No. 7, May 2014 การเติบโตของพื้นที่ชายแดนเชียงของบนเส้นทางเศรษฐกิจคู่ขนาน ปฐมพงศ์ มโนหาญและ สิทธิชาติ สมตา จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดชายแดนที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศพม่าและประเทศลาว ซึ่งส่งผลให้ เกิดการค้าชายแดนระหว่างประเทศขึ้นกับทั้งสองประเทศ รวมทั้งประเทศในลุ่มแม่น้าโขงตอนบนและประเทศ จีนตอนใต้ ดังนั้นจั งหวัดเชียงรายจึงเป็นจั งหวัดที่ส้าคัญของประเทศไทยในการเป็น ประตูการค้าระหว่าง ประเทศไทยกับประเทศในลุ่มแม่น้าโขงตอนบน เนื่องจากจังหวัดเชียงรายมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน อันสามารถเชื่อมกับอ้าเภอแม่สาย อ้าเภอเชียงแสน และอ้าเภอเชียงของ ในเขตการค้าชายแดนอ้าเภอแม่สายเป็นการค้าชายแดนระหว่างประเทศไทยกับพม่า มีรูปแบบการ ขนส่งโดยรถบรรทุก การค้าชายแดนในอ้าเภอเชียงแสน มีรูปแบบการขนส่งทางเรือซึ่งอาศัยการล่องเรือใน แม่น้าโขง มีท่าเรือเชียงแสนเป็นจุดเชื่อมต่อการค้าระหว่างประเทศในลุ่มแม่น้าโขง สินค้าส่วนใหญ่ คือสินค้า ทางการเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าเบ็ดเตล็ดอื่นๆ ที่ส่งออกมาจากประเทศจีน เนื่องจากว่ามีราคา ถูกกว่าสินค้าในประเทศไทย ส่วนการค้าผ่านเขตแดนในอ้าเภอเชียงของมีพื้นที่ติดกับประเทศลาว การขนส่งจะ มีรูปแบบของการใช้รถบรรทุกบนเส้นทางสาย R3A ที่ผ่านประเทศลาวและเข้าสู่ประเทศจีน ซึ่งอ้าเภอเชียงของ ก่อนที่จะมีการเปิดใช้สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 นั้น การค้าชายแดนในพื้นที่นี้จะให้รถบรรทุกจากฝั่ง ไทย-ลาว และขึ้นเรือข้ามฝั่งในการเดินทางข้ามประเทศที่ท่าเรือบั๊ค แต่เมื่อมีการเปิดใช้สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 4 ท้าให้การขนส่งทางเรือลดลงและมีการยกเลิกท่าเรือบั๊คตามมา ดังนั้นในปัจจุบันรูปแบบการขนส่งส่วนใหญ่จะใช้การขนส่งโดยรถบรรทุกแทนการใช้ท่าเรือบั๊ค อีกทั้งมี การก้าหนดให้มีการใช้สะพานในการขนส่งระหว่างประเทศ ท้าให้พื้นที่บริเวณท่าเรือบั๊คมีสภาพเศรษฐกิจที่ซบ เซาลง จากค้าบอกเล่าของคุณแสงจันทร์ว่า “เศรษฐกิจในบริเวณท่าเรือบั๊คซบเซาลง เนื่องจากว่ามีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ ข้ามฝั่งจานวนน้อยมาก มีเพียงนักท่องเที่ยวคนไทยและคนท้องถิ่นเท่านั้นที่ต้องการ ข้ามไปฝั่งลาวในบริเวณใกล้ๆ เท่านั้น”1
1
สัมภาษณ์ คุณแสงจันทร์ (นามสมมติ), 5 พฤษภาคม 2557.