หนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติ ภาควิชาวารสารสนเทศ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พื้นที่ความคิด
ฉบับที่ 1 ปีการศึกษา 2561
หน้า
5
ชีวิตของผู้ลี้ภัยไทยในประเทศ ที่ไม่เปิดรับชาวต่างชาติ อย่างเกาหลีใต้
Facebook nisitjournal
Twitter @nisitjournal
หน้า
8
ชวนท�ำความรู้จัก ต�ำบลที่มี ผู้พิการขาขาดจากทุ่นระเบิด สูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ของประเทศไทย
Website nisitjournal.press
หน้า
12
บอกเล่าทุกปัญหา ว่าท�ำไม เลือดบริจาคสุนัขจึงไม่เคย เพียงพอ
เสียงคนรุ่นใหม่สะท้อนเลือกตั้งยังไกลตัว นักวิชาการชี้สังคมจ�ำกัดการมีส่วนร่วม
เรื่อง : ศุภจิต ภัทรจิรากุล ภาพ : ภาวรรณ ธนาเลิศสมบูรณ์, วริศรา ชัยศุจยากร
คนรุ่นใหม่ยังมองการเลือกตั้งเป็นเรื่องไกลตัวเพราะไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตโดยตรง นักวิชาการเตือน คนรุ่นใหม่สร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองได้ แต่หากละเลยการเลือกตั้งอาจท�ำให้ประชาชนเสียอ�ำนาจ ทางการเมือง พร้อมแนะต้องท�ำให้คนเห็นประโยชน์ที่ได้จากการเลือกตั้ง มากกว่ามองเป็นแค่สิทธิและหน้าที่
ผลส�ำรวจของส�ำนักการบริหารทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2561 ระบุวา่ ในปี 2562 มีจำ� นวนผูม้ สี ทิ ธิเลือกตัง้ สมาชิกผูแ้ ทนราษฎร (ส.ส.) ทัว่ ประเทศ ทั้งหมด 51,564,284 คน โดยเป็นผู้ที่เกิดระหว่าง 3 ม.ค. 25392 ม.ค. 2544 หรือกลุ่มคนอายุ 18-22 ปีที่ยังไม่เคยใช้สิทธิ เลื อ กตั้ ง หลั ง จากการเลื อ กตั้ ง ส.ส.ครั้ ง สุ ด ท้ า ยที่ ถู ก ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้เป็นโมฆะเมื่อ 2 ก.พ. 2557 จ�ำนวน 4,510,052 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 8.75 ของจ�ำนวนผูม้ สี ทิ ธิเลือก ตั้งทั้งหมด แต่หากย้อนไปดูตั้งแต่การเลือกตั้งส.ส.อย่างเป็นทางการ ครั้งสุดท้ายเมื่อ 3 ก.ค. 2554 หรือเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว จะพบว่า ประชาชนอายุ 18-25 ปี หรือผู้เกิดในปี 2536-2543 ที่ยังไม่เคย ใช้สิทธิเลือกตั้งมีจ�ำนวนทั้งสิ้น 7,496,454 คน โดยอ้างอิงจาก สถิติประชากรผู้มีสัญชาติไทยและมีรายชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ปี 2560 ของส�ำนักการบริหารทะเบียน กรมการปกครอง หรือ คิดเป็นร้อยละ 14.54 ของจ�ำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด “นิสิตนักศึกษา” สอบถามความเห็นของคนรุ่นใหม่ที่ยัง ไม่เคยใช้สิทธิเลือกตั้งจ�ำนวน 20 คน ถึงมุมมองต่อการเลือกตั้ง พบว่า หลายคนมองว่าการเมืองเป็นเรื่องของระบบการบริหาร ประเทศและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตส่วนตัวมากนัก แต่ยัง มีผลต่อชีวิตประชาชนโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ภัทรพงศ์ ตันสกุล บัณฑิตใหม่จากคณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี วัย 23 ปี มองว่า การเลือกตั้งมีความส�ำคัญ ในเชิ ง หน้ า ที่ แ ละกลไก แต่ ถ ้ า ทุ ก คนไม่ ใ ห้ ค วามส� ำ คั ญ กั บ ทุกกระบวนการในการเลือกตั้ง หรือเลือกคนไม่ดีเข้ามา ก็ไม่ได้ ช่วยให้ประเทศดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าตนเองไม่ได้รับ ผลกระทบมากนักหากมีหรือไม่มกี ารเลือกตัง้ เพราะไม่มใี ครช่วย เขาได้นอกจากตนเอง เขาหวังเพียงแค่ให้รัฐบาลช่วยเหลือคนที่ เดือดร้อนและไม่ท�ำให้ประเทศล้มละลาย เช่นเดียวกับ อภิ ช ญา ราษฎร์ เ จริ ญ บัณฑิตใหม่จาก คณะมัณฑนศิลป์ วัย 22 ปี ทีเ่ ห็นว่า การเลือกตัง้ เป็นเครือ่ งหมาย ของประชาธิ ป ไตย เธอจึ ง ไม่ อ ยากให้ หายไป ขณะเดี ย วกั น เธอกลับมองว่าการเลือกตั้งไม่ได้มีผลต่อการใช้ชีวิตของเธอ โดยตรงแต่อาจจะกระทบต่อสังคมแล้วส่งผลต่อการใช้ชีวิตของ เธออีกที อีกทั้งเธอรู้สึกว่าระบบการบริหารไม่เข้าถึงประชาชน เพราะหลั ง การเลื อ กตั้ ง จบลง ชี วิ ต ของประชาชนไม่ ไ ด้ เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ส่ ว น ทศพร คชาชาติ นั ก ศึ ก ษาอาชี ว ะ อายุ 18 ปี กล่าวว่า การเลือกตัง้ มีความส�ำคัญ และอาจส่งผลต่อการใช้ชวี ติ บ้าง แต่ไม่ได้ทำ� ให้ปากท้องดีขนึ้ เพราะสุดท้ายแล้วก็เป็นเรือ่ งของ นักการเมืองซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา ขณะที่ พงศธร จิ รั ฐ จิ น ตนา พนั ก งานซ่ อ มเครื่ อ งบิ น วัย 21 ปี ให้ความเห็นว่า การเลือกตั้งมีความส�ำคัญระดับหนึ่ง เพราะเป็ น สิ ท ธิ ข องประชาชนตามระบอบประชาธิ ป ไตย
แต่ไม่สำ� คัญมากถึงขัน้ ต้องหยุดงานเพือ่ ไปใช้เสียง อย่างไรก็ตาม ตนยั ง เชื่ อ ว่ า การเลื อ กตั้ ง อาจช่ ว ยท� ำ ให้ เ ศรษฐกิ จ ดี ขึ้ น จาก ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน รศ.ดร.สิ ริ พ รรณ นกสวน สวั ส ดี หั ว หน้ า ภาควิ ช า การปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในการเลือกตั้งปี 2562 เธอประเมินไว้ว่าพรรคการเมืองจะต้อง ได้คะแนนเสียง 70,000 คะแนนจึงจะได้ที่นั่งส.ส. 1 ที่นั่ง และ เมื่อพิจารณาจากสถิติคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยใช้สิทธิเลือกตั้ง 7.5 ล้านคนนัน้ มีการคาดการณ์ขนั้ ต�ำ่ ว่า ถ้าคนกลุม่ นีไ้ ปใช้สทิ ธิ เลือกตั้งเพียงแค่ครึ่งเดียวหรือ 3.5 ล้านคน คะแนนเสียงจาก คนรุ่นใหม่จะสามารถเลือกส.ส.ได้ 50 ที่นั่ง ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ สร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองได้ ทุกพรรคจึงให้ความสนใจ กับคนกลุ่มดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นักวิชาการรัฐศาสตร์แสดงความเป็นห่วงว่า หากคนรุ่นใหม่ไม่สนใจไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรกและครั้งต่อๆ ไปอาจท�ำให้ระบบการเมืองถูกควบคุมด้วยกลุ่มชนชั้นน�ำกลุ่ม เล็กๆ จนกลายเป็นระบบการเมืองทีไ่ ม่มปี ระชาชนเป็นศูนย์กลาง อ�ำนาจในที่สุด รศ.ดร.สิ ริ พ รรณ อธิ บ ายว่ า การที่ ค นรุ ่ น ใหม่ ไ ม่ เ ห็ น ถึ ง ความส�ำคัญของการเมืองนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิด และยังเกิดขึ้นใน หลายประเทศ โดยเฉพาะในไทยที่ระบบการศึกษา โครงสร้าง สังคม และกระบวนการกล่อมเกลาทางการเมืองท�ำให้คนรุน่ ใหม่ ละเลยต่อความส�ำคัญและการเชื่อมโยงตัวเองกับการเมืองจน กลายเป็นคนเฉื่อยชาทางการเมือง (political inertia) เพราะผู้มี อ� ำ นาจหรื อ รั ฐ หวั่ น เกรงต่ อ พลั ง ของคนรุ ่ น ใหม่ ที่ ส ามารถ เปลี่ยนแปลงสังคมได้ “ปรากฏการณ์ทกุ วันนีเ้ ป็นภาพสะท้อนความส�ำเร็จของพลัง อนุ รั ก ษนิ ย มในสั ง คมไทยที่ ส ร้ า งขอบเขตและข้ อ จ� ำ กั ด ต่ อ การมีส่วนร่วม หรือการคิดตั้งค�ำถาม” รศ.ดร.สิริพรรณกล่าว นักวิชาการด้านการเลือกตั้งกล่าวอีกว่า การออกไปใช้สิทธิ เป็ น การตั ด สิ น ใจที่ อ ยู ่ บ นเหตุ แ ละผล (Rational Choice) กล่าวคือ หากผูไ้ ปใช้สทิ ธิคำ� นวณแล้วว่าผลประโยชน์ทไี่ ด้รบั กลับ มาบวกกับน�้ำหนักของพลังเสียงของเขามีมากกว่าต้นทุนของ การออกไปเลือกตั้ง เช่น การสละเวลาไปเข้าคูหา คนจะเห็น ความส�ำคัญของการเลือกตัง้ ดังนัน้ ระบบต้องบอกว่าประชาชน จะได้อะไรจากการออกไปเลือกตั้ง ไม่ใช่บอกแค่เป็นสิทธิและ หน้าที่ “เราต้องท�ำให้คนรุ่นใหม่เข้าใจว่าจริงๆ แล้ว ‘ปากท้อง’ ไม่ได้อยู่มาลอยๆ แต่สัมพันธ์โดยตรงกับคนที่จะมาเป็นรัฐบาล และนโยบายของรัฐบาล ถ้ามองตามสมการแล้วตัวแปรทีห่ ายไป คือ เขาขาดความเข้าใจว่าปากท้องของเขาเป็นผลโดยตรงจาก ระบบการเมือง และสิทธิที่เขาจะเลือกผู้ก�ำหนดนโยบายทาง การเมืองที่จะท�ำให้เขาอยู่ดีกินดีหรืออดอยากปากแห้ง” รศ.ดร. สิริพรรณกล่าว