Slowboattochina

Page 1




เรือล่องไปแช่มช้า หนทางไกลมิใช่ปัญหา เรื่องสั้นชุดสุดท้าย

ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่ พฤษภาคม 2560

ค�ำเตือน : แม้การอ่านเรือ่ งสัน้ จะเป็นการเดินชมสวนช่วงสัน้ ๆ แต่ความส�ำราญนัน้ ยาว


ค�ำน�ำผู้แปล หลายคนเชื่อว่าเรื่องสั้นกับนวนิยายเรื่องยาวให้ความ รู้สึกในการอ่านแตกต่างกัน เรื่องยาวจะมีผืนผ้าใบแผ่นใหญ่ ขึงตึงให้ระบายสีสัน แต้มแต่งตัวละครให้กระโดดโลดเต้น ได้สุดเหวี่ยง ส่วนเรื่องสั้นเป็นแต่เพียง ‘มุขเด็ด’ ที่แฝงกาย เงียบเชียบมาสะกิดท้ายทอยให้ขนลุกซู่แล้วหนีหน้าจากไป ร�่ำๆ จะเชื่ออย่างนั้นอยู่แล้ว จนกระทัง่ นักสืบเอกชนได้รบั การว่าจ้างให้ตามหาใบหูของ มนุษย์แกะที่หายไป หรือจะเป็น ‘คนจีนที่ข้าพเจ้าเคยรู้จัก’ การตัดเล็มสนามหญ้าสุดพิถีพิถันครั้งสุดท้ายในชีวิต เออนะ, ชี วิ ต ประจ� ำ วั น จะด� ำ เนิ น ไปอย่ า งไร...ถ้ า มี ป้ายากจนเกาะบนหลัง ติดตัวไปทุกที่ เกาะให้ทุกผู้ทุกคน ได้เห็น และอื่นๆ อีกหลายเรื่อง บรรยากาศและกลิ่นอาย ‘มูราคามิ’ ยังอวลอยู่ทั้งเล่ม หลากเรื่อง หลายรส ระหว่างทีอ่ า่ นรวมเรือ่ งสัน้ เหลียวมองข้ามไหล่ดว้ ย เผือ่ จะมีป้าเกาะหลังสักคน


สารบัญ

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน ........................................... 9 เรื่องเล่า ‘ป้ายากจน’ ........................................... 39 โศกนาฏกรรมเหมืองถ่านหินนิวยอร์ก ................. 69 แถลงการณ์จิงโจ้ .................................................. 89 สนามหญ้าสุดท้ายในบ่ายนัน้ ............................... 110 สุนขั ตัวน้อยของเจ้าหล่อนในผืนดิน ................... 140 ถนนสีเขียวในซิดนีย์ .......................................... 183


ผมใคร่จับจอง ตระกองกอดคุณไว้นานเนิ่น เดินเรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน ปล่อยให้ชู้รักของคุณ ร�่ำไห้ริมฝั่งไกลโพ้น แฟรงก์ โลสเสอร์ นักแต่งเพลงละครบรอดเวย์ เขียนเพลงนี้ ไว้ ในปี 1945

วลี ‘เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน’ มีที่มาจากโต๊ะโป๊กเกอร์ บรรยายภาพคนเล่นเสียจนหน้ามืด เสียจนแทบหมดเนื้อหมดตัว เพราะการเดินเรือสู่เมืองจีน มองว่าเป็นกิจกรรมเชื่องช้า กินเวลายาวนาน “พ่อเปลี่ยนเสียงเปรยในวงไพ่ ให้เป็นเพลงรักแสนหวาน” ซูซาน โลสเสอร์, บุตรี กล่าวไว้ ในหนังสือประวัติของบิดา


เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน นพดล เวชสวัสดิ์ แปล

1 ผมพบคนจีนคนแรกเมื่อไหร่นะ? เช่นนัน้ เลย, นักโบราณคดีของผมเริม่ ปัดแปรง ลอกอดีต ของผมทีละชั้น ติดป้ายหมายเลข จัดแยกประเภท และ ท�ำการวิเคราะห์ เอาละ, ได้ผลอย่างไร? พบเจอกันครัง้ แรกเมือ่ ไหร่? เท่าที่ ผมจ�ำได้ คลับคล้ายคลับคลา น่าจะอยู่ในช่วงระหว่าง 1959 หรือ 1960 ปีไหน เมื่อไหร่ มีสาระส�ำคัญด้วยหรือ? กล่าว ชี้ชัด ไม่มีเลย ปี 59 และ 60 เป็นเพียงแฝดทึ่มสวมเสื้อผ้า สุดเฉิ่มเหมือนกัน แม้ผมจะนั่งยานย้อนอดีต ผมก็คงไม่อาจ แยกแยะชี้ชัดได้ แม้จะเลอะเลือนขนาดนั้น ผมยังไม่ยอม พ่าย เปิดหลุมให้กว้างขึ้น เติมภาพนั้นด้วยรายละเอียด เล็กจิ๋วเท่าที่จะค้นพบ ทุกเศษเสี้ยวของความทรงจ�ำ เอาละ, ผมแน่ ใจได้ว่าเป็นปีที่จอห์นสันดวลก�ำปั้นกับ แพตเตอร์สัน ชิงเข็มขัดรุ่นเฮฟวี่เวต ซึ่งก็หมายความว่า ผมจะต้องย้อนไปค้นหนังสือพิมพ์รวมอดีต ข่าวในขวบปี ได้ ค�ำตอบชี้ชัด หมดข้อกังขา เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

9


ในตอนเช้า ผมขีจ่ กั รยานตรงไปยังห้องสมุดท้องถิน่ ข้าง ประตูหน้า ด้วยเหตุผลใดไม่มีผู้ ใดทราบได้ มีเล้าไก่เล็กๆ ลูกเจี๊ยบห้าตัวจิกกินอาหาร หากไม่ใช่มื้อเช้าค่อนสาย ก็คง เป็นมื้อเที่ยงก่อนเวลา วันฟ้าโปร่งอากาศสดใส ก่อนจะเข้า ห้องสมุด ผมนัง่ ทีข่ อบทางเท้าข้างลูกเจีย๊ บ จุดบุหรีส่ บู ผมก้ม ลงมองลูกเจีย๊ บคร�ำ่ เคร่งจิกอาหาร เหมือนหนังเงียบโบราณ ที่จ�ำนวนเฟรมต่อวินาทีน้อยเกินไป บุหรี่หมดมวน เกิดความเปลี่ยนแปลงในตัวผมอีกครั้ง ใครจะไปรู้ว่าท�ำไมจึงเกิดขึ้น? ประมวลค่าเท่าที่เป็น ตัวตน ใหม่ของผม...ลูกเจี๊ยบทั้งห้า บุหรี่อีกมวน ได้ตัวตนใหม่เลย แถมด้วยค�ำถามสองข้อ ข้อหนึ่ง ใครกันหนาจะมาสนใจว่าผมพบคนจีนคนแรก เมื่อไหร่? และข้ อ สอง ได้ ป ระโยชน์ โพดผลใดถ้ า จะกางแผ่ หนังสือพิมพ์รวมอดีต ข่ าวในขวบปี บนโต๊ะห้องอ้างอิง ในวันอากาศสดใสแบบนี้? ค�ำถามชัน้ ดี ผมจุดบุหรีอ่ กี มวน ย้อนกลับมาหาจักรยาน โบกมืออ�ำลาลูกไข่...เอ้อ...ลูกไก่และข้อมูลโบราณ นกโผบิน เป็ น ไทแก่ ตั ว ไม่ เ มามั ว หลงชื่ อ ฉั น ใด ความทรงจ� ำ ก็ พึ ง ปลอดวันที่ก�ำกับฉันนั้น เป็ น เช่ น นั้ น ความทรงจ� ำ ส่ ว นใหญ่ ข องผมไม่ มี วั น ที่ ก�ำกับ การร�ำลึกไม่เฉียดใกล้ผลรวมของความทรงจ�ำทัง้ หมด ไม่อาจไว้เนื้อเชื่อใจถ้าในบางคราว ผมจะพยายามน�ำไปใช้ เป็นเกณฑ์วัดพิสูจน์อะไรสักอย่าง แต่ว่า ผมพยายามจะ พิสูจน์เรื่องใดกัน? ในเมื่อการด�ำรงอยู่เลอะเลือนของผม 10

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


ไม่ใช่เรื่องที่จะพิสูจน์ยืนยันด้วยความแม่นย�ำเที่ยงตรง เอาเถอะ, ถ้านั่นเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ ความจ�ำของผม ค่อนข้างจะเลื่อนเปื้อนได้ถึงขั้นน่าประทับใจทีเดียว ผม กลับทิศผิดทางได้เสมอ น�ำเอาเกร็ดเรือ่ งราวมาเป็นความจริง แม้แต่เรือ่ งราวที่ ได้พบเห็นด้วยตาตนเอง ยังน�ำเอาค�ำให้การ ของผูอ้ นื่ มาแทนที่ ถึงขนาดนีแ้ ล้ว จะยังเรียกว่าความทรงจ�ำ ของตนได้อีกหรือ? ประสบการณ์ความทรงจ�ำที่ผมลาก ออกมาจากยุ ค ประถมต้ น (หกปี แ ห่ ง ความขมขื่ น ในยุ ค ประชาธิปไตยใหม่หลังสงครามโลก) มีเพียงสองเรื่อง หนึ่ง นั้นคือเรื่องความสัมพันธ์กับคนจีน และอีกเรื่อง การเล่น เบสบอลตอนบ่ายในระหว่างปิดภาคเรียนฤดูร้อน ในเกมนั้น ผมเล่นเซนเตอร์ฟีลด์ สติดับด�ำมืดไปเลยท้ายอินนิ่งที่สาม ผมหมายความว่า จูๆ่ ก็ ไม่ได้งอก่องอขิงเป็นลมล้มพับไปเอง เหตุผลทีผ่ มสิน้ สติกเ็ ป็นเพราะสนามของเราได้รบั การจัดสรร แบ่งปันทีว่ า่ งข้างสนามกีฬาของโรงเรียนมัธยมปลาย ดังนัน้ เมือ่ ผมวิง่ เต็มฝีเท้า แหงนหงายหน้ามองลูกโด่งกลางฟ้า วิง่ ชนเสาบาสเกตบอลเต็มรัก โลกดับมืดไปทันควัน เมื่อผมฟื้นคืนสติอีกครั้ง ผมนอนอยู่บนม้ายาวใต้ร่มไม้ สิ่งแรกที่ผมสังเกตพบ จะเป็นกลิ่นน�้ำพรมราดรดดินแห้ง และกลิ่นหนังอวลจมูกของถุงมือเบสบอลใหม่เอี่ยมที่เขาเอา มาหนุนหัวแทนหมอน จากนั้น ก็เป็นความปวดตุบที่ขมับ ผมเดาเอาว่าผมคงพึมพ�ำอะไรออกมา จ�ำไม่ได้แน่ชัด ใน ภายหลัง เพือ่ นของผมทีเ่ ฝ้าดูอาการน�ำเรือ่ งนัน้ ป่าวประกาศ ให้ทราบทั่วกัน ผมพูดออกมาว่า เอาเหอะ, ปัดฝุ่นทิ้งไป เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

11


ก็ยังกินได้น่า วะ, เรือ่ งนัน้ โผล่มาจากที่ ไหนกัน? จวบจนทุกวันนี้ ผมยัง ไม่อาจคาดเดาที่มาที่ ไปได้ เดาเอาว่าผมน่าจะฝันถึงอาหาร กลางวัน เวลาผ่านไปสองทศวรรษ วลีนั้นยังสะท้อนไปมา ในห้วงความคิด เอาเหอะ, ปัดฝุ่นทิ้งไป ก็ยังกินได้น่า จากถ้อยค�ำนั้น น่าจะเป็นต้นตอที่ผมน�ำมาคิดถึงการ ด�ำรงอยู่ ในฐานะมนุษย์ และเส้นทางที่ทอดยาวไปข้างหน้า ความคิ ด หลากหลายประดามี ข องคนเรามุ ่ ง หน้ า ไปยั ง จุดเดียว...ความตาย การวาดภาพความตาย อย่างน้อยก็ ส�ำหรับตัวผมเอง เป็นทฤษฎีบทที่ค่อนข้างเลอะเลือน และ เมื่อพูดถึงความตาย ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง สะกิดให้ผม ย้อนนึกไปถึงคนจีน

2 มี โรงเรียนจีน โรงเรียนประถมส�ำหรับคนจีนบนเนินเขา ห่างไกลจากอ่าว (ขออภัย, ผมจ�ำชื่อโรงเรียนไม่ได้แล้ว ผม ก็เลยเรียกแค่โรงเรียนจีนชัน้ ประถม) ผมต้องเดินทางไปทีน่ นั่ เพื่อเข้าสอบวัดความสามารถ หากนับโรงเรียนประถมอื่นๆ โรงเรียนจีนอยู่ไกลที่สุด และผมเป็นเพียงคนเดียวในชั้นที่ ต้องเดินทางไปสอบที่นั่น ความผิดพลาดคลาดเคลื่อนของ การลงทะเบียน รับสมัครสอบ? อาจเป็นได้ เพื่อนทุกคนไป 12

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


สอบในโรงเรียนในละแวกบ้านทั้งสิ้น โรงเรียนจีนนี่นะ? ผมถามทุกคนที่ผมรู้จัก ไม่มี ใครทราบเรื่องโรงเรียนจีน มีเพียงแค่ว่า เดินทางทางรถไฟครึ่งชั่วโมง ย้อนไปในยุคนั้น ผมยังไม่รู้เรื่องการออกส�ำรวจ ไม่เคยนั่งรถไปเที่ยวที่ ไหนๆ ตามล�ำพัง ดังนั้น การเดินทางไปยังโรงเรียนจีนแทบจะ เรียกได้ว่ามุ่งหน้าไปยังปลายขอบโลกทีเดียว โรงเรียนจีนที่ปลายขอบโลก เช้าวันอาทิตย์ สองสัปดาห์ถัดมา ผมตกอยู่ ในภาวะ ตระหนก เหลาดินสอนับสิบแท่ง ห่ออาหารกลางวันและ รองเท้าแตะสวมในชั้นเรียนเก็บเข้าไว้ ในกระเป๋านักเรียน พลาสติกตามข้อก�ำหนด วันแดดจ้า อุ่นไปหน่อยส�ำหรับ ฤดูใบไม้ร่วง แต่แม่ก็ ให้ผมสวมสเวตเตอร์ทับอีกชั้น ผม ขึ้นรถไฟเอง ยืนประจ�ำการที่ประตูไปตลอดทาง ตามอง ออกไปนอกหน้าต่าง ผมไม่อยากลงผิดสถานี ผมพบโรงเรี ย นจี น โดยไม่ ต ้ อ งดู แ ผนที่ ที่ พิ ม พ์ อ ยู ่ ห ลั ง บัตรเลขที่นั่งสอบ เท่าที่ต้องท�ำ ก็แค่เดินตามหลังนักเรียน ฝูงใหญ่ที่มีรองเท้าแตะและกล่องอาหารกลางวันบรรจุอยู่ ในกระเป๋านักเรียน อาจจะสิบหรือร้อยคน เดินขึน้ เนินสูงชัน ภาพที่น่าประทับใจยิ่ง ไม่มีการผลักไสเตะถีบ ไม่มีการดึง หมวกแก๊ปเด็กตัวเล็กกว่า ทุกคนดุ่มเดินเงียบเชียบ เหมือน การสาธิตการเคลื่อนไหวไม่รู้จบที่ยังไม่อาจลงความเห็นระบุ ชี้ชัดได้ ปีนขึ้นเนินสูง เหงื่อกาฬไหลย้อยใต้เสื้อสเวตเตอร์ จนชุ่ม เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

13


ตรงกันข้ามกับภาพที่ผมวาดไว้ ในใจ โรงเรียนจีนไม่ได้ แตกต่างไปจากโรงเรียนของผม แท้จริงแล้ว สะอาดกว่ามาก ช่องทางเดินยาวเหยียดทึบทึม อากาศอับ...ภาพที่วิ่งพล่าน อยู่ในหัวของผมในสองสัปดาห์ทผี่ า่ นมาเป็นแต่เพียงภาพวาด ให้น่ากลัวไปเอง เดินผ่านประตูรั้วหรูหรา ผมเดินไปตาม แผ่ น หิ น ปู โ ค้ ง ไปหาประตู ห น้ า อาคารเรี ย นที่ มี ส ระน�้ ำ ใส สะท้อนแสงระยิบระยับของแดดเก้าโมงเช้า ตลอดแนว หน้าอาคารมีไม้ยืนต้นเรียงรายเป็นแถว แต่ละต้นติดป้าย บอกชื่อต้นไม้เป็นภาษาจีน อักษรบางตัวผมพออ่านออก อีกส่วนหนึ่งไม่กระดิก ทางเข้าเปิดสู่สนามหญ้ากลางอาคาร ที่ มุมสนามมีรูปปั้นครึ่งท่อนของคนส�ำคัญสักคน มีที่วั ด ปริมาณน�้ำฝน และบาร์เดี่ยว ผมถอดรองเท้าที่ทางเข้าอาคารตามค�ำสั่งของครู เดิน เข้าไปนั่งในห้องตามค�ำสั่ง ห้องเรียนสว่าง โต๊ะนักเรียน มีฝาเปิดปิดสี่สิบตัวเรียงกันเป็นแถว แต่ละตัวติดก�ำกับด้วย บัตรเลขประจ�ำตัวผู้สมัครสอบ โต๊ะของผมอยู่แถวหน้า ติด หน้าต่าง ผมเดาเอาว่าผมน่าจะมีคะแนนต�่ำสุด กระดานด�ำสีเขียวใหม่เอี่ยมอ่อง โต๊ะครูมีกล่องชอล์ก และแจกันปักดอกเบญจมาศสีขาว ทุกอย่างสะอาดหมดจด ภาพไร้ ที่ ติ ข องความเป็ น ระเบี ย บ ไม่ มี ภ าพเขี ย น ไม่ มี เรียงความติดกระจายซ้อนทับกันบนบอร์ด อาจเป็นไปได้ ว่ า โรงเรี ย นเก็ บ กวาดให้ เ กลี้ ย งเกลาเพื่ อ ไม่ ใ ห้ พ วกเรา เสียสมาธิในการท�ำข้อสอบ ผมนั่งประจ�ำที่ น�ำกล่องดินสอ และแผ่นรองเขียนจัดเรียงบนโต๊ะ ยกมือเท้าคาง หลับตาลง เวลาผ่านไปเกือบสิบห้านาที ครูคุมสอบเดินเข้ามาใน 14

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


ห้อง ถือข้อสอบหอบใหญ่กอดมาในวงแขน เขายังไม่แก่ เกินสี่สิบ แต่เดินกะเผลก มืออีกข้างถือไม้เท้าไม้เชอร์รี เนื้อหยาบท�ำลวกๆ เหมือนของที่ระลึกขายบนยอดเขาให้ นักเดินป่าซือ้ ติดมือไปใช้งาน อาการกะเผลกไม่เปลีย่ นจังหวะ ท�ำให้ความสนใจพุ่งไปที่ ไม้เท้ามากยิ่งขึ้น สายตาสี่สิบคู่ จ้องจับอยู่ที่ผู้คุมสอบ กล่าวให้ชัด จับจ้องอยู่ที่กระดาษ ข้อสอบในอ้อมแขน ในห้องเงียบสงัด ผู้คุมสอบเดินขึ้นมาบนยกพื้น วางข้อสอบลงบนโต๊ะ ทิง้ ไม้เท้าพิงข้างโต๊ะ มองกวาดไปรอบห้องว่านักเรียนนัง่ ครบ ทุกโต๊ะ ไอออกมาเบาๆ มองนาฬิกาข้อมือ จากนั้น สองมือ จับขอบโต๊ะ คล้ายจะยึดไว้ ไม่ ให้ร่างล้มฟาด เงยหน้ามอง ไปที่มุมเพดานห้อง ความเงียบสงัด สิบห้าวินาทีผา่ นไป ไม่มเี สียงใด เด็กนักเรียนนัง่ ตัวเกร็ง กลั้นลมหายใจนิ่ง สายตาจ้องมองกองข้อสอบ ผู้คุมสอบ ขากะเผลกจ้องมองมุมเพดาน เขาสวมชุดสูทสีเทาอ่อน เชิ้ตขาว เน็กไทไม่เหลือลวดลายและสีสันพอจะบ่งบอกได้ อีกแล้ว เขาถอดแว่นตา เช็ดเลนส์ดว้ ยผ้าเช็ดหน้า เชือ่ งช้า พิถีพิถัน ก่อนจะสวมกลับคืน “ฉันจะเป็นผู้คุมสอบวันนี้” ชายผู้นั้นกล่าวในท้ายที่สุด “ทันทีที่พวกเธอได้รับข้อสอบ ขอให้วางคว�่ำหน้าลงบนโต๊ะ อย่าได้พลิกขึ้นมา มือสองข้างวางบนตัก เมื่อใดที่ฉันให้ สัญญาณ ‘เริ่ม’ เธอจะพลิกข้อสอบและเริ่มท�ำได้ เมื่อถึง เวลาอีกสิบนาทีจะสิ้นสุดการสอบ ฉันจะให้สัญญาณ ‘อีก สิบนาทีหมดเวลา’ ถึงเวลานั้น ขอให้ตรวจข้อสอบให้ถี่ถ้วน เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

15


ว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เมื่อฉันบอกว่า ‘หยุด’ ขอให้พลิก กระดาษค�ำตอบคว�่ำหน้า วางมือลงบนโต๊ะ เข้าใจหรือไม่?” ความเงียบสงัด เขามองนาฬิกาอีกครั้ง “ในเมือ่ เรามีเวลาเหลืออีกสิบนาทีกอ่ นเริม่ ท�ำข้อสอบ ฉัน อยากจะพูดคุยกับพวกเธอ ขอให้ปล่อยตัวตามสบาย” เสียงระบายลมหายใจเฮือก เฮือก ดังหลายครั้ง “ฉันเป็นครูคนจีน ฉันสอนอยู่ที่นี่” คนจีนคนแรกที่ผมเคยพบ! หน้าตาเขาไม่เหมือนคนจีน แต่ผมจะไปรูอ้ ะไร? ผมรูด้ ว้ ย หรือว่าคนจีนหน้าตาเป็นอย่างไร? “ในห้องเรียนนี้” เขากล่าวต่อ “นักเรียนชาวจีนเรียน หนักเหมือนพวกเธอ...พวกเธอก็รู้ว่าจีนกับญี่ปุ่นเป็นประเทศ เพื่อนบ้าน หากประสงค์จะให้ทุกคนมีความสุข เพื่อนบ้าน จะต้องผูกสัมพันธ์เป็นมิตรกัน นั่นจริงหรือไม่?” ความเงียบ “แน่อยู่แล้ว หลายสิ่งหลายอย่างของสองประเทศมี ความละม้ายคล้ายกัน อีกหลายอย่างแตกต่างกัน บางเรือ่ ง เราเข้าใจกัน บางเรื่องก็เข้าใจกันไม่ได้ แต่นั่นไม่ใช่วิถีปกติ ระหว่างเธอกับเพื่อนพ้องดอกหรือ? แม้จะเป็นเพื่อนกัน บางเรื่องเราก็ ไม่อาจท�ำความเข้าใจได้ แต่ถ้าเธอพยายาม อีกสักหน่อย เธอก็พอจะผูกมิตร สนิทกับเพื่อนได้ นั่นเป็น สิ่งที่ฉันเชื่อ แต่ถ้าเราต้องการท�ำเช่นนั้น เราจะต้องเริ่มต้น ด้วยความนับถือกันและกัน...นี่เป็นก้าวแรก” 16

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


ความเงียบ “ยกตัวอย่างเช่น สมมติวา่ มีเด็กคนจีนหลายต่อหลายคน เดินทางไปยังโรงเรียนของพวกเธอ ไปสอบที่ โรงเรียนของ เธอ เหมือนที่พวกเธอมานั่งโต๊ะเรียนของเด็กคนจีน ขอให้ ลองคิดเรื่องนี้ เก็บไปคิดให้ดี” อืม “สมมติว่าเช้าวันจันทร์ พวกเธอกลับเข้าห้องเรียน เธอ เดินไปนั่งโต๊ะของเธอ แล้วเห็นอะไร? มีรอยขีดรอยเขียน เต็มไปหมด ใต้เก้าอี้มีหมากฝรั่งแปะอยู่ รองเท้าแตะสวมใน ห้องเรียนข้างหนึ่งหายไป พวกเธอจะคิดยังไง?” ความเงียบ “ยกตัวอย่างที่เธอ” เขาชี้มาที่ผม คนที่คะแนนต�่ำสุด “...เธอจะมีความสุขหรือ?” ทุกคนในห้องมองผมเป็นตาเดียว ผมหน้าแดงฉาน สั่นหัวไปมา “เห็นหรือยัง?” เขาหันกลับไปหาชัน้ เรียนอีกครัง้ สายตา ของนักเรียนทุกคู่เบือนกลับไปหน้าชั้น “พวกเธอจักต้องไม่ ขีดเขียนโต๊ะเรียนให้เป็นรอย หรือแปะหมากฝรั่งไว้ ใต้เก้าอี้ หรือเปิดค้นโต๊ะเรียน เข้าใจหรือไม่?” ความเงียบ “เด็กคนจีนพูดจาฉาดฉานเมื่อตอบค�ำถามของคุณครู” ครับผม เสียงตอบสี่สิบเสียง กล่าวตามจริง สามสิบเก้าเสียง ปากของผมยังอ้าไม่ขึ้น “เช่นนั้น, เงยหน้า หัววางบนบ่า ไหล่ผึ่งผาย” เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

17


เราเงยหน้าขึ้น อกพองพร้อมเพรียง “ภาคภูมิ” * ยี่สิบกว่าปีผ่านไป ผมลืมการสอบครั้งนั้นไปเสียสนิท เท่าทีจ่ ำ� ได้ นักเรียนเดินเงียบเชียบ ต่อหางกันเป็นสายขึน้ เนิน และคุณครูคนจีนผู้นั้น และนั่นเป็นวิถีที่ช่วยให้ผมวางหัว บนบ่า ยืดอกผึ่งผายด้วยความภาคภูมิ

3 เมืองทีผ่ มเรียนมัธยมปลายเป็นเมืองท่า ดังนัน้ ก็พบเห็น คนจีนมากหน้าหลายตา ใช่วา่ คนจีนจะหน้าตาแตกต่างไปจาก พวกเรา ใช่ว่าคนจีนจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว พวกนั้น ต่างไปจากเราเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่มองในแง่หนึ่ง พวกเขา ก็เหมือนเรา เมื่อเก็บมาคิดโดยละเอียดถึงตัวตนแต่ละคน ลักษณะเฉพาะตัวของคนเรามักจะเลยไกลไปเกินกว่าการ จ�ำแนกประเภท หรือการหว่านแหตีตราในต�ำราเล่มไหนๆ มี เ ด็ ก คนจี น หลายคนในชั้ น เรี ย นของผม บางคนได้ คะแนนดี บางคนก็ไม่ มีทงั้ พวกสดใสร่าเริง และคนเงียบขรึม ไม่พดู ไม่จา คนหนึง่ อาศัยอยู่ในบ้านกว้าง สนามใหญ่แทบจะ เป็นราชวัง อีกคนอยู่ในบ้านห้องเดียว ไร้แสงอาทิตย์สอ่ ง มีทกุ ระดับเท่าทีจ่ ะคิดขึน้ มาได้ ผมไม่ใช่คนแย้มยิม้ ผูกมิตรกันเถิด ดังนั้น จะจีนหรือญี่ปุ่น ไม่มีความแตกต่างใดส�ำหรับผม 18

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


อย่างไรก็ตาม สิบปีผันผ่านไป มีเพื่อนคนจีนคนหนึ่ง โผล่มาทักทาย ผมคงจะยังไม่พูดถึงคนนั้นในตอนนี้ เปลี่ยนฉากกลับไปที่ โตเกียวเสียก่อน คนจีนคนถัดไป ไม่นบั เพือ่ นคนจีนในโรงเรียนมัธยมปลาย ทีผ่ มแทบไม่ได้พดู คุยด้วย จะเป็นสาวจีนขีอ้ ายทีผ่ มพบในตอน ท�ำงานพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลิของการเรียนมหาวิทยาลัย ปีสอง เธออายุสิบเก้าเหมือนผม สาวร่างเล็กกะทัดรัด หน้าหวาน เราท�ำงานด้วยกันตลอดสามสัปดาห์ ในช่วงปิดภาค เธอขยันขันแข็งอย่างน่าอัศจรรย์ ใจ ผมท�ำหน้าที่ของผม สุดความสามารถ แต่ทุกคราวที่ผมแอบมอง ดูเหมือนว่า การท�ำงานหนักของเธอกับการท�ำงานหนักของผมเป็นสัตว์ คนละเผ่าพันธุ์ ผมหมายความว่า ถ้าเปรียบเทียบกับตัวผม ผมจะคิดว่า ‘ถ้าแกจะลงมือท�ำอะไรสักอย่าง ก็น่าจะท�ำให้ ดีที่สุด’ แต่เมื่อหันไปมองเธอ แรงขับของเธอเข้มข้นจัดจ้า ถึงขั้นเจาะเข้าไปหารากเหง้าของมนุษยชาติเลยทีเดียว แม้ จะแทนค่าด้วยค�ำอธิบายได้ ไม่ง่ายนัก ผมรู้สึกว่าแรงขับ ของเธอเร่งร้อนกระหืดกระหอบประหนึง่ ว่า การด�ำรงอยู่ใน โลกนีแ้ ขวนห้อยด้วยเส้นด้ายเรียวบางเส้นเดียว คนส่วนใหญ่ ไม่อาจท�ำงานไล่ตามหลังเธอได้ทัน ร่วมงานกันไม่นาน จะ เสียสติโบกมือขวักไขว่ด้วยความวุ่นวายใจ มีเพียงคนเดียว ที่ร่วมงานกับเธอได้จนถึงที่สุด นั่นก็คือ ผม แม้จะท�ำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันนาน เราไม่เคยพูดกัน ผมเคยลองชวนคุยสองสามหน แต่เธอไม่มีทีท่าว่าสนใจ การสนทนา ผมก็เลยถอยห่าง คราวแรกสุดที่เรานั่งคุยกัน เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

19


เป็นเรื่องเป็นราว จะเป็นช่วงสัปดาห์ที่สองของการท�ำงาน ร่วมกัน เช้าวันนี้ ในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก เธอขวัญกระเจิง ตื่นตระหนก ซึ่งไม่ ใช่ลักษณะนิสัยที่เคยเห็นมา ต้นตอเป็น แต่เพียงการท�ำงานผิดพลาด ข้ามขัน้ ตอน ความผิดของเธอ ความรับผิดชอบในหน้าที่ของเธอ หากต้องการชี้ชัด จาก มุ ม มองของผม เรื่ อ งปกติ สุ ด แสนจะธรรมดา นิ่ ง ค้ า ง ผิดจังหวะ ปิ๊ง! ใครๆ ก็พลาดกันได้ แต่ไม่ใช่เธอ รอยร้าว เพียงนิด...แตกเปรียะขยายใหญ่เป็นหุบเหว เธอนิ่งค้าง ตัวแข็ง ไม่อาจขยับตัวเคลื่อนได้ ภาพชวนสังเวช เหมือน เรือจมเชื่องช้ากลางทะเลค�่ำคืนมืดมิด ผมละมื อ จากงานที่ ท� ำ จู ง มื อ เธอมานั่ ง ลงบนเก้ า อี้ แกะปลายนิ้วก�ำแน่นของเธอออกทีละนิ้ว บังคับให้เธอดื่ม กาแฟร้อน จากนั้น ผมบอกเธอว่าไม่ ใช่เรื่องใหญ่ โตอะไร ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล ไม่มีความเสียหายใดๆ ที่จะแก้ ไข ไม่ได้ เพียงแค่ทำ� งานนัน้ ตัง้ แต่ตน้ ท�ำใหม่อกี รอบ งานก็ไม่ได้ เชือ่ งช้าล้าหลังคนอืน่ ถึงแม้จะเสร็จช้ากว่าคนอืน่ ก็ไม่มี ใคร ลากไปตัดหัว เธอเบิง่ ตามอง ไร้ประกาย แต่กผ็ งกศีรษะรับ เมื่อจิบกาแฟร้อนไประยะหนึ่ง อาการของเธอสงบลงบ้าง “ฉันขอโทษด้วย” เธอกระซิบตอบ เที่ยงวัน เราคุยกันเรื่องโน้นเรื่องนี้ และตอนนั้นเองที่ เธอบอกว่า เธอเป็นคนจีน ที่ท�ำงานของเราเป็นโกดังเก็บหนังสือคับแคบมืดทึมของ ส�ำนักพิมพ์เล็กๆ ในเขตบังเคียว กลางเมืองโตเกียว ล�ำราง น�้ำโสโครกไหลผ่านข้างโกดัง งานง่าย น่าเบื่อ วุ่นวาย เรา 20

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


รับใบค�ำสั่ง บ่งบอกว่าต้องขนหนังสือใดกี่เล่ม ขนไปวาง รอท่าที่หน้าประตูโกดัง เธอจะมัดห่อหนังสือ สอบทานกับ รายการสินค้าคงคลัง งานมีเพียงเท่านั้น ไม่มีเครื่องท�ำ ความร้อนในโกดัง เราจึงจ�ำต้องท�ำงานพล่านวุ่นวายเพื่อ ไม่ ให้บั้นท้ายแช่แข็ง บางคราว หนาวจัดจนผมคิดว่าคง ไม่เลวร้ายไปกว่าการใช้พลั่วโกยหิมะที่สนามบินแองเคอเรจ ในอะแลสกา พักเทีย่ งวัน เราจะออกจากโกดังไปหาอาหารร้อนๆ ใส่ทอ้ ง ผิงเตาให้อนุ่ ตลอดชัว่ โมงพัก เพือ่ ย้อนกลับเข้ามาหนาวเหน็บ ในโกดังอีกรอบ กล่าวให้ชัดเจน วัตถุประสงค์เดียวของ เราก็คือ การแช่ความอุ่นให้น�้ำแข็งละลาย หลังจากภาวะ ขวั ญ กระเจิ ง ของเธอผ่ า นพ้ น ไปแล้ ว เราเริ่ ม พู ด คุ ย กั น ทีละน้อยทีละนิด ค�ำพูดของเธอมาคราวละเศษ ทยอยมา ทีละเสี้ยว แต่ไม่นานนัก ผมก็พอจะสานต่อสร้างภาพขึ้นมา ได้ พ่อของเธอมีธรุ กิจน�ำเข้าขนาดเล็กที่โยโกฮามา ส่วนใหญ่ จะเป็นการน�ำเข้าเสื้อผ้าลดราคาจากฮ่องกง แม้เธอจะมี เชื้อสายจีน เธอเกิดในญี่ปุ่น ไม่เคยไปเยือนฮ่องกงหรือ แผ่นดินใหญ่จีน หรือไต้หวัน ยิ่งไปกว่านั้น เธอเรียนใน โรงเรียนญีป่ นุ่ มิใช่โรงเรียนจีน แทบจะพูดภาษาจีนไม่ได้ แต่ ภาษาอังกฤษแตกฉาน เธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยสตรีเอกชน ในโตเกียว หวังว่าสักวันจะประกอบอาชีพเป็นล่าม ระหว่าง นั้น เธอพักอยู่ ในห้องเช่ากับพี่ชายในโคมะโงเมะ หรือหาก จะยืมค�ำพูดของเธอมาใช้ เธอจับพลัดจับผลูไปอยู่กับพี่ชาย เธอคุยกับพ่อไม่รู้เรื่อง นั่นเป็นภาพรวมทั้งหมดที่ผมทราบ เรื่องราวของเธอ เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

21


ช่วงสองสัปดาห์ ในเดือนมีนาคม ฝนตกกระหน�่ำไม่ลืมหู ลืมตา เย็นวันสุดท้ายของการท�ำงาน หลังจากไปรับค่าจ้าง จากฝ่ายบัญชี อึกอักลังเลอยู่ชั่วครู่ ผมชวนเพื่อนร่วมงาน ชาวจีนไปเที่ยวดิสโกเธคในชินจูกุ ใช่ว่าผมคิดจะจีบเธอ ผม มีเพื่อนหญิงที่คบหาดูใจกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย (หาก ต้องการความจริง เราใกล้จะแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง แล้ว) สาวจีนคิดครู่เดียว “แต่ฉันไม่เคยเต้นร�ำ” “ไม่มีปัญหา” ผมตอบ “ใช่จะเป็นการเต้นบอลรูมเสีย เมื่อไหร่ ก็แค่ยักย้ายส่ายตามท�ำนองเท่านั้นเอง ใครๆ ก็ ท�ำได้” แรกสุด เราไปกินเบียร์กบั พิซซ่า ไม่ตอ้ งท�ำงานอีกต่อไป แล้ว ไม่มี โกดังหนาวยะเยือก ปลอดโปร่งโล่งอกเป็นที่สุด! ผมพูดจ้อมากกว่าปกติ เธอหัวเราะเสียงใส จากนั้น เรา เข้าดิสโกเธค เต้นร�ำอยู่สองชั่วโมง ที่นั่นอุ่นสบาย และ สุดสวย ลูกบอลกระจกส่งแสงวิบวับกระจายทั่วห้อง กลิ่น ก�ำยานคละคลุง้ วงฟิลปิ ปินส์เล่นซานทานาทัง้ ชุด เราเต้นร�ำ จนเหงื่อท่วมโชก นั่งพักให้หายเหนื่อยด้วยเบียร์อีกแก้ว เมื่อเหงื่อแห้ง เราลุกขึ้นไปเต้นต่อ ในแสงหลากสีวับวาบ แลบแปลบปลาบ เธอดูเหมือนจะเป็นคนใหม่ ไม่เหลือเค้า สาวโกดังคลังสินค้าขี้อายคนนั้นที่ผมเคยรู้จัก และเมื่อเธอ จับเค้าท�ำนองเพลงได้แล้ว ดูเธอจะสุขสนานชื่นมื่น เราเต้นร�ำกันจนหมดแรง ออกจากคลับแห่งนั้น อากาศ ค�ำ่ คืนเดือนมีนาคมสุกปลัง่ แต่ยงั เหลือความหนาวเยือกของ 22

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


ฤดูใบไม้ผลิ เรายังร้อนระอุจากการออกแรงขนาดหนัก เรา ก็เลยเดินไร้จุดหมาย สองมือล้วงกระเป๋า เราแวะหยุดที่ อาร์เขด ซื้อกาแฟติดมือ เดินจิบกันต่อไป ยังเหลือช่วง ปิดภาคอีกครึ่งหนึ่ง เราอายุเพิ่งสิบเก้า หากมี ใครชี้มือ สั่งการ เราสองคนก็น่าจะเดิน เดินไปจนถึงแม่น�้ำทามะ สี่ทุ่มยี่สิบ เธอบอกว่าต้องกลับบ้านแล้ว “ฉันต้องกลับ ให้ถึงบ้านก่อนห้าทุ่ม” น�้ำเสียงของเธอแทบจะเป็นการ ขอโทษขอโพย “ค่อนข้างเคร่งครัดนะ” ผมเสนอความเห็น “พี่ชายของฉันคิดว่าเขาเป็นผู้พิทักษ์ คุ้มครองดูแลฉัน แต่ฉนั ก็ไม่มอี ะไรต้องบ่นโวยวาย เพราะเขาเป็นคนให้หลังคา คลุมหัวฉัน” จากวิธีที่เธอพูด ผมบอกได้ว่าเธอรักพี่ชาย “อย่าลืมรองเท้าแก้วนะ” ผมหยอกเย้า ขยิบตาให้ “รองเท้าแก้ว?” ห้าหรือหกก้าวถัดมา เธอหัวเราะเสียงใส “โอ, คุณหมายถึงซินเดอเรลลาน่ะหรือ? ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ ลืม” เราเดินขึน้ บันไดสถานีชนิ จูกุ นัง่ บนม้ายาวบนชานชาลา “นี่...นี่...” ผมกล่าว “คุณคิดว่าผมควรจะได้เบอร์ โทร ของคุณหรือเปล่า? เราจะได้ ไปเทีย่ วด้วยกัน สนุกสุดเหวีย่ ง แบบนี้อีก” เธอกัดริมฝีปาก บอกหมายเลขโทรศัพท์ ผมจดหมายเลข บนแถบไม้ขีดไฟของดิสโกเธค รถไฟมาเทียบชานชาลา ผม ส่งเธอขึ้นรถ เรากล่าวราตรีสวัสดิ์ ขอบคุณ, สนุกจริงๆ แล้วเจอกัน บานประตูปิด รถไฟแล่นออกไป ผมจุดบุหรี่ มองรถไฟสายอิเคะบุกโุ ระทีค่ อ่ ยเลือนลับไปตรงสุดชานชาลา เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

23


ผมยืนพิงเสา สูบบุหรี่จนหมดมวน คิดถึงย�่ำเย็นที่เพิ่ง ผ่านมา จากภัตตาคารไปดิสโกเธค แล้วก็เดินเล่นพล่าน ทัว่ เมือง ไม่เลว นานหลายศตวรรษทีเดียวเชียวทีผ่ มออกเดต ช่วงเวลาแสนสุข ผมเชื่อว่าเธอก็คงสนุกเช่นกัน เราเป็น เพื่อนกันได้ เธออาจจะขี้อาย ประสาทตึงไปหน่อย แต่ผม ก็ชอบเธอ ผมดับบุหรีด่ ว้ ยส้นรองเท้า จุดใหม่อกี มวน เสียงมหานคร เลอะเลือน แทรกกระจายอยู่ ในความมืด ผมหลับตา สูด ลมหายใจยาวเข้าปอด ไม่น่าจะมีอะไรผิดปกติ แต่ก็ยังมี อะไรสักอย่างกวนใจ...ไม่ถกู ต้อง ผิดพลาดไปทีต่ รงไหน? ผม ท�ำอะไรลงไปแล้ว? ความคิดวนเวียนติดอยู่ ในหัว เวลาผ่านไป 15 นาที ในทีส่ ดุ ผมก็ได้คำ� ตอบ ผมส่งสาวขีอ้ ายขึน้ สายยามะโนะเทะ ...ผิดทิศ หอพักของผมอยู่ ในเมะจิโระ สี่สถานีก่อนที่หมายของ เธอ นั่นก็หมายความว่าผมกับเธอขึ้นรถขบวนเดียวกันได้ เรือ่ งง่ายดายปานนัน้ แล้วท�ำไมผมต้องส่งเธอขึน้ รถไฟไปใน ทิศตรงกันข้ามด้วยเล่า? หรือว่าผมดื่มมากเกินไป? ผมคิด มากเกินไปหรือ หรือว่าคิดถึงแต่ตัวเอง? นาฬิกาที่สถานี บอกเวลา 22:45 เธอไม่มีวันกลับบ้านทันก�ำหนดเคอร์ฟิว ผมได้แต่หวังว่า เธอจะตระหนักถึงความผิดพลาดของผม เปลีย่ นรถไฟกลับทิศ แต่ผมก็เชือ่ ว่าเธอจะไม่ทำ� เช่นนัน้ เธอ ไม่ ใช่คนแบบนั้น ไม่เลย, เธอเป็นคนประเภทที่จะนั่งรถไฟ ไปสุดทาง แม้แต่จะไปผิดทิศ แต่ว่า เธอไม่รู้สึกดอกหรือว่า ผมส่งเธอขึ้นรถไฟผิดทาง เยี่ยม, เยี่ยมไปเลย 24

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


* เวลาสิบนาทีหลังห้าทุ่ม ในตอนที่เธอปรากฏตัวที่สถานี โคมะโงเมะ เธอมองเห็นผมยืนอยู่ข้างบันได เท้าของเธอ นิ่งค้าง สีหน้ายากจะบรรยาย ลังเลระหว่างจะระเบิดเสียง หัวเราะหรือแผดเสียงเป็นฟืนเป็นไฟ ผมได้แต่ โอบกอดเธอ ไว้ พาเธอมานั่งที่ม้ายาว สองมือของเธอกุมสายกระเป๋า สะพายไหล่วางบนตัก ตาตกจ้องมองรองเท้าขาว ผมขอโทษเธอ บอกเธอว่าไม่รู้ว่าท�ำไมผมถึงได้ท�ำเรื่อง ผิดพลาดโง่ๆ แบบนั้น ผมน่าจะใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “คุณผิดพลาด โดยสัตย์จริง หรือ?” เธอถาม “แน่นอน ถ้าผมรู้ตัว ผมจะท�ำเรื่องผิดพลาดแบบนั้น ไปท�ำไมกัน?” “ฉันนึกว่าคุณจงใจท�ำเสียอีก” “จงใจ?” “เพราะฉันคิดว่าคุณโกรธ” “โกรธ?” นี่เธอพูดถึงเรื่องอะไรกัน? “ใช่” “อะไรท�ำให้คุณคิดว่าผมโกรธ?” “ไม่รู้ซี” เสียงของเธอสั่นเครือ น�้ำตาสองหยดหล่นปุบนกระเป๋า เสียงดังได้ยินถนัดหู ผมจะท�ำอะไรได้? ผมนั่งตัวแข็ง ไม่พูดไม่จา รถไฟแล่น เทียบชานชาลา ปล่อยผู้ โดยสารลง และแล่นจากไป คนเดิน หายลงไปตามขัน้ บันได ทุกอย่างหวนคืนสูค่ วามเงียบอีกครัง้ “ได้ โปรด ปล่อยให้ฉันอยู่ตามล�ำพัง” เธอยิ้มให้ มือ เสยผมให้ปัดไปอีกทาง “ตอนแรก ฉันก็คิดว่าเป็นความ เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

25


ผิดพลาดเหมือนกัน คิดนะว่าท�ำไมไม่นั่งไปให้ตลอดทาง? แต่เมื่อผ่านสถานี โตเกียว ฉันเปลี่ยนความคิด ทุกอย่าง ผิดพลาดไปหมด ฉันไม่อยากตกมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ อีกแล้ว” ผมอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ไม่มคี ำ� หลุดออกจากปาก ลมพัดหอบแผ่นกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ปลายชานชาลา “ไม่เป็นไรค่ะ” เธอยิ้มจางๆ “ที่นี่ ไม่ ใช่ที่ที่ฉันควรอยู่ ไม่ใช่ที่ส�ำหรับฉันอยู่แล้ว” ที่ นี่ ญี่ ปุ ่ น น่ ะ หรื อ ? บนก้ อ นหิ น ที่ ห มุ น คว้ า งรอบตั ว ท่องไปในห้วงอวกาศด�ำมืดเวิ้งว้างนี่หรือ? ผมเอื้อมมือไป กุมมือเธอไว้ น�ำมือเรียวเล็กมาวางบนตักของผม วางฝ่ามือ ทาบทับมือของเธอ ฝ่ามือของเธอชุ่มเหงื่อ ผมรี ด ค� ำ ออกจากปาก “มีหลายเรื่องราวในตัว ผมที่ ไม่อาจอธิบายให้ ใครฟังได้ หลายเรื่องที่แม้แต่ตัวผมเองก็ ไม่เข้าใจ ผมไม่อาจบอกได้วา่ คิดถึงเรือ่ งใดหรือต้องการสิง่ ใด ผมไม่มเี รือ่ งใดเป็นจุดแข็งในตัวของผม และจะต้องใช้จดุ เด่น นั้นในทิศทางไหน แต่เมื่อใดก็ตามที่ผมเก็บเรื่องนี้ ไปคิด เอาจริงเอาจัง คิดละเอียดเมื่อไหร่ ภาพที่เห็นน่ากลัวดีแท้ และถ้าผมกลัว ผมก็จะคิดถึงแต่ตัวเอง ผมจะกลายเป็นคน เห็นแต่ตน ยึดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง โดยไม่มีเจตนา โดย ไม่ได้ตั้งใจ ผมท�ำร้ายผู้อื่นให้เจ็บปวด ดังนั้น คงไม่อาจสรุป ได้ว่า ผมเป็นมนุษย์งดงามนัก” ผมไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใดอีก เธอเองก็นิ่งเงียบ ดูเหมือน จะรอท่าให้ผมพูดต่อ เธอเพ่งจ้องมองปลายรองเท้าของ ตน ห่างไกลออกไปมีเสียงหวอของรถพยาบาลดังแว่วมา 26

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


พนั ก งานสถานี กวาดชานชาลา เขาไม่ได้หันมามองเรา สองคน ค�่ำคืนดึกดื่นแล้ว รถไฟแล่นมาน้อยขบวน “ผมมีความสุขที่ ได้ออกเทีย่ วกับคุณ” ผมกล่าว “นัน่ จริง จริงแท้ ผมไม่รู้ว่าจะบรรยายอย่างไรให้ชัด แต่ ในสายตา ของผม คุณเป็นคนที่มีตัวตน ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ท�ำไม ถึงคิดแบบนี้ เพียงแค่ได้อยู่กับคุณ คุยกับคุณ ก็พอแล้ว ส�ำหรับผม” เธอเงยหน้า เพ่งจ้องมองตาผม “ผมไม่ได้ส่งคุณขึ้นรถผิดขบวนโดยเจตนา” ผมยืนยัน “...เพียงแค่ไม่มีความคิดใดเหลืออยู่ในหัว” เธอผงกหัวรับ “พรุง่ นีผ้ มจะโทรศัพท์หาคุณ” ผมกล่าวต่อ “เราไปเทีย่ ว ที่ ไหนกันสักแห่ง คุยกัน” เธอเช็ดน�้ำตาจากใบหน้า สอดมือล้วงเข้าไปในกระเป๋า “ขอบคุณ ขอโทษส�ำหรับทุกอย่าง” “คุณไม่ควรขอโทษ ผมเป็นฝ่ายผิดเอง” เราแยกทางกัน ผมนัง่ อยูบ่ นม้ายาวอีกนาน สูบบุหรีม่ วน สุดท้าย ขย�ำซองทิ้งลงถังขยะ เวลาใกล้เที่ยงคืนแล้ว เก้าชัว่ โมงถัดมา ผมเพิง่ ตระหนักว่าผมก่อความผิดพลาด ครั้งที่สองในคืนเดียว เรื่องเลวร้ายแทบขาดใจ ผมโง่สิ้นดี กระดาษใสห่อซองบุหรี่มีแผ่นไม้ขีดไฟหยิบมาจากดิสโกเธค ที่เขียนหมายเลขโทรศัพท์ของเธอไว้ ผมเสาะส�ำรวจทุกที่ ย้อนกลับไปที่ โกดัง ที่นั่นไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ของเธอ บันทึกไว้ ผมเปิดสมุดโทรศัพท์ ตามไปสอบถามสภานักศึกษา ที่มหาวิทยาลัยของเธอ...ไร้ โชค เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

27


ผมไม่ได้พบเธออีกเลย, คนจีนคนที่สองของผม

4 เอาละ, คราวนี้ก็มาถึงคนจีนคนที่สาม เพื่อนรู้จักกันในโรงเรียนมัธยมปลายที่ผมเคยกล่าวถึง มาแล้วตอนต้น เพื่อนที่เคยพูดคุยกันไม่กี่ครั้ง เรื่ อ งนี้ เ กิ ด ขึ้ น ตอนผมอายุ ผ ่ า นยี่ สิ บ แปดมาหมาดๆ หกปีหลังจากผมแต่งงานแล้ว หกปีที่ผมฝังแมวไปแล้ว สามตัว แผดเผาความทะยานอยากไปกี่มากน้อย ม้วนห่อ ทุรนทุรายในสเวตเตอร์หนากีต่ วั และฝังสรรพสิง่ ลงในพืน้ ดิน เรื่องราวทั้งหมดเกิดในมหานครมหึมาลึกจนหยั่งไม่ถึงของ โตเกียว บ่ายหนาวเหน็บในเดือนธันวาคม ไม่มลี มพัด แต่อากาศ เย็นเยือกจนแสงที่กรองผ่านเมฆลงมาไม่อาจขับไล่เรื่อสีเทา ของมหานครไปได้ ผมออกจากธนาคารมุง่ หน้ากลับบ้าน เดิน ผ่านประตูกระจกของคาเฟบนถนนอะโอยามะ เพือ่ ดืม่ กาแฟ สักถ้วย ผมพลิกอ่านนิยายที่ถือติดมือมาอ่าน เงยหน้าเป็น ครั้งคราว เพื่อมองดูรถยนต์ที่แล่นผ่านร้าน ผมสังเกตเห็นชายผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า เขาเรียกชื่อผม “ใช่คุณจริงๆ ด้วย” เขากล่าว ผมน่าจะอ้าปากค้าง ตอบรับค�ำทักทาย แต่นกึ ชือ่ หมอนี่ ไม่ได้ อายุอานามรุ่นราวคราวเดียวกัน สวมเบลเซอร์สี 28

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


น�ำ้ เงินเข้มตัดเย็บประณีต เน็กไท ผ้าหนาทอลาย สีเหมาะสม อะไรบางอย่างในตัวให้ความรู้สึกโรยราแพ้พ่าย เสื้อผ้า ไม่เก่า เขาเองก็ ไม่ได้เหนื่อยล้า ไม่ ใช่เรื่องนั้น น่าจะเป็น เค้าหน้า แม้หมดจดดูได้ แต่เมือ่ น�ำมาประกอบรวมกัน กลับ ให้บรรยากาศนัน้ ไปเสียได้ เหมือนเช่นจานชามผิดชุดทีน่ ำ� มา วางบนโต๊ะอาหาร “รังเกียจไหมถ้าฉันจะนั่ง?” เขาหย่อนตัวลงเก้าอี้ตัว ตรงข้าม หยิบซองบุหรี่กับไลเตอร์สีทองออกมา เขาไม่ได้ จุดสูบ เพียงแค่น�ำมาวางบนโต๊ะ “จ�ำฉันไม่ได้หรือ?” “เกรงว่าไม่” ผมตอบตามตรง “ขอโทษด้วย ผมจ�ำ ชื่อคนไม่ค่อยได้ ถ้าเป็นใบหน้ายิ่งแล้วใหญ่” “หรื อ ไม่ คุ ณพยายามจะลืมอดีตไปให้สิ้น ในระดั บ จิตใต้ส�ำนึกน่ะ” “อาจเป็นเช่นนัน้ ” ผมตอบ แล้วไง, ถ้าเป็นเช่นนัน้ จริง? สาวเสิร์ฟถือแก้วน�้ำมาให้เขา เขาสั่งกาแฟอเมริกัน เจือน�้ำให้จางหน่อย เขาสั่งก�ำชับ “ท้องไส้ ไม่คอ่ ยดี ทีจ่ ริงก็น่าจะเลิกบุหรี่ให้เด็ดขาด” เขา กล่าว มือพลิกหมุนซองบุหรี่บนโต๊ะ หน้าตาของเขาเหมือน คนเป็นโรคกระเพาะทีเ่ ล่าอาการท้องไส้ ให้ผอู้ นื่ ฟัง “ก็นนั่ ละ, เหมือนทีฉ่ นั บอก ฉันเองเป็นพวกจดจ�ำรายละเอียดทุกอย่าง ในอดีตได้ครบถ้วน บอกอะไรสักอย่าง, แปลกพิลึกเชียวละ เชื่อฉันเหอะ มีหลายเรื่องหลายอย่างที่ฉันอยากลืมให้สิ้น แต่ยิ่งพยายามลบไปจากหัวคิด ก็ยิ่งโผล่มากวนใจ คุณก็รู้ ใช่ไหม เหมือนในยามที่อยากจะข่มตาให้หลับ แต่ก็มีอัน ตาค้างทั้งคืน เรื่องพรรค์นั้น ฉันไม่เข้าใจ ฉันจดจ�ำเรื่องที่ เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

29


ไม่น่าจะรู้เสียด้วยซ�้ำ บางคราว ก็ท�ำให้ฉันเป็นกังวลนะ... การจดจ�ำเรื่องราวในอดีตได้ทั้งหมดน่ะ ถ้าเอาหัวไปจ�ำ เรื่องพวกนี้ ไว้แล้ว จะมีที่ว่างเหลือพอส�ำหรับเรื่องอื่นหรือ? ความจ�ำของฉันดีเกินไป ช่างน่าร�ำคาญใจเสียจริง” ผมวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะ ยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ “ทุกอย่างสดใสชัดเจน ลมฟ้าอากาศในวันนั้น อุณหภูมิ กลิน่ เหมือนวันนี้ บางคราวก็ทำ� ให้งนุ งง เหมือนกับว่า เฮ้ย, วันนี้ ฉันอยู่ที่ ไหน? อดสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องที่เกิดวันนี้เป็น เรื่องจริงหรือว่าความทรงจ�ำกันแน่ เคยรู้สึกแบบนั้นไหม?” ผมส่ายหน้าไปมาเชื่องช้า “ฉันจ�ำคุณได้แม่น เดินผ่านมาพอดี มองเห็นหน้าคุณ ผ่านกระจก จ�ำคุณได้ ในทันที ฉันกวนใจคุณหรือเปล่าที่ พรวดพราดเข้ามาทักทายแบบนี้?” “ไม่” ผมตอบ “ก็ยังต้องขอโทษอยู่ดี ผมจ�ำคุณไม่ได้” “ไม่มีอะไรต้องถือโทษ ฉันเป็นคนบุกเข้ามาหาคุณเอง เมื่อถึงเวลา คุณก็คงจ�ำได้เอง นั่นละ, กลไกการท�ำงาน ของความคิด แต่ละคนมีกลไกการท�ำงานของความทรงจ�ำ ไม่เหมือนกัน ความสามารถไม่เท่าเทียมกัน ทิศทางแตกต่าง กันด้วย บางคราว ความทรงจ�ำท�ำให้คนเราได้คิด บางครั้ง ความทรงจ�ำขัดขวาง ไม่ได้แปลว่าเลวหรือดีนะ อาจมี ความหมายเพียงแค่ว่าไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โตนัก” “ไม่ลองเริ่มที่ชื่อก่อนหรือ? ผมเองยังนึกไม่ออก และ การนึกชื่อไม่ออกอาจท�ำให้ผมเป็นบ้าเสียสติไปได้” ผม เสนอแนะ “นามนั้ น ส� ำ คั ญ ไฉน?” เขาตอบรั บ “หากนึ ก ชื่ อ ได้ 30

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


ก็ โอเค แต่ถ้านึกไม่ออก ก็ยังโอเคอยู่นะ ไม่ว่าจะมองใน ทางไหน ก็ ไม่ ใช่เรื่องใหญ่ โตอะไร เหมือนที่ฉันบอก แต่ ถ้าการจ�ำชือ่ ฉันไม่ได้ท�ำให้คุณหงุดหงิด แสร้งท�ำเป็นว่า เรา เพิง่ พบหน้ากันเป็นหนแรก โดยวิธนี นั้ ไม่มอี ะไรติดค้างคาใจ” กาแฟของเขามาถึง เขาจิบเชื่องช้า ผมมึนงงไม่รู้เหนือ รู้ ใต้ว่าเขาพยายามพูดถึงเรื่องใดกันแน่ “น�้ำไหลทะลักผ่านลอดใต้สะพานไปมากโข วลีนั้นอยู่ใน ต�ำรา ภาษาอังกฤษทีเ่ ราเรียนในชัน้ มัธยมปลาย จ�ำได้ ไหม?” มัธยมปลาย? ผมรู้จักไอ้หมอนี่ ในชั้นมัธยมปลายด้วย หรือ? “ฉันแน่ใจว่ากล่าวไว้เช่นนัน้ วันก่อนนะ ฉันยืนบนสะพาน ก้มลงมองน�้ำไหลเอื่อยลอดสะพาน วลีนี้ผุดผลัวะเข้ามาใน ความคิดเลยละ สดใสใหม่สด นั่นละ, แน่เลย เวลาผ่านไป ในท�ำนองนั้น” เขากอดอก เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เพ่งพินจิ ใบหน้าของผม หากเค้าหน้านั้นประสงค์จะสื่อความหมายเฉพาะเจาะจงใด ผมไม่อาจรับซับซาบได้ ยีนก่อก�ำเนิดความรู้สึกบนใบหน้า ของไอ้หมอนี่น่าจะสึกกร่อนไปหลายเกลียว “แต่งงานยัง?” ค�ำถามพรวดโพล่งออกมา ผมผงกหัวรับ “ลูก?” “ไม่มี” “ฉันมีลูกชาย” เขาบอก “อายุสี่ขวบ เข้าโรงเรียน ปฐมวัย” จบบทสนทนาว่าด้วยลูก เรานัง่ นิง่ ค้างเงียบงัน ผมเสียบ เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

31


บุหรี่เข้าปาก เขาจุดไฟให้ ความเอื้อเฟื้อเป็นธรรมชาติ ผม ไม่ โปรดนักกับการที่คนอื่นจุดบุหรี่หรือรินเครื่องดื่มให้ แต่ คราวนี้ผมไม่ได้ ใส่ ใจ แท้จริงแล้ว เวลาผ่านไปหลายนาที ก่อนผมจะรู้ตัวว่าเขาเป็นผู้จุดบุหรี่ให้ “คุณท�ำงานประเภทไหน?” “ธุรกิจ” ผมตอบ ปากอ้าค้าง ค�ำพูดก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างในวินาทีสอง วินาทีถัดมา “ธุรกิจ” “ช่าย, ไม่ใคร่เป็นชิ้นเป็นอันนัก” ผมกล่าวคลุมเครือ เขาพยักหน้า ปล่อยให้ยุติเพียงแค่นั้น ใช่ว่าผมไม่อยาก พูดถึงงานทีท่ ำ� ผมเพียงแค่ไม่รสู้ กึ อยากต่อความยาวยืด ผม เหนื่อย ผมไม่รู้จักชื่อเขาด้วยซ�้ำไป “นั่นท�ำให้ฉันประหลาดใจ คุณท�ำธุรกิจ มองยังไงก็ ไม่ เห็นว่าจะเป็นนักธุรกิจไปได้” ผมยิ้ม “เท่าที่เคยเห็น คุณชอบอ่านหนังสือ” เขากล่าวต่อ ฉงนฉงาย “ปัจจุบันก็ยังอ่านอยู่” ผมแค่นยิ้มออกมา “สารานุกรมล่ะ?” “สารานุกรม” “แหงอยู่แล้ว, คุณน่าจะมีสารานุกรมสักชุด” “ไม่มี” ผมสั่นหัว ท�ำความเข้าใจไม่ได้ “คุณไม่อ่านสารานุกรมดอกหรือ?” “ถ้ามีก็คงอ่าน” ผมตอบ แน่นอน, บ้านที่ผมอยู่ ไม่มี ที่ว่างพอจะวางสารานุกรมทั้งชุด 32

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


“แท้จริงแล้ว ฉันขายสารานุกรม” เขาบอก หวา, เซลส์ขายสารานุกรม ความอยากรู้อยากเห็น ครึง่ ซีกทีม่ อี ยูเ่ หือดหายไปโดยพลัน ผมจิบกาแฟอุน่ วางถ้วย ลงบนจานรองเบามือ “ที่จริง ไม่รังเกียจนะถ้าจะมีสักชุด” ผมตอบ “แต่ก็ โชคร้าย ไม่มีเงิน ไม่มีเงินเหลืออีกเลย เท่าที่ท�ำได้ตอนนี้ ก็เพิ่งผ่อนงวดเงินกู้ธนาคาร” “เดี๋ยว เดียว เดี๋ยว” เขาสั่นศีรษะไปมา “ฉันไม่ได้ พยายามจะขายสารานุกรมให้หรอกนะ ช่าย, ฉันอาจจะ ถังแตก แต่ก็ ไม่หนื่ ขนาดนัน้ กล่าวกันตามจริง ฉันไม่จำ� เป็น ต้องขายสารานุกรมให้คนญี่ปุ่นนะ นั่นเป็นส่วนหนึ่งของ ข้อตกลง” “ไม่จ�ำเป็นต้องขายให้คนญี่ปุ่น?” “ช่าย, ฉันเชี่ยวชาญตลาดคนจีน ฉันขายสารานุกรม ให้แต่กลุม่ คนจีนเท่านัน้ ฉันพลิกสมุดโทรศัพท์ ลากนิว้ หาชือ่ คนจีน จดบัญชีรายชือ่ ออกมา ออกไปเยีย่ มทีละราย ฉันไม่รู้ เหมือนกันว่าใครเป็นต้นคิดเรือ่ งพิลกึ แบบนี้ แต่กด็ เู หมือนว่า ได้ผลในเชิงการขายนะ ฉันไปกดกริง่ หน้าประตู กล่าวทักว่า หนีห่าว ยื่นนามบัตรให้ เพียงเท่านั้น ก็พูดคุยกันได้แล้ว” เสียงคลิกในหัวของผม หมอนี่เอง เด็กชายชาวจีนที่ผม รู้จักในชั้นมัธยมปลาย “แปลกสิน้ ดี ใครจะไปคาดเดาได้วา่ ฉันต้องมาเดินท่อมๆ ขายสารานุกรมให้คนจีน ไม่เข้าใจ” เสียงของเขาคล้าย แยกพรากห่างไกลจากเรื่องทั้งหมด “แน่นอน, ฉันยังจดจ�ำ ฉากเล็กฉากน้อยทุกเรือ่ งทีน่ ำ� มาสูเ่ รือ่ งนี้ แต่ภาพรวม ผลลัพธ์ เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

33


ท้ายสุดที่ประมวลรวมกันจนมาถึงทิศทางนี้ ท�ำความเข้าใจ ไม่ได้ อยู่มาวันหนึ่ง ฉันเงยหน้าขึ้น ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว” หมอนี่กับผมไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน อย่างที่คาดไว้ ไม่ได้ คบหากันถึงขั้นเป็นเพื่อนสนิท เท่าที่วาดภาพได้ ไม่เฉียด ไม่ ใกล้การเป็นเซลส์ขายสารานุกรม เขามีชาติตระกูลดี เรียนเก่งกว่าผม สาวๆ รุมตอม “เรื่องเชี่ยเกิดขึ้นได้ ว่าไหม? เรื่องโง่เง่ายาวเหยียด อัปลักษณ์ ไม่มีเรื่องใดอิ่มใจพอจะเล่าสู่กันฟังได้” เขากล่าว ค�ำเปรยที่ดูเหมือนว่าไม่ต้องการค�ำตอบรับ ผมปล่อยให้ เรื่องยุติเพียงนั้น “ไม่ ใ ช่ ก ารกระท� ำ ของฉั น ฝ่ า ยเดี ย ว” เขาสานต่ อ “เรื่องแล้วเรื่องเล่า เกิดทับซ้อนกันเป็นชั้น แต่เมื่อถึง บั้นปลาย โทษใครไม่ได้นอกจากตัวฉันเอง” ผมย้อนนึกไปถึงยุคที่เรียนอยู่มัธยมปลาย ภาพที่คิด ได้เลอะเลือน ผมจ�ำได้ว่าไปนั่งรอบโต๊ะในบ้านใครสักคน ดื่มเบียร์ พูดคุยกันเรื่องดนตรี น่าจะเป็นช่วงฤดูร้อนตอน บ่าย แต่ก็ดูคล้ายความฝัน “สงสัยอยู่เหมือนกันว่าอะไรกันนะที่ท�ำให้ฉันอยากมา ทักทาย?” เขาถาม มือหมุนไลเตอร์บนโต๊ะ “เดาเอาว่า น่าจะก่อความร�ำคาญ ต้องขอโทษด้วย” “ไม่ร�ำคาญ” ผมตอบ กล่าวโดยสัตย์จริง ไม่มีความ ร�ำคาญ เรานิ่งเงียบกันนาทีเต็มๆ ไม่มีเรื่องราวใดที่เราจะยกมา คุยกันได้ เขากระดกดื่มกาแฟ “ก็คงต้องลาจากแล้วละ” เขากล่าว เก็บบุหรีก่ บั ไลเตอร์ 34

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


เข้ากระเป๋า ดันเก้าอี้ ให้เลื่อนถอยหลังเล็กน้อย “ไม่อาจใช้ เวลาทัง้ วันพูดคุยเล่นสนุกได้ จริงไหม? ในเมือ่ มีสนิ ค้าทีต่ อ้ ง ขายให้ ได้” “มีแผ่นพับหรือเปล่า?” ผมถาม “แผ่นพับ?” “สรุปเนื้อหาสารานุกรม” “โอ, เรื่องนั้น” เสียงของเขางึมง�ำ “ไม่ได้เอาติดมือมา ด้วย อยากอ่านจริงน่ะ” “แน่นอน อยากรู้เหมือนกัน” “จะส่งไปให้ ขอที่อยู่ด้วย” ผมดึงหน้ากระดาษออกจากสมุดนัดหมาย เขียนชือ่ ทีอ่ ยู่ ยื่นส่งให้เขา เขารับไปพับสี่ สอดเก็บไว้ ในซองนามบัตร “สารานุกรมชั้นดี, รู้ ไหม? ไม่ได้ โฆษณาเพราะฉันเป็น คนขายนะ ของจริง จัดท�ำประณีตงดงาม ภาพสีละลานตา ค้นหาข้อมูลได้ด่วนทันใจ บางคราว ฉันยังพลิกอ่านเลย อ่านไม่รู้เบื่อ” “สักวัน ถ้าอู้ฟู่ร�่ำรวยพอ จะซื้อเก็บไว้สักชุด” “เข้าท่า” รอยยิม้ โปสเตอร์หาเสียงหวนคืนใบหน้าอีกครัง้ “แต่ถึงตอนนั้น ฉันอาจจะยุติงานขายสารานุกรมไปแล้ว ก็เป็นได้ ครอบครัวคนจีนก็มีเพียงเท่านี้ ฉันหมายความว่า ฉันอาจจะเลื่อนชั้นขึ้นไปขายประกันชีวิตให้คนจีน หรือไม่ก็ เป็นแปลงที่ดินสุสาน ต่างกันที่ตรงไหน?” ผมอยากจะออกความเห็นอะไรสักอย่าง ผมอาจไม่ได้ พบหมอนี่อีกแล้วในชาตินี้ อยากจะบอกเขาเรื่องราวของ คนจีน แต่จะบอกอะไรได้? ไม่มีความคิดใดผุดเข้ามาในหัว เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

35


ดังนั้น เราแยกจากกันด้วยค�ำอ�ำลาของสังคม แม้ถงึ ตอนนีแ้ ล้ว ผมก็ยงั คิดไม่ออกว่าจะบอกเรือ่ งราวใด

5 สมมติว่า ผมหวนกลับไปไล่ลูกโด่งกลางอากาศอีกลูก วิ่งเข้าชนเสาบาสเกตบอลเต็มรัก สมมติว่าผมฟื้นคืนสติ อี ก ครั้ ง นอนใต้ ร ่ ม ไม้ มี ถุ ง มื อ เบสบอลรองแทนหมอน วาทะเด็ดที่ประมวลได้จากการผ่านชีวิตมาสามสิบปีเศษจะ เป็นวลี ใด? อาจเป็นวลีนี้ก็เป็นได้...ไม่ใช่ที่ส�ำหรับฉันอยู่แล้ว ความคิดนี้ผุดขึ้นระหว่างที่ผมนั่งรถไฟสายยามะโนะเทะ ผมยืนอยู่ข้างประตู ถือตั๋วไว้มั่นจะได้ ไม่หาย มองออกไป นอกหน้าต่าง มองอาคารไหลเลื่อนเคลื่อนผ่าน มหานคร ของเรา ถนนพาดตัดกันละลานตา ผมไม่รเู้ หมือนกันว่าอะไร ท�ำให้ผมเศร้าซึม ความหดหู่ที่ทะลักมาครอบหัวผู้อยู่อาศัย ในมหานคร? สม�ำ่ เสมอเหมือนวันถึงก�ำหนดช�ำระหนี้ ขุน่ มัว เหมือนวุ้นทางจิต หน้าร้านอาคารสกปรก ฝูงชนไร้ ใบหน้า เสียงเซ็งแซ่ที่ ไม่เคยซาจาง รถไฟช่วงชัว่ โมงเร่งด่วน ท้องฟ้า สีเทา และป้ายโฆษณาทุกตารางเซนติเมตรที่ยังว่างอยู่ ความหวังฝันหวานกับการค้อมยอมรับความพ่ายแพ้ ความ ขุ่นเคืองกับความตื่นเต้น ทุกหนทุกแห่ง ทางเลือกไม่จ�ำกัด โอกาสเป็นไปได้ ไร้เพดาน การแพร่ไปไกลถึงนิรันดร์ แต่ ขณะเดียวกัน ก็เป็นเพียงศูนย์ เราหอบกวาดทุกอย่างเต็ม 36

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


กอบมือ สิ่งที่เราคว้าไขว่มาครองได้เป็นแต่เพียงเลขศูนย์ เต็มฟายมือ นี่คือ มหานคร นี่คือสิ่งที่ผมจ�ำได้จากค�ำกล่าว ของสาวจีนผู้นั้น ที่นี่ ไม่ใช่ที่ที่ฉันควรอยู่ ผมมองโตเกียว ผมคิดถึงเมืองจีน นั่นเป็นวิถีที่ผมพบพานคนจีน ผมอ่านเรื่องราวของ เมืองจีนหลายเล่ม ตัง้ แต่ประวัตคิ วามเป็นมา เรือ่ ยมาจนถึง ดาวแดงเหนือจีน ผมอยากค้นรายละเอียดเรื่องเมืองจีน ให้มากที่สุด แต่เมืองจีนในที่ที่เป็นเมืองจีนของผม ไม่ ใช่ เมืองจีนทีผ่ มจะหาอ่านได้ เมืองจีนของผมส่งเสียงเพรียกร้อง มาหาผม ไม่ใช่ผนื แผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลบนลูกโลก นัน่ เป็น อีกเมืองจีนหนึง่ อีกสมมติฐานหนึง่ อีกข้อสมมติหนึง่ กล่าว ในแง่หนึ่ง ส่วนหนึ่งของเนื้อตัวของผมถูกตัดให้หายขาดไป ด้วยค�ำว่า จีน ผมตระเวนผ่านเมืองจีนโดยไม่ต้องนั่งเครื่องบิน การ เดินทางของผมด�ำเนินไปในรถใต้ดนิ ของโตเกียว บนเบาะหลัง ของรถแท็กซี่ การผจญภัยของผมพาผมไปยังห้องรอตรวจ ของหมอฟัน ไปยังช่องฝากถอนเงินในธนาคาร ผมเดินทาง ไปที่ ไหนๆ ก็ ได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่ ไหน โตเกียว ในสักวันหนึ่ง ในระหว่างที่ผมนั่งรถไฟสาย ยามะโนะเทะ อาจถึงจุดจบสิ้น ในชั่วพริบตา อาคารจะ ทลายพังราบ ผมจะยืนถือตัว๋ ไว้ ในมือ เหม่อจ้องมองภาพนัน้ เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ในท้องถนนของโตเกียว เมืองจีนของ ผมจะล่มสลายตามไปด้วย เหมือนเถ้าถ่าน ชะกวาดสรรพสิง่ เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน

37


ทีแ่ ตะสัมผัส เชือ่ งช้า ทีละน้อย จนไม่เหลือสิง่ ใดอีกต่อไปแล้ว ไม่, ที่นี่ ไม่เหมาะส�ำหรับผม และนี่เองเป็นวิถีที่เราท�ำให้ ค�ำพูดทีห่ ลุดจากปากขาดหายไป ความฝันกลายเป็นหมอกไอ นี่เป็นวิถีที่พวกเราเหล่าคนเจริญพันธุ์เป็นทุกข์ร้อนใจว่าจะ ด�ำเนินไปชั่วกาลนาน พลันระเหิดเหือดหายไปได้ การวินจิ ฉัยพลาดผิด จิตแพทย์อาจกล่าวเช่นนัน้ เช่นเดียว กับค�ำกล่าวของสาวจีนขี้อายผู้นั้น อาจเป็นได้ ในท้ายที่สุด ความหวังความฝันของเราอาจผิดทิศหลงทาง แต่ฉนั เป็นใคร? คุณเป็นใคร? เรามิใช่พวกวินิจฉัยพลาดผิดดอกหรือ? หาก เป็นเช่นนั้น เรายังมีทางรอด จะค้นพบทางออกได้หรือ? แม้จะเป็นเช่นนั้นจริง ผมยังน�ำเอาความภาคภูมิของ ผู ้ เ ล่ น เอาต์ ฟ ี ล ด์ บ รรจุ ล งในหี บ เดิ น ทาง ผมนั่ ง อยู ่ บ น ขั้นบันไดหินข้างอ่าว รอคอยเรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน เรือ จะทาบขอบฟ้าว่างเปล่าในไม่ช้านี้แล้ว ผมคิดถึงเมืองจีน หลังคามันเลื่อมแวววาว ทุ่งนาเขียวขจีกว้างใหญ่ไพศาล เถอะ, ปล่อยให้ความสูญเสีย การท�ำลายล้างพัดผ่าน มาทางผม ไม่กระเทือนผิว ผมไม่ขลาดกลัว ไม่มากไป กว่าความกลัวของผู้ตีปิดท้ายที่มีต่อลูกเร็ว ไม่มากไปกว่า นักปฏิวัติหวาดหวั่นต่อปลอกเหล็กบีบคอ ขอเพียง ขอ เพียง... โอ, เพื่อนยาก เพื่อนรัก เมืองจีนอยู่ห่างไกลแสนไกล

38

เรือเชื่องช้าสู่เมืองจีน


เรื่องเล่า ‘ป้ายากจน’ นพดล เวชสวัสดิ์ แปล

1 เริ่มต้นก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างในบ่ายวันอาทิตย์สวยสดงดงาม ในเดือนกรกฎาคม บ่ายวันอาทิตย์แรกสุดของเดือนกรกฎาคม เมฆขาวนวลเล็กจิ๋วสองก้อนสามก้อนลอยฟ่องที่มุมขอบฟ้า ไกลโพ้น เหมือนเครื่องหมายวรรคตอนสลักเสลาอย่างดี บรรจงวางประดับพิถพี ถิ นั ใส่ใจยิง่ แสงอาทิตย์ไร้สงิ่ ใดบดบัง สาดแสงประดามีเทลงยังพืน้ โลกเบือ้ งล่าง ในมหาอาณาจักร เดือนกรกฎาคม แม้แต่ฟอยล์หอ่ ช็อกโกเลตขย�ำยูย่ กี่ อ้ นกลม ทิ้งขว้างบนสนามหญ้า ยังทอประกายวิบวับเหมือนผลึก แสนสวยจมอยู่ที่พื้นท้องน�้ำของทะเลสาบในนิทานปรัมปรา ถ้าเพ่งจ้องไปนานหน่อย ก็พอจะบอกได้ว่าเนื้อสารของ ล� ำ แสงอาทิ ต ย์ โอบซ่อนแสงอีกประเภทหนึ่งไว้ เหมื อ น กล่องกล เปิดกล่องซ้อนกล่อง แสงในแสงระยิบระยับคล้าย ละอองเรณูนับไม่ถ้วน ละอองอ่อนนุ่มด�ำสนิท แขวนลอย อ้อยอิ่งกลางฟ้า แน่นิ่งแทบไม่ไหวติง ก่อนจะโรยตัวลงมา อาบพื้นผิวโลก เส้นทางกลับบ้านหลังการเดินเล่นวันอาทิตย์ ผมหยุดที่ เรื่องเล่า ‘ป้ายากจน’

39


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.