-1-
ฟาติมาสาร สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ----------------------------------------------------------------------------------------------
วัดแม่พระฟาติมา 4080 ถ. อโศก – ดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. 10400 โทร. 02 - 245 - 1039, 02 - 642 - 9907, 02 - 247 - 5222, โทรสาร 02 - 246 - 6174 E-mail : fatimachurch13@gmail.com สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-2www.fatima.or.th
บทความเจ้าอาวาส อาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา ข่าวดีของพระเจ้าคือ พระวรสาร นักบุญมัทธิว มธ 13:1-23 พระเยซูเจ้าทรงเทศน์สอนในเรือ ส่วนประชาชนยืนอยู่บนฝั่ง พระเยซูเจ้า ทรงสอนเรื่องผู้หว่านเมล็ดพืชลงไปในที่ดินคุณภาพต่างๆ จึงเกิดผลไม่เท่ากัน เช่น บางเมล็ดที่ตกริม ทางเดิน บางเมล็ดตกลงบนพื้นหิน บางเมล็ดตกลงใน
พงหนาม บางเมล็ดตกลงในพื้นที่ดินดี ผลที่
ได้ย่อมต่างกันมาก พระองค์สอนด้วยอุปมาเพราะว่าบางคนไม่สนใจที่จะฟัง หรือฟังแล้วฟังเล่า แต่ไม่ เข้าใจ มองแล้วมองเล่าแต่จะ ไม่เห็น คนพวกนี้ทาหูทวนลม ปิดตา ไม่ต้องฟังด้วยหู จะได้ไม่เข้าใจ จะได้ไม่ต้องกลับใจ แต่สาหรับท่านทั้งหลาย ตาของท่านเป็นสุขที่มองเห็น หูของท่านเป็นสุขที่ได้ฟัง แล้วทรงอธิบายความหมายของอุปมานั้น............พี่น้องรู้จักอุปมานี้ดีเพราะได้ฟังมาตลอดชีวิตแล้ว และ สามารถรู้ความหมายของอุปมาเรื่องนี้ดี
อุปมานี้ก็สอนจิตใจของเราทุกคนด้วยว่าทาไมสาหรับบางคน
พระวาจาจึงไม่เกิดผลในชีวิตของเขา แต่ละวันมีสิ่งดีๆ มากมายจากพระวาจาของพระเจ้า ถ้าพี่น้อง ใคร่ครวญไตร่ตรอง พระวาจาคงเกิดผลตามกาลังที่เราทุ่มเทใจให้ พระวาจาต้องปฎิบัติด้วยความเพียร ทุกวัน ความเพียรนี้ฝึกได้ แต่ต้องใช้เวลาในการฝึกฝน ถ้าพี่น้องทุกท่านเชื่อมั่นต่อพระวาจา และหมั่น ปฏิบัติพระวาจานั้นย่อมเกิดผลแน่นอน อาจจะเกิดผล 100 เท่า 60 เท่า 30 เท่า ขึ้นอยู่กับความเพียร พยายามของแต่ ละคน ประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ฝนและหิมะที่ตกลงมา จากฟ้า ต้องได้รดแผ่นดิน ทาให้แผ่นดินอุดม ทาให้พืชงอกงามเพื่อให้ผู้หว่านมีเมล็ดพันธุ์และให้ผู้กินมี อาหาร” พระวาจาของพระเจ้าหรือถ้อยคาที่ออกมาจากปากขององค์พระเจ้า จะไม่กลับไปหาองค์พระ เจ้าโดยไม่เกิดผล จดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรมพูดถึงความทุกข์ทรมานในปัจจุบันของเรา เทียบไม่ได้เลยกับกับความรุ่งโรจน์ที่เราจะได้รับจากพระเจ้า คือการเป็นบุตรบุญธรรมและการมีชีวิตใหม่ สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-3-
ในพระสิริรุ่งโรจน์กับพระเจ้า ในการดาเนินชีวิตประจาวัน เราต้องมีครอบครัว ต้องมีการงานอาชีพ มี ปัจจัยต่างๆ ในการดาเนินชีวิตและต้องมีวิถีชีวิตแบบใดแบบหนึ่ง วิธีพุทธ วิถีคริสต์ วิถีวัตถุนิยม วิถีทาง โลก เป็นอยู่อย่างสบาย ไม่คิดถึงผู้อื่น และวิถีต่างๆ.......อีกมาก สาหรับพี่น้องชาวคริสต์ ต้องมีวิถีชีวิต แบบชาวคริสต์ ร่วมมือ ร่วมแรงศรัทธา ร่วมชีวิตแบบกลุ่มคริสตชน ในแต่ละวันนาพระวาจามาปฏิบัติ มี ความเพียร มีวิริยะหมั่นเพียรทาให้พระเยซูคริสต์มาอยู่ท่ามกลางพวกเรา นาเราไปสู่การดาเนินชีวิต แบบวิถีชุมชนวัดคือ ช่วยเหลือ เกี่ยวข้อง ต้องรัก งดการทะเลาะ แบ่งแยก ไร้รัก กลับมาสนใจกันและ กันมากขึ้น .....วันเสาร์นี้ผู้ที่อยากดาเนินชีวิตชิดใกล้ร่วมกัน รวมกันจัดแสวงบุญแบบวิถีชุมชนวัดโดยไป ร่วมฉลองวัดกับพี่น้องวัดสองพี่น้อง พวกเราไปมากกว่าสองพี่น้อง สองรถตู้ มีพระวาจานาทาง ดูวิถี ชุมชนของพี่น้องชาววัดอื่นๆ ว่าพวกเขาดาเนินชีวิตอย่างไร มีวิถีชีวิตอย่างไร การจัดไปฉลองวัดในที่ ต่างๆ ก็เป็นการส่งเสริมความเชื่อและความเป็นน้าหนึ่งใจเดียวกันแบบคริสตชน....... คุณพ่อ สุรชัย กิจสวัสดิ์
***************************************
พระวรสารประจาสัปดาห์ มธ 13:1-23
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-41
วันเดียวกันนั้นพระเยซูเจ้าเสด็จออกจากบ้านมาประทับที่ริมทะเลสาบ
2
ประชาชน จานวน
มากมาเฝ้าพระองค์ พระองค์จึงเสด็จไปประทับอยู่ในเรือ ส่วนประชาชนยืนอยู่บนฝั่ง 3พระองค์ตรัสสอน เขาหลายเรื่องเป็นอุปมา พระองค์ตรัสว่า“จงฟังเถิด ชายคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช 4ขณะที่เขากาลังหว่านอยู่นั้น บางเมล็ดตกอยู่ริมทางเดิน นกก็จิกกินจนหมด
5
บางเมล็ดตกบนพื้นหินที่มีดินเล็กน้อยก็งอกขึ้นทันที
เพราะดินไม่ลึก 6แต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ก็ถูกเผาและเหี่ยวแห้งไปเพราะไม่มีราก 7บางเมล็ดตกในพง หนาม ต้นหนามก็ขึ้นคลุมไว้ ทาให้เหี่ยวเฉาตายไป
8
บางเมล็ดตกในที่ดินดี จึงเกิดผลร้อยเท่าบ้าง
หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง 9ใครมีหูก็จงฟังเถิด” 10
บรรดาศิษย์เข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ทาไมพระองค์ตรัสแก่พวกเขาเป็นอุปมาเล่า”
11
พระองค์ทรงตอบว่า “พระเจ้าประทานธรรมล้าลึกเรื่องอาณาจักรสวรรค์ให้ท่านทั้งหลายรู้ แต่ไม่ได้ 12
ประทานให้แก่ผู้อื่น มีไปด้วย
13
เพราะผู้ที่มีมากจะได้รับมากขึ้นจนเหลือเฟือ ส่วนผู้ที่มีน้อย จะถูกริบสิ่งเล็กน้อยที่
เพราะฉะนั้น เรากล่าวแก่คนเหล่านี้เป็นอุปมา ถึงพวกเขามองดู ก็ไม่เห็น ถึงฟังก็ไม่ได้ยิน
และไม่เข้าใจ
14
สาหรับคนเหล่านี้ คาทานายของประกาศกอิสยาห์ก็เป็นความจริง ที่ว่า ท่านทั้งหลาย
จะฟังแล้วฟังเล่าแต่จะไม่เข้าใจ จะมองแล้วมองเล่าแต่จะไม่เห็น
15
เพราะจิตใจของประชาชนนี้แข็ง
กระด้าง เขาทาหูทวนลมและปิดตาเสีย เพื่อไม่ต้องมองด้วยตา ไม่ต้องฟังด้วยหู จะได้ไม่เข้าใจ จะได้ไม่ ต้องกลับใจ เราจะได้ไม่ต้องรักษาเขา เป็นสุขที่ได้ฟัง
16
“ส่วนท่านทั้งหลาย ตาของท่านเป็นสุขที่มองเห็น หูของท่าน
17
เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ประกาศกและผู้ชอบธรรมจานวนมากปรารถนาจะเห็นสิ่ง
ที่ท่านได้เห็นอยู่ แต่ก็ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะได้ฟังสิ่งที่ท่านฟังอยู่ แต่ก็ไม่ได้ฟัง 18
“เพราะฉะนั้น จงฟังความหมายของอุปมาเรื่องผู้หว่านเถิด
19
เมือ่ คนหนึ่งฟังพระวาจาเรื่อง
พระอาณาจักรและไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาและถอนสิ่งที่หว่านลงในใจของเขาไปเสีย นั่นได้แก่เมล็ดที่ตก ริมทาง
20
เมล็ดที่ตกบนหินคือผู้ฟังพระวาจาและมีความยินดีรับไว้ทันที สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
21
แต่เขาไม่มีรากในตัว จึงไม่
-5-
มั่นคง เมื่อเผชิญความยากลาบากหรือถูกเบียดเบียนเพราะพระวาจานั้น เขาก็ยอมแพ้ทันที 22เมล็ดที่ตก ในพงหนามหมายถึงบุคคลที่ฟังพระวาจา แต่ความวุ่นวายในทางโลก ความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติเข้ามา บดบังพระวาจาไว้ จึงไม่เกิดผล
23
ส่วนเมล็ดที่หว่านลงในดินดีหมายถึงบุคคลที่ฟังพระวาจาและเข้าใจ
จึงเกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง”
ข้อคิดจากบทพระวรสาร
(โดย คพ.ชัยยะ กิจสวัสดิ์)
1. สภาพดิน ทุ่งนาในปาเลสไตน์ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นริ้วคือแคบแต่ยาว ประชาชนมีสิทธิ์ใช้เป็นทางเดิน
ระหว่างริ้วนาแต่ละผืน
ดินจึงถูกผู้สัญจรเหยียบย่าจนอัดกันแน่นชนิดที่เมล็ดพืชไม่มีทางออก
รากไชลงไปได้เลย พื้นหินที่พระเยซูเจ้าตรัสถึงมิได้หมายถึงดินปนหิน แต่เป็นดินล้วนที่มีความหนาน้อยมาก บาง แห่งหนาเพียง 2-3 นิ้วเหนือชั้นหินปูนซึ่งมองไม่เห็น เมื่อเมล็ดพืชตกลงบนพื้น มันจะงอกงามรวดเร็ว มากเพราะดินบาง จึงอบอุ่นเร็วยามต้องแสงอาทิตย์
แต่เมื่อโตขึ้นรากของมันไม่สามารถเจาะไชผ่าน
หินปูนลงไปในดินลึกได้ จึงขาดน้าเลี้ยงและเหี่ยวแห้งเฉาตายไปในที่สุด พื้นดินมีพงหนามไม่ได้หมายความว่าชาวนาละเลยการเตรียมดินก่อนหว่านเมล็ดพืช พวกเขา ไถและเตรียมดินอย่างดีแต่ไม่อาจเอาชนะหัววัชพืชที่ซ่อนอยู่ในดินได้ ทั้งเมล็ด พืชและหัววัชพืชจึง เจริญเติบโตขึ้นมาพร้อมกัน เพียงแต่วัชพืชแข็งแรงกว่าจึงแย่งน้าเลี้ยงไปหมดและปล่อยให้เมล็ดพืชแห้ง ตายไปในที่สุด สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-6-
ส่วนดินดีนั้น ลึก นุ่มและปราศจากวัชพืช เมล็ดพืชสามารถเจริญเติบโตและบัง เกิดผลอุดม สมบูรณ์สาหรับการเก็บเกี่ยว วิธีหว่านเมล็ดพืชที่นิยมใช้กันมี 2 วิธีคือ 1. ใช้คนเดินหว่านเมล็ดพืช ซึ่งหากมีลมพัด เมล็ดพืชอาจปลิวไปตกที่ไหนก็ได้แม้แต่นอกที่นา ของตัวเอง 2. ใช้กระสอบใส่เมล็ดพืชวางบนหลังลา เจาะรูที่มุมกระสอบ แล้วจูงลาเดินไปตามท้องนา เมล็ดพืชบางส่วนอาจตกเรี่ยราดขณะลาข้ามทางเดิน ขณะประทับอยู่ในเรือเพื่อประกาศข่าวดี พระเยซูเจ้าทรงทอดพระเนตรเห็นชายคนหนึ่งกาลัง หว่านเมล็ดพืชอยู่บนฝั่ง พระองค์จึงตรัสอุปมาเรื่อง “ผู้หว่าน” เพื่อสอนประชาชนซึ่งเป็น “ผู้รับฟัง” และ ในเวลาเดียวกันก็เพื่อให้กาลังใจบรรดาอัครสาวกซึ่งเป็น “ผู้ประกาศ” พระวาจาของพระองค์ นี่คืออัจฉริยภาพของพระองค์ที่ทรงสามารถใช้สิ่งที่ทุกคนมองเห็นและเข้าใจได้ เพื่ออธิบายสิ่งที่ ยังมองไม่เห็นและยังไม่เข้าใจ 2. ผูร้ ับฟังพระวาจา เรื่องขาขันจะขาหรือไม่ย่อมขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผู้ฟังฉันใด
พระวาจาจะบังเกิดผลหรือไม่ก็
ย่อมขึ้นอยู่กับผู้ฟังฉันนั้น จากอุปมาเรื่อง “ผู้หว่าน” พระเยซูเจ้าทรงแบ่งผู้รับฟังพระวาจาออกเป็น 4 ประเภทคือ 1. ปิดใจ ผู้ฟังกลุ่มนี้ไม่ยอมเปิดใจรับฟังข่าวดีใด ๆ ทั้งสิ้น พระวาจาไม่มีทางซึมซาบเข้าไป ในจิตใจของเขา ดุจเดียวกับเมล็ดพืชที่ไม่สามารถเจาะไชรากเข้าไปในดินที่ถูกเหยียบย่าจนอัดแน่นเป็น ทางเดินได้ สาเหตุหลักที่ทาให้คนเรา “ปิดใจ” ไม่ยอมรับฟังพระวาจาได้แก่ 1.1 อคติ ซึ่งทาให้จิตใจของเราบอดมืดต่อทุกสิ่งที่ไม่อยากเห็น สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-7-
1.2 หยิ่ง คิดว่าตัวเองรู้หมดแล้ว เลยพลาดโอกาสที่จะรู้ในสิ่งที่จาเป็น 1.3 กลัว ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงและความคิดใหม่ ๆ 1.4 จมอยู่ในความชั่ว จนต้องปิดใจไม่ยอมรับฟังพระวาจา เพราะเกรงว่าจะถูกตาหนิ และกล่าวโทษโดยพระวาจานั้น การปิดใจโดยตั้งใจเช่นนี้ถือว่าอันตรายที่สุด ดังคากล่าวที่ว่า “คนทีต่ า
บอดสนิทที่สุดก็คือคนที่จงใจมองไม่เห็น” ! 2. ปิดปัญญา เมื่อคนกลุ่มนี้ได้ฟังพระวาจาก็น้อมรับไว้ด้วยความตื่นเต้นยินดี แต่ไม่เคยนามา ไตร่ตรองให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถ่องแท้ เปรียบได้กับเมล็ดพืชที่ตกบนดินตื้นเหนือแผ่นหินปูน เมื่อรากไม่ หยั่งลึก ย่อมไม่อาจต้านทานกระแสวัตถุนิยมและบริโภคนิยมอันเป็นภัยใหญ่หลวงของคนยุคนี้ได้ ลักษณะภายนอกที่เห็นได้ชัดของผู้ฟังกลุ่มนี้คือจับจด ตามแฟชั่น เปลี่ยนงานอดิเรกบ่อย เข้ากลุ่มนี้ออกกลุ่มโน้น ชีวิตของพวกเขาเต็มไปด้วยสิ่งที่ริเริ่มไว้แต่ไม่เคยสานต่อให้สาเร็จ 3. วุ่นวาย นี่คือลักษณะเฉพาะของคนเราทุกวันนี้ที่ปล่อยให้ชีวิตเต็มไปด้วยความวุ่นวายและ ยุ่งเหยิง ไหนจะต้องทางานประจา ไหนจะต้องประชุม ไหนจะต้องพาครอบครัวไปพักผ่อน ไหนจะต้อง ร่วมทากิจเมตตาเช่น ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เยี่ยมคนป่วย คนชรา เด็กกาพร้า ฯลฯ แต่กลับไม่มีเวลา เหลือสาหรับ “ผู้ที่เป็นบ่อเกิดแห่งความรักและความเมตตา” ชีวิตของคนกลุ่มนี้เปรียบเสมือนเมล็ดพืชที่ถูกวัชพืชปกคลุมจนไม่มีเวลาสาหรับสวดภาวนา อ่าน ศึกษา และไตร่ตรองพระวาจาของพระเจ้าผู้ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้เรารักและเป็นผู้ที่เราอุทิศตน ทากิจเมตตาต่าง ๆ ก็เพื่อพระองค์ มิใช่เพื่อสิ่งอื่นใด เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่พรากเราจากพระเจ้าไม่จาเป็นต้องเป็นสิ่งเลวร้ายเสมอไป และนี่เป็นกับ ดักของปีศาจที่ร้ายกาจที่สุดนั่นคือ มันใช้กิจการดีมาพรากเราจากสิ่งที่ดีที่สุด อย่าลืมว่า “ศัตรูตัวสาคัญของสิ่งที่ดีที่สุดก็คือสิ่งที่ดีรองลงไป” เกรงกลัวมากที่สุดก็คือรองแชมป์นั่นเอง ! สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
เหมือนผู้ที่แชมป์โลก
-8-
4. ดินดี ลักษณะของผู้ฟังกลุ่มสุดท้ายและน่าพึงปรารถนาสาหรับเราทุกคนคือ 4.1 เปิดใจ พร้อมและเต็มใจเรียนรู้ 4.2 ฟัง โดยกาจัดความ “หยิ่ง” และความ “ยุ่งวุ่นวาย” ในชีวิตออกไป เพราะหลาย ครั้งเราสามารถคลี่คลายปัญหาโลกแตกได้เพียงแค่รู้จักฟังเพื่อนและฟังพระเจ้าเท่านั้น 4.3 ไตร่ตรอง ให้เข้าใจสิ่งที่ได้รับฟังมาว่ามีความหมายอย่างไรกับตัวเรา 4.4 ปฏิบัติ ตามสิ่งที่เราเข้าใจเพื่อจะได้บังเกิดผล “ร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบ
เท่าบ้าง” (มธ 13:8, 23) 3. ผู้ประกาศพระวาจา หากย้อนเวลากลับไปสองพันปี เราจะพบว่าสภาพจิตใจของบรรดาอัครสาวกซึ่งจะเป็น “ผู้
ประกาศพระวาจา” ต่อไปนั้น ช่างท้อแท้และหมดอาลัยตายอยากจริง ๆ จริงอยู่พระอาจารย์ของพวกเขาทรงเป็นคนดีที่สุดและฉลาดปราดเปรื่องที่สุด
แต่หากพูดจา
ตามประสามนุษย์แล้ว คงต้องยอมรับว่าชีวิตของพระองค์ไม่ค่อยประสบความ สาเร็จนัก ไหนศาลาธรรม จะปิดประตูไม่ต้อนรับพระองค์ ไหนบรรดาผู้นาศาสนาจะต่อต้านและจ้องกาจัดพระองค์ อีกทั้งฝูงชนก็ มีเพียงน้อยนิดที่กลับใจจริง ๆ นอกนั้นล้วนมาเพราะหวังผลประโยชน์จากพระองค์ซึ่งเมื่อได้แล้วก็ตีจาก พระองค์ไป ดังนั้น เพื่อสร้าง “ความมัน่ ใจ” ว่า “จะมีผลผลิตให้เก็บเกีย่ วแน่” พระองค์จึงตรัสอุปมา เรื่อง “ผู้หว่าน” ให้พวกเขาฟัง แม้บางเมล็ดจะตกตามทางเดินและถูกนกจิกกิน บางเมล็ดจะตกบนดินตื้นและไม่โตและบาง เมล็ดอาจถูกพงหนามหรือวัชพืชปกคลุมจนเหี่ยวแห้งเฉาตายไป แต่ถึงที่สุดแล้วจะมีผลร้อยเท่าบ้าง หก สิบเท่าบ้าง หรือสามสิบเท่าบ้าง ให้เก็บเกี่ยวอย่างแน่นอน ความหมายที่พระองค์ปรารถนาสื่อถึง “ผู้ประกาศพระวาจา” ทุกคนคือ สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-9-
1. ผู้ประกาศพระวาจาต้อง “หว่าน” แม้ไม่รู้ว่าพระวาจาเติบโตอย่างไร และจะเกิดผลมาก
น้อยเพียงใด ที่อังกฤษมีชายสูงวัยมากคนหนึ่งชื่อโทมัส เขามาวัดตามลาพังเป็นประจาเพราะคนรุ่นราว คราวเดียวกับเขาตายไปหมดแล้ว ลูกวัดรุ่นหลังก็ไม่มีใครรู้จักเขา เมื่อโทมัสตาย ลูกวัดคนหนึ่งซึ่งเป็น ผู้เขียนเรื่องเล่านี้เกรงว่าจะไม่มีคนไปฝังศพ เขาจึงตัดสินใจไปร่วมงานศพของโทมัส วันนั้นฝนตก ที่สุสานมีเพียงนายทหารไม่ทราบยศเพราะใส่เสื้อกันฝนทับเครื่อง แบบรออยู่ เพียงคนเดียว
ต่อหน้าหลุมศพ นายทหารผู้นั้นทาความเคารพศพของโทมัสแบบเดียวกับที่ทาให้
พระมหากษัตริย์ หลังพิธี นายทหารผู้นั้นเดินคุยมากับผู้เขียน ระหว่างนั้นลมกระโชกแรง พัดเสื้อกันฝนออก เขาใส่เครื่องแบบนายพลจัตวา ! ท่านนายพลเล่าว่า
สมัยเป็นเด็กเขาดื้อและชอบแกล้งโทมัสซึ่งเป็นครูคาสอนของเขา
โทมัสไม่เคยรู้เลยว่าได้ทาอะไรแก่เขา แต่เขาเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพราะครูโทมัส เขาจึงต้องมาคารวะ คุณครูเป็นครั้งสุดท้ายให้ได้ โทมัสไม่รู้ว่าได้ทาอะไร เราเองก็ไม่รู้แต่หน้าที่ของเราคือ “หว่านพระวาจา” แล้วพระ เจ้าจะทรงจัดการสิ่งที่เหลือ 2. อย่าหวังผลเร็ว อย่าเร่งรัดธรรมชาติ ลองคิดดูสิว่าต้องใช้เวลากี่ปีกันต้นสักจึงจะเติบโต จนตัดไม้มาใช้ประโยชน์ได้ ? พระวาจาก็เช่นเดียวกัน บางครั้งต้องใช้เวลานานแสนนานกว่าจะบังเกิดผลในจิตใจของ เรามนุษย์ บ่อยครั้งที่พระวาจาเข้าไปฝังตัวและหลับอยู่ในจิตใจของเด็ก แต่สักวันหนึ่งพระวาจาจะ ตื่นขึ้นและช่วยเด็กให้รอดพ้นจากการประจญล่อลวงและความตายฝ่ายวิญญาณ สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-10-
ทุกวันนี้เราคุ้นเคยกับดัชนีชี้วัดที่กาหนดให้งานนี้ต้องเสร็จภายในสามวัน งานนั้นภายในเจ็ด วัน แต่เราจะนาดัชนีชี้วัดมาใช้กับการประกาศพระวาจาไม่ได้ เพราะผู้หว่านพระวาจาจาเป็นต้อง “อดทน” และ “เปีย่ มด้วยความหวัง” ! ********************************
ข้อคิดเพือ่ ชีวิต “ผลเสียของการอยูค่ นเดียวหรือทางานคนเดียวคืออะไร?” อยู่คนเดียว – ไม่มีคนเข้าใจ (ไม่มีใครรับฟัง) อยู่คนเดียว – ไม่มีใครเอาใจ ไม่มีความสุข อยู่คนเดียว – ไม่มีเพื่อนคู่คิด อยู่คนเดียว – ไม่มีใครปลอบใจ อยู่คนเดียว – ไม่มีคนให้กาลังใจ อยู่คนเดียว – ไม่มีใครคอยเตือนสติ/ตักเตือน อยู่คนเดียว – ไม่มีคนคอยพยุงเวลาล้มลง อยู่คนเดียว – ไม่มีเรี่ยวแรง เพราะคิดและทาอยู่ลาพังคนเดียวจนเหนื่อยล้า อยู่คนเดียว – มันอึดอัด เพราะไม่มีใครมาช่วยรับการระบาย อยู่คนเดียว – มันจะลาบากเวลาเจ็บป่วยหรือต้องการความช่วยเหลือ อยู่คนเดียว – มันจะชอบมโนและฟุ้งซ่านเพราะว่างมาก การอยู่คนเดียวเช่นนั้นทาให้คุณไม่มีความสุข คุณก็ไม่มีคาพยานที่ดีจะช่วยคนอื่นให้สนใจเข้าหาพระ คริสต์อันจะเป็นเหตุที่ทาให้พระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ในชีวิตของคุณสาเร็จช้าลง! สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-11-
พระเจ้าจึงจะทรงสร้าง“คู่อุปถัมภ์ที่เหมาะสมสาหรับเขา(หรือคุณ)ขึ้นมา”พระเจ้าตรัสว่า “การที่ชายผู้นี้ จะอยู่แต่ลาพังนั้นไม่ดีเราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ท่เี หมาะสมกับเขาขึน้ ”(ปฐก.2:18) พระเจ้าก็มิได้ทรงเจาะจงว่า คุณจะต้องการภรรยาหรือสามี พระองค์เพียงย้าว่า คุณต้องมีคู่อุปถัมภ์หรือ ผู้ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างคุณ (Companion) ในชีวิตของคุณ ไม่เหมาะที่คุณจะอยู่คนเดียวในโลก และก็ ไม่เหมาะเช่นกันที่คุณจะอ้างข้อนี้แล้วเร่งรีบแต่งงานกับใครก็ได้สักคนหนึ่ง (ไม่ว่าจะต่างเพศ หรือเพศ เดียวกัน) เพราะการแต่งงานไม่ใช่คาตอบของการได้มาซึ่งคู่อุปถัมภ์ แต่การได้พบคู่อุปถัมภ์ที่เหมาะกับคุณคือ คาตอบของชีวิตคุณ ไม่ว่าคุณจะได้แต่งงานหรือไม่? แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า พระเจ้าทรงอนุญาตให้ คุณเลือกใครก็ได้เป็นคู่ครองและใช้ชีวิตเป็นคู่อุปถัมภ์กันโดยไม่คานึงถึงขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และพระบัญญัติของพระเจ้า เพราะการได้คู่อุปถัมภ์ที่ผ่านการสมรส จะต้องเป็นการสมรสที่มีเกียรติและบริสุทธิ์ เป็นที่ยอมรับของพระ เจ้าและของมนุษย์ (ไม่ใช่ตามใจของคุณ 2 คนเท่านั้น!) “จงให้การสมรสเป็นที่นับถือแก่คนทัง้ ปวงและให้เตียงสมรสปราศจากมลทิน เพราะคนที่ประพฤติผิดทาง เพศ และคนที่ลว่ งประเวณีนั้นพระเจ้าจะทรงพิพากษา” (ฮีบรู 13:4) เพราะว่าหากคุณได้คน ๆ หนึ่งมาอยู่เป็นคู่อุปถัมภ์ด้วย แต่วิธีที่ได้มานั้นผิดศีลธรรม ผิด ประเวณี ผิดขนบประเพณี หรือผิดธรรมชาติ คุณจะไม่มีทางมีความสุขแท้ในชีวิตได้อย่างยั่งยืน! ดังนั้น ขอให้คุณมีเพื่อนหรือคู่อุปถัมภ์ที่พร้อมจะเคียงข้างช่วยเหลือคุณเสมอไป (ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือ ชาย ไม่ว่าจะเป็นสามีภรรยากันหรือไม่) แต่ขอให้แน่ใจว่า ความสัมพันธ์ที่คุณและคู่อุปถัมภ์ของคุณมีต่อ กันนั้นเป็นที่พระเจ้าทรงยอมรับและจะอวยพรให้แก่คุณได้…แล้วคุณจะไม่อยู่ในสภาวะของความ “เหงา –เฉา – เศร้า – เน่า หรือ หนาว !” อีกต่อไป
Pope Report
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-12-
ช่วงนี้ ข่าวพระสันตะปาปาค่อนข้างเงียบ เพราะเป็นช่วงพักร้อนของชาวอิตาเลีย่ น(กรกฎาคมสิงหาคม)ทุกอย่างในวาติกนั จึงเงียบมาก อย่างไรก็ตามบทความ ของเราไม่เงียบตาม เพราะพระ สันตะปาปาองค์นี้ “ทางาน”เยอะมาก ดังนัน้ ข่าวต่างๆ จึงถูก “ตุน” ไว้หมดแล้ว คาดว่า เรายังมีเรือ่ ง ของพระสันตะปาปามาแบ่งปันได้อกี นานพอสมควร แม้จะเป็นช่วงที่พระองค์ทรงหยุดพักก็ตาม .... อย่าเหนือ่ ยหน่ายกับการไปแก้บาป วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปาได้เสด็จอภิบาลคริสตชนเมืองคาสซาโน่ อัลโล โยนิโอ จังหวัดโคเชนซ่า ทางตอนใต้ประเทศอิตาลี โดยจุดหมายแรกที่พระองค์เยือนคือเยี่ยม ผู้ต้องขังที่เรือนจากาสโตรวิลลารี่ โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขาว่า “พ่ออยากย้าว่า เมือ่ เราไปรับศีลอภัยบาป พระ เจ้าทรงให้อภัยเราและเชิญเราก้าวเดินไปกับพระองค์ พระเจ้าทรงรูว้ า่ พวกเราเป็นคนอ่อนแอ ดังนัน้ เรา ต้องอย่าเหนือ่ ยหน่ายทีจ่ ะไปรับศีลอภัยบาป พระเจ้าทรงจับมือเราและนาเราไปใกล้ชดิ กับสังคม พระเจ้า ทรงให้อภัยเราเสมอ พระองค์เดินร่วมทางกับเราเสมอ และพระองค์ทรงเข้าใจเราเสมอ” พระสงฆ์ตอ้ งอย่าหมกมุน่ กับอีโก้และจงหาเวลาเฝ้าศีลบ้าง พันธกิจต่อจากการเยี่ยมผู้ต้องขัง พระสันตะปาปาเสด็จไปพบและให้โอวาทแก่บรรดา พระสังฆราชและพระสงฆ์ประจาสังฆมณฑลคาสซาโน่ อัลโล โยนิโอ พระดารัสสอนบรรดาพระสังฆราชและพระสงฆ์ มีใจความว่า “แม้วา่ งานของพระสงฆ์ไม่ได้ ง่ายเสมอไป แต่การใกล้ชิดกับพระเยซูผา่ นทางการเฝ้าศีลมหาสนิท จะสามารถรือ้ ฟืน้ และเพิม่ พละกาลัง ให้กับความร้อนรนของการเป็นพระสงฆ์ การสงบนิง่ สักครู่ตอ่ หน้าตู้ศลี มหาสนิทจะสามารถนาพระสงฆ์ให้ ตรวจสอบความรูส้ ึกผิดชอบชัว่ ดีของตัวเอง กล่าวคือในความเงียบของการสวดภาวนา ถ้าเรากาลังทา ตัวเป็นคนงานที่ดีหรือทาตัวเป็นคนงานตัวเล็กๆ พระเยซูจะทาให้เราได้สมั ผัสพระองค์ พระหรรษทานของ พระองค์จะอยู่รอบๆ ตัวเราอย่างล้นเหลือ สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-13-
“แต่ถา้ เราให้ตวั เองเป็นศูนย์กลางของทุกสิง่ แทนทีเ่ ราจะเป็นช่องทางแจกจ่ายความรักของ พระเยซูให้ผอู้ นื่ เราก็จะกลายเป็นตะแกรงทีส่ กัดกัน้ ไม่ให้ผอู้ นื่ ได้สมั ผัสกับพระเจ้าและกีดกันไม่ให้พวก เขาได้พบกับความสว่าง รวมถึงพละกาลังแห่งพระวรสาร” “พ่อขอเตือนว่าถ้าพระสงฆ์หมกมุน่ หรือยึดติดกับอีโก้ ซึง่ ยกตัวเองขึน้ เป็นศูนย์ กลางของ ความศรัทธาต่างๆ เขาก็จะกลายเป็นการทางานอภิบาลเพือ่ ตัวเอง นอกจาก นี้พอ่ ขอย้าว่าความเป็นพี่ น้องกันในหมู่พระสงฆ์สาคัญมาก นีค่ อื สิง่ ดีทสี่ ุดที่รจู้ ักผิดชอบชัว่ ดี ความเป็นพีน่ อ้ งกันในหมูส่ งฆ์ตอ้ ง ได้รับการบ่มเพาะและแสวงหาความเป็นหนึง่ เดียวกันในพระคริสตเจ้า ในการทางานอภิบาลร่วมกับ พระสังฆราชของตน” ถ้าพระเจ้าถูกแทนทีด่ ว้ ยเงินและอานาจ ถนนแห่งบาปก็เปิดต้อนรับทันที พันธกิจสุดท้ายของการเยือนเมืองคาสซาโน่ อัลโล โยนิโอ ก็คือการถวายมิสซา ในมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า ... “เมือ่ ใดทีก่ ารสรรเสริญพระเจ้าถูกแทนทีด่ ว้ ยการบูชาเงินตรา ถนนสูบ่ าปก็เปิดเข้าหาความ ต้องการส่วนตัวของเราทันที เมือ่ เราไม่สรรเสริญพระเจ้าคนๆ นัน้ ก็กลาย เป็นผู้บชู าปีศาจ เหมือนอย่าง พวกทีด่ าเนินชีวิตในความไม่ซอื่ สัตย์และใช้ความรุนแรง” การรักคนทีเ่ กลียดเราไม่ใช่เรือ่ งง่าย แต่ความรักของพระเจ้าจะช่วยเราให้ทาแบบนัน้ ได้ ในการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา พระสันตะ ปาปา ทรง เทศน์สอนสัตบุรุษใจความว่า ... “ความรักความเมตตาของพระคริสตเจ้าจะเปลีย่ นแปลงเรา ทาให้เราสามารถรักผูอ้ นื่ นีไ่ ม่ใช่ ความรักตามประสามนุษย์ ซึง่ เป็นรักทีม่ ขี ดี จากัดแต่ความรักของพระเจ้า เป็นความรักที่ไม่มสี นิ้ สุด ไม่มี ใครสามารถประเมินความรักของพระเจ้าได้ อาศัยหนทางนี้ เราจะสามารถรักคนที่ไม่รักเรา เรือ่ งนีไ้ ม่ ง่ายเลยนะ แต่เราต้องสูก้ ับความชัว่ ด้วยความดี เราต้องให้อภัยผูอ้ นื่ แบ่งปันและต้อนรับเขาเสมอ สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-14-
อาศัยหนทางนีเ้ ราจะค้นพบ ความชืน่ ชมยินดีที่แท้จริง นีค่ อื สิง่ ทีง่ ดงาม เพราะชีวติ เราคือของขวัญจาก พระเจ้าและเราต้องดาเนินชีวิตตามแบบพระเยซู” ถ้าเราถูกตัดสินใส่รา้ ย อย่ากลัว เพราะพระเยซูจะปกป้องเรา มิสซาเช้าวันจันทร์ที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา พระวรสารวันนี้ (มธ 7:1-5) พระเยซูทรงเทศน์ สอนว่า “อย่าตัดสินผู้อื่น แล้วพระเจ้าจะไม่ตัดสินท่าน ท่านตัดสินผู้อื่นอย่างไรพระเจ้าจะตัดสินท่าน อย่างนั้น ... เจ้าคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของเจ้าก่อนเถิด แล้วจะได้เห็นชัด เพื่อไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาพี่น้องของเจ้า” พระสันตะปาปา ตรัสแบ่งปันว่า “คนที่ตดั สินผูอ้ นื่ จัดว่าทาผิดพลาด และถือว่าเป็นคนแพ้ เพราะเขาเสแสร้งทาหน้าทีแ่ ทนพระเจ้าผูท้ รงเป็นพระองค์เดียวทีส่ ามารถตัดสินเราได้ คนทีช่ อบตัดสินคน อืน่ พระเยซูบอกว่าคนพวกนีเ้ ป็นพวกชอบเสแสร้ง พวกเขาตัดสินคนแบบทันที แต่ในทางกลับกัน พระ เจ้าทรงใช้เวลาเมือ่ พระองค์ตอ้ งทาการตัดสิน” “คนทีช่ อบตัดสินคนอืน่ คือคนทีถ่ กู ครอบงาด้วยความอิจฉา เรียกได้วา่ เขาหมกมุน่ ไม่เลิก! ท่อนซุงในดวงตาจะไม่ยอมให้เขานอนหลับได้งา่ ยๆ จนกว่าเขาจะเขีย่ มันออกจากตา คนทีช่ อบตัดสินคน อืน่ จะกลายเป็นคนแพ้ และพบจุดจบแบบเลวร้าย เพราะวิธีการดังกล่าวจะกลับมาตัดสินตัวเขาเอง มี เพียงพระเจ้าเท่านัน้ ทีม่ สี ทิ ธิจ์ ะตัดสินเรา” “พึงระลึกว่า ตอนที่พระเยซูอยู่ตอ่ หน้าพระบิดา พระองค์ไม่เคยกล่าวโทษใคร พระองค์ทาใน สิง่ ที่ตรงกันข้าม นัน่ คือ พระองค์ปกป้องเรา! พระองค์คอื พระผูช้ ว่ ยพระองค์แรกทีช่ ว่ ยเรา ในพระคัมภีร์ เราได้เห็นแล้วว่า คนทีต่ ัดสินและกล่าวโทษคนอืน่ คือพวกซาตาน ใช่แล้ว พระเยซูจะตัดสิน เขาเมือ่ ถึง วาระสุดท้ายของโลก กล่าวโดยพืน้ ฐานแล้ว คนทีต่ ัดสินคนอืน่ คือผูด้ าเนินชีวิตเลียนแบบจิตตารมณ์ทาง โลก ซึง่ ชอบหลบๆ ซ่อนๆ อยูห่ ลังคนเพือ่ ใส่รา้ ยคนอืน่ ๆ ต่อหน้าพระบิดา”
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-15-
“แต่สาหรับคริสตชน เราต้องดาเนินชีวิตตามแบบพระเยซูนนั่ คือคอยอ้อนวอน พูดแต่สงิ่ ดีและ คอยทาตัวเป็นทนายปกป้อง แต่ไม่ใช่ปกป้องตัวเอง เพราะมันคือการปกป้องคนอืน่ จงอย่าดาเนินชีวิต เลียนแบบคนอืน่ ทีช่ อบใส่รา้ ย เพราะทีส่ ดุ แล้ว การใส่รา้ ยจะกลับมาทาร้ายเขาเอง” “ถ้าเราต้องการจะติดตามหนทางของพระเยซู เราต้องเป็นผูป้ กป้องผูอ้ นื่ ต่อหน้าพระบิดา ถ้า เราเห็นสิง่ แย่ๆ เกิดกับใครสักคน เราปกป้องเขาหรือเปล่าหรือว่าเราทาตัวเงียบๆดีกว่า ถ้าเป็นแบบนัน้ จง ไปสวดและปกป้องเขาต่อหน้าพระบิดาแบบที่ พระเยซูทรงทาให้เห็น จงสวดให้เขา อย่าไปตัดสินเขา เพราะถ้าท่านตัดสินคนอืน่ ท่านจะถูกตัดสินด้วยถ้าท่านทาสิง่ แย่ๆ ” คนหยิง่ ยะโสและหลงอานาจ มักมีจุดจบในคุก ปิดท้ายด้วยบทเทศน์มิสซาเช้าวันที่ 20 มิถุนายน พระวรสารประจามิสซานี้ พระเยซูทรง สอนบรรดาศิษย์ว่า “อย่าสะสมทรัพย์สมบัติบนแผ่นดิน แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์” (มธ 6:1923) พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า “ทรัพย์สมบัตทิ างโลกอย่างแรกคือเงิน มันมีความเสีย่ ง ตลอดเวลาทีจ่ ะถูกโจรขโมย เช่นเดียวกัน มีความเสีย่ งจากตลาดหุน้ เงินเป็นสิง่ จาเป็นสาหรับเราและ ครอบครัว แต่คนทีม่ วั แต่จอ้ งจะสะสมความร่ารวยอย่างเดียว จุดจบของเขาคือจะสูญเสียวิญญาณของ ตัวเอง” “ทรัพย์สมบัติทางโลกอย่างทีส่ องก็คอื ชือ่ เสียงเกียรติยศและความหยิง่ จองหอง ซึ่งคนเรา มักจะชอบโอ้อวดกัน มันก็เหมือนกับสิง่ ทีพ่ ระเยซูตาหนินนั่ แหละ พวกคนทีท่ าเป็นสวดภาวนาเพือ่ อวดคน อืน่ ว่าตัวเองศรัทธา หรือจะเป็นพวกทีช่ อบทาบุญเพือ่ อวดว่าตัวเองใจบุญ ” “ทรัพย์สมบัติทางโลกอย่างทีส่ ามคือความเย้ายวนจากอานาจ ลองคิดดูซิ พวกคนทีห่ ยิง่ ยะโส และภูมใิ จกับอานาจของตนมีจุดจบอย่างไร มีจดุ จบแบบถูกโลกลืม จบแบบอับจน และจบในคุกใช่ หรือไม่” สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-16-
“ถ้าเราแสวงหาทรัพย์สมบัตเิ หล่านี้ หัวใจของเราจะเป็นเหมือนโซ่ที่ถูกตรวนไว้ แต่พระเยซู ทรงเตือนว่า หัวใจของเราต้องเป็นอิสระ หัวใจของเราจะเป็นอิสระได้ถ้าเราแสวงหาทรัพย์สมบัติใน สวรรค์ นัน่ คือ ความรัก ความอดทน การรับใช้ผอู้ นื่ และการสรรเสริญพระเจ้า ทรัพย์สมบัตใิ นสวรรค์ จะนาเราให้ได้รับอิสรภาพและหัวใจทีส่ อ่ งแสงเรืองรอง ดังนัน้ ขอให้เราวอนขอพระเจ้า โปรดช่วยเราให้ เป็นอิสระจากการเป็นทาสของทรัพย์สมบัตทิ างโลก เพื่อทีว่ า่ เราจะได้รู้จกั ความชืน่ ชมยินดีทแี่ ท้จริงและ รู้จักเสรีภาพแห่งการดาเนินชีวิตเป็นลูกของพระเจ้า” AVE MARIA
สารส่วนตัวจากพระเป็นเจ้าถึงท่าน ( โดย ดร.วรรณีย์ ลิขติ ธรรม) ลูกอาจไม่รู้จักพ่อแต่พ่อรู้จักลูกเป็นอย่างดี(สดุดี139:1) พ่อรู้ว่าเมื่อใดลูกนั่ง เมื่อใดลูกลุกขึ้น (สดุดี 139:2) พ่อคุ้นเคยกับการกระทาทั้งหมดของลูก(สดุดี 139:3) แม้กระทั่งผมทุกเส้นบนศีรษะ ของลูก พ่อก็นับไว้หมดแล้ว (มัทธิว 10:29) เพราะพ่อสร้างลูกตามภาพลักษณ์ของพ่อ(ปฐมกาล 1:27) ลูกมีชีวิต เคลื่อนไหวและมีความเป็นอยู่ในพ่อเพราะลูกเป็นลูกของพ่อ(กิจการ 17:28) ก่อนที่ลูกจะปฏิสนธิในครรภ์มารดา พ่อรู้จักลูกแล้ว(เยเรมีย์ 1:4-5) พ่อเลือกลูกเป็นพิเศษไว้ ล่วงหน้าเมื่อพ่อวางแผนสร้างโลก (เอเฟซัส 1:11-12) วันเวลาของลูกล้วนมีเขียนไว้ในหนังสือของพ่อ (สดุดี 139 :15-16) พ่อกาหนดช่วงเวลาและขอบเขตให้ลูกอยู่(กิจการ 17:26) พ่อสร้างลูกให้เป็น ดังปาฏิหาริย์และน่าพิศวง(สดุดี 139:14) พ่อถักทอร่างลูกในครรภ์มารดา(สดุดี 139:13) และลูก พึ่งพิงพ่อมาตั้งแต่กาเนิด (สดุดี 71:6) พ่อเป็นองค์ความรักที่สมบูรณ์ (1ยอห์น 4:16) และพ่อปรารถนาจะทุ่มเทความรักของพ่อแก่ ลูก เพียงเพราะลูกเป็นลูกของพ่อและพ่อเป็นบิดาของลูก(1ยอห์น 3:1) พ่อให้ลูกมากยิ่งกว่าที่พ่อแท้ๆ ของลูกพึงให้ได้(มัทธิว 7:11) เพราะพ่อเป็นบิดาที่สมบูรณ์แบบ (มัทธิว 5:48) ของประทานทุกอย่างที่ ดีและบริบูรณ์ย่อมมาจากพ่อ(ยากอบ 1:17) เพราะพ่อเป็นผู้จัดหาทุกสิ่งที่ลูกต้องการให้แก่ลูก(มัทธิว 6:31-33) สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-17-
แผนการของพ่อเพื่ออนาคตของลูกนั้นมีความหวังเต็มเปี่ยมเสมอ (เยเรมีย์ 29:11) เพราะพ่อ รักลูกด้วยความรักนิรันดร์(เยเรมีย์ 31:3) ความคิดของพ่อในเรื่องเกี่ยวกับลูกนั้น ช่างมีมากมายเหมือน จานวนเม็ดทรายบนหาดทราย(สดุดี 139:17-18) พ่อยินดีในตัวลูกให้มีการร้องราทาเพลงสาหรับลูก เหมือนในวันฉลอง(เศฟันยาห์ 3:17) พ่อจะไม่เลิกทาคุณต่อลูก(เยเรมีย์ 32:40) เพราะลูกเป็น กรรมสิทธิ์พิเศษของพ่อ(อพยพ 19:5) พ่อประสงค์จะสร้างลูกด้วยสุดจิตใจและสุดวิญญาณ(เยเรมีย์ 32:41) และพ่ออยากเผยสิ่งที่ใหญ่ยิ่งและสิ่งที่น่าพิศวงแก่ลูก(เยเรมีย์ 33:3) ถ้าลูกแสวงหาพ่อสุด จิตใจลูกจะพบพ่อ(เฉลยธรรมบัญญัติ 4:29) จงยินดีในพ่อเถิด แล้วพ่อจะให้ตามที่ใจลูกปรารถนา(สดุดี 37:4) เพราะพ่อเองเป็นผู้ทาให้ ลูกมีความปรารถนาเหล่านั้น(ฟิลิปปี 2:13) พ่อกระทาทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้มากกว่าที่ลูกอาจขอหรือ คาดคิด(เอเฟซัส 3:20) เพราะพ่อคือผู้ประทานกาลังใจนิรันดรให้แก่ลูก( 2เธสะโลนิกา 2:16-17) ทั้งพ่อยังเป็นผู้ให้กาลังใจในความทุกข์ยากต่างๆ ของลูก(2 โครินทร์ 1:3-4) พ่ออยู่ไกล้ๆ ลูกเมื่อลูก ทุกข์ใจ(สดุดี 139:1) พ่ออุ้มลูกไว้แนบอก เหมือนคนเลี้ยงแกะอุ้มแกะตัวหนึ่ง(อิสยาห์ 40:11) สักวัน หนึ่งพ่อจะเช็ดน้าตาทุกหยดจากนัยน์ตาของลูก (วิวรณ์ 21 :3-4) และพ่อจะลบล้างความทุกข์ที่ลูก ได้รับบนโลกนี้ (วิวรณ์ 21 :3-4) พ่อเป็นบิดาของลูกและพ่อรักลูกเช่นเดียวกับพ่อรักเยซูบุตรของพ่อ(ยอห์น 17:23)เพื่อความรัก ที่พ่อรักเยซูจะได้อยู่ในลูก (ยอห์น 17:26) เยซูเป็นภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์ของพ่อ (ฮีบรู 1:3) ท่านมา เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าพ่ออยู่ข้างลูก หาได้สู้กับลูกไม่(โรม 8:31) เพื่อมาบอกลูกว่าพ่อมิได้เอาผิดกับลูก เยซูพลีชีวิต เพื่อลูกกับพ่อจะได้คืนดีกัน(2โครินธ์5:18-19) ความตายของท่านแสดงให้ลูกเห็นความรัก ที่พ่อมีต่อลูก(1ยอห์น 4:10) พ่อได้มอบทุกสิ่งที่พ่อรัก เพื่อพ่อจะได้รับความรักจากลูก(โรม 8:31-32) หากลูกยอมรับเยซู บุตรของพ่อลูกก็ยอมรับพ่อด้วย(1ยอห์น 2:23) และไม่มีสิ่งใดจะพรากลูกจากความ รักของพ่อได้อีก (โรม 8:38-39) กลับบ้านเถอะนะลูก แล้วพ่อจะเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงฉลองให้ยิ่งใหญ่ที่สุดในสวรรค์ (ลูกา 15:7) พ่อเป็นบิดา ไม่ว่าบนสวรรค์หรือบนแผ่นดิน(เอเฟซัส 3:14-15) สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-18-
คาถามของพ่อคือ..ลูกจะยอมเป็นลูกของพ่อไหม (ยอห์น 1:12-13) พ่อกาลังคอยลูกอยู่ (ลูกา 15:11-32) รัก...จากพ่อของลูก พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ ท่านเพิ่งอ่านจดหมายรักจากพระเจ้าจบไป ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง? มีประโยคใดที่โดนใจท่าน บ้างไหม? ถ้าท่านอ่านใหม่ช้าๆ ท่านจะได้สัมผัสความรักที่อ่อนโยน ความใส่ใจดูแลจากพระองค์ เรา อาจจะเปิดพระคัมภีร์อ่านตอนที่เป็นข้ออ้างอิงในวงเล็บประกอบไปด้วยก็จะดี ข้อสาคัญคืออ่านช้าๆ โดย ใส่ใจในสิ่งที่เราอ่าน อ่านหลายๆ ครั้งเพื่อจะได้รับ message จากพระองค์ เราจงขอบพระคุณพระองค์ สาหรับการเผยแสดงของพระองค์ต่อเราโดยทางจดหมายรักนี้ พูดคุยกับพระองค์ว่า เรารู้สึกอย่างไรที่ พระองค์ทรงรักเราตั้งแต่ก่อนสร้างโลกและยังรักเราอยู่และจะรักตลอดไป “ข้าแต่พระเจ้า ลูกรักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงรักลูกก่อน” รายการมิสซาประจาสัปดาห์ อา.13 กค.14
07.00 น.
คพ.สุชาติ
อาทิตย์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา โมทนาคุณแม่พระฟาติมา
ขอพร สุขภาพ คุณอานวย ทองเหลือง
ขอพร วิลาวัณย์ สิริเศรษฐกุลและครอบครัว
ขอพร เทวดาอารักขาพี่น้อง12 คน“ว่องวิไลกุล”
ขอพร หน้าที่การงานลูกทั้ง 5
ขอพร สุขภาพ อักแนส จินตนา อุกฤษฏ์
ขอพร ความเจริญของ ร้านอินทราคราฟ
ขอพร ครอบครัวคุณมันทนา เสี่ยงสกุล
ขอพร แคทรีน ไอยศรา
ขอพร ครอบครัว ยอห์น บอสโก กิตติ อ่องนาวา
อุทิศ เปโตร ประจวบ เจริญทรัพย์
อุทิศ เปาโล ภานุวัฒน์ ชัยพรแก้ว
อุทิศ ลูซีอา อังเจลา วัลลา ทวีสิน
อุทิศ ยวงบัปติสตา ยู่ลิ้ม, อักแนส ไซ้หงส์
อุทิศ เปโตร ชนะโชติ จันทะภาร
อุทิศ ยอแซฟ วินัย ศรีวรรณ
อุทิศ คุณวีณา ปราชญากุล, คุณโค้วสี
อุทิศ ฟรังซิสโก ประจวบ, อันนา กิมมุ้ย
อุทิศ มารีอา มักดาเลนา ซุ่ยฮุ้ง แซ่ล้อ
อุทิศ โรซา มณเฑียร ทองเหลือง
อุทิศ ซิสเตอร์เทโอโดรา
อุทิศ ยวงบัปติสตา จิ้งซุง –อักแนส กิมสี
อุทิศ เฮเลนา กาญจนา
อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-19อุทิศ เยียกอาเก่ง ลิบจือ แซ่หว่องและภรรยา
อุทิศ มารีอา เพ็กเซียง , อักแนส มาลี
อุทิศ ยอแซฟ วิโรจน์, กาโล เที๊ยเซียง
อุทิศ นพ.พิสิทธิ์ – โยเซฟิน รัตนา พันธุมจินดา
อุทิศ คุณพ่อเจมส์และชาวเวียดนาม 13 คน
อุทิศ ยวงบัปติสตา ลิ่มสุง, เบเนดิกโต ลิ่มชุน
อุทิศ มาเรีย อักแนส มนิดา อุ่นเมือง
อุทิศ ไมเคิล บุญอัน, อันนา ละออง
อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ*
อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง
09:00 น.
ขอพร สาหรับพีน่ อ้ งสัตบุรษุ ทุกท่าน ทุกครอบครัว
คพ.สุรชัย
19.00 น.
คพ.วิทยา
โมทนาคุณแม่พระ
ขอพร มัทธิว วิวัฒน์, เปโตร วิชัย อุตสาหจิต
ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์
ขอพร อันนา พิมรดา, มารีอา แพรวา อุตสาหจิต
ขอพร คุณดวงฤดี, คุณบันลือ อุตสาหจิต
ขอพร เปโตร พิชญกฤต, อันนา สุวิมล อุตสาหจิต
ขอพร คุณวันชัย ฉัตรเจริญพร
ขอพร คณะพลมารีไทย
ขอพร กิจการร้านการดี
ขอพร อันนา ขจิตพรรณ
ขอพร ครอบครัว สุปฏิญญา
ขอพร แคทรีน ไอยศรา
อุทิศ ยอแซฟ วีระชัย สุปฏิญญา
อุทิศ ยวงบอสโก ชวน, อันนา ประไพ สุปฏิญญา
อุทิศ แบร์นาแด๊ต ชญานิษฐ์ สีหพล
อุทิศ อลิซาเบธ มิสพัน ยับพัน ซิ๊วเงี้ยด
อุทิศ เปาโล นะ เทศถัน
อุทิศ คุณยับจิ้นฟู
อุทิศ พระสงฆ์ นักบวชที่ล่วงลับทุกท่าน
อุทิศ ยวงบัปติสตา ก้าน - มารีอา วิไลลักษณ์
อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์
อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทดารง
อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ
อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง
จ. 14 กค. 14
06.15 น. คพ.สุชาติ
น.คามิลโล เด เลลลิส พระสงฆ์ โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ
ขอพร หน้าที่การงาน เทเรซา ภิญญารัตน์
ขอพร แคทรีน ไอยศรา
ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์
อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล
อุทิศ เปาโล ธินกร, เปาโล กิตสนัย คงสมบูรณ์
อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทดารง
อุทิศ ยอแซฟ ลี แดงเดช, ยวง ไพศาล แสงหาญ
อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์
อุทิศ เซซีลีอา แน่งน้อย, ยวงบัปติสตา หวล
อุทิศ เฮเลนา กาญจนา
อุทิศ มารี มัทนี รัตนอมรกุลชัย(ครบรอบ 5 ปี)
อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ
อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-2019.00 น.
งดมิสซา สัมมนาพระสงฆ์
อ 15 กค. 14
ระลึกถึง น.บอนาแวนตูรา พระสังฆราชและนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร
06.15 น.
งดมิสซา สัมมนาพระสงฆ์
19.00 น.
งดมิสซา สัมมนาพระสงฆ์
พ.16 กค.14
พระนางมารียพ์ รหมจารียแ์ ห่งภูเขาคาร์แมล
06.15 น.
งดมิสซา สัมมนาพระสงฆ์
19.00 น.
งดมิสซา สัมมนาพระสงฆ์
พฤ.17กค.14
อาทิตย์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา
06.15 น.
งดมิสซา สัมมนาพระสงฆ์
19.00 น.
งดมิสซา สัมมนาพระสงฆ์
ศ. 18 กค. 14
อาทิตย์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา
06.15 น.
งดมิสซา สัมมนาพระสงฆ์ สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-21-
19.00 น.
คพ.สุรชัย
โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและพระแม่
ขอพร แคทรีน ไอยศรา
ขอพร ครอบครัวเตชจงนาชัย
ขอพร มารีอา สุวรรณี ว่องวิไลกุล
ขอพร หน้าที่การงานของลูกผู้ขอ
ขอพร คุณวิมล ธรรมวิชัย
ขอพร ตามประสงค์ของ ยอห์น บอสโก สมรัฐ
ขอพร ยาโกเบ เสรี–อักแนส จันทร์ตรี พรวิไลกุล
ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์
ขอพร ยอแซฟ สุรเสียง - แคทธิรีน จินดารัตน์
อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์
อุทิศ นพ.สมาน – พญ.ภักดี ตระกูลทิม
อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล
อุทิศ ผู้ล่วงลับตระกูล “เตชจงนาชัย”
อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทดารง
อุทิศ เทเรซา สุทธิรัตน์ เตชจงนาชัย
อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ
อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง
ส. 19 กค. 14
06.15 น.
คพ.สุชาติ
19.00 น.
คพ.สุรชัย
อาทิตย์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ
ขอพร แคทรีน ไอยศรา, เทเรซา จิราภรณ์
ขอพร แพททริเซีย จารุภรณ์-อักแนส จันทร์ตรี
ขอพร สมาชิกวินเซนต์เดอปอล
ขอพร ครอบครัว เทเรซา ประภัสสร – อุดม
ขอพร ยอแซฟ พอล–ยอแซฟ พิศิษฐ์ พรวิไลกุล
ขอพร มารีอา สุนีย์ คงสมบูรณ์
ขอพร มารีอา ดวงใจ, มารีอา อารยา
อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์
อุทิศ เฮเลนา กาญจนา
อุทิศ ฟรังซิส ทวน
อุทิศ คุณแม่มารีย์ ต้ายไถ่ แซ่โฮ่
อุทิศ นิโคลัส หลุย ฮีมินกุล
อุทิศ มารีอา คา สุขสุทิพย์
อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ
อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง
โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ
ขอพร ครอบครัว ปัณฑวังกูร, ลิ้มประยูร
ขอพร ครอบครัว เลาหไทยมงคล
ขอพร แคทรีน ไอยศรา
ขอพร เทเรซา ปิยกานต์ ,หลุยส์ ธนพงศ์
ขอพร มารีอา สุทธินีย์, เทเรซา วินิตา
ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์
ขอพร วินเซนต์ สุรินทร์ และครอบครั
อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์
อุทิศ ยอแซฟ อ๊อน - มารีอา เง็กเอ็ง แซ่ฉั่ว
อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทดารง
อุทิศ ทอมัส ธวัช, เทเรซา จู ศรีสวัสดิ์
อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล
อุทิศ เปาลา ราไพ อมรสังข์, กูระตะ โองาวา
อุทิศ บาทีเมอาส นุกรณ์
อุทิศ เฟร์ซีตัส วันทา สัณหภักดี
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-22อุทิศ คุณพรรณี สินสันธิ์เทศ
อุทิศ อักแนส สุ่ยบ๊วย , มัทธิว เต็กกี่
อุทิศ ผู้มีพระคุณ/ผู้ที่เคยรู้จักของผู้ขอ
อุทิศ เทวดอรอ จานงค์, อันนา บุญศรี ศรีมณี
อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ
อุทิศ ผู้ล่วงลับทั้งหลาย
ประชาสัมพันธ์
1. สัมมนาพระสงฆ์ 6 สังฆมณฑล ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 กรกฏาคม-วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม ที่บ้านผู้ หว่าน ของดมิสซาค่าวันจันทร์ที่ 14 และเช้าวันศุกร์ที่ 18 กรกฏาคม 2. วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฏาคม มิสซารอบ 9.00 น คุณพ่อ พิชาญ ใจเสรี ขอถวายมิสซาและบอกบุญพี่ น้องเพื่อช่วยเหลือการก่อสร้างบ้านเด็กกาพร้า พัทยา 3. ฉลองวัดพระบิดาเจ้า วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม เวลา 10.30 น. 4. ภคินีคณะคาร์เมไลท์ แห่งกรุงเทพฯ ขอเชิญร่วมฉลองโอกาส 50 ปี แห่งการปฏิญาณตน เซอร์ เท แรส แห่งพระเยซู วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม เวลา 10.00 น.
**ประกาศการแต่งงาน** ประกาศครัง้ ที่ 1 คูท่ 1ี่ ฝ่ายชาย : นายณัฐดนัย ขวัญศิริภทั ร์ บุตร : นายปรีชา อรรถวิเชียร + นางนิจชญาณ์ ขวัญศิริภัทร์ ฝ่ายหญิง : ลอร์เดส แบร์นาแดต จุฑาพร แสนบัว บุตรี : นายสัมฤทธิ์ แสนบัว + โรซาริโอ พรสุดา เดวิด ทั้งสองจะเข้าพิธีสมรส วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2014 เวลา 14:30 น. คูท่ ี่ 2
ฝ่ายชาย : นายปกิต อัศวพงษ์อนันต์ สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014
-23-
บุตร : นายสุรชาติ อัศวพงษ์อนันต์ + นางเสาวณีย์ อัศวพงษ์อนันต์ ฝ่ายหญิง : เทเรซา อรพธู รักษ์บญุ ยวง บุตรี : อันเดร หาญชัย รักษ์บุญยวง+ นางนลินทิพย์ รักษ์บุญยวง ทั้งสองจะเข้าพิธีสมรส วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2014 เวลา 14:00 น. ** ผู้ใดทราบข้อขัดขวาง
มีหน้าทีต่ ้องแจ้งให้พระสงฆ์ทราบ **
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014