-1-
ฟาติมาสาร สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ----------------------------------------------------------------------------------------------
วัดแม่พระฟาติมา 4080 ถ. อโศก – ดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. 10400 โทร. 02 - 245 - 1039, 02 - 642 - 9907, 02 - 247 - 5222, โทรสาร 02 - 246 - 6174 E-mail : fatimachurch13@gmail.com www.fatima.or.th สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-2-
บทความเจ้าอาวาส วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา พระวาจาวันนี้นักบุญ มัทธิว 13:24-30 พระองค์ทรงเล่าเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งให้พวกเขาฟังว่า “อาณาจักร สวรรค์เปรียบได้กับชายคนหนึ่งที่หว่านข้าวพันธุ์ดีในนาของตน ขณะที่ทุกคนนอนหลับ ศัตรูก็มาหว่านข้าวละมานทับลงบนข้าวสาลีแล้วจากไป” ข้าวสาลีคือข้าวพันธุ์ดี ส่วนข้าว ละมานเป็นข้าวพันธุ์เลวซึ่งต้องเก็บทิ้งไป ในโลกของเราก็เป็นเช่นนี้ มีทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดี อยู่ปนกัน แต่พระเจ้าก็ทรงปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมกัน จนถึงเวลาเก็บเกี่ยว คือ เวลาแห่งการตัดสินของพระเจ้า เหมือนกับเวลาพิพากษา คนดีและคนไม่ดีจะถูกแยกออก จากกัน คนดีก็จะได้ไปสวรรค์ คนไม่ดีก็ต้องตกนรกเพราะการกระทาของตนเอง การสัมมนาของพระสงฆ์แขวงกรุงเทพฯ มีพระสงฆ์จาก 6 สังฆมณฑลมาสัมมนา ในหัวข้อเรื่อง ประสบการณ์และแนวทางการประกาศข่าวดี มีหัวข้อต่างๆ ดังนี้ เรื่อง สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส กับการประกาศข่าวดี เรื่องศาสนสัมพันธ์กับการประกาศ ข่าวดี เรื่องการประกาศข่าวดีในโรงเรียน เรื่องการประกาศข่าวดีโดยผ่านทางเทคโนโลยี สมัยใหม่ เรื่องเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ที่เหมาะสมกับการประกาศข่าวดี หัวข้อต่างๆ เหล่านี้มีพระสงฆ์และผู้ทางานเรื่องการประกาศข่าวดีบรรยาย มีเรื่องที่สาคัญหลายอย่างที่ พระสงฆ์สามารถนาไปปฏิบัติหน้าที่ได้เลย เรื่องศาสนสัมพันธ์เป็นเรื่องจาเป็นสาหรับ ปัจจุบันอย่างมาก เพราะเป็นการติดต่อระหว่างคนกับคน เมื่อผู้นาศาสนารู้จักกัน เรียนรู้ เรื่องศาสนาของกันและกัน เมื่อยอมรับกันได้ในระหว่างบุคคล โดยเฉพาะระดับชาวบ้าน เพราะสัตบุรุษมีการดาเนินชีวิตอยู่ด้วยกันย่อมติดต่อกันอยู่ในสังคมระแวกบ้าน สัตบุรุษทุก คนสามารถทาศาสนสัมพันธ์ได้เลย แต่ควรเรียนรู้วิธีพูด วิธีเข้าใจและยอมรับกันและกัน พระศาสนจักรโดยพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเขียนสมณสาสน์ เรื่องความชื่นชมยินดี แห่งพระวรสาร Evangelii Gaudium ในหนังสือฉบับนี้ มีข้อแนะนามากมาย ให้เห็น คุณค่าของพระวรสาร และแนะนาบุคคลต่างๆ เริ่มตั้งแต่พระสังฆราช พระสงฆ์ สัตบุรุษ ทุกคน สัมมนาครั้งนี้มีคุณวศิน มานะสุรางกูล (วิน) เจ้าของเว็ปไซด์ Pope Report และ สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-3-
คุณพรพล รักษ์บุญยวง เจ้าของเว็ปไซด์ New Manna ซึ่งได้รับคาสรรเสริญจากบรรดา พระสงฆ์ โดยเฉพาะคุณวศิน เพราะป็นผู้เริ่มต้นงานสื่อออนไลน์ ที่มีคนนิยมอ่านมาก คุณวศิน เสียสละเวลาส่วนตัวในตอกกลางคืนเพื่อติดตามรายงานต่างๆ ของพระ สันตะปาปาจากโรม จึงทาให้คนจานวนมากรู้ข่าวเกี่ยวกับพระสันตะปาปา เป็นต้นเรื่องบท เทศน์ซื่งพระสงฆ์หลายองค์นาไปเทศน์ต่อได้ พ่อเองก็ได้ใช้บทเทศน์ของพระสันตะปาปา ด้วย จากนั้น ดร.สิขเรจ ศิรากานต์ บรรยายเรื่องเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ที่เหมาะสมกับ การประกาศข่าวดี มีพระสงฆ์บางองค์ให้ข้อสังเกตเรื่องสัตบุรุษบางท่านชอบเล่นไลน์ใน เวลามิสซา(วัดอื่น) มีการพูดถึงการใช้ New Evangelization New Media ที่มี ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาก ทาให้คนเราไม่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ทุกคนไม่เว้นผู้ใหญ่ ต่างก้มมองจอโทรศัพท์ เพื่อทาอย่างใดอย่างหนึ่ง อันทาให้เกิด Unfriend Thailand ต่างใจ ไทยเดียว และอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะมีเทคโนโลยี Google Glass ใช้ติดอยู่กับแว่นตา สามารถมีข้อมูลทุกอย่าง ทาอะไรได้ทุกอย่าง เป็นแว่นคอมพิวเตอร์สารพัดประโยชน์ เป็นยุค Augmented Reality ทุกเรื่องทุกอย่างอยู่ที่แว่นตานี้ โดยใช้ร่วมกับ Application จากโทรศัพท์ เป็นยุค AR….ซื่อก็มีประโยชน์สารพัด สามารถนามาใช้เพื่องานการประกาศ ข่าวดีได้ แต่ถ้าใช้ไปในทางที่ไม่ถูกต้อง มันก็มีโทษอยู่ไม่น้อย นี่คือความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยีที่ไม่มีใครหยุดยั้งมัน แต่พัฒนามันขึ้นเรื่อยๆ นาไปสู่ช่วงเวลาแห่งความโง่เขลา (ไอสไตน์) กล่าวไว้แล้ว. คุณพ่อสุรชัย กิจสวัสดิ์
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-4-
พระวรสารประจาสัปดาห์ (มธ 13:24-30) พระเยซูเจ้าทรงเล่าเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งให้พวกเขาฟังว่า “อาณาจักรสวรรค์ เปรียบได้กับชายคนหนึ่งที่หว่านข้าวพันธุ์ดีในนาของตน 25ขณะที่ทุกคนนอนหลับ ศัตรูก็ มาหว่านข้าวละมานทับลงบนข้าวสาลีแล้วจากไป 26เมื่อต้นข้าวงอกขึ้นจนออกรวง ข้าว ละมานก็ปรากฏแซมอยู่ด้วย 27บรรดาผู้รับใช้จึงไปหานายถามว่า ‘นายครับ นายหว่าน ข้าวพันธุ์ดีในนามิใช่หรือ แล้วข้าวละมานมาจากที่ใดเล่า’ 28นายตอบว่า ‘ศัตรูมาหว่านไว้’ ผู้รับใช้จึงถามว่า ‘นายต้องการให้เราไปถอนมันไหม’ 29นายตอบว่า ‘อย่าเลย เกรงว่าเมื่อ ท่านถอนข้าวละมาน ท่านจะถอนข้าวสาลีติดมาด้วย 30จงปล่อยให้ข้าวสองชนิดงอกงาม ขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว แล้วฉันจะบอกคนเก็บเกี่ยวว่า จงเก็บข้าวละมานก่อน มัดเป็นฟ่อน เผาไฟเสีย ส่วนข้าวสาลีนั้น จงเก็บเข้ายุ้งของฉัน’” 24
*****************************************
ข้อคิดจากบทพระวรสาร(โดย คพ.ชัยยะ กิจสวัสดิ์) 1. ข้าวละมาน การหว่านข้าวละมานทับลงบนข้าวสาลีมิใช่เรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงเสกสรรปั้นแต่ง ขึ้นเอง แต่เป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจริงและมีโทษหนักตามกฎหมายโรมัน ทุกวันนี้ชาว อินเดียบางคนก็ยังไม่เลิกข่มขู่ศัตรูของตนว่า “ข้าจะหว่านเมล็ดข้าวเลวลงในนาของเจ้า” ข้าวละมานถือเป็นหนึ่งในคาสาปสาหรับชาวนาทุกคนเพราะเมื่อเริ่มงอกมันจะมี ลักษณะเหมือนข้าวสาลีจนแยกไม่ออก ต้องรอจนออกรวงจึงจะสามารถแยกได้ว่าต้นไหน เป็นข้าวสาลีและต้นไหนเป็นข้าวละมาน แต่เมื่อถึงเวลาออกรวง รากของมันก็พันกันนัวเนียจนไม่มีทางถอนข้าวละมานโดย ที่ข้าวสาลีไม่หลุดติดมือมาด้วย สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-5-
อย่างไรก็ตาม จาเป็นต้องแยกข้าวละมานออกจากข้าวสาลี เพราะมันมีรสชาติขม ไม่อร่อย อีกทั้งกินแล้วเป็นพิษทาให้มึนเมา เวียนศีรษะและเจ็บป่วย ทุกวันนี้ ชาวนาแยกข้าวสาลีออกจากข้าวละมานหลังการนวดข้าวโดยเทเมล็ดข้าว ทั้งสองลงในถาด แล้วใช้แรงงานสตรีแยกเมล็ดข้าวละมานซึ่งมีลักษณะและขนาดเหมือน เมล็ดข้าวสาลี เพียงแต่มีสีเทาคล้ายกระดานชนวนทิ้งไป อุปมาเรื่องข้าวละมานจึงเป็นสิ่งที่ชาวยิวคุ้นเคยและเข้าใจได้เป็นอย่างดีแม้พึ่งจะ ได้ฟังเป็นครั้งแรก 1. มีอำนำจของศัตรูอยู่ในโลกนี้ มันคอยจ้องทาลายเมล็ดพันธุ์ดี ประสบการณ์ของเรายืนยันถึงอิทธิพลของอานาจทั้งสองได้เป็นอย่างดี ขณะที่อิทธิพลของเมล็ดพันธุ์ดีพยายามทาให้พระวาจาของพระเจ้าเจริญงอกงามในจิตใจ ของเรา แต่ในเวลาเดียวกันก็มีอิทธิพลของศัตรูร้ายที่คอยจ้องทาลายเมล็ดพันธุ์ดีก่อนที่มัน จะมีโอกาสเติบโตเสียอีก จึงนามาสู่บทเรียนแรกคือเราต้อง “เฝ้ำระวังอยู่เสมอ” มิให้อานาจของศัตรู ร้ายมีอิทธิพลเหนือตัวเรา 2. ยำกที่จะแยกแยะว่ำผู้ใดอยู่ในพระอำณำจักรของพระเจ้ำหรือไม่ ข้าวสาลี และข้าวละมานมีลักษณะเหมือนกันจนชาวนาไม่อาจแยกออกจากกันได้ฉันใด มนุษย์เราก็ มีลักษณะภายนอกเหมือนกันจนไม่อาจแยกคนดีออกจากคนเลวได้ฉันนั้น เราจึงต้องไม่ด่วนแยกแยะว่าใครดีหรือใครเลวจนกว่าจะรู้ข้อเท็จจริงทั้งภาย นอกและภายในทุกด้าน 3. อย่ำด่วนพิพำกษำ เพราะแม้แต่ชาวนายังต้องรอจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวจึงจะแยก ข้าวละมานออกจากข้าวสาลีได้ บางคนเคยทาผิดอย่างมหันต์แต่อาจกลับใจได้อาศัยพระหรรษทานของพระ เจ้า ในทางกลับกัน บางคนดาเนินชีวิตไม่มีที่ติมาโดยตลอดแต่อาจผิดพลาดและจมอยู่ใน บาปจนวาระสุดท้ายก็เป็นไปได้ การพิพากษาจึงจะกระทาได้ก็ต่อเมื่อทุกอย่างจบสิ้นแล้ว เท่านั้น ไม่มีใครที่รู้จักผู้อื่นเพียงเสี้ยวเดียวของชีวิตแล้วจะมีสิทธิตัดสินเขาทั้งชีวิตได้ สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-6-
4. มีกำรพิพำกษำแน่ แม้จะช้าหน่อยก็ตาม เรามักพูดตามประสามนุษย์ว่า “ทาดีได้ดีมีที่ไหน ทาชั่วได้ดีมีถมไป” แต่ขอให้ จดจาไว้ว่า คนชั่ว“จงอย่ากระหยิ่มใจ และคนดี “จงอย่าท้อใจ”เพราะการพิพากษาลงโทษ และการให้รางวัลจะเกิดขึ้นแน่ เหมือนข้าวละมานที่แม้จะอยู่รอดปลอดภัยจนนวดข้าวแล้ว เสร็จแต่ก็ต้องถูกคัดทิ้งไปในที่สุด 5. พระเจ้ำเท่ำนั้นทรงมีสิทธิตัดสิน เพราะพระองค์ทรงรู้จักมนุษย์ทั้งครบทุก ด้าน และทั้งชีวิต ส่วนเรานั้น “อย่าตัดสินเขา และท่านจะไม่ถูกพระเจ้าตัดสิน” (มธ 7:1) 2. เมล็ดมัสตาร์ด อันที่จริงเมล็ดมัสตาร์ดไม่ใช่เมล็ดพืชที่เล็กที่สุดเพราะเมล็ดของต้นสนบางชนิดยัง มีขนาดเล็กกว่าอีก แต่ชาวยิวใช้เมล็ดมัสตาร์ดเป็นคาเปรียบเทียบเพื่อหมายถึงสิ่งที่ “เล็กมาก” เราจึงได้ยินชาวยิวพูดว่า “หยดเลือดเล็กเท่าเมล็ดมัสตาร์ด” หรือผู้ที่ละเมิด กฎเล็กๆ น้อยๆ จะ “มีมลทินเท่าเมล็ดมัสตาร์ด” เป็นต้น พระเยซูเจ้าเองก็ทรงเปรียบความเชื่อน้อยนิดของเราว่าเท่าเมล็ดมัสตาร์ด พระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านมีความเชื่อสักเท่าเมล็ด มัสตาร์ด แล้วพูดกับภูเขานี้ว่า ‘จงย้ายจากที่นี่ ไปที่โน่น’ มันก็จะย้ายไป และไม่มีอะไรที่ ท่านจะทาไม่ได้” (มธ 17:20) ทั้ง ๆ ที่เมล็ดมัสตาร์ดมีขนาดเล็กมาก แต่เมื่อเติบโตมันจะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ สูงสุดถึงสามเมตรครึ่ง เมล็ดสีดาของมันเป็นที่ชื่นชอบของนกมาก ฝูงนกน้อยใหญ่จึงพา กันมาเกาะตามกิ่งก้านเพื่อจิกกิน เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า“อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับเมล็ดมัสตาร์ด” (มธ 13:31) จึงมีความหมายชัดเจนว่า อำณำจักรสวรรค์เริ่มต้นจำกสิ่งเล็กๆ แต่จะเติบใหญ่จนทุก สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-7-
ชำติเข้ำมำรวมกันในอำณำจักรแห่งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับข้อเท็จจริงตามประวัติศาสตร์ซึ่ง บ่งบอกว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่ล้วนเริ่มต้นมาจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนทั้งสิ้น ดังเช่น 1. ความคิดที่เปลี่ยนแปลงอารยธรรมของมนุษยชาติเริ่มต้นจากคนคนเดียว เช่น ความคิดของโทมัส เอดิสันช่วยทาให้โลกสว่างไสวด้วยหลอดไฟ ความคิดของเฮนรี่ ฟอร์ด ทาให้อุตสาหกรรมรถยนต์เปลี่ยนแปลงจนคนทั่วไปสามารถซื้อหามาเป็นเจ้าของได้ หรือ นักศึกษาเดือนตุลาเพียงหยิบมือเดียวสามารถหยุดยั้งการปกครองแบบผูกขาดและทาให้ ประชาธิปไตยของไทยเบ่งบานขึ้นได้ เป็นต้น 2. สักขีพยานถึงพระเยซูคริสตเจ้าเริ่มจากคนคนเดียวดังเช่นคราวที่มีการประชุม เยาวชนนานาชาติเพื่อร่วมกันแสวงหาหนทางประกาศพระวรสารให้สอดคล้องกับ สหัสวรรษใหม่ เด็กหญิงจากอัฟริกาคนหนึ่งเล่าว่า “เราไม่มีเงินพิมพ์หนังสือพระคัมภีร์หรือ จ้างครูคาสอนเพื่องานประกาศพระวรสาร เมื่อต้องการนาคริสตศาสนาเข้าไปในหมู่บ้าน ใด เราทาได้เพียงส่งครอบครัวคริสตชนเข้าไปอาศัยอยู่กับชาวบ้านและทามาหากินเหมือน พวกเขา เมื่อชาวบ้านเห็นว่าชีวิตคริสตชนดีอย่างไร พวกเขาก็มาสมัครเป็นคริสตชนด้วย” เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเราจะสอนอยู่ในโรงเรียนใดหรือทางานอยู่ในบริษัทไหน เรา เพียงคนเดียวนี่แหละสามารถเป็นสักขีพยานและนาพระเยซูคริสตเจ้าไปสู่คนรอบข้างได้ 3. การฟื้นฟูหรือปฏิรูปใด ๆ ล้วนเริ่มจากคนคนเดียว ดังเช่นสมัยที่กีฬาต่อสู้จน ตัวตายกันไปข้างหนึ่ง (gladiators) ยังเป็นที่นิยมแพร่หลายในอาณาจักรโรมันทั้งๆ ที่หัน มานับถือคริสตศาสนาแล้ว ฤาษีจากทะเลทรายนามว่าเทเลมาคุส (Telemachus) เดินทางมากรุงโรมเพื่อชมการแข่งขันร่วมกับฝูงชนอีกแปดหมื่นคน ด้วยความคิดว่านัก ต่อสู้ทุกคนต่างเป็นบุตรของพระเจ้า ท่านจึงกระโดดลงไปในสังเวียนแล้วยืนอยู่ระหว่าง กลางนักต่อสู้ พวกเขาผลักท่านออกมา ฝูงชนเริ่มโกรธและขว้างก้อนหินใส่ท่าน ท่าน พยายามกลับไปยืนระหว่างนักต่อสู้อีกครั้ง แต่คราวนี้มีเสียงสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ ระดับสูงตามด้วยเสียงดาบฟันฉับ ร่างของท่านล้มลงตายคาที่ ทันใดนั้นฝูงชนทั้งสนาม เงียบกริบ พวกเขาตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้ศักดิ์สิทธิ์ นับแต่นั้นมากีฬาชนิดนี้ก็หายไป จากโรมตราบจนทุกวันนี้ สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-8-
แบบอย่างของท่านฤาษีทาให้เราต้องเริ่มต้นฟื้นฟูได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ ทางาน หรือที่ใดก็ตาม เพราะผลของการฟื้นฟูนั้นยิ่งใหญ่จริง ๆ “อาณาจักรสวรรค์ซึ่งเปรียบได้กับเมล็ดมัสตาร์ด” จึงเป็นกาลังใจสาหรับบรรดา ศิษย์ของพระองค์ทั้งในอดีตและปัจจุบันได้เป็นอย่างดี !! 3. เชื้อแป้ง พระเยซูเจ้าทรงนา “เชื้อแป้ง” ในครัวเรือนซึ่งอยู่ใกล้ชิดเรามากที่สุดมาใช้ เปรียบเทียบให้เข้าใจอาณาจักรสวรรค์ ชาวยิวทาขนมปังกินเองในบ้าน แป้งสาลีสามถังมากพอทาขนมปังให้ครอบครัว ขนาดใหญ่กินได้ทั้งวัน เชื้อแป้งเป็นสิ่งจาเป็นเพราะทาให้ขนมปังนุ่ม ฟู โปร่ง และอร่อย ชวนกิน ส่วนใหญ่ได้มาจากการหมักชิ้นขนมปังที่ทาครั้งก่อน แม้จะมีประโยชน์ใหญ่หลวง แต่ชาวยิวมักนาเชื้อแป้งไปผูกติดกับความชั่วร้าย เชื้อแป้งคือสิ่งที่พวกเขาต้องค้นหาและทาลายให้หมดไปจากบ้านของตนในช่วงเตรียม ฉลองปัสกา พระเยซูเจ้าเองก็ทรงเตือนให้ “ระวังเชื้อแป้งของชาวฟาริสีและชาวสะดูสี” (มธ 16:6 และดู 1 คร 5:6-8; กท 5:9) จึงนับเป็นความชาญฉลาดยิ่งของพระเยซูเจ้าที่ทรงนาเชื้อแป้งซึ่งมีภาพพจน์เชิง ลบมาเปรียบเทียบกับอาณาจักรสวรรค์ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้ฟัง เจตนาของพระองค์คือสอนว่า “อำณำจักรสวรรค์มีพลังแห่งกำรเปลี่ยนแปลง” ดุจเดียวกับเชื้อแป้งที่สามารถเปลี่ยนแป้งสาลีให้เป็นขนมปังที่นุ่มอร่อย นับจากอดีต พลังของคริสตศาสนาได้เปลี่ยนแปลงสังคมหลายด้านด้วยกัน ตัวอย่างเช่น 1. เปลี่ยนสถานภาพของสตรี ก่อนหน้านี้ชายชาวยิวจะสวดขอบคุณพระเจ้าทุกเช้าที่โปรดให้เขาไม่เป็นคน ต่างศาสนา ไม่เป็นทาส และไม่เป็นผู้หญิง สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-9-
ในดินแดนทางตะวันออก เรามักเห็นครอบครัวเดินทางร่วมกันโดยพ่อนั่งบน หลังลา ส่วนแม่เดินจูงลา ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเขาถือว่าผู้หญิงมีคุณค่าเทียบเท่าสิ่งของ อย่างหนึ่งเท่านั้น แต่ประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าคริสตศาสนาได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้หญิง ให้เป็น “ลูกของพระเจ้า” เทียบเท่าชายได้อย่างไร 2. เปลี่ยนสถานภาพของคนอ่อนแอและเจ็บป่วย คนสมัยก่อนถือว่าคนอ่อนแอหรือเจ็บป่วยนั้นไร้ค่าและเป็นส่วนเกินของสังคม ที่เมืองสปาร์ตาจึงมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบเด็กเกิดใหม่ว่าแข็งแรงหรือไม่ ถ้าแข็งแรงก็มี สิทธิอยู่รอด แต่ถ้าอ่อนแอหรือผิดปกติก็จะถูกโยนทิ้งตามเชิงเขา ทว่าที่เมืองสปาร์ตานี้เอง เรากลับพบบันทึกทางประวัติศาสตร์ว่า สถานดูแลคนตาบอดแห่งแรกได้ถูกจัดตั้งขึ้นโดย ธาลาซีอุสซึ่งเป็นพระนับถือคริสต์รูปหนึ่ง สถานที่จ่ายยาฟรีแห่งแรกก็ได้รับการจัดตั้งโดย อพอลโลนีอุสซึ่งเป็นพ่อค้านับถือคริสต์คนหนึ่ง และโรงพยาบาลแห่งแรกก็ถือกาเนิดขึ้น โดยฟาบีโอลาซึ่งเป็นสุภาพสตรีคริสต์อีกคนหนึ่ง 3. เปลี่ยนชีวิตของผู้สูงอายุ ชาวโรมันถือว่าผู้สูงอายุเปรียบเสมือนเครื่องมือเก่าซึ่งไม่มีค่าอันใดนอกจากทิ้ง รวมกับขยะ ส่วนคริสตศาสนาสอนว่ามนุษย์ไม่ใช่เครื่องมือแต่เป็นบุคคล และเป็นบุคคล ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย 4. เปลี่ยนชีวิตของเด็ก ก่อนหน้าพระเยซูเจ้า การที่หญิงคนหนึ่งจะมีสามีใหม่ทุกปีนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการหย่าร้างเป็นสิ่งที่ทาได้ง่าย ๆ สถาบันครอบครัวตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่งยวด เด็กถูกมองเป็น “มารหัวขน” และถูกทิ้งให้อดตายอยู่เนือง ๆ โชคดีที่คริสตศาสนาช่วยเปลี่ยนแปลงอารยธรรมของมนุษย์เสียใหม่ ทุกวันนี้ ชีวิตครอบครัวถูกสร้างขึ้นมาโดยมีเด็กเป็นศูนย์กลาง เด็กกลายเป็น “โซ่ทองคล้องใจ” ไม่ใช่ “มารหัวขน” อีกต่อไป คริสตศาสนานอกจากมีพลังเปลี่ยนแปลงสังคมดังได้ยกตัวอย่างมาแล้ว นักบุญ เปาโลยังกล่าวย้าถึงพลังที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเราแต่ละคน (Individual) อีกด้วย “ท่านไม่รู้ สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-10-
หรือว่าคนอธรรมจะไม่ได้รับพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก จงอย่าหลอกตนเอง คน ผิดประเวณี คนกราบไหว้รูปเคารพ คนเป็นชู้ คนลักเพศ คนรักร่วมเพศ คนขโมย คนโลภ คนขี้เมา คนปากร้าย คนฉ้อโกง คนเหล่านี้จะไม่ได้รับพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก บำงท่ำนเคยเป็นเช่นนี้มำก่อน แต่ท่ำนได้รับกำรชำระล้ำงแล้ว ท่ำนได้รับควำม ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ท่ำนได้รับควำมชอบธรรมแล้วเดชะพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้ เป็นเจ้า และเดชะพระจิตของพระเจ้าของเรา” (1 คร 6:9-11) แล้วเรำไม่คิดจะให้พระองค์เปลี่ยนแปลงชีวิตของเรำบ้ำงดอกหรือ ?! ********************************
ข้อคิดเพื่อความสุข "จงเคารพในความรู้สึกของผู้อื่น ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีความหมายอะไรมากมายสาหรับคุณ แต่มันอาจหมายถึงทุกอย่างสาหรับพวกเขา" จงอย่าสูญเสียความมั่นใจโดยเด็ดขาด เพียงแค่ค้นหาหาทิศทาง ทุกคนสามารถมีชีวิตที่ประสบความสาเร็จได้ เราไม่อาจล่วงรู้อนาคต แต่ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เพียงแต่เราเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับมัน อย่างกล้าหาญ แน่นอนว่าอุปสรรคจะต้องเปลี่ยนเป็นโอกาสก็ไม่มีอะไรที่จะมาขวางกั้น การก้าวไป ข้างหน้าของเราได้
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-11-
Pope Report ย้อนกลับไปวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปาทรงถวาย มิสซาสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล พร้อมมอบ “ปัลลิอุม” ให้กับพระอัคร สังฆราชประจาอัครสังฆมณฑลต่างๆ จากทั่วโลก จานวน 24 องค์ที่ได้รับการแต่งตั้งใน รอบปีที่ผ่านมา มิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์เตือนสติบรรดาพระอัครสังฆราช ใหม่แบบค่อนข้างแรง เนื้อหาเป็นอย่างไร เราลองไปติดตามกัน ... สังฆราชต้องอย่ากลัวชีวิตอภิบาล อย่าหนีความรับผิดชอบ อย่าพูดไร้สาระ สาหรับบทเทศน์ประจามิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสว่า “เมื่อตอนที่เปโตรเริ่ม พันธกิจอภิบาลกลุ่มคริสตชนที่กรุงเยรูซาเล็ม ความกลัวแบบสุดๆ ได้แผ่ขยายไปทั่ว เพราะ กษัตริย์เฮร็อดยังคงเบียดเบียนข่มเหงพระศาสนจักรอย่างต่อเนื่อง มีการฆ่านักบุญยาก็อบ อัครสาวก(ยาก็อบ)และมีการจาคุกเปโตร ทั้งนี้เพื่อข่มขู่และปิดปากประชาชน เมื่อเปโตร ถูกจาคุกและถูกล่ามโซ่ ท่านได้ยินเสียงทูตสวรรค์กล่าวว่า ‘เร็ว! จงลุกขึ้น จงรีบแต่งตัว สวมรองเท้าและตามเรามา’ ทันใดนั้นโซ่ที่ล่ามนักบุญเปโตรก็หลุดออกและประตูคุกก็เปิด เปโตรคิดได้ทันทีว่า พระเจ้าทรงช่วยเขาออกจากเงื้อมมือของเฮร็อด ใช่แล้ว พระเจ้าทรง ปลดปล่อยเราจากความกลัวทุกชนิดและจากการเป็นทาสทุกรูปแบบ เพื่อที่พวกเราจะได้ เป็นอิสระ “ทุกวันนี้ ปัญหาสาหรับเราผู้อภิบาลบรรดาพระสังฆราชและพระสงฆ์ ก็คือ ความกลัวและความพยายามที่จะหลีกหนีความรับผิดชอบในการอภิบาล พี่น้อง พระสังฆราชที่รัก พ่อสงสัยว่า พวกเรากลัวอะไรกัน ถ้าเรากลัวชีวิตอภิบาล ความกลัว และความต้องการที่จะหนีปัญหาเพื่อความมั่นคงแบบไหนล่ะที่เรามองหา เรามองหา ความช่วยเหลือจากคนที่มีอานาจฝ่ายโลกใช่หรือเปล่า? หรือเรายอมให้ตัวเองถูกหลอก และมอมเมาจากความทะนงตน ซึ่งจ้องแต่จะหาความพึงพอใจและการยอมรับจาก สังคม เพื่อที่ความทะนงตนจะได้ให้ความมั่นคงแก่เรา มันเป็นแบบนั้นใช่หรือเปล่า พี่ น้องพระสังฆราช พวกท่านมองหาความมั่นคงปลอดภัยแบบไหนกันล่ะ? สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-12-
“การเป็นประจักษ์พยานของอัครสาวกเปโตร ได้เตือนเราถึงการหลีกหนีปัญหา นั่นคือ จงวางใจในพระเจ้า การวางใจในพระเจ้าจะขจัดความกลัวทุกชนิด การวางใจใน พระเจ้าจะปลดปล่อยเราจากการเป็นทาสทุกรูปแบบ รวมไปถึงการเป็นทาสของการ ประจญล่อลวงจากจิตตารมณ์ทางโลก” “ตอนที่พระเยซูถามเปโตรว่า ‘ท่านรักเราไหม’ เปโตรไม่ไว้ใจตัวเองและไม่ไว้ใจ ความเข้มแข็งของตัวเอง แต่เขาวางใจในพระเยซูและพระเมตตาของพระองค์ เปโตรจึง ตอบไปว่า ‘พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทราบดีว่าข้าพเจ้ารัก พระองค์’ เปโตรได้พบกับความรักที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า วันนี้ พระเยซูถามเราว่า ‘ท่านรัก เราไหม’ พระเยซูถามเพราะพระองค์รู้ว่าเรามีความกลัวและอุปสรรคในใจ แต่เปโตรได้ แสดงให้เห็นแล้วว่า เราต้องวางใจในพระเจ้าผู้ทรงทราบทุกสิ่งในตัวเรา พระเยซูไม่เคย ทอดทิ้งเรา และพระองค์ก็ไม่เคยปฏิเสธตัวเอง ความรักอันซื่อสัตย์ของพระเจ้าแสดงให้เห็น พวกเราพระสังฆราชได้เห็นถึงความมั่นคงอย่างไม่แปรเปลี่ยน นี่คือบ่อเกิดของความวางใจ และสันติ” “พระเยซูตรัสกับเปโตรว่า ‘จงตามเรามา’ วันนี้ พระเจ้าพูดคานี้กับเรา พระเจ้า ตรัสกับตัวพ่อเอง และก็ตรัสกับพวกท่าน รวมถึงตรัสกับบรรดาพระสังฆราชและพระสงฆ์ ทุกคนว่า ‘จงตามเรามา’ ดังนั้น จงอย่าเสียเวลาสงสัย หรือเสียเวลาไปกับการพูดจาไร้ สาระ แต่จงติดตามพระองค์ได้แล้ว ติดตามพระเยซูโดยไม่คิดเสียใจต่อความยากลาบาก ติดตามพระเยซูด้วยการประกาศพระวรสาร ติดตามพระเยซูด้วยการเป็นประจักษ์พยาน ด้วยชีวิต โดยผ่านทางพระหรรษทานที่ท่านได้รับในศีลล้างบาปและศีลบวช จงติดตามพระ เยซูด้วยการประกาศพระวรสารให้กับผู้ยากไร้” ขอโทษที่พ่อมาสาย – คาทอลิกที่ไม่สนใจแม่พระคือพวกลูกกาพร้า เย็นวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปาทรงเป็นประธานในการ ภาวนาร่วมกับกลุ่มเยาวชนของสังฆมณฑลโรม หน้าถ้าแม่พระเมืองลูร์ด ในสวนวาติกัน การภาวนานี้ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เริ่มในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเน ดิกต์ ที่ 16 โดยจะภาวนาก่อนวันสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลและแม้จะเปลี่ยน สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-13-
สมณสมัยมาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระองค์ก็ยังให้ธรรมเนียมปฏิบัตินี้ดาเนิน ต่อไป อย่างไรก็ตาม การภาวนาเริ่มขึ้นช้าไปเกือบ 15 นาที ทันทีที่มาถึง พระ สันตะปาปาทรงกล่าวขอโทษทุกคนที่ต้องมานั่งรอพระองค์ พระสันตะปาปาตรัสขอโทษทุก คนว่า “พ่อขอโทษจริงๆที่พ่อมาสาย พ่อยังอยากย้าว่า การตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสาคัญ มากๆในสังคม” จากนั้น พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันกับทุกคนว่า “ทุกวันนี้ พ่อเศร้าใจมากเมื่อ ได้ยินคริสตชนบางคนพูดว่า พวกเขาไม่แสวงหาแม่พระ หรือไม่สวดขอพระเจ้าผ่าน แม่พระ พ่อจึงอยากเล่าเรื่องหนึ่งซึ่งเกิดใน ค.ศ.1970 พ่อได้พูดคุยกับคู่รักเยาวชนคู่ หนึ่งที่เล่าให้พ่อฟังเกี่ยวกับพระเยซู” “พวกเขาเล่าไปเรื่อยๆ แต่มาถึงจุดหนึ่ง พวกเขาพูดว่า ‘การอุทิศตนให้แม่พระ เหรอ พวกเราผ่านจุดนั้นมาแล้ว พวกเรารู้จักพระเยซูเป็นอย่างดี ดังนั้น เราไม่ จาเป็นต้องพึ่งแม่พระ’” “วินาทีนั้นเอง พ่อคิดในใจทันทีว่า ‘โอ้ว ... เจ้าเด็กกาพร้า!’ เพราะคริสตชนที่ ไม่มีแม่พระก็คือเด็กกาพร้า เช่นเดียวกัน คริสตชนที่ไม่มีพระศาสนจักรก็เป็นเด็กกาพร้า เช่นกัน คริสตชนต้องการสตรี 2 ท่าน นั่นคือ แม่พระกับพระศาสนจักร การทดสอบ กระแสเรียกคริสตชนของเราว่ายังดีอยู่หรือไม่ ก็คือ เราต้องถามตัวเองว่า ‘ความสัมพันธ์ของเรากับแม่พระเป็นอย่างไร’ และ ‘ความสัมพันธ์ของเรากับพระ ศาสนจักรเป็นอย่างไร’ จงตามตัวเองอยู่เสมอนะ” ถ้าเป็นไปได้ คาทอลิกควรหยุดงานวันอาทิตย์ ช่วงสายวันเสาร์ที่ 5 กรกฏาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้เสด็จ ไปยังแคว้นโมลิเซ่ ประเทศอิตาลี เพื่ออภิบาลกลุ่มคริสตชนที่นั่น โดยพันธกิจแรกที่ทรง กระทาคือการเสด็จไปยังมหาวิทยาลัยแห่งโมลิเซ่ เพื่อพบกับผู้ใช้แรงงานจานวนมาก ส่วน ใหญ่ทางานในโรงงานผลิตรถยนต์เฟียต นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มชาวนา มาร่วมเข้าเฝ้าด้วย ในส่วนพระดารัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขา พระองค์ทรงขอร้องว่า ถ้าเป็นไปได้ อยากให้คาทอลิกหยุดทางานในวันอาทิตย์ เพื่อให้เวลากับครอบครัวของ สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-14-
ตนเอง พร้อมย้า พ่อแม่ทุกวันนี้ ไม่มีเวลาให้กับลูกจนลืมไปแล้วว่า การจะพูดคุยและเล่น กับลูกต้องทาอย่างไร พระสันตะปาปาตรัสว่า “พ่อจะเล่าเรื่องจริงเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้น มีพวกคุณพ่อคุณ แม่ที่ยังเป็นหนุ่มสาวมาแก้บาปกับพ่อ พ่อถามพวกเขาว่า ‘พวกคุณมีลูกกี่คน’ จากนั้น พ่อก็อีกว่า ‘แล้วพวกคุณเล่นกับลูกๆ บ้างหรือเปล่า พวกคุณยอมสละเวลาส่วนตัว ให้กับลูกๆบ้างไหม’ แน่นอนว่า เกือบทุกคนไม่เป็นแบบนั้น” “สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า เรากาลังสูญเสียความรู้ความสามารถในการเล่นกับลูกๆ ของเราแล้วนะ เพราะอะไร เพราะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจบีบบังคับให้เราเป็นแบบ นั้นใช่ไหม วิกฤติเศรษฐกิจบีบบังคับเราให้ต้องทางานวันหยุดเพื่อหารายได้เพิ่ม แต่พ่อ อยากขอร้องว่า จงสละเวลาบ้างเถอะเพื่อลูกๆ ของตน เฉพาะอย่างยิ่งวันอาทิตย์ พระศาสนจักรกาหนดให้เป็นวันครอบครัว จงใช้เวลาวันอาทิตย์อยู่กับครอบครัวและ เล่นกับลูกๆ ไม่ใช่ใช้วันหยุดนี้ไปกับการทางาน” “การที่เราต้องทางานในวันอาทิตย์ มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพวกเราที่ต้องไป สรรเสริญพระเจ้า แต่มันกระทบต่อทุกคน! เพราะนี่คือทางเลือกเกี่ยวกับจริยธรรม การ ทางานวันอาทิตย์ทาให้เราต้องสูญเสียพื้นที่ส่วนตัว การทางานวันอาทิตย์ควรจะเกิด เฉพาะงานบริการที่ขาดไม่ได้จริงๆ” เยาวชนอย่าทาอะไรโดยใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ระหว่างการอภิบาลคริสตชนที่โมลิเซ่ พระสันตะปาปาได้เสด็จไปพบกับกลุ่ม เยาวชนด้วย โอกาสนี้ พระองค์ทรงให้ข้อคิดกับพวกเขาว่า ... “ลูกๆ เยาวชนที่รัก พ่ออยากจะเตือนสติพวกลูกให้หลีกหนีจากวัฒนธรรม จอมปลอมที่ไม่ยั่งยืน วัฒนธรรมพวกนี้ไม่ได้ทาให้ชีวิตของเรายั่งยืนและมีสถานะมั่นคง แม้แต่น้อย พวกเราต้องสร้างชีวิตบนศิลาแห่งความรักและความรับผิดชอบ มากกว่าจะ สร้างชีวิตบนทรายแห่งการใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง เพราะเมื่อน้าพัดมาถึงทราย ทุกอย่างก็ พังทลายทันที” พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย AVE MARIA สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-15-
ข้าวสาลีกับข้าวละมาน ( โดย ดร.วรรณีย์ ลิขิตธรรม) ตอนเป็นเด็กผู้เขียนเคยรู้สึกราคาญใจว่า ทาไมพระเจ้าจึงให้ฉันพบเจอคนไม่ดี เขาเป็นคนที่เห็นแก่ตัวเอาเปรียบผู้อื่น บางครั้งนาความเดือดร้อนมาให้เรา เป็นคนชอบ หาเรื่อง โกหก ชอบกลั่นแกล้งผู้อื่นอยู่เสมอๆ ช่างน่าเบื่อจริงๆ ที่เจอคนแบบนี้ ฉันก็เคย ถามพระว่า ทรงคิดผิดหรือเปล่าที่ให้คนแบบนั้นมาเกิดและแล้วฉันก็เรียนรู้ว่าพระเจ้าทรง เมตตามนุษย์ทุกคน ทรงเอาพระทัยใส่และรักทั้งคนดีและคนเลว เมื่อมีแกะพลัดหลงไป จากฝูงแม้ตัวเดียวก็จะทรงออกตามหา ทรงโปรดให้ดวงอาทิตย์ส่องแสงลงบนคนดีและ คนเลวเท่าๆ กัน ทรงให้ฝนตกลงบนคนดีและคนเลวเช่นเดียวกันด้วย แล้วฉันเป็นใครเล่า จึงรังเกียจพวกเขา ทาไมฉันไม่อดทนต่อเขา ฉันเอาแต่ใจตนเองและเข้าข้างตัวเอง พิพากษาเขาว่าเขาไม่ดี ที่จริงแล้วพระองค์ทรงต้องการให้ฉันได้เห็นภาพสะท้อนของ ความไม่ดีในตัวฉันเองนั่นแหละ ฉันอาจจะแย่กว่าเขามากในบางเรื่องหรือแทบทุกเรื่อง ที่นามาพิจารณากัน แต่ฉันยังหลงผิดว่าตนเป็นคนดีตนเป็นนักบุญ คนอื่นนั่นแหละผิด ถ้าคิดแบบนี้ฉันก็คือคนใจร้ายที่ยกตนข่มท่าน ทุกครั้งที่ฉันพิพากษาเขาว่า แย่..เลว พระเจ้าจะไม่ทรงพอพระทัย เพราะทรงสอนว่า “อย่าตัดสินเขาและท่านจะไม่ถูกพระเจ้า ตัดสิน ท่านตัดสินเขาอย่างไร พระเจ้าจะทรงตัดสินท่านอย่างนั้น ท่านใช้ทะนานใด ตวงให้เขา พระเจ้าจะทรงใช้ทะนานนั้นตวงให้ท่าน (มัทธิว7:1-2) พระเจ้าทรง ปรารถนาให้เรามีความเข้าใจ มีน้าใจและมีเมตตามอบให้แก่เพื่อนพี่น้องของเรา เพราะเรา ไม่สามารถรู้ได้เลยว่า คนที่เราตราหน้าว่าไม่ดีเป็นคนเลวนั้น เขามีสภาพเป็นอย่างไร มีปัญหาอะไร มีความกดดันมากแค่ไหน กรณีที่ทรงตั้งดาวิดเป็นกษัตริย์ ทรงสอนประกาศกซามูแอลและสอนพวกเขาว่า “พระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนกับที่มนุษย์ดู มนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอก แต่พระเจ้า ทอดพระเนตรจิตใจ” (1ซามูแอล 16:7) เรามักจะมีข้อสรุปง่ายๆ จากสิ่งที่เราเห็น จึงเกิดมีแพะรับบาปมากมายท่ามกลางพวกเรา มนุษย์สายตาสั้น บางทีก็ตาเอียงมองเห็น แต่ความชั่วร้ายของคนอื่น เราจึงควรสวดขอความสว่างจากพระเจ้า ขอให้พระองค์ช่วยให้ เรามีความสุภาพ ถ่อมตนยอมรับว่า “ข้าพเจ้าคือคนบาป” พระองค์ทรงอดทนกับคนบาป ทรงเห็นใจว่ามนุษย์อ่อนแอ จึงทาบาป แต่ก็สอนให้เราอย่าจมอยู่กับบาป เราต้องกลับใจ สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-16-
เป็นทุกข์เสียใจที่ทาบาปและตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะไม่ทาบาปอีก เราไปสารภาพบาปกับ พระสงฆ์ ทากิจใช้โทษบาปและชดเชยในสิ่งที่เราทาให้ผู้อื่นเสียหาย จิตวิญญาณของเราก็ จะขาวสะอาดยิ่งกว่าหิมะ เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า เป็น“บุตรสุดที่รัก”ของพระองค์ อีกครั้งหนึ่ง สรุปคือเราเกลียดชังบาปและไม่สนับสนุนให้มีความชั่วร้ายเกิดขึ้น แต่เราจะ เกลียดคนบาปไม่ได้ เพราะเขาก็เป็นลูกของพระเจ้าเช่นกัน เราควรสวดภาวนาให้เขาได้รับ แสงสว่างจากพระเจ้าในการแยกแยะ ผิดถูก ความดีความชั่ว จงเลียนแบบนักบุญมอนี กา ที่สวดให้ลูกชายเป็นเวลาหลายสิบปี ที่สุดออกัสตินก็กลับใจและได้เป็นนักบุญองค์หนึ่ง อย่าหลงกลอุบายของปีศาจที่คอยยุยงให้เราเกลียดกัน มันต้องการให้คริสตชนแตกแยกกัน มันไม่อยากให้เราไปสวรรค์ จงรู้ทันมันและเชื่อคาสอนของพระเยซูเจ้า “จงรักกันและกัน เหมือนอย่างทีเ่ รารักท่าน”
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-17-
นักบุญลอเรนซ์ แห่งบรินดิซี พระสงฆ์และนักปราชญ์ (1559-1619) (ระลึกถึงวันที่ 21 กรกฎาคม) ยู ลีโอ เซซาเร รุสโซ ได้เข้าเป็นนักบวชในคณะกาปูชินที่เมืองเวโรนาและได้รับ ชื่อใหม่ว่า ลอเรนโซ ท่านเป็นคนที่มีความรู้สูงและได้ใช้ความรู้ของท่านในเรื่องพระคัมภีร์ สาหรับช่วยทาการปฏิรูปพระศาสนจักรตามจิตตารมณ์ของสภาสังคายนาแห่งเมือง แตรนโต ท่านเป็นผู้รู้จักภาษาฮีบรูดี จึงประสบความสาเร็จในการเทศน์สอนในหมู่พวก ชาวฮีบรูและเพราะท่านพูดได้หลายภาษา จึงไปเทศน์สอนตามประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป เวลาเดียวกันก็ทาหน้าที่เป็นทูตการเมืองให้พระสันตะปาปาด้วย ท่านได้เป็นผู้ที่คอยให้ กาลังใจแก่พวกคริสตชน ในการช่วยป้องกันจากการโจมตี ของพวกเตอร์ก ท่านได้ต่อสู้ และขัดขวางมหาอุปราช ดยุ๊คแห่งออสซูนา ที่ชอบกดขี่ข่มเหงชาวเมืองเนเปิลส์ แม้ว่าจะมี หน้าที่สาคัญในคณะของท่านและในพระศาสนจักร ท่านก็เป็นผู้ที่สุภาพถ่อมตนอยู่เสมอๆ ท่านเป็นเพื่อนของนักบุญฟรังซิส อัสซีซี พระสันตะปาปา ยอห์น ที่ 22 รู้สึกทึ่งและ ชมเชยผลงานเขียนอันมากมายของท่าน เช่น หนังสืออธิบายพระคัมภีร์ หนังสือเตือนสอน สัตบุรุษเป็นต้น พระองค์จึงได้ให้เกียรติแด่ท่านนักบุญด้วยตาแหน่ง “นักปราชญ์ธรรมทูต” ท่านรักและหลงใหลในบูชามิสซาเป็นพิเศษซึ่งเราจะเห็นได้จากงานเขียนของท่าน เพราะ ท่านถือว่า“บูชามิสซาก็คือชีวิตของท่าน” คาภาวนาทูลขอและข้อปฏิบัติ 1. ให้เราได้แสดงออกซึ่งธรรมล้าลึกแห่งการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าด้วยกิจการงาน ของเรา 2. ให้เรารักและหลงใหลในบูชามิสซา เพราะเราจะได้รับพละกาลังจากบูชามิสซานี้ 3. ให้เราภาวนาให้พวกยิว เพื่อว่าพวกเขาจะได้ยอมรับว่าพระเยซูคริสตเจ้าคือ พระเมสสิยาห์ของพวกเขา 4. ให้เราได้ใช้ความสามารถและพรสวรรค์ของเราในการรับใช้พระวรสารด้วยเถิด สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-18-
Fatima Kids July 2014 สวัสดีชาวฟาติมาคิดต์ทุกคนค่ะ เวลาผ่านไปเร็วมากเลยค่ะ เผลอแป๊ปเดียวเวลา ผ่านไปครึ่งปีแล้ว เด็กๆคนไหนตั้งใจที่จะทาอะไรในปีนี้แล้วยังไม่ได้ทา ยังพอมีเวลานะคะ แล้วอย่าลืมสวดขอพรจากแม่พระให้พระแม่ช่วยเป็นกาลังใจให้เราอีกแรงค่ะ ยุคสมัยนี้จะ ไปไหนมาไหนก็ต้องระวังนะคะวอนขอให้พระองค์คุ้มครองให้เด็กๆทุกคนปลอดภัย รอด พ้นจากอันตรายใดๆ ด้วยนะคะ มาถึงฟาติมาคิดต์ฉบับนี้ ถ้าเด็กๆ คนไหนได้เปิดไบเบิ้ล ไดอารี่ จะพบว่าในเดือน กรกฎาคมนี้ พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องเปรียบเทียบ อาณาจักรสวรรค์ ให้บรรดาอัครสาวก ฟังหลายเรื่องเลยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น 1. อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนา 2. อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับเมล็ดมัสตาร์ด 3. อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับเชื้อแป้ง 4. อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับอวนที่หย่อนลงในทะเล แต่ที่อยากจะแนะนาให้เด็กๆอ่านคือ บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว บทที่ 13 ข้อ 24-30 อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับ ชายคนหนึ่งที่หว่านข้าวพันธุ์ดีในนาของ ตน ขณะที่ทุกคนนอนหลับ ศัตรูก็มาหว่านข้าวละมานทับลงบนข้าวสาลีแล้วจากไป เมื่อ ต้นข้าวงอกขึ้นจนออกรวง ข้าวละมานก็ปรากฏแซมอยู่ด้วย บรรดาผู้รับใช้จึงไปหานาย ถามว่า “นายครับ นายหว่านข้าวพันธุ์ดีในนามิใช่หรือ แล้วข้าวละมานมาจากที่ใดเล่า” นายตอบว่า “ศัตรูมาหว่านไว้” ผู้รับใช้จึงถามว่า ”นายต้องการให้เราไปถอนมันไหม” นายตอบว่า “อย่าเลย เกรงว่าเมื่อท่านถอนข้าวละมาน ท่านจะถอนข้างสาลีติดมาด้วย จงปล่อยให้ข้าวสองชนิดงอกงามขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว แล้วฉันจะบอกคนเก็บเกี่ยว ว่า จงเก็บข้าวละมานก่อน มัดเป็นฟ่อน เผาไฟเสีย ส่วนข้าวสาลีนั้น จงเก็บเข้ายุ้งของฉัน ” ***เด็กๆทราบไหมคะว่าเหตุใดผู้คนต่างไม่ต้องการข้าวละมาน นั่นเป็นเพราะว่า ข้าว ละมานถือเป็นหนึ่งคาสาปสาหรับชาวนาในปาเลสไตน์ เนื่องจากข้าวละมานมีรสชาติขม สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-19-
ไม่อร่อย อีกทั้งมีพิษ ทาให้มึนเมา เวียนศีรษะ อยากจะถอนทิ้งก็ไม่สามารถถอนได้ทันที นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อข้าวละมานเริ่มงอกมันจะมีลักษณะเหมือนข้าวสาลีจนแยกแทบไม่ออก ค่ะ ต้องรอจนออกรวงจึงจะสามารถแยกได้ว่าต้นไหนเป็นต้นไหน ที่สาคัญเวลามันออกรวง รากของมันจะพันไปกับข้าวสาลี ถ้าเราถอนข้าวละมาน ข้าวสาลีก็จะเสียหายไปด้วย และจากพระวรสารบทนี้ พระเยซูเจ้าต้องการบอกกับเราว่า # เราไม่มีอานาจตัดสินว่าใครดีใครไม่ดี ผิดหรือถูก พระเป็นเจ้าเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสิน เหมือนกับชาวนาต้องรอจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว จึงจะสามารถแยกข้าวละมานออกจากข้าวสาลี # พระเยซูเจ้าต้องการให้เรา เฝ้าระวังอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะ เราไม่ทราบว่าอานาจของสิ่ง เลวร้ายจะเข้ามาในจิตใจของเราเมื่อไหร่ ดังนั้นเด็กต้องหมั่นวอนขอพระเยซูเจ้าให้มาสถิต ในใจของเราอยู่เสมอๆ เพื่อให้เรารอดพ้นจากสิ่งเลวร้าย เป็นเด็กดีเสมอๆค่ะ หนูฟาติมาสงสัย ผมเห็นในปฏิทินคาทอลิก วันที่ 16 กรกฎาคม เป็นวันฉลองแม่พระ แห่งภูเขาคาร์แมล เอ…แล้วภูเขาแห่งนี้อยู่ที่ไหนหรือครับ คาร์แมล เป็นชื่อภูเขาเล็กๆ ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตอนกลางของประเทศอิสราเอล ระหว่างนาซาเร็ธที่อยู่ทางเหนือและเยรูซาเล็มที่อยู่ทางใต้ ภูเขาคาร์แมลมีชื่อเสียงมานาน ตั้งแต่สมัยพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม เพราะเป็นที่พานักของท่านประกาศกเอลียาห์ ซึ่งต่อมาเป็นที่อาศัยของผู้ที่รอคอยองค์พระผู้ไถ่ บรรดาศิษย์ของเอลียาห์ก็ได้ร่วมกันสร้าง สถานที่ใช้สวดภาวนาครั้งแรก เพื่อถวายแด่พระนางพรหมจารีมารีย์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ คณะนักบวชคณะภราดาแห่งพระนางพรหมจารีมารีย์แห่งภูเขาคาร์แมล และทุกวันนี้ยังมี ถ้าเก่าแก่เล็กๆ บนภูเขาคาร์แมลนี้ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นที่อยู่ของประกาศกเอลียาห์ใน สมัยก่อน นิทานหรรษาอาเซียน นิทานประเทศไทย ตานานขนมครก นานมาแล้วมีหนุ่มน้อยแห่งดงมะพร้าวเตี้ย ชื่อกะทิ รักกับหนูแป้ง สาวสวยซึ่งเป็น ลูกสาวคนเดียวของผู้ใหญ่บ้าน ทั้งคู่เจอกันวันลอยกระทงและสัญญากันต่อหน้าพระจันทร์ ว่า ไม่ว่าวันข้างหน้าจะพบกับอุปสรรคใดๆ ทั้งคู่จะขอยึดมั่นความรักแท้ที่มีต่อกันตลอดไป สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-20-
ตั้งแต่นั้นกะทิก็ขยั้นตั้งใจทางานเก็บเงินเพื่อมาสู่ขอหนูแป้ง แต่ถูกผู้ใหญ่บ้านปฏิเสธแถมยัง โดนผู้ใหญ่บ้านส่งคนมาทาร้ายจนได้รับบาดเจ็บ แต่กะทิก็อดทนและตั้งใจจะกลับมาขอหนู แป้งอีกครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งผู้ใหญ่บ้านตั้งใจจะยกหนูแป้งให้ปลัดหนุ่มจากบางกอก กะทิ รู้ข่าวจึงตั้งใจจะไปที่งานแต่งงาน แต่ผู้ใหญ่บ้านได้วางแผนป้องกันไว้โดยให้คนไปขุดหลุม พรางดักรอไว้ บังเอิญว่าหนูแป้งได้ยินจึงรีบหนีออกมาเพื่อจะบอกกะทิไม่ให้ตกหลุมพราง ค่าคืนนั้นเป็นคืนเดือนแรมหนูแป้งวิ่งฝ่าความมืดเพื่อมาดักรอกะทิ เมื่อทั้งคู่ต่างเห็นหน้ากัน ก็ดีใจจึงวิ่งเข้ามาหากัน ทันใดนั้นเอง…หนูแป้งก็วิ่งตกลงไปในหลุมพราง กะทิเห็นดังนั้นจึง รีบกระโดดตามไปช่วย ลูกน้องของผู้ใหญ่บ้านแอบดูอยู่เมื่อเห็นกะทิตกลงไปจึงรีบตักดิน กลบทันที รุ่งเช้าผู้ใหญ่บ้านทราบข่าวกะทิจึงสั่งให้ขุดหลุมเพื่อดูผลงาน และแล้วผู้ใหญ่ บ้านก็ต้องเสียใจเมื่อเห็นกะทินอนทับร่างหนูแป้ง และเห็นทั้งสองนอนตายอย่างมีความสุข ตั้งแต่นั้นมาทุกแรม 6 ค่า เดือน 6 ชาวบ้านที่ศรัทธาในความรักของกะทิและหนูแป้ง จะตื่น แต่เช้าเข้าครัวทาขนมที่หอมหวาน ปรุงจากแป้งและกะทิ บรรจงหยอดลงหลุม พอสุกได้ที่ ก็แคะจากหลุมแล้วนามาคว่าซ้อนกันเป็นสัญญาลักษณ์ว่าจะได้อยู่ร่วมกันตลอดไป ขนมนี้ จึงเรียกขานในนาม ขนมแห่งความรัก หรือ ขนม คน รัก กัน ต่อมาถูกเรียกย่อๆ ว่า ขนม ครก นั่นเองค่ะ วันนี้สาคัญไฉน วันที่ ๒๙ กรกฎาคม วันภาษาไทยแห่งชาติ ที่มาของวันนี้ สืบ เนื่องมาจาก เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ ๒๕๐๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ พระราชดาเนินไปเป็นประธานและทรงร่วมอภิปรายเรื่องในการประชุมวิชาการชุมนุม ภาษาไทย ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงเปิดอภิปรายในหัวข้อ ปัญหาการใช้คาไทย โดยพระองค์ทรงดาเนินการอภิปรายและทรงสรุปการอภิปรายที่ แสดงถึงพระปรีชาสามารถและความสนพระราชหฤทัยและห่วงใยในภาษาไทย ซึ่งเป็นที่ ประทับใจกับผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนั้น ทางรัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันดังกล่าวเป็นวัน สาคัญเป็นต้นมา
Fatima-kids@hotmail.com สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-21อา.20 กค.14
07.00 น.
คพ.ศรีปราชญ์
09:00 น. คพ.สุชาติ
17.30 น. คพ.สุรชัย จ. 21 กค. 14 06.15 น. คพ.สุรชัย
19.00 น. คพ.สุชาติ
รายการมิสซาประจาสัปดาห์ อาทิตย์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา โมทนาคุณแม่พระฟาติมา ขอพร วันเกิด มารีอา นริศรา คูคีรีเขต ขอพร วันเกิด คุณศิรินันท์ ว่องกุศลกิจ ขอพร ครอบครัว อันนา อัฐภิญญาพัชญ์ ขอพร อันนา วันดี สุขบุญลือและครอบครัว ขอพร ครอบครัวกาญจนา สงวนสุข ขอพร หน้าที่การงานลูกทั้ง 5 ขอพร สุขภาพ อักแนส จินตนา อุกฤษฏ์ ขอพร คุณสุกัญญา ว่องวิไลกุล ขอพร อักแนส ชนม์ธิชา, เทเรซา พนิต ขอพร ครอบครัว มารีอา ธนพร เล็กสุวัฒน์ ขอพร สุขภาพ คุณพ่อวรพจน์ วงศ์สง่า ขอพร อันตน ธิติ วัชรพล สุภโกศล ขอพร อันนา รุ่งรัตน์ สุภโกศล , นเรศ การะเวก อุทิศ เปโตร ประจวบ เจริญทรัพย์ อุทิศ อันนา มิ่ง , โทมัส ณรงค์ การะเวก อุทิศ ลูซีอา อังเจลา วัลลา ทวีสิน อุทิศ อากาทา เจริญ, ยวงบัปติสตา ศรีหมอก อุทิศ ALEXCIS CHIA อุทิศ อันนา เกษม สินทรัพย์ อุทิศ คุณสมศักดิ์ สงวนสุข อุทิศ เทเรซา ไพจิตร์ ถีระศิลป์ อุทิศ คุณพ่อศิริ วงษ์ชีวะสกุล อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง ขอพร สาหรับพี่น้องสัตบุรุษทุกท่าน ทุกครอบครัว โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร สมาชิกคณะอัศวินฯและครอบครัว ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์ ขอพร หลุยส์ ชลาสัย ชมจันทร์ อุทิศ สมาชิกคณะอัศวินฯ ที่ล่วงลับ อุทิศ มารีอา หงส์, มารีอา บักลิ้ม แช่ตงั้ อุทิศ แบร์นาแด๊ต ชญานิษฐ์ สีหพล อุทิศ ยวงบัปติสตา ก้าน - มารีอา วิไลลักษณ์ อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทดารง อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง น.ลอเรนซ์ แห่งบรินดีซี พระสงฆ์และนักปราชญ์ โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร หน้าที่การงาน, ความรัก เทเรซา มาภัค ขอพร แคทรีน ไอยศรา ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์ อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ เฮเลนา กาญจนา อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง โมทนาคุณพระเป็นเจ้าสาหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอพร ครอบครัว ยอแซฟ พวง - มารีอา สุภา อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทดารง อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ เซซีลีอา แน่งน้อย, ยวงบัปติสตา หวล อุทิศ บิดามารดาและญาติมติ รของผู้ขอ อุทิศ ผู้มีพระคุณและวิญญาณที่ไม่มใี ครคิดถึง สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-22อ. 22 กค. 14
ระลึกถึง น.มารีย์ ชาวมักดาลา โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์ 06.15 น. ขอพร แคทรีน ไอยศรา ขอพร ครอบครัว รุขพันธ์เมธี คพ.สุรชัย อุทิศ เฮเลนา กาญจนา อุทิศ ผู้ล่วงลับ ตระกูล “รุขพันธ์เมธี” อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร โทมัส วิเชียร - มารีอา วัชรี 19.00 น. ขอพร นิศรา ทองเพ็ง ขอพร พระสงฆ์ นักบวช ผู้แพร่ธรรมทุกท่าน อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ มารีอา ลาเจียก - ยวงบัปติสตา สวัสดิ์ คพ.สุชาติ อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทดารง อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง พ. 23 กค.14 น.บรียิต นักบวช โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์ 06.15 น. ขอพร แคทรีน ไอยศรา ขอพร ยอห์น กัลปกรณ์ - ธัญนารินทร์ อุทิศ เปาโล เซ้าหลี่น แซ่เจน อุทิศ คุณตา เตริ่นบาหยิบ, คุณยาย เตริ่นถิก๊อ คพ.สุรชัย อุทิศ คุณแม่ กิมเหวียง อุทิศ คุณพ่อ เด่เหวียง, คุณแม่ มารีอา นีเตริ่น อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร คุณอาประกอบ เสนะวีณิน 19.00 น. ขอพร สุขภาพ มารีอา นฤมล ขอพร สุขภาพ หน้าที่การงาน มัทธิว หรรษทาน อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทดารง อุทิศ พ.ต.อ. สโรจน์ – นิตยา สีตบุตร คพ.สุชาติ อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน – มารีอา สมถวิล อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง พฤ.24 กค.14 น.ชาร์เบล มาคลุฟ พระสงฆ์ โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์ 06.15 น. ขอพร แคทรีน ไอยศรา ขอพร พระสงฆ์ นักบวช ผู้แพร่ธรรมทุกท่าน ขอพร คุณสุชาติ สงจีน ขอพร ผู้ที่อยู่ในอันตรายฝ่ายวิญญาณ คพ.สุรชัย อุทิศ บุตรคนแรกของผู้ขอ อุทิศ เยราร์ด วงศกร วนพงศ์ ทิพากร อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร สุขภาพ เปาโล กิตติ รัตนพันธุ์ศรี 19.00 น. ขอพร ครอบครัว กิติกุล ขอพร ผู้ที่อยู่ในความยากลาบาก อุทิศ ยอแซฟ ไพโรจน์ ระดมกิจ อุทิศ ยอแซฟ สุดใจ- มารีอา ไพบูรย์ สุขสุเดช คพ.สุชาติ อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน - มารีอา สมถวิล อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทดารง อุทิศ บีเบียโน, มาติลดิ บาตัล อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-23ศ. 25 กค. 14
ฉลอง น. ยากอบ อัครสาวก โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระฟาติมา ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์ 06.15 น. ขอพร แคทรีน ไอยศรา ขอพร สุขภาพ ดอมินิก ชนินทร์ อนันตศิลป์ ขอพร มารีอา ลักษิกา เล็กสุวัฒน์ ขอพร มารีอา ภัทราและครอบครัว คพ.สุรชัย อุทิศ ยอแซฟ โชคชัย, มารีอา อุไร อุทิศ ยอแซฟ ชวลิตร, มารีอา เทเรซา จึงซิ่ว อุทิศ โทมัส ณรงค์ การะเวก อุทิศ มารีอา รัตนา, ซิสเตอร์ อังเจลา วงเดือน อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและพระแม่ ขอพร ครอบครัว โรซา เพ็ชรา ระดมวิวัฒน์ 19.00 น. ขอพร ครอบครัวจาปาถิ่นและญาติพนี่ ้อง ขอพร สุขภาพ คุณธนันต์ อนันตศิลป์ อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ เปาโล ณรงค์, ยอห์น จิระวุฒิ คพ.สุชาติ อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล อุทิศ คุณรสสุคนธ์ กิตติคุณ อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทดารง อุทิศ เทเรซา ประไพ, เปโตร รณพร จาปาถิ่น อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง ส. 26 กค. 14 ระลึกถึง น.โยอากิมและน.อันนา บิดามารดาของพระนางมารีย์พรหมจารี โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร แคทรีน ไอยศรา, เทเรซา จิราภรณ์ 06.15 น. ขอพร มารีอา ดวงใจ, มารีอา อารยา ขอพร สัตบุรุษวัดแม่พระฟาติมา อุทิศ บาทีเมอาส นุกรณ์ อุทิศ เฮเลนา กาญจนา คพ.สุรชัย อุทิศ ฟรังซิส ทวน อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร วินเซนต์ สุรินทร์ และครอบครัว ขอพร ครอบครัว เลาหไทยมงคล ขอพร ครอบครัว ปัณฑวังกูร, ลิ้มประยูร 19.00 น. ขอพร เทเรซา ปิยกานต์ ,หลุยส์ ธนพงศ์ ขอพร มารีอา สุทธินยี ์, เทเรซา วินิตา อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล คพ.สุชาติ อุทิศ ฟิลิป เฮรี่ ชัยวิสุทธิ์ อุทิศ ยอแซฟ อ๊อน - มารีอา เง็กเอ็ง แซ่ฉวั่ อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทดารง อุทิศ ทอมัส ธวัช, เทเรซา จู ศรีสวัสดิ์ อุทิศ คุณพ่อศิริ วงษ์ชีวะสกุล อุทิศ ยวง บอสโก ดนัย อุทิศ วิญญาณในไฟชาระ อุทิศ ผู้ล่วงลับทั้งหลาย
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014
-24-
ประชาสัมพันธ์ 1. คุณหมอชาติชาย พูนสวัสดิ์และทีมงาน มาตรวจสุขภาพสาหรับพี่น้องที่สนใจ ณ บ้านพักพระสงฆ์ หลังมิสซารอบ 9.00 น. 2. คณะพลมารีย์ไทย ขอเชิญสมาชิกประจาการ สมาชิกสนับสนุนและผู้สนใจเข้าเงียบฟื้นฟู จิตใจประจาปี ณ วัดฟาติมา ในวันเสาร์ที่ 26 กรกฏาคม 2014 เวลา 8.30-15.30 น.
3.ประชุมวิถีชุมชนวัดประจาเดือนกรกฎาคม วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฏาคม เวลา 10.30 น
**ประกาศการแต่งงาน** ประกาศครั้งที่ 2 คู่ที่1
ฝ่ายชาย : นายณัฐดนัย ขวัญศิริภัทร์ บุตร : นายปรีชา อรรถวิเชียร + นางนิจชญาณ์ ขวัญศิริภัทร์ ฝ่ายหญิง : ลอร์เดส แบร์นาแดต จุฑาพร แสนบัว บุตรี : นายสัมฤทธิ์ แสนบัว + โรซาริโอ พรสุดา เดวิด ทั้งสองจะเข้าพิธีสมรส วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2014 เวลา 14:30 น.
คู่ที่ 2
ฝ่ายชาย : นายปกิต อัศวพงษ์อนันต์ บุตร : นายสุรชาติ อัศวพงษ์อนันต์ + นางเสาวณีย์ อัศวพงษ์อนันต์ ฝ่ายหญิง : เทเรซา อรพธู รักษ์บุญยวง บุตรี : อันเดร หาญชัย รักษ์บุญยวง+ นางนลินทิพย์ รักษ์บุญยวง ทั้งสองจะเข้าพิธีสมรส วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2014 เวลา 14:00 น. ** ผู้ใดทราบข้อขัดขวาง
มีหน้าที่ต้องแจ้งให้พระสงฆ์ทราบ **
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2014