00 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
HOT NEWS UPDATE ~ ท่ า มกลางสถานการณ์ น้ำ �ท่ ว มหนั ก เป็ น ~ ในวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ที่จะถึงนี้ จะ ประวัติการณ์เช่นนี้ การเตรียมตัวมือให้พร้อมเป็นเรื่อง เป็นวันครบรอบ ๒ ปีการก่อตั้งแมวบิน ชุมนุมเราจะมี สำ�คัญมาก ชุมนุมแมวบินได้รวบรวมลิ้งค์ข้อมูลอันเป็น อะไรพิเศษนั้น ต้องติดตามให้ได้นะคะ !! ประโยชน์สำ�หรับการเตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์ และ ติดตามข่าวสารไว้เป็นโน้ตในเพจของแมวบิน ให้สำ�เร็จ แล้วค่ะ ~ เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันรับผลสอบ ชุมนุมแมวบินได้จัดกิจกรรม “ น้ำ� หลากท่วมไทย น้ำ�ใจท่วมโลก ครั้งที่ ๒ ” รับบริจาคเงิน และสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยตั้งจุดรับบริจาค ที่หน้าห้องจาริกานุสรณ์ และส่งสมาชิกส่วนหนึ่งไป ตระเวนรับบริจาคทั่วโรงเรียน ซึ่งมีทั้งนักเรียน อาจารย์ และผู้ปกครองให้ความสนใจเป็นจำ�นวนมาก เราได้รับ น้ำ�ใจเป็นเงินถึง ๑๔,๕๖๓ บาท และสิ่งของเป็นมูลค่า กว่า ๖,๐๐๐ บาท และได้นำ�ไปบริจาคที่ศูนย์ปฏิบัติ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำ�ท่วมในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทางชุมนุมจึงขอขอบคุณทุก ๆ น้ำ�ใจที่ชาวสวนนนท์ ร่วมใจมอบให้พี่น้องชาวไทย ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ (ติดตามภาพและบรรยากาศได้ที่คอลัมน์ EN ROUTE) ~ วิกฤติน้ำ�ท่วมนี้อาจลุกลามถึงบ้านใครก็ได้ ปกป้อง บ้านของเราก่อนดีกว่า ชุมนุมแมวบินขอนำ�เสนอสื่อ ความรู้เรื่อง “ เตรียมตัว เตรียมบ้าน ก่อนอพยพหนีน้ำ� ท่วม “ อ่านกันได้ที่เฟซบุ๊คของชุมนุมแมวบิน ถึงจะห้าม น้ำ�ไม่ให้ท่วมไม่ได้ แต่ป้องกันไว้ก่อนเพื่อลดความเสีย หายและภาระในการฟื้นฟูสภาพบ้านให้น้อยที่สุดก็ยังดี นะคะ
@flyingcatclub /flyingcatclub
ll NYA~ JOURNAL ll
WHAT HAPPENED? ภาพ ; ชลากร สถิวัสส์ @scjade
17 SEP FINAL STAGE
HOTWAVE MUSIC AWARD
THUNDER DOME MUENG THONG THANI
08 ll
10 OCT
FLYING CAT CLUB น้ำ�หลากท่วมไทย น้ำ�ใจท่วมโลก
5-16 OCT BOOK EXPO THAILAND 2011
QUEEN SIRIKITI INTERNATIONAL CONVENTION CENTRE
29 OCT
THAMMASAT UNIVERSITY EVACUATION CENTER
CLOSED DOWN
ll NYA~ JOURNAL ll
แมวบิน FLY TO LEARN ลุยสวน โรงเล่า MAIN COURSE M-S-อึน I-T(RY) แนะ-ชะ-นำ� ณ ปัจจุบันขณะ หนังสือเดินทาง DO-D EN ROUTE ESSENTIAL MEGAPHONE 4 ช่องกับชลากร
09 12 14 19 21 38 39 41 45 46 48 50 56 58 61
แมวบิน
เรื่อง ; ชลากร สถิวัสส์ @scjade
น้ำ�เอย ทำ�ไมจึงท่วม ? ส วัสดีครับน้อง ๆ ทุกคน ความจริงแล้วคอลัมน์แมวบินในครั้ง นี้ พี่ตั้งใจจะเขียนอีกเรื่องหนึ่ง แต่ช่วงนี้ ปัญหาอุทกภัยที่เกิด ขึ้นทั่วประเทศของเรานั้นรุนแรงเป็นประวัติการณ์จริง ๆ ฉบับนี้จึง เปลี่ยนใจมาเขียนเรื่องนี้แทน ๗๗ จังหวัดในประเทศไทยในตอนนี้ เหลือไม่ถึง ๒๐ จังหวัดเท่านั้นที่ยังไม่เสียหายอย่างหนัก ( ข้อมูล ณ วันที่ ๖ ต.ค. ๒๕๕๔ ) มีผู้ได้รับผลกระทบจากภัยนี้เป็นล้าน ๆ คน และมีมูลค่า ความเสียหายมากกว่า ๒.๕ หมื่นล้านบาท ทั้งภาครัฐและเอกชนใน ส่วนที่ยังไม่ได้รับความเดือดร้อนก็พยายามระดมกำ�ลังอย่างเต็มที่ใน การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในขณะที่สื่อต่าง ๆ ก็นำ�ความคืบหน้า ทั้งเรื่องขอบเขตพื้นที่ความเสียหายและเรื่องการเยียวยาช่วยเหลือ เกือบตลอดทั้งวัน น้อง ๆ คนไหนที่ชอบอ่านหนังสือพิมพ์ หรือมีคุณพ่อคุณ แม่ที่อ่านหนังสือพิมพ์บ่อย ๆ คงจะพอสังเกตว่าในช่วงนี้ นอกจาก ข่าวน้ำ�ท่วมแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่มีการนำ�มาตีแผ่ทุกวันคือ ข่าว การจับกุมขบวนการรุกล้ำ�ผืนป่าและตัดโค่นต้นไม้ สองเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันครับ อย่างที่พวกเราทุกคนคงจะได้รับการปลูกฝังมาแต่เด็กแล้ว ว่าป่าเป็นปราการขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้จำ �นวนมหาศาลคอยชะลอ น้ำ�ที่ไหลบ่าจากยอดเขามาสู่พื้นที่ชุมชนที่อยู่อาศัยของคนด้านล่าง และพวกเราก็คงรู้ดีอยู่แล้วว่ายามใดที่บ้านเมืองของเราไม่มีป่า ยาม นั้นปัญหาอุทกภัยจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น แต่เรื่องของเรื่องคือ ณ
ll NYA~ JOURNAL ll
ปัจจุบันนี้ พวกเราทุกคนรู้หรือเปล่าว่าเราเหลือป่าไม้อยู่มากแค่ไหน ? และในแต่ละวัน แต่ละปี เราสูญเสียพื้นที่ป่าไปมากเพียงใด ? ต้นเหตุของการสูญเสียพื้นที่ป่ามีหลายอย่าง เช่น ไฟป่า ที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน หรือโคลนถล่ม แต่ที่สร้างความเสียหาย มากที่สุดก็คือฝีมือของมนุษย์อย่างเรานี่เอง ยิ่งระยะหลัง เหล่านัก ถางป่าก็ปรับตัวโดยการเพิ่มความซับซ้อนของกระบวนการลักลอบ ตัดไม้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามยากยิ่งขึ้น เช่น สมมติว่าหากเริ่มตัด ตั้งแต่ชายป่าด้านนอกมันสังเกตง่ายนัก ก็เริ่มตัดไล่มาตั้งแต่ป่าชั้น ในเสียเลย กว่าเจ้าหน้าที่จะค้นพบ ป่าก็เสียหายไปมากแล้ว หรือ อีกวิธีที่พบบ่อยในข่าวคือการทำ�ลายป่าเพื่ออ้างว่าพื้นที่ตรงนี้กลาย เป็ น ป่ า เสื่ อ มโทรมแล้ ว เพื่ อ ให้ ภ าครั ฐ นำ � ผื น ป่ า นั้ น ไปจั ด สรรเป็ น ที่ดินทำ�กินแก่ชาวบ้าน ( เอกสารของสำ�นักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อ เกษตรกรรม ( สปก. ) ออกได้ก็ต่อเมื่อที่ดินนั้นเป็นป่าเสื่อมโทรมแล้ว เท่านั้น ) จากนั้นไม่ก็ยากเลย แค่หลอกซื้อที่ดินเหล่านั้นจากชาว บ้านมาใช้ตามความต้องการของตนเอง เท่านั้นเอง แต่ไม่ว่าจะใช้กรรมวิธีใดก็ตามในการหลบเลี่ยงการถูกภาค รัฐตรวจพบ ปัญหาที่สำ�คัญที่สุดในการตรวจจับก็คือการจ่ายเงินใต้ โต๊ะแก่เจ้าหน้าที่นั่นเอง เกิดเจ้าหน้าที่มาพบเจอการลักลอบตัดป่า ก็แค่จ่ายเงินแล้วบอกว่าทำ�เป็นไม่รู้ไม่เห็นซะ นี่จึงเป็นอุปสรรคที่ ทำ�ให้ปัญหาการตัดไม้ทำ�ลายป่าแก้ไม่เคยหาย การบุ ก รุ ก ทำ � ลายผื น ป่ า ที่ มี อ ยู่ ทุ ก วั น นี้ เ กิ ด ขึ้ น จาก วัตถุประสงค์ ๒ อย่าง คือ ๑. เพื่อตัดท่อนซุง เช่น ไม้พะยูง ไม้ ll 09
มะค่าโมง ไม้กระยาเลย ไปขาย หรือ ๒. ถางพื้นที่ป่าเพื่อปลูกพืช เศรษฐกิจ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำ�มัน พืชไร่อย่างอ้อยหรือมัน สำ�ปะหลังครับ ราคาขายที่สูงขึ้นนั้นล่อใจให้เหล่านายทุนต้องการ ทำ�ลายป่ามากขึ้นเรื่อย ๆ และนี่ก็คือสาเหตุของวิกฤติการณ์น้ำ�ท่วม ใหญ่ปี ๒๕๕๔ เพราะภาคเหนือมีพื้นที่ป่ามากที่สุด ( ๕๐ ล้านไร่ / ร้อยละ ๔๗ ของพื้นที่ภาค ) และมีอัตราการถูกทำ�ลายป่าไม้สูงสุด ด้วย น้อง ๆ เคยได้ยินคำ�ว่า “ น้ำ�ไหลจากที่สูง ” ไหมครับ ? น้ำ�ป่าที่ ไหลหลากมาท่วมเกือบทุกภูมิภาคในตอนนี้ก็มาจากภาคเหนือเกือบ ทั้งสิ้น เมื่อต้นน้ำ�ที่เคยมีต้นไม้ใหญ่นับล้าน ๆ ต้น ทั้งรากทั้งลำ�ต้น ก็ช่วยชะลอความแรงและเป็นเหมือนฟองน้ำ�ดูดซับน้ำ�ป่า บัดนี้ไม่มี ปราการเหล่านั้นแล้ว มีเพียงพืชไร่ที่แทบไม่มีส่วนช่วยในการชะลอ กระแสน้ำ�เลย น้ำ�ป่าก็สามารถไหลทะลักสู่พื้นที่ด้านล่างได้โดยไม่มี อะไรขวางกั้น และเกิดเป็นความเสียหายมหาศาลเช่นนี้ ยิ่งในปีนี้ภาคเหนือประสบกับฤดูฝนที่ยาวนานกว่า ๖ เดือน ซึ่งเป็นเรื่องผิดปรกติ เป็นเหตุให้น้ำ�ในเขื่อนหลายแห่งอยู่ในสภาพ ปริ่มขอบ เต็มจนจะล้นเต็มกลืน เขื่อนหลายแห่งจึงต้องตัดสินใจ ระบายน้ำ�ออกเพื่อป้องกันเขื่อนแตก ส่วนหนึ่งก็ไหลมาทางแม่น้ำ� น่าน ซึ่งมีปริมาณน้ำ�ถึงร้อยละ ๔๕ ของน้ำ�ในแม่น้ำ�เจ้าพระยา ( นี่คือสาเหตุที่ว่าทำ�ไมฝนตกหนักที่จ.น่านทีไร แม่น้ำ�เจ้าพระยา จะหนุนสูงทุกที ) และเกินความจุที่แม่น้ำ�จะรองรับได้ ฟ้าฝนก็ไม่ เป็นใจ ตกลงมาเพิ่มปริมาณน้ำ�ในแม่น้ำ�เป็นระยะ ๆ น้ำ�ทะเลก็จะ หนุนสูง ระดับน้ำ�ในแม่น้ำ�เจ้าพระยาจึงเกือบล้นตลิ่งทำ�ให้พวกเรา
ชาวปากเกร็ดและชุมชนใกล้เคียงกระวนกระวายเช่นนี้ ประกอบกับปัจจัยอื่น ๆ อีก เช่น การเจริญเติบโต ของสังคมเมืองที่ไม่มีแบบแผน การพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำ�อย่างไม่มี ประสิทธิภาพ การเดินเส้นทางถนนที่ไม่ติดตั้งทางระบายน้ำ�ใต้ดิน ฯลฯ ทำ�ให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำ�ท่วมได้อย่างเต็มที่ ทุกอย่าง ก็สร้างผลกระทบต่อกันเป็นโดมิโน่อย่างที่เห็นนี้แหละครับ เมื่อเห็น ความเชื่อมโยงระหว่างป่ากับน้ำ�แบบนี้แล้ว ต่อจากนี้เราคงต้องใส่ใจ กับปัญหาป่าไม้ให้มากขึ้น อย่ายอมให้ผืนป่าของคนทั้งประเทศตก เป็นผลประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้นนะครับ ต้นไม้อายุนับร้อยปีถูกโค่นล้ม ช้างป่าถูกฆ่าเพียงเพราะไปกินกล้า ยาง นายทุนผู้เห็นแก่ได้ ได้ต้นไม้ฟรีไปขายในราคาแพง แต่ภาครัฐ ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นในการปกป้องป่าและตามล่าคนที่ทำ�ผิด กฎหมาย ยามเกิดภัยธรรมชาติ ชาวบ้านนับล้านชีวิตก็เดือดร้อน เศรษฐกิจเสียหายเป็นหมื่นล้านบาท ใช่ว่านายทุนเหล่านั้นจะออก มารับผิดชอบเสียที่ไหน กลายเป็นภาระของทุกคนที่จะต้องช่วยกัน ฟื้นฟูทุกอย่างให้กลับสู่สภาพเดิม เห็นชัดเจนว่าต้นไม้ที่นายทุนได้ไป ฟรี ๆ นั้น เทียบไม่ได้กับสิ่งที่ประเทศต้องสูญเสียไปเลย หากปล่อย ให้ปัญหาเกิดขึ้นแบบนี้ต่อไปโดยไม่มีใครแก้ไข น้ำ�ท่วมในปีหน้าก็ อาจรุนแรงยิ่งกว่านี้ รุนแรงเกินกว่าเราจะคาดคิดได้ว่าความเสียหาย จะมากมายมหาศาลเพียงใด พวกเราจึงต้องช่วยกันปกป้องผืนป่า ของเราทุกคนนะครับ.
พบเหตุ ก ารตั ด ไม้ ท ำ � ลายป่ า โทร ๑๑๓๖ กรมตำ�รวจป่าไม้ อ้างอิง : http://www.forest.go.th , http://abhisit.org/smf/index.php?topic=7492.0 , http://www.gisthai.org/research/namkao. html , http://dds.bangkok.go.th/flood_protection/Case_flooding.htm , http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/ X11082397/X11082397.html , http://piyapongpom.blogspot.com/2011/09/blog-post.html 10 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ป่าไม้แนวตั้งที่มิลาน
ในยุคปัจจุบัน พื้นที่ป่าไม้ พื้นที่สวนกลางเมืองนั้นทำ� ได้ยากยิ่ง เพราะราคาค่าที่ดินที่แพง แนวคิดสวนแนวตั้งจึงเกิด ขึ้นมา หลายบ้านมีสวนแนวตั้งในบ้าน ด้วยการปลูกต้นไม้บน ผนังบ้านตัวเอง แต่ครั้งนี้ต้องบอกว่าเป็นไอเดียสวนแนวตั้งที่ไป ไกลจริงๆ เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงกำ�แพง หรือผนัง แต่คราวนี้ เป็นตึกสูง 27 ชั้น ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ออกแบบโดย สถาปนิกที่ชื่อว่า Stefano Boeri เขายังเป็นนักการศึกษาและ อดีตบรรณาธิการ นิตยสาร Design and Architecture ที่ชื่อ ว่า Domus ตึกที่เขาออกแบบนี้มีชื่อว่า Bosco Verticale มัน จะกลายเป็นป่าแนวตั้งแห่งแรกในโลก เมื่อเสร็จสมบูรณ์ แนวคิดของป่าแนวตั้งก็คือ อาคารที่ปกคลุมไป ด้วยต้นไม้ใหญ่เล็ก ทุกยูนิตของอพาร์ตเม้นต์ในตึกนี้ จะมี ระเบียง และทุกระเบียงจะมีต้นไม้ขนาดใหญ่ ต้นไม้เหล่า นี้จะช่วยปกป้องอาคารจาก มลภาวะต่างๆของเมืองไม่ว่า จะเป็นฝุ่นที่ลอยฟุ้งอยู่ทั่วเมือง เสียง ตลอดจนช่วยกรอง คาร์บอนไดออกไซด์ และเพิ่มปริมาณอ๊อกซิเจนให้กับเมือง ใน ช่วงหน้าร้อน ต้นไม้เหล่านี้ก็ยังช่วยลดความร้อน ทำ�ให้ลดการ ใช้พลังงานภายในตัวอาคาร ขณะที่ในช่วงหน้าหนาวต้นไม้ที่ ผลัดใบก็จะให้แสงแดดส่องเข้ามาในอาคารให้ความอบอุ่น ช่วย ประหยัดพลังงานได้อีก ในส่วนน้ำ�ที่ใช้ในการดูแลต้นไม้ก็เป็น น้ำ�ที่ได้จากน้ำ�ที่ใช้แล้วในอาคาร จึงเป็น Go Green Concept จริงๆสำ�หรับอาคารแห่งนี้ ที่มา : inhabitat.com
ll NYA~ JOURNAL ll
ll 11
เรียนกับความฝัน (1)
“เราเรียนเพื่ออะไร”
12 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
FLY TO LEARN
เรื่อง ; วรกานต์ วินิจชัยมงคล @w_worrakan
น้
อง ๆ เคยถามคำ�ถามแบบนี้กับตัวเองหรือเปล่าคะ ? บ่อยครั้ง ที่เราเรียนเหนื่อย ๆ เครียด ๆ ก็มักจะเกิดความสงสัยแบบนี้ขึ้น มา และคำ�ตอบที่เรามักจะให้แก่ตัวเองบ่อย ๆ ก็คือ
“ เรียนเพื่อทำ�งานอาชีพที่เราใฝ่ฝัน ”
แต่น้อง ๆ เคยสังเกตกันบ้างไหมคะว่าสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น ในอนาคตนั้น เปลี่ยนแปลงไปจากที่เราเคยอยากเป็นสมัยที่เรายัง เด็กหรือไม่ ? บ่อยครั้งที่เมื่อคนเราเติบโตขึ้น และเรียนรู้ความเป็น จริงต่าง ๆ ของสังคม ความฝันของเรามักจะถูกจำ�กัดให้แคบลง ด้วยความคิดที่ว่า “ เป็นไปไม่ได้ ” จากเดิมที่เราเคยใฝ่ฝันอยากเป็นนักบินอวกาศ โตขึ้นมา เราก็คิดว่าเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อม จากเดิมที่เราเคยอยากเป็นนักวิทยาศาตร์ชั้นแนวหน้าของ ประเทศ โตขึ้นมาเราก็พบว่าอาชีพนักวิทยาศาสตร์ในเมืองไทยมี โอกาสเติบโตก้าวหน้าน้อยเพียงใด จากเดิมที่เราเคยอยากเป็นนักธุรกิจร้อยล้าน โตขึ้นมาเรา ก็พบกับสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอุปสรรคใหญ่ยักษ์ของทุกสายอาชีพ และกิจการ จากเดิมที่เราเคยอยากเป็นนักเขียนชื่อดัง โตขึ้นเราก็มี ทัศนคติว่าเป็นอาชีพที่หาความมั่นคงไม่ได้เสียเลย เมื่อเราเรียนรู้และสะสมความจริงต่างๆ มากขึ้นตามวัย เราเริ่มลดเพดานความฝันของเราให้อยู่ในแนว“มีโอกาสเป็นไปได้” แล้วเราก็เริ่มเบนอนาคตของเรามายึดติดกับทางเลือกทางการศึกษา ที่เรามี ในช่วงม.๓ ที่เราจะต้องขึ้นม.ปลายและเลือกแผนการเรียน นั้นก็เป็นทางแยกหนึ่งที่เราจะต้องกำ�หนดชีวิตของเราแล้ว น้อง ๆ อาจจะคิดว่า เอ๊ะ ? เราต้องตัดสินใจครั้งสำ�คัญมากในชิวิตตั้งแต่ ตอนอายุ 13-14 เลยเหรอ พี่กานต์คงตอบว่า ใช่แล้วค่ะ เพราะ ระบบการศึกษาของไทยนั้นไม่ค่อยยืดหยุ่นนัก หากน้อง ๆ ที่เรียน สายวิทย์เกิดเปลี่ยนใจมาเรียนสายศิลป์อาจพอทำ�ได้ แต่ถ้าเรียน สายศิลป์แล้วมาค้นพบตัวเองว่าอยากเรียนสายวิทย์ ถ้าช้าเกินไป ก็เปลี่ยนยาก นี่ก็จะกระทบไปถึงการเลือกเรียนในระดับอุดมศึกษา ด้วย แล้วก็ยาวไปทั้งชีวิตเลย ไม่เหมือนกันที่อเมริกาหรือหลาย ประเทศที่นักเรียนสามารถจัดเลือกวิชาเรียนได้ด้วยตัวเอง ขอแค่ มีวิชาพื้นฐานที่โรงเรียนบังคับให้ครบ ส่วนใหญ่ที่เหลือนักเรียนก็ สามารถเลือกเรียนได้ตามความสนใจของตนเอง เกิดเรียนอะไรไป เรื่อย ๆ แล้วคิดว่าไม่ชอบก็สามารถเปลี่ยนไปเลือกเรียนวิชาอย่าง อื่นได้ไม่ยากนัก กล่าวได้ว่าช่องว่างระหว่างสายวิทย์และสายศิลป์ แทบไม่มีอะไรขวางกั้น ll NYA~ JOURNAL ll
พอมาถึงม.6 เหล่าเด็กเอ็นท์ทั้งหลายก็ต้องมาถึงทางแยก สำ�คัญในชีวิตอีกครั้งเพราะต้องเลือกสายเรียนที่เป็นด่านสุดท้ายก่อน ที่พวกเราจะออกสู่สังคมจริง ชีวิตจริง ไม่ว่าจะเรียนวิศวะ เรียน หมอ เรียนสถาปัตย์ เรียนบัญชี เรียนรัฐศาสตร์ เรียนอักษร ฯลฯ พี่กานต์เองก็เพิ่งผ่านช่วงเวลานั้นไม่นาน และก็ได้เห็นบรรยากาศ และความรู้สึกของเพื่อน ๆ วัยเดียวกัน ที่น่าสังเกตก็คือ ปัจจัย ที่เด็กวัยนี้เลือกคณะที่จะเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นไม่ใช่ความใฝ่ฝัน ที่แท้จริงเสียแล้ว หลายคนถูกครอบครัวผลักดันว่าให้เรียนอย่าง นู้นอย่างนี้จะมีงานทำ� ไม่ตกงาน รายได้ดี การงานมั่นคง หลาย คนก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเรียนได้หรือเปล่า ก็เปลี่ยนใจเบนเส้นทาง ของตนเองเสียดื้อ ๆ ยังไม่ทันได้แม้แต่ลองสอบหรือลองยื่นคะแนน ไปสมัครเรียนเสียด้วยซ้ำ� และหลายคนก็ไม่มั่นใจในระบบการรับ นักศึกษาที่เปลี่ยนแปลงทุกปี ประกอบกับความวิตกกังวลที่เด็กวัย นี้ทุกคนต้องเจอ คือความกลัวว่าจะไม่มีที่เรียน เมื่อติดสถาบันไหน ได้ก็จะคว้าไว้ก่อน กลายเป็นว่า ต่อมานักเรียนเหล่านั้นมาพบว่า “ นี่ไม่ใช่ ตัวเรา ” เมื่อมาสัมผัสชีวิตจริงในรอบรั้วมหาวิทยาลัย สิ่งที่เกิดขึ้น ตามมาคือต้องการออกจากที่เรียนเพื่อแสวงหาช่องทางการเรียนอื่น ๆ หรือที่เขาเรียกว่า “ เด็กซิ่ว ” ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยแข่งกับรุ่น น้องปีต่อไป เสียเวลาฟรี ๆ ไป ๑ ปีเต็มก็ยอม ค่าลงทะเบียนเรียน หลายหมื่นบาทก็ต้องทิ้งมันไป ยิ่งเดี๋ยวนี้จำ�นวนเด็กซิ่วเพิ่มขึ้นมาก ทุกปี ๆ ในหมู่นักศึกษา 10 คนมีเด็กซิ่วอย่างน้อยล่ะ 1 คน แต่บาง คณะอาจมากถึง 2-3 คนเชียว สิ่งที่พี่กานต์อยากจะแนะนำ�น้อง ๆ ทุกคนซึ่งยังอยู่ในวัย ที่ยังเลือกได้ อยากให้น้อง ๆ หันมาถามตัวเองอีกครั้งว่าเราอยาก เป็นอะไรกันแน่ ไม่ต้องถามหรอกค่ะว่าเราเรียนเพื่ออะไร เพราะ คำ�ตอบก็คือเราเรียนเพื่ออนาคตแน่อยู่แล้ว ลองมองย้อนไปตั้งแต่ สมัยเด็กว่าเราเคยอยากเป็นอะไร นั่นอาจจะเป็นคำ�ตอบที่แท้จริง ของเราก็ได้ เพราะนั่นคือความใฝ่ฝันที่บริสุทธิ์ ไม่ถูกเบนเบี่ยงด้วย ความจริงหรือความเข้าใจอะไรที่เรารับรู้เมื่อเราโตขึ้น อย่าเพิ่งไป คิดว่า เฮ้ย ความฝันนั้นเว่อร์ไปหรือเปล่า ความฝันนี้มันเกินตัวไป หรือเปล่า ลองคิดก่อนเถอะค่ะ ถ้าทุกคนพยายามบังคับทางของตัว เองให้พอมีชีวิตรอดในสังคมเท่านั้น โลกนี้คงไม่มีบุคคลสำ�คัญของ ประวัติศาสตร์หรือผู้ที่ประสบความสำ�เร็จในชีวิตและอาชีพอย่างยิ่ง ใหญ่จนชื่อดังก้องโลกอย่างที่มีมากมายในวันนี้แน่ ๆ
(เรียนกับความฝันกันต่อในฉบับหน้า มุมมองของความฝัน ค่ะ)
ll 13
ก้าวแรก ... สู่สวนนนท ์
อัฒจันทร์ใหญ่ โรงเรย ี นสวนก
น้
อง ๆ รุ่นหลัง ๆ จำ�ได้ไหมครับว่าครั้งแรก ๆ เลยที่น้องมาสมัคร เข้าเรียนที่สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรีแห่งนี้ ไม่ว่าจะวันมา ซื้อใบสมัคร วันรายงานตัว วันปฐมนิเทศ หลังจากที่ก้าวผ่านพ้น ประตูโรงเรียนมาแล้ว จะมีที่หนึ่งเลยที่น้อง ๆ จะต้องเดินผ่านบ่อย มาก ที่ไหนเอ่ย ? ให้เวลาคิด ติ๊กต็อกติ๊กต็อก “ ใช่ตึก ๙ หรือเปล่าคะ ? ” คำ�ตอบคือ ไม่ใช่จ้ะ ลองนึกภาพดี ๆ ว่าตอนที่น้อง ๆ เดิน เข้ามาถึงโรงเรียนแล้ว จะมีพี่ ๆ กรรมการนักเรียนคอยถือโทรโข่ง เพื่อบอกน้อง ๆ ว่า “ สวัสดีครับ น้อง ๆ คนไหนมาถึงแล้วเลี้ยวซ้ายเดินใต้ อัฒจันทร์ ไปลงทะเบียนที่ใต้ตึก ๙ นะครับ ”
ใช่แล้วครับ อัฒจันทร์์นี่เองที่เป็นสถานที่แห่งแรก ๆ เลย ในโรงเรียนที่น้อง ๆ ผ่านไปผ่านมาตั้งแต่ช่วงแรกที่เข้าสมัครเรียน ก่อนที่จะเล่าว่าที่อัฒจันทร์นี้มีอะไรบ้าง พี่โหลอยากจะบอกให้ น้อง ๆ ได้รู้ก่อนว่าอัฒจันทร์นี้เป็นสิ่งก่อสร้างใหม่ของโรงเรียน เริ่ม ก่อสร้างในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ( ในสมัยของท่านผู้อำ�นวยการสุทธิ ศักดิ์ เฟื่องเกษม ) และเปิดใช้ครั้งแรกในวันแม่แห่งชาติ วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๐ จนถึงตอนนี้ อัฒจันทร์นี้เพิ่งมีอายุเพียง ๔ ปีเศษเท่านั้นครับ ก่อนจะมีอัฒจันทร์ที่ก่อสร้างอย่างถาวรด้วยปูน นี้ เดิมทีมีอัฒจันทร์ขนาดเล็กที่ทำ�จากเหล็กฉาก ซึ่งต่อมาก็ถูกย้าย มาอยู่ฝั่งเดียวกับสถานเชิญธงลี้กุลเจริญเมื่อโครงการก่อสร้างเริ่มต้น ขึ้น ถนนข้างสนามฟุตบอลก่อนที่จะมีอัฒจันทร์ก็เป็นเพียงถนนโล่ง
กุหลาบวิทยาลัยนนท
บุรี
ๆ ที่มุ่งไปสู่อาคารทศวรรษ ( ที่ตั้งของอาคาร ๙ ในปัจจุบัน ) และ เป็นที่จอดรถสำ�หรับอาจารย์ ส่วนขอบสนามฟุตบอลก็มีเป็นพื้นอิฐ กว้าง ๆ และมีโต๊ะม้าหินตั้งใต้ต้นไทรเป็นระยะ ๆ ให้นักเรียนได้มานั่ง พักผ่อนหย่อนใจในยามว่าง ก่อนที่จะก่อสร้างอัฒจันทร์ขึ้น พี่โหล และเพื่อน ๆ มานั่งเล่นกันที่นี่เป็นประจำ�เลยครับ ร่มรื่นมาก เมื่ออัฒจันทร์ก่อสร้างแล้วเสร็จ ที่นี่ก็ไม่ได้เหมือนกับที่น้อง เห็นในทุกวันนี้เสียทีเดียวครับ เพราะอัฒจันทร์นี้ในตอนแรกก็เป็น อัฒจันทร์ปูนเรียบ ๆ ต่อมาจึงมีการก่อสร้างหลังคาขึ้นเพิ่มเติม และ ล่าสุดเพิ่งได้รับการปรับปรุงโดยการติดกระเบื้อง และราว บันไดสเตนเลสในปี ๒๕๕๓ ส่วนใต้อัฒจันทร์ก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน เช่นกัน มีเพียงห้องพักนักกีฬาฟุตบอล ห้องคณะกรรมการนักเรียน
และห้องฝ่ายยานพาหนะเท่านั้นที่อยู่ที่เดิม ส่วนห้องอื่นนั้นเมื่อก่อน เป็นห้องเก็บของสำ�หรับคณะสีต่าง ๆ ยามปกติใต้อัฒจันทร์จะไม่คึก ครื้นเท่าไรนัก แต่พอใกล้วันกีฬาสีสัก ๑ – ๒ เดือน ที่นี่จะเนืองแน่น ไปด้วยนักเรียนทุก ๆ สีที่มาเตรียมงานบริเวณหน้าห้องคณะสีของตน ยิ่งใกล้วันงานอีกไม่กี่วัน ที่นี่ยิ่งคึกคักจนถึงมืดค่ำ� นับเป็นช่วงเวลา สั้น ๆ ที่ใต้อัฒจันทร์นี้มีอะไรเกิดขึ้นมากมายเลยครับ จนกระทั่งต่อมาที่มีการปรับปรุงโรงเรียนครั้งใหญ่ในช่วง ปิดเทอมขึ้นปีการศึกษา ๒๕๕๓ มีการก่อสร้างห้องน้ำ�ชายเพิ่มเติม ห้องคณะสีต่าง ๆ ใต้อัฒจันทร์นี้ถูกยุบไปทั้งหมด และย้ายห้องของ กลุ่มอื่น ๆ มาไว้ที่นี่ และมีสภาพเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้
ที นี้ ม าดู กั น ครั บ ว่ า ใต้ อั ฒ จั น ทร์ มี อะไรบ้าง พี่โหลอยากบอกว่าตั้งแต่วันแรก ที่น้อง ๆ เดินลอดใต้อัฒจรรย์นี้ น้อง ๆ ได้ ผ่านห้องสำ�คัญ ๆ หลายห้องเลยทีเดียว ไล่ จากด้านที่น้อง ๆ เดินเข้าโรงเรียนไปตึก ๙ นะครับ
ห้องฝ่ายยานพาหนะ
ห้องนี้เป็นห้องพักบุคลากร ลุง ๆ น้า ๆ คนขับรถโรงเรียน จะพักและทำ�งานอยู่ที่นี่ เวลาใดที่อาจารย์หรือคณะนักเรียนกลุ่มใด ต้องการใช้รถของโรงเรียนไปส่งตามที่ต่าง ๆ เช่น ไปศึกษาดูงาน ไปแข่งขันวิชาการ ไปแสดงผลงาน อะไรเช่นนี้ก็จะมารับแบบฟอร์ม ขอใช้รถของโรงเรียน และติดต่อนัดหมายกันที่ห้องนี้ครับ
ห้องเก็บของ ชุมนุมเชียร์และแปรอักษร เดิ ม ที ชุ ม นุ ม เชี ย ร์ แ ละแปรอั ก ษรมี ห้ อ งอยู่ ที่ อ าคารสธ.๓ เช่นกัน และถูกย้ายมาพร้อมกับชุมนุมลูกเสือ ในช่วงปีการศึกษา ๒๕๕๓ ชุมนุมเชียร์และแปรอักษรก็ใช้ห้องนี้ในการรวมตัวและ ประชุมงานกันตลอดปี ยิ่งใกล้งานที่ชุมนุมเชียร์จะต้องไปแสดงฝีมือ ห้องนี้จะมีคนทำ�งานอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืนเลยทีเดียว แต่เนื่องจาก ชุมนุมเชียร์ ฯ มีสมาชิกจำ�นวนมากและต้องใช้พื้นที่เตรียมงานเยอะ พื้นที่ห้องเล็ก ๆ นี้ห้องเดียวจึงไม่เพียงพอ ปัจจุบันจึงได้ย้ายไปอยู่ที่ ชั้น ๒ ของอาคารสระว่ายน้ำ�แล้ว จึงใช้ห้องนี้เก็บอุปกรณ์
ห้องเก็บของชุมนุมลูกเสือ
ห้องนี้ใช้สำ�หรับเก็บอุปกรณ์ของชุมนุมลูกเสือ ตั้งแต่ไม้ง่าม เต็นท์สำ�หรับค่ายลูกเสือ ๑๑ สวน มีอุปกรณ์มากมายสารพัด เข้าไป ข้างในจะเจออุปกรณ์มากมายวางเรียงจนสูงเหนือศรีษะเลยล่ะครับ
ห้องชุมนุมลูกเสือ
เดิมทีอยู่อาคาร สธ.๓ ถูกย้ายมาช่วงปิดเทอมก่อนขึ้นปี การศึกษา ๒๕๕๓ เพราะอาคารสธ.๓ ถูกปรับปรุงให้เป็นห้องเรียน โครงการพิเศษทั้งหมด นักเรียนสมาชิกกองร้อยพิเศษก็จะมาพบ กัน ประชุมงานกันที่นี่ หากเป็นช่วงที่จะมีการประกวดการเดิน สวนสนาม หน้าห้องนี้ก็จะมีกองร้อยลูกเสือและเนตรนารีมาฝึกซ้อม เกือบทั้งวันเลยครับ
ห้องชมรมฟุตบอลสวนนนท์
ห้องนี้เป็นที่ทำ�การของชมรมฟุตบอล ใช้รวมตัวและนัด หมายเรื่องต่าง ๆ ในหมู่นักเรียนนักกีฬาฟุตบอลครับ นับแต่ห้องนี้ ไปจนสุดอัฒจรรย์ ที่นี่เป็นห้องพักของนักกีฬาฟุตบอลครับ พวกเขา อาศัยอยู่ที่นี่ทุกวันจนปิดเทอมเลยครับ
ห้องคณะกรรมการนักเรียน
เป็นห้องทำ�งานของพี่ ๆ คณะกรรมการนักเรียน ใช้ทั้ง ประชุมงาน ใช้ทั้งเก็บอุปกรณ์จัดกิจกรรมต่าง ๆ น้อง ๆ คนใด ต้องการมาติดต่อสอบถามเรื่องต่าง ๆ กำ�หนดการของโรงเรียน กำ�หนดการกิจกรรมของคณะกรรมการนักเรียน หรือต้องการปรึกษา และร้องเรียนปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน ก็สามารถมา ติดต่อตัวแทนของนักเรียนทั้งโรงเรียนได้ที่ห้องนี้เลยครับ 16 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ข้อมูลเชิงกายภาพ อัฒจันทร์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ที่ตั้ง : ด้านหน้าหันไปทางทิศตะวันออก ติดสนามฟุตบอล อยู่ตรงข้ามกับสถานเชิญธงลี้กุลเจริญและอาคา รสธ.๔ ด้านหลังของอัฒจันทร์์ติดรั้วด้านหน้าของโรงเรียน ฝั่งซ้ายของอัฒจันทร์ดิดอาคาร ๙ และโรงเก็บขยะ ความกว้าง : ประมาณ ๖๐ เมตร ความลึก : ประมาณ ๑๒ เมตร ความสูง : ประมาณ ๑๔.๕ เมตร จำ�นวนขั้น : ๑๘ ขั้น ( รวมชั้นบนสุด ) ความจุ : ประมาณ ๑,๘๐๐ คน แม้ว่าปกติอัฒจันทร์แห่งนี้จะไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไรนัก แต่หากเป็น ช่วงมหกรรมกีฬาภายใน หรือวันกีฬาสีแล้ว ที่นี่คือที่ที่มีสีสันมาก ที่สุดของงานและคึกคักที่สุดในรอบปีเลยทีเดียว เพราะทั้ง ๕ คณะสี ก็จะประชันกันตกแต่งพื้นที่อัฒจันทร์ของตนให้สวยงามและโดดเด่น ที่สุด ทั้งป้ายคัตเอาท์ด้านบน ทั้งการเสื้อผ้าการแต่งกายของน้อง ๆ และพี่สต๊าฟฟ์ที่นั่งบนอัฒจรรย์ ทั้งเทคนิคการแสดง
การเชียร์กีฬา รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งที่ออกแบบมาให้เข้ากับคอน เซ็ปต์หลักของคณะสี สร้างสรรค์กันอย่างสุดความสามารถ เพื่อ ให้ได้รางวัลจากการประกวดให้มากที่สุด กล่าวได้ว่า อัฒจันทร์นี้มี ส่วนสำ�คัญในการทำ�ให้กีฬาสีของโรงเรียนเรายิ่งใหญ่ที่สุดในจังหวัด อย่างมากเลยทีเดียว อีกกิจกรรมสำ�คัญที่เกิดขึ้นที่อัฒจันทร์นี้มีขึ้นในช่วงปลาย ปีการศึกษา ที่พี่ ๆ ม.๖ ที่กำ�ลังจะจบการศึกษาจะมาถ่ายภาพที่ ระลึกกันที่นี่เพื่อทำ�หนังสือรุ่น ที่นิยมมากคือการนำ�เพื่อนร่วมห้อง
ll NYA~ JOURNAL ll
มานั่งเรียงกันเป็นเลขห้องของตน หรือนั่งเป็นรูปร่างต่าง ๆ และ ถ่ายภาพกับคัตเอาต์ของคณะสีของตนเองที่เป็นตัวแทนของงาน กีฬาสีที่ต้องทุ่มเทที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ละรางวัลต้องแลกมาด้วย แรงกายและแรงใจ เป็นครั้งหนึ่งที่เราได้นึกย้อนว่าความทรงจำ�ดี ๆ ของเราเกิดขึ้นที่นี่มากมายเพียงใด
นอกจากนี้แล้ว อัฒจันทร์ของโรงเรียนเรายังใช้เป็นที่ชม กิจกรรมอื่น ๆ มากมาย เช่น การแข่งขันฟุตบอลการกุศลที่โรงเรียน จัดขึ้น การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนระดับจังหวัดที่มาใช้สนามของ เราจัดการแข่งขัน บริษัทภายนอกก็เคยมาเช่าที่ของเราจัดกิจกรรม กีฬาสีเหมือนกันครับ นั่นก็คือสาหร่ายเถ้าแก่น้อยนั่นเอง อีกทั้งยัง เป็นอีกจุดที่คณะผู้เยี่ยมชมศึกษาดูงานจากโรงเรียนอื่นนิยมมาถ่าย ภาพที่ระลึกโดยมีฉากหลังเป็นอัฒจรรย์ใหญ่และอาคาร ๙ นิยมมาก รองลงมาจากหน้าลานพระบรมราชานุสาวรีย์เลยล่ะ
ll 17
ทั ้ ง หมดนี ้ ค ื อ เรื ่ อ งราวของอั ฒ จั น ทร์ โรงเรี ย น เรา แม้ จ ะมี อ ายุ ไ ด้ เ พี ย ง ๔ ปี เ ศษก็ ไ ด้ ส ร้ า ง สี ส ั น สร้ า งความยิ ่ ง ใหญ่ แ ก่ ท ุ ก เหตุ ก ารณ์ ทุ ก กิ จ กรรมที ่ จ ั ด ขึ ้ น บริ เวณสนามฟุ ต บอล ของเรา ไม่ เ พี ย งเท่ า นั ้ น อั ฒ จั น ทร์ ข องเรา ยั ง เป็ น อั ฒ จั น ทร์ ท ี ่ ใ หญ่ ท ี ่ ส ุ ด ในทุ ก โรงเรี ย น ในจั ง หวั ด นนทบุ ร ี อ ี ก ด้ ว ย ขอให้ น ้ อ ง ๆ ภาคภู ม ิ ใจกั บ ความเป็ น หนึ ่ ง ของอั ฒ จั น ทร์ โรงเรี ย นสวนกุ ห ลาบวิ ท ยาลั ย นนทบุ ร ี ข องเรา กั น ไว้ น ะครั บ
หากต้องการชมภาพโรงเรียนก่อนที่จะมีอัฒจันทร์ถาวร สามารถย้อนดูได้ในคอลัมน์ I-T(ry) วารสารเนีย ฉบับที่ ๒ หรือลองเปิดด้วยโปรแกรม Google Earth ก็ได้ครับ
โรงเล่า
เรื่อง/ภาพ ; ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ @lemonoiz
โยกเยกเอย น้ำ�ท่วมชาติ ข ออภั ย ไว้ ก่ อ นถ้ า คอลั ม น์ โรงเล่ า ฉบั บ นี้ ค่ อ นข้ า งจะดู มั ก ง่ า ย เหตุผลมีอย่างเดียวครับ คือไม่มีเวลาเก็บข้อมูล ปกติผมจะไป อ่านหนังสือประวัติศาสตร์ในห้องสมุดที่มหาวิทยาลัย แต่ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยผมน้ำ�มิดเอวแล้ว โรงเล่าฉบับนี้เลยขอเล่าเรื่องที่ตัว เองกำ�ลังประสบแบบสดๆร้อนๆเลย เป็นเรื่องที่อินเทรนด์มากตอนนี้ “น้ำ�ท่วม“ บ้านใครยังแห้งอยู่ตอนนี้จะเชยมาครับ ระวังโดนเพื่อนล้อ นะครับ กิ๊วๆ
พ.ศ. 2485 เกิดน้ำ�ท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ เนื่องจากฝนตกหนักอย่างต่อ เนื่อง ทำ�ให้ระดับน้ำ�ในแม่น้ำ�เจ้าพระยามีระดับสูงมาก ไหลล้นคันกั้น น้ำ�ทั้งสองฝั่งแม่น้ำ�ตลอดแนว ซึ่งวัดระดับน้ำ�ท่วมที่สะพานสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าฯ ได้ 2.27 เมตร นับว่าเป็นเหตุการณ์น้ำ�ท่วมที่ รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ อย่างเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ เพื่อมากักเก็บน้ำ�
ถึงจะเป็นฉบับคว้าฝันวันปิดเทอมที่สดใส(ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น) แต่ เคราะห์ซ้ำ�กรรมสาดเข้าประเทศไทย เจอเหตุน้ำ�ท่วมล้มตายเสีย หายกันเป็นแถบๆ แค่เห็นภาพในทีวีก็ขวัญเสียแล้วครับ ไม่ต้องคิดถึง สภาพว่าถ้าได้มีโอกาสทักทายกับนางสาวน้ำ�เหนือแบบ Missed Call (มิดคอ) แล้วล่ะก็ จะขนาดไหน คอลัมน์เกร็ดประวัติศาสตร์ กับ “โรงเล่า” ฉบับนี้จะเล่าถึงเหตุการณ์น้ำ�ท่วมสยามครั้งที่ผ่านๆมา หลายๆคนที่เกิดไม่ทันจะงงว่า เอ๊ะ ทำ�ไมในข่าวชอบพูดถึงเหตุการณ์ เมื่อปี พ.ศ.2485 พ.ศ.2526 พ.ศ.2538 บ่อยๆ มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเห รอ เราจะมาอธิบายกัน
พ.ศ.2526 พายุหลายลูกพัดผ่านเข้าภาคเหนือ และภาคกลางในช่วง กันยายน - ตุลาคม ทำ�ให้น้ำ�ท่วมในครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมากอีกครั้ง หนึ่ง ซึ่งวัดปริมาณฝนตลอดทั้งปีได้ 2119 มม. จากค่าฝนเกณฑ์เฉลี่ย อยู่ที่ 1,200 มม. ส่งผลให้กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล น้ำ�ท่วม เป็นเวลานานที่สุดถึง 4 เดือน ประเมินความเสียหายสูงถึง 6,598 ล้านบาท
สิ่งที่ทั้งสามปีเหมือนกันก็คือการที่กรุงเทพมหานครโดน “น้ำ�ท่วม” เหมือนในปัจจุบันที่ชั้นนอกและชั้นกลางโดนข้าศึกตีแตกพ่ายคาคัน กั้นน้ำ�ไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะในปี พ.ศ.2538 ที่เป็นเหตุการณ์ ครั้งสำ�คัญ เพราะน้ำ�ท่วมได้เข้าท่วมอย่างหนักบริเวณทางตอนเหนือ ของกรุงเทพฯ นานร่วม 2 เดือนเลยทีเดียว ll NYA~ JOURNAL ll
พ.ศ.2538 พายุหลายลูก พัดผ่านทั้ง ภาคเหนือ ภาคกลางและภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพายุโอลิส ที่ถล่มกระหน่ำ� ทำ�ให้ เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้ระดับน้ำ�ในแม่น้ำ� เจ้าพระยามีระดับสูง โดยวัดที่สะพานสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เมื่อ วันที่ 27 ตุลาคม 2538 มีค่าระดับสูงถึง 2.27 เมตร ซึ่งสูงสุดเป็น ประวัติการณ์ ll 19
คันกั้นน้ำ�ริมสองฝั่งแม่น้ำ�เจ้าพระยาถูกน้ำ�ทะลักเข้าท่วม พื้นที่ระดับสูงถึง 1 เมตร โดยเฉพาะบริเวณถนนจรัลสนิทวงศ์ เขต บางพลัด บางกอกน้อย และถนนเจริญกรุง เขตคลองสาน รวมระยะ เวลาน้ำ�ท่วมประมาณ 2 เดือน สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน เป็นอย่างมาก การคมนาคมเป็นไปอย่างยากลำ�บาก ต้องอาศัยเรือใน การเดินทาง เพราะเกือบทั่วทุกพื้นที่กลายเป็นคลองไปหมด แทบจะ แยกไม่ออกว่า ตรงไหนเป็นน้ำ�จากแม่น้ำ� คลอง หรือน้ำ�ท่วม ผมเองเป็นหนึ่งในผู้เกือบประสบภัย ถึงจะไม่สามารถออกจากบ้าน ไปไหนได้เลย แต่อย่างน้อยก็ไม่ท่วมสูงมิดหลังคาเหมือนในข่าว ซึ่ง นำ�เสนอแต่ละอย่างชวนตระหนกอย่างมาก เริ่มต้นที่จระเข้ ซึ่งแม้ว่าใน สารคดีเนชันแนล จีโอกราฟฟิคจะชอบถ่ายฉากมันกระโดดขย้ำ�กวาง น้อยที่โง่ไปโก่งคอกินน้ำ�อยู่ที่ริมบึง แต่ในประเทศไทย จระเข้คือสัตว์ที่ วันๆนอนอยู่แต่ในฟาร์ม อ้าปากค้างๆรอคนมาแสดงโชว์โดยการไถลหัว เข้าไปล่อปากมันทั้งวันแค่นั้นเอง (เสียสถาบันไอ้เข้อย่างมาก) ก็ดันมีข่าว ว่าหลุดออกมาจากฟาร์มนู้นฟาร์มนี้เป็นร้อยๆตัว ทำ�ให้ในน้ำ�ซึ่งควรจะ เป็นที่ที่เด็กๆจะสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นความสนุกลงไปเล่นได้อย่าง สนุกสนานก็ไม่ใช่อีกต่อไป ไหนจะมีเชื้อโรค ซึ่งว่ากันว่ามีมากกว่าหมื่น ชนิดอาศัยอยู่ในนั้น (โดยส่วนตัวคิดว่าได้รับมาแล้วประมาณสามพัน เพราะมีโอกาสได้เดินลุยน้ำ�ขังหน้าหมู่บ้านมาแล้ว) เหนือน้ำ�ขึ้นมาก็ยังมียุงอีก บินกันแง้วๆทั้งคืนไม่หยุดหย่อน จ้องจะจก เลือดไพร่ฟ้าหน้าโง่อย่างเราๆอยู่ร่ำ�ไป เอาเลือดไปผมไม่ว่า แต่อย่ามาทิ้ง ไอ้ตุ่มตะไลนี่ไว้ได้มั้ย เข้าใจว่าบางทีกินเลือดไปแล้วอยากขอบคุณ แต่ไม่ ต้อง เอาไปฟรีๆเถอะดูดเสร็จแล้วช่วยไสหัวไปที ตอนนอนยิ่งแล้วใหญ่ ชอบมาบินกันข้างๆหู รำ�คาญมาก พอตบหมับเข้าก็เข้ากกหูตัวเอง คราว นี้ก็เลยได้นอนหูระบมกันทั้งคืน (โปรดเข้าใจความหมายของ หู ที่เอา ไว้ฟังเสียง ไม่ใช่ที่เอาไว้ให้น้องจ๊ะเกา) ที่สำ�คัญคือยุงสมัยนี้วิวัฒนาการ เร็วมาก เข้าใจว่าการที่เราพยายามฆ่ามันด้วยวิธีต่างๆแล้วมันไม่ตายใน ทันที จะทำ�ให้มันเหลือแรงหอบร่างของมันกลับไปแจ้งข่าวให้เพื่อนๆรู้ ว่า มนุษย์สร้างสรรค์วิธีฆ่ามันยังไงบ้างแล้วมันก็ปรับตัวหนีกัน ทั้งบินเร็ว ขึ้น ทนทานยาฆ่าแมลง ไม่กลัวกระทั่งไม้ช๊อตไฟฟ้า (ไอ้ยุงกร้านโลก)
แต่สิ่งมีชีวิตที่สร้างเรื่องน่าปวดหัวที่สุดในสถานการณ์น้ำ �ท่วมนี้กลับ ไม่ใช่ยุง แต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็น “สัตว์ประเสริฐ” โดย ไม่ทันปรึกษาช้าง ม้า แพนด้า ฮิปโป ยีราฟ ฯลฯ ว่ามันยอมรับรึยังว่ามัน ต่ำ�ต้อยกว่ามนุษย์ เพราะมนุษย์จำ�นวนมากมีพฤติกรรมน่าด่าอย่างยิ่ง ตั้งแต่น้ำ�มา ไม่น่าเชื่อว่าการที่น้ำ�มานอกจากจะทำ�ให้ปลาได้กินมดแล้ว ก็ทำ�ให้มนุษย์จำ�นวนมากเผยสันดานของตัวเองออกมาได้ด้วย
เรามาหยุดดราม่ากันก่อนดีมั้ยชาวไทย
ก่อนอะไรๆจะวอดวายมากกว่านี้ น้ำ�ท่วมครั้งนี้จะกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของประเทศไทยเรา ให้ลูกหลานได้จดจำ�และเรียนรู้ไปอีกนานครับ แต่ความรับรู้ของแต่ละ คนจะต่างกันไปตามประสบการณ์ที่คุณสร้างขึ้นเองระหว่างเหตุการณ์ นี้ คุณอยากถูกบันทึกในประวัติศาสตร์แผ่นนี้อย่างไร ระหว่างเป็นคนที่ ได้ออกไปช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนแม้เพียงเล็กน้อย หรืองอมืองอเท้า นอนรอความช่วยเหลืออยู่ที่บ้านแล้วด่ารัฐบาลไปวันๆ ประวัติศาสตร์นี้ คุณคือผู้บันทึก สวัสดีครับ ขอให้น้ำ�ลดไวๆ
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก www.kapook.com วาไรตี้เว็บ ไซท์ดีๆที่อยู่เคียงข้างคนไทยเสมอแม้ในสภาวะน้ำ�ท่วมอย่างนี้ ความดี ความชอบของพี่ปรเมศว์ มินศิริ หรือ @iwhale ซึ่งก็ไม่่ใช่ใครที่ไหน เป็น ศิษย์เก่าสวนกุหลาบนนท์ของเรานี่เอง ขอบคุณภาพและถ้อยคำ�บางส่วนจากหนังสือ “เหตุการน์น้ำ�ท่วม พ.ส.2485” ของ กระซวงมหาดไทย (กระทรวงมหาดไทย -- ทั้ง พ.ส. และกระซวง ผมไม่ได้โง่เขียนผิดหรือวิบัตินะครับ แต่ภาษาไทย เมื่อ60กว่าปีก่อนเป็นอย่างนี้จริงๆ)
ll NYA~ JOURNAL ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ll 29
M-S-อึน
เรื่อง ; กานต์ พันธ์จันทร์ @kenoyama
ตอน เรียนพิเศษ
น้องเอม เด็กน่ารัก says: อาร์ม ปิดเทอมนี้เรียนอะไรบ้าง? น้องอาร์ม เด็กนรก says: ไม่อะ น้องเอม เด็กน่ารัก says: จริงดิ!! น้องอาร์ม เด็กนรก says: อื้อ ตกใจทำ�ไม? น้องเอม เด็กน่ารัก says: ทำ�ไมแกไม่เรียนพิเศษล่ะ? น้องอาร์ม เด็กนรก says: ขี้เกียจอะ น้องเอม เด็กน่ารัก says: เฮ้ย ไหงงั้น เดี๋ยวก็สู้คนอื่นเขาไม่ได้กันหรอก น้องอาร์ม เด็กนรก says: แล้วแกล่ะ ที่1ของห้องนี่ยังต้องเรียนเพิ่มอีกเหรอวะ? น้องเอม เด็กน่ารัก says: เออสิ นับวันคะแนนแอดมันก็พุ่งขึ้นทุกปีๆ พอถึงปีเราก็คงไม่ต้องพูดถึง สูงลิ่วแน่ ถ้าไม่เรียนเพิ่มก็คงสู้ใครไม่ได้หรอก น้องอาร์ม เด็กนรก says: อ๋อ เข้าใจและ น้องเอม เด็กน่ารัก says: งั้นก็ดีและ รีบๆหาที่ลงเรียนซะ น้องอาร์ม เด็กนรก says: สรุปคือแกเรียนเพื่อจะได้สู้คนอื่นได้? น้องเอม เด็กน่ารัก says: ไม่ใช่ คือโตไปฉันก็อยากมีงานทำ� ถ้าได้มหาลัยดีๆเวลาหางานก็จะได้ที่ดีๆด้วยไง น้องอาร์ม เด็กนรก says: อืมม 38 ll
น้องเอม เด็กน่ารัก says: แล้วแกคิดยังไงล่ะ? น้องอาร์ม เด็กนรก says: ก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะหรอก ฉันว่าการที่เราเรียนรู้อะไรสักอย่างมันทำ�ให้เรามองอะไร เปลี่ยนไปนะ น้องเอม เด็กน่ารัก says: ยังไง งง น้องอาร์ม เด็กนรก says: ก็สมมุติแกเรียนเรื่องปั้นหม้อปั้นดิน ก่อนที่จะเรียนแกก็จะมองดินเหนียวเป็นแค่ดินเหนียว แต่พอแกได้เรียนแกจะมองก้อนดินเหนียวเป็นหม้อชาม อะไรต่อมิอะไร น้องเอม เด็กน่ารัก says: แล้วไงอะ? น้องอาร์ม เด็กนรก says: คือ.... การมีมุมมองใหม่ๆมันจะทำ�ให้เราค้นพบสิ่งใหม่ๆนะ แล้วมันจะเกิดการพัฒนาตามมา ซึ่งเราว่ามันสำ�คัญกว่าการมีความรู้เยอะๆอีกนะ น้องเอม เด็กน่ารัก says: อืมมม มุมมองดีแต่ไม่มีงานทำ� ก็ไม่ไหวนา น้องอาร์ม เด็กนรก says: เออเนอะ น้องเอม เด็กน่ารัก says: ฉันชอบความคิดแก แต่ว่า ... ถึงเรามีมุมมองหรือความคิดดีๆ แต่ถ้าไม่มีที่ให้แสดงมันออกมามันก็ไม่มีประโยชน์นะ น้องอาร์ม เด็กนรก says: สร้างเองเลยสิ น้องเอม เด็กน่ารัก says: จะทำ�ได้? น้องอาร์ม เด็กนรก says: ไม่รู้สิ แต่ถ้าไม่มีใครรับก็ต้องทำ�แบบนี้แหละ น้องเอม เด็กน่ารัก is offline
กำ� เน็ตเน่าอีก ...
ll NYA~ JOURNAL ll
I T(RY)
เรื่อง ; ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ @lemonoiz
ลืม password เข้า facebook ? Trusted Friends ช่วยคุณได้
ผ
มมีเหตุผลสองสามข้อที่พอจะเอามายืนยันกับคุณได้ว่า เจ้าพ่อ facebook มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เป็นพระเจ้าแห่งโลกใหม่ดังที่ เรากล่าวอ้างกันบ่อยๆจริงๆ เหตุผลข้อแรกคือเค้าสร้าง facebook โซเชีบลเน็ตเวิร์คระดับโลกที่ปัจจุบันเป็นเหมือนปัจจัยที่ 5 ของ มนุษยชาติไปแล้ว และเหตุผลอีกข้อคือ เค้าสามารถอ่านคอลัมน์ ณ ปัจจุบันขณะ ที่ @cafelk แอ๊ฟผมไปเขียนได้ล่วงหน้า แถมยังออก มาตรการแก้เกมก่อนโดนด่าได้ทันควันเสียด้วย เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อ 2-3 วันก่อนนี้เอง เฟซบุ๊คได้ออกมาตรการ เพื่อความปลอดภัยแบบใหม่ขึ้นมา 2 อย่าง อย่างแรกคือ App Password หรือ Password ที่ใช้กับ App ต่างๆที่ใช้เล่นเฟซบุ๊คได้ เพื่อยืนยันว่า แม้จะเล่น facebook ผ่าน App เจ้าอื่น ก็จะยังได้รับ ความปลอดภัยในระดับเดียวกับพี่มาร์คทำ�เองเช่นกัน ส่วนมาตรการ รักษาความปลอดภัยอย่างที่สองที่จะนำ�เสนอกันใน I T(ry) ฉบับนี้ก็ คือระบบที่มีชื่อว่า Trusted Friends (เพื่อนแท้) นั่นเอง ผมเชื่อว่าผู้อ่านคอลัมน์นี้อยู่ทุกคน ต้องเคยประสบพบเจอเหตุการณ์ “ลืม Password“ กันมาแล้วครั้งสองครั้ง หรือบางคนสมองปลา ทองหน่อยก็อาจจะถึงขั้นต้องขอ Password ใหม่กันทุกวัน จน ระบบแก้ลืมมันคงรู้สึกหมั่นไส้อยู่เล็กๆ สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ ถ้า ใครไม่เคยลืม Password ของตัวเองเลย อันนี้ต่างหากครับที่เป็น เรื่องอันตราย เพราะถ้ามันง่ายขนาดจำ�ได้ตลอดไม่มีลืม หรือใช้รหัส เดียว log in ดะไปทุกเว็บทุกที่ หรือแม้แต่จดไว้เป็นรูปธรรม พฤติ ll NYA~ JOURNAL ll
กรรมเหล่านี้เข้าทางผู้ไม่หวังดีกับเราแน่นอนครับ การตั้ง Password ควรตั้งให้มีทั้งอักษรตัวเล็ก ตัวใหญ่ ตัวเลขบ้าง สัญลักษณ์บ้าง (ถ้า ระบบนั้นอนุญาตให้ใช้) แต่ก็นั่นแหละครับ ปัญหาที่จะตามมาก็คือ “ลืม Password” เพราะมันจำ�ยากนั่นเอง แน่นอนตั้งแต่อดีตกาลนานมา มนุษย์คิดค้นระบบคำ�ถามำ�ตอบกัน ลืมเอาไว้ช่วยเหลือเรา โดยตั้งคำ�ถามที่เราเท่านั้นสามารถตอบได้ หรือที่เรียกว่า Forgot Question เช่น “บ้านเกิดของคุณอยู่ที่ไหน” “ครูคนแรกชื่ออะไร” “คุณเคยเป็นหูดที่นิ้วก้อยขวาเมื่อไหร่” ฯลฯ แต่ก็คนเราเองนี่แหละครับที่มักง่าย ตอบไปส่งๆโดยไม่คิดว่ามัน สำ�คัญ พอถึงเวลาระบบจะถามเราเพื่อช่วยส่ง Password คืนให้ มัน ก็เลยทำ�ไม่ได้ แล้วจะทำ�ยังไงล่ะทีนี้ เหล่านักพัฒนา Website และ Security System ก็ปวดหัวสิครับ ไม่ใช่ความผิดของเราแท้ๆ แต่พอลูกค้า ลืม Password จะไล่ให้ไปสมัครใหม่ก็เกิด user รกระบบอีก จะไม่ ช่วยก็ เดี๋ยวจะหาว่าไม่ใส่ใจกัน จะช่วยมากเกินไปก็กลายเป็นไปเข้า ทาง Hacker อีก บริษัทที่ทดลองสร้างทางออกใหม่ของปัญหานี้คือ facebook ครับ ด้วยไอ้เจ้า Trusted Friends นี่แหละ ฟีเจอร์ Trusted Friends หรือแปลเป็นไทยแบบน้ำ�เน่าๆก็คือ เพื่อน แท้ เราอาจจะเคยสงสัยว่าเพื่อนแทท้มีไว้ทำ�ไม แล้วมันหาได้จริงมั้ย ตรงนี้ไม่ทราบได้ แต่ที่แน่ๆ ถ้าจะใช้ Trusted Friends นี้ เาก็คง ll 39
ต้องลองเดิมพันกับมันดู ว่าเราสามารถไว้ใจใครสักคนถึงขั้นยื่นข้อ มูลทุกอย่างของเรา (ใน facebook) ให้เขาได้หรือไม่ หลักการทำ� งานของ Trusted Friend ก็ง่ายๆครับ 1. เข้าไปทำ�การ Enable Trusted Friends เอาไว้ (ตอนนี้ยังไม่เปิด ให้บริการ ถ้าเห็นประกาศเปิดปุ๊บ ให้เข้าไปที่ Account Settings ในส่วนของ Security ครับ) พอ Enable แล้ว ระบบก็จะให้เราเลือก เพื่อนที่เรา “ไว้ใจ” สองสามคนขึ้นมา เลือกขึ้นมาทำ�ไม เหตุผลอยู่ ในข้อต่อไป 2. ทีนี้พอเราลืม Password และไม่เหลือหนทางใดๆที่จะได้ Password คืนแล้ว (สมองส่วนความจำ�หายไป , ลืม e-mail , ลืมว่าบ้าน เกิดตัวเองอยู่ที่ไหน ลืมว่าพ่อชื่ออะไร ลืมว่าหูดที่นิ้วก้อยซ้ายหายเมื่อ ไหร่ -- อาการโคม่านะครับนี่) ก็แค่ไปบอก facebook ว่า เอาอย่าง นี้แล้วกัน ฉันมีเพื่อนที่เชื่อใจได้แบบรักกันปานจะสวนทวารเล่นอยู่ 3 คน โปรดให้เค้าทั้งสามได้ช่วยเหลือฉันในวิกฤตครั้งนี้ด้วยเถิด สิ่ง ที่ facebook จะทำ�ให้เราก็คือ การส่ง Secret Code 3 ชุด ไปให้ เพื่อนเราทั้ง 3 คน
ตรงนียังน้อยไป ทุกวันนี้ปัญหาการ “สวมรอย” เป็นปัญหาที่เกิด ขึ้นเยอะมาก และตรงนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์นะครับ อย่างล่าสุดก็คือคดี ของแแฟนเพจน้อง Yozii OK ที่เหมือนจะตั้งอวยตัวเอง แต่ไปๆมาๆ ก็คือเรียกคนเข้ามาด่าผู้หญิงคนนี้ให้เสียคนกันไป ตรงนี้ต้องระวัง มาก โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นผู้ญิง อย่าลืมว่าใน facebook เรามีทั้ง e-mail มีทั้งเบอร์โทรศัพท์ จริงอยู่ว่าเราตั้งไม่ให้แสดงมันได้ แต่วัน ใดที่เราถูกแฮ็ค มันก็เปิดเผยออกสู่สาธารณชนได้ แล้วจะเกิดอะไร ขึ้นถ้าเบอร์เราไปโผล่อยู่ในเว็บไซท์หาคู่ เว็บไซท์ขายบริการ เว็บไซท์ โรคจิตต่างๆนานา ของผู้หญิงว่าน่ากลัวแล้ว ของผู้ชายนี่อย่าให้นึก ภาพครับ สยิวกิ้วเลยทีเดียวกันเลยทีเดียว ทีนี้ตระหนักถึงความสำ�คัญของระบบ Security กันรึยังครับ ? นี่ แหละคือความจำ�เป็นที่ว่าทำ�ไมแค่รหัสผ่านอันเดียวถึงได้มาลำ�บาก ลำ�บนขนาดนี้ มันก็พัฒนาตาม facebook นั่นแหละครับ ยิ่งกลาย เป็นเว็บไซท์ที่สำ�คัญมากแค่ไหน ความปลอดภัยก็ยิ่งต้องมากขึ้น ฉะนั้น ในช่วงที่มันยังไม่เปิดบริการนี้ ลองมองหา “เพื่อนแท้” ของ คุณซักสองสามคนเอาไว้ สองสามคนที่คุณสามารถฝาก “ตัวตน” ใน โลกอินเตอร์เน็ต และในชีวิตจริงของคุณไว้กับเค้าได้ตลอดไป (ไม่ใช่ ว่าวันนึงทะเลาะแล้วเลิกคบกัน มันรวมหัวกันไม่ส่ง Code มาให้ บรรลัยล่ะครับทีนี้) ในโลกที่มิตรภาพเป็นเรื่องฉาบฉวย การเป็นเพื่อนเกิดโดยการกด Add as freind และสิ้นสุดความสัมพันธ์ด้วยการกด Unfriend ... Facebook กำ�ลังจะวางเดิมพันชิ้นใหญ่กับสิ่งที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงมั้ย สิ่งที่เราเรียกกันว่า “เพื่อนแท้”
3. หน้าที่ของเราก็คือ การเอา Code จาก Trusted Friends ของ เราทั้ง 3 คนมาให้ครบ แล้วพอเราคีย์รหัสที่ว่านี่ลงไปถูกต้องครบ ถ้วน เราก็จะได้ Password คืนมา เอวังด้วยประการฉะนี้ Infographic แสดงมาตรการรักษา ความปลอดภัย account ของ facebook ไปดูกันได้เต็มๆในหน้า Facebook Security ครับ
หลายคนอ่านแล้วอาจจะสงสัย กะอีแค่ facebook ทำ�ไมขอรหัส ผ่านมันถึงวุ่นวายขนาดนี้ แกเป็นองค์กรลับระดับชาติรึไงยะ ถึงได้ ต้องการความปลอดภัยระดับนี้ จริงอยู่ครับที่มันอาจจะดูยุ่งยากเกิน ไป แต่มองในอีกแง่ นี่ก็เป็นวิธีที่น่าสนใจ คนบางคนอาจจะมองข้อ มูลใน facebook ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เชื่อหรือไ่ ในการสมัครงาน หลายๆที่สมัยนี้ การสมัครเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังที่ต่างประเทศ มีการขอดู facebook ของคุณด้วยนะครับ เพราะมัเป็นสิ่งที่จะทำ� ให้รู้ได้ว่า คุณประพฤติตัวอย่างไรต่อสาธารณะ สมมุติคุณไปสมัคร งานบริษัทระดับสูงไฮโซโก้เก๋ ที่มีการคัดพนักงานอย่างหฤโหด คิดว่า การมีรูปคุณเมาแอ๋แก้ผ้ากลาง Profile จะทำ�ให้เค้าอยากรับคุณเข้า ทำ�งานเหรอครับ ? 40 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ll 00
ะนอน ับบ้าน 6 โมง อ่านการ์ตูน แล กล 5 ตี อน นต ย เรี ไป น ่ ตื ผม น่อย ก่อนจะกลับบ้าน อ่าน อายุ 16 ยห อ ่ นื เห น ั ก ก้ งแ อ ้ ยต เล ร ด ทำ�การบ้าน ติ อายุ 17 ไม่ได้เข้าเรียน ไม่ได้ การ์ตูน แล้วนอน บ้าน อ่านการ์ตูน และนอน บ ั กล น ็ เย ง ึ ยถ า ่ นบ ย เรี ย ลั ยา ิท อายุ 18 ผมตื่นสายๆ ไปมหาว ต่อไป มไม่อาจรู้ได้ว่ามันจะเป็นยังไง ะผ แล ง ึ ถ ่ ไม มา ง ั มย งผ ขอ อายุ 19
เด็กคนนี้ทำ�เงินได้เป็นแสน สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจพ
ภาพยนตร์แรงบัน GTH ฝีมือผู้กำ�กับมือทอง เรื่องราวจากชีวิตเบื้องลึก เถ้าแก่น้อย วัยรุ่นไทยที่พ ่อนขอดว่า งค ในขณะเดียวกัน รอ กค ยป า ฝ่ าท บ 0 00 0, 40 ่นเกมส์เดือนละ อายุ 16 ต๊อบมีเงินจากการเล นนี้ แน่นอนว่าใครๆ วั ใน าท บ 0 00 2, ่ แค ด ลั กา ยเ ินค่าขา อบก้าวกระโดด อายุ 17 ยอมติด F แลกกับเง ต๊ นี้ 40 ล้าน อายุ 18 บ้านล้มละลายเป็นห อะไรคือสิ่งที่ต๊อ ขา สา 0 00 3, น ่ เว เซ า ้อยเข้ อายุ 19 นำ�สาหร่ายเถ้าแก่น อะไรคือสิ่งที่ต๊อ อะไรคือมูลค่าท นึ่งของเมืองไทย ห บ ดั น ั ยอ า ร่ าห ส ด์ รน บ งแ ขอ ้า ทุกวันนี้ต๊อบ อายุ 26 ปีเป็นเจ และ ยียบ 1,000 ล้าน เห าย ดข ยอ บ กั า ่ เท อ รื ห าด ตล ง ้ ั งท ขอ % ไรคือสิ่งที่ผ เจ้าของมาร์เก็ตแชร์ 85 อะ คน ั้งสิ้น 1,200 บาทต่อปี มีลูกน้องในบริษัทท กระป๋องแบบโอท็อปเ เท่า “คุณทำ�อะไรอยู่ตอนคุณอายุ ี้ พบกับคำ�ตอบที่ทำ�ให ต๊อบ?” คือคำ�ถามที่หนังเรื่องน ่น 20 ตุลาคมน กระแทกเข้าหน้าผมและวัยรุ ไป ไทยอีกหลายล้านคน หน้าชา ตามๆกัน ์ ทำ�ไมเด็กวัยรุ่นคนนึงที่ติด เกมส์ ซึ่งคุณก็ติด ผมก็ติด แต่
มหาลัยคนนึง ย วั ก ็ เด ไม � ำ ท ” ่ ม “ไ ณ คุ อ รื ห น ในขณะที่ผม คุณ “ไม่” พันล้านได้ ในขณะที่ ผมหรือ TOP SECRET วัยรุ่นพันล้าน รมณ์ดีอย่าง อา ง ั น ยห า ่ กค จา ด สุ า ่ ล ่ ม ห งใ นดาลใจวัยรุ่นเรื่อ ะพาคุณไปรู้จักกับ จ ่ ี ท ต์ น ั อน าก ม ข สุ ยศ รง -ท ง ง อย่าง ย้ ุรกิจสาหร่าย งธ ขอ า ้ เจ ) ชร พ ช ี (พ ์ น ฒ ั พ ธิ กของ ต๊อบ อิท ยที่ถูกครู ลา ป ยม ธ ั ม ก ็ เด ์ น ไล อน อ ส์ ม เก พลิกชีวิตจากเด็กติด าเป็นวัยรุ่นพันล้าน ม าย กล น กิ ไร อะ � ำ ท ไป จะ ว ้ าเรียนจบแล ลงมือรวยแบบต๊อบ า ล้ ก ่ ี ท คน ก ุ ท ช่ ใ ่ ม ไ ่ แต วย กร ๆ ก็อยา ดมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ? อบต้องฝ่าฟัน ? ”? อบต้องแลกให้กับคำ�ว่า “รวย ที่แท้จริงของความรวย ? หร่ายทอดบรรจุ สา ม ชิ อง ล ด้ าไ เข อ ่ ื เม บ อ ๊ งต ขอ ผุดขึ้นในหัว เป็นครั้งแรก ?
ม่” ใน ห้ต๊อบรวยพันล้าน แต่คุณ “ไ นี้ ทุกโรงภาพยนตร์
ll NYA~ JOURNAL ll
ll 00
พี่
ต๊อบ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ เจ้าของสาหร่ายชื่อดัง “เถ้าแก่ น้อย” นั่นเองค่ะ หลายคนชมภาพยนตร์เรื่อง “วัยรุ่นพันล้าน” แล้วก็น่าจะทราบแล้วว่า พี่ต๊อบ เป็นศิษย์เก่า โรงเรียนสวนกุหลาบ วิทยาลัย นนทบุรีของเรานี่เองค่ะ (ยกยอๆ) เศรษฐีพันล้านคนนี้ เคยถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่เอาถ่าน ไม่สนใจเรียน ชีวิตมีแต่คำ�ว่าเกมเท่านั้น แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นเรื่อง ราวชีวิตไม่ธรรมดาของผู้ชายคนนี้ค่ะ กานต์เองก็เล่นเกม (ติดเลยล่ะ) เหมือนกัน แต่ในวัยเท่านี้ จะมีเด็กซักกี่คนกันคะ ที่เล่นเกมอย่างเดียว ขายไอเทม ทดสอบระบบก็ได้เงินเป็นแสนๆ หลายคนอาจจะเริ่มสนใจ อาชีพเกมเมอร์แล้ว ช้าก่อนค่ะ เพราะนิสัยติดเกมของพี่ต๊อบนี่แหละ ทำ�ให้ตัวเองต้องติด ร สอบตก โดนอาจารย์ดุด่าสารพัด (ตรงนี้ไม่ควร เอาเยี่ยงอย่างนะคะ) ชีวิต “แนวๆ” ของพี่ต๊อบก็เหมือนในภาพยนตร์เลยค่ะ เริ่ม จากจับธุรกิจขนาดเล็กใกล้ๆตัว คว้าอะไรได้ก็ทดลองทำ�หมด แต่น่า เสียดายที่เทพธิดาแห่งโชคชะตาไม่คอยเผยรอยยิ้มให้ผู้ชายคนนี้เท่า ไหร่ ขายเครื่องเล่นดีวีดีก็เจ๊ง ทำ�ร้านกาแฟก็เจ๊ง จนมาจับธุรกิจเกาลัด คั่วก็ยังร่อแร่ ระหว่างทางจากล้มลุกคลุกคลานกับเกาลัดคั่ว มาประสบ ความสำ�เร็จที่สาหร่ายทอดกรอบ “เถ้าแก่น้อย” ได้อย่างไร คงต้องไป ติดตามชมในโรงภาพยนตร์เอาเอง (โรงภาพยนตร์นะคะไม่ใช่โหลดบิท) เชื่อมั้ยคะว่าเด็กวัยรุ่นติดเกมส์ เรียนไม่จบ คนนึง จะลุกขึ้น มาคั่วเกาลัด ทอดสาหร่ายด้วยตัวเอง จนวันนึงกลายเป็นมหาเศรษฐี พันล้านได้ เหมือนปาฏิหาริย์เลยใช่มั้ยล่ะคะ มีข้อคิดจากภาพยนตร์เรื่องนึงที่กานต์ชอบเป็นการส่วนตัว คือเรื่อง Bruce Almighty 7วันนี้พี่ขอเป็นพระเจ้า เป็นฉากที่พระเจ้า สอนบรู๊ซ มีข้อความดังนี้ค่ะ “ เวทมนตร์พวกนั้นไม่ใช่ปาฏิหาริย์ มันแค่เล่นกล แม่ลูกติดที่ต้องทำ�งานถึงสองอย่างแต่ต้องหาเวลาพาลูกไป ซ้อมฟุตบอล นั่นแหละถึงจะเป็นปาฏิหาริย์ ... วัยรุ่นที่ปฏิเสธยาเสพย์ ติด แล้วตั้งใจศึกษาเล่าเรียน นั่นคือปาฏิหาริย์ มนุษย์อยากให้พระเจ้าทำ�ทุกอย่างให้พวกเค้าโดยที่ไม่รู้ว่า ตัวเองมีอำ�นาจ ... คุณอยากเห็นปาฏิหาริย์ใช่มั้ย? งั้นคุณจงเป็นปาฏิหาริย์ ”
เราทุกคนสร้างปาฏิหาริย์ได้ค่ะ กานต์เชื่ออย่างนั้น ถ้าใครไม่ติดปัญหาน้ำ�ท่วม อย่าลืมหาเวลาไปชมภาพยนตร์ เรื่องนี้ให้ได้นะคะ แล้วคุณจะได้ทั้งแรงบันดาลใจ และข้อคิดดีๆถ้าอ ยากประสบความสำ�เร็จเพียบเลยล่ะค่ะ :)
44 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ณ ปัจจุบันขณะ เรื่อง ; นิรุช ศรีสุวัฒน์ @cafelk
วันเกิด แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทู้ยู~
ส
วัสดีครับน้อง ๆ ทุกคน คอลัมน์ ณ ปัจจุบันขณะ ประจำ�เล่มนี้ พี่แม็คได้ทำ�การอ้อนวอนปนขู่ฆ่าพี่มะนาวเพื่อที่จะได้มาเขียน ในเล่มนี้ครับ ก็เพราะพี่มีเรื่องที่รู้สึกอัดอั้นอยากจะมาบอกต่อ ๆ ให้ น้อง ๆ ฟังกันมากครับ เรื่องที่ว่านี้ก็คือเรื่องของ “ วันเกิด ” นั่นเอง ครับ จะว่าไปแล้ว หลายคนคงจะสังเกตว่าเดือนตุลาคมเนี่ย มักจะ เป็นเดือนที่มีวันเกิดของเพื่อน ๆ เรามากที่สุดเดือนหนึ่งเลยทีเดียว วันเกิดพี่ก็อยู่ในเดือนนี้เช่นเดียวกันครับ ส่วนใครที่อยากรู้ว่าทำ�ไม ลองเอาไปขบคิดเล่น ๆ กันได้ครับ พูดถึงวันเกิด น้อง ๆ หลายคนคงนึกถึงเค้กวันเกิด ของขวัญ และงานเลี้ยง แต่จะมีน้อง ๆ สักกี่คนกันที่นึกถึงพระคุณของแม่ผู้ให้ กำ�เนิดเรา อืม...แต่พี่ไม่ได้จะมาพูดเรื่องการทดแทนคุณหรอก มัน คนละเรื่องกับที่พี่จะเอามาเล่าสู่กันฟังวันนี้ ย้อนอดีตกลับไป สัก 7-8 ปี ช่วงที่ Facebook หรือ Hi5 ยัง เป็นแค่ตัวอ่อน ยังไม่มีการใช้ Social Network กันอย่างกว้างขวาง การที่ใครสามารถจำ�วันเกิดเราได้นี่นับว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากเลย นะครับ หรืออย่างน้อย ๆ เขาจดไว้ก็เพราะเขาไม่อยากจะลืมวันเกิด เรา ลองคิดดูนะครับ ถ้าเป็นเราเองเนี่ย คนที่เราจะจำ�วันเกิดได้ หรือจดวันเกิดเขาไว้จะมีอยู่กี่คนกันเชียว พ่อแม่พี่น้อง เพื่อนสนิท รุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกับเรา หรือแม้กระทั่งคนที่เราแอบชอบ แสดงว่า ถ้าเขาไม่สำ�คัญกับเราจริง ๆ เราก็คงจะไม่สนใจวันเกิดเขาหรอก ถูก ไหมครับ ในทางกลับกัน การที่มีใครสักคนจำ�วันเกิดเราได้ ก็แสดงว่า เราสำ�คัญกับเขาคนนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว น้อง ๆ หลายคนเริ่มจะจับได้แล้วว่าพี่จะพูดถึงอะไร ใช่แล้วครับ พี่กำ�ลังจะพูดถึงเจ้าบริการอย่างหนึ่งของ Facebook ที่แสนจะสะดวกสบาย คอยมาจ๊ะเอ๋ข้าง ๆ จอเราบอก ว่า “ วันนี้วันเกิดคนนี้แล้วนะจ๊ะ ” ให้เราโดยที่เราไม่ต้องขอ ไม่ต้อง จด ไม่ต้องจำ�อะไรทั้งสิ้น อะไรบางอย่างที่มันง่ายเกินไป บางทีมันก็ทำ�ให้ หมดเสน่ห์ของสิ่งนั้นไปเหมือนกัน เหมือนกับการเล่นเกม เชื่อว่าน้อง ๆ หลายคนคงเคย หาทางใส่สูตร โกงเกม หรือทำ�อะไรต่าง ๆ นานาเพื่อให้เราเล่น
ll NYA~ JOURNAL ll
เกม ๆ นั้นได้ง่ายขึ้น แรก ๆ ก็สนุก สะใจดี แต่หลัง ๆ ก็ชักจะเบื่อ เรา เก่งไปหมดแล้วเวลาสู้กับศัตรูมันจะไปสนุกอะไร เช่นเดียวกันกับวันเกิดครับ พอเราไม่ได้พยายามจะจำ�วัน เกิดใครแล้ว สุดท้ายเราก็รู้สึกว่าการจำ�วันเกิดได้เนี่ย มันไม่สำ�คัญอีก ต่อไป ก็แหม่ ใครเขาจะจำ�วันเกิดกันในเมื่อเดี๋ยวพอถึงวันเกิดคนนั้น แค่เปิด Facebook เดี๋ยวก็รู้เองแหละ ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรหรอกที่จะคอยดูเจ้า Facebook แจ้งเตือนวันเกิดของเหล่าคนที่อยู่ใน Friends List ของเรา เพียงแต่พี่แค่ชอบบรรยากาศของการเซอร์ไพรส์เพื่อนในวันเกิด หรือ แม้กระทั่งความรู้สึกประทับใจที่มีคนจำ�วันเกิดของเราได้ มันเป็น ความรู้สึกที่ดีพอ ๆ กับการที่เราได้ค้นพบทวีปใหม่ด้วยตัวเองเลยนะ ครับ อย่าถามว่าความรู้สึกของการค้นพบทวีปใหม่นี่มันเป็นยังไง พี่ก็ ยังไม่เคยเหมือนกัน ลองปิดวันเกิดใน Facebook ก่อนล่วงหน้าวันเกิดตัวเอง สัก 3-4 สัปดาห์ แล้วเงียบ ๆ ทำ�เป็นลืม ๆ วันเกิดตัวเองไป รอดู ว่าจะมีใครโผล่มาอวยพรเราในวันเกิดบ้าง บางทีอาจจะให้ความรู้สึก ที่ดีกว่าการเปิดวันเกิดทิ้งไว้ มีคนแห่เข้ามาอวยพรมากมาย เพียง เพราะวันเกิดเราไปโผล่ด้านข้างจอของเขาก็ได้นะครับ ส่วนวันนี้พี่ก็ ขอลาไปก่อนล่ะครับ ต้องไปหาทางปิดวันเกิดใน Skype ซะก่อน อ้อ สุดท้ายนี้ วันเกิดเราครั้งถัดไป อย่าลืมไปกราบบิดามารดาผู้ให้ กำ�เนิดเราด้วยนะครับ แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่พี่พูดถึงก็ตาม
ll 45
หนังสือเดินทาง เรื่อง ; กองบรรณาธิการ
์”
นุษย ม ง อ ข ด ุ ส ่ ี ี่ยิ่งใหญ่ท
ินทางท ด เ อ ื ม ง อ ่ ื ร ือ คือเค ไตล์ ส ส ง ั น 3 ห บ “ บ า ่ ทาง 3 แ กล่าวไว้ว น ิ ย ด ค เ เ ์ ป ไ ท ณ ุ น จะพาค ชลศราน ~ ส A า Y ภ N ะ ร ร รณาธิกา พี่จิก ป ร บ ง อ ก ง ่ มุมแห 3 ม ่ ุ น ห (?) 3 ะ ย ิ ร ฉ วันนี้ จ ั แม็ค นิรุช ศรีสุวัฒน์ @cafelk พิสูจน์อักษร, คอลัมนิสท์ อ ละ แ ) ? ( ้ พ แ ?) พ่าย ใครอ่านแล้วทำ�ตามครบร้อยข้อยังไม่ล้มเหลว ล้มเหลว ( คุณ “ล้มเหลว” แล้วล่ะครับ
100 ขั้นตอนสู่ความล้มเหลว ผู้เขียน – ทีปกร วุฒิพิทยามงคล สำ�นักพิมพ์แซลมอน (Salmon Books)
ใช่แล้วครับ เจ้าหนังสือชื่อไม่ชวนอ่านนี่แหละที่ผมจะมานำ�เสนอ “ 100 ขั้นตอนสู่ความล้มเหลว ” คือหนังสือที่ว่าด้วย 100 วิธีที่ทำ�ให้ ชีวิตพังทลายจมลงไปสู่ความล้มเหลว เราคงเห็นหนังสือฮาวทูสู่ความสำ�เร็จมาแล้วนับไม่ถ้วนตามชั้น ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ @lemonoiz อาร์ตไดเรคเตอร์, คอลัมนิสท์ หนังสือต่างๆ แต่คงไม่มีใครเคยเห็นแน่ๆสำ�หรับฮาวทูสู่ความสำ�เร็จอย่าง ใครคือคนแรกที่เหยียบดวงจันทร์ ทุกคนจำ�ได้ ใครคือคนแรกที่ เล่มนี้ ขอมอบรางวัลหนังสือสุดยอดขวางโลกแห่งทศวรรษให้เลยครับ, ขึ้นไปถึงยอดเอเวอร์เรสท์ ทุกคนจำ�ได้ แต่คนที่สองล่ะ ?? หากเราเปรียบหนังสือฮาวทูสู่ความสำ�เร็จเป็นคนที่คอยชี้แนะหนทางที่ถูก ต้อง เจ้าเล่มนี้ก็คงเป็นคนปากจัดที่ชอบจิกกัดและประชดคุณ ยิ่งอ่านก็ยิ่ง นี่คือ 12 เรื่องราวของที่สอง “ผู้เกือบถูกจดจำ�” รู้สึกเหมือนมีคนมาประชดอยู่ข้างๆ “ เอาสิ ถ้าแก กันไปเลย ” แม้จะไม่ชอบ แต่ทุกๆข้อก็กระทุ้งเข้าต พี่แชมป์ – ทีปกร วุฒิพิทยามงคล เว็บม รวมทั้งวาดรูปประกอบน่ารักๆเองทั้งเล่ม ซึ่งก่อน ผู้เขียน – ยอดยุทธ ฉายสุวรรณ์ บล็อก ซึ่งเนื้อหาและรูปประกอบต่างจากในเล่ม ส สำ�นักพิมพ์อะบุ๊ค (a book) exteen.com เมื่อไม่นานมานี้ผมพึ่งไปงานเลี้ยงของเพื่อนร่วมชั้นสมัยประถมมา เรายังคุยกันสนุก เรื่องวันเก่าๆ หนึ่งในคนดังที่เพื่อนๆทุกคนจำ�ได้ก็คือ คนที่สอบได้ที่หนึ่ง ตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว คนที่ สอบได้ที่หนึ่ง คือคนที่เพื่อนๆชื่นชม อาจารย์รัก เป็นนักเรียนดีเด่นจนหลายคนอิจฉา แต่ว่า ... ใครกันนะที่สอบได้ที่สอง ? ... ไม่มีใครจำ�ได้ การเป็นที่สองนั้น บางคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ ก็แพ้แค่คนเดียว เราสามารถชนะผ่านที่สามที่สี่ที่ห้ามาตั้งเยอะ ได้นี่ แต่สำ�หรับบางคน การเป็นที่สองคือเรื่องใหญ่ “ สอง ” คือบันทึกประวัติศาสตร์ความพ่ายแพ้ของ “ ที่สอง ” ผู้มีชีวิตอยู่ได้เพียงใต้เงาของที่หนึ่งที่ทุกคนจดจำ�ได้ พวก เขาเหล่านี้มีฐานะเป็นได้เพียงแค่ “ ผู้เกือบถูกจดจำ� ” เท่านั้น ประวัติศาสตร์ไม่เคยบันทึกไว้ว่าใครคือคนที่สองของโลกที่ประดิษฐ์เครื่องบินได้ ใครเป็นคนที่สองของโลกที่ประดิษฐ์ โทรศัพท์ได้ ใครเป็นคนที่สองของโลกที่ประดิษฐ์หลอดไฟได้ แต่ในหนังสือเล่มนี้ “ มี ” ... แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าการร้ว่าใครเป็นที่ สอง คือการได้รู้ว่าพวกเค้าแบกรับความเป็นที่สองอย่างไร บางคนเลือกจะอยู่กับมันอย่างมีความสุข บางคนเก็บมันเป็นความแค้น ฝังลึก และบางคนเลือกจะจบมันด้วย ... ความตาย
สอง
46 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
โหล ชลากร สถิวัสส์ @scjade บรรณาธิการ, คอลัมนิสท์ เราเคยเห็นเด็กอัจฉริยะที่ไม่มีความสุขในการเรียน เราเคยเห็นเด็กที่ชอบเล่นสนุกแต่ผลการเรียนต่ำ�เตี้ยเรี่ยดิน จะดีแค่ไหนถ้าเราจะเป็นอัจฉริยะที่เรียนอย่างสนุกสนานได้
กทำ�อย่างนี้ ชีวิตแกก็ล้มเหลววายวอด ต่อมสำ�นึกอย่างจังเลย มาสเตอร์ Exteen.com เป็นคนเขียน นหน้านี้ก็มี 100 ขั้นตอนฯเวอร์ชัน สามารถไปเยี่ยมชมกันได้ที่ champ.
ll NYA~ JOURNAL ll
อัจฉริยะ...เรียนสนุก ผู้แต่ง วนิษา เรซ บริษัท อัจฉริยะสร้างได้ จำ�กัด เคยรู้สึกไหมว่าทำ�ไมการเรียนมันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อเหลือเกิน ? ผมก็เคยรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวังกับการเรียนเช่นเดียวกับทุกคน แต่ชีวิตของเรานั้นอยู่คู่กับ “ การเรียนรู้ ” ดังนั้น วิธีที่ทำ�ให้เราสามารถอยู่กับการเรียนได้อย่างมีความสุข และมีประสิทธิภาพ สูงสุด เป็นสิ่งที่สำ�คัญมาก บางคนอาจมองว่าการเรียนไม่มีวันผนวกเป็นหนึ่งเดียวกับความสุขและ ผลการเรียนล้ำ�เลิศ แท้จริงแล้ว ไม่ได้ยากเกินความสามารถของพวกเราทุกคนเลย ง่ายกว่าที่คิด เสียด้วยซ้ำ� “ อัจฉริยะ...เรียนสนุก ” โดยหนูดี วนิษา เรซ ปริญญาโทด้านวิทยาการทางสมองจาก ฮาร์วาร์ด เจ้าของหนังสือเกี่ยวกับการสร้างคนธรรมดาให้เป็น “ อัจฉริยะ ” อีกมากมายหลายเล่ม ภายในเล่มได้รวบรวมสุดยอดเทคนิคดี ๆ ที่นักศึกษาหัวกะทิจากฮาร์วาร์ดใช้กันเป็นล่ำ�เป็นสัน ง่าย และสนุกอย่างน่าเหลือเชื่อ ปรับใช้ได้กับทั้งนักเรียนและนักศึกษา หนังสือเล่มนี้เปลี่ยนโลกแห่งการ เรียนรู้ของผมเป็นโลกอันแสนสนุกไปแล้ว อีกทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจอื่น ๆ ที่มากกว่าเรื่องเรียน วิถีการเรียนของคุณจะเปลี่ยนไปหลังอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างแน่นอน ll 47
48 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
DO-D
เรื่อง ; ชลากร สถิวัสส์ @scjade
ปั
“พูดให้เคลียร์”
ญหาอย่างหนึ่งที่เป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการสื่อสารในชีวิต คนนั้นจึงได้สติ รีบไปดูอาการและสวมกอดมารดาของตน ทว่าผู้เป็น ประจำ�วันของเราคือ คำ�กำ�กวม หรือการพูดคลุมเครือและให้ มารดาได้สิ้นใจเสียแล้ว ความหมายไม่ชัดเจน เจ้าคำ�กำ�กวมนี้มันสร้างปัญหายังไง ? การ์ตูน เรื่องนี้คือตัวอย่างซึ่งเป็นประสบการณ์จริงของพี่มะนาวครับ ชายคนนั้นสำ�นึกผิดอย่างยิ่งจึงนำ�เรื่องนี้ไปเล่าให้สมภารวัดฟัง สมภาร แนะนำ�ให้ก่อธาตุเจดีย์ครอบอัฐิแม่ของตนไว้เพื่อไถ่บาปให้พอเบาลง ให้ การสนทนานี้มีอุปสรรคคือ “ เอาอะไรกันแน่ ? ” หากสิ่งของที่ ก. ข. ค. ชื่อว่า “ ธาตุเจดีย์ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ” และที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่ผู้คน เข้าใจไม่ใช่สิ่งเดียวกันแล้ว ก.ก็คงไม่ได้ของที่ตัวเองต้องการแน่แท้ ไม่ มากราบไหว้เพื่อขอขมาบุพการีที่ตนได้ล่วงเกินไป และเพื่อระลึกบุญ เพียงเท่านั้น คนรอบข้างที่บังเอิญมาได้ยินการสนทนานี้โดยไม่รู้ว่าเขา คุณของพ่อแม่เรื่อยมา กำ�ลังพูดถึงอะไรอยู่คงจะคิดลึกไปไหนต่อไหน ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็แค่บอกกับคนที่เราคุยด้วยให้ชัดเจนว่าเราต้องการอะไร เท่าไรกันแน่ เล่ามายาวขนาดนี้ น้อง ๆ คงสงสัยว่า เอ๊ะ เรื่องนี้มีการใช้คำ�ที่มีความ หมายคลุมเครืออย่างไร คำ�ตอบก็คือ “ ข้าวเพียงแปดหม้อ ” ที่แม่ของ ตัวอย่างถัดมาคือการใช้คำ�กำ�กวมที่กลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายกัน ชายหนุ่มพูด แปดหม้อ ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงข้าวจำ�นวน ๘ หม้อครับ เลย เพราะความเข้าใจผิดนี้ทำ�ให้คนตายจริง ๆ น้อง ๆ เคยได้ยินเรื่อง หากแต่มาจากคำ�ว่า “ แปดเปื้อน ” กล่าวคือ ที่แม่กินไปนั้นเป็นเพียง “ ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ” หรือเปล่าครับ ? ถ้าไม่เคย...เรื่องมันเป็นอย่างนี้ เศษข้าวที่ติดอยู่ตามข้างหม้อเท่านั้น แม่กินไปเพียงนิดเดียวเอง แต่การ ใช้คำ�กำ�กวมแบบนี้ก็กลายเป็นชนวนเหตุของความเข้าใจผิดใหญ่โตได้ เมื่อหลายร้อยปีก่อนที่บ้านตาดทอง จ.ยโสธร ชาวบ้านต่างง่วนกับ การเตรียมที่นาเพื่อปลูกข้าวในช่วงหน้าฝน มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำ�พร้า ในแต่ละวันของชีวิตเราก็มีการสื่อสารที่กำ�กวมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พ่อ ไถนาเตรียมหว่านข้าวเช่นเดียวกับชาวบ้านคนอื่น ๆ แต่วันนี้เขา โฆษณาชวนเชื่อต่าง ๆ ที่จงใจใช้คำ�กำ�กวมหลอกลวงผู้บริโภค อาจารย์ บังเอิญไถนานานกว่าปกติ ประกอบกับอากาศที่ร้อนกว่าทุกวัน ทำ�ให้ สั่งงานไม่เคลียร์แล้วนักเรียนก็ไม่รู้จะเริ่มต้นทำ�ยังไงดี ทำ�ตามที่เข้าใจ เขาเหนื่อยล้าและหิวข้าวมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พอไม่ถูกก็โดนอาจารย์ว่าอีก ขัดใจทะเลาะกับเพื่อนเพราะพูดคุยแล้ว เข้าใจไม่ตรงกัน ฯลฯ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ พี่โหลอยากจะให้น้อง ๆ ใส่ใจ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงยามสาย ตะวันขึ้นสูง แดดยิ่งแรงและร้อน ในการใช้ภาษาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะเมื่อเราพูดอะไรกันที่ตีความได้ มากขึ้น ชายคนนั้นนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ รอมารดาของเขาด้วยความ หลายอย่าง แล้วอีกฝ่ายเขาไม่ได้คิดเหมือนกับเรา มันก็นำ�ไปสู่ปัญหา หิวโหยและหัวเสียอย่างมากที่มารดาของเขายังไม่มาเสียที จนกระทั่ง มากมายทั้งเล็กทั้งใหญ่ได้ ขณะเดียวกัน หากเราเป็นผู้ฟัง ก็ต้องฟัง เมื่อเขาเห็นมารดาเดินมาตามคันนาพร้อมกับหามก่องข้าวเล็ก ๆ มาด้วย อย่างมีสติ คิดตามผู้พูด หากมีอะไรที่ไม่เข้าใจก็ควรถามให้ได้คำ�ตอบ เขาตะคอกใส่มารดาด้วยโทสะว่า ชัดเจน ไม่ปล่อยให้ความเข้าใจผิดนั้นกลายเป็นปัญหาบานปลายต่อไป “ อีแก่ มึงไปทำ�อะไรอยู่จึงมาส่งข้าวให้กูกินช้านัก ก่องข้าวก็ ลอง “ พูดให้เคลียร์ ” กันนะครับ แล้วน้อง ๆ จะรู้ว่าพอ เอามาแต่ก่องน้อย ๆ กูจะกินอิ่มหรือ? ” ใคร ๆ ก็เข้าใจสิ่งที่เราต้องการสื่อได้ ทุกอย่างก็ดำ�เนินไปได้อย่าง “ แม่เพิ่งกินไปเพียงแปดหม้อ ยังเหลืออีกมาก ไม่ต้องกลัว รวดเร็วและราบรื่นขึ้นเยอะเลย ดอกลูกเอ๋ย ” ด้วยความโมโหหิวจนขาดสติ ชายหนุ่มคิดว่าแม่ของตนกินข้าวมากถึง Tip : การระมัดระวังไม่ใช้คำ�กำ�กวมยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเขียน ไม่ว่า แปดหม้อจึงมาช้าและไม่มีเหลือให้ตนซึ่งกำ�ลังหิว จึงคว้าไม้แอกมาทุบตี จะเป็นการสอบ เขียนเรียงความ บทความ ฯลฯ ควรยึดหลักว่า “ เขียนโดยที่ แม่ชราจนสิ้นสติ ก่อนที่จะคว้าก่องข้าวจากคานหาบมากิน แต่กินเท่า เมื่อมีคนอ่านแล้วเขาจะไม่มีอะไรต้องถามเรา ” ใคร ทำ�อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ไหร่ก็กินไม่หมด จนอิ่มมากแล้วก็ยังคงมีข้าวเหลืออยู่ เมื่อหายอิ่ม ชาย อย่างไร ระบุให้ครบ อย่าเขียนวกวน อย่าใช้คำ�ที่ตีความหมายได้หลายอย่าง โดยที่เราไม่ขยายความให้ชัดเจน หลักง่าย ๆ นี้ช่วยให้พี่โหลได้คะแนนภาษา ไทยดีๆมานักต่อนักแล้วครับ ll NYA~ JOURNAL ll
ll 49
EN ROUTE
เรื่อง ; รมรวิน ทองมา ภาพ ; ชลากร สถิวัสส์ @scjade
แมวบิน in ดอนเมือง
วันที่ 10 ตุลาคม 2554 วันรับผลสอบของนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี วันนี้อากาศไม่เป็นใจให้พวกเรามารับผลสอบมากนัก เพราะฝนตกหนักแต่เช้า แต่นี่ก็เป็นฤกษ์งามยามดีที่เราจะได้ มาบริจาคเงินและสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยกัน 8 นาฬิกา พวกเราตั้งโต๊ะรับบริจาคกันตั้งแต่ประมาณ มีพี่ๆน้องๆร่วมทั้งผู้ปกครอง ชาว ส.ก.น ให้ความสนใจร่วมบริจาค เงินและสิ่งของมากมาย นอกจากที่ โต๊ะรับบริจาคแล้ว เรายังมีระบบเดลิเวรี่เดินถือกล่องรับบริจาคตามจุดต่างๆใน โรงเรียน นำ�โดยพี่มะนาว ผู้ก่อตั้งชุมนุมแมวบิน และพี่ โหล ประธานชุมนุมแมวบินรุ่นแรก นอกจากนี้ยังมีรุ่นพี่อนุกรรมการ นักเรียนรุ่น 29 อีก 2 คน คือ พี่แพท และพี่อะตอม มาช่วยพวกเราถือกล่องบริจาคด้วย เรียกได้ว่าใครสบตาเป็นต้อง เสียเงินเขากล่องของเรา (เป็นเทคนิคที่ลึกล้ำ�น่าศึกษามาก) 11 นาฬิกา พวกเราปิดรับบริจาค และมานั่งนับเงินกันในห้องกรรมการนักเรียน ยอดรวมเงินจากกิจกรรมรับบริจาคทั้งหมด ภายในวันนี้ “วันเดียว” 14,563 บาท (หนึ่งหมื่นสี่พันห้าร้อยหกสิบสามบาท --- ไม่ถ้วน เศษสลึงเยอะมาก) ซึ่งเป็นจำ�นวน เงินที่มากที่สุดที่พวกเราชุมนุมแมวบินเคยรับบริจาคมา (น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง) หลังจากที่เรามัดเงินบริจาคใส่ถุง 50 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
เรียบร้อยแล้ว เราก็เตรียมตัวเดินทางสู่ ท่าอากาศยาน สนามบินดอนเมือง ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ด้วยรถประจำ�ชุมนุมแมวบิน (ล้อ เล่น) รถสองแถวของโรงเรียนเรานั้นเอง เราเดินทางกัน ทั้งหมด 8 คน โดยมีพี่ศิษย์เก่า 3 คน คือ พี่ โหล พี่มะนาว และพี่ต๊วง และพวกเราอีก 5 คน คือ อิม เฟรนด์ มีน เอิง และ ปาล์ม ( ปาล์มเป็นเพื่อนเอิงที่ดวงตกมายืนอยู่ข้างๆจุด รับบริจาค เราจึงฉุดกระชากลากไถให้มาด้วยกัน ) เวลาประมาณ บ่ายโมง ลุงคนขับรถและพวกเราทั้ง 8 มองหน้ากันอย่าง สงสัย เพราะไม่มี ใครเคยมาที่นี่มาก่อน และเราไม่รู้ว่า ศปภ.อยู่ส่วนไหนของสนามบินดอนเมืองที่กว้างใหญ่ เราจึง ตัดสินใจใช้วิธีหาคำ�ตอบที่ดีที่สุดของมนุษยชาติคือ “ถาม รปภ.” (ทำ�ไมไม่ทำ�ตั้งแต่แรก --- ตอนแรกคิดว่าหาเองก็คง เจอง่ายๆไง) พี่รปภ.ใจดีก็ช่วยนำ�ทางพวกเรามาถึง อาคาร คลังสินค้า ทันทีที่พวกเรามาถึง พี่ๆทหารก็ตรงเข้ามาช่วย กันยกน้ำ� ยกสิ่งของ ลงจากรถให้เรา ไม่ ไกลนักเราเห็นสายพานมนุษย์ของบรรดาลูกเสือ ที่ช่วยกันลำ�เลียงน้ำ�ดื่มอย่างขยันขันแข็ง เราจึงตกลงกันว่า เอาล่ะ ไหนๆมาถึงที่นี้แล้ว มันต้องเสียเหงื่อเพื่อชาติกันบ้าง ล่ะ คิดแล้วก็มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวอาคาร เพื่อจะนำ�เงินไปบริจาค (ขอบอกว่าเงินหนักมาก TT --- เหรียญเยอะ เน้นปริมาณ ไม่เน้นคุณภาพ) ในตัวอาคาร ขอบอกเลยว่าคนเยอะมาก มากชนิด ที่ว่าถ้าไม่เกาะกันไว้ ให้ดีมีสิทธิ์เป็นเด็กหลงในดงของบริจาค ได้ง่ายๆ พวกเราหยุดืมองหน้ากันอีกครั้ง เป็นสัญญานของ ปัญหาที่กำ�ลังจะเกิด นั่นคือ เราหาจุดรับบริจาคเงินไม่เจอ เราจึงแบกเงินหมื่นสี่เดินทางขึ้นสู่ชั้น 2 อย่างไร้จุดหมาย ปลายทาง ชั้น 2 นี้เป็นชั้นของสื่อมวลชน เต็มไปด้วยคนใหญ่ คนโต สายไฟพันยั้วเยี้ยและกล้องมากมาย แต่นี่ก็ ไม่มีจุด รับบริจาค ที่สำ�คัญคือชั้นนี้เงียบมาก เพราะเป็นชั้นที่ ใช้ ในการประชุม แถลงข่าว ประสานงาน มีตำ�รวจ ทหาร รักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด พร้อมจะยิงผู้บุกรุก ได้ทุกเมื่อ พอเราตระหนักได้แล้วว่าเรามาผิดที่ เราก็เลย ย่องกลับลงมาชั้นหนึ่งด้วยบันไดอีกฝั่ง แล้วก็ บิงโก! จุดรับ บริจาค! ขณะที่พี่ โหลเขียนใบบริจาค พวกเราก็หยิบกล้อง ถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายรูปพี่ โหลเพื่ออัพโหลดขึ้นแฟนเพจแมวบิน ll NYA~ JOURNAL ll
ll 53
เกริ่นก่อนว่าพี่ โหลในวันนั้น ใส่เสื้อโปโลลายสภานักเรียน และหมวกกัปตันเรือ (คนปกติใครเค้าใส่หมวกกัปตันเรือไป บริจาคของกัน --- เราก็เลยถือโอกาสเรียกพี่ โหลว่ากัปตัน ทั้งวัน) ตรงนี้ทำ�ให้มีเรื่องตลกเกิดขึ้นก็คือ มีน้องนักเรียน โรงเรียนนึงเข้ามาถามว่า “นี่ ใครหรอคะ ดาราใช่มั้ย” คงจะด้วยหน้าตาและการแต่งกายแหวกแนวทำ�ให้เกิดการ เข้าใจผิดไป แต่ ความจริงพี่ โหลเป็นดาราก็น่าสนใจนะ เราบริจาคเงินเสร็จสรรพ เราก็ตัดสินใจว่า เอา ล่ะ จะได้เริ่มเสียเหงื่อซะที แต่พอเราจะเดินไปจุดแพ็คถุง ยังชีพ ก็มีสายสะพานมนุษย์มากั้นทางเดินของเรา พวกเรา ก็เลยต้องย่องขึ้นไปอ้อมชั้น 2 อีกรอบ คราวนี้ทำ�พวกเราอึ้ง ไปชั่วครู่ เพราะเราเจอผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเหมือนนายกฯหญิง คุณปู ยิ่งลักษณ์ มาก พี่สื่อมวลชนใกล้ๆเห็นพวกเรายืนมอง
เลยเดินมาบอกว่า นั่นน่ะแค่ผู้ประกาศข่าวหญิงไม่ ใช่นายกฯ ทำ�เอาพวกเราผิดหวังเล็กน้อย กำ�ลังคิดว่าจะเข้าไปขอลาย เซ็นอยู่แล้วเชียว พวกเราเดินลงมาชั้นล่าง แล้วก็ต่อแถวเพื่อแพ๊ค ถุง ของที่แพ๊ค ก็เช่น ข้าวสาร, กระดาษชำ�ระ, คุ้กกี้, นม, บะหมี่กึ่งสำ�เร็จรูป, ยากันยุง, พาราเซตามอล, แปรงสีฟัน, ยาสีฟัน, สบู่, ยาสระผม, ผ้าอนามัย, ผงซักฟอก ฯลฯ หลังจากเราเดินแพ๊คของได้ประมาณ 3-4 รอบ สายตาเรากพลันปะทะเข้ากับเด็กนักเรียนหญิงมัธยมต้น กลุ่มหนึ่ง อ้าว ไม่ ใช่ ใคร สวนนนท์นี่เอง น้องๆกลุ่มนี้น่า ยกย่องมากเลยค่ะ มาช่วยงานอาสาสมัครกันเองสามสี่คน แบบนี้ เก่งมากเลย น้องๆกำ�ลังนั่งกรอกข้าวสารใส่ถุงกันอยู่ พวกเราก็เลยลงมาร่วมแจมกับน้องๆเขาด้วย พอเรากรอกข้าวสารลงถุงเสร็จ ก็ตามมาด้วยการก รอกเกลือใส่ถุง ลุงใจดีคนหนึ่งก็เอาน้ำ�มาให้พวกเราดื่ม และบอกว่า มีลูกชิ้นฟรี ข้าวกล่องฟรี ให้เราไปหยิบกินกัน อร่อยมากเลยค่ะ เวลาประมาณบ่าย 3 โมง ข้าวสารหมด พวกเราก็ ได้ฤกษ์เดินทางแยกย้าย กลับบ้านกัน ก่อนจะจบเรามีคำ�ถามที่พวกเราทั้ง 8 คนนั่ง เถียงกันโลกแตก อยากจะฝากให้เอาไปนั่งคิดกันเล่นๆทีว่า “ข้าวสารที่รับบริจาค จะเอาไปหุงยังไง เพราะ ไฟฟ้าก็ ไม่มี ใช้ น้ำ�ก็ท่วม” ใครคิดออกก็มาร่วมแชร์ความคิดกันได้ที่เพจ NYA~ Journal นะจ๊ะ
52 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ว่างแล้ว ... ไปไหน? เรื่อง ; wikalenda.com
29 - 31 APR OCT ทางศิลปะที่โดดเด่นในผลงานของเขามักเกี่ยวข้องโดยตรงกับ ประวัติศาสตร์และธรรมเนียมประเพณีของไทย โดยรวม งาน ศิลปะของเขามีเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะ ประวิตศาสตร์ การเมือง ผู้ชม และวัสดุทีใช้ โดยสุธีนิยมใช้วัสดุที่หลากหลาย อาทิเช่น ไฟ เบอร์กลาส ไฟนีออน โต๊ะเรียน โลหะ และทองเปลว
“ลอย”
วันและเวลา : 29 เมษายน - 31 ตุลาคม 2554 อังคาร - อาทิตย์: 15.00 - 1.00 น.
สถานที่ : ดับบิวทีเอฟ แกลอรี่ แอนด์ คาเฟ่ ดับบิวทีเอฟ แกลอรี่ แอนด์ คาเฟ่ ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชมงาน ------------------------------- Floating เป็นงานที่เชิญชวนให้ผู้ชมคิดไปไกลกว่าโลกแห่งความ เป็นจริง งานประติมากรรมนี้แยกตัวออกจากพื้นโลก ประหนึ่งการรับรู้ที่ ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ ผ่านการฝัน การนั่งสมาธิ การเสพยาเสพติด และสุรา หรือการถูกสะกดด้วยมนต์วิเศษ ทำ�ให้ผู้ชมตั้งคำ�ถามว่าการที่ งานประติมากรรมลอยอยู่นี้เป็นจินตนาการ เป็นความจริง หรือเป็นเพียง ภาพลวงตากันแน่?
สุธีมีงานแสดงศิลปะหลายครั้งในประเทศไทย ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมัน และเกาหลี เขายังเป็นหนึ่งใน ภัณฑารักษ์ผู้ร่วมจัดแสดงผลงานของประเทศไทยในงาน Venice Biennale ปี 2005 นอกจากนี้สุธียังเป็นนักเขียนและนักวิจารณ์ ศิลปะที่เป็นที่รู้จักวงกว้างอีกด้วย ผลงานของสุธีหลายชิ้นถูกซื้อเพื่อนำ�ไปจัดวางใน แกลเลอรี่และองค์กรต่างๆทั่วโลก อาทิเช่น H+F Collection ประเทศเนเธอร์แลนด์, Singapore Art Museum ประเทศ สิงคโปร์, ธนาคารกสิกรไทย ประเทศไทย, ธนาคารทิสโก้ ประเทศไทย, LASALLE College of the Arts ประเทศ สิงคโปร์, Fukuoka Asian Art Museum ประเทศญี่ปุ่น, Queensland Art Gallery ประเทศออสเตรเลีย และ Mori Art Museum ประเทศญี่ปุ่น รายละเอียดเพิ่มเติม : ติดต่อ : โทร: (66) 2 662 6246, (66) 89 926 5474 อีเมล: somrak@wtfbangkok.com เว็บไซต์ : www.wtfbangkok.com
สุธี คุณาวิชยานนท์ เป็นศิลปินชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ผู้นิยม เชื้อเชิญให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในผลงานศิลปะของเขาทั้งทางตรงและทางอ้อม สุธีมักทำ�ให้ผู้ชมตั้งคำ�ถามหรือมีปฏิกิริยาตอบโต้กับชิ้นงานศิลปะ และใน ขณะเดียวกันก็ตั้งคำ�ถามเกี่ยวกับตัวผู้ชมเองและสังคมรอบข้างอีกด้วย ธีม
52 54 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
TO DAY - DRY
“อาสา”
วันและเวลา : ตั้งแต่วันนี้ จนกว่าน้ำ�จะแห้ง ทุกวัน ทั้งวัน แล้วแต่จิตศรัทธา และจิตอาสา
หากท่านเป็นหนึ่งในคนที่มีจิตอาสา และสะดวกทั้ง กายและใจที่จะไปช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยแล้ว อย่ารอช้า เข้าไป ที่ faceboook.com/siamarsa แล้วเชคตารางงานได้เลยว่า มีที่ ใดต้องการอาสาสมัครอีกจำ�นวนเท่าไหร่ ในงานอะไร เพื่อจะได้ เลือกงานที่เราถนัดที่สุด ไม่ว่าจะเป็น แพ็คถุงยังชีพ ทำ�กระสอบ ทราย แม้แต่อาสาสมัครปฐมพยาบาลผู้ป่วย ฯลฯ รายละเอียดเพิ่มเติม : เว็บไซท์ : www.facebook.com/siamarsa www.thaiflood.com
สถานที่ : ทุกที่ สามารถตรวจสอบที่ที่ท่านสะดวกได้ที่ facebook.com/siamarsa ------------------------------- ในสภาวการณ์ประเทศไทยประสบอุทกภัยใหญ่หลวงครั้งนี้ สิ่งที่ สำ�คัญยิ่งกว่าเครื่องสูบน้ำ�ก็คือพลังน้ำ�ใจของคนไทยทุกคน สยามอาสา หรือ กลุ่มอาสาสมัครฟื้นฟูประเทศไทย คือกลุ่มที่ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกหลังเหตุกา รณ์จราจลทางการเมืองของกลุ่มนปช.เมื่อเดือนพฤษภาคม โดยมีเป้าหมาย ในตอนนั้นเพื่อช่วยกันเก็บกวาดถนนหนทาง ที่ถูกม๊อบปักหลักนานนับ เดือนให้กลับมาสะอาดสวยงามดังเดิม หลังจบเหตุการณ์ในครั้งนั้น สยามอาสาก็ยังไม่ได้หยไปไหน แต่ คอยอาสา ทำ�ความดีอยู่ในแต่ละที่เนืองๆ จนถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ สยาม อาสามีบทบาทอย่างมาก ในการประสานงานอาสาสมัคร ให้กับประชาชน ทั่วไป ที่มีจิตอาสา ต้องการช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยด้วยกัน
ll NYA~ JOURNAL ll
ll 53 55
ESSENTIAL
เรื่อง ; กองบรรณาธิการ
LET’s SPEAK OUT LOUD
MEGAPHONE
MEGAPHONE
เรืื่อง/ภาพ ; กองบรรณาธิการ
พื้นที่สำ�หรับทุกความคิดที่อยากพูดดังๆแต่ใจไม่กล้าพอ
โตขึ้นหนูอยาก เป็นอะไร?
ส
มัยเด็กๆ มีหนึ่งคำ�ถามที่ผมถูกถามบ่อยๆพอๆ กับชื่อเลย และผมเชื่อว่าเด็กคนอื่นๆก็คงเจอ เหมือนที่ผมเจอ คำ�ถามที่ว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” ในวัยเด็กเราตอบด้วยจินตนาการ เราอยาก เป็นเจ้าชาย อยากเป็นเจ้าหญิง อยากเป็นตำ�รวจ เป็นหมอ เป็นครู แต่พอโตขึ้น เราถูกความเป็นจริง ทำ�ลายความฝัน เราไม่อยากเป็นตำ�รวจเพราะมัน เหนื่อย ไม่อยากเป็นหมอแล้วเพราะมันยาก ไม่อยาก เป็นเจ้าหญิง เจ้าชาย เพราะเรารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ MEGAPHONE ฉบับนี้ให้โอกาสคุณได้ นั่งไทม์แมชชีนกลับไปถามตัวคุณในวันนั้นอีกครั้งว่า คุณ อยากจะ “โตขึ้นมาเป็นอะไร” และถ้ามีโอกาส คุณยังอยากเป็นสิ่งนั้นอยู่มั้ย? บางที คุ ณ อาจจะค้ น พบสิ่ ง ที่ คุ ณ หลงลื ม ไป ความฝันในวันนั้น วันที่คุณยังไมต้อง่หลงทางอยู่ใน “โลกแห่งความเป็นจริง”
If your world doesn’t allow you to dream, move to one where you can.
“ อยากเป็นแม่ครัวค่ะ อยากให้ ทุกคนมีความสุขกับอาหารของส้ม ความฝันนี้มีตั้งแต่เด็กมาก ” Cheetar Tear
“ ตอนแรกอยากเป็นแอร์คะ แต่ ปัจจุบันหน้าไม่ให้คงเป็นได้แค่ตู้เย็น ”
Billy Idol
60 ll
Prakaypruek Wejprasit
ll NYA~ JOURNAL ll
“ อยากเป็นเหมือนพี่ต็อป เถ้าแก่น้อยครับ แต่ตอนนี้ไม่ อยากเป็นแล้วเพราะผมจะเหนือกว่าพี่ต็อปให้ได้ครับ ”
Bass Scout
“ อยากเป็นนักเขียน และนักวาด(การ์ตูน) อยากเป็นแต่เล็กๆแล้ว เวลามีคนชมว่าวาดสวยหรือว่าแต่งนิยายดี รู้สึกดีใจโคตรๆ ยังไง ก็อยากจะเป็นให้ได้ ไม่ต้องอาชีพหลัก แค่งานอดิเรกก็ยังดี ” Sandizz Happylove
“ อยากเป็นนักเขียนอิสระค่ะ เขียนอะไรก็ได้ บ้าๆบอๆ แบบที่ไม่มี ใครจะเขียนกัน ลงคอลัมป์บ้างรับจ้างบ้าง (ดูไม่มีอนาคต) ” Sono Bell Skn
“ เคยอยากเป็นหมอแต่ตอนนี้ “ อยากเป็นสถาปนิกค่ะ ถึงอาจจะ อยากเป็ น ช่ า งภาพมากกว่ า ค่ ะ ตกงานง่าย แต่เรามีความสามารถ ไม่มีกดเกณฑ์ดีไม่เครียดด้วย ” ด้านนี้ ก็ควรเอามันออกมาใช้้่ ” Gam Pisacha ll NYA~ JOURNAL ll
MP EGOH ANE
MintNy KuntiraNont
ll 61
PHOTOHUNT
ผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์กล่าวไว้ว่าการเล่นเกมจับผิดภาพมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองซีกซ้ายและซีกขวา ครับ สำ�หรับภาพเกมจับผิดในวารสาร เนีย ฉบับที่ 4 นี้ก็ไม่ได้ไปไหนไกลจากเนื้อหาหลักของเล่มนี้เลย นั่นคือวง เอ็มป์ตี้นั่นเอง ภาพนี้คือภาพบรรยากาศขณะที่แมวบินไปสัมภาษณ์วงเอ็มป์ตี้มาทำ�คอลัมน์เมนคอร์สนี้เอง ภาพ บนคือภาพต้นแบบ และภาพล่างคือภาพที่มีจุดผิดเพี้ยนไป 10 จุด ลองหาดูนะครับ !!
ของรางวัลฉบับนี้ขอพิเศษสักนิดดีกว่า ใครที่ส่งคำ�ตอบที่ถูกต้องครบ 10 จุดมาร่วมสนุกกับเราคนแรก จะพิมพ์ เขียน หรือ วงรูปมาให้เห็นเลยก็ได้ ส่งมาทางเฟซบุ๊คเพจ ชุมนุมแมวบิน โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี (/flyingcatclub) หรือเฟซบุ๊ค วารสารเนีย (/nyajournal) รับไปเลย เสื้อยืดลาย EMPTY BAND ตัวเดียวกับที่พวกเราชาวสวนนท์ใส่ไปเชียร์วงเอ็มป์ตี้ในการ แข่งขันรอบสุดท้ายนั่นเอง ส่วนคนต่อ ๆ มาที่ตอบถูกเราก็มีของที่ระลึกจากชุมนุมแมวบินให้นะครับ !! 62 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ll 00