ลอว์นิวส์
ลอว์นิวส์
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
รวมข่าว เล่ากฎหมาย ให้สาระประชาชน ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
แจกฟรี
ในฉบับ
ที่แห่งนี้
ต้อนรับวันช้างไทยด้วยการพาชม พิพิธภัณฑ์โรง ช้างต้น ตั้งอยู่ในเขตพระตำ�หนักสวนจิตรลดา จัด ตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้บทบาทของช้างที่มีความ สำ�คัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย อ่านต่อหน้า 7
สภาทนายความ รับเงิน 25 ล้าน ลุยฟ้องจำ�นำ�ข้าว
สภาทนายความรับมอบเงิน25ล้านบาท จาก กปปส. เพื่อนำ�ไปใช้สำ�หรับการ ฟ้องคดีจำ�นำ�ข้าว “นายกสภาทนายฯ” ย้ำ� ช่วยชาวนาเต็มที่ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เวลา 14.30 น. ที่เวทีปทุมวัน นายสาทิตย์ วงศ์ หนองเตย นายวิทยา แก้วภราดัย พร้อม ช้างไทย เป็นสัตว์ทอ่ี ยูค่ แู่ ผ่นดินไทยมาช้านาน มีบทบาท ด้วยแกนนำ�คณะกรรมการประชาชนเพื่อ สำ�คัญในหลายด้าน ทั้งการศึกสงคราม การทำ�ป่าไม้ การเปลี่ ย นแปลงประเทศไทยให้ เ ป็ น การเดินทาง จนไปถึงการแห่นาคบนหลังช้าง ซึ่ง ประชาธิ ป ไตยที่ ส มบู ร ณ์ อั น มี พ ระมหา แสดงให้เห็นความผูกพันระหว่างคนไทยกับช้าง กษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ทำ�พิธีมอบ เงินสดจำ�นวน 25 ล้านบาท ให้แก่นาย อ่านต่อหน้า 8 เดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อนำ�ไปใช้จ่าย เป็นค่าธรรมเนียมศาลที่ชาวนาจะฟ้องร้อง รัฐบาลเพื่อทวงเงินจากค่าข้าวในโครงการ รับจำ�นำ�ข้าว พร้อมกันนี้ยังมอบเงิน 2.2 ล้านบาท ให้ครอบครัวชาวนาที่ฆ่าตัวตาย จากผลกระทบจากโครงการรับจำ�นำ�ข้าว 11 ครอบครัว ครอบครัวละ 2 แสนบาทด้วย
ไทม์ ไลน์
issn 2350-9848
นายสาทิตย์กล่าวว่า เนื่องจาก ชาวนาถูกรัฐบาลโกง กปปส.ทราบดีว่า ชาวนาส่วนใหญ่มีฐานะยากจน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. จึงประกาศ เดินรับบริจาคจากประชาชน 2 ครั้งได้เงิน จำ�นวน 19 ล้านบาทเศษ และมีผู้บริจาค สมทบที่เวทีอีก 8 ล้านบาท รวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น 27 ล้านบาทเศษ โดยเงินจำ�นวน 25 ล้านบาท จะนำ�ไปช่วยเหลือเป็นค่าใช้ จ่ายในการดำ�เนินคดีฟ้องร้อง ซึ่งจะมอบ ให้สภาทนายความไปดำ�เนินการ ส่วนเงิน ที่เหลืออีก 2.2 ล้านบาท จะมอบให้ชาวนา ที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย 11 ครอบครัว ซึ่งวันนี้มีครอบครัวชาวนามารับมอบ 7 ครอบครัวด้วยกัน ซึ่งอีก 4 ครอบครัวจะ ติดต่อเพื่อมอบเงินต่อไป ด้ า น น า ย เ ด ช อุ ด ม ก ล่ า ว ว่ า ใ น ฐ า น ะ ที่ ต น เ ป็ น ตั ว แ ท น จ า ก ส ภ า ทนายความได้พบชาวนาที่เดือดร้อน พวก เขาต้องเสียน้ำ�ตากับโครงการนี้ วันนี้ชาวนา
ชอกช้ำ�มาพอแล้ว เราจะช่วยเหลือพวกเขา ทางสภาทนายความมีทนายอาสาที่จะเข้า มาช่วยเหลือในการฟ้องร้องอย่างเต็มที่ ขณะที่นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า เรา เดินทางมาหลายร้อยกิโลเมตร เพื่อมายัง กระทรวงพาณิชย์เพื่อเรียกร้องความเป็น ธรรม แต่บรรดารัฐมนตรีไม่ลงมารับรู้ข้อ เรียกร้องอะไรเลย แต่กลับไปแถลงข่าวตอน ที่ไม่มีชาวนารับฟัง พวกเขาทำ�อย่างไรเพื่อ อะไร ส่วนที่เราไปยังสำ�นักปลัดกระทรวง กลาโหมก็เพื่อเรียกร้องเอาเงินของเราคืน วันนี้ตนขอเป็นตัวแทนชาวนาทั้งประเทศ ขอบคุณประชาชนทุกคนที่ร่วมบริจาคเงิน เพื่อช่วยเหลือชาวนาในการฟ้องร้องดำ�เนิน คดี วันนี้ชาวนาสบายใจได้ เรามีสภา ทนายความที่จะเข้ามาช่วยเหลือเราในการ ฟ้องร้องดำ�เนินคดีเอาเงินที่รัฐบาลโกงเรา ไปคืนมา
2
ลอว์นิวส
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
บทบรรณาธิการ
แอน พลอยส่องแสง บรรณาธิการ
ลงนามสัญญาก่อสร้างที่ทำ�การใหม่
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 15:00 น. ณ ที่ทำ�การสภาทนายความ นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ลงนามในสัญญาก่อสร้าง อาคารที่ทำ�การ ถาวรของสภาทนายความบนที่ดินที่ได้จัดซื้อไว้เมื่อปี 2549 ณ เลขที่ 127/4 ถนนพหลโยธิน แขวงคลองถนน เขตบางเขน กรุงเทพฯ กับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยมีสถาปนิก และกรรมการบริหารสภาทนายความ ร่วมเป็นสักขีพยาน
gmm.co.th
ภาพ : นัทธมน จันดี
สวัสดีค่ะ เริ่มย่างก้าวเข้าหน้าร้อนกันแล้ว เหตุการณ์บ้านเมืองเราก็ยิ่งดูจะทวีความรุนแรงมากขึ้น เริ่ม ตัง้ แต่ ศรส. ได้มคี �ำ สัง่ ให้สลายการชุมนุมทีส่ ะพานผ่านฟ้าซึง่ อยูใ่ กล้กบั สภาทนายความ มีต�ำ รวจเป็นพัน พันนายมาเตรียมพร้อมกันบริเวณหน้าสภาทนายความกันแต่เช้า เห็นดังนั้นก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้มี เหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นเลย แต่ในระหว่างนั่งประชุมอยู่ ก็ได้ยินทั้งเสียงปืน เสียงระเบิด ดังขึ้น และก็ได้ พบว่ามีทั้งตำ�รวจและประชาชนที่เสียชีวิตจากการปะทะกันในครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุการณ์ยิงกัน ที่จังหวัดตราด การปาระเบิดไปยังหน้าห้างบิ๊กซี ราชประสงค์ จนเป็นเหตุให้มีผู้คนบาดเจ็บล้มตาย มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเด็กและผู้ใหญ่ เป็นเรื่องน่าเศร้าที่บ้านเมืองเราเริ่มเกิดความชุลมุนวุ่นวายกันขึ้น อีก ซึ่งแท้จริงแล้วเราทุกคนก็ยังไม่ทราบกันแน่ชัดว่า เป็นฝีมือของฝ่ายใดกันแน่ หรือเป็นบุคคลที่สามที่ ถือโอกาสสร้างสถานการณ์ก็เป็นได้ ถ้าทุกฝ่ายตกลงจบเรื่องกันลงด้วยดีประเทศชาติจะได้บอบช้ำ�น้อย ที่สุดและมุ่งหน้าสู่การพัฒนาประเทศชาติต่อไป สำ�หรับข่าวต่างประเทศนัน้ มีหลายเรือ่ งทีด่ จู ะคล้ายกับเหตุการณ์ในบ้านเมืองเราในช่วงนี้ ดัง เช่นการประท้วงโค่นล้มรัฐบาลของประเทศยูเครน ซึ่งก็เริ่มมีการต่อต้านขึ้นพร้อมๆ กับประเทศไทยเรา แต่ในประเทศเขาจะดูมคี วามรุนแรงกว่าเรามาก แต่ทา้ ยทีส่ ดุ ประเทศยูเครนก็ลม้ รัฐบาลสำ�เร็จเรียบร้อย แล้วแลกกับการเสียเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชนและฝ่ายรัฐเป็นจำ�นวนมาก ซึ่งก็คงเป็นบทเรียนและ ข้อคิดให้พวกเราได้ว่าการโค่นล้มรัฐบาลของยูเครนนั้น มีการแทรกแซงจากบุคคลภายนอกจึงทำ�ให้ ประชาชนต้องล้มตายเป็นจำ�นวนมาก แท้จริงแล้วการเมืองภายในประเทศก็ควรจะให้คนในประเทศช่วย กันแก้ไขปัญหากันเอง เพราะการที่มีบุคคลภายนอกเข้ามาแทรกแซง เขาก็คิดแต่จะหาผลประโยชน์จาก เรา การทีพ่ นี่ อ้ งเราจะล้มหายตายจากไปเป็นจำ�นวนมากมายเท่าไรก็ไม่ได้มผี ลกระทบกับบุคคลภายนอก เหล่านั้น คงไม่มีใครรักประเทศของเราเท่ากับพวกเรากันเองนะคะ นอกจากนี้ ยังมีข่าวซึ่งต่อเนื่องมาจากการโค่นล้มรัฐบาลในอดีตของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ใน สมัยนายเฟอร์ดินัน มากอส เป็นประธานาธิบดี ได้ถูกโค่นล้มรัฐบาลเช่นกันด้วยข้อหาการคอรัปชั่น ประเทศและการโกงการเลือกตัง้ ในระหว่างทีป่ กครองประเทศเป็นเวลายาวนานกว่า 30 ปี ทรัพย์สนิ ต่างๆ บางส่วนได้ถูกยึดและยังคงมีผู้ฟ้องร้องเรียกร้องกันจนมาถึงปัจจุบัน ท่านผู้อ่านสามารถดูรายละเอียดได้ ในหน้าข่าวต่างประเทศที่เป็นภาษาอังกฤษนะคะ คงจะเป็นตัวอย่างและอุทาหรณ์ที่ดีให้กับเราบ้าง เรื่องของโครงการจำ�นำ�ข้าวของชาวนา ถึงแม้รัฐบาลจะได้พยายามทุกวิถีทางอย่างเต็มที่เพื่อ จะหาเงินมาคืนให้แก่ชาวนา ทั้งที่ได้มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่าธนาคารออมสินได้ปล่อย Inter Bank Loan ให้ ธกส. เป็นเงิน 5,000 ล้านบาทในงวดแรก แต่สุดท้ายก็ทนกระแสประชาชนทั่วไปที่ไม่เห็นด้วย ได้จากการทีแ่ ห่กนั ถอนเงินออกจากธนาคารออมสินเป็นเงินถึง 70,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 2 วันเท่านั้น ยันผลให้ผู้อำ�นวยการธนาคารออมสินต้องออกมาประกาศความรับผิดชอบโดยการขอลา ออก ส่วนทางนายกรักษาการ ยิง่ ลักษณ์ ก็ถกู ปปช. ชีม้ ลู มาแล้วว่ามีสว่ นในความผิดในโครงการรับจำ�นำ� ข้าวด้วยเนื่องจากเป็นประธานคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ (กขช.) และให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นี้ ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ชาวนาขาดความเชื่อถือในรัฐบาลมากยิ่งขึ้น และยังเดินหน้ายื่น เรื่องต่อสภาทนายความทั่วประเทศเพื่อฟ้องร้องเอาเงินคืน โดยทาง กปปส. ได้มอบเงินจำ�นวน 25 ล้าน บาท ให้แก่สภาทนายความเพื่อช่วยเป็นค่าธรรมเนียมศาลในการฟ้องร้องต่อศาล และหากเงินกองนี้ เหลือ ก็จะเก็บไว้เป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลือทนายความทั่วประเทศต่อไปในอนาคตอีกด้วยในเรื่องเกี่ยว กับคดีความทั้งหลายของชาวนาจนกว่ากองทุนนี้จะหมดไปนะคะ จากที่ได้มีท่านผู้อ่านได้เสนอแนะมาว่าเนื่องจากประเทศไทยเรากำ�ลังจะย่างเข้าสู่ประชาคม อาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ ภาษาอังกฤษจึงเป็นเรื่องสำ�คัญสำ�หรับเรามากขึ้น ดังนั้น นอกจากกอง บรรณาธิการจะได้มกี ารสอนคำ�ศัพท์กฎหมายภาษาอังกฤษแล้วในคอลัมน์ Legal Terms and Concepts Made Easy เราจึงได้เพิม่ คอลัมน์การสอนภาษาอังกฤษเพิม่ ขึน้ อีกด้วย โดยจะเริม่ ในฉบับต่อไป นอกจาก นี้ ทางฝ่ายโฆษณาได้ฝากประชาสัมพันธ์มาด้วยสำ�หรับท่านผู้อ่านท่านใดที่สนใจลงโฆษณา ไม่ว่าจะ เป็นการประกาศเรื่องทั่วไป การประกาศรับสมัครงาน หรือการโฆษณาสินค้า ผลิตภัณฑ์ บริการ ของ ท่าน สามารถติดต่อขอลงโฆษณากับเราได้ค่ะ ท้ายสุดนี้ กองบรรณาธิการขอฝากหลักธรรมทางพุทธศาสนาเพือ่ เสริมสร้างความสามัคคีและ สร้างความเป็นปึกแผ่นไว้ในใจท่านผู้อ่านทุกท่าน เพื่อช่วยให้จิตใจเย็นลงในช่วงเข้าหน้าร้อนรวมทั้ง เหตุการณ์บ้านเมืองที่เริ่มร้อนขึ้น ซึ่งมีหลักธรรมอยู่ 6 ประการ คือ: 1. เมตตามโนกรรม หมายถึง การคิดดี การมองกันในแง่ดี มีความหวังดีและปรารถนาดีต่อ กัน รักและเมตตาต่อกัน 2. เมตตาวจีกรรม หมาย ถึง การพูดแต่สิ่งที่ดีงาม พูดกันด้วยความรักความปรารถนาดี 3. เมตตากายกรรม หมายถึง การทำ�ความดีต่อกัน สนับสนุนช่วยเหลือกันทางด้านกำ�ลัง 4. สาธารณโภคี หมายถึง การรู้จักแบ่งปันผลประโยชน์กันด้วยความยุติธรรม ช่วยเหลือกัน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ไม่เอารัดเอาเปรียบ 5. สีลสามัญญตา หมายถึง การปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อบังคับหรือวินัยต่าง ๆ อย่างเดียวกัน เคารพในสิทธิเสรีภาพของบุคคล 6. ทิฏฐิสามัญญตา หมายถึง มีความคิดเห็นเป็นอย่างเดียวกัน คิดในสิง่ ทีต่ รงกัน ปรับมุมมอง ให้ตรงกัน รู้จักแสวงหาจุดร่วมและสงวนไว้ซึ่งจุดต่างของกันและกัน ไม่ยึดถือความคิดของตนเป็นใหญ่ รู้จักยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นอยู่เสมอ คนในสังคมเราย่อมมีความแตกต่างกันในด้านความคิดอยูแ่ ล้ว หากเราพยายามปรับให้มคี วาม คิดเห็นไปในทางเดียวกัน แต่กเ็ คารพและสงวนในความคิดเห็นทีต่ า่ งกันอย่างเข้าใจ เพือ่ นำ�ความคิดต่าง นั้นมารับฟังเพื่อพัฒนาหรือแก้ไขไปในทางที่สร้างสรรค์ สังคมเราก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข สันติ และร่วมกันพัฒนาประเทศชาติอันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทยทุกคนต่อไปได้ค่ะ
ท่านกำ�ลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ (อีกรอบ)
ZocialRank ผู้ให้บริการจัดเก็บสถิติและข้อมูลบนโลกออนไลน์ได้เผยสถิติการรับชมมิวสิค วิดีโอของคนไทยตลอดทั้งปี 2556 ที่ผ่านมา คลิปที่มียอดวิวสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1. ขอใจเธอแลกเบอร์โทร 2. รักต้องเปิด (แน่นอก) 3. ภูมิแพ้กรุงเทพ 4. ลมเปลี่ยนทิศ 5. ไม่บอกเธอ (เพลงประกอบซีรี่ยส์ ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น)
จากผู้อ่าน ดิฉันได้อ่านลอว์นิวส์ ฉบับที่ 3 และ4 เห็นว่าดีมาก เพราะมีทั้งภาคภาษา ไทย และภาษาอังกฤษ เพื่อจะให้ ทนายความ รวมทั้งตัวดิฉันเอง ได้ ทราบข่าวสารที่หลากหลายและเป็น ประโยชน์ และได้ศึกษาเรียนรู้ภาษา อังกฤษเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการเตรียม ตัวสำ�หรับ AEC ที่จะมีขึ้นในอีกไม่ นานนี้ -ชไมพร
คุณชไมพรได้รับรางวัลเป็น หนังสือ 69 ภารกิจเก๋ๆ ที่ ควรทำ�ก่อนตาย จาก สำ�นักพิมพ์ Springs Books
ส่งความคิดเห็น คำ�ติ-ชม ที่มีต่อ นสพ. ลอว์นิวส์ ได้ที่ สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เลขที่ 7/89 อาคาร 10 ถนนราชดำ�เนินกลาง แขวง บวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 หรือทาง lawnewslct@gmail.com
ลอว์นิวส์
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
สลด เด็กเหยื่อลูกหลง
เซ่น 4 ศพ สังเวยขัดแย้ง
ctvnews.ca
สุดสลด เด็กไทย 4 คนตกเป็นเหยื่อผู้ เคราะห์ร้ายจากความขัดแย้งทางการ เมืองโดยที่ตนเองมิได้เข้าร่วมชุมนุม แต่กลับถูกลูกหลงจากเหตุการณ์ป่วน รายวันถึงแก่ความตาย “ตราด” ศพแรก วันที่ 22 กุมภาพันธ์ เวลา 21.30 น. ที่เวที กปปส. ตลาดยิ่งเจริญ ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราดเกิดเหตุคนร้ายคาดว่า มีไม่ต่ำ�กว่า 4 คน ขับรถกระบะ สีขาว ไม่ ทราบยี่ ห้ อ รุ่ น และหมายเลขทะเบี ย นมา จอดริมถนนหน้าเวทีแล้วใช้อาวุธสงคราม อาทิ เอ็ม 16 กราดยิงใส่ผู้ชุมนุมที่มีอยู่ ราว 1,000 คน พร้อมกับปาระเบิดไม่ทราบ ชนิดใส่ด้วย เป็นเหตุให้มวลชนแตกตื่นและ หนีตายกันอย่างโกลาหล โดยมีคนบาดเจ็บ ถูกยิงและสะเก็ดระเบิดราว 41 คน ต่อมา มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ รวมถึง ด.ญ.ฬิฬาวัลย์ พรหมชัย วัย 5 ขวบ ซึ่งได้ รับบาดเจ็บถูกกระสุนเข้าบริเวณศีรษะ และ ได้ถูกนำ�ตัวส่งโรงพยาบาลตราด แต่ทนพิษ บาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตเมื่อเวลา 03.30 น. ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 ในขณะเกิด เหตุได้วิ่งเล่นกับเพื่อน บริเวณที่มารดาซึ่ง เป็นลูกจ้างร้านก๋วยเตี่ยวที่คนร้ายก่อเหตุยิง และปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ตราด ในคืนดังกล่าว สลดสองพี่น้องตายตามกัน ต่อมา วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 เวลาประมาณ 16.45 น. เกิดเหตุระเบิด พื้นที่เวทีชุมนุม กปปส. ที่แยกราชประสงค์ จุ ด เกิ ด เหตุ บ ริ เวณหน้ า ห้ า งบิ๊ ก ซี ร าชดำ � ริ ห่ า งจากหน้ า เวที ร าชประสงค์ ป ระมาณ 100 เมตร เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย ป่อ เต็กตึ๊ง เข้าไปรับผู้บาดเจ็บ ทยอยนำ�ส่งโรง พยาบาลต่าง ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง การ์ด กปปส. กล่าวว่า เห็นชายใส่ เสื้อสีดำ� สวมกางเกงยีนส์ นำ�วัตถุบางอย่าง ใส่ไว้ท้ายรถตุ๊กตุ๊ก ก่อนวิ่งหลบหายเข้าไป ในห้างบิ๊กซี จากนั้นได้ยินเสียงระเบิดดัง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว หลังจาก เกิดเหตุคนร้ายได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในห้าง
สรรพสินค้าบิ๊กซีราชดำ�ริ ทำ�ให้เจ้าหน้าที่ รั ก ษาความปลอดภั ย ปิ ด ห้ า งสรรพสิ น ค้ า และให้ทุกคนออกจากพื้นที่ ขณะที่แกนนำ� เวทีอย่าง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ได้เข้า ตรวจสอบเหตุการณ์ในพื้นที่ ขณะที่ พ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี เปิดเผยความคืบหน้า เหตุ ระเบิด หน้าห้างบิ๊กซี ราชประสงค์ ว่า ได้ เดินทางเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุแล้ว พบ สะเก็ดระเบิดตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ถนน ซึ่งเจ้าหน้าที่อีโอดี เข้าตรวจสอบที่เกิด เหตุแล้ว คาดว่า ระเบิดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ เป็นระเบิดขนาด 40 มิลลิเมตร ที่ใช้กับ เครื่องยิงลูกระเบิดชนิด M79 ซึ่งจะได้ตรวจ สอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ทางด้าน พล.ต.ต.สืบศักดิ์ พันธุ์ สุระ ผู้บังคับการตำ�รวจนครบาล 5 กล่าว ว่า เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ระเบิดที่คนร้ายใช้ยิง นั้น ขนาด 40 มิลลิเมตร ยิงมาจากเครื่อง ยิงเอ็ม 79 เท่าที่ตรวจสอบแล้ว คาดว่าน่า จะยิงมาเป็นวิถีแนวดิ่ง นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้ อำ�นวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าว ถึงอาการของผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดบิ๊กซี ราชดำ�ริ ที่ถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาล รามาธิบดี ว่า มีจำ�นวน 8 คน เป็นเด็ก 3 คน อาการสาหัส โดยเด็กชายอายุ 4 ปี แรง ระเบิดทำ�ให้กะโหลกศีรษะแตก จนเห็นเนื้อ สมอง และมีการตกเลือกในช่องท้อง แพทย์ ทำ�การรักษาด้วยการปั๊มหัวใจ แต่เด็กทน พิษบาดแผลไม่ไหว ได้เสียชีวิตลงแล้ว ส่วน เด็กหญิง 9 ขวบ มีการตกเลือดในช่องท้อง แพทย์กำ�ลังผ่าตัด ส่วนเด็กชาย 8 ขวบ อีก ราย มีบาดแผลที่คอ แพทย์กำ�ลังเอกซเรย์ เวลาประมาณ 19.00 น. ศูนย์ เอราวัณ สำ�นักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร (กทม.) รายงานเบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ 24 คน เสียชีวิตแล้ว 2 ราย คือ น้องเคน ด.ช. กร วิทย์ ยศอุบล อายุ 4 ขวบ ถูกระเบิดกระทบ กระเทือนสมองอย่างหนัก เสียชีวิตที่โรง พยาบาลรามาธิบดี และอีกรายเป็นหญิงวัย 40 ปี เสียชีวิตที่โรงพยาบาลพญาไท 1 ต่อมา เช้าวันที่ 24 กุมภาพันธ์
น้องเค้ก พัชราภรณ์ ยศอุบล อายุ 6 ขวบ พี่สาวของน้องเคน ก็ได้เสียชีวิตตามน้อง ชาย เมื่อเวลา 06.25 น. หลังจากที่มีการ ตกเลือดในช่องท้อง แพทย์กำ�ลังผ่าตัดช่วย เหลือ โดยสาเหตุการเสียชีวิตแพทย์ระบุว่า สมองช้ำ�และตับแตก นำ�ความโศกเศร้ามาสู่ ครอบครัวยศอุบลเป็นอันมาก ในขณะเกิดเหตุระเบิดนั้น น้าสาว ของน้องเค้กและน้องเคน ได้พาเด็กทั้งสอง และลูกชายของตนอีก 1 คน ไปเดินเล่นใน ห้างสรรพสินค้าตามปกติ แต่ในขณะที่เรียก รถสามล้อเครื่องกลับบ้าน ก็เกิดเหตุระเบิด ขึ้นเสียก่อน ด้านน้าสาวของเด็กทั้งสองและ ลูกชายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
3
“น้องขิม” ศพล่าสุด ล่าสุด วันที่ 25 กุมภาพันธ์ เมื่อเวลา ประมาณ 14.20 น. น้องขิม ด.ญ.ณัฐชยา รอ สูงเนิน อายุ 5 ขวบ ซึ่งได้รับบาดเจ็บเนื่องจากการ ถูกยิงที่ท้ายทอยด้านซ้าย ส่งผลให้มีกระสุนฝังใน สมอง จากเหตุการณ์ถล่มเวที กปปส. ที่ตลาดยิ่ง เจริญ อำ�เภอเขาสมิง จังหวัดตราด เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยอาการ สมองตาย ซึ่งถือเป็นผู้เสียชีวิตคนที่ 2 จากเหตุ ระเบิดจากเหตุระเบิดดังกล่าว
คนกรุงเตรียมใจ ปรับขึน้ ราคาตั๋วรถไฟใต้ดิน
บอร์ด รฟม. อนุมัติ ชงเรื่องให้ ครม. ขอขึ้นราคาค่าตั๋วรถไฟใต้ดินอีก 1-2 บาท อ้างสัมปทานบังคับ ดีเดย์ 3 กรกฎาคม นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะ กรรมการ (บอร์ด) รฟม. ครั้งที่ผ่านมา ได้ มีการอนุมัติการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้า ใต้ดินเอ็มอาร์ที ซึ่งเป็นไปตามสัญญา สั ม ปทานที่ กำ � หนดให้ มี ก ารปรั บ ราคา ค่าโดยสารทุกๆ 2 ปี ตามดัชนีผู้บริโภค โดยปีนี้ครบกำ�หนดตามสัญญาสัมปทาน หลังจากมีการปรับราคาไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2555 ซึ่งการปรับราคาในครั้ง นี้จะปรับอัตราค่าโดยสารจากเดิม 16-40 บาท เป็น 16-42 บาท โดยราคาเริ่มต้น แรกเข้าระบบยังอยู่ที่ 16 บาท ส่วนระยะ อื่นๆ ปรับขึ้นระยะละ 1-2 บาท สำ�หรับ อัตราค่าโดยสารที่ปรับขึ้นใหม่มีดังนี้ ระยะทาง 0-1 สถานี ราคา 16 บาทตามเดิม 2 สถานี ปรับขึ้นเป็น 19 บาท จากเดิม 18 บาท 3 สถานี ปรับขึ้นเป็น 21 บาท จากเดิม 20 บาท 4 สถานี ปรับขึ้น เป็น 23 บาท จากเดิม 22 บาท 5 สถานี
ปรับขึ้นเป็น 26 บาท จากเดิม 25 บาท 6 สถานี ปรับขึ้นเป็น 28 บาท จากเดิม 27 บาท 7 สถานี ปรับขึ้นเป็น 30 บาท จาก เดิม 29 บาท 8 สถานี ปรับขึ้นเป็น33 บาท จากเดิม 31 บาท 9 สถานี ปรับขึ้นเป็น 35 บาท จากเดิม 34 บาท 10 สถานี ปรับขึ้น เป็น 37 บาท จากเดิม 36 บาท 11 สถานี ปรับขึ้นเป็น 40 บาท จากเดิม38 บาท และ 12-17 สถานี ปรับขึ้นเป็น 42 บาท จาก เดิม 40 บาท มีผลในวันที่ 3 กรกฎาคม 2557 นายยงสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากนี้ รฟม. จะต้องนำ�รายละเอียดการปรับขึ้นค่า โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที เสนอไป ที่กระทรวงคมนาคมเพื่อนำ�เรื่องเสนอต่อ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ซึ่ ง จะต้ อ งดำ � เนิ น การให้ เ สร็ จ สิ้ น ก่ อ นวั น ที่ 3 มิถุนายนนี้ เนื่องจากตามกฎหมาย รฟม. จะต้องประกาศอัตราค่าโดยสารใหม่ ให้ประชาชนทราบก่อนดำ�เนินการปรับขึ้น ราคาเป็นระยะเวลา 1 เดือน ทั้งนี้คาดว่า ขั้นตอนการเสนอขออนุมัติจาก ครม. จะ ไม่เป็นปัญหา เพราะเป็นไปตามสัญญา สัมปทาน หากไม่ให้ปรับขึ้นราคาก็อาจโดน เอกชนฟ้องร้องได้
4
ลอว์นิวส
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
ยูกันดาแอนตี้เกย์ คุกขัน้ ต่ำ� 14 ปี daillymail.co.uk
ปธน. ยูกันดาไฟเขียว เซ็นร่างกฎหมายต่อ ต้านรักร่วมเพศ มีโทษจำ�คุกตั้งแต่ 14 ปี ถึงตลอดชีวิต ท่ามกลางการคัดค้านของ กลุ่มสิทธิมนุษยชน สำ � นั ก ข่ า วต่ า งประเทศรายงานจาก กรุงกัมปาลา ประเทศยูกันดา เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ว่าประธานาธิบดีโยเวรี มูเซเวนีของ ยู กั น ดาลงนามในร่ า งกฎหมายลงโทษ ประชาชนผู้มีพฤติกรรมรักร่วมเพศเพื่อบังคับใช้ เป็นกฎหมายไปเรียบร้อยแล้ว โดยโฆษกรัฐบาล กล่าวว่าประธานาธิบดีมูเซเวนีต้องการยืนยัน “เอกราชของยู กั น ดาในการเผชิ ญ หน้ า กั บ ความกดดันของชาติตะวันตก” ทั้งๆที่ นายกรัฐ มนตรีมูเซเวนีเพิ่งจะตกลงว่าจะชะลอกฎหมาย นี้ออกไปเพื่อรอคำ�แนะนำ�ทางวิทยาศาสตร์จาก สหรัฐ เมื่อสัปดาห์ก่อน หลั ง การลงนามดั ง กล่ า วพฤติ ก รรม รักร่วมเพศก็ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายไปแล้วใน ยูกันดา ซึ่งกฎหมายใหม่ฉบับนี้จะลงโทษจำ�เลย เป็นครั้งแรกด้วยการจำ�คุก 14 ปี และอนุญาต
ให้จำ�คุกตลอดชีวิตได้สำ�หรับผู้ที่มีพฤติกรรมรัก ร่วมเพศรุนแรง นอกจากนี้ ยังจะถือว่าเป็นการ กระทำ�ผิดในคดีอาญาหากไม่รายงานว่าตัวเอง เป็นเกย์ ทำ�ให้ผู้มีพฤติกรรมรักร่วมเพศจะไม่ สามารถใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยได้ในยูกันดา อีก ทั้งจะมีการลงโทษความผิดอาญาสำ�หรับผู้ที่ส่ง เสริ ม และแม้ แ ต่ ย อมรั บ ความสั ม พั น ธ์ รั ก ร่ ว ม เพศ โดยครอบคลุมถึงเลสเบียนด้วย ซึ่งนัก เคลื่อนไหวของกลุ่มรักร่วมเพศกล่าวว่า พวก เขาจะท้าทายกฎหมายฉบับใหม่นี้ในศาล แต่เดิมนั้น ร่างกฎหมายนี้เสนอให้ ลงโทษประหารชีวิตสำ�หรับผู้ที่มีพฤติกรรมรัก ร่วมเพศ แต่ในเวลาต่อมาได้มีการลดโทษลง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ รวมถึงประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าที่ขู่ร่าง กฎหมายฉบั บ นี้ อ าจกระทบความสั ม พั น ธ์ ระหว่างประเทศ ซึ่งสหรัฐอเมริกาให้เงินช่วย เหลือแก่ยูกันดาปีละ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สิแอนทพลอยส่ ธิสอตรี งแสง และ ยศกร ศรีอมร
กฎหมายครอบครัว กับสิทธิและหน้าที่ของหญิงไทย: การหมั้น (ตอนที่ 2) ในตอนที่แล้วได้กล่าวถึงวิธีการ “หมั้น” ให้มีผลสมบูรณ์ ตามกฎหมาย เมื่อมีผลผูกพันตามกฎหมายย่อมเกิดสิทธิ และหน้าที่ต่อกันระหว่างชายและหญิง ดังนั้นเมื่อมีฝ่ายใด หรือผู้ใดกระทำ�ให้เกิดเหตุที่ชายหญิงไม่ควรสมรสกัน ฝ่าย ที่มิได้กระทำ�ผิดย่อมมีสิทธิตามกฎหมายที่จะเรียกค่าเสีย หายซึ่งตามกฎหมายครอบครัวเรียกว่า “ค่าทดแทน” ที่กฎหมายเลือกบัญญัติคำ�ว่า “ค่าทดแทน” แทนที่จะเรียกว่าค่าสินไหมทดแทน ก็เพราะว่าสัญญาหมั้น เปรียบเสมือนสัญญาใจระหว่างชายหญิงทีจ่ ะทำ�การสมรสกัน หากมีฝา่ ยใดเปลีย่ นใจไม่สมรสกับอีกฝ่ายก็จะไปขออำ�นาจ ศาลมาบังคับให้ทำ�การสมรสกันไม่ได้ อีกทั้งหากมีการ ตกลงว่าจะให้ “เบี้ยปรับ” แก่อีกฝ่ายหากไม่มีการสมรส กัน ข้อตกลงเช่นนี้จะตกเป็นโมฆะ (ป.พ.พ. มาตรา 1438) แต่เมื่อมีการหมั้นกันแล้ว ต่างฝ่ายก็ต้องมีการจัด เตรียมพิธีการ หรือกระทำ�การใดๆ ไปเพื่อเตรียมพร้อม สำ�หรับการสมรสที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นเมื่อมีอีกฝ่ายหนึ่งผิด สัญญาหมั้น กฎหมายจึงให้สิทธิอีกฝ่ายเรียกให้รับผิดใช้ “ค่าทดแทน” ได้ โดยถ้าฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ก็ จะต้องคืนของหมั้นแก่ฝ่ายชายด้วย (ป.พ.พ. มาตรา 1439) ขอให้สังเกตว่า เรื่องการเรียกค่าทดแทนนี้
กฎหมายใช้คำ�ว่า “ฝ่ายชาย” และ “ฝ่ายหญิง” ซึ่งแตกต่าง จากเรื่องวิธีการหมั้นที่ใช้คำ�ว่า “ฝ่ายชาย” และ “หญิง” อันหมายถึงตัวหญิงนั้นเอง เพราะว่ากฎหมายเจตนาให้ สิทธิในการการเรียกค่าทดแทนมีผลไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับหญิงซึ่งก็คือ บิดามารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม หรือผู้ ปกครอง รวมถึง “บุคคลผู้กระทำ�การในฐานะเช่นบิดา มารดา” ด้วย พราะการเตรียมการเพื่อการสมรสนั้น คง ไม่ใช่ตัวหญิงแต่เพียงลำ�พังคนเดียวเตรียมการทุกอย่าง แต่ บิดามารดา ญาติ หรือบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องต่างก็คงช่วย กันในการจัดเตรียมงาน กฎหมายจึงให้สิทธิแก่บุคคลอื่น ๆ ด้วยที่ได้เตรียมการเพื่อการสมรสแต่ต้องมาเสียหายไป เนื่องจากไม่มีการสมรสเกิดขึ้นเพราะความผิดของอีกฝ่าย หนึ่ง ดังนั้นหากฝ่ายชายเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้น บุคคลที่ ถือว่าเป็น “ฝ่ายหญิง” ก็มีสิทธิเรียกค่าทดแทนได้ด้วย เมื่อเข้าใจแล้วว่าผู้ใดจะมีสิทธิเรียกค่าทดแทน ก็ มาดูต่อไปว่าค่าทดแทนนี้ครอบคลุมถึงเพียงใด (ป.พ.พ. มาตรา 1440) 1.) ทดแทนความเสียหายต่อกายหรือชื่อเสียง แห่งชายหรือหญิงนั้น (โดยที่ไม่จำ�กัดเฉพาะตัวชายหรือ หญิง แต่รวมถึงฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงด้วย ขอให้ดูฎีกาที่ 763/2526) 2.) ทดแทนความเสียหายเนื่องจากการที่คู่
หมั้น บิดามารดา หรือบุคคลผู้กระทำ�การในฐานะเช่นบิดา มารดาได้ใช้จ่ายหรือต้องตกเป็นลูกหนี้เนื่องในการ เตรียมการสมรสโดยสุจริตและตามสมควร (เช่น ค่าตัดชุด เจ้าสาวที่จะใช้ในวันแต่งงาน แต่ค่าอาหารในการเลี้ยงแขก ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายเนื่องในการเตรียมการสมรส ขอให้ดูฎีกาที่ 90/2512) 3.) ทดแทนความเสียหายเนื่องจากการที่คู่หมั้น ได้จัดการทรัพย์สินหรือการอื่นอันเกี่ยวแก่อาชีพหรือทาง ทำ�มาหาได้ของตนไปโดยสมควรด้วยการคาดหมายว่าจะ ได้มีการสมรส (เช่น ฝ่ายหญิงลาออกเพื่อมาเป็นแม่บ้าน แต่ไม่มีการสมรสเกิดขึ้น) โดยที่ถ้าตัวหญิงเป็นผู้มีสิทธิได้รับค่าทดแทน ศาลอาจตัดสินให้ของหมั้นเป็นค่าทดแทนหรือให้ถือเอา ของหมั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของค่าทดแทนก็ได้ ในครั้งนี้จะขอกล่าวถึงการเรียกค่าทดแทนจาก คนที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง แต่ยังมีการเรียก ค่าทดแทนในกรณีอื่นอีกโดยเฉพาะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1445 และ 1446 ซึ่งมีการแก้ไขบทบัญญัติให้สอดรับกับ สิทธิสตรี แต่จะสอดรับอย่างไรขอให้ติดตามกันในฉบับ หน้าต่อไป
ลอว์นิวส์
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
5 ลอว์นิวส์
ขบข่ าวเอามากัด ABC นิรนาม
5
รวมข่าว เล่ากฎหมาย ให้สาระประชาชน
thairath.com
เจ้าของ สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ปรึกษา นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายพูลศักดิ์ บุญชู ผศ. ว่าที่ร้อยตรี ดร. สุรพล สินธุนาวา นายชวน คงเพชร ดร. สุธรรม วลัยเสถียร นายสุมิตร มาศรังสรรค์ นายนิวัติ แก้วล้วน ดร. เกียรติศักดิ์ วรวิทย์รัตนกุล บรรณาธิการ, ผู้พิมพ์, ผู้โฆษณา นางแอน พลอยส่องแสง กองบรรณาธิการ นายสุวิทย์ เชยอุบล นายสุนทร พยัคฆ์ นายวิเชียร ชุบไธสง นางสาวอรอนงค์ เทศะบำ�รุง นายธีรศักดิ์ วิชชุตานนท์ นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ นายสุชาติ ชมกุล นายชลิต ขวัญแก้ว ร้อยตรีสุรศักดิ์ รอนใหม่ นายพิเชฐ คูหาทอง นายอาสา เม่นแย้ม นายผาติ หอกิิตติกุล นายวิทยา แก้วไทรหงวน นายวันรัฐ นาคสุวรรณ นายโอฬาร กุลวิจิตร นายวีรวัฒน์ จิตต์ปรุง ศิลปกรรม นายฉัตรชัย ทองศักดิ์ หนังสือพิมพ์ลอว์นิวส์ จัดทำ�โดยสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เลขที่ 7/89 อาคาร 10 ถนนราชดำ�เนินกลาง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท์ 0-2280-1567 แฟกซ์ 0-2282-9908 E-mail : lawnewslct@gmail.com พิมพ์ที่ 96 หมู่ 3 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
ผมมากับพระ (1) ขบข่าวฯ ฉบับนี้ ผมจะพาท่านผู้อ่านไปเฉียดนรกกันสักเล็กน้อย แม้ จะมิได้เป็นการทัวร์แบบถึงลูกถึงคนเหมือนพระมาลัยท่องนรกก็ตาม แต่ก็เฉียดแบบใกล้ชิดติดจอราวกับดูทีวีดิจิตอลเลยทีเดียว ครับ คุณผู้อ่านอ่านไม่ผิดหรอกครับ เพราะคราวนี้ ผมจะ พูดถึงเรื่อง “พระ” ล้วนๆ แต่เป็นพระที่มีความประพฤติที่ไม่ดี ไม่ ควรให้ความเคารพนับถือ และไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ซึ่งผมเองก็ ไม่แน่ใจว่า บรรดา “ชายห่มเหลือง” ที่ผมจะพูดถึงต่อไปนี้ พวกเขา ขาดจากความเป็นพระไปโดยอัตโนมัติกันรึยัง? แต่เอาเป็นว่า ผม ตั้งใจจะพูดถึง “ความประพฤติ” เป็นสำ�คัญ มิใช่จงใจเล่นงาน “ตัว บุคคล” พร้อมจะเจอเรื่องฉาวในวงการผ้าเหลืองกันรึยังครับ? เรื่องที่ดูเหมือนจะเจอบ่อยที่สุด โดยเฉพาะตามตลาดเช้า ทัง้ หลาย หรือแหล่งทีม่ ผี คู้ นมารวมตัวกันเยอะๆ ในตอนเช้า (ไม่เกีย่ ว กับมวลมหาประชาม็อบแต่อย่างใด) ซึง่ เกิดขึน้ ใกล้ตวั เรา โดยเฉพาะ ย่านตลาดเช้าที่อยู่ใกล้แหล่งธุรกิจใจกลางเมือง เราจะสังเกตเห็นได้ว่า การทำ�บุญตักบาตรนั้นเป็นเรื่องที่ อาจเกิดขึ้นได้ยากสำ�หรับวิถีชุมชนชาวเมืองที่เร่งรีบ เพราะต้องมี ความตั้งใจที่จะต้องตื่นแต่เช้า ปรุงอาหาร ทำ�กับข้าวทั้งของคาวของ หวาน แล้วก็ออกไปยืนรอพระที่ไม่รู้ว่าท่านจะเดินผ่านมาเมื่อไหร่? จะมาหรือไม่? และจะมากี่รูป? อาหารคาวหวานที่เตรียมไว้จะพอ หรือไม่? พระกลุ่มหนึ่งจึงได้ปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า เพื่อ เป็นการอำ�นวยความสะดวกให้แก่ชาวเมืองทั้งหลาย จะได้ไม่ต้อง แหกขี้ตากันแต่เช้า เลยวางแผนทำ�กิจการร่วมกันกับแม่ค้าข้าวแกง ถุงและแม่ค้าขายดอกไม้ธูปเทียน จัดจุดบริการเบ็ดเสร็จ One Stop Service มาจุดเดียว บริการครบวงจร ตัง้ แต่ซอื้ ข้าวถุงจากแม่คา้ แผง ถัดมาก็จะเป็นดอกไม้สดมัดเป็นช่อ พร้อมธูปเทียน หันขวามาก็จะ เจอพระนั่งหรือพระยืน (ตามพรรษามาก พรรษาน้อย) พร้อมรอรับ บาตรจากท่านชนิดที่ไม่ต้องเสียเวลารอให้เมื่อยตุ้ม (แต่อาจจะต้อง รอคิวหน่อย) เพียงเท่านี้ ท่านก็จะได้รับบุญกุศลแห่งผลบุญแบบเร่ง ด่วนนั้นในเวลาไม่ถึง 5 นาที ไม่ต้องเสียเวลาทำ�กับข้าว ไม่ต้องเสีย เวลายืนรอพระ ไม่ต้องลุ้นว่าวันนี้พระจะเดินผ่านหน้าบ้านหรือไม่ พระก็ได้ภตั ตาหาร ชาวบ้านก็ได้บญ ุ กุศล วิน-วินด้วยกันทัง้ สองฝ่าย แต่... ลืมอะไรกันไปหรือไม่? ว่าข้าวถุงที่ท่านใส่ลงไปใน บาตรนัน้ ลับหลังท่านก็เวียนกลับไปอยูบ่ นแผงขายของแม่คา้ อีกรอบ
ช่อดอกไม้ที่ถวายพระไปก็เช่นกัน นำ�ไปหมุนเวียนไปสร้างเป็นราย ได้ให้แม่ค้าอีกครั้ง ทำ�ข้าวแกง 1 ถุง ขายได้ถึง 2-3 รอบ ยิ่งถ้าเป็น ช่วงเทศกาลหรือวันพระใหญ่อาจทำ�รายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศก็เป็น ได้ ก็ชวนให้สงสัยไปอีกว่า ในเมือ่ ของใส่บาตรพระนัน้ เป็นสิง่ เดียวกัน ดังนี้ บุญที่ท่านจะได้รับจะถูกหารลงไปตามจำ�นวนรอบที่เวียนด้วย หรือไม่? นอกจากนี้ การที่พระนั่ง/ยืนอยู่เฉยๆ เพื่อรับบาตรจากผู้ มีจิตศรัทธานั้น ก็เป็นการผิดพระธรรมวินัยด้วย เนื่องจากการบิณฑ บาตรนั้น พระจะต้องเดินไปตามเส้นทางต่างๆ ที่ไม่ซ้ำ�กันในแต่ละ วัน เพื่อเป็นการกระจายพื้นที่ให้ชาวพุทธได้มีโอกาสทำ�บุญได้อย่าง ทัว่ ถึง แต่เนือ่ งจากประเทศไทยเป็นประเทศทีม่ ชี าวพุทธผูศ้ รัทธาเป็น จำ�นวนมาก ขยันสร้างวัดกันทั่วฟ้าเมืองไทย อาจทำ�ให้เกิดปัญหา “พืน้ ทีท่ บั ซ้อน” สำ�หรับการบิณฑบาตร ดังนัน้ หลายวัดจึงตกลงแบบ เขตแดนกันว่า วัดใด เดินบิณฑบาตรได้ไม่เกินเขตใด เพื่อป้องกัน ปัญหาการรุกล้ำ�พื้นที่รับบาตร ทำ�ให้ชาวพุทธหลายคนเริ่มเข้าใจว่า วัดแต่ละวัดมี “อธิปไตย” เหนือเขตแดนการบิณฑบาตรแล้วหรือ? ยิง่ ไปกว่านัน้ พระทีม่ าประกอบกิจการ “รับบาตรร่วมค้า” กับแม่ค้า ก็จะได้รับการถวายปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ เป็นค่าจ้าง เอ้ย ค่า ทำ�บุญทีม่ าช่วยส่งเสริมกิจการให้คา้ ขายร่�ำ รวยได้ดยี งิ่ ขึน้ แบบไม่ตอ้ ง ง้อนางกวักหุน่ กระปุก๊ ลุกพร้อมลูกรักกุมารทอง ซึง่ เราจะสังเกตได้วา่ พระที่มาร่วมค้านี้ ก็มักจะเป็นพระรูปเดิมๆ นั่ง/ยืนประจำ�ที่จุดเดิม ติดกับร้านขายกับข้าวถุง ดอกไม้ พวงมาลัย (และอาจยืนอยูห่ น้าแผง ลอตเตอรี่ด้วย) และมักจะไม่มีเด็กวัดติดตาม (สงสัยกลัวโดนหาร ปัจจัย) และก็น่าแปลกใจว่า บางครั้ง เป็นพระลูกวัดจากวัดชื่อดัง มีผู้ศรัทธามาทำ�บุญกันเยอะอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงประพฤติตนเช่นนี้ ราวกับพระผูใ้ หญ่เองก็ไม่สนใจทีจ่ ะควบคุม ปล่อยไปให้เป็นเรือ่ งของ พระ เข้าทำ�นอง “ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์” (แต่เรื่องนี้ที่ชั่วคือพระ) หรือ พระผู้ใหญ่ก็อาจรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ อย่างไร เรื่องฉาวคาวผ้าเหลืองยังมีอีกเยอะครับ เราทุกคนควรจะรู้ เท่าทัน อย่าให้บรรดาชายห่มเหลืองเหล่านี้ มาอ้างศรัทธาบังหน้า เพื่อหากินกับผู้ศรัทธาที่หลงผิด หลงคารมบรรดาชายห่มเหลืองอีก ต่อไป วันนี้พื้นที่ของเราหมดแต่เพียงเท่านี้ คงต้องยกยอดเรื่อง “ขบ กัด” ไปฉบับอื่นๆ แทนแล้วล่ะครับ
6
ลอว์นิวส
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
ประมวลภาพวันทนายความ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
ที่ สภาทนายความ ถนนราชดำ�เนินกลาง กรุงเทพมหานคร นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ เป็นประธานใน พิธีทำ�บุญอุทิศส่วนกุศลแก่ทนายความที่ล่วงลับ เนื่องในวัน ทนายความ ประจำ�ปี 2557 โดยมีกรรมการบริหารสภา ทนายความ ทนายความอาวุโส ทนายความอาสา และพนักงาน สภาทนายความ ร่วมในพิธี
ที่ห้องฟินิกซ์ อิมแพ็คเอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ เมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ นนทบุรี : นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ เปิดการสัมมนาทางวิชาการเนื่องในวัน ทนายความ ประจำ�ปี 2557 หัวข้อ “การเรียนรู้และเตรียม ตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)” โดยมี ดร.สุธรรม วลัยเสถียร อุปนายกฝ่ายต่างประเทศ, นายสุมิตร มาศรังสรรค์ อุปนายกฝ่ายวิชาการ และ ดร.นิ่มนวล ผิวทองงาม ผู้อำ�นวยการ AEC Strategy Center/อาจารย์ประจำ�คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย ร่วมเป็นวิทยากร ทั้งนี้มีผู้ร่วมการสัมมนากว่า 300 คน
ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี : สภาทนายความ จัดพิธีมอบโล่ทนายความดี เด่น ประจำ�ปี 2556 ในงานวันทนายความประจำ�ปี 2557 นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ เป็น ประธานในพิธีมอบโล่ทนายความดีเด่น ประจำ�ปี 2556 โดยนาย บำ�รุง ตันจิตติวัฒน์ ประธานกรรมการมรรยาททนายความ กล่าวรายงานถึงความเป็นมาของการคัดเลือกฯ ซึ่งในครั้งนี้มี ทนายความผู้ผ่านการคัดเลือกเป็นทนายความดีเด่นจำ�นวน 15 ท่าน บรรยากาศเต็มเป็นด้วยความยินดี ท่านกลางเสียง ปรบมือจากแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน อาทิ สมาชิกวุฒิสภา, กรรมการบริหารสภาทนายความ, ทนายความอาวุโส และ สมาชิกสภาทนายความจากภาคส่วนต่างๆ สภาทนายความขอแสดงความยินดีกับทนายความที่ ได้รับการคัดเลือกเป็นทนายความดีเด่น ทั้ง 15 ท่าน ซึ่งถือเป็น เกียรติประวัติอันสำ�คัญยิ่งของวิชาชีพทนายความ
ลอว์นิวส์
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
ทีว. ราชดำ ่แห่�เนิงนนี้
7
พิพิธภัณฑ์ โรงช้างต้น
ช้างเป็นสัตว์ที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน ทั้งในเรื่องของการใช้แรงงานลากซุง การศึกสงคราม การแห่นาคในบางพื้นที่ รวมถึงปัจจุบันที่จะเห็นการ แสดงของช้างที่ได้รบั การฝึกฝนมาแล้ว ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างช้างและคนไทย นอกจากนี้ ยังมีความเชือ่ เกีย่ วกับช้างทีม่ ลี กั ษณะ สำ�คัญต้องตามตำ�รา ซึ่งประชาชนได้น้อมเกล้าฯ ถวายพระมหากษัตริย์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมือง ที่แห่งนี้...พิพิธภัณฑ์โรงช้างต้น
พิพิธภัณฑ์โรงช้างต้น ตั้งอยู่ในเขตพระ ตำ�หนักสวนจิตรลดา จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็น แหล่ ง เรี ย นรู้ บ ทบาทของช้ า งที่ มี ค วาม สำ � คั ญ ในประวั ติ ศ าสตร์ ช าติ ไ ทยและ ตำ�ราคชลักษณ์ ซึ่งเป็นตำ�ราคู่มือในการ พิจารณาช้างที่มีลักษณะเป็นมงคล ช้างต้น หมายถึง ช้างที่ได้รับการขึ้น ระวางเป็นช้างหลวงส่วนพระองค์ของพระ มหากษัตริย์ แต่เดิม มีการแบ่งช้างต้น ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ช้างศึกที่เป็นช้างทรงสำ�หรับ การออกรบ 2.ช้ า งสำ � คั ญ ซึ่ ง มี ลั ก ษณะเป็ น ช้างมงคลตามตำ�ราคชลักษณ์แต่ไม่สมบูรณ์ หมดทุกส่วน 3. ช้างเผือกซึ่งมีลักษณะถูกต้อง ตามตำ�ราคชลักษณ์อย่างสมบูรณ์ ต่อมา เมื่อมีอาวุธที่ทันสมัยยิ่ง ขึ้น ยุทธวิธีในการรบจึงเปลี่ยนแปลงไป ช้างศึกเริ่มหมดความสำ�คัญลง คงเหลือ เพียงช้างต้นที่หมายถึงช้างสำ�คัญและช้าง เผือก ซึ่งหากพบก็จะมีการประกอบพระ ราชพิธีรับสมโภชและขึ้นระวางเป็นพระยา ช้างต้น ด้วยถือตามพระราชประเพณี ตาม คติ ค วามเชื่ อ ทั้ ง ในศาสนาพราหมณ์ แ ละ พุทธศาสนาถือว่าช้างเผือกเป็นสัตว์ที่สูง ด้วยมงคลทั้งปวง เป็นสัญลักษณ์ของ ความอุดมสมบูรณ์และพระบารมีเกริกไกร
อันยิ่งใหญ่แก่แผ่นดิน และจะเกิดขึ้นด้วย บุ ญ ญาบารมี แ ห่ ง พระมหากษั ต ริ ย์ แ ห่ ง แคว้นประเทศนั้น ดังนั้นเมื่อได้พบช้าง เผือกเวลาใด ก็จะมีการน้อมเกล้าฯ ถวาย พระมหากษัตริย์เพื่อให้เป็นมงคลแก่บ้าน เมือง นอกจากนี้ ยังถือว่าช้างเผือกนั้น เป็นหนึ่งในแก้ว 7 ประการ ซึ่งเป็นสิ่งซึ่ง คู่บารมีขององค์พระมหากษัตริย์ เรียกว่า สัปตรัตนะ อันได้แก่ จักรรัตนะ (จักรแก้ว) หัตถีรัตนะ (ช้างแก้ว) อัศวรัตนะ (ม้าแก้ว) มณีรัตนะ (มณีแก้ว) อัตถีรัตนะ (นางแก้ว) คหปติรัตนะ (ขุนคลังแก้ว) ปริณายกรัตนะ (ขุนพลแก้ว) ช้ า งเผื อ กตามตำ � ราคชลั ก ษณ์ นั้นมีลักษณะอันเป็นมงคล 7 ประการ ได้แก่ มีตาขาว เพดานขาว เล็บขาว ผิวหนังสีขาวหรือสีหม้อใหม่ ขนขาว ขน หางยาว และอัณฑโกศสีขาวหรือสีหม้อ ใหม่ นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งช้างเผือกได้ เป็น 3 ประเภท 1. ช้างเผือกเอก เรียกว่า สาร เศวตรหรือสารเศวตพรรณ เป็นช้างเผือก ที่มีลักษณะถูกต้อ งสมบูร ณ์ตามตำ�ราคช ลักษณ์และมีลักษณะพิเศษ คือ ร่างใหญ่ ผิวขาวบริสุทธิ์ สีดุจสีสังข์ เป็นช้างมงคลคู่ บ้านคู่เมือง 2. ช้างเผือกโท เรียกว่า ปทุม หัตถี มีผิวสีชมพูดูคล้ายสีกลีบดอกบัวแดง
แห้ง เป็นช้างมงคลเหมาะแก่การศึก 3. ช้างเผือกตรี เรียกว่า เศวตร คชลักษณ์ มีสีดุจใบตองอ่อนตากแห้ง เป็น ช้างมงคล หากมีการพบช้างสำ�คัญ ถือ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาแต่โบราณ ที่ จะไม่กล่าวว่าช้างนั้นเป็นช้างเผือกและเป็น ชั้นใด แก่ผู้ใดจนกว่าจะได้กราบบังคม ทูลให้ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทเสีย ก่อน และจะเรียกว่า ช้างสำ�คัญ ไปจนกว่า จะได้รับการขึ้นระวางและรับพระราชทาน อ้อยแดง จารึกนามแล้ว จึงเรียกว่า “ช้าง เผือก” พิพิธภัณฑ์แห่งนี้แบ่งเป็น 2 อาคาร อาคารหลังแรกจัดแสดงหุ่นจำ�ลอง ของช้างสำ�คัญที่ได้ลักษณะต้องตามตำ�รา คชลักษณ์ ประดับด้วยเครื่องคชาภรณ์ จำ�ลอง ซึ่งเป็นเครื่องประกอบเกียรติยศชั้น สูงสำ�หรับช้างสำ�คัญ ของพระเศวตอดุลย เดชพาหนฯ ช้างสำ�คัญช้างแรกในพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นเครื่อง ประกอบเกียรติยศชั้นสูงสำ�หรับช้างสำ�คัญ และได้นำ�งาคู่ของพระเศวตอดุลยเดชพา หนฯ มาจัดแสดงด้วย นอกจากนี้ ยังได้ จัดแสดงประวัติของช้างสำ�คัญตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 1 จนถึงปัจจุบัน โดยเน้นแสดง ข้อมูลของช้างสำ�คัญในสมัยของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เดิมเป็นโรงช้างต้นที่มีช้างสำ�คัญของรัชกาลปัจจุบัน เข้ายืนโรง 11 ช้าง แต่ปัจจุบันได้ไปยืนโรงในจังหวัดต่างๆ เพื่อให้ ช้างต้นได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การเลี้ยงดู เนื่องจาก สวนจิตรลดาในปัจจุบันนั้น มีอาคารโครงการในพระราชดำ�ริมากมาย คับแคบเกินกว่าที่ช้างต้นทั้งหมดจะอาศัยอยู่ได้ อาคารอีกหลังหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงคติความเชื่อ เรื่องของช้าง และรูปปั้นหุ่นจำ�ลองช้าง 4 ตระกูลตามตำ�ราคชศาสตร์ อันได้แก่ พรหมพงษ์ อิศวรพงษ์ วิษณุพงษ์ และอัคนิพงษ์ รวมถึงตำ�รา คชศาสตร์ ฉบับสมัยรัชกาลที่ 2 ว่าด้วยศาสตร์การดูคชลักษณ์ของช้าง การจับและฝึกสอนควบคุมช้าง จากตำ�ราคชศาสตร์ ได้กล่าวถึงการกำ�เนิดและแบ่งช้าง มงคลเป็น 4 ตระกูล ตามนามแห่งเทพผู้ให้กำ�เนิด ได้แก่ 1. ตระกูลพรหมพงศ์ พระพรหมเป็นผู้สร้าง ช้างตระกูล นี้เมื่อมาสู่พระบารมีย่อมให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางวัตถุและ วิทยาการต่างๆ 2. ตระกูลอิศวรพงศ์ พระอิศวรเป็นผู้สร้าง ช้างตระกูลนี้เมื่อ มาสู่พระบารมีบ้านเมืองจะมีความเจริญรุ่งเรืองด้วยทรัพย์และอำ�นาจ 3. ตระกูลวิษณุพงศ์ พระวิษณุ (พระนารายณ์) เป็นผู้สร้าง ช้างตระกูลนี้เมื่อมาสู่พระบารมีย่อมมีชัยชนะแก่ศัตรู ฝนจะตกต้อง ตามฤดูกาล ผลาหารธัญญาหารจะบริบูรณ์ 4. ตระกูลอัคนีพงศ์ พระอัคนีเป็นผู้สร้าง ช้าง ตระกู ล นี้ เ มื่ อ มาสู่ พ ระบารมี บ้ า นเมื อ งจะเจริ ญ ด้ ว ยมั ง สาหาร และมีผลในทางระงับศึก อันพึงจะเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นแล้ว ทั้งมี ผลในทางระงับความอุบาทว์ทั้งปวง อันเกิดแก่บ้านเมือง พิพธิ ภัณฑ์โรงช้างต้น ตัง้ อยู่ ใน สวนจิตรลดา พระราชวังดุสติ แขวงจิตรลดา เขตดุสติ กรุงเทพมหานคร หรือ โทรศัพท์ : 0-2282-7171-4 หรือ 0-2282-1150–1 (ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าชม)
8
ลอว์นิวส
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
ไทม์ ไลน์ วีรจิตต วัฒนบำ�รุง
การประปาไทย
“นำ�้ประปา” เป็นหนึ่งในสิ่งจำ�เป็นของชีวิต เพราะเป็นแหล่งนำ�้สะอาดที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย เนื่องจากนำ�้ตามแหล่งน้ำ�ธรรมชาติไม่สะอาดพอต่อการอุปโภคบริโภค โดย ดูแลผ่านหน่วยงานต่างๆ ทั้งการประปาส่วนภูมิภาคและการประปานครหลวง ซึ่งจะได้พาย้อนกลับไปหาจุดเริ่มต้นของ “การประปา” แต่แรกเริ่มมี ในประวัติศาสตร์ ไทย 2209
2456
2487
2497
2530
สมเด็ จ พระนารายณ์ ม หาราช โปรด เกล้ า ฯ ให้ ส ร้ า งเมื อ งลพบุ รี แ ละ พระราชวังนารายณ์นเิ วศน์ขนึ้ ซึง่ ภายใน พระราชวังดังกล่าว มีการขุดค้นพบท่อ ประปาทำ�จากดินเผาเคลือบเป็นจำ�นวน มาก และมีบันทึกไว้ว่ามีการวางระบบ ประปาและน้ำ�พุทั่วทั้งพระราชวัง
การขุดคลองส่งน้ำ�จากคลองเชียงราก แล้วเสร็จ
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการทิ้ง ระเบิดหลายแห่งในเขตกรุงเทพมหานคร ทำ�ให้ทอ่ ประปาได้รบั ความเสียหาย โดย เฉพาะอย่างยิ่ง การทิ้งระเบิดในบริเวณ ใกล้ๆ กับสะพานพระพุทธยอดฟ้า ทำ�ให้ ท่ อ ประปาเสี ย หายอย่ า งหนั ก ส่ ง ผล ให้ ก ารจ่ า ยน้ำ � ปฝั่ งธนบุ รี ต้ อ งชะงั ก ลง เทศบาลนครธนบุรีจึงได้เริ่มกิจการการ ประปาของตนโดยการขุดบ่อบาดาล
ขยายการให้ บ รการน้ำ � ประปาไปยั ง ขอนแก่น ราชบุรี อุดรธานี เชียงใหม่ ปากพนัง ภูเก็ต
ตะวั น ตก ประชาชนใ และขุดคลอ ในปี 2542
2440 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ หัว เสด็จฯ กลับจากการประพาสยุโรป ครั้ ง แรก โปรดเกล้ า ฯ ให้ ตั้ ง กรม สุขาภิบาล สังกัดกระทรวงมหาดไทย เ พื่ อ ดู แ ล ด้ า น ส า ธ า ร ณู ป โ ภ ค แ ก่ ประชาชน เนื่องจากแต่เดิมเมื่อถึงฤดู แล้ง น้ำ�สะอาดตามแหล่งน้ำ�ธรรมชาติมี น้ อ ยลง ทำ � ให้ เ กิ ด โรคระบาดไปทั่ ว พระนคร 2452 - มี ก ารซื้ อ ที่ ดิ น และเริ่ ม ขุ ด คลองส่ ง น้ำ � จากคลองเชี ย งรากที่ ปทุมธานีลงมายังสามเสน (ภายหลัง เรียกกันว่า “คลองประปา”) พร้อมตั้ง โรงสูบน้ำ�ชื่อ “โรงสูบน้ำ�สำ�แล” เพื่อสูบ น้ำ�เข้าสู่คลองส่งน้ำ� - เริ่มก่อสร้างถังสูงสำ�หรับ เพิ่มแรงดันส่งน้ำ�ไปให้แก่ประชาชน ที่ บริเวณสีแ่ ยกแม้นศรี (ปัจจุบนั ถังสูงสอง ใบนี้ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม) 2454 เริม่ ฝังท่อจ่ายน้�ำ ประปากระจายไปทัว่ ทัง้ พระนคร
2457 - พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงเปิดกิจการ “การประปากรุงเทพ” ซึง่ เป็นหน่วยงาน ในสั ง กั ด กรมสุ ข าภิ บ าล กระทรวง นครบาล เมือ่ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2457 - มีผู้ใช้น้ำ�ประปาทั้งสิ้นราว 400 คน จากประชากรในกรุงเทพฯ กว่า 330,000 คน 2464 เริ่มมีการตรวจคุณภาพน้ำ�ประปา ซึ่งข้อ เขียนของนายเฟอร์นันด์ ดิดิเย่ (Mr. Fernand Didier) วิศวกรชาวฝรั่งเศสซึ่ง เป็นผูบ้ ริหารกิจการการประปากรุงเทพฯ เขียนไว้ในหนังสือ The Bangkok Water Supply Description of the Works for Supplying the Siamese Capitol with Portable Water ว่า “น้�ำ ประปาใน กรุงเทพเป็นน้ำ�สะอาดไม่แพ้เมืองใดๆ ในโลก” 2465 มีผู้ใช้น้ำ�ประปาเพิ่มขึ้นเป็นราว 3,000 คน และจัดเก็บค่าน้ำ�ประปาในอัตรา ลูกบาศก์เมตรละ 25 สตางค์
2489 สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง แต่การ ผลิ ต น้ำ � ประปาก็ ยั ง ไม่ พ อต่ อ ความ ต้องการ ฐบาลจึงได้ตั้งคณะกรรมการ พัฒนาปรับปรุงกิจการไฟฟ้าและประปา เพื่อดูแล และมีนโยบายระงับการขอติด ตั้งไฟฟ้าและประปาชั่วคราว 2496 - เกิดการขาดแคลนน้�ำ ประปา ครั้ ง ใหญ่ ทำ � ให้ ต้ อ งขุ ด บ่ อ บาดาลใน พระนคร ธนบุรี สมุทรปราการ นนทบุรี - กรมโยธาธิการ ก่อสร้างการ ประปา ณ ศูนย์การทหารปืนใหญ่ โคก กระเทียม ใช้ชื่อว่า “การประปาพิบูล สงคราม” เพื่อผลิตและจ่ายน้ำ�ให้แก่ ประชาชน
2504 รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้จ้าง บริ ษั ท เดอเกรมองค์ จากประเทศ ฝรั่งเศส ในการก่อสร้าง ปรับปรุงโรง กรองน้�ำ สามเสนและธนบุรี จนแล้วเสร็จ ในปี 2506 2510 มี ก ารรวมการประปากรุ ง เทพ การ ประปาธนบุรี การประปานนทบุรี และ การประปาสมุ ท รปราการ เป็ น รัฐวิสาหกิจหน่วยงานใหม่ ชื่อ “การ ประปานครหลวง” เป็นหน่วยงานใน สังกัดกระทรวงมหาดไทย 2522 จัดตั้งการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2522 เพื่อดูแล กิจการด้ารการประปาในพื้นที่นอกเขต ดูแลของการประปานครหลวง
2533
การประปา จากสี่แยกแ
2549 มีการค้นพ ค้ น โบราณ จังหวัดพิษ ปี
ลอว์นิวส์
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
9
ยเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะเข้ามา
- จัดทำ�โครงการประปาฝั่ง เพื่ อ รองรั บ การใช้ น้ำ � ของ ในเขตธนบุรีและนนทบุรี
- สร้างโรงกรองน้ำ�มหาสวัสดิ์ องประปาสายใหม่ แล้วเสร็จ 2
านครหลวงย้ายสำ�นักงานใหญ่ แม้นศรี มายังบางเขน
พบระบบประปาโบราณขณะขุด ณสถานที่ พ ระราชวั ง จั น ทน์ ษณุโลก คาดว่ามีอายุราว 500
สำ�นักงานใหญ่การประปานครหลวงที่ สี่ แ ยกแม้ น ศรี ในอดี ต และปั จ จุ บั น (บน) ซากท่อประปาดินเผา ต้นกำ�เนิดการ ป ร ะ ป า ไ ท ย ปั จ จุ บั น ตั้ ง อ ยู่ ที่ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี (ล่าง)
จึงเห็นได้ว่า การประปาของ ไทยนีม้ กี ารเริม่ ต้นและได้พัฒนามาอย่าง ต่อเนือ่ ง ให้มคี วามทันสมัยเทียบเท่าชาติ ตะวันตกมาโดยตลอด นับตั้งแต่สมัย อยุธยาจนถึงปัจจุบนั และเนือ่ งในโอกาส ครบรอบ 100 ปีการประปาไทยในวัน ที่ 14 พฤศจิกายน 2557 การประปา นครหลวงก็ ไ ด้ จั ด กิ จ กรรมต่ า งๆ มากมาย ผู้ ส นใจสามารถเข้ า ชมราย ละเอียดได้ที่ www.mwa.co.th
10
ลอว์นิวส
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
BINGE-WATCH BINGBING
รางวัลสุพรรณหงส์
Godzilla & Friends อย่างที่บอกว่า ซัมเมอร์นี้ หนังเยอะเหลือเกิน พอยิ่งใกล้กำ�หนดฉายแต่ละค่ายก็ปล่อย ไม้ตายออกมากันใหญ่ ตัวอย่างสไปเดอร์แมนตัวที่สิบ เอ็กซ์เมนตัวที่สิบสาม ก็ไล่ดูกัน ไป ต่อมความอยากดูก็ยิ่งทำ�งาน อยากรู้เรื่องอีก หนังยังไม่ได้ดูก็ไปตามอ่านสปอยล์ จากเว็บเมืองนอกเมืองนา ล่าสุดเมื่อสิ้นเดือน วอร์เนอร์ บราเธอร์ ก็ได้ปล่อยตัวอย่าง ก๊อตซิลล่า เวอร์ชั่น 2014 ถึงเห็นตัวเอกของเรื่องไม่ชัดแต่รู้สึกได้ถึงความอลังการ ความใหญ่ ความน่ากลัวของ มัน จากตัวอย่างแค่ไม่ถึงสองสามนาที เราได้เห็นการทำ�ลายล้างของมัน แฟนๆ ของก็อต ซิลล่าหลายคน เห็นตัวอย่างหนังก็พากันตื่นเต้น เนื่องจากหนัง ก็อตซิลล่าฉบับนี้จะทำ�ออก มาโดยเคารพต้นฉบับ โดยเป็นการต่อสู้ของมันและสัตว์ประหลาดตัวต่างๆ จากตัวอย่าง นี่ คือสัตว์ที่เราคาดว่าจะได้เจอจอภาพยนตร์วันที่ 15 พฤษภาคม วันที่หนังเรื่องนี้เข้าฉาย
จัดกันเป็นครั้งที่ 23 แล้ว สำ�หรับรางวัลทางภาพยนตร์ อย่าง สุพรรณหงส์ ครั้งนี้ หนังอินดี้อย่าง Mary is happy, Mary is happy. และ ตั้งวง ก็ควงคู่กัน กวาดรางวัลในสาขาต่างๆ รางวัลผู้แสดงนำ�ชาย ได้แก่ ณเดชน์ คูกิมิยะ จากภาพยนตร์เรื่อง คู่กรรม รางวัล ผู้แสดงนำ�หญิง ได้แก่ พัชชา พูนพิริยะ จาก Mary is Happy, Mary is Happy รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ตกเป็นของ ภาพยนตร์เรื่อง ตั้งวง ผลรางวัลทั้ง 16 รางวัลได้แก่ 1.เทคนิคการสร้างภาพพิเศษยอดเยี่ยม (Best Visual Effects) บริษัท เซอร์เรียล สตูดิโอ จำ�กัด ทศพร พูน นารถ “ต้มยำ�กุ้ง 2” 2. เทคนิคพิเศษการแต่งหน้ายอดเยี่ยม (Best Make Up Effects) อาภรณ์ มีบางยาง “ทองสุก 13” 3. ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม (Best Costume Design) วรธน กฤษณะกลิน “คู่กรรม” 4. กำ�กับศิลป์ยอดเยี่ยม (Best Art Direction) อรรค เดช แก้วโคตร “พี่มาก...พระโขนง” 5.ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม (Best Original Score) ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ “จันดารา ปัจฉิมบท” 6. เพลงนำ�ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Original Song) เพลง “เยียวยา” จากภาพยนตร์ “Last Summer ฤดูร้อนนั้น ฉันตาย“ ประพันธ์และขับร้องโดย ซิน ทศพร อาชวานันทกุล 7.บันทึกเสียงและผสมเสียงยอดเยี่ยม (Best Recording and Sound Mixing) ห้องบันทึกเสียงรามอินทรา “ต้มยำ�กุ้ง 2” 8. ลำ�ดับภาพยอดเยี่ยม (Best Film Editing) ชลสิทธิ์ อุปนิกขิต “Mary is Happy, Mary is Happy” 9. ถ่ายภาพยอดเยี่ยม (Best Cinematography) ไพรัช คุ้มวัน “Mary is Happy, Mary is Happy” 10. บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Screenplay) คง เดช จาตุรันต์รัศมี “ตั้งวง” 11. ผู้แสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Best Supporting Actress) ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย “Mary is Happy, Mary is Happy” 12. ผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Best Supporting Actor) ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์ “ตั้งวง” 13. ผู้แสดงนำ�หญิงยอดเยี่ยม (Best Actress) พัชชา พูนพิริยะ “Mary is Happy, Mary is Happy” 14. ผู้แสดงนำ�ชายยอดเยี่ยม (Best Actor) ณเดชณ์ คู กิมิยะ “คู่กรรม” 15. ผู้กำ�กับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Director) คง เดช จาตุรันต์รัศมี “ตั้งวง” 16. ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture) “ตั้งวง” บริษัท นอร์ท สตาร์ โปรดักชั่น จำ�กัด บริษัท ซองซาวด์ โปร ดักชั่น จำ�กัด
ลอว์นิวส์
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
แผงหนังสือ หนังสือน่าอ่าน
11
เรื่อง (ไม่) สนุกใน ศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่ออดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ "วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์" จับปากกาเล่าเรื่อง ราวตั้งแต่ก่อนจะมาเป็นตุลาการศาล รัฐธรรมนูญ เบื้องลึกเบื้องหลังคดีดัง หลายคดีในปี 2551-2555 ทั้งคดี "ชิมไป บ่นไป" คดียุบพรรคพลังประชาชน และ คดีอื่นๆ อีกหลายคดี รวมถึงเรื่องชีวิต ส่วนตัวของผู้เขียน ที่หลายคนอาจไม่เคย ทราบมาก่อน ติดตามได้ในหนังสือเล่มนี้
สัฉัตรชยา มภาษณ์ ละครเรื่องล่าสุดอย่าง “เวียงร้อยดาว” เพิ่งจบไป รับบท ดาราเรศ หนึ่งในตัวละครที่น่าสงสาร ไม่น่าเชื่อว่าจริงๆ แล้วเธอเล่นละครมาแล้วกว่า 27 เรื่อง อยู่ ในวงการ บันเทิงมากว่าสิบปีแล้ว เราเลยส่งคำ�ถามที่เราอยากรู้ เช่น เธอประทับใจตัวละครตัวไหนที่เล่น มีเทคนิคอย่างไรสำ�หรับ คนที่ทำ�งานไปด้วยเรียนไปด้วย หลังจากได้เสียงสัมภาษณ์ กลับมา เราพบว่าเธอเป็นนางร้ายที่โก๊ะ ตลก และคุยสนุก มาก ประทับใจสามเรื่องค่ะ เรื่องแรก ทองเนื้อเก้า รับบท เป็น ลำ�ดวน เรื่องที่สองผู้ใหญ่ลีกับนางมา รับบท ประทุม เป็น ละครเรื่องแรกที่รับบทร้ายตลกๆ น่ารักๆ เรื่องที่สามเรื่องที่ ประทับใจ เพราะยากมากๆ เลย คือเรื่อง พริกไทยกับใบข้าว เรื่องนี้อาจจะไม่ค่อยดังเปรี้ยงปร้าง แต่ว่าสำ�หรับตัวละครตัวนี้ สำ�หรับมะปรางถือว่าหนักมากๆ ส่วนที่เป็นลำ�ดวนในทองเนื้อ เก้า รู้สึกว่าทีมงานนักแสดงทุกคน กลมกลืน บทออกมาเล่น ได้เข้าถึงดีค่ะ สำ�หรับการเล่นบทที่คล้ายคลึงกัน ทำ�ยังไงให้ออก มาแตกต่างใช่มั้ยคะ ตัวละครทุกตัวไม่ว่าจะร้ายคล้ายกันขนาด ไหน ก็จะมีความแตกต่างในตัว เพราะว่าพื้นฐานความคิดอะไร จะออกมาไม่เหมือนกันอยู่แล้ว การตีความตัวละครแต่ละตัวก็ เลยออกมาไม่เหมือนกัน ถึงจะเป็นร้ายตลกหรือร้ายลึกยังไง ก็ตาม พื้นฐานตัวละครมันไม่เหมือนกัน บทที่เล่น การแสดง ที่เล่นมันก็เลยออกมาไม่เหมือนกันค่ะ คนดูเลยอาจจะไม่ค่อย เบื่อกันสักเท่าไหร่ มะปรางเรียนไปทำ�งานไปด้วยพร้อมกันตั้งแต่ ม. 4 ค่ะ มันก็เลยมีกระบวนการวางแผนประหลาดๆ ขึ้นมา ก็ไม่ ประหลาดหรอก มันคือสถานการณ์บังคับ ก็เลยต้องทำ�อย่าง นี้ล่ะค่ะ คือปรางจะเรียนได้ไม่เท่าเพื่อน แต่ปรางจะงานหนัก กว่าเพื่อนเป็นสองเท่า อย่างเพื่อนทำ�รายงานกลุ่มกันก็จบ แต่ ปรางต้องทำ�รายงานกลุ่มนั้นเป็นรายงานเดี่ยว คนเดียว โชค ดีที่ได้เพื่อนดี ได้ครูดี ได้ทีมงานดีที่เข้าใจเราและช่องสามก็ สนับสนุนให้นักแสดงของช่องเรียนมาเป็นอันดับหนึ่ง ขอบคุณ ค่ะช่องสาม บทบาทล่าสุด ดาราเรศ ในเวียงร้อยดาว สนุกดีค่ะ เป็นละครพีเรียดอีกเรื่องนึงที่ สนุกดี จะเป็นการร่วมงานกับ พี่ถา สถาพร เป็นผู้กำ�กับหนังมาก่อน มีมุมมองภาพถ่าย การถ่ายภาพ จังหวะอะไรก็จะไม่เหมือนกัน แปลกใหม่ดีค่ะ ได้ถือว่าทำ�อะไรแปลกใหม่และบทก็สนุก เพื่อนร่วมงานก็คุ้น เคยกันดี ทีมงานก็ทีมงานเก่าของพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์อยู่แล้ว การทำ�งานก็เลยออกมาง่าย แล้วก็เต็มที่แล้วก็สนุก ทำ�งานกับ แต้วก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว สบายมาก ส่วนบทของดาราเรศเนี่ย ก็เป็นบทที่จริงๆ แล้วก็น่าสงสาร เพราะแม่ไม่รัก ก็พยายามทำ� ทุกอย่างเพื่อให้แม่รัก พยายามมีพระเอกเพื่อให้แม่สนใจ ฝากผลงานใหม่ด้วยนะคะ เรื่อง เสน่หาสัญญาแค้น ของโพลีพลัส รับบทร้ายสนุกสนาน ตบตีพี่เจนี่ ตลอดเวลา นะคะ และก็เรื่องเสื้อสีฝุ่น เรื่องนี้เป็นกรรมกรที่สวยสุดในไซด์ งาน เป็นละครตลก อีกเรื่อง เพลิงฉิมพลี เป็นละครพีเรียดเรื่อง นี้ก็สนุก ของอาตู่ นพพล ฝากด้วยนะคะ ผลงานทางช่องสาม
1. ถ้านับว่าเล่มเดือน กันยายน เป็นเล่มสำ�คัญของวงการ นิตยสารแฟชั่น เพราะเป็นเล่มเปิด คอลเลค -ชั่นฤดูหนาวของวงการแฟชั่น แล้ว เล่มเดือนมีนาคม ก็สำ�คัญ ยิ่งหย่อนไม่แพ้กันเพราะเป็นเล่ม เปิดแฟชั่นฤดูร้อน โว้กในต่าง ประเทศสองเดือนนี้ความหนาไม่ แพ้กัน ในไทย ปีที่แล้วเราได้มี ปกเดือนกันยายน เป็นนักแสดง สาว อย่างอั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ขึ้นปก หลายคนแซวว่านี่ไม่ ใช่โว้ก นี่คือ นิตยสารประดิดประดอย ถูกเอาไปล้อไปแซวจิกกัดกัน ยกใหญ่ ล่าสุดเดือนมีนาคมที่ได้ นางเอกพันล้านอย่างใหม่ ดาวิกามาขึ้นปก เช่นเดียวกับแอล คู่แข่งอันดับหนึ่ง โว้กเลยชิ่งออก วิดีโอและปกออกมาก่อน แอลก็ ยังนิ่งอยู่ รอดูความเคลื่อนไหว ของแอลกันต่อไป ว่าแอลจะใช้กล ยุทธิ์ไหนมาต่อสู้กันบนแผง 2. นิตยสารบ้านเรานี่ร้อน กันตั้งแต่ปลายหนาว พอต้น กุมภาพันธ์ก็จะเข้าสู่ช่วงแผง หนังสือร้อน เราจะได้เห็น หนุ่มๆ สาวๆ มาสลัดผ้าถ่ายแบบคลาย ร้อนกัน (หรือทำ�ให้ร้อนกว่าเดิม ไม่รู้) แพรวส่ง จั๊กจั่น ออก มาคลายร้อนในชุดว่ายนำ�้ เจ้าตัว ออกปากกับทีมงานช่างภาพช่าง ผมว่า ไหนก็ถ่ายแล้ว ขอสุดๆ ไปเลยนะคะ งานนี้น่าจะสุดจริง เพราะเราได้เห็นจั๊กจั่นเปลือยกาย โดนมีกระเป๋า Longchamp ปิด ตัวเธออยู่ ฟากอิมเมจ ปีที่แล้วก็มี ถ่ายแบบแนวๆ นี้ไป ปีนี้ก็พาซีกับ เอมี่ มาออกแดดกันอีกรอบ โดย คราวนี้หนุ่มซีหุ่นแน่นขึ้น เซ็กซี่ขึ้น กางเกงตัวเล็กลง (ฮา) วอลลุ่มมีพระเอกหนุ่ม ใจกล้าอย่าง นิว ชัยพล มาเปิด ซิงถ่ายปกรับซัมเมอร์เป็นครั้ง แรก แค่เพียงต้นฤดูก็แข่ง ร้อนกันขนาดนี้ ต้องดูกันต่อไป ว่า กลางเดือนมีนา ปลายเดือน เมษา จะมีเล่มไหนทำ�แผงลุกเป็น ไฟอีก
บัชมผกานเทิ งหน้าสิบเอ็ด จำ�ปา จำ�ปี มาฟีจเจอริ่งกันเบเบ้
หลังจากปีที่แล้วประสบความ สำ�เร็จอย่างสูงกับเพลง รักต้องเปิด (แน่น อก) ที่นำ�นักร้องลูกทุ่งสาวสั้นเสมอหูอย่าง ใบเตย มาร่วมฟีจเจอริ่งกับนักร้องในค่าย เพลงวัยรุ่น ที่มียอดเปิดถล่มทลายทั้งคลื่น เพลงลูกทุ่งและคลื่นวิทยุเพลงไทยสากล ปีนี้ใบเตยกลับมาแท็กทีมกับ กิ๊บซี่ แห่งวง GIRLY BERRY (แล้วเพื่อนหนูอีก 3 คนละคะ กิ๊บซี่) ใน เพลง อย่ามโน มีท่าเต้นที่ทุกคนเต้นตาม ได้ แต่จะประสบความสำ�เร็จอย่างปีที่แล้ว หรือไม่ ต้องติดตามดูกันต่อไป โดยเอ็ม วีได้ถ่ายเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เตรียมออก อากาศในกลางเดือนมีนาคมนี้
มุคุณนายแมงมุ มแม่บม ้าน 8 คนสุดท้าย เดอะสตาร์ 10
ประกาศผลผู้เข้ารอบเป็น 8 คนสุดท้ายในการประกวด เดอะสตาร์ ค้น ฟ้าคว้าดาว ปี 10 หมายเลข 1 เต้ ธีระ จรรยาศิริกุล หมายเลข 2 ตั้ม สุธน บู่สาม สาย หมายเลข 3 กั้ง วรกร ศิริสรณ์ (คนนี้เคยเป็นศิลปินในค่ายอาร์เอสมาก่อน) หมายเลข 4 อาเมน โสตถิพันธุ์ คำ�ลือชา หมายเลข 5 ซีดี กันต์ธีร์ ปิติธัญ (คน นี้เคยเป็นศิลปินฝึกหัดในค่ายจีจูเนียร์ของแกรมมี่) หมายเลข 6 นัท ณัฐวดี ดอก กะฐิน (คนนี้เคยแข่งรายการ เดอะวอยซ์ ซีซั่นแรก) หมายเลข 7 บิว ชนัญญา แสน เดช หมายเลข 8 มุก ณัฐณิชา ชมดี (เคยชนะการประกวด แอลจี เอนเตอร์เทน เนอร์ และได้รับการฝึกเป็นศิลปินในค่ายดังของเกาหลีอย่าง เจวายพี มาถึง 2 เดือน) เมื่อผู้แข่งขันมีประสบการณ์กันมาโชคโชกขนาดนี้ หวังว่าปีนี้รายการนี้คงดู สนุก ไม่ดราม่า เหมือนปีที่ผ่านๆ มา และอย่าไปจับเบอร์สองมาจิ้น กับใครนะ เพราะเค้ามีเมียมีลูกแล้ว
12
ลอว์นิวส
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
Singapore Court of Appeal upholds ruling on legal entitlement to assets of deposed Philippines premier, Ferdinand E Marcos The Republic of the Philippines v Maler Foundation and others and other appeals [2013] SGCA 66 Facts In 1986, the President of the Philippines, Mr. Ferdinand E. Marcos, was deposed by a nonviolent coup later popularised as the ‘People Power Revolution’. During his tenure, Mr. Marcos, his family and close associates are alleged to have illicitly looted public assets to amass a huge personal fortune. The Presidential Commission on Good Government (“PCGG”) was set up to recover the proceeds of the overthrown regime's corruption. Assets belonging to Mr. and Mrs. Marcos were located in Swiss bank accounts and were frozen following Mr. Marcos’s fall from power. Following mutual legal assistance proceedings involving the Swiss and Philippines authorities, the Swiss deposits were released by the Swiss authorities to the Philippine National Bank (“PNB”) to hold as escrow agent pending the outcome of recovery proceedings in the Philippines. PNB deposited these sums in various banks in Singapore, including funds of $16.8 million and £4.2 million (“the Funds”) in a Singapore branch of WestLB AG (“WestLB”). A number of parties sought entitlement to the Funds including plaintiffs in a human rights class action suit initiated by the human rights victims of the Marcos regime (“the Human Rights Victims”). The United States District Court of Hawaii had ruled in favour of the Human Rights Victims in February 1995, ordering sums in excess of $1.9 billion to be paid by the Marcos Estate. Subsequently, a deed of assignment (“the Chinn Assignment”) was executed by the US District Court assigning “all right, title and interest” to the Swiss accounts for the benefit of the Human Rights Victims which in theory included the Funds. The Hu-
man Rights Victims claimed entitlement to the Funds based upon this assignment. Entitlement to the Funds was also claimed by a number of foundations (“the Foundations”), the original owners of the Swiss accounts which had held the deposits. The Republic of the Philippines (“the Republic”) also claimed entitlement to the Funds based upon a decision (“the Forfeiture Judgment”) of the Supreme Court of the Philippines forfeiting the Funds held in escrow by PNB. When PNB later attempted to procure the release of the Funds from WestLB, the bank refused due to the competing requests as to ownership of the Funds and issued interpleader proceedings to determine entitlement to the Funds. In August 2012 the High Court of Singapore dismissed the entitlement claims by the Human Rights Victims, the Foundations and the Republic and held that PNB had legal title to the Funds. All three parties appealed. Decision On 30 December 2013, the Court of Appeal of Singapore dismissed the appeals, holding that none of the Appellants had satisfied the Court of Appeal that they held legal title to the Funds. The Court of Appeal affirmed the High Court’s finding that PNB held legal title to the Funds as the original named account holder with WestLB prior to the commencement of the interpleader proceedings. The Republic had at first instance claimed legal and beneficial title of the Funds on the basis that: (a) foreign acts of state (“the Forfeiture Judgment”) had transferred and vested ownership of the Funds in the Republic, and the Court should recognize the validity of the Republic’s title; and (b) the Human Rights Victims and the Foundations
were estopped from re-litigating the act of state doctrine by reason of a decision of the Hawaiian Court. The Judge at first instance dismissed the act of state doctrine proposition as a “red herring” because the Forfeiture Judgment was not a legislative or executive act; the key issue for the Court was whether the Forfeiture Judgment validly vested beneficial title of the Funds in the Republic. The Judge determined that as the Forfeiture Judgment was a judgment in rem the Judge could not recognize it as such as it purported to affect title to property that was not situated in the Philippines at the time. Further, Singapore Courts were not permitted to enforce foreign penal law under conflicts of laws principles which the Forfeiture Judgment was deemed to be (albeit indirectly). On appeal the Republic slightly nuanced their case moving away from a position that they already had legal title to the Funds and arguing: (a) that, inter alia, the act of state doctrine applied because the Forfeiture Judgment should be regarded as constituting an act of state, and the Judgment was not penal even if it were relevant to said doctrine; and (b) the Republic was entitled to the Funds by virtue of it having satisfied the conditions of the escrow agreements which created an express trust, namely obtaining the Forfeiture Judgment (called the “Green Line” argument). The Court of Appeal disagreed with the Republic’s line of argument and, following a review of the development of the act of state doctrine, stated that “we are not prepared to accept such an expansive notion of the doctrine or to extend its application to judgments of a foreign court which relate to assets not situated within its jurisdiction. In our view, whether the act of state doctrine is considered in the “territorial act of state” sense or judicial absten-
tion sense, it has never been conceived as additionally mandating a positive approach, viz, that the courts should recognize the legal effect of a foreign judgment or other actions that flow from governmental or legislative acts so as to give effect to the intended consequence of particular acts of state”. The Court of Appeal also disagreed with the argument that the Forfeiture Judgment could itself constitute an act of state. The Court of Appeal refused to consider the Green Line Argument because it was not raised at first instance. It is worth noting that the Singapore Court regarded the Forfeiture Judgment as “penal” and that was a further reason for non-recognition. It regarded civil forfeiture as penal because “it was directed towards the forfeiture of the property of public officials that is presumed to have been derived from illegal sources. The property is forfeited in favour of the State and the proceedings instituted by the State…”. The Court of Appeal additionally contemplated whether the recognition of PNB’s legal title would constitute indirect enforcement of a penal law; this was because a representative of PNB had given evidence that if PNB was awarded legal title to the Funds they would be released to the Republic in accordance with the escrow agreement. The Court of Appeal highlighted that there was, in principle, a distinction between recognition and enforcement, and in any case PNB’s legal title to the Funds arose from the private contractual relationship between PNB as depositor and WestLB as depositee prior to the interpleader proceedings. Consequently it would be incorrect to say that PNB required the assistance of the Court of Appeal to establish its legal title in Singapore. So PNB’s claim did not therefore require the Court to give effect to the Forfeiture Judgment. With regard to the Human Rights Victims, the Court
ลอว์นิวส์
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
of Appeal noted that “whilst we emphasis that we would not in any way wish to deny the moral claims of the Human Rights Victims and acknowledge that the Human Rights Victims deserve redress for the grievous wrongs that they have suffered, we are compelled to reject the Human Rights Victims’ claim to the Funds in these proceedings as the Chinn Assignment did not have the legal effect of transferring a proprietary interest in the Funds to the Human Rights Victims at any point in time”. On application of Swiss law, the transfer of proprietary rights could not have been effective; the Swiss deposits were subject to a freezing order at the time of the Chinn Assignment and the foreign order had not been recognized or enforced through proceedings before a Swiss Court. The Court of Appeal held that the Foundations’ legal title to the Funds had been lost once the Swiss authorities authorized the transfer of the Swiss deposits to be held in escrow. There was no legal basis for the Foundations’ claim to ‘default’ legal title; an extinguished legal title could not be revived simply because ownership of the Funds could not be determined by interpleader proceedings. The Foundations did not claim that they were the beneficial owners of the Funds.
13
Conclusion The Court of Appeal noted that what PNB decided to do with the Funds was not subject to its intervention; given PNB’s obligations under the escrow agreement, the Presidential Commission on Good Government of the Philippines understandably welcomed the Judgment. Indeed, it appears from recent press reports that the PCGG has received the funds held in Singapore and remitted them to the Government. At a news conference, Andres Bautista, Head of the PCGG, stated that with the US$658 million the PCGG recovered in 2004, the return of the Funds brings total recoveries from Switzerland to US$687 million. He confirmed that “This is the last from the (Marcos) Swiss accounts”. However, he has confirmed that the Government is still targeting a further US$1.1billion. Mr. Bautista concluded on 12 February that:“There is still a lot of work that can be done in respect to pursuing ill-gotten wealth…We should not allow ill-gotten wealth, the taking of ill-gotten wealth, to go unpunished.” Nearly thirty years after the late President was removed from power, other significant corrupt assets associated with his regime remain elusive. What more can be done to assist the victims of grand corruption, particularly by those countries where the assets are laundered? It would be unsatisfactory say if in another thirty years we are still discussing the return of stolen assets from, for example, Egypt, Libya or Tunisia or worse still maybe even the Philippines; but that is presently likely to be the case. We need greater openness about the hurdles, more dialogue about solutions, and genuine political will to implement further change, either policy or legislative, where necessary – but that change needs to be international to achieve success. UNCAC provided a framework and platform for greater cooperation in asset recovery; it was ground-breaking. But the practical realities of each signatory’s domestic laws and legal systems, and the lack of resources devoted to law enforcement in this area, means that there is a lack of cogency and tangible progress in the area of asset recovery (As reported by Antonio Suarez-Martinez and Annie Clarke of Edwards Wildman Palmer LLP)
ESPIONAGE CASE BEFORE INTERNATIONAL COURT OF JUSTICE In 2013 the Democratic Republic of Timor-Leste instituted proceedings before the ICJ against Australia in relation to privileged data and documents seized by the Australian Security Intelligence Organization, allegedly acting under a warrant issued by the Attorney General of Australia. The seized documentation includes confidential correspondence between the Government of Timor-Leste and its legal advisers pertinent to a pending arbitration which involves allegations by East Timor that Australia engaged in espionage during negotiations to sign the 2006 Treaty on Certain Maritime Arrangements in the Timor Sea. In the Bi-lateral Investment Treaty Arbitration, East Timor contended that Australian intelligence operations rendered the $40 Billion oil and gas Treaty void. The ASIO raided the offices of Australian attorney Bernard Collaery in the Australian Capital Territory, on 3rd of December, 2013, generating a storm of controversy. The following day, Australian Attorney General Senator George Brandis averred that a warrant had been issued to the ASIO thereby giving the seizure legal sanctity under the auspices of section 25 of the Australian Security Intelligence Organizaton Act 1979. Senator Brandis did also state that the ASIO had been specifically instructed that the seized documents were not to be disclosed to those representing Australia in the Arbitration proceedings.
(ii) its property and other rights under international law and any relevant domestic law; Second, [t]that continuing detention by Australia of the documents and data violates (i) the sovereignty of Timor-Leste and (ii) its property and other rights under international law and any relevant domestic law; Third, [t]hat Australia must immediately return to the nominated representative of Timor-Leste any and all of the aforesaid documents and data, and destroy beyond recovery every copy of such documents and data that is in Australia’s possession or control, and ensure the destruction of every copy that Australia has directly or indirectly passed to a third person or third State; Fourth, [t]hat Australia should afford satisfaction to Timor-Leste in respect of the above-mentioned violations of its rights under international law and any relevant domestic law, in the form of a formal apology as well as the costs incurred by TimorLeste in preparing and presenting the present Application.”
In its international press release of 18th December, 2013, the ICJ made known, “As the basis for the jurisdiction of the Court, the Applicant invokes the declarations made by Timor-Leste and by Australia pursuant to Article 36, paragraph 2, of the Statute of the Court. Timor-Leste also filed on 17 December 2013 a Request for the indication of provisional measures. It states that the Timor-Leste accordingly “requests the purpose of the Request is to protect Court to adjudge and declare: its rights and to prevent the use of First, [t]hat the seizure by Australia of seized documents and data by the documents and data violated (i) Australia against the interests and the sovereignty of Timor-Leste and rights of Timor -Leste in the pend-
ing arbitration and with regard to other matters relating to the Timor Sea and its resources.” Timor-Leste accordingly “requests that the Court indicate the following provisional measures: (a) [t]hat all of the documents and data seized by Australia from 5 Brockman Street, Narrabundah, in the Australian Capital Territory on 3 December 2013 be immediately sealed and delivered into the custody of the International Court of Justice; (b) [t]hat Australia immediately deliver to Timor-Leste and to the International Court of Justice (i) a list of any and all documents and data that it has disclosed or transmitted, or the information contained in which it has disclosed or transmitted to any person, whether or not such person is employed by or holds office in any organ of the Australian State or of any third State, and (ii) a list of the identities or descriptions of and current positions held by such persons; (c) [t]hat Australia deliver within five days to Timor -Leste and to the International Court of Justice a list of any and all copies that it has made of any of the seized documents and data; (d) [t]hat Australia (i) destroy beyond recovery any and all copies of the documents and data seized by Australia on 3 December 2013, and use every effort to secure the destruction beyond recovery of all copies that it has transmitted to any third party, and (ii) inform Timor-Leste and the International Court of Justice of all steps taken in pursuance
of that order for destruction, whether or not successful; (e) [t]hat Australia give an assurance that it will not intercept or cause or request the interception of communications between Timor-Leste and its legal advisers, whether within or outside Australia or Timor-Leste.” Timor–Leste further requested that, pending decision of the Court on its Request for the indication of provisional measures, the President of the Court exercise his power under Article 74, paragraph 4, of the Rules of Court to call upon Australia: “(i) immediately to deliver to TimorLeste and to the International Court of Justice a list of each and every document and file containing electronic data that it seized from 5 Brockman Street, Narrabundah, in the Australian Capital Territory, on 3 December 2013; (ii) immediately to seal the documents and data [and any and all copies thereof]; (iii) immediately to deliver the sealed documents and data [and any and all copies thereof] either to the Court or to 5 Brockman Street, Narrabundah, in the Australian Capital Territory; and (iv) not to intercept or cause or request the interception of communications between Timor-Leste (including its Agent H. E. Joaquim da Fonseca) and its legal advisers in relation to this action (DLA Piper, Sir E. Lauterpacht , Q.C.and Vaughan Lowe, Q.C.).” Hearings were held in The Hague from 20th -22nd of January, 2014. By its order dated 28th of January, 2014, the ICJ fixed the 28th of April, 2014 and 28th of July, 2014 as the respective dates for filing of a Memorial by the Democratic Republic of Timor-Leste and a Counter-Memorial by Australia.
14
ลอว์นิวส
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
LEGAL TERMS & CONCEPTS MADE EASY Ann & Edward Thiravej Ploysongsang
Previously we considered Choice of Law, Choice-of-Law Clause, Choice of Forum and Choice-of-Forum Clause. These terms related to which law will be applied and which court will hear a particular case. The present term, Renovi, goes back on the concept of which law a court will apply to a given case.
RENOVI
Comparison to Thai Law “Renovi” or “Send Back” comes from the concept of Conflict of Law. In the U.S., it happens mostly in family law, wills or estates matters and when the parties in the matters have different nationalities. When applying this concept in Thai court, the Thai court will apply the concept of Renovi or Send Back through the Conflict of Law Act, B.E. 2481. For example, let us assume a Thai woman get married with a foreigner and they move to a foreign country. Later, the Thai woman moves back to Thailand and would like to sue for divorce in Thai court. Then it comes to the problem which law should be applied for divorce in this case in Thai court. The Conflict of Law Act, B.E. 2481 of Thailand will apply for the case.
Renovi (noun). It is a doctrine whereby a court adopts foreign law including a foreign jurisdiction’s conflict-of-laws regime. The term is French in origin and literally means to “send back”, referring to a court’s adoption of a foreign jurisdiction’s laws. A problem arises when the law of a foreign jurisdiction then refers the court back to the law of its own forum thereby making it unclear which law applies.
Example 2: Courts in the US tend to avoid using the doctrine of Renovi when resolving conflict-oflaws questions. Example 3: The New York court avoided applying the doctrine of Renovi, and instead applied the substantive law of the most interested jurisdiction.
Example 4: In the European Union and most British Commonwealth countries the doctrine of Renovi is not applied in court Example 1: The concept of Renovi exists to discourage forum cases involving contracts. shopping: the strategic selection Example 5: Many courts will use of a sympathetic forum and laws the doctrine of Renovi in cases with which to hear one’s case. involving certain family law matters The effect is to ensure the same law is applied to achieve the same and in wills and intestate succession. result no matter in which jurisdiction the case is litigated.
Section 26 states that “Divorce by mutual consent shall be valid if it is permitted by the respective law of nationality of both the husband and the wife.” Section 27 states that “Divorce cannot be granted by a Thai Court unless it is permitted by the respective law of nationality of each spouse. The grounds for divorce are governed by the law of the place where the action is instituted.” Normally, Thai law allows the spouse to get divorced by mutual consent or by judgment of the Court, according to Section 1514 of Thai Civil and Commercial Code. But when the divorce occurs between spouse holding different nationalities, the Conflict of Law will apply instead. Therefore, according to Sections 26 and 27 of the Conflict of Law Act of Thailand, “Revoni” or the “Send Back” concept will be considered in this matter. Consequently, according to Thai Conflict of Law, Thai court will send back the rules for divorce by considering the law of the foreigner’s country (i.e., the husband’s country in this case) whether it allows the spouses to get divorced by mutual agreement. If the law of such foreigner’s (i.e., the husband’s) country does not allow it, Thai court will not grant such divorce.
The Age of Anarchy- from Caracas to Kiev. barrage of Molotov cocktails. In both capitals, dawn and dusk are obscured by billowing black smoke and the clatter of au An ocean away, Indetomatic weapons. Nights are lit up Away from home, viopendence Square in Kiev was by the fires of hatred and acrimolence seems almost a second the latest battle-ground in a ny. Ukraine’s President Viktor Yanature as frontlines are drawn protracted stand-off between nukovych has fled the capital and between protestors and govern- anti-government demonstrators the Verkhovna Rada has stripped ments alike; in Venezuela, the and riot police. Despite assurhim of powers and initiated imNational Guard and National ances of restraint, news footage peachment proceedings against Police resort indiscriminately to depicts the deployment of snip- him. Former Prime Minister Yulia shooting tear gas canisters and ers to disperse and eliminate Tymoshenko was released from buckshot directly at residential the more radical elements of prison. Such is the denouement buildings and students dormito- the revolt, under the relentless of what was referred to as a coup Thy hand, great Anarch! lets the curtain fall; And universal Darkness buries All. The Dunciad, Alexander Pope.
ries while state backed paramilitary gangs roam at will firing live ammunition at anybody they can train their guns at.
d'état by the incumbent president. In Venezuela it is a one sided bludgeoning as YouTube and Twitter carry chilling images and videos of state excess as the country embroils itself in an economic debacle of gargantuan proportions; a scarcity index of 28%, inflation at 56%, and growth shriveling to 0.5% from an estimated 1.2% for 2013. J.P Morgan Chase and Co.’s EMBIG+ index has pegged the losses of Venezuelan bonds at 10.6%. The world watches on.
ลอว์นิวส์
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
U.S. Trade Rep launches WTO action against India
reuters.com Michael Froman, U.S. Trade Representative gestures during a session at the annual meeting of the World Economic Forum (WEF) in Davos January 23, 2014.
U.S. Trade Representative Michael Froman has announced that the United States has requested dispute settlement consultations with India before the World Trade Organization (WTO), claiming that the domestic content requirements of India’s clean energy program “discriminate against U.S. solar cells and modules.” The dispute occurs in the context of ongoing trade issues between the two countries, including perceived Indian protectionist measures and purported intellectual property rights abuses by the country’s drug companies. India has complained to U.S. Food and Drug Administration (FDA) Commissioner Margaret Hamburg, currently in Delhi, about actions taken against drug maker Ranbaxy Laboratories Ltd. In this regard, the Indian health ministry has reportedly signed an agreement with FDA to cooperate on the inspection of drug facilities for good manufacturing practices compliance and share regulatory information. Regulators hope that the collaboration will help ease tensions among Indian drug companies and U.S. regulators. Signed by Hamburg and Union Health Minister Ghulam Nabi
Azad on February 11, 2014, the agreement requires each country to exchange “information relevant to lack of compliance with accepted good manufacturing practices, as appropriate, by manufacturers and sponsors of medical products.” Regulators from both countries will also reportedly “inform the respective regulatory authorities before undertaking inspections, so that host-country inspec-tors may join inspections as observers.” According to a news source, bilateral trade between the two countries is about $63.7 billion annually, but lawmakers and business groups view India as a serial trade offender whose exports allegedly threaten U.S. jobs; there are apparently 14 past or current WTO cases involving India and the United States. India is said to be the largest overseas source of medicines in the United States, and imports of Indian pharmaceuticals rose in 2013 nearly 32 percent to $4.23 billion. (As reported by Debra S. Dunne, John D. Garretson, Chris A. Johnson, Madeleine McDonough, Thomas T. Moga and Jay Simpson of Shook)
Dropbox amends Terms of Service The renowned file host headquartered in San Francisco, California that offers cloud storage, file synchronization and software services has changed its terms of service as of 20th February, 2014, which go into effect on the 24th of March, 2014. The new terms envisage arbitration administered by the American Arbitration Association under its Commercial Arbitration Rules and the Supplementary Procedures for Consumer Related Disputes, as an alternative dispute resolution mechanism, with Dropbox offering to pay all arbitration fees for claims less than $75,000. Users may decline the arbitration agreement by submitting an opt-out form within 30 days of accepting the new terms. In any case the arbitration agreement does not impede either party’s right to seek injunctive relief prior to commencement of proceedings. Forced arbitration clauses have gained vogue since the 2011 Supreme Court ruling in AT&T v. Concepcion 563 U.S. 321 (2011) which held that the Federal Arbitration Act of 1925 preempts state laws that prohibit contracts of adhesion from disallowing class-wide arbitration, such as the law previously upheld by the California Supreme
Court in the case of Discover Bank v. Superior Court 30 Cal.Rptr.3d 76 (2005). By permitting contracts that exclude class action arbitration, the decision makes it much harder for consumers to file class action lawsuits, especially if contractual waivers are invoked. On June 20, 2013, the Supreme Court decided American Express Co. et al v. Italian Colors Restaurant et al, No. 12-133, 2013 WL 3064410 holding that the Federal Arbitration Act (FAA) does not permit courts to invalidate a contractual waiver of class arbitration on the ground that the plaintiff's cost of individually arbitrating a federal statutory claim exceeds the potential recovery. Apparently this is consistent with the principles of freedom of contract. So it should come as no surprise that the new terms of service as offered by Dropbox also include a waiver of class action law suits. The privacy policy also incorporates salient features of their recently launched Government Data Request Principles and Transparency Report, with an avowed focus on user protection and provision of trusted services.
15
LAWNEWS
ลอว์นิวส
ปีที่ 1 ฉบับที่ 5 วันเสาร์ที่ 1 - วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557
BULLETINS
Saturday - Saturday , March 1 - 15 , 2014
Free!!
The Empathetic Elephas Maximus Asiatic Elephants, particularly the ones at the Elephant Nature Park in Mae Tang district of Chiang Mai province have been shown to possess a high emotional quotient and behavior characteristics observed only among corvids, primates, cetaceans and canines. An excerpt from Virginia Morell’s article published on Science Now (http://news.sciencemag.org/plants-animals/2014/02/elephants-console-eachother) reads as follows; ‘Joshua Plotnik, a behavioral ecologist at Mahidol University, Kanchanaburi, in Thailand, and Frans de Waal, a primatologist at Emory University in Atlanta, got around this problem by comparing Asian elephants’ behaviors during times of stress to periods when little upset them. For 1 to 2 weeks every month for nearly a year, Plotnik spent 30 to 180 minutes daily watching and recording 26 captive Asian elephants. The animals ranged in age from 3 to 60 years old and lived within a 30-acre area of Elephant Nature Park in northern Thailand. Most of the elephants, aside from motherjuvenile pairs, were unrelated and did not live in family groups as wild elephants do. Instead, the park’s Mahouts, or keepers, organized them into six groups which they then guided through a daily routine—bathing and feeding them in the morning, and tethering them at night. But during the day, the elephants were left alone to roam and graze at will. Plotnik watched the elephants during their free periods and recorded their reactions to stressful events, such as a dog walking nearby, a snake rustling in the grass, or the presence of an unfriendly elephant. Other researchers have previously shown that when upset, an elephant flares
ลอว์นิวส์
its ears and erects its tail; it may also trumpet or roar, or make a low rumble to show its distress. When elephants in the park saw another elephant behaving in this manner, the observers typically responded by “adopting the same emotion,” Plotnik says, “just as we do when watching a scary movie together. If an actor is frightened, our hearts race, and we reach for each other’s hands”—a reaction known as “emotional contagion.” Their article, Asian elephants (Elephas maximus) reassure others in distress; JM Plotnik, FB de Waal. (2014) PeerJ 2:e278 http://dx.doi. org/10.7717/peerj.278, elucidates their objective; “This is the first systematic assessment of post-distress affiliative behavior in elephants, and this captive population provided sufficient opportunities to observe this species’ capacity for reassurance. We recognize that wild elephant studies often delineate “family” subgroups from “nonfamily” subgroups through descriptions of affiliative behavior, and so we avoided this terminology since the origin of our subgroups is different. Instead, we focus solely on assessing the capacity for reassurance behavior and analyze how it is exhibited between individuals. The confounds of elephant captivity did preclude us, however, from assessing how this behavior varies with the quality of the relationship between individuals. The use of captive elephants provides an opportunity to investigate whether or not elephants have the capacity for the same level of affiliative behavior following distress seen in consolatory species like the great apes. Future studies on wild elephants should confirm these results and
สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เลขที่ 7/89 อาคาร 10 ถนนราชดำ�เนินกลาง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท์ 0-2280-1567
รวมข่าว เล่ากฎหมาย ให้สาระประชาชน
those presented in anecdotal reports (e.g.,DouglasHamilton et al., 2006; Bates et al., 2008; Hart, Hart & Pinter-Wollman, 2008), even though limitations exist on wild Asian elephant social observations (e.g., dense forest cover and the rarity of consistent, large family group sightings – Lair, 1997;Sukumar, 2006; de Silva, Ranjeewa & Kryazhimskiy, 2011). After all, the original studies of consolation in non-human primates were conducted on captive animals (e.g., de Waal & van Roosmalen, 1979; de Waal & Aureli, 1996) and were confirmed only much later in the wild (e.g., Wittig & Boesch, 2003; Kutsukake & Castles, 2004).”
Inside Singapore Court of Appeal upholds ruling on legal entitlement to assets of deposed Philippines premier, Ferdinand E Marcos Page 12
U.S. Trade Rep launches WTO action against India Page 15
ชำ�ระค่าฝากส่งเป็นรายเดือน ใบอนุญาตเลขที่ พ.211/2547 ปณ.ราชดำ�เนิน เหตุขัดข้องที่นำ�จ่ายผู้รับไม่ได้ 1. จ่าหน้าไม่ชัดเจน 2. ไม่มีเลขที่บ้านตามจ่าหน้า 3. ไม่ยอมรับ 4. ไม่มีผู้รับตามจ่าหน้า 5. ไม่มารับภายในกำ�หนด 6. เลิกกิจการ 7. ย้ายไม่ทราบที่อยู่ใหม่ 8. อื่นๆ ลงชื่อ.........................................