OBELS WORKING PAPER NO.5
JUNE 2014
ความเหลือ่ มล้าในการกระจายรายได้ การศึกษา และสาธารณสุขในจังหวัดเชียงราย พรพินันท์ ยี่รงค์ สิทธิชาติ สมตา ปฐมพงศ์ มโนหาญ ณัฐพรพรรณ อุตมา บทคัดย่อ ความเหลื่อมล้้าทางเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศไทยในอดีตก่อนหน้าที่จะมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาตินั้น มาจากสภาวะเศรษฐกิจที่รัฐบาลเป็นผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมเกือบทั้งหมด โดยไม่มีการ ส่งเสริมภาคเอกชนให้เข้ามาด้าเนินการมากนัก ภาคเอกชนที่ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐมักเป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ ใกล้ชิดกับภาครัฐบาล หรืออาจเรียกว่าเป็นสภาวะเศรษฐกิจในลักษณะทุนนิยมขุนนาง และเป็นเหตุให้เกิดการกระจุก ตัวของการพัฒนาเศรษฐกิจอยู่ที่ชนชั้นน้า ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการริเริ่มหาแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ด้วยการจัดท้าแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ 1 พ.ศ. 2504 – พ.ศ. 2509 ถึง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ 3 พ.ศ. 2515 – พ.ศ. 2519 ระยะเวลาของการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้ง 3 แผนพัฒนาฯ ไม่ได้มองถึงความเหลื่อมล้้าทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะเกิดขึ้น แต่เน้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจใน ด้า นต่ า งๆ ไม่ ว่า จะเป็น ด้ านการเกษตร อุต สาหกรรม พัฒ นาก้าลั งคน และยกระดับ การผลิ ต เพื่ อเพิ่ม รายได้ ให้ ประชาชนสูงขึ้น พร้อมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ การศึกษา สาธารณูปโภค การคมนาคม เพื่ออ้านวย ความสะดวกในการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศและระหว่างประเทศ ท้าให้การพัฒนาเศรษฐกิจกระจุกตัวอยู่ที่ชนชั้น น้าของเมืองใหญ่ และส่งผลให้เกิดความแตกต่างและช่องว่างของรายได้ ของประชากรและระหว่างภูมิภาคต่างๆ ของ ประเทศเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า ความแตกต่างระหว่างรายได้ที่เกิดขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากแนว ทางการพัฒนาที่เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและอัตราการขยายตัวของการผลิตและรายได้ส่วนรวมเป็นหลัก จึงท้าให้ผู้ที่ อยู่ใกล้บริการขั้นพื้นฐานทางเศรษฐกิจ สังคมและปัจจัยการผลิต สามารถใช้ประโยชน์จากบริการเหล่านี้ในการเพิ่ม ผลผลิตและรายได้ของตนได้มากกว่าผู้ที่อยู่ห่างไกลหรือผู้ที่ขาดปัจจัยการผลิต จึงท้าให้ช่องว่างทางเศรษฐกิจและสังคม ในประเทศเพิ่มขึ้น และท้าให้เกิดการกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรม ต่อมาในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ 4 ได้มีนโยบายลดช่องว่างในฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมสู่ประชาชนให้ลดน้อยลง โดยมีการกระจายความมั่งคั่งลงสู่ หัวเมืองชนบทต่างๆ เช่น โครงการจัดสร้างโรงเรียนในชนบท โครงการพัฒนาชนบทยากจนที่มีเป้าหมาย “พออยู่พอ กิน” โครงการจัดสร้างโรงพยาบาลอ้าเภอ เป็นต้น อย่างไรก็ตามแม้ว่ารัฐบาลมีนโยบายการกระจายความมั่งคั่งสู่หัว เมืองชนบทดังกล่าว แต่ความเหลื่อมล้้าทางเศรษฐกิจและสังคมก็ยังคงไปกระจุกตัวอยู่ที่ชนชั้นน้า อาจกล่าวได้ว่า แนว ทางการพัฒนาตามแผนพัฒนาฯ ดังกล่าว ไม่ได้ท้าให้เกิดการลดความเหลื่อมล้้าทางเศรษฐกิจและสังคมแต่อย่างใด แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการพัฒนาในด้านต่างๆ เพื่อ ท้าให้ประเทศมี การเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศที่ก้าลังพัฒนา แต่ประเทศเหล่านี้มักมี ช่องว่ างความเหลื่อมล้้ าของการพั ฒ นา นั่ นเป็ น เพราะว่ า สิ่ งที่ พั ฒ นานั้ น ไม่ไ ด้ น้ ามาสู่ ประชากรทุ กคนที่ อาศัย อยู่ ภายในประเทศนั้นๆ นอกจากนี้ประเทศที่ก้าลังพัฒนาส่วนมากมักจะเกิดความเหลื่อมล้้าค่อนข้างมาก เนื่องจากว่ากลุ่ม ประเทศที่ก้าลังพัฒนาจะได้รับความนิยมจากการกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว เข้ามาลงทุนในประเทศที่ก้าลังพัฒนาจึง ท้าให้เกิดอาชีพและการแสวงหาอาชีพใหม่เกิดขึ้นมากมาย เช่น การเข้ามาของเซเว่น อีเลฟเว่น พร้อมทั้งแนวคิดของ การเกิดการขายแบบแฟรนไชส์ที่ได้รับมาจากบรรษัทข้ามชาติ และน้าไปใช้ในเชิงธุรกิจหรือพาณิชย์ เช่น ชายสี่บะหมี่ เกี๊ยว ฯลฯ การพัฒนาดังกล่าวท้าให้เกิดกลุ่มคนชั้นน้าที่มีการงานอาชีพที่ดีและกลุ่มอาชีพต่างๆ และมีรายได้ที่แตกต่าง กัน จึงเป็นเหตุผลที่เกิดความเหลื่อมล้้าทางรายได้และเป็นช่องว่างระหว่างบุคคลภายในประเทศ จึงท้าให้เกิดการดูถูก ศักดิ์ศรี และการแบ่งชนชั้นแก่บุคคลที่ด้อยกว่าเกิดขึ้น ซึ่งไม่เพียงความเหลื่อมล้้าทางรายได้เท่านั้น แต่ความเหลื่อมล้้า ความเหลื่อมล๊ าในการกระจายรายโด้ การศึกษา และสาธารณสุ ขในจังหวัดเชียงราย
หน้า 1