หมายเหตุผู้เขียน
ชาวโรมันแบ่งวันออกเป็น 12 ชัว่ โมง ชัว่ โมงแรก โฮรา ไพรมา นับตัง้ แต่ อาทิตย์ขึ้น และชั่วโมงสุดท้าย โฮรา ดูโอ เดซิมา สิ้นสุดเมื่ออาทิตย์ตก กลางคืนแบ่งเป็น 8 ยาม เวสเปอรา, ไพรมา แฟกซ์, คองคิวเบีย และ อินเท็มเพสตา ก่อนเที่ยงคืน จากนั้นเป็น อินคลิเนชิ โอ, กัลลิซิเนียม, คอนติซิเนียม และดิลูคูลัม วันของสัปดาห์คือ จันทร์(มูน) อังคาร(มาร์ส) พุธ(เมอคิวรี) พฤหัสบดี(จูปิเตอร์) ศุกร์(วีนัส) เสาร์(แซตเทิร์น) และอาทิตย์(ซัน) นิยายเรื่อง ปอมเปอี กินเวลาในช่วง 4 วัน รุ่งอรุณที่อ่าวเนเปิลส์(เนโพลิส) สัปดาห์ที่สี่ของเดือนสิงหาคม คศ. 79 เวลาราว 06.20 น.
"ในโลกกว้างใหญ่ไพศาล เมื่อใดที่ขุมทรัพย์แห่งสรวงสวรรค์เผยอ้า ไม่มีดินแดนใดสมควรได้รับเพชรยอดมงกุฎของธรรมชาติยิ่งไปกว่าอิตาลี ผู้ปกครองและมารดาที่สองของโลกนี้ ด้วยบุรุษและสตรี นายพลและทหาร ทาสและฝีมืออันเป็นเลิศเชิงหัตถกรรมและศิลปะ ความมั่งคั่งของเหล่ายอดช่างฝีมือ..."
พลินี, ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
"จะห้ามนบนอบกราบกรานต่อระบบชลประทานแห่งศตวรรษที่หนึ่งได้อย่างไร? ในเมื่อน�้ำขนส่งมาหล่อเลี้ยงกรุงโรมเหลือเฟือ มากกว่าน�้ำที่ส่งมายังนิวยอร์กซิตี ในปี 1985" เอ. เทรเวอร์ ฮอดจ์, นักเขียน ระบบประปาและท่อส่งน�้ำโรมัน
มาร์ส (อังคาร) 22 สิงหาคม สองวันก่อนภูเขาไฟประทุ
คอนติซิเนียม (04:21 น.) “ความรุนแรงของการประทุมีความเกี่ยวพันกับช่วงเวลายาวนานของการ นิ่งสงบ การระเบิดประทุครั้งใหญ่ ในประวัติศาสตร์เกือบทุกคราว จะเกิด จากภูเขาไฟที่สงบมานานหลายศตวรรษ” -ฌากส์-มารี บาร์ดินต์เซ็ฟฟ์, อเล็กซานเดอร์ อาร์. แม็กเบอร์นีย์ ภูเขาไฟวิทยา (พิมพ์ครั้งที่สอง)
คนกลุ่มนั้นออกจากท่อส่งน�้ำสองชั่วโมงก่อนฟ้าสาง ดุ่มเดินใต้ แสงจันทร์ขึ้นเนินเขา สูงตระหง่านเหนืออ่าวเบื้องล่าง ชายหกคน แถว เรียงเดีย่ ว นายช่างเดินน�ำหน้า เขาเป็นผูก้ ระชากคนพวกนัน้ ออกจากเตียง แขนขาปวดเมื่อย ตาโรยหน้าหงิก ในตอนนี้เขาได้ยินเสียงบ่นก่นด่าลอย มาจากข้างหลัง เสียงซุบซิบดูเหมือนจะขยายดังฟังชัดในอากาศอุ่นลมนิ่ง “โง่แล้วเจือกขยัน” เสียงบ่นงึมง�ำ “เป็นเด็กเป็นเล็กก็น่าจะไปอ่านหนังสือ” อีกเสียงเสริมขึ้น เขาก้าวยาวขึ้น ปล่อยให้พวกมันพล่ามไปเถอะ เขาคิดในใจ 5
เขารับรู้ไออบอ้าวของรุ่งสางอวลเข้ามาปะทะ สัญญาณบ่งบอกวัน ไร้ฝน เขาอายุน้อยที่สุดในกลุ่มคนท�ำงาน ร่างเตี้ยต�่ำกว่าทุกคน ร่างเล็ก กะทัดรัด มัดกล้ามเต็มตัว ผมเกรียนสีน�้ำตาลติดหนังหัว ด้ามเครื่องมือ สะพายแล่งข้ามหัวไหล่...ขวานบรอนซ์หนาหนัก และพลัว่ ไม้ แปะติดล�ำคอ น�้ำตาลเกรียมด้วยแดดเผา เขาบังคับตัวเองให้รุดหน้าต่อไป ท่อนขา เปล่าเปลือยยันตัวจากทีห่ ยัง่ เท้าหนึง่ ไปยังอีกแห่ง จวบจนมาถึงเนินสูงมอง ลงไปเห็นมิเซนัมลิบๆ เบือ้ งล่าง เขาจึงปลดเครือ่ งมือออกจากไหล่ รอคอย คนที่เหลือให้เดินมาสมทบ เขาเช็ดเหงื่อออกจากตาด้วยแขนเสื้อทูนิก สรวงสวรรค์อบเหงื่อที่จะ พบได้แต่ในดินแดนทางใต้! แม้แสงรุ่งสางจะทาทับขอบฟ้า ดวงดารายัง กระจายเกลื่อนเคลื่อนไปจมขอบฟ้า เขาพอจะเห็นเขาของทอรัส เข็มขัด และดาบของนายพราน นัน่ ไง, ดาวเสาร์ กลุม่ ดาวหมีใหญ่ และกลุม่ ดาว ที่เรียกกันว่าวินเทเกอร์ ซึ่งจะโผล่มาเพื่อซีซาร์ในวันที่ยี่สิบสองของเดือน สิงหาคม หลังงานเฉลิมฉลองวินาเลีย สัญญาณบ่งบอกว่าสมควรหมักไวน์ ได้ แ ล้ ว คื น พรุ ่ ง นี้ จ ะเป็ น จั น ทร์ เ ต็ ม ดวง เขายกมื อ สู ง กางบั ง ท้ อ งฟ้ า ปลายนิ้วทู่สั้นด�ำสนิทขอบคม ตัดพรายแสงของกลุ่มดาว นิ้วกางอ้า ก�ำ เป็นก้อน แล้วกางคลี่อีกครั้ง ห้วงนาทีนั้น ดูเหมือนว่าตัวเขาเป็นเพียง เงาด�ำ ไร้ตัวตน และแสงเป็นเนื้อสาร เบื้องล่างในอ่าว เสียงพายจ้วงน�้ำ ยามกะกลางคืนพายเรือแล่นผ่าน ไตรรีม-เรือรบพายสามชัน้ ทีจ่ อดทอดสมออยู่ ตะเกียงเหลืองของเรือประมง กะพริบวับวาบข้ามอ่าว หมาเห่า อีกตัวหอนรับ เสียงคนงานเดินขึ้นเนิน ตรงมาหา เสียงแหบห้าวของคอแร็กซ์ หัวหน้าคนงาน “ดูซี, เจ้าวารี คนใหม่โบกไม้โบกมือให้ดวงดาว!” นับเป็นคราวเดียวที่เสรีชนกับทาสได้ ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน หอบหายใจ หัวร่อคิกคัก หยามหมิ่น นายช่างลดมือลง “อย่างน้อยทีส่ ดุ ” เขากล่าว”ฟ้าสว่างขนาดนี้ เรา ไม่จ�ำเป็นต้องใช้คบไฟ” เขาคึกคักขึ้นมาทันใด ค้อมตัวลงหยิบเครื่องมือ 6
ขึ้นสะพายไหล่อีกครั้ง “เราต้องเคลื่อนที่กันต่อ” เขานิ่วหน้าในความมืด เส้นทางเดินจะพาพวกเขาไปทางตะวันตกลัดเลาะปลายแดนของฐานทัพ เรือ “อีกเส้นทางพาเราขึ้นเหนือ ตรงไปยังรีสอร์ตชายทะเลที่ไบอา ข้า คิดว่าเราจะเลี้ยวเปลี่ยนทิศที่นี่” “เขาคิดว่า” คอแร็กซ์แยกเขี้ยวยิ้มหยัน นายช่างตัดสินใจแล้วตั้งแต่วันวานว่าหนทางรับมือหัวหน้าคนงานผู้นี้ จะเป็นการไม่ใส่ใจ เขานิ่ง หันหลังให้ทะเลและดวงดาว เดินหักเลี้ยวลง ไปตามเนินมืด อะไรหรือคือการเป็นผู้น�ำ? มิใช่การตัดสินใจมืดบอดเลือก เส้นทางใดเส้นทางหนึ่ง ฉายความเชื่อมั่น แสร้งว่าการตัดสินใจนั้นอยู่บน รากฐานของเหตุผล? ทางเดินชันลิบ เขาต้องตะแคงตัวเดินลงเนิน มือข้างที่ว่างช่วย คว้าเหนี่ยว เท้าลื่นไถล ส่งเศษหินไหลกรูเกรียวหล่นหายไปในความมืด คนที่มองเห็นเนินเขาน�้ำตาล ไฟเผาพุ่มหญ้าไหม้ด�ำเป็นหย่อม คงเผลอ คิดไปว่าแห้งแล้งไม่ตา่ งไปจากทะเลทราย แต่นายช่างรูด้ กี ว่านัน้ แม้ความ เชือ่ มัน่ จะคลายจาง เขาพยายามย้อนนึก เส้นทางทีม่ าเสาะส�ำรวจล่วงหน้า ในวันวาน ทางเดินคดเคีย้ ว แคบพอลาเดินได้ตวั เดียว กลุม่ หญ้าแห้ง ไหม้เกรียม ลานโล่งแผ่ราบ และหย่อมเขียวอ่อนในความมืด สัญญาณ ชีวิตที่เป็นเพียงไม้เถาเลื้อยเกาะหินเกลี้ยงก้อนใหญ่ เดินขึ้นยอดเนิน แล้วลงเนินอีกครั้ง กลางทางลง เขาหยุดเท้ามอง กวาดรอบตัวเป็นวง หากมิใช่ตาชินกับความมืด ก็คงใกล้ฟ้าสาง ไม่ว่าจะ เป็นทางใด นัน่ หมายถึงเวลาไม่เหลืออีกแล้ว คนอืน่ ๆ หยุดเท้า เขาพอจะ ได้ยินเสียงหอบหายใจ นี่เลย, เรื่องเล่าที่คนพวกนี้จะพากลับไปยังมิเซนัม ...นายช่างเด็กๆ ลากลงจากเตียง พาเดินเท้าขึ้นเนินกลางดึกกลางดื่นใน ภารกิจโง่แล้วเจือกขยัน ดูเหมือนว่าในปากของเขาจะกลืนกินเถ้าเต็มก�ำ “เราหลงทางหรือ หนูหน้าหวาน?” เสียงเย้ยเยาะของคอแร็กซ์อีกแล้ว 7
เขาพลาดที่หลงไปงับเหยื่อ “ข้ามองหาก้อนหิน” คราวนี้กลุ่มคนงานไม่กลั้นเสียงหัวเราะอีกแล้ว “มันหลงทางวิ่งพล่านเหมือนหนูตกลงไปในถังเยี่ยว!” “ข้ารู้ว่าอยู่ที่ไหนสักแห่ง ข้ากาเครื่องหมายไว้แล้ว” เสียงหัวร่อโห่ฮาอีกระลอก เขาหันขวับมาหา ร่างเตี้ยม่อต้อ แผง ไหล่กว้างของคอแร็กซ์ เบ็คโคจมูกยาว ช่างฉาบปูน มูซาคนเจ้าเนือ้ ช่าง ก่ออิฐฝีมอื ดี ทาสอีกสอง โพลิเตสกับคอร์วนิ สั แม้แต่รา่ งตะคุม่ ในความมืด ยังดูเหมือนส่ายไหวเย้ยเยาะ “หัวเราะ...ดีเลย ข้าให้สัญญาได้เรื่องหนึ่ง ถ้าเราค้นไม่พบก่อนรุ่งสาง เราก็ต้องมาที่นี่อีกครั้งกลางคืนพรุ่งนี้ รวมทั้ง แกด้วย, กาเวียส คอแร็กซ์ แต่คราวหน้า แกควรจะสร่างเมา” ความเงียบงัน คอแร็กซ์ถ่มน�้ำลาย สืบเท้าครึ่งก้าวมาหา นายช่าง ตัง้ ท่าพร้อมรับ ท่าหยามหมิน่ การปีนเกลียวต่อเนือ่ งกันมาสามวันแล้ว นับ แต่วันแรกที่เขาเดินทางมาถึงมิเซนัม ไม่มีแม้แต่ชั่วโมงเดียวที่คอแร็กซ์จะ ลดละ หยามหมิ่นดูแคลนเขาต่อหน้าข้าทาส ถ้าต้องต่อสูก้ นั ข้าก็คงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ห้าต่อหนึง่ พวกมันก็คงโยน ร่างของข้าลงจากหน้าผา บอกเล่าว่าข้าลืน่ ตกเขาในความมืด แต่จะแก้ตวั อย่างไรต่อกรุงโรม...ถ้าเจ้าวารีดแู ลท่อส่งน�ำ้ ออกัสตาคนทีส่ องหายตัวไป ใน ช่วงเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน? วินาทีนนั้ ทีท่ งั้ สองยืนจังก้าจ้องหน้ากัน ระยะห่างไม่ถงึ ก้าว ใกล้พอที่ นายช่างหนุ่มจะได้กลิ่นไวน์หืนจากลมหายใจของหัวหน้าคนงาน เบ็คโค ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น ชี้ไม้ชี้มือ เหนือหัวไหล่ของคอแร็กซ์ ก้อนหินใหญ่มีชอล์กขีดเครื่องหมาย กากบาทขาวโพลน ชือ่ ของนายช่างคือ แอตติเลียส-มาร์คสั แอตติเลียส ไพรมัส หากต้องการ ชื่อเต็ม หรือเพียงแค่แอตติเลียสก็พอให้เขาพึงใจแล้ว ชายผู้ไม่ใส่ใจเรื่อง 8
ไร้สาระ ไม่เคยเสียเวลาปรุงชือ่ ให้สดสวยเหมือนทีเ่ พือ่ นพ้องนิยมท�ำ (ลูปสั , แพนเธอรา, พัลเชอร์, วูล์ฟ, เลียวเพิร์ด หรือบิวตี้ วะ, พวกมัน หลอกใครกัน?) นอกเหนือสิ่งอื่นใด จะมีชื่อใดทรงเกียรติกว่าชื่อตระกูล แอตติ เ ลี ย นายช่ า งท่ อ ส่ ง น�้ ำ สี่ ชั่ ว คน? ปู ่ ท วดของเขาได้ รั บ คั ด เลื อ ก จากมาร์คัส อะกริปปา จากหน่วยเครื่องยิงกระสุนของกองทัพที่ XII ‘ฟุลมินาตา’ มอบหมายให้สร้างท่อส่งน�้ำจูเลีย ปู่เป็นผู้ออกแบบและ สร้างอันนิโอ โนวัส พ่อของเขาคุมงานก่อสร้างท่อส่งน�้ำคลอเดียจนแล้ว เสร็จ...สะพานน�้ำรองรับด้วยเสาซุ้มโค้งยาวเจ็ดไมล์ข้ามหุบเขาเข้ามายังเขา เอสควิไลน์ ต่อท่อส่งน�้ำในพิธีรับมอบ เหมือนพรมสีเงิน วางแทบเท้า องค์จักรพรรดิ และในขณะนี้ แอตติเลียสอายุยี่สิบเจ็ดปี ถูกส่งตัวมายัง แคว้นคัมปาเนีย เพื่อควบคุมบัญชาการท่อส่งน�้ำออกัสตา จักรวรรดิยิ่งใหญ่ด้วยน�้ำ! เขาหยีตามองผ่านความมืด โอ, เธอเป็นสิ่งก่อสร้างงดงามที่สุด, ออกัสตาผู้นี้ หนึ่งในผลงานสุดยอดเชิงวิศวกรรมที่มนุษย์เคยก่อสร้างมา ถือเป็นเกียรติสูงสุดที่ได้รับมอบหมายให้มาบัญชาการเธอ ที่ไหนสักแห่ง ห่างไกลจากทีน่ ี่ ฟากตรงข้ามของอ่าว สูงขึน้ ไปในภูเขาป่าสนแอปเพ็นนินสั ท่อส่งน�ำ้ รับน�ำ้ จากล�ำธารของสายน�ำ้ เซรินสั น�ำส่งมาทางตะวันตก ส่งผ่าน อุโมงค์หยักคดเคี้ยวใต้ดิน ผ่านสะพานน�้ำสูงตระหง่านในยามข้ามหุบเขา ดันข้ามยอดเนินด้วยวิธีกาลักน�้ำมหึมา ผันน�้ำมายังทุง่ ราบคัมปาเนีย อ้อม ด้านหลังของยอดเขาวิสุเวียส หักเบนลงใต้มายังชายฝั่งของเนโพลิส และ ไต่สนั สูงของแหลมมิเซนัมมายังเมืองฐานทัพนาวีแห้งแล้งฝุน่ คลุง้ ...ระยะทาง ราวหกสิบไมล์ ค่าลาดเทเฉลี่ยสองนิ้วทุก ๆ ร้อยหลา เธอเป็นท่อส่งน�้ำ ยาวที่สุดในโลก ยาวกว่าท่อส่งน�้ำสู่กรุงโรม และซับซ้อนกว่า เพราะ น้องสาวทางเหนือของเธอ ป้อนน�้ำหล่อเลี้ยงเพียงนครเดียว ออกัสตา เลื้อยหยักงอข้ามท้องทุ่ง ท่อกลางหรือท่อประธานที่เรียกขานกัน จะส่ง น�ำ้ หล่อเลีย้ งไม่นอ้ ยกว่าเก้าหัวเมืองรอบอ่าวเนโพลิส...ทีป่ ลายฟากข้างโน้น 9
ปอมเปอีเป็นเมืองแรก ถัดมาเป็นโนลา, อะเซอรา, อะเทลลา, เนโพลิส, พิวเตโอลี, คิวมี, ไบอา และมิเซนัมในท้ายที่สุด นี่คือ ปัญหา นายช่างหนุ่มคิดในใจ เธอท�ำงานหนักเกินตัว ถ้าเป็น โรม ท่อส่งน�้ำเกือบครึ่งโหลส่งน�้ำไปหล่อเลี้ยง ท่อใดล้มเหลว ยังมีท่ออื่น ส่งน�้ำไปชดเชย แต่ที่นี่ไม่มีแหล่งน�้ำส�ำรอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยาม แล้งน�้ำยาวนานสามเดือนแล้ว บ่อน�้ำที่เคยให้น�้ำเลี้ยงผู้คนหลายชั่วคน บัดนี้เป็นแต่เพียงปล่องฝุ่น ล�ำธารแห้งผาก ท้องน�้ำกลายเป็นเส้นทางใน ทีช่ าวนาไล่ตอ้ นสัตว์ไปขายยังตลาด แม้แต่ออกัสตาก็ยงั ออกอาการเต็มกลืน อ่างเก็บน�้ำมหึมาของเธอลดระดับทุกชั่วโมง นี่เองที่เป็นเหตุให้เขาออกมา เดินเท้าบนเนินเขาก่อนรุ่งสาง แทนที่จะได้นอนสุขสบายบนเตียง จากถุงหนังแขวนบนเข็มขัด แอตติเลียสล้วงแท่งไม้ซีดาร์ขัดมัน มี ร่องพาดคางเว้าทีด่ า้ นหนึง่ เสีย้ นไม้ขดั เรียบขึน้ เงาด้วยเหงือ่ และผิวหนังของ บรรพบุรษุ ปูท่ วดบอกเล่าว่าได้รบั ท่อนไม้นจี้ ากมือของวิทรูเวียส นายช่าง ผูอ้ อกแบบสร้างออกัสตา ถือเสมือนเครือ่ งรางศักดิส์ ทิ ธิ์ ปูท่ วดพร�ำ่ บอกว่า เป็นที่สิงสถิตของเนปจูน-เทพวารี แอตติเลียสไม่มีเวลาบูชาเทพ ไม่ว่าจะ เป็นเด็กน้อยทีม่ รี องเท้าติดปีก สตรีขโี่ ลมา เคราเทาทีซ่ ดั สายฟ้าจากยอดเขา ในยามหงุดหงิดฉุนเฉียว นิทานปรัมปรากล่อมเด็ก มิใช่เรือ่ งของบุรษุ เขา มอบศรัทธาให้แก่กอ้ นหินและน�ำ้ ปาฏิหาริยป์ ระจ�ำวันทีไ่ ด้จากการผสมปูน ขาวสองส่วนกับเข้ากับห้าส่วนของพิวตีโอลานัม-ดินแดงในท้องถิ่น ได้ปูน มหัศจรรย์แข็งตัวได้ใต้น�้ำ และเมื่อบ่มได้ที่แล้ว แกร่งกว่าหินผา ทว่า ก็คงโง่งงั่ สิน้ ดีทจี่ ะปฏิเสธการด�ำรงอยูข่ องโชค และถ้าเครือ่ งราง ประจ�ำตระกูลน�ำโชคมาให้เขาได้...เขาลูบปลายนิว้ ไปตามขอบมนเนียน เขา จะลองอะไรก็ได้ อย่างน้อยหนึ่งครั้ง เขาทิ้งม้วนบันทึกของวิทรูเวียสไว้เบื้องหลังในกรุงโรม ไม่มีความ จ�ำเป็นต้องคลี่เปิดอ่าน ทุกค�ำตอกย�้ำฝังใจตั้งแต่จ�ำความได้ เด็กคนอื่น อาจเรียนรู้ท่องจ�ำกวีนิพนธ์ของเวอร์จิล ส่วนเขาบรรยายเนื้อหาทั้งบทของ 10
วิทรูเวียสด้วยปากเปล่า ‘จะมีพันธุ์พืชเกิดในแหล่งที่มีน�้ำ เช่น สเลนเดอร์รัช, ไวลด์วิลโลว์, อัลเดอร์, เชสต์เบอรี, ไอวี และพืชประเภทนัน้ ซึง่ ไม่อาจขึน้ ได้ถา้ ไม่มนี ำ�้ ’ “คอแร็กซ์, ไปทางโน้น” แอตติเลียสออกค�ำสั่ง “คอร์วินัสที่นั่น เบ็คโคถือไม้หลักไปปักที่จุดที่ข้าจะสั่ง แกสองคน เตรียมตัวให้พร้อม” คอแร็กซ์ถลึงตาเข้าใส่ในตอนที่เดินเฉียด “เก็บไว้ทีหลัง” แอตติเลียสกล่าว ความขุ่นเคืองแผ่ออกจากตัว เข้มข้นเทียบเท่ากลิ่นเหงื่อไวน์ แต่ยังมีเวลาเหลือเฟือที่จะยุติข้อพิพาทเมื่อ กลับไปถึงมิเซนัม ในตอนนี้ ต้องท�ำงานแข่งกับเวลา แสงเรือ่ เทากลบดวงดาวให้หม่น ดวงจันทร์ลบั ขอบฟ้าไปแล้ว สิบห้า ไมล์ทางตะวันออก พาดกลางอ่าวเนโพลิส ยอดเขาวิสุเวียสไม้รกครึ้มมอง เห็นขอบรอบรูปแล้ว ดวงอาทิตย์จะโผล่พ้นยอดเขาในอีกไม่นาน ‘นี่คือวิธีค้นหาแหล่งน�้ำ นอนคว�่ำหน้าก่อนอาทิตย์ขึ้น หันหน้าไป ทางทิศทีต่ อ้ งการค้นหา คางวางบนพืน้ เงยหน้ากวาดมองไปรอบข้าง ด้วย วิธีนี้ ลานสายตาจะไม่เพ่นพ่านสูงกว่าที่ควรจะเป็น เพราะปลายคางจะ รั้งติดนิ่งอยู่กับที่...’ แอตติเลียสคุกเข่าลงบนกอหญ้าไหม้เกรียม เอนตัวไปข้างหน้า วาง แท่งไม้ให้อยู่ในแนว กากบาทชอล์กขาว ระยะห่างห้าสิบก้าว เขาวาง ปลายคางพาดบนร่องเว้า กางแขนออก พืน้ ดินยังอุน่ ไอจากวันวาน ผงฝุน่ ปลิวคลุ้งเต็มหน้าตอนที่เขานอนกางแผ่ ไม่มีน�้ำค้าง เจ็ดสิบแปดวันที่ไม่มี ฝนตก โลกร้อนระอุคล้ายไหม้เกรียม ทางหางตา คอแร็กซ์แสดงท่าลามก บั้นเอวส่ายโยกทิ่มแทงอากาศ “เจ้าวารีของเราหาเมียไม่ได้ ต้องขย่มห่ม เช็ดพระแม่ธรณี” ทางขวามือของหัวหน้าคนงาน ยอดเขาวิสุเวียสด�ำมืด แต้มขอบแสงเรือ่ ล�ำแสงร้อนผ่าวฉาบกระทบแก้มของแอตติเลียส เขาต้อง ยกมือมาป้องแสงจ้าในขณะที่จ้องเขม้นกวาดไปบนเนิน ‘ในจุดทีม่ องเห็นไอความชืน้ ม้วนตัวลอยกรุน่ ขึน้ มาในอากาศ ขุดทีจ่ ดุ 11
นั้น เพราะสัญญาณเช่นนี้จะไม่ปรากฏในพื้นที่แห้งแล้ง’ เจ้าจะมองเห็นได้ในทันใด พ่อบอกไว้เช่นนั้น หรือไม่ก็ไม่เห็นอะไร เลย เขากวาดสายตามองไปรอบข้าง มองอย่างมีระบบ สายตาเลื่อน จากตารางหนึง่ ไปยังอีกตาราง แต่ทกุ อย่างดูเหมือนจะเกลือ่ นกลืนกัน ดิน แห้งผากสีน�้ำตาล เทา และแดง เต้นระริกในแสงอรุณรุง่ ภาพทีม่ องเห็น เลอะเลือนไปแล้ว เขายกตัวขึ้นบนข้อศอก ปลายนิ้วเช็ดตาทีละข้าง วาง หย่อนปลายคางพาดแท่งไม้อีกครั้ง ที่นั่นไง! เรียวเส้นบางคล้ายเอ็นเบ็ด ไม่ได้ม้วนตัวหรือลอยกรุ่นเหมือนที่ วิทรูเวียสสอนไว้ หากแต่ม้วนเกาะกอดติดผิวดิน ประหนึ่งปลายเบ็ดเกี่ยว ก้อนหินทีม่ คี นพยายามออกแรงดึงกระชาก เส้นไอน�้ำหยักซิกแซ็กตรงมาหา เขา และหายวับไป เขาตะโกนเสียงดัง นิ้วยื่นชี้ “ที่นั่น, เบ็คโค ที่นั่น!” ช่างฉาบปูนเคลือ่ นผ่านจุดนัน้ “ถอยหลังกลับ ใช่, ตรงนัน้ ปักหลักไว้เลย” เขาดันตัวลุกขึน้ ยืน เดินตรงไปหา มือปัดฝุน่ แดง และเถ้าสีเทาออก จากอกเสื้อทูนิก ยิ้มฉีกกว้าง มือชูแท่งไม้ซีดาร์เหนือหัว คนทั้งสามไปยืน ทีจ่ ดุ นัน้ เบ็คโคพยายามปักไม้หลักลงพืน้ แต่พนื้ แห้งแข็งเกินกว่าจะปักไม้ ลงไปได้ แอตติเลียสดีใจลิงโลด “เห็นหรือเปล่า? แกน่าจะเห็น แกอยู่ใกล้ กว่า” ทุกคนเบิ่งมอง สายตาว่างเปล่า “แปลกประหลาดดี, ว่าไหม? ลอยขึน้ แบบนัน้ ” มือของเขาเอียงสับ อากาศเป็นชั้นๆ “เหมือนพวยไอน�้ำจากกาที่ถูกเขย่า” สายตาของเขาเลื่อนจากคนหนึ่งไปยังอีกคน รอยยิ้มเลือนหาย คอแร็กซ์ส่ายหน้าไปมา “ตาแกเล่นตลกเข้าให้แล้ว, ไอ้หน้าหวาน ไม่มีตาน�้ำที่นี่ ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว ข้าอยู่ที่นี่มากว่ายี่สิบปีแล้ว” “ข้ายืนยันได้ ข้าเห็นกับตา” 12
“ควัน” คอแร็กซ์กระทืบเท้าบนพื้นดินแห้ง ฝุ่นเถ้าลอยคลุ้ง “ไฟ พงหญ้าไหม้สุมใต้ดินได้นานหลายวัน” “ข้ารู้จักควัน ข้ารู้จักไอน�้ำ ที่เห็นเป็นไอน�้ำ” ทุกคนส่ายหน้าไปกับความงมงายมืดบอด ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้ แอตติเลียสคุกเข่าลง ฝ่ามือตบพื้นดิน จากนั้น เขาขุดดินด้วยมือเปล่า ปลายนิ้วงัดใต้ก้อนหิน โยนทิ้งไปด้านข้าง ออกแรงดึงหัวใต้ดินที่ไม่ยอม หลุดติดมือขึน้ มาง่ายนัก จะต้องมีอะไรโผล่มาให้เห็น เขาแน่ใจ ไม่เช่นนัน้ เถาไม้เลื้อยจะฟื้นคืนชีวิตได้อย่างไรกันถ้าไม่มีตาน�้ำ? เขากล่าวออกมาโดยไม่เงยหน้า “ไปหยิบเครื่องมือมา” “เจ้าวารี...” “ไปหยิบเครื่องมือ!” ทุกคนขุดดินตลอดทั้งเช้า อาทิตย์ลอยดวงเชื่องช้าเหนือเตาอบสีฟ้าสดใส ของอ่าว หลอมละลายจากดวงกลมสีเหลืองกลายเป็นลูกไฟร้อนจ้าสีขาว พืน้ ดินส่งเสียงเอียดออด อัดแน่นในความร้อน เหมือนเส้นเชือกรัง้ ตึงเขม็ง ของเครื่องยิงกระสุนยักษ์ใหญ่ของปู่ทวด คราวหนึ่ง เจ้าหนูเดินผ่าน จูงแพะผอมโซ เชือกผูกรั้งหัว มุ่งหน้า เข้าเมือง คนเดียวที่เดินผ่านแถวนั้น มิเซนัมหลบซ่อนอยู่ใต้ขอบหน้าผา มีบางคราว เสียงจากเมืองจะลอยขึ้นมาได้ยินชัดเจน เสียงออกค�ำสั่งจาก โรงฝึกทหาร เสียงค้อนเสียงเลื่อยจากฐานทัพเรือเบื้องล่าง แอตติเลียสดึงหมวกฟางลงต�ำ่ ท�ำงานหนักทีส่ ดุ ในคณะ แม้คนอืน่ จะ พักหายใจเป็นครั้งคราว หลบใต้เงาเท่าที่จะหาได้ เขายังเหวี่ยงขวานหนัก ถากพื้น ด้ามขวานโชกเหงื่อ แทบเลื่อนหลุดจากมือ ฝ่ามือขึ้นตุ่มพอง เสือ้ ทูนกิ โชกเหงือ่ แนบติดเนือ้ เหมือนผิวชัน้ ทีส่ อง แต่เขาไม่มวี นั แสดงความ อ่อนแอให้คนพวกนี้ได้เห็น แม้แต่คอแร็กซ์เอง ขุดดินได้ไม่นานก็หุบปาก แอ่งที่ขุดได้ความลึกสองช่วงคน กว้างพอจะท�ำงานพร้อมกันสองคน 13
เป็นจริงดั่งคาด ที่นี่เคยเป็นตาน�้ำ แต่กระถดหนีหายไปเมื่อขุดเข้าใกล้ คนทุ่มแรงขุด พื้นสีสนิมที่ก้นหลุมจะเปลี่ยนเป็นปื้นด�ำ แต่ไอน�้ำระเหย หายไปในแสงอาทิตย์จัดจ้า อีกครั้งที่ทุ่มแรงขุดลงไปอีกชั้น น�้ำที่คล้ายจะ ผุดเหือดแห้งไปอีกรอบ ลุถงึ ชัว่ โมงทีส่ บิ ดวงอาทิตย์คล้อยผ่านจุดสูงสุด แอตติเลียสยอมพ่าย ในที่สุด เขาเหม่อมองน�ำ้ ผุดหดหายและระเหยไปต่อหน้าต่อตา เขาโยน ขวานขึ้นไปบนขอบหลุม ดึงตัวขึ้นมาบนพื้น ถอดหมวกฟาง พัดโบกแก้ม แดดเผา คอแร็กซ์นงั่ บนก้อนหิน จับตามอง นับเป็นครัง้ แรกทีแ่ อตติเลียส สังเกตเห็นว่าหัวหน้าคนงานไม่มีหมวก “สมองเดือดปุดแน่ในความร้อนขนาดนี”้ เขากล่าว เขาบิดจุกถุงหนัง ยกเอียงถุงเทน�้ำลงบนฝ่ามือ เช็ดใบหน้าและล�ำคอ จากนั้น ยกขึ้นดื่ม น�้ำร้อนแทบเดือด ไร้ความสดชื่น เหมือนดื่มเลือด “ข้าเกิดที่นี่ ดวงอาทิตย์ไม่กวนใจ ในคัมปาเนีย ขนาดนี้เราเรียกว่า เย็นสบาย” คอแร็กซ์แสยะยิ้ม ถ่มน�้ำลายลงบนพื้นดิน บุ้ยคางไปยังหลุม ที่ขุดมาแล้ว “จะท�ำไงกับไอ้รูนั่น?” แอตติเลียสเหลือบมอง รูโหว่อปั ลักษณ์บนเนินเขา กองดินพูนสูงโดย รอบ อนุสาวรียข์ องเขา ผลงานประจานความล้มเหลว “ปล่อยไว้แบบนัน้ หาไม้กระดานมาปิด ถ้าฝนตก ตาน�้ำผุดมาให้เห็นแน่ๆ” “ถ้าฝนตก เราไม่ต้องการตาน�้ำ” ค�ำแย้งเข้าท่า แอตติเลียสจ�ำต้องยอมรับ “เราต่อท่อน�ำน�ำ้ ไปใช้ได้” แอตติเลียสกล่าว นิว่ หน้าครุน่ คิด หาก พูดถึงน�้ำ เขาจะเป็นคนโรแมนติกเป็นที่สุด ในห้วงจินตนาการของเขา ภาพงามงดสุขสงบ ก่อตัวให้เห็นชัดยิ่งขึ้น “เราพอจะปันน�้ำเลี้ยงทั้งเนิน เขาได้ ที่นั่นปลูกเลมอนหย่อมใหญ่ มะกอก ท�ำลดหลั่นเป็นชั้น เถา...” “เถา!” คอแร็กซ์สั่นหัว “โว้ย! เรากลายเป็นชาวนาไปแล้วหรือเนี่ย ฟังนะ, ผู้เชี่ยวชาญจากกรุงโรม ขอให้ข้าบอกอะไรสักอย่าง ออกัสตาไม่ 14
เคยทอดทิ้งเรามานานกว่าศตวรรษแล้ว เธอจะไม่ทิ้งเราไปในตอนนี้ แม้ จะมีแกมาควบคุมบัญชาการก็ตามที” “เราได้ แ ต่ ห วั ง ” นายช่ า งจิ บ น�้ ำ อึ ก สุ ด ท้ า ย เขาพอจะรู ้ สึ ก ว่ า หน้าแดงฉานด้วยความอับอาย แต่แดดแผดเผาช่วยบดบัง เขาวางหมวกฟาง ครอบหัว ดึงปีกหมวกมาบังใบหน้า “เอาเถอะ, คอแร็กซ์ สั่งรวมคน ได้แล้ว งานเราวันนี้เสร็จแล้ว” เขาเก็บเครื่องมือ ออกเดินโดยไม่รอใคร คนพวกนั้นหาทางกลับ บ้านเองได้ เขาจ� ำต้องมองหาที่หยั่งเท้าให้ดี แต่ละก้าวส่งกิ้งก่าหนีกระเจิง ร้อนและแล้งเหมือนแอฟริกายิ่งกว่าจะเป็นอิตาลี เขาคิดในใจ เมื่อถึง ทางเดินเท้าเลียบอ่าว มิเซนัมโผล่ปรากฏให้เห็น เต้นส่ายระริกในไอร้อน เหมือนเมืองโอเอซิส หดวูบแล้วยืดขยาย ดูคล้ายกันว่าจะขยับส่ายไปตาม ท�ำนองของจักจั่น ฐานทัพเรือจักรวรรดิทางตะวันตก แทบเป็นการประกาศชัยของ มนุษย์เหนือธรรมชาติ โดยลักษณะภูมิประเทศแล้ว ไม่สมควรจะมีเมือง ตั้งอยู่ที่นี่ได้ ไม่มีแม่น�้ำหล่อเลี้ยงเมือง มีบ้างเพียงบ่อและตาน�้ำ แต่ องค์ออกัสตุสผู้เทียมเทพ บัญชาว่าจักต้องมีฐานทัพเรือประจ�ำการที่นี่ ควบคุมทะเลเมดิเตอเรเนียน ดั่งบัญชาจากสวรรค์ แสนยานุภาพโรมันมา อยู่ที่นี่แล้ว วงสีเงินสะท้อนแสงวาววับของท่าเทียบเรือชั้นนอกและชั้นใน จะงอยทองค�ำหัวเรือ และท้ายแผ่เป็นแพนหางของเรือรบห้าสิบล�ำสะท้อน แสงอาทิตย์ยามบ่าย ลานสวนสนามของโรงเรียนทหาร บ้านหลังคา กระเบื้องแดงก�ำแพงขาวของพลเรือน ลดหลั่นกันเหนือป่าเรียวแหลมของ เสากระโดงในอู่เรือ ทหารหมื่นนาย พลเรือนอีกหมื่นคน แออัดอยู่ในที่ราบเรียวแคบ ของปลายแหลมที่ไม่มีแหล่งน�้ำจืด มีเพียงท่อส่งน�้ำเท่านั้นที่ต่อลมหายใจ ให้มิเซนัม 15
เขาหวนกลับไปนึกถึงการไหลซิกแซ็กของไอน�้ำเหนือพืน้ ดิน และการก ระถดหลบหนีของตาน�้ำมุดเข้าไปใต้ก้อนหิน ภูมิภาคเพี้ยนสิ้นดี เขาพลิก ฝ่ามือดูตุ่มน�้ำและห้อเลือด “โง่แล้วเจือกขยัน...” เขาสะบัดหัวไล่ความคิด กะพริบตาถีไ่ ล่เหงือ่ เดินโรยล้ากลับเข้าเมือง
16
โฮรา อันเดซิมา (17.42 น.) "ค�ำถามสุดส�ำคัญในเชิงปรับใช้ของการพยากรณ์คือ เหลือเวลาอีกมาก เท่าใดระหว่างการฉีดอัดหินหนืดใหม่เข้ามาเพิม่ กับการประทุทจี่ ะเกิดขึน้ ใน ภูเขาไฟหลายแห่ง ช่วงเวลานีอ้ าจวัดได้หลายสัปดาห์หรือเดือน แต่ภเู ขาไฟ บางแห่ง สั้นกว่านั้นมาก อาจเป็นไม่กี่วันหรือไม่กี่ชั่วโมง" ภูเขาไฟวิทยา (พิมพ์ครั้งที่สอง)
ทีว่ ลิ ลา ฮอร์เทนเชีย วิลลาหรูชานเมืองมิเซนัมทางเหนือ มีการเตรียม การประหารทาสด้วยการโยนลงบ่อปลาไหล ไม่ใช่เรื่องแปลกในย่านนี้ของอิตาลี ที่คุ้มบ้านขนาดใหญ่รอบอ่าว เนโพลิสจะมีฟาร์มปลาของตนเอง เจ้าของคนใหม่ของวิลลา ฮอร์เทนเชีย, มหาเศรษฐี นูเมอเรียส โพพิเดียส แอมพลิเอตุส เคยได้ยินเรื่องเล่าขาน เช่นนี้สมัยยังเป็นเด็กว่าวีเดียส โปลลิโอ, ชนชั้นสูงในยุคออกัสตุส เคย ลงโทษคนใช้ทำ� จานแตกด้วยการโยนลงบ่อปลาไหล เขาชืน่ ชม อ้างถึงเรือ่ งนี้ ถือว่าเป็นตัวอย่างสมบูรณ์แบบ นีเ่ ลย, อย่างนีจ้ งึ เรียกว่ามีอำ� นาจ...อ�ำนาจ จินตนาการ และมาดหรู อีกหลายสิบปีถดั มา แอมพลิเอตุสมีฟาร์มปลาเป็นของตนเอง ไม่กไี่ มล์ เลียบชายฝั่งจากวิลลาเก่าของวีเดียส โปลลิโอที่ปอสิลีปอน และเมื่อทาส 17
ท�ำให้ของรักของหวงเสียหาย ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ภาพนั้นจะผุดขึ้นมา ในหัว แอมพลิเอตุสเกิดเป็นทาส และคิดว่าวิธกี ารลงทัณฑ์เช่นนีน้ า่ จะเป็น วิถีที่ชนชั้นสูงนิยมปฏิบัติกัน ทาสเปลือ้ งผ้าเหลือเพียงเตีย่ วพันท่อนล่าง มือมัดไพล่หลัง ถูกผลักไส ให้เดินไปยังชายทะเล มีดกรีดน่องสองข้างให้เลือดไหล ร่างชโลมด้วยน�้ำส้ม สายชู เชื่อว่าจะท�ำให้ปลาไหลคลุ้มคลั่ง บ่ายแก่ ร้อนจัด ปลาไหลมีบ่อใหญ่เฉพาะตัว สร้างห่างจากบ่อปลาอื่น แยกกั้นด้วย รางคอนกรีตทอดออกสู่ทะเล ปลาไหลมอเรย์ เลื่องชื่อว่าดุร้าย ล�ำตัว ยาวเท่าความสูงของคน อวบอ้วนเท่าล�ำตัวมนุษย์ หัวแบน ปากกว้าง ฟันคมกริบเหมือนใบมีดโกน ฟาร์มปลาของวิลลาอายุยาวนานมากว่าร้อย ห้าสิบปี ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีปลาไหลแอบซ่อนอยู่ในอุโมงค์วกวนและซอกลึกกี่ มากน้อย หลายสิบ นัน่ แน่อยูแ่ ล้ว อาจถึงหลายร้อย อายุแก่เท่าใด ก็ยงิ่ ดุรา้ ยคล้ายอสุรกาย บางตัวสวมเครือ่ งประดับ ห้อยห่วงทองเจาะทีค่ รีบอก กล่าวกันว่าปลาไหลตัวนั้นเป็นสัตว์เลี้ยงสุดโปรดขององค์จักรพรรดิเนโร ปลาไหลมอเรย์ยังความสยดสยองต่อทาสผู้นั้น แอมพลิเอตุสเสพ เรื่องเสียดเย้ยอิ่มใจ เพราะทาสผู้นั้นมีหน้าที่รับผิดชอบเป็นผู้ดูแลปลาไหล ทาสร้องกรีดโหยหวนดิ้นรนในขณะที่เดินมุ่งหน้าไปหาบ่อปลาไหล เขา เคยเห็นปลาไหลกินอาหารทุกเช้า ในยามที่เขาโยนหัวปลาหรือเครือ่ งในไก่ ลงไปให้ ผิวน�้ำเดือดปุดปัด ปลาไหลเลื้อยปรูดปราดออกจากที่ซ่อนแย่ง ชิงอาหาร ฉีกเนื้อเป็นชิ้น ชั่วโมงที่สิบเอ็ด แม้อากาศจะร้อนอบอ้าว แอมพลิเอตุสย่างเยื้อง มาจากวิลลา มารับชมการประหาร ร่วมทางมีเซลซินัส, ลูกชายวัยรุ่น สกูตาเรียส, พ่อบ้าน และลูกค้าอีกโขลงใหญ่ (ติดตามมหาเศรษฐีมาจาก ปอมเปอี รอเฝ้าแหนตั้งแต่รุ่งเช้า หวังว่าจะได้ร่วมโต๊ะอาหารเย็น) และ ทาสฝูงใหญ่ราวร้อยคนที่เขาเชื่อว่าน่าจะได้ซับซาบบทเรียนครั้งนี้ ภรรยา 18
และลูกสาวได้รับค�ำสั่งให้อยู่ในห้อง ภาพไม่น่าชมส�ำหรับสตรี เก้าอี้ ตัวใหญ่จดั วางไว้รอท่า เก้าอีต้ วั เล็กเรียงรายส�ำหรับแขก เขาไม่รจู้ กั ชือ่ ทาส ผู้นี้ ของแถมมาพร้อมกับบ่อปลาในตอนที่แอมพลิเอตุสจ่ายเงินหนึ่งล้าน ซื้อวิลลาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ปลาทุกประเภทเลี้ยงในบ่อ เรียงรายตามแนวยาวชายทะเล ปลา กะพงทะเล เนือ้ ขาวเหมือนปุยขนสัตว์ ปลากระบอกเทา ซึง่ ต้องมีก�ำแพง สูงขอบบ่อ ป้องกันไม่ให้กระโดดหนี ปลาตัวแบน ปลานกแก้ว กิลต์เฮด แลมเพรย์ ปลาไหลคองเกอร์และเฮก หากเทียบระดับราคา ปลากระบอกแดง บอบบางตายง่าย ปลา หนวดฤาษี เลื่องชื่อว่าเลี้ยงยาก สีสันเปลี่ยนจากชมพูเป็นสีส้ม ถือเป็น วาริชสมบัติราคาแพงที่สุด ร่างของเขาสะท้านเยือกเมื่อนึกถึงราคาที่จ่าย ซือ้ มา เขาเองไม่นยิ มชมชอบเนือ้ ปลา ปลาราคาแพงตายเกลือ่ น ปลาตาย ทาสต้องชดใช้ด้วยชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการละเลยหรือไร้ฝีมือ แอมพลิเอตุส ไม่รู้ ไม่สน ปลาตายลอยเป็นแพ เกาะฝูงกันเหมือนตอนมีชวี ติ อยู่ ลอยฟ่อง บนผิวน�้ำในตอนบ่ายที่ผ่านมา บางตัวยังมีชีวิตอยู่ในตอนที่แอมพลิเอตุส เดินมาถึงขอบบ่อ แต่กต็ ายต่อหน้าต่อตา พลิกหงายเหมือนใบไม้ ลอยฟ่อง ขึ้นมาสู่ผิวน�้ำรวมกับตัวอื่นๆ ตายเหมือนโดนวางยา ทุกตัว ราคาตลาด ปัจจุบัน ตัวละหกพัน ปลากระบอกแดงล�้ำค่าห้าเท่าของทาสที่ท�ำหน้าที่ ดูแล บัดนี้ เหลือเพียงซากไร้ราคา มีคา่ เพียงโยนเข้ากองไฟ แอมพลิเอตุส ออกค�ำสั่งประหารทันควัน "โยนมันลงบ่อปลาไหล!" ทาสร้องกรีดเมื่อถูกผลักไสไปที่ริมบ่อ ไม่ใช่ความผิดของเขา เสียง ตะโกนก้อง ไม่ใช่อาหาร แต่เป็นน�้ำ ควรเรียกเจ้าวารีมาดู เจ้าวารี! แอมพลิเอตุสหยีตาสูแ้ สงระยิบระยับจากทะเล ยากจะมองเห็นร่างดิน้ ทุรนทุรายของทาส และอีกสองคนที่จับตัวไว้ หรือคนที่สี่ที่ถือตะขอเกี่ยว เรือ ทิม่ แทงแผ่นหลังของทาส เป็นแต่เพียงเงาแท่งด�ำส่ายไหว ทัง้ สี่ เงาด�ำ 19
|ตัดกับไอความร้อนไหวกระเพือ่ มและแสงวิบวับจากยอดคลืน่ แอมพลิเอตุส ยกมือชูสูงเหมือนองค์จักรพรรดิ นิ้วก�ำเป็นก�ำปั้น นิ้วหัวแม่มือยืดเหยียด ขนานกับพื้น เขารู้สึกเหมือนเทพเปี่ยมด้วยพลังอ� ำนาจ แต่ก็อยากรู้ อยากเห็นเยีย่ งคนเดินดิน วินาทีนนั้ เขานิง่ รอคอย เสพรับความหืน่ ทะลัก เต็มอก ก่อนจะบิดข้อมือ ทิ่มนิ้วหัวแม่มือปักดิน ส่งมันไปเกิดใหม่! เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องในบ่อปลาไหลจากริมทะเล ไหลข้ามลานบ้าน ข้ามสระว่ายน�้ำมายังบ้านเงียบเชียบที่สตรีซ่อนตัวอยู่ คอเรเลีย แอมพลิเอตาวิง่ เข้าไปในห้องนอน โถมทิง้ ตัวลงบนเตียง ดึง หมอนปิดหู แต่ไม่มีทางหนีพ้นเสียงร้องกรีดด้วยความเจ็บปวด ไม่เหมือน บิดา เธอรู้จักชื่อทาสผู้นั้น ฮิปโปแน็กซ์ คนกรีก และรู้จักชื่อแม่ของเขา เอเทีย ทาสในห้องครัว เสียงร้องไห้โหยหวนของแม่บาดหัวใจยิ่งกว่าเสียง จากบ่อปลาไหล เธอทนเสียงกรีดร้องไม่ได้อีกต่อไป เธอลุกจากเตียง วิ่ง ผ่านวิลลาที่แทบร้างผู้คน พบแม่ผู้โศกเศร้าร้องครวญครางซุกอยู่ที่โคนเสา ในซอกเว้าในสวน เมือ่ มองเห็นนายสาว เอเทียคว้าชายผ้า กอดซบแทบเท้าร�่ำไห้ พร�่ำ ซ�ำ้ แล้วซ�ำ้ เล่าว่าลูกชายของเธอบริสทุ ธิ์ เขาร้องตะโกนบอกเธอในตอนทีถ่ กู จับตัวไป...น�ำ้ น�ำ้ เป็นพิษ น�ำ้ ผิดปกติไปแล้ว จะมีใครใส่ใจเสียงคร�่ำครวญ ของทาสด้วยเล่า? คอเรเลียลูบเส้นผมสีเทาของนางทาส พยายามพร�ำ่ ปลอบให้คลายโศก ไม่มีอะไรที่จะท�ำได้ ป่วยการที่จะร้องขอให้บิดายกโทษให้ เรื่องนั้นเธอ ทราบแน่ชัด เขาไม่เคยฟังใคร ยิ่งเสียงสตรีไม่มีทางเข้าหู ยิ่งเป็นเสียง ของลูกสาวที่เขาคาดหวังว่าจะได้รับการเชื่อฟังอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง การ แทรกแซงจากเธอ จะท�ำให้ความตายของทาสหนุ่มย�้ำแน่ชัดเป็นสองเท่า เสียงตอบต่อเอเทียมีเพียงว่าเธอช่วยอะไรไม่ได้ เพียงได้ยนิ ค�ำตอบ นางทาสชรา แท้จริงแล้วอายุเพียงสีส่ บิ คอเรเลีย 20
คิดว่าอายุขยั ของทาสแทบไม่ตา่ งไปจากปีของหมา หน้าตานางทาสเหมือน อายุหกสิบ เอเทียผงะถอยหลัง ยกท่อนแขนเช็ดน�้ำตา "ข้าต้องไปหาคนช่วย" "เอเทีย...เอเทีย" คอเรเลียตอบ "ใครจะช่วยเจ้าได้?" "เขาตะโกนบอกว่าเจ้าวารี ท่านไม่ได้ยินเลยหรือ? ข้าจะออกไปตาม หาเจ้าวารี" "เขาอยู่ที่ไหน?" "น่าจะอยู่ที่โรงน�้ำที่ตีนเนิน ที่ท�ำงานของคนงานน�้ำ" เอเทียลุกขึ้นยืน ร่างสั่นสะท้านแต่มุ่งมั่น มองตาขวางไปรอบข้าง ดวงตาแดงก�ำ่ เสือ้ ผ้าและเส้นผมหลุดลุย่ ท่าทางเหมือนหญิงบ้า คอเรเลีย มองเห็นได้ทันทีว่าจะไม่มีใครสนใจรับฟังเธอ พวกนั้นคงระเบิดเสียง หัวเราะเยาะ ขับไล่เธอด้วยก้อนหิน "ข้าจะไปด้วย" คอเรเลียกล่าว เสียงร้องกรีดโหยหวนอีกครั้งดังมา จากบ่อปลาไหล คอเรเลียดึงกระโปรงขึ้น มืออีกข้างคว้าแขนนางทาส ทั้งสองวิ่งผ่านสวน วิ่งผ่านห้องพักทาสแบกหามร้างผู้คน วิ่งออกประตู ด้านข้างเข้าไปในไอร้อนระอุของถนนหลวง โรงน�ำ้ ของท่อออกัสตาเป็นอ่างเก็บน�ำ้ ใต้ดนิ ขนาดมหึมา อยูท่ างใต้ของวิลลา ฮอร์เทนเชียไม่กี่ร้อยก้าว ฝังซ่อนอยู่ในเนินเขา เหนืออ่าว ชื่อเรียกขาน รู้จักกันดี เรียกสืบต่อกันมานานเท่าที่จ�ำความได้ว่า พิสซินา มิราบิลิสแอ่งน�้ำมหัศจรรย์ มองจากภายนอกไม่มีสิ่งใดบ่งบอกถึงความมหัศจรรย์ ชาวเมือง มิเซนัมเดินผ่านโดยไม่เหลียวมองซ�้ำสอง ภาพที่เห็นเป็นแต่เพียงอาคาร เตี้ย หลังคาราบ ผนังก้อนอิฐแดงมีเถาเขียวอ่อนเลื้อยเกาะ อาคารยาว ช่วงตึกครึ่ง รายล้อมด้วยร้านค้าและโกดัง บาร์เหล้าและอพาร์ตเมนต์ ซ่อนตัวอยู่ในซอยด้านหลัง เหนือฐานทัพเรือ 21
มีเพียงยามค�่ำคืน เมื่อไร้เสียงยวดยานเดินทาง ไม่มีเสียงตะโกน โหวกเหวกของพ่อค้า จึงพอจะได้ยินเสียงครืนครางดังกระหึ่มของน�ำ้ ตก ใต้ดนิ จะมีกแ็ ต่เพียงการเดินผ่านลานอาคาร เปิดประตูไม้บานเล็ก เดินลง ไปสองสามก้าว จึงจะได้สดับความมหัศจรรย์แท้จริงของพิสซินา หลังคาสูง ทรงจั่ว ค�้ำยันด้วยเสาสี่สิบแปดต้น แต่ละต้นสูงกว่าห้าสิบฟุต ความสูง ขนาดนั้น ส่วนใหญ่จมอยู่ใต้ระดับผิวของอ่างเก็บน�้ำ เสียงสะท้อนของ พวยน�ำ้ ไหลจากท่อกระทบน�้ำเบือ้ งล่างดังกึกก้องพอจะท�ำให้กระดูกสะท้าน ไปทั่วร่าง นายช่างยืนอยู่ที่นั่น รับฟังเสียงน�้ำ ครุ่นคิด อยู่ได้นานหลายชั่วโมง โดยไม่รู้ตัว เสียงครืนโครมของออกัสตาที่ได้ยินเข้าหูของเขา มิใช่เสียง กระทบพื้นน�้ำดังกระหึ่มจนหูชา หากแต่เป็นเสียงออร์แกนน�ำ้ ยักษ์ใหญ่... ท�ำนองเพลงแห่งอารยธรรม ช่องลมในหลังคาพิสซินา หากเป็นยามบ่าย แสงส่องผ่านมากระทบฝอยน�้ำเซ็นกระซ่าน แต้มสายรุ้งส่ายไหวระหว่าง ต้นเสา หรือในยามย�่ำเย็น ปิดท�ำการส�ำหรับวันนั้นแล้ว แสงจากคบไฟ สาดอาบสีทองอ�ำพันทาบทาผิวน�ำ้ สีดำ� ห้วงนาทีนนั้ เขาไม่ได้รสู้ กึ ว่ายืนอยู่ ในอ่างเก็บน�้ำ หากแต่อยู่ในมหาวิหาร สร้างขึ้นมาอุทิศให้เทพหนึ่งเดียวที่ ควรค่าแก่การสักการะบูชา ความคิดแรกสุดที่วาบเข้ามาในหัวในตอนที่เดินลงเนิน เดินเข้ามา ในลานอาคาร แอตติเลียสอยากตรวจสอบระดับน�้ำในอ่างเก็บน�้ำ เรื่องนี้ ร้อนรนกลายเป็นความหมกมุ่นฝังใจไปแล้ว แต่บานไม้ลั่นกุญแจแน่นหนา เขาเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าลูกกุญแจห้อยอยู่ที่เข็มขัดของคอแร็กซ์ วันนี้เหนื่อย สายตัวแทบขาด ไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาพอจะได้เสียงครืนโครมใน อ่างเก็บน�ำ้ หากจะวิเคราะห์โดยละเอียด จะเรียกว่าเขาละทิง้ หน้าทีก่ ไ็ ม่ได้ ออกัสตายังคงท�ำงานอย่างแข็งขัน ส่งน�ำ้ ป้อนลงอ่างเก็บน�ำ้ ไม่มอี ะไรทีเ่ ขา จะท�ำได้มากไปกว่านี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อตัวเขาเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิกฤติน�้ำในครั้งนี้ 22
เขาหันหลังให้พสิ ซินา มองกวาดไปรอบลานอาคาร เย็นวันวาน เขา ออกค�ำสั่งให้เก็บกวาดให้เรียบร้อย เขายิ้มพึงพอใจที่ได้เห็นความสะอาด หมดจด ไม่มีอะไรให้ความสุขสบายใจยิ่งไปกว่าลานอาคารที่เก็บกวาด ข้าวของเป็นระเบียบ แผ่นตะกั่ววางเรียงซ้อนเป็นชั้น คนโทปูนขาว กระสอบพิวตีโอลานัม ท่อดินเผาแดงก�ำ่ ภาพทีเ่ ห็นตัง้ แต่จำ� ความได้ และ กลิ่น...กลิ่นแสบจมูกของปูนขาว กลิ่นฝุ่นดินโคลนแดดเผาแห้งผากตลอด ทั้งวัน เขาเดินเข้าไปในเพิงเก็บเครือ่ งมือ ทิง้ เครือ่ งมือลงบนพืน้ ดินปรับแน่น หมุนควงไล่อาการปวดเมื่อยหัวไหล่ ยกแขนเสื้อทูนิกเช็ดเหงื่อบนใบหน้า เดินกลับออกมายังลานอาคารในตอนทีค่ นทีเ่ หลือเดินมาถึง คนกลุม่ นัน้ เดิน ตรงไปหาน�้ำพุ ดื่มน�้ำอึกใหญ่ วักน�้ำล้างแขนล้างหน้า โดยไม่สนใจตัวเขา คอแร็กซ์ก่อน จากนั้นเป็นมูซา แล้วจึงเป็นเบ็คโค ทาสสองคนนั่งยองๆ ในเงาร่ม อดทนรอคอยจนกว่าเสรีชนจะแล้วเสร็จ แอตติเลียสทราบดีว่า เขาเสียหน้าในงานที่ท�ำในวันนี้ แต่เขาทานรับความแค้นเคืองก้าวร้าวได้ เขาเคยผ่านเรื่องร้ายกว่านี้มาแล้ว เขาตะโกนบอกคอแร็กซ์ว่างานวันนี้สิ้นสุดแล้ว ได้รับการตอบสนอง ด้วยการเสแสร้งโค้งรับ เขาเดินขึ้นบันไดไม้เล็กแคบไปยังห้องพัก ลานอาคารผืนสี่เหลี่ยม ด้านเหนือติดผนังพิสซินา มิราบิลิส ทาง ตะวันตกและทางใต้เป็นเพิงเก็บเครือ่ งมือและอาคารอ�ำนวยการ ทางตะวัน ออกเป็นเรือนพัก เรือนพักของทาสชัน้ ล่าง ห้องพักนายช่างชัน้ บน คอแร็กซ์ |กับเสรีชนคนอื่นๆ อาศัยในเมืองกับครอบครัว แอตติเลียสทิ้งแม่และน้องสาวไว้ในกรุงโรม คิดว่าสักวันน่าจะพาคน ทัง้ สองมาอาศัยในมิเซนัม เช่าบ้านในเมืองมีแม่คอยดูแล แต่ในตอนนี้ เขา นอนในห้องพักนายช่างคับแคบ ห้องของเอ็กซอมเนียส เจ้าวารีคนก่อน ทิ้งข้าวของไม่กี่ชิ้นที่เขาย้ายไปเก็บอีกห้องปลายทางเดิน เอ็กซอมเนียสหายไปไหน? นั่นเป็นค�ำถามแรกของแอตติเลียส แต่ 23
ไม่มผี ใู้ ดรูค้ ำ� ตอบ หากมีคำ� ตอบก็ไม่อยากจะเผยให้เขาทราบ การสอบถาม ของเขาได้แต่การนิว่ หน้า ปากปิดแน่น ดูเหมือนว่าเอ็กซอมเนียส, เจ้าวารี ชาวซิซลิ ี ผูด้ แู ลออกัสตาเกือบยีส่ บิ ปี เดินออกจากทีน่ เี่ มือ่ สองสัปดาห์กอ่ น หายตัวไป ไม่มีใครทราบข่าว โดยปกติแล้ว เจ้ากรมชลประทานในกรุงโรม ผู้ดูแลท่อส่งน�้ำในเขต หนึ่งและสอง(เลเชียมและคัมปานา) คงเมินเฉย ดองเรื่องนี้ไว้สักระยะ แต่จากภัยแล้ง เส้นทางยุทธศาสตร์ของออกัสตา และวุฒสิ ภาปิดสมัยการ ประชุมฤดูรอ้ นในสัปดาห์ทสี่ ามของเดือนกรกฎาคม วุฒสิ มาชิกกว่าครึง่ จะ เดินทางมาพักผ่อนในวิลลาหรูรอบอ่าวเนโพลิส เจ้ากรมจ�ำต้องหาเจ้าวารี คนใหม่มารับงานในทันที แอตติเลียสได้รับหมายเรียกกลางเดือนสิงหาคม พลบค�ำ่ เขาเพิง่ ซ่อมดูแล อะนิโอ โนวัส แล้วเสร็จ เขาต้องไปรายงานตัว ต่ออะซิลสั อะวิโอลา เจ้ากรมชลประทาน ณ นิวาสสถานของท่านเจ้ากรม เขาได้รบั เลือกให้มารับต�ำแหน่งนี้ แอตติเลียสเป็นเด็กหนุม่ ฉลาด เปีย่ มด้วย พลัง ทุ่มเทเพื่องานเต็มที่ ไม่มีภรรยาหรือลูกให้ดูแล...ท่านวุฒิสมาชิกรู้วิธี เยินยอผู้อื่นในยามที่เขาต้องการผลประโยชน์สักอย่าง พอจะเดินทางได้ใน วันพรุ่งนี้เลยหรือไม่? แน่นอนอยู่แล้ว, แอตติเลียสรับงานในทันที เพราะ นี่จะเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้เลื่อนชั้น เขากล่าวค�ำอ�ำลาครอบครัว จับเรือ ข้ามฟากจากออสเชีย เขาเริ่มจดหมายถึงแม่กับน้องสาวแล้ว วางบนโต๊ะเตี้ยข้างเตียงไม้ กระดาน เขาไม่ถนัดนักในงานเขียน ข่าวสามัญ มาถึงแล้ว การเดินทาง ราบรื่น อากาศร้อนอบอ้าว...ลายมือโย้เย้เหมือนเด็กประถม ดีที่สุดเท่าที่ เขาจะดัดนิ้วได้ จดหมายถึงบ้านไม่เคยบ่งบอกความยุ่งเหยิงปั่นป่วนในอก ความรับผิดชอบกดหนักทับบ่า ความกลัวภัยแล้ง และการท�ำงานโดดเดีย่ ว เดียวดาย แต่พวกนั้นเป็นสตรี สตรีจะรู้เรื่องอะไร? อีกอย่างหนึ่ง เขาใช้ ชีวิตตามค�ำสอนของสกุลปรัชญาสโตอิก ไม่เสียเวลาไปกับเรื่องเหลวไหล ไร้สาระ ท�ำงานของตนโดยไม่มีการฟูมฟาย ครองตนด้วยความสงบในทุก 24
ภาวการณ์ ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดใหญ่หลวง ความเศร้าทรมาน การ ป่วยไข้ และใช้ชีวิตเรียบง่ายสมถะ เพียงผ้าคลุมกับเตียงสนาม เขานัง่ ทีข่ อบฟูก ทาสประจ�ำทีพ่ กั , ไฟโล วางเหยือกน�ำ้ กับอ่าง ผลไม้ ขนมปัง ไวน์เหยือกและเนยแข็งอีกชิน้ เขาเช็ดล้างเนือ้ ตัวให้สะอาด กิน อาหารจนหมดก่อนรินไวน์ผสมน�้ำ ยกขึ้นดื่ม จากนั้น เหนื่อยล้าเกินกว่า จะถอดรองเท้าและเสื้อทูนิก เขาทิ้งตัวลงนอน พริ้มตาหลับ ลอยเคลื่อน เข้าไปในดินแดนเคลิม้ ระหว่างการตืน่ ลืมตากับการหลับใหล ในดินแดนนี้ ภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้วจะวนเวียนอยู่ข้างกายชั่วกาลนาน เขาได้ยินเสียง พร�่ำเพรียกของเธอ วิงวอน รบเร้า "เจ้าวารี!...เจ้าวารี!" ภรรยาของเขาอายุเพิง่ ยีส่ บิ สองในตอนทีเ่ ขามองร่างของเธอบนกองฟืนไหม้ ไฟผลาญ สตรีนางนีอ้ ายุออ่ นกว่า อาจจะสิบแปดกระมัง แต่กย็ งั มีไออวล ของความฝัน และเค้าหน้าของซาบินาหลงเหลืออยูใ่ นเค้าหน้าของสาวน้อย พอจะท�ำให้หัวใจของเขากระตุกไม่เป็นส�่ำ เส้นผมด�ำยาวสลวยเหมือนกัน ผิวขาวนวลเกลี้ยงเกลา ส่วนเว้าส่วนโค้งอวบอัดคล้ายกัน เธอยืนอยู่ใต้ หน้าต่าง ตะโกนเรียกเขา "เจ้าวารี!" เสียงใสของเธอดึงบุรษุ ออกจากเงามืด เมือ่ เขาวิง่ ลงบันไดลงมาถึงชัน้ ล่าง พวกนัน้ ยืนล้อมครึง่ วงกลมรอบตัวเธอแล้ว เธอสวมทูนกิ าสีขาว บาง และหลวม เสือ้ ผายกว้างทีล่ �ำคอและท่อนแขน อาภรณ์สวมใส่ในทีร่ โหฐาน อวดท่อนแขนขาวและเต้าถันแทบพลัดหลุดออกมา ไม่มีหญิงดีๆ คนไหน กล้าใส่อวดส่ายในทีช่ มุ นุมชน เขาเพิง่ เห็นว่าเธอไม่ได้มาตามล�ำพัง นางทาส ผอมหนังหุ้มกระดูก ร่างสั่นเทิ้ม หญิงชรา ผมครึ่งหนึ่งเหน็บไว้ อีกครึ่ง สยายเต็มหลัง เธอหอบหายใจ พูดพล่าม เรื่องบ่อเลี้ยงปลากระบอกแดง ตาย ยกบ่อบ่ายวันนี้ น�้ำเป็นพิษ และคนดูแลบ่อถูกจับโยนลงบ่อปลาไหล เขา 25
จะต้องตามมาโดยพลัน เสียงระรัวแทบจับความไม่ได้ เขายกมือห้าม ถามชื่อเธอ "ข้าคือ คอเรเลีย แอมพลิเอตา บุตรีของนูเมอเรียส โพพิเดียส แอมพลิเอตุสแห่งวิลลา ฮอร์เทนเชีย" เธอตอบด้วยเสียงหงุดหงิดร�ำคาญ แอตติเลียสสังเกตเห็นคอแร็กซ์และคนอื่นๆ หันมองตากัน "ท่านเป็น เจ้าวารีหรือไม่?" "เจ้าวารีไม่อยู่ที่นี่" คอแร็กซ์ชิงตอบ นายช่างโบกมือให้จากไป "ข้าบัญชาท่อส่งน�้ำแห่งนี้ ใช่, ข้าคือ เจ้า วารี" "เช่นนั้นร่วมทางไปกับข้า" เธอหันหลังออกเดินไปสูป่ ระตู มีทที า่ ประหลาดใจทีแ่ อตติเลียสไม่เดิน ตาม คนงานหัวเราะกันเกรียว มูซาล้อเลียนท่าเดินยักย้ายส่ายเอว เชิด คางสูง "โอ, ท่านเจ้าวารี ตามบั้นท้ายอะฮั้นมาได้แล้ว" เธอหันขวับ น�้ำตาอัดอั้นตันใจไหลอาบแก้ม "คอเรเลีย แอมพลิเอตา" แอตติเลียสกล่าวด้วยน�้ำเสียงราบเรียบ "ข้า อาจไม่มปี ญ ั ญากินปลากระบอกแดง แต่ขา้ เชือ่ ว่านัน่ เป็นปลาทะเล ข้าไม่มี ความรับผิดชอบใดๆ ต่อน�้ำทะเล" คอแร็กซ์แสยะยิ้ม ชี้ไม้ชี้มือ "เฮ้ย, ได้ยินเปล่า? เธอคิดว่าแกเป็น เทพเนปจูนว่ะ" เสียงหัวเราะกราวใหญ่ แอตติเลียสสั่งให้เงียบ "บิดาของข้าโยนทาสลงไปในบ่อปลาไหล ทาสผู้นั้นร้องระงมเรียกหา เจ้าวารี ข้าทราบเพียงเท่านี้ ท่านเป็นความหวังเดียวของเขา ท่านจะมา หรือไม่?" "รอก่อน" แอตติเลียสตอบ เขาพยักหน้าไปทางนางทาสชรา หัวค้อม ต�่ำ ยกมือปิดหน้าสะอึกสะอื้น "นี่ใคร?" "แม่ของเขา" 26
คนงานเงียบไปแล้ว "เห็นแล้วใช่ไหม?" คอเรเลียยืน่ มือมาคว้าท่อนแขนของเขา "มาเถอะ" เธอกระซิบบอกเบาๆ "ได้โปรด" "บิดาของท่านทราบหรือไม่ว่าท่านมาที่นี่?" "ไม่" "อย่าเจือก" คอแร็กซ์บอก "ฟังค�ำแนะน�ำของข้า" ค�ำแนะน�ำเข้าท่าเสียด้วย แอตติเลียสคิดในใจ เพราะถ้าคนเรา กระโจนไปช่วยเหลือทาสทุกคนที่ต้องทัณฑ์ทรมานทุกคราว ก็คงไม่เหลือ เวลากินหรือนอน บ่อเลีย้ งปลาทะเล ปลากระบอกแดงตายทัง้ บ่อ? เขาท�ำ อะไรได้? ไม่เกี่ยวกับเขา เขามองใบหน้าของคอเรเลีย แต่ก็นั่นละ, ทาส น่าสมเพชผู้นั้นร้องวิงวอนต่อเขา ลางร้าย ลางบอกเหตุ ค�ำพยากรณ์... ไอน�้ำที่ขยับส่ายไหววูบเหมือนเอ็นตกปลา ตาน�้ำที่กระถดหนีในทุก คราวที่ขุดเข้าใกล้ เจ้าวารีที่หายไปไม่มีร่องรอย ที่ราบตีนเขาวิสุเวียส คน เลีย้ งแกะรายงานว่าได้เห็นยักษ์ใหญ่ ในเฮอร์ควิ เลเนียม คนงานเล่าลือกัน ว่าหญิงผู้หนึ่งออกลูกมีครีบแทนมือและเท้า และบัดนี้ ปลากระบอกแดง ตายยกบ่อในมิเซนัม...เกิดขึน้ ในบ่ายวันเดียว ไม่มเี หตุผลใดยกมาอธิบายได้ คนเราจักต้องหาเหตุผลสนับสนุนเท่าที่พอจะท�ำได้ แอตติเลียสเกาหลังใบหู "วิลลาไกลแค่ไหน?" "ได้โปรด, ไม่กรี่ อ้ ยก้าว ไม่ไกลเลย" เธอดึงแขนเขา เขาปล่อยให้รา่ ง เดินตามแรงดึง เธอไม่ใช่หญิงทีย่ อมรับค�ำปฏิเสธ, คอเรเลีย แอมพลิเอตา ผู้นี้ อย่างน้อยที่สุด เขาควรจะเดินไปส่งเธอให้ถึงบ้าน ไม่ใช่หรือ? ไม่ ปลอดภัยนักส�ำหรับหญิงสาววัยเยาว์ขนาดนี้ ชนชัน้ นีจ้ ะเดินเดีย่ วตามถนน ในเมืองกะลาสี เขาตะโกนข้ามไหล่ให้คอแร็กซ์เดินตาม แต่หวั หน้าคนงาน ยักไหล่ "อย่าไปยุ่ง" กล่าวค�ำนั้นซ�้ำอีกครั้ง ก่อนที่แอตติเลียสจะทันได้ ตัง้ ตัว เขาเดินผ่านประตูออกมาในถนน คนงานหายลับไปจากสายตาแล้ว 27
ช่ ว งเวลานี้ ข องวั น สั ก ชั่ ว โมงหรื อ สองชั่ ว โมงก่ อ นพลบค�่ ำ ที่ ผู ้ ค นแห่ ง เมดิเตอเรเนียนจะออกจากบ้าน แม้เมืองจะยังไม่คลายความอบอ้าว หิน ปูถนนร้อนเหมือนอิฐจากเตาเผา หญิงชรานั่งตั่งเตี้ยหน้าบ้าน พัดในมือ โบกโบยไล่ความร้อนในระหว่างที่บุรุษยืนที่บาร์เหล้า ดื่มสุราและพูดคุย กัน ชาวเบสซีและชาวดัลเมเชียหนวดเคราครึม้ ชาวอียปิ ต์ทหี่ อ้ ยต่างหูทอง คนเยอรมันผมแดง ชาวกรีกชาวซีลิเชียผิวน�้ำมันมะกอก คนนูเบียกล้าม ปูดโปน ด�ำสนิทเหมือนก้อนถ่าน ดวงตาแดงก�่ำจากไวน์...คนจากทุกชาติ ในจักรวรรดิ เดินทางมาที่นี่ อาจเป็นเพราะความทะเยอทะยาน ความ โง่เง่า หรือไม่มีที่จะไป ยอมเป็นพลกรรเชียงเรือยี่สิบห้าปีเต็มเพื่อแลกกับ สถานะราษฎรกรุงโรม จากที่ไหนสักแห่งที่ปลายเขตเมือง ใกล้ปากอ่าว เสียงออร์แกนน�้ำดังแว่วมา คอเรเลียเดินขึน้ เนินเร่งรีบ มือยกกระโปรงขึน้ ให้พน้ พืน้ รองเท้าแตะ อ่อนนุม่ ไร้สมุ้ เสียงบนพืน้ หิน นางทาสชราวิง่ น�ำหน้า แอตติเลียสเร่งฝีเท้า เดินตาม "ไม่กี่ร้อยก้าว" เขาพึมพ�ำกับตนเอง "ไม่ไกลเลย ก็ใช่, แต่ทุก ก้าวเดินขึ้นเนินลูกเดียว" เสื้อทูนิกโชกเหงื่อติดแปะแผ่นหลัง ทั้งสามเดินขึ้นมาถึงที่ราบ เบื้องหน้าเป็นก�ำแพงสูงตระหง่าน ประตู ซุม้ โค้ง เหล็กดัดรูปโลมาโผจากน�ำ้ ขึน้ มาจุมพิตกัน สตรีทงั้ สองเร่งรุดเดิน ผ่านประตูทไี่ ม่มยี ามเฝ้า แอตติเลียสเหลียวซ้ายแลขวา เดินตามหลัง หลุด จากโลกวุน่ วายเซ็งแซ่ พลัดเข้าไปในโลกสีฟา้ ทีแ่ ทบท�ำให้ลมหายใจขาดห้วง ฟ้าเทอร์ควอยซ์, ลาปิซ ลาซูลี-น�้ำเงินทึบ, ฟ้าคราม, ฟ้าแซฟไฟร์ สีฟ้า ทุกสีที่พระแม่ธรณีประทานมาให้ ฟ้าซ้อนฟ้าวางต่อหน้าเขา จากผลึกฟ้า ใสไปยังฟ้าน�ำ้ ทะเล เรือ่ ยมาถึงสีฟา้ หม่นปลายขอบสายตา จนถึงฟ้าสีคราม เวิ้งว้าง วิลลาค้อมต�่ำ หลังพิงเนินเขา หันหน้าออกสู่เวิ้งอ่าว รังสรรค์มา เพือ่ เสพซับภาพมุมกว้างตระการนัน้ ทีท่ า่ เทียบเรือ เรือส�ำราญยีส่ บิ ฝีพาย ทิ้งสมอทอดเทียบท่า สีแดงเลือดนกตัดกับสีทอง ดาดฟ้าปูลาดด้วยพรม 28
สีเดียวกัน เขาไม่มีเวลามากพอจะบันทึกลงความจ�ำ นอกจากสีฟ้าซ้อนสีฟ้า สตรีทั้งสองเร่งเดิน คอเรเลียเดินน�ำหน้าเขาลงพื้นล่าง ผ่านรูปปั้น น�้ำพุ สนามหญ้ารดน�ำ้ พรมชุม่ ข้ามลานกระเบือ้ งลวดลายสัตว์ทะเลไปยังเทอเรซ ที่มีสระว่ายน�้ำ สีฟ้าเช่นกัน ล้อมขอบด้วยหินอ่อน แหย่ยื่นไปหาทะเล ลูกบอลเป่าลมกลิ้งติดขอบผนัง ประหนึ่งทิ้งไปกลางคัน เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่า บ้านเงียบเชียบไร้ผู้คน จนเมื่อคอเรเลียชี้มือให้ดู มือของเขาวางบนขอบ ระเบียง โน้มตัวออกไป รู้เหตุผลการร้างผู้คนแล้ว คนในบ้านไปชุมนุม กันที่ชายทะเล กินเวลาอีกชั่วระยะก่อนสมองของเขาจะประมวลภาพที่เห็น บ่อ เลี้ยงปลาในวิลลา แต่บ่อใหญ่กว่าที่คาดไว้หลายเท่าตัวนัก เก่าแก่ อาจ สร้างมาตั้งแต่เมื่อปลายสมัยสาธารณรัฐเสื่อมโทรม ในยุคนั้นที่การเลี้ยง ปลาเป็นแฟชั่นของชนชั้นสูง บ่อคอนกรีต ผนังยื่นจากแผ่นผา วางเรียง รายล้อมสระสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปลาตายลอยเป็นแพในบ่อหนึ่ง ไกลออกไป กลุม่ คนมุงดูอะไรสักอย่างในบ่อทีม่ คี นใช้ตะขอเกีย่ วเรือแทงทิม่ แอตติเลียส ยกมือป้องแสง ภาพที่เห็นชัดขึ้นท�ำให้ท้องไส้ของเขาป่วนปั่น เตือนให้ นึกถึงนาทีสงั หารในอัฒจันทร์ ห้วงแห่งการนิง่ ค้าง การสมรูร้ ว่ มคิดระหว่าง เหยื่อกับผู้ชม ด้านหลังเขา นางทาสชราส่งเสียงครวญคราง เสียงละเมอของความ เศร้าโศกท้อแท้สิ้นหวัง เขาถอยหลัง หันไปหาคอเรเลีย สั่นศีรษะ เขา อยากออกไปจากทีน่ ี่ เขาอยากกลับไปหาเรือ่ งราวสุดสามัญในอาชีพของเขา ไม่มีอะไรที่เขาจะช่วยได้ในที่นี้ แต่สาวน้อยยืนขวางทาง สืบเท้าเข้ามาประชิด "ได้โปรด" เธอกล่าว "ช่วยนางด้วย" ดวงตาของเธอสีฟ้า ฟ้าสดใสกระจ่างกว่าตาของซาบินา ดูคล้ายจะ ดูดซับสีฟ้าทั้งหมดของอ่าว ยิงเข้าใส่เขา แอตติเลียสลังเล ขบกรามแน่น 29
หันกลับไปจ้องมองทะเลอีกครั้ง เขาบังคับสายตาให้เลื่อนจากขอบฟ้า เลี่ยงหลบการชุมนุมที่ขอบบ่อ เลื่อนกลับมายังชายฝั่ง พยายามประเมินสถานการณ์ด้วยสายตามืออาชีพ เขามองเห็นบานไม้ประตูน�้ำ คันโลหะหมุนเลือ่ นเปิดประตูน�้ำ ตาข่ายโลหะ ครอบบางบ่อป้องกันไม่ให้ปลากระโดดหนี ทางเดินพาดข้ามท่อ...ท่อน�้ำ เขาชะงักค้าง เลื่อนสายตากลับมาจ้องมองเนินเขาอีกครั้ง น�้ำขึ้น น�้ำลงคงส่งคลื่นซัดผ่านแผงกั้นโลหะเข้ามาในบ่อ แผงโปร่งด้านข้างของ ขอบบ่อคอนกรีตใต้ผิวหน้า ช่วยถ่ายเทไม่ให้น�้ำตาย มากเท่านี้ที่เขารู้ แล้วท่อน�้ำ? เขาเอียงหน้าครุ่นคิด เริ่มเข้าใจบ้างแล้ว...ท่อน�้ำจะเปิดน�้ำจืด ไหลลงไปในบ่อ ผสมกับน�้ำทะเลให้กลายเป็นน�้ำกร่อย เหมือนทะเลสาบ ทะเลสาบประดิษฐ์ สภาพเหมาะสมส�ำหรับการเลี้ยงปลา และปลาเลี้ยง ยากที่สุด ปลาเนื้ออร่อยราคาแพงระยับเหมาะกับมหาเศรษฐีเท่านั้น จะ เป็นปลากระบอกแดง "ท่อน�้ำต่อเชื่อมกับตัวบ้านที่ไหน?" เขาถามด้วยเสียงราบเรียบ คอเรเลียสั่นศีรษะ "ข้าไม่ทราบ" น่าจะมีขนาดใหญ่ เขาคิดในใจ บ้านขนาดนี้... เขาคุกเข่าลงทีข่ อบสระน�้ำ วักน�ำ้ เต็มกอบมือ ดืม่ เข้าไป กลัว้ ไปทัว่ ปากเหมือนผู้เชี่ยวชาญชิมไวน์ นิ่วหน้าขมวดคิ้ว น�้ำยังบริสุทธิ์ ไม่มีอะไร ผิดปกติ แต่กน็ นั่ ละ อาจไม่มคี วามหมายใดก็เป็นได้ เขาย้อนนึกคราวล่าสุด ที่เขาตรวจสภาพน�้ำจากท่อส่งน�้ำ เย็นวานก่อนเขาจะเข้านอน "ปลาตายเมื่อไหร่?" คอเรเลียเหลือบมองนางทาส แต่เหม่อค้างหลงอยู่ในโลกส่วนตัว "ไม่รู้ได้ อาจเป็นเมื่อสองชั่วโมงก่อน?" สองชั่วโมง! เขากระโดดข้ามราวระเบียงลงไปยังเทอเรซข้างล่าง เร่งฝีเท้ามุ่งหน้า ตรงไปยังชายทะเล 30
ที่ริมน�้ำ ความบันเทิงไม่ได้ฟู่ฟ่าอย่างที่คาดไว้ ยุคนี้สมัยนี้มีอะไรบ้างเล่า? แอมพลิเอตุสรู้สึกเหมือนว่าเขามาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว...อายุมากหรือว่าระดับ ความมัง่ คัง่ ? ถึงจุดทีค่ วามเร้าใจเฝ้ารอ รสชาติจดั จ้านกว่าความกลวงเปล่า ของผลที่เกิด เสียงเหยื่อเคราะห์ร้ายกรีดร้องโหยหวน เลือดพุ่งกระฉูด อะไรกันหวา?...แค่ความตายอีกราย? ส่วนดีที่สุดจะเป็นตอนเริ่มต้น การเตรียมการเชื่องช้า ตามติดด้วย ช่วงยาวนานทีท่ าสหนุม่ ลอยตัวนิง่ ปริม่ ผิวน�ำ้ มันนิง่ ทีส่ ดุ ไม่เคลือ่ นไหวกวน น�ำ้ ให้กระฉอก ปลุกสิง่ ทีซ่ อ่ นตัวอยูใ่ ต้นำ�้ มือกวักน�ำ้ แผ่วพอให้ตวั ลอยฟ่อง อยู่ได้ น่าสนุกดีแท้ เวลาเคลื่อนผ่านไป ความร้อนอบอ้าวเพิ่มมากขึ้น แอมพลิเอตุสเริม่ รูส้ กึ ว่าเรือ่ งการประหารด้วยปลาไหล น่าจะกระพือให้ตนื่ เต้นไปเอง วีเดียส โปลลิโอไม่น่าจะมาดหรูสุดสง่าอย่างที่เขาวาดภาพไว้ แต่ไม่นะ, เราวางใจชนชัน้ สูงได้เสมอนีน่ า เพียงแค่คดิ จะล้มเลิกพิธกี รรมนี้ น�ำ้ ป่วนปัน่ ทันตาเห็น ใบหน้าจมลับลงไปในน�ำ้ พรวด! เหมือนทุน่ ของชาว ประมง แต่แล้วก็โผล่วูบขึ้นมา สีหน้าแตกตื่นปั้นหน้าพิลึกสิ้นดี แล้วจม หายไปในน�้ำ เค้าหน้า แววตา แทบเรียกได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของการแสดง ครัง้ นี้ ทีเ่ หลือเป็นแต่เพียงภาพน่าเบือ่ ชวนอึดอัดใจในยามบ่าย ความร้อน อบอ้าวของอาทิตย์จมดวงที่ปลายฟ้า แอมพลิเอตุสถอดหมวกฟางมาพัดโบกใบหน้า หันไปมองใบหน้า ลูกชาย เซลซินัสดูคล้ายจะเพ่งจ้องมองตรงไปข้างหน้า แต่เมื่อมองซ�้ำอีก ครั้ง จะเห็นว่าหลับตาแน่น นิสัยประจ�ำตัวโดยแท้ ท่าทางเหมือนจะรับ ค�ำบัญชาทุกประการ แต่เป็นการเชือ่ ฟังแต่เปลือก ใจลอยไปไกลไหนต่อไหน แอมพลิเอตุสจิ้มนิ้วเข้าที่ชายโครง เซลซินัสเบิกตาโพลง เจ้าหนูคิดอะไรอยู่หรือ? อาจเป็นความเชื่องมงายของโลกตะวันออก เขาต�ำหนิตัวเอง ในตอนที่เจ้าหนูอายุหกขวบ นั่นเป็นเมื่อสิบสองปีที่ผ่าน มา แอมพลิเอตุสสร้างวิหารในปอมเปอี ควักกระเป๋าตัวเอง สร้างวิหาร 31
ถวายเทพไอซิส ในเมื่อแอมพลิเอตุสเคยเป็นทาส ไม่เหมาะควรนักที่จะ สร้างวิหารบูชาจูปิเตอร์ ดีที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด หรือพระมารดาวีนัสหรือ องค์อื่น ๆ ที่เป็นเทพผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์ ไอซิสเป็นเทพไอยคุปต์ เทพธิดา ของสตรี ช่างท�ำผม ดารานักแสดง ช่างปรุงเครื่องหอม เรื่องพรรค์นั้น เขาอุทิศวิหารไอซิสในนามเซลซินัส เพื่อผลักดันให้เจ้าหนูเข้าไปนั่งในคณะ เทศมนตรีของปอมเปอี แล้วก็ได้ผลดั่งคาดเสียด้วย แต่สิ่งที่คิดไม่ถึง ไม่ คาดว่าเจ้าหนูจะถือเป็นเรื่องจริงจัง ในขณะนี้เจ้าหนูคงฝันเฟื่องถึงโอซิริส ทายาทของรา สุริยะเทพ สามีของไอซิส ผู้ถูกฆ่าตายทุกเมื่อเชื่อวันยาม ย�่ำเย็นโดยเซ็ต น้องชาย เจ้าแห่งโลกมืด เหวี่ยงซากศพสิบสี่ชิ้นหว่าน กระจายทัว่ ดินแดนอียปิ ต์ ไอซิสรวบรวมซากสังขาร มนุษย์ทกุ คนทีเ่ สียชีวติ จะผ่านการตัดสินพิพากษาจากเจ้านรก หากมีคณ ุ ค่าพอ ก็จะได้ชวี ติ อมตะ ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่ เหมือนเช่นโฮรัส บุตรชายของโอซิริสกับไอซิส จะน�ำแสงใหม่มาล้างแค้นเซ็ต ล้างความมืดยามค�่ำคืนด้วยแสงวันใหม่... เซลซินัสเชื่อนิทานหวานแหววของสตรีแบบนั้นด้วยหรือ? เชื่อหรือว่าทาส ที่ถูกปลาไหลกัดกินจะฟื้นจากความตายในยามเย็น ลุกขึ้นมาล้างแค้นอีก ครั้งตอนอาทิตย์ย�่ำรุ่ง? แอมพลิเอตุสหันไปหา อยากถามให้ได้ค�ำตอบกระจ่าง ในตอนที่ เขาได้ยินเสียงตะโกนจากเบื้องหลัง ทาสที่จับกลุ่มมุงดูส่งเสียงอื้ออึง เขา หมุนตัวบนเก้าอี้กลับไปมองข้างหลัง ชายที่เขาไม่รู้จักวิ่งลงขั้นบันไดของ วิลลา โบกมือเหนือหัว ส่งเสียงร้องตะโกน หลักการของงานวิศวกรรมสั้นง่าย ก�ำหนดให้เข้าใจต้องตรงกัน ไม่สังกัด ฝักฝ่ายใด ไม่ว่าจะอยู่ในโรม โกล หรือคัมปาเนีย นี่เป็นหลักที่แอตติเลีย สโปรดปรานที่สุด ในระหว่างที่เท้าพาร่างวิ่งลงมายังชายทะเล เขาพอจะ มองเห็นภาพทีไ่ ม่เห็นด้วยตา ท่อน�ำ้ จะวางอยูใ่ นเนินเขาทางด้านหลังวิลลา ฝังซ่อนใต้พื้นดินลึกหนึ่งหลา วางอยู่ในแนวเหนือ-ใต้ จากไบอามายัง 32
พิสซินา มิราบิลิส ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นเจ้าของวิลลาแห่งนี้ เมื่อครั้งที่ก่อสร้าง ท่อส่งน�้ำออกัสตาเมื่อศตวรรษก่อน จะต้องต่อท่อสองสายจากออกัสตา ท่อหนึง่ จะต่อมายังตัวบ้าน สระว่ายน�ำ้ และน�ำ้ พุในสวน ถ้ามีสารปนเปือ้ น ในท่อส่งน�้ำ ก็คงจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยหนึ่งวันไหลผ่านระบบส่งน�้ำ ขึน้ อยูก่ บั ขนาดของถัง แต่อกี ท่อหนึง่ จะต่อตรงจากออกัสตามายังบ่อปลา ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อท่อส่งน�้ำ จะเกิดต่อบ่อปลาในแทบจะทันที เบือ้ งหน้าของเขา กลุม่ คนทีม่ าชุมนุมกันเพือ่ รับชมการประหาร มอง เห็นถนัดชัดตายิ่งขึ้น แอมพลิเอตุส น่าจะเป็นแอมพลิเอตุสเจ้าของวิลลา ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผู้ชมหันหลังให้บ่อปลาไหล บัดนี้ มองจ้องจับมาที่ เขาเป็นตาเดียว เขาวิ่งมาตามทางลาด วิ่งเข้ามาใกล้แอมพลิเอตุส แต่ไม่ ได้หยุดเท้า "ดึงเขาขึ้นมา" แอตติเลียสร้องบอกในตอนที่วิ่งผ่าน แอมพลิเอตุส, ใบหน้าเรียวยาวเคียดขึง้ แผดเสียงตะโกนไล่หลัง เจ้า วารีหันกลับมามอง เท้าวิ่งถอยหลัง ฝ่ามือยกกางผายกว้าง “ได้โปรด, ดึงเขาขึ้นมา” แอมพลิเอตุสอ้าปากค้าง แม้ตาจะถลึงจ้องแอตติเลียส แต่มือยกขึ้น เชื่องช้า ดูเหมือนว่าทุกคนรอคอยสัญญาณนั้น พ่อบ้านเสียบสองปากนิ้ว เข้าปาก เป่าปากเสียงดัง ทาสที่ถือตะขอเกี่ยวเรือ ควานปลายไม้ลงไป ในน�้ำ ดึงร่างนั้นขึ้นมาจากน�้ำ แอตติเลียสวิง่ ใกล้ถงึ ท่อ วิง่ เข้ามาใกล้ ดูเหมือนว่าเรือนร่างของผูค้ น รอบขอบบ่อจะขยายใหญ่กว่าที่มองเห็นจากระเบียง ท่อดินเผา ท่อคู่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหนึง่ ฟุต ท่อโผล่ออกจากเนินเขา มุดลอดทางเดิน แยกจากกันทีร่ มิ น�ำ้ ต่อวนไปตามส่วนโค้งของขอบบ่อ ช่องตรวจน�ำ้ มีแผ่น ปิดหยาบๆ แผ่นไม้ยาวสองฟุตพาดขวางปิดท่อ ในตอนทีเ่ ขาวิง่ ไปใกล้ เขา พอจะเห็นแล้วว่าแผ่นหนึ่งเลื่อนออกจากที่ ไม่ได้วางคืนกลับหมดจด สิ่ว วางอยู่ใกล้ ใครก็ตามที่ตรวจน�้ำ ถูกเรียกตัวไปกะทันหัน 33
แอตติเลียสคุกเข่าลง แหย่สิ่วลงไปที่รอยแยก โยกไปมาจนสิ่วลง ลึก ออกแรงงัดจนแผ่นไม้เปิดเป็นช่องพอให้ลว้ งนิว้ ไปดึงแผ่นขึน้ ได้ เขายก แผ่นไม้ โยนทิง้ ไปด้านข้าง ไม่สนใจว่าจะล้มฟาดพืน้ แรงขนาดไหน ใบหน้า ของเขามุดเข้าไปท่อเหนือน�้ำ สูดดมเต็มที่ กลิ่นแก๊สที่กักอยู่ในท่อเข้มข้น พอจะท�ำให้เขาแทบอาเจียนออกมา ไม่ผิดไปได้ กลิ่นเน่า...กลิ่นไข่เน่า ลมหายใจของฮาเดส ก�ำมะถัน! ทาสเสียชีวิตแล้ว นั่นเห็นได้ชัด แม้จะมองจากระยะห่าง แอตติเลียส คุกเข่าข้างฝาเปิดของช่องน�้ำ มองเห็นซากร่างถูกดึงขึ้นมาจากบ่อปลาไหล กระสอบป่านโรยคลุมร่าง เขามองเห็นผู้ชมแยกย้ายไปคนละทาง เดิน มุ่งหน้าคืนกลับสู่วิลลา นางทาสชราผมสีเทาเดินสวนทาง มุ่งหน้าตรงไป ยังชายทะเล คนอื่นๆ หลบตา หลีกเป็นทาง ประหนึ่งว่าเธอมีโรคติดต่อ ร้ายแรง เมื่อเธอเดินไปถึงข้างกายของผู้ตาย เธอยกมือชูสูงขึ้นฟ้า ร่าง โยกส่ายไหวเงียบงัน แอมพลิเอตุสไม่ได้ใส่ใจเหลียวมอง เขาเดินตรงไปหา แอตติเลียส คอเรเลียเดินตามหลังกับชายหนุ่มอีกคน หน้าตาพิมพ์เดียว กับเธอ น่าจะเป็นพี่ชายของเธอ และคนอื่นๆ ผู้ชายบางคนเสียบมีดไว้ ที่เข็มขัด นายช่างทุ่มความสนใจให้น�้ำ เขานึกไปเองหรือว่าแรงดันน�้ำลดลง? กลิ่นไม่เหม็นคลุ้งแล้วหลังจากเปิดฝา เขาจุ่มมือลงไปในกระแสน�้ำ วัดแรง ดันของน�ำ้ ในขณะทีส่ ายน�ำ้ บิดหมุนไหลลอดซอกนิว้ ของเขา เหมือนมัดกล้าม เนื้อ เหมือนสิ่งมีชีวิต เมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก เขาเคยเห็นช้างถูกฆ่าในการ ล่าสัตว์ ตายด้วยมือธนูและมือทวนทีแ่ ต่งตัวพรางกายด้วยหนังเสือดาว สิง่ ทีเ่ ขาจ�ำได้ไม่ใช่การไล่ขบั หรือการพุง่ อาวุธสังหาร ภาพสดใสใจความทรงจ�ำ จะเป็นคนเลี้ยงช้างที่ดูแลสัตว์ร่างมหึมาจากแอฟริกา นั่งคุกเข่าลงข้างๆ พร�่ำกระซิบสั่งลาข้างหูช้าง นั่นละที่เขารู้สึกในตอนนี้ ท่อส่งน�ำ้ ...แม่นาง 34
ออกัสตาผู้ยิ่งใหญ่ หายใจรวยรินคล้ายจะขาดใจในฝ่ามือของเขา "แกอยู่บนที่ดินของข้า" เสียงลอยมาเข้าหู แอตติเลียสเงยหน้า พบแอมพลิเอตุสจ้องมองขมึงทึง เจ้าของวิลลา อายุกลางช่วงวัยห้าสิบ เตีย้ แต่ไหล่ผายกว้าง บึกบึนทรงพลัง "ทีด่ นิ ของ ข้า" แอมพลิเอตุสกล่าวย�้ำ "ทีด่ นิ ของท่าน แต่น�้ำขององค์จกั รพรรดิ" แอตติเลียสลุกขึน้ ยืน เช็ด มือกับอกเสื้อทูนิก การผลาญของเหลวล�้ำค่าในยามแล้งจัด เพียงเพื่อจะ ปรนเปรอปลาราคาแพงของเศรษฐีท�ำให้เขาเดือดจัด "ท่านจ�ำเป็นต้องปิด ประตูน�้ำเสียเดี๋ยวนี้ ก�ำมะถันหลุดเข้ามาในท่อน�้ำแล้ว ปลากระบอกแดง ไม่อาจทานรับสิ่งแปลกปลอมใดๆ ได้...นั่น" เขากล่าวเน้นย�้ำ "...ฆ่าปลา แพงระยับของท่าน" แอมพลิเอตุสเอียงศีรษะไปข้างหลัง ซับซาบเสียงหยามหมิน่ เค้าหน้า คมคาย ตาสีฟ้าเช่นเดียวกับลูกสาว "แล้วแกเป็นใครกันแน่?" "มาร์คัส แอตติเลียส เจ้าวารีแห่งออกัสตา" "แอตติเลียส?" มหาเศรษฐีนวิ่ หน้า "แล้วเกิดอะไรต่อเอ็กซอมเนียส?" "ข้าเองก็อยากทราบ" "แต่เอ็กซอมเนียสยังเป็นเจ้าวารีมิใช่หรือ?" "ไม่เลย, อย่างที่ข้าบอก ขณะนี้ข้าเป็นเจ้าวารี" นายช่างหนุ่มไม่มี อารมณ์พอจะแสดงความนับถือ หยามหมิ่น โง่เง่า โหดร้าย ในยามอื่น เขาอาจจะยินดีที่จะแสดงความรู้สึกเหล่านั้น แต่ตอนนี้ เขาไม่มีเวลา "ข้า ต้องกลับไปที่มิเซนัม เกิดเรื่องฉุกเฉินต่อท่อส่งน�้ำ" "เรื่องฉุกเฉินประเภทใด? หรือเป็นลางร้าย?" "กล่าวเช่นนั้นก็ได้" เขาหันกลับพร้อมจะเดินจากไป แต่แอมพลิเอตุสเดินขวาง กัน้ ทางไว้ "แกหมิน่ ข้า บนทีด่ นิ ของข้า ต่อหน้าครอบครัวของข้า ขณะนี้ แกพยายาม จะหนีหน้าจากไปโดยไม่มีค�ำขอโทษ" เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแอตติเลียส 35
มองเห็ น เม็ ด เหงื่ อ ที่ ตี น ผม กลิ่ น น�้ ำ มั น โครคั ส กรุ ่ น จากใบหน้ า กลิ่ น เครื่องหอมราคาแพง "ใครอนุญาตให้แกบุกรุกมาที่นี่?" "หากข้าจะล่วงเกินท่านไปบ้าง..." แอตติเลียสกล่าว แต่แล้วก็จำ� ได้วา่ มีรา่ งไร้วญ ิ ญาณใต้กระสอบ ค�ำขอโทษสะดุดติดกลางล�ำคอ "...หลีกทาง ไปให้พ้น" เขาพยายามจะดันผ่าน แต่แอมพลิเอตุสคว้าแขนไว้ ชายคนหนึ่งดึง มีดออกจากเข็มขัด เขาเพิ่งตระหนักว่าเพียงแค่เสือกแทงครั้งเดียว ทุก อย่างก็จบสิ้น "เขามาเพราะข้า ข้าเชิญเขามาเอง" "อะไรนะ?" แอมพลิเอตุสหันขวับมาหาลูกสาว อาจจะลงมือ อาจตบตีเธอ เขา ไม่อาจทราบได้ ในวินาทีนั้น เสียงร้องกรีดโหยหวน นางทาสชราเดินมา ตามทางเดินข้างบ่อปลา เธอป้ายเลือดลูกชายบนท่อนแขน ใบหน้า และ เสือ้ ผ้า ปลายนิว้ ของเธอชีต้ รงมาข้างหน้า นิว้ ชีแ้ ละนิว้ ก้อยของมือผอมเกร็ง แทงทิ่มอากาศ เธอตะโกนด้วยภาษาที่แอตติเลียสไม่เข้าใจ แต่ไม่จ�ำเป็น ต้องทราบ ค�ำสาปก็คือค�ำสาป ไม่ว่าจะกล่าวด้วยลิ้นใด ค�ำสาปจี้ตรงมา ยังแอมพลิเอตุส แอมพลิเอตุสปล่อยท่อนแขนของแอตติเลียส แอ่นรับเต็มอกด้วย ใบหน้าเรียบเฉย และเมื่อเสียงสาปซาลง แอมพลิเอตุสแผดเสียงหัวเราะ ความเงียบงันชั่วอึดใจ ก่อนคนอื่นจะผสมโรงร่วมหัวเราะ แอตติเลียส เหลือบมองคอเรเลีย สาวน้อยค้อมศีรษะเพียงนิด บุ้ยใบ้บอกด้วยสายตา ไปยังวิลลา ข้าไม่เป็นอะไร ดูเหมือนเธอจะกล่าวเช่นนั้น ไปเถอะ นั่น เป็นคราวท้ายสุดที่เขาได้เห็นหรือได้ยินข่าวจากเธอ ในขณะที่เขาหันหลัง เดินขึ้นบันไดไปยังตัวบ้าน สองหรือสามขั้นในแต่ละก้าว วิ่งบนขาหนักอึ้ง เหมือนถ่วงด้วยตะกั่ว เหมือนคนที่วิ่งหนีภัยในความฝัน
36