เที่ยวทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
หยุดสามวัน 5-7 ตุลา ฮอลิเดย์โปรตุเกส ไป เที่ยวเมือง albufeira เมืองท่องเที่ยวตาก อากาศที่อยู่ในแคว้นอัลการ์ฟ อยู่ใต้สุด กิน cataplana อาหารทะเลต้นต�ำรับสุดอร่อย ที่พี่ปุ๊แนะน�ำมา อร่อยมาก เป็นทริปที่สนุก มากๆ เล่นน�้ำทะเลมหาสมุทรแอตแลนติก เดินชายหาด เล่นปั้นทราย จนตัวด�ำเลย พัก ที่ Balaia Golf Village ก็ดีมาก ท�ำอาหาร ได้ด้วย มีสระว่ายน�้ำ3 สระกลางแจ้ง ในร่มเป็น สระน�้ำอุ่นกับจากุซซี่ที่ไม่ค่อยอุ่นเท่าไหร่ แถม ยังมี turkish bath 4.5 ยูโรเสียดายไม่ได้ลง ขอบคุณขาประจ�ำพี่ราม พี่โอ๊ต พี่โบ พวกเรา เป็นfamily ที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด :) ขอบคุณพี่ๆที่ปอร์โต้ด้วยที่ช่วยจองที่พักให้ :)
ALBUFEIRA ALGARVE เรานั่งรถทัวร์ออกจากลิสบอนแต่เช้า เราออก กันไปสามคน และพี่รามตามไปตอนเย็น ไปถึง albufeira เมืองตอนใต้ในแคว้น algarve ของ โปรตุเกส กว่าจะไปถึงก็สายๆ และเดินดูเมือง นิดหน่อย albufeira เป็นเมืองตากอากาศติด ทะเล นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษเยอะมาก ก่อน แวะซื้อของเพื่อมาท�ำอาหารกินกันในที่พัก และ จ้างรถแท๊กซี่ไปยังที่พัก Balaia golf village
BALAIA GOLF VILLAGE
ที่พักมีมินิมาร์ทไว้ให้ซื้อของท�ำอาหารเองได้ด้วย แต่ราคาก็จะ แพงกว่าซื้อตามห้าง continente เล็กน้อย อาคารบ้านเรือน ในอัลบูเฟยร่าส่วนใหญ่ทาสีขาวตัดกับสีน�้ำเงินของน�้ำทะเล อาจ คล้ายกับเมืองตากอากาศ santorini ของกรีซก็ได้ ที่พักที่ Balaia เองก็ทาสีขาว และไม่ได้อยู่ติดชายหาด แต่ต้อง ข้ามถนนและเดินลงเนินต่อไปอีกเล็กน้อยก็จะเจอขายหาด ถ้าจะ นั่งเก้าอี้ผ้าใบที่มีร่มกันแดดก็ต้องเช่า เสียตังค์ พวกเราจึงเอาผ้า ไปปูนั่งกันเอง และก็เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ
ชายหาดที่โปรตุเกสทรายสีไม่ขาวเท่าทรายที่เกาะ สิมิลันของเมืองไทย ทรายที่นี่จะออกสีส้มๆหน่อย
ทางเดินจากที่พักที่ Balaia ไปยังชายหาด
BEACH เราสามคนตื่นเต้นมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เหยียบ ชายหาดริมมหาสมุทรแอตแลนติก เลยเล่นกันเหมือนเด็กๆ ทั้งกระโดดโลดเต้น เขียนชื่อบนทราย เล่นน�้ำทะเลที่เย็น เจี๊ยบ ได้แต่กล้าเอาขาไปแหย่ๆ ส่วนโบเป็นสาวนักเซิร์ฟเล่น กระดานโฟมโต้คลื่นบนน�้ำ ส่วนเราก็นั่งเรียงหิน ก่อปราสาท ทรายจากอุปกรณ์เล่นตักทรายที่มีเอามาจากในห้องพัก สนุกมาก เราเล่นกันจนเกือบลืมเวลาเลยทีเดียว
ชายหาดโปรตุเกสก็ไม่เหมือนเมืองไทย จะมีหน้า ผาหินทรายที่มีต้นไม้แปลกๆขึ้นอยู่ และถ�้ำอยู่ เยอะแยะทั่วไปริมหาด บางที่ก็เป็นถ�้ำหินทรายสี เหลืองอมส้มและข้างล่างก็เป็นน�้ำทะเลสีฟ้าใส เรา เข้าไปเล่นตักทราย และถ่ายรูปกระโดดเล่นกันใน ถ�้ำสนุกมาก
โอ๊ตยังคงรักษามาดนักเรียนทุน และว่าที่ ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย เลยไม่ได้กระโดดโลด เต้นใส่ชุดว่ายน�้ำเหมือนพวกเรา แต่ก็ใจดี ช่วย เป็นตากล้องถ่ายรูปให้ตลอด
พอตอนเย็นพี่รามก็มา พวกเราสามคนท�ำ กับข้าวกินกันเองในที่พัก เราก็ท�ำสปาเกตตี้สูตร ประจ�ำที่ท�ำให้ทุกคนกิน ทุกคนบอกว่าเค็มมาก 555 แต่ก็อร่อยและดีกว่าไม่มีอะไรกิน
เราไปเดินเล่นนิดหน่อย ข้างนอกที่พักใน ละแวกนั้นเป็นโรงแรมและรีสอร์ททั้งหมด อารมณ์คล้ายพัทยาบ้านเรา เราเดินไปริม หน้าผากัน พยายามหาทางใหม่ๆเดิน ดู ท้าทายดี โบกับพี่รามชอบเดินแบบผจญ ภัย พอเดินไปไกลๆมากขึ้นไม่เห็นอะไรก็ เดินกลับ ตอนกลางคืนอากาศก็เย็นๆกว่า กลางวัน
พอมาตอนเช้าเราก็ตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันที่ริมหาด เดินลัดเลาะไปตาม หน้าผาเรื่อยๆ ตอนนั้นไปกันสามคนมีโบ กับพี่รามและก็เรา โอ๊ตยังไม่ตื่น มหาสมุทรแอตแลนติกตอนเช้าสวยมากๆ ท้องฟ้าและหาดทรายเป็นสีชมพู เราเดินกันไปเรื่อยๆ จนทางมันเริ่มจะล�ำบาก เป็นหินดินทรายขรุขระ และขึ้นๆ ลงๆ ทางแคบๆมีแค่ราวไม้กันข้างทาง ข้างล่างก็เป็นหน้าผา ท�ำให้ระทึกใจเวลา เดินมาก เราเลยให้พี่รามกับโบน�ำไปก่อนเลย และเราก็หยุดอยู่ที่ๆคิดว่าน่าจะ ปลอดภัยและถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ เพราะรองเท้าที่ใส่มาเป็นรองเท้าแตะด้วย
รอจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นสวยมาก
พอพระอาทิตย์โผล่ขึ้นท้องฟ้าทั้งดวง แดดก็เริ่มมา ก็เริ่มอุ่นขึ้น และเริ่มหิวข้าวด้วย เนื่องจากออกมาตั้งแต่เช้าโดยที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง พวกเราก็เลยตัดสินใจหาทางลง และเดินกลับที่พัก ถือว่าเป็นการผจญภัยตั้งแต่เริ่มต้นวันใหม่เลย
SUNRISE, SUNRISE
SUNRISE ON THE BEACH
BOM DIA!
เช้าวันใหม่ที่โรแมนติก
GOOD MORNING ALGARVE
ต้นไม้ประหลาด หน้าตาคล้ายว่าน มีอยู่ทั่ว ชายฝั่งโปรตุเกส
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
ต้นไม้ประหลาด2 เป็นพุ่มๆ กิ่งแห้งๆ มีใบอยู่ข้างบน
BO THE LIFE GUARD พอลงมาจากหน้าผาที่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เรา ก็ปีนลงมา เดินลุยน�้ำเล็กน้อย และมากระโดด บนชายหาด เวลาเช้าตรู่ยังไม่แปดโมงเช้าอย่างนี้ ชายหาดไม่มีคนเลย โบเคยเป็น life guard มา ก่อนตอนไป work and travel ที่อเมริกา ก็เลย ไปถ่ายรูปเล่นกับที่นั่งเฝ้าของยามชายฝั่ง
BREAKFAST เรากลับที่พักหลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้น โอ๊ตก็ตื่น มาซักพัก เราท�ำกับข้าวกินกันตอนเช้า รวมทั้งกิน สปาเกตตี้ที่เหลือจากเมื่อคืน กับต้มจืดผักกาดขาว หมูสับ และก็ผัดผักกาดขาวหมูสับกับไข่ ก็อร่อย ไปอีกแบบ
WALK BACK...
หลังจากมื้อเช้า เราตัดสินใจว่าเราจะกลับไปเดินเที่ยวเล่นกันในเมือง albufeira โดยที่ไม่ต้องแบกกระเป๋าเป้ใบใหญ่ไปด้วย ตอนขามาเราไม่มีเวลาที่จะเดินดู เมือง เพราะของหนัก และต้องรีบไปเช็คอินที่พักด้วย เมือง Albufeira เป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่ารักมาก ตึกรามบ้านช่องส่วนใหญ่ทาสี ขาว ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าและทะเล แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจากอังกฤษเยอะมาก เหมือนกัน อารมณ์คล้ายๆพัทยา บ้านเรา
TO ALBUFEIRA
ALBUFEIRA TOWN CENTER มีร้านขายไอติมเจลาโต้ ที่พวกเราได้แวะซื้อก่อนกลับด้วย อร่อยดี ในตัว เมืองมีร้านอาหารที่ขายทั้งอาหารท้องถิ่นโปรตุเกส และอาหารเอาใจนัก ท่องเที่ยวต่างชาติ เช่นพวกเฟรนช์ฟรายส์ และก็มีผับบาร์เปิดเยอะแยะ
ALL WHITE
WHEN OLDS MEET NEWS
CAT GOES SUNBATHING เราเดินกันไปเรื่อยๆ จากอีกหาดนึงไปอีกหาดนึง ผานึงไปยังอีกผานึง เป็นกิโลกิโลเลย และตอนนั้นก็แดดร้อนมากด้วย ที่นี่จึงเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวส�ำคัญในช่วงต้นฤดูหนาว ที่ประเทศยุโรปเหนือคงหนาวแล้ว ที่นี่ยังอากาศอบอุ่นดี และไม่ต้องใส่เสื้อหนาวเลย
มีลิฟท์ให้ขึ้นลงจากชายหาดมายังผาด้านบน ไม่ไกลกันนี้มีเจ้า แมวสีส้มตัวอ้วนนอนอาบแดดอย่างสบายใจด้วย มันน่ารัก มากเพราะท�ำท่าแมวดูขี้อ้อนด้วย
ORANGE FAT CAT
เดินไกลข้ามเขาอีกลูกนึง ไปไกลอีกมากๆ ร้อนด้วย เราเลย แวะกินไอติมกัน และเดินไปต่ออีกฝั่งนึง เห็นอาคารบ้านเรือน เป็นตึกสีสันลูกกวาดพาสเทลเหมือนในหนัง และมีเรือยอชท์ หลายล�ำจอดที่ท่าเรือ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากท่าเรือมี ซุ้มขายตั๋ว ส�ำหรับล่องเรือชมบริเวณโขดหินสวยงามริมชายฝั่งมหาสมุทร แอตแลนติก แต่พอถามเพื่อนๆในกลุ่มไม่ค่อยอยากนั่งเรือชม ที่ๆเราอยากไปคือ Ponta da Piedade เป็นแนวโขดหินโค้ง เว้า มีแบบเป็นซุ้มด้วยสวยมากอยู่ใกล้ๆเมือง Lagos ไว้คราว หน้าต้องไปให้ได้
เดินไปเสร็จก็เดินกลับทางเดิม ไปยัง Albufeira หา snacks กินกันเล็ก น้อยก่อนนั่ง taxi กลับไปพักผ่อนที่ รีสอร์ท เย็นนี้เราตั้งใจจะกินดินเนอร์ กันที่ร้านอาหารในโรงแรม และสั่ง อาหารต้นต�ำรับพื้นเมืองโปรตุเกสมา กินด้วย
เรามาดินเนอร์กันในร้านอาหารของรีสอร์ท คนกินเยอะพอ สมควร อาหารเย็นวันนี้ก็มี Cataplana เป็นผัดรวมซีฟู้ดแบบ โปรตุเกส และมีเมลอนกับแฮมและแยมมาในจานเดียวกันเป็น อาหารเรียกน�้ำย่อย และก็มีปลา และอื่นๆอีกมากมาย ทุกอย่าง จัดมาในจานอย่างสวยงาม เราสั่งมากินแบบแชร์กัน ที่โปรตุเกส การกินข้าวแบบแชร์กัน ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องปกติ ต่างจาก ประเทศยุโรปบางประเทศที่กินเฉพาะของใครของมัน เสร็จแล้ว เราก็ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่ม Sangria จริงๆเป็นเครื่องดื่มของ สเปน เป็นไวน์ใส่ผลไม้กินแล้วก็อร่อยดี หวานๆ ไม่ขมเลย
วันรุ่งขึ้นก็ถึงเวลากลับแล้ว เราก็เช็คเอาท์ อ�ำลา Balaia Resort อันแสนสวยและ สะดวกสบาย และนั่งรถบัสกลับลิสบอนกัน
กลับสู่โหมดท�ำงานในลิสบอนอีกครั้ง ข้างบนเป็นอาหารเซ็ตของโรงอาหาร เป็น ปลาค๊อดต้มกินกับมันฝรั่ง และมีซุป น�้ำส้ม และของหวาน มีขนมปังแข็งๆมา ให้ด้วย ทั้งหมดราคา 2.40 ยูโรเท่านั้น ตอนเย็นเราก็กินสปาเกตตี้ไวท์ครีมเห็ด และเบคอนท�ำเอง บางวันเวลาไม่มีขนมปังกินตอนเช้า หรือว่าลืมซื้อขนมปัง เรา ก็จะเก็บขนมปังแข็งๆ จากที่ได้รับจากมื้อเที่ยงเอามาปิ้งทาเนยและโรยน�้ำตาล กินตอนเช้าประทังชีวิตไปได้อีกหนึ่งวัน
ห้องท�ำงานของนักศึกษา เป็นห้องกว้าง อยู่ใต้ดิน มีล็อกเกอร์และมี ไมโครเวฟด้วย มีโต๊ะไว้ให้นักศึกษานั่งท�ำงาน และตัดกระดาษ สร้าง โมเดล บางวันเราก็มานั่งท�ำงานที่นี่ด้วย เพราะได้เจอคนเยอะดี
รูปปั้นมังกรที่ย่าน Martim Moniz ไขน่าทาวน์ของโปรตุเกส
MUPI
กลางคืนวันนั้นพวกเรานัดกันจะไปผับ Pensao Amor ต่อ ไม่รู้จะท�ำอะไรกินตอนเย็น ก่อนไปก็เลยไปบ้านโบ ซึ่งตอนนี้พักอยู่กับ marta คนรู้จักที่สนิทกันกับพี่ปุ๊ ที่บ้าน มาร์ธ่า เลี้ยงหมาตัวเล็กตัวนึง เป็นตัวผู้ ชื่อ Mupi ตอนนั้นยังไม่รู้จักว่าค�ำว่า Mupi คืออะไร เค้าบอกว่าเป็นชื่อเรียกของป้าย โฆษณาที่ตั้งบนเสา ใกล้ๆกับป้ายรถเมล์ พอ มาท�ำงานจริงในเอเจนซี่โฆษณาถึงจะรู้จัก เราเอาโหระพาจากสวนหลังบ้าน Ana ไปเป็น วัตถุดิบในการท�ำกับข้าวครั้งนี้ด้วย โบท�ำ สปาเกตตี้ผัดขี้เมาไก่ใส่ใบโหระพา อร่อยมาก และก็ท�ำมันเผา และซื้อเบเกอรี่จากร้านใกล้ๆ ที่พักมาร์ธ่ามาด้วย กินกันสองคนอร่อย จน เจ้า Mupi มองด้วยความอิจฉา Mupi เป็น หมาน่ารักที่ขี้เล่นมาก คอยอ้อนคนให้เล่น ด้วยตลอดเลย
PENSãO AMOR LISBON NIGHT LIFE Pensao Amor เป็นผับชิคๆ ที่พี่ปุ๊แนะน�ำให้ไป ตั้งอยู่แถว Cais Do Sodre พวก เราแวะไปนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนมะเหมี่ยวกับพี่ปุ๊ พี่รามและโอ๊ตก่อน และไปกินไอติม Santini ต่อ แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ ย่าน Baixa Chiado เดินย่อยจนไปถึง แหล่งที่ตั้งของผับและบาร์มากมาย วันศุกร์เย็นผู้คนออกมากันกลางถนนเต็มไป หมด อากาศก็เริ่มเย็นๆนิดหน่อยแล้วด้วย แต่โบก็บ่ยั่น แต่เราหนาวก็เลยใส่แจ๊ก เกตไปกะผ้าพันคออีกหนึ่งผืน พอไปถึงข้างในผับมันไม่หนาวเลยซักนิดเดียว ที่นี่มี DJ มาเปิดเพลงแบบแนวๆ คูลๆด้วย เราสั่งเบียร์มากินกัน
นอกจากที่นี่จะขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่ง Hangout ที่ชิคแห่งหนึ่งในลิสบอนแล้ว ยังเป็น ห้องสมุดอีกด้วย อยู่ในห้องมุมๆหนึ่งของผับ แต่เป็นห้องสมุดที่มีหนังสือส�ำหรับ ผู้ใหญ่เท่านั้น มีหนังสือ Kamasutra เต็มไปหมดทั้งทฤษฎีและรูปภาพ และพวก เราเพิ่งจะเห็นคนขยันอ่านหนังสือเดินเข้าเดินออกมุมนี้กันบ่อยมาก
THAI FOOD PARTY AT ROYAL THAI EMBASSY
วันถัดมาเป็นวันเสาร์ ซึ่งพี่ปุ๊แจ้งมาว่าท่านเอกอัครราชทูตชาคร สุชีวะ ซึ่ง ประจ�ำอยู่ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิสบอน เชิญพวกเรา นักเรียน ไทยในกรุงลิสบอนมารับประทานอาหารเที่ยงที่สถานทูต เรารู้สึกเป็น เกียรติและตื้นตันมาก ท่านทูตชาครเป็นคนคุยสนุก และอัธยาศัยดี เป็น กันเองและไม่ถือตัวเลย ท่านถามถึงสารทุกข์สุกดิบของทุกคนว่าเรียน อะไร ฝึกงานอะไร และแนะน�ำแหล่งท่องเที่ยวด้วย นอกจากนี้ ท่านยังให้ แม่บ้านท�ำกับข้าวเลี้ยงพวกเราเยอะมาก ทั้งผัดไทย ข้าวเหนียว ส้มต�ำ ไก่ ทอด และของหวานอีก ท�ำให้เราได้รับประทานอาหารไทยแบบเต็มอิ่ม หลัง จากคิดถึงมานาน ตั้งแต่อยู่มาประมาณเดือนกว่าๆ ก็เพิ่งได้กินอาหาร ไทยแบบปรุงด้วยวัตถุดิบไทยแท้ๆเหมือนกินที่บ้านเกิดก็คราวนี้ ท่านทูต เลี้ยงอาหารเที่ยงพวกเราที่ท�ำเนียบทูต หรือพูดอีกอย่างก็คือบ้านพักของ ท่าน เราได้แวะไปสถานทูตก่อน ซึ่งเป็นตึกเล็กๆ เหมือนบ้านคนมากกว่า เป็นสถานทูตเพราะไม่ได้มีคนรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาเหมือน กับสถานทูตบางประเทศในประเทศไทย ที่มีรั้วก�ำแพงหนาๆ และเจ้าหน้า หน้าดุๆ แต่ที่นี่กลับตรงกันข้ามหมดเลย ทุกอย่างดูเล็ก เป็นกันเอง อบอุ่นและปลอดภัยเหมือนได้กลับบ้านอีกครั้ง ที่ท�ำเนียบทูตและสถาน ทูตเองก็ตั้งอยู่ไม่ห่างจากกันมาก แต่ตั้งอยู่ใกล้เขต Belem ซึ่งเป็นย่าน ของคนที่มีฐานะดี พักอาศัยอยู่กันเยอะ
วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ ก็ไม่พลาดเข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรี คราวนี้ไปคน เดียว ที่พิพิธภัณฑ์อะซุเลชู หรือพิพิธภัณฑ์กระเบื้องแห่งชาติโปรตุเกส National Azulejo Museum (หรือ national tile museum lisbon) ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Santa Apolonia เรานั่งรถเมล์จาก Metro Santa Apolonia ที่ๆเคยเป็นหอเก่าโบ ข้างในพิพิธภัณฑ์แสดงกระเบื้อง ร้อยแปดพันเก้าชนิด เป็นพิพิธภัณ์ที่ใหญ่และสวยงามมาก ตั้งอยู่ใกล้ กับโบสถ์ Igreja da Madre de Deus มีจัดแสดงเพนท์กระเบื้องตั้งแต่ สมัยโบราณดัง้ เดิม จนถึงกระเบือ้ งสมัยใหม่ และมีตแู้ สดงวิธกี ารท�ำอะซูเลชู โชว์อุปกรณ์และวัตถุดิบในการท�ำด้วย
อะซูเลชู แสดงภาพพาโนรามา ของลิสบอนทั้งเมือง
ALHEIRA at SANTA APOLONIA พอเดินดูเสร็จ ก็มีสเกตช์รูปนิดหน่อย แล้วก็กลับไปหาอาหารเที่ยงกินที่ Santa Apolonia ซึ่งที่สถานีนี้มีของกินเยอะกว่า เพราะมี Metro ตั้งอยู่ ด้วย และก็ยังเป็นท่าเรืออีกด้วย เห็นเรือส�ำราญมาจอดด้วย เราแวะร้าน อาหารข้างทางเพราะเห็นราคาถูกดี แค่ 6 ยูโรเท่านั้นและมีน�้ำรวมอยู่ใน เซ็ทด้วย ก็เลยสั่ง Alheira ไป เป็นไส้กรอกทอดต้นต�ำรับโปรตุเกส ตอน กินไปก็ไม่รู้ว่าเป็นเนื้ออะไรหรอกนะ พอกลับมาเสิชเน็ทเจอว่าอาจเป็นเนื้อ ลูกวัว หรือเนื้อไก่หรือนกกระทาหรือเป็ด แม้กระทั่งเนื้อกระต่าย แต่ก็ไม่ เป็นไรอร่อยและถูกอย่างนี้ หาไม่ได้อีกแล้ว เพราะ Alheira มักจะเป็น อาหารที่ราคาถูกที่สุดในร้านอาหารนั่นเอง เราสั่งเครื่องดื่มเป็นน�้ำ Sumol เครื่องดื่มสุดโปรดตอนที่อยู่ที่นี่ เป็นน�้ำ สัปปะรดโซดา อร่อยมาก อยากให้เมืองไทยมีขายบ้าง
มะเหมี่ยวพาพวกเราไปจุดชมวิว มิราโดรุ เซา เปโดร ดือ อัลคันทารา มองไปเห็นปราสาท Sao Jorge และมีสวน หย่อมเล็กๆอยู่ด้านล่าง ไม่ไกลเราสามารถเดินไปขึ้นรถ รางสีเหลืองอันเป็นเอกลักษณ์ของโปรตุเกสได้ และด้าน ข้างก�ำแพงจุดที่ขึ้นรถรางก็มีคนเขียนรูปกราฟิตี้สีสัน สดใส เป็นภาพประกอบน่ารักๆเต็มไปหมดเลย
Miradouro Sao Pedro de Alcantara
พระอาทิตย์ขึ้นที่สวนหลังบ้านของ Ana
โยเกิตชาเขียว ซื้อมาเพราะชอบ package แต่กินแล้วไม่อร่อย
แมวเหมียว น่ารัก
CAT CAT CAT
Parque Eduardo VII ระหว่างรอโบที่ Maques de Pombal เราก็ไปเดินเล่นที่สวน Parque Eduardo VII ใกล้ๆ เป็นทางขึ้นเนินไป ร่มรื่นมาก ตรงทางขึ้นมักจะมีไกด์โปรตุเกสขายทัวร์รสบัสขึ้นชมเมือง และนึกว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวจีนอยู่เรื่อย
นอกจากนี้ยังมีพวกยิปซีคอยมาถามว่าจะดูดวงมั้ยด้วย
A TOUR WITH BO
วันนี้เราเข้ามหาลัย แต่ไม่ได้มาท�ำงาน แต่พาโบมาทัวร์ หลังจากที่คุย โฆษณาชวนเชื่อไว้ว่า จากมหาลัยเรามองเห็นเมืองลิสบอนทั้งเมืองเลย และ ก็เห็นพระราชวัง Ajuda ด้วย และระหว่างทางที่นั่งรถผ่านก็เห็นสะพานส่งน�้ำ ที่น่าจะเป็นที่ที่เชื่อมต่อที่เดียวกันกับท่อส่งน�้ำของโบที่เคยมุดลงไปและต่อคิว ยาวมากตอนนั้น เราเลยนั่งรถ 722 ไปด้วยกัน พาโบไปกินข้าวอิ่มอร่อยที่ โรงอาหาร 2.40 ยูโร
และพาเดินทัวร์ ทั้งห้องสมุดและห้องที่ท�ำงาน แวะทักทาย นาย ดิโอโก้ กับ แอนนา โคทริม และเราก็นั่งรถสาย 727 กลับไป พอผ่านจุดที่ เห็นสะพานเราก็ลง และเดินไปถ่ายรูปตรงจุดชม วิวกัน โบอยากเดินส�ำรวจไปเรื่อยๆบนหน้าผา อีกฝั่งนึง แต่เรารู้สึกไม่มั่นใจ ก็เลยบอกว่าไม่ไป ดีกว่า สุดท้ายโบเลยตามมา เรานั่งรถต่อไปที่ Amoreiras ไม่ไกลกันนี้มี Grafiti ริมก�ำแพง เยอะมากอีกแล้ว ก็เลยลงไปถ่ายรูปเล่นกันสัก พักใหญ่เลย
กลัวความสูง
AMOREIRAS ดอกไม้ริมทาง
ห้าง Amoreiras วิวบ้านเมืองของลิสบอนจากมุมสูง
ที่ตึกตรงข้าม Amoreiras มีติดป้ายเอเจน ซี่โฆษณาชื่อดังมากมาย ทั้ง BBDO, DDB และ TBWA
ห้าง Amoreiras
Aqueduto das Águas Livres เราเดินมาไม่ไกลก็เจอ Grafiti ตรงก�ำแพง มากมาย ซึ่งคาดว่าจะถูกทาทับโดยศิลปิน อยู่เรื่อยๆ Grafiti พวกนี้ถูกทาบนก�ำแพง แนวยาว บนถนน Av. Conselheiro Fernando de Sousa
Av. Conselheiro Fernando de Sousa
IGREJA DE SÃO ROQUE
โบสถ์ เซา ร็อค เป็นโบสถ์อีกแห่งที่เป็นโบสถ์ที่ สวยที่สุดแห่งหนึ่งในลิสบอน ตอนมาโบสถ์นี้ครั้ง แรก มะเหมี่ยวพามาดู ครั้งที่สองมากับโบ จาก ที่ไปเที่ยวที่ Amoreiras และนั่งรถเมล์ลงมา เรื่อยๆจนมาถึงโบสถ์แห่งนี้จนได้ ไม่ไกลจากโบสถ์ มีจุดชมวิวที่มะเหมี่ยวเคยพามาที่ชื่อ เซา เปโดร ดือ อัลคานทารา เป็นจุดชมวิวที่มองไปเห็นป้อม ปราสาทเซา จอร์จ ได้ด้วย
SAO PEDRO DE ALCANTARA ด้านบนมีปา้ ยทีท่ ำ� จากกระเบือ้ งอะซูเลชู วาดเป็นภาพวิวพาโนรามาของเมือง ลิสบอนที่มองจากจุดชมวิวนี้ ด้านล่าง ของจุดชมวิวมีสวนดอกกุหลาบ มีนัก ดนตรีคอยบรรเลงเพลงเป็นระยะๆ และ มีเก้าอี้ไว้ให้นักเดินทางได้นั่งพักผ่อน หย่อนใจ
ด้านข้างของ Sao Pedro de Alcantara เป็นจุดขึ้นรถ Lisbon Tram เป็น รถรางแบบโบราณ ที่รับส่งผู้โดยสาร จากบนเนิน ลงไปสู่ใจกลางเมืองแถบ Restauradores ข้างก�ำแพงเป็นอิลลัส เตรชั่นกราฟิฟตี้สีสันสดใส เราจึงใช้เวลา เดินดูภาพเหล่านี้แป๊ปบึงก่อนขึ้นรถราง ใครมีบัตรตั๋วเดือนก็สามารถใช้ได้เลย
พอลงจากรถก็เดินไปจนถึงที่ๆมีร้านอาหาร เยอะๆ แถบ Rossio เห็นก�ำแพงร้านอาหารร้าน นึงวาดภาพศิลปินนักร้องเพลงฟาดูชื่อดังของ โปรตุเกส ชื่อ Amalia Rodrigues เลยถ่ายรูป มาเพราะสีสันสวยดี