WRITE »‚·Õè 1 ©ºÑº·Õè 3 à´×͹ÁÕ¹Ò¤Á 2552
ÊÑÁÀÒɳ : ºÃóҸԡÒúÃÔËÒà Êӹѡ¾ÔÁ¾ ÊÁÁµÔ ˹ѧÊ×͹͡¡Ãͺ : ¾Ô³»ÃÐÀÒ ¢Ñ¹·Çظ ¤ÇÒÁàÅÔÈÅÍÂÍѹ¨ÍÁ»ÅÍÁÏ : ªÒµÔÇØ²Ô ºØ³ÂÃÑ¡É BOOK&MOVIE : તͿ¡ÑºÊعѢ »ÅÒÂÊÒÅÐÇÔ¹·ÕèÁÐÅÐáËÁ‹§
WRITE E-MAGAZINE 1
write.dmg
สวัสดีท่านผู้อ่านอีกครั้งนะครับ WRITEฉบับที่สามที่ท่านอ่านอยู่นี้ออกช้าอีก ตามเคยผ มไม่มขี อ้ แ ก้ตวั ใ ดๆ ท ดี่ พี อจะเอ่ยอ า้ งค งทำได้ เพียงเอ่ยขอโทษท่านผู้อ่านที่ทำให้รอคอยนานเกินไป ฉบับที่สี่ผมสัญญาว่าจะทำออกมาให้เร็วกว่าที่เป็นอยู่ ก่อนเปิดหนังสือดิจิตอลอ่าน ผมมีเรื่องคุยสัก สองสามเรื่อง เรือ่ งแรกฉ บับน มี้ คี อลัมน์ใ หม่ๆ ส อดแทรกเข้า มาให้ได้อ่านกัน ซึ่งผมค่อนข้างพอใจนะครับที่มีเนื้อหา หลากหลายส่งเข้ามา โดยความจริงแล้วผมไม่อยากให้ หนังสือห นักไ ปในทางวรรณกรรมท ว่าอ ยากได้ต น้ ฉบับท ี่ พูดถงึ ท กุ เรือ่ งต งั้ แ ต่ไ ลฟสไตล์ช ีวติ ค วามเป็นอ ยู่ แ ฟชัน่ การออกแบบดนตรีหนังหนังสือท่องเที่ยวอาหารการ กิน อย่างที่ผมเคยบอกว่า “นักเขียน” ไม่ได้มีนักเขียน สาขาเดียว แต่มีหลากหลายสาขา ดังนั้นท่านที่กำลัง ก้าวสู่การเป็นนักเขียน ไม่ควรติดยึดว่าตนเองต้องเขียน “ แ นววรรณกรรม”เพียงอย่างเดียวเพียงแต่ว า่ น กั เขียนไม่ ว่าแนวทางไหน ต่างก็ต้องเขียนให้ดีที่สุดตามมาตรฐาน แนวทางนั้น 2 WRITE E-MAGAZINE
ส่วนบางคอลัมน์หายไป เป็นเพราะนักเขียนมี ภาระส่วนตัว เมื่อว่างก็คงจะกลับมาเขียนให้ท่านผู้อ่าน ได้อ่านกันอีกครั้ง เรือ่ งทสี่ องด ว้ ยระยะเวลาทที่ ำหนังสือเนิน่ น าน หลายเดือนต ามภาวะของผมวา่ “ ว า่ ง”ม ากนอ้ ยเพียงใด ในแต่ละเดือน จึงทำให้ต้นฉบับที่เป็นเนื้อหาข่าว พลอย กร่อยไปดว้ ยข อ้ น ผี้ มจงึ อ ยากจะแก้ตวั ใ นวาระตอ่ ไ ปห วัง ว่าผู้อ่านคงพอให้อภัยผมได้นะครับ เ รื่ อ งที่ ส าม เ นื่ อ งจากมี บ ทความส่ ง เ ข้ า ม า จำนวนมากจากที่ว่าจะไม่คัดสรรค์ในการลงพิมพ์ฉบับ ต่อไ ปผมอาจจะใช้ว ธิ เี กลีย่ ใ ห้ม นั ไ ม่ฟ งุ้ ม ากเกินไ ปท า่ นที่ ส่งม าแล้วไ ม่ผ า่ นอย่าเพิง่ ท อ้ น ะครับต ะกร้าส ร้างนกั เขียน ฉันใด ความพยายามในการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น ย่อม จะสร้างให้นักเขียนแข็งแกร่งขึ้นเฉันนั้นจงอย่ากลัวหาก งานไม่ผ่านการพิจารณา ต้องสู้กับบรรณาธิการต่อไป งานเขียน การเป็นนักเขียนจำเป็นต้องบ่มให้ สุกได้ที่ ไม่ต่างจากผลไม้ ถ้ายังไม่สุก รีบบ่มด้วยแก๊ซ ความอร่อยก็ลดลง แทนที่จะสุกงอมตามธรรมชาติ (ซึ่ง ใช้เวลานาน) การสุกงอมตามธรรมชาติ ย่อมได้รสชาติ ที่ดีกว่า และพิสูจน์ว่าเป็นของจริง ไม่มีใครล้มล้างหรือ ทำลายได้ ส ำหรับท า่ นทตี่ อ้ งการสง่ ต น้ ฉบับม ายังW RITE ส่งได้ที่E-Mail:niwat59@gmail.com ก่อนจากกัน พบกันในงานสัปดาห์หนังสือ ที่ บู๊ธ ALTERNATIVE WRITERS N38 โซน C1 นะครับ แวะไปทักทายกัน นิวัตพุทธประสาท
WRITE E-MAGAZINE 3
CONTENTS BOOK ON THE SHELF 06 บทกวี 08 กิจกรรมหนังสือ 10 สัมภาษณ์ 14 ความเลิศลอยฯ 26 หนังสือนอกกรอบ 32 WRITER FOTO 35 นักเขียนใหม่กับสัญญาน่าคิด 36 กระต่ายติดซอย เพลย์บอยติดใจ 40 NOSThhhALGIA 42 MY BLUEBERRY NIGHTS 46 BOOK&MOVIE 48 หนึ่งรูป หนึ่งเรื่อง ความทรงจำ 54 โลกเหงา 56 ก่อนจะเป็นเกี๊ยว 62 กติกาการประกวดเรื่องสั้น WRITE 64
WRITE e-Magazine www.thaiwriter.net บรรณาธิการ: นิวัต พุทธประสาท กองบรรณาธิการ : อัจฉริยะ ใยสูง นักเขียนประจำ : “โนลีโอ”, พลพะยาบ, ลุงยะ, ผู้หญิงตะวันออก, สมศักดิ์ แซ่เล้า ออกแบบรูปเล่ม: Porcupine Books Design ขอบคุณ: สมาชิกไทยไรเตอร์ดอตเน็ต , www.f0nt.com สำนักงาน: 9/8 หมู่ 9 บางช้าง สามพราน จังหวัดนครปฐม 73110 www.thaiwriter.net โทรศัพท์: 034-295424 โทรสาร: 034-295283 E-Mail: porcupine@thaiwriter.net WRITE e-Magazine ยินดีเปิดรับต้นฉบับ บทความ ความเรียง เรื่องสั้น บทกวี บทวิจารณ์ สารคดี หากท่านสนใจสามารถส่งต้นฉบับ ด้วยการแนบไฟล์เวิร์ด พร้อมภาพประกอบ (หากมี) มาที่ niwat59@gmail.com ทั้งนี้ WRITEe-Magazineเป็นนิตยสารออนไลน์แจกฟรีไม่มี โฆษณา ไม่มีรายได้ จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านการเขียนจึงยังไม่สามารถจ่ายค่าเรื่องได้โปรดพิจารณากติกาข้อนี้ก่อนส่ง ผลงานของท่าน 4 WRITE E-MAGAZINE
ALTERNATIVE WRITERS N38
WRITE E-MAGAZINE 5
BOOKONTHESHELF text:สมศักดิ์แซ่เล้า
เสียงเล่าจากเครื่องฉาย
ผลงานในอดีตของ อภิชาติ ศักดิ์ชลาธร
ง านสั ป ดาห์ ห นั ง สื อ จ ะเ ริ่ ม ต้ น อี ก ค รั้ ง ในเดือนมีนาคม เดือนนี้นักอ่านคงต้อง เตรยี มสตางค์เอาไว้จ บั จ า่ ยกนั พ อสมควร เพราะในชว่ งสหี่ า้ ป น้ี ี้ ง านสปั ดาห์ห นังสือ ได้เปลี่ยนจากเอาหนังสือสต๊อกเก่ามา เลหลังขาย มาเป็นงานเปิดตัวหนังสือ ใหม่ จะว่าเป็นประเพณีไปแล้วก็น่าจะ ใช่ ไม่ว่าสำนักพิมพ์เล็กสำนักพิมพ์ใหญ่ ก็อยากได้เงินสดมาหมุน ให้สำนักพ้ิมพ์ ตนเองได้หล่อเลี้ยงสภาพคล่อง ไม่ว่า กัน “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” อยาก ให้สำนักพิมพ์จัดพิมพ์งานที่ตนชื่นชอบ นักอ่านต้องสนับสนุน โดยเฉพาะสำนัก พิมพ์เล็กๆ ไม่ส ามารถพงึ่ พายอดขายจาก ร้านหนังสือไ ด้ง านสปั ดาห์ห นังสือจ งึ เป็น 6 WRITE E-MAGAZINE
ช่องทางหนึง่ ท จี่ ะทำให้ห นังสือเดินทางถงึ มือคนอ่าน...โดยตรง(แม้ไม่ใช่วิธีที่ดีแต่ เวลาแบบนี้ทุกคนต้องเอาตัวรอด)555 ฉ บั บ นี้ มี ห นั ง สื อ ใ หม่ อ อกม า คับคั่ง เรียกว่าเดินไปสำนักพิมพ์ไหน ล้วนแล้วแต่พิมพ์หนังสือปกใหม่ ๆ มา ให้อ่าน เริ่มจาก “เจ้าพ่ออินดี้” จาก อดีต ที่ตีพิมพ์หนังสือมาแล้วหลายปก แต่ไ ม่ค อ่ ยมใี ครรจู้ กั เป็นเพือ่ นรว่ มรนุ่ ฟ า้ พูลว รลกั ษณ์แ ม้ช ว่ งทผี่ า่ นมาเขาหายไป จากแวดวงการเขียนหนังสือทำธุรกิจมา อย่างหลากหลาย ผ่านชีวิตอันโชกโชน ทั้งบนดินใต้ดินวันนี้อภิชาติศักดิ์ชลาธร กลับมาเขียนหนังสืออีกครั้ง งานของเขา
ต่างแตกจากฟ้า งานของเขาเป็นงาน วิชวลอาร์ตทั้งรุนแรงตรงงานเล่มใหม่ ของเขา “ทวิลักษณะของคลื่น-อนุภาค” เม่นฯ สนับสนุน “เสียงเล่าเรื่องจากเครื่องฉาย” หกเรื่องสั้นจากนักเขียนรุ่นใหม่ไฟแรง แห่งยุค ประกอบไปด้วย อนุสรณ์ ติป ยานนท์,ป ราบดาห ยุน่ ,1 0เดซิเบล,อ ทุ ศิ เหมะมลู ,ก ติ ติพ ลส รัคค านนท์แ ละภาณุ ตรัยเวช โดยหนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น สองส่วน ส่วนแรกเป็นพากย์ไทย ส่วนที่ สองเป็นพากย์อังกฤษใครชอบอ่านเรื่อง สั้นชอบดูหนังเล่มนี้เหมาะมาก ในที่สุดก็มีสำนักพิมพ์จัดพิมพ์ ผลงานของ เจ.ดี. ชาลิงเจอร์ เรื่อง The
ของฝากจากโตเกียว The Catcher in the Rye แปลโดย ปราบดา หยุ่น
Catcher in the Rye หลังจากเป็นข่าว ซิบมาหลายปีว่าสำนักพิมพ์โน้น สำนัก พิมพ์นี้อยากจะพิมพ์ ในที่สุดสำนักพิมพ์ น้องใหม่ (ในขวดเก่า) อย่าง “ไลต์เฮาส์ พับลิชชิ่ง” ก็ได้ลิขสิทธิ์อย่างถูกต้อง สม ศักดิ์เคยอ่านเล่มนี้ตั้งแต่พิมพ์พากย์ไทย ครั้งแรกเมื่อหลายสิบปีก่อน จะบอกว่า TheCatcherintheRyeเป็นคัมภีร์ของ เหล่าบุปผาชนก็ไม่ผิด สมัยนั้นฮิปปี้จะ ต้องพกหนังสือเล่มนี้เอาไว้ท้ายกระเป๋า กางเกงยีนส์ ทำไมเป็นอย่างนั้น เพราะ นิยายเล่มนี้พร่ำบ่น รำพึงรำพันถึงชีวิต อเมริกันชนในยุคดังกล่าวได้อย่างแจ่ม แจ้งแดงแจ๋นั่นคือไร้อนาคตหม่นหมอง สงคราม และการเมืองเรื่องโกหก แถม เดวิด แชปแมนผู้สังหารจอห์น เลนนอน ยังป า่ วประกาศวา่ เขาไม่อ ยากเห็นจ อห์น เลนนอน “เปลี่ยน” เหมือนดังตัวละคร “ ผ ม”ใ นT heC atcherintheR yeพ ดู ถ งึ น้องของเขาว่าไม่อยากให้เขาโตขึ้น ไม่รู้ ว่าหนังสือเล่มนี้...เนื้อหายังโดนใจคนวัย นี้หรือไม่ค งต้องพิสูจน์กัน หนังสือท่องเที่ยวกำลังมาแรง
เรื่องรักธรรมดา : เพราะรักเหมือนเดิม สำนักพิมพ์เม่นวรรณกรรม
เหลือกำลัง มองดูตามแผงแล้วมีเล่มที่ สะดุดใจเล่มหนึ่งจากสำนักพิมพ์วงกลม “โตเกียว มิยาเงะ” หรือ “ของฝากจาก โตเกียว” เขียนโดย พลอย มัลลิกะมาส เรื่องราวของโตเกียวในมุมมองสาวน้อย ที่หลงรักโตเกียวและกลับไปเยือนหลาย หนจนคันมือต้องเขียนความรู้สึกผ่าน ออกมาเป็นตัวอักษร แบ่งปันวิถีการเดิน ทางสนู่ กั อ า่ นใ ครทกี่ ำลังเดินท างไปญปี่ นุ่ โดยเฉพาะโตเกียว หนังสือเล่มนี้แนะนำ สถานทเี่ ล็กๆ ส ถานทนี่ า่ ร กั แ ละสถานทที่ ี่ ทัวร์ไม่เคยพาไปเดินทางให้สนุกนะครับ ม าถึ ง ห นั ง สื อ เ ล่ ม สุ ด ท้ า ยที่ จะออกวางแผงครั้งแรกในงานสัปดาห์ หนั ง สื อ ส มศั ก ดิ์ ยั ง ไ ม่ เ ห็ น ห นั ง สื อ ตั ว เป็นๆ นะครับ บก. ท่านเล่าคร่าว ๆ ว่า หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ห่างจากเล่มแรก
ถึง 8 ปี หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือ “รัก” แต่ร กั ข องพวกเขาทะลึง่ ไ ม่ค อ่ ยไม่เหมือน คนอื่น แปลกไหมละ บก. เรายังร่าย ให้สมศักดิ์ฟังต่อมาว่า ถ้าใครเอียนกับ เรื่องรักหวานแหววแบบ “แจ่มใส” “วัย หวาน” หรือเรื่องเท่ ๆ แบบ a day ลอง หยิบหนังสือเล่มนี้ไปอ่าน เอาเข้านั่น ไป แขวะเขาอีกบรรลัยไหมละ555แซวกัน นิดหน่อยจะได้มีสีสัน “เรื่องรักธรรมดา : เพราะรักเหมือนเดิม”12นักเขียนที่ท่าน อาจจะคุ้นเคยและไม่เคยคุ้น แต่รับรอง ว่าได้รสชาติเรื่องรักในแบบของพวกเขา และเธอ ฉบับนี้หมดหน้าที่อีกครั้ง อย่า ลื ม แ ว ะ ไ ป อุ ด ห นุ น ห นั ง สื อ ที่ บู๊ ธ ALTERNATIVE WRITER N38 โซน C1 นะครับ g WRITE E-MAGAZINE 7
บทกวี
ฐากูรบ ุญ สุวรรณ
8 WRITE E-MAGAZINE
เมื่อฉันล องมองหา เมื่อฉันลองถามหาซึ่งคนขาดรัก คนขาดรักแวะทักยิ้มยื่น ฉันถามหาซึ่งคนเปี่ยมรักยาวยืน คนเปี่ยมรักเริงรื่นยื่นยิ้มกลับมา… เมื่อฉันลองมองหาความเศร้า ไม่นานความเศร้าเร้ารุมหา พอฉันมองหาความเฉยชา เพียงครู่,ความเฉยชาปรี่มาทักทาย เมื่อฉันลองถามหาความหอม ดอกไม้เชิญดอมก่อนหอมหาย ฉันแกล้งถามหาความตาย ความตายก็คล้ายจะเผยยิ้มจริงใจ เมื่อฉันลองถามหาถึงคนป่วยไข้ มองไปไม่ไกลรอบตัวล้วนสั่นไหว พอฉันมองหาคนแข็งแรงดวงใจ ใช่,ไม่ไกลเช่นกันฉันพบเจอ เมื่อฉันลองมองหาความเหงา ไม่นานแสงเงาเทาทึมเข้าเสนอ ฉันลองมองหาความงามแห่งเธอ ใช่,ฉันเจอมัน เมื่อฉันลองมองหาความสุข แล้วความทุกข์ก็เร้นหลบเหหัน ฉันลองมองหาความรักสามัญ ทุกค่ำวันฉันพบเจอ… นั่นสิ,เมื่อฉันลองมองหาสิ่งใด ใช่,ฉันได้พบสิ่งนั้นเสมอ บางทีฉันอาจจะลองถามหาเธอ เพื่อจะถามว่าเธอ...เธอมัวเหม่อมองหาสิ่งใด?
WRITE E-MAGAZINE 9
กิจกรรมหนังสือ/๑
เปิดตัวสำนักพิมพ์GMBooks แ ละร่วมฟังความคิด‘คนเมืองกับเรื่องหนังสือ’ text : อัจฉริยะ ใยสูง
การเปิดตัวสำนักพิมพ์ GM Books กลายเป็นที่น่าสนใจของ ใครหลายๆคน โดยเฉพาะแฟนพันธุ์แท้ของนิตยสารผู้ชายที่ มีอายุอานามมากกว่า20ปี GM อยู่ยงคงกระพันมาได้ขนาดนี้ ไม่ใช่นิตยสาร ธรรมดาที่ขายแต่ความกลวงของหัวสมอง ขายแต่ความ มักง่ายของการทำหนังสือหรือแม้แต่ขายจิตวิญญาณของคำ ว่า‘สื่อ’แต่วันนี้GMได้ป ระจักษ์แล้วว่าคุณภาพเท่านั้นที่ จะดำรงอยู่ได้นานโดยไม่เสื่อมคลาย บ รรยากาศข องง านเ ป็ น ไ ปอ ย่ า งคึ ก คั ก วั น ที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา ร้าน Divana Home Cusine สุขุมวิท 35 เต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ ดารา นักแสดงและ บุคลากรในแวดวงวรรณกรรม อาทิเช่น ว.วชิรเมธี, ปราบดา หยุ่น, วรพจน์ พันธุ์พงศ์ (ซึ่งไม่ค่อยจะปรากฏตัวบ่อยนัก) ละออ ศิ ริ บ รรลื อ ชั ย , สิ ริ ย ากร พุ ก เวช, ตุ ล ย์ ไวฑู ร เกี ย รติ เป็นต้น สำนักพิมพ์ GM Books เปิดตัวหนังสือใหม่ 4 เล่ม ได้แก่G Mc afé,เข็นธ รรมะขนึ้ ภ เู ขา,ย อ่ งเบาเข้าญ ปี่ นุ่ แ ละ โอบามาสัจจะสัญญาสู่อำนาจพร้อมรับฟังการสนทนาเพื่อ ค้นหาแนวทางปฏิวัติสังคมไทยสู่สังคมการอ่านอันเข้มแข็ง ใน หัวข้อ‘คนเมืองกับเรื่องหนังสือ’ ร่วมสนทนาโดย โตมร ศุขปรีชา บก.สำนักพิมพ์ GMB ooks,ภ ญ ิ โญไ ตรสรุ ยิ ธ รรมาบ ก.ส ำนักพ มิ พ์o penbooks และ คำ ผกา นักเขียน-นักแปลอิสระ นำสนทนา โดยคมสันนันทจิตนักเขียน-คอลัมน์นิสต์-พิธีกรรายการ โทรทัศน์ “โครงสร้างการอ่านของไทยไม่แข็งแรง” ภิญโญ ไตรสุริยธรรมาเป็นคนกล่าวเริ่มปัญหาในเรื่องนี้และนานา ทัศนะของคุณภิญโญ ยังได้บอกกล่าวอีกว่า โครงสร้างของ 10 WRITE E-MAGAZINE
ประเทศไทยไม่ดีมาตั้งแต่แรกไม่ใช่เฉพาะโครงสร้างการอ่าน อย่างเดียว ยังรวมไปถึง โครงสร้างเศรษฐกิจ โครงสร้าง สังคม โครงสร้างการเมือง และโครงสร้างหลายอย่างที่ซึ่ง เละเทะอย่างที่เป็นอยู่ คุณภญ ิ โญยงั ได้เสนอแนวความคดิ ใ นการแก้ปัญหา ไว้ว่า ทุกอย่างต้องเริ่มต้นที่ ‘โครงสร้างของการศึกษา’ ต้อง รื้อระบบการศึกษาใหม่ทั้งหมด จัดเอากระทรวงศึกษาธิการ เป็นองค์กรอิสระ ไม่มีการแทรกแซงจากผู้อื่น จัดตั้งระบบ การศึกษาที่ตรงจุด ซึ่งคุณภิญโญเชื่อว่าถ้าแก้โครงสร้างการ ศึกษาได้แล้วโครงสร้างอื่นๆย่อมได้รับการแก้ไขตามมา
ทางด้านของคุณ คำ ผกา ได้เสนอแนวความคิด ที่ต่างออกไป เธอกล่าวไว้ว่า การอ่านของคนไทยไม่ได้อยู่ ที่คุณภาพของหนังสือ แต่อยู่ที่คนเขียนว่าคนๆนั้นเป็นใคร ย งิ่ เป็นค นดงั ห รือด ารามาเขียนหนังสือค วามสนใจในการอา่ น หนังสือย่อมมีมากขึ้น โดยไม่สนใจคุณภาพของหนังสือเลย เพราะค วามอ ยากอ่ า นเ ป็ น เ พราะค นเ ขี ย นไ ม่ ใ ช่ ง านเ ขี ย น มันจึงทำให้พื้นฐานการอ่านของคนไทยมักอยู่กับความสนใจ ที่คนดังเท่านั้น แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การตลาดของหนังสือ เป็นสิ่งสำคัญ เธอเชื่อในการตลาดที่ดี การจะทำหน้าที่ ของหนังสือเล่มนั้นๆ ไม่ได้อยู่ที่คนอ่านเดินมาหาหนังสือ เล่มนั้นเพียงอย่างเดียว แต่หนังสือต้องเดินมาหาผู้อ่านด้วย และเธอยังวิเคราะห์ไว้อีกว่านักเขียนต้องพิจารณาผลงานตัว เองว า่ ห นังสือข องนกั เขียนแต่ละทา่ นนนั้ อ าจจะเป็นห นังสือท ดี่ ี แ ต่อ า่ นไม่ส นุกอ า่ นไม่เข้าใจซ งึ่ เธออยากให้น กั เขียนพจิ ารณา ถึงจุดนี้ด้วย ส่วนคุณโตมร ได้เสนอแนวทางคล้ายๆคุณภิญโญ นั่นคือการศึกษา เพราะการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้ามี ระบบการศกึ ษาทดี่ ี ย อ่ มมโี ครงสร้างการอา่ นทดี่ ี แ ละประเทศ ก็จ ะหลุดจ ากสภาวะทเี่ ป็นอ ยู่ เพราะโดยทวั่ ไปเด็กแ ละเยาวชน สมัยนี้มักจะขาดการไตร่ตรองการนึกคิดมักใช่แค่เพียงคน ดังห รือด าราดงั ๆเป็นแ บบอย่างห ลงไปตดิ เปลือกกบั ส งิ่ พ วกนนั้ โดยไม่เป็นตัวของตัวเองและสุดท้ายเยาวชนไทยก็ขาดความ เป็นตัวเองลง และทั้งสามท่าน ยังได้กล่าวรวมๆไว้อีกว่า การ จั ด ท ำป ระวั ติ ศ าสตร์ ก ารอ่ า นบ้ า นเ รายั ง ข าดต กบ กพร่ อ ง หอสมุ ด แห่ ง ชาติ ไ ม่ ย อมเ ก็ บ ห นั ง สื อ ห ลายๆเ ล่ ม เ ช่ น คู่ ส ร้ า งคู่ ส ม ศ าลาค นเ ศร้ า ห รื อ แ ม้ ก ระทั่ ง ห นั ง สื อ โ ป๊ เพราะห นั ง สื อ เ หล่ า นี้ จ ะเ ป็ น ตั ว บ่ ง บ อกป ระวั ติ ศ าสตร์ ชั้ น ดี แต่ระบบการจัดเก็บหนังสือของไทยมักมองหนังสือพวก นี้ไม่มีคุณค่า เป็นหนังสือชั้นต่ำ แต่หารู้ไม่ว่า นี่แหละคือ ประวัตศิ าสตร์ใ นมมุ ห นึง่ ข องประเทศทแี่ ท้จ ริงถ า้ อ กี 5 0ป ขี า้ ง หน้ามีผู้สนใจประวัติศาสตร์ด้านต่างๆเหล่านี้ใครล่ะจะเป็น ผู้บ่งบอกถ้าไม่ใช่หนังสือทั้งสามท่านกล่าวทิ้งท้าย บรรยากาศการสนทนาเป็นไปอย่างเรียบง่ายแต่ สาระหนักแน่นแขกทั้งหลายต่างชื่นชมในความคิดของผู้ร่วม สนทนาแต่เวลาในการสนทนานั้นน้อยเกินไปผู้ร่วมสนทนา ต่างบ่นเสียดาย อยากมีเวลามากกว่านี้ แต่ก็นั้นแหละ นักเขียนยังเป็นอาชีพเล็กๆในสังคมประเทศไทย ใครเล่าจะเข้าใจได้ถ้าไม่ใช่นักเขียนด้วยกันเอง g WRITE E-MAGAZINE 11
งานชุมนุมช่างวรรณกรรมประจำปี2551
พ ร้อมประกาศเกียรติ‘ป ระกาศว ช ั ร าภร ณ์’น ก ั เขียนชอ ่ ก าระเกด เกียรติยศประจำปี 2551 และประกาศผลเรื่องสั้นช่อการะเกด ยอดเยี่ยมประจำปี text : อัจฉริยะ ใยสูง
ตั้ ง แต่ ‘ช่ อ ก าระเกด’ ถื อ ก ำเนิ ด เ กิ ด ขึ้ น เ มื่ อ ปี พ . ศ . 2 521 ใ นรูปแบบของ‘โลกหนังสือ’ฉบับเรื่องสั้นนับบัดนี้ก็เป็นเวลา 30 ปีเต็ม ที่นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมไทยได้อยู่ควบคู่ มาชา้ น านถ งึ แ ม้จ ะลม้ ลุกค ลุกค ลานและขาดหายไปเป็นช ว่ งๆ (ซึ่งแบ่งได้สามช่วงเป็นหลัก)แต่มาถึงวันนี้พ.ศ.นี้นิตยสาร ช่อการะเกด ก็ได้กลับมาให้แฟนๆทั้งรุ่นเก่า รุ่นกลาง และรนุ่ ใ หม่ไ ด้อ า่ นเรือ่ งสนั้ ช นั้ ด ี ข า่ วและบทความวรรณกรรม ที่เข้มข้นและหนักแน่น ซึ่งถ้าวัดกันที่คุณภาพ ชื่อของ บ.ก. สุชาติสวัสดิ์ศรีคงรับประกันได้เป็นอย่างดี เมื่อวันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงาน ‘งานชุมนุมช่างวรรณกรรมประจำปี 2551’ ณสถาบันปรีดีพนมยงค์พ ร้อมการประกาศเกียรตินักเขียน ช่ อ ก าระเกดเ กี ย รติ ย ศ ป ระจำปี 2 551 แ ด่ ‘ ป ระกาศ วัชราภรณ์’ และประกาศผลเรื่องสั้นช่อการะเกดยอดเยี่ยม ประจำปี2551พร้อมฟังการเสวนาในเรื่องต่างๆซึ่งแบ่งออก เป็นสามช่วงภาคเช้าภาคบ่ายและภาคเย็น ภาคเช้า ร่วมรับฟังความคิดเห็นในหัวข้อเรื่อง ‘เขียนเรือ่ งสนั้ อ ย่างไรให้โ ดนใจบรรณาธิการ’น ำสนทนาโดยบ .ก . ช่อการะเกด สุชาติ สวัสดิ์ศรี พร้อมกับ บ.ก. เรื่องสั้นใน นิตยสารชั้นนำเช่นค.ฅนเนชั่นสุดสัปดาห์กรุงเทพธุรกิจ จุดประกายวรรณกรรม วารสารหนังสือใต้ดิน ( UNDERGROUND BLUETEEN ) ซึ่งนานาทัศนะของบรรณาธิการ แต่ละท่าน ได้ให้ความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปต่อ เรื่องสั้นไทยในปัจจุบัน แต่โดยองก์รวมของความคิดเห็นบรรณาธิการแต่ละ ท่าน คืออยากเห็นเรื่องสั้นไทยในยุคปัจจุบัน มีความคิดริเริ่ม 12 WRITE E-MAGAZINE
สร้างสรรค์ใหม่ๆ ความเข้มข้นของเนื้อหาที่หนักแน่น การ ก้าวขา้ มผา่ นยคุ ส มัยอ ยากให้เรือ่ งสนั้ ไ ทยมคี วามหลากหลาย ไม่ติดอยู่ใน ‘หล่มเพื่อชีวิต’ ‘หล่มน้ำเน่า’ มีความเป็นสากล เห็นมนุษย์ เห็นชีวิต เห็นความขัดแย้งรอบด้าน เห็นสิ่งที่ ลึกลงไปเบื้องใน เห็นการเขียนที่มีศิลปะและชั้นเชิงใน รูปแบบใหม่ๆคือขอให้สร้างงานศิลปะอย่างมีคุณภาพ ภาคบ่าย จัตุรัสความคิดกับนักเขียนช่อการะเกด จากอดีตถึงปัจจุบัน ล้อมวงพูดคุยวิเคราะห์วิจารณ์เกี่ยวกับ
พัฒนาการของเรื่องสั้นไทยในช่วงสามทศวรรษกับเรื่องสั้น ทุกรุ่นวัยใหม่เก่านำเสวนาโดยอนุสรณ์ติปยานนท์พร้อม ศิษย์เก่าช่อการะเกด อาทิ นิวัต พุทธประสาท, เดือนวาด พ มิ วนา,อ รุ ดุ าโ ควนิ ทร์,ข วัญย นื ล กู จ นั ทร์,ไ พฑูรย์ธ ญ ั ญา , วินทร์ เลียววาริณ, ประมวล มณีโรจน์, จารี จันทราภา ฯลฯ การแสดงความคิดเห็นของนักเขียนศิษย์ช่อฯทั้งใหม่ และเก่า เต็มไปด้วยสาระที่หนักแน่น นานาทัศนคติของ นั ก เ ขี ย นต่ า งคิ ด มุ ม ที่ ต่ า งกั น อ อกไ ป เ ช่ น ค วามเ ป็ น โพสต์โมเดิร์น ของงานวรรณกรรมในบ้านเรา ความรู้สึกต่อ วรรณกรรมเ พื่ อ ชี วิ ต ก ารเ ปรี ย บเ ที ย บผ ลง านกั บ นั ก เ ขี ย น ใ นประเทศอนื่ ก ารสร้างผลงานทตี่ ามให้ท นั ย คุ ส มัยก ารสร้าง เรื่องแนวปัจเจกที่วนเวียนแต่ในเรื่องของตัวเอง การสะท้อน ปัญหาของสังคมซึ่งประเด็นต่างๆที่พูดถึงก็ยังคงเป็นปัญหา ที่แก้กันต่อไป ภาคเย็น ปาฐกถาประจำปี 2551 ‘จากวรรณกรรม เพื่ อ ชี วิ ต สู่ ชี วิ ต ใ นว รรณกรรม’ โ ดย อ าจารย์ ธ เนศ อาภรณ์ สุ ว รรณ ค ณบดี ค ณะศิ ล ปะศ าสตร์ ม หาวิ ท ยาลั ย ธรรมศาสตร์ พร้อมประกาศ นักเขียนช่อการะเกดเกียรติยศ ประจำปี2551‘ประกาศวัชราภรณ์’และประกาศผลเรื่องสั้น ช่อการะเกดยอดเยี่ยมประจำปี2551 เรื่องสั้นป ระดับช่อก าระเกดยอดเยี่ยมประจำปี2551 เฟรชคิลล์
เรื่องสั้นโดยกันต์ธรอักษรนำ
ผู้ไร้เหย้า
เรื่องสั้นโดยภาณุตรัยเวช
ความตายของพรานแมง
เรื่องสั้นโดยสาครพูลสุข
ฝ ูงแร้งบนซากศพ มนุษย์เราก็เป็นในบางที
เรื่องสั้นโดยปานศักดิ์นาแสวง เรื่องสั้นโดยวยากรพึ่งเงิน
ค วามจ ริ ง ที่ เ กิ ด ขึ้ น ใ นดิ น แ ดนที่ ผ มไ ม่ รู้ จั ก เ รื่ อ งสั้ น โ ดย ธนาวัฒน์อุ่นเรืองศรี ท าง WRITE E-MAGAZINE ขอแสดงความยินดีกับนักเขียน ประดับช่อทุกท่าน และทางเราจะติดตามงานเขียนของท่าน ในโอกาสต่อๆไป g WRITE E-MAGAZINE 13
สมมติฐาน หนังสือ สำนักพิมพ์ วรรณกรรม
ในแ วดวงก ารท ำห นั ง สื อ “ ส ำนั ก พิ ม พ์ ” เ ป็ น ก ลไกห นึ่ ง ที่ มี ห น้ า ที่ ขั บ เ คลื่ อ น “ผลง าน” ข อง “ นั ก เ ขี ย น” ไ ปสู่ มื อ “ ค นอ่ า น” ห ากข าดซึ่ ง “ ส ำนั ก พิ ม พ์ ” แ ล้ ว “ ห นั ง สื อ ” ก็ มิ อ าจจ ะก้ า วข้ า มจ าก “ ต้ น ฉบั บ ” ไ ปสู่ ก ารเ ป็ น ห นั ง สื อ เล่ ม ไ ปไ ด้ แ ม้ ส ำนั ก พิ ม พ์ ดู เ หมื อ นจ ะเ ป็ น ตั ว จั ก รห นึ่ ง ที่ ทรงค วามส ำคั ญ แ ต่ ก็ มั ก ถู ก ห ลงลื ม จ ากผู้ ค นไ ด้ โ ดยง่ า ย หากเราคิดว่า อดัมกับอีฟ มิได้ถือกำเนิดมาจากความบังเอิญ ส ำ นั ก พิ ม พ์ ก็ เ ฉ ก เ ช่ น เ ดี ย ว กั น ทุ ก วั น นี้ ส ำ นั ก พิ ม พ์ เกิ ด ขึ้ น จำนวนมาก หนั ง สื อ มี ค วามหลากหลายขึ้ น และหนั ง สื อ ไม่ ใ ช่ ห นั ง สื อ สื่ อ ปั ญ ญาในความหยเดี ย ว อี ก ต่ อ ไปแล้ ว ทว่ า หนั ง สื อ ในความหมายปั จ จุ บั น มั น ถู ก ทำให้ เ ป็ น สิ น ค้ า ชนิ ด หนึ่ ง มี ก ารคำนวนการเจริ ญ เติ บ โต ทางเศรษฐกิ จ (GDP) ยิ่ ง รณรงค์ ใ ห้ ค นอ่ า นหนั ง สื อ ผ่ า น หน่วยงานรัฐมากเท่าไหร่ เป้าหมายของหนังสือก็ยิ่งจะหลุด วงโคจรไปเท่านั้น สำนักพิมพ์ที่เป็นผู้ปั้นต้นฉบับให้จับต้อง ได้ ต่ า งก็ เ มิ น เฉยต่ อ คุ ณ ค่ า และหั น หน้ า เข้ า สู่ ธุ ร กิ จ อย่ า ง เต็มตัว ท่ามกลางหนังสือมากมายนั้น กลับมีสำนักพิมพ์เล็ก ๆ เกิดขึ้น สำนักพิมพ์นั้นนาม “สมมติ” วันนี้เราได้พูดคุยกับสอง บรรณาธิการบริหาร ชัยพร อินทุวิศาลสกุล และ ปิยะวิทย์ เทพอำนวยสกุล กับที่มา ที่ไป แรงบันดาลใจ และจุดมุ่งหมาย ของวิถีคนทำหนังสือ
14 WRITE E-MAGAZINE
text: อัจฉริยะ ไยสูง interview: กองบรรณาธิการ photos: นิวัต พุทธประสาท
WRITE E-MAGAZINE 15
“เราจะคุยในเรื่องของ อุดมคติเรื่องการ ทำงานและเราก็เริ่ม สนใจในการทำ สำนักพิมพ์”
Write:เริ่มต ้นทำสำนักพ ิมพ์กันยังไ ง ชัยพร:ผมกับปิยะวิทย์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเพราะเรา อยู่บ้านใกล้กันจนกระทั่งเรียนชั้นมัธยมเราก็เรียนที่โรงเรียน สวนกุหลาบด้วยกันปิยะวิทย์เป็นรุ่นน้องที่ชุมนุมเชียร์และ แปรอักษรตอนนั้นเราเริ่มอ่านหนังสือกันบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่ ได้คิดเรื่องทำสำนักพิมพ์จนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ปิยะวิทย์เรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ส่วนผมเรียนที่ ธรรมศาสตร์ช่วงนั้นเมื่อเจอกันเราก็จะคุยกันในเรื่องของ อุดมคติในการดำเนินชีวิตและอุดมคติในการทำงานด้วย ความที่เราชอบอ่านหนังสือเหมือนกันและมีโอกาสได้คลุกคลี กับพี่เป้(วาดรวี)ด้วยการเข้าไปช่วยทำวารสารหนังสือใต้ดิน เราก็เริ่มสนใจทำสำนักพิมพ์ ปิยะวิทย์:สังคมโดยรอบที่สวนกุหลาบทำให้เราได้แลก เปลี่ยนความคิดเห็นกับทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ ผ มคิดว่าผมได้อะไรมากมายจากที่นี่และการอ่านมันก็เข้ามา เกี่ยวข้องกับชีวิตแต่จุดหักเหจริงๆผมคิดว่าเป็นช่วงที่เรียน มหาวิทยาลัยช่วงนั้นผมได้อยู่กับตัวเองมากขึ้นซึ่งผมคิดว่า มันเกิดขึ้นกับทุกคนที่จะมีวัยหนึ่งที่เราจะหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง Write:เพราะเรียนทสี่ วนกุหลาบด้วยหรือเปล่าจึงทำให้ สะสมความคิดอะไรแบบนมี้ า ชัยพร:ผมคิดว่าก็เกี่ยวนะคือตอนนั้นเราทำชุมนุมเชียร์และ แปรอักษรแล้วการทำชุมนุมฯที่สวนกุหลาบนั้นต้องทุ่มเท และตั้งใจพอสมควรเพราะเป็นกิจกรรมที่นักเรียนต้องรับผิด ชอบกิจกรรมเชียร์และแปรอักษรในงานฟุตบอลจตุรมิตรโดย ทั้งหมดงานและกิจกรรมมันเยอะมากทำให้ต้องมีการใช้ชีวิต อยู่ที่โรงเรียนอยู่กับเพื่อนๆมากกว่าเด็กปกติเพื่อจัดการและ ทำงานให้ลุล่วงมันมีสภาวะบีบคั้นหลายๆอย่างเลยทำให้มี การคัดคนที่จะอยู่ร่วมกันไปโดยปริยายนี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่หล่อ หลอมเรามา Write:เห็นว่าทางบ้านชัยพรทำโรงพิมพ์ด้วย ชัยพร:ใช่ครับแต่ก็ยังไม่มีความคิดที่จะทำสำนักพิมพ์แต่ ที่เริ่มคิดจริงๆคือช่วงที่เจอพี่เป้(วาดรวี)ที่ร้านหนังสือใต้ดิน สยามสแควร์คือตอนนั้นจะไปหาซื้อหนังสือดีๆมาอ่านไป บ่อยครั้งเข้าก็เริ่มที่จะได้คุยกับพี่เป้พี่เป้เลยชวนมาทำ วารสารหนังสือใต้ดินฉบับแรกๆคือเราได้ลงมาทำกับมันได้ คิดได้เขียนมันรู้สึกท้าทายไปกับสิ่งที่ทำ
rite:ส ่วนหนึ่งเป็นเพราะได้เจอกับนักคิดนักเขียน W ด้วยหรือเปล่าจึงมีความคิดที่อยากทำสำนักพิมพ์ ปิยะวิทย์:คือส่วนตัวผมยังไม่ค่อยได้เจอนะคือเจอน้อย มากตอนเรียนที่เชียงใหม่จะมีร้านหนังสือแถวๆท่าแพที่เป็น ร้านหนังสือภาษาอังกฤษและร้านเล่าซึ่งที่ร้านเล่าก็จะได้เห็น นักคิดนักเขียนบ้างแต่ภาพที่ผมเห็นจริงๆคือที่ร้านหนังสือ ใต้ดิน(ที่โรงหนังสยาม–ปัจจุบันปิดไปแล้ว)มันทำให้ผม คิดว่าน่าจะทำอะไรบางอย่างออกมาคือมันมองเห็นเป็น ภาพลางๆอยู่บ้างแล้วและอีกอย่างหนึ่งช่วงนั้นชัยพรทำ วารสารหนังสือใต้ดินแล้วที่กรุงเทพฯเขาก็จะโทรมาพูดคุยเล่า เรื่องการทำวารสารหนังสือใต้ดินว่าได้สัมภาษณ์นักคิดนัก เขียนเพราะฉะนั้นเรื่องที่คุยกันมันก็ไม่พ้นเรื่องหนังสือเรื่อง อุดมคติอะไรบางอย่างรวมถึงการใช้ชีวิตสรุปคือเราสองคน มีความคิดอะไรที่คล้ายกันแต่ก็ยังไม่ได้คิดเรื่องการทำสำนัก พิมพ์อย่างจริงจัง Write:เคยคิดจะเป็นน ักเขียนก่อนมาทำสำนักพิมพ์หรือ เปล่า ชัยพร:ไม่ได้คิดนะคือผมชอบอ่านหนังสือเวลาเข้าไปใน ร้านหนังสือแล้วเห็นหนังสือดีๆวางอยู่ผมก็ชอบแต่ความคิด ที่จะเป็นนักเขียนไม่เคยคิดเลยแต่ที่ผมคิดจริงๆคือว่าถ้าผม จะทำธุรกิจผมจะทำอะไรที่ไม่ต้องฝืนใจทำ ปิยะวิทย์:ผมคิดว่าอย่างนี้นะคือเวลาผมอ่านหนังสือผม จะมีข้อสงสัยในการทำงานของนักเขียนคืออยากรู้ว่าเขามี กระบวนการคิดกันอย่างไรแต่ความคิดแรกผมไม่ได้อยาก เป็นนักเขียนผมคิดว่าทุกคนมีความคิดอะไรที่จะสื่อสารอะไร บางอย่างออกมาถ้าเป็นนักเขียนก็สื่อด้วยงานเขียนช่างภาพ ก็สื่อด้วยภาพถ่ายการทำสำนักพิมพ์ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่ใน ระนาบไม่ต่างกัน Write:ก ระบวนการคิดส่วนหนึ่งได้อิทธิพลมาจากการ ทำวารสารหนังสือใต้ดิน ชัยพร:ก็ได้ในเรื่องของการคิดประเด็น Write:ตอนนี้ก็ทำวารสารหนังสือใ ต้ดินเต็มต ัว ชัยพร:ใช่ครับ ปิยะวิทย์:คือตอนที่มาช่วยพี่เป้ผมได้เห็นภาพของกลุ่มคน อ่านที่มาซื้อหนังสือในงานสัปดาห์หนังสือของ บูธวารสารหนังสือใต้ดินตอนนั้นผมมีความคิดที่บริสุทธ์มาก WRITE E-MAGAZINE 17
เลยนะกับการทำหนังสือคือคิดว่าเราจะผลิตหนังสือที่ดีให้กับ คนอ่านผมไม่ได้มองถึงสิ่งที่จะได้มาหรือสิ่งที่ต้องเสียไปใน การทำหนังสือเลยคือมีความคิดแต่เพียงว่าเราอยากทำ Write:จ ุดเริ่มต้นจ ริงๆของการทำสำนักพิมพ์สมมติ ปิยะวิทย์:แรงกระทบส่วนหนึ่งผมคิดว่ามันมาจากนิตยสาร โอเพ่นนิตยสารสเกลนิตยสารสีสันรวมถึงการจัดพิมพ์ หนังสือดีๆของสำนักพิมพ์ค บไฟสำนักพิมพ์สามัญชนอันนี้ ว่ากันในเรื่องแรงบันดาลใจ ชัยพร:คือผมคิดว่าส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเราเห็นว่ามันมีช่อง ว่างอยู่ในตลาดหนังสือคือบางทีในปีๆหนึ่งเราไม่เห็นว่าไม่มี หนังสือดีๆออกมาเลย–ในทีนี้เราต้องจำกัดความไว้ด้วยว่า หมายถึงวรรณกรรมหรือหนังสือดีๆที่คนทั่วโลกอ่านกันแต่ คนไทยรู้จักแต่ไม่เคยอ่าน- เราเลยเห็นช่องว่างที่เราน่าจะ ผลิตหนังสือดีๆออกมา Write:ทำไมไม่ทำนิตยสาร ชัยพร:รู้ต้นทุนไงเพราะบ้านผมทำโรงพิมพ์(หัวเราะ)อันที่ จริงต้นทุนก็ส่วนหนึ่งนะอีกเรื่องผมคิดว่าผมมีทัศนะคติไม่ดี เท่าไรกับการทำนิตยสารการที่รายได้ส่วนหนึ่งหรือส่วนใหญ่ ต้องพึ่งพิงกับค่าโฆษณาทำให้เจ้าของหรือบรรณาธิการต้อง ออกไปวิ่งหาโฆษณาหรือจัดการเรื่องโฆษณานั้นๆเป็นสิ่งที่ เราไม่สนใจและไม่อยากที่จะทำนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเรา ตัดสินใจไม่ทำ Write:มีเกณฑ์ในการเลือกผลงานที่จะตีพิมพ์อย่างไร ชัยพร:มันก็ต้องดีก่อนนะที่ว่าดีไม่ได้หมายถึงดีในสายตา ของผมเองต้องดีในสายตาของปิยะวิทย์ของผู้ร่วมงานใน สำนักพิมพ์ทุกคนรวมทั้งดใี นมาตรฐานสากลด้วย Write:เคยได้อ่านงานทจี่ ะมาตีพิมพ์ก่อนมั้ยเพราะส่วน ใหญ่งานที่ตีพิมพ์ก็ผ่านกาลเวลามานานมากแล้ว ชัยพร:หนังสือที่ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สมมติที่ผ่านมา ทั้งหมดนั้นเป็นหนังสือที่ผมไม่เคยอ่านมาก่อนเลยมาอ่านก็ ตอนทำสำนักพิมพ์นี่แหละหลายเล่มได้รู้จักก็จากเพื่อนๆพี่ๆ ในวงการแนะนำให้อ่านและหลายเล่มก็จากการแนะนำของ กิตติพลสรัคคานนท์บรรณาธิการต้นฉบับของสำนักพิมพ์ Write:ถ้าทำสำนักพิมพ์คนเดียวคิดว่าจะทำมั้ย? 18 WRITE E-MAGAZINE
ช ัยพร:อาจจะทำแต่คิดว่ามันคงจะเจ๊งเร็ว(หัวเราะ)ที่ สำนักพิมพ์อยู่ได้ผมคิดว่าเพราะมีผมมีปิยะวิทย์มีกิตติพล ถ้าขาดไปคนใดคนหนึ่งก็คงเหนื่อยคนแต่คนก็มีจุดอ่อนของ ตัวเองอยู่ถ้าทำอยู่คนเดียวจุดอ่อนมันก็เยอะถ้าสามคนมา รวมกันอะไรที่เคยเป็นจุดอ่อนอยู่ก็อาจชดเชยได้ด้วยจุดแข็ง ของอีกคนหนึ่ง ปิยะวิทย์:สำนักพิมพ์สมมติเริ่มต้นมาจากความคิดและ ทัศนะคติที่คล้ายๆกันระหว่างผมกับชัยพรเรื่องจำนวนคน ผมคิดว่ามันเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกันมากกว่ามีสองคน มีสามคนหรือมากกว่ามันเป็นเรื่องของการช่วยกันสานต่อ แนวคิดดั้งเดิมในการตัดสินใจทำสำนักพิมพ์สิ่งสำคัญที่สุดก็ คือว่าเรายังคงเดินหน้าไปด้วยกันในแบบที่ยังคุยกันรู้เรื่องมัน ก็เท่านั้นจำนวนคนไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญที่สุด Write:ต อนตกลงใจทำสำนักพิมพ์มีใครเคยห้ามหรือ เปล่า ชัยพร:ผมจำได้วันที่เริ่มคิดจะทำเราคุยกันว่าถ้าเราทำ สำนักพิมพ์เราจะพิมพ์แต่หนังสือดีๆของนักเขียนดีๆเรา จะทำในทิศทางนี้เท่านั้นจะไม่เบี่ยงเบนไปในทางอื่นเช่น ว่าผลิตหนังสือบางประเภทที่อาจมีโอกาสทางการตลาด มากกว่าเพื่อนำเงินมาหล่อเลี้ยงสำนักพิมพ์คือถ้าสำนักพิมพ์ จะต้องปิดตัวลงมันก็จะปิดตัวลงในทิศทางเดิมตั้งแต่มันก่อ ตั้งมาไม่ค่อยมีห้ามเท่าไรแต่จะมีคนเตือนมากกว่าเป็นต้น ว่าจะทำอะไรให้มันระวังหน่อยอย่าทำให้เว่อร์ไปซึ่งทุกวัน นี้ก็พยายามทำอย่างนั้นอยู่เราพยายามไม่ใช้จ่ายอะไรที่มัน ฟุ่มเฟือยหรือสุ่มเสี่ยงจนทำให้สำนักพิมพ์ต้องเสียเงินไปโดย เปล่าประโยชน์ ปิยะวิทย์:มันมีช่วงเวลาหนึ่งที่คนหนุ่มสาวอายุไม่ถึงสามสิบ มีอุดมคติในการทำงานว่าอยากเป็นนักเขียนหรือเป็นคนทำ หนังสือตอนนั้นผมเองก็รู้สึกอยากทำในตอนนั้นภาพอุดมคติ ที่ผมเห็นก็คือนิตยสารโอเพ่นนิตยสารสเกลและสำนักพิมพ์ บางแห่งที่ผลิตหนังสือดีภาพเหล่านี้เชื้อชวนให้เราอยาก ทำงานหนังสือแต่พอเราได้ลงมือทำจริงๆแล้วก็รู้เลยว่ามัน ไม่มีนัยยะของความโรแมนติกเหมือนภาพที่เราเคยเห็นเลย เพราะสุดท้ายมันไม่ใช่แค่เรื่องอุดมคติหรือความโรแมนติกใน การทำหนังสือแต่สิ่งทั้งหมดเป็นเรื่องของการจัดการเป็นการ ทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อให้สำนักพิมพ์เดินไปได้การจัดการ ทั้งหมดไม่ใช่แค่การจัดการเรื่องต้นฉบับมันมีเรื่องธุรกิจมัน มีเรื่องการติดต่อกับผู้คนในแวดวงมีเรื่องการหมุนเงินและมี
“มันมียุคหนึ่งคนหนุ่มสาวที่อายุ ไม่ถึงสามสิบมีภาพอุดมคติ ของคนเขียนหนังสือ คนทำหนังสือ ตอนนั้นผมรู้สึกอยากทำนะ” WRITE E-MAGAZINE 19
อีกหลายๆอย่างดังนั้นหลายๆคนที่เตือนเราก็มักจะเตือนว่า ไอ้ภาพที่เราเคยคิดว่า“มันน่าทำ”หรือเป็นอุดมคติที่สวยงาม นั้นมันไม่จ ริงคนที่เตือนไม่ได้เตือนว่าไม่ให้ทำแต่เตือนว่ามัน ไม่ใช่ภาพอย่างที่คุณมอง ชัยพร:แ ต่คำเตือนเหล่านี้ก็ทำให้เราแข็งแรงขึ้นระหว่างที่ เราได้ปรึกษาคนความคิดผิดๆหลายอย่างก็ถูกตัดออกไป Write:ซีเอ็ดให้สัมภาษณ์ว่าต อนนี้มีหนังสือใหม่ออกมา หกปกต่อวันซึ่งจะทำให้พื้นที่ในร้านหนังสือน ้อยลง เรื่อยๆเขาเพิ่งรู้สึกหรือ ชัยพร:เปล่า...เขาพูดมานานแล้วความหมายโดยนัยก็คือ ว่าเขาจะมีเวลาให้กับหนังสือวรรณกรรมน้อยลง(หัวเราะ)ก็ เข้าใจนะคือถ้ามองร้านหนังสือเป็นแค่ธุรกิจประเภทหนึ่งการ ที่จะทำแบบนี้ก็ไม่แปลกอะไร ปิยะวิทย์:แต่ร้านหนังสือม ันเป็นธุรกิจอย่างเดียวจริงหรือใช่ หรือที่มิตใิ นการทำร้านหนังสือเป็นแค่เรื่องของการขายของ แล้วภารกิจในการสร้างวัฒนธรรมที่เข้มแข็งในสังคมล่ะเป็น เรื่องของใครผมคิดว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องอุดมคตินะแต่เป็น หน้าที่ที่ร้านหนังสือต้องทำเลยคุณต้องทำให้ร้านหนังสือมี หนังสือที่หลากหลายประเภทได้ทั้งปีไม่ใช่ว่าในเทศกาลซีไรต์ ก็มีแต่หนังสือที่เข้ารอบหรือได้รางวัลซีไรต์พอพ้นช่วงนั้นไป คุณก็เก็บหนังสือเหล่านั้นไปไว้หลังร้านอันนี้แค่หนังสือรางวัล อย่างเดียวนะยังไม่พูดถึงหนังสือที่ดีหรือไม่ดีตามแต่นิยาม ของแต่ละคนแต่ละร้านหนังสืออีกนะร้านหนังสือไม่ควรให้ พื้นที่กับหนังสือบางประเภทแต่ละเลยหนังสืออีกบางประเภท ร้านหนังสือที่ดีควรจะมีบรรณาธิการประจำร้านที่สามารถ คัดแยกประเภทของหนังสือได้สามารถแนะนำคนอ่านได้ ร้านหนังสือต้องช่วยผู้ผลิตผู้ผลิตต้องช่วยผู้อ่านผู้อ่านต้อง อุดหนุนหนังสือที่ดีและซื้อหนังสือในร้านหนังสือที่มีคุณภาพ ทั้งหมดต้องเดินไปด้วยกัน Write:เมื่อเราทำสำนักพิมพ์และคิดทำหนังสือที่คิดว่าดี แต่คนอื่นไม่เอาด้วยรู้สึกยังไ ง ชัยพร:คือวินาทีแรกที่เราทำสำนักพิมพ์เรารู้แต่แรกแล้วว่า เราจะทำอะไรสิ่งที่เราต้องการเป้าหมายคืออะไรถึงไปไม่ถึง เป้าหมายเช่นสำนักพิมพ์เจ๊งต้องเลิกทำต้องปิดตัวลงเราก็ ควรจะพูดกับตัวเองได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเสียใจเพราะ อย่างน้อยเราก็ได้ทำในสิ่งที่เราคิดเอาไว้แล้วผมคิดว่าใน ปัญหาบางเรื่องนั้นหากเราจัดการให้มันจบที่ตัวเราเองมัน 20 WRITE E-MAGAZINE
จะทำให้อะไรๆมันง่ายขึ้นทำให้มีอาการของการโทษคนอื่น น้อยลงแต่ผมก็ไม่ได้คิดทำหนังสือดีๆแล้วก็อยู่ในโลกแคบๆ ของตัวเองนะเช่นความคิดที่ว่าพิมพ์หนังสือดีๆออกมาเถอะ จะทำปกอะไรก็ได้แบบว่าไม่คิดอะไรเพราะหนังสือมันดีอยู่ แล้วมันก็ไม่ใช่แบบนั้นผมคิดว่าเราพยายามที่จะจับแนวโน้ม ของการอ่านเราต้องพยายามรู้และเข้าใจว่าคนอ่านจะหยิบ จับหนังสือของเราขึ้นมาดูด้วยรูปลักษณ์หนังสือลักษณะไหน จุดขายใดที่จะทำให้คนอ่านเหล่านี้พบเจอหนังสือเราเราต้อง พยายามเข้าใจพฤติกรรมของร้านหนังสือว่าเขาต้องการอะไร ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมใดๆในหนังสือหรือต้องการปริมาณ หนังสือเท่าใดการเข้าไปมีส่วนร่วมกับชมรมหนังสือสัญจร1 เพื่อทำกิจกรรมสร้างวัฒนธรรมการอ่านขึ้นมาผมคิดว่ามัน เป็นความพยายามเล็กๆที่อาจยืดอายุให้กับการทำสำนัก พิมพ์ของเรา Write:เวลาหนังสือได้รับการตอบสนองไม่ค่อยดี(ท าง ด้านยอดขาย)ร ู้สึกน้อยใจคนอ่านบ้างไหม ปิยะวิทย์:ผมคิดว่าในการทำสำนักพิมพ์นั้นมีระดับ(Level) ของทักษะอยู่3ระดับระดับแรกคุณสามารถผลิตหนังสือ ได้คุณก็เป็นสำนักพิมพ์ได้ระดับที่สองคุณไม่เพียงแต่ผลิต หนังสือได้แต่ยังสามารถออกแบบรูปเล่มได้สวยงามเพิ่ม คุณค่าทางสุนทรียะของหนังสือคุณก็เป็นสำนักพิมพ์ที่ดีขึ้น มาอีกขั้นหนึ่งระดับที่สามนอกจากจะผลิตหนังสือได้และ หนังสือมีรูปเล่มสวยแล้วเนื้อหาของหนังสือยังดีอีกอันนั้นก็ เป็นอีกระดับหนึ่งในฐานะที่เราเองก็เป็นสำนักพิมพ์เช่นกัน เราก็พยายามดูแลหนังสือที่ผลิตให้มีมาตรฐานครบทุกระดับ คือเราผลิตได้พยายามดูเรื่องการออกแบบดูเรื่องความงาม ของหนังสือแล้วพยายามดูเรื่องเนื้อหาพยายามไปให้ถึงที่สุด ในทุกๆระดับ หากว่าสำนักพิมพ์ใดผลิตงานได้ทำได้สวยงามและ มีเนื้อหาที่ดีมีคุณค่าต่อสติปัญญาแต่หนังสือจะขายไม่ได้มัน ก็คงเป็น“ทาง”ของมันไม่ว่าจะสังคมไทยหรือสังคมทั่วโลก เพียงแต่จำนวนประชากรมันต่างกันเท่านั้นจำนวนประชากร ของเรามีอยู่เพียงเท่านี้ฉะนั้นปริมาณนักอ่านที่จะสนใจอ่าน งานที่ดีก็อาจมีไม่มากนักบางประเทศที่ประชากรเยอะถ้า ถามว่าคนอ่านงานไม่ดีมีเยอะไหมก็น่าจะมีเยอะแต่มีคน อ่านงานดีๆก็เยอะเช่นกันถ้าถามว่าเรารู้สึกเสียใจน้อยใจ หรือเปล่าผมเชื่อว่า“มี”แต่ก็ต้องพยายามเข้าใจมันเราไม่ ยอมแพ้หรือมีความรู้สึกท้อและผมคิดว่าเม่นวรรณกรรมก็ไม่ WRITE E-MAGAZINE 21
หนังสือจากสำนักพิมพ์สมมติที่ออกวางขายแล้ว จากซ้าย: ราโชมอน โดย ริวโนสุเกะ อะคุตะงาวะ ยูโธเปีย โดย เซอร์ โธมัส มอร์
22 WRITE E-MAGAZINE
ยอมสามัญชนก็ไม่ยอมหรอกหรืออีกหลายๆสำนักพิมพ์ที่ ผลิตงานในเชิงซีเรียสอย่างฟ้าเดียวกันวิภาษาก็ไม่น่ายอม แพ้ผมคิดว่ามันมีจุดยืนบางประการสำหรับสำนักพิมพ์ที่ผลิต งานบางประเภท ชัยพร:ตอนนี้สำนักพิมพ์ของเราเหมือนอยู่ในช่วงการเรียน รู้ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะเมื่อหันกลับไปมองอดีตก็มองเห็น ความผิดพลาดของตัวเองในหลายๆส่วนอย่างชุดวรรณกรรม ในวงเล็บก ็มีความผิดพลาดหลายอย่างเช่นเรื่องการ ออกแบบหรือการตั้งชื่อหนังสือสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความผิด ของเราเองไม่ได้เป็นของคนอ่านดังนั้นแทนที่เราจะน้อยใจ มันน่าจะทำให้เรามีแรงฮึดม ากกว่า Write:เราจะสร้างวัฒนธรรมการอ่านได้อ ย่างไร ปิยะวิทย์:การสร้างวัฒนธรรมการอ่านไม่ได้อยู่ที่เราหรือ ใครคนใดคนหนึ่งลำพังแค่เราก็คงไม่สามารถทำได้ลำพังแค่ สามัญชนก็คงทำไม่ได้ลำพังแค่เม่นวรรณกรรมก็ทำไม่ได้แต่ ถ้าเรารวมกันและพยายามกระทุ้งอยู่เรื่อยๆผมคิดว่าน่าจะมี ทางเป็นไปได้เราต้องร่วมกันและช่วยกันทุกๆสำนักพิมพ์ จริงๆแล้วในตลาดหนังสือเขาไม่ได้นับว่าสำนักพิมพ์อย่างเรา เป็นผู้ผลิตหนังสือด้วยซ้ำเราผลิตหนังสือไม่ถึง10ปกต่อปี รวมวารสารหนังสือใต้ดินอีกสิบกว่าเล่มคำถามก็คือว่าด้วย ปริมาณหนังสือเท่านี้ด้วยคุณภาพของหนังสือแบบนี้ผมคิด ว่าเราต้องร่วมมือกันสำนักพิมพ์ที่มีอุดมคติในการทำหนังสือ คล้ายๆกันจำเป็นที่ต้องเพิ่มพื้นที่ในการสื่อสารเพื่อเชื้อชวนผู้ อ่านให้หันมาอ่านหนังสืออย่างเราๆมากขึ้น ชัยพร:ก็ต้องทำให้คนเห็นและตระหนักในคุณค่าของ หนังสือทดี่ ีคุณค่าของหนังสือจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการอ่าน และมีปฏิสัมพันธ์หลังการอ่านเราอาจต้องสร้างพื้นที่ให้เกิด กิจกรรมที่ประเภทReadingGroupหรือBookClubเพราะ ทั้งหมดนจี้ ะขับให้คนเห็นคุณค่าของหนังสือเห็นคุณค่าที่ได้ จากการอ่านหนังสือเล่มนั้นๆซึ่งเป็นคุณค่าที่มากไปกว่าการ ให้ความบันเทิงสิ่งเหล่านี้นับเป็นเรื่องยากเพราะคนส่วน ใหญ่ได้ถูกเบี่ยงเบนไปกับอะไรก็ไม่รู้ที่เราก็ทำได้คือการทำ กิจกรรมเข้าไปในมหาวิทยาลัยเพื่อแนะนำนักศึกษาให้อ่าน หนังสือช่วยกันรีวิวหนังสือด ีๆในหน้านิตยสารผมเชื่อว่าเมื่อ คนได้เริ่มอ ่านหนังสือดีๆเขาก็จะเสพติดในการอ่านหนังสือ ในที่สุด Write:เคยคิดไหมว่าเราจะสามารถปฏิวัตใิ นการอ่าน
หรือก ารทำหนังสือ ชัยพร:(ผงะเล็กน้อย)โอโฮมันเป็นคำที่ใหญ่มากเลยนะ Write:เข้าใจว่ามันใ หญ่(ห ัวเราะ) ปิยะวิทย์:คืออย่างนี้นะครับเวลาเราเดินเข้าร้านหนังสือ แล้วเราเห็นชั้นหนังสือของสำนักพิมพ์ฝรั่งอย่างเช่นเพนกวิน นิวยอร์ครีวิวออฟบุ๊คแรนดอมเฮาส์และอื่นๆที่ผลิต หนังสือในเชิงซีเรียสหรือวรรณกรรมคลาสสิคเรารู้สึกยังไง คำถามที่ว่าเราจะปฏิวัติหรือเปลี่ยนอะไรได้มั้ยซึ่งเป็นคำ ใหญ่อย่างที่ชัยพรบอกนั้นการเปลี่ยนแปลงมันจะสามารถ เปลี่ยนได้หรือเปล่าผมไม่คิดว่าเราจะต้องทำให้คนทั้งสังคม มาอ่านอะไรอย่างนี้แต่ผมคิดว่าสิ่งที่เราทำได้ก็คือการเปลี่ยน ชั้นหนังสือภาษาไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเปลี่ยนด้วยการทำ หนังสือให้ดีให้สวยงามมีเนื้อหาที่คู่ควรที่จะวางอยู่ในร้าน หนังสือและอื่นๆอีกมากมายด้วยวิธีการที่เราจัดการกับ ตัวเราเองได้แล้วนั้นสิ่งต่อมาคือร้านหนังสือต้องรับไม้ต่อ และจัดการเอาไปวางให้ผู้อ่านได้รับรู้ในระดับนี้ผมเชื่อว่า เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ไม่มากก็น้อยแต่นั่นต้องอยู่บน เงื่อนไขที่ว่าร้านหนังสือต้องไม่คิดเพียงแค่ทำธุรกิจอย่างเดียว ต้องคิดถึงเรื่องนามธรรมอย่างเช่นการสร้างวัฒนธรรมการ อ่านของคนในสังคมด้วย Write:สำนักพิมพ์สมมตินอกจากจะมีงานแปลแล้วจะ พิมพ์อะไรบ้างในอนาคต ชัยพร:มีงานปรัชญาคือชุดแนะนำนักคิดนักปรัชญาสมัย ใหม่มีต้นฉบับอยู่บ้างแล้วแต่ยังไม่ได้พิมพ์แล้วก็มีงานความ เรียงของนักปรัชญาเช่นแมกซ์เว็บเบอร์(MaxWebber) ปิยะวิทย์:อธิบายอย่างนี้ดีกว่าครับเราจะพิมพ์งานเป็น ชุดไม่พิมพ์งานเฉพาะหน้าหรือพิมพ์งานเล่มเดี่ยวๆด้วย เหตุผลหนึ่งก็เพื่อเพิ่มพื้นที่หนังสือของเราเองในร้านหนังสือ วรรณกรรมในวงเล็บที่เป็นเรื่องสั้นแปลปกสีขาวก็จะถูกจัด พิมพ์ออกมาอีกเรื่อยๆเป็นชุดๆไปส่วนในชุดวรรณกรรม โลกสมมติซึ่งมี1984และยูโทเปียเป็นสองเล่มแรกก็จะมี Republicของเพลโตตามออกมาในอนาคตชุดความคิดใน อัญประกาศก็จะเริ่มด้วยความเรียงของแมกซ์เว็บเบอร์สอง เล่มต่อไปก็จะมีงานของเฮนรี่เดวิดเธอโร่และราล์ฟวัลโด อีเมอร์สันตามออกมาในหมวดศิลปะก็จะมีงานชุดภาพถ่าย ว่าด้วยประวัติศาสตร์ภาพถ่ายสุนทรียศาสตร์ของภาพถ่าย คร่าวๆก็ประมาณนี้ครับ WRITE E-MAGAZINE 23
“แต่ละเล่มจะมีประเด็นเป็นของตัวเ
Write:ทั้งหมดนอี้ ยู่ในแผนงานกปี่ ี ปิยะวิทย์:ประมาณ3ปีนอกจากนี้ยังมีงานอีกชุดหนึ่งคือ “วาระสมมติ”ซึ่งเป็นหนังสือรวมบทความ(Antology)ซึ่งน่า จะมีประโยชน์กับคนอ่านและคนในวงการวรรณกรรมในชุด แรกจะมีสี่เล่มเราจะคัดเลือกบทความประมาณสิบชิ้นเป็น บทความแปลแต่ละเล่มจะมีประเด็นเป็นของตัวเองอย่าง เล่มแรกว่าด้วยผู้ประพันธ์เล่มที่สองว่าด้วยการวิจารณ์เล่ม สามว่าด้วยมุมมองและแนวคิดสมัยใหม่ที่มีต่อวรรณกรรม เล่มสี่ว่าด้วยการประพันธ์แรงบันดาลใจในการประพันธ์เมื่อ จบชุดนี้ไปแล้วเราก็อาจทำประเด็นอื่นๆต่อไปอีกเช่นชุด เกี่ยวกับความคิดทางการเมืองระบบการปกครองหรือชุด ความคิดท ี่เกี่ยวข้องกับสื่อทางเลือกเป็นต้น Write:แล้วที่จะออกในเร็วๆนี้ ปิยะวิทย์:ที่จะออกในเร็วๆนี้มีชุดวรรณกรรมในวงเล็บสอง 24 WRITE E-MAGAZINE
เล่มคือมาริโอกับนักมายากล:โศกนาฏกรรมของการพัก ร้อนเขียนโดยโธมัสมันน์และไวน์สเบิร์กโอไฮโอ:เรื่องเล่า ชาววิกลเขียนโดยเชอร์วูดแอนเดอร์สันนอกจากนี้ก็มีงาน เขียนของอาจารย์ธเนศวงศ์ยานนาวาอีกสองเล่มคือ1968 เชิงอรรถการปฏิวัติและความไม่หลากหลายของความหลาก หลายทางวัฒนธรรมและปิดท้ายด้วยวารสารหนังสือใต้ดิน ฉบับที่15 Write:ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไปไ ม่ว่าสิ่งอมตะที่สุดถ ้า คิดว่าวันหนึ่งต้องเลิกทำสำนักพิมพ์จะเป็นว ันไหน ปิยะวิทย์:การที่สำนักพิมพ์จะอยู่ได้ต้องประกอบด้วยองค์ ประกอบอย่างน้อยสองส่วนคือหนึ่งต้องไม่ฝืนในทางการ เงินและสองต้องไม่ฝืนในความรู้สึกหากว่าในอนาคตเรา ประสบปัญหาทางการเงินหรือเกิดอุบัติเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง กับสำนักพิมพ์แต่ความรู้สึกมันยังได้อยู่ก็อาจต้องคุยกันว่า
เอง”
“ต้องไม่ฝืนในทางการเงิน...ต้องไม่ฝืนในความรู้สึก” จะไปต่อกันแบบไหนอย่างไรแต่ถ้าความรู้สึกหมดแม้เงินจะ ไม่หมดก็คงไม่ทำต่อซึ่งเหตุการณ์อย่างหลังไม่น่าจะเป็นไป ได้(หัวเราะ)แต่ในความเป็นจริงสำหรับผมนั้นยังไงก็แล้ว แต่สำนักพิมพ์สมมติก็ต้องเดินหน้าต่อไปไม่ว่าในอนาคต จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรเช่นจำนวนคนจำนวนเงินรูป แบบของชุดงานต่างๆแต่ทั้งหมดนั้นมันอยู่บนเงื่อนไขเดียว ก็คือทำให้เราสามารถผลิตงานที่ดีออกมาได้และยังคงอยู่ บนเป้าประสงค์แรกของการทำงานสำนักพิมพ์ไม่มีอะไรอื่น นอกจากนี้g
WRITE E-MAGAZINE 25
ความเลิศลอย อั น จอมป ลอมข องม นุ ษ ย์ ผู้ ห ลงใหล จุดทศนิยมและสบู่ลักซ์หมายเลขแปด
text: ชาติวุฒิ บุณยรักษ์
มิตทิ ี่หนึ่ง [มันจะเป็ นพื้นที่ แสดงงานศิลปะ ซึ่งสเกลทาง พื้นผ ิววัดความกว้างได้ ประมาณสี่หน้ากระดาษA4วางต่อกันในแนวตั้ง ความยาวยังค ิดไม่ออก แ ต่ไ ม่ม ากไปกว่าก ระดาษA4วางตอ่ ก นั ใ นแนวนอน สี่แผ่น] เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก แค่บทกวีกำลังเดินทาง มาทักทาย ทำให้งง ทำให้งง ยากๆ...ซึ่งวินาทีนั้นนะ เหมือนกับ...เอ...วินาทีที่ใกล้...มันเฉียดกับความนิพพาน หลอนๆ แ อลเ อส ดี ข องไ อ้ ขี้ ย าก ลางก รุ ง นิ ว ยอร์ ก ใ นศ ตวรรษที่ 2 0. . . ห รื อ ค ล้ า ยกั บ วิ น าที อั น ว่ า งโ หวง ซึ่ ง ห ญิ ง ส าวเ จ้ า ของนั ย น์ ต าโ ศกกั บ ชุ ด แ ส็ ก ชี ฟ็ อ ง ขาวบ ริ สุ ท ธิ์ ผู้ ยื น แ ช่ อ ยู่ ก ลางอ่ า งอาบน้ ำ พ ร้ อ ม เครื่องปิ้งขนมปังในมือที่เสียบปลั๊กเรียบร้อยแล้ว...วินาที ก่ อ นห น้ า ที่ ห ล่ อ นจ ะป ล่อยมือ ทิ้ง ให้ มัน จมน้ำ ...มึง ... มึงใส่ภาษาอังกฤษเข้าไปหน่อย ให้แม่งเป็นศัพท์แสง ฟังด ยู ากๆเข้าไ ว้ย าวหน่อยห ลายพยางค์ห น่อยเอาแบบ ประมาณว่ า . . . พ อใ ห้ ไ อ้ พ วกโ ง่ บ างค นที่ จ บม าจ าก ลันดั้นพยักหน้าหงึกๆ เก๊กว่าแม่งเข้าใจเสียเต็มประดา เพือ่ ใ ห้แ ม่ง ไ ด้เคลิม้ ล อยกบั ร าคาแห่งค วามภาคภมู ใิ จโง่ๆ ที่ ไ ด้ เ สี ย เ วลาจ่ า ยไ ปแ ล้ ว ค่ อ นชี วิ ต หรื อ จ ะใ ช้ ชื่ อ แบคที เ รี ย ? . . . ไ ฟโ รไมนั่ น เ ดอครี - ส เ ต็ ป โ ตค็ อ กคั ซ .. . 26 WRITE E-MAGAZINE
ข้อมูลกำลังล้นทะลัก...ยังๆ ยังห่างไกลจากนิพพานอีก มากนัก เสียสละโดยการอดข้าวประท้วงหน้าสภา โธ่... ถุย! รบกันเข้าไปดิไอ้พวกควาย ไม่เข้าใจกันบ้างหรือไง ว่าข้อมูลมันอัดไว้ 509,486,000,432.85 ล้านกิ๊กกะไบต์ นายแพทย์อลงกรณ์ ทรัพย์ลิขิต กล่าวกับ พันตรีสมคิด นวลถิ่น หนึ่งในทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ วางร ะเบิ ด ก ลางเ มื อ งปั ต ตานี เ มื่ อ ห ลายวั น ก่ อ นว่ า มันเป็นขาเทียมรุ่นล่าสุดที่มีน้ำหนักเบาและสามารถ อาบน้ำให้เจ้าของได้...ไม่ยาก...เอาไอเดียที่จดๆ ไว้ ทั้งหมดยี่สิบกว่าปีนั่น มาเรียงๆ ต่อกัน ได้แล้ว งงแล้ว ...พิพิธภัณฑ์ลูฟเคยได้ยินไหม มีภาพกว่า 310,876 รูป ทำไมถงึ ใ ห้ค วามสำคัญก บั ง านศลิ ปะนกั ...ล องจนิ ตนาการ ดู สิ ว่ า จ ะต้ อ งโ ง่ สั ก ข นาดไ หนเ ชี ย ว ถึ ง จ ะส ร้ า งส่ ว น เชื่อมโยงไม่ได้ว่าการแบกปืนอัตโนมัติออกมาไล่ฆ่าเพื่อน (ใ นค วามห มายที่ ไ ม่ เ คร่ ง ครั ด นั ก ) ข องนั ก ศึ ก ษาห นุ่ ม ชาวเกาหลี แม่งสัมพันธ์กับดัชนีการเติบโตของตลาดผู้ เล่นเกมCounterStrikeทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญถ ึงสำคัญ มากที่สุด...เขาเป็นคนที่ไร้ความฝัน ก็คงคล้ายลุงแก่ๆ ใส่แว่นดำในชุดทักซิโด้ขาวพาดไม้เท้าคนนั้น หลวงพ่อ กล่าว ณ ความสูง 72,800 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเลว่า หากเรายิ่งทำพิธีปลุกเสก กดปั๊มแม่พิมพ์ที่ความสูงเฉียด สวรรค์ได้มากเท่าไหร่ จตุคามรามเทพรุ่น ‘กูให้ควาย’ ก็จะยิ่งศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเท่านั้น ซีไอเอปลูกฝิ่น รายได้ หลักข องรฐั บาลสหรัฐอเมริกามาจากการคา้ อ าวุธส งคราม คุ ณ ก็ รู้ ข าวอ ย่ า งมี สุ ข ภาพดี มั น ต้ อ งข าวจ ากข้ า งใ น เฉือนหนังกำพร้าออกมานี่ยังขาวเลย...“ดูสิครับ!” มิติที่สอง [หลังจากทำการ Installation เสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรจัดหาเชือกสีแดงเลือดนก แ บบสวยๆส กั เส้นม าทำทกี่ นั้ เพือ่ ก ำหนดระยะหา่ ง ระหว่างผู้เข้าชมกับตัวชิ้นงาน แต่อย่าให้ห่างจนเกินไป เอาให้พออ่านเห็นได้ สบายตา ไฟแบ็คดร็อปคงไม่ต้องให้บอกใช่ไหม แนะนำ ว่าควรมี Ashtray วางไว้ด้านข้างด้วย เพราะหลายคน จะใช้เวลาเสพงานชิ้นน ี้นานมาก] “ตะโกนบอกโลกสิครับว่าคุณมาแล้ว...กูมาแล้ว โว้ย!” ไม่ใช่มัวแต่หันไปมองข้างๆ แล้วก็ตามๆ กันไป WRITE E-MAGAZINE 27
ส ิบเมตรที่แล้วก็เป็ดพะโล้ นี่ก็เป็ดพ ะโล้และอีกสิบเมตร ข้างหน้าก็คงจะเป็ดพะโล้ สรุปแล้วตลอดสองกิโลฯนี้ มี แ ต่ เ ป็ ด พ ะโล้ ! . . . แ ละทั้ ง หมดนั่ น คื อ ตั ว แทนแ ห่ ง ความหลากหลายหลอกหลอน เป็นหลุมลวงอันแสนจะ แยบยลของศตวรรษที่ 21...จำนวนเต็มเหรอจำนวนเต็ม ...ท่องตำราเข้าไปครับ เพื่อที่วันข้างหน้าคุณก็จะกลาย เป็นหนึ่งในฝูงหมาล่าเนื้อ ที่เดินตามตูดพรานคาบไปป์ ในชุดลายสก็อต เฝ้าฟังเสียงปืนคำราม ก่อนจิกเท้าแล้ว ตะกุยสุดแรงเกิด!...รีบโน้มน้าว-รีบปิดการขาย-ต้นทุนต่ำ กำไรสูง...แข่งกันว่าใครจะไปถึงนกโชคร้ายตัวนั้นก่อน คาบซากไร้วิญญาณนั้นกลับมาเพื่อแลกกับเศษบิสกิต ชิ้นเล็กๆ...ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของต้นไม้แปลกๆ ก็ได้วะ ...เคยเห็นผู้หญิงแก่ๆ คราวย่าทวดของตระกูลบูเอนดิยา เก็บเงินตรงที่ว่างระหว่างยกทรงกับเนินถัน หรือเหน็บ ไว้กลางร่องนมไหมล่ะ...ไม่ๆ ไม่ล่ะ...หากมึงยังไม่เข้าใจ ถึงความหมายของหญิงแก่ ที่นั่งโบกมือให้กูจากริมสระ น้ำนั่นน่ะ อย่าหวังไปเลย...ข้อมูลกำลังล้นทะลักๆ...แล้ว แม่ ง ก็ เ ปลี่ ย นถั ง ข ยะเ ป็ น แ บบใ ส แ ล้ ว แ ม่ ง ก็ รื้ อ ตู้โทรศัพท์ทิ้ง หมาก็มีสี่เหล่า คนก็มีสี่เหล่า คางคกก็ น่าจะมีสี่เหล่า ลีโอนาโด ดาร์วินชี่เป็นเกย์แล้วหนักหัว พ่อมึงไหม! สัจธรรมยุคดิจิตอล มันเป็นเรื่องของตัว ละครซึ่งเป็นชายหนุ่มสรรพากรไร้ความฝัน ไม่ปรารถนา อะไรมากมายหรอกค ล้ายๆส บิ ล อ้ ต ากแดดตากลมเพราะ นมสองเต้านั่นแหละ ยัปปี้กลางคนจากครอบครัวอัน ล่ ม ส ลายผู้ ซ่ อ นตั ว อ ยู่ ห ลั ง ป้ า ยแ บร นด์ เ นมชื่ อ ดั ง . . . 28 WRITE E-MAGAZINE
Pay Check สิมึง! ถึงเวลาทวงหนี้ชำระแค้นแล้ว ก็ที ตอนกอบโกยไม่เห็นพวกมึงนึกถึงจรรยาบรรณกันเลยนี่ ไอ้โ ปรแกรมเมอร์ก เ็ อามนั ส์เข้าว า่ ยิงก นั เข้าไ ปดิให้เลือด แม่งสาดเต็มจอ นั่นพวกมึงได้ปลูกหน่ออ่อนของอะไร ไว้ล่ะ!...เหมาจ่ายสิใช้บ ุฟเฟ่ต์สิ เดี๋ยวนี้อะไรๆก็บุฟเฟ่ต์ กันทั้งนั้น ใส่บาตรบุฟเฟ่ต์เลยดีมั้ยหรือจะสวิงกิ้งกันดี ล่ะเรา...บ้ากันไปหมดแล้วหรือไงเนี่ย แล้วจะใส่โมเสค ทำไม ท ายาห ม่ อ งท ำไม เ ด็ ก ๆ มั น ไ ม่ ไ ด้ เ หี้ ย เ พราะ ไอ้โลกสมมิติ 24 เฟรมตรงหน้านี่หรอก เวลาแค่นี้มันจะ ไปพอปลูกฝัง จะกระตุ้นอะไรได้นักหนา...ข้อมูลกำลัง ล้นทะลักๆๆ...ที่พวกมึง...เอ่อ...พวกเราทิ้งๆ ขว้างๆ เขาไว้นั่นต่างหาก...ไม่เข้าใจใช่ไหม นั่นล่ะมึง โง่เลย ตื้นเขินเลย ยังมาถามอีก...นี่มันงานแอ็บสแตร็คเว้ย! ...ทุกอย่างมันกระจัดกระจายไปหมด โลกมันหมุนเร็ว เกินไป Globalization ส้นตีนอะไรนั่นกำลังหั่น Identity ของเราเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย...คุณสงสารเขาเถอะ ก็ถ้า กางเกงในยี่ห้อ Lacoste มันทำให้เขาไม่กลายเป็นฆาตกร ต่อเนือ่ งกเ็ อาเถอะนะใช่ส .ิ ..ศ รัทธาของทา่ นกเ็ ป็นศ รัทธา ของท่าน ศรัทธาของเราก็เป็นศรัทธาของเรา เฮ้ยมึง ไม่เห็นบ้างหรือไง เด็กน้อยยอมนอนถ่างขา แม่งจะหัด เป็นกะหรี่แล้ว...คุณกำลังอยู่ในโลกของแมทริกซ์ ผมก็ อยู่ในโลกของแมทริกซ์ เรากำลังอยู่ในโลกแมทริกซ์ โทร หาผมที่เบอร์ 086-ห้าสิบสามสิบ-321, หากไม่ติดก็ 08- 7477-5065 ทำไมนับงั้นล่ะ มันเป็นเรื่องที่เจเนอเรชั่นX อย่างคุณไ ม่เข้าใจหรอก ของฟรีไม่เคยมีของดีไม่เคยถูก
สิ บ น า ที ต่ อ ห นึ่ ง รู ป ชั่ ว โ ม ง ห นึ่ ง ดู ไ ด้ ห กรู ป 6x6= 3 6 รู ป ( ต่ อ ห นึ่ ง วั น ) เดือนหนึ่งด ูได้1,080รูปปีละ12,960รูปสิบปี 129,600รูปนั่นหมายความว่าคุณต้องใช้เวลากว่า สามปีจึงจะดูรูปทั้งหมดได้ทั่วถึง
...ค ิดคร่าวๆ เข้าชมวันละ 6 ชั่วโมง (นั่นกแ็ ทบอ้วกแล้ว- แม่งจะฉลาดอะไรกันนักกันหนา) สิบนาทีต่อหนึ่งรูป ชั่ ว โมงห นึ่ ง ดู ไ ด้ ห กรู ป 6 x6 = 3 6 รู ป ( ต่ อ ห นึ่ ง วั น ) เดื อ นห นึ่ ง ดู ไ ด้ 1 ,080 รู ป ปี ล ะ 1 2,960 รู ป สิ บ ปี 129,600 รูป นั่นหมายความว่าคุณต้องใช้เวลากว่าสาม ปีจึงจะดูรูปทั้งหมดได้ทั่วถึง...ขี้เถ้าฟุ้งขึ้นตามรอยยางที่ แล่นผ า่ นกลายเป็นม า่ นขนุ่ ผ นื บ างทคี่ อ่ ยๆโ รยตวั ล งอย่าง อ้อยยิ่ง แสงสุดท้ายของวันช่วยขับให้มันดูเหนือจริงมาก ยิ่งขึ้น งดงามยิ่งนัก งดงามพอๆ กับไอ้ยาหยี...ไอ้ยาหยี เป็นสิ่งมชี ีวิตทนี่ ่าอิจฉาที่สุดในโลก หยิบกิ่งไม้เขวี้ยงไปสิ เดี๋ยวยาหยีจะจัดให้... มิติที่สาม [ มี เ ก้ า อี้ เ ล็ ก ๆ ใ ห้ พั ก ส ายตาบ้ า งก็ ไ ม่ เ ลวน ะ ใครไม่ไหวจริงๆ ก็รินว็อดก้าให้สักช็อตแต่อย่าให้เกินนั้นนะ] โ อเค. . . ป ระมาณนั้ น แ หละ ไ ม่ สิ . . . ถ อยๆ อ อกม าอี ก ห น่ อ ย ข วาขึ้ น นิ ด อี ก นิ ด . . . น่ า นแ หละ แ ม่ง เริม่ ด งู งๆแ ล้ว...ฮ ะ...อ ะไรนะ!อ ดึ อัดไ หมละ่ เริม่ อ ดึ อัด กันแล้วดิพวกมึง มันจะอดอยากอะไรกันนักกันหนา เชือ่ ไ หมละ่ ว า่ ข ณะทเี่ รากำลังท ำสน้ ตีนไ ร้ส าระอยูแ่ ค่ไ ม่ก ี่ นาทีน ี่เด็กเปรตๆอีกซีกโลกนึงกำลังจ ะตายห่าลงเพราะ ความหิวโหย! รู้บ้างไหมเนี่ย ตัดไม้กันเข้าไป ที่นั่นเขา ต้องรองเยี่ยววัวไว้ใช้อาบน้ำกันแล้ว นักวิจัยบอกว่าหาก
ยังคงถลุงกันอยู่อย่างนี้ ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี น้ำจะ ท่วมพ้นราวนมของไมเคิลจอร์แดนแน่ๆ...ไม่ตลกเหรอ ก็ ธ ารน้ ำ แ ข็ ง ที่ ขั้ ว โ ลกมั น ล ะลายแ ผ่ น แ ล้ ว แ ผ่ น เ ล่ า หมี Polar Bear จึงต้องจมน้ำตายเพราะว่ายไกลกว่า หกสบิ ไ มล์ เปล่าๆ...ไ ม่ใช่ก ารทดลองต วั ม นั เองนนั่ แ หละ คือการทดลอง...ข้อมูลกำลังล้นทะลัก...แล้วไอ้ที่สั่งสม กันมาอย่างกับคนเป็นบ้าเป็นหลังนั่นมันอะไรกันล่ะ... ใ นโ ลกนี้ ข องฟ รี มั น ไ ม่ เ คยมี ข องดี ไ ม่ เ คยถู ก ฉั น ใด การจะคาดหวังให้นางสาวสุวรรณี เมฆพิทักษ์ ไม่เสียตัว ในวั น ว าเลนไทน์ ก่ อ นอ ายุ ค รบยี่ สิ บ ปี บ ริ บู ร ณ์ ค งจะ เป็นเรื่องปัญญาอ่อนฉันนั้น โลกมันเปลี่ยนไปแล้วเว้ย! ปรับตัวสิวะ...ปรับตัว! กว่าพุทธิปัญญาจะก่อเกิดก็เมื่อ อายุปาเข้าไปร่วมสี่สิบ ทั้งที่มันเป็นเพียงแค่สิบวินาที ทีไ่ ด้ฟ งั เนือ้ หาของเพลงจากวงพงั ก ร์ อ็ กซงึ่ แ ต่งเอาไว้ต งั้ แต่ ปีมะโว้...ขี้ไม่ออกบอกไม่ถูกเมียไม่รักผัวไม่หลง หรือจะ ผลาญสมบัติโคตรพ่อมึงไม่รู้ยังไงดีล่ะก็ โทร 1900-1900 -878 เข้าไว้ แล้วผมจะชี้ทางให้เองนะครับ...ฟันธง!!! เชื่ อ ไ หมล่ ะ ว่ า H arold C reek นั บ จ ำนวนค รั้ ง ข อง การแปรงฟันแปรงฟันหน้า-แ นวนอน38ครั้งแนวตั้งอีก 38 ครั้ง รวม 76 ครั้ง ในตอนเช้า เวลาเดิมเป๊ะ! บวกลบ ไม่เกินสิบห้าวินาที จริงอยู่...เรื่องบางเรื่องไม่รู้บ้างก็ได้ แต่เรื่องบางเรื่องคิดบ้างก็ได้นะ ไม่ปวดหัวหรอก! ผมรู้... พวกคุณกำลังรอจะสำเร็จความใคร่กันตอนนั้นใช่ไหมล่ะ แล้วม นั จ ะฟอ้ งอะไรละ่ มันจ ะสอื่ ถ งึ ห า่ เหวอะไรกนั น กั หนา นั่นล่ะ ไม่เข้าใจเหรอ...ก็พวกมึงสิโง่ ตื้นเขินและโง่เขลา WRITE E-MAGAZINE 29
ไม่มีทางเข้าใจศิลปะขั้นสูงที่...แม่งยัด...โคตรจะสูงส่ง เทียมเมฆอย่างกับขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ ผมนึกได้แล้ว หน่วยวัดระยะทางใหม่...ลองคิดดู ถ้าไม่มีเกาหลีเหนือ อะไรจะเกิดขึ้น “ที่รักๆ...กินมาม่ากันเถอะ นะน้าาาา... โ อ๊ ย ! เ จ็ บ น ะอี ต าบ้ า นั่ น มั น รู ตู ด ! ” เ อาเ ข้ า ต ลาด หลักทรัพย์ไป ระดมทุนซะ รีบๆ เข้า minimum cost- maximump rofit“ร ะเบิดล กู ท สี่ องซงึ่ เจ้าห น้าทีเ่ ก็บก ไู้ ว้ไ ด้ท นั สืบท ราบวา่ ม ลี กั ษณะคล้ายคลึงก บั ท ตี่ รวจพบในตวั ล กู ชาย ของฯพณฯ”...ข้อมูลกำลังล้นทะลัก...โลกต้องการความ รักอยู่เสมอ แต่ความรักไม่เคยมีพอเลยสักครั้ง มันมี อะไรดีนักหนากะอีแค่จำนวนเต็ม บ้าบอคอแตกอยู่แต่ กับเรื่องตัวเลขนั่นนับมันเข้าไปสิสถิตนิ ่ะมันบอกอะไร ได้แค่บางอย่าง แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง โถ...พ่อเจ้าประคุณ พ่อทูนหัว ขอสักครั้งเถอะ “ออกมาเต้น ออกมาเต้น เด็ดขาดลีลาไปเลย” เหมาจ่ายดิ เดี๋ยวนี้เขามี GPRS แบบเหมาจ่ายแล้ว 24 ชั่วโมงเล่นไปเลย ผ่านมือถือ ก็ยังได้ Camfrog นั่นไง!...Live Fucking Show! สะใจ ไหมล่ะ! ก็พวกคุณมันเติบโตมากับวาทกรรมปาหี่ที่ว่า “ก้ า วเ ล็ ก ๆ ข องค นๆ ห นึ่ ง แ ต่ เ ป็ น ก้ า วที่ ยิ่ ง ใ หญ่ ข อง มวลมนุษยชาติ” นายดลสิทธิ์ ทองสนธิ กก.ผอ.สาย การบิน๑-๒-g oกล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีโอกาส ได้เป็นส ว่ นหนึง่ ข องพธิ กี รรมอนั ศ กั ดิส์ ทิ ธิด์ งั ก ล่าวถ า้ ห าก ความฝันสูงสุดของHaroldCreekคือการได้ห ัดเล่นก ีตาร์ ความสขุ ส ดุ ย อดของไอ้ย าหยี คงหนีไ ม่พ น้ ก ารทคี่ ณ ุ ห ยิบ ลูกบอลยางซึ่งส่งเสียงดัง “ปิ๊ป” ออกจากปากของมันแล้ว เขวี้ยงไปสุดแรง...อย่างนั้นมันก็เจ๊งสิครับ ไม่ต้องสืบ เลยค รั บ เ จ๊ ง แ หงๆ. . . ป ระเทศด้ อ ยพั ฒ นาอ ย่ า งเ รา กำลั ง ต้ อ งการฮี โ ร่ จิ น ตนาการดู สิ ว่ า มั น จ ะดี แ ค่ ไ หน ตอนแม่งเล่นลิเกตรงหน้าสนามบินไง วินาทีที่เงยหน้า ขึ้นมาจากก้มกราบนะ ฝังตะกั่วบนหว่างคิ้วแม่งสักเม็ด 30 WRITE E-MAGAZINE
เป็นอันจบกัน เราจะได้กลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่กันอีกที... และอีกที...และอีกที... มิติที่สี่ [เอาละ่ ...ไ ด้เวลาสำรอกแห่งย คุ ส มัยแ ล้วเขมือบกนั ให้เต็มที่สวิงกิ้งกันให้สุดเหวี่ยง แล้วเอานิ้วชี้ยัดลงไปให้ลึกที่สุดตรงกลางลำคอ จากนั้นก็ปล่อยให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ เถิด จุดไฟเผารูปเคารพจอมปลอมของพวกเอ็งซะ... ไอ้โรคจิต!ไอ้M asochistผู้น่าสมเพช!] สั ต ว์ ! สั ต ว์ ! สั ต ว์ ! จ ะบ รรลุ กั น เ ลยไ หมล่ ะ พวกมึงน่ะ! ทีดอกบัวยังมีสี่เหล่าเลย แล้วทำไมพระจะมี สี่เหล่าบ้างไม่ได้ ก็ยังขี้เหม็นอยู่นี่นา สรุปอย่างมีนัย สำคัญแล้ว กระบวนการแสวงหาความรู้กว่าสามพันปี ระยำนี่ ! ไม่ ไ ด้ ช่ ว ยใ ห้ พ วกเ ราฉ ลาดขึ้ น ม าบ้ า งเ ลย หรื อ ไ งว ะ! เ ตรี ย มตั ว เ อาไ ว้ ไ อ้ พ วกหั ว ลู ก โ ปก เ อ๊ ย ! เด็กแว้นมาแว้วววว เด็กแว้นมาแว้วววว! KFC, McDonald, MK, Sizzler กับดาวเทียมสอดแนมดวงใหม่ของ เกาหลีเหนือ “วะ! คุณจะวางโคตรพ่อ LAN จะ Bluetooth หรือใช้ดาต้าพอร์ต USB มันก็เรื่องของคุณสิวะ” พูดไ ม่รเู้ รือ่ งหรือไ งวา่ 6 ต ลุ าฯม คี นตายแค่ห นึง่ ค น...ข อ้ มูล กำลังล น้ ท ะลัก...อ ย่างรวบรัดต ดั ค วามแล้ว ม นั เป็นการเล่า ถึงเรื่องของความเชื่อมโยงและความตาย...สังเกตให้ดีสิ เชือ่ มโยงให้ด นี ะวินาทีท มี่ นั อ อกแรงตะกุยพ นื้ อ ย่างลงิ โลด ก่อนส่งตัวเองไปด้านหน้าดุจลูกธนู โดยมีเป้าหมายเป็น ลูกยางกลมๆ ซึ่งเด้งได้ในระดับต่ำ (บางรุ่นอาจบรรจุ กระดิ่งเอาไว้ภายใน ***หมายเหตุ เป็น Optional ขึ้น อยู่ กั บ รุ่ น ข องสิ น ค้ า ) วิ น าที ที่ มั น ไ ปถึ ง ลู ก บอลแ ล้ ว คาบก ลั บ ม าส่ ง ใ ห้ คุ ณ อ ย่ า งมี ค วามสุ ข ก่ อ นจ ะเ อา
ขาหน้าสะกิดคุณ เพื่อให้ทำใหม่ซ้ำๆ อีกครั้งและอีกครั้ง ...คล้ายกันไหมล่ะ สงครามน่ะ! ยังไม่นับระยะเวลาแห่ง การเรียนรตู้ ลอดประวัตศิ าสตร์อ นั ย าวนานของมนุษยชาติ ด้วยนะ...ฮ่ะๆ ๆ ขอสบู่เหลวยี่ห้อลักซ์หมายเลขแปด เ อาสี ฟ้ า น ะค รั บ ต้ อ งแ บบมี ฟ องที่ เ วลาถู ตั ว แ ล้ ว ดั ง ‘เอี๊ยดๆ’ ด้วยนะครับ ผมมันเป็นเด็กยุคก่อน Non-Ionic ครับ...ข อ้ มูลก ำลังล น้ ท ะลกั ๆๆ ...เรารเู้ ท่ากับใ บไม้ท งั้ ป า่ น ี้ แต่เท่าท จี่ ำเป็นต อ้ งสอนและสมั พันธ์ก บั ค วามเป็นอ ยูข่ อง พวกเจ้า ก็แค่ในหนึ่งกำมือนี้เท่านั้นแหละ...คราวนี้อะไร ดีล่ะ หอกทากคืบคลานไปอย่างเชื่องช้าบนใบมีดโกน เลยไหม...ซ ดี้ ดิซ ดี้ !ข องดีม นั ก ต็ อ้ งยากบา้ งสวิ ะแ ต่ย ากแล้ว ก็ใช่จะดีไปซะทั้งหมดนะ...หึ หึ หึ...ลองคิดดูสิ ความเร็ว ระดับคนเมาเนื้อ “พวกเจ้าจงออกจากฐานลับแล้วมุ่งตรง มาสู่เราด้วยความเร็ว120กม./ชั่วโมง(ของคนเมาเนื้อ)” นั่นอาจพอหวังได้ว่า คงจะถึงที่หมายในเวลาอย่างช้า ทีส่ ดุ -ส องวนั !...เรือ่ งเศร้า...ป ญ ั หาคอื ม นั เต็มท แี่ ละลน้ เกิน จนจะสำรอกออกมาเป็นน ำ้ เน่า เล่นเป็นค นจนๆเดินข าย พวงมาลัย แต่เสือกโบ๊ะหน้าเด้งซ ะ! ทหาร 1 ใน 12 คน ซึ่งเสียชีวิตในเหตุการณ์วางระเบิดร้านน้ำชาที่จังหวัด ยะลาเ มื่ อ ค่ ำ ว านนี้ ไ ด้ รั บ พ ระราชทานเ พลิ ง ศ พแ ล้ ว .. . ส วนดุ สิ ต โ พลล์ ร ายงานว่ า จ ากผ ลวิ จั ย ชิ้ น ล่ า สุ ด ในหัวข้อ “ความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อคำพิพากษาของ ศาลรัฐธรรมนูญในกรณียุบพรรคการเมือง” กลุ่มต ัวอย่าง ร้อยละ 62.4 รู้สึกว่าการเมืองไทยกำลังแย่ลง ร้อยละ 22.8 รู้สึกว่าดขี ึ้น ที่เหลือบอกว่าช่างหัวแม่ง!!! อะไรเล่าที่ เป็นอุปสรรคขัดขวางการวิวัฒน์ของกระบวนการพัฒนา ความเ ป็ น ปั จ เจกแ ห่ ง ม นุ ษ ยชาติ ค วามก ลั ว ห รื อ ความขี้เกียจ!...ยัดแม่งเข้าไปดิ...ยัดแม่งเข้าไป...ยัดแม่ งเข้าไปอีกดิ!...ยังไม่จุใจกับไอ้สัญลักษณ์ห่าเหวอันสุด แสนจะจอมปลอมและเปล่ากลวงของไอ้พวกนั้นอีกเหรอ
มี นั ก การเ มื อ งดี ก็ ต้ อ งมี นั ก การเ มื อ งเ ลวบ้ า งสิ ว ะ “พ อเ ถอะพี่ ...ห นู เ จ็ บจิ๊ ” ร างวั ล เ ลขท้ า ยส ามตั ว ห มุ น ครั้งที่สาม เลขที่ออก...ศูนย์...ศูนย์...ศูนย์...“สบายดี ค่ะพี่ แหม...จะให้ไม่สบายได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อเรามี นายกรฐั มนตรีท ดี่ อี อกขนาดน”ี้ เชือ่ ก ดู ิ แ ม่ง ต อ้ งเจ๋งก ว่าร นุ่ ‘รวยไม่มเี หตุผล’อกี เพราะคราวนเี้ ราจะประกอบพธิ ีปลุก เสกด้วยการกดพิมพ์ก ันใ นมดลูก!...เฮ้ย!ถามจริงๆ!ทุกว ัน นีพ ้ วกคณ ุ ย งั ไ ม่เข้าใจถงึ ค วามหมายในรอยยมิ้ ข องโมนาลิ ซ่าอีกเหรอวะ?g
WRITE E-MAGAZINE 31
หนังสือนอกกรอบ: บุคลิกของนักอ่านสู่ภาพสะท้อนในสังคม text: พิณประภาขันธวุธ
ไฟน์อาร์ต, ศิลปวัฒนธรรม,อักษรสาร, อะเดย์, อันเดอร์กราวด์,อ่าน, ไบโอสโคป, ฟิล์มแมก, ฟิ้ว,ดีดีท,ี สีสัน, แฮมเบอร์เกอร์, เวย์, ลัช,ราหูอมจันทร์,ช่อการะเกด
32 WRITE E-MAGAZINE
เมื่อเดินไปที่แผงหนังสือจะสังเกตได้ ว่ามีหนังสือและนิตยสารให้เลือกอ่าน มากมายจนเรียกได้ว่า“ล้น”แผงซึ่ง แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่หลาก หลายของผู้อ่านนิตยสารหรือหนังสือ เหล่านั้นจะมุ่งเน้นเฉพาะกลุ่มบุคคล เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อ แต่ในขณะเดียวกันผู้บริโภคที่เป็น“ นักอ่าน”ก็ยังรู้สึกว่า“หนังสือ”ที่ตน ต้องการอย่างแท้จริงนั้นกลับลดลง รวมทั้งคุณภาพที่ด้อยกว่ายุคก่อนเป็น อันมาก สมาคมนักเขียนแห่ง ประเทศไทยได้จัดการเสวนา“อ่าน อะไรทำไมจึงอ่านอ่านแล้วได้อะไร ”ครั้งที่๒ในหัวข้อ“นักอ่านแฟน พันธุ์แท้เรื่องชีวิตร่วมสมัยและชีวิต นอกกรอบ”(วรรณกรรมศิลปะดนตรี เพลงและหนัง)นำโดยคุณชมัยภร
แสงกระจ่างนายกสมาคมนักเขียน แห่งประเทศไทยชี้แจงวัตถุประสงค์ ในการจัดงานเสวนาครั้งนี้ว่าเป็นการ สนองความต้องการของสมาคมนัก เขียนฯที่จะจัดงาน“นักอ่านสี่ภูมิภาค” (เป็นโครงการต่อเนื่องจากเมื่อปีที่ผ่าน มา)แต่ในขณะนยี้ ังไม่มีงบประมาณ ในการจัดงานจึงจัดการเสวนาในส่วน กลางก่อนโดยจะแบ่งการเสวนาออก เป็น๕ครั้ง(ครั้งที่๑จัดขึ้นเมื่อวัน ที่๑๖สิงหาคมที่ผ่านมา)และจะนำ ประเด็นที่ได้จากการเสวนาในแต่ละ ครั้งไปประมวลเพื่อจัดงานสัมมนา ใหญ่อีกครั้งในงานมหกรรมหนังสือ แห่งชาติที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิ ริกิติ์การเสวนาทั้ง๕ครั้งที่จัดขึ้นที่ สมาคมนักเขียนฯนั้นผู้เข้าร่วมเสวนา ทุกคนจะได้มีโอกาสแสดงความคิด เห็นและการเสวนานี้มีลักษณะของ“
มนุษย์สัมผัสมนุษย์”เพื่อจะได้รู้ว่าใคร เป็นนักอ่านเหมือนเราและใครอ่าน หนังสือเหมือนเราบ้างการสำรวจ เกี่ยวกับการอ่านในครั้งนี้อาจจะมี ทั้งผู้ที่เหมือนกันและต่างกันแต่จุด ประสงค์หลักที่แท้จริงคือการที่นักอ่าน ได้มาพบหน้าและได้สนทนากันซึ่งนับ เป็นการระดมสมองร่วมกันในเรื่องของ การอ่านและการเขียนในอนาคตต่อไป อีกทั้งการที่ได้มาเสวนาร่วมกันเช่นนี้ ก็เสมือนว่าได้ร่วมกันส่งสัญญาณบาง อย่างไปยังสังคม,นักอ่านและนัก เขียนด้วยเช่นกันว่าเราพร้อมที่จะทำ อะไรบางอย่างให้แก่สังคมด้วย ในการเสวนาแต่ละครั้ง นั้นทางสมาคมฯได้กำหนดหัวข้อเพื่อ แยกแยะความต้องการของกลุ่มนัก อ่านอย่างชัดเจนทำให้เห็นภาพความ ต้องการของแต่ละกลุ่มที่แตกต่างกัน WRITE E-MAGAZINE 33
แม้ว่าก ารอ่านจะถูกผ ลักดันให้เป็นวาระ แห่งชาติแ ต่การสนับสนุนส่งเสริมก ารอ่าน ที่แท้จริงยังไม่เกิดข ึ้น ไปและในการเสวนาครั้งที่๒นี้เป็นก ลุ่มผู้ที่สนใจอ่านนิตยสารและหนังสือ แนวชีวิตร ่วมสมัยและชีวิตนอกกรอบ ผู้เข้าร่วมเสวนาในครั้งนี้มีทั้งตัวแทน จากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ตัวแทนจากนิตยสารอันเดอร์กราวด์, ลัชนักเขียนและผู้อ่านทั่วไปผู้ดำเนิน การเสวนาคือคุณรักษ์มนัญญากับ คุณเพชรยุพาบูรณ์สิริจรุงร ัฐโดย แนวหนังสือหรือนิตยสารที่ผู้อ่านกลุ่มนี้ สนใจได้แก่ไฟน์อาร์ต,ศิลปวัฒนธรรม ,อักษรสาร,อะเดย์,อันเดอร์กราวด์,อ่าน ,ไบโอสโคป,ฟิล์มแมก,ฟิ้ว,ดีดีที,สีสัน, แฮมเบอร์เกอร์,เวย์,ลัช,ราหูอมจันทร์ ,ช่อการะเกดร่วมทั้งหนังสือประเภท วรรณกรรมเพื่อชีวิตหรือวรรณกรรม สะท้อนสังคม วัตถุประสงค์ของนักอ่าน แต่ละคนมีความต้องการคล้ายคลึงกัน นั้นคือต้องการหนังสือหรือนิตยสารที่นำ เสนอเรื่องราวในสังคมและวัฒนธรรม ที่เข้าใจง่ายให้ข้อมูลที่ถูกต้องเชื่อ ถือได้รวมทั้งการวิเคราะห์ข่าวสาร, สถานการณ์ต่างๆจากคอลัมน์นิสต์ ที่มากด้วยประสบการณ์ซึ่งเป็น ประโยชน์ต่อนักอ่านในการทำความ เข้าใจสิ่งต่างๆมากขึ้นมิใช่การ“เชื่อ ”ตามคำบอกเล่าแต่เป็นการ“เข้าใจ” อย่างแท้จริง ในการเสวนาครั้ง นี้นักอ่านแต่ละท่านได้เล่าพื้นฐานการ อ่านของตนเองซึ่งแต่ละช่วงวัยของ แต่ละคนก็จะเลือกอ่านหนังสือที่เข้ากับ 34 WRITE E-MAGAZINE
ความสนใจในขณะนั้นและหนังสือ ที่เหล่านั้นก็ได้ช่วยพัฒนาความคิดใน แต่ละช่วงวัยด้วยเช่นกันแต่ในขณะ เดียวกันก็มีบางเสียงจากนักอ่านที่กล่าว ถึงหนังสือและนิตยสารที่มุ่งเน้นตอบ สนองเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งฉายภาพให้ เห็นถึงมกหมุนอยู่กับตนเองของบุคคล นั้นๆสิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนออกมาเป็น บุคลิกเฉพาะตัวของนักอ่านแต่ละท่าน แม้ว่าในปัจจุบันจะมีหนังสือ หรือนิตยสารที่หลากหลาย แต่กลับ ไม่สมารถตอบสนองพวกเขาได้มาก พอโดยเฉพาะนิตยสารที่เกี่ยวกับ วรรณกรรมโดยเฉพาะการหลั่งทะลัก เข้าของวรรณกรรมวัยรุ่นที่ด้อยคุณภาพ จนเป็นที่มาของนิตยสาร“อันเดอร์ กราวด์”ที่เน้นหนักทางวรรณกรรมโดย เฉพาะและการกลับมาอีกครั้งของ“ ช่อการะเกด”ที่สร้างความคึกคักให้ทั้ง นักอ่านที่จะได้เสพงานวรรณกรรมเข้ม ข้นและนักเขียนที่จะได้มีสนามประลอง ฝีมือ ปัญหาทางการตลาดที่ทำให้ หนังสือเหล่านี้หายไปจากแผงหนังสือ ทำให้เกิดปรากฏการMagazineonline และblogmagazineกลายเป็นสื่อ ทางเลือกอีกแหล่งหนึ่งของนักอ่าน และนักเขียนแต่ปัญหาของการสื่อ ออนไลน์เหล่านี้ก็ยังมีตามมานั่นคือ ความไม่ชัดเจนของนักเขียนซึ่งมักจะ ใช้นามแฝงไม่เปิดเผยตัวไม่สามารถ ตรวจสอบได้และข้อมูลที่นำมาเผย แพร่ยังขาดความถูกต้องชัดเจนซึ่งเป็น
เรื่องที่น่าเสียดายและยิ่งเปรียบเทียบ กับงานเขียนยุคเก่าแล้วนักอ่านหลาย ท่านกลับรู้สึกว่าด้อยคุณภาพกว่ามาก ทั้งที่หนังสือที่ดีเป็นเสมือนคัมภีร์สร้าง จุดเปลี่ยนให้กับชีวิตค้นหาวิถีทางแห่ง ตนเองได้และควรส่งเสริมหนังสือที่ดีให้ เป็นที่รู้จักในวงกว้างของสังคมเช่นมีการ แลกเปลี่ยนหนังสือกันอ่านหรือการนำ เสนอในศิลปะรูปแบบอื่นเช่นละครเวที ภาพยนตร์เป็นต้น และที่สำคัญที่สุด คือระบบการศึกษาไทยที่ไม่ได้เอื้อ อำนวยให้สร้างวัฒนธรรมการอ่านอย่าง แท้จริง แม้ว่าการอ่านจะถูกผลักดัน ให้เป็นวาระแห่งชาติแต่การสนับสนุน ส่งเสริมการอ่านที่แท้จริงยังไม่เกิด ขึ้นปัญหาเหล่านี้ไม่ได้อยู่ที่คนใดคน หนึ่งที่จะแก้ไขได้หากแต่ทุกฝ่ายต้อง ร่วมมือร่วมใจระดมความคิดเพื่อสร้าง วัฒนธรรมการอ่านที่สร้างสรรค์ซึ่ง ไม่ใช่การ“อ่านอะไรก็ได้”อีกแล้วจาก การเสวนาครั้งนี้แสดงให้เห็นชัดว่า หนังสือแต่ละเล่มได้ส่งผลกระทบต่อ ระบบความคิดและจิตสำนึกของนัก อ่านซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตในสังคมนั้น ๆการมีหนังสือดีให้คนเลือกอ่านย่อม เป็นการสร้างคนดีให้เกิดขึ้นในสังคม เพราะหนังสือได้สร้างบุคลิกของนักอ่าน และสามารถฉายภาพของคนในสังคม ได้อย่างชัดเจน... g
GALLERY FOTO
The Plastic Gun นิวัต พุทธประสาท
WRITE E-MAGAZINE 35
นักเขียนใหม่กับสัญญาน่าคิด
text: ล ูกแก้ว
งานวรรณกรรมมีหลายแขนง เช่น บทความ สารคดี เรื่อง สั้น นิยาย เป็นต้น หลายคนชื่นชอบการเขียนและอยากจะมี ผลงานออกสสู่ ายตาของคนอา่ นม นั เป็นค วามภมู ใิ จสว่ นตวั ก บั ความสามารถของตนเมือ่ ง านเขียนมสี ำนักพ มิ พ์ส นใจตดิ ต่อข อ พิมพ์เป็นเล่ม จึงเป็นความดีใจจนมองข้ามการถูกเอาเปรียบ เกินเหตุในสัญญา ทำให้กลายเป็นทาสของสัญญาลิขสิทธิ์ไป หลายปี นักเขียนใหม่หลายคนไม่ทราบเลยว่า มาตรฐานค่า เรื่องและการผูกมัดในสัญญาที่นักเขียนกับสำนักพิมพ์ควรมี ลักษณะอย่างใดที่ไม่เป็นการเอาเปรียบกันเกินไปหรือที่เรียก ว่าสัญญาเป็นธรรม หลังจากได้พูดคุยกับนักเขียนใหม่คนหนึ่งที่เสนอ งานทางบอร์ดในเว็บไซด์หนึ่งและเป็นที่นิยมของคนอ่านอย่าง มาก สำนักพิมพ์หนึ่งติดต่อเขาว่าสนใจพิมพ์รวมเล่ม หลังจาก ได้รับต้นฉบับไปอ่านครบทุกตอนจึงตอบรับในขั้นตอนสุดท้าย จากนั้นก็เป็นข้อเสนอในสัญญาให้ใช้ลิขสิทธิ์เพื่อการพิมพ์เป็น เล่มที่ทุกสำนักพิมพ์ต้องจัดทำขึ้นระหว่างนักเขียนและสำนัก พิมพ์ รายละเอียดในสัญญานี้มีความน่าสนใจที่ต้องไตร่ตรอง ให้รอบคอบก่อนสำนักพิมพ์เสนอว่าจะจ่ายค่าเรื่องแบบเหมา จ่ายครั้งเดียว ระยะเวลาในสัญญา คือ 5 ปีที่เขาจะเป็นผู้จัด พิมพ์ฝ่ายเดียวเท่านั้น โดยจะไม่มีการจ่ายค่าเรื่องตามจำนวน 36 WRITE E-MAGAZINE
พิมพ์แต่ละครั้งในระหว่าง 5 ปี นั้น หมายความว่า นักเขียน จะได้เงินค่าเรื่องแค่ครั้งแรกโดยไม่คำนึงถึงจำนวนพิมพ์ หาก มีการพิมพ์ครั้งต่อไป นักเขียนจะไม่ได้รับค่าเรื่องตามจำนวน พิมพ์อีก ถ้าเรื่องนั้นเป็นที่นิยมในกลุ่มนักอ่าน สำนักพิมพ์จะ สร้างกำไรมหาศาล ส่วนนักเขียนหมดสิทธิ์รับประโยชน์ใดๆ จากการจัดพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในทางกลับกันเมื่อเรื่องไม่ได้รับ ความนิยมเพียงพอจักถูกกักไว้ด้วยระยะเวลานาน5ปีสำนัก พิมพ์จ่ายเงินไปแค่ครั้งแรกเท่านั้น มิได้เสียหายใดๆเพราะ หนังสือต้องขายได้มากกว่าค่าเรื่องอยู่แล้ว หากเป็นนักเขียน ใหม่ที่ขาดประสบการณ์และตื่นเต้นกับโอกาสที่หยิบยื่นให้เขา ย่อมมองไม่เห็นผลเสียหายของนักเขียนเลยโดยเฉพาะค่าแรง เขียนเรื่อง สำนักพิมพ์บางแห่งเสนอค่าเรื่องตามมาตรฐานใน สังคมวรรณกรรม แต่เน้นที่ระยะเวลาคุ้มครองสำนักพิมพ์นาน ถึง 10 ปี หมายความว่า เรื่องของนักเขียนใหม่จะต้องอยู่กับ เขาถึง10ปีถ้าเรื่องไม่เป็นที่นิยมในตลาดแต่นักเขียนต้องการ ปรับเปลีย่ นเพือ่ ใ ห้ด ขี นึ้ ด ว้ ยประสบการณ์ใ หม่ข องเขาจ กั ก ระทำ ไม่ได้เพราะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักพิมพ์ก่อน ส่วนใหญ่ สำนักพิมพ์มักเก็บงานเขียนเหล่านี้ไว้เฉยๆนานถึง 10 ปี ทุก ชิ้นงานภายในระยะเวลาสัญญานั้นถือเป็นทรัพย์สินของสำนัก พิมพ์อย่างหนึ่ง
การเขียนทุกเรื่องล้วนต้องใช้พลังกายและใจเต็มที่ ไม่ว่านักเขียน ใหม่หรือเก่าสมควรได้รับค่าแรงอย่างเป็นธรรมตามมาตรฐานตลาด วรรณกรรมด งั น นั้ จ งึ ค วรเรียนรวู้ า่ ม าตรฐานคา่ เรือ่ งเป็นอ ย่างไรก าร เอารดั เอาเปรียบนกั เขียนใหม่ม กั เกิดจ ากสำนักพ มิ พ์ใ หม่เป็นส ว่ นใหญ่ โดยอาศัยค วามหวังค วามฝนั ของคนขาดประสบการณ์ช วี ติ เป็นเหยือ่ ล อ่ ผู้ใหญ่ในสังคมวรรณกรรมรับทราบปัญหาการเสีย ประโยชน์หรือถูกเอาเปรียบของนักเขียนใหม่มาระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มนักเขียนในอินเทอร์เน็ตซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ขาดประสบการณ์ทำให้กลายเป็นเหยื่อบ้างก็ทำใจว่าเสียรู้ไป แล้วเขียนใหม่ก ไ็ ด้จ งึ อ ยากให้ค ดิ ใ หม่ว า่ ก ารเขียนทกุ เรือ่ งลว้ น ต้องใช้พ ลังก ายและใจเต็มท ี่ ไ ม่ว า่ น กั เขียนใหม่ห รือเก่าส มควร ได้ร บั ค า่ แรงอย่างเป็นธ รรมตามมาตรฐานตลาดวรรณกรรมด งั นัน้ จ งึ ค วรเรียนรวู้ า่ ม าตรฐานคา่ เรือ่ งเป็นอ ย่างไรก ารเอารดั เอา เปรียบนักเขียนใหม่มักเกิดจากสำนักพิมพ์ใหม่เป็นส่วนใหญ่ โดยอาศัยความหวัง ความฝัน ของคนขาดประสบการณ์ชีวิต เป็นเหยื่อล่อ สำนักพิมพ์มีชื่อเสียงบางแห่งก็เน้นขยายเวลาให้ นาน แต่การคิดค่าเรื่องก็ใช้มาตรฐานทั่วไป นักเขียนใหม่ซึ่ง มีความเชื่อใจกับชื่อเสียงของสำนักพิมพ์จึงไม่ตระหนักใจว่า กำลังถูกเอาเปรียบเกินควร ต่อไปก็มาดูว่าสูตรการคิดค่าเรื่อง สำหรับน กั เขียนทวั่ ไปหรือม อื ใ หม่ซ งึ่ ผ ใู้ หญ่ใ นสงั คมวรรณกรรม ให้ความรู้ไว้คือ10%คูณด้วยราคาหน้าปกคูณด้วยจำนวน พิมพ์ นั่นหมายความว่า ทุกครั้งที่มีการจัดพิมพ์จะต้องใช้สูตร นี้เพื่อเป็นค่าเรื่องสำหรับนักเขียน ส่วนจำนวนเปอร์เซ็นต์นั้น ถ้าเป็นนักเขียนมีชื่อเสียงอาจจะสูงได้ถึง20เปอร์เซ็นต์ทีเดียว ตลอดเวลาคมุ้ ครองในสญ ั ญานกั เขียนจะได้ร บั ส ว่ นแบ่งเป็นค า่ เรือ่ งสำหรับก ารพมิ พ์ท กุ ค รัง้ ถ า้ ไ ม่มกี ารพมิ พ์ค รัง้ ท สี่ องหรือค รัง้ ต่อไป ก็ไม่ต้องจ่ายเงินค่าเรื่องแก่นักเขียนอีก จำนวนพิมพ์กับ ราคาปกนั้นเป็นสิทธิของสำนักพิมพ์กำหนดได้เองจึงเห็นได้ว่า ค่าแรงนักเขียนนั้นสำนักพิมพ์เป็นผู้กำหนดเช่นกันสำนักพิมพ์ จึงไ ม่มวี นั เสียเปรียบกบั น กั เขียนค า่ เรือ่ งมาตรฐานเป็นการแบ่ง ปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรมเท่านั้น
สัญญาให้ใช้ลิขสิทธิ์เพื่อการพิมพ์นั้นมักกำหนด เวลาคุ้มครองหรืออนุญาตให้สำนักพิมพ์จัดพิมพ์งานเล่มของ นักเขียนไว้ส่วนใหญ่จักอยู่ที่1ปี3ปี5ปีหรือ10ปีแล้วแต่ สำนักพ มิ พ์จ ะพจิ ารณาใช้ก บั น กั เขียนแต่ละคนโดยคำนึงว า่ จ ะ ใช้ห าประโยชน์ไ ด้ค มุ้ ท นุ ม ากทสี่ ดุ ภ ายในระยะใดเราตอ้ งไม่ล มื ว่าห นังสือแ ต่ละเล่มค อื ส นิ ค้าห รือท รัพย์สนิ ข องสำนักพ มิ พ์เพือ่ หาประโยชน์ทางการค้า การจ่ายเงินแก่นักเขียนจึงต้องนำมา คำนวณเป็นต้นท นุ ผ ลิตส นิ ค้าแ ละเวลาใช้ง านหาประโยชน์ข อง มันด้วย ทั้งนี้บางสำนักพิมพ์จะนำเรื่องมโนธรรมและการแบ่ง ปันโอกาสแก่นักเขียนโดยคืนสิทธิ์ให้นักเขียนไปหาประโยชน์ที่ อาจทำได้ดีกว่าตนหรือใช้ปรับปรุงงานใหม่อีกครั้งโดยกำหนด ระยะเวลาไม่นานนัก ถ้านักเขียนคนใดมีโอกาสพบกับสำนัก พิมพ์ท มี่ จี ติ ใจดงี ามเช่นน ี้ ก ถ็ อื ว่าม โี ชคดมี ห าศาลเนือ่ งจากบาง ครัง้ ง านเขียนชนิ้ น อี้ าจพบกบั ก ารตลาดไม่ด ขี องสำนักพ มิ พ์ห รือ ช่วงจังหวะไม่เหมาะสมทำให้ขายยาก แต่เอาไปให้อีกสำนัก พิมพ์ที่การตลาดดีและเหมาะสม นักอ่านอาจมองเห็นคุณค่า ของงานชิ้นนี้ได้ดีขึ้นก็ได้ การกักขังงานเขียนไว้ยาวนานเกิน เหตุถึง 10 ปี ซึ่งเทียบเท่ากับอายุความคดีแพ่งหรือคดีอาญา บางคดีจ งึ เป็นการลดทอนโอกาสของงานเขียนชนั้ ด หี ลายชนิ้ ท ี่ ถูกเก็บไ ว้เป็นท รัพย์สนิ ข องสำนักพ มิ พ์ท หี่ าประโยชน์ไ ม่ไ ด้แ ละ นักเขียนหมดโอกาสเผยแพร่งานสู่สาธารณชนด้วย ง านว รรณกรรมเ ป็ น ง านที่ ต้ อ งอ าศั ย จิ ต ใจทุ่ ม เท สร้างสรรค์ เพื่อผลิตงานจากประสบการณ์หรือจินตนาการ ของนักเขียน การนำเผยแพร่เป็นหน้าที่ของสำนักพิมพ์ซึ่งมีมุม มองต่อชิ้นงานแตกต่างกัน ส่วนนักอ่านเป็นคนสุดท้ายที่จะ ยืนยันก ารตดั สินใ จของสำนักพ มิ พ์น นั้ ว า่ ถ กู ต อ้ งหรือไ ม่เมือ่ ผ ล WRITE E-MAGAZINE 37
ประโยชน์ก บั ง านวรรณศิลป์จ ำตอ้ งเดินท างคกู่ นั ไ ปส ำนักพ มิ พ์ กับน กั เขียนจงึ ต อ้ งอยูเ่ คียงคดู่ ว้ ยกนั ผ ใู้ หญ่ใ นสงั คมวรรณกรรม จึงพ ยายามแก้ป ญ ั หาการเอาเปรียบและความไม่รขู้ องนกั เขียน ใหม่ด ว้ ยการให้ค วามรู้ ค วามเข้าใจด า้ นขอ้ ส ญ ั ญาหรือร ปู แ บบ สัญญาให้ใช้ลิขสิทธิ์ที่ช่วยลดทอนการเสียเปรียบลงอีกทั้งเน้น ย้ำว่า แม้เป็นนักเขียนใหม่ก็มีเกียรติและศักดิ์ศรีในฐานะนัก เขียนเช่นเดียวกับรุ่นพี่ที่มิควรถูกเอาเปรียบจากสำนักพิมพ์ เนื่องจากการผลิตงานแต่ละชิ้นต้องใช้พละกำลังและจิตใจสูง ไม่แตกต่างจากนักเขียนมืออาชีพจึงควรนับถือตนเองและเชื่อ มั่นในผลงานให้มาก มิใช่ยินยอมตามใจหรือยอมเสียเปรียบ เพียงเพราะกลัวไม่ได้พิมพ์เป็นเล่มถ้ามั่นใจว่างานเขียนดีแล้ว ย่อมต้องมีสำนักพิมพ์อื่นเห็นความดีเด่นของมันได้เช่นกันและ ไม่ต้องถูกเอาเปรียบเกินไปนักเขียนใหม่ควรพอใจกับข้อเสนอ หรือส ญ ั ญาทเี่ ป็นธ รรมเท่านัน้ ก ารได้ค า่ เรือ่ งตามมาตรฐานและ ระยะเวลาเป็นธรรมระหว่างสำนักพิมพ์และนักเขียน เป็นสิ่งที่ นักเขียนใหม่พึงได้รับแล้ว อีกทั้งต้องรู้จักปฏิเสธความไม่เป็น ธรรมกับงานเขียนของตนเพราะเป็นการดูแคลนฝีมือของนัก เขียนเองถ้าไม่ดูถูกงานของตนสักวันต้องมีคนเห็นคุณค่างาน ของทา่ นแ ต่ก ารยอมถกู เอาเปรียบเกินเหตุจ กั ต ดั ป ระโยชน์จ าก น้ำพักน้ำแรงที่พึงได้จากงานของเราแม้แต่กรรมกรใช้แรงงาน ยังได้ค่าแรงตามผลงาน นักเขียนใหม่สมควรถูกเอาเปรียบ ค่าแรงหรือ?คงต้องไตร่ตรองให้หนักกับสัญญาน่าคิดที่สำนัก พิมพ์เสนอแก่คนไร้ประสบการณ์ในวันนี้ระหว่างเงินเหมาเรื่อง ครัง้ เดียวของสำนักพ มิ พ์ก บั เงินจ า่ ยเป็นร ายครัง้ ต ามมาตรฐาน เบื้องต้นภายในเวลาคุ้มครอง นักเขียนใหม่ควรพิจารณาว่า ประโยชน์สูงสุดที่ตน ควรได้คือแบบไหน หากคิดเพียงว่าต้องการออกเล่มเท่านั้น 38 WRITE E-MAGAZINE
ยอมเสียเปรียบทุกอย่าง ลองคิดว่าถ้าเป็นงานดีเยี่ยม ติด ตลาด นักอ่านนิยมสูง ชื่อเสียงที่ได้รับคุ้มค่ากับค่าแรงที่ได้รับ ครั้งเดียวหรือไม่เมื่อคนตักตวงประโยชน์ฝ่ายเดียวคือสำนัก พิมพ์ภายในระยะเวลาคุ้มครองที่ต้องยาวนานอย่างแน่นอน เช่น ได้รับค่าเรื่องครั้งแรก 20,000 บาท ระยะเวลาคุ้มครอง 5 ปี เงื่อนไขคือ นักเขียนได้รับเงินค่าเรื่องแบบเหมาครั้งเดียว เท่านั้นโดยไม่คำนึงถึงจำนวนพิมพ์และตลอดเวลา5ปีสำนัก พิมพ์มีสิทธิ์พิมพ์ซ้ำกี่ครั้ง กี่เล่ม ก็ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเรื่องแก่ นักเขียนอีกถา้ เรื่องของนักเขียนดังขึ้นนักเขียนทำได้เพียงมอง การโกยเงินของสำนักพิมพ์ฝ่ายเดียวถ้าขายยากเขาก็จ่ายแค่ 20,000บาทแล้วทยอยขายเล่มไปเรื่อยๆแค่ได้เงินกลับคืนช้า เล็กน้อย แต่ได้สิทธิ์ครอบครองลิขสิทธิ์งานไว้อีกยาวซึ่งถือเป็น ทรัพย์สินของบริษัทที่มีมูลค่าอย่างหนึ่ง หากเปรียบเทียบกับ สัญญาอีกประเภทที่มีระยะเวลาคุ้มครองเท่ากัน คือ 5 ปี แต่ จ่ายค่าเรื่องทุกครั้งที่มีการจัดพิมพ์ตามสูตรคำนวณมาตรฐาน ตลาดวรรณกรรมเมื่อผลงานติดตลาดและเป็นที่นิยมนักเขียน จะมีรายได้ตอบแทนค่าเขียนทุกครั้งที่มีการพิมพ์ เป็นการแบ่ง ปันประโยชน์ระหว่างนักเขียนและสำนักพิมพ์อย่างเป็นธรรม ทำให้น กั เขียนมกี ำลังใ จผลิตง านดๆี อ อกมาอกี ส ำนักพ มิ พ์ก ไ็ ด้ กำไรจากงานพิมพ์ ในทางกลับกันหากงานไม่ได้รับความนิยม ชิ้นงานนั้นควรถูกเก็บไว้ยาวนานเพียงนั้นหรือ ? แม้จะเป็นนัก เขียนใหม่ก็ไม่ควรถูกเอาเปรียบเกินเหตุจากสำนักพิมพ์ ขอให้ นักเขียนใหม่เชื่อมั่นและนับถือตนเองและคุณค่าของงานก่อน แล้วใ ช้ส ติป ญ ั ญาไตร่ตรองขอ้ เสนอของสำนักพ มิ พ์อ ย่างถถี่ ว้ น จักไม่ต้องผิดหวังหรือเสียใจกับการทำสัญญาพิมพ์ผลงานของ ตน g
คลื่นไม่กระทบฝั่ง เขียนโดย จิรัฏฐ์ เฉลิมแสนยากร เป็นความเรียงเกี่ยวกับคนรุ่นใหม่ล่วมสะหมัย11เรื่อง ตอนนี้หนังสือทำมือได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อ โดยจะจัดส่งหนังสือทางไปรษณีย์ ชำระเงินผ่านทางธนาณัติมาตามที่อยู่ที่ขึ้นอยู่หน้านี้ 91/143 ถ.รามอินทรา ซ.44 แยก 4 ถ.รามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ 10230 หรือโ อนเงินเข้าบัญชีชื่อนายจิรัฏฐ์เฉลิมแสนยากร ธ.กรุงไทยสาขาสะพานใหม่ เลขบัญชี065-0-24328-5 หากท่านผู้อ่านโอนเงินแล้วโปรดแจ้งชื่อและที่อยู่ในการจัดส่งมาทางอีเมลนี้ด้วยนะครับ ผมจะรีบส่งไปให้ท่านได้อ่านภายใน3-5วันทำการ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับลมหายใจของผู้อ่าน WRITE E-MAGAZINE 39
กระต่ายติดซอยเพลย์บอยติดใจ text: กฤษณา รัตนกุล
"วัยรุ่นไทยเอากันเหมือนกระต่าย" พี่เล็ก (จุลจักร จักรพงษ์) ได้บอกผมไว้ ทำไมนะหรอ วัยหลังจากตรากตรำ เดินห้าว ดูหนัง เที่ยวผับ กันทั้งวันทั้งคืนก็เกิดความเหนื่อยล้า อยากจะหาอะไรทำแบบไม่ต้องเสียตังค์ แต่เสียตัว กิจกรรม ยามว่างจึงหนีไม่พ้นการมี Sex และทำไมต้องยกกระต่าย มาแอบอ้างพฤติกรรมเหล่านี้ มันมีที่มาแน่นอน...ที่ประเทศ Australiaมีฤดูกาลล่ากระต่ายเหล่าบรรดานักล่าหน้าฝรั่งเอา กระต่ายไปปล่อยในป่าแล้วออกล่าแต่จนแล้วจรรอดพอล่าไม่ หมดจบฤดูกาล กระต่ายที่เหลือเหล่านั้นก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เป็นเวลาอีกขวบปี และมันจะทำอะไรหละ Musuem ก็ไม่มีให้ เข้าเหล้าก็ไม่มีให้แดก ครั้นจะหาเพื่อนต่างสายพันธุ์เล่นด้วย กัน มันก็ดันไปเลือกเต่า จากนั้นมันก็เลยเข็ดไม่อยากไว้ใจใคร อีก เลยต้องกระโดดหูตกมาจมปรักอยู่กับเพื่อน พี่ น้องๆ ร่วม เผ่าพ นั ธุ์ ม นั ก เ็ ลยไม่รจู้ ะทำอะไรห รือว า่ จ ะนอนรอความตายอยู่ อย่างนี้วันเวลาล่วงเลยผ่านไปกระต่ายตัวพ่อก็เรียกประชุม "เพื่อความอยู่รอดต่อไปนี้วันเวลาที่มีอยู่จะไม่ใช่การ มองดวงอาทิตย์และรอคอยดวงจันทร์อีกต่อไปต่อไปนี้เราต้อง "เอา"" ก ระต่ายลกู บ า้ นกข็ านตอบรบั เสียงดงั ก กึ ก้องไปทวั่ ท งั้ ป่า "เอา" "เอา" "เอา" หลังจากการประชุมครั้งนี้กระต่าย วันๆก็ ไม่ท ำอะไรนอกจากเอาก ระต่ายได้เพิม่ จ ำนวนเป็นส ามถงึ ส เี่ ท่า ในเวลาแค่ป เี ดียวแ ละเพราะเหตุน ี้ "ก ระต่าย"ไ ด้เป็นส ญ ั ลักษณ์ 40 WRITE E-MAGAZINE
ของPlayboyมาจนถึงปัจจุบัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับวัยรุ่นไทยเพราะวัยรุ่นไทยหลง ทางครับ เริ่มสะสมชั่วโมงงงมาซักพัก ยิ่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ยิ่ง ไม่กล้าเดินย้อนกลับไปเลือกเดินทางใหม่"วัยรุ่นหลงทางในวัน นี้ ก ลายเป็นผ ใู้ หญ่ห ลงทางในวนั ห น้า"อ ะไรดงั ห น่อยกแ็ ห่แหน ไปเชิดชู เอ้านักเทนนิสระดับโลก นักเทควันโด้ครอบจักรวาล เพราะการที่เลือก "กระแส"อาจทำให้รวยและมีชื่อเสียงถ้าคิด แค่นี้จุดยืนของทุกคนคงติดไวรัสไปแล้ว Playboy ตัวน้อยกระโดดไปผสมพันธุ์กับกระต่าย เพศเมียอ ย่างเริงร่าม นั เสพตดิ ร สกามรมณ์P layboyต วั น อ้ ยยงั หลงไหลใน"กามกรีฑา"ต้องปฏิบัติตามPlayboySocietyที่ไม่ ได้ห วังส บื พันธุ์ แ ต่ห วังม เี พศสมั พ นั ธุ์ ร วมไปถงึ F unfairF estival เพื่อหวังจะได้ Fun Free ถ้าเทพนิยายสมัยก่อน ซินเดอเรลล่า ทิ้งรองเท้าแก้วไว้ เรื่องจริงของสมัยนี้ คงเป็นถุงยางทิ้งไว้ให้ดู ต่างหน้าท างดา้ นกระต่ายสาวเกิดค วามผดิ ผ ลาดต งั้ ท อ้ งขนึ้ ม า กระทันหัน อุ้มท้องโย้เย้จะไปทำ "แท้ง" สังคมและคนรอบ ข้างก็ตั้งข้อหาให้สาแก่ใจ "ท้องไม่มีพ่อ" "ไร้ความรับผิดชอบ" "สำ่ ส อ่ น"ค ำพดู ส ว่ นใหญ่พ รัง่ พ รูอ อกมาจากปากของคนทเี่ รียก ตัวเองวา่ ผ ใู้ หญ่ค นเหล่าน สี้ ามารถประนามได้เพราะเค้าใ ช้ช วี ติ อยูใ่ นสงิ่ ท เี่ รียกวา่ "ท ำนองคลองธรรม"เด็กค นไหนแหกคอกก จ็ ะ ถูกเรียกว่า"เด็กก้าวร้าว"กำลังใจที่เหลืออยู่ก็คงพร่องไปหมด ท กุ ว นั น เี้ รายงั เดินส วนกนั เราไม่รหู้ รอกวา่ ค นไหนเป็น Playboyใครดีหรือไม่ดีและการมีSexซะบั้นหั่นแหลกก็คงไม่ ได้เป็นปัญหาระดับชาติกินขี้ปี้นอนคือรูปแบบที่แท้จริงของ การมีอยู่ สถานการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย ทำให้จิตใจเรายุ่งเหยิง ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม เรายังถูกมอมเมาจากแสงสีที่มาจาก หลอดไฟส ะเก็ดไ ฟทมี่ าจากปลายกระบอกปนื P layboyไ ม่เคย รวมตวั ก นั ส ร้างมอ็ บไ ม่เคยทำรฐั ประหารP layboyก ย็ งั เป็นค น มีจิตใจมีเลือดเนื้อที่ต้องการผู้ใหญ่ดีๆไว้ชี้ทาง g Playboyรอยเตอร์
WRITE E-MAGAZINE 41
Nostalgia text&image: “ โนลีโอ”
เพื่อนกันตลอดไป “ เวลาให้น มลกู แ กตอ้ งนงั่ ต วั ต รงๆน งั่ ง อหลังแ บบนนั้ ก็แย่น่ะสิ” “ก็มันเมื่อยนี่นา เอาลูกวางลงที่ตักแล้วโน้มตัวลงมา หาลูกแบบนี้ฉันจะ เมื่อยน้อยกว่านั่งตรงๆอีกนะ” “มันก็จริงนะ แต่มันไม่ดีกับกระดูกสันหลังนะ เอางี้สิ แกทำแบบฉันนี่ไง” ว่ า พ ลางห ญิ ง ส าวผู้ พู ด ก็ ท ำท่ า ใ ห้ ดู เ ป็ น ตั ว อย่ า ง เธอนอนตะแคงหนุนหมอนใบกะทัดรัดพอดีหัว มีลูกน้อย นอนดูดนมอยู่แนบอกท่วงท่าและเสียงจ๊วบๆของลูกบ่งบอก ว่ากำลังดื่มด่ำกับน้ำนมแสนวิเศษที่ไหลผ่านจากเต้าเข้าปาก น้อยกะจิริดนั้นอย่างต่อเนื่องเนิ่นนานและเปี่ยมสุข หญิงสาวอีกคนยืนดูนิ่ง เก็บรายละเอียดและจดจำ ท่าทางในการนอนให้นมลูกวิธีใหม่ที่เธอเพิ่งรู้นี้ เพื่อจะได้นำ กลับไปใช้กับตัวเองและลูก ในขณะที่มือหนึ่งประคองหลัง ลูกน้อยอีกมือหนึ่งโอบอุ้มแนบอก ฉั น นั่ ง ม องดู คุ ณ แ ม่ มื อ ใ หม่ ส องค นแ ลกเ ปลี่ ย น ประสบการณ์ในการให้นมลูกแก่กันอย่างอิ่มเอมและอบอวล ไปด้วยพลังแห่งรักและมิตรภาพ สองสาวมีลูกน้อยแนบอยู่ กับอกอิ่มค ู่นั้นคนละคนคนหนึ่งเป็นเด็กหญิงวัยกว่าสี่เดือน หน้าตาน่ารักน่าชัง ตาโต แก้มป่อง ยิ้มง่ายและผิวเนียนนวล ชมพูเรื่อ อีกหนึ่งคนเป็นเด็กชายแรกคลอดอายุเพียงเดือนเศษ ผิวเข้มกว่าเล็กน้อย และจมูกโด่งเป็นสันสูง เด็กน้อยสองคนนี้ เป็นเพือ่ นกนั ต งั้ แต่ย งั อ ยูใ่ นครรภ์เพราะแม่ข องเขาทงั้ ส องกเ็ ป็น เพื่อนกันตั้งแต่ยังไม่มีครรภ์เหมือนกัน 42 WRITE E-MAGAZINE
๒ ๓ ตุ ล าคม วั น ห ยุ ด นั ก ขั ต ฤ กษ์ เ นื่ อ งใ น วันปิยะมหาราชฉันและเพื่อนๆรวม๖คนนัดแนะกันเรียบร้อย เพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนและหลานสาวคนใหม่ด้วยกันที่บ้าน ของเธอย่านซอยอารีย์ ข่าวว่าหลานสาวของพวกเราเป็น ลูกครึ่งหน้าตาสะสวย เราเลยถือโอกาสนี้ได้พบปะเจอะเจอ กันเองไปในตัวเพราะหลายๆคนในหกคนนี้นานเป็นปีทีเดียว กว่าท เี่ ราจะได้ม าเจอกนั ต า่ งคนตา่ งกม็ หี น้าท ที่ ตี่ อ้ งรบั ผ ดิ ช อบ ต้องกระทำ ต้องขวนขวาย ต้องไขว่คว้า เพื่อความอยู่รอด... ข้อนี้ฉันเข้าใจดี... ก่อนหน้าที่จะถึงวันนัด ฉันเดินเลือกหาของรับขวัญ หลานที่โซนเด็กอ่อนของห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน ข้าวของ เครื่องใช้สำหรับเด็กแรกเกิดไปจนถึงเด็กโตมีให้เลือกละลาน ตาจนหยิบจับไม่ถูกว่าจะเลือกชิ้นไหน ฉันและเพื่อนสาวอีก คนที่เราหุ้นกันซื้อของขวัญ ตกลงปลงใจให้หมอนข้างผ้านุ่มๆ รูปตัวหนอนและผึ้งตัวจ้อยเป็นของขวัญฉันเองเดาใจไม่ถูกว่า หลานจะชอบตกุ๊ ตาหมอนข้างทเี่ ลือกให้ห รือไ ม่แ ละหลานจะรบั รู้ได้หรือเปล่าว่าของขวัญทั้งสองชิ้นผ่านการคัดเลือกและพินิจ พิจารณามาอย่างดีเพียงใดก่อนที่มาเป็นของขวัญนี้ แต่ข้อนี้ คงไม่สำคัญเท่าไหร่ เพราะฉันเชื่อว่าวันหนึ่งที่เขาโตขึ้น เขาจะ สามารถรับรู้ถึงที่มาที่ไปของคุณค่าของของขวัญสักชิ้นเป็นแน่ พวกเรามาถึงบ้านเพื่อนตามเวลานัดหมาย และเป็น ดังคาดที่เราจะคุยกันชนิดที่ไม่มีใครยอมหยุดให้ใครได้พูด และทำราวกับว่าช่วงเวลาที่มันหดหายไปกับหน้าที่การงาน ของแต่ละคนนั้น ถูกเติมให้เต็ม และบดทับไปด้วยรอยยิ้ม
เสียงหัวเราะและการถามไถ่ที่ไม่ได้หยุดหย่อนนั้นทีเดียว ฉันมองดูเพื่อนๆ แต่ละคนด้วยความรู้สึกที่ไม่อยาก เชื่อว่าเราจะมีวันนี้กันได้ วันที่สาวๆ หลายคนในกลุ่ม เซี้ยว เปรี้ยวซ่า ของพวกเรา จะเปลี่ยนเส้นทางเดินจากนักศึกษาผู้ ล่าฝันมาเป็นหนุ่มสาวออฟฟิศผู้ตะกายดาวในหน้าที่การงาน และบางคนจะกลายมาเป็นแม่คนโดยสมบูรณ์แบบ ฉันยังจำ ได้ด กี บั ภ าพผหู้ ญิงม าดเซอห วั ก ระเซิงแ ละทา่ ทางการเดินก วน บาทาผพู้ บเห็นค นนนั้ เปลีย่ นเป็นค ณ ุ แ ม่ม อื ใ หม่ท นี่ อนนงิ่ ใ ห้น ม ลูก และปลอบประโลมเด็กน้อยด้วยเสียงอันใสเย็นอ่อนหวาน ยามลูกร้องโยเย เพื่อนบางคน ถึงแม้จะยังไม่มีครอบครัว แต่ด้วย การงานและสงั คมทหี่ ล่อเลีย้ งหลังจ ากออกจากรวั้ ม หาวิทยาลัย ก็หลอมรวมความแกร่งกร้านและอาจหาญในการดำเนินชีวิต กว่าแต่ก่อน เพื่อนชายบางคนเขี้ยวเล็บถูกหักออกหมดเกลี้ยง
หลังจากเจอฤทธิ์เดชเจ้าจอมวายร้าย ตัวป่วนประจำบ้าน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แต่บางคนก็เดินโซซัดโซเซ ผมอกร่อง เพราะไม่มีงานไม่มีเงิน ว นั น นั้ ห ลังจ ากเราคยุ ก นั จ นหนำใจเรากพ็ ากนั อ อกไป กินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารละแวกบ้าน แน่นอนว่าเราไม่ลืม ที่จะพาเจ้าตัวน้อยไปด้วย ตอนนั้น เพื่อนสาวอีกคนที่เป็นคุณ แม่ล กู ชายวยั เดือนเศษยงั ไ ม่ถ งึ ก ำหนดคลอดแต่ก อ็ ยุ้ อ้ายเต็มท ี่ ในกลุ่มของเราจึงเป็นที่สะดุดตาต่อผู้พบเห็นไม่ใช่น้อย ที่มี ทั้งสาวท้องแก่ มีเด็กอ่อน มีชายหนุ่ม หญิงสาว ที่ล้วนอยู่ใน วัยไล่เลี่ยกันเดินปะปนกันไปอย่างอบอุ่นและสนุกสนานเฮฮา อากาศภายนอกร้อนระอุเอาเรื่องสำหรับเจ้าตัวน้อย เพราะเธอเป็นลูกครึ่งไทยฝรั่งเศสที่เพิ่งหอบหิ้วกันกลับมาจาก เมืองนีมอันหนาวเหน็บได้เพียงสัปดาห์เดียว เธอโยเยเล็กน้อย เพราะอากาศเปลี่ยน แม่ของเธอจึงปลอบโยนลูกน้อยด้วยการ ให้นมเป็นของปลอบขวัญ แต่ร้านที่เราไปกินข้าวคนแน่นและ WRITE E-MAGAZINE 43
ส งิ่ ท ผี่ หู้ ญิงต อ้ งการมากทสี่ ดุ ก ค็ อื เพือ่ น และเพือ่ นทดี่ ที สี่ ดุ ของ ผู้หญิงก็คือ“ลูก” คิวยาว แก็งค์แม่ลูกอ่อนจึงจำต้องนั่งรอกันหน้าร้านนั้น ตอน แรกฉั น ยั ง กั ง วลกั บ เ พื่ อ นส าวว่ า จ ะใ ห้ น มลู ก อ ย่ า งไรใ นที่ สาธารณะเช่นนี้ แต่เมื่อเห็นท่าทางขึงขังของเพื่อนแล้วก็อดที่ จะทึ่งในความเป็นแม่ของเธอไม่ได้ เพือ่ นของฉนั ไ ม่ร รี อทจี่ ะเปิดเสือ้ ข นึ้ แ ละให้น มลกู อ ยูท่ ี่ หน้าร า้ นอาหารนนั้ โดยไม่ส นใจสายตาของผทู้ เี่ ดินผ า่ นไปผา่ น มาเลยอ กี ค รัง้ แ ล้วท ฉี่ นั ม องดเู พือ่ นดว้ ยความประหลาดใจแต่ ก็เชื่อในสัญชาตญาณของความเป็นแม่ ที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อ ให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด ไม่เว้นแ ม้แต่ในเวลาใดเลย เ พื่ อ นฉั น ตั ด สิ น ใ จไ ปใ ช้ ชี วิ ต คู่ ที่ ฝ รั่ ง เศสกั บ ส ามี ก่อนหน้านั้นเราคุยกันนานมาก กว่าที่เธอจะตัดสินใจได้ ทั้ง ลังเล ทั้งกังวล ทั้งยังห่วงหากับครอบครัว เพื่อนฝูงที่เมืองไทย แต่ท กุ ช วี ติ ก ย็ อ่ มมที างเดินเป็นข องตนเองแ ละถา้ ไ ม่ก า้ วออกไป ก็คงจะไม่มีวันรู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ช่ ว งที่ เ พื่ อ นใ ช้ ชี วิตอยู่ที่ฝรั่งเศส ฉันกับเพื่อนคน อื่นๆ ก็ยังคงดำเนินชีวิตของตัวเองเรื่อยมา เพื่อนฉันโทรศัพท์ ข า้ มนำ้ ข า้ มทะเลมาหาถยี่ บิ ร าวกับว า่ เราหา่ งกนั เพียงกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ฉันจับน้ำเสียงและความถี่กระชั้นในการโทรศัพท์ มาหานั้นได้ว่า เธอเหงา และว้าเหว่เพียงใด ถึงจะมีสามี ญาติมติ รหรือเพือ่ นฝงู ท างโน้นแ ต่ก ม็ วิ ายโหยหาและคร่ำครวญ ถึงมิตรภาพและวานวันเก่าๆที่ล่วงเลย เมือ่ แ รกเริม่ ท เี่ ธอตงั้ ค รรภ์ฉ นั ไ ม่แ น่ใจวา่ จ ะเป็นอ าการ ของคนทอ้ งหรือไ ม่ท จี่ ะคดิ ว กวนและพร่ำเพ้อถ งึ แ ต่อ ดีตก บั ช วี ติ ในรั้วมหาวิทยาลัยของพวกเรา บางทีเพื่อนฉันก็จะเพ้อเจ้อ เคร่งเครียด และกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงว่าหลังคลอด ลูกจะเป็นอย่างไร ความสงสารเพื่อนแล่นจับหัวใจฉัน เพราะ ช่วงชีวิตหนึ่ง ฉันก็เคยระหกระเหินในต่างแดนจึงเข้าใจถึง ความรู้สึก “ขาดและกลัว” ของเพื่อนได้เป็นอย่างดี ทั้งคำพูด 44 WRITE E-MAGAZINE
ปลอบประโลม ทั้งสั่งและสอน ทั้งกำลังใจเยอะแยะมากมาย อีกทั้งดุและว่าสารพัด เพื่อเรียกสติของเพื่อนสาวตอนนั้นให้ กลับมาอยู่กับปัจจุบันของเธอพร้อมลูกน้อยในครรภ์ “อย่ากังวลไปเลยนะแก ลูกยังไม่คลอดวันนี้พรุ่งนี้ สักหน่อย ระหว่างนี้แกก็หาตำราเลี้ยงลูกมาอ่านตุนไว้ก่อนสิ พอถึงเวลาคลอดจริงๆ จะได้ไม่มีปัญหา แต่จะว่าไปแล้ว ผูห้ ญิงเราทกุ ค นกล็ ว้ นมคี วามเป็นแ ม่อ ยูใ่ นตวั เองดว้ ยกนั ท งั้ น นั้ อยู่ที่เมื่อไหร่เราจะได้หยิบยกมันมาใช้ก็เท่านั้น แต่แกเชื่อ ฉันเถอะเมือ่ ถ งึ เวลาทจี่ ะตอ้ งเป็นแ ม่ข นึ้ ม าจริงๆฉ นั ว า่ ธ รรมชาติ จะสอนแกเองแหละว่าแกต้องทำยังไงกับลูก” ฉันจำได้ว่า สิ่งสุดท้ายที่ตอบปลอบเพื่อนที่ต่างแดน เป็นเช่นนั้น ซึ่งฉันเองก็ยังหวั่นใจอยู่ว่า เพื่อนคนนี้จะเอาตัว รอดจากสภาวะนนั้ ไ ด้ห รือไ ม่แ ต่ภ าพทเี่ ห็นใ นวนั น ี้ เธอทำหน้าที่ “ แ ม่” ไ ด้อ ย่างสมบูรณ์ต ามแบบฉบับข องเธอได้อ ย่างไม่ข าดตก บกพร่องคงเพราะ“ ธ รรมชาติแ ละสญ ั ชาตญาณของความเป็น แม่ที่มีอยู่ในตัว”นั่นเองที่ทำให้เพื่อนฉันหรือผู้หญิงหลายๆคน กลายเป็นแม่อย่างสมบูรณ์แบบในที่สุด “ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้วล่ะแก” “ ท ำไมละ่ !ท เี มือ่ ก อ่ นละ่ เห็นโ หยหาจะเป็นจ ะตายโ ดย เฉพาะเพื่อน..” “ก็ตอนนี้ฉันมีเพื่อนใหม่แล้วน่ะสิ” “ใครวะ!เพื่อนใหม่” ฉันยังไม่หายสงสัย แต่เพื่อนไม่ตอบคำถามฉัน เธอ ปรายตาและเดินไปหาลูกน้อยที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บน เตียง พร้อมยิ้มทักทายลูกในความฝัน ฉันรู้ได้เองในทันทีว่า เพื่อนที่เธอหมายถึงนั้น...คือใคร... “ สิ่ ง ที่ ผู้ ห ญิ ง ต้ อ งการม ากที่ สุ ด ก็ คื อ เ พื่ อ น แ ละ
เพื่อนที่ดีที่สุดของผู้หญิงก็คือ“ลูก”นั่นเอง” ใ ครสั ก ค นก ล่ า วไว้เช่นนั้น ซึ่งฉันก็จำได้ไม่หมด แต่เพื่อนของฉันคนนี้ คงรับรู้และประสบกับตัวเธอเองแล้ว เธอจึงบอกออกมาอย่างเต็มภาคภูมิ หลังจากเราพบกันครั้งนั้นที่บ้านในซอยอารีย์เมื่อใด ทีฉ่ นั ผ า่ นและสะดวกกจ็ ะแวะไปหาเจ้าต วั น อ้ ยอยูเ่ นืองๆฉ นั ค ง หลงเสน่ห์เจ้าตัวน้อยเข้าให้แล้ว และหลังจากที่เราหายกันไป พักหนึ่ง เพื่อนสาวที่ท้องแก่ก็คลอดลูกชายมาให้เราเชยชมกัน ในฐานะคุณป้ายังสาวอีกคน และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ฉันก็แวะไปหาหลานอีก และช่างสบโอกาสอันดีที่หลานทั้งสองคนมาอยู่ที่บ้านหลัง เดียวกันในซอยอารีย์ เราต่างแวะเวียนไปมาหาสู่กันเสมอ เมื่อมีลูกใ ครคนหนึ่งในกลุ่มว่าไว้“ลูก”คงเป็นทางสายใดสาย หนึง่ ท ไี่ ม่ไ ด้เชือ่ มเฉพาะพอ่ ก บั แ ม่ข องเขาหากแต่ย งั เชือ่ มเพือ่ น ของพ่อกับแม่ให้ได้กลับมาเจอะเจอกันอีกอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่รู้เป็นอย่างไร ที่ฉันมักเป็นฝ่ายเก็บรายละเอียด ในทุกๆ สถานการณ์เสมอๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ที่ฉันละเลียดเวลา ของตัวเองไปกับภาพของสองคุณแม่มือใหม่ คนหนึ่งลูกอายุ สี่เดือน อีกคนหนึ่ง ลูกอายุเดือนเศษ เธอทั้งสองแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ในการเลี้ยงลูก และการดูแลในส่วนต่างๆ อย่าง ชำนิชำนาญ ฉันมองดูสองครอบครัวนี้ที่กลายเป็นสนิทชิดเชื้อ กันมากขึ้นด้วยลูกอยู่ในวัยใกล้กัน สามีทั้งสองของเพื่อน ต่างกุลีกุจอช่วยหยิบโน่นจับนี่และเอาลูกไปเลี้ยงยามแม่ ไม่ว่างหรือไม่สะดวก ท่าทางเก้กังของชายหนุ่มขณะเปลี่ยน เสื้อและเช็ดก้นให้ลูก หรือช่วยประคองหัวลูกน้อยเมื่อห้อยตก มาทางข้างหลังยามดูดนมจากเต้าของแม่ดูแล้วออกจะขัดตา แต่ฉันว่ามันเป็นภาพที่น่ารักและน่ายินดีอย่างยิ่งที่ไม่เพียงแม่
ทำหน้าที่นี้เท่านั้น หากแต่ พ่อ ก็ต้องมีส่วนร่วมด้วยเหมือนกัน เพราะ ลูก ไม่ใช่ลูกของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นลูกของทั้ง สองคนคือพ่อและแม่ ร ะหว่ า งเ ส้ น ท างส ายเ ดิ ม ที่ ฉั น ใ ช้ เ ป็ น ป ระจำเ มื่ อ กลับบ้าน มันหนาวเหน็บและเย็นชืด แต่ฉันกลับรู้สึกอบอุ่น และแช่มช นื่ อ ยูใ่ นใจเมือ่ น กึ ถึงภ าพพ อ่ แ ม่ล กู ข องเพือ่ นทงั้ ส อง ที่ไม่ใช่เพียงความรักฉันท์ผัวเมียเท่านั้นที่จะถักทอสิ่งเหล่านี้ ให้คงอยู่ฉันว่ามันคงมีมิตรภาพและน้ำใจของคำว่า“เพื่อน” สอดแทรกอยู่ด้วยไม่มากก็น้อย ต่อแต่นี้ไป เพื่อนของฉันคงจะไม่ร้องไห้คร่ำครวญ โหยหาอดีตที่มีเพื่อนสาวเพื่อนหนุ่มล้อมรอบ และคงไม่ยินดี ยินร้ายสักเท่าไรกับสามีที่เดินเคียงข้าง เพราะเธอนั้นมีลูกน้อย คอยปลอบประโลมจิตใจ และเป็นดั่งแก้วตาดวงใจให้เธอมี ชีวติ แ ละอนาคตทสี่ ดใสทพี่ ร้อมจะกา้ วไปดว้ ยกนั ก บั ล กู ข องเธอ เฉกเช่นเพื่อนรักคนหนึ่ง และจะด้วยมิตรภาพของคำว่าเพื่อนในลักษณะใด ก็ตามเพือ่ นกนิ เพือ่ นกนั เพือ่ นฉนั เพือ่ นเธอ...ห รือเพือ่ นคทู่ กุ ข์ คู่ยาก หรืออะไรก็แล้วแต่ คงเป็นอีกหนึ่งความรู้สึกและหนึ่ง สายสัมพันธ์อันดีที่จะร้อยรวมหัวใจของคนเป็นเพื่อนทั้งหลาย ไว้ด้วยกันตลอดไป...g
WRITE E-MAGAZINE 45
My Blueberry Nights text: เอนก จงทวีธรรม
หลายวั น ก่ อ น. . มี รุ่ น น้ อ งค นห นึ่ ง ส่ ง เ ว็ ป ลิ ง ค์ ม าใ ห้ เป็นบทวิจารณ์หนังเรื่อง Lars and the real girl ผมได้อ่าน แล้วชอบมาก บทหนังน่าสนใจจนอยากหามาดู แต่ยังไม่รู้ว่า จะหาซื้อที่ไหน หรือหากจะเข้าโรงฉายจะฉายเมื่อไหร่..(ใครรู้ ก็ช่วยบอกที) ส่วนแรกของบทวิจารณ์มีการกล่าวอ้างถึงหนัง เรือ่ งC hungkingE xpressผ มชอบหนังเรือ่ งนมี้ ากเป็นห นังข อง ห ว อ่ งกาไวทผี่ มชอบมากทสี่ ดุ แ ต่ก ไ็ ด้ด มู านานหลายปมี ากแล้ว จึงยังไม่กล้าที่จะเขียนถึงกลัวว่าข้อมูลจะผิดพลาด.. เมื่อประมาณ 4 เดือนก่อน ผมไปเดินเลือกซื้อกางเกง ยี น ส์ อ ยู่ แ ถวส ยามสแควร์ อ ยากใ ห้ ร างวั ล กั บ ตั ว เ องบ้ า ง เพราะรู้สึกว่าใช้เงินสิ้นเปลือง (กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง) และใช้ ชีวิตสะเปะสะปะมามากพอควร ผมเดินผ่านโรงหนังลิโด้ และ เจอโปรแกรมหนังเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ“My Blueberry Nights”น อกจากหว อ่ งกาไวจะมชี อื่ ก ำกับแ ล้วย งั ม ดี าราระดับ แม่เหล็กร่วมแสดงอีกหลายราย ผมจึงตัดสินใจไม่นานที่จะ ซื้อตั๋วเข้าไปดู ชื่อไทยของหนังเรื่องนี้คือ“300วัน5,000ไมล์ห่างไกล ไม่ห่างกัน” ครับ ผมไม่ถึงกับชอบชื่อมันมาก..แต่โดยรวมแล้ว อยู่ในโทนที่โรแมนติกเหมือนหนัง..จึงพอรับได้ครับ เนื้อหาก็ พูดถึงตัวนางเอกคือ “อลิซาเบ็ธ” เป็นแกนหลักครับ หลังจาก เธออกหักจากการที่ถูกแฟนหนุ่มทิ้งไปอย่างไม่แยแสแล้ว เธอก็ได้มาพบกับ “เจเรมี่” เจ้าของคาเฟ่แห่งหนึ่งใจกลาง นิ ว ยอร์ ค ทั้ ง ส องไ ม่ ไ ด้ รั ก กั น แ บบ “ เ ฟิ ร์ ส อิ ม เ พรส” 46 WRITE E-MAGAZINE
อะไรแบบนั้นนะครับ แต่รู้สึกผูกพันจากการเป็นเพื่อนร่วม สนทนากันมากกว่า จนกระทั่งอลิซาเบ็ธตัดสินใจเดินทางไป ทัวร์ 300 วันอะไรนั่นแล้ว..ถึงจะได้เริ่มรักกันครับ อลิซาเบ็ธ เป็นคนที่ชอบกินบลูเบอร์รี่พายครับ คืนหนึ่งเจเรมี่เคยเอาให้ เธอกนิ แ ละได้อ ธิบายวา่ “ เค้กช อ็ กโกแลตจะขายดที สี่ ดุ เค้กแ ละ ขนมอืน่ ๆจะขายได้ร องลงมาแ ต่บ ลูเบอร์รพี่ ายจะเหลือท งิ้ ท กุ ค นื ไม่ต้องถามนะว่าทำไม..เพราะบางอย่างก็ไม่ต้องใช้เหตุผลมา ประกอบเหลือเป็นอ ย่างสดุ ท้าย..ก แ็ ค่เพราะวา่ ค นไม่เลือกมนั ” มันดูคล้ายกับชีวิตอลิซาเบ็ธที่ไม่มีคนเลือกครับ แถมเธอยังมา ชอบขนมที่คนเขาไม่ค่อยเลือกกินอีกต่างหาก.. ต อนทอี่ ยูน่ วิ ยอร์คเธอชอื่ “ อ ล ซิ าเบ็ธ” แ ต่พ อเดินท างไป หางานทำและคน้ หาตวั เองทเี่ มมฟิส( เทนเนสซี)่ แ ละลาสเวกัส (เนวาด้า) เธอก็เปลี่ยนชื่อเป็น “ลิซซี่” และ “เบ็ธ” ตามลำดับ จนกระทั่งเดินทางกลับมาที่นิวยอร์คอีกครั้งเธอจึงกลับมาชื่อ “อล ซิ าเบ็ธ” เหมือนเดิมผ มชอบสญ ั ลักษณ์แ บบนขี้ องเฮียห ว อ่ ง เพราะชอื่ เป็นส งิ่ ท บี่ อกตวั ต นของความเป็นค นๆนนั้ ค รับก ารเดิน ทางหมุนว นของชอื่ ม นั เป็นไ ปและสอดคล้องกบั ก ารเดินท างของ ตัวละคร..นับว่าน่าทึ่งครับ ระหว่างที่อลิซาเบ็ธเดินทางไปหลายรัฐในอเมริกา นั้น เธอจะขยันส่งโปสการ์ดไปบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้เจเรมี่ ได้ร บั ร ู้ ส่วนเจเรมกี่ เ็ ขียนโปสการ์ดเก็บไ ว้เป็นป กึ ใ หญ่เหมือนกัน แต่ไม่รู้จะส่งไปที่ไหนครับ ครั้งหนึ่งนายตำรวจเมมฟิสที่ชื่อ “อ าร์ นี่ ” เ คยถ าม อลิ ซ าเ บ็ ธ ว่ า “ เ ขี ย นโ ปสการ์ ด ไ ปท ำไม มีโทรศัพท์ก็โทรไปสิ..” อลิซาเบ็ธตอบกลับสั้นๆว่า “บางอย่าง เขียนเอาจะดกี ว่า” ป ระโยคนบี้ ง่ บ อกวา่ นอกจากความเร็ว-ค วาม สะดวกสบาย ชีวิตเราควรคำนึงถึงสิ่งที่ดีกว่า มีความรู้สึก
และสัมผัสได้มากกว่ามั้ยครับ (แม้นอาจจะต้องช้าลงบ้าง) ซึง่ ห ากมเี วลาทเี่ ฝ้าร อได้..ผ มวา่ การเขียนมนั บ รรยายความรสู้ กึ ได้ดีกว่าการพูดจริงๆครับ หลังจากเดินทางสะเปะสะปะไป 5,000 ไมล์แล้ว อลิซาเบ็ธอาจจะค้นพบว่า จุดหมายปลายทางของเธออาจ ไม่ไ ด้อ ยูไ่ กลถงึ ข นาดตอ้ งเดินท างมาไกลถงึ เพียงน ี้ เธอตดั สินใ จ เดินทางกลับไปพบเจเรมี่ที่นิวยอร์คอีกครั้ง.. ประโยคแรกที่ อลิซาเบ็ธเอ่ยถามกับเจเรมี่คือ “เมื่อบลูเบอร์รี่พายขายไม่ได้.. แล้วคุณยังทำมันมาขายอีกทำไม” เจเรมี่ตอบเธอว่า “ต้องทำ ไว้ทุกวัน..เผื่อในวันใดที่คุณกลับมา” ผมไม่แน่ใจว่า ในชีวิต จริงป ระโยคแบบนซี้ อื้ ใ จสาวๆได้แ ค่ไ หน เพราะผมไม่ใช่ผ หู้ ญิง ครับแ ต่ถ งึ เป็นช ายเต็มร อ้ ยหวั ใจกย็ งั เคลิบเคลิม้ ต ามครับห าก คุณอยากดูผู้ชายที่หล่อแบบเซอร์ๆผสมโรแมนติก ผมแนะนำ ให้ไปดู ”จู๊ด ลอว์“ ในหนังเรื่องนี้ครับ หรือคุณชอบหญิงสาว ตั ว เ ล็ ก ๆ ด วงตาก ลมโ ต- ใ ส ดู อ บอุ่ น แ ละเ ปี่ ย มไ ปด้ ว ย ความจริงใจ“นอร่าห์โจนส์”เป็นคำตอบสุดท้ายครับ.. ช่วงท้ายๆของเรื่องเป็นเสียงอลิซาเบ็ธบรรยายคล้าย กับสรุปเหตุการณ์ว่า “ฉันใช้เวลาเกือบปี กว่าจะเดินทางกลับ มาถึงที่นี่..สุดท้ายแล้วการข้ามถนนสายนั้นไม่ได้ยากเย็น จนเกินไ ปแ ต่ข นึ้ อ ยูว่ า่ ..จ ะมใี ครรอเราอยูท่ อี่ กี ฟ ากฝงั่ ห รือเปล่า” ผมไม่ได้ชอบหนังเรื่องนี้เท่า Chungking Express แต่ก็ชอบ อยูใ่ นระดับท เี่ ป็นร องแค่น ดิ เดียวเองหนังข องหว อ่ งกาไวเรือ่ งนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ เศร้า-เหงา-หม่น เหมือนอย่างที่เราเคยคุ้น นะครับ..แต่ยังเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีคำตอบมาจากการ เดินทาง ความห่วงใย และการรอคอยด้วยความสุขใจเป็น ส่วนสำคัญ... g WRITE E-MAGAZINE 47
Book&Movie text : พ ลพะยาบ
‘เชคอฟ’กับสุนัข
ช่วงสุดท้ายของชีวิตที่อันตันเชคอฟ(AntonChekhov,1860 -1904) หลบอากาศหนาวเย็นในรัสเซียมาปลูกบ้านอยู่บนเนิน เขาชายทะเลในยัลต้าบ ริเวณแหลมไครเมียเพือ่ พ กั ฟ นื้ ร า่ งกาย ที่ป่วยไข้นอกจากการปลูกต้นไม้-ดอกไม้และต้อนรับเพื่อนฝูง ที่มาสังสรรค์เยี่ยมเยียนแล้วกิจกรรมการพักผ่อนของเชคอฟที่ ยังต่อเนื่องเสมอมาคือการเลี้ยงสุนัข ณบ้านพักแห่งยัลต้านี่เอง...เชคอฟเขียนTheLady withtheDogโดยใช้เป็นยัลต้าเป็นฉากหลังสำคัญและมีสุนัข ปรากฏตั้งแต่ชื่อเรื่อง เรื่องสั้นTheLadywiththeDogตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ปี1 899ใ นนติ ยสารR usskayaM ysl( R ussianT hought)ผ า่ น การรวมเล่มม าแล้วห ลายตอ่ ห ลายครัง้ แ ละได้ร บั ก ารยกย่องวา่ เป็นห นึง่ ใ นงานเขียนทยี่ อดเยีย่ มและมชี อื่ เสียงทสี่ ดุ ข องเชคอฟ แปลเผยแพร่เป็นภาษาอังกฤษครั้งแรกเมื่อปี1903 48 WRITE E-MAGAZINE
สำหรับสำนวนภาษาไทยใช้ชื่อว่า “สุภาพสตรีกับสุนัข” รวม อยู่ใน “อันเป็นที่รัก” รวมเรื่องสั้นของ อันตัน เชคอฟ แปลโดย ประดิษฐ์ เทวาวงศ์ สำนักพิมพ์ดวงกมล พ.ศ.2523 มี สุชาติ สวัสดิ์ศรี เป็นบรรณาธิการ เรื่องอื่นๆ ในเล่ม ได้แก่ “เมืองใน หุบ”(IntheRavine)“แม่มด”(TheWitch)และ“อันเป็นที่รัก ”(TheDarling) The Lady with the Dog เล่าเรื่องราวความรักต้อง ห้ามระหว่างหนุ่มใหญ่นายธนาคารมีครอบครัวแล้วชื่อ กูรอฟ กับสาวน้อยมีพันธะนาม แอนนา เซอร์กีเยฟนา ผู้ปรากฏตัว พร้อมสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนสีขาวดึงดูดความสนใจผู้คน บริเวณฝงั่ ท ะเลยัล ต้าก ระทัง่ ท กุ ค นเรียกขานเธอวา่ “ ส ภุ าพสตรี กับสุนัข” ทั้งกูรอฟและแอนนาต่างมาพักผ่อนตากอากาศที่ยัลต้าตาม ลำพัง โดยแอนนาบอกว่าสามีของเธอติดงานและอาจตามมา ภายหลัง เธออาศัยอยู่ในเมืองที่ไม่ระบุชื่อ แต่งงานตั้งแต่อายุ 20ปีด้วยเหตุผลเพียงเพราะต้องการชีวิตที่แปลกออกไปส่วน กูรอฟมีเมียและลูก3คนในมอสโกเขาเป็นเสือผู้หญิงหยิ่งยโส ที่มักดูถูกบรรดาสาวๆ ที่มาติดพันเขาว่าเป็น “เผ่าพันธุ์ชั้นต่ำ กว่า” แ อนนาเซอร์กเี ยฟนาซ งึ่ ก รู อฟได้ร จู้ กั ใ กล้ช ดิ ใ นยัลต้า ก็คงไม่พ้นผู้หญิงในแบบที่เขาพบเจอมาตลอด อ ย่างไรกต็ ามห ลังจ ากแอนนาเดินท างกลับบ า้ นและ กูรอฟกลับไปใช้ชีวิตปกติท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บในมอส โกขณะที่ต้องเผชิญกับสภาพสังคมแวดล้อมจอมปลอมอันน่า เบื่อหน่ายนั้นเอง ความทรงจำเกี่ยวกับแอนนากลับแจ่มชัดใน ความคิดค ำนึงของกูรอฟมากขึ้นเรื่อยๆ ก ระทัง่ ก รู อฟตอ้ งตดั สินใ จทำอะไรบางอย่างเพือ่ ใ ห้ไ ด้ พบกับแอนนาเซอร์กีเยฟนาอีกครั้ง เรื่องสั้น The Lady with the Dog ก็เหมือนงาน เขียนส่วนใหญ่ของเชคอฟที่ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องนัยยะทางสังคม การเมืองหรือเทศนาอุดมการณ์บางอย่างเช่นนักเขียนรัสเซียน คนอื่น แต่โดดเด่นในการเข้าถึงชีวิตจิตใจของมนุษย์ธรรมดา สามัญ ประดิษฐ์ เทวาวงศ์ ให้คำอธิบายสั้นๆ อย่างคมคายว่า “เขาวินิจฉัยชีวิตเสมือนหนึ่งหมอรักษาโรคแต่ทว่ากลับปฏิเสธ ทีจ่ ะสงั่ ย ารกั ษาให้ก บั ศ ลี ธ รรมหรือส งั คมมนุษย์ท เี่ จ็บป ว่ ย”( อ นั เป็นที่รัก,หน้า15) ข ณะที่ ส ชุ าติ ส วัสดิศ์ รีอ ธิบายตวั ล ะคร“ แ บบเชคอฟ” ว่า “คือตัวละครที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากจะ มีความสัมพันธ์แท้จริงกับผู้อื่น กับโลกที่อยู่ข้างนอก แต่ส่วน
ใหญ่ของตัวละครเหล่านี้ ไม่ว่าจะสังกัดอยู่ในชนชั้นไหนก็ตาม มักจะพบกับความล้มเหลวความเข้าใจผิดหรือไม่ก็สื่อสารกัน ไม่ได้ จนเกิดความเสื่อมโทรมทางศีลธรรม ชีวิตไม่มีความสุข” (ชาวนา/ในหุบเขา, ดวงกมลวรรณกรรม 2538, หน้า 8) ซึ่งคำ อธิบายนี้ใช้กับตัวละครกูรอฟใน The Lady with the Dog ได้ อย่างเหมาะเจาะ ง านเขียนของเชคอฟทถี่ กู ด ดั แปลงเป็นภ าพยนตร์ส ว่ น ใหญ่เป็นบทละครเรื่องดัง ไม่ว่าจะเป็น Uncle Vanya, Three Sisters หรือ Platonov ขณะที่เรื่องสั้นอย่าง The Lady with the Dog เปลี่ยนเป็นภาพเคลื่อนไหวแค่ 2 ครั้ง (จากข้อมูลใน เว็บไซต์ imdb) อย่างไรก็ตาม เรื่องหนึ่งในจำนวนน้อยครั้งนี้ ได้กลายเป็น“หนังเชคอฟ”ที่ได้รับการยอมรับจากแฟนๆและ ประสบความสำเร็จสูงสุด WRITE E-MAGAZINE 49
เชคอฟมีหน้าตาผ่องใส นั่งอยู่บนขั้นบันไดหน้าบ้าน สวมเสื้อโค้ทกระดุมสองแถวและหมวกแก๊ป มือขวา ถือไม้เท้า ส่วนมือซ้ายโอบกอดสุนัขพันธุ์ดัชชุนด์ชื่อ ควินิน เหตุที่ตั้งชื่อนี้เนื่องจากเชคอฟเป็นแพทย์ และ ควินินคือยาที่เขาใช้เป็นประจำในช่วงนั้นเพื่อรักษา อาการวัณโรค Dama s sobachkoy เป็นหนังปี 1960 จากสหภาพ โซเวียตออกฉายตรงกับวาระครบรอบ100ปีเชคอฟพอดีกำ กับฯและเขียนบทโดยโ ยเซฟเฮฟติ ซ ์ (J osefH eifitz)ม ชี อื่ ภ าษา อังกฤษทั้งTheLadywiththeDogและTheLadywiththe Little Dog เข้าชิงปาล์มทองในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคาน ส์ ปี 1960 และได้รับรางวัลพิเศษจากกรรมการในฐานะที่หนัง นำเสนอความงดงามทางศิลปะและความเป็นมนุษย์ได้อย่าง ล้ำเลิศ เหตุที่หนังได้รับการยอมรับจากแฟนหนังสือไม่ใช่ เพียงเพราะการซอื่ ตรงตอ่ ต น้ ฉบับแ ทบจะฉากตอ่ ฉ ากแ ต่เพราะ หนังถ่ายทอดบรรยากาศและห้วงอารมณ์ได้ใกล้เคียงกับที่เช คอฟบรรยายไว้โ ดยไม่พ ยายามยดั เยียดบทสนทนาเพือ่ อ ธิบาย ความคดิ ค วามรสู้ กึ ข องตวั ล ะครแ ต่เลือกใช้ภ าพสอื่ อ ารมณ์แ ละ ความหมายแทน ช่วงครึ่งแรกในยัลต้าถูกขับเน้นอย่างงดงามทรงพลัง ด้วยภาพธรรมชาติทั้งคลื่นที่ถาโถมชายฝั่งลิบๆด้วยกลุ่มเมฆ ครึ้มเหนือทิวเขา แสงแห่งวันกระจายตัวผ่านผืนเมฆ กระทั่ง ยัลต้าร าวสวรรค์ห รือโ ลกอกี แ ห่งห นึง่ ซ งึ่ ต วั ล ะครได้พ บสงิ่ พ เิ ศษ อัศจรรย์ เมื่อเปลี่ยนฉากเป็นมอสโกและเมืองที่ไม่ระบุชื่อซึ่ง เต็มไปด้วยผู้คนวุ่นวาย งานสังสรรค์แบบพิธีรีตองอันน่าอึดอัด ค่ำคืนเหน็บห นาวทเี่ ปลีย่ วเหงาและมดื มนต วั ล ะครกรู อฟจงึ ย งิ่ โหยหาโลกอัศจรรย์ที่ตนเพิ่งสูญเสียไป นอกจากการขับเน้นด้วยภาพอันเปี่ยมความหมาย 50 WRITE E-MAGAZINE
และทรงพลังแล้ว อเล็กเซ บาตาลอฟ และอิยา ซาฟวินา ผู้รับ บทกูรอฟและแอนนาตามลำดับสวมทับตัวละครได้อย่างสนิท ใจโ ดยเฉพาะซาฟวนิ าทมี่ ที งั้ ค วามงดงามอ อ่ นเยาว์อ อ่ นหวาน และแสดงความเจ้าน้ำตาและความขลาดกลัวของแอนนาได้ อย่างแท้จริง ห นังใ ช้เวลาประมาณ8 4น าทีซ งึ่ ไ ม่ม ากหรือน อ้ ยเกิน ไปก่อนจะจบลงด้วยฉากที่ติดตรึงความรู้สึกยิ่งนัก ย้อนกลับไปที่เรื่องราวของเชคอฟกับสุนัข แม้ใน งานเขียนจะไม่ได้เห็นถึงความโปรดปรานต่อสุนัขของเชคอฟ ชัดเจนเป็นพิเศษ นอกจากเป็นตัวละครอยู่ในบางเรื่องราว แต่ ในภาพถ่ายหรือในคำบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของนักเขียนเรื่อง สั้นผู้ยิ่งใหญ่ชาวรัสเซียนผู้นี้มักจะมีสุนัขเป็นส่วนหนึ่งเสมอ ช ว่ งทพี่ กั อ ยูท่ ยี่ ลั ต้าม ภี าพถา่ ยเชคอฟอ ย่างนอ้ ย2 ภ าพป รากฏ สุนขั ไ ม่ห า่ งกายภ าพหนึง่ ถ า่ ยไว้เมือ่ ป ี 1 901ม สี นุ ขั 2 ต วั ย นื อ ยู่ ใกล้ๆโ ดยเชคอฟก้มห น้าม องไปทตี่ วั ส เี ข้มซ งึ่ ก ำลังเอียงคอมอง กล้อง อีกภาพถ่ายเมื่อปี 1903 เห็นสุนัขตัวหนึ่งยืนเกาะแขนยู จีเนียยาคอฟเลฟนาแม่ของเชคอฟ หรือหากย้อนไปยังบ้านพักในตำบลเมลิโคโว ทางใต้ ของกรุงมอสโก ซึ่งเชคอฟย้ายไปตั้งรกรากกับครอบครัวและ ทำงานดา้ นสงั คมในปี 1 892ม ภี าพถา่ ยเชคอฟซงึ่ เป็นท รี่ จู้ กั แ ละ จดจำมากที่สุดภาพหนึ่งปรากฏสุนัขเช่นกัน ไมเคิล เพนนิงตัน บรรยายไว้ในหนังสือ Are You There, Crocodile?: Inventing Anton Chekhov ว่าภาพดัง
กล่าวเชคอฟมีหน้าตาผ่องใสนั่งอยู่บนขั้นบันไดหน้าบ้านสวม เสื้อโค้ทกระดุมสองแถวและหมวกแก๊ปมือขวาถือไม้เท้าส่วน มือซ้ายโอบกอดสุนัขพันธุ์ดัชชุนด์ชื่อควินินเหตุที่ตั้งชื่อนี้เนื่อง จากเชคอฟเป็นแพทย์ และควินินคือยาที่เขาใช้เป็นประจำใน ช่วงนั้นเพื่อรักษาอาการวัณโรคนอกจากควินินแล้วยังมีดัชชุน ด์พี่น้องกันอีกตัวชื่อโบรไมด์ซึ่งก็คือยานอนหลับ ความโปรดปรานที่มีต่อสุนัขพันธุ์ดัชชุนด์ของเชคอฟ เห็นได้ในเรื่องสั้นแนววรรณกรรมเยาวชนเรื่อง Kashtanka ตี พิมพ์เผยแพร่เมื่อปี 1887 เล่าเรื่องผ่านมุมมองของสุนัขพันธุ์ ดัชช นุ ด ช์ อื่ แ คชแทงกา้ ส ตั ว์เลีย้ งของชา่ งไม้ข เี้ มาทตี่ ามนายเข้า เมืองแต่เกิดห ลงทางม นั อ ดโซและเหน็บห นาวก ระทัง่ ม ชี ายใจดี เก็บมันมาเลี้ยงให้ข้าวปลาอาหารอย่างอิ่มหนำมีที่ซุกหัวนอน อันอ บอุน่ ก อ่ นทแี่ คชแทงกา้ จ ะถกู เปลีย่ นชอื่ เป็นแ อนทีแ ละถกู ฝึกให้แสดงความสามารถพิเศษร่วมกับสัตว์เลี้ยงของนายใหม่ ตัวอื่นๆ ซึ่งประกอบด้วยห่าน แมว และหมู เพื่อออกแสดงใน คณะละครสัตว์ สำนวนภาษาไทยของ“แคชแทงก้า”แปลโดยสุดใจ เพ็ชรศิริสำนักพิมพ์ดวงกมลพ.ศ.2521ยุคบรรณาธิการสุชาติ สวัสดิศ์ รีเช่นเดียวกบั เรือ่ ง“ อ นั เป็นท รี่ กั ” ใ นคำนำของผแู้ ปลระบุ มีผู้วิจารณ์ว่าแคชแทงก้าเป็น “หมาแท้จริงตัวแรกในวรรณคดี โลก”โ ดยอธิบ ายวา่ เชคอฟเขียนถงึ ส นุ ขั ใ นแบบทเี่ ป็นส นุ ขั จ ริงๆ ไม่ได้ใช้ความเป็นมนุษย์เข้าไปจับเช่นลืมง่ายกระทำการใดๆ โดยปราศจากการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน WRITE E-MAGAZINE 51
แม้จะเป็นวรรณกรรมเยาวชนที่เล่าเรื่องคล้ายนิทาน แต่ที่ผานมา Kashtanka ถูกตีความไปในทางเดียวกันว่าเช คอฟเปรียบถึงลักษณะทางสังคมชนชั้นของรัสเซีย โดยช่างไม้ เปรียบได้กับคุณค่าดั้งเดิมตามธรรมชาติ ปราศจากการปรุง แต่งท ำนองเดียวกบั ช าวไร่ช าวนาส ว่ นนายใหม่ผ เู้ ป็นน กั แ สดง ในคณะละครสัตว์เป็นตัวแทนของวัตถุนิยม ความฟุ้งเฟ้อปรุง แต่ง แ ม้แ คชแทงกา้ จ ะมคี วามเป็นอ ยูท่ ไี่ ม่ส ขุ ส บายนกั ก บั ช่างไม้ต า่ งจากนายใหม่ท สี่ ามารถมอบความสขุ ส บายให้อ ย่าง เต็มที่แต่ส ุดท้าย“กลิ่นกาวและน้ำมันชักเงา”คือความคุ้นเคย อันจ ริงแ ท้ท แี่ คชแทงกา้ พ งึ ใจต า่ งจากอาหารมอื้ อ ร่อยและละคร สัตว์ซึ่งเป็นความฝันอันยาวนานที่วุ่นวายและน่ารำคาญ มีหนังที่สร้างจากเรื่องสั้น Kashtanka อย่างน้อย 3 เรื่อง ทั้งหมดเป็นหนังจากสหภาพโซเวียต ทว่า 2 ใน 3 เรื่อง 52 WRITE E-MAGAZINE
นี้เป็นแอนิเมชั่นขนาดสั้น เรื่องแรกคือแอนิเมชั่นปี 1952 ของ เอ็ม.เอ็ม.เซคานอฟสกี้(M.M.Tsekhanovsky)ความยาว30 นาทีอีกเรื่องปี2004ของนาตาเลียออร์โลวา(NataliaOrlova )ความยาว20นาทีทั้งสองฉบับเป็นเรื่องเล่าแบบนิทานขนาด สั้นเหมาะสำหรับเด็กเล็ก สำหรับหนัง Kashtanka ที่ใช้คนและสัตว์แสดงเป็น หนังฉายทางโทรทัศน์ปี1975ความยาวประมาณ60นาทีผล งานของโ รมันบ าลายนั (R omanB alayan)เล่าเรือ่ งราวโดยองิ จากสิ่งที่แคชแทงก้าประสบพบเจอเป็นหลักทำให้ใกล้เคียงกับ ต้นฉบับ ส่วนที่เพิ่มเติมคือแบ็คกราวน์ดของตัวละครนายใหม่ ซึง่ ห นังส อดแทรกเข้าม าพ ร้อมทงั้ จ บั อ ารมณ์ค วามรสู้ กึ ข องเขา มากเป็นพิเศษจนคล้ายเป็นตัวละครเอกเสียเอง ที่เพิ่มเติมจนแตกต่างออกไปคือ ช่วงกลางของหนัง ปรากฏบทแทรกหรือการแสดงสลับฉาก (intermezzo) ที่ไม่มี
ในเรื่องสั้นคล้ายภาพฝันว่านายใหม่พาแคชแทงก้าห่านและ แมว ออกไปปิคนิคในชนบทอย่างมีความสุข หนังให้เวลากับ ฉากนี้ถึง7นาทีก่อนจะตัดเข้าสู่ฉากการตายของห่านอันเศร้า ซึมหดหู่ แม้ Kashtanka เวอร์ชั่นปี 1975 จะไม่ถึงขั้นดีเลิศ สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็น Kashtanka ฉบับเดียวที่ใช้สัตว์แสดง จริงๆ และเชื่อว่าผู้อ่านที่ได้ชมคงเฝ้าคอยดูฉากการต่อตัวของ หมู ห่าน และแมว ในท่าปิรามิดอียิปต์ซึ่งเป็นบทตอนในเรื่อง สั้นที่น่าจดจำ “เชคอฟ”กับสุนัขเรื่องTheLadywiththeDogอาจ จะหาชมค่อนข้างยากกระนั้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมาดวงกมลฟิล์ม เฮาสเ์ พิง่ จ ดั ฉ ายเรือ่ งนที้ มี่ หาวิทยาลัยธ รรมศาสตร์ท า่ พระจนั ทร์ บางทา่ นจงึ อ าจได้ช มไปเรียบร้อยแล้วส ว่ นเรือ่ งK ashtankaท งั้ 3 เวอร์ชั่น เป็นเรื่องน่ายินดีที่สามารถหาชมได้ในอินเตอร์เน็ต g
หมายเหตุ:เรื่องKashtankaเข้าชมตามurlดังนี้ Kashtanka (1952) http://video.mail.ru/mail/baks-show/ mult/776.html Kashtanka (2004) http://video.mail.ru/mail/baks-show/ mult/777.html Kashtanka (1975) http://video.mail.ru/mail/baks-show/ circus-cinema/775.html
WRITE E-MAGAZINE 53
หนึ่งรูป หนึ่งเรื่อง ความทรงจำ text : ท ิวาโญ
เราอาจมีโอกาสได้สบตาเพียงหนึ่งช่วงเวลาในชีวิต (ในคืนพระจันทร์ยิ้ม)
๑ ฉันคือสายน้ำ ในคืนพระจันทร์ยิ้ม... ฉันยังคงจ ดจำความรู้สึกในวันที่ได้มีโอกาสสบตา กับเธอแม้เพียงครั้งหนึ่ง ดวงตาของเธอเปล่งประกายความ สุขสดใสมาแก่ฉัน ปากของเธอเผยรอยยิ้มอันอิ่มเอมและ เต็มไปด้วยความเป็นตัวของตัวเองไม่เหมือนใครและไม่มีใคร สามารถเหมือน เธอสวยเหลือเกิน จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตที่จะ ได้เห็นเธอผสู้ งู ส่งแ ละเป็นท หี่ มายปองของผคู้ นวา่ อ ยากจะเป็น เจ้าของของเธอแต่เพียงผู้เดียวส่งยิ้มมาให้แก่ฉันผู้ต่ำต้อย ฉันนั้นหรือเป็นเพียงสายน้ำที่ถูกโอบอุ้มโดยผืนดิน ฉันเป็นเพียงสิ่งที่ถูกสร้างมาโดยธรรมชาติให้มีปริมาณ เป็นสามในสี่ส่วนของโลกเพียงเท่านั้น แต่เป็นความโชคดขี องฉันจริง ๆ ที่ได้มีโอกาสใช้ความ เป็นสายน้ำโอบอุ้มแสงเงาของดวงจันทร์ที่สะท้อนลงมายัง ผืนน้ำของฉัน ฉันดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ ได้โอบอุ้มรอยยิ้มของ เธอและเหนือสิ่งอื่นใดฉันดีใจที่ได้สบตากับเธอ ...ดวงจันทร์ผู้สูงส่ง 54 WRITE E-MAGAZINE
๒ ฉันคือดวงจันทร์ ในคืนที่ผู้คนต่างพร้อมใจส่งยิ้มมาให้ฉัน.. ฉันใช้เวลาเนิ่นนานเพื่อสะสมคืนวันและหมุนตัวของ ฉันให้ได้ไปอยู่ในมุมที่มีองศาเหมาะสม ฉันฉีกยิ้มด้วยความ สุขใจยิ่งที่วันนี้สามารถทำได้ ฉันมีโอกาสได้สบตากับผู้คนแม้ เพียงครั้งหนึ่งในชีวิตแม้จะเป็นเพียงเวลาชั่วข้ามคืนหนึ่งแต่ มันก็เป็นความสุขใจที่ยากจะลืม ประกายจากสายตาของผู้คนที่ส่งมาที่ฉันฉันยังคง จำได้ไม่หายไปไหน ช่างทำให้ฉันสุขใจ ฉันดีใจที่รอยยิ้มของ ฉันทำให้ผู้คนมีความสุข ฉันสัญญาว่าจะยิ้มให้ได้อีกครั้งหนึ่ง แม้ต้องใช้เวลา รวบรวมพลังมากแค่ไหนก็ตาม แม้คืนวันจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด ...วันหนึ่งฉันจะกลับมา
๓ ฉันคือเด็กหญิงคนหนึ่งของโลก ใ นคื น ที่ ท้ อ งฟ้ า ถู ก โ อบอุ้ ม ด้ ว ยป ระกายอ บอุ่ น จ าก ดวงจันทร์... ภาพของเธอยังคงงดงามยิ่งกว่าสายตาของผู้ใดที่เคย ประสบพบเจอมา เธออยู่ในความทรงจำของฉันแม้เวลาจะ ผ่านเลยมาถึงวันฟ้าใสแห่งเช้าวันใหม่ เธอคือภาพประทับใจ ยิ่งกว่าดวงดาว ดอกไม้ สายน้ำ เธอคือความงามที่อยู่เหนือ ธรรมชาติ ...ท้องฟ้าสมบูรณ์แบบได้ด้วยดวงจันทร์ ๔ ฉันคือดวงอาทิตย์ ในวันที่เห็นเงาสะท้อนของดวงจันทร์แม้เสี้ยวนาที.. แ ม้ ฉั น จ ะไ ม่ มี โ อกาสไ ด้ ส บตากั บ ด วงจั น ทร์ ใ นคื น พระจันทร์ยิ้มเพราะวิถีของคืนวันได้ตัดแบ่งเราให้อยู่ห่างไกล กันไปอยู่ในมุมที่ไม่สามารถมองเห็น แต่ฉันก็วาดหวังเสมอว่าจะได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของ เธอและสบตาเพียงสักครั้งห นึ่งในชีวิต
ฉันร้องขอความเห็นใจจากผู้คนบนผืนโลก ขอร้องต่อ สายน้ำที่ถูกโอบอุ้มโดยผืนดินว่าช่วยฉันแม้เพียงสักครั้งให้ได้ สบตากับดวงจันทร์ในวันที่ยิ้มสดใส และวันนี้ฉันก็ได้เห็นรอยยิ้มนั้นสมใจเมื่อเช้าวันใหม่ มาถึง... ฉันเห็นร่องรอยความทรงจำในดวงตาของเด็กหญิง คนหนึ่งของโลก และเห็นเงาสะท้อนของดวงจันทร์ที่สายน้ำ พยายามกักเก็บมันเป็นภาพจำให้ฉันได้เห็นแม้เพียงเสี้ยว วินาที ฉันเห็นดวงตาของจันทร์ฉันเห็นยิ้มของจันทร์ดั่งเป็น ภาพวาดในความฝันที่เคยก่อเกิดขึ้นในจินตนาการ ...ฉันสุขใจแม้เป็นเพียงเวลาสั้นๆที่ได้มีโอกาสสบตา กับดวงจันทร์แม้เพียงช่วงเวลาหนึ่งในชีวิต g
ป.ล.๑ เป็นบันทึกความทรงจำในคืนพระจันทร์ยิ้ม วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ WRITE E-MAGAZINE 55
ปลายสาละวินที่มะละแหม่ง โลกเหงา
text&image: ผู้หญิงตะวันออก
การเดินแ ละความฝนั บ างครัง้ ก ค็ ล้ายจกิ ซ อร์ช นิ้ เล็กๆให้ เราคน้ หาตอ่ เติมเป็นภ าพให้ง ดงามดงั่ ใ จเมือ่ ค รัง้ ย งั ล ะออ่ นชวี ติ เริ่มแบกเป้อารมณ์โรแมนติกยามได้ไปเยือนดอยสามหมื่นแม่ สามแลบและบางสว่ นของสาละวนิ ท เี่ ป็นเส้นพ รมแดนระหว่าง ไทยกับพม่าที่แม่ฮ่องสอนยามล่องสาละวินมองดูฝั่งพม่าช่าง ดูลึกลับน่าค้นหาและชวนให้ฝันถึงที่ซึ่งเป็นจุดปลายทางของ แม่น้ำนี้ความฝันนั้นถูกตราตรึงไว้ในใจตลอดมา เมื่อหลายปีก่อนการเดินทางเข้าสู่พม่าประเทศที่ได้ชื่อ ว่าฤาษีแห่งเอเชียไม่ได้ทำได้ง่ายนั้นทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่าย และการออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวเข้าไปในประเทศพม่าแต่ อิทธิพลของทุนนิยมที่แผ่คลุมทั่วโลกใบนี้ไม่เว้นแม้แต่พม่า ประเทศทตี่ งั้ ใจเก็บท กุ อ ย่างให้พ น้ ส ายตาชาวโลกเพือ่ ค งอำนาจ แบบเบ็ดเสร็จของการเผด็จการทหารที่ทั่วโลกไม่ยอมรับแต่ ความต้องการเงินดอลล่าร์ทำให้พม่าต้องยอมเปิดประเทศ บางส่วนโลกเฉพาะส่วนการท่องเที่ยวที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เป็นการหารายได้เข้าประเทศส่วนหนึ่ง และแล้วฉันก็เดินทางมาพม่าอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันมุ่งหน้า สู่จุดหมายปลายทางมะละแหม่งเพื่อค้นหาปลายทางของ แม่น้ำสาละวิน รถโดยสารประจำทางจากย่างกุ้งใช้เวลาร่วม เก้าชั่วโมง ม ะละแหมง่ เป็นเมืองหลวงของรฐั ม อญเป็นเมืองคแู่ ฝด กับเมาะตะเมาะซึ่งอยู่คนละฟากฝั่งสาละวินการเดินทางลงใต้ จากย่างกุ้งค่อนข้างเข้มงวดมีการตรวจบัตรประจำตัวของชาว 56 WRITE E-MAGAZINE
พม่าแ ละหนังสือเดินทางสำหรับช าวตา่ งชาติเป็นร ะยะเนือ่ งจาก แถบนี้จัดเป็นดินแดนส่วนของชนกลุ่มน้อยถึงแม้จะเป็นส่วนที่ ได้เจรจาสงบศึกกันแล้วระหว่างชนกลุ่มน้อยกับรัฐบาล ในยุคจักรวรรดินิยมอังกฤษยึดพม่าตอนใต้ได้ก่อนจึง แปลงมะละแหม่ซ งึ่ เป็นเมืองประมงเล็กๆให้เป็นเมืองทา่ ส ำคัญ นำเข้าสินค้าต่างจากอังกฤษเข้ามาและนำสินค้าต่างจากแถบ นี้ออกไป มะละแหม่งได้กลายเป็นเมืองท่าสำคัญสำหรับกอง คาราวานสินค้าขึ้นล่องจากแถบยูนานผ่านเชียงตุง เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ระแหง (ตาก) สู่มะละแหม่ง ในเวลานั้น เจ้านายทางล้านนามั่งคั่งร่ำรวยจากการค้าขายเนื่องจากเป็น ทางผ่านของกองคาราวานในสมัยนั้นในความสัมพันธ์อันแนบ น่านจากการค้าขายของอิทธิพลอังกฤษของเชียงใหม่และ
มะละแหม่งจึงเกิดตำนานรักต่างชนชาติและต่างฐานันดร ระหว่างเจ้าน้อยศุขเกษมราชบุตรกับมะเมียแม่ค้าสามชาว มะละแหม่งตำนานรักเศร้าที่จบด้วยความปวดร้าวและจากลา จนกลายเป็นเพลงอมตะและโด่งดังของจรัลมโนเพชร มะเมียะเป็นสาวแม่ค้าคนพม่าเมืองมะละแหม่ง งามล้ำเหมือนเดือนส่องแสงคนมาแย่งหลงรักสาว มะเมียะบ่ยอมรักไผ มอบใจหื้อหนุ่มเชื้อเจ้า เป็นลูก อุปราชท้าวเชียงใหม่ แต่เมื่อเจ้าชายจบการศึกษาจำต้องลาจากมะเมียะไป เหมือนโดนมีดสับดาบฟันหัวใจ ปลอมเป็นพ่อชายหนี ตามมา
เจ้าชายเป็นราชบุตร แต่สุดที่รักเป็นพม่า ผิดประเพณี สืบมาต้องร้างลาแยกทาง โอโอก็เมื่อวันนั้นวันที่ต้องส่งคืนบ้านนาง เจ้าชายก็จัดขบวนช้างให้ไปส่งนางคืนทั้งน้ำตา มะเมียะตรอมใจอาลัยขื่นขม ถวายบังคมทูลลา สยาย ผมลงเช็ดบาทบาทา ข อลาไปกอ่ นแล้วช าติน เี้ จ้าช ายกต็ รอมใจตายม ะเมียะ เลยไปบวชชี ความรักมักเป็นเช่นนี้แลเฮย... ความรักมักเป็นเช่นนี้ฉันรำพันในความรู้สึกความเหงา อ้างว้างจู่โจมเข้าสู่จิตใจยามปลายสายตาเหม่อมองสาละวิน คิดถึงการเดินทางไกลของแม่น้ำสายนี้จากหิมะบนเทือกเขา หิมาลัยละลายกลายเป็นแม่น้ำเลาะไหลลงใต้จากที่ราบสูง ทิเบตผ่านยูนานเข้าพม่าและเป็นบางส่วนของพรมแดนไทย และพม่าผ่านภูมิประเทศต่างๆหล่อเลี้ยงผู้คนหลากหลายเผ่า พันธุ์ มีเรื่องราวมากมายในเส้นทางสายน้ำแห่งนี้จวบจนมา ไหลออกมหาสมุทรอินเดียที่อ่าวเมาะตะมะสิ้นสุดการเดินทาง อันยาวไกลร่วม 2800 กิโลเมตร ใ นเ วลาใ กล้ ค่ ำ จุ ด ง ดงามที่ ฉั น ช อบไ ต่ ขึ้ น ไ ปช ม พระอาทิตย์ในแม่น้ำสาละวิน คือภูเขาเล็กๆอันเป็นที่ตั้งของ วัดมหามมุนีและวัดเจดีย์อื่นๆอีกห้าวัดอารมณ์สงบแห่งร่มเงา พระพุทธศาสนาได้ขึ้นไปไหว้พระ นั่งสมาธิทำให้จิตใจผ่องใส บวกกับวิวงามๆยามทอดสายตามองแสงอัสดงกระทบน้ำ สำหรับฉันการเดินทางทำให้เรารู้สึกเล็กลงเป็นส่วนเล็กๆของ โลกใบนี้เป็นส่วนเล็กๆของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ การเดินทางในมะละแหม่งทำให้ฉันได้มุมมองย้อนอีก ด้านของพนี่ อ้ งทมี่ าขายแรงงานจากพม่าเนือ่ งจากทนี่ เี่ ป็นจ ุดท ี่ ไม่ไ กลจากชายแดนแม่สอดเลยจะเจอคนทเี่ คยมาขายแรงงาน ที่ประเทศไทยและสามารถพูดไทยได้เยอะหลายๆคนที่เจอ เขารู้สึกขอบคุณประเทศไทยที่เงินจำนวนหนึ่งที่เขาเก็บหอม รอมริบทำให้เขาสามารถเก็บเป็นทุนรอนในการสร้างอาชีพแต่ ถึงอย่างไรฉันก็บอกว่าประเทศไทยไม่น่าอยู่สำหรับแรงงาน พม่าที่เข้ามาเลย ประวัติศาสตร์ที่เราถูกสอนมาสร้างรอยร้าวฉานลึกๆ กับเพื่อนบ้านที่ถูกปลูกฝังความแค้นถึงการกรีฑาทัพย่ำยี กรุงศรีอยุธยาอยู่บ่อยครั้ง และเราได้ตกเป็นเมืองขึ้นถึงสอง ครั้งสองคราทุบทำลายบ้านเมืองของเรา ความบาดหมาง ร้าวลึกอย่างไร้เหตุผลแต่หลายครั้งทำให้ฉันรู้ว่าประวัติศาสตร์ และความสัมพันธ์ของประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ถูกเขียน WRITE E-MAGAZINE 57
อย่างเข้าข้างตัวเองและเพื่อปลุกพลังแห่งความรักชาติและ หลายๆครั้งประวัติศาสตร์ของสองประเทศที่เขียนถึงช่วงเวลา เดียวกันไม่ตรงกัน ก ารเ ดิ น ท างท ำให้ ฉั น เ ปลี่ ย นมุ ม ม องป ระเทศพ ม่ า ประชาชนชาวพม่าได้เรียนรู้ได้รู้สึกอย่างที่เขาเป็นไม่ใช่รู้สึก จากการเรียนประวัตศิ าสตร์ก ารเดินท างกอ่ ม มุ ง ามๆของความ สัมพันธ์ของเพื่อนร่วมโลกประเทศที่ตกอยู่ภายใต้เผด็จการ ทหารร่วมห้าสิบปี แต่ทว่าความศรัทธาแห่งพุทธศาสนาทำให้ คนพม่าอ่อนโยนมีมิตรไมตรี หรืออาจจะมองได้อีกแง่มุม หนึ่งคือร่มพุทธศาสนาคือสิ่งยึดเหนี่ยวที่ทำให้ชาวพม่ามีชีวิต อยู่ได้ท่ามกลางความจำกัดเสรีภาพทางการเมืองและความ แร้นแค้นของเศรษฐกิจ ความสงบและงดงามด้วยมิตรไมตรี ที่ฉันไม่สามารถจะหยั่งสัมผัสถึงความปวดร้าวภายในความ รู้สึกของคนพม่า มะละแหม่งในวันนี้คือเมืองสงบปลายแม่น้ำสาละวิน เมืองหลวงของรัฐมอญ การเดินทางตามหาเส้นทางปลาย สาละวินแม่น้ำสายลี้ลับกลับกลายเป็นเมืองสงบงามที่ปลาย ทางผู้คนดำเนินชีวิตอย่างสงบภายใต้ร่มความศรัทธาแห่ง พุทธศาสนาดินแดนแห่งเจดีย์ทองเมืองศูนย์กลางการค้าขาย ของพม่าทางใต้ การค้าขายในพม่าหลักๆยังเป็นไปเพื่อยังชีพ สินค้าส่วนใหญ่เป็นของใช้จำเป็นสำหรับอุปโภคและบริโภค และฉันยังเห็นดอกกล้วยไม้งามๆห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ ถูกส่งไปจากบ้านเรา 58 WRITE E-MAGAZINE
หลายๆครั้งการเดินทางของฉันไม่ได้มุ่งหน้าสู่เมือง ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมกัน แต่การได้มาในเมืองเล็กๆ สงบปราศจากนักท่องเที่ยวทำให้เราได้สัมผัสกับวิถีชีวิตจริงๆ ของผู้คนท้องถิ่นในแม่น้ำสาละวินแถบนี้มีเกาะหลายเกาะที่ เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกรรมและ หัตกรรมพื้นบ้าน มีบางเกาะที่ฉันได้ข้ามมากับเรือโดยสารกับ ชาวบ้านแล้วนั่งรถม้าชมวิวทิวทัศน์และวิถีชีวิตผู้คน สายน้ำไม่เคยไหลกลับ เฉกเช่นบางครั้งเราปล่อยชีวิต ให้ลื่นไหลไปกับความอิสระเช่นสายน้ำ อิสระ โดดเดี่ยวและ ความอา้ งว้างเป็นข องคกู่ นั ก ารเดินท างของชวี ติ ก บั เส้นท างแห่ง สายน้ำบางครั้งก็คล้ายกัน สายสาละวินนี้ตลอดเส้นทางผ่าน ภูมปิ ระเทศทหี่ ลากหลายห ล่อเลีย้ งชวี ติ ผ คู้ นหลายเผ่าพ นั ธุผ์ า่ น เส้นทางโดดเดี่ยวลึกลับจนถึงปลายทางที่งดงามg
WRITE E-MAGAZINE 59
ก่อนจะเป็นเกี๊ยว text: อินทัช
ปรุงแล้วจับจีบสร้างรูปร่างแปลกตาและรสชาติแสนอร่อยนั้น มิใช่อาหารไทยแท้แต่โบราณคำถามหนึ่งผุดขึ้นในใจของคน กินเกี๊ยวว่ามันเป็นอาหารของชนชาติใด เท่าที่มีการบันทึกเป็นรูปภาพหรืออักษรโบราณบน โลกใบนี้ซึ่งมีอายุยืนยาวตั้งแต่ยุคเมโสโปเตเมียยุคกรีก ยุคโรมันยุคอียิปต์ด้วยคำจารึกที่นักโบราณคดีค้นหาที่มา ของเกี๊ยว(Dumpling)ยังไม่มีการกล่าวถึงคำนี้เลยเมื่อค้น ไปถึงอาณาจักรทางตะวันออกซึ่งมีนามว่าอาณาจักรจีนจึง พบบันทึกที่เอ่ยถึงอาหารชนิดหนึ่งคือเกี๊ยวซึ่งกินกันตั้งแต่ ชนชั้นกษัตริย์ไปถึงชาวบ้านในเทศกาลสำคัญหรือเป็นอาหาร พื้นบ้านทั่วไปนอกจากนั้นยังใช้เป็นสัญลักษณ์มงคลของจีน อีกด้วย เทศกาลปีใหม่คนจีนนิยมห่อเกี๊ยวด้วยไส้มงคลเพื่อ ส่งให้ความปรารถนาในปีใหม่เป็นจริงเช่นไส้ถั่วหมายถึงขอ ให้มีสุขภาพแข็งแรงอายุยืนไส้น้ำตาลและน้ำผึ้งหมายถึง ให้มีแต่ความหอมหวานสมัยราชวงศ์ชิงเกี๊ยวใช้เป็นของขวัญ หลายคนต้องเคยลิ้มรสชาติเกี๊ยวน้ำล้วนๆหรือบะหมี่แห้ง ใ ส่เกี๊ยวมาแล้วเชื่อว่าต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยสุด ที่ถวายองค์จักรพรรดิในวันฉลองพระราชสมภพด้วยระยะ เวลายาวนานนับพันปีของอาณาจักรจีนกรรมวิธีทำเกี๊ยวจึง ยอดโดยเฉพาะบะหมี่แห้งก ับเกี๊ยวนั้นช่างเข้าคู่อยู่ในชาม เดียวกันได้อย่างเหมาะสมที่สุดและกลายเป็นอาหารที่หากิน มีการพัฒนาปรับปรุงหรือดัดแปลงจนกระทั่งมีเกี๊ยวสารพัด รูปร่างและไส้มากกว่า100ชนิดเกี๊ยวรูปร่างคล้ายทองแท่ง ง่ายมากแ ล้วยังมีการดัดแปลงรูปร่างหรือวิธีปรุงแต่งเกี๊ยว ให้แตกต่างไปตามชนชาติที่นำเกี๊ยวไปใช้เป็นอาหารของชาติ โบราณและไส้หมูสับเป็นที่นิยมยาวนานจนถึงปัจจุบันนี้ เกี๊ยวรุ่นแรกมีไส้อะไรคือคำถามคาใจที่ต้อง ตัวเองด้วยเช่นเกี๊ยวซ่าของญี่ปุ่นเกี๊ยวมองโกลเกี๊ยวรัสเซีย เป็นต้นแผ่นแป้งบางๆห่อไส้หมูสับหรือกุ้งที่คลุกเคล้าเครื่อง ค้นหาจากบันทึกตำนานเกี๊ยวของคนจีนซึ่งเท่าที่มีการบอก 60 WRITE E-MAGAZINE
WRITE E-MAGAZINE 61
ก ่อนวันปีใหม่ทุกปจี ึงมีการทำ อาหารว่างโดยใช้เนื้อสับห่อด้วยแผ่น แป้งนำไปต้มน้ำซุปแล้วกินกันในทุก ครัวเรือน
เล่าสืบทอดกันและบันทึกไว้มี2ตำนานด้วยกันลองมาดู ทีละเรื่องจะพบไส้เกี๊ยวรุ่นแรกโดยต้องไม่ลืมว่าโบราณนั้น อาณาจักรจีนกว้างใหญ่ไพศาลอย่างมากย่อมมีเรื่องเล่าที่ หลากหลายแตกต่างกันได้คนรุ่นใหม่จักอนุมานได้ว่าเกี๊ยว รุ่นแรกน่าจะมีเครื่องปรุงและรูปร่างอย่างไรตำนานเรื่องแรก คือค่ำคืนก่อนวันปีใหม่ ชายแปลกหน้าคนหนึ่งแวะหาที่พักและอาหาร ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งเงียบผิดปกติเขาพบชายชราใจดีให้ ที่พักและอาหารอิ่มท้องระหว่างกินอาหารชายชราเล่าให้ฟัง ว่าเสือซึ่งชาวบ้านให้ชื่อว่าหูจื่อจับคนที่ออกนอกบ้านกิน ไปหลายคนอันสร้างความหวาดกลัวแก่ชาวบ้านอย่างมาก แต่การซ่อนตัวในบ้านกำลังสร้างปัญหาใหม่ขึ้นคือเสบียง อาหารใกล้หมดแล้วชายคนนั้นจึงอาสาแก้ปัญหาหนักอก ของชาวบ้านเมื่อทราบที่อยู่ของเสือแล้วเขาก็เดินทางไป กำจัดมันในเช้าวันรุ่งขึ้นต่อมาชาวบ้านต่างปลื้มปิติเมื่อชาย แปลกหน้าลากเสือหูจื่อที่เคยจับคนกินไปมากมายลงจากเขา หัวหน้าหมู่บ้านเสนอให้นำเนื้อของเสือมาสับให้เละแล้วห่อ ด้วยแผ่นแ ป้งเพื่อกินล้างแค้นให้สะใจชาวบ้านเห็นชอบด้วย นับแต่นั้นมาคนในหมู่บ้านได้อยู่อย่างสงบอีกครั้งและเพื่อ เป็นการรำลึกถึงวันฆ่าเสือหูจื่อก่อนวันปีใหม่ทุกปีจึงมีการทำ อาหารว่างโดยใช้เนื้อสับห่อด้วยแผ่นแป้งนำไปต้มน้ำซุปแล้ว กินกันในทุกครัวเรือนยังเล่ากันต่อไปว่าชายแปลกหน้าที่ช่วย กำจัดเสือหูจื่อคือชิงไท่จู่ผ ู้สถาปนาราชวงศ์ชิงในวัยหนุ่ม นั่นเองเกี๊ยวไส้เนื้อเสือตามเรื่องเล่านี้เกิดขึ้นจากความแค้น ของชาวบ้านและเป็นการรำลึกถึงวีรกรรมกล้าหาญของชาย 62 WRITE E-MAGAZINE
หนุ่มแปลกหน้าที่กำจัดปัญหาให้ชาวบ้าน ต่อไปเป็นตำนานเรื่องที่สองเกี่ยวกับเกี๊ยวคือฤดู หนาวในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเกิดโรคระบาดคือโรคหูเน่าขึ้นอัน เนื่องจากอากาศเย็นจัดทำให้อวัยวะต่างๆที่สัมผัสความหนาว เย็นชาอย่างมากชายคนหนึ่งวิ่งเข้าบ้านด้วยความหนาวเย็น ในคืนหนึ่งเมียของเขามองด้วยความโมโหจัดที่ผัวกลับบ้าน ช้าทำให้ไม่ได้ฉลองปีใหม่ร่วมกันจึงหยิกหูของผัวพร้อมกับด่า ตำหนิเขาผัวร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดเพราะหูเย็นและแข็ง ถูกบิดอย่างแรงเมื่อเมียสำนึกเสียใจที่ทำร้ายผัวจึงแนะนำ ให้เขาไปหาหมอเทวดาที่อยู่ริมแม่น้ำไป่เหอและกำลังแจกยา รักษาโรคหูเน่าที่ระบาดในหมู่บ้านอยู่เขาจึงเดินทางไปและ เห็นชาวบ้านหลายคนยืนรอรับยาเป็นแถวยาวหมอเทวดามี นามว่าจางจ้งจิ่งบอกว่าหูเน่าเกิดจากอากาศหนาวจัดเมื่อ ดื่มซุปสมุนไพรแก้หนาวชามนี้แล้วร่างกายจะอบอุ่นหูก็อุ่น ขึ้นอาการเหล่านั้นจักหายไปเขารับน้ำซุปร้อนๆซึ่งมีแป้ง ปั้นรูปร่างคล้ายหูห่อไส้บางอย่างอยู่ในชามมากินตามที่หมอ เทวดาบอกไว้ด้วยความสงสัยเขาจึงถามหมอเทวดาว่าซุป นี้อร่อยมากจึงอยากทราบว่ามันปรุงอย่างไรหมอเทวดาตอบ ด้วยความใจดีว่าท่านต้องนำเนื้อแกะพริกและสมุนไพร ที่ป้องกันความหนาวใส่ลงไปในหม้อต้มจากนั้นนำมาสับ ละเอียดแล้วห่อด้วยแผ่นแป้งบางๆนำแป้งที่ห่อไส้ลงไปต้น จนสุกอีกครั้งจากนั้นทุกปีเพื่อแสดงความเคารพต่อจางจ้งจิ่ง ซึ่งทำยารักษาหูเน่าในเทศกาลตงจื๊อและวันแรกของปีใหม่ ชาวบ้านจะทำซุปสมุนไพรเลียนแบบซุปของจางจ้งจิ่งเป็น อาหารซึ่งเรียกกันว่าเกี๊ยวเวลาต่อมาเกี๊ยวปั้นเป็นรูปคล้ายหู
มีไส้เนื้อแกะหมักพริกและสมุนไพรที่ให้ความร้อนแก่ร่างกาย ต่อสู้กับความหนาวเหน็บของฤดกาลในอาณาจักรจีนจึงเป็น อีกสูตรของการทำเกี๊ยวโบราณ วิธีกินเกี๊ยวของคนจีนก็มีวิวัฒนาการเช่นกันนั่นคือ คนจีนโบราณเรียกเกี๊ยวว่าหุนตุนโดยจะตักเกี๊ยวขึ้นมาจาก ชามกินพร้อมกับน้ำซุปต่อม าสมัยราชวงศ์ถังเปลี่ยนวิธีกิน ไปเป็นการตักเกี๊ยวที่ต้มจนสุกแล้วมาใส่ถ้วยของตนแล้วค่อย กินนอกจากนั้นยังมีความเชื่อในวันตรุษจีนหรือปีใหม่ของจีน ว่าต้องใช้ตะเกียบคีบเกี๊ยวอย่างระมัดระวังถ้าทำเกี๊ยวแตก เปรียบเสมือนว่าจะมีโชคร้ายในปีที่กำลังมาถึงนี้รูปร่างของ เกี๊ยวมีการปั้นแป้งให้แตกต่างกันไปตามความเชื่อและสมัย นิยม เกี๊ยวของจีนมีการนำไปเผยแพร่ในประเทศเอเชีย และนิยมกินกันมากหลายประเทศดัดแปลงไส้และรูปร่างให้ มีเอกลักษณ์ใหม่แล้วกลายเป็นอาหารยอดฮิตของชาติดัง กล่าวไปตัวอย่างที่เห็นกันชัดคือเกี๊ยวซ่าซึ่งเป็นอาหารยอด ฮิตของญี่ปุ่นและเป็นที่ถูกปากของคนไทยเขานำเกี๊ยวของ จีนซึ่งใช้ไส้หมูสับไปทอดให้เกรียมเล็กน้อยไส้หมูสับก็หมัก คลุกเคล้าเครื่องปรุงตามรสชาติที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบเพิ่มน้ำจิ้ม เกี๊ยวซ่าเข้าไปจนกลายเป็นอาหารจานเด็ดที่ทั้งโลกรู้จักกันดี ในนามของเกี๊ยวซ่าอีกจานที่คนจีนนำเกี๊ยวไปดัดแปลงเป็น อาหารว่างหรือติ๋มซำรสเด็ดที่คนทุกชาติรู้จักกันดีคือฮะเก๋า ฝั่นโก๋หรือขนมจีบทำไส้ให้หลากหลายขึ้นทั้งนี้เกี๊ยวจีน แบบดั้งเดิมและเป็นที่ยอมรับกันมานานแล้วคือเกี๊ยวหมูสับ ปั้นรูปร่างคล้ายทองแท่งโบราณยังมีให้ลิ้มรสชาติและเป็นที่
นิยมไม่เสื่อมคลายจนถึงปัจจุบันโดยทำเป็นเกี๊ยวน้ำบะหมี่ แห้งกับเกี๊ยวเกี๊ยวทอดนอกจากนั้นยังมีการทำไส้ของหวาน ห่อแป้งเกี๊ยวอีกด้วย เกี๊ยวเป็นอาหารที่กินกันได้ตั้งแต่ชนชั้นสูงจนถึง ชาวบ้านและเป็นสัญลักษณ์ในเทศกาลมงคลต่างๆของคนจีน ตอนนี้ยังเป็นอาหารยอดฮิตในชาติเอเชียซึ่งทำได้ง่ายหรือซื้อ หาด้วยราคาไม่แพงนักมีสารพัดรูปร่างและไส้ หลากหลายเกี๊ยวยังแทรกซึมไปเป็นอาหารมีชื่อเสียงในหลาย ชาติของโลกถ้าคิดจัดงานเทศกาลเกี๊ยวนานาชาติให้ผู้คนลิ้ม ชิมรสที่แตกต่างกันให้อิ่มท้องก็ทำได้แน่นอนแล้วยังเรียนรู้ ได้ว่าเกี๊ยวจีนโบราณแตกแขนงไปอยู่ในประเทศต่างๆแล้ว มีรูปร่างและรสชาติเป็นอย่างไรมีชื่อที่เรียกแปลกหูหรือยัง เค้าโครงชื่อเดิมมากน้อยแค่ไหนไม่ว่าจะเป็นยุคอดีตหรือ ยุคปัจจุบันเครื่องปรุงไส้ของเกี๊ยวขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ปรุง อาหารเป็นหลักเคล็ดลับความอร่อยของเกี๊ยวอยู่ที่การคลุก เคล้าไส้กับเครื่องปรุงให้มีรสชาติกลมกล่อมเนื้อแป้งไม่หนา หรือแข็งเกินไปแล้วยังต้องใส่ความตั้งใจลงในการปั้นเกี๊ยว ด้วยหลายคนทราบดีว่าจะหาเกี๊ยวอร่อยกินได้ที่ใดบางทีของ อร่อยไม่จำเป็นต้องอยู่ในโรงแรมหรูก็ได้แค่รถเข็นหน้าปาก ซอยก็หาเกี๊ยวอร่อยกินได้แล้วเราไปกินเกี๊ยวสุดยอดอร่อยกัน เถอะ g
WRITE E-MAGAZINE 63
g
o ประกวดเรื่องสั้นWRITE2552
กติกาการส่งเรื่อง 1 .เป็นเรือ่ งสนั้ ท ผี่ เู้ ขียนสร้างสรรค์ข นึ้ เองย งั ไ ม่เคยตพี มิ พ์ท ไี่ หนมากอ่ นโ ดยมไิ ด้ แปลลอกหรือดัดแปลงจากเรื่องของผู้อื่น 2.เรื่องสั้นไม่จำกัดเนื้อหาความยาวในแบบเรื่องสั้นทั่วไป 3.ท ่านสามารถส่งเรื่องสั้นได้เพียงเดือนละ1เรื่อง 4.เมื่อเรื่องสั้นของท่านได้รับการตีพิมพ์แล้ว ท่านหมดสิทธิ์ส่งเรื่องสั้นเรื่องอื่น เพื่อเปิดโอกาสให้นักเขียนท่านอื่นได้ร ับพิจารณาบ้าง 5.ในแต่ละเดือน เรื่องสั้นที่ผ่านเกิด เรื่องสั้นที่ได้ผ่านรอบแรก จะได้รับการตี พิมพ์ใน WRITE เมื่อครบหนึ่งปี บรรณาธิการจะประกาศเรื่องสั้นยอดเยี่ยม จำนวน5เรื่องจากเรื่องสั้นรอบแรก 6.ท่านสามารถส่งเรื่องสั้นของท่านมาที่ niwat59@gmail.com โดยแนบไฟล์ ต้นฉบับเป็นไฟล์เวิร์ดและเขียนจ่าหน้าว่า“ประกวดเรื่องสั้น”กรุณาอย่าPate >Copyงานของท่านลงในอีเมล์(ทำให้ยุ่งยากต่อการอ่าน) 7.เรื่องสั้นยอดเยี่ยมของปีจะได้รับใบประกาศเกียรติจากบรรณาธิการ 8.หากท่านต้องการถอนเรื่องของท่านจากการพิจารณากรุณาเขียนอีเมล์มา ยืนยัน 9.การตัดสินของบรรณาธิการถือเป็นที่สุด 1 0.W RITEe -M agazineเป็นน ติ ยสารออนไลน์แ จกฟรีไ ม่มโี ฆษณา ไม่มรี ายได้ จัดทำขึน้ เพือ่ ส ง่ เสริมก ารอา่ นการเขียนจ งึ ย งั ไ ม่ส ามารถจา่ ยคา่ เรือ่ งได้โ ปรด พิจารณากติกาข้อนี้ก่อนส่งเรื่องสั้นของท่าน
o g 64 WRITE E-MAGAZINE