อุทิศแด่สหายศึกหมวดที่ 3, 'ดิ เอาต์ลอว์ส' กองร้อยบราโว, กองพันที่ 2, กรมทหารราบที่ 87 ความหาญกล้าต้านปัจจามิตรรุมเร้า จุดแรงบันดาลใจให้ผมเขียนหนังสือเล่มนี้
วีรบุรุษมีชีวิต...ไร้ชื่อเสียงไร้ผู้คนหลั่งน�้ำตาให้ ดับสูญในรัตติกาลยาวนาน เนื่องเพราะพวกท่านไร้ผู้ใส่ใจจดบันทึก ควินตุส ฮาราติอุส ฟลักคุส (ฮอเรซ)
บทน�ำ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2006 อัฟกานิสถานตะวันออก
เทือกเขาหิมะคลุมทอดยาวจากขอบฟ้าทิศหนึง่ ไปยังอีกทิศ สันหลัง มังกรปูดโปนด้วยยอดเขาสลับกับหุบเขา หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เราออก จากฐานทัพบากรัม ภูมิทัศน์โปรยปรายด้วยหมู่บ้าน กาลัต(ป้อมปราการ) ก�ำแพงล้อม แทรกอยู่กลางซากป้อมปราการโบราณ สร้างไว้ตั้งแต่ยุค อะเล็กซานเดอร์มหาราช เครื่องปีกหมุนพาเรามุ่งหน้าไปทางตะวันออก ร่องรอยของอารยธรรมเหือดหาย กาลัตและไร่นาบางตา และในท้ายทีส่ ดุ แม้แต่พวกเร่ร่อนกูจิและเต็นท์ที่พักไม่เหลือให้เห็นอีกแล้ว ภูเขาสูงทะมื่น หน้าผายับย่นเหมือนผิวหน้าผู้เฒ่า สองฟากข้าง แทรกด้วยที่ราบดินแดง มองไม่เห็นแม้ถนนสักสาย ที่นี่ พื้นดินแห้งผาก ไม่มีร่องรอยการเหยียบย�่ำของมนุษย์ ผมได้เห็นความงามบริสุทธิ์ใน ดินแดนโบราณหฤโหด ดินแดนแห่งนี้ อาจเป็นพื้นที่แห่งเดียวในโลกที่ หาญกล้าท้าทายความอุตสาหะของมนุษย์ ที่นี่เงียบเหงาอ้างว้างเหลือเกิน ผมได้แต่หวังว่าทหารในหมวด ของผมน่าจะได้ร่วมทางมาในเครื่องปีกหมุนล�ำนี้ พันโทคริส โทเนอร์, ผู้บังคับกองพันของเรา สั่งให้ผู้บังคับหมวดบินล่วงหน้ามาก่อนทหารสอง สามวัน เดินทางมายังฐานทีเ่ ราได้รบั มอบหมายเรียงรายตามแนวพรมแดน 4
ปากีสถาน เราจะได้การบรรยายสรุปจากหน่วยที่เราเดินทางมาผลัด เปลี่ยน ศึกษาภูมิประเทศ และเตรียมเส้นทางไว้รอการเดินทางมาถึงของ หมวดทหาร หลังการปฐมนิเทศ เราจะเริ่มปฏิบัติการ ในระหว่างนั้น ความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาคลุ้งอยู่ในอก ผมนั่งทางท้ายของโบอิ้ง CH-47 ชินุก ชื่อเล่น ‘ไอ้กล้วยบิน’ สมญานามจากสงครามเวียดนาม ผนังเครื่องอายุมากกว่าผม ความยาว ล�ำตัว 80 ฟุต เครือ่ งยนต์ไอพ่นสองเครือ่ งติดทีห่ อโลหะท้ายเครือ่ ง โรเตอร์ บนหอโลหะหัวและท้าย ชินุกเพรียวลู่ลมมากแค่ไหน?...ก็คงเท่าเทียม กับรถเมล์มหานครติดโรเตอร์ เราเดินเข้าออกผ่านทางลาดอะลูมินัมของ ห้องบรรทุกท้ายเครื่อง เจ้าหน้าที่ประจ�ำเครื่องชินุกเพี้ยนสุดเดช โดยปกติแล้วจะบินโดย เปิดฝาท้าย วิศวกรประจ�ำเครือ่ งจะนัง่ ท้ายเครือ่ ง คล้ายเด็กนัง่ ตกเบ็ด แต่ ในมือแทนที่จะมีคันเบ็ด จะกลายเป็นปืนกลเบา M240 พร้อมจะพ่น กระสุน 950 นัดต่อนาทีลงไปเบื้องล่าง ในยุคสมัยของเครื่องบินไอพ่น มัค 2 และจรวดร่อนน�ำวิถีด้วยดาวเทียม การเข้าสู่สงครามด้วยอัตราเร็ว 90 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยห้อยเท้าแกว่งกลางอากาศ ถือได้ว่าห้าวสุดขีด เลยไกลไปจากขอบเงาด�ำโครงร่างของวิศวกรประจ�ำเครือ่ ง เทือกเขา เรียงเป็นแถวเป็นแนวตบเท้าเคลือ่ นผ่านเรา สองเดือนก่อนหน้านัน้ ผมยัง อยูบ่ า้ นในพิตต์สเบิรก์ ร่วมงานฉลองคริสต์มาสกับครอบครัว เฟรดดี ญาติ อายุหกขวบเดินเตร่อยูแ่ ถวนัน้ งุน่ ง่านมาตัง้ แต่เช้าแล้ว ละล้าละลังตืน่ เต้น ไปกับของขวัญ และกังวลใจไปกับการเดินทางของผม ในท้ายที่สุด ใน ระหว่างการเปิดของขวัญ เขาโพล่งออกมา “ฌอน, พีจ่ ะไปตายทีน่ นั่ หรือ เปล่า?” นีเ่ ลย, ต้องปล่อยให้เสียงของเด็กน้อยแทนค่าความคิดทีพ่ ล่านใน หัวของผูใ้ หญ่ทกุ คน เสียงคุยเซ็งแซ่จางหายไป แทนทีด่ ว้ ยความเงียบ ผม ดึงเฟรดดีมากอด “ไม่, ไม่แน่นอน พีจ่ ะกลับมาฉลองคริสต์มาสปีหน้าด้วย ไม่มีอะไรระคายผิว” 5
คุณตาอิตาเลียนของผม, เฟรเดอริก ชูลลี มือข้างขวาไร้นิ้ว(ผล จากอุบตั เิ หตุดอกไม้ไฟในวัยเด็ก) คุณตาเจ้าแห่งเรือ่ งสุดอัศจรรย์ใจทัง้ มวล ในสายตาของหลาน ยืนจ้องนิ่งเงียบ เขาไม่เคยขาดงานแม้วันเดียวตลอด ห้าสิบปีที่ผ่านมา แต่หลังปลดเกษียณอายุแล้ว คุณตาป่วยกระเสาะ กระแสะ ใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องไอซียู เพียงไม่กี่วันก่อนคริสต์มาส เขา ได้ออกจากโรงพยาบาล แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวก็พอจะท�ำให้พวกเราอยาก จะฉลองให้สนุกเต็มที่ “ฌอน” คุณตาบอกเสียงเบาๆ “ระวังตัวหน่อยนะ” ผู้บังคับหมวดทหารราบจะตอบสนองอย่างไร? หน้าที่ของเขาจะ เป็นการท�ำตัวเป็นแบบอย่างในการสนามรบ นั่นหมายความว่าผมจะต้อง โอบรับความเสี่ยง เผยตัว และวางตัวเองอยู่กลางวงการระดมยิงในทุก การรบทีเ่ ราจะพบเจอ คุณตาของผมไม่ใช่คนทีจ่ ะล้อเล่นด้วยได้ เฟรดดีดนิ้ ออกจากอ้อมกอด หันไปกระชากกระดาษห่อของขวัญต่อ ผมจ�ำภาพนั้น ได้ตดิ ตา กระดาษห่อของขวัญปลิวว่อน รอยยิม้ ไร้เยงสา ตาเป็นประกาย วาววับ “ฌอน” คุณตาบอกซ�้ำอีกครั้ง “ระวังตัวหน่อยนะ” ผมหันไปหาคุณตา เขาเป็นคนยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม เขาปลด ประจ�ำการจากอาการบาดเจ็บในสงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้เวลาตลอดชีวิต หลังจากนั้นอยู่หน้าแท่นพิมพ์ ในยามกลางคืนและวันหยุด รับงานพิเศษ เป็นเจ้าหน้าที่สนามของการแข่งขันฟุตบอลสตีลเลอร์ และเบสบอลไพเรต คุณตาสุงสิงกับกรรมกรอิตาเลียนชื่อพิลึก เช่น วินนีจอมโหด และเอ็ดดี มีดไว ชือ่ เล่นลวงให้หลงทิศ เพราะคนพวกนีเ้ ป็นกระดูกสันหลังของประเทศ สร้างอเมริกาด้วยการท�ำงานหนัก เปี่ยมด้วยหลักการ ทุ่มเทชีวิตให้แก่ ครอบครัวและผองเพื่อน ผมไม่เคยเห็นคุณตาหัวเสียอารมณ์ร้าย ไม่เคย ได้ยินเขาขึ้นเสียง คุณตารักคุณยายด้วยความลุ่มหลง และเธอตอบแทน ด้ ว ยความรู ้ สึ ก เดี ย วกั น นั้ น เข้ ม ข้ น เป็ น สองเท่ า ความรั ก ความผู ก พั น 6
แน่นเหนียว ผมไม่เคยเห็นคู่รักคู่ไหนเฉียดใกล้ได้ ระวังตัวหน่อย? ไปรบในอัฟกานิสถานนีน่ ะ? จะท�ำได้ไง? ผมสบตา คุณตา มองเห็นประกายแกร่งกร้าวจากดวงตาของชายที่หล่อหลอมขึ้นรูป ชีวิตด้วยมือและหัวใจของตน “คุณตาครับ, ผมรักคุณตา” ใบหน้าของเขาฉายความประหลาดใจ ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าผมไม่เคย เปล่งเสียงวลีนี้มาก่อน “ตาก็รักแก, ฌอน” ชินกุ เอียงวาบ โฉบเข้าไปในร่องหลืบระหว่างสองสันเขา เราใกล้จะ ไปถึงฐานปฏิบัติการส่วนหน้าเบอร์เมล หย่อมพื้นดินที่เราจะเรียกว่าบ้าน ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า อากาศในห้องบรรทุกเย็นเยือก ผมดีใจที่สวมถุงมือ ไว้ก่อนขึ้นเครื่อง ฤดูหนาวในอัฟกานิสถานไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ลมเย็นเฉียบ ทะลักผ่านช่องหน้าต่างของพลปืน เครื่องท�ำความร้อนใต้ที่นั่งของเรา ไม่ เฉียดไม่ใกล้สิ่งที่เรียกว่าความอุ่น ผมเข้ามาในกองร้อยล่าช้า ย้ายจากสังกัดอื่น พิลึกไม่รู้จะพิลึก อย่างไรแล้ว ย้ายจากหน่วยปืนต่อสู้อากาศยาน ผมใช้เวลาช่วงแรก ในกองทัพ เรียนรู้วิธียิงเครื่องบินให้หล่นจากฟ้า ในใจอยากเป็นเพียง นายทหารทหารราบ พันธะผูกพันกับเพื่อนทหารเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กัน เหมือนภาพยนตร์ เซฟวิง ไพรเวต ไรอัน ยวนใจยิ่ง ผมอยากสัมผัส เรื่องนั้น ในสัปดาห์แรกในหมวดของผม ผมทราบว่าสตีเฟน แอมโบรส จดจารจารึกต�ำนานไว้ในหนังสือ เพื่อนตาย สหายศึก ผลงานที่ได้จาก การสัมภาษณ์ ดึงจากความทรงจ�ำของ ‘คนรุ่นสุดยิ่งใหญ่’ เหมือนเช่น เรื่องปรัมปราทั้งหลาย จะต้องมีความสัตย์จริงแฝงซ่อนอยู่บ้าง แต่ใน ความเป็นจริง ผมไม่ใคร่แน่ใจนัก เท่าที่ผมเคยสัมผัสจะต่างสีต่างนวล ไปบ้างและค่อนข้างซับซ้อน การฝึกหลายสัปดาห์ของกองร้อย แบ่งคนออกเป็นก๊กเป็นเหล่า ซึง่ ก่อให้เกิดความเครียด แต่ละหมวดมีทหารราวสี่สิบนาย บุคลิกภาพแย้ง 7
ความแตกต่างปะทะ บางคนไม่ทุ่มเทสุดตัวเพื่อหมวด หลายสัปดาห์ ที่เราฝึกให้พร้อมรบ ผู้ทุ่มเทสุดตัวได้รับความนับถือ คนที่ไม่ยอมลงแรง เต็มก�ำลัง จะถูกกีดกัน ระแวงไม่วางใจ กลายเป็นคนนอก กลุ่มคนวงใน ห้ อ มล้ อ มรอบตั ว บุ ค คลที่ แ สดงตั ว ชั ด เจนแล้ ว ว่ าพร้อมยอมรับภัยพาล ทัง้ หลายทีโ่ หมมากระหน�ำ ่ คนทีม่ แี ก่นคุณลักษณ์ประจ�ำตัว คนทีจ่ ะเป็นแกน กลางของหมวด ผมโชคดี เพราะหากว่าทหารทัง้ หมวดไปอยูร่ อบตัวของผูน้ �ำ อ่อนปวกเปียก เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น จมูกเครือ่ งชินกุ ปักดิง่ ลงล่าง เรามุดลงไปในหุบเขาแคบ นักบินเลือก บินเกาะหน้าผาด้านหนึง่ จะได้ไม่ตกอยูก่ ลางการระดมยิงจากสองฟากข้าง ก็ถือได้ว่าเข้าท่าเชิงยุทธวิธี แต่คนไร้ปีกแบบผม มองผ่านช่องแสงข้างล�ำ ตัวเครื่อง มองเห็นแผ่นผาห่างออกไปไม่กี่เมตร ภาพที่ชวนให้หัวใจวายได้ ไม่ยาก หากนักบินจามพรืดออกมา พวกเราคงเป็นลูกไฟไหลอาบหน้าผา เป็นแน่ ผมไม่รู้ตัว มือเอื้อมไปหาล�ำคอ ปลายนิ้วแทรกลงไปใต้แผ่นเกราะ แตะสัมผัสเหรียญนักบุญคริสโตเฟอร์ที่สวมใส่ติดตัว นับจากการลาพัก ครัง้ ท้ายสุด เหรียญเงินแผ่แบนเคลือ่ นผ่านปลายนิว้ สวมถุงมือลูบไล้ สัมผัส ช่วยให้ใจชื้น ที่นั่งฟากตรงข้ามผม จะเป็นผู้บังคับหมวดที่สอง ร้อยโทเดฟ เทย์เลอร์ นั่งเหม่อครุ่นคิด สายตากวาดมองภูมิประเทศผ่านช่องแสงข้าง ล�ำตัวเครือ่ ง แม้ทหารสองหมวดนีจ้ ะเหม็นหน้ากัน ผมกับเดฟเป็นเพือ่ นสนิท ในหมู่นายทหาร เราเล่นเกม ฮาโล เครื่องเอ็กซ์บ็อกซ์หลายต่อหลาย คืน ในการท�ำงาน เดฟแบ่งปันแผนการฝึก และผมเรียนรู้งานในหน้าที่ นายทหารทหารราบจากการด�ำเนินรอยตามเขา ก่อนเราออกจากบากรัม เรายืนรอที่โรงซ่อมบ�ำรุงเครื่องปีกหมุน แบล็กฮอว์กจอดเรียงเป็นแถวข้างหลัง เทือกเขารายรอบปลายยอดคลุม ด้วยหิมะ โค้งฟ้าใสสะอาดไร้ที่ติ ไม่สนใจจะดู ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหลงรัก 8
ความงามบริสุทธิ์ของท้องฟ้าอัฟกานิสถาน ในระหว่างที่เรารอเครื่อง ผมร้องขอต่อเดฟสองข้อ “ถ้าฉันตาย ช่วยลบหนังโป๊ออกจากคอมพิวเตอร์ให้ด้วย” เดฟหัวเราะเสียงดัง เค้าหน้าของผมจริงจัง “ตรวจให้แน่ใจว่าเหรียญนักบุญคริสโตเฟอร์ ของผม ส่งกลับไปให้แม่” เดฟผงกหัว ขอค�ำสัญญาจากผมบ้าง “ถ้าฉันตาย ฉันอยากให้แก ตัดหนังท้ายทอยของฉัน ขนาดเท่าแสตมป์ ส่งไปให้น้องชายฉัน” “’ไรหวา?” “แกได้ยินชัดแล้ว แผ่นหนังขนาดเท่าแสตมป์ส่งไปให้น้องชายฉัน” ผมบอกไม่ได้ว่าเขาล้อเล่นหรือไม่ นายทหารคนอื่นฝืนหัวเราะ “เกลอ, เอ็งบ้าชะมัด” ผมอุทานออกมา “ท�ำไม?” เดฟมองหน้าผมด้วยสายตางุนงง “ฉันไม่มีวันตัดหนังแก ส่งไปรษณีย์ไปให้น้องชาย” เดฟผิดหวัง “เออ, ช่างเหอะ” ผมไม่รวู้ า่ ค�ำขอพิลกึ ของเดฟมีตน้ ตอมาจากทีไ่ หน เขาคิดอย่างหนัก วาดภาพลมหายใจสุดท้ายของชีวติ “ถ้าฉันรูว้ า่ จุดจบเดินทางมาถึง อาจ เป็นหัวปลีอาร์พจี ตี รงมาหา หรือฉันรูว้ า่ พลซุม่ ยิงจะบีบไกลัน่ กระสุนยิงฉัน ค�ำสุดท้ายที่จะเปล่งออกมาจากปาก ฉันคงอุทานว่า...ห่ะ” ชินุกเชิดหัวขึ้นสูง วิศวกรประจ�ำเครื่องลุกขึ้นยืน ปิดทางลาดท้าย เครื่องขึ้นมาครึ่งหนึ่ง ก�ำบังเศษดินเศษหินที่จะทะลักเข้ามาในห้องบรรทุก เมือ่ แรงลมจากโรเตอร์หลังกระทบพืน้ เครือ่ งเบีย่ งตัวลงไปหาลานจอดของ ฐานปฏิบัติการส่วนหน้าเบอร์เมล โรเตอร์ทั้งหกของชินุกอัดอากาศแรงจัด ไม่ตางไปจากแรงลมในเฮอร์ริเคนคาทรินา ฝุ่นและเศษหินฟุ้งคลุ้งกระจาย เป็นม่านหนาทึบสีนำ�้ ตาลไม่เห็นสิง่ ใด และส่งเศษหินดินทรายปลิวว่อน ใน เสีย้ ววินาทีนี้ วิศวกรประจ�ำเครือ่ งมองออกไปทางช่องข้างล�ำตัว มองกวาด 9
หาพืน้ ดิน รายงานระยะห่างจากพืน้ ให้นกั บินทราบ ต้องอาศัยความวางใจ และการรู้ใจกัน ศรัทธาระดับสูงสุด ไม่ต่างไปจากการให้คนนั่งเบาะหลัง สั่งการให้ถอยรถเข้าช่องจอดในระหว่างที่คนขับคาดผ้าผูกตา ตาบอดไป ชั่วขณะ แม้ทุกคนจะเกลียดม่านทึบสีน�้ำตาล ในบางคราวนักบินใช้แรงพัด ของโรเตอร์ในเชิงรุก ถ้าสัตว์เดินหลงเข้ามาในลานจอด หัวดื้อไม่ขยับไป ไหน แรงลมพอจะสาดให้กระเด็นไปไกล ไม่ใช่ครั้งเดียวที่แพะโชคร้ายจะ ลอยไปกลางอากาศ เหมือนวัวในภาพยนตร์ ทวิสเตอร์ หรือไม่ ถ้าเด็ก เป-ต บางคนขว้างหินหรือกระดิกนิ้วกลางให้ชินุก จะได้รับการช�ำระบาป ด้วยมารดาแห่งการอาบฝุ่น ในการหมุนตัวครั้งสุดท้าย ชินุกลอยตัวอยู่กับที่ และหย่อนล้อลง แตะพื้นดิน วิศวกรประจ�ำเครื่องทิ้งทางลาดท้ายเครื่องลง เรากรูกันออก ไป ชินุกเสี่ยงภัยที่สุดในยามจอดบนพื้น ข้าศึกทราบเรื่องนี้ดี เลือกที่จะ โจมตีในยามเครื่องลงจอด เราผ่านการฝึกให้เข้าออกจากเครื่องให้เร็วที่สุด เราวิง่ ลงพ้นทางลาดในไม่กวี่ นิ าที นักบินเพิม่ แรงบิด พาเครือ่ งลอย ขึน้ ฟ้า เร่งความเร็วไปหาจุดหมายถัดไป ในยามทีเ่ ครือ่ งลาจาก โรเตอร์พดั เป่าฝุ่นดินเศษหินเข้าใส่ เราปกป้องตัวเองด้วยการหันหลังให้แรงพัด ใน เวลาไม่กี่วินาทีนั้น ฝุ่นดินสีน�้ำตาลเคลือบทุกตารางนิ้วบนผิวหนังโผล่พ้น จากเครื่องแบบ เช่น แสตมป์ดวงเล็กบนท้ายทอยของเดฟที่เขาอยากให้ ผมตัดส่งกลับไปให้น้องชาย “ยินดีต้อนรับสู่ฐานปฏิบัติการส่วนหน้าเบอร์เมล” เสียงทักทาย ดังเหนือหัวของเราในม่านฝุ่นสีน�้ำตาล เสียงเยือกเย็นหนักแน่นมีกังวาน เสียงของคนมีอ�ำนาจ ผูก้ องจากกองพลน้อยพลร่มที่ 173 ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างจากฝุน่ คลุง้ ตัวสูงกว่าร่างหกฟุตหนึ่งนิ้วของผม เขาสวมเครื่องแบบสนามทะเลทราย แบบเก่า แทนที่จะเป็นเครื่องแบบสนามดิจิตัลเทาเขียวที่กองทัพบกเพิ่ง 10
เปลี่ยนใหม่ “ไรอัน คานาดี” ผู้กองแนะน�ำตัว พวกมาใหม่สัมผัสมือเรียงตัว เขาเดิ น น� ำ เราไปยั ง ประตู ห ลั ง ของฐาน บอกให้ เราทิ้ ง สั ม ภาระไว้ บ น ลานคอนกรีตข้างศูนย์ปฏิบัติการทางยุทธวิธี ผู้กองคานาดีพาเราเดินดูโดย รอบฐาน เบอร์เมลเป็นฐานปฏิบัติการส่วนหน้าขนาดเล็ก รองรับได้เพียง กองร้อยอเมริกันและอีกกองพันของกองทัพบกแห่งชาติอัฟกัน ใกล้ศูนย์ ปฏิบัติการ ธงสามผืนปลิวสะบัดในแรงลม ธงชาติอเมริกัน ธงชาติอัฟกัน และอีกผืน สามสีเหมือนธงชาติฝรั่งเศส สอบถามได้ความ...เป็นธงประจ�ำ หน่วยพลร่มที่ 173 ฐานแผ่ไกลสองกิโลเมตรในแนวตะวันออก-ตะวันตก และหนึ่งกิโลเมตร แนวเหนือ-ใต้ ล้อมรอบด้วยก�ำแพงโค้งของถุงเฮสโก (จากชื่อของบริษัทอังกฤษ ถุงในโครงลวดตาข่าย ตักทรายและหินเติม เข้าไปในถุงเป็นแนวป้องกัน) ล้อมเต็นท์หย่อมใหญ่ อาคารไม้ราวสิบหลัง และหอรักษาการณ์อีกสี ่ ถุงเฮสโกซ้อนสองชั้น สูงเกินสิบฟุต แต่เลย ไกลไปจากแนวป้องกัน เป็นเทือกเขาสูงทางขอบฟ้าตะวันออก เทือกเขา ยาวเหยียดเหมือนแนวสันหลังของไดโนเสาร์หลับใหล “นัน่ เทือกรักกาห์” คานาดีให้คำ� ตอบ “อีกฟากหนึง่ เป็นพรมแดนปากีสถาน ถ้าโดนระดมยิง ต้นตอจะมาจากฟากโน้นเสมอ” ฐานเบอร์เมลแทบจะร้าง ทหารของคานาดีทยอยกันเดินทางกลับ แล้ว คงก�ำลังไว้ในฐานเพียงหมวดเดียว หมาสองสามตัวเดินตามหลัง พวกเรา เราทราบในภายหลังว่าพลร่ม 173 เก็บหมามาเลี้ยง หลังจาก เสนารักษ์ฉดี วัคซีนให้แล้ว กฎระเบียบของกองทัพ ไม่อนุญาตให้มสี ตั ว์เลีย้ ง แต่ที่ปลายขอบอารยธรรม ดูเหมือนไม่มีใครถือสา เราเดินผ่านฮัมวีบุบบู้บี้ฝุ่นเคลือบมอมแมมจอดเรียงเป็นแถว ผม ใจหายวาบ หลายคันไม่มีเกราะ “รถของนาวิกโยธิน” ผู้กองให้ค�ำ อธิบาย “ท�ำหน้าที่ฝึกอบรมทหารอัฟกัน อยู่อีกฟากหนึ่งของฐานฯ “ย�้ำเตือนตนเองให้ขึ้นใจ ศัตรูของเราเป็นนักรบมีฝีมือ พวกเขา 11
เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ผู้น�ำทัพชั้นดี อาวุธครบมือ อย่าได้ประเมิน พวกเขาต�่ำ พวกคุณไม่ได้รบกับคนเลี้ยงแพะ ออกไปข้างนอกพบระดับ หัวกะทิของพวกเขา” เราเดินวนกลับมายังลานคอนกรีตและถุงบก รับการแจกจ่ายห้องพัก ผู้กองคานาดีปฐมนิเทศต่อ “ผู้น�ำของข้าศึกเป็นต�ำนานในย่านนี้ของ อัฟกานิสถาน หมอนี่กลอกกลิ้งเหมือนปรอท แทบไม่เคยใช้วิทยุ แต่เรา ได้ยนิ การอ้างอิงถึงเขาบ่อยครัง้ ในยามทีพ่ ดู ถึง น�ำ้ เสียงชืน่ ชม แทบถึงขัน้ เคารพบูชา เขาสู้รบกับพวกโซเวียตมาหลายปี เขารู้ว่าเขาท�ำอะไร” หลังจากแนะน�ำอาคารสถานทีเ่ รียบร้อย ผูก้ องคานาดีหนั มาหาเรือ่ ง ส�ำคัญที่สุด : ล่าม ทุกกองร้อยจะมีล่ามสองสามคน เพื่อให้หมวดลาด ตระเวนมีคนพูดภาษาถิน่ ร่วมทางไปด้วย ในเขตรกร้างปลายแดน ต่างเผ่า ต่างภาษา ล่ามชั้นดีให้ผลต่างใหญ่หลวงในปฏิบัติการประจ�ำวัน “เรามีล่ามสองคนที่นี่ รับมรดกตกทอดอับดุลกับยูเซฟ ทั้งสอง เคยท�ำงานกับรบพิเศษที่มาอยู่ที่นี่ก่อนเรา อับดุลเป็นหัวหน้าล่าม คนนี้ดี เชื่อใจได้ แต่ยูเซ็ฟ...ไม่แน่ใจ บอกไม่ได้ บางอย่างในตัวกวนใจผม จับตา เขาไว้ให้ดี” ผมบันทึกไว้ในใจ จับตาดูยูเซ็ฟ หนึ่งชั่วโมงต่อมา เราออกมาอยู่นอกแนวรั้วเฮสโก ออกมาที่ สนามยิงปืน เราวุ่นอยู่กับการปรับศูนย์ปืน แม้ฐานเบอร์เมลจะอยู่ใน หุบเขา แต่ก็ยังสูงกว่าระดับน�้ำทะเลเจ็ดพันฟุต ระดับความสูงขนาดนั้น อากาศเบาบางส่งผลกระทบต่อวิถกี ระสุน ถ้าเราเข้าสนามรบโดยไม่ได้ปรับ ศูนย์ปืน โอกาสจะยิงโดนอะไรมีน้อยนิด ผมอยู่ข้างผู้หมวดเทย์เลอร์ในขณะที่ชินุกอีกล� ำบินข้ามหัว ชินุก บินเข้าออกจากฐานตลอดทัง้ บ่าย ส่งก�ำลังบ�ำรุงและรับทหารของคานาดี กลับไปยังฐานทัพบากรัม ผมดูเครื่องหนึ่งลงแตะพื้น เป่าฝุ่นน�้ำตาลคลุ้ง เหนือหัว ชินุกคู่หูบินวนให้การคุ้มกัน 12
เมื่อชินุกดึงตัวขึ้นจากพื้นไปสมทบคู่หู ผมได้ยินเสียงหวีดแหลม เสียงเข้มข้นบาดหู เหมือนเสียงตูบรรทุกสินค้าของขบวนรถไฟแล่นตรง มาหา วัตถุนนั้ ข้ามหัว เสียงหวีดแหลมจางลง เสีย้ ววินาทีถดั มา ผมได้ยนิ เสียงตุบ พื้นสะท้านเยือก กลุ่มควันม้วนตัวห่างไกลออกไป “นั่นอะไร?” ผมถามผู้หมวดเทย์เลอร์ “ไปรู้เรอะ?” เขาตอบ เสียงหวีดแหลมอีกครัง้ ผมพอจะมองเห็นต้นก�ำเนิดจากทิศตะวันออก เทือกเขารักกาห์ ไม่ว่าจะเป็นอะไร ไอ้นั่นมาจากเทือกเขารักกาห์ เสียงหวีดแหลมเปลี่ยนเป็นเสียงครวญคราง เหมือนนางผีเสื้อร้อง ครางโหยหวน อีกอึดใจ พื้นดินสะท้านเยือก “เราโดนโจมตี?” ผมถาม ในเชิงตรรกะ ทหารจบใหม่หมาดรู้ว่า เรือ่ งพรรค์นเี้ กิดขึน้ ได้ แต่ในความเป็นจริง ครัง้ แรกสุดจะเป็นความสับสน และความตื่นตะลึง เราเป็นนายทหารจบใหม่ เพิ่งเดินลงจากเครื่อง เรา ยืนโด่เด่ ไม่อาจประมวลผลเรื่องราวที่เกิดขึ้น ชินุกลอยขึ้นฟ้าไปหาเพื่อน ท้องฟ้าเป็นแหล่งหลบภัย ผมกับเทย์เลอร์เหลียวซ้ายแลขวา งวยงง เสียงหวีดแหลมแว่วมาไกล จากทิศตะวันออก เมือ่ เสียงเข้มข้นชัดยิง่ ขึน้ นายสิบวิง่ กรูกนั เข้าประตูหลัง ของฐาน สิบโทเกร็ก กรีสนั ผูบ้ งั คับหมูอ่ าวุธของเทย์เลอร์ตะโกนบอกเรา “ดุ้นลอยมาแล้ว เข้าหลังแนวรั้ว เดี๋ยวนี้เลย!” ค�ำพูดของเขาเหมือนน�้ำเย็นสาดหน้า ผมกับหมวดเทย์เลอร์วิ่งตาม หลังนายสิบของเรากลับเข้าฐาน บ้านใหม่ของเราสูงเจ็ดพันฟุตเหนือระดับ น�้ำทะเล เพียงแค่ไม่กี่วินาที ปอดของผมร้อนเป็นไฟในอกเพราะขาด ออกซิเจน ผมหยุดเท้าที่ลานคอนกรีตข้างถุงบก นายสิบวิ่งเข้าที่พยาบาล กองพัน หมวดเทย์เลอร์วิ่งเข้าไปในศูนย์ปฏิบัติการ ห่ะ, ฉันควรท�ำอะไรดี? ผมยืนเบิ่งนิ่งค้างอยู่ที่นั่น มองผู้คนวิ่งพล่านรอบตัว แต่ไม่รู้ว่า 13
ตัวเองควรขยับตัวไปทางไหน ผู้กองคานาดีโผล่มาให้เห็น “ไอ้หนูหลายคนยืนบื้ออยู่ที่ประตูหน้า โดนเข้าไปเต็มเปา” ขาของผมเริ่มเคลื่อนไหว ผมวิ่งตามหลังผู้กอง อยากไปให้เร็วกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่ามีก�ำแพงกั้นขวางระหว่างพลังจิตกับมัดกล้ามเนื้อ เราวิ่งอ้อมโค้งอาคาร อาจจะห่างสักห้าสิบหลา ผมมองเห็นพลร่ม 173 เปิดประตูหน้า พลเรือนอัฟกันร้องระงมวิง่ เข้ามาในฐาน ผมวิง่ ไม่หยุด และแล้วผมเห็นเด็กน้อย ได้ยินเสียงกรีดร้อง บางคนดิ้นพราดด้วย ความเจ็บปวด บางคนแน่นิ่งในอ้อมแขนของพ่อแม่ ผมทิ้งไรเฟิล ดึง หมวกเหล็กออก ถอดเกราะทิ้งไว้ในฝุ่น วิ่งตรงไปหากลุ่มคน ล่ามของเราแผดเสียงเข้าใส่พ่ออารมณ์เดือด พ่ออัฟกันอีกสองเข้ามา สมทบ แผดเสียงระรัวเข้าใส่ ในท้ายทีส่ ดุ ทหารถาม “อับดุล, พวกมัน พูดนรกอะไร?” อับดุลเดือดจัด ให้ค�ำตอบ “พวกมันบอกผมว่าให้รักษาลูกชายก่อน เด็กผู้หญิง” “ต้อนทุกคนไปที่พยาบาล” อับดุลหันไปหา ออกค�ำสั่ง แต่พวกนั้นสั่นหัว ตะโกนตะคอกอับดุล “พวกนี้ไม่ยอมครับ อยากให้รักษาลูกชายก่อน” “ลากแม่นไปหมด!” ทหารออกค�ำสั่ง ทหารอุ้มเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ อาจจะมีเด็กสักเจ็ดคนที่ยังหายใจอยู่ ผมอุ้มเด็กคนที่อยู่ใกล้มือที่สุด วิ่งตามหลังทหารไปยังที่พยาบาล ผมไปวิ่งไปไม่กี่ก้าว เพิ่งรู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิง ผมก้มลงมอง สวมชุด สีน�้ำตาลอ่อน ให้ความรู้สึกคล้ายกระสอบผ้าในอ้อมแขนของผม คอเสื้อ ประดับสีแดงและเขียว ลวดลายบรรจบกันที่คอวี ร่างของเธอเบาหวิว “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรแล้ว” ผมบอกเธอ หนูน้อยตาสีเขียวมรกต ประกายตาเจ็บปวดรวดร้าว เส้นผมด�ำขลับปัดป่ายบนใบหน้า เกาะติด 14
ผิวด้วยทางน�้ำตา เธอกรีดร้องเสียงแหลมบาดหู เสียงเจ็บปวดเสียงตระหนก เสียง ชอนไชเจาะหูผม ผมวิง่ สุดฝีเท้า อ้อนแขนข้างซ้ายประคองหัวและไหล่ของเธอ มือขวา กดร่างบอบบางแนบชายโครง เอว และท่อนขาของผม แขนซ้ายของเธอ ตกห้อย เธออ้าปาก สูดอากาศหายใจ กรีดร้องออกมาสุดเสียงอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเสียงร้องกรีดจะไม่มีที่สิ้นสุด “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรแล้ว” ผมอดสงสัยมิได้ ผมปลอบเธอหรือ ว่าตัวเอง? ญาติของผม, เฟรดดี เบิกตาโพลง กังวลใจขนาดหนัก ถามผม “ฌอน, พี่จะไปตายที่นั่นหรือเปล่า?” เฟรดดีอายุเท่าแม่หนูคนนี้ อาจจะแก่กว่าสักปีสองปี วิ่งต่อไป ลมหายใจของเธอหอบกระชั้น เสียงกรีดร้องขาดเป็นห้วง ผมก้ม ลงมอง ประกายตาเธอหม่นลง เธอเงยหน้าจ้องผม คนแปลกหน้าใน เครื่องแบบแปลกตา ผมมองเห็นความหวาดหวั่นในดวงตาแสงลาลับ มือข้างขวาของผม พยายามปัดเส้นผมจากใบหน้าเธอ นิว้ มือกลาย เป็นรอยปาดเลือดพาดแก้ม ผมรับรู้ความอุ่นบนท่อนขา นั่นอะไร? ผมอยากก้มลงมอง แต่ บางอย่างห้ามไว้ ท่อนขาของผมพาเราเคลื่อนไปข้างหน้าเหมือนระบบ นักบินอัตโนมัติ ตาผมจ้องตาเธอ เธอกรีดร้องออกมาอีกครัง้ เสียงแหบห้าวอ่อนล้าครานี้ ความอุน่ ซ่าน ผ่านเอวของผม ไหลลงไปหาหัวเข่า ผมไม่อาจละสายตาไม่มอง ภาพทีม่ องเห็น สมองไม่ยอมประมวลผล เท้าเปล่าหนึ่งข้าง นิ้วเรียวเล็ก เคลือบด้วยฝุ่นสีน�้ำตาล จุดแดงสาด กระจายแต้มชุดสีน�้ำตาล ซึง่ ถลกขึน้ สูงพ้นเข่า เส้นเอ็น เนือ้ ไหม้หอ้ ยรุง่ ริง่ 15
ใต้เข่าอีกข้าง ตอเนือ้ เลือดโชก กระดูกขาวแทงผ่านผิวหนังและกล้ามเนือ้ ขาดวิ่น ผมขาแข็งก้าวเดินไม่ได้ เงยหน้าขึ้นเพื่อหาสมดุลไม่ให้ร่างซวนเซ เด็กหญิงร้องครางโหยหวน เสียงดังลึกจากช่องท้อง อีกก้าว ก้าวที่สอง อาจเป็นก้าวที่สามที่ผมรับรู้ได้ว่าเธอไม่กรีดร้องอีกแล้ว ที่พยาบาล เราต้องไปให้ถึงที่พยาบาล ไม่เป็นไรไม่เป็นไรไม่เป็นไรแล้ว มือของเธอร่วงผล็อย ล�ำคออ่อนปวกเปียกบนท่อนแขนของผม ไม่นะ นานแค่ไหนก่อนผมจะก้มลงมองเธออีกครั้ง? ลมหายใจของเธอ กระชั้น ความอุ่นยังคงไหลอาบขาของผม ผมก้มลงมอง ความกลัวของเธอไม่เหลือแล้ว ประกายในดวงตา สิ้นแสง โลกรอบข้างผมยังหมุนเคลื่อนต่อไป ทหารวิ่งพล่าน พ่อแม่ส่งเสียง กรีดร้อง อับดุลทุ่มเถียง ผู้กองคานาดีออกค�ำสั่ง ผมกอดศพเด็กน้อยใน อ้อมแขน ผมละเมอเดินกลับไปหาพ่อแม่ของเธอ แม่สวมชุดเบอร์กาคลุมหน้า ร้องไห้กระซิกในอุ้งมือปิดหน้า ผู้เป็นพ่อมองผมเมินเฉย ผมสังเกตเห็นว่า ยายหนูได้ตาสีเขียวจากพ่อ ผมส่งร่างลูกสาวให้เขา เขาหันหลังกลับ เดิน ผ่านประตูคา่ ย เท้าเปลือยเปล่าของเด็กน้อย นิว้ เรียวเล็ก ห้อยร่องแร่งข้าง กายเขา ผมมองตาม ไม่มีเสียงใดหลุดออกจากปากได้ นานหลังจากนั้น นานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ ผมรู้สึกตัวอีกครั้งอยู่ในห้องพัก เหม่อจ้องคราบเลือดบนเครื่องแบบ จะคิดจะท�ำความเข้าใจเรื่องแบบนี้ได้ไง? ผมชาไปทัว่ ร่าง ผมเปลือ้ งเครือ่ งแบบออกเชือ่ งช้า ผมสวมเครือ่ งแบบ 16
ตั้งแต่เดินทางออกจากสหรัฐฯ ถึงตอนนี้ รู้สึกคล้ายกับว่าเป็นผิวหนังอีก ชั้นไปแล้ว ผมปลดกางเกงออก ถอดเสื้อเชิ้ต ทิ้งเป็นกองบนพื้น ผมคว้า ผ้าเช็ดตัว บังคับตัวเองให้เดินไปใต้ฝักบัว น�้ำเปียกลื่นอุ่นผิว ท้องไส้ของผมปั่นป่วน กลับเข้าห้องพัก ผมแต่งตัวเชือ่ งช้า เครือ่ งแบบใหม่ ผิวใหม่ ผูบ้ งั คับ หมวดต้องไม่แสดงความอ่อนแอ ต้องท�ำตัวเป็นแบบอย่างให้ลูกน้อง หาก ปีหน้าทั้งปีจะเป็นเช่นวันแรก ลูกน้องต้องการนายทหารแกร่งน�ำทาง พวกเขา ผมเดินข้ามห้องโถง พบผู้หมวดเทย์เลอร์ในห้อง “เฮ้” ผมทักทาย “แกคิดว่าเราจะได้ CIB* ไหมในวันนี?้ ” ผูห้ มวดถามเสียงราบเรียบ เครื่องหมายทหารราบที่ผ่านการรบเป็นความใฝ่ฝันของทหารราบ มอบให้แก่ทหารทีต่ กอยูใ่ นการระดมยิงจากข้าศึก เครือ่ งหมายเชิดชูเกียรติ ได้รับความนับถือสุดสูงที่ทหารราบจะกลัดติดบนอกได้ “ไม่รู้ซี คงงั้นกระมัง” “ดูนี่เลย” เทย์เลอร์ชี้ให้ดูในห้อง “ฉันจะวางทีวีไว้บนโต๊ะตัวนั้น” “เยี่ยม” “ช่วงพักเราจะได้เล่นเกม ฮาโล ด้วยกัน” ผมเอนพิงกรอบประตู วางท่าให้ผ่อนคลาย “น่าสนุก”
* CIB Combat Infantry Badge-เครื่องหมายทหารราบที่ผ่านการรบ 17
ในอก เสียงกรีดร้องโหยหวน เทย์เลอร์โน้มตัวมาหา ถือปากกาในมือ ผมมองเขาเขียนอะไร บางอย่างไว้บนบานประตู เมื่อเขียนเสร็จ เขาถอยหลัง ผมชะโงกไปมอง ไม่มีการลอง มีเพียงแค่ท�ำหรือไม่ท�ำ “โยดา” ผมบอก “มาสเตอร์” เทย์เลอร์ต่อท้าย ผมเป็นแฟน สตาร์ วอร์ส ผมแทบจะท่องบทได้ทกุ บรรทัด ค�ำนัน้ มาจาก ดิ เอ็มไพร์ สไตรก์ส แบ็ก แม้ว่าเทย์เลอร์จะจ�ำมาผิด ผมคิดว่า จะบอกเขาดีไหม? ในตอนที่เขาเอ่ยชวน “ไปหาอาหารเย็นกินกัน” ผมผงกหัว เราเดินไปยังโรงอาหาร คานาดีสวนทางมา เอ่ยถาม “เป็นไงบ้าง?” ผมยักไหล่ เขาเข้าใจ หนึ่งปีประจ�ำการที่นี่ ไม่เข้าใจได้ไง? “ฟังนะ, ไอ้น้อง ทีน่ คี่ อื อัฟกานิสถาน” คานาดีกล่าว “เรือ่ งเชีย่ พรรค์นเี้ กิดขึน้ คนพวกนี้ ...แพะมีค่ามากกว่าลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกสาว” คานาดีนิ่งไปชั่วอึดใจ รอค�ำถาม เมื่อผมนิ่ง เขากล่าวต่อ “ท�ำลูกใหม่เมื่อไหร่ก็ได้” ในโรงอาหาร อับดุลนัง่ ตามล�ำพัง ประกายตาอ่อนผ่อนคลาย เห็น ชัดว่าตกอยู่ในห้วงคิด ห่างไปอีกสองสามโต๊ะ สิบโทกรีสัน ผู้บังคับหมู่ ของกองร้อยของเรานั่งกับกลุ่มนายทหารชั้นประทวนคนอื่นๆ ที่ร่วมทาง มาล่วงหน้าพร้อมกับเรา ผมหยิบถาด เดินต่อท้ายเทย์เลอร์ คืนสปาเก็ตตี ผมก้มลงมองเส้นราดด้วยซอสสีแดง ความคิดหวน กลับไปหาใบหน้าหนูน้อยเปื้อนเลือดจากปลายนิ้วของผมที่พยายามจะปัด เส้นผมให้พ้นวงหน้า เรานัง่ ร่วมโต๊ะกับนายทหารคนอืน่ ๆ ไม่นาน การสนทนาวกกลับไป หาเครื่องหมายทหารราบที่ผ่านการรบ ผมนั่งนิ่ง พยายามไม่รับฟัง เสี ย งแว่ ว มาจากโต๊ ะ ผู ้ บั ง คั บ หมู ่ “การโจมตี ค รั้ ง นี้ น ่ า จะท� ำ ให้ 18
คนท้องถิ่นไล่ล่าพวกก่อการร้ายว่าไหม?” สิบโทเจสัน ซาบาตรเก ผูบ้ งั คับหมูอ่ าวุธของผมตอบรับ “ก็นา่ นะ, ฉันหวังว่าคงไล่หวดบั้นท้ายไอ้เวรพวกนั้น” หมู่กรีสันค�ำรามตอบรับ จ่าสิบตรีคริสโตเฟอร์ จ่ากองร้อยเพิ่มเติม “พนันได้เลยว่าเราไม่โดน ลูกหลงอีกนานเป็นเดือน” ใครสักคนส่งเสียง “ชัยชนะของพวกเรา พวกตอลิบานเสียท่า ที่ไปฆ่าเด็กพวกนั้น” ’ไรหวา? พวกนี้ทิ้งความเป็นมนุษย์ไว้ที่ประตูหน้าของฐานหรือไง? ช้อนพลาสติกของผมคนอาหารบนถาด ไม่รู้สึกหิว ผมนั่งอยู่นาน เท่าที่จะท�ำได้ ก่อนจะลุกจากโต๊ะกลับเข้าที่พัก เครื่องแบบเปื้อนเลือดยังกองอยู่บนพื้น ผมเดินอ้อมในตอนเข้ามา ในห้อง ผมนั่งที่ขอบเตียง บังคับตัวเองให้สงบใจ ใบหน้าของหนูน้อยลอย กลับมาหา ผมมองเห็นดวงตาสีมรกตเปล่งประกายใต้ม่านน�้ำตา ปลายนิ้วล้วงเข้าไปในคอเสื้อ ผมดึงเหรียญนักบุญคริสโตเฟอร์ออก มา เหรียญแบนในอุ้งมือให้การปลอบประโลม ผมก�ำไว้แน่น หลับตาลง ผมรู้สึกว่าบางส่วนในร่างตายไปทีละน้อย ทหารพวกนั้นพูดกันเหมือนว่าเป็นเรื่องปกติได้ไงต่อเรื่องที่เกิดใน วันนี?้ จากนัน้ ความตระหนักรูเ้ คลือ่ นมาในใจ ทุกคนทีโ่ ต๊ะนายสิบ ต่างผ่าน สนามรบมาแล้ว พวกเขาเคยผ่านประสบการณ์นนั้ มาก่อน นัน่ ท�ำให้พวกเขา แกร่งกร้าน และบัดนี้ พวกเขาน�ำเอาแผลเป็นมาคลุมหุม้ ร่างเหมือนเกราะ ก�ำบังกาย ผมจะเปลี่ยนไปเป็นมนุษย์ประเภทนี้หรือ? ผมมองเครือ่ งแบบเปือ้ นเลือดบนพืน้ ห้อง ผมไม่มวี นั ซักรอยเลือดให้ จางหายไปได้ เครื่องแบบที่สวมติดตัวมาจากสหรัฐฯเกินเยียวยา ผมไม่มี 19
แม้ความความคิดจะยื่นมือไปแตะ การรักษาชีวิตรอด นั่นเป็นสิ่งที่หมู่กรีสันกับเพื่อนๆ ได้บทเรียน มาแล้ว ซาบาตเก, คริสโตเฟอร์...ทุกคนเรียนรู้การเดินเรือผ่านร่องน�้ำเชิง จิตวิทยา นี่เป็นบททดสอบของผม ผมหลับตา บังคับใจให้ข่มความเจ็บปวดลงไปในห้วงลึก ไกลโพ้น ผมก้มลง รวบผิวเปื้อนเลือดที่ผมถอดทิ้ง เดินออกมาในค�่ำคืน เย็นเยือกของอัฟกานิสถาน ดวงดาวระยิบระยับในโค้งฟ้า ไม่มีแสง อารยธรรมส่องอาบเจือให้หมอง กลางดินแดนรกร้างห่างไกล ความงาม ก�ำมะหยี่ด�ำสนิทของเอกภพหาใดเทียบทาน ผมเดินตรงไปยังหล่มด�ำทีใ่ ช้เป็นหล่มเผาขยะของค่าย ก้นหลุมมีเถ้า ขาวเทา เศษขยะปักติดด้านข้างหลุม ผมยืนทีข่ อบหลุม ปล่อยเครือ่ งแบบ เปื้อนเลือดให้ตกลงไปในหลุม พรุง่ นีท้ หารของผมจะเดินทางมาถึง ผมจะเตรียมพร้อมร่วมงานกับ พวกเขา
20