผู้คนในช่วงหนึ่ง นอกจากนั้นยังมองในเรื่องของการพัฒนาแนวคิดเพื่อใช้ในการผลิต ทีม่ งุ่ เน้นสิง่ ทีอ่ าจเป็นเรือ่ งยากสำาหรับแบรนด์อน่ื ๆ ในการพัฒนา แต่เป็น ศักยภาพที่ทาง Parmigiani สามารถทำาได้ และน่าจะเป็นแนวทางใน การพัฒนาต่อยอดไปได้สาำ หรับ Parmigiani เอง พร้อมๆ กับเป็นการ เชื้อเชิญให้วงการหันมาช่วยกันพัฒนางานนาฬิกาที่เคยมีอยู่ให้ดำารง อยู่อย่างยั่งยืนต่อไปอีกด้วย
นาฬิกาพกแบบแพนโตกราฟเรือนโบราณจากปี 1780 เรือนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ Mr. Parmigiani สร้างสรรค์นาฬิกา Ovale Pantographe และนาฬิกาตั้งโต๊ะแบบแพนโตกราฟขึ้นมา
Ovale Pantographe ตัวเรือนขนาด 45 x 37.3 มม. หนา 12.5 มม. สวมคู่สายหนังจระเข้สุดเนี้ยบที่ผลิตโดย Hermès ทำางานด้วยกลไกไขลาน Calibre PF111 ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง กำาลังสำารอง 8 วัน ที่มาพร้อม ชุดกลไกเข็มชั่วโมงกับนาทีแบบแพนโตกราฟ พร้อมฟังก์ชั่นแสดงวันที่และ ฟังก์ชั่นแสดงกำาลังสำารองด้วยจานดิสก์ซึ่งจะแสดงผลผ่านช่องหน้าต่าง โดยรุ่นปี 2017 นี้ จะมากับหน้าปัดสีเงินผิวกิโยเช่แบบลายข้าวบาร์เลย์ ที่ติดตั้งหลักชั่วโมงสีดาำ และใช้เข็มสีดำา และใช้กลไกที่สร้างขึ้นจาก ทองคำาโรสโกลด์ 18 กะรัต โดยเป็นการผลิตขึ้นแบบ ลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่จาำ กัดจำานวนการผลิตไว้เพียงแค่ 50 เรือนเท่านั้น มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่น คือ เวอร์ชั่นตัวเรือนโรสโกลด์ (แบบเรือนในภาพ) และเวอร์ชั่นตัวเรือนไวท์โกลด์ ทั้ง 2 เวอร์ชั่นจับคู่มากับสายสีดาำ
THE VISIT
WRITER: DR. PRAMOTE RIENJAROENSUK
ERWIN SATTLER
ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นบริเวณทางออกสนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมัน ชายร่างสูงเดินตรง เข้ามากล่าวต้อนรับและทักทายผมอย่างเป็นกันเอง ซึ่งเขาก็คือ Mr. Richard Muller แห่ง Erwin Sattler ผู้ที่จะเป็นเจ้าภาพนำาเราเที่ยวชมพิพิธภันฑ์และโรงงานของ Erwin Sattler แบรนด์นาฬิกาตั้งพื้น นาฬิกาตั้งโต๊ะ และนาฬิกาแขวน อันดับหนึ่งจากประเทศเยอรมัน
ระหว่างทางจากสนามบินสู่โรงงาน หลังจากจบบทสนทนาเรื่อง การเดินทางทีผ่ า่ นมา Mr. Richard ก็เล่าให้เราฟังคร่าวๆ อย่างสนุกสนาน และเป็นกันเองในเรื่องของพิพิธภัณฑ์และโรงงานเป็นการปูพ้นื ก่อนไปถึง สถานทีจ่ ริง เพราะจริงๆ แล้ว Erwin Sattler เป็นกิจการภายในครอบครัว โดย Mr. Richard ก็คือลูกเขยของ Mr. Erwin Sattler นั่นเอง “ประวัติแบรนด์นาฬิกาของเราถือว่ายาวนานกว่าแบรนด์อื่นๆ ที่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีมากนักในตลาดปัจจุบัน จากความนิยมและยุคสมัย ทีเ่ ปลีย่ นไปจากอดีต ทีใ่ นปัจจุบนั นาฬิกาแขวนระบบควอตซ์ทว่ั ไปมีขน้ั ตอน การทีผ่ ลิตง่ายมากเป็น 100 เท่าจากนาฬิกาแบบกลไก ทีซ่ ง่ึ ทำาให้นาฬิกา แขวน นาฬิกาตัง้ โต๊ะ และนาฬิกาตัง้ พืน้ แบบกลไก ไม่สามารถทำาราคาและ การตลาดได้เช่นเดียวกับนาฬิการะบบควอตซ์เหล่านัน้ ซึง่ ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นและความแน่วแน่ของ Erwin Sattler ที่จะ ผลิตนาฬิการะบบกลไกออกสูต่ ลาดอย่างจริงจัง และนัน่ ต้องหมายถึงความ เชื่อมั่นในการบอกเวลาอย่างเที่ยงตรงอย่างที่นาฬิการะบบกลไกควรจะ เป็นจริงๆ ด้วย” Mr. Richard เกริ่นนำาก่อนเข้าถึงเรื่องราวอันล้ำาลึกของ Erwin Sattler
เพราะเรื่องราวของ Erwin Sattler ควรจะเริ่มต้นจากปี 1903 ที่ Mr. Heinrich Sattler คุณปูข่ อง Mr. Erwin Sattler ผูซ้ ง่ึ เป็นวอตช์เมกเกอร์ ได้รับสิทธิบัตรจากการคิดค้นระบบกลไกเพอเพทชวลคาเลนดาร์สำาหรับ นาฬิกาตั้งโต๊ะและนาฬิกาตั้งพื้นได้ในเยอรมัน ที่เป็นแรงบันดาลใจสำาคัญ ที่ทาำ ให้เด็กน้อย Erwin Sattler หลงใหลและหลงรักเสน่ห์ของเรือนเวลา เหล่านีต้ ลอดมา นอกจากนี้ Mr. Heinrich ยังได้รบั สิทธิใ์ นการขายนาฬิกา เหล่านีใ้ ห้กบั ร้านค้าต่างๆ ในแคว้นบาวาเรียอีกด้วย ซึง่ ก็ยง่ิ ทำาให้หนุม่ น้อย Erwin Sattler ได้รจู้ กั ในอีกแง่มมุ ของเรือนเวลาเหล่านีท้ ไ่ี ม่ใช่เพียงแค่แนวทาง การประดิษฐ์และซ่อมแซมเท่านั้น ในช่วงปี 1920 ถึง 1930 ภาวะสงครามเข้าสู่ประเทศเยอรมัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่หนุ่มน้อย Erwin Sattler ผู้ซึ่งเพิ่งจบการ ศึกษามา เข้าฝึกงานกับ Munich Uhren Huber ที่เป็นดีลเลอร์แบรนด์ นาฬิกาต่างๆ ในยุคนั้น และต่อมาก็เข้าเป็นพนักงานของนาฬิกาแบรนด์ Eterna ในเกรนเช่น (Grenchen) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในฐานะช่าง ซ่อมนาฬิกา แล้วจึงกระโจนออกสู่โลกกว้างอย่างแท้จริงที่นิวยอร์ก ซึ่งถือ เป็นโลกแห่งใหม่ที่ทำาให้เขาได้พบเห็นอะไรที่แตกต่างจากในเยอรมัน มากมาย และยังเป็นทีๆ่ เขาเรียกตัวเองได้อย่างเต็มภาคภูมวิ า่ เอ็กซ์เพิรต์ วอตช์เมกเกอร์ ผูก้ อบโกยเงินได้จากงานนีจ้ าำ นวนหนีง่ และเพียงพอทีจ่ ะกลับ ไปตั้งฐานที่มั่นที่บ้านเกิดได้ในปี 1958 โดยในปีเดียวกันนี้เองที่ Sattler ได้พบกับภรรยา Viola พร้อมๆ กับจุดเริ่มต้นของแบรนด์ของเขา
THE VISIT
149
Oscar Schonfeld คือวอตช์เมกเกอร์และยังเป็นชือ่ แบรนด์นาฬิกา ทีม่ มี านานในเยอรมัน เขาต้องการจะรีไทร์ตวั เองจากวงการในช่วงนัน้ พอดี และหนุ่มใหญ่ Erwin Sattler ก็ไม่รอช้าที่จะเข้าซื้อกิจการและปรับปรุง โครงสร้างของคอลเลคชัน่ เดิมใหม่เกือบทัง้ หมด จากเดิมทีเ่ น้นเฉพาะงานไม้ อบสีประดับลวดลายและติดแผ่นทอง จึงเริม่ ปรับเปลีย่ นโดยใช้การเคลือบ แลกเกอร์มากขึน้ โดยยังคงใช้ระบบกลไกจากสวิตเซอร์แลนด์เป็นหลักเช่น เดิมในช่วงนั้น “ต่อจากตรงนีผ้ มจะไม่เล่าแล้ว เพราะผมจะพาคุณไปชมเรือ่ งจริง ของจริงอันน่ามหัศจรรย์ ณ บัดนี้เลย” Mr. Richard พูดติดตลกกับเรา และสิง่ ก่อสร้างทีอ่ ยูต่ อ่ หน้าผมตอนนัน้ ก็สามารถสร้างความรูส้ กึ พิเศษกับผมได้ทนั ทีอย่างที่ Mr. Richard บอก เพราะท่ามกลางแถบทีต่ ง้ั ซึง่ มีโรงงานต่างๆ กระจายไปทัว่ กลับมีตกึ ทีม่ นี าฬิกาเรือนยักษ์ประดับอยู่ กลางตึก โดยสามารถเห็นกลไกการทำางานบางส่วนได้อย่างชัดเจนโดยเฉพาะ อย่างยิง่ ตุม้ เหวีย่ งและก้านของมัน ผ่านทางกระจกทีท่ อดยาวตัง้ แต่ชน้ั สาม ถึงชัน้ ล่าง อันเป็นโถงทางเข้าทีเ่ ราไม่รรี อทีจ่ ะเข้าไปถ่ายรูปเป็นทีร่ ะลึกในทันที นอกจากนั้น ความตื่นตาตื่นใจของผมตั้งแต่โถงทางเข้าก็ยังคง ต่อเนือ่ งไปเรือ่ ยๆ เพราะรายล้อมรอบตัวผมนัน้ เต็มไปด้วยนาฬิกาตัง้ โต๊ะ และนาฬิกาแขวนแบบต่างๆ ที่น่าสนใจและน่าชมน่ามองไปซะทุกเรือน ไม่วา่ จะเป็นนาฬิกาในยุคเริม่ ต้นของ Erwin Sattler หลังจากเข้าคุมกิจการ ของ Schonfeld แล้ว จนกระทัง่ ถึงยุคแห่งการเปลีย่ นแปลงที่ Mr. Richard มีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง
“คุณเดินผ่านส่วนของพิพิธภัณฑ์มาแล้ว มาถึงส่วนนี้ก็เป็นส่วน ของการทำาวิจยั และพัฒนาของเรา เพราะส่วนทีส่ าำ คัญทีส่ ดุ ของนาฬิกาแบบ เพนดูลัมก็คือตุ้มเหวี่ยง โดยแกนของปัจจัยในส่วนนี้คือก้านที่เชื่อมโยง ระหว่างกลไกกับตุ้มเหวี่ยง อย่างที่คุณสามารถมองเห็นได้ในทันทีว่าตุ้ม เหวี่ยงในนาฬิกาแบบเพนดูลัมนั้นจะมีหน้าที่สาำ คัญในการกำากับระยะเวลา การเดินของเข็มวินาที ให้ช้าหรือเร็วได้จากการปรับตุ้มเหวี่ยงด้านล่างให้ ต่ำาลงหรือสูงขึ้น แต่เงื่อนไขสำาคัญในเรื่องของความเที่ยงตรงในนาฬิกา แบบนี้ คือก้านทีใ่ นอดีตใช้เหล็กกล้าทำา ซึง่ ทำาให้เกิดการยืดหดของเหล็ก ที่ใช้ทำาก้านและทำาให้เวลาผิดเพี้ยนไปตามอุณหภูมิที่เกิดขึ้นจริงตาม แหล่งทีต่ ง้ั ของนาฬิกาเพนดูลมั นัน้ จุดนีเ้ องทีท่ าำ ให้เราพัฒนาวัสดุทเ่ี รียกว่า อินวาร์ (Invar) ขึ้น เพื่อใช้งานตามความต้องการในแบบฉบับของ Erwin Sattler” Mr. Richard เล่าอย่างภาคภูมิใจ เพราะในห้องเล็กๆ นั่น เป็นห้องที่ทาำ การทดสอบหลายขั้นตอน เรือ่ งความเทีย่ งตรงเท่านัน้ โดยหินอ่อนขนาดใหญ่จะถูกติดตัง้ อยูก่ ลางห้อง เพื่อให้มีความเรียบและราบมากที่สุด ในขณะเดียวกันกับอุปกรณ์ต่างๆ ก็จะถูกตั้งค่าเพื่อใช้งานและทดสอบอย่างหลากหลายตลอดเวลา ตั้งแต่ แพลเลท (Pallet) หรือชาตอน (Chaton) ที่จะถูกใช้งานกับนาฬิกาชนิด ใหม่ก็จะต้องผ่านการทดสอบจากห้องทดสอบนี้ทุกชิ้นส่วน
THE VISIT
“ไม่ เ พี ย งแต่ ชิ้ น ส่ ว นกลไกที่ ต้ อ งผ่ า นกระบวนการผลิ ต ที่ ไ ด้ มาตรฐานและเที่ยงตรงเพื่อทำาให้นาฬิกาทุกเรือนของเราสามารถทำางานได้ อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะชิน้ ส่วนอืน่ ๆ ทีอ่ าจเกีย่ วข้องกับเรือ่ งความ เที่ยงตรงน้อยกว่าก็มีความสำาคัญด้วยเช่นกัน อย่างเช่นงานด้านการเผา ให้เกิดสีนา้ำ เงิน (Blue) เราก็จะต้องทำาอย่างระแวดระวัง ซึ่งแน่นอนว่า ต้องใช้เวลามากกว่า แต่จะเกิดผลดีอย่างไรถ้าทำาเร็วแต่ได้ผลงานไม่สวยงาม ตามมาตรฐานของเรา” Mr. Richard สรุป งานชิ้นส่วนต่างๆ ของนาฬิกา เกิดขึ้นจากผู้คนในโรงงานแทบ ทั้งสิ้น โดยนอกจากเข็มและสกรูว์สีน้ำาเงินแล้ว ชิ้นงานที่บางเบาอย่าง พระจันทร์แบบสามมิติ (3D Moon) ในนาฬิกาบางรุน่ ยังผ่านการทำางาน โดยการลง แต้มสี และเผาบางส่วน อย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยช่างผูช้ าำ นาญ การในโรงงานอีกด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่างานการผลิตด้วยมือโดยเฉพาะ อย่างยิ่งงานด้านการขัดแต่งที่สามารถเห็นได้จากชิ้นงานจำานวนมากมาย ภายในโรงงานแห่งนีล้ ว้ นดำาเนินการในแทบจะทุกขัน้ ตอนด้วยช่างอย่างแท้จริง “ชิ้นงานที่เป็นหน้าตาของนาฬิกาอย่างเช่นหน้าปัด เรายิ่งต้องให้ ความสำาคัญ หน้าปัดนาฬิกาแบบอีนาเมล หรือจะเป็นแบบบราสขัดด้าน พร้อมการพิมพ์ลงสีมาร์กเกอร์ต่างๆ จะต้องผ่านการทำางานอย่างพิถีพิถัน เท่านัน้ เพราะนีค่ อื มาตรฐานทีเ่ รากำาหนดไว้ และจะต้องเป็นมาตรฐานทีค่ น อืน่ ๆ ต้องทำาตาม” Mr. Richard กล่าวตอกย้าำ ถึงมาตรฐานของ Erwin Sattler
151
OUT OF THE STREAM WRITER: KORKIAT SIRIPRASARTSUK
TAG Heuer AQUARACER “Camouflage” & “Khaki”
ถ้าจะกล่าวถึงนาฬิกาที่เป็นที่นิยมในประเทศไทย ตั้งแต่ อดีตจวบจนปัจจุบนั ชือ่ ของ “TAG Heuer” นัน้ คงอยูใ่ นใจ คนไทยมาอย่างยาวนาน ตัง้ แต่บรรพบุรษุ ของรุน่ Link ซึง่ ผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาชาวไทยเรียกติดปากว่ารุ่น ”ก้างปลา” รวมถึงรุ่นที่โดนใจวัยรุ่นอย่าง Formula 1 (F1) ก็ถือเป็น ต้นแบบของนาฬิกาทีเ่ ล่นกับสีและขอบของนาฬิกาได้อย่าง สวยงาม โดยมีสใี ห้เลือกกันอย่างละลานตา ในยุคสมัยหนึง่ นั้น นาฬิกา TAG Heuer ก็ถือว่าเป็นนาฬิกาที่มีกระแส ตอบรับที่ดี โดยจะเห็นจากวัยรุ่นในสมัยนั้นที่ส่วนใหญ่ ยกย่องว่า “TAG Heuer” คือนาฬิกาทีม่ เี อกลักษณ์เฉพาะ ตัวและสื่อถึงตัวตนของพวกเขาในยุคสมัยนั้น
มาในปี 2017 ท่ามกลางกระแสนาฬิกาแนว “Military” ทีก่ าำ ลังได้รบั ความนิยมอย่างล้นหลาม ทาง TAG Heuer ก็ไม่รรี อ ที่จะออกนาฬิการุ่น Aquaracer ในเวอร์ชั่น Camouflage และ เวอร์ชน่ั Khaki มาทำาให้สาวกผูช้ น่ื ชอบนาฬิกาแนว Military ใจเต้น ไปตามๆ กัน รูปลักษณ์และการออกแบบรวมถึงการดีไซน์นน้ั ทำา ออกมาตอบโจทย์นาฬิกาแนว Military ได้อย่างดีเยีย่ ม แต่ยงั คงไว้ ซึ่งเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ TAG Heuer อย่างครบถ้วน สมกับ คำาว่า “ตำานานที่ไม่มีวันตาย” นั่นเอง
Aquaracer 300M - Calibre 5 “Camouflage” & “Khaki” โดดเด่นด้วยรูปแบบลายพรางสไตล์คอมมานโด ใน 2 เวอร์ชั่นทางเลือก คือ “Camouflage” ให้อารมณ์อาร์กติกแบบขั้วโลกเหนือด้วยการตกแต่งลายพรางโทนสีฟ้า และ “Khaki” ให้อารมณ์จังเกิ้ลแบบป่าดงพงไพรด้วยการตกแต่งโทนสีเขียวกากี”
นาฬิกาทั้ง 2 เวอร์ชั่นนี้ อยู่ในตระกูล Aquaracer ที่ สามารถกันน้าำ ได้ถึงระดับ 300 เมตร ซึ่งเพียงพอสำาหรับนาฬิกา แนว Military โดยเป็นการออกแบบการตกแต่งมาในสไตล์ “ดิบ ดุ ลุย เถือ่ น” ตัวเรือนนาฬิกานัน้ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 43 มม. ทำามาจากวัสดุไทเทเนี่ยม เกรด 2 เคลือบด้วย แบล็ค พีวดี ี ติดตัง้ ขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ทศิ ทางเดียวพร้อมสเกลนาที ตามรูปแบบของนาฬิกาดำาน้าำ และกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบ กันแสงสะท้อนพร้อมด้วยเลนส์ขยายวันที่ ณ ตำาแหน่ง 3 นาฬิกา ส่วนทางด้านพรายน้าำ ในตำาแหน่งมาร์กเกอร์และเข็มนาฬิกา ทาง TAG Heuer ได้ใช้ ซูเปอร์ลูมิโนว่า สีเทา ในการเคลือบ สำาหรับ หัวใจสำาคัญอันได้แก่กลไกนัน้ ทาง TAG Heuer ใช้กลไกอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่นวันที่ Calibre 5 ที่สำารองพลังงานได้ 38 ชั่วโมง มาขับเคลื่อน
Aquaracer “Khaki” Aquaracer “Camouflage”
เวอร์ชั่น Camouflage จะตกแต่งเป็นลายพรางสีฟ้า ทัง้ ทีพ่ น้ื หน้าปัดและสายนาโต้ ส่วนเวอร์ชน่ั Khaki นัน้ พืน้ หน้าปัด จะเป็นสีเขียวกากีลว้ นซึง่ รับกับแผ่นวงแหวนบนขอบตัวเรือนและ สายนาฬิกาสีเดียวกันอย่างสวยงาม สำาหรับนาฬิกา Aquaracer ทั้ง 2 เวอร์ชั่นนี้นั้น ทาง TAG Heuer ได้ทาำ การบ้านมาเป็นอย่างดี โดยในการออกแบบดีไซน์ ตกแต่งและการใช้โทนสีรวมถึงวัสดุที่นำามาประกอบเป็นนาฬิกา นัน้ สามารถสะท้อนบุคลิกของนาฬิกาและเสริมภาพลักษณ์ให้ผใู้ ส่ ได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า นาฬิกา Aquaracer ทั้ง 2 เวอร์ชน่ั นี้ จะได้รบั ความนิยมในเมืองไทยไม่แพ้เวอร์ชน่ั ก่อนหน้า และถือเป็นอีกหนึง่ ความสำาเร็จของ TAG Heuer โดยการนัง่ แท่น บริหารของพ่อมดวงการนาฬิกา ผูม้ นี ามว่า “Jean-Claude Biver” นั่นเอง
OUT OF THE STREAM
TECHNICAL DATA แบรนด์: TAG Heuer รุ่น: Aquaracer 300 M - Calibre 5 “Camouflage” / Aquaracer 300 M - Calibre 5 “Khaki” ตัวเรือน: ขนาด 43 มม. วัสดุไทเทเนี่ยม เกรด 2 ผิวแซนด์-บลาสต์ เคลือบพีวีดีสีดาำ ด้าน ; ขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ทิศทางเดียว ติดตั้งแผ่นวงแหวนพร้อมสเกลนาที เม็ดมะยม: แบบล็อคเกลียว วัสดุไทเทเนี่ยม เกรด 2 ผิวแซนด์-บลาสต์ เคลือบพีวีดีสีดาำ ด้าน ฝาหลัง: แบบล็อคเกลียว วัสดุไทเทเนี่ยม เกรด 2 ผิวแซนด์-บลาสต์ เคลือบพีวีดีสีดาำ ด้าน ; สลักภาพหมวกดำาน้ำา กระจกหน้าปัด: แซฟไฟร์ เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน ; ติดตั้งเลนส์ขยายวันที่ ณ ตำาแหน่ง 3 นาฬิกา ระดับการกันน้ำา: 300 เมตร หลักชั่วโมง: แบบแท่ง เคลือบสารเรืองแสง ซูเปอร์ลูมิโนว่า เข็ม: เคลือบสารเรืองแสง ซูเปอร์ลูมิโนว่า กลไก: อัตโนมัติ Calibre 5 ; ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ; กำาลังสำารอง 38 ชั่วโมง ฟังก์ชั่น: แสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่างทรงเหลี่ยม สาย: ผ้า ตัวล็อคสาย: หัวเข็มขัดวัสดุสตีลปัดลาย สลักโลโก้ของแบรนด์ เวอร์ชั่น: 1) Camouflage (Ref.WAY208D.FC8221): ติดตั้งแผ่นวงแหวนเซรามิกสีดาำ ด้านพร้อมสเกลนาทีสีฟ้าอ่อนบนขอบตัวเรือน ; หน้าปัดลายพรางโทนสีฟ้า พร้อมโลโก้และข้อความสีดาำ ; หลักชั่วโมงและเข็มเคลือบแล็กเกอร์สีฟ้าอ่อน และสารเรืองแสงสีเทาแอนทราไซต์ ; สายผ้าแบบนาโต้ ลายพรางโทนสีฟ้า 2) Khaki (Ref.WAY208E.FC8222): ติดตั้งแผ่นวงแหวนอลูมิเนียมผิวแซนด์-บลาสต์ ทำาอโนไดซ์เป็นสีเขียวกากี พร้อมสเกลนาทีสีดำา ; หน้าปัดสีเขียวกากีผิวด้าน พร้อมโลโก้และข้อความสีเขียวอ่อน ; หลักชั่วโมงและเข็มขัดเงา เคลือบแบล็คโกลด์ และสารเรืองแสงสีเทา ; ปลายเข็มวินาทีเคลือบแล็กเกอร์สีแดง ; สายผ้าสีเขียวกากี
155
WORLD OF ART
WRITER: DR. ATTAWOOT PAPANGKORN
สำ�หรับศิลปิน ง�นศิลปะ คือ เครือ่ งมือสำ�คัญในก�รสือ่ ส�รและบอกเล่�เรือ่ งร�วระหว่�งตัวศิลปินเองกับผูช้ ม ในรูปแบบที่มีคว�มหล�กหล�ยและส�ม�รถเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวล� ครั้งนี้ผู้สัมภ�ษณ์จึงได้ชวน พลุตม์ ม�รอด ศิลปินผู้ถ่�ยทอดเรื่องร�วคว�มรู้สึกและอ�รมณ์อันหล�กหล�ยเหล่�นี้ กลั่นกรองและสะท้อนผ่�น เรื่องร�วของสตรีในภ�พว�ดของเข�ในง�นแต่ละชิ้น จนกล�ยเป็นหนึ่งในศิลปินที่สร้�งคว�มประทับใจให้กับ ผู้ชม ถึงหญิงส�วในภ�พว�ดที่ปกปิดไว้ด้วยเสน่ห์และอ�รมณ์ลึกลับรอให้ผู้ชมจับจ้องและค้นห�คว�มหม�ย
Emotion, 2012, oil on linen, 200 x 200 cm
คุณพลุตม์ เล่�ให้เร�ฟังถึงจุดเริม่ ต้นในก�รทำ�ง�นศิลปะของ ตน จ�กคว�มชืน่ ชอบทีม่ ตี อ่ ศิลปะในวัยเด็กทีแ่ ม้ว�่ จะไม่คอ่ ยได้รบั ก�ร สนับสนุนจ�กครอบครัวม�กนัก แต่ดว้ ยคว�มรักทีม่ ตี อ่ ง�นศิลปะทำ�ให้ เข�ตัดสินใจเลือกท�งเดินจ�กเด็กส�ยวิทย์ส่สู �ยศิลปะอย่�งเต็มตัว โดยศึกษ�ศิลปะขั้นพื้นฐ�นอย่�งเต็มรูปแบบที่วิทย�ลัยเทคโนโลยี ไทยวิจิตรศิลป์ ในระหว่�งเดียวกันก็พย�ย�มสอบเอนทร�นซ์เข้�เรียน ณ คณะจิตรกรรม ประติม�กรรม และภ�พพิมพ์ มห�วิทย�ลัยศิลป�กร ซึง่ ใช้เวล�หล�ยปีจนในทีส่ ดุ ก็ได้เข้�ม�ศึกษ�ภ�ยในรัว้ มห�วิทย�ลัยที่ ได้ชอ่ื ว่�เป็นมห�วิทย�ลัยศิลปะชัน้ นำ�ของประเทศ จนสำ�เร็จก�รศึกษ� และได้ทำ�ง�นในฐ�นะศิลปิน คุณพลุตม์ เล่�ให้ฟังถึงแรงบันด�ลใจ เหล่�นี้ว�่
“เราเลือกเรียนศิลปะเพราะคิดว่าอายุเรายังน้อยอยู่มาก ควรจะเลือก ทำาในสิง่ ทีเ่ ราชอบและอยูก่ บั มันไปนานๆ เราเลยเลือกศิลปะเนีย่ แหละ พอเรียนจบมาทางด้านศิลปะ ก็เลยอยากทำางานเกี่ยวกับศิลปะ” คุณพลุตม์ กล่�วออกม�ด้วยน้ำ�เสียงที่หนักแน่น เรียบง่�ย แต่แสดงไว้ด้วยเจตจำ�นงที่แน่วแน่กับก�รเลือกทำ�ง�นในส�ยศิลปะ เช่นเดียวกันกับเมือ่ ครัง้ เลือกเรียนศิลปะ ซึง่ แม้ว�่ อ�จจะเป็นคำ�พูดที่ ดูเรียบง่�ย แต่ก�รจะทำ�ให้สิ่งเหล่�นี้ประสบผลสำ�เร็จและกล�ยเป็น จริงได้นั้น ต้องอ�ศัยคว�มขยันและคว�มมุม�นะในก�รทำ�ง�นศิลปะ เรื่อยม� นอกเหนือไปจ�กคว�มรักที่มีต่อง�นศิลปะเพียงอย่�งเดียว
PALUT MAROD
Long Ji 4 (China), mixed technique on paper, 25 x 35 cm
Blue Angel, 2011, oil on linen, 150 x 150 cm
“ตอนจบมาแรกๆ ก็เคยไปสมัครทำางานพวก Production House แต่เขาจะให้ทาำ เป็นงานประจำา สุดท้ายเราก็ไม่ได้ไปทำา ก็ลองอยู่บ้าน เขียนงานดู และเผอิญตอนนั้นที่จบมหาวิทยาลัยมา มีคนสนใจเรียน ศิลปะแต่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่ เราก็ไปสอนศิลปะ ทำาให้เราได้มีโอกาสรู้จัก คนทีโ่ ตกว่าเรา มีความคิดมากกว่าเรา ก็ได้รบั คำาแนะนำาอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งเป็นเหมือนการแลกเปลี่ยนกันมากกว่า” นอกจ�กก�รทำ�ง�นสอนศิลปะแล้ว เมื่อมีเวล�ว่�งจ�กก�ร สอน คุณพลุตม์ ก็ยงั คงทำ�ง�นศิลปะและมองห�โอก�สในก�รจัดแสดง ผลง�นของตนเองเรื่อยม� โดยเข�มองว่�ตนเองไม่ได้มีคว�มสนใจ ในแวดวงง�นประกวดศิลปะม�กเท่�ไหร่นัก ด้วยมองว่�ตัวเข�เอง ต้องก�รพื้นที่อิสระในก�รจัดแสดงผลง�นม�กกว่� จึงได้เริ่มต้นจ�ก ก�รรวมกลุม่ กันกับเพือ่ นๆ เกิดเป็นง�นนิทรรศก�รกลุม่ ในช่วงยุคแรก และขย�ยพื้นที่ก�รจัดแสดงของตนออกไปควบคู่กันกับก�รพัฒน� รูปแบบ เทคนิคในก�รทำ�ง�น และแนวท�งในก�รนำ�เสนอเรื่องร�ว ผ่�นท�งง�นศิลปะ ง�นในช่วงแรกนั้น คุณพลุตม์ บอกเล่�ถึงประสบก�รณ์ ก�รเดินท�งไปยังสถ�นที่ต่�งๆ ผ่�นภ�พ Landscape ด้วยเทคนิค ที่หล�กหล�ยทั้งสีน้ำ� สีอะคริลิก หรือสีน้ำ�ผสมสีชอล์ก เก็บสะสม และรวบรวมเอ�ไว้จนประสบโอก�สได้จัดแสดงนิทรรศก�รเดี่ยวเป็น ของตนเอง และยังส�ม�รถข�ยได้ในช่วงเวล�นั้น ทำ�ให้เรียกได้ว่� นอกจ�กก�รทำ�ง�นศิลปะเพื่อจัดแสดงนิทรรศก�รแล้ว ยังส�ม�รถ ข�ยและเลี้ยงชีพตนเองได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ก่อนที่จะพัฒน� และเปลี่ยนแปลงแนวท�งท�งศิลปะเรื่อยม� จนเกิดเป็นผลง�นซึ่ง เรียกได้ว�่ เป็นเอกลักษณ์อย่�งหนึง่ ของคุณพลุตม์ ในปัจจุบนั นัน่ ก็คอื ก�รบอกเล่�เรือ่ งร�วต่�งๆ ผ่�นตัวละครหลักของภ�พซึง่ เป็นหญิงส�ว
“คือมันต้องเปลี่ยน ชีวิตเราเปลี่ยน ในโลกปัจจุบันมันมีอะไรเปลี่ยน แปลง เราเห็นสื่อเห็นอะไรต่างๆ คือเราจะไปยึดติดในรูปแบบเดิมๆ ก็ไม่ได้ พอทำาชุด Landscape ไปแล้ว เราก็เปลี่ยนมาเขียนรูปอะไร ที่เราสนใจ เริ่มแรกเราสนใจเรื่องผู้หญิง ก็เลยเลือกที่จะเขียนผู้หญิง ในจินตนาการของเรา” ผลง�นหลังชุด Landscape ของคุณพลุตม์ จึงเปลี่ยนไป โดยศิลปินนำ�เสนอเรื่องร�วของอ�รมณ์และคว�มรู้สึกภ�ยในของตน ผ่�นตัวละครทีเ่ ป็นซึง่ วัตถุดบิ หลักของภ�พคือผูห้ ญิงในอุดมคติของตน ซึง่ เข�ไม่ตอ้ งก�รนำ�เสนอภ�พของหญิงส�วคนใดคนหนึง่ โดยเฉพ�ะ เข�จึงได้หยิบเอ�ประติม�กรรมหญิงส�วม�เป็นต้นแบบของผูห้ ญิงใน ก�รนำ�เสนอ ผ่�นภ�พลักษณ์ที่สวยง�มและสงบนิ่งท�งอ�รมณ์ เล่� ควบคู่กันกับดอกไม้ซ่งึ มองว่�เป็นสัญลักษณ์ท่นี อกจ�กจะสะท้อนถึง อ�รมณ์ภ�ยในของผู้หญิงเองแล้ว ยังเชื่อมโยงหญิงส�วในภ�พว�ด เหล่�นีซ้ ง่ึ ไม่แสดงออกถึงอ�รมณ์ม�กนัก ให้สอ่ื ส�รและบอกเล่�เรือ่ งร�ว บ�งอย่�งร่วมกันกับผูช้ ม ด้วยเทคนิคและก�รนำ�เสนอผ่�นภ�พเสมือน จริงในบรรย�ก�ศชวนฝัน ทีช่ กั จูงผูช้ มให้เข้�ไปสูพ่ น้ื ทีล่ กึ ลับคูข่ น�นกับ โลกของคว�มเป็นจริงซึง่ ขัดแย้งกับภ�พลักษณ์เสมือนจริงของหญิงส�ว ในภ�พว�ด สะท้อนคว�มงดง�มและคว�มลึกลับท�งอ�รมณ์ และก้�ว ข้�มพ้นขอบเขตของก�ลเวล�ซึง่ ไม่ปร�กฎบนผืนผ้�ใบนี้ ก่อนจะพัฒน� รูปแบบและนำ�เสนอเรือ่ งร�วของผูห้ ญิงในมุมทีห่ ล�กหล�ยม�กยิง่ ขึน้ ในง�นชุดต่อๆ ม� “เราชอบผู้หญิง ผู้หญิงดูเป็นเพศที่มีความสลับซับซ้อน เหมือนจะพูด ตรงแต่คดิ เยอะ เป็นความรูส้ กึ ทีซ่ อ่ นอยูใ่ นดอกไม้ ดอกไม้ทบ่ี างทีมนั สวยแต่จริงๆ มันมีอะไรซ่อนอยูค่ ล้ายกับผูห้ ญิง เราก็เลยเอาตรงจุดนัน้ มาใช้ ใบหน้า ภาพเหมือน แววตา สำาหรับเราศิลปะเป็นเรือ่ งของการ สื่อสารนะ และผู้หญิงก็เป็นเรื่องของการสื่อสารเช่นกัน” จุดเปลีย่ นทีส่ �ำ คัญทีท่ �ำ ให้คณุ พลุตม์ มองย้อนกลับม�ยังผลง�น ของตนและก�รสือ่ ส�รกับผูอ้ น่ื ก็เมือ่ เข�ได้ยอ้ นกลับม�ตัง้ คำ�ถ�มกับ ตัวเองว่� ห�กศิลปะคือเรือ่ งของก�รสือ่ ส�ร ตัวของเข�ในฐ�นะของ ศิลปินนัน้ จะทำ�อย่�งไร เพือ่ ให้ง�นส�ม�รถสือ่ ในระดับส�กลได้ และใน ขณะเดียวกันก็ยงั บอกเล่�เรือ่ งร�วส่วนบุคคลไว้ดว้ ยเช่นกัน ซึง่ ตัวเข� มองว่�เป็นประเด็นสำ�คัญสำ�หรับศิลปินในยุคปัจจุบนั ทีย่ นื อยูบ่ นพืน้ ที่ ที่ให้คว�มสนใจกับศิลปะร่วมสมัย โดยมีชิ้นง�นศิลปะเป็นสื่อกล�ง ในก�รสือ่ ส�รระดับส�กล ซึง่ เป็นเรือ่ งทีม่ �กกว่�ภ�ษ�พูดหรือภ�ษ�เขียน อ�จกล่�วได้ว�่ เป็นเรือ่ งร�วของภ�ษ�ท�งวัฒนธรรมทีก่ อ่ ให้เกิดกำ�แพง บ�งอย่�งในก�รเล่�เรือ่ งร�วของศิลปินในแต่ละประเทศในระดับส�กล
WORLD OF ART
Pink Emotion, 2015, oil on linen, 160 x 140 cm
“ปัจจุบันศิลปะในประเทศไทยมีความหลากหลายมากขึ้น มีความหลากหลายในความเป็นไทยสูงขึ้น ซึ่งเป็น เรื่องดีและสนุกนะ ถ้าเราคิดว่าจะต้องปรับอย่างไรให้มันไปถึงคำาว่าร่วมสมัยในระดับสากล” คว�มเป็นไทยในศิลปะร่วมสมัยเหล่�นี้จึงน่�สนใจและควรได้รับก�รมองในมุมแปลกใหม่ หรือปรับ เปลี่ยนตนเองบ้�งในบ�งครั้ง ไม่ใช่เพียงเพื่อดำ�รงคว�มเป็นไทยแต่เพียงอย่�งเดียว แต่เพื่อก�รต่อยอดและ สือ่ ส�รเรือ่ งร�วของไทยผ่�นศิลปินและง�นศิลปะของเข�เหล่�นัน้ ซึง่ ง�นศิลปะเองเป็นหนึง่ ในภ�ษ�กล�งทีไ่ ด้รบั ก�รยอมรับในระดับส�กลในฐ�นะของชิ้นส่วนท�งสังคมและวัฒนธรรมที่บอกเล่�ผ่�นสื่อกล�งในลักษณะ ของภ�ษ�ภ�พที่ก้�วพ้นขอบเขตของเวล�และภ�ษ�พื้นฐ�นในก�รสื่อส�รเหล่�นี้
159
THE SOMMELIER WRITER: PHANTOM OF THE CELLAR
อัญมณีแห่งบอร์โดว์ ตอนที่ 3 กุญแจและดอกไม้ กลับมาพบกันอีกเช่นเคยนะครับ กับบทความที่ให้สาระเกี่ยวกับแวดวงเครื่องดื่มที่ทาำ จากองุ่น อย่างที่ทราบกันดีว่า บทความนี้มิได้มีเจตนาในการเชิญชวนผู้อ่านให้ดื่มแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการแบ่งปันความรู้และที่ไปที่มาของเมรัย เจ้าต่างๆ เพียงเท่านั้นเอง วันนีเ้ รายังอยูก่ นั ทีเ่ ขต กราฟ (Graves) หรือ เปสัค-เลโกยอง (Pessac-Léognan) อย่าเพิง่ เบือ่ กันเสียก่อนนะครับ เดีย๋ วหลังจากบทนี้ ก็จะย้ายเขตแล้วครับ แต่บทนี้ต้องอยู่ที่นี่ก่อนเพราะยังมีอีก 2 ชาโตว์ สำาคัญทีเ่ รียกได้วา่ เป็นขัน้ อัศวินแห่งเขตนีเ้ ลยก็วา่ ได้ ซึง่ ถ้าไม่พดู ถึงก็คง จะไม่ได้ หนึง่ นัน้ ก็คอื ชาโตว์ ป๊าป เคมองต์ (Ch. Pape Clement) ซึง่ ถือได้วา่ เป็นหนึง่ ในไร่ไวน์ทเ่ี ก่าแก่ทส่ี ดุ ในบอร์โดว์ และทำาไวน์คณุ ภาพสูง ส่วนอีกหนึง่ นัน้ ก็คอื ชาโตว์ สมิท โฮว ลาฟีท (Ch. Smite Haut Lafitte) ซึ่งแต่เดิมนั้นถือเป็นนักดาบที่อยู่นอกสายตา แต่ฝีมือในปัจจุบันนั้นมี พัฒนาการขึ้นมาเป็นอย่างมากจนผิดหูผิดตา เหมือนได้ตำาราเปลี่ยน กระดูกผลัดเส้นเอ็นมาก็ไม่ปาน โอเค เรามาเริ่มกันที่ ป๊าป เคมองต์ เลยนะครับ อย่างที่เรียน ไปก่อนหน้านี้ว่าไร่แห่งนี้นั้นจัดว่าเป็นไร่ที่เก่าแก่ที่สุดในบอร์โดว์เลย ก็วา่ ได้ เพราะมีการบันทึกว่าเริม่ มีการทำาไวน์มาตัง้ แต่ชว่ งศตวรรษที่ 12 ประวัตขิ องชาโตว์แห่งนี้ ต้องยอมรับนะครับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะ นอกจากจะเป็นไร่ที่นับว่าเก่าแก่ที่สุดในบอร์โดว์แล้ว ชื่อของชาโตว์นี้ ก็มาจากตัวของเจ้าของไร่ Bertrand de Goth ซึ่งในเวลานั้นดำารง ตำาแหน่งเป็นอาร์คบิชอ็ ปและริเริม่ การปลูกองุน่ ทำาไวน์ ซึง่ ในเวลาต่อมา บาทหลวงรูปนี้ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสันตะปาปา เคมองต์ที่ 5 (Pope Clement V) จึงได้มกี ารนำาพระนามมาตัง้ เป็นชือ่ ชาโตว์ และได้มี การปลูกองุ่นทำาไวน์เรื่อยมาโดยจะมีบาทหลวงระดับชั้น อาร์คบิช็อป (Archbishop) เป็นผูด้ แู ลเรือ่ ยมา จนกระทัง่ ถึงช่วงปฏิวตั ฝิ รัง่ เศส เลยถูก นำาออกมาขาย จึงได้มีการเปลี่ยนเจ้าของหลังจากนั้นมา ไวน์ชาโตว์นี้ เคยมีชอ่ื เสียงเป็นอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึง่ เป็นช่วงทีอ่ ยูใ่ นการ ดูแลของ Jean Baptiste Clerc ในช่วงนั้น ชาโตว์ ป๊าป เคมองต์ มี ชื่อเสียงเรียกได้ว่าแทบจะเทียบเท่า โฮว-บริออง เลยก็ว่าได้ แต่ทว่า
น่าเสียดายทีพ่ อหมดยุคของ Mr. Clerc ไปแล้ว คุณภาพของไวน์กต็ กต่าำ ลงอย่างน่าใจหาย ไวน์ชาโตว์นก้ี ลับมาดีขน้ึ อีกครัง้ ในช่วงหลังสงครามโลก โดยไร่ ได้ตกมาเป็นของนาย Paul Montagne เขาเริม่ ดำาเนินการปฏิรปู ไร่ไวน์ ในปี 1939 จากนั้นไวน์ก็เริ่มดีขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงยุคปัจจุบันนี้ ทีไ่ ด้ลกู ชายของนาย Montagne ซึง่ ก็คอื Leo Montagne และ Bernard Magrez รวมถึงการชีแ้ นะจากไวน์เมคเกอร์ชน้ั เซียนผูซ้ ง่ึ ได้รบั สมญานาม ว่า ‘Flying Winemaker’ อย่าง Michel Rolland เข้ามาปลุกปัน้ จนไวน์ กลับมาผงาดผ่าเผยได้อย่างหมดจดงดงาม เพียงตามหลังอ๋องอย่าง โฮว-บริออง และ ลา มิสสิฮอง โฮว-บริออง เท่านั้นเอง เจ้านี้เค้าผลิตทั้งไวน์ขาวและแดงนะครับ จะสังเกตได้ว่าไวน์ จากเขตนี้จะทำาไวน์ขาวด้วยเกือบทุกไร่เลย ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์หนึ่ง ของไวน์จากเขตนี้ ไวน์แดงของ ป๊าป เคมองต์ ใช้องุ่น การ์แบร์เน่ โซวิยอง เป็นเบส (ประมาณ 60%) โดยที่เหลือเป็น แมร์โลว ส่วนไวน์ ขาวจะผลิตจาก เซมิยอง และ โซวิยอง บลอง เป็นหลัก ในส่วนของตัวไวน์แล้ว ป๊าป เคมองต์ นั้นถือได้ว่าทำาไวน์ ในสไตล์ที่ค่อนข้างโมเดิร์น แต่ยังคงความนุ่มนวลในแบบของ กราฟ ไว้ได้เป็นอย่างดี ให้กลิ่นของผลไม้ผิวเข้ม กลิ่นโอ๊คใหม่ๆ นวลๆ มี กลิ่นกาแฟ กลิ่นหินแร่ และกลิ่นไม้ขีดไฟอ่อนๆ สมทบ เป็นไวน์ที่ มีบอดี้ระดับกลางถึงเข้มซึ่งขึ้นอยู่กับวินเทจ ส่วนอาฟเตอร์เทสต์นั้น ไม่หนักหน่วงหรือยาวอะไรนัก เป็นไวน์ออกแนวผู้ดีโดยกำาเนิด และ สามารถเก็บบ่มได้เป็นเวลานาน
วินเทจที่ไม่ควรพลาด ได้แก่: 2005, 2000, 1998, 2012, 2003 (สำาหรับไวน์แดง) 2005, 2004, 2002, 2014, 2010 (สำาหรับไวน์ขาว)
CHATEAU
PAPE CLEMENT PESSAC-LEOGNAN
สำาหรับอีกหนึง่ ชาโตว์นน่ั ก็คอื สมิท โฮว ลาฟีท (Smith Haut Lafitte) นั้นถือเป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตที่ทาำ ไวน์มานมนานตั้งแต่ช่วงศตวรรษ ที่ 14 กันเลยทีเดียว ซึ่งแม้จะไม่ได้มีความโดดเด่นอะไร แต่ก็ไม่อาจ ละเลยได้ เพราะในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานี้ ชาโตว์ สมิท โฮว ลาฟีท นั้นผงาดขึ้นมาได้อย่างงดงามในยุทธจักรแห่งไวน์ ทั้งสไตล์ที่ทำาให้ โมเดิรน์ ขึน้ มากและเข้าถึงได้งา่ ยขึน้ รวมถึงคะแนนวิจารณ์จากเหล่ากูรู ไวน์ระดับโลกที่ต่างพากันยกย่องในคุณภาพที่คับแก้วจนเรียกได้ว่า อย่างกับไวน์ใหม่ในขวดเดิมเลยทีเดียว เหตุทเ่ี ป็นเช่นนีก้ ต็ อ้ งยกเครดิต ให้แก่บริษัทคู่ค้าเก่าของโดเมนอย่าง Louis Eschenauer Company ผู้ทำาหน้าที่เป็นดิสทริบิวเตอร์ให้กับไร่แห่งนี้ตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และได้เห็นถึงคุณภาพและศักยภาพในไร่แห่งนี้ ในปี ค.ศ. 1958 จึงได้ตดั สินใจขอซือ้ จากเจ้าของเดิม และมีการปรับปรุงในหลายๆ ส่วน ของไร่ หลังจากนั้นไม่นาน ในปี ค.ศ. 1990 ก็ได้เปลี่ยนมืออีกครั้ง โดยการเข้าซื้อของ Mr. Daniel Cathiard ผู้ซึ่งทุ่มทุนมหาศาลเพราะ นอกจากจะซื้อทรัพย์สินไร่นี้แล้ว ก็ยังลงทุนสร้างโรงบ่มใหม่ที่ทันสมัย ซึง่ สามารถจุนาำ้ ไวน์ได้มากกว่า 1,000 บาร์เรล และยังได้ผสานกรรมวิธี อันทันสมัยเข้ากับวิธีการทำาไวน์แบบดั้งเดิม มีการใช้ปุ๋ยชีวภาพ และ นำาเอาอีกหลายๆ วิธีการมาใช้เพื่อดึงศักยภาพของไวน์ให้ได้สูงที่สุด ชาโตว์แห่งนีก้ เ็ ช่นเดียวกับแห่งอืน่ ๆ ใน กราฟ ทีผ่ ลิตทัง้ ไวน์แดง และไวน์ขาว โดยผลิตไวน์แดงมากกว่า ด้วยสัดส่วนประมาณ 70% ของไวน์ทั้งหมด ใช้องุ่นหลักคือ การ์แบร์เน่ โซวิยอง เป็นหลัก เสริม ด้วย แมร์โลว และปรุงเพิ่มด้วย การ์แบร์เน่ ฟรอง อีกเล็กน้อย เพื่อ เพิ่มสีและความกลมกล่อม ส่วนไวน์ขาวก็แน่นอนว่าต้องเป็น โซวิยอง บลอง เสริมด้วย เซมิยอง และ โซวิยอง กรีส นอกจาก 2 ไวน์หลักแล้ว ยังมีไวน์ฉลากรองทีไ่ ด้รบั ความนิยม อย่าง เล เปติด โฮว ลาฟีท (Le petite Haut Lafitte) และยังมีไวน์ โรเซ่ ที่ทำาเป็น AOC Bordeaux อีกด้วย (แต่หายากมากเลย ผู้เขียน เองยังไม่เคยมีโอกาสได้ชิมเลยสักครั้ง) สไตล์ของไวน์เจ้านี้ต้องยอมรับเลยว่าโมเดิร์นมาก มีความ เข้มข้นของน้ำาไวน์สูง แต่ในขณะเดียวกันก็ให้รสของผลไม้ที่ชัดเจน ไวน์มักจะให้กลิ่นของผลไม้ผิวดำา โอ๊คเผาอ่อนๆ ผสานความหอมของ ดอกไม้สีม่วงเข้ม ช็อคโกแลตและมิ้นท์ น้ำาไวน์มีพลังสูงมาก มีชีวิต ชีวา และความหวานจากผลไม้ผิวดำาก็ช่วยให้ดื่มได้อย่างสนุกแม้อายุ ไวน์ยงั น้อยอยู่ อาฟเตอร์เทสต์กม็ พี ลังพอใช้ จึงเป็นอีกหนึง่ ไวน์ทร่ี บั รอง ว่าถ้าได้ลองแล้วอาจหลงใหลได้โดยไม่รู้ตัว
วินเทจที่ควรลอง คือ: 2009, 2015, 2010, 2004, 2001 (สำาหรับไวน์แดง) 2013, 2005, 2012, 2010, 2009 (สำาหรับไวน์ขาว)
THE SOMMELIER
163
CHATEAV
SMITH HAVT LAFITTE PESSAC-LEOGNAN
และนีก่ ค็ อื อีกสองไวน์ทต่ี วั กระผมอยากจะแนะนำาให้ผอู้ า่ นในครัง้ นีค้ รับ คราวหน้าจะพาไปรูจ้ กั กับไวน์ ในเขตอืน่ แล้วนะครับ ส่วนจะเป็นผูผ้ ลิตรายไหน ไว้คอยติดตามชมนะครับ
“Wine is not about getting drunk, but a good source of happiness” Phantom of The Cellar
THE MOVIES
WRITER: APIPHOP PHUNGCHANCHAIKUL
Time After Time Albert Einstein - “Time is an illusion.”
สำ�หรับคนทีเ่ ติบโตม�กับก�รอ่�นก�ร์ตนู ญีป่ นุ่ ไม่ว�่ จะเป็นเด็กผูห้ ญิงหรือเด็กผูช้ �ย เชือ่ ได้ว�่ แทบทุกคนต้องเคยอ่�นก�ร์ตนู เรื่องโดร�เอมอนอย่�งแน่นอน เรื่องร�วของโดร�เอมอนเริ่มต้นด้วย “เวลา” เมื่อเด็กช�ยโนบิตะพบกับหุ่นยนต์ที่เดินท�ง ย้อนเวล�ม�จ�กอน�คตเพือ่ ม�ช่วยแก้ไขชีวติ ของโนบิตะในวันนี้ เพือ่ ให้มอี น�คตทีด่ ขี น้ึ ซึง่ จะได้ไปส่งผลถึงชีวติ ของใครๆ ที่เกี่ยวโยงกับชีวิตของโนบิตะให้ดีขึ้นต�มไป ตลอดในเรื่องร�วของโนบิตะ โดร�เอมอน และเพื่อนๆ นี้เอง เร�ได้เห็นถึง ก�รเดินท�งย้อนเวล�ไปในอดีต ซึง่ บ�งครัง้ ย้อนไปไกลถึงยุคจูร�สสิคทีย่ งั มีไดโนเส�ร์พนั ธุต์ �่ งๆ วิง่ ไล่กวดกัน หรือบ�งครัง้ ก็ข�้ มไปในอน�คตในยุคทีม่ เี ทคโนโลยีอนั ล้�ำ สมัยและสิง่ อำ�นวยคว�มสะดวกหน้�ต�แปลกๆ ม�กม�ย ซึง่ ทัง้ หมดนีก้ ค็ อื เสน่หข์ องโดร�เอมอน และด้วยเหตุผลบ�งอย่�งเมือ่ ครัง้ เร�เป็นเด็ก คำ�ถ�มทีม่ ใี นใจเสมอมักเป็นเรือ่ งของ “อนาคต” ว่�เร� จะเติบโตไปเป็นอะไร เรียนต่อทีไ่ หน หรือทำ�ง�นอะไร เด็กจึงอย�กเดินท�งไปในอน�คตเสมอ แต่กบั ผูใ้ หญ่ทไ่ี ด้ผ�่ นชีวติ ม�แล้ว และได้ท�ำ หล�ยสิง่ หล�ยอย่�งม�ในอดีต ก�รเดินท�งกลับไปแก้ไขอดีตน่�จะเป็นสิง่ ทีโ่ หยห�ม�กกว่� เร�มักจะบ่น พึมพัมกับตัวเองว่� “แหม... ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้นะ เราคงทำามันอีกแบบ”
ในช่วงปีที่ผ่�นม�มีภ�พยนตร์ญี่ปุ่นอยู่ 3 เรื่องที่มีปมสำ�คัญ เป็นเรือ่ งของเวล�อยูอ่ ย่�งชัดเจน แม้อ�จจะต่�งกันไปในร�ยละเอียด แต่ทง้ั 3 เรือ่ งก็เล่นกับประเด็นเรือ่ งของเวล�ได้อย่�งน่�สนใจ แบบทีว่ �่ เมือ่ ดูจบแล้ว คำ�ถ�มบ�งคำ�ถ�มซึง่ ยังไม่ได้รบั ก�รตอบ ก็ตอ้ งเอ�กลับ ไปนัง่ คิดอยูอ่ กี หล�ยวันทีเดียว เอ�ทีเ่ พิง่ ล�โรงไปหลังสุดก่อนเลยก็คอื The 100th Love With You (2017) เรื่องนี้เข้�ฉ�ยในบ้�นเร�เมื่อช่วง เดือนพฤษภ�คมทีผ่ �่ นม� กับเรือ่ งร�วคว�มรักทีจ่ บลงแบบโศกน�ฎกรรม หน่อยๆ เมื่อ Riku (แสดงโดย Kentaro Sakaguchi) หนุ่มนักดนตรี สุดเท่ห์ ส�ม�รถเดินท�งย้อนไปในอดีตได้จ�กก�รเล่นแผ่นเสียงแผ่นหนึง่ ทีไ่ ด้รบั ม�จ�กคุณลุง แรกเริม่ ทีเดียวนัน้ ก�รเดินท�งย้อนเวล�เป็นเรือ่ ง ทีค่ นๆ เดียวพย�ย�มทำ�เพือ่ ช่วยแก้ไขเปลีย่ นแปลงอน�คตของผูห้ ญิง
ทีเ่ ข�รัก Aoi (แสดงโดย Miwa นักร้อง-นักแต่งเพลง) แต่เมือ่ เรือ่ งร�ว ผ่�นไป เมือ่ คว�มลับถูกเปิดเผยขึน้ ก�รเดินท�งย้อนเวล�ก็ถกู นำ�ไปใช้ เพือ่ เริม่ ต้นเหตุก�รณ์คว�มรักของเข�กับคนรักด้วย กับก�รแก้ไขอดีต ที่ไม่เข้�ใจ และเติมเต็มช่องว่�งในใจของกันและกัน จนเมื่อม�ถึง จุดหนึ่งในชีวิต สุดท้�ยคนที่จะต้องต�ยจ�กไปก็เป็นฝ่�ยที่ขอร้องให้ เรือ่ งร�วทัง้ หมดนีจ้ บลง เพือ่ ทีจ่ ะให้เข�ส�ม�รถใช้ชวี ติ เดินต่อไปข้�งหน้� ได้ซกั ที เธอพย�ย�มบอกกับเข�ว่� “แค่ได้รกั กันแค่ครัง้ หนึง่ ก็มคี วามสุข แล้ว แต่นเ่ี ธอถึงกับได้รกั เขาตัง้ 100 ครัง้ ” เธอไม่อ�จจะขออะไรม�ก ไปกว่�นี้ได้แล้ว เธออย�กปลดปล่อยเข�ไปจ�กคว�มทุกข์นี้ซักที... ถึงแม้ว�่ เรื่องร�วจะจบลงด้วยคว�มเศร้� แต่ก็ไม่เศร้�แบบฟูมฟ�ย ซะทีเดียว แค่น้ำ�ต�ซึมๆ และมีรอยยิ้มที่มุมป�ก
สำ�หรับ Your Name (2016) เรื่องนี้ เป็นอนิเมชั่นที่มีภ�พ สดใสทีเดียว ในตอนเริ่มแรกของเรื่องเร�จะได้เห็นคว�มน่�รักหว�น แหววต�มสไตล์คว�มรักของวัยรุน่ คว�มตลกทีเ่ กิดขึน้ จ�กก�รสลับร่�ง กันของเด็กหนุม่ ทีม่ ชี วี ติ ในเมืองใหญ่กบั เด็กส�วจ�กชนบท คว�มตลก จ�กคว�มสับสนที่เกิดขึ้นกับคนรอบตัวที่สงสัยในพฤติกรรมแปลกๆ ของทั้งคู่โดยที่ทั้งสองคนจะสลับกันใช้ชีวิตในแต่ละวัน เมื่อเข้�นอนก็ ต้องลุน้ ว่�พรุง่ นีเ้ ช้�เร�จะตืน่ ม�เป็นใคร เป็นตัวเร�เองหรือไม่ใช่และ ได้ใช้ชีวิตที่ไหน จ�กวันเป็นสัปด�ห์ จ�กสัปด�ห์เป็นเดือน โดยที่ทั้ง สองคนไม่ทันสังเกตว่�เวล�ของทั้งคู่ห่�งกันถึง 3 ปี ชีวิตของคนหนึ่ง
อยูใ่ นอดีต ส่วนอีกคนอยูใ่ นอน�คต (คนดูกไ็ ม่รเู้ หมือนกัน) และสุดท้�ย ก็เป็นเรือ่ งของเวล�อีกแหละทีจ่ ะม�บอกว่�ทำ�ไม แค่สลับร่�งก็ย�กพอดู แล้ว นีย่ งั ต่�งเวล�อีก ก็ตอ้ งขอชมผูเ้ ขียนบทและผูก้ �ำ กับอย่�ง Makoto Shinkai ทีส่ �ม�รถเรียบเรียงเรือ่ งร�วได้อย่�งน่�สนใจ บอกก่อนนะครับ ว่�เป็นก�ร์ตนู สำ�หรับผูใ้ หญ่ม�กๆ ถ้�ให้เด็กดูคงต้องอธิบ�ยกันย�วพอ ควรเลยทีเดียว เรือ่ งนีจ้ บลงแบบไม่เศร้� และยังทิง้ คว�มน่�สนใจในแง่ ของก�รส่งเสริมก�รท่องเทีย่ วเอ�ไว้ซะด้วย ได้ข�่ วม�ว่�เกิดทัวร์ต�มรอย ภ�พยนตร์ขน้ึ ม�ให้แฟนๆ ได้เดินท�งไปเยีย่ มชมสถ�นทีต่ �่ งๆ ทีป่ ร�กฎ อยู่ เพื่อไปดูให้เห็นกันว่�มันสวยเหมือนในภ�พอนิเมชั่นหรือเปล่�
THE MOVIES
เรือ่ งสุดท้�ย Tomorrow I will date with yesterday’s you (2016) เรือ่ งนีไ้ ม่ได้เกีย่ วกับก�รเดินท�งย้อนเวล�ซะทีเดียว แต่เป็นเรือ่ ง ของเวล�ในมิตทิ ต่ี �่ งกันของคนสองคนทีอ่ �ศัยอยูใ่ นโลกคูข่ น�นทีจ่ ะม� บรรจบกันในทุกๆ 15 ปี ในระยะเวล�แค่ 1 เดือน เมื่อเวล�ของ Takatoshi (แสดงโดย Sota Fukushi) นักศึกษ�มห�วิทย�ลัยศิลปะ วัย 20 เดินไปข้�งหน้� แต่เวล�ของ Emi (แสดงโดย Nana Komatsu) หญิงส�วลึกลับวัย 20 ปีที่ช�ยหนุ่มตกหลุมรักกลับแตกต่�งออกไป เพร�ะเข�เมือ่ ตอนอ�ยุ 5 ขวบนัน้ เคยพบเธอในวัย 35 และจะได้พบเธอ อีกครัง้ ในวัย 5 ขวบ เมือ่ เข�อ�ยุ 35 ปี ทัง้ คูจ่ ะมีชว่ งอ�ยุทต่ี รงกันช่วง เดียวคือเมื่ออ�ยุ 20 ปี (อ่�นแล้วสับสนไหมครับ เพร�ะตอนดูก็จะงง
167
แบบนีแ้ หละ) และเพร�ะเวล�ทีเ่ ดินสวนท�งกันนีเ่ อง ดังนัน้ ในทุกๆ วันที่ เข�ได้เจอเธอและเริม่ คว�มรักจ�ก 1 ไป 2... 3 และ 4... แต่เวล�ของเธอ คือก�รนับถอยหลังไปจนถึงวันที่เธอเจอเข�วันแรก เมื่อนึกย้อนไปถึง เรื่องร�วตอนเจอกันในวันแรก ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกจ�กกัน เธอร้องไห้ และบอกกับเข�ว่�เธอเป็นคนร้องไห้เก่ง แต่เพร�ะที่จริงแล้วในวันนั้น คือวันสุดท้�ยที่เธอจะได้เจอเข� เรื่องนี้เป็นภ�พยนตร์ที่ต้องพย�ย�ม ทำ�คว�มเข้�ใจกันนิดนึง ทัง้ ทีเ่ นือ้ เรือ่ งโดยทัว่ ๆ ไปก็เป็นเรือ่ งรักของวัย หนุม่ ส�ว แต่ส�ม�รถผูกเรือ่ งได้น�่ สนใจและมีก�รลำ�ดับเรือ่ งได้อย่�ง มีจังหวะที่ลงตัว ไปลองห�ดูกันเองดีกว่�ครับ เพร�ะยิ่งอ่�นไปจะยิ่ง งงม�ก...
เมื่ออ่�นม�ถึงบรรทัดนี้ก็จะยิ่งเห็นถึงคว�มสัมพันธ์ของ 2 สิ่ง “ความรัก” และ “เวลา” ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้นว่�อ�จจะไม่เสมอไป แต่จะขอจบเรื่องด้วยคำ�กล่�วของ Tom Robbins นักเขียนนิย�ยช�วอเมริกันที่กล่�ว ไว้ว่� “We waste time looking for the perfect lover, instead of creating the perfect love.” *ขอขอบคุณภาพจาก M Pictures และสหมงคลฟิล์ม
to uit n
WRITER: NATTAKORN TANAKUNSIRICHANON
is V
ใกล้ถงึ ช่วงเทศกาลฤดูหนาวกันอีกครัง้ การมองหา แอคเซสเซอรี่ีใหม่ๆ มาเติมเต็มความเป็นตัวคุณ ก็เป็น ความสุขอีกอย่างหนึ่งของหลายๆ คน ถ้าคุณไม่อยากตก เทรนด์ก็ไม่ควรพลาดที่จะอัพเดทเรื่องของแอคเซสเซอรี่ ทีท่ ยอยออกมากันอย่างมากมาย โดยในฉบับนีก้ ไ็ ด้รวบรวม ไอเท็มสุดคูลที่บอกเลยว่าคัดสรรมาแล้วเพื่อให้ทุกท่าน เตรียมควักกระเป๋าไปคว้าไอเท็มเจ๋งๆ กันได้เลย เริม่ ตัง้ แต่ LOUIS VUITTON ทีม่ กี าร Collaboration ระหว่างแบรนด์ แฟชัน่ ไฮเอนด์ทส่ี ดุ แบรนด์หนึง่ ของโลกกับแบรนด์สตรีตแวร์ ทีฮ่ ปิ ทีส่ ดุ จากแบรนด์ฝรัง่ เศสกับแบรนด์สตรีตจากอเมริกา ตามมาด้วยคอลเลคชัน่ เครือ่ งประดับทำามือจาก VAN CLEEF & ARPELS ชุดเครือ่ งหนังและเครือ่ งเขียนจาก MONTBLANC เพื่อการสนับสนุนยูนิเซฟ การศึกษาของเด็กทั่วโลก และ แบรนด์แฟชัน่ ไฮเอนด์อกี หลายแบรนด์อย่าง PRADA, MIU MIU, GUCCI, BALLY เป็นต้น ที่พาคอลเลคชั่นใหม่ๆ มา อวดยั่วน้ำาลายกัน งานนี้ใครชอบแบรนด์ไหนก็ลองเลือก ตัด สิ น ใจไปดู กั น ได้ที่ช็อปตามศูนย์การค้าชั้นนำ าของ เมืองไทยนะครับ
Lou
THE ACCESSORIES
c
an
tbl
Mo n
Va nC l ee
f&
Arp el s
da
Pra LOUIS VUITTON
Emporium Tel: 02-664-8360-1 Gaysorn Village Tel: 02-656-1010
VAN CLEEF & ARPELS
Emporium Tel: 02-664-8080
MONTBLANC
Gaysorn Village Tel: 02-656-1324
PRADA
Central Embassy Tel: 02-160-5744 Emporium Tel: 02-664-8430
MIU MIU
Central Embassy Tel: 02-160-5748
GUCCI
Emporium Tel: 02-664 -8424 Siam Paragon Tel: 02-610-9800
BALLY
Gaysorn Village Tel: 02-656-1037
u i M
u i M
THE ACCESSORIES
i c c
u G
Ba
lly
171
WATCH ON STREET
WRITER: NATTAKORN TANAKUNSIRICHANON
ความเชยในวันเก่า เปลี่ยนมาเป็นความเก๋าในวันนี้ กระแสของวินเทจเป็นกระแสที่กำ�ลังกลับม�ได้รับคว�มสนใจอีกครั้งใน กลุม่ ของคนรุน่ ใหม่และคนรุน่ เก่� เริม่ ตัง้ แต่เรือ่ งของแฟชัน่ ก�รแต่งก�ยทีค่ ว�มย้อนยุค กลับม�ได้รับคว�มนิยมอีกครั้ง ไปจนถึงสไตล์ของก�รออกแบบตกแต่งที่พักอ�ศัย หรือร้�นค้� ซึ่งผู้คนก็ให้คว�มสนใจในก�รกลับม�ในเรื่องของข้�วของวินเทจอีกครั้ง มีก�รผลิตสินค้�ใหม่ๆ ออกม�ในรูปแบบสมัยก่อน โดยได้กลิ่นอ�ยของคว�มวินเทจ อันเป็นก�รดึงเสน่ห์ของอดีตขึ้นม�ผสมผส�นกับยุคใหม่ ซึ่งไม่ว่�จะเป็นของเก่�ที่ เก็บสะสมกันม�หรือของใหม่ท�ำ เก่�ก็ได้รบั คว�มนิยมกันทัง้ นัน้ แต่คนทีเ่ ก็บของเก่� สะสมก็ถือว่�ได้เปรียบกว่�คนอื่นนิดนึง เพร�ะเป็นของเก่�แท้จริงที่มีม�แต่ดั้งเดิม แถมก�รกลับม�ของกระแสวินเทจก็ท�ำ ให้ของเก่�สะสมพวกนีม้ มี ลู ค่�ม�กขึน้ กว่�เดิม ยิ่งของชิ้นไหนที่มีคนให้คว�มสนใจกันม�กด้วยแล้ว บ�งชิ้นมันมีมูลค่�เพิ่มขึ้นจน เรียกได้ว่�เป็นสินทรัพย์ที่ประเมินค่�มิได้หรือมีมูลค่�สูงม�กจนคนที่ต�มห�ต้อง แย่งกันซื้อม�เพื่อเป็นก�รลงทุนก็มี วงก�รน�ฬิก�ก็เป็นอีกวงก�รหนึง่ ทีเ่ หล่�คนรักน�ฬิก�หันม�ให้คว�มสนใจ กันม�กขึ้นในเรื่องของน�ฬิก�วินเทจหรือแม้แต่น�ฬิก�เก่�บ�งรุ่นที่แต่ก่อนไม่มีใคร สนใจม�กนักนอกจ�กนักสะสม โดยมีก�รม�พูดคุยเล่�เรือ่ งร�วแลกเปลีย่ นคว�มรูก้ นั และก็มกี �รรวมกลุม่ กันในโซเชียลด้วย อีกทัง้ ข้อมูลต่�งๆ ก็ห�ได้ง�่ ยจ�กอินเตอร์เน็ต น�ฬิก�เหล่�นั้นที่เคยเป็นคว�มเชยในยุคหน่ึง ม�ถึงวันนี้กลับมีผู้คนออกม�ต�มห� กันม�กม�ยซึง่ ถ้�ใครได้มไี ว้ในครอบครองก็เรียกได้ว�่ เก๋�จริง ลองม�ฟังคว�มคิดเห็น ของคนรักน�ฬิก�เกี่ยวกับน�ฬิก�วินเทจเหล่�นี้กันครับ
SOPIDA RAOVILAI
SEVENFRIDAY
“เป็นคนที่ชอบนาฬิกาสไตล์สปอร์ตทันสมัย เพราะเข้ากับบุคลิกของตัวเองและ สามารถสวมใส่ในชีวิตประจำาวันได้ ในส่วนของนาฬิกาวินเทจน่าจะเหมาะกับการ เก็บสะสมมากกว่า เพราะเป็นนาฬิกาที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ และก่อนซื้อก็ ต้องทำาการศึกษาหาข้อมูลให้ดีด้วย”
CHANTIMA SUTTHISOONTHORN
ROLEX
“ความหลงไหลในความเป็นวินเทจมันเป็นเรื่องของความชอบและ รสนิยมส่วนตัวของคนที่เห็นถึงความมีคุณค่า ความคลาสสิก และ ความไม่รู้สึกเบื่อ ในสิ่งของนั้นๆ อย่างเช่นนาฬิกา ถ้าได้ชื่อว่าเป็น นาฬิกาวินเทจแล้ว ใส่ยังไงก็จะไม่รู้สึกเบื่อแถมยังดูมีมนต์ขลังและ เรือ่ งราว ทีม่ นั ผ่านช่วงเวลาต่างๆ มามากมาย จนทำาให้วนั นีน้ าฬิกา วินเทจเหล่านั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นด้วยความงามและความคลาสสิก ของตัวนาฬิกาเอง”
KHONGKIDAKORN KANMANEE
HERMĒS
“นาฬิกาวินเทจ คือ เรื่องเล่าของคนในยุคๆ นั้น และเป็น เรื่องราวกับความทรงจำาดีๆ ที่เค้าเล่าให้บอลฟัง บอลได้รับ นาฬิกาวินเทจมาจากคุณพ่อและคุณลุงเป็นส่วนใหญ่ ซึง่ การที่ ผู้ใหญ่จะมอบนาฬิกาให้สักเรือน ท่านคงคิดแล้วว่าเรือนนี้ เหมาะกับเราไหม นาฬิกาทีไ่ ด้รบั มาจะเต็มไปด้วยเรือ่ งราวของ การได้มา ทำาให้ผใู้ ห้รวมถึงผูเ้ ล่าคือคุณพ่อกับคุณลุงของบอล มีความสุขที่จะเล่าและส่งต่อนาฬิกาเรือนนั้นให้กับผม”
WATCH ON STREET
175
SUPONKIT NAVANAPPARATSAKUL
CHOPARD
“ปัจจุบันคนชอบของที่ดูย้อนยุคกันมีมากขึ้นนะครับ ของ ทุกอย่างตอนนี้ก็มีการพัฒนาและการออกแบบไปไกลมาก มีทั้งความซับซ้อนและดูล้ำาสมัย แต่ความคลาสสิกในอดีต ก็ยงั คงดูดแี ละสวยงามทัง้ การออกแบบทัง้ วัสดุและการใช้งาน ซึ่งเค้าก็ยังคงสวยด้วยตัวของเค้าเองครับ”
MARY THAMMAPIMOOKKUL
PATEK PHILIPPE
“นาฬิกาวินเทจมีดไี ซน์ทเ่ี ป็นอมตะจึงสามารถใส่ ได้เรือ่ ยๆ ไม่มวี นั ล้าสมัย แถมการสะสมนาฬิกา วินเทจ ยังเป็นการลงทุนทีด่ อี กี ด้วย เพราะความ ต้องการของนาฬิกาวินเทจมีมากขึน้ เรือ่ ยๆ ส่วน นาฬิกาวินเทจสภาพดีกม็ ปี ริมาณทีน่ อ้ ยลง เพราะ ส่วนใหญ่คนที่เป็นนักสะสมนาฬิกาวินเทจก็มัก จะเก็บเอาไว้ ไม่คอ่ ยขายออกมา จึงทำาให้ราคา นาฬิกาวินเทจในช่วงหลายปีทผ่ี า่ นมาเพิม่ ขึน้ ไป เรื่อยๆ”
THE INNOVATIVE CREATION FROM SEIKO แม้นาฬิกาจักรกลตามลักษณะขนบประเพณีการผลิตแบบดั้งเดิมจะเป็นรูปแบบหลักที่คนรักนาฬิกาทั่วโลกถวิลหา แต่ ก็ตอ้ งไม่ลมื ว่า ความเจริญก้าวหน้าของโลกนัน้ เกิดขึน้ ได้ดว้ ยการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึน้ มาอยูเ่ สมอ ซึง่ ไม่วา่ ในวงการอุตสาหกรรมใด หากใครต้องการเป็นผู้นาำ ของวงการ ก็ต้องทำาการมุ่งมั่นค้นคว้าสร้างสรรค์นวัตกรรมชิ้นแล้ว ชิน้ เล่า เพือ่ ให้กาำ เนิดสิง่ ทีด่ กี ว่าเดิมอยูต่ ลอดเวลา ผูน้ าำ แห่งการผลิตนาฬิกาแห่งโลกตะวันออกอย่าง Seiko ก็เช่นเดียวกัน WRITER: VIRACHARN TERMPIPATPONG คติหลักที่ Seiko ยึดถือเสมอมาก็คือ “Always one step ahead of the rest” ซึง่ นีเ่ องทีข่ บั เคลือ่ นให้องค์กรของ Seiko เดินหน้า สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ขึน้ มาอยูต่ ลอดเวลาตัง้ แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั เพื่อคงสถานะความก้าวล้ำานำาหน้าผู้อื่นให้ดำารงคงอยู่ตราบนิจนิรันดร์ Seiko เชือ่ ว่า นาฬิกาข้อมือนัน้ เป็นอุปกรณ์คกู่ ายชิน้ สำาคัญ นาฬิกาทีด่ ี จึงต้องผสานเป็นหนึง่ เดียวกับผูส้ วมใส่และสร้างความพึงพอใจทัง้ ในด้าน ความไว้วางใจและในด้านอารมณ์ การพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ของ Seiko จึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของปัจจัยสองสิ่งนี้ นวัตกรรมเทคโนโลยีท่ี Seiko คิดค้นขึน้ มาตลอดประวัตศิ าสตร์ อันยาวนานเกินศตวรรษนั้น มีอยู่มากมายจนหากจะให้สรุปบรรยาย
KINETIC
จนหมดก็คงต้องอุทิศหน้าบทความราวสักครึ่งเล่มแม็กกาซีนเป็น อย่างน้อย ไม่ว่าจะเป็นกลไกแบบควอตซ์ที่เขย่าวงการนาฬิกาโลกใน สมัยยุคทศวรรษที่ 60 - 70, กลไกสปริงไดรฟ์ทท่ี าำ งานอย่างแม่นยำาพร้อม เข็มวินาทีที่เคลื่อนที่อย่างนุ่มนวลชวนฝันจนได้รับสมญานามว่า เข็ม สะกดวิญญาณ ตลอดจนนวัตกรรมชิน้ ส่วนและระบบทัง้ ในกลไกแบบ จักรกลและกลไกแบบควอตซ์ ที่คิดค้นขึ้นเพื่อเพิ่มพูนศักยภาพและ ประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ไม่วา่ จะเป็นด้านความทนทาน ความแม่นยำา หรือความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งก็รวมถึง 2 นวัตกรรมเด่นที่เรานำา มากล่าวถึงในบทความครั้งนี้ด้วย นั่นก็คือ ระบบกลไก คีเนติก และ ระบบกลไก จีพีเอส โซล่าร์
กลไกควอตซ์ที่ขับเคลื่อนด้วยการขึ้นลานโดยอัตโนมัติ
เป็นทีป่ ระจักษ์กนั โดยทัว่ ไปว่า กลไกควอตซ์ชน้ั ดีนน้ั มีความ เทีย่ งตรงแม่นยำาสูงมากๆ หากแต่มขี อ้ จำากัดในการใช้งานเพราะต้องการ กำาลังไฟจากแบตเตอรี่หรือตัวเก็บประจุอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำาให้เกิด ความไม่สะดวกจากการต้องมาคอยเปลีย่ นหรือคอยชาร์จ Seiko จึงได้ ผสานข้อดีของกลไกควอตซ์กับกลไกจักรกลขึ้นลานอัตโนมัติเข้าไว้ ด้วยกัน ซึง่ ต้องคิดค้นระบบและชิน้ ส่วนต่างๆ ขึน้ มามากมาย โดยเป็น นวัตกรรมชิน้ ส่วนและระบบทีไ่ ด้รบั สิทธิบตั รถึงกว่า 50 รายการด้วยกัน กลไกระบบ คีเนติก เผยโฉมครัง้ แรกทีง่ านแสดงนาฬิกาบาเซิล แฟร์ ประจำาปี 1986 ด้วยนาฬิกาเรือนต้นแบบทีใ่ ห้ชอ่ื ว่า AGM ซึง่ ถือ เป็นกลไกควอตซ์แบบแรกของโลกที่ทำางานด้วยการเคลื่อนไหวของ มนุษย์ โดยเป็นการแปรเปลี่ยนพลังงานจากการแกว่งของโรเตอร์ที่ เคลื่อนไหวเมื่อผู้สวมใส่ขยับข้อมือเฉกเช่นกลไกจักรกลขึ้นลาน อัตโนมัติ มาเป็นพลังงานไฟฟ้ากักเก็บไว้ในตัวเก็บประจุเพือ่ ป้อนกระแส ไฟให้กลไกควอตซ์ทาำ งานอย่างแม่นยำา หลังจากนัน้ ไม่นาน ในปี 1988 ก็ได้เปิดตัวนาฬิการะบบ คีเนติก รุ่นแรกออกสู่ตลาดภายใต้ชื่อ AGS และก็ได้ผลิตนาฬิการะบบ คีเนติก ออกมาอย่างต่อเนือ่ งจนถึงปัจจุบนั โดยมียอดจำาหน่ายรวมทัง้ หมดน่าจะใกล้ 10 ล้านเรือนเข้าไปแล้ว เพราะ จากข้อมูลเมื่อปี 2007 ก็ปาเข้าไปกว่า 8 ล้านเรือนแล้ว
FUSION OF PERFECTION นอกจากนาฬิการะดับโปรเฟสชั่นแนล ตระกูล Prospex แล้ว อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม แบรนด์แอมบาสเดอร์ Seiko คนแรกของประเทศไทย ยังเป็น พรีเซนเตอร์ให้กับนาฬิกาคลาสสิก ร่วมสมัยดีไซน์งามหรูตระกูล Premier ด้วยเช่นกัน
ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี นับจากการถือกำาเนิดของกลไก คีเนติก ทาง Seiko ได้ทาำ การพัฒนาระบบกลไกนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อ ปรับปรุงให้มีความยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น ทั้งในด้านความแม่นยำา ความ ทนทาน และความสะดวกในการใช้งาน อย่างเช่นระบบ ออโต้ รีเลย์ ทีเ่ ปิดตัวออกมาเมือ่ ปี 1998 ซึง่ เพิม่ ความสะดวกให้กบั การใช้งานอย่าง ทีไ่ ม่เคยปรากฏมาก่อนกับนาฬิกาข้อมือไม่วา่ ระบบใดๆ เพราะระบบนี้
จะทำาให้นาฬิกาเข้าสู่ สลีพ โหมด เพือ่ ประหยัดพลังงาน โดยเข็มต่างๆ จะ หยุดเดินเมือ่ ไม่ได้ใช้งานนาฬิกาเกินกว่า 24 ชัว่ โมง ขณะทีร่ ะบบของกลไก จะทำางานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตระหนักรู้ถึงค่าเวลาที่ผ่านไปตราบเท่าที่ ยังมีพลังงานสำารองเพียงพอ (ซึง่ หากชาร์จพลังงานจนเต็มมาก่อนทีจ่ ะเข้าสู่ สลีพ โหมด จะสามารถให้พลังงานได้ตอ่ เนือ่ งยาวนานสูงสุดถึง 4 ปี) โดยกลไก จะทำาการปรับตัง้ เข็มแสดงเวลามาเป็นเวลาปัจจุบนั โดยอัตโนมัติ เมือ่ นาฬิกา ถูกนำามาใช้งานอีกครั้ง ต่อมาในปี 2003 ก็แสดงศักยภาพอีกขีดขั้นของ Seiko ด้วยการใช้ระบบ คีเนติก กับกลไกแบบโครโนกราฟจับเวลา ซึ่งมี ความซับซ้อนในการทำางานยิ่งขึ้น จากนั้นก็เพิ่มความซับซ้อนมากขึ้นไปอีก ด้วยนาฬิกากลไก คีเนติก เพอร์เพทชวล ทีเ่ ปิดตัวออกมาครัง้ แรกในปี 2005 พร้อมความสามารถของนวัตกรรมระบบปฏิทนิ รูปแบบใหม่ท่ี Seiko คิดค้น ขึ้นเพื่อให้แสดงค่าปฏิทิน (วันที่, เดือน, ลีพเยียร์) ได้อย่างถูกต้องแม่นยำา โดยอัตโนมัติ และไม่ต้องการการปรับตั้งใดๆ จนกว่าจะถึงปี 2100 ซึ่งมี ลักษณะการแสดงค่าเฉกเช่นเดียวกับฟังก์ชน่ั ระดับสูงสุดคลาสสิกของนาฬิกา จักรกลทีเ่ รียกว่า เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ นัน่ เอง พอมาถึงปี 2007 ก็มกี าร เปิดตัวกลไก คีเนติก แบบ ไดเร็กต์ ไดรฟ์ อีกระดับของความสะดวกใน การใช้งานเพราะสามารถขึ้นลานด้วยมือผ่านเม็ดมะยมได้และมาพร้อม เข็มแสดงกำาลังสำารองที่สามารถแสดงระดับประสิทธิภาพในการขึ้นลาน ณ ขณะนั้นได้ ออกมาอีกประเภทหนึ่ง และต่อมาก็มีนาฬิกากลไก คีเนติก พร้อมฟังก์ชั่นจีเอ็มที สำาหรับแสดงเวลาที่สอง ออกมาให้เลือกสรรกันด้วย ล่าสุดในปีน้ี Seiko ก็ได้เปิดตัวนาฬิกา Premier Kinetic Perpetual The One เจเนอเรชัน่ ใหม่ ซึง่ ใช้ตวั เรือนและสายทีด่ ไี ซน์ใหม่ให้มคี วามงามหรู อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ออกมาสูต่ ลาดด้วย
PREMIER Kinetic Perpetual The One SNP139P ตัวเรือนและสาย วัสดุสตีล ; หน้าปัดสีเงินลายแถบแนวตั้งสวยหรู ; หลักชั่วโมงเลขโรมันสีดำา ; แท่งหลักชั่วโมง กรอบหน้าต่างวันที่ และกรอบโครงหน้าปัด เป็นสีเงิน ; เข็มสีน้ำาเงิน ; พื้นวันที่เป็นสีขาว
Kinetic Perpetual The One • • • • • • • •
ตัวเรือนและสายดีไซน์ใหม่ งามสง่าหรูหรายิ่งขึ้น ขนาดตัวเรือน 42.9 มม. เหมาะกับข้อมือบุรุษในยุคปัจจุบัน ประสิทธิภาพการกันน้าำ 100 เมตร กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ ฟังก์ชั่น เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ ระบบปฏิทินอัจฉริยะที่ปรับตั้งและแสดง วันที่ เดือน และลีพเยียร์ โดยอัตโนมัติ อย่างถูกต้องแม่นยำาจนถึงปี 2100 ฟังก์ชั่น บิ๊ก-เดท แสดงวันที่ด้วยตัวเลขขนาดใหญ่ 2 หลัก ผ่านกรอบหน้าต่างคู่ ฟังก์ชั่น สลีพ โหมด ประหยัดพลังงานเมื่อไม่ได้ ใช้งานนาฬิกาเกินกว่า 24 ชั่วโมง ฟังก์ชน่ั ออโต้ รีเลย์ ปรับตัง้ เป็นเวลาปัจจุบนั โดยอัตโนมัติ เมือ่ นำานาฬิกามาใช้งาน
PREMIER Kinetic Perpetual The One SNP146P “Special Edition Novak Djokovic” ตัวเรือนสตีล เคลือบโรสโกลด์ สวมคู่มากับสายยาง โพลียูรีเทนสีดำา ตกแต่งด้วยหนังสีนา้ำ ตาล ลายผิวจระเข้ ; หน้าปัดสีเทาดำาลายแถบขวาง สื่อถึงลายหญ้าของคอร์ทเทนนิส ; หลักชั่วโมงเลขโรมันสีขาว ; แท่งหลักชั่วโมง เข็ม ขอบวงหน้าปัดขนาดเล็ก และกรอบหน้าต่างวันที่ เป็นสีโรสโกลด์ ; ปลายเข็มวินาทีเป็นสีแดง ; กรอบโครงหน้าปัดและพื้นวันที่เป็นสีดำา
GPS SOLAR
นิยามใหม่แห่งมาตรฐานความแม่นยำา
ความมุ่งมั่นในการสร้างเครื่องบอกเวลาที่มีความเที่ยงตรง แม่นยำายิ่งขึ้น คือสิ่งที่ท้าทายสติปัญญาและความสามารถของนัก ประดิษฐ์นาฬิกาในทุกยุคทุกสมัย ซึ่งนอกจากด้านเทคนิคของกลไก แล้ว สภาวะหรือสถานการณ์ในการใช้งานก็เป็นอุปสรรคสำาคัญทีม่ ผี ล ต่อความแม่นยำาด้วย ข้อจำากัดเหล่านีถ้ กู ทลายอย่างราบคาบโดย Seiko ด้วยนวัตกรรมกลไกที่ผสานเข้ากันเป็นหนึ่งเดียวกับเทคโนโลยีอัน ก้าวล้าำ ของโลกยุคปัจจุบนั นัน่ ก็คอื กลไกระบบ จีพเี อส โซล่าร์ ทีบ่ ญั ญัติ นิยามใหม่ให้กบั มาตรฐานความแม่นยำาของนาฬิกา จากความสามารถ ในการแสดงเวลาได้อย่างถูกต้องอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ใดบนโลก ด้วยการรับสัญญาณโดยตรงจากระบบดาวเทียม จีพเี อส ซึง่ ในปัจจุบนั คงไม่มรี ะบบกลไกใดทีจ่ ะแสดงเวลาได้อย่างเทีย่ งตรงไปกว่านีอ้ กี แล้ว อีกทั้งยังมอบความสะดวกในการใช้งานด้วยการนำาพลังงานจากแสง มาแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนกลไกด้วย กลไกชนิดนี้ ถูกนำามาติดตั้งในนาฬิกา Astron GPS Solar ซีรี่ส์ใหม่ของ Astron ตระกูลนาฬิกาล้าำ เทคโนโลยีทส่ี บื เชือ้ สายมาจากนาฬิกา Quartz Astron สมัยปี 1969 ซึง่ เป็นนาฬิกาข้อมือกลไกควอตซ์แบบแรกของโลกทีม่ กี าร ผลิตออกจำาหน่ายจริง นอกจากนี้ เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา Seiko ก็ได้ นำากลไก จีพเี อส โซล่าร์ ไปติดตัง้ กับนาฬิกา ลิมเิ ต็ด เอดิชน่ั ของตระกูล ดำาน้ำา Prospex Marinemaster ด้วย ไม่ว่าจะสวมติดข้อมือไปยังประเทศใด แม้แต่บนเขา กลาง มหาสมุทร หรือกลางทะเลทราย นาฬิการะบบ จีพีเอส โซล่าร์ ก็จะ แสดงเวลาของทีแ่ ห่งนัน้ ได้อย่างถูกต้องอยูเ่ สมอ ด้วยการรับสัญญาณ เวลาจากดาวเทียม จีพีเอส โดยอัตโนมัติเมื่อหน้าปัดได้รับแสงสว่าง ขณะอยู่กลางแจ้ง อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถปรับตั้งเวลาและเขตไทม์โซน
ได้ด้วยตนเอง หากไม่สะดวกที่จะทำาการรับสัญญาณใหม่ และเพื่อ ความปลอดภัยสูงสุดยามเดินทาง จึงได้ติดตั้งโหมด อิน-ไฟลท์ เพื่อ ระงับการรับสัญญาณ จีพีเอส มาให้เปิดใช้งานในขณะโดยสารบน เครื่องบิน เพื่อเป็นการป้องกันสัญญาณรบกวนที่อาจส่งผลกระทบต่อ เครื่องมืออิเล็คทรอนิกต่างๆ ของเครื่องบิน ซีรี่ส์ Astron GPS Solar ได้รับการออกแบบมาในรูปแบบ นาฬิกาสปอร์ตหรู โดยมีขนาดและดีไซน์ในลักษณะเดียวกับนาฬิกา สปอร์ตแบบเข็มอนาล็อกชัน้ เลิศ ด้วยรูปแบบของแผงรับแสงทีท่ าำ หน้าที่ เป็นพืน้ หน้าปัดได้อย่างงดงามไร้ทต่ี ิ และเสารับสัญญาณทีส่ ร้างให้เป็น ลักษณะของวงแหวนซึง่ ซ่อนตัวอย่างแนบเนียนอยูภ่ ายใต้ขอบตัวเรือน เซรามิก โดยนอกจากมาตรและเข็มแสดงการทำางานของฟังก์ชน่ั จีพเี อส แล้ว ก็ไม่ได้มอี ะไรทีผ่ ดิ แผกไปจากนาฬิกาสปอร์ตหรูทว่ั ไปแต่อย่างใด ASTRON GPS SOLAR Dual Time Big-Date SSE149J ตัวเรือนและสาย วัสดุสตีล เคลือบ ฮาร์ด โค้ตติ้ง เพื่อเพิ่มความทนทาน ; หน้าปัดสีดำา ; หลักชั่วโมง เข็มชั่วโมงกับนาที กรอบหน้าต่างวันที่ และขอบหน้าปัดขนาดเล็ก เป็นสีเงิน ; พื้นวันที่เป็นสีขาว ตัวเลขสีดาำ
SEIKO
179
และนับจากเปิดตัวครัง้ แรกเมือ่ ปี 2012 ก็ได้มกี ารผลิตรุน่ ฟังก์ชน่ั ต่างๆ เพิ่มเติมออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มทางเลือกอันหลากหลายให้กับ คอลเลคชั่น เช่น รุ่น “ดูอัลไทม์” ที่มีหน้าปัดสำาหรับแสดงเวลาที่สอง, รุ่น “โครโนกราฟ” ฟังก์ชั่นจับเวลา และรุ่น “เวิลด์ไทม์” ที่มีดีไซน์ เรียบง่าย เป็นต้น โดยล่าสุดในปี 2017 ก็มีรุ่น “ดูอัลไทม์ บิ๊ก-เดท” ที่นอกจากจะเป็นนาฬิกาแบบ ดูอัลไทม์ แล้ว ยังเสริมความโดดเด่น ด้วยตัวเลขวันที่ขนาดใหญ่ 2 หลัก ที่แสดงค่าอย่างชัดเจนผ่านกรอบ หน้าต่างคู่ เปิดตัวออกมาด้วย
Dual Time Big-Date • • • • • • • • • • • • • • •
ขนาดตัวเรือน 45.5 มม. หนา 13 มม. ขอบตัวเรือน เซรามิก สีดำา งดงามทันสมัยและป้องกันรอย ขีดข่วนได้เป็นอย่างดี กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ เคลือบ ซูเปอร์-เคลียร์ โค้ตติ้ง เพื่อให้ปราศจากแสงสะท้อน ประสิทธิภาพการกันน้ำา 100 เมตร กลไกระบบ จีพีเอส โซล่าร์ Calibre 8X42 แสดงเวลาอย่างถูกต้องแม่นยำาอยู่เสมอในทุกแห่งหนบนโลก ด้วยการรับสัญญาณจากระบบดาวเทียม จีพีเอส สั่งการอย่างง่ายดายด้วยปุ่มกด ระบบปฏิทินอัจฉริยะ ปรับตั้งวันที่โดยอัตโนมัติอย่างถูกต้อง แม่นยำา แม้ปีอธิกสุรทิน ฟังก์ชั่น บิ๊ก-เดท แสดงวันที่ด้วยตัวเลขขนาดใหญ่ 2 หลัก ผ่านกรอบหน้าต่างคู่ ฟังก์ชั่นแสดงเวลาของประเทศที่สอง ด้วยเข็มชั่วโมงกับนาที และเข็มแสดง AM/PM บนวงหน้าปัดขนาดเล็ก ฟังก์ชั่นเวิลด์ไทม์ ปรับเลือกเวลาได้ 39 ไทม์โซน ฟังก์ชั่นปรับเวลา เดย์ไลท์ เซฟวิ่ง ไทม์ ทำางานด้วยพลังงานจากแสง ตรวจสอบค่าพลังงานและสัญญาณการเชื่อมต่อ จีพีเอส ได้อย่างง่ายดายด้วยมาตรเข็มบนหน้าปัดขนาดเล็ก ฟังก์ชั่น ไฟลท์ โหมด ตัดสัญญาณตามหลักการบิน ขณะโดยสารบนเครื่องบิน เคลือบสารเรืองแสง ลูมิไบรท์ บนหลักชั่วโมงและเข็ม เพื่อให้อ่านค่าได้ชัดเจนแม้อยู่ในความมืด
ASTRON GPS SOLAR Dual Time Big-Date SSE143J “Novak Djokovic Limited Edition” ผลิตจำานวนจำากัด 5,000 เรือน ; ตัวเรือนสตีล เคลือบสีดาำ ด้วยเทคนิค แบล็ค ไอพี โค้ตติ้ง สวมคู่มากับสายยาง โพลียูรีเทน สีดำา ; ดีไซน์การตกแต่ง นำาแรงบันดาลใจมาจาก การคว้าแชมป์เทนนิสแกรนด์สแลมในปี 2016 ครบทั้ง 4 รายการ ของ Novak อันได้แก่ การใช้สีเหลืองกับอักษรย่อของเมืองที่เป็น เจ้าภาพการแข่งขันทั้ง 4 รายการ (ลอนดอน, เมลเบิร์น, นิวยอร์ก, ปารีส), ลายแถบขวางสีเข้ม-อ่อน บนหน้าปัดโทนสีเทาที่สื่อถึงลายหญ้าของคอร์ท เทนนิส, ปรากฏเลขนาทีที่ 15, 30, 40 และคำาว่า LOVE บนวงแหวนของหน้าปัด ดูอัลไทม์ เพื่อสื่อถึงการแข่งขันเทนนิส นอกจากนี้ยังปรากฏลายเซ็นของ Novak และหมายเลขประจำาเรือนอยู่บนฝาหลัง อีกทั้งยังแตกต่างไปจากเพื่อน ร่วมรุน่ ด้วยการติดตัง้ หลักชัว่ โมงแบบแท่งร่วมกับเลขอารบิกโทนสีดาำ และใช้สดี าำ กับเข็มชั่วโมง เข็มนาที กรอบหน้าต่างวันที่ พื้นวันที่ และวงขอบหน้าปัดต่างๆ ร่วมด้วยเข็มวินาทีสีเหลืองที่แม็ตช์กับสีอักษรของเมืองทั้งสี่บนขอบตัวเรือน
นาฬิกาเอดิชั่น Novak Djokovic รุ่นต่างๆ เป็นนาฬิกาเอดิชั่นพิเศษที่ทาง Seiko สร้างสรรค์ออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อ เป็นเกียรติแก่ Novak Djokovic นักเทนนิส ระดับยอดฝีมือของโลก ผู้เป็นแอมบาสเดอร์ ของ Seiko มาตั้งแต่ปี 2015 โดยนำาเอาตัวตน ของเขามาถ่ายทอดผ่านดีไซน์การตกแต่ง ของนาฬิกา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำากัด โทร. 02 255 1245 - 50 / Facebook: SeikoClub / www.seiko.co.th