วาทะพระข้าวปั้น

Page 1



3

“วาทะพระข้าวปั้น” เป็นการ รวบรวมข้อเขียน ที่เคยโพสต์ทาง เฟสบุ๊ค เพื่อเป็นก�ำลังใจ ส่งผ่าน ข้อธรรมะ แนวคิด มุมมอง ทัศนคติ และปรับจังหวะชีวติ ในรูปแบบทีไ่ ม่ ยึดกรอบ ทว่าก็ไม่ละเลย “ข้าวปั้น” ค�ำข้าวที่ชาวอีสาน ส่วนใหญ่บริโภค มีลักษณะพิเศษ คือ เหนียวหนึบ เกาะกลมเป็น ก้อน สะดวกสบายและง่ายต่อการ ขบเคี้ยว ซึ่งผู้เขียนและหลายท่าน เติบโตมาจากเมล็ดข้าวเหล่านั้น “วาทะ” ถ้ อ ยค� ำ ที่ ถู ก น� ำ มา เรียงร้อยแทนค�ำข้าว เพื่อใช้ขบคิด พิจารณาเก็บสาระส�ำคัญมาช่วย

เสริมการวางหมากให้เกมส์ชีวิตมี เป้าหมายและความเป็นไปได้ยงิ่ ขึน้ ในเดือนเมษายนปี ๒๕๕๘ ได้จัดพิมพ์หนังสือหนึ่งเล่มในชื่อ “ปรัชญาลอยนวล” ซึ่งได้รับการ ตอบรับและอุปถัมภ์อย่างดี เล่มนี้ ก็เช่นกัน มีปิยมิตรหลายท่านส่ง สายธารศรัทธาและก�ำลังใจอย่าง ล้นเหลือ แอบหวังในใจลึกๆ ว่า หนังสือ “วาทะพระข้าวปั้น” ฉบับพกพานี้ คงพอมีสาระส�ำคัญและมีโอกาส ท�ำความรู้จัก สร้างความคุ้นเคย คนไกลบ้าน อย่างมีไมตรีจิตรที่ดี ต่อกันตลอดไป...แม่นบ่อ ?


4


5

ค�าว่า “เหนื่อย” นิยามและค�าจ�ากัดความนั้นกระจ่างแจ้ง ในทุกดวงใจ โดยเฉพาะผู้ที่ยังมีความรับผิดชอบแบกรับ ไว้เต็มอก แทบไม่เหลือเวลานึกถึงตัวเองก็มี การยอมเหนื่อยหนัก เพื่อให้คนอื่นยิ้มได้ จึงเป็น “แบบ พิมพของคนสู้ชีวิต” ถึงตัวเองยังยิ้มยากก็ตาม อาจจะต้องสูอ้ กี ยาวนาน แต่ทว่าถอยและฝ่อมิได้ เพราะยัง มีคนข้างหลังอีกหลายชีวติ เฝ้ารอรับการเติมเต็มจากความ เหน็ดเหนื่อยของเรา และกว่าจะเป็นตัวเราเองอย่างวันนี้ คือ หลายปีที่ใช้ความเหนื่อยยากแลกมาตลอด “เหนื่อย” ไม่ใช่คาถามหาระรวย แต่ก็ช่วยให้ทุกคนก้าว มั่นยืนหยัดอยู่ได้อย่างภาคภูมิ “เหนื่อย” แม้ไม่ใช่ยาวิเศษ แต่ยิ่งกว่าพรประเสริฐ เพราะ เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องสู้ ต้องมานะบากบั่นและท�าหน้าที่ แต่ละวันอย่างสุดความสามารถ คนที่ประสบความส�าเร็จในชีวิต ล้วนแต่เคยผ่านสังเวียน ความเหนื่อยยากมา และนั่นแหละคือที่มาของรอยยิ้มใน วันนี้


6

หาดีให้ใจเราเก็บ ดีกว่าหาเจ็บให้ “ใจเรากอด” การแสวงหาเพื่อให้ได้มานั้น ยังโดดเด่นในทุกชีวิต บาง เรื่องก็สมดังใจนึก บางเรื่องก็ได้แค่นึก ครั้นลงมือท�ำกลับ ไม่ปรากฏผลลัพธ์อย่างที่ตั้งใจ เลยถอดใจละทิ้งไปก็มี การแสวงหาสิ่งใดก็ตาม หากมุ่งจะได้เพียงอย่างเดียว อาจท�ำให้ตกหลุมพราง ซึ่งเต็มขังด้วยโคลนแห่งความ โลภ ยอมท�ำผิดเพื่อจะได้ จนกลายเป็นอุปนิสัยเฉพาะตน ใจทีค่ นุ้ ชินกับพฤติกรรมหรือการกระท�ำเช่นใด การด�ำเนินชีวิต มีโอกาสไหลบ่าไปตามวิธีคิดนั้น จึงพึงสังวรระวังให้ มาก เพราะสุดท้ายแล้ว “ใจจะโอบกอดและเก็บทุกสิง่ ทีเ่ ราเอง เป็นผู้ก่อขึ้น ไว้อย่างเหนียวแน่น” การจะสลัดให้พ้นไป รังแต่จะพบกับความซับซ้อนมากขึ้น


7

ทุกปัญหา มีปัญญา “ซ่อนอยู่เสมอ” “ปัญหา” ไม่มีเอาไว้ให้ใจแบก แค่เรารู้จักมอง ย่อมสบ ช่องทางแก้ไข “ปัญหา” ช่วยให้ปัญญาเติบโตได้ แค่เราครองสติไว้ให้ มั่น ไม่ยอมให้มารร้าย คือ ความวู่วาม ความใจไม่นิ่งมา เสี้ยม เราอาจพบช่องทางเข้าถึงต้นตอของปัญหาเร็วขึ้น พึงระลึกไว้ว่า “ทุกปัญหามีสาระส�ำคัญซุกซ่อนอยู่ด้วย” แค่เราไม่อ่อนไหว ไม่กลัวเกินเหตุ ข่มความรู้สึกที่ฟุ้งซ่าน ไม่ปดิ กันตัวเอง ปรับทัศนคติ ใส่ใจรายละเอียดและสรรหา วิธีจัดการอย่างมีชั้นเชิงจะดีกว่า การแก้ “ปัญหา” ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ไม่ควรเดิมพันด้วย ชีวติ จะได้ไม่คมุ้ เสีย และไม่ควรใช้ตรรกะนีร้ บั มือกับปัญหา เพราะเป็นเพียงหลุมพรางที่ดักอยู่ หากพลาดพลั้งตกลง คงเป็นจิ๊กซอชีวิตชิ้นสุดท้ายคือแค่ “หมดลมเพื่อจบเรื่อง”


8


9

ความจน สอนให้รู้จัก “ความอดทน” ได้ชัดเจนขึ้น ต้นทุนชีวิตของแต่ละคน มิอาจทัดเทียมกัน และไม่มี เหตุผลน�ำมาใช้เป็นข้อแม้ ให้ต้องยอมแพ้ต่อต้นทุนดัง กล่าวด้วย ความส�ำเร็จอันยิ่งใหญ่ ล้วนอาศัยความอดทนและการ ยอมเหนื่อยหนักมากกว่าคนอื่น เพื่อตั้งหลักชีวิตด้วย ศักยภาพของตัวเองโดยแท้ บุ ค คลที่ ป ระสบความส� ำ เร็ จ ในเพลานี้ ต่ า งมี เ รื่ อ งราว ซุกซ่อนเอาไว้มากมาย และ “ความจน” อาจเป็นหนึ่งใน หัวเรื่องซึ่งถูกขีดเส้นใต้ก�ำกับ ไว้เตือนตนมิให้ “จมอยู่” กับต้นทุนดังกล่าว แล้วก้าวข้ามไปยังจุดเปลี่ยนชีวิตที่ใช้ ความเหน็ดเหนื่อยแลกมา


10

“ความจน” วัดคุณค่าคน ได้อย่างตรงไปตรงมาโดย ไม่เลือกปฏิบัติ “ความจน” สะท้อนเงา ความจริงให้ได้ตระหนัก ในคุ ณ ค่ า และจุ ด หมาย ส� ำ คั ญ ที่ สุ ด ของชี วิ ต ได้ อย่างเต็มภาคภูมิเสมอ “ความจน” เป็นค�ำนิยาม ทีใ่ ช้อธิบายสถานภาพ แต่ ไม่อาจจ�ำกัดศักยภาพใน แต่ละบุคคลได้...สู้ต่อไป


11


12

สู้ หรือ สร้าง ควรก้าว...แต่ละย่าง “อย่างตั้งใจ” บุญวาสนาของคนเรา อาจพ่วงมาแตกต่างกัน บางคน แค่คิดก็เหมือนว่าความส�ำเร็จกางแขนรออยู่ ทว่าบางคน “สู้และสร้างมาค่อนชีวิต” กลับไร้เงาความส�ำเร็จ ราวกับ ว่าแถน๑ ท่านแกล้งจนถอดใจก็มี “เป้าหมายของชีวิต - Life’s Goal” ไม่ใช่เครื่องคิดเลข ที่กดแป้นแล้วตัวเลขขึ้นทันที ทุกคนต้องสู้ ต้องสร้าง ต้องอดทน ต้องฝึกตนเองมีความเชื่อมั่น ด้วยการเสาะ หาความรูจ้ ากแหล่งข้อมูลและจากบุคคลทีม่ ปี ระสบการณ์ รวบรวมเป็น “คู่มือชีวิต” แล้วใช้เป็นองค์ความรู้และเป็น ตัวช่วยในการตัดสินใจ ใช้ประเมินความเป็นไปได้ และรู้จัก ปกป้องตัวเองจากความรูส้ กึ “เสีย่ ง หรือ ความขลาดกลัว ต่อความผิดพลาด” ที่จิตเรามโนที่ขึ้นมา แถนเป็นภาษาอีสาน หมายถึง เทวดาผู้เป็นใหญ่หรือองค์อินทราธิราชผู้ เป็นจอมแห่งเทวดาทั้งมวล


13

สิ่งใดที่ท�ำ สิ่งนั้นจักเป็น “ครูแท้” ช่วยสอนข้อเท็จจริงที่ นอกเหนือจากต�ำราราคาหลายสิบเหรียญแก่เรา สิ่งใดที่ท�ำ สิ่งนั้นจักเป็น “เพื่อนแท้” ที่แม้ไม่เคยรู้จักมา ก่อน แต่ทว่าก็ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ที่เราต้อง เลือกเองว่า ควรคบหาหรือสละทิ้ง สิ่งใดที่ท�ำ สิ่งนั้นจักเป็น “ผู้ยืนยัน ทั้งความส�ำเร็จและ ความล้มเหลว” โดยที่ไม่ต้องไปเที่ยวฟังเรื่องราวของใคร แต่เราเรียนรู้จากสังเวียนชีวิตจริง ฉะนั้น การบรรลุถึงเป้าหมายส�ำคัญของชีวิต จึงจ�ำเป็น ต้อง “สู้และสร้างขึ้นอย่างตั้งใจ ไม่ว่าระยะทางจะยาวอีก กี่หมื่นไมล์ ถ้าไม่ละทิ้งความพยายาม ไม่ละทิ้งความฝัน ไม่ละทิ้งความหวัง ขอบฝั่งความส�ำเร็จ จักมีเราเพิ่มขึ้น อีกคนที่เดินทางไปถึง” เหมือนภาษิตฝรั่งที่ว่า “กรุงโรม ไม่ได้สร้างเสร็จเพียงวันเดียว” - Rome wasn’t built in a day


14

จะจริงหรือเพียงนึกฝัน เรามีหน้าที่แค่ “อยู่กับมันให้ได้” เรือ่ งทีถ่ าโถมเข้ามาหาในแต่ละขวบปี มีทงั้ ทีเ่ ป็นความรูส้ กึ และเรื่องจริงที่ปรากฏ บางเหตุการณ์เมื่อทราบแล้วก็แทบ ทรุด เหมือนลมหายใจจะขาดสะบั้น อาตมาสัมผัสเรื่องราวถึงขั้น “จิตตก” บ่อยครั้ง เช่น ลูก ศิษย์ถูกฆาตกรรม ญาติผู้ใหญ่ประสบอุบัติเหตุ สามพระ ธรรมทูตรุ่นน้องมรณภาพพร้อมกันในที่เกิดเหตุ เป็นต้น แม้ครองเพศสมณะมาหลายฤดูฝนแล้ว แต่ทว่าก็หักห้าม ความ “โศกเศร้า” ได้แสนยาก เพราะเป็นสัญชาตญาณ ที่ซ่อนตัวอยู่และรอคอยการเผยตัวเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับความจริงชนิดท�ำร้ายความรู้สึกสุดขั้ว การครองสติและยอมรับเรื่องเหล่านั้นจักท�ำได้ยาก แต่ จ�ำเป็นต้องฝืนเพื่อมิให้ความรู้สึก “จนมุม” ครอบง�ำได้


15

การรับมือกับเรื่องที่มิคาดคิด อาจยากกว่าปกติแน่นอน เพราะเป็นห้วงเวลาที่ “ใจสลาย” และคิดเตลิดไปทั่ว เมื่อผ่านช่วงเวลาดังกล่าวไปได้ ความรู้ตัวและความมีสติ จักหวนคืนมาจัดระเบียบความคิด มาช่วยล�ำดับเหตุการณ์ ไล่เรียงขัน้ ตอน แล้วลากเส้นไทมไลน์ให้รวู้ า่ อะไรควรลงมือ ท�ำก่อน และยังเหลือสิ่งใดบ้างที่ต้องเติมเพิ่มเข้ามา ดังนั้น “เรื่องจริงหรือเพียงนึกฝัน” สาระส�ำคัญอยู่ที่ว่า เราแยกแยะได้แค่ไหน เราประคับประคองความรู้สึกได้ดี ขั้นไหน เราอดทนได้มากไหม เราได้ใช้สติปัญญา หรือ ว่าเราหันหลังหลบหนีไปพึ่งของมึนเมาแทน อาจเป็นทาง เลือกได้ ทว่ายังไม่ใช่ทางออกที่ดี รังแต่จะน�ำไปสู่ความ เสื่อมสถานเดียว การรับมือกับสถานการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้น โดยมีเราเข้าไป เกี่ยวข้องด้วย ตัวเราเองคือผู้ที่พร้อมจะชูป้ายขึ้น ยืนยัน ค�ำตอบได้ว่า “เอาอยู่” ไม่ว่าเรื่องราวจะเผยโฉมเปิด หน้าตาออกมาเช่นใดก็ตาม


16


17

“การยอมแพ้” ควรเป็นแค่ คงไม่มใี ครอยากได้ยนิ หรือตกอยูใ่ นสถานะของผูแ้ พ้ เพราะ เหมือนมีรอยแผลเป็นในความรู้สึก ซึ่งเทียวมาทวงถามให้ สะดุ้งตื่นครั้งแล้วครั้งเล่า หากเป็นการยอมแพ้ เพื่อยอมรับว่า -ยังไม่พร้อม- ส่อ แสดงถึงความเก่งและความกล้าที่จะเผชิญหน้าความจริง การยอมแพ้ มีสถานะต่างจาก“ผู้แพ้” เพราะไม่ใช่ความ พ่ายแพ้อย่างสิ้นเปลือก เพียงแค่ต้องการเวลาบ่มเพาะ ความกล้า ทบทวนข้อบกพร่อง เตรียมความพร้อม สร้าง ความเชื่อมั่น และฝึกความแกร่ง เพราะคู่แข่งในสนาม ล้วนฝึกซ้อมมาดี เพื่อชิงชัยและหมายคว้าแชมป์ทั้งสิ้น ฉะนั้น “ยอมแพ้” ไม่ได้แปลว่าล้มเลิกหรือสิ้นหวัง แต่ อาจเป็นการยอมเพื่อแลก เพื่อให้โอกาส เพื่อสร้างแรงใจ เพื่อรักษาน�้ำใจ และเพื่อความไม่หละหลวมในทุกบริบท ชีวิตอีกต่อไป


18

อาวุธส�ำคัญ ของนายพราน คือ การรอ บางทีก็เหมือนกับการจาก เพราะฝากร่อง รอยความว่างเปล่าเอาไว้ การรอ เป็นการหยุดพัก เพื่อดักและค้นหาโอกาส ของตั ว เอง พร้ อ มกั บ ให้ โ อกาสคนอื่ น ขนานไป พร้อมๆ กัน การรอ ช่วยถักทอความเชื่อมั่นให้เติบโต ช่วยเติม เต็มประสบการณ์ ช่วยรั้งให้แน่ใจว่า ก้าวต่อไปจัก ไม่ผิดพลาดอย่างที่แล้วมา การรอ เป็นอะไรอีกหลายอย่างที่เราก็ควรรอ และ พึงรอเพื่อให้เกิดความชัดเจนและความเชื่อมั่นว่า “เป้าหมาย” ที่ก�ำลังย่างกรายใกล้เข้ามา มีคุณ ประโยชน์และคุ้มค่ากับ “การรอคอย” ที่ผ่านมา ด้วยความเยือกเย็น และไม่ใช่แค่นั่งรอความว่าง เปล่า


19

อาจเป็นเพียงดอกหญ้าในป่ากว้างใหญ่ ไม่ใช่ดอกไม้สวย ในกระถางอย่างเช่นกุหลาบที่โชยกลิ่น ทว่าก็เป็นเพื่อน ดินไม่เหนื่อยหน่ายต่อกัน บางบริ บ ทชี วิ ต ที่ อ าจไม่ ทั ด เที ย ม ก็ มิ ไ ด้ แ ปลความว่ า "หมดค่า หรือ ความส�ำคัญลดลง" เป็นเพียงความนึกคิด ที่ต่างมโนไปเอง เพราะค่าที่งดงาม อาจเป็นค่าที่ตัวเราเองให้ราคา หาใช่ ความนิยมชมชื่นจากบุคคลอื่นไม่ เฉกเช่นเดียวกับดอก หญ้าอาจไม่เลอค่า แต่ทว่าก็ให้ความโปร่งเบาต่อสายตา เวลาที่ชายตามอง


20


21

ทุกที่มีธรรม ทุกการกระท�ำมีวิบาก ทุกความล�ำบาก ฝากความจริงให้จดจ�ำ


22

ความหลัง บางครั้งก็เป็นเพื่อนเก่าที่เราไม่อยากทักทาย ไม่อยาก ถามไถ่ถึง ไม่ใช่กลัวหรือเกรงใจ แต่เป็นความนัยที่อยาก ซ่อนไว้เองเพียงล�ำพัง ความหลั ง เรื่ อ งเก่ า ที่ เ ข้ า มาส่ ง ซองค� ำ ถามโดยที่ ไ ม่ ประสงค์การตอบกลับ แต่ทว่ากวนใจผู้รับเสียยิ่งกระไร ความหลัง เรื่องเก่าที่เราอยากเก็บ เป็นรอยตะเข็บที่เรา อยากรื้อ เป็นขนมหวานที่อยากซื้อเวลาเดินผ่าน เป็นวัน วานที่มีเรานั่งอยู่ในฉากเหล่านั้น ความหลั ง เป็ น พลั ง ปลุ ก ให้ ลุ ก ขึ้ น ต่ อ สู ้ กั บ เรื่ อ งราว ของวั น นี้ แ ละวั น ต่ อ ไป เป็ น ต� ำ นานชี วิ ต ที่ บั น ทึ ก ไว้ ใ น กระดาษใจ โดยที่ไม่รู้ว่าอีกกี่หน้า จึงจะจบบทสุดท้าย และแน่นอนว่าแต่ละบท มีความดีงามรอการกลับไปอ่าน ทบทวนโดยเจ้าของเสมอ ฉะนั้น “ความหลัง” จึงไม่ใช่แค่เรื่องเก่าที่เราก้าวผ่านมา ได้เท่านั้น แต่ทว่าเป็นริ้วรอยจากการเยียวยามาดีแล้ว


23


24

“พลาด” กี่ครั้งหรือกี่แผล? หน้าที่เราคือ “เทคแคร์ตัวเองให้ดีขึ้น” หากจะตั้งค�ำถามว่า “ใครบ้างไม่เคยท�ำอะไรผิดพลาดเลย ในชีวิต” ผู้ตอบคงยกมือประท้วงเพื่อขอให้เปลี่ยนค�ำถาม ราวกับรู้ว่าค�ำตอบที่ได้คือ “เยสไอแฮด” แต่ถ้าถามใหม่ ว่า “คุณรับมือกับความผิดพลาดนั้นอย่างไร” ค�ำตอบอาจ อัดแน่นด้วยสาระส�ำคัญ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ก�ำลังหา ทางออกให้กับข้อผิดพลาดของตนอยู่พอดี บางคนเมื่อพลาดแล้วกลายเป็นคนขลาดกลัว ไม่กล้า แต่ ทว่าบางคนกลับเห็นว่า “เพราะผิดพลาดคราวนั้น ชีวิตวัน นี้จึงมีทางออกมากขึ้น” ส่องเห็นประโยชน์จากเรื่องนั้น แล้วเหลาเป็นดินสอนสี ใช้ขีดเขียนแผนที่ชีวิต เพื่อให้ก้าว ครั้งใหม่ไม่หลงทิศเสียทาง เหมือนที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้


25

25

เรามีความเหมือนกันหลายประการ แต่ทว่าก็ยังมี ความแตกต่างเคียงข้างในความเหมือนด้วย เพราะอาศั ย ความต่ า งกั น จึ ง เป็ น เหตุ ใ ห้ มี ก าร แสวงหาความเหมือนทีย่ งั พร่องอยู่ มาช่วยเติมเต็ม ให้เกิดเป็นพื้นที่ใหม่ ที่พร้อมให้ความมีมิตรไมตรี เดินมาบรรจบ และสานต่อเป็นความคุ้นเคยและ ความไว้ ว างใจต่ อ กั น พึ่ ง พาอาศั ย กั น ได้ โดย ปราศจากเงื่อนไขและข้อแม้


2626


27


28

คราว “ท้อ” ก็ไม่ควรย�้ำให้ใจ “เสียการทรงตัว” ความท้อแท้สิ้นหวังเป็นจินตภาพที่ผุดขึ้น เมื่อประสบกับ เหตุที่มิคาดคิดและไม่ตรงกับความคาดหวัง บางคนท้อ มากถึงขั้นอยากหยุดลมหายใจไปจากโลกนี้ ที่จริงแล้วความท้อนั้น มีอยู่คู่ชีวิตทุกคนทุกชนชาติ คง ไม่มีมาตรการใดใช้ปรามมิให้เกิด เพราะเป็น “สภาวะจิต ที่กลวงเปล่า หมดศรัทธา หมดความเชื่อถือ และปฏิเสธ โดยมีความเบื่อหน่ายคอยกระตุ้น” การรู้จักตั้งรับและปรับ จูนตัวเองให้ทันต่อสภาพนั้นๆ อย่างมีสติ อย่างรู้จัก และ ปล่อยวาง เป็นอีกทางเลือกที่ควรปฏิบัติตาม ความท้อจะเบาหรือรุนแรงเพียงใด ย่อมกระทบต่อสภาพ จิตใจเป็นหลัก พึงหลีกเลี่ยงต้นเหตุ และไม่ควรเขียนซ�้ำ ในใจเราบ่อยนัก เพราะรังแต่จะท�ำให้สภาพจิตใจเสียการ ทรงตัว ซัดเซไร้ทิศทางไปวันๆ ดุจขอนไม้ที่ล่องลอยอยู่ ในสายน�้ำ


29

“อย่าช�้ำ” จนครอง “แชมป์” “ช�้ำ” ค�ำพยางค์เดียว แต่เทียวเข้าออกประตูชีวิตของ ใครต่อใครไม่เว้นหน้า เป็นต้นว่าผิดหวังในรัก คนใกล้ตัว หักหลัง เข้าท�ำนองว่า อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขาร เสื่อม เอือมระอา โรคาไล่ต้อน นอนไม่หลับ นับวันสิ้นลม จมอยู่กับอดีต ถูกกรีดด้วยค�ำนินทา วาสนาดิ่งเหว และ อะไรอีกมากมาย ซึ่งเสมือนผู้ร้ายในฉากละครชีวิต “ช�้ำ” สภาวะที่เกิดจากหลายสาเหตุ แต่ส่งผลกระทบ กระเทือนต่อจิตใจอย่างรุนแรง จนกลายเป็นความทรงจ�ำ ที่ตอกลิ่มลงไว้อย่างแน่นหนา “ช�้ำ” ไม่มีรูปแบบชัดเจน ไม่เนื่องด้วยเวลา ไม่เลือก สถานภาพ ไม่เลือกเพศหรือวัย และไม่ใช่โชคชะตา แต่รู้ ที่มาและเค้ามูล “ช�้ำ” ภายนอกเห็นง่าย ภายในใจไม่ปรากฏ แต่เหมือน โดนกระท�ำไม่รู้จบ และนั่นอาจแปลได้ว่า “ช�้ำจนได้แชมป์” ไปครองเสียแล้ว


30


31


32

ความหวัง เป็นพลังเล็กๆ ทีซ่ กุ ซ่อนอยูใ่ นห้วงความนึกคิด ของทุกคน มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกัน ความหวัง เป็นกระทูค้ ำ� ถามทีต่ อ้ งการค�ำตอบสุดท้ายเพียง หนึ่งเดียวคือ “สมหวัง” แต่โดยความเป็นจริงกลับพบว่า มีมากกว่าหนึ่งค�ำตอบ และเป็นค�ำเฉลยที่ไม่ใคร่ยินดีนัก ค�ำวลีที่ว่า “ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นต่อไป” เป็นค�ำง่ายๆ ที่ไม่ ต้องอธิบาย ก็รคู้ วามหมายและจุดประสงค์ได้ เพราะแต่ละ วันที่ยังลุยและลุ้นอย่างเหนื่อยหนักนั้น กลับหาโอกาส สบตากับคนแปลกหน้าที่ชื่อว่า “สมหวัง” ไม่ได้สักครั้ง ความหวัง จะเล็กเท่าเมล็ดงาหรือว่ายิ่งใหญ่เท่าภูผาที่คน เรามุ่งหวัง จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าปราศจากความพร้อมทั้ง กายและจิตใจ เพราะถ้า “ใจมุ่งหวังสิ่งใด หากร่างกาย ไม่พร้อมและทนไม่ไหว ความหวังจะเป็นแค่เงาความคิด ซึ่งถูกจินตนาการปั้นแต่งขึ้น โดยที่ยังไม่ปรารกฏเป็นรูป ธรรมขึ้นแต่อย่างใด” ฉะนั้น หากใจยังหวัง สภาพร่างกายก็ควรสู้ไหว ไม่ใช่ฝืน ใจสู้ แต่ทว่าสู้ในขณะที่ “ร่างกายและจิตใจ” พร้อมสบตา ฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน


33


34


35 คุณธนัสนี (อ อย) แซ หาญ คุณสายพิณ ลี  คุณอินทร อร เชียงกุล  คุณเล็ก ติสันเทียะ  ดร.สิริลักษณา กุญชร ณ อยุธยา  คุณชมภูนุช ไฮจแลนด  คุณอาภรณ - Elizabeth Cox  คุณเกษกนก กุลพัฒนรุ งเรือง  น.ส.ต องตา คริสเตนเซ น  Wanwilai Treechoom  คุณอรุณวรรณ เฟ องบุญ  คุณกันตัม สอดแก ว  คุณยุรดา มอร ริส (Yurada Morris)  คุณอรวรรณ บอลล  คุณวรภารณ บราวน  คุณการ ตูน เจนซี่ (Katoon Jancey)  คุณเพ็ญนภา สามาอาพัฒน โธมัส  Usanee+Stephen Woodclock  Mr Gary-Mrs Tum  คุณธมนวรรณ จิรการุณวงศ  คุณชูรัตน สูยะลังกาและครอบครัว  คุณพัชรี พิมพ โพธิ์ อุทิศกุศลแด Mr. Benjamin Daniel Thorley  น.ส อจิรา ภาจุจันทะโร  คุณมาลี สว างชาติ  คุณอรดี จันทพันธ Hammond  John Thompson-สุรชา คมคาย  คุณสุธิดา (เคท) เสนีย นันทะวงศ  คุณแดง ตันสูงเนิน  Mr Nigel-คุณมณีรัตน -Louie Smith  คุณเสาวนีย วิลสัน  คุณศิริพรรณ  คุณนุชนาถ จันดีราช  Nangfa Sawan  น.ส.ชนิภรณ สืบสิงห  

๑๐๐ ๑๐๐ ๑๐๐ ๑๐๐ ๖๐ ๕๐ ๕๐ ๕๐ ๕๐ ๔๐ ๓๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๕

เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม เล ม



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.