Subhashok ART Contemporary
Contemporary
Subhashok ART
สิ่งพิมพ์เล่มนี้เป็นฉบับพิเศษที่ทางทีมงานหอศิลป์ศุภโชค ดิ อาร์ท เซ็นเตอร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการใช้เป็นตัวแทน สื่อสารกับสังคม ทางหอศิลป์ยินดีเป็นอย่างยิ่งหากข้อมูล ต่างๆ ที่ทีมงานนำ�เสนอเกี่ยวกับงานแสดงศิลปะและแนว ความคิดของศิลปิน จะช่วยให้ผู้คนรักและให้คุณค่ากับงาน สร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น สำ�หรับในวาระที่งดงามครั้งนี้ หอศิลป์ ศุภโชค ดิ อาร์ท เซ็ น เตอร์ ได้ รั บ โอกาสที่ ดี เ ยี่ ย มในการนำ � เสนอสอง นิทรรศการที่คนละอารมณ์ คนละแนวความคิด แตกต่าง แต่น่าสนใจไม่แพ้กัน ตามจริตของผู้เสพสุนทรีย์ที่จะเลือก นิทรรศการแรก “Mythical reality” ทีจ่ ะเป็นธีมหลักของ เล่ม จัดเต็มด้วยข้อมูลเต็มอิม่ กับ ศิลปิน วิทวัส ทองเขียว ที่ บทสัมภาษณ์และผลงานของเขาอาจทำ�ให้เราอาจต้องหาคำ� ตอบกับตนเอง สำ�หรับบทบาทของ “มายาคติ” พร้อมเปิดตัวนิทรรศการสุดมันส์ คอนเซ็ปต์ “The momentum” โดยศิลปิน 5 ชีวิต ที่คุณจะหลง รักเขาและเธอ เรียกน้ำ�ย่อยให้ผู้ชมทั้งหลายติดตามต่อใน ฉบับหน้า ด้วยเนื้อหาที่พลาดไม่ได้เลยทีเดียว พิเศษในท้ายเล่ม ยังมีอัพเดทการเดินทางของงานศิลปะ จากศิลปินไทย ไม่ว่าจะในเมืองไทย หรือ ในต่างประเทศ และ เก็บตกนิทรรศการในรอบปี 2557 ที่จะนำ�มารำ�ลึก บรรยากาศให้ทุกท่านหายคิดถึงอีกด้วย สุดท้ายนีข้ อขอบพระคุณผูท้ เี่ กีย่ วข้อง ทัง้ ผูบ้ ริหารหอศิลป์ ทีมงานทีแ่ ข็งแกร่ง และ ศิลปินทุกท่าน ทีไ่ ว้ใจในการร่วมงาน กันกับ หอศิลป์ศุภโชค ดิ อาร์ท เซ็นเตอร์ ปรารถนาดีเสมอ
เรียบเรียงโดย : ถ่ายภาพโดย : ออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ : ติดต่อประสานงาน : อำ�นวยการผลิต :
จงสุวัฒน์ อังคสุวรรณศิริ ศภิสรา เข็มทอง สุภิตา เจริญวัฒนมงคล อรรถวิท บุญวรรณ ศรุดา สวนสะอาด สุชาดา กลิ่นชั้น คุณศุภโชค อังคสุวรรณศิริ คุณสิทธิกาจ อังคสุวรรณศิริ คุณจงสุวัฒน์ อังคสุวรรณศิริ
ทีมงานหอศิลป์ ศุภโชค ดิ อาร์ท เซ็นเตอร์
ถือเป็นความท้าทายทั้งต่อตัวศิลปินเอง และ ผูค้ นในสังคมกับงานแสดงศิลปะชุด “Mythical reality” โดยศิลปิน วิทวัส ทองเขียว ในครั้งนี้ เพราะศิลปินเอง ต้องเผชิญในการใช้ความกล้า ก้าวข้ามจากงานรูปแบบ เดิมเพิม่ ระดับความเข้มข้นในการถ่ายทอดความรูส้ กึ ต่อ สิง่ เร้า ซึง่ ไม่ได้เป็นเพียงสิง่ เร้าจากบรรยากาศ หรือ จาก เรื่องราวส่วนตัวเท่านั้น แต่เป็นการใช้ผลงานศิลปะตั้ง คำ�ถามกับสภาวะความเป็นไป กลไกความคิดของผู้คน โดยที่ศิลปินเชื่ออย่างยิง่ ว่าต้นตอใหญ่มาจากความจริงที่ ถูกบิดเบือนโดย “มายาคติ ” นิยามภาพสร้างของความ เชื่อ ที่เป็นจุดเริ่มแห่งความลุ่มหลง เกลียดชัง ปัญหา ใหญ่ของมนุษย์ วิทวัสสร้างงานศิลปะชุดนี้โดยใช้สัญลักษณ์ คุน้ ชินรอบๆตัวนำ�มาจัดวางใหม่ ประกอบรูป และเปลีย่ น มุมมอง เพื่อสร้างบทบาทให้สัญญะเหล่านั้นทำ�หน้าที่ ประหนึ่งเหมือนเครื่องหมายคำ�ถามถึงความบกพร่อง ข้อสงสัยภาษาที่งดงามจากทักษะที่ยอดเยี่ยม ถูกสร้าง ขึ้นผ่านผลงานจิตรกรรมสีน้ำ�มัน จำ�นวน 13 ชิ้น ทั้งหมดถูกนำ�เสนออย่างมีแบบแผนเรียงลำ�ดับความ คิด เจาะไปในแต่ละมุมของสังคมโดยเริ่มจากเรื่องราว ของการมองเห็นภายนอกไปสู่ ความเชื่อ ความศรัทธา ค่านิยม ขีดจำ�กัดการรับรู้ ทัศนคติที่ถูกยัดเยียดจน กลายเป็นภาระ ผลงานทัง้ หมดเพิม่ ระดับดีกรีขนึ้ เรือ่ ยๆ ในแต่ละชิ้น เหมือนจะลวงอารมณ์แต่เมื่อถึงผลงานชิ้น สุดท้ายในชุด ความตึงเครียด คำ�ถามที่เข้มข้น กลับ เบาบาง จางลง คล้ายจะเหมือนทิ้งทวนด้วยหมอกควัน คาใจ ไม่ได้ต้องการเผาไหม้ความคิดต่างหรือเพียงเพื่อ ที่จะบอกว่า “ Mythical reality ” ที่ศิลปินสร้าง ก็เป็นเพียง “ มายาคติ “เท่านั้น“วิทวัส ทองเขียว” ทิ้งปริศนานี้ไว้ให้ ผู้ดูมีอำ�นาจตัดสินใจ
ด้วยความชื่นชม สุภิตา เจริญวัฒนมงคล ( ภัณฑารักษ์ )
This exhibition Mythical Reality by Wittawat Tongkiew is a challenge for both the artist and everyone of us in the society, because the artist had to use a brave attitude to be able to breakthrough his old style of painting and increase the intensity in the context he is responding to. Wittawat does not react to just his ambiance or his own private life, but he uses art to question the state of being and the mechanism of humand minds. Wittawat believes greatly that reality is clouded by the “Mythology” of definitions, pre-determinations and perceptions from all of us and thus begins all the major problems to our society. Wittawat has created this series of work by using the symbolisms that we are all familiar with and structured them in a way to change to way we see these objects; to create a role for each of these symbols as a tool or sign pointing to his questions and curiosities. A beautiful language of art is translated through his oil paintings and presented in a calculated way to slowly guide us through his order of thoughts; focusing on a subject in a society at a time. Beginning with the surface, he dives deeper into the subjects of belief; faith; values; limitations of the senses and enforced perception. Each work in the series increases in their intensity degrees as Wittawat progresses, but once we reach the final piece of the series, all the heavy subjects become lighter and softer, like being sent off with a smokey cloud. The artist does not want to burn away any contrasting views; because even his exhibition, Mythical Reality, is merely an illusion created by Wittawat Tongkiew, leaving the audience to get to their own conclusion in their own time. With Commendation Suphita Charoenwattanamongkol (Curator)
เราคิดว่าเราเป็นเจ้าของในร่างกายตนเอง ในคำ�พูดตนเองและ ในความคิดของตนเอง… ทั้งหมดมาจาก“ความเชื่อของเรา” อันผ่านมาทาง ประสบการณ์ ผ่านทางคำ�พูด ผ่านทางคำ�บอกเล่า ผ่านทางเรื่องเล่าและผ่านทางการโฆษณาชวนเชื่อ ยังเหลือความจริงใดอยู่ ถ้าทุกสิ่งต้องถูกคิดและ ผ่านการ“ตีความ”ตามแต่ละปัจเจกบุคคล เมื่อนั้นเรายังคงเป็นเจ้าของในร่างกายตนเอง ในคำ�พูดตนเองและ ในความคิดของตนเองอยู่รึไม่……
W
e think we own our bodies and our own words – even our own thoughts. This “belief ” comes from our experience: through speech; through stories; through the media. What truth do we really have if everything has to be processed and defined through “interpretation” depending on an individual? In that case, do we truly own our body, speech and mind … ? วิทวัส ทองเขียว
ภายใต้โครงสร้างที่มั่นคงแข็งแรงนั้นเต็มไปด้วย ความคลอนแคลน เพียงขยับก็เท่ากับพังครืน Behind the seemingly stable structure lies uncertainty waiting to collapse with the slightest brush of movement.
ความชัดเจนในบริบทของความคลุมเครือ สิ่งที่เห็นว่าหอมหวานและน่าลิ้มลอง แต่กลับมีอันตรายแฝงเร้นอยู่ An obvious clarity in the context of vagueness. Something that seems sweet and seductive, yet possesses hidden danger
นี่คือยุคสมัยที่เราพร่ำ�พูดถึง “มายาคติ” ในบริบททาง สังคมการเมือง ความคิด ความเชื่อ และองค์ความรู้ใน ศาสตร์แขนงต่างๆกันอย่างมากมาย เป้าประสงค์หลัก และความมุ่งหมายคือการถกเถียงถึงแรงโน้มเอียงของ มโนทัศน์ทเี่ รามีตอ่ โลก ซึง่ เป็นปัจจัยสำ�คัญทีก่ ำ�หนดให้เรา เป็นอยู่ และคิด อย่างที่เรากำ�ลังเป็นอยู่ บ้างก็ยอมรับโดย ดุษฎีไม่มีข้อกังขา บ้างก็รู้สึกตัดขัดงัดง้าง แต่กลับขาด ความกล้าหาญหรือโอกาสทีจ่ ะก้าวออกจากพืน้ ทีป่ ลอดภัย ออกมาตัง้ คำ�ถามตอบกลับว่าแท้ทจี่ ริงแล้วมันจริงอย่างนัน้ หรือ? มันเป็นเช่นนัน้ หรือ? มันจะเป็นอย่างอืน่ ได้หรือไม่? ถูก ผิด ดี ชั่ว ขาว ดำ� สูง ต่ำ� ซ้าย ขวา ใครกำ�หนด?
This is the age of “Mythology” in the context of social, political, conscience and beliefs in the knowledge of different fields. The main objective is to debate about the inclination of our perception towards the world, which is an important factor that decides how we are, how we think and how we continue our lives. Some will accept this perception unconditionally, while some will feel uncomfortable with the idea; yet they lack the guts or opportunity to step out of their comfort zone and really ask the questions: is it really the way it is; can it be something else? Right; wrong; good; bad; white; black; high; low; left; right ... who decides which is which?
ผลงานจิตรกรรม ชุด Mythical reality ของ วิทวัส ทองเขียว อุดมไปด้วยสัญญะวัตถุ ที่ศิลปินตั้งใจคัดสรร และบรรจงหยิบยกมาเพื่อใช้แทนคำ�พูดเพื่อสื่อสารสภาวะ ภายในจิตใจและโต้ตอบกับสังคมในเรื่องมายาคติที่ฝัง รากลึกจนเกิดเป็นขนบ เป็นระบบและเป็นระบอบ น้ำ�แข็ง เปลวไฟ ตุ๊กตาสัตว์ กรง ไพ่ พวกมาลัย หัวหอม ขนม เค้ก เปลือกผลไม้ เศษแก้ว จานกระเบื้องที่บ่ินแตก ถุง พลาสติก และประติมากรรม The Thinker เด่นชัด อยู่ท่ามกลางความมืดของฉากหลัง ล้วนแล้วแต่มีความ หมายจำ�เพาะในความคิดของศิลปินที่มีต่อสังคมไทย ใน เรื่องศาสนา การศึกษา การเมืองการปกครอง และการ ให้คุณค่าของปัจเจกบุคคลแม้ในความเหมือนหรือแปลก ต่าง ความมืดเป็นสภาวะของความไม่รู้ และอวิชชา ทว่า ในความมืดที่ปกคลุมฉากหลังของผลงานของวิทวัสนั้น ก็กลับมีกระแสไหวเวียนของพลังงานบางอย่าง และคาด หวังถึงแสงสว่างที่อยู่อีกฟากหนึ่ง เหมือนกับโลกที่โคจร รอบดวงอาทิตย์และหมุนรอบตัวเอง ด้านหนึ่งที่จมหาย ในความมืด แต่อีกด้านหนึ่งที่หันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์จะ สุกสว่าง ทัง้ ๆทีก่ เ็ ป็นโลกใบเดียวกัน จึงไม่ตา่ งอะไรกับเส้น ทางระหว่างความจริงกับความลวงที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และคู่ ขนานกันไปตลอด ผิดทีว่ า่ เราจะมองเห็นหรือถูกจัดวางให้ เห็นด้านมืดหรือด้านสว่างเท่านั้นเอง
The series Mythical Reality by Wittawat Thongkiew is rich with symbolism that the artist purposely selects and delicately brings up to use in place of words to convey a state of his mind; and tackle the subject of “illusion” that roots deeply in our society until traditions and systems are formed. Ice; fire; toy animals; cage; trump cards; wreaths; onions; cakes; fruit skins; shattered glass; broken pieces of ceramic plates; plastic bags; The Thinker statue; all of these objects are clearly lit on front of a pit black background. They all contain specific connotation to the artist and to the Thai society in the context of religion, education and even politics and they give values to individuality either in the similarities or differences. If darkness is a state of unknowingness and false understanding, Wittawat’s pit dark background flows a kind of energy that longs for a light at the end of a tunnel. The earth revolves around the sun but also revolves itself; while one side of the earth is washed in complete darkness, the other side is shining bright facing the sun. The earth as one planet has both the light and darkness going in parallel lines and it is in our decision which side we will look at.
ที่จริงแล้ว “ความจริง” ไม่มีอยู่จริง เพราะความจริงขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละคน Reality does not exist. Reality depends on the interpretation of one’s judgment.
เปลือกที่เห็นอยู่ เนื้อในนั้นมีอยู่จริงหรือไม่? ทั้งเปลือกและแก่นภายในอาจจะแสดงความหมายคนละอย่าง The skin that we see, does not show the inside. The outer shell and the inner core may contain completely different meanings.
เราคือลาโง่ที่ก้มหน้าแทะเล็มหญ้า โดยไม่รู้เลยว่าสังคม และสรรพสิ่งที่แวดล้อมเราอยู่นั้นมีภัยใหญ่หลวงกำ�ลัง เผาไหม้และลุกลามเข้ามาหาตัว...เข้ามาทุกที We are like donkeys grazing grass; not realising that the society and our environment are burning inwards and surrounding us closer everyday.
บางครั้งเราก็ขลาดเขลาเกินกว่าจะก้าวเดินออกจากความไม่รู้ ไปสู่การค้นพบความจริง และยอมเดินย้อนกลับเข้าไปสู่ความมืดมิดที่คลุมเครือ เพียงเพราะเป็นความคุ้นเคยเก่าๆ Sometimes we are too cowardly to walk out of our stupidity to search for the truth; we’d rather walk deeper into the darkness just because it is our comfort zone.
ภาพจิตรกรรม 13 ชิ้น 13 มิติความคิด 13 คติมายา ที่วิทวัสถ่ายทอดทุ่มเทแบบหมดหน้าตัก ทั้งพลังงาน พลัง ความคิด และพลังแฝงในกาย เพือ่ เดิมพันตัวเองกับสังคม ที่ยอกย้อน ยักย้าย ลักปิดลักเปิด หากนำ�ไปเชื่อมโยงกับ ตัวเลข 13 ในมายาคติสากลคือตัวเลขแห่งซาตาน หรือ พวกขบถ เขาก็คงเป็นขบถศิลปินที่สร้างสรรค์งานศิลปะ เพื่อหักล้างตัวตนเดิม ความคิดเดิม ความเชื่อเดิม ไปสู่ วิถีทางที่เขาเชื่อว่ามันอาจจะใช่ แล้วนำ�เสนอสู่สาธารณะ เพือ่ สะสางชุดความคิดและความเชือ่ เดิมๆทีก่ ำ�ลังขับเคลือ่ น สังคมอยูเ่ สมือนว่าเป็นประกายไฟจากหัวไม้ขดี ก้านเล็กๆ ที่ มีเขาเป็นผูจ้ ดุ และผูช้ มมีสทิ ธิโ์ ดยชอบธรรมทีจ่ ะส่งต่อหรือ เป่าดับ โดยที่บทสรุปสุดท้ายจะเป็นเช่นไร ไม่สำ�คัญเท่ากับ ระหว่างทางนั้นผู้ชมได้ใช้กระบวนความคิด วิเคราะห์ และ สังเคราะห์ด้วยใจที่เป็นกลางและเปิดกว้างเพียงใด
This is a series of thirteen paintings, with thirteen dimensions of thought and thirteen illusions that Wittawat conveys with all his might, energy and spirits to challenge himself and the society that is complex and ever contradicting itself. If we relate it to the number thirteen in the universal belief that it is an unlucky number, Wittawat is possibly an out law artist who creates works to break through his own self and the old beliefs and traditions towards the path that he believes. He aims to present to the public audience to resolve the old and traditional minds that drive today’s society; as though he is a small spark from a match stick and the audience has their own rights to pass on the fire or blow it off. In the end, the conclusion is not as important as in the meanwhile the audience gets to use their thought process and how open their minds are when assessing and synthesizing the outcome after seeing this exhibition.
การศึกษาบอกให้เราฟัง สอนให้เราเชื่อ ทั้งที่จริงแล้ว ทุกสิ่งอย่างนั้นหมิ่นเหม่ จวนเจียนจะทลาย และอุดมไปด้วยอันตรายที่เราไม่เคยมองเห็น Education makes us listen and believe, even though in truth, nothing has a definite identity. Everything is full of invisible traps.
ในขณะที่เราเป็นลูกข่างที่ถูกปั่นหมุนจากหลายทิศทางให้เชื่อในบางสิ่ง เคยรู้สึกถึงอันตรายที่เรากำ� ลังเผชิญอยู่หรือไม่? รู้สึกถึงความตายที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเราหรือไม่? While we are made to spin like a top and influenced to believe in things we are led to belive; have we ever realise the traips in front of us? Have we ever felt the death that is creeping behind us?
สิ่งที่ถูกห่อหุ้ม และป้องกันการสูญสลาย ย่อมกระตุ้นความอยากรู้ของคน แต่บางเรื่อง คนในก็ไม่อยากบอก แต่คนนอกก็พยายามจะหยั่งรู้ A hidden and protected thing always provokes a man’s curiosity. Sometimes, the more you try to hide it, the more curious other people get.
ในอีกมุมหนึ่งของความเชื่อและศรัทธาในศาสนา ก็ไม่ต่างอะไรกับเหล็กแหลมที่คอยทิ่มแทงเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน At the other angle of faith and religious belief, there is a sharp metal that is constantly digging into us.
โครงสร้างและระดับชั้นของคนในสังคมในแนวดิ่ง คือสิ่งที่คนบางกลุ่ม พยายามจะสงวนรักษาเอาไว้ แต่วันหนึ่งมันจะละลายหายไป เหลือเพียงสังคมในแนวนอน ที่ทุกคนเท่าเทียมกัน The structure of a vertical society is slowly melting; eventually we will be left with a horizontal society where everybody is equal.
ความจริงนั้นเจ็บปวด ยิ่งค้นหา ยิ่งเปิด ยิ่งพบความซับซ้อนและอันตราย สุดท้ายก็คงต้องหยุดและปล่อยให้ถูกปิดซ่อนต่อไป แต่ไม่นานหรอก ความจริงนั้นจะเปิดเผยตัวของมันเอง Reality always hurts. The more you look into it, the more you find that it is complexed and dangerous. In the end, the search will stop, but the truth will find its way to exposure.
สุดท้ายแล้ว ทั้งหมดที่ขบคิดกันมา ก็จบลงตรงที่ “ความจริง” ไม่มีอยู่อีกต่อไป ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนตัวของแต่ละคน ไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก In the end, all the things that have been philosophically discussed ends at the realisation that “truth” and “reality” does not exist. Reality exists only in the judgment of one’s own acceptance. Nobody is wrong; nobody is right.
Collector’s Corner I first met Wittawat Thongkeaw at the Art Market held at the National Gallery in 2004. I was surprised to see someone still painting in Photorealism during the beginning of the new millennium. I thought it was a bit out-of-fashion nonetheless I admired his talent. His gift is revealed in meticulous details and fine brushstrokes. It showed how hard he works so I bought some of his artwork in small size for decoration.
Love at First Sight เวลาแตงไปดูงานศิลปะ และตัดสินใจซือ้ งานสักชิน้ มาเก็บ แตงจะเอาความ ชอบของตัวเองเป็นที่ตั้ง งานของคุณซานโต้ (วิทวัส) เป็นหนึ่งในผลงาน ที่โดน รูปนี้เหมือนปิรามิดที่ฐานของมันย่อมแผ่กว้าง และยอดที่แคบ เหมือนในสังคมหนึง่ ทีอ่ ดุ มคติของสังคมนัน้ มักผ่านการ Propaganda ว่าสุดยอด Utopia แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่ผู้ปกครองนั้นให้แก่คนใน สังคมคือ ความรู้ครึ่งๆ กลางๆ คนโง่ ปกครองง่าย โง่ และขุนให้อ้วน His landscape paintings not only capture the moment but เหมือนหมู นิง่ ชักจูงง่าย ต้อนเข้าโรงฆ่ายิง่ ง่าย นีแ่ หละ สังคมบริโภคนิยม also show the mood of the period. Beyond the surface of water ripples, cloud patches, and sunlight beams, Wattawat’s โสภาวดี บุณยรักษ์ works hold depth of meanings. They can also be interpreted as Buddhist-related Art because he seizes both the time and the tide which forever flow. The perpetual tick of the clock stops and then framed on his canvas. Although the instant has gone, the impermanence has become permanent. When I first encountered Khun Wittawat’s work, it was by About a year later I acquired one of his larger works which is chance about a month before his exhibition at Subhashok now on the wall of my restaurant, Ruen Urai. It is a scene of The Arts Centre. His work were just leaning on the side sun setting upon Bangkok seen from the top of a building on of the gallery walls without any lighting or set up, but yet Bangna-Trad Highway. Many of my friends and customers they have the most alluring impact on my emotions. Most are impressed and always ask about it, whether who it is by of his works were done in dark and mysterious colors in hyper realism technics, they were emotionally complicated or where it was painted. yet intriguing. I fell in love with his works not just by the When he painted his Masters’ thesis works, I was again sur- beauty of them but the massages they carry to reflect what prised. He painted puddles and reflections on them. They are is going on in our society. darker and moodier. I no longer see atmospheric sunsets and As a Thai, I think it’s important to have a talented local gentle ripples of waves. These get more serious and stronger. artist with such bravery and creativity. Wittawat portrays the controversial and skepticism of our society long rooted Few years after his works gained some recognition and awards. believes in a way not many have done before. Besides teaching, he had a few solo shows which were moderately successful. However, he disappeared for several years. Tharaphut Kuhapremkit After his absence, one day he called and showed up with newer and finer works of Japanese landscape and a new series which made me very excited. It is all in Still Life. Always true to his character, his Still Life paintings remain Realistic but they are full of meanings. Buddhist teachings, the mystery of life meanings, and the fine line of myth and truth in the society immensely inspire him. His latest series give more dimensions to his work and I am so proud that the stories of his paintings have more substance. I can’t wait to see how his works will evolve in the next series. Dr. Navamintr Vitayakul, owner and General Manager of the Rose Hotel and Ruen Urai Fine Thai Cuisine
Upon first glance, ILLUSION (outer layer no.1) entices you in with the image of a delicious dessert. The colours and imagery are vivid, the detail almost photographic and with the right lighting, rather intense. However, upon further inspection it reveals a more sinister aspect and reminds me that with almost every pleasure in life, there is inevitably a price to pay. I look forward to following Wittawat’s future works. Richard Reaveley
THE
Momentum คือ ความสามารถในการเคลื่อนที่ของวัตถุในความเร็วเท่ากัน วัตถุที่มีมวล มากกว่าจะขับเคลื่อนเร็วและแรงกว่าวัตถุที่มวลน้อย คำ�นิยาม “The momentum“ จึง ถูกหยิบยกมาเป็นคอนเซ็ปต์หลักให้กับงานนิทรรศการส่งท้ายปลายปีของ หอศิลป์ ศุภโชค ดิ อาร์ท เซ็นเตอร์ เพื่อเปรียบเปรยถึงสภาวะพลังการสร้างสรรค์ของศิลปินที่ไม่หยุดนิ่ง ผ่านผลงานหลากหลายรูปแบบจาก 5 ศิลปินไทยมากความสามารถ ที่มีรูปแบบงานโดดเด่น ชัดเจน มีทิศทางเฉพาะตน แตกต่างกันไปตามมิติชีวิต The Momentum คือแรงขับ เคลื่อนของชีวติ ศิลปิน ที่จะเร็วหรือแรงทรงพลังแค่ไหน งานศิลปะของเขาและเธอคือคำ�ตอบ
MEN TUM
Momentum is the movement of an object. In the same speed, an object with more mass will move faster than an object with lesser mass.The word “momentum” is brought up as the core concept for the end-of-year exhibition at Subhashok the Arts Centre to refer to the creative momentum of our artists that never stops. Through the borderless creativity of five talented Thai artists whose works maintain their own identity and directions; differing in their own paths of life. The Momentum is an exhibition driven by the lives of the artists. You are invited to discover their speed and impact by their arts.
MO
เปีย่ มจันทร์ บุญไตร ศิลปินหญิงมากพรสวรรค์ เอกลักษณ์ของผลงานเป็นทีจ่ ดจำ� ทัง้ ความ แสบสันประชดประชันสังคมได้อย่างมีอารมณ์ขนั รอบนีเ้ ป็นการเดินทางต่อจากนิทรรศการ Human Noid ในปีที่แล้ว ศิลปินเพิ่มดีกรีความสนุกเร้าใจให้กับผลงานประติมากรรม ของตนเองด้วยเทคนิคที่หลากหลาย ผสมผสาน แต่ยังคงการันตีเนื้อหาผลงานที่ครบรส กลมกล่อม เรียกรอยยิ้มจากผู้ดูได้แน่นอน Piamchan Boontrai - A gifted female artist whose unique works are very memorable for their satirical take on the society; this time she has traveled forward from the exhibition Human-Noid last year. She has turned the heat up to higher degrees with her sculptures incorporating various techniques, but we guarantee a very tasteful and juicy contents that will call for your thoughts. ป๋อง แท่งทอง ผลงานในครัง้ นีถ้ อื เป็นจุดเริม่ ต้นของนิยามคำ�ว่าศิลปินอย่างเต็มตัวครัง้ แรก ในชีวิตของเขา ประสบการณ์ที่ผูกพันกับงาน Stop motion มาร่วม 10 ปี ทำ�ให้เขาคน นี้กำ�ลังจะสร้างมิติใหม่ในวงการประติมากรรม เทคนิควิธีการเฉพาะทางที่คิดค้นขึ้นถูกนำ�มา เป็นกลไกสำ�คัญสำ�หรับการสร้างงานขึ้นงานจาก มือ และจบงานพร้อมด้วยร่องรอย ลาย นิ้ว เสมือนถ่ายทอด dna ตน ไปบนพื้นผิวผลงานเหล่านั้น ความน่ารักจากคาแรคเตอร์ที่ เขาสร้าง ซ่อนนัยยะชีวติ สีเทา ความเหงาโดดเดีย่ ว การยึดติดกับบางสิง่ ตลอดมางานศิลปะ ครั้งนี้ของเขาจึงคล้ายจะเป็นลายแทงให้ศิลปินตามหาตัวตนในบทบาทที่รอคอย Pong Tangtong - This exhibition marks the start line for his path as an artist first time in his life. With the experience in stop motion animation for over ten years, Pong has brought a new dimension into the world of Thai sculpture. With an original technique that Pong has used as the core mechanism to put together his sculptures by hand,
he finishes of each sculpture with a trace of his fingerprints as though he is transferring his DNA on to the surface of his art works. Behind the cute characters that he has created hides loneliness and solitude that had always been clinging on to him. This exhibition is like a map for him to trace to his true self that he’s been searching for. ณัฐภัทร ดิสสร ศิลปินหน้าใหม่ทมี่ สี ไตล์สว่ นตัวไม่เหมือนใคร การวิจารณ์ ล้อเลียนและเย้ย หยันสังคมคือความท้าทายสำ�หรับเขา ศิลปินสร้างผลงานให้มปี ฏิสมั พันธ์กบั ผูค้ น เจตนารอ คนมาร่วมเล่นด้วย ผลงานในครั้งนี้จัดเต็มทั้ง 2 มิติ และ 3 มิติ อาทิเช่น ผลงานวาดเส้น การ์ตูนความหมายร้ายลึก งานจิตรกรรมสีน้ำ�มัน กับความจงใจส่วนตัวที่อยากให้เห็นได้ทั้ง ด้านหน้า และ ด้านหลัง และยังมีจิ๊กซอว์ไม้ขนาดใหญ่ ที่สร้างขึ้นจากตัวละครที่อ้างอิงที่มา จากชีวิตจริงของตัวศิลปินเอง ผลงานของเขาเหมือนเกมทดสอบจิตใจ ช่วงชิงกันระหว่าง อำ�นาจฝ่ายต่ำ�ของมนุษย์ และความรักความเมตตาที่สังคมอาจจะหลงลืม Nattaphat Dissorn – Our new artist with his own unique style. Making fun of the society is the challenge Nattaphat tackles constantly. The artist had created art works that will interact with the audience, waiting for someone to join in with their play. This exhibition comes in full throttle both in two dimensional and three dimensional works, for example, his drawings and oil paintings that are meant to be seen and appreciated from both the front and the back of the canvas; the wooden jigsaws that are created based on the real characters in the artist’s life. Nattaphat’s works are like a game that tests the audience hearts – the fight between the lower morals in ourselves and the love and kindness that we may have forgotten. คียาภัทร เกตุไสว ศิลปินอายุน้อยทักษะเยี่ยมที่ครั้งนี้ถ่ายทอดความชื่นชอบส่วนตัว เขียน ภาพบุคคลที่มีบทบาทสำ�คัญหลากหลาย ทั้งผู้นำ�การปกครอง ศิลปิน นักร้อง นักแสดง หรือ บุคคลที่ถูกนิยามให้เป็นแรงบันดาลใจของโลก มีส่วนเปลี่ยนแปลงแนวคิดชีวิตผู้คน ผลงานของเขาเต็มเปีย่ มไปด้วยเสน่ห์ และมีสไตล์การเขียนทีเ่ ป็นตัวของตัวเองอย่างดีเยีย่ ม ภาพเขียนชุดนี้ มีที่มาเริ่มต้นมาจากสมุดสเก็ตซ์หนึ่งเล่มที่เปรียบเสมือนพื้นที่ฝึกฝนจิตใจ ของศิลปิน Keeyapaht Ketsawai – A young artist with incredible skills. This time, he chooses to present his personal preference for painting portraits of important people who influences the world: from leaders to artists to people who are called the “inspiration” to the world. His charming and personalised style of painting and drawing. His charming and personalised style of painting stemmed from one small sketch book that serves as a space for the artist to refine his painter skills.
เด็กหญิงเพ้นท์ฟ้า ชาญชุติวาณิช เด็กน้อยที่เติบโตพร้อมกับ พรสวรรค์ที่งดงามเมื่อเริ่มเข้าสู่ระบบการศึกษา การศึกษาแบบ โฮมสคูลโดยครอบครัว คือทางที่เลือกเพื่อมุ่งมั่นเรียนรู้ศิลปะ อย่างเต็มทีพ ่ รสวรรค์และใจรักศิลปะของลูกสาวได้รบั การประคับ ประคองด้วยแรงใจจากครอบครัวทีท่ มุ่ เทผลักดันให้ทกั ษะของสาว น้อยพุ่งทะยานไกล ผลงานตั้งแต่ระหว่างอายุ 6 ขวบถึงปัจจุบัน มากกว่า 100 ชิ้นจะถูกนำ�มาโชว์ในงานครั้งนี้ ผลงานที่จะสร้าง ประสบการณ์ใหม่ให้กบั วงการศิลปะ และเชือ่ อย่างยิง่ ว่าเมือ่ ได้ชม ผลงานของเธอผู้ดูอาจลืมไปเลยว่านี่เป็นผลงานของเด็กหญิง อายุเพียง 8 ขวบเท่านั้น Paintfa Chanchutiwanich – A little girl that grows up each day with her beautiful gift. Being educated by a home-school system, Paintfa’s parents support and encourage her to pursue her artistic passion with full momentum. Paintfa takes off her exhibition with over a hundred pieces of art works that she had been working on since she was six years old. This exhibition will bring a new sensation and experience to the Thai art scene; and we believe strongly that once you get to see her work, you will forget that she is only eight years old. คนรักความหลากหลายไม่ควรพลาด งานนี้จัดเต็มจริงๆ นิทรรศการ “The Momentum “ จะจัดแสดง ที่ชั้น 1-3 อาคารใหม่ หอศิลป์ ศุภโชค ดิ อาร์ ท เซ็นเตอร์ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ถึง 18 มกราคม 2558 เข้าชมฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและเรียนเชิญเข้า ร่วมงานเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 18:00 น. ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ 086-891-1893 Please don’t miss this great opportunity for all the art lovers. Subhashok the Arts Centre will end the year on a high note with our exhibition “The Momentum” at the new gallery Subhashok the Arts Centre, Sukhumvit 39, from 15th of November 2014 until 18th of January 2015. Free admission. Opening reception on the 15th of November 2014 at 18:00 hours. For more information, please contact 086-891-1893
S.A.C. Calendar Singapore Art Fair 2014 Paris Art Fair (France) 2015 Plambeace Art Fair (USA) 2015
Previous Exhibition Pulse
Dramathais by Adler Subhashok
22 May – 2 August 2014 “Pulse” – A beat of heart that we miss dearly by Pattrawut Wattanawechsak “Pulse”- Beautiful strokes of drawing that the artist uses to bring life back to his puppets by Chaiyot Jindagun
Gallery Bangkok
9 October – 30 November 2014 Because the world is a stage, everybody has their own character and direction to follow; the same can be said for the artists. Each character and role was represented through intense yet seductive paintings by Preyawit Nilachulaka, Theekawut Boonvijit and Teerawat Nutcharoenpol. The opening night was greatly supported by Sang-Som, ThaiBev Co. Ltd., and Dunkin’ Donut.
Transuniverse
2 August – 10 October 2014 A journey guided by the works of three artists. Niam Mawornkanong, an artist whose wonderful paintings were created by his instinct in compensation of his colour-blindedness. Praiya Ketkul built a kingdom of nature through her paint brushes. Sinit Saejia challenges the society with his miniature sculptures.
ฉบับหน้า…
ติดตามการเจาะลึกพลังขับเคลื่อนของ 5 ศิลปินที่แตกต่างกันทั้งรูปแบบผลงาน ประสบการณ์ชีวิต เขาและเธอทั้ง 5 เรียนรู้ ค้นคว้า สร้างสรรค์ภาษา เพื่อสื่อสารให้โลกรับรู้ ผ่านผลงานศิลปะ ของตน ติดตามกันนะคะ กับ นิทรรศการ “ The Momentum “ ป๋อง แท่งทอง ผู้กำ�กับ Stop motion ที่จะสร้าง ทางเลือกให้ผลงานประติมากรรม เปี่ยมจันทร์ บุญไตร กับอีกก้าวพัฒนาการของพรสวรรค์ ที่ไม่เคยหยุดนิ่งของเธอ ณัฐภัทร ดิสสร ผลงานจัดวาง พร้อมผลงานจิตรกรรม เพื่อทดสอบจิตใจมนุษย์ด้านดีและเลว คียาภัทร เกตุไสว ครั้งแรกของศิลปินกับทักษะที่ยอดเยี่ยมผ่านลายเส้นภาพบุคคลสำ�คัญของโลก เพ้นท์ฟ้า ชาญชุติวณิช เด็กหญิง 8 ขวบ ที่เป็นความมหัศจรรย์ของวงการศิลปะของไทย จุดเริ่มต้นเล็กๆที่แสนงดงาม
In the next issue…
Read deeper into the drive of five different artists whose life experiences had taught them to search, create and convey their worlds through their own style of arts. Look out for our upcoming exhibition “The Momentum” Pong Tangtong – A stop motion animation director shining a new opportunity for sculptors Piamchan Boontrai – Newest development of her ever-growing talent Nattaphat Dissorn – Installations and fine paintings are ready to challenge your good and evil conscience Keeyaphat Ketsawai – Debut exhibition for the skillful artist with his drawings of influential people of the world Paintfa Charnchutiwanich – An eight year old girl; a wonder for Thai art scene and a beautiful growing seed bursting with potential. ผลงานนิทรรศการ “ The Momentum “ จะจัดแสดงตั้งแต่ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ถึง 18 มกราคม 2558 ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ 02-2585580 ต่อ 401 และ 086-8911893 เวลาทำ�การ 10:00 - 18:00 น. “The Momentum” exhibition begins 15th November 2014 through to 18th January 2014 For more information please contact 02-2585580 ext. 401 and 086-8911893 during office hours. 10:00 am.- 6:00 pm.